• รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์กรณีศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฏหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจได้

    เมื่อวาน 28 พฤษภาคม 2568

    ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯมีคำวินิจฉัยว่าทรัมป์ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้

    ศาลรัฐบาลกลางเพิ่งตัดสินว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ

    เหตุผลของคำวินิจฉัย

    ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (โดยเฉพาะ US Court of International Trade) ตัดสินว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ (International Emergency Economic Powers Act - IEEPA) สาเหตุหลักๆ น่าจะมาจากประเด็นทางกฎหมายดังนี้:

    1 ขอบเขตของอำนาจฉุกเฉิน: ศาลอาจตีความว่ากฎหมาย IEEPA มีขอบเขตการใช้งานที่จำกัด ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการกำหนดภาษีศุลกากรในลักษณะที่กว้างขวางและมีผลกระทบในระดับโลกได้ คำว่า "ฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ" อาจถูกตีความว่ามีข้อจำกัดที่ชัดเจน ไม่ได้หมายถึงสถานการณ์ทางการค้าทั่วไป

    2 การจำแนกระหว่างภาษีศุลกากรและมาตรการฉุกเฉินอื่นๆ: ศาลอาจมองว่าการกำหนดภาษีศุลกากรเป็นอำนาจที่เกี่ยวข้องกับการคลังและนโยบายการค้า ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ภายใต้อำนาจของสภาคองเกรส (ฝ่ายนิติบัญญัติ) มากกว่าอำนาจฉุกเฉินของฝ่ายบริหาร การใช้กฎหมายฉุกเฉินเพื่อข้ามกระบวนการนิติบัญญัติในการเก็บภาษี อาจถูกมองว่าเป็นการละเมิดการแบ่งแยกอำนาจ

    3 การขาดความชอบธรรมของสถานการณ์ฉุกเฉิน: ศาลอาจเห็นว่าสถานการณ์ทางการค้าที่ทรัมป์อ้างว่าเป็น "ภาวะฉุกเฉิน" นั้นไม่เข้าข่ายตามความหมายของกฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนถึงขั้นต้องใช้อำนาจพิเศษ

    4 การปกป้องการแบ่งแยกอำนาจ (Separation of Powers): คำวินิจฉัยนี้เป็นการตอกย้ำหลักการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหาร (ประธานาธิบดี) และฝ่ายนิติบัญญัติ (สภาคองเกรส) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ศาลมองว่าการเก็บภาษีเป็นอำนาจของสภาคองเกรส และประธานาธิบดีไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินมาแทนที่อำนาจดังกล่าวได้

    5 รัฐบาลทรัมป์มีทางเลือกในการอุทธรณ์คำวินิจฉัยนี้ไปยังศาลสูงกว่า เช่น ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง หรืออาจถึงศาลฎีกา ซึ่งกระบวนการอุทธรณ์อาจใช้เวลาและผลลัพธ์ก็ไม่แน่นอน

    อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางกฎหมายครั้งสำคัญสำหรับรัฐบาลทรัมป์ และอาจส่งผลให้กลยุทธ์ทางการค้าของสหรัฐฯ ต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากศาลสูงยืนยันคำวินิจฉัยดังกล่าว
    รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์กรณีศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฏหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจได้ เมื่อวาน 28 พฤษภาคม 2568 ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯมีคำวินิจฉัยว่าทรัมป์ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้ ศาลรัฐบาลกลางเพิ่งตัดสินว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ เหตุผลของคำวินิจฉัย ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (โดยเฉพาะ US Court of International Trade) ตัดสินว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ (International Emergency Economic Powers Act - IEEPA) สาเหตุหลักๆ น่าจะมาจากประเด็นทางกฎหมายดังนี้: 1 ขอบเขตของอำนาจฉุกเฉิน: ศาลอาจตีความว่ากฎหมาย IEEPA มีขอบเขตการใช้งานที่จำกัด ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการกำหนดภาษีศุลกากรในลักษณะที่กว้างขวางและมีผลกระทบในระดับโลกได้ คำว่า "ฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ" อาจถูกตีความว่ามีข้อจำกัดที่ชัดเจน ไม่ได้หมายถึงสถานการณ์ทางการค้าทั่วไป 2 การจำแนกระหว่างภาษีศุลกากรและมาตรการฉุกเฉินอื่นๆ: ศาลอาจมองว่าการกำหนดภาษีศุลกากรเป็นอำนาจที่เกี่ยวข้องกับการคลังและนโยบายการค้า ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ภายใต้อำนาจของสภาคองเกรส (ฝ่ายนิติบัญญัติ) มากกว่าอำนาจฉุกเฉินของฝ่ายบริหาร การใช้กฎหมายฉุกเฉินเพื่อข้ามกระบวนการนิติบัญญัติในการเก็บภาษี อาจถูกมองว่าเป็นการละเมิดการแบ่งแยกอำนาจ 3 การขาดความชอบธรรมของสถานการณ์ฉุกเฉิน: ศาลอาจเห็นว่าสถานการณ์ทางการค้าที่ทรัมป์อ้างว่าเป็น "ภาวะฉุกเฉิน" นั้นไม่เข้าข่ายตามความหมายของกฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนถึงขั้นต้องใช้อำนาจพิเศษ 4 การปกป้องการแบ่งแยกอำนาจ (Separation of Powers): คำวินิจฉัยนี้เป็นการตอกย้ำหลักการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหาร (ประธานาธิบดี) และฝ่ายนิติบัญญัติ (สภาคองเกรส) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ศาลมองว่าการเก็บภาษีเป็นอำนาจของสภาคองเกรส และประธานาธิบดีไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินมาแทนที่อำนาจดังกล่าวได้ 5 รัฐบาลทรัมป์มีทางเลือกในการอุทธรณ์คำวินิจฉัยนี้ไปยังศาลสูงกว่า เช่น ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง หรืออาจถึงศาลฎีกา ซึ่งกระบวนการอุทธรณ์อาจใช้เวลาและผลลัพธ์ก็ไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางกฎหมายครั้งสำคัญสำหรับรัฐบาลทรัมป์ และอาจส่งผลให้กลยุทธ์ทางการค้าของสหรัฐฯ ต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากศาลสูงยืนยันคำวินิจฉัยดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ดอนเมืองโทลล์เวย์”แจ้งตลาดฯ ยื่นอนุญาโตตุลาการฟ้องกรมทางหลวง ชดเชย ผลกระทบโควิดช่วงปี 63-65 เป็นเงิน 2.3 พันล้านบาท “สุริยะ”ยันต้องดำเนินการภายใต้ผลประโยชน์ของรัฐมากที่สุด

    รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงนามโดยนายศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เรื่องการยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อใช้สิทธิและปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง – ดอนเมือง (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) (‘สัญญาสัมปทาน”) ระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัทฯ เพื่อให้กรมทางหลวง แก้ไขผลเสียต่อฐานะทางการของบริษัทฯ โดยยื่นคำเสนอข้อพิพาทวันที่ 27 พฤษภาคม 2568

    โดยระบุว่า บริษัทฯ เป็นผู้รับสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) จากกรมทางหลวง รวม 2 ตอน ได้แก่ สัมปทานทางหลวงตอนดินแดง – ดอนเมือง และสัมปทาน ทางหลวงตอนดอนเมือง – อนุสรณ์สถาน โดยระหว่างอายุสัญญาสัมปทานในปี 2563 ถึงปี 2565 ปรากฎการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร อันเป็นเหตุสุดวิสัยตามสัญญาสัมปทาน ส่งผลให้ปริมาณการจราจรที่ใช้ทางหลวงสัมปทานทางหลวงเดิมและทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาสัมปทานโดยแจ้งเหตุสุดวิสัยให้กรมทางหลวงทราบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000050355

    #MGROnline #ดอนเมืองโทลล์เวย์ #ทางยกระดับดอนเมือง
    “ดอนเมืองโทลล์เวย์”แจ้งตลาดฯ ยื่นอนุญาโตตุลาการฟ้องกรมทางหลวง ชดเชย ผลกระทบโควิดช่วงปี 63-65 เป็นเงิน 2.3 พันล้านบาท “สุริยะ”ยันต้องดำเนินการภายใต้ผลประโยชน์ของรัฐมากที่สุด • รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงนามโดยนายศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เรื่องการยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อใช้สิทธิและปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง – ดอนเมือง (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) (‘สัญญาสัมปทาน”) ระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัทฯ เพื่อให้กรมทางหลวง แก้ไขผลเสียต่อฐานะทางการของบริษัทฯ โดยยื่นคำเสนอข้อพิพาทวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 • โดยระบุว่า บริษัทฯ เป็นผู้รับสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) จากกรมทางหลวง รวม 2 ตอน ได้แก่ สัมปทานทางหลวงตอนดินแดง – ดอนเมือง และสัมปทาน ทางหลวงตอนดอนเมือง – อนุสรณ์สถาน โดยระหว่างอายุสัญญาสัมปทานในปี 2563 ถึงปี 2565 ปรากฎการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร อันเป็นเหตุสุดวิสัยตามสัญญาสัมปทาน ส่งผลให้ปริมาณการจราจรที่ใช้ทางหลวงสัมปทานทางหลวงเดิมและทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาสัมปทานโดยแจ้งเหตุสุดวิสัยให้กรมทางหลวงทราบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000050355 • #MGROnline #ดอนเมืองโทลล์เวย์ #ทางยกระดับดอนเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต

    แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะมีแผนจัดการวิกฤตอยู่แล้ว แต่การนำทีมผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินต้องอาศัยมากกว่าขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยบทความนี้นำเสนอ 7 กฎสำคัญที่ช่วยให้ผู้นำสามารถจัดการวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    🔍 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต
    ✅ ความยืดหยุ่นต้องมาพร้อมกับความสงบ ไม่ใช่ความเงียบ
    - ผู้นำต้อง แจ้งข้อมูลให้ทีมและลูกค้าทราบอย่างตรงไปตรงมา
    - การปิดบังข้อมูล ทำให้เกิดความสับสนและความไม่ไว้วางใจ

    ✅ แนวคิดเชิงรุกช่วยให้ทีมเรียนรู้ร่วมกัน
    - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยลดความสับสนและสร้างความมั่นใจ
    - การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง

    ✅ การสื่อสารที่เปิดเผยทำให้ทีมมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา
    - การตอบสนองแบบปิดกั้น ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ
    - การแจ้งปัญหาอย่างรวดเร็ว ช่วยรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร

    ✅ ความโปร่งใสและการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาสร้างความไว้วางใจ
    - การซ่อนปัญหา ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
    - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยให้ทีมสามารถรับมือกับวิกฤตได้ดีขึ้น

    ✅ ทีมที่อยู่ภายใต้ความกดดันต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง
    - หากผู้นำไม่มีความมั่นคง ทีมจะเกิดความสับสนและตัดสินใจผิดพลาด
    - ความไว้วางใจในผู้นำ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการวิกฤต

    ✅ องค์กรที่เตรียมพร้อมสามารถรับมือกับแรงกดดันได้ดีขึ้น
    - การกำหนดบทบาทล่วงหน้า ช่วยให้ทีมสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
    - การฝึกซ้อมเป็นประจำ ช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ

    ✅ การตัดสินใจต้องอาศัยข้อมูลที่แม่นยำ ไม่ใช่แค่ความเร่งด่วน
    - การตอบสนองโดยไม่มีข้อมูล อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง
    - การใช้ข้อมูลข่าวกรองช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.csoonline.com/article/3992768/the-7-unwritten-rules-of-leading-through-crisis.html
    7 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะมีแผนจัดการวิกฤตอยู่แล้ว แต่การนำทีมผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินต้องอาศัยมากกว่าขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยบทความนี้นำเสนอ 7 กฎสำคัญที่ช่วยให้ผู้นำสามารถจัดการวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔍 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต ✅ ความยืดหยุ่นต้องมาพร้อมกับความสงบ ไม่ใช่ความเงียบ - ผู้นำต้อง แจ้งข้อมูลให้ทีมและลูกค้าทราบอย่างตรงไปตรงมา - การปิดบังข้อมูล ทำให้เกิดความสับสนและความไม่ไว้วางใจ ✅ แนวคิดเชิงรุกช่วยให้ทีมเรียนรู้ร่วมกัน - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยลดความสับสนและสร้างความมั่นใจ - การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง ✅ การสื่อสารที่เปิดเผยทำให้ทีมมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา - การตอบสนองแบบปิดกั้น ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ - การแจ้งปัญหาอย่างรวดเร็ว ช่วยรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร ✅ ความโปร่งใสและการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาสร้างความไว้วางใจ - การซ่อนปัญหา ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยให้ทีมสามารถรับมือกับวิกฤตได้ดีขึ้น ✅ ทีมที่อยู่ภายใต้ความกดดันต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง - หากผู้นำไม่มีความมั่นคง ทีมจะเกิดความสับสนและตัดสินใจผิดพลาด - ความไว้วางใจในผู้นำ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการวิกฤต ✅ องค์กรที่เตรียมพร้อมสามารถรับมือกับแรงกดดันได้ดีขึ้น - การกำหนดบทบาทล่วงหน้า ช่วยให้ทีมสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว - การฝึกซ้อมเป็นประจำ ช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ ✅ การตัดสินใจต้องอาศัยข้อมูลที่แม่นยำ ไม่ใช่แค่ความเร่งด่วน - การตอบสนองโดยไม่มีข้อมูล อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง - การใช้ข้อมูลข่าวกรองช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.csoonline.com/article/3992768/the-7-unwritten-rules-of-leading-through-crisis.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The 7 unwritten rules of leading through crisis
    Your crisis management playbook may look fail-proof on paper, but leadership and culture offer intangibles that can make or break execution when emergency strikes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถบรรทุกหินพุ่งชน คร่า 9 ชีวิตตำรวจมาเลย์ฯ

    โศกนาฎกรรมบนท้องถนนที่คร่าชีวิตตำรวจมาเลเซียครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อรถบรรทุกของตำรวจ หน่วยกองกำลังสำรองแห่งสหพันธรัฐมาเลเซีย (The Federal Reserve Unit หรือ FRU) ประสบอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุกหินกรวด เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 13 พ.ค. บนถนนสายชิคุส-สุไหงลำปำ เมืองเตลุก อินตาน รัฐเปรัก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลเซีย เป็นเหตุให้ตำรวจหน่วย FRU เสียชีวิต 9 นาย บาดเจ็บอีก 9 นาย รักษาตัวที่โรงพยาบาลเตลุก อินตาน รัฐเปรัก

    ก่อนเกิดเหตุตำรวจหน่วย FRU เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจดูแลความเรียบร้อยในพิธีชิตรา ปูร์นามิ ในเมืองเตลุก อินตาน กำลังจะเดินทางกลับที่ตั้งในเมืองอิโปห์ โดยมีรถบรรทุก 7 คันเป็นยานพาหนะ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถบรรทุกหินกรวดที่ระบบบังคับเลี้ยวขัดข้อง พุ่งชนรถบรรทุกคันที่ 5 ซึ่งมีตำรวจทั้งหมด 18 นาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว โดยพบว่ารถบรรทุกหินคันดังกล่าวไม่ได้บำรุงรักษารถ และจากการสืบสวนของตำรวจรัฐเปรัก พบว่าคนขับรถบรรทุกหินกรวดวัย 45 ปี มีประวัติอาชญากรรม 6 ครั้ง รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมีหมายคดีจราจรค้างอยู่หลายฉบับ

    สำหรับตำรวจที่เสียชีวิตจะได้รับค่าชดเชยเยียวยาตั้งแต่ 58,000 ถึง 269,700 ริงกิต (ประมาณ 449,000 ถึง 2,000,000 บาท) ผ่านกองทุนสวัสดิการต่างๆ ซึ่งศพของตำรวจทั้ง 9 นาย หลังชันสูตรแล้วจะประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม โดยจะมีพิธีฝังศพที่หน่วยบัญชาการตำรวจกำลังสำรองแห่งสหพันธรัฐที่ 5 (FRU No.5) สุไหงเซนัม เมืองอิโปห์

    ตำรวจหน่วยกองกำลังสำรองของมาเลเซีย (FRU) เป็นหน่วยตำรวจที่ทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนและตอบสนองเหตุฉุกเฉินพิเศษ ขึ้นตรงสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย และกระทรวงมหาดไทย มีลักษณะกึ่งทหาร สามารถส่งกำลังไปได้ทุกแห่งเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือความไม่สงบในประเทศ มีบทบาทหลักได้แก่ สลายการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ปราบปรามจลาจล และปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ เช่น อุทกภัย เพลิงไหม้ ดินถล่ม เครื่องบินตก เป็นต้น

    ตำรวจหน่วยดังกล่าวมีหมวกเบเร่ต์สีแดงเป็นสัญลักษณ์ ปัจจุบันมีหน่วยบัญชาการของตำรวจ FRU จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ 2 แห่ง (No.1 และ No.4) ยะโฮร์บาห์รู (No.2) ปีนัง (No.3) เมืองอิโปห์ รัฐเปรัก (No.5) กัวลาตรังกานู (No.6) เมืองเซเรมบัน รัฐเนกรีเซมบีลัน (No.7) และยังมีหน่วยเฉพาะได้แก่ กองกำลังสตรี หน่วยตำรวจม้า (Mounted Unit) และศูนย์ฝึกอบรม FRU ในเมืองอิโปห์ รัฐเปรัก โดยมีกำลังพลรวมกันประมาณ 2,400 นาย

    #Newskit
    รถบรรทุกหินพุ่งชน คร่า 9 ชีวิตตำรวจมาเลย์ฯ โศกนาฎกรรมบนท้องถนนที่คร่าชีวิตตำรวจมาเลเซียครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อรถบรรทุกของตำรวจ หน่วยกองกำลังสำรองแห่งสหพันธรัฐมาเลเซีย (The Federal Reserve Unit หรือ FRU) ประสบอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุกหินกรวด เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 13 พ.ค. บนถนนสายชิคุส-สุไหงลำปำ เมืองเตลุก อินตาน รัฐเปรัก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลเซีย เป็นเหตุให้ตำรวจหน่วย FRU เสียชีวิต 9 นาย บาดเจ็บอีก 9 นาย รักษาตัวที่โรงพยาบาลเตลุก อินตาน รัฐเปรัก ก่อนเกิดเหตุตำรวจหน่วย FRU เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจดูแลความเรียบร้อยในพิธีชิตรา ปูร์นามิ ในเมืองเตลุก อินตาน กำลังจะเดินทางกลับที่ตั้งในเมืองอิโปห์ โดยมีรถบรรทุก 7 คันเป็นยานพาหนะ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถบรรทุกหินกรวดที่ระบบบังคับเลี้ยวขัดข้อง พุ่งชนรถบรรทุกคันที่ 5 ซึ่งมีตำรวจทั้งหมด 18 นาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว โดยพบว่ารถบรรทุกหินคันดังกล่าวไม่ได้บำรุงรักษารถ และจากการสืบสวนของตำรวจรัฐเปรัก พบว่าคนขับรถบรรทุกหินกรวดวัย 45 ปี มีประวัติอาชญากรรม 6 ครั้ง รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมีหมายคดีจราจรค้างอยู่หลายฉบับ สำหรับตำรวจที่เสียชีวิตจะได้รับค่าชดเชยเยียวยาตั้งแต่ 58,000 ถึง 269,700 ริงกิต (ประมาณ 449,000 ถึง 2,000,000 บาท) ผ่านกองทุนสวัสดิการต่างๆ ซึ่งศพของตำรวจทั้ง 9 นาย หลังชันสูตรแล้วจะประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม โดยจะมีพิธีฝังศพที่หน่วยบัญชาการตำรวจกำลังสำรองแห่งสหพันธรัฐที่ 5 (FRU No.5) สุไหงเซนัม เมืองอิโปห์ ตำรวจหน่วยกองกำลังสำรองของมาเลเซีย (FRU) เป็นหน่วยตำรวจที่ทำหน้าที่ควบคุมฝูงชนและตอบสนองเหตุฉุกเฉินพิเศษ ขึ้นตรงสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย และกระทรวงมหาดไทย มีลักษณะกึ่งทหาร สามารถส่งกำลังไปได้ทุกแห่งเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือความไม่สงบในประเทศ มีบทบาทหลักได้แก่ สลายการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ปราบปรามจลาจล และปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ เช่น อุทกภัย เพลิงไหม้ ดินถล่ม เครื่องบินตก เป็นต้น ตำรวจหน่วยดังกล่าวมีหมวกเบเร่ต์สีแดงเป็นสัญลักษณ์ ปัจจุบันมีหน่วยบัญชาการของตำรวจ FRU จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ 2 แห่ง (No.1 และ No.4) ยะโฮร์บาห์รู (No.2) ปีนัง (No.3) เมืองอิโปห์ รัฐเปรัก (No.5) กัวลาตรังกานู (No.6) เมืองเซเรมบัน รัฐเนกรีเซมบีลัน (No.7) และยังมีหน่วยเฉพาะได้แก่ กองกำลังสตรี หน่วยตำรวจม้า (Mounted Unit) และศูนย์ฝึกอบรม FRU ในเมืองอิโปห์ รัฐเปรัก โดยมีกำลังพลรวมกันประมาณ 2,400 นาย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง ความเครียดในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ และวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองแนะนำให้ใช้ "Neurohacks" เพื่อลดผลกระทบของความเครียดและช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น

    จากการสำรวจของ ISACA ปี 2024 พบว่า 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดในงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด, การขาดแคลนบุคลากร และปัญหาการรักษาพนักงาน

    นักประสาทวิทยา Dr. Lila Landowski อธิบายว่าความเครียดในงานด้านไซเบอร์มีลักษณะคล้ายกับ สถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งอาจส่งผลต่อ โครงสร้างสมอง ทำให้ ความสามารถในการตัดสินใจลดลง, ความจำแย่ลง และมีอารมณ์รุนแรงขึ้น

    ✅ ผลกระทบของความเครียดต่อสมอง
    - ความเครียดเรื้อรังทำให้ ฮิปโปแคมปัสหดตัว ส่งผลต่อความจำและการเรียนรู้
    - อะมิกดาลาโตขึ้น ทำให้มีอารมณ์รุนแรงและตอบสนองต่อความเครียดมากขึ้น
    - คอร์เทกซ์ส่วนหน้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจ อาจทำงานผิดปกติ

    ✅ สาเหตุของความเครียดในงานด้านไซเบอร์
    - 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดเพิ่มขึ้น
    - สาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด และการขาดแคลนบุคลากร

    ✅ Neurohacks เพื่อลดความเครียด
    - การเข้าสังคมแบบพบหน้ากัน ช่วยลดระดับ คอร์ติซอล และเพิ่ม ออกซิโทซิน
    - การทำสมาธิวันละ 13 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยลดขนาดอะมิกดาลา
    - การออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายมีความทนทานต่อความเครียดทางจิตใจ

    ✅ แนวทางของนักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง
    - Moran Cerf อดีตแฮกเกอร์และนักประสาทวิทยาแนะนำให้ เข้าใจว่าความเครียดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
    - การจัดการทีมโดยใช้ สภาวะที่เหมาะสมกับสมองของแต่ละคน ช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพ

    https://www.csoonline.com/article/3973070/neurohacks-to-outsmart-stress-and-make-better-cybersecurity-decisions.html
    บทความนี้กล่าวถึง ความเครียดในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ และวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองแนะนำให้ใช้ "Neurohacks" เพื่อลดผลกระทบของความเครียดและช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น จากการสำรวจของ ISACA ปี 2024 พบว่า 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดในงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด, การขาดแคลนบุคลากร และปัญหาการรักษาพนักงาน นักประสาทวิทยา Dr. Lila Landowski อธิบายว่าความเครียดในงานด้านไซเบอร์มีลักษณะคล้ายกับ สถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งอาจส่งผลต่อ โครงสร้างสมอง ทำให้ ความสามารถในการตัดสินใจลดลง, ความจำแย่ลง และมีอารมณ์รุนแรงขึ้น ✅ ผลกระทบของความเครียดต่อสมอง - ความเครียดเรื้อรังทำให้ ฮิปโปแคมปัสหดตัว ส่งผลต่อความจำและการเรียนรู้ - อะมิกดาลาโตขึ้น ทำให้มีอารมณ์รุนแรงและตอบสนองต่อความเครียดมากขึ้น - คอร์เทกซ์ส่วนหน้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจ อาจทำงานผิดปกติ ✅ สาเหตุของความเครียดในงานด้านไซเบอร์ - 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดเพิ่มขึ้น - สาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด และการขาดแคลนบุคลากร ✅ Neurohacks เพื่อลดความเครียด - การเข้าสังคมแบบพบหน้ากัน ช่วยลดระดับ คอร์ติซอล และเพิ่ม ออกซิโทซิน - การทำสมาธิวันละ 13 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยลดขนาดอะมิกดาลา - การออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายมีความทนทานต่อความเครียดทางจิตใจ ✅ แนวทางของนักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง - Moran Cerf อดีตแฮกเกอร์และนักประสาทวิทยาแนะนำให้ เข้าใจว่าความเครียดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย - การจัดการทีมโดยใช้ สภาวะที่เหมาะสมกับสมองของแต่ละคน ช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพ https://www.csoonline.com/article/3973070/neurohacks-to-outsmart-stress-and-make-better-cybersecurity-decisions.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Neurohacks to outsmart stress and make better cybersecurity decisions
    Understanding how stress rewires the brain could be the key to avoiding burnout and unlocking peak performance among cyber pros.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีปูติน สั่งการให้กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินส่งเครื่องบินหลายลำไปช่วยอิหร่านดับไฟที่ท่าเรือบันดาร์อับบาสอย่างเร่งด่วน
    -สถานทูตรัสเซียรายงาน
    ประธานาธิบดีปูติน สั่งการให้กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินส่งเครื่องบินหลายลำไปช่วยอิหร่านดับไฟที่ท่าเรือบันดาร์อับบาสอย่างเร่งด่วน -สถานทูตรัสเซียรายงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • รัฐบาลตุรกีกำลังผลักดันการแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจให้แก่หน่วยงาน Information and Communication Technologies Authority (BTK) ในการควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและแอปส่งข้อความ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการศาล โดยอ้างเหตุผลด้าน “ความมั่นคงแห่งชาติ”

    ✅ สิทธิใหม่ของหน่วยงาน BTK:
    - BTK จะได้รับอำนาจในการบล็อกการเข้าถึงโซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชันส่งข้อความได้โดยตรง หากเกี่ยวข้องกับความมั่นคงสาธารณะ สุขภาพ หรือผลประโยชน์ของรัฐ
    - สามารถลดแบนด์วิดท์ได้ถึง 90% เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ระหว่างสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งทำให้เว็บไซต์และแอปเป้าหมายแทบไม่สามารถใช้งานได้เลย

    ✅ ข้อกำหนดสำหรับบริษัท:
    - แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเกินกว่า 1 ล้านคน ในตุรกี เช่น Instagram, YouTube, WhatsApp ต้องตั้งบริษัทในประเทศและปฏิบัติตามข้อบังคับที่เข้มงวด

    ✅ การควบคุม VPN:
    - ตุรกียังเพิ่มการบีบคั้นบริการ VPN ซึ่งผู้ใช้นิยมใช้ในการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

    ✅ ผลกระทบและความกังวล:
    - การบังคับใช้กฎหมายใหม่นี้อาจเพิ่มความเข้มงวดในระดับเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการขยายผลกระทบจากการปิดกั้นโซเชียลมีเดียในเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เช่น การประท้วงทางการเมืองและเหตุฉุกเฉินอย่างแผ่นดินไหวปี 2023
    - ผู้สื่อข่าวและกลุ่มสิทธิดิจิทัลได้แสดงความกังวลว่าอำนาจที่เพิ่มขึ้นอาจถูกนำไปใช้เพื่อปิดปากการรายงานข่าวอิสระ และลดทอนเสรีภาพในการแสดงออกในโลกออนไลน์

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/turkey-wants-to-make-it-easier-for-authorities-to-block-social-media-and-messaging-apps
    รัฐบาลตุรกีกำลังผลักดันการแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจให้แก่หน่วยงาน Information and Communication Technologies Authority (BTK) ในการควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและแอปส่งข้อความ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการศาล โดยอ้างเหตุผลด้าน “ความมั่นคงแห่งชาติ” ✅ สิทธิใหม่ของหน่วยงาน BTK: - BTK จะได้รับอำนาจในการบล็อกการเข้าถึงโซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชันส่งข้อความได้โดยตรง หากเกี่ยวข้องกับความมั่นคงสาธารณะ สุขภาพ หรือผลประโยชน์ของรัฐ - สามารถลดแบนด์วิดท์ได้ถึง 90% เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ระหว่างสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งทำให้เว็บไซต์และแอปเป้าหมายแทบไม่สามารถใช้งานได้เลย ✅ ข้อกำหนดสำหรับบริษัท: - แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเกินกว่า 1 ล้านคน ในตุรกี เช่น Instagram, YouTube, WhatsApp ต้องตั้งบริษัทในประเทศและปฏิบัติตามข้อบังคับที่เข้มงวด ✅ การควบคุม VPN: - ตุรกียังเพิ่มการบีบคั้นบริการ VPN ซึ่งผู้ใช้นิยมใช้ในการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ✅ ผลกระทบและความกังวล: - การบังคับใช้กฎหมายใหม่นี้อาจเพิ่มความเข้มงวดในระดับเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการขยายผลกระทบจากการปิดกั้นโซเชียลมีเดียในเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เช่น การประท้วงทางการเมืองและเหตุฉุกเฉินอย่างแผ่นดินไหวปี 2023 - ผู้สื่อข่าวและกลุ่มสิทธิดิจิทัลได้แสดงความกังวลว่าอำนาจที่เพิ่มขึ้นอาจถูกนำไปใช้เพื่อปิดปากการรายงานข่าวอิสระ และลดทอนเสรีภาพในการแสดงออกในโลกออนไลน์ https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/turkey-wants-to-make-it-easier-for-authorities-to-block-social-media-and-messaging-apps
    WWW.TECHRADAR.COM
    Turkey wants to make it easier for authorities to block social media and messaging apps
    The draft amendment would also require establishing a company in the country
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียรายงานการขนส่งความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมมากกว่า 68 ตันเพิ่มเติมไปยังเมียนมาโดยใช้เครื่องบิน 2 ลำ
    กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียรายงานการขนส่งความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมมากกว่า 68 ตันเพิ่มเติมไปยังเมียนมาโดยใช้เครื่องบิน 2 ลำ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • ทหารผ่านศึก—กำลังสำคัญของวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม

    ทหารผ่านศึกถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงในการทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เนื่องจากมีทักษะด้านความปลอดภัย และการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคเรื่องการแปลทักษะ และการสร้างเครือข่ายในภาคเอกชน หน่วยงานอย่าง SANS Veterans Cyber Academy และโครงการ Onward to Opportunity ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้และได้รับใบรับรองที่จำเป็น ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ สามารถมีส่วนร่วมโดยสร้างโครงการรับสมัครและให้การสนับสนุนทหารผ่านศึก

    ==จุดแข็งของทหารผ่านศึกในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้==
    ✅ ความเข้าใจด้านความปลอดภัยเป็นพื้นฐานสำคัญ
    - ทหารผ่านศึกมีประสบการณ์ด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น การรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ หรือข้อมูลดิจิทัล
    - หน่วยงานด้านไซเบอร์เช่น CISA สนับสนุนให้ทหารผ่านศึกก้าวสู่สายงานนี้

    ✅ ทักษะการวิเคราะห์และจัดการปัญหาเฉพาะหน้า
    - พวกเขาคุ้นเคยกับ การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และการวางแผนกลยุทธ์ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้

    ✅ ความสามารถในการทำงานเป็นทีมและปฏิบัติงานภายใต้แรงกดดัน
    - ทหารผ่านศึกมีประสบการณ์ทำงานร่วมกันเป็นทีม และสามารถรับมือกับสภาวะความกดดันสูงได้ดี

    ==อุปสรรคที่ทหารผ่านศึกต้องเผชิญ==
    ❌ การแปลทักษะจากโลกทหารสู่คำศัพท์พลเรือน
    - การใช้คำศัพท์เฉพาะทางในกองทัพอาจไม่ถูกเข้าใจโดยบริษัทเทคโนโลยี
    - ระบบตรวจสอบเรซูเม่อัตโนมัติอาจไม่สามารถจับคู่ทักษะของพวกเขากับตำแหน่งงานที่เปิดรับ

    ❌ ขาดเครือข่ายและการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม
    - หลายคนพบว่าการหางานที่เหมาะสมเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากขาดเครือข่ายในภาคเอกชน

    ==แนวทางสนับสนุนที่ช่วยให้ทหารผ่านศึกก้าวเข้าสู่สายงานไซเบอร์ซีเคียวริตี้==
    💡 หลักสูตรอบรมเฉพาะทาง เช่น SANS Veterans Cyber Academy และ Onward to Opportunity
    - ช่วยให้ทหารผ่านศึกเรียนรู้พื้นฐานด้านไซเบอร์ และได้รับใบรับรองอุตสาหกรรม

    💡 การมีพี่เลี้ยงและเครือข่ายสนับสนุน
    - การพูดคุยกับผู้ที่อยู่ในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้สามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจวิธีเปลี่ยนทักษะจากโลกทหารให้เหมาะสมกับงานพลเรือน

    💡 บริษัทควรมีโครงการสนับสนุนและรับสมัครทหารผ่านศึก
    - องค์กรสามารถเข้าร่วมงานจัดหางานในฐานทัพเพื่อดึงดูดผู้สมัครที่มีศักยภาพ

    https://www.csoonline.com/article/3853771/veterans-are-an-obvious-fit-for-cybersecurity-but-some-tailored-support-helps-ensure-they-succeed.html
    ทหารผ่านศึก—กำลังสำคัญของวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม ทหารผ่านศึกถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงในการทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เนื่องจากมีทักษะด้านความปลอดภัย และการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคเรื่องการแปลทักษะ และการสร้างเครือข่ายในภาคเอกชน หน่วยงานอย่าง SANS Veterans Cyber Academy และโครงการ Onward to Opportunity ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้และได้รับใบรับรองที่จำเป็น ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ สามารถมีส่วนร่วมโดยสร้างโครงการรับสมัครและให้การสนับสนุนทหารผ่านศึก ==จุดแข็งของทหารผ่านศึกในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้== ✅ ความเข้าใจด้านความปลอดภัยเป็นพื้นฐานสำคัญ - ทหารผ่านศึกมีประสบการณ์ด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น การรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ หรือข้อมูลดิจิทัล - หน่วยงานด้านไซเบอร์เช่น CISA สนับสนุนให้ทหารผ่านศึกก้าวสู่สายงานนี้ ✅ ทักษะการวิเคราะห์และจัดการปัญหาเฉพาะหน้า - พวกเขาคุ้นเคยกับ การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และการวางแผนกลยุทธ์ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ✅ ความสามารถในการทำงานเป็นทีมและปฏิบัติงานภายใต้แรงกดดัน - ทหารผ่านศึกมีประสบการณ์ทำงานร่วมกันเป็นทีม และสามารถรับมือกับสภาวะความกดดันสูงได้ดี ==อุปสรรคที่ทหารผ่านศึกต้องเผชิญ== ❌ การแปลทักษะจากโลกทหารสู่คำศัพท์พลเรือน - การใช้คำศัพท์เฉพาะทางในกองทัพอาจไม่ถูกเข้าใจโดยบริษัทเทคโนโลยี - ระบบตรวจสอบเรซูเม่อัตโนมัติอาจไม่สามารถจับคู่ทักษะของพวกเขากับตำแหน่งงานที่เปิดรับ ❌ ขาดเครือข่ายและการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม - หลายคนพบว่าการหางานที่เหมาะสมเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากขาดเครือข่ายในภาคเอกชน ==แนวทางสนับสนุนที่ช่วยให้ทหารผ่านศึกก้าวเข้าสู่สายงานไซเบอร์ซีเคียวริตี้== 💡 หลักสูตรอบรมเฉพาะทาง เช่น SANS Veterans Cyber Academy และ Onward to Opportunity - ช่วยให้ทหารผ่านศึกเรียนรู้พื้นฐานด้านไซเบอร์ และได้รับใบรับรองอุตสาหกรรม 💡 การมีพี่เลี้ยงและเครือข่ายสนับสนุน - การพูดคุยกับผู้ที่อยู่ในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้สามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจวิธีเปลี่ยนทักษะจากโลกทหารให้เหมาะสมกับงานพลเรือน 💡 บริษัทควรมีโครงการสนับสนุนและรับสมัครทหารผ่านศึก - องค์กรสามารถเข้าร่วมงานจัดหางานในฐานทัพเพื่อดึงดูดผู้สมัครที่มีศักยภาพ https://www.csoonline.com/article/3853771/veterans-are-an-obvious-fit-for-cybersecurity-but-some-tailored-support-helps-ensure-they-succeed.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Veterans are an obvious fit for cybersecurity, but tailored support ensures they succeed
    Paying attention to the specific needs of military members transitioning to civilian security positions can help organizations improve their recruitment and retention, and the process can benefit hiring programs in general.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่
    วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ

    ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ

    แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง
    และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง
    ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ
    ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร?

    ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง
    แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน
    ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง )
    จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน)
    ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน?

    เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร
    บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise)
    บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ

    ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅)

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪
    ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ)
    ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้
    ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้)

    จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า
    มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว
    ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้
    เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้
    แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น

    ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย
    และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน

    We shall pass this together.🌈💕

    #earthquake
    #savethailand
    #togetherwewin
    #simplytally
    #simplyugo



    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่ วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร? ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง ) จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน) ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน? เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise) บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪 ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ) ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้ ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้) จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้ เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้ แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน We shall pass this together.🌈💕 #earthquake #savethailand #togetherwewin #simplytally #simplyugo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 701 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยชาวรัสเซียเดินทางมาถึงเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวแล้ว

    ทางด้านเบลารุสประกาศแผนการส่งทีมช่วยเหลือเดินทางไปยังเมียนมาในวันนี้ด้วยเช่นกัน ตามรายงานของกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของเบลารุส ระบุว่ามินสค์ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือในการรับมือกับเหตุการณ์หลังแผ่นดินไหวในเมียนมา
    ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยชาวรัสเซียเดินทางมาถึงเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวแล้ว ทางด้านเบลารุสประกาศแผนการส่งทีมช่วยเหลือเดินทางไปยังเมียนมาในวันนี้ด้วยเช่นกัน ตามรายงานของกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของเบลารุส ระบุว่ามินสค์ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือในการรับมือกับเหตุการณ์หลังแผ่นดินไหวในเมียนมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • ในขณะที่สหรัฐและอิสราเอลกำลังร่วมมือกันถล่มเยเมน เลบานอน ซีเรีย และกาซาให้ย่อยยับ

    อีกฟากหนึ่ง! กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซีย (EMERCOM) ได้ส่งเครื่องบิน 2 ลำพร้อมทีมกู้ภัยและแพทย์พร้อมสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปที่เมียนมาร์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง
    ในขณะที่สหรัฐและอิสราเอลกำลังร่วมมือกันถล่มเยเมน เลบานอน ซีเรีย และกาซาให้ย่อยยับ อีกฟากหนึ่ง! กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซีย (EMERCOM) ได้ส่งเครื่องบิน 2 ลำพร้อมทีมกู้ภัยและแพทย์พร้อมสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปที่เมียนมาร์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหลังเกิดไฟป่าลุกลามหลายสิบจุดทางตอนใต้ของประเทศ โดยล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 ราย และยังมีชาวบ้านที่ต้องทิ้งบ้านเรือนอพยพหนีตายอีกกว่า 1,500 คน

    เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกาหลีใต้ยังคงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการควบคุมไฟป่าที่ปะทุขึ้นในเทศมณฑลซันชอง (Sancheong) ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. ท่ามกลางสภาพอากาศที่มีลมแรง รวมไปถึงไฟป่าจุดอื่นๆ ในอีกอย่างน้อย 3 ภูมิภาคทางตอนใต้ของประเทศ

    สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากไฟป่าแล้วอย่างน้อย 4 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 3 นาย และลูกจ้างรัฐอีก 1 คน

    ทางการได้ระดมเจ้าหน้าที่มากกว่า 9,000 คน และเฮลิคอปเตอร์อีก 105 ลำเพื่อช่วยควบคุมไฟป่าที่เผาผลาญบ้านเรือนประชาชนและวัดวาอารามไปแล้วหลายแห่ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000027783

    #MGROnline #รัฐบาลเกาหลีใต้ #สถานการณ์ฉุกเฉิน #ไฟป่า
    รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหลังเกิดไฟป่าลุกลามหลายสิบจุดทางตอนใต้ของประเทศ โดยล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 ราย และยังมีชาวบ้านที่ต้องทิ้งบ้านเรือนอพยพหนีตายอีกกว่า 1,500 คน • เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกาหลีใต้ยังคงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการควบคุมไฟป่าที่ปะทุขึ้นในเทศมณฑลซันชอง (Sancheong) ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. ท่ามกลางสภาพอากาศที่มีลมแรง รวมไปถึงไฟป่าจุดอื่นๆ ในอีกอย่างน้อย 3 ภูมิภาคทางตอนใต้ของประเทศ • สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากไฟป่าแล้วอย่างน้อย 4 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 3 นาย และลูกจ้างรัฐอีก 1 คน • ทางการได้ระดมเจ้าหน้าที่มากกว่า 9,000 คน และเฮลิคอปเตอร์อีก 105 ลำเพื่อช่วยควบคุมไฟป่าที่เผาผลาญบ้านเรือนประชาชนและวัดวาอารามไปแล้วหลายแห่ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000027783 • #MGROnline #รัฐบาลเกาหลีใต้ #สถานการณ์ฉุกเฉิน #ไฟป่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีบุคคลสูญหาย 1 รายในวันจันทร์ (10 มี.ค.) หลังเกิดเหตุเรือสินค้าลำหนึ่งพุ่งชนเรือบรรทุกเชื้อเพลิงเครื่องบินที่เช่าโดยกองทัพสหรัฐฯ ในทะเลเหนือ ก่อความกังวลเกี่ยวกับอันตรายจากสารพิษต่างๆ นอกชายฝั่งของอังกฤษ
    .
    ปฏิบัติการกู้ภัยครั้งใหญ่ที่ประสานงานโดยยามชายฝั่งสหรชอาณาจักร สามารถช่วยเหลือผู้ประสบเหตุหลายสิบคน ในขณะที่ภาพถ่ายพบเห็นกลุ่มควันสีดำลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและเปลวไฟกำลังโหมกระพือขึ้นจากที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งทางตะวันออกของอังกฤษราว 16 กิโลเมตร
    .
    "เรือบรรทุกน้ำมัน Stena Immaculate ที่ทอดสมออยู่นอกชายฝั่งทะเลเหนือใกล้เมืองฮัลล์ ถูกชนโดยเรือบรรทุกตู้สินค้า Solong" โครว์ลีย์ (Crowley) บริษัทผู้ปฏิบัติการเรือ Stena ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง
    .
    ทั้งนี้ เรือ Stena อยู่ระหว่างการเช่าระยะเวลาสั้นๆ ของกองทัพสหรัฐฯ โดยกองบัญชาการขนส่งทางทะเล อ้างอิงข้อมูลจากจูเลียน มอร์ริส โฆษกของกองบัญชาการแห่งนี้ ซึ่งเป็นผู้ดูแลปฏิบัติการของเรือต่างๆ ที่มีลูกเรือเป็นพลเรือนและทำหน้าที่ขนส่งทางทะเลให้แก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
    .
    โครว์ลีย์ เผยว่าแรงกระแทกของการชนกัน ทำให้เรือบรรทุกน้ำมันที่บรรทุกเชื้อเพลิงอากาศยาน A1-jet เกิดรอยแตกและโหมกระพือไฟลุกท่วม ท่ามกลางรายงานว่ามีเชื้อเพลิงรั่วไหลออกมา
    .
    เรือลำนี้บรรทุกเชื้อเพลิงอากาศยานราว 220,000 บาร์เรล ส่วนเรือ Solong บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์บรรจุโซเดียมไซยาไนด์ 15 ตู้ อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีสารประกอบไวไฟใดๆ รั่วไหลออกมาหรือไม่
    .
    เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เรียกสถานการณ์นี้ว่า "น่ากังวลอย่างยิ่ง" ในขณะที่หน่วยฉุกเฉินระบุในถ้อยแถลงว่าเจ้าหน้าที่ทีมฉุกเฉินเข้าประเมินผู้ได้รับบาดเจ็บ 36 คน ณ ที่เกิดเหตุและพบว่าไม่มีใครที่จำเป็นต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
    .
    ลูกเรือ 13 จาก 14 คนของเรือ Solong ถูกพาขึ้นฝั่งและพวกเจ้าหน้าที่ยังคงพยายามตามหาลูกเรืออีกคนที่ยังสูญหาย ส่วนลูกเรือที่อยู่บนเรือ Stena Immaculate ทั้งหมดได้รับการยืนยันว่ายังมีชีวิต
    .
    พอล จอห์นสัน นักวิทยาศาสตร์ระดับอาวุโสแห่งห้องปฏิบัติการวิจัยกรีนพีซ ณ มหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ บอกว่า "เรามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับอันตรายจากสารพิษต่างๆ สารเคมีเหล่านี้อาจก่อความเสียหายร้ายแรงแก่วิถีชีวิตทางทะเล"
    .
    สมาคมท่าเรือแห่งสหราชอาณาจักร (ABP) เปิดเผยว่าความเคลื่อนไหวของเรือทุกลำถูกระงับในปากน้ำฮัมเบอร์ ที่ไหลสู่ทะเลเหนือ ส่วนกองบัญชาการกลางด้านสถานการณ์ฉุกเฉินทางทะเลของเยอรมนี ระบุว่าพวกเขากำลังส่งเรือลำหนึ่งที่มีศักยภาพดับเพลิงและเก็บกู้น้ำมัน ไปเข้าช่วยปฏิบัติการกู้ภัยครั้งใหญ่
    .
    นอกเหนือจากนี้ ยามชายฝั่งสหราชอาณาจักร ระบุว่าเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง เครื่องบินอีกลำ เรือชูชีพหลายลำจาก 4 เมืองและเรืออื่นๆ ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการกู้ภัยครั้งใหญ่ในครั้งนี้
    .
    พอล แลนคาสเตอร์ อดีตกะลาสีเรือ ให้ความเห็นกับเอเอฟพี "ผมไม่เข้าใจว่าเรือ 2 ลำที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ถึงชนกันได้" เขากล่าว "มันคงต้องมีปัญหาใหญ่ด้านวิศวกรรมแน่ๆ"
    .
    เหตุเรือชนกันในทะเลเหนือที่พลุกพล่านเกิดขึ้นน้อยครั้งมากๆ โดยหนหลังสุดย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม 2023 เรือสินค้า 2 ลำ ชนกันใกล้เกาะเฮลิโกแลนด์ของเยอรมนี ในทะเลเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และสูญหาย 2 คน ซึ่งถูกมองว่าคงเสียชีวิตแล้ว
    .
    ก่อนหน้านั้นต้องย้อนกลับไปถึงเดือนตุลาคม 2015 เรือสินค้า Flinterstar บรรทุกดีเซล 125 ตัน และน้ำมันเชื้อเพลิง 427 ตัน จมลงสู่ก้นทะเล หลังชนเข้ากัยเรือบรรทุกน้ำมัน Al Oraiq นอกชายฝั่งเบลเยียม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023257
    ..............
    Sondhi X
    มีบุคคลสูญหาย 1 รายในวันจันทร์ (10 มี.ค.) หลังเกิดเหตุเรือสินค้าลำหนึ่งพุ่งชนเรือบรรทุกเชื้อเพลิงเครื่องบินที่เช่าโดยกองทัพสหรัฐฯ ในทะเลเหนือ ก่อความกังวลเกี่ยวกับอันตรายจากสารพิษต่างๆ นอกชายฝั่งของอังกฤษ . ปฏิบัติการกู้ภัยครั้งใหญ่ที่ประสานงานโดยยามชายฝั่งสหรชอาณาจักร สามารถช่วยเหลือผู้ประสบเหตุหลายสิบคน ในขณะที่ภาพถ่ายพบเห็นกลุ่มควันสีดำลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและเปลวไฟกำลังโหมกระพือขึ้นจากที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งทางตะวันออกของอังกฤษราว 16 กิโลเมตร . "เรือบรรทุกน้ำมัน Stena Immaculate ที่ทอดสมออยู่นอกชายฝั่งทะเลเหนือใกล้เมืองฮัลล์ ถูกชนโดยเรือบรรทุกตู้สินค้า Solong" โครว์ลีย์ (Crowley) บริษัทผู้ปฏิบัติการเรือ Stena ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง . ทั้งนี้ เรือ Stena อยู่ระหว่างการเช่าระยะเวลาสั้นๆ ของกองทัพสหรัฐฯ โดยกองบัญชาการขนส่งทางทะเล อ้างอิงข้อมูลจากจูเลียน มอร์ริส โฆษกของกองบัญชาการแห่งนี้ ซึ่งเป็นผู้ดูแลปฏิบัติการของเรือต่างๆ ที่มีลูกเรือเป็นพลเรือนและทำหน้าที่ขนส่งทางทะเลให้แก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ . โครว์ลีย์ เผยว่าแรงกระแทกของการชนกัน ทำให้เรือบรรทุกน้ำมันที่บรรทุกเชื้อเพลิงอากาศยาน A1-jet เกิดรอยแตกและโหมกระพือไฟลุกท่วม ท่ามกลางรายงานว่ามีเชื้อเพลิงรั่วไหลออกมา . เรือลำนี้บรรทุกเชื้อเพลิงอากาศยานราว 220,000 บาร์เรล ส่วนเรือ Solong บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์บรรจุโซเดียมไซยาไนด์ 15 ตู้ อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีสารประกอบไวไฟใดๆ รั่วไหลออกมาหรือไม่ . เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เรียกสถานการณ์นี้ว่า "น่ากังวลอย่างยิ่ง" ในขณะที่หน่วยฉุกเฉินระบุในถ้อยแถลงว่าเจ้าหน้าที่ทีมฉุกเฉินเข้าประเมินผู้ได้รับบาดเจ็บ 36 คน ณ ที่เกิดเหตุและพบว่าไม่มีใครที่จำเป็นต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล . ลูกเรือ 13 จาก 14 คนของเรือ Solong ถูกพาขึ้นฝั่งและพวกเจ้าหน้าที่ยังคงพยายามตามหาลูกเรืออีกคนที่ยังสูญหาย ส่วนลูกเรือที่อยู่บนเรือ Stena Immaculate ทั้งหมดได้รับการยืนยันว่ายังมีชีวิต . พอล จอห์นสัน นักวิทยาศาสตร์ระดับอาวุโสแห่งห้องปฏิบัติการวิจัยกรีนพีซ ณ มหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ บอกว่า "เรามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับอันตรายจากสารพิษต่างๆ สารเคมีเหล่านี้อาจก่อความเสียหายร้ายแรงแก่วิถีชีวิตทางทะเล" . สมาคมท่าเรือแห่งสหราชอาณาจักร (ABP) เปิดเผยว่าความเคลื่อนไหวของเรือทุกลำถูกระงับในปากน้ำฮัมเบอร์ ที่ไหลสู่ทะเลเหนือ ส่วนกองบัญชาการกลางด้านสถานการณ์ฉุกเฉินทางทะเลของเยอรมนี ระบุว่าพวกเขากำลังส่งเรือลำหนึ่งที่มีศักยภาพดับเพลิงและเก็บกู้น้ำมัน ไปเข้าช่วยปฏิบัติการกู้ภัยครั้งใหญ่ . นอกเหนือจากนี้ ยามชายฝั่งสหราชอาณาจักร ระบุว่าเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง เครื่องบินอีกลำ เรือชูชีพหลายลำจาก 4 เมืองและเรืออื่นๆ ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการกู้ภัยครั้งใหญ่ในครั้งนี้ . พอล แลนคาสเตอร์ อดีตกะลาสีเรือ ให้ความเห็นกับเอเอฟพี "ผมไม่เข้าใจว่าเรือ 2 ลำที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ถึงชนกันได้" เขากล่าว "มันคงต้องมีปัญหาใหญ่ด้านวิศวกรรมแน่ๆ" . เหตุเรือชนกันในทะเลเหนือที่พลุกพล่านเกิดขึ้นน้อยครั้งมากๆ โดยหนหลังสุดย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม 2023 เรือสินค้า 2 ลำ ชนกันใกล้เกาะเฮลิโกแลนด์ของเยอรมนี ในทะเลเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และสูญหาย 2 คน ซึ่งถูกมองว่าคงเสียชีวิตแล้ว . ก่อนหน้านั้นต้องย้อนกลับไปถึงเดือนตุลาคม 2015 เรือสินค้า Flinterstar บรรทุกดีเซล 125 ตัน และน้ำมันเชื้อเพลิง 427 ตัน จมลงสู่ก้นทะเล หลังชนเข้ากัยเรือบรรทุกน้ำมัน Al Oraiq นอกชายฝั่งเบลเยียม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023257 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1807 มุมมอง 0 รีวิว
  • 33 ปี โศกนาฏกรรมตายหมู่! ทัวร์แสวงบุญเกาะสีชัง เรือบรรทุกน้ำมันชนเรือโดยสาร เสียชีวิต 119 ศพ รอดแค่ 15 คน

    ⏳ ย้อนรอยเหตุการณ์สุดสลด หนึ่งในอุบัติเหตุทางน้ำ ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในไทย

    🔴 เมื่อเส้นทางบุญกลายเป็นเส้นทางมรณะ วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2535 กลายเป็นวันที่ชาวไทยไม่มีวันลืม 💔 วันนั้นมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางไปยังเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เพื่อเข้าร่วมพิธีนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ เทศกาลสำคัญที่จัดขึ้นทุกปีโ ดยเฉพาะช่วงตรุษจีน แต่การเดินทางกลับของกรุ๊ปทัวร์แสวงบุญ กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมทางน้ำ ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย 😢

    ⛴️ เรือโดยสาร "นาวาประทีป 111" ที่บรรทุกนักแสวงบุญกว่า 134 คน ต้องจบเส้นทางลงกลางทะเล เมื่อถูก เรือบรรทุกน้ำมัน "บีพีพี 9" พุ่งชนอย่างจัง ทำให้เรือแตกเป็นสองท่อน และจมลงสู้ก้นทะเลอย่างรวดเร็ว

    เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 119 ศพ รอดชีวิตเพียง 15 คน เท่านั้น!

    📍 จุดเกิดเหตุบริเวณกลางอ่าวไทย ห่างจากฝั่งศรีราชา 7 กิโลเมตร ⚠️

    ⏳ ไทม์ไลน์ของโศกนาฏกรรม
    ✅ 04.00 น. "นาวาประทีป 111" ออกเดินทางจากเกาะสีชัง มุ่งหน้าสู่ฝั่งศรีราชา
    ✅ 04.15 น. "บีพีพี 9" เรือบรรทุกน้ำมันกำลังแล่นมา ใกล้เส้นทางเรือโดยสาร
    ✅ 04.20 น. บีพีพี 9 เปิดหวูดเตือน 🚨 แต่ "นาวาประทีป 111" ยังคงเร่งเครื่อง
    ✅ 04.22 น. การชนเกิดขึ้น! เรือนาวาประทีป 111 ถูกชนตรงกลางลำจน ขาดออกเป็นสองท่อน
    ✅ 04.23 น. เรือจมลงภายใน ไม่กี่นาที

    💔 ผู้โดยสารส่วนใหญ่ติดอยู่ในห้องโดยสารชั้นล่าง และไม่สามารถหนีออกมาได้ เพราะหน้าต่างกระจกปิดแน่น

    🛑 สาเหตุที่แท้จริงของโศกนาฏกรรม
    🚢 ข้อผิดพลาดของคนขับเรือ วันนั้นกัปตันเรือตัวจริงไม่มาทำงาน 😡 นายช่างเครื่องเป็นคนขับแทน แต่ไม่มีทักษะเพียงพอ ตัดสินใจเร่งเครื่องผ่านหน้าเรือบรรทุกน้ำมัน ทำให้พุ่งชนเต็มแรง

    ⛑️ มาตรฐานความปลอดภัยที่ต่ำ เรือไม่มีเสื้อชูชีพเพียงพอ ❌ ไม่มีแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
    ผู้โดยสารส่วนใหญ่นอนหลับ และไม่รู้ตัวทันทีที่เกิดเหตุ

    💤 3ขับเรือโดยประมาท + อาจเกิดหลับใน คนขับเรือเกิดอาการหลับใน หรือขาดประสบการณ์
    ไม่มีการใช้สัญญาณเตือนที่เหมาะสม ระหว่างสองเรือ

    🚨 ความผิดพลาดในการสื่อสาร แม้เรือบรรทุกน้ำมันจะเปิดหวูดเตือน แต่เรือโดยสารกลับไม่ตอบสนองทัน อีกทั้งยังไม่มีการแจ้งเตือนผู้โดยสาร ให้เตรียมพร้อมหนี

    🆘 ผู้โดยสารที่รอดชีวิต ถูกช่วยขึ้นจากทะเล โดยเรือชาวประมงและกองทัพเรือ 🛳️ ทีมกู้ภัยต้องใช้เวลาหลายวัน กว่าจะกู้ร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดขึ้นมาได้ 💔 สร้างความเศร้าโศกให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย และกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศ

    🚢 มาตรการความปลอดภัย ที่เพิ่มขึ้นหลังเหตุการณ์
    🏛️ หลังเหตุการณ์นี้ รัฐบาลไทยออกมาตรการ ควบคุมเรือโดยสารเข้มงวดขึ้น
    ✅ ต้องมีเสื้อชูชีพ เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสาร
    ✅ กัปตันเรือต้องมีใบอนุญาตขับเรือ ที่ได้รับการรับรอง
    ✅ เพิ่มกฎควบคุมการใช้สัญญาณเตือน ระหว่างเรือขนาดใหญ่
    ✅ เพิ่มเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัย ของเรือโดยสารก่อนออกเดินทาง

    📌 บทเรียนจากโศกนาฏกรรมที่ไม่มีวันลืม
    🔹 "ความประมาท" อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
    🔹 การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย ส่งผลต่อชีวิตของผู้โดยสาร
    🔹 เสื้อชูชีพ = ชีวิต ผู้โดยสารทุกคน ควรได้รับอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เพียงพอ
    🔹 คนขับเรือต้องมีทักษะ และความรับผิดชอบสูง ห้ามให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตขับแทนเด็ดขาด

    📍 แม้เวลาจะผ่านไป ความสูญเสียยังคงอยู่ แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านมาแล้วกว่า 33 ปี แต่ยังคงเป็น เครื่องเตือนใจ ให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญ ของความปลอดภัยทางน้ำ ⛴️

    🏝️ "เกาะสีชัง" ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม แต่ทุกคนที่เดินทาง ควรคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยเสมอ เพราะความประมาทเพียงเสี้ยววินาที อาจเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 081450 มี.ค. 2568

    📢 #โศกนาฏกรรมเรือโดยสาร #เรือบรรทุกน้ำมันชนเรือโดยสาร #119ศพเรือล่ม #ความปลอดภัยทางน้ำ #33ปีแห่งความสูญเสีย #เกาะสีชัง #เรืออับปาง #อุบัติเหตุทางน้ำ #อย่าประมาท #ความปลอดภัยต้องมาก่อน
    33 ปี โศกนาฏกรรมตายหมู่! ทัวร์แสวงบุญเกาะสีชัง เรือบรรทุกน้ำมันชนเรือโดยสาร เสียชีวิต 119 ศพ รอดแค่ 15 คน ⏳ ย้อนรอยเหตุการณ์สุดสลด หนึ่งในอุบัติเหตุทางน้ำ ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในไทย 🔴 เมื่อเส้นทางบุญกลายเป็นเส้นทางมรณะ วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2535 กลายเป็นวันที่ชาวไทยไม่มีวันลืม 💔 วันนั้นมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางไปยังเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เพื่อเข้าร่วมพิธีนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ เทศกาลสำคัญที่จัดขึ้นทุกปีโ ดยเฉพาะช่วงตรุษจีน แต่การเดินทางกลับของกรุ๊ปทัวร์แสวงบุญ กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมทางน้ำ ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย 😢 ⛴️ เรือโดยสาร "นาวาประทีป 111" ที่บรรทุกนักแสวงบุญกว่า 134 คน ต้องจบเส้นทางลงกลางทะเล เมื่อถูก เรือบรรทุกน้ำมัน "บีพีพี 9" พุ่งชนอย่างจัง ทำให้เรือแตกเป็นสองท่อน และจมลงสู้ก้นทะเลอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 119 ศพ รอดชีวิตเพียง 15 คน เท่านั้น! 📍 จุดเกิดเหตุบริเวณกลางอ่าวไทย ห่างจากฝั่งศรีราชา 7 กิโลเมตร ⚠️ ⏳ ไทม์ไลน์ของโศกนาฏกรรม ✅ 04.00 น. "นาวาประทีป 111" ออกเดินทางจากเกาะสีชัง มุ่งหน้าสู่ฝั่งศรีราชา ✅ 04.15 น. "บีพีพี 9" เรือบรรทุกน้ำมันกำลังแล่นมา ใกล้เส้นทางเรือโดยสาร ✅ 04.20 น. บีพีพี 9 เปิดหวูดเตือน 🚨 แต่ "นาวาประทีป 111" ยังคงเร่งเครื่อง ✅ 04.22 น. การชนเกิดขึ้น! เรือนาวาประทีป 111 ถูกชนตรงกลางลำจน ขาดออกเป็นสองท่อน ✅ 04.23 น. เรือจมลงภายใน ไม่กี่นาที 💔 ผู้โดยสารส่วนใหญ่ติดอยู่ในห้องโดยสารชั้นล่าง และไม่สามารถหนีออกมาได้ เพราะหน้าต่างกระจกปิดแน่น 🛑 สาเหตุที่แท้จริงของโศกนาฏกรรม 🚢 ข้อผิดพลาดของคนขับเรือ วันนั้นกัปตันเรือตัวจริงไม่มาทำงาน 😡 นายช่างเครื่องเป็นคนขับแทน แต่ไม่มีทักษะเพียงพอ ตัดสินใจเร่งเครื่องผ่านหน้าเรือบรรทุกน้ำมัน ทำให้พุ่งชนเต็มแรง ⛑️ มาตรฐานความปลอดภัยที่ต่ำ เรือไม่มีเสื้อชูชีพเพียงพอ ❌ ไม่มีแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้โดยสารส่วนใหญ่นอนหลับ และไม่รู้ตัวทันทีที่เกิดเหตุ 💤 3ขับเรือโดยประมาท + อาจเกิดหลับใน คนขับเรือเกิดอาการหลับใน หรือขาดประสบการณ์ ไม่มีการใช้สัญญาณเตือนที่เหมาะสม ระหว่างสองเรือ 🚨 ความผิดพลาดในการสื่อสาร แม้เรือบรรทุกน้ำมันจะเปิดหวูดเตือน แต่เรือโดยสารกลับไม่ตอบสนองทัน อีกทั้งยังไม่มีการแจ้งเตือนผู้โดยสาร ให้เตรียมพร้อมหนี 🆘 ผู้โดยสารที่รอดชีวิต ถูกช่วยขึ้นจากทะเล โดยเรือชาวประมงและกองทัพเรือ 🛳️ ทีมกู้ภัยต้องใช้เวลาหลายวัน กว่าจะกู้ร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดขึ้นมาได้ 💔 สร้างความเศร้าโศกให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย และกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศ 🚢 มาตรการความปลอดภัย ที่เพิ่มขึ้นหลังเหตุการณ์ 🏛️ หลังเหตุการณ์นี้ รัฐบาลไทยออกมาตรการ ควบคุมเรือโดยสารเข้มงวดขึ้น ✅ ต้องมีเสื้อชูชีพ เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสาร ✅ กัปตันเรือต้องมีใบอนุญาตขับเรือ ที่ได้รับการรับรอง ✅ เพิ่มกฎควบคุมการใช้สัญญาณเตือน ระหว่างเรือขนาดใหญ่ ✅ เพิ่มเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัย ของเรือโดยสารก่อนออกเดินทาง 📌 บทเรียนจากโศกนาฏกรรมที่ไม่มีวันลืม 🔹 "ความประมาท" อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง 🔹 การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย ส่งผลต่อชีวิตของผู้โดยสาร 🔹 เสื้อชูชีพ = ชีวิต ผู้โดยสารทุกคน ควรได้รับอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เพียงพอ 🔹 คนขับเรือต้องมีทักษะ และความรับผิดชอบสูง ห้ามให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตขับแทนเด็ดขาด 📍 แม้เวลาจะผ่านไป ความสูญเสียยังคงอยู่ แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านมาแล้วกว่า 33 ปี แต่ยังคงเป็น เครื่องเตือนใจ ให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญ ของความปลอดภัยทางน้ำ ⛴️ 🏝️ "เกาะสีชัง" ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม แต่ทุกคนที่เดินทาง ควรคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยเสมอ เพราะความประมาทเพียงเสี้ยววินาที อาจเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 081450 มี.ค. 2568 📢 #โศกนาฏกรรมเรือโดยสาร #เรือบรรทุกน้ำมันชนเรือโดยสาร #119ศพเรือล่ม #ความปลอดภัยทางน้ำ #33ปีแห่งความสูญเสีย #เกาะสีชัง #เรืออับปาง #อุบัติเหตุทางน้ำ #อย่าประมาท #ความปลอดภัยต้องมาก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1114 มุมมอง 0 รีวิว
  • Doug Ford นายกรัฐมนตรีประจำจังหวัดออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เพิ่งประกาศยกเลิกสัญญา มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ กับ Starlink ของ SpaceX การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดี Trump ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาถึง 25% นอกจากนี้ Ford ยังตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังรัฐนิวยอร์ก มิชิแกน และมินนิโซตาอีกด้วย

    แม้ว่าจะมีการขู่ยกเลิกในอดีต แต่ Ford ได้ตัดสินใจเดินหน้าสัญญาในครั้งแรกหลัง Trump ชะลอการเรียกเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ Ford ยืนยันชัดเจนว่าการยกเลิกเป็นการตัดสินใจถาวร ไม่ว่าภาษีจะถูกยกเลิกหรือไม่ก็ตาม

    นอกจากออนแทรีโอแล้ว อิตาลีเองก็มีแนวโน้มที่จะยกเลิกดีลกับ Starlink เช่นกัน อิตาลีเคยพิจารณาใช้เครือข่ายดาวเทียมของ Starlink มูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้บริการด้านการสื่อสารทางทหารและสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับ NATO และความมั่นคงในยุโรป ทำให้อิตาลีพิจารณาเลือกทางเลือกอื่น เช่น Eutelsat จากฝรั่งเศส ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและมีเครือข่ายดาวเทียมเป็นอันดับสองรองจาก SpaceX

    นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลีกล่าวว่า ความไม่แน่นอนจากนโยบายของทำเนียบขาวเกี่ยวกับการสนับสนุนยูเครนส่งผลให้รัฐบาลต้องการแผนสำรองที่มั่นคงกว่าเดิม

    แม้ว่า SpaceX อาจเสียรายได้จากอิตาลีและออนแทรีโอ แต่ Elon Musk ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไม่กังวล โดยโพสต์ข้อความว่า "Oh well" ลงใน X (แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาเอง) แสดงถึงความมั่นใจในสถานะทางการเงินของบริษัทที่มีดาวเทียมจำนวนมหาศาลที่ระดับวงโคจรต่ำกว่า 550 กิโลเมตร

    การยกเลิกดีลนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ การตัดสินใจของอิตาลีที่จะพิจารณา Eutelsat อาจทำให้ยุโรปเสริมความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีในอนาคต และลดการพึ่งพาบริษัทอเมริกันที่ไม่แน่นอนในด้านการสนับสนุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ontario-cancels-starlink-deal-over-us-tariffs-italy-may-follow-due-to-us-pullback-from-europe
    Doug Ford นายกรัฐมนตรีประจำจังหวัดออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เพิ่งประกาศยกเลิกสัญญา มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ กับ Starlink ของ SpaceX การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดี Trump ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาถึง 25% นอกจากนี้ Ford ยังตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังรัฐนิวยอร์ก มิชิแกน และมินนิโซตาอีกด้วย แม้ว่าจะมีการขู่ยกเลิกในอดีต แต่ Ford ได้ตัดสินใจเดินหน้าสัญญาในครั้งแรกหลัง Trump ชะลอการเรียกเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ Ford ยืนยันชัดเจนว่าการยกเลิกเป็นการตัดสินใจถาวร ไม่ว่าภาษีจะถูกยกเลิกหรือไม่ก็ตาม นอกจากออนแทรีโอแล้ว อิตาลีเองก็มีแนวโน้มที่จะยกเลิกดีลกับ Starlink เช่นกัน อิตาลีเคยพิจารณาใช้เครือข่ายดาวเทียมของ Starlink มูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้บริการด้านการสื่อสารทางทหารและสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับ NATO และความมั่นคงในยุโรป ทำให้อิตาลีพิจารณาเลือกทางเลือกอื่น เช่น Eutelsat จากฝรั่งเศส ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและมีเครือข่ายดาวเทียมเป็นอันดับสองรองจาก SpaceX นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลีกล่าวว่า ความไม่แน่นอนจากนโยบายของทำเนียบขาวเกี่ยวกับการสนับสนุนยูเครนส่งผลให้รัฐบาลต้องการแผนสำรองที่มั่นคงกว่าเดิม แม้ว่า SpaceX อาจเสียรายได้จากอิตาลีและออนแทรีโอ แต่ Elon Musk ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไม่กังวล โดยโพสต์ข้อความว่า "Oh well" ลงใน X (แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาเอง) แสดงถึงความมั่นใจในสถานะทางการเงินของบริษัทที่มีดาวเทียมจำนวนมหาศาลที่ระดับวงโคจรต่ำกว่า 550 กิโลเมตร การยกเลิกดีลนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ การตัดสินใจของอิตาลีที่จะพิจารณา Eutelsat อาจทำให้ยุโรปเสริมความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีในอนาคต และลดการพึ่งพาบริษัทอเมริกันที่ไม่แน่นอนในด้านการสนับสนุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/ontario-cancels-starlink-deal-over-us-tariffs-italy-may-follow-due-to-us-pullback-from-europe
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Ontario cancels Starlink deal over US tariffs — Italy may follow due to US pullback from Europe
    Trump policies are causing some countries to second-guess their Starlink contracts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 794 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รู้ยังใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่"

    ในขณะที่ทรัมป์เรียกเงินคืนจากยูเครน แต่กลับส่งความช่วยเหลือไปยังอิสราเอลไม่หยุดหย่อน

    รัฐบาลทรัมป์เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธฉุกเฉินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับอิสราเอล ด้วยขั้นตอนบายพาสที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ทำให้การโอนย้ายระเบิดหลายหมื่นลูกเป็นไปอย่างรวดเร็ว

    ➤ การอนุมัติดังกล่าวรวมถึงระเบิดทำลายล้างสูง MK 84 และ BLU-117 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์กว่า 35,529 ลูก และระเบิด "บังเกอร์บัสเตอร์" (Bunker Buster) น้ำหนัก 2,000 ปอนด์ (I-2000) จำนวน 4,000 ลูก

    ➤ รัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอ ให้เหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน" บนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้ต้องขายอาวุธให้กับรัฐบาลอิสราเอลทันที จึงยกเว้นข้อกำหนดการตรวจสอบของรัฐสภาภายใต้มาตรา 36(b) ของพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกอาวุธ
    "รู้ยังใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่" ในขณะที่ทรัมป์เรียกเงินคืนจากยูเครน แต่กลับส่งความช่วยเหลือไปยังอิสราเอลไม่หยุดหย่อน รัฐบาลทรัมป์เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธฉุกเฉินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับอิสราเอล ด้วยขั้นตอนบายพาสที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ทำให้การโอนย้ายระเบิดหลายหมื่นลูกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ➤ การอนุมัติดังกล่าวรวมถึงระเบิดทำลายล้างสูง MK 84 และ BLU-117 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์กว่า 35,529 ลูก และระเบิด "บังเกอร์บัสเตอร์" (Bunker Buster) น้ำหนัก 2,000 ปอนด์ (I-2000) จำนวน 4,000 ลูก ➤ รัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอ ให้เหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน" บนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้ต้องขายอาวุธให้กับรัฐบาลอิสราเอลทันที จึงยกเว้นข้อกำหนดการตรวจสอบของรัฐสภาภายใต้มาตรา 36(b) ของพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกอาวุธ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่ทั้งโลกกำลังจับตาไปที่เหตุการณ์ระหว่างเซเลนสกีและทรัมป์:

    รัฐบาลทรัมป์เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธฉุกเฉินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับอิสราเอล ด้วยขั้นตอนบายพาสที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ทำให้การโอนย้ายระเบิดหลายหมื่นลูกเป็นไปอย่างรวดเร็ว

    ➤ การอนุมัติดังกล่าวรวมถึงระเบิดทำลายล้างสูง MK 84 และ BLU-117 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์กว่า 35,529 ลูก และระเบิด "บังเกอร์บัสเตอร์" (Bunker Buster) น้ำหนัก 2,000 ปอนด์ (I-2000) จำนวน 4,000 ลูก

    ➤ รัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอ ให้เหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน" บนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้ต้องขายอาวุธให้กับรัฐบาลอิสราเอลทันที จึงยกเว้นข้อกำหนดการตรวจสอบของรัฐสภาภายใต้มาตรา 36(b) ของพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกอาวุธ

    ➤ คาดว่าการส่งมอบจะเริ่มขึ้นในปี 2569
    ในขณะที่ทั้งโลกกำลังจับตาไปที่เหตุการณ์ระหว่างเซเลนสกีและทรัมป์: รัฐบาลทรัมป์เพิ่งอนุมัติการขายอาวุธฉุกเฉินมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับอิสราเอล ด้วยขั้นตอนบายพาสที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ทำให้การโอนย้ายระเบิดหลายหมื่นลูกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ➤ การอนุมัติดังกล่าวรวมถึงระเบิดทำลายล้างสูง MK 84 และ BLU-117 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์กว่า 35,529 ลูก และระเบิด "บังเกอร์บัสเตอร์" (Bunker Buster) น้ำหนัก 2,000 ปอนด์ (I-2000) จำนวน 4,000 ลูก ➤ รัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอ ให้เหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน" บนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดให้ต้องขายอาวุธให้กับรัฐบาลอิสราเอลทันที จึงยกเว้นข้อกำหนดการตรวจสอบของรัฐสภาภายใต้มาตรา 36(b) ของพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกอาวุธ ➤ คาดว่าการส่งมอบจะเริ่มขึ้นในปี 2569
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ อ้างอิงจากเอกสารที่เผยแพร่ในวันจันทร์(3ก.พ.)
    .
    ระหว่างกล่าวเปิดประชุมประจำปี คณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก ทาง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้กล่าวปกป้องการทำงานขององค์การแห่งนี้และการปฏิรูปเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องให้อเมริกา ทบทวนพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการถอนตัว และหันหน้ามาเจรจากับองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาเพิ่มเติม
    .
    "เราจะยินดีอ้าแขนรับคำชี้แนะต่างๆจากสหรัฐฯและรัฐสมาชิกทุกราย สำหรับแนวทางที่เรารับใช้พวกคุณและประชาชนทั่วโลกให้ดีกว่าเดิม" เขากล่าว
    .
    การปรับลดประมาณจะมีการหารือกัน ณ ที่ประชุมในเจนีวา ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ โดยระหว่างนั้นพวกผู้แทนของรัฐสมาชิกจะพูดคุยกันเกี่ยวกับงบประมาณและแผนการทำงานขององค์การอนรามัยโลก สำหรับช่วงเวลาปี 2026-2027
    .
    ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) คณะกรรมการบริหารเสนอปรับดงบประมาณบนพื้นฐานของหมวดหมู่โครงการต่างๆของงบประมาณ จาก 5,300 ล้านดอลลาร์ เหลือ 4,900 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยมีการเสนอปรับเพิ่มงบประมาณเป็น 7,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2026-2027 ในนั้นรวมถึงเงินทุนสำหรับกำจัดโรคโปลิโอและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
    .
    "จากการถอนตัวออกไปของผู้สนับสนุนทางการเงินใหญ่ที่สุด งบประมาณไม่อาจดำเนินไปตามปกติ" เอกสารระบุ ทั้งนี้สหรัฐฯคือผู้บริจาคระดับรัฐรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก โดยสนับสนุนเงินทุนคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 18 % ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกใช้ได้มาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนแยกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามหลังความเคลื่อนไหวของอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตามตัวแทนบางส่วนของคณะกรรมการ ต้องการส่งสารให้เห็นว่าทางองค์การอนามัยโลก จะคงไว้ซึ่งทิศทางขององค์กร แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆนานา
    .
    ทั้งนี้งบประมาณที่อาจเหลือเพียง 4,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นจำนวนเดียวกับงบประมณบนพื้นฐานของโครงการ สำหรับช่วงเวลาปี 2024-2025
    .
    ทรัมป์ เคลื่อนไหวถอนสหรัฐฯออกจากองค์การอนามัยโลก ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และภายใต้กฎหมายของอเมริกา กระบวนการนี้จะใช้เวลา 1 ปี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011142
    ..............
    Sondhi X
    รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ อ้างอิงจากเอกสารที่เผยแพร่ในวันจันทร์(3ก.พ.) . ระหว่างกล่าวเปิดประชุมประจำปี คณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก ทาง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้กล่าวปกป้องการทำงานขององค์การแห่งนี้และการปฏิรูปเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องให้อเมริกา ทบทวนพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการถอนตัว และหันหน้ามาเจรจากับองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาเพิ่มเติม . "เราจะยินดีอ้าแขนรับคำชี้แนะต่างๆจากสหรัฐฯและรัฐสมาชิกทุกราย สำหรับแนวทางที่เรารับใช้พวกคุณและประชาชนทั่วโลกให้ดีกว่าเดิม" เขากล่าว . การปรับลดประมาณจะมีการหารือกัน ณ ที่ประชุมในเจนีวา ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ โดยระหว่างนั้นพวกผู้แทนของรัฐสมาชิกจะพูดคุยกันเกี่ยวกับงบประมาณและแผนการทำงานขององค์การอนรามัยโลก สำหรับช่วงเวลาปี 2026-2027 . ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) คณะกรรมการบริหารเสนอปรับดงบประมาณบนพื้นฐานของหมวดหมู่โครงการต่างๆของงบประมาณ จาก 5,300 ล้านดอลลาร์ เหลือ 4,900 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยมีการเสนอปรับเพิ่มงบประมาณเป็น 7,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2026-2027 ในนั้นรวมถึงเงินทุนสำหรับกำจัดโรคโปลิโอและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ . "จากการถอนตัวออกไปของผู้สนับสนุนทางการเงินใหญ่ที่สุด งบประมาณไม่อาจดำเนินไปตามปกติ" เอกสารระบุ ทั้งนี้สหรัฐฯคือผู้บริจาคระดับรัฐรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก โดยสนับสนุนเงินทุนคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 18 % ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกใช้ได้มาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนแยกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามหลังความเคลื่อนไหวของอเมริกา . อย่างไรก็ตามตัวแทนบางส่วนของคณะกรรมการ ต้องการส่งสารให้เห็นว่าทางองค์การอนามัยโลก จะคงไว้ซึ่งทิศทางขององค์กร แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆนานา . ทั้งนี้งบประมาณที่อาจเหลือเพียง 4,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นจำนวนเดียวกับงบประมณบนพื้นฐานของโครงการ สำหรับช่วงเวลาปี 2024-2025 . ทรัมป์ เคลื่อนไหวถอนสหรัฐฯออกจากองค์การอนามัยโลก ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และภายใต้กฎหมายของอเมริกา กระบวนการนี้จะใช้เวลา 1 ปี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011142 .............. Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    จีนช่วยไหวไหม!WHOเผยอาจต้องลดงบประมาณ$400ล้าน หลังทรัมป์พาสหรัฐฯถอนตัว
    รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ อ้างอิงจากเอกสารที่เผยแพร่ในวันจันทร์(3ก.พ.)
    .
    ระหว่างกล่าวเปิดประชุมประจำปี คณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก ทาง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้กล่าวปกป้องการทำงานขององค์การแห่งนี้และการปฏิรูปเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องให้อเมริกา ทบทวนพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการถอนตัว และหันหน้ามาเจรจากับองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาเพิ่มเติม
    .
    "เราจะยินดีอ้าแขนรับคำชี้แนะต่างๆจากสหรัฐฯและรัฐสมาชิกทุกราย สำหรับแนวทางที่เรารับใช้พวกคุณและประชาชนทั่วโลกให้ดีกว่าเดิม" เขากล่าว
    .
    การปรับลดประมาณจะมีการหารือกัน ณ ที่ประชุมในเจนีวา ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ โดยระหว่างนั้นพวกผู้แทนของรัฐสมาชิกจะพูดคุยกันเกี่ยวกับงบประมาณและแผนการทำงานขององค์การอนรามัยโลก สำหรับช่วงเวลาปี 2026-2027
    .
    ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) คณะกรรมการบริหารเสนอปรับดงบประมาณบนพื้นฐานของหมวดหมู่โครงการต่างๆของงบประมาณ จาก 5,300 ล้านดอลลาร์ เหลือ 4,900 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยมีการเสนอปรับเพิ่มงบประมาณเป็น 7,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2026-2027 ในนั้นรวมถึงเงินทุนสำหรับกำจัดโรคโปลิโอและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
    .
    "จากการถอนตัวออกไปของผู้สนับสนุนทางการเงินใหญ่ที่สุด งบประมาณไม่อาจดำเนินไปตามปกติ" เอกสารระบุ ทั้งนี้สหรัฐฯคือผู้บริจาคระดับรัฐรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก โดยสนับสนุนเงินทุนคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 18 % ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกใช้ได้มาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนแยกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามหลังความเคลื่อนไหวของอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตามตัวแทนบางส่วนของคณะกรรมการ ต้องการส่งสารให้เห็นว่าทางองค์การอนามัยโลก จะคงไว้ซึ่งทิศทางขององค์กร แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆนานา
    .
    ทั้งนี้งบประมาณที่อาจเหลือเพียง 4,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นจำนวนเดียวกับงบประมณบนพื้นฐานของโครงการ สำหรับช่วงเวลาปี 2024-2025
    .
    ทรัมป์ เคลื่อนไหวถอนสหรัฐฯออกจากองค์การอนามัยโลก ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และภายใต้กฎหมายของอเมริกา กระบวนการนี้จะใช้เวลา 1 ปี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011142
    ..............
    Sondhi X
    รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ อ้างอิงจากเอกสารที่เผยแพร่ในวันจันทร์(3ก.พ.) . ระหว่างกล่าวเปิดประชุมประจำปี คณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก ทาง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้กล่าวปกป้องการทำงานขององค์การแห่งนี้และการปฏิรูปเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องให้อเมริกา ทบทวนพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการถอนตัว และหันหน้ามาเจรจากับองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาเพิ่มเติม . "เราจะยินดีอ้าแขนรับคำชี้แนะต่างๆจากสหรัฐฯและรัฐสมาชิกทุกราย สำหรับแนวทางที่เรารับใช้พวกคุณและประชาชนทั่วโลกให้ดีกว่าเดิม" เขากล่าว . การปรับลดประมาณจะมีการหารือกัน ณ ที่ประชุมในเจนีวา ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ โดยระหว่างนั้นพวกผู้แทนของรัฐสมาชิกจะพูดคุยกันเกี่ยวกับงบประมาณและแผนการทำงานขององค์การอนรามัยโลก สำหรับช่วงเวลาปี 2026-2027 . ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) คณะกรรมการบริหารเสนอปรับดงบประมาณบนพื้นฐานของหมวดหมู่โครงการต่างๆของงบประมาณ จาก 5,300 ล้านดอลลาร์ เหลือ 4,900 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยมีการเสนอปรับเพิ่มงบประมาณเป็น 7,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2026-2027 ในนั้นรวมถึงเงินทุนสำหรับกำจัดโรคโปลิโอและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ . "จากการถอนตัวออกไปของผู้สนับสนุนทางการเงินใหญ่ที่สุด งบประมาณไม่อาจดำเนินไปตามปกติ" เอกสารระบุ ทั้งนี้สหรัฐฯคือผู้บริจาคระดับรัฐรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก โดยสนับสนุนเงินทุนคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 18 % ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกใช้ได้มาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนแยกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามหลังความเคลื่อนไหวของอเมริกา . อย่างไรก็ตามตัวแทนบางส่วนของคณะกรรมการ ต้องการส่งสารให้เห็นว่าทางองค์การอนามัยโลก จะคงไว้ซึ่งทิศทางขององค์กร แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆนานา . ทั้งนี้งบประมาณที่อาจเหลือเพียง 4,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นจำนวนเดียวกับงบประมณบนพื้นฐานของโครงการ สำหรับช่วงเวลาปี 2024-2025 . ทรัมป์ เคลื่อนไหวถอนสหรัฐฯออกจากองค์การอนามัยโลก ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และภายใต้กฎหมายของอเมริกา กระบวนการนี้จะใช้เวลา 1 ปี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011142 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1724 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เลื่อนมาตรการรีดภาษีที่กำหนดเล่นงานเม็กซิโกออกไป 1 เดือน หลังในวันจันทร์ (3 ก.พ.) เม็กซิโก ตอบตกลงเสริมกำลังตามแนวชายแดนทางเหนือของประเทศ ด้วยสมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 10,000 นาย เพื่อสกัดการไหลบ่าเข้ามาของยาเสพติดผิดกฎหมาย
    .
    ข้อตกลงนี้ยังรวมไปถึงคำมั่นสัญญาของสหรัฐฯ ที่รับปากว่าจะขัดขวางการลักลอบขนอาวุธอานุภาพสูงเข้าไปยังเม็กซิโก จากการเปิดเผยของเคลาเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ที่โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังจากผู้นำทั้ง 2 ชาติ พูดคุยหารือกันทางโทรศัพท์ในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่มาตรการรีดภาษีของอเมริกาที่กำหนดเล่นงานเม็กซิโก จีนและแคนาดา จะมีผลบังคับใช้ ในความเคลื่อนไหวที่พวกนักเศรษฐศาสตร์มองว่าจะก่อความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ในนั้นรวมถึงราคาสินค้าที่เพงขึ้นสำหรับภาคธุรกิจและพวกผู้บริโภคอเมริกา
    .
    ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ระบุว่าสหรัฐฯ และเม็กซิโก จะใช้ช่วงเวลาแห่งการระงับ 1 เดือน ในการประสานงานเจรจาเพิ่มเติม "ผมตั้งตาคอยมีส่วนร่วมในการเจรจาเหล่านี้กับประธานาธิบดีไชน์บาว์ม ในขณะที่เราพยายามบรรลุข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ" ส่วนไชน์บาว์ม กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า "เรามีเวลาในเดือนนี้ ที่จะทำงานและโน้มน้าวกันและกัน นี่คือหนทางที่ดีที่สุดในการเดินหน้า"
    .
    ข้อตกลงนี้มีขึ้นไม่ถึง 48 ชั่วโมง หลังจาก ทรัมป์ แถลงจะรีดภาษีอย่างครอบคลุมสินค้าต่างๆ จาก 3 ชาติคู่หูทางการค้าลำดับต้นของสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกันกว่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ข้อตกลงช่วยคลายแรงกดดันแก่เม็กซิโกในเบื้องต้น แต่แนวโน้มการบรรเทาโทษให้แคนาดาและจีน ดูเหมือนจะเลือนราง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาติเพื่อนบ้านทางเหนือของอเมริกา ที่ทรัมป์และคณะทำงานของเขายังคงส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ลดละ
    .
    "เราไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนักจากแคนาดา และเราจำเป็นต้องทำแบบนั้นเช่นกัน" ทรัมป์ กล่าวระหว่างลงนามในคำสั่งบริหารที่ทำเนียบขาว
    .
    ทรัมป์ เปิดเผยในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่าได้พูดคุยกับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาและจะมีการหารือกันอีกรอบในตอนบ่าย (ตามเวลาท้องถิ่น) อย่างไรก็ตาม มาตรการรีดภาษีเล่นงานแคนาดาและจีน ยังคงมีแนวโน้มเริ่มขึ้นตอน 00.01 น.ของวันอังคาร (ราว 12.01 น.ของวันพุธ ตามเวลาในเมืองไทย) และแคนาดา ได้แถลงมาตรการรีดภาษีตอบโต้ออกมาแล้ว
    .
    ระหว่างกล่าวในวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ทรัมป์ บ่งชี้ว่าสหภาพยุโรป ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ชาติ อาจเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่ "พวกเขาไม่ยอมรับรถของเรา พวกเขาไม่ยอมรับผลิตภัณฑ์ฟาร์มของเรา พวกเขาแทบไม่เปิดรับอะไรเลย ผิดกับเราที่อ้าแขนรับทุกๆ อย่างจากพวกเขา" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
    .
    บรรดาผู้นำยุโรป ณ ที่ประชุมซัมมิตอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ แสดงความเห็นในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่ายุโรปจะเตรียมพร้อมสำหรับตอบโต้กลับ หากว่าสหรัฐฯ กำหนดมาตรการรีดภาษีเล่นงานพวกเขา แต่ก็เรียกร้องขอความมีเหตุมีผลและการเจรจาตกลงกัน
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แย้มว่าสหราชอาณาจักร ซึ่งถอนตัวออกจากอียูในปี 2020 อาจรอดพ้นจากมาตรการรีดภาษี
    .
    สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าและคู่หูด้านการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของอียู อ้างอิงข้อมูลจากยูโรสแตท พบว่าปี 2023 สำหรัฐฯ ขาดดุลการค้าอียู 155,800 ล้านยูโร ในการค้าขายสินค้าระหว่างกัน แต่ก็ชดเชยด้วยการเกินดุลการค้า 104,000 ล้านยูโร ในด้านการบริการ
    .
    พวกนักเศรษฐศาสตร์มองว่าแผนรีดภาษีเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจีน 10% ของทรัมป์ จะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและผลักให้ราคาข้าวของแพงขึ้นสำหรับชาวอเมริกา
    .
    สภาหอการค้านานาชาติ ประเมินว่ามาตรการรีดภาษีจะนำให้การส่งออกของเม็กซิโกลดลง 10% และกระทบจีดีพีของประเทศแห่งนี้ราว 4% ใน 1 ปี ส่วนมาตรการรีดภาษีแคนาดา จะทำให้จีดีพีของประเทศแห่งนี้ลดลง 2.6%
    .
    ทรัมป์ ยอมรับเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่า การรีดภาษีอาจก่อความเจ็บปวดในระยะสั้นแก่บรรดาผู้บริโภคสหรัฐฯ แต่กระนั้นก็อ้างว่ามาตรการรีดภาษีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการลักลอบขนยาเสพติด รวมถึงกระตุ้นอุตสาหกรรมภายในประเทศ
    .
    นักวิเคราะห์คนอื่นๆ มองว่ามาตรการรีดภาษีอาจผลักให้แคนาดาและเม็กซิโก เข้าสู่ภาวะถดถอยและโหมกระพือภาวะ Stagflation (สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อกลับพุ่ง และคนว่างงานสูงลิ่ว) ภายในประเทศ ส่วนในยุโรป พวกนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่ามาตรการของทรัมป์ ที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% กับสินค้านำเข้าจากอียู จะกระทบกับจีดีพีของกลุ่มราว 0.5%
    .
    ทำเนียบขาวไม่ได้ระบุรายละเอียดอย่างเจาะจงว่าก้าวย่างใดบ้างที่จะช่วยแคนาดาและจีน รอดพ้นจากการรีดภาษี ในขณะที่ ทรัมป์ ประกาศกร้าว่าจะยังคงเดินหน้าบังคับใช้มาตรการนี้ไปจนกว่าสิ่งที่เขาเรียกว่า "สถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ" เกี่ยวกับยาเฟนทานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯ จะยุติลง
    .
    จีน เรียกปัญหายาเฟนทานิลว่าเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และบอกว่าจะยื่นคัดค้านมาตรการรีดภาษี ณ องค์การการค้าโลกและใช้มาตรการอื่นๆ ตอบโต้ แต่ก็เปิดกว้างสำหรับการเจรจาเช่นกัน ส่วนแคนาดาบอกว่าจะดำเนินการทางกฎหมายภายใต้องค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านมาตรการรีดภาษีของทรัมป์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011137
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เลื่อนมาตรการรีดภาษีที่กำหนดเล่นงานเม็กซิโกออกไป 1 เดือน หลังในวันจันทร์ (3 ก.พ.) เม็กซิโก ตอบตกลงเสริมกำลังตามแนวชายแดนทางเหนือของประเทศ ด้วยสมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 10,000 นาย เพื่อสกัดการไหลบ่าเข้ามาของยาเสพติดผิดกฎหมาย . ข้อตกลงนี้ยังรวมไปถึงคำมั่นสัญญาของสหรัฐฯ ที่รับปากว่าจะขัดขวางการลักลอบขนอาวุธอานุภาพสูงเข้าไปยังเม็กซิโก จากการเปิดเผยของเคลาเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ที่โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังจากผู้นำทั้ง 2 ชาติ พูดคุยหารือกันทางโทรศัพท์ในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่มาตรการรีดภาษีของอเมริกาที่กำหนดเล่นงานเม็กซิโก จีนและแคนาดา จะมีผลบังคับใช้ ในความเคลื่อนไหวที่พวกนักเศรษฐศาสตร์มองว่าจะก่อความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ในนั้นรวมถึงราคาสินค้าที่เพงขึ้นสำหรับภาคธุรกิจและพวกผู้บริโภคอเมริกา . ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ระบุว่าสหรัฐฯ และเม็กซิโก จะใช้ช่วงเวลาแห่งการระงับ 1 เดือน ในการประสานงานเจรจาเพิ่มเติม "ผมตั้งตาคอยมีส่วนร่วมในการเจรจาเหล่านี้กับประธานาธิบดีไชน์บาว์ม ในขณะที่เราพยายามบรรลุข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ" ส่วนไชน์บาว์ม กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า "เรามีเวลาในเดือนนี้ ที่จะทำงานและโน้มน้าวกันและกัน นี่คือหนทางที่ดีที่สุดในการเดินหน้า" . ข้อตกลงนี้มีขึ้นไม่ถึง 48 ชั่วโมง หลังจาก ทรัมป์ แถลงจะรีดภาษีอย่างครอบคลุมสินค้าต่างๆ จาก 3 ชาติคู่หูทางการค้าลำดับต้นของสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกันกว่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ข้อตกลงช่วยคลายแรงกดดันแก่เม็กซิโกในเบื้องต้น แต่แนวโน้มการบรรเทาโทษให้แคนาดาและจีน ดูเหมือนจะเลือนราง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาติเพื่อนบ้านทางเหนือของอเมริกา ที่ทรัมป์และคณะทำงานของเขายังคงส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ลดละ . "เราไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนักจากแคนาดา และเราจำเป็นต้องทำแบบนั้นเช่นกัน" ทรัมป์ กล่าวระหว่างลงนามในคำสั่งบริหารที่ทำเนียบขาว . ทรัมป์ เปิดเผยในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่าได้พูดคุยกับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาและจะมีการหารือกันอีกรอบในตอนบ่าย (ตามเวลาท้องถิ่น) อย่างไรก็ตาม มาตรการรีดภาษีเล่นงานแคนาดาและจีน ยังคงมีแนวโน้มเริ่มขึ้นตอน 00.01 น.ของวันอังคาร (ราว 12.01 น.ของวันพุธ ตามเวลาในเมืองไทย) และแคนาดา ได้แถลงมาตรการรีดภาษีตอบโต้ออกมาแล้ว . ระหว่างกล่าวในวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ทรัมป์ บ่งชี้ว่าสหภาพยุโรป ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ชาติ อาจเป็นเป้าหมายต่อไปของเขา แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่ "พวกเขาไม่ยอมรับรถของเรา พวกเขาไม่ยอมรับผลิตภัณฑ์ฟาร์มของเรา พวกเขาแทบไม่เปิดรับอะไรเลย ผิดกับเราที่อ้าแขนรับทุกๆ อย่างจากพวกเขา" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว . บรรดาผู้นำยุโรป ณ ที่ประชุมซัมมิตอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ แสดงความเห็นในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่ายุโรปจะเตรียมพร้อมสำหรับตอบโต้กลับ หากว่าสหรัฐฯ กำหนดมาตรการรีดภาษีเล่นงานพวกเขา แต่ก็เรียกร้องขอความมีเหตุมีผลและการเจรจาตกลงกัน . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แย้มว่าสหราชอาณาจักร ซึ่งถอนตัวออกจากอียูในปี 2020 อาจรอดพ้นจากมาตรการรีดภาษี . สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าและคู่หูด้านการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของอียู อ้างอิงข้อมูลจากยูโรสแตท พบว่าปี 2023 สำหรัฐฯ ขาดดุลการค้าอียู 155,800 ล้านยูโร ในการค้าขายสินค้าระหว่างกัน แต่ก็ชดเชยด้วยการเกินดุลการค้า 104,000 ล้านยูโร ในด้านการบริการ . พวกนักเศรษฐศาสตร์มองว่าแผนรีดภาษีเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจีน 10% ของทรัมป์ จะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและผลักให้ราคาข้าวของแพงขึ้นสำหรับชาวอเมริกา . สภาหอการค้านานาชาติ ประเมินว่ามาตรการรีดภาษีจะนำให้การส่งออกของเม็กซิโกลดลง 10% และกระทบจีดีพีของประเทศแห่งนี้ราว 4% ใน 1 ปี ส่วนมาตรการรีดภาษีแคนาดา จะทำให้จีดีพีของประเทศแห่งนี้ลดลง 2.6% . ทรัมป์ ยอมรับเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่า การรีดภาษีอาจก่อความเจ็บปวดในระยะสั้นแก่บรรดาผู้บริโภคสหรัฐฯ แต่กระนั้นก็อ้างว่ามาตรการรีดภาษีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการลักลอบขนยาเสพติด รวมถึงกระตุ้นอุตสาหกรรมภายในประเทศ . นักวิเคราะห์คนอื่นๆ มองว่ามาตรการรีดภาษีอาจผลักให้แคนาดาและเม็กซิโก เข้าสู่ภาวะถดถอยและโหมกระพือภาวะ Stagflation (สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อกลับพุ่ง และคนว่างงานสูงลิ่ว) ภายในประเทศ ส่วนในยุโรป พวกนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่ามาตรการของทรัมป์ ที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% กับสินค้านำเข้าจากอียู จะกระทบกับจีดีพีของกลุ่มราว 0.5% . ทำเนียบขาวไม่ได้ระบุรายละเอียดอย่างเจาะจงว่าก้าวย่างใดบ้างที่จะช่วยแคนาดาและจีน รอดพ้นจากการรีดภาษี ในขณะที่ ทรัมป์ ประกาศกร้าว่าจะยังคงเดินหน้าบังคับใช้มาตรการนี้ไปจนกว่าสิ่งที่เขาเรียกว่า "สถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ" เกี่ยวกับยาเฟนทานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯ จะยุติลง . จีน เรียกปัญหายาเฟนทานิลว่าเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และบอกว่าจะยื่นคัดค้านมาตรการรีดภาษี ณ องค์การการค้าโลกและใช้มาตรการอื่นๆ ตอบโต้ แต่ก็เปิดกว้างสำหรับการเจรจาเช่นกัน ส่วนแคนาดาบอกว่าจะดำเนินการทางกฎหมายภายใต้องค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดค้านมาตรการรีดภาษีของทรัมป์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011137 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1808 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้
    .
    ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล
    .
    ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล
    .
    "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว
    .
    ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที"
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้
    .
    เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส
    .
    เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน
    .
    บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป
    .
    สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน
    .
    อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้
    .
    มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม
    .
    "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย"
    .
    การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้ . ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล . ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล . "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว . ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที" . ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้ . เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส . เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน . บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป . สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน . อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้ . มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม . "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย" . การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2620 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา
    .
    ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา
    .
    ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ
    .
    มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!"
    .
    ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง
    .
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา
    .
    ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร"
    .
    เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล
    .
    ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา
    .
    ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ
    .
    เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา . ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา . ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ . มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน . นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!" . ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง . ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา . ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร" . เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล . ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา . ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ . เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1659 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงโควิดระบาดรุนแรง เจ้าหน้าที่ต่างทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง สร้างองค์ความรู้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินให้เข้ากับทรัพยากรที่มีจำกัด ผลักดันหลายๆอย่าง เพื่อให้ทุกคนได้รับวัคซีนเพื่อลดการเสียชีวิตในยามวิกฤติ

    คนที่ทำงานเหล่านั้นมีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง สมควรได้รับคำขอบคุณอย่างยิ่ง

    แต่ต้องไม่ใช่กับกลุ่มคนบางกลุ่มที่คอยปั่นกระแสให้คนกลัวจนไม่กล้าไปฉีดวัคซีน แล้วพลาดติดเชื้อเสียชีวิต

    ในช่วงวิกฤตผมจำได้หลายกลุ่มคน ว่าใครพูดอะไรทำอะไรไว้บ้าง!!! ซึ่งไม่น่าให้อภัยจนถึงวันนี้
    ช่วงโควิดระบาดรุนแรง เจ้าหน้าที่ต่างทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง สร้างองค์ความรู้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินให้เข้ากับทรัพยากรที่มีจำกัด ผลักดันหลายๆอย่าง เพื่อให้ทุกคนได้รับวัคซีนเพื่อลดการเสียชีวิตในยามวิกฤติ คนที่ทำงานเหล่านั้นมีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง สมควรได้รับคำขอบคุณอย่างยิ่ง แต่ต้องไม่ใช่กับกลุ่มคนบางกลุ่มที่คอยปั่นกระแสให้คนกลัวจนไม่กล้าไปฉีดวัคซีน แล้วพลาดติดเชื้อเสียชีวิต ในช่วงวิกฤตผมจำได้หลายกลุ่มคน ว่าใครพูดอะไรทำอะไรไว้บ้าง!!! ซึ่งไม่น่าให้อภัยจนถึงวันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ลงนามคำสั่งนับสิบครอบคลุมประเด็นโลกร้อนไปจนถึงคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งตามที่ลั่นวาจาไว้
    .
    คำสั่งฝ่ายบริหารบางส่วนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) เป็นคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว เช่น การอภัยโทษผู้ประท้วงจำนวนมากที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แต่ยังมีคำสั่งอีกจำนวนหนึ่งที่ถือว่าเกินคาด เช่น การนำอเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO)
    .
    ต่อไปนี้คือสรุปคำสั่งที่ทรัมป์ลงนามในสนามกีฬาที่วอชิงตันท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนมาก และที่ทำเนียบขาวในเวลาต่อมาภายหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
    .
    คนเข้าเมือง
    .
    ทรัมป์เซ็นคำสั่งหลายฉบับเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีที่อเมริกาจัดการปัญหาคนเข้าเมืองและความเป็นพลเมือง ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณชายแดนทางใต้
    ประมุขทำเนียบขาวคนใหม่ยังสัญญาว่า จะจัดการเนรเทศครั้งใหญ่ซึ่งจะมีกองทัพร่วมปฏิบัติการด้วย โดยเป้าหมายอยู่ที่ “อาชญากรต่างด้าว”
    .
    ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ลงนามคำสั่งยกเลิกการให้สัญชาติจากการเกิดในประเทศ อย่างไรก็ดี ทรัมป์อาจเผชิญการท้าทายทางกฎหมายเนื่องจากการให้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัตินี้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ
    .
    ม็อบบุกสภา 6 มกราคม
    .
    ทรัมป์ลงนามอภัยโทษผู้สนับสนุนตนเองบางส่วนจากทั้งหมด 1,500 คนที่บุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2020 โดยเรียกคนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินความผิดหรือยอมรับผิดในการก่อจลาจลว่าเป็น “ตัวประกัน”
    .
    ความหลากหลาย ความเท่าเทียม การยอมรับความแตกต่าง
    .
    ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกายกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่ส่งเสริมโครงการความหลากหลายและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในหน่วยงานรัฐบาล ภาคธุรกิจ และบริการสาธารณสุข รวมถึงสิทธิของคนอเมริกันกลุ่ม LGBTQ ตามที่สัญญาไว้ว่าจะจัดการวัฒนธรรม “การตื่นรู้”
    .
    ทรัมป์ยังประกาศว่า ต่อไปรัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมรับคนเพียงสองเพศคือชายกับหญิงเท่านั้น
    .
    ข้อตกลงโลกร้อนปารีส
    .
    ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ นำอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อนปารีสเหมือนที่เคยทำมาตอนรับตำแหน่งสมัยแรก ตอกย้ำการปฏิเสธความพยายามของทั่วโลกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ขณะที่ภัยพิบติธรรมชาติรุนแรงขึ้นทั่วโลก
    .
    อย่างไรก็ดี ต้องใช้เวลา 1 ปีหลังจากยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อกรอบข้อตกลงของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ฉบับนี้ อเมริกาจึงจะสามารถถอนตัวได้
    .
    การขุดเจาะน้ำมัน
    .
    ทรัมป์ลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อขยายการขุดเจาะในอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำการผลิตก๊าซและน้ำมันของโลก
    .
    เวิร์ก ฟอร์ม โฮม
    .
    นอกจากนั้น ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งกำหนดให้ลูกจ้างรัฐบาลกลางกลับไปทำงานในสำนักงานเต็มเวลา เพื่อยุติการอนุญาตการทำงานจากที่บ้านส่วนใหญ่ที่ริเริ่มขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด
    .
    ถอนตัวจาก WHO
    .
    ทรัมป์เซ็นคำสั่งให้อเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก โดยยืนยันว่า ไม่เป็นธรรมที่สหรัฐฯ จ่ายเงินสมทบองค์กรนี้มากกว่าที่จีนจ่าย
    .
    ติ๊กต็อก Tiktok
    .
    ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สั่งระงับการบังคับใช้กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกไป 75 วัน ซึ่งเท่ากับเป็นการชะลอการดำเนินการห้ามการเผยแพร่และอัปเดตแพลตฟอร์มติ๊กต็อกในอเมริกาที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.)
    .
    ทรัมป์ระบุว่า ต้องการให้ ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อกที่อยู่ในจีน ตกลงขายหุ้นติ๊กต็อก 50% ให้นักลงทุนในอเมริกา
    .
    ผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์
    .
    ทรัมป์ยกเลิกมาตรการแซงก์ชันของคณะบริหารของไบเดนต่อผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ใช้ความรุนแรงกับชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์
    .
    คิวบา
    .
    ทรัมป์ล้มล้างอีกหนึ่งคำสั่งของไบเดนที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในการถอดคิวบาออกจากบัญชีดำประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยนักโทษ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006613
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ลงนามคำสั่งนับสิบครอบคลุมประเด็นโลกร้อนไปจนถึงคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งตามที่ลั่นวาจาไว้ . คำสั่งฝ่ายบริหารบางส่วนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) เป็นคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว เช่น การอภัยโทษผู้ประท้วงจำนวนมากที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แต่ยังมีคำสั่งอีกจำนวนหนึ่งที่ถือว่าเกินคาด เช่น การนำอเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) . ต่อไปนี้คือสรุปคำสั่งที่ทรัมป์ลงนามในสนามกีฬาที่วอชิงตันท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนมาก และที่ทำเนียบขาวในเวลาต่อมาภายหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง . คนเข้าเมือง . ทรัมป์เซ็นคำสั่งหลายฉบับเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีที่อเมริกาจัดการปัญหาคนเข้าเมืองและความเป็นพลเมือง ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณชายแดนทางใต้ ประมุขทำเนียบขาวคนใหม่ยังสัญญาว่า จะจัดการเนรเทศครั้งใหญ่ซึ่งจะมีกองทัพร่วมปฏิบัติการด้วย โดยเป้าหมายอยู่ที่ “อาชญากรต่างด้าว” . ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ลงนามคำสั่งยกเลิกการให้สัญชาติจากการเกิดในประเทศ อย่างไรก็ดี ทรัมป์อาจเผชิญการท้าทายทางกฎหมายเนื่องจากการให้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัตินี้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ . ม็อบบุกสภา 6 มกราคม . ทรัมป์ลงนามอภัยโทษผู้สนับสนุนตนเองบางส่วนจากทั้งหมด 1,500 คนที่บุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2020 โดยเรียกคนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินความผิดหรือยอมรับผิดในการก่อจลาจลว่าเป็น “ตัวประกัน” . ความหลากหลาย ความเท่าเทียม การยอมรับความแตกต่าง . ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกายกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่ส่งเสริมโครงการความหลากหลายและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในหน่วยงานรัฐบาล ภาคธุรกิจ และบริการสาธารณสุข รวมถึงสิทธิของคนอเมริกันกลุ่ม LGBTQ ตามที่สัญญาไว้ว่าจะจัดการวัฒนธรรม “การตื่นรู้” . ทรัมป์ยังประกาศว่า ต่อไปรัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมรับคนเพียงสองเพศคือชายกับหญิงเท่านั้น . ข้อตกลงโลกร้อนปารีส . ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ นำอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อนปารีสเหมือนที่เคยทำมาตอนรับตำแหน่งสมัยแรก ตอกย้ำการปฏิเสธความพยายามของทั่วโลกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ขณะที่ภัยพิบติธรรมชาติรุนแรงขึ้นทั่วโลก . อย่างไรก็ดี ต้องใช้เวลา 1 ปีหลังจากยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อกรอบข้อตกลงของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ฉบับนี้ อเมริกาจึงจะสามารถถอนตัวได้ . การขุดเจาะน้ำมัน . ทรัมป์ลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อขยายการขุดเจาะในอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำการผลิตก๊าซและน้ำมันของโลก . เวิร์ก ฟอร์ม โฮม . นอกจากนั้น ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งกำหนดให้ลูกจ้างรัฐบาลกลางกลับไปทำงานในสำนักงานเต็มเวลา เพื่อยุติการอนุญาตการทำงานจากที่บ้านส่วนใหญ่ที่ริเริ่มขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด . ถอนตัวจาก WHO . ทรัมป์เซ็นคำสั่งให้อเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก โดยยืนยันว่า ไม่เป็นธรรมที่สหรัฐฯ จ่ายเงินสมทบองค์กรนี้มากกว่าที่จีนจ่าย . ติ๊กต็อก Tiktok . ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สั่งระงับการบังคับใช้กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกไป 75 วัน ซึ่งเท่ากับเป็นการชะลอการดำเนินการห้ามการเผยแพร่และอัปเดตแพลตฟอร์มติ๊กต็อกในอเมริกาที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.) . ทรัมป์ระบุว่า ต้องการให้ ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อกที่อยู่ในจีน ตกลงขายหุ้นติ๊กต็อก 50% ให้นักลงทุนในอเมริกา . ผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์ . ทรัมป์ยกเลิกมาตรการแซงก์ชันของคณะบริหารของไบเดนต่อผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ใช้ความรุนแรงกับชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ . คิวบา . ทรัมป์ล้มล้างอีกหนึ่งคำสั่งของไบเดนที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในการถอดคิวบาออกจากบัญชีดำประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยนักโทษ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006613 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2034 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts