• เรื่องเล่าจาก Granny และโรงอาหาร

    ผู้เขียนเล่าถึงคุณยาย Beulah Culpepper หรือ Granny ที่เริ่มทำงานเป็นแม่ครัวโรงเรียนตั้งแต่อายุ 43 ปี หลังจากเลี้ยงลูก 8 คน เธอใช้ทักษะการทำอาหารพื้นบ้าน เช่น ซุปผัก ขนมปังยีสต์ และคุกกี้เนยถั่ว เพื่อดูแลเด็ก ๆ ใน Blue Ridge, Georgia แม้ต้องใช้วัตถุดิบราคาถูกอย่าง “government cheese” แต่ Granny เชื่อในหลักการ “ไม่มีเด็กคนไหนควรออกจากโรงอาหารไปอย่างหิวโหย”.

    บทบาทแม่ครัวโรงเรียนยุคใหม่
    บทความยังสะท้อนถึงแม่ครัวโรงเรียนรุ่นใหม่ เช่น Stephanie Dillard ที่ทำงานเพื่อให้เด็ก ๆ ได้กินอาหารสดจากท้องถิ่น เช่น ส้ม satsuma, สตรอว์เบอร์รี และไส้กรอก Conecuh เธอเน้นว่า “ความสุขที่สุดคือการได้รู้ว่าเราให้อาหารที่ดีต่อสุขภาพแก่เด็ก ๆ” แต่ก็ยอมรับว่าการทำอาหารสดต้องการ งบประมาณและการสนับสนุนมากขึ้น.

    การเมืองและอาหารกลางวัน
    นโยบายอาหารกลางวันในสหรัฐฯ ถูกกำหนดโดยกฎหมายและการเมือง เช่น National School Lunch Act ปี 1946 และโครงการ Healthy, Hunger-Free Kids Act ของ Michelle Obama ที่เคยถูกวิจารณ์และลดทอนโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยม ปัจจุบันแม้มีการผลักดันให้ใช้วัตถุดิบสดและลดอาหารแปรรูป แต่การตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางกลับทำให้โครงการ “farm-to-school” หลายแห่งต้องหยุดชะงัก.

    ความคิดสร้างสรรค์เพื่อชุมชน
    แม่ครัวบางคนยังหาวิธีใหม่ ๆ เช่น “Chow Bus” ที่ดัดแปลงรถโรงเรียนเป็นครัวเคลื่อนที่ แจกอาหารและหนังสือให้เด็ก ๆ ในช่วงฤดูร้อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ความพยายามเหล่านี้สะท้อนว่าโรงอาหารไม่ใช่แค่ที่กินข้าว แต่คือ หัวใจของโรงเรียนและชุมชน.

    สรุปสาระสำคัญ
    Granny และแม่ครัวรุ่นเก่า
    ใช้ทักษะพื้นบ้านทำอาหารให้เด็ก ๆ
    ยึดหลัก “ไม่มีเด็กคนไหนควรหิวโหย”

    แม่ครัวรุ่นใหม่
    ผลักดันอาหารสดจากท้องถิ่น
    ต้องการงบประมาณเพิ่มเพื่อทำอาหารจากวัตถุดิบสด

    การเมืองและนโยบาย
    กฎหมายอาหารกลางวันมีผลต่อเมนูและงบประมาณ
    การตัดงบทำให้โครงการ farm-to-school สะดุด

    ความคิดสร้างสรรค์เพื่อชุมชน
    โครงการ Chow Bus แจกอาหารและหนังสือ
    โรงอาหารคือหัวใจของโรงเรียนและชุมชน

    ความท้าทาย
    งบประมาณไม่เพียงพอสำหรับอาหารสด
    การเมืองทำให้โครงการดี ๆ ถูกยกเลิก

    https://bittersoutherner.com/issue-no-12/all-praise-to-the-lunch-ladies
    🍲 เรื่องเล่าจาก Granny และโรงอาหาร ผู้เขียนเล่าถึงคุณยาย Beulah Culpepper หรือ Granny ที่เริ่มทำงานเป็นแม่ครัวโรงเรียนตั้งแต่อายุ 43 ปี หลังจากเลี้ยงลูก 8 คน เธอใช้ทักษะการทำอาหารพื้นบ้าน เช่น ซุปผัก ขนมปังยีสต์ และคุกกี้เนยถั่ว เพื่อดูแลเด็ก ๆ ใน Blue Ridge, Georgia แม้ต้องใช้วัตถุดิบราคาถูกอย่าง “government cheese” แต่ Granny เชื่อในหลักการ “ไม่มีเด็กคนไหนควรออกจากโรงอาหารไปอย่างหิวโหย”. 🏫 บทบาทแม่ครัวโรงเรียนยุคใหม่ บทความยังสะท้อนถึงแม่ครัวโรงเรียนรุ่นใหม่ เช่น Stephanie Dillard ที่ทำงานเพื่อให้เด็ก ๆ ได้กินอาหารสดจากท้องถิ่น เช่น ส้ม satsuma, สตรอว์เบอร์รี และไส้กรอก Conecuh เธอเน้นว่า “ความสุขที่สุดคือการได้รู้ว่าเราให้อาหารที่ดีต่อสุขภาพแก่เด็ก ๆ” แต่ก็ยอมรับว่าการทำอาหารสดต้องการ งบประมาณและการสนับสนุนมากขึ้น. 🌱 การเมืองและอาหารกลางวัน นโยบายอาหารกลางวันในสหรัฐฯ ถูกกำหนดโดยกฎหมายและการเมือง เช่น National School Lunch Act ปี 1946 และโครงการ Healthy, Hunger-Free Kids Act ของ Michelle Obama ที่เคยถูกวิจารณ์และลดทอนโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยม ปัจจุบันแม้มีการผลักดันให้ใช้วัตถุดิบสดและลดอาหารแปรรูป แต่การตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางกลับทำให้โครงการ “farm-to-school” หลายแห่งต้องหยุดชะงัก. 🚍 ความคิดสร้างสรรค์เพื่อชุมชน แม่ครัวบางคนยังหาวิธีใหม่ ๆ เช่น “Chow Bus” ที่ดัดแปลงรถโรงเรียนเป็นครัวเคลื่อนที่ แจกอาหารและหนังสือให้เด็ก ๆ ในช่วงฤดูร้อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ความพยายามเหล่านี้สะท้อนว่าโรงอาหารไม่ใช่แค่ที่กินข้าว แต่คือ หัวใจของโรงเรียนและชุมชน. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Granny และแม่ครัวรุ่นเก่า ➡️ ใช้ทักษะพื้นบ้านทำอาหารให้เด็ก ๆ ➡️ ยึดหลัก “ไม่มีเด็กคนไหนควรหิวโหย” ✅ แม่ครัวรุ่นใหม่ ➡️ ผลักดันอาหารสดจากท้องถิ่น ➡️ ต้องการงบประมาณเพิ่มเพื่อทำอาหารจากวัตถุดิบสด ✅ การเมืองและนโยบาย ➡️ กฎหมายอาหารกลางวันมีผลต่อเมนูและงบประมาณ ➡️ การตัดงบทำให้โครงการ farm-to-school สะดุด ✅ ความคิดสร้างสรรค์เพื่อชุมชน ➡️ โครงการ Chow Bus แจกอาหารและหนังสือ ➡️ โรงอาหารคือหัวใจของโรงเรียนและชุมชน ‼️ ความท้าทาย ⛔ งบประมาณไม่เพียงพอสำหรับอาหารสด ⛔ การเมืองทำให้โครงการดี ๆ ถูกยกเลิก https://bittersoutherner.com/issue-no-12/all-praise-to-the-lunch-ladies
    BITTERSOUTHERNER.COM
    All Praise to the Lunch Ladies — THE BITTER SOUTHERNER
    Blessed are the women who watch over America’s children.
    0 Comments 0 Shares 241 Views 0 Reviews
  • ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 2
    “ซามูไรแบกถาด”

    ตอน 2

    หลังจากสอบสัมภาษณ์เสร็จเมื่อปลายเดือนเมษายน คุณพี่อาเบะ ก็รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น แกต้องมาจัดการเแก้ไข เรื่องภายในของญี่ปุ่นอีกหลายเรื่อง เพื่อให้บทบาทของหัวหมู่ทะลวงฟัน ดำเนินการได้ครบถ้วน ตามที่กำหนดไว้ใน Grand Strategy อย่างเรียบร้อยโดยไม่มีอุปสรรค รัฐบาลของคุณพี่อาเบะ ต้องเสนอร่างกฏหมาย 2 ฉบับเข้าสภา มันเป็นกฏหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศทั้ง 2 ฉบับ

    กฏหมายฉบับหนึ่ง จะเป็นการแก้ไข กฏหมายอีก 10 ฉบับ ที่เกี่ยวโยงกัน เพื่อยกเลิกข้อจำกัด เกี่ยวกับการปกป้องตนเองของญี่ปุ่น Self Defence Forces (SDF) และ สิทธิที่จะใช้กองกำลังของประเทศ ช่วยเหลือประเทศ “อื่น” ที่ถูกโจมตี “ใน” อาณาเขตของญี่ปุ่น ส่วนกฏหมายอีกฉบับ เป็นการสร้างอำนาจให้กับรัฐบาล ที่จะเอากองกำลังของประเทศ ไปใช้ต่อสู้ “นอก” อาณาเขตของญี่ปุ่นได้ มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นก็ทำตามใบสั่งโดยไม่เกี่ยง ไม่งอน น่ารักซะไม่มีล่ะ

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพของญี่ปุ่นทั้งหมด ถูกให้ยกเลิก และอเมริกา โดยนายพลดักกลาส แมคอาเธอร์ ผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรภาคพื้นแปซิฟิก ก็จัดการให้ญี่ปุ่น จัดทำรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1947 และมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญ เขียนไว้อย่างสวยหรู ตามถ้อยคำ ที่กำกับโดยท่านนายพล อ่านกันให้ซึ้งนะครับ

    ” ด้วยความปรารถนาอย่างจริงใจ ที่จะให้เกิดสันติภาพที่มีแบบแผนขึ้นในสากล เราประชาชนชาวญี่ปุ่น จึงขอปฏิเสธตลอดกาล ต่อการใช้อำนาจโดยชาติใดและการข่มขู่ใด หรือการใช้กำลังใด เพื่อตัดสินข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ และเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ ดังกล่าวข้างต้น เราจะไม่ดำรงกองกำลัง ไม่ว่า ทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมทั้งไม่สร้างสงครามใด และจะไม่ถือสิทธิใดของรัฐ ที่จะก่อสงคราม”
    (“Aspiring sincerely to an international peace based on order, the Japanese people forever renounce war as a sovereign right of the nation and the threat or use of force as means of settling international disputes. In order to accomplish the aim of the preceding paragraph, land, sea and airforces, as well as other war potential, will never be maintained. The right of belligerency of the state will not be recognized.”)

    “ตลอดกาล” หรือ forever ของญี่ปุ่น ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก

    เมื่อเกิดสงครามเย็น และสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นก็ชักหน้าจ๋อย ขอผมมีกองกำลังไว้ป้องกันประเทศสักหน่อย ได้ไหมครับท่านนายพล การแสดงความปรารถนา อย่างตลอดกาลของญี่ปุ่น ตามมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้น จึงได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีการออกกฏหมายใน ปี ค.ศ.1954 ให้ญี่ปุ่นสามารถมีกองกำลังเพียงพอ ที่จะดูแลปกป้องตัวเองได้ Self Defence Forces (SDF) หลังจากนั้น ญี่ปุ่นพยายามแก้รัฐธรรมนูญ มาตรานี้มาหลายครั้ง เพื่อขยายกองกำลังขึ้นอีก แต่ไม่เคยมีรัฐบาลใดทำสำเร็จ เพราะประชาชนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ไม่สนับสนุน ชาวญี่ปุ่นยังเข็ดขยาดกับสงคราม

    แต่ครั้งนี้ นายอาเบะไม่รู้ไปกินอะไรมา กำลังภายในสูงส่งมาก กฏหมายทั้ง 2 ฉบับ ที่จะนำทางไปสู่การแก้มาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นด้วยนั้น สภาผู้แทนของญี่ปุ่น ว่าง่ายผ่านร่างกฏหมายทั้ง 2 ฉบับนี้เรียบร้อยไปแล้ว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมนี้เอง กฏหมายนี้ยังจะต้องส่งเข้าสภาสูงเพื่อพิจารณาด้วย โดยมีกำหนดการพิจารณาในฤดูร้อนของญี่ปุ่น (ประมาณเดือนกรกฏาคม) ข่าวว่า เดิมสภาสูงของญี่ปุ่น จะปิดสมัยประชุม สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ แต่เนื่องจากจะต้องผ่านกฏหมายสำคัญนี้ จึงจะมีการยืดสมัยประชุมออกไป เพื่อรอพิจารณากฏหมายดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น เพื่อให้กองทัพของญี่ปุ่นร่อนไปทำทั่วโลกได้
    ทั้งหมดนี้ ไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณพี่อาเบะ ทุกอย่างเดินหน้าตามใบสั่ง สภาจะปิด ก็เปิดได้ แหม… ทำไมมันว่าง่ายกันยังนี้หนอ ไม่รู้จักเจ็บ ไม่รู้จักจำมั่งหรือไร เขาทิ้งบอมบ์จนประชาชนคนชาติเดียวกันตายหมู่ที่ละเป็นแสนๆ นี่เขาหลอกเอาขึ้นแท่นเป็นหัวหมู่ ให้ไปตายแทน ไม่ใช่แต่ในเอเซีย ในตะวันออกกลาง ก็อาจจะต้องไปล้างปั้ม ชิงปั้ม ให้เขา ก็ยังรีบร้อนเดินหน้าทำให้เขาอีก เออ ผมละงงจริงๆ บุญหนักหนา ที่มันตัดขาดเรา ไม่ต้องเป็นขี้ข้า หัวซุกหัวซุนวิ่งรับใช้มัน ทำทุกอย่างตามที่มันต้องการ รวมทั้งไปตายแทนมัน…

    ผมเป็นอเมริกา ผมต้องตกรางวัลนายอาเบะเต็มอัตราเลย เพราะก่อนหน้าจะเอาร่างกฏหมายทั้งหลายนี่เข้าสภา นายอาเบะ ลงทุนเชิญนายทหารระดับสูงจากอเมริกา และยุโรปมาชมแสนยานุภาพของญี่ปุ่น อาวุธสุดทันสมัย ที่กองทัพเรือญี่ปุ่น “เตรียมพร้อม” ที่จะซื้อ ทันทีที่รัฐสภาญี่ปุ่นอนุมัติ ทำงานล่วงหน้าแบบนี่ ไม่ให้โบนัส ก็ใจจืดไปหน่อย

    ยังไม่หมดครับ ย้อนไปก่อนหน้านี้ นายอาเบะ ได้ขอให้สภาอนุมัติเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง โดยเฉพาะ เพื่อตั้งฐานทัพติดตั้งเรดาร์ที่เกาะ Yonaguni ซึ่งเป็นดินแดนของญี่ปุ่น ที่อยู่ใกล้ที่สุดกับจีน และตั้งหน่วยสะเทื้อนน้ำสะเทื้อนบก ตามรูปแบบของอังกฤษ ตามยุทธศาสตร์เอาติดแดนที่ถูกศัตรูยึดไปกลับคืน นี่กะดูถึงขนจมูกอาเฮียเลยซินะ

    อังกฤษ และญี่ปุ่น มีสภาพเป็นเกาะเหมือนกัน ท่านนายพล Richard Spencer อดีตผู้บัญชาการ กองทัพเรือของสหภาพยุโรป แต่ปัจจุบัน มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาให้กับ Self Defense Force (SDF) ของญี่ปุ่น ยุทธศาสตร์ที่เราแนะนำ เหมาะสมแล้ว …อ้อ นี่ เขาจัดส่งเป็นแพ๊กเกจเลยนะ เพื่อปั้นกองทัพเดนตายให้ญี่ปุ่น

    กองทัพญี่ปุ่นไม่ได้ยิงกระสุนอีกเลย แม้แต่นัดเดียว นับตั้งแต่ถูกอเมริกายึดครองในปี ค.ศ.1945 บริษัทผลิตอาวุธของญี่ปุ่นเอง หลายบริษัท ผันตัวเองไปผลิตสินค้า เพื่อความสดวกสบายของชีวิต แทนการผลิตอาวุธ และการผลิตอาวุธเพื่อส่งออกของญี่ปุ่น ถูกห้ามโดยเด็ดขาด และเปลี่ยนเป็นการผลิต รถถัง เครื่องบินรบ เรือรบ เรือดำน้ำ เฉพาะตามโครงการ SDF เท่านั้น
    แต่ในปีที่แล้ว นายอาเบะ ก็ปรับนโยบายด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นใหม่ ด้วยการเริ่มติดต่อกับผู้ผลิตอาวุธต่างประเทศ รวมทั้ง เครื่องบินรบ และเรือรบ เขาบอกว่า ยุทธศาสตร์การสร้างสันติภาพของญี่ปุ่น จำเป็นต้องใช้ร่วมกับการป้องกันด้วยอาวุธทางทหาร… ยุทธศาสตร์เดียวกับลูกพี่เป๊ะเลย รักษาสันติภาพในตะวันออกกลาง เสียจนทะลายราบเกือบหมดประเทศ

    เมื่อต้นปี ญี่ปุ่นเปิดตัวเรือรบลำใหม่ ชื่อ Izumo เป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มีรันเวย์ยาวถึง 250 เมตร บรรทุกเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์เต็มอัตรา Izumo ยังมีพี่เลี้ยงประกบข้างอีก 2 ลำ เป็นเรือรบชนิดบรรทุกเครื่องบิน รายงานข่าวอ้างว่า ขณะนี้ กองทัพเรือของญี่ปุ่น ใหญ่กว่ากองทัพเรือของฝรั่งเศสบวกกับอังกฤษเสียด้วยซ้ำ …น่าสนใจ ไม่รู้ข่าวนี้ใส่สีเข้มหรือเปล่า ต้องกรองหน่อยนะครับ

    ถนนทุกสายกำลังมุ่งไปสู่โตเกียว!

    MAST บริษัทนายหน้าค้าอาวุธใหญ่ของอังกฤษ ตีปีกฉีกยิ้ม กับนโยบายใหม่ของนาย อาเบะ หรือ ของ ไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ MAST รับหน้าที่ จัดรายการเชิญพ่อค้าขายอาวุธ มาแลกเปลียนความคิด ว่าจะ (ต้ม) ขายอาวุธให้ญี่ปุ่นอย่างไรดี ส่วนใหญ่ เห็นพ้องกันว่า ญี่ปุ่นเรื้อเวทีมานาน 70 ปี เราต้องใช้ นโยบายว่า อาวุธที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นมาตอนหลัง ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในการรบจริงเลยนะ ว่ามันจะใช้การได้ขนาดไหน นอกจากนี้พวกเขายังเล็งเหยื่อ ไปทั้งแถบ ตั้งแต่ เวียตนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ….อ้อ ไม่มีชื่อ ไทยแลนด์

    ท่านที่ปรึกษาใหญ่ นายพล Spencer บอกว่า การเปลี่ยนนโยบายของญี่ปุ่นด้านความมั่นคงนี้ อย่ามองว่าเป็นแค่การเปิดประตู ให้พวกนักค้าอาวุธเข้ามานะ มันเป็นการเปิดประตูของญี่ปุ่น ที่พาตัวเองออกไปสู่บทบาท ด้านการทหารระดับโลกต่างหาก… เยี่ยมครับ สมเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง เขาส่งคน(ต้ม) มาถูกงานจริงๆ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 พ.ค. 2558
    ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 2 “ซามูไรแบกถาด” ตอน 2 หลังจากสอบสัมภาษณ์เสร็จเมื่อปลายเดือนเมษายน คุณพี่อาเบะ ก็รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น แกต้องมาจัดการเแก้ไข เรื่องภายในของญี่ปุ่นอีกหลายเรื่อง เพื่อให้บทบาทของหัวหมู่ทะลวงฟัน ดำเนินการได้ครบถ้วน ตามที่กำหนดไว้ใน Grand Strategy อย่างเรียบร้อยโดยไม่มีอุปสรรค รัฐบาลของคุณพี่อาเบะ ต้องเสนอร่างกฏหมาย 2 ฉบับเข้าสภา มันเป็นกฏหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศทั้ง 2 ฉบับ กฏหมายฉบับหนึ่ง จะเป็นการแก้ไข กฏหมายอีก 10 ฉบับ ที่เกี่ยวโยงกัน เพื่อยกเลิกข้อจำกัด เกี่ยวกับการปกป้องตนเองของญี่ปุ่น Self Defence Forces (SDF) และ สิทธิที่จะใช้กองกำลังของประเทศ ช่วยเหลือประเทศ “อื่น” ที่ถูกโจมตี “ใน” อาณาเขตของญี่ปุ่น ส่วนกฏหมายอีกฉบับ เป็นการสร้างอำนาจให้กับรัฐบาล ที่จะเอากองกำลังของประเทศ ไปใช้ต่อสู้ “นอก” อาณาเขตของญี่ปุ่นได้ มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นก็ทำตามใบสั่งโดยไม่เกี่ยง ไม่งอน น่ารักซะไม่มีล่ะ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพของญี่ปุ่นทั้งหมด ถูกให้ยกเลิก และอเมริกา โดยนายพลดักกลาส แมคอาเธอร์ ผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรภาคพื้นแปซิฟิก ก็จัดการให้ญี่ปุ่น จัดทำรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1947 และมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญ เขียนไว้อย่างสวยหรู ตามถ้อยคำ ที่กำกับโดยท่านนายพล อ่านกันให้ซึ้งนะครับ ” ด้วยความปรารถนาอย่างจริงใจ ที่จะให้เกิดสันติภาพที่มีแบบแผนขึ้นในสากล เราประชาชนชาวญี่ปุ่น จึงขอปฏิเสธตลอดกาล ต่อการใช้อำนาจโดยชาติใดและการข่มขู่ใด หรือการใช้กำลังใด เพื่อตัดสินข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ และเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ ดังกล่าวข้างต้น เราจะไม่ดำรงกองกำลัง ไม่ว่า ทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมทั้งไม่สร้างสงครามใด และจะไม่ถือสิทธิใดของรัฐ ที่จะก่อสงคราม” (“Aspiring sincerely to an international peace based on order, the Japanese people forever renounce war as a sovereign right of the nation and the threat or use of force as means of settling international disputes. In order to accomplish the aim of the preceding paragraph, land, sea and airforces, as well as other war potential, will never be maintained. The right of belligerency of the state will not be recognized.”) “ตลอดกาล” หรือ forever ของญี่ปุ่น ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก เมื่อเกิดสงครามเย็น และสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นก็ชักหน้าจ๋อย ขอผมมีกองกำลังไว้ป้องกันประเทศสักหน่อย ได้ไหมครับท่านนายพล การแสดงความปรารถนา อย่างตลอดกาลของญี่ปุ่น ตามมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้น จึงได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีการออกกฏหมายใน ปี ค.ศ.1954 ให้ญี่ปุ่นสามารถมีกองกำลังเพียงพอ ที่จะดูแลปกป้องตัวเองได้ Self Defence Forces (SDF) หลังจากนั้น ญี่ปุ่นพยายามแก้รัฐธรรมนูญ มาตรานี้มาหลายครั้ง เพื่อขยายกองกำลังขึ้นอีก แต่ไม่เคยมีรัฐบาลใดทำสำเร็จ เพราะประชาชนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ไม่สนับสนุน ชาวญี่ปุ่นยังเข็ดขยาดกับสงคราม แต่ครั้งนี้ นายอาเบะไม่รู้ไปกินอะไรมา กำลังภายในสูงส่งมาก กฏหมายทั้ง 2 ฉบับ ที่จะนำทางไปสู่การแก้มาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นด้วยนั้น สภาผู้แทนของญี่ปุ่น ว่าง่ายผ่านร่างกฏหมายทั้ง 2 ฉบับนี้เรียบร้อยไปแล้ว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมนี้เอง กฏหมายนี้ยังจะต้องส่งเข้าสภาสูงเพื่อพิจารณาด้วย โดยมีกำหนดการพิจารณาในฤดูร้อนของญี่ปุ่น (ประมาณเดือนกรกฏาคม) ข่าวว่า เดิมสภาสูงของญี่ปุ่น จะปิดสมัยประชุม สิ้นเดือนมิถุนายนนี้ แต่เนื่องจากจะต้องผ่านกฏหมายสำคัญนี้ จึงจะมีการยืดสมัยประชุมออกไป เพื่อรอพิจารณากฏหมายดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น เพื่อให้กองทัพของญี่ปุ่นร่อนไปทำทั่วโลกได้ ทั้งหมดนี้ ไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณพี่อาเบะ ทุกอย่างเดินหน้าตามใบสั่ง สภาจะปิด ก็เปิดได้ แหม… ทำไมมันว่าง่ายกันยังนี้หนอ ไม่รู้จักเจ็บ ไม่รู้จักจำมั่งหรือไร เขาทิ้งบอมบ์จนประชาชนคนชาติเดียวกันตายหมู่ที่ละเป็นแสนๆ นี่เขาหลอกเอาขึ้นแท่นเป็นหัวหมู่ ให้ไปตายแทน ไม่ใช่แต่ในเอเซีย ในตะวันออกกลาง ก็อาจจะต้องไปล้างปั้ม ชิงปั้ม ให้เขา ก็ยังรีบร้อนเดินหน้าทำให้เขาอีก เออ ผมละงงจริงๆ บุญหนักหนา ที่มันตัดขาดเรา ไม่ต้องเป็นขี้ข้า หัวซุกหัวซุนวิ่งรับใช้มัน ทำทุกอย่างตามที่มันต้องการ รวมทั้งไปตายแทนมัน… ผมเป็นอเมริกา ผมต้องตกรางวัลนายอาเบะเต็มอัตราเลย เพราะก่อนหน้าจะเอาร่างกฏหมายทั้งหลายนี่เข้าสภา นายอาเบะ ลงทุนเชิญนายทหารระดับสูงจากอเมริกา และยุโรปมาชมแสนยานุภาพของญี่ปุ่น อาวุธสุดทันสมัย ที่กองทัพเรือญี่ปุ่น “เตรียมพร้อม” ที่จะซื้อ ทันทีที่รัฐสภาญี่ปุ่นอนุมัติ ทำงานล่วงหน้าแบบนี่ ไม่ให้โบนัส ก็ใจจืดไปหน่อย ยังไม่หมดครับ ย้อนไปก่อนหน้านี้ นายอาเบะ ได้ขอให้สภาอนุมัติเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง โดยเฉพาะ เพื่อตั้งฐานทัพติดตั้งเรดาร์ที่เกาะ Yonaguni ซึ่งเป็นดินแดนของญี่ปุ่น ที่อยู่ใกล้ที่สุดกับจีน และตั้งหน่วยสะเทื้อนน้ำสะเทื้อนบก ตามรูปแบบของอังกฤษ ตามยุทธศาสตร์เอาติดแดนที่ถูกศัตรูยึดไปกลับคืน นี่กะดูถึงขนจมูกอาเฮียเลยซินะ อังกฤษ และญี่ปุ่น มีสภาพเป็นเกาะเหมือนกัน ท่านนายพล Richard Spencer อดีตผู้บัญชาการ กองทัพเรือของสหภาพยุโรป แต่ปัจจุบัน มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาให้กับ Self Defense Force (SDF) ของญี่ปุ่น ยุทธศาสตร์ที่เราแนะนำ เหมาะสมแล้ว …อ้อ นี่ เขาจัดส่งเป็นแพ๊กเกจเลยนะ เพื่อปั้นกองทัพเดนตายให้ญี่ปุ่น กองทัพญี่ปุ่นไม่ได้ยิงกระสุนอีกเลย แม้แต่นัดเดียว นับตั้งแต่ถูกอเมริกายึดครองในปี ค.ศ.1945 บริษัทผลิตอาวุธของญี่ปุ่นเอง หลายบริษัท ผันตัวเองไปผลิตสินค้า เพื่อความสดวกสบายของชีวิต แทนการผลิตอาวุธ และการผลิตอาวุธเพื่อส่งออกของญี่ปุ่น ถูกห้ามโดยเด็ดขาด และเปลี่ยนเป็นการผลิต รถถัง เครื่องบินรบ เรือรบ เรือดำน้ำ เฉพาะตามโครงการ SDF เท่านั้น แต่ในปีที่แล้ว นายอาเบะ ก็ปรับนโยบายด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นใหม่ ด้วยการเริ่มติดต่อกับผู้ผลิตอาวุธต่างประเทศ รวมทั้ง เครื่องบินรบ และเรือรบ เขาบอกว่า ยุทธศาสตร์การสร้างสันติภาพของญี่ปุ่น จำเป็นต้องใช้ร่วมกับการป้องกันด้วยอาวุธทางทหาร… ยุทธศาสตร์เดียวกับลูกพี่เป๊ะเลย รักษาสันติภาพในตะวันออกกลาง เสียจนทะลายราบเกือบหมดประเทศ เมื่อต้นปี ญี่ปุ่นเปิดตัวเรือรบลำใหม่ ชื่อ Izumo เป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มีรันเวย์ยาวถึง 250 เมตร บรรทุกเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์เต็มอัตรา Izumo ยังมีพี่เลี้ยงประกบข้างอีก 2 ลำ เป็นเรือรบชนิดบรรทุกเครื่องบิน รายงานข่าวอ้างว่า ขณะนี้ กองทัพเรือของญี่ปุ่น ใหญ่กว่ากองทัพเรือของฝรั่งเศสบวกกับอังกฤษเสียด้วยซ้ำ …น่าสนใจ ไม่รู้ข่าวนี้ใส่สีเข้มหรือเปล่า ต้องกรองหน่อยนะครับ ถนนทุกสายกำลังมุ่งไปสู่โตเกียว! MAST บริษัทนายหน้าค้าอาวุธใหญ่ของอังกฤษ ตีปีกฉีกยิ้ม กับนโยบายใหม่ของนาย อาเบะ หรือ ของ ไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ MAST รับหน้าที่ จัดรายการเชิญพ่อค้าขายอาวุธ มาแลกเปลียนความคิด ว่าจะ (ต้ม) ขายอาวุธให้ญี่ปุ่นอย่างไรดี ส่วนใหญ่ เห็นพ้องกันว่า ญี่ปุ่นเรื้อเวทีมานาน 70 ปี เราต้องใช้ นโยบายว่า อาวุธที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นมาตอนหลัง ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในการรบจริงเลยนะ ว่ามันจะใช้การได้ขนาดไหน นอกจากนี้พวกเขายังเล็งเหยื่อ ไปทั้งแถบ ตั้งแต่ เวียตนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ….อ้อ ไม่มีชื่อ ไทยแลนด์ ท่านที่ปรึกษาใหญ่ นายพล Spencer บอกว่า การเปลี่ยนนโยบายของญี่ปุ่นด้านความมั่นคงนี้ อย่ามองว่าเป็นแค่การเปิดประตู ให้พวกนักค้าอาวุธเข้ามานะ มันเป็นการเปิดประตูของญี่ปุ่น ที่พาตัวเองออกไปสู่บทบาท ด้านการทหารระดับโลกต่างหาก… เยี่ยมครับ สมเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง เขาส่งคน(ต้ม) มาถูกงานจริงๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 555 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 3 – 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 3

    นาย Olof Aschberg หรือ ที่พวกสื่อเรียกเขาว่า “Bolsheviks Banker” นายธนาคารของพวก Bolsheviks เป็นชาวสวีเดน และเป็นเจ้าของธนาคาร “Nya Banken ” ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1912 ที่เมือง Stockholm บรรดากรรมการของ Nya Banken เป็นพวกไฮโซ ในวงการธุรกิจและสังคมในสวีเดนทั้งนั้น แต่ในปี 1918 Nya Banken ก็ถูกฝ่ายสัมพันธมิตร ขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากมีข้อกล่าวหาว่า ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่เยอรมัน คู่ต่อสู้ของฝ่ายสัมพันธมิตร

    แต่นาย Olof Aschberg ไม่เดือดร้อน เขาเลี่ยงบัญชีดำ โดยเปลี่ยนชื่อ Nya Banken เป็น Svensk Ekonomiebolaget (ชื่อยาวชมัด) แต่เขาก็ยังเป็นเจ้าของ และมีอำนาจจัดการอยู่เหมือนเดิม ธนาคารตัวแทนของ Nya Bank ที่ลอนดอน คือ British Bank of North Commerce ซึ่งประธานคือ Lord Earl Grey ซึ่งเป็นเพื่อนของนาย Cecil Rholds แห่งสมาคม Round Table ที่มีอิทธิพลสูงในอังกฤษ ที่เกือบจะเหมือนเป็นรัฐบาลเงาของอังกฤษอยู่แล้ว แบบนี้ Olof Aschberg คงไม่ต้องเกรงใจใคร

    ทำท่าจะเป็นเรื่องเล่นกันรอบวง ไม่มีใครตกหล่น ลงแขก หมาหมู่ รุมกันตื๊บ ร่วมกันโกง แย่งกันกิน สันดานแบบนี้ บางที ร้อยปีก็แก้ไม่หาย เผลอๆ หมาไน และอีแร้ง ยอมถอยให้

    ส่วนแวดวงธุรกิจของ Olof Aschberg ก็ไม่ใช่ธรรมดา ผู้ที่เขาคบค้า เป็นพวกหัวแถวมีอิทธิพลในสมัยนั้นทั้งนั้น เช่น นาย Krassin ซึ่งเป็นผู้จัดการของ Siemens ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมของเยอรมันที่เมืองPetrograd นาย Carl Furstenberg รัฐมนตรีคลังของรัฐบาล Bolsheviks ชุดแรก และนาย Max May ชาวเยอรมันรองประธานฝ่ายต่างประเทศของ Guaranty Trust of New York ซึ่ง Olof Aschberg ประจบประแจง ชนิดแทบจะเอาลิ้นเช็ดรองเท้าให้
    ในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ.1916 Olof Aschberg เดินทางไปนิวยอร์คในฐานะ เจ้าของ Nya Banken และในฐานะตัวแทน ของนาย Pierre Bark รัฐมนตรีคลัง ของซาร์นิโคลัส เรียกว่า ไปแบบฟอร์มใหญ่ หนังสือพิมพ์ New York Time ฉบับวันที่ 4 สิงหาคม 1916 ลงข่าวว่า Aschberg มานิวยอร์ค เพื่อเจรจาเงินกู้ 50 ล้านเหรียญให้แก่ซาร์ของรัสเซีย กับกลุ่มธนาคารอเมริกัน ซึ่งนำโดย National City Bank ซึ่งใช้วิธีออกพันธบัตร ให้ผู้กู้ 50 ล้านเหรียญ กินดอกเบี้ย จากผู้กู้ และเอาพันธบัตรนั้นมาขายต่อในตลาดทุนของอเมริกา ทำกำไรอีกต่อหนึ่ง

    ขณะเดียวกับที่เงินกู้ของรัสเซีย ภายใต้การปกครองของซาร์ กำลังขายว่อนกันอยู่ในตลาดทุนนิวยอร์ค Nya Banken และ Olof Aschberg ก็ส่งเงินอีกจำนวนที่รับมาจากรัฐบาลเยอรมัน ไปให้นักปฏิวัติชาวรัสเซีย ผู้ซึ่งจะไปล้มคณะผู้บริหารชุด Kerensky และเอาพวก Bolsheviks เข้ามาแทน !

    หลักฐานที่แสดงว่า Olof Aschberg เป็นเครือข่ายใกล้ชิด ที่สนับสนุนเงินทุนให้แก่ Bolsheviks Revolution มาจากหลายแหล่ง

    แต่เอกสารที่แสดงให้เห็นชัดถึง ความเกี่ยวข้องของ Nya Banken คือในเอกสารชื่อ “The Charges Against the Bolsheviks” ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นในสมัยของ Kerensky โดยเฉพาะเอกสารชิ้นหนึ่ง ที่ลงชื่อโดย นาย Gregory Alexinsky อดีตสมาชิกรัฐสภา ซึ่งระบุถึงการโอนเงิน บางส่วนไว้ดังนี้ :

    “เกี่ยวกับเรื่องข้อมูล ที่เพิ่งจะได้รับเดี๋ยวนี้ ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับเรื่องการให้เงินใน Stockholm คือ : Bolsheviks Jacob Furstenberg หรือที่รู้จักกันดี ในนาม “Hanecki” และ Parvus (Dr. Helphand) ใน Petrograd : ทนายของ Bolsheviks, M.U. Kozlovsky.. … Kozlovsky เป็นหัวหน้า ในการรับเงินของพวกเยอรมัน และโอนจากเบอร์ลินผ่าน Disconto Gesellschaft มาที่ Stockholm ผ่านมาเข้าที่ Siberian Bank ใน Petrograd ซึ่งขณะนี้เงินในบัญชีดังกล่าว มีเกินกว่า 2 ล้านรูเบิล เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ได้ตรวจสอบ พบว่ามีโทรเลขติดต่อกัน ระหว่างตัวแทนเยอรมันและหัวหน้า Bolsheviks เกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองและการสนับสนุนทางการเงินด้วย”
    หลายปีต่อมา ประมาณปี ค.ศ.1922 โซเวียตได้ตั้งธนาคารระหว่างประเทศ ขึ้นเป็นครั้งแรกชื่อ Ruskombank (Foreign Commercial Bank หรือ Bank of Foreign Commerce) ผู้ร่วมทุนของธนาคารนี้ มี เยอรมัน สวีเดน อเมริกา และอังกฤษ และมีนาย Olof Aschberg เป็นประธาน ส่วนกรรมการอื่นๆ มีทั้งตัวแทนธนาคารตั้งแต่สมัยซาร์ยังมีอำนาจ ตัวแทนจากเยอรมัน ตัวแทนจากสวีเดน ตัวแทนของธนาคารอเมริกัน และตัวแทนของสหภาพโซเวียต

    สถานฑูตอเมริกาใน Stockholm รายงานไปทางวอซิงตันในเรื่องนี้ และขอให้ตรวจสอบเครดิตของ Aschberg ซึ่งมีข่าวว่า “แย่มาก”

    ต้นเดือนตุลาคม 1922 มีการพบกันที่ Berlin ระหว่าง Olof Aschberg กับ Emil Wittenberg กรรมการของ Nationalbank fur Deutschland และ Scheinmann ประธาน Russian State Bank เพื่อหารือ เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของเยอ รมันใน Ruskombank หลังจากนั้นทั้ง 3 คน ก็เดินทางไป Stockholm และพบกับนาย Max May รองประธานของ Guaranty Trust และมีการตกลงกันให้ Max May มาเป็นหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศของ Ruskombank

    แน่นอนตัวแทนของ Ruskombank ในอเมริกาคือ Guaranty Trust แต่แล้วในต้นปี 1924 เกิดการงัดข้อกัน ระหว่าง Ruskombank กับสำนักงานตัวแทนการค้าของโซเวียต (Soviet Foreign-Trade Commissariat) และ Olof Aschberg ก็ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง ที่ Ruskombank โดยถูกกล่าวหาว่าใช้เงินของธนาคารอย่างไม่สุจริต

    ภายหลัง Ruskombank เปลี่ยนชื่อเป็น Vneshtorg และใช้อยู่จนปัจจุบันนี้

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 4

    นอกจากจะเลี่ยงกฏหมาย ให้เงินกู้ แก่อังกฤษ ฝรั่งเศส เพื่อเข้าทำสงครามสู้กับเยอรมันแล้ว กลุ่มการเงินของอเมริกา ยังให้เงินกู้กับรัสเซียตั้งแต่สมัยซาร์นิโคลัส เพื่อเข้าร่วมกลุ่มกับอังกฤษ ฝรั่งเศส ทำสงคราม กับ ฝ่ายเยอรมันด้วย และเมื่อซาร์ถูกปฏิวัติโค่นล้ม เงินทุนที่ใช้ในการปฏิวัติโค่นซาร์ ก็มารู้กันภายหลังอีกว่า มาจากเงินทุน ของกลุ่มนักการเงินของอเมริกา กลุ่มเดิมนั่นแหละ ชั่วได้ใจจริงๆ
    แต่อย่าเพิ่งนึกว่า อเมริกาทำชั่วได้เพียงเท่านี้

    ระหว่างที่กำลังทำสงครามโลกนั้น เยอรมันก็พยายามหาเงินกู้ เพื่อเอามาใช้ปฏิบัติงานด้านข่าวกรอง และจารกรรมทั้งในอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ แต่เราคงจะนึกไม่ถึงว่า เงินกู้ที่เยอรมันได้มานั้น ก็มาจากแหล่งเงินกู้กลุ่มเดิม คือ Guaranty Trust และ American International Corporation ซึ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดการ ก่อนและหลังการปฏิวัติของพวก Bolsheviks และรัฐบาลเยอรมัน ก็มีส่วนสนับสนุนการปฏิวัติของพวก Bolsheviks ผ่านนักปฏิวัติกลุ่ม Lenin

    รายงานการให้เงินกู้แก่พวกเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ของกลุ่มธนาคารอเมริกัน ได้ถูกส่งไปให้คณะกรรมาธิการ 1919 Overman Committee ของวุฒิสมาชิกอเมริกา มันเป็นรายงาน ที่ฝ่ายข่าวกรองของอเมริกา สรุปมาจากคำให้การของนาย Karl Heynen ซึ่งเดินทางเข้ามาในอเมริกาในเดือนเมษายน 1915 โดยอ้างว่า เพื่อมาช่วย Dr. Albert เกี่ยวกับธุรกิจและการเงินของรัฐบาลเยอรมัน หน้าที่ ที่เขาแจ้งกับทางการไว้คือ ดูแลการขนส่งสินค้าจากอเมริกา ผ่านสวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ และฮอลแลนด์ ไปให้เยอรมัน

    เงินกู้รายใหญ่ๆ ของเยอรมัน ที่มาจากแหล่งเงินกู้ในอเมริกาช่วงปี 1915 ถึง 1918 ตามคำให้การของ Heynen คือ

    – เงินกู้จำนวนแรก 4 แสนเหรียญ ทำการกู้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1914 ให้กู้โดย Kuhn, Loeb & Co มีหลักประกันเป็นเงินฝาก จำนวนเงิน 25 ล้านมาร์ค ฝากอยู่ที่ Max M. Warburg ในเมือง Hamburg ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Kuhn, Loeb & Co ที่เยอรมัน

    Caption George B Lester ของฝ่ายข่าวกรองอเมริกัน แจ้งต่อวุฒิสภาว่า เมื่อถาม Heynen ว่า ทำไมกู้เงินจาก Kuhn, Loeb & Co คำตอบคือ “เราเห็นว่า Kuhn, Loeb & Co เป็นธนาคารของรัฐบาลเยอรมัน
    – เงินกู้จำนวนที่สาม มาจาก Chase National Bank (ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ Morgan) จำนวน 3 ล้านเหรียญ

    – เงินกู้จำนวนที่สี่ มาจาก Mechanics and Metal National Bank จำนวน 1 ล้านเหรียญ

    เงินกู้เหล่านี้นำไปใช้ในงานจารกรรมในอเมริกาและเม็กซิโก

    Count Von Bernstorff ฑูตเยอรมัน ที่ประจำอยู่ที่อเมริกาขณะนั้น เล่าว่า เขาสนิทกับ Adolph Von Pavenstedt มาก จริงๆแล้ว Von Pavenstedt ก็สนิทกับเจ้าหน้าที่ของสถานฑูตเยอรมันทุกคนแหละ “Von Pavenstedt เป็นคนที่ได้รับการเคารพอย่างสูงจากผู้คนทั่วไป เขาอาจเป็นคนเยอรมัน ที่ได้รับการเคารพสูงสุดในนิวยอร์ค ก็ว่าได้”

    Von Pavenstedt เป็นหุ้นส่วนอาวุโสของ Armsinck & Co ซึ่งเป็นบริษัท ที่อยู่ภายใต้การบริหาร และการถือหุ้นของ American International Corporation (AIC) ที่มีคณะกรรมการ เป็นระดับเจ้าพ่อของวอลสตรีททั้งนั้น เช่น Rockefeller, Kahn, Stillman, Du Pont, Winthrop ฯลฯ

    Von Pavenstedt ไม่ได้เป็นเพียงหุ้นส่วนอาวุโส ของ Armsinck &Co อย่างเดียว แต่เขายังเป็นเฟืองตัวสำคัญของเครือข่ายสายลับเยอรมันในอเมริกาอีกด้วย เขาเป็นหัวหน้า ผู้ดูแล และทำหน้าที่จ่ายเงิน ให้แก่บรรดาสายลับเยอรมันในอเมริกา ตกลง Armsinck & Co ของ American International Corporation (AIC) ก็เป็นผู้ให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ในการให้ความสนับสนุนแก่สายลับเยอรมัน ทำจารกรรมในอเมริกาเอง ในช่วงที่กำลังมีสงครามนั่นแหละ

    เป็นไงครับ ชั่วถึงใจไหม

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 3 นาย Olof Aschberg หรือ ที่พวกสื่อเรียกเขาว่า “Bolsheviks Banker” นายธนาคารของพวก Bolsheviks เป็นชาวสวีเดน และเป็นเจ้าของธนาคาร “Nya Banken ” ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1912 ที่เมือง Stockholm บรรดากรรมการของ Nya Banken เป็นพวกไฮโซ ในวงการธุรกิจและสังคมในสวีเดนทั้งนั้น แต่ในปี 1918 Nya Banken ก็ถูกฝ่ายสัมพันธมิตร ขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากมีข้อกล่าวหาว่า ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่เยอรมัน คู่ต่อสู้ของฝ่ายสัมพันธมิตร แต่นาย Olof Aschberg ไม่เดือดร้อน เขาเลี่ยงบัญชีดำ โดยเปลี่ยนชื่อ Nya Banken เป็น Svensk Ekonomiebolaget (ชื่อยาวชมัด) แต่เขาก็ยังเป็นเจ้าของ และมีอำนาจจัดการอยู่เหมือนเดิม ธนาคารตัวแทนของ Nya Bank ที่ลอนดอน คือ British Bank of North Commerce ซึ่งประธานคือ Lord Earl Grey ซึ่งเป็นเพื่อนของนาย Cecil Rholds แห่งสมาคม Round Table ที่มีอิทธิพลสูงในอังกฤษ ที่เกือบจะเหมือนเป็นรัฐบาลเงาของอังกฤษอยู่แล้ว แบบนี้ Olof Aschberg คงไม่ต้องเกรงใจใคร ทำท่าจะเป็นเรื่องเล่นกันรอบวง ไม่มีใครตกหล่น ลงแขก หมาหมู่ รุมกันตื๊บ ร่วมกันโกง แย่งกันกิน สันดานแบบนี้ บางที ร้อยปีก็แก้ไม่หาย เผลอๆ หมาไน และอีแร้ง ยอมถอยให้ ส่วนแวดวงธุรกิจของ Olof Aschberg ก็ไม่ใช่ธรรมดา ผู้ที่เขาคบค้า เป็นพวกหัวแถวมีอิทธิพลในสมัยนั้นทั้งนั้น เช่น นาย Krassin ซึ่งเป็นผู้จัดการของ Siemens ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมของเยอรมันที่เมืองPetrograd นาย Carl Furstenberg รัฐมนตรีคลังของรัฐบาล Bolsheviks ชุดแรก และนาย Max May ชาวเยอรมันรองประธานฝ่ายต่างประเทศของ Guaranty Trust of New York ซึ่ง Olof Aschberg ประจบประแจง ชนิดแทบจะเอาลิ้นเช็ดรองเท้าให้ ในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ.1916 Olof Aschberg เดินทางไปนิวยอร์คในฐานะ เจ้าของ Nya Banken และในฐานะตัวแทน ของนาย Pierre Bark รัฐมนตรีคลัง ของซาร์นิโคลัส เรียกว่า ไปแบบฟอร์มใหญ่ หนังสือพิมพ์ New York Time ฉบับวันที่ 4 สิงหาคม 1916 ลงข่าวว่า Aschberg มานิวยอร์ค เพื่อเจรจาเงินกู้ 50 ล้านเหรียญให้แก่ซาร์ของรัสเซีย กับกลุ่มธนาคารอเมริกัน ซึ่งนำโดย National City Bank ซึ่งใช้วิธีออกพันธบัตร ให้ผู้กู้ 50 ล้านเหรียญ กินดอกเบี้ย จากผู้กู้ และเอาพันธบัตรนั้นมาขายต่อในตลาดทุนของอเมริกา ทำกำไรอีกต่อหนึ่ง ขณะเดียวกับที่เงินกู้ของรัสเซีย ภายใต้การปกครองของซาร์ กำลังขายว่อนกันอยู่ในตลาดทุนนิวยอร์ค Nya Banken และ Olof Aschberg ก็ส่งเงินอีกจำนวนที่รับมาจากรัฐบาลเยอรมัน ไปให้นักปฏิวัติชาวรัสเซีย ผู้ซึ่งจะไปล้มคณะผู้บริหารชุด Kerensky และเอาพวก Bolsheviks เข้ามาแทน ! หลักฐานที่แสดงว่า Olof Aschberg เป็นเครือข่ายใกล้ชิด ที่สนับสนุนเงินทุนให้แก่ Bolsheviks Revolution มาจากหลายแหล่ง แต่เอกสารที่แสดงให้เห็นชัดถึง ความเกี่ยวข้องของ Nya Banken คือในเอกสารชื่อ “The Charges Against the Bolsheviks” ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นในสมัยของ Kerensky โดยเฉพาะเอกสารชิ้นหนึ่ง ที่ลงชื่อโดย นาย Gregory Alexinsky อดีตสมาชิกรัฐสภา ซึ่งระบุถึงการโอนเงิน บางส่วนไว้ดังนี้ : “เกี่ยวกับเรื่องข้อมูล ที่เพิ่งจะได้รับเดี๋ยวนี้ ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับเรื่องการให้เงินใน Stockholm คือ : Bolsheviks Jacob Furstenberg หรือที่รู้จักกันดี ในนาม “Hanecki” และ Parvus (Dr. Helphand) ใน Petrograd : ทนายของ Bolsheviks, M.U. Kozlovsky.. … Kozlovsky เป็นหัวหน้า ในการรับเงินของพวกเยอรมัน และโอนจากเบอร์ลินผ่าน Disconto Gesellschaft มาที่ Stockholm ผ่านมาเข้าที่ Siberian Bank ใน Petrograd ซึ่งขณะนี้เงินในบัญชีดังกล่าว มีเกินกว่า 2 ล้านรูเบิล เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ได้ตรวจสอบ พบว่ามีโทรเลขติดต่อกัน ระหว่างตัวแทนเยอรมันและหัวหน้า Bolsheviks เกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองและการสนับสนุนทางการเงินด้วย” หลายปีต่อมา ประมาณปี ค.ศ.1922 โซเวียตได้ตั้งธนาคารระหว่างประเทศ ขึ้นเป็นครั้งแรกชื่อ Ruskombank (Foreign Commercial Bank หรือ Bank of Foreign Commerce) ผู้ร่วมทุนของธนาคารนี้ มี เยอรมัน สวีเดน อเมริกา และอังกฤษ และมีนาย Olof Aschberg เป็นประธาน ส่วนกรรมการอื่นๆ มีทั้งตัวแทนธนาคารตั้งแต่สมัยซาร์ยังมีอำนาจ ตัวแทนจากเยอรมัน ตัวแทนจากสวีเดน ตัวแทนของธนาคารอเมริกัน และตัวแทนของสหภาพโซเวียต สถานฑูตอเมริกาใน Stockholm รายงานไปทางวอซิงตันในเรื่องนี้ และขอให้ตรวจสอบเครดิตของ Aschberg ซึ่งมีข่าวว่า “แย่มาก” ต้นเดือนตุลาคม 1922 มีการพบกันที่ Berlin ระหว่าง Olof Aschberg กับ Emil Wittenberg กรรมการของ Nationalbank fur Deutschland และ Scheinmann ประธาน Russian State Bank เพื่อหารือ เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของเยอ รมันใน Ruskombank หลังจากนั้นทั้ง 3 คน ก็เดินทางไป Stockholm และพบกับนาย Max May รองประธานของ Guaranty Trust และมีการตกลงกันให้ Max May มาเป็นหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศของ Ruskombank แน่นอนตัวแทนของ Ruskombank ในอเมริกาคือ Guaranty Trust แต่แล้วในต้นปี 1924 เกิดการงัดข้อกัน ระหว่าง Ruskombank กับสำนักงานตัวแทนการค้าของโซเวียต (Soviet Foreign-Trade Commissariat) และ Olof Aschberg ก็ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง ที่ Ruskombank โดยถูกกล่าวหาว่าใช้เงินของธนาคารอย่างไม่สุจริต ภายหลัง Ruskombank เปลี่ยนชื่อเป็น Vneshtorg และใช้อยู่จนปัจจุบันนี้ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 4 นอกจากจะเลี่ยงกฏหมาย ให้เงินกู้ แก่อังกฤษ ฝรั่งเศส เพื่อเข้าทำสงครามสู้กับเยอรมันแล้ว กลุ่มการเงินของอเมริกา ยังให้เงินกู้กับรัสเซียตั้งแต่สมัยซาร์นิโคลัส เพื่อเข้าร่วมกลุ่มกับอังกฤษ ฝรั่งเศส ทำสงคราม กับ ฝ่ายเยอรมันด้วย และเมื่อซาร์ถูกปฏิวัติโค่นล้ม เงินทุนที่ใช้ในการปฏิวัติโค่นซาร์ ก็มารู้กันภายหลังอีกว่า มาจากเงินทุน ของกลุ่มนักการเงินของอเมริกา กลุ่มเดิมนั่นแหละ ชั่วได้ใจจริงๆ แต่อย่าเพิ่งนึกว่า อเมริกาทำชั่วได้เพียงเท่านี้ ระหว่างที่กำลังทำสงครามโลกนั้น เยอรมันก็พยายามหาเงินกู้ เพื่อเอามาใช้ปฏิบัติงานด้านข่าวกรอง และจารกรรมทั้งในอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ แต่เราคงจะนึกไม่ถึงว่า เงินกู้ที่เยอรมันได้มานั้น ก็มาจากแหล่งเงินกู้กลุ่มเดิม คือ Guaranty Trust และ American International Corporation ซึ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดการ ก่อนและหลังการปฏิวัติของพวก Bolsheviks และรัฐบาลเยอรมัน ก็มีส่วนสนับสนุนการปฏิวัติของพวก Bolsheviks ผ่านนักปฏิวัติกลุ่ม Lenin รายงานการให้เงินกู้แก่พวกเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ของกลุ่มธนาคารอเมริกัน ได้ถูกส่งไปให้คณะกรรมาธิการ 1919 Overman Committee ของวุฒิสมาชิกอเมริกา มันเป็นรายงาน ที่ฝ่ายข่าวกรองของอเมริกา สรุปมาจากคำให้การของนาย Karl Heynen ซึ่งเดินทางเข้ามาในอเมริกาในเดือนเมษายน 1915 โดยอ้างว่า เพื่อมาช่วย Dr. Albert เกี่ยวกับธุรกิจและการเงินของรัฐบาลเยอรมัน หน้าที่ ที่เขาแจ้งกับทางการไว้คือ ดูแลการขนส่งสินค้าจากอเมริกา ผ่านสวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ และฮอลแลนด์ ไปให้เยอรมัน เงินกู้รายใหญ่ๆ ของเยอรมัน ที่มาจากแหล่งเงินกู้ในอเมริกาช่วงปี 1915 ถึง 1918 ตามคำให้การของ Heynen คือ – เงินกู้จำนวนแรก 4 แสนเหรียญ ทำการกู้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1914 ให้กู้โดย Kuhn, Loeb & Co มีหลักประกันเป็นเงินฝาก จำนวนเงิน 25 ล้านมาร์ค ฝากอยู่ที่ Max M. Warburg ในเมือง Hamburg ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Kuhn, Loeb & Co ที่เยอรมัน Caption George B Lester ของฝ่ายข่าวกรองอเมริกัน แจ้งต่อวุฒิสภาว่า เมื่อถาม Heynen ว่า ทำไมกู้เงินจาก Kuhn, Loeb & Co คำตอบคือ “เราเห็นว่า Kuhn, Loeb & Co เป็นธนาคารของรัฐบาลเยอรมัน – เงินกู้จำนวนที่สาม มาจาก Chase National Bank (ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ Morgan) จำนวน 3 ล้านเหรียญ – เงินกู้จำนวนที่สี่ มาจาก Mechanics and Metal National Bank จำนวน 1 ล้านเหรียญ เงินกู้เหล่านี้นำไปใช้ในงานจารกรรมในอเมริกาและเม็กซิโก Count Von Bernstorff ฑูตเยอรมัน ที่ประจำอยู่ที่อเมริกาขณะนั้น เล่าว่า เขาสนิทกับ Adolph Von Pavenstedt มาก จริงๆแล้ว Von Pavenstedt ก็สนิทกับเจ้าหน้าที่ของสถานฑูตเยอรมันทุกคนแหละ “Von Pavenstedt เป็นคนที่ได้รับการเคารพอย่างสูงจากผู้คนทั่วไป เขาอาจเป็นคนเยอรมัน ที่ได้รับการเคารพสูงสุดในนิวยอร์ค ก็ว่าได้” Von Pavenstedt เป็นหุ้นส่วนอาวุโสของ Armsinck & Co ซึ่งเป็นบริษัท ที่อยู่ภายใต้การบริหาร และการถือหุ้นของ American International Corporation (AIC) ที่มีคณะกรรมการ เป็นระดับเจ้าพ่อของวอลสตรีททั้งนั้น เช่น Rockefeller, Kahn, Stillman, Du Pont, Winthrop ฯลฯ Von Pavenstedt ไม่ได้เป็นเพียงหุ้นส่วนอาวุโส ของ Armsinck &Co อย่างเดียว แต่เขายังเป็นเฟืองตัวสำคัญของเครือข่ายสายลับเยอรมันในอเมริกาอีกด้วย เขาเป็นหัวหน้า ผู้ดูแล และทำหน้าที่จ่ายเงิน ให้แก่บรรดาสายลับเยอรมันในอเมริกา ตกลง Armsinck & Co ของ American International Corporation (AIC) ก็เป็นผู้ให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ในการให้ความสนับสนุนแก่สายลับเยอรมัน ทำจารกรรมในอเมริกาเอง ในช่วงที่กำลังมีสงครามนั่นแหละ เป็นไงครับ ชั่วถึงใจไหม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 เม.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 532 Views 0 Reviews
  • 🏖 Norwegian Cruise Line เตรียมแปลงโฉมเกาะส่วนตัว "Great Stirrup Cay" ใหม่ในช่วงฤดูร้อนปี 2569
    เพิ่มสวนน้ำ Great Tides ขนาดเกือบ 6 เอเคอร์ มูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การต้อนรับสุดพิเศษ เตรียมพร้อมรับรองนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากเรือ Norwegian Cruise 🛳

    ดูเรือ Norwegian Cruise ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/70dc70

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือNorwegianCruise #NorwegianCruiseLine #GreatStirrupCay #GreatTides #NCL #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ
    🏖 Norwegian Cruise Line เตรียมแปลงโฉมเกาะส่วนตัว "Great Stirrup Cay" ใหม่ในช่วงฤดูร้อนปี 2569 เพิ่มสวนน้ำ Great Tides ขนาดเกือบ 6 เอเคอร์ มูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การต้อนรับสุดพิเศษ เตรียมพร้อมรับรองนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากเรือ Norwegian Cruise 🛳 ดูเรือ Norwegian Cruise ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/70dc70 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือNorwegianCruise #NorwegianCruiseLine #GreatStirrupCay #GreatTides #NCL #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ
    0 Comments 0 Shares 410 Views 0 Reviews
  • “แคลิฟอร์เนียผ่านฤดูร้อนปี 2025 โดยไม่ต้องออกคำเตือน Flex Alert – สัญญาณดีจากพลังงานสะอาดและระบบจัดการใหม่”

    ฤดูร้อนในแคลิฟอร์เนียมักเป็นช่วงเวลาที่ระบบไฟฟ้าต้องเผชิญกับความท้าทายจากอุณหภูมิสูงและการใช้พลังงานที่พุ่งขึ้น แต่ในปี 2025 รัฐสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้โดยไม่ต้องออกคำเตือน “Flex Alert” เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการบริหารจัดการพลังงาน

    Flex Alert คือคำเตือนที่ออกโดย California ISO เพื่อขอให้ประชาชนลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาวิกฤต เช่น ปิดเครื่องปรับอากาศหรือเลื่อนการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อหลีกเลี่ยงการดับไฟแบบหมุนเวียน (rolling blackout)

    ปีนี้ แคลิฟอร์เนียสามารถหลีกเลี่ยง Flex Alert ได้ด้วยการลงทุนในระบบกักเก็บพลังงาน (battery storage) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลม ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น

    ความสำเร็จในการจัดการพลังงานปี 2025
    ไม่มีการออก Flex Alert ตลอดฤดูร้อน
    ระบบไฟฟ้ารับมือกับความต้องการสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ปัจจัยที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงวิกฤต
    การลงทุนใน battery storage เพิ่มขึ้น
    การใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น solar และ wind
    การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น

    ความหมายเชิงนโยบาย
    แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดสามารถทำได้จริง
    ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลในช่วงวิกฤต

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    แม้ปีนี้จะไม่มี Flex Alert แต่สภาพอากาศสุดขั้วอาจกลับมาอีก
    ต้องลงทุนต่อเนื่องในระบบกักเก็บพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้า
    การบริหารความต้องการพลังงานยังต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน

    https://www.latimes.com/environment/story/2025-10-17/california-made-it-through-another-summer-without-a-flex-alert
    📰 “แคลิฟอร์เนียผ่านฤดูร้อนปี 2025 โดยไม่ต้องออกคำเตือน Flex Alert – สัญญาณดีจากพลังงานสะอาดและระบบจัดการใหม่” ฤดูร้อนในแคลิฟอร์เนียมักเป็นช่วงเวลาที่ระบบไฟฟ้าต้องเผชิญกับความท้าทายจากอุณหภูมิสูงและการใช้พลังงานที่พุ่งขึ้น แต่ในปี 2025 รัฐสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้โดยไม่ต้องออกคำเตือน “Flex Alert” เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการบริหารจัดการพลังงาน Flex Alert คือคำเตือนที่ออกโดย California ISO เพื่อขอให้ประชาชนลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาวิกฤต เช่น ปิดเครื่องปรับอากาศหรือเลื่อนการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อหลีกเลี่ยงการดับไฟแบบหมุนเวียน (rolling blackout) ปีนี้ แคลิฟอร์เนียสามารถหลีกเลี่ยง Flex Alert ได้ด้วยการลงทุนในระบบกักเก็บพลังงาน (battery storage) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลม ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น ✅ ความสำเร็จในการจัดการพลังงานปี 2025 ➡️ ไม่มีการออก Flex Alert ตลอดฤดูร้อน ➡️ ระบบไฟฟ้ารับมือกับความต้องการสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ปัจจัยที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงวิกฤต ➡️ การลงทุนใน battery storage เพิ่มขึ้น ➡️ การใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น solar และ wind ➡️ การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น ✅ ความหมายเชิงนโยบาย ➡️ แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดสามารถทำได้จริง ➡️ ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลในช่วงวิกฤต ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ แม้ปีนี้จะไม่มี Flex Alert แต่สภาพอากาศสุดขั้วอาจกลับมาอีก ⛔ ต้องลงทุนต่อเนื่องในระบบกักเก็บพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้า ⛔ การบริหารความต้องการพลังงานยังต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน https://www.latimes.com/environment/story/2025-10-17/california-made-it-through-another-summer-without-a-flex-alert
    WWW.LATIMES.COM
    California invests big in battery energy storage — and leaves rolling blackouts behind
    Batteries that pair with clean solar and wind energy or just bolster electrical grids in general have completely taken off and are making a big difference on the California grid.
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • เรื่อง ฉากใหม่
    “ฉากใหม่”

    (1)

    เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

    เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น

    ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น

    มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป

    น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย

    นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด

    นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย

    จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง

    อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา
    ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ

    สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด

    แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว

    และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก

    แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย

    และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด

    (2)

    มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน

    มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ

    แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง

    มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม
    ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด

    ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก

    แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน

    ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace

    นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย

    เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา
    ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้

    นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน
    ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา

    เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน

    (3)

    น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่

    ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย

    และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้

    ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    เรื่อง ฉากใหม่ “ฉากใหม่” (1) เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด (2) มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้ นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน (3) น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่ ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้ ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    0 Comments 0 Shares 785 Views 0 Reviews
  • เรื่อง ห้องทดลอง
    “ห้องทดลอง”

    (1)

    ผ่านไปไม่กี่วัน จากไปเดินเรียงแถวคล้องแขน แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์น่า สลดที่ปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 ตุรกี ที่ส่งนายกรัฐมนตรี นาย Amed Davutoglu ไปร่วมเดินห่างไม่กี่แถว กับคู่แค้น Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็เกิดอาการเบรคแตก

    Independent สื่อค่ายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฉบับวันที่ 14 มกราคม 2015 รายงานว่า ประธานาธิบดี RecepTayip Erdogan ของตุรกี ให้ข่าวทันที ว่า

    ” พวกตะวันตก the west กำลังเล่นเกมส์ เล่นกันกลางกรุงปารีส ด้วยโดยการโยนให้มุสลิมเป็นเหยื่อ …คนฝรั่งเศส เป็นคนจัดการให้มีการฆ่า แล้วโยนบาปมาให้คนมุสลิม ฝ่ายข่าวกรองของฝรั่งเศส ไม่รู้จักตามรอยคนออกมาจากคุกหรือไง? หลังจากเกิดเหตุ ก็มีการโจมตีสุเหร่าของอิสลาม …เห็นชัดถึงการตอแหล จอมปลอมของพวกตะวันตก เราไม่เคยมีส่วนร่วมในการก่อการร้ายใดเลย …เบื้องหลังเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติ สร้างคำพูดใส่ร้าย และสร้างความเกลียดชังให้กับพวกมุสลิม”

    “กำลังมีการเล่นเกมส์กับโลกมุสลิม เราต้องรับรู้เรื่องนี้กันไว้ ” นาย Erdogan กล่าวเพิ่ม

    สหภาพมุสลิมในฝรั่งเศสรายงานว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีเหตุการณ์ที่แสดงถึงการต่อต้านมุสลิมประมาณ 50 รายการ ซึ่งรวมถึงการไล่ยิง และการพยายามเผาสุเหร่า

    นาย Erdogan ยังไม่จบง่ายๆ ด่าฝากแถมไปถึงการไปเดินเรียงแถวของ นาย Netanyahoo ว่า
    เขาทำไปได้ยังไง ทำไมคนที่สั่งฆ่าคน 2,500 คน ที่กาซ่า ยังมีหน้ามาเดินโบกมืออยู่ในปารีส เหมือนมีคนมาคอยต้อนรับด้วยความตื่นเต้น กล้าดีไปเดินอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่นึกถึง เด็กและผู้หญิง ที่ตัวเองฆ่าบ้างเลยหรือ”

    คงยังไม่หนำใจ นายกเทศมนตรี เมืองหลวง Ankara ของตุรกี ช่วยออกมาเสริมอีก
    ” นี่ต้องเป็นผลงานของ Mossad ( หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล ที่ฝีมือชั่วไม่แพ้ CIA หรืออาจจะมากกว่า! ) อยู่เบื้องหลังแน่นอน เป็นการเพิ่มความรังเกียจต่อคนอิสลาม”

    โห รายการนี้ด่ากันแรงนะครับ ถ้าตุรกีไม่ได้ไปถูกเสี้ยนตำตีน หรือเหยียบไปบนขี้หมากองโต ที่กลางกรุงปารีส ระหว่างเดินเรียงแถวกันละก้อ สงสัยต้องมีเรื่องใหญ่คิดการณ์เอาไว้แล้ว ถึงได้ตอกใส่กันแรงขนาดนี้

    ฝ่ายอิสราเอล ก็ไม่ใช่เล่น ถูกด่าปั้บ ออกมาตอกกลับทันที ยังกะสั่งหนังสือพิมพ์ ให้ออกข่าวรอล่วงหน้า เหมือนกับรู้ว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไร

    วันที่ 14 มกราคม วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ the Jerusalem Post ลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahoo และรัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Avigdor Liberman บอกว่า นาย Erdogan ของตุรกี เป็นพวกเกลียดยิว anti-Semitic เป็นเพื่อนบ้านจอมป่วน และกล่าวอ้อมๆว่า ตุรกีให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย

    ” การปราบปรามผู้ก่อการร้าย ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก ถ้าเรายังใช้วิธีเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอกกันอยู่อย่างนี้ เราไม่ได้ยินผู้นำระดับโลกคนใดเลย ออกมามาประนามคำพูดของนาย Erdogan ไม่มีสักคนจริงๆ ” นาย Netanyahoo สำทับ

    คำสำทับนี้ดูเหมือนไม่ได้ส่งกลับ ไปที่ นาย Erdogan แต่น่าจะส่งไปไกลกว่านั้น

    เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตอนนี้นายโอบามา ไม่หวานชื่นกับ Nethanyahoo ไม่เหมือน ประธานาธิบดีอเมริกันคนอื่นๆ ที่คอยเอาใจพวกยิว โดยเฉพาะ ก่อนการเลือกตั้ง

    ขณะที่อิสราเอลเหน็บอเมริกา ตุรกี ซึ่งอเมริกามองว่าเป็นลูกกระเป๋งมาตลอด แต่กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อ องค์กรฮามาส Hamas ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์ และเป็นองค์กรที่อเมริกา และสหภาพยุโรป ต่างขึ้นบัญชีดำ ให้เป็นผู้ก่อการร้ายระดับสำคัญ แต่ดูเหมือนตุรกีจะไม่สนใจ
    แถมล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวา คม ปี 2014 ตุรกีได้เชิญ นาย Khaled Meshaal หัวหน้ากลุ่มฮามาส ไปเยียนตุรกี และเอานาย Meshaal ไปเข้าร่วมประชุมพรรค AKP ของประธานาธิบดี Erdogan ด้วย แน่จริงๆ เรียกว่าท้าทายกันแบบไม่เกรงใจใครเลย
    เอะ แล้วตุรกีต้องเกรงใจใครหรือ?!

    ข่าวหัวหน้าฮามาส ไปเดินฉุยฉายลอยชายอยู่ตุรกี แน่นอนยอมมีคนหงุดหงิด นักล่าใบตองแห้งหงุดหงิดง่ายอ ยู่แล้ว แค่ลมพัดใบตองแห้ง แกว่งแรงไปหน่อย ยังออกเสียงฮึมแฮ่เลย นี่หัวหน้าฮามาส ที่นักล่า อยากขยี้มาหลายรอบ แต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ลงทุนเปลี่ยนแผน ขยี้ไม่ตาย แต่ถ้าซื้อขายอาจจะโอเคมั่งนะ แต่ขอโทษ ฮามาส นอกจากไม่ยอมขายตัวแล้ว ยังไปนั่งสบายใจ เฮฮา กับสุดยอดนักไต่ลวด นายErdogan แชมป์เล่นเกมเสียว เหมือนโชว์ให้ใครดูเสียอีก แบบนี้นักล่าหรือจะปล่อยไปเฉยๆ

    วันที่ 8 มกราคม คศ 2015 คุณหนูเจน Psaki โฆษก กระทรวงการต่างประเทศของนักล่า เลยต้องออกมาทำหน้าเครียดแถลงข่าวว่า

    ” ท่าทีของเราต่อขบวนการฮามาสยังไม่เปลี่ยนนะ ฮามาสคือองค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และฮามาส ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาอย่างชัดเจนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (ช่วงสิงหาคม ปีที่แล้ว) ในความขัดแย้งกับอิสราเอล”

    “เรามีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับฮามาส และเมื่อรู้ว่า Meshaal ไปเยี่ยมตุรกี เราได้ขอให้รัฐบาลตุรกีกดดันฮามาส เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความรุนแรง” แหม คุณหนู ช่างไม่มีศิลปะในการพูดเสียเลย มิน่าแถลงข่าวที่ไร ถูกนักข่าวหนุ่มๆ ต้อนจนติดอ่าง ฮา

    ขณะเดียวกันมีข่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีบอกว่า ตุรกียินดีต้อนรับ Khaled Meshaal หัวหน้าฮามาส หลังจากมีข่าวว่า Meshaal ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่กาต้าร์ ได้ถูกทางการของกาต้าร์ ขับออกนอกประเทศแล้ว และเขาอาจจะไปตุรกี

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีบอกว่า ไม่ว่าใคร จะเป็นคนของประเทศใด ก็สามารถเข้าออกตุรกีได้อยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่มีปัญหาด้านกฏหมาย นี่มันต้องตอบแบบกลิ้งได้หลายตลบอย่างนี้ สมกับเป็นพวกนักไต่ลวดจริงๆ นักล่าใบตองแห้งน่าจะส่งคุณหนู Psaki มาฝึกงานแถวตุรกีซะหน่อยนะ ฮาอีกครั้ง

    อเมริกา อิสราเอล และตุรกี กำลังมีอะไรคาใจ หรือเล่นบทอะไรกันอยู่หรือ ถึงใช้วิธีเหมือนกาฝาก บินโฉบทิ้งของที่ระลึก แล้วแฉลบข้ามไปต่อ

    #######
    (2)

    ฝ่ายทางกลุ่มฮามาสเองก็ฉุนขาด เมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ของอเมริกา เกี่ยวกับการไปนั่งชมวิวตุรกีของนายMehsaal ที่ถ่ายทอดโดยฝีปากของคุณหนู Psaki บอกว่าอเมริกาสามหาว และเหยียดเผ่าพันธ์มากไปแล้ว รัฐบาลอเมริกากำลังไต่อันดับ ทำตัวเข้าข่ายเป็นศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาทีเดียว ทั้งนี้ตามคำแถลงของ Al-Qassam Brigades ฝ่ายกองทัพของกลุ่มฮามาส

    ส่วนเรื่องกาต้าร์ขับไล่ นายMeshaal ออกจากประเทศ กาต้าร์ไม่ยืนยัน แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว กาต้าร์ขับไล่ระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood 7 คน ที่กาต้าร์เลี้ยงดูไว้นานแล้วออกจากประเทศ เพื่อเป็นการเอาใจพวกราชวงศ์เสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง และรัฐบาลอียิปต์ อืม มาแปลก

    กาต้าร์ไม่ใช่นายทุนรายเดียวที่สนับสนันเลี้ยงดู Muslim Brotherhood ตุรกีก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน

    Muslim Brotherhood เป็นกลุ่มอิสลามฝักใฝ่การเมือง ที่รวมตัวกันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิสลาม ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา ตุรกีย่อมให้การสนับสนุนไว้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจอนาคตของตนเอง ส่วนกาต้าร์ละ เข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย

    เมื่ออียิปต์เกิดอาหรับสปริง ที่ไม่แน่ว่า สาเหตุจะมาจากการที่ นายมูบารัค ของอียิปต์มีนโยบายเกี่ยวกับปาเลสไตน์ สวนทางกับอิสราเอลหรือเปล่า และอเมริกาภายใต้การกดดันของอิสราเอล จึงส่งอาหรับสปริง เป็นของขวัญให้นายมูบารัค

    ลูกไปเข้าทางของ Muslim Brotherhood อิยิปต์จึงได้ นาย Mohamed Morsi ของ Muslim Brotherhood มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องถูกใจตุรกีอย่างยิ่ง เพราะถ้าอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขต ด้านหนึ่ง ติดกับด้านใต้ของอิสราเอล มีผู้มีอำนาจปกครองเป็นพวกเดียวกับตุรกี เมื่อไหร่ที่อิสราเอลทำซ่า อาละวาดใส่ปาเลสไตน์ที่ตุรกีสนับสนุนมาตลอด ตุรกีกับอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขตประกบหัวท้ายอิสราเอลอยู่ คิดเล่นแซนด์วิช ผลัดกันโยนหัวปลีข้ามใส่อิสราเอล ก็น่าจะลดความกร่างของอิสราเอลไปได้บ้าง
    และก็เพราะการเดินสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบนี้ ในช่วงหลังๆของตุรกี โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับอิสราเอล สัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับตุรกี จึงไม่หวานอย่างเดิม และมีส่วนให้ นาย Morsi ของ Muslim Brotherhood น่าจะถูกใบสั่ง ให้ทหารอียิปต์ทำการปฏิวัติซ้อน ทำเอา นาย Morsi หล่นจากแท่นอำนาจไปอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นมามีอำนาจได้เพียงปีเดียว ดูกันไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไร

    นอกจากมีเรื่องกับอิสราเอลแล้ว เรื่องซีเรียก็เป็นปัญหาใหญ่ อเมริกาบอกชักจะเบื่อการเล่นเกมของตุรกี ที่พักหลังมีแต่ all pain, no gain แล้วนะ เราชักอยากให้ตุรกีเลือกข้างมาให้ชัดๆเลย เราไม่สนใจ และไม่เดือดร้อนเลย ถ้าไม่ได้ใช้ฐานทัพของเรา ที่อยู่ในตุรกีเพื่อทำการฝึกให้กับฝ่ายต่อต้านไอซิส หรือต่อต้านซีเรีย เราไม่ได้ต้องการให้กองทัพตุรกี ไปสู้ศึกที่ซีเรีย ที่เราต้องต้องการให้ตุรกีทำคือ ให้ตุรกีไปสืบดูให้ได้ และขจัดเส้นทางเข้าออกของผู้ก่อการร้าย เครือข่ายการธุรกิจ และการเงิน ที่ทำผ่านตุรกี ไปให้ซีเรีย ที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้โตขึ้นอย่างมากใน 3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ตุรกีทำไม่ได้ หรือไม่ทำให้อเมริกา

    จะให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ไปเอาแผนที่มากางดู อียิปต์อยู่ด้านล่าง ถัดขึ้นมาข้างบนเอียงขวาหน่อย เป็นอิสราเอล เหนืออิสราเอลเป็นเลบานอน ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนมีเนื้อที่แถบเล็กๆ คือปาเลสไตน์ เหนือเลบานอนเป็นซีเรียและอิรัค เหนือชีเรียเป็นตุรกี เหนือตรุกีเป็นจอร์เจีย ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย เหนืออิรัคเป็นอิหร่าน ซึ่งมีเขตแดนติดกับรัสเซียยาวเหยียด

    เล่าแผนที่มายาว เพื่อให้เห็นความสำคัญของปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย ตุรกี อิรัค และอิหร่าน ซึ่งเหมือนขนมชั้น ขวางทางเข้าสู่รัสเซีย มันเป็นขนมชั้นที่มีความสำคัญ ทั้งในมิติของสงครามภูมิภาค และมิติสงครามโลก !

    และหมากที่จะเดินให้เป็นสงครามภูมิภาค หรือสงครามโลกตัวสำคัญตัวหนึ่งของฝ่ายอเมริกาคือ อิสราเอล ซึ่งมีอิทธิพล และเล่ห์เหลี่ยมสูงมาก ถึงขนาด อาจจะเป็นตัวบีบ ให้อเมริกาเดินหมากตัวอื่นตามที่ตนเองต้องการ เผลอๆอาจจะเหลี่ยมสูง ถึงขนาดบีบให้ตัวอเมริกาเอง เดินตามที่อิสราเอลหลอกให้เดินก็มีทางเป็นไปได้

    ในขณะที่ตุรกีเป็นหมากตัวใหม่ ที่เหมือนแสดงตัวเปิดเผยว่า เราไม่ใช่อยู่ฝ่ายอเมริกาแล้วนะ ตุรกีและ อิหร่าน น่าจะเป็นหมากที่เดินตามจังหวะที่น่าสนใจ ให้กับฝ่ายรัสเซียในตะวันออกกลาง

    การขยับของอิสราเอล ตุรกี และอิหร่าน ย่อมมีความหมาย ไม่น้อยกว่าการขยับของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน ในยุโรป มันดูเหมือนเป็นคนละเรื่อง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อเนื่องกัน จึงโปรดอย่าลืมจับตา คอยดูการขยับของหมากทั้ง 6 ตัวนี้

    #####
    (3)

    อิหร่าน เป็นหมากอีกตัวที่สำคัญของฝ่ายรัสเซีย เพราะมีข่าวว่า กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่าง ซุ่มเงียบ อเมริกานักล่าใบตองแห้ง แน่นอน ย่อมหงุดหงิดออกอาการ น้ำลายฟูมปาก แต่ก็คิดหนัก เพราะอิหร่านนั้น เหมือนผีดิบคืนชีพ โดนอเมริกาบดขยี้มาหลายรอบ ไม่ตายคาที่เสียที แค่ช้ำใน กลัดหนองอยู่นาน ปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ไปเรื่อยๆ นอกจากเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ ทั้งอิหร่านเอง และช่วยฝ่ายรัสเซียแล้ว ยังทำให้อิสราเอลไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่นกลางแดดได้ ในตะวันออกกลาง แต่สูตรยาขจัดอิหร่านแบบยกเดียวจบ อเมริกายังคิดไม่สำเร็จ

    อิสราเอลตัวแสบ ต้องรู้อะไรลึกและมีแผนซับซ้อน จึงหนุน แนะ หรือสั่งให้อเมริกาใช้วิธีเจรจากับอิหร่านไปพลางๆก่อน และอเมริกาก็หันมาสั่งสหภาพยุโรปอีกต่อ เจรจากับอิหร่านต่อไปนะพวก เอะ ตกลงใครใหญ่กันแน่

    การเจรจากับอิหร่านในปี 2014 ดูเหมือนราบรื่นดี ผู้ที่รับบทหนักในการเดินสาย เดินสารปั่นหัว เหล่าคณะกรรมการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ กับอิหร่าน คือ รัฐมนตรีด้านงานข่าวกรอง Minister of Intelligence ของอิสราเอล นาย Yuval Steinitz ซึ่งเดินทางจนนักข่าวแซวว่า ได้ไมล์เลจเป็นบัตรแพลตินั่มหลายใบแล้ว นาย Steinitz เป็นคนไปเอาเอกสารลับมาป้อนให้ คณะกรรมการเจรจา เอาไว้ยันหน้ากับอิหร่าน นอกจากนั้น ทีมงานข่าวกรองของอิสราเอล หน่วยงาน Mossad ก็ทำงานหนัก เพราะเป็นตัวจริง
    เรื่อง ห้องทดลอง “ห้องทดลอง” (1) ผ่านไปไม่กี่วัน จากไปเดินเรียงแถวคล้องแขน แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์น่า สลดที่ปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 ตุรกี ที่ส่งนายกรัฐมนตรี นาย Amed Davutoglu ไปร่วมเดินห่างไม่กี่แถว กับคู่แค้น Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็เกิดอาการเบรคแตก Independent สื่อค่ายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฉบับวันที่ 14 มกราคม 2015 รายงานว่า ประธานาธิบดี RecepTayip Erdogan ของตุรกี ให้ข่าวทันที ว่า ” พวกตะวันตก the west กำลังเล่นเกมส์ เล่นกันกลางกรุงปารีส ด้วยโดยการโยนให้มุสลิมเป็นเหยื่อ …คนฝรั่งเศส เป็นคนจัดการให้มีการฆ่า แล้วโยนบาปมาให้คนมุสลิม ฝ่ายข่าวกรองของฝรั่งเศส ไม่รู้จักตามรอยคนออกมาจากคุกหรือไง? หลังจากเกิดเหตุ ก็มีการโจมตีสุเหร่าของอิสลาม …เห็นชัดถึงการตอแหล จอมปลอมของพวกตะวันตก เราไม่เคยมีส่วนร่วมในการก่อการร้ายใดเลย …เบื้องหลังเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติ สร้างคำพูดใส่ร้าย และสร้างความเกลียดชังให้กับพวกมุสลิม” “กำลังมีการเล่นเกมส์กับโลกมุสลิม เราต้องรับรู้เรื่องนี้กันไว้ ” นาย Erdogan กล่าวเพิ่ม สหภาพมุสลิมในฝรั่งเศสรายงานว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีเหตุการณ์ที่แสดงถึงการต่อต้านมุสลิมประมาณ 50 รายการ ซึ่งรวมถึงการไล่ยิง และการพยายามเผาสุเหร่า นาย Erdogan ยังไม่จบง่ายๆ ด่าฝากแถมไปถึงการไปเดินเรียงแถวของ นาย Netanyahoo ว่า เขาทำไปได้ยังไง ทำไมคนที่สั่งฆ่าคน 2,500 คน ที่กาซ่า ยังมีหน้ามาเดินโบกมืออยู่ในปารีส เหมือนมีคนมาคอยต้อนรับด้วยความตื่นเต้น กล้าดีไปเดินอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่นึกถึง เด็กและผู้หญิง ที่ตัวเองฆ่าบ้างเลยหรือ” คงยังไม่หนำใจ นายกเทศมนตรี เมืองหลวง Ankara ของตุรกี ช่วยออกมาเสริมอีก ” นี่ต้องเป็นผลงานของ Mossad ( หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล ที่ฝีมือชั่วไม่แพ้ CIA หรืออาจจะมากกว่า! ) อยู่เบื้องหลังแน่นอน เป็นการเพิ่มความรังเกียจต่อคนอิสลาม” โห รายการนี้ด่ากันแรงนะครับ ถ้าตุรกีไม่ได้ไปถูกเสี้ยนตำตีน หรือเหยียบไปบนขี้หมากองโต ที่กลางกรุงปารีส ระหว่างเดินเรียงแถวกันละก้อ สงสัยต้องมีเรื่องใหญ่คิดการณ์เอาไว้แล้ว ถึงได้ตอกใส่กันแรงขนาดนี้ ฝ่ายอิสราเอล ก็ไม่ใช่เล่น ถูกด่าปั้บ ออกมาตอกกลับทันที ยังกะสั่งหนังสือพิมพ์ ให้ออกข่าวรอล่วงหน้า เหมือนกับรู้ว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไร วันที่ 14 มกราคม วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ the Jerusalem Post ลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahoo และรัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Avigdor Liberman บอกว่า นาย Erdogan ของตุรกี เป็นพวกเกลียดยิว anti-Semitic เป็นเพื่อนบ้านจอมป่วน และกล่าวอ้อมๆว่า ตุรกีให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย ” การปราบปรามผู้ก่อการร้าย ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก ถ้าเรายังใช้วิธีเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอกกันอยู่อย่างนี้ เราไม่ได้ยินผู้นำระดับโลกคนใดเลย ออกมามาประนามคำพูดของนาย Erdogan ไม่มีสักคนจริงๆ ” นาย Netanyahoo สำทับ คำสำทับนี้ดูเหมือนไม่ได้ส่งกลับ ไปที่ นาย Erdogan แต่น่าจะส่งไปไกลกว่านั้น เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตอนนี้นายโอบามา ไม่หวานชื่นกับ Nethanyahoo ไม่เหมือน ประธานาธิบดีอเมริกันคนอื่นๆ ที่คอยเอาใจพวกยิว โดยเฉพาะ ก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่อิสราเอลเหน็บอเมริกา ตุรกี ซึ่งอเมริกามองว่าเป็นลูกกระเป๋งมาตลอด แต่กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อ องค์กรฮามาส Hamas ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์ และเป็นองค์กรที่อเมริกา และสหภาพยุโรป ต่างขึ้นบัญชีดำ ให้เป็นผู้ก่อการร้ายระดับสำคัญ แต่ดูเหมือนตุรกีจะไม่สนใจ แถมล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวา คม ปี 2014 ตุรกีได้เชิญ นาย Khaled Meshaal หัวหน้ากลุ่มฮามาส ไปเยียนตุรกี และเอานาย Meshaal ไปเข้าร่วมประชุมพรรค AKP ของประธานาธิบดี Erdogan ด้วย แน่จริงๆ เรียกว่าท้าทายกันแบบไม่เกรงใจใครเลย เอะ แล้วตุรกีต้องเกรงใจใครหรือ?! ข่าวหัวหน้าฮามาส ไปเดินฉุยฉายลอยชายอยู่ตุรกี แน่นอนยอมมีคนหงุดหงิด นักล่าใบตองแห้งหงุดหงิดง่ายอ ยู่แล้ว แค่ลมพัดใบตองแห้ง แกว่งแรงไปหน่อย ยังออกเสียงฮึมแฮ่เลย นี่หัวหน้าฮามาส ที่นักล่า อยากขยี้มาหลายรอบ แต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ลงทุนเปลี่ยนแผน ขยี้ไม่ตาย แต่ถ้าซื้อขายอาจจะโอเคมั่งนะ แต่ขอโทษ ฮามาส นอกจากไม่ยอมขายตัวแล้ว ยังไปนั่งสบายใจ เฮฮา กับสุดยอดนักไต่ลวด นายErdogan แชมป์เล่นเกมเสียว เหมือนโชว์ให้ใครดูเสียอีก แบบนี้นักล่าหรือจะปล่อยไปเฉยๆ วันที่ 8 มกราคม คศ 2015 คุณหนูเจน Psaki โฆษก กระทรวงการต่างประเทศของนักล่า เลยต้องออกมาทำหน้าเครียดแถลงข่าวว่า ” ท่าทีของเราต่อขบวนการฮามาสยังไม่เปลี่ยนนะ ฮามาสคือองค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และฮามาส ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาอย่างชัดเจนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (ช่วงสิงหาคม ปีที่แล้ว) ในความขัดแย้งกับอิสราเอล” “เรามีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับฮามาส และเมื่อรู้ว่า Meshaal ไปเยี่ยมตุรกี เราได้ขอให้รัฐบาลตุรกีกดดันฮามาส เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความรุนแรง” แหม คุณหนู ช่างไม่มีศิลปะในการพูดเสียเลย มิน่าแถลงข่าวที่ไร ถูกนักข่าวหนุ่มๆ ต้อนจนติดอ่าง ฮา ขณะเดียวกันมีข่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีบอกว่า ตุรกียินดีต้อนรับ Khaled Meshaal หัวหน้าฮามาส หลังจากมีข่าวว่า Meshaal ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่กาต้าร์ ได้ถูกทางการของกาต้าร์ ขับออกนอกประเทศแล้ว และเขาอาจจะไปตุรกี เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีบอกว่า ไม่ว่าใคร จะเป็นคนของประเทศใด ก็สามารถเข้าออกตุรกีได้อยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่มีปัญหาด้านกฏหมาย นี่มันต้องตอบแบบกลิ้งได้หลายตลบอย่างนี้ สมกับเป็นพวกนักไต่ลวดจริงๆ นักล่าใบตองแห้งน่าจะส่งคุณหนู Psaki มาฝึกงานแถวตุรกีซะหน่อยนะ ฮาอีกครั้ง อเมริกา อิสราเอล และตุรกี กำลังมีอะไรคาใจ หรือเล่นบทอะไรกันอยู่หรือ ถึงใช้วิธีเหมือนกาฝาก บินโฉบทิ้งของที่ระลึก แล้วแฉลบข้ามไปต่อ ####### (2) ฝ่ายทางกลุ่มฮามาสเองก็ฉุนขาด เมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ของอเมริกา เกี่ยวกับการไปนั่งชมวิวตุรกีของนายMehsaal ที่ถ่ายทอดโดยฝีปากของคุณหนู Psaki บอกว่าอเมริกาสามหาว และเหยียดเผ่าพันธ์มากไปแล้ว รัฐบาลอเมริกากำลังไต่อันดับ ทำตัวเข้าข่ายเป็นศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาทีเดียว ทั้งนี้ตามคำแถลงของ Al-Qassam Brigades ฝ่ายกองทัพของกลุ่มฮามาส ส่วนเรื่องกาต้าร์ขับไล่ นายMeshaal ออกจากประเทศ กาต้าร์ไม่ยืนยัน แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว กาต้าร์ขับไล่ระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood 7 คน ที่กาต้าร์เลี้ยงดูไว้นานแล้วออกจากประเทศ เพื่อเป็นการเอาใจพวกราชวงศ์เสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง และรัฐบาลอียิปต์ อืม มาแปลก กาต้าร์ไม่ใช่นายทุนรายเดียวที่สนับสนันเลี้ยงดู Muslim Brotherhood ตุรกีก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน Muslim Brotherhood เป็นกลุ่มอิสลามฝักใฝ่การเมือง ที่รวมตัวกันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิสลาม ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา ตุรกีย่อมให้การสนับสนุนไว้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจอนาคตของตนเอง ส่วนกาต้าร์ละ เข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย เมื่ออียิปต์เกิดอาหรับสปริง ที่ไม่แน่ว่า สาเหตุจะมาจากการที่ นายมูบารัค ของอียิปต์มีนโยบายเกี่ยวกับปาเลสไตน์ สวนทางกับอิสราเอลหรือเปล่า และอเมริกาภายใต้การกดดันของอิสราเอล จึงส่งอาหรับสปริง เป็นของขวัญให้นายมูบารัค ลูกไปเข้าทางของ Muslim Brotherhood อิยิปต์จึงได้ นาย Mohamed Morsi ของ Muslim Brotherhood มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องถูกใจตุรกีอย่างยิ่ง เพราะถ้าอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขต ด้านหนึ่ง ติดกับด้านใต้ของอิสราเอล มีผู้มีอำนาจปกครองเป็นพวกเดียวกับตุรกี เมื่อไหร่ที่อิสราเอลทำซ่า อาละวาดใส่ปาเลสไตน์ที่ตุรกีสนับสนุนมาตลอด ตุรกีกับอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขตประกบหัวท้ายอิสราเอลอยู่ คิดเล่นแซนด์วิช ผลัดกันโยนหัวปลีข้ามใส่อิสราเอล ก็น่าจะลดความกร่างของอิสราเอลไปได้บ้าง และก็เพราะการเดินสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบนี้ ในช่วงหลังๆของตุรกี โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับอิสราเอล สัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับตุรกี จึงไม่หวานอย่างเดิม และมีส่วนให้ นาย Morsi ของ Muslim Brotherhood น่าจะถูกใบสั่ง ให้ทหารอียิปต์ทำการปฏิวัติซ้อน ทำเอา นาย Morsi หล่นจากแท่นอำนาจไปอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นมามีอำนาจได้เพียงปีเดียว ดูกันไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไร นอกจากมีเรื่องกับอิสราเอลแล้ว เรื่องซีเรียก็เป็นปัญหาใหญ่ อเมริกาบอกชักจะเบื่อการเล่นเกมของตุรกี ที่พักหลังมีแต่ all pain, no gain แล้วนะ เราชักอยากให้ตุรกีเลือกข้างมาให้ชัดๆเลย เราไม่สนใจ และไม่เดือดร้อนเลย ถ้าไม่ได้ใช้ฐานทัพของเรา ที่อยู่ในตุรกีเพื่อทำการฝึกให้กับฝ่ายต่อต้านไอซิส หรือต่อต้านซีเรีย เราไม่ได้ต้องการให้กองทัพตุรกี ไปสู้ศึกที่ซีเรีย ที่เราต้องต้องการให้ตุรกีทำคือ ให้ตุรกีไปสืบดูให้ได้ และขจัดเส้นทางเข้าออกของผู้ก่อการร้าย เครือข่ายการธุรกิจ และการเงิน ที่ทำผ่านตุรกี ไปให้ซีเรีย ที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้โตขึ้นอย่างมากใน 3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ตุรกีทำไม่ได้ หรือไม่ทำให้อเมริกา จะให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ไปเอาแผนที่มากางดู อียิปต์อยู่ด้านล่าง ถัดขึ้นมาข้างบนเอียงขวาหน่อย เป็นอิสราเอล เหนืออิสราเอลเป็นเลบานอน ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนมีเนื้อที่แถบเล็กๆ คือปาเลสไตน์ เหนือเลบานอนเป็นซีเรียและอิรัค เหนือชีเรียเป็นตุรกี เหนือตรุกีเป็นจอร์เจีย ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย เหนืออิรัคเป็นอิหร่าน ซึ่งมีเขตแดนติดกับรัสเซียยาวเหยียด เล่าแผนที่มายาว เพื่อให้เห็นความสำคัญของปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย ตุรกี อิรัค และอิหร่าน ซึ่งเหมือนขนมชั้น ขวางทางเข้าสู่รัสเซีย มันเป็นขนมชั้นที่มีความสำคัญ ทั้งในมิติของสงครามภูมิภาค และมิติสงครามโลก ! และหมากที่จะเดินให้เป็นสงครามภูมิภาค หรือสงครามโลกตัวสำคัญตัวหนึ่งของฝ่ายอเมริกาคือ อิสราเอล ซึ่งมีอิทธิพล และเล่ห์เหลี่ยมสูงมาก ถึงขนาด อาจจะเป็นตัวบีบ ให้อเมริกาเดินหมากตัวอื่นตามที่ตนเองต้องการ เผลอๆอาจจะเหลี่ยมสูง ถึงขนาดบีบให้ตัวอเมริกาเอง เดินตามที่อิสราเอลหลอกให้เดินก็มีทางเป็นไปได้ ในขณะที่ตุรกีเป็นหมากตัวใหม่ ที่เหมือนแสดงตัวเปิดเผยว่า เราไม่ใช่อยู่ฝ่ายอเมริกาแล้วนะ ตุรกีและ อิหร่าน น่าจะเป็นหมากที่เดินตามจังหวะที่น่าสนใจ ให้กับฝ่ายรัสเซียในตะวันออกกลาง การขยับของอิสราเอล ตุรกี และอิหร่าน ย่อมมีความหมาย ไม่น้อยกว่าการขยับของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน ในยุโรป มันดูเหมือนเป็นคนละเรื่อง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อเนื่องกัน จึงโปรดอย่าลืมจับตา คอยดูการขยับของหมากทั้ง 6 ตัวนี้ ##### (3) อิหร่าน เป็นหมากอีกตัวที่สำคัญของฝ่ายรัสเซีย เพราะมีข่าวว่า กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่าง ซุ่มเงียบ อเมริกานักล่าใบตองแห้ง แน่นอน ย่อมหงุดหงิดออกอาการ น้ำลายฟูมปาก แต่ก็คิดหนัก เพราะอิหร่านนั้น เหมือนผีดิบคืนชีพ โดนอเมริกาบดขยี้มาหลายรอบ ไม่ตายคาที่เสียที แค่ช้ำใน กลัดหนองอยู่นาน ปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ไปเรื่อยๆ นอกจากเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ ทั้งอิหร่านเอง และช่วยฝ่ายรัสเซียแล้ว ยังทำให้อิสราเอลไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่นกลางแดดได้ ในตะวันออกกลาง แต่สูตรยาขจัดอิหร่านแบบยกเดียวจบ อเมริกายังคิดไม่สำเร็จ อิสราเอลตัวแสบ ต้องรู้อะไรลึกและมีแผนซับซ้อน จึงหนุน แนะ หรือสั่งให้อเมริกาใช้วิธีเจรจากับอิหร่านไปพลางๆก่อน และอเมริกาก็หันมาสั่งสหภาพยุโรปอีกต่อ เจรจากับอิหร่านต่อไปนะพวก เอะ ตกลงใครใหญ่กันแน่ การเจรจากับอิหร่านในปี 2014 ดูเหมือนราบรื่นดี ผู้ที่รับบทหนักในการเดินสาย เดินสารปั่นหัว เหล่าคณะกรรมการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ กับอิหร่าน คือ รัฐมนตรีด้านงานข่าวกรอง Minister of Intelligence ของอิสราเอล นาย Yuval Steinitz ซึ่งเดินทางจนนักข่าวแซวว่า ได้ไมล์เลจเป็นบัตรแพลตินั่มหลายใบแล้ว นาย Steinitz เป็นคนไปเอาเอกสารลับมาป้อนให้ คณะกรรมการเจรจา เอาไว้ยันหน้ากับอิหร่าน นอกจากนั้น ทีมงานข่าวกรองของอิสราเอล หน่วยงาน Mossad ก็ทำงานหนัก เพราะเป็นตัวจริง
    1 Comments 0 Shares 935 Views 0 Reviews
  • รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 2
    “รุกฆาต หรือ รุกคืบ”
    ตอนที่ 2

    คงจำกันได้ เมื่อปี ค.ศ. 2011 อเมริกามีปัญหาถังแตก กระเป๋าฉีก (เป็นบ่อยเหมือนกันนะ ไหนว่ารวยไง) จะต้องมีการตัดงบประมาณรายจ่ายของประเทศเป็นการใหญ่ ฝ่ายรัฐบาลโอบามาจะให้ตัดงบด้านความมั่นคงเป็นส่วนใหญ่และตัดงบประมาณด้านสวัสดิการประชาชนน้อยกว่า เพื่อเลี้ยงฐานเสียง แต่พรรคฝ่ายค้าน บรรดาเหยี่ยวกระหายเลือด มีความเห็นตรงกันข้าม ไม่ยอมให้แตะงบด้านความมั่นคง แบบนี้จะไปมองหน้าพ่อค้าอาวุธนายทุนใหญ่ทั้งหลายได้ยังไง เลือกตั้งครั้งหน้าจะทำยังไง ทำให้รัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกันไม่ได้

    ในที่สุด นายโอบามาวางสนุ้ก โดยลงนามใน Budget Control Act of 2011 ซึ่งมีผลเป็นการตัดงบประมาณทั้ง กระดานเท่ากัน ซึ่งเรียกกันว่า ” Sequestrations” ตัดอัตโนมัติ ตัดเท่ากัน ตัดเหี้ยน ไม่ว่าจะด้านความมั่นคง หรือสวัสดิการ เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2013 ไปจนถึง ปี 2021 นายโอบามาหวังจะให้วุฒิสมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ร่วมมือกันหาทางออก แต่จนถึงบัดนี้ยังหาประตูกันไม่เจอ ส่วนนายโอบามา ได้รับก้อนอิฐจากทุกสารทิศ ทั้งจากสภา และประชาชนปาใส่ยังไม่เลิก

    ฝ่ายความมั่นคง โดยนาย Pennetta รมว. กลาโหมขณะนั้น บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ ตัดงบแบบนี้ ในส่วนของกลาโหม 10 ปี คิดแล้วงบหดไป 20 % และจะทำให้กองทัพ
    – มีทหารราบเหลือน้อยที่สุด นับแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2
    – มีกองทัพเรือเล็กที่สุด นับแต่ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1
    – มีหน่วยรบด้านกลยุทธที่เล็กที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศ
    – มีกำลังพล ที่เป็นพลเรือนน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ ของกลาโหม

    แต่การตัดงบประมาณ แบบตัดเหี้ยน Sequestration ก็ยังเดินหน้าต่อไป ตอนนั้นอเมริกาคงยังมองไม่เห็น แปลสัญญาณ การขยับหมากของรัสเซียและจีนไม่ออก

    นาง Michele Flournoy ตัวเก็งหมายเลขหนึ่ง ที่นายโอบามา ทาบทามมาให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม หลังปลดนาย Chuck Hagel เมื่อ กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ ได้เขียนบทความ เกี่ยวกับการตัดงบประมาณแบบตัดเหี้ยนนี้ ซึ่ง Washington Post นำมาลงเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2014 ว่า

    ” ฤดูร้อนปีนี้ เราเห็นเหตุการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่การเกิดขึ้นของ Islamic State การรุกรานUkraine ของรัสเซีย สงครามระหว่าง ฮามาส กับอิสราเอล ความตึงเครียดในน่านน้ำเกาหลี และทะเลจีน เป็นการเตือนให้รู้ว่า อเมริกาอาจจะเจอกับการท้าทาย ด้านความมั่นคง ที่ซับซ้อน ผันแปรรวดเร็ว อย่างไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว
    ทั้งนี้คณะทำงานของ The National Defense Panel ซึ่งตั้งโดยสภาสูง (ที่มีนาง Flournoy เป็นหนึ่งในคณะทำงาน) ได้ทำรายงาน สรุปว่า Budget Control Act of 2011 เป็นยุทธศาสตร์ที่ “ผิดพลาดอย่างรุนแรง” ถ้าไม่มีการยกเลิก หรือผ่อนปรนโดยเร็ว กองทัพของอเมริกาจะตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างสูง และจะไม่สามารถปฏิบัติภาระกิจ ตามยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศได้

    นาง Flournoy แจงเพิ่มเติมว่า การตัดงบตามกฏหมายดังกล่าว ทำให้การฝึกของนักบินไม่สามารถทำได้ตามจำนวนชั่วโมงที่ต้องการ เพื่อรักษาความชำนาญ และกองทัพเรือไม่สามารถไปประจำอยู่ในบริเวณที่วิกฤติได้…

    The National Defense Panel จึงขอให้สภาสูง พิจารณายกเลิก Budget Control Act ดังกล่าวทันที เพื่อให้กองทัพ สามารถยับยั้ง หรือหยุดความรุกรานในหลายๆที่ และรวมทั้งสามารถทำการรบ ในสงครามที่มีขนาดใหญ่ได้ (large-scale war) ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิจารณาถึง ขนาด และรูปแบบของกองทัพเป็นการด่วน เพื่อเราจะได้ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของเราที่มีอยู่ทั่วโลก และจัดหาวิธีการต่อสู้สงครามอย่างเหมาะสม ที่จะเป็นการรับประกันสถานะการเป็นผู้นำของอเมริกา…”

    Flournoy ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน อย่างไม่อ้อมค้อม

    Gen. Gary Cheek รองปลัดกลาโหม ด้านแผนงาน และนโยบาย ให้สัมภาษณ์ ในวันประชุมประจำปี ของ AUSA Convention เมื่อ 15 ตุลาคม 2014 ว่า

    “การ ยกเลิก Sequestration เท่านั้นแหละ ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ขณะนี้ เราส่ง 7 กองกำลัง ไปประจำการณ์อยู่ต่างประเทศ จากจำนวน 10 กองกำลังด้านนี้ที่เรามี ถ้ามีการตัดงบประมาณต่อไป การหมุนเวียนกำลังพล ทำไม่ได้มาก กำลังพลที่ไปประจำการณ์ ต่างประเทศนานๆ ก็จะอยู่ในภาวะเครียดหนัก

    ตั้งแต่เริ่มรายการตัดงบเมื่อปี 2011 เป็นต้นมา กองทัพได้ยกเลิกไปแล้ว 21 แผนงาน ชลอ 125 แผนงาน และปรับปรุง 124 ที่แย่ คือ งบวิจัยและปรับปรุง ถูกตัดไปแล้ว 1 ใน 3 และหลังจากรบยาวติดต่อกันมา 12 ปี เราต้องมีการปรับปรุงอาวุธ และเครื่องมือ เครื่องใช้เรานะ”

    หลังจากนั้น ปลายเดือนตุลาคม 2014 ถึงคิว นาย Robert Gates อดีต รมว. กลาโหม อีกคนหนึ่ง ก็ออกมาพูดว่า ” สภาสูง ทำให้ Pentagon อยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดในทุกทาง และเพื่อจะปกป้องพันธมิตร และผลประโยชน์ของอเมริกาในเอเซีย อเมริกาต้องมีระบบจรวดป้องกันทรัพย์สินของอเมริกาที่อยู่ในอวกาศ และเครือข่ายไซเบอร์ และต้องลงทุนในระบบการป้องกันระยะไกล อเมริกาไม่มีทางเลือก ที่จะไม่ลงทุน มันจำเป็นที่เราจะต้องรักษาขนาดของกองทัพ ความพร้อม และสมรรถนะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเราทั่วโลก ”
    และ ล่าสุด นาย Bob Work รมช. กลาโหม ออกมาพูดเมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม นี้ ที่ สถาบัน Center for Strategic and International Studies ถังความคิดชื่อดังของวอชิงตันว่า การ ตัดงบแบบSequestration นี้ ทำให้ความชำนาญในการรบของกองทัพลดลง ถ้ากองทัพต้องปฏิบัติการณ์ ทำนองเดียวกับ Desert Storm สมัยขยี้ Saddam Hussien ตอนนี้บอกได้ว่าคงเหนื่อยแน่

    นอกจากนี้ เขาบอกว่า สมัยช่วงก่อนปี 2001 นายทหารที่อยู่ในกองทัพมา กว่า 10 ปี จะได้เข้ารับการฝึกแบบ full spectrum combat training หลายครั้ง ก่อนเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับหัวหน้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะตอนนี้ กลาโหมเน้นการรบเป็นรูปแบบการรับมือการก่อความไม่สงบ ถ้าจะเป็นการรบใหญ่จริงๆ เราต้องฝึกกันใหม่ และถ้ายังมีการตัดงบประมาณอย่างนี้ กว่าเริ่มฝีกใหม่ได้ ก็คงเป็นปี 2016 โน้นแน่ะ

    รู้สึกฝ่ายกลาโหมของอเมริกาจะโหมโรงหนังเรื่อง ตัดเหี้ยน Sequestration อย่างพร้อมเพรียง ในจังหวะน่าสนใจ!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 ธค. 2557
    รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 2 “รุกฆาต หรือ รุกคืบ” ตอนที่ 2 คงจำกันได้ เมื่อปี ค.ศ. 2011 อเมริกามีปัญหาถังแตก กระเป๋าฉีก (เป็นบ่อยเหมือนกันนะ ไหนว่ารวยไง) จะต้องมีการตัดงบประมาณรายจ่ายของประเทศเป็นการใหญ่ ฝ่ายรัฐบาลโอบามาจะให้ตัดงบด้านความมั่นคงเป็นส่วนใหญ่และตัดงบประมาณด้านสวัสดิการประชาชนน้อยกว่า เพื่อเลี้ยงฐานเสียง แต่พรรคฝ่ายค้าน บรรดาเหยี่ยวกระหายเลือด มีความเห็นตรงกันข้าม ไม่ยอมให้แตะงบด้านความมั่นคง แบบนี้จะไปมองหน้าพ่อค้าอาวุธนายทุนใหญ่ทั้งหลายได้ยังไง เลือกตั้งครั้งหน้าจะทำยังไง ทำให้รัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกันไม่ได้ ในที่สุด นายโอบามาวางสนุ้ก โดยลงนามใน Budget Control Act of 2011 ซึ่งมีผลเป็นการตัดงบประมาณทั้ง กระดานเท่ากัน ซึ่งเรียกกันว่า ” Sequestrations” ตัดอัตโนมัติ ตัดเท่ากัน ตัดเหี้ยน ไม่ว่าจะด้านความมั่นคง หรือสวัสดิการ เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2013 ไปจนถึง ปี 2021 นายโอบามาหวังจะให้วุฒิสมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ร่วมมือกันหาทางออก แต่จนถึงบัดนี้ยังหาประตูกันไม่เจอ ส่วนนายโอบามา ได้รับก้อนอิฐจากทุกสารทิศ ทั้งจากสภา และประชาชนปาใส่ยังไม่เลิก ฝ่ายความมั่นคง โดยนาย Pennetta รมว. กลาโหมขณะนั้น บอกว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ ตัดงบแบบนี้ ในส่วนของกลาโหม 10 ปี คิดแล้วงบหดไป 20 % และจะทำให้กองทัพ – มีทหารราบเหลือน้อยที่สุด นับแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2 – มีกองทัพเรือเล็กที่สุด นับแต่ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 1 – มีหน่วยรบด้านกลยุทธที่เล็กที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศ – มีกำลังพล ที่เป็นพลเรือนน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ ของกลาโหม แต่การตัดงบประมาณ แบบตัดเหี้ยน Sequestration ก็ยังเดินหน้าต่อไป ตอนนั้นอเมริกาคงยังมองไม่เห็น แปลสัญญาณ การขยับหมากของรัสเซียและจีนไม่ออก นาง Michele Flournoy ตัวเก็งหมายเลขหนึ่ง ที่นายโอบามา ทาบทามมาให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม หลังปลดนาย Chuck Hagel เมื่อ กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ ได้เขียนบทความ เกี่ยวกับการตัดงบประมาณแบบตัดเหี้ยนนี้ ซึ่ง Washington Post นำมาลงเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2014 ว่า ” ฤดูร้อนปีนี้ เราเห็นเหตุการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่การเกิดขึ้นของ Islamic State การรุกรานUkraine ของรัสเซีย สงครามระหว่าง ฮามาส กับอิสราเอล ความตึงเครียดในน่านน้ำเกาหลี และทะเลจีน เป็นการเตือนให้รู้ว่า อเมริกาอาจจะเจอกับการท้าทาย ด้านความมั่นคง ที่ซับซ้อน ผันแปรรวดเร็ว อย่างไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว ทั้งนี้คณะทำงานของ The National Defense Panel ซึ่งตั้งโดยสภาสูง (ที่มีนาง Flournoy เป็นหนึ่งในคณะทำงาน) ได้ทำรายงาน สรุปว่า Budget Control Act of 2011 เป็นยุทธศาสตร์ที่ “ผิดพลาดอย่างรุนแรง” ถ้าไม่มีการยกเลิก หรือผ่อนปรนโดยเร็ว กองทัพของอเมริกาจะตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างสูง และจะไม่สามารถปฏิบัติภาระกิจ ตามยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศได้ นาง Flournoy แจงเพิ่มเติมว่า การตัดงบตามกฏหมายดังกล่าว ทำให้การฝึกของนักบินไม่สามารถทำได้ตามจำนวนชั่วโมงที่ต้องการ เพื่อรักษาความชำนาญ และกองทัพเรือไม่สามารถไปประจำอยู่ในบริเวณที่วิกฤติได้… The National Defense Panel จึงขอให้สภาสูง พิจารณายกเลิก Budget Control Act ดังกล่าวทันที เพื่อให้กองทัพ สามารถยับยั้ง หรือหยุดความรุกรานในหลายๆที่ และรวมทั้งสามารถทำการรบ ในสงครามที่มีขนาดใหญ่ได้ (large-scale war) ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิจารณาถึง ขนาด และรูปแบบของกองทัพเป็นการด่วน เพื่อเราจะได้ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของเราที่มีอยู่ทั่วโลก และจัดหาวิธีการต่อสู้สงครามอย่างเหมาะสม ที่จะเป็นการรับประกันสถานะการเป็นผู้นำของอเมริกา…” Flournoy ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน อย่างไม่อ้อมค้อม Gen. Gary Cheek รองปลัดกลาโหม ด้านแผนงาน และนโยบาย ให้สัมภาษณ์ ในวันประชุมประจำปี ของ AUSA Convention เมื่อ 15 ตุลาคม 2014 ว่า “การ ยกเลิก Sequestration เท่านั้นแหละ ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ขณะนี้ เราส่ง 7 กองกำลัง ไปประจำการณ์อยู่ต่างประเทศ จากจำนวน 10 กองกำลังด้านนี้ที่เรามี ถ้ามีการตัดงบประมาณต่อไป การหมุนเวียนกำลังพล ทำไม่ได้มาก กำลังพลที่ไปประจำการณ์ ต่างประเทศนานๆ ก็จะอยู่ในภาวะเครียดหนัก ตั้งแต่เริ่มรายการตัดงบเมื่อปี 2011 เป็นต้นมา กองทัพได้ยกเลิกไปแล้ว 21 แผนงาน ชลอ 125 แผนงาน และปรับปรุง 124 ที่แย่ คือ งบวิจัยและปรับปรุง ถูกตัดไปแล้ว 1 ใน 3 และหลังจากรบยาวติดต่อกันมา 12 ปี เราต้องมีการปรับปรุงอาวุธ และเครื่องมือ เครื่องใช้เรานะ” หลังจากนั้น ปลายเดือนตุลาคม 2014 ถึงคิว นาย Robert Gates อดีต รมว. กลาโหม อีกคนหนึ่ง ก็ออกมาพูดว่า ” สภาสูง ทำให้ Pentagon อยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดในทุกทาง และเพื่อจะปกป้องพันธมิตร และผลประโยชน์ของอเมริกาในเอเซีย อเมริกาต้องมีระบบจรวดป้องกันทรัพย์สินของอเมริกาที่อยู่ในอวกาศ และเครือข่ายไซเบอร์ และต้องลงทุนในระบบการป้องกันระยะไกล อเมริกาไม่มีทางเลือก ที่จะไม่ลงทุน มันจำเป็นที่เราจะต้องรักษาขนาดของกองทัพ ความพร้อม และสมรรถนะ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเราทั่วโลก ” และ ล่าสุด นาย Bob Work รมช. กลาโหม ออกมาพูดเมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม นี้ ที่ สถาบัน Center for Strategic and International Studies ถังความคิดชื่อดังของวอชิงตันว่า การ ตัดงบแบบSequestration นี้ ทำให้ความชำนาญในการรบของกองทัพลดลง ถ้ากองทัพต้องปฏิบัติการณ์ ทำนองเดียวกับ Desert Storm สมัยขยี้ Saddam Hussien ตอนนี้บอกได้ว่าคงเหนื่อยแน่ นอกจากนี้ เขาบอกว่า สมัยช่วงก่อนปี 2001 นายทหารที่อยู่ในกองทัพมา กว่า 10 ปี จะได้เข้ารับการฝึกแบบ full spectrum combat training หลายครั้ง ก่อนเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับหัวหน้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะตอนนี้ กลาโหมเน้นการรบเป็นรูปแบบการรับมือการก่อความไม่สงบ ถ้าจะเป็นการรบใหญ่จริงๆ เราต้องฝึกกันใหม่ และถ้ายังมีการตัดงบประมาณอย่างนี้ กว่าเริ่มฝีกใหม่ได้ ก็คงเป็นปี 2016 โน้นแน่ะ รู้สึกฝ่ายกลาโหมของอเมริกาจะโหมโรงหนังเรื่อง ตัดเหี้ยน Sequestration อย่างพร้อมเพรียง ในจังหวะน่าสนใจ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 13 ธค. 2557
    0 Comments 0 Shares 618 Views 0 Reviews
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 5

    ในขณะนั้นการกีดกั้นสหภาพโซเวียต เป็นสุดยอดนโยบายของอเมริกา นักยุทธศาสตร์ชั้นเซียนของอเมริกา ต่างเชื่อกันว่าขบวนการ Khomeini จะเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านระบอบคอมมิวนิตส์ ไม่ให้เข้ามาในอิหร่าน และคิดไกลไปถึงว่า เนื่องจากเป็นพวกกลุ่มศาสนา อาจจะไม่สนใจหรือไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจดีพอ ก็อาจจะยอมให้พวกอิหร่านที่นิยมอเมริกาและชำนาญด้านเศรษฐกิจเป็นผู้ชี้นำประเทศในภายหลัง แต่จริงๆแล้วในรัฐบาล Carter ไม่มีใครรู้จัก Khomeini จริง และไม่รู้ว่าเป้าหมายแท้จริงของขบวนการ Khomeini มุ่งหน้าไปถึงไหน พวก CIA ที่อเมริกายกโขยงมาอยู่ที่อิหร่าน กลุ่มใหญ่มัวแต่จับตาดูไปที่สห ภาพโซเวียต เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของ CIA ได้บันทึกไว้ตอนหลังว่า “….จริงๆแล้วรัฐบาล Carter ไม่รู้เลยว่า Khomeini เป็นใคร กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว…..”

    วันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.1979 อเมริกันก็ถูกปลุกอีกครั้งหนึ่ง จากข่าวด่วนว่านักศึกษาที่เป็นอิสลามบุกยึดสถานฑูตอเมริกาที่กรุงเตหะราน โดยมีไฟเขียวของ Khomeini นำหน้า และยึดเจ้าหน้าที่สถานฑูตเป็นตัวประกัน เรียกร้องให้อเมริกาส่ง Shah กลับมาขึ้นศาลในอิหร่าน

    ชนวนการบุกสถานฑูต มาจากการที่อเมริกาตกลงให้ Shah ซึ่งป่วยหนักในขณะนั้น ไปรักษาตัวที่อเมริกา และจากการที่มีข่าวว่า ได้มีการนัดพบกันที่อัลจีเรีย ระหว่างที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Carter คือนาย Zbigniew Brzezinski กับนายกรัฐมนตรีอิหร่าน รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นพวกเดียวกับ Khomeini แต่สนับสนุนอเมริกา ถึงพวกเดียวกันแต่อุดมการณ์ต่างกันไกล อเมริกาคงยังนึกไม่ถึง

    ไม่นานหลังจากที่สถานฑูตอเมริกาโดนยึดในเดือนธันวาคม ค.ศ.1979 สหภาพโซเวียก็ฉวยโอกาสลองของ บุกเข้าไปในอาฟกานิสถาน

    อาฟกานิสถาน ถือว่าเป็นกันชนสำคัญ กั้นเส้นทางเดินของสหภาพโซเวียต ที่จะเดินผ่านปากีสถานเข้ามายังอิหร่านและอ่าวเปอร์เซีย การลองของครั้งนี้ของสหภาพโซเวียต ทำให้อเมริกาสะดุ้งเหมือนถูกไฟซ๊อต สหภาพโซเวียตคงไม่ได้คิดแค่เข้ามานั่งเล่นที่อาฟกานิสถานแน่ แผนของโซเวียตน่าจะลึกกว่านั้น มันเหมือนเป็นการท้าทายในการแข่งขันช่วงชิงอำนาจในบริเวณทั้งหมดของตะวันออกกลาง มหาสมุทรอินเดีย อาฟริกา คาบสมุทรอารเบียน ถึงบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาคิดเช่นนั้น และอเมริกายอมไม่ได้

    23 มกราคม ค.ศ.1980 อเมริการวบรวมลูกหาบเจ้าของบ่อน้ำมันแถวทะเลทราย บุกเข้าไปยึดอาฟกานิสถานคืน สหภาพโซเวียตรู้แล้วว่ากล่องดวงใจของอเมริกาอยู่ที่ไหน ถอยทัพกลับไปหน้าตาเฉย
    นาย Zbigniew Brzezinski ที่ปรึกษาใหญ่รีบประกาศว่า เราต้องปรับยุทธศาสตร์การครองโลกของอเมริกาเสียใหม่ การควบคุมอ่าวเปอร์เซีย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันดับแรก ที่อเมริกาต้องรีบดำเนินการ พร้อมกับการประกาศ ที่ปรึกษาใหญ่ทำบันทึกถึงประธานาธิบดี Carter (สั่ง) ประธานาธิบดีว่า “เราจะต้องรีบดำเนินการ ขวางการแทรกเข้ามาในบริเวณนี้ของสหภาพโซเวียต เราน่าจะต้องให้ของขวัญแบบ “สงครามเวียตนาม” ให้แก่สหภาพโซเวียตบ้าง” ขิงแก่ของจริง รสเผ็ดจัด

    ตลอดเวลากว่า 10 ปี รัฐบาลอเมริกัน ส่งอาวุธและความช่วยเหลือเป็นเงินกว่า 3 พันล้านเหรียญ ให้แก่กลุ่มอิสลาม Mujahadeen เพื่อให้สร้างเครือข่ายนักรบอิสลาม และพวกนี้ก็ได้เป็นต้นกำเนิดขวัญใจคาวบอย Bush กลุ่มอัลกออิดะห์ของ Osama Bin Laden เพื่อเอาไว้แหย่ให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายอยู่ที่อาฟกานิสถาน จะได้ไม่มีเวลาข้ามมาเดินเล่นแถวทะเลทรายในตะวันออกกลาง บ่อน้ำมันมีเยอะ ตกลงไปจะลำบาก

    หมากล่อให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายแถวอาฟกานิสถานหมากเดียว คงกลัวเอาไม่อยู่ ต้องแถมให้อิหร่านอีกสักหน่อย เป็นการทำโทษที่บังอาจมายึดสถานฑูตที่เตหะราน นี่มันเป็นการหยามน้ำหน้ากันมากนะ ใหญ่ขนาดนี้ โดนลูบคมซะทื่อไปหมด พี่เบิ้มสมควรจะลาออกจากตำแหน่ง แต่พี่เบิ้มหน้าด้านอยู่แล้ว เก็บความอายไว้ก่อน ยังต้องใช้อิหร่าน จึงยังไม่ทลาย ขอแค่บี้ซ้ายขยี้ขวา ให้อยู่สุขไม่ได้แล้วกัน

    ในขณะนั้น อเมริกามีกองกำลังจำนวนจำกัดอยู่ในแถบทะเลทราย ดังนั้นหมากที่ใช้คือเสี้ยมให้มันรบกันเอง เราอย่าขนคนของเราไปให้เสียเวลาเลยนะ อิรักมีประชากรเป็นชีอ่ะ 60% ซึ่ง Saddam ไม่พอใจและกดขี่อยู่เสมอ แล้วนี่ถ้าอิหร่านซึ่งเป็นชีอ่ะบุกเข้ามาที่อิรัก พากันเปลี่ยนประเทศอิรักป็นรัฐอิสลามที่เคร่งครัดทั้งหมดจะเป็นยังไงนะ แค่เปรยเท่านี้ Saddam ก็เต้น เพราะไม่ชอบชีอ่ะ และไม่อยากเปลี่ยนเป็นอิสลามเคร่งครัด อเมริกาบอก งั้นก็ต้องกันก่อนแก้ซิ Saddam เอ๋ย

    ในปี ค.ศ.1980 ดอกไม้กำลังบานไสวไนฤดูใบไม้ผลิต่อฤดูร้อน อิรักก็บุกอิหร่านตามคำยุของอเมริกา แหม! ทำไมยุขึ้นง่ายอย่างนี้นะ อ้อ! พี่เบิ้มเขาส่งอาวุธให้แบบไม่อั้น กันยายน ค.ศ.1980 อิรักเคลื่อนพลขยับไปจนเกือบเหยียบจมูกอิหร่าน เข้าไปถึงชานเมืองตะวันตกเฉียง ใต้ แล้วกัน Saddam กำลังจัดการงานนอกสั่ง เราสั่งแค่ให้แหย่ ไม่ใช่ให้ยึด ฟังภาษาไม่รู้เรื่องหรือไง Saddam ฟังออก แต่โอกาสมันมาถึงจะให้ถอยก็คงยาก

    ในที่สุดไอ้คนยุก็เลยต้องรีบปรับแผน “แลกกันเอาไหม ยูปล่อยตัวประกันอเมริกันให้หมด ไอส่งอาวุธให้ยู 300-500 ล้านเหรียญ เอาไปถล่ม Saddam กลับ” มันเป็นการแอบเจรจากันระหว่างกลุ่มหนุนหลังของ Reagan (ซึ่งกำลังท้าชิงตำแหน่งกับ Carter ) และทีมงานของ Khomeini แต่ยูปล่อยตัวประกันเมื่อ Reagan ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีนะ
    มันเป็นกลุ่มหนุน Reagan ที่มีแผนลึกซ่อนอยู่ Ayatollah ตกลงกับข้อเสนอ เพราะก็มีแผนลึกซ่อนอยู่เช่นกัน

    มกราคม 21 ค.ศ.1981 Reagan ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในวันที่เขาเข้ามารับตำแหน่ง อิหร่านก็ปล่อยตัวเจ้าหน้าที่สถานฑูตที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันอาบน้ำแต่งตัวกลับบ้านไป

    อเมริกาคิดว่าแผนรุกของตนได้ผล สงครามอิรักอิหร่านดำเนินอยู่ถึง 8 ปี ไม่มีฝ่ายใดชนะหรือแพ้ (เพราะกรรมการเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย) ส่วนที่อาฟกานิสถาน ในที่สุดสหภาพโซเวียตก็แตกพ่าย ถอยทัพหน้าตกกลับประเทศในปี ค.ศ.1989 เป็นการพ่ายแพ้ที่ยับเยินของสหภาพโซเวียต และเป็นส่วนสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย อเมริกาผงาดเป็นผู้ชนะ ขึ้นแท่นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก และเป็นการเริ่มต้นของ “สงครามเย็น”

    เรื่องราวของอเมริกากับอิหร่านและตะวันออกกลางกับสหภสาพโซเวียตดูเหมือนจะจบ แต่แค่ดูเหมือน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 5 ในขณะนั้นการกีดกั้นสหภาพโซเวียต เป็นสุดยอดนโยบายของอเมริกา นักยุทธศาสตร์ชั้นเซียนของอเมริกา ต่างเชื่อกันว่าขบวนการ Khomeini จะเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านระบอบคอมมิวนิตส์ ไม่ให้เข้ามาในอิหร่าน และคิดไกลไปถึงว่า เนื่องจากเป็นพวกกลุ่มศาสนา อาจจะไม่สนใจหรือไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจดีพอ ก็อาจจะยอมให้พวกอิหร่านที่นิยมอเมริกาและชำนาญด้านเศรษฐกิจเป็นผู้ชี้นำประเทศในภายหลัง แต่จริงๆแล้วในรัฐบาล Carter ไม่มีใครรู้จัก Khomeini จริง และไม่รู้ว่าเป้าหมายแท้จริงของขบวนการ Khomeini มุ่งหน้าไปถึงไหน พวก CIA ที่อเมริกายกโขยงมาอยู่ที่อิหร่าน กลุ่มใหญ่มัวแต่จับตาดูไปที่สห ภาพโซเวียต เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของ CIA ได้บันทึกไว้ตอนหลังว่า “….จริงๆแล้วรัฐบาล Carter ไม่รู้เลยว่า Khomeini เป็นใคร กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว…..” วันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.1979 อเมริกันก็ถูกปลุกอีกครั้งหนึ่ง จากข่าวด่วนว่านักศึกษาที่เป็นอิสลามบุกยึดสถานฑูตอเมริกาที่กรุงเตหะราน โดยมีไฟเขียวของ Khomeini นำหน้า และยึดเจ้าหน้าที่สถานฑูตเป็นตัวประกัน เรียกร้องให้อเมริกาส่ง Shah กลับมาขึ้นศาลในอิหร่าน ชนวนการบุกสถานฑูต มาจากการที่อเมริกาตกลงให้ Shah ซึ่งป่วยหนักในขณะนั้น ไปรักษาตัวที่อเมริกา และจากการที่มีข่าวว่า ได้มีการนัดพบกันที่อัลจีเรีย ระหว่างที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Carter คือนาย Zbigniew Brzezinski กับนายกรัฐมนตรีอิหร่าน รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นพวกเดียวกับ Khomeini แต่สนับสนุนอเมริกา ถึงพวกเดียวกันแต่อุดมการณ์ต่างกันไกล อเมริกาคงยังนึกไม่ถึง ไม่นานหลังจากที่สถานฑูตอเมริกาโดนยึดในเดือนธันวาคม ค.ศ.1979 สหภาพโซเวียก็ฉวยโอกาสลองของ บุกเข้าไปในอาฟกานิสถาน อาฟกานิสถาน ถือว่าเป็นกันชนสำคัญ กั้นเส้นทางเดินของสหภาพโซเวียต ที่จะเดินผ่านปากีสถานเข้ามายังอิหร่านและอ่าวเปอร์เซีย การลองของครั้งนี้ของสหภาพโซเวียต ทำให้อเมริกาสะดุ้งเหมือนถูกไฟซ๊อต สหภาพโซเวียตคงไม่ได้คิดแค่เข้ามานั่งเล่นที่อาฟกานิสถานแน่ แผนของโซเวียตน่าจะลึกกว่านั้น มันเหมือนเป็นการท้าทายในการแข่งขันช่วงชิงอำนาจในบริเวณทั้งหมดของตะวันออกกลาง มหาสมุทรอินเดีย อาฟริกา คาบสมุทรอารเบียน ถึงบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาคิดเช่นนั้น และอเมริกายอมไม่ได้ 23 มกราคม ค.ศ.1980 อเมริการวบรวมลูกหาบเจ้าของบ่อน้ำมันแถวทะเลทราย บุกเข้าไปยึดอาฟกานิสถานคืน สหภาพโซเวียตรู้แล้วว่ากล่องดวงใจของอเมริกาอยู่ที่ไหน ถอยทัพกลับไปหน้าตาเฉย นาย Zbigniew Brzezinski ที่ปรึกษาใหญ่รีบประกาศว่า เราต้องปรับยุทธศาสตร์การครองโลกของอเมริกาเสียใหม่ การควบคุมอ่าวเปอร์เซีย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันดับแรก ที่อเมริกาต้องรีบดำเนินการ พร้อมกับการประกาศ ที่ปรึกษาใหญ่ทำบันทึกถึงประธานาธิบดี Carter (สั่ง) ประธานาธิบดีว่า “เราจะต้องรีบดำเนินการ ขวางการแทรกเข้ามาในบริเวณนี้ของสหภาพโซเวียต เราน่าจะต้องให้ของขวัญแบบ “สงครามเวียตนาม” ให้แก่สหภาพโซเวียตบ้าง” ขิงแก่ของจริง รสเผ็ดจัด ตลอดเวลากว่า 10 ปี รัฐบาลอเมริกัน ส่งอาวุธและความช่วยเหลือเป็นเงินกว่า 3 พันล้านเหรียญ ให้แก่กลุ่มอิสลาม Mujahadeen เพื่อให้สร้างเครือข่ายนักรบอิสลาม และพวกนี้ก็ได้เป็นต้นกำเนิดขวัญใจคาวบอย Bush กลุ่มอัลกออิดะห์ของ Osama Bin Laden เพื่อเอาไว้แหย่ให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายอยู่ที่อาฟกานิสถาน จะได้ไม่มีเวลาข้ามมาเดินเล่นแถวทะเลทรายในตะวันออกกลาง บ่อน้ำมันมีเยอะ ตกลงไปจะลำบาก หมากล่อให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายแถวอาฟกานิสถานหมากเดียว คงกลัวเอาไม่อยู่ ต้องแถมให้อิหร่านอีกสักหน่อย เป็นการทำโทษที่บังอาจมายึดสถานฑูตที่เตหะราน นี่มันเป็นการหยามน้ำหน้ากันมากนะ ใหญ่ขนาดนี้ โดนลูบคมซะทื่อไปหมด พี่เบิ้มสมควรจะลาออกจากตำแหน่ง แต่พี่เบิ้มหน้าด้านอยู่แล้ว เก็บความอายไว้ก่อน ยังต้องใช้อิหร่าน จึงยังไม่ทลาย ขอแค่บี้ซ้ายขยี้ขวา ให้อยู่สุขไม่ได้แล้วกัน ในขณะนั้น อเมริกามีกองกำลังจำนวนจำกัดอยู่ในแถบทะเลทราย ดังนั้นหมากที่ใช้คือเสี้ยมให้มันรบกันเอง เราอย่าขนคนของเราไปให้เสียเวลาเลยนะ อิรักมีประชากรเป็นชีอ่ะ 60% ซึ่ง Saddam ไม่พอใจและกดขี่อยู่เสมอ แล้วนี่ถ้าอิหร่านซึ่งเป็นชีอ่ะบุกเข้ามาที่อิรัก พากันเปลี่ยนประเทศอิรักป็นรัฐอิสลามที่เคร่งครัดทั้งหมดจะเป็นยังไงนะ แค่เปรยเท่านี้ Saddam ก็เต้น เพราะไม่ชอบชีอ่ะ และไม่อยากเปลี่ยนเป็นอิสลามเคร่งครัด อเมริกาบอก งั้นก็ต้องกันก่อนแก้ซิ Saddam เอ๋ย ในปี ค.ศ.1980 ดอกไม้กำลังบานไสวไนฤดูใบไม้ผลิต่อฤดูร้อน อิรักก็บุกอิหร่านตามคำยุของอเมริกา แหม! ทำไมยุขึ้นง่ายอย่างนี้นะ อ้อ! พี่เบิ้มเขาส่งอาวุธให้แบบไม่อั้น กันยายน ค.ศ.1980 อิรักเคลื่อนพลขยับไปจนเกือบเหยียบจมูกอิหร่าน เข้าไปถึงชานเมืองตะวันตกเฉียง ใต้ แล้วกัน Saddam กำลังจัดการงานนอกสั่ง เราสั่งแค่ให้แหย่ ไม่ใช่ให้ยึด ฟังภาษาไม่รู้เรื่องหรือไง Saddam ฟังออก แต่โอกาสมันมาถึงจะให้ถอยก็คงยาก ในที่สุดไอ้คนยุก็เลยต้องรีบปรับแผน “แลกกันเอาไหม ยูปล่อยตัวประกันอเมริกันให้หมด ไอส่งอาวุธให้ยู 300-500 ล้านเหรียญ เอาไปถล่ม Saddam กลับ” มันเป็นการแอบเจรจากันระหว่างกลุ่มหนุนหลังของ Reagan (ซึ่งกำลังท้าชิงตำแหน่งกับ Carter ) และทีมงานของ Khomeini แต่ยูปล่อยตัวประกันเมื่อ Reagan ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีนะ มันเป็นกลุ่มหนุน Reagan ที่มีแผนลึกซ่อนอยู่ Ayatollah ตกลงกับข้อเสนอ เพราะก็มีแผนลึกซ่อนอยู่เช่นกัน มกราคม 21 ค.ศ.1981 Reagan ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในวันที่เขาเข้ามารับตำแหน่ง อิหร่านก็ปล่อยตัวเจ้าหน้าที่สถานฑูตที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันอาบน้ำแต่งตัวกลับบ้านไป อเมริกาคิดว่าแผนรุกของตนได้ผล สงครามอิรักอิหร่านดำเนินอยู่ถึง 8 ปี ไม่มีฝ่ายใดชนะหรือแพ้ (เพราะกรรมการเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย) ส่วนที่อาฟกานิสถาน ในที่สุดสหภาพโซเวียตก็แตกพ่าย ถอยทัพหน้าตกกลับประเทศในปี ค.ศ.1989 เป็นการพ่ายแพ้ที่ยับเยินของสหภาพโซเวียต และเป็นส่วนสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย อเมริกาผงาดเป็นผู้ชนะ ขึ้นแท่นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก และเป็นการเริ่มต้นของ “สงครามเย็น” เรื่องราวของอเมริกากับอิหร่านและตะวันออกกลางกับสหภสาพโซเวียตดูเหมือนจะจบ แต่แค่ดูเหมือน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 กันยายน 2557
    0 Comments 0 Shares 560 Views 0 Reviews
  • “Fedora เปิดร่างนโยบาย Vibe Coding — เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยในโอเพ่นซอร์ส แต่ไม่ใช่ผู้ตัดสิน”

    Fedora Project ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของโลกโอเพ่นซอร์ส ได้เปิดร่างนโยบายใหม่ว่าด้วยการใช้เครื่องมือ AI ในการพัฒนาโค้ด โดยเน้นแนวคิด “Vibe Coding” ที่ให้ AI เป็นผู้ช่วยในการสร้างสรรค์ แต่ยังคงให้มนุษย์เป็นผู้รับผิดชอบหลักในทุกขั้นตอนของการพัฒนา

    ร่างนโยบายนี้เป็นผลจากการปรึกษาหารือกับชุมชนตลอดหนึ่งปีเต็ม เริ่มจากการสำรวจความคิดเห็นในช่วงฤดูร้อนปี 2024 และนำมาสู่การกำหนดแนวทาง 4 ด้านหลัก ได้แก่ การใช้ AI ในการเขียนโค้ด, การรีวิว, การจัดการโครงการ และการใช้ข้อมูล

    สำหรับผู้พัฒนาโค้ดที่ใช้ AI ช่วยงาน Fedora ระบุชัดว่า “คุณต้องรับผิดชอบทุกบรรทัดที่ส่งเข้าไป” โดย AI ถือเป็นเพียงข้อเสนอ ไม่ใช่โค้ดสุดท้าย ผู้ใช้ต้องตรวจสอบ ทดสอบ และเข้าใจสิ่งที่ตนเองส่งเข้าไป และหาก AI มีส่วนช่วยอย่างมีนัยสำคัญ ควรระบุไว้ใน commit message เพื่อความโปร่งใส

    ในส่วนของผู้รีวิว แม้จะสามารถใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ได้ แต่ไม่สามารถใช้ AI ตัดสินใจแทนมนุษย์ได้ การอนุมัติสุดท้ายต้องมาจากคนจริงเท่านั้น

    ด้านการจัดการโครงการ Fedora ห้ามใช้ AI ในการตัดสินเรื่องจรรยาบรรณ การอนุมัติทุน การคัดเลือกหัวข้อสัมมนา หรือการแต่งตั้งผู้นำ และหากมีฟีเจอร์ AI ที่ส่งข้อมูลออกไปยังบริการภายนอก ต้องให้ผู้ใช้ opt-in เท่านั้น

    ในทางกลับกัน Fedora สนับสนุนการแพ็กเกจเครื่องมือ AI และเฟรมเวิร์กต่าง ๆ ให้ใช้งานได้ในระบบ Fedora ตราบใดที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านลิขสิทธิ์และการจัดการแพ็กเกจ

    ร่างนโยบายนี้เปิดให้ชุมชนแสดงความคิดเห็นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนจะเข้าสู่การลงคะแนนอย่างเป็นทางการโดย Fedora Council ผ่านระบบ ticket voting

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Fedora เปิดร่างนโยบายการใช้ AI ในการพัฒนาโค้ดแบบ Vibe Coding
    ผู้ใช้ AI ต้องรับผิดชอบโค้ดทั้งหมดที่ส่งเข้าไป ไม่ใช่ปล่อยให้ AI ตัดสินใจแทน
    หาก AI มีส่วนช่วยอย่างมีนัยสำคัญ ควรระบุไว้ใน commit message
    ผู้รีวิวสามารถใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ได้ แต่ไม่สามารถใช้ AI ตัดสินใจแทนมนุษย์
    ห้ามใช้ AI ในการตัดสินเรื่องจรรยาบรรณ ทุน สัมมนา หรือการแต่งตั้งผู้นำ
    ฟีเจอร์ AI ที่ส่งข้อมูลออกไปต้องให้ผู้ใช้ opt-in เท่านั้น
    Fedora สนับสนุนการแพ็กเกจเครื่องมือ AI หากปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านลิขสิทธิ์
    ห้ามใช้การ scrape ข้อมูลจาก Fedora อย่างหนักจนกระทบโครงสร้างพื้นฐาน
    ร่างนโยบายเปิดให้ชุมชนแสดงความคิดเห็น 2 สัปดาห์ก่อนลงคะแนน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    “Vibe Coding” เป็นแนวคิดที่ให้ AI เป็นผู้ช่วยสร้างสรรค์ ไม่ใช่ผู้ควบคุม
    หลายโครงการโอเพ่นซอร์สเริ่มใช้ AI เช่น GitHub Copilot, Sourcery, Log Detective
    การระบุ Assisted-by: ใน commit message เป็นแนวทางใหม่ที่หลายโครงการเริ่มใช้
    การใช้ AI ในการรีวิวโค้ดยังมีข้อจำกัดด้านคุณภาพและความเข้าใจบริบท
    Fedora เป็น upstream ของ Red Hat และมีอิทธิพลต่อระบบ Linux ทั่วโลก

    https://news.itsfoss.com/fedora-ai-guidelines/
    🧠 “Fedora เปิดร่างนโยบาย Vibe Coding — เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยในโอเพ่นซอร์ส แต่ไม่ใช่ผู้ตัดสิน” Fedora Project ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของโลกโอเพ่นซอร์ส ได้เปิดร่างนโยบายใหม่ว่าด้วยการใช้เครื่องมือ AI ในการพัฒนาโค้ด โดยเน้นแนวคิด “Vibe Coding” ที่ให้ AI เป็นผู้ช่วยในการสร้างสรรค์ แต่ยังคงให้มนุษย์เป็นผู้รับผิดชอบหลักในทุกขั้นตอนของการพัฒนา ร่างนโยบายนี้เป็นผลจากการปรึกษาหารือกับชุมชนตลอดหนึ่งปีเต็ม เริ่มจากการสำรวจความคิดเห็นในช่วงฤดูร้อนปี 2024 และนำมาสู่การกำหนดแนวทาง 4 ด้านหลัก ได้แก่ การใช้ AI ในการเขียนโค้ด, การรีวิว, การจัดการโครงการ และการใช้ข้อมูล สำหรับผู้พัฒนาโค้ดที่ใช้ AI ช่วยงาน Fedora ระบุชัดว่า “คุณต้องรับผิดชอบทุกบรรทัดที่ส่งเข้าไป” โดย AI ถือเป็นเพียงข้อเสนอ ไม่ใช่โค้ดสุดท้าย ผู้ใช้ต้องตรวจสอบ ทดสอบ และเข้าใจสิ่งที่ตนเองส่งเข้าไป และหาก AI มีส่วนช่วยอย่างมีนัยสำคัญ ควรระบุไว้ใน commit message เพื่อความโปร่งใส ในส่วนของผู้รีวิว แม้จะสามารถใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ได้ แต่ไม่สามารถใช้ AI ตัดสินใจแทนมนุษย์ได้ การอนุมัติสุดท้ายต้องมาจากคนจริงเท่านั้น ด้านการจัดการโครงการ Fedora ห้ามใช้ AI ในการตัดสินเรื่องจรรยาบรรณ การอนุมัติทุน การคัดเลือกหัวข้อสัมมนา หรือการแต่งตั้งผู้นำ และหากมีฟีเจอร์ AI ที่ส่งข้อมูลออกไปยังบริการภายนอก ต้องให้ผู้ใช้ opt-in เท่านั้น ในทางกลับกัน Fedora สนับสนุนการแพ็กเกจเครื่องมือ AI และเฟรมเวิร์กต่าง ๆ ให้ใช้งานได้ในระบบ Fedora ตราบใดที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านลิขสิทธิ์และการจัดการแพ็กเกจ ร่างนโยบายนี้เปิดให้ชุมชนแสดงความคิดเห็นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนจะเข้าสู่การลงคะแนนอย่างเป็นทางการโดย Fedora Council ผ่านระบบ ticket voting ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Fedora เปิดร่างนโยบายการใช้ AI ในการพัฒนาโค้ดแบบ Vibe Coding ➡️ ผู้ใช้ AI ต้องรับผิดชอบโค้ดทั้งหมดที่ส่งเข้าไป ไม่ใช่ปล่อยให้ AI ตัดสินใจแทน ➡️ หาก AI มีส่วนช่วยอย่างมีนัยสำคัญ ควรระบุไว้ใน commit message ➡️ ผู้รีวิวสามารถใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ได้ แต่ไม่สามารถใช้ AI ตัดสินใจแทนมนุษย์ ➡️ ห้ามใช้ AI ในการตัดสินเรื่องจรรยาบรรณ ทุน สัมมนา หรือการแต่งตั้งผู้นำ ➡️ ฟีเจอร์ AI ที่ส่งข้อมูลออกไปต้องให้ผู้ใช้ opt-in เท่านั้น ➡️ Fedora สนับสนุนการแพ็กเกจเครื่องมือ AI หากปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านลิขสิทธิ์ ➡️ ห้ามใช้การ scrape ข้อมูลจาก Fedora อย่างหนักจนกระทบโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ ร่างนโยบายเปิดให้ชุมชนแสดงความคิดเห็น 2 สัปดาห์ก่อนลงคะแนน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ “Vibe Coding” เป็นแนวคิดที่ให้ AI เป็นผู้ช่วยสร้างสรรค์ ไม่ใช่ผู้ควบคุม ➡️ หลายโครงการโอเพ่นซอร์สเริ่มใช้ AI เช่น GitHub Copilot, Sourcery, Log Detective ➡️ การระบุ Assisted-by: ใน commit message เป็นแนวทางใหม่ที่หลายโครงการเริ่มใช้ ➡️ การใช้ AI ในการรีวิวโค้ดยังมีข้อจำกัดด้านคุณภาพและความเข้าใจบริบท ➡️ Fedora เป็น upstream ของ Red Hat และมีอิทธิพลต่อระบบ Linux ทั่วโลก https://news.itsfoss.com/fedora-ai-guidelines/
    0 Comments 0 Shares 294 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 2”
    Istanbul ฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1914 เมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมาน เหมือนอยู่ไกลไปครึ่งโลกห่างวัง ฤดูร้อนใน Ischi ที่ Emperor Franz Joseph ที่ 1 ลงนามในแถลงการณ์ “To My People” เมื่อวันที่ 28 ก.ค 1914 แจ้งให้ชาวออสเตรียรู้ว่า ออสเตรียได้ประกาศสงครามกับ Serbia อย่างเป็นทางการแล้ว !
    เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว ที่อาณาจักรออตโตมานควบคุมทางใต้และตะวันออกของเมดิเตอเรเนียน ตั้งแต่เมือง Alexandretta ถึง Arish และจาก Maghreb ไปถึง Suez ส่วน Algeria และ Tunesia ตกอยู่ในการดูแลของฝรั่งเศส ในขณะที่อังกฤษงาบ อียิปต์ไปเรียบร้อยแล้ว
    ในปี ค.ศ. 1911 อิตาลีได้ยึดหัวหาดอยู่ที่ลิเบีย ก่อนที่จะเกิดสงครามโลก อาณาจักรออตโตมานถูกรุมทึ้งจนเหลือเพียงตุรกี (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) ตะวันออกกลางและอิรัค (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) และดินแดนยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่แถบคาบสมุทรอารเบียยาวไปถึงเยเมน
    ตรงบริเวณนี้แหละ ตรงที่เป็นภาคใต้ของตุรกีปัจจุบัน ที่เป็นศูนย์กลางของสงครามในตะวันออกกลางในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ดินแดนส่วนนี้ได้พยุงตัวด้วยความยากลำบาก เป็นเวลากว่า 400 ปี ที่จะให้อยู่รอดพ้นจากการเหลือแต่ชื่อ แต่แล้วพอถึงต้นศตวรรษที่ 20 ดินแดนส่วนนี้ก็ยิ่งอาการสาหัส กลายเป็นแดนวิกฤติ อย่างที่เรารู้อยู่ในปัจจุบัน บริเวณที่เมืองต่าง ๆ ในแถบนั้นต้องประสบกับความทุกข์ทรมานยาวหลายชั่วคน เช่น Basra, Bagdad, Aleppo, Damascus, Beirut, Gaza และ Suez ฯลฯ เมืองที่เราเห็นชื่อตามสื่อและ breaking news ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแทบจะเลิกสนใจเพราะนึกว่าเอาเทปของเก่ามาเล่นซ้ำ
    โชคดีที่พวกชักใยหรือตัวละครเอกที่แสดงอยู่ในฉากสงครามโลกครั้งที่ 1 ขณะนั้นยังไม่รู้ว่า ที่สนามหลังบ้านของอาณาจักรออตโตมาน มีแหล่งพลังงานน้ำมันใหญ่ที่สุด ซ่อนตัวอยู่ ถ้าไอ้พวกนั้นได้รู้ การต่อสู้ที่ตะวันออกกลางช่วงนั้นคงจะยิ่งดุเดือดและทารุณโหดร้าย ป่าเถื่อนกว่าที่ได้เกิดขึ้นอีกมากมาย ในขณะนั้น คู่สงครามต่างแสดงบทที่ดูเหมือนจะต้องการเพียงแค่ กำจัดอีกฝ่ายหนึ่งให้หมดไปจากทางเดินของตน ไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งมีอิทธิพล มีอำนาจมากกว่า ยิ่งใหญ่กว่า ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ และพยายามทุกอย่างที่จะขัดขวางกันและกันเท่านั้น
    อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าข้างซ้าย สบโอกาสที่จะสลายอาณาจักรออตโตมาน ของนักไต่ลวดชาวตุรกี และยึดเอามาเป็นของตน เพื่อขยายอิทธิพลของตนไปทางตะวันออกกลางมากขึ้น ขณะนั้นอังกฤษมีอิทธิพลเหนืออียิปต์ อยู่แล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 และเหนืออินเดีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1857 ยังเหลืออาณาจักรออตโตมาน ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ระหว่าง 2 อาณานิคมสำคัญ นี่ถ้าได้อาณาจักรออตโตมานอีกรายการ อาการฟันห่างระหว่างอียิปต์กับอินเดียก็จะแคบเข้ามา อังกฤษจะนั่งรอให้โอกาสวิ่งผ่านไป โดยไม่ฉวยได้อย่างไร ความคิดที่จะใช้สงครามโลกเป็นเครื่องมือถอนราก ถอนโคน อาณาจักรของนักไต่ลวด พร้อมกับการสกัดและทำลายเยอรมันที่คิดทาบรัศมีด้วยการสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ไปพร้อมกันจึงเกิดขึ้น
    อาณาจักรออตโตมาน ตัดสินใจว่าจะวางตัวเป็นกลาง ก็เป็นคนป่วยนี่ ไม่แข็งแรงพอที่จะไปต่อสู้กับใครได้ อยู่เฉย ๆ น่าจะดีและเหมาะกับสภาพของออตโตมานตอนนั้นมากกว่า สุลต่านผู้ครองจักรวรรดิออตโตมาน เป็นเสมือนหุ่นไม่มีอำนาจจริง หลังจากสุลต่าน Abdulhamid II ซึ่งเป็นสุลต่านที่มีอำนาจคนสุด ท้าย ถูกโค่นลงเมื่อปี 1908 แล้ว สุลต่านคนต่อ ๆ มา ก็หมกตัวอยู่แต่ในฮาเร็ม ให้รัฐบาลทหาร ซึ่งนำโดย Three Pasha เป็นผู้บริหารแทน ปาชาไม่ใช่พวกเคร่งศาสนาและออกจะเป็นพวกนิยมตะวันตกด้วยซ้ำ
    เป็นทหารจะไปรู้เรื่องการค้ามากมายอะไร (ผมหมายถึงปาชานะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าเขียนถึงทหารอื่น ซึ่งเก่งทั้งการทหาร การค้า การปกครอง และอื่น ๆ อีกมากมาย) แล้วอาณาจักรออตโตมานก็ถึงเวลากระเป๋าแห้ง และฉีกขาดต่อมา เป็นหนี้ฝรั่งตะวันตกบานตะเกียง ชนิดไม่มีทางจะใช้คืน นอกจากเบี้ยวเขา หรือเป็นทาสเขาไปเท่านั้น แล้วไงล่ะ ขอไปร่วมอยู่ฝั่งเดียวกับเขา เขาก็ถีบทิ้ง นักไต่ลวดจึงถลาลงพื้น หัวฟาดอย่างเดียวไม่พอ กระเป๋าฉีกขาดอีกด้วย ทั้งเจ็บ ทั้งจนขนาดนี้ จะมีทางเลือกอะไร จึงจำใจไปเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง
    ตุลาคม ค.ศ. 1914 ตุรกี (หรืออาณาจักรออตโตมานขณะนั้น) จึงประกาศตัวอยู่ฝ่ายเยอรมันกับพวก ที่น่าจะกระเป๋าตุงเพราะทำซ่า ว่าจะสร้างทางรถไฟข้ามทวีป เบอร์ลิน แบกแดด ท้าทายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แต่ก่อนประกาศตัวอยู่กับฝ่ายเยอรมันเป็นทางการ คนป่วยตุรกีแอบทำสัญญาลับกับ คุณหมอเยอรมัน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม หลังจากนั้นไม่นาน เรือรบสัญชาติเยอรมัน 2 ลำ SMS Goeben และ SMS Breslau ก็วิ่งมาเงียบ ๆ จากฝั่งตะวันตกของเมดิเตอริเรเนียน ถึงกรุงคอนสแตนติโนเบิล เมื่อเทียบท่าเรียบร้อย ก็ทำพิธีส่งมอบให้ออตโตมาน ซึ่งขณะนั้นบอกว่ายังเป็นกลางอยู่ ออตโตมานตั้งชื่อเรือเสียใหม่ว่า Yavuz และ Midilli ให้มีกลิ่นแกะตุรกีติดเรือ แทนกลิ่นไส้กรอกกับผักดองเปรี้ยวของเยอรมัน พลประจำเรือชาวเยอรมันยังไม่ได้หายตัวไปไหน แค่เปลี่ยนชุดและใส่หมวกตุรกีแทนเท่านั้น เป็นคนป่วยที่ดูเหมือน ยังมีเหลี่ยมติดตัวอยู่ไม่น้อย
    หลังจากนั่นเรือรบ 2 ลำ เดินทางต่อไปถึง Golden Horn และต่อไปที่เมือง Dardanelles ปฏิบัติการยั่วยวนก็เกิดขึ้นทันที ออตโตมานและเยอรมัน ได้ปิดทางเชื่อมระหว่างรัสเซียออกจากพวก คือ ฝรั่งเศส และอังกฤษ หลังจากนั้น เครื่องบินรบติดธงออตโตมาน ก็บินขึ้นจากเรือรบ Goeben ถล่มท่าเรือรัสเซียที่ทะเลดำ การยั่วยวนได้ผล ต้นเดือนพฤศจิกายน รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ก็ประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมาน
    อังกฤษพยายามที่จะทลายการปิดกั้นเส้นทางที่ Dardanelles และยึดเมืองคอนสแตนติโนเบิล ยกโขยงกองทัพเรือมาพร้อมกับของฝรั่งเศสมาทางแหลม Gallipoli การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งทางเรือและทางบก ผลสุดท้ายคนป่วย ออตโตมานที่มีหมอดียาดี ยี่ห้อเยอรมัน ลุกขึ้นกวาดกองทัพอังกฤษแตกกลับ ลงทะเล ผลของคนป่วยได้ยาดี ทำให้ท่านหลอด Winston Churchill แม่ทัพเรือ ยื่นใบลาออกเพราะแพ้คนป่วย จะแก้ตัวยังไงดี ลาออกง่ายกว่า ผลการประเมินคนป่วยผิดคาดนี้ ทำให้เกิดบาดแผลมากมาย ทหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ลูกกระเป๋งของอังกฤษตายเป็นเบือ จนเดี๋ยวนี้ทั้ง 2 ชาติ ก็ไม่มีวันลืมสงครามคนป่วย
    ความพ่ายแพ้ที่ Gallipoli ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะอังกฤษ เปลี่ยนยุทธศาสตร์การรบใหม่ หลังจากแผนการตีกล่องดวงใจ ของออตโตมานล้มเหลว อังกฤษเปลี่ยนแผนเป็น ไล่เซิ้งเมืองรอบนอกให้ยับเยินแทน เป้าหมายมุ่งไปที่เมืองที่มีชาวอาหรับอ่อนแอดูแลอยู่
    กลยุทธที่อังกฤษถนัดใช้และพกติดตัวไว้เสมอ คือไม้เสี้ยม ไม่ต้องลงทุนมาก ใช้ความคิดชั่ว ๆ กับปากก็พอ อังกฤษตั้งใจจะใช้ชาวอาหรับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน เป็นเครื่องมือในการช่วยทลายออตโตมานเอง ในที่สุดก็หาเครื่องมือนี้เจอที่เมือง Hejaz ที่บริเวณตะวันตกของคาบสมุทรอารเบีย
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 2” Istanbul ฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1914 เมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมาน เหมือนอยู่ไกลไปครึ่งโลกห่างวัง ฤดูร้อนใน Ischi ที่ Emperor Franz Joseph ที่ 1 ลงนามในแถลงการณ์ “To My People” เมื่อวันที่ 28 ก.ค 1914 แจ้งให้ชาวออสเตรียรู้ว่า ออสเตรียได้ประกาศสงครามกับ Serbia อย่างเป็นทางการแล้ว ! เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว ที่อาณาจักรออตโตมานควบคุมทางใต้และตะวันออกของเมดิเตอเรเนียน ตั้งแต่เมือง Alexandretta ถึง Arish และจาก Maghreb ไปถึง Suez ส่วน Algeria และ Tunesia ตกอยู่ในการดูแลของฝรั่งเศส ในขณะที่อังกฤษงาบ อียิปต์ไปเรียบร้อยแล้ว ในปี ค.ศ. 1911 อิตาลีได้ยึดหัวหาดอยู่ที่ลิเบีย ก่อนที่จะเกิดสงครามโลก อาณาจักรออตโตมานถูกรุมทึ้งจนเหลือเพียงตุรกี (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) ตะวันออกกลางและอิรัค (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) และดินแดนยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่แถบคาบสมุทรอารเบียยาวไปถึงเยเมน ตรงบริเวณนี้แหละ ตรงที่เป็นภาคใต้ของตุรกีปัจจุบัน ที่เป็นศูนย์กลางของสงครามในตะวันออกกลางในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ดินแดนส่วนนี้ได้พยุงตัวด้วยความยากลำบาก เป็นเวลากว่า 400 ปี ที่จะให้อยู่รอดพ้นจากการเหลือแต่ชื่อ แต่แล้วพอถึงต้นศตวรรษที่ 20 ดินแดนส่วนนี้ก็ยิ่งอาการสาหัส กลายเป็นแดนวิกฤติ อย่างที่เรารู้อยู่ในปัจจุบัน บริเวณที่เมืองต่าง ๆ ในแถบนั้นต้องประสบกับความทุกข์ทรมานยาวหลายชั่วคน เช่น Basra, Bagdad, Aleppo, Damascus, Beirut, Gaza และ Suez ฯลฯ เมืองที่เราเห็นชื่อตามสื่อและ breaking news ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแทบจะเลิกสนใจเพราะนึกว่าเอาเทปของเก่ามาเล่นซ้ำ โชคดีที่พวกชักใยหรือตัวละครเอกที่แสดงอยู่ในฉากสงครามโลกครั้งที่ 1 ขณะนั้นยังไม่รู้ว่า ที่สนามหลังบ้านของอาณาจักรออตโตมาน มีแหล่งพลังงานน้ำมันใหญ่ที่สุด ซ่อนตัวอยู่ ถ้าไอ้พวกนั้นได้รู้ การต่อสู้ที่ตะวันออกกลางช่วงนั้นคงจะยิ่งดุเดือดและทารุณโหดร้าย ป่าเถื่อนกว่าที่ได้เกิดขึ้นอีกมากมาย ในขณะนั้น คู่สงครามต่างแสดงบทที่ดูเหมือนจะต้องการเพียงแค่ กำจัดอีกฝ่ายหนึ่งให้หมดไปจากทางเดินของตน ไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งมีอิทธิพล มีอำนาจมากกว่า ยิ่งใหญ่กว่า ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ และพยายามทุกอย่างที่จะขัดขวางกันและกันเท่านั้น อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าข้างซ้าย สบโอกาสที่จะสลายอาณาจักรออตโตมาน ของนักไต่ลวดชาวตุรกี และยึดเอามาเป็นของตน เพื่อขยายอิทธิพลของตนไปทางตะวันออกกลางมากขึ้น ขณะนั้นอังกฤษมีอิทธิพลเหนืออียิปต์ อยู่แล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 และเหนืออินเดีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1857 ยังเหลืออาณาจักรออตโตมาน ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ระหว่าง 2 อาณานิคมสำคัญ นี่ถ้าได้อาณาจักรออตโตมานอีกรายการ อาการฟันห่างระหว่างอียิปต์กับอินเดียก็จะแคบเข้ามา อังกฤษจะนั่งรอให้โอกาสวิ่งผ่านไป โดยไม่ฉวยได้อย่างไร ความคิดที่จะใช้สงครามโลกเป็นเครื่องมือถอนราก ถอนโคน อาณาจักรของนักไต่ลวด พร้อมกับการสกัดและทำลายเยอรมันที่คิดทาบรัศมีด้วยการสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ไปพร้อมกันจึงเกิดขึ้น อาณาจักรออตโตมาน ตัดสินใจว่าจะวางตัวเป็นกลาง ก็เป็นคนป่วยนี่ ไม่แข็งแรงพอที่จะไปต่อสู้กับใครได้ อยู่เฉย ๆ น่าจะดีและเหมาะกับสภาพของออตโตมานตอนนั้นมากกว่า สุลต่านผู้ครองจักรวรรดิออตโตมาน เป็นเสมือนหุ่นไม่มีอำนาจจริง หลังจากสุลต่าน Abdulhamid II ซึ่งเป็นสุลต่านที่มีอำนาจคนสุด ท้าย ถูกโค่นลงเมื่อปี 1908 แล้ว สุลต่านคนต่อ ๆ มา ก็หมกตัวอยู่แต่ในฮาเร็ม ให้รัฐบาลทหาร ซึ่งนำโดย Three Pasha เป็นผู้บริหารแทน ปาชาไม่ใช่พวกเคร่งศาสนาและออกจะเป็นพวกนิยมตะวันตกด้วยซ้ำ เป็นทหารจะไปรู้เรื่องการค้ามากมายอะไร (ผมหมายถึงปาชานะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าเขียนถึงทหารอื่น ซึ่งเก่งทั้งการทหาร การค้า การปกครอง และอื่น ๆ อีกมากมาย) แล้วอาณาจักรออตโตมานก็ถึงเวลากระเป๋าแห้ง และฉีกขาดต่อมา เป็นหนี้ฝรั่งตะวันตกบานตะเกียง ชนิดไม่มีทางจะใช้คืน นอกจากเบี้ยวเขา หรือเป็นทาสเขาไปเท่านั้น แล้วไงล่ะ ขอไปร่วมอยู่ฝั่งเดียวกับเขา เขาก็ถีบทิ้ง นักไต่ลวดจึงถลาลงพื้น หัวฟาดอย่างเดียวไม่พอ กระเป๋าฉีกขาดอีกด้วย ทั้งเจ็บ ทั้งจนขนาดนี้ จะมีทางเลือกอะไร จึงจำใจไปเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง ตุลาคม ค.ศ. 1914 ตุรกี (หรืออาณาจักรออตโตมานขณะนั้น) จึงประกาศตัวอยู่ฝ่ายเยอรมันกับพวก ที่น่าจะกระเป๋าตุงเพราะทำซ่า ว่าจะสร้างทางรถไฟข้ามทวีป เบอร์ลิน แบกแดด ท้าทายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แต่ก่อนประกาศตัวอยู่กับฝ่ายเยอรมันเป็นทางการ คนป่วยตุรกีแอบทำสัญญาลับกับ คุณหมอเยอรมัน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม หลังจากนั้นไม่นาน เรือรบสัญชาติเยอรมัน 2 ลำ SMS Goeben และ SMS Breslau ก็วิ่งมาเงียบ ๆ จากฝั่งตะวันตกของเมดิเตอริเรเนียน ถึงกรุงคอนสแตนติโนเบิล เมื่อเทียบท่าเรียบร้อย ก็ทำพิธีส่งมอบให้ออตโตมาน ซึ่งขณะนั้นบอกว่ายังเป็นกลางอยู่ ออตโตมานตั้งชื่อเรือเสียใหม่ว่า Yavuz และ Midilli ให้มีกลิ่นแกะตุรกีติดเรือ แทนกลิ่นไส้กรอกกับผักดองเปรี้ยวของเยอรมัน พลประจำเรือชาวเยอรมันยังไม่ได้หายตัวไปไหน แค่เปลี่ยนชุดและใส่หมวกตุรกีแทนเท่านั้น เป็นคนป่วยที่ดูเหมือน ยังมีเหลี่ยมติดตัวอยู่ไม่น้อย หลังจากนั่นเรือรบ 2 ลำ เดินทางต่อไปถึง Golden Horn และต่อไปที่เมือง Dardanelles ปฏิบัติการยั่วยวนก็เกิดขึ้นทันที ออตโตมานและเยอรมัน ได้ปิดทางเชื่อมระหว่างรัสเซียออกจากพวก คือ ฝรั่งเศส และอังกฤษ หลังจากนั้น เครื่องบินรบติดธงออตโตมาน ก็บินขึ้นจากเรือรบ Goeben ถล่มท่าเรือรัสเซียที่ทะเลดำ การยั่วยวนได้ผล ต้นเดือนพฤศจิกายน รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ก็ประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมาน อังกฤษพยายามที่จะทลายการปิดกั้นเส้นทางที่ Dardanelles และยึดเมืองคอนสแตนติโนเบิล ยกโขยงกองทัพเรือมาพร้อมกับของฝรั่งเศสมาทางแหลม Gallipoli การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งทางเรือและทางบก ผลสุดท้ายคนป่วย ออตโตมานที่มีหมอดียาดี ยี่ห้อเยอรมัน ลุกขึ้นกวาดกองทัพอังกฤษแตกกลับ ลงทะเล ผลของคนป่วยได้ยาดี ทำให้ท่านหลอด Winston Churchill แม่ทัพเรือ ยื่นใบลาออกเพราะแพ้คนป่วย จะแก้ตัวยังไงดี ลาออกง่ายกว่า ผลการประเมินคนป่วยผิดคาดนี้ ทำให้เกิดบาดแผลมากมาย ทหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ลูกกระเป๋งของอังกฤษตายเป็นเบือ จนเดี๋ยวนี้ทั้ง 2 ชาติ ก็ไม่มีวันลืมสงครามคนป่วย ความพ่ายแพ้ที่ Gallipoli ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะอังกฤษ เปลี่ยนยุทธศาสตร์การรบใหม่ หลังจากแผนการตีกล่องดวงใจ ของออตโตมานล้มเหลว อังกฤษเปลี่ยนแผนเป็น ไล่เซิ้งเมืองรอบนอกให้ยับเยินแทน เป้าหมายมุ่งไปที่เมืองที่มีชาวอาหรับอ่อนแอดูแลอยู่ กลยุทธที่อังกฤษถนัดใช้และพกติดตัวไว้เสมอ คือไม้เสี้ยม ไม่ต้องลงทุนมาก ใช้ความคิดชั่ว ๆ กับปากก็พอ อังกฤษตั้งใจจะใช้ชาวอาหรับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน เป็นเครื่องมือในการช่วยทลายออตโตมานเอง ในที่สุดก็หาเครื่องมือนี้เจอที่เมือง Hejaz ที่บริเวณตะวันตกของคาบสมุทรอารเบีย สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 568 Views 0 Reviews
  • ซินเจียงเที่ยวช่วงไหนดี

    ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน - พฤษภาคม)

    ดอกไม้บานทั่วทุ่ง อากาศสดชื่น

    เหมาะกับการเดินป่า ถ่ายรูปวิวเขียวสวย
    (อ้างอิง: China Discovery, China Xian Tour)

    ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)

    ทุ่งหญ้าเขียว ดอกไม้ ทะเลสาบสีน้ำเงิน

    ตลาดพื้นเมืองคึกคัก แต่กลางวันร้อนจัด กลางคืนเย็น
    (อ้างอิง: China Discovery, Player Travel)

    ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - ตุลาคม)

    ไฮไลท์แห่งปี! ใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเย็นสบาย

    ช่วงที่สวยที่สุด เหมาะกับถ่ายรูป และเที่ยวธรรมชาติ
    (อ้างอิง: China Highlights, China Discovery)

    ฤดูหนาว (พฤศจิกายน - มีนาคม)

    หิมะขาวโพลน เล่นสกี วิวโรแมนติก

    อากาศหนาวจัด โดยเฉพาะเขตเหนือ
    (อ้างอิง: Player Travel, China Discovery)

    ช่วงที่ดีที่สุดในการเที่ยวซินเจียง
    โดยรวม กันยายน - ตุลาคม คือ
    ธรรมชาติสวยที่สุด อากาศกำลังดี

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #china @xinjiang #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🌏 ซินเจียงเที่ยวช่วงไหนดี 🌸 ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน - พฤษภาคม) ดอกไม้บานทั่วทุ่ง อากาศสดชื่น 🌷 เหมาะกับการเดินป่า ถ่ายรูปวิวเขียวสวย (อ้างอิง: China Discovery, China Xian Tour) ☀️ ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม) ทุ่งหญ้าเขียว ดอกไม้ ทะเลสาบสีน้ำเงิน ตลาดพื้นเมืองคึกคัก แต่กลางวันร้อนจัด กลางคืนเย็น (อ้างอิง: China Discovery, Player Travel) 🍂 ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - ตุลาคม) ไฮไลท์แห่งปี! ใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเย็นสบาย 🍁 ช่วงที่สวยที่สุด เหมาะกับถ่ายรูป และเที่ยวธรรมชาติ (อ้างอิง: China Highlights, China Discovery) ❄️ ฤดูหนาว (พฤศจิกายน - มีนาคม) หิมะขาวโพลน เล่นสกี วิวโรแมนติก 🏔️ อากาศหนาวจัด โดยเฉพาะเขตเหนือ (อ้างอิง: Player Travel, China Discovery) ช่วงที่ดีที่สุดในการเที่ยวซินเจียง ✨ โดยรวม กันยายน - ตุลาคม คือ ธรรมชาติสวยที่สุด อากาศกำลังดี LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #china @xinjiang #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 604 Views 0 0 Reviews
  • ซินเจียงเที่ยวช่วงไหนดี

    ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน - พฤษภาคม)

    ดอกไม้บานทั่วทุ่ง อากาศสดชื่น

    เหมาะกับการเดินป่า ถ่ายรูปวิวเขียวสวย
    (อ้างอิง: China Discovery, China Xian Tour)

    ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)

    ทุ่งหญ้าเขียว ดอกไม้ ทะเลสาบสีน้ำเงิน

    ตลาดพื้นเมืองคึกคัก แต่กลางวันร้อนจัด กลางคืนเย็น
    (อ้างอิง: China Discovery, Player Travel)

    ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - ตุลาคม)

    ไฮไลท์แห่งปี! ใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเย็นสบาย

    ช่วงที่สวยที่สุด เหมาะกับถ่ายรูป และเที่ยวธรรมชาติ
    (อ้างอิง: China Highlights, China Discovery)

    ฤดูหนาว (พฤศจิกายน - มีนาคม)

    หิมะขาวโพลน เล่นสกี วิวโรแมนติก

    อากาศหนาวจัด โดยเฉพาะเขตเหนือ
    (อ้างอิง: Player Travel, China Discovery)

    ช่วงที่ดีที่สุดในการเที่ยวซินเจียง
    โดยรวม กันยายน - ตุลาคม คือ
    ธรรมชาติสวยที่สุด อากาศกำลังดี

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : 78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก 78s.me/501ad8
    LINE ID: @etravelway.fire 78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire 78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire 78s.me/d43626
    Tiktok : 78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #china #xinjiang #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire
    🌏 ซินเจียงเที่ยวช่วงไหนดี 🌸 ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน - พฤษภาคม) ดอกไม้บานทั่วทุ่ง อากาศสดชื่น 🌷 เหมาะกับการเดินป่า ถ่ายรูปวิวเขียวสวย (อ้างอิง: China Discovery, China Xian Tour) ☀️ ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม) ทุ่งหญ้าเขียว ดอกไม้ ทะเลสาบสีน้ำเงิน ตลาดพื้นเมืองคึกคัก แต่กลางวันร้อนจัด กลางคืนเย็น (อ้างอิง: China Discovery, Player Travel) 🍂 ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - ตุลาคม) ไฮไลท์แห่งปี! ใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเย็นสบาย 🍁 ช่วงที่สวยที่สุด เหมาะกับถ่ายรูป และเที่ยวธรรมชาติ (อ้างอิง: China Highlights, China Discovery) ❄️ ฤดูหนาว (พฤศจิกายน - มีนาคม) หิมะขาวโพลน เล่นสกี วิวโรแมนติก 🏔️ อากาศหนาวจัด โดยเฉพาะเขตเหนือ (อ้างอิง: Player Travel, China Discovery) ช่วงที่ดีที่สุดในการเที่ยวซินเจียง ✨ โดยรวม กันยายน - ตุลาคม คือ ธรรมชาติสวยที่สุด อากาศกำลังดี รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : 78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก 78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire 78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire 78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire 78s.me/d43626 Tiktok : 78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #china #xinjiang #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire
    0 Comments 0 Shares 575 Views 0 0 Reviews
  • ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 1 – น้ำผึ้งหวานไม่พอ
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”

    ตอนที่ 1 “น้ำผึ้งหวานไม่พอ”

    ตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 2013 ความสัมพันธ์หอมหวานระหว่างอเมริกา กับตุรกี ทำท่าจะออกขม ปนกลิ่นเปรี้ยว นสพ. New York Times วันที่ 23 ธันวาคม 2013 ถึงกับออกข่าวว่า นาย Ahmet Davutoglu รมว.ต่างประเทศของตุรกี พร้อมที่ขับไล่ฑูตอเมริกาประจำตุรกี ที่ชื่อ นาย Francis J. Ricciardone Jr. ออกจากตุรกี เนื่องจาก นาย Ricciardone จุ้นมากเกินไป

    (พฤติกรรมของพวกฑูตอเมริกัน นี่มันเหมือนกันหมดนะ หรือว่าเป็นคุณสมบัติบังคับ ของการเป็นฑูตอเมริกัน ที่จะต้องจุ้นจ้านในเรื่องภายในของประเทศ ที่ตัวเองไปประจำอยู่ ตอนนี้ความรู้สึกแต่ละประเทศต่อฑูตอเมริกันคงคล้ายกัน ต่างกันแค่การแสดงออก ตุรกีกล้าออกปากว่าพร้อมที่จะขับไล่แต่ไทยยังไม่พร้อมที่จะออกปาก ได้แต่แค่นึก…โดยประชาชน ฮา)

    ในช่วงนั้นสื่อทั้งภายในและภายนอกประเทศ ต่างลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรีตุรกี นาย Recep Tayyip Erdogan กับพวก กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นตัวเลข เรียก 5 เรียก 10 เปิดกระเป๋าซ้าย ย้ายกระเป๋าขวา จนต้องมีการตั้งกระบวนการสอบสวนกัน ผลการสอบสวนยังไม่เสร็จ นาย Ricciardone ใจร้อนทนไม่ไหว ขอนัดพบนายกรัฐมนตรีตุรกี อยากรู้เรื่องก่อนสื่อออกข่าว

    ตุรกีบอกแบบนี้เขาเรียกว่า จุ้น เข้าใจไหม (อันที่จริงเขาใช้คำแรงกว่านี้ครับ) มันเรื่องภายในบ้านฉัน ขืนจุ้นจ้านแบบนี้มาก ๆ โน่น เก็บของกลับบ้านไปได้เลย

    อเมริกานึกไม่ถึงว่าตุรกีจะกล้าหือ ยังตั้งตัวไม่ติด เลยอือๆ ตกลงยกเลิกนัดไปก่อน สื่อลงข่าวว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วคร้าบ เพราะถ้าไปพบกัน มันคงไม่ใช่การเจราจาหารือ แต่น่าจะเป็นการตะลุมบอนกันมากกว่า เพราะความร้อนของถ้อยคำที่โต้ตอบกันผ่านสื่อ มันเริ่มร้อนและเผ็ดขึ้นเรื่อย ๆ

    เพิ่งจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ฝันหวานด้วยกันเมื่อ 2 ปีนี้เอง ประธานาธิบดี Obama กับนายกรัฐมนตรี Erdogan นั่งจับมือคุยกันกระหนุงกระหนิง เกี่ยวกับเรื่อง ความวุ่นวายในอียิปต์ ลิเบีย และซีเรีย ถึงขนาดข่าวออกมาว่า เป็นการพูดคุย ชนิดดอกไม้หล่นกระจายเต็มพื้นห้อง ประธานาธิบดีอเมริกาไม่เคยพูดหวานเชื่อมแบบนี้ กับผู้นำคนไหนมาก่อนเลยนะ ยกเว้นกับนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ นาย David Cameron ผู้เปรียบเสมือนตัวแทน ของนายเหนือหัวของอเมริกา (ส่วนไอ้ที่ส่งสายตาเยิ้มใส่กันน่ะ มันเรื่องอื่นนะครับ อย่าเอาไปปนกัน)
    จิ้งจกข้างฝาแอบได้ยิน นาย Erdogan กระซิบกับลูกน้องคนสนิทเอ็ง รีบไปหาเชือกมาผูกตัวนายให้ติดกับเก้าอี้ไว้หน่อยนะ รู้สึกตัวมันกำลังจะลอยว่ะ …มันเป็นความภูมิใจอย่างสุดซึ้งของตุรกี สื่อตุรกีต่างบอกว่า เรากำลังเข้าไปสู่วงในของเวทีโลกแล้ว หลังจากยืนกุมอยู่ข้างหลังนายท่านมานาน 60 ปี ไชโย !

    นาย Soner Cagaptay ผู้อำนวยการของ Turkish Research Program ที่ Washington Institute for Near East Policy บอกว่ามันเป็นระยะเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ยาว ตั้งแต่ ค.ศ. 2010 ถึงฤดูร้อนในปี 2013 เลยนะ เป็นความต้องใจในอัธยาศัย ซึ่งกันและกันระดับส่วนตัวของนาย Obama กับนาย Erdogan อืม เหมือนเขียนนิยายรัก ฉบับละสองสลึง มากกว่าจะเขียนนิทานการเมืองร้อนระอุ

    ถึงน้ำผึ้งจะยังดูเหมือนหวาน แต่ใบบัวใหญ่ยังไงก็ปิดไม่มิด ความจริงน่ะ สัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ เริ่มมีหัวฝีโผล่มาแล้วหลายปี แต่มันเพิ่งมาแตกหนอง เอาเมื่อมีเรื่องการสอบสวนการโกง ของพวกนายกรัฐมนตรีตุรกีนั่นแหละ ที่ทำให้อเมริกาหงุดหงิด แต่ตุรกีน่าจะหงุดหงิดกว่า

    อเมริกาออกมาไล่เรียงบ่น ดูเรื่องอียิปต์ซิ ตุรกี ออกหน้าสนับสนุนประธานาธิบดี Morsi ที่ถูกไล่ออกไป แต่อเมริกาอยากสานสัมพันธ์กับพวกที่ไล่ประธานาธิบดีมากกว่า

    เรื่องซีเรียล่ะ ตุรกีออกหน้าออกตา ขนทั้งอาวุธ ขนทั้งคน ให้กบฎซีเรีย แล้วมาหาว่าอเมริกาผลักให้ออกหน้า แต่ตัวเองถอยหลัง พูดอย่างนี้ได้ยังไง เดี๋ยวชาวบ้านเขาเชื่อหมด

    เรื่องอิรัคล่ะ อเมริกาหวังจะให้ตุรกี เดินหน้าจับมือกับพวก Kurd ทางเหนือเซ็นสัญญาเรื่องน้ำมัน โดยไม่ต้องให้รัฐบาลที่ Bagdad มายุ่ง แล้วเดินหน้าเรื่องนโยบายที่จะทำให้ประเทศอิรัคแตกแยกต่อไป ! แล้วมันไปถึงไหน?

    เรื่องในบ้านของตุรกียิ่งเหม็นใหญ่ ตอนนี้มีการประท้วงที่ Gezi Park ในอิสตันบูล เพื่อขับไล่รัฐบาล หาว่ารัฐบาลกับพวกโกงกินกันแบบ ปากมันเยิ้ม ข่าวบอกว่าผู้อำนวยการ Halk Bank ตัวดี เป็นพวกนายกรัฐมนตรี รับสินบนก้อนใหญ่จากใคร ข่าวไม่บอก แต่ Halk Bank นี้ อเมริกาสงสัยมานานแล้ว ว่าเป็นตัวการ แอบลักลอบซ่วยอิหร่าน ทำการแทนของรัฐบาลตุรกี เวลาตุรกีซื้อแก๊สจากอิหร่านจ่ายเป็นเงิน (ตรา) ไม่ได้ เพราะถูกอเมริกาคว่ำบาตร เลยเลี่ยงจากเป็นทองแทน
    แต่ที่แย่ที่สุด คือเรื่องเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ตุรกี ทำให้พรรคพวกแถว NATO เกิดอารมณ์บูดแบบเน่าสนิท ด้วยการออกข่าว ว่าจะเซ็นสัญญากับบริษัทจีน อย่างไม่เห็นแก่หน้าอันใหญ่โตของอเมริกาและ NATO เลย เป็นสัญญาเกี่ยวกับการสร้างเรื่องการป้องกันภัย ตุรกีมีทั้งอเมริกา ทั้ง NATO อยู่ในบ้านเต็มไปหมด แล้วจะไปเอาจีนมาทำอะไรอีก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มสองรูหูว่าอเมริการู้สึกกับอาเฮียอย่างไร แถมกำลังคว่ำบาตรอาเฮีย เนื่องจากไปค้าขายกับอิหร่าน เกาเหลีเหนือและซีเรีย กลุ่มที่อเมริกากากะบาดหน้าปิดข้างฝาไว้ทั้งนั้น

    สส.อเมริกา 47 คน (ถูกสั่งให้) เข้าชื่อทำหนังสือ ขอให้รัฐบาลอเมริกันดำเนินการตรวจสอบ เรื่องการจ่ายค่าแก๊ส ค่าน้ำมันกันเป็นทองของตุรกีกับอิหร่าน ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโคมลอย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอเมริกานะ

    ฝ่ายรัฐบาลตุรกีออกข่าวบอกว่า เรื่อง Halk Bank เป็นการปล่อยข่าวป้ายสีของ นาย Fethullah Gulen นักสอนศาสนามุสลิมที่กำลังดังมาก เคยเป็นสหายร่วมก๊วน มากับนายกรัฐมนตรี Erdogan แต่ตอนนี้แปลงสภาพจากสหาย เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งแทน นาย Gulen อพยพตัวเอง ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ Pennsylvania ในอเมริกาตั้งนานแล้ว แต่มือยังยาว เข้ามายุ่มย่ามในตุรกี (สงสัยใช้ สไกป์ อินสตราแกม และเฟสบุ๊ค เหมือนกัน ฮา) เข้ามาควบคุมการทำงาน ของตำรวจและฝ่ายยุติธรรม ซึ่งเป็นพวกสาวกของ นาย Gulen .ให้ทำการตรวจสอบพวกนายกรัฐมนตรี (อ่านดีๆ นะครับ คสช ผมเขียนเรื่อง ตุรกี ครับ)

    ทั้งนายเรื่อง นาย Fethullah Gulen และ เรื่องการประท้วงที่ Gezi Park นายกรัฐมนตรี Erdogan บอกว่าอเมริกามีส่วนเกี่ยวข้อง อเมริกาฉุนขาด บอกตุรกีพูดเหมือนคนลืมตัว แบบนี้ระวังจะไม่มีหัวเหลืออยู่บนบ่า

    นาย Steven A Cook จาก Council on Foreign Relations (CFR) รีบออกมาช่วยใส่สี บอกว่าทั้งหมดนี้ กระทบความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกา กับตุรกีแน่นอน มันเหมือนเป็นการบอกใบ้ของอเมริกาว่า นาย Erdogan อาจไม่ใช่หุ้นส่วน ที่อเมริกาจะให้ความไว้วางใจต่อไปอีกแล้ว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 กค. 2557
    ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 1 – น้ำผึ้งหวานไม่พอ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 1 “น้ำผึ้งหวานไม่พอ” ตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 2013 ความสัมพันธ์หอมหวานระหว่างอเมริกา กับตุรกี ทำท่าจะออกขม ปนกลิ่นเปรี้ยว นสพ. New York Times วันที่ 23 ธันวาคม 2013 ถึงกับออกข่าวว่า นาย Ahmet Davutoglu รมว.ต่างประเทศของตุรกี พร้อมที่ขับไล่ฑูตอเมริกาประจำตุรกี ที่ชื่อ นาย Francis J. Ricciardone Jr. ออกจากตุรกี เนื่องจาก นาย Ricciardone จุ้นมากเกินไป (พฤติกรรมของพวกฑูตอเมริกัน นี่มันเหมือนกันหมดนะ หรือว่าเป็นคุณสมบัติบังคับ ของการเป็นฑูตอเมริกัน ที่จะต้องจุ้นจ้านในเรื่องภายในของประเทศ ที่ตัวเองไปประจำอยู่ ตอนนี้ความรู้สึกแต่ละประเทศต่อฑูตอเมริกันคงคล้ายกัน ต่างกันแค่การแสดงออก ตุรกีกล้าออกปากว่าพร้อมที่จะขับไล่แต่ไทยยังไม่พร้อมที่จะออกปาก ได้แต่แค่นึก…โดยประชาชน ฮา) ในช่วงนั้นสื่อทั้งภายในและภายนอกประเทศ ต่างลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรีตุรกี นาย Recep Tayyip Erdogan กับพวก กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นตัวเลข เรียก 5 เรียก 10 เปิดกระเป๋าซ้าย ย้ายกระเป๋าขวา จนต้องมีการตั้งกระบวนการสอบสวนกัน ผลการสอบสวนยังไม่เสร็จ นาย Ricciardone ใจร้อนทนไม่ไหว ขอนัดพบนายกรัฐมนตรีตุรกี อยากรู้เรื่องก่อนสื่อออกข่าว ตุรกีบอกแบบนี้เขาเรียกว่า จุ้น เข้าใจไหม (อันที่จริงเขาใช้คำแรงกว่านี้ครับ) มันเรื่องภายในบ้านฉัน ขืนจุ้นจ้านแบบนี้มาก ๆ โน่น เก็บของกลับบ้านไปได้เลย อเมริกานึกไม่ถึงว่าตุรกีจะกล้าหือ ยังตั้งตัวไม่ติด เลยอือๆ ตกลงยกเลิกนัดไปก่อน สื่อลงข่าวว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วคร้าบ เพราะถ้าไปพบกัน มันคงไม่ใช่การเจราจาหารือ แต่น่าจะเป็นการตะลุมบอนกันมากกว่า เพราะความร้อนของถ้อยคำที่โต้ตอบกันผ่านสื่อ มันเริ่มร้อนและเผ็ดขึ้นเรื่อย ๆ เพิ่งจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ฝันหวานด้วยกันเมื่อ 2 ปีนี้เอง ประธานาธิบดี Obama กับนายกรัฐมนตรี Erdogan นั่งจับมือคุยกันกระหนุงกระหนิง เกี่ยวกับเรื่อง ความวุ่นวายในอียิปต์ ลิเบีย และซีเรีย ถึงขนาดข่าวออกมาว่า เป็นการพูดคุย ชนิดดอกไม้หล่นกระจายเต็มพื้นห้อง ประธานาธิบดีอเมริกาไม่เคยพูดหวานเชื่อมแบบนี้ กับผู้นำคนไหนมาก่อนเลยนะ ยกเว้นกับนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ นาย David Cameron ผู้เปรียบเสมือนตัวแทน ของนายเหนือหัวของอเมริกา (ส่วนไอ้ที่ส่งสายตาเยิ้มใส่กันน่ะ มันเรื่องอื่นนะครับ อย่าเอาไปปนกัน) จิ้งจกข้างฝาแอบได้ยิน นาย Erdogan กระซิบกับลูกน้องคนสนิทเอ็ง รีบไปหาเชือกมาผูกตัวนายให้ติดกับเก้าอี้ไว้หน่อยนะ รู้สึกตัวมันกำลังจะลอยว่ะ …มันเป็นความภูมิใจอย่างสุดซึ้งของตุรกี สื่อตุรกีต่างบอกว่า เรากำลังเข้าไปสู่วงในของเวทีโลกแล้ว หลังจากยืนกุมอยู่ข้างหลังนายท่านมานาน 60 ปี ไชโย ! นาย Soner Cagaptay ผู้อำนวยการของ Turkish Research Program ที่ Washington Institute for Near East Policy บอกว่ามันเป็นระยะเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ยาว ตั้งแต่ ค.ศ. 2010 ถึงฤดูร้อนในปี 2013 เลยนะ เป็นความต้องใจในอัธยาศัย ซึ่งกันและกันระดับส่วนตัวของนาย Obama กับนาย Erdogan อืม เหมือนเขียนนิยายรัก ฉบับละสองสลึง มากกว่าจะเขียนนิทานการเมืองร้อนระอุ ถึงน้ำผึ้งจะยังดูเหมือนหวาน แต่ใบบัวใหญ่ยังไงก็ปิดไม่มิด ความจริงน่ะ สัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ เริ่มมีหัวฝีโผล่มาแล้วหลายปี แต่มันเพิ่งมาแตกหนอง เอาเมื่อมีเรื่องการสอบสวนการโกง ของพวกนายกรัฐมนตรีตุรกีนั่นแหละ ที่ทำให้อเมริกาหงุดหงิด แต่ตุรกีน่าจะหงุดหงิดกว่า อเมริกาออกมาไล่เรียงบ่น ดูเรื่องอียิปต์ซิ ตุรกี ออกหน้าสนับสนุนประธานาธิบดี Morsi ที่ถูกไล่ออกไป แต่อเมริกาอยากสานสัมพันธ์กับพวกที่ไล่ประธานาธิบดีมากกว่า เรื่องซีเรียล่ะ ตุรกีออกหน้าออกตา ขนทั้งอาวุธ ขนทั้งคน ให้กบฎซีเรีย แล้วมาหาว่าอเมริกาผลักให้ออกหน้า แต่ตัวเองถอยหลัง พูดอย่างนี้ได้ยังไง เดี๋ยวชาวบ้านเขาเชื่อหมด เรื่องอิรัคล่ะ อเมริกาหวังจะให้ตุรกี เดินหน้าจับมือกับพวก Kurd ทางเหนือเซ็นสัญญาเรื่องน้ำมัน โดยไม่ต้องให้รัฐบาลที่ Bagdad มายุ่ง แล้วเดินหน้าเรื่องนโยบายที่จะทำให้ประเทศอิรัคแตกแยกต่อไป ! แล้วมันไปถึงไหน? เรื่องในบ้านของตุรกียิ่งเหม็นใหญ่ ตอนนี้มีการประท้วงที่ Gezi Park ในอิสตันบูล เพื่อขับไล่รัฐบาล หาว่ารัฐบาลกับพวกโกงกินกันแบบ ปากมันเยิ้ม ข่าวบอกว่าผู้อำนวยการ Halk Bank ตัวดี เป็นพวกนายกรัฐมนตรี รับสินบนก้อนใหญ่จากใคร ข่าวไม่บอก แต่ Halk Bank นี้ อเมริกาสงสัยมานานแล้ว ว่าเป็นตัวการ แอบลักลอบซ่วยอิหร่าน ทำการแทนของรัฐบาลตุรกี เวลาตุรกีซื้อแก๊สจากอิหร่านจ่ายเป็นเงิน (ตรา) ไม่ได้ เพราะถูกอเมริกาคว่ำบาตร เลยเลี่ยงจากเป็นทองแทน แต่ที่แย่ที่สุด คือเรื่องเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ตุรกี ทำให้พรรคพวกแถว NATO เกิดอารมณ์บูดแบบเน่าสนิท ด้วยการออกข่าว ว่าจะเซ็นสัญญากับบริษัทจีน อย่างไม่เห็นแก่หน้าอันใหญ่โตของอเมริกาและ NATO เลย เป็นสัญญาเกี่ยวกับการสร้างเรื่องการป้องกันภัย ตุรกีมีทั้งอเมริกา ทั้ง NATO อยู่ในบ้านเต็มไปหมด แล้วจะไปเอาจีนมาทำอะไรอีก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มสองรูหูว่าอเมริการู้สึกกับอาเฮียอย่างไร แถมกำลังคว่ำบาตรอาเฮีย เนื่องจากไปค้าขายกับอิหร่าน เกาเหลีเหนือและซีเรีย กลุ่มที่อเมริกากากะบาดหน้าปิดข้างฝาไว้ทั้งนั้น สส.อเมริกา 47 คน (ถูกสั่งให้) เข้าชื่อทำหนังสือ ขอให้รัฐบาลอเมริกันดำเนินการตรวจสอบ เรื่องการจ่ายค่าแก๊ส ค่าน้ำมันกันเป็นทองของตุรกีกับอิหร่าน ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโคมลอย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอเมริกานะ ฝ่ายรัฐบาลตุรกีออกข่าวบอกว่า เรื่อง Halk Bank เป็นการปล่อยข่าวป้ายสีของ นาย Fethullah Gulen นักสอนศาสนามุสลิมที่กำลังดังมาก เคยเป็นสหายร่วมก๊วน มากับนายกรัฐมนตรี Erdogan แต่ตอนนี้แปลงสภาพจากสหาย เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งแทน นาย Gulen อพยพตัวเอง ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ Pennsylvania ในอเมริกาตั้งนานแล้ว แต่มือยังยาว เข้ามายุ่มย่ามในตุรกี (สงสัยใช้ สไกป์ อินสตราแกม และเฟสบุ๊ค เหมือนกัน ฮา) เข้ามาควบคุมการทำงาน ของตำรวจและฝ่ายยุติธรรม ซึ่งเป็นพวกสาวกของ นาย Gulen .ให้ทำการตรวจสอบพวกนายกรัฐมนตรี (อ่านดีๆ นะครับ คสช ผมเขียนเรื่อง ตุรกี ครับ) ทั้งนายเรื่อง นาย Fethullah Gulen และ เรื่องการประท้วงที่ Gezi Park นายกรัฐมนตรี Erdogan บอกว่าอเมริกามีส่วนเกี่ยวข้อง อเมริกาฉุนขาด บอกตุรกีพูดเหมือนคนลืมตัว แบบนี้ระวังจะไม่มีหัวเหลืออยู่บนบ่า นาย Steven A Cook จาก Council on Foreign Relations (CFR) รีบออกมาช่วยใส่สี บอกว่าทั้งหมดนี้ กระทบความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกา กับตุรกีแน่นอน มันเหมือนเป็นการบอกใบ้ของอเมริกาว่า นาย Erdogan อาจไม่ใช่หุ้นส่วน ที่อเมริกาจะให้ความไว้วางใจต่อไปอีกแล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 612 Views 0 Reviews
  • Château Christophe ตอนที่ 1
    นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 1
    เป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงที่สถานกงสุลอเมริกัน ที่เมือง Benghazi ประเทศลิเบีย ถูกโจมตีและถูกยึดได้ในที่สุด ในคืนวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2012 หลังจากการโจมตีและสู้รบสิ้นสุดลง ร่างของฑูตอเมริกัน นาย Christopher J. Stevens ถูกลากออกมาจากซากตึกที่ไหม้และพังทลายอยู่ในบริเวณของสถานกงสุล เขาเป็นฑูตอเมริกันคนแรกที่ถูกสังหารโดยกองทัพต่างชาติในรอบ 30 ปี การตายของเขาถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง สาเหตุและการบุกโจมตีสถานกงสุ ลถูกบิดเบือน การตายของฑูต Stevens มีการสอบสวน วิเคราะห์ บอกเล่า เขียนเป็นหนังสือ สาระพัดเรื่อง ความจริงเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครปริปากพูดออกมาตรง ๆ มันเป็นเรื่องน่าคิด น่าติดตาม เพราะมันจะเป็นทั้งใบเสร็จและอุทาหรณ์ในหลาย ๆ เรื่องให้แก่เรา
    เช้าวันที่ 11 กันยายน นาย Stevens ฑูตอเมริกันประจำประเทศลิเบีย นั่งทานอาหารเช้ากับชายคนหนึ่ง ชื่อ Habib Budaker ที่สถานกงสุลเมือง Benghazi
    นี่เป็นครั้งแรกที่นาย Stevens กลับมาเมือง Benghazi หลังจากรับตำแหน่งฑูต เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 และใช้เวลาปฎิบัติหน้าที่ “ฑูต” ทำงานอยู่รอบ ๆ ตัวเมืองนอกสถานฑูตที่เมือง Tripoli แต่เมื่อนาย Bubaker ไปรับเขาที่สนามบิน Benghazi เช้าวันที่ 10 นาย Stevens บอกกับ Budaker ว่า “ผมตื่นเต้นที่ได้กลับมา” Budaker รู้จักฑูต Stevens มากว่า 1 ปีแล้ว โดยการแนะนำตัวเองกับนาย Stevens เมื่อเดือนเมษายน 2011 หลังจากการปฎิวัติของชาวลิเบียเริ่มเกิดขึ้นได้สัก 2 เดือน นาย Stevens ก็ถูกส่งให้มาที่ Bengazi ในฐานะตัวแทนของอเมริกาสำหรับรัฐบาลผสมที่เกิดจากการปฏิวัติ อเมริกาได้เลือกข้างเรียบร้อยแล้ว ว่าจะอยู่กับฝ่ายไหนในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ และ Stevens ได้รับการมอบหมายให้มาสร้างสัมพันธ์กับประชาชนที่อเมริกาคาดว่า ในที่สุดจะเป็นฝ่ายปกครองประเทศ
    Bubakar เป็นเจ้าของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในเมือง และเสนอตัวเป็นล่ามให้แก่ Stevens นาย Stevens เองพูดภาษาอารบิคได้ แต่เขาอยากใช้สำนวนภาษาการฑูตซึ่งชัดเจนกว่าในการเจรจาที่เป็นทางการ เขาจึงเลือกที่จะพูดภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกัน Bubaker เป็นผู้พา Stevens เข้ารู้จักองค์กรภาคธุรกิจและทำหน้าที่เป็นเหมือนมือขวาของ Stevens ตลอดเวลาการสู้รบ ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของสงคราม เขานับตัวเองว่าเป็นเพื่อนของ Stevens หลาย ๆ คน ก็คิดอย่างนั้น เพราะ Stevens เป็นคนประเภทคบเป็นเพื่อนง่าย
    Stevens ตั้งใจจะอยู่ที่ Benghazi เพียง 5 วัน เขามีประชุมวันจันทร์ที่ในเมือง และจะมีอีกหลายนัดนอกบริเวณกงสุลในวันพุธ ส่วนวันพฤหัส ดูเหมือนจะเป็นวันสำคัญที่สุดของการมา Benghazi เขาตั้งใจจะส่งมอบ “Benghazi Mission” ให้กับชาวลิเบีย และบริเวณกงสุลอเมริกันจะเรียกชื่อใหม่ว่า “An American Space” โดยจะมีการสอนภาษาอังกฤษให้ชาวพื้นเมือง รวมทั้งการเข้าไปใช้อินเตอร์เน็ท การฉายภาพยนต์และมีห้องสมุด โดยฝ่ายอเมริกาจะจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ หนังสือ และอุปกรณ์จำเป็นต่าง ๆ สนับสนุน และมอบให้เป็นสมบัติของคนพื้นเมือง ให้คนพื้นเมืองดูแลเอง Stevens หวังว่า “An American Spece” นี้ จะเป็นตัวอย่างของการเป็นหุ้นส่วนของ 2 ประเทศ หากได้มีการร่วมมือกัน
    Stevens มีความรู้สึกผูกพันธ์กับ Benghazi เมืองซึ่งชาวเมืองแสดงการต่อต้าน Qaddafi เป็นครั้งแรก เพราะเขาอยู่กับชาวเมืองตลอดเวลาของการต่อต้านนั้น ระหว่างการปฏิวัติ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ตามถนน พูดคุย คลุกคลี และสำรวจเมือง Benghazi และผู้คน นาย Nathan tek เจ้าหน้าที่สถานฑูต รุ่นหนุ่มที่อยู่กับ Stevens มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 บอกว่า Stevens ชอบที่จะสำรวจเมืองอย่าง โดยไม่ต้องมีหน่วยคุ้มกันตัวโตถือปืนเดินตามประกบ เขาบอกว่า การที่เรามีเพื่อนมาก และเขาเห็นเราเป็นแขกของเขานั้นแหละสำคัญที่สุด
    ซึ่งชาว Benghazi โดยทั่วไปก็แสดงความเป็นมิตร แม้ในช่วงเดือนกันยายนนั้นเอง จะมีทหารเดินอยู่เต็มเมือง Stevens ก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนตารางของเขา เขาเอาบอดี้การ์ดมาด้วย 2 คนจาก Tripoli รวมกับอีก 3 คนจากหน่วยความมั่นคงที่ประจำที่ Benghazi อยู่แล้ว เขายกเลิกการวิ่งตอนเช้านอกบริเวณกงสุล และจัดให้การนัดพบทุกรายการอยู่ในบริเวณกงสุล อเมริกาได้ตั้งสถานกงสุลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2011 หลังจากโรงแรมที่พวกเขาเคยพักถูก ระเบิดถล่ม เขาเช่าวิลล่า 3 หลัง บริเวณติดต่อกัน ทุบกำแพงระหว่างวิลล่าทิ้ง และล้อมบริเวณ 3 วิลล่า เสียใหม่เป็นบริเวณเดียว ทำให้เป็นตึกเตี้ย ๆ 4 หลัง อยู่ท่ามกลางเถาต้นองุ่นและต้นฝรั่ง เพื่อนร่วมงานล้อเลียน Stevens ว่าสถานที่นี้น่าจะเรียกว่า“Château Christophe” แบบโรงผลิตไวน์มีชื่อ
    Château Christophe ถึงแม้จะเป็นเพียงสถานที่ชั่วคราว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการป้องกันอย่างเหมาะสม สถานที่กว้าง 300 หลา และลึก 300 หลา ทำให้ตัวตึกอยู่ลึกเข้ามาจากรั้วมากพอที่จะป้องกันการจู่โจมจากด้านนอก รั้วทุกด้านสูง 9 ฟุต และมีลวดหนามไฟฟ้ากั้นสูงไปจากรั้วอีก 3 ฟุต มีแผ่นเหล็กปลดลงมา ไว้ปิดกั้นไม่ให้รถวิ่งเข้ามาได้ และมีแท่งคอนกรีตกั้นทั้งภายในภายนอก สำหรับป้องกันการใช้รถวิ่งชน มีจอและกล้องคอยเฝ้า (monitor) ดูแลความปลอดภัยรอบบริเวณ ส่วนในบริเวณชั้นใน มีแผ่นเหล็กสำหรับปลดมาปิดกั้นและล็อคได้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อสามารถเปลี่ยนให้ภายในตึก นี้กลายเป็นห้องนิรภัย และภายในห้องนี้ ยังมีห้องเล็ก หลบซ่อนอยู่อีก ห้องเล็กนี้มีอาหาร น้ำ และเครื่องเวชภัณฑ์ โดยมองจากข้างนอกไม่มีทางเห็น
    Château Christophe ถือว่ามีการดูแลที่ปลอดภัย เพียงพอสำหรับการปฎิบัติงานของคนระดับฑูตอเมริกัน Benghazi ต่างหากที่ยังไม่ปลอดภัย รัฐบาลลิเบียยังต้องจัดให้มีกำลังตำรวจที่เหมาะสม ความรุนแรงในเมืองมีอยู่ตลอดหน้าร้อน รวมทั้งบางส่วนยังมีเป้าหมายต่อต้านชาวตะวันตก จริง ๆ แล้ว Stevens ได้แจ้งไปทางวอชิงตันในเช้าวันที่ 11 นั้น เพื่อเตือนความจำเรื่องการไม่มีกฎหมายใช้บังคับที่ Benghazi ถึงอย่างนั้นตัวเมืองก็ดูสงบพอสมควรเมื่อ Stevens มาถึงและเขาคิดว่ามันคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไป
    Bubaker อยู่กับ Stevens ตลอดการประชุมต่าง ๆ ในตอนเช้า บ่าย 3 โมง เขาเช็คตารางของวันพุธ ซึ่งแน่นเต็ม นัดสุดท้ายของ Stevens วันนั้น คือ กาแฟกับนักการฑูตตุรกี ซึ่งเสร็จประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง Stevens เดินไปส่งแขกที่ประตูหน้า ซึ่งมีกองกำลังรักษาความปลอดภัย ซึ่งจ้างมาจากกองทหารที่ 17th of February Martyrs Brigade ซึ่งเป็นมิตรกับชาวอเมริกัน
    ประมาณ 700 ไมล์ไปทางตะวันออก ฝูงชนกำลังล้อมสถานฑูตสหรัฐที่กรุงไคโร ด้วยความเคียดแค้นจากวิดีโอ ซึ่งมีเนื้อความละเมิดพระศาสดามูฮะหมัด แต่ทาง Benghazi ยังเงียบสงบ ถนนหน้า Château Christophe ว่างเปล่า
    Stevens เดินกลับมาที่ห้องของเขาที่ตึกกลาง ประมาณ 3 ทุ่ม 40 นาที เขาได้ยินเสียงปืนดัง เสียงปืนดังแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอาหรับยามค่ำคืน เสียงปืนดัง บางทีก็หมายถึงการฉลอง Stevens เคยบอกกับน้องชาย และเคยพูดตลกกับ Bubaker เวลาเขาได้ยินเสียงปืนว่า สงสัยวันนี้มีงานแต่งงานนะ แต่วันนี้จอควบคุมความปลอดภัยของกงสุล เห็นกลุ่มคนกำลังปีนเข้ามาที่ประตูหน้า
    คนเล่านิทาน
7 มิย. 57
    Château Christophe ตอนที่ 1 นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 1 เป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงที่สถานกงสุลอเมริกัน ที่เมือง Benghazi ประเทศลิเบีย ถูกโจมตีและถูกยึดได้ในที่สุด ในคืนวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2012 หลังจากการโจมตีและสู้รบสิ้นสุดลง ร่างของฑูตอเมริกัน นาย Christopher J. Stevens ถูกลากออกมาจากซากตึกที่ไหม้และพังทลายอยู่ในบริเวณของสถานกงสุล เขาเป็นฑูตอเมริกันคนแรกที่ถูกสังหารโดยกองทัพต่างชาติในรอบ 30 ปี การตายของเขาถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง สาเหตุและการบุกโจมตีสถานกงสุ ลถูกบิดเบือน การตายของฑูต Stevens มีการสอบสวน วิเคราะห์ บอกเล่า เขียนเป็นหนังสือ สาระพัดเรื่อง ความจริงเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครปริปากพูดออกมาตรง ๆ มันเป็นเรื่องน่าคิด น่าติดตาม เพราะมันจะเป็นทั้งใบเสร็จและอุทาหรณ์ในหลาย ๆ เรื่องให้แก่เรา เช้าวันที่ 11 กันยายน นาย Stevens ฑูตอเมริกันประจำประเทศลิเบีย นั่งทานอาหารเช้ากับชายคนหนึ่ง ชื่อ Habib Budaker ที่สถานกงสุลเมือง Benghazi นี่เป็นครั้งแรกที่นาย Stevens กลับมาเมือง Benghazi หลังจากรับตำแหน่งฑูต เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 และใช้เวลาปฎิบัติหน้าที่ “ฑูต” ทำงานอยู่รอบ ๆ ตัวเมืองนอกสถานฑูตที่เมือง Tripoli แต่เมื่อนาย Bubaker ไปรับเขาที่สนามบิน Benghazi เช้าวันที่ 10 นาย Stevens บอกกับ Budaker ว่า “ผมตื่นเต้นที่ได้กลับมา” Budaker รู้จักฑูต Stevens มากว่า 1 ปีแล้ว โดยการแนะนำตัวเองกับนาย Stevens เมื่อเดือนเมษายน 2011 หลังจากการปฎิวัติของชาวลิเบียเริ่มเกิดขึ้นได้สัก 2 เดือน นาย Stevens ก็ถูกส่งให้มาที่ Bengazi ในฐานะตัวแทนของอเมริกาสำหรับรัฐบาลผสมที่เกิดจากการปฏิวัติ อเมริกาได้เลือกข้างเรียบร้อยแล้ว ว่าจะอยู่กับฝ่ายไหนในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ และ Stevens ได้รับการมอบหมายให้มาสร้างสัมพันธ์กับประชาชนที่อเมริกาคาดว่า ในที่สุดจะเป็นฝ่ายปกครองประเทศ Bubakar เป็นเจ้าของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในเมือง และเสนอตัวเป็นล่ามให้แก่ Stevens นาย Stevens เองพูดภาษาอารบิคได้ แต่เขาอยากใช้สำนวนภาษาการฑูตซึ่งชัดเจนกว่าในการเจรจาที่เป็นทางการ เขาจึงเลือกที่จะพูดภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกัน Bubaker เป็นผู้พา Stevens เข้ารู้จักองค์กรภาคธุรกิจและทำหน้าที่เป็นเหมือนมือขวาของ Stevens ตลอดเวลาการสู้รบ ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของสงคราม เขานับตัวเองว่าเป็นเพื่อนของ Stevens หลาย ๆ คน ก็คิดอย่างนั้น เพราะ Stevens เป็นคนประเภทคบเป็นเพื่อนง่าย Stevens ตั้งใจจะอยู่ที่ Benghazi เพียง 5 วัน เขามีประชุมวันจันทร์ที่ในเมือง และจะมีอีกหลายนัดนอกบริเวณกงสุลในวันพุธ ส่วนวันพฤหัส ดูเหมือนจะเป็นวันสำคัญที่สุดของการมา Benghazi เขาตั้งใจจะส่งมอบ “Benghazi Mission” ให้กับชาวลิเบีย และบริเวณกงสุลอเมริกันจะเรียกชื่อใหม่ว่า “An American Space” โดยจะมีการสอนภาษาอังกฤษให้ชาวพื้นเมือง รวมทั้งการเข้าไปใช้อินเตอร์เน็ท การฉายภาพยนต์และมีห้องสมุด โดยฝ่ายอเมริกาจะจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ หนังสือ และอุปกรณ์จำเป็นต่าง ๆ สนับสนุน และมอบให้เป็นสมบัติของคนพื้นเมือง ให้คนพื้นเมืองดูแลเอง Stevens หวังว่า “An American Spece” นี้ จะเป็นตัวอย่างของการเป็นหุ้นส่วนของ 2 ประเทศ หากได้มีการร่วมมือกัน Stevens มีความรู้สึกผูกพันธ์กับ Benghazi เมืองซึ่งชาวเมืองแสดงการต่อต้าน Qaddafi เป็นครั้งแรก เพราะเขาอยู่กับชาวเมืองตลอดเวลาของการต่อต้านนั้น ระหว่างการปฏิวัติ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ตามถนน พูดคุย คลุกคลี และสำรวจเมือง Benghazi และผู้คน นาย Nathan tek เจ้าหน้าที่สถานฑูต รุ่นหนุ่มที่อยู่กับ Stevens มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 บอกว่า Stevens ชอบที่จะสำรวจเมืองอย่าง โดยไม่ต้องมีหน่วยคุ้มกันตัวโตถือปืนเดินตามประกบ เขาบอกว่า การที่เรามีเพื่อนมาก และเขาเห็นเราเป็นแขกของเขานั้นแหละสำคัญที่สุด ซึ่งชาว Benghazi โดยทั่วไปก็แสดงความเป็นมิตร แม้ในช่วงเดือนกันยายนนั้นเอง จะมีทหารเดินอยู่เต็มเมือง Stevens ก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนตารางของเขา เขาเอาบอดี้การ์ดมาด้วย 2 คนจาก Tripoli รวมกับอีก 3 คนจากหน่วยความมั่นคงที่ประจำที่ Benghazi อยู่แล้ว เขายกเลิกการวิ่งตอนเช้านอกบริเวณกงสุล และจัดให้การนัดพบทุกรายการอยู่ในบริเวณกงสุล อเมริกาได้ตั้งสถานกงสุลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2011 หลังจากโรงแรมที่พวกเขาเคยพักถูก ระเบิดถล่ม เขาเช่าวิลล่า 3 หลัง บริเวณติดต่อกัน ทุบกำแพงระหว่างวิลล่าทิ้ง และล้อมบริเวณ 3 วิลล่า เสียใหม่เป็นบริเวณเดียว ทำให้เป็นตึกเตี้ย ๆ 4 หลัง อยู่ท่ามกลางเถาต้นองุ่นและต้นฝรั่ง เพื่อนร่วมงานล้อเลียน Stevens ว่าสถานที่นี้น่าจะเรียกว่า“Château Christophe” แบบโรงผลิตไวน์มีชื่อ Château Christophe ถึงแม้จะเป็นเพียงสถานที่ชั่วคราว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการป้องกันอย่างเหมาะสม สถานที่กว้าง 300 หลา และลึก 300 หลา ทำให้ตัวตึกอยู่ลึกเข้ามาจากรั้วมากพอที่จะป้องกันการจู่โจมจากด้านนอก รั้วทุกด้านสูง 9 ฟุต และมีลวดหนามไฟฟ้ากั้นสูงไปจากรั้วอีก 3 ฟุต มีแผ่นเหล็กปลดลงมา ไว้ปิดกั้นไม่ให้รถวิ่งเข้ามาได้ และมีแท่งคอนกรีตกั้นทั้งภายในภายนอก สำหรับป้องกันการใช้รถวิ่งชน มีจอและกล้องคอยเฝ้า (monitor) ดูแลความปลอดภัยรอบบริเวณ ส่วนในบริเวณชั้นใน มีแผ่นเหล็กสำหรับปลดมาปิดกั้นและล็อคได้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อสามารถเปลี่ยนให้ภายในตึก นี้กลายเป็นห้องนิรภัย และภายในห้องนี้ ยังมีห้องเล็ก หลบซ่อนอยู่อีก ห้องเล็กนี้มีอาหาร น้ำ และเครื่องเวชภัณฑ์ โดยมองจากข้างนอกไม่มีทางเห็น Château Christophe ถือว่ามีการดูแลที่ปลอดภัย เพียงพอสำหรับการปฎิบัติงานของคนระดับฑูตอเมริกัน Benghazi ต่างหากที่ยังไม่ปลอดภัย รัฐบาลลิเบียยังต้องจัดให้มีกำลังตำรวจที่เหมาะสม ความรุนแรงในเมืองมีอยู่ตลอดหน้าร้อน รวมทั้งบางส่วนยังมีเป้าหมายต่อต้านชาวตะวันตก จริง ๆ แล้ว Stevens ได้แจ้งไปทางวอชิงตันในเช้าวันที่ 11 นั้น เพื่อเตือนความจำเรื่องการไม่มีกฎหมายใช้บังคับที่ Benghazi ถึงอย่างนั้นตัวเมืองก็ดูสงบพอสมควรเมื่อ Stevens มาถึงและเขาคิดว่ามันคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไป Bubaker อยู่กับ Stevens ตลอดการประชุมต่าง ๆ ในตอนเช้า บ่าย 3 โมง เขาเช็คตารางของวันพุธ ซึ่งแน่นเต็ม นัดสุดท้ายของ Stevens วันนั้น คือ กาแฟกับนักการฑูตตุรกี ซึ่งเสร็จประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง Stevens เดินไปส่งแขกที่ประตูหน้า ซึ่งมีกองกำลังรักษาความปลอดภัย ซึ่งจ้างมาจากกองทหารที่ 17th of February Martyrs Brigade ซึ่งเป็นมิตรกับชาวอเมริกัน ประมาณ 700 ไมล์ไปทางตะวันออก ฝูงชนกำลังล้อมสถานฑูตสหรัฐที่กรุงไคโร ด้วยความเคียดแค้นจากวิดีโอ ซึ่งมีเนื้อความละเมิดพระศาสดามูฮะหมัด แต่ทาง Benghazi ยังเงียบสงบ ถนนหน้า Château Christophe ว่างเปล่า Stevens เดินกลับมาที่ห้องของเขาที่ตึกกลาง ประมาณ 3 ทุ่ม 40 นาที เขาได้ยินเสียงปืนดัง เสียงปืนดังแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอาหรับยามค่ำคืน เสียงปืนดัง บางทีก็หมายถึงการฉลอง Stevens เคยบอกกับน้องชาย และเคยพูดตลกกับ Bubaker เวลาเขาได้ยินเสียงปืนว่า สงสัยวันนี้มีงานแต่งงานนะ แต่วันนี้จอควบคุมความปลอดภัยของกงสุล เห็นกลุ่มคนกำลังปีนเข้ามาที่ประตูหน้า คนเล่านิทาน
7 มิย. 57
    0 Comments 0 Shares 527 Views 0 Reviews
  • “TSMC ปั้นคนท้องถิ่น! ขยายโครงการฝึกงานในรัฐแอริโซนา รับมือโรงงานผลิตชิป 4nm–2nm ที่กำลังบูม”

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นนักศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้า หรือวิทยาการคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ แล้ววันหนึ่งคุณได้รับโอกาสฝึกงานกับ TSMC — บริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกำลังสร้างโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนาเพื่อผลิตชิประดับ 4nm และ 2nm ที่ใช้ใน AI, GPU และอุปกรณ์ล้ำยุคของ Apple, Nvidia และ AMD

    ในฤดูร้อนปี 2025 นี้ TSMC ได้ขยายโครงการฝึกงานในรัฐแอริโซนาอย่างมหาศาล โดยรับนักศึกษากว่า 200 คนจาก 60 มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 130 คนเมื่อปีที่แล้ว และจากเพียง 16 คนในปี 2023 — ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดเพื่อเตรียมบุคลากรรองรับโรงงานผลิตชิปที่กำลังเร่งเปิดใช้งาน

    โรงงานแห่งแรกในเมืองฟีนิกซ์เริ่มผลิตชิป 4nm แล้วตั้งแต่ต้นปีนี้ และกำลังสร้างโรงงานที่สองและสามตามแผนที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ของรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าโรงงานทั้งสามจะสร้างงานโดยตรงกว่า 6,000 ตำแหน่ง และเป็นหัวใจของห่วงโซ่อุปทานชิปในประเทศ

    นอกจากฝึกงานแล้ว TSMC ยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Arizona State University (ASU) และหน่วยงานรัฐเพื่อเปิดหลักสูตรเร่งรัด 15 สัปดาห์สำหรับช่างเทคนิคในโรงงาน พร้อมทุนวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา และศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรจุชิป (advanced packaging) ร่วมกับ Amkor ในเมือง Peoria

    การขยายโครงการฝึกงานของ TSMC
    รับนักศึกษากว่า 200 คนจาก 60 มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ
    เพิ่มขึ้นจาก 130 คนในปี 2024 และ 16 คนในปี 2023
    มีนักศึกษาจาก ASU เข้าร่วมกว่า 30 คน
    เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมบุคลากรสำหรับโรงงานผลิตชิประดับ 4nm และ 2nm

    โรงงานผลิตชิปในรัฐแอริโซนา
    โรงงานแรกเริ่มผลิตชิป 4nm แล้วในต้นปี 2025
    โรงงานที่สองและสามอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
    ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act มูลค่า $6.6 พันล้าน
    คาดว่าจะสร้างงานโดยตรงกว่า 6,000 ตำแหน่ง
    เป็นการลงทุนรวมกว่า $65 พันล้าน ถือเป็นการลงทุนจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์รัฐแอริโซนา

    ความร่วมมือด้านการศึกษาและการฝึกอบรม
    ASU เปิดหลักสูตรวิจัยระดับปริญญาตรีและบัณฑิตด้านเซมิคอนดักเตอร์
    รัฐแอริโซนาเปิดโปรแกรมฝึกอบรมช่างเทคนิคแบบเร่งรัด 15 สัปดาห์
    Amkor เปิดศูนย์บรรจุชิปมูลค่า $2 พันล้านในเมือง Peoria
    รองรับเทคโนโลยี CoWoS และ InFO สำหรับ GPU และ AI accelerators

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-increases-arizona-internships-to-feed-fabs
    🏗️ “TSMC ปั้นคนท้องถิ่น! ขยายโครงการฝึกงานในรัฐแอริโซนา รับมือโรงงานผลิตชิป 4nm–2nm ที่กำลังบูม” ลองจินตนาการว่าคุณเป็นนักศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้า หรือวิทยาการคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ แล้ววันหนึ่งคุณได้รับโอกาสฝึกงานกับ TSMC — บริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกำลังสร้างโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนาเพื่อผลิตชิประดับ 4nm และ 2nm ที่ใช้ใน AI, GPU และอุปกรณ์ล้ำยุคของ Apple, Nvidia และ AMD ในฤดูร้อนปี 2025 นี้ TSMC ได้ขยายโครงการฝึกงานในรัฐแอริโซนาอย่างมหาศาล โดยรับนักศึกษากว่า 200 คนจาก 60 มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 130 คนเมื่อปีที่แล้ว และจากเพียง 16 คนในปี 2023 — ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดเพื่อเตรียมบุคลากรรองรับโรงงานผลิตชิปที่กำลังเร่งเปิดใช้งาน โรงงานแห่งแรกในเมืองฟีนิกซ์เริ่มผลิตชิป 4nm แล้วตั้งแต่ต้นปีนี้ และกำลังสร้างโรงงานที่สองและสามตามแผนที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ของรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าโรงงานทั้งสามจะสร้างงานโดยตรงกว่า 6,000 ตำแหน่ง และเป็นหัวใจของห่วงโซ่อุปทานชิปในประเทศ นอกจากฝึกงานแล้ว TSMC ยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Arizona State University (ASU) และหน่วยงานรัฐเพื่อเปิดหลักสูตรเร่งรัด 15 สัปดาห์สำหรับช่างเทคนิคในโรงงาน พร้อมทุนวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา และศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรจุชิป (advanced packaging) ร่วมกับ Amkor ในเมือง Peoria ✅ การขยายโครงการฝึกงานของ TSMC ➡️ รับนักศึกษากว่า 200 คนจาก 60 มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯ ➡️ เพิ่มขึ้นจาก 130 คนในปี 2024 และ 16 คนในปี 2023 ➡️ มีนักศึกษาจาก ASU เข้าร่วมกว่า 30 คน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมบุคลากรสำหรับโรงงานผลิตชิประดับ 4nm และ 2nm ✅ โรงงานผลิตชิปในรัฐแอริโซนา ➡️ โรงงานแรกเริ่มผลิตชิป 4nm แล้วในต้นปี 2025 ➡️ โรงงานที่สองและสามอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ➡️ ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act มูลค่า $6.6 พันล้าน ➡️ คาดว่าจะสร้างงานโดยตรงกว่า 6,000 ตำแหน่ง ➡️ เป็นการลงทุนรวมกว่า $65 พันล้าน ถือเป็นการลงทุนจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์รัฐแอริโซนา ✅ ความร่วมมือด้านการศึกษาและการฝึกอบรม ➡️ ASU เปิดหลักสูตรวิจัยระดับปริญญาตรีและบัณฑิตด้านเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ รัฐแอริโซนาเปิดโปรแกรมฝึกอบรมช่างเทคนิคแบบเร่งรัด 15 สัปดาห์ ➡️ Amkor เปิดศูนย์บรรจุชิปมูลค่า $2 พันล้านในเมือง Peoria ➡️ รองรับเทคโนโลยี CoWoS และ InFO สำหรับ GPU และ AI accelerators https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-increases-arizona-internships-to-feed-fabs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    TSMC increases Arizona internships to feed its Phoenix fabs — CHIPS-fueled supply chain begins to take shape
    A wave of homegrown talent arrives just as TSMC’s 4nm ramp-up in Arizona turns into a three-fab silicon supercluster.
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • Arch Linux กับการโจมตีที่ไม่รู้ว่าใครทำ และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

    ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา Arch Linux ซึ่งเป็นหนึ่งในดิสโทรยอดนิยมของสายลินุกซ์ขั้นสูง ถูกโจมตีด้วย DDoS อย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายหลักคือเว็บไซต์หลัก, Arch User Repository (AUR), และฟอรัมของชุมชน

    การโจมตีนี้ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น การดาวน์โหลดแพ็กเกจ, การอัปเดตระบบ, หรือแม้แต่การติดตั้ง ISO ใหม่ได้อย่างราบรื่น ทีมงานของ Arch ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัคร กำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโฮสติ้งเพื่อบรรเทาผลกระทบ และกำลังพิจารณาผู้ให้บริการ DDoS protection โดยคำนึงถึงต้นทุน ความปลอดภัย และจริยธรรม

    แม้จะมีข้อเสนอจาก Cloudflare ซึ่งเคยช่วยโครงการโอเพ่นซอร์สอื่น ๆ มาก่อน แต่ Arch ยังไม่ตอบรับอย่างเป็นทางการ อาจเพราะแนวคิดเรื่องความเป็นอิสระและโอเพ่นซอร์สที่ฝังลึกในโครงการนี้

    ที่น่าสนใจคือ Arch Linux ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากการเป็นฐานของ SteamOS บน Steam Deck ซึ่งทำให้มีผู้ใช้ใหม่จำนวนมาก และอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้กลุ่มโจมตีเล็งเป้าไปที่โครงการนี้

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Arch Linux ถูกโจมตีด้วย DDoS ต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์
    บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เว็บไซต์หลัก, AUR, และฟอรัมของชุมชน
    ทีมงานกำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโฮสติ้งเพื่อบรรเทาผลกระทบ
    กำลังพิจารณาผู้ให้บริการ DDoS protection โดยคำนึงถึงจริยธรรมและต้นทุน
    มีการอัปเดตสถานะบริการผ่านหน้า status page ของ Arch Linux
    Arch Linux เป็นฐานของ SteamOS บน Steam Deck ซึ่งเพิ่มความนิยมในช่วงหลัง
    ผู้ใช้สามารถใช้ mirror list ใน pacman-mirrorlist แทน reflector หากระบบหลักล่ม
    AUR ยังสามารถเข้าถึงผ่าน GitHub mirror โดยใช้คำสั่ง git clone
    Arch Linux ก่อตั้งในปี 2002 โดย Judd Vinet ตามหลัก KISS (Keep It Simple, Stupid)
    ทีมงานขอบคุณชุมชนที่อดทนและให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Arch Linux เคยเผชิญปัญหา malware ใน AUR มาก่อนหน้านี้ในช่วงฤดูร้อน
    การโจมตี DDoS แบบ sustained แม้ไม่รุนแรงมากก็สร้างความเสียหายได้มาก
    Cloudflare เสนอช่วยเหลือ แต่ Arch ยังไม่ตอบรับ อาจเพราะแนวคิดเรื่องโอเพ่นซอร์ส
    ArchWiki เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี
    Arch Linux มีผู้ใช้ที่ภักดีและนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับกลางถึงขั้นสูง

    https://www.tomshardware.com/software/linux/arch-linux-continues-to-feel-the-force-of-a-ddos-attack-after-two-brutal-weeks-attackers-yet-to-be-identified-as-project-struggles-to-restore-full-service
    🎙️ Arch Linux กับการโจมตีที่ไม่รู้ว่าใครทำ และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา Arch Linux ซึ่งเป็นหนึ่งในดิสโทรยอดนิยมของสายลินุกซ์ขั้นสูง ถูกโจมตีด้วย DDoS อย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายหลักคือเว็บไซต์หลัก, Arch User Repository (AUR), และฟอรัมของชุมชน การโจมตีนี้ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น การดาวน์โหลดแพ็กเกจ, การอัปเดตระบบ, หรือแม้แต่การติดตั้ง ISO ใหม่ได้อย่างราบรื่น ทีมงานของ Arch ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัคร กำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโฮสติ้งเพื่อบรรเทาผลกระทบ และกำลังพิจารณาผู้ให้บริการ DDoS protection โดยคำนึงถึงต้นทุน ความปลอดภัย และจริยธรรม แม้จะมีข้อเสนอจาก Cloudflare ซึ่งเคยช่วยโครงการโอเพ่นซอร์สอื่น ๆ มาก่อน แต่ Arch ยังไม่ตอบรับอย่างเป็นทางการ อาจเพราะแนวคิดเรื่องความเป็นอิสระและโอเพ่นซอร์สที่ฝังลึกในโครงการนี้ ที่น่าสนใจคือ Arch Linux ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากการเป็นฐานของ SteamOS บน Steam Deck ซึ่งทำให้มีผู้ใช้ใหม่จำนวนมาก และอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้กลุ่มโจมตีเล็งเป้าไปที่โครงการนี้ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Arch Linux ถูกโจมตีด้วย DDoS ต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์ ➡️ บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เว็บไซต์หลัก, AUR, และฟอรัมของชุมชน ➡️ ทีมงานกำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโฮสติ้งเพื่อบรรเทาผลกระทบ ➡️ กำลังพิจารณาผู้ให้บริการ DDoS protection โดยคำนึงถึงจริยธรรมและต้นทุน ➡️ มีการอัปเดตสถานะบริการผ่านหน้า status page ของ Arch Linux ➡️ Arch Linux เป็นฐานของ SteamOS บน Steam Deck ซึ่งเพิ่มความนิยมในช่วงหลัง ➡️ ผู้ใช้สามารถใช้ mirror list ใน pacman-mirrorlist แทน reflector หากระบบหลักล่ม ➡️ AUR ยังสามารถเข้าถึงผ่าน GitHub mirror โดยใช้คำสั่ง git clone ➡️ Arch Linux ก่อตั้งในปี 2002 โดย Judd Vinet ตามหลัก KISS (Keep It Simple, Stupid) ➡️ ทีมงานขอบคุณชุมชนที่อดทนและให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Arch Linux เคยเผชิญปัญหา malware ใน AUR มาก่อนหน้านี้ในช่วงฤดูร้อน ➡️ การโจมตี DDoS แบบ sustained แม้ไม่รุนแรงมากก็สร้างความเสียหายได้มาก ➡️ Cloudflare เสนอช่วยเหลือ แต่ Arch ยังไม่ตอบรับ อาจเพราะแนวคิดเรื่องโอเพ่นซอร์ส ➡️ ArchWiki เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี ➡️ Arch Linux มีผู้ใช้ที่ภักดีและนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับกลางถึงขั้นสูง https://www.tomshardware.com/software/linux/arch-linux-continues-to-feel-the-force-of-a-ddos-attack-after-two-brutal-weeks-attackers-yet-to-be-identified-as-project-struggles-to-restore-full-service
    0 Comments 0 Shares 323 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน
    สัทธรรมลำดับที่ : 716
    ชื่อบทธรรม :- ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน
    --ท่านทั้งหลาย จงตัดป่าเถิด อย่าตัดต้นไม้ ;
    เพราะว่าภัยย่อมเกิด จากป่าต่างหาก.
    --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงตัดป่าและความรกแห่งป่าเสีย แล้วเป็นคนไม่มีป่าเถิด.
    +--เพราะว่า #ตลอดเวลาที่กิเลสเพียงดังความรกของป่า ยังไม่ถูกตัดขาด
    เหลืออยู่แก่นระแม้สักว่าอณูเดียว ในนารีทั้งหลาย ;
    นระนั้น จักมีจิตปฏิพัทธ์ในนารีนั้น ตลอดกาลเพียงนั้น
    http://etipitaka.com/read/pali/25/52/?keywords=นรสฺส+นาริสุ
    เหมือนลูกวัวที่ยังกินนมแม่ ติดพันแม่วัวอยู่ ฉันใด ก็ฉันนั้น.
    ท่านจงถอนเยื่อใยแห่งจิตใจของตนเสีย เหมือนเขาถอนบัวสายในฤดูสารทด้วยมือ
    จงพอกพูนทางแห่งสันติเถิด เพราะว่านิพพานเป็นสิ่งที่พระสุคตแสดงไว้แล้ว.
    +--คนพาลย่อมคิดผิดว่า
    เราจักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูฝน จักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูหนาว และฤดูร้อน ดังนี้
    ย่อมไม่รู้อันตราย มัจจุย่อมพาเอาคนผู้มัวเมาในบุตรและปสุสัตว์
    มีมนัสข้องติดในอารมณ์ต่างๆ เหมือนห้วงน้ำใหญ่พาเอาชาวบ้านผู้หลับไป ฉะนั้น
    +--เมื่อบุคคลถูกมัจจุผู้ทำซึ่งที่สุดครอบงำแล้ว
    บุตรทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทานบิดา
    ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ถึงพวกพ้องทั้งหลาย
    ก็ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ความเป็นผู้ต้านทานไม่มีในญาติทั้งหลาย
    +--บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นี้แล้ว
    พึงเป็นผู้สำรวมแล้วด้วยศีล
    พึงรีบชำระทางเป็นที่ไปสู่นิพพานพลันทีเดียว

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/36/30.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/36/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=716
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน สัทธรรมลำดับที่ : 716 ชื่อบทธรรม :- ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716 เนื้อความทั้งหมด :- --ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน --ท่านทั้งหลาย จงตัดป่าเถิด อย่าตัดต้นไม้ ; เพราะว่าภัยย่อมเกิด จากป่าต่างหาก. --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงตัดป่าและความรกแห่งป่าเสีย แล้วเป็นคนไม่มีป่าเถิด. +--เพราะว่า #ตลอดเวลาที่กิเลสเพียงดังความรกของป่า ยังไม่ถูกตัดขาด เหลืออยู่แก่นระแม้สักว่าอณูเดียว ในนารีทั้งหลาย ; นระนั้น จักมีจิตปฏิพัทธ์ในนารีนั้น ตลอดกาลเพียงนั้น http://etipitaka.com/read/pali/25/52/?keywords=นรสฺส+นาริสุ เหมือนลูกวัวที่ยังกินนมแม่ ติดพันแม่วัวอยู่ ฉันใด ก็ฉันนั้น. ท่านจงถอนเยื่อใยแห่งจิตใจของตนเสีย เหมือนเขาถอนบัวสายในฤดูสารทด้วยมือ จงพอกพูนทางแห่งสันติเถิด เพราะว่านิพพานเป็นสิ่งที่พระสุคตแสดงไว้แล้ว. +--คนพาลย่อมคิดผิดว่า เราจักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูฝน จักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูหนาว และฤดูร้อน ดังนี้ ย่อมไม่รู้อันตราย มัจจุย่อมพาเอาคนผู้มัวเมาในบุตรและปสุสัตว์ มีมนัสข้องติดในอารมณ์ต่างๆ เหมือนห้วงน้ำใหญ่พาเอาชาวบ้านผู้หลับไป ฉะนั้น +--เมื่อบุคคลถูกมัจจุผู้ทำซึ่งที่สุดครอบงำแล้ว บุตรทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทานบิดา ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ถึงพวกพ้องทั้งหลาย ก็ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ความเป็นผู้ต้านทานไม่มีในญาติทั้งหลาย +--บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นี้แล้ว พึงเป็นผู้สำรวมแล้วด้วยศีล พึงรีบชำระทางเป็นที่ไปสู่นิพพานพลันทีเดียว #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/36/30. http://etipitaka.com/read/thai/25/36/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐. http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=716 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - [สำหรับสิ่งที่เรียกว่า “ไม่ใช่ของเธอ” นั้น ในสูตรอื่น (๑๘/๑๖๒ /๒๒๐) ทรงแสดงด้วย อาตนะภายนอกหก คือ รูปะ .... สัททะ .... คันธะ .... รสะ .... โผฏฐัพพะ .... ธัมมารัมมณะ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๒/๒๗๙/๒๘๗; ๑๗/๔๒/๗๑-๗๒) ทรงแสดงด้วย เบญจขันธ์ คือ รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๘/๑๐๐/๑๔๙) ทรงแสดงด้วย อายตนิกธรรมห้าหมวด คืออายตนะภายในหก .... อายตนะภายนอกหก .... วิญญาณหก .... สัมผัสหก .... เวทนาหก.... รวมเป็นสามสิบ ดังนี้ก็มี].
    -[สำหรับสิ่งที่เรียกว่า “ไม่ใช่ของเธอ” นั้น ในสูตรอื่น (๑๘/๑๖๒ /๒๒๐) ทรงแสดงด้วย อาตนะภายนอกหก คือ รูปะ .... สัททะ .... คันธะ .... รสะ .... โผฏฐัพพะ .... ธัมมารัมมณะ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๒/๒๗๙/๒๘๗; ๑๗/๔๒/๗๑-๗๒) ทรงแสดงด้วย เบญจขันธ์ คือ รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๘/๑๐๐/๑๔๙) ทรงแสดงด้วย อายตนิกธรรมห้าหมวด คืออายตนะภายในหก .... อายตนะภายนอกหก .... วิญญาณหก .... สัมผัสหก .... เวทนาหก.... รวมเป็นสามสิบ ดังนี้ก็มี]. ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน ท่านทั้งหลาย จงตัดป่าเถิด อย่าตัดต้นไม้ ; เพราะว่าภัยย่อมเกิด จากป่าต่างหาก. ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงตัดป่าและความรกแห่งป่าเสีย แล้วเป็นคนไม่มีป่าเถิด. เพราะว่า ตลอดเวลาที่กิเลสเพียงดังความรกของป่า ยังไม่ถูกตัดขาด เหลืออยู่แก่นระแม้สักว่าอณูเดียว ในนารีทั้งหลาย ; นระนั้น จักมีจิตปฏิพัทธ์ในนารีนั้น ตลอดกาลเพียงนั้น เหมือนลูกวัวที่ยังกินนมแม่ ติดพันแม่วัวอยู่ ฉันใด ก็ฉันนั้น. ท่านจงถอนเยื่อใยแห่งจิตใจของตนเสีย เหมือนเขาถอนบัวสายในฤดูสารทด้วยมือ จงพอกพูนทางแห่งสันติเถิด เพราะว่านิพพานเป็นสิ่งที่พระสุคตแสดงไว้แล้ว.
    0 Comments 0 Shares 373 Views 0 Reviews
  • เมื่อรัฐบาลอังกฤษขอให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพ เพื่อช่วยประหยัดน้ำในช่วงภัยแล้ง

    ในช่วงฤดูร้อนปี 2025 อังกฤษเผชิญกับภัยแล้งครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976 โดยมี 5 พื้นที่เข้าสู่สถานะ “ภัยแล้ง” อย่างเป็นทางการ และอีก 6 พื้นที่มีสภาพอากาศแห้งต่อเนื่อง รัฐบาลจึงประกาศให้สถานการณ์นี้เป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ” และขอให้ประชาชนร่วมมือกันลดการใช้น้ำ

    มาตรการทั่วไปที่แนะนำ ได้แก่ การลดเวลาการอาบน้ำ, ไม่รดน้ำสนามหญ้า, ใช้น้ำฝนรดต้นไม้, และซ่อมแซมห้องน้ำที่รั่ว แต่สิ่งที่สร้างความงุนงงคือคำแนะนำให้ “ลบอีเมลและรูปภาพเก่า” เพราะ “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน”

    แม้จะมีข้อเท็จจริงว่าศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่า การลบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ทั่วไปแทบไม่มีผลต่อการลดการใช้น้ำในภาพรวม และอาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ ด้วยซ้ำ

    นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลของผู้ใช้ชาวอังกฤษจำนวนมากถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ ซึ่งหมายความว่าการลบข้อมูลอาจไม่ได้ช่วยลดการใช้น้ำในอังกฤษเลย

    รัฐบาลอังกฤษประกาศภัยแล้งเป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ”
    หลังจาก 6 เดือนที่แห้งแล้งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976

    5 พื้นที่ในอังกฤษเข้าสู่สถานะภัยแล้ง และอีก 6 พื้นที่มีสภาพแห้งต่อเนื่อง
    ระดับน้ำในแม่น้ำและอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง

    รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพเก่า
    โดยอ้างว่า “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน”

    มาตรการอื่นที่แนะนำ ได้แก่ ลดเวลาการอาบน้ำ, ใช้น้ำฝน, ซ่อมห้องน้ำรั่ว
    เป็นวิธีที่มีผลต่อการลดการใช้น้ำโดยตรง

    ศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบ evaporative cooling ที่ใช้น้ำ
    โดยเฉพาะศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีการประมวลผลสูง

    ศูนย์ข้อมูลขนาด 1 เมกะวัตต์อาจใช้น้ำถึง 26 ล้านลิตรต่อปี
    เทียบเท่าการใช้น้ำของเมืองขนาดกลาง

    การลบข้อมูลจาก cloud อาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ
    เพราะต้องมีการประมวลผลและยืนยันการลบ

    ข้อมูลของผู้ใช้ในอังกฤษอาจถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ
    ไม่มีข้อบังคับให้เก็บข้อมูลภายในประเทศ

    การลดการใช้ AI และการประมวลผลขนาดใหญ่มีผลต่อการลดการใช้น้ำมากกว่า
    เช่น การลดการใช้โมเดล generative AI ที่ใช้พลังงานสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-government-inexplicably-tells-citizens-to-delete-old-emails-and-pictures-to-save-water-during-national-drought-data-centres-require-vast-amounts-of-water-to-cool-their-systems
    💧📂 เมื่อรัฐบาลอังกฤษขอให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพ เพื่อช่วยประหยัดน้ำในช่วงภัยแล้ง ในช่วงฤดูร้อนปี 2025 อังกฤษเผชิญกับภัยแล้งครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976 โดยมี 5 พื้นที่เข้าสู่สถานะ “ภัยแล้ง” อย่างเป็นทางการ และอีก 6 พื้นที่มีสภาพอากาศแห้งต่อเนื่อง รัฐบาลจึงประกาศให้สถานการณ์นี้เป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ” และขอให้ประชาชนร่วมมือกันลดการใช้น้ำ มาตรการทั่วไปที่แนะนำ ได้แก่ การลดเวลาการอาบน้ำ, ไม่รดน้ำสนามหญ้า, ใช้น้ำฝนรดต้นไม้, และซ่อมแซมห้องน้ำที่รั่ว แต่สิ่งที่สร้างความงุนงงคือคำแนะนำให้ “ลบอีเมลและรูปภาพเก่า” เพราะ “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน” แม้จะมีข้อเท็จจริงว่าศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่า การลบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ทั่วไปแทบไม่มีผลต่อการลดการใช้น้ำในภาพรวม และอาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลของผู้ใช้ชาวอังกฤษจำนวนมากถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ ซึ่งหมายความว่าการลบข้อมูลอาจไม่ได้ช่วยลดการใช้น้ำในอังกฤษเลย ✅ รัฐบาลอังกฤษประกาศภัยแล้งเป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ” ➡️ หลังจาก 6 เดือนที่แห้งแล้งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976 ✅ 5 พื้นที่ในอังกฤษเข้าสู่สถานะภัยแล้ง และอีก 6 พื้นที่มีสภาพแห้งต่อเนื่อง ➡️ ระดับน้ำในแม่น้ำและอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ✅ รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพเก่า ➡️ โดยอ้างว่า “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน” ✅ มาตรการอื่นที่แนะนำ ได้แก่ ลดเวลาการอาบน้ำ, ใช้น้ำฝน, ซ่อมห้องน้ำรั่ว ➡️ เป็นวิธีที่มีผลต่อการลดการใช้น้ำโดยตรง ✅ ศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบ evaporative cooling ที่ใช้น้ำ ➡️ โดยเฉพาะศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีการประมวลผลสูง ✅ ศูนย์ข้อมูลขนาด 1 เมกะวัตต์อาจใช้น้ำถึง 26 ล้านลิตรต่อปี ➡️ เทียบเท่าการใช้น้ำของเมืองขนาดกลาง ✅ การลบข้อมูลจาก cloud อาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ ➡️ เพราะต้องมีการประมวลผลและยืนยันการลบ ✅ ข้อมูลของผู้ใช้ในอังกฤษอาจถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ ➡️ ไม่มีข้อบังคับให้เก็บข้อมูลภายในประเทศ ✅ การลดการใช้ AI และการประมวลผลขนาดใหญ่มีผลต่อการลดการใช้น้ำมากกว่า ➡️ เช่น การลดการใช้โมเดล generative AI ที่ใช้พลังงานสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-government-inexplicably-tells-citizens-to-delete-old-emails-and-pictures-to-save-water-during-national-drought-data-centres-require-vast-amounts-of-water-to-cool-their-systems
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกี ประกาศยืนยันอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการหารือระหว่าปูตินและทรัมป์ในวันศุกร์นี้ที่อลาสกา ว่าจะไม่ยอมยกภูมิภาคดอนบาสให้กับรัสเซีย เพื่อแลกกับการทำข้อตกลงหยุดยิง โดยเซเลนสกีมีกำหนดการที่จะพูดคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนที่ทรัมป์จะเจอกับปูติน

    ขณะเดียวกัน กองทัพรัสเซีย ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในช่วงฤดูร้อน และได้บุกจู่โจมสายฟ้าแลบใกล้เมืองโดโบรปิลลิยา (Dobropillia) ทางตะวันออกของยูเครน และรุกคืบได้ 10 กิโลเมตร ภายในเวลาอันสั้น ซึ่งประธานาธิบดีเซเลนสกี ยอมรับว่า การรุกคืบเกิดขึ้นในหลายจุด แต่ย้ำว่าเคียฟจะทำลายหน่วยรบที่เกี่ยวข้องได้ในไม่ช้านี้
    เซเลนสกี ประกาศยืนยันอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการหารือระหว่าปูตินและทรัมป์ในวันศุกร์นี้ที่อลาสกา ว่าจะไม่ยอมยกภูมิภาคดอนบาสให้กับรัสเซีย เพื่อแลกกับการทำข้อตกลงหยุดยิง โดยเซเลนสกีมีกำหนดการที่จะพูดคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนที่ทรัมป์จะเจอกับปูติน ขณะเดียวกัน กองทัพรัสเซีย ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในช่วงฤดูร้อน และได้บุกจู่โจมสายฟ้าแลบใกล้เมืองโดโบรปิลลิยา (Dobropillia) ทางตะวันออกของยูเครน และรุกคืบได้ 10 กิโลเมตร ภายในเวลาอันสั้น ซึ่งประธานาธิบดีเซเลนสกี ยอมรับว่า การรุกคืบเกิดขึ้นในหลายจุด แต่ย้ำว่าเคียฟจะทำลายหน่วยรบที่เกี่ยวข้องได้ในไม่ช้านี้
    0 Comments 0 Shares 519 Views 0 Reviews
  • Celebrity Xcel – เรือสำราญลำใหม่ล่าสุดจาก Celebrity Cruises

    เตรียมเปิดตัว พฤศจิกายน 2025 ออกเดินทางจาก Fort Lauderdale, Florida ล่องแคริบเบียน 7 คืน ก่อนเปลี่ยนไปล่องเส้นทางยุโรปช่วงฤดูร้อนปี 2026

    เรือที่นำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษที่สุดภายใต้ซีรีย์ Edge Class เพิ่มห้องอาหารใหม่, บาร์, และโซนบันเทิง เช่น
    Le Voyage โดยเชฟชื่อดัง Daniel Boulud
    Rooftop restaurant พร้อมวิวทะเลพาโนรามา
    การแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นักแสดงกว่า 75 คน พร้อมแสงเลเซอร์, ไฟเวทีอัจฉริยะ, จอ LED ขนาดใหญ่

    ดูเรือ Celebrity Cruises ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e4401b

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    http://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 02-1169696

    #เรือCelebrityCruises #เรือCelebrityXcel #CelebrityCruises #EdgeClass #Florida #แพ็คเกจล่องเรือ #cruisedomain #News #ข่าวเรือสำราญ #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    🚢 Celebrity Xcel – เรือสำราญลำใหม่ล่าสุดจาก Celebrity Cruises เตรียมเปิดตัว พฤศจิกายน 2025 ออกเดินทางจาก Fort Lauderdale, Florida ล่องแคริบเบียน 7 คืน ก่อนเปลี่ยนไปล่องเส้นทางยุโรปช่วงฤดูร้อนปี 2026 🌟 เรือที่นำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษที่สุดภายใต้ซีรีย์ Edge Class เพิ่มห้องอาหารใหม่, บาร์, และโซนบันเทิง เช่น ✅ Le Voyage โดยเชฟชื่อดัง Daniel Boulud ✅ Rooftop restaurant พร้อมวิวทะเลพาโนรามา ✅ การแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นักแสดงกว่า 75 คน พร้อมแสงเลเซอร์, ไฟเวทีอัจฉริยะ, จอ LED ขนาดใหญ่ ดูเรือ Celebrity Cruises ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e4401b ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด http://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 02-1169696 #เรือCelebrityCruises #เรือCelebrityXcel #CelebrityCruises #EdgeClass #Florida #แพ็คเกจล่องเรือ #cruisedomain #News #ข่าวเรือสำราญ #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    0 Comments 0 Shares 583 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: ฤดูร้อน—ช่วงเวลาทองของแฮกเกอร์ และบทเรียนที่องค์กรต้องไม่ละเลย

    ฤดูร้อนมักเป็นช่วงที่คนทำงานหยุดพัก เดินทางไกล หรือทำงานจากสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เช่น บ้านพักตากอากาศ โรงแรม หรือสนามบิน ซึ่งมักใช้ Wi-Fi สาธารณะที่ไม่มีการเข้ารหัสหรือระบบป้องกันที่ดีพอ

    ในขณะเดียวกัน ทีม IT และฝ่ายรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ขององค์กรก็ลดกำลังลงจากการลาพักร้อน ทำให้การตรวจสอบภัยคุกคามลดลงอย่างเห็นได้ชัด

    ผลคือ แฮกเกอร์ใช้โอกาสนี้ในการโจมตีแบบ phishing, ransomware และการขโมยข้อมูลผ่านเครือข่ายปลอม โดยเฉพาะการปลอมอีเมลจากสายการบินหรือแพลตฟอร์มจองที่พัก ซึ่งดูเหมือนจริงจนผู้ใช้หลงเชื่อ

    ข้อมูลจากหลายแหล่งระบุว่า การโจมตีไซเบอร์ในฤดูร้อนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรที่มีการทำงานแบบ remote และไม่มีนโยบายรักษาความปลอดภัยที่ชัดเจน

    ฤดูร้อนเป็นช่วงที่การโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
    การโจมตีเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% ในช่วงเดือนมิถุนายน–สิงหาคม
    เกิดจากการลดกำลังของทีม IT และการใช้เครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย

    ผู้ใช้มักเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะจากโรงแรม สนามบิน หรือบ้านพัก โดยไม่รู้ว่ามีความเสี่ยง
    เสี่ยงต่อการถูกดักข้อมูลหรือปลอมเครือข่าย
    อุปกรณ์ส่วนตัวมักไม่มีระบบป้องกันเท่ากับอุปกรณ์องค์กร

    แฮกเกอร์ใช้ phishing ที่เลียนแบบอีเมลจากสายการบินหรือแพลตฟอร์มจองที่พัก
    หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตหรือรหัสผ่าน
    ใช้เทคนิคที่เหมือนจริงมากขึ้นด้วย generative AI

    องค์กรมักเลื่อนการอัปเดตระบบและการตรวจสอบความปลอดภัยไปหลังช่วงพักร้อน
    ทำให้เกิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าได้ง่าย
    ไม่มีการสำรองข้อมูลหรือทดสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ

    ภัยคุกคามที่พบบ่อยในฤดูร้อน ได้แก่ ransomware, credential theft และ shadow IT
    การใช้แอปที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือแชร์ไฟล์ผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย
    การขโมยข้อมูลบัญชีผ่านการดักจับการสื่อสาร

    การใช้อุปกรณ์ส่วนตัวที่ไม่มีระบบป้องกันเข้าถึงข้อมูลองค์กรเป็นช่องโหว่สำคัญ
    ไม่มีการเข้ารหัสหรือระบบป้องกันไวรัส
    เสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลหรือเข้าถึงระบบภายใน

    การลดกำลังทีม IT ในช่วงฤดูร้อนทำให้การตอบสนองต่อภัยคุกคามล่าช้า
    แฮกเกอร์สามารถแฝงตัวในระบบได้นานขึ้น
    อาจเกิดการโจมตีแบบ ransomware โดยไม่มีใครตรวจพบ

    การไม่มีแผนรับมือหรือผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดเหตุการณ์ไซเบอร์อาจทำให้ความเสียหายขยายตัว
    ไม่มีการแจ้งเตือนหรือกู้คืนข้อมูลทันเวลา
    องค์กรอาจสูญเสียข้อมูลสำคัญหรือความน่าเชื่อถือ

    การใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่ใช้ VPN หรือระบบป้องกันเป็นพฤติกรรมเสี่ยงสูง
    ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลองค์กรอาจถูกดักจับ
    เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบ man-in-the-middle

    https://www.csoonline.com/article/4030931/summer-why-cybersecurity-needs-to-be-further-strengthened.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: ฤดูร้อน—ช่วงเวลาทองของแฮกเกอร์ และบทเรียนที่องค์กรต้องไม่ละเลย ฤดูร้อนมักเป็นช่วงที่คนทำงานหยุดพัก เดินทางไกล หรือทำงานจากสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เช่น บ้านพักตากอากาศ โรงแรม หรือสนามบิน ซึ่งมักใช้ Wi-Fi สาธารณะที่ไม่มีการเข้ารหัสหรือระบบป้องกันที่ดีพอ ในขณะเดียวกัน ทีม IT และฝ่ายรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ขององค์กรก็ลดกำลังลงจากการลาพักร้อน ทำให้การตรวจสอบภัยคุกคามลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผลคือ แฮกเกอร์ใช้โอกาสนี้ในการโจมตีแบบ phishing, ransomware และการขโมยข้อมูลผ่านเครือข่ายปลอม โดยเฉพาะการปลอมอีเมลจากสายการบินหรือแพลตฟอร์มจองที่พัก ซึ่งดูเหมือนจริงจนผู้ใช้หลงเชื่อ ข้อมูลจากหลายแหล่งระบุว่า การโจมตีไซเบอร์ในฤดูร้อนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรที่มีการทำงานแบบ remote และไม่มีนโยบายรักษาความปลอดภัยที่ชัดเจน ✅ ฤดูร้อนเป็นช่วงที่การโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ➡️ การโจมตีเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% ในช่วงเดือนมิถุนายน–สิงหาคม ➡️ เกิดจากการลดกำลังของทีม IT และการใช้เครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย ✅ ผู้ใช้มักเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะจากโรงแรม สนามบิน หรือบ้านพัก โดยไม่รู้ว่ามีความเสี่ยง ➡️ เสี่ยงต่อการถูกดักข้อมูลหรือปลอมเครือข่าย ➡️ อุปกรณ์ส่วนตัวมักไม่มีระบบป้องกันเท่ากับอุปกรณ์องค์กร ✅ แฮกเกอร์ใช้ phishing ที่เลียนแบบอีเมลจากสายการบินหรือแพลตฟอร์มจองที่พัก ➡️ หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตหรือรหัสผ่าน ➡️ ใช้เทคนิคที่เหมือนจริงมากขึ้นด้วย generative AI ✅ องค์กรมักเลื่อนการอัปเดตระบบและการตรวจสอบความปลอดภัยไปหลังช่วงพักร้อน ➡️ ทำให้เกิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าได้ง่าย ➡️ ไม่มีการสำรองข้อมูลหรือทดสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ ✅ ภัยคุกคามที่พบบ่อยในฤดูร้อน ได้แก่ ransomware, credential theft และ shadow IT ➡️ การใช้แอปที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือแชร์ไฟล์ผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย ➡️ การขโมยข้อมูลบัญชีผ่านการดักจับการสื่อสาร ‼️ การใช้อุปกรณ์ส่วนตัวที่ไม่มีระบบป้องกันเข้าถึงข้อมูลองค์กรเป็นช่องโหว่สำคัญ ⛔ ไม่มีการเข้ารหัสหรือระบบป้องกันไวรัส ⛔ เสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลหรือเข้าถึงระบบภายใน ‼️ การลดกำลังทีม IT ในช่วงฤดูร้อนทำให้การตอบสนองต่อภัยคุกคามล่าช้า ⛔ แฮกเกอร์สามารถแฝงตัวในระบบได้นานขึ้น ⛔ อาจเกิดการโจมตีแบบ ransomware โดยไม่มีใครตรวจพบ ‼️ การไม่มีแผนรับมือหรือผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดเหตุการณ์ไซเบอร์อาจทำให้ความเสียหายขยายตัว ⛔ ไม่มีการแจ้งเตือนหรือกู้คืนข้อมูลทันเวลา ⛔ องค์กรอาจสูญเสียข้อมูลสำคัญหรือความน่าเชื่อถือ ‼️ การใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่ใช้ VPN หรือระบบป้องกันเป็นพฤติกรรมเสี่ยงสูง ⛔ ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลองค์กรอาจถูกดักจับ ⛔ เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบ man-in-the-middle https://www.csoonline.com/article/4030931/summer-why-cybersecurity-needs-to-be-further-strengthened.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Summer: Why cybersecurity must be strengthened as vacations abound
    Letting your guard down is not the most reasonable thing to do at a time when cybersecurity risks are on the rise; cyber attackers are not resting. What's more, they are well aware of what happens at this time of year, hence they take advantage of the circumstance to launch more aggressive campaigns.
    0 Comments 0 Shares 382 Views 0 Reviews
  • เที่ยว #รัสเซีย ลดหนัก 47,777
    #มอสโคว์ #เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

    🗓 จำนวนวัน 8วัน 5คืน
    ✈ WY-โอมานแอร์
    พักโรงแรม &

    พระราชวังเครมลิน
    จัตุรัสแดง
    มหาวิหารเซนต์บาซิล
    มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์
    พระราชวังฤดูหนาว
    พระราชวังฤดูร้อน
    สแปร์โรว์ ฮิลล์
    โบสถ์หยดเลือด
    มหาวิหารคาซาน

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์รัสเซีย #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #รัสเซีย ลดหนัก 47,777 🔥😍 #มอสโคว์ #เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 🍁 🗓 จำนวนวัน 8วัน 5คืน ✈ WY-โอมานแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐ 📍 พระราชวังเครมลิน 📍 จัตุรัสแดง 📍 มหาวิหารเซนต์บาซิล 📍 มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ 📍 พระราชวังฤดูหนาว 📍 พระราชวังฤดูร้อน 📍 สแปร์โรว์ ฮิลล์ 📍 โบสถ์หยดเลือด 📍 มหาวิหารคาซาน รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์รัสเซีย #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 544 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกซีพียู: เมื่อความร้อนทำให้ Firefox ล่มเพราะ Intel Raptor Lake

    Gabriele Svelto วิศวกรอาวุโสของ Mozilla เปิดเผยว่า Firefox crash จำนวนมากในช่วงฤดูร้อนปี 2025 มาจากเครื่องที่ใช้ซีพียู Intel Raptor Lake โดยเฉพาะรุ่น Core i7-14700K ซึ่งมีปัญหาความไม่เสถียรที่รุนแรงขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูง

    ทีม Mozilla พบว่ารายงาน crash จาก Firefox สามารถบอกได้เลยว่าประเทศไหนในยุโรปกำลังเผชิญคลื่นความร้อน เพราะจำนวน crash จาก Raptor Lake พุ่งสูงในพื้นที่เหล่านั้น

    ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2023 และ Intel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาสาเหตุ ซึ่งพบว่าเป็นการเสื่อมสภาพทางกายภาพของซิลิคอน ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยซอฟต์แวร์ มีเพียงการอัปเดต microcode เพื่อ “ลดโอกาส” ที่จะเกิดเท่านั้น

    ล่าสุด Intel ปล่อย microcode เวอร์ชัน 0x12F เพื่อแก้ปัญหา Vmin shift (แรงดันไฟต่ำผิดปกติ) แต่กลับทำให้บั๊กกลับมาอีกครั้งอย่างรุนแรง

    Mozilla จึงตัดสินใจปิดระบบ bot ที่ส่ง crash report อัตโนมัติ เพราะข้อมูลจาก Raptor Lake ล้นระบบ และไม่สามารถแยกแยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Firefox crash จำนวนมากเกิดจากเครื่องที่ใช้ Intel Raptor Lake
    โดยเฉพาะรุ่น Core i7-14700K ในพื้นที่ที่มีคลื่นความร้อน

    Mozilla พบว่ารายงาน crash สะท้อนสภาพอากาศในยุโรปได้
    เพราะจำนวน crash พุ่งสูงในประเทศที่มีอุณหภูมิสูง

    ปัญหาความไม่เสถียรของ Raptor Lake เกิดจากการเสื่อมสภาพของซิลิคอน
    ไม่สามารถแก้ด้วย patch หรือซอฟต์แวร์

    Intel ปล่อย microcode 0x12F เพื่อแก้ Vmin shift
    แต่กลับทำให้บั๊กกลับมาอีกครั้ง

    Mozilla ปิดระบบ bot ที่ส่ง crash report อัตโนมัติ
    เพราะข้อมูลจาก Raptor Lake ล้นระบบและทำให้การวิเคราะห์ผิดเพี้ยน

    Intel ขยายระยะประกันจาก 3 ปีเป็น 5 ปีสำหรับชิปที่ได้รับผลกระทบ
    ผู้ใช้สามารถ RMA เพื่อขอเปลี่ยนชิปได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/firefox-dev-says-intel-raptor-lake-crashes-are-increasing-with-rising-temperatures-in-record-european-heat-wave-mozilla-staffs-tracking-overwhelmed-by-intel-crash-reports-team-disables-the-function
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกซีพียู: เมื่อความร้อนทำให้ Firefox ล่มเพราะ Intel Raptor Lake Gabriele Svelto วิศวกรอาวุโสของ Mozilla เปิดเผยว่า Firefox crash จำนวนมากในช่วงฤดูร้อนปี 2025 มาจากเครื่องที่ใช้ซีพียู Intel Raptor Lake โดยเฉพาะรุ่น Core i7-14700K ซึ่งมีปัญหาความไม่เสถียรที่รุนแรงขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูง ทีม Mozilla พบว่ารายงาน crash จาก Firefox สามารถบอกได้เลยว่าประเทศไหนในยุโรปกำลังเผชิญคลื่นความร้อน เพราะจำนวน crash จาก Raptor Lake พุ่งสูงในพื้นที่เหล่านั้น ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2023 และ Intel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาสาเหตุ ซึ่งพบว่าเป็นการเสื่อมสภาพทางกายภาพของซิลิคอน ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยซอฟต์แวร์ มีเพียงการอัปเดต microcode เพื่อ “ลดโอกาส” ที่จะเกิดเท่านั้น ล่าสุด Intel ปล่อย microcode เวอร์ชัน 0x12F เพื่อแก้ปัญหา Vmin shift (แรงดันไฟต่ำผิดปกติ) แต่กลับทำให้บั๊กกลับมาอีกครั้งอย่างรุนแรง Mozilla จึงตัดสินใจปิดระบบ bot ที่ส่ง crash report อัตโนมัติ เพราะข้อมูลจาก Raptor Lake ล้นระบบ และไม่สามารถแยกแยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Firefox crash จำนวนมากเกิดจากเครื่องที่ใช้ Intel Raptor Lake ➡️ โดยเฉพาะรุ่น Core i7-14700K ในพื้นที่ที่มีคลื่นความร้อน ✅ Mozilla พบว่ารายงาน crash สะท้อนสภาพอากาศในยุโรปได้ ➡️ เพราะจำนวน crash พุ่งสูงในประเทศที่มีอุณหภูมิสูง ✅ ปัญหาความไม่เสถียรของ Raptor Lake เกิดจากการเสื่อมสภาพของซิลิคอน ➡️ ไม่สามารถแก้ด้วย patch หรือซอฟต์แวร์ ✅ Intel ปล่อย microcode 0x12F เพื่อแก้ Vmin shift ➡️ แต่กลับทำให้บั๊กกลับมาอีกครั้ง ✅ Mozilla ปิดระบบ bot ที่ส่ง crash report อัตโนมัติ ➡️ เพราะข้อมูลจาก Raptor Lake ล้นระบบและทำให้การวิเคราะห์ผิดเพี้ยน ✅ Intel ขยายระยะประกันจาก 3 ปีเป็น 5 ปีสำหรับชิปที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ผู้ใช้สามารถ RMA เพื่อขอเปลี่ยนชิปได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/firefox-dev-says-intel-raptor-lake-crashes-are-increasing-with-rising-temperatures-in-record-european-heat-wave-mozilla-staffs-tracking-overwhelmed-by-intel-crash-reports-team-disables-the-function
    0 Comments 0 Shares 352 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกยานยนต์อัจฉริยะ: Mercedes-Benz ผสาน Microsoft Teams และ Copilot เพื่อการทำงานในรถที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

    Mercedes-Benz ประกาศขยายความร่วมมือกับ Microsoft โดยนำ Microsoft Teams และ Microsoft 365 Copilot มาใช้งานในรถยนต์ผ่านระบบ MB.OS รุ่นใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้งานในรถรุ่น CLA ที่มาพร้อม MBUX รุ่นที่ 4 ภายในฤดูร้อนปีนี้

    ฟีเจอร์เด่น ได้แก่:
    - การประชุมผ่าน Teams ด้วยกล้องในรถ (เฉพาะประเทศที่อนุญาต)
    - ระบบตัดภาพวิดีโออัตโนมัติเมื่อกล้องทำงาน เพื่อความปลอดภัย
    - แดชบอร์ดใหม่แสดง “Next Meetings” และรายชื่อผู้ติดต่อที่ใช้บ่อย
    - การตอบข้อความด้วยเสียง และการเข้าร่วมประชุมจากปฏิทินด้วยการแตะครั้งเดียว
    - การผสาน Microsoft Intune เพื่อให้ผู้ใช้ล็อกอินด้วยบัญชีองค์กรและเข้าถึงข้อมูลอย่างปลอดภัย
    - การใช้ Microsoft 365 Copilot ด้วยเสียง เช่น สรุปอีเมลหรือดูรายการงานที่ได้รับมอบหมาย

    Ola Källenius ซีอีโอของ Mercedes-Benz กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพขณะเดินทาง โดยไม่รบกวนสมาธิในการขับขี่

    Mercedes-Benz ผสาน Microsoft Teams และ Copilot เข้ากับระบบ MB.OS
    เริ่มใช้งานในรถรุ่น CLA ที่มาพร้อม MBUX รุ่นที่ 4 ฤดูร้อนนี้

    Meetings for Teams รองรับการใช้กล้องในรถ
    เปิดใช้งานเฉพาะในประเทศที่อนุญาตตามกฎหมาย

    ระบบตัดภาพวิดีโออัตโนมัติเมื่อกล้องทำงาน
    เพื่อป้องกันการรบกวนสายตาขณะขับรถ

    แดชบอร์ดใหม่แสดง “Next Meetings” และรายชื่อผู้ติดต่อ
    เพิ่มความสะดวกในการเข้าร่วมประชุมและสื่อสาร

    รองรับการตอบข้อความด้วยเสียงและเข้าร่วมประชุมจากปฏิทิน
    ลดการแตะหน้าจอขณะขับรถ

    ผสาน Microsoft Intune เพื่อเข้าถึงข้อมูลองค์กรอย่างปลอดภัย
    รองรับแอป MBUX Notes และ Calendar

    Microsoft 365 Copilot รองรับคำสั่งเสียง
    เช่น สรุปอีเมล ดูงานที่ได้รับมอบหมาย และอื่น ๆ

    การใช้กล้องในรถยังถูกจำกัดตามกฎหมายแต่ละประเทศ
    อาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางพื้นที่

    ผู้ขับขี่ไม่สามารถดูสไลด์หรือหน้าจอแชร์ระหว่างประชุม
    ระบบจะปิดภาพวิดีโอเพื่อความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ

    https://www.neowin.net/news/mercedes-benz-integrates-microsoft-teams-and-microsoft-365-copilot-for-in-car-productivity/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกยานยนต์อัจฉริยะ: Mercedes-Benz ผสาน Microsoft Teams และ Copilot เพื่อการทำงานในรถที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ Mercedes-Benz ประกาศขยายความร่วมมือกับ Microsoft โดยนำ Microsoft Teams และ Microsoft 365 Copilot มาใช้งานในรถยนต์ผ่านระบบ MB.OS รุ่นใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้งานในรถรุ่น CLA ที่มาพร้อม MBUX รุ่นที่ 4 ภายในฤดูร้อนปีนี้ ฟีเจอร์เด่น ได้แก่: - การประชุมผ่าน Teams ด้วยกล้องในรถ (เฉพาะประเทศที่อนุญาต) - ระบบตัดภาพวิดีโออัตโนมัติเมื่อกล้องทำงาน เพื่อความปลอดภัย - แดชบอร์ดใหม่แสดง “Next Meetings” และรายชื่อผู้ติดต่อที่ใช้บ่อย - การตอบข้อความด้วยเสียง และการเข้าร่วมประชุมจากปฏิทินด้วยการแตะครั้งเดียว - การผสาน Microsoft Intune เพื่อให้ผู้ใช้ล็อกอินด้วยบัญชีองค์กรและเข้าถึงข้อมูลอย่างปลอดภัย - การใช้ Microsoft 365 Copilot ด้วยเสียง เช่น สรุปอีเมลหรือดูรายการงานที่ได้รับมอบหมาย Ola Källenius ซีอีโอของ Mercedes-Benz กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพขณะเดินทาง โดยไม่รบกวนสมาธิในการขับขี่ ✅ Mercedes-Benz ผสาน Microsoft Teams และ Copilot เข้ากับระบบ MB.OS ➡️ เริ่มใช้งานในรถรุ่น CLA ที่มาพร้อม MBUX รุ่นที่ 4 ฤดูร้อนนี้ ✅ Meetings for Teams รองรับการใช้กล้องในรถ ➡️ เปิดใช้งานเฉพาะในประเทศที่อนุญาตตามกฎหมาย ✅ ระบบตัดภาพวิดีโออัตโนมัติเมื่อกล้องทำงาน ➡️ เพื่อป้องกันการรบกวนสายตาขณะขับรถ ✅ แดชบอร์ดใหม่แสดง “Next Meetings” และรายชื่อผู้ติดต่อ ➡️ เพิ่มความสะดวกในการเข้าร่วมประชุมและสื่อสาร ✅ รองรับการตอบข้อความด้วยเสียงและเข้าร่วมประชุมจากปฏิทิน ➡️ ลดการแตะหน้าจอขณะขับรถ ✅ ผสาน Microsoft Intune เพื่อเข้าถึงข้อมูลองค์กรอย่างปลอดภัย ➡️ รองรับแอป MBUX Notes และ Calendar ✅ Microsoft 365 Copilot รองรับคำสั่งเสียง ➡️ เช่น สรุปอีเมล ดูงานที่ได้รับมอบหมาย และอื่น ๆ ‼️ การใช้กล้องในรถยังถูกจำกัดตามกฎหมายแต่ละประเทศ ⛔ อาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางพื้นที่ ‼️ ผู้ขับขี่ไม่สามารถดูสไลด์หรือหน้าจอแชร์ระหว่างประชุม ⛔ ระบบจะปิดภาพวิดีโอเพื่อความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ https://www.neowin.net/news/mercedes-benz-integrates-microsoft-teams-and-microsoft-365-copilot-for-in-car-productivity/
    WWW.NEOWIN.NET
    Mercedes-Benz integrates Microsoft Teams and Microsoft 365 Copilot for in-car productivity
    Mercedes-Benz is deepening its partnership with Microsoft to integrate enhanced productivity tools, including Microsoft Teams, into its vehicles.
    0 Comments 0 Shares 363 Views 0 Reviews
More Results