• ปากมันแผลบ!!! “ฮุน มาเนต” เสนอชื่อ “ทรัมป์” ชิงรางวัลโนเบลสันติภาพ! อ้างเหตุผลช่วยไกล่เกลี่ยหยุดยิงไทย-กัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/20842/
    .
    #ฮุนมาเนต #โดนัลด์ทรัมป์ #รางวัลโนเบล #สันติภาพ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไท
    ปากมันแผลบ!!! “ฮุน มาเนต” เสนอชื่อ “ทรัมป์” ชิงรางวัลโนเบลสันติภาพ! อ้างเหตุผลช่วยไกล่เกลี่ยหยุดยิงไทย-กัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/20842/ . #ฮุนมาเนต #โดนัลด์ทรัมป์ #รางวัลโนเบล #สันติภาพ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • ขายขำทั่วโลก "ฮุน มาเนต" นายกฯ กัมพูชาเสนอชื่อ "โดนัลด์ ทรัมป์" ให้เข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คนอ่านเพจ CNN สำนักข่าวดังขำกลิ้ง ถามจ่ายไปเท่าไหร่ ไปสัญญาอะไรไว้ ชี้ถ้าไม่ทำจะโดนรีดภาษี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000075372

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ขายขำทั่วโลก "ฮุน มาเนต" นายกฯ กัมพูชาเสนอชื่อ "โดนัลด์ ทรัมป์" ให้เข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คนอ่านเพจ CNN สำนักข่าวดังขำกลิ้ง ถามจ่ายไปเท่าไหร่ ไปสัญญาอะไรไว้ ชี้ถ้าไม่ทำจะโดนรีดภาษี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000075372 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • ระบุปัจจัยทั้งเรื่องความโหยหาในเกียรติยศชื่อเสียงระดับโลก, การตั้งตัวเป็นศัตรูกับโอบามายาวนาน, และการยั่วยุจากคนรอบข้าง อาจเป็นที่มาของความหมกมุ่นต้องการได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพของ โดนัลด์ ทรัมป์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073571

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ระบุปัจจัยทั้งเรื่องความโหยหาในเกียรติยศชื่อเสียงระดับโลก, การตั้งตัวเป็นศัตรูกับโอบามายาวนาน, และการยั่วยุจากคนรอบข้าง อาจเป็นที่มาของความหมกมุ่นต้องการได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพของ โดนัลด์ ทรัมป์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073571 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 687 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: GPU กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์การเงินที่ซื้อขายได้

    Startup ชื่อ OneChronos จับมือกับ Auctionomics บริษัทออกแบบตลาดที่ก่อตั้งโดย Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เพื่อสร้าง “ตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU” แห่งแรกของโลก โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้งานสามารถ “ล็อกราคา” และ “จัดการความเสี่ยง” ของการเข้าถึง GPU ได้เหมือนกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันหรือไฟฟ้า

    ในยุคที่ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว GPU กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด แต่กลับไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนหรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนได้เลย

    ตลาดใหม่นี้จะใช้ระบบ “การประมูลแบบอัจฉริยะ” เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ โดย Auctionomics จะช่วยออกแบบกลไกตลาดให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม

    OneChronos และ Auctionomics ร่วมกันสร้างตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU แห่งแรกของโลก
    ใช้ระบบประมูลอัจฉริยะเพื่อจัดสรรทรัพยากร GPU อย่างมีประสิทธิภาพ
    เปรียบเสมือน “ตลาดซื้อขายน้ำมัน” สำหรับโลก AI

    Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เป็นผู้ออกแบบกลไกตลาด
    เคยออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนโฉมวงการโทรคมนาคม
    ใช้ทฤษฎีเกมและคณิตศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม

    GPU ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์องค์กรที่ยังไม่มีการป้องกันความเสี่ยง” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    ไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยล็อกราคาหรือจัดการความเสี่ยง
    ต่างจากน้ำมันหรือไฟฟ้าที่มีตลาดซื้อขายล่วงหน้า

    ระบบจะเปิดให้ผู้ใช้งานเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ
    ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนล่วงหน้าและควบคุมต้นทุนได้
    ลดปัญหาการขาดแคลนและราคาผันผวนในช่วงที่มีความต้องการสูง

    ตลาดนี้จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมหลากหลาย เช่น ผู้ผลิตชิป, ผู้ให้บริการคลาวด์, นักลงทุนในศูนย์ข้อมูล
    ยิ่งมีผู้เข้าร่วมหลากหลาย ตลาดจะยิ่งมีความโปร่งใสและมีสภาพคล่องสูง
    ช่วยให้เกิดการค้นหาราคาที่แท้จริงของทรัพยากร GPU

    https://www.techspot.com/news/108879-startup-nobel-laureate-collaborate-create-gpu-financial-exchange.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: GPU กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์การเงินที่ซื้อขายได้ Startup ชื่อ OneChronos จับมือกับ Auctionomics บริษัทออกแบบตลาดที่ก่อตั้งโดย Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เพื่อสร้าง “ตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU” แห่งแรกของโลก โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้งานสามารถ “ล็อกราคา” และ “จัดการความเสี่ยง” ของการเข้าถึง GPU ได้เหมือนกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันหรือไฟฟ้า ในยุคที่ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว GPU กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด แต่กลับไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนหรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนได้เลย ตลาดใหม่นี้จะใช้ระบบ “การประมูลแบบอัจฉริยะ” เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ โดย Auctionomics จะช่วยออกแบบกลไกตลาดให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม ✅ OneChronos และ Auctionomics ร่วมกันสร้างตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU แห่งแรกของโลก ➡️ ใช้ระบบประมูลอัจฉริยะเพื่อจัดสรรทรัพยากร GPU อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เปรียบเสมือน “ตลาดซื้อขายน้ำมัน” สำหรับโลก AI ✅ Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เป็นผู้ออกแบบกลไกตลาด ➡️ เคยออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนโฉมวงการโทรคมนาคม ➡️ ใช้ทฤษฎีเกมและคณิตศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม ✅ GPU ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์องค์กรที่ยังไม่มีการป้องกันความเสี่ยง” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ➡️ ไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยล็อกราคาหรือจัดการความเสี่ยง ➡️ ต่างจากน้ำมันหรือไฟฟ้าที่มีตลาดซื้อขายล่วงหน้า ✅ ระบบจะเปิดให้ผู้ใช้งานเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ ➡️ ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนล่วงหน้าและควบคุมต้นทุนได้ ➡️ ลดปัญหาการขาดแคลนและราคาผันผวนในช่วงที่มีความต้องการสูง ✅ ตลาดนี้จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมหลากหลาย เช่น ผู้ผลิตชิป, ผู้ให้บริการคลาวด์, นักลงทุนในศูนย์ข้อมูล ➡️ ยิ่งมีผู้เข้าร่วมหลากหลาย ตลาดจะยิ่งมีความโปร่งใสและมีสภาพคล่องสูง ➡️ ช่วยให้เกิดการค้นหาราคาที่แท้จริงของทรัพยากร GPU https://www.techspot.com/news/108879-startup-nobel-laureate-collaborate-create-gpu-financial-exchange.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Startup and Nobel laureate collaborate to create GPU financial exchange
    The world of artificial intelligence is built on computing power, and at the heart of that engine are graphics processing units. These chips are in such high...
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • เนทันยาฮู นายกฯอิสราเอล เสนอชื่อทรัมป์เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

    เนทันยาฮู: ผมอยากแสดงให้เห็นจดหมายที่ผมส่งไปยังคณะกรรมการรางวัลโนเบลเพื่อเสนอชื่อท่านเข้าชิงรางวัลในสาขาสันติภาพ ซึ่งท่านสมควรได้รับเกียรตินี้อย่างยิ่ง

    ทรัมป์: ขอบคุณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจดหมายจากคุณ มันมีความหมายมาก
    เนทันยาฮู นายกฯอิสราเอล เสนอชื่อทรัมป์เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เนทันยาฮู: ผมอยากแสดงให้เห็นจดหมายที่ผมส่งไปยังคณะกรรมการรางวัลโนเบลเพื่อเสนอชื่อท่านเข้าชิงรางวัลในสาขาสันติภาพ ซึ่งท่านสมควรได้รับเกียรตินี้อย่างยิ่ง ทรัมป์: ขอบคุณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจดหมายจากคุณ มันมีความหมายมาก
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 0 Reviews
  • ทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ทั้งๆ ที่เพิ่งสั่งถล่มอิหร่าน ตัวเต็งจึงเป็นนายกฯแพทองธาร จากไทย เพราะนางอ้างว่าสยบสงครามด้วยการโทรศัพท์ ยอมโดนด่ามิให้เกิดสงคราม ถุยย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ทั้งๆ ที่เพิ่งสั่งถล่มอิหร่าน ตัวเต็งจึงเป็นนายกฯแพทองธาร จากไทย เพราะนางอ้างว่าสยบสงครามด้วยการโทรศัพท์ ยอมโดนด่ามิให้เกิดสงคราม ถุยย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • Trump ประกาศอิสราเอล-อิหร่านพร้อมสงบศึก

    “ขอแสดงความยินดีกับทุกคน! อิสราเอลและอิหร่านได้ตกลงกันอย่างสมบูรณ์ว่าจะมีการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์และเต็มรูปแบบ (ในอีกประมาณ 6 ชั่วโมงนับจากนี้ เมื่ออิสราเอลและอิหร่านได้ปิดฉากและจบภารกิจสุดท้ายที่กำลังดำเนินอยู่) เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ซึ่งจุดนั้นสงครามจะถือว่าสิ้นสุด!

    อย่างเป็นทางการ อิหร่านจะเริ่มหยุดยิงก่อน และเมื่อครบ 12 ชั่วโมง อิสราเอลจะเริ่มหยุดยิง และเมื่อครบ 24 ชั่วโมง การสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของ ‘สงคราม 12 วัน’ จะได้รับการยกย่องจากโลก ระหว่างการหยุดยิงแต่ละครั้ง อีกฝ่ายหนึ่งจะอยู่อย่างสงบและเคารพซึ่งกันและกัน

    หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ซึ่งมันจะเป็นแน่นอน ผมขอแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศ อิสราเอลและอิหร่าน ที่มีความอดทน ความกล้าหาญ และสติปัญญาในการยุติสิ่งที่ควรเรียกว่า ‘สงคราม 12 วัน’ นี่เป็นสงครามที่อาจดำเนินต่อไปเป็นปีๆ และทำลายล้างตะวันออกกลางทั้งหมด แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น และจะไม่เป็นอีกต่อไป!
    ขอพระเจ้าอวยพรอิสราเอล ขอพระเจ้าอวยพรอิหร่าน ขอพระเจ้าอวยพรตะวันออกกลาง ขอพระเจ้าอวยพรสหรัฐอเมริกา และขอพระเจ้าอวยพรโลก!

    Donald J. Trump
    ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา”​​​​​​​​​​​​​​​​
    มาทรงนี้รางวัลโนเบลสันติภาพปีนี้ ลูกพี่ Trump นี่นอนมาเลยครับ
    Trump ประกาศอิสราเอล-อิหร่านพร้อมสงบศึก “ขอแสดงความยินดีกับทุกคน! อิสราเอลและอิหร่านได้ตกลงกันอย่างสมบูรณ์ว่าจะมีการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์และเต็มรูปแบบ (ในอีกประมาณ 6 ชั่วโมงนับจากนี้ เมื่ออิสราเอลและอิหร่านได้ปิดฉากและจบภารกิจสุดท้ายที่กำลังดำเนินอยู่) เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ซึ่งจุดนั้นสงครามจะถือว่าสิ้นสุด! อย่างเป็นทางการ อิหร่านจะเริ่มหยุดยิงก่อน และเมื่อครบ 12 ชั่วโมง อิสราเอลจะเริ่มหยุดยิง และเมื่อครบ 24 ชั่วโมง การสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของ ‘สงคราม 12 วัน’ จะได้รับการยกย่องจากโลก ระหว่างการหยุดยิงแต่ละครั้ง อีกฝ่ายหนึ่งจะอยู่อย่างสงบและเคารพซึ่งกันและกัน หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ซึ่งมันจะเป็นแน่นอน ผมขอแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศ อิสราเอลและอิหร่าน ที่มีความอดทน ความกล้าหาญ และสติปัญญาในการยุติสิ่งที่ควรเรียกว่า ‘สงคราม 12 วัน’ นี่เป็นสงครามที่อาจดำเนินต่อไปเป็นปีๆ และทำลายล้างตะวันออกกลางทั้งหมด แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น และจะไม่เป็นอีกต่อไป! ขอพระเจ้าอวยพรอิสราเอล ขอพระเจ้าอวยพรอิหร่าน ขอพระเจ้าอวยพรตะวันออกกลาง ขอพระเจ้าอวยพรสหรัฐอเมริกา และขอพระเจ้าอวยพรโลก! Donald J. Trump ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา”​​​​​​​​​​​​​​​​ มาทรงนี้รางวัลโนเบลสันติภาพปีนี้ ลูกพี่ Trump นี่นอนมาเลยครับ
    0 Comments 0 Shares 367 Views 0 Reviews
  • ปากีสถานเปิดเผยว่าพวกเขาจะเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จากการช่วยเหลือคลี่คลายความขัดแย้งเมื่อเร็วๆนี้ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน รางวัลที่เขาเคยแสดงความปรารถนาอย่างที่สุด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000058535

    #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    ปากีสถานเปิดเผยว่าพวกเขาจะเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จากการช่วยเหลือคลี่คลายความขัดแย้งเมื่อเร็วๆนี้ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน รางวัลที่เขาเคยแสดงความปรารถนาอย่างที่สุด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000058535 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Haha
    Sad
    3
    1 Comments 0 Shares 874 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลปากีสถานได้ตัดสินใจเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2026 อย่างเป็นทางการ

    เพื่อเป็นการยกย่องการแทรกแซงทางการทูตที่เด็ดขาดและความเป็นผู้นำที่สำคัญของเขาในช่วงวิกฤตอินเดีย-ปากีสถานเมื่อไม่นานนี้
    รัฐบาลปากีสถานได้ตัดสินใจเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2026 อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการยกย่องการแทรกแซงทางการทูตที่เด็ดขาดและความเป็นผู้นำที่สำคัญของเขาในช่วงวิกฤตอินเดีย-ปากีสถานเมื่อไม่นานนี้
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna: ก้าวใหม่ของ AI และวิทยาศาสตร์
    กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศแผนสร้าง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Berkeley โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และ AI

    Doudna ได้รับการตั้งชื่อตาม Jennifer Doudna นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี CRISPR gene editing

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เข้าด้วยกัน โดยใช้ ซีพียู Arm-based และ ชิป Rubin AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการจำลองข้อมูล

    ข้อมูลจากข่าว
    - Doudna จะตั้งอยู่ที่ Lawrence Berkeley National Laboratory และเริ่มใช้งานในปี 2026
    - Dell Technologies ได้รับเลือกให้สร้างระบบนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    - ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์
    - Doudna จะเร็วกว่า Perlmutter ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นปัจจุบันกว่า 10 เท่า
    - ระบบนี้จะช่วยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนในการวิจัยด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและควอนตัมคอมพิวติ้ง

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้ AI ในการจำลองข้อมูลอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการคำนวณแบบดั้งเดิม
    - การเปลี่ยนจากซีพียู Intel และ AMD ไปใช้ Arm-based อาจมีผลต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องปรับตัว
    - ต้องติดตามว่าการรวม AI เข้ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะส่งผลต่อความแม่นยำของการจำลองข้อมูลอย่างไร
    - การลงทุนในระบบนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในอนาคต

    Doudna เป็นตัวอย่างของการผสานรวม AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากระบบนี้สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง

    https://www.techspot.com/news/108119-energy-department-doudna-supercomputer-signals-new-era-ai.html
    🚀 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna: ก้าวใหม่ของ AI และวิทยาศาสตร์ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศแผนสร้าง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Berkeley โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และ AI Doudna ได้รับการตั้งชื่อตาม Jennifer Doudna นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี CRISPR gene editing ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เข้าด้วยกัน โดยใช้ ซีพียู Arm-based และ ชิป Rubin AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการจำลองข้อมูล ✅ ข้อมูลจากข่าว - Doudna จะตั้งอยู่ที่ Lawrence Berkeley National Laboratory และเริ่มใช้งานในปี 2026 - Dell Technologies ได้รับเลือกให้สร้างระบบนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์ - ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ - Doudna จะเร็วกว่า Perlmutter ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นปัจจุบันกว่า 10 เท่า - ระบบนี้จะช่วยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนในการวิจัยด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและควอนตัมคอมพิวติ้ง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้ AI ในการจำลองข้อมูลอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการคำนวณแบบดั้งเดิม - การเปลี่ยนจากซีพียู Intel และ AMD ไปใช้ Arm-based อาจมีผลต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องปรับตัว - ต้องติดตามว่าการรวม AI เข้ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะส่งผลต่อความแม่นยำของการจำลองข้อมูลอย่างไร - การลงทุนในระบบนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในอนาคต Doudna เป็นตัวอย่างของการผสานรวม AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากระบบนี้สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง https://www.techspot.com/news/108119-energy-department-doudna-supercomputer-signals-new-era-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Dell, Nvidia, and Department of Energy join forces on "Doudna" supercomputer for science and AI
    The advanced system, to be housed at Lawrence Berkeley National Laboratory and scheduled to become operational in 2026, will be named "Doudna" in honor of Nobel laureate...
    0 Comments 0 Shares 262 Views 0 Reviews
  • อดีตอธิการบดี มธ. ชู 'อานนท์ นำภา' ควรเป็นคนไทยคนแรกถูกเสนอชื่อรับรางวัลโนเบล
    https://www.thai-tai.tv/news/19044/
    อดีตอธิการบดี มธ. ชู 'อานนท์ นำภา' ควรเป็นคนไทยคนแรกถูกเสนอชื่อรับรางวัลโนเบล https://www.thai-tai.tv/news/19044/
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล
    .
    คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี
    .
    พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม
    .
    โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม?
    .
    ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง?
    .
    แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา)
    .
    โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา...
    .
    มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน
    .
    - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น
    - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง
    .
    - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ
    - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า
    .
    อธิบายสักรอบ..
    .
    เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป..
    .
    ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้
    .
    ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง
    .
    นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น
    .
    พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้
    .
    ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย
    .
    ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม
    .
    ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้
    .
    ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด
    .
    ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล . คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี . พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม . โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม? . ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง? . แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา) . โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา... . มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน . - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง . - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า . อธิบายสักรอบ.. . เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป.. . ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้ . ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง . นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น . พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้ . ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย . ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม . ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้ . ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด . ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้ . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    0 Comments 0 Shares 787 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Keio ในญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการใช้เซลล์ต้นกำเนิดแบบ Pluripotent (iPS) เพื่อช่วยฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวบางส่วนในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บไขสันหลัง การทดลองครั้งแรกนี้นำไปใช้กับผู้ป่วย 4 คน โดยในจำนวนนี้ 2 คนมีการฟื้นฟูบางส่วน เช่น การสามารถยืนด้วยตัวช่วยพยุง ซึ่งถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่น่าชื่นชม แม้จะยังไม่ได้ผลเต็มที่สำหรับทุกคน

    เบื้องหลังเทคโนโลยี:
    - เซลล์ต้นกำเนิด iPS นี้ถูกค้นพบโดย Shinya Yamanaka ในปี 2006 และทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลจากความสามารถในการรีโปรแกรมเซลล์ผู้ใหญ่กลับสู่สถานะเซลล์ต้นกำเนิด ช่วยในการสร้างเซลล์ประสาทใหม่จำนวนมาก.

    ผลการทดลองแรก:
    - ผู้ป่วยที่เข้าร่วมได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด iPS พร้อมยากดภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการปฏิเสธ แม้ 2 คนยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ทุกคนไม่ได้รับผลข้างเคียงหรือการเติบโตผิดปกติในเซลล์.

    ผลกระทบเชิงศักยภาพ:
    - ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยไขสันหลังบาดเจ็บราว 100,000 ราย ซึ่งปัจจุบันการบำบัดยังให้ผลที่จำกัด (เพียง 10-12% ฟื้นฟูบางส่วน) เทคโนโลยีนี้อาจช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ได้อย่างชัดเจนในอนาคต.

    ทิศทางการวิจัยในอนาคต:
    - ทีมนักวิจัยวางแผนทำการทดลองขนาดใหญ่ในอนาคต ร่วมมือกับบริษัท K Pharma ที่ก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัย Keio เพื่อพัฒนาวิธีการรักษาให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

    https://www.techspot.com/news/107317-pluripotent-stem-cells-aid-partial-motor-recovery-spinal.html
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Keio ในญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการใช้เซลล์ต้นกำเนิดแบบ Pluripotent (iPS) เพื่อช่วยฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวบางส่วนในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บไขสันหลัง การทดลองครั้งแรกนี้นำไปใช้กับผู้ป่วย 4 คน โดยในจำนวนนี้ 2 คนมีการฟื้นฟูบางส่วน เช่น การสามารถยืนด้วยตัวช่วยพยุง ซึ่งถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่น่าชื่นชม แม้จะยังไม่ได้ผลเต็มที่สำหรับทุกคน เบื้องหลังเทคโนโลยี: - เซลล์ต้นกำเนิด iPS นี้ถูกค้นพบโดย Shinya Yamanaka ในปี 2006 และทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลจากความสามารถในการรีโปรแกรมเซลล์ผู้ใหญ่กลับสู่สถานะเซลล์ต้นกำเนิด ช่วยในการสร้างเซลล์ประสาทใหม่จำนวนมาก. ผลการทดลองแรก: - ผู้ป่วยที่เข้าร่วมได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด iPS พร้อมยากดภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการปฏิเสธ แม้ 2 คนยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ทุกคนไม่ได้รับผลข้างเคียงหรือการเติบโตผิดปกติในเซลล์. ผลกระทบเชิงศักยภาพ: - ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยไขสันหลังบาดเจ็บราว 100,000 ราย ซึ่งปัจจุบันการบำบัดยังให้ผลที่จำกัด (เพียง 10-12% ฟื้นฟูบางส่วน) เทคโนโลยีนี้อาจช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ได้อย่างชัดเจนในอนาคต. ทิศทางการวิจัยในอนาคต: - ทีมนักวิจัยวางแผนทำการทดลองขนาดใหญ่ในอนาคต ร่วมมือกับบริษัท K Pharma ที่ก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัย Keio เพื่อพัฒนาวิธีการรักษาให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น. https://www.techspot.com/news/107317-pluripotent-stem-cells-aid-partial-motor-recovery-spinal.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Pluripotent stem cells aid partial motor recovery in spinal cord injury patients
    Researchers at Keio University have begun using induced pluripotent stem cells (iPS) to treat and maybe even cure severe spinal cord injuries. The iPS technology was first...
    0 Comments 0 Shares 414 Views 0 Reviews
  • ชะตากรรมประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้1. อี ซึง-มัน (อักษรโรมัน: Yi Seung-man แต่เจ้าของชื่อเลือกสะกดเป็นอักษรโรมันว่า Syngman Rhee) (1948–1960) – ถูกโค่นล้ม2. ยุน โบซอน (1960–1962) – ถูกโค่นล้ม3. ปาร์ค จุงฮี (ค.ศ. 1962–1979) – ถูกลอบสังหาร4. ชเว กิวฮา (ค.ศ. 1979–1980) ถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยการรัฐประหาร5. ชุน ดูฮวาน (พ.ศ. 2524–2531) – ถูกตัดสินประหารชีวิตหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี6. โร แทวู (พ.ศ. 2531–2536) – ถูกตัดสินจำคุก 22 ปีหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี7. คิม ยองซัม (1993–1998) – ถูกจำคุกระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 3 ในฐานะประธานาธิบดี เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานลหุโทษต่ออดีตประธานาธิบดี 2 คน8. คิม แดจุง (1998–2003) – ถูกจำคุกภายใต้ประธานาธิบดีหมายเลข 3 และถูกตัดสินประหารชีวิตภายใต้ประธานาธิบดีหมายเลข 5 (ต่อมาได้รับการอภัยโทษ) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ9. โรห์ มูฮยอน (2003–2008) – ถูกถอดถอน (ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญพลิกคำตัดสิน) ถูกสอบสวนเรื่องทุจริตหลังจากดำรงตำแหน่งและฆ่าตัวตาย10. อี มยองบัค (2008–2013) – ถูกจับกุมในข้อหาทุจริตหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี11. ปาร์ค กึนเฮ (2013–2016) – ถูกฟ้องร้องและจับกุมในข้อหาทุจริต ถูกตัดสินจำคุก 24 ปี12. มุน แจอิน – ประธานาธิบดีคนล่าสุด ไม่ถูกจำคุก13. ยุน ซอก ยอล – มีแนวโน้มจะถูกถอดถอน Presidents of South Korea1. Syngman Rhee (1948–1960) – Overthrown. 2. Yun Bo-seon (1960–1962) – Overthrown. 3. Park Chung-hee (1962–1979) – Assassinated. 4. Choi Kyu-hah (1979–1980) – Removed by a military coup. 5. Chun Doo-hwan (1981–1988) – Sentenced to death after his presidency. 6. Roh Tae-woo (1988–1993) – Sentenced to 22 years in prison after his presidency. 7. Kim Young-sam (1993–1998) – Imprisoned during the term of President No. 3. As president, secured convictions against two of his predecessors. 8. Kim Dae-jung (1998–2003) – Imprisoned under President No. 3 and sentenced to death under President No. 5 (later pardoned). Nobel Peace Prize laureate. 9. Roh Moo-hyun (2003–2008) – Impeached (later overturned by the Constitutional Court). Investigated for corruption after his term and committed suicide. 10. Lee Myung-bak (2008–2013) – Arrested for corruption after his presidency; sentenced to 15 years in prison. 11. Park Geun-hye (2013–2016) – Impeached and arrested for corruption; sentenced to 24 years in prison. 12. Moon Jae-in – Recent president; no imprisonment. 13. Yoon Suk Yeol – Impeachment likely.: Yoon Suk Yeol
    ชะตากรรมประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้1. อี ซึง-มัน (อักษรโรมัน: Yi Seung-man แต่เจ้าของชื่อเลือกสะกดเป็นอักษรโรมันว่า Syngman Rhee) (1948–1960) – ถูกโค่นล้ม2. ยุน โบซอน (1960–1962) – ถูกโค่นล้ม3. ปาร์ค จุงฮี (ค.ศ. 1962–1979) – ถูกลอบสังหาร4. ชเว กิวฮา (ค.ศ. 1979–1980) ถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยการรัฐประหาร5. ชุน ดูฮวาน (พ.ศ. 2524–2531) – ถูกตัดสินประหารชีวิตหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี6. โร แทวู (พ.ศ. 2531–2536) – ถูกตัดสินจำคุก 22 ปีหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี7. คิม ยองซัม (1993–1998) – ถูกจำคุกระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 3 ในฐานะประธานาธิบดี เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานลหุโทษต่ออดีตประธานาธิบดี 2 คน8. คิม แดจุง (1998–2003) – ถูกจำคุกภายใต้ประธานาธิบดีหมายเลข 3 และถูกตัดสินประหารชีวิตภายใต้ประธานาธิบดีหมายเลข 5 (ต่อมาได้รับการอภัยโทษ) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ9. โรห์ มูฮยอน (2003–2008) – ถูกถอดถอน (ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญพลิกคำตัดสิน) ถูกสอบสวนเรื่องทุจริตหลังจากดำรงตำแหน่งและฆ่าตัวตาย10. อี มยองบัค (2008–2013) – ถูกจับกุมในข้อหาทุจริตหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี11. ปาร์ค กึนเฮ (2013–2016) – ถูกฟ้องร้องและจับกุมในข้อหาทุจริต ถูกตัดสินจำคุก 24 ปี12. มุน แจอิน – ประธานาธิบดีคนล่าสุด ไม่ถูกจำคุก13. ยุน ซอก ยอล – มีแนวโน้มจะถูกถอดถอน🇰🇷 Presidents of South Korea1. Syngman Rhee (1948–1960) – Overthrown. 2. Yun Bo-seon (1960–1962) – Overthrown. 3. Park Chung-hee (1962–1979) – Assassinated. 4. Choi Kyu-hah (1979–1980) – Removed by a military coup. 5. Chun Doo-hwan (1981–1988) – Sentenced to death after his presidency. 6. Roh Tae-woo (1988–1993) – Sentenced to 22 years in prison after his presidency. 7. Kim Young-sam (1993–1998) – Imprisoned during the term of President No. 3. As president, secured convictions against two of his predecessors. 8. Kim Dae-jung (1998–2003) – Imprisoned under President No. 3 and sentenced to death under President No. 5 (later pardoned). Nobel Peace Prize laureate. 9. Roh Moo-hyun (2003–2008) – Impeached (later overturned by the Constitutional Court). Investigated for corruption after his term and committed suicide. 10. Lee Myung-bak (2008–2013) – Arrested for corruption after his presidency; sentenced to 15 years in prison. 11. Park Geun-hye (2013–2016) – Impeached and arrested for corruption; sentenced to 24 years in prison. 12. Moon Jae-in – Recent president; no imprisonment. 13. Yoon Suk Yeol – Impeachment likely.📸: Yoon Suk Yeol
    0 Comments 0 Shares 381 Views 0 Reviews
  • ฮัน คัง/Han Kang นักเขียนสตรีชาวเกาหลีใต้ อายุ 53 ปี กับรางวัลโนเบลคนล่าสุดปีนี้ 2024 ในสาขาวรรณกรรม ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง
    ฮัน คัง/Han Kang นักเขียนสตรีชาวเกาหลีใต้ อายุ 53 ปี กับรางวัลโนเบลคนล่าสุดปีนี้ 2024 ในสาขาวรรณกรรม ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง
    0 Comments 0 Shares 181 Views 67 0 Reviews
  • บรรดาแกนนำกลุ่มผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณู ที่เพิ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ กล่าวเตือนว่าความเสี่ยงของสงครามนิวเคลียร์กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมส่งเสียงเรียกร้องอีกรอบให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์
    .
    "สถานการณ์ระหว่างประเทศกำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง และประเทศต่างๆที่กำลังทำสงครามกันในตอนนี้ ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์" จากคำกล่าวของ ชิเกมัตซุ ทานากะ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุสหรัฐฯทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มนางาซากิเมื่อปี 1945 และหัวหน้ากลุ่มนิฮอน ฮิดันเคียว (Nihon Hidankyo) ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวรากหญ้าของเหยื่อที่รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ กลุ่มซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีล่าสุด
    .
    "ผมหวั่นกลัวว่าเราในฐานะมนุษยชาติ กำลังอยู่บนเส้นทางของการทำลายล้างตนเอง หนทางเดียวที่จะหยุดยั้งสิ่งนั้นก็คือกำจัดนิวเคลียร์"
    .
    ในการมอบรางวัลแก่พวกผู้รอดชีวิต ทางคณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ เน้นย้ำถึงความเลวร้ายของระเบิดปรมาณูที่ทำลายล้างฮิโรชิมาและนางาซากิ และยกย่องการทำงานของกลุ่มนิฮอน ฮิดันเคีย องค์กรญี่ปุ่น ที่ทำงานมานานหลายทศวรรษ ในความพยายามกำจัดโลกแห่งอาวุธนิวเคลียร์
    .
    คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ ระบุด้วยว่าความพยายามของกลุ่มนิฮอน ฮิดันเคีย มีความสำคัญยิ่งกับโลกทุกวันนี้ ไม่ใช่กับประเทศหนึ่งประเทศใดโดยเฉพาะ
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ส่งสัญญาณเมื่อเดือนที่แล้ว ว่ามอสโกจะพิจารณาตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์หากว่าสหรัฐฯและพันธมิตร ไฟเขียวให้ยูคเรนโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกมอบใหม่
    .
    ขณะเดียวกันในอีกความขัดแย้งหนึ่งในตะวันออกกลาง อิหร่าน ก็ประกาศกร้าวว่าพร้อมอย่างเต็มกำลังในการปกป้องตัวเองและแก้แค้นอย่างทัดเทียมต่อความเป็นไปได้ใดๆ ที่อิสราเอลจะลงมือโจมตี ในนั้นรวมถึงที่ตั้งทางน้ำมันและนิวเคลียร์ของเตหะราน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000097939
    ..............
    Sondhi X
    บรรดาแกนนำกลุ่มผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณู ที่เพิ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ กล่าวเตือนว่าความเสี่ยงของสงครามนิวเคลียร์กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมส่งเสียงเรียกร้องอีกรอบให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์ . "สถานการณ์ระหว่างประเทศกำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง และประเทศต่างๆที่กำลังทำสงครามกันในตอนนี้ ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์" จากคำกล่าวของ ชิเกมัตซุ ทานากะ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุสหรัฐฯทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มนางาซากิเมื่อปี 1945 และหัวหน้ากลุ่มนิฮอน ฮิดันเคียว (Nihon Hidankyo) ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวรากหญ้าของเหยื่อที่รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ กลุ่มซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีล่าสุด . "ผมหวั่นกลัวว่าเราในฐานะมนุษยชาติ กำลังอยู่บนเส้นทางของการทำลายล้างตนเอง หนทางเดียวที่จะหยุดยั้งสิ่งนั้นก็คือกำจัดนิวเคลียร์" . ในการมอบรางวัลแก่พวกผู้รอดชีวิต ทางคณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ เน้นย้ำถึงความเลวร้ายของระเบิดปรมาณูที่ทำลายล้างฮิโรชิมาและนางาซากิ และยกย่องการทำงานของกลุ่มนิฮอน ฮิดันเคีย องค์กรญี่ปุ่น ที่ทำงานมานานหลายทศวรรษ ในความพยายามกำจัดโลกแห่งอาวุธนิวเคลียร์ . คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ ระบุด้วยว่าความพยายามของกลุ่มนิฮอน ฮิดันเคีย มีความสำคัญยิ่งกับโลกทุกวันนี้ ไม่ใช่กับประเทศหนึ่งประเทศใดโดยเฉพาะ . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ส่งสัญญาณเมื่อเดือนที่แล้ว ว่ามอสโกจะพิจารณาตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์หากว่าสหรัฐฯและพันธมิตร ไฟเขียวให้ยูคเรนโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกมอบใหม่ . ขณะเดียวกันในอีกความขัดแย้งหนึ่งในตะวันออกกลาง อิหร่าน ก็ประกาศกร้าวว่าพร้อมอย่างเต็มกำลังในการปกป้องตัวเองและแก้แค้นอย่างทัดเทียมต่อความเป็นไปได้ใดๆ ที่อิสราเอลจะลงมือโจมตี ในนั้นรวมถึงที่ตั้งทางน้ำมันและนิวเคลียร์ของเตหะราน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000097939 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Yay
    Angry
    11
    0 Comments 0 Shares 1416 Views 0 Reviews
  • "น้ำที่เข้าสู่ร่างกายกำหนดอายุขัยมนุษย์ได้"
    ผู้เขียน : ดร. เอฟ. แบทแมน

    ดร. แบทแมนเป็นลูกศิษย์ของอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง ผู้ค้นพบเพนนิซิลินและผู้ได้รับรางวัลโนเบล เขาอุทิศชีวิตให้กับการศึกษาผลการบำบัดของน้ำ

    น้ำเพียงสองแก้วสามารถบรรเทาอาการปวดท้องรุนแรงที่เกิดจากแผลในกระเพาะอาหารได้
    เขารักษาคนไข้มากกว่า 3,000 คนด้วยน้ำโดยไม่ต้องใช้ยา

    1. เขาพบว่าน้ำสามารถรักษา:
    1.1 โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง:
    เพราะน้ำสามารถเจือจางเลือดและป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    1.2 โรคกระดูกพรุน:
    เพราะน้ำสามารถทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นในระหว่างการเจริญเติบโต
    1.3 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง:
    เพราะน้ำสามารถขนส่งออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ได้ และเซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ที่ไม่ใช้ออกซิเจน
    1.4 ความดันโลหิตสูง:
    เพราะน้ำเป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติที่ดีที่สุด
    1.5 โรคเบาหวาน:
    เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณทริปโตเฟนในร่างกายได้
    1.6 นอนไม่หลับ:
    เพราะน้ำสามารถผลิตสารควบคุมการนอนหลับตามธรรมชาติได้ - เมลาโทนิน
    1.7 ภาวะซึมเศร้า:
    เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณเซโรโทนินในร่างกายได้ตามธรรมชาติ

    2. บทนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำ :
    2.1 ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์ 2 ถึง 3 ลิตรต่อวัน ดื่มหลังตื่นนอน 1-2 แก้ว และจิบทุกๆ ครึ่งชั่วโมงตลอดวัน(จะไม่ทำให้ฉี่บ่อย) อย่ารอจนกระหายน้ำจึงจะดื่มน้ำ
    2.1.1 พยายามดื่มน้ำบริสุทธิ์แทนน้ำอัดลมและกาแฟ
    2.1.2 คนสมัยใหม่ รวมถึงแพทย์ส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของน้ำในร่างกายมนุษย์
    2.1.3 ยาสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการแก่ชราได้
    2.1.4 เราจะรู้ทันทีว่าสาเหตุของโรคต่างๆ มากมายก็คือการขาดน้ำ
    2.1.5 การขาดน้ำในร่างกายทำให้เกิดความผิดปกติของการเผาผลาญน้ำ และความผิดปกติทางสรีรวิทยาในที่สุดก็นำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ มากมาย

    2.2 น้ำเป็นแหล่งที่มาของชีวิต :
    เหตุผลที่มนุษย์สามารถเติบโตบนบกได้ก็เพราะว่าร่างกายมีระบบกักเก็บน้ำที่สมบูรณ์
    2.2.1 ระบบนี้กักเก็บน้ำไว้ในร่างกายมนุษย์เป็นจำนวนมาก คิดเป็นประมาณ 75% ของน้ำหนักตัว 2.2.2 ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงปรับตัวให้เข้ากับภาวะขาดแคลนน้ำชั่วคราวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
    2.2.3 ในขณะเดียวกัน ร่างกายของมนุษย์ยังมีกลไกการจัดการภาวะขาดน้ำแคลนในร่างกายอีกด้วย เมื่อร่างกายมนุษย์ขาดน้ำ น้ำที่กักเก็บไว้ในร่างกายจะถูกกระจายอย่างเข้มงวด และอวัยวะที่สำคัญที่สุดจะได้รับน้ำและสารอาหารที่ขนส่งทางน้ำในปริมาณที่เพียงพอก่อน
    2.2.4 ในการกระจายน้ำ สมองจะได้รับความสำคัญสูงสุด
    2.2.5 สมองคิดเป็น 1/50 ของน้ำหนักร่างกายมนุษย์ แต่ได้รับการไหลเวียนของเลือดทั้งหมด 18%-20% และมีสัดส่วนของน้ำเท่ากัน
    2.2.6 เมื่อร่างกายขาดน้ำ กลไกการจัดการภาวะขาดแคลนน้ำในร่างกาย จะให้ความสำคัญกับ อวัยวะที่สำคัญก่อน ดังนั้นอวัยวะอื่นๆ จะได้รับน้ำไม่เพียงพอ
    2.2.7 ในเวลานี้ พวกมันจะส่งสัญญาณเตือน ซึ่งบ่งชี้ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งขาดน้ำ

    3. ผู้เขียนเป็นแพทย์มาหลายปี และมักพบสถานการณ์นี้บ่อยครั้ง:
    เป็นสัญญาณจากร่างกายอย่างชัดเจนว่าน้ำกำลังขาดแคลนและจำเป็นต้องเติมน้ำอย่างเร่งด่วน แต่ผู้คนใช้ยาเคมีเพื่อจัดการกับสัญญาณการขาดแคลนน้ำเหล่านี้
    น่าเสียดายที่ความผิดพลาดนี้จะยังคงดำเนินต่อไป อาการของร่างกายจะค่อยๆ พัฒนาขึ้น และภาวะขาดน้ำจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
    3.1  อย่าดื่มน้ำแข็งเปล่า (น้ำผสมน้ำแข็ง หรือน้ำแช่เย็น)
    ผู้คนเทน้ำ 0℃ ลงในกระเพาะที่อุณหภูมิ 37℃ แต่ปัสสาวะกลับร้อน ซึ่งก็คืออุณหภูมิของร่างกายที่ 37℃
    3.2 อะไรเปลี่ยนน้ำที่เย็น 0℃ ให้เป็นปัสสาวะที่อุณหภูมิ 37℃ เขาคือม้ามและกระเพาะ
    เมื่อม้ามและกระเพาะอาหารไม่สามารถทนรับเครื่องดื่มที่เย็นขนาดนั้นได้ พวกเขาจะดึงเอาสิ่งสำคัญ (พลังชีวิต) จาก "ไต" แล้วนำมาแปลงเป็นพลังงานความร้อนเพื่อปรุง ให้ร่างกายกลับมาที่อุณหภูมิ 37℃ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สกัดออกมาจากไตจะทำให้ไตของคุณอ่อนแอ

    4. หากคุณชอบดื่มน้ำเย็น ไตของคุณจะอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลต่อความจำของคุณ ทำให้คุณต้องนั่งรถเข็นเมื่อแก่ชรา และทำลายกระดูกของคุณ...

    ※อุณหภูมิที่ส่งเข้าสู่ร่างกายจะกำหนดอายุขัยของคุณ

    Cr : บทความภาษาอังกฤษ
    จาก ห้อง TRAFS Chat Room
    บันทึกโดย taew lalida
    - อนามัย อภัยโส แปล
    "น้ำที่เข้าสู่ร่างกายกำหนดอายุขัยมนุษย์ได้" ผู้เขียน : ดร. เอฟ. แบทแมน ดร. แบทแมนเป็นลูกศิษย์ของอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง ผู้ค้นพบเพนนิซิลินและผู้ได้รับรางวัลโนเบล เขาอุทิศชีวิตให้กับการศึกษาผลการบำบัดของน้ำ น้ำเพียงสองแก้วสามารถบรรเทาอาการปวดท้องรุนแรงที่เกิดจากแผลในกระเพาะอาหารได้ เขารักษาคนไข้มากกว่า 3,000 คนด้วยน้ำโดยไม่ต้องใช้ยา 1. เขาพบว่าน้ำสามารถรักษา: 1.1 โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง: เพราะน้ำสามารถเจือจางเลือดและป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1.2 โรคกระดูกพรุน: เพราะน้ำสามารถทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นในระหว่างการเจริญเติบโต 1.3 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง: เพราะน้ำสามารถขนส่งออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ได้ และเซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ที่ไม่ใช้ออกซิเจน 1.4 ความดันโลหิตสูง: เพราะน้ำเป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติที่ดีที่สุด 1.5 โรคเบาหวาน: เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณทริปโตเฟนในร่างกายได้ 1.6 นอนไม่หลับ: เพราะน้ำสามารถผลิตสารควบคุมการนอนหลับตามธรรมชาติได้ - เมลาโทนิน 1.7 ภาวะซึมเศร้า: เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณเซโรโทนินในร่างกายได้ตามธรรมชาติ 2. บทนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำ : 2.1 ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์ 2 ถึง 3 ลิตรต่อวัน ดื่มหลังตื่นนอน 1-2 แก้ว และจิบทุกๆ ครึ่งชั่วโมงตลอดวัน(จะไม่ทำให้ฉี่บ่อย) อย่ารอจนกระหายน้ำจึงจะดื่มน้ำ 2.1.1 พยายามดื่มน้ำบริสุทธิ์แทนน้ำอัดลมและกาแฟ 2.1.2 คนสมัยใหม่ รวมถึงแพทย์ส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของน้ำในร่างกายมนุษย์ 2.1.3 ยาสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการแก่ชราได้ 2.1.4 เราจะรู้ทันทีว่าสาเหตุของโรคต่างๆ มากมายก็คือการขาดน้ำ 2.1.5 การขาดน้ำในร่างกายทำให้เกิดความผิดปกติของการเผาผลาญน้ำ และความผิดปกติทางสรีรวิทยาในที่สุดก็นำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ มากมาย 2.2 น้ำเป็นแหล่งที่มาของชีวิต : เหตุผลที่มนุษย์สามารถเติบโตบนบกได้ก็เพราะว่าร่างกายมีระบบกักเก็บน้ำที่สมบูรณ์ 2.2.1 ระบบนี้กักเก็บน้ำไว้ในร่างกายมนุษย์เป็นจำนวนมาก คิดเป็นประมาณ 75% ของน้ำหนักตัว 2.2.2 ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงปรับตัวให้เข้ากับภาวะขาดแคลนน้ำชั่วคราวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ 2.2.3 ในขณะเดียวกัน ร่างกายของมนุษย์ยังมีกลไกการจัดการภาวะขาดน้ำแคลนในร่างกายอีกด้วย เมื่อร่างกายมนุษย์ขาดน้ำ น้ำที่กักเก็บไว้ในร่างกายจะถูกกระจายอย่างเข้มงวด และอวัยวะที่สำคัญที่สุดจะได้รับน้ำและสารอาหารที่ขนส่งทางน้ำในปริมาณที่เพียงพอก่อน 2.2.4 ในการกระจายน้ำ สมองจะได้รับความสำคัญสูงสุด 2.2.5 สมองคิดเป็น 1/50 ของน้ำหนักร่างกายมนุษย์ แต่ได้รับการไหลเวียนของเลือดทั้งหมด 18%-20% และมีสัดส่วนของน้ำเท่ากัน 2.2.6 เมื่อร่างกายขาดน้ำ กลไกการจัดการภาวะขาดแคลนน้ำในร่างกาย จะให้ความสำคัญกับ อวัยวะที่สำคัญก่อน ดังนั้นอวัยวะอื่นๆ จะได้รับน้ำไม่เพียงพอ 2.2.7 ในเวลานี้ พวกมันจะส่งสัญญาณเตือน ซึ่งบ่งชี้ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งขาดน้ำ 3. ผู้เขียนเป็นแพทย์มาหลายปี และมักพบสถานการณ์นี้บ่อยครั้ง: เป็นสัญญาณจากร่างกายอย่างชัดเจนว่าน้ำกำลังขาดแคลนและจำเป็นต้องเติมน้ำอย่างเร่งด่วน แต่ผู้คนใช้ยาเคมีเพื่อจัดการกับสัญญาณการขาดแคลนน้ำเหล่านี้ น่าเสียดายที่ความผิดพลาดนี้จะยังคงดำเนินต่อไป อาการของร่างกายจะค่อยๆ พัฒนาขึ้น และภาวะขาดน้ำจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ 3.1  อย่าดื่มน้ำแข็งเปล่า (น้ำผสมน้ำแข็ง หรือน้ำแช่เย็น) ผู้คนเทน้ำ 0℃ ลงในกระเพาะที่อุณหภูมิ 37℃ แต่ปัสสาวะกลับร้อน ซึ่งก็คืออุณหภูมิของร่างกายที่ 37℃ 3.2 อะไรเปลี่ยนน้ำที่เย็น 0℃ ให้เป็นปัสสาวะที่อุณหภูมิ 37℃ เขาคือม้ามและกระเพาะ เมื่อม้ามและกระเพาะอาหารไม่สามารถทนรับเครื่องดื่มที่เย็นขนาดนั้นได้ พวกเขาจะดึงเอาสิ่งสำคัญ (พลังชีวิต) จาก "ไต" แล้วนำมาแปลงเป็นพลังงานความร้อนเพื่อปรุง ให้ร่างกายกลับมาที่อุณหภูมิ 37℃ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สกัดออกมาจากไตจะทำให้ไตของคุณอ่อนแอ 4. หากคุณชอบดื่มน้ำเย็น ไตของคุณจะอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลต่อความจำของคุณ ทำให้คุณต้องนั่งรถเข็นเมื่อแก่ชรา และทำลายกระดูกของคุณ... ※อุณหภูมิที่ส่งเข้าสู่ร่างกายจะกำหนดอายุขัยของคุณ Cr : บทความภาษาอังกฤษ จาก ห้อง TRAFS Chat Room บันทึกโดย taew lalida - อนามัย อภัยโส แปล
    0 Comments 0 Shares 845 Views 0 Reviews
  • “บิดาแห่งปัญญาประดิษฐ์” ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ แต่เขาเกรงว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ชาติ “เจฟฟรีย์ ฮินตัน” เตือนว่า “เอไอ” อาจเข้ามาควบคุมพวกเราทั้งหมดในท้ายที่สุด

    การประกาศผลรางวัลโนเบล ได้มีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ได้มอบให้กับ ‘จอห์น ฮอปฟิลด์’ (John Hopfield) และ ‘เจฟฟรีย์ ฮินตัน’ (Geoffrey Hinton) ในฐานะที่เป็นผู้ค้นพบการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine learning) ซึ่งทำให้เอไอในปัจจุบันเกิดขึ้นได้

    “งานของพวกเขามีความสำคัญในการวางรากฐานสำหรับสิ่งที่เราพบเห็นในปัจจุบันว่าเป็นปัญญาประดิษฐ์” มาร์ก เพียร์ซ (Mark Pearce) สมาชิกคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ กล่าวกับซีเอ็นเอ็น

    อย่างไรก็ตาม บิดาแห่งปัญญาประดิษฐ์เตือนว่าสิ่งนี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของมนุษย์ และนำไปสู่ ‘วันสิ้นโลก’ เนื่องจากเครื่องจักรเหล่านั้นกำลังเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่การโกหกไปจนถึงการฉ้อโกง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายอยางมากต่อความปลอดภัยของมนุษย์

    https://ngthai.com/science/74523/geoffrey-hinton-nobel-prize-ai/

    #Thaitimes
    “บิดาแห่งปัญญาประดิษฐ์” ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ แต่เขาเกรงว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ชาติ “เจฟฟรีย์ ฮินตัน” เตือนว่า “เอไอ” อาจเข้ามาควบคุมพวกเราทั้งหมดในท้ายที่สุด การประกาศผลรางวัลโนเบล ได้มีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ได้มอบให้กับ ‘จอห์น ฮอปฟิลด์’ (John Hopfield) และ ‘เจฟฟรีย์ ฮินตัน’ (Geoffrey Hinton) ในฐานะที่เป็นผู้ค้นพบการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine learning) ซึ่งทำให้เอไอในปัจจุบันเกิดขึ้นได้ “งานของพวกเขามีความสำคัญในการวางรากฐานสำหรับสิ่งที่เราพบเห็นในปัจจุบันว่าเป็นปัญญาประดิษฐ์” มาร์ก เพียร์ซ (Mark Pearce) สมาชิกคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ กล่าวกับซีเอ็นเอ็น อย่างไรก็ตาม บิดาแห่งปัญญาประดิษฐ์เตือนว่าสิ่งนี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของมนุษย์ และนำไปสู่ ‘วันสิ้นโลก’ เนื่องจากเครื่องจักรเหล่านั้นกำลังเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่การโกหกไปจนถึงการฉ้อโกง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายอยางมากต่อความปลอดภัยของมนุษย์ https://ngthai.com/science/74523/geoffrey-hinton-nobel-prize-ai/ #Thaitimes
    NGTHAI.COM
    จากรางวัลโนเบลสู่คำเตือน เมื่อ "บิดาแห่งเอไอ" หวั่นสิ่งประดิษฐ์ของเขาคุกคามมนุษยชาติ - National Geographic Thailand
    ‘บิดาแห่งปัญญาประดิษฐ์’ เกรงว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ชาติ และควบคุมพวกเราทั้งหมดในท้ายที่สุด
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 670 Views 0 Reviews
  • ศาลโลก
    รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19
    ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด 19 คือ พญาอินทรีย์เอง...
    **************
    โควิด19 มาจากฝีมือมนุษย์
    มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 รัฐคาโรไลน่าเหนือของอเมริกา!!!
    นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้
    นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ

    - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 รัฐ คาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ ราล์ฟ บาร์ริก
    - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือส่งไปแพร่ระบาดในประเทศจีน อิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ
    ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม นายเกรก ก็ได้ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า
    - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่า ตัวไวรัสเองแท้จริงแล้ว คือ อาวุธชีวภาพ?

    **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวีได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า

    - โควิด19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล
    ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัด ที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก

    ค้างคาวเข้าไปเพิ่ม

    ความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย
    - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุด ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก
    ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด19 เป็นอาวุธชีวภาพ ที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด
    ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่

    มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า ไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม
    ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่า วัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆ กับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่า มีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น
    *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด19 นี้
    - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าวลี่เจียงได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ว่า
    ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมาก ที่ทหารอเมริกานำเชื้อมาแพร่ที่อู่ฮั่น.
    >>>>อเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง
    **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกา ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่อู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi"
    >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้ มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK
    *** คนในครอบครัวก็มีหลายคน ที่ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อเขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19
    ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด19 มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว
    หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด19 เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา"
    ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา
    เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาด แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ

    >>># ”ความไร้ยางอายทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่า อเมริกาเป็นผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพื่อขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า”
    >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิตให้จีนรับเคราะห์แทน อย่างน่ารังเกลียดที่สุด
    ***เชื้อโควิด19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไปแล้วโทษคนอื่น
    ***ยังมีข้อน่าสงสัย ที่นายเกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร
    *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015
    - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไป
    อย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียม# ยาแก้พิษไว้ก่อนเสมอ!!!
    - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก
    ***อเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว
    - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขา คือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด19
    >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างตั้งใจ เพื่อทำลายล้างจีนและ ปชช ทั่วโลก***
    >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัวและให้ความสาคัญในระดับสูง #แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!!

    **Ny Ny*
    ขอบคุณข้อมูลจาก

    นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    ศาลโลก รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19 ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด 19 คือ พญาอินทรีย์เอง... ************** โควิด19 มาจากฝีมือมนุษย์ มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 รัฐคาโรไลน่าเหนือของอเมริกา!!! นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้ นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 รัฐ คาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ ราล์ฟ บาร์ริก - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือส่งไปแพร่ระบาดในประเทศจีน อิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม นายเกรก ก็ได้ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่า ตัวไวรัสเองแท้จริงแล้ว คือ อาวุธชีวภาพ? **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวีได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า - โควิด19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัด ที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก ค้างคาวเข้าไปเพิ่ม ความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุด ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด19 เป็นอาวุธชีวภาพ ที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า ไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่า วัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆ กับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่า มีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด19 นี้ - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าวลี่เจียงได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ว่า ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมาก ที่ทหารอเมริกานำเชื้อมาแพร่ที่อู่ฮั่น. >>>>อเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกา ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่อู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi" >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้ มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK *** คนในครอบครัวก็มีหลายคน ที่ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อเขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด19 มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด19 เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา" ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาด แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ >>># ”ความไร้ยางอายทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่า อเมริกาเป็นผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพื่อขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า” >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิตให้จีนรับเคราะห์แทน อย่างน่ารังเกลียดที่สุด ***เชื้อโควิด19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไปแล้วโทษคนอื่น ***ยังมีข้อน่าสงสัย ที่นายเกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015 - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไป อย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียม# ยาแก้พิษไว้ก่อนเสมอ!!! - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก ***อเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขา คือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด19 >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างตั้งใจ เพื่อทำลายล้างจีนและ ปชช ทั่วโลก*** >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัวและให้ความสาคัญในระดับสูง #แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!! **Ny Ny* ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 907 Views 0 Reviews
  • เลือดย่อมเข้มกว่าน้ำ

    หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้นักเรียนชาวจีนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาอีกต่อไป และไม่อนุญาตให้ชาวจีนไปเรียนในสถาบันวิจัยสำคัญๆ ในสหรัฐฯ อีกต่อไป สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศไฮเทคของโลกอย่างสหราชอาณาจักร ก็ตัดสินใจไม่อนุญาตอีกต่อไป ภาษาจีนเพื่อศึกษาความรู้ไฮเทคในสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยของอังกฤษ

    ขณะนี้มีนักเรียนเกือบ 1,000 คนเข้ามาเรียนในสหราชอาณาจักรแล้ว และถูกจำกัดให้ออกจาก สหราชอาณาจักรภายในหนึ่งเดือน และกล่าวว่าเมื่อถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรจะจำกัดไม่ให้นักเรียนเหล่านี้เข้าสหราชอาณาจักร

    บังเอิญญี่ปุ่นได้ประกาศข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับนักเรียนชาวจีนจากการลงทะเบียนในวิชาที่มีเทคโนโลยีสูงของญี่ปุ่น ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,500 คนในโรงเรียน และนักเรียนชาวจีนที่มีประวัติการปฏิเสธวีซ่าจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นยังได้ติดตามและปฏิเสธที่จะให้วีซ่าเข้าประเทศแก่บุคคลเหล่านี้

    ในเวลาเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการของแคนาดาได้ประกาศขับไล่นักศึกษาชาวจีน 900 คน

    ออสเตรเลียขับไล่นักศึกษาชาวจีน 2,200 คน; นิวซีแลนด์ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,300 คน

    กระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศว่า การสมัครนักเรียนจีนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติการทบทวนอย่างเข้มงวดของสหรัฐอเมริกา

    จนถึงตอนนี้ มากกว่า 80% ของนักเรียนจีน 600,000 คนที่ต้องการสมัครเรียนต่อต่างประเทศจะถูกปฏิเสธวีซ่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาในอนาคตของจีน

    ไบเดนสาบานที่จะป้องกันไม่ให้จีนมีอำนาจมากกว่าสหรัฐฯ

    เวลานี้เป็นช่วงของกระแสนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าหัวกะทิหลั่งไหลกลับสู่มาตุภูมิบ้านเกิด

    1. มหาเศรษฐี หลี่ ไค ฟู่ (李开复) เป็นคนนำหน้า ทิ้งกรีนการ์ดกลับสู่ประเทศจีน ทำให้สหรัฐฯเสียหายถึง 1 แสน 3 หมื่น ล้านเหรียญ พร้อมทั้งประกาศว่าจะออกจากตลาดสหรัฐฯตลอดไป โดยบริษัทใหญ่ที่ทำการวิจัยถอนตัวออกจากหุบเขาซิลิคอน (ซิลิคอนแวลลีย์ 硅谷)ของสหรัฐฯ นำเงินทุนของบริษัท 95 % พร้อมทั้งเทคโนโลยีทั้งหมดกลับสู่ประเทศจีน การกระทำเช่นนี้ยังเป็นการชักจูงแบบโดมิโนให้คนเชื้อชาติจีนชั้นนำทยอยกลับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งนำเงินทุนกลับประเทศ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    2. หยิ่น จื้อ หย๋าว (尹志尧) เทพแห่ง ซิลิคอนแวลลี่ย์ แม้ว่าทางสหรัฐฯจะเสนอเงินทองเงื่อนไขที่ดีเลิศเพียงใดก็มิอาจยับยั้งให้เขาที่มีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกลับสู่ประเทศจีนได้ เขาถูกขนานนามว่า เป็นหนึ่งในคนเชื้อชาติจีนที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นคนจีนที่ทางสหรัฐฯไม่อยากให้จากไปอย่างยิ่ง เขาไม่เพียงแค่นำพานักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมทางด้านไมโครชิพ 30 กว่าคน กลับไปด้วย เมื่อกลับถึงประเทศจีนแล้วเขายังเป็นผู้นำกลุ่มเอาชนะการผูกขาดทางเทคโนโลยี โดยสามารถสร้าง 5 nm Etching machine ได้สำเร็จ เปิดตำนานไมโครชิพขึ้นมาใหม่

    3. เสิ่น เซี่ยง หยาง ( 沈向洋 ) ทำงานทางด้าน microsoft ผ่านไป 23 ปี ก็กลับสู่มาตุภูมิ เขาเป็นคนจีนที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดของงานทางด้านนี้ผู้นำทางด้าน AI Microsoft การกลับประเทศของเขาถึงกลับทำให้ประเทศหรัฐฯสั่นคลอนแม้แต่ Bill Gates ยังรู้สึกเสียดาย ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ต้าชิง สร้างบุคลากรทางด้าน AI ให้กับประเทศจีน

    4. เซี่ย เสี่ยว เกา ( 谢小高 ) ศึกษาและทำงานที่ต่างประเทศ 30 กว่าปี สุดท้ายยอมสละทิ้งตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัย Harvard มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาเป็นคนจีนที่ใด้รับรางวัลโนเบลคนหนึ่ง เป็นบุคคลผู้นำระหว่างประเทศทางด้านชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี การวิจัยพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ สหรัฐฯใช้เงินรางวัลถึง 40 ล้านเหรียญก็ไม่สามารถรั้งเข้าไว้ได้ หลังกลับประเทศเขาก็เริ่มเสนอการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเกี่ยวการวิจัยหลายรายการ นำพานักเรียนสู่การวิจัยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักวิทยาศาสตร์จีนที่เก่งๆจำนวนมากทะยอยกลับประเทศจีนไม่ขาดสาย จะเป็นผลดีต่อประเทศเร็วขึ้น

    Cr: Boonchu Chung (羅文娟)
    จีนปฏิรูปการศึกษาต่อทันทีหลังคุมโควิด19ได้เบ็ดเสร็จแล้ว

    - ห้ามการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก, ลดการสอบต่างๆ, ลดการบ้าน, ให้บริษัทกวดวิชาเอกชนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เลิกการมีห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กอัจฉริยะ, ลดเวลาการเล่มเกมของเด็ก, ปรับให้ครูไปรับตำแหน่งในร.ร. อื่นๆทุก 6 ปีป้องกันครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกตัวอยู่ในร.ร.บางแห่ง
    การปฏิรูปการศึกษาที่จีน

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันทึ่งกับการแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาของเด็กและเยาวชนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก หลังจากติดตามข่าวคราวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมีมาตรการทางด้านการศึกษามาโดยตลอด เพียงแต่มาสะดุดช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    เมื่อโรคระบาดโควิด-19 ในจีนได้รับการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเวลาอันรวดเร็ว สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจีนก็เดินหน้าปฏิรูปการศึกษาต่อทันที

    ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการของจีนประกาศห้ามการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-7 ปี เพราะการสอบที่มากเกินไปส่งผลให้นักเรียนต้องรับภาระหนักและอยู่ภายใต้ความกดดัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายอย่างมาก

    กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดการสอบในชั้นปีอื่น ๆ ของการศึกษาภาคบังคับ ไม่ให้เกินภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง และห้ามท้องถิ่นจัดสอบระดับภูมิภาค หรือระหว่างโรงเรียน สำหรับชั้นประถมศึกษาทั้งหมด

    ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ยังไม่จบการศึกษา ห้ามโรงเรียนจัดสอบย่อยรายสัปดาห์ สอบย่อยรายวิชา รวมถึงสอบรายเดือน และห้ามเลี่ยงไปเปิดการสอบในชื่ออื่น ๆ ด้วย

    ถือเป็นการเดินหน้าแผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อลดความกดดันต่อนักเรียน และพ่อแม่ในระบบโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง

    ที่ผ่านมาระบบการศึกษาของจีนมุ่งเน้นที่ผลสอบ กำหนดให้นักเรียนต้องเข้าสอบตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ปีแรก ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนอายุ 18 ปี ที่เรียกกันในภาษาจีนว่า “เกาเข่า” ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประมาณว่าถ้าพลาดไปเพียงคะแนนเดียว ก็สามารถชี้ขาดอนาคตได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างหนัก และแย่งกันกวดวิชาสุดฤทธิ์

    และนั่นหมายความว่าเมื่อกระทรวงศึกษาของจีนประกาศปฏิรูปการศึกษาในทุกระดับ ก็ต้องรวมถึงแนวทางการจัดการโรงเรียนกวดวิชาด้วย โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้สั่งให้บรรดาบริษัทกวดวิชาของเอกชนทั้งหมดแปลงเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยให้สถาบันติวเตอร์เหล่านี้สอนบทเรียนได้เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์วันละ 1 ชั่วโมง และห้ามสอนวิชาหลัก

    นี่ยังไม่นับรวมถึงนโยบายเรื่องครูในสถานศึกษา ที่ต้องให้สลับปรับเปลี่ยนกันไปรับตำแหน่งในโรงเรียนต่าง ๆ ทุก 6 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกอยู่ในโรงเรียนระดับหัวกะทิบางแห่งเท่านั้น

    ที่สำคัญกว่านั้น ยังได้ออกตำเตือนไม่ให้โรงเรียนต่าง ๆ สร้างห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ประเภทห้องกิ๊ฟ(อัจฉริยะ) หรือห้องพิเศษใด ๆ

    และถ้าจำกันได้ เมื่อต้นปีกระทรวงศึกษาธิการบ้านเขาก็สั่งห้ามครูให้การบ้านแบบข้อเขียนสำหรับนักเรียนเกรด 1-2 รวมทั้งจำกัดการให้การบ้านนักเรียนมัธยมต้น ไม่ให้เกินวันละ 1.5 ชั่วโมง

    งานนี้เรียกว่าจีน “ยกเครื่อง” ปฏิรูปการศึกษาใหม่กันเลยทีเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้

    เลิกการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก

    ลดการบ้านเด็ก

    ละ ไม่ให้มีห้องเรียนพิเศษ

    คุมร.ร.กวดวิชาไม่ให้แสวงผลกำไร

    ห้ามร.ร.จัดอันดับคะแนนสอบ

    ปรับครูทุก 6 ปี

    ล่าสุดทางการเมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกการสอบปลายภาควิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา เพื่อลดภาระของนักเรียนและผู้ปกครอง ตามเสียงเรียกร้องเพื่อลดการให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล หลังจากนี้นักเรียนประถมจะสอบปลายภาคเฉพาะวิชาภาษาจีนและคณิตศาสตร์ ส่วนวิชาอื่นรวมทั้งภาษาอังกฤษจะวัดผลจากการประเมินของครูผู้สอน โดยไม่มีคะแนนสอบ

    นี่ยังไม่นับเรื่องที่จีนออกกฎหมายบังคับให้เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แค่ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในช่วงเปิดภาคเรียนเท่านั้น ส่วนช่วงปิดเทอม เด็กจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้นานขึ้น แต่ยังจำกัดวันละ 60 นาที เป็นกฎใหม่ที่มีความพยายามเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กติดเกมของจีน ที่ส่งผลต่อการศึกษาและชีวิตประจำวันของเด็กอย่างมาก

    ที่รวบรวมเรื่อง “ทึ่ง” เหล่านี้ขึ้นมา ก็เพราะ “อึ้ง” กับประเด็นปัญหาที่เหมือนในบ้านเราที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งยังไม่ได้รับการชำระสะสาง แม้จะผ่านการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2542 และปัญหาเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่

    ภาพที่สะท้อนชัดในบ้านเขาก็คือ การจัดการที่เด็ดขาด ลงมือทำทันที และแก้ปัญหาที่มีลักษณะโดมิโน่และส่งผลสัมพันธ์กันในเวลาที่ไล่เลี่ยแบบสอดรับกัน แม้จะยังไม่เห็นผล แต่สิ่งเหล่านี้คือข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาตลอด

    และถ้าเรายังแก้ปัญหาทีละอย่าง เงื้อง่าทีละเรื่อง สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้ซะที

    เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเรา
    #ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
    เลือดย่อมเข้มกว่าน้ำ หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้นักเรียนชาวจีนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาอีกต่อไป และไม่อนุญาตให้ชาวจีนไปเรียนในสถาบันวิจัยสำคัญๆ ในสหรัฐฯ อีกต่อไป สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศไฮเทคของโลกอย่างสหราชอาณาจักร ก็ตัดสินใจไม่อนุญาตอีกต่อไป ภาษาจีนเพื่อศึกษาความรู้ไฮเทคในสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยของอังกฤษ ขณะนี้มีนักเรียนเกือบ 1,000 คนเข้ามาเรียนในสหราชอาณาจักรแล้ว และถูกจำกัดให้ออกจาก สหราชอาณาจักรภายในหนึ่งเดือน และกล่าวว่าเมื่อถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรจะจำกัดไม่ให้นักเรียนเหล่านี้เข้าสหราชอาณาจักร บังเอิญญี่ปุ่นได้ประกาศข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับนักเรียนชาวจีนจากการลงทะเบียนในวิชาที่มีเทคโนโลยีสูงของญี่ปุ่น ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,500 คนในโรงเรียน และนักเรียนชาวจีนที่มีประวัติการปฏิเสธวีซ่าจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นยังได้ติดตามและปฏิเสธที่จะให้วีซ่าเข้าประเทศแก่บุคคลเหล่านี้ ในเวลาเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการของแคนาดาได้ประกาศขับไล่นักศึกษาชาวจีน 900 คน ออสเตรเลียขับไล่นักศึกษาชาวจีน 2,200 คน; นิวซีแลนด์ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,300 คน กระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศว่า การสมัครนักเรียนจีนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติการทบทวนอย่างเข้มงวดของสหรัฐอเมริกา จนถึงตอนนี้ มากกว่า 80% ของนักเรียนจีน 600,000 คนที่ต้องการสมัครเรียนต่อต่างประเทศจะถูกปฏิเสธวีซ่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาในอนาคตของจีน ไบเดนสาบานที่จะป้องกันไม่ให้จีนมีอำนาจมากกว่าสหรัฐฯ เวลานี้เป็นช่วงของกระแสนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าหัวกะทิหลั่งไหลกลับสู่มาตุภูมิบ้านเกิด 1. มหาเศรษฐี หลี่ ไค ฟู่ (李开复) เป็นคนนำหน้า ทิ้งกรีนการ์ดกลับสู่ประเทศจีน ทำให้สหรัฐฯเสียหายถึง 1 แสน 3 หมื่น ล้านเหรียญ พร้อมทั้งประกาศว่าจะออกจากตลาดสหรัฐฯตลอดไป โดยบริษัทใหญ่ที่ทำการวิจัยถอนตัวออกจากหุบเขาซิลิคอน (ซิลิคอนแวลลีย์ 硅谷)ของสหรัฐฯ นำเงินทุนของบริษัท 95 % พร้อมทั้งเทคโนโลยีทั้งหมดกลับสู่ประเทศจีน การกระทำเช่นนี้ยังเป็นการชักจูงแบบโดมิโนให้คนเชื้อชาติจีนชั้นนำทยอยกลับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งนำเงินทุนกลับประเทศ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. หยิ่น จื้อ หย๋าว (尹志尧) เทพแห่ง ซิลิคอนแวลลี่ย์ แม้ว่าทางสหรัฐฯจะเสนอเงินทองเงื่อนไขที่ดีเลิศเพียงใดก็มิอาจยับยั้งให้เขาที่มีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกลับสู่ประเทศจีนได้ เขาถูกขนานนามว่า เป็นหนึ่งในคนเชื้อชาติจีนที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นคนจีนที่ทางสหรัฐฯไม่อยากให้จากไปอย่างยิ่ง เขาไม่เพียงแค่นำพานักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมทางด้านไมโครชิพ 30 กว่าคน กลับไปด้วย เมื่อกลับถึงประเทศจีนแล้วเขายังเป็นผู้นำกลุ่มเอาชนะการผูกขาดทางเทคโนโลยี โดยสามารถสร้าง 5 nm Etching machine ได้สำเร็จ เปิดตำนานไมโครชิพขึ้นมาใหม่ 3. เสิ่น เซี่ยง หยาง ( 沈向洋 ) ทำงานทางด้าน microsoft ผ่านไป 23 ปี ก็กลับสู่มาตุภูมิ เขาเป็นคนจีนที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดของงานทางด้านนี้ผู้นำทางด้าน AI Microsoft การกลับประเทศของเขาถึงกลับทำให้ประเทศหรัฐฯสั่นคลอนแม้แต่ Bill Gates ยังรู้สึกเสียดาย ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ต้าชิง สร้างบุคลากรทางด้าน AI ให้กับประเทศจีน 4. เซี่ย เสี่ยว เกา ( 谢小高 ) ศึกษาและทำงานที่ต่างประเทศ 30 กว่าปี สุดท้ายยอมสละทิ้งตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัย Harvard มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาเป็นคนจีนที่ใด้รับรางวัลโนเบลคนหนึ่ง เป็นบุคคลผู้นำระหว่างประเทศทางด้านชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี การวิจัยพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ สหรัฐฯใช้เงินรางวัลถึง 40 ล้านเหรียญก็ไม่สามารถรั้งเข้าไว้ได้ หลังกลับประเทศเขาก็เริ่มเสนอการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเกี่ยวการวิจัยหลายรายการ นำพานักเรียนสู่การวิจัยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักวิทยาศาสตร์จีนที่เก่งๆจำนวนมากทะยอยกลับประเทศจีนไม่ขาดสาย จะเป็นผลดีต่อประเทศเร็วขึ้น Cr: Boonchu Chung (羅文娟) จีนปฏิรูปการศึกษาต่อทันทีหลังคุมโควิด19ได้เบ็ดเสร็จแล้ว - ห้ามการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก, ลดการสอบต่างๆ, ลดการบ้าน, ให้บริษัทกวดวิชาเอกชนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เลิกการมีห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กอัจฉริยะ, ลดเวลาการเล่มเกมของเด็ก, ปรับให้ครูไปรับตำแหน่งในร.ร. อื่นๆทุก 6 ปีป้องกันครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกตัวอยู่ในร.ร.บางแห่ง การปฏิรูปการศึกษาที่จีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันทึ่งกับการแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาของเด็กและเยาวชนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก หลังจากติดตามข่าวคราวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมีมาตรการทางด้านการศึกษามาโดยตลอด เพียงแต่มาสะดุดช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อโรคระบาดโควิด-19 ในจีนได้รับการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเวลาอันรวดเร็ว สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจีนก็เดินหน้าปฏิรูปการศึกษาต่อทันที ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการของจีนประกาศห้ามการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-7 ปี เพราะการสอบที่มากเกินไปส่งผลให้นักเรียนต้องรับภาระหนักและอยู่ภายใต้ความกดดัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายอย่างมาก กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดการสอบในชั้นปีอื่น ๆ ของการศึกษาภาคบังคับ ไม่ให้เกินภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง และห้ามท้องถิ่นจัดสอบระดับภูมิภาค หรือระหว่างโรงเรียน สำหรับชั้นประถมศึกษาทั้งหมด ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ยังไม่จบการศึกษา ห้ามโรงเรียนจัดสอบย่อยรายสัปดาห์ สอบย่อยรายวิชา รวมถึงสอบรายเดือน และห้ามเลี่ยงไปเปิดการสอบในชื่ออื่น ๆ ด้วย ถือเป็นการเดินหน้าแผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อลดความกดดันต่อนักเรียน และพ่อแม่ในระบบโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ที่ผ่านมาระบบการศึกษาของจีนมุ่งเน้นที่ผลสอบ กำหนดให้นักเรียนต้องเข้าสอบตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ปีแรก ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนอายุ 18 ปี ที่เรียกกันในภาษาจีนว่า “เกาเข่า” ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประมาณว่าถ้าพลาดไปเพียงคะแนนเดียว ก็สามารถชี้ขาดอนาคตได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างหนัก และแย่งกันกวดวิชาสุดฤทธิ์ และนั่นหมายความว่าเมื่อกระทรวงศึกษาของจีนประกาศปฏิรูปการศึกษาในทุกระดับ ก็ต้องรวมถึงแนวทางการจัดการโรงเรียนกวดวิชาด้วย โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้สั่งให้บรรดาบริษัทกวดวิชาของเอกชนทั้งหมดแปลงเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยให้สถาบันติวเตอร์เหล่านี้สอนบทเรียนได้เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์วันละ 1 ชั่วโมง และห้ามสอนวิชาหลัก นี่ยังไม่นับรวมถึงนโยบายเรื่องครูในสถานศึกษา ที่ต้องให้สลับปรับเปลี่ยนกันไปรับตำแหน่งในโรงเรียนต่าง ๆ ทุก 6 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกอยู่ในโรงเรียนระดับหัวกะทิบางแห่งเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้น ยังได้ออกตำเตือนไม่ให้โรงเรียนต่าง ๆ สร้างห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ประเภทห้องกิ๊ฟ(อัจฉริยะ) หรือห้องพิเศษใด ๆ และถ้าจำกันได้ เมื่อต้นปีกระทรวงศึกษาธิการบ้านเขาก็สั่งห้ามครูให้การบ้านแบบข้อเขียนสำหรับนักเรียนเกรด 1-2 รวมทั้งจำกัดการให้การบ้านนักเรียนมัธยมต้น ไม่ให้เกินวันละ 1.5 ชั่วโมง งานนี้เรียกว่าจีน “ยกเครื่อง” ปฏิรูปการศึกษาใหม่กันเลยทีเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้ เลิกการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก ลดการบ้านเด็ก ละ ไม่ให้มีห้องเรียนพิเศษ คุมร.ร.กวดวิชาไม่ให้แสวงผลกำไร ห้ามร.ร.จัดอันดับคะแนนสอบ ปรับครูทุก 6 ปี ล่าสุดทางการเมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกการสอบปลายภาควิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา เพื่อลดภาระของนักเรียนและผู้ปกครอง ตามเสียงเรียกร้องเพื่อลดการให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล หลังจากนี้นักเรียนประถมจะสอบปลายภาคเฉพาะวิชาภาษาจีนและคณิตศาสตร์ ส่วนวิชาอื่นรวมทั้งภาษาอังกฤษจะวัดผลจากการประเมินของครูผู้สอน โดยไม่มีคะแนนสอบ นี่ยังไม่นับเรื่องที่จีนออกกฎหมายบังคับให้เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แค่ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในช่วงเปิดภาคเรียนเท่านั้น ส่วนช่วงปิดเทอม เด็กจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้นานขึ้น แต่ยังจำกัดวันละ 60 นาที เป็นกฎใหม่ที่มีความพยายามเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กติดเกมของจีน ที่ส่งผลต่อการศึกษาและชีวิตประจำวันของเด็กอย่างมาก ที่รวบรวมเรื่อง “ทึ่ง” เหล่านี้ขึ้นมา ก็เพราะ “อึ้ง” กับประเด็นปัญหาที่เหมือนในบ้านเราที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งยังไม่ได้รับการชำระสะสาง แม้จะผ่านการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2542 และปัญหาเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่ ภาพที่สะท้อนชัดในบ้านเขาก็คือ การจัดการที่เด็ดขาด ลงมือทำทันที และแก้ปัญหาที่มีลักษณะโดมิโน่และส่งผลสัมพันธ์กันในเวลาที่ไล่เลี่ยแบบสอดรับกัน แม้จะยังไม่เห็นผล แต่สิ่งเหล่านี้คือข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาตลอด และถ้าเรายังแก้ปัญหาทีละอย่าง เงื้อง่าทีละเรื่อง สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้ซะที เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเรา #ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 928 Views 0 Reviews
  • ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug

    และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก

    ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา

    แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี

    เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ

    ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด

    ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น

    กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ

    จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น
    มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen
    การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง

    ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี

    และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway

    นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria

    ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่

    มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin
    นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น

    มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
    เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง
    อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร

    มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

    ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น
    วารสาร

    Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5
    Nature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0
    และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837

    การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer

    https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5

    https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full

    ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์

    https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr=

    IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals.

    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug

    และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน

    ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย
    เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน

    ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่

    #Thaitimes
    ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่ มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 Nature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0 และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837 การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่ Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์ https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr= IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/ เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ #Thaitimes
    WWW.NATURE.COM
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer - npj Breast Cancer
    npj Breast Cancer - Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer
    Like
    Love
    8
    0 Comments 2 Shares 3057 Views 0 Reviews
  • ผู้นำที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในทรรศนะของซีไอเอ:

    ตอนนี้ เซเลนสกีสุดเศร้าครับ อเมริกาไม่อนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงใส่รัสเซีย เพราะอเมริกากลัวรัสเซียจะอัดคืนมาก แต่อเมริกาก็ไม่อยากให้เซเลนสกีไปยอมแพ้และสวามิภักดิ์ต่อรัสเซีย เพราะเซเลนสกีอาจแฉความสกปรกของนาโต้ออกมาก็ได้

    เครือข่ายสื่อซีไอเอจึงมีการจัดเรตติ้งเอาใจเซเลนสกีสักหน่อย โดยระบุว่าเซเลนสกีคือผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนภายในประเทศมากที่สุดในขณะนี้...โกหกทั้งนั้นครับ

    ดีไม่ดี เขาอาจได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพด้วยซ้ำ
    ความจริงแล้ว อันดับ ๑ คือรัสเซีย แต่นั่นแหละ จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาเต็มไปด้วยผู้คนที่อิจฉาริษยาวลาดิเมียร์ ปูติน จึงจัดปูตินไว้อันดับ ๒ แทน อีกสักพัก อาจมีสื่อสากกะเบือไม่ออกดอกของไทยเอาข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ตามสื่อของตนก็ได้

    จำเอาไว้ครับ เวลามีการจัดอันดับผู้นำการเมืองในประเทศต่างๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝงทั้งนั้น

    World’s most popular leader (approval rating):

    Volodymyr Zelensky: 91%
    Vladimir Putin: 77.4%
    Narendra Modi: 76%
    Alain Berset: 66%
    Andrés López: 61%
    Anthony Albanese: 54%
    Lula da Silva: 52%
    Giorgia Meloni: 45%
    Pedro Sánchez: 43%
    Justin Trudeau: 41%
    Joe Biden: 40%


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ผู้นำที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในทรรศนะของซีไอเอ: ตอนนี้ เซเลนสกีสุดเศร้าครับ อเมริกาไม่อนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงใส่รัสเซีย เพราะอเมริกากลัวรัสเซียจะอัดคืนมาก แต่อเมริกาก็ไม่อยากให้เซเลนสกีไปยอมแพ้และสวามิภักดิ์ต่อรัสเซีย เพราะเซเลนสกีอาจแฉความสกปรกของนาโต้ออกมาก็ได้ เครือข่ายสื่อซีไอเอจึงมีการจัดเรตติ้งเอาใจเซเลนสกีสักหน่อย โดยระบุว่าเซเลนสกีคือผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนภายในประเทศมากที่สุดในขณะนี้...โกหกทั้งนั้นครับ ดีไม่ดี เขาอาจได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพด้วยซ้ำ ความจริงแล้ว อันดับ ๑ คือรัสเซีย แต่นั่นแหละ จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาเต็มไปด้วยผู้คนที่อิจฉาริษยาวลาดิเมียร์ ปูติน จึงจัดปูตินไว้อันดับ ๒ แทน อีกสักพัก อาจมีสื่อสากกะเบือไม่ออกดอกของไทยเอาข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ตามสื่อของตนก็ได้ จำเอาไว้ครับ เวลามีการจัดอันดับผู้นำการเมืองในประเทศต่างๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝงทั้งนั้น World’s most popular leader (approval rating): 🇺🇦 Volodymyr Zelensky: 91% 🇷🇺 Vladimir Putin: 77.4% 🇮🇳 Narendra Modi: 76% 🇨🇭 Alain Berset: 66% 🇲🇽 Andrés López: 61% 🇦🇺 Anthony Albanese: 54% 🇧🇷 Lula da Silva: 52% 🇮🇹 Giorgia Meloni: 45% 🇪🇸 Pedro Sánchez: 43% 🇨🇦 Justin Trudeau: 41% 🇺🇸 Joe Biden: 40% ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 655 Views 0 Reviews
  • ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug

    และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก

    ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา

    แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี

    เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ

    ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด

    ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น

    กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ

    จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น
    มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen
    การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง

    ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี

    และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway

    นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria

    ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่

    มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin
    นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น

    มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
    เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง
    อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร

    มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

    ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น
    วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5
    วารสารNature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0
    และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837
    การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer
    https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5

    https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full

    ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์

    https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr=

    IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals.

    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug

    และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน

    ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย
    เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน

    ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่
    ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่ มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 วารสารNature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0 และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837 การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่ Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์ https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr= IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/ เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 2601 Views 0 Reviews
  • อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ชัยค์ ฮาสินา แห่งบังกลาเทศ ซึ่งถูกบีบให้ลาออกและหลบหนีออกนอกประเทศ ท่ามกลางการประท้วงใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวหาสหรัฐฯ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับไล่เธอพ้นจากอำนาจเพราะไม่ยอมให้อเมริกาตั้งฐานทัพในบังคลาเทศ

    13 สิงหาคม 2567 -เพจเฟซบุ๊ก around the world รายงานข่าวจากอาร์ทีนิวส์ว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อีโคโนมิกไทม์ส ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(11ส.ค.) ฮาสินา บ่งชี้ว่าเธออาจยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป หากว่าเธอยินยอมอ้าแขนรับให้กองทัพสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพในบังกลาเทศ

    "ฉันลาออกแล้ว เพื่อที่ว่า ฉันจะไม่ได้เห็นขบวนแห่ศพผู้เสียชีวิต พวกเขาต้องการก้าวเข้าสู่อำนาจด้วยศพของพวกนักศึกษา แต่ฉันไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ฉันลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ฮาสินากล่าว "ฉันอาจยังคงอยู่ในอำนาจ หากว่าฉันยอมสละอธิปไตยของเกาะเซนต์มาร์ติน และเปิดทางให้อเมริกามีอิทธิพลเหนืออ่าวเบงกอล ฉันขอวิงวอนผู้คนในแผ่นดินของฉัน กรุณาอย่าถูกบิดเบือนด้วยพวกหัวรุนแรง"

    ฮาสินา อ้างถึงเกาะพืดหินปะการังของบังกลาเทศ ในทางตะวันออกเฉียงเหนือของอ่าวเบงกอล ที่กล่าวอ้างว่าวอชิงตันพยายามยึดครองมัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บังกลาเทศหลายคนกล่าวอ้างในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ว่าอเมริกาขอเช่าเกาะแห่งนี้ในหลายๆโอกาส แต่ถูกปฏิเสธ ขณะที่ ฮาสินา บอกว่า "พวกชายผิวขาว" คำที่เธอใช้เรียกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เคยมาขอเข้าพบเธอก่อนศึกเลือกตั้งก่อนหน้านี้ และขอให้เธอสนับสนุนโครงการก่อสร้างฐานทัพอากาศบนเกาะเซนต์มาร์ติน

    นักการเมืองหญิงวัย 76 ปี ซึ่งครองอำนาจมานานกว่า 15 ปี หลบหนีไปยังอินเดีย ประเทศเพื่อนบ้าน หลังลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 5 สิงหาคม อย่างไรก็ตามเธอประกาศว่าจะเดินทางกลับกรุงธากาเร็วๆนี้ "ด้วยพระคุณแห่งผู้ทรงฤทธานุภาพ พระอัลเลาะห์"

    การพ้นจากตำแหน่งของฮาสินา มีขึ้นหลังจากเกิดการประท้วงทั่วประเทศที่นำโดยนักศีกษาต่อเนื่องยาวนานหลายสัปดาห์ เกี่ยวกับระบบโควตางานของรัฐบาล ซึ่งถูกวิพาษ์วิจารณ์ว่าเอื้ออำนวยต่อคนที่เกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาล การชุมชุมเริ่มต้นอย่างสันติ แต่จากนั้นได้ลุกลามกลายเป็นสถานการณ์ความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คน และถูกจัมกุมประมาณ 11,000 คน

    ไม่นานหลังจาก ฮาสินา ลาออก ทางพลเอกวาเกอร์-อุซ-ซามัน ประธานคณะเสนาธิการร่วมของบังกลาเทศ แถลงว่าเขาจะตั้งรัฐบาลรักษาการ โดยที่ มูฮัมหมัด ยูนูส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผู้ริเริ่มและพัฒนาแนวคิดการให้กู้เงินแก่คนจนโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม
    (ที่มา:อาร์ทีนิวส์)

    ภาพจาก อีโคโนมิกไทม์ส

    #Thaitimes
    อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ชัยค์ ฮาสินา แห่งบังกลาเทศ ซึ่งถูกบีบให้ลาออกและหลบหนีออกนอกประเทศ ท่ามกลางการประท้วงใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวหาสหรัฐฯ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับไล่เธอพ้นจากอำนาจเพราะไม่ยอมให้อเมริกาตั้งฐานทัพในบังคลาเทศ 13 สิงหาคม 2567 -เพจเฟซบุ๊ก around the world รายงานข่าวจากอาร์ทีนิวส์ว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อีโคโนมิกไทม์ส ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(11ส.ค.) ฮาสินา บ่งชี้ว่าเธออาจยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป หากว่าเธอยินยอมอ้าแขนรับให้กองทัพสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพในบังกลาเทศ "ฉันลาออกแล้ว เพื่อที่ว่า ฉันจะไม่ได้เห็นขบวนแห่ศพผู้เสียชีวิต พวกเขาต้องการก้าวเข้าสู่อำนาจด้วยศพของพวกนักศึกษา แต่ฉันไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ฉันลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ฮาสินากล่าว "ฉันอาจยังคงอยู่ในอำนาจ หากว่าฉันยอมสละอธิปไตยของเกาะเซนต์มาร์ติน และเปิดทางให้อเมริกามีอิทธิพลเหนืออ่าวเบงกอล ฉันขอวิงวอนผู้คนในแผ่นดินของฉัน กรุณาอย่าถูกบิดเบือนด้วยพวกหัวรุนแรง" ฮาสินา อ้างถึงเกาะพืดหินปะการังของบังกลาเทศ ในทางตะวันออกเฉียงเหนือของอ่าวเบงกอล ที่กล่าวอ้างว่าวอชิงตันพยายามยึดครองมัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บังกลาเทศหลายคนกล่าวอ้างในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ว่าอเมริกาขอเช่าเกาะแห่งนี้ในหลายๆโอกาส แต่ถูกปฏิเสธ ขณะที่ ฮาสินา บอกว่า "พวกชายผิวขาว" คำที่เธอใช้เรียกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เคยมาขอเข้าพบเธอก่อนศึกเลือกตั้งก่อนหน้านี้ และขอให้เธอสนับสนุนโครงการก่อสร้างฐานทัพอากาศบนเกาะเซนต์มาร์ติน นักการเมืองหญิงวัย 76 ปี ซึ่งครองอำนาจมานานกว่า 15 ปี หลบหนีไปยังอินเดีย ประเทศเพื่อนบ้าน หลังลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 5 สิงหาคม อย่างไรก็ตามเธอประกาศว่าจะเดินทางกลับกรุงธากาเร็วๆนี้ "ด้วยพระคุณแห่งผู้ทรงฤทธานุภาพ พระอัลเลาะห์" การพ้นจากตำแหน่งของฮาสินา มีขึ้นหลังจากเกิดการประท้วงทั่วประเทศที่นำโดยนักศีกษาต่อเนื่องยาวนานหลายสัปดาห์ เกี่ยวกับระบบโควตางานของรัฐบาล ซึ่งถูกวิพาษ์วิจารณ์ว่าเอื้ออำนวยต่อคนที่เกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาล การชุมชุมเริ่มต้นอย่างสันติ แต่จากนั้นได้ลุกลามกลายเป็นสถานการณ์ความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คน และถูกจัมกุมประมาณ 11,000 คน ไม่นานหลังจาก ฮาสินา ลาออก ทางพลเอกวาเกอร์-อุซ-ซามัน ประธานคณะเสนาธิการร่วมของบังกลาเทศ แถลงว่าเขาจะตั้งรัฐบาลรักษาการ โดยที่ มูฮัมหมัด ยูนูส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผู้ริเริ่มและพัฒนาแนวคิดการให้กู้เงินแก่คนจนโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม (ที่มา:อาร์ทีนิวส์) ภาพจาก อีโคโนมิกไทม์ส #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 832 Views 0 Reviews