• สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สั่งถอนอายัดและเตรียมส่งคืนเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด จำนวนกว่า 66,000 เส้น ให้แก่ผู้ประกอบการ หลังผลการตรวจสอบจาก 2 หน่วยงานยืนยันว่า "เป็นไปตามมาตรฐาน" แม้เหล็กล็อตนี้จะเคยถูกสงสัยว่าเป็นต้นเหตุสำคัญในเหตุการณ์ "ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม" จากแผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือน มี.ค. 68 ด้านเลขาฯ สมอ. ย้ำ เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายหลังผลทดสอบผ่านเกณฑ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000101500

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สั่งถอนอายัดและเตรียมส่งคืนเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด จำนวนกว่า 66,000 เส้น ให้แก่ผู้ประกอบการ หลังผลการตรวจสอบจาก 2 หน่วยงานยืนยันว่า "เป็นไปตามมาตรฐาน" แม้เหล็กล็อตนี้จะเคยถูกสงสัยว่าเป็นต้นเหตุสำคัญในเหตุการณ์ "ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม" จากแผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือน มี.ค. 68 ด้านเลขาฯ สมอ. ย้ำ เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายหลังผลทดสอบผ่านเกณฑ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000101500 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 266 Views 0 Reviews
  • จับตาผู้ค้าขึ้นราคา คนละครึ่ง?? (21/10/68)

    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #คนละครึ่ง #เศรษฐกิจไทย #ราคาสินค้า #ผู้ประกอบการ #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    จับตาผู้ค้าขึ้นราคา คนละครึ่ง?? (21/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #คนละครึ่ง #เศรษฐกิจไทย #ราคาสินค้า #ผู้ประกอบการ #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 0 Reviews
  • คนละครึ่งพลัส 20 ล้านคน สิทธิเต็มภายใน 10 ชั่วโมง

    โครงการคนละครึ่งพลัส ในรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ดัดแปลงจากโครงการคนละครึ่ง ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปี 2563-2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก โดยภาครัฐให้การสนับสนุนเงินร่วมจ่ายค่าอาหารเครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนด ให้แก่ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการ และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน

    ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ต.ค. มีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ กรอบวงเงินงบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยผู้ที่อยู่ในระบบภาษี ได้แก่ ผู้ที่เคยยื่นภาษีเงินได้บุคคคลธรรมดา จะได้รับวงเงินสิทธิ 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษี หรืออยู่นอกระบบภาษี จะได้รับวงเงินสิทธิ 2,000 บาท สามารถใช้ได้วันละ 200 บาทต่อคน ระหว่างวันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2568 โดยมีจำนวนสิทธิ 20 ล้านสิทธิ

    หลังจากเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 20 ต.ค. ปรากฎว่าสิทธิเต็มจำนวนภายในระยะเวลา 10 ชั่วโมง เมื่อเวลา 16.00 น. ถึงกระนั้นหลังเที่ยงคืนวันที่ 21 ต.ค. มีสิทธิคงเหลือ 496,855 สิทธิ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาระบบแอปฯ เป๋าตัง แจ้งผ่านเฟซบุ๊ก Krungthai Care ว่า ประชาชนสามารถเช็กสิทธิคงเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 21-26 ต.ค. เวลา 06.00 น. กรณีมีสิทธิคงเหลือ สามารถลงทะเบียนได้ทางแอปฯ เป๋าตัง

    จากการเปิดเผยของนายวินิจ วิเศษสุวรวณภูมิ โฆษกกระทรวงการคลัง ทำให้ทราบว่า มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการครบ 20 ล้านสิทธิ โดยคำนวณจากสมมติฐานว่า ผู้เข้าร่วมโครงการแต่ละรายอาจจะได้รับวงเงินสิทธิสูงสุดที่ 2,400 บาท แต่ความเป็นจริงเมื่อมีส่วนต่างระหว่างผู้ที่เคยยื่นภาษี กับผู้ที่ไม่ได้ยื่นภาษี และการตรวจสอบคุณสมบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าอาจมีบางส่วนขาดคุณสมบัติ เช่น เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิ์หรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ ทำให้มีจำนวนสิทธิคงเหลือ ก็จะมาเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ในวันถัดไป

    สำหรับร้านค้าคนละครึ่งพลัส ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 223,088 ราย ประกอบด้วย ร้านค้ารายเดิม 86,224 ราย ร้านค้ารายใหม่ 136,864 ราย ส่วน ร้านค้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสมัคร 87,976 ราย ประกอบด้วย รอให้ร้านค้าเข้ามากดยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการฯ 82,450 ราย และรอดำเนินการตรวจสอบ 5,526 ราย

    #Newskit
    คนละครึ่งพลัส 20 ล้านคน สิทธิเต็มภายใน 10 ชั่วโมง โครงการคนละครึ่งพลัส ในรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ดัดแปลงจากโครงการคนละครึ่ง ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปี 2563-2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก โดยภาครัฐให้การสนับสนุนเงินร่วมจ่ายค่าอาหารเครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนด ให้แก่ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการ และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ต.ค. มีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ กรอบวงเงินงบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยผู้ที่อยู่ในระบบภาษี ได้แก่ ผู้ที่เคยยื่นภาษีเงินได้บุคคคลธรรมดา จะได้รับวงเงินสิทธิ 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษี หรืออยู่นอกระบบภาษี จะได้รับวงเงินสิทธิ 2,000 บาท สามารถใช้ได้วันละ 200 บาทต่อคน ระหว่างวันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2568 โดยมีจำนวนสิทธิ 20 ล้านสิทธิ หลังจากเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 20 ต.ค. ปรากฎว่าสิทธิเต็มจำนวนภายในระยะเวลา 10 ชั่วโมง เมื่อเวลา 16.00 น. ถึงกระนั้นหลังเที่ยงคืนวันที่ 21 ต.ค. มีสิทธิคงเหลือ 496,855 สิทธิ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาระบบแอปฯ เป๋าตัง แจ้งผ่านเฟซบุ๊ก Krungthai Care ว่า ประชาชนสามารถเช็กสิทธิคงเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 21-26 ต.ค. เวลา 06.00 น. กรณีมีสิทธิคงเหลือ สามารถลงทะเบียนได้ทางแอปฯ เป๋าตัง จากการเปิดเผยของนายวินิจ วิเศษสุวรวณภูมิ โฆษกกระทรวงการคลัง ทำให้ทราบว่า มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการครบ 20 ล้านสิทธิ โดยคำนวณจากสมมติฐานว่า ผู้เข้าร่วมโครงการแต่ละรายอาจจะได้รับวงเงินสิทธิสูงสุดที่ 2,400 บาท แต่ความเป็นจริงเมื่อมีส่วนต่างระหว่างผู้ที่เคยยื่นภาษี กับผู้ที่ไม่ได้ยื่นภาษี และการตรวจสอบคุณสมบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าอาจมีบางส่วนขาดคุณสมบัติ เช่น เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิ์หรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ ทำให้มีจำนวนสิทธิคงเหลือ ก็จะมาเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ในวันถัดไป สำหรับร้านค้าคนละครึ่งพลัส ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 223,088 ราย ประกอบด้วย ร้านค้ารายเดิม 86,224 ราย ร้านค้ารายใหม่ 136,864 ราย ส่วน ร้านค้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสมัคร 87,976 ราย ประกอบด้วย รอให้ร้านค้าเข้ามากดยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการฯ 82,450 ราย และรอดำเนินการตรวจสอบ 5,526 ราย #Newskit
    1 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • ต่อลมหายใจ ผู้ค้า-ผู้บริโภค : [Biz Talk]
    ‘คนละครึ่ง พลัส’ กระแสตอบรับดี ทั้งผู้ค้า,ประชาชน / ส.อ.ท. เตือนควบคุมไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาส ขึ้นราคาสินค้า&บริการเกินควร /แนะหลังจบโครงการ ควรต่อยอดกระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง ช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก กระจายเม็ดเงินลงชุมชน ถึงรากหญ้า ที่กำลังเจ็บหนัก เปรียบ ‘แค่วางมือเบาๆ บนบ่า น้ำตาก็ไหล’
    ต่อลมหายใจ ผู้ค้า-ผู้บริโภค : [Biz Talk] ‘คนละครึ่ง พลัส’ กระแสตอบรับดี ทั้งผู้ค้า,ประชาชน / ส.อ.ท. เตือนควบคุมไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาส ขึ้นราคาสินค้า&บริการเกินควร /แนะหลังจบโครงการ ควรต่อยอดกระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง ช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก กระจายเม็ดเงินลงชุมชน ถึงรากหญ้า ที่กำลังเจ็บหนัก เปรียบ ‘แค่วางมือเบาๆ บนบ่า น้ำตาก็ไหล’
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 0 Reviews
  • “BluSmart ล่มสลายสะท้อนวิกฤต EV มือสอง — เมื่อรถไฟฟ้ากลายเป็นสินทรัพย์เสื่อมราคาเร็วที่สุดในโลก” — จากความหวังสู่ความเสี่ยง: ตลาด EV มือสองกำลังสั่นคลอนทั่วโลก

    บทความจาก Rest of World เปิดเผยว่า BluSmart บริษัทเรียกรถไฟฟ้าชั้นนำของอินเดียล้มละลายกลางปี 2025 ท่ามกลางข้อกล่าวหาทางการเงิน และทิ้งไว้เบื้องหลังคือรถ EV หลายพันคันที่เคยมีมูลค่ากว่า $12,000 แต่กลับถูกขายทอดตลาดในราคาเพียง $3,000

    เหตุการณ์นี้สะท้อนวิกฤตที่ใหญ่กว่าคือ “การเสื่อมราคาของรถ EV มือสอง” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถเช่า, รถโลจิสติกส์ และฟลีทรถบริษัท ที่ต้องคำนวณต้นทุนอย่างแม่นยำ การเสื่อมราคาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของธุรกิจ

    ตัวอย่างเช่น Hertz บริษัทเช่ารถในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ Tesla 100,000 คันในปี 2021 ต้องขาดทุนกว่า $2.9 พันล้านในปี 2024 และขายรถ EV ที่ซื้อมาในราคาต่ำกว่าครึ่ง

    ปัญหาหลักคือ “ไม่มีใครรู้ว่ารถ EV มือสองควรมีมูลค่าเท่าไร” เพราะมูลค่าของรถผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานไม่แน่นอน ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมินจากระยะทางและการซ่อมบำรุง

    แม้ Tesla จะยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีนอย่าง BYD, Nio หรือ XPeng แต่ก็ยังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดที่ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่และการชาร์จ

    ในบางประเทศ เช่น จีน, นอร์เวย์ และคอสตาริกา ตลาด EV มือสองยังแข็งแรง เพราะผู้บริโภคเปิดรับเทคโนโลยีใหม่มากกว่า แต่ในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ความสงสัยยังสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องขับรถไกลหรือมีสภาพอากาศสุดขั้ว

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จากบริษัท Recurrent พบว่าแบตเตอรี่ EV เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี และรถที่ผลิตหลังปี 2016 มีอัตราการเปลี่ยนแบตต่ำมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อมือสอง

    BluSmart ล้มละลายกลางปี 2025 และขายรถ EV ในราคาต่ำกว่าทุน
    จาก $12,000 เหลือเพียง $3,000 ต่อคัน

    รถ EV มือสองเสื่อมราคามากกว่ารถน้ำมัน
    เช่น Tesla Model Y ปี 2023 เสื่อมถึง 42% ใน 2 ปี

    Hertz ขาดทุน $2.9 พันล้านจากการลงทุนในรถ EV
    ขายรถที่ซื้อมา $40,000 ในราคาต่ำกว่า $20,000

    มูลค่ารถ EV ผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่แน่นอน
    ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมิน

    Tesla ยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีน
    เช่น BYD, Nio, XPeng และ Omoda

    ตลาด EV มือสองแข็งแรงในประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยี
    เช่น จีน, นอร์เวย์, คอสตาริกา

    ข้อมูลจาก Recurrent ชี้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี
    รถหลังปี 2016 มีอัตราเปลี่ยนแบตต่ำมาก

    โมเดล Battery-as-a-Service ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุน
    ให้ผู้ประกอบการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น

    https://restofworld.org/2025/ev-depreciation-blusmart-collapse/
    🚗 “BluSmart ล่มสลายสะท้อนวิกฤต EV มือสอง — เมื่อรถไฟฟ้ากลายเป็นสินทรัพย์เสื่อมราคาเร็วที่สุดในโลก” — จากความหวังสู่ความเสี่ยง: ตลาด EV มือสองกำลังสั่นคลอนทั่วโลก บทความจาก Rest of World เปิดเผยว่า BluSmart บริษัทเรียกรถไฟฟ้าชั้นนำของอินเดียล้มละลายกลางปี 2025 ท่ามกลางข้อกล่าวหาทางการเงิน และทิ้งไว้เบื้องหลังคือรถ EV หลายพันคันที่เคยมีมูลค่ากว่า $12,000 แต่กลับถูกขายทอดตลาดในราคาเพียง $3,000 เหตุการณ์นี้สะท้อนวิกฤตที่ใหญ่กว่าคือ “การเสื่อมราคาของรถ EV มือสอง” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถเช่า, รถโลจิสติกส์ และฟลีทรถบริษัท ที่ต้องคำนวณต้นทุนอย่างแม่นยำ การเสื่อมราคาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น Hertz บริษัทเช่ารถในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ Tesla 100,000 คันในปี 2021 ต้องขาดทุนกว่า $2.9 พันล้านในปี 2024 และขายรถ EV ที่ซื้อมาในราคาต่ำกว่าครึ่ง ปัญหาหลักคือ “ไม่มีใครรู้ว่ารถ EV มือสองควรมีมูลค่าเท่าไร” เพราะมูลค่าของรถผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานไม่แน่นอน ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมินจากระยะทางและการซ่อมบำรุง แม้ Tesla จะยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีนอย่าง BYD, Nio หรือ XPeng แต่ก็ยังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดที่ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่และการชาร์จ ในบางประเทศ เช่น จีน, นอร์เวย์ และคอสตาริกา ตลาด EV มือสองยังแข็งแรง เพราะผู้บริโภคเปิดรับเทคโนโลยีใหม่มากกว่า แต่ในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ความสงสัยยังสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องขับรถไกลหรือมีสภาพอากาศสุดขั้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จากบริษัท Recurrent พบว่าแบตเตอรี่ EV เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี และรถที่ผลิตหลังปี 2016 มีอัตราการเปลี่ยนแบตต่ำมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อมือสอง ✅ BluSmart ล้มละลายกลางปี 2025 และขายรถ EV ในราคาต่ำกว่าทุน ➡️ จาก $12,000 เหลือเพียง $3,000 ต่อคัน ✅ รถ EV มือสองเสื่อมราคามากกว่ารถน้ำมัน ➡️ เช่น Tesla Model Y ปี 2023 เสื่อมถึง 42% ใน 2 ปี ✅ Hertz ขาดทุน $2.9 พันล้านจากการลงทุนในรถ EV ➡️ ขายรถที่ซื้อมา $40,000 ในราคาต่ำกว่า $20,000 ✅ มูลค่ารถ EV ผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่แน่นอน ➡️ ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมิน ✅ Tesla ยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีน ➡️ เช่น BYD, Nio, XPeng และ Omoda ✅ ตลาด EV มือสองแข็งแรงในประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยี ➡️ เช่น จีน, นอร์เวย์, คอสตาริกา ✅ ข้อมูลจาก Recurrent ชี้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี ➡️ รถหลังปี 2016 มีอัตราเปลี่ยนแบตต่ำมาก ✅ โมเดล Battery-as-a-Service ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุน ➡️ ให้ผู้ประกอบการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น https://restofworld.org/2025/ev-depreciation-blusmart-collapse/
    RESTOFWORLD.ORG
    EVs are depreciating much faster than gas-powered cars
    Plummeting resale values are threatening to derail the world's transition to electric transportation.
    0 Comments 0 Shares 206 Views 0 Reviews
  • โกดังสินค้า-ให้เช่า โครงการ CPS11 - มาตรฐานครบครัน ทำเลทองเพื่อธุรกิจคุณ!
    https://www.thai-tai.tv/shop/21950/
    .
    #โกดังให้เช่า #ห้องเย็นให้เช่า #ตลาดไท #โกดังมาตรฐาน #CPSWarehouse #ธุรกิจขนส่ง #ธุรกิจอาหาร #HACCP #ISO22000 #มกษ9023 #มกษ9024 #ทำเลทอง #พื้นที่จอดรถกว้างขวาง #รปภ24ชม #โกดังสินค้า #เช่าโกดัง #เช่าห้องเย็น #ธุรกิจโลจิสติกส์ #โกดังใกล้ตลาดไท #ธุรกิจSME #ผู้ประกอบการ

    โกดังสินค้า-ให้เช่า โครงการ CPS11 - มาตรฐานครบครัน ทำเลทองเพื่อธุรกิจคุณ! https://www.thai-tai.tv/shop/21950/ . #โกดังให้เช่า #ห้องเย็นให้เช่า #ตลาดไท #โกดังมาตรฐาน #CPSWarehouse #ธุรกิจขนส่ง #ธุรกิจอาหาร #HACCP #ISO22000 #มกษ9023 #มกษ9024 #ทำเลทอง #พื้นที่จอดรถกว้างขวาง #รปภ24ชม #โกดังสินค้า #เช่าโกดัง #เช่าห้องเย็น #ธุรกิจโลจิสติกส์ #โกดังใกล้ตลาดไท #ธุรกิจSME #ผู้ประกอบการ
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • SME D Bank หารือ BDMS หนุนผู้ประกอบการกลุ่ม Health Tech เข้าถึงการพัฒนาคู่เงินทุน ยกระดับสู่มาตรฐานสากล เติบโตยั่งยืน
    https://www.thai-tai.tv/news/21921/
    .
    #ไทยไท #SMEDBank #BDMS #HealthTech #นวัตกรรมสุขภาพ #SME #สตาร์ทอัพไทย

    SME D Bank หารือ BDMS หนุนผู้ประกอบการกลุ่ม Health Tech เข้าถึงการพัฒนาคู่เงินทุน ยกระดับสู่มาตรฐานสากล เติบโตยั่งยืน https://www.thai-tai.tv/news/21921/ . #ไทยไท #SMEDBank #BDMS #HealthTech #นวัตกรรมสุขภาพ #SME #สตาร์ทอัพไทย
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • “Bluehost เปิดตัวบริการโฮสติ้งใหม่ ลดเวลาโหลดเว็บเพื่ออันดับที่ดีขึ้นบน Google” — โครงสร้างพื้นฐานระดับโลกเพื่อธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการความเร็ว

    Bluehost ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งชื่อดังเปิดตัวบริการใหม่ที่เน้น “Ultra-Low Latency” หรือความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นและมีโอกาสอันดับดีขึ้นบน Google โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและธุรกิจขนาดกลาง

    บริการใหม่นี้มาพร้อมการขยายศูนย์ข้อมูลไปยัง 7 เมืองหลักทั่วโลก ได้แก่ Frankfurt, Mumbai, São Paulo, Paris, Sydney, London และ Madrid ซึ่งช่วยให้เซิร์ฟเวอร์อยู่ใกล้ผู้ใช้งานมากขึ้น ลดเวลาโหลดหน้าเว็บและเพิ่มความเสถียร

    Bluehost อ้างว่าโครงสร้างพื้นฐานใหม่นี้สามารถลด latency ได้ถึง 120 มิลลิวินาที และเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บได้ 2–3 เท่าจากค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรปและเอเชีย

    ผลการทดสอบภายในยังพบว่าเว็บไซต์ที่ใช้ WordPress บนเซิร์ฟเวอร์ของ Bluehost โหลดเร็วกว่าเว็บคู่แข่งถึง 3.8 เท่า ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตราการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และการแปลงยอดขาย

    Bluehost ยังอ้างอิงงานวิจัย “Milliseconds Make Millions” โดย Deloitte และ Google ที่พบว่า การปรับความเร็วเพียง 0.1 วินาทีสามารถเพิ่มอัตราการแปลงยอดขายและลด bounce rate ได้อย่างมีนัยสำคัญ

    แม้ความเร็วจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดอันดับของ Google แต่ยังมีองค์ประกอบอื่นที่สำคัญ เช่น คุณภาพเนื้อหา ความเข้ากันได้กับมือถือ และการเข้าถึงสำหรับผู้พิการ

    บริการใหม่นี้ยังมาพร้อมระบบ failover และ replication เฉพาะภูมิภาค เพื่อให้ uptime สูงถึง 99.99% และรองรับการกู้คืนจากภัยพิบัติ

    ข้อมูลในข่าว
    Bluehost เปิดตัวบริการโฮสติ้งแบบ Ultra-Low Latency
    ขยายศูนย์ข้อมูลไปยัง 7 เมืองหลักทั่วโลก
    ลด latency ได้ถึง 120 มิลลิวินาที
    เพิ่มความเร็วโหลดหน้าเว็บ 2–3 เท่าจากค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
    WordPress บน Bluehost โหลดเร็วกว่าเว็บคู่แข่งถึง 3.8 เท่า
    อ้างอิงงานวิจัย “Milliseconds Make Millions” โดย Deloitte และ Google
    ความเร็วช่วยเพิ่มอัตราการแปลงยอดขายและลด bounce rate
    Google แนะนำให้โหลดเนื้อหาหลักภายใน 2.5 วินาที และตอบสนองภายใน 200 มิลลิวินาที
    ระบบใหม่มี failover และ replication เฉพาะภูมิภาค
    รับประกัน uptime สูงถึง 99.99% และรองรับ disaster recovery

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    ความเร็วเว็บไม่ใช่ปัจจัยเดียวในการจัดอันดับบน Google
    หากเนื้อหาไม่ดีหรือไม่เหมาะกับมือถือ อันดับก็อาจไม่ดีขึ้น
    การใช้บริการโฮสติ้งระดับสูงอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
    การย้ายเว็บไปยังเซิร์ฟเวอร์ใหม่อาจต้องปรับแต่งระบบและโครงสร้างเว็บ
    การรับประกัน uptime ไม่ได้หมายถึงไม่มี downtime เลย

    https://www.techradar.com/pro/bluehost-debuts-ultra-low-latency-web-hosting-to-help-sites-rank-better-on-google
    🌐 “Bluehost เปิดตัวบริการโฮสติ้งใหม่ ลดเวลาโหลดเว็บเพื่ออันดับที่ดีขึ้นบน Google” — โครงสร้างพื้นฐานระดับโลกเพื่อธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการความเร็ว Bluehost ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งชื่อดังเปิดตัวบริการใหม่ที่เน้น “Ultra-Low Latency” หรือความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นและมีโอกาสอันดับดีขึ้นบน Google โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและธุรกิจขนาดกลาง บริการใหม่นี้มาพร้อมการขยายศูนย์ข้อมูลไปยัง 7 เมืองหลักทั่วโลก ได้แก่ Frankfurt, Mumbai, São Paulo, Paris, Sydney, London และ Madrid ซึ่งช่วยให้เซิร์ฟเวอร์อยู่ใกล้ผู้ใช้งานมากขึ้น ลดเวลาโหลดหน้าเว็บและเพิ่มความเสถียร Bluehost อ้างว่าโครงสร้างพื้นฐานใหม่นี้สามารถลด latency ได้ถึง 120 มิลลิวินาที และเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บได้ 2–3 เท่าจากค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรปและเอเชีย ผลการทดสอบภายในยังพบว่าเว็บไซต์ที่ใช้ WordPress บนเซิร์ฟเวอร์ของ Bluehost โหลดเร็วกว่าเว็บคู่แข่งถึง 3.8 เท่า ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตราการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และการแปลงยอดขาย Bluehost ยังอ้างอิงงานวิจัย “Milliseconds Make Millions” โดย Deloitte และ Google ที่พบว่า การปรับความเร็วเพียง 0.1 วินาทีสามารถเพิ่มอัตราการแปลงยอดขายและลด bounce rate ได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ความเร็วจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดอันดับของ Google แต่ยังมีองค์ประกอบอื่นที่สำคัญ เช่น คุณภาพเนื้อหา ความเข้ากันได้กับมือถือ และการเข้าถึงสำหรับผู้พิการ บริการใหม่นี้ยังมาพร้อมระบบ failover และ replication เฉพาะภูมิภาค เพื่อให้ uptime สูงถึง 99.99% และรองรับการกู้คืนจากภัยพิบัติ ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Bluehost เปิดตัวบริการโฮสติ้งแบบ Ultra-Low Latency ➡️ ขยายศูนย์ข้อมูลไปยัง 7 เมืองหลักทั่วโลก ➡️ ลด latency ได้ถึง 120 มิลลิวินาที ➡️ เพิ่มความเร็วโหลดหน้าเว็บ 2–3 เท่าจากค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ➡️ WordPress บน Bluehost โหลดเร็วกว่าเว็บคู่แข่งถึง 3.8 เท่า ➡️ อ้างอิงงานวิจัย “Milliseconds Make Millions” โดย Deloitte และ Google ➡️ ความเร็วช่วยเพิ่มอัตราการแปลงยอดขายและลด bounce rate ➡️ Google แนะนำให้โหลดเนื้อหาหลักภายใน 2.5 วินาที และตอบสนองภายใน 200 มิลลิวินาที ➡️ ระบบใหม่มี failover และ replication เฉพาะภูมิภาค ➡️ รับประกัน uptime สูงถึง 99.99% และรองรับ disaster recovery ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ ความเร็วเว็บไม่ใช่ปัจจัยเดียวในการจัดอันดับบน Google ⛔ หากเนื้อหาไม่ดีหรือไม่เหมาะกับมือถือ อันดับก็อาจไม่ดีขึ้น ⛔ การใช้บริการโฮสติ้งระดับสูงอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ⛔ การย้ายเว็บไปยังเซิร์ฟเวอร์ใหม่อาจต้องปรับแต่งระบบและโครงสร้างเว็บ ⛔ การรับประกัน uptime ไม่ได้หมายถึงไม่มี downtime เลย https://www.techradar.com/pro/bluehost-debuts-ultra-low-latency-web-hosting-to-help-sites-rank-better-on-google
    WWW.TECHRADAR.COM
    Bluehost expands global reach to bring faster hosting to users
    Bluehost says new web hosting speed could change how fast your site ranks
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • “ไม่มีวิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีสตาร์ทอัพ — เมื่อเครื่องยนต์แห่งนวัตกรรมกำลังถูกปิดโดยไม่รู้ตัว”

    Steve Blank ผู้บุกเบิกแนวคิด Lean Startup ได้เขียนบทความสะท้อนถึงวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา — การลดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นรากฐานของนวัตกรรมและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ

    เขาอธิบายว่า “วิทยาศาสตร์” ไม่ใช่แค่การทดลองในห้องแล็บ แต่คือระบบที่เชื่อมโยงกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ (ทั้งทฤษฎีและทดลอง), วิศวกร, ผู้ประกอบการ และนักลงทุน โดยแต่ละบทบาทมีหน้าที่เฉพาะที่เสริมกันอย่างกลมกลืน:

    นักวิทยาศาสตร์สร้างองค์ความรู้ใหม่
    วิศวกรนำความรู้นั้นไปสร้างสิ่งของ
    ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด
    นักลงทุนให้ทุนเพื่อขยายผล

    Blank เตือนว่า หากตัดบทบาทใดบทบาทหนึ่งออก โดยเฉพาะ “นักวิทยาศาสตร์” ที่มักถูกมองข้ามเพราะไม่สร้างรายได้ทันที ระบบนวัตกรรมทั้งหมดจะล่มสลาย

    เขายกตัวอย่างว่า เทคโนโลยีอย่าง ChatGPT, SpaceX, หรือแม้แต่วัคซีน ล้วนมีรากฐานจากการวิจัยขั้นพื้นฐานที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยหรือห้องแล็บของรัฐเมื่อหลายสิบปีก่อน

    นักวิทยาศาสตร์มี 2 ประเภทหลัก: ทฤษฎี (Theorists) และทดลอง (Experimentalists)
    ทฤษฎีสร้างแบบจำลองความจริง ส่วนทดลองทดสอบสมมติฐาน

    วิทยาศาสตร์แบ่งเป็น “พื้นฐาน” และ “ประยุกต์”
    พื้นฐานเพื่อความเข้าใจโลก ประยุกต์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง

    มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เป็นแหล่งวิจัยหลักของประเทศ
    มีระบบสนับสนุนจากรัฐ เช่น NIH, NSF, DoD

    นักวิจัยในมหาวิทยาลัยทำงานเหมือนสตาร์ทอัพขนาดเล็ก
    มีการเขียน proposal, บริหารทีม, สร้างนวัตกรรม

    วิศวกรสร้างสิ่งของจากองค์ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์
    เช่น ชิป Nvidia, จรวด SpaceX, อัลกอริทึม AI

    ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด
    ใช้หลักการทดลองแบบวิทยาศาสตร์เพื่อหาความต้องการจริง

    นักลงทุน (VC) สนับสนุนผู้ประกอบการ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์โดยตรง
    เพราะต้องการผลตอบแทนในระยะสั้น

    การลดงบวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ จะทำให้ประเทศอ่อนแอลง
    ทั้งด้านเศรษฐกิจ, เทคโนโลยี และความมั่นคง

    https://steveblank.com/2025/10/13/no-science-no-startups-the-unseen-engine-were-switching-off/
    🧪 “ไม่มีวิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีสตาร์ทอัพ — เมื่อเครื่องยนต์แห่งนวัตกรรมกำลังถูกปิดโดยไม่รู้ตัว” Steve Blank ผู้บุกเบิกแนวคิด Lean Startup ได้เขียนบทความสะท้อนถึงวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา — การลดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นรากฐานของนวัตกรรมและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ เขาอธิบายว่า “วิทยาศาสตร์” ไม่ใช่แค่การทดลองในห้องแล็บ แต่คือระบบที่เชื่อมโยงกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ (ทั้งทฤษฎีและทดลอง), วิศวกร, ผู้ประกอบการ และนักลงทุน โดยแต่ละบทบาทมีหน้าที่เฉพาะที่เสริมกันอย่างกลมกลืน: ⭐ นักวิทยาศาสตร์สร้างองค์ความรู้ใหม่ ⭐ วิศวกรนำความรู้นั้นไปสร้างสิ่งของ ⭐ ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด ⭐ นักลงทุนให้ทุนเพื่อขยายผล Blank เตือนว่า หากตัดบทบาทใดบทบาทหนึ่งออก โดยเฉพาะ “นักวิทยาศาสตร์” ที่มักถูกมองข้ามเพราะไม่สร้างรายได้ทันที ระบบนวัตกรรมทั้งหมดจะล่มสลาย เขายกตัวอย่างว่า เทคโนโลยีอย่าง ChatGPT, SpaceX, หรือแม้แต่วัคซีน ล้วนมีรากฐานจากการวิจัยขั้นพื้นฐานที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยหรือห้องแล็บของรัฐเมื่อหลายสิบปีก่อน ✅ นักวิทยาศาสตร์มี 2 ประเภทหลัก: ทฤษฎี (Theorists) และทดลอง (Experimentalists) ➡️ ทฤษฎีสร้างแบบจำลองความจริง ส่วนทดลองทดสอบสมมติฐาน ✅ วิทยาศาสตร์แบ่งเป็น “พื้นฐาน” และ “ประยุกต์” ➡️ พื้นฐานเพื่อความเข้าใจโลก ประยุกต์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง ✅ มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เป็นแหล่งวิจัยหลักของประเทศ ➡️ มีระบบสนับสนุนจากรัฐ เช่น NIH, NSF, DoD ✅ นักวิจัยในมหาวิทยาลัยทำงานเหมือนสตาร์ทอัพขนาดเล็ก ➡️ มีการเขียน proposal, บริหารทีม, สร้างนวัตกรรม ✅ วิศวกรสร้างสิ่งของจากองค์ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์ ➡️ เช่น ชิป Nvidia, จรวด SpaceX, อัลกอริทึม AI ✅ ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด ➡️ ใช้หลักการทดลองแบบวิทยาศาสตร์เพื่อหาความต้องการจริง ✅ นักลงทุน (VC) สนับสนุนผู้ประกอบการ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์โดยตรง ➡️ เพราะต้องการผลตอบแทนในระยะสั้น ✅ การลดงบวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ จะทำให้ประเทศอ่อนแอลง ➡️ ทั้งด้านเศรษฐกิจ, เทคโนโลยี และความมั่นคง https://steveblank.com/2025/10/13/no-science-no-startups-the-unseen-engine-were-switching-off/
    STEVEBLANK.COM
    No Science, No Startups: The Innovation Engine We’re Switching Off
    Tons of words have been written about the Trump Administrations war on Science in Universities. But few people have asked what, exactly, is science? How does it work? Who are the scientists? What d…
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • ถอดรหัสโอกาสทางการตลาด: ข้อมูลเชิงลึกสำคัญจากงานวิจัยตลาดโรคนอนไม่หลับ

    งานวิจัยตลาดโรคนอนไม่หลับล่าสุดชี้ให้เห็นว่าความคาดหวังของผู้ป่วยที่เปลี่ยนแปลงไปและการบูรณาการเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการรักษา งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าโรคนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่มากกว่าหนึ่งในสามทั่วโลก ส่งผลให้ต้นทุนการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นและสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน ผลกระทบทางจิตวิทยาและสรีรวิทยาของโรคนี้กำลังกระตุ้นให้บริษัทยาและเทคโนโลยีพัฒนานวัตกรรมที่ก้าวล้ำกว่าการบำบัดด้วยยาแบบดั้งเดิม การบำบัดพฤติกรรม แพลตฟอร์มดิจิทัล และอุปกรณ์ติดตามแบบสวมใส่ได้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในวิวัฒนาการนี้ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการรักษาแบบไม่ใช้ยากำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การแข่งขัน ช่วยให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่และสตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้

    อ้างอิง - https://www.marketresearchfuture.com/reports/insomnia-market-545
    อ่านน้อยลง
    ถอดรหัสโอกาสทางการตลาด: ข้อมูลเชิงลึกสำคัญจากงานวิจัยตลาดโรคนอนไม่หลับ งานวิจัยตลาดโรคนอนไม่หลับล่าสุดชี้ให้เห็นว่าความคาดหวังของผู้ป่วยที่เปลี่ยนแปลงไปและการบูรณาการเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการรักษา งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าโรคนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่มากกว่าหนึ่งในสามทั่วโลก ส่งผลให้ต้นทุนการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นและสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน ผลกระทบทางจิตวิทยาและสรีรวิทยาของโรคนี้กำลังกระตุ้นให้บริษัทยาและเทคโนโลยีพัฒนานวัตกรรมที่ก้าวล้ำกว่าการบำบัดด้วยยาแบบดั้งเดิม การบำบัดพฤติกรรม แพลตฟอร์มดิจิทัล และอุปกรณ์ติดตามแบบสวมใส่ได้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในวิวัฒนาการนี้ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการรักษาแบบไม่ใช้ยากำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การแข่งขัน ช่วยให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่และสตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้ อ้างอิง - https://www.marketresearchfuture.com/reports/insomnia-market-545 อ่านน้อยลง
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Insomnia Market Size, Trends Analysis, Growth Report 2035
    Insomnia Market growth is projected to reach 8.64 USD billion, at a 5.8% CAGR by driving industry size, share, top company analysis, segments research, trends and forecast report 2024 to 2032.
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • “OMG! อินฟลูเอนเซอร์เยอรมันเจอสอบภาษีครั้งใหญ่ — จากแจกของฟรี สู่โดนปรับหลายล้านยูโร”

    อินฟลูเอนเซอร์ในเยอรมนีอาจต้องเปลี่ยนจาก “เปิดกล่องของขวัญ” เป็น “เปิดจดหมายเรียกเก็บภาษี” หลังรัฐ North Rhine-Westphalia ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ ประกาศตั้งหน่วยสอบสวนพิเศษเพื่อจัดการกับการหลีกเลี่ยงภาษีในวงการอินฟลูเอนเซอร์โดยเฉพาะ

    หน่วยงานนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลกว่า 6,000 รายการจากแพลตฟอร์มโซเชียล เช่น TikTok และ Instagram เพื่อหาหลักฐานการไม่ชำระภาษีจากรายได้ที่มาจากยอดวิว การรีวิวสินค้า การรับของขวัญ หรือการรับเงินจากแบรนด์ต่าง ๆ โดยเฉพาะกรณีที่มีการ “แกล้งย้ายถิ่นฐาน” ไปต่างประเทศ เช่น ดูไบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แต่ยังใช้ชีวิตอยู่ในเยอรมนีเป็นหลัก

    Stephanie Thien หัวหน้าหน่วยสอบสวนด้านอาชญากรรมการเงินของรัฐกล่าวว่า “เรารู้ว่ามีเงินหมุนเวียนจำนวนมาก และเราก็รู้ว่ามันไม่ได้ถูกเสียภาษีอย่างถูกต้องทั้งหมด” โดยก่อนหน้านี้รัฐได้ดำเนินคดีอาญากับอินฟลูเอนเซอร์กว่า 200 ราย และบางรายถูกกล่าวหาว่าหลีกเลี่ยงภาษีเป็นเงินหลายล้านยูโร

    Christian Gebert จากบริษัทที่ปรึกษาด้านภาษี Steuerberaten.de ระบุว่า หลายคนเริ่มต้นจากการเล่นสนุกบนโซเชียลโดยไม่รู้ว่าต้องเสียภาษี และเมื่อประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วก็ไม่มีระบบจัดการภาษีที่เหมาะสม

    นอกจาก North Rhine-Westphalia แล้ว รัฐอื่น ๆ เช่น Hamburg และ Thuringia ก็เริ่มดำเนินการสอบสวนเช่นกัน โดยใช้เทคโนโลยี AI และการเปรียบเทียบข้อมูลจากผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น PayPal และ Revolut เพื่อหาความผิดปกติ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐ North Rhine-Westphalia ตั้งหน่วยสอบสวนพิเศษเพื่อจัดการการหลีกเลี่ยงภาษีของอินฟลูเอนเซอร์
    ตรวจสอบข้อมูลกว่า 6,000 รายการจากแพลตฟอร์มโซเชียล
    รายได้ที่ถูกตรวจสอบรวมถึงยอดวิว, การรีวิวสินค้า, ของขวัญ, และเงินจากแบรนด์
    พบกรณี “แกล้งย้ายถิ่นฐาน” ไปต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
    ดำเนินคดีอาญากับอินฟลูเอนเซอร์กว่า 200 รายแล้ว
    รัฐอื่น ๆ เช่น Hamburg และ Thuringia ก็เริ่มสอบสวนเช่นกัน
    ใช้ AI และข้อมูลจากผู้ให้บริการชำระเงินในการตรวจสอบ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    อินฟลูเอนเซอร์ในเยอรมนีมีรายได้จากหลายช่องทาง เช่น affiliate, sponsorship, pay-per-view
    การรับของขวัญ เช่น ห้องพักฟรีหรือเที่ยวบิน ต้องถูกนับเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี
    อินฟลูเอนเซอร์ถือเป็น “ผู้ประกอบการ” ตามกฎหมายภาษีเยอรมัน
    ต้องเสียภาษีหลายประเภท เช่น ภาษีรายได้, ภาษีธุรกิจ, และภาษีขาย
    การไม่รู้ว่าต้องเสียภาษีไม่ถือเป็นข้อยกเว้นตามกฎหมาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/09/omg-german-influencers-face-tax-dodging-crackdown
    💸 “OMG! อินฟลูเอนเซอร์เยอรมันเจอสอบภาษีครั้งใหญ่ — จากแจกของฟรี สู่โดนปรับหลายล้านยูโร” อินฟลูเอนเซอร์ในเยอรมนีอาจต้องเปลี่ยนจาก “เปิดกล่องของขวัญ” เป็น “เปิดจดหมายเรียกเก็บภาษี” หลังรัฐ North Rhine-Westphalia ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ ประกาศตั้งหน่วยสอบสวนพิเศษเพื่อจัดการกับการหลีกเลี่ยงภาษีในวงการอินฟลูเอนเซอร์โดยเฉพาะ หน่วยงานนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลกว่า 6,000 รายการจากแพลตฟอร์มโซเชียล เช่น TikTok และ Instagram เพื่อหาหลักฐานการไม่ชำระภาษีจากรายได้ที่มาจากยอดวิว การรีวิวสินค้า การรับของขวัญ หรือการรับเงินจากแบรนด์ต่าง ๆ โดยเฉพาะกรณีที่มีการ “แกล้งย้ายถิ่นฐาน” ไปต่างประเทศ เช่น ดูไบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แต่ยังใช้ชีวิตอยู่ในเยอรมนีเป็นหลัก Stephanie Thien หัวหน้าหน่วยสอบสวนด้านอาชญากรรมการเงินของรัฐกล่าวว่า “เรารู้ว่ามีเงินหมุนเวียนจำนวนมาก และเราก็รู้ว่ามันไม่ได้ถูกเสียภาษีอย่างถูกต้องทั้งหมด” โดยก่อนหน้านี้รัฐได้ดำเนินคดีอาญากับอินฟลูเอนเซอร์กว่า 200 ราย และบางรายถูกกล่าวหาว่าหลีกเลี่ยงภาษีเป็นเงินหลายล้านยูโร Christian Gebert จากบริษัทที่ปรึกษาด้านภาษี Steuerberaten.de ระบุว่า หลายคนเริ่มต้นจากการเล่นสนุกบนโซเชียลโดยไม่รู้ว่าต้องเสียภาษี และเมื่อประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วก็ไม่มีระบบจัดการภาษีที่เหมาะสม นอกจาก North Rhine-Westphalia แล้ว รัฐอื่น ๆ เช่น Hamburg และ Thuringia ก็เริ่มดำเนินการสอบสวนเช่นกัน โดยใช้เทคโนโลยี AI และการเปรียบเทียบข้อมูลจากผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น PayPal และ Revolut เพื่อหาความผิดปกติ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐ North Rhine-Westphalia ตั้งหน่วยสอบสวนพิเศษเพื่อจัดการการหลีกเลี่ยงภาษีของอินฟลูเอนเซอร์ ➡️ ตรวจสอบข้อมูลกว่า 6,000 รายการจากแพลตฟอร์มโซเชียล ➡️ รายได้ที่ถูกตรวจสอบรวมถึงยอดวิว, การรีวิวสินค้า, ของขวัญ, และเงินจากแบรนด์ ➡️ พบกรณี “แกล้งย้ายถิ่นฐาน” ไปต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ➡️ ดำเนินคดีอาญากับอินฟลูเอนเซอร์กว่า 200 รายแล้ว ➡️ รัฐอื่น ๆ เช่น Hamburg และ Thuringia ก็เริ่มสอบสวนเช่นกัน ➡️ ใช้ AI และข้อมูลจากผู้ให้บริการชำระเงินในการตรวจสอบ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ อินฟลูเอนเซอร์ในเยอรมนีมีรายได้จากหลายช่องทาง เช่น affiliate, sponsorship, pay-per-view ➡️ การรับของขวัญ เช่น ห้องพักฟรีหรือเที่ยวบิน ต้องถูกนับเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี ➡️ อินฟลูเอนเซอร์ถือเป็น “ผู้ประกอบการ” ตามกฎหมายภาษีเยอรมัน ➡️ ต้องเสียภาษีหลายประเภท เช่น ภาษีรายได้, ภาษีธุรกิจ, และภาษีขาย ➡️ การไม่รู้ว่าต้องเสียภาษีไม่ถือเป็นข้อยกเว้นตามกฎหมาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/09/omg-german-influencers-face-tax-dodging-crackdown
    WWW.THESTAR.COM.MY
    OMG! German influencers face tax dodging crackdown
    They could soon be unboxing fines rather than freebies – Germany's online influencers are facing a tax evasion crackdown that has left them screaming OMG!
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • คนละครึ่งพลัสยุคอนุทิน หวังเศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม

    หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงข่าวเปิดตัวโครงการทันที แม้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะประกาศให้เป็นนโยบายเรือธงเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่นายเอกนิติยอมรับว่า วัตถุประสงค์หลักเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม เพราะทิศทางมีแนวโน้มติดลบ ขยายตัวชะลอลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.3-0.4% ของจีดีพี

    โครงการนี้ใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท กับงบฉุกเฉิน 19,000 ล้านบาท ให้ประชาชนสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 20 ล้านสิทธิ สแกนจ่ายผ่าน G Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" กับร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลสนับสนุน 50% สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,000 บาท

    ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค. หรือจนกว่าจะครบ 20 ล้านสิทธิ จากนั้นเติมเงินเข้า G Wallet และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. เวลา 06.00-23.00 น. ส่วนร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ​

    สำหรับร้านค้าถุงเงินที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ร้านค้าธงฟ้าฯ ของบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสหกรณ์ รวมทั้งร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย ที่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขโครงการ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถกดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขได้ที่เมนู "คนละครึ่งพลัส" บนแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ส่วนร้านค้าใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยอดขายน้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยสมัครร้านค้าถุงเงินของธนาคารกรุงไทย และสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส

    อนึ่ง โครงการคนละครึ่งเฟส 5 เมื่อปี 2565 มีผู้ใช้สิทธิ 24.02 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 36,704.80 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 18,696.10 ล้านบาท เงินที่รัฐร่วมจ่าย 18,008.70 ล้านบาท โดยพบว่าใช้จ่ายร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 41.72% รองลงมาคือร้านค้าทั่วไป 31.51% ร้านธงฟ้าฯ 20.21% ร้านโอทอป 4.82% ร้านบริการ 1.62% และกิจการขนส่งสาธารณะ 0.13%

    #Newskit
    คนละครึ่งพลัสยุคอนุทิน หวังเศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงข่าวเปิดตัวโครงการทันที แม้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะประกาศให้เป็นนโยบายเรือธงเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่นายเอกนิติยอมรับว่า วัตถุประสงค์หลักเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม เพราะทิศทางมีแนวโน้มติดลบ ขยายตัวชะลอลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.3-0.4% ของจีดีพี โครงการนี้ใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท กับงบฉุกเฉิน 19,000 ล้านบาท ให้ประชาชนสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 20 ล้านสิทธิ สแกนจ่ายผ่าน G Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" กับร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลสนับสนุน 50% สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,000 บาท ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค. หรือจนกว่าจะครบ 20 ล้านสิทธิ จากนั้นเติมเงินเข้า G Wallet และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. เวลา 06.00-23.00 น. ส่วนร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ​ สำหรับร้านค้าถุงเงินที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ร้านค้าธงฟ้าฯ ของบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสหกรณ์ รวมทั้งร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย ที่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขโครงการ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถกดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขได้ที่เมนู "คนละครึ่งพลัส" บนแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ส่วนร้านค้าใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยอดขายน้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยสมัครร้านค้าถุงเงินของธนาคารกรุงไทย และสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส อนึ่ง โครงการคนละครึ่งเฟส 5 เมื่อปี 2565 มีผู้ใช้สิทธิ 24.02 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 36,704.80 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 18,696.10 ล้านบาท เงินที่รัฐร่วมจ่าย 18,008.70 ล้านบาท โดยพบว่าใช้จ่ายร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 41.72% รองลงมาคือร้านค้าทั่วไป 31.51% ร้านธงฟ้าฯ 20.21% ร้านโอทอป 4.82% ร้านบริการ 1.62% และกิจการขนส่งสาธารณะ 0.13% #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 409 Views 0 Reviews
  • “Qualcomm เข้าซื้อ Arduino พร้อมเปิดตัวบอร์ด UNO Q — ยกระดับ AI สำหรับนักพัฒนา 33 ล้านคนทั่วโลก”

    Qualcomm สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเทคโนโลยีด้วยการประกาศเข้าซื้อกิจการของ Arduino บริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก โดยดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายขอบเขตของ Qualcomm ในด้าน edge computing และ AI ให้เข้าถึงนักพัฒนาในระดับรากหญ้า ตั้งแต่นักเรียน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงนักวิจัย

    แม้จะเปลี่ยนเจ้าของ แต่ Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์ ความเป็นอิสระ และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้เช่นเดิม พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกภายใต้ความร่วมมือคือ “Arduino UNO Q” — บอร์ดรุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain” โดยผสานพลังของ Qualcomm Dragonwing QRB2210 ซึ่งเป็นชิปประมวลผล Linux เข้ากับ STM32U585 MCU สำหรับงานควบคุมแบบเรียลไทม์

    UNO Q ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI เช่น การประมวลผลภาพ เสียง และการควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยมีขนาดเท่ากับบอร์ด Arduino UNO รุ่นเดิม ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม (shields) ที่มีอยู่แล้วได้ทันที

    นอกจากนี้ Arduino ยังเปิดตัว “App Lab” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาแบบใหม่ที่รวมการเขียนโปรแกรมด้วย Linux, Python, RTOS และ AI ไว้ในที่เดียว เพื่อให้การสร้างต้นแบบและการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

    Qualcomm ระบุว่าการเข้าซื้อ Arduino เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างแพลตฟอร์ม edge computing แบบครบวงจร โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse มาแล้ว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านซอฟต์แวร์และการเรียนรู้ของเครื่อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm เข้าซื้อ Arduino เพื่อขยายขอบเขตด้าน AI และ edge computing
    Arduino มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก
    Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้
    ผลิตภัณฑ์แรกคือ Arduino UNO Q ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain”
    ใช้ชิป Qualcomm Dragonwing QRB2210 สำหรับ Linux และ STM32U585 MCU สำหรับงานเรียลไทม์
    รองรับการประมวลผลภาพ เสียง และงานควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ
    ขนาดบอร์ดเท่ากับ Arduino UNO รุ่นเดิม ใช้งานร่วมกับ shields ได้
    เปิดตัว App Lab สำหรับการพัฒนาแบบรวม Linux, Python, RTOS และ AI
    Qualcomm เคยเข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse เพื่อเสริมกลยุทธ์ edge computing

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    STM32U585 MCU ใช้สถาปัตยกรรม Arm Cortex-M33 ความเร็วสูงสุด 160 MHz
    Dragonwing QRB2210 มี CPU Kryo 4 คอร์, GPU Adreno 702 และ DSP แบบ dual-core
    UNO Q รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C, Wi-Fi, Bluetooth และ eMMC storage
    สามารถใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์เดี่ยวได้ เช่นเดียวกับ Raspberry Pi
    App Lab มีเป้าหมายเพื่อเร่งการพัฒนาและทดสอบโมเดล AI ด้วยข้อมูลจริง

    https://www.techradar.com/pro/qualcomm-acquires-arduino-in-surprising-move-that-puts-it-right-on-the-edge-and-at-the-helm-of-a-33-million-strong-maker-community
    🔧 “Qualcomm เข้าซื้อ Arduino พร้อมเปิดตัวบอร์ด UNO Q — ยกระดับ AI สำหรับนักพัฒนา 33 ล้านคนทั่วโลก” Qualcomm สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเทคโนโลยีด้วยการประกาศเข้าซื้อกิจการของ Arduino บริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก โดยดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายขอบเขตของ Qualcomm ในด้าน edge computing และ AI ให้เข้าถึงนักพัฒนาในระดับรากหญ้า ตั้งแต่นักเรียน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงนักวิจัย แม้จะเปลี่ยนเจ้าของ แต่ Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์ ความเป็นอิสระ และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้เช่นเดิม พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกภายใต้ความร่วมมือคือ “Arduino UNO Q” — บอร์ดรุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain” โดยผสานพลังของ Qualcomm Dragonwing QRB2210 ซึ่งเป็นชิปประมวลผล Linux เข้ากับ STM32U585 MCU สำหรับงานควบคุมแบบเรียลไทม์ UNO Q ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI เช่น การประมวลผลภาพ เสียง และการควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยมีขนาดเท่ากับบอร์ด Arduino UNO รุ่นเดิม ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม (shields) ที่มีอยู่แล้วได้ทันที นอกจากนี้ Arduino ยังเปิดตัว “App Lab” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาแบบใหม่ที่รวมการเขียนโปรแกรมด้วย Linux, Python, RTOS และ AI ไว้ในที่เดียว เพื่อให้การสร้างต้นแบบและการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน Qualcomm ระบุว่าการเข้าซื้อ Arduino เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างแพลตฟอร์ม edge computing แบบครบวงจร โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse มาแล้ว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านซอฟต์แวร์และการเรียนรู้ของเครื่อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm เข้าซื้อ Arduino เพื่อขยายขอบเขตด้าน AI และ edge computing ➡️ Arduino มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก ➡️ Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้ ➡️ ผลิตภัณฑ์แรกคือ Arduino UNO Q ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain” ➡️ ใช้ชิป Qualcomm Dragonwing QRB2210 สำหรับ Linux และ STM32U585 MCU สำหรับงานเรียลไทม์ ➡️ รองรับการประมวลผลภาพ เสียง และงานควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ ➡️ ขนาดบอร์ดเท่ากับ Arduino UNO รุ่นเดิม ใช้งานร่วมกับ shields ได้ ➡️ เปิดตัว App Lab สำหรับการพัฒนาแบบรวม Linux, Python, RTOS และ AI ➡️ Qualcomm เคยเข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse เพื่อเสริมกลยุทธ์ edge computing ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ STM32U585 MCU ใช้สถาปัตยกรรม Arm Cortex-M33 ความเร็วสูงสุด 160 MHz ➡️ Dragonwing QRB2210 มี CPU Kryo 4 คอร์, GPU Adreno 702 และ DSP แบบ dual-core ➡️ UNO Q รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C, Wi-Fi, Bluetooth และ eMMC storage ➡️ สามารถใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์เดี่ยวได้ เช่นเดียวกับ Raspberry Pi ➡️ App Lab มีเป้าหมายเพื่อเร่งการพัฒนาและทดสอบโมเดล AI ด้วยข้อมูลจริง https://www.techradar.com/pro/qualcomm-acquires-arduino-in-surprising-move-that-puts-it-right-on-the-edge-and-at-the-helm-of-a-33-million-strong-maker-community
    WWW.TECHRADAR.COM
    Qualcomm acquires Arduino and unveils new UNO Q AI board
    Arduino UNO Q will be the first product from the collaboration
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • “เสียงสะท้อนจากสังคมอเมริกัน — การพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายอาจไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิด”

    แม้การพนันกีฬาจะถูกกฎหมายในสหรัฐฯ อย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 2018 หลังคำตัดสินของศาลสูง แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Research Center ในปี 2025 กลับสะท้อนมุมมองที่เปลี่ยนไปของประชาชน โดยมีจำนวนผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมาย “เป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม” เพิ่มขึ้นจาก 34% ในปี 2022 เป็น 43% ในปี 2025 และมองว่า “เป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา” เพิ่มจาก 33% เป็น 40%

    แม้จะมีการเติบโตของตลาดการพนันกีฬา โดยเฉพาะในรูปแบบออนไลน์ แต่จำนวนผู้ที่ลงเดิมพันจริงกลับไม่เพิ่มขึ้นมากนัก โดย 22% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่าเคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 19% ในปี 2022 และที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจาก “การเดิมพันออนไลน์” เท่านั้น

    กลุ่มที่มีแนวโน้มเดิมพันมากที่สุดคือคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม และกลุ่มคนผิวดำและฮิสแปนิก ซึ่งมีอัตราการเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน กลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มที่เปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุดเช่นกัน เช่น ชายอายุต่ำกว่า 30 ปีที่เคยมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีมีสัดส่วนเพิ่มจาก 22% เป็น 47% ในเวลาเพียง 3 ปี

    แม้การพนันกีฬาจะสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการเสพติดการพนัน การละเมิดกฎในวงการกีฬา และผลกระทบต่อความโปร่งใสของการแข่งขัน ซึ่งในช่วงหลังมีกรณีที่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนันมากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    43% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายเป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม
    40% มองว่าเป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2022
    22% ของผู้ใหญ่เคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 19% ในปี 2022
    การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจากการเดิมพันออนไลน์ ซึ่งเพิ่มจาก 6% เป็น 10%
    กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม มีอัตราการเดิมพันสูงที่สุด
    คนผิวดำและฮิสแปนิกมีแนวโน้มเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่น
    กลุ่มคนหนุ่มสาวเปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุด
    การพนันกีฬาถูกกฎหมายใน 38 รัฐ รวมถึง D.C. และเปอร์โตริโก
    การโฆษณาเกี่ยวกับการพนันกีฬาเพิ่มขึ้นในรายการถ่ายทอดสดกีฬา
    การพนันกีฬาสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การพนันกีฬาในสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็วหลังคำตัดสินของศาลสูงในปี 2018
    การเดิมพันออนไลน์มีความสะดวกและเข้าถึงง่าย ทำให้เป็นช่องทางหลักของผู้เล่น
    หลายรัฐใช้รายได้จากการพนันเพื่อสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาและสาธารณสุข
    นักกีฬาหลายคนถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนัน เช่น NFL และ NCAA
    การเสพติดการพนันเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในสหรัฐฯ

    https://www.pewresearch.org/short-reads/2025/10/02/americans-increasingly-see-legal-sports-betting-as-a-bad-thing-for-society-and-sports/
    🎲 “เสียงสะท้อนจากสังคมอเมริกัน — การพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายอาจไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิด” แม้การพนันกีฬาจะถูกกฎหมายในสหรัฐฯ อย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 2018 หลังคำตัดสินของศาลสูง แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Research Center ในปี 2025 กลับสะท้อนมุมมองที่เปลี่ยนไปของประชาชน โดยมีจำนวนผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมาย “เป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม” เพิ่มขึ้นจาก 34% ในปี 2022 เป็น 43% ในปี 2025 และมองว่า “เป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา” เพิ่มจาก 33% เป็น 40% แม้จะมีการเติบโตของตลาดการพนันกีฬา โดยเฉพาะในรูปแบบออนไลน์ แต่จำนวนผู้ที่ลงเดิมพันจริงกลับไม่เพิ่มขึ้นมากนัก โดย 22% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่าเคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 19% ในปี 2022 และที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจาก “การเดิมพันออนไลน์” เท่านั้น กลุ่มที่มีแนวโน้มเดิมพันมากที่สุดคือคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม และกลุ่มคนผิวดำและฮิสแปนิก ซึ่งมีอัตราการเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน กลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มที่เปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุดเช่นกัน เช่น ชายอายุต่ำกว่า 30 ปีที่เคยมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีมีสัดส่วนเพิ่มจาก 22% เป็น 47% ในเวลาเพียง 3 ปี แม้การพนันกีฬาจะสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการเสพติดการพนัน การละเมิดกฎในวงการกีฬา และผลกระทบต่อความโปร่งใสของการแข่งขัน ซึ่งในช่วงหลังมีกรณีที่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนันมากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ 43% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายเป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม ➡️ 40% มองว่าเป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2022 ➡️ 22% ของผู้ใหญ่เคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 19% ในปี 2022 ➡️ การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจากการเดิมพันออนไลน์ ซึ่งเพิ่มจาก 6% เป็น 10% ➡️ กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม มีอัตราการเดิมพันสูงที่สุด ➡️ คนผิวดำและฮิสแปนิกมีแนวโน้มเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่น ➡️ กลุ่มคนหนุ่มสาวเปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุด ➡️ การพนันกีฬาถูกกฎหมายใน 38 รัฐ รวมถึง D.C. และเปอร์โตริโก ➡️ การโฆษณาเกี่ยวกับการพนันกีฬาเพิ่มขึ้นในรายการถ่ายทอดสดกีฬา ➡️ การพนันกีฬาสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การพนันกีฬาในสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็วหลังคำตัดสินของศาลสูงในปี 2018 ➡️ การเดิมพันออนไลน์มีความสะดวกและเข้าถึงง่าย ทำให้เป็นช่องทางหลักของผู้เล่น ➡️ หลายรัฐใช้รายได้จากการพนันเพื่อสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาและสาธารณสุข ➡️ นักกีฬาหลายคนถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนัน เช่น NFL และ NCAA ➡️ การเสพติดการพนันเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในสหรัฐฯ https://www.pewresearch.org/short-reads/2025/10/02/americans-increasingly-see-legal-sports-betting-as-a-bad-thing-for-society-and-sports/
    WWW.PEWRESEARCH.ORG
    Americans increasingly see legal sports betting as a bad thing for society and sports
    Today, 43% of U.S. adults say the fact that sports betting is now legal in much of the country is a bad thing for society, up from 34% in 2022.
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 Reviews
  • อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง!

    ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด!

    เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ:
    เพิ่มกำไร: เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย
    ผลิตง่าย: ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ ไส้เกี๊ยว หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย
    ทำงานรวดเร็ว: ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล

    รายละเอียดเครื่อง:

    มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V
    กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม.
    ขนาด: 800 x 650 x 900 มม.
    น้ำหนัก: 250 กก.

    ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ!

    แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง
    #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง! 😩 ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด! 💯 เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ: เพิ่มกำไร: 📈 เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย ผลิตง่าย: ✨ ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ 🍔 ไส้เกี๊ยว 🥟 หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ทำงานรวดเร็ว: ⏱️ ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล รายละเอียดเครื่อง: มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V 💪 กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม. ⚡ ขนาด: 800 x 650 x 900 มม. น้ำหนัก: 250 กก. ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ! 👍 แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    0 Comments 0 Shares 649 Views 0 Reviews
  • Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO ของ Blender — ปิดตำนาน 32 ปี พร้อมส่งไม้ต่อสู่ทีมรุ่นใหม่

    ในงาน Blender Conference ปี 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนกันยายน Ton Roosendaal ผู้ก่อตั้งและผู้ผลักดันซอฟต์แวร์ 3D แบบโอเพ่นซอร์สชื่อดังอย่าง Blender ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาจะลงจากตำแหน่งประธานและ CEO ของ Blender Foundation ในวันที่ 1 มกราคม 2026 หลังจากดำรงตำแหน่งมายาวนานกว่า 24 ปี และมีบทบาทกับ Blender มานานถึง 32 ปี

    Ton จะย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแลของ Blender Foundation และส่งไม้ต่อให้กับ Francesco Siddi ซึ่งปัจจุบันเป็น COO ของ Blender โดย Francesco เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012 ในบทบาทต่าง ๆ ตั้งแต่ VFX artist, web developer ไปจนถึงผู้จัดการด้านความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม

    การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การเปลี่ยน CEO แต่ยังมีการจัดโครงสร้างใหม่ของทีมบริหาร โดยแบ่งบทบาทสำคัญของ Ton ออกเป็น 4 ด้าน และมอบหมายให้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ได้แก่ Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา, Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ และ Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการเติบโตของ Blender จากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ ที่เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo ไปสู่เครื่องมือระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ เช่น Epic Games, AMD, Intel และ NVIDIA โดยในปีที่ผ่านมา Blender มีรายได้กว่า €3.1 ล้าน และสามารถจ้างทีมพัฒนาเต็มเวลาได้มากกว่า 15 คน

    Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO และประธาน Blender Foundation
    จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 1 มกราคม 2026
    ย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแล

    Francesco Siddi จะรับตำแหน่ง CEO คนใหม่
    เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012
    มีประสบการณ์ทั้งด้านเทคนิคและการบริหาร

    โครงสร้างบริหารใหม่แบ่งบทบาทออกเป็น 4 ด้าน
    Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา
    Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์
    Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ
    Francesco Siddi รับบทบาทผู้ประกอบการและผู้นำองค์กร

    Blender เติบโตจากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ สู่เครื่องมือระดับโลก
    เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo และกลายเป็นโอเพ่นซอร์สในปี 2002
    ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ
    มีรายได้จากผู้สนับสนุนองค์กรเกือบ 40% ของรายรับรวม

    การเปลี่ยนผ่านสะท้อนความพร้อมของทีมรุ่นใหม่
    Ton กล่าวว่า “Blender ต้องทำงานได้โดยไม่มีผม”
    ทีมใหม่มีความสามารถหลากหลายและพร้อมนำ Blender สู่ทศวรรษหน้า

    https://www.cgchannel.com/2025/09/ton-roosendaal-to-step-down-as-blender-chairman-and-ceo/
    📰 Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO ของ Blender — ปิดตำนาน 32 ปี พร้อมส่งไม้ต่อสู่ทีมรุ่นใหม่ ในงาน Blender Conference ปี 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนกันยายน Ton Roosendaal ผู้ก่อตั้งและผู้ผลักดันซอฟต์แวร์ 3D แบบโอเพ่นซอร์สชื่อดังอย่าง Blender ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาจะลงจากตำแหน่งประธานและ CEO ของ Blender Foundation ในวันที่ 1 มกราคม 2026 หลังจากดำรงตำแหน่งมายาวนานกว่า 24 ปี และมีบทบาทกับ Blender มานานถึง 32 ปี Ton จะย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแลของ Blender Foundation และส่งไม้ต่อให้กับ Francesco Siddi ซึ่งปัจจุบันเป็น COO ของ Blender โดย Francesco เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012 ในบทบาทต่าง ๆ ตั้งแต่ VFX artist, web developer ไปจนถึงผู้จัดการด้านความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การเปลี่ยน CEO แต่ยังมีการจัดโครงสร้างใหม่ของทีมบริหาร โดยแบ่งบทบาทสำคัญของ Ton ออกเป็น 4 ด้าน และมอบหมายให้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ได้แก่ Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา, Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ และ Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการเติบโตของ Blender จากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ ที่เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo ไปสู่เครื่องมือระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ เช่น Epic Games, AMD, Intel และ NVIDIA โดยในปีที่ผ่านมา Blender มีรายได้กว่า €3.1 ล้าน และสามารถจ้างทีมพัฒนาเต็มเวลาได้มากกว่า 15 คน ✅ Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO และประธาน Blender Foundation ➡️ จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 1 มกราคม 2026 ➡️ ย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแล ✅ Francesco Siddi จะรับตำแหน่ง CEO คนใหม่ ➡️ เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012 ➡️ มีประสบการณ์ทั้งด้านเทคนิคและการบริหาร ✅ โครงสร้างบริหารใหม่แบ่งบทบาทออกเป็น 4 ด้าน ➡️ Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา ➡️ Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ ➡️ Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ ➡️ Francesco Siddi รับบทบาทผู้ประกอบการและผู้นำองค์กร ✅ Blender เติบโตจากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ สู่เครื่องมือระดับโลก ➡️ เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo และกลายเป็นโอเพ่นซอร์สในปี 2002 ➡️ ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ➡️ มีรายได้จากผู้สนับสนุนองค์กรเกือบ 40% ของรายรับรวม ✅ การเปลี่ยนผ่านสะท้อนความพร้อมของทีมรุ่นใหม่ ➡️ Ton กล่าวว่า “Blender ต้องทำงานได้โดยไม่มีผม” ➡️ ทีมใหม่มีความสามารถหลากหลายและพร้อมนำ Blender สู่ทศวรรษหน้า https://www.cgchannel.com/2025/09/ton-roosendaal-to-step-down-as-blender-chairman-and-ceo/
    WWW.CGCHANNEL.COM
    Ton Roosendaal to step down as Blender chairman and CEO
    Original Blender creator to hand over role as CEO of the Blender Foundation to COO Francesco Siddi at the start of next year.
    0 Comments 0 Shares 284 Views 0 Reviews
  • ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา

    ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ

    สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล

    นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น

    #Newskit
    ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น #Newskit
    1 Comments 0 Shares 536 Views 0 Reviews
  • DITP เชิดชู 20 ผู้ประกอบการไทย รับมอบตรา T Mark การันตีมาตรฐานสู่ตลาดโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/21485/
    .
    #ไทยไท #DITP #TMark #ThailandTrustMark #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวธุรกิจ #กระทรวงพาณิชย์
    DITP เชิดชู 20 ผู้ประกอบการไทย รับมอบตรา T Mark การันตีมาตรฐานสู่ตลาดโลก https://www.thai-tai.tv/news/21485/ . #ไทยไท #DITP #TMark #ThailandTrustMark #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวธุรกิจ #กระทรวงพาณิชย์
    0 Comments 0 Shares 288 Views 0 Reviews
  • DITP เชิดชู 20 ผู้ประกอบการไทย รับมอบตรา T Mark การันตีมาตรฐานสู่ตลาดโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/21485/
    .
    #ไทยไท #DITP #TMark #ThailandTrustMark #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวธุรกิจ #กระทรวงพาณิชย์
    DITP เชิดชู 20 ผู้ประกอบการไทย รับมอบตรา T Mark การันตีมาตรฐานสู่ตลาดโลก https://www.thai-tai.tv/news/21485/ . #ไทยไท #DITP #TMark #ThailandTrustMark #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวธุรกิจ #กระทรวงพาณิชย์
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 5 – สร้างพระเจ้าองค์ใหม่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 5 : สร้างพระเจ้าองค์ใหม่
    หลัง Anglo American Establishment กอดคอจับมือกันชัดเจน เมื่อประมาณ ค.ศ.1890 ทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมกันสร้างกลไก สร้างระบบด้านการเงินการธนาคารเป็นอันดับแรก เพื่อเอาตัวเองนำหน้าชักใยรัฐบาล และลดบทบาทของประเทศ
    ระบบธนาคารกลาง เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1694 ที่อังกฤษ เป็นการรวมตัวกันของ เครือข่ายธนาคารกลางนานาชาติ ซึ่งไม่ได้เป็นของรัฐ แต่เป็นของเอกชน ! มีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชนคนโคตรรวย ธนาคารกลางนี้เป็นผู้อนุญาตให้ รัฐบาล (จำกันให้ดี เงินเป็นใหญ่กว่ารัฐบาล มาตั้งแต่ ค.ศ.1694 แล้ว !) ในการพิมพ์ธนบัตร เงินสกุลต่างๆ ของแต่ละประเทศ โดยอนุญาตให้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และทำกำไรจากดอกเบี้ยนั้น ธนาคารกลางเหล่านี้ เป็นผู้ให้เงินกู้แก่รัฐบาล และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เท่ากับควบคุมลูกค้าใหญ่ 2 กลุ่ม 2 ขาของประเทศไปพร้อมๆ กัน ต่อมาภายหลังประมาณ ปี ค.ศ.1930 ธนาคารกลางเหล่านี้ พร้อมใจกันอยู่ในระบบที่พวกตัว เองสร้างขึ้น เรียกว่า Bank for International Settlements (BIS) ตั้งอยู่ที่เมือง Basle ในสวิสเซอร์แลนด์ เป็นธนาคารของเอกชนเช่นเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของเหล่าสมาชิกซึ่งเป็นธนาคารกลางต่างๆ (เขียนแล้วมึนเอง คนอ่านก็คงมึน) เอาแบบง่ายๆ BIS ธนาคารกลางตัวแม่นี้ถือหุ้นโดย ธนาคารกลางตัว ลูกๆ ทั้งหลาย ธนาคารกลางตัวลูกก็ถือหุ้นโดยพวกเอกชนคนโคตรรวยอีกต่อหนึ่ง สรุปว่า พวกคนรวยลงทุนลงขันกันเอง เพื่อตั้งธนาคารกลาง และไม่ให้ใครมายุ่ง เขาดูแลเงินของเขากันเอง ตั้งกฎกติกาเอง โดยให้แม่ BIS คุม รัฐบาลได้แต่ทำตาปริบๆ ดู หน้าจ๋อย มือกุม ก้มหน้า รับคำสั่งรับอำนาจมาจากคนรวยอีกทีหนึ่ง เข้าใจไหม คนรวยใหญ่กว่ารัฐบาล ถึงพูดกันว่าเงินเป็นพระเจ้า
    ระบบธนาคารกลางนี้ หลังจากเกิดขึ้นครั้งแรกที่ London ไปได้สวย คนรวยติดใจ จึงขยายตัวข้ามมาในทวีปยุโรปตะวันตก และกระจายทั่วไปในทวีปยุโรป การปฏิวัติในฝรั่งเศส ทำให้นโปเลียนขึ้นมามีอำนาจ และยอมให้บรรดานายทุนที่รวมตัวกันให้เงินกู้นโปเลียนไปทำการปฏิวัตินั่นแหละ จับมือร่วมกันจัดตั้งธนาคารในฝรั่งเศสขึ้น เป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่พวกนายทุนนี้ควบคุมกันเอง รัฐบาลไม่เกี่ยว ธนาคารนี้เป็นต้นกำเนิดของตระกูลโคตรรวยทางฝั่งยุโรป คือ ตระกูล Rothshilds ชาวยิวในยุโรป ซึ่งขยายธุรกิจการเงินของตระกูล โดยการตั้งธนาคารใน London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples ทำให้ตระกูลนี้ยิ่งรวยเละขึ้นไปอีก และยิ่งรวยเพิ่มขึ้น จากการไปถือหางทุกฝ่ายในการรบทุกครั้งของนโปเลียน (ต้นกำเนิดของการถือไพ่ทุกใบในการต่อสู้ มีเงินซื้อไพ่ทุกใบ มีไพ่ให้เลือกเล่นแยะ เล่นยังไงก็ชนะ ยกเว้นโคตรโง่ หรือ โคตรเลว จนเทวดาบอกมีเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ตัวอย่างกำลังมีให้เห็นในบ้านเรา !)
    นาย Carroll Quigley นักประวัติศาสตร์ นักทฤษฎี เจ้าความคิดกำเนิดแห่งศิวิไลย์ของมนุษยชาติ แห่งมหาวิทยาลัย Georgetown เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งบรรดาสาวกทั้งหลายถือเป็นคัมภีร์ ชื่อ Tragedy and Hope บอกว่าในช่วง ค.ศ.18101850 พวกวาณิชธนกิจใน London ได้สร้าง ธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) ตลาดหุ้นและตลาดเงินแห่ง London และไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ขยายธุรกิจ โดยการสร้างธนาคารย่อยในระดับเมือง ต่างๆ ดำเนินกิจการ ในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารออมสิน รวมทั้งทำธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ 3 อย่างนี้ มันหมุนเงิน สร้างเงินในตัวของมันเองตามวงจร เขาจึงรวมธุรกิจพวกนี้ไว้ด้วยกัน ในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นระดับระหว่างประเทศ จากเมืองไปสู่ประเทศ และด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถชักใย ควบคุมการไหลเข้าออก ของเงินระหว่างประเทศ แน่นอนการดำเนินการแบบนี้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ แต่ก็เรียกว่ามีอิทธิพล เหนือทั้งรัฐบาลและธุรกิจอุตสาหกรรม เงินไม่มี กิจการต่างๆไม่ว่าทางการเมืองหรือธุรกิจก็เป็นง่อยเรียบร้อย ตรงไปตรงมา ไม่ต้องฉลาดมากก็คิดได้ ขอให้มีเงินไว้ก่อน !
    ในขณะเดียวกัน ทางอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ในอเมริกาก็มีการรวมตัวของกลุ่มธนาคารและธุรกิจอุตสาหกรรมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยพวก Morgans, Astors, Vanderbilts, Rockefellers และ Carnegies กลุ่มทุนพวกนี้ก็เริ่มครอบงำอุตสาหกรรมทั้งหมด ตลอดศตวรรษที่ 19 และต่อมาผลประโยชน์ของนายทุนทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคก็เชื่อมโยงกัน คนมีเงินก็ย่อมเลือกที่จะคบกับคนมีเงินด้วยกัน Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น
    คนรวยมีเงินแล้วก็อยากมีอำนาจ เป็นโรคเดียวกันทั้งนั้น ไม่มีใครต่างกัน กลับมาดูคนรวยที่อังกฤษ พวกคนรวยในอังกฤษเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกัน เพื่อแสดงอิทธิพลของตนในระดับชาติ ช่วงนั้นนักล่าแถบนั้น กำลังรุมทิ้งเหยื่ออยู่แถวอาฟริกา ซึ่งเกือบทุกประเทศในอาฟริกา ยกเว้นเอธิโอเปีย ตกเป็นอาณานิคมของนักล่าผมทองจากอังกฤษและยุโรปทั้งสิ้น นักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นคือ นาย Cecil Rhodes นักล่าชาวอังกฤษเป็นคนลงไม้ลงมือล่า แต่กระเป๋าที่อุดหนุนให้เขาปฏิบัติการล่า คือ ตระกูล Rothshilds ซึ่งในช่วงนั้น เป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นาย Cecil Rhodes เป็นคนสุดโต่งอีกคนหนึ่ง เขามองว่าอเมริกายังเป็นอาณานิ คมของจักรภพอังกฤษอยู่ จะปล่อยให้มาทำท่ารวยยะโส เดินหน้าเชิด เทียบชั้นกับอังกฤษ เจ้านายเก่าแบบนี้น่ะ มันจะมากไปหน่อยไหม นาย Rhodes มองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นนักล่าเงินรางวัล แต่เขาเป็นนักสร้างอาณาจักร empire builder อย่าลืมเขาสร้างเมือง Rhodesia ในอาฟริกา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe
    Carroll Quigley เล่าต่อไปว่า ค.ศ.1891 คนโคตรรวยอังกฤษ 3 หนุ่ม แอบพบกัน เพื่อสมคบกันสร้างสมาคมลับ 3 หนุ่มคือนาย Cecil Rhodes, William T. Stead พี่เบิ้มแห่งวงการหนังสือพิมพ์สมัยนั้น (น่าสังเกตว่า ถ้าจะทำอะไรให้ดังต้องมีสื่อยักษ์มาร่วม มิน่าเล่า มันถึงอยากเป็นสื่อใหญ่กันทั้งนั้น ถีบตัวเองขึ้นมา จนลืมจรรยาบรรณ ฐานันดรที่ 4) และนาย Reginald Baliol Brett ซึ่งเป็นพระสหายผู้ได้รับความไว้วางใจ จากพระราชินีวิกตอเรีย แห่งจักรภพอังกฤษ และต่อมาก็ได้เป็นที่ปรึกษาผู้ มีอิทธิพลต่อพระเจ้า Edward ที่ 7 และพระเจ้า George ที่ 5 ปู่ของพระราชินีElizabeth ที่ 2 ของอังกฤษคนปัจจุบัน สมาคมลับนี้มีนาย Rhodes เป็นหัวหน้า และพระอันดับอีก 3 คน คือ นาย Stead, นาย Brett และคนสุดท้ายแต่มาแรง คือ นาย Alfred Milner
    วัตถุประสงค์ของสมาคมลับนี้ ซึ่งต่อไปจะนำฝูงโดยนาย Alfred Milner คือจัดการให้อังกฤษปกครองไปทั่วโลก ด้วยระบบของอังกฤษ ไม่ว่าจะในด้านปกครองประชาชนหรือทำการค้า พูดให้ชัด เป้าหมายคือจัดการให้อเมริกากลับมาอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ ใช้ระบบอังกฤษดำเนินชีวิต และอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Rothshilds และกลุ่มธนาคารต่างๆ เต็มที่อย่างลับๆ
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 5 – สร้างพระเจ้าองค์ใหม่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 5 : สร้างพระเจ้าองค์ใหม่ หลัง Anglo American Establishment กอดคอจับมือกันชัดเจน เมื่อประมาณ ค.ศ.1890 ทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมกันสร้างกลไก สร้างระบบด้านการเงินการธนาคารเป็นอันดับแรก เพื่อเอาตัวเองนำหน้าชักใยรัฐบาล และลดบทบาทของประเทศ ระบบธนาคารกลาง เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1694 ที่อังกฤษ เป็นการรวมตัวกันของ เครือข่ายธนาคารกลางนานาชาติ ซึ่งไม่ได้เป็นของรัฐ แต่เป็นของเอกชน ! มีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชนคนโคตรรวย ธนาคารกลางนี้เป็นผู้อนุญาตให้ รัฐบาล (จำกันให้ดี เงินเป็นใหญ่กว่ารัฐบาล มาตั้งแต่ ค.ศ.1694 แล้ว !) ในการพิมพ์ธนบัตร เงินสกุลต่างๆ ของแต่ละประเทศ โดยอนุญาตให้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และทำกำไรจากดอกเบี้ยนั้น ธนาคารกลางเหล่านี้ เป็นผู้ให้เงินกู้แก่รัฐบาล และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เท่ากับควบคุมลูกค้าใหญ่ 2 กลุ่ม 2 ขาของประเทศไปพร้อมๆ กัน ต่อมาภายหลังประมาณ ปี ค.ศ.1930 ธนาคารกลางเหล่านี้ พร้อมใจกันอยู่ในระบบที่พวกตัว เองสร้างขึ้น เรียกว่า Bank for International Settlements (BIS) ตั้งอยู่ที่เมือง Basle ในสวิสเซอร์แลนด์ เป็นธนาคารของเอกชนเช่นเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของเหล่าสมาชิกซึ่งเป็นธนาคารกลางต่างๆ (เขียนแล้วมึนเอง คนอ่านก็คงมึน) เอาแบบง่ายๆ BIS ธนาคารกลางตัวแม่นี้ถือหุ้นโดย ธนาคารกลางตัว ลูกๆ ทั้งหลาย ธนาคารกลางตัวลูกก็ถือหุ้นโดยพวกเอกชนคนโคตรรวยอีกต่อหนึ่ง สรุปว่า พวกคนรวยลงทุนลงขันกันเอง เพื่อตั้งธนาคารกลาง และไม่ให้ใครมายุ่ง เขาดูแลเงินของเขากันเอง ตั้งกฎกติกาเอง โดยให้แม่ BIS คุม รัฐบาลได้แต่ทำตาปริบๆ ดู หน้าจ๋อย มือกุม ก้มหน้า รับคำสั่งรับอำนาจมาจากคนรวยอีกทีหนึ่ง เข้าใจไหม คนรวยใหญ่กว่ารัฐบาล ถึงพูดกันว่าเงินเป็นพระเจ้า ระบบธนาคารกลางนี้ หลังจากเกิดขึ้นครั้งแรกที่ London ไปได้สวย คนรวยติดใจ จึงขยายตัวข้ามมาในทวีปยุโรปตะวันตก และกระจายทั่วไปในทวีปยุโรป การปฏิวัติในฝรั่งเศส ทำให้นโปเลียนขึ้นมามีอำนาจ และยอมให้บรรดานายทุนที่รวมตัวกันให้เงินกู้นโปเลียนไปทำการปฏิวัตินั่นแหละ จับมือร่วมกันจัดตั้งธนาคารในฝรั่งเศสขึ้น เป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่พวกนายทุนนี้ควบคุมกันเอง รัฐบาลไม่เกี่ยว ธนาคารนี้เป็นต้นกำเนิดของตระกูลโคตรรวยทางฝั่งยุโรป คือ ตระกูล Rothshilds ชาวยิวในยุโรป ซึ่งขยายธุรกิจการเงินของตระกูล โดยการตั้งธนาคารใน London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples ทำให้ตระกูลนี้ยิ่งรวยเละขึ้นไปอีก และยิ่งรวยเพิ่มขึ้น จากการไปถือหางทุกฝ่ายในการรบทุกครั้งของนโปเลียน (ต้นกำเนิดของการถือไพ่ทุกใบในการต่อสู้ มีเงินซื้อไพ่ทุกใบ มีไพ่ให้เลือกเล่นแยะ เล่นยังไงก็ชนะ ยกเว้นโคตรโง่ หรือ โคตรเลว จนเทวดาบอกมีเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ตัวอย่างกำลังมีให้เห็นในบ้านเรา !) นาย Carroll Quigley นักประวัติศาสตร์ นักทฤษฎี เจ้าความคิดกำเนิดแห่งศิวิไลย์ของมนุษยชาติ แห่งมหาวิทยาลัย Georgetown เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งบรรดาสาวกทั้งหลายถือเป็นคัมภีร์ ชื่อ Tragedy and Hope บอกว่าในช่วง ค.ศ.18101850 พวกวาณิชธนกิจใน London ได้สร้าง ธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) ตลาดหุ้นและตลาดเงินแห่ง London และไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ขยายธุรกิจ โดยการสร้างธนาคารย่อยในระดับเมือง ต่างๆ ดำเนินกิจการ ในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารออมสิน รวมทั้งทำธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ 3 อย่างนี้ มันหมุนเงิน สร้างเงินในตัวของมันเองตามวงจร เขาจึงรวมธุรกิจพวกนี้ไว้ด้วยกัน ในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นระดับระหว่างประเทศ จากเมืองไปสู่ประเทศ และด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถชักใย ควบคุมการไหลเข้าออก ของเงินระหว่างประเทศ แน่นอนการดำเนินการแบบนี้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ แต่ก็เรียกว่ามีอิทธิพล เหนือทั้งรัฐบาลและธุรกิจอุตสาหกรรม เงินไม่มี กิจการต่างๆไม่ว่าทางการเมืองหรือธุรกิจก็เป็นง่อยเรียบร้อย ตรงไปตรงมา ไม่ต้องฉลาดมากก็คิดได้ ขอให้มีเงินไว้ก่อน ! ในขณะเดียวกัน ทางอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ในอเมริกาก็มีการรวมตัวของกลุ่มธนาคารและธุรกิจอุตสาหกรรมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยพวก Morgans, Astors, Vanderbilts, Rockefellers และ Carnegies กลุ่มทุนพวกนี้ก็เริ่มครอบงำอุตสาหกรรมทั้งหมด ตลอดศตวรรษที่ 19 และต่อมาผลประโยชน์ของนายทุนทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคก็เชื่อมโยงกัน คนมีเงินก็ย่อมเลือกที่จะคบกับคนมีเงินด้วยกัน Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น คนรวยมีเงินแล้วก็อยากมีอำนาจ เป็นโรคเดียวกันทั้งนั้น ไม่มีใครต่างกัน กลับมาดูคนรวยที่อังกฤษ พวกคนรวยในอังกฤษเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกัน เพื่อแสดงอิทธิพลของตนในระดับชาติ ช่วงนั้นนักล่าแถบนั้น กำลังรุมทิ้งเหยื่ออยู่แถวอาฟริกา ซึ่งเกือบทุกประเทศในอาฟริกา ยกเว้นเอธิโอเปีย ตกเป็นอาณานิคมของนักล่าผมทองจากอังกฤษและยุโรปทั้งสิ้น นักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นคือ นาย Cecil Rhodes นักล่าชาวอังกฤษเป็นคนลงไม้ลงมือล่า แต่กระเป๋าที่อุดหนุนให้เขาปฏิบัติการล่า คือ ตระกูล Rothshilds ซึ่งในช่วงนั้น เป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นาย Cecil Rhodes เป็นคนสุดโต่งอีกคนหนึ่ง เขามองว่าอเมริกายังเป็นอาณานิ คมของจักรภพอังกฤษอยู่ จะปล่อยให้มาทำท่ารวยยะโส เดินหน้าเชิด เทียบชั้นกับอังกฤษ เจ้านายเก่าแบบนี้น่ะ มันจะมากไปหน่อยไหม นาย Rhodes มองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นนักล่าเงินรางวัล แต่เขาเป็นนักสร้างอาณาจักร empire builder อย่าลืมเขาสร้างเมือง Rhodesia ในอาฟริกา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe Carroll Quigley เล่าต่อไปว่า ค.ศ.1891 คนโคตรรวยอังกฤษ 3 หนุ่ม แอบพบกัน เพื่อสมคบกันสร้างสมาคมลับ 3 หนุ่มคือนาย Cecil Rhodes, William T. Stead พี่เบิ้มแห่งวงการหนังสือพิมพ์สมัยนั้น (น่าสังเกตว่า ถ้าจะทำอะไรให้ดังต้องมีสื่อยักษ์มาร่วม มิน่าเล่า มันถึงอยากเป็นสื่อใหญ่กันทั้งนั้น ถีบตัวเองขึ้นมา จนลืมจรรยาบรรณ ฐานันดรที่ 4) และนาย Reginald Baliol Brett ซึ่งเป็นพระสหายผู้ได้รับความไว้วางใจ จากพระราชินีวิกตอเรีย แห่งจักรภพอังกฤษ และต่อมาก็ได้เป็นที่ปรึกษาผู้ มีอิทธิพลต่อพระเจ้า Edward ที่ 7 และพระเจ้า George ที่ 5 ปู่ของพระราชินีElizabeth ที่ 2 ของอังกฤษคนปัจจุบัน สมาคมลับนี้มีนาย Rhodes เป็นหัวหน้า และพระอันดับอีก 3 คน คือ นาย Stead, นาย Brett และคนสุดท้ายแต่มาแรง คือ นาย Alfred Milner วัตถุประสงค์ของสมาคมลับนี้ ซึ่งต่อไปจะนำฝูงโดยนาย Alfred Milner คือจัดการให้อังกฤษปกครองไปทั่วโลก ด้วยระบบของอังกฤษ ไม่ว่าจะในด้านปกครองประชาชนหรือทำการค้า พูดให้ชัด เป้าหมายคือจัดการให้อเมริกากลับมาอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ ใช้ระบบอังกฤษดำเนินชีวิต และอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Rothshilds และกลุ่มธนาคารต่างๆ เต็มที่อย่างลับๆ คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 449 Views 0 Reviews
  • เครื่องบดแห้ง BONNY (Pin Type) เครื่องเดียวจบทุกการบด!
    บดสมุนไพรแห้งให้เป็นผงละเอียด รวดเร็วทันใจ กำลังการผลิตสูง
    ตัวเครื่องสแตนเลสแท้ 100%
    บดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรแห้ง พริก ข้าวสาร หรือธัญพืชต่างๆ
    ใช้งานง่าย ทำความสะอาดสะดวก
    เหมาะสำหรับธุรกิจอาหารและสมุนไพรทุกขนาด! สนใจเครื่องบดคุณภาพดี ทักเลย!
    สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย! เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่านค่ะ
    เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. | เสาร์: 8.00 - 16.00 น.
    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6
    ช่องทางติดต่อสอบถาม:
    Facebook Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com
    #เครื่องบด #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดแห้ง #เครื่องบดผง #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดอาหาร #เครื่องปั่นแห้ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ธุรกิจสมุนไพร #ธุรกิจอาหาร #สมุนไพร #บดสมุนไพร #ผงสมุนไพร #เครื่องเทศ #ผงเครื่องเทศ #ขมิ้น #ขิง #พริกไทย #ใบชา #BonnyPulverizer #โรงงานสมุนไพร #โรงงานอาหาร #เครื่องจักร #เครื่องมือ #ผู้ประกอบการ #เกษตรแปรรูป #แปรรูปสมุนไพร #ครัวเรือน #ผงชงดื่ม #YongHahHeng
    เครื่องบดแห้ง BONNY (Pin Type) เครื่องเดียวจบทุกการบด! บดสมุนไพรแห้งให้เป็นผงละเอียด รวดเร็วทันใจ กำลังการผลิตสูง ✅ ตัวเครื่องสแตนเลสแท้ 100% ✅ บดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรแห้ง พริก ข้าวสาร หรือธัญพืชต่างๆ ✅ ใช้งานง่าย ทำความสะอาดสะดวก เหมาะสำหรับธุรกิจอาหารและสมุนไพรทุกขนาด! สนใจเครื่องบดคุณภาพดี ทักเลย! สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย! เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่านค่ะ เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. | เสาร์: 8.00 - 16.00 น. แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6 ช่องทางติดต่อสอบถาม: Facebook Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com #เครื่องบด #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดแห้ง #เครื่องบดผง #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดอาหาร #เครื่องปั่นแห้ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ธุรกิจสมุนไพร #ธุรกิจอาหาร #สมุนไพร #บดสมุนไพร #ผงสมุนไพร #เครื่องเทศ #ผงเครื่องเทศ #ขมิ้น #ขิง #พริกไทย #ใบชา #BonnyPulverizer #โรงงานสมุนไพร #โรงงานอาหาร #เครื่องจักร #เครื่องมือ #ผู้ประกอบการ #เกษตรแปรรูป #แปรรูปสมุนไพร #ครัวเรือน #ผงชงดื่ม #YongHahHeng
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 645 Views 0 Reviews
  • ยกระดับธุรกิจหอมเจียวให้ได้กำไรพุ่ง!
    สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาทางเพิ่มยอดผลิต และลดต้นทุนการจ้างคนปอกหอมแดง ต้องไม่พลาด! เครื่องปอกเปลือกแบบใช้น้ำขนาด 10 ลิตร คือคำตอบที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด!

    ทำไมเครื่องนี้ถึงตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ?
    เร็วแรงแซงทุกการผลิต! ปอกหอมแดงได้ครั้งละ 5-7 กก. ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้คุณเพิ่มปริมาณการผลิตหอมเจียวได้มากขึ้นหลายเท่าตัว!

    ลดต้นทุนค่าแรง! ไม่ต้องจ้างคนงานจำนวนมากมานั่งปอกมืออีกต่อไป! คุ้มค่าในระยะยาว คืนทุนเร็วอย่างแน่นอน

    งานสะอาด ไม่มีคราบ! เครื่องปอกด้วยระบบน้ำ ทำให้หอมที่ได้สะอาด พร้อมนำไปทอดเป็นหอมเจียวกรอบๆ ได้เลย

    ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน! ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานหนักในเชิงพาณิชย์

    มีรับประกัน 1 ปี! หมดห่วงเรื่องการซ่อมบำรุง เราพร้อมดูแลธุรกิจของคุณให้เดินหน้าได้อย่างราบรื่น

    รายละเอียดเครื่อง:
    มอเตอร์: 1 แรงม้า
    ขนาด: 50 x 74.5 x 85 ซม.
    น้ำหนัก: 58 กก.

    อย่าปล่อยให้คู่แข่งแซงหน้า! ลงทุนกับเครื่องปอกเปลือกคุณภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและกำไรให้ธุรกิจหอมเจียวของคุณวันนี้!

    สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย!
    เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่านค่ะ

    เวลาทำการ:

    จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    เสาร์: 8.00 - 16.00 น.

    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6
    ช่องทางติดต่อสอบถาม:
    Facebook Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องปอกเปลือก #หอมแดง #หอมเจียว #ธุรกิจหอมเจียว #เครื่องจักรอาหาร #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #SME #ผู้ประกอบการ #ลงทุนคุ้มค่า #หอมเจียวกรอบ #รับทำหอมเจียว #เครื่องทุ่นแรง #ธุรกิจอาหาร #ทำอาหารขาย #yonghahheng #เครื่องครัว #อุปกรณ์ทำครัว #ร้านอาหาร #โรงงานอาหาร
    🚀 ยกระดับธุรกิจหอมเจียวให้ได้กำไรพุ่ง! 🧅✨ สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาทางเพิ่มยอดผลิต และลดต้นทุนการจ้างคนปอกหอมแดง ต้องไม่พลาด! เครื่องปอกเปลือกแบบใช้น้ำขนาด 10 ลิตร คือคำตอบที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด! 🔥 ทำไมเครื่องนี้ถึงตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ? 🔥 ✅ เร็วแรงแซงทุกการผลิต! ปอกหอมแดงได้ครั้งละ 5-7 กก. ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้คุณเพิ่มปริมาณการผลิตหอมเจียวได้มากขึ้นหลายเท่าตัว! ✅ ลดต้นทุนค่าแรง! ไม่ต้องจ้างคนงานจำนวนมากมานั่งปอกมืออีกต่อไป! คุ้มค่าในระยะยาว คืนทุนเร็วอย่างแน่นอน ✅ งานสะอาด ไม่มีคราบ! เครื่องปอกด้วยระบบน้ำ ทำให้หอมที่ได้สะอาด พร้อมนำไปทอดเป็นหอมเจียวกรอบๆ ได้เลย ✅ ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน! ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานหนักในเชิงพาณิชย์ ✅ มีรับประกัน 1 ปี! หมดห่วงเรื่องการซ่อมบำรุง เราพร้อมดูแลธุรกิจของคุณให้เดินหน้าได้อย่างราบรื่น รายละเอียดเครื่อง: มอเตอร์: 1 แรงม้า ขนาด: 50 x 74.5 x 85 ซม. น้ำหนัก: 58 กก. ✨ อย่าปล่อยให้คู่แข่งแซงหน้า! ลงทุนกับเครื่องปอกเปลือกคุณภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและกำไรให้ธุรกิจหอมเจียวของคุณวันนี้! ✨ 📍 สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย! เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่านค่ะ 🗓️ เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. เสาร์: 8.00 - 16.00 น. 🗺️ แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6 💬 ช่องทางติดต่อสอบถาม: Facebook Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com #เครื่องปอกเปลือก #หอมแดง #หอมเจียว #ธุรกิจหอมเจียว #เครื่องจักรอาหาร #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #SME #ผู้ประกอบการ #ลงทุนคุ้มค่า #หอมเจียวกรอบ #รับทำหอมเจียว #เครื่องทุ่นแรง #ธุรกิจอาหาร #ทำอาหารขาย #yonghahheng #เครื่องครัว #อุปกรณ์ทำครัว #ร้านอาหาร #โรงงานอาหาร
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 533 Views 0 Reviews
  • เอกชนหนุน "คนละครึ่ง" เสนอเพิ่มวงเงิน 200 บาท : [NEWS UPDATE]

    นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค เผยถึงการหารือกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมภัตตาคารไทย แพลตฟอร์มไลน์แมน วงใน และแกร็บ ในการเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง เอกชนเสนอให้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายเป็น 200 บาทต่อวัน จากเดิม 150 บาท แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลรอยต่องบประมาณเหลือไม่มาก นายกรัฐมนตรีไม่มีนโยบายกู้เงินเพิ่มเพราะหนี้สาธารณะสูง อาจไม่สามารถทำตามข้อเสนอได้เต็มที่ แต่เดินหน้าโครงการแน่นอน และเตรียมขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น ย้ำ นายกรัฐมนตรี ไม่เก็บภาษีย้อนหลัง และอาจเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี เพื่อจูงใจให้เข้าระบบมากขึ้น

    -เพื่อไทยจะเปลี่ยนหลายอย่าง

    -ความไว้ใจไม่เหมือนเดิม

    -แก้ รธน.ต้องถามประชาชน

    -สอบจุดอ่อนเลี้ยงสิงโต
    เอกชนหนุน "คนละครึ่ง" เสนอเพิ่มวงเงิน 200 บาท : [NEWS UPDATE] นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค เผยถึงการหารือกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมภัตตาคารไทย แพลตฟอร์มไลน์แมน วงใน และแกร็บ ในการเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง เอกชนเสนอให้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายเป็น 200 บาทต่อวัน จากเดิม 150 บาท แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลรอยต่องบประมาณเหลือไม่มาก นายกรัฐมนตรีไม่มีนโยบายกู้เงินเพิ่มเพราะหนี้สาธารณะสูง อาจไม่สามารถทำตามข้อเสนอได้เต็มที่ แต่เดินหน้าโครงการแน่นอน และเตรียมขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น ย้ำ นายกรัฐมนตรี ไม่เก็บภาษีย้อนหลัง และอาจเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี เพื่อจูงใจให้เข้าระบบมากขึ้น -เพื่อไทยจะเปลี่ยนหลายอย่าง -ความไว้ใจไม่เหมือนเดิม -แก้ รธน.ต้องถามประชาชน -สอบจุดอ่อนเลี้ยงสิงโต
    Like
    2
    2 Comments 0 Shares 417 Views 0 0 Reviews
  • ข่าวดีผู้ประกอบการ! DITP จัดงาน “NEA Open House 2025” ตอกย้ำความสำเร็จ พร้อมพัฒนาผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/21375/
    .
    #ไทยไท #กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ #NEAOpenHouse2025 #ส่งออก #ผู้ประกอบการไทย #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้
    ข่าวดีผู้ประกอบการ! DITP จัดงาน “NEA Open House 2025” ตอกย้ำความสำเร็จ พร้อมพัฒนาผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก https://www.thai-tai.tv/news/21375/ . #ไทยไท #กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ #NEAOpenHouse2025 #ส่งออก #ผู้ประกอบการไทย #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews
  • อนุทินกำจัดจุดอ่อน ฟอร์ม ครม.คนนอก-ฟื้นคนละครึ่ง

    ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 สำหรับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังลาออกจากรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ไปเมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เพราะนายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ต้องการเก้าอี้คืน แล้วตกลงกันไม่ได้ กระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงคุยโทรศัพท์กับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในที่สุดดีลโหวตเลือกนายกฯ กับพรรคประชาชน เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ก็ลงตัว ชนะนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย 311 ต่อ 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ภายใต้เงื่อนไขต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน และเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

    4 ปัญหาบ้านเมืองที่นายอนุทินจะแก้ไข คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความมั่นคง ปัญหาภัยธรรมชาติ และปัญหาภัยสังคม จึงได้พบเห็นการฟอร์มรัฐมนตรีคนนอก ได้แก่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ จะมาเป็น รมว.คลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตซีอีโอ ปตท. และ โออาร์ จะมาเป็น รมว.พลังงาน และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะมาเป็น รมว.ต่างประเทศ โดยให้เหตุผลว่า อยากได้คนที่มีความรู้ความสามารถ ทำงานได้เลย ไม่ต้องเรียนรู้งานอะไรมาก สร้างความมั่นใจว่าทุกอย่างจะเดินหน้าได้ และล่าสุด เปิดตัวนายวรภัค ธันยาวงษ์ ประธานที่ปรึกษา นายพิชัย ชุณหวชิร อดีต รมว.คลังในรัฐบาลแพทองธาร ที่เป็นหนึ่งในทีมเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมาเป็น รมช.คลัง

    นอกจากนี้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า จะฟื้นโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมา หลังนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เรียกร้องให้สนับสนุนโครงการ Co-payment เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน และผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศกว่า 7 แสนราย ที่ต้องเผชิญพิษเศรษฐกิจและยอดขายตกต่ำ เรียกเสียงฮือฮาจากสังคม เพราะเป็นโครงการในตำนานที่เห็นภาพและจับต้องได้

    อีกทั้งระบบหลังบ้าน ธนาคารกรุงไทยมีประสบการณ์อยู่แล้ว มีฐานผู้ใช้งานแอปฯ เป๋าตังกว่า 40 ล้านราย เมื่อเทียบกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ต้องเขียนแอปฯ ใหม่ สุดท้ายทำไม่ได้จริง ได้แค่แจกเงินผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางผ่านระบบพร้อมเพย์ แม้จะมีการปลุกกระแสทำให้ผู้ค้าส่วนหนึ่งกลัวถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังก็ตาม แต่การจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน โดยปกติหากรายได้ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว

    #Newskit
    อนุทินกำจัดจุดอ่อน ฟอร์ม ครม.คนนอก-ฟื้นคนละครึ่ง ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 สำหรับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังลาออกจากรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ไปเมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เพราะนายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ต้องการเก้าอี้คืน แล้วตกลงกันไม่ได้ กระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงคุยโทรศัพท์กับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในที่สุดดีลโหวตเลือกนายกฯ กับพรรคประชาชน เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ก็ลงตัว ชนะนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย 311 ต่อ 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ภายใต้เงื่อนไขต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน และเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ 4 ปัญหาบ้านเมืองที่นายอนุทินจะแก้ไข คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความมั่นคง ปัญหาภัยธรรมชาติ และปัญหาภัยสังคม จึงได้พบเห็นการฟอร์มรัฐมนตรีคนนอก ได้แก่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ จะมาเป็น รมว.คลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตซีอีโอ ปตท. และ โออาร์ จะมาเป็น รมว.พลังงาน และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะมาเป็น รมว.ต่างประเทศ โดยให้เหตุผลว่า อยากได้คนที่มีความรู้ความสามารถ ทำงานได้เลย ไม่ต้องเรียนรู้งานอะไรมาก สร้างความมั่นใจว่าทุกอย่างจะเดินหน้าได้ และล่าสุด เปิดตัวนายวรภัค ธันยาวงษ์ ประธานที่ปรึกษา นายพิชัย ชุณหวชิร อดีต รมว.คลังในรัฐบาลแพทองธาร ที่เป็นหนึ่งในทีมเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมาเป็น รมช.คลัง นอกจากนี้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า จะฟื้นโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมา หลังนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เรียกร้องให้สนับสนุนโครงการ Co-payment เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน และผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศกว่า 7 แสนราย ที่ต้องเผชิญพิษเศรษฐกิจและยอดขายตกต่ำ เรียกเสียงฮือฮาจากสังคม เพราะเป็นโครงการในตำนานที่เห็นภาพและจับต้องได้ อีกทั้งระบบหลังบ้าน ธนาคารกรุงไทยมีประสบการณ์อยู่แล้ว มีฐานผู้ใช้งานแอปฯ เป๋าตังกว่า 40 ล้านราย เมื่อเทียบกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ต้องเขียนแอปฯ ใหม่ สุดท้ายทำไม่ได้จริง ได้แค่แจกเงินผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางผ่านระบบพร้อมเพย์ แม้จะมีการปลุกกระแสทำให้ผู้ค้าส่วนหนึ่งกลัวถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังก็ตาม แต่การจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน โดยปกติหากรายได้ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว #Newskit
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 610 Views 0 Reviews
More Results