• คำตอบจากใจทหารชายแดน สะท้อนความรู้สึกจากรั้วของชาติ เมื่อสังคมถาม "ทหารมีไว้ทำไม" ท่ามกลางภารกิจปกป้องแผ่นดิน
    https://www.thai-tai.tv/news/20679/
    .
    #ไทยไทด้วย #ทหารชายแดน #ทหารของพระราชา #ทหารไทย #วีรบุรุษ #ปกป้องอธิปไตย #ความรู้สึกทหาร #ความมั่นคงของชาติ #เสียสละ
    คำตอบจากใจทหารชายแดน สะท้อนความรู้สึกจากรั้วของชาติ เมื่อสังคมถาม "ทหารมีไว้ทำไม" ท่ามกลางภารกิจปกป้องแผ่นดิน https://www.thai-tai.tv/news/20679/ . #ไทยไทด้วย #ทหารชายแดน #ทหารของพระราชา #ทหารไทย #วีรบุรุษ #ปกป้องอธิปไตย #ความรู้สึกทหาร #ความมั่นคงของชาติ #เสียสละ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • สดุดี ตชด. แนวหน้าผู้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ทหารไทย ปกป้องแผ่นดิน ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
    https://www.thai-tai.tv/news/20623/
    .
    #สดุดีตชด #ตำรวจตระเวนชายแดน #นักรบชุดเขียว #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปกป้องแผ่นดิน #วีรบุรุษชายแดน #ไทยไท
    สดุดี ตชด. แนวหน้าผู้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ทหารไทย ปกป้องแผ่นดิน ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว https://www.thai-tai.tv/news/20623/ . #สดุดีตชด #ตำรวจตระเวนชายแดน #นักรบชุดเขียว #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปกป้องแผ่นดิน #วีรบุรุษชายแดน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • “นักรบชุดดำ” ผู้ปิดทองหลังพระ! สดุดี “ทหารพราน” วีรบุรุษผู้พิทักษ์ชาติ จากคอมมิวนิสต์ สู่ชายแดนใต้ และสงครามเขมร!
    https://www.thai-tai.tv/news/20622/
    .
    #นักรบชุดดำ #ทหารพราน #วันทหารพราน #ปกป้องอธิปไตย #ชายแดนไทย #กองทัพไทย #ไทยไท
    “นักรบชุดดำ” ผู้ปิดทองหลังพระ! สดุดี “ทหารพราน” วีรบุรุษผู้พิทักษ์ชาติ จากคอมมิวนิสต์ สู่ชายแดนใต้ และสงครามเขมร! https://www.thai-tai.tv/news/20622/ . #นักรบชุดดำ #ทหารพราน #วันทหารพราน #ปกป้องอธิปไตย #ชายแดนไทย #กองทัพไทย #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เสียขาไม่เสียขวัญ!" "หมวดบุ๊ค" กรุยทาง ร.31 ยึด "ตาควาย" คืนสำเร็จ พิสูจน์เลือดนักรบผู้กล้าหาญ
    https://www.thai-tai.tv/news/20621/
    .
    #หมวดบุ๊ค #ร้อยตรีเกียรติวงศ์สถาวร #ปราสาทตาควาย #ร31รอ #วีรบุรุษไทย #เสียสละเพื่อชาติ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไท

    "เสียขาไม่เสียขวัญ!" "หมวดบุ๊ค" กรุยทาง ร.31 ยึด "ตาควาย" คืนสำเร็จ พิสูจน์เลือดนักรบผู้กล้าหาญ https://www.thai-tai.tv/news/20621/ . #หมวดบุ๊ค #ร้อยตรีเกียรติวงศ์สถาวร #ปราสาทตาควาย #ร31รอ #วีรบุรุษไทย #เสียสละเพื่อชาติ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผ่นดินไม่ลืม! สดุดี 15 วีรบุรุษทหารกล้า พลีชีพปกป้องอธิปไตย...เกียรติยศจะจารึกนิรันดร์
    https://www.thai-tai.tv/news/20619/
    .
    #สดุดีวีรชน #ทหารหาญ #ปกป้องเอกราช #อธิปไตยไทย #ความเสียสละ #เกียรติภูมิ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไท
    แผ่นดินไม่ลืม! สดุดี 15 วีรบุรุษทหารกล้า พลีชีพปกป้องอธิปไตย...เกียรติยศจะจารึกนิรันดร์ https://www.thai-tai.tv/news/20619/ . #สดุดีวีรชน #ทหารหาญ #ปกป้องเอกราช #อธิปไตยไทย #ความเสียสละ #เกียรติภูมิ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีคะคุณอาสนธิหลายวันมานี้ เครียดนอนไม่หลับเลย "ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้ยังไงกัน รัฐบาลเป็นฝ่ายตรงข้ามกับประเทศตัวเอง ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ยังไม่หยุดยิ่งใหญ่มาก ตัวประสาทไทยขึ้นทะเบียนมานานก่อนมีประเทศกัมพูชาซะอีกมันจะมาเคลมได้ยังไง คนขายชาติมุ่งหมายลากแผ่นดินบนบกลงทะเลเพื่อแลกผลประโยชน์ส่วนตัว ฉากละครกัมพูชาเปิดการยิงไทยก่อน "แล้วนายภูมิธรรมจะไปเจรจากับฮุนมาเนตที่มาเลย์เพื่อใช้แผนที่1:200,000 เท่ากับยกแผ่นดินให้กัมพูชาเพื่อแลกกับการหยุดยิง กองทัพไทยสู้กัมพูชาไม่ได้ต้องยอมยกดินแดนให้เพราะกลัวกัมพูชายิงโถอนาถใจแท้ๆ#นักการเมืองมันเอาชีวิตทหารและประชาชนแลกผลประโยชน์ส่วนตน "อับอายขายหน้าไทยแพ้กัมพูชา ฮุนมาเนตได้เป็นวีรบุรุษ...คนไทยประเทศไทยจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรบนเวทีโลกคนทั้งโลกแม้แต่อาจารย์ที่สหรัฐฯเองยังแปลกใจเลยว่าไทยมีกองทัพที่มีศักดิ์ยภาพมากในอาเซียนแต่ทำไมกัมพูชาถึงกล้าเปิดศึกยิงไทยก่อนแบบนี้ "หมดแล้วศักดิ์ศรีประเทศไทยและกองทัพไทยมันจบแล้วจริงๆยุคนี้มันยุคอะไรกาลีบ้านกาลีเมืองคนไทยหันหน้าไปพึ่งใครไม่ได้เลยยามนี้ไทยตกต่ำถึงขีดสุดขณะที่พี่น้องประชาชนต้องตายทรัพย์สินเสียหาย ทหารดีๆต้องมาพิกลพิการเสียชีวิต นี้หรือคือผลตอบแทนของเขาๆสละชีพเพื่อเสียดินแดนหรือละครฉากหนึ่งเท่านั้น"โคตรช้ำใจเลย เขาน่าจะมีแบ็คใหญ่มากๆเขาไม่เห็นหัวประชาชนเลย คุณอาสนธิคุยในรายการพรุ่งนี้หนูฝากถามหน่อยนะคะว่า "นายภูมิธรรมและรัฐบาลจะไปเจรจากันที่มาเลย์กับนายอีนวาร์,ฮุนมาเนตให้เขมรหยุดยิงไทยจะใช้แผนที่ตามที่ตกลงไว้ใน "MOU43-44ให้ประสาทมัน ลากลงเกาะกูดแบ่งผลประโยชน์50-50เพื่อขอร้องให้กัมพูชาหยุดยิงไทยเถอะได้โปรดไทยๆยอมแล้วกลัวมากๆเลยงั้นเหรอไปตกลงเจรจาโดยไม่ต้องผ่านสภาแบบนี้เหมือนดิวงานบริษัทส่วนตัวใช่หรือ มีอะไรอยู่เบื้องหลัง??เหตุการณ์นี้ไหมดูแปลกๆ"อายชาวปาเลสไตน์เขาไม่ยอมเสียบ้านแผ่นดินตรงนั้น้ขายอมตายเพื่อบ้านของเขา"#แต่ประเทศไทยมีไส้ศึกขายชาติยกแผ่นดินให่ต่างชาติง่ายโดยไร้เหตุผล ถ้ารัฐบาลไม่มาแทรกแซงกองทัพๆมีเอกภาพจริงๆกัมพูชามันไม่กล้าผยองแบบนี้หรอก ขนาดกับลาว,เวียดนามมันยังกลัวหัวหดเลย#""คิดถึงพ่อหลวง ร.๙..จอมทัพไทยเหลือเกิน สิ้นท่านไปคนหนึ่งบ้านเมืองก็แตกสาแหรกขาดหมดแล้วสิ้นหวังกับทุกๆสิ่งในประเทศนี้แล้ว
    สวัสดีคะคุณอาสนธิหลายวันมานี้ เครียดนอนไม่หลับเลย "ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้ยังไงกัน รัฐบาลเป็นฝ่ายตรงข้ามกับประเทศตัวเอง ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ยังไม่หยุดยิ่งใหญ่มาก ตัวประสาทไทยขึ้นทะเบียนมานานก่อนมีประเทศกัมพูชาซะอีกมันจะมาเคลมได้ยังไง คนขายชาติมุ่งหมายลากแผ่นดินบนบกลงทะเลเพื่อแลกผลประโยชน์ส่วนตัว ฉากละครกัมพูชาเปิดการยิงไทยก่อน "แล้วนายภูมิธรรมจะไปเจรจากับฮุนมาเนตที่มาเลย์เพื่อใช้แผนที่1:200,000 เท่ากับยกแผ่นดินให้กัมพูชาเพื่อแลกกับการหยุดยิง กองทัพไทยสู้กัมพูชาไม่ได้ต้องยอมยกดินแดนให้เพราะกลัวกัมพูชายิงโถอนาถใจแท้ๆ#นักการเมืองมันเอาชีวิตทหารและประชาชนแลกผลประโยชน์ส่วนตน "อับอายขายหน้าไทยแพ้กัมพูชา ฮุนมาเนตได้เป็นวีรบุรุษ...คนไทยประเทศไทยจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรบนเวทีโลกคนทั้งโลกแม้แต่อาจารย์ที่สหรัฐฯเองยังแปลกใจเลยว่าไทยมีกองทัพที่มีศักดิ์ยภาพมากในอาเซียนแต่ทำไมกัมพูชาถึงกล้าเปิดศึกยิงไทยก่อนแบบนี้ "หมดแล้วศักดิ์ศรีประเทศไทยและกองทัพไทยมันจบแล้วจริงๆยุคนี้มันยุคอะไรกาลีบ้านกาลีเมืองคนไทยหันหน้าไปพึ่งใครไม่ได้เลยยามนี้ไทยตกต่ำถึงขีดสุดขณะที่พี่น้องประชาชนต้องตายทรัพย์สินเสียหาย ทหารดีๆต้องมาพิกลพิการเสียชีวิต นี้หรือคือผลตอบแทนของเขาๆสละชีพเพื่อเสียดินแดนหรือละครฉากหนึ่งเท่านั้น"โคตรช้ำใจเลย เขาน่าจะมีแบ็คใหญ่มากๆเขาไม่เห็นหัวประชาชนเลย คุณอาสนธิคุยในรายการพรุ่งนี้หนูฝากถามหน่อยนะคะว่า "นายภูมิธรรมและรัฐบาลจะไปเจรจากันที่มาเลย์กับนายอีนวาร์,ฮุนมาเนตให้เขมรหยุดยิงไทยจะใช้แผนที่ตามที่ตกลงไว้ใน "MOU43-44ให้ประสาทมัน ลากลงเกาะกูดแบ่งผลประโยชน์50-50เพื่อขอร้องให้กัมพูชาหยุดยิงไทยเถอะได้โปรดไทยๆยอมแล้วกลัวมากๆเลยงั้นเหรอไปตกลงเจรจาโดยไม่ต้องผ่านสภาแบบนี้เหมือนดิวงานบริษัทส่วนตัวใช่หรือ มีอะไรอยู่เบื้องหลัง??เหตุการณ์นี้ไหมดูแปลกๆ"อายชาวปาเลสไตน์เขาไม่ยอมเสียบ้านแผ่นดินตรงนั้น้ขายอมตายเพื่อบ้านของเขา"#แต่ประเทศไทยมีไส้ศึกขายชาติยกแผ่นดินให่ต่างชาติง่ายโดยไร้เหตุผล ถ้ารัฐบาลไม่มาแทรกแซงกองทัพๆมีเอกภาพจริงๆกัมพูชามันไม่กล้าผยองแบบนี้หรอก ขนาดกับลาว,เวียดนามมันยังกลัวหัวหดเลย#""คิดถึงพ่อหลวง ร.๙..จอมทัพไทยเหลือเกิน สิ้นท่านไปคนหนึ่งบ้านเมืองก็แตกสาแหรกขาดหมดแล้วสิ้นหวังกับทุกๆสิ่งในประเทศนี้แล้ว😔
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธงชาติไทยพลิ้วไสวเหนือยอดภูมะเขืออย่างสมภาคภูมิ

    ภาพนี้คือความหมายของการเสียสละของเหล่าวีรบุรุษทหารไทย ที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและผืนแผ่นดินของเรา
    ขอขอบคุณทุกหยาดเหงื่อและทุกชีวิตที่พลีเพื่อชาติ
    🇹🇭 ธงชาติไทยพลิ้วไสวเหนือยอดภูมะเขืออย่างสมภาคภูมิ ภาพนี้คือความหมายของการเสียสละของเหล่าวีรบุรุษทหารไทย ที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและผืนแผ่นดินของเรา ขอขอบคุณทุกหยาดเหงื่อและทุกชีวิตที่พลีเพื่อชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณ พรรคเพื่อโทนาฟ กับ จีนเทา ยังไงก็สนิทกันมาก
    จีนเทาอยู่ในจีนใหญ่ไม่ปลอดภัย ฮ่องกงก็ไม่ปลอดภัยสำหรับจีนเทา เลยปักฐานจีนเทาที่ไต้หวันแทน เพราะรัฐบาล DPP อุ้มจีนเทาเอาใจคนต่อต้านจีนบนเกาะไต้หวัน
    ว่าแล้ว ฮุนเซนจะแฉทักษิณกับจีนเทาที่สนิทกับมัน จนทักษิณ ตัดเพื่อน
    เสียดายที่ลุงตู่ตัดพี่ตัดน้องเสรีพิศุทธิ์แล้ว แต่อยากให้ลุงตู่ไปต่อพี่ต่อน้องคืนดีกับเสรีพิศุทธิ์จะดีกว่า เพราะเสรีพิศุทธิ์ยังสามารถเป็น ผบ.ตร. ได้เพราะท่าน พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและประธานองคมนตรีคนปัจจุบัน และท่านวีรบุรุษนาแกเคยเชยชมท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแบบอย่างที่ดีครับ
    ทักษิณ พรรคเพื่อโทนาฟ กับ จีนเทา ยังไงก็สนิทกันมาก จีนเทาอยู่ในจีนใหญ่ไม่ปลอดภัย ฮ่องกงก็ไม่ปลอดภัยสำหรับจีนเทา เลยปักฐานจีนเทาที่ไต้หวันแทน เพราะรัฐบาล DPP อุ้มจีนเทาเอาใจคนต่อต้านจีนบนเกาะไต้หวัน ว่าแล้ว ฮุนเซนจะแฉทักษิณกับจีนเทาที่สนิทกับมัน จนทักษิณ ตัดเพื่อน เสียดายที่ลุงตู่ตัดพี่ตัดน้องเสรีพิศุทธิ์แล้ว แต่อยากให้ลุงตู่ไปต่อพี่ต่อน้องคืนดีกับเสรีพิศุทธิ์จะดีกว่า เพราะเสรีพิศุทธิ์ยังสามารถเป็น ผบ.ตร. ได้เพราะท่าน พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและประธานองคมนตรีคนปัจจุบัน และท่านวีรบุรุษนาแกเคยเชยชมท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแบบอย่างที่ดีครับ
    “ทักษิณ”สับขาหลอก อ้างแตกหัก”ฮุนเซน” : Sondhitalk EP301 - 110768 (Full)
    - “ทักษิณ”อ้างตัดแล้วสัมพันธ์ “ฮุนเซน”
    - ล่า “ก๊ก อาน” เจ้าพ่อบ่อนพนัน
    - “เสอ จื้อเจียง” โคตรเจ้าพ่อจีนเทา
    - “อนุทิน” ฉะ “แพทองธาร”ดันทุรังหนุนกาสิโน
    - อินเดียป่วน BRICS

    คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=_QbnuW05Z2w
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลาโหมไร้หัว แก้ไฟเขมรไร้ทิศทาง

    คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเกิดขึ้นได้ในหลายโอกาส ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่มีทีท่าว่าจบลง ซ้ำด้วยคลิปเสียงระหว่างผู้นำเจนวายกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นภัยมาถึง แพทองธาร ชินวัตร จะหลุดจากเก้าอี้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยด้วยข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สังคมด่าว่าคนขายชาติหรือไม่

    แต่สำหรับบิ๊กกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นอกจากได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระเครื่องบำรุงขวัญ รับสั่งแจกให้ครบทุกนายแทนความห่วงใยแล้ว พล.ท.บุญสินยังคงเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยว 3 ปราสาท ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ประชาชนมาเที่ยวไม่ขาดสาย

    พิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บิ๊กกุ้งกลายเป็นที่รักของนิสิตทุกผู้ทุกนาม ถึงขนาดนิสิตชายรายหนึ่งเป็นปลื้ม หอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่ แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า 3 ปราสาทเป็นของไทย ทหารไทยไม่ยอมแน่ หากยกระดับปะทะจริงก็เตรียมการไว้แล้ว ทางนั้นไม่กล้า หากเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างจะจบภายใน 3 วัน

    แต่ด้วยอายุราชการของ พล.ท.บุญสิน นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน จะมีใครสานต่อหรือไม่ และทำให้ประชาชนมั่นใจเหมือนเดิมหรือเปล่า ขณะที่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงกลาโหมยังไร้หัว จะมีก็แต่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถูกด่าว่าเป็นนักรบห้องแอร์ พยายามใช้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และไม่ขยายความขัดแย้งจากระดับผู้นำไปถึงประชาชน

    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ รายงานตอนหนึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ทาบทามบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อีกครั้ง แต่เจ้าตัวปฎิเสธ แม้ก่อนหน้านี้เคยเป็นคีย์แมนจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อสกัดกั้นพรรคสีส้มและปกป้องสถาบันฯ รวมทั้งเคยมีดีลลับลังกาวี เปิดทางให้ทักษิณกลับบ้าน แต่เมื่อดีลลับถูกเปิดเผย บิ๊กแดงจึงเดินเกมไม่ได้อีกต่อไป แต่ยังคงประคองดีลข้ามขั้วให้เดินต่อ กระทั่งมีชื่อนายทหารให้ทักษิณและแพทองธารเลือก หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อนรุ่นน้องของบิ๊กแดงที่เคยร่วมคณะดีลลับลังกาวี

    พล.อ.เฉลิมพล ติดล็อกตรงที่รอพ้นเงื่อนไขออกจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครบ 2 ปีในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากแพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้และทักษิณไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ ตัวแปรเก้าอี้ รมว.กลาโหมย่อมเปลี่ยนไป สถานการณ์ไฟเขมรย่อมไม่สิ้นสุด

    #Newskit
    กลาโหมไร้หัว แก้ไฟเขมรไร้ทิศทาง คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเกิดขึ้นได้ในหลายโอกาส ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่มีทีท่าว่าจบลง ซ้ำด้วยคลิปเสียงระหว่างผู้นำเจนวายกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นภัยมาถึง แพทองธาร ชินวัตร จะหลุดจากเก้าอี้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยด้วยข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สังคมด่าว่าคนขายชาติหรือไม่ แต่สำหรับบิ๊กกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นอกจากได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระเครื่องบำรุงขวัญ รับสั่งแจกให้ครบทุกนายแทนความห่วงใยแล้ว พล.ท.บุญสินยังคงเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยว 3 ปราสาท ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ประชาชนมาเที่ยวไม่ขาดสาย พิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บิ๊กกุ้งกลายเป็นที่รักของนิสิตทุกผู้ทุกนาม ถึงขนาดนิสิตชายรายหนึ่งเป็นปลื้ม หอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่ แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า 3 ปราสาทเป็นของไทย ทหารไทยไม่ยอมแน่ หากยกระดับปะทะจริงก็เตรียมการไว้แล้ว ทางนั้นไม่กล้า หากเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างจะจบภายใน 3 วัน แต่ด้วยอายุราชการของ พล.ท.บุญสิน นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน จะมีใครสานต่อหรือไม่ และทำให้ประชาชนมั่นใจเหมือนเดิมหรือเปล่า ขณะที่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงกลาโหมยังไร้หัว จะมีก็แต่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถูกด่าว่าเป็นนักรบห้องแอร์ พยายามใช้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และไม่ขยายความขัดแย้งจากระดับผู้นำไปถึงประชาชน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ รายงานตอนหนึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ทาบทามบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อีกครั้ง แต่เจ้าตัวปฎิเสธ แม้ก่อนหน้านี้เคยเป็นคีย์แมนจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อสกัดกั้นพรรคสีส้มและปกป้องสถาบันฯ รวมทั้งเคยมีดีลลับลังกาวี เปิดทางให้ทักษิณกลับบ้าน แต่เมื่อดีลลับถูกเปิดเผย บิ๊กแดงจึงเดินเกมไม่ได้อีกต่อไป แต่ยังคงประคองดีลข้ามขั้วให้เดินต่อ กระทั่งมีชื่อนายทหารให้ทักษิณและแพทองธารเลือก หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อนรุ่นน้องของบิ๊กแดงที่เคยร่วมคณะดีลลับลังกาวี พล.อ.เฉลิมพล ติดล็อกตรงที่รอพ้นเงื่อนไขออกจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครบ 2 ปีในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากแพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้และทักษิณไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ ตัวแปรเก้าอี้ รมว.กลาโหมย่อมเปลี่ยนไป สถานการณ์ไฟเขมรย่อมไม่สิ้นสุด #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 528 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น

    คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล

    ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด

    "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง"

    ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง

    นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน

    #Newskit
    นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง" ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 585 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนกลับไปเมื่อ 80 ปีที่แล้ว เมื่อเวลา 02:10 น. ตามเวลากรุงมอสโกว์ ยูริ เลวิตันได้แจ้งให้ประชาชนโซเวียตทราบถึงการยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขของกองทหารเยอรมัน และชัยชนะของมหาสงครามแห่งความรักชาติ

    คำสั่งของจอมพลสูงสุดแห่งสหภาพโซเวียต "สตาลิน" ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 1945 ฉบับที่ 369:

    "เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ณ กรุงเบอร์ลิน ตัวแทนจากกองบัญชาการทหารสูงสุดของเยอรมนีได้ลงนามในหนังสือยินยอมยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขของกองกำลังติดอาวุธของเยอรมนี

    มหาสงครามแห่งความรักชาติที่ประชาชนโซเวียตต่อสู้กับผู้รุกรานนาซี สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะ เยอรมนีพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง...

    เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะโดยสมบูรณ์เหนือเยอรมนี วันนี้ 9 พ.ค. วันแห่งชัยชนะ เวลา 22.00 น. กรุงมอสโก เมืองหลวงของมาตุภูมิของเรา ในนามของมาตุภูมิ ขอสดุดีกองทหารกล้าของกองทัพแดง เรือรบ และหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ ที่ได้รับชัยชนะอันยอดเยี่ยมนี้ด้วยการยิงปืนใหญ่ถึง 30 นัดจากปืนใหญ่กว่า 1,000 กระบอก

    เกียรติยศชั่วนิรันดร์แด่เหล่าวีรบุรุษที่เสียชีวิตในสงครามเพื่ออิสรภาพและเอกราชของมาตุภูมิของเรา!

    กองทัพแดงและกองทัพเรือผู้ได้รับชัยชนะจงเจริญ!”

    รูปประกอบ - ข้อความประกาศการยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขและคำสั่งประกาศให้วันที่ 9 พฤษภาคมเป็นวันแห่งชัยชนะ
    ย้อนกลับไปเมื่อ 80 ปีที่แล้ว เมื่อเวลา 02:10 น. ตามเวลากรุงมอสโกว์ ยูริ เลวิตันได้แจ้งให้ประชาชนโซเวียตทราบถึงการยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขของกองทหารเยอรมัน และชัยชนะของมหาสงครามแห่งความรักชาติ คำสั่งของจอมพลสูงสุดแห่งสหภาพโซเวียต "สตาลิน" ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 1945 ฉบับที่ 369: "เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ณ กรุงเบอร์ลิน ตัวแทนจากกองบัญชาการทหารสูงสุดของเยอรมนีได้ลงนามในหนังสือยินยอมยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขของกองกำลังติดอาวุธของเยอรมนี มหาสงครามแห่งความรักชาติที่ประชาชนโซเวียตต่อสู้กับผู้รุกรานนาซี สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะ เยอรมนีพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง... เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะโดยสมบูรณ์เหนือเยอรมนี วันนี้ 9 พ.ค. วันแห่งชัยชนะ เวลา 22.00 น. กรุงมอสโก เมืองหลวงของมาตุภูมิของเรา ในนามของมาตุภูมิ ขอสดุดีกองทหารกล้าของกองทัพแดง เรือรบ และหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ ที่ได้รับชัยชนะอันยอดเยี่ยมนี้ด้วยการยิงปืนใหญ่ถึง 30 นัดจากปืนใหญ่กว่า 1,000 กระบอก เกียรติยศชั่วนิรันดร์แด่เหล่าวีรบุรุษที่เสียชีวิตในสงครามเพื่ออิสรภาพและเอกราชของมาตุภูมิของเรา! กองทัพแดงและกองทัพเรือผู้ได้รับชัยชนะจงเจริญ!” 👉รูปประกอบ - 🎖️ ข้อความประกาศการยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขและคำสั่งประกาศให้วันที่ 9 พฤษภาคมเป็นวันแห่งชัยชนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 663 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน แถลงการณ์อย่าวเป็นทางการ โดยประกาศว่าอินเดียจะต้องชดใช้สำหรับการโจมตีดินแดนปากีสถาน


    "เมื่อคืนนี้ อินเดียได้กระทำการรุกราน ซึ่งเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่อินเดียต้องชดใช้

    พวกเขาคาดหวังว่าเราจะยอมแพ้ แต่คงลืมไปว่าเราเป็นประเทศที่มีผู้กล้าหาญ มีความมุ่งมั่น วีรบุรุษของเราพร้อมที่จะต่อสู้จนคนสุดท้ายเพื่อปกป้องเกียรติยศและความปลอดภัยของมาตุภูมิของเรา

    และในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง นักรบของเราทำให้ศัตรูต้องส่งเสียงร้องออกมา

    เครื่องบินรบ 5 ลำของอินเดีย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของพวกเขา ตอนนี้กลายเป็นเพียงเศษซาก และสร้างบทเรียนให้พวกเขาต้องมีความอ่อนน้อม"

    เชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน แถลงการณ์อย่าวเป็นทางการ โดยประกาศว่าอินเดียจะต้องชดใช้สำหรับการโจมตีดินแดนปากีสถาน "เมื่อคืนนี้ อินเดียได้กระทำการรุกราน ซึ่งเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่อินเดียต้องชดใช้ พวกเขาคาดหวังว่าเราจะยอมแพ้ แต่คงลืมไปว่าเราเป็นประเทศที่มีผู้กล้าหาญ มีความมุ่งมั่น วีรบุรุษของเราพร้อมที่จะต่อสู้จนคนสุดท้ายเพื่อปกป้องเกียรติยศและความปลอดภัยของมาตุภูมิของเรา และในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง นักรบของเราทำให้ศัตรูต้องส่งเสียงร้องออกมา เครื่องบินรบ 5 ลำของอินเดีย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของพวกเขา ตอนนี้กลายเป็นเพียงเศษซาก และสร้างบทเรียนให้พวกเขาต้องมีความอ่อนน้อม"
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • 07-05-68/01 : หมี CNN / สัพเพเหระ เม้าท์มอย สังขยา ปลาปิ้ง EP.60 TIME UP! หมดเวลาแล้วจ๊ะ? เหี้ยทนไม่ไหวแล้วจ๊ะ สั่งเปิดแล้วจ๊ะ แบบว่า "จะรีบไปตายห่าจ๊ะ" ขั้วใหม่ยิ้มรับ แค่นี้แหละ มันจะได้จบๆ ไปซะ ดีออก? เหี้ยไทย เหี้ยเทศ สุดอั้น ระเบิดฟอร์มหน้ามืด เผยธาตุแท้ จนควายคลั่งปชต.อายแทน รีบชิงหมาไปเกิดทันที? มาหมดทุกดอก อะไรก็ได้ ที่จะทำให้โลกยิงประทัดยักษ์ใส่กัน เหี้ยจนตรอกขั้นหมาสูงสุดแล้ว! ขับใจความให้ดีดี กูกำลังจะสื่อถึงผลลัพธ์ตามมา งานนี้ ระดับ 5 ดาว มิชเชอลินไม่ต้อง ประทับตรายอดตรีนอุ้มหมีแห่งอโยธยาเป็นประกัน งานนี้มีพลิกล็อค ถล่มทลาย แบบเทกระเป๋า คริสติน่า ไม่ได้กล่าว? อย่าช็อค! เดี๋ยวมรึงจะรู้ ว่าขั้วใหม่ เค้าเตรียมการมาดีแค่ไหน? รอแค่ "มรึงเปิด เท่านั้นแหละ" ใบเสร็จ ตราประทับ ตรายาง มาทันที

    อีแขกภาระตะเร่งเกมส์เกินไป ระวังจะเข้าทางตรีนจีนน่ะ มองให้ทะลุ อียิว อีเหี้ยมะกัน อีสิงโตเหี้ย แบ็คอัพ อีแขกโมดี้ หน้ามืด เอาเหยื่อมาล่อปุ๊บ รีบงับทันที เสร็จล่ะมรึงเอ๋ย พอดี ปากี เค้าเตรียมปล่อยตัวอิมร่าน ขานแล้วจ๊ะ จีนคุ้ม รัสเซียช่วย อิหร่านป้อน สุดท้าย ก็หนีไม่พ้นสงครามตัวแทน แต่มันต่างกันตรงที่ว่า "เปิดหน้าแล้ว" ไม่ต้องอีแอบอีกต่อไป ยี่ห้อขี้ข้าเหี้ยโผล่ขึ้นหน้าจอทันที แคชเมียร์คือสิ่งที่เหี้ยสิงโตทิ้งเอาไว้ เพื่อให้เอเซียใต้ตีกันเอง ทั้งปากี อินเดีย จีน แต่ขั้วใหม่ เค้าเดินเกมส์สูงกว่านั้นเยอะ ไม่ใช่แค่แคชเมียร์ แต่กำลังจะผนวกโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว แล้วเขี่ยพวกมรึงออกไปจากสารบบ อีปากี สิ้นชาติ หากไม่มีจีนอุ้ม ดอกนี้ จะทำให้การเมืองภายในเปลี่ยนขั้วแบบฉับพลัน เหตุเพราะอีกองทัพปากี และบรรดานายพลที่เคยแดร๊กดุ มางวดนี้ แดร๊กไม่ได้ช่วยอะไร เอาแผ่นดินรอดก่อน ไฟมันรนก้นไงล่ะ? ชาวปากี ชูจีน รัสเซีย อิหร่าน คือพันธมิตรแล้ว แต่ฝ่ายการเมืองประกาศเป็นศัตรู มรึงคิดว่าใครจะรอด?

    ภาพยิ่งชัด CIVIL WAR มาเร็วกว่าที่คิด อีทรัมปป์ยื่นเงินให้เลย ใครยอมอพยพกลับบ้าน เอาเงินดอลล่าร์ไปแดร๊กซะให้อิ่ม ทำไมต้องเคลียร์ต่างด้าว เคลียร์ผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายออกไปก่อน เพื่อกำจัดม็อบเติมเงินเหี้ยล่ะไงล่ะ กำจัดหัวคะแนนปลอมที่มรึงเคยใช้ ปรากฎแห่กลับบ้านตรึม อีกนัยยะคือ การส่งสัญญานเคลียร์ภายในขั้นสูงสุด จัดกำลังเสริมอีลาออกไปก่อน อีทรัมปป์ เปิดศึกการค้าทั่วโลก เพื่อโดดเดี่ยวอเมริกา และต่อมาจะเปิดศึกภายใน เพื่อเคลียร์แผ่นดิน แยกน้ำ แยกปลา ตามสูตร ทำไมต้องเคลียร์? คำตอบคือเจ้าบ้านใหม่กำลังจะมาจ๊ะ อีทรัมปป์ขอ 7 รัฐใหญ่ 10 รัฐย่อย อีลาขอ 5 รัฐใหญ่ 5 รัฐย่อย แล้วค่อยไปผนวกกับอีแคนต่อไป อั๊ยยะ แผนเนียนกริบนะมรึง อเมริกันชนยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะสิ้นชาติ 52 รัฐเดิม จะกลายร่างเป็น 3 ประเทศใหม่ โดยหลักๆ จะเป็น TRUMP LAND/ NEW US-NEW CAN/ NEW JEWS STATE ชะตากรรมที่มรึงเลียงไม่ได้ ส่วนรัฐย่อย ประเทศเล็กอีกนับ 10 จะมีชนเผ่าอินเดียนแดงได้จัดตั้งประเทศตัวเองเสียที จากประชากรอินเดียนแดงที่เหลืออยู่ กว่า 200 ปี ฝันเพิ่งจะเป็นจริง ในอีกไม่ช้านี้

    กูว่าแล้ว! ทหารตบหน้ารมต.เสียหมา เงิบแดร๊กทั้งคณะ กูไม่ถอย กูไม่ไปไหนทั้งนั้น ผิดแผนสิจ๊ะ ไหนบอกว่า ให้กูมา แล้วทหารจะหลีกทางให้ สืบไปสืบมา ได้คำตอบเดียว วังถาม "ใครสั่ง" ฝ่ายการเมืองไบ้แดร๊กทันที ช่วงปลุกกระแสรักชาติอีขะแมร์ ถูกไทยเหยียบย่ำ ดูถูก กดขี่มาช้านาน อ๋อ..เหรอ อยากปลดปล่อย อยากโชว์พลัง พอโผล่ถึงเนินเขาปุ๊บ ไอ้สัด! มาจากไหนกันฟ่ะ ล่อมาเป็นกองพัน เตรียมต้อนรับ อีขะแมร์ถอยสิจ๊ะ วังวนเกมส์การเมืองวุ่น สีน้ำเงิน เตรียมเปลี่ยนแม่ทัพ เพ่นู๋ขาลงหลบไป ลูกอีเน ดันสุดลิ่มทิ่มประตู วงในชี้เป้า "อย่าสวนวัง" อาจตายโหงได้ อีเน มันนกรู้ อีลิ้น 18 แฉก เอาตัวรอดเสมอ ชูธงไตร์รงค์ รักสถาบัน มาเต็มตรีน อีนี่ คงจบการละครช่อง 3.5 มาชัวร์ เรื่องตอแหล สตรอเบอรี่ชีสเค็ก ขอให้บอก? อีฮุนเซน กำลังจะถูกปลดจากบังลังก์จ๊ะ กลิ่นตุตุ ปฎิวัติมาแต่ไกล อะไรน่ะ ใครสั่งสอน อ๋อ..ใครใช้ให้มรึงเสือกอยากแดร๊กเป็ดปักกิ่งกันล่ะ งวดนี้ ระวังจะโดนเป็ดแดร๊กแทนน่ะจ๊ะ?

    อี EU เสียงแตก กรีนแลนด์ถูกหมายหัว หวังตีกินฟรี แต่อีจตุรมิตรแห่งแดนไวกิ้ง ประสานมือ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย อีโคนม อีสวิงกิ้ง อีไวกิ้ง อีฟินน์ เตรียมสังเวย โดนศึก 2 ด้าน ทั้งอาร์คติค และกรีนแลนด์ เมื่อต้องเลือกจะตายห่า มรึงจะเลือกใครฆ่าดีล่ะ? อเมริโกย หรือราสปูตินดี ทางรอดเดียว สูตรอีฝรั่งจนตรอก คือเข้าหาจีน เพื่อส่งสัญญานถึงเครมลิน เบามือให้กูหน่อย ยังไงอีฟินน์ถูกผนวกอยู่แล้ว เพราะดินแดนติดรัสเซีย ส่วนที่เหลือ จะสวามิภักดิ์ หรือจะยกแผ่นดินให้ฟรีๆ ก็อยู่ที่มรึงตัดสินใจเอง อะไรน่ะ? อีเสี้ยนยามีแผนโจมตีรัสเซีย วันฉลองชัยชนะ 9 พฤษภาคม อั๊ยยะ! ให้ว่อง ให้ไว อย่าดีแต่เห่า ทำเลย ดีมั่กมาก เอาเลย ดีมั่กมาก ทั่วโลกเบื่อมรึงเต็มทน รีบๆ ไปตายห่าซะน่ะ ปูติน เค้าล่อเหยื่อมรึงอยู่ งับสิจ๊ะ รอเหี้ยอะไรอยู่ล่ะ? แผ่นดินเหี้ยทั้งหลายได้มอบและยกให้เครมลินโดยปริยายแล้ว แม้แต่คุณยายละม่อมยังต้องหลบให้ รู้มั้ยว่า 9 พฤษภาคมนี้ กองทัพรัสเซีย เตรียมกำลังไว้สูงสุดเพื่อโชว์ตบเหี้ยออกสื่อ เอาให้เห็นกันจะจะ คาตากันไปเลย? ยิง LIVE ถล่มสดด้วย เอามั้ย? ภาพดาวเทียมจ้องตาเป็นมัน ไม่ว่ามรึงคิดจะทำอะไร รัสเซียรู้ล่วงหน้าก่อนเสมอ เพราะมีหนอนบ่อนไส้ไปทั่วยูเครน แม้แต่คนใกล้ตัวอีเสี้ยนยา ระวังตัวให้ดีดีเหอะ คนใกล้ตัวมรึงเนี่ยแหละ ขายมรึงแดร๊ก เต็มตรีน ใครจะไม่เอา $20 ล้านเหรียญน่ะมรึง? แพงกว่าค่าหัว JOHN WICK ซะอีก!

    อีปากีคลั่ง เอาคืนอีแขกภาระตะ สอยบินรบร่วง 5 ลำ ถล่ม 9 แห่ง งานนี้ "ศักดิ์ดำ" ไม่ต้องมาคุย อิมร่าน ขานมาแน่ ปล่อยตัวเมื่อไหร่ อีแขกขี้แตกทันที เพราะแนวร่วมชาวปากี หนุนอิมร่าน ขาน กลับมารักษาแผ่นดินท่วมท้น บทมันจะส่งให้เป็นวีรบุรุษ มรึงเข้าใจยัง? อาวุธปากี จากไหนกันจ๊ะ วงในชี้เป้า ทั้งอิหร่าน จีน มีตรึม งานนี้ รัสเซียจะไม่ยุ่ง เพราะมรึงเสือกไปจับมือกับเหี้ยตะวันตก หวังมาตีกิน รวบแดร๊กปากี รัสเซียคบแค่การค้า แต่ชิงแผ่นดินคนอื่นเค้า ปูตินบอก "ไอ้โง่" ริจะเสือกวัดรอยตรีนจีน มรึงคิดว่ากูจะเลือกมรึง หรือจีน กันล่ะ? ไอ้ควาย..อสรพิษอย่างมรึง ทำไม กูจะไม่รู้จัก ขนาดอยู่ BRICS ด้วยกัน เสือกจะเล่นบาลี เลี่ยง BRICS DIGITAL CURRENCY ดันหยวนผงาด แต่จะเอารูปีขึ้นแทน ฝันไกลเกินไปป่ะ? สีจิ้นผิง รอรับผลประโยชน์เต็มตรีน เมื่ออีแขก เข้าสู่โหมดสงคราม การค้าจะชะงัก การขายจะหดหาย ผู้คนจะอดตาย แย่งชิงกันอย่างกะหมา ใครเอาแผ่นดินไปสุ่มเสี่ยงสงคราม หากไม่มีความพร้อมจริง อีโมดี้ ก้าวพลาด เชื่อไอ้อีตะวันตกมากจนเกินไป รบกันมีแต่พังทั้ง 2 ฝ่าย ใครได้ประโยชน์ล่ะ มันเสี้ยมมรึง เพื่อจะขายอาวุธให้มรึง ไอ้ควายเอ๋ย? ผู้นำโง่ แผ่นดินจะสิ้น ผู้นำควาย แผ่นดินจะหรรษา(พากันลงนรกกันหมด)

    ปล.การเมืองโลกระอุ การเมืองภายในเอเซียทะลุปรอทแตก การเปลี่ยนแปลงกำลังจะมา ทั้งหมดมาจากการแยกน้ำ แยกปลา และการเอาตัวรอด ของบรรดาประเทศโลกที่ 3 ภาพรวมเริ่มเด่นชัด ฝ่ายโลกที่ต้องการความสงบสุข เดินตามขั้วใหม่ทันที ส่วนฝ่ายโลกที่หิวแสง และหน้ามืดจะเดินตามเหี้ยลงขุมนรกกันหมด จับตา กองทัพไทย ปฎิวัติฝ่ายการเมือง อีขะแมร์เสียว อีหม่องช็อค อีอิเหนาจ้องตาไม่กระพริบ สูตรรักแผ่นดินเกิดจะตามมา พลังแผ่นดินจะก่อเกิดแบบไม่ได้นัดหมาย สุดทางเดินตระกูลเหี้ยจัญไรแผ่นดิน เสนียดที่เกาะกินไทยมายาวนาน กำลังจะถูกปลดล็อคโดยศาลไคฟง หมายจับรออยู่ ชั้น 14 ตายยกชั้น ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ แม้แต่ยบังลังก์ศาลบางตัว ก็หัวขาดจ๊ะ เชือดไม่มีเลี้ยงไว้ เกมส์พลิก ขี้ข้าทรยศ หนีเอาตัวรอดกันหมด อาเซียนจะประชุมลับ การเดินหมากของอีปินส์ จะทำให้อาเซียนวุ่นวายใจ เพราะไม่มีใครต้องการจะรบกับจีนซึ่งหน้า แก้ง่ายกว่ามั้ย แค่ถีบมันออก แล้วเอาชาติใหม่เสียบแทน รอท่าทีชัดเจน ประกาศให้ชัด มรึงจะอยู่อาเซียนต่อ แต่ไม่เสือกทำตามมติอาเซียน อีปินส์ออก ใครยิ้มล่ะ? ชาติอาเซียนได้สิทธิ์อีกเยอะ ใครก็อยากจะเข้า อู่ข้าว อู่น้ำโลก การันตี ไม่มีอดตาย? ส่วนสงครามปาหี่เสี้ยมอาเซียน นั่นแค่หน้าฉาก อาเซียนจะไม่รบกันเอง เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรทั้งนั้น ยกเว้นนอกจากมรึงรับใบสั่งใครมา? ยอมแล้วจ๊ะ รู้ฤทธิ์พิษสงแล้วจ๊ะ ไม่กล้าแล้วจ๊ะ อีทรัมปป์ถอย สั่งยกเลิกโจมตีเยเมน เพราะเสียค่าโง่ไปเยอะ หักลบกลบหนี้ ติดลบกว่า $15000 ล้านเหรียญ แกว่งส้นตรีนหาเสี้ยนของแท้ แต่อียิวยังหน้ามืดต่อไป โดนถล่มกลับยับเหมือนเดิม ไฮฟาไม่เหลือซากแล้ว ไฟป่ามาเผา ขีปนาวุธมาเต็มหัว มรึงยังไม่เข็ด ต้องเอาให้ราบพนาสูญสิน่ะ ลูกหลานซาลาดิน ชูธง "สงครามศักดิ์สิทธิ์แล้ว" งานนี้ ไม่ถอย ฆ่าจนกว่าจะหมดแผ่นดิน ยิงได้ยิงไป ทนได้ทนไป จนกว่าจะไม่เหลือแม้แต่หมาตัวเดียว อิสราเอลทรุดหนัก ไร้ขี้ข้าปกป้องรอบตัว

    หมี CNN(รัสเซียประกาศยึดภูมิภาคซูมีของยูเครน ชายแดนติดเคิร์สค์เป็นเขตกันชนนาโต้ ส่งสัญญานชัดเจน ไม่ได้เอาแค่ยูเครน แต่กำลังจะเปิดศึกต่อกับ NATO ที่กำลังแตกแถว และเสียรางวัดตอนนี้ แผนปูทางสู่ท่อแก็สอาร์คติคก็มา ใครบอกเหี้ยตะวันตกสุมหัวจะรุมรัสเซียกันล่ะ ความจริงมันตรงกันข้าม ถึงได้หนีหางจุกตูดไปแปซิฟิคแทน แต่อย่าคิดว่าจะรอด เพราะจีนเอง ก็เตรียมต้อนรับพวกมรึงอย่างอบอุ่นเช่นกัน จะหนีไปไหนได้ หากไม่คิดจะเจรจาสันติภาพจริง ที่ไม่ใช่มัวแต่จัดฉากเล่นละครไปวันวัน เมื่ออยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ก็จงเป็นเมืองขึ้นกูซะ ปูตินไม่ได้กล่าว สีจินผิงไม่ได้พูด แค่ยักคิ้วให้..คือรู้กัน?)
    07 พฤษภาคม 68
    15.56 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    07-05-68/01 : หมี CNN / สัพเพเหระ เม้าท์มอย สังขยา ปลาปิ้ง EP.60 TIME UP! หมดเวลาแล้วจ๊ะ? เหี้ยทนไม่ไหวแล้วจ๊ะ สั่งเปิดแล้วจ๊ะ แบบว่า "จะรีบไปตายห่าจ๊ะ" ขั้วใหม่ยิ้มรับ แค่นี้แหละ มันจะได้จบๆ ไปซะ ดีออก? เหี้ยไทย เหี้ยเทศ สุดอั้น ระเบิดฟอร์มหน้ามืด เผยธาตุแท้ จนควายคลั่งปชต.อายแทน รีบชิงหมาไปเกิดทันที? มาหมดทุกดอก อะไรก็ได้ ที่จะทำให้โลกยิงประทัดยักษ์ใส่กัน เหี้ยจนตรอกขั้นหมาสูงสุดแล้ว! ขับใจความให้ดีดี กูกำลังจะสื่อถึงผลลัพธ์ตามมา งานนี้ ระดับ 5 ดาว มิชเชอลินไม่ต้อง ประทับตรายอดตรีนอุ้มหมีแห่งอโยธยาเป็นประกัน งานนี้มีพลิกล็อค ถล่มทลาย แบบเทกระเป๋า คริสติน่า ไม่ได้กล่าว? อย่าช็อค! เดี๋ยวมรึงจะรู้ ว่าขั้วใหม่ เค้าเตรียมการมาดีแค่ไหน? รอแค่ "มรึงเปิด เท่านั้นแหละ" ใบเสร็จ ตราประทับ ตรายาง มาทันที อีแขกภาระตะเร่งเกมส์เกินไป ระวังจะเข้าทางตรีนจีนน่ะ มองให้ทะลุ อียิว อีเหี้ยมะกัน อีสิงโตเหี้ย แบ็คอัพ อีแขกโมดี้ หน้ามืด เอาเหยื่อมาล่อปุ๊บ รีบงับทันที เสร็จล่ะมรึงเอ๋ย พอดี ปากี เค้าเตรียมปล่อยตัวอิมร่าน ขานแล้วจ๊ะ จีนคุ้ม รัสเซียช่วย อิหร่านป้อน สุดท้าย ก็หนีไม่พ้นสงครามตัวแทน แต่มันต่างกันตรงที่ว่า "เปิดหน้าแล้ว" ไม่ต้องอีแอบอีกต่อไป ยี่ห้อขี้ข้าเหี้ยโผล่ขึ้นหน้าจอทันที แคชเมียร์คือสิ่งที่เหี้ยสิงโตทิ้งเอาไว้ เพื่อให้เอเซียใต้ตีกันเอง ทั้งปากี อินเดีย จีน แต่ขั้วใหม่ เค้าเดินเกมส์สูงกว่านั้นเยอะ ไม่ใช่แค่แคชเมียร์ แต่กำลังจะผนวกโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว แล้วเขี่ยพวกมรึงออกไปจากสารบบ อีปากี สิ้นชาติ หากไม่มีจีนอุ้ม ดอกนี้ จะทำให้การเมืองภายในเปลี่ยนขั้วแบบฉับพลัน เหตุเพราะอีกองทัพปากี และบรรดานายพลที่เคยแดร๊กดุ มางวดนี้ แดร๊กไม่ได้ช่วยอะไร เอาแผ่นดินรอดก่อน ไฟมันรนก้นไงล่ะ? ชาวปากี ชูจีน รัสเซีย อิหร่าน คือพันธมิตรแล้ว แต่ฝ่ายการเมืองประกาศเป็นศัตรู มรึงคิดว่าใครจะรอด? ภาพยิ่งชัด CIVIL WAR มาเร็วกว่าที่คิด อีทรัมปป์ยื่นเงินให้เลย ใครยอมอพยพกลับบ้าน เอาเงินดอลล่าร์ไปแดร๊กซะให้อิ่ม ทำไมต้องเคลียร์ต่างด้าว เคลียร์ผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายออกไปก่อน เพื่อกำจัดม็อบเติมเงินเหี้ยล่ะไงล่ะ กำจัดหัวคะแนนปลอมที่มรึงเคยใช้ ปรากฎแห่กลับบ้านตรึม อีกนัยยะคือ การส่งสัญญานเคลียร์ภายในขั้นสูงสุด จัดกำลังเสริมอีลาออกไปก่อน อีทรัมปป์ เปิดศึกการค้าทั่วโลก เพื่อโดดเดี่ยวอเมริกา และต่อมาจะเปิดศึกภายใน เพื่อเคลียร์แผ่นดิน แยกน้ำ แยกปลา ตามสูตร ทำไมต้องเคลียร์? คำตอบคือเจ้าบ้านใหม่กำลังจะมาจ๊ะ อีทรัมปป์ขอ 7 รัฐใหญ่ 10 รัฐย่อย อีลาขอ 5 รัฐใหญ่ 5 รัฐย่อย แล้วค่อยไปผนวกกับอีแคนต่อไป อั๊ยยะ แผนเนียนกริบนะมรึง อเมริกันชนยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะสิ้นชาติ 52 รัฐเดิม จะกลายร่างเป็น 3 ประเทศใหม่ โดยหลักๆ จะเป็น TRUMP LAND/ NEW US-NEW CAN/ NEW JEWS STATE ชะตากรรมที่มรึงเลียงไม่ได้ ส่วนรัฐย่อย ประเทศเล็กอีกนับ 10 จะมีชนเผ่าอินเดียนแดงได้จัดตั้งประเทศตัวเองเสียที จากประชากรอินเดียนแดงที่เหลืออยู่ กว่า 200 ปี ฝันเพิ่งจะเป็นจริง ในอีกไม่ช้านี้ กูว่าแล้ว! ทหารตบหน้ารมต.เสียหมา เงิบแดร๊กทั้งคณะ กูไม่ถอย กูไม่ไปไหนทั้งนั้น ผิดแผนสิจ๊ะ ไหนบอกว่า ให้กูมา แล้วทหารจะหลีกทางให้ สืบไปสืบมา ได้คำตอบเดียว วังถาม "ใครสั่ง" ฝ่ายการเมืองไบ้แดร๊กทันที ช่วงปลุกกระแสรักชาติอีขะแมร์ ถูกไทยเหยียบย่ำ ดูถูก กดขี่มาช้านาน อ๋อ..เหรอ อยากปลดปล่อย อยากโชว์พลัง พอโผล่ถึงเนินเขาปุ๊บ ไอ้สัด! มาจากไหนกันฟ่ะ ล่อมาเป็นกองพัน เตรียมต้อนรับ อีขะแมร์ถอยสิจ๊ะ วังวนเกมส์การเมืองวุ่น สีน้ำเงิน เตรียมเปลี่ยนแม่ทัพ เพ่นู๋ขาลงหลบไป ลูกอีเน ดันสุดลิ่มทิ่มประตู วงในชี้เป้า "อย่าสวนวัง" อาจตายโหงได้ อีเน มันนกรู้ อีลิ้น 18 แฉก เอาตัวรอดเสมอ ชูธงไตร์รงค์ รักสถาบัน มาเต็มตรีน อีนี่ คงจบการละครช่อง 3.5 มาชัวร์ เรื่องตอแหล สตรอเบอรี่ชีสเค็ก ขอให้บอก? อีฮุนเซน กำลังจะถูกปลดจากบังลังก์จ๊ะ กลิ่นตุตุ ปฎิวัติมาแต่ไกล อะไรน่ะ ใครสั่งสอน อ๋อ..ใครใช้ให้มรึงเสือกอยากแดร๊กเป็ดปักกิ่งกันล่ะ งวดนี้ ระวังจะโดนเป็ดแดร๊กแทนน่ะจ๊ะ? อี EU เสียงแตก กรีนแลนด์ถูกหมายหัว หวังตีกินฟรี แต่อีจตุรมิตรแห่งแดนไวกิ้ง ประสานมือ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย อีโคนม อีสวิงกิ้ง อีไวกิ้ง อีฟินน์ เตรียมสังเวย โดนศึก 2 ด้าน ทั้งอาร์คติค และกรีนแลนด์ เมื่อต้องเลือกจะตายห่า มรึงจะเลือกใครฆ่าดีล่ะ? อเมริโกย หรือราสปูตินดี ทางรอดเดียว สูตรอีฝรั่งจนตรอก คือเข้าหาจีน เพื่อส่งสัญญานถึงเครมลิน เบามือให้กูหน่อย ยังไงอีฟินน์ถูกผนวกอยู่แล้ว เพราะดินแดนติดรัสเซีย ส่วนที่เหลือ จะสวามิภักดิ์ หรือจะยกแผ่นดินให้ฟรีๆ ก็อยู่ที่มรึงตัดสินใจเอง อะไรน่ะ? อีเสี้ยนยามีแผนโจมตีรัสเซีย วันฉลองชัยชนะ 9 พฤษภาคม อั๊ยยะ! ให้ว่อง ให้ไว อย่าดีแต่เห่า ทำเลย ดีมั่กมาก เอาเลย ดีมั่กมาก ทั่วโลกเบื่อมรึงเต็มทน รีบๆ ไปตายห่าซะน่ะ ปูติน เค้าล่อเหยื่อมรึงอยู่ งับสิจ๊ะ รอเหี้ยอะไรอยู่ล่ะ? แผ่นดินเหี้ยทั้งหลายได้มอบและยกให้เครมลินโดยปริยายแล้ว แม้แต่คุณยายละม่อมยังต้องหลบให้ รู้มั้ยว่า 9 พฤษภาคมนี้ กองทัพรัสเซีย เตรียมกำลังไว้สูงสุดเพื่อโชว์ตบเหี้ยออกสื่อ เอาให้เห็นกันจะจะ คาตากันไปเลย? ยิง LIVE ถล่มสดด้วย เอามั้ย? ภาพดาวเทียมจ้องตาเป็นมัน ไม่ว่ามรึงคิดจะทำอะไร รัสเซียรู้ล่วงหน้าก่อนเสมอ เพราะมีหนอนบ่อนไส้ไปทั่วยูเครน แม้แต่คนใกล้ตัวอีเสี้ยนยา ระวังตัวให้ดีดีเหอะ คนใกล้ตัวมรึงเนี่ยแหละ ขายมรึงแดร๊ก เต็มตรีน ใครจะไม่เอา $20 ล้านเหรียญน่ะมรึง? แพงกว่าค่าหัว JOHN WICK ซะอีก! อีปากีคลั่ง เอาคืนอีแขกภาระตะ สอยบินรบร่วง 5 ลำ ถล่ม 9 แห่ง งานนี้ "ศักดิ์ดำ" ไม่ต้องมาคุย อิมร่าน ขานมาแน่ ปล่อยตัวเมื่อไหร่ อีแขกขี้แตกทันที เพราะแนวร่วมชาวปากี หนุนอิมร่าน ขาน กลับมารักษาแผ่นดินท่วมท้น บทมันจะส่งให้เป็นวีรบุรุษ มรึงเข้าใจยัง? อาวุธปากี จากไหนกันจ๊ะ วงในชี้เป้า ทั้งอิหร่าน จีน มีตรึม งานนี้ รัสเซียจะไม่ยุ่ง เพราะมรึงเสือกไปจับมือกับเหี้ยตะวันตก หวังมาตีกิน รวบแดร๊กปากี รัสเซียคบแค่การค้า แต่ชิงแผ่นดินคนอื่นเค้า ปูตินบอก "ไอ้โง่" ริจะเสือกวัดรอยตรีนจีน มรึงคิดว่ากูจะเลือกมรึง หรือจีน กันล่ะ? ไอ้ควาย..อสรพิษอย่างมรึง ทำไม กูจะไม่รู้จัก ขนาดอยู่ BRICS ด้วยกัน เสือกจะเล่นบาลี เลี่ยง BRICS DIGITAL CURRENCY ดันหยวนผงาด แต่จะเอารูปีขึ้นแทน ฝันไกลเกินไปป่ะ? สีจิ้นผิง รอรับผลประโยชน์เต็มตรีน เมื่ออีแขก เข้าสู่โหมดสงคราม การค้าจะชะงัก การขายจะหดหาย ผู้คนจะอดตาย แย่งชิงกันอย่างกะหมา ใครเอาแผ่นดินไปสุ่มเสี่ยงสงคราม หากไม่มีความพร้อมจริง อีโมดี้ ก้าวพลาด เชื่อไอ้อีตะวันตกมากจนเกินไป รบกันมีแต่พังทั้ง 2 ฝ่าย ใครได้ประโยชน์ล่ะ มันเสี้ยมมรึง เพื่อจะขายอาวุธให้มรึง ไอ้ควายเอ๋ย? ผู้นำโง่ แผ่นดินจะสิ้น ผู้นำควาย แผ่นดินจะหรรษา(พากันลงนรกกันหมด) ปล.การเมืองโลกระอุ การเมืองภายในเอเซียทะลุปรอทแตก การเปลี่ยนแปลงกำลังจะมา ทั้งหมดมาจากการแยกน้ำ แยกปลา และการเอาตัวรอด ของบรรดาประเทศโลกที่ 3 ภาพรวมเริ่มเด่นชัด ฝ่ายโลกที่ต้องการความสงบสุข เดินตามขั้วใหม่ทันที ส่วนฝ่ายโลกที่หิวแสง และหน้ามืดจะเดินตามเหี้ยลงขุมนรกกันหมด จับตา กองทัพไทย ปฎิวัติฝ่ายการเมือง อีขะแมร์เสียว อีหม่องช็อค อีอิเหนาจ้องตาไม่กระพริบ สูตรรักแผ่นดินเกิดจะตามมา พลังแผ่นดินจะก่อเกิดแบบไม่ได้นัดหมาย สุดทางเดินตระกูลเหี้ยจัญไรแผ่นดิน เสนียดที่เกาะกินไทยมายาวนาน กำลังจะถูกปลดล็อคโดยศาลไคฟง หมายจับรออยู่ ชั้น 14 ตายยกชั้น ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ แม้แต่ยบังลังก์ศาลบางตัว ก็หัวขาดจ๊ะ เชือดไม่มีเลี้ยงไว้ เกมส์พลิก ขี้ข้าทรยศ หนีเอาตัวรอดกันหมด อาเซียนจะประชุมลับ การเดินหมากของอีปินส์ จะทำให้อาเซียนวุ่นวายใจ เพราะไม่มีใครต้องการจะรบกับจีนซึ่งหน้า แก้ง่ายกว่ามั้ย แค่ถีบมันออก แล้วเอาชาติใหม่เสียบแทน รอท่าทีชัดเจน ประกาศให้ชัด มรึงจะอยู่อาเซียนต่อ แต่ไม่เสือกทำตามมติอาเซียน อีปินส์ออก ใครยิ้มล่ะ? ชาติอาเซียนได้สิทธิ์อีกเยอะ ใครก็อยากจะเข้า อู่ข้าว อู่น้ำโลก การันตี ไม่มีอดตาย? ส่วนสงครามปาหี่เสี้ยมอาเซียน นั่นแค่หน้าฉาก อาเซียนจะไม่รบกันเอง เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรทั้งนั้น ยกเว้นนอกจากมรึงรับใบสั่งใครมา? ยอมแล้วจ๊ะ รู้ฤทธิ์พิษสงแล้วจ๊ะ ไม่กล้าแล้วจ๊ะ อีทรัมปป์ถอย สั่งยกเลิกโจมตีเยเมน เพราะเสียค่าโง่ไปเยอะ หักลบกลบหนี้ ติดลบกว่า $15000 ล้านเหรียญ แกว่งส้นตรีนหาเสี้ยนของแท้ แต่อียิวยังหน้ามืดต่อไป โดนถล่มกลับยับเหมือนเดิม ไฮฟาไม่เหลือซากแล้ว ไฟป่ามาเผา ขีปนาวุธมาเต็มหัว มรึงยังไม่เข็ด ต้องเอาให้ราบพนาสูญสิน่ะ ลูกหลานซาลาดิน ชูธง "สงครามศักดิ์สิทธิ์แล้ว" งานนี้ ไม่ถอย ฆ่าจนกว่าจะหมดแผ่นดิน ยิงได้ยิงไป ทนได้ทนไป จนกว่าจะไม่เหลือแม้แต่หมาตัวเดียว อิสราเอลทรุดหนัก ไร้ขี้ข้าปกป้องรอบตัว หมี CNN(รัสเซียประกาศยึดภูมิภาคซูมีของยูเครน ชายแดนติดเคิร์สค์เป็นเขตกันชนนาโต้ ส่งสัญญานชัดเจน ไม่ได้เอาแค่ยูเครน แต่กำลังจะเปิดศึกต่อกับ NATO ที่กำลังแตกแถว และเสียรางวัดตอนนี้ แผนปูทางสู่ท่อแก็สอาร์คติคก็มา ใครบอกเหี้ยตะวันตกสุมหัวจะรุมรัสเซียกันล่ะ ความจริงมันตรงกันข้าม ถึงได้หนีหางจุกตูดไปแปซิฟิคแทน แต่อย่าคิดว่าจะรอด เพราะจีนเอง ก็เตรียมต้อนรับพวกมรึงอย่างอบอุ่นเช่นกัน จะหนีไปไหนได้ หากไม่คิดจะเจรจาสันติภาพจริง ที่ไม่ใช่มัวแต่จัดฉากเล่นละครไปวันวัน เมื่ออยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ก็จงเป็นเมืองขึ้นกูซะ ปูตินไม่ได้กล่าว สีจินผิงไม่ได้พูด แค่ยักคิ้วให้..คือรู้กัน?) 07 พฤษภาคม 68 15.56 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1104 มุมมอง 0 รีวิว
  • 78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง

    เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า?

    เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว

    เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก

    "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ"

    “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี

    "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5”

    ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน

    แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง

    เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป

    สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน

    ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย”

    “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ”

    ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน

    เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ

    “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ”

    เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง

    จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน”

    สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา

    การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก...

    ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี”

    แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล”

    ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร

    “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้

    เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ

    เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร

    เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ

    ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่...

    เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า”

    คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ

    ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ?

    ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง?

    ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว?

    เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ
    แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี

    เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568

    #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅 เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า? เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥 เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ" “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี 😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5” ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨 ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน 🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️ “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ” 🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ” 🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน” สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา 📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก... ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล” 😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้ เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ 🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร 🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ 🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่... เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า” คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓ ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ? ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง? ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว? 🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568 📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1087 มุมมอง 0 รีวิว
  • 63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย

    ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

    จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า

    ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502

    จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น

    จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน

    เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย

    ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์

    สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน

    ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม

    แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง

    ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ

    การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ

    จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล

    ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย

    วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ

    มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร

    แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค

    ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

    แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568

    #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥 ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ 🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า 🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️ จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️ 🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚 เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭 ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞 🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️ ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔ 🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾 ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️ 🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️ 🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️ 🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️ 🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗ แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค 🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568 🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1195 มุมมอง 0 รีวิว
  • 48 ปี ประหาร “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ นักโทษกบฏคนสุดท้าย ที่ตายด้วยการยิงเป้า เสียงปืนสุดท้าย ของการปฏิวัติ ที่ไม่สำเร็จ

    ย้อนรอยคดีประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ที่สะท้อนทั้งความหวัง ความกล้า และการถูกลืม

    บทเรียนจากอดีต ที่ไม่อาจมองข้าม บ่ายวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2520 เวลา 15.24 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง เสียงปืนชุดหนึ่ง ดังก้องสะท้อนในความเงียบสงบ เป็นการสิ้นสุดชีวิตของ “เสธ. หลาด” หรือ "พลเอกฉลาด หิรัญศิริ" นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต ในข้อหากบฏ

    เสธ.หลาดเป็นคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารด้วยการยิงเป้า โดยคำสั่งตามมาตรา 21 แห่งรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเปิดช่องให้รัฐบาลในเวลานั้น สามารถออกคำสั่งให้ประหารชีวิตได้ โดยไม่ต้องผ่านศาล 👁️‍🗨️

    จะพาเจาะลึกตั้งแต่ชีวประวัติของ "พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ" เหตุการณ์รัฐประหารที่ล้มเหลว การตัดสินโทษ และคำถามที่ยังไร้คำตอบว่า... “ทำไมเสธ.หลาดต้องถูกประหาร?”

    จากทหารกล้า สู่ผู้นำกบฏ "พล.อ. ฉลาด หิรัญศิริ" ถือกำเนิดในยุคสงครามโลก ครั้งที่สอง เริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2483 ที่อุดรธานี มีชีวิตในวงการทหารมายาวนาน ผ่านสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ทหารนักรบของจริง”

    เคยดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองร้อย เสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารบก ผู้บัญชาการกองกำลังทหารไทย ในเวียดนามใต้ (ผลัด 2) และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

    ชื่อเสียงของเสธ.หลาดในสนามรบ เป็นที่เลื่องลือ ถึงขนาดได้รับประกาศเกียรติคุณ จากประธานาธิบดีเวียดนามใต้

    อย่างไรก็ตาม เส้นทางในกองทัพ กลับไม่เป็นไปตามฝัน เมื่อการเมืองเข้ามาแทรกแซง ส่งผลให้ความทะเยอทะยานของเสธ.หลาด ในการก้าวสู่ตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารบก" ต้องพังทลายลง

    ปฏิบัติการยึดอำนาจ 26 มีนาคม 2520 ความพยายามที่สิ้นสุดด้วยการล้อม เมื่อการเมืองไม่เอื้อ เสธ.หลาดเลือกเส้นทาง ของการก่อรัฐประหาร โดยในวันที่ 26 มีนาคม 2520 พล.อ. ฉลาด พร้อมพวก เข้ายึดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก “สวนรื่นฤดี” โดยมีลูกชายของเขา "พ.ต. อัศวิน หิรัญศิริ" เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง

    แผนการดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่กลับถูกฝ่ายรัฐบาล ควบคุมสถานการณ์ได้ ในเวลาไม่นาน โดยมี "พ.ต. สุรยุทธ์ จุลานนท์" เป็นตัวกลางในการเจรจาให้ยอมแพ้ และเสนอให้ลี้ภัยไปไต้หวัน

    แต่ข้อตกลงนี้ กลับไม่สำเร็จ เมื่อการเดินทางไปไต้หวันล้มเหลว และผู้นำรัฐประหารทั้งหมด ถูกจับกุมทันที

    ทำไมต้องประหาร? คำถามที่ยังไร้คำตอบ การใช้ มาตรา 21 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 คือประเด็นที่ถกเถียงมากที่สุดในกรณีนี้ เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการศาลปกติ แต่เป็นอำนาจตรงจากรัฐบาลในเวลานั้น

    นายกรัฐมนตรี "ธานินทร์ กรัยวิเชียร" กล่าวภายหลังว่า “ไม่เห็นควรใช้มาตรา 21 อย่างพร่ำเพรื่อ”

    แต่เสียงของนายกฯ แพ้เสียงทหาร ในที่ประชุมร่วมรัฐบาล-คณะปฏิรูป เพราะคะแนนเสียงห่างกัน 16 ต่อ 26 ทำให้คดีนี้ถูกนำไปสู่การตัดสินโทษประหารทันที

    ข้อสังเกตจาก "สุธรรม แสงประทุม" นักโทษการเมือง ฝ่ายทหารหวาดกลัวว่า เสธ.หลาด จะหลบหนี ดพราะเชื่อว่ายังมีอิทธิพลภายใน รวมถึงกังวลว่า จะถูกเปิดโปงภายในกองทัพ

    นี่คือการ "กำจัด" มากกว่าการ "ยุติธรรม"?

    ช่วงสุดท้ายของชีวิต “เสธ. หลาด”
    เวลา 14.00 น. เสธ.หลาดถูกเบิกตัวจากแดนพิเศษ ไปยังห้องควบคุม เขาถามเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงว่า “ญาติมาเยี่ยมหรือ เขาอนุญาตให้เยี่ยมแล้วใช่ไหม?”

    ไม่มีคำตอบ เขารู้ในใจว่าชะตากำลังจะมาถึง

    เวลา 14.20 น. เสธ.หลาดฟังคำสั่งประหารอย่างสงบ พร้อมเซ็นชื่อรับทราบ แล้วเขียนพินัยกรรม 4 แผ่น ปฏิเสธอาหารมื้อสุดท้าย และขอดื่มเพียง น้ำส้ม 1 ขวด

    เวลา 14.50 น. พระมหาเจียมเทศนาเรื่องกรรม เสธ.หลาดกล่าว "สาธุ" และก้มกราบ 3 ครั้ง พร้อมประเคนเงินจำนวน 100 บาท และนาฬิกาโอเมกา

    เวลา 15.24 น. เสียงปืนจบชีวิต "เสธ.หลาด" ตรงศาลาแปดเหลี่ยม ในเรือนจำบางขวาง

    คำพูดสุดท้าย "ถ้าพร้อมแล้ว จะบอกนะ"

    จากนั้น...มือของเสธ.หลาดสั่นเบา ๆ เพื่อ "เขย่าดอกไม้ในมือ" เป็นสัญญาณให้เพชฌฆาตเหนี่ยวไก

    เสธ. หลาดในความทรงจำ ของนักโทษการเมือง "สุธรรม แสงประทุม" เล่าว่า เสธ.หลาด หรือ “ลุงหลาด” อยู่ตึกเดียวกันในบางขวาง โดย “ลุงหลาด” มักชอบพูดเสมอว่า

    “ลุงถูกหักหลัง” ใครคือผู้หักหลัง? ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด... หรืออาจรู้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด

    เสธ.หลาดยังถามสุธรรมซ้ำ ๆ ว่า "การต่อสู้ของลุง สมควรแก่เหตุหรือเปล่า?"

    สุธรรมตอบว่า "ก็พอสมควรแก่เหตุครับ"

    เสธ. หลาดในหน้าประวัติศาสตร์: วีรบุรุษ? กบฏ? หรือเหยื่อการเมือง? สิ่งที่ควรถามในวันนี้ไม่ใช่แค่ว่า “เขาผิดหรือไม่?”

    แต่คือ “เขาได้รับความยุติธรรมหรือเปล่า?”

    การประหารชีวิต ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการศาล

    การเจรจาที่หลอกให้เขายอมแพ้

    การกล่าวหาว่า เขามีอิทธิพลเกินไป

    ทั้งหมดนี้คือคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบ และอาจไม่เคยมีวันหนึ่ง ที่คำตอบเหล่านั้นจะถูกเปิดเผย...

    เสียงสะท้อนจากกระสุนในวันนั้น เรื่องราวของ “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของคน คนหนึ่ง แต่มันสะท้อนถึง โครงสร้างอำนาจของไทยในอดีต สะท้อนถึงความเปราะบางของ “ความยุติธรรม” เมื่อ “อำนาจ” มาแทนที่

    48 ปี ผ่านไป คำถามยังคงอยู่...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221706 เม.ย. 2568

    #เสธหลาด #ฉลาดหิรัญศิริ #กบฏ2520 #ประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีดังไทย #รัฐประหาร #การเมืองไทย #บางขวาง #มาตรา21
    48 ปี ประหาร “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ นักโทษกบฏคนสุดท้าย ที่ตายด้วยการยิงเป้า 🇹🇭⚖️ เสียงปืนสุดท้าย ของการปฏิวัติ ที่ไม่สำเร็จ ย้อนรอยคดีประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ที่สะท้อนทั้งความหวัง ความกล้า และการถูกลืม 🧭 บทเรียนจากอดีต ที่ไม่อาจมองข้าม บ่ายวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2520 เวลา 15.24 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง เสียงปืนชุดหนึ่ง ดังก้องสะท้อนในความเงียบสงบ เป็นการสิ้นสุดชีวิตของ “เสธ. หลาด” หรือ "พลเอกฉลาด หิรัญศิริ" นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต ในข้อหากบฏ เสธ.หลาดเป็นคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารด้วยการยิงเป้า โดยคำสั่งตามมาตรา 21 แห่งรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเปิดช่องให้รัฐบาลในเวลานั้น สามารถออกคำสั่งให้ประหารชีวิตได้ โดยไม่ต้องผ่านศาล 👁️‍🗨️ จะพาเจาะลึกตั้งแต่ชีวประวัติของ "พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ" เหตุการณ์รัฐประหารที่ล้มเหลว การตัดสินโทษ และคำถามที่ยังไร้คำตอบว่า... “ทำไมเสธ.หลาดต้องถูกประหาร?” 🤔 👤 จากทหารกล้า สู่ผู้นำกบฏ "พล.อ. ฉลาด หิรัญศิริ" ถือกำเนิดในยุคสงครามโลก ครั้งที่สอง เริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2483 ที่อุดรธานี มีชีวิตในวงการทหารมายาวนาน ผ่านสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ทหารนักรบของจริง” 🪖 เคยดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองร้อย เสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารบก ผู้บัญชาการกองกำลังทหารไทย ในเวียดนามใต้ (ผลัด 2) และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ชื่อเสียงของเสธ.หลาดในสนามรบ เป็นที่เลื่องลือ ถึงขนาดได้รับประกาศเกียรติคุณ จากประธานาธิบดีเวียดนามใต้ 🎖️ อย่างไรก็ตาม เส้นทางในกองทัพ กลับไม่เป็นไปตามฝัน เมื่อการเมืองเข้ามาแทรกแซง ส่งผลให้ความทะเยอทะยานของเสธ.หลาด ในการก้าวสู่ตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารบก" ต้องพังทลายลง ⚔️ ปฏิบัติการยึดอำนาจ 26 มีนาคม 2520 ความพยายามที่สิ้นสุดด้วยการล้อม เมื่อการเมืองไม่เอื้อ เสธ.หลาดเลือกเส้นทาง ของการก่อรัฐประหาร โดยในวันที่ 26 มีนาคม 2520 พล.อ. ฉลาด พร้อมพวก เข้ายึดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก “สวนรื่นฤดี” โดยมีลูกชายของเขา "พ.ต. อัศวิน หิรัญศิริ" เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง แผนการดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่กลับถูกฝ่ายรัฐบาล ควบคุมสถานการณ์ได้ ในเวลาไม่นาน โดยมี "พ.ต. สุรยุทธ์ จุลานนท์" เป็นตัวกลางในการเจรจาให้ยอมแพ้ และเสนอให้ลี้ภัยไปไต้หวัน แต่ข้อตกลงนี้ กลับไม่สำเร็จ เมื่อการเดินทางไปไต้หวันล้มเหลว และผู้นำรัฐประหารทั้งหมด ถูกจับกุมทันที 🔥 ทำไมต้องประหาร? คำถามที่ยังไร้คำตอบ การใช้ มาตรา 21 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 คือประเด็นที่ถกเถียงมากที่สุดในกรณีนี้ เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการศาลปกติ แต่เป็นอำนาจตรงจากรัฐบาลในเวลานั้น นายกรัฐมนตรี "ธานินทร์ กรัยวิเชียร" กล่าวภายหลังว่า “ไม่เห็นควรใช้มาตรา 21 อย่างพร่ำเพรื่อ” แต่เสียงของนายกฯ แพ้เสียงทหาร ในที่ประชุมร่วมรัฐบาล-คณะปฏิรูป เพราะคะแนนเสียงห่างกัน 16 ต่อ 26 ทำให้คดีนี้ถูกนำไปสู่การตัดสินโทษประหารทันที ✨ ข้อสังเกตจาก "สุธรรม แสงประทุม" นักโทษการเมือง ฝ่ายทหารหวาดกลัวว่า เสธ.หลาด จะหลบหนี ดพราะเชื่อว่ายังมีอิทธิพลภายใน รวมถึงกังวลว่า จะถูกเปิดโปงภายในกองทัพ นี่คือการ "กำจัด" มากกว่าการ "ยุติธรรม"? 🕊️ ช่วงสุดท้ายของชีวิต “เสธ. หลาด” เวลา 14.00 น. เสธ.หลาดถูกเบิกตัวจากแดนพิเศษ ไปยังห้องควบคุม เขาถามเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงว่า “ญาติมาเยี่ยมหรือ เขาอนุญาตให้เยี่ยมแล้วใช่ไหม?” ไม่มีคำตอบ เขารู้ในใจว่าชะตากำลังจะมาถึง เวลา 14.20 น. เสธ.หลาดฟังคำสั่งประหารอย่างสงบ พร้อมเซ็นชื่อรับทราบ แล้วเขียนพินัยกรรม 4 แผ่น ✍️ ปฏิเสธอาหารมื้อสุดท้าย และขอดื่มเพียง น้ำส้ม 1 ขวด เวลา 14.50 น. พระมหาเจียมเทศนาเรื่องกรรม เสธ.หลาดกล่าว "สาธุ" และก้มกราบ 3 ครั้ง พร้อมประเคนเงินจำนวน 100 บาท และนาฬิกาโอเมกา🙏 เวลา 15.24 น. เสียงปืนจบชีวิต "เสธ.หลาด" ตรงศาลาแปดเหลี่ยม ในเรือนจำบางขวาง คำพูดสุดท้าย "ถ้าพร้อมแล้ว จะบอกนะ" จากนั้น...มือของเสธ.หลาดสั่นเบา ๆ เพื่อ "เขย่าดอกไม้ในมือ" เป็นสัญญาณให้เพชฌฆาตเหนี่ยวไก 🪦 เสธ. หลาดในความทรงจำ ของนักโทษการเมือง "สุธรรม แสงประทุม" เล่าว่า เสธ.หลาด หรือ “ลุงหลาด” อยู่ตึกเดียวกันในบางขวาง โดย “ลุงหลาด” มักชอบพูดเสมอว่า “ลุงถูกหักหลัง” ใครคือผู้หักหลัง? ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด... หรืออาจรู้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เสธ.หลาดยังถามสุธรรมซ้ำ ๆ ว่า "การต่อสู้ของลุง สมควรแก่เหตุหรือเปล่า?" สุธรรมตอบว่า "ก็พอสมควรแก่เหตุครับ" 🧩 เสธ. หลาดในหน้าประวัติศาสตร์: วีรบุรุษ? กบฏ? หรือเหยื่อการเมือง? สิ่งที่ควรถามในวันนี้ไม่ใช่แค่ว่า “เขาผิดหรือไม่?” แต่คือ “เขาได้รับความยุติธรรมหรือเปล่า?” การประหารชีวิต ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการศาล การเจรจาที่หลอกให้เขายอมแพ้ การกล่าวหาว่า เขามีอิทธิพลเกินไป ทั้งหมดนี้คือคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบ และอาจไม่เคยมีวันหนึ่ง ที่คำตอบเหล่านั้นจะถูกเปิดเผย... 🔚 เสียงสะท้อนจากกระสุนในวันนั้น เรื่องราวของ “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของคน คนหนึ่ง แต่มันสะท้อนถึง โครงสร้างอำนาจของไทยในอดีต สะท้อนถึงความเปราะบางของ “ความยุติธรรม” เมื่อ “อำนาจ” มาแทนที่ 📜⚖️ 48 ปี ผ่านไป คำถามยังคงอยู่... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221706 เม.ย. 2568 📱 #เสธหลาด #ฉลาดหิรัญศิริ #กบฏ2520 #ประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีดังไทย #รัฐประหาร #การเมืองไทย #บางขวาง #มาตรา21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1006 มุมมอง 0 รีวิว
  • 120 ปี สิ้น “ฮัปมาสเตน” กัปตันบุช จากนายทหารเรือรบอังกฤษ สู่พลเรือเอกพระยาวิสูตรสาครดิฐ ข้าราชการต้นแบบแห่งสยาม

    จากนายทหารเรือชาวอังกฤษผู้บังคับการเรือรบ สู่ข้าราชการไทยผู้จงรักภักดี "กัปตันจอห์น บุช" หรือ พลเรือเอก พระยาวิสูตรสาครดิฐ มีบทบาทสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์สยาม ทั้งในราชสำนักและกิจการท่าเรือ ครบร 120 ปี แห่งการจากไป ย้อนรอยชีวิตของ “กัปตันบุช” ที่กลายเป็นตำนานแห่งเจริญกรุง

    เมื่อกัปตันฝรั่ง กลายเป็นข้าราชการไทย หากเอ่ยถึง “ตรอกกัปตันบุช” หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ชื่อซอยเล็ก ๆ นี้ แท้จริงแล้วตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ แด่ชายชาวอังกฤษคนหนึ่ง ที่อุทิศชีวิตกว่า 40 ปี ให้กับราชสำนักไทย และราชการกรมเจ้าท่า "พลเรือเอก พระยาวิสูตรสาครดิฐ" หรือที่รู้จักกันในนาม "กัปตันบุช" (Captain John Bush) หรือ “ฮัปมาสเตน” ในเสียงคนไทยสมัยก่อน

    กัปตัน จอห์น บุช (John Bush) คือทหารเรือชาวอังกฤษ ที่เข้ารับราชการในราชสำนักไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มต้นจากการเป็นกัปตันเรือรบอังกฤษ ที่เทียบท่าในกรุงเทพฯ ก่อนจะได้รับการชักชวนจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ให้มาเป็นข้าราชการกรมเจ้าท่า

    ต่อมาได้รับตำแหน่ง "ฮัปมาสเตน" (Harbour Master) หรือนายท่าเรือ ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญ ในยุคที่สยามเปิดประเทศตามสนธิสัญญาเบาว์ริง (Bowring Treaty) ปี พ.ศ. 2398 โดยมีภารกิจจัดระเบียบเรือพาณิชย์ต่างชาติ ที่หลั่งไหลเข้าสยาม

    กัปตันบุชมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนั้น และในที่สุด ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาวิสูตรสาครดิฐ" พร้อมยศ "พลเรือเอก" ถือเป็นชาวต่างชาติไม่กี่คน ที่ได้รับเกียรติสูงเช่นนี้จากสยาม

    กัปตันฝรั่งผู้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของกัปตันบุช คือการทำหน้าที่ บังคับการเรือพระที่นั่ง ในการเสด็จประพาสของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เสด็จสิงคโปร์และอินเดีย พ.ศ. 2413–2414 เสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ และเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชวังบางปะอิน

    เรื่องราวเหล่านี้ ไม่เพียงสะท้อนความไว้วางพระราชหฤทัย ที่ทั้งสองพระองค์มีต่อกัปตันบุช แต่ยังแสดงถึงการบุกเบิกยุคใหม่ของการเดินเรือ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยในยุคนั้น

    อู่เรือบางกอกด็อค Bangkok Dock จุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมเดินเรือไทย นอกจากบทบาทราชการแล้ว กัปตันบุชยังเป็นนักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์ โดยในปี พ.ศ. 2408 ได้ก่อตั้ง อู่เรือบางกอกด็อค (Bangkok Dock) ขึ้น ซึ่งกลายเป็นอู่ซ่อมเรือที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในกรุงเทพฯ ยุคนั้น

    อู่แห่งนี้สามารถรองรับการซ่อมเรือ จากทั้งงานหลวงและเอกชน ไม่ต้องส่งเรือไปซ่อมถึงสิงคโปร์อีกต่อไป!

    “กัปตันบุชคือผู้วางรากฐาน ด้านพาณิชย์นาวีของไทยในยุคใหม่” คำกล่าวจากพิธีเปิดอนุสาวรีย์ที่กรมเจ้าท่า

    ตำนานฮัปมาสเตน และการอ่านชื่อแบบไทย กัปตันบุชได้รับสมญานามว่า “ฮัปมาสเตน” จากคำว่า Harbour Master ที่คนไทยเรียกเพี้ยนตามสำเนียงโบราณ เช่นเดียวกับชื่อ “กัปตันบุด” ที่คนไทยใช้เรียกแทน “Captain Bush” ซึ่งสะท้อนถึงความกลมกลืนในวัฒนธรรมไทย

    “กับตันบุด” คำนี้ติดปากชาวบ้านจนปัจจุบัน แม้จะไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครโดยละเอียด

    จุดเปลี่ยนชีวิต...จากวีรบุรุษสู่บทเรียนราคาแพง ถึงแม้กัปตันบุชจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในราชสำนัก แต่ก็ประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้บทบาทลดลง นั่นคือเหตุการณ์ เรือพระที่นั่งเวสาตรี เกยหินที่ปากแม่น้ำกลัง พ.ศ. 2433

    เหตุการณ์นี้ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงไม่โปรด ให้กัปตันบุชบังคับเรืออีกต่อไป แม้กัปตันบุชจะเขียนรายงานชี้แจงว่า ไม่ใช่ความผิดของตนก็ตาม

    แม้จะกลายเป็นความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ลบล้างคุณูปการอันใหญ่หลวงในอดีต

    ชีวิตช่วงบั้นปลาย การจากไปในสยาม หลังเกษียณ กัปตันบุชใช้ชีวิตอย่างสงบ ที่บ้านริมทะเลในอ่างศิลา จังหวัดชลบุรีต้อนรับนักเรียนและแขกต่างชาติอย่างอบอุ่น จนกลายเป็นที่รักของชาวบ้านท้องถิ่น

    กัปตันบุชเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2448 ขณะมีอายุ 86 ปี หลังจากใช้ชีวิตเกือบทั้งชีวิต ในราชอาณาจักรสยาม โดยมีอนุสาวรีย์ตั้งอยู่ที่สุสานโปรเตสแตนต์ ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ

    อนุสรณ์และเกียรติประวัติที่คงอยู่ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557 กรมเจ้าท่าได้จัดพิธีเปิดอนุสาวรีย์ พระยาวิสูตรสาครดิฐ อย่างเป็นทางการ เพื่อรำลึกถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่

    “ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องของอดีต แต่เป็นรากฐานของอนาคต” คำกล่าวของอธิบดีกรมเจ้าท่า

    "กัปตันบุช" ตำนานที่ไม่ควรถูกลืม ไม่ใช่เพียงแค่กัปตันฝรั่งที่มีตรอกตั้งชื่อตาม แต่คือผู้บุกเบิกท่าเรือ พัฒนาอุตสาหกรรมเดินเรือ และรับราชการอย่างภักดีต่อราชวงศ์ไทย เป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์ วิสัยทัศน์ และการผสานวัฒนธรรมอย่างกลมกลืน

    คุณูปการของกัปตันบุช ควรค่าแก่การเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงเพื่อจดจำ แต่เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ให้คนไทยทุกยุคทุกสมัย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 031057 เม.ย. 2568

    #กัปตันบุช #ประวัติศาสตร์ไทย #บุคคลสำคัญสยาม #อู่กรุงเทพ #เจ้าท่า #เรือพระที่นั่ง #ข้าราชการอังกฤษในไทย #ฮัปมาสเตน #ตรอกกัปตันบุช #CaptainBush
    120 ปี สิ้น “ฮัปมาสเตน” กัปตันบุช จากนายทหารเรือรบอังกฤษ สู่พลเรือเอกพระยาวิสูตรสาครดิฐ ข้าราชการต้นแบบแห่งสยาม 📌 จากนายทหารเรือชาวอังกฤษผู้บังคับการเรือรบ สู่ข้าราชการไทยผู้จงรักภักดี "กัปตันจอห์น บุช" หรือ พลเรือเอก พระยาวิสูตรสาครดิฐ มีบทบาทสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์สยาม ทั้งในราชสำนักและกิจการท่าเรือ ครบร 120 ปี แห่งการจากไป ย้อนรอยชีวิตของ “กัปตันบุช” ที่กลายเป็นตำนานแห่งเจริญกรุง 🧭 เมื่อกัปตันฝรั่ง กลายเป็นข้าราชการไทย หากเอ่ยถึง “ตรอกกัปตันบุช” หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ชื่อซอยเล็ก ๆ นี้ แท้จริงแล้วตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ แด่ชายชาวอังกฤษคนหนึ่ง ที่อุทิศชีวิตกว่า 40 ปี ให้กับราชสำนักไทย และราชการกรมเจ้าท่า "พลเรือเอก พระยาวิสูตรสาครดิฐ" หรือที่รู้จักกันในนาม "กัปตันบุช" (Captain John Bush) หรือ “ฮัปมาสเตน” ในเสียงคนไทยสมัยก่อน 🕊️ ⚓ กัปตัน จอห์น บุช (John Bush) คือทหารเรือชาวอังกฤษ ที่เข้ารับราชการในราชสำนักไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มต้นจากการเป็นกัปตันเรือรบอังกฤษ ที่เทียบท่าในกรุงเทพฯ ก่อนจะได้รับการชักชวนจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ให้มาเป็นข้าราชการกรมเจ้าท่า ต่อมาได้รับตำแหน่ง "ฮัปมาสเตน" (Harbour Master) หรือนายท่าเรือ ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญ ในยุคที่สยามเปิดประเทศตามสนธิสัญญาเบาว์ริง (Bowring Treaty) ปี พ.ศ. 2398 โดยมีภารกิจจัดระเบียบเรือพาณิชย์ต่างชาติ ที่หลั่งไหลเข้าสยาม กัปตันบุชมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนั้น และในที่สุด ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาวิสูตรสาครดิฐ" พร้อมยศ "พลเรือเอก" ถือเป็นชาวต่างชาติไม่กี่คน ที่ได้รับเกียรติสูงเช่นนี้จากสยาม 🇹🇭 กัปตันฝรั่งผู้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของกัปตันบุช คือการทำหน้าที่ บังคับการเรือพระที่นั่ง ในการเสด็จประพาสของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 🌍 อาทิ เสด็จสิงคโปร์และอินเดีย พ.ศ. 2413–2414 🚢 เสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ และเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชวังบางปะอิน 📜 เรื่องราวเหล่านี้ ไม่เพียงสะท้อนความไว้วางพระราชหฤทัย ที่ทั้งสองพระองค์มีต่อกัปตันบุช แต่ยังแสดงถึงการบุกเบิกยุคใหม่ของการเดินเรือ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยในยุคนั้น 🚢 อู่เรือบางกอกด็อค Bangkok Dock จุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมเดินเรือไทย นอกจากบทบาทราชการแล้ว กัปตันบุชยังเป็นนักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์ โดยในปี พ.ศ. 2408 ได้ก่อตั้ง อู่เรือบางกอกด็อค (Bangkok Dock) ขึ้น ซึ่งกลายเป็นอู่ซ่อมเรือที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในกรุงเทพฯ ยุคนั้น อู่แห่งนี้สามารถรองรับการซ่อมเรือ จากทั้งงานหลวงและเอกชน ไม่ต้องส่งเรือไปซ่อมถึงสิงคโปร์อีกต่อไป! 🤝💼 ✨ “กัปตันบุชคือผู้วางรากฐาน ด้านพาณิชย์นาวีของไทยในยุคใหม่” คำกล่าวจากพิธีเปิดอนุสาวรีย์ที่กรมเจ้าท่า 📚 ตำนานฮัปมาสเตน และการอ่านชื่อแบบไทย กัปตันบุชได้รับสมญานามว่า “ฮัปมาสเตน” จากคำว่า Harbour Master ที่คนไทยเรียกเพี้ยนตามสำเนียงโบราณ เช่นเดียวกับชื่อ “กัปตันบุด” ที่คนไทยใช้เรียกแทน “Captain Bush” ซึ่งสะท้อนถึงความกลมกลืนในวัฒนธรรมไทย 🎭 💬 “กับตันบุด” คำนี้ติดปากชาวบ้านจนปัจจุบัน แม้จะไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครโดยละเอียด 🕯️ จุดเปลี่ยนชีวิต...จากวีรบุรุษสู่บทเรียนราคาแพง ถึงแม้กัปตันบุชจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในราชสำนัก แต่ก็ประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้บทบาทลดลง นั่นคือเหตุการณ์ เรือพระที่นั่งเวสาตรี เกยหินที่ปากแม่น้ำกลัง พ.ศ. 2433 เหตุการณ์นี้ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงไม่โปรด ให้กัปตันบุชบังคับเรืออีกต่อไป แม้กัปตันบุชจะเขียนรายงานชี้แจงว่า ไม่ใช่ความผิดของตนก็ตาม 📄 แม้จะกลายเป็นความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ลบล้างคุณูปการอันใหญ่หลวงในอดีต 🙏 🏠 ชีวิตช่วงบั้นปลาย การจากไปในสยาม หลังเกษียณ กัปตันบุชใช้ชีวิตอย่างสงบ ที่บ้านริมทะเลในอ่างศิลา จังหวัดชลบุรีต้อนรับนักเรียนและแขกต่างชาติอย่างอบอุ่น จนกลายเป็นที่รักของชาวบ้านท้องถิ่น 🏖️ 📅 กัปตันบุชเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2448 ขณะมีอายุ 86 ปี หลังจากใช้ชีวิตเกือบทั้งชีวิต ในราชอาณาจักรสยาม โดยมีอนุสาวรีย์ตั้งอยู่ที่สุสานโปรเตสแตนต์ ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ 🏛️ อนุสรณ์และเกียรติประวัติที่คงอยู่ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557 กรมเจ้าท่าได้จัดพิธีเปิดอนุสาวรีย์ พระยาวิสูตรสาครดิฐ อย่างเป็นทางการ เพื่อรำลึกถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ 🕯️ ✨ “ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องของอดีต แต่เป็นรากฐานของอนาคต” คำกล่าวของอธิบดีกรมเจ้าท่า 📚 "กัปตันบุช" ตำนานที่ไม่ควรถูกลืม ไม่ใช่เพียงแค่กัปตันฝรั่งที่มีตรอกตั้งชื่อตาม แต่คือผู้บุกเบิกท่าเรือ พัฒนาอุตสาหกรรมเดินเรือ และรับราชการอย่างภักดีต่อราชวงศ์ไทย เป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์ วิสัยทัศน์ และการผสานวัฒนธรรมอย่างกลมกลืน 🎖️ คุณูปการของกัปตันบุช ควรค่าแก่การเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงเพื่อจดจำ แต่เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ให้คนไทยทุกยุคทุกสมัย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 031057 เม.ย. 2568 📲#กัปตันบุช #ประวัติศาสตร์ไทย #บุคคลสำคัญสยาม #อู่กรุงเทพ #เจ้าท่า #เรือพระที่นั่ง #ข้าราชการอังกฤษในไทย #ฮัปมาสเตน #ตรอกกัปตันบุช #CaptainBush
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1290 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ

    “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน…

    ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต

    “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้

    หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น

    จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน

    ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน

    วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก”

    “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

    ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย

    ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง

    จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

    “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต

    อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก"

    ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ
    หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง

    “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์

    คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย"

    คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า…

    - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง?
    - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา?
    - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย?

    เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

    “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่”

    "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น"

    ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568

    #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์

    15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ 🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️ 🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต 👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓 หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔 🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿 🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา 🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊ 🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃 จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ 💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫 ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️ ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์ 🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย" ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า… - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง? - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา? - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย? 🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน 🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่” 🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น" 🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568 #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1708 มุมมอง 0 รีวิว
  • บันเทิงfc ♡มังกรหยก♡วีรบุรุษคือผู้ไม่รุกรานใคร /ไม่ลืมรากเหง้าตัวเอง/ยุติสงคราม #มังกรหยก2025 #ว่างว่างก็แวะมา
    บันเทิงfc ♡มังกรหยก♡วีรบุรุษคือผู้ไม่รุกรานใคร /ไม่ลืมรากเหง้าตัวเอง/ยุติสงคราม #มังกรหยก2025 #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • เกือบ18 ปีแล้ว ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
    .
    บทความนั้นมีชื่อว่า ‘งักปุกคุ้ง’ แห่งเสียนหลอ (https://mgronline.com/daily/detail/9500000032355 เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550)
    .
    แต่วันนี้ไม่รู้ว่าตัวเองนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรเลยย้อนไปอ่าน แล้วอยากเอามารีไรท์ และนำมาแบ่งปันอีกครั้งนึง
    .
    ต้นปี 2568 นี้ มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายจีนกำลังภายในเรื่องอมตะ เรื่อง “กระบี่เย้ยยุทธจักร” (หรือ ยิ้มเย้ยยุทธจักร หรือ เดชคัมภีร์เทวดา หรือในภาษาจีนคือ 笑傲江湖 ส่วน ชื่ออังกฤษ Invincible Swordsman) ถูกนำมารีเมคใหม่อีกครั้ง โดยตอนนี้ลงจอฉายที่จีนไปแล้ว ในไทยก็กำลังจะเข้าฉายทาง WeTV กับ iQIYI
    .
    กระบี่เย้ยยุทธจักร เป็นนวนิยายกำลังภายในของสุดยอดปรมาจารย์ทางวรรณกรรมจีน “กิมย้ง” หรือจีนกลางอ่านว่า “จินยง (金庸)” ซึ่งท่านเสียชีวิตไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วเมื่อวัน 30 ตุลาคม 2561
    .
    กระบี่เย้ยยุทธจักรถือเป็นนิยายกำลังภายในเรื่องเดียวของกิมย้งที่ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์ของจีนในยุคใด แต่เป็นนวนิยายกำลังภายในแนวการเมืองที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง
    .
    เรื่องราวเขียนถึงคนที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายธรรมมะ ฝ่ายอธรรม และ วิญญูชนจอมปลอม ได้อย่างลึกซึ้ง และถ่องแท้ที่สุด!
    .
    ตัวละครหลักคือ เหล็งฮู้ชง ตัวเอกของเรื่อง ศิษย์คนโตและศิษย์ทรยศแห่งสำนักฮั้วซัว (หรือหัวซาน ที่เป็นยอดบรรพตในมณฑลส่านซี) สองคือ งักปุกคุ้ง ซือแป๋เจ้าสำนักฮั้วซัว
    .
    งักปุกคุ้ง (แซ่งัก นามปุกคุ้ง) เป็นเจ้าสำนักฮั้วซัว ผู้สืบทอดเพลงกระบี่และลมปราณเมฆม่วงแห่งสำนักฮั้วซัว หนึ่งในห้า ยอดสำนักกระบี่แห่งบู๊ลิ้ม ภาพภายนอกเป็นผู้กล้าที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรม เป็นเจ้าสำนักกระบี่อันเลื่องชื่อที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสำนักมาตรฐานของยุทธจักร จนได้รับฉายาจากบรรดาจอมยุทธ์ว่า “กระบี่วิญญูชน”
    .
    งักปุกคุ้ง นอกจากจะเป็นเจ้าสำนักของยอดสำนักกระบี่แล้ว ในด้านของชาติพันธุ์ เจ้าตัวยังเชื่อมั่นด้วยว่า ต้นตระกูลงัก (หรือในภาษาจีนกลางคือแซ่เย่ว์ – 岳) ของตนมีวีรบุรุษกู้ชาติอยู่หลายคน โดยหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของตระกูลงักก็คือ ‘งักฮุย (เย่ว์เฟย)’ ยอดขุนพลแห่งราชวงศ์ซ่งใต้ งักปุกคุ้งเชื่อมั่นใน ‘คุณธรรม’ ของตนจนถึงกับเดินทางรอนแรมพาเหล่าศิษย์ฮั้วซัวไปเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของงักฮุย
    .
    อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเจ้าสำนักกระบี่ฝ่ายธรรมะ ทั้งยังได้ฉายาว่าเป็น “กระบี่วิญญูชน” แต่ตลอดทั้งเรื่อง ชื่อเสียงและคำพูดของงักปุกคุ้ง กลับไม่ได้สอดคล้องกับการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างเช่น
     งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่มักจะหลบเลี่ยงเมื่อภัยมาถึงตัว
     งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่มักจะวางเฉย เมื่อประสบเห็นความไม่เป็นธรรมของยุทธจักร
     งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่พร้อมจะให้ร้ายป้ายสีและถีบหัวส่ง เหล็งฮู้ชง ศิษย์เอกมากกว่าที่จะยื่นมือเข้าปกป้องเมื่อเหล็งฮู้ชงถูกกล่าวหาว่าสมคบกับฝ่ายอธรรม
     งักปุกคุ้ง เป็นวิญญูชนที่แม้ปากจะบอกว่าไม่สนใจต่อลาภยศ หรือยอดวิชาแห่งยุทธจักร แต่กลับส่ง “งักเล้งซัง” บุตรีของตนเองไปแต่งกับ “ลิ้มเพ้งจือ” รวมถึงยินยอมสละอวัยวะเพศของตัวเอง เพียงเพื่อจะได้ครอบครองเพลงคัมภีร์กระบี่ตระกูลลิ้ม
    .
    กล่าวโดยสรุปแล้วงักปุกคุ้ง เป็นบุคคลประเภทที่เรียกว่า “วิญญูชนจอมปลอม” ภายนอกดูเป็นคนดีที่มีชื่อเสียง เป็น “กระบี่วิญญูชน” เจ้าสำนักกระบี่อันเลื่องชื่อ แต่แท้จริงแล้วกลับประพฤติตนยิ่งกว่าคนในสายอธรรมเสียอีก
    .
    เมื่อพลิกอ่าน “กระบี่เย้ยยุทธจักร” และพิจารณาความระหว่างบรรทัดที่กิมย้งสอดแทรกลงในนวนิยายกำลังภายในเล่มนี้ ผู้อ่านก็จะรับรู้ได้ถึงความเป็นอัจฉริยะของกิมย้ง ที่แม้จะเขียนถึงเรื่องราวในยุทธภพในยุคสมัยราชวงศ์หมิง (ตามการคาดเดาของผู้เขียนเอง) แต่เนื้อหาของนวนิยายกลับสามารถนำมาเปรียบเทียบกับความเป็นไปทางการเมือง เสียดสีถึงพฤติกรรมของผู้คนในสังคมจีนในยุคสมัยที่ประเทศจีนวุ่นวายที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ คือ ในช่วงของการปฏิวัติวัฒนธรรม (พ.ศ.2509-2519)
    .
    ส่วนเมื่อมองถึงเหตุการณ์บ้านเมืองไทยในยุคปัจจุบันแล้ว ใครจะเป็นงักปุกคุ้ง, ใครจะเป็นเหล็งฮู้ชง, ใครจะเป็นฝ่ายธรรมมะ, ใครจะเป็นฝ่ายอธรรม, ใครจะเป็นกระบี่วิญญูชน หรือ ใครจะเป็นวิญญูชนจอมปลอม ผมนั้นมิอาจจะตัดสินใจแทนใครได้จริง ๆ
    .
    ต่างคนต่างมุมมอง ต่างภูมิหลัง ต่างภูมิรู้ ต่างประสบการณ์ ต่างความคิด และเป็นสิทธิเฉพาะตัวของแต่ละคน
    เกือบ18 ปีแล้ว ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง . บทความนั้นมีชื่อว่า ‘งักปุกคุ้ง’ แห่งเสียนหลอ (https://mgronline.com/daily/detail/9500000032355 เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550) . แต่วันนี้ไม่รู้ว่าตัวเองนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรเลยย้อนไปอ่าน แล้วอยากเอามารีไรท์ และนำมาแบ่งปันอีกครั้งนึง . ต้นปี 2568 นี้ มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายจีนกำลังภายในเรื่องอมตะ เรื่อง “กระบี่เย้ยยุทธจักร” (หรือ ยิ้มเย้ยยุทธจักร หรือ เดชคัมภีร์เทวดา หรือในภาษาจีนคือ 笑傲江湖 ส่วน ชื่ออังกฤษ Invincible Swordsman) ถูกนำมารีเมคใหม่อีกครั้ง โดยตอนนี้ลงจอฉายที่จีนไปแล้ว ในไทยก็กำลังจะเข้าฉายทาง WeTV กับ iQIYI . กระบี่เย้ยยุทธจักร เป็นนวนิยายกำลังภายในของสุดยอดปรมาจารย์ทางวรรณกรรมจีน “กิมย้ง” หรือจีนกลางอ่านว่า “จินยง (金庸)” ซึ่งท่านเสียชีวิตไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วเมื่อวัน 30 ตุลาคม 2561 . กระบี่เย้ยยุทธจักรถือเป็นนิยายกำลังภายในเรื่องเดียวของกิมย้งที่ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์ของจีนในยุคใด แต่เป็นนวนิยายกำลังภายในแนวการเมืองที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง . เรื่องราวเขียนถึงคนที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายธรรมมะ ฝ่ายอธรรม และ วิญญูชนจอมปลอม ได้อย่างลึกซึ้ง และถ่องแท้ที่สุด! . ตัวละครหลักคือ เหล็งฮู้ชง ตัวเอกของเรื่อง ศิษย์คนโตและศิษย์ทรยศแห่งสำนักฮั้วซัว (หรือหัวซาน ที่เป็นยอดบรรพตในมณฑลส่านซี) สองคือ งักปุกคุ้ง ซือแป๋เจ้าสำนักฮั้วซัว . งักปุกคุ้ง (แซ่งัก นามปุกคุ้ง) เป็นเจ้าสำนักฮั้วซัว ผู้สืบทอดเพลงกระบี่และลมปราณเมฆม่วงแห่งสำนักฮั้วซัว หนึ่งในห้า ยอดสำนักกระบี่แห่งบู๊ลิ้ม ภาพภายนอกเป็นผู้กล้าที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรม เป็นเจ้าสำนักกระบี่อันเลื่องชื่อที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสำนักมาตรฐานของยุทธจักร จนได้รับฉายาจากบรรดาจอมยุทธ์ว่า “กระบี่วิญญูชน” . งักปุกคุ้ง นอกจากจะเป็นเจ้าสำนักของยอดสำนักกระบี่แล้ว ในด้านของชาติพันธุ์ เจ้าตัวยังเชื่อมั่นด้วยว่า ต้นตระกูลงัก (หรือในภาษาจีนกลางคือแซ่เย่ว์ – 岳) ของตนมีวีรบุรุษกู้ชาติอยู่หลายคน โดยหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของตระกูลงักก็คือ ‘งักฮุย (เย่ว์เฟย)’ ยอดขุนพลแห่งราชวงศ์ซ่งใต้ งักปุกคุ้งเชื่อมั่นใน ‘คุณธรรม’ ของตนจนถึงกับเดินทางรอนแรมพาเหล่าศิษย์ฮั้วซัวไปเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของงักฮุย . อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเจ้าสำนักกระบี่ฝ่ายธรรมะ ทั้งยังได้ฉายาว่าเป็น “กระบี่วิญญูชน” แต่ตลอดทั้งเรื่อง ชื่อเสียงและคำพูดของงักปุกคุ้ง กลับไม่ได้สอดคล้องกับการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างเช่น  งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่มักจะหลบเลี่ยงเมื่อภัยมาถึงตัว  งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่มักจะวางเฉย เมื่อประสบเห็นความไม่เป็นธรรมของยุทธจักร  งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่พร้อมจะให้ร้ายป้ายสีและถีบหัวส่ง เหล็งฮู้ชง ศิษย์เอกมากกว่าที่จะยื่นมือเข้าปกป้องเมื่อเหล็งฮู้ชงถูกกล่าวหาว่าสมคบกับฝ่ายอธรรม  งักปุกคุ้ง เป็นวิญญูชนที่แม้ปากจะบอกว่าไม่สนใจต่อลาภยศ หรือยอดวิชาแห่งยุทธจักร แต่กลับส่ง “งักเล้งซัง” บุตรีของตนเองไปแต่งกับ “ลิ้มเพ้งจือ” รวมถึงยินยอมสละอวัยวะเพศของตัวเอง เพียงเพื่อจะได้ครอบครองเพลงคัมภีร์กระบี่ตระกูลลิ้ม . กล่าวโดยสรุปแล้วงักปุกคุ้ง เป็นบุคคลประเภทที่เรียกว่า “วิญญูชนจอมปลอม” ภายนอกดูเป็นคนดีที่มีชื่อเสียง เป็น “กระบี่วิญญูชน” เจ้าสำนักกระบี่อันเลื่องชื่อ แต่แท้จริงแล้วกลับประพฤติตนยิ่งกว่าคนในสายอธรรมเสียอีก . เมื่อพลิกอ่าน “กระบี่เย้ยยุทธจักร” และพิจารณาความระหว่างบรรทัดที่กิมย้งสอดแทรกลงในนวนิยายกำลังภายในเล่มนี้ ผู้อ่านก็จะรับรู้ได้ถึงความเป็นอัจฉริยะของกิมย้ง ที่แม้จะเขียนถึงเรื่องราวในยุทธภพในยุคสมัยราชวงศ์หมิง (ตามการคาดเดาของผู้เขียนเอง) แต่เนื้อหาของนวนิยายกลับสามารถนำมาเปรียบเทียบกับความเป็นไปทางการเมือง เสียดสีถึงพฤติกรรมของผู้คนในสังคมจีนในยุคสมัยที่ประเทศจีนวุ่นวายที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ คือ ในช่วงของการปฏิวัติวัฒนธรรม (พ.ศ.2509-2519) . ส่วนเมื่อมองถึงเหตุการณ์บ้านเมืองไทยในยุคปัจจุบันแล้ว ใครจะเป็นงักปุกคุ้ง, ใครจะเป็นเหล็งฮู้ชง, ใครจะเป็นฝ่ายธรรมมะ, ใครจะเป็นฝ่ายอธรรม, ใครจะเป็นกระบี่วิญญูชน หรือ ใครจะเป็นวิญญูชนจอมปลอม ผมนั้นมิอาจจะตัดสินใจแทนใครได้จริง ๆ . ต่างคนต่างมุมมอง ต่างภูมิหลัง ต่างภูมิรู้ ต่างประสบการณ์ ต่างความคิด และเป็นสิทธิเฉพาะตัวของแต่ละคน
    Like
    Love
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตารางอันดับหนังทำเงินตลอดกาลในจีน แตกก !!!!!!
    "Nezha 2" ผงาดยึดอันดับหนึ่ง
    ล้มแชมป์ด้วยเวลาที่สั้นกว่า และอาจไปได้ไกลถึง 10,000 ล้านหยวน

    "Nezha 2" เข้าฉายมาตั้งแต่วันพุธที่ 29 มกราคม ในเทศกาลตรุษจีน ใช้เวลาเพียง 9 วัน สามารถทำเงินล้มแชมป์หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในจีน ที่เดิมเป็นของ The Battle at Lake Changjin หนังสงครามที่รวม 3 ผู้กำกับ ฉีเคอะ เฉินข่ายเกอ และ ดันเต้ แลม โดยตัวเลขที่ทำได้ ถึงวันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ในครึ่งวันแรก อยู่ที่ 5800 ล้านหยวน (796 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

    มีบทวิเคราะห์ที่ว่ากันว่า นาจาภาคนี้ มีคนที่ดูแล้วชื่นชอบถึงขนาดต้องดูรอบสอง หรือบางคนมีถึงรอบที่สาม

    นาจา เป็นตัวละครพื้นฐานมาจากนวนิยายจีนสมัยศตวรรษที่ 17 ชื่อ (ห้องสิน-The Investiture of the Gods) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมสําคัญชิ้นแรกที่มี "เทพ" และ "ปีศาจ" ในลัทธิเต๋าและพุทธศาสนา

    Nezha 2 เป็นสัญลักษณ์ของการขบถ ภาพลักษณ์ของ "นาจา" ได้เปลี่ยนจากวีรบุรุษโศกนาฏกรรมแบบดั้งเดิม "กลับไปหาพ่อ" มาเป็นขบถสมัยใหม่ที่ "เปลี่ยนโชคชะตาที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า" ซึ่งสอดคล้องกับความทะเยอทะยานทางจิตวิญญาณของเยาวชนในปัจจุบัน ความมุ่งมั่นในการต่อต้านระบบและการแสวงหาเป้าหมาย การดัดแปลงนี้ทำลายมายาคติความศักดิ์สิทธิ์ของตัวละคร ให้สามารถสะท้อนและเข้าใกล้กับผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน โดยผสมผสานสไตล์พังก์ ภาษาพูดสมัยใหม่ มีม และองค์ประกอบอื่นๆ เช่น สำเนียง "ภาษาจีนกลางสไตล์เสฉวน" ของอาจารย์ไท่ยี่ ผู้เป็นครูของนาจา วิธีการนี้ผสมผสานสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมดั้งเดิมเข้ากับวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์เพื่อให้ภาพยนตร์ดึงดูดผู้ชม ขณะเดียวกันก็ปลูกฝังอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์

    Nezha 2 เป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในด้านสุนทรียศาสตร์ทางภาพ ภาพยนตร์เรื่องนี้ขับเคลื่อนสิ่งต่างๆด้วย เทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมด้วยทิศทางศิลปะที่สร้างสรรค์อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะทิวทัศน์ที่มีหมอกหนา ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการที่ต้องชมในโรงภาพยนตร์ ตัวละคร นาจา ถูกสร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดจากข้อเท็จจริงที่ว่าตัวละครบนหน้าจอยังคงอารมณ์ การแสดงออกในแบบตะวันออกเอาไว้ได้ แท้จริงแล้ว นาจา อาจกลายเป็นแบรนด์ทางวัฒนธรรมใหม่ของจีน

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะตัวเอกของเรื่อง แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจต่อ "ผู้ถูกละเลย" ประสบการณ์การถูกเลือกปฏิบัติของ นาจา เป็นคําอุปมาอุปมัยของสังคมร่วมสมัย ที่ปฏิเสธ "คนนอกรีต" และปลูกฝังจิตวิญญาณของ "การขจัดอคติ" ให้กับผู้คน

    หนังยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจริยธรรมของครอบครัว ด้วยการเปลี่ยนบทบาทพ่อแม่ของนาจา จากคนที่เคร่งครัดตามขนบธรรมเนียมมาเป็น พ่อและแม่ ที่รักลูกและ "ฝ่าฝืนพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อปกป้องลูก" ผู้สร้างภาพยนตร์ได้สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวจีนขึ้นใหม่ สะท้อนถึงการแสวงหา "รากฐานของครอบครัว" ของคนรุ่นใหม่ และสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างรุ่น

    ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางเทคโนโลยีของนักสร้างภาพเคลื่อนไหวชาวจีน ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจในวัฒนธรรมของผู้สร้างภาพยนตร์ชาวจีน นอกจากนี้ ทีมงานสร้างภาพยนตร์ยังได้เพิ่มจำนวนตัวละครขึ้นสามเท่าจากภาคก่อน ซึ่งดูเหมือนว่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ ผู้ชมได้รับประสบการณ์ทางภาพที่งดงามตระการตา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเดินทางในภาพยนตร์ที่ดื่มด่ำและน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น

    ในภาคนี้ นาจา ถูกเปลี่ยนบุคลิกจากคนดื้อรั้น เป็นผู้แบกรับภาระหนัก พร้อมสาบานที่จะ "ทำลายสวรรค์และโลก" และ "ปกป้องช่องเขาเฉินถังกวน" อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณของปัจเจกชน ไม่ได้สูญหายไปอย่างสมบูรณ์ เพราะมันสะท้อนถึงจิตวิญญาณแบบดั้งเดิมของความกล้าหาญ และดึงดูดผู้คนจํานวนมากไปชมดูภาพยนตร์

    ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเกมระหว่างความเชื่อเรื่องโชคชะตา และเจตจำนงเสรี คำกล่าวของนาจาที่ว่า "ฉันคือเจ้านายของชะตากรรมตนเอง" ผสมผสานแนวคิดของลัทธิเต๋าที่ว่า "การเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองโดยขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า" ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาของลัทธิอัตถิภาวนิยม ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเติมความมีชีวิตชีวาในแบบสมัยใหม่ให้กับวัฒนธรรมดั้งเดิมอีกด้วย

    Nezha 2 ได้แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของแอนิเมชั่นจีนที่ทันสมัย ​​การเล่าเรื่องทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และความเชื่อมั่นของชาติอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างความหวังว่าภาพยนตร์แอนิเมชั่นจีนจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    ตารางอันดับหนังทำเงินตลอดกาลในจีน แตกก !!!!!! "Nezha 2" ผงาดยึดอันดับหนึ่ง ล้มแชมป์ด้วยเวลาที่สั้นกว่า และอาจไปได้ไกลถึง 10,000 ล้านหยวน "Nezha 2" เข้าฉายมาตั้งแต่วันพุธที่ 29 มกราคม ในเทศกาลตรุษจีน ใช้เวลาเพียง 9 วัน สามารถทำเงินล้มแชมป์หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในจีน ที่เดิมเป็นของ The Battle at Lake Changjin หนังสงครามที่รวม 3 ผู้กำกับ ฉีเคอะ เฉินข่ายเกอ และ ดันเต้ แลม โดยตัวเลขที่ทำได้ ถึงวันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ในครึ่งวันแรก อยู่ที่ 5800 ล้านหยวน (796 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีบทวิเคราะห์ที่ว่ากันว่า นาจาภาคนี้ มีคนที่ดูแล้วชื่นชอบถึงขนาดต้องดูรอบสอง หรือบางคนมีถึงรอบที่สาม นาจา เป็นตัวละครพื้นฐานมาจากนวนิยายจีนสมัยศตวรรษที่ 17 ชื่อ (ห้องสิน-The Investiture of the Gods) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมสําคัญชิ้นแรกที่มี "เทพ" และ "ปีศาจ" ในลัทธิเต๋าและพุทธศาสนา Nezha 2 เป็นสัญลักษณ์ของการขบถ ภาพลักษณ์ของ "นาจา" ได้เปลี่ยนจากวีรบุรุษโศกนาฏกรรมแบบดั้งเดิม "กลับไปหาพ่อ" มาเป็นขบถสมัยใหม่ที่ "เปลี่ยนโชคชะตาที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า" ซึ่งสอดคล้องกับความทะเยอทะยานทางจิตวิญญาณของเยาวชนในปัจจุบัน ความมุ่งมั่นในการต่อต้านระบบและการแสวงหาเป้าหมาย การดัดแปลงนี้ทำลายมายาคติความศักดิ์สิทธิ์ของตัวละคร ให้สามารถสะท้อนและเข้าใกล้กับผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน โดยผสมผสานสไตล์พังก์ ภาษาพูดสมัยใหม่ มีม และองค์ประกอบอื่นๆ เช่น สำเนียง "ภาษาจีนกลางสไตล์เสฉวน" ของอาจารย์ไท่ยี่ ผู้เป็นครูของนาจา วิธีการนี้ผสมผสานสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมดั้งเดิมเข้ากับวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์เพื่อให้ภาพยนตร์ดึงดูดผู้ชม ขณะเดียวกันก็ปลูกฝังอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ Nezha 2 เป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในด้านสุนทรียศาสตร์ทางภาพ ภาพยนตร์เรื่องนี้ขับเคลื่อนสิ่งต่างๆด้วย เทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมด้วยทิศทางศิลปะที่สร้างสรรค์อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะทิวทัศน์ที่มีหมอกหนา ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการที่ต้องชมในโรงภาพยนตร์ ตัวละคร นาจา ถูกสร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดจากข้อเท็จจริงที่ว่าตัวละครบนหน้าจอยังคงอารมณ์ การแสดงออกในแบบตะวันออกเอาไว้ได้ แท้จริงแล้ว นาจา อาจกลายเป็นแบรนด์ทางวัฒนธรรมใหม่ของจีน ภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะตัวเอกของเรื่อง แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจต่อ "ผู้ถูกละเลย" ประสบการณ์การถูกเลือกปฏิบัติของ นาจา เป็นคําอุปมาอุปมัยของสังคมร่วมสมัย ที่ปฏิเสธ "คนนอกรีต" และปลูกฝังจิตวิญญาณของ "การขจัดอคติ" ให้กับผู้คน หนังยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจริยธรรมของครอบครัว ด้วยการเปลี่ยนบทบาทพ่อแม่ของนาจา จากคนที่เคร่งครัดตามขนบธรรมเนียมมาเป็น พ่อและแม่ ที่รักลูกและ "ฝ่าฝืนพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อปกป้องลูก" ผู้สร้างภาพยนตร์ได้สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวจีนขึ้นใหม่ สะท้อนถึงการแสวงหา "รากฐานของครอบครัว" ของคนรุ่นใหม่ และสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างรุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางเทคโนโลยีของนักสร้างภาพเคลื่อนไหวชาวจีน ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจในวัฒนธรรมของผู้สร้างภาพยนตร์ชาวจีน นอกจากนี้ ทีมงานสร้างภาพยนตร์ยังได้เพิ่มจำนวนตัวละครขึ้นสามเท่าจากภาคก่อน ซึ่งดูเหมือนว่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ ผู้ชมได้รับประสบการณ์ทางภาพที่งดงามตระการตา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเดินทางในภาพยนตร์ที่ดื่มด่ำและน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น ในภาคนี้ นาจา ถูกเปลี่ยนบุคลิกจากคนดื้อรั้น เป็นผู้แบกรับภาระหนัก พร้อมสาบานที่จะ "ทำลายสวรรค์และโลก" และ "ปกป้องช่องเขาเฉินถังกวน" อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณของปัจเจกชน ไม่ได้สูญหายไปอย่างสมบูรณ์ เพราะมันสะท้อนถึงจิตวิญญาณแบบดั้งเดิมของความกล้าหาญ และดึงดูดผู้คนจํานวนมากไปชมดูภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเกมระหว่างความเชื่อเรื่องโชคชะตา และเจตจำนงเสรี คำกล่าวของนาจาที่ว่า "ฉันคือเจ้านายของชะตากรรมตนเอง" ผสมผสานแนวคิดของลัทธิเต๋าที่ว่า "การเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองโดยขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า" ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาของลัทธิอัตถิภาวนิยม ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเติมความมีชีวิตชีวาในแบบสมัยใหม่ให้กับวัฒนธรรมดั้งเดิมอีกด้วย Nezha 2 ได้แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของแอนิเมชั่นจีนที่ทันสมัย ​​การเล่าเรื่องทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และความเชื่อมั่นของชาติอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างความหวังว่าภาพยนตร์แอนิเมชั่นจีนจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1248 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สิ้นเชลยศึก"

    เสียงปืนดังกลางลมแรง วีรกรรมแห่งนักรบไทย เวียดนามจับเป็นเชลย แต่หัวใจ ยังคงยืนหยัด...ไม่เคยสั่นไหว

    ฮานอยฮิลตันคือนรก ทุกข์ทรมานเกินกล่าวไป เกือบสิบปีในเงาไฟ แต่ศรัทธาไม่เคยจางหาย

    * สิ้นเชลยศึก แต่อเมริกายังจำ เกียรติภูมิยังยืนยง กล้าหาญแม้ยามเงียบงัน ดั่งสายฟ้าในใจของผู้คน ชัยชาญ คือดวงดาวส่องทาง

    มือที่อ่อนล้าเคาะกำแพง ส่งสัญญาณสมิตตีให้พ้นภัย แม้เสี่ยงตายก็ยอมไดh เพราะหัวใจยังภักดี
    เสียงรหัสเคาะก้องในรัตติกาล บอกเรื่องราวของวีรชน เสรีภาพคือจิตวิญญาณ ไม่มีพันธนาการใด ขังไว้ได้

    ซ้ำ *

    แม้วันนี้ลาลับไป แต่ชื่อยังจารึก พันเอกชัยชาญ หาญนาวี ผู้เป็นตำนาน...ไม่รู้ลืม

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041825 ก.พ. 2568

    #สิ้นเชลยศึก #พันเอกชัยชาญ #นักรบผู้กล้า #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #เกียรติศักดิ์ทหารไทย #ตำนานวีรบุรุษ #เชลยศึก #รหัสเคาะ #HallOfHeroes
    "สิ้นเชลยศึก" เสียงปืนดังกลางลมแรง วีรกรรมแห่งนักรบไทย เวียดนามจับเป็นเชลย แต่หัวใจ ยังคงยืนหยัด...ไม่เคยสั่นไหว ฮานอยฮิลตันคือนรก ทุกข์ทรมานเกินกล่าวไป เกือบสิบปีในเงาไฟ แต่ศรัทธาไม่เคยจางหาย * สิ้นเชลยศึก แต่อเมริกายังจำ เกียรติภูมิยังยืนยง กล้าหาญแม้ยามเงียบงัน ดั่งสายฟ้าในใจของผู้คน ชัยชาญ คือดวงดาวส่องทาง มือที่อ่อนล้าเคาะกำแพง ส่งสัญญาณสมิตตีให้พ้นภัย แม้เสี่ยงตายก็ยอมไดh เพราะหัวใจยังภักดี เสียงรหัสเคาะก้องในรัตติกาล บอกเรื่องราวของวีรชน เสรีภาพคือจิตวิญญาณ ไม่มีพันธนาการใด ขังไว้ได้ ซ้ำ * แม้วันนี้ลาลับไป แต่ชื่อยังจารึก พันเอกชัยชาญ หาญนาวี ผู้เป็นตำนาน...ไม่รู้ลืม ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041825 ก.พ. 2568 #สิ้นเชลยศึก #พันเอกชัยชาญ #นักรบผู้กล้า #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #เกียรติศักดิ์ทหารไทย #ตำนานวีรบุรุษ #เชลยศึก #รหัสเคาะ #HallOfHeroes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1079 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • 7 ปี สิ้นเชลยศึกชาวไทย “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” วีรบุรุษทหารรบพิเศษไทย ในสงครามเวียดนาม ที่อเมริกายกย่องเชิดชู

    ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ถือเป็นวันที่ประเทศไทย สูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ที่มีประวัติอันน่าจดจำ และเป็นที่เคารพในหมู่ทหารอเมริกัน ผู้ชายคนนั้นคือ “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” ทหารรบพิเศษไทย ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนาม นานถึง 9 ปี 4 เดือน 8 วัน และได้รับการเชิดชูเกียรติ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ด้วยเหรียญกล้าหาญ Silver Star และ Legion of Merit

    แม้ว่าหลายคนในไทย อาจไม่คุ้นชื่อของพันเอกชัยชาญ แต่สำหรับทหารอเมริกันในยุคนั้น ชัยชาญคือวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตเชลยศึกสหรัฐฯ มากมาย แม้ต้องเผชิญกับการทรมาน อันโหดร้ายในเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเหนือ

    จากชาวอยุธยา สู่ทหารรบพิเศษไทย
    พันเอกชัยชาญ หาญนาวี เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้ารับราชการทหาร ในหน่วยกองรบพิเศษที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยที่ฝึกอบรมทหารไทย ให้สามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษ ร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ

    ด้วยทักษะที่โดดเด่น ชัยชาญถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศลาว ในช่วงสงครามเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นพลวิทยุ ให้กับหน่วยรบพิเศษไทย-อเมริกัน

    ภารกิจที่ผิดพลาด นำไปสู่การเป็นเชลยศึก
    วันที่ 21 พฤษภาคม 2508 เป็นวันหยุด ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพันเอกชัยชาญ ไปตลอดกาล เมื่อถูกชวนขึ้นเครื่องบินของ Air America (สายการบินลับของ CIA) เพื่อไปทำหน้าที่เป็น Spotter หรือผู้ระบุตำแหน่งข้าศึก

    ขณะที่เครื่องบินกำลังบินจากเชียงลม แขวงไชยะบุรี ประเทศลาว เพื่อส่งเสบียงให้ฐานปฏิบัติการ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เครื่องถูกยิงตกกลางป่า ทหารอมริกันเสียชีวิตทั้งหมดทันที พันเอกชัยชาญและนักบินรอดชีวิต และพยายามหลบหนี แต่สุดท้ายถูกจับกุม โดยกองทัพเวียดนามเหนือ

    ชัยชาญถูกส่งไปยังค่ายเชลย ที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "แหกค่ายนรกเดียนเบียนฟู" ที่ซึ่งการทรมานนักโทษ ถือเป็นเรื่องปกติ...

    จากเดียนเบียนฟู สู่ฮานอยฮิลตัน
    หลังจากถูกขังอยู่ที่เดียนเบียนฟู นานเกือบ 3 ปี ชัยชาญถูกย้ายไปยังเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ซึ่งเป็นคุกที่เลื่องชื่อ ในหมู่เชลยศึกอเมริกัน

    ที่นี่ชัยชาญถูกขังเดี่ยว 5 ปี ถูกซ้อมทรมานเป็นประจำ ถูกมัดติดขื่อไม้ และต้องนอนเกลือกกลั้ว อยู่กับอุจจาระ และปัสสาวะของตัวเอง ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ เพียงเดือนละครั้ง

    แต่ถึงจะถูกทรมานแค่ไหน ชัยชาญก็ยังไม่ละทิ้งศักดิ์ศรี ของทหารไทย

    Tap Code สื่อสารลับช่วยเชลยศึกอเมริกัน
    หนึ่งในวีรกรรมสำคัญ ของพันเอกชัยชาญคือ การใช้รหัสเคาะกำแพง (Tap Code) เพื่อส่งข้อมูลให้เชลยศึกอเมริกัน

    Tap Code คืออะไร?
    เป็นรหัสลับที่เชลยศึกอเมริกัน พัฒนาเพื่อใช้สื่อสารกัน โดยการเคาะกำแพง ตามจังหวะที่กำหนด เพื่อแทนตัวอักษร คล้ายกับรหัสมอร์ส หรือรหัสแตะ สามารถส่งได้หลายวิธี และในสภาพแวดล้อม ที่ยากลำบาก

    รหัสเคาะเป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้ารหัสข้อความ ข้อความจะถูกส่ง โดยการแปลตัวอักษรเป็นเสียงเคาะ ซึ่งนักโทษในเวียดนามใช้รหัสนี้ และบางครั้งเรียกว่ารหัสเคาะหรือรหัสสมิทตี้ รหัสนี้ใช้สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5x5 เพื่อกำหนดตัวเลขสองตัว (แถวและคอลัมน์) ให้กับตัวอักษรแต่ละตัว จากนั้นผู้ส่งจะเคาะหลายครั้งตามจำนวนตัวเลขแต่ละตัว และหยุดชั่วคราวระหว่างตัวเลข

    ชัยชาญใช้รหัสเคาะอย่างไร?
    ชัยชาญเรียนรู้รหัสนี้ จากเชลยเวียดนามใต้ และใช้ส่งข้อความให้ทหารอเมริกัน แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการทรมาน และให้กำลังใจเพื่อนเชลย

    ถ้าถูกจับได้ อาจต้องจบชีวิตทันที แต่ชัยชาญยอมเสี่ยง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนเชลย

    หนึ่งในเชลยศึก ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชัยชาญคือ "จอห์น แมกเคน" (John McCain) นักบินรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐอมเริกา ในเวลาต่อมา

    เกียรติยศสูงสุด จากกองทัพสหรัฐฯ
    หลังจากถูกกักขัง ยาวนานกว่า 9 ปี พันเอกชัยชาญได้รับการปล่อยตัว ในปี 2517 จากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ

    แต่เมื่อกลับมาถึงมาตุภูมิ ชัยชาญพบว่า ภรรยาแต่งงานใหม่ไปแล้ว ซึ่งตอนกลับมาได้รับพระราชทาน ยศชั้นนายพันแล้ว เพราะกองทัพไทยคิดว่า คงหายสาบสูญไป ในสงครามแล้ว แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้กลับมารับราชการเหมือนเดิม ไม่มีใครกล้าถอดยศพระราชทาน

    แม้ว่าชีวิตส่วนตัวจะพังพินาศ แต่เกียรติยศของชัยชาญ กลับได้รับการยกย่อง จากกองทัพสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกามอบเหรียญกล้าหาญ "Silver Star" และ "Legion of Merit" ให้ชาญชัย พร้อมจัดพิธีเชิดชูเกียรติที่ Pentagon

    Hall of Heroes ที่ Pentagon
    พันเอกชัยชาญเป็น "ทหารต่างชาติเพียงคนเดียว" ที่ได้รับเกียรติให้มีรูปถ่าย แขวนอยู่ใน Hall of Heroes ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ชัยชาญ ยังได้รับเชิญให้ไปศึกษาต่อ ที่ฐานทัพ Lackland Air Force Base และ Fort Bragg ศูนย์สงครามพิเศษของสหรัฐฯ

    วันสุดท้ายของวีรบุรุษไทย
    วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 พันเอกชัยชาญ เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 87 ปี เนื่องจากเส้นเลือดสมองอุดตัน

    แม้พันเอกชัยชาญ จะเป็นที่รู้จักในวงแคบของคนไทย แต่สำหรับอเมริกา ชัยชาญคือหนึ่งในบุคคล ที่มีเกียรติสูงสุด ในหมู่เชลยศึก

    วีรกรรมของชัยชาญ จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ตลอดไป
    พันเอกชัยชาญ หาญนาวี คือหนึ่งในเชลยศึก ที่ถูกคุมขังนานที่สุด ในสงครามเวียดนาม
    มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยเหลือเชลยศึกอเมริกัน
    ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากรัฐบาลสหรัฐฯ
    เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับเกียรติใน Hall of Heroes

    แม้กายจะลับไป แต่ชื่อของ "ชัยชาญ หาญนาวี" จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย และโลกตลอดไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041344 ก.พ. 2568

    #พันเอกชัยชาญหาญนาวี #เชลยศึกเวียดนาม #วีรบุรุษไทย #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #TapCode #JohnMcCain #ThaiMilitary #SilverStar #LegionOfMerit
    7 ปี สิ้นเชลยศึกชาวไทย “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” วีรบุรุษทหารรบพิเศษไทย ในสงครามเวียดนาม ที่อเมริกายกย่องเชิดชู 📅 ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ถือเป็นวันที่ประเทศไทย สูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ที่มีประวัติอันน่าจดจำ และเป็นที่เคารพในหมู่ทหารอเมริกัน ผู้ชายคนนั้นคือ “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” ทหารรบพิเศษไทย ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนาม นานถึง 9 ปี 4 เดือน 8 วัน และได้รับการเชิดชูเกียรติ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ด้วยเหรียญกล้าหาญ Silver Star และ Legion of Merit 🏅 แม้ว่าหลายคนในไทย อาจไม่คุ้นชื่อของพันเอกชัยชาญ แต่สำหรับทหารอเมริกันในยุคนั้น ชัยชาญคือวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตเชลยศึกสหรัฐฯ มากมาย แม้ต้องเผชิญกับการทรมาน อันโหดร้ายในเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเหนือ 🇹🇭🇺🇸 👦 จากชาวอยุธยา สู่ทหารรบพิเศษไทย 🔴 พันเอกชัยชาญ หาญนาวี เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้ารับราชการทหาร ในหน่วยกองรบพิเศษที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยที่ฝึกอบรมทหารไทย ให้สามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษ ร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ด้วยทักษะที่โดดเด่น ชัยชาญถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศลาว ในช่วงสงครามเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นพลวิทยุ ให้กับหน่วยรบพิเศษไทย-อเมริกัน ✈️ ภารกิจที่ผิดพลาด นำไปสู่การเป็นเชลยศึก 📅 วันที่ 21 พฤษภาคม 2508 เป็นวันหยุด ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพันเอกชัยชาญ ไปตลอดกาล เมื่อถูกชวนขึ้นเครื่องบินของ Air America (สายการบินลับของ CIA) เพื่อไปทำหน้าที่เป็น Spotter หรือผู้ระบุตำแหน่งข้าศึก ขณะที่เครื่องบินกำลังบินจากเชียงลม แขวงไชยะบุรี ประเทศลาว เพื่อส่งเสบียงให้ฐานปฏิบัติการ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เครื่องถูกยิงตกกลางป่า ทหารอมริกันเสียชีวิตทั้งหมดทันที พันเอกชัยชาญและนักบินรอดชีวิต และพยายามหลบหนี แต่สุดท้ายถูกจับกุม โดยกองทัพเวียดนามเหนือ ชัยชาญถูกส่งไปยังค่ายเชลย ที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "แหกค่ายนรกเดียนเบียนฟู" ที่ซึ่งการทรมานนักโทษ ถือเป็นเรื่องปกติ... 🏚️ จากเดียนเบียนฟู สู่ฮานอยฮิลตัน ⚠️ หลังจากถูกขังอยู่ที่เดียนเบียนฟู นานเกือบ 3 ปี ชัยชาญถูกย้ายไปยังเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ซึ่งเป็นคุกที่เลื่องชื่อ ในหมู่เชลยศึกอเมริกัน 📌 ที่นี่ชัยชาญถูกขังเดี่ยว 5 ปี ถูกซ้อมทรมานเป็นประจำ ถูกมัดติดขื่อไม้ และต้องนอนเกลือกกลั้ว อยู่กับอุจจาระ และปัสสาวะของตัวเอง ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ เพียงเดือนละครั้ง 😞 🔥 แต่ถึงจะถูกทรมานแค่ไหน ชัยชาญก็ยังไม่ละทิ้งศักดิ์ศรี ของทหารไทย 🔑 Tap Code สื่อสารลับช่วยเชลยศึกอเมริกัน หนึ่งในวีรกรรมสำคัญ ของพันเอกชัยชาญคือ การใช้รหัสเคาะกำแพง (Tap Code) เพื่อส่งข้อมูลให้เชลยศึกอเมริกัน 🛑🔨 🔹 Tap Code คืออะไร? เป็นรหัสลับที่เชลยศึกอเมริกัน พัฒนาเพื่อใช้สื่อสารกัน โดยการเคาะกำแพง ตามจังหวะที่กำหนด เพื่อแทนตัวอักษร คล้ายกับรหัสมอร์ส หรือรหัสแตะ สามารถส่งได้หลายวิธี และในสภาพแวดล้อม ที่ยากลำบาก รหัสเคาะเป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้ารหัสข้อความ ข้อความจะถูกส่ง โดยการแปลตัวอักษรเป็นเสียงเคาะ ซึ่งนักโทษในเวียดนามใช้รหัสนี้ และบางครั้งเรียกว่ารหัสเคาะหรือรหัสสมิทตี้ รหัสนี้ใช้สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5x5 เพื่อกำหนดตัวเลขสองตัว (แถวและคอลัมน์) ให้กับตัวอักษรแต่ละตัว จากนั้นผู้ส่งจะเคาะหลายครั้งตามจำนวนตัวเลขแต่ละตัว และหยุดชั่วคราวระหว่างตัวเลข 🔹 ชัยชาญใช้รหัสเคาะอย่างไร? ชัยชาญเรียนรู้รหัสนี้ จากเชลยเวียดนามใต้ และใช้ส่งข้อความให้ทหารอเมริกัน แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการทรมาน และให้กำลังใจเพื่อนเชลย ☠️ ถ้าถูกจับได้ อาจต้องจบชีวิตทันที แต่ชัยชาญยอมเสี่ยง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนเชลย หนึ่งในเชลยศึก ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชัยชาญคือ "จอห์น แมกเคน" (John McCain) นักบินรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐอมเริกา ในเวลาต่อมา 🇺🇸 🏅 เกียรติยศสูงสุด จากกองทัพสหรัฐฯ 📅 หลังจากถูกกักขัง ยาวนานกว่า 9 ปี พันเอกชัยชาญได้รับการปล่อยตัว ในปี 2517 จากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ 💔 แต่เมื่อกลับมาถึงมาตุภูมิ ชัยชาญพบว่า ภรรยาแต่งงานใหม่ไปแล้ว ซึ่งตอนกลับมาได้รับพระราชทาน ยศชั้นนายพันแล้ว เพราะกองทัพไทยคิดว่า คงหายสาบสูญไป ในสงครามแล้ว แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้กลับมารับราชการเหมือนเดิม ไม่มีใครกล้าถอดยศพระราชทาน แม้ว่าชีวิตส่วนตัวจะพังพินาศ แต่เกียรติยศของชัยชาญ กลับได้รับการยกย่อง จากกองทัพสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกามอบเหรียญกล้าหาญ "Silver Star" และ "Legion of Merit" ให้ชาญชัย พร้อมจัดพิธีเชิดชูเกียรติที่ Pentagon 🔹 Hall of Heroes ที่ Pentagon พันเอกชัยชาญเป็น "ทหารต่างชาติเพียงคนเดียว" ที่ได้รับเกียรติให้มีรูปถ่าย แขวนอยู่ใน Hall of Heroes ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ✈️ นอกจากนี้ชัยชาญ ยังได้รับเชิญให้ไปศึกษาต่อ ที่ฐานทัพ Lackland Air Force Base และ Fort Bragg ศูนย์สงครามพิเศษของสหรัฐฯ 🕊️ วันสุดท้ายของวีรบุรุษไทย 📅 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 พันเอกชัยชาญ เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 87 ปี เนื่องจากเส้นเลือดสมองอุดตัน 🇹🇭 แม้พันเอกชัยชาญ จะเป็นที่รู้จักในวงแคบของคนไทย แต่สำหรับอเมริกา ชัยชาญคือหนึ่งในบุคคล ที่มีเกียรติสูงสุด ในหมู่เชลยศึก ✨ วีรกรรมของชัยชาญ จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ตลอดไป ✨ ✅ พันเอกชัยชาญ หาญนาวี คือหนึ่งในเชลยศึก ที่ถูกคุมขังนานที่สุด ในสงครามเวียดนาม ✅ มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยเหลือเชลยศึกอเมริกัน ✅ ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ✅ เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับเกียรติใน Hall of Heroes แม้กายจะลับไป แต่ชื่อของ "ชัยชาญ หาญนาวี" จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย และโลกตลอดไป 🙏🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041344 ก.พ. 2568 📢 #พันเอกชัยชาญหาญนาวี #เชลยศึกเวียดนาม #วีรบุรุษไทย #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #TapCode #JohnMcCain #ThaiMilitary #SilverStar #LegionOfMerit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1693 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีเซอร์ฉบับไทย “มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่"
    LENGENDS OF THE CONDOR HEROES: THE GALLANTS
    Action / Fantasy / Drama
    เข้าฉาย 20 กุมภาพันธ์ 2025

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายกาลังภายในอมตะฝีมือกิมย้งเรื่อง “มังกรหยก” ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของความแค้นเคืองและความเกลียดชังในยุคสงคราม ที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งอำนาจ

    ก๊วยเจ๋ง (รับบทโดย เซียวจ้าน) จากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง และได้ฝึกวิชาจนมีพลังยุทธมหาศาล ในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา แม้ว่าเขาจะได้รับการเชิดชูจากปรมาจารย์ ผู้ถ่ายทอด "คัมภีร์เก้าอิม” และ “18 ฝ่ามือพิชิตมังกร” ที่ไร้เทียมทานให้ ผู้คนทุกฝ่ายกลับต่างริษยาในตัวเขา จนทำให้เขาตกเป็นที่ครหาของชาวยุทธ ก๊วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง (รับบทโดย จวงต๋าเฟย) จึงต้องพลิกสถานการณ์และป้องกันพรมแดนของราชวงศ์ซ่งใต้ ท่ามกลางลูกธนูที่ระดมยิงมาราวกับห่าฝนให้ได้ ด้วยจิตวิญญาณของวีรบุรุษ

    มหากาพย์ภาพยนตร์กาลังภายในฟอร์มยักษ์จากผู้กากับ ฉีเคอะ
    ตำนาน ‘มังกรหยก’ ที่ยิ่งใหญ่จะกลับมาอีกครั้ง
    20 กุมภาพันธ์ 2025 ในโรงภาพยนตร์
    ทีเซอร์ฉบับไทย “มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่" LENGENDS OF THE CONDOR HEROES: THE GALLANTS Action / Fantasy / Drama เข้าฉาย 20 กุมภาพันธ์ 2025 ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายกาลังภายในอมตะฝีมือกิมย้งเรื่อง “มังกรหยก” ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของความแค้นเคืองและความเกลียดชังในยุคสงคราม ที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งอำนาจ ก๊วยเจ๋ง (รับบทโดย เซียวจ้าน) จากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง และได้ฝึกวิชาจนมีพลังยุทธมหาศาล ในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา แม้ว่าเขาจะได้รับการเชิดชูจากปรมาจารย์ ผู้ถ่ายทอด "คัมภีร์เก้าอิม” และ “18 ฝ่ามือพิชิตมังกร” ที่ไร้เทียมทานให้ ผู้คนทุกฝ่ายกลับต่างริษยาในตัวเขา จนทำให้เขาตกเป็นที่ครหาของชาวยุทธ ก๊วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง (รับบทโดย จวงต๋าเฟย) จึงต้องพลิกสถานการณ์และป้องกันพรมแดนของราชวงศ์ซ่งใต้ ท่ามกลางลูกธนูที่ระดมยิงมาราวกับห่าฝนให้ได้ ด้วยจิตวิญญาณของวีรบุรุษ มหากาพย์ภาพยนตร์กาลังภายในฟอร์มยักษ์จากผู้กากับ ฉีเคอะ ตำนาน ‘มังกรหยก’ ที่ยิ่งใหญ่จะกลับมาอีกครั้ง 20 กุมภาพันธ์ 2025 ในโรงภาพยนตร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1135 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • เด็กเนิร์ดเปลี่ยนโลก
    "เหลียง เหวินเฟิง" ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จากเด็กเนิร์ดสู่วีรบุรุษไซเบอร์ของจีน

    #SondhiTalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhiapp #SondhiX #deepseek #เทคโนโลยีAI #AIเปลี่ยนโลก #จีน #เหลียงเหวินเฟิง #วีรบุรุษไซเบอร์
    เด็กเนิร์ดเปลี่ยนโลก "เหลียง เหวินเฟิง" ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จากเด็กเนิร์ดสู่วีรบุรุษไซเบอร์ของจีน #SondhiTalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhiapp #SondhiX #deepseek #เทคโนโลยีAI #AIเปลี่ยนโลก #จีน #เหลียงเหวินเฟิง #วีรบุรุษไซเบอร์
    Like
    Love
    Haha
    52
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4776 มุมมอง 132 3 รีวิว
Pages Boosts