• คนละครึ่งพลัสยุคอนุทิน หวังเศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม

    หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงข่าวเปิดตัวโครงการทันที แม้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะประกาศให้เป็นนโยบายเรือธงเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่นายเอกนิติยอมรับว่า วัตถุประสงค์หลักเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม เพราะทิศทางมีแนวโน้มติดลบ ขยายตัวชะลอลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.3-0.4% ของจีดีพี

    โครงการนี้ใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท กับงบฉุกเฉิน 19,000 ล้านบาท ให้ประชาชนสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 20 ล้านสิทธิ สแกนจ่ายผ่าน G Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" กับร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลสนับสนุน 50% สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,000 บาท

    ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค. หรือจนกว่าจะครบ 20 ล้านสิทธิ จากนั้นเติมเงินเข้า G Wallet และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. เวลา 06.00-23.00 น. ส่วนร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ​

    สำหรับร้านค้าถุงเงินที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ร้านค้าธงฟ้าฯ ของบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสหกรณ์ รวมทั้งร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย ที่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขโครงการ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถกดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขได้ที่เมนู "คนละครึ่งพลัส" บนแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ส่วนร้านค้าใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยอดขายน้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยสมัครร้านค้าถุงเงินของธนาคารกรุงไทย และสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส

    อนึ่ง โครงการคนละครึ่งเฟส 5 เมื่อปี 2565 มีผู้ใช้สิทธิ 24.02 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 36,704.80 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 18,696.10 ล้านบาท เงินที่รัฐร่วมจ่าย 18,008.70 ล้านบาท โดยพบว่าใช้จ่ายร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 41.72% รองลงมาคือร้านค้าทั่วไป 31.51% ร้านธงฟ้าฯ 20.21% ร้านโอทอป 4.82% ร้านบริการ 1.62% และกิจการขนส่งสาธารณะ 0.13%

    #Newskit
    คนละครึ่งพลัสยุคอนุทิน หวังเศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงข่าวเปิดตัวโครงการทันที แม้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะประกาศให้เป็นนโยบายเรือธงเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่นายเอกนิติยอมรับว่า วัตถุประสงค์หลักเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม เพราะทิศทางมีแนวโน้มติดลบ ขยายตัวชะลอลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.3-0.4% ของจีดีพี โครงการนี้ใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท กับงบฉุกเฉิน 19,000 ล้านบาท ให้ประชาชนสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 20 ล้านสิทธิ สแกนจ่ายผ่าน G Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" กับร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลสนับสนุน 50% สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,000 บาท ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค. หรือจนกว่าจะครบ 20 ล้านสิทธิ จากนั้นเติมเงินเข้า G Wallet และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. เวลา 06.00-23.00 น. ส่วนร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ​ สำหรับร้านค้าถุงเงินที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ร้านค้าธงฟ้าฯ ของบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสหกรณ์ รวมทั้งร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย ที่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขโครงการ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถกดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขได้ที่เมนู "คนละครึ่งพลัส" บนแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ส่วนร้านค้าใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยอดขายน้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยสมัครร้านค้าถุงเงินของธนาคารกรุงไทย และสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส อนึ่ง โครงการคนละครึ่งเฟส 5 เมื่อปี 2565 มีผู้ใช้สิทธิ 24.02 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 36,704.80 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 18,696.10 ล้านบาท เงินที่รัฐร่วมจ่าย 18,008.70 ล้านบาท โดยพบว่าใช้จ่ายร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 41.72% รองลงมาคือร้านค้าทั่วไป 31.51% ร้านธงฟ้าฯ 20.21% ร้านโอทอป 4.82% ร้านบริการ 1.62% และกิจการขนส่งสาธารณะ 0.13% #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Qualcomm เข้าซื้อ Arduino พร้อมเปิดตัวบอร์ด UNO Q — ยกระดับ AI สำหรับนักพัฒนา 33 ล้านคนทั่วโลก”

    Qualcomm สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเทคโนโลยีด้วยการประกาศเข้าซื้อกิจการของ Arduino บริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก โดยดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายขอบเขตของ Qualcomm ในด้าน edge computing และ AI ให้เข้าถึงนักพัฒนาในระดับรากหญ้า ตั้งแต่นักเรียน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงนักวิจัย

    แม้จะเปลี่ยนเจ้าของ แต่ Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์ ความเป็นอิสระ และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้เช่นเดิม พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกภายใต้ความร่วมมือคือ “Arduino UNO Q” — บอร์ดรุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain” โดยผสานพลังของ Qualcomm Dragonwing QRB2210 ซึ่งเป็นชิปประมวลผล Linux เข้ากับ STM32U585 MCU สำหรับงานควบคุมแบบเรียลไทม์

    UNO Q ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI เช่น การประมวลผลภาพ เสียง และการควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยมีขนาดเท่ากับบอร์ด Arduino UNO รุ่นเดิม ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม (shields) ที่มีอยู่แล้วได้ทันที

    นอกจากนี้ Arduino ยังเปิดตัว “App Lab” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาแบบใหม่ที่รวมการเขียนโปรแกรมด้วย Linux, Python, RTOS และ AI ไว้ในที่เดียว เพื่อให้การสร้างต้นแบบและการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

    Qualcomm ระบุว่าการเข้าซื้อ Arduino เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างแพลตฟอร์ม edge computing แบบครบวงจร โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse มาแล้ว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านซอฟต์แวร์และการเรียนรู้ของเครื่อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm เข้าซื้อ Arduino เพื่อขยายขอบเขตด้าน AI และ edge computing
    Arduino มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก
    Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้
    ผลิตภัณฑ์แรกคือ Arduino UNO Q ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain”
    ใช้ชิป Qualcomm Dragonwing QRB2210 สำหรับ Linux และ STM32U585 MCU สำหรับงานเรียลไทม์
    รองรับการประมวลผลภาพ เสียง และงานควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ
    ขนาดบอร์ดเท่ากับ Arduino UNO รุ่นเดิม ใช้งานร่วมกับ shields ได้
    เปิดตัว App Lab สำหรับการพัฒนาแบบรวม Linux, Python, RTOS และ AI
    Qualcomm เคยเข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse เพื่อเสริมกลยุทธ์ edge computing

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    STM32U585 MCU ใช้สถาปัตยกรรม Arm Cortex-M33 ความเร็วสูงสุด 160 MHz
    Dragonwing QRB2210 มี CPU Kryo 4 คอร์, GPU Adreno 702 และ DSP แบบ dual-core
    UNO Q รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C, Wi-Fi, Bluetooth และ eMMC storage
    สามารถใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์เดี่ยวได้ เช่นเดียวกับ Raspberry Pi
    App Lab มีเป้าหมายเพื่อเร่งการพัฒนาและทดสอบโมเดล AI ด้วยข้อมูลจริง

    https://www.techradar.com/pro/qualcomm-acquires-arduino-in-surprising-move-that-puts-it-right-on-the-edge-and-at-the-helm-of-a-33-million-strong-maker-community
    🔧 “Qualcomm เข้าซื้อ Arduino พร้อมเปิดตัวบอร์ด UNO Q — ยกระดับ AI สำหรับนักพัฒนา 33 ล้านคนทั่วโลก” Qualcomm สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเทคโนโลยีด้วยการประกาศเข้าซื้อกิจการของ Arduino บริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก โดยดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายขอบเขตของ Qualcomm ในด้าน edge computing และ AI ให้เข้าถึงนักพัฒนาในระดับรากหญ้า ตั้งแต่นักเรียน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงนักวิจัย แม้จะเปลี่ยนเจ้าของ แต่ Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์ ความเป็นอิสระ และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้เช่นเดิม พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกภายใต้ความร่วมมือคือ “Arduino UNO Q” — บอร์ดรุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain” โดยผสานพลังของ Qualcomm Dragonwing QRB2210 ซึ่งเป็นชิปประมวลผล Linux เข้ากับ STM32U585 MCU สำหรับงานควบคุมแบบเรียลไทม์ UNO Q ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI เช่น การประมวลผลภาพ เสียง และการควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยมีขนาดเท่ากับบอร์ด Arduino UNO รุ่นเดิม ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม (shields) ที่มีอยู่แล้วได้ทันที นอกจากนี้ Arduino ยังเปิดตัว “App Lab” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาแบบใหม่ที่รวมการเขียนโปรแกรมด้วย Linux, Python, RTOS และ AI ไว้ในที่เดียว เพื่อให้การสร้างต้นแบบและการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน Qualcomm ระบุว่าการเข้าซื้อ Arduino เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างแพลตฟอร์ม edge computing แบบครบวงจร โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse มาแล้ว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านซอฟต์แวร์และการเรียนรู้ของเครื่อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm เข้าซื้อ Arduino เพื่อขยายขอบเขตด้าน AI และ edge computing ➡️ Arduino มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก ➡️ Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้ ➡️ ผลิตภัณฑ์แรกคือ Arduino UNO Q ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain” ➡️ ใช้ชิป Qualcomm Dragonwing QRB2210 สำหรับ Linux และ STM32U585 MCU สำหรับงานเรียลไทม์ ➡️ รองรับการประมวลผลภาพ เสียง และงานควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ ➡️ ขนาดบอร์ดเท่ากับ Arduino UNO รุ่นเดิม ใช้งานร่วมกับ shields ได้ ➡️ เปิดตัว App Lab สำหรับการพัฒนาแบบรวม Linux, Python, RTOS และ AI ➡️ Qualcomm เคยเข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse เพื่อเสริมกลยุทธ์ edge computing ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ STM32U585 MCU ใช้สถาปัตยกรรม Arm Cortex-M33 ความเร็วสูงสุด 160 MHz ➡️ Dragonwing QRB2210 มี CPU Kryo 4 คอร์, GPU Adreno 702 และ DSP แบบ dual-core ➡️ UNO Q รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C, Wi-Fi, Bluetooth และ eMMC storage ➡️ สามารถใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์เดี่ยวได้ เช่นเดียวกับ Raspberry Pi ➡️ App Lab มีเป้าหมายเพื่อเร่งการพัฒนาและทดสอบโมเดล AI ด้วยข้อมูลจริง https://www.techradar.com/pro/qualcomm-acquires-arduino-in-surprising-move-that-puts-it-right-on-the-edge-and-at-the-helm-of-a-33-million-strong-maker-community
    WWW.TECHRADAR.COM
    Qualcomm acquires Arduino and unveils new UNO Q AI board
    Arduino UNO Q will be the first product from the collaboration
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เสียงสะท้อนจากสังคมอเมริกัน — การพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายอาจไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิด”

    แม้การพนันกีฬาจะถูกกฎหมายในสหรัฐฯ อย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 2018 หลังคำตัดสินของศาลสูง แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Research Center ในปี 2025 กลับสะท้อนมุมมองที่เปลี่ยนไปของประชาชน โดยมีจำนวนผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมาย “เป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม” เพิ่มขึ้นจาก 34% ในปี 2022 เป็น 43% ในปี 2025 และมองว่า “เป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา” เพิ่มจาก 33% เป็น 40%

    แม้จะมีการเติบโตของตลาดการพนันกีฬา โดยเฉพาะในรูปแบบออนไลน์ แต่จำนวนผู้ที่ลงเดิมพันจริงกลับไม่เพิ่มขึ้นมากนัก โดย 22% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่าเคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 19% ในปี 2022 และที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจาก “การเดิมพันออนไลน์” เท่านั้น

    กลุ่มที่มีแนวโน้มเดิมพันมากที่สุดคือคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม และกลุ่มคนผิวดำและฮิสแปนิก ซึ่งมีอัตราการเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน กลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มที่เปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุดเช่นกัน เช่น ชายอายุต่ำกว่า 30 ปีที่เคยมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีมีสัดส่วนเพิ่มจาก 22% เป็น 47% ในเวลาเพียง 3 ปี

    แม้การพนันกีฬาจะสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการเสพติดการพนัน การละเมิดกฎในวงการกีฬา และผลกระทบต่อความโปร่งใสของการแข่งขัน ซึ่งในช่วงหลังมีกรณีที่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนันมากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    43% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายเป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม
    40% มองว่าเป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2022
    22% ของผู้ใหญ่เคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 19% ในปี 2022
    การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจากการเดิมพันออนไลน์ ซึ่งเพิ่มจาก 6% เป็น 10%
    กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม มีอัตราการเดิมพันสูงที่สุด
    คนผิวดำและฮิสแปนิกมีแนวโน้มเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่น
    กลุ่มคนหนุ่มสาวเปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุด
    การพนันกีฬาถูกกฎหมายใน 38 รัฐ รวมถึง D.C. และเปอร์โตริโก
    การโฆษณาเกี่ยวกับการพนันกีฬาเพิ่มขึ้นในรายการถ่ายทอดสดกีฬา
    การพนันกีฬาสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การพนันกีฬาในสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็วหลังคำตัดสินของศาลสูงในปี 2018
    การเดิมพันออนไลน์มีความสะดวกและเข้าถึงง่าย ทำให้เป็นช่องทางหลักของผู้เล่น
    หลายรัฐใช้รายได้จากการพนันเพื่อสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาและสาธารณสุข
    นักกีฬาหลายคนถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนัน เช่น NFL และ NCAA
    การเสพติดการพนันเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในสหรัฐฯ

    https://www.pewresearch.org/short-reads/2025/10/02/americans-increasingly-see-legal-sports-betting-as-a-bad-thing-for-society-and-sports/
    🎲 “เสียงสะท้อนจากสังคมอเมริกัน — การพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายอาจไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิด” แม้การพนันกีฬาจะถูกกฎหมายในสหรัฐฯ อย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 2018 หลังคำตัดสินของศาลสูง แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Research Center ในปี 2025 กลับสะท้อนมุมมองที่เปลี่ยนไปของประชาชน โดยมีจำนวนผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมาย “เป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม” เพิ่มขึ้นจาก 34% ในปี 2022 เป็น 43% ในปี 2025 และมองว่า “เป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา” เพิ่มจาก 33% เป็น 40% แม้จะมีการเติบโตของตลาดการพนันกีฬา โดยเฉพาะในรูปแบบออนไลน์ แต่จำนวนผู้ที่ลงเดิมพันจริงกลับไม่เพิ่มขึ้นมากนัก โดย 22% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่าเคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 19% ในปี 2022 และที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจาก “การเดิมพันออนไลน์” เท่านั้น กลุ่มที่มีแนวโน้มเดิมพันมากที่สุดคือคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม และกลุ่มคนผิวดำและฮิสแปนิก ซึ่งมีอัตราการเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน กลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มที่เปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุดเช่นกัน เช่น ชายอายุต่ำกว่า 30 ปีที่เคยมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีมีสัดส่วนเพิ่มจาก 22% เป็น 47% ในเวลาเพียง 3 ปี แม้การพนันกีฬาจะสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการเสพติดการพนัน การละเมิดกฎในวงการกีฬา และผลกระทบต่อความโปร่งใสของการแข่งขัน ซึ่งในช่วงหลังมีกรณีที่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนันมากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ 43% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายเป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม ➡️ 40% มองว่าเป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2022 ➡️ 22% ของผู้ใหญ่เคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 19% ในปี 2022 ➡️ การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจากการเดิมพันออนไลน์ ซึ่งเพิ่มจาก 6% เป็น 10% ➡️ กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม มีอัตราการเดิมพันสูงที่สุด ➡️ คนผิวดำและฮิสแปนิกมีแนวโน้มเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่น ➡️ กลุ่มคนหนุ่มสาวเปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุด ➡️ การพนันกีฬาถูกกฎหมายใน 38 รัฐ รวมถึง D.C. และเปอร์โตริโก ➡️ การโฆษณาเกี่ยวกับการพนันกีฬาเพิ่มขึ้นในรายการถ่ายทอดสดกีฬา ➡️ การพนันกีฬาสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การพนันกีฬาในสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็วหลังคำตัดสินของศาลสูงในปี 2018 ➡️ การเดิมพันออนไลน์มีความสะดวกและเข้าถึงง่าย ทำให้เป็นช่องทางหลักของผู้เล่น ➡️ หลายรัฐใช้รายได้จากการพนันเพื่อสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาและสาธารณสุข ➡️ นักกีฬาหลายคนถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนัน เช่น NFL และ NCAA ➡️ การเสพติดการพนันเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในสหรัฐฯ https://www.pewresearch.org/short-reads/2025/10/02/americans-increasingly-see-legal-sports-betting-as-a-bad-thing-for-society-and-sports/
    WWW.PEWRESEARCH.ORG
    Americans increasingly see legal sports betting as a bad thing for society and sports
    Today, 43% of U.S. adults say the fact that sports betting is now legal in much of the country is a bad thing for society, up from 34% in 2022.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง!

    ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด!

    เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ:
    เพิ่มกำไร: เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย
    ผลิตง่าย: ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ ไส้เกี๊ยว หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย
    ทำงานรวดเร็ว: ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล

    รายละเอียดเครื่อง:

    มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V
    กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม.
    ขนาด: 800 x 650 x 900 มม.
    น้ำหนัก: 250 กก.

    ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ!

    แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง
    #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง! 😩 ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด! 💯 เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ: เพิ่มกำไร: 📈 เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย ผลิตง่าย: ✨ ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ 🍔 ไส้เกี๊ยว 🥟 หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ทำงานรวดเร็ว: ⏱️ ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล รายละเอียดเครื่อง: มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V 💪 กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม. ⚡ ขนาด: 800 x 650 x 900 มม. น้ำหนัก: 250 กก. ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ! 👍 แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 480 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO ของ Blender — ปิดตำนาน 32 ปี พร้อมส่งไม้ต่อสู่ทีมรุ่นใหม่

    ในงาน Blender Conference ปี 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนกันยายน Ton Roosendaal ผู้ก่อตั้งและผู้ผลักดันซอฟต์แวร์ 3D แบบโอเพ่นซอร์สชื่อดังอย่าง Blender ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาจะลงจากตำแหน่งประธานและ CEO ของ Blender Foundation ในวันที่ 1 มกราคม 2026 หลังจากดำรงตำแหน่งมายาวนานกว่า 24 ปี และมีบทบาทกับ Blender มานานถึง 32 ปี

    Ton จะย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแลของ Blender Foundation และส่งไม้ต่อให้กับ Francesco Siddi ซึ่งปัจจุบันเป็น COO ของ Blender โดย Francesco เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012 ในบทบาทต่าง ๆ ตั้งแต่ VFX artist, web developer ไปจนถึงผู้จัดการด้านความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม

    การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การเปลี่ยน CEO แต่ยังมีการจัดโครงสร้างใหม่ของทีมบริหาร โดยแบ่งบทบาทสำคัญของ Ton ออกเป็น 4 ด้าน และมอบหมายให้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ได้แก่ Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา, Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ และ Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการเติบโตของ Blender จากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ ที่เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo ไปสู่เครื่องมือระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ เช่น Epic Games, AMD, Intel และ NVIDIA โดยในปีที่ผ่านมา Blender มีรายได้กว่า €3.1 ล้าน และสามารถจ้างทีมพัฒนาเต็มเวลาได้มากกว่า 15 คน

    Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO และประธาน Blender Foundation
    จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 1 มกราคม 2026
    ย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแล

    Francesco Siddi จะรับตำแหน่ง CEO คนใหม่
    เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012
    มีประสบการณ์ทั้งด้านเทคนิคและการบริหาร

    โครงสร้างบริหารใหม่แบ่งบทบาทออกเป็น 4 ด้าน
    Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา
    Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์
    Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ
    Francesco Siddi รับบทบาทผู้ประกอบการและผู้นำองค์กร

    Blender เติบโตจากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ สู่เครื่องมือระดับโลก
    เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo และกลายเป็นโอเพ่นซอร์สในปี 2002
    ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ
    มีรายได้จากผู้สนับสนุนองค์กรเกือบ 40% ของรายรับรวม

    การเปลี่ยนผ่านสะท้อนความพร้อมของทีมรุ่นใหม่
    Ton กล่าวว่า “Blender ต้องทำงานได้โดยไม่มีผม”
    ทีมใหม่มีความสามารถหลากหลายและพร้อมนำ Blender สู่ทศวรรษหน้า

    https://www.cgchannel.com/2025/09/ton-roosendaal-to-step-down-as-blender-chairman-and-ceo/
    📰 Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO ของ Blender — ปิดตำนาน 32 ปี พร้อมส่งไม้ต่อสู่ทีมรุ่นใหม่ ในงาน Blender Conference ปี 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนกันยายน Ton Roosendaal ผู้ก่อตั้งและผู้ผลักดันซอฟต์แวร์ 3D แบบโอเพ่นซอร์สชื่อดังอย่าง Blender ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาจะลงจากตำแหน่งประธานและ CEO ของ Blender Foundation ในวันที่ 1 มกราคม 2026 หลังจากดำรงตำแหน่งมายาวนานกว่า 24 ปี และมีบทบาทกับ Blender มานานถึง 32 ปี Ton จะย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแลของ Blender Foundation และส่งไม้ต่อให้กับ Francesco Siddi ซึ่งปัจจุบันเป็น COO ของ Blender โดย Francesco เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012 ในบทบาทต่าง ๆ ตั้งแต่ VFX artist, web developer ไปจนถึงผู้จัดการด้านความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การเปลี่ยน CEO แต่ยังมีการจัดโครงสร้างใหม่ของทีมบริหาร โดยแบ่งบทบาทสำคัญของ Ton ออกเป็น 4 ด้าน และมอบหมายให้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ได้แก่ Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา, Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ และ Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการเติบโตของ Blender จากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ ที่เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo ไปสู่เครื่องมือระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ เช่น Epic Games, AMD, Intel และ NVIDIA โดยในปีที่ผ่านมา Blender มีรายได้กว่า €3.1 ล้าน และสามารถจ้างทีมพัฒนาเต็มเวลาได้มากกว่า 15 คน ✅ Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO และประธาน Blender Foundation ➡️ จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 1 มกราคม 2026 ➡️ ย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแล ✅ Francesco Siddi จะรับตำแหน่ง CEO คนใหม่ ➡️ เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012 ➡️ มีประสบการณ์ทั้งด้านเทคนิคและการบริหาร ✅ โครงสร้างบริหารใหม่แบ่งบทบาทออกเป็น 4 ด้าน ➡️ Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา ➡️ Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ ➡️ Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ ➡️ Francesco Siddi รับบทบาทผู้ประกอบการและผู้นำองค์กร ✅ Blender เติบโตจากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ สู่เครื่องมือระดับโลก ➡️ เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo และกลายเป็นโอเพ่นซอร์สในปี 2002 ➡️ ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ➡️ มีรายได้จากผู้สนับสนุนองค์กรเกือบ 40% ของรายรับรวม ✅ การเปลี่ยนผ่านสะท้อนความพร้อมของทีมรุ่นใหม่ ➡️ Ton กล่าวว่า “Blender ต้องทำงานได้โดยไม่มีผม” ➡️ ทีมใหม่มีความสามารถหลากหลายและพร้อมนำ Blender สู่ทศวรรษหน้า https://www.cgchannel.com/2025/09/ton-roosendaal-to-step-down-as-blender-chairman-and-ceo/
    WWW.CGCHANNEL.COM
    Ton Roosendaal to step down as Blender chairman and CEO
    Original Blender creator to hand over role as CEO of the Blender Foundation to COO Francesco Siddi at the start of next year.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา

    ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ

    สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล

    นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น

    #Newskit
    ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • DITP เชิดชู 20 ผู้ประกอบการไทย รับมอบตรา T Mark การันตีมาตรฐานสู่ตลาดโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/21485/
    .
    #ไทยไท #DITP #TMark #ThailandTrustMark #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวธุรกิจ #กระทรวงพาณิชย์
    DITP เชิดชู 20 ผู้ประกอบการไทย รับมอบตรา T Mark การันตีมาตรฐานสู่ตลาดโลก https://www.thai-tai.tv/news/21485/ . #ไทยไท #DITP #TMark #ThailandTrustMark #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวธุรกิจ #กระทรวงพาณิชย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • DITP เชิดชู 20 ผู้ประกอบการไทย รับมอบตรา T Mark การันตีมาตรฐานสู่ตลาดโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/21485/
    .
    #ไทยไท #DITP #TMark #ThailandTrustMark #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวธุรกิจ #กระทรวงพาณิชย์
    DITP เชิดชู 20 ผู้ประกอบการไทย รับมอบตรา T Mark การันตีมาตรฐานสู่ตลาดโลก https://www.thai-tai.tv/news/21485/ . #ไทยไท #DITP #TMark #ThailandTrustMark #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวธุรกิจ #กระทรวงพาณิชย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 5 – สร้างพระเจ้าองค์ใหม่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 5 : สร้างพระเจ้าองค์ใหม่
    หลัง Anglo American Establishment กอดคอจับมือกันชัดเจน เมื่อประมาณ ค.ศ.1890 ทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมกันสร้างกลไก สร้างระบบด้านการเงินการธนาคารเป็นอันดับแรก เพื่อเอาตัวเองนำหน้าชักใยรัฐบาล และลดบทบาทของประเทศ
    ระบบธนาคารกลาง เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1694 ที่อังกฤษ เป็นการรวมตัวกันของ เครือข่ายธนาคารกลางนานาชาติ ซึ่งไม่ได้เป็นของรัฐ แต่เป็นของเอกชน ! มีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชนคนโคตรรวย ธนาคารกลางนี้เป็นผู้อนุญาตให้ รัฐบาล (จำกันให้ดี เงินเป็นใหญ่กว่ารัฐบาล มาตั้งแต่ ค.ศ.1694 แล้ว !) ในการพิมพ์ธนบัตร เงินสกุลต่างๆ ของแต่ละประเทศ โดยอนุญาตให้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และทำกำไรจากดอกเบี้ยนั้น ธนาคารกลางเหล่านี้ เป็นผู้ให้เงินกู้แก่รัฐบาล และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เท่ากับควบคุมลูกค้าใหญ่ 2 กลุ่ม 2 ขาของประเทศไปพร้อมๆ กัน ต่อมาภายหลังประมาณ ปี ค.ศ.1930 ธนาคารกลางเหล่านี้ พร้อมใจกันอยู่ในระบบที่พวกตัว เองสร้างขึ้น เรียกว่า Bank for International Settlements (BIS) ตั้งอยู่ที่เมือง Basle ในสวิสเซอร์แลนด์ เป็นธนาคารของเอกชนเช่นเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของเหล่าสมาชิกซึ่งเป็นธนาคารกลางต่างๆ (เขียนแล้วมึนเอง คนอ่านก็คงมึน) เอาแบบง่ายๆ BIS ธนาคารกลางตัวแม่นี้ถือหุ้นโดย ธนาคารกลางตัว ลูกๆ ทั้งหลาย ธนาคารกลางตัวลูกก็ถือหุ้นโดยพวกเอกชนคนโคตรรวยอีกต่อหนึ่ง สรุปว่า พวกคนรวยลงทุนลงขันกันเอง เพื่อตั้งธนาคารกลาง และไม่ให้ใครมายุ่ง เขาดูแลเงินของเขากันเอง ตั้งกฎกติกาเอง โดยให้แม่ BIS คุม รัฐบาลได้แต่ทำตาปริบๆ ดู หน้าจ๋อย มือกุม ก้มหน้า รับคำสั่งรับอำนาจมาจากคนรวยอีกทีหนึ่ง เข้าใจไหม คนรวยใหญ่กว่ารัฐบาล ถึงพูดกันว่าเงินเป็นพระเจ้า
    ระบบธนาคารกลางนี้ หลังจากเกิดขึ้นครั้งแรกที่ London ไปได้สวย คนรวยติดใจ จึงขยายตัวข้ามมาในทวีปยุโรปตะวันตก และกระจายทั่วไปในทวีปยุโรป การปฏิวัติในฝรั่งเศส ทำให้นโปเลียนขึ้นมามีอำนาจ และยอมให้บรรดานายทุนที่รวมตัวกันให้เงินกู้นโปเลียนไปทำการปฏิวัตินั่นแหละ จับมือร่วมกันจัดตั้งธนาคารในฝรั่งเศสขึ้น เป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่พวกนายทุนนี้ควบคุมกันเอง รัฐบาลไม่เกี่ยว ธนาคารนี้เป็นต้นกำเนิดของตระกูลโคตรรวยทางฝั่งยุโรป คือ ตระกูล Rothshilds ชาวยิวในยุโรป ซึ่งขยายธุรกิจการเงินของตระกูล โดยการตั้งธนาคารใน London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples ทำให้ตระกูลนี้ยิ่งรวยเละขึ้นไปอีก และยิ่งรวยเพิ่มขึ้น จากการไปถือหางทุกฝ่ายในการรบทุกครั้งของนโปเลียน (ต้นกำเนิดของการถือไพ่ทุกใบในการต่อสู้ มีเงินซื้อไพ่ทุกใบ มีไพ่ให้เลือกเล่นแยะ เล่นยังไงก็ชนะ ยกเว้นโคตรโง่ หรือ โคตรเลว จนเทวดาบอกมีเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ตัวอย่างกำลังมีให้เห็นในบ้านเรา !)
    นาย Carroll Quigley นักประวัติศาสตร์ นักทฤษฎี เจ้าความคิดกำเนิดแห่งศิวิไลย์ของมนุษยชาติ แห่งมหาวิทยาลัย Georgetown เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งบรรดาสาวกทั้งหลายถือเป็นคัมภีร์ ชื่อ Tragedy and Hope บอกว่าในช่วง ค.ศ.18101850 พวกวาณิชธนกิจใน London ได้สร้าง ธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) ตลาดหุ้นและตลาดเงินแห่ง London และไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ขยายธุรกิจ โดยการสร้างธนาคารย่อยในระดับเมือง ต่างๆ ดำเนินกิจการ ในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารออมสิน รวมทั้งทำธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ 3 อย่างนี้ มันหมุนเงิน สร้างเงินในตัวของมันเองตามวงจร เขาจึงรวมธุรกิจพวกนี้ไว้ด้วยกัน ในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นระดับระหว่างประเทศ จากเมืองไปสู่ประเทศ และด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถชักใย ควบคุมการไหลเข้าออก ของเงินระหว่างประเทศ แน่นอนการดำเนินการแบบนี้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ แต่ก็เรียกว่ามีอิทธิพล เหนือทั้งรัฐบาลและธุรกิจอุตสาหกรรม เงินไม่มี กิจการต่างๆไม่ว่าทางการเมืองหรือธุรกิจก็เป็นง่อยเรียบร้อย ตรงไปตรงมา ไม่ต้องฉลาดมากก็คิดได้ ขอให้มีเงินไว้ก่อน !
    ในขณะเดียวกัน ทางอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ในอเมริกาก็มีการรวมตัวของกลุ่มธนาคารและธุรกิจอุตสาหกรรมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยพวก Morgans, Astors, Vanderbilts, Rockefellers และ Carnegies กลุ่มทุนพวกนี้ก็เริ่มครอบงำอุตสาหกรรมทั้งหมด ตลอดศตวรรษที่ 19 และต่อมาผลประโยชน์ของนายทุนทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคก็เชื่อมโยงกัน คนมีเงินก็ย่อมเลือกที่จะคบกับคนมีเงินด้วยกัน Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น
    คนรวยมีเงินแล้วก็อยากมีอำนาจ เป็นโรคเดียวกันทั้งนั้น ไม่มีใครต่างกัน กลับมาดูคนรวยที่อังกฤษ พวกคนรวยในอังกฤษเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกัน เพื่อแสดงอิทธิพลของตนในระดับชาติ ช่วงนั้นนักล่าแถบนั้น กำลังรุมทิ้งเหยื่ออยู่แถวอาฟริกา ซึ่งเกือบทุกประเทศในอาฟริกา ยกเว้นเอธิโอเปีย ตกเป็นอาณานิคมของนักล่าผมทองจากอังกฤษและยุโรปทั้งสิ้น นักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นคือ นาย Cecil Rhodes นักล่าชาวอังกฤษเป็นคนลงไม้ลงมือล่า แต่กระเป๋าที่อุดหนุนให้เขาปฏิบัติการล่า คือ ตระกูล Rothshilds ซึ่งในช่วงนั้น เป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นาย Cecil Rhodes เป็นคนสุดโต่งอีกคนหนึ่ง เขามองว่าอเมริกายังเป็นอาณานิ คมของจักรภพอังกฤษอยู่ จะปล่อยให้มาทำท่ารวยยะโส เดินหน้าเชิด เทียบชั้นกับอังกฤษ เจ้านายเก่าแบบนี้น่ะ มันจะมากไปหน่อยไหม นาย Rhodes มองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นนักล่าเงินรางวัล แต่เขาเป็นนักสร้างอาณาจักร empire builder อย่าลืมเขาสร้างเมือง Rhodesia ในอาฟริกา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe
    Carroll Quigley เล่าต่อไปว่า ค.ศ.1891 คนโคตรรวยอังกฤษ 3 หนุ่ม แอบพบกัน เพื่อสมคบกันสร้างสมาคมลับ 3 หนุ่มคือนาย Cecil Rhodes, William T. Stead พี่เบิ้มแห่งวงการหนังสือพิมพ์สมัยนั้น (น่าสังเกตว่า ถ้าจะทำอะไรให้ดังต้องมีสื่อยักษ์มาร่วม มิน่าเล่า มันถึงอยากเป็นสื่อใหญ่กันทั้งนั้น ถีบตัวเองขึ้นมา จนลืมจรรยาบรรณ ฐานันดรที่ 4) และนาย Reginald Baliol Brett ซึ่งเป็นพระสหายผู้ได้รับความไว้วางใจ จากพระราชินีวิกตอเรีย แห่งจักรภพอังกฤษ และต่อมาก็ได้เป็นที่ปรึกษาผู้ มีอิทธิพลต่อพระเจ้า Edward ที่ 7 และพระเจ้า George ที่ 5 ปู่ของพระราชินีElizabeth ที่ 2 ของอังกฤษคนปัจจุบัน สมาคมลับนี้มีนาย Rhodes เป็นหัวหน้า และพระอันดับอีก 3 คน คือ นาย Stead, นาย Brett และคนสุดท้ายแต่มาแรง คือ นาย Alfred Milner
    วัตถุประสงค์ของสมาคมลับนี้ ซึ่งต่อไปจะนำฝูงโดยนาย Alfred Milner คือจัดการให้อังกฤษปกครองไปทั่วโลก ด้วยระบบของอังกฤษ ไม่ว่าจะในด้านปกครองประชาชนหรือทำการค้า พูดให้ชัด เป้าหมายคือจัดการให้อเมริกากลับมาอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ ใช้ระบบอังกฤษดำเนินชีวิต และอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Rothshilds และกลุ่มธนาคารต่างๆ เต็มที่อย่างลับๆ
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 5 – สร้างพระเจ้าองค์ใหม่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 5 : สร้างพระเจ้าองค์ใหม่ หลัง Anglo American Establishment กอดคอจับมือกันชัดเจน เมื่อประมาณ ค.ศ.1890 ทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมกันสร้างกลไก สร้างระบบด้านการเงินการธนาคารเป็นอันดับแรก เพื่อเอาตัวเองนำหน้าชักใยรัฐบาล และลดบทบาทของประเทศ ระบบธนาคารกลาง เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1694 ที่อังกฤษ เป็นการรวมตัวกันของ เครือข่ายธนาคารกลางนานาชาติ ซึ่งไม่ได้เป็นของรัฐ แต่เป็นของเอกชน ! มีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชนคนโคตรรวย ธนาคารกลางนี้เป็นผู้อนุญาตให้ รัฐบาล (จำกันให้ดี เงินเป็นใหญ่กว่ารัฐบาล มาตั้งแต่ ค.ศ.1694 แล้ว !) ในการพิมพ์ธนบัตร เงินสกุลต่างๆ ของแต่ละประเทศ โดยอนุญาตให้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และทำกำไรจากดอกเบี้ยนั้น ธนาคารกลางเหล่านี้ เป็นผู้ให้เงินกู้แก่รัฐบาล และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เท่ากับควบคุมลูกค้าใหญ่ 2 กลุ่ม 2 ขาของประเทศไปพร้อมๆ กัน ต่อมาภายหลังประมาณ ปี ค.ศ.1930 ธนาคารกลางเหล่านี้ พร้อมใจกันอยู่ในระบบที่พวกตัว เองสร้างขึ้น เรียกว่า Bank for International Settlements (BIS) ตั้งอยู่ที่เมือง Basle ในสวิสเซอร์แลนด์ เป็นธนาคารของเอกชนเช่นเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของเหล่าสมาชิกซึ่งเป็นธนาคารกลางต่างๆ (เขียนแล้วมึนเอง คนอ่านก็คงมึน) เอาแบบง่ายๆ BIS ธนาคารกลางตัวแม่นี้ถือหุ้นโดย ธนาคารกลางตัว ลูกๆ ทั้งหลาย ธนาคารกลางตัวลูกก็ถือหุ้นโดยพวกเอกชนคนโคตรรวยอีกต่อหนึ่ง สรุปว่า พวกคนรวยลงทุนลงขันกันเอง เพื่อตั้งธนาคารกลาง และไม่ให้ใครมายุ่ง เขาดูแลเงินของเขากันเอง ตั้งกฎกติกาเอง โดยให้แม่ BIS คุม รัฐบาลได้แต่ทำตาปริบๆ ดู หน้าจ๋อย มือกุม ก้มหน้า รับคำสั่งรับอำนาจมาจากคนรวยอีกทีหนึ่ง เข้าใจไหม คนรวยใหญ่กว่ารัฐบาล ถึงพูดกันว่าเงินเป็นพระเจ้า ระบบธนาคารกลางนี้ หลังจากเกิดขึ้นครั้งแรกที่ London ไปได้สวย คนรวยติดใจ จึงขยายตัวข้ามมาในทวีปยุโรปตะวันตก และกระจายทั่วไปในทวีปยุโรป การปฏิวัติในฝรั่งเศส ทำให้นโปเลียนขึ้นมามีอำนาจ และยอมให้บรรดานายทุนที่รวมตัวกันให้เงินกู้นโปเลียนไปทำการปฏิวัตินั่นแหละ จับมือร่วมกันจัดตั้งธนาคารในฝรั่งเศสขึ้น เป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่พวกนายทุนนี้ควบคุมกันเอง รัฐบาลไม่เกี่ยว ธนาคารนี้เป็นต้นกำเนิดของตระกูลโคตรรวยทางฝั่งยุโรป คือ ตระกูล Rothshilds ชาวยิวในยุโรป ซึ่งขยายธุรกิจการเงินของตระกูล โดยการตั้งธนาคารใน London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples ทำให้ตระกูลนี้ยิ่งรวยเละขึ้นไปอีก และยิ่งรวยเพิ่มขึ้น จากการไปถือหางทุกฝ่ายในการรบทุกครั้งของนโปเลียน (ต้นกำเนิดของการถือไพ่ทุกใบในการต่อสู้ มีเงินซื้อไพ่ทุกใบ มีไพ่ให้เลือกเล่นแยะ เล่นยังไงก็ชนะ ยกเว้นโคตรโง่ หรือ โคตรเลว จนเทวดาบอกมีเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ตัวอย่างกำลังมีให้เห็นในบ้านเรา !) นาย Carroll Quigley นักประวัติศาสตร์ นักทฤษฎี เจ้าความคิดกำเนิดแห่งศิวิไลย์ของมนุษยชาติ แห่งมหาวิทยาลัย Georgetown เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งบรรดาสาวกทั้งหลายถือเป็นคัมภีร์ ชื่อ Tragedy and Hope บอกว่าในช่วง ค.ศ.18101850 พวกวาณิชธนกิจใน London ได้สร้าง ธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) ตลาดหุ้นและตลาดเงินแห่ง London และไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ขยายธุรกิจ โดยการสร้างธนาคารย่อยในระดับเมือง ต่างๆ ดำเนินกิจการ ในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารออมสิน รวมทั้งทำธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ 3 อย่างนี้ มันหมุนเงิน สร้างเงินในตัวของมันเองตามวงจร เขาจึงรวมธุรกิจพวกนี้ไว้ด้วยกัน ในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นระดับระหว่างประเทศ จากเมืองไปสู่ประเทศ และด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถชักใย ควบคุมการไหลเข้าออก ของเงินระหว่างประเทศ แน่นอนการดำเนินการแบบนี้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ แต่ก็เรียกว่ามีอิทธิพล เหนือทั้งรัฐบาลและธุรกิจอุตสาหกรรม เงินไม่มี กิจการต่างๆไม่ว่าทางการเมืองหรือธุรกิจก็เป็นง่อยเรียบร้อย ตรงไปตรงมา ไม่ต้องฉลาดมากก็คิดได้ ขอให้มีเงินไว้ก่อน ! ในขณะเดียวกัน ทางอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ในอเมริกาก็มีการรวมตัวของกลุ่มธนาคารและธุรกิจอุตสาหกรรมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยพวก Morgans, Astors, Vanderbilts, Rockefellers และ Carnegies กลุ่มทุนพวกนี้ก็เริ่มครอบงำอุตสาหกรรมทั้งหมด ตลอดศตวรรษที่ 19 และต่อมาผลประโยชน์ของนายทุนทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคก็เชื่อมโยงกัน คนมีเงินก็ย่อมเลือกที่จะคบกับคนมีเงินด้วยกัน Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น คนรวยมีเงินแล้วก็อยากมีอำนาจ เป็นโรคเดียวกันทั้งนั้น ไม่มีใครต่างกัน กลับมาดูคนรวยที่อังกฤษ พวกคนรวยในอังกฤษเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกัน เพื่อแสดงอิทธิพลของตนในระดับชาติ ช่วงนั้นนักล่าแถบนั้น กำลังรุมทิ้งเหยื่ออยู่แถวอาฟริกา ซึ่งเกือบทุกประเทศในอาฟริกา ยกเว้นเอธิโอเปีย ตกเป็นอาณานิคมของนักล่าผมทองจากอังกฤษและยุโรปทั้งสิ้น นักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นคือ นาย Cecil Rhodes นักล่าชาวอังกฤษเป็นคนลงไม้ลงมือล่า แต่กระเป๋าที่อุดหนุนให้เขาปฏิบัติการล่า คือ ตระกูล Rothshilds ซึ่งในช่วงนั้น เป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นาย Cecil Rhodes เป็นคนสุดโต่งอีกคนหนึ่ง เขามองว่าอเมริกายังเป็นอาณานิ คมของจักรภพอังกฤษอยู่ จะปล่อยให้มาทำท่ารวยยะโส เดินหน้าเชิด เทียบชั้นกับอังกฤษ เจ้านายเก่าแบบนี้น่ะ มันจะมากไปหน่อยไหม นาย Rhodes มองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นนักล่าเงินรางวัล แต่เขาเป็นนักสร้างอาณาจักร empire builder อย่าลืมเขาสร้างเมือง Rhodesia ในอาฟริกา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe Carroll Quigley เล่าต่อไปว่า ค.ศ.1891 คนโคตรรวยอังกฤษ 3 หนุ่ม แอบพบกัน เพื่อสมคบกันสร้างสมาคมลับ 3 หนุ่มคือนาย Cecil Rhodes, William T. Stead พี่เบิ้มแห่งวงการหนังสือพิมพ์สมัยนั้น (น่าสังเกตว่า ถ้าจะทำอะไรให้ดังต้องมีสื่อยักษ์มาร่วม มิน่าเล่า มันถึงอยากเป็นสื่อใหญ่กันทั้งนั้น ถีบตัวเองขึ้นมา จนลืมจรรยาบรรณ ฐานันดรที่ 4) และนาย Reginald Baliol Brett ซึ่งเป็นพระสหายผู้ได้รับความไว้วางใจ จากพระราชินีวิกตอเรีย แห่งจักรภพอังกฤษ และต่อมาก็ได้เป็นที่ปรึกษาผู้ มีอิทธิพลต่อพระเจ้า Edward ที่ 7 และพระเจ้า George ที่ 5 ปู่ของพระราชินีElizabeth ที่ 2 ของอังกฤษคนปัจจุบัน สมาคมลับนี้มีนาย Rhodes เป็นหัวหน้า และพระอันดับอีก 3 คน คือ นาย Stead, นาย Brett และคนสุดท้ายแต่มาแรง คือ นาย Alfred Milner วัตถุประสงค์ของสมาคมลับนี้ ซึ่งต่อไปจะนำฝูงโดยนาย Alfred Milner คือจัดการให้อังกฤษปกครองไปทั่วโลก ด้วยระบบของอังกฤษ ไม่ว่าจะในด้านปกครองประชาชนหรือทำการค้า พูดให้ชัด เป้าหมายคือจัดการให้อเมริกากลับมาอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ ใช้ระบบอังกฤษดำเนินชีวิต และอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Rothshilds และกลุ่มธนาคารต่างๆ เต็มที่อย่างลับๆ คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบดแห้ง BONNY (Pin Type) เครื่องเดียวจบทุกการบด!
    บดสมุนไพรแห้งให้เป็นผงละเอียด รวดเร็วทันใจ กำลังการผลิตสูง
    ตัวเครื่องสแตนเลสแท้ 100%
    บดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรแห้ง พริก ข้าวสาร หรือธัญพืชต่างๆ
    ใช้งานง่าย ทำความสะอาดสะดวก
    เหมาะสำหรับธุรกิจอาหารและสมุนไพรทุกขนาด! สนใจเครื่องบดคุณภาพดี ทักเลย!
    สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย! เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่านค่ะ
    เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. | เสาร์: 8.00 - 16.00 น.
    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6
    ช่องทางติดต่อสอบถาม:
    Facebook Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com
    #เครื่องบด #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดแห้ง #เครื่องบดผง #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดอาหาร #เครื่องปั่นแห้ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ธุรกิจสมุนไพร #ธุรกิจอาหาร #สมุนไพร #บดสมุนไพร #ผงสมุนไพร #เครื่องเทศ #ผงเครื่องเทศ #ขมิ้น #ขิง #พริกไทย #ใบชา #BonnyPulverizer #โรงงานสมุนไพร #โรงงานอาหาร #เครื่องจักร #เครื่องมือ #ผู้ประกอบการ #เกษตรแปรรูป #แปรรูปสมุนไพร #ครัวเรือน #ผงชงดื่ม #YongHahHeng
    เครื่องบดแห้ง BONNY (Pin Type) เครื่องเดียวจบทุกการบด! บดสมุนไพรแห้งให้เป็นผงละเอียด รวดเร็วทันใจ กำลังการผลิตสูง ✅ ตัวเครื่องสแตนเลสแท้ 100% ✅ บดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรแห้ง พริก ข้าวสาร หรือธัญพืชต่างๆ ✅ ใช้งานง่าย ทำความสะอาดสะดวก เหมาะสำหรับธุรกิจอาหารและสมุนไพรทุกขนาด! สนใจเครื่องบดคุณภาพดี ทักเลย! สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย! เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่านค่ะ เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. | เสาร์: 8.00 - 16.00 น. แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6 ช่องทางติดต่อสอบถาม: Facebook Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com #เครื่องบด #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดแห้ง #เครื่องบดผง #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดอาหาร #เครื่องปั่นแห้ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #ธุรกิจสมุนไพร #ธุรกิจอาหาร #สมุนไพร #บดสมุนไพร #ผงสมุนไพร #เครื่องเทศ #ผงเครื่องเทศ #ขมิ้น #ขิง #พริกไทย #ใบชา #BonnyPulverizer #โรงงานสมุนไพร #โรงงานอาหาร #เครื่องจักร #เครื่องมือ #ผู้ประกอบการ #เกษตรแปรรูป #แปรรูปสมุนไพร #ครัวเรือน #ผงชงดื่ม #YongHahHeng
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยกระดับธุรกิจหอมเจียวให้ได้กำไรพุ่ง!
    สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาทางเพิ่มยอดผลิต และลดต้นทุนการจ้างคนปอกหอมแดง ต้องไม่พลาด! เครื่องปอกเปลือกแบบใช้น้ำขนาด 10 ลิตร คือคำตอบที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด!

    ทำไมเครื่องนี้ถึงตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ?
    เร็วแรงแซงทุกการผลิต! ปอกหอมแดงได้ครั้งละ 5-7 กก. ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้คุณเพิ่มปริมาณการผลิตหอมเจียวได้มากขึ้นหลายเท่าตัว!

    ลดต้นทุนค่าแรง! ไม่ต้องจ้างคนงานจำนวนมากมานั่งปอกมืออีกต่อไป! คุ้มค่าในระยะยาว คืนทุนเร็วอย่างแน่นอน

    งานสะอาด ไม่มีคราบ! เครื่องปอกด้วยระบบน้ำ ทำให้หอมที่ได้สะอาด พร้อมนำไปทอดเป็นหอมเจียวกรอบๆ ได้เลย

    ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน! ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานหนักในเชิงพาณิชย์

    มีรับประกัน 1 ปี! หมดห่วงเรื่องการซ่อมบำรุง เราพร้อมดูแลธุรกิจของคุณให้เดินหน้าได้อย่างราบรื่น

    รายละเอียดเครื่อง:
    มอเตอร์: 1 แรงม้า
    ขนาด: 50 x 74.5 x 85 ซม.
    น้ำหนัก: 58 กก.

    อย่าปล่อยให้คู่แข่งแซงหน้า! ลงทุนกับเครื่องปอกเปลือกคุณภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและกำไรให้ธุรกิจหอมเจียวของคุณวันนี้!

    สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย!
    เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่านค่ะ

    เวลาทำการ:

    จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    เสาร์: 8.00 - 16.00 น.

    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6
    ช่องทางติดต่อสอบถาม:
    Facebook Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องปอกเปลือก #หอมแดง #หอมเจียว #ธุรกิจหอมเจียว #เครื่องจักรอาหาร #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #SME #ผู้ประกอบการ #ลงทุนคุ้มค่า #หอมเจียวกรอบ #รับทำหอมเจียว #เครื่องทุ่นแรง #ธุรกิจอาหาร #ทำอาหารขาย #yonghahheng #เครื่องครัว #อุปกรณ์ทำครัว #ร้านอาหาร #โรงงานอาหาร
    🚀 ยกระดับธุรกิจหอมเจียวให้ได้กำไรพุ่ง! 🧅✨ สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาทางเพิ่มยอดผลิต และลดต้นทุนการจ้างคนปอกหอมแดง ต้องไม่พลาด! เครื่องปอกเปลือกแบบใช้น้ำขนาด 10 ลิตร คือคำตอบที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด! 🔥 ทำไมเครื่องนี้ถึงตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ? 🔥 ✅ เร็วแรงแซงทุกการผลิต! ปอกหอมแดงได้ครั้งละ 5-7 กก. ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้คุณเพิ่มปริมาณการผลิตหอมเจียวได้มากขึ้นหลายเท่าตัว! ✅ ลดต้นทุนค่าแรง! ไม่ต้องจ้างคนงานจำนวนมากมานั่งปอกมืออีกต่อไป! คุ้มค่าในระยะยาว คืนทุนเร็วอย่างแน่นอน ✅ งานสะอาด ไม่มีคราบ! เครื่องปอกด้วยระบบน้ำ ทำให้หอมที่ได้สะอาด พร้อมนำไปทอดเป็นหอมเจียวกรอบๆ ได้เลย ✅ ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน! ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานหนักในเชิงพาณิชย์ ✅ มีรับประกัน 1 ปี! หมดห่วงเรื่องการซ่อมบำรุง เราพร้อมดูแลธุรกิจของคุณให้เดินหน้าได้อย่างราบรื่น รายละเอียดเครื่อง: มอเตอร์: 1 แรงม้า ขนาด: 50 x 74.5 x 85 ซม. น้ำหนัก: 58 กก. ✨ อย่าปล่อยให้คู่แข่งแซงหน้า! ลงทุนกับเครื่องปอกเปลือกคุณภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและกำไรให้ธุรกิจหอมเจียวของคุณวันนี้! ✨ 📍 สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย! เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่านค่ะ 🗓️ เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. เสาร์: 8.00 - 16.00 น. 🗺️ แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6 💬 ช่องทางติดต่อสอบถาม: Facebook Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com #เครื่องปอกเปลือก #หอมแดง #หอมเจียว #ธุรกิจหอมเจียว #เครื่องจักรอาหาร #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #SME #ผู้ประกอบการ #ลงทุนคุ้มค่า #หอมเจียวกรอบ #รับทำหอมเจียว #เครื่องทุ่นแรง #ธุรกิจอาหาร #ทำอาหารขาย #yonghahheng #เครื่องครัว #อุปกรณ์ทำครัว #ร้านอาหาร #โรงงานอาหาร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกชนหนุน "คนละครึ่ง" เสนอเพิ่มวงเงิน 200 บาท : [NEWS UPDATE]

    นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค เผยถึงการหารือกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมภัตตาคารไทย แพลตฟอร์มไลน์แมน วงใน และแกร็บ ในการเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง เอกชนเสนอให้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายเป็น 200 บาทต่อวัน จากเดิม 150 บาท แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลรอยต่องบประมาณเหลือไม่มาก นายกรัฐมนตรีไม่มีนโยบายกู้เงินเพิ่มเพราะหนี้สาธารณะสูง อาจไม่สามารถทำตามข้อเสนอได้เต็มที่ แต่เดินหน้าโครงการแน่นอน และเตรียมขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น ย้ำ นายกรัฐมนตรี ไม่เก็บภาษีย้อนหลัง และอาจเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี เพื่อจูงใจให้เข้าระบบมากขึ้น

    -เพื่อไทยจะเปลี่ยนหลายอย่าง

    -ความไว้ใจไม่เหมือนเดิม

    -แก้ รธน.ต้องถามประชาชน

    -สอบจุดอ่อนเลี้ยงสิงโต
    เอกชนหนุน "คนละครึ่ง" เสนอเพิ่มวงเงิน 200 บาท : [NEWS UPDATE] นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค เผยถึงการหารือกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมภัตตาคารไทย แพลตฟอร์มไลน์แมน วงใน และแกร็บ ในการเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง เอกชนเสนอให้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายเป็น 200 บาทต่อวัน จากเดิม 150 บาท แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลรอยต่องบประมาณเหลือไม่มาก นายกรัฐมนตรีไม่มีนโยบายกู้เงินเพิ่มเพราะหนี้สาธารณะสูง อาจไม่สามารถทำตามข้อเสนอได้เต็มที่ แต่เดินหน้าโครงการแน่นอน และเตรียมขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น ย้ำ นายกรัฐมนตรี ไม่เก็บภาษีย้อนหลัง และอาจเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี เพื่อจูงใจให้เข้าระบบมากขึ้น -เพื่อไทยจะเปลี่ยนหลายอย่าง -ความไว้ใจไม่เหมือนเดิม -แก้ รธน.ต้องถามประชาชน -สอบจุดอ่อนเลี้ยงสิงโต
    Like
    2
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ข่าวดีผู้ประกอบการ! DITP จัดงาน “NEA Open House 2025” ตอกย้ำความสำเร็จ พร้อมพัฒนาผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/21375/
    .
    #ไทยไท #กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ #NEAOpenHouse2025 #ส่งออก #ผู้ประกอบการไทย #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้
    ข่าวดีผู้ประกอบการ! DITP จัดงาน “NEA Open House 2025” ตอกย้ำความสำเร็จ พร้อมพัฒนาผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก https://www.thai-tai.tv/news/21375/ . #ไทยไท #กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ #NEAOpenHouse2025 #ส่งออก #ผู้ประกอบการไทย #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุทินกำจัดจุดอ่อน ฟอร์ม ครม.คนนอก-ฟื้นคนละครึ่ง

    ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 สำหรับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังลาออกจากรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ไปเมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เพราะนายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ต้องการเก้าอี้คืน แล้วตกลงกันไม่ได้ กระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงคุยโทรศัพท์กับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในที่สุดดีลโหวตเลือกนายกฯ กับพรรคประชาชน เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ก็ลงตัว ชนะนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย 311 ต่อ 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ภายใต้เงื่อนไขต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน และเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

    4 ปัญหาบ้านเมืองที่นายอนุทินจะแก้ไข คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความมั่นคง ปัญหาภัยธรรมชาติ และปัญหาภัยสังคม จึงได้พบเห็นการฟอร์มรัฐมนตรีคนนอก ได้แก่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ จะมาเป็น รมว.คลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตซีอีโอ ปตท. และ โออาร์ จะมาเป็น รมว.พลังงาน และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะมาเป็น รมว.ต่างประเทศ โดยให้เหตุผลว่า อยากได้คนที่มีความรู้ความสามารถ ทำงานได้เลย ไม่ต้องเรียนรู้งานอะไรมาก สร้างความมั่นใจว่าทุกอย่างจะเดินหน้าได้ และล่าสุด เปิดตัวนายวรภัค ธันยาวงษ์ ประธานที่ปรึกษา นายพิชัย ชุณหวชิร อดีต รมว.คลังในรัฐบาลแพทองธาร ที่เป็นหนึ่งในทีมเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมาเป็น รมช.คลัง

    นอกจากนี้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า จะฟื้นโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมา หลังนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เรียกร้องให้สนับสนุนโครงการ Co-payment เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน และผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศกว่า 7 แสนราย ที่ต้องเผชิญพิษเศรษฐกิจและยอดขายตกต่ำ เรียกเสียงฮือฮาจากสังคม เพราะเป็นโครงการในตำนานที่เห็นภาพและจับต้องได้

    อีกทั้งระบบหลังบ้าน ธนาคารกรุงไทยมีประสบการณ์อยู่แล้ว มีฐานผู้ใช้งานแอปฯ เป๋าตังกว่า 40 ล้านราย เมื่อเทียบกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ต้องเขียนแอปฯ ใหม่ สุดท้ายทำไม่ได้จริง ได้แค่แจกเงินผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางผ่านระบบพร้อมเพย์ แม้จะมีการปลุกกระแสทำให้ผู้ค้าส่วนหนึ่งกลัวถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังก็ตาม แต่การจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน โดยปกติหากรายได้ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว

    #Newskit
    อนุทินกำจัดจุดอ่อน ฟอร์ม ครม.คนนอก-ฟื้นคนละครึ่ง ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 สำหรับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังลาออกจากรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ไปเมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เพราะนายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ต้องการเก้าอี้คืน แล้วตกลงกันไม่ได้ กระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงคุยโทรศัพท์กับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในที่สุดดีลโหวตเลือกนายกฯ กับพรรคประชาชน เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ก็ลงตัว ชนะนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย 311 ต่อ 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ภายใต้เงื่อนไขต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน และเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ 4 ปัญหาบ้านเมืองที่นายอนุทินจะแก้ไข คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความมั่นคง ปัญหาภัยธรรมชาติ และปัญหาภัยสังคม จึงได้พบเห็นการฟอร์มรัฐมนตรีคนนอก ได้แก่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ จะมาเป็น รมว.คลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตซีอีโอ ปตท. และ โออาร์ จะมาเป็น รมว.พลังงาน และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะมาเป็น รมว.ต่างประเทศ โดยให้เหตุผลว่า อยากได้คนที่มีความรู้ความสามารถ ทำงานได้เลย ไม่ต้องเรียนรู้งานอะไรมาก สร้างความมั่นใจว่าทุกอย่างจะเดินหน้าได้ และล่าสุด เปิดตัวนายวรภัค ธันยาวงษ์ ประธานที่ปรึกษา นายพิชัย ชุณหวชิร อดีต รมว.คลังในรัฐบาลแพทองธาร ที่เป็นหนึ่งในทีมเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมาเป็น รมช.คลัง นอกจากนี้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า จะฟื้นโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมา หลังนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เรียกร้องให้สนับสนุนโครงการ Co-payment เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน และผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศกว่า 7 แสนราย ที่ต้องเผชิญพิษเศรษฐกิจและยอดขายตกต่ำ เรียกเสียงฮือฮาจากสังคม เพราะเป็นโครงการในตำนานที่เห็นภาพและจับต้องได้ อีกทั้งระบบหลังบ้าน ธนาคารกรุงไทยมีประสบการณ์อยู่แล้ว มีฐานผู้ใช้งานแอปฯ เป๋าตังกว่า 40 ล้านราย เมื่อเทียบกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ต้องเขียนแอปฯ ใหม่ สุดท้ายทำไม่ได้จริง ได้แค่แจกเงินผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางผ่านระบบพร้อมเพย์ แม้จะมีการปลุกกระแสทำให้ผู้ค้าส่วนหนึ่งกลัวถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังก็ตาม แต่การจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน โดยปกติหากรายได้ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว #Newskit
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 508 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากนิวเม็กซิโก: จากจุดเริ่มต้นของระเบิดปรมาณู สู่ศูนย์กลางของควอนตัมแห่งอนาคต

    ย้อนกลับไปในปี 1945 นิวเม็กซิโกคือสถานที่ที่โลกได้เห็นการทดสอบระเบิดปรมาณูครั้งแรก แต่ในปี 2025 รัฐนี้กำลังเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยการลงทุนกว่า 315 ล้านดอลลาร์เพื่อผลักดันเทคโนโลยีควอนตัมให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ

    ผู้ว่าการรัฐ Michelle Lujan Grisham ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่ที่รวมถึงการสร้างเครือข่ายควอนตัม, สนับสนุนบริษัทเอกชน, และตั้ง venture studio เพื่อเร่งการพัฒนาและการค้าเทคโนโลยีควอนตัม โดยมี Roadrunner Venture Studios เป็นหัวหอกในการจับคู่ระหว่างนักวิทยาศาสตร์และผู้ประกอบการ

    เงินทุนนี้มาจากหลายแหล่ง: 185 ล้านจากกองทุนความมั่งคั่งของรัฐ, 60 ล้านจาก DARPA และอีก 60 ล้านจากรัฐเพื่อสนับสนุนโครงการที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายชัดเจน—ทำให้นิวเม็กซิโกกลายเป็น launchpad สำหรับบริษัทควอนตัมรุ่นใหม่

    โครงการนี้จะสร้าง quantum campus ใน Albuquerque ที่มีทั้ง quantum testbed, dilution refrigerators, rapid prototyping center และ multi-node quantum network ซึ่งจะเชื่อมโยงห้องแล็บและธุรกิจเข้าด้วยกัน

    การลงทุนของรัฐนิวเม็กซิโกในควอนตัม
    รวมมูลค่า 315 ล้านดอลลาร์จากรัฐ, DARPA และกองทุนเอกชน
    185 ล้านจาก sovereign wealth fund เพื่อสนับสนุน VC ที่ลงทุนในบริษัทควอนตัม
    60 ล้านจาก DARPA และรัฐเพื่อคัดกรองโครงการที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์
    25 ล้านสำหรับการจับคู่นักวิทยาศาสตร์กับผู้ประกอบการ

    โครงสร้างพื้นฐานที่กำลังสร้าง
    quantum campus ใน Albuquerque Innovation District
    มี quantum testbed, dilution refrigerators, packaging facility และ rapid prototyping center
    เชื่อมโยงผ่าน multi-node quantum network เพื่อรองรับการทดลองและการค้า

    บทบาทของ Roadrunner Venture Studios
    นำทีมสร้าง venture studio สำหรับควอนตัมโดยเฉพาะ
    เปิดโปรแกรม “Founder-in-Residence” เพื่อดึงผู้ประกอบการระดับประเทศ
    ร่วมมือกับ Sandia, Los Alamos, QuEra, Qunnect, Resonance และมหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโก
    ตั้งเป้าให้ Albuquerque เป็น launchpad สำหรับบริษัทควอนตัมระดับโลก

    เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์
    ทำให้นิวเม็กซิโกเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมในสหรัฐฯ
    สนับสนุนการเปลี่ยนจาก “ผู้นำด้านวิทยาศาสตร์” สู่ “ผู้นำด้านการใช้งานจริง”
    สร้างงานที่มีรายได้สูงและโอกาสทางเศรษฐกิจระยะยาว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/new-mexico-to-invest-315-million-in-quantum-computing-drive
    🎙️ เรื่องเล่าจากนิวเม็กซิโก: จากจุดเริ่มต้นของระเบิดปรมาณู สู่ศูนย์กลางของควอนตัมแห่งอนาคต ย้อนกลับไปในปี 1945 นิวเม็กซิโกคือสถานที่ที่โลกได้เห็นการทดสอบระเบิดปรมาณูครั้งแรก แต่ในปี 2025 รัฐนี้กำลังเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยการลงทุนกว่า 315 ล้านดอลลาร์เพื่อผลักดันเทคโนโลยีควอนตัมให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ ผู้ว่าการรัฐ Michelle Lujan Grisham ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่ที่รวมถึงการสร้างเครือข่ายควอนตัม, สนับสนุนบริษัทเอกชน, และตั้ง venture studio เพื่อเร่งการพัฒนาและการค้าเทคโนโลยีควอนตัม โดยมี Roadrunner Venture Studios เป็นหัวหอกในการจับคู่ระหว่างนักวิทยาศาสตร์และผู้ประกอบการ เงินทุนนี้มาจากหลายแหล่ง: 185 ล้านจากกองทุนความมั่งคั่งของรัฐ, 60 ล้านจาก DARPA และอีก 60 ล้านจากรัฐเพื่อสนับสนุนโครงการที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายชัดเจน—ทำให้นิวเม็กซิโกกลายเป็น launchpad สำหรับบริษัทควอนตัมรุ่นใหม่ โครงการนี้จะสร้าง quantum campus ใน Albuquerque ที่มีทั้ง quantum testbed, dilution refrigerators, rapid prototyping center และ multi-node quantum network ซึ่งจะเชื่อมโยงห้องแล็บและธุรกิจเข้าด้วยกัน ✅ การลงทุนของรัฐนิวเม็กซิโกในควอนตัม ➡️ รวมมูลค่า 315 ล้านดอลลาร์จากรัฐ, DARPA และกองทุนเอกชน ➡️ 185 ล้านจาก sovereign wealth fund เพื่อสนับสนุน VC ที่ลงทุนในบริษัทควอนตัม ➡️ 60 ล้านจาก DARPA และรัฐเพื่อคัดกรองโครงการที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ ➡️ 25 ล้านสำหรับการจับคู่นักวิทยาศาสตร์กับผู้ประกอบการ ✅ โครงสร้างพื้นฐานที่กำลังสร้าง ➡️ quantum campus ใน Albuquerque Innovation District ➡️ มี quantum testbed, dilution refrigerators, packaging facility และ rapid prototyping center ➡️ เชื่อมโยงผ่าน multi-node quantum network เพื่อรองรับการทดลองและการค้า ✅ บทบาทของ Roadrunner Venture Studios ➡️ นำทีมสร้าง venture studio สำหรับควอนตัมโดยเฉพาะ ➡️ เปิดโปรแกรม “Founder-in-Residence” เพื่อดึงผู้ประกอบการระดับประเทศ ➡️ ร่วมมือกับ Sandia, Los Alamos, QuEra, Qunnect, Resonance และมหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโก ➡️ ตั้งเป้าให้ Albuquerque เป็น launchpad สำหรับบริษัทควอนตัมระดับโลก ✅ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ทำให้นิวเม็กซิโกเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมในสหรัฐฯ ➡️ สนับสนุนการเปลี่ยนจาก “ผู้นำด้านวิทยาศาสตร์” สู่ “ผู้นำด้านการใช้งานจริง” ➡️ สร้างงานที่มีรายได้สูงและโอกาสทางเศรษฐกิจระยะยาว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/new-mexico-to-invest-315-million-in-quantum-computing-drive
    WWW.THESTAR.COM.MY
    New Mexico to invest $315 million in quantum computing drive
    SAN FRANCISCO (Reuters) -New Mexico, site of the world's first atomic bomb tests, on Tuesday plans to invest $315 million in a bid to become a leader in another potentially era-defining technology: quantum computing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP29 | เปิดโลกอาหารอาหรับ ฉบับฮาลาล

    อาหารอาหรับไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหาร แต่คือเรื่องราวของวัฒนธรรม ศรัทธา และรากเหง้าที่ส่งต่อผ่านรสชาติและวิถีชีวิต

    ในตอนนี้ รายการจะพาไปรู้จักกับอาหารอาหรับฉบับฮาลาลที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องวัตถุดิบ เครื่องเทศ และการปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยยังคงรักษาหลักศาสนาและความสะอาดตามมาตรฐานฮาลาลอย่างเคร่งครัด

    จากข้าวมันอาหรับ เมนูเนื้อแกะ ไปจนถึงขนมหวานและเครื่องดื่มแบบดั้งเดิม ทุกจานสะท้อนวิถีชีวิตของชาวอาหรับ และความผูกพันที่เชื่อมโยงกับชุมชนมุสลิมไทยในปัจจุบัน

    ติดตามการเปิดโลกแห่งรสชาติใหม่ พร้อมเรื่องราวของผู้ประกอบการฮาลาลที่หลงใหลในอาหารอาหรับ และนำมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักในสังคมไทย

    #สลามเมืองไทย #EP29 #อาหารอาหรับ #อาหารฮาลาล #ArabHalalFood #เปิดโลกอาหารฮาลาล #วัฒนธรรมอาหรับ #MuslimFoodCulture #ThaiMuslimCommunity #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP29 | เปิดโลกอาหารอาหรับ ฉบับฮาลาล อาหารอาหรับไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหาร แต่คือเรื่องราวของวัฒนธรรม ศรัทธา และรากเหง้าที่ส่งต่อผ่านรสชาติและวิถีชีวิต ในตอนนี้ รายการจะพาไปรู้จักกับอาหารอาหรับฉบับฮาลาลที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องวัตถุดิบ เครื่องเทศ และการปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยยังคงรักษาหลักศาสนาและความสะอาดตามมาตรฐานฮาลาลอย่างเคร่งครัด จากข้าวมันอาหรับ เมนูเนื้อแกะ ไปจนถึงขนมหวานและเครื่องดื่มแบบดั้งเดิม ทุกจานสะท้อนวิถีชีวิตของชาวอาหรับ และความผูกพันที่เชื่อมโยงกับชุมชนมุสลิมไทยในปัจจุบัน ติดตามการเปิดโลกแห่งรสชาติใหม่ พร้อมเรื่องราวของผู้ประกอบการฮาลาลที่หลงใหลในอาหารอาหรับ และนำมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักในสังคมไทย #สลามเมืองไทย #EP29 #อาหารอาหรับ #อาหารฮาลาล #ArabHalalFood #เปิดโลกอาหารฮาลาล #วัฒนธรรมอาหรับ #MuslimFoodCulture #ThaiMuslimCommunity #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “จตุพร-สุชาติ” ลุยจันทบุรี! ยกให้เป็น “เมืองหลวงอัญมณีโลก” พร้อมอัดนโยบายหนุนผู้ประกอบการ แก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและหาตลาดใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/21091/
    .
    #จตุพรบุรุษพัฒน์ #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #อัญมณีจันทบุรี #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไท
    “จตุพร-สุชาติ” ลุยจันทบุรี! ยกให้เป็น “เมืองหลวงอัญมณีโลก” พร้อมอัดนโยบายหนุนผู้ประกอบการ แก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและหาตลาดใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/21091/ . #จตุพรบุรุษพัฒน์ #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #อัญมณีจันทบุรี #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิพาทไทย–กัมพูชา ฉุดเชื่อมั่นอุตฯทรุดสุดรอบ3ปี : [Biz Talk]
    สถานการณ์ไทย–กัมพูชา กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจการค้าชายแดน 1 ในปัจจัยฉุดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ร่วง สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี จี้รัฐ เร่งเยียวยา ทั้งความเสียหายจากการค้าขายบริเวณชายแดน และจัดทำโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย ที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา ลดความเสี่ยงต่อการประกอบธุรกิจในระยะยาว
    พิพาทไทย–กัมพูชา ฉุดเชื่อมั่นอุตฯทรุดสุดรอบ3ปี : [Biz Talk] สถานการณ์ไทย–กัมพูชา กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจการค้าชายแดน 1 ในปัจจัยฉุดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ร่วง สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี จี้รัฐ เร่งเยียวยา ทั้งความเสียหายจากการค้าขายบริเวณชายแดน และจัดทำโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย ที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา ลดความเสี่ยงต่อการประกอบธุรกิจในระยะยาว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 553 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แคมโบเดีย โคล่า น้ำอัดลมชาตินิยมเศรษฐีเขมร

    กระแสความไม่พอใจของชาวกัมพูชา หลังโคคา-โคล่า กัมพูชา ลบรูปแวนด้า (Vann Da) หรือ วัณณ์ฎา มาน (Vannda Mann) นักร้องเพลงแร็ปชาวเขมร ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มโคคา-โคล่าออกจากสื่อโฆษณา แม้นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะออกมาปรามว่าโคคา-โคล่า เป็นแบรนด์จากสหรัฐฯ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ขายในกัมพูชา ผลิตโดยแรงงานชาวกัมพูชา สร้างรายได้และเงินภาษีให้กับรัฐบาล หากโคคา-โคล่าถอนตัวออกจากกัมพูชา ประเทศจะเสียหาย ถึงกระนั้น ยังมีภาคธุรกิจชาวกัมพูชาอย่างชิปมงกรุ๊ป (Chip Mong Group) สบโอกาสเปิดตัวน้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ แคมโบเดีย โคล่า (Cambodia Cola)

    แคมโบเดีย โคล่า ผลิตโดยบริษัทขแมร์เบเวอเรจ (Khmer Beverages) ในเครือชิปมงกรุ๊ป ในสโลแกน "เติมความซ่ากับรสชาติแห่งความสุข" (Fizz Up the Flavor of Joy) ปัดฝุ่นเพจเฟซบุ๊ก Vikingz ของเครื่องดื่มชูกำลังที่หยุดจำหน่ายไปแล้ว และมีผู้ติดตามเพจราว 4 หมื่นรายมาปัดฝุ่นใหม่ พร้อมเผยแพร่วิดีโอคลิปโฆษณาเชิงซีเอสอาร์ ชูความเป็นผลิตภัณฑ์เขมร ผลิตในโรงงานเขมร ของผู้ประกอบการเขมร 100% เชิญชวนมาอุดหนุนสินค้าเขมรด้วยกัน และกิจกรรมเยี่ยมครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนกัมพูชา-ไทย พร้อมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 20 ล้านเรียล และทหารที่บาดเจ็บ 2 ล้านเรียล

    อย่างไรก็ตาม แคมโบเดีย โคล่า ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการเครื่องดื่ม เพราะขแมร์เบเวอเรจ เป็นผู้ผลิตเบียร์แคมโบเดีย (Cambodia Beer) และน้ำดื่มตราแคมโบเดียวอเตอร์ (Cambodia Water) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 7 ล้านเฮกโตลิตรต่อปี โดยก่อนหน้านี้ได้ผลิตน้ำอัดลมทั้งน้ำดำและน้ำสียี่ห้อไอซ์ (IZE) เครื่องดื่มชูกำลังตราเวิร์คซ์ (WURKZ) วางจำหน่ายในปี 2560 แม้จะออกผลิตภัณฑ์ซ้ำซ้อนกันแต่เป็นไปได้ว่าเจาะกลุ่มเป้าหมายต่างกัน เน้นไปที่กระแสชาตินิยมสู้ศึกต่างชาติอย่างโคคา-โคล่าและเป๊ปซี่

    สำหรับชิปมง กรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทในประเทศกัมพูชารายใหญ่ที่สุด ก่อตั้งโดยมาดามเพี๊ยบ เฮียก (Pheap Heak) เมื่อปี 2525 เริ่มจากนำเข้าเหล็ก ก่อนจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง อสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์กระป๋อง อาหารสัตว์ ค้าปลีก ศูนย์การค้า โรงแรมหรูอย่างไฮแอท รีเจนซี่ พนมเปญ และแฟร์ฟิลด์ บาย แมริออท พนมเปญ สนามกอล์ฟแกรนด์ รอยัล กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท ธนาคารชิปมง มีบริษัทร่วมทุนกับประเทศไทย เช่น ชิปมงอินทรี ผลิตปูนซีเมนต์ในจังหวัดกำปอด ร่วมกับ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง และชิปมงฤทธา ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ร่วมกับบริษัทฤทธา

    #Newskit
    แคมโบเดีย โคล่า น้ำอัดลมชาตินิยมเศรษฐีเขมร กระแสความไม่พอใจของชาวกัมพูชา หลังโคคา-โคล่า กัมพูชา ลบรูปแวนด้า (Vann Da) หรือ วัณณ์ฎา มาน (Vannda Mann) นักร้องเพลงแร็ปชาวเขมร ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มโคคา-โคล่าออกจากสื่อโฆษณา แม้นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะออกมาปรามว่าโคคา-โคล่า เป็นแบรนด์จากสหรัฐฯ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ขายในกัมพูชา ผลิตโดยแรงงานชาวกัมพูชา สร้างรายได้และเงินภาษีให้กับรัฐบาล หากโคคา-โคล่าถอนตัวออกจากกัมพูชา ประเทศจะเสียหาย ถึงกระนั้น ยังมีภาคธุรกิจชาวกัมพูชาอย่างชิปมงกรุ๊ป (Chip Mong Group) สบโอกาสเปิดตัวน้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ แคมโบเดีย โคล่า (Cambodia Cola) แคมโบเดีย โคล่า ผลิตโดยบริษัทขแมร์เบเวอเรจ (Khmer Beverages) ในเครือชิปมงกรุ๊ป ในสโลแกน "เติมความซ่ากับรสชาติแห่งความสุข" (Fizz Up the Flavor of Joy) ปัดฝุ่นเพจเฟซบุ๊ก Vikingz ของเครื่องดื่มชูกำลังที่หยุดจำหน่ายไปแล้ว และมีผู้ติดตามเพจราว 4 หมื่นรายมาปัดฝุ่นใหม่ พร้อมเผยแพร่วิดีโอคลิปโฆษณาเชิงซีเอสอาร์ ชูความเป็นผลิตภัณฑ์เขมร ผลิตในโรงงานเขมร ของผู้ประกอบการเขมร 100% เชิญชวนมาอุดหนุนสินค้าเขมรด้วยกัน และกิจกรรมเยี่ยมครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนกัมพูชา-ไทย พร้อมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 20 ล้านเรียล และทหารที่บาดเจ็บ 2 ล้านเรียล อย่างไรก็ตาม แคมโบเดีย โคล่า ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการเครื่องดื่ม เพราะขแมร์เบเวอเรจ เป็นผู้ผลิตเบียร์แคมโบเดีย (Cambodia Beer) และน้ำดื่มตราแคมโบเดียวอเตอร์ (Cambodia Water) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 7 ล้านเฮกโตลิตรต่อปี โดยก่อนหน้านี้ได้ผลิตน้ำอัดลมทั้งน้ำดำและน้ำสียี่ห้อไอซ์ (IZE) เครื่องดื่มชูกำลังตราเวิร์คซ์ (WURKZ) วางจำหน่ายในปี 2560 แม้จะออกผลิตภัณฑ์ซ้ำซ้อนกันแต่เป็นไปได้ว่าเจาะกลุ่มเป้าหมายต่างกัน เน้นไปที่กระแสชาตินิยมสู้ศึกต่างชาติอย่างโคคา-โคล่าและเป๊ปซี่ สำหรับชิปมง กรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทในประเทศกัมพูชารายใหญ่ที่สุด ก่อตั้งโดยมาดามเพี๊ยบ เฮียก (Pheap Heak) เมื่อปี 2525 เริ่มจากนำเข้าเหล็ก ก่อนจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง อสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์กระป๋อง อาหารสัตว์ ค้าปลีก ศูนย์การค้า โรงแรมหรูอย่างไฮแอท รีเจนซี่ พนมเปญ และแฟร์ฟิลด์ บาย แมริออท พนมเปญ สนามกอล์ฟแกรนด์ รอยัล กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท ธนาคารชิปมง มีบริษัทร่วมทุนกับประเทศไทย เช่น ชิปมงอินทรี ผลิตปูนซีเมนต์ในจังหวัดกำปอด ร่วมกับ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง และชิปมงฤทธา ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ร่วมกับบริษัทฤทธา #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ พิชัยหอกหักเตรียมเปิดตัว “TouristDigiPay” ระบบชำระเงินผ่านคริปโตเคอร์เรนซีสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แปลงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท ใช้จ่ายได้ทั่วไทย ทั้งที่ยังไม่มีมาตรการตรวจสอบและควบคุม ส่อสร้างความเสียหายแก่ผู้ประกอบการห้างร้านและธุรกิจท่องเที่ยวไทย
    #7ดอกจิก
    ♣ พิชัยหอกหักเตรียมเปิดตัว “TouristDigiPay” ระบบชำระเงินผ่านคริปโตเคอร์เรนซีสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แปลงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท ใช้จ่ายได้ทั่วไทย ทั้งที่ยังไม่มีมาตรการตรวจสอบและควบคุม ส่อสร้างความเสียหายแก่ผู้ประกอบการห้างร้านและธุรกิจท่องเที่ยวไทย #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์อาหารใหม่รัฐสภา ราคาสูงเกิน-ผู้ค้าเดิมโวย

    เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เป็นวันแรกที่ศูนย์อาหาร KINNIE Foodcourt เปิดให้บริการที่ชั้น B2 อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ถนนสามเสน เฉพาะวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 07.00-16.00 น. เปิดโอกาสให้ข้าราชการในวงงานรัฐสภา ผู้มาติดต่อ ผู้ช่วยหรือผู้ติดตามสมาชิกรัฐสภา ตลอดจนสื่อมวลชนและบุคคลทั่วไปเข้ามาใช้บริการ ทดแทนร้านค้าร้านอาหารเดิมที่ชั้น 1 ซึ่งได้ยกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 8 ก.ค. และให้ย้ายออกจากพื้นที่ไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค. เพื่อใช้เป็นห้องรับรอง สส. และผู้มาเข้าพบ

    ปรากฎว่าผ่านไป 2-3 วัน มีเสียงวิจารณ์จากข้าราชการและแม่บ้าน รวมทั้งสื่อมวลชนว่าราคาอาหารสูงเกินไป ไม่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ต้องเดินไปซื้อที่ฝั่งวุฒิสภาเพราะราคาถูกกว่า โดยราคาอาหารเริ่มต้นสูงถึง 40-50 บาท ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามว่าบริษัทใดเข้ามาประมูล สภาฯ เรียกเก็บค่าเช่าสูงไปหรือไม่ หากเอาเปรียบผู้บริโภค ประธานสภาฯ ต้องจัดการ เพราะไม่ควรหากำไรเกินควร

    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. มีการประชุมฝ่ายบริหารและผู้ขายได้ปรับราคาลงแล้ว เช่น ข้าวแกง 1 อย่าง 35 บาท, 2 อย่าง 45 บาท และ 3 อย่าง 55-60 บาท พร้อมย้ำว่าจะตรวจสอบให้เข้มงวด และหากยังมีปัญหาก็พร้อมให้ปรับลดเพิ่มอีก ขณะที่นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมาธิการกิจการสภาฯ เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะเชิญผู้บริหารเข้าหารือเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

    สำหรับบริษัท กินนี่ ฟู้ด แอนด์ มาร์เก็ต จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2556 ทุนจดทะเบียน 8 ล้านบาท มีนายธเชษฐ์ เตียสกุล และนายภกร จิตรธนบรรจง เป็นกรรมการบริษัท ประกอบธุรกิจบริหารศูนย์อาหารตามอาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ อาทิ อาคารจามจุรีสแควร์ ออลซีซั่นเพลส เดอะไนน์ทาวเวอร์ กรมสรรพากร กรุงเทพประกันภัย เดอะสตรีทรัชดา เสริมมิตรทาวเวอร์ ฯลฯ ปัจจุบันมีประมาณ 10 แห่ง

    อีกด้านหนึ่ง กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าสวัสดิการชั้น 1 เดิม นำโดย นายศุภโชค เวชราภรณ์ ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อขอความเป็นธรรม หลังถูกให้ออกจากพื้นที่อย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่นโยบายของผู้บริหารรุ่นเก่าสนับสนุนให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยและญาติพี่น้องมีอาชีพเสริม แต่คณะกรรมการสวัสดิการสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันกลับบ่ายเบี่ยง ก่อนมีหนังสือขับไล่ออกจากพื้นที่ พร้อมขอให้ช่วยแบ่งพื้นที่เพื่อให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยมีทางเลือกซื้ออาหารในราคาย่อมเยา

    #Newskit
    ศูนย์อาหารใหม่รัฐสภา ราคาสูงเกิน-ผู้ค้าเดิมโวย เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เป็นวันแรกที่ศูนย์อาหาร KINNIE Foodcourt เปิดให้บริการที่ชั้น B2 อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ถนนสามเสน เฉพาะวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 07.00-16.00 น. เปิดโอกาสให้ข้าราชการในวงงานรัฐสภา ผู้มาติดต่อ ผู้ช่วยหรือผู้ติดตามสมาชิกรัฐสภา ตลอดจนสื่อมวลชนและบุคคลทั่วไปเข้ามาใช้บริการ ทดแทนร้านค้าร้านอาหารเดิมที่ชั้น 1 ซึ่งได้ยกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 8 ก.ค. และให้ย้ายออกจากพื้นที่ไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค. เพื่อใช้เป็นห้องรับรอง สส. และผู้มาเข้าพบ ปรากฎว่าผ่านไป 2-3 วัน มีเสียงวิจารณ์จากข้าราชการและแม่บ้าน รวมทั้งสื่อมวลชนว่าราคาอาหารสูงเกินไป ไม่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ต้องเดินไปซื้อที่ฝั่งวุฒิสภาเพราะราคาถูกกว่า โดยราคาอาหารเริ่มต้นสูงถึง 40-50 บาท ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามว่าบริษัทใดเข้ามาประมูล สภาฯ เรียกเก็บค่าเช่าสูงไปหรือไม่ หากเอาเปรียบผู้บริโภค ประธานสภาฯ ต้องจัดการ เพราะไม่ควรหากำไรเกินควร นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. มีการประชุมฝ่ายบริหารและผู้ขายได้ปรับราคาลงแล้ว เช่น ข้าวแกง 1 อย่าง 35 บาท, 2 อย่าง 45 บาท และ 3 อย่าง 55-60 บาท พร้อมย้ำว่าจะตรวจสอบให้เข้มงวด และหากยังมีปัญหาก็พร้อมให้ปรับลดเพิ่มอีก ขณะที่นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมาธิการกิจการสภาฯ เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะเชิญผู้บริหารเข้าหารือเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย สำหรับบริษัท กินนี่ ฟู้ด แอนด์ มาร์เก็ต จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2556 ทุนจดทะเบียน 8 ล้านบาท มีนายธเชษฐ์ เตียสกุล และนายภกร จิตรธนบรรจง เป็นกรรมการบริษัท ประกอบธุรกิจบริหารศูนย์อาหารตามอาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ อาทิ อาคารจามจุรีสแควร์ ออลซีซั่นเพลส เดอะไนน์ทาวเวอร์ กรมสรรพากร กรุงเทพประกันภัย เดอะสตรีทรัชดา เสริมมิตรทาวเวอร์ ฯลฯ ปัจจุบันมีประมาณ 10 แห่ง อีกด้านหนึ่ง กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าสวัสดิการชั้น 1 เดิม นำโดย นายศุภโชค เวชราภรณ์ ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อขอความเป็นธรรม หลังถูกให้ออกจากพื้นที่อย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่นโยบายของผู้บริหารรุ่นเก่าสนับสนุนให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยและญาติพี่น้องมีอาชีพเสริม แต่คณะกรรมการสวัสดิการสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันกลับบ่ายเบี่ยง ก่อนมีหนังสือขับไล่ออกจากพื้นที่ พร้อมขอให้ช่วยแบ่งพื้นที่เพื่อให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยมีทางเลือกซื้ออาหารในราคาย่อมเยา #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘สงครามการค้าโลก’ ปลุกปรับการผลิตครั้งใหญ่! : [Biz Talk]

    ภาษีสหรัฐ 19% เป็น wake-up call ให้ไทย ต้องเร่งสำรวจการใช้ Local Content เพื่อลดความเสี่ยงภาษีสินค้าสวมสิทธิ (transshipment) ที่อาจถูกสหรัฐ เรียกเก็บสูงถึง 40% และใช้โอกาสนี้ ลุยปรับโครงสร้างการผลิต เพิ่มขีดแข่งขันให้ประเทศ ช่วยผู้ประกอบการไทย อยู่รอดได้ภายใต้การค้าโลกรูปแบบใหม่
    ‘สงครามการค้าโลก’ ปลุกปรับการผลิตครั้งใหญ่! : [Biz Talk] ภาษีสหรัฐ 19% เป็น wake-up call ให้ไทย ต้องเร่งสำรวจการใช้ Local Content เพื่อลดความเสี่ยงภาษีสินค้าสวมสิทธิ (transshipment) ที่อาจถูกสหรัฐ เรียกเก็บสูงถึง 40% และใช้โอกาสนี้ ลุยปรับโครงสร้างการผลิต เพิ่มขีดแข่งขันให้ประเทศ ช่วยผู้ประกอบการไทย อยู่รอดได้ภายใต้การค้าโลกรูปแบบใหม่
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 582 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "OTOP ศิลปาชีพฯ" คึกคัก! "รมว.จตุพร" หนุนผู้ประกอบการชุมชน 30 ราย...หวังดันผลิตภัณฑ์ไทยสู่ตลาดโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/20926/
    .
    #OTOP #จตุพรบุรุษพัฒน์ #กระทรวงพาณิชย์ #เศรษฐกิจชุมชน #ซอฟท์พาวเวอร์ #ไทยไท
    "OTOP ศิลปาชีพฯ" คึกคัก! "รมว.จตุพร" หนุนผู้ประกอบการชุมชน 30 ราย...หวังดันผลิตภัณฑ์ไทยสู่ตลาดโลก https://www.thai-tai.tv/news/20926/ . #OTOP #จตุพรบุรุษพัฒน์ #กระทรวงพาณิชย์ #เศรษฐกิจชุมชน #ซอฟท์พาวเวอร์ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • SME D Bank เคียงข้างเอสเอ็มอีไทย ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 0.25% ต่อปี เสริมแกร่งผู้ประกอบการยืนหยัดได้ในทุกสถานการณ์
    https://www.thai-tai.tv/news/20921/
    .
    #SMEDBank #ลดดอกเบี้ย #SME #สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ #เศรษฐกิจไทย #ไทยไท
    SME D Bank เคียงข้างเอสเอ็มอีไทย ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 0.25% ต่อปี เสริมแกร่งผู้ประกอบการยืนหยัดได้ในทุกสถานการณ์ https://www.thai-tai.tv/news/20921/ . #SMEDBank #ลดดอกเบี้ย #SME #สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ #เศรษฐกิจไทย #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยากให้ซอสมะขามของคุณ "เนียน" และ "นัว" ไม่เหมือนใครใช่ไหม?

    ถ้าธุรกิจของคุณกำลังมองหาตัวช่วยที่จะทำให้ซอสมะขามโดดเด่นกว่าคู่แข่ง นี่คือคำตอบ! เครื่อง Colloid Mill 100 BONNY จะเปลี่ยนเนื้อมะขามให้กลายเป็นซอสที่ละเอียดเนียนอย่างสมบูรณ์แบบ

    บดละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน: ด้วยระบบเฟืองบดที่ทรงพลัง จะช่วยกำจัดเสี้ยนและกากของมะขามออกไป ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนลื่น น่ารับประทาน
    ควบคุมความหนืดได้ดั่งใจ: สามารถปรับระดับการบดได้ตามต้องการ เพื่อให้ได้ความหนาของซอสที่สม่ำเสมอในทุกขวด
    สีสวย ไม่คล้ำ: ระบบหล่อเย็นในตัวช่วยควบคุมอุณหภูมิ ไม่ให้ความร้อนจากการบดไปทำลายสีและรสชาติธรรมชาติของมะขาม
    ผลิตได้เยอะ ไม่ต้องรอนาน: ด้วยกำลังการผลิต 50-100 กก./ชม. ทำให้คุณพร้อมสำหรับการผลิตในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว

    อย่าปล่อยให้คุณภาพของซอสเป็นเรื่องรอง! ลงทุนกับเครื่องจักรคุณภาพสูง เพื่อรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ลูกค้าจะจดจำ

    จัดราคาพิเศษเพียง 250,000 บาท!

    #ซอสมะขาม #ColloidMill #เครื่องโคลลอยด์มิลล์ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องบดละเอียด #อุตสาหกรรมอาหาร #โรงงานผลิตอาหาร #น้ำจิ้มมะขาม #ซอสปรุงรส #เครื่องผลิตอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ผู้ประกอบการSME #BONNY #ย่งฮะเฮง #อุปกรณ์ครัวอุตสาหกรรม #เครื่องจักรอาหาร #แปรรูปผลผลิต #เครื่องบดอเนกประสงค์ #ลงทุนธุรกิจ

    สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    www.yoryonghahheng.com
    🚀 อยากให้ซอสมะขามของคุณ "เนียน" และ "นัว" ไม่เหมือนใครใช่ไหม? 🚀 ถ้าธุรกิจของคุณกำลังมองหาตัวช่วยที่จะทำให้ซอสมะขามโดดเด่นกว่าคู่แข่ง นี่คือคำตอบ! เครื่อง Colloid Mill 100 BONNY จะเปลี่ยนเนื้อมะขามให้กลายเป็นซอสที่ละเอียดเนียนอย่างสมบูรณ์แบบ ✅ บดละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน: ด้วยระบบเฟืองบดที่ทรงพลัง จะช่วยกำจัดเสี้ยนและกากของมะขามออกไป ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนลื่น น่ารับประทาน ✅ ควบคุมความหนืดได้ดั่งใจ: สามารถปรับระดับการบดได้ตามต้องการ เพื่อให้ได้ความหนาของซอสที่สม่ำเสมอในทุกขวด ✅ สีสวย ไม่คล้ำ: ระบบหล่อเย็นในตัวช่วยควบคุมอุณหภูมิ ไม่ให้ความร้อนจากการบดไปทำลายสีและรสชาติธรรมชาติของมะขาม ✅ ผลิตได้เยอะ ไม่ต้องรอนาน: ด้วยกำลังการผลิต 50-100 กก./ชม. ทำให้คุณพร้อมสำหรับการผลิตในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยให้คุณภาพของซอสเป็นเรื่องรอง! ลงทุนกับเครื่องจักรคุณภาพสูง เพื่อรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ลูกค้าจะจดจำ 💰 จัดราคาพิเศษเพียง 250,000 บาท! 💰 #ซอสมะขาม #ColloidMill #เครื่องโคลลอยด์มิลล์ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องบดละเอียด #อุตสาหกรรมอาหาร #โรงงานผลิตอาหาร #น้ำจิ้มมะขาม #ซอสปรุงรส #เครื่องผลิตอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ผู้ประกอบการSME #BONNY #ย่งฮะเฮง #อุปกรณ์ครัวอุตสาหกรรม #เครื่องจักรอาหาร #แปรรูปผลผลิต #เครื่องบดอเนกประสงค์ #ลงทุนธุรกิจ สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: 📍 ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน 📞 โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 📱 LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) 🌐 www.yoryonghahheng.com
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 660 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts