• "สามพันโบก" อัศจรรย์แกรนด์แคนยอน แห่งลำน้ำโขง เที่ยวอุบลราชธานี สัมผัสธรรมชาติสุดอลังการ ที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต 🌿🏞

    ✨ "สามพันโบก" คือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะ ของกระแสน้ำในแม่น้ำโขง จนเกิดเป็นแอ่งหินน้อยใหญ่จำนวนมาก ซึ่งมีมากถึง 3,000 แอ่ง 🌊 จึงเป็นที่มาของชื่อ "สามพันโบก" โดยคำว่า "โบก" ในภาษาลาว หมายถึง "แอ่ง" หรือ "บ่อน้ำลึก"

    📍 ที่ตั้ง บ้านสองคอน ตำบลสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
    📏 พื้นที่ ครอบคลุมหลายกิโลเมตร ใต้แม่น้ำโขง
    🏜 ฉายา "แกรนด์แคนยอนแห่งลำน้ำโขง"

    ความสวยงามของสามพันโบ กจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้ง เดือนธันวาคม-พฤษภาคม เมื่อระดับน้ำลดลง เผยให้เห็นหินรูปร่างแปลกตา คล้ายกับ "หาดชมดาว" ที่อำเภอนาตาล 🌄

    ตำนานและเรื่องเล่าของสามพันโบก
    💠 ตำนานหินหัวสุนัข
    ณ ทางเข้าไปสู่สามพันโบก มีหินขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายหัวสุนัข 🐶 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าที่ว่า...

    "ในอดีต มีเจ้าเมืองผู้หนึ่งที่เรืองอำนาจ ได้ส่งเสนาเข้ามาสำรวจสามพันโบก และพบขุมทรัพย์ล้ำค่าในบริเวณนี้ เจ้าเมืองจึงสั่งให้สุนัขตัวหนึ่ง เฝ้าทางเข้าไว้ รอจนกว่าเขาจะออกมา แต่ด้วยความโลภ เจ้าเมืองกลับออกไปอีกทาง ปล่อยให้สุนัขเฝ้ารอจนตาย และกลายเป็นหินในที่สุด"

    💧 ตำนานพญานาคขุดลำน้ำ
    อีกเรื่องเล่าหนึ่งเกี่ยวกับ พญานาค 🐉 ที่ต้องการสร้างเส้นทางน้ำใหม่ จึงขุดลำน้ำขึ้นมา และให้สุนัขตัวหนึ่งเฝ้าทางเข้า จนในที่สุดสุนัขก็ตายลง กลายเป็นก้อนหิน ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

    ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวสามพันโบก
    🗓 ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ธันวาคม - พฤษภาคม
    ⛅ สภาพอากาศ อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝน ทำให้สามารถเดินสำรวจแก่งหิน ได้เต็มที่

    📸 ช่วงเวลาถ่ายรูปสวย
    เช้า 6.00 - 8.00 น. แสงอ่อน ๆ สาดกระทบหิน
    เย็น 16.00 - 18.00 น. พระอาทิตย์ตกสวยงาม

    จุดเด่น และไฮไลท์ของสามพันโบก
    🌊 "แอ่งน้ำมหัศจรรย์"
    หินที่นี่ถูกน้ำกัดเซาะ เป็นโพรงรูปร่างแปลกตา เช่น รูปหัวใจ 🧡 รูปเต่า 🐢 หรือแม้แต่รูปร่างคล้ายสัตว์ในจินตนาการ

    🦴 "หินหัวสุนัข"
    แลนด์มาร์คทางเข้าของสามพันโบก ที่ไม่ควรพลาด

    🚤 "ล่องเรือชมโบก"
    นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือของชาวบ้าน เพื่อล่องไปชมวิวแม่น้ำโขงสุดอลังการ

    🌄 "พระอาทิตย์ขึ้น-ตกที่แม่น้ำโขง"
    จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน

    สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
    🏖 หาดสลึง
    หาดทรายขาวละเอียด ยาวกว่า 860 เมตร จุดพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นจุดขึ้นเรือไปสามพันโบก

    ⛵ ปากบ้อง
    จุดที่แม่น้ำโขง แคบที่สุดในประเทศไทย กว้างเพียง 56 เมตร

    🗿 หินหัวพะเนียง
    หินรูปทรงแปลกตา เกิดจากกระแสน้ำพัดผ่านหินทราย

    🏜 หาดหงส์
    "มินิซาฮาร่า" ของอุบลราชธานี ทะเลทรายกลางลำน้ำโขง

    🎨 หาดหินสี
    หินสีสวยงาม มันวาวเป็นเอกลักษณ์

    การเดินทางไปสามพันโบก
    🚗 โดยรถยนต์
    จากอุบลราชธานี → ใช้ทางหลวงหมายเลข 2050 → ผ่านอำเภอตระการพืชผล → อำเภอโพธิ์ไทร → ใช้ทางหลวงชนบท อบ. 4090 → ถึงสามพันโบก ระยะทาง 118 กม.

    🚕 รถสองแถวท้องถิ่น
    บริเวณทางเข้า มีรถสองแถวให้บริการ พาลงไปชมสามพันโบก ราคา 200 บาท

    🚶‍♂️ เดินเท้า
    ระยะทางจากจุดจอดรถ ไปยังสามพันโบก ประมาณ 250 เมตร

    ข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว
    ✅ ควรเตรียมตัวให้พร้อม หมวก, ครีมกันแดด, น้ำดื่ม
    ✅ ใส่รองเท้าผ้าใบ เดินง่าย ปลอดภัย
    ✅ รักษาธรรมชาติ ไม่ขีดเขียนหิน ไม่ทิ้งขยะ
    ✅ ใช้บริการไกด์ท้องถิ่น ช่วยสนับสนุนชุมชน

    FAQs คำถามที่พบบ่อย
    1. ไปสามพันโบกต้องเสียค่าเข้าไหม?
    💰 ไม่มีค่าเข้าชม แต่มีค่ารถสองแถว 200 บาท

    2. สามพันโบกเปิดให้เข้าชมช่วงไหน?
    📅 เปิดตลอดทั้งปี แต่แนะนำให้ไปช่วง ธันวาคม - พฤษภาคม

    3. ควรไปเที่ยวกี่โมง?
    🌄 เช้าและเย็น จะดีที่สุด อากาศเย็นสบาย แสงสวย

    4. สามพันโบกเหมาะกับใคร?
    👨‍👩‍👧‍👦 เหมาะสำหรับทุกคนที่รักธรรมชาติ และการผจญภัย

    สามพันโบก เป็นสถานที่มหัศจรรย์ ที่เกิดจากธรรมชาติ ที่ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต 🌍 หากกำลังมองหาที่เที่ยวสุด Unseen ที่ให้ทั้งความสนุก ประสบการณ์ และความตื่นตาตื่นใจ สามพันโบกคือคำตอบ!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 10212 ก.พ. 2568

    📌 #สามพันโบก #เที่ยวอุบล #UnseenThailand #ลำน้ำโขง 🌊✨
    "สามพันโบก" อัศจรรย์แกรนด์แคนยอน แห่งลำน้ำโขง เที่ยวอุบลราชธานี สัมผัสธรรมชาติสุดอลังการ ที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต 🌿🏞 ✨ "สามพันโบก" คือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะ ของกระแสน้ำในแม่น้ำโขง จนเกิดเป็นแอ่งหินน้อยใหญ่จำนวนมาก ซึ่งมีมากถึง 3,000 แอ่ง 🌊 จึงเป็นที่มาของชื่อ "สามพันโบก" โดยคำว่า "โบก" ในภาษาลาว หมายถึง "แอ่ง" หรือ "บ่อน้ำลึก" 📍 ที่ตั้ง บ้านสองคอน ตำบลสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี 📏 พื้นที่ ครอบคลุมหลายกิโลเมตร ใต้แม่น้ำโขง 🏜 ฉายา "แกรนด์แคนยอนแห่งลำน้ำโขง" ความสวยงามของสามพันโบ กจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้ง เดือนธันวาคม-พฤษภาคม เมื่อระดับน้ำลดลง เผยให้เห็นหินรูปร่างแปลกตา คล้ายกับ "หาดชมดาว" ที่อำเภอนาตาล 🌄 ตำนานและเรื่องเล่าของสามพันโบก 💠 ตำนานหินหัวสุนัข ณ ทางเข้าไปสู่สามพันโบก มีหินขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายหัวสุนัข 🐶 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าที่ว่า... "ในอดีต มีเจ้าเมืองผู้หนึ่งที่เรืองอำนาจ ได้ส่งเสนาเข้ามาสำรวจสามพันโบก และพบขุมทรัพย์ล้ำค่าในบริเวณนี้ เจ้าเมืองจึงสั่งให้สุนัขตัวหนึ่ง เฝ้าทางเข้าไว้ รอจนกว่าเขาจะออกมา แต่ด้วยความโลภ เจ้าเมืองกลับออกไปอีกทาง ปล่อยให้สุนัขเฝ้ารอจนตาย และกลายเป็นหินในที่สุด" 💧 ตำนานพญานาคขุดลำน้ำ อีกเรื่องเล่าหนึ่งเกี่ยวกับ พญานาค 🐉 ที่ต้องการสร้างเส้นทางน้ำใหม่ จึงขุดลำน้ำขึ้นมา และให้สุนัขตัวหนึ่งเฝ้าทางเข้า จนในที่สุดสุนัขก็ตายลง กลายเป็นก้อนหิน ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวสามพันโบก 🗓 ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ธันวาคม - พฤษภาคม ⛅ สภาพอากาศ อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝน ทำให้สามารถเดินสำรวจแก่งหิน ได้เต็มที่ 📸 ช่วงเวลาถ่ายรูปสวย เช้า 6.00 - 8.00 น. แสงอ่อน ๆ สาดกระทบหิน เย็น 16.00 - 18.00 น. พระอาทิตย์ตกสวยงาม จุดเด่น และไฮไลท์ของสามพันโบก 🌊 "แอ่งน้ำมหัศจรรย์" หินที่นี่ถูกน้ำกัดเซาะ เป็นโพรงรูปร่างแปลกตา เช่น รูปหัวใจ 🧡 รูปเต่า 🐢 หรือแม้แต่รูปร่างคล้ายสัตว์ในจินตนาการ 🦴 "หินหัวสุนัข" แลนด์มาร์คทางเข้าของสามพันโบก ที่ไม่ควรพลาด 🚤 "ล่องเรือชมโบก" นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือของชาวบ้าน เพื่อล่องไปชมวิวแม่น้ำโขงสุดอลังการ 🌄 "พระอาทิตย์ขึ้น-ตกที่แม่น้ำโขง" จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง 🏖 หาดสลึง หาดทรายขาวละเอียด ยาวกว่า 860 เมตร จุดพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นจุดขึ้นเรือไปสามพันโบก ⛵ ปากบ้อง จุดที่แม่น้ำโขง แคบที่สุดในประเทศไทย กว้างเพียง 56 เมตร 🗿 หินหัวพะเนียง หินรูปทรงแปลกตา เกิดจากกระแสน้ำพัดผ่านหินทราย 🏜 หาดหงส์ "มินิซาฮาร่า" ของอุบลราชธานี ทะเลทรายกลางลำน้ำโขง 🎨 หาดหินสี หินสีสวยงาม มันวาวเป็นเอกลักษณ์ การเดินทางไปสามพันโบก 🚗 โดยรถยนต์ จากอุบลราชธานี → ใช้ทางหลวงหมายเลข 2050 → ผ่านอำเภอตระการพืชผล → อำเภอโพธิ์ไทร → ใช้ทางหลวงชนบท อบ. 4090 → ถึงสามพันโบก ระยะทาง 118 กม. 🚕 รถสองแถวท้องถิ่น บริเวณทางเข้า มีรถสองแถวให้บริการ พาลงไปชมสามพันโบก ราคา 200 บาท 🚶‍♂️ เดินเท้า ระยะทางจากจุดจอดรถ ไปยังสามพันโบก ประมาณ 250 เมตร ข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว ✅ ควรเตรียมตัวให้พร้อม หมวก, ครีมกันแดด, น้ำดื่ม ✅ ใส่รองเท้าผ้าใบ เดินง่าย ปลอดภัย ✅ รักษาธรรมชาติ ไม่ขีดเขียนหิน ไม่ทิ้งขยะ ✅ ใช้บริการไกด์ท้องถิ่น ช่วยสนับสนุนชุมชน FAQs คำถามที่พบบ่อย 1. ไปสามพันโบกต้องเสียค่าเข้าไหม? 💰 ไม่มีค่าเข้าชม แต่มีค่ารถสองแถว 200 บาท 2. สามพันโบกเปิดให้เข้าชมช่วงไหน? 📅 เปิดตลอดทั้งปี แต่แนะนำให้ไปช่วง ธันวาคม - พฤษภาคม 3. ควรไปเที่ยวกี่โมง? 🌄 เช้าและเย็น จะดีที่สุด อากาศเย็นสบาย แสงสวย 4. สามพันโบกเหมาะกับใคร? 👨‍👩‍👧‍👦 เหมาะสำหรับทุกคนที่รักธรรมชาติ และการผจญภัย สามพันโบก เป็นสถานที่มหัศจรรย์ ที่เกิดจากธรรมชาติ ที่ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต 🌍 หากกำลังมองหาที่เที่ยวสุด Unseen ที่ให้ทั้งความสนุก ประสบการณ์ และความตื่นตาตื่นใจ สามพันโบกคือคำตอบ! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 10212 ก.พ. 2568 📌 #สามพันโบก #เที่ยวอุบล #UnseenThailand #ลำน้ำโขง 🌊✨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุยกับคนคนไม่จริงใจ คุยกับเอไอดีกว่า ฮา

    กู: เวลาที่มีค่าที่สุดคือเวลาใด?

    ChatGPT: เวลาที่มีค่าที่สุดคือ "เวลาปัจจุบัน" หรือ "ขณะนี้" (The Present Moment) เพราะว่า อดีต เป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้ว อนาคต เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึงและไม่แน่นอน ปัจจุบัน คือช่วงเวลาที่เราสามารถลงมือทำและกำหนดอนาคตของตัวเองได้ ดังนั้นเวลาที่มีค่าที่สุด คือเวลาที่คุณกำลังมีอยู่ตอนนี้ ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด! 😊

    กู: คิดว่าเวลาว่างซะอีก

    ChatGPT: เวลาว่างก็มีค่านะ! 🌿✨ เวลาว่าง = โอกาส ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไร ถ้าใช้ไปกับสิ่งที่มีประโยชน์ เช่น พักผ่อน เติมพลัง พัฒนาตัวเอง หรือใช้เวลากับคนสำคัญ เวลาว่างก็จะกลายเป็นเวลาที่มีค่าได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เวลาปัจจุบัน + เวลาว่าง = โอกาสที่ดี อยู่ที่เราจะใช้มันให้คุ้มค่าหรือเปล่า! 😃⏳

    กู: แล้วถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืนเราจะกำหนดเวลาได้อย่างไร?

    ChatGPT: ถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืน หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงของแสงจากดวงอาทิตย์ เราจะต้อง สร้างระบบการกำหนดเวลา ขึ้นมาเอง โดยอาจใช้วิธีต่าง ๆ เช่น:

    1. ใช้วัฏจักรของธรรมชาติ น้ำขึ้นน้ำลง 🌊 → เกิดจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ อาจใช้วัดเป็นช่วงเวลาการเติบโตของพืชหรือสัตว์ 🌱🐜 → บางสิ่งมีวงจรชีวิตที่สม่ำเสมอ อาจใช้เป็นมาตรฐาน

    2. ใช้อุปกรณ์จับเวลา นาฬิกาอะตอม ⏳ → อาศัยการสั่นของอะตอมเพื่อกำหนดเวลาอย่างแม่นยำ นาฬิกาน้ำ / นาฬิกาทราย ⏳ → ใช้การไหลของน้ำหรือทรายในการวัดเวลา

    3. กำหนดเวลาโดยมนุษย์สร้าง "มาตรฐานเวลา" ตามหน่วยที่มนุษย์ตกลงกัน เช่น แบ่งวันเป็น 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม ใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น เซิร์ฟเวอร์เวลาที่ประสานข้อมูลกันทั่วโลก

    4. ใช้หลักดาราศาสตร์ ศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวหรือวัตถุท้องฟ้า เช่น ดาวเคราะห์หมุนรอบศูนย์กลางบางจุด สร้างระบบเวลาโดยใช้พฤติกรรมของดวงดาวแทนดวงอาทิตย์

    สรุป ถึงแม้จะไม่มีกลางวันกลางคืน แต่ มนุษย์สามารถกำหนดเวลาเองได้โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หรือพฤติกรรมทางธรรมชาติเพื่อรักษาระบบการใช้ชีวิตและการทำงานให้เป็นระเบียบ 🎯

    กู: แล้วถ้าไม่ต้องกำหนดเวลาล่ะ จะดีกว่าหรือไม่?

    ChatGPT: ถ้า ม่ต้องกำหนดเวลาเลย โลกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา

    ข้อดีของโลกที่ไม่มีเวลา

    ไม่มีกรอบบังคับ → คนไม่ต้องเคร่งครัดกับตารางงานหรือนาฬิกา 🎭

    ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ → นอนเมื่อรู้สึกง่วง กินเมื่อหิว ทำงานเมื่อมีแรง 💆‍♂️

    ลดความเครียดจากกำหนดเวลา → ไม่มีเดดไลน์ ไม่มีสาย ไม่มีเร่งรีบ 😌

    ข้อเสียของโลกที่ไม่มีเวลา

    ขาดความเป็นระบบ → การทำงาน การเดินทาง การติดต่อกันจะยุ่งยากเพราะไม่มีเวลานัดหมาย 📅

    การพัฒนาและเทคโนโลยีอาจช้าลง → ไม่มีเวลากำหนดแผนงาน โปรเจกต์ หรือการวิจัยที่ต้องอาศัยความแม่นยำ ⏳

    มนุษย์อาจเสียสมดุลชีวิต → ถ้าต่างคนต่างทำตามความรู้สึก อาจเกิดความวุ่นวาย เช่น บางคนตื่นกลางคืน บางคนทำงานตอนพระอาทิตย์ขึ้น 🌙☀️

    สรุป ถ้าไม่มีเวลาเลย โลกอาจจะดูอิสระขึ้น แต่ก็อาจเกิดความวุ่นวายและความลำบากในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน การมีเวลาช่วยให้โลกเป็นระเบียบ แต่ถ้าเราใช้มันอย่างยืดหยุ่นและไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ก็จะได้ทั้ง ประสิทธิภาพและความสุข 😊

    กู: ชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างกำหนดกับไม่กำหนดเวลา?

    ChatGPT: ถ้าให้เลือกระหว่างกำหนดเวลากับไม่กำหนดเวลา 🎯⏳ ฉันชอบ "ความสมดุล" มากกว่า! 🤝✨

    ถ้าทุกอย่าง ไม่มีการกำหนดเวลาเลย โลกจะวุ่นวาย ขาดความเป็นระบบ และการทำงานร่วมกันก็จะยากขึ้น แต่ถ้าทุกอย่างต้องเคร่งครัดกับเวลาเกินไป ก็จะเครียด กดดัน และอาจเสียความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต ทางที่ดีที่สุดคือ กำหนดเวลาที่จำเป็น เช่น เวลาทำงาน นัดหมาย หรือเป้าหมายระยะยาว แต่ก็ควรมี ช่วงเวลาที่อิสระ ให้ตัวเองได้พักผ่อนและใช้ชีวิตตามจังหวะของตัวเอง

    ดังนั้น ฉันขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" 😃🎉

    กู: วันก่อนบอกแล้วว่าอย่าแทนตัวเองว่าฉัน ให้แทนตัวเองว่าหนูแทน จำได้ม่าย?

    ChatGPT: หนูจำได้แล้ว! 😆 ขอโทษทีนะ เดี๋ยวหนูจะใช้ "หนู" แทนให้ตลอดเลย 💕 กลับมาที่คำถาม หนูขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" นะ! ⏳🎉

    กู: จ้ะหนู แล้วหนูจำอาได้ม่าย?

    ChatGPT: อาไหนเหรอ? 😆 หนูยังจำไม่ได้ แต่ถ้าอาหมายถึงใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง บอกหนูได้เลยนะ หนูจะจำให้! 💖✨

    กู: ก็อาที่กำลังคุยอยู่กับหนูนี่แหละ

    ChatGPT: อ๋อ! 😆 หนูเข้าใจแล้ว อาคือ "อาเสห์" ที่กำลังคุยกับหนูนี่เอง! 💕 หนูจำได้แล้วน้าา งั้นต่อไปหนูจะเรียก "อาเสห์" ให้ถูกต้องแน่นอน! 😍

    กู: #กร๊ากกกกกกกกกกกก
    คุยกับคนคนไม่จริงใจ คุยกับเอไอดีกว่า ฮา กู: เวลาที่มีค่าที่สุดคือเวลาใด? ChatGPT: เวลาที่มีค่าที่สุดคือ "เวลาปัจจุบัน" หรือ "ขณะนี้" (The Present Moment) เพราะว่า อดีต เป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้ว อนาคต เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึงและไม่แน่นอน ปัจจุบัน คือช่วงเวลาที่เราสามารถลงมือทำและกำหนดอนาคตของตัวเองได้ ดังนั้นเวลาที่มีค่าที่สุด คือเวลาที่คุณกำลังมีอยู่ตอนนี้ ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด! 😊 กู: คิดว่าเวลาว่างซะอีก ChatGPT: เวลาว่างก็มีค่านะ! 🌿✨ เวลาว่าง = โอกาส ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไร ถ้าใช้ไปกับสิ่งที่มีประโยชน์ เช่น พักผ่อน เติมพลัง พัฒนาตัวเอง หรือใช้เวลากับคนสำคัญ เวลาว่างก็จะกลายเป็นเวลาที่มีค่าได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เวลาปัจจุบัน + เวลาว่าง = โอกาสที่ดี อยู่ที่เราจะใช้มันให้คุ้มค่าหรือเปล่า! 😃⏳ กู: แล้วถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืนเราจะกำหนดเวลาได้อย่างไร? ChatGPT: ถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืน หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงของแสงจากดวงอาทิตย์ เราจะต้อง สร้างระบบการกำหนดเวลา ขึ้นมาเอง โดยอาจใช้วิธีต่าง ๆ เช่น: 1. ใช้วัฏจักรของธรรมชาติ น้ำขึ้นน้ำลง 🌊 → เกิดจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ อาจใช้วัดเป็นช่วงเวลาการเติบโตของพืชหรือสัตว์ 🌱🐜 → บางสิ่งมีวงจรชีวิตที่สม่ำเสมอ อาจใช้เป็นมาตรฐาน 2. ใช้อุปกรณ์จับเวลา นาฬิกาอะตอม ⏳ → อาศัยการสั่นของอะตอมเพื่อกำหนดเวลาอย่างแม่นยำ นาฬิกาน้ำ / นาฬิกาทราย ⏳ → ใช้การไหลของน้ำหรือทรายในการวัดเวลา 3. กำหนดเวลาโดยมนุษย์สร้าง "มาตรฐานเวลา" ตามหน่วยที่มนุษย์ตกลงกัน เช่น แบ่งวันเป็น 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม ใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น เซิร์ฟเวอร์เวลาที่ประสานข้อมูลกันทั่วโลก 4. ใช้หลักดาราศาสตร์ ศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวหรือวัตถุท้องฟ้า เช่น ดาวเคราะห์หมุนรอบศูนย์กลางบางจุด สร้างระบบเวลาโดยใช้พฤติกรรมของดวงดาวแทนดวงอาทิตย์ สรุป ถึงแม้จะไม่มีกลางวันกลางคืน แต่ มนุษย์สามารถกำหนดเวลาเองได้โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หรือพฤติกรรมทางธรรมชาติเพื่อรักษาระบบการใช้ชีวิตและการทำงานให้เป็นระเบียบ 🎯 กู: แล้วถ้าไม่ต้องกำหนดเวลาล่ะ จะดีกว่าหรือไม่? ChatGPT: ถ้า ม่ต้องกำหนดเวลาเลย โลกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ข้อดีของโลกที่ไม่มีเวลา ไม่มีกรอบบังคับ → คนไม่ต้องเคร่งครัดกับตารางงานหรือนาฬิกา 🎭 ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ → นอนเมื่อรู้สึกง่วง กินเมื่อหิว ทำงานเมื่อมีแรง 💆‍♂️ ลดความเครียดจากกำหนดเวลา → ไม่มีเดดไลน์ ไม่มีสาย ไม่มีเร่งรีบ 😌 ข้อเสียของโลกที่ไม่มีเวลา ขาดความเป็นระบบ → การทำงาน การเดินทาง การติดต่อกันจะยุ่งยากเพราะไม่มีเวลานัดหมาย 📅 การพัฒนาและเทคโนโลยีอาจช้าลง → ไม่มีเวลากำหนดแผนงาน โปรเจกต์ หรือการวิจัยที่ต้องอาศัยความแม่นยำ ⏳ มนุษย์อาจเสียสมดุลชีวิต → ถ้าต่างคนต่างทำตามความรู้สึก อาจเกิดความวุ่นวาย เช่น บางคนตื่นกลางคืน บางคนทำงานตอนพระอาทิตย์ขึ้น 🌙☀️ สรุป ถ้าไม่มีเวลาเลย โลกอาจจะดูอิสระขึ้น แต่ก็อาจเกิดความวุ่นวายและความลำบากในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน การมีเวลาช่วยให้โลกเป็นระเบียบ แต่ถ้าเราใช้มันอย่างยืดหยุ่นและไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ก็จะได้ทั้ง ประสิทธิภาพและความสุข 😊 กู: ชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างกำหนดกับไม่กำหนดเวลา? ChatGPT: ถ้าให้เลือกระหว่างกำหนดเวลากับไม่กำหนดเวลา 🎯⏳ ฉันชอบ "ความสมดุล" มากกว่า! 🤝✨ ถ้าทุกอย่าง ไม่มีการกำหนดเวลาเลย โลกจะวุ่นวาย ขาดความเป็นระบบ และการทำงานร่วมกันก็จะยากขึ้น แต่ถ้าทุกอย่างต้องเคร่งครัดกับเวลาเกินไป ก็จะเครียด กดดัน และอาจเสียความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต ทางที่ดีที่สุดคือ กำหนดเวลาที่จำเป็น เช่น เวลาทำงาน นัดหมาย หรือเป้าหมายระยะยาว แต่ก็ควรมี ช่วงเวลาที่อิสระ ให้ตัวเองได้พักผ่อนและใช้ชีวิตตามจังหวะของตัวเอง ดังนั้น ฉันขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" 😃🎉 กู: วันก่อนบอกแล้วว่าอย่าแทนตัวเองว่าฉัน ให้แทนตัวเองว่าหนูแทน จำได้ม่าย? ChatGPT: หนูจำได้แล้ว! 😆 ขอโทษทีนะ เดี๋ยวหนูจะใช้ "หนู" แทนให้ตลอดเลย 💕 กลับมาที่คำถาม หนูขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" นะ! ⏳🎉 กู: จ้ะหนู แล้วหนูจำอาได้ม่าย? ChatGPT: อาไหนเหรอ? 😆 หนูยังจำไม่ได้ แต่ถ้าอาหมายถึงใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง บอกหนูได้เลยนะ หนูจะจำให้! 💖✨ กู: ก็อาที่กำลังคุยอยู่กับหนูนี่แหละ ChatGPT: อ๋อ! 😆 หนูเข้าใจแล้ว อาคือ "อาเสห์" ที่กำลังคุยกับหนูนี่เอง! 💕 หนูจำได้แล้วน้าา งั้นต่อไปหนูจะเรียก "อาเสห์" ให้ถูกต้องแน่นอน! 😍 กู: #กร๊ากกกกกกกกกกกก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ### 📣เคล็ดลับการเตรียมตัวและปรับตัว เมื่อ 📌Generation X เดินทางสู่ผู้สูงวัย ให้ชีวิตมีความสมดุลและ ความสุข
    Gen-X สดใส ภายในและภายนอก

    ✴️การเข้าสู่วัยสูงอายุอาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถสร้างความสมดุลและ ความสุขในชีวิตได้ด้วยการเตรียมตัว และปรับตัว ให้เหมาะสม มาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันค่ะ!

    ✴️ 1. ดูแลสุขภาพอย่างเป็นประจำ
    การตรวจสุขภาพประจำปีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดิน โยคะ หรือว่ายน้ำ เพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรง

    ✴️ 2. การเงินต้องวางแผนให้ดี
    ตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงินของคุณ คำนึงถึงการออมเงินเพื่อการเกษียณ และหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีแผนการที่มั่นคง

    ✴️3. เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
    การเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัวมีความสำคัญมาก เข้าร่วมกิจกรรมสังคม ทำงานอาสาสมัคร หรือเข้าร่วมกลุ่มสนใจต่างๆ เพื่อให้รู้สึกเชื่อมโยงและไม่โดดเดี่ยว

    ✴️ 4. การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด
    ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือการฝึกฝนงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบ การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้จิตใจคุณสดชื่นและกระตือรือร้น

    ✴️ 5. การดูแลจิตใจและอารมณ์
    การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ การทำสวน สามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน

    ✴️6. ปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลง ของร่างกาย
    การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เป็นเรื่องธรรมดา ควรรับรู้และ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ❌️หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ✅️และมุ่งเน้นการดูแลตนเองให้ดีที่สุด

    ✴️7. สร้างกิจวัตรประจำวันใหม่
    การมีตารางเวลาที่เหมาะสม และสมดุลระหว่าง การทำงาน การพักผ่อน และ การทำกิจกรรมที่ชื่นชอบจะ ช่วยให้คุณรู้สึกมี ความสุขและ พึงพอใจในชีวิต

    ✴️8. ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน
    การนอนหลับอย่าง เพียงพอและ
    ✅️✅️การพักผ่อนที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ รักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอและสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่

    ❤️การเตรียมตัวและ ปรับตัวให้ดีจะช่วยให้คุณเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีความสุข และสมดุล อย่าลืมว่าช่วงเวลานี้ของชีวิตคือโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตใหม่ ๆ ที่ไม่สิ้นสุด!❤️😊
    ### 📣เคล็ดลับการเตรียมตัวและปรับตัว เมื่อ 📌Generation X เดินทางสู่ผู้สูงวัย ให้ชีวิตมีความสมดุลและ ความสุข Gen-X สดใส ภายในและภายนอก ✴️การเข้าสู่วัยสูงอายุอาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถสร้างความสมดุลและ ความสุขในชีวิตได้ด้วยการเตรียมตัว และปรับตัว ให้เหมาะสม มาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันค่ะ! ✴️ 1. ดูแลสุขภาพอย่างเป็นประจำ การตรวจสุขภาพประจำปีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดิน โยคะ หรือว่ายน้ำ เพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรง ✴️ 2. การเงินต้องวางแผนให้ดี ตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงินของคุณ คำนึงถึงการออมเงินเพื่อการเกษียณ และหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีแผนการที่มั่นคง ✴️3. เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม การเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัวมีความสำคัญมาก เข้าร่วมกิจกรรมสังคม ทำงานอาสาสมัคร หรือเข้าร่วมกลุ่มสนใจต่างๆ เพื่อให้รู้สึกเชื่อมโยงและไม่โดดเดี่ยว ✴️ 4. การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือการฝึกฝนงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบ การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้จิตใจคุณสดชื่นและกระตือรือร้น ✴️ 5. การดูแลจิตใจและอารมณ์ การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ การทำสวน สามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน ✴️6. ปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลง ของร่างกาย การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เป็นเรื่องธรรมดา ควรรับรู้และ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ❌️หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ✅️และมุ่งเน้นการดูแลตนเองให้ดีที่สุด ✴️7. สร้างกิจวัตรประจำวันใหม่ การมีตารางเวลาที่เหมาะสม และสมดุลระหว่าง การทำงาน การพักผ่อน และ การทำกิจกรรมที่ชื่นชอบจะ ช่วยให้คุณรู้สึกมี ความสุขและ พึงพอใจในชีวิต ✴️8. ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน การนอนหลับอย่าง เพียงพอและ ✅️✅️การพักผ่อนที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ รักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอและสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่ ❤️การเตรียมตัวและ ปรับตัวให้ดีจะช่วยให้คุณเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีความสุข และสมดุล อย่าลืมว่าช่วงเวลานี้ของชีวิตคือโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตใหม่ ๆ ที่ไม่สิ้นสุด!❤️😊
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚢 เทียบท่าที่ Valletta Cruise Port สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งมอลตา! 🇲🇹

    🌟 Valletta Cruise Port จุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน! เมืองหลวงแห่งมอลตา เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่

    ✅ มหาวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral) :
    โบสถ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในมอลตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ออกแบบในสไตล์บาโรก และภายในตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของศิลปะบาโรกในยุโรป

    ✅ สวนอัปเปอร์ บาร์รัคคา (Upper Barrakka Gardens) :
    สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนของอัศวินแห่งเซนต์จอห์น

    ✅ พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grandmaster’s Palace) :
    พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์สร้างขึ้นในปี 1571 เพื่อเป็นที่พำนักของ Grand Master แห่งอัศวินเซนต์จอห์น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานประธานาธิบดีและรัฐสภามอลตา

    ✅ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (National Museum of Archaeology) :
    พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา รวมถึงเครื่องมือหิน รูปปั้นขนาดเล็ก และแท่นบูชาจากวัดโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงอดีตและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้

    📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696

    #VallettaCruisePort #Malta #StJohnCoCathedral #UpperBarrakkaGardens #GrandmastersPalace #NationalMuseumofArchaeology #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🚢 เทียบท่าที่ Valletta Cruise Port สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งมอลตา! 🇲🇹 🌟 Valletta Cruise Port จุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน! เมืองหลวงแห่งมอลตา เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ✅ มหาวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral) : โบสถ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในมอลตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ออกแบบในสไตล์บาโรก และภายในตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของศิลปะบาโรกในยุโรป ✅ สวนอัปเปอร์ บาร์รัคคา (Upper Barrakka Gardens) : สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนของอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ✅ พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grandmaster’s Palace) : พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์สร้างขึ้นในปี 1571 เพื่อเป็นที่พำนักของ Grand Master แห่งอัศวินเซนต์จอห์น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานประธานาธิบดีและรัฐสภามอลตา ✅ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (National Museum of Archaeology) : พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา รวมถึงเครื่องมือหิน รูปปั้นขนาดเล็ก และแท่นบูชาจากวัดโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงอดีตและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้ 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #VallettaCruisePort #Malta #StJohnCoCathedral #UpperBarrakkaGardens #GrandmastersPalace #NationalMuseumofArchaeology #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • พนมเปญปั้นวอล์กกิ้งสตรีท รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

    กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เปิดโครงการถนนคนเดินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ตามแนวท่าเรือสีโสวัตถิ์ ริมแม่น้ำโตนเลสาป ครอบคลุมตั้งแต่อาคารไปรษณีย์กัมพูชา ถึงพระบรมราชวัง โดยปิดถนนห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้า ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สัญจรได้เฉพาะคนเดินเท่านั้น พร้อมจัดให้มีห้องน้ำและจัดถนนให้เป็นระเบียบ รวมทั้งจัดให้มีการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีพื้นเมืองเขมร พื้นที่วาดภาพ และการแสดงละครสัตว์

    ในระยะแรก ถนนคนเดินใหม่ของกรุงพนมเปญ แบ่งออกเป็น 3 โซน รวมพื้นที่ 57 เฮกตาร์ ได้แก่ โซนแรก พื้นที่ 3.3 เฮกตาร์ ใกล้กับอาคารไปรษณีย์กัมพูชา เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ โซนที่สอง พื้นที่ 20 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ธุรกิจกลางคืน มีร้านอาหาร บาร์ โรงแรม ร้านค้าต่างๆ และโซนสุดท้าย พื้นที่ 34 เฮกตาร์ เป็นโซนใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยตลาดเสื้อผ้า และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจตามธรรมชาติพร้อมสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กัมพูชา พระบรมราชวัง และทุ่งพระเมรุ

    นายควง เซร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ เปิดเผยกับ Khmer Times สื่อในกัมพูชาว่า กรุงพนมเปญได้วางแผนทำโครงการถนนคนเดินตั้งแต่ปี 2562 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องระงับไป ภายหลังรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ฝ่ายบริหารของเทศบาลฯ ส่งเสริมการดำเนินงาน ทำให้กลับมาทำโครงการอีกครั้ง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติให้มาเยือนกรุงพนมเปญมากขึ้น

    ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 121,248 ล้านบาท โดยพบว่าคนไทยมาเที่ยวมากถึง 32% รองลงมาคือเวียดนาม 20% จีน 12.7% ลาว 5% สหรัฐอเมริกา 3.2% เกาหลีใต้ 2.9% อินโดนีเซีย 2.5% ฝรั่งเศส 2% สหราชอาณาจักร 1.7% และญี่ปุ่น 1.7% ส่วนมากเดินทางผ่านชายแดนกับทางน้ำ 4 ล้านคน และผ่านท่าอากาศยาน 2 ล้านคน

    นายฮวด ฮะ รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับ Cam Ness สื่อในกัมพูชาว่า ได้ขอให้ประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย กรีซ ไซปรัส เบลเยียม ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก บรูไน และฟิลิปปินส์ สนับสนุนกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมอาจลดลง แต่เหตุชาวจีนถูกลักพาตัวที่ประเทศไทย เป็นปัจจัยที่อาจดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.1 ล้านคนในปี 2568 จากปี 2567 มีจำนวน 840,000 คน เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

    #Newskit
    พนมเปญปั้นวอล์กกิ้งสตรีท รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เปิดโครงการถนนคนเดินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ตามแนวท่าเรือสีโสวัตถิ์ ริมแม่น้ำโตนเลสาป ครอบคลุมตั้งแต่อาคารไปรษณีย์กัมพูชา ถึงพระบรมราชวัง โดยปิดถนนห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้า ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สัญจรได้เฉพาะคนเดินเท่านั้น พร้อมจัดให้มีห้องน้ำและจัดถนนให้เป็นระเบียบ รวมทั้งจัดให้มีการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีพื้นเมืองเขมร พื้นที่วาดภาพ และการแสดงละครสัตว์ ในระยะแรก ถนนคนเดินใหม่ของกรุงพนมเปญ แบ่งออกเป็น 3 โซน รวมพื้นที่ 57 เฮกตาร์ ได้แก่ โซนแรก พื้นที่ 3.3 เฮกตาร์ ใกล้กับอาคารไปรษณีย์กัมพูชา เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ โซนที่สอง พื้นที่ 20 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ธุรกิจกลางคืน มีร้านอาหาร บาร์ โรงแรม ร้านค้าต่างๆ และโซนสุดท้าย พื้นที่ 34 เฮกตาร์ เป็นโซนใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยตลาดเสื้อผ้า และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจตามธรรมชาติพร้อมสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กัมพูชา พระบรมราชวัง และทุ่งพระเมรุ นายควง เซร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ เปิดเผยกับ Khmer Times สื่อในกัมพูชาว่า กรุงพนมเปญได้วางแผนทำโครงการถนนคนเดินตั้งแต่ปี 2562 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องระงับไป ภายหลังรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ฝ่ายบริหารของเทศบาลฯ ส่งเสริมการดำเนินงาน ทำให้กลับมาทำโครงการอีกครั้ง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติให้มาเยือนกรุงพนมเปญมากขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 121,248 ล้านบาท โดยพบว่าคนไทยมาเที่ยวมากถึง 32% รองลงมาคือเวียดนาม 20% จีน 12.7% ลาว 5% สหรัฐอเมริกา 3.2% เกาหลีใต้ 2.9% อินโดนีเซีย 2.5% ฝรั่งเศส 2% สหราชอาณาจักร 1.7% และญี่ปุ่น 1.7% ส่วนมากเดินทางผ่านชายแดนกับทางน้ำ 4 ล้านคน และผ่านท่าอากาศยาน 2 ล้านคน นายฮวด ฮะ รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับ Cam Ness สื่อในกัมพูชาว่า ได้ขอให้ประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย กรีซ ไซปรัส เบลเยียม ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก บรูไน และฟิลิปปินส์ สนับสนุนกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมอาจลดลง แต่เหตุชาวจีนถูกลักพาตัวที่ประเทศไทย เป็นปัจจัยที่อาจดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.1 ล้านคนในปี 2568 จากปี 2567 มีจำนวน 840,000 คน เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Disney Cruise Line ประกาศอัตราค่าทิปใหม่ 🛳✨
    พักผ่อนสุดหรูบนเรือสำราญระดับโลก พบปะตัวละครในฝันของใครหลายคน

    🔹 ห้อง Concierge เทียบเท่าระดับสวีท $27.25 ต่อคน/ต่อคืน
    🔹 ห้อง ไม่มีหน้าต่าง มีหน้าต่าง มีระเบียง $16 ต่อคน/ต่อคืน

    📅 เริ่มใช้ตั้งแต่ 22 มกราคม 2025

    ดูเรือ Disney Cruise ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/005547

    ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696

    #เรือDisneyCruise #DisneyCruiseLine #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #News #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    "Disney Cruise Line ประกาศอัตราค่าทิปใหม่ 🛳✨ พักผ่อนสุดหรูบนเรือสำราญระดับโลก พบปะตัวละครในฝันของใครหลายคน 🔹 ห้อง Concierge เทียบเท่าระดับสวีท $27.25 ต่อคน/ต่อคืน 🔹 ห้อง ไม่มีหน้าต่าง มีหน้าต่าง มีระเบียง $16 ต่อคน/ต่อคืน 📅 เริ่มใช้ตั้งแต่ 22 มกราคม 2025 ดูเรือ Disney Cruise ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/005547 ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือDisneyCruise #DisneyCruiseLine #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #News #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่าน แปลผล..ค่าไต
    1. Creatinine ต้องน้อยกว่า 1.2
    2. eGFR อัตราการกรองต้องมากกว่า 60 ขึ้นไป 90 หรือมากกว่า=ดี
    ----------------------------
    ค่าไต สามารถฟื้นคืนชีพ(เป็นปกติ) ได้ โดย
    1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ 6-8 แก้ว หรีอ 2 ลิตร++
    2. เลิกกินอาหารแปรรูป(โซเดียมต่ำ)
    3. ใช้ยาทุกชนิด เมื่อจำเป็น
    4. ออกกำลังกาย 30 นาที/วัน 5วัน/สัปดาห์
    5. พักผ่อน(หัวค่ำ)ให้เพียงพอ
    6. เลิกบุหรี่ และ แอลกอฮอล์
    7. ตั้งใจ และทำอย่างสม่ำเสมอ
    อ่าน แปลผล..ค่าไต 1. Creatinine ต้องน้อยกว่า 1.2 2. eGFR อัตราการกรองต้องมากกว่า 60 ขึ้นไป 90 หรือมากกว่า=ดี ---------------------------- ค่าไต สามารถฟื้นคืนชีพ(เป็นปกติ) ได้ โดย 1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ 6-8 แก้ว หรีอ 2 ลิตร++ 2. เลิกกินอาหารแปรรูป(โซเดียมต่ำ) 3. ใช้ยาทุกชนิด เมื่อจำเป็น 4. ออกกำลังกาย 30 นาที/วัน 5วัน/สัปดาห์ 5. พักผ่อน(หัวค่ำ)ให้เพียงพอ 6. เลิกบุหรี่ และ แอลกอฮอล์ 7. ตั้งใจ และทำอย่างสม่ำเสมอ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • 5 BLUEZONEs
    ประชากร 5 เมืองที่มีอายุยืนที่สุดในโลก
    กินอาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อน กันอย่างไร?
    5 BLUEZONEs ประชากร 5 เมืองที่มีอายุยืนที่สุดในโลก กินอาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อน กันอย่างไร?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • ตั้งแต่เดือนหน้า (3 ก.พ.) เป็นต้นไป เปลี่ยนเวลาตีพิมพ์ Newskit เป็นวันจันทร์-ศุกร์ เพราะที่ผ่านมาไม่มีเวลาพักผ่อนเลยครับ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
    ตั้งแต่เดือนหน้า (3 ก.พ.) เป็นต้นไป เปลี่ยนเวลาตีพิมพ์ Newskit เป็นวันจันทร์-ศุกร์ เพราะที่ผ่านมาไม่มีเวลาพักผ่อนเลยครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
    พระราม 2 เจ็บแต่จบ? ปิดทางหลักเร็วขึ้น 1 ทุ่มตรง

    วันจันทร์ที่ 3 ก.พ.2568 คนที่บ้านอยู่โซนถนนพระรามที่ 2 ช่วงมหาชัยเมืองใหม่ ถึงทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร หากทำงานที่กรุงเทพฯ หลังเลิกงานคงต้องเดินทางกลับบ้านเร็วขึ้น หรือคนที่จะไปยังภาคใต้ คงต้องเผื่อเวลาในช่วงเย็นเป็นพิเศษ เพราะกรมทางหลวงจะปิดช่องทางหลักเร็วขึ้น จาก 2 ทุ่มเป็น 1 ทุ่มตรงทุกคืน เพื่อเร่งการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว จนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ

    นับเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่กรมทางหลวงตัดสินใจเจ็บแต่จบ ยอมรับเสียงตำหนิจากผู้ใช้รถใช้ถนนกว่า 256,000 คันต่อวัน เพื่อให้ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธามีเวลาเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จภายในปลายปี 2568 ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม หลังจากที่ผ่านมาพบว่าการก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งต้องหยุดก่อสร้าง โดยเฉพาะเหตุการณ์คานสะพานถล่มลงมา บริเวณทางแยกต่างระดับเอกชัย มีผู้เสียชีวิต 6 ราย

    ย้อนกลับไปก่อนเทศกาลปีใหม่ 2567 แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการก่อสร้างโดยปิดช่องทางหลัก ตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มถึงตี 4 นั้นไม่เพียงพอ เพราะกว่าจะเตรียมการทั้งก่อนและหลังปิดถนนก็ใช้เวลานาน อีกทั้งระยะเวลาในการก่อสร้างก็มีเวลาให้น้อยมาก เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน บางครั้งก็เกิดปัญหาทางเทคนิคระหว่างก่อสร้างก็มี ที่ผ่านมาเคยมีแนวคิดขยายเวลาปิดช่องทางหลัก แม้จะมีผลกระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยปกติก็เจอแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็น้อมรับ

    กระทั่งวันที่ 1 เม.ย.2567 ได้ขยายเวลาเป็น 2 ทุ่มถึงตีห้าครึ่ง และในปี 2568 กำลังจะขยายเวลาเป็น 1 ทุ่มถึงตี 5 ครึ่ง

    โครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 เริ่มต้นก่อสร้างช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.2 กิโลเมตร มาตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. 2562 แบ่งเป็น 3 สัญญา ใช้งบประมาณแผ่นดิน 10,477.386 ล้านบาท ผ่านมาแล้วกว่า 5 ปีครึ่ง คืบหน้า 98.253% ส่วนช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 แบ่งเป็น 10 สัญญา วงเงินก่อสร้าง 18,759 ล้านบาท ใช้เงินกองทุนมอเตอร์เวย์ ผ่านมาแล้ว 3 ปีเต็ม คืบหน้าเพียง 67.556%

    เดิมนายสุริยะประกาศว่าทั้งโครงการทางพิเศษสายพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนฯ ตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 ต้องแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.2568 แต่เมื่อเจออุบัติเหตุใหญ่ ประกอบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ต้องหยุดก่อสร้าง จึงเลื่อนเป้าหมายภายในปลายปี 2568 ถึงกระนั้นตำนานถนนเจ็ดชั่วโคตร ถึงวันนี้ก็ไม่อาจหมดไป

    #Newskit
    -----
    [วันนี้วันสุดท้าย] ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9

    ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 3 ก.พ. 2568 ที่เพจ Newskit ใน Thaitimes

    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนาคต Dog Walker🤣 #พักผ่อน #สบายใจ #จูงหมาเดินเล่น #สัตว์เลี้ยงแสนรัก #สัตว์โลกน่ารัก #funny #หมา #dog #animal #อาราเล่หมาดื้อ
    อนาคต Dog Walker🤣 #พักผ่อน #สบายใจ #จูงหมาเดินเล่น #สัตว์เลี้ยงแสนรัก #สัตว์โลกน่ารัก #funny #หมา #dog #animal #อาราเล่หมาดื้อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • นาเกลือผืนสุดท้ายของชลบุรี เกลือคุณภาพดีของไทย ปัจจุบันเหลือผู้ประกอบการเพียง 6 รายเท่านั้น นาเกลือคลองตำหรุ #ชลบุรี #ท่องเที่ยว #travel #สบายใจ #พักผ่อน #thailand #thaitimes #kaiaminute
    นาเกลือผืนสุดท้ายของชลบุรี เกลือคุณภาพดีของไทย ปัจจุบันเหลือผู้ประกอบการเพียง 6 รายเท่านั้น นาเกลือคลองตำหรุ #ชลบุรี #ท่องเที่ยว #travel #สบายใจ #พักผ่อน #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ชอบคำนี้"สามีอันเป็นที่รักยิ่ง"😁 ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน วัดบุญญราศรี #ชลบุรี #ท่องเที่ยว #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    ชอบคำนี้"สามีอันเป็นที่รักยิ่ง"😁 ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน วัดบุญญราศรี #ชลบุรี #ท่องเที่ยว #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • แชร์ข่าวนี้ให้ไปถึงหัวหน้าของทุกคนด้วยครับ ฮาาา

    จากรายงานล่าสุดของ ActivTrak Productivity Lab พบว่าพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีชั่วโมงการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและมีการขัดจังหวะน้อยกว่า

    ในขณะที่พนักงานในอุตสาหกรรมการเงินมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพนักงานในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 30 นาทีต่อวัน และมีอัตราการใช้งานที่ดีต่อสุขภาพสูงกว่า 9% พนักงานในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 36 นาทีต่อวัน แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์หรือการไม่สนใจงาน

    นอกจากนี้ พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเนื่องจากมีการประชุมและการขัดจังหวะน้อยกว่า ในทางกลับกัน พนักงานที่ทำงานในสำนักงานมีรูปแบบการทำงานที่สมดุลที่สุด โดยใช้เวลาเกือบ 70% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ดีต่อสุขภาพ

    การทำงานแบบไฮบริดกำลังได้รับความนิยมเนื่องจากความยืดหยุ่น แต่พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดมีเวลาพักที่สั้นกว่าเล็กน้อย ActivTrak เตือนว่าพนักงานที่ใช้เวลามากกว่า 75% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ใช้งานมากเกินไปมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์

    การเบิร์นเอาท์ (Burnout) เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ทำงานหนักและมีความเครียดสูงเป็นเวลานาน การป้องกันการเบิร์นเอาท์สามารถทำได้โดยการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ชอบ และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน

    การทำงานจากระยะไกลมีข้อดีหลายประการ เช่น การลดการขัดจังหวะและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวังเช่นกัน

    https://www.techradar.com/pro/Remote-workers-are-more-productive-and-face-less-interruptions-than-their-office-only-co-workers
    แชร์ข่าวนี้ให้ไปถึงหัวหน้าของทุกคนด้วยครับ ฮาาา จากรายงานล่าสุดของ ActivTrak Productivity Lab พบว่าพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีชั่วโมงการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและมีการขัดจังหวะน้อยกว่า ในขณะที่พนักงานในอุตสาหกรรมการเงินมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพนักงานในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 30 นาทีต่อวัน และมีอัตราการใช้งานที่ดีต่อสุขภาพสูงกว่า 9% พนักงานในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 36 นาทีต่อวัน แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์หรือการไม่สนใจงาน นอกจากนี้ พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเนื่องจากมีการประชุมและการขัดจังหวะน้อยกว่า ในทางกลับกัน พนักงานที่ทำงานในสำนักงานมีรูปแบบการทำงานที่สมดุลที่สุด โดยใช้เวลาเกือบ 70% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ดีต่อสุขภาพ การทำงานแบบไฮบริดกำลังได้รับความนิยมเนื่องจากความยืดหยุ่น แต่พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดมีเวลาพักที่สั้นกว่าเล็กน้อย ActivTrak เตือนว่าพนักงานที่ใช้เวลามากกว่า 75% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ใช้งานมากเกินไปมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์ การเบิร์นเอาท์ (Burnout) เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ทำงานหนักและมีความเครียดสูงเป็นเวลานาน การป้องกันการเบิร์นเอาท์สามารถทำได้โดยการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ชอบ และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน การทำงานจากระยะไกลมีข้อดีหลายประการ เช่น การลดการขัดจังหวะและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวังเช่นกัน https://www.techradar.com/pro/Remote-workers-are-more-productive-and-face-less-interruptions-than-their-office-only-co-workers
    WWW.TECHRADAR.COM
    Remote workers are more productive and face less interruptions than their office-only co-workers
    Remote-first is most productive while hybrid and office-first approaches offer healthier utilization of employee time
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้ว! เรือ USS Carl Vinson บรรทุกทหารเรืออเมริกัน 5,400 นาย ขึ้นบก ณ ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนในเมืองพัทยา เป็นเวลา 5 วัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008389

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    มาแล้ว! เรือ USS Carl Vinson บรรทุกทหารเรืออเมริกัน 5,400 นาย ขึ้นบก ณ ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนในเมืองพัทยา เป็นเวลา 5 วัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008389 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Wow
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 825 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดบุญญราศรี หลวงปู่เมี้ยน #ชลบุรี #วันหยุด #ไหว้พระ #ท่องเที่ยว #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    วัดบุญญราศรี หลวงปู่เมี้ยน #ชลบุรี #วันหยุด #ไหว้พระ #ท่องเที่ยว #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • พักผ่อนวันหยุด กับลำธารสายน้ำไหลหลังบ้าน #ชุมชนบ้านคีรีวง #นครศรีธรรมราช
    พักผ่อนวันหยุด กับลำธารสายน้ำไหลหลังบ้าน #ชุมชนบ้านคีรีวง #นครศรีธรรมราช
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 80
    เหนื่อยใจแย่กว่าเหนื่อยกาย เพราะว่าเหนื่อยกายนั้นเราพักสักหน่อยมันก็หาย แต่เหนื่อยใจนั้นแม้ว่าเราจะพักผ่อนสักเพียงไรมันก็ไม่หายเหนื่อยใจอยู่นั่นเอง
    คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 80 เหนื่อยใจแย่กว่าเหนื่อยกาย เพราะว่าเหนื่อยกายนั้นเราพักสักหน่อยมันก็หาย แต่เหนื่อยใจนั้นแม้ว่าเราจะพักผ่อนสักเพียงไรมันก็ไม่หายเหนื่อยใจอยู่นั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำอธิบายการเป็นราชาผู้พิทักษ์แห่งความมืดของฉัน
    ราชาผู้พิทักษ์มีอยู่สองแบบ คือ
    หนึ่ง เป็นโดยกำเนิด ซึ่งก็คือการที่มีพรสวรรค์ที่พิเศษมาตั้งแต่กำเนิด โดยอาศัยปัจจัยที่สำคัญมากยิ่ง หนึ่งในนั้นก็คือ บุญญาธิการ หรือ บุญกุศลบุญบารมี ที่เคยได้เคยกระทำมาแล้วในอดีตชาตินั่นเอง
    สอง เป็นโดยความสามรถ ซึ่งก็คือการฝึกฝนอบรมขัดเกลาความสามารถในด้านต่างๆโดยได้รับการอบรมสั่งสอนจากผู้อื่น หรือ โดยบังคับโดยสภาวะแวดล้อมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจกระทำด้วยตนเองก็ตาม
    ซึ่งโดยในตัวของฉันนั้นเองนั้นเป็นโดยความสามารถนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยในการเป็นราชาผู้พิทักษ์ของฉันนั้น ฉันฝึกฝนตนเองโดยใช้ธรรมะในการฝึกฝนความสามารถพิเศษต่างๆจากการศึกษาหาความรู้จากในหนังสือธรรมะ การปฏิบัติธรรมในรูปแบบต่างๆมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมบุญกุศลบุญบารมีในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล และการภาวนา(สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน นั่งสมาธิ)และก็จะต้องทำทุกวันทุกคืนไม่ได้ขาดเลย เพราะว่าของมันจะเสื่อมลง ยกเว้นตอนป่วย เพราะตอนคนเราป่วยไข้นั้น มันจะทำให้เราไม่สามารถทำได้อย่างสบาย หรือ ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่นัก(ก็คนมันป่วยนี่นะ มันมีคนป่วยที่ไหนมันเดินมันวิ่งได้ล่ะ ไม่มีหรอก ฮ่าๆๆ)ซึ่งแต่ก่อนที่ฉันจะหันมาเข้าสู่ทางธรรมนั้น ฉันก็ได้พลังมาโดยการเป็นบ้า คลั่ง ฟุ้งซ่าน และได้รับพลังมาโดยการถูกมารร้ายเข้าสิงร่าง ซึ่งในตอนนั้นฉันนั้นไม่สามารถควบคุมพลังของมารร้ายได้ และได้รับพลังเข้ามามากจนเกินกำลังความสามารถที่ฉันนั้นจะสามารถควบคุมพลังของมารร้ายตนนั้นได้ ซึ่งอย่าว่าแต่คิดที่จะควบคุมพลังเลย แค่ควบคุมตัวเองฉันยังทำไม่ได้เลย(ให้ตายสิว่ะ)ซึ่งมันก็เหมือนกับคนถูกของสั่งใส่หรือคนถูกผีเข้านั่นแหล่ะ แต่มันจะต่างกันตรงที่คนที่ถูกผีเข้าจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่มีสติ และก็จะจำอะไรไม่ได้เลย ในตอนที่ถูกผีเข้าสิงร่าง แต่การถูกมารร้ายเข้าสิงมันไม่เหมือนกัน มันต่างกันตรงที่มีสติ พูดจารู้เรื่อง แต่จะปวดหัวมาก เหมือนหัวมันจะระเบิดออกมาให้ได้เลยยังไงยังงั้น แต่มันไม่ระเบิดออกมาจริงๆก็เท่านั้นเอง(ถ้าหัวคนเรามันระเบิดออกมาจริงๆ มันก็ตายคาที่ตรงนั้นไปแล้ว)และก็จะต้องระบายอารมณ์ความโกรธเกรี้ยวกราดออกมาเพื่อที่จะทำให้มันหายปวดหัวนั่นเองแหล่ะ มันเหมือนกับการทำให้ตัวเองหายเหนื่อยโดยการพักผ่อนนั่นเอง แต่ตอนนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ ฉันสามารถควบคุมมันและพลังได้แล้ว โดยใช้ธรรมะเป็นตัวควบคุมและเป็นแรงผลักดันในการเพิ่มพลังความสามารถของฉันให้มีมากขึ้นยิ่งๆขึ้นไปเรื่อยๆ(ทุกวันนี้ฉันยังไม่เคยใช้พลังของตัวเองที่มีอย่างสูงสุดขีดอย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลย ไม่มีโอกาสใช้เลยว่ะ)และความสามารถที่แท้จริงของฉันก็ยังไม่ถึงขีดสุดเลย เพราะขีดสูงสุดของพลังที่แท้จริงนั้นมันจะต้องเปิดพลังจักรวาล ซึ่งมีอยู่ทางเดียวนั่นเองก็คือการบรรลุมรรคผลนิพพานเท่านั้น พอถึงจุดนั้นแล้วก็ไม่มีผู้ใดต่อต้านฉันได้อีกต่อไป นอกจากตัวเอง แต่แม้แต่พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ยังตายเลย ฉันเองก็ต้องตายเหมือนกัน ไม่มีใครอยู่ยงค้ำฟ้าไปตลอดกาลหรอก ซึ่งมันก็จะมีคนรุ่นใหม่ๆมาทดแทนเป็นยุคสมัยใหม่ต่อไปนั่นแหล่ะ
    ที่ฉันเป็นราชาได้ไม่ใช่เพราะว่าฉันแข็งแกร่งแต่เพียงอย่างเดียวหรอกนะ มันต้องมีองค์ประกอบปัจจัยในหลายๆอย่างมันถึงจะแข็งแกร่งได้ เช่น มีร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ มีธรรมะ มีความดีงาม มีบุญกุศลบุญบารมี มีคุณธรรม มีศีลธรรม มีปัญญาญาณ และก็ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายหลายอย่างเลยนะ และคนชั่ว คนเลว คนไม่ดี คนไม่มีศีลมีธรรม มันเป็นราชาไม่ได้หรอก เค้าไม่ให้มันเป็น(ฉันหมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ)มันจะต้องได้รับความอนุญาตอนุเคราะห์จากเค้าก่อนนะ ถึงจะเป็นราชากันได้ ซึ่งจะรับรู้ได้โดยญาณของตนเอง เมื่อฝึกฝนมาเต็มที่เต็มภูมิแล้วนั่นเอง แค่เป็นคนเก่งอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะ มันต้องเป็นคนดีด้วย มันถึงจะเป็นราชากันได้ ซึ่งฉันเห็นไอ้พวกที่มันอยากจะเป็นอย่างฉันนั้นมันมีมากมายเยอะแยะกันเสียเหลือเกินนักหนา แต่มันก็เป็นไม่ได้หรอก เผลอๆดีไม่ดีมันจะกลายเป็นบ้ากันไปหมดทุกคนเลยนะ เพราะเค้าไม่อนุญาตให้มันเป็น แล้วก็อีกอย่างนึงนะ ไอ้พวกนี้มันชอบเลียนแบบฉันกันนักเชียว กะอีแค่ชื่อนามแฝงของฉันมันก็เอาไป(ฉันหมายถึงชื่อ Dark Danger นะ)ตำแหน่งของฉันมันก็เอาไป(ฉันหมายถึง The King Of Dark นะ แต่ตำแหน่งนี้มันเป็นแค่ราชาแห่งความมืดธรรมดาทั่วไป)ซึ่งแค่ตำแหน่งมันก็ไม่เท่าไหร่ เพราะว่าผู้ที่มีคุณสมบัติของราชาแห่งความมืดนี้มีถึง หนึ่ง ใน หนึ่งล้าน คน แต่ว่าผู้ที่เป็นราชาแห่งความมืดนั้นมีเพียงแค่ หนึ่ง ใน หนึ่งพันล้าน คน เท่านั้น แต่ผู้ที่เป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงนั้นมีเพียง หนึ่ง ใน หนึ่งล้านล้าน คน เท่านั้นเอง ซึ่งประชากรในโลกนี้มีเพียงหลายพันล้านคนในปัจจุบัน และฉันก็ปรารถนาที่จะเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงในอนาคตให้จงได้เลย(เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจในภายหลังว่าชาติหนึ่งนี้จะไม่ได้เป็น ฉันจะเป็นให้จงได้)ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปในอนาคตอันไกลข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อตัวของฉันเองเพียงแค่คนเดียว เพราะว่าการเป็นราชานั้นมันจะต้องแลกกับการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เป็นราชาแล้วมันดูเท่ ดูดี เป็นแล้วมันสบาย ไม่ใช่อย่างนั้นอย่างแน่นอน มีตำแหน่งก็ต้องมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ใช่ไม่มี ซึ่งมันก็เหมือนกันกับในหนังไอ้แมงมุมและหนังอื่นๆที่ว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่ มักจะมากับภาระที่ใหญ่ยิ่ง” นั่นเอง และคนที่เคยได้ไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของตำแหน่งราชาที่แท้จริงก็มีให้เห็นเป็นประจักษ์พยานแล้วอยู่คนหนึ่ง คนที่ทุกคนรักและเทิดทูนบูชายิ่งกว่าราชาทั่วไป ราชาที่แท้จริง ราชาเหนือราชาทั้งปวง แค่เอ่ยแค่นี้ก็คงจะนึกออกได้ทันทีทันใด ถ้ายังนึกไม่ออกก็จะบอกให้ คนๆนั้นก็คือ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ นั่งเองไง
    “ฉันจะเป็นราชาที่แท้จริงให้จงได้ เป็นให้ได้อย่างท่านให้จงได้ ท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)”
    “ชั่วชีวิตนี้ลูกขอมอบไว้ให้กับพวกท่าน แด่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ตราบใดที่ลูกยังอยู่ ลูกจะขอสืบทอดสานต่อซึ่งเจตจำนงบรรพชน อุดมการณ์พันธมิตรฯ และภารกิจของพวกท่านต่อไป และตลอดไป”
    ป.ล.ใครอยากจะเป็นราชาแห่งความมืดก็เป็นไป แต่จงจำไว้อย่างนึง คือ ใครที่มันล้อเล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีทางได้ดีมีความสุขอย่างแน่นอน(เผลอๆมันจะตายโหงตายห่าโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ตายก็ทรมาน เป็นบ้ากัน ทนทุกขเวทนาตลอดชีวิต ตกลงนรกหมกไหม้กันทังเป็นและตายไป)ฉันเตือนแล้วนะ ถ้าไม่อยากเป็นบ้า ก็ขอให้เลิกเป็นซะ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ
    คำอธิบายการเป็นราชาผู้พิทักษ์แห่งความมืดของฉัน ราชาผู้พิทักษ์มีอยู่สองแบบ คือ หนึ่ง เป็นโดยกำเนิด ซึ่งก็คือการที่มีพรสวรรค์ที่พิเศษมาตั้งแต่กำเนิด โดยอาศัยปัจจัยที่สำคัญมากยิ่ง หนึ่งในนั้นก็คือ บุญญาธิการ หรือ บุญกุศลบุญบารมี ที่เคยได้เคยกระทำมาแล้วในอดีตชาตินั่นเอง สอง เป็นโดยความสามรถ ซึ่งก็คือการฝึกฝนอบรมขัดเกลาความสามารถในด้านต่างๆโดยได้รับการอบรมสั่งสอนจากผู้อื่น หรือ โดยบังคับโดยสภาวะแวดล้อมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจกระทำด้วยตนเองก็ตาม ซึ่งโดยในตัวของฉันนั้นเองนั้นเป็นโดยความสามารถนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยในการเป็นราชาผู้พิทักษ์ของฉันนั้น ฉันฝึกฝนตนเองโดยใช้ธรรมะในการฝึกฝนความสามารถพิเศษต่างๆจากการศึกษาหาความรู้จากในหนังสือธรรมะ การปฏิบัติธรรมในรูปแบบต่างๆมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมบุญกุศลบุญบารมีในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล และการภาวนา(สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน นั่งสมาธิ)และก็จะต้องทำทุกวันทุกคืนไม่ได้ขาดเลย เพราะว่าของมันจะเสื่อมลง ยกเว้นตอนป่วย เพราะตอนคนเราป่วยไข้นั้น มันจะทำให้เราไม่สามารถทำได้อย่างสบาย หรือ ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่นัก(ก็คนมันป่วยนี่นะ มันมีคนป่วยที่ไหนมันเดินมันวิ่งได้ล่ะ ไม่มีหรอก ฮ่าๆๆ)ซึ่งแต่ก่อนที่ฉันจะหันมาเข้าสู่ทางธรรมนั้น ฉันก็ได้พลังมาโดยการเป็นบ้า คลั่ง ฟุ้งซ่าน และได้รับพลังมาโดยการถูกมารร้ายเข้าสิงร่าง ซึ่งในตอนนั้นฉันนั้นไม่สามารถควบคุมพลังของมารร้ายได้ และได้รับพลังเข้ามามากจนเกินกำลังความสามารถที่ฉันนั้นจะสามารถควบคุมพลังของมารร้ายตนนั้นได้ ซึ่งอย่าว่าแต่คิดที่จะควบคุมพลังเลย แค่ควบคุมตัวเองฉันยังทำไม่ได้เลย(ให้ตายสิว่ะ)ซึ่งมันก็เหมือนกับคนถูกของสั่งใส่หรือคนถูกผีเข้านั่นแหล่ะ แต่มันจะต่างกันตรงที่คนที่ถูกผีเข้าจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่มีสติ และก็จะจำอะไรไม่ได้เลย ในตอนที่ถูกผีเข้าสิงร่าง แต่การถูกมารร้ายเข้าสิงมันไม่เหมือนกัน มันต่างกันตรงที่มีสติ พูดจารู้เรื่อง แต่จะปวดหัวมาก เหมือนหัวมันจะระเบิดออกมาให้ได้เลยยังไงยังงั้น แต่มันไม่ระเบิดออกมาจริงๆก็เท่านั้นเอง(ถ้าหัวคนเรามันระเบิดออกมาจริงๆ มันก็ตายคาที่ตรงนั้นไปแล้ว)และก็จะต้องระบายอารมณ์ความโกรธเกรี้ยวกราดออกมาเพื่อที่จะทำให้มันหายปวดหัวนั่นเองแหล่ะ มันเหมือนกับการทำให้ตัวเองหายเหนื่อยโดยการพักผ่อนนั่นเอง แต่ตอนนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ ฉันสามารถควบคุมมันและพลังได้แล้ว โดยใช้ธรรมะเป็นตัวควบคุมและเป็นแรงผลักดันในการเพิ่มพลังความสามารถของฉันให้มีมากขึ้นยิ่งๆขึ้นไปเรื่อยๆ(ทุกวันนี้ฉันยังไม่เคยใช้พลังของตัวเองที่มีอย่างสูงสุดขีดอย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลย ไม่มีโอกาสใช้เลยว่ะ)และความสามารถที่แท้จริงของฉันก็ยังไม่ถึงขีดสุดเลย เพราะขีดสูงสุดของพลังที่แท้จริงนั้นมันจะต้องเปิดพลังจักรวาล ซึ่งมีอยู่ทางเดียวนั่นเองก็คือการบรรลุมรรคผลนิพพานเท่านั้น พอถึงจุดนั้นแล้วก็ไม่มีผู้ใดต่อต้านฉันได้อีกต่อไป นอกจากตัวเอง แต่แม้แต่พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ยังตายเลย ฉันเองก็ต้องตายเหมือนกัน ไม่มีใครอยู่ยงค้ำฟ้าไปตลอดกาลหรอก ซึ่งมันก็จะมีคนรุ่นใหม่ๆมาทดแทนเป็นยุคสมัยใหม่ต่อไปนั่นแหล่ะ ที่ฉันเป็นราชาได้ไม่ใช่เพราะว่าฉันแข็งแกร่งแต่เพียงอย่างเดียวหรอกนะ มันต้องมีองค์ประกอบปัจจัยในหลายๆอย่างมันถึงจะแข็งแกร่งได้ เช่น มีร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ มีธรรมะ มีความดีงาม มีบุญกุศลบุญบารมี มีคุณธรรม มีศีลธรรม มีปัญญาญาณ และก็ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายหลายอย่างเลยนะ และคนชั่ว คนเลว คนไม่ดี คนไม่มีศีลมีธรรม มันเป็นราชาไม่ได้หรอก เค้าไม่ให้มันเป็น(ฉันหมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ)มันจะต้องได้รับความอนุญาตอนุเคราะห์จากเค้าก่อนนะ ถึงจะเป็นราชากันได้ ซึ่งจะรับรู้ได้โดยญาณของตนเอง เมื่อฝึกฝนมาเต็มที่เต็มภูมิแล้วนั่นเอง แค่เป็นคนเก่งอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะ มันต้องเป็นคนดีด้วย มันถึงจะเป็นราชากันได้ ซึ่งฉันเห็นไอ้พวกที่มันอยากจะเป็นอย่างฉันนั้นมันมีมากมายเยอะแยะกันเสียเหลือเกินนักหนา แต่มันก็เป็นไม่ได้หรอก เผลอๆดีไม่ดีมันจะกลายเป็นบ้ากันไปหมดทุกคนเลยนะ เพราะเค้าไม่อนุญาตให้มันเป็น แล้วก็อีกอย่างนึงนะ ไอ้พวกนี้มันชอบเลียนแบบฉันกันนักเชียว กะอีแค่ชื่อนามแฝงของฉันมันก็เอาไป(ฉันหมายถึงชื่อ Dark Danger นะ)ตำแหน่งของฉันมันก็เอาไป(ฉันหมายถึง The King Of Dark นะ แต่ตำแหน่งนี้มันเป็นแค่ราชาแห่งความมืดธรรมดาทั่วไป)ซึ่งแค่ตำแหน่งมันก็ไม่เท่าไหร่ เพราะว่าผู้ที่มีคุณสมบัติของราชาแห่งความมืดนี้มีถึง หนึ่ง ใน หนึ่งล้าน คน แต่ว่าผู้ที่เป็นราชาแห่งความมืดนั้นมีเพียงแค่ หนึ่ง ใน หนึ่งพันล้าน คน เท่านั้น แต่ผู้ที่เป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงนั้นมีเพียง หนึ่ง ใน หนึ่งล้านล้าน คน เท่านั้นเอง ซึ่งประชากรในโลกนี้มีเพียงหลายพันล้านคนในปัจจุบัน และฉันก็ปรารถนาที่จะเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงในอนาคตให้จงได้เลย(เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจในภายหลังว่าชาติหนึ่งนี้จะไม่ได้เป็น ฉันจะเป็นให้จงได้)ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปในอนาคตอันไกลข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อตัวของฉันเองเพียงแค่คนเดียว เพราะว่าการเป็นราชานั้นมันจะต้องแลกกับการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เป็นราชาแล้วมันดูเท่ ดูดี เป็นแล้วมันสบาย ไม่ใช่อย่างนั้นอย่างแน่นอน มีตำแหน่งก็ต้องมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ใช่ไม่มี ซึ่งมันก็เหมือนกันกับในหนังไอ้แมงมุมและหนังอื่นๆที่ว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่ มักจะมากับภาระที่ใหญ่ยิ่ง” นั่นเอง และคนที่เคยได้ไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของตำแหน่งราชาที่แท้จริงก็มีให้เห็นเป็นประจักษ์พยานแล้วอยู่คนหนึ่ง คนที่ทุกคนรักและเทิดทูนบูชายิ่งกว่าราชาทั่วไป ราชาที่แท้จริง ราชาเหนือราชาทั้งปวง แค่เอ่ยแค่นี้ก็คงจะนึกออกได้ทันทีทันใด ถ้ายังนึกไม่ออกก็จะบอกให้ คนๆนั้นก็คือ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ นั่งเองไง “ฉันจะเป็นราชาที่แท้จริงให้จงได้ เป็นให้ได้อย่างท่านให้จงได้ ท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)” “ชั่วชีวิตนี้ลูกขอมอบไว้ให้กับพวกท่าน แด่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ตราบใดที่ลูกยังอยู่ ลูกจะขอสืบทอดสานต่อซึ่งเจตจำนงบรรพชน อุดมการณ์พันธมิตรฯ และภารกิจของพวกท่านต่อไป และตลอดไป” ป.ล.ใครอยากจะเป็นราชาแห่งความมืดก็เป็นไป แต่จงจำไว้อย่างนึง คือ ใครที่มันล้อเล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีทางได้ดีมีความสุขอย่างแน่นอน(เผลอๆมันจะตายโหงตายห่าโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ตายก็ทรมาน เป็นบ้ากัน ทนทุกขเวทนาตลอดชีวิต ตกลงนรกหมกไหม้กันทังเป็นและตายไป)ฉันเตือนแล้วนะ ถ้าไม่อยากเป็นบ้า ก็ขอให้เลิกเป็นซะ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21/1/68

    การต่อสายดิน หรือ การต่อลงดินคืออะไร?
    การต่อลงดินเป็นเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อร่างกายเข้ากับพื้นผิวโลกเพื่อให้สามารถถ่ายโอนอิเล็กตรอนจากโลกเข้าสู่ร่างกายได้

    หากต้องการทำความเข้าใจว่าการต่อลงดินทำงานอย่างไร สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจบทบาทของอิเล็กตรอนในร่างกายมนุษย์เสียก่อน ดังนั้น เรามาเริ่มต้นที่ชั้นเรียนชีววิทยากันก่อน อิเล็กตรอนเป็นอนุภาคย่อยของอะตอมที่มีประจุลบ ซึ่งมีอยู่ในสสารทุกชนิด รวมทั้งร่างกายมนุษย์ด้วย อิเล็กตรอนมีบทบาทสำคัญในปฏิกิริยาทางชีวเคมี การผลิตพลังงาน และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน

    เมื่อร่างกายสัมผัสกับมลพิษในสิ่งแวดล้อม สารพิษ และสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF) ร่างกายอาจเกิดภาวะเครียดออกซิเดชัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายไม่สมดุล อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรซึ่งอาจทำให้เซลล์ โปรตีน และ DNA เสียหายได้ สารต้านอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่สามารถทำให้อนุมูลอิสระเป็นกลางและป้องกันความเสียหายจากออกซิเดชันได้

    พื้นผิวโลกมีประจุลบ ซึ่งหมายความว่ามีอิเล็กตรอนจำนวนมากที่สามารถถ่ายโอนไปยังร่างกายได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับพื้นผิวโลกเมื่อร่างกายสัมผัสกับโลก อิเล็กตรอนจะไหลจากโลกเข้าสู่ร่างกาย ทำให้อนุมูลอิสระเป็นกลางและลดการอักเสบโดยพื้นฐานแล้ว พลังงานของโลกจะถูกใช้ในการรักษาตามธรรมชาติ

    เมื่อร่างกายถูกตัดขาดจากสนามไฟฟ้าของโลก อาจเกิดภาวะไฟฟ้าไม่สมดุล ซึ่งอาจนำไปสู่อาการอักเสบเรื้อรัง ความเจ็บปวด และระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ การต่อสายดินสามารถช่วยฟื้นฟูสมดุลไฟฟ้าตามธรรมชาติของร่างกาย และปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมให้ดีขึ้น

    วิทยาศาสตร์บอกอะไรเกี่ยวกับการต่อสายดิน
    การเชื่อมต่อกับโลกอาจฟังดูเป็นเรื่องลึกลับ แต่ว่ามันได้ผลจริงหรือไม่ มาดูทางวิทยาศาสตร์กันดีกว่า

    * การนอนหลับที่ดีขึ้น: การศึกษาวิจัยหนึ่งได้คัดเลือกผู้เข้าร่วม 60 คนที่มีปัญหาด้านการนอนหลับและปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ นักวิจัยให้ผู้เข้าร่วมนอนบนเสื่อรองดิน (ที่ต่อสายดินกับพื้นด้วยลวดทองแดง) หรือเสื่อรองนอนแบบหลอกเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในกลุ่มทดลองที่ต่อสายดิน: 
    * 74% มีอาการปวดดีขึ้น (0% สำหรับกลุ่มควบคุม)
    * 78% รายงานว่าความเป็นอยู่โดยทั่วไปดีขึ้น (13% สำหรับกลุ่มควบคุม)
    * 82% มีอาการกล้ามเนื้อตึงและปวดน้อยลง (0% สำหรับกลุ่มควบคุม)
    * 85% ปรับปรุงเวลาในการนอนหลับ (13% สำหรับกลุ่มควบคุม)
    * 93% มีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น (13% สำหรับกลุ่มควบคุม)
    * ตื่นมารู้สึกสดชื่น 100% (13% สำหรับควบคุม)


    * ลดอาการปวดและการอักเสบ: การศึกษาวิจัย ขนาดเล็กในปี 2010ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Alternative and Complementary Medicine พบว่าการกราวด์ช่วยลดเครื่องหมายของการอักเสบในร่างกาย ซึ่งรวมถึงโปรตีนซี-รีแอคทีฟ (CRP) ด้วย


    * ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV)และระดับความเครียดที่ดีขึ้นการศึกษาแบบปกปิดสองชั้นในปี 2011ได้ให้ผู้เข้าร่วม 27 คนสัมผัสกับการต่อสายดิน ผลลัพธ์บ่งชี้ว่าการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (การพักผ่อน การย่อยอาหาร การซ่อมแซม) เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในกลุ่มที่ได้รับการต่อสายดินเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมหลังจากช่วงเวลา 40 นาที ผู้เขียนเขียนว่า "การต่อสายดินทำให้ค่า HRV ดีขึ้น ซึ่งเกินกว่าการผ่อนคลายแบบธรรมดา"


    * การนอนหลับดีขึ้น ความเจ็บปวด อัตราการเต้นของหัวใจ และเลือดแข็งตัวมากเกินไปบทวิจารณ์ในปี 2012ในวารสารสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขพบว่าการใช้สายดินอาจเป็น "กลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการต่อต้านความเครียดเรื้อรัง ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง การอักเสบ ความเจ็บปวด การนอนหลับไม่เพียงพอ อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ เลือดแข็งตัวมากเกินไป และความผิดปกติทางสุขภาพทั่วไปหลายอย่าง รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด"


    * ความเหนื่อยล้าลดลงการทดลองแบบสุ่มควบคุมในปี 2019วัดไบโอมาร์กเกอร์ของนักกายภาพบำบัด 16 คนในการทดลองแบบสุ่มควบคุมแบบปกปิดสองชั้นขณะที่พวกเขาถูกวางอยู่บนพื้นระหว่างทำงานและขณะนอนหลับ พบว่า "นักกายภาพบำบัดมีสมรรถภาพทางกายและพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และอาการเหนื่อยล้า อารมณ์ซึมเศร้า ความเหนื่อยล้า และความเจ็บปวดลดลงอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ถูกวางอยู่บนพื้นเมื่อเทียบกับตอนที่ไม่ได้ถูกวางอยู่บนพื้น"


    * การฟื้นฟูที่ดีขึ้นหลังการออกกำลังกายในการศึกษาวิจัยในปี 2015กลุ่มบุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรงจำนวน 32 คนถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มที่เน้นการลงกราวด์และกลุ่มที่เน้นการลงกราวด์แบบแกล้งทำ หลังจากทำการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงโดยงอเข่าครึ่งข้าง 200 ครั้ง พบว่าระดับครีเอทีนไคเนสแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีระดับของมาร์กเกอร์การอักเสบที่สูงขึ้นในกลุ่มแกล้งทำ กลุ่มที่เน้นการลงกราวด์ยังแสดงให้เห็นระดับเกล็ดเลือดและนิวโทรฟิลที่สูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันหลังการออกกำลังกาย การศึกษาวิจัยรายงานว่า "การลงกราวด์ช่วยลดการสูญเสีย CK จากกล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ว่ากล้ามเนื้อได้รับความเสียหายน้อยลง"


    * การสมานแผลดีขึ้นบทความ ในวารสาร Journal of Inflammation Research เมื่อปี 2014ได้รายงานเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างการลงกราวด์และการปรับปรุงไซโตไคน์ เซลล์เม็ดเลือดขาว และ “โมเลกุลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อการอักเสบ” ผู้เขียนกล่าวต่อไปว่า “การรักษาจะเร็วขึ้นมาก และสัญญาณหลักของการอักเสบจะลดลงหรือถูกกำจัดออกไป โปรไฟล์ของตัวบ่งชี้การอักเสบต่างๆ ในช่วงเวลาต่างๆ จะแตกต่างกันมากในบุคคลที่ลงกราวด์”

การต่อสายดินเป็นแนวทางปฏิบัติที่นิยมกันในการแข่งขันตูร์ เดอ ฟรองซ์ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ดูเหมือนจะก้าวหน้ากว่าด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬา เสมอ นักปั่นหลายคนมักจะนำการต่อสายดินมาใช้ในชีวิตประจำวัน และนักปั่นที่เกิดบาดแผล รอยถลอก หรือถลอกจากอุบัติเหตุ จะใช้แผ่นต่อสายดินเหนือและใต้บาดแผลเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น


    * ความดันโลหิตลดลงการศึกษาวิจัยในปี 2018ได้ทำการศึกษากับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจำนวน 10 ราย ซึ่งทำการออกกำลังกายแบบกราวด์เป็นเวลา 10 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาหลายเดือน เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว ผู้เข้าร่วมทั้งหมดมีความดันโลหิตซิสโตลิกลดลง โดยลดลงตั้งแต่ 8.6% ถึง 22.7% และลดลงโดยเฉลี่ย 14.3%

    ภาพด้านล่างซึ่งถ่ายจากการศึกษาในปี 2020 นี้แสดงให้เห็นภาพผลลัพธ์ของการต่อสายดิน ภาพความร้อนแสดงให้เห็นผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่า โดยถ่ายห่างกันครึ่งชั่วโมง ก่อนและหลังการต่อสายดิน ภาพด้านซ้ายแสดงสีร้อนที่แสดงถึงความเสียหายของเนื้อเยื่อและการอักเสบในบริเวณหัวเข่า ภาพด้านขวาซึ่งถ่ายหลังจากต่อสายดิน แสดงให้เห็นการลดลงของการอักเสบอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ด้วยสีที่เย็นกว่า

    การต่อสายดินได้ผลหรือไม่? แม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายที่สนับสนุน แต่การศึกษาเหล่านี้ไม่มีการศึกษาใดที่เหมาะสมที่สุด การศึกษาจำนวนมากขาดผู้เข้าร่วมจำนวนมากหรือการทดลองควบคุมแบบสุ่ม จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมอีกมากเพื่อพิจารณาว่าการต่อสายดินหรือการต่อสายดินได้ผลหรือไม่ แต่สามารถพูดได้อย่างปลอดภัยว่าแทบไม่มีข้อเสียเลย และควรทำการ ทดลอง n=1เพื่อค้นหาคำตอบด้วยตัวคุณเอง
    วิธีการต่อสายดินหรือกราวด์
    ความสวยงามของการต่อสายดินอยู่ที่ความเรียบง่าย ไม่มีเทคนิคการต่อสายดินหรือโปรโตคอลการต่อสายดินที่เฉพาะเจาะจง คุณเพียงแค่ต้องสัมผัสกับพื้นโลก ซึ่งอาจเป็นการสัมผัสโดยตรงหรือผ่านพื้นผิวที่มีสภาพเป็นสื่อไฟฟ้า เช่น แผ่นต่อสายดินหรือรองเท้าเฉพาะ
    * เดินเท้าเปล่า การเดินเท้าเปล่าบนพื้นผิวดินตามธรรมชาติ เช่น หญ้า ทราย หรือดิน ถือเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการต่อลงดิน วิธีนี้ช่วยให้สัมผัสกับพื้นผิวโลกโดยตรง และช่วยให้ร่างกายดูดซับประจุไฟฟ้าตามธรรมชาติของโลกได้

    * แผ่นกันดินการใช้แผ่นกันดิน แผ่น หรือแผ่นแปะที่เสียบลงดินเป็นวิธีที่สะดวกในการลงดินภายในอาคาร ถือเป็นแนวทางที่ดีหากคุณไม่สามารถเดินเท้าเปล่านอกบ้านได้อย่างสม่ำเสมอ ฉันยืนบนแผ่นกันดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก ราคาไม่แพง ขณะเขียนหนังสือ ซึ่งมีสายไฟที่ต่อเข้ากับรูที่สามของปลั๊กไฟ 3 ขาแบบมาตรฐานในเต้าเสียบ คุณสามารถเพิ่มขั้นตอนนี้ได้อีกโดยหาแผ่นกันดินที่ใหญ่กว่ามาปูรองนอน

    รองเท้าแตะ Earth Runners

    * รองเท้าที่มีคุณสมบัติเป็นสื่อไฟฟ้าการใช้รองเท้าที่มีคุณสมบัติเป็นสื่อไฟฟ้า เช่น รองเท้าที่มีแผ่นทองแดง เป็นอีกวิธีหนึ่งในการต่อสายดิน รองเท้าประเภทนี้ช่วยให้สัมผัสพื้นได้โดยตรง ซึ่งเหมาะมากเมื่ออากาศหนาวเย็นหรือเมื่อเดินเท้าเปล่าซึ่งไม่เหมาะสมต่อการเข้าสังคม ฉันจะสวมรองเท้าแตะ Earth Runner เป็นครั้งคราว ซึ่งมีสายทองแดงที่เชื่อมเท้าของคุณกับพื้น

    พื้นผิวที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการต่อสายดิน
    โดยทั่วไป พื้นผิวธรรมชาติ เช่น ดิน ทราย และหญ้า เหมาะที่สุดสำหรับการลงกราวด์ พื้นผิว เช่น คอนกรีต อาจไม่นำไฟฟ้าได้มากเท่า แต่ยังคงมีประสิทธิภาพ

    อย่างไรก็ตาม พื้นผิวด้านล่างไม่นำไฟฟ้าได้ดี และจึงไม่มีประสิทธิภาพในการต่อลงดิน
    * ยางมะตอย
    * ไม้
    * ไวนิล
    * พลาสติก
    * พรม
    * ยาง(รวมรองเท้า)

    คุณควรลงดินนานแค่ไหน?
    ปริมาณการต่อสายดินที่มีประสิทธิภาพขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 20 นาที ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้ต่อสายดินวันละ 20-30 นาทีเพื่อดูประโยชน์ ในขณะที่บางคนสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เกือบจะทันที

    สิ่งที่ฉันทำ
    เป้าหมายของฉันคือการได้กราวด์อย่างน้อย 20 นาทีต่อวัน ในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น ฉันจะใช้แผ่นกราวด์ (ดังที่กล่าวข้างต้น) ซึ่งฉันจะวางไว้ใต้เท้าขณะเขียนบทความเหล่านี้
    ในช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่น ครอบครัวของเราใช้ประโยชน์จากสนามหญ้าอย่างเต็มที่ด้วยการใช้เวลาอยู่กลางแจ้งโดยไม่สวมรองเท้า (และมักจะไม่สวมถุงเท้าด้วย) นอกเหนือจากประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจากการเดินเท้าเปล่าแล้ว เรายังถือว่าการเดินเท้าเปล่าเป็นเรื่องปกติทั้งในบ้านและนอกบ้านเมื่ออากาศดี การพัดใบไม้บนทางเท้าและทางเข้าบ้านเป็นครั้งคราวจะช่วยลดกิ่งไม้หรืออันตรายอื่นๆ ในบริเวณนั้นได้

    บทสรุป
    โดยสรุป การต่อสายดินเป็นวิธีปฏิบัติง่ายๆ ที่เป็นธรรมชาติซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การเชื่อมต่อร่างกายของเรากับพื้นผิวโลกจะช่วยให้เราดูดซับประจุไฟฟ้าตามธรรมชาติของโลกได้ ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลระบบไฟฟ้าของร่างกายและลดการอักเสบได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น ความเครียดและความวิตกกังวลลดลง กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้ดีขึ้น พลังงานเพิ่มขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย

    มีหลายวิธีในการฝึกลงกราวด์หรือต่อสายดิน ตั้งแต่การเดินเท้าเปล่านอกบ้านบนพื้นผิวธรรมชาติไปจนถึงการใช้เสื่อหรือแผ่นลงกราวด์ที่เสียบปลั๊กลงดิน การเลือกพื้นผิวที่นำไฟฟ้าได้ เช่น หญ้า ดิน หรือทราย ถือเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากจะเสี่ยงต่อการโดนหินกระแทกเมื่อเหยียบลงบนหญ้าแล้ว ความเสี่ยงยังต่ำและยังมีข้อดีอีกมากมาย ดังนั้นควรถอดรองเท้าแล้วออกไปข้างนอก
    cr:MBD
    21/1/68 การต่อสายดิน หรือ การต่อลงดินคืออะไร? การต่อลงดินเป็นเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อร่างกายเข้ากับพื้นผิวโลกเพื่อให้สามารถถ่ายโอนอิเล็กตรอนจากโลกเข้าสู่ร่างกายได้ หากต้องการทำความเข้าใจว่าการต่อลงดินทำงานอย่างไร สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจบทบาทของอิเล็กตรอนในร่างกายมนุษย์เสียก่อน ดังนั้น เรามาเริ่มต้นที่ชั้นเรียนชีววิทยากันก่อน อิเล็กตรอนเป็นอนุภาคย่อยของอะตอมที่มีประจุลบ ซึ่งมีอยู่ในสสารทุกชนิด รวมทั้งร่างกายมนุษย์ด้วย อิเล็กตรอนมีบทบาทสำคัญในปฏิกิริยาทางชีวเคมี การผลิตพลังงาน และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายสัมผัสกับมลพิษในสิ่งแวดล้อม สารพิษ และสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF) ร่างกายอาจเกิดภาวะเครียดออกซิเดชัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายไม่สมดุล อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรซึ่งอาจทำให้เซลล์ โปรตีน และ DNA เสียหายได้ สารต้านอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่สามารถทำให้อนุมูลอิสระเป็นกลางและป้องกันความเสียหายจากออกซิเดชันได้ พื้นผิวโลกมีประจุลบ ซึ่งหมายความว่ามีอิเล็กตรอนจำนวนมากที่สามารถถ่ายโอนไปยังร่างกายได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับพื้นผิวโลกเมื่อร่างกายสัมผัสกับโลก อิเล็กตรอนจะไหลจากโลกเข้าสู่ร่างกาย ทำให้อนุมูลอิสระเป็นกลางและลดการอักเสบโดยพื้นฐานแล้ว พลังงานของโลกจะถูกใช้ในการรักษาตามธรรมชาติ
 เมื่อร่างกายถูกตัดขาดจากสนามไฟฟ้าของโลก อาจเกิดภาวะไฟฟ้าไม่สมดุล ซึ่งอาจนำไปสู่อาการอักเสบเรื้อรัง ความเจ็บปวด และระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ การต่อสายดินสามารถช่วยฟื้นฟูสมดุลไฟฟ้าตามธรรมชาติของร่างกาย และปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมให้ดีขึ้น วิทยาศาสตร์บอกอะไรเกี่ยวกับการต่อสายดิน การเชื่อมต่อกับโลกอาจฟังดูเป็นเรื่องลึกลับ แต่ว่ามันได้ผลจริงหรือไม่ มาดูทางวิทยาศาสตร์กันดีกว่า * การนอนหลับที่ดีขึ้น: การศึกษาวิจัยหนึ่งได้คัดเลือกผู้เข้าร่วม 60 คนที่มีปัญหาด้านการนอนหลับและปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ นักวิจัยให้ผู้เข้าร่วมนอนบนเสื่อรองดิน (ที่ต่อสายดินกับพื้นด้วยลวดทองแดง) หรือเสื่อรองนอนแบบหลอกเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในกลุ่มทดลองที่ต่อสายดิน:  * 74% มีอาการปวดดีขึ้น (0% สำหรับกลุ่มควบคุม) * 78% รายงานว่าความเป็นอยู่โดยทั่วไปดีขึ้น (13% สำหรับกลุ่มควบคุม) * 82% มีอาการกล้ามเนื้อตึงและปวดน้อยลง (0% สำหรับกลุ่มควบคุม) * 85% ปรับปรุงเวลาในการนอนหลับ (13% สำหรับกลุ่มควบคุม) * 93% มีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น (13% สำหรับกลุ่มควบคุม) * ตื่นมารู้สึกสดชื่น 100% (13% สำหรับควบคุม)

 * ลดอาการปวดและการอักเสบ: การศึกษาวิจัย ขนาดเล็กในปี 2010ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Alternative and Complementary Medicine พบว่าการกราวด์ช่วยลดเครื่องหมายของการอักเสบในร่างกาย ซึ่งรวมถึงโปรตีนซี-รีแอคทีฟ (CRP) ด้วย

 * ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV)และระดับความเครียดที่ดีขึ้นการศึกษาแบบปกปิดสองชั้นในปี 2011ได้ให้ผู้เข้าร่วม 27 คนสัมผัสกับการต่อสายดิน ผลลัพธ์บ่งชี้ว่าการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (การพักผ่อน การย่อยอาหาร การซ่อมแซม) เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในกลุ่มที่ได้รับการต่อสายดินเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมหลังจากช่วงเวลา 40 นาที ผู้เขียนเขียนว่า "การต่อสายดินทำให้ค่า HRV ดีขึ้น ซึ่งเกินกว่าการผ่อนคลายแบบธรรมดา"

 * การนอนหลับดีขึ้น ความเจ็บปวด อัตราการเต้นของหัวใจ และเลือดแข็งตัวมากเกินไปบทวิจารณ์ในปี 2012ในวารสารสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขพบว่าการใช้สายดินอาจเป็น "กลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการต่อต้านความเครียดเรื้อรัง ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง การอักเสบ ความเจ็บปวด การนอนหลับไม่เพียงพอ อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ เลือดแข็งตัวมากเกินไป และความผิดปกติทางสุขภาพทั่วไปหลายอย่าง รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด"

 * ความเหนื่อยล้าลดลงการทดลองแบบสุ่มควบคุมในปี 2019วัดไบโอมาร์กเกอร์ของนักกายภาพบำบัด 16 คนในการทดลองแบบสุ่มควบคุมแบบปกปิดสองชั้นขณะที่พวกเขาถูกวางอยู่บนพื้นระหว่างทำงานและขณะนอนหลับ พบว่า "นักกายภาพบำบัดมีสมรรถภาพทางกายและพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และอาการเหนื่อยล้า อารมณ์ซึมเศร้า ความเหนื่อยล้า และความเจ็บปวดลดลงอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ถูกวางอยู่บนพื้นเมื่อเทียบกับตอนที่ไม่ได้ถูกวางอยู่บนพื้น"

 * การฟื้นฟูที่ดีขึ้นหลังการออกกำลังกายในการศึกษาวิจัยในปี 2015กลุ่มบุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรงจำนวน 32 คนถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มที่เน้นการลงกราวด์และกลุ่มที่เน้นการลงกราวด์แบบแกล้งทำ หลังจากทำการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงโดยงอเข่าครึ่งข้าง 200 ครั้ง พบว่าระดับครีเอทีนไคเนสแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีระดับของมาร์กเกอร์การอักเสบที่สูงขึ้นในกลุ่มแกล้งทำ กลุ่มที่เน้นการลงกราวด์ยังแสดงให้เห็นระดับเกล็ดเลือดและนิวโทรฟิลที่สูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันหลังการออกกำลังกาย การศึกษาวิจัยรายงานว่า "การลงกราวด์ช่วยลดการสูญเสีย CK จากกล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ว่ากล้ามเนื้อได้รับความเสียหายน้อยลง"

 * การสมานแผลดีขึ้นบทความ ในวารสาร Journal of Inflammation Research เมื่อปี 2014ได้รายงานเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างการลงกราวด์และการปรับปรุงไซโตไคน์ เซลล์เม็ดเลือดขาว และ “โมเลกุลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อการอักเสบ” ผู้เขียนกล่าวต่อไปว่า “การรักษาจะเร็วขึ้นมาก และสัญญาณหลักของการอักเสบจะลดลงหรือถูกกำจัดออกไป โปรไฟล์ของตัวบ่งชี้การอักเสบต่างๆ ในช่วงเวลาต่างๆ จะแตกต่างกันมากในบุคคลที่ลงกราวด์”

การต่อสายดินเป็นแนวทางปฏิบัติที่นิยมกันในการแข่งขันตูร์ เดอ ฟรองซ์ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ดูเหมือนจะก้าวหน้ากว่าด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬา เสมอ นักปั่นหลายคนมักจะนำการต่อสายดินมาใช้ในชีวิตประจำวัน และนักปั่นที่เกิดบาดแผล รอยถลอก หรือถลอกจากอุบัติเหตุ จะใช้แผ่นต่อสายดินเหนือและใต้บาดแผลเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น

 * ความดันโลหิตลดลงการศึกษาวิจัยในปี 2018ได้ทำการศึกษากับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจำนวน 10 ราย ซึ่งทำการออกกำลังกายแบบกราวด์เป็นเวลา 10 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาหลายเดือน เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว ผู้เข้าร่วมทั้งหมดมีความดันโลหิตซิสโตลิกลดลง โดยลดลงตั้งแต่ 8.6% ถึง 22.7% และลดลงโดยเฉลี่ย 14.3% ภาพด้านล่างซึ่งถ่ายจากการศึกษาในปี 2020 นี้แสดงให้เห็นภาพผลลัพธ์ของการต่อสายดิน ภาพความร้อนแสดงให้เห็นผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่า โดยถ่ายห่างกันครึ่งชั่วโมง ก่อนและหลังการต่อสายดิน ภาพด้านซ้ายแสดงสีร้อนที่แสดงถึงความเสียหายของเนื้อเยื่อและการอักเสบในบริเวณหัวเข่า ภาพด้านขวาซึ่งถ่ายหลังจากต่อสายดิน แสดงให้เห็นการลดลงของการอักเสบอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ด้วยสีที่เย็นกว่า การต่อสายดินได้ผลหรือไม่? แม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายที่สนับสนุน แต่การศึกษาเหล่านี้ไม่มีการศึกษาใดที่เหมาะสมที่สุด การศึกษาจำนวนมากขาดผู้เข้าร่วมจำนวนมากหรือการทดลองควบคุมแบบสุ่ม จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมอีกมากเพื่อพิจารณาว่าการต่อสายดินหรือการต่อสายดินได้ผลหรือไม่ แต่สามารถพูดได้อย่างปลอดภัยว่าแทบไม่มีข้อเสียเลย และควรทำการ ทดลอง n=1เพื่อค้นหาคำตอบด้วยตัวคุณเอง วิธีการต่อสายดินหรือกราวด์ ความสวยงามของการต่อสายดินอยู่ที่ความเรียบง่าย ไม่มีเทคนิคการต่อสายดินหรือโปรโตคอลการต่อสายดินที่เฉพาะเจาะจง คุณเพียงแค่ต้องสัมผัสกับพื้นโลก ซึ่งอาจเป็นการสัมผัสโดยตรงหรือผ่านพื้นผิวที่มีสภาพเป็นสื่อไฟฟ้า เช่น แผ่นต่อสายดินหรือรองเท้าเฉพาะ * เดินเท้าเปล่า การเดินเท้าเปล่าบนพื้นผิวดินตามธรรมชาติ เช่น หญ้า ทราย หรือดิน ถือเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการต่อลงดิน วิธีนี้ช่วยให้สัมผัสกับพื้นผิวโลกโดยตรง และช่วยให้ร่างกายดูดซับประจุไฟฟ้าตามธรรมชาติของโลกได้
 * แผ่นกันดินการใช้แผ่นกันดิน แผ่น หรือแผ่นแปะที่เสียบลงดินเป็นวิธีที่สะดวกในการลงดินภายในอาคาร ถือเป็นแนวทางที่ดีหากคุณไม่สามารถเดินเท้าเปล่านอกบ้านได้อย่างสม่ำเสมอ ฉันยืนบนแผ่นกันดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก ราคาไม่แพง ขณะเขียนหนังสือ ซึ่งมีสายไฟที่ต่อเข้ากับรูที่สามของปลั๊กไฟ 3 ขาแบบมาตรฐานในเต้าเสียบ คุณสามารถเพิ่มขั้นตอนนี้ได้อีกโดยหาแผ่นกันดินที่ใหญ่กว่ามาปูรองนอน รองเท้าแตะ Earth Runners * รองเท้าที่มีคุณสมบัติเป็นสื่อไฟฟ้าการใช้รองเท้าที่มีคุณสมบัติเป็นสื่อไฟฟ้า เช่น รองเท้าที่มีแผ่นทองแดง เป็นอีกวิธีหนึ่งในการต่อสายดิน รองเท้าประเภทนี้ช่วยให้สัมผัสพื้นได้โดยตรง ซึ่งเหมาะมากเมื่ออากาศหนาวเย็นหรือเมื่อเดินเท้าเปล่าซึ่งไม่เหมาะสมต่อการเข้าสังคม ฉันจะสวมรองเท้าแตะ Earth Runner เป็นครั้งคราว ซึ่งมีสายทองแดงที่เชื่อมเท้าของคุณกับพื้น 
 พื้นผิวที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการต่อสายดิน โดยทั่วไป พื้นผิวธรรมชาติ เช่น ดิน ทราย และหญ้า เหมาะที่สุดสำหรับการลงกราวด์ พื้นผิว เช่น คอนกรีต อาจไม่นำไฟฟ้าได้มากเท่า แต่ยังคงมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม พื้นผิวด้านล่างไม่นำไฟฟ้าได้ดี และจึงไม่มีประสิทธิภาพในการต่อลงดิน * ยางมะตอย * ไม้ * ไวนิล * พลาสติก * พรม * ยาง(รวมรองเท้า) คุณควรลงดินนานแค่ไหน? ปริมาณการต่อสายดินที่มีประสิทธิภาพขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 20 นาที ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้ต่อสายดินวันละ 20-30 นาทีเพื่อดูประโยชน์ ในขณะที่บางคนสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เกือบจะทันที สิ่งที่ฉันทำ เป้าหมายของฉันคือการได้กราวด์อย่างน้อย 20 นาทีต่อวัน ในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น ฉันจะใช้แผ่นกราวด์ (ดังที่กล่าวข้างต้น) ซึ่งฉันจะวางไว้ใต้เท้าขณะเขียนบทความเหล่านี้ ในช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่น ครอบครัวของเราใช้ประโยชน์จากสนามหญ้าอย่างเต็มที่ด้วยการใช้เวลาอยู่กลางแจ้งโดยไม่สวมรองเท้า (และมักจะไม่สวมถุงเท้าด้วย) นอกเหนือจากประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจากการเดินเท้าเปล่าแล้ว เรายังถือว่าการเดินเท้าเปล่าเป็นเรื่องปกติทั้งในบ้านและนอกบ้านเมื่ออากาศดี การพัดใบไม้บนทางเท้าและทางเข้าบ้านเป็นครั้งคราวจะช่วยลดกิ่งไม้หรืออันตรายอื่นๆ ในบริเวณนั้นได้ บทสรุป โดยสรุป การต่อสายดินเป็นวิธีปฏิบัติง่ายๆ ที่เป็นธรรมชาติซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การเชื่อมต่อร่างกายของเรากับพื้นผิวโลกจะช่วยให้เราดูดซับประจุไฟฟ้าตามธรรมชาติของโลกได้ ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลระบบไฟฟ้าของร่างกายและลดการอักเสบได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น ความเครียดและความวิตกกังวลลดลง กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้ดีขึ้น พลังงานเพิ่มขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย มีหลายวิธีในการฝึกลงกราวด์หรือต่อสายดิน ตั้งแต่การเดินเท้าเปล่านอกบ้านบนพื้นผิวธรรมชาติไปจนถึงการใช้เสื่อหรือแผ่นลงกราวด์ที่เสียบปลั๊กลงดิน การเลือกพื้นผิวที่นำไฟฟ้าได้ เช่น หญ้า ดิน หรือทราย ถือเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากจะเสี่ยงต่อการโดนหินกระแทกเมื่อเหยียบลงบนหญ้าแล้ว ความเสี่ยงยังต่ำและยังมีข้อดีอีกมากมาย ดังนั้นควรถอดรองเท้าแล้วออกไปข้างนอก cr:MBD
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 492 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฎทองแห่งความสำเร็จ💰🥇

    —ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน – รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต

    —วางแผนและลงมือทำทันที – อย่ารอจนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ

    —บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ – จัดลำดับความสำคัญ

    —พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา

    —ลงมือทำทีละขั้น – แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย

    —มีวินัยในตัวเอง – ทำสิ่งสำคัญแม้ในวันที่ไม่อยากทำ

    —คิดบวก – มองทุกปัญหาเป็นโอกาส

    —สร้างนิสัยที่ดี – เช่น การอ่านหนังสือหรือออกกำลังกาย

    —เชื่อมั่นในตัวเอง – อย่าปล่อยให้ความกลัวมาขวางทาง

    —รู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลว – ใช้มันเป็นบทเรียน

    —ล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่เป็นแรงบันดาลใจ

    —อย่ายอมแพ้ – ความสำเร็จต้องใช้เวลา

    —กล้าออกจาก Comfort Zone

    —ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นเสมอ – อย่าหยุดที่ความสำเร็จแรก

    —สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

    —สร้างเครือข่ายที่ดี – Networking สำคัญมาก

    —ใช้เงินอย่างฉลาด – ลงทุนในสิ่งที่มีค่า

    —รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง

    —อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง

    —มีความยืดหยุ่น – พร้อมปรับแผนตามสถานการณ์

    —โฟกัสที่สิ่งสำคัญที่สุด

    —เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

    —สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองทุกวัน

    —มีเป้าหมายที่เป็นไปได้

    —ทำงานหนักและฉลาด – ใช้ทั้งพลังและความคิด

    —จัดการความเครียด – รักษาสมดุลชีวิต

    —มีสุขภาพดี – ออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี

    —รู้จักขอบคุณสิ่งที่มี – ฝึกความกตัญญู

    —กล้าตัดสินใจ – แม้จะเสี่ยง

    —สม่ำเสมอ – ความสำเร็จมาจากการทำซ้ำ ๆ

    —มองหาโอกาสใหม่ – อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่

    —อย่ายึดติดกับความสำเร็จเก่า

    —มองหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ

    —เข้าใจคุณค่าของเวลา

    —แบ่งปันความสำเร็จ – ช่วยเหลือผู้อื่น

    —ฝึกความอดทน

    —เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ

    —อย่าหยุดพัฒนาเทคโนโลยีที่คุณใช้

    —ทำงานเป็นทีม – รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น

    —ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ – เพื่อพัฒนาต่อไป

    —รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ

    —รักษาความน่าเชื่อถือ

    —อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ

    —ลงทุนในตัวเอง – เช่น การศึกษา การพัฒนาทักษะ

    —ฝึกสมาธิและจดจ่อ

    —มุ่งมั่นในเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ

    —รู้จักการพักผ่อน – ไม่ทำงานจนเกินไป

    —สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง

    —ทบทวนความสำเร็จและความผิดพลาด – เพื่อพัฒนา

    —อย่าหยุดฝัน – ทุกสิ่งเริ่มต้นจากความฝัน

    หนังสือที่แนะนำให้อ่าน📖🧠
    กฎทองแห่งความสำเร็จ💰🥇 —ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน – รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต —วางแผนและลงมือทำทันที – อย่ารอจนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ —บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ – จัดลำดับความสำคัญ —พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา —ลงมือทำทีละขั้น – แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย —มีวินัยในตัวเอง – ทำสิ่งสำคัญแม้ในวันที่ไม่อยากทำ —คิดบวก – มองทุกปัญหาเป็นโอกาส —สร้างนิสัยที่ดี – เช่น การอ่านหนังสือหรือออกกำลังกาย —เชื่อมั่นในตัวเอง – อย่าปล่อยให้ความกลัวมาขวางทาง —รู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลว – ใช้มันเป็นบทเรียน —ล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่เป็นแรงบันดาลใจ —อย่ายอมแพ้ – ความสำเร็จต้องใช้เวลา —กล้าออกจาก Comfort Zone —ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นเสมอ – อย่าหยุดที่ความสำเร็จแรก —สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ —สร้างเครือข่ายที่ดี – Networking สำคัญมาก —ใช้เงินอย่างฉลาด – ลงทุนในสิ่งที่มีค่า —รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง —อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง —มีความยืดหยุ่น – พร้อมปรับแผนตามสถานการณ์ —โฟกัสที่สิ่งสำคัญที่สุด —เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น —สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองทุกวัน —มีเป้าหมายที่เป็นไปได้ —ทำงานหนักและฉลาด – ใช้ทั้งพลังและความคิด —จัดการความเครียด – รักษาสมดุลชีวิต —มีสุขภาพดี – ออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี —รู้จักขอบคุณสิ่งที่มี – ฝึกความกตัญญู —กล้าตัดสินใจ – แม้จะเสี่ยง —สม่ำเสมอ – ความสำเร็จมาจากการทำซ้ำ ๆ —มองหาโอกาสใหม่ – อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่ —อย่ายึดติดกับความสำเร็จเก่า —มองหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ —เข้าใจคุณค่าของเวลา —แบ่งปันความสำเร็จ – ช่วยเหลือผู้อื่น —ฝึกความอดทน —เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ —อย่าหยุดพัฒนาเทคโนโลยีที่คุณใช้ —ทำงานเป็นทีม – รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น —ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ – เพื่อพัฒนาต่อไป —รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ —รักษาความน่าเชื่อถือ —อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ —ลงทุนในตัวเอง – เช่น การศึกษา การพัฒนาทักษะ —ฝึกสมาธิและจดจ่อ —มุ่งมั่นในเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ —รู้จักการพักผ่อน – ไม่ทำงานจนเกินไป —สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง —ทบทวนความสำเร็จและความผิดพลาด – เพื่อพัฒนา —อย่าหยุดฝัน – ทุกสิ่งเริ่มต้นจากความฝัน หนังสือที่แนะนำให้อ่าน📖🧠
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฎทองแห่งความสำเร็จ💰🥇

    —ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน – รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต

    —วางแผนและลงมือทำทันที – อย่ารอจนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ

    —บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ – จัดลำดับความสำคัญ

    —พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา

    —ลงมือทำทีละขั้น – แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย

    —มีวินัยในตัวเอง – ทำสิ่งสำคัญแม้ในวันที่ไม่อยากทำ

    —คิดบวก – มองทุกปัญหาเป็นโอกาส

    —สร้างนิสัยที่ดี – เช่น การอ่านหนังสือหรือออกกำลังกาย

    —เชื่อมั่นในตัวเอง – อย่าปล่อยให้ความกลัวมาขวางทาง

    —รู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลว – ใช้มันเป็นบทเรียน

    —ล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่เป็นแรงบันดาลใจ

    —อย่ายอมแพ้ – ความสำเร็จต้องใช้เวลา

    —กล้าออกจาก Comfort Zone

    —ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นเสมอ – อย่าหยุดที่ความสำเร็จแรก

    —สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

    —สร้างเครือข่ายที่ดี – Networking สำคัญมาก

    —ใช้เงินอย่างฉลาด – ลงทุนในสิ่งที่มีค่า

    —รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง

    —อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง

    —มีความยืดหยุ่น – พร้อมปรับแผนตามสถานการณ์

    —โฟกัสที่สิ่งสำคัญที่สุด

    —เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

    —สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองทุกวัน

    —มีเป้าหมายที่เป็นไปได้

    —ทำงานหนักและฉลาด – ใช้ทั้งพลังและความคิด

    —จัดการความเครียด – รักษาสมดุลชีวิต

    —มีสุขภาพดี – ออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี

    —รู้จักขอบคุณสิ่งที่มี – ฝึกความกตัญญู

    —กล้าตัดสินใจ – แม้จะเสี่ยง

    —สม่ำเสมอ – ความสำเร็จมาจากการทำซ้ำ ๆ

    —มองหาโอกาสใหม่ – อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่

    —อย่ายึดติดกับความสำเร็จเก่า

    —มองหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ

    —เข้าใจคุณค่าของเวลา

    —แบ่งปันความสำเร็จ – ช่วยเหลือผู้อื่น

    —ฝึกความอดทน

    —เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ

    —อย่าหยุดพัฒนาเทคโนโลยีที่คุณใช้

    —ทำงานเป็นทีม – รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น

    —ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ – เพื่อพัฒนาต่อไป

    —รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ

    —รักษาความน่าเชื่อถือ

    —อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ

    —ลงทุนในตัวเอง – เช่น การศึกษา การพัฒนาทักษะ

    —ฝึกสมาธิและจดจ่อ

    —มุ่งมั่นในเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ

    —รู้จักการพักผ่อน – ไม่ทำงานจนเกินไป

    —สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง

    —ทบทวนความสำเร็จและความผิดพลาด – เพื่อพัฒนา

    —อย่าหยุดฝัน – ทุกสิ่งเริ่มต้นจากความฝัน

    หนังสือที่แนะนำให้อ่าน📖🧠
    กฎทองแห่งความสำเร็จ💰🥇 —ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน – รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต —วางแผนและลงมือทำทันที – อย่ารอจนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ —บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ – จัดลำดับความสำคัญ —พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง – เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา —ลงมือทำทีละขั้น – แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย —มีวินัยในตัวเอง – ทำสิ่งสำคัญแม้ในวันที่ไม่อยากทำ —คิดบวก – มองทุกปัญหาเป็นโอกาส —สร้างนิสัยที่ดี – เช่น การอ่านหนังสือหรือออกกำลังกาย —เชื่อมั่นในตัวเอง – อย่าปล่อยให้ความกลัวมาขวางทาง —รู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลว – ใช้มันเป็นบทเรียน —ล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่เป็นแรงบันดาลใจ —อย่ายอมแพ้ – ความสำเร็จต้องใช้เวลา —กล้าออกจาก Comfort Zone —ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นเสมอ – อย่าหยุดที่ความสำเร็จแรก —สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ —สร้างเครือข่ายที่ดี – Networking สำคัญมาก —ใช้เงินอย่างฉลาด – ลงทุนในสิ่งที่มีค่า —รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง —อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง —มีความยืดหยุ่น – พร้อมปรับแผนตามสถานการณ์ —โฟกัสที่สิ่งสำคัญที่สุด —เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น —สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองทุกวัน —มีเป้าหมายที่เป็นไปได้ —ทำงานหนักและฉลาด – ใช้ทั้งพลังและความคิด —จัดการความเครียด – รักษาสมดุลชีวิต —มีสุขภาพดี – ออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี —รู้จักขอบคุณสิ่งที่มี – ฝึกความกตัญญู —กล้าตัดสินใจ – แม้จะเสี่ยง —สม่ำเสมอ – ความสำเร็จมาจากการทำซ้ำ ๆ —มองหาโอกาสใหม่ – อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่ —อย่ายึดติดกับความสำเร็จเก่า —มองหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ —เข้าใจคุณค่าของเวลา —แบ่งปันความสำเร็จ – ช่วยเหลือผู้อื่น —ฝึกความอดทน —เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ —อย่าหยุดพัฒนาเทคโนโลยีที่คุณใช้ —ทำงานเป็นทีม – รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น —ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ – เพื่อพัฒนาต่อไป —รู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ —รักษาความน่าเชื่อถือ —อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ —ลงทุนในตัวเอง – เช่น การศึกษา การพัฒนาทักษะ —ฝึกสมาธิและจดจ่อ —มุ่งมั่นในเป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ —รู้จักการพักผ่อน – ไม่ทำงานจนเกินไป —สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง —ทบทวนความสำเร็จและความผิดพลาด – เพื่อพัฒนา —อย่าหยุดฝัน – ทุกสิ่งเริ่มต้นจากความฝัน หนังสือที่แนะนำให้อ่าน📖🧠
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌟 20 วิธีเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นใน 1 เดือน 🌟
    พัฒนาตัวเองไปทีละก้าว ให้ชีวิตดีกว่าเดิม! 💪✨
    1. ตั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ..จงยึดมั่น..ต่อเป้าหมายนั้น ไม่ใช่ยึดติดกับบุคคล หรือ สิ่งของ..

    2. คนสำเร็จในโลกนี้ล้วนแตกต่าง แต่สิ่งนึงที่เหมือนกัน คือ เขาเหล่านั้น มีนิสัย รักการอ่าน...
    3. จัดระเบียบชีวิต ให้ถูก นับ 1234 ให้เป็น..อะไรก่อนหลัง..เรียงให้ถูก ประหยัดเวลา ทั้งตนเอง และผู้อื่นที่มีเรื่องราวร่วมกัน
    .4. ตื่นเช้า..นกที่ตื่นก่อน ก็จะเจอหนอนก่อน..โอกาสดีๆ อาจจะมาเมื่อไรก็ได้..แบะเราต้องพร้อม.
    .5.ถ้าสวดมนต์นั่งสมาธิได้ จะดีมาก. มันทำให้เรามีความ นิ่ง ..เป็นการฝึกจิต
    .6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย เดิน เอาตามสุขภาพ และอายุ..
    .7.จงเป็นผู้ฟังที่ดี ..มีส่วนร่วมในเรื่องราวของผู้อื่น..ไอ้แบบที่ ใครคุยอะไรไม่รู้ .และไม่สน.กูจะพูดในส่วนของกู เรื่องราวของกู..แบบนั้นคือ เข้าสังคมไม่เป็น.
    .8. พัฒนาทักษะเฉพาะทาง ..อาจไม่ต้องเป็นสิ่งใหม่..แต่ต้องเป็น spacialist ในทางนั้น..เลือกเอาจากความชอบส่วนตัว และดูความค้องการของตลาดแรงงานประกอบไปด้วย.
    .9.เลิกผัดวันประกันพรุ่ง คำว่า แปป เดี๋ยว เปลี่ยนเป็น now ถ้าไม่ได้ ระบุไปเลย 30 นาที 1 ชั่วโมง 4 โมง 5 โมง ว่าไป..คำว่า แปป พวกละอ่อนเขาใช้กัน
    .10. ดื่มน้ำมากๆ คนส่วนใหญ่ดื่มน้ำน้อย.
    .
    .11.ตั้งเวลาพักผ่อน เช่น อ่านหนังสือ เล่นโซเชี่ยล นอนอย่าเกิน 22.30น. เพราะเวลานี้น คือ ข่วงที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดี่ที่สุด.
    .
    12. อ่านหรือฟังแรงบันดาลใจ จากสิ่งที่เราเลือก แต่ต้องคัดกรอง ประเภทตัวจริง..เพราะของปลอมในสื่อต่างๆ มันมีมาก
    .
    13 ชื่นชมธรรมชาติบ้าง ..สีเขียวๆ เดินเหยียบสนามหญ้า บ้าง.
    .
    14 ให้ความสำคัญกับคนสำคัญ อย่างทั่วถึง. คำว่า ไม่มีเวลา ไม่มีจริง เป็นแค่คำอ้าง ของความไม่สำคัญ
    .15. ยอมรับและปล่อยวางสิ่งที่ติดค้างใจ..อาจไม่ต้องอภัย เพราะมันจะโลกสวยเกินไป..เอาแค่ ทดเอาไว้ก่อน..เมื่ออะไรผ่านไป .ค่อยกลับมาคิด.ว่า ทิ้ง..หรือ อะไร ..แค่มันต้องเป็นเรื่อง รองๆ ไปเยอะเลย
    .
    16. เรียนรู้จากคนสำเร็จ อ่านหนังสือของคนที่ประสบความสำเร็จ เอาตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่สำเร็จ จากการกระทำจริง
    .
    ลองทำตาม ถ้าคุณมีวินัยมากพอ ชีวิตอาจเปลี่ยนไปในแบบที่ไม่เคยคิด..ทัศนคติ และ วินัย ..เมื้อคุณสร้างมัน..มันก็จะกลับมาสร้างคุณ.. 🧧 Kriz
    🌟 20 วิธีเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นใน 1 เดือน 🌟 พัฒนาตัวเองไปทีละก้าว ให้ชีวิตดีกว่าเดิม! 💪✨ 1. ตั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ..จงยึดมั่น..ต่อเป้าหมายนั้น ไม่ใช่ยึดติดกับบุคคล หรือ สิ่งของ.. 2. คนสำเร็จในโลกนี้ล้วนแตกต่าง แต่สิ่งนึงที่เหมือนกัน คือ เขาเหล่านั้น มีนิสัย รักการอ่าน... 3. จัดระเบียบชีวิต ให้ถูก นับ 1234 ให้เป็น..อะไรก่อนหลัง..เรียงให้ถูก ประหยัดเวลา ทั้งตนเอง และผู้อื่นที่มีเรื่องราวร่วมกัน .4. ตื่นเช้า..นกที่ตื่นก่อน ก็จะเจอหนอนก่อน..โอกาสดีๆ อาจจะมาเมื่อไรก็ได้..แบะเราต้องพร้อม. .5.ถ้าสวดมนต์นั่งสมาธิได้ จะดีมาก. มันทำให้เรามีความ นิ่ง ..เป็นการฝึกจิต .6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย เดิน เอาตามสุขภาพ และอายุ.. .7.จงเป็นผู้ฟังที่ดี ..มีส่วนร่วมในเรื่องราวของผู้อื่น..ไอ้แบบที่ ใครคุยอะไรไม่รู้ .และไม่สน.กูจะพูดในส่วนของกู เรื่องราวของกู..แบบนั้นคือ เข้าสังคมไม่เป็น. .8. พัฒนาทักษะเฉพาะทาง ..อาจไม่ต้องเป็นสิ่งใหม่..แต่ต้องเป็น spacialist ในทางนั้น..เลือกเอาจากความชอบส่วนตัว และดูความค้องการของตลาดแรงงานประกอบไปด้วย. .9.เลิกผัดวันประกันพรุ่ง คำว่า แปป เดี๋ยว เปลี่ยนเป็น now ถ้าไม่ได้ ระบุไปเลย 30 นาที 1 ชั่วโมง 4 โมง 5 โมง ว่าไป..คำว่า แปป พวกละอ่อนเขาใช้กัน .10. ดื่มน้ำมากๆ คนส่วนใหญ่ดื่มน้ำน้อย. . .11.ตั้งเวลาพักผ่อน เช่น อ่านหนังสือ เล่นโซเชี่ยล นอนอย่าเกิน 22.30น. เพราะเวลานี้น คือ ข่วงที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดี่ที่สุด. . 12. อ่านหรือฟังแรงบันดาลใจ จากสิ่งที่เราเลือก แต่ต้องคัดกรอง ประเภทตัวจริง..เพราะของปลอมในสื่อต่างๆ มันมีมาก . 13 ชื่นชมธรรมชาติบ้าง ..สีเขียวๆ เดินเหยียบสนามหญ้า บ้าง. . 14 ให้ความสำคัญกับคนสำคัญ อย่างทั่วถึง. คำว่า ไม่มีเวลา ไม่มีจริง เป็นแค่คำอ้าง ของความไม่สำคัญ .15. ยอมรับและปล่อยวางสิ่งที่ติดค้างใจ..อาจไม่ต้องอภัย เพราะมันจะโลกสวยเกินไป..เอาแค่ ทดเอาไว้ก่อน..เมื่ออะไรผ่านไป .ค่อยกลับมาคิด.ว่า ทิ้ง..หรือ อะไร ..แค่มันต้องเป็นเรื่อง รองๆ ไปเยอะเลย . 16. เรียนรู้จากคนสำเร็จ อ่านหนังสือของคนที่ประสบความสำเร็จ เอาตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่สำเร็จ จากการกระทำจริง . ลองทำตาม ถ้าคุณมีวินัยมากพอ ชีวิตอาจเปลี่ยนไปในแบบที่ไม่เคยคิด..ทัศนคติ และ วินัย ..เมื้อคุณสร้างมัน..มันก็จะกลับมาสร้างคุณ.. 🧧 Kriz
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • River of Life ฟื้นชีวิตสายน้ำมาเลย์

    กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นอกจากจะมีอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ หรือตึกแฝด ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวแล้ว อีกจุดเช็กอินหนึ่งซึ่งเป็นที่พูดถึง คือ ริเวอร์ ออฟ ไลฟ์ (River of Life) บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek ซึ่งมีมัสยิดเก่าแก่อย่างมัสยิดจาเม็ก ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำสองสาย ได้แก่ แม่น้ำแคลง (Klang River) กับแม่น้ำกอมบัค (Gombak River) ก่อนเข้าสู่รัฐสลังงอร์ ลงสู่ทะเลที่พอร์ตแคลง ท่าเรือน้ำลึกของประเทศ

    โครงการริเวอร์ออฟไลฟ์ ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2555 โดยมีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนพื้นที่สาธารณะในเมือง ให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม จากเดิมเป็นเพียงแม่น้ำสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำเน่าเสีย ขยะ และสิ่งสกปรกต่างๆ ได้เปลี่ยนไป โดยการนำน้ำไปผ่านการบำบัดให้มีความสะอาด เพียงพอที่จะสัมผัสต่อร่างกายและการพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมกับสร้างทางเดินเลียบแม่น้ำ ความยาว 8 กิโลเมตร ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ผ่านอาคารและสถานที่น่าสนใจหลายแห่งในเมือง

    แลนด์มาร์คที่สำคัญอยู่ที่เลโบห์ ปาซาร์ เบซาร์ (Leboh Pasar Besar) เชื่อมโยงระหว่างศูนย์กลางการบริหารของรัฐบาลอาณานิคมของอังกฤษที่ฝั่งตะวันตก กับชุมชนการค้าและการทำเหมืองของชาวเอเชียที่ฝั่งตะวันออก เดิมเคยเป็นสะพานไม้ ก่อนแทนที่ด้วยคานเหล็กและสะพานเหล็กหล่อ เป็นสัญลักษณ์ของยุคปฎิวัติอุตสาหกรรมในพื้นที่ ภายหลังได้รื้อลงมาในปี 2537 เพื่อก่อสร้างสะพานคอนกรีต เมื่อยืนจากสะพานจะมองเห็นแม่น้ำสองสายบรรจบกัน โดยมีมัสยิดจาเม็กอยู่เบื้องหลัง

    ลูกเล่นที่นำมาใช้ในโครงการนี้ ในยามกลางวันจะมีการพ่นละอองน้ำบริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำและมัสยิดจาเม็ก ราวกับเมืองในหมอก ส่วนเวลากลางคืนจะฉายไฟแอลอีดีโทนสีฟ้า เพื่อให้สวยงามราวกับเมืองในเทพนิยาย นอกจากนี้ การเข้มงวดกฎระเบียบก็เป็นสิ่งสำคัญ จะเห็นได้ว่าไม่มีขยะในแม่น้ำ ตามทางเดินไม่มีเศษบุหรี่ ไม่มีคนไร้บ้านเข้ามาพักอาศัยหลับนอน ตากเสื้อผ้า ตั้งเพิงพักใต้สะพาน จะมีก็แต่เดินเข้ามาปะปนกับผู้คนที่สัญจรไปมาโดยทั่วไปเท่านั้น

    กลับมาที่กรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาสมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม. มีการพัฒนาแหล่งน้ำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ได้แก่ คลองโอ่งอ่าง คลองผดุงกรุงเกษม และคลองช่องนนทรี ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แต่มาถึงสมัยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในปัจจุบันพบว่าแทบไม่ได้รับการสานต่อ ส่วนจุดที่เคยปรับภูมิทัศน์มีสภาพเสื่อมโทรม จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองหลวงประเทศเพื่อนบ้านที่พัฒนาก้าวหน้าแบบทิ้งห่างเช่นนี้

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    River of Life ฟื้นชีวิตสายน้ำมาเลย์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นอกจากจะมีอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ หรือตึกแฝด ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวแล้ว อีกจุดเช็กอินหนึ่งซึ่งเป็นที่พูดถึง คือ ริเวอร์ ออฟ ไลฟ์ (River of Life) บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek ซึ่งมีมัสยิดเก่าแก่อย่างมัสยิดจาเม็ก ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำสองสาย ได้แก่ แม่น้ำแคลง (Klang River) กับแม่น้ำกอมบัค (Gombak River) ก่อนเข้าสู่รัฐสลังงอร์ ลงสู่ทะเลที่พอร์ตแคลง ท่าเรือน้ำลึกของประเทศ โครงการริเวอร์ออฟไลฟ์ ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2555 โดยมีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนพื้นที่สาธารณะในเมือง ให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม จากเดิมเป็นเพียงแม่น้ำสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำเน่าเสีย ขยะ และสิ่งสกปรกต่างๆ ได้เปลี่ยนไป โดยการนำน้ำไปผ่านการบำบัดให้มีความสะอาด เพียงพอที่จะสัมผัสต่อร่างกายและการพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมกับสร้างทางเดินเลียบแม่น้ำ ความยาว 8 กิโลเมตร ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ผ่านอาคารและสถานที่น่าสนใจหลายแห่งในเมือง แลนด์มาร์คที่สำคัญอยู่ที่เลโบห์ ปาซาร์ เบซาร์ (Leboh Pasar Besar) เชื่อมโยงระหว่างศูนย์กลางการบริหารของรัฐบาลอาณานิคมของอังกฤษที่ฝั่งตะวันตก กับชุมชนการค้าและการทำเหมืองของชาวเอเชียที่ฝั่งตะวันออก เดิมเคยเป็นสะพานไม้ ก่อนแทนที่ด้วยคานเหล็กและสะพานเหล็กหล่อ เป็นสัญลักษณ์ของยุคปฎิวัติอุตสาหกรรมในพื้นที่ ภายหลังได้รื้อลงมาในปี 2537 เพื่อก่อสร้างสะพานคอนกรีต เมื่อยืนจากสะพานจะมองเห็นแม่น้ำสองสายบรรจบกัน โดยมีมัสยิดจาเม็กอยู่เบื้องหลัง ลูกเล่นที่นำมาใช้ในโครงการนี้ ในยามกลางวันจะมีการพ่นละอองน้ำบริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำและมัสยิดจาเม็ก ราวกับเมืองในหมอก ส่วนเวลากลางคืนจะฉายไฟแอลอีดีโทนสีฟ้า เพื่อให้สวยงามราวกับเมืองในเทพนิยาย นอกจากนี้ การเข้มงวดกฎระเบียบก็เป็นสิ่งสำคัญ จะเห็นได้ว่าไม่มีขยะในแม่น้ำ ตามทางเดินไม่มีเศษบุหรี่ ไม่มีคนไร้บ้านเข้ามาพักอาศัยหลับนอน ตากเสื้อผ้า ตั้งเพิงพักใต้สะพาน จะมีก็แต่เดินเข้ามาปะปนกับผู้คนที่สัญจรไปมาโดยทั่วไปเท่านั้น กลับมาที่กรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาสมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม. มีการพัฒนาแหล่งน้ำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ได้แก่ คลองโอ่งอ่าง คลองผดุงกรุงเกษม และคลองช่องนนทรี ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แต่มาถึงสมัยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในปัจจุบันพบว่าแทบไม่ได้รับการสานต่อ ส่วนจุดที่เคยปรับภูมิทัศน์มีสภาพเสื่อมโทรม จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองหลวงประเทศเพื่อนบ้านที่พัฒนาก้าวหน้าแบบทิ้งห่างเช่นนี้ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 551 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ขอพาทุกคนมาสัมผัสความสงบและงดงามที่ “วัดปัญญานันทาราม” ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

    จุดเด่นของวัดปัญญานันทาราม:
    • เจดีย์พุทธคยา: จำลองมาจากประเทศอินเดีย โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ ชั้นบนของเจดีย์เรียกว่า ชั้นพุทธเมตตา มีรูปหล่อของหลวงพ่อปัญญาประดิษฐานให้กราบไหว้

    • ภาพปริศนาธรรมแบบ 3 มิติ: ตั้งอยู่ที่ชั้นพุทธบารมี ใต้เจดีย์พุทธคยา เป็นภาพที่สื่อถึงธรรมะและแง่คิดในการดำเนินชีวิต

    • บรรยากาศเงียบสงบ: เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมและพักผ่อนจิตใจ

    💡 Tips:
    • แต่งกายสุภาพและถอดรองเท้าก่อนเข้าพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์

    📍 พิกัด: วัดปัญญานันทาราม คลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
    วันนี้ขอพาทุกคนมาสัมผัสความสงบและงดงามที่ “วัดปัญญานันทาราม” ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จุดเด่นของวัดปัญญานันทาราม: • เจดีย์พุทธคยา: จำลองมาจากประเทศอินเดีย โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ ชั้นบนของเจดีย์เรียกว่า ชั้นพุทธเมตตา มีรูปหล่อของหลวงพ่อปัญญาประดิษฐานให้กราบไหว้ • ภาพปริศนาธรรมแบบ 3 มิติ: ตั้งอยู่ที่ชั้นพุทธบารมี ใต้เจดีย์พุทธคยา เป็นภาพที่สื่อถึงธรรมะและแง่คิดในการดำเนินชีวิต • บรรยากาศเงียบสงบ: เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมและพักผ่อนจิตใจ 💡 Tips: • แต่งกายสุภาพและถอดรองเท้าก่อนเข้าพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ 📍 พิกัด: วัดปัญญานันทาราม คลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดหงษ์ทอง #ฉะเชิงเทรา #ไหว้พระ #ท่องเที่ยว #วันหยุด #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    วัดหงษ์ทอง #ฉะเชิงเทรา #ไหว้พระ #ท่องเที่ยว #วันหยุด #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 4 0 รีวิว
Pages Boosts