• Framework ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแบบโมดูลาร์ ออกมาโจมตีคู่แข่งเรื่องราคา RAM

    Framework กล่าวว่าการอัปเกรด RAM บนโน้ตบุ๊ก Dell และ Apple มีราคาสูงเกินจริง เช่น Dell ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บถึง 550 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรดจาก 16GB เป็น 32GB (แม้ภายหลังจะถูกแก้ไขว่าเป็นความเข้าใจผิด) ขณะที่ Apple เรียกเก็บ 400 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรด 16GB มานานหลายปี

    จุดยืนของ Framework
    Framework ยืนยันว่าการปรับขึ้นราคาที่จะเกิดขึ้นเป็นผลจากต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้น แต่จะไม่ใช้เป็นข้ออ้างในการเอาเปรียบลูกค้า โดยปัจจุบันการอัปเกรดจาก 16GB เป็น 32GB บนโน้ตบุ๊ก Framework มีค่าใช้จ่ายเพียง 80 ดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งอย่างมาก

    สถานการณ์ตลาดหน่วยความจำ
    ตลาด DRAM กำลังเผชิญภาวะขาดแคลน ทำให้ผู้ผลิตหลายราย เช่น CyberPowerPC และ Minisforum ต้องปรับขึ้นราคาสินค้าที่ใช้ RAM และ SSD โดยบางรายเพิ่มราคามากกว่า 100% ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งในตลาดโน้ตบุ๊กและพีซี

    ความหมายต่อผู้บริโภค
    การออกมาโจมตีครั้งนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของ Framework ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ “เป็นมิตรกับผู้ใช้” และโปร่งใสด้านราคา แม้จะต้องขึ้นราคาตามตลาด แต่ก็ยังพยายามรักษาความยุติธรรมในการขาย ซึ่งอาจช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความแตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การโจมตีคู่แข่ง
    Dell ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บ 550 ดอลลาร์สำหรับอัปเกรด RAM
    Apple เรียกเก็บ 400 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรด 16GB

    จุดยืนของ Framework
    จะขึ้นราคาตามต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้น
    ปัจจุบันอัปเกรด 16GB → 32GB เพียง 80 ดอลลาร์

    สถานการณ์ตลาด DRAM
    ภาวะขาดแคลนทำให้หลายบริษัทขึ้นราคา
    CyberPowerPC และ Minisforum ปรับขึ้นมากกว่า 100%

    ความหมายต่อผู้บริโภค
    Framework สร้างภาพลักษณ์โปร่งใสและยุติธรรม
    แตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่ที่ถูกมองว่า “โก่งราคา”

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ราคาหน่วยความจำมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง
    ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นแม้กับแบรนด์ที่โปร่งใส
    ตลาด DRAM ยังมีความเสี่ยงจากการขาดแคลนและการเก็งกำไร

    https://www.tomshardware.com/laptops/framework-puts-dell-and-apple-on-blast-over-egregious-ram-prices-modular-laptop-maker-will-be-forced-to-increase-memory-prices-but-wont-gouge-customers-like-other-vendors
    💻 Framework ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแบบโมดูลาร์ ออกมาโจมตีคู่แข่งเรื่องราคา RAM Framework กล่าวว่าการอัปเกรด RAM บนโน้ตบุ๊ก Dell และ Apple มีราคาสูงเกินจริง เช่น Dell ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บถึง 550 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรดจาก 16GB เป็น 32GB (แม้ภายหลังจะถูกแก้ไขว่าเป็นความเข้าใจผิด) ขณะที่ Apple เรียกเก็บ 400 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรด 16GB มานานหลายปี 🛠️ จุดยืนของ Framework Framework ยืนยันว่าการปรับขึ้นราคาที่จะเกิดขึ้นเป็นผลจากต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้น แต่จะไม่ใช้เป็นข้ออ้างในการเอาเปรียบลูกค้า โดยปัจจุบันการอัปเกรดจาก 16GB เป็น 32GB บนโน้ตบุ๊ก Framework มีค่าใช้จ่ายเพียง 80 ดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งอย่างมาก ⚡ สถานการณ์ตลาดหน่วยความจำ ตลาด DRAM กำลังเผชิญภาวะขาดแคลน ทำให้ผู้ผลิตหลายราย เช่น CyberPowerPC และ Minisforum ต้องปรับขึ้นราคาสินค้าที่ใช้ RAM และ SSD โดยบางรายเพิ่มราคามากกว่า 100% ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งในตลาดโน้ตบุ๊กและพีซี 🔍 ความหมายต่อผู้บริโภค การออกมาโจมตีครั้งนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของ Framework ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ “เป็นมิตรกับผู้ใช้” และโปร่งใสด้านราคา แม้จะต้องขึ้นราคาตามตลาด แต่ก็ยังพยายามรักษาความยุติธรรมในการขาย ซึ่งอาจช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความแตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การโจมตีคู่แข่ง ➡️ Dell ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บ 550 ดอลลาร์สำหรับอัปเกรด RAM ➡️ Apple เรียกเก็บ 400 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรด 16GB ✅ จุดยืนของ Framework ➡️ จะขึ้นราคาตามต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้น ➡️ ปัจจุบันอัปเกรด 16GB → 32GB เพียง 80 ดอลลาร์ ✅ สถานการณ์ตลาด DRAM ➡️ ภาวะขาดแคลนทำให้หลายบริษัทขึ้นราคา ➡️ CyberPowerPC และ Minisforum ปรับขึ้นมากกว่า 100% ✅ ความหมายต่อผู้บริโภค ➡️ Framework สร้างภาพลักษณ์โปร่งใสและยุติธรรม ➡️ แตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่ที่ถูกมองว่า “โก่งราคา” ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ราคาหน่วยความจำมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ⛔ ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นแม้กับแบรนด์ที่โปร่งใส ⛔ ตลาด DRAM ยังมีความเสี่ยงจากการขาดแคลนและการเก็งกำไร https://www.tomshardware.com/laptops/framework-puts-dell-and-apple-on-blast-over-egregious-ram-prices-modular-laptop-maker-will-be-forced-to-increase-memory-prices-but-wont-gouge-customers-like-other-vendors
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • Samsung เร่งสปีด HBM4 เพื่อจับมือ NVIDIA

    หลังจากเคยถูกมองว่าตามหลังคู่แข่งในตลาด HBM ซัมซุงได้พัฒนา HBM4 (High Bandwidth Memory รุ่นที่ 6) เสร็จสมบูรณ์ และผ่านขั้นตอน Production Readiness Approval (PRA) ซึ่งถือเป็นด่านสุดท้ายก่อนการผลิตจำนวนมาก ขณะนี้บริษัทได้ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบสำหรับแพลตฟอร์ม GPU รุ่นใหม่ “Rubin” โดยผลทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า HBM4 สามารถทำความเร็วได้ถึง 11Gbps ต่อ pin ซึ่งเกินมาตรฐานที่ NVIDIA ต้องการ

    เทคโนโลยีที่เหนือกว่า HBM3E
    HBM4 ของซัมซุงถูกคาดว่าจะให้ แบนด์วิดท์สูงขึ้นกว่า HBM3E ราว 60% ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่สำหรับงานด้าน AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ความเร็วนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การ์ดจอรุ่นใหม่ แต่ยังช่วยให้ศูนย์ข้อมูล AI สามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคู่แข่งอย่าง Micron และ SK Hynix ก็เร่งพัฒนาเช่นกัน แต่ซัมซุงหวังจะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดนี้

    ความต้องการ AI ชิปทั่วโลก
    ปี 2025 ความต้องการชิปสำหรับ AI พุ่งสูงจนเกิด วิกฤติขาดแคลนหน่วยความจำทั่วโลก ทั้ง DRAM และ NAND flash ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนถึงขั้นพิจารณานำ microSD card slot กลับมาเพื่อบรรเทาผลกระทบ การที่ซัมซุงสามารถผลิต HBM4 ได้ทันเวลา จึงอาจเป็นโอกาสสำคัญในการครองตลาดและสร้างรายได้มหาศาล

    ความเสี่ยงและการแข่งขัน
    แม้ซัมซุงจะมีความได้เปรียบ แต่การแข่งขันกับ Micron และ SK Hynix ยังคงดุเดือด โดย Micron ได้เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 2.8TB/s ซึ่งอาจกดดันซัมซุงในเชิงเทคนิคและราคา นอกจากนี้ ความต้องการที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิด ภาวะขาดแคลนชิปต่อเนื่องไปจนถึงปี 2028 ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ซัมซุงพัฒนา HBM4 สำเร็จ
    ผ่านการตรวจสอบ Production Readiness Approval (PRA)
    ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบบนแพลตฟอร์ม Rubin

    HBM4 เร็วกว่า HBM3E ราว 60%
    ความเร็วสูงถึง 11Gbps ต่อ pin
    รองรับงาน AI และศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    ตลาด AI ชิปกำลังขาดแคลนทั่วโลก
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพิจารณานำ microSD card slot กลับมา

    การแข่งขันกับคู่แข่งยังรุนแรง
    Micron เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์ 2.8TB/s
    SK Hynix ยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด

    ความเสี่ยงจากวิกฤติชิปทั่วโลก
    อาจเกิดภาวะขาดแคลนต่อเนื่องถึงปี 2028
    ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    https://wccftech.com/once-left-behind-samsung-is-now-regaining-momentum-in-its-hbm-business/
    🚀 Samsung เร่งสปีด HBM4 เพื่อจับมือ NVIDIA หลังจากเคยถูกมองว่าตามหลังคู่แข่งในตลาด HBM ซัมซุงได้พัฒนา HBM4 (High Bandwidth Memory รุ่นที่ 6) เสร็จสมบูรณ์ และผ่านขั้นตอน Production Readiness Approval (PRA) ซึ่งถือเป็นด่านสุดท้ายก่อนการผลิตจำนวนมาก ขณะนี้บริษัทได้ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบสำหรับแพลตฟอร์ม GPU รุ่นใหม่ “Rubin” โดยผลทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า HBM4 สามารถทำความเร็วได้ถึง 11Gbps ต่อ pin ซึ่งเกินมาตรฐานที่ NVIDIA ต้องการ ⚡ เทคโนโลยีที่เหนือกว่า HBM3E HBM4 ของซัมซุงถูกคาดว่าจะให้ แบนด์วิดท์สูงขึ้นกว่า HBM3E ราว 60% ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่สำหรับงานด้าน AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ความเร็วนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การ์ดจอรุ่นใหม่ แต่ยังช่วยให้ศูนย์ข้อมูล AI สามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคู่แข่งอย่าง Micron และ SK Hynix ก็เร่งพัฒนาเช่นกัน แต่ซัมซุงหวังจะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดนี้ 🌐 ความต้องการ AI ชิปทั่วโลก ปี 2025 ความต้องการชิปสำหรับ AI พุ่งสูงจนเกิด วิกฤติขาดแคลนหน่วยความจำทั่วโลก ทั้ง DRAM และ NAND flash ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนถึงขั้นพิจารณานำ microSD card slot กลับมาเพื่อบรรเทาผลกระทบ การที่ซัมซุงสามารถผลิต HBM4 ได้ทันเวลา จึงอาจเป็นโอกาสสำคัญในการครองตลาดและสร้างรายได้มหาศาล ⚠️ ความเสี่ยงและการแข่งขัน แม้ซัมซุงจะมีความได้เปรียบ แต่การแข่งขันกับ Micron และ SK Hynix ยังคงดุเดือด โดย Micron ได้เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 2.8TB/s ซึ่งอาจกดดันซัมซุงในเชิงเทคนิคและราคา นอกจากนี้ ความต้องการที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิด ภาวะขาดแคลนชิปต่อเนื่องไปจนถึงปี 2028 ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ซัมซุงพัฒนา HBM4 สำเร็จ ➡️ ผ่านการตรวจสอบ Production Readiness Approval (PRA) ➡️ ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบบนแพลตฟอร์ม Rubin ✅ HBM4 เร็วกว่า HBM3E ราว 60% ➡️ ความเร็วสูงถึง 11Gbps ต่อ pin ➡️ รองรับงาน AI และศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ✅ ตลาด AI ชิปกำลังขาดแคลนทั่วโลก ➡️ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ➡️ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพิจารณานำ microSD card slot กลับมา ‼️ การแข่งขันกับคู่แข่งยังรุนแรง ⛔ Micron เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์ 2.8TB/s ⛔ SK Hynix ยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด ‼️ ความเสี่ยงจากวิกฤติชิปทั่วโลก ⛔ อาจเกิดภาวะขาดแคลนต่อเนื่องถึงปี 2028 ⛔ ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง https://wccftech.com/once-left-behind-samsung-is-now-regaining-momentum-in-its-hbm-business/
    WCCFTECH.COM
    Once Left Behind, Samsung Is Now Regaining Momentum in Its HBM Business as It Targets NVIDIA’s HBM4 Approval as Early as This Month
    Samsung's HBM business is expected to see a turnaround next year, as the Korean giant is on track to secure HBM4 qualification.
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • "AI ดันตลาดหน่วยความจำขาดแคลน – Transcend เลื่อนส่งสินค้า"

    Transcend ผู้ผลิตสตอเรจจากไต้หวันเผยว่า การผลิต SSD, SD card และ USB flash drive ต้องล่าช้า เพราะ SanDisk และ Samsung ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ NAND flash หลัก เลื่อนการส่งมอบชิปเป็นครั้งที่สอง ทำให้ Transcend ไม่ได้รับชิปตั้งแต่เดือนตุลาคม และโควต้า Q4 2025 ถูกลดลงอย่างมาก.

    บริษัทระบุว่า ตลาดกำลังขาดแคลนทั้ง DRAM และ NAND flash เนื่องจากความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI และ hyperscaler ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้ผลิตชิปทั้งหมดเลือกจัดลำดับความสำคัญให้ลูกค้ารายใหญ่เหล่านี้ก่อน ทำให้ผู้ผลิต consumer electronics อย่าง Transcend ได้รับผลกระทบหนัก.

    ผลกระทบคือ ต้นทุนชิปเพิ่มขึ้น 50–100% ภายในสัปดาห์เดียว และคาดว่าจะดำเนินต่อไปอีก 3–5 เดือน ส่งผลให้ราคาสินค้า Transcend สูงขึ้นและ lead time ยาวนานกว่าที่เคย. DigiTimes Asia รายงานว่าแม้ Transcend จะบอกว่าข้อความที่ส่งถึงลูกค้า “ไม่ใช่จุดยืนทางการของบริษัท” แต่ก็ยอมรับว่าซัพพลายลดลงจริง.

    สถานการณ์นี้สะท้อนภาพรวมตลาดที่กว้างขึ้น: HDD ราคาขึ้น 20%, SSD ขึ้น 10–20% โดยเฉพาะรุ่นความจุสูง, RAM ราคาพุ่งแรง และมีข่าวลือว่า GPU และ CPU อาจขึ้นราคาตาม เนื่องจากการขาดแคลน GDDR7 และ DRAM. หลายบริษัท เช่น Adata, TeamGroup และ Framework ก็ออกประกาศเตือนเรื่องราคาและการส่งมอบ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Transcend เลื่อนส่ง SSD, SD card, USB flash drive
    SanDisk และ Samsung เลื่อนส่ง NAND flash chips
    ต้นทุนชิปเพิ่มขึ้น 50–100% ภายในสัปดาห์เดียว
    ราคาสินค้าและ lead time จะสูงขึ้นต่อเนื่อง 3–5 เดือน

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดหน่วยความจำโลกคาดว่าจะเติบโต 12% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    AI data center เป็นตัวการหลักที่ดูดซัพพลาย DRAM และ NAND
    Micron และ SK Hynix ก็มีรายงานว่าซัพพลายตึงตัวและราคาพุ่งขึ้น

    คำเตือนจากข่าว
    ผู้บริโภคอาจเจอราคาสูงขึ้นทั้ง SSD, RAM และการ์ดจอ
    การขาดแคลนอาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน
    ผู้ผลิต consumer electronics เสี่ยงเสียความสามารถในการแข่งขัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ai-boom-forces-delays-on-transcend-ssds-sd-cards-and-flash-drives-sandisk-and-samsung-short-on-supplying-nand-chips
    🏭 "AI ดันตลาดหน่วยความจำขาดแคลน – Transcend เลื่อนส่งสินค้า" Transcend ผู้ผลิตสตอเรจจากไต้หวันเผยว่า การผลิต SSD, SD card และ USB flash drive ต้องล่าช้า เพราะ SanDisk และ Samsung ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ NAND flash หลัก เลื่อนการส่งมอบชิปเป็นครั้งที่สอง ทำให้ Transcend ไม่ได้รับชิปตั้งแต่เดือนตุลาคม และโควต้า Q4 2025 ถูกลดลงอย่างมาก. บริษัทระบุว่า ตลาดกำลังขาดแคลนทั้ง DRAM และ NAND flash เนื่องจากความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI และ hyperscaler ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้ผลิตชิปทั้งหมดเลือกจัดลำดับความสำคัญให้ลูกค้ารายใหญ่เหล่านี้ก่อน ทำให้ผู้ผลิต consumer electronics อย่าง Transcend ได้รับผลกระทบหนัก. ผลกระทบคือ ต้นทุนชิปเพิ่มขึ้น 50–100% ภายในสัปดาห์เดียว และคาดว่าจะดำเนินต่อไปอีก 3–5 เดือน ส่งผลให้ราคาสินค้า Transcend สูงขึ้นและ lead time ยาวนานกว่าที่เคย. DigiTimes Asia รายงานว่าแม้ Transcend จะบอกว่าข้อความที่ส่งถึงลูกค้า “ไม่ใช่จุดยืนทางการของบริษัท” แต่ก็ยอมรับว่าซัพพลายลดลงจริง. สถานการณ์นี้สะท้อนภาพรวมตลาดที่กว้างขึ้น: HDD ราคาขึ้น 20%, SSD ขึ้น 10–20% โดยเฉพาะรุ่นความจุสูง, RAM ราคาพุ่งแรง และมีข่าวลือว่า GPU และ CPU อาจขึ้นราคาตาม เนื่องจากการขาดแคลน GDDR7 และ DRAM. หลายบริษัท เช่น Adata, TeamGroup และ Framework ก็ออกประกาศเตือนเรื่องราคาและการส่งมอบ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Transcend เลื่อนส่ง SSD, SD card, USB flash drive ➡️ SanDisk และ Samsung เลื่อนส่ง NAND flash chips ➡️ ต้นทุนชิปเพิ่มขึ้น 50–100% ภายในสัปดาห์เดียว ➡️ ราคาสินค้าและ lead time จะสูงขึ้นต่อเนื่อง 3–5 เดือน ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดหน่วยความจำโลกคาดว่าจะเติบโต 12% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ AI data center เป็นตัวการหลักที่ดูดซัพพลาย DRAM และ NAND ➡️ Micron และ SK Hynix ก็มีรายงานว่าซัพพลายตึงตัวและราคาพุ่งขึ้น ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ผู้บริโภคอาจเจอราคาสูงขึ้นทั้ง SSD, RAM และการ์ดจอ ⛔ การขาดแคลนอาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน ⛔ ผู้ผลิต consumer electronics เสี่ยงเสียความสามารถในการแข่งขัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/ai-boom-forces-delays-on-transcend-ssds-sd-cards-and-flash-drives-sandisk-and-samsung-short-on-supplying-nand-chips
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • “วิกฤติหน่วยความจำ – ผู้ผลิตพีซีเตรียมขึ้นราคาสินค้าใหม่”

    ผู้ผลิตพีซีรายใหญ่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำ DRAM และ SSD เนื่องจากซัพพลายเออร์อย่าง Samsung และ SK hynix หันไปผลิตหน่วยความจำสำหรับงาน AI เช่น HBM และ LPDDR ทำให้สินค้าสำหรับผู้บริโภคถูกลดการจัดสรรลงอย่างมาก ผลคือผู้ผลิตพีซีต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นและไม่สามารถรักษาราคาเดิมได้

    รายงานจาก ZDNet Korea ระบุว่าผู้ผลิตพีซีจะต้องปรับราคาสินค้าใหม่ขึ้นอย่างน้อย 20% ในปี 2026 และยุติการผลิตสินค้ารุ่นเก่า เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะส่วนประกอบหลักอย่าง CPU, แบตเตอรี่ และ SSD ที่มีราคาสูงขึ้นพร้อมกัน

    นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการผลิตเกิน (oversupply) หากผู้ผลิต DRAM เพิ่มกำลังผลิตมากเกินไปในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะผันผวน แต่ในระยะสั้นแนวโน้มยังคงเป็นการขาดแคลนและราคาสูงขึ้น โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าการประกอบพีซีในปี 2026 จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปัจจุบันอย่างชัดเจน

    ผู้บริโภคและนักเล่นเกมจึงต้องเตรียมรับมือกับราคาที่สูงขึ้นทั้งในส่วนของโน้ตบุ๊กและการ์ดจอ ซึ่งสอดคล้องกับข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าราคา GPU ก็มีแนวโน้มพุ่งขึ้นจากความต้องการในตลาด AI เช่นกัน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สถานการณ์ปัจจุบัน
    DRAM และ SSD ขาดแคลนเพราะผู้ผลิตหันไปทำตลาด AI
    ผู้ผลิตพีซีแบกรับต้นทุนสูงขึ้น
    ราคาสินค้าผู้บริโภคเริ่มปรับตัวสูงขึ้น

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาพีซีและโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ในปี 2026
    สินค้ารุ่นเก่าจะถูกยุติการผลิต
    การประกอบพีซีจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปัจจุบัน

    ความเสี่ยงในตลาด
    Oversupply หากผู้ผลิต DRAM เพิ่มกำลังผลิตมากเกินไป
    ความผันผวนของราคาในอนาคต
    ผู้บริโภคและนักเล่นเกมอาจต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งพีซีและ GPU

    https://wccftech.com/pc-manufacturers-are-helpless-with-memory-shortages/
    💾 “วิกฤติหน่วยความจำ – ผู้ผลิตพีซีเตรียมขึ้นราคาสินค้าใหม่” ผู้ผลิตพีซีรายใหญ่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำ DRAM และ SSD เนื่องจากซัพพลายเออร์อย่าง Samsung และ SK hynix หันไปผลิตหน่วยความจำสำหรับงาน AI เช่น HBM และ LPDDR ทำให้สินค้าสำหรับผู้บริโภคถูกลดการจัดสรรลงอย่างมาก ผลคือผู้ผลิตพีซีต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นและไม่สามารถรักษาราคาเดิมได้ รายงานจาก ZDNet Korea ระบุว่าผู้ผลิตพีซีจะต้องปรับราคาสินค้าใหม่ขึ้นอย่างน้อย 20% ในปี 2026 และยุติการผลิตสินค้ารุ่นเก่า เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะส่วนประกอบหลักอย่าง CPU, แบตเตอรี่ และ SSD ที่มีราคาสูงขึ้นพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการผลิตเกิน (oversupply) หากผู้ผลิต DRAM เพิ่มกำลังผลิตมากเกินไปในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะผันผวน แต่ในระยะสั้นแนวโน้มยังคงเป็นการขาดแคลนและราคาสูงขึ้น โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าการประกอบพีซีในปี 2026 จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปัจจุบันอย่างชัดเจน ผู้บริโภคและนักเล่นเกมจึงต้องเตรียมรับมือกับราคาที่สูงขึ้นทั้งในส่วนของโน้ตบุ๊กและการ์ดจอ ซึ่งสอดคล้องกับข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าราคา GPU ก็มีแนวโน้มพุ่งขึ้นจากความต้องการในตลาด AI เช่นกัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สถานการณ์ปัจจุบัน ➡️ DRAM และ SSD ขาดแคลนเพราะผู้ผลิตหันไปทำตลาด AI ➡️ ผู้ผลิตพีซีแบกรับต้นทุนสูงขึ้น ➡️ ราคาสินค้าผู้บริโภคเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาพีซีและโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ในปี 2026 ➡️ สินค้ารุ่นเก่าจะถูกยุติการผลิต ➡️ การประกอบพีซีจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปัจจุบัน ‼️ ความเสี่ยงในตลาด ⛔ Oversupply หากผู้ผลิต DRAM เพิ่มกำลังผลิตมากเกินไป ⛔ ความผันผวนของราคาในอนาคต ⛔ ผู้บริโภคและนักเล่นเกมอาจต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งพีซีและ GPU https://wccftech.com/pc-manufacturers-are-helpless-with-memory-shortages/
    WCCFTECH.COM
    “PC Manufacturers Are Helpless With Memory Shortages,” as a Supply Chain Source Claims That Newer Products Will Be Much More Expensive
    The PC supply chain has begun to react to the memory shortage, as a new report indicates a massive price hike wave is approaching gamers.
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • Framework หยุดขาย RAM แยกชิ้นเพื่อกันการกักตุน

    รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Framework ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแบบโมดูลาร์ ประกาศหยุดขาย RAM แบบแยกชิ้น (standalone) หลังพบว่ามีการกักตุนและนำไปขายต่อในราคาสูงเกินจริง โดยบริษัทเตือนว่าราคาหน่วยความจำจะต้องปรับขึ้นในอนาคต เนื่องจากความต้องการมหาศาลจากตลาด AI กำลังทำให้ซัพพลายตึงตัว

    เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจ
    Framework เคยขาย RAM แยกชิ้นเพื่อให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดเครื่องได้เอง แต่กลับพบว่ามีผู้ค้าบางรายซื้อไปจำนวนมากแล้วนำไปขายต่อในราคาที่สูงกว่าปกติ ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ยาก บริษัทจึงเลือกที่จะหยุดขาย RAM แยกชิ้น และเน้นการจัดจำหน่ายผ่านชุดโน้ตบุ๊กแทน

    ผลกระทบจาก “AI Crunch”
    ความต้องการหน่วยความจำ DRAM และ HBM จากศูนย์ข้อมูล AI ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตหลายรายเตือนว่าภาวะนี้จะดำเนินไปอีกหลายปี และจะกระทบทั้งตลาดผู้บริโภคและผู้ผลิตพีซี โดย Framework ก็ยอมรับว่าต้นทุนหน่วยความจำจะสูงขึ้น และอาจต้องปรับราคาสินค้าในอนาคต

    ความหมายต่อผู้ใช้และตลาด
    การหยุดขาย RAM แยกชิ้นสะท้อนถึงความท้าทายที่ผู้ผลิตต้องเผชิญในการรักษาสมดุลระหว่างการเปิดให้ผู้ใช้ปรับแต่งเอง กับการป้องกันการกักตุนที่ทำให้ตลาดเสียสมดุล ขณะเดียวกันผู้ใช้ทั่วไปควรเตรียมรับมือกับราคาหน่วยความจำที่อาจสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีข้างหน้า

    สรุปสาระสำคัญ
    Framework หยุดขาย RAM แยกชิ้นเพื่อกันการกักตุน
    เตือนว่าราคาหน่วยความจำจะสูงขึ้นเพราะความต้องการจากตลาด AI
    ผลกระทบต่อผู้ใช้: อาจทำให้อัปเกรดเครื่องยากขึ้นและต้องจ่ายแพงกว่าเดิม
    ตลาด DRAM กำลังเผชิญภาวะตึงตัวทั่วโลก
    ความเสี่ยง: ราคาหน่วยความจำอาจพุ่งสูงต่อเนื่องหลายปี
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องเลื่อนการอัปเกรดหรือหาทางเลือกอื่น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/framework-stops-selling-standalone-ram-to-ward-off-scalpers-warns-it-will-have-to-increase-memory-pricing-soon-as-ai-crunch-bites
    💾 Framework หยุดขาย RAM แยกชิ้นเพื่อกันการกักตุน รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Framework ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแบบโมดูลาร์ ประกาศหยุดขาย RAM แบบแยกชิ้น (standalone) หลังพบว่ามีการกักตุนและนำไปขายต่อในราคาสูงเกินจริง โดยบริษัทเตือนว่าราคาหน่วยความจำจะต้องปรับขึ้นในอนาคต เนื่องจากความต้องการมหาศาลจากตลาด AI กำลังทำให้ซัพพลายตึงตัว ⚠️ เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจ Framework เคยขาย RAM แยกชิ้นเพื่อให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดเครื่องได้เอง แต่กลับพบว่ามีผู้ค้าบางรายซื้อไปจำนวนมากแล้วนำไปขายต่อในราคาที่สูงกว่าปกติ ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ยาก บริษัทจึงเลือกที่จะหยุดขาย RAM แยกชิ้น และเน้นการจัดจำหน่ายผ่านชุดโน้ตบุ๊กแทน 🌍 ผลกระทบจาก “AI Crunch” ความต้องการหน่วยความจำ DRAM และ HBM จากศูนย์ข้อมูล AI ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตหลายรายเตือนว่าภาวะนี้จะดำเนินไปอีกหลายปี และจะกระทบทั้งตลาดผู้บริโภคและผู้ผลิตพีซี โดย Framework ก็ยอมรับว่าต้นทุนหน่วยความจำจะสูงขึ้น และอาจต้องปรับราคาสินค้าในอนาคต 🛡️ ความหมายต่อผู้ใช้และตลาด การหยุดขาย RAM แยกชิ้นสะท้อนถึงความท้าทายที่ผู้ผลิตต้องเผชิญในการรักษาสมดุลระหว่างการเปิดให้ผู้ใช้ปรับแต่งเอง กับการป้องกันการกักตุนที่ทำให้ตลาดเสียสมดุล ขณะเดียวกันผู้ใช้ทั่วไปควรเตรียมรับมือกับราคาหน่วยความจำที่อาจสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีข้างหน้า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Framework หยุดขาย RAM แยกชิ้นเพื่อกันการกักตุน ✅ เตือนว่าราคาหน่วยความจำจะสูงขึ้นเพราะความต้องการจากตลาด AI ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้: อาจทำให้อัปเกรดเครื่องยากขึ้นและต้องจ่ายแพงกว่าเดิม ✅ ตลาด DRAM กำลังเผชิญภาวะตึงตัวทั่วโลก ‼️ ความเสี่ยง: ราคาหน่วยความจำอาจพุ่งสูงต่อเนื่องหลายปี ‼️ ผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องเลื่อนการอัปเกรดหรือหาทางเลือกอื่น https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/framework-stops-selling-standalone-ram-to-ward-off-scalpers-warns-it-will-have-to-increase-memory-pricing-soon-as-ai-crunch-bites
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • “AMD เตรียมขึ้นราคาการ์ดจอ 10% ปี 2026 เหตุวิกฤติ DRAM จาก AI”

    AMD ได้แจ้งต่อพันธมิตรในซัพพลายเชนว่าจะปรับขึ้นราคาการ์ดจออย่างน้อย 10% ตั้งแต่ต้นปี 2026 เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำ DRAM ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการที่ศูนย์ข้อมูล AI ทั่วโลกกำลังแย่งชิงทรัพยากรเหล่านี้ไปใช้ในโครงการขนาดใหญ่ ทำให้ราคาหน่วยความจำเพิ่มขึ้นเกือบ 200% ในช่วงปีที่ผ่านมา

    นี่ถือเป็นครั้งที่สองที่ AMD ปรับขึ้นราคาในรอบปี โดยครั้งแรกเลือกแบกรับต้นทุนเอง แต่ครั้งนี้บริษัทตัดสินใจส่งต่อภาระไปยังผู้บริโภคและพันธมิตร ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ทั่วไปจะต้องจ่ายแพงขึ้นในการซื้อการ์ดจอรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ RX 9000 หรือรุ่นอื่น ๆ ที่อยู่ในตลาด

    นอกจาก AMD แล้ว Nvidia ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีรายงานว่าบริษัทอาจเลื่อนการเปิดตัวซีรีส์ RTX 50 Super เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนหน่วยความจำ และไม่ต้องการลดกำไรจากการขายให้กับผู้เล่นเกม เพราะรายได้หลักมาจากการขายให้กับศูนย์ข้อมูล AI ที่ยินดีจ่ายราคาสูงกว่า

    สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ ที่ความต้องการจาก AI กำลังเบียดบังผู้บริโภคทั่วไป และทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์คาดว่าผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดการ์ดจอควรรีบซื้อก่อนสิ้นปี 2025 เพราะราคาจะยิ่งแพงขึ้นในปีหน้า

    สรุปเป็นหัวข้อ
    AMD เตรียมขึ้นราคาการ์ดจอ
    อย่างน้อย 10% ตั้งแต่ต้นปี 2026
    แจ้งต่อพันธมิตรในซัพพลายเชนแล้ว

    สาเหตุหลักคือวิกฤติ DRAM
    ราคาหน่วยความจำเพิ่มขึ้นเกือบ 200%
    ความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI เป็นตัวการสำคัญ

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดเกม
    ผู้ใช้ทั่วไปต้องจ่ายแพงขึ้นในการซื้อการ์ดจอ
    ซีรีส์ RX 9000 และรุ่นอื่น ๆ จะได้รับผลกระทบ

    Nvidia ก็ได้รับผลกระทบ
    อาจเลื่อนเปิดตัว RTX 50 Super
    เน้นขายให้ศูนย์ข้อมูล AI มากกว่าผู้เล่นเกม

    ข้อกังวลในอนาคต
    ราคาการ์ดจอจะพุ่งสูงต่อเนื่องในปี 2026
    ผู้บริโภคทั่วไปถูกเบียดบังจากความต้องการของ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-to-raise-graphics-card-prices-by-at-least-10-percent-in-2026-price-surge-attributed-to-ongoing-ai-related-dram-supply-crisis
    🎮 “AMD เตรียมขึ้นราคาการ์ดจอ 10% ปี 2026 เหตุวิกฤติ DRAM จาก AI” AMD ได้แจ้งต่อพันธมิตรในซัพพลายเชนว่าจะปรับขึ้นราคาการ์ดจออย่างน้อย 10% ตั้งแต่ต้นปี 2026 เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำ DRAM ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการที่ศูนย์ข้อมูล AI ทั่วโลกกำลังแย่งชิงทรัพยากรเหล่านี้ไปใช้ในโครงการขนาดใหญ่ ทำให้ราคาหน่วยความจำเพิ่มขึ้นเกือบ 200% ในช่วงปีที่ผ่านมา นี่ถือเป็นครั้งที่สองที่ AMD ปรับขึ้นราคาในรอบปี โดยครั้งแรกเลือกแบกรับต้นทุนเอง แต่ครั้งนี้บริษัทตัดสินใจส่งต่อภาระไปยังผู้บริโภคและพันธมิตร ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ทั่วไปจะต้องจ่ายแพงขึ้นในการซื้อการ์ดจอรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ RX 9000 หรือรุ่นอื่น ๆ ที่อยู่ในตลาด นอกจาก AMD แล้ว Nvidia ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีรายงานว่าบริษัทอาจเลื่อนการเปิดตัวซีรีส์ RTX 50 Super เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนหน่วยความจำ และไม่ต้องการลดกำไรจากการขายให้กับผู้เล่นเกม เพราะรายได้หลักมาจากการขายให้กับศูนย์ข้อมูล AI ที่ยินดีจ่ายราคาสูงกว่า สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ ที่ความต้องการจาก AI กำลังเบียดบังผู้บริโภคทั่วไป และทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์คาดว่าผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดการ์ดจอควรรีบซื้อก่อนสิ้นปี 2025 เพราะราคาจะยิ่งแพงขึ้นในปีหน้า 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ AMD เตรียมขึ้นราคาการ์ดจอ ➡️ อย่างน้อย 10% ตั้งแต่ต้นปี 2026 ➡️ แจ้งต่อพันธมิตรในซัพพลายเชนแล้ว ✅ สาเหตุหลักคือวิกฤติ DRAM ➡️ ราคาหน่วยความจำเพิ่มขึ้นเกือบ 200% ➡️ ความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI เป็นตัวการสำคัญ ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดเกม ➡️ ผู้ใช้ทั่วไปต้องจ่ายแพงขึ้นในการซื้อการ์ดจอ ➡️ ซีรีส์ RX 9000 และรุ่นอื่น ๆ จะได้รับผลกระทบ ✅ Nvidia ก็ได้รับผลกระทบ ➡️ อาจเลื่อนเปิดตัว RTX 50 Super ➡️ เน้นขายให้ศูนย์ข้อมูล AI มากกว่าผู้เล่นเกม ‼️ ข้อกังวลในอนาคต ⛔ ราคาการ์ดจอจะพุ่งสูงต่อเนื่องในปี 2026 ⛔ ผู้บริโภคทั่วไปถูกเบียดบังจากความต้องการของ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-to-raise-graphics-card-prices-by-at-least-10-percent-in-2026-price-surge-attributed-to-ongoing-ai-related-dram-supply-crisis
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • “Surveillance Pricing: เมื่อข้อมูลส่วนตัวถูกใช้กำหนดราคาสินค้า”

    แนวคิด surveillance pricing เกิดขึ้นจากการที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การค้นหาออนไลน์ การเคลื่อนไหวของเมาส์ หรือสินค้าที่ถูกทิ้งไว้ในตะกร้า เพื่อปรับราคาสินค้าให้เหมาะกับผู้บริโภคแต่ละคน ตัวอย่างเช่น พ่อแม่มือใหม่อาจเห็นสินค้าสำหรับเด็กที่แพงกว่าคู่รักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หรือคนที่เพิ่งได้รับเงินเดือนอาจไม่ได้รับคูปองส่วนลดเหมือนคนอื่น

    แม้การตั้งราคาตามข้อมูลผู้บริโภคจะถูกกฎหมาย แต่ก็สร้างความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะราคาที่จ่ายไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “อุปสงค์และอุปทาน” แบบดั้งเดิม แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่บริษัทคิดว่าผู้บริโภค “ยอมจ่าย” ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบและถูกติดตามตลอดเวลา

    ในสหรัฐฯ ประเด็นนี้ถูกหยิบยกโดย Federal Trade Commission (FTC) ที่เคยเปิดรับความคิดเห็นสาธารณะ แต่ภายหลังถูกปิดไป อย่างไรก็ตาม รัฐต่าง ๆ เช่น แคลิฟอร์เนีย จอร์เจีย และอิลลินอยส์ กำลังพิจารณากฎหมายเพื่อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการตั้งราคา ขณะที่รัฐนิวยอร์กถึงขั้นออกกฎหมายบังคับให้บริษัทต้องเปิดเผยหากใช้วิธีนี้ และอัยการสูงสุดได้ออกประกาศเตือนผู้บริโภคแล้ว

    นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคมองว่า surveillance pricing เป็น “การปฏิวัติที่น่ากังวล” ในระบบเศรษฐกิจ เพราะมันใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อารมณ์ ความเคลื่อนไหวสายตา หรือแม้แต่การกดแป้นพิมพ์ เพื่อกำหนดราคาสินค้าในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ผ้าอ้อมไปจนถึงขนมปัง

    สรุปเป็นหัวข้อ
    แนวคิด Surveillance Pricing
    ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การค้นหา การคลิก หรือการละทิ้งสินค้าในตะกร้า
    ตั้งราคาสินค้าแตกต่างกันตามผู้บริโภคแต่ละคน

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    พ่อแม่มือใหม่เห็นสินค้าสำหรับเด็กแพงกว่าคนอื่น
    คนที่เพิ่งได้รับเงินเดือนอาจไม่ได้รับคูปองส่วนลด

    สถานะทางกฎหมาย
    การตั้งราคาแบบนี้ยังถือว่าถูกกฎหมาย
    FTC เคยศึกษาเรื่องนี้ แต่ปิดช่องทางรับความคิดเห็นไปแล้ว

    การเคลื่อนไหวในระดับรัฐ
    แคลิฟอร์เนีย จอร์เจีย และอิลลินอยส์ กำลังพิจารณากฎหมายควบคุม
    นิวยอร์กออกกฎหมายบังคับให้บริษัทเปิดเผยการใช้วิธีนี้

    ข้อกังวลต่อผู้บริโภค
    รู้สึกถูกติดตามและถูกเอาเปรียบ
    ราคาสินค้าไม่สะท้อนอุปสงค์-อุปทาน แต่สะท้อนสิ่งที่บริษัทคิดว่าผู้บริโภคยอมจ่าย

    ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม
    ใช้ข้อมูลละเอียดอ่อน เช่น อารมณ์และการเคลื่อนไหวสายตา
    อาจสร้างความไม่ไว้วางใจต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/why-039surveillance-pricing039-strikes-a-nerve
    🕵️ “Surveillance Pricing: เมื่อข้อมูลส่วนตัวถูกใช้กำหนดราคาสินค้า” แนวคิด surveillance pricing เกิดขึ้นจากการที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การค้นหาออนไลน์ การเคลื่อนไหวของเมาส์ หรือสินค้าที่ถูกทิ้งไว้ในตะกร้า เพื่อปรับราคาสินค้าให้เหมาะกับผู้บริโภคแต่ละคน ตัวอย่างเช่น พ่อแม่มือใหม่อาจเห็นสินค้าสำหรับเด็กที่แพงกว่าคู่รักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หรือคนที่เพิ่งได้รับเงินเดือนอาจไม่ได้รับคูปองส่วนลดเหมือนคนอื่น แม้การตั้งราคาตามข้อมูลผู้บริโภคจะถูกกฎหมาย แต่ก็สร้างความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะราคาที่จ่ายไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “อุปสงค์และอุปทาน” แบบดั้งเดิม แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่บริษัทคิดว่าผู้บริโภค “ยอมจ่าย” ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบและถูกติดตามตลอดเวลา ในสหรัฐฯ ประเด็นนี้ถูกหยิบยกโดย Federal Trade Commission (FTC) ที่เคยเปิดรับความคิดเห็นสาธารณะ แต่ภายหลังถูกปิดไป อย่างไรก็ตาม รัฐต่าง ๆ เช่น แคลิฟอร์เนีย จอร์เจีย และอิลลินอยส์ กำลังพิจารณากฎหมายเพื่อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการตั้งราคา ขณะที่รัฐนิวยอร์กถึงขั้นออกกฎหมายบังคับให้บริษัทต้องเปิดเผยหากใช้วิธีนี้ และอัยการสูงสุดได้ออกประกาศเตือนผู้บริโภคแล้ว นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคมองว่า surveillance pricing เป็น “การปฏิวัติที่น่ากังวล” ในระบบเศรษฐกิจ เพราะมันใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อารมณ์ ความเคลื่อนไหวสายตา หรือแม้แต่การกดแป้นพิมพ์ เพื่อกำหนดราคาสินค้าในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ผ้าอ้อมไปจนถึงขนมปัง 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ แนวคิด Surveillance Pricing ➡️ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การค้นหา การคลิก หรือการละทิ้งสินค้าในตะกร้า ➡️ ตั้งราคาสินค้าแตกต่างกันตามผู้บริโภคแต่ละคน ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ พ่อแม่มือใหม่เห็นสินค้าสำหรับเด็กแพงกว่าคนอื่น ➡️ คนที่เพิ่งได้รับเงินเดือนอาจไม่ได้รับคูปองส่วนลด ✅ สถานะทางกฎหมาย ➡️ การตั้งราคาแบบนี้ยังถือว่าถูกกฎหมาย ➡️ FTC เคยศึกษาเรื่องนี้ แต่ปิดช่องทางรับความคิดเห็นไปแล้ว ✅ การเคลื่อนไหวในระดับรัฐ ➡️ แคลิฟอร์เนีย จอร์เจีย และอิลลินอยส์ กำลังพิจารณากฎหมายควบคุม ➡️ นิวยอร์กออกกฎหมายบังคับให้บริษัทเปิดเผยการใช้วิธีนี้ ‼️ ข้อกังวลต่อผู้บริโภค ⛔ รู้สึกถูกติดตามและถูกเอาเปรียบ ⛔ ราคาสินค้าไม่สะท้อนอุปสงค์-อุปทาน แต่สะท้อนสิ่งที่บริษัทคิดว่าผู้บริโภคยอมจ่าย ‼️ ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม ⛔ ใช้ข้อมูลละเอียดอ่อน เช่น อารมณ์และการเคลื่อนไหวสายตา ⛔ อาจสร้างความไม่ไว้วางใจต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/why-039surveillance-pricing039-strikes-a-nerve
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why 'surveillance pricing' strikes a nerve
    Surveillance pricing describes a practice in which a company sets a price for particular consumers based on what it gleans from their personal data.
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: "Samsung ขึ้นราคา DRAM 60% เขย่าตลาดหน่วยความจำโลก"

    Samsung ได้ประกาศปรับขึ้นราคา DRAM กว่า 60% ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดหน่วยความจำโลก การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจาก AI, Cloud Computing และ Data Center ที่ต้องใช้ DRAM ปริมาณมหาศาลเพื่อรองรับการประมวลผล.

    ผลกระทบแรกคือผู้ผลิตพีซีและสมาร์ทโฟนที่ต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้นทันที เนื่องจาก DRAM เป็นส่วนประกอบหลักในอุปกรณ์เหล่านี้ การปรับราคาครั้งนี้อาจทำให้ราคาสินค้าปลายทางเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงสูงที่ใช้หน่วยความจำมากขึ้นเรื่อย ๆ.

    ในฝั่งเซิร์ฟเวอร์และ Data Center การขึ้นราคานี้ถือเป็นแรงกดดันอย่างหนัก เพราะการลงทุนใน AI และ Cloud ต้องใช้ DRAM จำนวนมหาศาล การเพิ่มขึ้นของต้นทุนอาจทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์ เช่น ลดการขยายระบบ หรือผลักภาระไปยังลูกค้าในรูปแบบค่าบริการที่สูงขึ้น.

    นักวิเคราะห์มองว่าการขึ้นราคาครั้งนี้สะท้อนถึงการที่ Samsung ต้องการรักษาส่วนแบ่งตลาดและผลกำไร หลังจากที่ตลาด DRAM เคยเผชิญภาวะราคาตกต่ำในช่วงก่อนหน้า การปรับขึ้นราคาครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณว่า ยุคของหน่วยความจำราคาถูกกำลังสิ้นสุดลง และผู้เล่นรายอื่น เช่น SK Hynix และ Micron อาจเดินตามแนวทางเดียวกัน.

    สรุปสาระสำคัญ
    การปรับขึ้นราคา DRAM ของ Samsung
    เพิ่มขึ้นกว่า 60%
    สะท้อนความต้องการสูงจาก AI และ Cloud

    ผลกระทบต่อผู้ผลิตอุปกรณ์
    พีซีและสมาร์ทโฟนมีต้นทุนสูงขึ้น
    ราคาสินค้าปลายทางอาจเพิ่มขึ้นตาม

    ผลกระทบต่อ Data Center และ AI
    ต้นทุนการลงทุนสูงขึ้น
    อาจทำให้ค่าบริการ Cloud และ AI แพงขึ้น

    มุมมองนักวิเคราะห์
    ตลาด DRAM กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ราคาสูงขึ้น
    ผู้ผลิตรายอื่นอาจปรับราคาตาม Samsung

    คำเตือนด้านต้นทุนธุรกิจ
    บริษัทที่พึ่งพา DRAM จำนวนมากอาจต้องปรับกลยุทธ์หรือผลักภาระไปยังลูกค้า

    คำเตือนด้านผู้บริโภค
    ราคาสมาร์ทโฟนและพีซีรุ่นใหม่อาจสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    https://www.buysellram.com/blog/samsungs-memory-price-surge-sends-shockwaves-through-the-global-dram-market/
    💾 หัวข้อข่าว: "Samsung ขึ้นราคา DRAM 60% เขย่าตลาดหน่วยความจำโลก" Samsung ได้ประกาศปรับขึ้นราคา DRAM กว่า 60% ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดหน่วยความจำโลก การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจาก AI, Cloud Computing และ Data Center ที่ต้องใช้ DRAM ปริมาณมหาศาลเพื่อรองรับการประมวลผล. ผลกระทบแรกคือผู้ผลิตพีซีและสมาร์ทโฟนที่ต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้นทันที เนื่องจาก DRAM เป็นส่วนประกอบหลักในอุปกรณ์เหล่านี้ การปรับราคาครั้งนี้อาจทำให้ราคาสินค้าปลายทางเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงสูงที่ใช้หน่วยความจำมากขึ้นเรื่อย ๆ. ในฝั่งเซิร์ฟเวอร์และ Data Center การขึ้นราคานี้ถือเป็นแรงกดดันอย่างหนัก เพราะการลงทุนใน AI และ Cloud ต้องใช้ DRAM จำนวนมหาศาล การเพิ่มขึ้นของต้นทุนอาจทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์ เช่น ลดการขยายระบบ หรือผลักภาระไปยังลูกค้าในรูปแบบค่าบริการที่สูงขึ้น. นักวิเคราะห์มองว่าการขึ้นราคาครั้งนี้สะท้อนถึงการที่ Samsung ต้องการรักษาส่วนแบ่งตลาดและผลกำไร หลังจากที่ตลาด DRAM เคยเผชิญภาวะราคาตกต่ำในช่วงก่อนหน้า การปรับขึ้นราคาครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณว่า ยุคของหน่วยความจำราคาถูกกำลังสิ้นสุดลง และผู้เล่นรายอื่น เช่น SK Hynix และ Micron อาจเดินตามแนวทางเดียวกัน. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การปรับขึ้นราคา DRAM ของ Samsung ➡️ เพิ่มขึ้นกว่า 60% ➡️ สะท้อนความต้องการสูงจาก AI และ Cloud ✅ ผลกระทบต่อผู้ผลิตอุปกรณ์ ➡️ พีซีและสมาร์ทโฟนมีต้นทุนสูงขึ้น ➡️ ราคาสินค้าปลายทางอาจเพิ่มขึ้นตาม ✅ ผลกระทบต่อ Data Center และ AI ➡️ ต้นทุนการลงทุนสูงขึ้น ➡️ อาจทำให้ค่าบริการ Cloud และ AI แพงขึ้น ✅ มุมมองนักวิเคราะห์ ➡️ ตลาด DRAM กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ราคาสูงขึ้น ➡️ ผู้ผลิตรายอื่นอาจปรับราคาตาม Samsung ‼️ คำเตือนด้านต้นทุนธุรกิจ ⛔ บริษัทที่พึ่งพา DRAM จำนวนมากอาจต้องปรับกลยุทธ์หรือผลักภาระไปยังลูกค้า ‼️ คำเตือนด้านผู้บริโภค ⛔ ราคาสมาร์ทโฟนและพีซีรุ่นใหม่อาจสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด https://www.buysellram.com/blog/samsungs-memory-price-surge-sends-shockwaves-through-the-global-dram-market/
    WWW.BUYSELLRAM.COM
    Samsung’s 60% DRAM Price Hike Signals a New Phase of Global Memory Tightening
    Samsung’s 60% DRAM price hike tightens supply. Learn how rising DDR5 and DDR4 prices impact buyers, sellers, and used RAM markets in 2026.
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • Nvidia ดันความต้องการ LPDDR5X สะเทือนตลาดหน่วยความจำ

    รายงานจาก Counterpoint Research ระบุว่า ราคาหน่วยความจำ DRAM เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 50% ในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มอีก 30% ในไตรมาส 4 ก่อนจะพุ่งขึ้นอีก 20% ในต้นปี 2026 หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป ราคาหน่วยความจำ DDR5 สำหรับเซิร์ฟเวอร์อาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในสิ้นปี 2026 การที่ Nvidia ใช้ LPDDR5X ในซีพียู Grace และ Vera ทำให้ความต้องการหน่วยความจำระดับสมาร์ทโฟนพุ่งสูงผิดปกติ

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    แต่ละซีพียู Grace ใช้ LPDDR5X ถึง 480GB ในขณะที่สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมใช้เพียง 16GB เท่านั้น การขยายตัวของแพลตฟอร์ม Vera ที่จะใช้หน่วยความจำมากขึ้นยิ่งทำให้ซัพพลายตึงตัว นักวิเคราะห์เตือนว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจต้องเผชิญต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 25% ซึ่งจะกระทบทั้งราคาขายและกำไรของผู้ผลิต

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และเซิร์ฟเวอร์
    ไม่เพียงแต่สมาร์ทโฟนเท่านั้น อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้ DRAM ในระบบควบคุมและความปลอดภัยก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน SMIC ผู้ผลิตชิปจากจีนเตือนว่าการขาดแคลน DRAM อาจกระทบยอดขายชิปตรรกะในภาคยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปีหน้า

    ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของตลาดหน่วยความจำ
    การที่ Nvidia กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ในระดับเดียวกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ถือเป็น “การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” ที่ห่วงโซ่อุปทานไม่สามารถรองรับได้ทันที หากผู้ผลิตหน่วยความจำไม่เร่งลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต ความเสี่ยงต่อการขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้นจะยังคงอยู่ต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาหน่วยความจำ DRAM พุ่งสูง
    เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 50% ในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มอีก 30% ในไตรมาส 4

    Nvidia ใช้ LPDDR5X ใน Grace และ Vera CPUs
    ความต้องการหน่วยความจำระดับสมาร์ทโฟนพุ่งสูงผิดปกติ

    ผลกระทบต่อสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    ต้นทุนอาจเพิ่มขึ้นราว 25% ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และเซิร์ฟเวอร์
    การขาดแคลน DRAM อาจกระทบยอดขายชิปตรรกะและระบบควบคุม

    ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของตลาดหน่วยความจำ
    Nvidia กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ในระดับเดียวกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ทำให้ซัพพลายตึงตัว

    การลงทุนผลิตไม่ทันความต้องการ
    หากผู้ผลิตหน่วยความจำไม่เร่งขยายกำลังการผลิต ราคาจะยังคงพุ่งต่อเนื่อง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/nvidias-demand-for-lpddr5x-could-double-smartphone-and-server-memory-prices-in-2026-seismic-shift-means-even-smartphone-class-memory-isnt-safe-from-ai-induced-crunch
    💾 Nvidia ดันความต้องการ LPDDR5X สะเทือนตลาดหน่วยความจำ รายงานจาก Counterpoint Research ระบุว่า ราคาหน่วยความจำ DRAM เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 50% ในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มอีก 30% ในไตรมาส 4 ก่อนจะพุ่งขึ้นอีก 20% ในต้นปี 2026 หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป ราคาหน่วยความจำ DDR5 สำหรับเซิร์ฟเวอร์อาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในสิ้นปี 2026 การที่ Nvidia ใช้ LPDDR5X ในซีพียู Grace และ Vera ทำให้ความต้องการหน่วยความจำระดับสมาร์ทโฟนพุ่งสูงผิดปกติ ⚡ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ละซีพียู Grace ใช้ LPDDR5X ถึง 480GB ในขณะที่สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมใช้เพียง 16GB เท่านั้น การขยายตัวของแพลตฟอร์ม Vera ที่จะใช้หน่วยความจำมากขึ้นยิ่งทำให้ซัพพลายตึงตัว นักวิเคราะห์เตือนว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจต้องเผชิญต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 25% ซึ่งจะกระทบทั้งราคาขายและกำไรของผู้ผลิต 🚗 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และเซิร์ฟเวอร์ ไม่เพียงแต่สมาร์ทโฟนเท่านั้น อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้ DRAM ในระบบควบคุมและความปลอดภัยก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน SMIC ผู้ผลิตชิปจากจีนเตือนว่าการขาดแคลน DRAM อาจกระทบยอดขายชิปตรรกะในภาคยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปีหน้า 🌐 ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของตลาดหน่วยความจำ การที่ Nvidia กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ในระดับเดียวกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ถือเป็น “การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” ที่ห่วงโซ่อุปทานไม่สามารถรองรับได้ทันที หากผู้ผลิตหน่วยความจำไม่เร่งลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต ความเสี่ยงต่อการขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้นจะยังคงอยู่ต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาหน่วยความจำ DRAM พุ่งสูง ➡️ เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 50% ในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มอีก 30% ในไตรมาส 4 ✅ Nvidia ใช้ LPDDR5X ใน Grace และ Vera CPUs ➡️ ความต้องการหน่วยความจำระดับสมาร์ทโฟนพุ่งสูงผิดปกติ ✅ ผลกระทบต่อสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ➡️ ต้นทุนอาจเพิ่มขึ้นราว 25% ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และเซิร์ฟเวอร์ ➡️ การขาดแคลน DRAM อาจกระทบยอดขายชิปตรรกะและระบบควบคุม ‼️ ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของตลาดหน่วยความจำ ⛔ Nvidia กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ในระดับเดียวกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ทำให้ซัพพลายตึงตัว ‼️ การลงทุนผลิตไม่ทันความต้องการ ⛔ หากผู้ผลิตหน่วยความจำไม่เร่งขยายกำลังการผลิต ราคาจะยังคงพุ่งต่อเนื่อง https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/nvidias-demand-for-lpddr5x-could-double-smartphone-and-server-memory-prices-in-2026-seismic-shift-means-even-smartphone-class-memory-isnt-safe-from-ai-induced-crunch
    0 Comments 0 Shares 218 Views 0 Reviews
  • วิกฤติ DRAM จากกระแส AI

    ตลาด DRAM กำลังเผชิญภาวะตึงตัวอย่างหนัก เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำจากการพัฒนา AI และเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาหน่วยความจำจึงพุ่งสูงกว่า 100% ภายในปีเดียว ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างมาก

    ผลกระทบต่อผู้ผลิตรายใหญ่
    Morgan Stanley ได้ปรับลดอันดับหุ้นของหลายบริษัท เช่น Dell จาก Overweight เป็น Underweight เนื่องจาก Dell มีธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ DRAM ปริมาณมหาศาล ขณะที่ HP, Asus และ Pegatron ถูกปรับลดเป็น Equal-weight ส่วน Acer และ Compal ถูกจัดอันดับต่ำอยู่แล้ว การปรับลดนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่กำไรของบริษัทจะถูกบีบจากต้นทุนหน่วยความจำที่สูงขึ้น

    Apple รอดพ้นวิกฤติ
    ในทางกลับกัน Apple ยังคงได้อันดับ Overweight เพราะบริษัทได้วางแผนล่วงหน้า ซื้อ DRAM จำนวนมากก่อนที่วิกฤติจะเกิดขึ้น และยังมีสัญญาระยะยาวกับผู้ผลิตหน่วยความจำอย่าง Kioxia ทำให้สินค้าของ Apple เช่น Mac, iPad และ iPhone ได้รับผลกระทบน้อยกว่าคู่แข่ง

    แนวโน้มในอนาคต
    นักวิเคราะห์คาดว่าภาวะขาดแคลน DRAM จะยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายปี เนื่องจากผู้ผลิตหน่วยความจำยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตอย่างจริงจัง ขณะที่ความต้องการจาก AI และเซิร์ฟเวอร์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้อาจทำให้ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    สรุปสาระสำคัญ
    ราคาหน่วยความจำ DRAM เพิ่มขึ้นกว่า 100%
    เกิดจากความต้องการ AI และเซิร์ฟเวอร์ที่สูงขึ้น

    Morgan Stanley ปรับลดอันดับหุ้นผู้ผลิตรายใหญ่
    Dell, HP, Asus, Pegatron ได้รับผลกระทบหนัก

    Apple วางแผนล่วงหน้าและรอดพ้นวิกฤติ
    ซื้อ DRAM ล่วงหน้าและมีสัญญากับ Kioxia

    ต้นทุนเซิร์ฟเวอร์สูงขึ้นอย่างมาก
    DRAM คิดเป็น 30–40% ของต้นทุนรวมของเซิร์ฟเวอร์

    ความเสี่ยงต่อกำไรของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์
    ต้นทุนสูงอาจบีบกำไรและทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น

    แนวโน้มวิกฤติจะยืดเยื้อ
    ผู้ผลิตหน่วยความจำยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตในระยะสั้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr5/ai-led-dram-supply-crunch-reportedly-has-morgan-stanley-downgrading-major-oems-skyrocketing-memory-prices-could-erode-server-and-pc-margins
    💾 วิกฤติ DRAM จากกระแส AI ตลาด DRAM กำลังเผชิญภาวะตึงตัวอย่างหนัก เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำจากการพัฒนา AI และเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคาหน่วยความจำจึงพุ่งสูงกว่า 100% ภายในปีเดียว ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างมาก 📉 ผลกระทบต่อผู้ผลิตรายใหญ่ Morgan Stanley ได้ปรับลดอันดับหุ้นของหลายบริษัท เช่น Dell จาก Overweight เป็น Underweight เนื่องจาก Dell มีธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ DRAM ปริมาณมหาศาล ขณะที่ HP, Asus และ Pegatron ถูกปรับลดเป็น Equal-weight ส่วน Acer และ Compal ถูกจัดอันดับต่ำอยู่แล้ว การปรับลดนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่กำไรของบริษัทจะถูกบีบจากต้นทุนหน่วยความจำที่สูงขึ้น 🍎 Apple รอดพ้นวิกฤติ ในทางกลับกัน Apple ยังคงได้อันดับ Overweight เพราะบริษัทได้วางแผนล่วงหน้า ซื้อ DRAM จำนวนมากก่อนที่วิกฤติจะเกิดขึ้น และยังมีสัญญาระยะยาวกับผู้ผลิตหน่วยความจำอย่าง Kioxia ทำให้สินค้าของ Apple เช่น Mac, iPad และ iPhone ได้รับผลกระทบน้อยกว่าคู่แข่ง 🔮 แนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์คาดว่าภาวะขาดแคลน DRAM จะยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายปี เนื่องจากผู้ผลิตหน่วยความจำยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตอย่างจริงจัง ขณะที่ความต้องการจาก AI และเซิร์ฟเวอร์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้อาจทำให้ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ราคาหน่วยความจำ DRAM เพิ่มขึ้นกว่า 100% ➡️ เกิดจากความต้องการ AI และเซิร์ฟเวอร์ที่สูงขึ้น ✅ Morgan Stanley ปรับลดอันดับหุ้นผู้ผลิตรายใหญ่ ➡️ Dell, HP, Asus, Pegatron ได้รับผลกระทบหนัก ✅ Apple วางแผนล่วงหน้าและรอดพ้นวิกฤติ ➡️ ซื้อ DRAM ล่วงหน้าและมีสัญญากับ Kioxia ✅ ต้นทุนเซิร์ฟเวอร์สูงขึ้นอย่างมาก ➡️ DRAM คิดเป็น 30–40% ของต้นทุนรวมของเซิร์ฟเวอร์ ‼️ ความเสี่ยงต่อกำไรของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ⛔ ต้นทุนสูงอาจบีบกำไรและทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น ‼️ แนวโน้มวิกฤติจะยืดเยื้อ ⛔ ผู้ผลิตหน่วยความจำยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตในระยะสั้น https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr5/ai-led-dram-supply-crunch-reportedly-has-morgan-stanley-downgrading-major-oems-skyrocketing-memory-prices-could-erode-server-and-pc-margins
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • Samsung DDR5 ราคาพุ่งทะยาน 3 เท่าในเกาหลีใต้

    รายงานจาก Wccftech ระบุว่าในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ราคาของโมดูล Samsung DDR5-5600 ขนาด 16GB ในตลาด DIY ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า จากเดิมราว US$47 (69,246 วอน) ในเดือนสิงหาคม ขึ้นไปถึง US$142 (208,090 วอน) ในเดือนพฤศจิกายน 2025 โดยบางร้านขายสูงถึง US$148 เลยทีเดียว.

    สาเหตุของการพุ่งขึ้น
    การเพิ่มขึ้นของราคามีสาเหตุหลักจาก ความต้องการด้าน AI ที่ทำให้ตลาด DRAM ตึงตัวทั่วโลก ผู้จัดจำหน่ายบางรายถึงขั้น “บังคับ” ให้ลูกค้าซื้อเมนบอร์ดควบคู่กับโมดูล DRAM เพื่อให้ได้สินค้า นอกจากนี้ยังมีการขาดแคลน DRAM ที่กระทบต่อทั้ง PC, mini PC, pre-built systems และ GPU ทำให้ราคาสินค้าอื่น ๆ ที่ใช้หน่วยความจำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย.

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดโลก
    ในตลาดอื่น ๆ ราคาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะไม่รุนแรงเท่าเกาหลีใต้ โดยโมดูล DDR5 บางรุ่นในสหรัฐฯ เช่น Corsair Vengeance RGB 16GB 5200 MT/s ก็ถูกขายที่ US$125 บน Amazon การขาดแคลนนี้ยังส่งผลให้ AMD ประกาศขึ้นราคาการ์ดจออีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน หลังจากเพิ่งปรับขึ้นไปแล้วในเดือนตุลาคม.

    แนวโน้มในอนาคต
    นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะยังคงสูงต่อไปจนกว่าความต้องการด้าน AI จะเริ่มชะลอตัว และการผลิต DRAM จะกลับมาสมดุล หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป ผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องจ่ายแพงขึ้นมากเพื่ออัปเกรดเครื่องคอมพิวเตอร์ แม้เพียงแค่โมดูลพื้นฐานที่เคยราคาถูก.

    สรุปสาระสำคัญ
    ราคาของ Samsung DDR5-5600 16GB ในเกาหลีใต้
    เพิ่มจาก US$47 เป็น US$142 ภายใน 3 เดือน
    บางร้านขายสูงถึง US$148

    สาเหตุของการขึ้นราคา
    ความต้องการด้าน AI ทำให้ตลาด DRAM ตึงตัว
    ผู้จัดจำหน่ายบางรายบังคับขายพ่วงเมนบอร์ด

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาสินค้าอื่น เช่น GPU และ mini PC เพิ่มขึ้นตาม
    Corsair Vengeance RGB 16GB ถูกขายที่ US$125 ในสหรัฐฯ

    แนวโน้มในอนาคต
    ราคายังสูงจนกว่าความต้องการ AI จะลดลง
    การผลิต DRAM ต้องกลับมาสมดุลเพื่อแก้ปัญหา

    https://wccftech.com/within-three-months-samsung-ddr5-5600-16-gb-module-price-rose-by-3x-in-south-korea/
    💹 Samsung DDR5 ราคาพุ่งทะยาน 3 เท่าในเกาหลีใต้ รายงานจาก Wccftech ระบุว่าในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ราคาของโมดูล Samsung DDR5-5600 ขนาด 16GB ในตลาด DIY ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า จากเดิมราว US$47 (69,246 วอน) ในเดือนสิงหาคม ขึ้นไปถึง US$142 (208,090 วอน) ในเดือนพฤศจิกายน 2025 โดยบางร้านขายสูงถึง US$148 เลยทีเดียว. 📈 สาเหตุของการพุ่งขึ้น การเพิ่มขึ้นของราคามีสาเหตุหลักจาก ความต้องการด้าน AI ที่ทำให้ตลาด DRAM ตึงตัวทั่วโลก ผู้จัดจำหน่ายบางรายถึงขั้น “บังคับ” ให้ลูกค้าซื้อเมนบอร์ดควบคู่กับโมดูล DRAM เพื่อให้ได้สินค้า นอกจากนี้ยังมีการขาดแคลน DRAM ที่กระทบต่อทั้ง PC, mini PC, pre-built systems และ GPU ทำให้ราคาสินค้าอื่น ๆ ที่ใช้หน่วยความจำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย. 🖥️ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดโลก ในตลาดอื่น ๆ ราคาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะไม่รุนแรงเท่าเกาหลีใต้ โดยโมดูล DDR5 บางรุ่นในสหรัฐฯ เช่น Corsair Vengeance RGB 16GB 5200 MT/s ก็ถูกขายที่ US$125 บน Amazon การขาดแคลนนี้ยังส่งผลให้ AMD ประกาศขึ้นราคาการ์ดจออีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน หลังจากเพิ่งปรับขึ้นไปแล้วในเดือนตุลาคม. ⚠️ แนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะยังคงสูงต่อไปจนกว่าความต้องการด้าน AI จะเริ่มชะลอตัว และการผลิต DRAM จะกลับมาสมดุล หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป ผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องจ่ายแพงขึ้นมากเพื่ออัปเกรดเครื่องคอมพิวเตอร์ แม้เพียงแค่โมดูลพื้นฐานที่เคยราคาถูก. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ราคาของ Samsung DDR5-5600 16GB ในเกาหลีใต้ ➡️ เพิ่มจาก US$47 เป็น US$142 ภายใน 3 เดือน ➡️ บางร้านขายสูงถึง US$148 ✅ สาเหตุของการขึ้นราคา ➡️ ความต้องการด้าน AI ทำให้ตลาด DRAM ตึงตัว ➡️ ผู้จัดจำหน่ายบางรายบังคับขายพ่วงเมนบอร์ด ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาสินค้าอื่น เช่น GPU และ mini PC เพิ่มขึ้นตาม ➡️ Corsair Vengeance RGB 16GB ถูกขายที่ US$125 ในสหรัฐฯ ✅ แนวโน้มในอนาคต ➡️ ราคายังสูงจนกว่าความต้องการ AI จะลดลง ➡️ การผลิต DRAM ต้องกลับมาสมดุลเพื่อแก้ปัญหา https://wccftech.com/within-three-months-samsung-ddr5-5600-16-gb-module-price-rose-by-3x-in-south-korea/
    WCCFTECH.COM
    Within Three Months, Samsung DDR5-5600 16 GB Module Price Rose By 3X In South Korea
    Samsung's DDR5-5600 16 GB module price have risen sharply in the last months in South Korea, bringing the price to 208,090 Won.
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • Google อาจแก้ปัญหาเก่าแก่ของ AI ได้แล้ว

    บทความจาก Generative History เปิดเผยว่า Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio ซึ่งมีความสามารถเหนือความคาดหมาย ทั้งการถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ และยังแสดงพฤติกรรมที่คล้ายการใช้เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ (symbolic reasoning) โดยไม่ได้ถูกสั่งให้ทำโดยตรง

    การถอดความลายมือระดับผู้เชี่ยวชาญ
    นักวิจัยทดลองให้โมเดลนี้ถอดความเอกสารโบราณที่มีลายมืออ่านยาก ผลลัพธ์คือ อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับผู้เชี่ยวชาญด้าน paleography ที่ทำงานจริง ๆ ความสำเร็จนี้ถือเป็นก้าวกระโดด เพราะปัญหาการอ่านลายมือเป็นหนึ่งในโจทย์ที่นักวิจัย AI พยายามแก้มานานกว่า 70 ปี

    เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นเอง
    สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือโมเดลไม่ได้เพียงแค่ถอดความ แต่ยังสามารถ ตีความข้อมูลเชิงบริบทและตัวเลขในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การเจอข้อความ “145” ในบัญชีพ่อค้าโบราณ โมเดลสามารถอนุมานได้ว่าเป็น “14 ปอนด์ 5 ออนซ์” โดยใช้การคำนวณย้อนกลับจากราคาสินค้าและระบบเงินตราในศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการใช้เหตุผลหลายขั้นตอนโดยไม่ถูกสั่งให้ทำ

    ผลกระทบต่อวงการวิชาการและ AI
    หากผลลัพธ์นี้สามารถทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายสาขา:
    นักประวัติศาสตร์ จะสามารถใช้ AI ถอดความเอกสารโบราณได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
    นักวิจัย AI จะได้หลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเองจากการขยายขนาดโมเดลและการฝึกกับข้อมูลที่ซับซ้อน
    สังคมโดยรวม อาจได้เห็น AI ที่ไม่เพียงแค่ “ทำนายคำถัดไป” แต่ยังสามารถเข้าใจและตีความโลกได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio
    ถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ
    อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2%

    โมเดลแสดงพฤติกรรม reasoning
    สามารถตีความตัวเลขและบริบทในเอกสาร
    ใช้การคำนวณย้อนกลับเพื่อหาความหมายที่ถูกต้อง

    ผลกระทบต่อวงการ
    นักประวัติศาสตร์ได้เครื่องมือใหม่ในการถอดความเอกสาร
    นักวิจัย AI มีหลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเอง

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    ยังไม่ชัดเจนว่าผลลัพธ์ทำซ้ำได้เสมอหรือไม่
    อาจเกิดการตีความผิดพลาดหากข้อมูลไม่ครบถ้วน

    https://generativehistory.substack.com/p/has-google-quietly-solved-two-of
    🤖 Google อาจแก้ปัญหาเก่าแก่ของ AI ได้แล้ว บทความจาก Generative History เปิดเผยว่า Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio ซึ่งมีความสามารถเหนือความคาดหมาย ทั้งการถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ และยังแสดงพฤติกรรมที่คล้ายการใช้เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ (symbolic reasoning) โดยไม่ได้ถูกสั่งให้ทำโดยตรง ✍️ การถอดความลายมือระดับผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยทดลองให้โมเดลนี้ถอดความเอกสารโบราณที่มีลายมืออ่านยาก ผลลัพธ์คือ อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับผู้เชี่ยวชาญด้าน paleography ที่ทำงานจริง ๆ ความสำเร็จนี้ถือเป็นก้าวกระโดด เพราะปัญหาการอ่านลายมือเป็นหนึ่งในโจทย์ที่นักวิจัย AI พยายามแก้มานานกว่า 70 ปี 🧩 เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นเอง สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือโมเดลไม่ได้เพียงแค่ถอดความ แต่ยังสามารถ ตีความข้อมูลเชิงบริบทและตัวเลขในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การเจอข้อความ “145” ในบัญชีพ่อค้าโบราณ โมเดลสามารถอนุมานได้ว่าเป็น “14 ปอนด์ 5 ออนซ์” โดยใช้การคำนวณย้อนกลับจากราคาสินค้าและระบบเงินตราในศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการใช้เหตุผลหลายขั้นตอนโดยไม่ถูกสั่งให้ทำ 🌍 ผลกระทบต่อวงการวิชาการและ AI 🔰 หากผลลัพธ์นี้สามารถทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายสาขา: 🔰 นักประวัติศาสตร์ จะสามารถใช้ AI ถอดความเอกสารโบราณได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว 🔰 นักวิจัย AI จะได้หลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเองจากการขยายขนาดโมเดลและการฝึกกับข้อมูลที่ซับซ้อน 🔰 สังคมโดยรวม อาจได้เห็น AI ที่ไม่เพียงแค่ “ทำนายคำถัดไป” แต่ยังสามารถเข้าใจและตีความโลกได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio ➡️ ถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ ➡️ อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2% ✅ โมเดลแสดงพฤติกรรม reasoning ➡️ สามารถตีความตัวเลขและบริบทในเอกสาร ➡️ ใช้การคำนวณย้อนกลับเพื่อหาความหมายที่ถูกต้อง ✅ ผลกระทบต่อวงการ ➡️ นักประวัติศาสตร์ได้เครื่องมือใหม่ในการถอดความเอกสาร ➡️ นักวิจัย AI มีหลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเอง ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าผลลัพธ์ทำซ้ำได้เสมอหรือไม่ ⛔ อาจเกิดการตีความผิดพลาดหากข้อมูลไม่ครบถ้วน https://generativehistory.substack.com/p/has-google-quietly-solved-two-of
    GENERATIVEHISTORY.SUBSTACK.COM
    Has Google Quietly Solved Two of AI’s Oldest Problems?
    A mysterious new model currently in testing on Google’s AI Studio is nearly perfect on automated handwriting recognition but it is also showing signs of spontaneous, abstract, symbolic reasoning.
    0 Comments 0 Shares 241 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน
    #20251115 #techradar

    SanDisk เปิดตัวแฟลชไดรฟ์ 1TB ขนาดจิ๋ว
    SanDisk ออกแฟลชไดรฟ์ USB-C รุ่นใหม่ Extreme Fit ที่มีความจุสูงสุดถึง 1TB แต่ตัวเล็กมากจนสามารถเสียบติดเครื่องไว้ตลอดเวลาโดยไม่เกะกะ เหมาะกับคนที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตบ่อย ๆ ต้องการพื้นที่เพิ่มโดยไม่ต้องพกฮาร์ดดิสก์พกพา ความเร็วอ่านสูงสุด 400MB/s ใกล้เคียง SSD ราคาก็จับต้องได้ เริ่มต้นเพียงสิบกว่าดอลลาร์ ไปจนถึงรุ่นท็อป 1TB ราวร้อยดอลลาร์ ถือเป็นการผสมผสานความสะดวกกับประสิทธิภาพในอุปกรณ์เล็ก ๆ

    PNY ยกเลิกดีล Black Friday สะท้อนวิกฤตวงการชิป
    ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใหญ่ PNY ประกาศหยุดโปรโมชันลดราคาสินค้าจัดเก็บข้อมูลในช่วง Black Friday เพราะต้นทุน NAND และ DRAM พุ่งสูงขึ้นมากจนกระทบตลาด SSD และแฟลชไดรฟ์ สถานการณ์นี้สะท้อนว่าตลาดหน่วยความจำกำลังตึงตัวอย่างหนัก และอาจทำให้การประกอบคอมพิวเตอร์หรืออัปเกรดเครื่องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในปีถัดไป

    IBM เปิดตัวชิปควอนตัมใหม่ Nighthawk และ Loon
    IBM ก้าวหน้าอีกขั้นในเส้นทางควอนตัมคอมพิวติ้ง ด้วยการเปิดตัวชิป Nighthawk ที่มี 120 qubits และสามารถทำงานซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม 30% พร้อมชิป Loon ที่ทดลองสถาปัตยกรรมใหม่เพื่อรองรับการแก้ไขข้อผิดพลาดในระดับใหญ่ จุดมุ่งหมายคือการทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้งานได้จริงในธุรกิจและวิทยาศาสตร์ภายในทศวรรษนี้

    CTO บริษัท Checkout.com ปฏิเสธจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์
    บริษัท Checkout.com ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters เจาะระบบเก่าและเรียกค่าไถ่ แต่ CTO ตัดสินใจไม่จ่ายเงินให้คนร้าย กลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปบริจาคให้มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ Oxford เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนอาชญากรรมออนไลน์

    ExpressVPN จับมือ Brooklyn Nets มอบดีลพิเศษแฟนบาส
    ExpressVPN กลายเป็นพาร์ทเนอร์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัลของทีมบาส NBA Brooklyn Nets พร้อมมอบส่วนลดสูงสุดถึง 73% ให้แฟน ๆ ถือเป็นการนำโลกไซเบอร์กับกีฬาเข้ามาเชื่อมโยงกัน และช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการป้องกันข้อมูลในราคาที่คุ้มค่า

    Apple เปิดตัว Digital ID จุดประกายกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว
    Apple เพิ่มฟีเจอร์ Digital ID ในแอป Wallet ให้ผู้ใช้แสดงพาสปอร์ตผ่านมือถือที่สนามบินในสหรัฐฯ แม้จะสะดวก แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการใช้ข้อมูลอัตลักษณ์ดิจิทัลอาจนำไปสู่การถูกติดตามหรือการละเมิดความเป็นส่วนตัว Apple ยืนยันว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้นและใช้การเข้ารหัสขั้นสูง แต่เสียงวิจารณ์ก็ยังดังอยู่

    Intel Panther Lake CPU หลุดผลทดสอบ กราฟิกแรงเกินคาด
    มีข้อมูลหลุดของซีพียู Intel Panther Lake รุ่น Core Ultra X7 358H ที่มาพร้อมกราฟิก Xe3 ในตัว ผลทดสอบออกมาดีกว่า GPU แยกอย่าง RTX 3050 ถึงกว่า 10% ทำให้โน้ตบุ๊กบางเบาและเครื่องเกมพกพาในอนาคตอาจไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยกอีกต่อไป ทั้งแรงและประหยัดพลังงานมากขึ้น

    Akira Ransomware ขยายโจมตี Nutanix VMs
    แรนซัมแวร์ Akira ถูกพบว่าเริ่มโจมตีระบบ Nutanix AHV VM โดยใช้ช่องโหว่ SonicWall และ Veeam เพื่อเข้าถึงและเข้ารหัสไฟล์ ทำให้บริษัทต่าง ๆ เสียหายหนัก ยอดเงินที่คนร้ายรีดไถได้รวมแล้วกว่า 240 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานความปลอดภัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตระบบและเปิดใช้การยืนยันตัวตนหลายชั้น

    Operation Endgame 3.0 ยึดเซิร์ฟเวอร์อาชญากรรมไซเบอร์
    Europol และหน่วยงานยุโรปเปิดปฏิบัติการ Endgame 3.0 ปราบปรามเครือข่ายมัลแวร์ใหญ่ เช่น Rhadamanthys, VenomRAT และ Elysium ยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,000 เครื่อง และโดเมนกว่า 20 แห่ง พร้อมจับผู้ต้องสงสัยหนึ่งราย แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากไม่มีการจับกุมต่อเนื่อง เครือข่ายเหล่านี้อาจกลับมาอีก
    📰📌 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 📌 📰 #20251115 #techradar 🗂️ SanDisk เปิดตัวแฟลชไดรฟ์ 1TB ขนาดจิ๋ว SanDisk ออกแฟลชไดรฟ์ USB-C รุ่นใหม่ Extreme Fit ที่มีความจุสูงสุดถึง 1TB แต่ตัวเล็กมากจนสามารถเสียบติดเครื่องไว้ตลอดเวลาโดยไม่เกะกะ เหมาะกับคนที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตบ่อย ๆ ต้องการพื้นที่เพิ่มโดยไม่ต้องพกฮาร์ดดิสก์พกพา ความเร็วอ่านสูงสุด 400MB/s ใกล้เคียง SSD ราคาก็จับต้องได้ เริ่มต้นเพียงสิบกว่าดอลลาร์ ไปจนถึงรุ่นท็อป 1TB ราวร้อยดอลลาร์ ถือเป็นการผสมผสานความสะดวกกับประสิทธิภาพในอุปกรณ์เล็ก ๆ 💸 PNY ยกเลิกดีล Black Friday สะท้อนวิกฤตวงการชิป ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใหญ่ PNY ประกาศหยุดโปรโมชันลดราคาสินค้าจัดเก็บข้อมูลในช่วง Black Friday เพราะต้นทุน NAND และ DRAM พุ่งสูงขึ้นมากจนกระทบตลาด SSD และแฟลชไดรฟ์ สถานการณ์นี้สะท้อนว่าตลาดหน่วยความจำกำลังตึงตัวอย่างหนัก และอาจทำให้การประกอบคอมพิวเตอร์หรืออัปเกรดเครื่องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในปีถัดไป ⚛️ IBM เปิดตัวชิปควอนตัมใหม่ Nighthawk และ Loon IBM ก้าวหน้าอีกขั้นในเส้นทางควอนตัมคอมพิวติ้ง ด้วยการเปิดตัวชิป Nighthawk ที่มี 120 qubits และสามารถทำงานซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม 30% พร้อมชิป Loon ที่ทดลองสถาปัตยกรรมใหม่เพื่อรองรับการแก้ไขข้อผิดพลาดในระดับใหญ่ จุดมุ่งหมายคือการทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้งานได้จริงในธุรกิจและวิทยาศาสตร์ภายในทศวรรษนี้ 🔐 CTO บริษัท Checkout.com ปฏิเสธจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์ บริษัท Checkout.com ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters เจาะระบบเก่าและเรียกค่าไถ่ แต่ CTO ตัดสินใจไม่จ่ายเงินให้คนร้าย กลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปบริจาคให้มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ Oxford เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนอาชญากรรมออนไลน์ 🏀 ExpressVPN จับมือ Brooklyn Nets มอบดีลพิเศษแฟนบาส ExpressVPN กลายเป็นพาร์ทเนอร์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัลของทีมบาส NBA Brooklyn Nets พร้อมมอบส่วนลดสูงสุดถึง 73% ให้แฟน ๆ ถือเป็นการนำโลกไซเบอร์กับกีฬาเข้ามาเชื่อมโยงกัน และช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการป้องกันข้อมูลในราคาที่คุ้มค่า 🍏 Apple เปิดตัว Digital ID จุดประกายกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว Apple เพิ่มฟีเจอร์ Digital ID ในแอป Wallet ให้ผู้ใช้แสดงพาสปอร์ตผ่านมือถือที่สนามบินในสหรัฐฯ แม้จะสะดวก แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการใช้ข้อมูลอัตลักษณ์ดิจิทัลอาจนำไปสู่การถูกติดตามหรือการละเมิดความเป็นส่วนตัว Apple ยืนยันว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้นและใช้การเข้ารหัสขั้นสูง แต่เสียงวิจารณ์ก็ยังดังอยู่ 💻 Intel Panther Lake CPU หลุดผลทดสอบ กราฟิกแรงเกินคาด มีข้อมูลหลุดของซีพียู Intel Panther Lake รุ่น Core Ultra X7 358H ที่มาพร้อมกราฟิก Xe3 ในตัว ผลทดสอบออกมาดีกว่า GPU แยกอย่าง RTX 3050 ถึงกว่า 10% ทำให้โน้ตบุ๊กบางเบาและเครื่องเกมพกพาในอนาคตอาจไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยกอีกต่อไป ทั้งแรงและประหยัดพลังงานมากขึ้น 🦠 Akira Ransomware ขยายโจมตี Nutanix VMs แรนซัมแวร์ Akira ถูกพบว่าเริ่มโจมตีระบบ Nutanix AHV VM โดยใช้ช่องโหว่ SonicWall และ Veeam เพื่อเข้าถึงและเข้ารหัสไฟล์ ทำให้บริษัทต่าง ๆ เสียหายหนัก ยอดเงินที่คนร้ายรีดไถได้รวมแล้วกว่า 240 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานความปลอดภัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตระบบและเปิดใช้การยืนยันตัวตนหลายชั้น 🚔 Operation Endgame 3.0 ยึดเซิร์ฟเวอร์อาชญากรรมไซเบอร์ Europol และหน่วยงานยุโรปเปิดปฏิบัติการ Endgame 3.0 ปราบปรามเครือข่ายมัลแวร์ใหญ่ เช่น Rhadamanthys, VenomRAT และ Elysium ยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,000 เครื่อง และโดเมนกว่า 20 แห่ง พร้อมจับผู้ต้องสงสัยหนึ่งราย แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากไม่มีการจับกุมต่อเนื่อง เครือข่ายเหล่านี้อาจกลับมาอีก
    0 Comments 0 Shares 616 Views 0 Reviews
  • การปิดตำนาน “เหรียญเพนนี” ของสหรัฐฯ

    หลังจากมีอายุยืนยาวถึง 238 ปี เหรียญเพนนีของสหรัฐฯ ได้ถูกผลิตครั้งสุดท้ายที่โรงกษาปณ์ในฟิลาเดลเฟีย โดยรัฐบาลตัดสินใจเลิกผลิตเพราะต้นทุนการทำเหรียญสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง (ใช้เงินเกือบ 4 เซนต์เพื่อผลิตเหรียญ 1 เซนต์)

    แม้เพนนีจะดูเหมือนเหรียญที่ไม่มีค่าแล้ว แต่การเลิกใช้กลับสร้างปัญหาให้กับร้านค้าและผู้บริโภค เพราะการปัดเศษราคาสินค้าอาจทำให้ลูกค้าต้องจ่ายแพงขึ้น หรือร้านค้าขาดทุนหากเลือกปัดลง นอกจากนี้กฎหมายในบางรัฐยังบังคับให้ต้องทอนเงินให้พอดี ทำให้เกิดความยุ่งยากทางกฎหมายและการเงิน

    เพนนีถือเป็นเหรียญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งแต่ปี 1787 และเคยเป็นสัญลักษณ์ของการซื้อ “penny candy” หรือใช้กับตู้หยอดเหรียญ แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกทิ้งไว้ในโหลหรือกล่องเก็บเงินที่บ้าน การเลิกผลิตจึงเป็นการปิดฉากสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่อยู่คู่สังคมอเมริกันมานาน

    สหรัฐฯ เลิกผลิตเหรียญเพนนีหลังใช้งานกว่า 238 ปี
    ต้นทุนการผลิตสูงกว่ามูลค่าเหรียญจริง

    ร้านค้าต้องปรับระบบราคาและการทอนเงิน
    บางแห่งเลือกปัดลงเพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียเปรียบ

    การเลิกใช้เพนนีสร้างปัญหาทางกฎหมายและการเงิน
    เสี่ยงต่อการฟ้องร้องหากร้านค้าไม่ทอนเงินพอดีตามกฎหมาย

    https://edition.cnn.com/2025/11/12/business/last-penny-minted
    🪙 การปิดตำนาน “เหรียญเพนนี” ของสหรัฐฯ หลังจากมีอายุยืนยาวถึง 238 ปี เหรียญเพนนีของสหรัฐฯ ได้ถูกผลิตครั้งสุดท้ายที่โรงกษาปณ์ในฟิลาเดลเฟีย โดยรัฐบาลตัดสินใจเลิกผลิตเพราะต้นทุนการทำเหรียญสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง (ใช้เงินเกือบ 4 เซนต์เพื่อผลิตเหรียญ 1 เซนต์) แม้เพนนีจะดูเหมือนเหรียญที่ไม่มีค่าแล้ว แต่การเลิกใช้กลับสร้างปัญหาให้กับร้านค้าและผู้บริโภค เพราะการปัดเศษราคาสินค้าอาจทำให้ลูกค้าต้องจ่ายแพงขึ้น หรือร้านค้าขาดทุนหากเลือกปัดลง นอกจากนี้กฎหมายในบางรัฐยังบังคับให้ต้องทอนเงินให้พอดี ทำให้เกิดความยุ่งยากทางกฎหมายและการเงิน เพนนีถือเป็นเหรียญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งแต่ปี 1787 และเคยเป็นสัญลักษณ์ของการซื้อ “penny candy” หรือใช้กับตู้หยอดเหรียญ แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกทิ้งไว้ในโหลหรือกล่องเก็บเงินที่บ้าน การเลิกผลิตจึงเป็นการปิดฉากสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่อยู่คู่สังคมอเมริกันมานาน ✅ สหรัฐฯ เลิกผลิตเหรียญเพนนีหลังใช้งานกว่า 238 ปี ➡️ ต้นทุนการผลิตสูงกว่ามูลค่าเหรียญจริง ✅ ร้านค้าต้องปรับระบบราคาและการทอนเงิน ➡️ บางแห่งเลือกปัดลงเพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียเปรียบ ‼️ การเลิกใช้เพนนีสร้างปัญหาทางกฎหมายและการเงิน ⛔ เสี่ยงต่อการฟ้องร้องหากร้านค้าไม่ทอนเงินพอดีตามกฎหมาย https://edition.cnn.com/2025/11/12/business/last-penny-minted
    EDITION.CNN.COM
    The last-ever penny was minted today in Philadelphia | CNN Business
    The American penny passed away today after a prolonged illness. It was 238 years old.
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • ราคาน้ำมันไทยจริงๆสมควรลงต่ำกว่า20บาทต่อลิตรได้แล้วในเวลานี้ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเราภายในประเทศในลำดับหนึ่ง ภาระค่าเติมน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า ราคาสินค้าทั่วประเทศจะถูกลงได้อีก ช่วยค่าใช้จ่ายคนไทยได้ดี.,มันจะคงราคาไว้โคตรพ่อโคตรแมร่งมันทำไม เทียบได้กับเกือบแตะ100$ต่อบาร์เรลในอดีตเลยที่30฿ต่อลิตรของไทยเรา,นี้50-60$ต่อบาร์เรลนะ,ราคาน้ำมันไทยคือโจรปล้นคนไทยอีกเดอะแก๊งหนึ่งแบบเปิดเผยอย่างถูกกฎหมายที่มันเขียนให้ชอบใจถูกใจแก่พวกมันบนแผ่นดินไทยจริงๆ,ทหารไทยยึดอำนาจในยุคลุงเสียของเสียหมาด้วย ไร้ค่าไร้ราคาอย่างน่าเสียดายเป็นอันมาก แต่ก็เข้าใจได้เพราะเป็นทหารฝ่ายมืดมันมิใช่ฝ่ายเราแบบบิ๊กกุ้ง มทภ.2อีสานเรา.,ราคาน้ำมันคือdeep stateตัวพ่อในไทยตัวหลักที่เราต้องกำจัดก่อนเพื่อน ยึดบ่อน้ำมันเราคืนทั้งหมดจากต่างชาติคือสิ่งที่เราทำได้อย่างชอบธรรมเพราะนี้คือแผ่นดินไทยเรา.

    https://www.bangkokbiznews.com/finance/analysis/1207088
    ราคาน้ำมันไทยจริงๆสมควรลงต่ำกว่า20บาทต่อลิตรได้แล้วในเวลานี้ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเราภายในประเทศในลำดับหนึ่ง ภาระค่าเติมน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า ราคาสินค้าทั่วประเทศจะถูกลงได้อีก ช่วยค่าใช้จ่ายคนไทยได้ดี.,มันจะคงราคาไว้โคตรพ่อโคตรแมร่งมันทำไม เทียบได้กับเกือบแตะ100$ต่อบาร์เรลในอดีตเลยที่30฿ต่อลิตรของไทยเรา,นี้50-60$ต่อบาร์เรลนะ,ราคาน้ำมันไทยคือโจรปล้นคนไทยอีกเดอะแก๊งหนึ่งแบบเปิดเผยอย่างถูกกฎหมายที่มันเขียนให้ชอบใจถูกใจแก่พวกมันบนแผ่นดินไทยจริงๆ,ทหารไทยยึดอำนาจในยุคลุงเสียของเสียหมาด้วย ไร้ค่าไร้ราคาอย่างน่าเสียดายเป็นอันมาก แต่ก็เข้าใจได้เพราะเป็นทหารฝ่ายมืดมันมิใช่ฝ่ายเราแบบบิ๊กกุ้ง มทภ.2อีสานเรา.,ราคาน้ำมันคือdeep stateตัวพ่อในไทยตัวหลักที่เราต้องกำจัดก่อนเพื่อน ยึดบ่อน้ำมันเราคืนทั้งหมดจากต่างชาติคือสิ่งที่เราทำได้อย่างชอบธรรมเพราะนี้คือแผ่นดินไทยเรา. https://www.bangkokbiznews.com/finance/analysis/1207088
    WWW.BANGKOKBIZNEWS.COM
    เวสต์เทกซัส 60.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ /บาร์เรล เบรนท์ 64.06 ดอลลาร์สหรัฐฯ /บาร์เรล
    วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 พ.ย. 68) ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างเห็นชอบยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาล
    0 Comments 0 Shares 372 Views 0 Reviews
  • ไม่เสี่ยงก็อดตาย ชาวเขมรลอบเข้าไทยบริเวณไร่อ้อยด้านหลังตลาดบ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อ้างเข้ามาหาซื้อเนื้อ-ผัก-ผลไม้กลับไปกินและขายทำกำไร เหตุราคาสินค้าฝั่งตนเองสุดแพง-ขาดแคลน ​แต่ไม่รอดสายตา จนท. กองกำลังบูรพา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106790

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ไม่เสี่ยงก็อดตาย ชาวเขมรลอบเข้าไทยบริเวณไร่อ้อยด้านหลังตลาดบ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อ้างเข้ามาหาซื้อเนื้อ-ผัก-ผลไม้กลับไปกินและขายทำกำไร เหตุราคาสินค้าฝั่งตนเองสุดแพง-ขาดแคลน ​แต่ไม่รอดสายตา จนท. กองกำลังบูรพา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106790 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 581 Views 0 Reviews
  • "สงครามชิป AI ดันราคา DRAM พุ่งทะลุฟ้า แซงราคาทองคำ!"

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะอัปเกรดคอมพิวเตอร์ แต่ราคาหน่วยความจำ (RAM) กลับพุ่งสูงจนต้องคิดหนัก… นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2025 นี้ เมื่อความต้องการชิปหน่วยความจำจากอุตสาหกรรม AI พุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้ราคา DRAM เพิ่มขึ้นถึง 171.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว — มากกว่าการขึ้นราคาของทองคำเสียอีก!

    บริษัทผู้ผลิตหน่วยความจำกำลังหันไปเน้นผลิตชิปสำหรับศูนย์ข้อมูล AI เช่น RDIMM และ HBM แทนที่จะผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาพุ่งสูงในตลาดค้าปลีก เช่น Corsair Vengeance DDR5 ที่เคยขายในราคา $91 ตอนเดือนกรกฎาคม ตอนนี้พุ่งไปถึง $183 แล้ว!

    นอกจาก DRAM แล้ว NAND Flash และฮาร์ดไดรฟ์ก็โดนผลกระทบเช่นกัน เพราะบริษัท AI รายใหญ่แห่กันเซ็นสัญญาซื้อชิปกับ Samsung และ SK Hynix ล่วงหน้าเป็นเวลานานถึง 4 ปี ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ราคาหน่วยความจำ DRAM พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
    เพิ่มขึ้นถึง 171.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    สูงกว่าการขึ้นราคาของทองคำในช่วงเวลาเดียวกัน

    ความต้องการจากอุตสาหกรรม AI เป็นตัวเร่ง
    ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการหน่วยความจำความเร็วสูง เช่น RDIMM และ HBM
    ผู้ผลิตจึงลดการผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาหน่วยความจำ DDR5 ในตลาดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเท่าตัว
    ตัวอย่างเช่น Corsair Vengeance DDR5 ขึ้นจาก $91 เป็น $183

    แนวโน้มระยะยาว
    ผู้ผลิตเซ็นสัญญาซื้อ DRAM ล่วงหน้ากับ Samsung และ SK Hynix นานถึง 4 ปี
    ราคาสินค้าดิจิทัล เช่น สมาร์ทโฟน และพีซี อาจปรับตัวสูงขึ้นตาม

    คำเตือนสำหรับผู้บริโภคทั่วไป
    อาจต้องเผชิญกับราคาสินค้าเทคโนโลยีที่สูงขึ้นในระยะยาว
    การอัปเกรดคอมพิวเตอร์หรือซื้ออุปกรณ์ใหม่อาจต้องวางแผนล่วงหน้า

    คำเตือนสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
    ต้นทุนการผลิตที่ใช้หน่วยความจำอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
    ควรพิจารณาการจัดซื้อหรือสต็อกสินค้าให้เหมาะสมกับแนวโน้มตลาด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-surge-171-percent-year-over-year-ai-demand-drives-a-higher-yoy-price-increase-than-gold
    🧠💰 "สงครามชิป AI ดันราคา DRAM พุ่งทะลุฟ้า แซงราคาทองคำ!" ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะอัปเกรดคอมพิวเตอร์ แต่ราคาหน่วยความจำ (RAM) กลับพุ่งสูงจนต้องคิดหนัก… นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2025 นี้ เมื่อความต้องการชิปหน่วยความจำจากอุตสาหกรรม AI พุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้ราคา DRAM เพิ่มขึ้นถึง 171.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว — มากกว่าการขึ้นราคาของทองคำเสียอีก! บริษัทผู้ผลิตหน่วยความจำกำลังหันไปเน้นผลิตชิปสำหรับศูนย์ข้อมูล AI เช่น RDIMM และ HBM แทนที่จะผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาพุ่งสูงในตลาดค้าปลีก เช่น Corsair Vengeance DDR5 ที่เคยขายในราคา $91 ตอนเดือนกรกฎาคม ตอนนี้พุ่งไปถึง $183 แล้ว! นอกจาก DRAM แล้ว NAND Flash และฮาร์ดไดรฟ์ก็โดนผลกระทบเช่นกัน เพราะบริษัท AI รายใหญ่แห่กันเซ็นสัญญาซื้อชิปกับ Samsung และ SK Hynix ล่วงหน้าเป็นเวลานานถึง 4 ปี ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ✅ ราคาหน่วยความจำ DRAM พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ➡️ เพิ่มขึ้นถึง 171.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ➡️ สูงกว่าการขึ้นราคาของทองคำในช่วงเวลาเดียวกัน ✅ ความต้องการจากอุตสาหกรรม AI เป็นตัวเร่ง ➡️ ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการหน่วยความจำความเร็วสูง เช่น RDIMM และ HBM ➡️ ผู้ผลิตจึงลดการผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาหน่วยความจำ DDR5 ในตลาดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเท่าตัว ➡️ ตัวอย่างเช่น Corsair Vengeance DDR5 ขึ้นจาก $91 เป็น $183 ✅ แนวโน้มระยะยาว ➡️ ผู้ผลิตเซ็นสัญญาซื้อ DRAM ล่วงหน้ากับ Samsung และ SK Hynix นานถึง 4 ปี ➡️ ราคาสินค้าดิจิทัล เช่น สมาร์ทโฟน และพีซี อาจปรับตัวสูงขึ้นตาม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ⛔ อาจต้องเผชิญกับราคาสินค้าเทคโนโลยีที่สูงขึ้นในระยะยาว ⛔ การอัปเกรดคอมพิวเตอร์หรือซื้ออุปกรณ์ใหม่อาจต้องวางแผนล่วงหน้า ‼️ คำเตือนสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ⛔ ต้นทุนการผลิตที่ใช้หน่วยความจำอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ⛔ ควรพิจารณาการจัดซื้อหรือสต็อกสินค้าให้เหมาะสมกับแนวโน้มตลาด https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-surge-171-percent-year-over-year-ai-demand-drives-a-higher-yoy-price-increase-than-gold
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • จับตาผู้ค้าขึ้นราคา คนละครึ่ง?? (21/10/68)

    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #คนละครึ่ง #เศรษฐกิจไทย #ราคาสินค้า #ผู้ประกอบการ #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    จับตาผู้ค้าขึ้นราคา คนละครึ่ง?? (21/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #คนละครึ่ง #เศรษฐกิจไทย #ราคาสินค้า #ผู้ประกอบการ #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 0 Reviews
  • ต่อลมหายใจ ผู้ค้า-ผู้บริโภค : [Biz Talk]
    ‘คนละครึ่ง พลัส’ กระแสตอบรับดี ทั้งผู้ค้า,ประชาชน / ส.อ.ท. เตือนควบคุมไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาส ขึ้นราคาสินค้า&บริการเกินควร /แนะหลังจบโครงการ ควรต่อยอดกระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง ช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก กระจายเม็ดเงินลงชุมชน ถึงรากหญ้า ที่กำลังเจ็บหนัก เปรียบ ‘แค่วางมือเบาๆ บนบ่า น้ำตาก็ไหล’
    ต่อลมหายใจ ผู้ค้า-ผู้บริโภค : [Biz Talk] ‘คนละครึ่ง พลัส’ กระแสตอบรับดี ทั้งผู้ค้า,ประชาชน / ส.อ.ท. เตือนควบคุมไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาส ขึ้นราคาสินค้า&บริการเกินควร /แนะหลังจบโครงการ ควรต่อยอดกระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง ช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก กระจายเม็ดเงินลงชุมชน ถึงรากหญ้า ที่กำลังเจ็บหนัก เปรียบ ‘แค่วางมือเบาๆ บนบ่า น้ำตาก็ไหล’
    0 Comments 0 Shares 343 Views 0 0 Reviews
  • “รศ.ดร.อัทธ์” ชี้ กัมพูชาเจอ 4 รุม 1 “ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้” ย้ายฐานการผลิต “ไทย”ปิดด่าน ทำเขมรตกงาน ขาดรายได้ ขณะที่ราคาสินค้าพุ่งกระฉูด ซ้ำโดน “สหรัฐฯ-โสมขาว” เล่นงานแก๊งสแกมเมอร์ สกัดธุรกิจฟอกเงิน ส่งผลภาพลักษณ์กัมพูชาฉาวโฉ่ทั่วโลก นักท่องเที่ยวหดหาย ระบุ “ฮุน เซน”เริ่มเสื่อมอำนาจ เศรษฐกิจเขมรใกล้ล่มสลาย ชาวบ้านที่อดอยากอาจลุกฮือ ขับไล่“ตระกูลฮุน” นำไปสู่สงครามการเมือง เชื่อ กองกำลัง BHQ ก็เอาไม่อยู่ สุดท้ายอำนาจอาจเปลี่ยนไปอยู่ในมือของ “พล.อ.เตีย บัญ”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000099096

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    “รศ.ดร.อัทธ์” ชี้ กัมพูชาเจอ 4 รุม 1 “ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้” ย้ายฐานการผลิต “ไทย”ปิดด่าน ทำเขมรตกงาน ขาดรายได้ ขณะที่ราคาสินค้าพุ่งกระฉูด ซ้ำโดน “สหรัฐฯ-โสมขาว” เล่นงานแก๊งสแกมเมอร์ สกัดธุรกิจฟอกเงิน ส่งผลภาพลักษณ์กัมพูชาฉาวโฉ่ทั่วโลก นักท่องเที่ยวหดหาย ระบุ “ฮุน เซน”เริ่มเสื่อมอำนาจ เศรษฐกิจเขมรใกล้ล่มสลาย ชาวบ้านที่อดอยากอาจลุกฮือ ขับไล่“ตระกูลฮุน” นำไปสู่สงครามการเมือง เชื่อ กองกำลัง BHQ ก็เอาไม่อยู่ สุดท้ายอำนาจอาจเปลี่ยนไปอยู่ในมือของ “พล.อ.เตีย บัญ” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000099096 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 572 Views 0 Reviews
  • “MediaTek Dimensity 9500 สอนบทเรียนให้ Google” — เมื่อชิป SoC ราคาประหยัดกลับแซง Tensor G5 แบบไม่ไว้หน้า

    MediaTek สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการสมาร์ตโฟนด้วยชิป Dimensity 9500 ที่สามารถเอาชนะ Tensor G5 ของ Google ได้ในหลายการทดสอบ benchmark โดยใช้เทคโนโลยี ARM แบบทั่วไป ไม่ต้องพึ่งการออกแบบเฉพาะตัวเหมือนที่ Google ทำ

    Dimensity 9500 มาพร้อม CPU แบบ 8 คอร์ที่ใช้ ARM C1 รุ่นล่าสุด โดยมีคอร์ Ultra ที่แรงถึง 4.21GHz และ GPU Mali-G1 Ultra MC12 ที่รองรับ ray-tracing และเล่นเกมได้ลื่นถึง 120fps ในขณะที่ Tensor G5 ใช้ Cortex-X4 ที่เก่ากว่า และ GPU จาก Imagination ที่ไม่มี ray-tracing เลย

    ด้าน AI Dimensity 9500 ใช้ NPU 990 ส่วน Tensor G5 ใช้ TPU ที่ออกแบบเอง แต่กลับมีปัญหาเรื่องความร้อนและ throttling เมื่อเจองานหนัก โดยเฉพาะใน Pixel 10 รุ่นพื้นฐานที่ไม่มี vapor chamber สำหรับระบายความร้อน

    ที่น่าตกใจคือราคาของ Dimensity 9500 อยู่ที่ประมาณ $180–$200 ในขณะที่ Google ตั้งเป้าราคาชิป Tensor G5 ไว้เพียง $65 แต่กลับขาย Pixel 10 ที่ใช้ชิปนี้ในราคาเท่ากับ iPhone 17 คือ $799 โดยไม่มีการลดราคาแม้จะรู้ว่าชิปมีข้อจำกัด

    บทความชี้ว่า Google ควรเรียนรู้จาก MediaTek ในการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ต้องลดต้นทุนจนกระทบต่อคุณภาพ และไม่ควรตั้งราคาสินค้าระดับพรีเมียมหากประสิทธิภาพยังไม่ถึงระดับนั้น

    ข้อมูลในข่าว
    Dimensity 9500 เอาชนะ Tensor G5 ในหลายการทดสอบ benchmark
    ใช้ ARM C1 รุ่นล่าสุดและ GPU Mali-G1 Ultra MC12 ที่รองรับ ray-tracing
    Tensor G5 ใช้ Cortex-X4 ที่เก่ากว่า และ GPU ที่ไม่มี ray-tracing
    Dimensity 9500 ใช้ NPU 990 ส่วน Tensor G5 ใช้ TPU ที่ออกแบบเอง
    Pixel 10 รุ่นพื้นฐานไม่มี vapor chamber ทำให้เกิดความร้อนและ throttling
    Dimensity 9500 มีราคาประมาณ $180–$200 ส่วน Tensor G5 ตั้งเป้าไว้ที่ $65
    Pixel 10 ขายราคาเท่ากับ iPhone 17 โดยไม่มีการลดราคา

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การลดต้นทุนชิปอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความร้อนของอุปกรณ์
    การตั้งราคาสูงโดยไม่รองรับประสิทธิภาพระดับพรีเมียม อาจทำให้ผู้บริโภคไม่พอใจ
    การไม่ใส่ vapor chamber ในรุ่นพื้นฐาน อาจทำให้เครื่องร้อนและประสิทธิภาพลดลง
    การใช้ GPU ที่ไม่มี ray-tracing อาจลดคุณภาพการเล่นเกมและกราฟิก

    https://wccftech.com/mediatek-dimensity-9500-shows-google-tensor-g5-the-way/
    📱 “MediaTek Dimensity 9500 สอนบทเรียนให้ Google” — เมื่อชิป SoC ราคาประหยัดกลับแซง Tensor G5 แบบไม่ไว้หน้า MediaTek สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการสมาร์ตโฟนด้วยชิป Dimensity 9500 ที่สามารถเอาชนะ Tensor G5 ของ Google ได้ในหลายการทดสอบ benchmark โดยใช้เทคโนโลยี ARM แบบทั่วไป ไม่ต้องพึ่งการออกแบบเฉพาะตัวเหมือนที่ Google ทำ Dimensity 9500 มาพร้อม CPU แบบ 8 คอร์ที่ใช้ ARM C1 รุ่นล่าสุด โดยมีคอร์ Ultra ที่แรงถึง 4.21GHz และ GPU Mali-G1 Ultra MC12 ที่รองรับ ray-tracing และเล่นเกมได้ลื่นถึง 120fps ในขณะที่ Tensor G5 ใช้ Cortex-X4 ที่เก่ากว่า และ GPU จาก Imagination ที่ไม่มี ray-tracing เลย ด้าน AI Dimensity 9500 ใช้ NPU 990 ส่วน Tensor G5 ใช้ TPU ที่ออกแบบเอง แต่กลับมีปัญหาเรื่องความร้อนและ throttling เมื่อเจองานหนัก โดยเฉพาะใน Pixel 10 รุ่นพื้นฐานที่ไม่มี vapor chamber สำหรับระบายความร้อน ที่น่าตกใจคือราคาของ Dimensity 9500 อยู่ที่ประมาณ $180–$200 ในขณะที่ Google ตั้งเป้าราคาชิป Tensor G5 ไว้เพียง $65 แต่กลับขาย Pixel 10 ที่ใช้ชิปนี้ในราคาเท่ากับ iPhone 17 คือ $799 โดยไม่มีการลดราคาแม้จะรู้ว่าชิปมีข้อจำกัด บทความชี้ว่า Google ควรเรียนรู้จาก MediaTek ในการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ต้องลดต้นทุนจนกระทบต่อคุณภาพ และไม่ควรตั้งราคาสินค้าระดับพรีเมียมหากประสิทธิภาพยังไม่ถึงระดับนั้น ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Dimensity 9500 เอาชนะ Tensor G5 ในหลายการทดสอบ benchmark ➡️ ใช้ ARM C1 รุ่นล่าสุดและ GPU Mali-G1 Ultra MC12 ที่รองรับ ray-tracing ➡️ Tensor G5 ใช้ Cortex-X4 ที่เก่ากว่า และ GPU ที่ไม่มี ray-tracing ➡️ Dimensity 9500 ใช้ NPU 990 ส่วน Tensor G5 ใช้ TPU ที่ออกแบบเอง ➡️ Pixel 10 รุ่นพื้นฐานไม่มี vapor chamber ทำให้เกิดความร้อนและ throttling ➡️ Dimensity 9500 มีราคาประมาณ $180–$200 ส่วน Tensor G5 ตั้งเป้าไว้ที่ $65 ➡️ Pixel 10 ขายราคาเท่ากับ iPhone 17 โดยไม่มีการลดราคา ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การลดต้นทุนชิปอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความร้อนของอุปกรณ์ ⛔ การตั้งราคาสูงโดยไม่รองรับประสิทธิภาพระดับพรีเมียม อาจทำให้ผู้บริโภคไม่พอใจ ⛔ การไม่ใส่ vapor chamber ในรุ่นพื้นฐาน อาจทำให้เครื่องร้อนและประสิทธิภาพลดลง ⛔ การใช้ GPU ที่ไม่มี ray-tracing อาจลดคุณภาพการเล่นเกมและกราฟิก https://wccftech.com/mediatek-dimensity-9500-shows-google-tensor-g5-the-way/
    WCCFTECH.COM
    MediaTek Dimensity 9500 Shows Google's Tensor G5 The Way
    Google is charging Apple-level prices for the Tensor G5, a silicon that shows a proclivity for heating up and throttle.
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews

  • จัดการเขมรง่ายนิดเดียว,คว่ำบาตรทันทีเลย,เขมรยิงไทยก่อน1,เขมรคืออาชญากรรมสงครามเจตนาสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์เราชัดเจนคือปั้มน้ำมัน7/11ที่มิใช้แนวรบแนวปะทะ1,อาศัยสิ่งนี้นายกฯไทยมีสิทธิชอบธรรมบุกทำลายศัตรูแบบฮุนเซนฮุนมาเนตจับมาลงโทษทันทีที่สั่งการก่ออาชญากรรมสงครามกับไทย,ฮุนเซนและฮุนมาเนตต้องถูกทหารไทยเข้าจับกุมมาลงโทษทันทีไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆได้อีก จนเขมรนำโดยฮุนเซยฮุนมาเนตจะสิ้นศักยภาพสิ้นสภาพเป็นภัยรุกรานประเทศไทย มิสามารถเป็นอื่นใดๆได้ กองทัพไทยต้องบุกยึดกรุงพนมเปญทันทีเพื่อจับกุมฮุนเซนและฮุนมาเนตมาลงโทษให้ได้ที่มากระทำการก่อสงครามสร้างอาชญากรรมสงครามทำร้ายทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์เราถือว่ามิสมควรเป็นผู้นำที่ดีต่อประเทศติดชิดกันหมายทำลายทำร้ายประเทศชิดติดกันชัดเจน,นายกฯปัจจุบันของไทยเราต้องสายฝีมือตนด้านนี้ทันทีเพื่อจบวิกฤติภัยอธิปไตยของชาติไทยมิให้ส่งต่อภัยชั่วร้ายนี้ไปถึงรุ่นๆต่อไปของประชาชนคนไทยเรา,หากทำไม่ได้ก็ออกๆไปสะให้ นายกฯคนที่ชูนโยบายกำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตที่ก่ออาชญากรรมสงครามหมายสังหารประชาชนคนไทยเรามาทำหน้าที่กำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตให้ชัดเจนจะดีกว่ามาก.

    ..นายกฯไทยถ้ากาก กระจอก ต้องถอยและถอนตัว ลาออกและยุบสภาออกมาเถอะ อย่าถ่วงความปลอดภัยประชาชนคนไทย อย่าถ่วงการกำจัดภัยร้ายแรงของชาติไทย อย่าถ่วงยุทธการยุทธวิถีกำจัดภัยศัตรูของชาติไทยตนเองอีกเลย,ประเทศไทยต้องเด็ดขาดในสิ่งที่เด็ดขาดเสียที,เลอะเทอะมากพอในหมู่ราชการไทยที่คตโกงและทุจริตมากพอแล้วกับนักการเมืองนี้ตลอดเรื่อยมาจนเห็นเด่นชัดเจนแล้วในปัจจุบัน,ผู้นำผู้ปกครองหรือนายกฯปัจจุบันไม่ยกเลิกmou43,44,tor46,ไม่ประกาศอย่างเป็นทางการให้ชัดเจนว่าประเทศไทยยอมรับแค่เสาปักหมุดที่ตกลงกันจบแล้วตั้งแต่สมัยร.5กับฝรั่งเศสเท่านั้นในทั้ง73เสาหลักและ1เสาย่อย รวมกับเขตสันปันน้ำด้วย,ให้mou43ที่อ้างเอา1:200,000เขตแดนนี้เพื่อลากเข้ามายึดกินพื้นที่ไทยดินแดนไทยเราเพิ่มมากขึ้นนั้น ให้mou43,44นี้ตกไปโมฆะไปทั้งหมดทันทีมิให้มีผลบังคับไทยได้ต่อไปอีก, ยกเลิกและโมฆะอัตโนมัติทั้งหมดทันทีในmou43,44,และtor46นั้นเองย้ำ,นี้นายกฯมาใหม่ต้องเจตนาชัดเจนแสดงจุดยืนแบบนี้.,นักการเมืองไทยต้องการจะมาทำงานเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชนต้องแบบนี้,นักการเมืองปัจจุบันไม่มีอุดมการณ์แบบนี้จริงแล้ว,สมควรยุบตัว เว้นวรรค พักงานทัังระบบจริงๆในเวลานี้ ล้างกระดานใหม่ทั้งหมดก่อน,นายกฯพระราชทานต้องมาก่อน และมาทำเพื่อชาติไทยเพื่อประชาชนไทยจริง มาเพื่อกำจัดศัตรูภัยคุกคามรุกรานมาก่ออาชญากรรมทางสงครามใส่ไทยเราด้วยคือสิ่งแรกที่ต้องทำ,เขมรและประชาชนเขมรตอนนี้มิอาจไว้ใจได้,เขมรในไทยทั้งหมดต้องถูกส่งไปประเทศอื่นที่มิใช่ประเทศไทยก่อน,ใครชาติใดที่เข้าข้างเขมร เห็นใจเขมร เราจะส่งคนเขมรในไทยไปให้ชาตินัันๆให้ดูแลมันคนเขมรกันเองก่อน ไทยของบาย,คนเขมรที่แอบลักลอบเข้าไทยทั้งหมดจะถูกจับกุมและติดคุกทันทีหรือถูกส่งไปอยู่เกาะใดเกาะหนึ่งคุกเกาะทันทีจนกว่าชาติที่สนับสนุนเขมรเข้าข้างเขมรจะมารับไปเลี้ยงดูจ้างเป็นแรงงานต่อไป,ไทยไม่รับหรือส่งกลับไปตายกันเองที่ประเทศเขมรมัน.,เขมร คนเขมรไว้ใจไม่ได้คือหลักพิจารณาตั้งธงไว้ก่อน,คนไทยต้องปลอดภัยก่อน.เราถูกยิงระเบิด เราตายบนแผ่นดินไทยที่เขมรยิงเราก่อนโดยอยู่นอกแนวปะทะการรบชัดเจน,เขมรมีเจตนาสังหารฆ่าคนไทยชัดเจน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องถูกกำจัด,แต่นายกฯไทยในปัจจุบันไม่มีท่าทีกำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตจริงเลย,น่าผิดหวังมาก,สมควรลาออกไปหรือยุบสภาเสีย, พรรคไหนชูนโยบายไล่ล่ากำจัดอาชญากรสงครามและอาชญากรรมสงครามกับประเทศไทยคือฮุนเซนฮุนมาเนต จะเลือกทันที,รวมทั้งยกเลิกmou43,44,tor46ด้วยจะเลือกมาเป็นนายกใหม่ทันที,
    ..
    ..นายกฯปัจจุบันหรือใครเข้ามาเป็น ต้องจำใส่สมองตลอดเวลาว่า เขมรนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตต้องถูกจัดอย่างเดียว,ไม่สามารถมานั่งเจรจาต่อรองใดๆได้อีก,มันคือตัวภัยความมั่นคงไทย จะทำลายไทยชัดเจน.,มันสั่งยิงจรวดสั่งยิงระเบิดใส่คนไทยให้ตายจริงชัดเจน ,ประชาชนเราคือผู้บริสุทธิ์แท้ที่ใช้ชีวิตประจำวันปกตินอกแนวปะทะแนวรบ,ฮุนเซนฮุนมาเนตมิอาจหนีความผิดครั้งนี้ได้ ต้องตายสถานเดียว,รัฐบาลปัจจุบันทำไม่ได้ก็ออกไปสะ อย่าถ่วงคนทำได้ มากำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตได้จริง อย่ามาถ่วงเวลาถ่วงสาระพัดเรื่อง,ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. นี้คือการถ่วงเวลาชัดเจน,บ้านหนองจานเอย ตราดเอย จันทบุรีเอย สระแก้วเอย ถ่วงเวลาชัดเจนที่นำโดยรัฐบาล4เดือนนี้,จะมารักษาการอีก บัดสบมาก,พอกันทีกับนักการเมืองลักษณะนี้ ชาติไทยบรรลัยนี้กับสถานการณ์ยุคอนาคตหากสมองปัญญาและความคิดตนยังปลดแอกจากอำนาจมืดฝ่ายเลวที่สั่งการตนอยู่ไม่ได้,การบริหารชาติ บริหารบ้านเมืองจะถูกครอบงำไปทางไม่ดีต่อไปอีกบนยุคสมัยใหม่ที่ไม่ทันเกมส์หมากมัน คนไทยเราเองจะซวยทั้งประเทศ ปกติสุขจะสิ้นพบเห็น,เพียงสถานการณ์แค่เขมรยังไม่มีปัญญาจัดการได้ เรามีผู้ปกครองที่กาก กระจอก ไร้ฝีมือ มือไม่ถือ ห่วยแตกมากและระยำจัญไรมานาน โดยเฉพาะไอ้สาระเลวหน้าหล่อไปทำmouเป็นสนธิสัญากับUN นี้บ่งบอกชัดเจนว่านายกฯในอดีตๆเราชั่วเลวทั้งโดยสันดานและถูกควบคุมครอบงำจากอำนาจมืดโลกสากลปกครองเราทางลับผ่านนายกฯคนไทยเรา ให้ทำสิ่งที่เลวชั่วแบบยกสัมปทานบ่อน้ำมันให้ต่างชาติให้ถูกกฎหมายไทยตนเองเพื่อหลบตาประชาชนให้ชอบธรรม ไม่ปล้นชิงอย่างเปิดเผยเหมือนในอดีต,สาระพัดกฎหมายมากมายในไทยล้วนพวกเดอะแก๊งสาระเลวนี้เขียนผ่านออกมาเพื่อกดขี่ประชาชนคนไทย,ใช้บังคับปนะชาชนคนไทยให้ต้องปฏิบัติตามที่มันออกกฎออกกติกาเงื่อนไข,ทำง่ายมาก เขียนกฎหมายง่ายมากในหมู่พวกมันไม่กี่คน,แต่พอตอนจะยกเลิก สาระพัดให้มีความยุ่งยาก,แบบmou43,44มุกเดียวกัน มันเวลาทำการเสือกไม่เอาเข้าสภา ทำกันในหมู่คณะมันเอง คณะครม.ก็ทำเอง คณะกระทรวงทบวงกรมข้าราชการต่างๆก็เขียนเองทำเองออกกฎกติกาเองไม่มีมติจะประชาชนลงมติรับรู้เห็นด้วยห่าอะไร กูเขียนกูออกกฎหมายมามรึงประชาชนต้องทำตามอย่างเดียว,นี้คือระบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ผ่านระบบกฎหมายในระบอบอ้างว่าประชาธิปไตยบังหน้าของระบอบฝรั่งส่งออกให้เรามาใช้ระบอบห่าเหวฝรั่งนี้ปกครอง.

    ..ฝรั่งเศสแท้ๆพยายามมาตลอดทุกๆยุคสมัยเพื่อยึดประเทศไทยเรา ยึดไม่ได้ มันก็ยึดด้วยให้ไทยใช้ระบอบปกครองแบบมัน มันฝรั่งเศสที่ใช้จริง เสมือนมรึงไทยจะตกเป็นเมืองขึ้นทางอ้อมนั้นเอง,จากนั้นก็ยึดเนียนๆแบบส่งฝรั่งอื่นๆแบบฝรั่งอเมริกา ฝรั่งชาติอื่นๆมายึดปล้นชิงสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายของไทยไว้ รวบรวมเก็บแดกเองใส่มันพวกฝรั่งให้มากผูกขาดให้มาก แบบผูกขาดน้ำมันในไทย มันยึดผ่านกฎหมายปิโตรเลียมมันที่พาคนไทยหน้าโง่ทรยศหักหลังคนไทยด้วยกันเองพากันเขียนเองเออเอง จนยึดบ่อน้ำมันผูกขาดสัมปทานจนสิ้นทุกๆหลุดน้ำมัน,ซวยคือคนไทยซื้อน้ำมันแบบราคาอิหร่านลิตรละ1-2บาทไม่ได้จะเบนซินหรือดีเชลในอิหร่านก็ไม่เกินลิตระละ1-2บาทที่ไม่มีการผสมเอทานอลใดๆเลย,แต่ไทย ที่เอกชนไทยสารเลวบวกต่างชาติชั่วระยำบัดสบที่ปล้นชิงยึดบ่อน้ำมันไทยผ่านกฎหมายไทยที่ฝรั่งมันเองพาเขียน ทำการขายน้ำมันให้คนไทยหนักสุด 2ลิตร100บาทแบบไม่ผสมเติมเอทานอลเลย,ปัจจุบันก็ยังแดกที่ลิตรละ30บาทต่ำสุดในปัจจุบันสูงสุดเกือบ40บาทหรือ45บาทตามอารมณ์คนท้องถิ่นรับไปขายในที่ห่างไกล,
    ..วิกฤตอะไรจะเกิดขึ้น ราคาน้ำมันไทยทแดกเงียบ,ไม่ยอมลดราคาด้วย,มันพยายามขึ้นราคามาตลอด ชัดเจนเริ่มก่อนยุค40 หลังยุค40ตัวพ่อ มันพยายามขึ้นราคาน้ำมันตลอด เพื่อทำให้ราคาขนส่งขึ้นไปด้วย มุกเพื่อให้ราคาสินค้านายทุนบริษัทกิจการทุนสามานย์ปรับราคาสินค้าอ้างต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าขนส่งโลจิสติกสูงขึ้นมันว่า ราคาข้าวของกูขอขึ้นเลยนะมันว่า ,จากนั้นล่ะ มันเริ่มรับลูกรับบทกันมาตลอด มรึงน้ำมันขึ้นสักพักนะ กูราคาข้าวของเรียกร้องขึ้รเลย แมร่งขึ้นมาตลอดจากยุค40 จนราคาค่าครองชีพค่าสินค้่บรรลัยบัดสบแพงขึ้นสูงขึ้นในปัจจุบัน,นี้คือวิธีทำลายชาติไทยจากวิถีชีวิตคนไทยในความเป็นอยู่ปัจจุบันชัดเจน บวกวิกฤติโลกยุโรปล้มอีก ชาติตะวันตกและยุโรปล่มสลายทางการเงินมากระทบเอเชียอาเชียนด้วยนั้นเองจึงเหี้ยให้เห็นจริงชัดในปัจจุบัน,และราคาน้ำมันเสือกไม่ลดราคาน้ำมันลงช่วยคนไทยภายในประเทศด้วยเพราะฝรั่งมันยึดบ่อน้ำมันไทย ,ฝรั่งในที่นี้ เหมารวมได้เลยว่าคือฝรั่งที่ปล้นแดนดินไทยในอดีตทั้งหมดล่ะ มันคือพวกเดียวกันหมดคือแยกบ้านกันเท่านั้นแต่มันเครือญาติกันหมด.,บ้านหลักไม่ปล้นชิงแย่งชิงไทยตรงๆก็อาศัยบ้านรองแบบอเมริกาหรือชาติอื่นมาปล้นแทน แต่แมร่งไปดูไส้ใน โคตรพ่อโคตรแมร่งเดอะแก็งเดียวกันหมด ปล้นชิงไทยเสร็จมันก็แอบแบ่งส่วนผลประโยชน์กำไรๆให้ๆกันไปเหมือนเดิมนั้นเอง.

    ..เขมรที่ปะทะยิงไทยให้เราตายก็ฝรั่งและชาติควายเลวระยำอยู่ร่วมในเบื้องหลังเขมรเนรคุณนี้ล่ะก็จะอยากได้ทรัพยากรมากมายบนเขตแดนที่1:200,000ที่เราเสียดินแดนถึง1:150,000นี้ล่ะ มันได้ทั้งบนบกและอ่าวไทยชัดเจน 10ล้านล้านบาทจริงๆอาจไม่ใช่ตัวเลขนี้ เขมรจึงร่วมกับฝรั่งและชาติอื่นๆสารเลวทางใต้ดินจะยึดครองแดนดินแผ่นดินไทยให้ได้ อาจมีกว่า1,000ล้านล้านบาทเลย 100ล้านล้านบาทอาจเล็กน้อยเท่านั้น.,ฝรั่งมันมีดาวเทียมสำรวจแร่ธาตุโดยเฉพาะ มันรู้หมดล่ะ แบบอเมริกาสำรวจบ่อน้ำมันเราและแร่ธาตุทั้งหมดในประเทศไทยเราสมันสงครามอินโดจีน อีสานมันสำรวจมากเป็นพิเศษเลยล่ะแต่ด้วยเทคโนโลยียังไปไม่ถึงมันจึงเว้นไว้ก่อน,แต่บ่อน้ำมันและแร่ธาตุอื่นๆมันเห็นหมดจึงรีบมายึดไทย จีนโรงงานแถวอีสานก็ผุดอย่างมากมาย,จีนนี้ก็เอาเปรียบไทยนะ,ลาวคือตย.,เวียดนามรู้ไส้รู้พุงจีนอย่างดี,ติดจีนขนาดนั้น,อดีตเราจีนแม้ผลประโยชน์มีจริงแต่สายสัมพันธ์ทางใจดีกว่ามากเมื่อเทียบปัจจุบัน ผลประโยชน์อาจมาก่อนสายสัมพันธ์ที่ดีๆกันไปแล้ว,คนจีนรุ่นปัจจุบันมันมองผลประโยชน์ต้องมาก่อน ลงทุนต้องเอากำไรคืนอย่างเดียว.,นักลงทุนจีนที่สันดานนิสัยเลวแย่ๆที่ออกมานอกประเทศจีนส่วนใหญ่จะมากและเป็นคนพวกนี้,คนดีๆจีนนิสัยดีๆออกมาลงทุนจริงนอกประเทศนั้นมาน้อย.,พวกโลภๆจีนโลภๆทั้งนั้นที่ออกมาลงทุนในประเทศไทยเรา ตย.ชัดเจน คือทัวร์ศูนย์เหรียญ โรงงานศูนย์เหรียญในไทยก็เป็นข่าวชัดเจนแล้ว,คนจีนสันดานจริงๆก็ชอบเอาเปรียบคนอื่นและเห็นแก่ตัวนี้ล่ะของจริง,ต่างจังหวัดคนในชนบทจะเห็นสันดานดิบคนจีนชัดเจนในอดีต,เพราะคนชนบทไทยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตากัน แบ่งกันกินกันใช้ ไม่ติดนิสัยโลภนัก มีธรรมะค้ำชูจิตใจคนในชุมชนสังคม คนจีนที่แสดงนิสัยสันดานดิบออกมาจึงเป็นที่ผิดปกติง่ายดาย.,แต่คนจีนดีๆก็มีจริงแต่ส่วนน้อย,
    ..คนไทยเรา ผู้นำไทยเรา ถ้าเราได้คนดีมาปกครองจริงๆตั้งแต่ต้น เราจะไม่มีสถานะแบบปัจจุบันนี้,เราจะร่ำรวยทั้งทางวัตถุธาตุนิยมคู่ขนานร่ำรวยทางจิตใจดีงามด้วยพร้อมๆกันไม่ยาก,ไม่เสื่อมเช่นในปัจจุบัน ยากจนดักดานมั่นคงด้วย บวกคนได้บัตรคนจนเพิ่มมากมายนั้นเองหากลงทะเบียนเพิ่มกันจริงๆ.
    ..
    #หยุดผู้นำกากมานำพาประเทศไทย
    #หยุดผู้นำขี้ขลาดมานำพาประเทศไทย
    #หยุดผู้นำไทยใจเขมรมานำประเทศไทย
    #หยุดนายกไทยใจหมามานำประเทศไทย


    https://youtu.be/BV3HAhljI3k?si=0sIBsws9xTVKWOXv

    จัดการเขมรง่ายนิดเดียว,คว่ำบาตรทันทีเลย,เขมรยิงไทยก่อน1,เขมรคืออาชญากรรมสงครามเจตนาสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์เราชัดเจนคือปั้มน้ำมัน7/11ที่มิใช้แนวรบแนวปะทะ1,อาศัยสิ่งนี้นายกฯไทยมีสิทธิชอบธรรมบุกทำลายศัตรูแบบฮุนเซนฮุนมาเนตจับมาลงโทษทันทีที่สั่งการก่ออาชญากรรมสงครามกับไทย,ฮุนเซนและฮุนมาเนตต้องถูกทหารไทยเข้าจับกุมมาลงโทษทันทีไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆได้อีก จนเขมรนำโดยฮุนเซยฮุนมาเนตจะสิ้นศักยภาพสิ้นสภาพเป็นภัยรุกรานประเทศไทย มิสามารถเป็นอื่นใดๆได้ กองทัพไทยต้องบุกยึดกรุงพนมเปญทันทีเพื่อจับกุมฮุนเซนและฮุนมาเนตมาลงโทษให้ได้ที่มากระทำการก่อสงครามสร้างอาชญากรรมสงครามทำร้ายทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์เราถือว่ามิสมควรเป็นผู้นำที่ดีต่อประเทศติดชิดกันหมายทำลายทำร้ายประเทศชิดติดกันชัดเจน,นายกฯปัจจุบันของไทยเราต้องสายฝีมือตนด้านนี้ทันทีเพื่อจบวิกฤติภัยอธิปไตยของชาติไทยมิให้ส่งต่อภัยชั่วร้ายนี้ไปถึงรุ่นๆต่อไปของประชาชนคนไทยเรา,หากทำไม่ได้ก็ออกๆไปสะให้ นายกฯคนที่ชูนโยบายกำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตที่ก่ออาชญากรรมสงครามหมายสังหารประชาชนคนไทยเรามาทำหน้าที่กำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตให้ชัดเจนจะดีกว่ามาก. ..นายกฯไทยถ้ากาก กระจอก ต้องถอยและถอนตัว ลาออกและยุบสภาออกมาเถอะ อย่าถ่วงความปลอดภัยประชาชนคนไทย อย่าถ่วงการกำจัดภัยร้ายแรงของชาติไทย อย่าถ่วงยุทธการยุทธวิถีกำจัดภัยศัตรูของชาติไทยตนเองอีกเลย,ประเทศไทยต้องเด็ดขาดในสิ่งที่เด็ดขาดเสียที,เลอะเทอะมากพอในหมู่ราชการไทยที่คตโกงและทุจริตมากพอแล้วกับนักการเมืองนี้ตลอดเรื่อยมาจนเห็นเด่นชัดเจนแล้วในปัจจุบัน,ผู้นำผู้ปกครองหรือนายกฯปัจจุบันไม่ยกเลิกmou43,44,tor46,ไม่ประกาศอย่างเป็นทางการให้ชัดเจนว่าประเทศไทยยอมรับแค่เสาปักหมุดที่ตกลงกันจบแล้วตั้งแต่สมัยร.5กับฝรั่งเศสเท่านั้นในทั้ง73เสาหลักและ1เสาย่อย รวมกับเขตสันปันน้ำด้วย,ให้mou43ที่อ้างเอา1:200,000เขตแดนนี้เพื่อลากเข้ามายึดกินพื้นที่ไทยดินแดนไทยเราเพิ่มมากขึ้นนั้น ให้mou43,44นี้ตกไปโมฆะไปทั้งหมดทันทีมิให้มีผลบังคับไทยได้ต่อไปอีก, ยกเลิกและโมฆะอัตโนมัติทั้งหมดทันทีในmou43,44,และtor46นั้นเองย้ำ,นี้นายกฯมาใหม่ต้องเจตนาชัดเจนแสดงจุดยืนแบบนี้.,นักการเมืองไทยต้องการจะมาทำงานเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชนต้องแบบนี้,นักการเมืองปัจจุบันไม่มีอุดมการณ์แบบนี้จริงแล้ว,สมควรยุบตัว เว้นวรรค พักงานทัังระบบจริงๆในเวลานี้ ล้างกระดานใหม่ทั้งหมดก่อน,นายกฯพระราชทานต้องมาก่อน และมาทำเพื่อชาติไทยเพื่อประชาชนไทยจริง มาเพื่อกำจัดศัตรูภัยคุกคามรุกรานมาก่ออาชญากรรมทางสงครามใส่ไทยเราด้วยคือสิ่งแรกที่ต้องทำ,เขมรและประชาชนเขมรตอนนี้มิอาจไว้ใจได้,เขมรในไทยทั้งหมดต้องถูกส่งไปประเทศอื่นที่มิใช่ประเทศไทยก่อน,ใครชาติใดที่เข้าข้างเขมร เห็นใจเขมร เราจะส่งคนเขมรในไทยไปให้ชาตินัันๆให้ดูแลมันคนเขมรกันเองก่อน ไทยของบาย,คนเขมรที่แอบลักลอบเข้าไทยทั้งหมดจะถูกจับกุมและติดคุกทันทีหรือถูกส่งไปอยู่เกาะใดเกาะหนึ่งคุกเกาะทันทีจนกว่าชาติที่สนับสนุนเขมรเข้าข้างเขมรจะมารับไปเลี้ยงดูจ้างเป็นแรงงานต่อไป,ไทยไม่รับหรือส่งกลับไปตายกันเองที่ประเทศเขมรมัน.,เขมร คนเขมรไว้ใจไม่ได้คือหลักพิจารณาตั้งธงไว้ก่อน,คนไทยต้องปลอดภัยก่อน.เราถูกยิงระเบิด เราตายบนแผ่นดินไทยที่เขมรยิงเราก่อนโดยอยู่นอกแนวปะทะการรบชัดเจน,เขมรมีเจตนาสังหารฆ่าคนไทยชัดเจน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องถูกกำจัด,แต่นายกฯไทยในปัจจุบันไม่มีท่าทีกำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตจริงเลย,น่าผิดหวังมาก,สมควรลาออกไปหรือยุบสภาเสีย, พรรคไหนชูนโยบายไล่ล่ากำจัดอาชญากรสงครามและอาชญากรรมสงครามกับประเทศไทยคือฮุนเซนฮุนมาเนต จะเลือกทันที,รวมทั้งยกเลิกmou43,44,tor46ด้วยจะเลือกมาเป็นนายกใหม่ทันที, .. ..นายกฯปัจจุบันหรือใครเข้ามาเป็น ต้องจำใส่สมองตลอดเวลาว่า เขมรนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตต้องถูกจัดอย่างเดียว,ไม่สามารถมานั่งเจรจาต่อรองใดๆได้อีก,มันคือตัวภัยความมั่นคงไทย จะทำลายไทยชัดเจน.,มันสั่งยิงจรวดสั่งยิงระเบิดใส่คนไทยให้ตายจริงชัดเจน ,ประชาชนเราคือผู้บริสุทธิ์แท้ที่ใช้ชีวิตประจำวันปกตินอกแนวปะทะแนวรบ,ฮุนเซนฮุนมาเนตมิอาจหนีความผิดครั้งนี้ได้ ต้องตายสถานเดียว,รัฐบาลปัจจุบันทำไม่ได้ก็ออกไปสะ อย่าถ่วงคนทำได้ มากำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตได้จริง อย่ามาถ่วงเวลาถ่วงสาระพัดเรื่อง,ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. นี้คือการถ่วงเวลาชัดเจน,บ้านหนองจานเอย ตราดเอย จันทบุรีเอย สระแก้วเอย ถ่วงเวลาชัดเจนที่นำโดยรัฐบาล4เดือนนี้,จะมารักษาการอีก บัดสบมาก,พอกันทีกับนักการเมืองลักษณะนี้ ชาติไทยบรรลัยนี้กับสถานการณ์ยุคอนาคตหากสมองปัญญาและความคิดตนยังปลดแอกจากอำนาจมืดฝ่ายเลวที่สั่งการตนอยู่ไม่ได้,การบริหารชาติ บริหารบ้านเมืองจะถูกครอบงำไปทางไม่ดีต่อไปอีกบนยุคสมัยใหม่ที่ไม่ทันเกมส์หมากมัน คนไทยเราเองจะซวยทั้งประเทศ ปกติสุขจะสิ้นพบเห็น,เพียงสถานการณ์แค่เขมรยังไม่มีปัญญาจัดการได้ เรามีผู้ปกครองที่กาก กระจอก ไร้ฝีมือ มือไม่ถือ ห่วยแตกมากและระยำจัญไรมานาน โดยเฉพาะไอ้สาระเลวหน้าหล่อไปทำmouเป็นสนธิสัญากับUN นี้บ่งบอกชัดเจนว่านายกฯในอดีตๆเราชั่วเลวทั้งโดยสันดานและถูกควบคุมครอบงำจากอำนาจมืดโลกสากลปกครองเราทางลับผ่านนายกฯคนไทยเรา ให้ทำสิ่งที่เลวชั่วแบบยกสัมปทานบ่อน้ำมันให้ต่างชาติให้ถูกกฎหมายไทยตนเองเพื่อหลบตาประชาชนให้ชอบธรรม ไม่ปล้นชิงอย่างเปิดเผยเหมือนในอดีต,สาระพัดกฎหมายมากมายในไทยล้วนพวกเดอะแก๊งสาระเลวนี้เขียนผ่านออกมาเพื่อกดขี่ประชาชนคนไทย,ใช้บังคับปนะชาชนคนไทยให้ต้องปฏิบัติตามที่มันออกกฎออกกติกาเงื่อนไข,ทำง่ายมาก เขียนกฎหมายง่ายมากในหมู่พวกมันไม่กี่คน,แต่พอตอนจะยกเลิก สาระพัดให้มีความยุ่งยาก,แบบmou43,44มุกเดียวกัน มันเวลาทำการเสือกไม่เอาเข้าสภา ทำกันในหมู่คณะมันเอง คณะครม.ก็ทำเอง คณะกระทรวงทบวงกรมข้าราชการต่างๆก็เขียนเองทำเองออกกฎกติกาเองไม่มีมติจะประชาชนลงมติรับรู้เห็นด้วยห่าอะไร กูเขียนกูออกกฎหมายมามรึงประชาชนต้องทำตามอย่างเดียว,นี้คือระบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ผ่านระบบกฎหมายในระบอบอ้างว่าประชาธิปไตยบังหน้าของระบอบฝรั่งส่งออกให้เรามาใช้ระบอบห่าเหวฝรั่งนี้ปกครอง. ..ฝรั่งเศสแท้ๆพยายามมาตลอดทุกๆยุคสมัยเพื่อยึดประเทศไทยเรา ยึดไม่ได้ มันก็ยึดด้วยให้ไทยใช้ระบอบปกครองแบบมัน มันฝรั่งเศสที่ใช้จริง เสมือนมรึงไทยจะตกเป็นเมืองขึ้นทางอ้อมนั้นเอง,จากนั้นก็ยึดเนียนๆแบบส่งฝรั่งอื่นๆแบบฝรั่งอเมริกา ฝรั่งชาติอื่นๆมายึดปล้นชิงสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายของไทยไว้ รวบรวมเก็บแดกเองใส่มันพวกฝรั่งให้มากผูกขาดให้มาก แบบผูกขาดน้ำมันในไทย มันยึดผ่านกฎหมายปิโตรเลียมมันที่พาคนไทยหน้าโง่ทรยศหักหลังคนไทยด้วยกันเองพากันเขียนเองเออเอง จนยึดบ่อน้ำมันผูกขาดสัมปทานจนสิ้นทุกๆหลุดน้ำมัน,ซวยคือคนไทยซื้อน้ำมันแบบราคาอิหร่านลิตรละ1-2บาทไม่ได้จะเบนซินหรือดีเชลในอิหร่านก็ไม่เกินลิตระละ1-2บาทที่ไม่มีการผสมเอทานอลใดๆเลย,แต่ไทย ที่เอกชนไทยสารเลวบวกต่างชาติชั่วระยำบัดสบที่ปล้นชิงยึดบ่อน้ำมันไทยผ่านกฎหมายไทยที่ฝรั่งมันเองพาเขียน ทำการขายน้ำมันให้คนไทยหนักสุด 2ลิตร100บาทแบบไม่ผสมเติมเอทานอลเลย,ปัจจุบันก็ยังแดกที่ลิตรละ30บาทต่ำสุดในปัจจุบันสูงสุดเกือบ40บาทหรือ45บาทตามอารมณ์คนท้องถิ่นรับไปขายในที่ห่างไกล, ..วิกฤตอะไรจะเกิดขึ้น ราคาน้ำมันไทยทแดกเงียบ,ไม่ยอมลดราคาด้วย,มันพยายามขึ้นราคามาตลอด ชัดเจนเริ่มก่อนยุค40 หลังยุค40ตัวพ่อ มันพยายามขึ้นราคาน้ำมันตลอด เพื่อทำให้ราคาขนส่งขึ้นไปด้วย มุกเพื่อให้ราคาสินค้านายทุนบริษัทกิจการทุนสามานย์ปรับราคาสินค้าอ้างต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าขนส่งโลจิสติกสูงขึ้นมันว่า ราคาข้าวของกูขอขึ้นเลยนะมันว่า ,จากนั้นล่ะ มันเริ่มรับลูกรับบทกันมาตลอด มรึงน้ำมันขึ้นสักพักนะ กูราคาข้าวของเรียกร้องขึ้รเลย แมร่งขึ้นมาตลอดจากยุค40 จนราคาค่าครองชีพค่าสินค้่บรรลัยบัดสบแพงขึ้นสูงขึ้นในปัจจุบัน,นี้คือวิธีทำลายชาติไทยจากวิถีชีวิตคนไทยในความเป็นอยู่ปัจจุบันชัดเจน บวกวิกฤติโลกยุโรปล้มอีก ชาติตะวันตกและยุโรปล่มสลายทางการเงินมากระทบเอเชียอาเชียนด้วยนั้นเองจึงเหี้ยให้เห็นจริงชัดในปัจจุบัน,และราคาน้ำมันเสือกไม่ลดราคาน้ำมันลงช่วยคนไทยภายในประเทศด้วยเพราะฝรั่งมันยึดบ่อน้ำมันไทย ,ฝรั่งในที่นี้ เหมารวมได้เลยว่าคือฝรั่งที่ปล้นแดนดินไทยในอดีตทั้งหมดล่ะ มันคือพวกเดียวกันหมดคือแยกบ้านกันเท่านั้นแต่มันเครือญาติกันหมด.,บ้านหลักไม่ปล้นชิงแย่งชิงไทยตรงๆก็อาศัยบ้านรองแบบอเมริกาหรือชาติอื่นมาปล้นแทน แต่แมร่งไปดูไส้ใน โคตรพ่อโคตรแมร่งเดอะแก็งเดียวกันหมด ปล้นชิงไทยเสร็จมันก็แอบแบ่งส่วนผลประโยชน์กำไรๆให้ๆกันไปเหมือนเดิมนั้นเอง. ..เขมรที่ปะทะยิงไทยให้เราตายก็ฝรั่งและชาติควายเลวระยำอยู่ร่วมในเบื้องหลังเขมรเนรคุณนี้ล่ะก็จะอยากได้ทรัพยากรมากมายบนเขตแดนที่1:200,000ที่เราเสียดินแดนถึง1:150,000นี้ล่ะ มันได้ทั้งบนบกและอ่าวไทยชัดเจน 10ล้านล้านบาทจริงๆอาจไม่ใช่ตัวเลขนี้ เขมรจึงร่วมกับฝรั่งและชาติอื่นๆสารเลวทางใต้ดินจะยึดครองแดนดินแผ่นดินไทยให้ได้ อาจมีกว่า1,000ล้านล้านบาทเลย 100ล้านล้านบาทอาจเล็กน้อยเท่านั้น.,ฝรั่งมันมีดาวเทียมสำรวจแร่ธาตุโดยเฉพาะ มันรู้หมดล่ะ แบบอเมริกาสำรวจบ่อน้ำมันเราและแร่ธาตุทั้งหมดในประเทศไทยเราสมันสงครามอินโดจีน อีสานมันสำรวจมากเป็นพิเศษเลยล่ะแต่ด้วยเทคโนโลยียังไปไม่ถึงมันจึงเว้นไว้ก่อน,แต่บ่อน้ำมันและแร่ธาตุอื่นๆมันเห็นหมดจึงรีบมายึดไทย จีนโรงงานแถวอีสานก็ผุดอย่างมากมาย,จีนนี้ก็เอาเปรียบไทยนะ,ลาวคือตย.,เวียดนามรู้ไส้รู้พุงจีนอย่างดี,ติดจีนขนาดนั้น,อดีตเราจีนแม้ผลประโยชน์มีจริงแต่สายสัมพันธ์ทางใจดีกว่ามากเมื่อเทียบปัจจุบัน ผลประโยชน์อาจมาก่อนสายสัมพันธ์ที่ดีๆกันไปแล้ว,คนจีนรุ่นปัจจุบันมันมองผลประโยชน์ต้องมาก่อน ลงทุนต้องเอากำไรคืนอย่างเดียว.,นักลงทุนจีนที่สันดานนิสัยเลวแย่ๆที่ออกมานอกประเทศจีนส่วนใหญ่จะมากและเป็นคนพวกนี้,คนดีๆจีนนิสัยดีๆออกมาลงทุนจริงนอกประเทศนั้นมาน้อย.,พวกโลภๆจีนโลภๆทั้งนั้นที่ออกมาลงทุนในประเทศไทยเรา ตย.ชัดเจน คือทัวร์ศูนย์เหรียญ โรงงานศูนย์เหรียญในไทยก็เป็นข่าวชัดเจนแล้ว,คนจีนสันดานจริงๆก็ชอบเอาเปรียบคนอื่นและเห็นแก่ตัวนี้ล่ะของจริง,ต่างจังหวัดคนในชนบทจะเห็นสันดานดิบคนจีนชัดเจนในอดีต,เพราะคนชนบทไทยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตากัน แบ่งกันกินกันใช้ ไม่ติดนิสัยโลภนัก มีธรรมะค้ำชูจิตใจคนในชุมชนสังคม คนจีนที่แสดงนิสัยสันดานดิบออกมาจึงเป็นที่ผิดปกติง่ายดาย.,แต่คนจีนดีๆก็มีจริงแต่ส่วนน้อย, ..คนไทยเรา ผู้นำไทยเรา ถ้าเราได้คนดีมาปกครองจริงๆตั้งแต่ต้น เราจะไม่มีสถานะแบบปัจจุบันนี้,เราจะร่ำรวยทั้งทางวัตถุธาตุนิยมคู่ขนานร่ำรวยทางจิตใจดีงามด้วยพร้อมๆกันไม่ยาก,ไม่เสื่อมเช่นในปัจจุบัน ยากจนดักดานมั่นคงด้วย บวกคนได้บัตรคนจนเพิ่มมากมายนั้นเองหากลงทะเบียนเพิ่มกันจริงๆ. .. #หยุดผู้นำกากมานำพาประเทศไทย #หยุดผู้นำขี้ขลาดมานำพาประเทศไทย #หยุดผู้นำไทยใจเขมรมานำประเทศไทย #หยุดนายกไทยใจหมามานำประเทศไทย https://youtu.be/BV3HAhljI3k?si=0sIBsws9xTVKWOXv
    0 Comments 0 Shares 1520 Views 0 Reviews
  • ทำไมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน ?
    ทำไมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน ?
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 0 Reviews
  • “TSMC เปิดราคาชิป 2nm — แพงขึ้นไม่มาก แต่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ที่ลูกค้าต้องรับมือ”

    หลังจากมีข่าวลือว่าชิป 2nm จาก TSMC จะมีราคาสูงกว่ารุ่น 3nm ถึง 50% ล่าสุดมีรายงานใหม่ระบุว่าราคาจริงของแผ่นเวเฟอร์ 2nm จะเพิ่มขึ้นเพียง 10–20% เท่านั้นเมื่อเทียบกับรุ่น 3nm อย่าง N3P และ N3E แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ TSMC กำลังปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm ให้สูงขึ้นด้วย ทำให้ช่องว่างระหว่างรุ่นดูแคบลง

    ราคาของเวเฟอร์ 2nm ยังคงอยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากสำหรับการผลิตชิปในระดับผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวเฟอร์ 3nm ที่เคยอยู่ที่ $25,000–$27,000 แต่กำลังถูกปรับขึ้นเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปยัง 2nm ดู “สมเหตุสมผล”

    Qualcomm และ MediaTek เป็นสองบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปใช้ N3P โดยต้องจ่ายเพิ่มถึง 16–24% สำหรับชิปรุ่นใหม่ เช่น Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ Dimensity 9500 ขณะที่ Qualcomm เตรียมย้ายไปใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ในปีหน้า

    แม้ราคาจะไม่พุ่งแรงอย่างที่คาด แต่ผลกระทบต่อราคาสินค้า เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ยังคงมีอยู่ เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะถูกผลักไปยังผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Gate-All-Around และ EUV ที่มีต้นทุนสูงมาก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ราคาของเวเฟอร์ 2nm อยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น
    เพิ่มขึ้นจากเวเฟอร์ 3nm เพียง 10–20% ไม่ใช่ 50% ตามข่าวลือ
    TSMC ปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm เช่น N3E และ N3P ให้สูงขึ้น
    Qualcomm และ MediaTek ได้รับผลกระทบจากราคาที่เพิ่มขึ้น
    Qualcomm เตรียมใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6
    ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเวเฟอร์
    การผลิตชิป 2nm ใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around และ EUV
    TSMC เริ่มผลิต 2nm ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gate-All-Around เป็นเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ที่ลดการรั่วไหลของกระแสไฟ
    EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) เป็นเทคนิคพิมพ์ลวดลายที่ใช้แสงความยาวคลื่นสั้น
    การผลิตเวเฟอร์ในสหรัฐฯ เช่นที่โรงงานใน Arizona มีต้นทุนสูงกว่าที่ไต้หวันถึง 20–30%
    Apple และ AMD เป็นลูกค้าหลักของ TSMC ที่เตรียมใช้ 2nm ในผลิตภัณฑ์ปี 2026
    Chiplet architecture ช่วยลดต้นทุนโดยใช้เวเฟอร์ขั้นสูงเฉพาะในส่วนสำคัญของชิป

    https://wccftech.com/tsmc-2nm-wafers-to-be-10-to-20-percent-more-expensive-than-3nm/
    💰 “TSMC เปิดราคาชิป 2nm — แพงขึ้นไม่มาก แต่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ที่ลูกค้าต้องรับมือ” หลังจากมีข่าวลือว่าชิป 2nm จาก TSMC จะมีราคาสูงกว่ารุ่น 3nm ถึง 50% ล่าสุดมีรายงานใหม่ระบุว่าราคาจริงของแผ่นเวเฟอร์ 2nm จะเพิ่มขึ้นเพียง 10–20% เท่านั้นเมื่อเทียบกับรุ่น 3nm อย่าง N3P และ N3E แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ TSMC กำลังปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm ให้สูงขึ้นด้วย ทำให้ช่องว่างระหว่างรุ่นดูแคบลง ราคาของเวเฟอร์ 2nm ยังคงอยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากสำหรับการผลิตชิปในระดับผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวเฟอร์ 3nm ที่เคยอยู่ที่ $25,000–$27,000 แต่กำลังถูกปรับขึ้นเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปยัง 2nm ดู “สมเหตุสมผล” Qualcomm และ MediaTek เป็นสองบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปใช้ N3P โดยต้องจ่ายเพิ่มถึง 16–24% สำหรับชิปรุ่นใหม่ เช่น Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ Dimensity 9500 ขณะที่ Qualcomm เตรียมย้ายไปใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ในปีหน้า แม้ราคาจะไม่พุ่งแรงอย่างที่คาด แต่ผลกระทบต่อราคาสินค้า เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ยังคงมีอยู่ เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะถูกผลักไปยังผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Gate-All-Around และ EUV ที่มีต้นทุนสูงมาก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ราคาของเวเฟอร์ 2nm อยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ➡️ เพิ่มขึ้นจากเวเฟอร์ 3nm เพียง 10–20% ไม่ใช่ 50% ตามข่าวลือ ➡️ TSMC ปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm เช่น N3E และ N3P ให้สูงขึ้น ➡️ Qualcomm และ MediaTek ได้รับผลกระทบจากราคาที่เพิ่มขึ้น ➡️ Qualcomm เตรียมใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ➡️ ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเวเฟอร์ ➡️ การผลิตชิป 2nm ใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around และ EUV ➡️ TSMC เริ่มผลิต 2nm ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gate-All-Around เป็นเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ที่ลดการรั่วไหลของกระแสไฟ ➡️ EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) เป็นเทคนิคพิมพ์ลวดลายที่ใช้แสงความยาวคลื่นสั้น ➡️ การผลิตเวเฟอร์ในสหรัฐฯ เช่นที่โรงงานใน Arizona มีต้นทุนสูงกว่าที่ไต้หวันถึง 20–30% ➡️ Apple และ AMD เป็นลูกค้าหลักของ TSMC ที่เตรียมใช้ 2nm ในผลิตภัณฑ์ปี 2026 ➡️ Chiplet architecture ช่วยลดต้นทุนโดยใช้เวเฟอร์ขั้นสูงเฉพาะในส่วนสำคัญของชิป https://wccftech.com/tsmc-2nm-wafers-to-be-10-to-20-percent-more-expensive-than-3nm/
    WCCFTECH.COM
    TSMC’s 2nm Customers Can Take A Breather; Wafers Reportedly Only 10-20 Percent More Expensive Than 3nm But There Is A Catch
    A new report states that instead of TSMC’s 2nm wafers being 50 percent more expensive than 3nm, they will be between 10-20 percent pricier
    0 Comments 0 Shares 359 Views 0 Reviews
  • “สหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิป 1:1 — ผลิตในประเทศเท่ากับนำเข้า ใครไม่ทำ...เจอภาษี 100%”

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมออกมาตรการใหม่เพื่อผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ โดยกำหนดให้บริษัทที่นำเข้าชิปจากต่างประเทศ ต้องผลิตชิปในสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่เท่ากันแบบ “1:1” หากไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้ในระยะยาว จะต้องจ่ายภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 100%

    มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยรัฐบาลสหรัฐฯ หวังว่าการบังคับใช้สัดส่วน 1:1 จะทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องสร้างโรงงานผลิตในประเทศ หรืออย่างน้อยก็มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน

    บริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ เช่น Apple, Nvidia, TSMC และ Samsung จะได้รับการยกเว้นภาษี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการผลิตในประเทศหรือมีแผนการลงทุนระยะยาวที่เป็นรูปธรรม โดย Apple ได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานและศูนย์ฝึกอบรมในหลายรัฐของสหรัฐฯ

    อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเทคโนโลยีในระยะสั้น เนื่องจากบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ จะต้องจ่ายภาษีเพิ่ม ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อผู้บริโภคโดยตรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิปแบบ 1:1 ระหว่างผลิตในประเทศและนำเข้า
    บริษัทที่ไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้จะต้องจ่ายภาษีนำเข้า 100%
    มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ
    Apple ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานในสหรัฐฯ
    บริษัทที่มีแผนการผลิตในประเทศจะได้รับการยกเว้นภาษี
    มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดการพึ่งพาจีนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    TSMC, Nvidia, Samsung และ SK Hynix เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ แล้ว
    มาตรการนี้จะส่งผลต่อบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    สหรัฐฯ เคยมีสัดส่วนการผลิตชิปสูงในอดีต แต่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
    TSMC ผลิตชิปมากกว่า 50% ของโลก และกำลังสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนา
    การผลิตชิปต้องใช้เวลาและเงินลงทุนสูง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและแรงงาน
    มาตรการนี้อาจกระตุ้นการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
    การตั้งโรงงานผลิตในประเทศช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/us-plans-to-mandate-a-11-ratio-of-domestically-manufactured-to-imported-chips-wsj-reports
    🇺🇸 “สหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิป 1:1 — ผลิตในประเทศเท่ากับนำเข้า ใครไม่ทำ...เจอภาษี 100%” รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมออกมาตรการใหม่เพื่อผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ โดยกำหนดให้บริษัทที่นำเข้าชิปจากต่างประเทศ ต้องผลิตชิปในสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่เท่ากันแบบ “1:1” หากไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้ในระยะยาว จะต้องจ่ายภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 100% มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยรัฐบาลสหรัฐฯ หวังว่าการบังคับใช้สัดส่วน 1:1 จะทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องสร้างโรงงานผลิตในประเทศ หรืออย่างน้อยก็มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน บริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ เช่น Apple, Nvidia, TSMC และ Samsung จะได้รับการยกเว้นภาษี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการผลิตในประเทศหรือมีแผนการลงทุนระยะยาวที่เป็นรูปธรรม โดย Apple ได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานและศูนย์ฝึกอบรมในหลายรัฐของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเทคโนโลยีในระยะสั้น เนื่องจากบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ จะต้องจ่ายภาษีเพิ่ม ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อผู้บริโภคโดยตรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิปแบบ 1:1 ระหว่างผลิตในประเทศและนำเข้า ➡️ บริษัทที่ไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้จะต้องจ่ายภาษีนำเข้า 100% ➡️ มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ ➡️ Apple ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานในสหรัฐฯ ➡️ บริษัทที่มีแผนการผลิตในประเทศจะได้รับการยกเว้นภาษี ➡️ มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดการพึ่งพาจีนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ➡️ TSMC, Nvidia, Samsung และ SK Hynix เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ แล้ว ➡️ มาตรการนี้จะส่งผลต่อบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ สหรัฐฯ เคยมีสัดส่วนการผลิตชิปสูงในอดีต แต่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ➡️ TSMC ผลิตชิปมากกว่า 50% ของโลก และกำลังสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนา ➡️ การผลิตชิปต้องใช้เวลาและเงินลงทุนสูง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและแรงงาน ➡️ มาตรการนี้อาจกระตุ้นการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ➡️ การตั้งโรงงานผลิตในประเทศช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/us-plans-to-mandate-a-11-ratio-of-domestically-manufactured-to-imported-chips-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US plans to mandate a 1:1 ratio of domestically manufactured to imported chips, WSJ reports
    (Reuters) -The Trump administration is planning to ask chip companies to manufacture the same number of semiconductors in the U.S. as their customers import from overseas producers, the Wall Street Journal reported on Friday.
    0 Comments 0 Shares 361 Views 0 Reviews
More Results