• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 1”
    ตามประวัติศาสตร์ที่จารึกกันไว้ สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบสิ้นลงไปแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1918 แต่ความรุนแรงที่สงครามโลก ได้สร้างทิ้งไว้ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะยังไม่จบ การโต้แย้งเรื่องเขตแดน ซึ่งกำหนดขึ้นโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอังกฤษ เพื่อสนองตัณหาของพวกนักล่า ได้ทิ้งมรดกแห่งความขัดแย้งและความเศร้าสลดใจไว้ในภูมิภาคนี้ อย่างยากที่จะหาทางเยียวยา
    ที่เมือง Damascus ในซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองมากว่า 3 ปีแล้ว และยังไม่เห็นเค้าว่าจะจบลงเมื่อไหร่ กองทัพภาคที่ 4 ของรัฐบาลซีเรีย ขึ้นไปตั้งมั่นอยู่บนภูเขา Kassioun ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติบอกว่า แก๊สพิษที่ถูกยิงลงมาฟุ้งกระจายอยู่บริเวณเมืองชายขอบของ Damascus เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2013 นั้น ถูกยิงมาจากภูเขาดังกล่าว ทำให้มีคนตายไปประมาณ 1,400 คน เป็นยอดคนตายเฉพาะใน 1 วันเท่านั้น ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเริ่ม จนถึงปัจจุบัน มีคนตายไปแล้วประมาณ 1.5 แสนคน
    Bagdad เมืองที่เคยเป็นวังเก่าในอิรัค 2 ปี หลังจากที่กองทัพอเมริกันถอนออกไป ชาวอิรัคได้มีโอกาสมาเดินเล่นในส่วนที่เรียกว่าเป็น Green – Zone ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ Tigris อีกครั้งหนึ่ง มันเป็นส่วนของเมืองแบกแดด ที่ทหารอเมริกันแอบใช้เป็นที่หลบภัย เมื่อทำให้ทั้งประเทศที่พวกเขาไปครอบครองอยู่ กลายเป็นแดนฆาตกรรมหมู่ ปัจจุบันสถานการณ์ดูเหมือนไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ การเดินเล่นใน Green Zone มีอายุสั้นจริง อีกด้านหนึ่งของกำแพงเป็น Red-Zone การถูกยิง การตายหมู่ กลับกลายมาเป็นเหตุการณ์ประจำวันอีกครั้ง แม้ทหารอเมริกันจะถอยทัพออกไปแล้ว ความสงบก็ไม่ได้กลับมา มีคนตายไปแล้วเป็นหมื่นคน
    Beirut เมืองหลวงของเลบานอน เมืองซึ่งเป็นที่ชื่นชมของชาวอาหรับ พวกเขาชอบใช้เบรุตเป็นสถานที่นัดพบ เป็นที่เดินเล่นทอดน่อง จูงมือกัน พักผ่อนหย่อนใจ และแข่งกันทำมาหากิน เป็นเส้นทางขนานคู่ระหว่างศาสนากับโลกีย์ มุสลิมกับคริสเตียน ชีอะห์กับสุหนี่ แล้วกลิ่นไอของการต่อสู้ที่ลิเบีย ซีเรีย และความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน อียิปต์ และอิรัค ก็โชยมาใส่จมูกของชาวเบรุตที่กำลังเดินจูงมือกันอีกครั้ง คำถามเดิม ๆ วนกลับมาเข้ามาในใจของชาวเลบานอน แล้วเบรุตจะรอดไหม เราจะเจอคลื่นความไม่สงบ ความรุนแรงโหมใส่เราอีกครั้งไหม หรือว่ามันมาคอยเราอยู่แล้ว ตรงหัวมุมถนนอันเป็นที่รักของเราในเบรุตนี้เอง
    2 ปี หลังจากการลุกฮือเหมือนนัดกันในปี ค.ศ. 2011 สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะย้อนกลับไปทางความสิ้นหวังและเปล่าเปลี่ยวเหมือนอย่างที่ผ่านมา แทบจะไม่มีประเทศใดเลยในภูมิภาคนี้ ที่ไม่เคยผจญกับสงคราม หรือความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา และก็ดูเหมือนว่า จะไม่มีประเทศไหนเลยที่มีภูมิต้านทานแข็งแรงพอ ที่จะรับมือกับการจราจลรอบใหม่ ที่อาจจะระเบิดเป็นวงกว้างไปทั่วภูมิภาค ในอนาคตอันใกล้นี้ ขบวนการที่เรียกว่า Arab Spring ดูเหมือนจะจมโคลนไปแล้ว แทนที่จะงอกงาม หรือไม่ก็ถูกต่อต้าน หรือถูกโค่น ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้น
    สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวภูมิภาคนี้จากสื่อฟอกย้อม คงมองเห็นว่าการต่อต้าน ลุกฮือที่เกิดขึ้นในตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ และซีเรีย ก็คงเป็นพัฒนาการทางการเมืองตามปรกติของภูมิภาค แต่เปล่าหรอก ความไม่สงบเหล่านั้น มันเป็นหน่อใหม่ที่แตกเพิ่ม มาจากรากเหง้าของความขัดแย้ง ที่เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดยั้งมา เป็นเวลาประมาณ 100 ปีแล้ว และยังไม่เห็นทีท่าว่าจะสิ้นสุดแต่อย่างไร
    ยังไม่มีเหตุการณ์ใด ที่ผลของมันจะสามารถสร้างความตึงเครียดและขัดแย้ง ให้ใหม่สดเสมอ ต่อเนื่องและยาวนานในตะวันออกกลาง ได้เท่ากับผลของสงครามโลกครั้งที่ 1
    การสู้รบ ที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า European Civil War ที่หมายถึงช่วงเวลาความรุนแรงที่เขย่ายุโรป ตั้งแต่ ค.ศ. 1914 เป็นต้นมาและสิ้นสุดเอาปี ค.ศ. 1945 ต่อด้วยสงครามเย็น ได้จบลงเมื่อ 1990 แต่สำหรับโลกอาหรับ ความตึงเครียดของพวกเขา ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันยังคงค้างคาอยู่ บรรดาชาวตะวันออกกลาง พบว่าตัวเองจำเป็นต้องไปฝึกหัดเป็นนักไต่ลวดกันถ้วนหน้า พวกเขาไม่ได้เป็นนักไต่ลวดธรรมดา เขาไต่ลวดและถือดาบไล่ฟันกันระหว่างไต่ลวดด้วย
    นัก (เขียน) ประวัติศาสตร์ฝรั่งบอกว่า ในภูมิภาคอันกว้างใหญ่ มี 2 ประเทศ คือ อียิปต์ และอิหร่าน ที่ดูเหมือนจะพอประคองตนเองให้อยู่รอดมาได้แม้จะโดนเขย่า โดนโค่นอยู่หลายครั้ง อีก 1 ประเทศ ที่ดูจะชำนาญในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แม้จะถูกบีบถูกถีบทิ้งหลายครั้ง แต่ก็ลุกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วคือตุรกี และอีก 1 ประเทศที่แม้ไม่ถนัด ในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แต่ใช้วิธีทำตัวอ่อน โอนไปตามกระแส เงินและน้ำมัน คือ Saudi Arabia ประเทศทั้ง 4 นี้ ล้อมรอบใจกลางของตะวันออกกลาง ซึ่งมี 5 ประเทศ และ 1 รัฐพิเศษ คือ เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน อีรัค อิสราเอล และปาเลสไตน์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน Fromkin เรียกกลุ่มประเทศนี้ว่า ลูก ๆ ของอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ผมอยากจะแย้งนักประวัติศาสตร์ฝรั่งทั้งหลายว่า ไม่ว่าจะเป็น 4 ประเทศข้างต้น ก็ดูเหมือนจะเอาตัวรอดยาก แม้ว่าต่างจะฝึกเป็นนักไต่ลวดกันเป็นแถว และพวกประเทศที่ฝรั่งเรียกว่าเป็นลูก ที่นักล่าอาณานิคม “สร้าง” ก็ดูจะเป็นการสร้างขึ้นมาใช้เป็น “ไม้เสี้ยม” ตะวันออกกลาง ให้แตกให้แย้งกันเองอยู่เสมอต่างหาก
    ไม่มีกลุ่มประเทศไหน แม้จะมีขนาดเล็กเท่ากับกลุ่มเด็กถูกเสี้ยมข้างต้น ที่จะต้องผจญภัยสงคราม การขัดแย้งทางการเมือง สงครามกลางเมือง การโค่นล้ม การก่อการร้าย ได้มากเท่าที่กลุ่มเด็กถูกเสี้ยมโดน ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
    เพื่อที่จะเข้าใจความผิดปรกติของสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นี้ เราคงจะต้องตามไปรู้จักหัวหางของเหตุการณ์บางอย่างก่อน เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งความล้มเหลวของเหล่าผู้ปกครองและการเมืองในตะวันออกกลางเอง ที่ไม่สามารถจะต้านทาน หรือแก้เกมการครอบครอง และครอบงำโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะชาติอังกฤษ และที่สำคัญ การค้นพบน้ำมัน การก่อตั้งอิสราเอล ก็เป็นปัจจัยที่เพิ่มความขัดแย้งในภูมิภาคนี้
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 สค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 1” ตามประวัติศาสตร์ที่จารึกกันไว้ สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบสิ้นลงไปแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1918 แต่ความรุนแรงที่สงครามโลก ได้สร้างทิ้งไว้ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะยังไม่จบ การโต้แย้งเรื่องเขตแดน ซึ่งกำหนดขึ้นโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอังกฤษ เพื่อสนองตัณหาของพวกนักล่า ได้ทิ้งมรดกแห่งความขัดแย้งและความเศร้าสลดใจไว้ในภูมิภาคนี้ อย่างยากที่จะหาทางเยียวยา ที่เมือง Damascus ในซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองมากว่า 3 ปีแล้ว และยังไม่เห็นเค้าว่าจะจบลงเมื่อไหร่ กองทัพภาคที่ 4 ของรัฐบาลซีเรีย ขึ้นไปตั้งมั่นอยู่บนภูเขา Kassioun ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติบอกว่า แก๊สพิษที่ถูกยิงลงมาฟุ้งกระจายอยู่บริเวณเมืองชายขอบของ Damascus เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2013 นั้น ถูกยิงมาจากภูเขาดังกล่าว ทำให้มีคนตายไปประมาณ 1,400 คน เป็นยอดคนตายเฉพาะใน 1 วันเท่านั้น ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเริ่ม จนถึงปัจจุบัน มีคนตายไปแล้วประมาณ 1.5 แสนคน Bagdad เมืองที่เคยเป็นวังเก่าในอิรัค 2 ปี หลังจากที่กองทัพอเมริกันถอนออกไป ชาวอิรัคได้มีโอกาสมาเดินเล่นในส่วนที่เรียกว่าเป็น Green – Zone ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ Tigris อีกครั้งหนึ่ง มันเป็นส่วนของเมืองแบกแดด ที่ทหารอเมริกันแอบใช้เป็นที่หลบภัย เมื่อทำให้ทั้งประเทศที่พวกเขาไปครอบครองอยู่ กลายเป็นแดนฆาตกรรมหมู่ ปัจจุบันสถานการณ์ดูเหมือนไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ การเดินเล่นใน Green Zone มีอายุสั้นจริง อีกด้านหนึ่งของกำแพงเป็น Red-Zone การถูกยิง การตายหมู่ กลับกลายมาเป็นเหตุการณ์ประจำวันอีกครั้ง แม้ทหารอเมริกันจะถอยทัพออกไปแล้ว ความสงบก็ไม่ได้กลับมา มีคนตายไปแล้วเป็นหมื่นคน Beirut เมืองหลวงของเลบานอน เมืองซึ่งเป็นที่ชื่นชมของชาวอาหรับ พวกเขาชอบใช้เบรุตเป็นสถานที่นัดพบ เป็นที่เดินเล่นทอดน่อง จูงมือกัน พักผ่อนหย่อนใจ และแข่งกันทำมาหากิน เป็นเส้นทางขนานคู่ระหว่างศาสนากับโลกีย์ มุสลิมกับคริสเตียน ชีอะห์กับสุหนี่ แล้วกลิ่นไอของการต่อสู้ที่ลิเบีย ซีเรีย และความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน อียิปต์ และอิรัค ก็โชยมาใส่จมูกของชาวเบรุตที่กำลังเดินจูงมือกันอีกครั้ง คำถามเดิม ๆ วนกลับมาเข้ามาในใจของชาวเลบานอน แล้วเบรุตจะรอดไหม เราจะเจอคลื่นความไม่สงบ ความรุนแรงโหมใส่เราอีกครั้งไหม หรือว่ามันมาคอยเราอยู่แล้ว ตรงหัวมุมถนนอันเป็นที่รักของเราในเบรุตนี้เอง 2 ปี หลังจากการลุกฮือเหมือนนัดกันในปี ค.ศ. 2011 สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะย้อนกลับไปทางความสิ้นหวังและเปล่าเปลี่ยวเหมือนอย่างที่ผ่านมา แทบจะไม่มีประเทศใดเลยในภูมิภาคนี้ ที่ไม่เคยผจญกับสงคราม หรือความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา และก็ดูเหมือนว่า จะไม่มีประเทศไหนเลยที่มีภูมิต้านทานแข็งแรงพอ ที่จะรับมือกับการจราจลรอบใหม่ ที่อาจจะระเบิดเป็นวงกว้างไปทั่วภูมิภาค ในอนาคตอันใกล้นี้ ขบวนการที่เรียกว่า Arab Spring ดูเหมือนจะจมโคลนไปแล้ว แทนที่จะงอกงาม หรือไม่ก็ถูกต่อต้าน หรือถูกโค่น ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้น สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวภูมิภาคนี้จากสื่อฟอกย้อม คงมองเห็นว่าการต่อต้าน ลุกฮือที่เกิดขึ้นในตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ และซีเรีย ก็คงเป็นพัฒนาการทางการเมืองตามปรกติของภูมิภาค แต่เปล่าหรอก ความไม่สงบเหล่านั้น มันเป็นหน่อใหม่ที่แตกเพิ่ม มาจากรากเหง้าของความขัดแย้ง ที่เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดยั้งมา เป็นเวลาประมาณ 100 ปีแล้ว และยังไม่เห็นทีท่าว่าจะสิ้นสุดแต่อย่างไร ยังไม่มีเหตุการณ์ใด ที่ผลของมันจะสามารถสร้างความตึงเครียดและขัดแย้ง ให้ใหม่สดเสมอ ต่อเนื่องและยาวนานในตะวันออกกลาง ได้เท่ากับผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 การสู้รบ ที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า European Civil War ที่หมายถึงช่วงเวลาความรุนแรงที่เขย่ายุโรป ตั้งแต่ ค.ศ. 1914 เป็นต้นมาและสิ้นสุดเอาปี ค.ศ. 1945 ต่อด้วยสงครามเย็น ได้จบลงเมื่อ 1990 แต่สำหรับโลกอาหรับ ความตึงเครียดของพวกเขา ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันยังคงค้างคาอยู่ บรรดาชาวตะวันออกกลาง พบว่าตัวเองจำเป็นต้องไปฝึกหัดเป็นนักไต่ลวดกันถ้วนหน้า พวกเขาไม่ได้เป็นนักไต่ลวดธรรมดา เขาไต่ลวดและถือดาบไล่ฟันกันระหว่างไต่ลวดด้วย นัก (เขียน) ประวัติศาสตร์ฝรั่งบอกว่า ในภูมิภาคอันกว้างใหญ่ มี 2 ประเทศ คือ อียิปต์ และอิหร่าน ที่ดูเหมือนจะพอประคองตนเองให้อยู่รอดมาได้แม้จะโดนเขย่า โดนโค่นอยู่หลายครั้ง อีก 1 ประเทศ ที่ดูจะชำนาญในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แม้จะถูกบีบถูกถีบทิ้งหลายครั้ง แต่ก็ลุกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วคือตุรกี และอีก 1 ประเทศที่แม้ไม่ถนัด ในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แต่ใช้วิธีทำตัวอ่อน โอนไปตามกระแส เงินและน้ำมัน คือ Saudi Arabia ประเทศทั้ง 4 นี้ ล้อมรอบใจกลางของตะวันออกกลาง ซึ่งมี 5 ประเทศ และ 1 รัฐพิเศษ คือ เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน อีรัค อิสราเอล และปาเลสไตน์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน Fromkin เรียกกลุ่มประเทศนี้ว่า ลูก ๆ ของอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ผมอยากจะแย้งนักประวัติศาสตร์ฝรั่งทั้งหลายว่า ไม่ว่าจะเป็น 4 ประเทศข้างต้น ก็ดูเหมือนจะเอาตัวรอดยาก แม้ว่าต่างจะฝึกเป็นนักไต่ลวดกันเป็นแถว และพวกประเทศที่ฝรั่งเรียกว่าเป็นลูก ที่นักล่าอาณานิคม “สร้าง” ก็ดูจะเป็นการสร้างขึ้นมาใช้เป็น “ไม้เสี้ยม” ตะวันออกกลาง ให้แตกให้แย้งกันเองอยู่เสมอต่างหาก ไม่มีกลุ่มประเทศไหน แม้จะมีขนาดเล็กเท่ากับกลุ่มเด็กถูกเสี้ยมข้างต้น ที่จะต้องผจญภัยสงคราม การขัดแย้งทางการเมือง สงครามกลางเมือง การโค่นล้ม การก่อการร้าย ได้มากเท่าที่กลุ่มเด็กถูกเสี้ยมโดน ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะเข้าใจความผิดปรกติของสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นี้ เราคงจะต้องตามไปรู้จักหัวหางของเหตุการณ์บางอย่างก่อน เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งความล้มเหลวของเหล่าผู้ปกครองและการเมืองในตะวันออกกลางเอง ที่ไม่สามารถจะต้านทาน หรือแก้เกมการครอบครอง และครอบงำโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะชาติอังกฤษ และที่สำคัญ การค้นพบน้ำมัน การก่อตั้งอิสราเอล ก็เป็นปัจจัยที่เพิ่มความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 สค. 2557
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • “AI ในที่ทำงาน: ใช้กันจริงหรือแค่กระแส? — เมื่อ Productivity พุ่ง แต่องค์กรยังไม่เปลี่ยน”

    AI กลายเป็นคำที่ทุกบริษัทพูดถึง แต่คำถามคือ “มีใครใช้จริงไหม?” รายงานล่าสุดจาก Atlassian ชื่อว่า AI Collaboration Index 2025 เผยให้เห็นภาพที่ซับซ้อนกว่าที่คิด แม้การใช้ AI ในชีวิตประจำวันของพนักงานจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในรอบปี และคนทำงานสามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 1.4 ชั่วโมงต่อวัน แต่ผลลัพธ์ในระดับองค์กรกลับไม่เปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร

    มีเพียง 3% ขององค์กรที่รายงานว่าประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแค่ 2% ที่บอกว่างานมีคุณภาพสูงขึ้น ส่วนใหญ่ยังคงเห็นผลแค่ในระดับบุคคล ไม่ใช่ระดับทีมหรือองค์กร ซึ่งสะท้อนถึงปัญหา “AI แบบแยกส่วน” ที่แต่ละคนใช้เครื่องมือของตัวเองโดยไม่มีการเชื่อมโยงกัน

    ที่น่ากังวลคือ 1 ใน 3 ของพนักงานยอมรับว่าใช้ “Shadow AI” หรือ AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของข้อมูล และยิ่งทำให้ทีมงานแยกส่วนมากขึ้น เพราะแต่ละคนใช้เครื่องมือที่ต่างกัน

    แม้จะมีคนใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการคิดเชิงกลยุทธ์หรือปรับปรุงกระบวนการ แต่เกือบครึ่งกลับใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปกับการพักผ่อนหรือปรับสมดุลชีวิต ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้องค์กรก้าวหน้าเท่าที่ควร

    รายงานยังเตือนว่า หากไม่ปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ AI อาจทำให้เกิด “ภาวะหมดไฟ” เพราะเมื่อ AI ลดงานซ้ำซ้อนลง พนักงานจะถูกผลักไปทำงานที่ใช้สมองมากขึ้นโดยไม่มีเวลาพัก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    การใช้ AI ในที่ทำงานเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในรอบปี
    พนักงานประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 1.4 ชั่วโมงต่อวัน
    คนทำงานมี productivity เพิ่มขึ้นประมาณ 33%
    มีเพียง 3% ขององค์กรที่เห็นผลเชิงโครงสร้างจากการใช้ AI
    1 ใน 3 ของพนักงานใช้ Shadow AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ
    49% ใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปกับการปรับสมดุลชีวิต
    43% ใช้เวลาไปกับการคิดเชิงกลยุทธ์ และ 41% ปรับปรุงกระบวนการ
    Atlassian แนะนำให้เริ่มจากการสร้างฐานข้อมูลที่ AI เข้าถึงได้ ก่อนตั้งระบบการทำงานที่ชัดเจน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    อินเดียเป็นผู้นำด้านการใช้ AI โดย 77% ของคนทำงานใช้ AI ทุกวัน
    บริษัทที่เห็นผลจริงจาก AI ทำ 3 สิ่งต่างออกไป: สร้างฐานความรู้, เชื่อมงานข้ามทีม, และให้ผู้บริหารเป็นตัวอย่าง
    การใช้ AI แบบ “ผู้ร่วมงานเชิงกลยุทธ์” ให้ผลดีกว่าการใช้แบบ “เครื่องมือส่วนตัว”
    การใช้ AI เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลและการตัดสินใจร่วมกันคือกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงระดับองค์กร
    การใช้ AI ในการจัดการเอกสารและความรู้ช่วยลดเวลาเสียเปล่าได้ถึง 4.4 เท่า

    https://www.techradar.com/pro/now-ai-is-everywhere-in-businesses-is-anyone-actually-using-it
    🤖 “AI ในที่ทำงาน: ใช้กันจริงหรือแค่กระแส? — เมื่อ Productivity พุ่ง แต่องค์กรยังไม่เปลี่ยน” AI กลายเป็นคำที่ทุกบริษัทพูดถึง แต่คำถามคือ “มีใครใช้จริงไหม?” รายงานล่าสุดจาก Atlassian ชื่อว่า AI Collaboration Index 2025 เผยให้เห็นภาพที่ซับซ้อนกว่าที่คิด แม้การใช้ AI ในชีวิตประจำวันของพนักงานจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในรอบปี และคนทำงานสามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 1.4 ชั่วโมงต่อวัน แต่ผลลัพธ์ในระดับองค์กรกลับไม่เปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร มีเพียง 3% ขององค์กรที่รายงานว่าประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแค่ 2% ที่บอกว่างานมีคุณภาพสูงขึ้น ส่วนใหญ่ยังคงเห็นผลแค่ในระดับบุคคล ไม่ใช่ระดับทีมหรือองค์กร ซึ่งสะท้อนถึงปัญหา “AI แบบแยกส่วน” ที่แต่ละคนใช้เครื่องมือของตัวเองโดยไม่มีการเชื่อมโยงกัน ที่น่ากังวลคือ 1 ใน 3 ของพนักงานยอมรับว่าใช้ “Shadow AI” หรือ AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของข้อมูล และยิ่งทำให้ทีมงานแยกส่วนมากขึ้น เพราะแต่ละคนใช้เครื่องมือที่ต่างกัน แม้จะมีคนใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการคิดเชิงกลยุทธ์หรือปรับปรุงกระบวนการ แต่เกือบครึ่งกลับใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปกับการพักผ่อนหรือปรับสมดุลชีวิต ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้องค์กรก้าวหน้าเท่าที่ควร รายงานยังเตือนว่า หากไม่ปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ AI อาจทำให้เกิด “ภาวะหมดไฟ” เพราะเมื่อ AI ลดงานซ้ำซ้อนลง พนักงานจะถูกผลักไปทำงานที่ใช้สมองมากขึ้นโดยไม่มีเวลาพัก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ การใช้ AI ในที่ทำงานเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในรอบปี ➡️ พนักงานประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 1.4 ชั่วโมงต่อวัน ➡️ คนทำงานมี productivity เพิ่มขึ้นประมาณ 33% ➡️ มีเพียง 3% ขององค์กรที่เห็นผลเชิงโครงสร้างจากการใช้ AI ➡️ 1 ใน 3 ของพนักงานใช้ Shadow AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ ➡️ 49% ใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปกับการปรับสมดุลชีวิต ➡️ 43% ใช้เวลาไปกับการคิดเชิงกลยุทธ์ และ 41% ปรับปรุงกระบวนการ ➡️ Atlassian แนะนำให้เริ่มจากการสร้างฐานข้อมูลที่ AI เข้าถึงได้ ก่อนตั้งระบบการทำงานที่ชัดเจน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ อินเดียเป็นผู้นำด้านการใช้ AI โดย 77% ของคนทำงานใช้ AI ทุกวัน ➡️ บริษัทที่เห็นผลจริงจาก AI ทำ 3 สิ่งต่างออกไป: สร้างฐานความรู้, เชื่อมงานข้ามทีม, และให้ผู้บริหารเป็นตัวอย่าง ➡️ การใช้ AI แบบ “ผู้ร่วมงานเชิงกลยุทธ์” ให้ผลดีกว่าการใช้แบบ “เครื่องมือส่วนตัว” ➡️ การใช้ AI เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลและการตัดสินใจร่วมกันคือกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงระดับองค์กร ➡️ การใช้ AI ในการจัดการเอกสารและความรู้ช่วยลดเวลาเสียเปล่าได้ถึง 4.4 เท่า https://www.techradar.com/pro/now-ai-is-everywhere-in-businesses-is-anyone-actually-using-it
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • “Stan Lee กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ AI Hologram — เทคโนโลยีปลุกตำนานสู่ชีวิตใหม่ที่ L.A. Comic Con”

    ในงาน L.A. Comic Con ปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ Los Angeles Convention Center ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ “Stan Lee Experience” — การปรากฏตัวของ Stan Lee ผู้สร้างฮีโร่ระดับตำนานอย่าง Spider-Man, Iron Man, Hulk และ Thor ในรูปแบบ AI hologram ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามแฟน ๆ ได้แบบเรียลไทม์

    แม้ Stan Lee จะเสียชีวิตไปในปี 2018 ด้วยวัย 95 ปี แต่ด้วยความร่วมมือระหว่าง Proto Hologram และ Hyperreal ทีมงานสามารถสร้าง “Holo Stan” ขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และภาพจากการปรากฏตัวของเขาในงานต่าง ๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้คำพูดและบุคลิกของเขายังคง “เป็นตัวเขา” อย่างแท้จริง

    ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าไปในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุตเพื่อพูดคุยกับ Holo Stan ได้โดยตรง เช่น ถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับ X-Men ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสิทธิพลเมือง?” หรือ “ถ้าเลือกฮีโร่หนึ่งคนมาช่วยโลกวันนี้ คุณจะเลือกใคร?” ซึ่งคำตอบของเขาคือ Spider-Man พร้อมคำพูดที่อบอุ่นว่า “ฮีโร่ที่แท้จริงคือพวกคุณ — แฟน ๆ ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่”

    แม้หลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นกับการได้พบ Stan Lee อีกครั้งในรูปแบบใหม่ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าเป็นการ “ไม่ให้เขาได้พักผ่อน” และตั้งคำถามถึงขอบเขตของการใช้ AI กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Stan Lee ปรากฏตัวในรูปแบบ AI hologram ที่ L.A. Comic Con ปี 2025
    ใช้เทคโนโลยีจาก Proto Hologram และ Hyperreal ในการสร้าง “Holo Stan”
    Hologram ถูกฝึกจากภาพและเสียงของ Stan Lee ตลอดชีวิตการทำงาน
    ผู้เข้าร่วมสามารถพูดคุยกับ Holo Stan ได้แบบเรียลไทม์ในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุต
    คำพูดของ Holo Stan ถูกควบคุมให้ไม่ออกนอกบริบทจากสิ่งที่ Stan เคยพูดจริง
    โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก Stan Lee Universe และอดีตผู้บริหาร Marvel
    Holo Stan กล่าวถึงความรักที่มีต่อแฟน ๆ และความหวังในโลกผ่านฮีโร่
    มีการใช้เทคโนโลยี “guardrails” เพื่อป้องกันไม่ให้ AI พูดสิ่งที่ไม่เหมาะสม
    ผู้ชมสามารถถ่ายภาพและพูดคุยกับ Holo Stan ได้เหมือนพบตัวจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Proto Hologram เคยใช้เทคโนโลยีนี้โปรโมตภาพยนตร์ เช่น The Conjuring และ Minecraft Movie
    Hyperreal เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสร้าง digital humans ด้วย AI
    Stan Lee เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ Marvel ทุกเรื่องก่อนเสียชีวิต
    การใช้ AI hologram เริ่มแพร่หลายในวงการบันเทิง เช่น Elvis, Whitney Houston และ ABBA
    การสร้าง “digital legacy” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการอนุรักษ์บุคคลสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/ai-hologram-of-spider-man-creator-stan-lee-debuts-at-la-comic-con
    🕹️ “Stan Lee กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ AI Hologram — เทคโนโลยีปลุกตำนานสู่ชีวิตใหม่ที่ L.A. Comic Con” ในงาน L.A. Comic Con ปี 2025 ที่จัดขึ้น ณ Los Angeles Convention Center ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับ “Stan Lee Experience” — การปรากฏตัวของ Stan Lee ผู้สร้างฮีโร่ระดับตำนานอย่าง Spider-Man, Iron Man, Hulk และ Thor ในรูปแบบ AI hologram ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามแฟน ๆ ได้แบบเรียลไทม์ แม้ Stan Lee จะเสียชีวิตไปในปี 2018 ด้วยวัย 95 ปี แต่ด้วยความร่วมมือระหว่าง Proto Hologram และ Hyperreal ทีมงานสามารถสร้าง “Holo Stan” ขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และภาพจากการปรากฏตัวของเขาในงานต่าง ๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อให้คำพูดและบุคลิกของเขายังคง “เป็นตัวเขา” อย่างแท้จริง ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าไปในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุตเพื่อพูดคุยกับ Holo Stan ได้โดยตรง เช่น ถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับ X-Men ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสิทธิพลเมือง?” หรือ “ถ้าเลือกฮีโร่หนึ่งคนมาช่วยโลกวันนี้ คุณจะเลือกใคร?” ซึ่งคำตอบของเขาคือ Spider-Man พร้อมคำพูดที่อบอุ่นว่า “ฮีโร่ที่แท้จริงคือพวกคุณ — แฟน ๆ ที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่” แม้หลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นกับการได้พบ Stan Lee อีกครั้งในรูปแบบใหม่ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากบางกลุ่มที่มองว่าเป็นการ “ไม่ให้เขาได้พักผ่อน” และตั้งคำถามถึงขอบเขตของการใช้ AI กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Stan Lee ปรากฏตัวในรูปแบบ AI hologram ที่ L.A. Comic Con ปี 2025 ➡️ ใช้เทคโนโลยีจาก Proto Hologram และ Hyperreal ในการสร้าง “Holo Stan” ➡️ Hologram ถูกฝึกจากภาพและเสียงของ Stan Lee ตลอดชีวิตการทำงาน ➡️ ผู้เข้าร่วมสามารถพูดคุยกับ Holo Stan ได้แบบเรียลไทม์ในบูธขนาด 1,500 ตารางฟุต ➡️ คำพูดของ Holo Stan ถูกควบคุมให้ไม่ออกนอกบริบทจากสิ่งที่ Stan เคยพูดจริง ➡️ โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจาก Stan Lee Universe และอดีตผู้บริหาร Marvel ➡️ Holo Stan กล่าวถึงความรักที่มีต่อแฟน ๆ และความหวังในโลกผ่านฮีโร่ ➡️ มีการใช้เทคโนโลยี “guardrails” เพื่อป้องกันไม่ให้ AI พูดสิ่งที่ไม่เหมาะสม ➡️ ผู้ชมสามารถถ่ายภาพและพูดคุยกับ Holo Stan ได้เหมือนพบตัวจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Proto Hologram เคยใช้เทคโนโลยีนี้โปรโมตภาพยนตร์ เช่น The Conjuring และ Minecraft Movie ➡️ Hyperreal เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสร้าง digital humans ด้วย AI ➡️ Stan Lee เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ Marvel ทุกเรื่องก่อนเสียชีวิต ➡️ การใช้ AI hologram เริ่มแพร่หลายในวงการบันเทิง เช่น Elvis, Whitney Houston และ ABBA ➡️ การสร้าง “digital legacy” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการอนุรักษ์บุคคลสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/27/ai-hologram-of-spider-man-creator-stan-lee-debuts-at-la-comic-con
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI hologram of Spider-Man creator Stan Lee debuts at L.A. Comic Con
    LOS ANGELES (Reuters) -Wearing a green sweater and tan pants against a bright blue screen, Marvel comic book superhero creator Stan Lee will return to L.A. Comic Con in holographic form to meet fans of his characters including Spider-Man, Hulk, Iron Man and Thor.
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • แรงงานเฮ! ‘สภา’ มีมติเอกฉันท์ หนุนกฎหมาย ลดชั่วโมงทำงานเหลือ 40 ชม./สัปดาห์ ‘สิทธิลาพักผ่อน’ และ ‘ให้นมบุตร’
    https://www.thai-tai.tv/news/21608/
    .
    #ไทยไท #กฎหมายแรงงาน #พรรคประชาชน #สภาผู้แทนราษฎร #ข่าววันนี้
    แรงงานเฮ! ‘สภา’ มีมติเอกฉันท์ หนุนกฎหมาย ลดชั่วโมงทำงานเหลือ 40 ชม./สัปดาห์ ‘สิทธิลาพักผ่อน’ และ ‘ให้นมบุตร’ https://www.thai-tai.tv/news/21608/ . #ไทยไท #กฎหมายแรงงาน #พรรคประชาชน #สภาผู้แทนราษฎร #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • “11 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ทำให้ขโมยคิดว่าคุณอยู่บ้าน — เทคนิคหลอกตาเพื่อความปลอดภัยในยุคสมาร์ตโฮม”

    ในยุคที่บ้านว่างเปล่าคือเป้าหมายของโจร อุปกรณ์สมาร์ตโฮมกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการ “หลอก” ให้ผู้ไม่หวังดีคิดว่ามีคนอยู่บ้าน แม้คุณจะกำลังเดินทางไกลหรือพักผ่อนอยู่ต่างจังหวัดก็ตาม

    บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 11 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ช่วยสร้างภาพลวงตาให้บ้านดูมีชีวิต เช่น ไฟ floodlight ที่เปิดเมื่อมีการเคลื่อนไหว, ม่านอัตโนมัติที่เปิดปิดตามเวลา, กล้องที่ซ่อนอยู่ในหลอดไฟ, ไปจนถึงเครื่องจำลองแสงจากทีวี—all เพื่อให้บ้านดูเหมือนมีคนอยู่ตลอดเวลา

    อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้แค่เปิดปิดตามเวลา แต่ยังใช้ “ความสุ่ม” และ “พฤติกรรมเลียนแบบ” เช่น การเปิดไฟแบบไม่สม่ำเสมอ หรือการเปิดเพลงผ่าน Echo Pop เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมือนมีคนอยู่จริง ๆ

    แม้เทคโนโลยีจะไม่สามารถป้องกันขโมยได้ 100% แต่การทำให้บ้านของคุณดูไม่น่าเสี่ยง ก็เพียงพอที่จะทำให้โจรเลือกเป้าหมายอื่นแทน

    อุปกรณ์สมาร์ตที่ช่วยหลอกขโมย
    Smart Wi-Fi Floodlights: เปิดไฟเมื่อมีการเคลื่อนไหว และสามารถควบคุมจากแอป
    Motorized Roller Shades: ม่านอัตโนมัติที่เปิดปิดตามเวลาแบบไม่สม่ำเสมอ
    Wyze Video Doorbell Pro: กล้องหน้าบ้านที่แจ้งเตือนเมื่อมีคนเข้าใกล้
    Lorex Smart Lightbulb Camera: กล้องซ่อนในหลอดไฟที่หมุนได้ 360°
    Robot Lawn Mower: ตัดหญ้าอัตโนมัติแม้เจ้าของไม่อยู่บ้าน
    Smart Package Vault: ตู้รับพัสดุอัจฉริยะที่ซ่อนกล่องจากสายตาคนภายนอก
    FakeTV Simulator: อุปกรณ์จำลองแสงจากทีวีเพื่อให้ดูเหมือนมีคนดูอยู่
    Amazon Echo Pop: ควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดผ่านเสียงและตั้งเวลาเปิดเพลง
    Kasa Smart Bulbs: หลอดไฟที่เปิดปิดแบบสุ่มเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมจริง
    Smart Garage Door Opener: เปิดปิดประตูโรงรถจากระยะไกล
    Wi-Fi Sprinkler Timer: ตั้งเวลารดน้ำต้นไม้เพื่อให้บ้านดูมีคนดูแล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้ “Away Mode” บนอุปกรณ์ช่วยสร้างความสุ่มที่ดูสมจริง
    การเปิดไฟในห้องต่าง ๆ ด้วยความสว่างที่ต่างกันช่วยให้ดูเหมือนมีคนอยู่
    การใช้กล้องที่ไม่ดูเหมือนกล้องช่วยลดการหลบเลี่ยงจากขโมยที่มีประสบการณ์
    การควบคุมผ่านสมาร์ตฮับ เช่น Alexa หรือ Google Home ช่วยให้จัดการง่ายขึ้น

    https://www.slashgear.com/1971492/smart-products-that-make-thieves-think-you-are-home/
    🏠 “11 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ทำให้ขโมยคิดว่าคุณอยู่บ้าน — เทคนิคหลอกตาเพื่อความปลอดภัยในยุคสมาร์ตโฮม” ในยุคที่บ้านว่างเปล่าคือเป้าหมายของโจร อุปกรณ์สมาร์ตโฮมกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการ “หลอก” ให้ผู้ไม่หวังดีคิดว่ามีคนอยู่บ้าน แม้คุณจะกำลังเดินทางไกลหรือพักผ่อนอยู่ต่างจังหวัดก็ตาม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 11 อุปกรณ์อัจฉริยะที่ช่วยสร้างภาพลวงตาให้บ้านดูมีชีวิต เช่น ไฟ floodlight ที่เปิดเมื่อมีการเคลื่อนไหว, ม่านอัตโนมัติที่เปิดปิดตามเวลา, กล้องที่ซ่อนอยู่ในหลอดไฟ, ไปจนถึงเครื่องจำลองแสงจากทีวี—all เพื่อให้บ้านดูเหมือนมีคนอยู่ตลอดเวลา อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้แค่เปิดปิดตามเวลา แต่ยังใช้ “ความสุ่ม” และ “พฤติกรรมเลียนแบบ” เช่น การเปิดไฟแบบไม่สม่ำเสมอ หรือการเปิดเพลงผ่าน Echo Pop เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมือนมีคนอยู่จริง ๆ แม้เทคโนโลยีจะไม่สามารถป้องกันขโมยได้ 100% แต่การทำให้บ้านของคุณดูไม่น่าเสี่ยง ก็เพียงพอที่จะทำให้โจรเลือกเป้าหมายอื่นแทน ✅ อุปกรณ์สมาร์ตที่ช่วยหลอกขโมย ➡️ Smart Wi-Fi Floodlights: เปิดไฟเมื่อมีการเคลื่อนไหว และสามารถควบคุมจากแอป ➡️ Motorized Roller Shades: ม่านอัตโนมัติที่เปิดปิดตามเวลาแบบไม่สม่ำเสมอ ➡️ Wyze Video Doorbell Pro: กล้องหน้าบ้านที่แจ้งเตือนเมื่อมีคนเข้าใกล้ ➡️ Lorex Smart Lightbulb Camera: กล้องซ่อนในหลอดไฟที่หมุนได้ 360° ➡️ Robot Lawn Mower: ตัดหญ้าอัตโนมัติแม้เจ้าของไม่อยู่บ้าน ➡️ Smart Package Vault: ตู้รับพัสดุอัจฉริยะที่ซ่อนกล่องจากสายตาคนภายนอก ➡️ FakeTV Simulator: อุปกรณ์จำลองแสงจากทีวีเพื่อให้ดูเหมือนมีคนดูอยู่ ➡️ Amazon Echo Pop: ควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดผ่านเสียงและตั้งเวลาเปิดเพลง ➡️ Kasa Smart Bulbs: หลอดไฟที่เปิดปิดแบบสุ่มเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมจริง ➡️ Smart Garage Door Opener: เปิดปิดประตูโรงรถจากระยะไกล ➡️ Wi-Fi Sprinkler Timer: ตั้งเวลารดน้ำต้นไม้เพื่อให้บ้านดูมีคนดูแล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้ “Away Mode” บนอุปกรณ์ช่วยสร้างความสุ่มที่ดูสมจริง ➡️ การเปิดไฟในห้องต่าง ๆ ด้วยความสว่างที่ต่างกันช่วยให้ดูเหมือนมีคนอยู่ ➡️ การใช้กล้องที่ไม่ดูเหมือนกล้องช่วยลดการหลบเลี่ยงจากขโมยที่มีประสบการณ์ ➡️ การควบคุมผ่านสมาร์ตฮับ เช่น Alexa หรือ Google Home ช่วยให้จัดการง่ายขึ้น https://www.slashgear.com/1971492/smart-products-that-make-thieves-think-you-are-home/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    11 Smart Products That Can Fool Thieves Into Thinking You're Home - SlashGear
    If you're planning to be away from home for an extended period of time, you may be worrying about the risk of a break-in. These smart home products can help.
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.3
    เรื่องสาธารณสถาน

    ในทุกตรอกซอกซอยของเมืองใหญ่และหมู่บ้านเล็กๆ มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เปิดประตูต้อนรับผู้คนจากทุกสารทิศ สถานที่ที่ไม่ได้มีเจ้าของเป็นคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน สถานที่ที่เรียกว่าสาธารณสถาน สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือแม้แต่ศาลาพักร้อนริมทาง สิ่งเหล่านี้คือพื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมตัวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้คนได้หลบหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน เข้ามาหายใจในอากาศที่บริสุทธิ์ ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ได้นั่งพักผ่อนเงียบๆ คนเดียวเพื่อทบทวนความคิด พื้นที่เหล่านี้เปรียบเสมือนสถานีความสุขที่คอยเติมพลังให้แก่ทุกคนในสังคม เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้คน สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และเป็นเครื่องสะท้อนความเจริญของสังคมนั้นๆ

    สาธารณสถานไม่ใช่แค่พื้นที่ทางกายภาพ แต่คือหัวใจของชุมชน ที่ซึ่งเรื่องราวชีวิตนับร้อยพันได้ถูกบอกเล่า ที่ซึ่งความทรงจำดีๆ ถูกสร้างขึ้นมา ที่ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการใช้ประโยชน์และดูแลรักษา ความสำคัญของพื้นที่เหล่านี้จึงไม่ได้อยู่แค่ที่การใช้งาน แต่คือการที่มันช่วยหล่อหลอมจิตใจของผู้คนให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากขึ้น เมื่อเราได้ใช้ประโยชน์จากมัน เราย่อมรู้สึกหวงแหนและอยากจะรักษามันให้คงอยู่ตลอดไป การดูแลรักษาสวนสาธารณะให้สะอาด สนามเด็กเล่นให้ปลอดภัย จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานใดๆ เพียงเพราะเราทุกคนคือเจ้าของพื้นที่เหล่านี้อย่างแท้จริง และมันคือมรดกที่ควรส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง

    สาธารณสถานจึงเป็นมากกว่าเพียงแค่พื้นที่ว่างๆ แต่มันคือลมหายใจของเมือง เป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพชีวิตและจิตสำนึกของคนในสังคมนั้นๆ การให้ความสำคัญและร่วมกันดูแลรักษาพื้นที่เหล่านี้ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนสำหรับทุกคน เพราะเมื่อสาธารณสถานมีชีวิตชีวา สังคมของเราก็จะเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสัมพันธ์ที่ดี และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
    บทความกฎหมาย EP.3 เรื่องสาธารณสถาน ในทุกตรอกซอกซอยของเมืองใหญ่และหมู่บ้านเล็กๆ มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เปิดประตูต้อนรับผู้คนจากทุกสารทิศ สถานที่ที่ไม่ได้มีเจ้าของเป็นคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน สถานที่ที่เรียกว่าสาธารณสถาน สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือแม้แต่ศาลาพักร้อนริมทาง สิ่งเหล่านี้คือพื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมตัวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้คนได้หลบหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน เข้ามาหายใจในอากาศที่บริสุทธิ์ ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ได้นั่งพักผ่อนเงียบๆ คนเดียวเพื่อทบทวนความคิด พื้นที่เหล่านี้เปรียบเสมือนสถานีความสุขที่คอยเติมพลังให้แก่ทุกคนในสังคม เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้คน สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และเป็นเครื่องสะท้อนความเจริญของสังคมนั้นๆ สาธารณสถานไม่ใช่แค่พื้นที่ทางกายภาพ แต่คือหัวใจของชุมชน ที่ซึ่งเรื่องราวชีวิตนับร้อยพันได้ถูกบอกเล่า ที่ซึ่งความทรงจำดีๆ ถูกสร้างขึ้นมา ที่ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการใช้ประโยชน์และดูแลรักษา ความสำคัญของพื้นที่เหล่านี้จึงไม่ได้อยู่แค่ที่การใช้งาน แต่คือการที่มันช่วยหล่อหลอมจิตใจของผู้คนให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากขึ้น เมื่อเราได้ใช้ประโยชน์จากมัน เราย่อมรู้สึกหวงแหนและอยากจะรักษามันให้คงอยู่ตลอดไป การดูแลรักษาสวนสาธารณะให้สะอาด สนามเด็กเล่นให้ปลอดภัย จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานใดๆ เพียงเพราะเราทุกคนคือเจ้าของพื้นที่เหล่านี้อย่างแท้จริง และมันคือมรดกที่ควรส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง สาธารณสถานจึงเป็นมากกว่าเพียงแค่พื้นที่ว่างๆ แต่มันคือลมหายใจของเมือง เป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพชีวิตและจิตสำนึกของคนในสังคมนั้นๆ การให้ความสำคัญและร่วมกันดูแลรักษาพื้นที่เหล่านี้ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนสำหรับทุกคน เพราะเมื่อสาธารณสถานมีชีวิตชีวา สังคมของเราก็จะเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสัมพันธ์ที่ดี และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • หนีร้อนไปพักผ่อน ฟู้โกว๊ก 3 วัน 2 คืน
    บินเช้า–กลับเที่ยง ฟินครบทั้งทะเลและสวนสนุก

    ลดทันที 1,000.- เหลือเพียง 12,888.-
    เดินทาง 10–12 ต.ค. 2568
    สายการบิน VZ – ไทยเวียดเจ็ท แอร์

    ไฮไลท์ทริป
    นั่งกระเช้าลอยฟ้า สู่ Sun World Hon Thom
    มันส์กับ Aquatopia Water Park & Exotica Village
    ชิลริมชายหาด Hon Thom
    เมดิเตอเรเนียนทาวน์ + สะพานจูบ โรแมนติกสุดๆ
    เดินเล่น Duong Dong Night Market
    สนุกสุดเหวี่ยง Vin Wonder + Vinpearl Aquarium
    Grand World Phu Quoc – บ้านไม้ไผ่ + โชว์แสงสีเสียง
    สายมันส์แวะ Corona Casino ได้เลย

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e7c154

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #PhuQuoc #ทัวร์เวียดนาม #เที่ยวฟู้โกว๊ก #SunWorld #VinWonder #etravelway #โปรไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา
    🏝️✨ หนีร้อนไปพักผ่อน ฟู้โกว๊ก 3 วัน 2 คืน บินเช้า–กลับเที่ยง ฟินครบทั้งทะเลและสวนสนุก 🌊🎢 💰 ลดทันที 1,000.- เหลือเพียง 12,888.- 🗓️ เดินทาง 10–12 ต.ค. 2568 ✈️ สายการบิน VZ – ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🌟 ไฮไลท์ทริป 🚡 นั่งกระเช้าลอยฟ้า สู่ Sun World Hon Thom 💦 มันส์กับ Aquatopia Water Park & Exotica Village 🏖️ ชิลริมชายหาด Hon Thom 🏘️ เมดิเตอเรเนียนทาวน์ + สะพานจูบ โรแมนติกสุดๆ 🌙 เดินเล่น Duong Dong Night Market 🎡 สนุกสุดเหวี่ยง Vin Wonder + Vinpearl Aquarium 🏰 Grand World Phu Quoc – บ้านไม้ไผ่ + โชว์แสงสีเสียง 🎰 สายมันส์แวะ Corona Casino ได้เลย ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e7c154 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #PhuQuoc #ทัวร์เวียดนาม #เที่ยวฟู้โกว๊ก #SunWorld #VinWonder #etravelway #โปรไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • Kobe Cruise Port – จุดเริ่มต้นเสน่ห์คันไซ ท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดในแถบตะวันตกของญี่ปุ่นที่สามารถรับรองเรือสำรายขนาดใหย่ได้ และยังเป็นประตูสู่การออกสำรวจญี่ปุ่นตะวันตกอีกด้วย

    Kobe Port Tower - หอคอยโกเบ
    หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองโกเบ โดยออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายกลองญี่ปุ่น และมีโครงสร้างเหล็กสีแดงที่โดดเด่น จากบนหอคอยสามารถชมวิวท่าเรือ และตัวเมืองได้แบบพาโนรามา

    Meriken Park - สวนเมริเคน
    ตั้งอยู่ติดกับท่าเรือโกเบ เป็นพื้นที่เปิดโล่งที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของท่าเรือ แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1995 สวนแห่งนี้ได้รับการบูรณะ และกลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมือง

    Nankinmachi - ย่านไชน่าทาวน์โกเบ
    ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยชาวจีนที่อพยพมาทำการค้าในเมืองโกเบ ในปัจจุบัน Nankinmachi กลายเป็นย่านท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยอาหารจีนและสตรีทฟู้ด

    Nunobiki Herb Gardens - สวนพฤกษศาสตร์
    สวนสมุนไพรนูโนบิกิเป็นหนึ่งในสวนสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีพื้นที่กว้างขวางและปลูกพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #KobeCruisePort #JAPAN #KobePortTower #MerikenPark #Nankinmachi #NunobikiHerbGardens #port #cruisedomain
    ✨ Kobe Cruise Port – จุดเริ่มต้นเสน่ห์คันไซ ✨ ท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดในแถบตะวันตกของญี่ปุ่นที่สามารถรับรองเรือสำรายขนาดใหย่ได้ และยังเป็นประตูสู่การออกสำรวจญี่ปุ่นตะวันตกอีกด้วย 🎏🏮 ✅ Kobe Port Tower - หอคอยโกเบ หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองโกเบ โดยออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายกลองญี่ปุ่น และมีโครงสร้างเหล็กสีแดงที่โดดเด่น จากบนหอคอยสามารถชมวิวท่าเรือ และตัวเมืองได้แบบพาโนรามา ✅ Meriken Park - สวนเมริเคน ตั้งอยู่ติดกับท่าเรือโกเบ เป็นพื้นที่เปิดโล่งที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของท่าเรือ แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1995 สวนแห่งนี้ได้รับการบูรณะ และกลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ✅ Nankinmachi - ย่านไชน่าทาวน์โกเบ ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยชาวจีนที่อพยพมาทำการค้าในเมืองโกเบ ในปัจจุบัน Nankinmachi กลายเป็นย่านท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยอาหารจีนและสตรีทฟู้ด ✅ Nunobiki Herb Gardens - สวนพฤกษศาสตร์ สวนสมุนไพรนูโนบิกิเป็นหนึ่งในสวนสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีพื้นที่กว้างขวางและปลูกพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #KobeCruisePort #JAPAN #KobePortTower #MerikenPark #Nankinmachi #NunobikiHerbGardens #port #cruisedomain
    0 Comments 0 Shares 218 Views 0 Reviews
  • 🛳 MSC Cruises บริษัทเรือสำราญที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกกำลังเร่งพัฒนาและเปิดตัวเกาะใหม่ 🏖
    เกาะส่วนตัวแห่งใหม่ล่าสุด Little Cay ขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของเกาะ Ocean Cay ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของ Ocean Cay ในแถบแคริบเบียน

    สร้างขึ้นบนสันทรายธรรมชาติ โครงการนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและดำเนินการร่วมกับรัฐบาลบาฮามาส
    เน้นบริเวณพักผ่อนแบบหรูหรากว่าที่เคย แพลนปรับใช้เป็นพื้นที่สำหรับรับรองผู้เดินทางที่เข้าพักในห้อง MSC Yacht Club และ Explora Journeys

    ดูเรือ MSC ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/9a3b40

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือMSC #MSCCruises #LittleCay #OceanCay #Bahamas #Caribbean #MSCYachtClub #ExploraJourneys #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ข่าวเรือสำราญ #News #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    🛳 MSC Cruises บริษัทเรือสำราญที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกกำลังเร่งพัฒนาและเปิดตัวเกาะใหม่ 🏖 เกาะส่วนตัวแห่งใหม่ล่าสุด Little Cay ขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของเกาะ Ocean Cay ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของ Ocean Cay ในแถบแคริบเบียน สร้างขึ้นบนสันทรายธรรมชาติ โครงการนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและดำเนินการร่วมกับรัฐบาลบาฮามาส เน้นบริเวณพักผ่อนแบบหรูหรากว่าที่เคย แพลนปรับใช้เป็นพื้นที่สำหรับรับรองผู้เดินทางที่เข้าพักในห้อง MSC Yacht Club และ Explora Journeys 💬 ดูเรือ MSC ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/9a3b40 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือMSC #MSCCruises #LittleCay #OceanCay #Bahamas #Caribbean #MSCYachtClub #ExploraJourneys #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ข่าวเรือสำราญ #News #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #แชร์ที่เที่ยว #ไอเดียทริป #EuropeTravel
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก ChatGPT ถึง EisnerAmper: เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยเงาในออฟฟิศที่ไม่มีใครควบคุม

    ผลสำรวจล่าสุดจาก EisnerAmper พบว่าในสหรัฐฯ มีเพียง 22% ของพนักงานออฟฟิศที่ใช้ AI ระบุว่าบริษัทของตนมีการตรวจสอบการใช้งาน AI อย่างจริงจัง นั่นหมายความว่าอีก 78% ใช้ AI โดยไม่มี oversight ใด ๆ แม้บริษัทจะมีนโยบายหรือแนวทางด้านความปลอดภัยก็ตาม

    ที่น่าตกใจคือ 36% ของบริษัทเท่านั้นที่มีนโยบายการใช้ AI อย่างเป็นทางการ และ 28% ของพนักงานยอมรับว่าจะใช้ AI แม้บริษัทจะห้ามไว้ก็ตาม ซึ่งสะท้อนถึงช่องว่างระหว่างการบริหารจัดการกับพฤติกรรมจริงของพนักงาน

    แม้จะไม่มีการควบคุม แต่ 80% ของพนักงานกลับรายงานว่า AI ช่วยให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้น และ 64% ใช้เวลาที่ประหยัดได้จาก AI ไปทำงานอื่นต่อ ขณะที่บางคนใช้เวลาไปพักผ่อน เช่น เดินเล่น (19%) หรือไปทานข้าว (16%)

    อย่างไรก็ตาม 68% ของผู้ใช้ AI พบข้อผิดพลาดจากระบบเป็นประจำ แม้ 82% จะยังมั่นใจว่า AI ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นที่อาจเกินจริง และอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านกฎหมายหรือชื่อเสียงหากใช้ข้อมูลผิดพลาด

    ผู้เชี่ยวชาญจาก EisnerAmper เตือนว่า หากไม่มีการวางกลยุทธ์ด้าน AI ที่ชัดเจนและการสื่อสารภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทอาจสูญเสียโอกาสในการสร้างนวัตกรรม และอาจเผชิญกับปัญหาด้านความรับผิดชอบเมื่อเกิดข้อผิดพลาดจากการใช้ AI

    สถานการณ์การใช้ AI ในที่ทำงาน
    22% ของพนักงานระบุว่าบริษัทมีการตรวจสอบการใช้ AI
    36% ของบริษัทมีนโยบายการใช้ AI อย่างเป็นทางการ
    28% ของพนักงานยอมรับว่าจะใช้ AI แม้บริษัทห้าม

    พฤติกรรมและความเชื่อมั่นของพนักงาน
    80% รายงานว่า AI ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น
    64% ใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปทำงานอื่น
    19% ใช้เวลาไปเดินเล่น และ 16% ไปทานข้าว
    82% มั่นใจในผลลัพธ์ของ AI แม้ 68% พบข้อผิดพลาดเป็นประจำ

    ความเสี่ยงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ช่องว่างระหว่างนโยบายกับพฤติกรรมจริงของพนักงาน
    ความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียงจากการใช้ AI โดยไม่มี oversight
    ความจำเป็นในการวางกลยุทธ์ด้าน AI และการสื่อสารภายในองค์กร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/06/only-one-in-five-workers-say-their-ai-use-is-checked-at-work-that-needs-to-change
    🎙️ เรื่องเล่าจาก ChatGPT ถึง EisnerAmper: เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยเงาในออฟฟิศที่ไม่มีใครควบคุม ผลสำรวจล่าสุดจาก EisnerAmper พบว่าในสหรัฐฯ มีเพียง 22% ของพนักงานออฟฟิศที่ใช้ AI ระบุว่าบริษัทของตนมีการตรวจสอบการใช้งาน AI อย่างจริงจัง นั่นหมายความว่าอีก 78% ใช้ AI โดยไม่มี oversight ใด ๆ แม้บริษัทจะมีนโยบายหรือแนวทางด้านความปลอดภัยก็ตาม ที่น่าตกใจคือ 36% ของบริษัทเท่านั้นที่มีนโยบายการใช้ AI อย่างเป็นทางการ และ 28% ของพนักงานยอมรับว่าจะใช้ AI แม้บริษัทจะห้ามไว้ก็ตาม ซึ่งสะท้อนถึงช่องว่างระหว่างการบริหารจัดการกับพฤติกรรมจริงของพนักงาน แม้จะไม่มีการควบคุม แต่ 80% ของพนักงานกลับรายงานว่า AI ช่วยให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้น และ 64% ใช้เวลาที่ประหยัดได้จาก AI ไปทำงานอื่นต่อ ขณะที่บางคนใช้เวลาไปพักผ่อน เช่น เดินเล่น (19%) หรือไปทานข้าว (16%) อย่างไรก็ตาม 68% ของผู้ใช้ AI พบข้อผิดพลาดจากระบบเป็นประจำ แม้ 82% จะยังมั่นใจว่า AI ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นที่อาจเกินจริง และอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านกฎหมายหรือชื่อเสียงหากใช้ข้อมูลผิดพลาด ผู้เชี่ยวชาญจาก EisnerAmper เตือนว่า หากไม่มีการวางกลยุทธ์ด้าน AI ที่ชัดเจนและการสื่อสารภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทอาจสูญเสียโอกาสในการสร้างนวัตกรรม และอาจเผชิญกับปัญหาด้านความรับผิดชอบเมื่อเกิดข้อผิดพลาดจากการใช้ AI ✅ สถานการณ์การใช้ AI ในที่ทำงาน ➡️ 22% ของพนักงานระบุว่าบริษัทมีการตรวจสอบการใช้ AI ➡️ 36% ของบริษัทมีนโยบายการใช้ AI อย่างเป็นทางการ ➡️ 28% ของพนักงานยอมรับว่าจะใช้ AI แม้บริษัทห้าม ✅ พฤติกรรมและความเชื่อมั่นของพนักงาน ➡️ 80% รายงานว่า AI ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น ➡️ 64% ใช้เวลาที่ประหยัดได้ไปทำงานอื่น ➡️ 19% ใช้เวลาไปเดินเล่น และ 16% ไปทานข้าว ➡️ 82% มั่นใจในผลลัพธ์ของ AI แม้ 68% พบข้อผิดพลาดเป็นประจำ ✅ ความเสี่ยงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ช่องว่างระหว่างนโยบายกับพฤติกรรมจริงของพนักงาน ➡️ ความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียงจากการใช้ AI โดยไม่มี oversight ➡️ ความจำเป็นในการวางกลยุทธ์ด้าน AI และการสื่อสารภายในองค์กร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/06/only-one-in-five-workers-say-their-ai-use-is-checked-at-work-that-needs-to-change
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Only one in five workers say their AI use is checked at work. That needs to change
    In the push to adopt the new technology to boost productivity, companies may open themselves to serious problems if they don't set rules for AI at work.
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 5
    เมื่อครอบครัว Kenneth กลับมาถึงอเมริกา นาย Kenneth กลับไปทำปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัย Chicago เมื่อได้ปริญญา เขาก็รีบหางาน เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกสะเก็ด งานที่เขาคิดจะทำและน่าจะสมประโยชน์ คือ ไปติดต่อมหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ให้ตั้งแผนก Southeast Asian Studies ด้วยหนังสือที่จะได้รับมาจากกรมพระยาดำรงฯ โดยเขาจะเป็นหัวหน้าแผนกวิชา เขาไปทุกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี ยง เช่น Princeton, Columbia, Yale, Pennsylvania, Harvard และ Chicago ฯลฯ แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้จัก สยาม รู้จักแต่จีนและเวียตนาม ส่วนใหญ่จะรู้จักประเทศที่เป็นอาณานิคม
    มหาวิทยาลัยต่างๆนี้มันอยู่ไกล กันคนละเมือง งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มี แล้วเดินทางได้ยังไง น่าสงสัยจริง แล้วนาย Kenneth ก็สารภาพมาเองว่า ที่เขาสามารถเดินทางไปติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ เพราะเขาได้รับการเงินทุนสนับสนุน จาก the American Council of Learned Societies สมาคมนี้เป็นสมาคมเก่า ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1919 โดยผู้รักการศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางด้านมนุษย์วิทยาและสังคมวิทยา และเน้นหนักทางเอเซียตะวันออกและลาตินอเมริกา ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1930 กว่า สมาคมนี้มีผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ชื่อนาย John D. Rockefeller (เขียนมาถึงตรงนี้ นักอ่านนิทานจมูกไว ร้องอ๋อกันเป็นแถว บอกไม่ต้องอ่านก็ต่อได้ แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว เอาน่า อ่านต่อไปเถอะครับ มันอาจจะมีมากว่าที่นึกก็ได้)
    หมดท่าเข้านาย Kenneth จึงสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ชื่อ Earlham College ในปี ค.ศ. 1939 ขณะเดียวกัน ก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาปรัชญาจีนบ้าง อินเดียบ้าง ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ
    ขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเล่นยิงกันอยู่แถวยุโรป อเมริกายังสงวนท่าที ทำเป็นเฉยไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง วันหนึ่งประมาณปลายปี ค.ศ. 1941 ระหว่างที่ครอบครัว Kenneth ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบแถว Michigan ขณะเขากำลังพายเรืออยู่กับลูกในทะเลสาบ เมียก็มาตะโกนบอกว่า มีโทรศัพท์ถึงเขาจากวอชิงตัน ให้เขาโทรกลับไป นาย Kenneth บอกไม่รู้จักใครเลยที่วอชิงตัน แต่เขาก็โทรกลับไป เขาบอกว่าโทรศัพท์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง (เป็นไปตามแผน !?)
    เมื่อเขาโทรศัพท์ไปที่วอชิงตันตามหมายเลขที่ให้ไว้ คนที่รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นนายพล Donovan และพูดในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดี Roosevelt นาย Kenneth แทบหยุดหายใจ ท่านนายพลต้องการให้นาย Kenneth มากรุงวอชิงตันเดี๋ยวนี้เลย (โอ้พระเจ้า แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง มันเรื่องจริงหรือนี่ นาย Kenneth คงคิดอยู่ในใจ) เพื่อมารายงานเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นและอินโดจีนให้ประธานาธิบดีทราบ
    นาย Kenneth นี้ต้องเป็นคนรอบคอบ (เค็ม !) เอาเรื่อง ขนาดบอกประธานาธิบดีให้ไปพบ เขากลับถามว่าออกค่าใช้จ่ายให้เขาหรือเปล่า และต่อรองเรื่องค่าจ้างก่อนที่จะตอบตกลง เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างได้ เขาจึงตอบตกลงว่าจะไปพบ
    ประธานาธิบดี Roosevelt ต้องการรู้ว่า ญี่ปุ่นมีความคิดเกี่ยวกับอินโดจีนอย่างไร และมีความตั้งใจเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไร และถ้าญี่ปุ่นคิดจะบุกประเทศไทย จะบุกมาทางใดและช่วงเวลาไหน ฯลฯ คำถามแบบนี้ นาย Kenneth บอกหมูสะเต๊ะ เขารู้คำตอบตั้งแต่ก่อนจะถามแล้ว
    เรื่องมันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่านะ นาย Kenneth เล่าว่า เมื่อประธานาธิบดีต้องการรู้เช่น นั้น ลูกน้องก็ตาหูเหลือก ไม่มีใครรู้จักสยามเลย รู้จักญี่ปุ่นนิดหน่อย นาย Donovan (ชื่อเต็มคือนาย William Donovan หรือ Wild Bill Donovan) ซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี ให้เป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์การรบ ก็ต้องไปเดินคลำหาคนที่รู้จักสยาม แห่งแรกที่เขาไป คือ ห้องสมุดรัฐสภา Library of Congress หัวหน้าห้องสมุดชื่อนาย Ernest Griffith บอกว่าที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องสยามกับอินโดจีนหรอก นู่น คุณลองไปถามที่ American Council of Learned Societies ดูซินะ มันพวกคงแก่เรียนทั้งนั้นที่นั่น แหละ ที่เดียวที่น่าจะรู้เรื่อง แหม ! ยังกะล็อคโผ ไปถามหานาย Mortimer Graves นะ เขาคงจะรู้ที่สุดแหละ คำตอบที่นาย Donovan ได้จากนาย Graves ก็คือ น่าจะมีคนเดียวนะ ชื่อนาย Kenneth Landon ไปติดต่อเขาดูแล้วกัน นาย Donovan บอกงั้นเขาจะให้ฝ่ายข่าวกรองตรวจสอบประวัตินาย Landon นี่ก่อน ว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงที่รู้เรื่องสยาม อินโดจีน และญี่ปุ่นหรือเปล่า
    (หมายเหตุคนเล่านิทาน : ผมเพิ่งไปอ่านเจอเอกสารฉบับหนึ่ง บอกว่านาย Donovan เป็นเครือข่ายของพวก CFR ! หน่วยงานที่อยากให้อเมริกา ค้าสงคราม เลยต้องทำความรู้จักเขาหน่อย นาย William J. Donovan จบกฏหมายจากมหาวิทยาลัย Columbia ตอนเรียนหนังสือมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อนาย Franklin Delano Roosevelt เมื่อเรียนจบมา ก่อนเปลี่ยนเข็มไปเป็นทหาร เขาทำอาชีพนักกฏหมายตามที่เรียนมาก่อน ประสพความสำเร็จอย่างสูงจากฝีมือ และฝีปาก ซึ่งดังไปเข้าหูนาย Rockefeller จึงจ้างเขาไปทำงาน “War Relief Mission” ในยุโรป พูดให้เฉพาะก็คือไปอยู่ที่ Belgium ประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อ Brussel ที่เป็นที่ตั้งชุมทางนักล่าชั้น สูง สมาคม Bilderberg นั่นเหละ War Relief หรือ เรียกอีกชื่อว่า American Relief นี้ ไม่รู้ทำอะไรมั่ง จะต้องไปตามสืบต่อ แต่ทำให้นาย Donovan ต้องอยู่แถวยุโรปอยู่หลายปี และทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้ที่ ไปมาแถวยุโรปมากมาย คนหนึ่งคือนาย William Stephenson เป็นชาวแคนาดา ซึ่งเป็นสายลับตัวฉกาจ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำงานประสานระหว่างยุโรปกับอเมริกา เขาเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเองไว้ชื่อ The Man Called Intrepid (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาแปลเป็นไทย และทรงตั้งชื่อเรื่องว่า “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ”) ต่อมานักเขียนชื่อดัง Ian Fleming นำมาดัดแปลงเป็นบุคลิกของพระเอก James Bond สายลับ 007
    เมื่อนาย Donovan จะต้องตั้งหน่วยงาน OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Stephenson นี้มีส่วนช่วยอย่างสำคัญ เรื่องของนาย Donovan เองก็โลดโผนโจนทยานไม่น้อย เรียกว่าเอาไปเป็นพระเอกหนังบู๊ปนรักหักเหลี่ยมสายลับได้อย่างสบาย ไม่แพ้ James Bond เหมือนกัน ไม่รู้หลุดมือนักสร้างหนัง Hollywood มาได้ไง)
    เมื่อฝ่ายข่าวกรองโทรไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกมหาวิทยาลัยตอบเหมือนกันหมดว่า ถ้าจะมีคนรู้เรื่องสยามกับอินโดจีน ก็น่าจะเป็นนาย Kenneth นี่แหละ (ก็จะไม่ใช่ได้ยังไง เดินสายขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้ง Southeast Asian Studies อยู่เป็นปี !) แล้วนาย Kenneth ก็ถูกโทรศัพท์ตามตัวจากทะเลสาบ Michigan ให้มาพบประธานาธิบดี Roosevelt
    ส่วนคำตอบของนาย Kenneth เกี่ยวกับญี่ปุ่นนั้น นาย Kenneth บอกเขาไม่รู้หรอกว่าญี่ปุ่นคิดอย่างไรกับไทย แต่รู้ว่าถ้าญี่ปุ่นจะบุกไทย ถ้าญี่ปุ่นฉลาด ญี่ปุ่นน่าจะมาช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เพราะก่อนหน้านั้นเป็นหน้ามรสุม ฝนตกชุก! ไม่น่ามีใครบ้าเคลื่อนทัพ และขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ของหนัก ระหว่างฝนตกน้ำท่วม รถแท๊งค์ ปืนใหญ่จมโคลนหมด คำถามต่อไปว่า แล้วถ้าญี่ปุ่นจะมาทางรถ จะขับมาได้ถึงไหน นาย Kenneth บอกญี่ปุ่นไม่น่าจะใช้ทางหลวง เพราะเป็นเป้า น่าจะมาทางป่าและสามารถใช้จักรยานขี่ผ่านสวนยางไปตลอดทางใต้ถึงแหลมมาลายู ฯลฯ และเมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดจีนจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ยกพลมาลงที่กรุงเทพ แต่ไปลงที่ Kota Baru ในมาลายู และขนเอาจักรยานมาด้วย ขี่ลงใต้ไปจนถึงแหลมมาลายู (ฟังดูแล้วคำถามของอเมริกานี่พื้นมาก ไม่น่าจะเป็นคำถามของพี่เบิ้มเลย ไม่รู้ว่านาย Kenneth อมข่าวหรือเต้าข่าวให้เราฟังกันแน่)


    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 5 เมื่อครอบครัว Kenneth กลับมาถึงอเมริกา นาย Kenneth กลับไปทำปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัย Chicago เมื่อได้ปริญญา เขาก็รีบหางาน เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกสะเก็ด งานที่เขาคิดจะทำและน่าจะสมประโยชน์ คือ ไปติดต่อมหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ให้ตั้งแผนก Southeast Asian Studies ด้วยหนังสือที่จะได้รับมาจากกรมพระยาดำรงฯ โดยเขาจะเป็นหัวหน้าแผนกวิชา เขาไปทุกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี ยง เช่น Princeton, Columbia, Yale, Pennsylvania, Harvard และ Chicago ฯลฯ แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้จัก สยาม รู้จักแต่จีนและเวียตนาม ส่วนใหญ่จะรู้จักประเทศที่เป็นอาณานิคม มหาวิทยาลัยต่างๆนี้มันอยู่ไกล กันคนละเมือง งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มี แล้วเดินทางได้ยังไง น่าสงสัยจริง แล้วนาย Kenneth ก็สารภาพมาเองว่า ที่เขาสามารถเดินทางไปติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ เพราะเขาได้รับการเงินทุนสนับสนุน จาก the American Council of Learned Societies สมาคมนี้เป็นสมาคมเก่า ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1919 โดยผู้รักการศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางด้านมนุษย์วิทยาและสังคมวิทยา และเน้นหนักทางเอเซียตะวันออกและลาตินอเมริกา ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1930 กว่า สมาคมนี้มีผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ชื่อนาย John D. Rockefeller (เขียนมาถึงตรงนี้ นักอ่านนิทานจมูกไว ร้องอ๋อกันเป็นแถว บอกไม่ต้องอ่านก็ต่อได้ แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว เอาน่า อ่านต่อไปเถอะครับ มันอาจจะมีมากว่าที่นึกก็ได้) หมดท่าเข้านาย Kenneth จึงสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ชื่อ Earlham College ในปี ค.ศ. 1939 ขณะเดียวกัน ก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาปรัชญาจีนบ้าง อินเดียบ้าง ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเล่นยิงกันอยู่แถวยุโรป อเมริกายังสงวนท่าที ทำเป็นเฉยไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง วันหนึ่งประมาณปลายปี ค.ศ. 1941 ระหว่างที่ครอบครัว Kenneth ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบแถว Michigan ขณะเขากำลังพายเรืออยู่กับลูกในทะเลสาบ เมียก็มาตะโกนบอกว่า มีโทรศัพท์ถึงเขาจากวอชิงตัน ให้เขาโทรกลับไป นาย Kenneth บอกไม่รู้จักใครเลยที่วอชิงตัน แต่เขาก็โทรกลับไป เขาบอกว่าโทรศัพท์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง (เป็นไปตามแผน !?) เมื่อเขาโทรศัพท์ไปที่วอชิงตันตามหมายเลขที่ให้ไว้ คนที่รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นนายพล Donovan และพูดในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดี Roosevelt นาย Kenneth แทบหยุดหายใจ ท่านนายพลต้องการให้นาย Kenneth มากรุงวอชิงตันเดี๋ยวนี้เลย (โอ้พระเจ้า แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง มันเรื่องจริงหรือนี่ นาย Kenneth คงคิดอยู่ในใจ) เพื่อมารายงานเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นและอินโดจีนให้ประธานาธิบดีทราบ นาย Kenneth นี้ต้องเป็นคนรอบคอบ (เค็ม !) เอาเรื่อง ขนาดบอกประธานาธิบดีให้ไปพบ เขากลับถามว่าออกค่าใช้จ่ายให้เขาหรือเปล่า และต่อรองเรื่องค่าจ้างก่อนที่จะตอบตกลง เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างได้ เขาจึงตอบตกลงว่าจะไปพบ ประธานาธิบดี Roosevelt ต้องการรู้ว่า ญี่ปุ่นมีความคิดเกี่ยวกับอินโดจีนอย่างไร และมีความตั้งใจเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไร และถ้าญี่ปุ่นคิดจะบุกประเทศไทย จะบุกมาทางใดและช่วงเวลาไหน ฯลฯ คำถามแบบนี้ นาย Kenneth บอกหมูสะเต๊ะ เขารู้คำตอบตั้งแต่ก่อนจะถามแล้ว เรื่องมันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่านะ นาย Kenneth เล่าว่า เมื่อประธานาธิบดีต้องการรู้เช่น นั้น ลูกน้องก็ตาหูเหลือก ไม่มีใครรู้จักสยามเลย รู้จักญี่ปุ่นนิดหน่อย นาย Donovan (ชื่อเต็มคือนาย William Donovan หรือ Wild Bill Donovan) ซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี ให้เป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์การรบ ก็ต้องไปเดินคลำหาคนที่รู้จักสยาม แห่งแรกที่เขาไป คือ ห้องสมุดรัฐสภา Library of Congress หัวหน้าห้องสมุดชื่อนาย Ernest Griffith บอกว่าที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องสยามกับอินโดจีนหรอก นู่น คุณลองไปถามที่ American Council of Learned Societies ดูซินะ มันพวกคงแก่เรียนทั้งนั้นที่นั่น แหละ ที่เดียวที่น่าจะรู้เรื่อง แหม ! ยังกะล็อคโผ ไปถามหานาย Mortimer Graves นะ เขาคงจะรู้ที่สุดแหละ คำตอบที่นาย Donovan ได้จากนาย Graves ก็คือ น่าจะมีคนเดียวนะ ชื่อนาย Kenneth Landon ไปติดต่อเขาดูแล้วกัน นาย Donovan บอกงั้นเขาจะให้ฝ่ายข่าวกรองตรวจสอบประวัตินาย Landon นี่ก่อน ว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงที่รู้เรื่องสยาม อินโดจีน และญี่ปุ่นหรือเปล่า (หมายเหตุคนเล่านิทาน : ผมเพิ่งไปอ่านเจอเอกสารฉบับหนึ่ง บอกว่านาย Donovan เป็นเครือข่ายของพวก CFR ! หน่วยงานที่อยากให้อเมริกา ค้าสงคราม เลยต้องทำความรู้จักเขาหน่อย นาย William J. Donovan จบกฏหมายจากมหาวิทยาลัย Columbia ตอนเรียนหนังสือมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อนาย Franklin Delano Roosevelt เมื่อเรียนจบมา ก่อนเปลี่ยนเข็มไปเป็นทหาร เขาทำอาชีพนักกฏหมายตามที่เรียนมาก่อน ประสพความสำเร็จอย่างสูงจากฝีมือ และฝีปาก ซึ่งดังไปเข้าหูนาย Rockefeller จึงจ้างเขาไปทำงาน “War Relief Mission” ในยุโรป พูดให้เฉพาะก็คือไปอยู่ที่ Belgium ประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อ Brussel ที่เป็นที่ตั้งชุมทางนักล่าชั้น สูง สมาคม Bilderberg นั่นเหละ War Relief หรือ เรียกอีกชื่อว่า American Relief นี้ ไม่รู้ทำอะไรมั่ง จะต้องไปตามสืบต่อ แต่ทำให้นาย Donovan ต้องอยู่แถวยุโรปอยู่หลายปี และทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้ที่ ไปมาแถวยุโรปมากมาย คนหนึ่งคือนาย William Stephenson เป็นชาวแคนาดา ซึ่งเป็นสายลับตัวฉกาจ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำงานประสานระหว่างยุโรปกับอเมริกา เขาเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเองไว้ชื่อ The Man Called Intrepid (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาแปลเป็นไทย และทรงตั้งชื่อเรื่องว่า “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ”) ต่อมานักเขียนชื่อดัง Ian Fleming นำมาดัดแปลงเป็นบุคลิกของพระเอก James Bond สายลับ 007 เมื่อนาย Donovan จะต้องตั้งหน่วยงาน OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Stephenson นี้มีส่วนช่วยอย่างสำคัญ เรื่องของนาย Donovan เองก็โลดโผนโจนทยานไม่น้อย เรียกว่าเอาไปเป็นพระเอกหนังบู๊ปนรักหักเหลี่ยมสายลับได้อย่างสบาย ไม่แพ้ James Bond เหมือนกัน ไม่รู้หลุดมือนักสร้างหนัง Hollywood มาได้ไง) เมื่อฝ่ายข่าวกรองโทรไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกมหาวิทยาลัยตอบเหมือนกันหมดว่า ถ้าจะมีคนรู้เรื่องสยามกับอินโดจีน ก็น่าจะเป็นนาย Kenneth นี่แหละ (ก็จะไม่ใช่ได้ยังไง เดินสายขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้ง Southeast Asian Studies อยู่เป็นปี !) แล้วนาย Kenneth ก็ถูกโทรศัพท์ตามตัวจากทะเลสาบ Michigan ให้มาพบประธานาธิบดี Roosevelt ส่วนคำตอบของนาย Kenneth เกี่ยวกับญี่ปุ่นนั้น นาย Kenneth บอกเขาไม่รู้หรอกว่าญี่ปุ่นคิดอย่างไรกับไทย แต่รู้ว่าถ้าญี่ปุ่นจะบุกไทย ถ้าญี่ปุ่นฉลาด ญี่ปุ่นน่าจะมาช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เพราะก่อนหน้านั้นเป็นหน้ามรสุม ฝนตกชุก! ไม่น่ามีใครบ้าเคลื่อนทัพ และขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ของหนัก ระหว่างฝนตกน้ำท่วม รถแท๊งค์ ปืนใหญ่จมโคลนหมด คำถามต่อไปว่า แล้วถ้าญี่ปุ่นจะมาทางรถ จะขับมาได้ถึงไหน นาย Kenneth บอกญี่ปุ่นไม่น่าจะใช้ทางหลวง เพราะเป็นเป้า น่าจะมาทางป่าและสามารถใช้จักรยานขี่ผ่านสวนยางไปตลอดทางใต้ถึงแหลมมาลายู ฯลฯ และเมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดจีนจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ยกพลมาลงที่กรุงเทพ แต่ไปลงที่ Kota Baru ในมาลายู และขนเอาจักรยานมาด้วย ขี่ลงใต้ไปจนถึงแหลมมาลายู (ฟังดูแล้วคำถามของอเมริกานี่พื้นมาก ไม่น่าจะเป็นคำถามของพี่เบิ้มเลย ไม่รู้ว่านาย Kenneth อมข่าวหรือเต้าข่าวให้เราฟังกันแน่) คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • หมากนี้ใครๆก็ดูออก,ตู่เป็นบ๋อยโทนี่,หนูบ๋อยตู่สั่งไปคุ้มสาธาตอนฉีดตายโควิดให้คนไทย ไม่ใช่เด็กตนเองจะสั่งไปทำงานสำคัญไม่ได้แบบฉีดวัคซีนลดประชากรไทย,ตู่สั่งส้มหนุนหนู สั่งแดงไปใช้ปากอยู่ฝ่ายค้าน ,โทนี่พอใจตู่มากเลยไปพักผ่อนที่ดูไบสบายๆก่อน,
    ..สรุป เหี้ยทั้งนั้น.เดอะแก๊งเดียวกันหมด ฝันเลยจะยกเลิกmou43,44,tor46,อาจเป็นมุกหาเสียงทางการเมืองในอนาคต อาจอ้างสั่งหยุดยิงก่อนเวลาไม่พอ ถ้าต่ออายุต่อเวลาออกไปอีก อาจยกเลิกmou43,44,tor46และอื่นๆทั้งหมดกับเขมรได้ทัน,แล้วประชาชนก็จะถามว่า ระหว่างก่อนถึง4เดือนทำห่าอะไรอยู่ แบบบ้านหนองจาน24-28ก.ค.68ก่อนหยุดยิงทำห่าอะไรอยู่ทำไมไม่ถีบเขมร รื้อบ้านเขมรออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมดให้หมด.
    ..โหรแปลกๆนะ อวยว่าตนทายถูกเพื่อ?
    ..4เดือนนี้ มาดูว่าจะปาหี่ แสดงอะไร เรื่องอะไรได้บ้าง.
    ..ไม่แน่นะ บ่อนคาสิโนทำไม่สำเร็จในยุคอุ๊งอิ๊งอาจสำเร็จภายใน4เดือนนี้ก็ได้,ส้มหนุนอยู่แล้วนี้ แหล่งสร้างตังมันว่า,ดูเหี้ยทางไหนมีแต่ชาติพังพินาศ เจ้ามือร่ำรวยมหาศาลทั้งพนันออนไลน์และออฟไลน์อีก,ใบอนุญาตประกอบการในเมืองไทยได้มาแล้ว ,ดูมือถือเลย,เจ้าของค่ายเหี้ยร่ำรวย แดกตังคนไทยเป็นว่าเล่น,เน็ตจริงๆสมควรฟรีทั่วไทยได้แล้ว,ใช้เน็ตฟรีได้ต้องเป็นมือถือควอนตัมเฉพาะคนไทยเข้ารหัสเครื่องใครมันด้วยระบบยืนยันDNAก็ว่า,เรากากจริงๆ ทุจริตโกงกินเต็มประเทศมิอาจอัพเลเวลได้เลยจากนักการเมืองและข้าราชการชั่วเลวมากมายเหล่านี้เต็มบ้านเต็มเมืองเกินไป,เคสกรณีศึกษาที่ดีคือบ้านหนองจานนี้เอง,ศาลทหารมิอาจเข้าลงโทษอดีตนายพลชั่วเลวฝ่ายทหารตนเองได้เลย,หน่วยข่าวกรองทหารสายทหารสืบสวนรับรู้ค่าจริงในเป็นอย่างไรหมดล่ะ,แต่ไม่จัดการต้นเหตุปัญหาจากภายในตนเองจริงใดๆเลย,กรณีบ้านหนองจานคือจุดด่างเลวชั่วของวิถีทหารชั่วเลวภายในกองทัพไทยเราได้ดี,สะท้อนชั่วเลวทหารไทยและข้าราชการไทยที่เลวชั่วได้ดี.



    https://youtube.com/watch?v=sKysrmof-Jo&si=N_OLQh6FENNiWqQhhttps://youtube.com/watch?v=sKysrmof-Jo&si=N_OLQh6FENNiWqQh
    หมากนี้ใครๆก็ดูออก,ตู่เป็นบ๋อยโทนี่,หนูบ๋อยตู่สั่งไปคุ้มสาธาตอนฉีดตายโควิดให้คนไทย ไม่ใช่เด็กตนเองจะสั่งไปทำงานสำคัญไม่ได้แบบฉีดวัคซีนลดประชากรไทย,ตู่สั่งส้มหนุนหนู สั่งแดงไปใช้ปากอยู่ฝ่ายค้าน ,โทนี่พอใจตู่มากเลยไปพักผ่อนที่ดูไบสบายๆก่อน, ..สรุป เหี้ยทั้งนั้น.เดอะแก๊งเดียวกันหมด ฝันเลยจะยกเลิกmou43,44,tor46,อาจเป็นมุกหาเสียงทางการเมืองในอนาคต อาจอ้างสั่งหยุดยิงก่อนเวลาไม่พอ ถ้าต่ออายุต่อเวลาออกไปอีก อาจยกเลิกmou43,44,tor46และอื่นๆทั้งหมดกับเขมรได้ทัน,แล้วประชาชนก็จะถามว่า ระหว่างก่อนถึง4เดือนทำห่าอะไรอยู่ แบบบ้านหนองจาน24-28ก.ค.68ก่อนหยุดยิงทำห่าอะไรอยู่ทำไมไม่ถีบเขมร รื้อบ้านเขมรออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมดให้หมด. ..โหรแปลกๆนะ อวยว่าตนทายถูกเพื่อ? ..4เดือนนี้ มาดูว่าจะปาหี่ แสดงอะไร เรื่องอะไรได้บ้าง. ..ไม่แน่นะ บ่อนคาสิโนทำไม่สำเร็จในยุคอุ๊งอิ๊งอาจสำเร็จภายใน4เดือนนี้ก็ได้,ส้มหนุนอยู่แล้วนี้ แหล่งสร้างตังมันว่า,ดูเหี้ยทางไหนมีแต่ชาติพังพินาศ เจ้ามือร่ำรวยมหาศาลทั้งพนันออนไลน์และออฟไลน์อีก,ใบอนุญาตประกอบการในเมืองไทยได้มาแล้ว ,ดูมือถือเลย,เจ้าของค่ายเหี้ยร่ำรวย แดกตังคนไทยเป็นว่าเล่น,เน็ตจริงๆสมควรฟรีทั่วไทยได้แล้ว,ใช้เน็ตฟรีได้ต้องเป็นมือถือควอนตัมเฉพาะคนไทยเข้ารหัสเครื่องใครมันด้วยระบบยืนยันDNAก็ว่า,เรากากจริงๆ ทุจริตโกงกินเต็มประเทศมิอาจอัพเลเวลได้เลยจากนักการเมืองและข้าราชการชั่วเลวมากมายเหล่านี้เต็มบ้านเต็มเมืองเกินไป,เคสกรณีศึกษาที่ดีคือบ้านหนองจานนี้เอง,ศาลทหารมิอาจเข้าลงโทษอดีตนายพลชั่วเลวฝ่ายทหารตนเองได้เลย,หน่วยข่าวกรองทหารสายทหารสืบสวนรับรู้ค่าจริงในเป็นอย่างไรหมดล่ะ,แต่ไม่จัดการต้นเหตุปัญหาจากภายในตนเองจริงใดๆเลย,กรณีบ้านหนองจานคือจุดด่างเลวชั่วของวิถีทหารชั่วเลวภายในกองทัพไทยเราได้ดี,สะท้อนชั่วเลวทหารไทยและข้าราชการไทยที่เลวชั่วได้ดี. https://youtube.com/watch?v=sKysrmof-Jo&si=N_OLQh6FENNiWqQhhttps://youtube.com/watch?v=sKysrmof-Jo&si=N_OLQh6FENNiWqQh
    0 Comments 0 Shares 372 Views 0 Reviews
  • เปิดเมืองแปลกปอนตินัค แอร์เอเชียบินตรงจากเคแอล-กูชิง

    หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไปนาน ในที่สุดสายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซีย (AK) เปิดเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศ จากท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) และท่าอากาศยานกูชิง (KCH) รัฐซาราวัก ไปยังปลายทางเมืองปอนตินัค (Pontinak หรือ PNK) เมืองหลวงของจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ โดยมาเลเซียมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียมาเยือนมาเลเซีย 4.3 ล้านคนในปี 2568 สอดรับกับปีแห่งการท่องเที่ยวมาเลเซีย Visit Malaysia 2026 และรัฐซาราวักตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 5 ล้านคนภายในสิ้นปี

    ในทางกลับกัน ยังเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวหลัก มาเยือนอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว 16 ล้านคน รวมทั้งส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ชาวจังหวัดกาลิมันตันตะวันตกของอินโดนีเซีย ในการมองหาโอกาสทางธุรกิจ การท่องเที่ยวพักผ่อน และบริการทางการแพทย์ในรัฐซาราวักและกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง ซึ่งเที่ยวบินปอนตินัค-กูชิง ใช้เวลาเดินทางเพียง 50 นาที เมื่อเทียบกับเดินทางด้วยรถบัสที่ใช้เวลา 8 ชั่วโมง และเที่ยวบินปอนตินัค-กัวลาลัมเปอร์ บินตรงโดยไม่ต้องเปลี่ยนเที่ยวบินที่กรุงจาการ์ตา

    เที่ยวบินปลายทางปอนตินัค เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่

    กัวลาลัมเปอร์-ปอนตินัค-กัวลาลัมเปอร์ เฉพาะวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และวันอาทิตย์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

    AK492 ออกจากกัวลาลัมเปอร์ 11.15 น. ถึงปอนตินัค 12.05 น.
    AK491 ออกจากปอนตินัค 12.30 น. ถึงกัวลาลัมเปอร์ 15.10 น.

    กูชิง-ปอนตินัค-กูชิง วันละ 2 เที่ยวบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที

    AK1781 ออกจากกูชิง 09.05 น. ถึงปอนตินัค 08.55 น.
    AK1783 ออกจากกูชิง 19.20 น. ถึงปอนตินัค 19.05 น.
    AK1782 ออกจากปอนตินัค 09.20 น. ถึงกูชิง 11.05 น.
    AK1784 ออกจากปอนตินัค 19.30 น. ถึงกูชิง 21.15 น.

    (เวลามาเลเซียเร็วกว่าเวลาอินโดนีเซีย 1 ชั่วโมง)

    สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองปอนตินัค ได้แก่ มัสยิดมูจาฮีดีน (Mujahidin Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก, อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) เป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์

    #Newskit
    เปิดเมืองแปลกปอนตินัค แอร์เอเชียบินตรงจากเคแอล-กูชิง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไปนาน ในที่สุดสายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซีย (AK) เปิดเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศ จากท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) และท่าอากาศยานกูชิง (KCH) รัฐซาราวัก ไปยังปลายทางเมืองปอนตินัค (Pontinak หรือ PNK) เมืองหลวงของจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ โดยมาเลเซียมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียมาเยือนมาเลเซีย 4.3 ล้านคนในปี 2568 สอดรับกับปีแห่งการท่องเที่ยวมาเลเซีย Visit Malaysia 2026 และรัฐซาราวักตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 5 ล้านคนภายในสิ้นปี ในทางกลับกัน ยังเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวหลัก มาเยือนอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว 16 ล้านคน รวมทั้งส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ชาวจังหวัดกาลิมันตันตะวันตกของอินโดนีเซีย ในการมองหาโอกาสทางธุรกิจ การท่องเที่ยวพักผ่อน และบริการทางการแพทย์ในรัฐซาราวักและกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง ซึ่งเที่ยวบินปอนตินัค-กูชิง ใช้เวลาเดินทางเพียง 50 นาที เมื่อเทียบกับเดินทางด้วยรถบัสที่ใช้เวลา 8 ชั่วโมง และเที่ยวบินปอนตินัค-กัวลาลัมเปอร์ บินตรงโดยไม่ต้องเปลี่ยนเที่ยวบินที่กรุงจาการ์ตา เที่ยวบินปลายทางปอนตินัค เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่ กัวลาลัมเปอร์-ปอนตินัค-กัวลาลัมเปอร์ เฉพาะวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และวันอาทิตย์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง AK492 ออกจากกัวลาลัมเปอร์ 11.15 น. ถึงปอนตินัค 12.05 น. AK491 ออกจากปอนตินัค 12.30 น. ถึงกัวลาลัมเปอร์ 15.10 น. กูชิง-ปอนตินัค-กูชิง วันละ 2 เที่ยวบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที AK1781 ออกจากกูชิง 09.05 น. ถึงปอนตินัค 08.55 น. AK1783 ออกจากกูชิง 19.20 น. ถึงปอนตินัค 19.05 น. AK1782 ออกจากปอนตินัค 09.20 น. ถึงกูชิง 11.05 น. AK1784 ออกจากปอนตินัค 19.30 น. ถึงกูชิง 21.15 น. (เวลามาเลเซียเร็วกว่าเวลาอินโดนีเซีย 1 ชั่วโมง) สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองปอนตินัค ได้แก่ มัสยิดมูจาฮีดีน (Mujahidin Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก, อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) เป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 505 Views 0 Reviews
  • ล่องเรือดานูบสุดหรู กับวิวเมืองโรแมนติกทั้ง 4 ประเทศในทริปเดียว!
    บนเรือ Avalon Waterways — พิเศษเดินทางพร้อม “เบิร์ด กะ ฮาร์ท”
    ฟังเพลงเพราะแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เคล้าบรรยากาศริมแม่น้ำสายประวัติศาสตร์

    เส้นทางไฮไลต์ Vilshofen – Passau – Linz – Vienna – Bratislava – Budapest

    🗓 กำหนดเดินทาง 30 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2568 (10 วัน 7 คืน)

    บินสบายกับ Emirates Airlines
    พักผ่อนหรูหราบนเรือ Avalon Illumination
    🍽 รวมอาหารทุกมื้อแบบจัดเต็ม

    ราคาเริ่มต้นเพียง 189,988 บาท/ท่าน

    รหัสแพคเกจทัวร์ : AVAT-EK-10D7N-VIH-BUD-2510301
    รายละเอียดเพิ่มเติม >> 78s.me/eb7463

    ดูเรือ Avalon Waterways ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/2bf26b

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือAvalonWaterways #AvalonIllumination #ล่องเรือดานูบ #AvalonWaterways #เบิร์ดกะฮาร์ท #Vilsholfen #Passau #Linz #Vienna #Bratislava #Hungary #Budapest #CruiseDomain #ดานูบโรแมนติก #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    🚢 ล่องเรือดานูบสุดหรู กับวิวเมืองโรแมนติกทั้ง 4 ประเทศในทริปเดียว! 🌍 บนเรือ Avalon Waterways — พิเศษเดินทางพร้อม “เบิร์ด กะ ฮาร์ท” 🎤 ฟังเพลงเพราะแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เคล้าบรรยากาศริมแม่น้ำสายประวัติศาสตร์ 💙 📌 เส้นทางไฮไลต์ Vilshofen – Passau – Linz – Vienna – Bratislava – Budapest 🗓 กำหนดเดินทาง 30 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2568 (10 วัน 7 คืน) ✈️ บินสบายกับ Emirates Airlines 🚢 พักผ่อนหรูหราบนเรือ Avalon Illumination 🍽 รวมอาหารทุกมื้อแบบจัดเต็ม 💰 ราคาเริ่มต้นเพียง 189,988 บาท/ท่าน 🔖 รหัสแพคเกจทัวร์ : AVAT-EK-10D7N-VIH-BUD-2510301 📌 รายละเอียดเพิ่มเติม >> 78s.me/eb7463 ดูเรือ Avalon Waterways ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/2bf26b ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือAvalonWaterways #AvalonIllumination #ล่องเรือดานูบ #AvalonWaterways #เบิร์ดกะฮาร์ท #Vilsholfen #Passau #Linz #Vienna #Bratislava #Hungary #Budapest #CruiseDomain #ดานูบโรแมนติก #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    0 Comments 0 Shares 579 Views 0 Reviews
  • “ฮุนเซน” โพสต์ภาพนั่งบัญชาการรบ หน้าตาทรุดโทรม บอกประชาชนกำลังทุกข์ยากเราไม่มีสิทธิเจ็บป่วยหรือพักผ่อน เรมไม่เคยชินกับการทอดทิ้งประชาชนในยามที่พวกเขาลำบาก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070935

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ฮุนเซน” โพสต์ภาพนั่งบัญชาการรบ หน้าตาทรุดโทรม บอกประชาชนกำลังทุกข์ยากเราไม่มีสิทธิเจ็บป่วยหรือพักผ่อน เรมไม่เคยชินกับการทอดทิ้งประชาชนในยามที่พวกเขาลำบาก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070935 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Like
    4
    2 Comments 0 Shares 483 Views 0 Reviews
  • "อยากทำตัวราวกับไม่แก่" 100 ปีมหาเธร์ โมฮัมหมัด

    ใครจะเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีนักการเมืองอายุยืนถึงเลขสามหลัก เฉกเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด มีวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปีเมื่อวันที่ 10 ก.ค. แม้คำอวยพรจะล้นหลาม แต่เขายังคงทำงานตามปกติอยู่ในสำนักงานที่เมืองปุตราจายา แม้จะมีแขกผู้มาเยือนแต่ก็ไม่ได้จัดงานฉลองใหญ่โต มีเพียงคนในสำนักงานนำเค้กก้อนเล็กมอบให้พร้อมร้องเพลงวันเกิด ก่อนที่มหาเธร์จะให้แยกย้ายกลับไปทำงานตามปกติ เคล็ดลับที่ทำให้อายุยืนเขาเชื่อว่ามาจากการไม่สูบบุหรี่ ไม่กินมากเกินไป และออกกำลังกายทั้งกายและใจ รวมทั้งสมอง แม้จะมีประวัติโรคหัวใจ รวมถึงการผ่าตัดบายพาสสองครั้งก็ตาม

    นัยยะที่ทำให้คอการเมืองและผู้สนใจมาเลเซียจับตามอง คือการที่เขากล่าวผ่านพอร์ตแคสต์ว่า ตราบใดที่ยังทำหน้าที่ได้ ก็อยากจะทำหน้าที่ต่อไป อยากจะทำตัวให้ราวกับว่ายังไม่แก่ พยายามใช้ชีวิตแบบเดียวกับตอนที่ยังเด็ก ทำงาน มาที่ออฟฟิศ ไปงานต่างๆ และอะไรต่อมิอะไร คิดว่าการได้ออกกำลังกายคือสิ่งที่ทำให้มีชีวิตชีวา และว่า "ผมเป็นคนแอคทีฟมาตลอด ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากพักผ่อน หมายความว่าไปเที่ยวพักผ่อน ทำอะไรสักอย่าง ไปเที่ยวพักผ่อนที่ได้ทำอะไรบางอย่าง แต่บางคนเกษียณแล้วอยากพักผ่อน การพักผ่อนหมายความว่ายังไง ไม่ทำอะไรเลยเหรอ"

    จากเด็กชายที่เกิดในเมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ ทางภาคเหนือของมาเลเซีย เขาคือนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งถึง 2 สมัย ปี 2524-2546 และ 2561-2563 สร้างความเปลี่ยนแปลงในมาเลเซีย โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนเหนือ-ใต้ สาย E1-E2 สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ตึกแฝดปิโตรนาสที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนา การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งโทรคมนาคม ไฟฟ้า สายการบิน การสร้างแบรนด์รถยนต์แห่งชาติอย่างโปรตอน (Proton) กอบกู้ประเทศจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 เลือกพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ ควบคุมเงินทุนและกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิต ไม่พึ่งพากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

    ถึงกระนั้น การเมืองในมาเลเซียไม่ได้ขาวสะอาด เต็มไปด้วยเกมชิงอำนาจ เส้นทางการเมืองของมหาเธร์ไม่สวยงามนัก เคยถูกตั้งคำถามจากฝ่ายค้านและกลุ่มเอ็นจีโอถึงการรวมอำนาจทางการเมือง กำจัดฝ่ายตรงข้าม จำกัดเสรีภาพประชาชน รวมทั้งในสายตาคนรุ่นใหม่ เชื่อว่ามนต์ขลังของมหาเธร์หมดลงแล้ว เป็นเพียงอดีตผู้นำชราที่ไม่โดนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในปัจจุบันท่ามกลางปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น การขึ้นภาษี SST สงครามการค้ากับสหรัฐฯ การปฎิรูปการเมืองที่ล้มเหลว หากมหาเธร์จะกลับมาลงสนามเลือกตั้งในวัย 100 ปี จะไหวหรือไม่ ถามใจชาวมาเลเซียดู

    #Newskit
    "อยากทำตัวราวกับไม่แก่" 100 ปีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ใครจะเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีนักการเมืองอายุยืนถึงเลขสามหลัก เฉกเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด มีวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปีเมื่อวันที่ 10 ก.ค. แม้คำอวยพรจะล้นหลาม แต่เขายังคงทำงานตามปกติอยู่ในสำนักงานที่เมืองปุตราจายา แม้จะมีแขกผู้มาเยือนแต่ก็ไม่ได้จัดงานฉลองใหญ่โต มีเพียงคนในสำนักงานนำเค้กก้อนเล็กมอบให้พร้อมร้องเพลงวันเกิด ก่อนที่มหาเธร์จะให้แยกย้ายกลับไปทำงานตามปกติ เคล็ดลับที่ทำให้อายุยืนเขาเชื่อว่ามาจากการไม่สูบบุหรี่ ไม่กินมากเกินไป และออกกำลังกายทั้งกายและใจ รวมทั้งสมอง แม้จะมีประวัติโรคหัวใจ รวมถึงการผ่าตัดบายพาสสองครั้งก็ตาม นัยยะที่ทำให้คอการเมืองและผู้สนใจมาเลเซียจับตามอง คือการที่เขากล่าวผ่านพอร์ตแคสต์ว่า ตราบใดที่ยังทำหน้าที่ได้ ก็อยากจะทำหน้าที่ต่อไป อยากจะทำตัวให้ราวกับว่ายังไม่แก่ พยายามใช้ชีวิตแบบเดียวกับตอนที่ยังเด็ก ทำงาน มาที่ออฟฟิศ ไปงานต่างๆ และอะไรต่อมิอะไร คิดว่าการได้ออกกำลังกายคือสิ่งที่ทำให้มีชีวิตชีวา และว่า "ผมเป็นคนแอคทีฟมาตลอด ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากพักผ่อน หมายความว่าไปเที่ยวพักผ่อน ทำอะไรสักอย่าง ไปเที่ยวพักผ่อนที่ได้ทำอะไรบางอย่าง แต่บางคนเกษียณแล้วอยากพักผ่อน การพักผ่อนหมายความว่ายังไง ไม่ทำอะไรเลยเหรอ" จากเด็กชายที่เกิดในเมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ ทางภาคเหนือของมาเลเซีย เขาคือนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งถึง 2 สมัย ปี 2524-2546 และ 2561-2563 สร้างความเปลี่ยนแปลงในมาเลเซีย โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนเหนือ-ใต้ สาย E1-E2 สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ตึกแฝดปิโตรนาสที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนา การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งโทรคมนาคม ไฟฟ้า สายการบิน การสร้างแบรนด์รถยนต์แห่งชาติอย่างโปรตอน (Proton) กอบกู้ประเทศจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 เลือกพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ ควบคุมเงินทุนและกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิต ไม่พึ่งพากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ถึงกระนั้น การเมืองในมาเลเซียไม่ได้ขาวสะอาด เต็มไปด้วยเกมชิงอำนาจ เส้นทางการเมืองของมหาเธร์ไม่สวยงามนัก เคยถูกตั้งคำถามจากฝ่ายค้านและกลุ่มเอ็นจีโอถึงการรวมอำนาจทางการเมือง กำจัดฝ่ายตรงข้าม จำกัดเสรีภาพประชาชน รวมทั้งในสายตาคนรุ่นใหม่ เชื่อว่ามนต์ขลังของมหาเธร์หมดลงแล้ว เป็นเพียงอดีตผู้นำชราที่ไม่โดนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในปัจจุบันท่ามกลางปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น การขึ้นภาษี SST สงครามการค้ากับสหรัฐฯ การปฎิรูปการเมืองที่ล้มเหลว หากมหาเธร์จะกลับมาลงสนามเลือกตั้งในวัย 100 ปี จะไหวหรือไม่ ถามใจชาวมาเลเซียดู #Newskit
    0 Comments 0 Shares 738 Views 0 Reviews
  • ท่านชอบพุทธศาสนา ในเหลี่ยมไหน

    ทุกศาสนามีมูลเหตุมาจากความกลัว นับตั้งแต่ กลัวภัยธรรมชาติ จนถึงกลัว เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส วิธีปฏิบัติเพื่อให้รอดพ้นจากความกลัวนั้นๆ เรียกว่า "ศาสนา" เช่นมีการบูชาบวงสรวงอ้อนวอน เป็นต้น

    พุทธศาสนา มีมูลมาจากกลัวความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส อันเป็นตัวทุกข์หรือเหตุให้เกิดทุกข์วิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ คือ การพิจารณาให้รู้แ เป็นจริงในสิ่งทั้งปวงตามเป็นจริงด้วยตนเองว่า "อะไร" อะไร" เมื่อเห็นจริงก็ปฏิบัติถูกต่อสิ่งทั้งปวง การปฏิบั ถูกนั่นเองเป็นทางดับทุกข์ การบูชา บวงสรวง อ้อน การรดน้ำมนต์ ตลอดจนการนับถือเทวดา หรือดวง มิใช่ทางดับทุกข์ ตามหลักแห่งพุทธศาสนา

    พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน หลัง จนเกินขอบเขต โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา การหลงถือเอาพิธีต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เช่น พิธี วิญญาณของพระพุทธเจ้าเป็นต้นว่าเป็นพุทธศาสนา บางอย่างได้ห่อหุ้มความหมายเดิมให้สาบสูญไป เช่น บวชนาค" ได้มีการทำขวัญนาค มีการฉลองกันใน วชไม่กี่วัน สึกออกมายังเหมือนเดิม การบวชสมัย

    พระพุทธเจ้า ผู้ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาแล้วปลีกตัว ออกจากเรือนไปหาพระ การบวชเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ ทางบ้านไม่มีหน้าที่ทำอะไรเลย พิธีที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้นไม่ได้ ทำให้ผู้บวชดีขึ้น บางคนฝึกไปแล้วกลับเลวกว่าเก่าก็มี จึงเป็นการทำให้หมดเปลืองทรัพย์ และแรงงานไปเปล่าๆ

    เรื่อง "กฐิน" ก็เช่นกัน ความมุ่งหมายเดิมมีว่า ให้พระทุกรูปทำจีวรใช้เอง ให้พร้อมเพรียงกัน ทำด้วยมือ " คนให้หมดความถือตัว โดยให้ลดตัวเองมาเป็นกุลีเท่ากัน หมด แต่เดี๋ยวนี้กฐินกลายเป็นเรื่องมีไว้สำหรับประกอบ พิธีหรูหราหาเงิน เอิกเกริกเฮฮาสนุกสนานพักผ่อนหย่อนใจ โดยไม่ได้รับผลสมความมุ่งหมายอันแท้จริง

    สามารถอ่านเพิ่มเติมที่เว็บพระนิพพาน .com
    https://www.thenirvanalive.com/2023/03/12/%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%a8%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b2-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b5/
    ท่านชอบพุทธศาสนา ในเหลี่ยมไหน ทุกศาสนามีมูลเหตุมาจากความกลัว นับตั้งแต่ กลัวภัยธรรมชาติ จนถึงกลัว เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส วิธีปฏิบัติเพื่อให้รอดพ้นจากความกลัวนั้นๆ เรียกว่า "ศาสนา" เช่นมีการบูชาบวงสรวงอ้อนวอน เป็นต้น พุทธศาสนา มีมูลมาจากกลัวความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส อันเป็นตัวทุกข์หรือเหตุให้เกิดทุกข์วิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ คือ การพิจารณาให้รู้แ เป็นจริงในสิ่งทั้งปวงตามเป็นจริงด้วยตนเองว่า "อะไร" อะไร" เมื่อเห็นจริงก็ปฏิบัติถูกต่อสิ่งทั้งปวง การปฏิบั ถูกนั่นเองเป็นทางดับทุกข์ การบูชา บวงสรวง อ้อน การรดน้ำมนต์ ตลอดจนการนับถือเทวดา หรือดวง มิใช่ทางดับทุกข์ ตามหลักแห่งพุทธศาสนา พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน หลัง จนเกินขอบเขต โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา การหลงถือเอาพิธีต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เช่น พิธี วิญญาณของพระพุทธเจ้าเป็นต้นว่าเป็นพุทธศาสนา บางอย่างได้ห่อหุ้มความหมายเดิมให้สาบสูญไป เช่น บวชนาค" ได้มีการทำขวัญนาค มีการฉลองกันใน วชไม่กี่วัน สึกออกมายังเหมือนเดิม การบวชสมัย พระพุทธเจ้า ผู้ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาแล้วปลีกตัว ออกจากเรือนไปหาพระ การบวชเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ ทางบ้านไม่มีหน้าที่ทำอะไรเลย พิธีที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้นไม่ได้ ทำให้ผู้บวชดีขึ้น บางคนฝึกไปแล้วกลับเลวกว่าเก่าก็มี จึงเป็นการทำให้หมดเปลืองทรัพย์ และแรงงานไปเปล่าๆ เรื่อง "กฐิน" ก็เช่นกัน ความมุ่งหมายเดิมมีว่า ให้พระทุกรูปทำจีวรใช้เอง ให้พร้อมเพรียงกัน ทำด้วยมือ " คนให้หมดความถือตัว โดยให้ลดตัวเองมาเป็นกุลีเท่ากัน หมด แต่เดี๋ยวนี้กฐินกลายเป็นเรื่องมีไว้สำหรับประกอบ พิธีหรูหราหาเงิน เอิกเกริกเฮฮาสนุกสนานพักผ่อนหย่อนใจ โดยไม่ได้รับผลสมความมุ่งหมายอันแท้จริง สามารถอ่านเพิ่มเติมที่เว็บพระนิพพาน .com https://www.thenirvanalive.com/2023/03/12/%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%a8%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b2-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b5/
    WWW.THENIRVANALIVE.COM
    พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน
    พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • [บทความสั้นวันหยุด]
    "HDD เต็ม เสาร์-อาทิตย์ไม่พัก!"
    วันหยุดคือเวลาพักผ่อน...
    แต่ Server ไม่รู้จักคำว่าวันหยุด!
    อยู่ดีๆ ระบบก็แจ้งเตือน “พื้นที่เต็ม!” ทั้ง Linux และ Windows
    บน Linux:
    ลอง df -h ดูก่อนว่าใครกินเยอะ
    บางที /var/log ก็ขยันเขียน Log ไม่หยุด
    เคลียร์พวก .log.1, .gz, หรือใช้ journalctl --vacuum-time=7d ได้
    บน Windows:
    เข้า Disk Cleanup หรือใช้ TreeSize ดูว่าใครตัวใหญ่
    อย่าลืมเช็ก C:\Windows\Temp, หรือพวกไฟล์อัปเดตที่ยังไม่ลบทิ้ง
    คำเตือน: อย่าเผลอลบมั่ว!
    แนะนำให้ Backup ก่อนเสมอ
    วันหยุดนี้ใครดูแลระบบอยู่... ขอให้ log เบา ไฟล์ไม่บวม และไม่โดนลูกค้าโทรปลุกนะครับ
    #HDDเต็มไม่หยุดเสาร์อาทิตย์ #ITสายเคลียร์ดิสก์ #LinuxWindowsก็เจอเหมือนกัน
    🛠️ [บทความสั้นวันหยุด] "HDD เต็ม เสาร์-อาทิตย์ไม่พัก!" วันหยุดคือเวลาพักผ่อน... แต่ Server ไม่รู้จักคำว่าวันหยุด! 😅 อยู่ดีๆ ระบบก็แจ้งเตือน “พื้นที่เต็ม!” ทั้ง Linux และ Windows 📌 บน Linux: ลอง df -h ดูก่อนว่าใครกินเยอะ บางที /var/log ก็ขยันเขียน Log ไม่หยุด เคลียร์พวก .log.1, .gz, หรือใช้ journalctl --vacuum-time=7d ได้ 📌 บน Windows: เข้า Disk Cleanup หรือใช้ TreeSize ดูว่าใครตัวใหญ่ อย่าลืมเช็ก C:\Windows\Temp, หรือพวกไฟล์อัปเดตที่ยังไม่ลบทิ้ง คำเตือน: อย่าเผลอลบมั่ว! แนะนำให้ Backup ก่อนเสมอ ⛑️ วันหยุดนี้ใครดูแลระบบอยู่... ขอให้ log เบา ไฟล์ไม่บวม และไม่โดนลูกค้าโทรปลุกนะครับ 😂 #HDDเต็มไม่หยุดเสาร์อาทิตย์ #ITสายเคลียร์ดิสก์ #LinuxWindowsก็เจอเหมือนกัน
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
  • "ไฮโซน้ำหวาน" ร่ายยาว กรณีลูกเสียงดังในร้านกาแฟ จนมีคนมองแรง งานนี้คุณแม่เลยเข้าไปเคลียร์จนกลายเป็นดราม่าของคนเป็นแม่ กับคนที่ไม่ได้เป็นแม่ ลูกของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน

    ทำเอาคุณแม่ลูกสาม อย่าง “ไฮโซน้ำหวาน” ภรรยาของ “นาวิน ต้าร์” ต้องขอออกมาโพสต์ร่ายยาว หลังวันหยุดที่ควรจะได้พักผ่อนกับครอบครัวในร้านกาแฟเจ้าประจำ กลับต้องอวสาน เพราะลูกๆ เจอสายตาไม่เป็นมิตรจากผู้ใหญ่คนหนึ่ง ทำให้เธอต้องปกป้องลูกๆ ด้วยความอดทนสูงสุด โดย ไฮโซน้ำหวาน ได้โพสต์คลิปลูกกับสามี พร้อมใส่แคปชั่นเล่าเหตุการณ์ไว้ บอกว่าหากรู้สึกไม่พอใจเด็กๆ ก็ให้มาโทษที่ผู้ปกครอง ไม่ใช่ส่งสายตาสั่งหรือค้อนให้เด็กตกใจกลัว

    อย่างไรก็ตามก็มีคอมเม้นท์บางเพจที่เห็นต่างว่า ลูกของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000063584

    #Thaitimes #MGROnline #ไฮโซน้ำหวาน #นาวินต้าร์
    "ไฮโซน้ำหวาน" ร่ายยาว กรณีลูกเสียงดังในร้านกาแฟ จนมีคนมองแรง งานนี้คุณแม่เลยเข้าไปเคลียร์จนกลายเป็นดราม่าของคนเป็นแม่ กับคนที่ไม่ได้เป็นแม่ ลูกของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน • ทำเอาคุณแม่ลูกสาม อย่าง “ไฮโซน้ำหวาน” ภรรยาของ “นาวิน ต้าร์” ต้องขอออกมาโพสต์ร่ายยาว หลังวันหยุดที่ควรจะได้พักผ่อนกับครอบครัวในร้านกาแฟเจ้าประจำ กลับต้องอวสาน เพราะลูกๆ เจอสายตาไม่เป็นมิตรจากผู้ใหญ่คนหนึ่ง ทำให้เธอต้องปกป้องลูกๆ ด้วยความอดทนสูงสุด โดย ไฮโซน้ำหวาน ได้โพสต์คลิปลูกกับสามี พร้อมใส่แคปชั่นเล่าเหตุการณ์ไว้ บอกว่าหากรู้สึกไม่พอใจเด็กๆ ก็ให้มาโทษที่ผู้ปกครอง ไม่ใช่ส่งสายตาสั่งหรือค้อนให้เด็กตกใจกลัว • อย่างไรก็ตามก็มีคอมเม้นท์บางเพจที่เห็นต่างว่า ลูกของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000063584 • #Thaitimes #MGROnline #ไฮโซน้ำหวาน #นาวินต้าร์
    0 Comments 0 Shares 527 Views 0 Reviews
  • เสาร์–อาทิตย์เราไม่หยุดพักผ่อน แต่ทีมเราเฝ้าระบบให้ลูกค้าแบบไม่มีพัก!
    เพราะเราเข้าใจว่า
    ระบบต้องพร้อมเสมอ
    ปัญหาไม่เลือกวันเกิด
    ลูกค้าไม่ควรรอให้วันจันทร์มาถึง
    ทีมเราพร้อมดูแล ตรวจสอบ และแจ้งเตือนทุกความผิดปกติ
    ตลอด 24/7 แบบเรียลไทม์
    ไม่ว่าคุณจะมีระบบ VPN, RADIUS, Server, หรือ Web App
    เราเฝ้าให้เสมอ เหมือนมี Dev นั่งเฝ้าหน้าจอข้าง ๆ คุณตลอดเวลา
    “หยุดแค่ปฏิทิน แต่ระบบไม่เคยหยุด
    และเราก็ไม่เคยละสายตา”
    #ThinkableIT #ITสายเฝ้า #ดูแลระบบ24x7
    #วันหยุดแต่ระบบไม่หยุด #ทีมซัพพอร์ตไม่เคยหลับ
    #เสาร์อาทิตย์เราก็ทำงาน
    🛠️ เสาร์–อาทิตย์เราไม่หยุดพักผ่อน แต่ทีมเราเฝ้าระบบให้ลูกค้าแบบไม่มีพัก! เพราะเราเข้าใจว่า ✅ ระบบต้องพร้อมเสมอ ✅ ปัญหาไม่เลือกวันเกิด ✅ ลูกค้าไม่ควรรอให้วันจันทร์มาถึง ทีมเราพร้อมดูแล ตรวจสอบ และแจ้งเตือนทุกความผิดปกติ ตลอด 24/7 แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าคุณจะมีระบบ VPN, RADIUS, Server, หรือ Web App เราเฝ้าให้เสมอ เหมือนมี Dev นั่งเฝ้าหน้าจอข้าง ๆ คุณตลอดเวลา 👨‍💻 “หยุดแค่ปฏิทิน แต่ระบบไม่เคยหยุด และเราก็ไม่เคยละสายตา” #ThinkableIT #ITสายเฝ้า #ดูแลระบบ24x7 #วันหยุดแต่ระบบไม่หยุด #ทีมซัพพอร์ตไม่เคยหลับ #เสาร์อาทิตย์เราก็ทำงาน
    0 Comments 0 Shares 376 Views 0 Reviews
  • เกาะฟูก๊วก ไข่มุกแห่งเวียดนามใต้
    ทะเลใส หาดสวย สนุก ครบจบในทริปเดียว!

    เดินทางได้ตั้งแต่ พ.ย. 68 - มี.ค. 69
    บินตรงสบาย ๆ กับ Thai VietJet Air (VZ)
    ราคาเริ่มต้นเพียง 12,900.-

    ไฮไลท์ทริป
    นั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลก!
    พักผ่อนที่ Hon Thom Beach
    สนุกกับสวนสนุก + สวนน้ำระดับโลก VinWonders
    ชมสัตว์ทะเลที่ Vinpearl Aquarium
    สะพานจูบ Kiss Bridge + Mediterranean Town สุดโรแมนติก
    เดินตลาดกลางคืน Duong Dong
    ชมโชว์สุดตระการตาที่ Grand World Phu Quoc

    ไฟลท์บิน
    VZ980 BKK-PQC 09:20-10:40
    VZ981 PQC-BKK 11:45-13:05

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e0b7a2

    ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/8d0826

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์เวียดนาม #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #PhuQuoc #เวียดนามใต้ #เที่ยวเวียดนาม #เกาะฟูก๊วก #กระเช้าทะเล #VinWonders #KissBridge #MediterraneanTown #DuongDongNightMarket #เที่ยวฟูก๊วก #GrandWorldPhuQuoc #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #กัมพูชา #สนธิ
    📣 เกาะฟูก๊วก ไข่มุกแห่งเวียดนามใต้ 🏝️✨ 🌊 ทะเลใส หาดสวย สนุก ครบจบในทริปเดียว! 📆 เดินทางได้ตั้งแต่ พ.ย. 68 - มี.ค. 69 ✈️ บินตรงสบาย ๆ กับ Thai VietJet Air (VZ) 💰 ราคาเริ่มต้นเพียง 12,900.- 🌟 ไฮไลท์ทริป 🚠 นั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลก! 🏖️ พักผ่อนที่ Hon Thom Beach 🎢 สนุกกับสวนสนุก + สวนน้ำระดับโลก VinWonders 🐠 ชมสัตว์ทะเลที่ Vinpearl Aquarium 🌅 สะพานจูบ Kiss Bridge + Mediterranean Town สุดโรแมนติก 🌙 เดินตลาดกลางคืน Duong Dong 🎆 ชมโชว์สุดตระการตาที่ Grand World Phu Quoc 📍ไฟลท์บิน VZ980 BKK-PQC 09:20-10:40 VZ981 PQC-BKK 11:45-13:05 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e0b7a2 ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/8d0826 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์เวียดนาม #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #PhuQuoc #เวียดนามใต้ #เที่ยวเวียดนาม #เกาะฟูก๊วก #กระเช้าทะเล #VinWonders #KissBridge #MediterraneanTown #DuongDongNightMarket #เที่ยวฟูก๊วก #GrandWorldPhuQuoc #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #กัมพูชา #สนธิ
    0 Comments 0 Shares 728 Views 0 Reviews
  • เกาะกูด (Koh Kood) เป็นเกาะสวยงามในจังหวัดตราด ทางภาคตะวันออกของไทย ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ชายหาดขาวสะอาด และน้ำทะเลใสสีมรกต! **นี่คือสถานที่ท่าสนใจและกิจกรรมแนะนำในบริเวณเกาะกูด:**

    1. **ชายหาดสวยงาม:**
    * **หาดตาดใหญ่ (Tad Mai Beach):** หาดหลักที่ยาวและสวยที่สุดของเกาะ มีทรายขาวละเอียด น้ำใส บรรยากาศสงบ ร้านอาหารและที่พักตั้งเรียงราย (แต่ไม่หนาแน่นเหมือนเกาะอื่น) เหมาะสำหรับว่ายน้ำและพักผ่อน
    * **หาดคลองเจ้า (Klong Chao Beach):** เป็นส่วนหนึ่งของอ่าวคลองเจ้า มีทรายขาวนุ่ม น้ำใสเงียบสงบ เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทระดับหรูหลายแห่ง และเป็นจุดเริ่มต้นไปน้ำตกคลองเจ้า
    * **หาดบางเบ้า (Bang Bao Beach):** ชายหาดโค้งรูปครึ่งวงกลม น้ำตื้นใสสีฟ้าเขียวสวยมาก เหมาะสำหรับเล่นน้ำและพักผ่อน บรรยากาศโรแมนติก โดยเฉพาะเวลาพระอาทิตย์ตก
    * **หาดหมาก (Mak Beach):** หาดยาวเงียบสงบ ทรายขาวละเอียด น้ำใสสวย อยู่ทางตะวันออกของเกาะ บรรยากาศเป็นส่วนตัวมากกว่า
    * **หาดเต่า (Tao Beach):** หาดเล็กสวยรูปทรงโค้งมน ทรายขาวละเอียด น้ำใสมาก เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

    2. **น้ำตกธรรมชาติ:**
    * **น้ำตกคลองเจ้า (Klong Chao Waterfall):** น้ำตกชื่อดังและสวยที่สุดของเกาะกูด มีถึง 3 ชั้น ชั้นบนสุดสูงประมาณ 15 เมตร สามารถลงเล่นน้ำในแอ่งน้ำกว้างได้ (โดยเฉพาะชั้นล่าง) เดินเท้าเข้าจากหาดคลองเจ้าไม่ไกลมาก หรือล่องเรือคายัคเข้าไปก็ได้
    * **น้ำตกคลองจิต (Klong Jig Waterfall):** น้ำตกขนาดกลางที่สวยงาม มีแอ่งน้ำให้เล่นได้ บรรยากาศร่มรื่น เดินเท้าเข้าไปจากถนนหลัก
    * **น้ำตกค้างคาว (Khao Yai Waterfall):** เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสูงหลายชั้น บางช่วงต้องปีนป่ายเล็กน้อย เหมาะสำหรับคนชอบผจญภัยเบาๆ

    3. **จุดชมวิวและสถานที่สำคัญ:**
    * **จุดชมวิวอ่าวตานิด (Ao Tanit Viewpoint):** จุดชมวิวมุมสูงที่สวยงามมาก เห็นอ่าวตานิดและทะเลสีฟ้าเข้มสลับฟ้าใส มองเห็นเกาะช้างไกลๆ บางวันเห็นได้ชัดเจน
    * **จุดชมวิวเรือรบหลวงประแส (HTMS Prasae Viewpoint):** จุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่ รวมถึงเห็นซากเรือรบหลวงประแสที่จมอยู่ใต้น้ำ (ต้องดำน้ำดู)
    * **วัดคลองมาด (Wat Khlong Mad):** วัดเพียงแห่งเดียวบนเกาะกูด สถาปัตยกรรมเรียบง่าย สะท้อนวิถีชีวิตชาวบ้าน สงบร่มเย็น
    * **ประภาคารเกาะกูด (Koh Kood Lighthouse):** ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะ เป็นจุดชมวิวทะเลและพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง

    4. **เกาะบริวารและจุดดำน้ำ:**
    * **เกาะกระดาด (Koh Kradat):** เกาะเล็กๆ ใกล้เกาะกูด มีหาดทรายขาวยาว น้ำตื้นใสมาก เหมาะสำหรับเล่นน้ำและพักผ่อน (มักรวมอยู่ในทริป Island Hopping)
    * **เกาะไม้ซี้ (Koh Mai Si):** เกาะหินขนาดเล็กที่มีหาดทรายสวยงาม เป็นจุดดำน้ำตื้นดูปะการังน้ำตื้นและฝูงปลา
    * **เกาะรัง (Koh Rang):** เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง มีแนวปะการังสมบูรณ์สวยงามหลายจุด (เช่น Hin Rap, Hin Sam Sao, Hin Kuak Ma) **เป็นจุดดำน้ำลึก (Scuba Diving) และดำน้ำตื้น (Snorkeling) ที่ดีที่สุดรอบเกาะกูด** มักเห็นเต่าทะเล ปลาสวยงามหลากสี
    * **กองหินริเชลิว (Hin Richelieu Rock):** แหล่งดำน้ำระดับโลกที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะกูดมากนัก (ใช้เวลาเรือเร็วประมาณ 1 ชม.) ขึ้นชื่อเรื่องการพบปลามอร์เรย์ยักษ์ ปลาการ์ตูนหลากชนิด และความหลากหลายทางชีวภาพ (เหมาะสำหรับนักดำน้ำที่มีประสบการณ์)

    5. **กิจกรรมน่าสนใจ:**
    * **ล่องเรือคายัค (Kayaking):** ล่องไปตามคลองชลเจ้า (คลองน้ำเค็ม) ที่มีป่าชายเลนสวยงาม เงียบสงบ เห็นระบบนิเวศชายฝั่ง หรือพายไปตามชายหาดต่างๆ
    * **ทริปตกปลา (Fishing Trip):** ออกไปตกปลาทะเลน้ำลึกรอบๆ เกาะกูด
    * **ปั่นจักรยาน/ขับรถ ATV:** สำรวจธรรมชาติและวิถีชีวิตท้องถิ่นภายในเกาะ ซึ่งมีถนนลาดยางบางส่วนและถนนลูกรัง
    * **นวดสปา:** ผ่อนคลายด้วยการนวดแผนไทยหรือสปาในบรรยากาศรีสอร์ทริมทะเล
    * **ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน:** ดูสวนยางพารา สวนผลไม้ (เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน) หรือชุมชนประมงเล็กๆ

    **คำแนะนำเพิ่มเติม:**

    * **การเดินทาง:** ไปเกาะกูดค่อนข้างใช้เวลา ต้องนั่งเรือจากท่าเรือแหลมงอบ (ตราด) ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง (แล้วแต่ประเภทเรือ) หรือนั่งเครื่องบินเล็กจากสนามบินอู่ตะเภา (พัทยา) หรือบางแสน มาลงที่เกาะกูดโดยตรง
    * **สภาพเกาะ:** เกาะกูดยังคงความเป็นธรรมชาติสูง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและภูเขา ถนนบางสายยังเป็นลูกรัง การสัญจรหลักบนเกาะคือรถสองแถวรับจ้าง (Taxi Truck) หรือมอเตอร์ไซค์เช่า
    * **บรรยากาศ:** ค่อนข้างสงบ เงียบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่เหมาะสำหรับคนที่หาความบันเทิงเริงรมย์แบบเกาะพีพีหรือภูเก็ต
    * **ช่วงเวลา:** ฤดูท่องเที่ยวคือช่วง **พฤศจิกายน - เมษายน** (อากาศดี ทะเลสวย น้ำตกมีน้ำ) ควรหลีกเลี่ยงฤดูมรสุม (พฤษภาคม - ตุลาคม) เพราะลมแรง มีฝนตกหนัก และบางที่พัก/เรืออาจปิดให้บริการ

    เกาะกูดคือสวรรค์ของคนรักธรรมชาติและความสงบ หากคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนให้ไกลจากความวุ่นวาย ชายหาดสวยๆ น้ำทะเลใสๆ และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เกาะกูดคือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม!
    เกาะกูด (Koh Kood) เป็นเกาะสวยงามในจังหวัดตราด ทางภาคตะวันออกของไทย ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ชายหาดขาวสะอาด และน้ำทะเลใสสีมรกต! **นี่คือสถานที่ท่าสนใจและกิจกรรมแนะนำในบริเวณเกาะกูด:** 1. **ชายหาดสวยงาม:** * **หาดตาดใหญ่ (Tad Mai Beach):** หาดหลักที่ยาวและสวยที่สุดของเกาะ มีทรายขาวละเอียด น้ำใส บรรยากาศสงบ ร้านอาหารและที่พักตั้งเรียงราย (แต่ไม่หนาแน่นเหมือนเกาะอื่น) เหมาะสำหรับว่ายน้ำและพักผ่อน * **หาดคลองเจ้า (Klong Chao Beach):** เป็นส่วนหนึ่งของอ่าวคลองเจ้า มีทรายขาวนุ่ม น้ำใสเงียบสงบ เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทระดับหรูหลายแห่ง และเป็นจุดเริ่มต้นไปน้ำตกคลองเจ้า * **หาดบางเบ้า (Bang Bao Beach):** ชายหาดโค้งรูปครึ่งวงกลม น้ำตื้นใสสีฟ้าเขียวสวยมาก เหมาะสำหรับเล่นน้ำและพักผ่อน บรรยากาศโรแมนติก โดยเฉพาะเวลาพระอาทิตย์ตก * **หาดหมาก (Mak Beach):** หาดยาวเงียบสงบ ทรายขาวละเอียด น้ำใสสวย อยู่ทางตะวันออกของเกาะ บรรยากาศเป็นส่วนตัวมากกว่า * **หาดเต่า (Tao Beach):** หาดเล็กสวยรูปทรงโค้งมน ทรายขาวละเอียด น้ำใสมาก เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง 2. **น้ำตกธรรมชาติ:** * **น้ำตกคลองเจ้า (Klong Chao Waterfall):** น้ำตกชื่อดังและสวยที่สุดของเกาะกูด มีถึง 3 ชั้น ชั้นบนสุดสูงประมาณ 15 เมตร สามารถลงเล่นน้ำในแอ่งน้ำกว้างได้ (โดยเฉพาะชั้นล่าง) เดินเท้าเข้าจากหาดคลองเจ้าไม่ไกลมาก หรือล่องเรือคายัคเข้าไปก็ได้ * **น้ำตกคลองจิต (Klong Jig Waterfall):** น้ำตกขนาดกลางที่สวยงาม มีแอ่งน้ำให้เล่นได้ บรรยากาศร่มรื่น เดินเท้าเข้าไปจากถนนหลัก * **น้ำตกค้างคาว (Khao Yai Waterfall):** เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสูงหลายชั้น บางช่วงต้องปีนป่ายเล็กน้อย เหมาะสำหรับคนชอบผจญภัยเบาๆ 3. **จุดชมวิวและสถานที่สำคัญ:** * **จุดชมวิวอ่าวตานิด (Ao Tanit Viewpoint):** จุดชมวิวมุมสูงที่สวยงามมาก เห็นอ่าวตานิดและทะเลสีฟ้าเข้มสลับฟ้าใส มองเห็นเกาะช้างไกลๆ บางวันเห็นได้ชัดเจน * **จุดชมวิวเรือรบหลวงประแส (HTMS Prasae Viewpoint):** จุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่ รวมถึงเห็นซากเรือรบหลวงประแสที่จมอยู่ใต้น้ำ (ต้องดำน้ำดู) * **วัดคลองมาด (Wat Khlong Mad):** วัดเพียงแห่งเดียวบนเกาะกูด สถาปัตยกรรมเรียบง่าย สะท้อนวิถีชีวิตชาวบ้าน สงบร่มเย็น * **ประภาคารเกาะกูด (Koh Kood Lighthouse):** ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะ เป็นจุดชมวิวทะเลและพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง 4. **เกาะบริวารและจุดดำน้ำ:** * **เกาะกระดาด (Koh Kradat):** เกาะเล็กๆ ใกล้เกาะกูด มีหาดทรายขาวยาว น้ำตื้นใสมาก เหมาะสำหรับเล่นน้ำและพักผ่อน (มักรวมอยู่ในทริป Island Hopping) * **เกาะไม้ซี้ (Koh Mai Si):** เกาะหินขนาดเล็กที่มีหาดทรายสวยงาม เป็นจุดดำน้ำตื้นดูปะการังน้ำตื้นและฝูงปลา * **เกาะรัง (Koh Rang):** เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง มีแนวปะการังสมบูรณ์สวยงามหลายจุด (เช่น Hin Rap, Hin Sam Sao, Hin Kuak Ma) **เป็นจุดดำน้ำลึก (Scuba Diving) และดำน้ำตื้น (Snorkeling) ที่ดีที่สุดรอบเกาะกูด** มักเห็นเต่าทะเล ปลาสวยงามหลากสี * **กองหินริเชลิว (Hin Richelieu Rock):** แหล่งดำน้ำระดับโลกที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะกูดมากนัก (ใช้เวลาเรือเร็วประมาณ 1 ชม.) ขึ้นชื่อเรื่องการพบปลามอร์เรย์ยักษ์ ปลาการ์ตูนหลากชนิด และความหลากหลายทางชีวภาพ (เหมาะสำหรับนักดำน้ำที่มีประสบการณ์) 5. **กิจกรรมน่าสนใจ:** * **ล่องเรือคายัค (Kayaking):** ล่องไปตามคลองชลเจ้า (คลองน้ำเค็ม) ที่มีป่าชายเลนสวยงาม เงียบสงบ เห็นระบบนิเวศชายฝั่ง หรือพายไปตามชายหาดต่างๆ * **ทริปตกปลา (Fishing Trip):** ออกไปตกปลาทะเลน้ำลึกรอบๆ เกาะกูด * **ปั่นจักรยาน/ขับรถ ATV:** สำรวจธรรมชาติและวิถีชีวิตท้องถิ่นภายในเกาะ ซึ่งมีถนนลาดยางบางส่วนและถนนลูกรัง * **นวดสปา:** ผ่อนคลายด้วยการนวดแผนไทยหรือสปาในบรรยากาศรีสอร์ทริมทะเล * **ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน:** ดูสวนยางพารา สวนผลไม้ (เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน) หรือชุมชนประมงเล็กๆ **คำแนะนำเพิ่มเติม:** * **การเดินทาง:** ไปเกาะกูดค่อนข้างใช้เวลา ต้องนั่งเรือจากท่าเรือแหลมงอบ (ตราด) ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง (แล้วแต่ประเภทเรือ) หรือนั่งเครื่องบินเล็กจากสนามบินอู่ตะเภา (พัทยา) หรือบางแสน มาลงที่เกาะกูดโดยตรง * **สภาพเกาะ:** เกาะกูดยังคงความเป็นธรรมชาติสูง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและภูเขา ถนนบางสายยังเป็นลูกรัง การสัญจรหลักบนเกาะคือรถสองแถวรับจ้าง (Taxi Truck) หรือมอเตอร์ไซค์เช่า * **บรรยากาศ:** ค่อนข้างสงบ เงียบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่เหมาะสำหรับคนที่หาความบันเทิงเริงรมย์แบบเกาะพีพีหรือภูเก็ต * **ช่วงเวลา:** ฤดูท่องเที่ยวคือช่วง **พฤศจิกายน - เมษายน** (อากาศดี ทะเลสวย น้ำตกมีน้ำ) ควรหลีกเลี่ยงฤดูมรสุม (พฤษภาคม - ตุลาคม) เพราะลมแรง มีฝนตกหนัก และบางที่พัก/เรืออาจปิดให้บริการ เกาะกูดคือสวรรค์ของคนรักธรรมชาติและความสงบ หากคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนให้ไกลจากความวุ่นวาย ชายหาดสวยๆ น้ำทะเลใสๆ และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เกาะกูดคือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม!
    0 Comments 0 Shares 728 Views 0 Reviews
  • ล่องเรือเอเชียสุดคุ้ม! ออกจากแหลมฉบัง สู่เส้นทางวัฒนธรรมและธรรมชาติระดับโลก
    พักผ่อนบนเรือสำราญสุดหรู Norwegian Sun กับเส้นทาง Cruise Only 12 วัน 11 คืน

    เส้นทางไฮไลท์:
    แหลมฉบัง – เกาะสมุย – โฮจิมินห์ (พักค้างคืน) – กัวลาลัมเปอร์ – ปีนัง – ลังกาวี – ภูเก็ต – สิงคโปร์

    เดินทาง: 22 มี.ค. – 2 เม.ย. 2569

    โปรโมชั่นพิเศษ! จาก 2,968 USD
    เหลือเพียง 1,929 USD/ท่าน (ห้องไม่มีหน้าต่าง)

    ราคานี้รวม:
    ห้องพักบนเรือสำราญ
    อาหารทุกมื้อ
    กิจกรรมและเอนเตอร์เทนเมนต์บนเรือครบทุกวัน

    รหัสแพคเกจทัวร์ : NCLP-12D11N-LCH-SIN-2603221
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/eb9d03

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือNorwegianSun #Norwegiancruise #NCL #Vietnam #Malaysia #Thailand #lamchabang #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🌏 ล่องเรือเอเชียสุดคุ้ม! ออกจากแหลมฉบัง สู่เส้นทางวัฒนธรรมและธรรมชาติระดับโลก 🚢 พักผ่อนบนเรือสำราญสุดหรู Norwegian Sun กับเส้นทาง Cruise Only 12 วัน 11 คืน 📍 เส้นทางไฮไลท์: แหลมฉบัง – เกาะสมุย – โฮจิมินห์ (พักค้างคืน) – กัวลาลัมเปอร์ – ปีนัง – ลังกาวี – ภูเก็ต – สิงคโปร์ 🗓️ เดินทาง: 22 มี.ค. – 2 เม.ย. 2569 💥 โปรโมชั่นพิเศษ! จาก 2,968 USD 💸 เหลือเพียง 1,929 USD/ท่าน (ห้องไม่มีหน้าต่าง) 🎁 ราคานี้รวม: ✅ ห้องพักบนเรือสำราญ ✅ อาหารทุกมื้อ ✅ กิจกรรมและเอนเตอร์เทนเมนต์บนเรือครบทุกวัน รหัสแพคเกจทัวร์ : NCLP-12D11N-LCH-SIN-2603221 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/eb9d03 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือNorwegianSun #Norwegiancruise #NCL #Vietnam #Malaysia #Thailand #lamchabang #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 771 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศใต้

    เดือนนี้ มีโอกาสจะได้รับมรดกตกทอดได้สัดส่วนๆแบ่งมากกว่าคนอื่นเงินทองไหลเข้ามาอย่างมากมาย หากเดินทางไปทำบุญทำทานสร้างกุศลหรือไหว้พระไหว้เจ้าขอพรจะมีโอกาสพบกับโชคลาภแบบฟลุ๊คๆ ถูกหวย รวยหุ้น ได้โชคลาภจากเจ้าที่ ทั้งลูก ทั้งหลาน ทั้งบริวารจะเชื่อฟังอยู่ในโอวาทไม่แตกแถว ผู้นำครอบครัวควรหาเวลาพักผ่อนคลายความเครียดบ้างจะได้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่เป็นโรคประสาทให้เป็นภาระต่อสังคมคนรอบข้างและครอบครัว แม้แต่ปัญหาเรื่องเก่าเก็บที่คาราคาซังมานานก็จะสำเร็จคลี่คลายลงความสงบร่มเย็นจึงบังเกิดขึ้นได้ จะมีโชคร่ำรวยเพราะที่ดิน ธุรกิจบ้านจัดสรร อสังหาริมทรัพย์ มีโอกาสขยายสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ค้าขายของเก่าวัตถุโบราณจะประสบสำเร็จพบโชค หรืองานการที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตรจะส่งผลดี

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศใต้ เดือนนี้ มีโอกาสจะได้รับมรดกตกทอดได้สัดส่วนๆแบ่งมากกว่าคนอื่นเงินทองไหลเข้ามาอย่างมากมาย หากเดินทางไปทำบุญทำทานสร้างกุศลหรือไหว้พระไหว้เจ้าขอพรจะมีโอกาสพบกับโชคลาภแบบฟลุ๊คๆ ถูกหวย รวยหุ้น ได้โชคลาภจากเจ้าที่ ทั้งลูก ทั้งหลาน ทั้งบริวารจะเชื่อฟังอยู่ในโอวาทไม่แตกแถว ผู้นำครอบครัวควรหาเวลาพักผ่อนคลายความเครียดบ้างจะได้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่เป็นโรคประสาทให้เป็นภาระต่อสังคมคนรอบข้างและครอบครัว แม้แต่ปัญหาเรื่องเก่าเก็บที่คาราคาซังมานานก็จะสำเร็จคลี่คลายลงความสงบร่มเย็นจึงบังเกิดขึ้นได้ จะมีโชคร่ำรวยเพราะที่ดิน ธุรกิจบ้านจัดสรร อสังหาริมทรัพย์ มีโอกาสขยายสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ค้าขายของเก่าวัตถุโบราณจะประสบสำเร็จพบโชค หรืองานการที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตรจะส่งผลดี ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • Microsoft Copilot: ผู้ช่วย AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    Microsoft Copilot กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้บริหารและพนักงานที่ต้องการ ลดงานที่ซ้ำซ้อน และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดย AI นี้สามารถช่วยให้ผู้ใช้ ติดตามงานที่พลาดไป และ สรุปข้อมูลสำคัญ ได้อย่างรวดเร็ว

    Windows Central ได้ยกตัวอย่างกรณีของ Lindsey Scrase ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Checkr Inc. ซึ่งใช้ Copilot เพื่อช่วยให้เธอสามารถ พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ระหว่างการเดินทาง 9 วันไปญี่ปุ่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงานที่ค้างอยู่

    Copilot สามารถ สรุปข้อความและอัปเดตโครงการ ที่เกิดขึ้นระหว่าง Scrase ไม่อยู่ ทำให้เธอสามารถกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบข้อมูลเอง

    ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft Copilot ช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามงานที่พลาดไปได้อย่างรวดเร็ว
    - ช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการตรวจสอบข้อมูลหลังจากกลับจากการเดินทาง
    - สามารถสรุปข้อความและอัปเดตโครงการที่สำคัญได้
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานที่มีคุณค่ามากขึ้น
    - Copilot ทำงานเป็นทั้งผู้ช่วยด้านการทำงานและผู้ช่วยส่วนตัว

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI อาจไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด
    - ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ Copilot สรุปเพื่อความถูกต้อง
    - การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล
    - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะปรับตัวเข้ากับการทำงานร่วมกับ AI ได้ดีแค่ไหน

    ผลกระทบต่ออนาคตของการทำงาน
    Microsoft Copilot กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้บริหารและพนักงาน โดยช่วยให้สามารถ ลดงานที่ซ้ำซ้อน และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ AI สรุปเพื่อความถูกต้อง และ ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะปรับตัวเข้ากับการทำงานร่วมกับ AI ได้ดีแค่ไหน

    https://wccftech.com/microsoft-copilot-helps-executives-unplug-automate-redundant-tasks-summarize-important-messages-and-boost-productivity-at-work-and-even-while-traveling/
    🤖 Microsoft Copilot: ผู้ช่วย AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน Microsoft Copilot กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้บริหารและพนักงานที่ต้องการ ลดงานที่ซ้ำซ้อน และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดย AI นี้สามารถช่วยให้ผู้ใช้ ติดตามงานที่พลาดไป และ สรุปข้อมูลสำคัญ ได้อย่างรวดเร็ว Windows Central ได้ยกตัวอย่างกรณีของ Lindsey Scrase ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Checkr Inc. ซึ่งใช้ Copilot เพื่อช่วยให้เธอสามารถ พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ระหว่างการเดินทาง 9 วันไปญี่ปุ่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงานที่ค้างอยู่ Copilot สามารถ สรุปข้อความและอัปเดตโครงการ ที่เกิดขึ้นระหว่าง Scrase ไม่อยู่ ทำให้เธอสามารถกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบข้อมูลเอง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft Copilot ช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามงานที่พลาดไปได้อย่างรวดเร็ว - ช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการตรวจสอบข้อมูลหลังจากกลับจากการเดินทาง - สามารถสรุปข้อความและอัปเดตโครงการที่สำคัญได้ - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานที่มีคุณค่ามากขึ้น - Copilot ทำงานเป็นทั้งผู้ช่วยด้านการทำงานและผู้ช่วยส่วนตัว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI อาจไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด - ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ Copilot สรุปเพื่อความถูกต้อง - การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะปรับตัวเข้ากับการทำงานร่วมกับ AI ได้ดีแค่ไหน 🚀 ผลกระทบต่ออนาคตของการทำงาน Microsoft Copilot กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้บริหารและพนักงาน โดยช่วยให้สามารถ ลดงานที่ซ้ำซ้อน และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ AI สรุปเพื่อความถูกต้อง และ ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะปรับตัวเข้ากับการทำงานร่วมกับ AI ได้ดีแค่ไหน https://wccftech.com/microsoft-copilot-helps-executives-unplug-automate-redundant-tasks-summarize-important-messages-and-boost-productivity-at-work-and-even-while-traveling/
    WCCFTECH.COM
    Microsoft Copilot Helps Executives Unplug, Automate Redundant Tasks, Summarize Important Messages, And Boost Productivity At Work And Even While Traveling
    Microsoft Copilot is helping executives now focus their energy on important aspect by catching them up on any missed tasks faster
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
More Results