• “เกษตรทุเรียนอัจฉริยะ – เมื่อ 5G และเซนเซอร์เปลี่ยนสวนให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ”

    ใครจะคิดว่า “ทุเรียน” ผลไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นแรงและรสชาติเฉพาะตัว จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการเกษตรในมาเลเซีย?

    Tan Han Wei อดีตวิศวกร R&D ผู้หลงใหลในทุเรียน ได้ก่อตั้งบริษัท Sustainable Hrvest เพื่อพัฒนาโซลูชันเกษตรอัจฉริยะ โดยเริ่มจากการลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกรทุเรียนทั่วประเทศ เพื่อเข้าใจปัญหาที่แท้จริง เช่น ทำไมบางจุดในสวนให้ผลผลิตมากกว่าจุดอื่น และจะปรับปรุงพื้นที่ด้อยผลผลิตได้อย่างไร

    คำตอบคือ “ข้อมูล” และ “เทคโนโลยี” โดยเขาเริ่มติดตั้งเซนเซอร์ลงดินลึก 30–40 ซม. เพื่อวัดความชื้น, pH, และค่าการนำไฟฟ้าในดิน (EC) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของดิน ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งขึ้นคลาวด์เพื่อวิเคราะห์

    ผลลัพธ์คือการค้นพบปัญหาที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น จุดที่มีน้ำขังมากเกินไปซึ่งส่งผลให้รากเน่าและดูดซึมสารอาหารไม่ได้ เขาจึงแนะนำให้ลดการรดน้ำและปรับปรุงการระบายน้ำ

    นอกจากนี้ยังมีการตั้งระบบอัตโนมัติให้สปริงเกิลทำงานเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 35°C เพื่อป้องกันต้นไม้จากความเครียดจากความร้อน

    แต่ทั้งหมดนี้จะไร้ประโยชน์หากไม่มี “5G” เพราะการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์คือหัวใจของการจัดการฟาร์มขนาดใหญ่และซับซ้อน Tan จึงพัฒนาโซลูชันที่รองรับทั้ง 4G และ LoRaWAN พร้อมอัปเกรดเป็น 5G เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพร้อม

    เขายังพัฒนา AI ตรวจจับศัตรูพืชผ่านกล้องและการวิเคราะห์รูปแบบ เพื่อแจ้งเตือนเกษตรกรล่วงหน้า พร้อมคำแนะนำในการรับมือ ซึ่งตอนนี้มีความแม่นยำราว 70%

    ในอนาคต เขาเสนอแนวคิด “Digital Agronomist” ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล และ “หุ่นยนต์สุนัขลาดตระเวน” ที่สามารถเดินตรวจสวนและนับผลทุเรียนแบบเรียลไทม์

    ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดของเกษตรกร Tan เชื่อว่าเมื่อพวกเขาเห็นว่าเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาได้จริง พวกเขาจะพร้อมเปิดรับและปรับตัว

    การใช้เซนเซอร์ในสวนทุเรียน
    วัดค่าความชื้น, pH, และ EC เพื่อประเมินสุขภาพดิน
    ตรวจพบปัญหาน้ำขังที่ส่งผลต่อรากและการดูดซึมสารอาหาร
    ข้อมูลถูกส่งขึ้นคลาวด์เพื่อวิเคราะห์และให้คำแนะนำ

    ระบบอัตโนมัติและการจัดการอุณหภูมิ
    สปริงเกิลทำงานอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 35°C
    หยุดทำงานเมื่ออุณหภูมิลดลงถึงระดับที่เหมาะสม
    ช่วยลดความเครียดจากความร้อนในต้นทุเรียน

    การใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล
    ระบบตรวจจับศัตรูพืชผ่านกล้องและการวิเคราะห์รูปแบบ
    แจ้งเตือนพร้อมคำแนะนำในการรับมือ
    แนวคิด “Digital Agronomist” วิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล

    บทบาทของ 5G ในเกษตรอัจฉริยะ
    ช่วยให้การเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์เป็นไปได้
    รองรับการจัดการฟาร์มขนาดใหญ่และซับซ้อน
    เปิดทางสู่การใช้หุ่นยนต์และการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง

    การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเกษตรกร
    เมื่อเห็นผลลัพธ์จริง เกษตรกรจะเปิดรับเทคโนโลยีมากขึ้น
    ปัญหาค่าครองชีพ, สภาพอากาศ, และแรงงานผลักดันให้ต้องปรับตัว
    การใช้เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

    อุปสรรคในการนำ 5G มาใช้จริง
    พื้นที่ห่างไกลยังขาดโครงสร้างพื้นฐาน 5G และแม้แต่ 4G
    ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอุปกรณ์เป็น 5G ยังสูงสำหรับฟาร์มขนาดเล็ก
    เกษตรกรบางส่วนยังไม่เข้าใจศักยภาพของ 5G นอกเหนือจากอินเทอร์เน็ตเร็ว
    การขาดความรู้ด้านเทคโนโลยีอาจทำให้ใช้งานระบบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/how-smart-sensors-and-5g-are-changing-the-game-for-msian-durian-farmers
    🌱 “เกษตรทุเรียนอัจฉริยะ – เมื่อ 5G และเซนเซอร์เปลี่ยนสวนให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ” ใครจะคิดว่า “ทุเรียน” ผลไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นแรงและรสชาติเฉพาะตัว จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการเกษตรในมาเลเซีย? Tan Han Wei อดีตวิศวกร R&D ผู้หลงใหลในทุเรียน ได้ก่อตั้งบริษัท Sustainable Hrvest เพื่อพัฒนาโซลูชันเกษตรอัจฉริยะ โดยเริ่มจากการลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกรทุเรียนทั่วประเทศ เพื่อเข้าใจปัญหาที่แท้จริง เช่น ทำไมบางจุดในสวนให้ผลผลิตมากกว่าจุดอื่น และจะปรับปรุงพื้นที่ด้อยผลผลิตได้อย่างไร คำตอบคือ “ข้อมูล” และ “เทคโนโลยี” โดยเขาเริ่มติดตั้งเซนเซอร์ลงดินลึก 30–40 ซม. เพื่อวัดความชื้น, pH, และค่าการนำไฟฟ้าในดิน (EC) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของดิน ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งขึ้นคลาวด์เพื่อวิเคราะห์ ผลลัพธ์คือการค้นพบปัญหาที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น จุดที่มีน้ำขังมากเกินไปซึ่งส่งผลให้รากเน่าและดูดซึมสารอาหารไม่ได้ เขาจึงแนะนำให้ลดการรดน้ำและปรับปรุงการระบายน้ำ นอกจากนี้ยังมีการตั้งระบบอัตโนมัติให้สปริงเกิลทำงานเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 35°C เพื่อป้องกันต้นไม้จากความเครียดจากความร้อน แต่ทั้งหมดนี้จะไร้ประโยชน์หากไม่มี “5G” เพราะการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์คือหัวใจของการจัดการฟาร์มขนาดใหญ่และซับซ้อน Tan จึงพัฒนาโซลูชันที่รองรับทั้ง 4G และ LoRaWAN พร้อมอัปเกรดเป็น 5G เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพร้อม เขายังพัฒนา AI ตรวจจับศัตรูพืชผ่านกล้องและการวิเคราะห์รูปแบบ เพื่อแจ้งเตือนเกษตรกรล่วงหน้า พร้อมคำแนะนำในการรับมือ ซึ่งตอนนี้มีความแม่นยำราว 70% ในอนาคต เขาเสนอแนวคิด “Digital Agronomist” ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล และ “หุ่นยนต์สุนัขลาดตระเวน” ที่สามารถเดินตรวจสวนและนับผลทุเรียนแบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดของเกษตรกร Tan เชื่อว่าเมื่อพวกเขาเห็นว่าเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาได้จริง พวกเขาจะพร้อมเปิดรับและปรับตัว ✅ การใช้เซนเซอร์ในสวนทุเรียน ➡️ วัดค่าความชื้น, pH, และ EC เพื่อประเมินสุขภาพดิน ➡️ ตรวจพบปัญหาน้ำขังที่ส่งผลต่อรากและการดูดซึมสารอาหาร ➡️ ข้อมูลถูกส่งขึ้นคลาวด์เพื่อวิเคราะห์และให้คำแนะนำ ✅ ระบบอัตโนมัติและการจัดการอุณหภูมิ ➡️ สปริงเกิลทำงานอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 35°C ➡️ หยุดทำงานเมื่ออุณหภูมิลดลงถึงระดับที่เหมาะสม ➡️ ช่วยลดความเครียดจากความร้อนในต้นทุเรียน ✅ การใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล ➡️ ระบบตรวจจับศัตรูพืชผ่านกล้องและการวิเคราะห์รูปแบบ ➡️ แจ้งเตือนพร้อมคำแนะนำในการรับมือ ➡️ แนวคิด “Digital Agronomist” วิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล ✅ บทบาทของ 5G ในเกษตรอัจฉริยะ ➡️ ช่วยให้การเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์เป็นไปได้ ➡️ รองรับการจัดการฟาร์มขนาดใหญ่และซับซ้อน ➡️ เปิดทางสู่การใช้หุ่นยนต์และการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง ✅ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเกษตรกร ➡️ เมื่อเห็นผลลัพธ์จริง เกษตรกรจะเปิดรับเทคโนโลยีมากขึ้น ➡️ ปัญหาค่าครองชีพ, สภาพอากาศ, และแรงงานผลักดันให้ต้องปรับตัว ➡️ การใช้เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ‼️ อุปสรรคในการนำ 5G มาใช้จริง ⛔ พื้นที่ห่างไกลยังขาดโครงสร้างพื้นฐาน 5G และแม้แต่ 4G ⛔ ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอุปกรณ์เป็น 5G ยังสูงสำหรับฟาร์มขนาดเล็ก ⛔ เกษตรกรบางส่วนยังไม่เข้าใจศักยภาพของ 5G นอกเหนือจากอินเทอร์เน็ตเร็ว ⛔ การขาดความรู้ด้านเทคโนโลยีอาจทำให้ใช้งานระบบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/how-smart-sensors-and-5g-are-changing-the-game-for-msian-durian-farmers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How smart sensors and 5G are changing the game for M’sian durian farmers
    Trees can't speak, so durian farmers in Malaysia are turning to digital tools to better understand their needs and boost their yields.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”
    ตอนที่ 1
ตะวัน ออกกลาง อยู่กลางแดด แต่เหมือนแดนสนธยา เรื่องราวของคนกลางแดดน่าพิศวง ชวนงง ไม่ง่ายสำหรับคนนอกแดดจะเข้าใจ โดยเฉพาะพวกฝรั่งตะวันตกที่เข้าไปยึดครองครอบงำ ถึงขนาดมีการพูดถึงชาวตะวันออกกลางว่า มิตรภาพของพวกเขามีไว้ให้เช่า (ชั่วคราว) แต่ไม่ได้มีไว้ขาย (ถาวร) แม้จะเป็นชาวทะเลทรายด้วยกัน แต่ความต่างเผ่า ต่างพันธุ์ ต่างนิกาย ต่างประเพณี ทำให้วิธีคิด วิธีดำเนินชีวิต และการเดินนโยบายประเทศของพวกเขา แตกต่างกันอย่างเหลือเชื่อ
    ความแตกต่างของชาวตะวันออกกลาง มีมานานแล้ว แต่ปัจจุบัน ความแตกต่างดูเหมือนจะกลายเป็นความแตกแยก แบ่งกันเห็นชัดเป็น 2 ค่าย ค่ายหนึ่งนิยมและนอนนิ่ง อยู่ในอุ้งมือของนักล่าฝรั่งตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าใบตองแห้ง กับอังกฤษ นักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อยของเท้าซ้าย ค่ายนี้นำโดย ซาอุดิอารเบีย เสี่ยใหญ่แห่งทะเลทราย มีพรรคพวกในสังกัด เป็นเศรษฐีน้ำมัน ประเภทชอบพกกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ เป็นปึก คือ ยูไนเต็ดอาหรับเอมิเรต (UAE) คูเวต บาห์เรน โอมาน กาตาร์ และอิรัก บวกด้วย เศษของ เศรษฐีอีกหนึ่งราย คือ จอร์แดน ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่พวกบ้านติดอ่าวด้วยกัน แต่ก็เป็นประเภทนอนสบาย ไม่เดือดร้อนอยู่ในอุ้งมือนักล่าด้วยเช่นกัน
    ส่วน อีกค่ายหนึ่ง เข้าใจว่า ขณะนี้ไม่นิยมใช้ใบตองแห้ง และไม่ชอบอยู่เกาะ หลังจากเคยนิยมกันมาพักใหญ่ค่ายนี้นำโดยอิหร่าน ซึ่งกำลังถูกกล่าวหา (หรือกล่าวจริง) ว่ามีนิวเคลียร์พกติดกระเป๋ากางเกงไว้ตลอดเวลาอย่างน้อย 2 ลูก ส่วนพรรคพวกที่อิหร่านเพียรเกี้ยว และเกี่ยวมาเข้าค่ายเดียวกันมี ซีเรีย เลบานอน และกำลังล่อเอาอิรักออกมาจากค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิ ลูกน้องตัวโปรดของนักล่าใบตองแห้งด้วย นอกจากนี้ ข่าวลือว่าตุรกี ซึ่งเคยเสพติดกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ก็กำลังลังเล อาจจะย้ายมาอยู่ค่ายนี้ด้วย แต่อย่างว่า นักไต่ลวดพันธ์ลูกครึ่งชอบเกมเสี่ยง คงยังไม่ตัดสินใจอะไรง่ายๆ ต้องรอให้เสียวจัดกว่านี้อีกสักหน่อย ค่อยแสดงฉากผาดโผน
    อะไรทำให้พวกอยู่กลางแดด แตกแยกกันถึงขนาดนี้ พวกเขาจะเล่าให้ฟังเป็นเรื่องๆ ในมุมของแต่ละค่าย ซึ่งแน่นอน คนละเรื่องเดียวกันเสมอ
    เรื่อง การบุกเข้าไปถล่มอิรัก ของอเมริกานักล่าใบตองแห้ง และเก็บซัดดัมใส่ห่อฝังลืม ตั้งแต่ ค.ศ.2003 ค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิ บอกเป็นของขวัญอันล้ำค่า ที่อเมริกาดันมอบให้อิหร่านโดยประมาท หรือประเมินผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ การทำให้อิรักแหลก ซัดดัมเละ เกิดช่องว่างในอิรัก ให้อิหร่านแทรกตัวเข้าไปได้อย่างไม่ยาก อิรักมีพวกซีอ่ะห์อยู่เกือบ 60% ของพลเมือง มีเพื่อนซีอ่ะห์อย่าง อิหร่านมาสนับสนุน ประโลมใจ ยามบ้านแตกสาแหรกหาย ย่อมดีกว่ามีพวกฝรั่งนักล่ามา ไล่ถล่มทิ้งระเบิดใส่ ไม่ต้องวิเคราะห์มาก เรื่องตรงไปตรงมา แน่นอน เสี่ยใหญ่ย่อมไม่พอใจ มันฉวยโอกาสฉกเด็กของเราไป จะพูด จะบ่น เรื่องอะไรกับลูกพี่ เสี่ยใหญ่เป็นต้องเอาเรื่องนี้ ขึ้นต้นเป็น แผ่นเสียงตกร่องก่อนเสมอ ทำให้ลูกพี่แสนจะเอือม เลิกพูดซ้ำซากได้มั้ยเสี่ย มันพลาดไปแล้ว อย่าย้ำหัวตะปูมาก นี่ถ้าไม่ติดพันกันเรื่องน้ำมัน ป่านนี้ตอกตะปูหัวให้แล้ว
    เรื่อง Arab Spring จากการรดน้ำใส่ปุ๋ย เอาต้นไม้ประชาธิปไตย ปลูกลงดินแดนทะเลทรายมาเป็นเวลาหลายปี ทั้งทางตรงและทางอ้อม ค.ศ.2011 ก็เริ่มเห็นผล ต้นไม้ประชาธิปไตยเริ่มทยอยกันงอกกลางทะเลทราย เริ่มตั้งแต่ตูนีเซีย เรื่องของเด็กขายผลไม้เผาตัวเอง เป็นตำนานที่โลกจะไม่มีวันลืม กัดดาฟี่เผด็จการตัวร้าย ถูกขยี้อยู่ในที่หลบภัยพร้อมกับ ลูกรัก โลกตบมือ ไชโย ดีใจ เผด็จการตัวร้ายไปอีกหนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้น อียิปต์ก็ลุกฮือเอาอย่าง มูบารักกุมบังเหียนมากว่า 30 ปี ก็มีวันที่ลงจากม้าแทบไม่ทัน แถมยังต้องถูกนอนเปลห้ามไปขึ้นศาลข้อหาฆ่าประชาชน อนิจจา อนิจจัง
    ต้นไม้ ประชาธิปไตยงอกงาม Arab Spring งามจริงๆ พร้อมกับการอ้างว่า เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย แต่ประเทศล่มสลาย ประชาชนล้มตาย พิการเท่าไหร่ น้อยคนจะติดตาม เรื่องช่อง 3 จอดำคงมีคนติดตามมากกว่า สมันน้อย ก็คงตามดูข่าว อ้าปากหวอ สลับดูละครน้ำเน่าเหมือนเดิม
    ผู้ปกครอง ประเทศ ที่เป็นเผด็จการ ก็สมควรอยู่ที่จะต้องถูกกำจัด แต่มันคงไม่ง่ายเหมือนใจนึก หลังจากเด็ดหัวทิ้งแล้ว จะจัดการกับตัวอย่างไร ประเทศนะ ไม่ใช่ต้นกล้วย จะได้ฟันฉับแล้วจบ ถึงเป็นต้นกล้วยหน่อมันยังงอกเลย แล้วประเทศมันจะเปลี่ยน แบบฉากละครง่ายๆอย่างนั้นหรือ ใครที่คิดว่า จะเปลี่ยนอะไร แบบง่ายๆ ได้ง่ายๆ ก็คิดทบทวนให้มากๆหน่อยนะครับ
    หลัง Arab Spring ทำให้เกิดอาการผึ้งแตกรัง หัวหน้าไม่มี ฝูงผึ้งก็บินกระจัดกระจาย แต่มันไม่ใช่แค่ผึ้งรังเดียว มันทยอยกันแตกไม่รู้กี่รัง ไปทั่วทะเลทราย ไอ้คนที่ทำผึ้งแตกรัง ดันหดหัว หางตก กลับบ้าน เพราะยังตั้งตัวไม่ติด ถุด ! เก่งดีนัก !
    Arab Spring ทำให้ค่ายเสี่ยใหญ่ ซาอุดิ หงุดหงิด บอกมันเป็นการสร้างปัญหาให้กับพวกเรา แม้เราจะไม่เหมือน กัดดาฟี่ มูบารัก ซัดดัม เพราะคนพวกนี้กดขี่ประชาชนตนเอง แต่พวกเราคนรวย เราดูแลประชาชนของเราดี ไปดูตัวเลขที่ CIA แต่งให้ซิ รายได้ต่อหัวของพลเมืองเราอยู่อันดับไหน (หากันเอาเองนะครับ ผมขี้เกียจเข้าไปค้นตัวเลขปลอมๆของ CIA ) แต่นั่นล่ะนะ มันทำให้คนในบ้านเรา อดเกิดความคิดเฟื่องด้วยไม่ได้ ทำให้พวกเราต้องเพิ่มการดูแล และแลดูเขามากขึ้น มันเป็นการเพิ่มรายจ่ายให้กับเรานะ แล้วกัน เสี่ยใหญ่ เสียแรงเป็นลูกน้องระดับแถวหน้า ของเจ้าของผู้ผลิตสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตย ยังไม่ชื่นชมนิยมยินดีเลย แบบนี้เจ้าของเขาจะไปหลอกขายสินค้าใครได้
    แต่ สำหรับอิหร่านเจ้าของนิวเคลียร์ 2 ลูก บอก Arab Spring ไม่มีปัญหาสำหรับบ้านเรา เพราะคนบ้านเราเขาดูออกว่าเป็นสินค้าปลอม เขาเคยใช้สินค้านี้มาหลายสิบปี รู้ฤทธิ์ของปลอม ว่ามันทำพิษพวกเขาขนาดไหน และดีเสียอีก มีคนขายของปลอมกันมากๆ เป็นโอกาสที่เราจะเอาสินค้าตราอื่นไปขายแข่งบ้าง และดูเหมือนการตลาด หรือสินค้าของอิหร่านจะเข้าตา ตอนนี้ลูกค้าเพิ่มทุกวัน
    เรื่อง ซีเรีย ค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิ มองเหตุการณ์ที่ซีเรีย เหมือนฝันร้าย เล่นเอาตอนนี้นอนตาโพลง กลัวว่าถ้าหลับตา จะต้องฝันร้ายเรื่องเดียวกับซีเรีย สนามรบซีเรีย มีนักรบเพิ่มขึ้นมากมาย หลายพวก หลายกลุ่ม ทั้งฝั่งรัฐบาลและฝั่งต่อต้านรัฐบาล ต่างฝ่ายใช้วิธีการตลาดผ่านหน้า social media เหมือนสร้างหนังสด เล่นเอาพวกที่ชมดูอยู่ทางบ้าน อดใจไม่ไหว สะพายเป้เข้าไปร่วมรายการด้วยมากมาย มีการประกาศรายชื่อกลุ่มเพิ่มเกือบทุกวัน จนตามไม่ทัน กลุ่มเสี่ยใหญ่นั่งไม่ติด แล้วอเมริกาจะทำอะไรบ้างไหม ทำไมอเมริกาไม่ยกทัพไปปราบ เหมือนตอนปราบซัดดัม เหมือนตอนปราบบินลาเดน เหมือนตอนปราบกัดดาฟี่ เหมือนตอนปราบมูบารัก กลุ่มเสี่ยใหญ่กลุ้มใจ จนกรดไหลย้อนบ้านหมุน นี่ถ้าพวกไปหนุนซีเรีย ไม่ว่าข้างไหน มันชนะ ความวุ่นวายมันจะต้องลามมาถึงบ้านอันใหญ่โต หรูหรา เย็นฉ่ำ ของเราแน่นอน เราจะนิ่งเฉยๆดู อเมริกาอยู่เฉยๆ อย่างนี้น่ะหรือ !? คงต้องคิดทำอะไรบ้างแล้ว
    แต่สำหรับ อิหร่าน ซึ่งสานสัมพันธ์กับ Assad ของซีเรียมานานแล้ว รวมทั้งเลบานอนและอิรัก คงไม่ถึงกับนอนไม่หลับฝันร้าย แต่ในเมื่อเขาว่า ในตะวันออกกลาง มิตรภาพมีไว้ให้เช่า (ชั่วคราว) ไม่มีไว้ให้ขาย(ถาวร) วันหนึ่งเพื่อนหายหน้าหมด แต่การคว่ำบาตรของฝ่ายนักล่าตะวันตก ยังคงมีค้างอยู่กลางแดด อิหร่านก็ต้องคิดหนัก จะเดินหน้าเต็มตัวหนุน Assad ก็ต้องแน่ใจ และใจแน่ แต่ดูเหมือนอิหร่านจะเลือกใช้ถนน One way ถอยลำบากเสียแล้วกระมัง
    เรื่อง ศักยภาพทางอาวุธ หน่วยข่าวกรองรับจ๊อบ กระซิบบอกค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิว่า อิหร่านมีจรวดพิสัยกลางแน่นอน ขนาดกำลังพอดีกับเป้าหมายแถวอ่าว และเชื่อว่าอาวุธของอิหร่าน มีอานุภาพขั้นทำลายได้รุนแรง จริงจัง ไม่ใช่แค่ลำลายตึกและประชาชนเท่านั้น ข่าวนี้ทำให้ค่ายเสี่ยใหญ่ ฮึดสู้ทุ่มทุนซื้ออาวุธจากลูกพี่เพิ่มขึ้นตลอดทุกปี เงินหนานี่ จะเอาอะไรล่ะ ลูกพี่มีให้ทั้งนั้น
    แต่ที่ สำคัญ ตราบใดที่ลูกพี่มหามิตร นักล่าใบตองแห้ง ยังเป็นมหามิตรยืนอยู่ข้างหลังค่ายเสี่ยใหญ่อยู่ตลอดกาล อิหร่านต่างหาก จะกลายเป็นใบตองแห้งเสียเอง ดังนั้นค่ายเสี่ยใหญ่จึงต้องทำทุกอย่าง ให้ลูกพี่ประกาศออกมาต่อหน้าโลก ไม่ใช่มาทำกระซิบกระซาบเบาๆ แบบเหนียมอาย ว่าลูกพี่พร้อมที่จะปกป้องค่ายเสี่ยใหญ่ มายืนติดอยู่ข้างหลังเหมือนเอากาวทาติดตัวไว้ตลอด ได้ยินไหมคร๊าบ ลูกพี่
    ส่วน ค่ายอิหร่าน เจ้าของนิวเคลียร์ 2 ลูก ตอบขรึมๆว่า ก็คอยดูไปก็แล้วกัน เรื่องอาวุธไม่จำเป็นต้องคุย ใครๆก็รู้ว่าเสือซุ่มน่ากลัวแค่ไหน ส่วนจะมีใครยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่ต้องใช้กาวทาติดไว้ ก็คอยดูไปอีกเช่นกัน แหม! ตอบแบบพระเอกเลยนะ
    เรื่อง อาวุธนิวเคลียร์ ค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิ คิดว่า เราก็เป็นเสี่ยใหญ่มีเงินหนา ทำไมเราจะซื้อหามามั่งไม่ได้ ข่าวเขาว่า ซาอุดิ กำลังปรับสมรรถนะเครื่องยิงจรวดวิถีไกล ที่ซื้อมาจากจีนอยู่อย่างเคร่งเครียด ข่าวนี้เขียนไปแล้วแต่หาเครื่องกรองไม่เจอ จึงไม่รับรองความแม่นยำนะครับ และมีข่าวว่า ปากีสถานก็อาจจะแบ่งขายอาวุธนิวเคลียร์ของตนให้เสี่ยซาอุดิด้วย เพราะเป็นมิตรรักร่วมใช้กระเป๋าของเสี่ยซาอุดิมานานแล้ว แค่นี้ทำไมจะปันแบ่งกันให้ไม่ได้ นี่พูดแบบหนังแขกเลยนะ ยังกะมันแบ่ง มันขายกันให้ง่ายๆงั้นแหละ เฮ้อ! พูดกับคนรวยนี่เหนื่อยนะ เอะอะก็เรามีเงิน เดี๋ยวซื้อนี่ ซื้อนั่น คำว่าสร้างน่ะรู้จักกันบ้างไหม นิวเคลียร์นะเขาสร้างกันนานแค่ไหน บารมี ก็เหมือนกัน ซื้อไม่ได้ นะครับ เขาต้องสร้างเอง สร้างนานด้วย ไอ้ที่ขึ้นมาเป็นใหญ่ปุ๊บปั๊บ ดังคับจอ บอกบารมีเต็มเปี่ยมน่ะ ถูกหลอกต้มทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวก็รู้สึก
    นอก เรื่องไปหน่อย กลับมาเรื่องเสี่ยซาอุดิ ซึ่งยังเชื่อว่า เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน น่าจะยังอยู่ในขั้นพัฒนา ไม่ใช่อยู่ในขั้นใช้การได้จริงๆ และถ้าจะใช้จริง ของดีที่อิสราเอลมีอยู่ ก็น่าจะมีอานุภาพมากกว่าของอิหร่าน ในฐานะสังกัดลูกพี่เดียวกัน ใจคออิสราเอลจะทิ้งให้ซาอุดิลำบากหรือ แหม! เสี่ยใหญ่คิดแบบนี้ละซิ มันถึงจะเจ๊งเอาจนได้ เวลาจะใช้นิวเคลียร์ของเขาก็ดันนับญาติ เวลาหมั่นไส้ ก็หาว่ายิวฮุบแผ่นดินอาหรับแล้วก็ส่งลูกกระเป๋งไปโซ๊ย ลูกพี่ใบตองแห้งฝากเตือนมานะเสี่ย
    ส่วนค่ายอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ 2 ลูกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เหมือนเดิม พูดเรื่องอาวุธทีไร ต้องทำหน้าขรึม บอกว่า เราจะมีถึงขั้นใช้การได้หรือไม่ อีกหน่อยก็คงรู้กัน พูดซะหล่อเลย
    แม้ ทั้ง 2 ค่ายกลางทะเลทราย จะมีมุมมองในเรื่องต่างๆ คนละทิศกัน แต่ทั้ง 2 ค่าย ต่างก็เป็นหมากในกระดานของเกมชิงโลก แม้สถานะของหมากจะต่างกัน แต่มันขึ้นกับลูกพี่ใหญ่คนเดินหมาก ที่มีเป้าชิงโลกใบนี้ ให้อยู่ในมือตนแต่ผู้เดียว จะเดินหมากต่อไปอย่างไร
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
2 ตุลาคม 2557
    กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ตอนที่ 1
ตะวัน ออกกลาง อยู่กลางแดด แต่เหมือนแดนสนธยา เรื่องราวของคนกลางแดดน่าพิศวง ชวนงง ไม่ง่ายสำหรับคนนอกแดดจะเข้าใจ โดยเฉพาะพวกฝรั่งตะวันตกที่เข้าไปยึดครองครอบงำ ถึงขนาดมีการพูดถึงชาวตะวันออกกลางว่า มิตรภาพของพวกเขามีไว้ให้เช่า (ชั่วคราว) แต่ไม่ได้มีไว้ขาย (ถาวร) แม้จะเป็นชาวทะเลทรายด้วยกัน แต่ความต่างเผ่า ต่างพันธุ์ ต่างนิกาย ต่างประเพณี ทำให้วิธีคิด วิธีดำเนินชีวิต และการเดินนโยบายประเทศของพวกเขา แตกต่างกันอย่างเหลือเชื่อ ความแตกต่างของชาวตะวันออกกลาง มีมานานแล้ว แต่ปัจจุบัน ความแตกต่างดูเหมือนจะกลายเป็นความแตกแยก แบ่งกันเห็นชัดเป็น 2 ค่าย ค่ายหนึ่งนิยมและนอนนิ่ง อยู่ในอุ้งมือของนักล่าฝรั่งตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าใบตองแห้ง กับอังกฤษ นักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อยของเท้าซ้าย ค่ายนี้นำโดย ซาอุดิอารเบีย เสี่ยใหญ่แห่งทะเลทราย มีพรรคพวกในสังกัด เป็นเศรษฐีน้ำมัน ประเภทชอบพกกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ เป็นปึก คือ ยูไนเต็ดอาหรับเอมิเรต (UAE) คูเวต บาห์เรน โอมาน กาตาร์ และอิรัก บวกด้วย เศษของ เศรษฐีอีกหนึ่งราย คือ จอร์แดน ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่พวกบ้านติดอ่าวด้วยกัน แต่ก็เป็นประเภทนอนสบาย ไม่เดือดร้อนอยู่ในอุ้งมือนักล่าด้วยเช่นกัน ส่วน อีกค่ายหนึ่ง เข้าใจว่า ขณะนี้ไม่นิยมใช้ใบตองแห้ง และไม่ชอบอยู่เกาะ หลังจากเคยนิยมกันมาพักใหญ่ค่ายนี้นำโดยอิหร่าน ซึ่งกำลังถูกกล่าวหา (หรือกล่าวจริง) ว่ามีนิวเคลียร์พกติดกระเป๋ากางเกงไว้ตลอดเวลาอย่างน้อย 2 ลูก ส่วนพรรคพวกที่อิหร่านเพียรเกี้ยว และเกี่ยวมาเข้าค่ายเดียวกันมี ซีเรีย เลบานอน และกำลังล่อเอาอิรักออกมาจากค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิ ลูกน้องตัวโปรดของนักล่าใบตองแห้งด้วย นอกจากนี้ ข่าวลือว่าตุรกี ซึ่งเคยเสพติดกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ก็กำลังลังเล อาจจะย้ายมาอยู่ค่ายนี้ด้วย แต่อย่างว่า นักไต่ลวดพันธ์ลูกครึ่งชอบเกมเสี่ยง คงยังไม่ตัดสินใจอะไรง่ายๆ ต้องรอให้เสียวจัดกว่านี้อีกสักหน่อย ค่อยแสดงฉากผาดโผน อะไรทำให้พวกอยู่กลางแดด แตกแยกกันถึงขนาดนี้ พวกเขาจะเล่าให้ฟังเป็นเรื่องๆ ในมุมของแต่ละค่าย ซึ่งแน่นอน คนละเรื่องเดียวกันเสมอ เรื่อง การบุกเข้าไปถล่มอิรัก ของอเมริกานักล่าใบตองแห้ง และเก็บซัดดัมใส่ห่อฝังลืม ตั้งแต่ ค.ศ.2003 ค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิ บอกเป็นของขวัญอันล้ำค่า ที่อเมริกาดันมอบให้อิหร่านโดยประมาท หรือประเมินผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ การทำให้อิรักแหลก ซัดดัมเละ เกิดช่องว่างในอิรัก ให้อิหร่านแทรกตัวเข้าไปได้อย่างไม่ยาก อิรักมีพวกซีอ่ะห์อยู่เกือบ 60% ของพลเมือง มีเพื่อนซีอ่ะห์อย่าง อิหร่านมาสนับสนุน ประโลมใจ ยามบ้านแตกสาแหรกหาย ย่อมดีกว่ามีพวกฝรั่งนักล่ามา ไล่ถล่มทิ้งระเบิดใส่ ไม่ต้องวิเคราะห์มาก เรื่องตรงไปตรงมา แน่นอน เสี่ยใหญ่ย่อมไม่พอใจ มันฉวยโอกาสฉกเด็กของเราไป จะพูด จะบ่น เรื่องอะไรกับลูกพี่ เสี่ยใหญ่เป็นต้องเอาเรื่องนี้ ขึ้นต้นเป็น แผ่นเสียงตกร่องก่อนเสมอ ทำให้ลูกพี่แสนจะเอือม เลิกพูดซ้ำซากได้มั้ยเสี่ย มันพลาดไปแล้ว อย่าย้ำหัวตะปูมาก นี่ถ้าไม่ติดพันกันเรื่องน้ำมัน ป่านนี้ตอกตะปูหัวให้แล้ว เรื่อง Arab Spring จากการรดน้ำใส่ปุ๋ย เอาต้นไม้ประชาธิปไตย ปลูกลงดินแดนทะเลทรายมาเป็นเวลาหลายปี ทั้งทางตรงและทางอ้อม ค.ศ.2011 ก็เริ่มเห็นผล ต้นไม้ประชาธิปไตยเริ่มทยอยกันงอกกลางทะเลทราย เริ่มตั้งแต่ตูนีเซีย เรื่องของเด็กขายผลไม้เผาตัวเอง เป็นตำนานที่โลกจะไม่มีวันลืม กัดดาฟี่เผด็จการตัวร้าย ถูกขยี้อยู่ในที่หลบภัยพร้อมกับ ลูกรัก โลกตบมือ ไชโย ดีใจ เผด็จการตัวร้ายไปอีกหนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้น อียิปต์ก็ลุกฮือเอาอย่าง มูบารักกุมบังเหียนมากว่า 30 ปี ก็มีวันที่ลงจากม้าแทบไม่ทัน แถมยังต้องถูกนอนเปลห้ามไปขึ้นศาลข้อหาฆ่าประชาชน อนิจจา อนิจจัง ต้นไม้ ประชาธิปไตยงอกงาม Arab Spring งามจริงๆ พร้อมกับการอ้างว่า เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย แต่ประเทศล่มสลาย ประชาชนล้มตาย พิการเท่าไหร่ น้อยคนจะติดตาม เรื่องช่อง 3 จอดำคงมีคนติดตามมากกว่า สมันน้อย ก็คงตามดูข่าว อ้าปากหวอ สลับดูละครน้ำเน่าเหมือนเดิม ผู้ปกครอง ประเทศ ที่เป็นเผด็จการ ก็สมควรอยู่ที่จะต้องถูกกำจัด แต่มันคงไม่ง่ายเหมือนใจนึก หลังจากเด็ดหัวทิ้งแล้ว จะจัดการกับตัวอย่างไร ประเทศนะ ไม่ใช่ต้นกล้วย จะได้ฟันฉับแล้วจบ ถึงเป็นต้นกล้วยหน่อมันยังงอกเลย แล้วประเทศมันจะเปลี่ยน แบบฉากละครง่ายๆอย่างนั้นหรือ ใครที่คิดว่า จะเปลี่ยนอะไร แบบง่ายๆ ได้ง่ายๆ ก็คิดทบทวนให้มากๆหน่อยนะครับ หลัง Arab Spring ทำให้เกิดอาการผึ้งแตกรัง หัวหน้าไม่มี ฝูงผึ้งก็บินกระจัดกระจาย แต่มันไม่ใช่แค่ผึ้งรังเดียว มันทยอยกันแตกไม่รู้กี่รัง ไปทั่วทะเลทราย ไอ้คนที่ทำผึ้งแตกรัง ดันหดหัว หางตก กลับบ้าน เพราะยังตั้งตัวไม่ติด ถุด ! เก่งดีนัก ! Arab Spring ทำให้ค่ายเสี่ยใหญ่ ซาอุดิ หงุดหงิด บอกมันเป็นการสร้างปัญหาให้กับพวกเรา แม้เราจะไม่เหมือน กัดดาฟี่ มูบารัก ซัดดัม เพราะคนพวกนี้กดขี่ประชาชนตนเอง แต่พวกเราคนรวย เราดูแลประชาชนของเราดี ไปดูตัวเลขที่ CIA แต่งให้ซิ รายได้ต่อหัวของพลเมืองเราอยู่อันดับไหน (หากันเอาเองนะครับ ผมขี้เกียจเข้าไปค้นตัวเลขปลอมๆของ CIA ) แต่นั่นล่ะนะ มันทำให้คนในบ้านเรา อดเกิดความคิดเฟื่องด้วยไม่ได้ ทำให้พวกเราต้องเพิ่มการดูแล และแลดูเขามากขึ้น มันเป็นการเพิ่มรายจ่ายให้กับเรานะ แล้วกัน เสี่ยใหญ่ เสียแรงเป็นลูกน้องระดับแถวหน้า ของเจ้าของผู้ผลิตสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตย ยังไม่ชื่นชมนิยมยินดีเลย แบบนี้เจ้าของเขาจะไปหลอกขายสินค้าใครได้ แต่ สำหรับอิหร่านเจ้าของนิวเคลียร์ 2 ลูก บอก Arab Spring ไม่มีปัญหาสำหรับบ้านเรา เพราะคนบ้านเราเขาดูออกว่าเป็นสินค้าปลอม เขาเคยใช้สินค้านี้มาหลายสิบปี รู้ฤทธิ์ของปลอม ว่ามันทำพิษพวกเขาขนาดไหน และดีเสียอีก มีคนขายของปลอมกันมากๆ เป็นโอกาสที่เราจะเอาสินค้าตราอื่นไปขายแข่งบ้าง และดูเหมือนการตลาด หรือสินค้าของอิหร่านจะเข้าตา ตอนนี้ลูกค้าเพิ่มทุกวัน เรื่อง ซีเรีย ค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิ มองเหตุการณ์ที่ซีเรีย เหมือนฝันร้าย เล่นเอาตอนนี้นอนตาโพลง กลัวว่าถ้าหลับตา จะต้องฝันร้ายเรื่องเดียวกับซีเรีย สนามรบซีเรีย มีนักรบเพิ่มขึ้นมากมาย หลายพวก หลายกลุ่ม ทั้งฝั่งรัฐบาลและฝั่งต่อต้านรัฐบาล ต่างฝ่ายใช้วิธีการตลาดผ่านหน้า social media เหมือนสร้างหนังสด เล่นเอาพวกที่ชมดูอยู่ทางบ้าน อดใจไม่ไหว สะพายเป้เข้าไปร่วมรายการด้วยมากมาย มีการประกาศรายชื่อกลุ่มเพิ่มเกือบทุกวัน จนตามไม่ทัน กลุ่มเสี่ยใหญ่นั่งไม่ติด แล้วอเมริกาจะทำอะไรบ้างไหม ทำไมอเมริกาไม่ยกทัพไปปราบ เหมือนตอนปราบซัดดัม เหมือนตอนปราบบินลาเดน เหมือนตอนปราบกัดดาฟี่ เหมือนตอนปราบมูบารัก กลุ่มเสี่ยใหญ่กลุ้มใจ จนกรดไหลย้อนบ้านหมุน นี่ถ้าพวกไปหนุนซีเรีย ไม่ว่าข้างไหน มันชนะ ความวุ่นวายมันจะต้องลามมาถึงบ้านอันใหญ่โต หรูหรา เย็นฉ่ำ ของเราแน่นอน เราจะนิ่งเฉยๆดู อเมริกาอยู่เฉยๆ อย่างนี้น่ะหรือ !? คงต้องคิดทำอะไรบ้างแล้ว แต่สำหรับ อิหร่าน ซึ่งสานสัมพันธ์กับ Assad ของซีเรียมานานแล้ว รวมทั้งเลบานอนและอิรัก คงไม่ถึงกับนอนไม่หลับฝันร้าย แต่ในเมื่อเขาว่า ในตะวันออกกลาง มิตรภาพมีไว้ให้เช่า (ชั่วคราว) ไม่มีไว้ให้ขาย(ถาวร) วันหนึ่งเพื่อนหายหน้าหมด แต่การคว่ำบาตรของฝ่ายนักล่าตะวันตก ยังคงมีค้างอยู่กลางแดด อิหร่านก็ต้องคิดหนัก จะเดินหน้าเต็มตัวหนุน Assad ก็ต้องแน่ใจ และใจแน่ แต่ดูเหมือนอิหร่านจะเลือกใช้ถนน One way ถอยลำบากเสียแล้วกระมัง เรื่อง ศักยภาพทางอาวุธ หน่วยข่าวกรองรับจ๊อบ กระซิบบอกค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิว่า อิหร่านมีจรวดพิสัยกลางแน่นอน ขนาดกำลังพอดีกับเป้าหมายแถวอ่าว และเชื่อว่าอาวุธของอิหร่าน มีอานุภาพขั้นทำลายได้รุนแรง จริงจัง ไม่ใช่แค่ลำลายตึกและประชาชนเท่านั้น ข่าวนี้ทำให้ค่ายเสี่ยใหญ่ ฮึดสู้ทุ่มทุนซื้ออาวุธจากลูกพี่เพิ่มขึ้นตลอดทุกปี เงินหนานี่ จะเอาอะไรล่ะ ลูกพี่มีให้ทั้งนั้น แต่ที่ สำคัญ ตราบใดที่ลูกพี่มหามิตร นักล่าใบตองแห้ง ยังเป็นมหามิตรยืนอยู่ข้างหลังค่ายเสี่ยใหญ่อยู่ตลอดกาล อิหร่านต่างหาก จะกลายเป็นใบตองแห้งเสียเอง ดังนั้นค่ายเสี่ยใหญ่จึงต้องทำทุกอย่าง ให้ลูกพี่ประกาศออกมาต่อหน้าโลก ไม่ใช่มาทำกระซิบกระซาบเบาๆ แบบเหนียมอาย ว่าลูกพี่พร้อมที่จะปกป้องค่ายเสี่ยใหญ่ มายืนติดอยู่ข้างหลังเหมือนเอากาวทาติดตัวไว้ตลอด ได้ยินไหมคร๊าบ ลูกพี่ ส่วน ค่ายอิหร่าน เจ้าของนิวเคลียร์ 2 ลูก ตอบขรึมๆว่า ก็คอยดูไปก็แล้วกัน เรื่องอาวุธไม่จำเป็นต้องคุย ใครๆก็รู้ว่าเสือซุ่มน่ากลัวแค่ไหน ส่วนจะมีใครยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่ต้องใช้กาวทาติดไว้ ก็คอยดูไปอีกเช่นกัน แหม! ตอบแบบพระเอกเลยนะ เรื่อง อาวุธนิวเคลียร์ ค่ายเสี่ยใหญ่ซาอุดิ คิดว่า เราก็เป็นเสี่ยใหญ่มีเงินหนา ทำไมเราจะซื้อหามามั่งไม่ได้ ข่าวเขาว่า ซาอุดิ กำลังปรับสมรรถนะเครื่องยิงจรวดวิถีไกล ที่ซื้อมาจากจีนอยู่อย่างเคร่งเครียด ข่าวนี้เขียนไปแล้วแต่หาเครื่องกรองไม่เจอ จึงไม่รับรองความแม่นยำนะครับ และมีข่าวว่า ปากีสถานก็อาจจะแบ่งขายอาวุธนิวเคลียร์ของตนให้เสี่ยซาอุดิด้วย เพราะเป็นมิตรรักร่วมใช้กระเป๋าของเสี่ยซาอุดิมานานแล้ว แค่นี้ทำไมจะปันแบ่งกันให้ไม่ได้ นี่พูดแบบหนังแขกเลยนะ ยังกะมันแบ่ง มันขายกันให้ง่ายๆงั้นแหละ เฮ้อ! พูดกับคนรวยนี่เหนื่อยนะ เอะอะก็เรามีเงิน เดี๋ยวซื้อนี่ ซื้อนั่น คำว่าสร้างน่ะรู้จักกันบ้างไหม นิวเคลียร์นะเขาสร้างกันนานแค่ไหน บารมี ก็เหมือนกัน ซื้อไม่ได้ นะครับ เขาต้องสร้างเอง สร้างนานด้วย ไอ้ที่ขึ้นมาเป็นใหญ่ปุ๊บปั๊บ ดังคับจอ บอกบารมีเต็มเปี่ยมน่ะ ถูกหลอกต้มทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวก็รู้สึก นอก เรื่องไปหน่อย กลับมาเรื่องเสี่ยซาอุดิ ซึ่งยังเชื่อว่า เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน น่าจะยังอยู่ในขั้นพัฒนา ไม่ใช่อยู่ในขั้นใช้การได้จริงๆ และถ้าจะใช้จริง ของดีที่อิสราเอลมีอยู่ ก็น่าจะมีอานุภาพมากกว่าของอิหร่าน ในฐานะสังกัดลูกพี่เดียวกัน ใจคออิสราเอลจะทิ้งให้ซาอุดิลำบากหรือ แหม! เสี่ยใหญ่คิดแบบนี้ละซิ มันถึงจะเจ๊งเอาจนได้ เวลาจะใช้นิวเคลียร์ของเขาก็ดันนับญาติ เวลาหมั่นไส้ ก็หาว่ายิวฮุบแผ่นดินอาหรับแล้วก็ส่งลูกกระเป๋งไปโซ๊ย ลูกพี่ใบตองแห้งฝากเตือนมานะเสี่ย ส่วนค่ายอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ 2 ลูกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เหมือนเดิม พูดเรื่องอาวุธทีไร ต้องทำหน้าขรึม บอกว่า เราจะมีถึงขั้นใช้การได้หรือไม่ อีกหน่อยก็คงรู้กัน พูดซะหล่อเลย แม้ ทั้ง 2 ค่ายกลางทะเลทราย จะมีมุมมองในเรื่องต่างๆ คนละทิศกัน แต่ทั้ง 2 ค่าย ต่างก็เป็นหมากในกระดานของเกมชิงโลก แม้สถานะของหมากจะต่างกัน แต่มันขึ้นกับลูกพี่ใหญ่คนเดินหมาก ที่มีเป้าชิงโลกใบนี้ ให้อยู่ในมือตนแต่ผู้เดียว จะเดินหมากต่อไปอย่างไร สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
2 ตุลาคม 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • “มหาวิทยาลัยอังกฤษโดนแฮก 91% ธุรกิจ 43% — ภัยไซเบอร์ระบาดหนักทั่วสหราชอาณาจักรในปี 2025”

    ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์อย่างรุนแรง โดยผลสำรวจจากรัฐบาลเผยว่า 91% ของมหาวิทยาลัย และ 43% ของธุรกิจที่ถูกสำรวจ ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะระบบ การเรียกค่าไถ่ หรือการขโมยข้อมูล

    กรณีที่โดดเด่นคือการโจมตี Jaguar Land Rover (JLR) ที่ทำให้บริษัทต้องหยุดดำเนินงานหลายสัปดาห์ และขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงการปลดพนักงาน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อซัพพลายเออร์หลายพันรายที่พึ่งพา JLR เป็นลูกค้าหลัก

    แม้ธุรกิจจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่สถาบันการศึกษากลับเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ โดย 85% ของวิทยาลัย, 60% ของโรงเรียนมัธยม และ 44% ของโรงเรียนประถมก็ถูกโจมตีเช่นกัน รวมถึงกรณีล่าสุดที่เครือโรงเรียนอนุบาลถูกแฮกและนำภาพเด็กไปใช้เป็นเครื่องมือแบล็กเมล์

    ที่น่าตกใจคือการโจมตีจำนวนมากไม่ได้มาจากต่างประเทศ แต่เกิดจากแฮกเกอร์วัยรุ่นในอังกฤษเอง ซึ่งเช่าระบบ ransomware จากกลุ่มรัสเซีย แล้วใช้โจมตีเป้าหมายที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างชื่อเสียงในวงการใต้ดิน

    ผู้เชี่ยวชาญจาก Royal United Services Institute ระบุว่า แฮกเกอร์กลุ่มนี้ไม่ได้หวังผลทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการ “แสดงฝีมือ” และได้รับการยอมรับในชุมชนแฮกเกอร์ ซึ่งทำให้เป้าหมายกลายเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงมากกว่าระบบที่อ่อนแอ

    รัฐบาลอังกฤษหวังว่าการเผยแพร่ผลสำรวจนี้จะกระตุ้นให้หน่วยงานต่าง ๆ ปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพราะหลายแห่งยังไม่มีระบบป้องกันที่ทันสมัย และกลายเป็น “ผลไม้ที่ห้อยต่ำ” ที่แฮกเกอร์เลือกโจมตีก่อน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    91% ของมหาวิทยาลัยในอังกฤษถูกโจมตีทางไซเบอร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
    43% ของธุรกิจที่ถูกสำรวจได้รับผลกระทบจากการโจมตี
    JLR ถูกโจมตีจนต้องหยุดดำเนินงานและขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล
    85% ของวิทยาลัย, 60% ของโรงเรียนมัธยม, 44% ของโรงเรียนประถมถูกโจมตี
    มีกรณีโรงเรียนอนุบาลถูกแฮกและนำภาพเด็กไปใช้แบล็กเมล์
    แฮกเกอร์วัยรุ่นในอังกฤษเช่าระบบ ransomware จากกลุ่มรัสเซีย
    เป้าหมายหลักคือองค์กรที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างชื่อในวงการแฮกเกอร์
    รัฐบาลหวังผลสำรวจจะกระตุ้นให้ปรับปรุงระบบความปลอดภัย
    หลายองค์กรยังไม่มีมาตรการป้องกันที่ทันสมัย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การโจมตีทางไซเบอร์ในปี 2025 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคการศึกษา
    Ransomware เป็นภัยที่ทำให้ระบบหยุดชะงักและเรียกค่าไถ่สูง
    การโจมตีแบบ supply chain ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง
    การใช้ AI ในการสร้าง phishing email ทำให้การหลอกลวงมีความสมจริงมากขึ้น
    การขาดบุคลากรด้าน cybersecurity เป็นปัญหาใหญ่ในองค์กรขนาดเล็ก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/cyberattacks-hit-91-percent-of-universities-and-43-percent-of-businesses-in-last-12-months-in-the-uk-survey-suggests-more-than-600-000-businesses-61-000-charities-affected
    🛡️ “มหาวิทยาลัยอังกฤษโดนแฮก 91% ธุรกิจ 43% — ภัยไซเบอร์ระบาดหนักทั่วสหราชอาณาจักรในปี 2025” ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์อย่างรุนแรง โดยผลสำรวจจากรัฐบาลเผยว่า 91% ของมหาวิทยาลัย และ 43% ของธุรกิจที่ถูกสำรวจ ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะระบบ การเรียกค่าไถ่ หรือการขโมยข้อมูล กรณีที่โดดเด่นคือการโจมตี Jaguar Land Rover (JLR) ที่ทำให้บริษัทต้องหยุดดำเนินงานหลายสัปดาห์ และขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงการปลดพนักงาน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อซัพพลายเออร์หลายพันรายที่พึ่งพา JLR เป็นลูกค้าหลัก แม้ธุรกิจจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่สถาบันการศึกษากลับเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ โดย 85% ของวิทยาลัย, 60% ของโรงเรียนมัธยม และ 44% ของโรงเรียนประถมก็ถูกโจมตีเช่นกัน รวมถึงกรณีล่าสุดที่เครือโรงเรียนอนุบาลถูกแฮกและนำภาพเด็กไปใช้เป็นเครื่องมือแบล็กเมล์ ที่น่าตกใจคือการโจมตีจำนวนมากไม่ได้มาจากต่างประเทศ แต่เกิดจากแฮกเกอร์วัยรุ่นในอังกฤษเอง ซึ่งเช่าระบบ ransomware จากกลุ่มรัสเซีย แล้วใช้โจมตีเป้าหมายที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างชื่อเสียงในวงการใต้ดิน ผู้เชี่ยวชาญจาก Royal United Services Institute ระบุว่า แฮกเกอร์กลุ่มนี้ไม่ได้หวังผลทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการ “แสดงฝีมือ” และได้รับการยอมรับในชุมชนแฮกเกอร์ ซึ่งทำให้เป้าหมายกลายเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงมากกว่าระบบที่อ่อนแอ รัฐบาลอังกฤษหวังว่าการเผยแพร่ผลสำรวจนี้จะกระตุ้นให้หน่วยงานต่าง ๆ ปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพราะหลายแห่งยังไม่มีระบบป้องกันที่ทันสมัย และกลายเป็น “ผลไม้ที่ห้อยต่ำ” ที่แฮกเกอร์เลือกโจมตีก่อน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ 91% ของมหาวิทยาลัยในอังกฤษถูกโจมตีทางไซเบอร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ➡️ 43% ของธุรกิจที่ถูกสำรวจได้รับผลกระทบจากการโจมตี ➡️ JLR ถูกโจมตีจนต้องหยุดดำเนินงานและขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ➡️ 85% ของวิทยาลัย, 60% ของโรงเรียนมัธยม, 44% ของโรงเรียนประถมถูกโจมตี ➡️ มีกรณีโรงเรียนอนุบาลถูกแฮกและนำภาพเด็กไปใช้แบล็กเมล์ ➡️ แฮกเกอร์วัยรุ่นในอังกฤษเช่าระบบ ransomware จากกลุ่มรัสเซีย ➡️ เป้าหมายหลักคือองค์กรที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างชื่อในวงการแฮกเกอร์ ➡️ รัฐบาลหวังผลสำรวจจะกระตุ้นให้ปรับปรุงระบบความปลอดภัย ➡️ หลายองค์กรยังไม่มีมาตรการป้องกันที่ทันสมัย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การโจมตีทางไซเบอร์ในปี 2025 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคการศึกษา ➡️ Ransomware เป็นภัยที่ทำให้ระบบหยุดชะงักและเรียกค่าไถ่สูง ➡️ การโจมตีแบบ supply chain ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ➡️ การใช้ AI ในการสร้าง phishing email ทำให้การหลอกลวงมีความสมจริงมากขึ้น ➡️ การขาดบุคลากรด้าน cybersecurity เป็นปัญหาใหญ่ในองค์กรขนาดเล็ก https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/cyberattacks-hit-91-percent-of-universities-and-43-percent-of-businesses-in-last-12-months-in-the-uk-survey-suggests-more-than-600-000-businesses-61-000-charities-affected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิตาลี สเปน และตุรกี ถอนการคุ้มครองขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่จะเข้าสู่น่านน้ำของกาซา โดยอ้างเหตุผลไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหาร และไม่ต้องการเผชิญหน้ากับกองกำลังอิสราเอล!

    ทั้งอิตาลี สเปน และตุรกี ประกาศยุติบทบาทการคุ้มกัน ขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่ขบวนเรือทั้งหมดจะถูกกองกำลังอิสราเอลเข้าสกัดกั้น

    อิตาลี ได้แจ้งอย่างชัดเจนว่าเรือฟริเกตที่ส่งมาจะยุติการคุ้มครองขบวนเรือเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งกาซาในระยะ 150 ไมล์ทะเล (ประมาณ 278 กม.) เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางการทูตกับอิสราเอล

    สเปน ระบุว่าเรือรบที่ส่งมามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือและกู้ภัยกองเรือ "Global Sumud Flotilla" กรณีเหตุจำเป็นเท่านั้น และจะไม่เข้าไปในทะเลที่อิสราเอลกำหนดไว้

    ตุรกี แม้ว่าจะไม่ได้ส่งเรือรบไปคุ้มกันในภารกิจนี้เหมือนอิตาลีและสเปน แต่บทบาทของตุรกีคือการให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนการเฝ้าระวัง ซึ่งได้ถอนตัวออกไปในช่วงเวลาเดียวกัน

    นอกจากนี้ ประเทศทั้งสามยังเรียกร้องให้นักเคลื่อนไหวของขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" หันหลังกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอิสราเอลอีกด้วย
    อิตาลี สเปน และตุรกี ถอนการคุ้มครองขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่จะเข้าสู่น่านน้ำของกาซา โดยอ้างเหตุผลไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหาร และไม่ต้องการเผชิญหน้ากับกองกำลังอิสราเอล! ทั้งอิตาลี สเปน และตุรกี ประกาศยุติบทบาทการคุ้มกัน ขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ก่อนที่ขบวนเรือทั้งหมดจะถูกกองกำลังอิสราเอลเข้าสกัดกั้น 👉อิตาลี ได้แจ้งอย่างชัดเจนว่าเรือฟริเกตที่ส่งมาจะยุติการคุ้มครองขบวนเรือเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งกาซาในระยะ 150 ไมล์ทะเล (ประมาณ 278 กม.) เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางการทูตกับอิสราเอล 👉สเปน ระบุว่าเรือรบที่ส่งมามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือและกู้ภัยกองเรือ "Global Sumud Flotilla" กรณีเหตุจำเป็นเท่านั้น และจะไม่เข้าไปในทะเลที่อิสราเอลกำหนดไว้ 👉ตุรกี แม้ว่าจะไม่ได้ส่งเรือรบไปคุ้มกันในภารกิจนี้เหมือนอิตาลีและสเปน แต่บทบาทของตุรกีคือการให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุนการเฝ้าระวัง ซึ่งได้ถอนตัวออกไปในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ประเทศทั้งสามยังเรียกร้องให้นักเคลื่อนไหวของขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" หันหลังกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอิสราเอลอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องหั่นมันฝรั่ง หั่นมันแกวทำเฟรนช์ฟรายส์
    นวัตกรรมใหม่! หั่น มันแกว ให้เป็นแท่งสวยเป๊ะเหมือนเฟรนช์ฟรายส์ ด้วย เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) จาก ย.ย่งฮะเฮง!

    ใครว่าเครื่องหั่นมันฝรั่งจะหั่นได้แต่มันฝรั่ง? วันนี้เรามีไอเดียสุดว้าว! เปลี่ยนเมนูธรรมดาให้พิเศษ
    อัปเกรดธุรกิจของคุณด้วย เครื่องหั่นมันฝรั่งที่หั่นวัตถุดิบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

    มันแกวทอด/อบกรอบ: เมนูทานเล่นใหม่ ๆ เพื่อสุขภาพ
    มันฝรั่งแท่ง: เฟรนช์ฟรายส์มาตรฐานสากล
    กระชาย/ขิง/แครอท: สำหรับธุรกิจสมุนไพรและอาหารแปรรูป

    จุดเด่นที่ทำให้คุณไม่ควรพลาด:
    อเนกประสงค์ : หั่นได้หลากหลายกว่าที่คิด ตั้งแต่มันแกวถึงกระชาย!
    ชิ้นงานสม่ำเสมอ: ปรับความหนาได้ตามต้องการ ได้ชิ้นงานสวยเท่ากันทุกแท่ง
    ผลิตเร็วแรงสูง: กำลังการผลิต 100-300 KG/H ประหยัดเวลาแรงงานไปได้เยอะ!
    อย่าปล่อยให้การหั่นช้าทำให้ธุรกิจสะดุด! ลงทุนครั้งเดียว คุ้มค่าระยะยาว!

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันแกว #มันแกวเฟรนช์ฟรายส์ #เฟรนช์ฟรายส์ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #เครื่องหั่นผักอเนกประสงค์ #เครื่องหั่นผลไม้ #เครื่องหั่นกระชาย #เครื่องหั่นขิง #ธุรกิจอาหาร #ร้านอาหาร #โรงงานแปรรูป #อาหารแช่แข็ง #อาหารแปรรูป #วัตถุดิบสดใหม่ #อุปกรณ์ครัว #ลดต้นทุน #เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต #ลงทุนธุรกิจ #ครัวมืออาชีพ #ของดีบอกต่อ #ทำอาหารขาย #สินค้าพร้อมส่ง #เครื่องจักรนำเข้า
    🥔🍠 เครื่องหั่นมันฝรั่ง หั่นมันแกวทำเฟรนช์ฟรายส์ 🍟✨ ✨ นวัตกรรมใหม่! หั่น มันแกว ให้เป็นแท่งสวยเป๊ะเหมือนเฟรนช์ฟรายส์ ด้วย เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) จาก ย.ย่งฮะเฮง! 🚀 ใครว่าเครื่องหั่นมันฝรั่งจะหั่นได้แต่มันฝรั่ง? 🧐 วันนี้เรามีไอเดียสุดว้าว! เปลี่ยนเมนูธรรมดาให้พิเศษ ✨ อัปเกรดธุรกิจของคุณด้วย เครื่องหั่นมันฝรั่งที่หั่นวัตถุดิบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น มันแกวทอด/อบกรอบ: เมนูทานเล่นใหม่ ๆ เพื่อสุขภาพ 💚 มันฝรั่งแท่ง: เฟรนช์ฟรายส์มาตรฐานสากล 🍟 กระชาย/ขิง/แครอท: สำหรับธุรกิจสมุนไพรและอาหารแปรรูป 🥕 ✅ จุดเด่นที่ทำให้คุณไม่ควรพลาด: อเนกประสงค์ 💯: หั่นได้หลากหลายกว่าที่คิด ตั้งแต่มันแกวถึงกระชาย! ชิ้นงานสม่ำเสมอ: ปรับความหนาได้ตามต้องการ ได้ชิ้นงานสวยเท่ากันทุกแท่ง ผลิตเร็วแรงสูง: กำลังการผลิต 100-300 KG/H ประหยัดเวลาแรงงานไปได้เยอะ! ⏱️ อย่าปล่อยให้การหั่นช้าทำให้ธุรกิจสะดุด! 🛠️ ลงทุนครั้งเดียว คุ้มค่าระยะยาว! 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันแกว #มันแกวเฟรนช์ฟรายส์ #เฟรนช์ฟรายส์ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #เครื่องหั่นผักอเนกประสงค์ #เครื่องหั่นผลไม้ #เครื่องหั่นกระชาย #เครื่องหั่นขิง #ธุรกิจอาหาร #ร้านอาหาร #โรงงานแปรรูป #อาหารแช่แข็ง #อาหารแปรรูป #วัตถุดิบสดใหม่ #อุปกรณ์ครัว #ลดต้นทุน #เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต #ลงทุนธุรกิจ #ครัวมืออาชีพ #ของดีบอกต่อ #ทำอาหารขาย #สินค้าพร้อมส่ง #เครื่องจักรนำเข้า
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • “iPhone 17e: รุ่นประหยัดที่อาจไม่คุ้มค่าการรอ — เมื่อ Apple ตั้งใจให้คุณเลือกตัวแพง”

    แม้ iPhone 17 จะเปิดตัวไปแล้ว แต่ยังมีรุ่นหนึ่งที่หลายคนรอคอยคือ iPhone 17e ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2026 โดยเป็นรุ่นประหยัดในซีรีส์เดียวกัน อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจากนักวิเคราะห์ชื่อดัง Mark Gurman และข้อมูลจากหลายแหล่งชี้ว่า iPhone 17e อาจไม่คุ้มค่าการรอเท่าไรนัก

    สิ่งที่น่าผิดหวังคือหน้าจอของ iPhone 17e จะยังคงเป็น OLED ขนาด 6.1 นิ้วแบบ 60Hz ซึ่งต่างจาก iPhone 17 ที่ใช้ 120Hz ทำให้การแสดงผลไม่ลื่นไหลเท่ารุ่นหลัก แม้จะมีการปรับดีไซน์ให้ใช้ Dynamic Island แทน notch แบบเดิม แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ระดับสูง

    กล้องหลังยังคงเป็นเลนส์เดียว 48MP เช่นเดียวกับ iPhone 16e และอาจไม่มีฟีเจอร์อย่าง MagSafe หรือ Camera Control ที่มีในรุ่นหลัก ส่วนกล้องหน้าอาจอัปเกรดเป็น 18MP แต่ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด

    ด้านชิปเซ็ต iPhone 17e จะใช้ A19 เช่นเดียวกับ iPhone 17 แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นรุ่น “binned” ที่มี GPU น้อยกว่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ Apple เคยใช้กับ iPhone 16e มาก่อน ส่วนโมเด็มอาจใช้ C1X ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานกว่าเดิม

    ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า Apple ตั้งใจสร้างความแตกต่างระหว่างรุ่นประหยัดกับรุ่นหลักให้ชัดเจนขึ้น เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้เลือกซื้อรุ่นแพงมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคเริ่มมองหาความคุ้มค่าและฟีเจอร์ที่ครบถ้วน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    iPhone 17e คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2026
    ใช้หน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว แบบ 60Hz ต่างจาก iPhone 17 ที่ใช้ 120Hz
    ดีไซน์ใหม่ใช้ Dynamic Island แทน notch แบบเดิม
    กล้องหลังยังคงเป็นเลนส์เดียว 48MP เช่นเดียวกับ iPhone 16e
    กล้องหน้าอาจอัปเกรดเป็น 18MP จากเดิม 12MP
    ใช้ชิป A19 เหมือน iPhone 17 แต่คาดว่าจะมี GPU น้อยกว่า
    โมเด็มอาจใช้ C1X ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานกว่า C1
    ไม่มีฟีเจอร์ MagSafe และ Camera Control เพื่อแยกรุ่นประหยัดออกจากรุ่นหลัก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    A19 เป็นชิปที่รองรับการประมวลผล AI และการใช้งานระยะยาวได้ดี
    Dynamic Island เริ่มใช้ใน iPhone 14 Pro และขยายสู่รุ่นทั่วไปใน iPhone 15
    C1X โมเด็มใหม่มีความเร็วสูงขึ้น 2 เท่า และใช้พลังงานน้อยลง 30%
    Apple เคยใช้ชิปรุ่น “binned” ใน iPhone SE และรุ่น “e” เพื่อควบคุมต้นทุน
    iPhone 17 มีหน้าจอ 6.3 นิ้ว และกล้องคู่ ทำให้แตกต่างจากรุ่น 17e อย่างชัดเจน

    https://www.techradar.com/phones/iphone/the-iphone-17e-might-not-be-worth-waiting-for-heres-why
    📱 “iPhone 17e: รุ่นประหยัดที่อาจไม่คุ้มค่าการรอ — เมื่อ Apple ตั้งใจให้คุณเลือกตัวแพง” แม้ iPhone 17 จะเปิดตัวไปแล้ว แต่ยังมีรุ่นหนึ่งที่หลายคนรอคอยคือ iPhone 17e ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2026 โดยเป็นรุ่นประหยัดในซีรีส์เดียวกัน อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจากนักวิเคราะห์ชื่อดัง Mark Gurman และข้อมูลจากหลายแหล่งชี้ว่า iPhone 17e อาจไม่คุ้มค่าการรอเท่าไรนัก สิ่งที่น่าผิดหวังคือหน้าจอของ iPhone 17e จะยังคงเป็น OLED ขนาด 6.1 นิ้วแบบ 60Hz ซึ่งต่างจาก iPhone 17 ที่ใช้ 120Hz ทำให้การแสดงผลไม่ลื่นไหลเท่ารุ่นหลัก แม้จะมีการปรับดีไซน์ให้ใช้ Dynamic Island แทน notch แบบเดิม แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ระดับสูง กล้องหลังยังคงเป็นเลนส์เดียว 48MP เช่นเดียวกับ iPhone 16e และอาจไม่มีฟีเจอร์อย่าง MagSafe หรือ Camera Control ที่มีในรุ่นหลัก ส่วนกล้องหน้าอาจอัปเกรดเป็น 18MP แต่ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด ด้านชิปเซ็ต iPhone 17e จะใช้ A19 เช่นเดียวกับ iPhone 17 แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นรุ่น “binned” ที่มี GPU น้อยกว่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ Apple เคยใช้กับ iPhone 16e มาก่อน ส่วนโมเด็มอาจใช้ C1X ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานกว่าเดิม ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า Apple ตั้งใจสร้างความแตกต่างระหว่างรุ่นประหยัดกับรุ่นหลักให้ชัดเจนขึ้น เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้เลือกซื้อรุ่นแพงมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคเริ่มมองหาความคุ้มค่าและฟีเจอร์ที่ครบถ้วน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ iPhone 17e คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2026 ➡️ ใช้หน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว แบบ 60Hz ต่างจาก iPhone 17 ที่ใช้ 120Hz ➡️ ดีไซน์ใหม่ใช้ Dynamic Island แทน notch แบบเดิม ➡️ กล้องหลังยังคงเป็นเลนส์เดียว 48MP เช่นเดียวกับ iPhone 16e ➡️ กล้องหน้าอาจอัปเกรดเป็น 18MP จากเดิม 12MP ➡️ ใช้ชิป A19 เหมือน iPhone 17 แต่คาดว่าจะมี GPU น้อยกว่า ➡️ โมเด็มอาจใช้ C1X ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานกว่า C1 ➡️ ไม่มีฟีเจอร์ MagSafe และ Camera Control เพื่อแยกรุ่นประหยัดออกจากรุ่นหลัก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ A19 เป็นชิปที่รองรับการประมวลผล AI และการใช้งานระยะยาวได้ดี ➡️ Dynamic Island เริ่มใช้ใน iPhone 14 Pro และขยายสู่รุ่นทั่วไปใน iPhone 15 ➡️ C1X โมเด็มใหม่มีความเร็วสูงขึ้น 2 เท่า และใช้พลังงานน้อยลง 30% ➡️ Apple เคยใช้ชิปรุ่น “binned” ใน iPhone SE และรุ่น “e” เพื่อควบคุมต้นทุน ➡️ iPhone 17 มีหน้าจอ 6.3 นิ้ว และกล้องคู่ ทำให้แตกต่างจากรุ่น 17e อย่างชัดเจน https://www.techradar.com/phones/iphone/the-iphone-17e-might-not-be-worth-waiting-for-heres-why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Athlon 3000G กลับมาอีกครั้งในปี 2025 — ซีพียู Zen รุ่นเล็กที่ยังไม่ยอมเกษียณ พร้อมแพ็กเกจใหม่และพัดลมอัปเกรด”

    แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 แต่ AMD ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ Athlon 3000G หายไปจากตลาด ล่าสุดในปี 2025 มีการรีลอนช์ซีพียูรุ่นนี้อีกครั้งในญี่ปุ่น ด้วยแพ็กเกจใหม่และพัดลม Wraith รุ่นปรับปรุง โดยใช้หมายเลขชิ้นส่วน YD3000C6FHSBX ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวอร์ชันที่ใช้ “Dali die” — สถาปัตยกรรมที่แยกออกมาจาก Raven Ridge และผลิตด้วยกระบวนการ 14nm เช่นเดิม

    Athlon 3000G เป็นซีพียูแบบ dual-core ที่ปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก มี 4 threads, L3 cache ขนาด 4MB, TDP 35W และความเร็วพื้นฐาน 3.5GHz พร้อมกราฟิกในตัว Vega 3 ที่มี 192 คอร์ และความเร็ว 1.1GHz แม้จะเป็นรุ่นเล็ก แต่ก็ยังสามารถใช้งานทั่วไปได้ดี โดยเฉพาะในงานสำนักงานหรือเครื่อง HTPC

    สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะเป็นซีพียู AM4 แต่ Athlon 3000G ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดชิปเซ็ต B550 และ A520 ได้ในหลายกรณี เนื่องจากพื้นที่เฟิร์มแวร์ของเมนบอร์ดรุ่นใหม่ไม่รองรับซีพียูเก่าอย่างเต็มรูปแบบ และบางรุ่นไม่มี microcode สำหรับรุ่นนี้เลย

    AMD ไม่ใช่รายเดียวที่ใช้กลยุทธ์รีลอนช์ซีพียูเก่า — Intel ก็เพิ่งเปิดตัว Core i5-110 ที่ใช้สถาปัตยกรรม Comet Lake 14nm เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีความต้องการซีพียูราคาประหยัดสำหรับงานพื้นฐานอยู่เสมอ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD รีลอนช์ Athlon 3000G ในปี 2025 พร้อมแพ็กเกจใหม่และพัดลม Wraith รุ่นปรับปรุง
    ใช้ Dali die ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแยกจาก Raven Ridge แต่ยังอยู่บนกระบวนการผลิต 14nm
    สเปกหลัก: 2 คอร์ 4 เธรด, L3 cache 4MB, TDP 35W, ความเร็ว 3.5GHz
    มาพร้อม iGPU Vega 3: 192 คอร์, ความเร็ว 1.1GHz

    ความเคลื่อนไหวในตลาด
    วางจำหน่ายในญี่ปุ่นที่ราคา ¥5,790 หรือประมาณ $40
    AMD เคยเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ในปี 2023 โดยใช้ die Dali เช่นกัน
    Intel ก็ใช้กลยุทธ์คล้ายกันกับ Core i5-110 ที่ใช้สถาปัตยกรรมเก่า
    Ryzen 5 5500X3D และ 5600F ก็เป็นตัวอย่างของซีพียูที่ล็อกเฉพาะภูมิภาค

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Athlon 3000G มีหลายเวอร์ชัน เช่น Raven Ridge และ Picasso ซึ่งอาจมีผลต่อการรองรับ Windows 11
    บางเวอร์ชันมี CPUID ต่างกัน ทำให้การตรวจสอบผ่าน CPU-Z อาจแสดงผลไม่ตรงกัน2
    Dali die มีเพียง 2 คอร์จริง ต่างจาก Raven Ridge ที่มี 4 คอร์แต่ปิดไป 2 คอร์
    Vega 3 iGPU ยังสามารถใช้งานทั่วไปได้ดี แม้จะไม่เหมาะกับเกมหนัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-relaunches-usd40-athlon-3000g-cpu-with-new-packaging-and-cooler-zen-refuses-to-retire-even-in-2025
    🧊 “Athlon 3000G กลับมาอีกครั้งในปี 2025 — ซีพียู Zen รุ่นเล็กที่ยังไม่ยอมเกษียณ พร้อมแพ็กเกจใหม่และพัดลมอัปเกรด” แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 แต่ AMD ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ Athlon 3000G หายไปจากตลาด ล่าสุดในปี 2025 มีการรีลอนช์ซีพียูรุ่นนี้อีกครั้งในญี่ปุ่น ด้วยแพ็กเกจใหม่และพัดลม Wraith รุ่นปรับปรุง โดยใช้หมายเลขชิ้นส่วน YD3000C6FHSBX ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวอร์ชันที่ใช้ “Dali die” — สถาปัตยกรรมที่แยกออกมาจาก Raven Ridge และผลิตด้วยกระบวนการ 14nm เช่นเดิม Athlon 3000G เป็นซีพียูแบบ dual-core ที่ปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก มี 4 threads, L3 cache ขนาด 4MB, TDP 35W และความเร็วพื้นฐาน 3.5GHz พร้อมกราฟิกในตัว Vega 3 ที่มี 192 คอร์ และความเร็ว 1.1GHz แม้จะเป็นรุ่นเล็ก แต่ก็ยังสามารถใช้งานทั่วไปได้ดี โดยเฉพาะในงานสำนักงานหรือเครื่อง HTPC สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะเป็นซีพียู AM4 แต่ Athlon 3000G ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดชิปเซ็ต B550 และ A520 ได้ในหลายกรณี เนื่องจากพื้นที่เฟิร์มแวร์ของเมนบอร์ดรุ่นใหม่ไม่รองรับซีพียูเก่าอย่างเต็มรูปแบบ และบางรุ่นไม่มี microcode สำหรับรุ่นนี้เลย AMD ไม่ใช่รายเดียวที่ใช้กลยุทธ์รีลอนช์ซีพียูเก่า — Intel ก็เพิ่งเปิดตัว Core i5-110 ที่ใช้สถาปัตยกรรม Comet Lake 14nm เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีความต้องการซีพียูราคาประหยัดสำหรับงานพื้นฐานอยู่เสมอ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD รีลอนช์ Athlon 3000G ในปี 2025 พร้อมแพ็กเกจใหม่และพัดลม Wraith รุ่นปรับปรุง ➡️ ใช้ Dali die ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแยกจาก Raven Ridge แต่ยังอยู่บนกระบวนการผลิต 14nm ➡️ สเปกหลัก: 2 คอร์ 4 เธรด, L3 cache 4MB, TDP 35W, ความเร็ว 3.5GHz ➡️ มาพร้อม iGPU Vega 3: 192 คอร์, ความเร็ว 1.1GHz ✅ ความเคลื่อนไหวในตลาด ➡️ วางจำหน่ายในญี่ปุ่นที่ราคา ¥5,790 หรือประมาณ $40 ➡️ AMD เคยเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ในปี 2023 โดยใช้ die Dali เช่นกัน ➡️ Intel ก็ใช้กลยุทธ์คล้ายกันกับ Core i5-110 ที่ใช้สถาปัตยกรรมเก่า ➡️ Ryzen 5 5500X3D และ 5600F ก็เป็นตัวอย่างของซีพียูที่ล็อกเฉพาะภูมิภาค ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Athlon 3000G มีหลายเวอร์ชัน เช่น Raven Ridge และ Picasso ซึ่งอาจมีผลต่อการรองรับ Windows 11 ➡️ บางเวอร์ชันมี CPUID ต่างกัน ทำให้การตรวจสอบผ่าน CPU-Z อาจแสดงผลไม่ตรงกัน2 ➡️ Dali die มีเพียง 2 คอร์จริง ต่างจาก Raven Ridge ที่มี 4 คอร์แต่ปิดไป 2 คอร์ ➡️ Vega 3 iGPU ยังสามารถใช้งานทั่วไปได้ดี แม้จะไม่เหมาะกับเกมหนัก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-relaunches-usd40-athlon-3000g-cpu-with-new-packaging-and-cooler-zen-refuses-to-retire-even-in-2025
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD relaunches $40 dual-core Athlon 3000G CPU with new packaging and cooler — Zen refuses to retire even in 2025
    Despite being an AM4 CPU, stores have warned that the chip is not compatible with B550 and A520 chipset AM4 motherboards.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,มโนเล่น ไม่ใช่อะไรหรอก แบงค์เอกชนมันหามุกไม่ให้ประชาชนถอนตัง,เพราะตังในแบงค์มันมีไม่พอถอน,สาเหตุโอนตังให้deep state พ่อแม่มันไปต่างประเทศหมด,เงินสดบาทไทยจึงไม่มีเหลือน้อย,ขาดสภาพคล่อง รอเติม ระหว่างรอหาเรื่องสตอรี่อายัดตังประชาชนเลย555.,บาทไทยทั้งอาเชียนใช้กันตรึม ภายในประเทศจึงมีเหลือน้อย.ต้องรีบพิมพ์เพิ่มแต่ต้องรอเวลาสักหน่อย.,แบบอ้างขนทองคำออกนอกประเทศจริงๆก็อยู่ในประเทศไทยนี้ล่ะ ปั่นใบทองคำ โอนไปโอนมาแบบใบซื้อขายน้ำมันอ้างนำเข้านั่นล่ะ,ตัวน้ำมันจริงๆลอยลำแหลมฉบังนี้ล่ะ,แค่เอกสารมันปั่นไปมาแค่นั้น,แล้วตังเงินบาทก็ออกนอกประเทศสำเร็จนั่นเอง.
    ..บัญชีม้าก็อายัดแค่ตัวบัญชีม้าก็ได้ ของใครมันต้นทางก็พอ,ปลายทางแม้เกี่ยวก็น้อยราย,ต่างจากตังควอนตัม สามารถล็อกแบบบล็อคเช็นเบอร์เลขอ้างอิงสัญลักษณ์ตังดิจิดัลเฉพาะรายการที่ผิดปกติได้,ซึ่งแบงค์ชาติอายัดรายการนั้นๆลำบากแน่นอน แต่ก็สามารถทำได้ เช่นบัญชีม้าปั่นฟอกตังได้ตังกว่าล้านบาท แสนแรกไปซื้อรถมอไซค์โอนตังไป,แบงค์พานิชย์หรือแบงค์ชาติอายัดทั้งบัญชีม้าต้นทางก่อนแล้วตามอายัดเฉพาะตัง1แสนบาทนั้นทีหลังได้,เฉพาะรายการ1แสนบาทนั้นได้แค่นั้น ,แล้วตรวจสอบว่าสมควรเป็นธุรกรรมยกผลประโยชน์ให้ผู้ขายด้วยชอบธรรมมั้ยหรือไม่ ก็ดุลยพินิจแล้วประกอบพิจารณามิจฉาชีพร่วมกันด้วยมั้ยประกอบ ,พิจารณาแล้วมิใช่มิจฉาชีพร่วมขบวนการด้วยก็สามารถผ่อนคลายให้เป็นตังของคนค้าขายอย่างสุจริตทางอาชีะได้ก็อายัดแค่9แสนของบัญชีม้าเข้าส่วนกลางของรัฐต่อไปได้,คลายอายัดรายการนั้นๆ,มิใช่อายัดทั้งบัญชีตังของบุคคลนั้นๆเช่นค้าขายผักผลไม้เขียงหมูปลามีตังในบัญชีปกติที่5ล้านหมุนเวียนในธุรกิจเขาเสือกอายัดทั้งบัญชีก็ใช้ไม่ได้,อายัดแค่ตัง1แสนบาทนั้นก็พอ,5ล้านก็ใช้ได้ปกติ,แต่สามารถสืบสวนเชื่อมโยงที่ผิดปกติภายหลังได้ หากตรวจสอบแล้วมาแก๊งเดียวกันก็ค่อยอายัดทั้งหมดภายหลังและอายัดตังที่โอนต่อๆไปได้อีกด้วย ถึงใครก้อน1แสน2แสนโอนไปก็สิ้นสุดที่คนสุดท้ายนั้น,,เป้าหมายบัญชีม้าก็ปิดบัญชีเสร็จ.
    ..ระบบเราอาจตามรายการปลีกย่อยลักษณะนี้ลำบากไม่ได้ เพราะบิ๊กดาต้าเครือข่ายแบงค์ต้องมากต่อการประมวลผลเชื่อมบล็อคเชนแต่ละรายการได้เยี่ยม แอปAIนั้นต้องพร้อมรองรับ,มาตราฐานจึงอัพเลเวลอย่างเดี่ยว,ปัจจุบันแบงค์ชาติใช้ระบบควอนตัมแล้วจึงมีบาทคอยน์ได้,ISO20022หรือเปล่านะ,แบงค์พานิชย์ก็ทดลองระบบแล้วนีั,ปิดทำการๆกันๆที่เราๆได้ยินข่าวว่าปรับปรุงระบบนั้นล่ะ,สู่ควอนตัมiso20022ทางการเงินก็ว่า,ฮับการเงินโลกคือไทยนี้ก็ว่าอีก,แต่ละชาติย้ายฐานบิ๊กดาต้ามาไทยแล้ว,ศูนย์กลางการเงินโลกคือไทย มิใช่หยวนจีนแต่คือไทยเชื่อเถอะ,อเมริกาไม่ยอมรับหยวนหรอก บาทไทยอาจยอมรับกว่า,จีนก็ยอมรับบาทไทย ไม่เอาดอลล่าร์อเมริกาอีกต่อไป ส่วนbricsหากมองจริงๆคือกลุ่มฐานภาคีเครือข่ายการตลาดทวีปยุคใหม่ดีกว่า,ที่ไม่เอายุโรปและอเมริกา,เผลอๆbricsประชุมตกลงกันว่าให้บาทไทยเป็นสกุลเงินมาตราฐานโลก,แบบลาว พม่า เขมร เวียดนาม ใช้บาทไทยแทนใช้ตังตนเองแลกเปลี่ยนใช้จ่ายก็ว่า.,อาเชียนใช้บาทไทยยืนหนึ่งนั้นเอง,มีพลังมีอัตลักษณ์ระดับโลกได้,จักรวาลอื่นมาค้าขายแลกเปลี่ยนเวลาพูดถึงเงินบาทก็นึกถึงว่ามาจากโลกในนี้นั้นเอง,ตัวแทนหน้าตาของโลกก็ว่า.,

    https://youtube.com/watch?v=FxsSFyE4MNM&si=10BOAUDh8e8L4GF5
    555,มโนเล่น ไม่ใช่อะไรหรอก แบงค์เอกชนมันหามุกไม่ให้ประชาชนถอนตัง,เพราะตังในแบงค์มันมีไม่พอถอน,สาเหตุโอนตังให้deep state พ่อแม่มันไปต่างประเทศหมด,เงินสดบาทไทยจึงไม่มีเหลือน้อย,ขาดสภาพคล่อง รอเติม ระหว่างรอหาเรื่องสตอรี่อายัดตังประชาชนเลย555.,บาทไทยทั้งอาเชียนใช้กันตรึม ภายในประเทศจึงมีเหลือน้อย.ต้องรีบพิมพ์เพิ่มแต่ต้องรอเวลาสักหน่อย.,แบบอ้างขนทองคำออกนอกประเทศจริงๆก็อยู่ในประเทศไทยนี้ล่ะ ปั่นใบทองคำ โอนไปโอนมาแบบใบซื้อขายน้ำมันอ้างนำเข้านั่นล่ะ,ตัวน้ำมันจริงๆลอยลำแหลมฉบังนี้ล่ะ,แค่เอกสารมันปั่นไปมาแค่นั้น,แล้วตังเงินบาทก็ออกนอกประเทศสำเร็จนั่นเอง. ..บัญชีม้าก็อายัดแค่ตัวบัญชีม้าก็ได้ ของใครมันต้นทางก็พอ,ปลายทางแม้เกี่ยวก็น้อยราย,ต่างจากตังควอนตัม สามารถล็อกแบบบล็อคเช็นเบอร์เลขอ้างอิงสัญลักษณ์ตังดิจิดัลเฉพาะรายการที่ผิดปกติได้,ซึ่งแบงค์ชาติอายัดรายการนั้นๆลำบากแน่นอน แต่ก็สามารถทำได้ เช่นบัญชีม้าปั่นฟอกตังได้ตังกว่าล้านบาท แสนแรกไปซื้อรถมอไซค์โอนตังไป,แบงค์พานิชย์หรือแบงค์ชาติอายัดทั้งบัญชีม้าต้นทางก่อนแล้วตามอายัดเฉพาะตัง1แสนบาทนั้นทีหลังได้,เฉพาะรายการ1แสนบาทนั้นได้แค่นั้น ,แล้วตรวจสอบว่าสมควรเป็นธุรกรรมยกผลประโยชน์ให้ผู้ขายด้วยชอบธรรมมั้ยหรือไม่ ก็ดุลยพินิจแล้วประกอบพิจารณามิจฉาชีพร่วมกันด้วยมั้ยประกอบ ,พิจารณาแล้วมิใช่มิจฉาชีพร่วมขบวนการด้วยก็สามารถผ่อนคลายให้เป็นตังของคนค้าขายอย่างสุจริตทางอาชีะได้ก็อายัดแค่9แสนของบัญชีม้าเข้าส่วนกลางของรัฐต่อไปได้,คลายอายัดรายการนั้นๆ,มิใช่อายัดทั้งบัญชีตังของบุคคลนั้นๆเช่นค้าขายผักผลไม้เขียงหมูปลามีตังในบัญชีปกติที่5ล้านหมุนเวียนในธุรกิจเขาเสือกอายัดทั้งบัญชีก็ใช้ไม่ได้,อายัดแค่ตัง1แสนบาทนั้นก็พอ,5ล้านก็ใช้ได้ปกติ,แต่สามารถสืบสวนเชื่อมโยงที่ผิดปกติภายหลังได้ หากตรวจสอบแล้วมาแก๊งเดียวกันก็ค่อยอายัดทั้งหมดภายหลังและอายัดตังที่โอนต่อๆไปได้อีกด้วย ถึงใครก้อน1แสน2แสนโอนไปก็สิ้นสุดที่คนสุดท้ายนั้น,,เป้าหมายบัญชีม้าก็ปิดบัญชีเสร็จ. ..ระบบเราอาจตามรายการปลีกย่อยลักษณะนี้ลำบากไม่ได้ เพราะบิ๊กดาต้าเครือข่ายแบงค์ต้องมากต่อการประมวลผลเชื่อมบล็อคเชนแต่ละรายการได้เยี่ยม แอปAIนั้นต้องพร้อมรองรับ,มาตราฐานจึงอัพเลเวลอย่างเดี่ยว,ปัจจุบันแบงค์ชาติใช้ระบบควอนตัมแล้วจึงมีบาทคอยน์ได้,ISO20022หรือเปล่านะ,แบงค์พานิชย์ก็ทดลองระบบแล้วนีั,ปิดทำการๆกันๆที่เราๆได้ยินข่าวว่าปรับปรุงระบบนั้นล่ะ,สู่ควอนตัมiso20022ทางการเงินก็ว่า,ฮับการเงินโลกคือไทยนี้ก็ว่าอีก,แต่ละชาติย้ายฐานบิ๊กดาต้ามาไทยแล้ว,ศูนย์กลางการเงินโลกคือไทย มิใช่หยวนจีนแต่คือไทยเชื่อเถอะ,อเมริกาไม่ยอมรับหยวนหรอก บาทไทยอาจยอมรับกว่า,จีนก็ยอมรับบาทไทย ไม่เอาดอลล่าร์อเมริกาอีกต่อไป ส่วนbricsหากมองจริงๆคือกลุ่มฐานภาคีเครือข่ายการตลาดทวีปยุคใหม่ดีกว่า,ที่ไม่เอายุโรปและอเมริกา,เผลอๆbricsประชุมตกลงกันว่าให้บาทไทยเป็นสกุลเงินมาตราฐานโลก,แบบลาว พม่า เขมร เวียดนาม ใช้บาทไทยแทนใช้ตังตนเองแลกเปลี่ยนใช้จ่ายก็ว่า.,อาเชียนใช้บาทไทยยืนหนึ่งนั้นเอง,มีพลังมีอัตลักษณ์ระดับโลกได้,จักรวาลอื่นมาค้าขายแลกเปลี่ยนเวลาพูดถึงเงินบาทก็นึกถึงว่ามาจากโลกในนี้นั้นเอง,ตัวแทนหน้าตาของโลกก็ว่า., https://youtube.com/watch?v=FxsSFyE4MNM&si=10BOAUDh8e8L4GF5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค้นบ้านอดีตเมียกำนันลี พบปืน 4 กระบอก : [NEWS UPDATE]
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สนธิกำลังตรวจค้นในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว หลังได้รับเบาะแสว่ามีโกดังขนาดใหญ่ ลักลอบค้าขายสินค้าข้ามแดนผิดกฎหมาย โดยตรวจค้นครั้งแรกที่โกดังไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย พบน้ำดื่มบรรจุแพ็กและลังน้ำผลไม้ จากนั้นขยายผลตรวจค้นบ้านเลขที่ 30 หมู่ 3 ตำบลโนนหมากมุ่น ซึ่งอยู่ห่างจุดตรวจ ตชด.40 บ้านหนองจานเพียง 100 เมตร พบอาวุธปืน 4 กระบอก พร้อมใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ได้แก่ ปืนยาว BROWNING ขนาด.22 จำนวน 1 กระบอก (ชื่อผู้ครอบครอง นางทองลัด กันหา), อาวุธปืนสั้น SMITH & WESSON ขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก (ชื่อผู้ครอบครอง นางทองลัด กันหา), อาวุธปืนยาว CZ ขนาด.22 จำนวน 1 กระบอก (ชื่อผู้ครอบครอง นายประทิศ ญาณปัญญา บุตรชายนางทองลัด), อาวุธปืนสั้น CZ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก (ชื่อผู้ครอบครอง นายประทิศ ญาณปัญญา บุตรชายนางทองลัด) เจ้าหน้าที่ยังพบภาพถ่ายของ "กำนันลี" อดีตสามีนางทองลัด ซึ่งเป็นอดีตทหารกัมพูชา ติดอยู่ในบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำไปประกอบการสืบสวนสอบสวนต่อไป


    กัมพูชาละเมิดหยุดยิงซ้ำๆ

    ที่ดินเขากระโดงไม่ต้มคนดู

    เงินวัดบางคลานหาย 30 ล้าน

    ลดอายุความผิดอาญาเด็ก
    ค้นบ้านอดีตเมียกำนันลี พบปืน 4 กระบอก : [NEWS UPDATE] ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สนธิกำลังตรวจค้นในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว หลังได้รับเบาะแสว่ามีโกดังขนาดใหญ่ ลักลอบค้าขายสินค้าข้ามแดนผิดกฎหมาย โดยตรวจค้นครั้งแรกที่โกดังไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย พบน้ำดื่มบรรจุแพ็กและลังน้ำผลไม้ จากนั้นขยายผลตรวจค้นบ้านเลขที่ 30 หมู่ 3 ตำบลโนนหมากมุ่น ซึ่งอยู่ห่างจุดตรวจ ตชด.40 บ้านหนองจานเพียง 100 เมตร พบอาวุธปืน 4 กระบอก พร้อมใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ได้แก่ ปืนยาว BROWNING ขนาด.22 จำนวน 1 กระบอก (ชื่อผู้ครอบครอง นางทองลัด กันหา), อาวุธปืนสั้น SMITH & WESSON ขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก (ชื่อผู้ครอบครอง นางทองลัด กันหา), อาวุธปืนยาว CZ ขนาด.22 จำนวน 1 กระบอก (ชื่อผู้ครอบครอง นายประทิศ ญาณปัญญา บุตรชายนางทองลัด), อาวุธปืนสั้น CZ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก (ชื่อผู้ครอบครอง นายประทิศ ญาณปัญญา บุตรชายนางทองลัด) เจ้าหน้าที่ยังพบภาพถ่ายของ "กำนันลี" อดีตสามีนางทองลัด ซึ่งเป็นอดีตทหารกัมพูชา ติดอยู่ในบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำไปประกอบการสืบสวนสอบสวนต่อไป กัมพูชาละเมิดหยุดยิงซ้ำๆ ที่ดินเขากระโดงไม่ต้มคนดู เงินวัดบางคลานหาย 30 ล้าน ลดอายุความผิดอาญาเด็ก
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 723 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • วันนี้เพิ่งสังเกต พื้นถนนตรงป้ายรถเมล์ ที่ถนนลาดพร้าว ทาสีเหลืองบอกว่านี้คือพื้นที่รถเมล์จอด ถามพวกคุณผู้อ่านชวนคิด 1) คนขับรถเมล์ ไม่รู้หรือว่าจอดป้ายตรงไหน2) พื้นทีถนนมันกว้างหรือยาวขึ้นได้ไหม แตกต่างจากไม่ทาสี3) เงินซื้อสีมาทา และแรงงานทาสี มันมีเหลือมาก แลกความคุ้มค่ากับการนำเงินไปพัฒนาด้านอื่น ที่จำเป็นกว่า การปลูกกล้วยปลูกผัก ผลไม้ ในที่ดินว่าง ต่างๆ แม้กลัวคนทะเลาะแบ่งกัน ก็ยังดีกว่าไม่มีจะกิน หรือช่วยลดค่าใช้จ่ายของคนส่วนมาก4) ทำการสอนวิชาชีพ หรือบริการตัดผม ตัดแว่นตา ยังดีกว่า
    วันนี้เพิ่งสังเกต พื้นถนนตรงป้ายรถเมล์ ที่ถนนลาดพร้าว ทาสีเหลืองบอกว่านี้คือพื้นที่รถเมล์จอด ถามพวกคุณผู้อ่านชวนคิด 1) คนขับรถเมล์ ไม่รู้หรือว่าจอดป้ายตรงไหน2) พื้นทีถนนมันกว้างหรือยาวขึ้นได้ไหม แตกต่างจากไม่ทาสี3) เงินซื้อสีมาทา และแรงงานทาสี มันมีเหลือมาก แลกความคุ้มค่ากับการนำเงินไปพัฒนาด้านอื่น ที่จำเป็นกว่า การปลูกกล้วยปลูกผัก ผลไม้ ในที่ดินว่าง ต่างๆ แม้กลัวคนทะเลาะแบ่งกัน ก็ยังดีกว่าไม่มีจะกิน หรือช่วยลดค่าใช้จ่ายของคนส่วนมาก4) ทำการสอนวิชาชีพ หรือบริการตัดผม ตัดแว่นตา ยังดีกว่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 5
    เมื่อครอบครัว Kenneth กลับมาถึงอเมริกา นาย Kenneth กลับไปทำปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัย Chicago เมื่อได้ปริญญา เขาก็รีบหางาน เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกสะเก็ด งานที่เขาคิดจะทำและน่าจะสมประโยชน์ คือ ไปติดต่อมหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ให้ตั้งแผนก Southeast Asian Studies ด้วยหนังสือที่จะได้รับมาจากกรมพระยาดำรงฯ โดยเขาจะเป็นหัวหน้าแผนกวิชา เขาไปทุกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี ยง เช่น Princeton, Columbia, Yale, Pennsylvania, Harvard และ Chicago ฯลฯ แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้จัก สยาม รู้จักแต่จีนและเวียตนาม ส่วนใหญ่จะรู้จักประเทศที่เป็นอาณานิคม
    มหาวิทยาลัยต่างๆนี้มันอยู่ไกล กันคนละเมือง งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มี แล้วเดินทางได้ยังไง น่าสงสัยจริง แล้วนาย Kenneth ก็สารภาพมาเองว่า ที่เขาสามารถเดินทางไปติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ เพราะเขาได้รับการเงินทุนสนับสนุน จาก the American Council of Learned Societies สมาคมนี้เป็นสมาคมเก่า ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1919 โดยผู้รักการศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางด้านมนุษย์วิทยาและสังคมวิทยา และเน้นหนักทางเอเซียตะวันออกและลาตินอเมริกา ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1930 กว่า สมาคมนี้มีผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ชื่อนาย John D. Rockefeller (เขียนมาถึงตรงนี้ นักอ่านนิทานจมูกไว ร้องอ๋อกันเป็นแถว บอกไม่ต้องอ่านก็ต่อได้ แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว เอาน่า อ่านต่อไปเถอะครับ มันอาจจะมีมากว่าที่นึกก็ได้)
    หมดท่าเข้านาย Kenneth จึงสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ชื่อ Earlham College ในปี ค.ศ. 1939 ขณะเดียวกัน ก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาปรัชญาจีนบ้าง อินเดียบ้าง ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ
    ขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเล่นยิงกันอยู่แถวยุโรป อเมริกายังสงวนท่าที ทำเป็นเฉยไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง วันหนึ่งประมาณปลายปี ค.ศ. 1941 ระหว่างที่ครอบครัว Kenneth ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบแถว Michigan ขณะเขากำลังพายเรืออยู่กับลูกในทะเลสาบ เมียก็มาตะโกนบอกว่า มีโทรศัพท์ถึงเขาจากวอชิงตัน ให้เขาโทรกลับไป นาย Kenneth บอกไม่รู้จักใครเลยที่วอชิงตัน แต่เขาก็โทรกลับไป เขาบอกว่าโทรศัพท์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง (เป็นไปตามแผน !?)
    เมื่อเขาโทรศัพท์ไปที่วอชิงตันตามหมายเลขที่ให้ไว้ คนที่รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นนายพล Donovan และพูดในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดี Roosevelt นาย Kenneth แทบหยุดหายใจ ท่านนายพลต้องการให้นาย Kenneth มากรุงวอชิงตันเดี๋ยวนี้เลย (โอ้พระเจ้า แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง มันเรื่องจริงหรือนี่ นาย Kenneth คงคิดอยู่ในใจ) เพื่อมารายงานเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นและอินโดจีนให้ประธานาธิบดีทราบ
    นาย Kenneth นี้ต้องเป็นคนรอบคอบ (เค็ม !) เอาเรื่อง ขนาดบอกประธานาธิบดีให้ไปพบ เขากลับถามว่าออกค่าใช้จ่ายให้เขาหรือเปล่า และต่อรองเรื่องค่าจ้างก่อนที่จะตอบตกลง เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างได้ เขาจึงตอบตกลงว่าจะไปพบ
    ประธานาธิบดี Roosevelt ต้องการรู้ว่า ญี่ปุ่นมีความคิดเกี่ยวกับอินโดจีนอย่างไร และมีความตั้งใจเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไร และถ้าญี่ปุ่นคิดจะบุกประเทศไทย จะบุกมาทางใดและช่วงเวลาไหน ฯลฯ คำถามแบบนี้ นาย Kenneth บอกหมูสะเต๊ะ เขารู้คำตอบตั้งแต่ก่อนจะถามแล้ว
    เรื่องมันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่านะ นาย Kenneth เล่าว่า เมื่อประธานาธิบดีต้องการรู้เช่น นั้น ลูกน้องก็ตาหูเหลือก ไม่มีใครรู้จักสยามเลย รู้จักญี่ปุ่นนิดหน่อย นาย Donovan (ชื่อเต็มคือนาย William Donovan หรือ Wild Bill Donovan) ซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี ให้เป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์การรบ ก็ต้องไปเดินคลำหาคนที่รู้จักสยาม แห่งแรกที่เขาไป คือ ห้องสมุดรัฐสภา Library of Congress หัวหน้าห้องสมุดชื่อนาย Ernest Griffith บอกว่าที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องสยามกับอินโดจีนหรอก นู่น คุณลองไปถามที่ American Council of Learned Societies ดูซินะ มันพวกคงแก่เรียนทั้งนั้นที่นั่น แหละ ที่เดียวที่น่าจะรู้เรื่อง แหม ! ยังกะล็อคโผ ไปถามหานาย Mortimer Graves นะ เขาคงจะรู้ที่สุดแหละ คำตอบที่นาย Donovan ได้จากนาย Graves ก็คือ น่าจะมีคนเดียวนะ ชื่อนาย Kenneth Landon ไปติดต่อเขาดูแล้วกัน นาย Donovan บอกงั้นเขาจะให้ฝ่ายข่าวกรองตรวจสอบประวัตินาย Landon นี่ก่อน ว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงที่รู้เรื่องสยาม อินโดจีน และญี่ปุ่นหรือเปล่า
    (หมายเหตุคนเล่านิทาน : ผมเพิ่งไปอ่านเจอเอกสารฉบับหนึ่ง บอกว่านาย Donovan เป็นเครือข่ายของพวก CFR ! หน่วยงานที่อยากให้อเมริกา ค้าสงคราม เลยต้องทำความรู้จักเขาหน่อย นาย William J. Donovan จบกฏหมายจากมหาวิทยาลัย Columbia ตอนเรียนหนังสือมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อนาย Franklin Delano Roosevelt เมื่อเรียนจบมา ก่อนเปลี่ยนเข็มไปเป็นทหาร เขาทำอาชีพนักกฏหมายตามที่เรียนมาก่อน ประสพความสำเร็จอย่างสูงจากฝีมือ และฝีปาก ซึ่งดังไปเข้าหูนาย Rockefeller จึงจ้างเขาไปทำงาน “War Relief Mission” ในยุโรป พูดให้เฉพาะก็คือไปอยู่ที่ Belgium ประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อ Brussel ที่เป็นที่ตั้งชุมทางนักล่าชั้น สูง สมาคม Bilderberg นั่นเหละ War Relief หรือ เรียกอีกชื่อว่า American Relief นี้ ไม่รู้ทำอะไรมั่ง จะต้องไปตามสืบต่อ แต่ทำให้นาย Donovan ต้องอยู่แถวยุโรปอยู่หลายปี และทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้ที่ ไปมาแถวยุโรปมากมาย คนหนึ่งคือนาย William Stephenson เป็นชาวแคนาดา ซึ่งเป็นสายลับตัวฉกาจ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำงานประสานระหว่างยุโรปกับอเมริกา เขาเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเองไว้ชื่อ The Man Called Intrepid (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาแปลเป็นไทย และทรงตั้งชื่อเรื่องว่า “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ”) ต่อมานักเขียนชื่อดัง Ian Fleming นำมาดัดแปลงเป็นบุคลิกของพระเอก James Bond สายลับ 007
    เมื่อนาย Donovan จะต้องตั้งหน่วยงาน OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Stephenson นี้มีส่วนช่วยอย่างสำคัญ เรื่องของนาย Donovan เองก็โลดโผนโจนทยานไม่น้อย เรียกว่าเอาไปเป็นพระเอกหนังบู๊ปนรักหักเหลี่ยมสายลับได้อย่างสบาย ไม่แพ้ James Bond เหมือนกัน ไม่รู้หลุดมือนักสร้างหนัง Hollywood มาได้ไง)
    เมื่อฝ่ายข่าวกรองโทรไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกมหาวิทยาลัยตอบเหมือนกันหมดว่า ถ้าจะมีคนรู้เรื่องสยามกับอินโดจีน ก็น่าจะเป็นนาย Kenneth นี่แหละ (ก็จะไม่ใช่ได้ยังไง เดินสายขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้ง Southeast Asian Studies อยู่เป็นปี !) แล้วนาย Kenneth ก็ถูกโทรศัพท์ตามตัวจากทะเลสาบ Michigan ให้มาพบประธานาธิบดี Roosevelt
    ส่วนคำตอบของนาย Kenneth เกี่ยวกับญี่ปุ่นนั้น นาย Kenneth บอกเขาไม่รู้หรอกว่าญี่ปุ่นคิดอย่างไรกับไทย แต่รู้ว่าถ้าญี่ปุ่นจะบุกไทย ถ้าญี่ปุ่นฉลาด ญี่ปุ่นน่าจะมาช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เพราะก่อนหน้านั้นเป็นหน้ามรสุม ฝนตกชุก! ไม่น่ามีใครบ้าเคลื่อนทัพ และขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ของหนัก ระหว่างฝนตกน้ำท่วม รถแท๊งค์ ปืนใหญ่จมโคลนหมด คำถามต่อไปว่า แล้วถ้าญี่ปุ่นจะมาทางรถ จะขับมาได้ถึงไหน นาย Kenneth บอกญี่ปุ่นไม่น่าจะใช้ทางหลวง เพราะเป็นเป้า น่าจะมาทางป่าและสามารถใช้จักรยานขี่ผ่านสวนยางไปตลอดทางใต้ถึงแหลมมาลายู ฯลฯ และเมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดจีนจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ยกพลมาลงที่กรุงเทพ แต่ไปลงที่ Kota Baru ในมาลายู และขนเอาจักรยานมาด้วย ขี่ลงใต้ไปจนถึงแหลมมาลายู (ฟังดูแล้วคำถามของอเมริกานี่พื้นมาก ไม่น่าจะเป็นคำถามของพี่เบิ้มเลย ไม่รู้ว่านาย Kenneth อมข่าวหรือเต้าข่าวให้เราฟังกันแน่)


    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 5 เมื่อครอบครัว Kenneth กลับมาถึงอเมริกา นาย Kenneth กลับไปทำปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัย Chicago เมื่อได้ปริญญา เขาก็รีบหางาน เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกสะเก็ด งานที่เขาคิดจะทำและน่าจะสมประโยชน์ คือ ไปติดต่อมหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ให้ตั้งแผนก Southeast Asian Studies ด้วยหนังสือที่จะได้รับมาจากกรมพระยาดำรงฯ โดยเขาจะเป็นหัวหน้าแผนกวิชา เขาไปทุกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี ยง เช่น Princeton, Columbia, Yale, Pennsylvania, Harvard และ Chicago ฯลฯ แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้จัก สยาม รู้จักแต่จีนและเวียตนาม ส่วนใหญ่จะรู้จักประเทศที่เป็นอาณานิคม มหาวิทยาลัยต่างๆนี้มันอยู่ไกล กันคนละเมือง งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มี แล้วเดินทางได้ยังไง น่าสงสัยจริง แล้วนาย Kenneth ก็สารภาพมาเองว่า ที่เขาสามารถเดินทางไปติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ เพราะเขาได้รับการเงินทุนสนับสนุน จาก the American Council of Learned Societies สมาคมนี้เป็นสมาคมเก่า ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1919 โดยผู้รักการศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางด้านมนุษย์วิทยาและสังคมวิทยา และเน้นหนักทางเอเซียตะวันออกและลาตินอเมริกา ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1930 กว่า สมาคมนี้มีผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ชื่อนาย John D. Rockefeller (เขียนมาถึงตรงนี้ นักอ่านนิทานจมูกไว ร้องอ๋อกันเป็นแถว บอกไม่ต้องอ่านก็ต่อได้ แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว เอาน่า อ่านต่อไปเถอะครับ มันอาจจะมีมากว่าที่นึกก็ได้) หมดท่าเข้านาย Kenneth จึงสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ชื่อ Earlham College ในปี ค.ศ. 1939 ขณะเดียวกัน ก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาปรัชญาจีนบ้าง อินเดียบ้าง ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเล่นยิงกันอยู่แถวยุโรป อเมริกายังสงวนท่าที ทำเป็นเฉยไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง วันหนึ่งประมาณปลายปี ค.ศ. 1941 ระหว่างที่ครอบครัว Kenneth ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบแถว Michigan ขณะเขากำลังพายเรืออยู่กับลูกในทะเลสาบ เมียก็มาตะโกนบอกว่า มีโทรศัพท์ถึงเขาจากวอชิงตัน ให้เขาโทรกลับไป นาย Kenneth บอกไม่รู้จักใครเลยที่วอชิงตัน แต่เขาก็โทรกลับไป เขาบอกว่าโทรศัพท์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง (เป็นไปตามแผน !?) เมื่อเขาโทรศัพท์ไปที่วอชิงตันตามหมายเลขที่ให้ไว้ คนที่รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นนายพล Donovan และพูดในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดี Roosevelt นาย Kenneth แทบหยุดหายใจ ท่านนายพลต้องการให้นาย Kenneth มากรุงวอชิงตันเดี๋ยวนี้เลย (โอ้พระเจ้า แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง มันเรื่องจริงหรือนี่ นาย Kenneth คงคิดอยู่ในใจ) เพื่อมารายงานเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นและอินโดจีนให้ประธานาธิบดีทราบ นาย Kenneth นี้ต้องเป็นคนรอบคอบ (เค็ม !) เอาเรื่อง ขนาดบอกประธานาธิบดีให้ไปพบ เขากลับถามว่าออกค่าใช้จ่ายให้เขาหรือเปล่า และต่อรองเรื่องค่าจ้างก่อนที่จะตอบตกลง เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างได้ เขาจึงตอบตกลงว่าจะไปพบ ประธานาธิบดี Roosevelt ต้องการรู้ว่า ญี่ปุ่นมีความคิดเกี่ยวกับอินโดจีนอย่างไร และมีความตั้งใจเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไร และถ้าญี่ปุ่นคิดจะบุกประเทศไทย จะบุกมาทางใดและช่วงเวลาไหน ฯลฯ คำถามแบบนี้ นาย Kenneth บอกหมูสะเต๊ะ เขารู้คำตอบตั้งแต่ก่อนจะถามแล้ว เรื่องมันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่านะ นาย Kenneth เล่าว่า เมื่อประธานาธิบดีต้องการรู้เช่น นั้น ลูกน้องก็ตาหูเหลือก ไม่มีใครรู้จักสยามเลย รู้จักญี่ปุ่นนิดหน่อย นาย Donovan (ชื่อเต็มคือนาย William Donovan หรือ Wild Bill Donovan) ซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี ให้เป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์การรบ ก็ต้องไปเดินคลำหาคนที่รู้จักสยาม แห่งแรกที่เขาไป คือ ห้องสมุดรัฐสภา Library of Congress หัวหน้าห้องสมุดชื่อนาย Ernest Griffith บอกว่าที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องสยามกับอินโดจีนหรอก นู่น คุณลองไปถามที่ American Council of Learned Societies ดูซินะ มันพวกคงแก่เรียนทั้งนั้นที่นั่น แหละ ที่เดียวที่น่าจะรู้เรื่อง แหม ! ยังกะล็อคโผ ไปถามหานาย Mortimer Graves นะ เขาคงจะรู้ที่สุดแหละ คำตอบที่นาย Donovan ได้จากนาย Graves ก็คือ น่าจะมีคนเดียวนะ ชื่อนาย Kenneth Landon ไปติดต่อเขาดูแล้วกัน นาย Donovan บอกงั้นเขาจะให้ฝ่ายข่าวกรองตรวจสอบประวัตินาย Landon นี่ก่อน ว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงที่รู้เรื่องสยาม อินโดจีน และญี่ปุ่นหรือเปล่า (หมายเหตุคนเล่านิทาน : ผมเพิ่งไปอ่านเจอเอกสารฉบับหนึ่ง บอกว่านาย Donovan เป็นเครือข่ายของพวก CFR ! หน่วยงานที่อยากให้อเมริกา ค้าสงคราม เลยต้องทำความรู้จักเขาหน่อย นาย William J. Donovan จบกฏหมายจากมหาวิทยาลัย Columbia ตอนเรียนหนังสือมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อนาย Franklin Delano Roosevelt เมื่อเรียนจบมา ก่อนเปลี่ยนเข็มไปเป็นทหาร เขาทำอาชีพนักกฏหมายตามที่เรียนมาก่อน ประสพความสำเร็จอย่างสูงจากฝีมือ และฝีปาก ซึ่งดังไปเข้าหูนาย Rockefeller จึงจ้างเขาไปทำงาน “War Relief Mission” ในยุโรป พูดให้เฉพาะก็คือไปอยู่ที่ Belgium ประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อ Brussel ที่เป็นที่ตั้งชุมทางนักล่าชั้น สูง สมาคม Bilderberg นั่นเหละ War Relief หรือ เรียกอีกชื่อว่า American Relief นี้ ไม่รู้ทำอะไรมั่ง จะต้องไปตามสืบต่อ แต่ทำให้นาย Donovan ต้องอยู่แถวยุโรปอยู่หลายปี และทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้ที่ ไปมาแถวยุโรปมากมาย คนหนึ่งคือนาย William Stephenson เป็นชาวแคนาดา ซึ่งเป็นสายลับตัวฉกาจ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำงานประสานระหว่างยุโรปกับอเมริกา เขาเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเองไว้ชื่อ The Man Called Intrepid (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาแปลเป็นไทย และทรงตั้งชื่อเรื่องว่า “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ”) ต่อมานักเขียนชื่อดัง Ian Fleming นำมาดัดแปลงเป็นบุคลิกของพระเอก James Bond สายลับ 007 เมื่อนาย Donovan จะต้องตั้งหน่วยงาน OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Stephenson นี้มีส่วนช่วยอย่างสำคัญ เรื่องของนาย Donovan เองก็โลดโผนโจนทยานไม่น้อย เรียกว่าเอาไปเป็นพระเอกหนังบู๊ปนรักหักเหลี่ยมสายลับได้อย่างสบาย ไม่แพ้ James Bond เหมือนกัน ไม่รู้หลุดมือนักสร้างหนัง Hollywood มาได้ไง) เมื่อฝ่ายข่าวกรองโทรไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกมหาวิทยาลัยตอบเหมือนกันหมดว่า ถ้าจะมีคนรู้เรื่องสยามกับอินโดจีน ก็น่าจะเป็นนาย Kenneth นี่แหละ (ก็จะไม่ใช่ได้ยังไง เดินสายขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้ง Southeast Asian Studies อยู่เป็นปี !) แล้วนาย Kenneth ก็ถูกโทรศัพท์ตามตัวจากทะเลสาบ Michigan ให้มาพบประธานาธิบดี Roosevelt ส่วนคำตอบของนาย Kenneth เกี่ยวกับญี่ปุ่นนั้น นาย Kenneth บอกเขาไม่รู้หรอกว่าญี่ปุ่นคิดอย่างไรกับไทย แต่รู้ว่าถ้าญี่ปุ่นจะบุกไทย ถ้าญี่ปุ่นฉลาด ญี่ปุ่นน่าจะมาช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เพราะก่อนหน้านั้นเป็นหน้ามรสุม ฝนตกชุก! ไม่น่ามีใครบ้าเคลื่อนทัพ และขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ของหนัก ระหว่างฝนตกน้ำท่วม รถแท๊งค์ ปืนใหญ่จมโคลนหมด คำถามต่อไปว่า แล้วถ้าญี่ปุ่นจะมาทางรถ จะขับมาได้ถึงไหน นาย Kenneth บอกญี่ปุ่นไม่น่าจะใช้ทางหลวง เพราะเป็นเป้า น่าจะมาทางป่าและสามารถใช้จักรยานขี่ผ่านสวนยางไปตลอดทางใต้ถึงแหลมมาลายู ฯลฯ และเมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดจีนจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ยกพลมาลงที่กรุงเทพ แต่ไปลงที่ Kota Baru ในมาลายู และขนเอาจักรยานมาด้วย ขี่ลงใต้ไปจนถึงแหลมมาลายู (ฟังดูแล้วคำถามของอเมริกานี่พื้นมาก ไม่น่าจะเป็นคำถามของพี่เบิ้มเลย ไม่รู้ว่านาย Kenneth อมข่าวหรือเต้าข่าวให้เราฟังกันแน่) คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 4
    สำหรับเหตุการณ์ขับไล่รัฐบาลโจรร้าย ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบัน ICG มีรายงานออกมา 3 ครั้ง
    – ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ออกมาประท้วงรัฐบาล ใส่ข้อมูลแนวเดียวกับสื่อหัวสี ข้อมูลฟอกย้อมจนขี้เกียจเขียนถึง แค่อ่านก็ออกอาการตึงมือขึ้นมาแล้ว แต่ ICG ยังไม่มีคำวิจารณ์หรือความเห็นเสนอ
    – ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานระบุว่าวิกฤติทางการเมืองเข้มข้นขึ้น เมื่อฝ่ายประท้วงเรื่องไม่รับกม.นิรโทษกรรม เปลี่ยนเป็นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และขู่ว่าจะล้มการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และมีแผนจะยึดกรุงเทพฯ และขับไล่ระบอบทักษิณแบบขุดรากถอนโคน
    และตั้งสภาประชาชน 400 คน นายสุเทพอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์แกนนำขู่ว่าจะ shut down กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014
    ฝ่ายกองทัพไม่ปฏิเสธว่าจะไม่มีการปฏิวัติ แต่ ICG ยังคงไม่มีความเห็นเสนอ
    – ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014 ใช้หัวข้อการรายงานว่า Conflict Alert รายงานว่า การประท้วงทำท่าจะก่อให้เกิดความรุนแรง และโอกาสที่จะมีการเจรจาอย่างสันติแทบจะไม่มีเลย และผู้ประท้วงมีแนวโน้ม จะสนับสนุนให้มีการรัฐประหารโดยกองทัพ การประท้วงัไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทำให้เห็นชัดถึงทิศทางการเมืองของประเทศไทยว่า จะเป็นแบบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบ หรือเป็นการบริหารโดยสถาบันที่มีอำนาจอย่างเคย ๆ เช่น สถาบันกษัตริย์ และกองทัพ
    รายงานส่วนอื่น ถ้าไม่บอกว่าเป็นรายงานของ ICG ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่า อ่านรายงานของสำนักนายกฯ (เอ้ะ ชักสงสัยใครมันเขียนให้ใครกันแน่ ! ?)
    ที่น่าสนใจเป้าหมายของรายงาน ไม่ได้พุ่งไปที่ฝ่ายประท้วงรัฐบาลอย่างเดียว แต่พ่วงเอากองทัพเข้าไปด้วยว่า ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เหมือนเป็นการออกแบบให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มี กองทัพได้ทำการรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ. 1932 ทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ และใช้กำลังอาวุธกับกลุ่มที่ออกมาแสดงความนิยมประชาธิปไตย เมื่อ ค.ศ. 1973, 1992 และ 2010 แต่ไม่เคยสักครั้งเดียว ที่จะออกมาแทรกแซงเพื่อช่วยรัฐบาลของทักษิณ!
    ICG ตบท้ายรายงานว่า ไม่มีหนทางใดที่จะนำไปสู่ความสันติ ถ้าเส้นทางนั้นไม่เคารพเสียข้างมากของผู้ลงคะแนน พร้อมกับให้คำแนะนำว่า
    – ประชาธิปัตย์ ควรจะกลับไปร่วมในขบวนการเลือกตั้ง
    – กองทัพ ต้องพยายามดูแลเหตุการณ์ความไม่สงบนี้ ตามวิถีประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้ง ทั้ง 2
    – ประเทศไทย จะต้องถึงจุดที่พิจารณาให้ชัดเจนว่า จะบริหารประเทศอย่างไร ซึ่งจำเป็นต้องมีการหารือในระดับชาติ ไม่ใช่เป็นความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง
    (ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าระหว่างรัฐบาลกับ ICG ใครมันสอนให้ใครพูดข้อความข้างต้นเพราะมันเหมือนกันจัง)
    ICG ยังสำทับอีกว่า ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงความรุนแรง การหารือกันในระดับชาติถึงทางออกจากข้อขัดแย้ง ก็พอมีให้เห็นอย่างจาง ๆ แต่ว่าสำหรับกรุงเทพ ทางเลือกอื่นไม่ได้มีมากนัก ! (เขียนแบบนี้มันมีความหมายพิลึกนะ)
    ขณะนี้เขียนบทความนี้ ยังไม่รู้ว่า ICG จะทำงานได้ตามราคาคุยของนาย Evans แค่ไหน แต่อย่างน้อย พอมองเห็นว่า การทำงานของ ICG แผนก R&D ของนักล่า ได้ผลระดับหนึ่ง ในเรื่องต่อไปนี้
    – รัฐบาลภายใต้การนำของโจรร้าย และน้องสาวแสนโง่ เดินตามคำแนะนำของแผนก R&D ของนักล่า อย่างเคร่งครัด แต่ผลสำเร็จเกิดแค่ไหน คงต้องดูกันต่อไป
    – การพยายามให้โลกเข้าข้างฝ่ายที่ ICG กำลังสนับสนุนอยู่ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเลวร้าย ไม่เป็นประชาธิปไตย ฯลฯ ขนาดไหน ได้ผลสูงและทำให้โลกตำหนิติเตียน ตั้งข้อสังเกต กับฝ่ายที่ไม่ได้เป็นตัวเล่นของ ICG จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน งงงวย กับบทบาทและเป้าหมายของตนเองกันเป็นแถว ๆ ก็นับว่าได้ผลไม่น้อยทีเดียว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 4 สำหรับเหตุการณ์ขับไล่รัฐบาลโจรร้าย ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบัน ICG มีรายงานออกมา 3 ครั้ง – ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ออกมาประท้วงรัฐบาล ใส่ข้อมูลแนวเดียวกับสื่อหัวสี ข้อมูลฟอกย้อมจนขี้เกียจเขียนถึง แค่อ่านก็ออกอาการตึงมือขึ้นมาแล้ว แต่ ICG ยังไม่มีคำวิจารณ์หรือความเห็นเสนอ – ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานระบุว่าวิกฤติทางการเมืองเข้มข้นขึ้น เมื่อฝ่ายประท้วงเรื่องไม่รับกม.นิรโทษกรรม เปลี่ยนเป็นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และขู่ว่าจะล้มการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และมีแผนจะยึดกรุงเทพฯ และขับไล่ระบอบทักษิณแบบขุดรากถอนโคน และตั้งสภาประชาชน 400 คน นายสุเทพอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์แกนนำขู่ว่าจะ shut down กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014 ฝ่ายกองทัพไม่ปฏิเสธว่าจะไม่มีการปฏิวัติ แต่ ICG ยังคงไม่มีความเห็นเสนอ – ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014 ใช้หัวข้อการรายงานว่า Conflict Alert รายงานว่า การประท้วงทำท่าจะก่อให้เกิดความรุนแรง และโอกาสที่จะมีการเจรจาอย่างสันติแทบจะไม่มีเลย และผู้ประท้วงมีแนวโน้ม จะสนับสนุนให้มีการรัฐประหารโดยกองทัพ การประท้วงัไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทำให้เห็นชัดถึงทิศทางการเมืองของประเทศไทยว่า จะเป็นแบบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบ หรือเป็นการบริหารโดยสถาบันที่มีอำนาจอย่างเคย ๆ เช่น สถาบันกษัตริย์ และกองทัพ รายงานส่วนอื่น ถ้าไม่บอกว่าเป็นรายงานของ ICG ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่า อ่านรายงานของสำนักนายกฯ (เอ้ะ ชักสงสัยใครมันเขียนให้ใครกันแน่ ! ?) ที่น่าสนใจเป้าหมายของรายงาน ไม่ได้พุ่งไปที่ฝ่ายประท้วงรัฐบาลอย่างเดียว แต่พ่วงเอากองทัพเข้าไปด้วยว่า ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เหมือนเป็นการออกแบบให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มี กองทัพได้ทำการรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ. 1932 ทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ และใช้กำลังอาวุธกับกลุ่มที่ออกมาแสดงความนิยมประชาธิปไตย เมื่อ ค.ศ. 1973, 1992 และ 2010 แต่ไม่เคยสักครั้งเดียว ที่จะออกมาแทรกแซงเพื่อช่วยรัฐบาลของทักษิณ! ICG ตบท้ายรายงานว่า ไม่มีหนทางใดที่จะนำไปสู่ความสันติ ถ้าเส้นทางนั้นไม่เคารพเสียข้างมากของผู้ลงคะแนน พร้อมกับให้คำแนะนำว่า – ประชาธิปัตย์ ควรจะกลับไปร่วมในขบวนการเลือกตั้ง – กองทัพ ต้องพยายามดูแลเหตุการณ์ความไม่สงบนี้ ตามวิถีประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้ง ทั้ง 2 – ประเทศไทย จะต้องถึงจุดที่พิจารณาให้ชัดเจนว่า จะบริหารประเทศอย่างไร ซึ่งจำเป็นต้องมีการหารือในระดับชาติ ไม่ใช่เป็นความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง (ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าระหว่างรัฐบาลกับ ICG ใครมันสอนให้ใครพูดข้อความข้างต้นเพราะมันเหมือนกันจัง) ICG ยังสำทับอีกว่า ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงความรุนแรง การหารือกันในระดับชาติถึงทางออกจากข้อขัดแย้ง ก็พอมีให้เห็นอย่างจาง ๆ แต่ว่าสำหรับกรุงเทพ ทางเลือกอื่นไม่ได้มีมากนัก ! (เขียนแบบนี้มันมีความหมายพิลึกนะ) ขณะนี้เขียนบทความนี้ ยังไม่รู้ว่า ICG จะทำงานได้ตามราคาคุยของนาย Evans แค่ไหน แต่อย่างน้อย พอมองเห็นว่า การทำงานของ ICG แผนก R&D ของนักล่า ได้ผลระดับหนึ่ง ในเรื่องต่อไปนี้ – รัฐบาลภายใต้การนำของโจรร้าย และน้องสาวแสนโง่ เดินตามคำแนะนำของแผนก R&D ของนักล่า อย่างเคร่งครัด แต่ผลสำเร็จเกิดแค่ไหน คงต้องดูกันต่อไป – การพยายามให้โลกเข้าข้างฝ่ายที่ ICG กำลังสนับสนุนอยู่ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเลวร้าย ไม่เป็นประชาธิปไตย ฯลฯ ขนาดไหน ได้ผลสูงและทำให้โลกตำหนิติเตียน ตั้งข้อสังเกต กับฝ่ายที่ไม่ได้เป็นตัวเล่นของ ICG จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน งงงวย กับบทบาทและเป้าหมายของตนเองกันเป็นแถว ๆ ก็นับว่าได้ผลไม่น้อยทีเดียว คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผงชูรส กับหัวใจเต้นผิดปกติ

    Monosodium Glutamate (MSG) ใช้กันแพร่หลายมหาศาลทั่วไป แม้จะมีข้อมูลที่มีผลข้างเคียงก็ตาม
    รายงานนี้ อยู่ในวารสาร Ann Intern Med 19/8/2025

    ผู้ป่วยอายุ 78 มีโรคประจำตัว อ้วน ความดันสูง และมีปวดเรื้อรัง ทำให้ทำกิจกรรมกายลำบาก ไม่มีความผิดปกติของหัวใจ กล้ามเนื้อ และลิ้นหัวใจ ไม่มีโรคไทรอยด์
    หลังจากที่พบ ว่าการเต้นของหัวใจ ผิดปกติแบบระริก (atrial fibrillation) ตลอดเวลา และได้รับการรักษา ด้วยยาลดความดัน และควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ และยาละลายลิ่มเลือด
    ผู้ป่วยได้รับการรักษาอยู่ตลอดแปดเดือน โดยหัวใจเต้นผิดปกติตลอดเวลา ได้มีการประเมินการบริโภคอาหาร พบว่าผู้ป่วยทานผงชูรส ในปริมาณสูง เทียบเท่า 6 กรัมต่อวัน
    ผู้ป่วยได้รับคำแนะนำ ให้งดผงชูรสเด็ดขาด ปรากฏว่าภายในเวลาสามเดือน หัวใจกลับเต้นเป็นปกติ ทำให้หยุดยาได้ทั้งหมด เหลือแต่ยาความดัน

    จากการทบทวนรายงานพบว่า ผงชูรสดังกล่าวมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์ กับความอ้วน และโรคเมตบอลิค ทั้งหลาย
    รายงานการเต้นของหัวใจผิดปกติมีมาตลอด แต่ทั้งนี้ อาจร่วมกับที่มีภาวะทางสุขภาพ ที่ไม่ใช่หัวใจ ร่วมด้วย
    กลไกการกระตุ้นหัวใจให้เต้นผิดปกติ เป็นไปได้ว่าเป็นการออกฤทธิ์ที่สมอง ในส่วน hypothalamus ใน บริเวณ circumventricular และเกี่ยวพันกับสารกลูตาเมท

    น่าจะเป็นอุทาหรณ์ ว่าการได้ความหวานจากอาหารธรรมชาติ ผักผลไม้ ที่ไม่มีสารเคมีเจือปน เป็นเรื่องดีที่สุดครับ

    บทความ
    Monosodium Glutamate and Atrial Fibrillation in a 78-Year-Old Woman: A Case Report และมีการ รวบรวมรายงานที่ผ่านมา

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    ✍️ผงชูรส กับหัวใจเต้นผิดปกติ Monosodium Glutamate (MSG) ใช้กันแพร่หลายมหาศาลทั่วไป แม้จะมีข้อมูลที่มีผลข้างเคียงก็ตาม รายงานนี้ อยู่ในวารสาร Ann Intern Med 19/8/2025 ผู้ป่วยอายุ 78 มีโรคประจำตัว อ้วน ความดันสูง และมีปวดเรื้อรัง ทำให้ทำกิจกรรมกายลำบาก ไม่มีความผิดปกติของหัวใจ กล้ามเนื้อ และลิ้นหัวใจ ไม่มีโรคไทรอยด์ หลังจากที่พบ ว่าการเต้นของหัวใจ ผิดปกติแบบระริก (atrial fibrillation) ตลอดเวลา และได้รับการรักษา ด้วยยาลดความดัน และควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ และยาละลายลิ่มเลือด ผู้ป่วยได้รับการรักษาอยู่ตลอดแปดเดือน โดยหัวใจเต้นผิดปกติตลอดเวลา ได้มีการประเมินการบริโภคอาหาร พบว่าผู้ป่วยทานผงชูรส ในปริมาณสูง เทียบเท่า 6 กรัมต่อวัน ผู้ป่วยได้รับคำแนะนำ ให้งดผงชูรสเด็ดขาด ปรากฏว่าภายในเวลาสามเดือน หัวใจกลับเต้นเป็นปกติ ทำให้หยุดยาได้ทั้งหมด เหลือแต่ยาความดัน จากการทบทวนรายงานพบว่า ผงชูรสดังกล่าวมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์ กับความอ้วน และโรคเมตบอลิค ทั้งหลาย รายงานการเต้นของหัวใจผิดปกติมีมาตลอด แต่ทั้งนี้ อาจร่วมกับที่มีภาวะทางสุขภาพ ที่ไม่ใช่หัวใจ ร่วมด้วย กลไกการกระตุ้นหัวใจให้เต้นผิดปกติ เป็นไปได้ว่าเป็นการออกฤทธิ์ที่สมอง ในส่วน hypothalamus ใน บริเวณ circumventricular และเกี่ยวพันกับสารกลูตาเมท น่าจะเป็นอุทาหรณ์ ว่าการได้ความหวานจากอาหารธรรมชาติ ผักผลไม้ ที่ไม่มีสารเคมีเจือปน เป็นเรื่องดีที่สุดครับ บทความ Monosodium Glutamate and Atrial Fibrillation in a 78-Year-Old Woman: A Case Report และมีการ รวบรวมรายงานที่ผ่านมา ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทานมื้อเย็นได้นิดๆจักทานขนมบอกผลไม้ก่อน
    ทานมื้อเย็นได้นิดๆจักทานขนมบอกผลไม้ก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมอาหารเครื่องชงขนมผลไม้เพื่องานบุญ บางส่วนมอบให้ผู้ปฎิบัติ บางส่วนทานในครอบครัว
    เตรียมอาหารเครื่องชงขนมผลไม้เพื่องานบุญ บางส่วนมอบให้ผู้ปฎิบัติ บางส่วนทานในครอบครัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว

  • #อย่าตกเป็นเหยื่อ...สินค้าอเมริกาหรือต่างชาติที่ได้เข้ามาจำหน่ายในตลาดของไทย ภายในประเทศไทยจากภาษีทรัมป์คือตัวอย่างในอนาคตก็ตาม.

    ..เตือนภัยสัญลักษณ์ที่ใช้ในอเมริกาและทางการอเมริกาไม่บอกประชาชนเขาตรงๆ

    เลขนำหน้าเป็น 9 = ออร์แกนิก
    เลขนำหน้าเป็น 4 = ปลูกด้วยยาฆ่าแมลง
    เลขนำหน้าเป็น 8 = จีเอ็มโอ

    #อย่าตกเป็นเหยื่อ...

    ... "วิธีการลดประชากรโลก" มีหลายวิธี เช่นการใช้วัคซีนแบบวัคซีนโควิด ,สงครามตัวแทนต่างๆแบบไทยกับเขมร รัสเชียกับยูเคน อิสราเอลกับอิหร่านกับปาเลสไตน์ , สารเคมี หรือใส่ฟลูออไรด์ลงไปในน้ำ แบบฮิตเลอร์ทำ,หรือในยาสีฟันต่างๆทั่วโลก, การทำผ่านบริษัททาง เช่น อุตสาหกรรมทางอาหาร และเกษตรต่างๆแบบขนาดใหญ่บริษัทมอนซานโต, หรือผ่านอาหาร พืช ผัก ผลไม้ สัตว์อาหารต่างๆตัดแต่งพันธุกรรม GMO ร่างกายมนุษย์ก็จะเข้าสู่โหมดสาระพัดโรคภัยไข้เจ็บเป็นอันมาก , วัคซีนป้องกันโควิด-19 มีคุณสมบัติเป็นผลิตภัณฑ์ GMOด้วย, ตลอดไวรัสในวัคซีนก็ด้วยGMOตรึมก็ว่าในวัคซีนนั้น(สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม)

    ระบบการแพทย์ที่ทุจริตจะต้องล้มละลายหากผู้คนรู้เรื่องนี้

    แพทย์ท่านหนึ่งที่สั่งอาหารปลอดจีเอ็มโอให้กับคนไข้ 5,000 คน กล่าวว่า “คนไข้ [ของเธอ] ทุกคน” มีอาการดีขึ้นหลังจากเปลี่ยนมารับประทานอาหาร

    ซึ่งรวมถึงอาการดีขึ้นจากโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคอ้วน ปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ และแม้แต่โรคมะเร็ง

    เจฟฟรีย์ สมิธ รู้สึกประหลาดใจกับรายงานนี้ จึงได้ทำการสำรวจผู้เข้าร่วม 3,256 คน เพื่อเปิดเผยถึงผลกระทบของการเปลี่ยนมารับประทานอาหารปลอดจีเอ็มโอ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก

    เปอร์เซ็นต์ที่ดีขึ้นจากการเปลี่ยนไปรับประทานอาหารที่ไม่ใช่ GMO:

    • ปัญหาระบบย่อยอาหาร - 85.2%
    • ความเหนื่อยล้า - 60.4%
    • น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน - 54.6%
    • ภาวะสมองล้า (Brain Fog) - 51.7%
    • ปัญหาอารมณ์ / ความวิตกกังวล / ภาวะซึมเศร้า - 51.1%
    • อาการแพ้อาหารหรือความไวต่ออาหาร - 50.2%
    • ความจำและสมาธิ - 46.9%
    • อาการปวดข้อ - 47.5%
    • อาการแพ้ตามฤดูกาล - 46.2%
    • ความไวต่อกลูเตน - 42.6%
    • นอนไม่หลับ - 41.2%
    • โรคผิวหนังอื่นๆ - 30.9%
    • ปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน - 30.4%
    • อาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูก - 30.2%
    • โรคภูมิต้านตนเอง - 21.4%
    • โรคผิวหนังอักเสบ - 20.8%
    • ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูง - 19.8%
    • โรคหอบหืด - 14.8%
    • ปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน - 13.4%
    • โรคเบาหวาน - 10.6%
    • โรคทางจิตเวชอื่นๆ - 7.9%
    • น้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ - 6.5%
    • โรคมะเร็ง - 4.8%
    • โรคไต - 4.3%
    • ภาวะมีบุตรยาก - 2.8%
    • กลุ่มอาการออทิสติก - 2.4%
    • โรคอัลไซเมอร์ - 2.4%
    • โรคพาร์กินสัน - 1.4%

    - - - - - -

    พวกเขาโกหกคุณเรื่องสุขภาพและยามานานหลายทศวรรษ เพราะเมื่อคุณป่วย คุณก็จะมีเงินมากขึ้น



    #อย่าตกเป็นเหยื่อ...สินค้าอเมริกาหรือต่างชาติที่ได้เข้ามาจำหน่ายในตลาดของไทย ภายในประเทศไทยจากภาษีทรัมป์คือตัวอย่างในอนาคตก็ตาม. ..เตือนภัยสัญลักษณ์ที่ใช้ในอเมริกาและทางการอเมริกาไม่บอกประชาชนเขาตรงๆ เลขนำหน้าเป็น 9 = ออร์แกนิก เลขนำหน้าเป็น 4 = ปลูกด้วยยาฆ่าแมลง เลขนำหน้าเป็น 8 = จีเอ็มโอ #อย่าตกเป็นเหยื่อ... ... "วิธีการลดประชากรโลก" มีหลายวิธี เช่นการใช้วัคซีนแบบวัคซีนโควิด ,สงครามตัวแทนต่างๆแบบไทยกับเขมร รัสเชียกับยูเคน อิสราเอลกับอิหร่านกับปาเลสไตน์ , สารเคมี หรือใส่ฟลูออไรด์ลงไปในน้ำ แบบฮิตเลอร์ทำ,หรือในยาสีฟันต่างๆทั่วโลก, การทำผ่านบริษัททาง เช่น อุตสาหกรรมทางอาหาร และเกษตรต่างๆแบบขนาดใหญ่บริษัทมอนซานโต, หรือผ่านอาหาร พืช ผัก ผลไม้ สัตว์อาหารต่างๆตัดแต่งพันธุกรรม GMO ร่างกายมนุษย์ก็จะเข้าสู่โหมดสาระพัดโรคภัยไข้เจ็บเป็นอันมาก , วัคซีนป้องกันโควิด-19 มีคุณสมบัติเป็นผลิตภัณฑ์ GMOด้วย, ตลอดไวรัสในวัคซีนก็ด้วยGMOตรึมก็ว่าในวัคซีนนั้น(สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม) ระบบการแพทย์ที่ทุจริตจะต้องล้มละลายหากผู้คนรู้เรื่องนี้ แพทย์ท่านหนึ่งที่สั่งอาหารปลอดจีเอ็มโอให้กับคนไข้ 5,000 คน กล่าวว่า “คนไข้ [ของเธอ] ทุกคน” มีอาการดีขึ้นหลังจากเปลี่ยนมารับประทานอาหาร ซึ่งรวมถึงอาการดีขึ้นจากโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคอ้วน ปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ และแม้แต่โรคมะเร็ง เจฟฟรีย์ สมิธ รู้สึกประหลาดใจกับรายงานนี้ จึงได้ทำการสำรวจผู้เข้าร่วม 3,256 คน เพื่อเปิดเผยถึงผลกระทบของการเปลี่ยนมารับประทานอาหารปลอดจีเอ็มโอ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก เปอร์เซ็นต์ที่ดีขึ้นจากการเปลี่ยนไปรับประทานอาหารที่ไม่ใช่ GMO: • ปัญหาระบบย่อยอาหาร - 85.2% • ความเหนื่อยล้า - 60.4% • น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน - 54.6% • ภาวะสมองล้า (Brain Fog) - 51.7% • ปัญหาอารมณ์ / ความวิตกกังวล / ภาวะซึมเศร้า - 51.1% • อาการแพ้อาหารหรือความไวต่ออาหาร - 50.2% • ความจำและสมาธิ - 46.9% • อาการปวดข้อ - 47.5% • อาการแพ้ตามฤดูกาล - 46.2% • ความไวต่อกลูเตน - 42.6% • นอนไม่หลับ - 41.2% • โรคผิวหนังอื่นๆ - 30.9% • ปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน - 30.4% • อาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูก - 30.2% • โรคภูมิต้านตนเอง - 21.4% • โรคผิวหนังอักเสบ - 20.8% • ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูง - 19.8% • โรคหอบหืด - 14.8% • ปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน - 13.4% • โรคเบาหวาน - 10.6% • โรคทางจิตเวชอื่นๆ - 7.9% • น้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ - 6.5% • โรคมะเร็ง - 4.8% • โรคไต - 4.3% • ภาวะมีบุตรยาก - 2.8% • กลุ่มอาการออทิสติก - 2.4% • โรคอัลไซเมอร์ - 2.4% • โรคพาร์กินสัน - 1.4% - - - - - - พวกเขาโกหกคุณเรื่องสุขภาพและยามานานหลายทศวรรษ เพราะเมื่อคุณป่วย คุณก็จะมีเงินมากขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปั้นน้ำผักผลไม้6ชนิด ปั้นครั้งเราก้อได้ทานด้วย หนนี้แม่บอกไม่อร่อย แต่ดีต่อสุขภาพ
    ปั้นน้ำผักผลไม้6ชนิด ปั้นครั้งเราก้อได้ทานด้วย หนนี้แม่บอกไม่อร่อย แต่ดีต่อสุขภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำผักผลไม้6ชนิด
    น้ำผักผลไม้6ชนิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ตัดงบพันล้าน!" "รักชนก" จี้รัฐบาลยกเลิกแผนปราบโกง...ชี้อบรมซ้ำซาก-วัดผลไม่ได้-ไม่ทำให้คะแนน CPI ดีขึ้น
    https://www.thai-tai.tv/news/20893/
    .
    #รักชนกศรีนอก #พรรคประชาชน #ปราบโกง #งบประมาณ69 #ข่าวการเมือง #ไทยไท
    "ตัดงบพันล้าน!" "รักชนก" จี้รัฐบาลยกเลิกแผนปราบโกง...ชี้อบรมซ้ำซาก-วัดผลไม่ได้-ไม่ทำให้คะแนน CPI ดีขึ้น https://www.thai-tai.tv/news/20893/ . #รักชนกศรีนอก #พรรคประชาชน #ปราบโกง #งบประมาณ69 #ข่าวการเมือง #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 493 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘เงินเฟ้อ’ ต่ำ ทำ เงินฝืด!? : [Biz Talk]
    เงินเฟ้อไทย ติดลบ 4 เดือนติด/ ก.ค.68 ลดลง 0.70% พาณิชย์ ยันไม่ใช่ภาวะ‘เงินฝืด’ เพราะสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อทั่วไป ลดลง มาจากการลดลงของราคาพลังงาน ,ผัก,ผลไม้สด เป็นหลัก ไม่ได้มาจากปัจจัยอุปสงค์ ความต้องการซื้อ การใช้จ่ายยังปกติ ขณะที่ราคาสินค้าหมวดอาหาร-เครื่องดื่ม ไม่มีแอลกอฮอล์ และเงินเฟ้อพื้นฐาน ก็ยังสูงอยู่
    ‘เงินเฟ้อ’ ต่ำ ทำ เงินฝืด!? : [Biz Talk] เงินเฟ้อไทย ติดลบ 4 เดือนติด/ ก.ค.68 ลดลง 0.70% พาณิชย์ ยันไม่ใช่ภาวะ‘เงินฝืด’ เพราะสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อทั่วไป ลดลง มาจากการลดลงของราคาพลังงาน ,ผัก,ผลไม้สด เป็นหลัก ไม่ได้มาจากปัจจัยอุปสงค์ ความต้องการซื้อ การใช้จ่ายยังปกติ ขณะที่ราคาสินค้าหมวดอาหาร-เครื่องดื่ม ไม่มีแอลกอฮอล์ และเงินเฟ้อพื้นฐาน ก็ยังสูงอยู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: นกยูงกับเลเซอร์ในขนหาง—เมื่อธรรมชาติสร้างโพรงแสงได้เอง

    ขนนกยูงตัวผู้มีลวดลายตาไก่ที่สวยงาม ซึ่งเกิดจากโครงสร้างระดับนาโน ไม่ใช่เม็ดสี โดยเฉพาะในส่วนที่เรียกว่า “barbules” ซึ่งเป็นเส้นใยเล็ก ๆ ที่มีแท่งเมลานินเคลือบด้วยเคราตินเรียงตัวอย่างแม่นยำ ทำให้เกิดสีรุ้งที่เปลี่ยนไปตามมุมมอง

    ทีมนักวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ได้ทดลองหยดสารเรืองแสง rhodamine 6G ลงบนขนนกยูงหลายรอบ แล้วใช้แสงเลเซอร์สีเขียวยิงเข้าไป พบว่าเกิดการเปล่งแสงเลเซอร์ที่มีความถี่คงที่ที่ 574 และ 583 นาโนเมตร ซึ่งเป็นสีเหลือง-ส้ม

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ ไม่ว่าจะยิงไปที่ส่วนไหนของตาไก่—ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน เขียว เหลือง หรือน้ำตาล—ก็ได้ผลเหมือนกันหมด แสดงว่าโครงสร้างภายในขนนกยูงมีความเป็นระเบียบและสามารถทำหน้าที่เป็นโพรงเลเซอร์ได้จริง

    ผลการทดลองนี้แตกต่างจาก “random laser” ที่เคยพบในเนื้อเยื่อสัตว์อื่น ๆ ซึ่งมักให้ผลไม่แน่นอน แต่ขนนกยูงให้ผลซ้ำได้ทุกครั้ง และอาจนำไปสู่การสร้างเลเซอร์ชีวภาพที่ปลอดภัยสำหรับใช้ในร่างกาย เช่น การตรวจวินิจฉัยหรือการรักษา

    ขนนกยูงสามารถเปล่งแสงเลเซอร์ได้เมื่อเติมสารเรืองแสงและยิงแสงเลเซอร์เข้าไป
    ใช้สาร rhodamine 6G และแสงเลเซอร์สีเขียว 532 นาโนเมตร
    เกิดแสงเลเซอร์ที่ 574 และ 583 นาโนเมตร

    โครงสร้างภายในขนนกยูงทำหน้าที่เป็นโพรงเลเซอร์ได้โดยธรรมชาติ
    barbules มีโครงสร้างนาโนที่เรียงตัวอย่างแม่นยำ
    ทำหน้าที่คล้าย photonic crystals ที่สะท้อนและขยายแสง

    ผลการทดลองให้ผลซ้ำได้ทุกครั้ง ไม่ใช่แบบสุ่ม
    แตกต่างจาก random laser ที่พบในเนื้อเยื่ออื่น
    แสดงถึงความเป็นระเบียบในโครงสร้างชีวภาพ

    เป็นครั้งแรกที่พบโพรงเลเซอร์ในเนื้อเยื่อของสัตว์
    อาจนำไปสู่การสร้างเลเซอร์ชีวภาพที่ปลอดภัย
    ใช้ในการตรวจวินิจฉัยภายในร่างกายมนุษย์

    การทดลองใช้ขนนกยูงธรรมชาติที่ไม่มีสารเจือปน
    ตัดเฉพาะส่วนตาไก่และทำความสะอาดก่อนทดลอง
    ทำให้ผลการทดลองมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือ

    สีของขนนกยูงเกิดจากโครงสร้าง ไม่ใช่เม็ดสี
    เป็นตัวอย่างของ “structural color” ที่เกิดจากการหักเหของแสง
    คล้ายกับสีในปีกผีเสื้อหรือเกล็ดของแมลงบางชนิด

    photonic crystals ในธรรมชาติสามารถนำไปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
    เช่น หน้าต่างเปลี่ยนสี, ผิววัสดุที่ทำความสะอาดตัวเอง, หรือสิ่งทอกันน้ำ
    อาจใช้ในธนบัตรเพื่อป้องกันการปลอมแปลง

    การศึกษาโครงสร้างชีวภาพระดับนาโนช่วยให้เข้าใจธรรมชาติและสร้างวัสดุใหม่
    เป็นแนวทางของ “biophotonics” และ “bio-inspired engineering”
    อาจนำไปสู่การออกแบบเลเซอร์ที่ปลอดภัยและเข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์

    https://www.techspot.com/news/108915-scientists-transform-peacock-feathers-tiny-biological-laser-beams.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: นกยูงกับเลเซอร์ในขนหาง—เมื่อธรรมชาติสร้างโพรงแสงได้เอง ขนนกยูงตัวผู้มีลวดลายตาไก่ที่สวยงาม ซึ่งเกิดจากโครงสร้างระดับนาโน ไม่ใช่เม็ดสี โดยเฉพาะในส่วนที่เรียกว่า “barbules” ซึ่งเป็นเส้นใยเล็ก ๆ ที่มีแท่งเมลานินเคลือบด้วยเคราตินเรียงตัวอย่างแม่นยำ ทำให้เกิดสีรุ้งที่เปลี่ยนไปตามมุมมอง ทีมนักวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ได้ทดลองหยดสารเรืองแสง rhodamine 6G ลงบนขนนกยูงหลายรอบ แล้วใช้แสงเลเซอร์สีเขียวยิงเข้าไป พบว่าเกิดการเปล่งแสงเลเซอร์ที่มีความถี่คงที่ที่ 574 และ 583 นาโนเมตร ซึ่งเป็นสีเหลือง-ส้ม สิ่งที่น่าทึ่งคือ ไม่ว่าจะยิงไปที่ส่วนไหนของตาไก่—ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน เขียว เหลือง หรือน้ำตาล—ก็ได้ผลเหมือนกันหมด แสดงว่าโครงสร้างภายในขนนกยูงมีความเป็นระเบียบและสามารถทำหน้าที่เป็นโพรงเลเซอร์ได้จริง ผลการทดลองนี้แตกต่างจาก “random laser” ที่เคยพบในเนื้อเยื่อสัตว์อื่น ๆ ซึ่งมักให้ผลไม่แน่นอน แต่ขนนกยูงให้ผลซ้ำได้ทุกครั้ง และอาจนำไปสู่การสร้างเลเซอร์ชีวภาพที่ปลอดภัยสำหรับใช้ในร่างกาย เช่น การตรวจวินิจฉัยหรือการรักษา ✅ ขนนกยูงสามารถเปล่งแสงเลเซอร์ได้เมื่อเติมสารเรืองแสงและยิงแสงเลเซอร์เข้าไป ➡️ ใช้สาร rhodamine 6G และแสงเลเซอร์สีเขียว 532 นาโนเมตร ➡️ เกิดแสงเลเซอร์ที่ 574 และ 583 นาโนเมตร ✅ โครงสร้างภายในขนนกยูงทำหน้าที่เป็นโพรงเลเซอร์ได้โดยธรรมชาติ ➡️ barbules มีโครงสร้างนาโนที่เรียงตัวอย่างแม่นยำ ➡️ ทำหน้าที่คล้าย photonic crystals ที่สะท้อนและขยายแสง ✅ ผลการทดลองให้ผลซ้ำได้ทุกครั้ง ไม่ใช่แบบสุ่ม ➡️ แตกต่างจาก random laser ที่พบในเนื้อเยื่ออื่น ➡️ แสดงถึงความเป็นระเบียบในโครงสร้างชีวภาพ ✅ เป็นครั้งแรกที่พบโพรงเลเซอร์ในเนื้อเยื่อของสัตว์ ➡️ อาจนำไปสู่การสร้างเลเซอร์ชีวภาพที่ปลอดภัย ➡️ ใช้ในการตรวจวินิจฉัยภายในร่างกายมนุษย์ ✅ การทดลองใช้ขนนกยูงธรรมชาติที่ไม่มีสารเจือปน ➡️ ตัดเฉพาะส่วนตาไก่และทำความสะอาดก่อนทดลอง ➡️ ทำให้ผลการทดลองมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือ ✅ สีของขนนกยูงเกิดจากโครงสร้าง ไม่ใช่เม็ดสี ➡️ เป็นตัวอย่างของ “structural color” ที่เกิดจากการหักเหของแสง ➡️ คล้ายกับสีในปีกผีเสื้อหรือเกล็ดของแมลงบางชนิด ✅ photonic crystals ในธรรมชาติสามารถนำไปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ➡️ เช่น หน้าต่างเปลี่ยนสี, ผิววัสดุที่ทำความสะอาดตัวเอง, หรือสิ่งทอกันน้ำ ➡️ อาจใช้ในธนบัตรเพื่อป้องกันการปลอมแปลง ✅ การศึกษาโครงสร้างชีวภาพระดับนาโนช่วยให้เข้าใจธรรมชาติและสร้างวัสดุใหม่ ➡️ เป็นแนวทางของ “biophotonics” และ “bio-inspired engineering” ➡️ อาจนำไปสู่การออกแบบเลเซอร์ที่ปลอดภัยและเข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์ https://www.techspot.com/news/108915-scientists-transform-peacock-feathers-tiny-biological-laser-beams.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists transform peacock feathers into tiny biological laser beams
    The research, conducted by researchers from several US universities and published in Nature, set out to explore the behavior of peacock feather barbules – microscopic structures that...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • โอ๊ต มัทฉะ ผลไม้ปั่น คอนเฟร็ก 75 บาท
    โอ๊ต มัทฉะ ผลไม้ปั่น คอนเฟร็ก 75 บาท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • Durian Party กลับมาอีกครั้ง บนเรือ Genting Dream เส้นทาง สิงคโปร์ ↔ มะละกา (Melaka), มาเลเซีย

    วันที่ 24 และ 31 สิงหาคม
    วันที่ 7 และ 14 กันยายน

    ไฮไลต์ของทริป: Eat-All-You-Can Premium Durian Buffet
    ⭐️ ทุเรียนคุณภาพสูงของมาเลเซีย
    ⭐️ รวมผลไม้เมืองร้อนอื่น ๆ สำหรับคนไม่ทานทุเรียน
    ⭐️ ทานได้ไม่อั้นภายในเวลา 90 นาที

    ดูเรือ Dream Cruises ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/359377

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    http://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 02-1169696

    #เรือDreamCruises #GentingDream #DreamCruises #DurianParty #News #ข่าวเรือสำราญ #TravelNews #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain
    🛳️ Durian Party กลับมาอีกครั้ง บนเรือ Genting Dream เส้นทาง สิงคโปร์ ↔ มะละกา (Melaka), มาเลเซีย 📍 ➡️ วันที่ 24 และ 31 สิงหาคม ➡️ วันที่ 7 และ 14 กันยายน ไฮไลต์ของทริป: Eat-All-You-Can Premium Durian Buffet ☀️ ⭐️ ทุเรียนคุณภาพสูงของมาเลเซีย ⭐️ รวมผลไม้เมืองร้อนอื่น ๆ สำหรับคนไม่ทานทุเรียน ⭐️ ทานได้ไม่อั้นภายในเวลา 90 นาที ดูเรือ Dream Cruises ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/359377 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด http://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 02-1169696 #เรือDreamCruises #GentingDream #DreamCruises #DurianParty #News #ข่าวเรือสำราญ #TravelNews #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว


  • ..จริงๆแล้วทั้งหมดคือการมีอยู่ของกสทช.เรา
    ..กสทช.ต้องถูกปฏิวัติ
    ..อนาคตคือยุคล้ำเทคโนโลยีมากมายแต่กระบวนการ กสทช.ยังไม่พัฒนาอะไรเลย,ไม่มีส่วนร่วมในการปกป้องประชาชนคนไทยเลย,ยุคเก่าแล้วนั้นเอง,ไม่ต่างจากแบงค์ชาติก่อตั้งมาเพื่อสนับสนุนธนาคารเอกชนทั้งหมดในประเทศไทยแต่อ้างประชาชนบังหน้า ควบคุมธนาคารเอกชนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนแต่สภาพความเป็นจริงด้วยแบงค์แค่อนุญาตการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ในภาวะวิกฤติการเงินกระทบทั่วโลกชัดเชน ธนาคารไทยฟันกำไรดอกเบี้ยแต่ละธนาคารหมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย แสนล้านบาทภาพรวมกลุ่มแบงค์ยิ่งชัดเจน,คือก่อกำเนิดมาเพื่อเป็นกลไลเครื่องมือให้เอกชนหากกินให้ชอบธรรมแค่นั้นผ่านใบอนุญาตนี้,ยกสิทธิผูกขาดของชาติให้เอกชน,จากนั้นก็บอกประชาชนว่า ห้ามใครมาแข่งขันใดๆอีกโดยไม่มีใบอนุญาต,ธนาคารกองทุนหมู่บ้านก็ไม่ได้เกิด,เกิดแบบธนาคารชุมชนผีบ้าต่างๆแบบธกส.ออมสินคุมหลังฉากก็ใช่ไม่ได้,แค่ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านหากต่อยอดพัฒนาดีๆรัฐสนับสนุนช่วยเป็นพี่เลี้ยงวางระบบงานวางเทคโนโลยีช่วยให้สะดวกสบายซื้อขายคล่องจะล้ำกว่า7/11อีก ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆมีตลาดร้านค้าตนเองฝากขายทั่วไทยได้,สร้างระบบฝากขายออนไลน์มีโชว์เรียลไทม์ในร้านค้าออนไลน์ของกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศไทยได้ มี80,000หมู่บ้าน ก็80,000สาขาขายออนไลน์ผ่านหมู่บ้านใครมันได้โดยเข้าระบบสมาชิกผ่านบัตรประชาชนลงทะเบียนการมีตัวตนชัดเจน,พื้นที่จริงออฟไลน์วางขายไม่สะดวก ฝากขายเป็
    นหมวดหมู่บนตลาดออนไลน์ได้ผ่านแพลนฟอร์มตลาดชุมชนตนเหมือนช็อปปี้ ลาซาด้า ติ๊กต๊อกไลน์สดขายของฟรีๆก็ได้,มียอดสั่งซื้อก็ให้ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านต่างๆรับรองมาตราฐานสินค้าเบื้องต้นส่งผ่านในนามร้านค้ากองทุนหมู่บ้านตนนั้นๆ ซึ่งร้านค้ากองทุนหมู่บ้านใครมันจะสร้างแผนกฝ่ายนี้แยกต่างหากจากหน้าร้านเดิมปกติที่คนในหมู่บ้านเข้าร้านซื้อขายของปกติ,มีพื้นที่ให้บริการอำนวยความสะดวกสบายแก่ค้าขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นี้นั้นเอง,หรือใครสะดวกทำเองที่บ้านก็ได้เครดิตมากน้อยในค่าตอบแทน ใครขนส่งผ่านจุดบริการที่สำนักงานกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านก็เครดิตค่าใช้จ่ายมากหน่อยเพราะให้บริการคนมากมายส่วนรวม,ใครอำนวยสะดวกลูกค้าตนแทนสำนักงานก็ต้องส่งเสริมให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหน่อย.ช่วยค่าใช้จ่ายด้านขนส่งบรรจุภัณฑ์ไป,ชาวบ้านจะมีตลาดเป็นของตนเองจริง เม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชนแต่ละบ้านขั้นต่ำวันละ100,000บาทโดยเฉลี่ย,80,000หมู่บ้านก็อาจกว่า8,000ล้านบาทต่อวันทั่วประเทศเฉพาะซื้อขายจับจ่ายใช้จ่ายภาคการบริโภคครัวเรือนในร้านค้าชุมชนตนใครมันในแต่ละพื้นที่,ไม่ต้องเข้าห้างเข้า7/11ก็ได้,หันไปซื้อสินค้าราคาทุนผ่านกองทุนร้านค้าตนเองแต่ละหมู่บ้านใครมัน,กำหนดนโยบายหลักให้ชัดเจนว่าขายต่ำกว่าราคาท้องตลาด ยาสีฟันปกติร้านทั่วไปตามห้างตาม7/11ขายหลอดละ10-20บาท ร้านกองทุนหมู่บ้านก็ขายหลอดละ9หรือ19บาท,ยาหม่องตลับเล็กขายตลับละ8บาทก็ขายตลับละ7บาท เป็นต้น,กำไร1สตางค์จะเป็นอะไร,กองทุนร้านค้าชุมชนไม่มุ่งแสวงหากำไรปุ๊บ!!!,ชาวบ้านจะคิดต่างทันทีดีกว่า7/11ก็หันมาสนับสนุนร้านค้าตนเองแทน,นี้ไม่รวมยอดรายได้จากค้าขายออนไลน์บนแพลตฟอร์มของกองทุนร้านค้าชุมชนอีก,การวางระบบ การเป็นพี่เลี้ยงจากรัฐบาลจึงสำคัญหากรัฐบาลมองอย่างจริงใจว่าคนไทยเราต้องพึ่งพาตนเองสามัคคีกันทั่วไทยให้ได้ ตลาดอีคอมเมิร์ซผ่านค้าขายออนไลน์ในเน็ตมีส่วนแบ่งการตลาดดีมาก ทั่วโลกกว่า25-50ล้านล้านเหรียญ,ประเทศไทยนำโดยกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านอาจเป็นผู้นำในไทยตนเองแทนแพลตฟอร์มลาซาด้า ซ็อปปี้ ติ๊กต๊อก อะลีบาบา เตมูหลอกลวงนั้นอีก เราสามารถกำหนดมาตราฐานของชุมชนควบคุมสินค้าไปในตัวด้วย,ชุมชนใดส่งมอบสินค้าไม่ดี เราสามารถแจ้งเตือนปรับปรุงจรรโลงตลาดเราได้ ส่วนแบ่งรวมทั้งค้่ขายออนไลน์ในประเทศและต่างประเทศเราอาจมำได้กว่า10-20ล้านล้านเหรียญจากยอดสั่งซื้อจากทั่วโลกได้,อาทิ ทุเรียนไทย ส่งขายตรงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กองทุนร้านค้าหมู่บ้านชุมชน ยอดค้าปลีกในหมู่บ้านนั้นๆอาจส่งออกทั่วโลกถึงวันละ1,000ล้านบาทก็ได้ จังหวัดนั้นๆแพ็คขายตรงถึงมือลูกค้าอาจกว่า10,000ล้านบาทต่อวันก็ได้กระจายไปทั่วโลกคนละ1กก.คนละลูกตามคำสั่งซื้อตรงผ่านแพลตฟอร์มเรา,
    ..ในส่วนรัฐบาลที่ดีมีโครงการเงินทุนสัมมาสร้างอาชีพก็อัดตรงลงที่สำนักงานกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านนั้นๆทางตรงก็ได้เช่น งบลงไปให้ชาวบ้านสร้างอาชีพไม่ต้องผ่านธนาคารของรัฐวิสาหกิจหรือธนาคารของเอกชนใดๆ ให้หมู่บ้านชุมชนนั้นๆละ10ล้านบาท นำไปปล่อยยืมสร้างอาชีพห้ามเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมใดๆกับประชาชนชาวบ้านปีแรกอาจลงงบฯไป10,000หมู่บ้านก่อน,ปีละ10,000หมู่บ้านๆละ10ล้านบาทก็100,000ล้านบาทต่อปี,8ปีก็80,000หมู่บ้านคือ800,000ล้านบาทและ800,000ล้านบาทนี้ก็หมุนเวียนในชุมชนจริงด้วยมิใช้เข้าห้างเข้า7/11 เป็นต้น ต่อเงินอาจได้กว่า8ล้านล้านบาทในสัมมาอาชีพที่รัฐบาลช่วยทุนสัมมาอาชีพนั้น เช่นบางคนได้ตังจากหมู่บ้านตนปล่อยยืมคนละ100,000บาทไร้ดอกเบี้ยมีกำลังพอควรสร้างอาชีพทุนพอดี ช่วยได้หมู่บ้านละ100คนในชุดนั้นปีต่อมาเขาคืนทุนทำกำไร ทั้งค้าขายเอง ค้าขายออนไลน์กับค้าขายเปิดหน้าร้านด้วย ขายฝากร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านที่เป็นสถานที่หน้าร้านจริงอีก,มีคำสั่งซื้อเข้ามาช่วยหลายทาง เช่นขายขนมต่างๆทำมมีรายได้ต่อเดือนอาจ5-6หมื่นบาท กำไร3-4หมื่นบาท 1ปี3-4แสนบาทเป็นต้น,ทุกๆคนสมมุติคืนทุนได้แน่นอนปีแรก,ปีต่อไป คนที่เหลือสามารถยืมฟรีๆต่อได้อีกในทุน10ล้านบาทนั้น,หมู่บ้านหนึ่งอาจมี4-5ร้อยครัวเรือนแค่นั้น บางหมู่บ้านมีไม่ถึง200ครัวเรือน ก็แค่2รอบครบกันหมด,หมุนเวียนได้ตลอด,ในชุมชน,จะซื้ออะไรก็ใช้จ่ายแค่ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านตน ไม่ฝากตังที่ธนาคารเอกชน ธนาคารรัฐ ฝากกันในกองทุนร้านค้าชุมชนตนนั้นล่ะ ถอน-ฝากตรงในชุมชนตนเองเลยโดยมีรัฐอำนวยวิธีการบริหารจัดการให้เป็นระบบระเบียน,หมู่บ้านหนึ่งอาจกว่า1,000ล้านบาทต่อเดือนของรายได้เข้าชุมชนเช่นขายทุเรียนผลไม้พืชผัก,รัฐมีสำนักงานใหญ่ดูแลระบบช่วยเหลือประชาชน จ้างโดยรัฐบาลพี่เลี้ยงก่อน,เงินมหาศาลจากการค้าขายการฝากออมจะไหลไปรวมก็ศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ทันทีกว่าล้านล้านบาทต่อวัน,สำนักงานใหญ่สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องกระแสเงินนั้นสบานมากๆ,บริหารจัดการเงินทุนช่วยสร้างอาชีพสร้างรายได้แก่ประชาชนได้สบายอย่างแท้จริง,ติดขัดอะไรเห็นปัญหา สามารถเชื่อมประสานงานแก้ไขได้ผ่านกระบวนการกลไกอำนาจรัฐ,เน็ตมีปัญหา ตรงดิ่งไปกสทช.เอาคลื่นความถี่ฟรีๆมาให้บริการประชาชนโซนเรานี้,จากนั้นประชาชนแค่ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนยืนยันการใช้งานและความเป็นคนไทยสามารถใช้เครือข่ายโทรฟรีเน็ตฟรีเพื่อส่งเสริมสนับสัมมาอาชีพค้าขายพึ่งพาตนเองได้,มีทุนมากหน่อยลงมติ ร่วมบริจาคสร้างดาวเทียมเน็ตฟรีๆก็ได้หรือรัฐฐะมีหน้าที่ตรงต้องสร้างมาสนับสนุนสัมมาอาชีพประชาชนและวิถีชีวิตประชาชนมิใช่ช่วยเหลือเอกชนประกอบอาชีพค้ากำไรต่อประชาชนให้ไปใช้บริการมัน,
    ..กสทช.ก็ตาม แบงค์ชาติก็ตาม ทั้งหมดเสมือนก่อเกิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมอาชีพเอกชนมาค้ารายได้กำไรจากประชาชนโดยอ้างการให้บริการแก่ประชาชนต้องมีการแลกเปลี่ยนจ่ายค่าให้บริการมาก็ว่า,ธนาคารได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้ ค่ายมือถือได้ตังจากค่าเน็ตค่าโทรค่าใช้บริการสาระพัดมุกที่จะมีโปรโมชั่นจากค่ายมือถือมาดูดตังจากประชาชน,ทั้งจากเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย โทรมาโชว์แต่เบอร์ ไม่เคยปรับปรุงว่า 1เบอร์มือถือ 1เลขหมายโทรศัพท์ตือ1บัตรประชาชนเท่านั่น,ระบบต้องโชว์ชื่อโชว์นามสกุลของคนโทรเข้ามาอัตโนมัติด้วย มิใช่โชว์แค่เบอร์ในปัจจุบัน.,ห้ามคนไทยทุดๆคนมีเลขหมายโทรศัพท์เกิน1เบอร์,ส่วนเปิดกิจการค้าขายต้องเงื่อนไขต่างหาก,นี้สามารถตัดตอนเดอะแก๊งชั่วเลวแบบคอลเซ็นเตอร์ได้ทันที,ร่วมถึงธนาคารต้องห้ามคนไทยมีบัญชีธนาคารเกิน1บัญชีต่อ1บัตรประชาชนด้วย มรึงจะมีตังเกิน1ล้านล้านบาทก็มีได้แค่1บัญชี ไม่สามารถฟอกตังฟอกเงินได้ตัดตอนได้อีก,,นี้คือการปกครองที่ซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส่ของจริงด้วย,ต่างชาติใดๆจะมาเยือนประเทศไทย,ในกรณีประชาชนทั่วไป ต้องรวมรวบสถานะการเงินเป็นบัญชีเดียวทั้งหมดเช่นกันก่อนเข้าประเทศไทย,ป้องกันการฟอกเงินข้ามชาติได้ด้วย,สามารถเชื่อมโยงคริปโตโทเคนได้ด้วยในการแจ้งสถานะมูลค่าถือครองมีในครอบครองนั้นก่อนเข้าประเทศไทยทุกๆกรณีด้วย,บริษัทกิจการใดจะมาลงทุนประเทศไทยต้องรวมสถานะการเงินเป็นบัญชีเดียวทั้งหมดให้ชัดเจนนั้นเอง,ตัดตอนการทุจริตการฟอกเงินทันทีด้วยหรือนัยยะบ่อนทำลายประเทศไทยก็ด้วย,ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นกิจกรรมที่ไม่โปร่งใสทั้งหมด อำนวยอาชญากรอาชญากรรมสาระพัดรูปแบบได้หมด,ปกปิดการเคลื่อนไหวสถานะการเงินนั้นเอง,เงินสามารถจ้างอาชญากรใดๆทั่วโลกได้ ค้าอาวุธค้ายาค้ามนุษย์ได้ และพวกนี้จะกระจายเม็ดเงินกันด้วย,แบงค์ชาติและแบงค์เอกชนเห็นสิ่งนี้หมดแต่ก็เปิดช่องให้คนชั่วเลวนี้ถึงปัจจุบัน,
    ..ในมิติกสทช.คงเห็น1บัตรประชาชน 1เบอร์โทรศัพท์ได้ยาก,การค้าซิมของค่ายมือถือคือบ่อเกิดความหายนะต่อประชาชนตนภายในประเทศ,จำเป็นอะไรที่ประชาชนต้องมีมากกว่า1เบอร์โทรศัพท์,นอกจากมิจฉาชีพจะชอบใช้ก่ออาชญากรรมแล้วทิ้งมิให้มีหลักฐานแค่นั้น,และสะดวกสบายด้วย ต่างจาก1บัตรประชาชน 1เบอร์โทรศัพท์ ล็อกตัวได้ง่าย ระบุที่ตั้งตัวตนคนนั้นได้ชัดเจน แบบเขมรเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็อ้างเบอร์นั้นนี้มาทำชั่วเลวแทบไม่ได้เลย,โทรมาจากเขมรก็โชว์ว่ามาจากเขมรทันทีได้,เพราะยกเลิกซิม ใช้บัตรประชาชนใครมันคือเบอร์มือถือใครมันจริงนั้นเอง.กสทช.ไม่เคยปรับปรุงตนเองเลย อย่างเดียวที่ทำคือประมูลคลื่นความถี่.,ไม่คิดอ่านว่าคลื่นสาธารณะแผ่นดินนี้ประชาชนคนไทยสมควรใช้บริการฟรีๆเพื่ออัพเรเวลคุณภาพชีวิตคนไทยได้แล้ว,ไลน์ก็ใช้เน็ตติดต่อเรื่องราวระหว่างครูกับผู้ปกครองหรือนักเรียนกับครูๆ,ซิมก็ซื้ออายุเวลาซิมอีกมิใช่ตลอดชีพ ให้มือถือเก็บตังรีดไถ่เก็บส่วยในมุกรักษาอายุซิมก็ว่าตลอด,ค่าเน็ตก็แพง ผูกขาดไม่กี่เจ้าอีก,ทหารยึดอำนาจ ยึดคลื่นจากค่ายมือถือยุบกสทช.ด้วยก็ดี.ไร้ประโยชน์จริงๆ,ทำเองดีกว่า ตั้งหน่วยงานใหม่รับผิดชอบเน็ตคนไทยเลย,ประเทศไทยเลอะเทอะมากพอแล้ว,คืนค่าโรงงานทั้งหมดคืนค่าประเทศไทยทั้งหมดยึดคืนมากเป็นของคนไทยทั้งหมดเหมือนเดิมเพื่อก้าวเดินในวิถีโลกยุคใหม่นี้จริงๆ,ไม่ล้างระบบเก่า จะสร้างใหม่ได้อย่างไร,บ้านใหม่บรแผ่นดินเดิมเรา,บ้านนี้ผุพังเป็นอันมากปลวกมดสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่เป็นอันมาก,พังพินาศไส้ในสิ้นดี.

    https://youtube.com/watch?v=7wwuNRyzL4c&feature=shared
    ..จริงๆแล้วทั้งหมดคือการมีอยู่ของกสทช.เรา ..กสทช.ต้องถูกปฏิวัติ ..อนาคตคือยุคล้ำเทคโนโลยีมากมายแต่กระบวนการ กสทช.ยังไม่พัฒนาอะไรเลย,ไม่มีส่วนร่วมในการปกป้องประชาชนคนไทยเลย,ยุคเก่าแล้วนั้นเอง,ไม่ต่างจากแบงค์ชาติก่อตั้งมาเพื่อสนับสนุนธนาคารเอกชนทั้งหมดในประเทศไทยแต่อ้างประชาชนบังหน้า ควบคุมธนาคารเอกชนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนแต่สภาพความเป็นจริงด้วยแบงค์แค่อนุญาตการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ในภาวะวิกฤติการเงินกระทบทั่วโลกชัดเชน ธนาคารไทยฟันกำไรดอกเบี้ยแต่ละธนาคารหมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย แสนล้านบาทภาพรวมกลุ่มแบงค์ยิ่งชัดเจน,คือก่อกำเนิดมาเพื่อเป็นกลไลเครื่องมือให้เอกชนหากกินให้ชอบธรรมแค่นั้นผ่านใบอนุญาตนี้,ยกสิทธิผูกขาดของชาติให้เอกชน,จากนั้นก็บอกประชาชนว่า ห้ามใครมาแข่งขันใดๆอีกโดยไม่มีใบอนุญาต,ธนาคารกองทุนหมู่บ้านก็ไม่ได้เกิด,เกิดแบบธนาคารชุมชนผีบ้าต่างๆแบบธกส.ออมสินคุมหลังฉากก็ใช่ไม่ได้,แค่ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านหากต่อยอดพัฒนาดีๆรัฐสนับสนุนช่วยเป็นพี่เลี้ยงวางระบบงานวางเทคโนโลยีช่วยให้สะดวกสบายซื้อขายคล่องจะล้ำกว่า7/11อีก ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆมีตลาดร้านค้าตนเองฝากขายทั่วไทยได้,สร้างระบบฝากขายออนไลน์มีโชว์เรียลไทม์ในร้านค้าออนไลน์ของกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศไทยได้ มี80,000หมู่บ้าน ก็80,000สาขาขายออนไลน์ผ่านหมู่บ้านใครมันได้โดยเข้าระบบสมาชิกผ่านบัตรประชาชนลงทะเบียนการมีตัวตนชัดเจน,พื้นที่จริงออฟไลน์วางขายไม่สะดวก ฝากขายเป็ นหมวดหมู่บนตลาดออนไลน์ได้ผ่านแพลนฟอร์มตลาดชุมชนตนเหมือนช็อปปี้ ลาซาด้า ติ๊กต๊อกไลน์สดขายของฟรีๆก็ได้,มียอดสั่งซื้อก็ให้ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านต่างๆรับรองมาตราฐานสินค้าเบื้องต้นส่งผ่านในนามร้านค้ากองทุนหมู่บ้านตนนั้นๆ ซึ่งร้านค้ากองทุนหมู่บ้านใครมันจะสร้างแผนกฝ่ายนี้แยกต่างหากจากหน้าร้านเดิมปกติที่คนในหมู่บ้านเข้าร้านซื้อขายของปกติ,มีพื้นที่ให้บริการอำนวยความสะดวกสบายแก่ค้าขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นี้นั้นเอง,หรือใครสะดวกทำเองที่บ้านก็ได้เครดิตมากน้อยในค่าตอบแทน ใครขนส่งผ่านจุดบริการที่สำนักงานกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านก็เครดิตค่าใช้จ่ายมากหน่อยเพราะให้บริการคนมากมายส่วนรวม,ใครอำนวยสะดวกลูกค้าตนแทนสำนักงานก็ต้องส่งเสริมให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหน่อย.ช่วยค่าใช้จ่ายด้านขนส่งบรรจุภัณฑ์ไป,ชาวบ้านจะมีตลาดเป็นของตนเองจริง เม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชนแต่ละบ้านขั้นต่ำวันละ100,000บาทโดยเฉลี่ย,80,000หมู่บ้านก็อาจกว่า8,000ล้านบาทต่อวันทั่วประเทศเฉพาะซื้อขายจับจ่ายใช้จ่ายภาคการบริโภคครัวเรือนในร้านค้าชุมชนตนใครมันในแต่ละพื้นที่,ไม่ต้องเข้าห้างเข้า7/11ก็ได้,หันไปซื้อสินค้าราคาทุนผ่านกองทุนร้านค้าตนเองแต่ละหมู่บ้านใครมัน,กำหนดนโยบายหลักให้ชัดเจนว่าขายต่ำกว่าราคาท้องตลาด ยาสีฟันปกติร้านทั่วไปตามห้างตาม7/11ขายหลอดละ10-20บาท ร้านกองทุนหมู่บ้านก็ขายหลอดละ9หรือ19บาท,ยาหม่องตลับเล็กขายตลับละ8บาทก็ขายตลับละ7บาท เป็นต้น,กำไร1สตางค์จะเป็นอะไร,กองทุนร้านค้าชุมชนไม่มุ่งแสวงหากำไรปุ๊บ!!!,ชาวบ้านจะคิดต่างทันทีดีกว่า7/11ก็หันมาสนับสนุนร้านค้าตนเองแทน,นี้ไม่รวมยอดรายได้จากค้าขายออนไลน์บนแพลตฟอร์มของกองทุนร้านค้าชุมชนอีก,การวางระบบ การเป็นพี่เลี้ยงจากรัฐบาลจึงสำคัญหากรัฐบาลมองอย่างจริงใจว่าคนไทยเราต้องพึ่งพาตนเองสามัคคีกันทั่วไทยให้ได้ ตลาดอีคอมเมิร์ซผ่านค้าขายออนไลน์ในเน็ตมีส่วนแบ่งการตลาดดีมาก ทั่วโลกกว่า25-50ล้านล้านเหรียญ,ประเทศไทยนำโดยกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านอาจเป็นผู้นำในไทยตนเองแทนแพลตฟอร์มลาซาด้า ซ็อปปี้ ติ๊กต๊อก อะลีบาบา เตมูหลอกลวงนั้นอีก เราสามารถกำหนดมาตราฐานของชุมชนควบคุมสินค้าไปในตัวด้วย,ชุมชนใดส่งมอบสินค้าไม่ดี เราสามารถแจ้งเตือนปรับปรุงจรรโลงตลาดเราได้ ส่วนแบ่งรวมทั้งค้่ขายออนไลน์ในประเทศและต่างประเทศเราอาจมำได้กว่า10-20ล้านล้านเหรียญจากยอดสั่งซื้อจากทั่วโลกได้,อาทิ ทุเรียนไทย ส่งขายตรงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กองทุนร้านค้าหมู่บ้านชุมชน ยอดค้าปลีกในหมู่บ้านนั้นๆอาจส่งออกทั่วโลกถึงวันละ1,000ล้านบาทก็ได้ จังหวัดนั้นๆแพ็คขายตรงถึงมือลูกค้าอาจกว่า10,000ล้านบาทต่อวันก็ได้กระจายไปทั่วโลกคนละ1กก.คนละลูกตามคำสั่งซื้อตรงผ่านแพลตฟอร์มเรา, ..ในส่วนรัฐบาลที่ดีมีโครงการเงินทุนสัมมาสร้างอาชีพก็อัดตรงลงที่สำนักงานกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านนั้นๆทางตรงก็ได้เช่น งบลงไปให้ชาวบ้านสร้างอาชีพไม่ต้องผ่านธนาคารของรัฐวิสาหกิจหรือธนาคารของเอกชนใดๆ ให้หมู่บ้านชุมชนนั้นๆละ10ล้านบาท นำไปปล่อยยืมสร้างอาชีพห้ามเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมใดๆกับประชาชนชาวบ้านปีแรกอาจลงงบฯไป10,000หมู่บ้านก่อน,ปีละ10,000หมู่บ้านๆละ10ล้านบาทก็100,000ล้านบาทต่อปี,8ปีก็80,000หมู่บ้านคือ800,000ล้านบาทและ800,000ล้านบาทนี้ก็หมุนเวียนในชุมชนจริงด้วยมิใช้เข้าห้างเข้า7/11 เป็นต้น ต่อเงินอาจได้กว่า8ล้านล้านบาทในสัมมาอาชีพที่รัฐบาลช่วยทุนสัมมาอาชีพนั้น เช่นบางคนได้ตังจากหมู่บ้านตนปล่อยยืมคนละ100,000บาทไร้ดอกเบี้ยมีกำลังพอควรสร้างอาชีพทุนพอดี ช่วยได้หมู่บ้านละ100คนในชุดนั้นปีต่อมาเขาคืนทุนทำกำไร ทั้งค้าขายเอง ค้าขายออนไลน์กับค้าขายเปิดหน้าร้านด้วย ขายฝากร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านที่เป็นสถานที่หน้าร้านจริงอีก,มีคำสั่งซื้อเข้ามาช่วยหลายทาง เช่นขายขนมต่างๆทำมมีรายได้ต่อเดือนอาจ5-6หมื่นบาท กำไร3-4หมื่นบาท 1ปี3-4แสนบาทเป็นต้น,ทุกๆคนสมมุติคืนทุนได้แน่นอนปีแรก,ปีต่อไป คนที่เหลือสามารถยืมฟรีๆต่อได้อีกในทุน10ล้านบาทนั้น,หมู่บ้านหนึ่งอาจมี4-5ร้อยครัวเรือนแค่นั้น บางหมู่บ้านมีไม่ถึง200ครัวเรือน ก็แค่2รอบครบกันหมด,หมุนเวียนได้ตลอด,ในชุมชน,จะซื้ออะไรก็ใช้จ่ายแค่ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านตน ไม่ฝากตังที่ธนาคารเอกชน ธนาคารรัฐ ฝากกันในกองทุนร้านค้าชุมชนตนนั้นล่ะ ถอน-ฝากตรงในชุมชนตนเองเลยโดยมีรัฐอำนวยวิธีการบริหารจัดการให้เป็นระบบระเบียน,หมู่บ้านหนึ่งอาจกว่า1,000ล้านบาทต่อเดือนของรายได้เข้าชุมชนเช่นขายทุเรียนผลไม้พืชผัก,รัฐมีสำนักงานใหญ่ดูแลระบบช่วยเหลือประชาชน จ้างโดยรัฐบาลพี่เลี้ยงก่อน,เงินมหาศาลจากการค้าขายการฝากออมจะไหลไปรวมก็ศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ทันทีกว่าล้านล้านบาทต่อวัน,สำนักงานใหญ่สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องกระแสเงินนั้นสบานมากๆ,บริหารจัดการเงินทุนช่วยสร้างอาชีพสร้างรายได้แก่ประชาชนได้สบายอย่างแท้จริง,ติดขัดอะไรเห็นปัญหา สามารถเชื่อมประสานงานแก้ไขได้ผ่านกระบวนการกลไกอำนาจรัฐ,เน็ตมีปัญหา ตรงดิ่งไปกสทช.เอาคลื่นความถี่ฟรีๆมาให้บริการประชาชนโซนเรานี้,จากนั้นประชาชนแค่ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนยืนยันการใช้งานและความเป็นคนไทยสามารถใช้เครือข่ายโทรฟรีเน็ตฟรีเพื่อส่งเสริมสนับสัมมาอาชีพค้าขายพึ่งพาตนเองได้,มีทุนมากหน่อยลงมติ ร่วมบริจาคสร้างดาวเทียมเน็ตฟรีๆก็ได้หรือรัฐฐะมีหน้าที่ตรงต้องสร้างมาสนับสนุนสัมมาอาชีพประชาชนและวิถีชีวิตประชาชนมิใช่ช่วยเหลือเอกชนประกอบอาชีพค้ากำไรต่อประชาชนให้ไปใช้บริการมัน, ..กสทช.ก็ตาม แบงค์ชาติก็ตาม ทั้งหมดเสมือนก่อเกิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมอาชีพเอกชนมาค้ารายได้กำไรจากประชาชนโดยอ้างการให้บริการแก่ประชาชนต้องมีการแลกเปลี่ยนจ่ายค่าให้บริการมาก็ว่า,ธนาคารได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้ ค่ายมือถือได้ตังจากค่าเน็ตค่าโทรค่าใช้บริการสาระพัดมุกที่จะมีโปรโมชั่นจากค่ายมือถือมาดูดตังจากประชาชน,ทั้งจากเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย โทรมาโชว์แต่เบอร์ ไม่เคยปรับปรุงว่า 1เบอร์มือถือ 1เลขหมายโทรศัพท์ตือ1บัตรประชาชนเท่านั่น,ระบบต้องโชว์ชื่อโชว์นามสกุลของคนโทรเข้ามาอัตโนมัติด้วย มิใช่โชว์แค่เบอร์ในปัจจุบัน.,ห้ามคนไทยทุดๆคนมีเลขหมายโทรศัพท์เกิน1เบอร์,ส่วนเปิดกิจการค้าขายต้องเงื่อนไขต่างหาก,นี้สามารถตัดตอนเดอะแก๊งชั่วเลวแบบคอลเซ็นเตอร์ได้ทันที,ร่วมถึงธนาคารต้องห้ามคนไทยมีบัญชีธนาคารเกิน1บัญชีต่อ1บัตรประชาชนด้วย มรึงจะมีตังเกิน1ล้านล้านบาทก็มีได้แค่1บัญชี ไม่สามารถฟอกตังฟอกเงินได้ตัดตอนได้อีก,,นี้คือการปกครองที่ซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส่ของจริงด้วย,ต่างชาติใดๆจะมาเยือนประเทศไทย,ในกรณีประชาชนทั่วไป ต้องรวมรวบสถานะการเงินเป็นบัญชีเดียวทั้งหมดเช่นกันก่อนเข้าประเทศไทย,ป้องกันการฟอกเงินข้ามชาติได้ด้วย,สามารถเชื่อมโยงคริปโตโทเคนได้ด้วยในการแจ้งสถานะมูลค่าถือครองมีในครอบครองนั้นก่อนเข้าประเทศไทยทุกๆกรณีด้วย,บริษัทกิจการใดจะมาลงทุนประเทศไทยต้องรวมสถานะการเงินเป็นบัญชีเดียวทั้งหมดให้ชัดเจนนั้นเอง,ตัดตอนการทุจริตการฟอกเงินทันทีด้วยหรือนัยยะบ่อนทำลายประเทศไทยก็ด้วย,ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นกิจกรรมที่ไม่โปร่งใสทั้งหมด อำนวยอาชญากรอาชญากรรมสาระพัดรูปแบบได้หมด,ปกปิดการเคลื่อนไหวสถานะการเงินนั้นเอง,เงินสามารถจ้างอาชญากรใดๆทั่วโลกได้ ค้าอาวุธค้ายาค้ามนุษย์ได้ และพวกนี้จะกระจายเม็ดเงินกันด้วย,แบงค์ชาติและแบงค์เอกชนเห็นสิ่งนี้หมดแต่ก็เปิดช่องให้คนชั่วเลวนี้ถึงปัจจุบัน, ..ในมิติกสทช.คงเห็น1บัตรประชาชน 1เบอร์โทรศัพท์ได้ยาก,การค้าซิมของค่ายมือถือคือบ่อเกิดความหายนะต่อประชาชนตนภายในประเทศ,จำเป็นอะไรที่ประชาชนต้องมีมากกว่า1เบอร์โทรศัพท์,นอกจากมิจฉาชีพจะชอบใช้ก่ออาชญากรรมแล้วทิ้งมิให้มีหลักฐานแค่นั้น,และสะดวกสบายด้วย ต่างจาก1บัตรประชาชน 1เบอร์โทรศัพท์ ล็อกตัวได้ง่าย ระบุที่ตั้งตัวตนคนนั้นได้ชัดเจน แบบเขมรเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็อ้างเบอร์นั้นนี้มาทำชั่วเลวแทบไม่ได้เลย,โทรมาจากเขมรก็โชว์ว่ามาจากเขมรทันทีได้,เพราะยกเลิกซิม ใช้บัตรประชาชนใครมันคือเบอร์มือถือใครมันจริงนั้นเอง.กสทช.ไม่เคยปรับปรุงตนเองเลย อย่างเดียวที่ทำคือประมูลคลื่นความถี่.,ไม่คิดอ่านว่าคลื่นสาธารณะแผ่นดินนี้ประชาชนคนไทยสมควรใช้บริการฟรีๆเพื่ออัพเรเวลคุณภาพชีวิตคนไทยได้แล้ว,ไลน์ก็ใช้เน็ตติดต่อเรื่องราวระหว่างครูกับผู้ปกครองหรือนักเรียนกับครูๆ,ซิมก็ซื้ออายุเวลาซิมอีกมิใช่ตลอดชีพ ให้มือถือเก็บตังรีดไถ่เก็บส่วยในมุกรักษาอายุซิมก็ว่าตลอด,ค่าเน็ตก็แพง ผูกขาดไม่กี่เจ้าอีก,ทหารยึดอำนาจ ยึดคลื่นจากค่ายมือถือยุบกสทช.ด้วยก็ดี.ไร้ประโยชน์จริงๆ,ทำเองดีกว่า ตั้งหน่วยงานใหม่รับผิดชอบเน็ตคนไทยเลย,ประเทศไทยเลอะเทอะมากพอแล้ว,คืนค่าโรงงานทั้งหมดคืนค่าประเทศไทยทั้งหมดยึดคืนมากเป็นของคนไทยทั้งหมดเหมือนเดิมเพื่อก้าวเดินในวิถีโลกยุคใหม่นี้จริงๆ,ไม่ล้างระบบเก่า จะสร้างใหม่ได้อย่างไร,บ้านใหม่บรแผ่นดินเดิมเรา,บ้านนี้ผุพังเป็นอันมากปลวกมดสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่เป็นอันมาก,พังพินาศไส้ในสิ้นดี. https://youtube.com/watch?v=7wwuNRyzL4c&feature=shared
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 663 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts