• 'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง

    //////////////////


    รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

    18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป

    สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
    นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
    นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง

    ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย

    “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว

    อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น
    ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
    นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง
    ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป

    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี
    “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น
    เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว
    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ
    สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน

    สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้
    นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา
    “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย
    อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง ////////////////// รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 0 Reviews
  • ดุสิตธานีลมสงบ ชนินทธ์ควบกรุ๊ปซีอีโอ

    การแถลงข่าวทิศทางการบริหารงานของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) พบว่านายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการฯ ออกมากล่าวถึงความขัดแย้งในครอบครัวท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี ผู้ล่วงลับ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจว่า จบลงได้ดีไม่ต้องเป็นห่วง พูดคุยแก้ไขปัญหาทุกวัน เพราะทุกคนอยากจะให้ทุกอย่างออกมาดี ให้เชื่อมั่นประเด็นดุสิตธานีจะจบลงด้วยดี รวมทั้งยังทำงานร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัลได้

    นอกจากนี้ คณะกรรมการ DUSIT ยังมีมติแต่งตั้งนายชนินทธ์ ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (กรุ๊ปซีอีโอ) หลังจากนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ได้รับการทาบทามจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ไปดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ แต่ก็พร้อมเปิดทางกลับมา เปรียบได้กับคลื่นลมสงบ ก่อนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 ก.ย.ที่จะถึงนี้ หนึ่งในวาระการประชุม คือการพิจารณาอนุมัติถอดถอนนายชนินทธ์ ออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ ตามที่บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด เสนอวาระดังกล่าว

    ท่านผู้หญิงชนัตถ์มีบุตรธิดา 3 คน คือ นายชนินทธ์ โทณวณิก ลูกชายคนโต, นางสินี เธียรประสิทธิ์ ลูกสาวคนกลาง สมรสกับนายฐิตินันท์ เธียรประสิทธิ์ และนางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ลูกสาวคนเล็ก สมรสกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 27 ส.ค. นายชนินทธ์แถลงข่าวว่า ถูกนางสินีและนางสุนงค์เปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการเดิม และปลดออกจากรรมการบริษัท ชนัตถ์และลูก ต่อด้วยไม่อนุมัติงบการเงิน DUSIT ล่าสุดพยายามถอดถอนตนออกจาก DUSIT แต่งตั้งคนนอกครอบครัว ยึดกิจการที่ครอบครัวสร้างมา พร้อมกับเสนอกรรมการใหม่ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แม้จะเป็นพันธมิตรโครงการดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค แต่ลับหลังซื้อหุ้น 22.5% โดยไม่แจ้งให้ทราบ ต้องเจรจาให้ขายหุ้นออกครึ่งหนึ่ง และขอไม่ให้ส่งคนมานั่งกรรมการ เพราะมีธุรกิจทับซ้อนกัน

    ต่อมานางสินีและนางสุนงค์ตอบโต้นายชนินทร์ ปฎิเสธข้อกล่าวหาและถามกลับว่าที่แถลงข่าวมีเจตนาอะไร อ้างว่าที่เสนอเปลี่ยนแปลงบอร์ดเพราะขาดทุนกว่า 1,254 ล้านบาท และไม่ได้จ่ายปันผลมาแล้ว 5 ปี จึงต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ DUSIT กลับมามีกำไร และเชื่อว่า CPN มีความเป็นมืออาชีพ ไม่คิดเทกโอเวอร์

    อนึ่ง บริษัท ชนัตถ์และลูก จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2533 ทุนจดทะเบียน 752 ล้านบาท เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของดุสิตธานี 49.74% ปัจจุบันพบว่ากรรมการบริษัทมี 4 คน คือ นางสินีและลูกสาว นางสุนงค์และลูกชาย

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    ดุสิตธานีลมสงบ ชนินทธ์ควบกรุ๊ปซีอีโอ การแถลงข่าวทิศทางการบริหารงานของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) พบว่านายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการฯ ออกมากล่าวถึงความขัดแย้งในครอบครัวท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี ผู้ล่วงลับ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจว่า จบลงได้ดีไม่ต้องเป็นห่วง พูดคุยแก้ไขปัญหาทุกวัน เพราะทุกคนอยากจะให้ทุกอย่างออกมาดี ให้เชื่อมั่นประเด็นดุสิตธานีจะจบลงด้วยดี รวมทั้งยังทำงานร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัลได้ นอกจากนี้ คณะกรรมการ DUSIT ยังมีมติแต่งตั้งนายชนินทธ์ ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (กรุ๊ปซีอีโอ) หลังจากนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ได้รับการทาบทามจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ไปดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ แต่ก็พร้อมเปิดทางกลับมา เปรียบได้กับคลื่นลมสงบ ก่อนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 ก.ย.ที่จะถึงนี้ หนึ่งในวาระการประชุม คือการพิจารณาอนุมัติถอดถอนนายชนินทธ์ ออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ ตามที่บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด เสนอวาระดังกล่าว ท่านผู้หญิงชนัตถ์มีบุตรธิดา 3 คน คือ นายชนินทธ์ โทณวณิก ลูกชายคนโต, นางสินี เธียรประสิทธิ์ ลูกสาวคนกลาง สมรสกับนายฐิตินันท์ เธียรประสิทธิ์ และนางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ลูกสาวคนเล็ก สมรสกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 27 ส.ค. นายชนินทธ์แถลงข่าวว่า ถูกนางสินีและนางสุนงค์เปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการเดิม และปลดออกจากรรมการบริษัท ชนัตถ์และลูก ต่อด้วยไม่อนุมัติงบการเงิน DUSIT ล่าสุดพยายามถอดถอนตนออกจาก DUSIT แต่งตั้งคนนอกครอบครัว ยึดกิจการที่ครอบครัวสร้างมา พร้อมกับเสนอกรรมการใหม่ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แม้จะเป็นพันธมิตรโครงการดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค แต่ลับหลังซื้อหุ้น 22.5% โดยไม่แจ้งให้ทราบ ต้องเจรจาให้ขายหุ้นออกครึ่งหนึ่ง และขอไม่ให้ส่งคนมานั่งกรรมการ เพราะมีธุรกิจทับซ้อนกัน ต่อมานางสินีและนางสุนงค์ตอบโต้นายชนินทร์ ปฎิเสธข้อกล่าวหาและถามกลับว่าที่แถลงข่าวมีเจตนาอะไร อ้างว่าที่เสนอเปลี่ยนแปลงบอร์ดเพราะขาดทุนกว่า 1,254 ล้านบาท และไม่ได้จ่ายปันผลมาแล้ว 5 ปี จึงต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ DUSIT กลับมามีกำไร และเชื่อว่า CPN มีความเป็นมืออาชีพ ไม่คิดเทกโอเวอร์ อนึ่ง บริษัท ชนัตถ์และลูก จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2533 ทุนจดทะเบียน 752 ล้านบาท เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของดุสิตธานี 49.74% ปัจจุบันพบว่ากรรมการบริษัทมี 4 คน คือ นางสินีและลูกสาว นางสุนงค์และลูกชาย #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    1 Comments 0 Shares 266 Views 0 Reviews

  • เช็กชื่อโผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งครบแล้ว ลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน
    วันที่ 8 กันยายน 2568 - 17:04 น.


    โผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งรายชื่อครบแล้ว ‘บวรศักดิ์’ นั่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ด้าน ‘จตุพร – ไผ่ ลิกค์’ หลุดโผ ศุภจี CEO ดุสิตธานี ขึ้นเป็น รมว.พาณิชย์ รอลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน หากสะดุดต้องหลีกทางทันที

    ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้า การจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (8 ก.ย.) ได้รับการตอบรับจาก นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีชื่อมานั่งในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีรายงานว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมาคุยกันลงตัวแล้ว โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายบวรศักดิ์ ด้วยตัวเอง

    โดยครั้งนี้มีการใช้ รัฐมนตรีคนนอกถึง 6 กระทรวง คือ

    -นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    -นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

    -นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

    -นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

    -พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

    -นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

    -กระทรวงกลาโหม

    ทั้งหมดเพื่อเสริมการทำงานของ ครม. และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้คลี่คลายอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีชื่อของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ แต่ล่าสุดไม่ปรากฎชื่อแล้ว

    ส่วนโควตารัฐมนตรีคนนอก ขณะนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ ยกตัวอย่างกระทรวงกลาโหม ที่มีชื่อของ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เพราะแหล่งข่าวยืนยันว่า ยังไม่สะเด็ดน้ำ และขณะนี้ยังมีชื่ออื่นส่งประกวดเพิ่มเติม

    ทั้งนี้ รัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้ยังเป็นชื่อรัฐมนตรีเก่าทั้งหมด เพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ นายไชยชนก ชิดชอบ และนายภราดร ปริศนานันทกุล แต่ยังไม่ระบุว่าจะได้นั่งกระทรวงใด



    ด้าน พรรคกล้าธรรม ยืนยันรายชื่อตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ คือ

    -ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

    -นายอรรถกร ศิริลัทธยากร นั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

    -นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

    -นายอัครา พรหมเผ่า นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

    -นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

    -นายองอาจ วงษ์ประยูร นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

    และล่าสุดมีชื่อของนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ พรรคกล้าธรรม จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นชื่อของ นายไผ่ ลิกค์ เนื่องจากติดเงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ แต่ก็ถือเป็นโควตาภาคเหนือ

    ส่วน พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 2 ตำแหน่ง ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า

    -นายสันติ พร้อมพัฒน์ นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

    -น.ส.ตรีนุช เทียนทอง จะได้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

    -นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

    -พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม



    ด้าน พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้ 3 เก้าอี้ คือ

    -นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    -นายธนกร วังบุญคงชนะ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

    -จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

    นอกจากนี้ ปรากฏชื่อของ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ที่เข้ามายื่นตรวจสอบประวัติด้วย แต่ยังไม่มีการระบุกระทรวง ส่วน น.ส.นิธิยา บุญญามณี บุตรสาวของ นายนิพนธ์ บุญญามณี มีชื่อนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

    ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า นายนริศ ขำนุรักษ์ จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งนั้น ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วว่าไม่มีชื่อติดในโผ ครม.ครั้งนี้

    ขณะเดียวกัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ให้กลุ่มพรรคการเมือง ส่งรายชื่อตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติ ว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ จะใช้เวลา 7-10 วันในการตรวจสอบ

    โดยมีรายงานว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่สุ่มเสี่ยง หากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพบว่า มีปัญหา ต้องยอมรับเงื่อนไข ที่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้


    https://www.prachachat.net/politics/news-1879997


    เช็กชื่อโผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งครบแล้ว ลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน วันที่ 8 กันยายน 2568 - 17:04 น. โผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งรายชื่อครบแล้ว ‘บวรศักดิ์’ นั่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ด้าน ‘จตุพร – ไผ่ ลิกค์’ หลุดโผ ศุภจี CEO ดุสิตธานี ขึ้นเป็น รมว.พาณิชย์ รอลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน หากสะดุดต้องหลีกทางทันที ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้า การจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (8 ก.ย.) ได้รับการตอบรับจาก นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีชื่อมานั่งในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีรายงานว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมาคุยกันลงตัวแล้ว โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายบวรศักดิ์ ด้วยตัวเอง โดยครั้งนี้มีการใช้ รัฐมนตรีคนนอกถึง 6 กระทรวง คือ -นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง -นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง -นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน -นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ -พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม -นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ -กระทรวงกลาโหม ทั้งหมดเพื่อเสริมการทำงานของ ครม. และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้คลี่คลายอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีชื่อของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ แต่ล่าสุดไม่ปรากฎชื่อแล้ว ส่วนโควตารัฐมนตรีคนนอก ขณะนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ ยกตัวอย่างกระทรวงกลาโหม ที่มีชื่อของ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เพราะแหล่งข่าวยืนยันว่า ยังไม่สะเด็ดน้ำ และขณะนี้ยังมีชื่ออื่นส่งประกวดเพิ่มเติม ทั้งนี้ รัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้ยังเป็นชื่อรัฐมนตรีเก่าทั้งหมด เพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ นายไชยชนก ชิดชอบ และนายภราดร ปริศนานันทกุล แต่ยังไม่ระบุว่าจะได้นั่งกระทรวงใด ด้าน พรรคกล้าธรรม ยืนยันรายชื่อตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ คือ -ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ -นายอรรถกร ศิริลัทธยากร นั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา -นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ -นายอัครา พรหมเผ่า นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ -นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ -นายองอาจ วงษ์ประยูร นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และล่าสุดมีชื่อของนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ พรรคกล้าธรรม จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นชื่อของ นายไผ่ ลิกค์ เนื่องจากติดเงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ แต่ก็ถือเป็นโควตาภาคเหนือ ส่วน พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 2 ตำแหน่ง ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า -นายสันติ พร้อมพัฒน์ นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข -น.ส.ตรีนุช เทียนทอง จะได้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน -นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข -พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ด้าน พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้ 3 เก้าอี้ คือ -นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม -นายธนกร วังบุญคงชนะ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม -จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ปรากฏชื่อของ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ที่เข้ามายื่นตรวจสอบประวัติด้วย แต่ยังไม่มีการระบุกระทรวง ส่วน น.ส.นิธิยา บุญญามณี บุตรสาวของ นายนิพนธ์ บุญญามณี มีชื่อนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า นายนริศ ขำนุรักษ์ จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งนั้น ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วว่าไม่มีชื่อติดในโผ ครม.ครั้งนี้ ขณะเดียวกัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ให้กลุ่มพรรคการเมือง ส่งรายชื่อตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติ ว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ จะใช้เวลา 7-10 วันในการตรวจสอบ โดยมีรายงานว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่สุ่มเสี่ยง หากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพบว่า มีปัญหา ต้องยอมรับเงื่อนไข ที่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ https://www.prachachat.net/politics/news-1879997
    0 Comments 0 Shares 337 Views 0 Reviews
  • ‘สุชาติ-ธนกร’ ลาออก จาก สส.บัญชีรายชื่อ รทสช. เตรียมรับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/21362/
    .
    #ไทยไท #ธนกรวังบุญคงชนะ #สุชาติชมกลิ่น #พรรครวมไทยสร้างชาติ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘สุชาติ-ธนกร’ ลาออก จาก สส.บัญชีรายชื่อ รทสช. เตรียมรับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/21362/ . #ไทยไท #ธนกรวังบุญคงชนะ #สุชาติชมกลิ่น #พรรครวมไทยสร้างชาติ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • สุภาพบุรุษการเมือง! ‘หิมาลัย’ โพสต์ชม ‘พีระพันธุ์’ เข้าใจเหตุผลการลาออก พร้อมขอบคุณสำหรับทุกอย่าง
    https://www.thai-tai.tv/news/21360/
    .
    #ไทยไท #ดรหิมาลัยผิวพรรณ #ร้อยเอกธรรมนัสพรหมเผ่า #พรรครวมไทยสร้างชาติ #พรรคกล้าธรรม #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    สุภาพบุรุษการเมือง! ‘หิมาลัย’ โพสต์ชม ‘พีระพันธุ์’ เข้าใจเหตุผลการลาออก พร้อมขอบคุณสำหรับทุกอย่าง https://www.thai-tai.tv/news/21360/ . #ไทยไท #ดรหิมาลัยผิวพรรณ #ร้อยเอกธรรมนัสพรหมเผ่า #พรรครวมไทยสร้างชาติ #พรรคกล้าธรรม #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ขณะที่นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้ 152 เสียง โดยพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่โหวตให้นายชัยเกษม ยกเว้นงูเห่าที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ แต่ที่เป็นไฮไลต์คือ นายเฉลิม อยู่บำรุง โหวตหนุนนายอนุทิน ขณะที่นายอนุทินงดออกเสียงโหวตให้ตัวเอง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่งดออกเสียงตามมติพรรค แต่บางส่วนใช้เอกสิทธิ์ สส. โหวตให้นายอนุทิน และที่เป็นไปตามคาดคือพรรคพลังประชารัฐ โหวตให้นายอนุทิน แต่มี 2 คน ที่โหวตให้นายชัยเกษม คือ นายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร และ นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร พรรคชาติไทยพัฒนา โหวตให้นายชัยเกษม ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติทั้งสองกลุ่ม รวมทั้งนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ โหวตให้นายอนุทิน

    -ไม่ตัดสินใจเพื่อความนิยม
    -หวั่น"อนุทิน"แทรกแซงคดี
    -ปูดเงินสะพัด 2 พันล้าน
    -ปลดล็อก"ทักษิณ"ห้ามบิน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ขณะที่นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้ 152 เสียง โดยพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่โหวตให้นายชัยเกษม ยกเว้นงูเห่าที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ แต่ที่เป็นไฮไลต์คือ นายเฉลิม อยู่บำรุง โหวตหนุนนายอนุทิน ขณะที่นายอนุทินงดออกเสียงโหวตให้ตัวเอง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่งดออกเสียงตามมติพรรค แต่บางส่วนใช้เอกสิทธิ์ สส. โหวตให้นายอนุทิน และที่เป็นไปตามคาดคือพรรคพลังประชารัฐ โหวตให้นายอนุทิน แต่มี 2 คน ที่โหวตให้นายชัยเกษม คือ นายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร และ นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร พรรคชาติไทยพัฒนา โหวตให้นายชัยเกษม ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติทั้งสองกลุ่ม รวมทั้งนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ โหวตให้นายอนุทิน -ไม่ตัดสินใจเพื่อความนิยม -หวั่น"อนุทิน"แทรกแซงคดี -ปูดเงินสะพัด 2 พันล้าน -ปลดล็อก"ทักษิณ"ห้ามบิน
    Like
    Angry
    3
    0 Comments 1 Shares 581 Views 0 0 Reviews
  • ชัดเจน14 เสียงก๊วน ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ งดออกเสียงร่างที่พรรค รทสช.เสนอ
    https://www.thai-tai.tv/news/20350/
    .
    #นิรโทษกรรม #การเมืองไทย #พรรครวมไทยสร้างชาติ #พรรคเพื่อไทย #สุชาติชมกลิ่น #มติสภา #รัฐบาล #พรรคประชาชน
    ชัดเจน14 เสียงก๊วน ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ งดออกเสียงร่างที่พรรค รทสช.เสนอ https://www.thai-tai.tv/news/20350/ . #นิรโทษกรรม #การเมืองไทย #พรรครวมไทยสร้างชาติ #พรรคเพื่อไทย #สุชาติชมกลิ่น #มติสภา #รัฐบาล #พรรคประชาชน
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • ส้มผสมน้ำเงิน ฝ่ายค้านสงวนจุดต่าง

    การเมืองไทยในช่วงที่รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ด้วยข้อกล่าวหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลังศาลมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จึงมีการแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี 5 คน นำโดย นายภูมิธรรม เวชยะชัย รักษาราชการแทนนายกฯ มีอำนาจเต็มทั้งบริหารงาน และอนุมัติงบประมาณ ระหว่างรอศาลวินิจฉัยซึ่งคาดว่ากินเวลา 2-3 เดือน ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ก็อาศัยช่องว่างปฎิบัติหน้าที่ รมว.วัฒนธรรมแทน

    ส่วนพรรคฝ่ายค้าน หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ในที่สุดได้ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน ผนึกกำลังรวมกัน 234 เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาชน 142 เสียง พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง (ไม่นับรวม สส.ที่มาจากพรรคอื่น 2 เสียง) พรรคพลังประชารัฐ 19 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 1 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า การรวมตัวครั้งนี้เพื่อแสวงหาจุดร่วม ภายใต้สถานการณ์ของประเทศที่วิกฤตในปัจจุบัน และพรรคฝ่ายค้านมีบางอย่างที่ไม่เหมือนพรรคร่วมรัฐบาล จึงให้เกียรติซึ่งกันและกัน อะไรที่เป็นจุดยืนหรือข้อแตกต่างของพรรคฝ่ายค้านก็จะไม่ก้าวก่ายกัน ส่วนนายอนุทิน ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยจะปฎิบัติหน้าที่ในฐานะและบทบาทของการเป็นฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค

    เมื่อเช็กเสียงฝ่ายรัฐบาล พบว่ามี สส. 261 เสียง ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย 142 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง (โหวตสวน) พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง ที่น่าสนใจ คือ พรรคกล้าธรรม นอกจากมี สส.ในมือ 31 เสียงแล้ว ยังพบว่ามี สส. ที่ย้ายมาร่วมงาน จากพรรคประชาชน 1 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 1 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 3 เสียง

    แม้พรรคประชาชนจะดึงพรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน แต่หากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีก จะต้องเป็นคนที่ประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี 2568 โดยจัดทำประชามติเรื่องการมี สสร.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และอีกหลายหัวข้อ ท่ามกลางชะตากรรมของ น.ส.แพทองธารที่ยังต้องลุ้น และสังคมยังเคลือบแคลงสงสัยถึงท่าทีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยดีลลับกับนายทักษิณ ชินวัตรที่ฮ่องกงว่า ยังมองพรรคเพื่อไทยเป็นมิตรหรือไม่?

    #Newskit
    ส้มผสมน้ำเงิน ฝ่ายค้านสงวนจุดต่าง การเมืองไทยในช่วงที่รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ด้วยข้อกล่าวหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลังศาลมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จึงมีการแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี 5 คน นำโดย นายภูมิธรรม เวชยะชัย รักษาราชการแทนนายกฯ มีอำนาจเต็มทั้งบริหารงาน และอนุมัติงบประมาณ ระหว่างรอศาลวินิจฉัยซึ่งคาดว่ากินเวลา 2-3 เดือน ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ก็อาศัยช่องว่างปฎิบัติหน้าที่ รมว.วัฒนธรรมแทน ส่วนพรรคฝ่ายค้าน หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ในที่สุดได้ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน ผนึกกำลังรวมกัน 234 เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาชน 142 เสียง พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง (ไม่นับรวม สส.ที่มาจากพรรคอื่น 2 เสียง) พรรคพลังประชารัฐ 19 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 1 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า การรวมตัวครั้งนี้เพื่อแสวงหาจุดร่วม ภายใต้สถานการณ์ของประเทศที่วิกฤตในปัจจุบัน และพรรคฝ่ายค้านมีบางอย่างที่ไม่เหมือนพรรคร่วมรัฐบาล จึงให้เกียรติซึ่งกันและกัน อะไรที่เป็นจุดยืนหรือข้อแตกต่างของพรรคฝ่ายค้านก็จะไม่ก้าวก่ายกัน ส่วนนายอนุทิน ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยจะปฎิบัติหน้าที่ในฐานะและบทบาทของการเป็นฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค เมื่อเช็กเสียงฝ่ายรัฐบาล พบว่ามี สส. 261 เสียง ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย 142 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง (โหวตสวน) พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง ที่น่าสนใจ คือ พรรคกล้าธรรม นอกจากมี สส.ในมือ 31 เสียงแล้ว ยังพบว่ามี สส. ที่ย้ายมาร่วมงาน จากพรรคประชาชน 1 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 1 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 3 เสียง แม้พรรคประชาชนจะดึงพรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน แต่หากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีก จะต้องเป็นคนที่ประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี 2568 โดยจัดทำประชามติเรื่องการมี สสร.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และอีกหลายหัวข้อ ท่ามกลางชะตากรรมของ น.ส.แพทองธารที่ยังต้องลุ้น และสังคมยังเคลือบแคลงสงสัยถึงท่าทีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยดีลลับกับนายทักษิณ ชินวัตรที่ฮ่องกงว่า ยังมองพรรคเพื่อไทยเป็นมิตรหรือไม่? #Newskit
    0 Comments 0 Shares 873 Views 0 Reviews
  • ประชาชนคนไทยเดินทางมาร่วมชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อขับไล่ “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกจากตำแหน่ง เซ่นคลิปเสียงสนทนากับ “นายฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา รวมทั้งเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลทันที ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แม้มีฝนตกลงมาแต่ประชาชนก็ไม่หวั่น

    ด้านอินสตาแกรม “ม้า อรนภา กฤษฎี” โพสต์ภาพบรรยากาศคนมาร่วมชุมนุม เขียนแคปชั่นให้กำลังใจ ระบุว่า “พี่น้องสู้ๆ นะ อย่าถอย ถึงฝนจะตกเดี๋ยวมันก็หยุดแล้ว รักทุกคน” พร้อมใส่เพลงปลุกใจ รักเธอประเทศไทย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000060965

    #Thaitimes #MGROnline #ม้าอรนภา #ม็อบ28มิถุนา #รวมพลังแผ่นดิน #อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ #คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย #แพทองธารชินวัตร
    ประชาชนคนไทยเดินทางมาร่วมชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อขับไล่ “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกจากตำแหน่ง เซ่นคลิปเสียงสนทนากับ “นายฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา รวมทั้งเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลทันที ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แม้มีฝนตกลงมาแต่ประชาชนก็ไม่หวั่น • ด้านอินสตาแกรม “ม้า อรนภา กฤษฎี” โพสต์ภาพบรรยากาศคนมาร่วมชุมนุม เขียนแคปชั่นให้กำลังใจ ระบุว่า “พี่น้องสู้ๆ นะ อย่าถอย ถึงฝนจะตกเดี๋ยวมันก็หยุดแล้ว รักทุกคน” พร้อมใส่เพลงปลุกใจ รักเธอประเทศไทย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000060965 • #Thaitimes #MGROnline #ม้าอรนภา #ม็อบ28มิถุนา #รวมพลังแผ่นดิน #อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ #คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย #แพทองธารชินวัตร
    0 Comments 0 Shares 582 Views 0 Reviews
  • สุชาติ นิ่ง! รอดูผลลัพธ์ปรับครม. หลังแสดงชัดเจนทั้งกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และการสนับสนุนนายกรัฐมนตรี
    https://www.thai-tai.tv/news/19737/
    สุชาติ นิ่ง! รอดูผลลัพธ์ปรับครม. หลังแสดงชัดเจนทั้งกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และการสนับสนุนนายกรัฐมนตรี https://www.thai-tai.tv/news/19737/
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • รทสช.ร้าวหนัก 'สุชาติ' ไม่แฮปปี้ เด็กเกเร ทำไมได้ดี
    .
    แม้ว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะมีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่อีกด้านหนึ่งก็เหมือนเป็นการสุมไฟแค้นเช่นกัน โดยเฉพาะท่าทีที่ออกมาจากนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งแสดงความไม่พอใจต่อการที่พรรคเพื่อไทยยังยืนยันที่จะให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ในรัฐบาลตามเดิมต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000059184

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รทสช.ร้าวหนัก 'สุชาติ' ไม่แฮปปี้ เด็กเกเร ทำไมได้ดี . แม้ว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะมีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่อีกด้านหนึ่งก็เหมือนเป็นการสุมไฟแค้นเช่นกัน โดยเฉพาะท่าทีที่ออกมาจากนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งแสดงความไม่พอใจต่อการที่พรรคเพื่อไทยยังยืนยันที่จะให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ในรัฐบาลตามเดิมต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000059184 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 1336 Views 0 Reviews
  • เสธ.หิ แจง 3 เหตุผล พีระพันธ์ หนุนอุ๊งอิ๊งค์ ลั่น! แม้ไม่มีใครรู้ แต่เรารู้
    .
    “เสธ.หิ” นาย หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติและทีมงานของนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ,หัวหน้าพรรคพรรครวมใจสร้างชาติ โพสต์ข้อความ หลังจากที่นายพีรพันธ์ถูกโจมตีอย่างหนักในการยังคงร่วมรัฐบาลกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทยหลังเกิดกรณีคลิปสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุนเซนแห่งกัมพูชา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000059183

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เสธ.หิ แจง 3 เหตุผล พีระพันธ์ หนุนอุ๊งอิ๊งค์ ลั่น! แม้ไม่มีใครรู้ แต่เรารู้ . “เสธ.หิ” นาย หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติและทีมงานของนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ,หัวหน้าพรรคพรรครวมใจสร้างชาติ โพสต์ข้อความ หลังจากที่นายพีรพันธ์ถูกโจมตีอย่างหนักในการยังคงร่วมรัฐบาลกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทยหลังเกิดกรณีคลิปสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุนเซนแห่งกัมพูชา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000059183 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1424 Views 0 Reviews
  • เมินกระแสกดดัน รัฐบาลร่วมกันกอดซาก ฝันอยู่ครบวาระ
    .
    สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลจะร่วมกอดคอกันต่อไป แม้ว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเผชิญกับวิกฤติศรัทธาที่รุนแรงจากกรณีคลิปเสียงลุงฮุนเซนก็ตาม โดยมีรายงานว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาตินำมติในที่ประชุมไปแจ้งกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้ลาออกจากตำแหน่ง ถ้าไม่ออก พรรครวมไทยสร้างชาติจะถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธารได้ขอให้ผ่านการลงมติร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระที่สามก่อน ถึงจะลาออก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000058565

    #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    เมินกระแสกดดัน รัฐบาลร่วมกันกอดซาก ฝันอยู่ครบวาระ . สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลจะร่วมกอดคอกันต่อไป แม้ว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเผชิญกับวิกฤติศรัทธาที่รุนแรงจากกรณีคลิปเสียงลุงฮุนเซนก็ตาม โดยมีรายงานว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาตินำมติในที่ประชุมไปแจ้งกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้ลาออกจากตำแหน่ง ถ้าไม่ออก พรรครวมไทยสร้างชาติจะถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธารได้ขอให้ผ่านการลงมติร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระที่สามก่อน ถึงจะลาออก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000058565 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Haha
    Angry
    5
    0 Comments 0 Shares 1082 Views 0 Reviews
  • รมว.อุตฯ เข้าทำเนียบ หารือ "พีระพันธุ์" หนีสื่อฯไม่ตอบมติพรรครวมไทยสร้างชาติ ฟอร์มคุยโทรศัพท์ตลอดก่อนขึ้นรถกลับทันที

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000058262

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รมว.อุตฯ เข้าทำเนียบ หารือ "พีระพันธุ์" หนีสื่อฯไม่ตอบมติพรรครวมไทยสร้างชาติ ฟอร์มคุยโทรศัพท์ตลอดก่อนขึ้นรถกลับทันที อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000058262 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 648 Views 0 Reviews
  • 21 สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ทำหนังสือถึงนายกฯ ให้ปรับครม. ทุกตำแหน่งในโควต้าพรรค
    21 สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ทำหนังสือถึงนายกฯ ให้ปรับครม. ทุกตำแหน่งในโควต้าพรรค
    Haha
    1
    1 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • รทสช.ระส่ำ "เสี่ยเฮ้ง" ทิ้ง "พีระพันธุ์" โอกาสใหม่รอ หน.ตัวจริง
    .
    เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เลือกตั้งรอบหน้าที่จะมีขึ้นปี 2570หากไม่มีการยุบสภาฯเสียก่อน พรรคการเมืองหนึ่ง ที่จะเกิดสภาพ”แพร่มา-ทัพแตก” ก่อนเลือกตั้ง ก็คือ “พรรครวมไทยสร้างชาติ”(รทสช.)ที่คนมักเรียกกันก่อนหน้านี้ว่า”พรรคลุงตู่”เพราะเคยชูพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯของรทสช.ตอนเลือกตั้งปี 2566

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051548

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รทสช.ระส่ำ "เสี่ยเฮ้ง" ทิ้ง "พีระพันธุ์" โอกาสใหม่รอ หน.ตัวจริง . เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เลือกตั้งรอบหน้าที่จะมีขึ้นปี 2570หากไม่มีการยุบสภาฯเสียก่อน พรรคการเมืองหนึ่ง ที่จะเกิดสภาพ”แพร่มา-ทัพแตก” ก่อนเลือกตั้ง ก็คือ “พรรครวมไทยสร้างชาติ”(รทสช.)ที่คนมักเรียกกันก่อนหน้านี้ว่า”พรรคลุงตู่”เพราะเคยชูพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯของรทสช.ตอนเลือกตั้งปี 2566 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051548 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 624 Views 0 Reviews
  • “แรมโบ้อีสาน” อึดอัดประกาศ ทวงคืนพรรค รทสช.ไล่ “พีระพันธุ์” พ้นเก้าอี้หัวหน้าพรรค ซัดไม่สง่างาม แฉ สส.บ่น ไม่อบอุ่น เข้าถึงยาก สร้างความแตกแยก ทำพรรคตกต่ำ มีพฤติกรรมส่อไม่บริสุทธิ์หลายเรื่อง

    วันนี้ (2 มิ.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาประกาศทวงคืนพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยกล่าวว่า “ผมจะขอเอาพรรคคืน ขอไล่หัวหน้าออกไปท่านไม่สง่างาม ขอให้คนอื่นที่เหมาะสมกว่านี้มาเป็นหัวหน้าพรรคดีกว่า มีอีกหลายเรื่องที่กรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ไปร้องคณะกรรมการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตินั้น ข้อมูลค่อนข้างน่าเชื่อถือ ก็ไม่เคยออกมาชี้แจงความจริง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051554

    #MGROnline #แรมโบ้อีสาน
    “แรมโบ้อีสาน” อึดอัดประกาศ ทวงคืนพรรค รทสช.ไล่ “พีระพันธุ์” พ้นเก้าอี้หัวหน้าพรรค ซัดไม่สง่างาม แฉ สส.บ่น ไม่อบอุ่น เข้าถึงยาก สร้างความแตกแยก ทำพรรคตกต่ำ มีพฤติกรรมส่อไม่บริสุทธิ์หลายเรื่อง • วันนี้ (2 มิ.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาประกาศทวงคืนพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยกล่าวว่า “ผมจะขอเอาพรรคคืน ขอไล่หัวหน้าออกไปท่านไม่สง่างาม ขอให้คนอื่นที่เหมาะสมกว่านี้มาเป็นหัวหน้าพรรคดีกว่า มีอีกหลายเรื่องที่กรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ไปร้องคณะกรรมการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตินั้น ข้อมูลค่อนข้างน่าเชื่อถือ ก็ไม่เคยออกมาชี้แจงความจริง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051554 • #MGROnline #แรมโบ้อีสาน
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • 'โอกาสใหม่' เปิดดีล 'เสี่ยเฮ้ง' รสทช.ส่อแพแตก จับตาใครอยู่ใครไป
    .
    เวลานี้ชื่อของพรรคโอกาสใหม่เริ่มติดอยู่พื้นที่ของสื่อสารมวลชนมากขึ้น ภายหลังมีความเคลื่อนไหวออกมาว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และส.ส.บัญชีรายชื่อ อาจตัดสินใจอำลาพรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วมงานกับพรรคโอกาสใหม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000051540

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    'โอกาสใหม่' เปิดดีล 'เสี่ยเฮ้ง' รสทช.ส่อแพแตก จับตาใครอยู่ใครไป . เวลานี้ชื่อของพรรคโอกาสใหม่เริ่มติดอยู่พื้นที่ของสื่อสารมวลชนมากขึ้น ภายหลังมีความเคลื่อนไหวออกมาว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และส.ส.บัญชีรายชื่อ อาจตัดสินใจอำลาพรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วมงานกับพรรคโอกาสใหม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000051540 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 1136 Views 0 Reviews
  • สถานการณ์ของ 'พีระพันธุ์' อาจไม่ได้มั่นคงปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว หลัง ป.ป.ช.เตรียมเรียกมาชี้แจง เรื่อง ติดสติกเกอร์ชื่อตัวเองบนถุงยังชีพ

    #พีระพันธุ์ขาลงหนัก #ระส่ำเสี่ยงหลุดรัฐมนตรี #ติดสติกเกอร์ชื่อตัวเองบนถุงยังชีพ #แพทองธารชินวัตร #พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค #พรรครวมไทยสร้างชาติ #พรรคเพื่อไทย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    สถานการณ์ของ 'พีระพันธุ์' อาจไม่ได้มั่นคงปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว หลัง ป.ป.ช.เตรียมเรียกมาชี้แจง เรื่อง ติดสติกเกอร์ชื่อตัวเองบนถุงยังชีพ #พีระพันธุ์ขาลงหนัก #ระส่ำเสี่ยงหลุดรัฐมนตรี #ติดสติกเกอร์ชื่อตัวเองบนถุงยังชีพ #แพทองธารชินวัตร #พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค #พรรครวมไทยสร้างชาติ #พรรคเพื่อไทย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Haha
    12
    0 Comments 0 Shares 1284 Views 21 0 Reviews
  • ครม.ไม่ล้มทั้งคณะ คดีร้องสอบ 'พีระพันธุ์' ปมถือหุ้นบริษัทเอกชน
    .
    จากเดิมที่ดูเหมือนว่ายังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆมากนัก ภายหลังนายสนธิญา สวัสดี เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อร้องไต่สวน ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง กรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในประเด็นการถือหุ้นอยู่ในบริษัท หลังจากที่รับตำแหน่ง เมื่อ 2 ก.ย. 2566
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000040352

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ครม.ไม่ล้มทั้งคณะ คดีร้องสอบ 'พีระพันธุ์' ปมถือหุ้นบริษัทเอกชน . จากเดิมที่ดูเหมือนว่ายังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆมากนัก ภายหลังนายสนธิญา สวัสดี เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อร้องไต่สวน ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง กรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในประเด็นการถือหุ้นอยู่ในบริษัท หลังจากที่รับตำแหน่ง เมื่อ 2 ก.ย. 2566 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000040352 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    8
    0 Comments 0 Shares 1476 Views 0 Reviews
  • ชิงไหวชิงพริบ กาสิโนคอมเพล็กซ์

    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3 เม.ย. เกิดการชิงไหวชิงพริบ หลังนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ เสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป ทันใดนั้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.พรรคเพื่อไทย เสนอขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยนำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ พร้อมกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่างของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายชัยธวัช ตุลาธน และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนของกลุ่มไอลอว์ มาพิจารณาในการประชุมครั้งหน้า

    จากนั้นความวุ่นวายในสภาฯ เกิดขึ้น ฝ่ายค้านเห็นว่าทำไมฝ่ายรัฐบาลต้องพยายามเร่งรัดเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ขึ้นมา เป็นญัตติซ้อนญัตติหรือไม่ ควรให้รอญัตติเรื่องแผ่นดินไหวจบลงก่อน แต่ สส.ฝ่ายรัฐบาลพยายามขอให้เห็นชอบญัตติเลื่อนระเบียบวาระก่อน เพราะใช้เวลาไม่นาน แล้วค่อยมาถกญัตติแผ่นดินไหว การประท้วงผ่านไป 3 ชั่วโมง ในที่สุดเสียงข้างมากในสภาโหวตให้นายอนุสรณ์แทรกญัตติขึ้นมาก่อน จบลงด้วยมติเห็นชอบ 249 ต่อ 137 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทำให้กระแสสังคมฝ่ายที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมองว่า รัฐบาลเลือกกาสิโนมาก่อน แผ่นดินไหวมาทีหลัง ขณะที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าที่ต้องเลื่อนเพราะตามข้อบังคับหากเป็นเรื่อง พ.ร.บ. ต้องเสนอญัตติเลื่อนล่วงหน้า 1 สัปดาห์ แต่ฝ่ายค้านไม่เข้าใจ

    ด้านเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม เดินขบวนจากสะพานชมัยมรุเชษฐ์มายังอาคารรัฐสภา เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นตัวแทนรับหนังสือ ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เรียกร้องให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ มองหน้าชาวมุสลิม โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ต้องการบ่อนกาสิโนหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสต้องกล้าเตือน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาว่าบ้านเมืองจะพังจากบ่อนกาสิโน ทั้งนี้ คปท. เตรียมนัดอีกครั้งวันที่ 8 เม.ย.ประชุม ครม. และวันที่ 9 เม.ย.ประชุมสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุม

    อีกด้านหนึ่ง ภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนออกแถลงการณ์อย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มเพื่อนมหิดลเพื่อสังคม สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ชมรมแพทย์อาวุโสและบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น

    #Newskit
    ชิงไหวชิงพริบ กาสิโนคอมเพล็กซ์ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3 เม.ย. เกิดการชิงไหวชิงพริบ หลังนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ เสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป ทันใดนั้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.พรรคเพื่อไทย เสนอขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยนำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ พร้อมกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่างของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายชัยธวัช ตุลาธน และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนของกลุ่มไอลอว์ มาพิจารณาในการประชุมครั้งหน้า จากนั้นความวุ่นวายในสภาฯ เกิดขึ้น ฝ่ายค้านเห็นว่าทำไมฝ่ายรัฐบาลต้องพยายามเร่งรัดเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ขึ้นมา เป็นญัตติซ้อนญัตติหรือไม่ ควรให้รอญัตติเรื่องแผ่นดินไหวจบลงก่อน แต่ สส.ฝ่ายรัฐบาลพยายามขอให้เห็นชอบญัตติเลื่อนระเบียบวาระก่อน เพราะใช้เวลาไม่นาน แล้วค่อยมาถกญัตติแผ่นดินไหว การประท้วงผ่านไป 3 ชั่วโมง ในที่สุดเสียงข้างมากในสภาโหวตให้นายอนุสรณ์แทรกญัตติขึ้นมาก่อน จบลงด้วยมติเห็นชอบ 249 ต่อ 137 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทำให้กระแสสังคมฝ่ายที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมองว่า รัฐบาลเลือกกาสิโนมาก่อน แผ่นดินไหวมาทีหลัง ขณะที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าที่ต้องเลื่อนเพราะตามข้อบังคับหากเป็นเรื่อง พ.ร.บ. ต้องเสนอญัตติเลื่อนล่วงหน้า 1 สัปดาห์ แต่ฝ่ายค้านไม่เข้าใจ ด้านเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม เดินขบวนจากสะพานชมัยมรุเชษฐ์มายังอาคารรัฐสภา เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นตัวแทนรับหนังสือ ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เรียกร้องให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ มองหน้าชาวมุสลิม โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ต้องการบ่อนกาสิโนหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสต้องกล้าเตือน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาว่าบ้านเมืองจะพังจากบ่อนกาสิโน ทั้งนี้ คปท. เตรียมนัดอีกครั้งวันที่ 8 เม.ย.ประชุม ครม. และวันที่ 9 เม.ย.ประชุมสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุม อีกด้านหนึ่ง ภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนออกแถลงการณ์อย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มเพื่อนมหิดลเพื่อสังคม สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ชมรมแพทย์อาวุโสและบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น #Newskit
    0 Comments 0 Shares 1231 Views 0 Reviews
  • ขอชี้แจงเรื่องคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
    .
    ผมขอชี้แจงเรื่องที่ผมพูดไปใน "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(12ก.พ.) ว่า คุณปอ ตนุภัทร หนึ่งในคนบนเรือ ได้มีการโทรศัพท์คุยกับคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั้น ผมยืนยันว่าไม่ได้เป็นข้อมูลที่มาจาก DSI เลย และไม่มีทางที่ DSI จะส่งข้อมูลนี้มาให้ผม แต่ผมได้ข้อมูลและการวิเคราะห์จากแหล่งข่าวของผมเอง
    .
    ข้อแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จัดรายการ "โคนันเมืองไทย" แล้วใบ้คำถึงคนบนเรือ โทรคุยกับนักการเมืองคนหนึ่ง แล้วใบ้คำว่าหนึ่ง เป็นรัฐมนตรีในชุดที่แล้วและรัฐมนตรีชุดนี้ สอง เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง สาม เป็นคนดูแลกระทรวงสำคัญ และสี่ เป็นผู้ที่จบและมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ผมเห็นข้อมูลแล้ววิเคราะห์ได้ว่าน่าจะหมายถึงคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และไม่ใช่ผมคนเดียว เพราะคอมเมนต์ในคลิปคุณอัจฉริยะ ก็มีคนคิดแบบผมพิมพ์เข้ามาเยอะมาก ในที่สุดผมก็เลยต้องให้ทีมงานไปค้นรูปเก่าๆ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณพีระพันธุ์ กับคนบนเรือ ว่ามีหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณปอ ซึ่งเป็นคนค้าขายเรือและรถหรู น่าจะรู้จักนักการเมืองเยอะ ผมก็เลยเจอรูปจริงๆ ผมเลยเชื่อว่าคุณปอ จะต้องโทรหาคุณพีระพันธุ์
    .
    ประกอบกับผมมีพยานกลับใจคนหนึ่งมาบอกว่า คุณปอ โทรหาคุณพีระพันธุ์ และมีการพูดคุยกันจริง แล้วผมก็วิเคราะห์และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมยืนยันข้อเท็จจริงไม่ได้ นอกจากสื่อมวลชนและ DSI ต้องไปสอบคุณพีระพันธุ์ เอาเอง ผมแค่ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้รับข้อมูลจากที่ไหนเลย แต่ได้มาจากแหล่งข่าวและการวิเคราะห์ของผมเอง
    .
    และผมก็ได้ข่าวว่า คุณปอเรียกคุณพีระพันธุ์ว่า "อาตุ๋ย" ทุกคำ เพราะช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2566 นายปอ เข้าไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มานำเสนอโปรแกรมระบบไอที ตอนนั้นในพรรคก็ต่อต้าน เพราะกลัวนายปอ จะแย่งงาน แสดงว่านายปอ กับคุณพีระพันธุ์ รู้จักและสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง ส่วนจะโทรและคุยกันเรื่องอะไร ไม่ทราบ เพียงแต่ว่าในวันที่โทรนั้นเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่พบว่าแตงโม ได้เสียชีวิตไปแล้ว ให้ผมเดา ผมไม่กล้าเดา ก็เป็นไปได้ว่าจะโทรไปปรึกษาหารือเรื่องคดีความ แต่จะเป็นอะไรนั้น ผมไม่รู้จริงๆ เอาเป็นว่า ข้อแรก ความจริงก็คือว่า ทั้งคุณพีระพันธุ์ และคุณปอ รู้จักกันดี ถ้าไม่รู้จักกันดีจะเรียกว่า อาตุ๋ย ได้อย่างไร และสอง ได้มีการโทรไปจริง นี่ผมวิเคราะห์จากสิ่งแวดล้อมแล้ว
    ขอชี้แจงเรื่องคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค . ผมขอชี้แจงเรื่องที่ผมพูดไปใน "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(12ก.พ.) ว่า คุณปอ ตนุภัทร หนึ่งในคนบนเรือ ได้มีการโทรศัพท์คุยกับคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั้น ผมยืนยันว่าไม่ได้เป็นข้อมูลที่มาจาก DSI เลย และไม่มีทางที่ DSI จะส่งข้อมูลนี้มาให้ผม แต่ผมได้ข้อมูลและการวิเคราะห์จากแหล่งข่าวของผมเอง . ข้อแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จัดรายการ "โคนันเมืองไทย" แล้วใบ้คำถึงคนบนเรือ โทรคุยกับนักการเมืองคนหนึ่ง แล้วใบ้คำว่าหนึ่ง เป็นรัฐมนตรีในชุดที่แล้วและรัฐมนตรีชุดนี้ สอง เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง สาม เป็นคนดูแลกระทรวงสำคัญ และสี่ เป็นผู้ที่จบและมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ผมเห็นข้อมูลแล้ววิเคราะห์ได้ว่าน่าจะหมายถึงคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และไม่ใช่ผมคนเดียว เพราะคอมเมนต์ในคลิปคุณอัจฉริยะ ก็มีคนคิดแบบผมพิมพ์เข้ามาเยอะมาก ในที่สุดผมก็เลยต้องให้ทีมงานไปค้นรูปเก่าๆ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณพีระพันธุ์ กับคนบนเรือ ว่ามีหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณปอ ซึ่งเป็นคนค้าขายเรือและรถหรู น่าจะรู้จักนักการเมืองเยอะ ผมก็เลยเจอรูปจริงๆ ผมเลยเชื่อว่าคุณปอ จะต้องโทรหาคุณพีระพันธุ์ . ประกอบกับผมมีพยานกลับใจคนหนึ่งมาบอกว่า คุณปอ โทรหาคุณพีระพันธุ์ และมีการพูดคุยกันจริง แล้วผมก็วิเคราะห์และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมยืนยันข้อเท็จจริงไม่ได้ นอกจากสื่อมวลชนและ DSI ต้องไปสอบคุณพีระพันธุ์ เอาเอง ผมแค่ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้รับข้อมูลจากที่ไหนเลย แต่ได้มาจากแหล่งข่าวและการวิเคราะห์ของผมเอง . และผมก็ได้ข่าวว่า คุณปอเรียกคุณพีระพันธุ์ว่า "อาตุ๋ย" ทุกคำ เพราะช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2566 นายปอ เข้าไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มานำเสนอโปรแกรมระบบไอที ตอนนั้นในพรรคก็ต่อต้าน เพราะกลัวนายปอ จะแย่งงาน แสดงว่านายปอ กับคุณพีระพันธุ์ รู้จักและสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง ส่วนจะโทรและคุยกันเรื่องอะไร ไม่ทราบ เพียงแต่ว่าในวันที่โทรนั้นเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่พบว่าแตงโม ได้เสียชีวิตไปแล้ว ให้ผมเดา ผมไม่กล้าเดา ก็เป็นไปได้ว่าจะโทรไปปรึกษาหารือเรื่องคดีความ แต่จะเป็นอะไรนั้น ผมไม่รู้จริงๆ เอาเป็นว่า ข้อแรก ความจริงก็คือว่า ทั้งคุณพีระพันธุ์ และคุณปอ รู้จักกันดี ถ้าไม่รู้จักกันดีจะเรียกว่า อาตุ๋ย ได้อย่างไร และสอง ได้มีการโทรไปจริง นี่ผมวิเคราะห์จากสิ่งแวดล้อมแล้ว
    0 Comments 0 Shares 628 Views 0 Reviews
  • “พีระพันธุ์” อัพเดทภารกิจดูแลพลังงานเพื่อคนไทย แจงคืบหน้าร่างกฎหมายกํากับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ เผยวิธีลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท ชี้ปรับพอร์ต Pool Gas แยกการใช้ผลิตไฟฟ้าแบะภาคอุตสาหกรรม ลดค่าไฟลง 40 สตางค์ ส่วนข้อเสนอกกพ.ที่ยกเลิกAdder ชี้ทำไม่ได้ หวั่นถูกฟ้อง เตรียมเร่งผลิตระบบโซลาร์ราคาถูกวางจำหน่ายในปีนี้ 10,000 เครื่อง

    นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายกํากับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีข้อท้วงติงจากผู้เชี่ยวชาญว่าอาจมีช่องโหว่ในเรื่องของการกำหนดราคาก๊าซ เพราะกฎหมายฉบับนี้จะดูแลประชาชนไปถึงเรื่องของก๊าซด้วย นั่นคือ กรณีของก๊าซหุงต้ม LPG และก๊าซที่ใช้สำหรับรถยนต์ ตนจึงได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมทั้งผู้ชำนาญการช่วยกันทบทวนเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายในส่วนของก๊าซ เพื่อดูแลการกำหนดราคาให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ก็ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    ส่วนร่างกฎหมายเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้ยื่นร่างกฎหมายนี้เข้าสภาฯไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่ทางรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานก็จะเสนอร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าสู่สภาฯ ในเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้กำลังรอให้ทางสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างฯ ของกระทรวงพลังงานแล้วเสร็จ และจะเร่งนำเข้าสู่กระบวนการทำประชาพิจารณ์โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน ก่อนนำส่งเข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาประกอบกับร่างฯ ที่เสนอจากพรรคการเมือง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000014878

    #MGROnline #พีระพันธุ์
    “พีระพันธุ์” อัพเดทภารกิจดูแลพลังงานเพื่อคนไทย แจงคืบหน้าร่างกฎหมายกํากับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ เผยวิธีลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท ชี้ปรับพอร์ต Pool Gas แยกการใช้ผลิตไฟฟ้าแบะภาคอุตสาหกรรม ลดค่าไฟลง 40 สตางค์ ส่วนข้อเสนอกกพ.ที่ยกเลิกAdder ชี้ทำไม่ได้ หวั่นถูกฟ้อง เตรียมเร่งผลิตระบบโซลาร์ราคาถูกวางจำหน่ายในปีนี้ 10,000 เครื่อง • นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายกํากับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีข้อท้วงติงจากผู้เชี่ยวชาญว่าอาจมีช่องโหว่ในเรื่องของการกำหนดราคาก๊าซ เพราะกฎหมายฉบับนี้จะดูแลประชาชนไปถึงเรื่องของก๊าซด้วย นั่นคือ กรณีของก๊าซหุงต้ม LPG และก๊าซที่ใช้สำหรับรถยนต์ ตนจึงได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมทั้งผู้ชำนาญการช่วยกันทบทวนเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายในส่วนของก๊าซ เพื่อดูแลการกำหนดราคาให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ก็ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว • ส่วนร่างกฎหมายเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้ยื่นร่างกฎหมายนี้เข้าสภาฯไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่ทางรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานก็จะเสนอร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าสู่สภาฯ ในเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้กำลังรอให้ทางสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างฯ ของกระทรวงพลังงานแล้วเสร็จ และจะเร่งนำเข้าสู่กระบวนการทำประชาพิจารณ์โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน ก่อนนำส่งเข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาประกอบกับร่างฯ ที่เสนอจากพรรคการเมือง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000014878 • #MGROnline #พีระพันธุ์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 650 Views 0 Reviews
  • รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ยอมรับคุยกับปอ ตนุภัทรจริง วันที่เกิดเหตุแตงโม นิดาตกน้ำ แต่เจ้าตัวตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ให้ไล่เรียงเหตุการณ์ก่อนแนะไปแจ้งตำรวจ เชื่อว่าไม่ได้โทร.หาคนเดียว ย้ำรู้จักกันแค่ซื้อรถและซ่อมรถ ไม่เคยยุ่งเกี่ยว ให้คำแนะนำทางกฎหมาย หรือให้ความช่วยเหลือคดีแตงโม
    .
    วันนี้ (14 ก.พ.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าตนเกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาว ที่ระบุว่าหนึ่งในคนที่อยู่บนเรือสปีดโบ้ทโทรศัพท์ไปหาและพูดคุยกันประมาณ 10 นาที ว่า ตนไม่มีวันรู้ว่าใครจะโทร.หา และแต่ละคนที่โทร.หาจะเกิดเหตุอะไร ทุกคนไม่มีใครรู้ ตนเป็นคนทำงานการเมือง บางครั้งตี 1 ก็รับโทรศัพท์ เพราะไม่รู้ว่าใครโทร.มา แต่ส่วนใหญ่เขาเดือดร้อน เช่น เกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ สมัยที่เป็น สส.เขต มาถึงบัดนี้ยังติดพันกับตน หรือพรรคพวกเพื่อนฝูงเดือดร้อนอะไรเราไม่รู้ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ทำงานด้านนี้อยู่ จึงคอยบริการ ให้คำแนะนำและดูแลคนอยู่แล้ว
    .
    สำหรับนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ ซึ่งเป็นหนึ่งในคนบนเรือสปีดโบ้ท ตนรู้จักเขาในฐานะที่เป็นคนทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์และเปิดอู่ซ่อมรถ เมื่อก่อนเคยซื้อรถยนต์และซ่อมรถกับเขาเลยรู้จักกัน แต่วันนั้นยังไม่ได้มีคดีความอะไร แม้แต่วันที่เกิดเหตุตนไม่รู้เกิดเหตุอะไร เมื่อมีคนโทรศัพท์มา ตนรับโทรศัพท์ไม่ทันก็ต้องโทร.กลับก็เท่านั้น ไม่เห็นมีอะไร เป็นเรื่องปกติ ตนโทร.กลับ นายตนุภัทรกล่าวว่าไปลงเรือกับเพื่อนๆ ปรากฎว่าเพื่อนประสบอุบัติเหตุตกน้ำ ก็มีอาการตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ตนจึงกล่าวว่าค่อยๆ เล่าเรียบเรียงเหตุการณ์ เมื่อเรียบเรียงเหตุการณ์เสร็จถามว่าเขาต้องทำอย่างไร ตนจึงกล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำคือต้องไปแจ้งตำรวจ แต่ทีนี้เหตุเกิดในน้ำ ตนไม่รู้ว่าตำรวจที่รับผิดชอบเป็นตำรวจน้ำหรือตำรวจท้องที่ ตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือต้องไปแจ้งตำรวจ ให้ขึ้นบกเพราะตนไม่ทราบว่าเป็นท้องที่ใคร ไปที่ตำรวจสักแห่งหนึ่งก็ได้ ไปเล่าให้ฟังจุดเกิดเหตุอยู่ไหน เสร็จแล้วจะต้องให้ทำอย่างไร ไปแจ้งตำรวจที่ สน.อะไรก็ว่าไปตามนั้น ก็เท่านี้ ไม่ได้มีอะไร
    .
    เมื่อถามว่านายตนุภัทรโทร. มากี่โมง นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนจำไม่ได้เพราะ 3 ปีมาแล้ว แต่เป็นกลางคืน สำหรับตนเป็นเรื่องปกติ เพราะชาวบ้านหรือใครโทร.หาตนตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นประเด็นก็มีเท่านี้ แล้ววันนั้นตนไม่รู้ว่าเกิดเหตุ และไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ประสบเหตุ เพราะเขาไม่ได้บอก ถึงบอกตนก็ไม่รู้จักเพราะเป็นคนไม่รู้จักดารา มารู้อีกทีที่เป็นข่าววันรุ่งขึ้น ตนก็คิดว่าอ๋อเรื่องนี้ และตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขา คดีความอะไรก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ไม่เคยไปให้คำแนะนำทางกฎหมาย หรือไปช่วยเหลืออะไรเลย ไม่เคย
    .
    เมื่อถามว่า หลังจากวันนั้น นายตนุภัทรโทร.มาอีกหรือมาพบหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เขาไม่เคยมาพบตน แต่โทรศัพท์ก็เคย เพราะบางทีตนเอารถไปซ่อม แต่ตนไม่ได้ติดต่อประจำ นานๆ เขาจะโทร.มาทีหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ตนเอารถไปเข้าอู่ ก็รู้จักกันแค่นี้ ก่อนเกิดเหตุเป็นข่าวเขาก็เป็นคนทำธุรกิจที่รู้จักกันธรรมดา จะไปรู้ว่าใครไปทำอะไรใคร ไม่ได้แปลว่าเราจะเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่คิดว่าเรื่องนี้ตนเชื่อว่าวันนั้นไม่ได้โทร.หาตนคนเดียว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014842
    .........
    Sondhi X
    รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ยอมรับคุยกับปอ ตนุภัทรจริง วันที่เกิดเหตุแตงโม นิดาตกน้ำ แต่เจ้าตัวตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ให้ไล่เรียงเหตุการณ์ก่อนแนะไปแจ้งตำรวจ เชื่อว่าไม่ได้โทร.หาคนเดียว ย้ำรู้จักกันแค่ซื้อรถและซ่อมรถ ไม่เคยยุ่งเกี่ยว ให้คำแนะนำทางกฎหมาย หรือให้ความช่วยเหลือคดีแตงโม . วันนี้ (14 ก.พ.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าตนเกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาว ที่ระบุว่าหนึ่งในคนที่อยู่บนเรือสปีดโบ้ทโทรศัพท์ไปหาและพูดคุยกันประมาณ 10 นาที ว่า ตนไม่มีวันรู้ว่าใครจะโทร.หา และแต่ละคนที่โทร.หาจะเกิดเหตุอะไร ทุกคนไม่มีใครรู้ ตนเป็นคนทำงานการเมือง บางครั้งตี 1 ก็รับโทรศัพท์ เพราะไม่รู้ว่าใครโทร.มา แต่ส่วนใหญ่เขาเดือดร้อน เช่น เกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ สมัยที่เป็น สส.เขต มาถึงบัดนี้ยังติดพันกับตน หรือพรรคพวกเพื่อนฝูงเดือดร้อนอะไรเราไม่รู้ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ทำงานด้านนี้อยู่ จึงคอยบริการ ให้คำแนะนำและดูแลคนอยู่แล้ว . สำหรับนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ ซึ่งเป็นหนึ่งในคนบนเรือสปีดโบ้ท ตนรู้จักเขาในฐานะที่เป็นคนทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์และเปิดอู่ซ่อมรถ เมื่อก่อนเคยซื้อรถยนต์และซ่อมรถกับเขาเลยรู้จักกัน แต่วันนั้นยังไม่ได้มีคดีความอะไร แม้แต่วันที่เกิดเหตุตนไม่รู้เกิดเหตุอะไร เมื่อมีคนโทรศัพท์มา ตนรับโทรศัพท์ไม่ทันก็ต้องโทร.กลับก็เท่านั้น ไม่เห็นมีอะไร เป็นเรื่องปกติ ตนโทร.กลับ นายตนุภัทรกล่าวว่าไปลงเรือกับเพื่อนๆ ปรากฎว่าเพื่อนประสบอุบัติเหตุตกน้ำ ก็มีอาการตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ตนจึงกล่าวว่าค่อยๆ เล่าเรียบเรียงเหตุการณ์ เมื่อเรียบเรียงเหตุการณ์เสร็จถามว่าเขาต้องทำอย่างไร ตนจึงกล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำคือต้องไปแจ้งตำรวจ แต่ทีนี้เหตุเกิดในน้ำ ตนไม่รู้ว่าตำรวจที่รับผิดชอบเป็นตำรวจน้ำหรือตำรวจท้องที่ ตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือต้องไปแจ้งตำรวจ ให้ขึ้นบกเพราะตนไม่ทราบว่าเป็นท้องที่ใคร ไปที่ตำรวจสักแห่งหนึ่งก็ได้ ไปเล่าให้ฟังจุดเกิดเหตุอยู่ไหน เสร็จแล้วจะต้องให้ทำอย่างไร ไปแจ้งตำรวจที่ สน.อะไรก็ว่าไปตามนั้น ก็เท่านี้ ไม่ได้มีอะไร . เมื่อถามว่านายตนุภัทรโทร. มากี่โมง นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนจำไม่ได้เพราะ 3 ปีมาแล้ว แต่เป็นกลางคืน สำหรับตนเป็นเรื่องปกติ เพราะชาวบ้านหรือใครโทร.หาตนตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นประเด็นก็มีเท่านี้ แล้ววันนั้นตนไม่รู้ว่าเกิดเหตุ และไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ประสบเหตุ เพราะเขาไม่ได้บอก ถึงบอกตนก็ไม่รู้จักเพราะเป็นคนไม่รู้จักดารา มารู้อีกทีที่เป็นข่าววันรุ่งขึ้น ตนก็คิดว่าอ๋อเรื่องนี้ และตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขา คดีความอะไรก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ไม่เคยไปให้คำแนะนำทางกฎหมาย หรือไปช่วยเหลืออะไรเลย ไม่เคย . เมื่อถามว่า หลังจากวันนั้น นายตนุภัทรโทร.มาอีกหรือมาพบหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เขาไม่เคยมาพบตน แต่โทรศัพท์ก็เคย เพราะบางทีตนเอารถไปซ่อม แต่ตนไม่ได้ติดต่อประจำ นานๆ เขาจะโทร.มาทีหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ตนเอารถไปเข้าอู่ ก็รู้จักกันแค่นี้ ก่อนเกิดเหตุเป็นข่าวเขาก็เป็นคนทำธุรกิจที่รู้จักกันธรรมดา จะไปรู้ว่าใครไปทำอะไรใคร ไม่ได้แปลว่าเราจะเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่คิดว่าเรื่องนี้ตนเชื่อว่าวันนั้นไม่ได้โทร.หาตนคนเดียว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014842 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Wow
    25
    0 Comments 0 Shares 2686 Views 0 Reviews
  • หมดบารมี ประชาธิปปัตย์ นับถอยหลังปิดตำนาน
    นับถอยหลัง เหลืออีกไม่กี่เดือน จะถึงวันหยอดบัตรเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในวันเสาร์ที่1 กุมภาพันธ์จํานวน 47 จังหวัด ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะรวมทั้งการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาจังหวัดด้วย
    ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นของประเทศไทยนั้นมีบรรยากาศความเข้มข้นแตกต่างจากการเลือกตั้งระดับประเทศอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้งส.ส.ระดับประเทศแม้จะเป็นการช่วงชิงอํานาจในการบริหารประเทศ แต่มุมหนึ่งก็ไม่ได้มีการวางเดิมพันที่สูงเหมือนกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น
    โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความเข้มข้น เพราะนั่นหมายถึงการควบคุมทรัพยากรของรัฐที่เป็นเอกเทศจากฝ่ายบริหารส่วนกลาง จึงไม่แปลกที่จะมีเหตุการณ์ไข้โป้งและเหตุการณ์ความรุนแรงให้เห็นเป็นระยะหนึ่งในสนามที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างคาดไม่ถึงคือจังหวัดตรัง ซึ่งเวลานี้ ภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองของจังหวัดตรัง มีโฉมหน้าแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยในอดีตเป็นฐานที่มั่นสําคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากหลายทศวรรษพรรคประชาธิปัตย์สามารถครองเก้าอี้ส.ส.ของจังหวัดนี้ได้มาตลอด แต่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนถึงฐานราก
    วันนี้จังหวัดตรังไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยอิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์แบบเด็ดขาดเหมือนในอดีต ภายหลังพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติสามารถเข้ามาคล้องเก้าอี้ส.ส.ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดตรังไปได้บางส่วน
    หรือแม้แต่คะแนนส สบัญชีรายชื่อเฉพาะตรังก็พบว่าประชาธิปัตย์อยู่อันดับที่3ตามหลังพรรคอันดับหนึ่งอย่างพรรคก้าวไกล
    ที่ปัจจุบันเป็นพรรคประชาชนเกือบ100 000 คะแนนประกอบกับสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือภายหลังเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
    ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าชวนหลีกภัยไม่ได้มีความหมายต่อพรรคประชาธิปัตย์แบบอดีตอีกแล้วเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลง จึงทําให้สมรภูมิเลือกตั้งท้องถิ่นตรังเปลี่ยนไปด้วยระดับประเทศครั้งต่อไป
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    หมดบารมี ประชาธิปปัตย์ นับถอยหลังปิดตำนาน นับถอยหลัง เหลืออีกไม่กี่เดือน จะถึงวันหยอดบัตรเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในวันเสาร์ที่1 กุมภาพันธ์จํานวน 47 จังหวัด ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะรวมทั้งการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาจังหวัดด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นของประเทศไทยนั้นมีบรรยากาศความเข้มข้นแตกต่างจากการเลือกตั้งระดับประเทศอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้งส.ส.ระดับประเทศแม้จะเป็นการช่วงชิงอํานาจในการบริหารประเทศ แต่มุมหนึ่งก็ไม่ได้มีการวางเดิมพันที่สูงเหมือนกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความเข้มข้น เพราะนั่นหมายถึงการควบคุมทรัพยากรของรัฐที่เป็นเอกเทศจากฝ่ายบริหารส่วนกลาง จึงไม่แปลกที่จะมีเหตุการณ์ไข้โป้งและเหตุการณ์ความรุนแรงให้เห็นเป็นระยะหนึ่งในสนามที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างคาดไม่ถึงคือจังหวัดตรัง ซึ่งเวลานี้ ภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองของจังหวัดตรัง มีโฉมหน้าแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยในอดีตเป็นฐานที่มั่นสําคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากหลายทศวรรษพรรคประชาธิปัตย์สามารถครองเก้าอี้ส.ส.ของจังหวัดนี้ได้มาตลอด แต่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนถึงฐานราก วันนี้จังหวัดตรังไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยอิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์แบบเด็ดขาดเหมือนในอดีต ภายหลังพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติสามารถเข้ามาคล้องเก้าอี้ส.ส.ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดตรังไปได้บางส่วน หรือแม้แต่คะแนนส สบัญชีรายชื่อเฉพาะตรังก็พบว่าประชาธิปัตย์อยู่อันดับที่3ตามหลังพรรคอันดับหนึ่งอย่างพรรคก้าวไกล ที่ปัจจุบันเป็นพรรคประชาชนเกือบ100 000 คะแนนประกอบกับสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือภายหลังเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าชวนหลีกภัยไม่ได้มีความหมายต่อพรรคประชาธิปัตย์แบบอดีตอีกแล้วเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลง จึงทําให้สมรภูมิเลือกตั้งท้องถิ่นตรังเปลี่ยนไปด้วยระดับประเทศครั้งต่อไป ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 1372 Views 0 Reviews
More Results