• Amazon เปิดตัว Leo Ultra: ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตแรงสุด 1Gbps

    Amazon ประกาศเปิดตัว Leo Ultra ซึ่งเป็นเทอร์มินัลดาวเทียมอินเทอร์เน็ตระดับองค์กรที่สามารถให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps โดยอุปกรณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Amazon Leo (ชื่อใหม่ของ Project Kuiper) ที่ตั้งเป้าให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมทั่วโลกภายในปี 2026

    คุณสมบัติและการออกแบบ
    Leo Ultra มีขนาดประมาณ 20x30 นิ้ว หนา 1.9 นิ้ว ออกแบบให้ติดตั้งกลางแจ้งบนเสา โดยใช้เทคโนโลยี full-duplex phased-array ที่สามารถรับ–ส่งข้อมูลพร้อมกันได้ ตัวเครื่องยังมีระบบระบายความร้อนในตัวและทนต่อสภาพอากาศ ทำให้เหมาะกับการใช้งานในองค์กรที่ต้องการความเสถียรสูง

    การแข่งขันกับ Starlink และตลาดโลก
    Amazon ได้ปล่อยดาวเทียมกว่า 150 ดวงแล้ว และตั้งเป้าจะปล่อยหลายพันดวงเพื่อครอบคลุมทั่วโลก Leo Ultra ถูกวางตัวเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink ของ SpaceX แต่เน้นตลาดองค์กรและการเชื่อมต่อกับ AWS Cloud โดยตรง (Direct-to-AWS) ซึ่งช่วยให้ข้อมูลจากดาวเทียมเข้าสู่ระบบคลาวด์ได้ทันทีโดยไม่ผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ

    ความหมายต่ออนาคตการเชื่อมต่อ
    การเปิดตัว Leo Ultra แสดงให้เห็นว่า Amazon ต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่ผสานกับบริการคลาวด์ของตนเอง ซึ่งอาจเปลี่ยนวิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในองค์กรและศูนย์ข้อมูลทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ราคาของบริการและอุปกรณ์ยังไม่ถูกเปิดเผย ทำให้ตลาดยังคงจับตาดูว่า Amazon จะสามารถแข่งขันกับ Starlink ได้จริงหรือไม่

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว Leo Ultra
    ความเร็วดาวน์โหลด 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps

    คุณสมบัติหลัก
    ใช้ full-duplex phased-array, ทนสภาพอากาศ, ติดตั้งกลางแจ้ง

    การแข่งขันในตลาด
    แข่งกับ Starlink โดยเน้นตลาดองค์กรและเชื่อมต่อ AWS Cloud

    แผนการปล่อยดาวเทียม
    ปล่อยแล้วกว่า 150 ดวง ตั้งเป้าหลายพันดวงเพื่อครอบคลุมทั่วโลก

    คำเตือนจากนักวิเคราะห์
    ราคายังไม่ถูกเปิดเผย อาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง

    ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน
    ต้องเผชิญกับ Starlink ที่ครองตลาดผู้ใช้ทั่วไปอยู่แล้ว

    https://www.tomshardware.com/networking/amazon-leo-ultra-enterprise-grade-terminal-targets-up-to-1gbps-satellite-internet
    🛰️ Amazon เปิดตัว Leo Ultra: ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตแรงสุด 1Gbps Amazon ประกาศเปิดตัว Leo Ultra ซึ่งเป็นเทอร์มินัลดาวเทียมอินเทอร์เน็ตระดับองค์กรที่สามารถให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps โดยอุปกรณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Amazon Leo (ชื่อใหม่ของ Project Kuiper) ที่ตั้งเป้าให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมทั่วโลกภายในปี 2026 ⚙️ คุณสมบัติและการออกแบบ Leo Ultra มีขนาดประมาณ 20x30 นิ้ว หนา 1.9 นิ้ว ออกแบบให้ติดตั้งกลางแจ้งบนเสา โดยใช้เทคโนโลยี full-duplex phased-array ที่สามารถรับ–ส่งข้อมูลพร้อมกันได้ ตัวเครื่องยังมีระบบระบายความร้อนในตัวและทนต่อสภาพอากาศ ทำให้เหมาะกับการใช้งานในองค์กรที่ต้องการความเสถียรสูง 🌍 การแข่งขันกับ Starlink และตลาดโลก Amazon ได้ปล่อยดาวเทียมกว่า 150 ดวงแล้ว และตั้งเป้าจะปล่อยหลายพันดวงเพื่อครอบคลุมทั่วโลก Leo Ultra ถูกวางตัวเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink ของ SpaceX แต่เน้นตลาดองค์กรและการเชื่อมต่อกับ AWS Cloud โดยตรง (Direct-to-AWS) ซึ่งช่วยให้ข้อมูลจากดาวเทียมเข้าสู่ระบบคลาวด์ได้ทันทีโดยไม่ผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ 🛡️ ความหมายต่ออนาคตการเชื่อมต่อ การเปิดตัว Leo Ultra แสดงให้เห็นว่า Amazon ต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่ผสานกับบริการคลาวด์ของตนเอง ซึ่งอาจเปลี่ยนวิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในองค์กรและศูนย์ข้อมูลทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ราคาของบริการและอุปกรณ์ยังไม่ถูกเปิดเผย ทำให้ตลาดยังคงจับตาดูว่า Amazon จะสามารถแข่งขันกับ Starlink ได้จริงหรือไม่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว Leo Ultra ➡️ ความเร็วดาวน์โหลด 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ✅ คุณสมบัติหลัก ➡️ ใช้ full-duplex phased-array, ทนสภาพอากาศ, ติดตั้งกลางแจ้ง ✅ การแข่งขันในตลาด ➡️ แข่งกับ Starlink โดยเน้นตลาดองค์กรและเชื่อมต่อ AWS Cloud ✅ แผนการปล่อยดาวเทียม ➡️ ปล่อยแล้วกว่า 150 ดวง ตั้งเป้าหลายพันดวงเพื่อครอบคลุมทั่วโลก ‼️ คำเตือนจากนักวิเคราะห์ ⛔ ราคายังไม่ถูกเปิดเผย อาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง ‼️ ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน ⛔ ต้องเผชิญกับ Starlink ที่ครองตลาดผู้ใช้ทั่วไปอยู่แล้ว https://www.tomshardware.com/networking/amazon-leo-ultra-enterprise-grade-terminal-targets-up-to-1gbps-satellite-internet
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Amazon unveils Starlink rival capable of up to 1 Gbps satellite internet — Leo Ultra is an enterprise-grade terminal with 400 Mbps upload speeds
    Amazon’s rebranded satellite internet service launches the Leo Ultra phased‑array antenna and begins enterprise preview ahead of 2026 rollout.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาวุธใหม่ DragonFire ยิงโดรนความเร็วสูงตกได้

    กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร (MoD) ประกาศว่าเลเซอร์พลังสูง DragonFire สามารถยิงโดรนความเร็วสูงตกได้สำเร็จในการทดสอบที่ Hebrides Range ประเทศสกอตแลนด์ โดยมีค่าใช้จ่ายต่อการยิงเพียงประมาณ 13 ดอลลาร์ และเตรียมติดตั้งบนเรือพิฆาต Type 45 ตั้งแต่ปี 2027

    DragonFire เป็นระบบเลเซอร์พลังสูงที่พัฒนาโดยความร่วมมือของ MBDA UK, QinetiQ และ Leonardo ล่าสุด MoD ยืนยันว่าเลเซอร์นี้สามารถยิงโดรนที่บินด้วยความเร็วสูงถึง 650 กม./ชม. ตกได้สำเร็จ ถือเป็นครั้งแรกที่สหราชอาณาจักรทำการสกัดกั้นโดรนเหนือเส้นขอบฟ้าได้สำเร็จ

    การติดตั้งบนเรือพิฆาต Type 45
    สหราชอาณาจักรได้ลงนามสัญญามูลค่า 316 ล้านปอนด์กับ MBDA UK เพื่อเร่งการติดตั้ง DragonFire บนเรือพิฆาต Type 45 ภายในปี 2027 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมถึง 5 ปี การติดตั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพกองทัพเรือในการป้องกันภัยคุกคามทางอากาศที่มีความเร็วสูงและซับซ้อนมากขึ้น

    ค่าใช้จ่ายต่อการยิงต่ำมาก
    หนึ่งในจุดเด่นของ DragonFire คือค่าใช้จ่ายต่อการยิงเพียง 10 ปอนด์ (~13 ดอลลาร์) ซึ่งถูกกว่าการใช้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานที่มีราคาหลายแสนดอลลาร์ต่อครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถเล็งเป้าได้แม่นยำถึงระดับเหรียญ 1 ปอนด์จากระยะ 1 กิโลเมตร

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    DragonFire ถูกมองว่าเป็น “hard-kill solution” ที่จะเปลี่ยนแนวทางการป้องกันภัยทางอากาศของ NATO และพันธมิตร ด้วยต้นทุนต่ำและความแม่นยำสูง หากการทดสอบบนเรือในปี 2027 ประสบความสำเร็จ อาจมีการติดตั้งเพิ่มเติมในเรือรบหลายลำของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร

    สรุปสาระสำคัญ
    การทดสอบ DragonFire
    ยิงโดรนความเร็วสูง 650 กม./ชม. ตกได้สำเร็จ
    ถือเป็นครั้งแรกที่สกัดกั้นเหนือเส้นขอบฟ้า

    การติดตั้งบนเรือพิฆาต Type 45
    สัญญามูลค่า 316 ล้านปอนด์กับ MBDA UK
    ติดตั้งภายในปี 2027 เร็วกว่ากำหนดเดิม 5 ปี

    ค่าใช้จ่ายต่อการยิง
    เพียง 10 ปอนด์ (~13 ดอลลาร์) ต่อครั้ง
    แม่นยำถึงระดับเหรียญ 1 ปอนด์จากระยะ 1 กม.

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    เป็น hard-kill solution ที่ต้นทุนต่ำและแม่นยำสูง
    อาจขยายการติดตั้งในเรือรบหลายลำหากทดสอบสำเร็จ

    คำเตือนด้านข้อมูล
    ระบบเลเซอร์ต้องพึ่งพากำลังไฟฟ้าสูงและอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ
    ข้อมูลเกี่ยวกับระยะยิงสูงสุดและกำลังเลเซอร์ยังไม่ถูกเปิดเผย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-dragonfire-laser-downs-high-speed-drones
    🔫 อาวุธใหม่ DragonFire ยิงโดรนความเร็วสูงตกได้ กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร (MoD) ประกาศว่าเลเซอร์พลังสูง DragonFire สามารถยิงโดรนความเร็วสูงตกได้สำเร็จในการทดสอบที่ Hebrides Range ประเทศสกอตแลนด์ โดยมีค่าใช้จ่ายต่อการยิงเพียงประมาณ 13 ดอลลาร์ และเตรียมติดตั้งบนเรือพิฆาต Type 45 ตั้งแต่ปี 2027 DragonFire เป็นระบบเลเซอร์พลังสูงที่พัฒนาโดยความร่วมมือของ MBDA UK, QinetiQ และ Leonardo ล่าสุด MoD ยืนยันว่าเลเซอร์นี้สามารถยิงโดรนที่บินด้วยความเร็วสูงถึง 650 กม./ชม. ตกได้สำเร็จ ถือเป็นครั้งแรกที่สหราชอาณาจักรทำการสกัดกั้นโดรนเหนือเส้นขอบฟ้าได้สำเร็จ ⚓ การติดตั้งบนเรือพิฆาต Type 45 สหราชอาณาจักรได้ลงนามสัญญามูลค่า 316 ล้านปอนด์กับ MBDA UK เพื่อเร่งการติดตั้ง DragonFire บนเรือพิฆาต Type 45 ภายในปี 2027 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมถึง 5 ปี การติดตั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพกองทัพเรือในการป้องกันภัยคุกคามทางอากาศที่มีความเร็วสูงและซับซ้อนมากขึ้น 💰 ค่าใช้จ่ายต่อการยิงต่ำมาก หนึ่งในจุดเด่นของ DragonFire คือค่าใช้จ่ายต่อการยิงเพียง 10 ปอนด์ (~13 ดอลลาร์) ซึ่งถูกกว่าการใช้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานที่มีราคาหลายแสนดอลลาร์ต่อครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถเล็งเป้าได้แม่นยำถึงระดับเหรียญ 1 ปอนด์จากระยะ 1 กิโลเมตร 🌍 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ DragonFire ถูกมองว่าเป็น “hard-kill solution” ที่จะเปลี่ยนแนวทางการป้องกันภัยทางอากาศของ NATO และพันธมิตร ด้วยต้นทุนต่ำและความแม่นยำสูง หากการทดสอบบนเรือในปี 2027 ประสบความสำเร็จ อาจมีการติดตั้งเพิ่มเติมในเรือรบหลายลำของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การทดสอบ DragonFire ➡️ ยิงโดรนความเร็วสูง 650 กม./ชม. ตกได้สำเร็จ ➡️ ถือเป็นครั้งแรกที่สกัดกั้นเหนือเส้นขอบฟ้า ✅ การติดตั้งบนเรือพิฆาต Type 45 ➡️ สัญญามูลค่า 316 ล้านปอนด์กับ MBDA UK ➡️ ติดตั้งภายในปี 2027 เร็วกว่ากำหนดเดิม 5 ปี ✅ ค่าใช้จ่ายต่อการยิง ➡️ เพียง 10 ปอนด์ (~13 ดอลลาร์) ต่อครั้ง ➡️ แม่นยำถึงระดับเหรียญ 1 ปอนด์จากระยะ 1 กม. ✅ ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ เป็น hard-kill solution ที่ต้นทุนต่ำและแม่นยำสูง ➡️ อาจขยายการติดตั้งในเรือรบหลายลำหากทดสอบสำเร็จ ‼️ คำเตือนด้านข้อมูล ⛔ ระบบเลเซอร์ต้องพึ่งพากำลังไฟฟ้าสูงและอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ ⛔ ข้อมูลเกี่ยวกับระยะยิงสูงสุดและกำลังเลเซอร์ยังไม่ถูกเปิดเผย https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-dragonfire-laser-downs-high-speed-drones
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    DragonFire laser shoots down high‑speed drones traveling at 400mph, costs $13 per shot — UK Navy to begin deploying system on destroyers
    Ministry of Defence confirms the laser achieved live kills at its Hebrides range and will be fitted on a Type 45 destroyer from 2027.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13 อุปกรณ์ Smart Home ที่ควรมีในบ้าน

    บทความจาก SlashGear รวบรวมอุปกรณ์ Smart Home ที่ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจาก Ring Wired Doorbell Pro ที่มาพร้อมกล้อง 4K และ AI ช่วยปรับภาพให้คมชัด พร้อมฟีเจอร์ให้ Alexa ตอบประตูแทนคุณได้ ไปจนถึง Wyze Smart Plug ที่ช่วยเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้ควบคุมผ่านมือถือได้ง่าย ๆ

    อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Lockly Visage Smart Door Lock ที่ใช้การปลดล็อกด้วยใบหน้า/ลายนิ้วมือ และสามารถเชื่อมต่อกับ Apple HomeKit ได้ รวมถึง Netvue Bird Feeder ที่มี AI ระบุชนิดนกกว่า 6,000 สายพันธุ์ พร้อมกล้อง 1080p และโหมดกลางคืนสี

    อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและบรรยากาศ
    สำหรับคนรักต้นไม้ มี Daotaili Smart Plant Waterer ที่สามารถรดน้ำต้นไม้ได้อัตโนมัติสูงสุด 20 กระถาง ส่วน Amazon Basics Smart Lights ก็ช่วยให้คุณควบคุมไฟทั้งบ้านผ่านมือถือหรือเสียงได้ง่ายขึ้น ขณะที่ Echo Dot Smart Speaker ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ และเล่นเพลงหรือข่าวสาร

    ด้านการควบคุมอุณหภูมิ Google Nest Smart Thermostat รุ่นที่ 4 สามารถเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้และปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ พร้อมดีไซน์หรูหรา ขณะที่ Sonoff Smart Buttons และ ThirdReality Motion Sensors ช่วยสร้าง routine อัตโนมัติ เช่น ปิดไฟ/ล็อกประตูเมื่อเข้านอน หรือเปิดไฟเมื่อมีคนเดินผ่าน

    อุปกรณ์เสริมเพื่อความสบายและประหยัดพลังงาน
    บทความยังแนะนำ Mansnix Smart Blinds ที่ควบคุมด้วยเสียงหรือรีโมต และช่วยกันแสงแดด/ควบคุมอุณหภูมิห้อง รวมถึง Dreo Smart Ceiling Fan ที่ปรับความเร็วลมได้หลายระดับและมีไฟในตัว สุดท้ายคือ Trjzwa Smart Sprinklers ที่ตั้งเวลารดน้ำอัตโนมัติและปรับตามสภาพอากาศได้ ช่วยประหยัดน้ำและดูแลสวนได้ง่ายขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
    Ring Wired Doorbell Pro (กล้อง 4K + AI)
    Lockly Visage Smart Door Lock (Face/Fingerprint Unlock)
    ThirdReality Motion Sensors

    อุปกรณ์เพื่อความสะดวก
    Wyze Smart Plug (ควบคุมอุปกรณ์เดิมผ่านมือถือ)
    Echo Dot Smart Speaker (ควบคุมด้วยเสียง + เล่นเพลง)
    Sonoff Smart Buttons (สร้าง routine อัตโนมัติ)

    อุปกรณ์เพื่อการจัดการบ้าน
    Daotaili Smart Plant Waterer (รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ)
    Netvue Bird Feeder (AI ระบุนก + กล้อง 1080p)
    Amazon Basics Smart Lights (ควบคุมไฟทั้งบ้าน)

    อุปกรณ์เพื่อความสบายและประหยัดพลังงาน
    Google Nest Smart Thermostat (เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้)
    Mansnix Smart Blinds (กันแสงแดด + ควบคุมอุณหภูมิ)
    Dreo Smart Ceiling Fan (ปรับความเร็วลม + ไฟในตัว)
    Trjzwa Smart Sprinklers (ตั้งเวลารดน้ำ + ปรับตามฝน)

    https://www.slashgear.com/2027157/best-smart-home-devices-amazon/
    🏠 13 อุปกรณ์ Smart Home ที่ควรมีในบ้าน บทความจาก SlashGear รวบรวมอุปกรณ์ Smart Home ที่ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจาก Ring Wired Doorbell Pro ที่มาพร้อมกล้อง 4K และ AI ช่วยปรับภาพให้คมชัด พร้อมฟีเจอร์ให้ Alexa ตอบประตูแทนคุณได้ ไปจนถึง Wyze Smart Plug ที่ช่วยเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้ควบคุมผ่านมือถือได้ง่าย ๆ อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Lockly Visage Smart Door Lock ที่ใช้การปลดล็อกด้วยใบหน้า/ลายนิ้วมือ และสามารถเชื่อมต่อกับ Apple HomeKit ได้ รวมถึง Netvue Bird Feeder ที่มี AI ระบุชนิดนกกว่า 6,000 สายพันธุ์ พร้อมกล้อง 1080p และโหมดกลางคืนสี 💡 อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและบรรยากาศ สำหรับคนรักต้นไม้ มี Daotaili Smart Plant Waterer ที่สามารถรดน้ำต้นไม้ได้อัตโนมัติสูงสุด 20 กระถาง ส่วน Amazon Basics Smart Lights ก็ช่วยให้คุณควบคุมไฟทั้งบ้านผ่านมือถือหรือเสียงได้ง่ายขึ้น ขณะที่ Echo Dot Smart Speaker ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ และเล่นเพลงหรือข่าวสาร ด้านการควบคุมอุณหภูมิ Google Nest Smart Thermostat รุ่นที่ 4 สามารถเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้และปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ พร้อมดีไซน์หรูหรา ขณะที่ Sonoff Smart Buttons และ ThirdReality Motion Sensors ช่วยสร้าง routine อัตโนมัติ เช่น ปิดไฟ/ล็อกประตูเมื่อเข้านอน หรือเปิดไฟเมื่อมีคนเดินผ่าน 🌿 อุปกรณ์เสริมเพื่อความสบายและประหยัดพลังงาน บทความยังแนะนำ Mansnix Smart Blinds ที่ควบคุมด้วยเสียงหรือรีโมต และช่วยกันแสงแดด/ควบคุมอุณหภูมิห้อง รวมถึง Dreo Smart Ceiling Fan ที่ปรับความเร็วลมได้หลายระดับและมีไฟในตัว สุดท้ายคือ Trjzwa Smart Sprinklers ที่ตั้งเวลารดน้ำอัตโนมัติและปรับตามสภาพอากาศได้ ช่วยประหยัดน้ำและดูแลสวนได้ง่ายขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ➡️ Ring Wired Doorbell Pro (กล้อง 4K + AI) ➡️ Lockly Visage Smart Door Lock (Face/Fingerprint Unlock) ➡️ ThirdReality Motion Sensors ✅ อุปกรณ์เพื่อความสะดวก ➡️ Wyze Smart Plug (ควบคุมอุปกรณ์เดิมผ่านมือถือ) ➡️ Echo Dot Smart Speaker (ควบคุมด้วยเสียง + เล่นเพลง) ➡️ Sonoff Smart Buttons (สร้าง routine อัตโนมัติ) ✅ อุปกรณ์เพื่อการจัดการบ้าน ➡️ Daotaili Smart Plant Waterer (รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ) ➡️ Netvue Bird Feeder (AI ระบุนก + กล้อง 1080p) ➡️ Amazon Basics Smart Lights (ควบคุมไฟทั้งบ้าน) ✅ อุปกรณ์เพื่อความสบายและประหยัดพลังงาน ➡️ Google Nest Smart Thermostat (เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้) ➡️ Mansnix Smart Blinds (กันแสงแดด + ควบคุมอุณหภูมิ) ➡️ Dreo Smart Ceiling Fan (ปรับความเร็วลม + ไฟในตัว) ➡️ Trjzwa Smart Sprinklers (ตั้งเวลารดน้ำ + ปรับตามฝน) https://www.slashgear.com/2027157/best-smart-home-devices-amazon/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    13 Of The Best Smart Home Devices You Can Find On Amazon - SlashGear
    A grounded take on home automation that cuts through the hype and highlights gear that genuinely improves comfort, security, and routine.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดตัว Nano Banana Pro: ก้าวใหม่ของการสร้างภาพด้วย AI

    Google DeepMind ได้เปิดตัว Nano Banana Pro ซึ่งเป็นโมเดลสร้างและแก้ไขภาพรุ่นล่าสุดที่ใช้ Gemini 3 Pro เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการสร้างภาพที่มีรายละเอียดสูง ความสามารถในการใส่ข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา และการเชื่อมโยงกับข้อมูลจริง เช่น สภาพอากาศหรือสูตรอาหาร เพื่อสร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระครบถ้วนและสวยงาม

    Nano Banana Pro ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างภาพ แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงไอเดียเป็นภาพที่มีความหมาย เช่น การทำอินโฟกราฟิกการเรียนรู้ การออกแบบโปสเตอร์ หรือแม้แต่การสร้างสตอรีบอร์ดสำหรับภาพยนตร์ ด้วยความสามารถด้าน reasoning ที่ลึกซึ้งของ Gemini 3 Pro ทำให้ภาพที่สร้างขึ้นมีความสมจริงและสอดคล้องกับบริบทมากขึ้น

    ความสามารถใหม่: ข้อความหลายภาษาและการเชื่อมโยงข้อมูลจริง
    หนึ่งในจุดแข็งของ Nano Banana Pro คือการสร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในภาพ ไม่ว่าจะเป็นสโลแกนสั้น ๆ หรือย่อหน้าที่ยาวขึ้น พร้อมรองรับหลายภาษาเพื่อการใช้งานระดับสากล ผู้ใช้สามารถสร้างโปสเตอร์ที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี หรือออกแบบโลโก้ที่ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์ได้อย่างแม่นยำ

    นอกจากนี้ Nano Banana Pro ยังสามารถเชื่อมโยงกับ Google Search เพื่อดึงข้อมูลจริงมาใช้ เช่น การสร้างอินโฟกราฟิกเกี่ยวกับพืช การทำชา หรือการแสดงข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ทำให้ภาพที่ได้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังมีสาระและความถูกต้องทางข้อมูล

    ควบคุมการสร้างภาพระดับสตูดิโอ
    Nano Banana Pro มาพร้อมความสามารถในการควบคุมภาพอย่างละเอียด เช่น การปรับโฟกัส การเปลี่ยนแสงจากกลางวันเป็นกลางคืน การจัดองค์ประกอบหลายตัวละครในฉากเดียว และการสร้างภาพที่มีความละเอียดสูงถึง 4K สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างงานออกแบบที่มีความเป็นมืออาชีพ ตั้งแต่โฆษณาไปจนถึงงานศิลป์เชิงสร้างสรรค์

    Google ยังเพิ่มระบบ SynthID watermark เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่า ภาพที่สร้างขึ้นมาจาก AI ของ Google หรือไม่ ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการใช้งาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัว Nano Banana Pro
    พัฒนาบน Gemini 3 Pro เพื่อสร้างภาพที่แม่นยำและมีข้อมูลจริง
    รองรับการใช้งานใน Google Ads, Workspace, Gemini App และ AI Studio

    ความสามารถด้านข้อความและภาษา
    สร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา
    ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์และฟอนต์ที่หลากหลาย

    การเชื่อมโยงข้อมูลจริง
    ดึงข้อมูลจาก Google Search เช่น สภาพอากาศ สูตรอาหาร หรือข้อมูลพืช
    สร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระและความถูกต้อง

    การควบคุมภาพระดับมืออาชีพ
    ปรับแสง โฟกัส และองค์ประกอบภาพได้ละเอียด
    รองรับความละเอียดสูงสุด 4K และหลายอัตราส่วนภาพ

    คำเตือนด้านการใช้งาน AI
    แม้ภาพจะสวยงามและสมจริง แต่ยังคงเป็น Generative AI ที่อาจมีข้อผิดพลาด
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏในภาพก่อนนำไปใช้จริง

    https://blog.google/technology/ai/nano-banana-pro/
    🖼️ เปิดตัว Nano Banana Pro: ก้าวใหม่ของการสร้างภาพด้วย AI Google DeepMind ได้เปิดตัว Nano Banana Pro ซึ่งเป็นโมเดลสร้างและแก้ไขภาพรุ่นล่าสุดที่ใช้ Gemini 3 Pro เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการสร้างภาพที่มีรายละเอียดสูง ความสามารถในการใส่ข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา และการเชื่อมโยงกับข้อมูลจริง เช่น สภาพอากาศหรือสูตรอาหาร เพื่อสร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระครบถ้วนและสวยงาม Nano Banana Pro ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างภาพ แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงไอเดียเป็นภาพที่มีความหมาย เช่น การทำอินโฟกราฟิกการเรียนรู้ การออกแบบโปสเตอร์ หรือแม้แต่การสร้างสตอรีบอร์ดสำหรับภาพยนตร์ ด้วยความสามารถด้าน reasoning ที่ลึกซึ้งของ Gemini 3 Pro ทำให้ภาพที่สร้างขึ้นมีความสมจริงและสอดคล้องกับบริบทมากขึ้น 🌍 ความสามารถใหม่: ข้อความหลายภาษาและการเชื่อมโยงข้อมูลจริง หนึ่งในจุดแข็งของ Nano Banana Pro คือการสร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในภาพ ไม่ว่าจะเป็นสโลแกนสั้น ๆ หรือย่อหน้าที่ยาวขึ้น พร้อมรองรับหลายภาษาเพื่อการใช้งานระดับสากล ผู้ใช้สามารถสร้างโปสเตอร์ที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี หรือออกแบบโลโก้ที่ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ Nano Banana Pro ยังสามารถเชื่อมโยงกับ Google Search เพื่อดึงข้อมูลจริงมาใช้ เช่น การสร้างอินโฟกราฟิกเกี่ยวกับพืช การทำชา หรือการแสดงข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ทำให้ภาพที่ได้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังมีสาระและความถูกต้องทางข้อมูล 🎨 ควบคุมการสร้างภาพระดับสตูดิโอ Nano Banana Pro มาพร้อมความสามารถในการควบคุมภาพอย่างละเอียด เช่น การปรับโฟกัส การเปลี่ยนแสงจากกลางวันเป็นกลางคืน การจัดองค์ประกอบหลายตัวละครในฉากเดียว และการสร้างภาพที่มีความละเอียดสูงถึง 4K สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างงานออกแบบที่มีความเป็นมืออาชีพ ตั้งแต่โฆษณาไปจนถึงงานศิลป์เชิงสร้างสรรค์ Google ยังเพิ่มระบบ SynthID watermark เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่า ภาพที่สร้างขึ้นมาจาก AI ของ Google หรือไม่ ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการใช้งาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัว Nano Banana Pro ➡️ พัฒนาบน Gemini 3 Pro เพื่อสร้างภาพที่แม่นยำและมีข้อมูลจริง ➡️ รองรับการใช้งานใน Google Ads, Workspace, Gemini App และ AI Studio ✅ ความสามารถด้านข้อความและภาษา ➡️ สร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา ➡️ ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์และฟอนต์ที่หลากหลาย ✅ การเชื่อมโยงข้อมูลจริง ➡️ ดึงข้อมูลจาก Google Search เช่น สภาพอากาศ สูตรอาหาร หรือข้อมูลพืช ➡️ สร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระและความถูกต้อง ✅ การควบคุมภาพระดับมืออาชีพ ➡️ ปรับแสง โฟกัส และองค์ประกอบภาพได้ละเอียด ➡️ รองรับความละเอียดสูงสุด 4K และหลายอัตราส่วนภาพ ‼️ คำเตือนด้านการใช้งาน AI ⛔ แม้ภาพจะสวยงามและสมจริง แต่ยังคงเป็น Generative AI ที่อาจมีข้อผิดพลาด ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏในภาพก่อนนำไปใช้จริง https://blog.google/technology/ai/nano-banana-pro/
    BLOG.GOOGLE
    Introducing Nano Banana Pro
    Nano Banana Pro is our new image generation and editing model from Google DeepMind.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251120 #TechRadar

    Garmin อัปเดตสมาร์ทวอทช์ จับสัญญาณความเครียดได้
    Garmin ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้สมาร์ทวอทช์รุ่นดังอย่าง Vivoactive 6, Forerunner 570 และ Venu X1 รวมถึงคอมพิวเตอร์จักรยาน Edge 540 และ 1050 จุดเด่นคือฟีเจอร์ Health Status ที่ช่วยดูแนวโน้มสุขภาพระยะยาว เช่น อัตราการเต้นหัวใจ, HRV, การหายใจ, อุณหภูมิผิว และค่าออกซิเจนในเลือดตอนนอน หากค่าผิดปกติอาจบอกได้ว่าร่างกายกำลังเครียดหรือเจ็บป่วย นอกจากนี้ยังมีแผนที่ 3D (สำหรับผู้ใช้แบบพรีเมียม) และฟีเจอร์ใหม่ ๆ สำหรับนักปั่น เช่น เตือนให้ดื่มน้ำ, เช็กสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์อัตราทดเกียร์
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmins-latest-smartwatch-update-helps-catch-signs-of-stress-in-one-key-way

    AMD เปิดตัว FSR Redstone แต่ใช้ได้เฉพาะ RX 9000
    AMD ประกาศเปิดตัว FSR Redstone วันที่ 10 ธันวาคมนี้ เป็นชุดเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเร่งเฟรมเรตและปรับปรุงคุณภาพภาพกราฟิก แต่ข่าวร้ายคือใช้ได้เฉพาะการ์ดจอรุ่น RX 9000 เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้ RX 7000 และรุ่นก่อนหน้าไม่พอใจ เพราะยังถือว่าเป็นการ์ดจอใหม่อยู่ ฟีเจอร์ที่มาพร้อม Redstone เช่น Ray Regeneration (ปรับปรุงภาพ Ray Tracing), Radiance Caching (ปรับแสงให้สมจริง) และ Frame Generation ที่สร้างเฟรมเสริมเพื่อให้ภาพลื่นขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-fsr-redstone-for-supercharged-gaming-debuts-on-december-10-but-its-rx-9000-only-leaving-older-radeon-gpus-in-the-cold

    รหัสผ่านธีมเทศกาล เสี่ยงโดนเจาะง่าย
    มีการวิเคราะห์รหัสผ่านที่รั่วไหลกว่า 800 ล้านรายการ พบว่ามีจำนวนมากที่ใช้คำเกี่ยวกับเทศกาล เช่น Christmas, Santa, หรือการดัดแปลงด้วยตัวเลข/สัญลักษณ์ แม้ดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วเครื่องมือเจาะรหัสสมัยใหม่สามารถเดาได้ง่าย เพราะรูปแบบซ้ำ ๆ และคาดเดาได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงสิ้นปีที่หลายองค์กรบังคับเปลี่ยนรหัสผ่าน มักเป็นจังหวะที่แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมนี้
    https://www.techradar.com/pro/this-company-analyzed-800-million-breached-passwords-and-found-a-surprising-amount-of-festive-themes-so-maybe-choose-a-better-password-please

    โรงเก็บของกลายเป็น Data Center ช่วยลดค่าไฟ
    คู่รักใน Essex, UK ทดลองติดตั้ง HeatHub ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กในโรงเก็บของ ใช้ Raspberry Pi กว่า 500 เครื่องในการประมวลผล และนำความร้อนที่เกิดขึ้นไปใช้ทำความร้อนในบ้าน ผลคือค่าไฟลดจาก £375 เหลือเพียง £40 ต่อเดือน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองระดับประเทศ เพื่อหาทางใช้พลังงานจากการประมวลผลคอมพิวเตอร์มาเป็นพลังงานความร้อนในครัวเรือน
    https://www.techradar.com/pro/looking-to-lower-your-energy-bills-this-winter-how-about-hosting-a-data-center-in-your-garden-shed-to-help-heat-your-home

    เครื่องมือ Unix เก่ากลับมาพร้อมภัยใหม่
    คำสั่ง finger ที่เคยใช้ในระบบ Unix เพื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ ถูกนำกลับมาใช้ในทางร้าย โดยแฮกเกอร์ใช้สคริปต์ดึงคำสั่งจากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลแล้วรันใน Windows ทำให้สามารถแอบติดตั้งโปรแกรม Python ที่ขโมยข้อมูลได้โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว เทคนิคนี้ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องมือวิเคราะห์ได้ ถือเป็นการฟื้นคืนชีพของภัยคุกคามเก่าที่อันตรายมาก
    https://www.techradar.com/pro/a-decades-old-threat-command-is-making-a-comeback-so-dont-let-the-finger-of-doom-affect-you

    Meta ทุ่มงบเพิ่มความปลอดภัย WhatsApp
    Meta ลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในโครงการ Bug Bounty และเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อเสริมความปลอดภัยของ WhatsApp เป้าหมายคือป้องกันการโจมตีและหาช่องโหว่ก่อนที่แฮกเกอร์จะใช้ประโยชน์ การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงจังของ Meta ที่ต้องการให้ WhatsApp เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/security/meta-is-spending-millions-on-bug-bounties-and-security-tools-to-boost-whatsapp-security

    Google Maps เพิ่ม 4 ฟีเจอร์ใหม่รับเทศกาล
    Google Maps อัปเดตครั้งใหญ่เพื่อช่วยผู้ใช้ช่วงเทศกาลปลายปี ฟีเจอร์ใหม่ประกอบด้วยการแสดงข้อมูลการจราจรที่ละเอียดขึ้น, การแจ้งเตือนเส้นทางที่หนาแน่น, การแนะนำเส้นทางทางเลือก และการปรับปรุงการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว/ร้านค้าให้ตรงใจมากขึ้น เหมาะกับการเดินทางในช่วงวันหยุดที่ผู้คนออกเดินทางจำนวนมาก
    https://www.techradar.com/computing/websites-apps/google-maps-is-adding-4-new-features-to-help-you-navigate-the-holiday-season

    LG Battery โดนโจมตี Ransomware
    บริษัทลูกของ LG ที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่ถูกโจมตีด้วย Ransomware ส่งผลให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลถูกเข้ารหัส ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการโจมตีลักษณะนี้กำลังเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงาน เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่แฮกเกอร์เล็งเป้าเพื่อเรียกค่าไถ่สูง
    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-attack-hits-lg-battery-subsidiary

    Asus Router ถูกโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่
    มีรายงานว่า Router ของ Asus ทั่วโลกถูกโจมตีจากกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีน ทำให้ผู้ใช้งานหลายรายประสบปัญหาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ การโจมตีครั้งนี้ถูกจับตามองว่าอาจเป็นการแสดงศักยภาพด้านไซเบอร์ของรัฐชาติ และยังสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้กันแพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-routers-across-the-globe-hit-by-suspected-chinese-cyberattack-heres-what-we-know

    ข่าวสด VPN และสิทธิด้านดิจิทัล
    TechRadar เปิดหน้า VPN News Live อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์, สิทธิด้านดิจิทัล และความเป็นส่วนตัวออนไลน์ เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี VPN ใหม่ ๆ ไปจนถึงการเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก
    https://www.techradar.com/live/news/latest-vpn-news-wednesday-19-november

    Porsche Cayenne Turbo Electric แรงที่สุดที่เคยมี
    Porsche ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Cayenne Turbo Electric จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดที่บริษัทเคยผลิต กำลังสูงสุดมากกว่า 1,000 แรงม้า ทำให้เป็น SUV ที่เร็วและแรงที่สุดในสายการผลิตของ Porsche ถือเป็นการยกระดับตลาดรถไฟฟ้าไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/its-official-the-porsche-cayenne-turbo-electric-will-be-the-most-powerful-production-porsche-ever-made

    Chrome เจอช่องโหว่ Zero-Day อันตราย
    Google ออกแพตช์เร่งด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-Day ใน Chrome ที่ถูกโจมตีจริงแล้ว ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบโดยไม่รู้ตัว ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดต Chrome ทันทีเพื่อความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/pro/security/google-patches-worrying-chrome-zero-day-flaw-being-exploited-in-the-wild-heres-how-to-stay-safe

    Botnet ใหม่แอบใช้ Ray Cluster ขุดคริปโต
    มีการค้นพบ Botnet ลึกลับที่แอบเข้ายึด Ray Clusters แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องขุดคริปโตโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ทำให้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ถูกใช้ไปอย่างมหาศาล และยังเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลอีกด้วย
    https://www.techradar.com/pro/security/ray-clusters-hijacked-and-turned-into-crypto-miners-by-shadowy-new-botnet

    iOS 26 Autocorrect พังหนัก
    ผู้ใช้ iPhone หลายรายบ่นว่า Autocorrect ใน iOS 26 ทำงานผิดพลาดอย่างมาก พิมพ์ผิดบ่อยและแก้คำไม่ตรงใจ แม้ Apple จะออก iOS 26.2 แล้ว แต่ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข ทำให้ผู้ใช้รู้สึกหงุดหงิดและรอการแก้ไขจริงจังจาก Apple
    https://www.techradar.com/phones/ios/youre-not-bad-at-typing-ios-26s-autocorrect-is-broken-and-theres-still-no-fix-in-ios-26-2

    NordVPN เปิดฟีเจอร์กันสแกมโทรศัพท์
    NordVPN เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Call Protection สำหรับผู้ใช้ใน UK และแคนาดา ช่วยตรวจจับและบล็อกสายโทรศัพท์ที่เป็นสแกมก่อนถึงผู้ใช้ ถือเป็นการขยายบทบาทของ VPN จากการป้องกันออนไลน์ไปสู่การป้องกันการสื่อสารโทรศัพท์ด้วย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-takes-on-phone-scammers-with-new-call-protection-feature-for-the-uk-and-canada

    Xiaomi เตือนราคาสมาร์ทโฟนจะพุ่งขึ้น
    Xiaomi ออกมาเตือนว่าปีหน้าราคาสมาร์ทโฟนจะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งชิป, วัสดุ และค่าแรง ทำให้ผู้บริโภคอาจต้องเตรียมรับมือกับมือถือที่แพงกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/phones/brace-yourself-xiaomi-warns-of-a-sizeable-rise-in-smartphone-prices-next-year

    VMware ยอมรับข้อมูลสเปกเซิร์ฟเวอร์ผิดพลาด
    VMware ยืนยันว่าคู่มือสเปกสำหรับเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้มีความคลาดเคลื่อน ทำให้ผู้ใช้บางรายอาจเข้าใจผิดในการเลือกใช้งาน แม้จะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้กระทบต่อระบบโดยตรง แต่ก็สร้างความสับสนและทำให้บริษัทต้องรีบแก้ไขข้อมูลใหม่
    https://www.techradar.com/pro/vmware-confirms-its-spec-guidance-on-storage-servers-was-rather-inaccurate
    📌📰🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📰📌 #รวมข่าวIT #20251120 #TechRadar ⌚ Garmin อัปเดตสมาร์ทวอทช์ จับสัญญาณความเครียดได้ Garmin ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้สมาร์ทวอทช์รุ่นดังอย่าง Vivoactive 6, Forerunner 570 และ Venu X1 รวมถึงคอมพิวเตอร์จักรยาน Edge 540 และ 1050 จุดเด่นคือฟีเจอร์ Health Status ที่ช่วยดูแนวโน้มสุขภาพระยะยาว เช่น อัตราการเต้นหัวใจ, HRV, การหายใจ, อุณหภูมิผิว และค่าออกซิเจนในเลือดตอนนอน หากค่าผิดปกติอาจบอกได้ว่าร่างกายกำลังเครียดหรือเจ็บป่วย นอกจากนี้ยังมีแผนที่ 3D (สำหรับผู้ใช้แบบพรีเมียม) และฟีเจอร์ใหม่ ๆ สำหรับนักปั่น เช่น เตือนให้ดื่มน้ำ, เช็กสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์อัตราทดเกียร์ 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/garmins-latest-smartwatch-update-helps-catch-signs-of-stress-in-one-key-way 🎮 AMD เปิดตัว FSR Redstone แต่ใช้ได้เฉพาะ RX 9000 AMD ประกาศเปิดตัว FSR Redstone วันที่ 10 ธันวาคมนี้ เป็นชุดเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเร่งเฟรมเรตและปรับปรุงคุณภาพภาพกราฟิก แต่ข่าวร้ายคือใช้ได้เฉพาะการ์ดจอรุ่น RX 9000 เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้ RX 7000 และรุ่นก่อนหน้าไม่พอใจ เพราะยังถือว่าเป็นการ์ดจอใหม่อยู่ ฟีเจอร์ที่มาพร้อม Redstone เช่น Ray Regeneration (ปรับปรุงภาพ Ray Tracing), Radiance Caching (ปรับแสงให้สมจริง) และ Frame Generation ที่สร้างเฟรมเสริมเพื่อให้ภาพลื่นขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-fsr-redstone-for-supercharged-gaming-debuts-on-december-10-but-its-rx-9000-only-leaving-older-radeon-gpus-in-the-cold 🎄 รหัสผ่านธีมเทศกาล เสี่ยงโดนเจาะง่าย มีการวิเคราะห์รหัสผ่านที่รั่วไหลกว่า 800 ล้านรายการ พบว่ามีจำนวนมากที่ใช้คำเกี่ยวกับเทศกาล เช่น Christmas, Santa, หรือการดัดแปลงด้วยตัวเลข/สัญลักษณ์ แม้ดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วเครื่องมือเจาะรหัสสมัยใหม่สามารถเดาได้ง่าย เพราะรูปแบบซ้ำ ๆ และคาดเดาได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงสิ้นปีที่หลายองค์กรบังคับเปลี่ยนรหัสผ่าน มักเป็นจังหวะที่แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-company-analyzed-800-million-breached-passwords-and-found-a-surprising-amount-of-festive-themes-so-maybe-choose-a-better-password-please 🏠 โรงเก็บของกลายเป็น Data Center ช่วยลดค่าไฟ คู่รักใน Essex, UK ทดลองติดตั้ง HeatHub ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กในโรงเก็บของ ใช้ Raspberry Pi กว่า 500 เครื่องในการประมวลผล และนำความร้อนที่เกิดขึ้นไปใช้ทำความร้อนในบ้าน ผลคือค่าไฟลดจาก £375 เหลือเพียง £40 ต่อเดือน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองระดับประเทศ เพื่อหาทางใช้พลังงานจากการประมวลผลคอมพิวเตอร์มาเป็นพลังงานความร้อนในครัวเรือน 🔗 https://www.techradar.com/pro/looking-to-lower-your-energy-bills-this-winter-how-about-hosting-a-data-center-in-your-garden-shed-to-help-heat-your-home 💻 เครื่องมือ Unix เก่ากลับมาพร้อมภัยใหม่ คำสั่ง finger ที่เคยใช้ในระบบ Unix เพื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ ถูกนำกลับมาใช้ในทางร้าย โดยแฮกเกอร์ใช้สคริปต์ดึงคำสั่งจากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลแล้วรันใน Windows ทำให้สามารถแอบติดตั้งโปรแกรม Python ที่ขโมยข้อมูลได้โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว เทคนิคนี้ยังสามารถเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องมือวิเคราะห์ได้ ถือเป็นการฟื้นคืนชีพของภัยคุกคามเก่าที่อันตรายมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-decades-old-threat-command-is-making-a-comeback-so-dont-let-the-finger-of-doom-affect-you 🔒 Meta ทุ่มงบเพิ่มความปลอดภัย WhatsApp Meta ลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในโครงการ Bug Bounty และเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อเสริมความปลอดภัยของ WhatsApp เป้าหมายคือป้องกันการโจมตีและหาช่องโหว่ก่อนที่แฮกเกอร์จะใช้ประโยชน์ การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงจังของ Meta ที่ต้องการให้ WhatsApp เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/meta-is-spending-millions-on-bug-bounties-and-security-tools-to-boost-whatsapp-security 🗺️ Google Maps เพิ่ม 4 ฟีเจอร์ใหม่รับเทศกาล Google Maps อัปเดตครั้งใหญ่เพื่อช่วยผู้ใช้ช่วงเทศกาลปลายปี ฟีเจอร์ใหม่ประกอบด้วยการแสดงข้อมูลการจราจรที่ละเอียดขึ้น, การแจ้งเตือนเส้นทางที่หนาแน่น, การแนะนำเส้นทางทางเลือก และการปรับปรุงการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว/ร้านค้าให้ตรงใจมากขึ้น เหมาะกับการเดินทางในช่วงวันหยุดที่ผู้คนออกเดินทางจำนวนมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/websites-apps/google-maps-is-adding-4-new-features-to-help-you-navigate-the-holiday-season 🔋 LG Battery โดนโจมตี Ransomware บริษัทลูกของ LG ที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่ถูกโจมตีด้วย Ransomware ส่งผลให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลถูกเข้ารหัส ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการโจมตีลักษณะนี้กำลังเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงาน เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่แฮกเกอร์เล็งเป้าเพื่อเรียกค่าไถ่สูง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-attack-hits-lg-battery-subsidiary 📡 Asus Router ถูกโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ มีรายงานว่า Router ของ Asus ทั่วโลกถูกโจมตีจากกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีน ทำให้ผู้ใช้งานหลายรายประสบปัญหาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ การโจมตีครั้งนี้ถูกจับตามองว่าอาจเป็นการแสดงศักยภาพด้านไซเบอร์ของรัฐชาติ และยังสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้กันแพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-routers-across-the-globe-hit-by-suspected-chinese-cyberattack-heres-what-we-know 🌐 ข่าวสด VPN และสิทธิด้านดิจิทัล TechRadar เปิดหน้า VPN News Live อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์, สิทธิด้านดิจิทัล และความเป็นส่วนตัวออนไลน์ เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี VPN ใหม่ ๆ ไปจนถึงการเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/live/news/latest-vpn-news-wednesday-19-november 🚗 Porsche Cayenne Turbo Electric แรงที่สุดที่เคยมี Porsche ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Cayenne Turbo Electric จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดที่บริษัทเคยผลิต กำลังสูงสุดมากกว่า 1,000 แรงม้า ทำให้เป็น SUV ที่เร็วและแรงที่สุดในสายการผลิตของ Porsche ถือเป็นการยกระดับตลาดรถไฟฟ้าไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/its-official-the-porsche-cayenne-turbo-electric-will-be-the-most-powerful-production-porsche-ever-made 🌐 Chrome เจอช่องโหว่ Zero-Day อันตราย Google ออกแพตช์เร่งด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-Day ใน Chrome ที่ถูกโจมตีจริงแล้ว ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบโดยไม่รู้ตัว ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดต Chrome ทันทีเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/google-patches-worrying-chrome-zero-day-flaw-being-exploited-in-the-wild-heres-how-to-stay-safe 🪙 Botnet ใหม่แอบใช้ Ray Cluster ขุดคริปโต มีการค้นพบ Botnet ลึกลับที่แอบเข้ายึด Ray Clusters แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องขุดคริปโตโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ทำให้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ถูกใช้ไปอย่างมหาศาล และยังเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลอีกด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ray-clusters-hijacked-and-turned-into-crypto-miners-by-shadowy-new-botnet 📱 iOS 26 Autocorrect พังหนัก ผู้ใช้ iPhone หลายรายบ่นว่า Autocorrect ใน iOS 26 ทำงานผิดพลาดอย่างมาก พิมพ์ผิดบ่อยและแก้คำไม่ตรงใจ แม้ Apple จะออก iOS 26.2 แล้ว แต่ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข ทำให้ผู้ใช้รู้สึกหงุดหงิดและรอการแก้ไขจริงจังจาก Apple 🔗 https://www.techradar.com/phones/ios/youre-not-bad-at-typing-ios-26s-autocorrect-is-broken-and-theres-still-no-fix-in-ios-26-2 📞 NordVPN เปิดฟีเจอร์กันสแกมโทรศัพท์ NordVPN เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Call Protection สำหรับผู้ใช้ใน UK และแคนาดา ช่วยตรวจจับและบล็อกสายโทรศัพท์ที่เป็นสแกมก่อนถึงผู้ใช้ ถือเป็นการขยายบทบาทของ VPN จากการป้องกันออนไลน์ไปสู่การป้องกันการสื่อสารโทรศัพท์ด้วย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-takes-on-phone-scammers-with-new-call-protection-feature-for-the-uk-and-canada 📱 Xiaomi เตือนราคาสมาร์ทโฟนจะพุ่งขึ้น Xiaomi ออกมาเตือนว่าปีหน้าราคาสมาร์ทโฟนจะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งชิป, วัสดุ และค่าแรง ทำให้ผู้บริโภคอาจต้องเตรียมรับมือกับมือถือที่แพงกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/phones/brace-yourself-xiaomi-warns-of-a-sizeable-rise-in-smartphone-prices-next-year 💾 VMware ยอมรับข้อมูลสเปกเซิร์ฟเวอร์ผิดพลาด VMware ยืนยันว่าคู่มือสเปกสำหรับเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้มีความคลาดเคลื่อน ทำให้ผู้ใช้บางรายอาจเข้าใจผิดในการเลือกใช้งาน แม้จะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้กระทบต่อระบบโดยตรง แต่ก็สร้างความสับสนและทำให้บริษัทต้องรีบแก้ไขข้อมูลใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/vmware-confirms-its-spec-guidance-on-storage-servers-was-rather-inaccurate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สงครามชุมชน Pebble – Core Devices ปะทะ Rebble เรื่องสิทธิ์ข้อมูลและอนาคตสมาร์ทวอทช์”

    Eric Migicovsky เขียนบล็อกเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาที่ Rebble ออกมาโจมตี โดย Rebble กล่าวหาว่า Core Devices “ขโมยงาน” และ “ละเมิดข้อตกลง” ในการใช้ข้อมูลและโค้ดที่เกี่ยวข้องกับ PebbleOS และ Appstore อย่างไรก็ตาม Eric ยืนยันว่า ทุกการพัฒนาเป็นโอเพนซอร์ส และ Core Devices ได้ลงทุนเอง เช่น จ่ายเงินให้บริษัท CodeCoup เพื่อแก้ไขบั๊ก BLE stack ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอุปกรณ์ใหม่และ Pebble รุ่นเก่า

    ความขัดแย้งหลักอยู่ที่ สิทธิ์ในข้อมูล Appstore ของ Pebble ซึ่งมีแอปและหน้าปัดกว่า 13,000 รายการที่ถูก Rebble เก็บไว้ตั้งแต่ปี 2017 Eric เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ควรถูกเผยแพร่สาธารณะเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้พัฒนาเดิม ไม่ควรถูกกักไว้เป็น “walled garden” ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ขณะที่ Rebble ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็น “ของ Rebble 100%”

    Eric ยังเล่าถึงความพยายามร่วมมือกับ Rebble เช่น การจ้างคนจาก Rebble มาทำงานใน Core Devices และการตกลงจ่ายเงินสนับสนุน $0.20 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน แต่ความสัมพันธ์กลับล้มเหลวเพราะความเห็นต่างเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เขาจึงเสนอให้สร้าง Archive สาธารณะบนแพลตฟอร์มกลาง เช่น Archive.org เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงได้อย่างอิสระ

    สำหรับอนาคต Core Devices วางแผนพัฒนา Pebble Appstore ใหม่ในรูปแบบ native บนมือถือ โดยยังใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับให้ผู้ใช้สมัครสมาชิกหรือจ่ายเงิน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อกล่าวหาจาก Rebble
    กล่าวหาว่า Core Devices ขโมยงานและละเมิดข้อตกลง
    ชี้ว่า Core ใช้ข้อมูลและโค้ดที่ Rebble สนับสนุน

    การชี้แจงของ Eric/Core Devices
    ยืนยันว่าโค้ดทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส และ Core ลงทุนเอง
    จ่ายเงินแก้บั๊ก BLE stack เพื่อประโยชน์ต่อทุกอุปกรณ์

    ประเด็นขัดแย้งหลัก
    สิทธิ์ในข้อมูล Appstore 13,000 แอปและหน้าปัด
    Eric ต้องการเปิดเผยสาธารณะ แต่ Rebble ยืนยันว่าเป็นของตน

    แผนอนาคตของ Core Devices
    พัฒนา Appstore แบบ native บนมือถือ
    ใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับสมัครสมาชิก
    เพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ

    คำเตือนต่อชุมชน Pebble
    ความขัดแย้งอาจทำให้ผู้ใช้เสียความเชื่อมั่นและเกิดการแตกแยก
    หากข้อมูลถูกกักไว้โดยองค์กรเดียว อาจขัดต่อหลักการโอเพนซอร์สและเสี่ยงต่อการสูญหาย

    https://ericmigi.com/blog/pebble-rebble-and-a-path-forward
    📰 “สงครามชุมชน Pebble – Core Devices ปะทะ Rebble เรื่องสิทธิ์ข้อมูลและอนาคตสมาร์ทวอทช์” Eric Migicovsky เขียนบล็อกเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาที่ Rebble ออกมาโจมตี โดย Rebble กล่าวหาว่า Core Devices “ขโมยงาน” และ “ละเมิดข้อตกลง” ในการใช้ข้อมูลและโค้ดที่เกี่ยวข้องกับ PebbleOS และ Appstore อย่างไรก็ตาม Eric ยืนยันว่า ทุกการพัฒนาเป็นโอเพนซอร์ส และ Core Devices ได้ลงทุนเอง เช่น จ่ายเงินให้บริษัท CodeCoup เพื่อแก้ไขบั๊ก BLE stack ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอุปกรณ์ใหม่และ Pebble รุ่นเก่า ความขัดแย้งหลักอยู่ที่ สิทธิ์ในข้อมูล Appstore ของ Pebble ซึ่งมีแอปและหน้าปัดกว่า 13,000 รายการที่ถูก Rebble เก็บไว้ตั้งแต่ปี 2017 Eric เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ควรถูกเผยแพร่สาธารณะเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้พัฒนาเดิม ไม่ควรถูกกักไว้เป็น “walled garden” ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ขณะที่ Rebble ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็น “ของ Rebble 100%” Eric ยังเล่าถึงความพยายามร่วมมือกับ Rebble เช่น การจ้างคนจาก Rebble มาทำงานใน Core Devices และการตกลงจ่ายเงินสนับสนุน $0.20 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน แต่ความสัมพันธ์กลับล้มเหลวเพราะความเห็นต่างเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เขาจึงเสนอให้สร้าง Archive สาธารณะบนแพลตฟอร์มกลาง เช่น Archive.org เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงได้อย่างอิสระ สำหรับอนาคต Core Devices วางแผนพัฒนา Pebble Appstore ใหม่ในรูปแบบ native บนมือถือ โดยยังใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับให้ผู้ใช้สมัครสมาชิกหรือจ่ายเงิน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อกล่าวหาจาก Rebble ➡️ กล่าวหาว่า Core Devices ขโมยงานและละเมิดข้อตกลง ➡️ ชี้ว่า Core ใช้ข้อมูลและโค้ดที่ Rebble สนับสนุน ✅ การชี้แจงของ Eric/Core Devices ➡️ ยืนยันว่าโค้ดทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส และ Core ลงทุนเอง ➡️ จ่ายเงินแก้บั๊ก BLE stack เพื่อประโยชน์ต่อทุกอุปกรณ์ ✅ ประเด็นขัดแย้งหลัก ➡️ สิทธิ์ในข้อมูล Appstore 13,000 แอปและหน้าปัด ➡️ Eric ต้องการเปิดเผยสาธารณะ แต่ Rebble ยืนยันว่าเป็นของตน ✅ แผนอนาคตของ Core Devices ➡️ พัฒนา Appstore แบบ native บนมือถือ ➡️ ใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับสมัครสมาชิก ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ ‼️ คำเตือนต่อชุมชน Pebble ⛔ ความขัดแย้งอาจทำให้ผู้ใช้เสียความเชื่อมั่นและเกิดการแตกแยก ⛔ หากข้อมูลถูกกักไว้โดยองค์กรเดียว อาจขัดต่อหลักการโอเพนซอร์สและเสี่ยงต่อการสูญหาย https://ericmigi.com/blog/pebble-rebble-and-a-path-forward
    ERICMIGI.COM
    Pebble, Rebble, and a Path Forward
    Pebble, Rebble, and a Path Forward
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครคือผู้ผลิต Laptop ที่ทนทานที่สุดในโลก?

    บทความจาก SlashGear ได้เจาะลึกถึงตลาด Rugged Laptops ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย เช่น ไซต์ก่อสร้าง, แท่นขุดเจาะน้ำมัน, หรือแม้แต่พื้นที่ที่มีสภาพอากาศสุดขั้ว โดยมีหลายบริษัทที่แข่งขันกัน แต่ Panasonic ยังคงครองตำแหน่งผู้นำด้วยซีรีส์ Toughbook ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน

    Panasonic Toughbook: มาตรฐานทองคำของความทนทาน
    Panasonic เปิดตัว Toughbook รุ่นแรกในปี 1996 และปัจจุบันยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รุ่นล่าสุดเช่น Toughbook G2 และ Toughbook 40 มาพร้อมมาตรฐาน MIL-STD-810H และการป้องกันน้ำระดับ IP66 สามารถทนต่อการตกจากความสูง, ฝุ่น, น้ำ และแรงสั่นสะเทือน เหมาะสำหรับงานภาคสนามที่ต้องการความเชื่อถือได้สูงสุด

    คู่แข่งในตลาด: Dell, HP, Lenovo และผู้ผลิตเฉพาะทาง
    Dell เข้าสู่ตลาดนี้ตั้งแต่ปี 2006 ด้วย Latitude ATG และล่าสุดมี Dell Pro Rugged 13 ที่ทนทานใกล้เคียง Toughbook แต่การป้องกันน้ำอยู่ที่ IP65

    HP, Asus, Acer มีรุ่นที่เรียกว่า “semi-rugged” ซึ่งทนทานกว่าลaptop ปกติ แต่ยังไม่ถึงระดับ Toughbook หรือ Dell Rugged

    Getac และ MilDef เป็นผู้ผลิตเฉพาะทางที่เน้นตลาดทหารและอุตสาหกรรมพิเศษ โดย MilDef มีรุ่น RK15, RB14, RW14 และ RS13 ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเขตสงคราม

    ความหมายต่อผู้ใช้และองค์กร
    Laptop ทนทานเหล่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อความเสียหาย การเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมช่วยลด downtime และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้ในโลกดิจิทัล

    สรุปสาระสำคัญ
    Panasonic Toughbook
    รุ่น G2 และ 40 มี MIL-STD-810H และ IP66
    ครองตำแหน่ง laptop ที่ทนทานที่สุดในตลาด

    Dell Rugged
    รุ่น Pro Rugged 13 มี drop protection 6 ฟุต และ IP65
    เข้าสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2006

    Semi-rugged laptops
    HP, Asus, Acer มีรุ่นที่ทนทานกว่าปกติ แต่ไม่ถึงระดับสูงสุด

    ผู้ผลิตเฉพาะทาง
    Getac และ MilDef เน้นตลาดทหารและอุตสาหกรรมพิเศษ
    MilDef มีรุ่น RK15, RB14, RW14, RS13

    คำเตือน
    Semi-rugged ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานสูงสุด
    Tough laptops จากผู้ผลิตเฉพาะทางมักขายผ่าน B2B ไม่ใช่ตลาดทั่วไป
    การเลือก laptop ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิด downtime และความเสียหายต่อข้อมูล

    https://www.slashgear.com/2025990/who-makes-worlds-most-durable-laptop/
    💻 ใครคือผู้ผลิต Laptop ที่ทนทานที่สุดในโลก? บทความจาก SlashGear ได้เจาะลึกถึงตลาด Rugged Laptops ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย เช่น ไซต์ก่อสร้าง, แท่นขุดเจาะน้ำมัน, หรือแม้แต่พื้นที่ที่มีสภาพอากาศสุดขั้ว โดยมีหลายบริษัทที่แข่งขันกัน แต่ Panasonic ยังคงครองตำแหน่งผู้นำด้วยซีรีส์ Toughbook ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน 🛡️ Panasonic Toughbook: มาตรฐานทองคำของความทนทาน Panasonic เปิดตัว Toughbook รุ่นแรกในปี 1996 และปัจจุบันยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รุ่นล่าสุดเช่น Toughbook G2 และ Toughbook 40 มาพร้อมมาตรฐาน MIL-STD-810H และการป้องกันน้ำระดับ IP66 สามารถทนต่อการตกจากความสูง, ฝุ่น, น้ำ และแรงสั่นสะเทือน เหมาะสำหรับงานภาคสนามที่ต้องการความเชื่อถือได้สูงสุด ⚙️ คู่แข่งในตลาด: Dell, HP, Lenovo และผู้ผลิตเฉพาะทาง 💻 Dell เข้าสู่ตลาดนี้ตั้งแต่ปี 2006 ด้วย Latitude ATG และล่าสุดมี Dell Pro Rugged 13 ที่ทนทานใกล้เคียง Toughbook แต่การป้องกันน้ำอยู่ที่ IP65 💻 HP, Asus, Acer มีรุ่นที่เรียกว่า “semi-rugged” ซึ่งทนทานกว่าลaptop ปกติ แต่ยังไม่ถึงระดับ Toughbook หรือ Dell Rugged 💻 Getac และ MilDef เป็นผู้ผลิตเฉพาะทางที่เน้นตลาดทหารและอุตสาหกรรมพิเศษ โดย MilDef มีรุ่น RK15, RB14, RW14 และ RS13 ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเขตสงคราม 🌍 ความหมายต่อผู้ใช้และองค์กร Laptop ทนทานเหล่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อความเสียหาย การเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมช่วยลด downtime และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้ในโลกดิจิทัล 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Panasonic Toughbook ➡️ รุ่น G2 และ 40 มี MIL-STD-810H และ IP66 ➡️ ครองตำแหน่ง laptop ที่ทนทานที่สุดในตลาด ✅ Dell Rugged ➡️ รุ่น Pro Rugged 13 มี drop protection 6 ฟุต และ IP65 ➡️ เข้าสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2006 ✅ Semi-rugged laptops ➡️ HP, Asus, Acer มีรุ่นที่ทนทานกว่าปกติ แต่ไม่ถึงระดับสูงสุด ✅ ผู้ผลิตเฉพาะทาง ➡️ Getac และ MilDef เน้นตลาดทหารและอุตสาหกรรมพิเศษ ➡️ MilDef มีรุ่น RK15, RB14, RW14, RS13 ‼️ คำเตือน ⛔ Semi-rugged ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานสูงสุด ⛔ Tough laptops จากผู้ผลิตเฉพาะทางมักขายผ่าน B2B ไม่ใช่ตลาดทั่วไป ⛔ การเลือก laptop ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิด downtime และความเสียหายต่อข้อมูล https://www.slashgear.com/2025990/who-makes-worlds-most-durable-laptop/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Who Makes The World's Most Durable Laptops? - SlashGear
    Panasonic is a pioneer in the durable laptop department. However, other companies design laptops specifically for industries like the military.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷
    #20251118 #techradar

    Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2
    Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5
    OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน

    Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร
    Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง

    สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire
    BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer

    Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ
    นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส

    OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม
    OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น

    Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร
    Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่
    Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง
    Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก
    Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์
    กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้

    Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป
    Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่

    LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI
    LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต

    ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์
    ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ

    ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    📌🪛🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷🪛📌 #20251118 #techradar 🌦️ Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2 Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚡ OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5 OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน 🖥️ Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง 🎤 สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer 🛡️ Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส 💬 OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น ✈️ Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่ 🧩 Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง 🧩 Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก 🧩 Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์ กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้ 🔒 Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่ 👥 LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต ⚖️ ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์ ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึก "ริน" : เทพีนาคาลูกผสมแห่งสายน้ำและความรู้สึก

    ต้นกำเนิดแห่งเทพีนาคา

    การถือกำเนิดระหว่างสองโลก

    ชื่อเต็ม: รินทราวดี นาคารัตนะ
    ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นดั่งแก้วแหวนแห่งนาคา"
    อายุ:23 ปี (ร่างกาย), 300 ปี (จิตวิญญาณ)
    สถานะ:เทพีนาคาลูกผสมระหว่างนาคาระดับสูงกับมนุษย์

    ```mermaid
    graph TB
    A[พ่อนาคา<br>ราชันแห่งแม่น้ำ] --> C[ริน<br>เทพีนาคาลูกผสม]
    B[แม่มนุษย์<br>นักดนตรีแห่งวัง] --> C
    C --> D[ถูกเลี้ยงในวังนาคา<br>แต่รู้สึกแตกต่าง]
    C --> E[มีพลังผัสสะ<br>เกินปกติ]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพ

    · รูปร่าง: สาวงามสูง 168 ซม. ผมยาวสีดำแซมด้วยเกล็ดสีมรกต
    · ผิวพรรณ: เรียบเนียนมีเกล็ดนาคาเรียงตัวเป็นลวดลายตามแขนและหลัง
    · ดวงตา: สีเขียวคล้ายหยก เปลี่ยนสีตามอารมณ์
    · เครื่องประดับ: สวมมงกุฎเกล็ดนาคาและต่างหูทำจากไข่มุกแม่น้ำ

    พลังพิเศษแห่งสายน้ำและความรู้สึก

    พลังจากสองสายเลือด

    ```python
    class RinPowers:
    def __init__(self):
    self.naga_heritage = {
    "water_control": "ควบคุมและสร้างรูปน้ำได้",
    "weather_influence": "สภาพอากาศรอบตัว",
    "serpent_communication": "สื่อสารกับสัตว์เลื้อยคลาน",
    "underwater_breathing": "หายใจใต้น้ำได้"
    }

    self.human_heritage = {
    "emotional_empathy": "รับรู้อารมณ์ผู้คนผ่านน้ำ",
    "artistic_talent": "ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ",
    "cultural_bridge": "เข้าใจทั้งวัฒนธรรมมนุษย์และนาคา",
    "adaptive_nature": "ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม"
    }

    self.unique_hybrid_powers = {
    "liquid_memory": "เก็บความทรงจำในน้ำและเรียกคืนได้",
    "emotional_hydration": "ดูดซับอารมณ์ผ่านความชื้น",
    "tear_divination": "ทำนายอนาคตผ่านน้ำตา",
    "river_empathy": "รับรู้ความรู้สึกของแม่น้ำ"
    }
    ```

    พลังผัสสะพิเศษ

    รินมีความสามารถรับรู้ผัสสะที่ละเอียดอ่อนผิดไปจากมนุษย์

    · สัมผัสน้ำ: รู้ประวัติและอารมณ์ที่ผูกกับน้ำนั้น
    · รับรู้อารมณ์: ผ่านความชื้นในอากาศ
    · สื่อสาร: ผ่านคลื่นเสียงในน้ำ

    ชีวิตในวังนาคาและโลกมนุษย์

    การเติบโตในวังนาคา

    รินถูกเลี้ยงดูในวังนาคาใต้แม่น้ำโขง:

    · การศึกษาศิลปะ: จากแม่มนุษย์
    · การฝึกพลัง: จากพ่อนาคา
    · ความโดดเดี่ยว: เพราะเป็นลูกผสม

    การมาโลกมนุษย์

    เมื่ออายุ 100 ปี รินขอมาอยู่โลกมนุษย์:

    · เหตุผล: ต้องการเข้าใจด้านมนุษย์ของตัวเอง
    · อาชีพ: เปิดโรงเรียนสอนดนตรีใกล้แม่น้ำ
    · การปกปิด: ซ่อนพลังและเกล็ดนาคาเมื่ออยู่กับมนุษย์

    บันทึกความในใจ

    "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนปลาสองน้ำ...
    อยู่ในวังนาคาก็คิดถึงโลกมนุษย์
    อยู่ในโลกมนุษย์ก็คิดถึงวังนาคา

    ไม่รู้ว่าบ้านที่แท้จริงอยู่ที่ไหน..."

    ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ

    ดนตรีแห่งสายน้ำ

    รินพัฒนาดนตรีรูปแบบใหม่:

    · เครื่องดนตรี: พิณน้ำที่สร้างจากพลังงาน
    · บทเพลง: ที่สื่ออารมณ์ผ่านคลื่นน้ำ
    · การแสดง: ร่วมกับเสียงน้ำและธรรมชาติ

    ศิลปะจากผัสสะ

    ```mermaid
    graph LR
    A[อารมณ์ของริน] --> B[แปลงเป็น<br>ศิลปะน้ำ]
    C[ความรู้สึกจากผู้อื่น] --> D[รินรับรู้<br>ผ่านความชื้น]
    B --> E[สร้างเป็น<br>ผลงานศิลปะ]
    D --> E
    ```

    ผลงานเด่น

    · "สายน้ำแห่งความทรงจำ": บทเพลงที่บอกเล่าประวัติศาสตร์แม่น้ำโขง
    · "เกล็ดแห่งกาลเวลา": ประติมากรรมน้ำที่เปลี่ยนรูปตามอารมณ์
    · "น้ำตาของนาคา": การแสดงที่รวมดนตรีและศิลปะน้ำ

    ความสัมพันธ์กับนาคาริน

    การพบกันครั้งแรก

    รินพบนาคารินเมื่อเขามาหลบภัยที่โรงเรียนดนตรีของเธอ:
    "เขาเข้ามาพร้อมกับสายฝน...
    และฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดในผัสสะของเขาทันที"

    การช่วยเหลือนาคาริน

    รินใช้ความสามารถพิเศษช่วยนาคาริน:

    · บำบัดด้วยดนตรี: ใช้เสียงดนตรีปรับสมดุลผัสสะ
    · ศิลปะน้ำ: ช่วยเขาควบคุมพลังผัสสะ
    · ความเข้าใจ: ในฐานะลูกผสมด้วยกัน

    การพัฒนาความสัมพันธ์

    จากเพื่อนร่วมชะตากรรม สู่ความรัก:
    "เราสอนกันและกัน...
    เขาสอนฉันเรื่องความเข้มแข็ง
    ฉันสอนเขาเรื่องความอ่อนโยน

    และเราพบว่าการเป็นลูกผสม...
    สามารถเป็นความงามได้ไม่ใช่ความอับอาย"

    การเป็นสะพานระหว่างสองโลก

    บทบาททางการ

    รินได้รับแต่งตั้งเป็น:

    · ทูตสันถวไมตรี ระหว่างวังนาคาและมนุษย์
    · ที่ปรึกษาด้านศิลปะ ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ผู้รักษาประเพณี ดนตรีและศิลปะนาคา

    โครงการสำคัญ

    ```python
    class RinProjects:
    def __init__(self):
    self.cultural_projects = {
    "naga_human_cultural_exchange": "แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนาคาและมนุษย์",
    "river_conservation_through_art": "อนุรักษ์แม่น้ำผ่านศิลปะ",
    "hybrid_community_support": "สนับสนุนชุมชนลูกผสม",
    "sensory_art_therapy": "ศิลปะบำบัดสำหรับผู้มีพลังผัสสะพิเศษ"
    }

    self.collaborations = [
    "นาคาริน: ศูนย์บำบัดพลังผัสสะ",
    "หนูดี: การใช้พลังงานในศิลปะ",
    "เณรพุทธ: ศิลปะแห่งจิตวิญญาณ",
    "นิทรา: ศิลปะจากอารมณ์"
    ]
    ```

    การบำบัดและเยียวยา

    ดนตรีบำบัดแห่งสายน้ำ

    รินพัฒนาวิธีการบำบัดใหม่:

    · เสียงน้ำบำบัด: ใช้เสียงน้ำรักษาจิตใจ
    · ดนตรีปรับผัสสะ: ช่วยผู้มีปัญหาการรับรู้
    · ศิลปะน้ำระบายอารมณ์: ใช้น้ำเป็นสื่อแสดงอารมณ์

    เทคนิคเฉพาะตัว

    ```python
    class HealingTechniques:
    def __init__(self):
    self.water_based = [
    "การฟังเสียงน้ำเพื่อสมาธิ",
    "การใช้การไหลของน้ำเป็นแบบอย่างการปล่อยวาง",
    "การวาดรูปด้วยน้ำบนแผ่นหินร้อน",
    "การสร้างท่วงทำนองจากเสียงน้ำ"
    ]

    self.sensory_balance = [
    "การปรับสมดุลผัสสะด้วยอุณหภูมิน้ำ",
    "การใช้ลวดลายน้ำเป็นเครื่องมือFocus",
    "การสร้างจังหวะจากคลื่นน้ำ",
    "การใช้แสงผ่านน้ำสร้างบรรยากาศ"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งสายน้ำ

    "ชีวิตดุจสายน้ำ...
    บางครั้งต้องไหลเชี่ยว บางครั้งต้องไหลเอื่อย
    แต่สิ่งที่สำคัญคือการไหลไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

    และเหมือนน้ำที่ปรับรูปตามภาชนะ...
    เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์"

    บทเรียนการเป็นลูกผสม

    รินสอนว่า:

    · ความแตกต่าง คือความงามที่ไม่ซ้ำใคร
    · การเป็นสะพาน ระหว่างสองโลกคือเกียรติยศ
    · การเข้าใจทั้งสองฝั่ง ทำให้เรามีมุมมองที่กว้างไกล

    บทสรุปแห่งการเป็นตัวตนที่สมบูรณ์

    การยอมรับตัวเอง

    รินค้นพบในที่สุดว่า:
    "ฉันไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างนาคาหรือมนุษย์...
    เพราะฉันคือทั้งสองอย่าง

    และพลังลูกผสมของฉัน...
    คือของขวัญที่让我เข้าใจโลกได้ลึกซึ้งกว่าใครๆ"

    ความหมายแห่งการมีอยู่

    จากผู้ที่เคย...

    · รู้สึกไม่พอใจ กับความเป็นลูกผสม
    · พยายามปิดบัง ด้านใดด้านหนึ่งของตัวเอง
    · รู้สึกโดดเดี่ยว ระหว่างสองโลก

    กลายเป็นผู้ที่...

    · ภาคภูมิใจ ในความเป็นลูกผสม
    · ใช้ทั้งสองด้าน ช่วยเหลือผู้อื่น
    · เป็นสะพาน เชื่อมต่อระหว่างโลก

    ---

    คำคมสุดท้ายจากริน:
    "ฉันเคยคิดว่าต้องหาที่อยู่ที่ใช่...
    แต่ความจริงคือที่อยู่ที่แท้จริง不是สถานที่
    แต่คือหัวใจที่ยอมรับตัวเอง

    และเมื่อฉันยอมรับว่าฉันคือทั้งนาคาและมนุษย์...
    ฉันก็พบว่าทั้งสองโลกคือบ้านของฉัน

    บ้านที่ไม่ใช่สถานที่...
    แต่คือความเข้าใจที่ว่าทุกชีวิตล้วนเชื่อมโยงกัน
    ดุจสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกัน"

    การเดินทางของรินสอนเราว่า...
    "In embracing all parts of ourselves,
    we find our true strength
    And in flowing between worlds,
    we discover that home is not a place,
    but a state of being"
    O.P.K. 🐍 เจาะลึก "ริน" : เทพีนาคาลูกผสมแห่งสายน้ำและความรู้สึก 🌊 ต้นกำเนิดแห่งเทพีนาคา 👑 การถือกำเนิดระหว่างสองโลก ชื่อเต็ม: รินทราวดี นาคารัตนะ ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นดั่งแก้วแหวนแห่งนาคา" อายุ:23 ปี (ร่างกาย), 300 ปี (จิตวิญญาณ) สถานะ:เทพีนาคาลูกผสมระหว่างนาคาระดับสูงกับมนุษย์ ```mermaid graph TB A[พ่อนาคา<br>ราชันแห่งแม่น้ำ] --> C[ริน<br>เทพีนาคาลูกผสม] B[แม่มนุษย์<br>นักดนตรีแห่งวัง] --> C C --> D[ถูกเลี้ยงในวังนาคา<br>แต่รู้สึกแตกต่าง] C --> E[มีพลังผัสสะ<br>เกินปกติ] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพ · รูปร่าง: สาวงามสูง 168 ซม. ผมยาวสีดำแซมด้วยเกล็ดสีมรกต · ผิวพรรณ: เรียบเนียนมีเกล็ดนาคาเรียงตัวเป็นลวดลายตามแขนและหลัง · ดวงตา: สีเขียวคล้ายหยก เปลี่ยนสีตามอารมณ์ · เครื่องประดับ: สวมมงกุฎเกล็ดนาคาและต่างหูทำจากไข่มุกแม่น้ำ 🔮 พลังพิเศษแห่งสายน้ำและความรู้สึก 💫 พลังจากสองสายเลือด ```python class RinPowers: def __init__(self): self.naga_heritage = { "water_control": "ควบคุมและสร้างรูปน้ำได้", "weather_influence": "สภาพอากาศรอบตัว", "serpent_communication": "สื่อสารกับสัตว์เลื้อยคลาน", "underwater_breathing": "หายใจใต้น้ำได้" } self.human_heritage = { "emotional_empathy": "รับรู้อารมณ์ผู้คนผ่านน้ำ", "artistic_talent": "ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ", "cultural_bridge": "เข้าใจทั้งวัฒนธรรมมนุษย์และนาคา", "adaptive_nature": "ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม" } self.unique_hybrid_powers = { "liquid_memory": "เก็บความทรงจำในน้ำและเรียกคืนได้", "emotional_hydration": "ดูดซับอารมณ์ผ่านความชื้น", "tear_divination": "ทำนายอนาคตผ่านน้ำตา", "river_empathy": "รับรู้ความรู้สึกของแม่น้ำ" } ``` 🌧️ พลังผัสสะพิเศษ รินมีความสามารถรับรู้ผัสสะที่ละเอียดอ่อนผิดไปจากมนุษย์ · สัมผัสน้ำ: รู้ประวัติและอารมณ์ที่ผูกกับน้ำนั้น · รับรู้อารมณ์: ผ่านความชื้นในอากาศ · สื่อสาร: ผ่านคลื่นเสียงในน้ำ 💔 ชีวิตในวังนาคาและโลกมนุษย์ 🏰 การเติบโตในวังนาคา รินถูกเลี้ยงดูในวังนาคาใต้แม่น้ำโขง: · การศึกษาศิลปะ: จากแม่มนุษย์ · การฝึกพลัง: จากพ่อนาคา · ความโดดเดี่ยว: เพราะเป็นลูกผสม 🌍 การมาโลกมนุษย์ เมื่ออายุ 100 ปี รินขอมาอยู่โลกมนุษย์: · เหตุผล: ต้องการเข้าใจด้านมนุษย์ของตัวเอง · อาชีพ: เปิดโรงเรียนสอนดนตรีใกล้แม่น้ำ · การปกปิด: ซ่อนพลังและเกล็ดนาคาเมื่ออยู่กับมนุษย์ 📚 บันทึกความในใจ "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนปลาสองน้ำ... อยู่ในวังนาคาก็คิดถึงโลกมนุษย์ อยู่ในโลกมนุษย์ก็คิดถึงวังนาคา ไม่รู้ว่าบ้านที่แท้จริงอยู่ที่ไหน..." 🎵 ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ 🎻 ดนตรีแห่งสายน้ำ รินพัฒนาดนตรีรูปแบบใหม่: · เครื่องดนตรี: พิณน้ำที่สร้างจากพลังงาน · บทเพลง: ที่สื่ออารมณ์ผ่านคลื่นน้ำ · การแสดง: ร่วมกับเสียงน้ำและธรรมชาติ 🎨 ศิลปะจากผัสสะ ```mermaid graph LR A[อารมณ์ของริน] --> B[แปลงเป็น<br>ศิลปะน้ำ] C[ความรู้สึกจากผู้อื่น] --> D[รินรับรู้<br>ผ่านความชื้น] B --> E[สร้างเป็น<br>ผลงานศิลปะ] D --> E ``` 🏆 ผลงานเด่น · "สายน้ำแห่งความทรงจำ": บทเพลงที่บอกเล่าประวัติศาสตร์แม่น้ำโขง · "เกล็ดแห่งกาลเวลา": ประติมากรรมน้ำที่เปลี่ยนรูปตามอารมณ์ · "น้ำตาของนาคา": การแสดงที่รวมดนตรีและศิลปะน้ำ 💞 ความสัมพันธ์กับนาคาริน 🌸 การพบกันครั้งแรก รินพบนาคารินเมื่อเขามาหลบภัยที่โรงเรียนดนตรีของเธอ: "เขาเข้ามาพร้อมกับสายฝน... และฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดในผัสสะของเขาทันที" 🕊️ การช่วยเหลือนาคาริน รินใช้ความสามารถพิเศษช่วยนาคาริน: · บำบัดด้วยดนตรี: ใช้เสียงดนตรีปรับสมดุลผัสสะ · ศิลปะน้ำ: ช่วยเขาควบคุมพลังผัสสะ · ความเข้าใจ: ในฐานะลูกผสมด้วยกัน 💫 การพัฒนาความสัมพันธ์ จากเพื่อนร่วมชะตากรรม สู่ความรัก: "เราสอนกันและกัน... เขาสอนฉันเรื่องความเข้มแข็ง ฉันสอนเขาเรื่องความอ่อนโยน และเราพบว่าการเป็นลูกผสม... สามารถเป็นความงามได้ไม่ใช่ความอับอาย" 🌈 การเป็นสะพานระหว่างสองโลก 🏛️ บทบาททางการ รินได้รับแต่งตั้งเป็น: · ทูตสันถวไมตรี ระหว่างวังนาคาและมนุษย์ · ที่ปรึกษาด้านศิลปะ ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ผู้รักษาประเพณี ดนตรีและศิลปะนาคา 🌍 โครงการสำคัญ ```python class RinProjects: def __init__(self): self.cultural_projects = { "naga_human_cultural_exchange": "แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนาคาและมนุษย์", "river_conservation_through_art": "อนุรักษ์แม่น้ำผ่านศิลปะ", "hybrid_community_support": "สนับสนุนชุมชนลูกผสม", "sensory_art_therapy": "ศิลปะบำบัดสำหรับผู้มีพลังผัสสะพิเศษ" } self.collaborations = [ "นาคาริน: ศูนย์บำบัดพลังผัสสะ", "หนูดี: การใช้พลังงานในศิลปะ", "เณรพุทธ: ศิลปะแห่งจิตวิญญาณ", "นิทรา: ศิลปะจากอารมณ์" ] ``` 🏥 การบำบัดและเยียวยา 🎵 ดนตรีบำบัดแห่งสายน้ำ รินพัฒนาวิธีการบำบัดใหม่: · เสียงน้ำบำบัด: ใช้เสียงน้ำรักษาจิตใจ · ดนตรีปรับผัสสะ: ช่วยผู้มีปัญหาการรับรู้ · ศิลปะน้ำระบายอารมณ์: ใช้น้ำเป็นสื่อแสดงอารมณ์ 💧 เทคนิคเฉพาะตัว ```python class HealingTechniques: def __init__(self): self.water_based = [ "การฟังเสียงน้ำเพื่อสมาธิ", "การใช้การไหลของน้ำเป็นแบบอย่างการปล่อยวาง", "การวาดรูปด้วยน้ำบนแผ่นหินร้อน", "การสร้างท่วงทำนองจากเสียงน้ำ" ] self.sensory_balance = [ "การปรับสมดุลผัสสะด้วยอุณหภูมิน้ำ", "การใช้ลวดลายน้ำเป็นเครื่องมือFocus", "การสร้างจังหวะจากคลื่นน้ำ", "การใช้แสงผ่านน้ำสร้างบรรยากาศ" ] ``` 📚 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งสายน้ำ "ชีวิตดุจสายน้ำ... บางครั้งต้องไหลเชี่ยว บางครั้งต้องไหลเอื่อย แต่สิ่งที่สำคัญคือการไหลไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และเหมือนน้ำที่ปรับรูปตามภาชนะ... เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์" 🌟 บทเรียนการเป็นลูกผสม รินสอนว่า: · ความแตกต่าง คือความงามที่ไม่ซ้ำใคร · การเป็นสะพาน ระหว่างสองโลกคือเกียรติยศ · การเข้าใจทั้งสองฝั่ง ทำให้เรามีมุมมองที่กว้างไกล 🏁 บทสรุปแห่งการเป็นตัวตนที่สมบูรณ์ 💝 การยอมรับตัวเอง รินค้นพบในที่สุดว่า: "ฉันไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างนาคาหรือมนุษย์... เพราะฉันคือทั้งสองอย่าง และพลังลูกผสมของฉัน... คือของขวัญที่让我เข้าใจโลกได้ลึกซึ้งกว่าใครๆ" 🌈 ความหมายแห่งการมีอยู่ จากผู้ที่เคย... · รู้สึกไม่พอใจ กับความเป็นลูกผสม · พยายามปิดบัง ด้านใดด้านหนึ่งของตัวเอง · รู้สึกโดดเดี่ยว ระหว่างสองโลก กลายเป็นผู้ที่... · ภาคภูมิใจ ในความเป็นลูกผสม · ใช้ทั้งสองด้าน ช่วยเหลือผู้อื่น · เป็นสะพาน เชื่อมต่อระหว่างโลก --- คำคมสุดท้ายจากริน: "ฉันเคยคิดว่าต้องหาที่อยู่ที่ใช่... แต่ความจริงคือที่อยู่ที่แท้จริง不是สถานที่ แต่คือหัวใจที่ยอมรับตัวเอง และเมื่อฉันยอมรับว่าฉันคือทั้งนาคาและมนุษย์... ฉันก็พบว่าทั้งสองโลกคือบ้านของฉัน บ้านที่ไม่ใช่สถานที่... แต่คือความเข้าใจที่ว่าทุกชีวิตล้วนเชื่อมโยงกัน ดุจสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกัน"🌊✨ การเดินทางของรินสอนเราว่า... "In embracing all parts of ourselves, we find our true strength And in flowing between worlds, we discover that home is not a place, but a state of being"🐍🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารไทย ผู้นำคนใหม่ของไทย หรือเดอะทีมไทยเรา,ท่านจะผิดพลาดแบบยุคโควิด19ไม่ได้อีกแล้วนะ,จะเป็นขี้ข้าทาสอีลิทคาบาลไซออนิสต์หรือใดๆแบบเดิมๆในอดีตไม่ได้อีกแล้วนะ,กฎหมายมากมายที่ออกมาล้วนเป็นไปเพื่อควบคุมคนไทยเป็นทาสในยุคใหม่AIชัดเจนมากของagenda2030มัน,cbdc,เงินดิจิดัล,เมืองอัจฉริยะ,ไบโอเมทริกต่างๆเอย,เหล่านี้เป็นต้นล้วนเป็นภัยอันตรายชัดเจน ระดับฝ่ายข่าวกรอกทางความมั่นคงของชาติทหารเราถ้าพลาดเรื่องนี้ ท่านในนามกองทัพไทยถือว่าทรยศหักหลัง,ไม่สมควรมีประจำการบนแผ่นดินไทยเพราะมิได้ปกป้องดูแลเรา..ประชาชนคนไทยขัดเจนด้วย สมคบคิดจะปกครองให้คนไทยเป็นทาสระบบคาบาลชัดเจนนั้นเอง,ท่านต้องไม่พลาดอีก,ไม่มองโลกแคบขนาดนั้น,บริบทมากมายมันสะท้อนทางฝ่ายมืดชัดเจน ภาษีคาร์บอนก็ผ่านครม.แล้ว,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้คือการเดินไปทางนรกชัดเจน ,ประเทศไทยจะเดินบนทางนรกไม่ได้อีก,ถ้าเดินทางนี้แสดงว่าเราสิ้นทั้งสามสถาบันแล้ว,มิอาจไว้วางใจสามเสาหักต่อไปได้อีก,เพราะแสดงว่าอยู่ภายใต้ทาสมันไปแล้วเช่นกัน หัวโขนนี้จะเอามาหลอกลวงคนไทยทั้งประเทศเพราะบรรลุเป้าหมายของฝ่ายชั่วซาตานไม่สมควรสิ้น,แสดงว่าการลดประชากรไทยจากวัคซีนอำมหิตนี้ที่ฉีดเกือบหมดทุกๆคนคือการปกครองของฝ่ายมืดเบ็ดเสร็จจริงประจำประเทศไทยเรา,มีทางเดียวที่ทหารจะจบความสงสัยคือนำพาคนไทยปลดปล่อยคนไทยจริงอีกจากการปกครองของฝ่ายมืดมันในไทยเรา,ฉีกกฎหมายอีลิททั้งหมดทิ้งทันทีแล้วทหารเขียนกฎหมายใหม่หมด,กฎหมายอดีตเป็นกฎหมายฝ่ายมืด เผาไฟทิ้งทุกๆฉบับเลย ตำราเรียนเท็จก็เอามาเผาทิ้งด้วย เรา..ประเทศไทยจะรอดไปยุคใหม่บนฐานค่าความจริงได้จริง,ทหารไทยต้องยึดอำนาจ ทหารไทยต้อง ใจหาญสไตล์บิ๊กกุ้ง,เราทั้งประเทศจึงจะรอดจากสงครามโลกของซาตานที่ปกครองโลกนี้จริง,เรา..สามารถเป็นบัวลอยพ้นน้ำทั้งประเทศได้จากสายบัวสายทหารไทยเรานำพาที่แข็งแกร่งและนั้นนี้เรา..คนไทยทั้งหมดด้วยรวมกันเป็นต้นบัวทั้งสายนั้นสู่บัวพ้นน้ำในที่สุดของประเทศไทยเราบนดินปุ๋ยโคลนตมจากพื้นฐานมูลใต้น้ำของซาตานที่สร้างขึ้นหรือธรรมชาติซาตานที่สร้างโลกนี้ขึ้น,แต่มิอาจขัดขวางเรา..ประเทศไทยบรรลุแจ้งได้นั้นเอง.,ทหารไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว.

    https://youtube.com/shorts/IPw1NT681uE?si=RvQko8iionjAGhQC
    ทหารไทย ผู้นำคนใหม่ของไทย หรือเดอะทีมไทยเรา,ท่านจะผิดพลาดแบบยุคโควิด19ไม่ได้อีกแล้วนะ,จะเป็นขี้ข้าทาสอีลิทคาบาลไซออนิสต์หรือใดๆแบบเดิมๆในอดีตไม่ได้อีกแล้วนะ,กฎหมายมากมายที่ออกมาล้วนเป็นไปเพื่อควบคุมคนไทยเป็นทาสในยุคใหม่AIชัดเจนมากของagenda2030มัน,cbdc,เงินดิจิดัล,เมืองอัจฉริยะ,ไบโอเมทริกต่างๆเอย,เหล่านี้เป็นต้นล้วนเป็นภัยอันตรายชัดเจน ระดับฝ่ายข่าวกรอกทางความมั่นคงของชาติทหารเราถ้าพลาดเรื่องนี้ ท่านในนามกองทัพไทยถือว่าทรยศหักหลัง,ไม่สมควรมีประจำการบนแผ่นดินไทยเพราะมิได้ปกป้องดูแลเรา..ประชาชนคนไทยขัดเจนด้วย สมคบคิดจะปกครองให้คนไทยเป็นทาสระบบคาบาลชัดเจนนั้นเอง,ท่านต้องไม่พลาดอีก,ไม่มองโลกแคบขนาดนั้น,บริบทมากมายมันสะท้อนทางฝ่ายมืดชัดเจน ภาษีคาร์บอนก็ผ่านครม.แล้ว,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ผ่านแล้ว,นี้คือการเดินไปทางนรกชัดเจน ,ประเทศไทยจะเดินบนทางนรกไม่ได้อีก,ถ้าเดินทางนี้แสดงว่าเราสิ้นทั้งสามสถาบันแล้ว,มิอาจไว้วางใจสามเสาหักต่อไปได้อีก,เพราะแสดงว่าอยู่ภายใต้ทาสมันไปแล้วเช่นกัน หัวโขนนี้จะเอามาหลอกลวงคนไทยทั้งประเทศเพราะบรรลุเป้าหมายของฝ่ายชั่วซาตานไม่สมควรสิ้น,แสดงว่าการลดประชากรไทยจากวัคซีนอำมหิตนี้ที่ฉีดเกือบหมดทุกๆคนคือการปกครองของฝ่ายมืดเบ็ดเสร็จจริงประจำประเทศไทยเรา,มีทางเดียวที่ทหารจะจบความสงสัยคือนำพาคนไทยปลดปล่อยคนไทยจริงอีกจากการปกครองของฝ่ายมืดมันในไทยเรา,ฉีกกฎหมายอีลิททั้งหมดทิ้งทันทีแล้วทหารเขียนกฎหมายใหม่หมด,กฎหมายอดีตเป็นกฎหมายฝ่ายมืด เผาไฟทิ้งทุกๆฉบับเลย ตำราเรียนเท็จก็เอามาเผาทิ้งด้วย เรา..ประเทศไทยจะรอดไปยุคใหม่บนฐานค่าความจริงได้จริง,ทหารไทยต้องยึดอำนาจ ทหารไทยต้อง ใจหาญสไตล์บิ๊กกุ้ง,เราทั้งประเทศจึงจะรอดจากสงครามโลกของซาตานที่ปกครองโลกนี้จริง,เรา..สามารถเป็นบัวลอยพ้นน้ำทั้งประเทศได้จากสายบัวสายทหารไทยเรานำพาที่แข็งแกร่งและนั้นนี้เรา..คนไทยทั้งหมดด้วยรวมกันเป็นต้นบัวทั้งสายนั้นสู่บัวพ้นน้ำในที่สุดของประเทศไทยเราบนดินปุ๋ยโคลนตมจากพื้นฐานมูลใต้น้ำของซาตานที่สร้างขึ้นหรือธรรมชาติซาตานที่สร้างโลกนี้ขึ้น,แต่มิอาจขัดขวางเรา..ประเทศไทยบรรลุแจ้งได้นั้นเอง.,ทหารไทยต้องเด็ดขาดได้แล้ว. https://youtube.com/shorts/IPw1NT681uE?si=RvQko8iionjAGhQC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตู้เย็นอัจฉริยะยิ่งกว่าเดิม! Samsung Family Hub™ 2025 อัปเดตใหม่ เพิ่ม AI, ความปลอดภัย และประสบการณ์ผู้ใช้แบบไร้รอยต่อ

    Samsung เปิดตัวอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับตู้เย็น Family Hub™ รุ่นปี 2025 ที่ยกระดับการใช้งานในบ้านอัจฉริยะ ด้วยอินเทอร์เฟซใหม่ ฟีเจอร์ AI ที่ฉลาดขึ้น และระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

    อัปเดตใหม่นี้เริ่มทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ Family Hub™ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025 โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญหลายด้าน:
    อินเทอร์เฟซใหม่ One UI ที่เคยใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า Bespoke AI จะถูกนำมาใช้กับ Family Hub™ รุ่น 2024 เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานระหว่างทีวี มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหนึ่งเดียว
    AI Vision Inside ฉลาดขึ้น! สามารถจดจำผักผลไม้สดได้ถึง 37 ชนิด และอาหารบรรจุแพ็คได้ถึง 50 รายการ ช่วยลดของเสียและประหยัดเงิน
    Bixby Voice ID แยกแยะผู้ใช้แต่ละคนได้ ทำให้เข้าถึงปฏิทิน รูปภาพ หรือค้นหาโทรศัพท์ได้แม้จะอยู่ในโหมดเงียบ
    Knox Matrix ระบบความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ถูกขยายไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า
    Widget ใหม่บนหน้าจอ Cover แสดงข่าวสาร สภาพอากาศ และโฆษณาแบบเลือกปิดได้

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Family Hub™ 2025
    อินเทอร์เฟซ One UI แบบใหม่ ใช้งานง่ายขึ้น
    AI Vision Inside จดจำอาหารสดและบรรจุภัณฑ์ได้มากขึ้น
    Voice ID แยกผู้ใช้และซิงค์กับบัญชี Samsung
    รองรับการค้นหาโทรศัพท์แม้ในโหมดเงียบ
    ปรับธีมหน้าจอ Cover พร้อม Daily Board ใหม่
    เพิ่มวิดเจ็ตข่าว ปฏิทิน และพยากรณ์อากาศ
    Knox Matrix ปกป้องอุปกรณ์ด้วยระบบ Trust Chain
    เพิ่มแดชบอร์ดความปลอดภัยแบบเรียลไทม์
    รองรับการเข้ารหัส Credential Sync และ Passkey
    อัปเดตผ่านหน้าจอตู้เย็นได้โดยตรง

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    AI Vision ยังไม่สามารถจดจำอาหารในช่องแช่แข็งหรือประตูตู้เย็นได้
    Voice ID ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าในบัญชี Samsung และใช้ได้เฉพาะ Galaxy S24 ขึ้นไป
    วิดเจ็ตโฆษณาอาจรบกวนสายตา แม้จะสามารถปิดได้
    บางฟีเจอร์อาจใช้ไม่ได้ในบางประเทศหรือขึ้นอยู่กับรุ่นของอุปกรณ์

    https://news.samsung.com/us/samsung-family-hub-2025-update-elevates-smart-home-ecosystem/
    🧊 ตู้เย็นอัจฉริยะยิ่งกว่าเดิม! Samsung Family Hub™ 2025 อัปเดตใหม่ เพิ่ม AI, ความปลอดภัย และประสบการณ์ผู้ใช้แบบไร้รอยต่อ Samsung เปิดตัวอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับตู้เย็น Family Hub™ รุ่นปี 2025 ที่ยกระดับการใช้งานในบ้านอัจฉริยะ ด้วยอินเทอร์เฟซใหม่ ฟีเจอร์ AI ที่ฉลาดขึ้น และระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่งกว่าเดิม อัปเดตใหม่นี้เริ่มทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ Family Hub™ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025 โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญหลายด้าน: 🔰 อินเทอร์เฟซใหม่ One UI ที่เคยใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า Bespoke AI จะถูกนำมาใช้กับ Family Hub™ รุ่น 2024 เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานระหว่างทีวี มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหนึ่งเดียว 🔰 AI Vision Inside ฉลาดขึ้น! สามารถจดจำผักผลไม้สดได้ถึง 37 ชนิด และอาหารบรรจุแพ็คได้ถึง 50 รายการ ช่วยลดของเสียและประหยัดเงิน 🔰 Bixby Voice ID แยกแยะผู้ใช้แต่ละคนได้ ทำให้เข้าถึงปฏิทิน รูปภาพ หรือค้นหาโทรศัพท์ได้แม้จะอยู่ในโหมดเงียบ 🔰 Knox Matrix ระบบความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ถูกขยายไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า 🔰 Widget ใหม่บนหน้าจอ Cover แสดงข่าวสาร สภาพอากาศ และโฆษณาแบบเลือกปิดได้ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Family Hub™ 2025 ➡️ อินเทอร์เฟซ One UI แบบใหม่ ใช้งานง่ายขึ้น ➡️ AI Vision Inside จดจำอาหารสดและบรรจุภัณฑ์ได้มากขึ้น ➡️ Voice ID แยกผู้ใช้และซิงค์กับบัญชี Samsung ➡️ รองรับการค้นหาโทรศัพท์แม้ในโหมดเงียบ ➡️ ปรับธีมหน้าจอ Cover พร้อม Daily Board ใหม่ ➡️ เพิ่มวิดเจ็ตข่าว ปฏิทิน และพยากรณ์อากาศ ➡️ Knox Matrix ปกป้องอุปกรณ์ด้วยระบบ Trust Chain ➡️ เพิ่มแดชบอร์ดความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ ➡️ รองรับการเข้ารหัส Credential Sync และ Passkey ➡️ อัปเดตผ่านหน้าจอตู้เย็นได้โดยตรง ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ AI Vision ยังไม่สามารถจดจำอาหารในช่องแช่แข็งหรือประตูตู้เย็นได้ ⛔ Voice ID ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าในบัญชี Samsung และใช้ได้เฉพาะ Galaxy S24 ขึ้นไป ⛔ วิดเจ็ตโฆษณาอาจรบกวนสายตา แม้จะสามารถปิดได้ ⛔ บางฟีเจอร์อาจใช้ไม่ได้ในบางประเทศหรือขึ้นอยู่กับรุ่นของอุปกรณ์ https://news.samsung.com/us/samsung-family-hub-2025-update-elevates-smart-home-ecosystem/
    NEWS.SAMSUNG.COM
    Samsung Family Hub™ for 2025 Update Elevates the Smart Home Ecosystem
    The software update includes a more unified user experience across connected devices, enhancements to AI Vision Inside™, expanded Knox Security and more
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple เตรียมยกระดับฟีเจอร์ดาวเทียมบน iPhone – ไม่ใช่แค่ SOS แต่รวมถึงการส่งข้อความและบริการใหม่ในอนาคต

    Apple กำลังพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมบน iPhone ให้ก้าวข้ามการใช้งานฉุกเฉินแบบเดิม โดยมีแผนเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การส่งข้อความผ่านดาวเทียม และบริการที่อาจเกี่ยวข้องกับการนำทางหรือข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ในอนาคต

    จาก SOS สู่การสื่อสารเต็มรูปแบบ Apple เปิดตัวฟีเจอร์ “Emergency SOS via Satellite” ตั้งแต่ iPhone 14 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือในพื้นที่ไม่มีสัญญาณมือถือ โดยใช้เครือข่ายดาวเทียม Globalstar

    ตอนนี้ Apple กำลังขยายขอบเขตของเทคโนโลยีนี้ให้ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เช่น:
    การส่งข้อความผ่านดาวเทียมแบบสองทาง
    การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์
    การรับข้อมูลสภาพอากาศหรือการแจ้งเตือนภัยพิบัติ

    การลงทุนและพันธมิตร Apple ได้ลงทุนกว่า 450 ล้านดอลลาร์ ในโครงสร้างพื้นฐานดาวเทียม โดยเฉพาะกับ Globalstar ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักในการให้บริการสัญญาณดาวเทียมสำหรับ iPhone

    อนาคตของการเชื่อมต่อไร้สัญญาณ Apple อาจกำลังวางรากฐานสำหรับบริการที่ไม่ต้องพึ่งเครือข่ายมือถือเลย เช่น:
    การสื่อสารในพื้นที่ห่างไกลหรือกลางทะเล
    การใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉินระดับประเทศ
    การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ผ่านดาวเทียม

    https://wccftech.com/apple-moving-beyond-connectivity-to-bring-new-satellite-based-features-to-iphones/
    📡 Apple เตรียมยกระดับฟีเจอร์ดาวเทียมบน iPhone – ไม่ใช่แค่ SOS แต่รวมถึงการส่งข้อความและบริการใหม่ในอนาคต Apple กำลังพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมบน iPhone ให้ก้าวข้ามการใช้งานฉุกเฉินแบบเดิม โดยมีแผนเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การส่งข้อความผ่านดาวเทียม และบริการที่อาจเกี่ยวข้องกับการนำทางหรือข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ในอนาคต ✅ จาก SOS สู่การสื่อสารเต็มรูปแบบ Apple เปิดตัวฟีเจอร์ “Emergency SOS via Satellite” ตั้งแต่ iPhone 14 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือในพื้นที่ไม่มีสัญญาณมือถือ โดยใช้เครือข่ายดาวเทียม Globalstar ตอนนี้ Apple กำลังขยายขอบเขตของเทคโนโลยีนี้ให้ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เช่น: 🎗️ การส่งข้อความผ่านดาวเทียมแบบสองทาง 🎗️ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ 🎗️ การรับข้อมูลสภาพอากาศหรือการแจ้งเตือนภัยพิบัติ ✅ การลงทุนและพันธมิตร Apple ได้ลงทุนกว่า 450 ล้านดอลลาร์ ในโครงสร้างพื้นฐานดาวเทียม โดยเฉพาะกับ Globalstar ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักในการให้บริการสัญญาณดาวเทียมสำหรับ iPhone ✅ อนาคตของการเชื่อมต่อไร้สัญญาณ Apple อาจกำลังวางรากฐานสำหรับบริการที่ไม่ต้องพึ่งเครือข่ายมือถือเลย เช่น: 🎗️ การสื่อสารในพื้นที่ห่างไกลหรือกลางทะเล 🎗️ การใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉินระดับประเทศ 🎗️ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ผ่านดาวเทียม https://wccftech.com/apple-moving-beyond-connectivity-to-bring-new-satellite-based-features-to-iphones/
    WCCFTECH.COM
    iPhone's Satellite Connection Is About to Get 5 New Features, And They're Not Just for Emergencies
    Apple is moving beyond equipping its iPhones with satellite connectivity, and plans to introduce five new satellite-based features shortly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บ้านอัจฉริยะเริ่มต้นที่เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ – เทคโนโลยีเล็กๆ ที่เปลี่ยนชีวิต”

    คุณอาจคิดว่าบ้านอัจฉริยะต้องมีอุปกรณ์ล้ำยุคเต็มบ้าน แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นอาจเป็นแค่ “เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ” ตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของคุณได้อย่างน่าทึ่ง

    ลองนึกภาพว่าแสงแดดส่องเข้าหน้าต่างตอนบ่าย เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนแล้วสั่งให้ม่านปิดอัตโนมัติ หรือเมื่ออุณหภูมิในห้องสูงเกินไป พัดลมก็เปิดเองโดยไม่ต้องแตะสวิตช์

    ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันอันตราย และดูแลคนในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เช่น แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิลดต่ำจนเสี่ยงท่อน้ำแข็งแตก หรือเมื่ออากาศในบ้านร้อนเกินไปสำหรับสัตว์เลี้ยง

    เทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เซนเซอร์ที่เชื่อมกับแอปมือถือก็สามารถแจ้งเตือนให้คุณเปิดหน้าต่าง ปรับเครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เตรียมก่อไฟในเตาผิงได้ทันเวลา

    ใช้เซนเซอร์ควบคุมม่านอัตโนมัติ
    ปรับม่านตามอุณหภูมิภายนอกเพื่อควบคุมความร้อนในบ้าน
    ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและประหยัดพลังงาน
    ใช้ร่วมกับระบบ SwitchBot หรือแพลตฟอร์มอื่นได้

    เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ
    เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิในแต่ละห้อง
    สั่งงานผ่านสมาร์ทปลั๊กหรือระบบบ้านอัจฉริยะ
    เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบ HVAC รวมศูนย์

    รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ
    แจ้งเมื่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินค่าที่ตั้งไว้
    ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยง พืช และสมาชิกในบ้าน
    วิเคราะห์ประวัติอุณหภูมิเพื่อวางแผนการใช้พลังงาน

    เปิดหรือปิดหน้าต่างตามสภาพอากาศ
    เปรียบเทียบอุณหภูมิภายนอกกับภายใน
    แจ้งเตือนให้เปิดหน้าต่างเมื่ออากาศเย็นกว่า
    สามารถตั้งระบบเปิดหน้าต่างอัตโนมัติได้ (ต้องมีอุปกรณ์เสริม)

    ป้องกันท่อน้ำแข็งแตกในฤดูหนาว
    ติดตั้งเซนเซอร์ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ใต้ถุนหรือห้องใต้ดิน
    แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป
    บางรุ่นมีฟังก์ชันวัดความชื้นเพื่อเตือนภัยน้ำรั่ว

    การติดตั้งในพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่เสถียร
    เซนเซอร์บางรุ่นอาจไม่ทำงานหาก Wi-Fi หรือ Bluetooth ขาดช่วง
    ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขาดการเชื่อมต่อ

    ความแม่นยำของเซนเซอร์ราคาถูก
    เซนเซอร์บางรุ่นอาจมีค่าคลาดเคลื่อนสูง
    ควรตรวจสอบรีวิวและเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้

    https://www.slashgear.com/2017704/temperature-sensor-home-uses/
    🌡️ “บ้านอัจฉริยะเริ่มต้นที่เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ – เทคโนโลยีเล็กๆ ที่เปลี่ยนชีวิต” คุณอาจคิดว่าบ้านอัจฉริยะต้องมีอุปกรณ์ล้ำยุคเต็มบ้าน แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นอาจเป็นแค่ “เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ” ตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของคุณได้อย่างน่าทึ่ง ลองนึกภาพว่าแสงแดดส่องเข้าหน้าต่างตอนบ่าย เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนแล้วสั่งให้ม่านปิดอัตโนมัติ หรือเมื่ออุณหภูมิในห้องสูงเกินไป พัดลมก็เปิดเองโดยไม่ต้องแตะสวิตช์ ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันอันตราย และดูแลคนในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เช่น แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิลดต่ำจนเสี่ยงท่อน้ำแข็งแตก หรือเมื่ออากาศในบ้านร้อนเกินไปสำหรับสัตว์เลี้ยง เทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เซนเซอร์ที่เชื่อมกับแอปมือถือก็สามารถแจ้งเตือนให้คุณเปิดหน้าต่าง ปรับเครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เตรียมก่อไฟในเตาผิงได้ทันเวลา ✅ ใช้เซนเซอร์ควบคุมม่านอัตโนมัติ ➡️ ปรับม่านตามอุณหภูมิภายนอกเพื่อควบคุมความร้อนในบ้าน ➡️ ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและประหยัดพลังงาน ➡️ ใช้ร่วมกับระบบ SwitchBot หรือแพลตฟอร์มอื่นได้ ✅ เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ➡️ เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิในแต่ละห้อง ➡️ สั่งงานผ่านสมาร์ทปลั๊กหรือระบบบ้านอัจฉริยะ ➡️ เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบ HVAC รวมศูนย์ ✅ รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ ➡️ แจ้งเมื่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินค่าที่ตั้งไว้ ➡️ ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยง พืช และสมาชิกในบ้าน ➡️ วิเคราะห์ประวัติอุณหภูมิเพื่อวางแผนการใช้พลังงาน ✅ เปิดหรือปิดหน้าต่างตามสภาพอากาศ ➡️ เปรียบเทียบอุณหภูมิภายนอกกับภายใน ➡️ แจ้งเตือนให้เปิดหน้าต่างเมื่ออากาศเย็นกว่า ➡️ สามารถตั้งระบบเปิดหน้าต่างอัตโนมัติได้ (ต้องมีอุปกรณ์เสริม) ✅ ป้องกันท่อน้ำแข็งแตกในฤดูหนาว ➡️ ติดตั้งเซนเซอร์ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ใต้ถุนหรือห้องใต้ดิน ➡️ แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป ➡️ บางรุ่นมีฟังก์ชันวัดความชื้นเพื่อเตือนภัยน้ำรั่ว ‼️ การติดตั้งในพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่เสถียร ⛔ เซนเซอร์บางรุ่นอาจไม่ทำงานหาก Wi-Fi หรือ Bluetooth ขาดช่วง ⛔ ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขาดการเชื่อมต่อ ‼️ ความแม่นยำของเซนเซอร์ราคาถูก ⛔ เซนเซอร์บางรุ่นอาจมีค่าคลาดเคลื่อนสูง ⛔ ควรตรวจสอบรีวิวและเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ https://www.slashgear.com/2017704/temperature-sensor-home-uses/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Handy Ways To Use Temperature Sensors In Your Home - SlashGear
    If you think smart home, you might not imagine a temperature sensor, but there's a lot you can achieve with one of those and some imagination.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟังก์ชันคอลใน LLMs: ก้าวกระโดดจากผู้ช่วยพูดคุย สู่เอเจนต์อัจฉริยะที่ลงมือทำได้จริง

    ลองจินตนาการว่า AI ไม่ได้แค่ตอบคำถาม แต่สามารถ “เรียกใช้ฟังก์ชัน” เพื่อดึงข้อมูลจริง ทำงานแทนคุณ หรือจัดการกระบวนการซับซ้อนได้เอง นี่คือพลังของ “Function Calling” ใน LLMs ที่กำลังเปลี่ยนเกมของวงการ AI อย่างแท้จริง!

    ก่อนหน้านี้ LLMs อย่าง GPT หรือ LLaMA ทำได้แค่ “พูดคุย” หรือ “เขียนข้อความ” แต่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลจริงหรือทำงานจริงได้ เช่น ถ้าคุณถามว่า “ตอนนี้อากาศที่โตเกียวเป็นยังไง” มันก็จะเดา หรือบอกว่าไม่รู้

    แต่ด้วย “Function Calling” โมเดลสามารถเข้าใจว่า “อ๋อ! ต้องเรียกฟังก์ชัน get_weather(“Tokyo”)” แล้วให้โค้ดของคุณไปดึงข้อมูลจริงมาให้มันตอบกลับอย่างชาญฉลาด

    นี่คือการเปลี่ยน LLM จาก “นักพูด” เป็น “นักปฏิบัติ” ที่สามารถ:
    ดึงข้อมูลเรียลไทม์
    เรียก API ภายนอก
    สั่งงาน เช่น ส่งอีเมล จองร้านอาหาร
    ควบคุมอุปกรณ์ IoT
    ประมวลผลข้อมูลหรือคำนวณอย่างแม่นยำ
    วางแผนและจัดการเวิร์กโฟลว์หลายขั้นตอน

    ความสามารถใหม่ของ LLMs
    Function Calling ช่วยให้โมเดลเรียกใช้ฟังก์ชันภายนอกได้
    โมเดลไม่รันฟังก์ชันเอง แต่สร้างคำสั่งให้โค้ดของคุณรันแทน

    ขั้นตอนการทำงานของ Function Calling
    นิยามฟังก์ชันที่โมเดลสามารถเรียกใช้ (ชื่อ, พารามิเตอร์, คำอธิบาย)
    ส่งข้อความผู้ใช้ + รายการฟังก์ชันให้โมเดล
    โมเดลตัดสินใจว่าจะเรียกฟังก์ชันหรือไม่
    โค้ดของคุณรันฟังก์ชันและส่งผลลัพธ์กลับ
    โมเดลตอบกลับด้วยข้อมูลที่ได้

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    ดึงข้อมูลเรียลไทม์ เช่น สภาพอากาศ, ราคาหุ้น, ข่าว
    สอบถามฐานข้อมูล เช่น สถานะคำสั่งซื้อ
    สั่งงาน เช่น สร้างนัดหมาย, ส่งอีเมล
    จัดการเวิร์กโฟลว์หลายขั้นตอน เช่น จองร้านอาหาร
    คำนวณทางการเงิน เช่น ดอกเบี้ย, ภาษี
    เชื่อมต่อ API ภายนอก เช่น ระบบแปลภาษา, ระบบชำระเงิน

    แนวทางการใช้งาน
    ใช้ JSON Schema เพื่อกำหนดฟังก์ชัน
    ตรวจสอบความถูกต้องของพารามิเตอร์ก่อนรัน
    แยกฟังก์ชันให้เล็กและเฉพาะเจาะจง
    ใช้ enum เพื่อจำกัดค่าที่รับได้
    ใส่ระบบยืนยันสิทธิ์ก่อนรันคำสั่งสำคัญ

    โมเดลที่รองรับ Function Calling
    GPT-3.5, GPT-4 จาก OpenAI
    LLaMA 3.1 (โดยเฉพาะรุ่น 70B)
    Mistral, Qwen และโมเดลโอเพ่นซอร์สอื่นที่รองรับ tools

    https://securityonline.info/unlocking-function-calling-in-llms-and-why-its-a-big-deal/
    🧠 ฟังก์ชันคอลใน LLMs: ก้าวกระโดดจากผู้ช่วยพูดคุย สู่เอเจนต์อัจฉริยะที่ลงมือทำได้จริง ลองจินตนาการว่า AI ไม่ได้แค่ตอบคำถาม แต่สามารถ “เรียกใช้ฟังก์ชัน” เพื่อดึงข้อมูลจริง ทำงานแทนคุณ หรือจัดการกระบวนการซับซ้อนได้เอง นี่คือพลังของ “Function Calling” ใน LLMs ที่กำลังเปลี่ยนเกมของวงการ AI อย่างแท้จริง! ก่อนหน้านี้ LLMs อย่าง GPT หรือ LLaMA ทำได้แค่ “พูดคุย” หรือ “เขียนข้อความ” แต่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลจริงหรือทำงานจริงได้ เช่น ถ้าคุณถามว่า “ตอนนี้อากาศที่โตเกียวเป็นยังไง” มันก็จะเดา หรือบอกว่าไม่รู้ แต่ด้วย “Function Calling” โมเดลสามารถเข้าใจว่า “อ๋อ! ต้องเรียกฟังก์ชัน get_weather(“Tokyo”)” แล้วให้โค้ดของคุณไปดึงข้อมูลจริงมาให้มันตอบกลับอย่างชาญฉลาด นี่คือการเปลี่ยน LLM จาก “นักพูด” เป็น “นักปฏิบัติ” ที่สามารถ: 💠 ดึงข้อมูลเรียลไทม์ 💠 เรียก API ภายนอก 💠 สั่งงาน เช่น ส่งอีเมล จองร้านอาหาร 💠 ควบคุมอุปกรณ์ IoT 💠 ประมวลผลข้อมูลหรือคำนวณอย่างแม่นยำ 💠 วางแผนและจัดการเวิร์กโฟลว์หลายขั้นตอน ✅ ความสามารถใหม่ของ LLMs ➡️ Function Calling ช่วยให้โมเดลเรียกใช้ฟังก์ชันภายนอกได้ ➡️ โมเดลไม่รันฟังก์ชันเอง แต่สร้างคำสั่งให้โค้ดของคุณรันแทน ✅ ขั้นตอนการทำงานของ Function Calling ➡️ นิยามฟังก์ชันที่โมเดลสามารถเรียกใช้ (ชื่อ, พารามิเตอร์, คำอธิบาย) ➡️ ส่งข้อความผู้ใช้ + รายการฟังก์ชันให้โมเดล ➡️ โมเดลตัดสินใจว่าจะเรียกฟังก์ชันหรือไม่ ➡️ โค้ดของคุณรันฟังก์ชันและส่งผลลัพธ์กลับ ➡️ โมเดลตอบกลับด้วยข้อมูลที่ได้ ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ ดึงข้อมูลเรียลไทม์ เช่น สภาพอากาศ, ราคาหุ้น, ข่าว ➡️ สอบถามฐานข้อมูล เช่น สถานะคำสั่งซื้อ ➡️ สั่งงาน เช่น สร้างนัดหมาย, ส่งอีเมล ➡️ จัดการเวิร์กโฟลว์หลายขั้นตอน เช่น จองร้านอาหาร ➡️ คำนวณทางการเงิน เช่น ดอกเบี้ย, ภาษี ➡️ เชื่อมต่อ API ภายนอก เช่น ระบบแปลภาษา, ระบบชำระเงิน ✅ แนวทางการใช้งาน ➡️ ใช้ JSON Schema เพื่อกำหนดฟังก์ชัน ➡️ ตรวจสอบความถูกต้องของพารามิเตอร์ก่อนรัน ➡️ แยกฟังก์ชันให้เล็กและเฉพาะเจาะจง ➡️ ใช้ enum เพื่อจำกัดค่าที่รับได้ ➡️ ใส่ระบบยืนยันสิทธิ์ก่อนรันคำสั่งสำคัญ ✅ โมเดลที่รองรับ Function Calling ➡️ GPT-3.5, GPT-4 จาก OpenAI ➡️ LLaMA 3.1 (โดยเฉพาะรุ่น 70B) ➡️ Mistral, Qwen และโมเดลโอเพ่นซอร์สอื่นที่รองรับ tools https://securityonline.info/unlocking-function-calling-in-llms-and-why-its-a-big-deal/
    SECURITYONLINE.INFO
    Unlocking Function Calling in LLMs (And Why It's a Big Deal)
    Large language models can generate impressive text, answer questions, and engage in conversation. But until recently, they existed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนภัยไซเบอร์! ช่องโหว่ร้ายแรงในระบบ VizAir เสี่ยงต่อความปลอดภัยการบินทั่วโลก

    CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ออกประกาศเตือนด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ระดับ “วิกฤต” ในระบบตรวจอากาศ VizAir ที่ใช้ในสนามบินทั่วโลก โดยช่องโหว่เหล่านี้มีคะแนน CVSS สูงสุดที่ 10.0 ซึ่งหมายถึงความเสี่ยงระดับสูงสุดต่อการถูกโจมตีและส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน

    Radiometrics VizAir เป็นระบบตรวจอากาศที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ เช่น ลมเฉือน (wind shear), การกลับด้านของอุณหภูมิ (temperature inversion), และ CAPE (Convective Available Potential Energy) เพื่อช่วยในการวางแผนการบินและการจัดการรันเวย์

    CISA ระบุว่ามีช่องโหว่ 3 รายการที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถ:
    เข้าถึงแผงควบคุมโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    แก้ไขข้อมูลอากาศแบบเรียลไทม์
    ปิดการแจ้งเตือนความเสี่ยง
    ดึงข้อมูลอากาศที่เป็นความลับ
    สร้างความสับสนให้กับระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ

    Radiometrics ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันเดือนสิงหาคม 2025 และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตทันที พร้อมตั้งค่าการป้องกันเครือข่ายให้รัดกุม

    สรุปประเด็นสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-61945: เข้าถึงแผงควบคุม VizAir โดยไม่ต้องล็อกอิน
    ผู้โจมตีสามารถแก้ไขข้อมูลลมเฉือน, inversion depth และ CAPE ได้ทันที

    ช่องโหว่ CVE-2025-54863: การเปิดเผย API key ผ่านไฟล์ config
    ทำให้สามารถควบคุมระบบจากระยะไกลและดึงข้อมูลอากาศได้

    ช่องโหว่ CVE-2025-61956: ไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์ในการเรียก API
    ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนการตั้งค่ารันเวย์และข้อมูลที่ส่งไปยัง ATC ได้

    VizAir ใช้ในสนามบินทั่วโลกเพื่อวิเคราะห์สภาพอากาศ
    มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจด้านความปลอดภัยการบิน

    Radiometrics ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 08/2025
    ผู้ใช้งานควรอัปเดตทันทีและตั้งค่าการป้องกันเครือข่ายให้ปลอดภัย

    ช่องโหว่ทั้งหมดมีคะแนน CVSS 10.0
    หมายถึงความเสี่ยงระดับสูงสุดต่อการถูกโจมตี

    หากระบบ VizAir ถูกโจมตี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางอากาศ
    เช่น การจัดรันเวย์ผิดพลาด, การแจ้งเตือนลมเฉือนไม่ทำงาน

    ระบบที่ยังไม่ได้อัปเดตมีความเสี่ยงสูง
    โดยเฉพาะหากเชื่อมต่อกับเครือข่ายสาธารณะหรือไม่มีการยืนยันตัวตน

    เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
    CAPE เป็นค่าที่ใช้วัดพลังงานในบรรยากาศที่อาจทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ซึ่งมีผลต่อการวางแผนการบิน
    การโจมตีระบบตรวจอากาศอาจไม่ใช่แค่เรื่องข้อมูลผิดพลาด แต่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักบินและเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินโดยตรง
    การแยกระบบออกจากเครือข่ายสาธารณะและใช้การยืนยันตัวตนหลายชั้นเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกันการโจมตีลักษณะนี้

    นี่คือการเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม—เพราะความปลอดภัยของผู้โดยสารหลายพันคนอาจขึ้นอยู่กับการอัปเดตระบบเพียงครั้งเดียว

    https://securityonline.info/cisa-warns-critical-vizair-flaws-cvss-10-0-expose-airport-weather-systems-to-unauthenticated-manipulation/
    ✈️ เตือนภัยไซเบอร์! ช่องโหว่ร้ายแรงในระบบ VizAir เสี่ยงต่อความปลอดภัยการบินทั่วโลก CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ออกประกาศเตือนด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ระดับ “วิกฤต” ในระบบตรวจอากาศ VizAir ที่ใช้ในสนามบินทั่วโลก โดยช่องโหว่เหล่านี้มีคะแนน CVSS สูงสุดที่ 10.0 ซึ่งหมายถึงความเสี่ยงระดับสูงสุดต่อการถูกโจมตีและส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน Radiometrics VizAir เป็นระบบตรวจอากาศที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ เช่น ลมเฉือน (wind shear), การกลับด้านของอุณหภูมิ (temperature inversion), และ CAPE (Convective Available Potential Energy) เพื่อช่วยในการวางแผนการบินและการจัดการรันเวย์ CISA ระบุว่ามีช่องโหว่ 3 รายการที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถ: 📍 เข้าถึงแผงควบคุมโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน 📍 แก้ไขข้อมูลอากาศแบบเรียลไทม์ 📍 ปิดการแจ้งเตือนความเสี่ยง 📍 ดึงข้อมูลอากาศที่เป็นความลับ 📍 สร้างความสับสนให้กับระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ Radiometrics ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันเดือนสิงหาคม 2025 และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตทันที พร้อมตั้งค่าการป้องกันเครือข่ายให้รัดกุม 📌 สรุปประเด็นสำคัญจากข่าว ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-61945: เข้าถึงแผงควบคุม VizAir โดยไม่ต้องล็อกอิน ➡️ ผู้โจมตีสามารถแก้ไขข้อมูลลมเฉือน, inversion depth และ CAPE ได้ทันที ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-54863: การเปิดเผย API key ผ่านไฟล์ config ➡️ ทำให้สามารถควบคุมระบบจากระยะไกลและดึงข้อมูลอากาศได้ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-61956: ไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์ในการเรียก API ➡️ ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนการตั้งค่ารันเวย์และข้อมูลที่ส่งไปยัง ATC ได้ ✅ VizAir ใช้ในสนามบินทั่วโลกเพื่อวิเคราะห์สภาพอากาศ ➡️ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจด้านความปลอดภัยการบิน ✅ Radiometrics ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 08/2025 ➡️ ผู้ใช้งานควรอัปเดตทันทีและตั้งค่าการป้องกันเครือข่ายให้ปลอดภัย ‼️ ช่องโหว่ทั้งหมดมีคะแนน CVSS 10.0 ⛔ หมายถึงความเสี่ยงระดับสูงสุดต่อการถูกโจมตี ‼️ หากระบบ VizAir ถูกโจมตี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางอากาศ ⛔ เช่น การจัดรันเวย์ผิดพลาด, การแจ้งเตือนลมเฉือนไม่ทำงาน ‼️ ระบบที่ยังไม่ได้อัปเดตมีความเสี่ยงสูง ⛔ โดยเฉพาะหากเชื่อมต่อกับเครือข่ายสาธารณะหรือไม่มีการยืนยันตัวตน 📚 เกร็ดความรู้เพิ่มเติม 🎗️ CAPE เป็นค่าที่ใช้วัดพลังงานในบรรยากาศที่อาจทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ซึ่งมีผลต่อการวางแผนการบิน 🎗️ การโจมตีระบบตรวจอากาศอาจไม่ใช่แค่เรื่องข้อมูลผิดพลาด แต่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักบินและเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินโดยตรง 🎗️ การแยกระบบออกจากเครือข่ายสาธารณะและใช้การยืนยันตัวตนหลายชั้นเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกันการโจมตีลักษณะนี้ นี่คือการเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม—เพราะความปลอดภัยของผู้โดยสารหลายพันคนอาจขึ้นอยู่กับการอัปเดตระบบเพียงครั้งเดียว 🛫🔐 https://securityonline.info/cisa-warns-critical-vizair-flaws-cvss-10-0-expose-airport-weather-systems-to-unauthenticated-manipulation/
    SECURITYONLINE.INFO
    CISA Warns: Critical VizAir Flaws (CVSS 10.0) Expose Airport Weather Systems to Unauthenticated Manipulation
    CISA warned of three Critical flaws (CVSS 10.0) in Radiometrics VizAir weather systems. Unauthenticated attackers can manipulate wind shear alerts and runway configurations, risking hazardous flight conditions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งฟอกทองคำฟอกเงินค้ามนุษย์ของเถื่อนค้ายาค้าอาวุธตลอดจนอาชญากรรมใดๆ,ดูกระแสเงินสด การไหลเวียนของเงินเชื่อมโยงใครบ้างก็รู้หมดจากแบงค์ชาตินั้นล่ะ,เพราะเบื้องต้นมันทำเพื่อเงินเพื่อตังทั้งหมด,กระแสเงินไหลเข้าไหลออกบัญชีใครผิดปกติ แบงค์ชาติไทยเห็นหมดล่ะ ไหลออกประเทศเข้าประเทศก็เห็นหมด, ต่างชาติทำธุรกรรมผิดปกติใดๆในไทยก็รับระบบตรวจสอบได้หมด,จบที่แบงค์ชาติหมด,แต่แบงค์ชาติเป็นของอีลิทdeep stateตระกูลชั่วสากลโลก ทั่วโลกธนาคารในแต่ละประเทศทุกๆประเทศที่มีธนาคารกลางล้วนมันคือเจ้าของ รัฐประเทศไหนๆนั้นๆจึงถูกพวกมันกั้นออกไป ไม่สามารถเข้าไปปกครองหรือสั่งงานสั่งการ ออกคำสั่งใดๆเด็ดขาดให้ทำตามรัฐบาลประเทศนั้นๆได้ ควบคุมเด็ดขาดไม่ได้ มุกสวยหรูคือ ให้ธนาคารชาตินั้นๆขึ้นเป็นอิสระจากคำสั่งปกครองของรัฐบาลในประเทศนั้นๆ ย่อมาไทยคือแบงค์ชาติเป็นอิสระจากการบริหารจากการปกครองจากคำสั่งให้บังคับใช้ได้ทันทีแก่แบงค์ชาติไทยไม่ได้ มุกอีลิทซาตาน ยึดธนาคารกลางแบงค์ชาติประเทศใดได้บนทั่วโลกเสมือนยึดปกครองเศรษฐกิจภายในการปกครองทางเมืองประเทศนั้นๆทั้งทางตรงและทางอ้อมได้เด็ดขาดเกือบ100%ได้แล้ว,จึงไม่แปลกใจทำไม กลุ่มธนาคารในตลาดsetจึงมีผลประการเป็นเขียวเป็นบวกในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นทั้งตลาดในยามวิกฤติโลกแดงเต็มไปหมดในตลาดsetไทย,แต่กลุ่มแบงค์กลับมีกำไรเป็นว่าเล่นเพราะอีลิทมารซาตานโลกสั่งนั้นเองในไทยเรา.
    ..เงินดิจิดัลมันก็สั่งปูพรมในไทยปูทางให้เกิดให้ได้จึงเร่งรีบให้ถือกำเนิดตัวละครเงินดิจิดัลขึ้น,การอ้างเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์เงินฟอกเงินปั่นเงินเทามาซื้อเสียงเลือกตังก็ให้คนไทยหันเหว่าการใช้ตังกระดาษไม่ดีมันใช้ซื้อเสียงได้ง่าย มาเปลี่ยนใช้เงินดิจิดัลเถอะ ทำให้เห็นว่าคนขายเสียงซื้อเสียงได้จับกุม ตรวจสอบใดๆย้อนหลังหรือเรียลไทม์ได้หมด,มันต้อนผู้คนชาวไทยไปอีกคอกหนึ่งคอกควายคอกวัวคอกแพะคอกแกะสู่การควบคุมตรวจสอบได้เด็ดขาดขึ้นในอนาคต,ทั้งหมดมากมายมันบีบให้เข้าไปในกรอบในกระดานในแผนในวาระแผนการมันทั้งหมด,กฎหมายคาร์บอนเครดิตการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็เขียนเข้าสภาเรียบร้อยแล้ว ,ใช้pm2.5คือข้ออ้างควบคุมมนุษย์คนไทย.
    ..เงินๆๆๆและเงิน มันจะทำลายระบบเงินเก่า ทาสเงินกระดาษเก่า เปลี่ยนไปสู่ยุคทาสเงินที่จับต้องไม่ได้ ทาสเงินอากาศอิเล็กทรอนิกส์เงินลมๆเงินแล้งๆจริง คือเงินดิจิดัลที่กำหนดเงื่อนไขการดำเนินชีวิตของทุกๆคนบนโลกนี้ได้,คอกควบคุมอิสระภาพ คอกควบคุมเจตนำนงเสรีคุณทั้งโลก.
    ..สงครามไทยเขมร สงครามดินแดนคือหมากล่อปลอม,แหกตาคนไทย ของจริงคือลดประชากรไทย1 ควบคุมคนไทย1ให้เด็ดขาดให้ได้,ยึดประเทศไทยได้ยิ่งดี1อย่างเปิดเผยและออกหน้าออกตากว่าในอดีตที่เคยผ่านมานั้น,อดีตที่เคยผ่านมาจากผลงานการยึดบ่อน้ำมันทั่วไทยและบ่อทองคำทั่วแผ่นดินเป็นของต่างชาติของพวกมันทางลับผ่านทางรัฐบาลขี้ข้าส้นตีนมันสั่งซ้ายสั่งขวาได้หมดในอดีตถึงปัจจุบันนี้ล่ะ ล่าสุดแร่เอิร์ธเต็มๆ.,ตลอดแร่มีค่ามหาศาลมากมายอื่นอีกเพรียบ,มันปกครอง มันยึดควบคุมหลังฉากเบื้องหลังเราคนไทยตลอด,ทหารไทยมากมายจึงทำชั่วเลวสนองฝ่ายมันอยู่ฝ่ายมันเป็นอันมากยึดอำนาจมาได้ มันจึงเขียนกฎหมายมากมายเต็มประเทศไทยมาบังคับกดขี่ข่มเหงคนไทยมากมายมาโดยตลอด กฎหมายไม่สมควรออก ปัญญาอ่อนมันก็เขียนออกมาตลอดอย่างง่ายดาย mouห่าเหวใดๆก็ตกลงกันตามอำเภอใจในอดีต กฎหมายอะไรคนดีเราเขียนกั้นไว้มันก็ฉีกทิ้งเขียนใหม่เพื่อปกป้องเดอะแก๊งเดอะก๊กเดอะคนของฝ่ายมัน อำนวยคนฝ่ายมันมานั่งปกครองในตำแหน่งใหญ่โตเต็มบ้านเต็มเมืองกระจายตัวทั่วประเทศไปหมด,ยุคศิวิไลซ์ฝ่ายชั่วเลวประจำโลกในประเทศไทยก็ได้.
    ..จริงๆคนไทยไม่สมควรอยู่ในสถานะยากจนเลย แต่เพราะมันยึดหัวปกครองหัวเราได้ ทั้งตัวจึงเสียหาย ผีบ้าไม่เต็มส่วนไปหมด,ส่วนดีหน่อยคุ้มดีก็หยิบนั้นนี้ใส่ปากพออยู่ได้ เส้นเสียเป็นหงิกเป็นหงอย ส่วนไม่ดีทั่วร่างกายเว้นไว้ส่วนดีเช่นคนดีในบ้านในเมืองเรายังมีอยู่ก็พอกินยาแก้หงิกหงอยทันกาลบ้างจังหวะได้,อดีตตัังแต่เราเสียดินแดนให้นักล่าอาณานิคมนั้นล่ะ จนเหลือแค่แผ่นดินไทยในปัจจุบันนี้ได้มันเริ่มกระบวนการเอาประเทศไทยมาแล้วจนถึงปัจจุบันมันก็จะเอาให้ได้นั่นเอง,ปรับวิธีการกลยุทธมาโดยตลอด,จนสุดท้ายสำเร็จบังคับคนไทยฉีดตายได้ในยุคลุงกว่าร้อยๆโดส คนละ1-2เข็ม กว่า60ล้านคนถูกฉีดตาย,ยุคลุงจึงเป็นการยึดอำนาจอย่างมีการวางแผนการไว้ดีแล้วเพื่อเตรียมฉีดตายนี้ล่ะของจริง,รวมทั้งผีบ้าแบบเขมรที่เปิดยิงระเบิดใส่ไทยก่อน มันก็สร้างเหตุสร้างแผนการปัจจัยวางหมากรอแล้ว เช่นนั้นเขมรผีบ้าไม่กล้าหรอก.,ให้ร้อยความกล้าก็ไม่ทำ,จนรีบให้มาเลย์อเมริกามาช่วยหยุดไทยฆ่าฝ่ายมันก่อนถึงพนมเปญ.เสียแผนด้วย จีนคอมมิวนิสต์ก็ด้วย เสียแผนจีนเช่นกัน,โลกนี้จริงๆทุกๆประเทศยืนหนึ่งไม่สู้ไทย อีลิทฝ่ายมืดทั่วโลกกลัวประเทศไทยที่สุด ตลอดต่างดาวใต้ทะเลมหาสมุทรก็ด้วย,ทั้งเกรงใจ ทั้งกลัวคนไทยสายพุทธ เพราะพวกนี้บรรลุธรรมได้ของจริง มีพลังสนามแม่เหล็กขั้นหลุดพ้นเหนือพลังมันได้หมดด้วย,ถ้าปล่อยคนไทยเจริญทางจิตวิญญาณ สุขกายสุขใจ มันจะเจริญสุขทางใจได้สะดวก บรรลุธรรมได้ไวได้ดีได้ง่าย ซวยคือฝ่ายมืดมารมันจะลำบากเพราะคนไทยจะเห็นแจ้งต่อหมดไปหมดไร้ที่ซ่อนใดๆนั้นเอง ยิ่งสามัคคีกันทั่วไทยอีก บรรลัยทั้งอาณาจักรฝ่ายมืดมันนี้,ประเทศนี้จึงห้ามสงบสุขทุกๆกรณี วุ่นวาย โกลาหลให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาให้ได้ ทำลายสถาบันกษัตริย์มันคือสิ่งแรกทันที จึงเกิดพวกชูสามนิ้วเปิดหน้าชกอย่างชัดเจนกว่าในอดีตที่ผ่านๆมา.,เพราะยุคสุดท้ายเวลานี้ คือยกจบ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจบ รู้ผลแพ้ชนะ,มืดปกครองโลกก็เวลานี้เลย,แสงขาวฝ่ายดีปกครองโลกก็ช่วงจังหวะเวลานี้เลย,ไทม์ไลน์เวลาเราคือช่วงนี้ก็ช่วงนี้ มิติอื่นก็มิติอื่น ปัจจุบันคือช่วงเวลาเราบนสมมุติโลกในขณะนี้,
    ..ไทยจะเป็นไทยหรือเมืองหลวงของอีลิทซาตานโลกก็เวลานี้ล่ะ.

    ..สถานะใดๆเราคนไทยสามัคคีกันจะร่วมกันเป็นได้ในยุคเราในรุ่นเรา,นรกหรือสวรรค์คนไทย เรา..คนไทยช่วยกันเลือกได้,เพราะเราคือสังคมใหญ่ระดับชาติประเทศมิอาจอยู่คนเดียวหรือข้าคือตำนานหนึ่งเดียวไม่ได้,ไปไหน..เราคนไทยอยู่ร่วมกันไปด้วยกันหมด,เพราะเราอยู่บ้านเดียวกัน นี้คือบ้านเรา คือแผ่นดินเรา ที่เราอาศัยเกิด อาศัยแก่ อาศัยตาย.,ไม่มีชาติใดๆจะรักคนไทยได้ดีกว่าคนไทยรักกันเองหรอก.,คนอเมริกาทั้งประเทศมารักคนไทยดีกว่าคนไทยมั้ย,คนฝรั่งยุโรปจะมีรักคนไทยรักแผ่นดินไทยดีกว่าคนไทยจริงเหรอ อดีตเห็นแต่มาปล้นมาชิงสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายขนกลับไปเสวยสุขในชาติประเทศมัน,เรา..คนไทยต้องสามัคคี มารักกัน ไม่ก้าวล่วงทำร้ายทำลายกันภายในกันเอง จะนับถือศาสนาความเชื่อใดๆ เราต้องรักและสามัคคีกันปกป้องแผ่นดินไทยเรา,เรา..คนไทยไปอาศัยแผ่นดินคนอื่นอยู่ บ้านคนอื่นตายคนอื่นนอนมีความสุขจริงๆเหรอ.,แผ่นดินไทยเท่านั้นที่เติมเต็มสมบูรณ์ทุกๆคำตอบในจิตในใจเราอย่างลงใจ.

    ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจเท่านั้นคือหนทางออกเดียว.,จะแก้ทั้งกระดานหมากพวกชั่วเลวนี้ทั้งผูกทั้งวางได้หมด,ทำลายเพื่อสร้างใหม่ให้ดีๆก็ได้.มันเน่ามันพังไปหมดแล้ว.

    https://youtu.be/0uY1iVWLMec?si=SipLS_hw1f3kgQA2
    ใครเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งฟอกทองคำฟอกเงินค้ามนุษย์ของเถื่อนค้ายาค้าอาวุธตลอดจนอาชญากรรมใดๆ,ดูกระแสเงินสด การไหลเวียนของเงินเชื่อมโยงใครบ้างก็รู้หมดจากแบงค์ชาตินั้นล่ะ,เพราะเบื้องต้นมันทำเพื่อเงินเพื่อตังทั้งหมด,กระแสเงินไหลเข้าไหลออกบัญชีใครผิดปกติ แบงค์ชาติไทยเห็นหมดล่ะ ไหลออกประเทศเข้าประเทศก็เห็นหมด, ต่างชาติทำธุรกรรมผิดปกติใดๆในไทยก็รับระบบตรวจสอบได้หมด,จบที่แบงค์ชาติหมด,แต่แบงค์ชาติเป็นของอีลิทdeep stateตระกูลชั่วสากลโลก ทั่วโลกธนาคารในแต่ละประเทศทุกๆประเทศที่มีธนาคารกลางล้วนมันคือเจ้าของ รัฐประเทศไหนๆนั้นๆจึงถูกพวกมันกั้นออกไป ไม่สามารถเข้าไปปกครองหรือสั่งงานสั่งการ ออกคำสั่งใดๆเด็ดขาดให้ทำตามรัฐบาลประเทศนั้นๆได้ ควบคุมเด็ดขาดไม่ได้ มุกสวยหรูคือ ให้ธนาคารชาตินั้นๆขึ้นเป็นอิสระจากคำสั่งปกครองของรัฐบาลในประเทศนั้นๆ ย่อมาไทยคือแบงค์ชาติเป็นอิสระจากการบริหารจากการปกครองจากคำสั่งให้บังคับใช้ได้ทันทีแก่แบงค์ชาติไทยไม่ได้ มุกอีลิทซาตาน ยึดธนาคารกลางแบงค์ชาติประเทศใดได้บนทั่วโลกเสมือนยึดปกครองเศรษฐกิจภายในการปกครองทางเมืองประเทศนั้นๆทั้งทางตรงและทางอ้อมได้เด็ดขาดเกือบ100%ได้แล้ว,จึงไม่แปลกใจทำไม กลุ่มธนาคารในตลาดsetจึงมีผลประการเป็นเขียวเป็นบวกในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นทั้งตลาดในยามวิกฤติโลกแดงเต็มไปหมดในตลาดsetไทย,แต่กลุ่มแบงค์กลับมีกำไรเป็นว่าเล่นเพราะอีลิทมารซาตานโลกสั่งนั้นเองในไทยเรา. ..เงินดิจิดัลมันก็สั่งปูพรมในไทยปูทางให้เกิดให้ได้จึงเร่งรีบให้ถือกำเนิดตัวละครเงินดิจิดัลขึ้น,การอ้างเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์เงินฟอกเงินปั่นเงินเทามาซื้อเสียงเลือกตังก็ให้คนไทยหันเหว่าการใช้ตังกระดาษไม่ดีมันใช้ซื้อเสียงได้ง่าย มาเปลี่ยนใช้เงินดิจิดัลเถอะ ทำให้เห็นว่าคนขายเสียงซื้อเสียงได้จับกุม ตรวจสอบใดๆย้อนหลังหรือเรียลไทม์ได้หมด,มันต้อนผู้คนชาวไทยไปอีกคอกหนึ่งคอกควายคอกวัวคอกแพะคอกแกะสู่การควบคุมตรวจสอบได้เด็ดขาดขึ้นในอนาคต,ทั้งหมดมากมายมันบีบให้เข้าไปในกรอบในกระดานในแผนในวาระแผนการมันทั้งหมด,กฎหมายคาร์บอนเครดิตการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็เขียนเข้าสภาเรียบร้อยแล้ว ,ใช้pm2.5คือข้ออ้างควบคุมมนุษย์คนไทย. ..เงินๆๆๆและเงิน มันจะทำลายระบบเงินเก่า ทาสเงินกระดาษเก่า เปลี่ยนไปสู่ยุคทาสเงินที่จับต้องไม่ได้ ทาสเงินอากาศอิเล็กทรอนิกส์เงินลมๆเงินแล้งๆจริง คือเงินดิจิดัลที่กำหนดเงื่อนไขการดำเนินชีวิตของทุกๆคนบนโลกนี้ได้,คอกควบคุมอิสระภาพ คอกควบคุมเจตนำนงเสรีคุณทั้งโลก. ..สงครามไทยเขมร สงครามดินแดนคือหมากล่อปลอม,แหกตาคนไทย ของจริงคือลดประชากรไทย1 ควบคุมคนไทย1ให้เด็ดขาดให้ได้,ยึดประเทศไทยได้ยิ่งดี1อย่างเปิดเผยและออกหน้าออกตากว่าในอดีตที่เคยผ่านมานั้น,อดีตที่เคยผ่านมาจากผลงานการยึดบ่อน้ำมันทั่วไทยและบ่อทองคำทั่วแผ่นดินเป็นของต่างชาติของพวกมันทางลับผ่านทางรัฐบาลขี้ข้าส้นตีนมันสั่งซ้ายสั่งขวาได้หมดในอดีตถึงปัจจุบันนี้ล่ะ ล่าสุดแร่เอิร์ธเต็มๆ.,ตลอดแร่มีค่ามหาศาลมากมายอื่นอีกเพรียบ,มันปกครอง มันยึดควบคุมหลังฉากเบื้องหลังเราคนไทยตลอด,ทหารไทยมากมายจึงทำชั่วเลวสนองฝ่ายมันอยู่ฝ่ายมันเป็นอันมากยึดอำนาจมาได้ มันจึงเขียนกฎหมายมากมายเต็มประเทศไทยมาบังคับกดขี่ข่มเหงคนไทยมากมายมาโดยตลอด กฎหมายไม่สมควรออก ปัญญาอ่อนมันก็เขียนออกมาตลอดอย่างง่ายดาย mouห่าเหวใดๆก็ตกลงกันตามอำเภอใจในอดีต กฎหมายอะไรคนดีเราเขียนกั้นไว้มันก็ฉีกทิ้งเขียนใหม่เพื่อปกป้องเดอะแก๊งเดอะก๊กเดอะคนของฝ่ายมัน อำนวยคนฝ่ายมันมานั่งปกครองในตำแหน่งใหญ่โตเต็มบ้านเต็มเมืองกระจายตัวทั่วประเทศไปหมด,ยุคศิวิไลซ์ฝ่ายชั่วเลวประจำโลกในประเทศไทยก็ได้. ..จริงๆคนไทยไม่สมควรอยู่ในสถานะยากจนเลย แต่เพราะมันยึดหัวปกครองหัวเราได้ ทั้งตัวจึงเสียหาย ผีบ้าไม่เต็มส่วนไปหมด,ส่วนดีหน่อยคุ้มดีก็หยิบนั้นนี้ใส่ปากพออยู่ได้ เส้นเสียเป็นหงิกเป็นหงอย ส่วนไม่ดีทั่วร่างกายเว้นไว้ส่วนดีเช่นคนดีในบ้านในเมืองเรายังมีอยู่ก็พอกินยาแก้หงิกหงอยทันกาลบ้างจังหวะได้,อดีตตัังแต่เราเสียดินแดนให้นักล่าอาณานิคมนั้นล่ะ จนเหลือแค่แผ่นดินไทยในปัจจุบันนี้ได้มันเริ่มกระบวนการเอาประเทศไทยมาแล้วจนถึงปัจจุบันมันก็จะเอาให้ได้นั่นเอง,ปรับวิธีการกลยุทธมาโดยตลอด,จนสุดท้ายสำเร็จบังคับคนไทยฉีดตายได้ในยุคลุงกว่าร้อยๆโดส คนละ1-2เข็ม กว่า60ล้านคนถูกฉีดตาย,ยุคลุงจึงเป็นการยึดอำนาจอย่างมีการวางแผนการไว้ดีแล้วเพื่อเตรียมฉีดตายนี้ล่ะของจริง,รวมทั้งผีบ้าแบบเขมรที่เปิดยิงระเบิดใส่ไทยก่อน มันก็สร้างเหตุสร้างแผนการปัจจัยวางหมากรอแล้ว เช่นนั้นเขมรผีบ้าไม่กล้าหรอก.,ให้ร้อยความกล้าก็ไม่ทำ,จนรีบให้มาเลย์อเมริกามาช่วยหยุดไทยฆ่าฝ่ายมันก่อนถึงพนมเปญ.เสียแผนด้วย จีนคอมมิวนิสต์ก็ด้วย เสียแผนจีนเช่นกัน,โลกนี้จริงๆทุกๆประเทศยืนหนึ่งไม่สู้ไทย อีลิทฝ่ายมืดทั่วโลกกลัวประเทศไทยที่สุด ตลอดต่างดาวใต้ทะเลมหาสมุทรก็ด้วย,ทั้งเกรงใจ ทั้งกลัวคนไทยสายพุทธ เพราะพวกนี้บรรลุธรรมได้ของจริง มีพลังสนามแม่เหล็กขั้นหลุดพ้นเหนือพลังมันได้หมดด้วย,ถ้าปล่อยคนไทยเจริญทางจิตวิญญาณ สุขกายสุขใจ มันจะเจริญสุขทางใจได้สะดวก บรรลุธรรมได้ไวได้ดีได้ง่าย ซวยคือฝ่ายมืดมารมันจะลำบากเพราะคนไทยจะเห็นแจ้งต่อหมดไปหมดไร้ที่ซ่อนใดๆนั้นเอง ยิ่งสามัคคีกันทั่วไทยอีก บรรลัยทั้งอาณาจักรฝ่ายมืดมันนี้,ประเทศนี้จึงห้ามสงบสุขทุกๆกรณี วุ่นวาย โกลาหลให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาให้ได้ ทำลายสถาบันกษัตริย์มันคือสิ่งแรกทันที จึงเกิดพวกชูสามนิ้วเปิดหน้าชกอย่างชัดเจนกว่าในอดีตที่ผ่านๆมา.,เพราะยุคสุดท้ายเวลานี้ คือยกจบ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจบ รู้ผลแพ้ชนะ,มืดปกครองโลกก็เวลานี้เลย,แสงขาวฝ่ายดีปกครองโลกก็ช่วงจังหวะเวลานี้เลย,ไทม์ไลน์เวลาเราคือช่วงนี้ก็ช่วงนี้ มิติอื่นก็มิติอื่น ปัจจุบันคือช่วงเวลาเราบนสมมุติโลกในขณะนี้, ..ไทยจะเป็นไทยหรือเมืองหลวงของอีลิทซาตานโลกก็เวลานี้ล่ะ. ..สถานะใดๆเราคนไทยสามัคคีกันจะร่วมกันเป็นได้ในยุคเราในรุ่นเรา,นรกหรือสวรรค์คนไทย เรา..คนไทยช่วยกันเลือกได้,เพราะเราคือสังคมใหญ่ระดับชาติประเทศมิอาจอยู่คนเดียวหรือข้าคือตำนานหนึ่งเดียวไม่ได้,ไปไหน..เราคนไทยอยู่ร่วมกันไปด้วยกันหมด,เพราะเราอยู่บ้านเดียวกัน นี้คือบ้านเรา คือแผ่นดินเรา ที่เราอาศัยเกิด อาศัยแก่ อาศัยตาย.,ไม่มีชาติใดๆจะรักคนไทยได้ดีกว่าคนไทยรักกันเองหรอก.,คนอเมริกาทั้งประเทศมารักคนไทยดีกว่าคนไทยมั้ย,คนฝรั่งยุโรปจะมีรักคนไทยรักแผ่นดินไทยดีกว่าคนไทยจริงเหรอ อดีตเห็นแต่มาปล้นมาชิงสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายขนกลับไปเสวยสุขในชาติประเทศมัน,เรา..คนไทยต้องสามัคคี มารักกัน ไม่ก้าวล่วงทำร้ายทำลายกันภายในกันเอง จะนับถือศาสนาความเชื่อใดๆ เราต้องรักและสามัคคีกันปกป้องแผ่นดินไทยเรา,เรา..คนไทยไปอาศัยแผ่นดินคนอื่นอยู่ บ้านคนอื่นตายคนอื่นนอนมีความสุขจริงๆเหรอ.,แผ่นดินไทยเท่านั้นที่เติมเต็มสมบูรณ์ทุกๆคำตอบในจิตในใจเราอย่างลงใจ. ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจเท่านั้นคือหนทางออกเดียว.,จะแก้ทั้งกระดานหมากพวกชั่วเลวนี้ทั้งผูกทั้งวางได้หมด,ทำลายเพื่อสร้างใหม่ให้ดีๆก็ได้.มันเน่ามันพังไปหมดแล้ว. https://youtu.be/0uY1iVWLMec?si=SipLS_hw1f3kgQA2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 612 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “จีนทุบสถิติโลก! โชว์โดรนเกือบ 16,000 ลำกลางฟ้า – ศิลปะดิจิทัลที่แทนพลุได้อย่างน่าทึ่ง”

    จีนจัดแสดงโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองหลิ่วหยาง ด้วยจำนวนโดรนถึง 15,947 ลำ พร้อมคว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด และเปลี่ยนภาพจำของการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ.

    เมืองหลิ่วหยาง ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งพลุ” ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการจัดโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้โดรนเกือบ 16,000 ลำบินพร้อมกันในรูปแบบแสงสีที่ออกแบบด้วยซอฟต์แวร์แทนการจุดพลุแบบดั้งเดิม

    โชว์นี้มีชื่อว่า “A Firework Belonging to Me” ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี RTK (Real-Time Kinematic) และระบบ mesh networking เพื่อควบคุมโดรนให้บินตามเส้นทางที่แม่นยำแบบเรียลไทม์ สร้างภาพต่างๆ เช่น “Sky Tree” ดอกไม้ และหอคอยลอยฟ้า

    นอกจากความงดงามแล้ว โชว์นี้ยังคว้าสองสถิติโลก ได้แก่:
    จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวมากที่สุด
    จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ)

    แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่โชว์ลักษณะนี้ก็มีความเสี่ยง เช่น การสื่อสารผิดพลาดหรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเคยเกิดเหตุโดรนตกใส่ผู้ชมในโชว์ก่อนหน้านี้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีที่ใช้ในโชว์นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่น เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือแม้แต่การใช้งานทางทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการควบคุมแบบรวมศูนย์ในระดับมหภาค

    จีนจัดโชว์โดรนใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองหลิ่วหยาง
    ใช้โดรน 15,947 ลำบินพร้อมกันในโชว์ “A Firework Belonging to Me”

    คว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด
    จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เดียวมากที่สุด
    จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ)

    ใช้เทคโนโลยี RTK และ mesh networking เพื่อควบคุมแบบเรียลไทม์
    เพิ่มความแม่นยำในการบินและลดความผิดพลาด

    เปลี่ยนการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัล
    ลดมลพิษทางอากาศและเสียงจากการจุดพลุ

    มีการออกแบบภาพลอยฟ้า เช่น Sky Tree และดอกไม้
    สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมด้วยศิลปะดิจิทัล

    เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในงานอื่นๆ ได้
    เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือการใช้งานทางทหาร

    https://www.techradar.com/pro/china-smashes-drone-display-world-record-nearly-16-000-drones-take-to-the-sky-in-incredible-display
    🇨🇳🚁 หัวข้อข่าว: “จีนทุบสถิติโลก! โชว์โดรนเกือบ 16,000 ลำกลางฟ้า – ศิลปะดิจิทัลที่แทนพลุได้อย่างน่าทึ่ง” จีนจัดแสดงโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองหลิ่วหยาง ด้วยจำนวนโดรนถึง 15,947 ลำ พร้อมคว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด และเปลี่ยนภาพจำของการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ. เมืองหลิ่วหยาง ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งพลุ” ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการจัดโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้โดรนเกือบ 16,000 ลำบินพร้อมกันในรูปแบบแสงสีที่ออกแบบด้วยซอฟต์แวร์แทนการจุดพลุแบบดั้งเดิม โชว์นี้มีชื่อว่า “A Firework Belonging to Me” ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี RTK (Real-Time Kinematic) และระบบ mesh networking เพื่อควบคุมโดรนให้บินตามเส้นทางที่แม่นยำแบบเรียลไทม์ สร้างภาพต่างๆ เช่น “Sky Tree” ดอกไม้ และหอคอยลอยฟ้า นอกจากความงดงามแล้ว โชว์นี้ยังคว้าสองสถิติโลก ได้แก่: 🎗️ จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวมากที่สุด 🎗️ จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ) แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่โชว์ลักษณะนี้ก็มีความเสี่ยง เช่น การสื่อสารผิดพลาดหรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเคยเกิดเหตุโดรนตกใส่ผู้ชมในโชว์ก่อนหน้านี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีที่ใช้ในโชว์นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่น เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือแม้แต่การใช้งานทางทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการควบคุมแบบรวมศูนย์ในระดับมหภาค ✅ จีนจัดโชว์โดรนใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองหลิ่วหยาง ➡️ ใช้โดรน 15,947 ลำบินพร้อมกันในโชว์ “A Firework Belonging to Me” ✅ คว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด ➡️ จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เดียวมากที่สุด ➡️ จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ) ✅ ใช้เทคโนโลยี RTK และ mesh networking เพื่อควบคุมแบบเรียลไทม์ ➡️ เพิ่มความแม่นยำในการบินและลดความผิดพลาด ✅ เปลี่ยนการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัล ➡️ ลดมลพิษทางอากาศและเสียงจากการจุดพลุ ✅ มีการออกแบบภาพลอยฟ้า เช่น Sky Tree และดอกไม้ ➡️ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมด้วยศิลปะดิจิทัล ✅ เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในงานอื่นๆ ได้ ➡️ เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือการใช้งานทางทหาร https://www.techradar.com/pro/china-smashes-drone-display-world-record-nearly-16-000-drones-take-to-the-sky-in-incredible-display
    WWW.TECHRADAR.COM
    China lit the sky with 16,000 drones, fusing art, software, and precision
    16,000 drones followed a precise RTK-guided path for real-time accuracy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว.

    ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ.

    ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้,

    ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด.

    ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที.

    #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้.

    #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย.

    #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก

    #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย.

    https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว. ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ. ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้, ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด. ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที. #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้. #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย. #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย. https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    @adithepchawla01

    Biometric Clip 1 of 3 สแกนหน้า ความปลอดภัย หรือการควบคุม?

    ♬ original sound - อดิเทพ จาวลาห์ - อดิเทพ จาวลาห์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 815 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลการศึกษาใหม่เผย: แบตเตอรี่รถ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคิด – Kia ครองแชมป์สุขภาพแบตดีที่สุด

    ผลการศึกษาจากสวีเดนโดยบริษัท Kvdbil วิเคราะห์สุขภาพแบตเตอรี่ (State of Health – SoH) ของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดกว่า 1,300 คัน พบว่า กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงรักษาความจุแบตเตอรี่ไว้ได้มากกว่า 90% แม้ผ่านการใช้งานหลายปี ซึ่งสวนทางกับความเชื่อเดิมที่ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายในไม่กี่ปี

    ผลการจัดอันดับแบรนด์และรุ่นที่แบตเตอรี่เสื่อมน้อยที่สุด
    Kia EV6 และ Kia e-Niro ครองอันดับสูงสุดในกลุ่มรถไฟฟ้า
    Tesla Model Y ตามมาในอันดับที่สาม แม้จะเป็นรุ่นที่มีจำนวนมากที่สุดในกลุ่ม
    แบรนด์ที่มีสุขภาพแบตดีที่สุดโดยรวม ได้แก่ Kia, Audi, Opel และ Tesla
    ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่ ได้แก่ อายุรถ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, และ รูปแบบการชาร์จ

    การศึกษานี้ช่วยลบล้างความเชื่อผิด ๆ ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายใน 5–8 ปี โดยพบว่าแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีระบบระบายความร้อนดีสามารถใช้งานได้นานกว่าที่คาดไว้

    ข้อมูลสำคัญจากการศึกษา
    กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงมีแบตเตอรี่ที่มี SoH มากกว่า 90%
    Kia EV6 และ e-Niro มีสุขภาพแบตดีที่สุดในกลุ่ม
    Tesla Model Y อยู่ในอันดับ 3 แม้จะมีจำนวนมากที่สุด
    ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่: อายุ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, การชาร์จ
    แบตเตอรี่ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคาดไว้ และอาจใช้งานได้นานกว่าตัวรถเอง

    คำแนะนำในการรักษาสุขภาพแบตเตอรี่
    จำกัดการชาร์จรายวันไว้ที่ 80%
    หลีกเลี่ยงการใช้ DC fast charging บ่อยครั้ง
    หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด
    ใช้ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ

    คำเตือนสำหรับผู้ซื้อรถ EV มือสอง
    อย่าตัดสินสุขภาพแบตจากอายุรถเพียงอย่างเดียว
    รถที่ใช้งานหนักหรือชาร์จผิดวิธีอาจมีแบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าค่าเฉลี่ย
    ควรตรวจสอบรายงาน SoH ก่อนซื้อรถ EV มือสองทุกครั้ง

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/new-study-crowns-the-king-of-ev-battery-health-and-it-shows-batteries-dont-degrade-as-badly-as-first-feared
    🔋👑 ผลการศึกษาใหม่เผย: แบตเตอรี่รถ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคิด – Kia ครองแชมป์สุขภาพแบตดีที่สุด ผลการศึกษาจากสวีเดนโดยบริษัท Kvdbil วิเคราะห์สุขภาพแบตเตอรี่ (State of Health – SoH) ของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดกว่า 1,300 คัน พบว่า กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงรักษาความจุแบตเตอรี่ไว้ได้มากกว่า 90% แม้ผ่านการใช้งานหลายปี ซึ่งสวนทางกับความเชื่อเดิมที่ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายในไม่กี่ปี 🚗 ผลการจัดอันดับแบรนด์และรุ่นที่แบตเตอรี่เสื่อมน้อยที่สุด 💠 Kia EV6 และ Kia e-Niro ครองอันดับสูงสุดในกลุ่มรถไฟฟ้า 💠 Tesla Model Y ตามมาในอันดับที่สาม แม้จะเป็นรุ่นที่มีจำนวนมากที่สุดในกลุ่ม 💠 แบรนด์ที่มีสุขภาพแบตดีที่สุดโดยรวม ได้แก่ Kia, Audi, Opel และ Tesla 💠 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่ ได้แก่ อายุรถ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, และ รูปแบบการชาร์จ การศึกษานี้ช่วยลบล้างความเชื่อผิด ๆ ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายใน 5–8 ปี โดยพบว่าแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีระบบระบายความร้อนดีสามารถใช้งานได้นานกว่าที่คาดไว้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากการศึกษา ➡️ กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงมีแบตเตอรี่ที่มี SoH มากกว่า 90% ➡️ Kia EV6 และ e-Niro มีสุขภาพแบตดีที่สุดในกลุ่ม ➡️ Tesla Model Y อยู่ในอันดับ 3 แม้จะมีจำนวนมากที่สุด ➡️ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่: อายุ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, การชาร์จ ➡️ แบตเตอรี่ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคาดไว้ และอาจใช้งานได้นานกว่าตัวรถเอง ✅ คำแนะนำในการรักษาสุขภาพแบตเตอรี่ ➡️ จำกัดการชาร์จรายวันไว้ที่ 80% ➡️ หลีกเลี่ยงการใช้ DC fast charging บ่อยครั้ง ➡️ หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด ➡️ ใช้ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ซื้อรถ EV มือสอง ⛔ อย่าตัดสินสุขภาพแบตจากอายุรถเพียงอย่างเดียว ⛔ รถที่ใช้งานหนักหรือชาร์จผิดวิธีอาจมีแบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าค่าเฉลี่ย ⛔ ควรตรวจสอบรายงาน SoH ก่อนซื้อรถ EV มือสองทุกครั้ง https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/new-study-crowns-the-king-of-ev-battery-health-and-it-shows-batteries-dont-degrade-as-badly-as-first-feared
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แคลิฟอร์เนียผ่านฤดูร้อนปี 2025 โดยไม่ต้องออกคำเตือน Flex Alert – สัญญาณดีจากพลังงานสะอาดและระบบจัดการใหม่”

    ฤดูร้อนในแคลิฟอร์เนียมักเป็นช่วงเวลาที่ระบบไฟฟ้าต้องเผชิญกับความท้าทายจากอุณหภูมิสูงและการใช้พลังงานที่พุ่งขึ้น แต่ในปี 2025 รัฐสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้โดยไม่ต้องออกคำเตือน “Flex Alert” เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการบริหารจัดการพลังงาน

    Flex Alert คือคำเตือนที่ออกโดย California ISO เพื่อขอให้ประชาชนลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาวิกฤต เช่น ปิดเครื่องปรับอากาศหรือเลื่อนการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อหลีกเลี่ยงการดับไฟแบบหมุนเวียน (rolling blackout)

    ปีนี้ แคลิฟอร์เนียสามารถหลีกเลี่ยง Flex Alert ได้ด้วยการลงทุนในระบบกักเก็บพลังงาน (battery storage) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลม ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น

    ความสำเร็จในการจัดการพลังงานปี 2025
    ไม่มีการออก Flex Alert ตลอดฤดูร้อน
    ระบบไฟฟ้ารับมือกับความต้องการสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ปัจจัยที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงวิกฤต
    การลงทุนใน battery storage เพิ่มขึ้น
    การใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น solar และ wind
    การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น

    ความหมายเชิงนโยบาย
    แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดสามารถทำได้จริง
    ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลในช่วงวิกฤต

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    แม้ปีนี้จะไม่มี Flex Alert แต่สภาพอากาศสุดขั้วอาจกลับมาอีก
    ต้องลงทุนต่อเนื่องในระบบกักเก็บพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้า
    การบริหารความต้องการพลังงานยังต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน

    https://www.latimes.com/environment/story/2025-10-17/california-made-it-through-another-summer-without-a-flex-alert
    📰 “แคลิฟอร์เนียผ่านฤดูร้อนปี 2025 โดยไม่ต้องออกคำเตือน Flex Alert – สัญญาณดีจากพลังงานสะอาดและระบบจัดการใหม่” ฤดูร้อนในแคลิฟอร์เนียมักเป็นช่วงเวลาที่ระบบไฟฟ้าต้องเผชิญกับความท้าทายจากอุณหภูมิสูงและการใช้พลังงานที่พุ่งขึ้น แต่ในปี 2025 รัฐสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้โดยไม่ต้องออกคำเตือน “Flex Alert” เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการบริหารจัดการพลังงาน Flex Alert คือคำเตือนที่ออกโดย California ISO เพื่อขอให้ประชาชนลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาวิกฤต เช่น ปิดเครื่องปรับอากาศหรือเลื่อนการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อหลีกเลี่ยงการดับไฟแบบหมุนเวียน (rolling blackout) ปีนี้ แคลิฟอร์เนียสามารถหลีกเลี่ยง Flex Alert ได้ด้วยการลงทุนในระบบกักเก็บพลังงาน (battery storage) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลม ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น ✅ ความสำเร็จในการจัดการพลังงานปี 2025 ➡️ ไม่มีการออก Flex Alert ตลอดฤดูร้อน ➡️ ระบบไฟฟ้ารับมือกับความต้องการสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ปัจจัยที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงวิกฤต ➡️ การลงทุนใน battery storage เพิ่มขึ้น ➡️ การใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น solar และ wind ➡️ การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น ✅ ความหมายเชิงนโยบาย ➡️ แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดสามารถทำได้จริง ➡️ ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลในช่วงวิกฤต ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ แม้ปีนี้จะไม่มี Flex Alert แต่สภาพอากาศสุดขั้วอาจกลับมาอีก ⛔ ต้องลงทุนต่อเนื่องในระบบกักเก็บพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้า ⛔ การบริหารความต้องการพลังงานยังต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน https://www.latimes.com/environment/story/2025-10-17/california-made-it-through-another-summer-without-a-flex-alert
    WWW.LATIMES.COM
    California invests big in battery energy storage — and leaves rolling blackouts behind
    Batteries that pair with clean solar and wind energy or just bolster electrical grids in general have completely taken off and are making a big difference on the California grid.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Earth AI อัปเกรดใหม่ – ใช้พลัง Gemini วิเคราะห์ภัยพิบัติและปัญหาสภาพอากาศล่วงหน้า

    Google Earth AI ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยนำเทคโนโลยี Gemini AI เข้ามาเสริมความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศ เพื่อช่วยให้องค์กร เมือง และหน่วยงานไม่แสวงหากำไรสามารถรับมือกับภัยพิบัติและปัญหาสภาพอากาศได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งคำถามกับระบบ AI เพื่อดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น พยากรณ์อากาศ แผนที่ประชากร และภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อคาดการณ์จุดเสี่ยง เช่น พื้นที่น้ำท่วมจากพายุ หรือจุดที่อาจเกิดฝุ่นพิษจากแม่น้ำที่แห้งเหือด นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับการเกิดสาหร่ายพิษในแหล่งน้ำเพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้าได้

    Earth AI ยังรองรับการเชื่อมโยงโมเดลหลายตัวเข้าด้วยกันเพื่อวิเคราะห์คำถามที่ซับซ้อน และเปิดให้หน่วยงานที่สนใจสมัครเป็น “Trusted Testers” ผ่าน Google Cloud เพื่อเข้าถึงโมเดลภาพถ่าย ประชากร และสิ่งแวดล้อม พร้อมเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง

    การอัปเกรดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Earth AI เคยช่วยแจ้งเตือนประชาชนกว่า 15 ล้านคนในเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนียปี 2025 โดยใช้ข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อช่วยหาที่หลบภัย ถือเป็นตัวอย่างของการใช้ AI เพื่อช่วยชีวิตและเพิ่มความปลอดภัยในระดับมหภาค

    การอัปเกรด Google Earth AI
    ใช้ Gemini AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศ
    รองรับการตั้งคำถามและเชื่อมโยงโมเดลหลายตัว
    วิเคราะห์ข้อมูลจากพยากรณ์อากาศ แผนที่ประชากร และภาพดาวเทียม
    คาดการณ์ภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม ฝุ่นพิษ สาหร่ายพิษ

    การใช้งานในภาคส่วนต่างๆ
    หน่วยงานสามารถสมัครเป็น Trusted Testers ผ่าน Google Cloud
    ใช้โมเดลภาพถ่าย ประชากร และสิ่งแวดล้อมร่วมกับข้อมูลของตนเอง
    เหมาะสำหรับองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    Earth AI เคยแจ้งเตือนประชาชน 15 ล้านคนในเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนีย
    ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อช่วยหาที่หลบภัย
    แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการช่วยชีวิต

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การวิเคราะห์ข้อมูลต้องอาศัยความแม่นยำของโมเดลและข้อมูลต้นทาง
    การใช้งานต้องมีความเข้าใจด้านภูมิสารสนเทศและการตั้งคำถามที่เหมาะสม
    หากข้อมูลไม่ครบถ้วน อาจเกิดการคาดการณ์ผิดพลาด
    การเข้าถึงฟีเจอร์บางอย่างอาจจำกัดเฉพาะผู้สมัคร Trusted Testers

    https://www.techradar.com/pro/google-earth-ai-wants-to-help-us-spot-weather-disasters-and-climate-issues-before-they-happen
    🌍 Google Earth AI อัปเกรดใหม่ – ใช้พลัง Gemini วิเคราะห์ภัยพิบัติและปัญหาสภาพอากาศล่วงหน้า Google Earth AI ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยนำเทคโนโลยี Gemini AI เข้ามาเสริมความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศ เพื่อช่วยให้องค์กร เมือง และหน่วยงานไม่แสวงหากำไรสามารถรับมือกับภัยพิบัติและปัญหาสภาพอากาศได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งคำถามกับระบบ AI เพื่อดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น พยากรณ์อากาศ แผนที่ประชากร และภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อคาดการณ์จุดเสี่ยง เช่น พื้นที่น้ำท่วมจากพายุ หรือจุดที่อาจเกิดฝุ่นพิษจากแม่น้ำที่แห้งเหือด นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับการเกิดสาหร่ายพิษในแหล่งน้ำเพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ Earth AI ยังรองรับการเชื่อมโยงโมเดลหลายตัวเข้าด้วยกันเพื่อวิเคราะห์คำถามที่ซับซ้อน และเปิดให้หน่วยงานที่สนใจสมัครเป็น “Trusted Testers” ผ่าน Google Cloud เพื่อเข้าถึงโมเดลภาพถ่าย ประชากร และสิ่งแวดล้อม พร้อมเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง การอัปเกรดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Earth AI เคยช่วยแจ้งเตือนประชาชนกว่า 15 ล้านคนในเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนียปี 2025 โดยใช้ข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อช่วยหาที่หลบภัย ถือเป็นตัวอย่างของการใช้ AI เพื่อช่วยชีวิตและเพิ่มความปลอดภัยในระดับมหภาค ✅ การอัปเกรด Google Earth AI ➡️ ใช้ Gemini AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศ ➡️ รองรับการตั้งคำถามและเชื่อมโยงโมเดลหลายตัว ➡️ วิเคราะห์ข้อมูลจากพยากรณ์อากาศ แผนที่ประชากร และภาพดาวเทียม ➡️ คาดการณ์ภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม ฝุ่นพิษ สาหร่ายพิษ ✅ การใช้งานในภาคส่วนต่างๆ ➡️ หน่วยงานสามารถสมัครเป็น Trusted Testers ผ่าน Google Cloud ➡️ ใช้โมเดลภาพถ่าย ประชากร และสิ่งแวดล้อมร่วมกับข้อมูลของตนเอง ➡️ เหมาะสำหรับองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ Earth AI เคยแจ้งเตือนประชาชน 15 ล้านคนในเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนีย ➡️ ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อช่วยหาที่หลบภัย ➡️ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการช่วยชีวิต ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การวิเคราะห์ข้อมูลต้องอาศัยความแม่นยำของโมเดลและข้อมูลต้นทาง ⛔ การใช้งานต้องมีความเข้าใจด้านภูมิสารสนเทศและการตั้งคำถามที่เหมาะสม ⛔ หากข้อมูลไม่ครบถ้วน อาจเกิดการคาดการณ์ผิดพลาด ⛔ การเข้าถึงฟีเจอร์บางอย่างอาจจำกัดเฉพาะผู้สมัคร Trusted Testers https://www.techradar.com/pro/google-earth-ai-wants-to-help-us-spot-weather-disasters-and-climate-issues-before-they-happen
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI กับสิ่งแวดล้อม: ใช้พลังงานมหาศาล แต่ก็ช่วยโลกได้ใน 5 วิธี

    แม้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะถูกวิจารณ์ว่าใช้พลังงานและน้ำมหาศาล โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่รองรับการประมวลผลขั้นสูง แต่บทความจาก The Star ชี้ให้เห็นว่า AI ก็สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหลายภาคส่วนได้เช่นกัน

    นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญเสนอ 5 วิธีที่ AI สามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้ ตั้งแต่การจัดการพลังงานในอาคาร ไปจนถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตน้ำมันและการจราจร

    สรุป 5 วิธีที่ AI ช่วยสิ่งแวดล้อม

    1️⃣ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร
    วิธีการทำงาน
    AI ปรับแสงสว่าง อุณหภูมิ และการระบายอากาศตามสภาพอากาศและการใช้งานจริง
    คาดว่าช่วยลดการใช้พลังงานในอาคารได้ 10–30%
    ระบบอัตโนมัติช่วยลดการเปิดแอร์หรือฮีตเตอร์เกินความจำเป็น

    คำเตือน
    หากระบบ AI ขัดข้อง อาจทำให้การควบคุมอุณหภูมิผิดพลาด
    ต้องมีการบำรุงรักษาเซ็นเซอร์และระบบควบคุมอย่างสม่ำเสมอ

    2️⃣ จัดการการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
    วิธีการทำงาน
    AI กำหนดเวลาชาร์จ EV และสมาร์ตโฟนให้เหมาะกับช่วงที่ไฟฟ้าถูกและสะอาด
    ลดการใช้ไฟฟ้าช่วงพีค และลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล

    คำเตือน
    ต้องมีการเชื่อมต่อกับระบบ grid และข้อมูลราคาพลังงานแบบเรียลไทม์
    หากข้อมูลไม่แม่นยำ อาจชาร์จผิดเวลาและเพิ่มค่าไฟ

    3️⃣ ลดมลพิษจากการผลิตน้ำมันและก๊าซ
    วิธีการทำงาน
    AI วิเคราะห์กระบวนการผลิตเพื่อหาจุดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด
    ช่วยปรับปรุงกระบวนการให้ปล่อยก๊าซน้อยลง
    ใช้ machine learning เพื่อคาดการณ์และป้องกันการรั่วไหล

    คำเตือน
    ข้อมูลจากอุตสาหกรรมอาจไม่เปิดเผยทั้งหมด ทำให้ AI วิเคราะห์ไม่ครบ
    การพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์อาจเสี่ยงต่อความผิดพลาด

    4️⃣ ควบคุมสัญญาณไฟจราจรเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน
    วิธีการทำงาน
    AI วิเคราะห์การจราจรแบบเรียลไทม์เพื่อปรับสัญญาณไฟให้รถติดน้อยลง
    ลดการจอดรอและการเร่งเครื่องที่สิ้นเปลืองพลังงาน
    ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ในเมืองใหญ่

    คำเตือน
    ต้องมีระบบกล้องและเซ็นเซอร์ที่ครอบคลุมทั่วเมือง
    หากระบบล่ม อาจทำให้การจราจรแย่ลงกว่าเดิม

    5️⃣ ตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบ HVAC และอุปกรณ์อื่นๆ
    วิธีการทำงาน
    AI ตรวจจับความผิดปกติในระบบก่อนเกิดความเสียหาย
    ช่วยลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติ
    ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระยะยาว

    คำเตือน
    ต้องมีการติดตั้งเซ็นเซอร์และระบบวิเคราะห์ที่แม่นยำ
    หากไม่ calibrate ระบบอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิด false alarm หรือพลาดการแจ้งเตือนจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/ai-can-help-the-environment-even-though-it-uses-tremendous-energy-here-are-5-ways-how
    🌱 AI กับสิ่งแวดล้อม: ใช้พลังงานมหาศาล แต่ก็ช่วยโลกได้ใน 5 วิธี แม้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะถูกวิจารณ์ว่าใช้พลังงานและน้ำมหาศาล โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่รองรับการประมวลผลขั้นสูง แต่บทความจาก The Star ชี้ให้เห็นว่า AI ก็สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหลายภาคส่วนได้เช่นกัน นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญเสนอ 5 วิธีที่ AI สามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้ ตั้งแต่การจัดการพลังงานในอาคาร ไปจนถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตน้ำมันและการจราจร 🔍 สรุป 5 วิธีที่ AI ช่วยสิ่งแวดล้อม 1️⃣ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI ปรับแสงสว่าง อุณหภูมิ และการระบายอากาศตามสภาพอากาศและการใช้งานจริง ➡️ คาดว่าช่วยลดการใช้พลังงานในอาคารได้ 10–30% ➡️ ระบบอัตโนมัติช่วยลดการเปิดแอร์หรือฮีตเตอร์เกินความจำเป็น ‼️ คำเตือน ⛔ หากระบบ AI ขัดข้อง อาจทำให้การควบคุมอุณหภูมิผิดพลาด ⛔ ต้องมีการบำรุงรักษาเซ็นเซอร์และระบบควบคุมอย่างสม่ำเสมอ 2️⃣ จัดการการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI กำหนดเวลาชาร์จ EV และสมาร์ตโฟนให้เหมาะกับช่วงที่ไฟฟ้าถูกและสะอาด ➡️ ลดการใช้ไฟฟ้าช่วงพีค และลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีการเชื่อมต่อกับระบบ grid และข้อมูลราคาพลังงานแบบเรียลไทม์ ⛔ หากข้อมูลไม่แม่นยำ อาจชาร์จผิดเวลาและเพิ่มค่าไฟ 3️⃣ ลดมลพิษจากการผลิตน้ำมันและก๊าซ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI วิเคราะห์กระบวนการผลิตเพื่อหาจุดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด ➡️ ช่วยปรับปรุงกระบวนการให้ปล่อยก๊าซน้อยลง ➡️ ใช้ machine learning เพื่อคาดการณ์และป้องกันการรั่วไหล ‼️ คำเตือน ⛔ ข้อมูลจากอุตสาหกรรมอาจไม่เปิดเผยทั้งหมด ทำให้ AI วิเคราะห์ไม่ครบ ⛔ การพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์อาจเสี่ยงต่อความผิดพลาด 4️⃣ ควบคุมสัญญาณไฟจราจรเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI วิเคราะห์การจราจรแบบเรียลไทม์เพื่อปรับสัญญาณไฟให้รถติดน้อยลง ➡️ ลดการจอดรอและการเร่งเครื่องที่สิ้นเปลืองพลังงาน ➡️ ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ในเมืองใหญ่ ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีระบบกล้องและเซ็นเซอร์ที่ครอบคลุมทั่วเมือง ⛔ หากระบบล่ม อาจทำให้การจราจรแย่ลงกว่าเดิม 5️⃣ ตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบ HVAC และอุปกรณ์อื่นๆ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI ตรวจจับความผิดปกติในระบบก่อนเกิดความเสียหาย ➡️ ช่วยลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติ ➡️ ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระยะยาว ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีการติดตั้งเซ็นเซอร์และระบบวิเคราะห์ที่แม่นยำ ⛔ หากไม่ calibrate ระบบอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิด false alarm หรือพลาดการแจ้งเตือนจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/ai-can-help-the-environment-even-though-it-uses-tremendous-energy-here-are-5-ways-how
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI can help the environment, even though it uses tremendous energy. Here are 5 ways how
    Artificial intelligence has caused concern for its tremendous consumptionof water and power. But scientists are also experimenting with ways that AI can help people and businesses use energy more efficiently and pollute less.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย — ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล” — เมื่อธรรมชาติกลายเป็นแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

    เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวโรงไฟฟ้าออสโมติก (osmotic power plant) แห่งแรกในเอเชีย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล — ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นระบบที่ใช้งานจริง โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี เพียงพอสำหรับบ้านญี่ปุ่นประมาณ 220 หลัง

    หลักการทำงานของระบบนี้คือการใช้ “ออสโมซิส” ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติที่น้ำจืดจะซึมผ่านเยื่อบางไปยังฝั่งน้ำเค็มเพื่อปรับสมดุลความเข้มข้นของเกลือ ความดันที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่นี้จะถูกนำไปหมุนกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า — คล้ายกับการใช้พลังงานน้ำ แต่ไม่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศ

    จุดเด่นของระบบนี้คือความต่อเนื่อง: แม่น้ำไม่หยุดไหลลงทะเล ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่ต้องรอแดดหรือลม

    โรงงานยังใช้ “น้ำเกลือเข้มข้น” ที่เหลือจากโรงกรองน้ำทะเล (desalination plant) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ — กลายเป็นวงจรพลังงานแบบหมุนเวียนที่ทั้งผลิตน้ำดื่มและไฟฟ้าไปพร้อมกัน

    แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ เช่น การสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทานและการใช้พลังงานในการสูบน้ำ แต่เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้เยื่อกรองที่ดีขึ้นและปั๊มที่ใช้พลังงานต่ำ

    ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย
    ตั้งอยู่ที่เมืองฟุกุโอกะ ใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การทดลอง

    ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล
    อาศัยหลักการออสโมซิสเพื่อสร้างแรงดัน

    ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี
    เพียงพอสำหรับบ้านประมาณ 220 หลัง

    ใช้น้ำเกลือเข้มข้นจากโรงกรองน้ำทะเลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    สร้างระบบพลังงานแบบหมุนเวียน

    ระบบสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
    ไม่ต้องพึ่งพาแดดหรือลม

    มีการพัฒนาเยื่อกรองและปั๊มพลังงานต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ลดการสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทาน

    https://www.slashgear.com/1997354/japan-fukuoka-osmotic-power-plant-uses-seawater-tech-explained/
    🌊 “ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย — ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล” — เมื่อธรรมชาติกลายเป็นแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวโรงไฟฟ้าออสโมติก (osmotic power plant) แห่งแรกในเอเชีย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล — ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นระบบที่ใช้งานจริง โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี เพียงพอสำหรับบ้านญี่ปุ่นประมาณ 220 หลัง หลักการทำงานของระบบนี้คือการใช้ “ออสโมซิส” ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติที่น้ำจืดจะซึมผ่านเยื่อบางไปยังฝั่งน้ำเค็มเพื่อปรับสมดุลความเข้มข้นของเกลือ ความดันที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่นี้จะถูกนำไปหมุนกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า — คล้ายกับการใช้พลังงานน้ำ แต่ไม่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศ จุดเด่นของระบบนี้คือความต่อเนื่อง: แม่น้ำไม่หยุดไหลลงทะเล ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่ต้องรอแดดหรือลม โรงงานยังใช้ “น้ำเกลือเข้มข้น” ที่เหลือจากโรงกรองน้ำทะเล (desalination plant) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ — กลายเป็นวงจรพลังงานแบบหมุนเวียนที่ทั้งผลิตน้ำดื่มและไฟฟ้าไปพร้อมกัน แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ เช่น การสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทานและการใช้พลังงานในการสูบน้ำ แต่เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้เยื่อกรองที่ดีขึ้นและปั๊มที่ใช้พลังงานต่ำ ✅ ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย ➡️ ตั้งอยู่ที่เมืองฟุกุโอกะ ใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การทดลอง ✅ ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล ➡️ อาศัยหลักการออสโมซิสเพื่อสร้างแรงดัน ✅ ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ➡️ เพียงพอสำหรับบ้านประมาณ 220 หลัง ✅ ใช้น้ำเกลือเข้มข้นจากโรงกรองน้ำทะเลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ สร้างระบบพลังงานแบบหมุนเวียน ✅ ระบบสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ➡️ ไม่ต้องพึ่งพาแดดหรือลม ✅ มีการพัฒนาเยื่อกรองและปั๊มพลังงานต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ลดการสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทาน https://www.slashgear.com/1997354/japan-fukuoka-osmotic-power-plant-uses-seawater-tech-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Japan's Newest Power Plant Turns Seawater Into Electricity – Here's How It Works - SlashGear
    Fukuoaka's osmotic power plant is supplied by local desalination facilities and uses a natural process to generate modest amounts of power.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • “BluSmart ล่มสลายสะท้อนวิกฤต EV มือสอง — เมื่อรถไฟฟ้ากลายเป็นสินทรัพย์เสื่อมราคาเร็วที่สุดในโลก” — จากความหวังสู่ความเสี่ยง: ตลาด EV มือสองกำลังสั่นคลอนทั่วโลก

    บทความจาก Rest of World เปิดเผยว่า BluSmart บริษัทเรียกรถไฟฟ้าชั้นนำของอินเดียล้มละลายกลางปี 2025 ท่ามกลางข้อกล่าวหาทางการเงิน และทิ้งไว้เบื้องหลังคือรถ EV หลายพันคันที่เคยมีมูลค่ากว่า $12,000 แต่กลับถูกขายทอดตลาดในราคาเพียง $3,000

    เหตุการณ์นี้สะท้อนวิกฤตที่ใหญ่กว่าคือ “การเสื่อมราคาของรถ EV มือสอง” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถเช่า, รถโลจิสติกส์ และฟลีทรถบริษัท ที่ต้องคำนวณต้นทุนอย่างแม่นยำ การเสื่อมราคาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของธุรกิจ

    ตัวอย่างเช่น Hertz บริษัทเช่ารถในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ Tesla 100,000 คันในปี 2021 ต้องขาดทุนกว่า $2.9 พันล้านในปี 2024 และขายรถ EV ที่ซื้อมาในราคาต่ำกว่าครึ่ง

    ปัญหาหลักคือ “ไม่มีใครรู้ว่ารถ EV มือสองควรมีมูลค่าเท่าไร” เพราะมูลค่าของรถผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานไม่แน่นอน ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมินจากระยะทางและการซ่อมบำรุง

    แม้ Tesla จะยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีนอย่าง BYD, Nio หรือ XPeng แต่ก็ยังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดที่ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่และการชาร์จ

    ในบางประเทศ เช่น จีน, นอร์เวย์ และคอสตาริกา ตลาด EV มือสองยังแข็งแรง เพราะผู้บริโภคเปิดรับเทคโนโลยีใหม่มากกว่า แต่ในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ความสงสัยยังสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องขับรถไกลหรือมีสภาพอากาศสุดขั้ว

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จากบริษัท Recurrent พบว่าแบตเตอรี่ EV เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี และรถที่ผลิตหลังปี 2016 มีอัตราการเปลี่ยนแบตต่ำมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อมือสอง

    BluSmart ล้มละลายกลางปี 2025 และขายรถ EV ในราคาต่ำกว่าทุน
    จาก $12,000 เหลือเพียง $3,000 ต่อคัน

    รถ EV มือสองเสื่อมราคามากกว่ารถน้ำมัน
    เช่น Tesla Model Y ปี 2023 เสื่อมถึง 42% ใน 2 ปี

    Hertz ขาดทุน $2.9 พันล้านจากการลงทุนในรถ EV
    ขายรถที่ซื้อมา $40,000 ในราคาต่ำกว่า $20,000

    มูลค่ารถ EV ผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่แน่นอน
    ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมิน

    Tesla ยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีน
    เช่น BYD, Nio, XPeng และ Omoda

    ตลาด EV มือสองแข็งแรงในประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยี
    เช่น จีน, นอร์เวย์, คอสตาริกา

    ข้อมูลจาก Recurrent ชี้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี
    รถหลังปี 2016 มีอัตราเปลี่ยนแบตต่ำมาก

    โมเดล Battery-as-a-Service ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุน
    ให้ผู้ประกอบการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น

    https://restofworld.org/2025/ev-depreciation-blusmart-collapse/
    🚗 “BluSmart ล่มสลายสะท้อนวิกฤต EV มือสอง — เมื่อรถไฟฟ้ากลายเป็นสินทรัพย์เสื่อมราคาเร็วที่สุดในโลก” — จากความหวังสู่ความเสี่ยง: ตลาด EV มือสองกำลังสั่นคลอนทั่วโลก บทความจาก Rest of World เปิดเผยว่า BluSmart บริษัทเรียกรถไฟฟ้าชั้นนำของอินเดียล้มละลายกลางปี 2025 ท่ามกลางข้อกล่าวหาทางการเงิน และทิ้งไว้เบื้องหลังคือรถ EV หลายพันคันที่เคยมีมูลค่ากว่า $12,000 แต่กลับถูกขายทอดตลาดในราคาเพียง $3,000 เหตุการณ์นี้สะท้อนวิกฤตที่ใหญ่กว่าคือ “การเสื่อมราคาของรถ EV มือสอง” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถเช่า, รถโลจิสติกส์ และฟลีทรถบริษัท ที่ต้องคำนวณต้นทุนอย่างแม่นยำ การเสื่อมราคาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น Hertz บริษัทเช่ารถในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ Tesla 100,000 คันในปี 2021 ต้องขาดทุนกว่า $2.9 พันล้านในปี 2024 และขายรถ EV ที่ซื้อมาในราคาต่ำกว่าครึ่ง ปัญหาหลักคือ “ไม่มีใครรู้ว่ารถ EV มือสองควรมีมูลค่าเท่าไร” เพราะมูลค่าของรถผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานไม่แน่นอน ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมินจากระยะทางและการซ่อมบำรุง แม้ Tesla จะยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีนอย่าง BYD, Nio หรือ XPeng แต่ก็ยังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดที่ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่และการชาร์จ ในบางประเทศ เช่น จีน, นอร์เวย์ และคอสตาริกา ตลาด EV มือสองยังแข็งแรง เพราะผู้บริโภคเปิดรับเทคโนโลยีใหม่มากกว่า แต่ในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ความสงสัยยังสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องขับรถไกลหรือมีสภาพอากาศสุดขั้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จากบริษัท Recurrent พบว่าแบตเตอรี่ EV เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี และรถที่ผลิตหลังปี 2016 มีอัตราการเปลี่ยนแบตต่ำมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อมือสอง ✅ BluSmart ล้มละลายกลางปี 2025 และขายรถ EV ในราคาต่ำกว่าทุน ➡️ จาก $12,000 เหลือเพียง $3,000 ต่อคัน ✅ รถ EV มือสองเสื่อมราคามากกว่ารถน้ำมัน ➡️ เช่น Tesla Model Y ปี 2023 เสื่อมถึง 42% ใน 2 ปี ✅ Hertz ขาดทุน $2.9 พันล้านจากการลงทุนในรถ EV ➡️ ขายรถที่ซื้อมา $40,000 ในราคาต่ำกว่า $20,000 ✅ มูลค่ารถ EV ผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่แน่นอน ➡️ ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมิน ✅ Tesla ยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีน ➡️ เช่น BYD, Nio, XPeng และ Omoda ✅ ตลาด EV มือสองแข็งแรงในประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยี ➡️ เช่น จีน, นอร์เวย์, คอสตาริกา ✅ ข้อมูลจาก Recurrent ชี้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี ➡️ รถหลังปี 2016 มีอัตราเปลี่ยนแบตต่ำมาก ✅ โมเดล Battery-as-a-Service ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุน ➡️ ให้ผู้ประกอบการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น https://restofworld.org/2025/ev-depreciation-blusmart-collapse/
    RESTOFWORLD.ORG
    EVs are depreciating much faster than gas-powered cars
    Plummeting resale values are threatening to derail the world's transition to electric transportation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เกษตรทุเรียนอัจฉริยะ – เมื่อ 5G และเซนเซอร์เปลี่ยนสวนให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ”

    ใครจะคิดว่า “ทุเรียน” ผลไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นแรงและรสชาติเฉพาะตัว จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการเกษตรในมาเลเซีย?

    Tan Han Wei อดีตวิศวกร R&D ผู้หลงใหลในทุเรียน ได้ก่อตั้งบริษัท Sustainable Hrvest เพื่อพัฒนาโซลูชันเกษตรอัจฉริยะ โดยเริ่มจากการลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกรทุเรียนทั่วประเทศ เพื่อเข้าใจปัญหาที่แท้จริง เช่น ทำไมบางจุดในสวนให้ผลผลิตมากกว่าจุดอื่น และจะปรับปรุงพื้นที่ด้อยผลผลิตได้อย่างไร

    คำตอบคือ “ข้อมูล” และ “เทคโนโลยี” โดยเขาเริ่มติดตั้งเซนเซอร์ลงดินลึก 30–40 ซม. เพื่อวัดความชื้น, pH, และค่าการนำไฟฟ้าในดิน (EC) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของดิน ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งขึ้นคลาวด์เพื่อวิเคราะห์

    ผลลัพธ์คือการค้นพบปัญหาที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น จุดที่มีน้ำขังมากเกินไปซึ่งส่งผลให้รากเน่าและดูดซึมสารอาหารไม่ได้ เขาจึงแนะนำให้ลดการรดน้ำและปรับปรุงการระบายน้ำ

    นอกจากนี้ยังมีการตั้งระบบอัตโนมัติให้สปริงเกิลทำงานเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 35°C เพื่อป้องกันต้นไม้จากความเครียดจากความร้อน

    แต่ทั้งหมดนี้จะไร้ประโยชน์หากไม่มี “5G” เพราะการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์คือหัวใจของการจัดการฟาร์มขนาดใหญ่และซับซ้อน Tan จึงพัฒนาโซลูชันที่รองรับทั้ง 4G และ LoRaWAN พร้อมอัปเกรดเป็น 5G เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพร้อม

    เขายังพัฒนา AI ตรวจจับศัตรูพืชผ่านกล้องและการวิเคราะห์รูปแบบ เพื่อแจ้งเตือนเกษตรกรล่วงหน้า พร้อมคำแนะนำในการรับมือ ซึ่งตอนนี้มีความแม่นยำราว 70%

    ในอนาคต เขาเสนอแนวคิด “Digital Agronomist” ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล และ “หุ่นยนต์สุนัขลาดตระเวน” ที่สามารถเดินตรวจสวนและนับผลทุเรียนแบบเรียลไทม์

    ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดของเกษตรกร Tan เชื่อว่าเมื่อพวกเขาเห็นว่าเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาได้จริง พวกเขาจะพร้อมเปิดรับและปรับตัว

    การใช้เซนเซอร์ในสวนทุเรียน
    วัดค่าความชื้น, pH, และ EC เพื่อประเมินสุขภาพดิน
    ตรวจพบปัญหาน้ำขังที่ส่งผลต่อรากและการดูดซึมสารอาหาร
    ข้อมูลถูกส่งขึ้นคลาวด์เพื่อวิเคราะห์และให้คำแนะนำ

    ระบบอัตโนมัติและการจัดการอุณหภูมิ
    สปริงเกิลทำงานอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 35°C
    หยุดทำงานเมื่ออุณหภูมิลดลงถึงระดับที่เหมาะสม
    ช่วยลดความเครียดจากความร้อนในต้นทุเรียน

    การใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล
    ระบบตรวจจับศัตรูพืชผ่านกล้องและการวิเคราะห์รูปแบบ
    แจ้งเตือนพร้อมคำแนะนำในการรับมือ
    แนวคิด “Digital Agronomist” วิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล

    บทบาทของ 5G ในเกษตรอัจฉริยะ
    ช่วยให้การเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์เป็นไปได้
    รองรับการจัดการฟาร์มขนาดใหญ่และซับซ้อน
    เปิดทางสู่การใช้หุ่นยนต์และการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง

    การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเกษตรกร
    เมื่อเห็นผลลัพธ์จริง เกษตรกรจะเปิดรับเทคโนโลยีมากขึ้น
    ปัญหาค่าครองชีพ, สภาพอากาศ, และแรงงานผลักดันให้ต้องปรับตัว
    การใช้เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

    อุปสรรคในการนำ 5G มาใช้จริง
    พื้นที่ห่างไกลยังขาดโครงสร้างพื้นฐาน 5G และแม้แต่ 4G
    ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอุปกรณ์เป็น 5G ยังสูงสำหรับฟาร์มขนาดเล็ก
    เกษตรกรบางส่วนยังไม่เข้าใจศักยภาพของ 5G นอกเหนือจากอินเทอร์เน็ตเร็ว
    การขาดความรู้ด้านเทคโนโลยีอาจทำให้ใช้งานระบบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/how-smart-sensors-and-5g-are-changing-the-game-for-msian-durian-farmers
    🌱 “เกษตรทุเรียนอัจฉริยะ – เมื่อ 5G และเซนเซอร์เปลี่ยนสวนให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ” ใครจะคิดว่า “ทุเรียน” ผลไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นแรงและรสชาติเฉพาะตัว จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการเกษตรในมาเลเซีย? Tan Han Wei อดีตวิศวกร R&D ผู้หลงใหลในทุเรียน ได้ก่อตั้งบริษัท Sustainable Hrvest เพื่อพัฒนาโซลูชันเกษตรอัจฉริยะ โดยเริ่มจากการลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกรทุเรียนทั่วประเทศ เพื่อเข้าใจปัญหาที่แท้จริง เช่น ทำไมบางจุดในสวนให้ผลผลิตมากกว่าจุดอื่น และจะปรับปรุงพื้นที่ด้อยผลผลิตได้อย่างไร คำตอบคือ “ข้อมูล” และ “เทคโนโลยี” โดยเขาเริ่มติดตั้งเซนเซอร์ลงดินลึก 30–40 ซม. เพื่อวัดความชื้น, pH, และค่าการนำไฟฟ้าในดิน (EC) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของดิน ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งขึ้นคลาวด์เพื่อวิเคราะห์ ผลลัพธ์คือการค้นพบปัญหาที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น จุดที่มีน้ำขังมากเกินไปซึ่งส่งผลให้รากเน่าและดูดซึมสารอาหารไม่ได้ เขาจึงแนะนำให้ลดการรดน้ำและปรับปรุงการระบายน้ำ นอกจากนี้ยังมีการตั้งระบบอัตโนมัติให้สปริงเกิลทำงานเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 35°C เพื่อป้องกันต้นไม้จากความเครียดจากความร้อน แต่ทั้งหมดนี้จะไร้ประโยชน์หากไม่มี “5G” เพราะการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์คือหัวใจของการจัดการฟาร์มขนาดใหญ่และซับซ้อน Tan จึงพัฒนาโซลูชันที่รองรับทั้ง 4G และ LoRaWAN พร้อมอัปเกรดเป็น 5G เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพร้อม เขายังพัฒนา AI ตรวจจับศัตรูพืชผ่านกล้องและการวิเคราะห์รูปแบบ เพื่อแจ้งเตือนเกษตรกรล่วงหน้า พร้อมคำแนะนำในการรับมือ ซึ่งตอนนี้มีความแม่นยำราว 70% ในอนาคต เขาเสนอแนวคิด “Digital Agronomist” ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล และ “หุ่นยนต์สุนัขลาดตระเวน” ที่สามารถเดินตรวจสวนและนับผลทุเรียนแบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดของเกษตรกร Tan เชื่อว่าเมื่อพวกเขาเห็นว่าเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาได้จริง พวกเขาจะพร้อมเปิดรับและปรับตัว ✅ การใช้เซนเซอร์ในสวนทุเรียน ➡️ วัดค่าความชื้น, pH, และ EC เพื่อประเมินสุขภาพดิน ➡️ ตรวจพบปัญหาน้ำขังที่ส่งผลต่อรากและการดูดซึมสารอาหาร ➡️ ข้อมูลถูกส่งขึ้นคลาวด์เพื่อวิเคราะห์และให้คำแนะนำ ✅ ระบบอัตโนมัติและการจัดการอุณหภูมิ ➡️ สปริงเกิลทำงานอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 35°C ➡️ หยุดทำงานเมื่ออุณหภูมิลดลงถึงระดับที่เหมาะสม ➡️ ช่วยลดความเครียดจากความร้อนในต้นทุเรียน ✅ การใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล ➡️ ระบบตรวจจับศัตรูพืชผ่านกล้องและการวิเคราะห์รูปแบบ ➡️ แจ้งเตือนพร้อมคำแนะนำในการรับมือ ➡️ แนวคิด “Digital Agronomist” วิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล ✅ บทบาทของ 5G ในเกษตรอัจฉริยะ ➡️ ช่วยให้การเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์เป็นไปได้ ➡️ รองรับการจัดการฟาร์มขนาดใหญ่และซับซ้อน ➡️ เปิดทางสู่การใช้หุ่นยนต์และการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง ✅ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเกษตรกร ➡️ เมื่อเห็นผลลัพธ์จริง เกษตรกรจะเปิดรับเทคโนโลยีมากขึ้น ➡️ ปัญหาค่าครองชีพ, สภาพอากาศ, และแรงงานผลักดันให้ต้องปรับตัว ➡️ การใช้เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ‼️ อุปสรรคในการนำ 5G มาใช้จริง ⛔ พื้นที่ห่างไกลยังขาดโครงสร้างพื้นฐาน 5G และแม้แต่ 4G ⛔ ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอุปกรณ์เป็น 5G ยังสูงสำหรับฟาร์มขนาดเล็ก ⛔ เกษตรกรบางส่วนยังไม่เข้าใจศักยภาพของ 5G นอกเหนือจากอินเทอร์เน็ตเร็ว ⛔ การขาดความรู้ด้านเทคโนโลยีอาจทำให้ใช้งานระบบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/how-smart-sensors-and-5g-are-changing-the-game-for-msian-durian-farmers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How smart sensors and 5G are changing the game for M’sian durian farmers
    Trees can't speak, so durian farmers in Malaysia are turning to digital tools to better understand their needs and boost their yields.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 493 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts