• มาเลย์เปิดเดินรถไฟ ETS3 เคแอลเซ็นทรัล-คลวง

    สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย ทรงประกอบพิธีเปิดบริการรถไฟด่วนพิเศษ ETS รุ่นที่ 3 (ETS3) เมื่อวันที่ 23 ส.ค. และทรงขับรถไฟขบวนใหม่จากสถานีกัวลาลัมเปอร์ไปยังสถานีคลวง (Kluang) รัฐยะโฮร์ ระยะทาง 285 กิโลเมตร นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของระบบรางในมาเลเซีย นอกจากเป็นการเดินขบวนรถไฟรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว ยังเป็นการเปิดเส้นทางเดินรถเพิ่มเติม ตามโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร หลังขยายการเดินรถไฟ ETS ไปยังปลายทางสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา

    นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ยังเสด็จฯ เปิดสวนสาธารณะ ลามัน เรล มาห์โกตา (Laman Rel Mahkota) ความยาว 2.8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้สถานีคลวง ก่อสร้างขึ้นบนทางรถไฟเดิม ขนานไปกับทางรถไฟยกระดับ โดยนำส่วนประกอบทางรถไฟเก่ามาปรับใช้และผสานเข้ากับสวนสาธารณะ เช่น ป้ายบอกทางดั้งเดิมของสถานี รางรถไฟและชานชาลาเก่า ที่พักรถไฟ ไปจนถึงสะพานคนเดินอันเป็นเอกลักษณ์ โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น.

    การเปิดเส้นทางเดินรถไฟครั้งนี้ ไม่ได้ขยายบริการรถไฟจากสถานีปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส และสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง ที่มีอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบันให้บริการถึงสถานีปลายทางเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่เป็นการเดินรถขบวนใหม่ ระหว่างสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานีคลวง ด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เที่ยวไป ขบวนที่ EP9511 ออกจากสถานีเคแอล เซ็นทรัล 07.45 น. ถึงสถานีคลวง 11.18 น. เที่ยวกลับ ขบวนที่ EP9514 ออกจากสถานีคลวง 17.13 น. ถึงสถานีเคแอล เซ็นทรัล 20.40 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 90-162 ริงกิต (696-1,252 บาท) เปิดสำรองที่นั่งแล้วผ่านแอปฯ KITS Style และเว็บไซต์ online.ktmb.com.my และให้บริการตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.เป็นต้นไป

    สำหรับโครงการ EDTP ช่วงที่เหลือจากสถานีคลวง ถึงสถานีเจบีเซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทาง 87 กิโลเมตร แม้จะยังไม่มีกำหนดเปิดให้บริการ แต่นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า รถไฟ ETS3 จำนวน 2 ชุด อยู่ระหว่างทดสอบทางเทคนิค หากประสบความสำเร็จคาดว่าจะเริ่มให้บริการในเดือนนี้ ส่วนที่เหลืออีก 8 ชุดกำลังประกอบที่โรงงาน CRRC Rolling Stock Centre ในเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก หากครบทั้ง 10 ขบวนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2569

    #Newskit
    มาเลย์เปิดเดินรถไฟ ETS3 เคแอลเซ็นทรัล-คลวง สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย ทรงประกอบพิธีเปิดบริการรถไฟด่วนพิเศษ ETS รุ่นที่ 3 (ETS3) เมื่อวันที่ 23 ส.ค. และทรงขับรถไฟขบวนใหม่จากสถานีกัวลาลัมเปอร์ไปยังสถานีคลวง (Kluang) รัฐยะโฮร์ ระยะทาง 285 กิโลเมตร นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของระบบรางในมาเลเซีย นอกจากเป็นการเดินขบวนรถไฟรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว ยังเป็นการเปิดเส้นทางเดินรถเพิ่มเติม ตามโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร หลังขยายการเดินรถไฟ ETS ไปยังปลายทางสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ยังเสด็จฯ เปิดสวนสาธารณะ ลามัน เรล มาห์โกตา (Laman Rel Mahkota) ความยาว 2.8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้สถานีคลวง ก่อสร้างขึ้นบนทางรถไฟเดิม ขนานไปกับทางรถไฟยกระดับ โดยนำส่วนประกอบทางรถไฟเก่ามาปรับใช้และผสานเข้ากับสวนสาธารณะ เช่น ป้ายบอกทางดั้งเดิมของสถานี รางรถไฟและชานชาลาเก่า ที่พักรถไฟ ไปจนถึงสะพานคนเดินอันเป็นเอกลักษณ์ โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. การเปิดเส้นทางเดินรถไฟครั้งนี้ ไม่ได้ขยายบริการรถไฟจากสถานีปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส และสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง ที่มีอยู่เดิม ซึ่งปัจจุบันให้บริการถึงสถานีปลายทางเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่เป็นการเดินรถขบวนใหม่ ระหว่างสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานีคลวง ด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เที่ยวไป ขบวนที่ EP9511 ออกจากสถานีเคแอล เซ็นทรัล 07.45 น. ถึงสถานีคลวง 11.18 น. เที่ยวกลับ ขบวนที่ EP9514 ออกจากสถานีคลวง 17.13 น. ถึงสถานีเคแอล เซ็นทรัล 20.40 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 90-162 ริงกิต (696-1,252 บาท) เปิดสำรองที่นั่งแล้วผ่านแอปฯ KITS Style และเว็บไซต์ online.ktmb.com.my และให้บริการตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.เป็นต้นไป สำหรับโครงการ EDTP ช่วงที่เหลือจากสถานีคลวง ถึงสถานีเจบีเซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทาง 87 กิโลเมตร แม้จะยังไม่มีกำหนดเปิดให้บริการ แต่นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า รถไฟ ETS3 จำนวน 2 ชุด อยู่ระหว่างทดสอบทางเทคนิค หากประสบความสำเร็จคาดว่าจะเริ่มให้บริการในเดือนนี้ ส่วนที่เหลืออีก 8 ชุดกำลังประกอบที่โรงงาน CRRC Rolling Stock Centre ในเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก หากครบทั้ง 10 ขบวนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2569 #Newskit
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • เมื่อคำสั่งสั้น ๆ ถึง AI กลายเป็นภาระต่อโลก – และการคลิกก็ไม่ไร้ผลอีกต่อไป

    Google เพิ่งเปิดเผยข้อมูลที่หลายคนรอคอยมานาน: คำสั่งข้อความหนึ่งคำสั่งที่ส่งไปยัง Gemini AI ใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 0.24 วัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับการดูทีวีประมาณ 9 วินาที และใช้น้ำประมาณ 0.26 มิลลิลิตร หรือราว 5 หยด เพื่อระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล

    แม้ตัวเลขจะดูเล็ก แต่เมื่อคูณกับจำนวนผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลก และคำสั่งที่ส่งเข้ามานับพันล้านครั้งต่อวัน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อรวมกับพลังงานที่ใช้ในการฝึกโมเดล AI ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในตัวเลขนี้

    Google ระบุว่า 58% ของพลังงานถูกใช้โดยชิป TPU ที่รันโมเดล AI ส่วนอีก 25% มาจาก CPU และหน่วยความจำของเครื่องแม่ข่าย และอีก 10% จากเครื่องสำรองที่เปิดไว้เผื่อระบบล่ม ส่วนที่เหลือ 8% เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปของศูนย์ข้อมูล เช่น ระบบระบายความร้อนและแปลงไฟ

    แม้ Google จะพยายามลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ Gemini ลงถึง 33 เท่าและ 44 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังตั้งคำถามว่า ตัวเลขเหล่านี้อาจไม่สะท้อนความจริงทั้งหมด เพราะไม่ได้รวมการใช้น้ำทางอ้อม หรือผลกระทบจากแหล่งพลังงานที่ใช้จริงในแต่ละพื้นที่

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    คำสั่งหนึ่งคำสั่งถึง Gemini AI ใช้พลังงานเฉลี่ย 0.24 วัตต์-ชั่วโมง
    เทียบเท่ากับการดูทีวีประมาณ 9 วินาที และใช้น้ำประมาณ 0.26 มิลลิลิตรเพื่อระบายความร้อน
    58% ของพลังงานใช้กับชิป TPU, 25% กับ CPU และ DRAM, 10% กับเครื่องสำรอง, 8% กับระบบศูนย์ข้อมูล
    Google ลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ Gemini ลง 33x และ 44x ภายใน 12 เดือน
    รายงานนี้เป็นครั้งแรกที่บริษัท AI รายใหญ่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานต่อคำสั่งอย่างละเอียด
    Google หวังให้รายงานนี้เป็นมาตรฐานใหม่ในการวัดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ AI
    ตัวเลขไม่รวมพลังงานจากการฝึกโมเดล, อุปกรณ์ผู้ใช้, หรือเครือข่ายภายนอก
    Gemini มีผู้ใช้งานมากกว่า 350 ล้านคนต่อเดือน ณ เดือนเมษายน 2025
    การวัดผลกระทบใช้ค่าเฉลี่ยจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลกของ Google
    รายงานยังไม่ผ่านการ peer review แต่ Google เปิดรับข้อเสนอให้ตรวจสอบในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OpenAI เคยระบุว่าแต่ละคำสั่งใช้พลังงานประมาณ 0.34 วัตต์-ชั่วโมง เทียบเท่าการเปิดเตาอบ 1 วินาที
    นักวิจัยจาก MIT ระบุว่าการเปิดเผยข้อมูลนี้ช่วยให้เข้าใจผลกระทบของ AI ได้ชัดเจนขึ้น
    นักวิชาการบางคนชี้ว่า Google ใช้ “market-based” carbon measure ซึ่งอาจไม่สะท้อนผลกระทบจริงในแต่ละพื้นที่
    การใช้น้ำทางอ้อม เช่น น้ำที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ยังไม่รวมอยู่ในตัวเลขที่รายงาน
    การใช้ AI อย่างแพร่หลายอาจทำให้ความพยายามลดคาร์บอนของบริษัทถูกกลบด้วยการใช้งานที่เพิ่มขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/google-one-ai-prompt-uses-as-much-energy-as-nine-seconds-of-tv
    🎙️ เมื่อคำสั่งสั้น ๆ ถึง AI กลายเป็นภาระต่อโลก – และการคลิกก็ไม่ไร้ผลอีกต่อไป Google เพิ่งเปิดเผยข้อมูลที่หลายคนรอคอยมานาน: คำสั่งข้อความหนึ่งคำสั่งที่ส่งไปยัง Gemini AI ใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 0.24 วัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับการดูทีวีประมาณ 9 วินาที และใช้น้ำประมาณ 0.26 มิลลิลิตร หรือราว 5 หยด เพื่อระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล แม้ตัวเลขจะดูเล็ก แต่เมื่อคูณกับจำนวนผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลก และคำสั่งที่ส่งเข้ามานับพันล้านครั้งต่อวัน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อรวมกับพลังงานที่ใช้ในการฝึกโมเดล AI ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในตัวเลขนี้ Google ระบุว่า 58% ของพลังงานถูกใช้โดยชิป TPU ที่รันโมเดล AI ส่วนอีก 25% มาจาก CPU และหน่วยความจำของเครื่องแม่ข่าย และอีก 10% จากเครื่องสำรองที่เปิดไว้เผื่อระบบล่ม ส่วนที่เหลือ 8% เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปของศูนย์ข้อมูล เช่น ระบบระบายความร้อนและแปลงไฟ แม้ Google จะพยายามลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ Gemini ลงถึง 33 เท่าและ 44 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังตั้งคำถามว่า ตัวเลขเหล่านี้อาจไม่สะท้อนความจริงทั้งหมด เพราะไม่ได้รวมการใช้น้ำทางอ้อม หรือผลกระทบจากแหล่งพลังงานที่ใช้จริงในแต่ละพื้นที่ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ คำสั่งหนึ่งคำสั่งถึง Gemini AI ใช้พลังงานเฉลี่ย 0.24 วัตต์-ชั่วโมง ➡️ เทียบเท่ากับการดูทีวีประมาณ 9 วินาที และใช้น้ำประมาณ 0.26 มิลลิลิตรเพื่อระบายความร้อน ➡️ 58% ของพลังงานใช้กับชิป TPU, 25% กับ CPU และ DRAM, 10% กับเครื่องสำรอง, 8% กับระบบศูนย์ข้อมูล ➡️ Google ลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ Gemini ลง 33x และ 44x ภายใน 12 เดือน ➡️ รายงานนี้เป็นครั้งแรกที่บริษัท AI รายใหญ่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานต่อคำสั่งอย่างละเอียด ➡️ Google หวังให้รายงานนี้เป็นมาตรฐานใหม่ในการวัดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ AI ➡️ ตัวเลขไม่รวมพลังงานจากการฝึกโมเดล, อุปกรณ์ผู้ใช้, หรือเครือข่ายภายนอก ➡️ Gemini มีผู้ใช้งานมากกว่า 350 ล้านคนต่อเดือน ณ เดือนเมษายน 2025 ➡️ การวัดผลกระทบใช้ค่าเฉลี่ยจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลกของ Google ➡️ รายงานยังไม่ผ่านการ peer review แต่ Google เปิดรับข้อเสนอให้ตรวจสอบในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OpenAI เคยระบุว่าแต่ละคำสั่งใช้พลังงานประมาณ 0.34 วัตต์-ชั่วโมง เทียบเท่าการเปิดเตาอบ 1 วินาที ➡️ นักวิจัยจาก MIT ระบุว่าการเปิดเผยข้อมูลนี้ช่วยให้เข้าใจผลกระทบของ AI ได้ชัดเจนขึ้น ➡️ นักวิชาการบางคนชี้ว่า Google ใช้ “market-based” carbon measure ซึ่งอาจไม่สะท้อนผลกระทบจริงในแต่ละพื้นที่ ➡️ การใช้น้ำทางอ้อม เช่น น้ำที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ยังไม่รวมอยู่ในตัวเลขที่รายงาน ➡️ การใช้ AI อย่างแพร่หลายอาจทำให้ความพยายามลดคาร์บอนของบริษัทถูกกลบด้วยการใช้งานที่เพิ่มขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/google-one-ai-prompt-uses-as-much-energy-as-nine-seconds-of-tv
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google: One AI prompt uses as much energy as nine seconds of TV
    A single text prompt to Google's artificial intelligence (AI) software, Gemini, consumes roughly as much electricity as just under nine seconds of television, the company said on Aug 21.
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • AI Token Factory: โรงงานผลิตความฉลาดแห่งยุคใหม่

    ในอดีต เราวัดพลังคอมพิวเตอร์ด้วย CPU หรือ GPU แต่ในยุค AI ที่มีโมเดลขนาดมหึมาอย่าง GPT-4, Claude หรือ Gemini สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “โทเคน” ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลที่ AI ใช้ในการคิด วิเคราะห์ และตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้

    AI Token Factory คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อผลิตโทเคนให้ได้มากที่สุดต่อวินาที โดยใช้ GPU จำนวนมหาศาล เช่นระบบ Colossus 1 ของ xAI ที่ใช้ NVIDIA H100 กว่า 100,000 ตัว และ Colossus 2 ที่จะใช้ GB200 และ GB300 มากกว่า 550,000 ตัว เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่

    Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA อธิบายว่า AI Factory คือโรงงานที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าและข้อมูลดิบให้กลายเป็นความฉลาด พร้อมเปิดตัว Blackwell Ultra ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 50 เท่าเมื่อเทียบกับ Hopper รุ่นก่อนหน้า

    ในยุค “agentic AI” ที่กำลังมาถึง AI จะไม่เพียงแค่ตอบคำถาม แต่จะทำงานแทนมนุษย์โดยอัตโนมัติ เช่น วางแผนงาน ค้นคว้า หรือออกแบบโมเลกุล โดยใช้โทเคนจำนวนมหาศาลในการประมวลผล ซึ่งทำให้แม้แต่ศูนย์ข้อมูลที่มี GPU เป็นล้านตัวก็ยังไม่พอ

    Cisco รายงานว่า inference แบบ agentic ใช้ทรัพยากรมากกว่าการแชททั่วไปหลายเท่า และ Google ก็เปิดเผยว่า API ของตนให้บริการโทเคนกว่า 980 ล้านล้านต่อเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 480 ล้านล้านในเวลาเพียงไม่กี่เดือน

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    AI Token Factory คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อผลิตโทเคน AI ให้ได้มากที่สุด
    โทเคนคือหน่วยพื้นฐานที่ AI ใช้ในการคิด วิเคราะห์ และตอบสนอง
    xAI ใช้ GPU กว่า 100,000 ตัวใน Colossus 1 และจะใช้กว่า 550,000 ตัวใน Colossus 2
    NVIDIA เปิดตัว Blackwell Ultra ที่เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 50 เท่าเมื่อเทียบกับ Hopper
    AI Factory คือโรงงานที่เปลี่ยนพลังงานและข้อมูลให้กลายเป็นความฉลาด
    ในยุค agentic AI โมเดลจะทำงานแทนมนุษย์โดยอัตโนมัติ
    Cisco และ Google รายงานว่าความต้องการโทเคนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
    Google ให้บริการโทเคนกว่า 980 ล้านล้านต่อเดือนผ่าน API
    AI Factory ประกอบด้วย GPU, networking, software, storage และระบบจัดการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NVIDIA GB300 NVL72 เชื่อมต่อ GPU 72 ตัวและ Grace CPU 36 ตัวในระบบเดียว
    Blackwell Ultra มี inference เร็วขึ้น 11 เท่า และหน่วยความจำใหญ่ขึ้น 4 เท่า
    NVIDIA Dynamo เป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่ช่วยจัดการงาน inference แบบอัตโนมัติ
    บริษัทอย่าง Zoom, Deloitte เริ่มนำ agentic AI ไปใช้ในระบบงานจริง
    Blackwell Ultra จะให้บริการผ่าน DGX Cloud และผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่
    AI Factory ถูกมองว่าเป็นเครื่องจักรแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคใหม่

    https://www.techpowerup.com/340014/ai-token-factory-is-the-new-unit-of-computing
    🏗️ AI Token Factory: โรงงานผลิตความฉลาดแห่งยุคใหม่ ในอดีต เราวัดพลังคอมพิวเตอร์ด้วย CPU หรือ GPU แต่ในยุค AI ที่มีโมเดลขนาดมหึมาอย่าง GPT-4, Claude หรือ Gemini สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “โทเคน” ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลที่ AI ใช้ในการคิด วิเคราะห์ และตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้ AI Token Factory คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อผลิตโทเคนให้ได้มากที่สุดต่อวินาที โดยใช้ GPU จำนวนมหาศาล เช่นระบบ Colossus 1 ของ xAI ที่ใช้ NVIDIA H100 กว่า 100,000 ตัว และ Colossus 2 ที่จะใช้ GB200 และ GB300 มากกว่า 550,000 ตัว เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA อธิบายว่า AI Factory คือโรงงานที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าและข้อมูลดิบให้กลายเป็นความฉลาด พร้อมเปิดตัว Blackwell Ultra ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 50 เท่าเมื่อเทียบกับ Hopper รุ่นก่อนหน้า ในยุค “agentic AI” ที่กำลังมาถึง AI จะไม่เพียงแค่ตอบคำถาม แต่จะทำงานแทนมนุษย์โดยอัตโนมัติ เช่น วางแผนงาน ค้นคว้า หรือออกแบบโมเลกุล โดยใช้โทเคนจำนวนมหาศาลในการประมวลผล ซึ่งทำให้แม้แต่ศูนย์ข้อมูลที่มี GPU เป็นล้านตัวก็ยังไม่พอ Cisco รายงานว่า inference แบบ agentic ใช้ทรัพยากรมากกว่าการแชททั่วไปหลายเท่า และ Google ก็เปิดเผยว่า API ของตนให้บริการโทเคนกว่า 980 ล้านล้านต่อเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 480 ล้านล้านในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ AI Token Factory คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อผลิตโทเคน AI ให้ได้มากที่สุด ➡️ โทเคนคือหน่วยพื้นฐานที่ AI ใช้ในการคิด วิเคราะห์ และตอบสนอง ➡️ xAI ใช้ GPU กว่า 100,000 ตัวใน Colossus 1 และจะใช้กว่า 550,000 ตัวใน Colossus 2 ➡️ NVIDIA เปิดตัว Blackwell Ultra ที่เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 50 เท่าเมื่อเทียบกับ Hopper ➡️ AI Factory คือโรงงานที่เปลี่ยนพลังงานและข้อมูลให้กลายเป็นความฉลาด ➡️ ในยุค agentic AI โมเดลจะทำงานแทนมนุษย์โดยอัตโนมัติ ➡️ Cisco และ Google รายงานว่าความต้องการโทเคนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ➡️ Google ให้บริการโทเคนกว่า 980 ล้านล้านต่อเดือนผ่าน API ➡️ AI Factory ประกอบด้วย GPU, networking, software, storage และระบบจัดการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NVIDIA GB300 NVL72 เชื่อมต่อ GPU 72 ตัวและ Grace CPU 36 ตัวในระบบเดียว ➡️ Blackwell Ultra มี inference เร็วขึ้น 11 เท่า และหน่วยความจำใหญ่ขึ้น 4 เท่า ➡️ NVIDIA Dynamo เป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่ช่วยจัดการงาน inference แบบอัตโนมัติ ➡️ บริษัทอย่าง Zoom, Deloitte เริ่มนำ agentic AI ไปใช้ในระบบงานจริง ➡️ Blackwell Ultra จะให้บริการผ่าน DGX Cloud และผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ ➡️ AI Factory ถูกมองว่าเป็นเครื่องจักรแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคใหม่ https://www.techpowerup.com/340014/ai-token-factory-is-the-new-unit-of-computing
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AI Token Factory is the New Unit of Computing
    First, it was the CPU; after came the GPU; then all parallel workloads started running on GPUs, integrated or hyperscale. Similarly, the large language models we use today have adapted to the parallel nature of data processing on the GPU. The scale at which AI workloads operate is much larger than m...
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอ: จุดเริ่มต้นของจักรวาล AI ชื่อ Stargate

    SoftBank ได้ซื้อโรงงานขนาดใหญ่ในเมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ จาก Foxconn ด้วยมูลค่า $375 ล้าน โรงงานนี้มีพื้นที่กว่า 6.2 ล้านตารางฟุต เดิมใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate ซึ่งเป็นโครงการยักษ์ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้านในหลายปีข้างหน้า

    แม้ว่า SoftBank จะเป็นเจ้าของโรงงาน แต่ Foxconn จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการผลิต โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในรูปแบบพันธมิตรระยะยาว จุดเด่นของโรงงานนี้คือมีพลังงานไฟฟ้าสำรองมหาศาล และพื้นที่ขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเหมาะกับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ต้องใช้พลังงานสูง

    SoftBank ยังอยู่ระหว่างการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล Stargate โดยพิจารณาจากแหล่งพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ซึ่งเมื่อสถานที่พร้อม โรงงานในโอไฮโอก็จะเป็นแหล่งผลิตเครื่องจักรหลักทันที

    นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปอย่าง Ampere และ Graphcore ซึ่งอาจนำชิปของตนมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ที่ปัจจุบันครองตลาดอยู่

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอด้วยมูลค่า $375 ล้าน
    โรงงานมีขนาด 6.2 ล้านตารางฟุต ใหญ่กว่าศูนย์ผลิตในฮิวสตันถึง 6 เท่า
    Foxconn จะยังคงดำเนินการผลิต แม้โรงงานเป็นของ SoftBank
    โรงงานจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI สำหรับโครงการ Stargate
    โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน
    SoftBank กำลังเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล โดยพิจารณาจากพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม
    โรงงานโอไฮโอจะเป็นฐานผลิตหลักของ Stargate และรับคำสั่งซื้อจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank
    Foxconn เป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI รายใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ
    SoftBank เคยประกาศลงทุน $100 พันล้านในโครงการนี้เมื่อเดือนมกราคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank ถือหุ้นใน Ampere และ Graphcore ซึ่งผลิตชิปสำหรับ AI
    การใช้ชิปของตัวเองอาจช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia
    Foxconn เคยใช้โรงงานนี้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนขายให้ SoftBank
    โครงการ Stargate ได้รับความสนใจจากธนาคารญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
    SoftBank มีบริษัทลูกชื่อ SB Energy ที่พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในสหรัฐฯ ซึ่งอาจใช้เป็นฐานพลังงานให้ Stargate

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/softbank-acquires-foxconns-ohio-facility-to-build-stargate-ai-servers-usd375-million-deal-says-foxconn-will-continue-to-operate-the-plant
    🏗️ SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอ: จุดเริ่มต้นของจักรวาล AI ชื่อ Stargate SoftBank ได้ซื้อโรงงานขนาดใหญ่ในเมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ จาก Foxconn ด้วยมูลค่า $375 ล้าน โรงงานนี้มีพื้นที่กว่า 6.2 ล้านตารางฟุต เดิมใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate ซึ่งเป็นโครงการยักษ์ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้านในหลายปีข้างหน้า แม้ว่า SoftBank จะเป็นเจ้าของโรงงาน แต่ Foxconn จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการผลิต โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในรูปแบบพันธมิตรระยะยาว จุดเด่นของโรงงานนี้คือมีพลังงานไฟฟ้าสำรองมหาศาล และพื้นที่ขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเหมาะกับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ต้องใช้พลังงานสูง SoftBank ยังอยู่ระหว่างการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล Stargate โดยพิจารณาจากแหล่งพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ซึ่งเมื่อสถานที่พร้อม โรงงานในโอไฮโอก็จะเป็นแหล่งผลิตเครื่องจักรหลักทันที นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปอย่าง Ampere และ Graphcore ซึ่งอาจนำชิปของตนมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ที่ปัจจุบันครองตลาดอยู่ ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอด้วยมูลค่า $375 ล้าน ➡️ โรงงานมีขนาด 6.2 ล้านตารางฟุต ใหญ่กว่าศูนย์ผลิตในฮิวสตันถึง 6 เท่า ➡️ Foxconn จะยังคงดำเนินการผลิต แม้โรงงานเป็นของ SoftBank ➡️ โรงงานจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI สำหรับโครงการ Stargate ➡️ โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ➡️ SoftBank กำลังเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล โดยพิจารณาจากพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ➡️ โรงงานโอไฮโอจะเป็นฐานผลิตหลักของ Stargate และรับคำสั่งซื้อจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank ➡️ Foxconn เป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI รายใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ➡️ SoftBank เคยประกาศลงทุน $100 พันล้านในโครงการนี้เมื่อเดือนมกราคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank ถือหุ้นใน Ampere และ Graphcore ซึ่งผลิตชิปสำหรับ AI ➡️ การใช้ชิปของตัวเองอาจช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia ➡️ Foxconn เคยใช้โรงงานนี้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนขายให้ SoftBank ➡️ โครงการ Stargate ได้รับความสนใจจากธนาคารญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก ➡️ SoftBank มีบริษัทลูกชื่อ SB Energy ที่พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในสหรัฐฯ ซึ่งอาจใช้เป็นฐานพลังงานให้ Stargate https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/softbank-acquires-foxconns-ohio-facility-to-build-stargate-ai-servers-usd375-million-deal-says-foxconn-will-continue-to-operate-the-plant
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • เมื่อฟ้าผ่าทะลุสู่จักรวาล: ภาพถ่าย “Gigantic Jet” สุดหายากจากสถานีอวกาศ
    เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2025 NASA astronaut Nichole Ayers ได้ถ่ายภาพปรากฏการณ์ฟ้าผ่าที่ไม่ธรรมดาจากบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ขณะบินผ่านบริเวณพายุฝนฟ้าคะนองเหนือเม็กซิโกและสหรัฐฯ ภาคตะวันตกเฉียงใต้

    ตอนแรกเธอคิดว่าเป็น “sprite” ซึ่งเป็นแสงสีแดงที่เกิดเหนือพายุ แต่หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็น “gigantic jet” ซึ่งหายากกว่ามาก และเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ Transient Luminous Events (TLEs) ที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาอยู่

    ปรากฏการณ์นี้คือการปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าขนาดมหาศาลจากยอดเมฆพายุขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศระดับไอโอโนสเฟียร์ สูงถึง 100 กิโลเมตร โดยมักเกิดขึ้นโดยบังเอิญ และแทบไม่มีใครได้เห็นจากพื้นโลก

    ภาพนี้ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างพายุฝนฟ้าคะนองกับชั้นบรรยากาศระดับสูง ซึ่งอาจมีผลต่อการสื่อสาร, การบิน และแม้แต่การศึกษาสภาพอากาศของดาวเคราะห์อื่น

    เหตุการณ์สำคัญจากสถานีอวกาศ
    Nichole Ayers ถ่ายภาพ gigantic jet ได้จาก ISS เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2025
    เดิมคิดว่าเป็น sprite แต่ยืนยันว่าเป็น gigantic jet ซึ่งหายากมาก
    เกิดจากการปลดปล่อยไฟฟ้าจากยอดเมฆพายุขึ้นสู่ชั้นไอโอโนสเฟียร์ (~100 กม.)
    ภาพถ่ายใช้กล้อง Nikon Z9 เลนส์ 50mm f/1.2, ISO 6400, ¼ sec
    จุดที่เกิดปรากฏการณ์อยู่เหนือพายุบริเวณชายแดนเม็กซิโก–เท็กซัส
    สามารถมองเห็นแสงเมืองต่าง ๆ เช่น Dallas, Austin, San Antonio และ Torreón
    ภาพนี้ให้ข้อมูลใหม่แก่โครงการ Spritacular ของ NASA
    เชิญชวนประชาชนส่งภาพ TLEs เพื่อช่วยวิจัยผ่าน Spritacular.org

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gigantic jets เป็น TLEs ที่หายากที่สุดในกลุ่ม เช่นเดียวกับ blue jets และ ELVEs
    ISS มีเครื่องมือ Atmosphere-Space Interactions Monitor (ASIM) บันทึก TLEs ด้วยแสง, X-ray และ gamma-ray
    TLEs อาจมีผลต่อการสื่อสารวิทยุและระบบนำทาง GPS
    การศึกษา TLEs ช่วยให้เข้าใจการปลดปล่อยพลังงานในชั้นบรรยากาศโลก
    ปรากฏการณ์คล้ายกันพบในดาวพฤหัสบดีและดาวศุกร์ ทำให้การศึกษานี้มีผลต่อวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์
    นักบินบนเครื่องบินโดยสารเคยถ่ายภาพ gigantic jets ได้โดยบังเอิญ

    https://science.nasa.gov/science-research/heliophysics/a-gigantic-jet-caught-on-camera-a-spritacular-moment-for-nasa-astronaut-nicole-ayers/
    🌌 เมื่อฟ้าผ่าทะลุสู่จักรวาล: ภาพถ่าย “Gigantic Jet” สุดหายากจากสถานีอวกาศ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2025 NASA astronaut Nichole Ayers ได้ถ่ายภาพปรากฏการณ์ฟ้าผ่าที่ไม่ธรรมดาจากบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ขณะบินผ่านบริเวณพายุฝนฟ้าคะนองเหนือเม็กซิโกและสหรัฐฯ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ตอนแรกเธอคิดว่าเป็น “sprite” ซึ่งเป็นแสงสีแดงที่เกิดเหนือพายุ แต่หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็น “gigantic jet” ซึ่งหายากกว่ามาก และเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ Transient Luminous Events (TLEs) ที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาอยู่ ปรากฏการณ์นี้คือการปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าขนาดมหาศาลจากยอดเมฆพายุขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศระดับไอโอโนสเฟียร์ สูงถึง 100 กิโลเมตร โดยมักเกิดขึ้นโดยบังเอิญ และแทบไม่มีใครได้เห็นจากพื้นโลก ภาพนี้ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างพายุฝนฟ้าคะนองกับชั้นบรรยากาศระดับสูง ซึ่งอาจมีผลต่อการสื่อสาร, การบิน และแม้แต่การศึกษาสภาพอากาศของดาวเคราะห์อื่น ✅ เหตุการณ์สำคัญจากสถานีอวกาศ ➡️ Nichole Ayers ถ่ายภาพ gigantic jet ได้จาก ISS เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2025 ➡️ เดิมคิดว่าเป็น sprite แต่ยืนยันว่าเป็น gigantic jet ซึ่งหายากมาก ➡️ เกิดจากการปลดปล่อยไฟฟ้าจากยอดเมฆพายุขึ้นสู่ชั้นไอโอโนสเฟียร์ (~100 กม.) ➡️ ภาพถ่ายใช้กล้อง Nikon Z9 เลนส์ 50mm f/1.2, ISO 6400, ¼ sec ➡️ จุดที่เกิดปรากฏการณ์อยู่เหนือพายุบริเวณชายแดนเม็กซิโก–เท็กซัส ➡️ สามารถมองเห็นแสงเมืองต่าง ๆ เช่น Dallas, Austin, San Antonio และ Torreón ➡️ ภาพนี้ให้ข้อมูลใหม่แก่โครงการ Spritacular ของ NASA ➡️ เชิญชวนประชาชนส่งภาพ TLEs เพื่อช่วยวิจัยผ่าน Spritacular.org ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gigantic jets เป็น TLEs ที่หายากที่สุดในกลุ่ม เช่นเดียวกับ blue jets และ ELVEs ➡️ ISS มีเครื่องมือ Atmosphere-Space Interactions Monitor (ASIM) บันทึก TLEs ด้วยแสง, X-ray และ gamma-ray ➡️ TLEs อาจมีผลต่อการสื่อสารวิทยุและระบบนำทาง GPS ➡️ การศึกษา TLEs ช่วยให้เข้าใจการปลดปล่อยพลังงานในชั้นบรรยากาศโลก ➡️ ปรากฏการณ์คล้ายกันพบในดาวพฤหัสบดีและดาวศุกร์ ทำให้การศึกษานี้มีผลต่อวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ ➡️ นักบินบนเครื่องบินโดยสารเคยถ่ายภาพ gigantic jets ได้โดยบังเอิญ https://science.nasa.gov/science-research/heliophysics/a-gigantic-jet-caught-on-camera-a-spritacular-moment-for-nasa-astronaut-nicole-ayers/
    SCIENCE.NASA.GOV
    A Gigantic Jet Caught on Camera: A Spritacular Moment for NASA Astronaut Nicole Ayers!
    On July 3, 2025, NASA astronaut Nichole Ayers captured a rare gigantic jet from the ISS—lightning shooting from a storm top into the upper atmosphere.
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • Wi-Fi ไม่ได้ผิด แต่พฤติกรรมดิจิทัลของเราต่างหากที่ทำร้ายโลก

    โปสเตอร์จากมหาวิทยาลัย East London ที่ปรากฏในสถานีรถไฟใต้ดินของลอนดอนสร้างความฮือฮา ด้วยข้อความที่ดูเหมือนจะกล่าวโทษ Wi-Fi ว่าเป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมองลึกลงไป มันคือการชวนให้เราคิดใหม่ผ่านแคมเปญ “Think Again” ที่ตั้งคำถามกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของเรา

    เป้าหมายของแคมเปญนี้คือการชี้ให้เห็นว่า “การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป” ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต ทีวี หรือคอมพิวเตอร์ ล้วนมีผลต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมันผลักดันให้ศูนย์ข้อมูล (data centers) ต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบินทั่วโลกเสียอีก

    แม้ Wi-Fi เองจะไม่ได้ปล่อยคาร์บอนโดยตรง แต่การใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi เช่น เราเตอร์ สมาร์ททีวี และเซิร์ฟเวอร์ ล้วนมีการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และสร้าง e-waste จำนวนมหาศาลในแต่ละปี

    งานวิจัยจากหลายแหล่งชี้ว่า Wi-Fi และเทคโนโลยีดิจิทัลมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 4% ของทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 9% ต่อปี หากไม่มีการจัดการอย่างยั่งยืน

    ข้อมูลจากข่าวและแคมเปญ Think Again
    โปสเตอร์จากมหาวิทยาลัย East London ชวนให้คิดใหม่เรื่องผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี
    ข้อความ “WiFi doesn’t grow on trees” เป็นการกระตุ้นให้คนสนใจ ไม่ใช่กล่าวโทษ Wi-Fi โดยตรง
    แคมเปญชี้ให้เห็นว่การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไปส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม
    ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบินทั่วโลก
    มหาวิทยาลัยกำลังวิจัยเพื่อทำให้ data centers มีความยั่งยืนมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wi-Fi และอุปกรณ์เครือข่ายมีส่วนทำให้เกิด e-waste มากกว่า 82 ล้านตันต่อปีภายในปี 2030
    การใช้ Wi-Fi ส่งผลต่อการใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งจากอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐาน
    การเลือกเราเตอร์ที่มี Energy Star หรือ eco-label ช่วยลดการใช้พลังงาน
    การรีไซเคิลอุปกรณ์เครือข่ายเก่าเป็นวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    Wi-Fi ช่วยให้ระบบ IoT ทำงานได้ เช่น การจัดการพลังงานในอาคารอัจฉริยะ
    การบำรุงรักษาเครือข่ายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น

    https://www.tomshardware.com/networking/is-wi-fi-bad-for-the-environment-eye-catching-london-ad-suggests-our-digital-habits-are-damaging-the-climate
    📡 Wi-Fi ไม่ได้ผิด แต่พฤติกรรมดิจิทัลของเราต่างหากที่ทำร้ายโลก โปสเตอร์จากมหาวิทยาลัย East London ที่ปรากฏในสถานีรถไฟใต้ดินของลอนดอนสร้างความฮือฮา ด้วยข้อความที่ดูเหมือนจะกล่าวโทษ Wi-Fi ว่าเป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมองลึกลงไป มันคือการชวนให้เราคิดใหม่ผ่านแคมเปญ “Think Again” ที่ตั้งคำถามกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของเรา เป้าหมายของแคมเปญนี้คือการชี้ให้เห็นว่า “การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป” ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต ทีวี หรือคอมพิวเตอร์ ล้วนมีผลต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมันผลักดันให้ศูนย์ข้อมูล (data centers) ต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบินทั่วโลกเสียอีก แม้ Wi-Fi เองจะไม่ได้ปล่อยคาร์บอนโดยตรง แต่การใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi เช่น เราเตอร์ สมาร์ททีวี และเซิร์ฟเวอร์ ล้วนมีการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และสร้าง e-waste จำนวนมหาศาลในแต่ละปี งานวิจัยจากหลายแหล่งชี้ว่า Wi-Fi และเทคโนโลยีดิจิทัลมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 4% ของทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 9% ต่อปี หากไม่มีการจัดการอย่างยั่งยืน ✅ ข้อมูลจากข่าวและแคมเปญ Think Again ➡️ โปสเตอร์จากมหาวิทยาลัย East London ชวนให้คิดใหม่เรื่องผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี ➡️ ข้อความ “WiFi doesn’t grow on trees” เป็นการกระตุ้นให้คนสนใจ ไม่ใช่กล่าวโทษ Wi-Fi โดยตรง ➡️ แคมเปญชี้ให้เห็นว่การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไปส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม ➡️ ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบินทั่วโลก ➡️ มหาวิทยาลัยกำลังวิจัยเพื่อทำให้ data centers มีความยั่งยืนมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wi-Fi และอุปกรณ์เครือข่ายมีส่วนทำให้เกิด e-waste มากกว่า 82 ล้านตันต่อปีภายในปี 2030 ➡️ การใช้ Wi-Fi ส่งผลต่อการใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งจากอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ การเลือกเราเตอร์ที่มี Energy Star หรือ eco-label ช่วยลดการใช้พลังงาน ➡️ การรีไซเคิลอุปกรณ์เครือข่ายเก่าเป็นวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ➡️ Wi-Fi ช่วยให้ระบบ IoT ทำงานได้ เช่น การจัดการพลังงานในอาคารอัจฉริยะ ➡️ การบำรุงรักษาเครือข่ายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น https://www.tomshardware.com/networking/is-wi-fi-bad-for-the-environment-eye-catching-london-ad-suggests-our-digital-habits-are-damaging-the-climate
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Is Wi-Fi bad for the environment? Eye-catching London ad suggests Wi-Fi is ‘damaging the climate’
    The ad seemingly says that Wi-Fi is bad for the environment, but its makers just want you to look closer.
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • ร้องเพลงรอรถไฟ ETS ไปยะโฮร์ ระบบไฟฟ้า-อาณัติสัญญาณยังไม่เสร็จ

    ความหวังที่อยากจะนั่งรถไฟ ETS แบบสบายๆ จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปเมืองยะโฮร์บาห์รู เพื่อต่อไปยังประเทศสิงคโปร์ อาจจะเป็นไปได้ยากในปีนี้ เมื่อหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ (The Star) ไปสำรวจโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร พบว่าการก่อสร้างระบบไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะช่วงระหว่างสถานีกลวง (Kluang) ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทางราว 100 กิโลเมตร

    ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เคยกล่าวไว้เมื่อต้นปี 2568 ว่าบริการรถไฟ ETS จากสถานีเกมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบิลัน ไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รู จะพร้อมให้บริการในเดือน ส.ค.2568 แต่หลังจากเปิดให้บริการช่วงสั้นๆ ไปยังสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ รวมทั้งระบบจำหน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้าของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) พบว่ายังไม่มีการจำหน่ายตั๋วรถไฟ ETS ขาล่องไปยังเมืองทางตอนใต้ใดๆ อีกทั้ง KTMB ยังประกาศระงับการจำหน่ายตั๋วรถไฟหลังเดือน ธ.ค. 2568 จากปกติสามารถจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือน

    นายยูสลิซาร์ ดาวูด (Yuslizar Daud) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรถไฟของมาเลเซีย กล่าวว่า กระบวนการในการติดตั้งและทดสอบระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัวอย่างสมบูรณ์อาจใช้เวลานาน ทั้งการร้อยสายอุปกรณ์สายส่งไฟฟ้าเหนือหัว (OHLE) การดึงสาย การปรับราง การจ่ายไฟ การทดสอบก่อนการใช้งาน และการทดสอบเสมือนจริง (Test & Commissioning) จะใช้เวลานานพอสมควร จากนั้นตรวจสอบขั้นสุดท้ายโดยสํานักงานคณะกรรมการขนส่งทางบกแห่งชาติมาเลเซีย (APAD) ก่อนที่จะได้รับอนุญาต แต่จากภาพที่ผู้สื่อข่าว The Star นำมาแสดงไม่เห็นว่าจะมีความพร้อมเปิดให้บริการในเดือน ก.ย.2568

    เข้าใจว่า KTM Berhad กำลังพยายามเร่งเปิดให้บริการจากสถานีเซกามัต ไปยังสถานีกลวง ระยะทาง 90 กิโลเมตรภายในไตรมาสนี้ แม้ดูเหมือนว่า KTM Berhad จะยังไม่ยื่นคำขออนุญาตไปยัง APAD ก็ตาม ขณะเดียวกันยังต้องทดสอบขบวนรถไฟ ETS ชุดใหม่ (ETS 3) ที่นำเข้าจากประเทศจีน ต้องผ่านการทดสอบเดินรถโดยปราศจากข้อบกพร่อง (FFR) อย่างน้อย 8,000 กิโลเมตร ก่อนนำไปให้บริการเชิงพาณิชย์ คาดว่าหาก APAD อนุมัติให้เปิดการเดินรถถึงสถานีกลวง อาจต้องใช้รถไฟ ETS ชุดเก่าไปพลางก่อน ถึงกระนั้นยังต้องรอคำตอบอย่างเป็นทางการจาก KTM Berhad และกระทรวงคมนาคมมาเลเซียอีกครั้ง

    #Newskit
    ร้องเพลงรอรถไฟ ETS ไปยะโฮร์ ระบบไฟฟ้า-อาณัติสัญญาณยังไม่เสร็จ ความหวังที่อยากจะนั่งรถไฟ ETS แบบสบายๆ จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปเมืองยะโฮร์บาห์รู เพื่อต่อไปยังประเทศสิงคโปร์ อาจจะเป็นไปได้ยากในปีนี้ เมื่อหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ (The Star) ไปสำรวจโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร พบว่าการก่อสร้างระบบไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะช่วงระหว่างสถานีกลวง (Kluang) ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทางราว 100 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เคยกล่าวไว้เมื่อต้นปี 2568 ว่าบริการรถไฟ ETS จากสถานีเกมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบิลัน ไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รู จะพร้อมให้บริการในเดือน ส.ค.2568 แต่หลังจากเปิดให้บริการช่วงสั้นๆ ไปยังสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ รวมทั้งระบบจำหน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้าของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) พบว่ายังไม่มีการจำหน่ายตั๋วรถไฟ ETS ขาล่องไปยังเมืองทางตอนใต้ใดๆ อีกทั้ง KTMB ยังประกาศระงับการจำหน่ายตั๋วรถไฟหลังเดือน ธ.ค. 2568 จากปกติสามารถจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือน นายยูสลิซาร์ ดาวูด (Yuslizar Daud) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรถไฟของมาเลเซีย กล่าวว่า กระบวนการในการติดตั้งและทดสอบระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัวอย่างสมบูรณ์อาจใช้เวลานาน ทั้งการร้อยสายอุปกรณ์สายส่งไฟฟ้าเหนือหัว (OHLE) การดึงสาย การปรับราง การจ่ายไฟ การทดสอบก่อนการใช้งาน และการทดสอบเสมือนจริง (Test & Commissioning) จะใช้เวลานานพอสมควร จากนั้นตรวจสอบขั้นสุดท้ายโดยสํานักงานคณะกรรมการขนส่งทางบกแห่งชาติมาเลเซีย (APAD) ก่อนที่จะได้รับอนุญาต แต่จากภาพที่ผู้สื่อข่าว The Star นำมาแสดงไม่เห็นว่าจะมีความพร้อมเปิดให้บริการในเดือน ก.ย.2568 เข้าใจว่า KTM Berhad กำลังพยายามเร่งเปิดให้บริการจากสถานีเซกามัต ไปยังสถานีกลวง ระยะทาง 90 กิโลเมตรภายในไตรมาสนี้ แม้ดูเหมือนว่า KTM Berhad จะยังไม่ยื่นคำขออนุญาตไปยัง APAD ก็ตาม ขณะเดียวกันยังต้องทดสอบขบวนรถไฟ ETS ชุดใหม่ (ETS 3) ที่นำเข้าจากประเทศจีน ต้องผ่านการทดสอบเดินรถโดยปราศจากข้อบกพร่อง (FFR) อย่างน้อย 8,000 กิโลเมตร ก่อนนำไปให้บริการเชิงพาณิชย์ คาดว่าหาก APAD อนุมัติให้เปิดการเดินรถถึงสถานีกลวง อาจต้องใช้รถไฟ ETS ชุดเก่าไปพลางก่อน ถึงกระนั้นยังต้องรอคำตอบอย่างเป็นทางการจาก KTM Berhad และกระทรวงคมนาคมมาเลเซียอีกครั้ง #Newskit
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • ตอน 2

    จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์



    อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ

    แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร

    อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา

    ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย

    (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ)

    ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้

    รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย

    สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม…

    คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก

    สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน

    ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง

    ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม

    นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย

    ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว!

    พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง

    นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ

    หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ

    สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง

    อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ

    พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ!

    แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

    ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ

    Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ)

    Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม

    คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน

    ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว

    ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ

    การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว

    นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี

    ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้

    นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว

    แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง

    คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น!

    ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย

    ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น

    ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 2 จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์ อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ) ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้ รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม… คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว! พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ! แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ) Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น! ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 409 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลก Net Zero: AI จะปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบิน...จริงเหรอ?

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลและบริษัททั่วโลกทุ่มงบมหาศาลเพื่อบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่น การตั้งข้อบังคับด้านพลังงาน สีเขียว และการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

    แต่ในขณะเดียวกัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น data center และ GPU cluster กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งนำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ และทรัพยากรมหาศาล

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ระบุว่า:

    “ภายในสิ้นทศวรรษหน้า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเป็นต้นกำเนิด 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก” ซึ่งเกินกว่าการเดินทางทางอากาศเสียอีก

    ตัวอย่างความรุนแรงในปัจจุบัน:
    - data center ในสหรัฐฯ ยุโรป และจีนใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 2–4% ของการผลิตทั้งหมด
    - ระบบไฟฟ้าหลายประเทศเริ่มตึงตัว ไม่สามารถรองรับการขยาย AI ได้อย่างยั่งยืน
    - มีรายงานว่าบางเมืองต้องจำกัดพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะถูกแย่งไปใช้ในศูนย์ข้อมูล

    John Naughton จากศูนย์ Minderoo กล่าวว่า “ทุกเมกะวัตต์ที่ใช้ใน data center คือเมกะวัตต์ที่บ้านหรือโรงงานไม่มีใช้”

    นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ยังมีผลสำรวจจาก Gallup ที่เผยว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า:
    - AI เป็นภัยต่อมนุษย์และสังคม
    - จะลดความจำเป็นของมนุษย์ในงานสร้างสรรค์
    - เกือบสองในสามไม่อยากใช้ AI หากหลีกเลี่ยงได้

    เคมบริดจ์เผยว่า AI จะปล่อยคาร์บอน “มากกว่าการบิน” ภายใน 10 ปี
    คาดว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะปล่อยถึง 8% ของคาร์บอนทั่วโลก

    Data center ใช้ไฟฟ้า 2–4% ของกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน
    ทำให้ระบบไฟฟ้าตึงตัว และจำกัดทรัพยากรสำหรับภาคอื่น

    การลงทุนใน AI มาเร็วและรุนแรงในภาครัฐและเอกชน
    ส่งผลต่อพลังงาน น้ำ และการปล่อยคาร์บอนอย่างมาก

    ผลสำรวจ Gallup พบประชาชนวิตกเกี่ยวกับ AI
    ครึ่งหนึ่งเห็นว่า AI คุกคามมนุษย์และสังคม

    60% เชื่อว่า AI จะมาแทนงานสำคัญและงานสร้างสรรค์ของมนุษย์
    มีเพียง 38% ที่คิดว่า AI จะช่วยให้มนุษย์ไปทำงานที่มีคุณค่ามากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/net-zero-zero-chance-ai-emissions-to-exceed-air-travel-report-says
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก Net Zero: AI จะปล่อยคาร์บอนมากกว่าการบิน...จริงเหรอ? ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลและบริษัททั่วโลกทุ่มงบมหาศาลเพื่อบรรลุเป้าหมาย “Net Zero” หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่น การตั้งข้อบังคับด้านพลังงาน สีเขียว และการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ในขณะเดียวกัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น data center และ GPU cluster กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งนำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำ และทรัพยากรมหาศาล นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ระบุว่า: “ภายในสิ้นทศวรรษหน้า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเป็นต้นกำเนิด 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก” ซึ่งเกินกว่าการเดินทางทางอากาศเสียอีก ตัวอย่างความรุนแรงในปัจจุบัน: - data center ในสหรัฐฯ ยุโรป และจีนใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 2–4% ของการผลิตทั้งหมด - ระบบไฟฟ้าหลายประเทศเริ่มตึงตัว ไม่สามารถรองรับการขยาย AI ได้อย่างยั่งยืน - มีรายงานว่าบางเมืองต้องจำกัดพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะถูกแย่งไปใช้ในศูนย์ข้อมูล John Naughton จากศูนย์ Minderoo กล่าวว่า “ทุกเมกะวัตต์ที่ใช้ใน data center คือเมกะวัตต์ที่บ้านหรือโรงงานไม่มีใช้” นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม ยังมีผลสำรวจจาก Gallup ที่เผยว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า: - AI เป็นภัยต่อมนุษย์และสังคม - จะลดความจำเป็นของมนุษย์ในงานสร้างสรรค์ - เกือบสองในสามไม่อยากใช้ AI หากหลีกเลี่ยงได้ ✅ เคมบริดจ์เผยว่า AI จะปล่อยคาร์บอน “มากกว่าการบิน” ภายใน 10 ปี ➡️ คาดว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะปล่อยถึง 8% ของคาร์บอนทั่วโลก ✅ Data center ใช้ไฟฟ้า 2–4% ของกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ➡️ ทำให้ระบบไฟฟ้าตึงตัว และจำกัดทรัพยากรสำหรับภาคอื่น ✅ การลงทุนใน AI มาเร็วและรุนแรงในภาครัฐและเอกชน ➡️ ส่งผลต่อพลังงาน น้ำ และการปล่อยคาร์บอนอย่างมาก ✅ ผลสำรวจ Gallup พบประชาชนวิตกเกี่ยวกับ AI ➡️ ครึ่งหนึ่งเห็นว่า AI คุกคามมนุษย์และสังคม ✅ 60% เชื่อว่า AI จะมาแทนงานสำคัญและงานสร้างสรรค์ของมนุษย์ ➡️ มีเพียง 38% ที่คิดว่า AI จะช่วยให้มนุษย์ไปทำงานที่มีคุณค่ามากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/19/net-zero-zero-chance-ai-emissions-to-exceed-air-travel-report-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Net zero? Zero chance: AI emissions to exceed air travel, report says
    Researchers are questioning the efforts of companies and governments to achieve so-called net-zero emissions targets while also backing the rise of artificial intelligence (AI), whose emissions are now projected to "far exceed" those of air travel.
    0 Comments 0 Shares 339 Views 0 Reviews
  • ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย.
    ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน,
    ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง.

    https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย. ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน, ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง. https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    0 Comments 0 Shares 465 Views 0 Reviews
  • นี่คือ "บูร์กินาฟาโซ" ประเทศที่ปกครองโดย "ทหาร" หลังโค่นล้มอำนาจจากผู้นำประชาธิปไตยคนก่อนที่มีแต่การคอรัปชั่นและฝักใฝ่ตะวันตกโดยเฉพาะฝรั่งเศส

    ร้อยเอกอิบราฮิม ตราโอเร (Captain Ibrahim Traore) ผู้นำของประเทศ ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี หลังจากโค่นอำนาจจากรัฐบาลชุดก่อน และพลิกโฉมบูร์กินาฟาโซ โดยเลิกอิงแอบจักรวรรดินิยมแห่งฝรั่งเศส โดยนำความหวังใหม่ที่หมุ่งทำเพื่อพลเมืองชาวบูร์กินาฟาโซอย่างแท้จริง

    รัฐบาลทหารของตราโอเร ประกาศสร้างคลองยาว 78 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในแอฟริกาตะวันตก เพื่อเสริมสร้างระบบชลประทานในประเทศให้มีศักยภาพในการผลิตอาหาร 50,000 ตัน

    เขายังได้สร้างสนามบินแห่งใหม่ เพื่อรองรับนักลงทุนเข้ามาพัฒนาประเทศ

    เริ่มโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้กับพลเมือง ทั้งด้านที่อยู่อาศัย และพลังงานไฟฟ้า




    นี่คือ "บูร์กินาฟาโซ" ประเทศที่ปกครองโดย "ทหาร" หลังโค่นล้มอำนาจจากผู้นำประชาธิปไตยคนก่อนที่มีแต่การคอรัปชั่นและฝักใฝ่ตะวันตกโดยเฉพาะฝรั่งเศส ร้อยเอกอิบราฮิม ตราโอเร (Captain Ibrahim Traore) ผู้นำของประเทศ ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี หลังจากโค่นอำนาจจากรัฐบาลชุดก่อน และพลิกโฉมบูร์กินาฟาโซ โดยเลิกอิงแอบจักรวรรดินิยมแห่งฝรั่งเศส โดยนำความหวังใหม่ที่หมุ่งทำเพื่อพลเมืองชาวบูร์กินาฟาโซอย่างแท้จริง รัฐบาลทหารของตราโอเร ประกาศสร้างคลองยาว 78 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในแอฟริกาตะวันตก เพื่อเสริมสร้างระบบชลประทานในประเทศให้มีศักยภาพในการผลิตอาหาร 50,000 ตัน เขายังได้สร้างสนามบินแห่งใหม่ เพื่อรองรับนักลงทุนเข้ามาพัฒนาประเทศ เริ่มโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้กับพลเมือง ทั้งด้านที่อยู่อาศัย และพลังงานไฟฟ้า
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 426 Views 0 Reviews
  • AI: พลังขับเคลื่อนความก้าวหน้า... หรือเร่งโลกให้ร้อนขึ้น?

    บทนำ: ยุค AI กับผลกระทบที่มองไม่เห็น
    ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโลก จากการค้นหาข้อมูล รถยนต์ไร้คนขับ ไปจนถึงการวินิจฉัยทางการแพทย์ แต่ความก้าวหน้านี้มาพร้อมต้นทุนที่ซ่อนอยู่: การใช้พลังงานมหาศาลและความร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาวะโลกร้อน บทความนี้สำรวจสาเหตุที่ AI ใช้พลังงานมาก ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

    AI กับความต้องการพลังงานมหาศาล

    ทำไม AI ถึงใช้พลังงานมาก?
    AI โดยเฉพาะโมเดลกำเนิด เช่น GPT-4 ต้องการพลังการประมวลผลสูง ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPUs) และหน่วยประมวลผลเทนเซอร์ (TPUs) ซึ่งกินไฟมากและสร้างความร้อนที่ต้องระบายด้วยระบบทำความเย็นซับซ้อน การฝึกโมเดล เช่น GPT-3 ใช้ไฟฟ้า ~1,300 MWh และ GPT-4 ใช้ ~1,750 MWh ส่วนการอนุมาน (เช่น การสอบถาม ChatGPT) ใช้พลังงานรวมมากกว่าการฝึกเมื่อมีผู้ใช้จำนวนมาก

    ตัวอย่างการใช้พลังงาน
    - ชั้นวาง AI ใช้ไฟมากกว่าครัวเรือนสหรัฐฯ 39 เท่า
    - การฝึก GPT-3 เทียบเท่าการใช้ไฟของบ้าน 120-130 หลังต่อปี
    - การสอบถาม ChatGPT ครั้งหนึ่งใช้พลังงานมากกว่าการค้นหา Google 10-15 เท่า และปล่อย CO2 มากกว่า 340 เท่า
    - ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกในปี 2022 ใช้ไฟ 460 TWh และคาดว่าในปี 2026 จะเพิ่มเป็น ~1,050 TWh เทียบเท่าการใช้ไฟของเยอรมนี

    ความร้อนจาก AI: ตัวเร่งโลกร้อน

    จากไฟฟ้าสู่ความร้อน
    พลังงานไฟฟ้าที่ AI ใช้เกือบทั้งหมดแปลงเป็นความร้อน โดย 1 วัตต์ผลิตความร้อน 3.412 BTU/ชั่วโมง GPUs สมัยใหม่ใช้ไฟเกิน 1,000 วัตต์ต่อตัว สร้างความร้อนที่ต้องระบาย

    รอยเท้าคาร์บอนและน้ำ
    การฝึกโมเดล AI ปล่อย CO2 ได้ถึง 284 ตัน เทียบเท่ารถยนต์สหรัฐฯ 5 คันต่อปี การระบายความร้อนศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าถึง 40% และน้ำราว 2 ลิตรต่อ kWh โดย ChatGPT-4o ใช้น้ำเทียบเท่าความต้องการน้ำดื่มของ 1.2 ล้านคนต่อปี คาดว่าภายในปี 2030 ศูนย์ข้อมูล AI อาจใช้ไฟมากกว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศ

    ความท้าทายด้านความร้อน
    ความร้อนสูงเกินไปทำให้ประสิทธิภาพลดลง อายุฮาร์ดแวร์สั้นลง และระบบไม่เสถียร การระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิมไม่เพียงพอต่อความร้อนจาก AI สมัยใหม่ และระบบทำความเย็นใช้พลังงานสูง ตัวอย่างการใช้พลังงาน GPU ในอนาคต:
    - ปี 2025 (Blackwell Ultra): 1,400W, ใช้การระบายความร้อนแบบ Direct-to-Chip
    - ปี 2027 (Rubin Ultra): 3,600W, ใช้ Direct-to-Chip
    - ปี 2029 (Feynman Ultra): 6,000W, ใช้ Immersion Cooling
    - ปี 2032: 15,360W, ใช้ Embedded Cooling

    นวัตกรรมเพื่อ AI ที่ยั่งยืน

    การระบายความร้อนที่ชาญฉลาด
    - การระบายความร้อนด้วยของLikely ResponseHed: มีประสิทธิภาพสูงกว่าอากาศ 3000 เท่า ใช้ในระบบ Direct-to-Chip และ Immersion Cooling
    - ระบบ HVAC ขั้นสูง: ใช้การระบายความร้อนแบบระเหยและท่อความร้อน ลดการใช้พลังงานและน้ำ
    - ตัวชี้วัด TUE: วัดประสิทธิภาพพลังงานโดยรวมของศูนย์ข้อมูล

    การออกแบบ AI ที่ประหยัดพลังงาน
    - การตัดแต่งโมเดล/ควอนไทซ์: ลดขนาดโมเดลและพลังงานที่ใช้
    - การกลั่นความรู้: ถ่ายทอดความรู้สู่โมเดลขนาดเล็ก
    - ชิปประหยัดพลังงาน: เช่น TPUs และ NPUs
    - AI จัดการพลังงาน: ใช้ AI วิเคราะห์และลดการใช้พลังงานในโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ
    - Edge Computing: ลดการส่งข้อมูลไปยังคลาวด์

    พลังงานหมุนเวียน
    ศูนย์ข้อมูลเปลี่ยนไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และน้ำ รวมถึงนวัตกรรมอย่างการระบายความร้อนด้วยน้ำทะเลและพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Dispatchable

    ความรับผิดชอบร่วมกัน

    ความโปร่งใสของบริษัท AI
    บริษัทควรเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและรอยเท้าคาร์บอน เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบ

    นโยบายและกฎระเบียบ
    รัฐบาลทั่วโลกผลักดันนโยบาย Green AI เช่น กฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป เพื่อความยั่งยืน

    บทบาทของนักพัฒนาและผู้ใช้
    - นักพัฒนา: เลือกโมเดลและฮาร์ดแวร์ประหยัดพลังงาน ใช้เครื่องมือติดตามคาร์บอน
    - ผู้ใช้: ตระหนักถึงการใช้พลังงานของ AI และสนับสนุนบริษัทที่ยั่งยืน

    บทสรุป: วิสัยทัศน์ Green AI
    AI มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงโลก แต่ต้องจัดการกับการใช้พลังงานและความร้อนที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ด้วยนวัตกรรมการระบายความร้อน การออกแบบ AI ที่ประหยัดพลังงาน และพลังงานหมุนเวียน รวมถึงความโปร่งใสและนโยบายที่เหมาะสม เราสามารถสร้างอนาคต AI ที่ยั่งยืน โดยไม่ต้องเลือกว่าจะพัฒนา AI หรือรักษาสภาพภูมิอากาศ

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🌍 AI: พลังขับเคลื่อนความก้าวหน้า... หรือเร่งโลกให้ร้อนขึ้น? 📝 บทนำ: ยุค AI กับผลกระทบที่มองไม่เห็น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโลก จากการค้นหาข้อมูล รถยนต์ไร้คนขับ ไปจนถึงการวินิจฉัยทางการแพทย์ แต่ความก้าวหน้านี้มาพร้อมต้นทุนที่ซ่อนอยู่: การใช้พลังงานมหาศาลและความร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาวะโลกร้อน บทความนี้สำรวจสาเหตุที่ AI ใช้พลังงานมาก ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ⚡ AI กับความต้องการพลังงานมหาศาล ❓ ทำไม AI ถึงใช้พลังงานมาก? AI โดยเฉพาะโมเดลกำเนิด เช่น GPT-4 ต้องการพลังการประมวลผลสูง ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPUs) และหน่วยประมวลผลเทนเซอร์ (TPUs) ซึ่งกินไฟมากและสร้างความร้อนที่ต้องระบายด้วยระบบทำความเย็นซับซ้อน การฝึกโมเดล เช่น GPT-3 ใช้ไฟฟ้า ~1,300 MWh และ GPT-4 ใช้ ~1,750 MWh ส่วนการอนุมาน (เช่น การสอบถาม ChatGPT) ใช้พลังงานรวมมากกว่าการฝึกเมื่อมีผู้ใช้จำนวนมาก 📊 ตัวอย่างการใช้พลังงาน - ชั้นวาง AI ใช้ไฟมากกว่าครัวเรือนสหรัฐฯ 39 เท่า - การฝึก GPT-3 เทียบเท่าการใช้ไฟของบ้าน 120-130 หลังต่อปี - การสอบถาม ChatGPT ครั้งหนึ่งใช้พลังงานมากกว่าการค้นหา Google 10-15 เท่า และปล่อย CO2 มากกว่า 340 เท่า - ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกในปี 2022 ใช้ไฟ 460 TWh และคาดว่าในปี 2026 จะเพิ่มเป็น ~1,050 TWh เทียบเท่าการใช้ไฟของเยอรมนี 🔥 ความร้อนจาก AI: ตัวเร่งโลกร้อน 🌡️ จากไฟฟ้าสู่ความร้อน พลังงานไฟฟ้าที่ AI ใช้เกือบทั้งหมดแปลงเป็นความร้อน โดย 1 วัตต์ผลิตความร้อน 3.412 BTU/ชั่วโมง GPUs สมัยใหม่ใช้ไฟเกิน 1,000 วัตต์ต่อตัว สร้างความร้อนที่ต้องระบาย 🌱 รอยเท้าคาร์บอนและน้ำ การฝึกโมเดล AI ปล่อย CO2 ได้ถึง 284 ตัน เทียบเท่ารถยนต์สหรัฐฯ 5 คันต่อปี การระบายความร้อนศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าถึง 40% และน้ำราว 2 ลิตรต่อ kWh โดย ChatGPT-4o ใช้น้ำเทียบเท่าความต้องการน้ำดื่มของ 1.2 ล้านคนต่อปี คาดว่าภายในปี 2030 ศูนย์ข้อมูล AI อาจใช้ไฟมากกว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศ 🛠️ ความท้าทายด้านความร้อน ความร้อนสูงเกินไปทำให้ประสิทธิภาพลดลง อายุฮาร์ดแวร์สั้นลง และระบบไม่เสถียร การระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิมไม่เพียงพอต่อความร้อนจาก AI สมัยใหม่ และระบบทำความเย็นใช้พลังงานสูง ตัวอย่างการใช้พลังงาน GPU ในอนาคต: - ปี 2025 (Blackwell Ultra): 1,400W, ใช้การระบายความร้อนแบบ Direct-to-Chip - ปี 2027 (Rubin Ultra): 3,600W, ใช้ Direct-to-Chip - ปี 2029 (Feynman Ultra): 6,000W, ใช้ Immersion Cooling - ปี 2032: 15,360W, ใช้ Embedded Cooling 🌱 นวัตกรรมเพื่อ AI ที่ยั่งยืน 💧 การระบายความร้อนที่ชาญฉลาด - การระบายความร้อนด้วยของLikely ResponseHed: มีประสิทธิภาพสูงกว่าอากาศ 3000 เท่า ใช้ในระบบ Direct-to-Chip และ Immersion Cooling - ระบบ HVAC ขั้นสูง: ใช้การระบายความร้อนแบบระเหยและท่อความร้อน ลดการใช้พลังงานและน้ำ - ตัวชี้วัด TUE: วัดประสิทธิภาพพลังงานโดยรวมของศูนย์ข้อมูล 🖥️ การออกแบบ AI ที่ประหยัดพลังงาน - การตัดแต่งโมเดล/ควอนไทซ์: ลดขนาดโมเดลและพลังงานที่ใช้ - การกลั่นความรู้: ถ่ายทอดความรู้สู่โมเดลขนาดเล็ก - ชิปประหยัดพลังงาน: เช่น TPUs และ NPUs - AI จัดการพลังงาน: ใช้ AI วิเคราะห์และลดการใช้พลังงานในโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ - Edge Computing: ลดการส่งข้อมูลไปยังคลาวด์ ☀️ พลังงานหมุนเวียน ศูนย์ข้อมูลเปลี่ยนไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และน้ำ รวมถึงนวัตกรรมอย่างการระบายความร้อนด้วยน้ำทะเลและพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Dispatchable 🤝 ความรับผิดชอบร่วมกัน 📊 ความโปร่งใสของบริษัท AI บริษัทควรเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและรอยเท้าคาร์บอน เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบ 📜 นโยบายและกฎระเบียบ รัฐบาลทั่วโลกผลักดันนโยบาย Green AI เช่น กฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป เพื่อความยั่งยืน 🧑‍💻 บทบาทของนักพัฒนาและผู้ใช้ - นักพัฒนา: เลือกโมเดลและฮาร์ดแวร์ประหยัดพลังงาน ใช้เครื่องมือติดตามคาร์บอน - ผู้ใช้: ตระหนักถึงการใช้พลังงานของ AI และสนับสนุนบริษัทที่ยั่งยืน 🌟 บทสรุป: วิสัยทัศน์ Green AI AI มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงโลก แต่ต้องจัดการกับการใช้พลังงานและความร้อนที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ด้วยนวัตกรรมการระบายความร้อน การออกแบบ AI ที่ประหยัดพลังงาน และพลังงานหมุนเวียน รวมถึงความโปร่งใสและนโยบายที่เหมาะสม เราสามารถสร้างอนาคต AI ที่ยั่งยืน โดยไม่ต้องเลือกว่าจะพัฒนา AI หรือรักษาสภาพภูมิอากาศ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    1 Comments 0 Shares 449 Views 0 Reviews
  • ตามที่เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงบริเวณแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) มีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้กับราชอาณาจักรกัมพูชาจำนวน 8 จุดซื้อขายไฟฟ้านั้น สถานะปัจจุบัน (26 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น.) PEA ยังมิได้ดำเนินการงดจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ราชอาณาจักรกัมพูชาแต่อย่างใด ทั้งนี้จากข้อมูล
    การตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าตามจุดซื้อขายทั้ง 8 จุด นั้น ราชอาณาจักรกัมพูชา มิได้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจาก PEA โดยมีหน่วยการใช้ไฟฟ้าเป็น 0 ทั้ง 8 จุดซื้อขายไฟฟ้า ดังนี้

    1.เทศบาลบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว → อำเภอปอยเปตจังหวัดบันเตียเมียนเจย วงจรที่ 1 และ วงจรที่ 2
    2. อำเภอกาบเชิง (ช่องจอม) จังหวัดสุรินทร์ → บ้านโอเสม็ด จังหวัดอุดรมีชัย
    3. บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด → บ้านหาดทรายยาว จังหวัดเกาะกง
    4. บ้านซับตารี อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี → อำเภอพนมปรึก จังหวัดพระตะบอง
    5. บ้านสวนส้ม อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี → บ้านโอลั๊ว อำเภอกร็อมเรียง จังหวัดพระตะบอง
    6. บ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว → อำเภอสำเภาลูน จังหวัดพระตะบอง
    7. บ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี → อำเภอกร็อมเรียง จังหวัดพระตะบอง
    8. บ้านหนองปรือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว → อำเภอมาลัย จังหวัดบันเตียเมียนเจย

    สำหรับเงื่อนไขการงดจำหน่ายไฟฟ้าและยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้า PEA สามารถดำเนินการได้ดังนี้
    1. คู่สัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือตัวแทนรัฐ (สถานทูตกัมพูชา รัฐกัมพูชา) ทำหนังสือขอยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและงดจำหน่ายไฟฟ้า
    2. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีหนังสือแจ้ง PEAให้ดำเนินการงดจำหน่ายไฟฟ้าและยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
    3. ไม่ดำเนินการตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เช่น ไม่ชำระค่าไฟฟ้าภายในเวลาที่กำหนด หรือ หลักประกันการใช้ไฟฟ้าไม่ครบถ้วน เป็นต้น
    ตามที่เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงบริเวณแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) มีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้กับราชอาณาจักรกัมพูชาจำนวน 8 จุดซื้อขายไฟฟ้านั้น สถานะปัจจุบัน (26 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น.) PEA ยังมิได้ดำเนินการงดจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ราชอาณาจักรกัมพูชาแต่อย่างใด ทั้งนี้จากข้อมูล การตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าตามจุดซื้อขายทั้ง 8 จุด นั้น ราชอาณาจักรกัมพูชา มิได้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจาก PEA โดยมีหน่วยการใช้ไฟฟ้าเป็น 0 ทั้ง 8 จุดซื้อขายไฟฟ้า ดังนี้ 1.เทศบาลบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว → อำเภอปอยเปตจังหวัดบันเตียเมียนเจย วงจรที่ 1 และ วงจรที่ 2 2. อำเภอกาบเชิง (ช่องจอม) จังหวัดสุรินทร์ → บ้านโอเสม็ด จังหวัดอุดรมีชัย 3. บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด → บ้านหาดทรายยาว จังหวัดเกาะกง 4. บ้านซับตารี อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี → อำเภอพนมปรึก จังหวัดพระตะบอง 5. บ้านสวนส้ม อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี → บ้านโอลั๊ว อำเภอกร็อมเรียง จังหวัดพระตะบอง 6. บ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว → อำเภอสำเภาลูน จังหวัดพระตะบอง 7. บ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี → อำเภอกร็อมเรียง จังหวัดพระตะบอง 8. บ้านหนองปรือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว → อำเภอมาลัย จังหวัดบันเตียเมียนเจย สำหรับเงื่อนไขการงดจำหน่ายไฟฟ้าและยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้า PEA สามารถดำเนินการได้ดังนี้ 1. คู่สัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือตัวแทนรัฐ (สถานทูตกัมพูชา รัฐกัมพูชา) ทำหนังสือขอยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและงดจำหน่ายไฟฟ้า 2. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีหนังสือแจ้ง PEAให้ดำเนินการงดจำหน่ายไฟฟ้าและยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 3. ไม่ดำเนินการตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เช่น ไม่ชำระค่าไฟฟ้าภายในเวลาที่กำหนด หรือ หลักประกันการใช้ไฟฟ้าไม่ครบถ้วน เป็นต้น
    0 Comments 0 Shares 486 Views 0 Reviews
  • ..ใครคงสังเกตุเห็นชัดในข่าวว่าโทนี่ใส่ปลอกคอว่าเป็นการไม่สบายที่คอนะ,กูรูบางคนสายใต้ดินบอกว่าโทนี่ตัวจริงไม่มีแล้ว,ที่เห็นคือตัวปลอม,ตัวโคลนหรือหุ่นยนต์ก็ได้หมด ส่วนใครอยู่เบื้องหลังให้เข้ามาทำภารกิจอะไรก็ไม่รู้,คลิปนี้มันสามารถทำเป็นคนไหนก็ได้จริงๆล่ะยิ่งแค่ถ่ายทำออกสื่อผ่านโชเซียบคลิปวีดีโอต่างๆอีก,ในต่างประเทศเล่นกันแบบไม่แคร์ประชาชนเลยในผู้นำต่างๆคงเห็นว่าประชาชนเขาคือวัวคือควายมั้งจึงกะจะหลอกลวงประชาชนง่ายๆผ่านสื่อได้,พวกหุ่นยนต์มันวิวัฒนาการไปไกลมาก,ปะปนในชนชั้นปกครองและโดยเฉพาะพวกกิจการบริษัทใหญ่ๆแต่ละประเทศนั้นๆหมดแล้ว,เพราะระบบทาสตังคือกลไกสำคัญควบคุมวิถีโลก,ขาดตังขาดเงินไปวัดแน่นอน,เช่นอเมริการหนี้กว่า36-37ล้านล้านเหรียญ,ญี่ปุ่นก็จะล่มละลายแหล่ไม่ละลายแหล่ในตอนนี้ก็เพราะกลไกตังทั้งนั้น ตลาดหุ้นก็ปั่นหาตัง,ป่วนกระแสสงครามใครเก็งส่วนต่างซื้อนั้นนี้ไว้กำไรตรึมล่ะ,แบบโทนี่เล่นค่าเงินจนร่ำรวยนั้นล่ะบนหายนะคนทั้งชาติ,ระเบิดEMPอาจสามารถทำลายระบบกลไกอิเล็กทรอนิกส์หุ่นยนต์ได้จริงๆก็ได้,พวกมันใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนตนเอง,มนุษย์ไม่ได้รับผลกระทบอะไร,นี้ไม่รวมตัวเหี้ยต่างๆที่เต็มโลกนี้ด้วยเลย,กล่าวแค่พวกหุ่นยนต์แค่นั้น.,และพวกมันกำลังผลักดันให้ชาวโลกไปสู่การเล่นในเกมส์ของมันที่ชำนาญและควบคุมได้ในกระดานของมัน,เช่นตังดิจิดัลอิเล็กทรอนิกส์คริปโตฯโทเคนต่างๆตลอดสินทรัพย์ดิจิดัลด้วย,ฟอกตังก็ง่าย,ชงเข้าระบบตีค่าปั่นตัวเลขก็ง่ายอีก,ค้ำประกันทองคำคือข้ออ้าง ตาไทบ้านประชาชนจะมีปัญญาไปรู้เห็นอะไรจริงตรวจสอบตลอดเวลาไม่เคลื่อนย้ายได้,สมมุติอ้างว่าโลกสะพัดตังดิจิดัลทั่วโลกคือ1,000ล้านล้านเหรียญตังดิจิดัลต่อวัน,ทองคำค้ำๆอาจกำลังเดินทางออกนอกโลกผ่านประตูมิติหลายๆที่ทั่วโลกก็ได้แบบทองคำเดินทางไปแล้วไม่ยอมกลับมาที่โลกอีกเลย,หรือเผาต่างดาวหนึ่งใช้ทองคำเผาสร้างโลกมันนั้นล่ะหากบรรยากาศโลกมันที่เอาทองคำไปสร้างบรรยากาศไม่สมดุลโลกมันจะตาย มนุษย์โลกมันจะตายหมด,จึงเดินทางไปทั่วจักรวาลอื่นๆไล่ล่าทองคำไปทั่ว,มาเจอโลกก็ขุดง่ายย้ายสะดวก,มายุคนี้จึงหามุก,สร้างตังดิจิดัลเพื่อรวบรวมทองคำง่ายๆก็ว่า.ส่งไปดาวมันโดยมีหุ่นยนต์เอไอล้ำสมัยคือกลไกมาลวงโลกให้สู่การควบคุมของมันง่ายขึ้นเพราะมันคือเจ้าของระบบก็ว่า.,ต่างดาวล้ำก็เราแน่นอนตลอดทางปัญญจิตด้วย.,เราเกิดมาโง่ทันที รู้อะไรล่ะ ต้องมาเข้าโรงเรียนมาเรียนให้หายโง่อีก,พวกมันอาจเกิดทันทีฉลาดทันทีเลยไอคิวเกินพันอัพตั้งแต่เด็กหรือโหลดข้อมูลใส่สมองทันทีก็ว่าอาจชนิดบันทึกใส่dnaแล้วประมวลตามทันใจให้ผลใดๆที่ต้องการเห็นค่าเกิดขึ้นตามต้องการได้ถอดรหัสdnaควอนตัมฉลาดทันทีก็ว่าที่ต้องการจะรู้อะไรใดๆ,เทียบคนบนโลกเราโง่บรมเลยล่ะ..
    ..ประเทศไทยสมควรเปลี่ยนแปลงจริงๆ,ผู้นำการปกครองในเวลานี้ต้องถีบออกทันที,ยุคสมัยเดิมๆต้องเปลี่ยนไป,คือยุคที่มืดบอดก็ว่า,โลกใบนี้ต้องเปิดรับอารยะธรรมดีๆจากทั่วจักรวาลได้แล้วจริงๆ อารยะธรรมไม่ดีต้องถูกย้ายออกจากดาวโลกเราใบนี้ทันที,ยานแม่มาดูดคนพวกนี้ไปดาวอื่นที่ระดับจิตเหี้ยเท่ากันก็ต้องดูดไปจริงๆ.

    เทคโนโลยีหุ่นยนต์นั้นก้าวหน้ากว่าที่เราคิดมาก

    พวกมันแสร้งทำเป็นว่าทำการวิจัย แต่สิ่งที่พวกมันทำคือเบี่ยงเบนความสนใจของมนุษยชาติจากความเป็นจริง นอกจากโคลนและลูกผสมแล้ว เรายังพบหุ่นยนต์ในระดับการตัดสินใจทางการเมืองและเศรษฐกิจอีกด้วย พวกมันอนุมัติการตัดสินใจ และเราสงสัยว่าทำไมโลกของเราถึงเป็นแบบนี้ คนที่เป็นวิญญาณจะไม่ทำตามเลย

    สิ่งที่คุณต้องการก็คือหัวที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์และผิวหนังเทียมที่ทำจากลาเท็กซ์ที่ปกคลุมหัวและลำตัวเท่านั้นเอง

    ปัจจุบันมีหุ่นยนต์ AI ที่ซับซ้อนซึ่งสามารถพูด วิ่ง เลือดออก และแทบจะเหมือนกับมนุษย์ทุกประการทั้งภายนอกและภายใน (อีลอน มัสก์)

    ยกเว้นว่าพวกมันไม่มีวิญญาณและไม่มีจิตสำนึก พวกมันทำทุกอย่างไม่ว่าจะได้รับคำสั่งอะไร และไม่มีใครต้องจ่ายเงินให้พวกมัน
    คุณเห็นพวกเขาทางทีวีหรือเดินผ่านไปอีกฝั่งถนนแต่คุณไม่ได้สังเกตเห็น‌‌

    - รอน วิลสัน
    ..ใครคงสังเกตุเห็นชัดในข่าวว่าโทนี่ใส่ปลอกคอว่าเป็นการไม่สบายที่คอนะ,กูรูบางคนสายใต้ดินบอกว่าโทนี่ตัวจริงไม่มีแล้ว,ที่เห็นคือตัวปลอม,ตัวโคลนหรือหุ่นยนต์ก็ได้หมด ส่วนใครอยู่เบื้องหลังให้เข้ามาทำภารกิจอะไรก็ไม่รู้,คลิปนี้มันสามารถทำเป็นคนไหนก็ได้จริงๆล่ะยิ่งแค่ถ่ายทำออกสื่อผ่านโชเซียบคลิปวีดีโอต่างๆอีก,ในต่างประเทศเล่นกันแบบไม่แคร์ประชาชนเลยในผู้นำต่างๆคงเห็นว่าประชาชนเขาคือวัวคือควายมั้งจึงกะจะหลอกลวงประชาชนง่ายๆผ่านสื่อได้,พวกหุ่นยนต์มันวิวัฒนาการไปไกลมาก,ปะปนในชนชั้นปกครองและโดยเฉพาะพวกกิจการบริษัทใหญ่ๆแต่ละประเทศนั้นๆหมดแล้ว,เพราะระบบทาสตังคือกลไกสำคัญควบคุมวิถีโลก,ขาดตังขาดเงินไปวัดแน่นอน,เช่นอเมริการหนี้กว่า36-37ล้านล้านเหรียญ,ญี่ปุ่นก็จะล่มละลายแหล่ไม่ละลายแหล่ในตอนนี้ก็เพราะกลไกตังทั้งนั้น ตลาดหุ้นก็ปั่นหาตัง,ป่วนกระแสสงครามใครเก็งส่วนต่างซื้อนั้นนี้ไว้กำไรตรึมล่ะ,แบบโทนี่เล่นค่าเงินจนร่ำรวยนั้นล่ะบนหายนะคนทั้งชาติ,ระเบิดEMPอาจสามารถทำลายระบบกลไกอิเล็กทรอนิกส์หุ่นยนต์ได้จริงๆก็ได้,พวกมันใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนตนเอง,มนุษย์ไม่ได้รับผลกระทบอะไร,นี้ไม่รวมตัวเหี้ยต่างๆที่เต็มโลกนี้ด้วยเลย,กล่าวแค่พวกหุ่นยนต์แค่นั้น.,และพวกมันกำลังผลักดันให้ชาวโลกไปสู่การเล่นในเกมส์ของมันที่ชำนาญและควบคุมได้ในกระดานของมัน,เช่นตังดิจิดัลอิเล็กทรอนิกส์คริปโตฯโทเคนต่างๆตลอดสินทรัพย์ดิจิดัลด้วย,ฟอกตังก็ง่าย,ชงเข้าระบบตีค่าปั่นตัวเลขก็ง่ายอีก,ค้ำประกันทองคำคือข้ออ้าง ตาไทบ้านประชาชนจะมีปัญญาไปรู้เห็นอะไรจริงตรวจสอบตลอดเวลาไม่เคลื่อนย้ายได้,สมมุติอ้างว่าโลกสะพัดตังดิจิดัลทั่วโลกคือ1,000ล้านล้านเหรียญตังดิจิดัลต่อวัน,ทองคำค้ำๆอาจกำลังเดินทางออกนอกโลกผ่านประตูมิติหลายๆที่ทั่วโลกก็ได้แบบทองคำเดินทางไปแล้วไม่ยอมกลับมาที่โลกอีกเลย,หรือเผาต่างดาวหนึ่งใช้ทองคำเผาสร้างโลกมันนั้นล่ะหากบรรยากาศโลกมันที่เอาทองคำไปสร้างบรรยากาศไม่สมดุลโลกมันจะตาย มนุษย์โลกมันจะตายหมด,จึงเดินทางไปทั่วจักรวาลอื่นๆไล่ล่าทองคำไปทั่ว,มาเจอโลกก็ขุดง่ายย้ายสะดวก,มายุคนี้จึงหามุก,สร้างตังดิจิดัลเพื่อรวบรวมทองคำง่ายๆก็ว่า.ส่งไปดาวมันโดยมีหุ่นยนต์เอไอล้ำสมัยคือกลไกมาลวงโลกให้สู่การควบคุมของมันง่ายขึ้นเพราะมันคือเจ้าของระบบก็ว่า.,ต่างดาวล้ำก็เราแน่นอนตลอดทางปัญญจิตด้วย.,เราเกิดมาโง่ทันที รู้อะไรล่ะ ต้องมาเข้าโรงเรียนมาเรียนให้หายโง่อีก,พวกมันอาจเกิดทันทีฉลาดทันทีเลยไอคิวเกินพันอัพตั้งแต่เด็กหรือโหลดข้อมูลใส่สมองทันทีก็ว่าอาจชนิดบันทึกใส่dnaแล้วประมวลตามทันใจให้ผลใดๆที่ต้องการเห็นค่าเกิดขึ้นตามต้องการได้ถอดรหัสdnaควอนตัมฉลาดทันทีก็ว่าที่ต้องการจะรู้อะไรใดๆ,เทียบคนบนโลกเราโง่บรมเลยล่ะ.. ..ประเทศไทยสมควรเปลี่ยนแปลงจริงๆ,ผู้นำการปกครองในเวลานี้ต้องถีบออกทันที,ยุคสมัยเดิมๆต้องเปลี่ยนไป,คือยุคที่มืดบอดก็ว่า,โลกใบนี้ต้องเปิดรับอารยะธรรมดีๆจากทั่วจักรวาลได้แล้วจริงๆ อารยะธรรมไม่ดีต้องถูกย้ายออกจากดาวโลกเราใบนี้ทันที,ยานแม่มาดูดคนพวกนี้ไปดาวอื่นที่ระดับจิตเหี้ยเท่ากันก็ต้องดูดไปจริงๆ. เทคโนโลยีหุ่นยนต์นั้นก้าวหน้ากว่าที่เราคิดมาก พวกมันแสร้งทำเป็นว่าทำการวิจัย แต่สิ่งที่พวกมันทำคือเบี่ยงเบนความสนใจของมนุษยชาติจากความเป็นจริง นอกจากโคลนและลูกผสมแล้ว เรายังพบหุ่นยนต์ในระดับการตัดสินใจทางการเมืองและเศรษฐกิจอีกด้วย พวกมันอนุมัติการตัดสินใจ และเราสงสัยว่าทำไมโลกของเราถึงเป็นแบบนี้ คนที่เป็นวิญญาณจะไม่ทำตามเลย สิ่งที่คุณต้องการก็คือหัวที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์และผิวหนังเทียมที่ทำจากลาเท็กซ์ที่ปกคลุมหัวและลำตัวเท่านั้นเอง ปัจจุบันมีหุ่นยนต์ AI ที่ซับซ้อนซึ่งสามารถพูด วิ่ง เลือดออก และแทบจะเหมือนกับมนุษย์ทุกประการทั้งภายนอกและภายใน (อีลอน มัสก์) ยกเว้นว่าพวกมันไม่มีวิญญาณและไม่มีจิตสำนึก พวกมันทำทุกอย่างไม่ว่าจะได้รับคำสั่งอะไร และไม่มีใครต้องจ่ายเงินให้พวกมัน คุณเห็นพวกเขาทางทีวีหรือเดินผ่านไปอีกฝั่งถนนแต่คุณไม่ได้สังเกตเห็น‌‌ - รอน วิลสัน
    0 Comments 0 Shares 490 Views 0 0 Reviews
  • ปลุกระดม ผนึกกำลังกัน #ดารา #ตลก #ศิลปินนักร้อง #นักแสดง #นักกีฬา #สมาคมทางการแพทย์ #ทหารทุกเหล่าทัพ #ตำรวจทุกหน่วยงาน แจ้งให้ทุกหน่วยงาน เทศบาล นายกเทศมนตรี เขตเทศบาล ทุกเขต ปลุกระดม กำลังพล พวกประชาชน แม่ค้า แม่ขาย นักเรียน นักศึกษา ออก มา ยันเอา ตัว ไอ้เจ๊ก กบฎ ไอ้จัญไร โทนี่ หรือ ไอ้แม้ว ต้นตระกูล จีน แซ่คู ไอ้เจ้าสำนัก อั้งยี่ ที่เคยมีการกวาดล้างกันไปแล้วนะครับในยุคสมัยโน้นๆๆ #เสธแดง (พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล)ถูกรอบสังหาร เป็น มือ ปืน เดียวกันกับที่ ยิง ถล่ม #ลุงสนธิ_ลิ้มทองกุล นั่นแหละครับ หน่วยรบ พิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ที่ จะ.ลพบุรี (รวมถึงสาเหตุการล้มของ #เชื้อชาติ ลูกหลานเตี่ย #นาย_เล็ก_วรรณวัฒน์ #BMWตัวแรกๆรุ่นรถยนต์ สีดำ ที่ อยู่ใน จังหวัด ลพบุรี เสียชีวิตลง แล้ว MOU ไอ้ทักษิณ ก็ก้าว ขึ้นมาเป็น นายก รัฐมนตรี ในปี 43-44 ไม่แน่ใจ แล้วการที่มันขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พอมี อำนาจ ปุ้บ มันก็ได้ แต่งตั้งสนับสนุน พรรคพวกของมันขึ้นมากัน ใน ตำแหน่ง นั้น ตำแหน่งนี้ ตั้งมากมาย ในแต่ละยุค แต่ละรุ่น ของคน ตระกูลชินวัตร ที่ก้าว ขึ้นมาเป็นผู้นำ เป็น นายก รัฐมนตรี มันก็จะ ฉุดดึง พรรคพวก ของมัน ขึ้นมากัน เยอะแยะ มากมาย ทุกช่วง ทุกยุค สมัย และก็เป็นฝ่ายที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ แก่ ผู้ที่ ก่อเหตุยิง ลุง สนธิ ลิ้มทองกุล และ เสธแดง ด้วย เพราะว่าในช่วงที่มัน เป็น นายกรัฐมนตรี อยู่นั้น ก็มีอำนาจ อยู่ ถูกไหมล่ะครับ จน หน่วยรบพิเศษ ที่ ก่อ เหตุ ยิง พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ แดง ที่ มีการรอบ สังหาร เป็นมือปืน ชุดเดียวกันกับที่ ลุงสนธิลิ้มทองกุล โดน นั่น แหละใช่ อุดมศักดิ์ เชื้อชาติ ลูก หลานเตี่ย หนึ่งในกิตติมศักดิ์ ที่มีหน้าที่ อะไร ที่ เป็น อะไรที่สำคัญมาก ในการปกครองของประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนอะ ขาด เชื้อ ชาติ ราชสีห์ กิตติมศักดิ์ ในระบบ เกมส์ การเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เชื้อ ล้ม ลง เมื่อไหร่ ก็ ต้อง แยกย้าย กันกระจายตัวกันออก ไป กันให้ไวเลยครับจำไว้เลย #ขันที #อำมาตยาธิปไตย #ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม #เขตอุดมศักดิ์ ลูกหลานเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร จะมีอำนาจมากหรือเปล่าครับคุณลุงสนธิ ครับ เรียนรุ่นพี่ รุ่นใหญ่ มากัน #เสรีพิศุทธิ #บิ๊กป้อม #บิ๊กตู่ #ม.112 #มหิดล #วชิราลงกรณ์ ผู้ที่สั่งการให้ ล้อมสังหาร เสธแดง และ ลุงสนธิ คือ ทักษิณ ชินวัตร กระทั่ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับ เชื้อชาติราชสีห์ ลูกหลานเตี่ย นั้น ล้มลง คนที่อยู่เบื้องหลัง ที่เดินเกมรุกไล่ ล่า ฆ่าผม และ บรรดา เครือญาติพี่น้องของผม ไอ้ทักษิณ มัน สวมรอยเข้ามาโกงกิน ชาติ ใน ขณะ ที่ เป็นนายกรัฐมนตรีและ มีอำนาจ อยู่ในมือ มัน คิด ว่า มันแน่ แล้วหรือ การที่เรียนมารุ่นใหญ่กว่า ท่าน เสรี และ ลุงสนธิ กว่าใครพวก ก็จริง นะครับ แต่ ไอ้เจ๊กหลีตระกูล แซ่คู ที่เป็น กก ของ ไอ้พวก อั้งยี่ กลุ่ม ตัวการใหญ่ ที่ มีการกวาดเก็บ กัน ไปบ้างแล้วนะครับ ใน ยุค สมัยหนึ่ง รัชกาลที่7ถึงอยู่ไม่ได้ ยังต้อง สละราชบัลลังก์ ไปอยู่ต่างประเทศเลยครับ เพราะ ไอ้เจ๊กจีน ตระกูล แซ่คู ก็คือ ตระกูล ชินวัตร ไอ้แม้ว เนี่ยแหละ ไอ้จัญไร เดี๋ยวต้องใช้ ระบบ ปฏิบัติการณ์ ประวัติ ปฏิรูป ระบบ ใช้ รัฐประหาร แล้วล่ะครับ ไม่อย่างนั้น เอากัน ไม่อยู่จริงๆ นะครับ (เรื่องแกงค์มิฉาชีพจีนเทา คอลเซ็นเตอร์ อะไรมันไม่ใช่ปัญหาเลยครับ แก้ไม่หาญ หาญกวาดล้าง ปราบปราม ไม่หมดไม่ได้ หรอกครับ เพราะว่า ระบบ ที่มีการ แทรกแซง การทำงานของหน่วยงานราชการ ที่ เจอ ปัญหา กัน อยู่ทุกวันนี้เนี่ย ก็ ลูกพี่ ลูกน้องของ ผม เป็นผู้ควบคุมระบบ อินเตอร์เน็ต และ เว็บไซต์ Windows google AI Apple TikTok WhatsApp number IG Facebook messenger อะไร พวกนี้ อยู่ เข้าใจนะครับ สภาวะ ตำรวจ ไซเบอร์ ยังโดน หลอก ได้ก็ คิดดูเถอะครับลุง มันจะไม่ได้ อย่างไรกันล่ะครับ องค์กรใหญ่ ที่ สหรัฐอเมริกา และ ในแต่ละประเทศ นั้น เป็นทาง ลูกพี่ลูกน้องของ อุดมศักดิ์ ทั้งนั้นแหละครับ ที่ เป็นใหญ่กันอยู่ เป็นผู้ก่อตั้งและสนับสนุน ฝ่ายพวกผู้นำในแต่ละประเทศกันอยู่นะครับ เพราะว่ามัน จะต้องมี หลัก ที่ เป็นสิ่งที่สำคัญ ยึดมั่น ในการ ปกครอง แบบผู้นำ ที่มีความสำคัญ ในการปกครอง และ เขตอุดมศักดิ์ เสด็จเตี่ย เป็นลูกเต้า เหล่าใครล่ะครับ ไล่เช็ค,ประวัติ หน่อยสิ เออ เบอร์ 5 ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ใช่หรือเปล่าครับ แล้วมี กี่เมีย มเหสี ที่ มีลงประวัติ จารึกไว้ เท่าไหร่ในยุค ปี พ.ศ.อะไร แล้วทุกวันนี้ พ.ศ. อะไรแล้วครับ คิดดูสิครับว่า ลูกพี่ลูกน้องของ อุดมศักดิ์ จะมีมาก น้อย แค่ไหน กันครับ แล้วก็มากไปด้วยเงินทองเกินกว่าใครในโลกนี้ ที่ว่ามีลงประวัติของโลกที่มีทรัพย์สินสมบัติที่ขึ้น แท่น จัดว่า รวยเป็น ระดับ ที่1ของโลก แต่เอาจริงๆนะครับ ถ้าว่ากันจริงๆแล้วเนี่ย ทางฝ่าย ญาติพี่น้องของเรากัน ที่มีกันอยู่ และประกอบกับทุระกิจ รวบรวมทรัพย์สินเงินทอง มรดกสมบัติ รวมกันแล้วเนี่ย ต้นตระกูล ของพวกเรากัน นั้นมีมากเกินกว่าใครในโลกนี้เลยก็ว่าได้จริงๆ นะครับ แต่ มันก็เป็นอย่างว่าแหละครับ ทางลูกพี่ลูกน้องของเรากัน เขาอยู่เป็นกัน เอาจริงๆนะ เขาก็จะมีชีวิตการเป็นอยู่อย่าง คนธรรมดาทั่วไป อย่างเรากันนี่แหละ อยู่แบบ ตาสี ยายสา แต่ไม่ ธรรมดา เป็นอะไรที่มากมาย อย่าให้ เอ๋ย สรรพคุณ เลย เลือดข้นคนจาง ตายเกลื่อนเลย ไม่มีทางที่จะมีผู้ใดล่วงรู้ความจริงที่หลี้ลับ ซับซ้อน ซ่อน เงื่อน สับสน ผู้คนบนโลก ถึงกับ อนละมาด ว้าวุ่น กันไปหมด ไม่มีใครที่จะมาใหญ่เกินไปกว่าของเรากันนั้น ไม่มีหรอกนะครับ แต่เขาอยู่กันเป็น ไม่มีใครที่จะรู้ กระทั่ง ประวัติ ที่จะสืบสาว ราวเรื่อง หรือว่าค้นหา ข้อมูล อย่างทาง เผ่าพันธุ์ได้เลย ว่ามีอยู่ส่วนไหน มุมไหน ประเทศอะไร ชื่อแซ่ อะไรกันบ้าง ไม่ได้เลย ไม่มีเลยที่จะล่วงรู้ ข้อมูล ของ พวกเราได้ เอาจริงๆ ก็จะมี แต่ความตาย เท่านั้นแหละ ที่ ควรจะต้องจะรู้ รู้แจ้ง เห็นจริง ตายจริง ตายเกลื่อนเมืองเลยด้วยล่ะ
    ปลุกระดม ผนึกกำลังกัน #ดารา #ตลก #ศิลปินนักร้อง #นักแสดง #นักกีฬา #สมาคมทางการแพทย์ #ทหารทุกเหล่าทัพ #ตำรวจทุกหน่วยงาน แจ้งให้ทุกหน่วยงาน เทศบาล นายกเทศมนตรี เขตเทศบาล ทุกเขต ปลุกระดม กำลังพล พวกประชาชน แม่ค้า แม่ขาย นักเรียน นักศึกษา ออก มา ยันเอา ตัว ไอ้เจ๊ก กบฎ ไอ้จัญไร โทนี่ หรือ ไอ้แม้ว ต้นตระกูล จีน แซ่คู ไอ้เจ้าสำนัก อั้งยี่ ที่เคยมีการกวาดล้างกันไปแล้วนะครับในยุคสมัยโน้นๆๆ #เสธแดง (พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล)ถูกรอบสังหาร เป็น มือ ปืน เดียวกันกับที่ ยิง ถล่ม #ลุงสนธิ_ลิ้มทองกุล นั่นแหละครับ หน่วยรบ พิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ที่ จะ.ลพบุรี (รวมถึงสาเหตุการล้มของ #เชื้อชาติ ลูกหลานเตี่ย #นาย_เล็ก_วรรณวัฒน์ #BMWตัวแรกๆรุ่นรถยนต์ สีดำ ที่ อยู่ใน จังหวัด ลพบุรี เสียชีวิตลง แล้ว MOU ไอ้ทักษิณ ก็ก้าว ขึ้นมาเป็น นายก รัฐมนตรี ในปี 43-44 ไม่แน่ใจ แล้วการที่มันขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พอมี อำนาจ ปุ้บ มันก็ได้ แต่งตั้งสนับสนุน พรรคพวกของมันขึ้นมากัน ใน ตำแหน่ง นั้น ตำแหน่งนี้ ตั้งมากมาย ในแต่ละยุค แต่ละรุ่น ของคน ตระกูลชินวัตร ที่ก้าว ขึ้นมาเป็นผู้นำ เป็น นายก รัฐมนตรี มันก็จะ ฉุดดึง พรรคพวก ของมัน ขึ้นมากัน เยอะแยะ มากมาย ทุกช่วง ทุกยุค สมัย และก็เป็นฝ่ายที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ แก่ ผู้ที่ ก่อเหตุยิง ลุง สนธิ ลิ้มทองกุล และ เสธแดง ด้วย เพราะว่าในช่วงที่มัน เป็น นายกรัฐมนตรี อยู่นั้น ก็มีอำนาจ อยู่ ถูกไหมล่ะครับ จน หน่วยรบพิเศษ ที่ ก่อ เหตุ ยิง พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ แดง ที่ มีการรอบ สังหาร เป็นมือปืน ชุดเดียวกันกับที่ ลุงสนธิลิ้มทองกุล โดน นั่น แหละใช่ อุดมศักดิ์ เชื้อชาติ ลูก หลานเตี่ย หนึ่งในกิตติมศักดิ์ ที่มีหน้าที่ อะไร ที่ เป็น อะไรที่สำคัญมาก ในการปกครองของประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนอะ ขาด เชื้อ ชาติ ราชสีห์ กิตติมศักดิ์ ในระบบ เกมส์ การเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เชื้อ ล้ม ลง เมื่อไหร่ ก็ ต้อง แยกย้าย กันกระจายตัวกันออก ไป กันให้ไวเลยครับจำไว้เลย #ขันที #อำมาตยาธิปไตย #ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม #เขตอุดมศักดิ์ 👈ลูกหลานเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร จะมีอำนาจมากหรือเปล่าครับคุณลุงสนธิ ครับ เรียนรุ่นพี่ รุ่นใหญ่ มากัน #เสรีพิศุทธิ #บิ๊กป้อม #บิ๊กตู่ #ม.112 #มหิดล #วชิราลงกรณ์ ผู้ที่สั่งการให้ ล้อมสังหาร เสธแดง และ ลุงสนธิ คือ ทักษิณ ชินวัตร กระทั่ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับ เชื้อชาติราชสีห์ ลูกหลานเตี่ย นั้น ล้มลง คนที่อยู่เบื้องหลัง ที่เดินเกมรุกไล่ ล่า ฆ่าผม และ บรรดา เครือญาติพี่น้องของผม ไอ้ทักษิณ มัน สวมรอยเข้ามาโกงกิน ชาติ ใน ขณะ ที่ เป็นนายกรัฐมนตรีและ มีอำนาจ อยู่ในมือ มัน คิด ว่า มันแน่ แล้วหรือ 🤣🤣 การที่เรียนมารุ่นใหญ่กว่า ท่าน เสรี และ ลุงสนธิ กว่าใครพวก ก็จริง นะครับ แต่ ไอ้เจ๊กหลีตระกูล แซ่คู ที่เป็น กก ของ ไอ้พวก อั้งยี่ กลุ่ม ตัวการใหญ่ ที่ มีการกวาดเก็บ กัน ไปบ้างแล้วนะครับ ใน ยุค สมัยหนึ่ง รัชกาลที่7👈ถึงอยู่ไม่ได้ ยังต้อง สละราชบัลลังก์ ไปอยู่ต่างประเทศเลยครับ เพราะ ไอ้เจ๊กจีน ตระกูล แซ่คู ก็คือ ตระกูล ชินวัตร ไอ้แม้ว เนี่ยแหละ ไอ้จัญไร เดี๋ยวต้องใช้ ระบบ ปฏิบัติการณ์ ประวัติ ปฏิรูป ระบบ ใช้ รัฐประหาร แล้วล่ะครับ ไม่อย่างนั้น เอากัน ไม่อยู่จริงๆ นะครับ (เรื่องแกงค์มิฉาชีพจีนเทา คอลเซ็นเตอร์ อะไรมันไม่ใช่ปัญหาเลยครับ แก้ไม่หาญ หาญกวาดล้าง ปราบปราม ไม่หมดไม่ได้ หรอกครับ เพราะว่า ระบบ ที่มีการ แทรกแซง การทำงานของหน่วยงานราชการ ที่ เจอ ปัญหา กัน อยู่ทุกวันนี้เนี่ย ก็ ลูกพี่ ลูกน้องของ ผม เป็นผู้ควบคุมระบบ อินเตอร์เน็ต และ เว็บไซต์ Windows google AI Apple 🍎 TikTok WhatsApp number IG Facebook messenger อะไร พวกนี้ อยู่ เข้าใจนะครับ 🤣🤣🤣 สภาวะ ตำรวจ ไซเบอร์ ยังโดน หลอก ได้ก็ คิดดูเถอะครับลุง 🤣🤣 มันจะไม่ได้ อย่างไรกันล่ะครับ🤣🤣🤣 องค์กรใหญ่ ที่ สหรัฐอเมริกา และ ในแต่ละประเทศ นั้น เป็นทาง ลูกพี่ลูกน้องของ อุดมศักดิ์ ทั้งนั้นแหละครับ ที่ เป็นใหญ่กันอยู่ เป็นผู้ก่อตั้งและสนับสนุน ฝ่ายพวกผู้นำในแต่ละประเทศกันอยู่นะครับ เพราะว่ามัน จะต้องมี หลัก ที่ เป็นสิ่งที่สำคัญ ยึดมั่น ในการ ปกครอง แบบผู้นำ ที่มีความสำคัญ ในการปกครอง และ เขตอุดมศักดิ์ เสด็จเตี่ย เป็นลูกเต้า เหล่าใครล่ะครับ ไล่เช็ค,ประวัติ หน่อยสิ เออ เบอร์ 5👈 ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ใช่หรือเปล่าครับ แล้วมี กี่เมีย มเหสี ที่ มีลงประวัติ จารึกไว้ เท่าไหร่ในยุค ปี พ.ศ.อะไร แล้วทุกวันนี้ พ.ศ. อะไรแล้วครับ🤣🤣🤣 คิดดูสิครับว่า ลูกพี่ลูกน้องของ อุดมศักดิ์ จะมีมาก น้อย แค่ไหน กันครับ แล้วก็มากไปด้วยเงินทองเกินกว่าใครในโลกนี้ ที่ว่ามีลงประวัติของโลกที่มีทรัพย์สินสมบัติที่ขึ้น แท่น จัดว่า รวยเป็น ระดับ ที่1ของโลก 🌍 แต่เอาจริงๆนะครับ ถ้าว่ากันจริงๆแล้วเนี่ย ทางฝ่าย ญาติพี่น้องของเรากัน ที่มีกันอยู่ และประกอบกับทุระกิจ รวบรวมทรัพย์สินเงินทอง มรดกสมบัติ รวมกันแล้วเนี่ย ต้นตระกูล ของพวกเรากัน นั้นมีมากเกินกว่าใครในโลกนี้เลยก็ว่าได้จริงๆ นะครับ แต่ มันก็เป็นอย่างว่าแหละครับ ทางลูกพี่ลูกน้องของเรากัน เขาอยู่เป็นกัน 😁เอาจริงๆนะ เขาก็จะมีชีวิตการเป็นอยู่อย่าง คนธรรมดาทั่วไป อย่างเรากันนี่แหละ อยู่แบบ ตาสี ยายสา แต่ไม่ ธรรมดา เป็นอะไรที่มากมาย อย่าให้ เอ๋ย สรรพคุณ เลย เลือดข้นคนจาง ตายเกลื่อนเลย🤭🤣🤣 ไม่มีทางที่จะมีผู้ใดล่วงรู้ความจริงที่หลี้ลับ ซับซ้อน ซ่อน เงื่อน สับสน ผู้คนบนโลก ถึงกับ อนละมาด ว้าวุ่น กันไปหมด ไม่มีใครที่จะมาใหญ่เกินไปกว่าของเรากันนั้น ไม่มีหรอกนะครับ แต่เขาอยู่กันเป็น ไม่มีใครที่จะรู้ กระทั่ง ประวัติ ที่จะสืบสาว ราวเรื่อง หรือว่าค้นหา ข้อมูล อย่างทาง เผ่าพันธุ์🐄⚓👈ได้เลย ว่ามีอยู่ส่วนไหน มุมไหน ประเทศอะไร ชื่อแซ่ อะไรกันบ้าง ไม่ได้เลย ไม่มีเลยที่จะล่วงรู้ ข้อมูล ของ พวกเราได้ เอาจริงๆ ก็จะมี แต่ความตาย เท่านั้นแหละ ที่ ควรจะต้องจะรู้ รู้แจ้ง เห็นจริง ตายจริง ตายเกลื่อนเมืองเลยด้วยล่ะ
    0 Comments 0 Shares 974 Views 0 Reviews
  • เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ

    แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี

    โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร

    สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน

    ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด

    #Newskit
    เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด #Newskit
    0 Comments 0 Shares 550 Views 0 Reviews
  • ..น่าอนาถผู้นำ&ผู้ปกครอง&ผู้มีอำนาจของประเทศไทยเรามากๆเสียของจริงๆไม่สามารถนำพาประชาชนคนไทยใต้ปกครองตนพ้นยากจนโดยมากได้,ร่ำรวยด้วยหนี้สิน อยากเรียนยังมีหนี้,ค้ารายได้ทำกำไรจากการค้าการเรียนของคนในประเทศไทยชาติตน,ผู้นำ&ผู้ปกครอง&ผู้มีอำนาจสถานะเช่นนีัจะเก็บไว้ทำซากมานำพาทำไมนะ,บ่อน้ำมันก็ยกให้ต่างชาติ,พลังงานไฟฟ้าค่ากำไรก็ยกให้เอกชนผูกขาดทำกำไรค้ากำไรกับประชาชนตน,ทำผิด ออกกฎหมายผิดก็ไม่ฉีกทิ้ง ไม่โมฆะทิ้งที่ทำให้ประชาชนยากจนและเดือดร้อนดำรงรักษากฎหมายกติกานั้นทำเหี้ยอะไรเมื่อก่อทุกข์แก่คนไทยตนทั้งประเทศ,กล้าหาญเก่งกาจสามารถไม่ขี้ขลาดไม่เขลาไม่โง่และฉลาดนักต่อการฉีกกฎหมายแม่บทของประเทศแบบรัฐธรรมนูญ.
    ..น่าอนาถผู้นำ&ผู้ปกครอง&ผู้มีอำนาจของประเทศไทยเรามากๆเสียของจริงๆไม่สามารถนำพาประชาชนคนไทยใต้ปกครองตนพ้นยากจนโดยมากได้,ร่ำรวยด้วยหนี้สิน อยากเรียนยังมีหนี้,ค้ารายได้ทำกำไรจากการค้าการเรียนของคนในประเทศไทยชาติตน,ผู้นำ&ผู้ปกครอง&ผู้มีอำนาจสถานะเช่นนีัจะเก็บไว้ทำซากมานำพาทำไมนะ,บ่อน้ำมันก็ยกให้ต่างชาติ,พลังงานไฟฟ้าค่ากำไรก็ยกให้เอกชนผูกขาดทำกำไรค้ากำไรกับประชาชนตน,ทำผิด ออกกฎหมายผิดก็ไม่ฉีกทิ้ง ไม่โมฆะทิ้งที่ทำให้ประชาชนยากจนและเดือดร้อนดำรงรักษากฎหมายกติกานั้นทำเหี้ยอะไรเมื่อก่อทุกข์แก่คนไทยตนทั้งประเทศ,กล้าหาญเก่งกาจสามารถไม่ขี้ขลาดไม่เขลาไม่โง่และฉลาดนักต่อการฉีกกฎหมายแม่บทของประเทศแบบรัฐธรรมนูญ.
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • ‘พีระพันธุ์’ เยือนลาว หารือพลังงานไฟฟ้า ลดต้นทุน-ไม่ผ่านตัวกลาง จับโป๊ะ ป.ป.ช. ส่งหมายโดยไม่ชอบ
    https://www.thai-tai.tv/news/18686/
    ‘พีระพันธุ์’ เยือนลาว หารือพลังงานไฟฟ้า ลดต้นทุน-ไม่ผ่านตัวกลาง จับโป๊ะ ป.ป.ช. ส่งหมายโดยไม่ชอบ https://www.thai-tai.tv/news/18686/
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • Microsoft กำลังผลักดันให้ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เร่งกระบวนการอนุมัติด้านพลังงานสำหรับ AI และ เปิดชุดข้อมูลของรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการฝึก AI โดย Brad Smith ประธาน Microsoft จะนำเสนอข้อเรียกร้องนี้ต่อ คณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านการพาณิชย์

    Smith ระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของสหรัฐฯ ล้าสมัยและไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจาก AI รวมถึง การนำการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ และการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ก็จะให้การต่อคณะกรรมาธิการ โดยเน้นว่า AI ต้องการชิป, ข้อมูลฝึก, พลังงาน และซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากขึ้น

    Microsoft เรียกร้องให้วุฒิสมาชิกเร่งกระบวนการอนุมัติด้านพลังงานสำหรับ AI
    - โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของสหรัฐฯ ล้าสมัยและไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
    - การนำการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ ทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น

    Microsoft ต้องการให้รัฐบาลเปิดชุดข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการฝึก AI
    - ช่วยให้ AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลที่มีคุณภาพสูงขึ้น
    - สนับสนุน การพัฒนา AI ที่มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เน้นว่า AI ต้องการชิป, ข้อมูลฝึก, พลังงาน และซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากขึ้น
    - การพัฒนา AI ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก
    - ความต้องการพลังงาน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    การเปิดชุดข้อมูลของรัฐบาลอาจมีข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
    - ต้องมี มาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

    โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลานานในการปรับปรุง
    - อาจต้องมี การลงทุนขนาดใหญ่เพื่อรองรับความต้องการของ AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/microsoft-to-urge-senators-to-speed-permitting-for-ai-boost-government-data-access
    Microsoft กำลังผลักดันให้ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เร่งกระบวนการอนุมัติด้านพลังงานสำหรับ AI และ เปิดชุดข้อมูลของรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการฝึก AI โดย Brad Smith ประธาน Microsoft จะนำเสนอข้อเรียกร้องนี้ต่อ คณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านการพาณิชย์ Smith ระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของสหรัฐฯ ล้าสมัยและไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจาก AI รวมถึง การนำการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ และการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ก็จะให้การต่อคณะกรรมาธิการ โดยเน้นว่า AI ต้องการชิป, ข้อมูลฝึก, พลังงาน และซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากขึ้น ✅ Microsoft เรียกร้องให้วุฒิสมาชิกเร่งกระบวนการอนุมัติด้านพลังงานสำหรับ AI - โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของสหรัฐฯ ล้าสมัยและไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น - การนำการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ ทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น ✅ Microsoft ต้องการให้รัฐบาลเปิดชุดข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการฝึก AI - ช่วยให้ AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลที่มีคุณภาพสูงขึ้น - สนับสนุน การพัฒนา AI ที่มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เน้นว่า AI ต้องการชิป, ข้อมูลฝึก, พลังงาน และซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากขึ้น - การพัฒนา AI ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก - ความต้องการพลังงาน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ‼️ การเปิดชุดข้อมูลของรัฐบาลอาจมีข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย - ต้องมี มาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ‼️ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลานานในการปรับปรุง - อาจต้องมี การลงทุนขนาดใหญ่เพื่อรองรับความต้องการของ AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/microsoft-to-urge-senators-to-speed-permitting-for-ai-boost-government-data-access
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft to urge senators to speed permitting for AI, boost government data access
    WASHINGTON (Reuters) -Microsoft President Brad Smith on Thursday will urge U.S. lawmakers to streamline federal permitting for artificial intelligence energy needs and open more government data sets for AI training, according to written testimony seen by Reuters.
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้
    .
    จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ
    .
    ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น
    .
    แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น
    .
    ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น
    .
    https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้ . จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ . ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น . แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น . ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น . https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    WWW.FT.COM
    Donald Trump’s attack on green energy could hurt US in AI race, data centres warn
    Industry needs renewables to meet surging power demand from artificial intelligence
    0 Comments 0 Shares 390 Views 0 Reviews
  • มีเทรนด์ใหม่ที่กำลังเป็นไวรัลในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ ChatGPT เพื่อสร้างภาพซ้ำ ๆ โดยผู้ใช้บน Reddit ได้ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำถึง 101 ครั้ง ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์ ที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

    เทรนด์นี้เริ่มจากการใช้คำสั่ง "สร้างภาพที่เหมือนต้นฉบับทุกประการ อย่าเปลี่ยนแปลงอะไรเลย" แต่เมื่อ AI สร้างภาพใหม่ซ้ำไปเรื่อย ๆ รายละเอียดของภาพเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย จนสุดท้ายกลายเป็นภาพที่ดูเหมือน ศิลปะแนวทดลอง มากกว่าภาพต้นฉบับ

    อย่างไรก็ตาม เทรนด์นี้กำลังเผชิญกับ กระแสต่อต้าน เนื่องจากการสร้างภาพซ้ำ ๆ จำนวนมากใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาล โดยมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งคำนวณว่า การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh ซึ่งเทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว

    การทดลองสร้างภาพซ้ำ 101 ครั้ง
    - ผู้ใช้ Reddit ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำหลายครั้ง
    - ผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์

    กระบวนการเปลี่ยนแปลงของภาพ
    - AI เปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยในแต่ละครั้ง
    - สุดท้ายภาพต้นฉบับแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

    กระแสความนิยมของเทรนด์นี้
    - มีผู้ใช้ Reddit กว่า 42,000 คน กดถูกใจโพสต์นี้
    - มีความคิดเห็นกว่า 3,000 รายการ

    ผลกระทบต่อการใช้พลังงาน
    - การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh
    - เทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/viral-chatgpt-trend-gone-wrong-the-rock-is-turned-into-horrible-abstract-art-after-reddit-user-recreates-image-101-times
    มีเทรนด์ใหม่ที่กำลังเป็นไวรัลในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ ChatGPT เพื่อสร้างภาพซ้ำ ๆ โดยผู้ใช้บน Reddit ได้ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำถึง 101 ครั้ง ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์ ที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม เทรนด์นี้เริ่มจากการใช้คำสั่ง "สร้างภาพที่เหมือนต้นฉบับทุกประการ อย่าเปลี่ยนแปลงอะไรเลย" แต่เมื่อ AI สร้างภาพใหม่ซ้ำไปเรื่อย ๆ รายละเอียดของภาพเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย จนสุดท้ายกลายเป็นภาพที่ดูเหมือน ศิลปะแนวทดลอง มากกว่าภาพต้นฉบับ อย่างไรก็ตาม เทรนด์นี้กำลังเผชิญกับ กระแสต่อต้าน เนื่องจากการสร้างภาพซ้ำ ๆ จำนวนมากใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมหาศาล โดยมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งคำนวณว่า การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh ซึ่งเทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว ✅ การทดลองสร้างภาพซ้ำ 101 ครั้ง - ผู้ใช้ Reddit ทดลองให้ AI สร้างภาพของ Dwayne "The Rock" Johnson ซ้ำหลายครั้ง - ผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็น งานศิลปะแนวแอบสแตรกต์ ✅ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของภาพ - AI เปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยในแต่ละครั้ง - สุดท้ายภาพต้นฉบับแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ✅ กระแสความนิยมของเทรนด์นี้ - มีผู้ใช้ Reddit กว่า 42,000 คน กดถูกใจโพสต์นี้ - มีความคิดเห็นกว่า 3,000 รายการ ✅ ผลกระทบต่อการใช้พลังงาน - การสร้างภาพ 100 ครั้งใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 kWh - เทียบเท่ากับ การเปิดตู้เย็นทั้งวัน หรือการชงกาแฟ 20 แก้ว https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/viral-chatgpt-trend-gone-wrong-the-rock-is-turned-into-horrible-abstract-art-after-reddit-user-recreates-image-101-times
    0 Comments 0 Shares 417 Views 0 Reviews
  • คูเวตกำลังเผชิญกับ วิกฤตพลังงาน ที่รุนแรง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลต้องดำเนินการ ปราบปรามการขุดคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากกิจกรรมนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า

    กระทรวงมหาดไทยของคูเวตได้เริ่ม ปฏิบัติการด้านความมั่นคง เพื่อตรวจสอบบ้านที่ใช้สำหรับการขุดคริปโต ซึ่งถือเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย โดยมีรายงานว่าบ้านบางหลังใช้พลังงานมากกว่าปกติถึง 20 เท่า

    แม้ว่าคูเวตจะ ห้ามการซื้อขายคริปโต แต่ยังไม่มี กฎหมายเฉพาะที่ควบคุมการขุดคริปโต ทำให้ผู้ขุดสามารถใช้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ถูกและการขาดการกำกับดูแลเพื่อดำเนินกิจกรรมของตน

    การดำเนินการของรัฐบาล
    - กระทรวงมหาดไทยเริ่มปฏิบัติการตรวจสอบบ้านที่ใช้ขุดคริปโต
    - บ้านบางหลังใช้พลังงานมากกว่าปกติถึง 20 เท่า

    สถานการณ์พลังงานในคูเวต
    - คูเวตกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานจากการเติบโตของประชากรและอุณหภูมิที่สูงขึ้น
    - การบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าล่าช้าทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า

    กฎหมายเกี่ยวกับคริปโตในคูเวต
    - คูเวตห้ามการซื้อขายคริปโต แต่ยังไม่มีข้อบังคับเฉพาะเกี่ยวกับการขุด
    - ผู้ขุดใช้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ถูกและการขาดการกำกับดูแล

    ผลกระทบของการปราบปราม
    - การใช้พลังงานในพื้นที่ Al-Wafrah ลดลง 55% หลังจากปฏิบัติการของรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/kuwait-cracks-down-on-cryptocurrency-mining-amid-power-crisis
    คูเวตกำลังเผชิญกับ วิกฤตพลังงาน ที่รุนแรง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลต้องดำเนินการ ปราบปรามการขุดคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากกิจกรรมนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า กระทรวงมหาดไทยของคูเวตได้เริ่ม ปฏิบัติการด้านความมั่นคง เพื่อตรวจสอบบ้านที่ใช้สำหรับการขุดคริปโต ซึ่งถือเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย โดยมีรายงานว่าบ้านบางหลังใช้พลังงานมากกว่าปกติถึง 20 เท่า แม้ว่าคูเวตจะ ห้ามการซื้อขายคริปโต แต่ยังไม่มี กฎหมายเฉพาะที่ควบคุมการขุดคริปโต ทำให้ผู้ขุดสามารถใช้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ถูกและการขาดการกำกับดูแลเพื่อดำเนินกิจกรรมของตน ✅ การดำเนินการของรัฐบาล - กระทรวงมหาดไทยเริ่มปฏิบัติการตรวจสอบบ้านที่ใช้ขุดคริปโต - บ้านบางหลังใช้พลังงานมากกว่าปกติถึง 20 เท่า ✅ สถานการณ์พลังงานในคูเวต - คูเวตกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานจากการเติบโตของประชากรและอุณหภูมิที่สูงขึ้น - การบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าล่าช้าทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า ✅ กฎหมายเกี่ยวกับคริปโตในคูเวต - คูเวตห้ามการซื้อขายคริปโต แต่ยังไม่มีข้อบังคับเฉพาะเกี่ยวกับการขุด - ผู้ขุดใช้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ถูกและการขาดการกำกับดูแล ✅ ผลกระทบของการปราบปราม - การใช้พลังงานในพื้นที่ Al-Wafrah ลดลง 55% หลังจากปฏิบัติการของรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/kuwait-cracks-down-on-cryptocurrency-mining-amid-power-crisis
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Kuwait cracks down on cryptocurrency mining amid power crisis
    KUWAIT (Reuters) -Kuwait has launched a crackdown on cryptocurrency miners it accuses of being a "major" cause of a power crisis that has led to blackouts, as authorities seek to ease pressure on the grid before the start of a sweltering summer.
    0 Comments 0 Shares 316 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของชิป AI ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

    Greenpeace รายงานว่าการผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 350% จากปี 2023 และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูง โดยโรงงานผลิตขนาดใหญ่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ถึง 100 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อชั่วโมง

    นอกจากนี้ Greenpeace ยังเตือนว่าความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 ซึ่งมากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน

    ผลกระทบจากการผลิตชิป AI
    - การผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024
    - การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน

    ความต้องการพลังงานในอนาคต
    - ความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030
    - มากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน

    บทบาทของบริษัทเทคโนโลยี
    - บริษัทเช่น Nvidia, Microsoft, Meta และ Google ถูกเรียกร้องให้สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน
    - TSMC กำลังเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ยังมีความล่าช้า

    ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม
    - การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูงและเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    - การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศผู้ผลิตอาจเพิ่มผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    คำแนะนำเพื่อความยั่งยืน
    - บริษัทเทคโนโลยีควรสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในห่วงโซ่อุปทาน
    - การพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/report-soaring-demand-for-ai-chips-fuels-power-usage
    ข่าวนี้เล่าถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของชิป AI ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล Greenpeace รายงานว่าการผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 350% จากปี 2023 และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูง โดยโรงงานผลิตขนาดใหญ่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ถึง 100 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อชั่วโมง นอกจากนี้ Greenpeace ยังเตือนว่าความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 ซึ่งมากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน ✅ ผลกระทบจากการผลิตชิป AI - การผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 - การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน ✅ ความต้องการพลังงานในอนาคต - ความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 - มากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน ✅ บทบาทของบริษัทเทคโนโลยี - บริษัทเช่น Nvidia, Microsoft, Meta และ Google ถูกเรียกร้องให้สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน - TSMC กำลังเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ยังมีความล่าช้า ℹ️ ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม - การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูงและเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก - การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศผู้ผลิตอาจเพิ่มผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ℹ️ คำแนะนำเพื่อความยั่งยืน - บริษัทเทคโนโลยีควรสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในห่วงโซ่อุปทาน - การพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/report-soaring-demand-for-ai-chips-fuels-power-usage
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Report: Soaring demand for AI chips fuels power usage
    Growing demand for the semiconductor chips that power artificial intelligence is driving soaring electricity use, particularly in countries that rely on fossil fuels for power, environmental group Greenpeace warned.
    0 Comments 0 Shares 324 Views 0 Reviews
  • Maxwell Labs กำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้เลเซอร์ในการระบายความร้อนจากชิปประมวลผล โดยเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียพลังงานในระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูง

    การใช้เลเซอร์ในการระบายความร้อน:
    - Maxwell Labs ใช้แผ่นเย็นที่ทำจาก Gallium Arsenide (GaAs) ซึ่งสามารถระบายความร้อนเมื่อได้รับแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ
    - เทคนิคนี้ช่วยระบายความร้อนเฉพาะจุดที่มีความร้อนสูงในชิปประมวลผล

    การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน:
    - พลังงานความร้อนที่ถูกดึงออกจากชิปสามารถเปลี่ยนเป็นโฟตอนที่นำกลับมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในระบบคอมพิวเตอร์

    ความท้าทายด้านต้นทุน:
    - การผลิต GaAs ที่มีความบริสุทธิ์สูงต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนและมีต้นทุนสูง เช่น Molecular Beam Epitaxy (MBE)
    - แผ่น GaAs ขนาด 200 มม. มีราคาประมาณ $5,000 เทียบกับแผ่นซิลิคอนที่มีราคาเพียง $5

    สถานะปัจจุบันของโครงการ:
    - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและการจำลอง โดยคาดว่าจะมีต้นแบบที่ใช้งานได้ในปี 2025

    ความท้าทายด้านการผลิต:
    - การผลิต GaAs ที่มีความบริสุทธิ์สูงอาจเป็นอุปสรรคต่อการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์

    การพัฒนาเทคโนโลยี:
    - Maxwell Labs ควรเร่งการพัฒนาและทดสอบต้นแบบเพื่อพิสูจน์ความสามารถของเทคโนโลยีนี้

    การลดต้นทุน:
    - ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีลดต้นทุนการผลิต GaAs เพื่อให้เทคโนโลยีนี้สามารถเข้าถึงตลาดได้กว้างขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cooling-chips-with-lasers-innovative-cooling-method-removes-heat-precisely-from-hot-spots-recycles-heat-into-energy
    Maxwell Labs กำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้เลเซอร์ในการระบายความร้อนจากชิปประมวลผล โดยเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียพลังงานในระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูง ✅ การใช้เลเซอร์ในการระบายความร้อน: - Maxwell Labs ใช้แผ่นเย็นที่ทำจาก Gallium Arsenide (GaAs) ซึ่งสามารถระบายความร้อนเมื่อได้รับแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ - เทคนิคนี้ช่วยระบายความร้อนเฉพาะจุดที่มีความร้อนสูงในชิปประมวลผล ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน: - พลังงานความร้อนที่ถูกดึงออกจากชิปสามารถเปลี่ยนเป็นโฟตอนที่นำกลับมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในระบบคอมพิวเตอร์ ✅ ความท้าทายด้านต้นทุน: - การผลิต GaAs ที่มีความบริสุทธิ์สูงต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนและมีต้นทุนสูง เช่น Molecular Beam Epitaxy (MBE) - แผ่น GaAs ขนาด 200 มม. มีราคาประมาณ $5,000 เทียบกับแผ่นซิลิคอนที่มีราคาเพียง $5 ✅ สถานะปัจจุบันของโครงการ: - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและการจำลอง โดยคาดว่าจะมีต้นแบบที่ใช้งานได้ในปี 2025 ⚠️ ความท้าทายด้านการผลิต: - การผลิต GaAs ที่มีความบริสุทธิ์สูงอาจเป็นอุปสรรคต่อการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ⚠️ การพัฒนาเทคโนโลยี: - Maxwell Labs ควรเร่งการพัฒนาและทดสอบต้นแบบเพื่อพิสูจน์ความสามารถของเทคโนโลยีนี้ ⚠️ การลดต้นทุน: - ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีลดต้นทุนการผลิต GaAs เพื่อให้เทคโนโลยีนี้สามารถเข้าถึงตลาดได้กว้างขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/cooling-chips-with-lasers-innovative-cooling-method-removes-heat-precisely-from-hot-spots-recycles-heat-into-energy
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • Sunbird คือจรวดที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันซึ่งสามารถลดระยะเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล เช่น การเดินทางไปดาวพลูโตในเวลาเพียง 4 ปี เทียบกับกว่า 10 ปีของจรวดเคมีทั่วไป แม้โครงการนี้จะเผชิญความท้าทายในด้านการจัดหา Helium-3 และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่หากสำเร็จ Sunbird อาจเป็นจรวดที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการสำรวจอวกาศ

    ขับเคลื่อนด้วย Dual Direct Fusion Drive (DDFD)
    - DDFD คือเครื่องยนต์นิวเคลียร์ฟิวชันขนาดกะทัดรัดที่ให้พลังงานทั้งในรูปแบบ แรงขับเคลื่อน (Thrust) และ พลังงานไฟฟ้า
    - ระบบนี้ใช้การหลอมรวม Helium-3 และ Deuterium เพื่อปล่อยพลังงาน และแตกต่างจากระบบฟิวชันทั่วไปที่แปลงพลังงานเป็นไฟฟ้าก่อนจะสร้างแรงขับ

    ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน
    - Sunbird มีค่า specific impulse สูงถึง 10,000–15,000 วินาที ซึ่งแสดงถึงการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าและรองรับภารกิจระยะยาว
    - ตัวเครื่องยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เพื่อใช้สำหรับระบบบนยานอวกาศหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์

    ลดเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล
    - จรวด Sunbird สามารถนำยานน้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม (เทียบเท่าผู้ใหญ่ 12 คน) ไปยังดาวพลูโตได้ใน 4 ปี
    - ยังสามารถลดเวลาเดินทางไปดาวอังคารลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญต่อภารกิจสำรวจในอนาคต

    == ความท้าทายของโครงการ ==
    การควบคุมปฏิกิริยาฟิวชัน
    - การทำให้นิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและควบคุมได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันต่ำของอวกาศยังเป็นเรื่องซับซ้อน

    การจัดหา Helium-3
    - Helium-3 เป็นธาตุหายากบนโลกและต้องสกัดจากดินผิวดวงจันทร์หรือแหล่งในอวกาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
    - การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอวกาศต้องมีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด และต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมายระหว่างประเทศ

    Pulsar Fusion มีแผนจะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีหลักในปี 2025 และอาจมีการสาธิตการใช้งานในวงโคจร (in-orbit) ภายในปี 2027 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจรวดนี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการสำรวจอวกาศได้จริงหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/nuclear-rocket-pulsar-fusion-sunbird-could-fly-12-grown-men-to-pluto-in-just-four-years/
    Sunbird คือจรวดที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันซึ่งสามารถลดระยะเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล เช่น การเดินทางไปดาวพลูโตในเวลาเพียง 4 ปี เทียบกับกว่า 10 ปีของจรวดเคมีทั่วไป แม้โครงการนี้จะเผชิญความท้าทายในด้านการจัดหา Helium-3 และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่หากสำเร็จ Sunbird อาจเป็นจรวดที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการสำรวจอวกาศ ✅ ขับเคลื่อนด้วย Dual Direct Fusion Drive (DDFD) - DDFD คือเครื่องยนต์นิวเคลียร์ฟิวชันขนาดกะทัดรัดที่ให้พลังงานทั้งในรูปแบบ แรงขับเคลื่อน (Thrust) และ พลังงานไฟฟ้า - ระบบนี้ใช้การหลอมรวม Helium-3 และ Deuterium เพื่อปล่อยพลังงาน และแตกต่างจากระบบฟิวชันทั่วไปที่แปลงพลังงานเป็นไฟฟ้าก่อนจะสร้างแรงขับ ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน - Sunbird มีค่า specific impulse สูงถึง 10,000–15,000 วินาที ซึ่งแสดงถึงการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าและรองรับภารกิจระยะยาว - ตัวเครื่องยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เพื่อใช้สำหรับระบบบนยานอวกาศหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ✅ ลดเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล - จรวด Sunbird สามารถนำยานน้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม (เทียบเท่าผู้ใหญ่ 12 คน) ไปยังดาวพลูโตได้ใน 4 ปี - ยังสามารถลดเวลาเดินทางไปดาวอังคารลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญต่อภารกิจสำรวจในอนาคต == ความท้าทายของโครงการ == ✅ การควบคุมปฏิกิริยาฟิวชัน - การทำให้นิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและควบคุมได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันต่ำของอวกาศยังเป็นเรื่องซับซ้อน ✅ การจัดหา Helium-3 - Helium-3 เป็นธาตุหายากบนโลกและต้องสกัดจากดินผิวดวงจันทร์หรือแหล่งในอวกาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ✅ ความปลอดภัยและกฎระเบียบ - การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอวกาศต้องมีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด และต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมายระหว่างประเทศ Pulsar Fusion มีแผนจะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีหลักในปี 2025 และอาจมีการสาธิตการใช้งานในวงโคจร (in-orbit) ภายในปี 2027 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจรวดนี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการสำรวจอวกาศได้จริงหรือไม่ https://www.neowin.net/news/nuclear-rocket-pulsar-fusion-sunbird-could-fly-12-grown-men-to-pluto-in-just-four-years/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nuclear rocket Pulsar Fusion Sunbird could fly 12 grown men to Pluto in just four years
    Pulsar Fusion's Sunbird project was shown off recently, which will be a nuclear-powered rocket concept capable of carrying up to 12 grown men to Pluto in just four years.
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
More Results