• ดีใจที่วันนี้ ลุงสนธิ พูดเรื่องนี้
    .
    ในมุมของผม ต่อให้คนใน ศูนย์อำนายการผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ นปท. เป็นคนดีทั้งหมด
    .
    หาก นักการเมืองจะขายชาติ นปท. ก็ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะ โต้แย้ง คัดค้าน ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...!!!
    ....
    ....
    จะบอกว่า ลุงตู่ ออกฎหมายปกป้องผลประโยชน์ชาติทางทะเลจาก MOU44 อะไรนี่...
    .
    ผมว่าไร้สาระครับ...
    ดีใจที่วันนี้ ลุงสนธิ พูดเรื่องนี้ . ในมุมของผม ต่อให้คนใน ศูนย์อำนายการผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ นปท. เป็นคนดีทั้งหมด . หาก นักการเมืองจะขายชาติ นปท. ก็ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะ โต้แย้ง คัดค้าน ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...!!! .... .... จะบอกว่า ลุงตู่ ออกฎหมายปกป้องผลประโยชน์ชาติทางทะเลจาก MOU44 อะไรนี่... . ผมว่าไร้สาระครับ...
    ## ชื่อเท่ แต่ มีอำนาจ จริง หรือ ไม่...??? ##
    ..
    ..
    พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 คืออะไร ทำไมแชร์กันว่อนช่วงนี้...???
    .
    พยายามอธิบายให้ได้เนื้อหาแบบไม่ยาวมากเกินไปคือ...
    .
    หลักใหญ่ใจความ พรบ.นี้ ได้มีการจัดตั้ง ศูนย์อำนายการผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ขึ้นมา
    .
    ซึ่งอำนาจและหน้าที่หลักของ "นปท." คือ
    .
    1.กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงานด้านความมั่นคงทางทะเล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและแผนระดับชาติที่เกี่ยวข้อง
    .
    2.ให้คำแนะนำ ปรึกษา และสนับสนุนการดำเนินงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น ศรชล. และอื่น ๆ)
    .
    3.ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ในด้านต่าง ๆ และ เสนอรายงานผลต่อ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรี
    .
    4.นอกจากนี้ นปท. ยังมีอำนาจ เรียกประชุมร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อจำเป็น เพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ชาติ(ประชุม ถก แลกเปลี่ยน ในเชิงเสนอแนะ)
    ....
    ....
    สุดท้าย จะเห็นได้ว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทาง ซึ่งชื่อเท่มาก ไม่มีอะไร มากไปกว่า...
    .
    หน่วยงานหนึ่ง ที่มีหน้าที่ ดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องกับ นโยบายของนักการเมืองเบื้องบน และหรือ กระทรวงการต่างประเทศ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    .
    ทำได้แค่ เสนอข้อมูล ให้คำแนะนำ ติดตาม-ประเมินผล แค่นั้น
    .
    ไม่ได้มีหน้าที่ คาน หรือ คัดง้าง ไม่มีกฎหมายข้อให้ให้อำนาจ ในการโต้แย้ง ยับยั้ง หาก รัฐบาล หรือ กระทรวงการต่างประเทศกระทำผิด ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ ผลประโยชน์ของประเทศชาติแต่อย่างใด...!!!
    .
    พูดง่ายๆ คือ หน่วยงานปฏิบัติการ ตามคำสั่ง ตามนโยบายของ รัฐบาล...
    .
    อำนาจที่มี ไม่ได้เท่เหมือนชื่อ...!!!
    .
    หาก นักการเมืองขายชาติ ก็โต้แย้ง คัดค้าน ทำอะไรไม่ได้...!!!
    ....
    ....
    ผมคิดว่าตัวเองพอเข้าใจที่มาที่ไปของ การเขียนโพสเรื่องนี้ครับ...
    .
    อย่าอวยกันขนาดนั้นเลยครับ ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงด้วย...!!!
    .
    ไม่งั้น "ทีมอวย" จะต่างอะไรกับ มาลี และ ฮุนเซน หล่ะครับ...???
    .

    ....
    ....
    ถ้าอยากสกัด เขมร จริง ยกเลิก MOU43-MOU44-JC44 คือทางออกครับ
    .
    https://www.naewna.com/politic/906142?fbclid=IwQ0xDSwMI-ZNjbGNrAwakRmV4dG4DYWVtAjEwAGJyaWQRMU44ZFlpaFRqMHhOT3c1bDkBHnHzvN8SfGcG8c7FdtCH44q4c5JWQHQkycw28_tsv4u0cdPKWRSRc7qd4fsM_aem_pRLgNZlXgTqmABx0ecgerw
    WWW.NAEWNA.COM
    ‘เสธ.นิด’เปิดอีกความจริง!‘บิ๊กตู่’คลอดกฎหมาย สกัดเขมือบทรัพยากรทางทะเล ด้วย MOU 44
    ‘เสธ.นิด’เปิดอีกความจริง!‘บิ๊กตู่’คลอดกฎหมาย สกัดเขมือบทรัพยากรทางทะเล ด้วย MOU 44
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าใหม่: รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมถือหุ้นในบริษัทชิป – เมื่อเงินภาษีอาจกลายเป็นหุ้นใน Intel, Micron และ TSMC

    ในปี 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick กำลังผลักดันแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน: ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถือหุ้นในบริษัทผู้ผลิตชิปที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่จัดสรรงบประมาณกว่า $52.7 พันล้าน เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ

    แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเจรจากับ Intel ซึ่งอาจนำไปสู่การถือหุ้น 10% โดยรัฐบาล แลกกับเงินสนับสนุนที่เคยให้ไปในยุคของประธานาธิบดี Biden และกำลังขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, Samsung และ TSMC

    แม้จะยังไม่มีการตกลงอย่างเป็นทางการ แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ และลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งอยู่ใกล้จีนเพียง 80 ไมล์

    นอกจากนี้ รัฐบาลยังเคยใช้แนวทางคล้ายกันกับ Nippon Steel โดยถือ “หุ้นทองคำ” เพื่อควบคุมการลงทุนและการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติในสหรัฐฯ

    ข้อมูลในข่าว
    รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาถือหุ้นในบริษัทชิปที่ได้รับเงินจาก CHIPS Act
    เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งอาจมีการถือหุ้น 10% โดยรัฐบาล
    ขยายแนวคิดไปยัง Micron, Samsung และ TSMC
    CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้าน สำหรับสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ
    Samsung ได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้าน, Micron $6.2 พันล้าน, TSMC $6.6 พันล้าน
    รัฐบาลเคยใช้แนวทาง “หุ้นทองคำ” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการลงทุน
    Lutnick ระบุว่าแนวคิดนี้จะไม่แทรกแซงการบริหารของบริษัท
    ทรัมป์สนับสนุนแนวคิดนี้เพื่อผลประโยชน์ของชาติและผู้เสียภาษี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Intel เคยเป็นผู้นำด้านการผลิตชิป แต่ปัจจุบันตามหลัง TSMC และ Samsung
    การถือหุ้นโดยรัฐบาลอาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุน
    CHIPS Act ผ่านในยุค Biden เพื่อกระตุ้นการผลิตชิปในประเทศหลังวิกฤตโควิด
    การถือหุ้นโดยรัฐเคยเกิดขึ้นในวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น การช่วยเหลือ GM และ AIG
    การถือหุ้นอาจช่วยให้รัฐบาลมีสิทธิ์ตรวจสอบการใช้เงินและการดำเนินงาน
    การผลิตชิปในประเทศมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านเทคโนโลยีและกลาโหม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/trump-eyes-us-government-stakes-in-other-chip-makers-that-received-chips-act-funds-sources-say
    🏛️ เรื่องเล่าใหม่: รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมถือหุ้นในบริษัทชิป – เมื่อเงินภาษีอาจกลายเป็นหุ้นใน Intel, Micron และ TSMC ในปี 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick กำลังผลักดันแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน: ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถือหุ้นในบริษัทผู้ผลิตชิปที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่จัดสรรงบประมาณกว่า $52.7 พันล้าน เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเจรจากับ Intel ซึ่งอาจนำไปสู่การถือหุ้น 10% โดยรัฐบาล แลกกับเงินสนับสนุนที่เคยให้ไปในยุคของประธานาธิบดี Biden และกำลังขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, Samsung และ TSMC แม้จะยังไม่มีการตกลงอย่างเป็นทางการ แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ และลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งอยู่ใกล้จีนเพียง 80 ไมล์ นอกจากนี้ รัฐบาลยังเคยใช้แนวทางคล้ายกันกับ Nippon Steel โดยถือ “หุ้นทองคำ” เพื่อควบคุมการลงทุนและการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติในสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาถือหุ้นในบริษัทชิปที่ได้รับเงินจาก CHIPS Act ➡️ เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งอาจมีการถือหุ้น 10% โดยรัฐบาล ➡️ ขยายแนวคิดไปยัง Micron, Samsung และ TSMC ➡️ CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้าน สำหรับสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ ➡️ Samsung ได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้าน, Micron $6.2 พันล้าน, TSMC $6.6 พันล้าน ➡️ รัฐบาลเคยใช้แนวทาง “หุ้นทองคำ” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการลงทุน ➡️ Lutnick ระบุว่าแนวคิดนี้จะไม่แทรกแซงการบริหารของบริษัท ➡️ ทรัมป์สนับสนุนแนวคิดนี้เพื่อผลประโยชน์ของชาติและผู้เสียภาษี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Intel เคยเป็นผู้นำด้านการผลิตชิป แต่ปัจจุบันตามหลัง TSMC และ Samsung ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐบาลอาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุน ➡️ CHIPS Act ผ่านในยุค Biden เพื่อกระตุ้นการผลิตชิปในประเทศหลังวิกฤตโควิด ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐเคยเกิดขึ้นในวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น การช่วยเหลือ GM และ AIG ➡️ การถือหุ้นอาจช่วยให้รัฐบาลมีสิทธิ์ตรวจสอบการใช้เงินและการดำเนินงาน ➡️ การผลิตชิปในประเทศมีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านเทคโนโลยีและกลาโหม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/trump-eyes-us-government-stakes-in-other-chip-makers-that-received-chips-act-funds-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump eyes US government stakes in other chip makers that received CHIPS Act funds, sources say
    WASHINGTON (Reuters) -U.S. Commerce Secretary Howard Lutnick is looking into the federal government taking equity stakes in computer chip manufacturers that receive CHIPS Act funding to build factories in the country, two sources said.
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • "สถานการณ์ยัง 50-50!" "แม่ทัพภาค 2" เตือนอย่าไว้ใจกัมพูชา...เผยพร้อมปะทะหากยังมีการรุกราน...ย้ำทุกอย่างอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/21022/
    .
    #แม่ทัพภาค2 #พลโทบุญสิน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวทหาร #ความมั่นคง #ไทยไท

    "สถานการณ์ยัง 50-50!" "แม่ทัพภาค 2" เตือนอย่าไว้ใจกัมพูชา...เผยพร้อมปะทะหากยังมีการรุกราน...ย้ำทุกอย่างอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ https://www.thai-tai.tv/news/21022/ . #แม่ทัพภาค2 #พลโทบุญสิน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวทหาร #ความมั่นคง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • ## ชื่อเท่ แต่ มีอำนาจ จริง หรือ ไม่...??? ##
    ..
    ..
    พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 คืออะไร ทำไมแชร์กันว่อนช่วงนี้...???
    .
    พยายามอธิบายให้ได้เนื้อหาแบบไม่ยาวมากเกินไปคือ...
    .
    หลักใหญ่ใจความ พรบ.นี้ ได้มีการจัดตั้ง ศูนย์อำนายการผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ขึ้นมา
    .
    ซึ่งอำนาจและหน้าที่หลักของ "นปท." คือ
    .
    1.กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงานด้านความมั่นคงทางทะเล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและแผนระดับชาติที่เกี่ยวข้อง
    .
    2.ให้คำแนะนำ ปรึกษา และสนับสนุนการดำเนินงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น ศรชล. และอื่น ๆ)
    .
    3.ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ในด้านต่าง ๆ และ เสนอรายงานผลต่อ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรี
    .
    4.นอกจากนี้ นปท. ยังมีอำนาจ เรียกประชุมร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อจำเป็น เพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ชาติ(ประชุม ถก แลกเปลี่ยน ในเชิงเสนอแนะ)
    ....
    ....
    สุดท้าย จะเห็นได้ว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทาง ซึ่งชื่อเท่มาก ไม่มีอะไร มากไปกว่า...
    .
    หน่วยงานหนึ่ง ที่มีหน้าที่ ดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องกับ นโยบายของนักการเมืองเบื้องบน และหรือ กระทรวงการต่างประเทศ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    .
    ทำได้แค่ เสนอข้อมูล ให้คำแนะนำ ติดตาม-ประเมินผล แค่นั้น
    .
    ไม่ได้มีหน้าที่ คาน หรือ คัดง้าง ไม่มีกฎหมายข้อให้ให้อำนาจ ในการโต้แย้ง ยับยั้ง หาก รัฐบาล หรือ กระทรวงการต่างประเทศกระทำผิด ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ ผลประโยชน์ของประเทศชาติแต่อย่างใด...!!!
    .
    พูดง่ายๆ คือ หน่วยงานปฏิบัติการ ตามคำสั่ง ตามนโยบายของ รัฐบาล...
    .
    อำนาจที่มี ไม่ได้เท่เหมือนชื่อ...!!!
    .
    หาก นักการเมืองขายชาติ ก็โต้แย้ง คัดค้าน ทำอะไรไม่ได้...!!!
    ....
    ....
    ผมคิดว่าตัวเองพอเข้าใจที่มาที่ไปของ การเขียนโพสเรื่องนี้ครับ...
    .
    อย่าอวยกันขนาดนั้นเลยครับ ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงด้วย...!!!
    .
    ไม่งั้น "ทีมอวย" จะต่างอะไรกับ มาลี และ ฮุนเซน หล่ะครับ...???
    .

    ....
    ....
    ถ้าอยากสกัด เขมร จริง ยกเลิก MOU43-MOU44-JC44 คือทางออกครับ
    .
    https://www.naewna.com/politic/906142?fbclid=IwQ0xDSwMI-ZNjbGNrAwakRmV4dG4DYWVtAjEwAGJyaWQRMU44ZFlpaFRqMHhOT3c1bDkBHnHzvN8SfGcG8c7FdtCH44q4c5JWQHQkycw28_tsv4u0cdPKWRSRc7qd4fsM_aem_pRLgNZlXgTqmABx0ecgerw
    ## ชื่อเท่ แต่ มีอำนาจ จริง หรือ ไม่...??? ## .. .. พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 คืออะไร ทำไมแชร์กันว่อนช่วงนี้...??? . พยายามอธิบายให้ได้เนื้อหาแบบไม่ยาวมากเกินไปคือ... . หลักใหญ่ใจความ พรบ.นี้ ได้มีการจัดตั้ง ศูนย์อำนายการผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ขึ้นมา . ซึ่งอำนาจและหน้าที่หลักของ "นปท." คือ . 1.กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงานด้านความมั่นคงทางทะเล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและแผนระดับชาติที่เกี่ยวข้อง . 2.ให้คำแนะนำ ปรึกษา และสนับสนุนการดำเนินงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น ศรชล. และอื่น ๆ) . 3.ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ในด้านต่าง ๆ และ เสนอรายงานผลต่อ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรี . 4.นอกจากนี้ นปท. ยังมีอำนาจ เรียกประชุมร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อจำเป็น เพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ชาติ(ประชุม ถก แลกเปลี่ยน ในเชิงเสนอแนะ) .... .... สุดท้าย จะเห็นได้ว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทาง ซึ่งชื่อเท่มาก ไม่มีอะไร มากไปกว่า... . หน่วยงานหนึ่ง ที่มีหน้าที่ ดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องกับ นโยบายของนักการเมืองเบื้องบน และหรือ กระทรวงการต่างประเทศ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง . ทำได้แค่ เสนอข้อมูล ให้คำแนะนำ ติดตาม-ประเมินผล แค่นั้น . ไม่ได้มีหน้าที่ คาน หรือ คัดง้าง ไม่มีกฎหมายข้อให้ให้อำนาจ ในการโต้แย้ง ยับยั้ง หาก รัฐบาล หรือ กระทรวงการต่างประเทศกระทำผิด ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ ผลประโยชน์ของประเทศชาติแต่อย่างใด...!!! . พูดง่ายๆ คือ หน่วยงานปฏิบัติการ ตามคำสั่ง ตามนโยบายของ รัฐบาล... . อำนาจที่มี ไม่ได้เท่เหมือนชื่อ...!!! . หาก นักการเมืองขายชาติ ก็โต้แย้ง คัดค้าน ทำอะไรไม่ได้...!!! .... .... ผมคิดว่าตัวเองพอเข้าใจที่มาที่ไปของ การเขียนโพสเรื่องนี้ครับ... . อย่าอวยกันขนาดนั้นเลยครับ ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงด้วย...!!! . ไม่งั้น "ทีมอวย" จะต่างอะไรกับ มาลี และ ฮุนเซน หล่ะครับ...??? . 😓😓😓😓😓😓😓😓 .... .... ถ้าอยากสกัด เขมร จริง ยกเลิก MOU43-MOU44-JC44 คือทางออกครับ . https://www.naewna.com/politic/906142?fbclid=IwQ0xDSwMI-ZNjbGNrAwakRmV4dG4DYWVtAjEwAGJyaWQRMU44ZFlpaFRqMHhOT3c1bDkBHnHzvN8SfGcG8c7FdtCH44q4c5JWQHQkycw28_tsv4u0cdPKWRSRc7qd4fsM_aem_pRLgNZlXgTqmABx0ecgerw
    WWW.NAEWNA.COM
    ‘เสธ.นิด’เปิดอีกความจริง!‘บิ๊กตู่’คลอดกฎหมาย สกัดเขมือบทรัพยากรทางทะเล ด้วย MOU 44
    ‘เสธ.นิด’เปิดอีกความจริง!‘บิ๊กตู่’คลอดกฎหมาย สกัดเขมือบทรัพยากรทางทะเล ด้วย MOU 44
    0 Comments 1 Shares 255 Views 0 Reviews
  • เปิดภาพ "พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์" รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร Subang ประเทศมาเลเซีย เมื่อเวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาตามประเทศไทย 1 ชั่วโมง

    ช่วงเช้า พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคารวะนายอันวา อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน ที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะเจ้าภาพของสถานที่การประชุม ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ในช่วงบ่าย

    สำหรับการประชุมครั้งนี้จะเจรจามุ่งเน้นความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของระชาชนของทั้ง 2 ประเทศเป็นหลัก โดยต้องเป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และยึดผลประโยชน์ของชาติ
    เปิดภาพ "พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์" รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร Subang ประเทศมาเลเซีย เมื่อเวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาตามประเทศไทย 1 ชั่วโมง ช่วงเช้า พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคารวะนายอันวา อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน ที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะเจ้าภาพของสถานที่การประชุม ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ในช่วงบ่าย สำหรับการประชุมครั้งนี้จะเจรจามุ่งเน้นความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของระชาชนของทั้ง 2 ประเทศเป็นหลัก โดยต้องเป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และยึดผลประโยชน์ของชาติ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • ✍ไทยจะวางยุทธศาสตร์อย่างไร เราอย่าเป็นแค่ตัวเลือก "แต่เราต้องเป็นผู้เลือก และเป็นผู้สร้างทางนั้นเอง ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก""หยุดเลือกตั้งสักพักใหญ่ๆเบื่อนักการเมือง.เร่งวางยุทธศาสตร์ชาติและเก็บกวาดบ้านเรือนให้สะอาด "จ่ายเงินเดือนนักการเมืองเป็นดิจิตอล วัดผลงานด้วยเวลาที่เสียไป ไม่มีผลงานอะไรเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก็ควรคัดออกได้ เบื่อพ่นน้ำลายในสภา
    🇹🇭✍ไทยจะวางยุทธศาสตร์อย่างไร เราอย่าเป็นแค่ตัวเลือก "แต่เราต้องเป็นผู้เลือก และเป็นผู้สร้างทางนั้นเอง ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก""หยุดเลือกตั้งสักพักใหญ่ๆเบื่อนักการเมือง.เร่งวางยุทธศาสตร์ชาติและเก็บกวาดบ้านเรือนให้สะอาด "จ่ายเงินเดือนนักการเมืองเป็นดิจิตอล วัดผลงานด้วยเวลาที่เสียไป ไม่มีผลงานอะไรเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก็ควรคัดออกได้ เบื่อพ่นน้ำลายในสภา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 0 Reviews
  • อินเดียแถลงการณ์ปฏิเสธที่จะลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียหลังจากที่ทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษี

    พร้อมย้ำว่า:

    • อินเดียตกเป็นเป้าหมายของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

    • อินเดียจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

    • อินเดียเริ่มนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเนื่องจากวัตถุดิบดั้งเดิมถูกโอนไปยังยุโรป
    อินเดียแถลงการณ์ปฏิเสธที่จะลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียหลังจากที่ทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษี พร้อมย้ำว่า: • อินเดียตกเป็นเป้าหมายของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย • อินเดียจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ • อินเดียเริ่มนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเนื่องจากวัตถุดิบดั้งเดิมถูกโอนไปยังยุโรป
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 283 Views 0 Reviews
  • "แผนจักรพงษ์ภูวนาถ"

    สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนารถ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เตรียมทหารรุ่น 21 อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก มีส่วนเขียนแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ในการเปิดศึกเขาพระวิหาร เมื่อปี 2554 ทำให้กองทัพกัมพูชาย่อยยับ ราบเป็นหน้ากลอง เลิกตอแยกับกองทัพไทยมาร่วม 10 ปี

    แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ยุทธวิธีทางทหาร งัดไม้แข็งโต้กลับกัมพูชา มีหลักการคร่าวๆ ดังนี้
    การเตรียมความพร้อม
    การสั่งการและเตรียมกำลังพล ผบ.ทบ. สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 และ 2เตรียมความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีเมื่อมีการสั่งการ

    ประสานงานข่าวกรอง มีการดำเนินการตามการฝึกในแผนป้องกันประเทศ โดยเฉพาะด้านการข่าวกรอง เพื่อรวบรวมข้อมูลสถานการณ์และประเมินภัยคุกคาม

    การเตรียมกลไกตอบโต้ กองทัพบกจะเตรียมพร้อมใช้ทุกกลไกที่มีอยู่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน

    การปฏิบัติการเมื่อเกิดเหตุการณ์
    การประเมินสถานการณ์และลงพื้นที่ ผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น ผบ.ทบ. อาจจะลงพื้นที่เพื่อบัญชาการและติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและตัดสินใจในการดำเนินการ

    การดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม แผนนี้จะเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

    การตอบโต้ หากจำเป็น แม้จะเน้นการแก้ไขปัญหา แต่กองทัพบกก็ยืนยันว่าจะต่อสู้ทุกวิถีทางด้วยกลไกที่มีอยู่ หากมีความจำเป็นในการตอบโต้

    หลักการสำคัญของแผนจักรพงษ์ภูวนาถ
    -ปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ เป็นหลักการสำคัญที่สุดในการดำเนินการใด ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศไทย

    -ปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน เน้นการดูแลและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดน

    -แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เป็นแผนที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนอย่างมีแบบแผนและประสิทธิภาพ

    -ใช้กลไกที่เหมาะสม ดำเนินการตามกรอบและกลไกที่เหมาะสม ไม่ได้มุ่งเน้นการใช้กำลังโดยทันที แต่พร้อมที่จะตอบโต้หากมีความจำเป็น
    "แผนจักรพงษ์ภูวนาถ" สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนารถ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เตรียมทหารรุ่น 21 อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก มีส่วนเขียนแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ในการเปิดศึกเขาพระวิหาร เมื่อปี 2554 ทำให้กองทัพกัมพูชาย่อยยับ ราบเป็นหน้ากลอง เลิกตอแยกับกองทัพไทยมาร่วม 10 ปี แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ยุทธวิธีทางทหาร งัดไม้แข็งโต้กลับกัมพูชา มีหลักการคร่าวๆ ดังนี้ 👉การเตรียมความพร้อม การสั่งการและเตรียมกำลังพล ผบ.ทบ. สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 และ 2เตรียมความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีเมื่อมีการสั่งการ ประสานงานข่าวกรอง มีการดำเนินการตามการฝึกในแผนป้องกันประเทศ โดยเฉพาะด้านการข่าวกรอง เพื่อรวบรวมข้อมูลสถานการณ์และประเมินภัยคุกคาม การเตรียมกลไกตอบโต้ กองทัพบกจะเตรียมพร้อมใช้ทุกกลไกที่มีอยู่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน 👉การปฏิบัติการเมื่อเกิดเหตุการณ์ การประเมินสถานการณ์และลงพื้นที่ ผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น ผบ.ทบ. อาจจะลงพื้นที่เพื่อบัญชาการและติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและตัดสินใจในการดำเนินการ การดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม แผนนี้จะเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ การตอบโต้ หากจำเป็น แม้จะเน้นการแก้ไขปัญหา แต่กองทัพบกก็ยืนยันว่าจะต่อสู้ทุกวิถีทางด้วยกลไกที่มีอยู่ หากมีความจำเป็นในการตอบโต้ 👉หลักการสำคัญของแผนจักรพงษ์ภูวนาถ -ปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ เป็นหลักการสำคัญที่สุดในการดำเนินการใด ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศไทย -ปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน เน้นการดูแลและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดน -แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เป็นแผนที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนอย่างมีแบบแผนและประสิทธิภาพ -ใช้กลไกที่เหมาะสม ดำเนินการตามกรอบและกลไกที่เหมาะสม ไม่ได้มุ่งเน้นการใช้กำลังโดยทันที แต่พร้อมที่จะตอบโต้หากมีความจำเป็น
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • ตามหลักพุทธศาสนา การกระทำของผู้บริหารบ้านเมืองที่ "ขายชาติ" (นำผลประโยชน์ของชาติไปให้ต่างชาติโดยมิชอบ) และ "โกงแผ่นดิน" (คอร์รัปชั่น, ฉ้อราษฎร์บังหลวง) ถือเป็น **อกุศลกรรมหนัก** ที่ส่งผลทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ดังนี้

    ### ผลกรรมตามหลักกรรม (กฎแห่งเหตุและผล)
    1. **วิบากกรรมในปัจจุบัน (ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม):**
    - สูญเสียความน่าเชื่อถือ ถูกสังคมประณาม ต้องเผชิญการฟ้องร้องทางกฎหมาย
    - ขาดมิตรแท้ อยู่ในความหวาดระแวง ครอบครัวแตกแยก
    - นำไปสู่การล่มสลายทางการเมือง เช่น ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ต้องโทษจำคุก
    - สร้างความเสื่อมโทรมให้ประเทศ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ/สังคมที่ประชาชนรับผลกระทบ

    2. **วิบากกรรมในภพใหม่ (อุปปัชชเวทนียกรรม):**
    - เกิดในอบายภูมิ (นรก เปรต อสุรกาย) เนื่องจากทำลาย "สังคหวัตถุ" (หลักการสงเคราะห์สังคม)
    - หากได้เกิดเป็นมนุษย์ มักเกิดในตระกูลต่ำ ขาดโอกาส ถูกกดขี่ หรือมีชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรค
    - พลาดโอกาสในการศึกษาพระธรรม เพราะกรรมหนักปิดกั้นปัญญา

    3. **วิบากกรรมสืบเนื่อง (อปราปริยเวทนียกรรม):**
    - แม้พ้นจากอบายภูมิแล้ว วิบากยังสืบเนื่อง เช่น มีสุขภาพย่ำแย่ ทรัพย์สินสูญหายง่าย ถูกหลอกลวงเป็นนิสัย

    ### อกุศลกรรมหลักที่ก่อ
    - **อทินนาทาน (ลักทรัพย์):** การคอร์รัปชันคือการลักทรัพย์ส่วนรวม
    - **มุสาวาท (พูดเท็จ):** การปกปิดการทุจริต ใช้วาทศิลป์หลอกลวงประชาชน
    - **มิจฉาชีพ (การงานผิด):** ใช้อำนาจในทางมิชอบ
    - **ทำลายหลัก "ธรรมาธิปไตย":** ซึ่งพุทธศาสนาส่งเสริมการปกครองด้วยธรรม

    ### ผลต่อสังคมตามหลักพุทธ
    การกระทำดังกล่าว **ทำลาย "ธรรมิกราชธรรม" (หลักการปกครองที่ดี)** โดยเฉพาะ:
    - **ขาดเมตตาธรรม:** ไม่เกื้อกูลประชาชน
    - **ขาดสัจจะ:** ไม่รักษาคำมั่นสัญญาต่อชาติ
    - **ขาดทมะ:** ไม่รู้จักควบคุมความโลภ

    ### สรุป
    พุทธศาสนามองว่ากรรมนี้ **"หนัก"** เพราะส่งผลร้ายต่อมหาชน ("กรรมที่มีเวรเป็นผล") ผู้ก่อย่อมได้รับผลกรรมทั้งทางตรง (การลงโทษทางโลก) และทางอ้อม (วิบากในสังสาระ) แม้ผลกรรมอาจไม่ปรากฏทันที แต่ย่อมตามสนองอย่างแน่นอนตามกฎแห่งกรรม

    > "ผู้ปกครองที่ดีต้องมี **หิริ-โอตตัปปะ** (ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป) เป็นพื้นฐาน หากขาดธรรมนี้ ย่อมนำความวิบัติมาสู่ตนเองและแผ่นดิน" — อ้างตามพระไตรปิฎกและอรรถกถา
    ตามหลักพุทธศาสนา การกระทำของผู้บริหารบ้านเมืองที่ "ขายชาติ" (นำผลประโยชน์ของชาติไปให้ต่างชาติโดยมิชอบ) และ "โกงแผ่นดิน" (คอร์รัปชั่น, ฉ้อราษฎร์บังหลวง) ถือเป็น **อกุศลกรรมหนัก** ที่ส่งผลทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ดังนี้ ### ผลกรรมตามหลักกรรม (กฎแห่งเหตุและผล) 1. **วิบากกรรมในปัจจุบัน (ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม):** - สูญเสียความน่าเชื่อถือ ถูกสังคมประณาม ต้องเผชิญการฟ้องร้องทางกฎหมาย - ขาดมิตรแท้ อยู่ในความหวาดระแวง ครอบครัวแตกแยก - นำไปสู่การล่มสลายทางการเมือง เช่น ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ต้องโทษจำคุก - สร้างความเสื่อมโทรมให้ประเทศ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ/สังคมที่ประชาชนรับผลกระทบ 2. **วิบากกรรมในภพใหม่ (อุปปัชชเวทนียกรรม):** - เกิดในอบายภูมิ (นรก เปรต อสุรกาย) เนื่องจากทำลาย "สังคหวัตถุ" (หลักการสงเคราะห์สังคม) - หากได้เกิดเป็นมนุษย์ มักเกิดในตระกูลต่ำ ขาดโอกาส ถูกกดขี่ หรือมีชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรค - พลาดโอกาสในการศึกษาพระธรรม เพราะกรรมหนักปิดกั้นปัญญา 3. **วิบากกรรมสืบเนื่อง (อปราปริยเวทนียกรรม):** - แม้พ้นจากอบายภูมิแล้ว วิบากยังสืบเนื่อง เช่น มีสุขภาพย่ำแย่ ทรัพย์สินสูญหายง่าย ถูกหลอกลวงเป็นนิสัย ### อกุศลกรรมหลักที่ก่อ - **อทินนาทาน (ลักทรัพย์):** การคอร์รัปชันคือการลักทรัพย์ส่วนรวม - **มุสาวาท (พูดเท็จ):** การปกปิดการทุจริต ใช้วาทศิลป์หลอกลวงประชาชน - **มิจฉาชีพ (การงานผิด):** ใช้อำนาจในทางมิชอบ - **ทำลายหลัก "ธรรมาธิปไตย":** ซึ่งพุทธศาสนาส่งเสริมการปกครองด้วยธรรม ### ผลต่อสังคมตามหลักพุทธ การกระทำดังกล่าว **ทำลาย "ธรรมิกราชธรรม" (หลักการปกครองที่ดี)** โดยเฉพาะ: - **ขาดเมตตาธรรม:** ไม่เกื้อกูลประชาชน - **ขาดสัจจะ:** ไม่รักษาคำมั่นสัญญาต่อชาติ - **ขาดทมะ:** ไม่รู้จักควบคุมความโลภ ### สรุป พุทธศาสนามองว่ากรรมนี้ **"หนัก"** เพราะส่งผลร้ายต่อมหาชน ("กรรมที่มีเวรเป็นผล") ผู้ก่อย่อมได้รับผลกรรมทั้งทางตรง (การลงโทษทางโลก) และทางอ้อม (วิบากในสังสาระ) แม้ผลกรรมอาจไม่ปรากฏทันที แต่ย่อมตามสนองอย่างแน่นอนตามกฎแห่งกรรม > "ผู้ปกครองที่ดีต้องมี **หิริ-โอตตัปปะ** (ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป) เป็นพื้นฐาน หากขาดธรรมนี้ ย่อมนำความวิบัติมาสู่ตนเองและแผ่นดิน" — อ้างตามพระไตรปิฎกและอรรถกถา
    0 Comments 0 Shares 388 Views 0 Reviews
  • ตอน ทหารเขมร รุกล้ำแผ่นดินไทย ไม่เคยเรียกทูตเขมร มาประท้วง ตักเตือน
    .
    พอ ถูกอัดคลิป มาประจาน...!!!
    .
    คราวนี้ดันโกรธ จนเรียกทูตเขมร มาประท้วง...!!!
    ...
    ...
    คือ เห็นเลยว่าในจิตใต้สำนึก อะไรสำคัญกว่ากัน...
    .
    ระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับ หน้าตาของตัวเอง...!!!
    .
    อุบาทว์...!!!
    ตอน ทหารเขมร รุกล้ำแผ่นดินไทย ไม่เคยเรียกทูตเขมร มาประท้วง ตักเตือน . พอ ถูกอัดคลิป มาประจาน...!!! . คราวนี้ดันโกรธ จนเรียกทูตเขมร มาประท้วง...!!! ... ... คือ เห็นเลยว่าในจิตใต้สำนึก อะไรสำคัญกว่ากัน... . ระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับ หน้าตาของตัวเอง...!!! . อุบาทว์...!!!
    0 Comments 0 Shares 194 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหา ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เมื่อปรากฏฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจไม่เคารพกันและกัน

    วันนี้ (19มิ.ย.) นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30น วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยทุกการดำเนินการเป็นไป ภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งนี้เจตนาดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์และน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม

    รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบไปมา ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000057731

    #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหา ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เมื่อปรากฏฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจไม่เคารพกันและกัน • วันนี้ (19มิ.ย.) นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30น วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยทุกการดำเนินการเป็นไป ภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งนี้เจตนาดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์และน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม • รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบไปมา ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000057731 • #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 388 Views 0 Reviews
  • พีระพันธุ์→ พลังงานกับคาสิโน→ “การเล่นเกมซ้อนเกม”
    #อัษฎางค์ยมนาค

    “เรื่องการเมืองมันซับซ้อนเกินกว่าจะตัดสินเพียงสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน” และกรณีของ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็สะท้อนความซับซ้อนเชิงกลยุทธ์ของการเมืองไทยในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน

    วิเคราะห์ในเชิงการเมือง-ยุทธศาสตร์

    1. ความซับซ้อนของ "พีระพันธุ์": นักการเมืองสายเทคนิค-กฎหมายในโลกของเกมอำนาจ

    คุณพีระพันธุ์ เป็นนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ "สายระบบราชการ" มากกว่านักพูด นักปลุกใจ หรือป๊อปปูลาร์ในโซเชียล เขาไม่ใช่นักการเมืองที่เน้นลงพื้นที่ แต่ถูกวางตัวให้ “แบกรับภารกิจเชิงนโยบาย” ที่ซับซ้อน เช่น พลังงาน กฎหมาย คาสิโน หรือแม้แต่โครงสร้างรัฐ

    จุดแข็ง: เข้าใจระบบ, ต่อรองกับเทคนิคของรัฐได้ดี
    จุดอ่อน: ขาดฐานมวลชนที่เหนียวแน่นทางอารมณ์ → ทำให้ถูกกดดันง่ายจาก "อินฟลูฯ" และโซเชียลมีเดีย

    2. ข้อกล่าวหา “สนับสนุนคาสิโน” และ “ถอด DNA ลุงตู่” คือสงครามทางสัญลักษณ์

    สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องคาสิโนหรือการตอบคำถามนักข่าว แต่คือ “สงครามตีตราทางการเมือง” ที่มีเป้าหมายหลักคือทำลายความชอบธรรม

    กลุ่มที่ว่า “หยุดเรียกเขาว่าเป็น DNA ลุงตู่” พยายามบอกว่าเขาทรยศต่อฐานอนุรักษ์นิยม

    กลุ่มที่โยงเขากับ “คาสิโน” ก็พยายามสร้างภาพว่าเขาสนับสนุนสิ่งผิดศีลธรรม

    ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ มีน้ำหนักทางจิตวิทยามวลชนสูงมากในหมู่ฐานเสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยม

    3. ประเด็นที่ซ่อนอยู่: ศึกใหญ่คือ "พลังงาน" ไม่ใช่คาสิโน

    คุณพีระพันธุ์ถูกตั้งเป้าโจมตีไม่ใช่เพราะคาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่เพราะ เขาเริ่มลงมือในนโยบายพลังงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ขนาดใหญ่มากของหลายกลุ่มทุน

    “พลังงานคืออาณาจักรของอำนาจที่ซ่อนอยู่”

    และการที่คุณพีระพันธุ์กำลังรื้อโครงสร้างบางอย่าง → ย่อมทำให้เขาถูกโจมตีแบบ "ตีวงล้อม"

    วิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยาการเมือง

    1. การถอดความนัยของคำว่า “DNA ลุงตู่”

    การใช้คำว่า “DNA ลุงตู่” สื่อถึงการสืบทอดจิตวิญญาณหรือแนวทางทางการเมือง แต่เมื่อกลุ่มอินฟลูฯ ออกมาพูดว่าเขา “ไม่ใช่” → ก็เท่ากับตัดเขาออกจากเครือข่ายทางอำนาจเดิมทันที เป็นการ “ถอนรากอุดมการณ์” ซึ่งส่งผลแรงในระดับฐานเสียง

    2. อินฟลูเอนเซอร์กับการควบคุมทิศทางของฝูงชน

    กรณีของ"อินฟลูฯ" โจมตีผ่านโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นว่า “อิทธิพลของเสียงในโซเชียล” วันนี้มีอำนาจไม่แพ้การอภิปรายในสภา เพราะ เขาสามารถตีกรอบให้คนมองพีระพันธุ์ในทิศทางใดก็ได้ โดยไม่ต้องรอข้อเท็จจริง

    สรุป:
    เกมหลัก→ โยงคุณพีระพันธุ์เข้ากับคาสิโน เพื่อทำลายภาพลักษณ์อนุรักษ์นิยม
    เกมลับ→ เขากำลังแตะโครงสร้างพลังงาน ซึ่งคือผลประโยชน์มหาศาล
    เทคนิคที่ใช้→ ตีวงล้อมผ่านสื่อ → ดึงฐานเสียงอนุรักษ์นิยมออกห่าง
    ความเสี่ยง→ หากขาดการสื่อสารที่ชัดเจน อาจกลายเป็น “คนกลางที่โดนล้อมจากทุกด้าน”

    ข้อเสนอแนะของผม:
    → อย่าตัดสินนักการเมืองจากคลิปเดียวหรือข้อความเดียว → การเมืองเป็นกลยุทธ์ และคำบางคำมีหน้าที่เบี่ยงเบนเกม ไม่ใช่แสดงเจตนาจริง

    → กลุ่มผู้สนับสนุนคุณพีระพันธุ์ควรสื่อสารเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องพลังงานและเป้าหมายทางนโยบายที่แท้จริง

    → ฐานเสียงฝ่ายขวา/อนุรักษ์นิยมควรใช้หลักคิดมากกว่าความรู้สึก ในการประเมินผู้นำ เพราะอารมณ์สามารถถูกสร้างได้ แต่ผลประโยชน์ของชาติคือของจริง

    ฝากคำถามไว้ให้ขบคิด:
    → คุณคิดว่า “การเล่นเกมซ้อนเกม” แบบนี้ สุดท้ายจะทำให้คุณพีระพันธุ์กลายเป็นเบี้ยที่ถูกเขี่ย หรือเป็นหมากลับที่น่ากลัวสำหรับทุกฝ่ายครับ?
    พีระพันธุ์→ พลังงานกับคาสิโน→ “การเล่นเกมซ้อนเกม” #อัษฎางค์ยมนาค “เรื่องการเมืองมันซับซ้อนเกินกว่าจะตัดสินเพียงสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน” และกรณีของ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็สะท้อนความซับซ้อนเชิงกลยุทธ์ของการเมืองไทยในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน วิเคราะห์ในเชิงการเมือง-ยุทธศาสตร์ 1. ความซับซ้อนของ "พีระพันธุ์": นักการเมืองสายเทคนิค-กฎหมายในโลกของเกมอำนาจ คุณพีระพันธุ์ เป็นนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ "สายระบบราชการ" มากกว่านักพูด นักปลุกใจ หรือป๊อปปูลาร์ในโซเชียล เขาไม่ใช่นักการเมืองที่เน้นลงพื้นที่ แต่ถูกวางตัวให้ “แบกรับภารกิจเชิงนโยบาย” ที่ซับซ้อน เช่น พลังงาน กฎหมาย คาสิโน หรือแม้แต่โครงสร้างรัฐ จุดแข็ง: เข้าใจระบบ, ต่อรองกับเทคนิคของรัฐได้ดี จุดอ่อน: ขาดฐานมวลชนที่เหนียวแน่นทางอารมณ์ → ทำให้ถูกกดดันง่ายจาก "อินฟลูฯ" และโซเชียลมีเดีย 2. ข้อกล่าวหา “สนับสนุนคาสิโน” และ “ถอด DNA ลุงตู่” คือสงครามทางสัญลักษณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องคาสิโนหรือการตอบคำถามนักข่าว แต่คือ “สงครามตีตราทางการเมือง” ที่มีเป้าหมายหลักคือทำลายความชอบธรรม กลุ่มที่ว่า “หยุดเรียกเขาว่าเป็น DNA ลุงตู่” พยายามบอกว่าเขาทรยศต่อฐานอนุรักษ์นิยม กลุ่มที่โยงเขากับ “คาสิโน” ก็พยายามสร้างภาพว่าเขาสนับสนุนสิ่งผิดศีลธรรม ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ มีน้ำหนักทางจิตวิทยามวลชนสูงมากในหมู่ฐานเสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยม 3. ประเด็นที่ซ่อนอยู่: ศึกใหญ่คือ "พลังงาน" ไม่ใช่คาสิโน คุณพีระพันธุ์ถูกตั้งเป้าโจมตีไม่ใช่เพราะคาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่เพราะ เขาเริ่มลงมือในนโยบายพลังงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ขนาดใหญ่มากของหลายกลุ่มทุน “พลังงานคืออาณาจักรของอำนาจที่ซ่อนอยู่” และการที่คุณพีระพันธุ์กำลังรื้อโครงสร้างบางอย่าง → ย่อมทำให้เขาถูกโจมตีแบบ "ตีวงล้อม" วิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยาการเมือง 1. การถอดความนัยของคำว่า “DNA ลุงตู่” การใช้คำว่า “DNA ลุงตู่” สื่อถึงการสืบทอดจิตวิญญาณหรือแนวทางทางการเมือง แต่เมื่อกลุ่มอินฟลูฯ ออกมาพูดว่าเขา “ไม่ใช่” → ก็เท่ากับตัดเขาออกจากเครือข่ายทางอำนาจเดิมทันที เป็นการ “ถอนรากอุดมการณ์” ซึ่งส่งผลแรงในระดับฐานเสียง 2. อินฟลูเอนเซอร์กับการควบคุมทิศทางของฝูงชน กรณีของ"อินฟลูฯ" โจมตีผ่านโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นว่า “อิทธิพลของเสียงในโซเชียล” วันนี้มีอำนาจไม่แพ้การอภิปรายในสภา เพราะ เขาสามารถตีกรอบให้คนมองพีระพันธุ์ในทิศทางใดก็ได้ โดยไม่ต้องรอข้อเท็จจริง สรุป: เกมหลัก→ โยงคุณพีระพันธุ์เข้ากับคาสิโน เพื่อทำลายภาพลักษณ์อนุรักษ์นิยม เกมลับ→ เขากำลังแตะโครงสร้างพลังงาน ซึ่งคือผลประโยชน์มหาศาล เทคนิคที่ใช้→ ตีวงล้อมผ่านสื่อ → ดึงฐานเสียงอนุรักษ์นิยมออกห่าง ความเสี่ยง→ หากขาดการสื่อสารที่ชัดเจน อาจกลายเป็น “คนกลางที่โดนล้อมจากทุกด้าน” ข้อเสนอแนะของผม: → อย่าตัดสินนักการเมืองจากคลิปเดียวหรือข้อความเดียว → การเมืองเป็นกลยุทธ์ และคำบางคำมีหน้าที่เบี่ยงเบนเกม ไม่ใช่แสดงเจตนาจริง → กลุ่มผู้สนับสนุนคุณพีระพันธุ์ควรสื่อสารเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องพลังงานและเป้าหมายทางนโยบายที่แท้จริง → ฐานเสียงฝ่ายขวา/อนุรักษ์นิยมควรใช้หลักคิดมากกว่าความรู้สึก ในการประเมินผู้นำ เพราะอารมณ์สามารถถูกสร้างได้ แต่ผลประโยชน์ของชาติคือของจริง ฝากคำถามไว้ให้ขบคิด: → คุณคิดว่า “การเล่นเกมซ้อนเกม” แบบนี้ สุดท้ายจะทำให้คุณพีระพันธุ์กลายเป็นเบี้ยที่ถูกเขี่ย หรือเป็นหมากลับที่น่ากลัวสำหรับทุกฝ่ายครับ?
    0 Comments 0 Shares 804 Views 0 Reviews
  • บทความน่าสนใจจากเฟซบุ๊ก Kornkit Disthan เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 “เวียดนามเป็นประเทศที่ "คุกเข่าเร็วเหลือเกิน" ให้กับทรัมป์

    นี่เป็นทัศนะของสำนักข่าว Pheonix และบอกว่า "การคุกเข่าอย่างรวดเร็วของเวียดนามได้สร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาษีศุลกากรของทรัมป์เดิมทีเป็นภาษีสากล โดยอัตราภาษีสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้เคียงกับจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อให้เอเชียสามารถรวมตัวเป็นพันธมิตรที่เผชิญหน้าและ "สามัคคีกัน" เพื่อแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับยุโรป"

    และ "การสื่อสารของเวียดนามกับสหรัฐอเมริกาในลักษณะนี้และการตอบสนองความต้องการทั้งหมดของทรัมป์โดยไม่มีการต่อต้านใดๆ เปรียบเสมือนการเปิดโอกาสในการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพียงลำพังเพื่อขอการอภัยโทษและรักษาข้อได้เปรียบด้านการค้าที่ต่ำกับสหรัฐอเมริกา"

    ทัศนะนี้ผมเห็นด้วย นายกฯ เวียดนามก้มหัวให้ทรัมป์เร็วไป แน่ล่ะ ประเทศไหนๆ ก็ต้องการเอาตัวรอด แต่แบบนี้มัน "ยอมจำนน" เกินไปเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านประเทศอื่นๆ ที่ยังหาทางตอบโต้แบบไม่เสียศักดิ์ศรีและไม่เสียผลประโยชน์ของชาติ

    เอาเข้าจริง เวียดนามยอมจำนนก่อนที่ทรัมป์จะประกาศวัน Liberation day สักประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนเห็นจะได้ที่เวียดนามประกาศจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จากนั้นก็ส่งสัญญาณเป็นระยะๆ ผมคาดว่าเวียดนามคงจะคิดว่าทำแบบนี้แล้วทรัมป์คงจะมีเมตตา

    แต่เปล่าเลย เวียดนามถูกขึ้นพิกัดอัตราภาษีสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากกัมพูชา (ที่จริงผมคาดการณ์มาระยะหนึ่งแล้วว่าเวียดนามจะต้องโดนหนักกว่าเพื่อน แต่คาดการณ์พลาดไปนิดนึง)

    นั่นหมายความว่าท่าทียอมจำนนของเวียดนามใช้ไม่ได้ผล และพอทรัมป์ประกาศเล่นงานเวียดนาม เวียดนามก็สนองด้วยการลดภาษีสินค้าอเมริกันมันซะเลยให้เหลือ 0% เพื่อเอาใจทรัมป์ เพราะหวังว่าทรัมป์จะมีเมตตา

    ขนาดมหามิตรอย่างแคนาดากับสหภาพยุโรปทรัมป์ยังไม่มีเมตตา แล้วเวียดนามจะได้รับความเวทนาหรือ? แล้วที่เวียดนามขอให้ทรัมป์ละเว้นมาตรการนี้ไปสัก 3 - 4 เดือน เวียดนามจะมีเวลาพอแก้ไขสถานการณ์หรือ? หากทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังระวัง FDI จะไหลออกไม่รู้ตัว

    ยังไม่นับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างๆ ที่อาจจะเห็นว่าเวียดนามต่อรองอะไรไม่เป็น และเรื่องนี้ไม่ควรจะยอมท่าเดียวด้วยซ้ำในทัศนะของนักลงทุนรายใหญ่ๆ ของเวียดนาม เช่น จีน และสหภาพยุโรปที่กำลังมีคิวมาคุยเรื่องลงทุนกับเวียดนาม

    แคนาดากับประเทศในยุโรปไม่ยอมก้มหัวให้ ประกาศตอบโต้แทบจะทันที เช่นเดียวกับจีน สหภาพยุโรปนั้นเตรียมจะสวนกลับหากต่อรองกันไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แม้พวกนี้จะเป็นประเทศใหญ่ก็จริง แต่ประเทศเล็กก็สามารถรวมกลุ่มต่อรองก็ได้ไม่ใช่หรือ? ยังไม่นับการรวมกลุ่มที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ ที่น่าจะเกิดขึ้นมาอีก

    ผมคิดว่าเวียดนามเจริญเติบโต้เร็วก็จริง แต่อาจจะยังขาดประสบการณ์ในโลกทุนนิยมที่ประเทศนายทุนใหญ่มักจะมีเล่ห์เหลี่ยมสูงกว่า แม้แต่ญี่ปุ่นเองในทศวรรษที่ 80 ก็เคยโตเร็วจนกระทั่่งกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหรัฐฯ และพวก (ซึ่งก็พวกเดียวกับญี่ปุ่นนั่นเอง) จึงบีบให้ญี่ปุ่นรับข้อเสนอ Plaza Accord ซึ่งเป็นจุดจบของการผงาดของญี่ปุ่น

    ทุกวันนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ยังง่อยเพราะต้องยอมจำนนให้ "ลูกพี่" คราวนี้นายกฯ ญี่ปุ่นก็แสดงท่าทีอ่อนข้อให้เช่นกัน แต่ "แม้ว่านายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นจะแสดง "ความผิดหวังอย่างยิ่ง" ต่อภาษีของทรัมป์และเรียกภาษี 24% ที่สหรัฐฯ กำหนดกับญี่ปุ่นว่าเป็น "วิกฤตระดับชาติ" แต่เขาก็ยังชี้แจงอย่างชัดเจนว่าญี่ปุ่นจะจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยความสงบและจะทำทุกวิถีทางที่จะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อลดผลกระทบของภาษี คำกล่าวนี้หมายความว่าจะไม่มีการใช้มาตรการตอบโต้ใดๆ"

    แม้จะไม่ตอบโต้ แต่ก็ยังไม่ยอมขนาดเวียดนาม เวียดนามนั้นเป็นแบบที่เขาว่าจริงๆ คือ เป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    เป็นการตอบสนองที่เร็วจริงๆ แต่สะท้อนว่าเวียดนามไม่ได้เจนจัดเรื่องการค้าโลกสักเท่าไร

    ป.ล. - ในทัศนะของผม แม้เราจะช้าไม่ได้กับการต่อรองกับทรัมป์ แต่ต้องตระหนักว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มของการจัดระเบียบโลกใหม่ เป็นการสลายและรวมกลุ่มอำนาจใหม่เพื่อตอบสนองกับภาวะ "การล่มสลายของจักรวรรดิ" ของสหรัฐฯ ดังนั้น จะช้าก็ไมได้ แต่จะรีบก็ไม่ดี

    ป.ล. 2 - กับท่าทีต่อไปของจีนต่อการทำแบบนี้ของเวียดนามนั้น แม้เวียดนามจะรับจีนเข้ามาลงทุนมากจนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ (และเป็นตัวการให้ถูกเก็ยภาษีสูงมากจากทรัมป์) ผมคิดตามทัศนะของ Pheonix ที่ว่า "หากเวียดนามทำเช่นนี้ ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ก็อาจทำตามเช่นกัน ระวังอย่าให้ประเทศเหล่านี้สร้างกำแพงภาษีศุลกากรต่อจีนและจำกัดการนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อแสดงความภักดีต่อทรัมป์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่จีนต้องป้องกันเมื่อโจมตีสหรัฐฯ โดยตรง" - นั่นหมายความว่า หากประเทศอย่างเวียดนามก้มหัวให้สหรัฐฯ เร็วๆ แบบนี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะ "หักหลัง" จีนในเร็ววันเพื่อเอาตัวรอด ถึงตอนนั้น จีนยังจะลงทุนในเวียดนามหรือไม่? แต่ผมไม่คิดว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะทำตามเวียดนามทั้งหมด เพราะต้องมีสักประเทศที่สบช่องจากความใจเร็วด่วนได้ของเวียดนามแน่ๆ แล้วสามารถสร้างดุลยภาพกับสหรัฐฯ และจีนได้อย่างลงตัว”
    บทความน่าสนใจจากเฟซบุ๊ก Kornkit Disthan เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 “เวียดนามเป็นประเทศที่ "คุกเข่าเร็วเหลือเกิน" ให้กับทรัมป์ นี่เป็นทัศนะของสำนักข่าว Pheonix และบอกว่า "การคุกเข่าอย่างรวดเร็วของเวียดนามได้สร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาษีศุลกากรของทรัมป์เดิมทีเป็นภาษีสากล โดยอัตราภาษีสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้เคียงกับจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อให้เอเชียสามารถรวมตัวเป็นพันธมิตรที่เผชิญหน้าและ "สามัคคีกัน" เพื่อแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับยุโรป" และ "การสื่อสารของเวียดนามกับสหรัฐอเมริกาในลักษณะนี้และการตอบสนองความต้องการทั้งหมดของทรัมป์โดยไม่มีการต่อต้านใดๆ เปรียบเสมือนการเปิดโอกาสในการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพียงลำพังเพื่อขอการอภัยโทษและรักษาข้อได้เปรียบด้านการค้าที่ต่ำกับสหรัฐอเมริกา" ทัศนะนี้ผมเห็นด้วย นายกฯ เวียดนามก้มหัวให้ทรัมป์เร็วไป แน่ล่ะ ประเทศไหนๆ ก็ต้องการเอาตัวรอด แต่แบบนี้มัน "ยอมจำนน" เกินไปเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านประเทศอื่นๆ ที่ยังหาทางตอบโต้แบบไม่เสียศักดิ์ศรีและไม่เสียผลประโยชน์ของชาติ เอาเข้าจริง เวียดนามยอมจำนนก่อนที่ทรัมป์จะประกาศวัน Liberation day สักประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนเห็นจะได้ที่เวียดนามประกาศจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จากนั้นก็ส่งสัญญาณเป็นระยะๆ ผมคาดว่าเวียดนามคงจะคิดว่าทำแบบนี้แล้วทรัมป์คงจะมีเมตตา แต่เปล่าเลย เวียดนามถูกขึ้นพิกัดอัตราภาษีสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากกัมพูชา (ที่จริงผมคาดการณ์มาระยะหนึ่งแล้วว่าเวียดนามจะต้องโดนหนักกว่าเพื่อน แต่คาดการณ์พลาดไปนิดนึง) นั่นหมายความว่าท่าทียอมจำนนของเวียดนามใช้ไม่ได้ผล และพอทรัมป์ประกาศเล่นงานเวียดนาม เวียดนามก็สนองด้วยการลดภาษีสินค้าอเมริกันมันซะเลยให้เหลือ 0% เพื่อเอาใจทรัมป์ เพราะหวังว่าทรัมป์จะมีเมตตา ขนาดมหามิตรอย่างแคนาดากับสหภาพยุโรปทรัมป์ยังไม่มีเมตตา แล้วเวียดนามจะได้รับความเวทนาหรือ? แล้วที่เวียดนามขอให้ทรัมป์ละเว้นมาตรการนี้ไปสัก 3 - 4 เดือน เวียดนามจะมีเวลาพอแก้ไขสถานการณ์หรือ? หากทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังระวัง FDI จะไหลออกไม่รู้ตัว ยังไม่นับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างๆ ที่อาจจะเห็นว่าเวียดนามต่อรองอะไรไม่เป็น และเรื่องนี้ไม่ควรจะยอมท่าเดียวด้วยซ้ำในทัศนะของนักลงทุนรายใหญ่ๆ ของเวียดนาม เช่น จีน และสหภาพยุโรปที่กำลังมีคิวมาคุยเรื่องลงทุนกับเวียดนาม แคนาดากับประเทศในยุโรปไม่ยอมก้มหัวให้ ประกาศตอบโต้แทบจะทันที เช่นเดียวกับจีน สหภาพยุโรปนั้นเตรียมจะสวนกลับหากต่อรองกันไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แม้พวกนี้จะเป็นประเทศใหญ่ก็จริง แต่ประเทศเล็กก็สามารถรวมกลุ่มต่อรองก็ได้ไม่ใช่หรือ? ยังไม่นับการรวมกลุ่มที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ ที่น่าจะเกิดขึ้นมาอีก ผมคิดว่าเวียดนามเจริญเติบโต้เร็วก็จริง แต่อาจจะยังขาดประสบการณ์ในโลกทุนนิยมที่ประเทศนายทุนใหญ่มักจะมีเล่ห์เหลี่ยมสูงกว่า แม้แต่ญี่ปุ่นเองในทศวรรษที่ 80 ก็เคยโตเร็วจนกระทั่่งกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหรัฐฯ และพวก (ซึ่งก็พวกเดียวกับญี่ปุ่นนั่นเอง) จึงบีบให้ญี่ปุ่นรับข้อเสนอ Plaza Accord ซึ่งเป็นจุดจบของการผงาดของญี่ปุ่น ทุกวันนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ยังง่อยเพราะต้องยอมจำนนให้ "ลูกพี่" คราวนี้นายกฯ ญี่ปุ่นก็แสดงท่าทีอ่อนข้อให้เช่นกัน แต่ "แม้ว่านายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นจะแสดง "ความผิดหวังอย่างยิ่ง" ต่อภาษีของทรัมป์และเรียกภาษี 24% ที่สหรัฐฯ กำหนดกับญี่ปุ่นว่าเป็น "วิกฤตระดับชาติ" แต่เขาก็ยังชี้แจงอย่างชัดเจนว่าญี่ปุ่นจะจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยความสงบและจะทำทุกวิถีทางที่จะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อลดผลกระทบของภาษี คำกล่าวนี้หมายความว่าจะไม่มีการใช้มาตรการตอบโต้ใดๆ" แม้จะไม่ตอบโต้ แต่ก็ยังไม่ยอมขนาดเวียดนาม เวียดนามนั้นเป็นแบบที่เขาว่าจริงๆ คือ เป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการตอบสนองที่เร็วจริงๆ แต่สะท้อนว่าเวียดนามไม่ได้เจนจัดเรื่องการค้าโลกสักเท่าไร ป.ล. - ในทัศนะของผม แม้เราจะช้าไม่ได้กับการต่อรองกับทรัมป์ แต่ต้องตระหนักว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มของการจัดระเบียบโลกใหม่ เป็นการสลายและรวมกลุ่มอำนาจใหม่เพื่อตอบสนองกับภาวะ "การล่มสลายของจักรวรรดิ" ของสหรัฐฯ ดังนั้น จะช้าก็ไมได้ แต่จะรีบก็ไม่ดี ป.ล. 2 - กับท่าทีต่อไปของจีนต่อการทำแบบนี้ของเวียดนามนั้น แม้เวียดนามจะรับจีนเข้ามาลงทุนมากจนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ (และเป็นตัวการให้ถูกเก็ยภาษีสูงมากจากทรัมป์) ผมคิดตามทัศนะของ Pheonix ที่ว่า "หากเวียดนามทำเช่นนี้ ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ก็อาจทำตามเช่นกัน ระวังอย่าให้ประเทศเหล่านี้สร้างกำแพงภาษีศุลกากรต่อจีนและจำกัดการนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อแสดงความภักดีต่อทรัมป์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่จีนต้องป้องกันเมื่อโจมตีสหรัฐฯ โดยตรง" - นั่นหมายความว่า หากประเทศอย่างเวียดนามก้มหัวให้สหรัฐฯ เร็วๆ แบบนี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะ "หักหลัง" จีนในเร็ววันเพื่อเอาตัวรอด ถึงตอนนั้น จีนยังจะลงทุนในเวียดนามหรือไม่? แต่ผมไม่คิดว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะทำตามเวียดนามทั้งหมด เพราะต้องมีสักประเทศที่สบช่องจากความใจเร็วด่วนได้ของเวียดนามแน่ๆ แล้วสามารถสร้างดุลยภาพกับสหรัฐฯ และจีนได้อย่างลงตัว”
    0 Comments 0 Shares 706 Views 0 Reviews
  • Lai Ching-te ประธานาธิบดีไต้หวัน ได้หารือกับผู้บริหารด้านเทคโนโลยีชั้นนำเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2025 เกี่ยวกับมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงภาษีสูงถึง 32% สำหรับสินค้าจากไต้หวัน เนื่องจากไต้หวันมีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากเป็นอันดับต้น ๆ อย่างไรก็ตาม ภาษีดังกล่าวไม่ครอบคลุม เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่ไต้หวันส่งออก

    เน้นความสามารถในการแข่งขันและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
    - ประธานาธิบดี Lai เน้นย้ำการสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและป้องกันผลกระทบจากภาษี
    - มีการหารือเกี่ยวกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการค้าระดับโลกที่เกิดจากมาตรการภาษี

    การประชุมกับผู้บริหารเทคโนโลยีหลายราย
    - แม้ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่เข้าร่วม แต่คาดว่าเป็นตัวแทนจากอุตสาหกรรม ICT (Information and Communications Technology) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญของไต้หวัน

    TSMC เป็นผู้เล่นหลักในตลาดโลกที่ยังได้รับผลกระทบ
    - ไต้หวันเป็นบ้านของ TSMC บริษัทผลิตชิประดับโลกที่ให้บริการแก่ Apple และ Nvidia
    - TSMC กำลังอยู่ในช่วงเตรียมประกาศรายได้ไตรมาสแรกในวันที่ 17 เมษายน

    มาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลไต้หวัน
    - รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินกว่า T$88 พันล้าน (2.67 พันล้านดอลลาร์) สำหรับบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษี
    - ขณะเดียวกัน ไต้หวันยังคงหารือกับสหรัฐฯ เพื่อหาทางลดผลกระทบ และยังไม่ประกาศมาตรการตอบโต้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/taiwan-president-discusses-us-tariff-response-with-tech-execs
    Lai Ching-te ประธานาธิบดีไต้หวัน ได้หารือกับผู้บริหารด้านเทคโนโลยีชั้นนำเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2025 เกี่ยวกับมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงภาษีสูงถึง 32% สำหรับสินค้าจากไต้หวัน เนื่องจากไต้หวันมีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากเป็นอันดับต้น ๆ อย่างไรก็ตาม ภาษีดังกล่าวไม่ครอบคลุม เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่ไต้หวันส่งออก ✅ เน้นความสามารถในการแข่งขันและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ - ประธานาธิบดี Lai เน้นย้ำการสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและป้องกันผลกระทบจากภาษี - มีการหารือเกี่ยวกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการค้าระดับโลกที่เกิดจากมาตรการภาษี ✅ การประชุมกับผู้บริหารเทคโนโลยีหลายราย - แม้ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่เข้าร่วม แต่คาดว่าเป็นตัวแทนจากอุตสาหกรรม ICT (Information and Communications Technology) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญของไต้หวัน ✅ TSMC เป็นผู้เล่นหลักในตลาดโลกที่ยังได้รับผลกระทบ - ไต้หวันเป็นบ้านของ TSMC บริษัทผลิตชิประดับโลกที่ให้บริการแก่ Apple และ Nvidia - TSMC กำลังอยู่ในช่วงเตรียมประกาศรายได้ไตรมาสแรกในวันที่ 17 เมษายน ✅ มาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลไต้หวัน - รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินกว่า T$88 พันล้าน (2.67 พันล้านดอลลาร์) สำหรับบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษี - ขณะเดียวกัน ไต้หวันยังคงหารือกับสหรัฐฯ เพื่อหาทางลดผลกระทบ และยังไม่ประกาศมาตรการตอบโต้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/taiwan-president-discusses-us-tariff-response-with-tech-execs
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Taiwan president discusses US tariff response with tech execs
    TAIPEI (Reuters) - Taiwan President Lai Ching-te met tech executives on Saturday to discuss how to respond to new U.S. tariffs, promising to ensure Taiwan's global competitiveness and safeguard the island's interests.
    0 Comments 0 Shares 373 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลทรัมป์เพิ่งประกาศว่า USAID จะถูกยุบอย่างเป็นทางการ และจะแจ้งต่อพนักงาน USAID ที่เหลือทั้งหมดในปัจจุบันว่าพวกเขาจะถูกปลดออก!!

    การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งเปิดทางให้ Elon Musk และ DOGE ดำเนินงานใน USAID ต่อไปได้อย่างเป็นทางการ

    ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จะปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID)

    “ความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ดำเนินการอย่างถูกต้องสามารถส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติ ปกป้องพรมแดนของเรา และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญได้ น่าเสียดายที่ USAID ละทิ้งภารกิจเดิมไปนานแล้ว ส่งผลให้ได้รับผลประโยชน์น้อยเกินไปและต้นทุนสูงเกินไป”
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์


    รัฐบาลทรัมป์เพิ่งประกาศว่า USAID จะถูกยุบอย่างเป็นทางการ และจะแจ้งต่อพนักงาน USAID ที่เหลือทั้งหมดในปัจจุบันว่าพวกเขาจะถูกปลดออก!! การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งเปิดทางให้ Elon Musk และ DOGE ดำเนินงานใน USAID ต่อไปได้อย่างเป็นทางการ ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จะปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) “ความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ดำเนินการอย่างถูกต้องสามารถส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติ ปกป้องพรมแดนของเรา และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญได้ น่าเสียดายที่ USAID ละทิ้งภารกิจเดิมไปนานแล้ว ส่งผลให้ได้รับผลประโยชน์น้อยเกินไปและต้นทุนสูงเกินไป” มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์
    0 Comments 0 Shares 729 Views 0 Reviews
  • รัฐบาล #จีน มีคำสั่งไปยังรัฐวิสากิจทั้งหมดให้ระงับการทำข้อตกลงทางธุรกิจใหม่ๆ กับบริษัทที่เชื่อมโยงกับครอบครัวของ ลี กาชิง (Li Ka-shing) อภิมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง หลังจากที่เจ้าสัวคนดังรายนี้ยอมขายกิจการท่าเรือ 2 แห่งใน #คลองปานามา ให้กับกลุ่ม #BlackRock ของสหรัฐฯ ตามรายงานของสำนักข่าว Bloomberg.ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ CK Hutchison ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทของ ลี ที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายตั้งแต่โทรคมนาคมไปจนถึงค้าปลีกถูกรัฐบาลจีนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกรณีที่ไปยอมทำข้อตกลงขายท่าเรือให้กับบริษัทของสหรัฐฯ.CK Hutchison ซึ่งมีฐานอยู่ที่ฮ่องกงได้ตกลงขายกิจการท่าเรือเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงทรัพย์สินในจุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างคลองปานามา ในดีลซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถระดมเงินสดได้มากกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ.รายงานของ Bloomberg วันนี้ (27 มี.ค.) ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของปักกิ่งได้มีคำสั่งไปยังรัฐวิสาหกิจจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้ระงับการทำข้อตกลงทางธุรกิจใหม่ๆ กับกลุ่มบริษัทของตระกูล ลี กาชิง ทว่าคำสั่งนี้ไม่กระทบต่อข้อตกลงที่มีอยู่เดิม.รายงานระบุด้วยว่า หน่วยงานกำกับของจีนกำลังตรวจสอบการลงทุนของครอบครัว ลี กาชิง ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และต่างประเทศ เพื่อให้เข้าใจขอบเขตธุรกิจของพวกเขาดียิ่งขึ้น.ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Ta Kung Pao ซึ่งเป็นสื่อโปรจีนในฮ่องกงได้ตีพิมพ์บทบรรณาธิการหลายฉบับวิพากษ์วิจารณ์ดีลขายท่าเรือของ CK Hutchison ว่าเป็นการทำลายผลประโยชน์ของชาติ และเป็นการทรยศต่อจีน.สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้รีโพสต์บทบรรณาธิการบางฉบับลงบนเว็บไซต์ของหน่วยงานด้วย ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าปักกิ่งจะต้องดำเนินการบางอย่างเพื่อสกัดขัดขวางข้อตกลงนี้.แหล่งข่าวให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนซึ่งได้รับคำสั่งมาจากคณะผู้นำส่วนกลางได้เริ่มตรวจสอบรายละเอียดของข้อตกลงขายท่าเรือคลองปานามาแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าปักกิ่งนั้นไม่พอใจที่ CK Hutchison ยอมถอนการลงทุนตามแรงกดดันของสหรัฐฯ.ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาแถลงชื่นชมข้อตกลงนี้ หลังจากที่เคยเรียกร้องให้ปลดปล่อยคลองปานามาจากอิทธิพลของจีน.ที่มา: รอยเตอร์
    รัฐบาล #จีน มีคำสั่งไปยังรัฐวิสากิจทั้งหมดให้ระงับการทำข้อตกลงทางธุรกิจใหม่ๆ กับบริษัทที่เชื่อมโยงกับครอบครัวของ ลี กาชิง (Li Ka-shing) อภิมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง หลังจากที่เจ้าสัวคนดังรายนี้ยอมขายกิจการท่าเรือ 2 แห่งใน #คลองปานามา ให้กับกลุ่ม #BlackRock ของสหรัฐฯ ตามรายงานของสำนักข่าว Bloomberg.ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ CK Hutchison ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทของ ลี ที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายตั้งแต่โทรคมนาคมไปจนถึงค้าปลีกถูกรัฐบาลจีนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกรณีที่ไปยอมทำข้อตกลงขายท่าเรือให้กับบริษัทของสหรัฐฯ.CK Hutchison ซึ่งมีฐานอยู่ที่ฮ่องกงได้ตกลงขายกิจการท่าเรือเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงทรัพย์สินในจุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างคลองปานามา ในดีลซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถระดมเงินสดได้มากกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ.รายงานของ Bloomberg วันนี้ (27 มี.ค.) ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของปักกิ่งได้มีคำสั่งไปยังรัฐวิสาหกิจจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้ระงับการทำข้อตกลงทางธุรกิจใหม่ๆ กับกลุ่มบริษัทของตระกูล ลี กาชิง ทว่าคำสั่งนี้ไม่กระทบต่อข้อตกลงที่มีอยู่เดิม.รายงานระบุด้วยว่า หน่วยงานกำกับของจีนกำลังตรวจสอบการลงทุนของครอบครัว ลี กาชิง ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และต่างประเทศ เพื่อให้เข้าใจขอบเขตธุรกิจของพวกเขาดียิ่งขึ้น.ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Ta Kung Pao ซึ่งเป็นสื่อโปรจีนในฮ่องกงได้ตีพิมพ์บทบรรณาธิการหลายฉบับวิพากษ์วิจารณ์ดีลขายท่าเรือของ CK Hutchison ว่าเป็นการทำลายผลประโยชน์ของชาติ และเป็นการทรยศต่อจีน.สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้รีโพสต์บทบรรณาธิการบางฉบับลงบนเว็บไซต์ของหน่วยงานด้วย ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าปักกิ่งจะต้องดำเนินการบางอย่างเพื่อสกัดขัดขวางข้อตกลงนี้.แหล่งข่าวให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนซึ่งได้รับคำสั่งมาจากคณะผู้นำส่วนกลางได้เริ่มตรวจสอบรายละเอียดของข้อตกลงขายท่าเรือคลองปานามาแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าปักกิ่งนั้นไม่พอใจที่ CK Hutchison ยอมถอนการลงทุนตามแรงกดดันของสหรัฐฯ.ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาแถลงชื่นชมข้อตกลงนี้ หลังจากที่เคยเรียกร้องให้ปลดปล่อยคลองปานามาจากอิทธิพลของจีน.ที่มา: รอยเตอร์
    0 Comments 0 Shares 745 Views 0 Reviews
  • จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา 📌สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด 📌หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์👉รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 844 Views 0 Reviews
  • 1 มี.ค.2568 - กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไล่ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกจากทำเนียบขาว หลังจากโต้เถียงกัน ส่อแววล้มข้อตกลงสันติภาพ รวมทั้งข้อตกลงการเข้าถึงแร่หายาก

    ล่าสุด รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ

    ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน

    1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย

    2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

    3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ)

    4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้

    5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ

    6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่

    1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว

    2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ

    3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล

    4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ

    5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ

    6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง

    ที่มา ไทยโพสต์
    1 มี.ค.2568 - กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไล่ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกจากทำเนียบขาว หลังจากโต้เถียงกัน ส่อแววล้มข้อตกลงสันติภาพ รวมทั้งข้อตกลงการเข้าถึงแร่หายาก ล่าสุด รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน 1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย 2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ) 4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ 5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ 6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่ 1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว 2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ 3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล 4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ 5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ 6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง ที่มา ไทยโพสต์
    Like
    Love
    2
    1 Comments 0 Shares 1226 Views 0 Reviews
  • ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ
    .
    ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน
    .
    1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย
    .
    2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
    .
    3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ)
    .
    4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้
    .
    5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ
    .
    6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่
    1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว
    2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ
    3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
    4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ
    5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ
    6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง
    .
    ผมเขียนเรื่องยูเครนเอาไว้นานแล้วตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2022 at the beginning of the end ขอเอามาแปะอีกครั้งเพื่อเป็นข้อมูลประกอบครับ

    1. จากยูเครนสู่อาเซียน: กรณีศึกษา Hybrid Warfare (สงครามผสมผสาน) ที่ไทยต้องเฝ้าระวัง https://thestandard.co/asean-and-hybrid-warfare/
    2. จากยูเครนสู่ปัตตานี กรณี Gerasimov Doctrine และแผนบันได 7 ขั้น https://www.the101.world/ukraine-to-pattani/
    .
    Cr. รองศาสตราจารย์ ดร. ปิติ ศรีแสงนาม
    คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ . ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน . 1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย . 2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ . 3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ) . 4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ . 5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ . 6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่ 1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว 2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ 3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล 4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ 5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ 6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง . ผมเขียนเรื่องยูเครนเอาไว้นานแล้วตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2022 at the beginning of the end ขอเอามาแปะอีกครั้งเพื่อเป็นข้อมูลประกอบครับ 1. จากยูเครนสู่อาเซียน: กรณีศึกษา Hybrid Warfare (สงครามผสมผสาน) ที่ไทยต้องเฝ้าระวัง https://thestandard.co/asean-and-hybrid-warfare/ 2. จากยูเครนสู่ปัตตานี กรณี Gerasimov Doctrine และแผนบันได 7 ขั้น https://www.the101.world/ukraine-to-pattani/ . Cr. รองศาสตราจารย์ ดร. ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    THESTANDARD.CO
    จากยูเครนสู่อาเซียน: กรณีศึกษา Hybrid Warfare (สงครามผสมผสาน) ที่ไทยต้องเฝ้าระวัง
    การสงครามผสมผสาน การสงครามผสมผสาน หรือ Hybrid Warfare เป็นยุทธศาสตร์ทางทหารซึ่งใช้การสงครามทางการเมือง และผสมรวมการสงครามตามแบบ (Conventional Warfare)
    0 Comments 0 Shares 1202 Views 0 Reviews
  • เรือประมงเวียดนามหันหัวพุ่งชน "เรือหลวงเทพา" กองทัพเรือพังเสียหาย หลังพยายามเข้าไปจับกุมรุกลํ้าน่านนํ้าไทยเข้ามาทำประมงนับ 10 ลำ ก่อนจับเรือได้ 1 ลำ ผู้ต้องหา 4 คน ที่เหลือหลบหนีไปได้
    .
    เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่บริเวณท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือหลวงเทพา และเรือต.246 ลากเรือประมงต่างชาติ 1 ลำ พร้อมลูกเรือประมงจำนวน 4 คน มาเทียบท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ หลังถูกจับกุมได้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย เมื่อเช้าวันนี้ โดยมี พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ร.ต.ไชยนันท์ ชูใหม่ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และคณะ ร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามสถานการณ์
    .
    พล.ร.ท.อาภา เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (มชด.) รวมถึงการประสานงานด้านการข่าวร่วมกับ กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) จากการปฏิบัติการด้านการข่าวนำไปสู่การจับกุมเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้าทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยจำนวน 1 ลำ
    .
    โดยเมื่อ 24 ก.พ. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว กรณีตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติ จำนวนประมาณ 10 ลำ ประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัด ละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออก ลงไปจนถึง ละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออก อย่างต่อเนื่อง และมีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน
    .
    จากปัจจัยพื้นที่และเวลา ศรชล.ภาค 1 จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 จาก กปช.จต. โดยเป็นเรือใน มชด./1 และอากาศยานจาก มวบ.กปก.ทรภ.1 ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าว ซึ่ง กปช.จต. ให้การสนับสนุน ร.ล.เทพา และ เรือ ต.264 พร้อมด้วย ทรภ.1 จัด บ.ตช.1 สนับสนุน ศรชล.ภาค 1 และผลการปฏิบัติ จับกุมเรือประมงต่างชาติ ได้จำนวน 1 ลำ พร้อม ลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องและหันทิศทางหนีออกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยไปได้
    .
    พล.ร.ท.อาภา ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมกรณีที่มีเรือประมงเวียดนามทำการชนเรือหลวงเทพา ว่า ระหว่างทำการจับกุมนั้น เรือประมงเวียดนามหลายลำได้เร่งเครื่องยนต์และหลบหนีไปนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่มีเรือประมงเวียดนามอีกลำที่หลบหนีไม่ทัน ได้หันหัวเรือพุ่งเข้าชนเรือหลวงเทพาที่บริเวณด้านข้างเรือด้านขวา ทำให้ยุบไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก แต่สุดท้ายถูกจับได้พร้อมลูกเรือ 4 คน ส่วนก่อนการจับกุมได้ทำการยิงปืนเอ็ม 16 ขู่ เพื่อให้หยุดการหลบหนี ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการตามหลักสากล
    .
    ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป โดยก่อนหน้านี้ เรือประมงเวียดนามได้เข้ามาลักลอบทำประมงในเขตน่านน้ำไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทัพเรือภาค 2 หรืออ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งได้มีการจับกุมบ่อยครั้ง และครั้งนี้ ได้เข้ามายังพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ซึ่งเหนือขึ้นมา และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในปี 2568 ที่มีการจับกุมได้ของพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะได้ทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานไปยังรัฐบาลเวียดนามในการดูแลในเรื่องนี้ต่อไป
    .
    สุดท้ายศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 นั้น เราจะปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มความสามารถ โดยมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในการทำการประมงเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทย”
    ---------
    ที่มา : เดลินิวส์
    ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4436420/
    เรือประมงเวียดนามหันหัวพุ่งชน "เรือหลวงเทพา" กองทัพเรือพังเสียหาย หลังพยายามเข้าไปจับกุมรุกลํ้าน่านนํ้าไทยเข้ามาทำประมงนับ 10 ลำ ก่อนจับเรือได้ 1 ลำ ผู้ต้องหา 4 คน ที่เหลือหลบหนีไปได้ . เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่บริเวณท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือหลวงเทพา และเรือต.246 ลากเรือประมงต่างชาติ 1 ลำ พร้อมลูกเรือประมงจำนวน 4 คน มาเทียบท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ หลังถูกจับกุมได้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย เมื่อเช้าวันนี้ โดยมี พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ร.ต.ไชยนันท์ ชูใหม่ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และคณะ ร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามสถานการณ์ . พล.ร.ท.อาภา เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (มชด.) รวมถึงการประสานงานด้านการข่าวร่วมกับ กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) จากการปฏิบัติการด้านการข่าวนำไปสู่การจับกุมเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้าทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยจำนวน 1 ลำ . โดยเมื่อ 24 ก.พ. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว กรณีตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติ จำนวนประมาณ 10 ลำ ประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัด ละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออก ลงไปจนถึง ละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออก อย่างต่อเนื่อง และมีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน . จากปัจจัยพื้นที่และเวลา ศรชล.ภาค 1 จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 จาก กปช.จต. โดยเป็นเรือใน มชด./1 และอากาศยานจาก มวบ.กปก.ทรภ.1 ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าว ซึ่ง กปช.จต. ให้การสนับสนุน ร.ล.เทพา และ เรือ ต.264 พร้อมด้วย ทรภ.1 จัด บ.ตช.1 สนับสนุน ศรชล.ภาค 1 และผลการปฏิบัติ จับกุมเรือประมงต่างชาติ ได้จำนวน 1 ลำ พร้อม ลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องและหันทิศทางหนีออกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยไปได้ . พล.ร.ท.อาภา ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมกรณีที่มีเรือประมงเวียดนามทำการชนเรือหลวงเทพา ว่า ระหว่างทำการจับกุมนั้น เรือประมงเวียดนามหลายลำได้เร่งเครื่องยนต์และหลบหนีไปนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่มีเรือประมงเวียดนามอีกลำที่หลบหนีไม่ทัน ได้หันหัวเรือพุ่งเข้าชนเรือหลวงเทพาที่บริเวณด้านข้างเรือด้านขวา ทำให้ยุบไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก แต่สุดท้ายถูกจับได้พร้อมลูกเรือ 4 คน ส่วนก่อนการจับกุมได้ทำการยิงปืนเอ็ม 16 ขู่ เพื่อให้หยุดการหลบหนี ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการตามหลักสากล . ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป โดยก่อนหน้านี้ เรือประมงเวียดนามได้เข้ามาลักลอบทำประมงในเขตน่านน้ำไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทัพเรือภาค 2 หรืออ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งได้มีการจับกุมบ่อยครั้ง และครั้งนี้ ได้เข้ามายังพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ซึ่งเหนือขึ้นมา และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในปี 2568 ที่มีการจับกุมได้ของพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะได้ทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานไปยังรัฐบาลเวียดนามในการดูแลในเรื่องนี้ต่อไป . สุดท้ายศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 นั้น เราจะปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มความสามารถ โดยมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในการทำการประมงเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทย” --------- ที่มา : เดลินิวส์ ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4436420/
    0 Comments 0 Shares 895 Views 0 Reviews
  • ยูเครนชนะกี่โมง? ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์"
    ฟันธงรัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ
    .
    ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์" ยอดนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศสายส้ม วิเคราะห์สงครามยูเครนแบบมั่นหน้า ด้วยการฟันธงว่า รัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ ปูตินจะถูกรัฐประหารเงียบ จนชาวเน็ตผู้มาจากอนาคตเข้าไปรุมคอมเมนต์เดือด เตือนความทรงจำ ถามเมื่อไหร่รัสเซียจะแพ้-ยูเครนจะชนะ?
    .
    ในสถานการณ์ทางการเมืองโลกที่ผันผวนภายหลังการยกหูโทรศัพท์พูดคุยกันนานกว่า 90 นาทีระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 โดยในประเด็นสงครามยูเครนนั้น นายทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะยุติสงครามไร้สาระนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยการสังหารและการทำลายล้างที่ไม่จำเป็นเลย ขอพระเจ้าอวยพรประชาชนชาวรัสเซียและยูเครน!”
    .
    การเริ่มต้นพูดคุยระหว่าง ทรัมป์และปูติน อันนำมาสู่เหตุการณ์เมื่อ วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 สหรัฐฯ และรัสเซียนำโดย นายมาร์ค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งดำเนินการเปิดโต๊ะการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนกันเพียง 2 ฝ่าย อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยปราศจากตัวแทนของยูเครน และชาติต่าง ๆ ในยุโรปร่วมโต๊ะเลย แม้แต่คนเดียว
    .
    สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความเดือดดาลให้กับนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนและผู้นำชาติต่างๆ ในยุโรปอย่างมาก เพราะการเปิดโต๊ะเจรจาดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า ยูเครนและยุโรปน่าจะต้องตกเป็นเบี้ยล่าง และพ่ายแพ้ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางซากปรักหักพัง รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เข้ารุมเร้าทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ การแย่งชิงบีบบังคับเอาทรัพยากรเพื่อชดใช้เงินช่วยเหลือในสงคราม ความวุ่นวายทางการเมืองภายใน รวมไปถึงปัญหาสังคมและผู้อพยพ ฯลฯ
    .
    ในส่วนของผู้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องสงครามยูเครนในประเทศไทยส่วนหนึ่ง ได้มีผู้ย้อนไปหยิบยกการวิเคราะห์สถานการณ์สงครามยูเครนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และอดีตเป็นพิธีกรรายการข่าวทางช่องวอยซ์ทีวี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งโฆษกคณะก้าวหน้า ซึ่งเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 หรือเกือบ 3 ปีที่แล้ว ได้วิเคราะห์เรื่องนี้เอาไว้ในยูทูปช่อง คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ความยาวกว่า 25 นาที ในหัวเรื่องว่า "ช่อฟันธง! รัสเซียแพ้ย่อยยับ ปูตินชักศึกเข้าบ้าน!" (ลิงก์ >> https://www.youtube.com/watch?v=ytfIw1BHnEM)
    .
    ทั้งนี้ในรายการดังกล่าว "ช่อ พรรณิการ์" แห่งคณะก้าวหน้าได้กล่าวในตอนต้นว่า "ดิฉันขอฟันธง รัสเซียเธอแพ้แน่นอน นับวันแพ้ ทำไมถึงจะแพ้ เป็นเพราะอะไรเกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะอะไร?"
    .
    จากนั้น อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ได้กล่าววิเคราะห์ต่อว่า สาเหตุที่รัสเซียจะพ่ายแพ้ต่อยูเครนและชาติพันธมิตรยุโรปนั้นมาจาก การบีบบังคับด้วยการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ-การเงินต่อยุโรป
    "มาตรการหลัก ๆ ที่ตอนนี้นำโดยสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ใช้อยู่จริง ๆ คือ มาตรการการเงิน ซึ่งมากไปกว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการค้านะ แต่เรียกว่าเป็นการทุบค่าเงินและตัดตอนทางการเงินแบบขนานใหญ่ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา นานาประเทศตัดรัสเซียออกจากระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ S.W.I.F.T., ระบบการเงินของธนาคารต่าง ๆ, มีการฟรีซแอสเสท หรือสินทรัพย์ของรัสเซียที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงประกาศไม่ให้มีการค้าขายกับรัสเซีย ..." น.ส.พรรณิการ์กล่าว และวิเคราะห์ต่อว่า นี่เองเป็นสาเหตุที่ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียตกต่ำลงอย่างมาก จนแทบจะไม่มีค่า แทบจะกลายเป็นเศษกระดาษ
    .
    นอกจากนี้ ช่อ พรรณิการ์ ยังวิเคราะห์ต่ออย่างออกรสด้วยว่า ความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดคือ ท่าทีของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เลือกจะทำตามมาตรการคว่ำบาตรของอียู คือ การอายัดทรัพย์สินของรัสเซียที่อยู่ในแบงก์สวิตเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไม่ใช่แค่การอายัดเฉพาะทรัพย์สินของรัฐ แต่เป็นทรัพย์สินของเอกชน และมหาเศรษฐีต่าง ๆ ของรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับนายปูตินด้วยจะเป็นปัจจัยชี้ขายให้รัสเซียและนายปูตินพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
    .
    "ดิฉันคิดว่า เมื่อสวิตเซอร์แลนด์ทำขนาดนี้แล้ว ปูตินนับวันแพ้ได้เลยนะคะ" โฆษกคณะก้าวหน้าฟันธง
    .
    ล่วงเลยมาถึงวันนี้ เมื่อทีมงาน Sondhi X กลับไปสำรวจความเห็นของผู้ที่เข้ามาชมคลิปการวิเคราะห์สถานการณ์โลกดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ ทางยูทูปของคณะก้าวหน้าแล้วก็พบว่า มีผู้เข้าไปย้อนดูคลิปดังกล่าวและแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น
    • สวัสดีเรามาจากอนาคต 2025 ตอนนี้ทรัมป์กับปูตินเจรจากันแล้วนะเรื่องยูเครนโดยไม่มีไอ้กี้ หรือใช้คำว่าไม่เห็นหัวไอ้กี้ ก็คงไม่ผิดนัก ส่วนไอ้กี้ก็หัวซุกหัวซุนเกาะยุโรปที่เหลืออย่างแนบแน่น จริงแล้วตอนนี้ ยูเครนต้องเลือกปธน.ใหม่แล้วนะ แต่ไอ้กี้ไม่ยอม และไม่ฟังเสียงปชช.เลย โคจรหวงอำนาจเลย ยังไงรบกวนคุณช่อประท้วงแทนปชช.ชาวยูเครนด้วยนะ หรือส่งให้ว่าที่ เลขา UN ด้วยนะครับ
    • เมื่อไรจะแพ้ รออยู่นะคับ
    • ทายแค่ ซ้ายขวายังผิดยังคิดจะมาบริหารประเทศ อายมั้ยส้ม
    • 20-2-2025 ทายผิดจนขนลุก ยูเครนเละโดนรุมทึ้งแบ่งเค้กผลประโยชน์ของชาติ แถมไม่มีสิทธิแม้แต่เข้าร่วมเจรจาสันติภาพเลือกชะตากรรมของชาติตัวเอง
    • ยูเครนชนะยังครับ รอจนเมื่อยแล้ว
    • สรุปทำไมวิเคราะห์ผิดหมดเลย ไม่มีข้อมูลเพียงพอรอบด้าน หรือไม่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ ถ้าได้บริหารประเทศวิเคราะห์ผิดแบบนี้แย่แน่นอน
    • สวัสดีเรามาจากอนาคต สภาพ ผิดทุกเรื่องตรงข้ามทุกอย่าง 5555
    • วิเคราะห์มาถึงขนาดนี้ ปัจจุบันคุณเห็นหรือยังใครเป็นคนทำสงคราม นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย ยูเครนเป็นสนามรบ ผู้สนับสนุนหลักคืออเมริกา
    รัสเซียบุกยูเครน ก็เพราะนาโต้ขยายอาณาเขตเข้ามาในยูเครน รัสเซียแค่ป้องกันตนเองจากกลุ่มนาโต้ มีหัวเรือเป็นสหรัฐอเมริกา ตัวตลกยูเครนคือหุ่นเชิด
    • ธงหักหมดแล้ว จากคนเคยเลือกและลาขาด
    .
    สำหรับคลิปการวิเคราะห์ดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ เรื่องสงครามยูเครน นับถึงเวลา 20.00น. ที่ผ่านมาของวันที่ 20 ก.พ. 68 มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1.49 ล้านครั้ง
    ยูเครนชนะกี่โมง? ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์" ฟันธงรัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ . ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์" ยอดนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศสายส้ม วิเคราะห์สงครามยูเครนแบบมั่นหน้า ด้วยการฟันธงว่า รัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ ปูตินจะถูกรัฐประหารเงียบ จนชาวเน็ตผู้มาจากอนาคตเข้าไปรุมคอมเมนต์เดือด เตือนความทรงจำ ถามเมื่อไหร่รัสเซียจะแพ้-ยูเครนจะชนะ? . ในสถานการณ์ทางการเมืองโลกที่ผันผวนภายหลังการยกหูโทรศัพท์พูดคุยกันนานกว่า 90 นาทีระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 โดยในประเด็นสงครามยูเครนนั้น นายทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะยุติสงครามไร้สาระนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยการสังหารและการทำลายล้างที่ไม่จำเป็นเลย ขอพระเจ้าอวยพรประชาชนชาวรัสเซียและยูเครน!” . การเริ่มต้นพูดคุยระหว่าง ทรัมป์และปูติน อันนำมาสู่เหตุการณ์เมื่อ วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 สหรัฐฯ และรัสเซียนำโดย นายมาร์ค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งดำเนินการเปิดโต๊ะการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนกันเพียง 2 ฝ่าย อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยปราศจากตัวแทนของยูเครน และชาติต่าง ๆ ในยุโรปร่วมโต๊ะเลย แม้แต่คนเดียว . สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความเดือดดาลให้กับนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนและผู้นำชาติต่างๆ ในยุโรปอย่างมาก เพราะการเปิดโต๊ะเจรจาดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า ยูเครนและยุโรปน่าจะต้องตกเป็นเบี้ยล่าง และพ่ายแพ้ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางซากปรักหักพัง รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เข้ารุมเร้าทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ การแย่งชิงบีบบังคับเอาทรัพยากรเพื่อชดใช้เงินช่วยเหลือในสงคราม ความวุ่นวายทางการเมืองภายใน รวมไปถึงปัญหาสังคมและผู้อพยพ ฯลฯ . ในส่วนของผู้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องสงครามยูเครนในประเทศไทยส่วนหนึ่ง ได้มีผู้ย้อนไปหยิบยกการวิเคราะห์สถานการณ์สงครามยูเครนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และอดีตเป็นพิธีกรรายการข่าวทางช่องวอยซ์ทีวี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งโฆษกคณะก้าวหน้า ซึ่งเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 หรือเกือบ 3 ปีที่แล้ว ได้วิเคราะห์เรื่องนี้เอาไว้ในยูทูปช่อง คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ความยาวกว่า 25 นาที ในหัวเรื่องว่า "ช่อฟันธง! รัสเซียแพ้ย่อยยับ ปูตินชักศึกเข้าบ้าน!" (ลิงก์ >> https://www.youtube.com/watch?v=ytfIw1BHnEM) . ทั้งนี้ในรายการดังกล่าว "ช่อ พรรณิการ์" แห่งคณะก้าวหน้าได้กล่าวในตอนต้นว่า "ดิฉันขอฟันธง รัสเซียเธอแพ้แน่นอน นับวันแพ้ ทำไมถึงจะแพ้ เป็นเพราะอะไรเกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะอะไร?" . จากนั้น อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ได้กล่าววิเคราะห์ต่อว่า สาเหตุที่รัสเซียจะพ่ายแพ้ต่อยูเครนและชาติพันธมิตรยุโรปนั้นมาจาก การบีบบังคับด้วยการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ-การเงินต่อยุโรป "มาตรการหลัก ๆ ที่ตอนนี้นำโดยสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ใช้อยู่จริง ๆ คือ มาตรการการเงิน ซึ่งมากไปกว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการค้านะ แต่เรียกว่าเป็นการทุบค่าเงินและตัดตอนทางการเงินแบบขนานใหญ่ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา นานาประเทศตัดรัสเซียออกจากระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ S.W.I.F.T., ระบบการเงินของธนาคารต่าง ๆ, มีการฟรีซแอสเสท หรือสินทรัพย์ของรัสเซียที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงประกาศไม่ให้มีการค้าขายกับรัสเซีย ..." น.ส.พรรณิการ์กล่าว และวิเคราะห์ต่อว่า นี่เองเป็นสาเหตุที่ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียตกต่ำลงอย่างมาก จนแทบจะไม่มีค่า แทบจะกลายเป็นเศษกระดาษ . นอกจากนี้ ช่อ พรรณิการ์ ยังวิเคราะห์ต่ออย่างออกรสด้วยว่า ความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดคือ ท่าทีของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เลือกจะทำตามมาตรการคว่ำบาตรของอียู คือ การอายัดทรัพย์สินของรัสเซียที่อยู่ในแบงก์สวิตเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไม่ใช่แค่การอายัดเฉพาะทรัพย์สินของรัฐ แต่เป็นทรัพย์สินของเอกชน และมหาเศรษฐีต่าง ๆ ของรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับนายปูตินด้วยจะเป็นปัจจัยชี้ขายให้รัสเซียและนายปูตินพ่ายแพ้อย่างแน่นอน . "ดิฉันคิดว่า เมื่อสวิตเซอร์แลนด์ทำขนาดนี้แล้ว ปูตินนับวันแพ้ได้เลยนะคะ" โฆษกคณะก้าวหน้าฟันธง . ล่วงเลยมาถึงวันนี้ เมื่อทีมงาน Sondhi X กลับไปสำรวจความเห็นของผู้ที่เข้ามาชมคลิปการวิเคราะห์สถานการณ์โลกดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ ทางยูทูปของคณะก้าวหน้าแล้วก็พบว่า มีผู้เข้าไปย้อนดูคลิปดังกล่าวและแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น • สวัสดีเรามาจากอนาคต 2025 ตอนนี้ทรัมป์กับปูตินเจรจากันแล้วนะเรื่องยูเครนโดยไม่มีไอ้กี้ หรือใช้คำว่าไม่เห็นหัวไอ้กี้ ก็คงไม่ผิดนัก ส่วนไอ้กี้ก็หัวซุกหัวซุนเกาะยุโรปที่เหลืออย่างแนบแน่น จริงแล้วตอนนี้ ยูเครนต้องเลือกปธน.ใหม่แล้วนะ แต่ไอ้กี้ไม่ยอม และไม่ฟังเสียงปชช.เลย โคจรหวงอำนาจเลย ยังไงรบกวนคุณช่อประท้วงแทนปชช.ชาวยูเครนด้วยนะ หรือส่งให้ว่าที่ เลขา UN ด้วยนะครับ • เมื่อไรจะแพ้ รออยู่นะคับ • ทายแค่ ซ้ายขวายังผิดยังคิดจะมาบริหารประเทศ อายมั้ยส้ม • 20-2-2025 ทายผิดจนขนลุก ยูเครนเละโดนรุมทึ้งแบ่งเค้กผลประโยชน์ของชาติ แถมไม่มีสิทธิแม้แต่เข้าร่วมเจรจาสันติภาพเลือกชะตากรรมของชาติตัวเอง 😂 • ยูเครนชนะยังครับ รอจนเมื่อยแล้ว • สรุปทำไมวิเคราะห์ผิดหมดเลย ไม่มีข้อมูลเพียงพอรอบด้าน หรือไม่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ ถ้าได้บริหารประเทศวิเคราะห์ผิดแบบนี้แย่แน่นอน • สวัสดีเรามาจากอนาคต สภาพ ผิดทุกเรื่องตรงข้ามทุกอย่าง 5555 • วิเคราะห์มาถึงขนาดนี้ ปัจจุบันคุณเห็นหรือยังใครเป็นคนทำสงคราม นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย ยูเครนเป็นสนามรบ ผู้สนับสนุนหลักคืออเมริกา รัสเซียบุกยูเครน ก็เพราะนาโต้ขยายอาณาเขตเข้ามาในยูเครน รัสเซียแค่ป้องกันตนเองจากกลุ่มนาโต้ มีหัวเรือเป็นสหรัฐอเมริกา ตัวตลกยูเครนคือหุ่นเชิด • ธงหักหมดแล้ว จากคนเคยเลือกและลาขาด . สำหรับคลิปการวิเคราะห์ดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ เรื่องสงครามยูเครน นับถึงเวลา 20.00น. ที่ผ่านมาของวันที่ 20 ก.พ. 68 มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1.49 ล้านครั้ง
    Haha
    Like
    7
    1 Comments 0 Shares 1528 Views 0 Reviews
  • เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า
    .
    รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง”
    .
    เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก”
    .
    ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง
    .
    มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้
    .
    “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม”
    .
    สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง
    .
    ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี
    .
    มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป
    .
    “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ”
    .
    ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์
    .
    “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ
    .
    มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม
    .
    การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป”
    .
    “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า”
    .
    บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
    .
    ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก
    .
    คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน
    .
    บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง
    .
    ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775
    ..............
    Sondhi X
    เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า . รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง” . เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก” . ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง . มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้ . “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม” . สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง . ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี . มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป . “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ” . ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์ . “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ . มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม . การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป” . “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า” . บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง . ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก . คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน . บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง . ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    14
    0 Comments 0 Shares 2799 Views 0 Reviews
  • เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยผลการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดังนี้:
    - มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าฝ่ายอเมริกาเริ่มรับฟังจุดยืนของรัสเซียมากขึ้น: การสนทนามีประโยชน์มาก

    - ทั้งสองตกลงที่จะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตเข้ามาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต

    - ตกลงที่จะขจัดอุปสรรคที่รัฐบาลไบเดนสร้างขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดขวางการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตของทั้งสอง

    - อุปสรรคต่างๆ ที่ถูกสร้างโดยรัฐบาลของไบเดน ซึ่งทำให้การทำงานของนักการทูตประสบความยากลำบากนั้น จะต้องได้รับการกำจัดออกไป ซึ่งรวมถึงการยึดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง

    - ตกลงที่จะจัดตั้งกระบวนการแก้ไขข้อขัดแย้งในยูเครน โดยจะมีการแต่งตั้งทีมเจรจาในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงยูเครนอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ

    - ตกลงที่จะสร้างเงื่อนไขสำหรับการฟื้นคืนความร่วมมือทวิภาคีควบคู่ไปกับการแก้ไขวิกฤตยูเครน

    - รัสเซียแจ้งโดยตรงต่อสหรัฐว่า การที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO คือภัยคุกคามโดยตรง และการมีทหารจากประเทศสมาชิก NATO แม้จะอยู่ภายใต้ธงประเทศในสหภาพยุโรปหรือธงอื่นๆ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

    - สหรัฐอเมริกา ต้องการให้ยกเลิกเป้าหมายในการโจมตีโครงสร้างด้านพลังงานทั้งในรัสเซียและยูเครนในช่วงระหว่างขั้นตอนการเจรจา

    - แต่ละประเทศล้วนชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติของตนเอง ทำให้ความเข้าใจระหว่างรัสเซียและสหรัฐในบางเรื่อง อาจมีความเห็นต่างกัน สิ่งสำคัญคือการหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยผลการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดังนี้: - มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าฝ่ายอเมริกาเริ่มรับฟังจุดยืนของรัสเซียมากขึ้น: การสนทนามีประโยชน์มาก - ทั้งสองตกลงที่จะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตเข้ามาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต - ตกลงที่จะขจัดอุปสรรคที่รัฐบาลไบเดนสร้างขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดขวางการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตของทั้งสอง - อุปสรรคต่างๆ ที่ถูกสร้างโดยรัฐบาลของไบเดน ซึ่งทำให้การทำงานของนักการทูตประสบความยากลำบากนั้น จะต้องได้รับการกำจัดออกไป ซึ่งรวมถึงการยึดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง - ตกลงที่จะจัดตั้งกระบวนการแก้ไขข้อขัดแย้งในยูเครน โดยจะมีการแต่งตั้งทีมเจรจาในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงยูเครนอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ - ตกลงที่จะสร้างเงื่อนไขสำหรับการฟื้นคืนความร่วมมือทวิภาคีควบคู่ไปกับการแก้ไขวิกฤตยูเครน - รัสเซียแจ้งโดยตรงต่อสหรัฐว่า การที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO คือภัยคุกคามโดยตรง และการมีทหารจากประเทศสมาชิก NATO แม้จะอยู่ภายใต้ธงประเทศในสหภาพยุโรปหรือธงอื่นๆ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ - สหรัฐอเมริกา ต้องการให้ยกเลิกเป้าหมายในการโจมตีโครงสร้างด้านพลังงานทั้งในรัสเซียและยูเครนในช่วงระหว่างขั้นตอนการเจรจา - แต่ละประเทศล้วนชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติของตนเอง ทำให้ความเข้าใจระหว่างรัสเซียและสหรัฐในบางเรื่อง อาจมีความเห็นต่างกัน สิ่งสำคัญคือการหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 687 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT Gov ซึ่งเป็นเวอร์ชันของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ChatGPT Gov มีความสามารถในการช่วยงานต่างๆ เช่น การค้นหาเอกสารที่ซับซ้อน การทำงานร่วมกันในพื้นที่ทำงานของรัฐบาล การอัปโหลดไฟล์ข้อความและรูปภาพ และการเข้าถึง GPT-4o นอกจากนี้ยังมีคอนโซลสำหรับผู้บริหารด้านไอทีในการจัดการการใช้งาน

    การเปิดตัว ChatGPT Gov นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การปรับปรุงสุขภาพของประชาชนและการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ "รับใช้ผลประโยชน์ของชาติและความดีของประชาชน"

    หน่วยงานรัฐบาลสามารถใช้บริการ OpenAI ของ Microsoft Azure เพื่อปรับใช้ ChatGPT Gov ในสภาพแวดล้อมของตนเอง ซึ่งช่วยให้หน่วยงานสามารถจัดการกับความต้องการด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ ChatGPT Gov ยังมีนโยบายการใช้งานที่ห้ามการใช้งานที่เป็นอันตรายและมีการตั้งค่าการป้องกันเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

    มีสาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมในบทความนี้คือ การที่หน่วยงานรัฐบาลมากกว่า 3,500 แห่งในสหรัฐฯ ได้เริ่มใช้ ChatGPT ในการทำงานประจำวันแล้ว โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 90,000 คนที่ส่งข้อความผ่าน ChatGPT มากกว่า 18 ล้านข้อความ

    https://www.zdnet.com/article/openai-tailored-chatgpt-gov-for-government-use-heres-what-that-means/
    เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT Gov ซึ่งเป็นเวอร์ชันของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ChatGPT Gov มีความสามารถในการช่วยงานต่างๆ เช่น การค้นหาเอกสารที่ซับซ้อน การทำงานร่วมกันในพื้นที่ทำงานของรัฐบาล การอัปโหลดไฟล์ข้อความและรูปภาพ และการเข้าถึง GPT-4o นอกจากนี้ยังมีคอนโซลสำหรับผู้บริหารด้านไอทีในการจัดการการใช้งาน การเปิดตัว ChatGPT Gov นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การปรับปรุงสุขภาพของประชาชนและการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ "รับใช้ผลประโยชน์ของชาติและความดีของประชาชน" หน่วยงานรัฐบาลสามารถใช้บริการ OpenAI ของ Microsoft Azure เพื่อปรับใช้ ChatGPT Gov ในสภาพแวดล้อมของตนเอง ซึ่งช่วยให้หน่วยงานสามารถจัดการกับความต้องการด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ChatGPT Gov ยังมีนโยบายการใช้งานที่ห้ามการใช้งานที่เป็นอันตรายและมีการตั้งค่าการป้องกันเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน มีสาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมในบทความนี้คือ การที่หน่วยงานรัฐบาลมากกว่า 3,500 แห่งในสหรัฐฯ ได้เริ่มใช้ ChatGPT ในการทำงานประจำวันแล้ว โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 90,000 คนที่ส่งข้อความผ่าน ChatGPT มากกว่า 18 ล้านข้อความ https://www.zdnet.com/article/openai-tailored-chatgpt-gov-for-government-use-heres-what-that-means/
    WWW.ZDNET.COM
    OpenAI tailored ChatGPT Gov for government use - here's what that means
    ChatGPT will be making its way to federal, state, and local agencies. The new version comes with benefits - and concerns.
    0 Comments 0 Shares 477 Views 0 Reviews
  • 83 ปี ไทยเข้าร่วมสงครามโลก ครั้งที่สอง ประกาศรบ "อังกฤษ-อเมริกา"

    เมื่อย้อนเวลากลับไป 83 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อรัฐบาลไทยในขณะนั้น นำโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศสงครามกับ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ในบริบทของสงครามโลก ครั้งที่สอง เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบ ในช่วงเวลานั้น แต่ยังมีผลต่ออนาคตทางการเมือง และการทูตของประเทศไทย อย่างมหาศาล

    การรุกรานของญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นความขัดแย้ง
    วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ญี่ปุ่นได้เริ่มบุกประเทศไทย โดยยกพลขึ้นบก ในหลายพื้นที่ริมฝั่งอ่าวไทย เช่น ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสงขลา การรุกรานครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรบในแปซิฟิก ของญี่ปุ่น ซึ่งมีเป้าหมายโจมตีพม่า (ขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ) ผ่านเส้นทางประเทศไทย

    รัฐบาลไทยในขณะนั้น ซึ่งนำโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เลือกที่จะยอมให้ญี่ปุ่น ใช้เส้นทางผ่านประเทศไทย หลังจากกองกำลังทหารไทย ต่อต้านได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง การตัดสินใจครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อ หลีกเลี่ยงการสูญเสียครั้งใหญ่ และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ในสถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบ

    การร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น
    หลังจากยินยอมให้ญี่ปุ่น ใช้ดินแดนเพื่อเคลื่อนทัพ ไทยได้ลงนามใน สัญญาพันธมิตรกับญี่ปุ่น โดยหวังที่จะได้รับผลประโยชน์ เช่น การได้คืนพื้นที่บางส่วนของไทย ที่เคยเสียให้กับอังกฤษ ได้แก่ ไทรบุรี ปะลิส ตรังกานู กลันตัน และพื้นที่ในแคว้นไทยใหญ่ เช่น เชียงตุงและเมืองพาน

    อย่างไรก็ตาม การร่วมมือกับญี่ปุ่น นำไปสู่ความขัดแย้งภายในรัฐบาล เนื่องจากบุคคลสำคัญบางคน เช่น นายปรีดี พนมยงค์ และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งทำให้เกิด ขบวนการเสรีไทย ในเวลาต่อมา

    25 มกราคม 2485: ประกาศสงคราม
    รัฐบาลของจอมพล ป. ตัดสินใจประกาศสงครามกับ อังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่า ทั้งสองประเทศ ได้ทำการรุกรานไทย เช่น การโจมตีทางอากาศ และการระดมยิงราษฎร

    ในคำประกาศสงคราม ของรัฐบาลไทย มีข้อความอ้างถึง ความเสียหายที่ไทยได้รับ จากการโจมตีทางอากาศของอังกฤษว่า

    “ไทยถูกโจมตีทางอากาศ 30 ครั้ง และโจมตีทางบกถึง 36 ครั้ง ระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม ถึง 20 มกราคม”

    แต่ในทางปฏิบัติ สหรัฐอเมริกาไม่ได้ตอบโต้ ด้วยการประกาศสงครามกับไทย แต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถือว่าไทย เป็นดินแดนที่ถูกญี่ปุ่นครอบครอง

    ขบวนการเสรีไทย ความหวังของชาติ
    หลังจากรัฐบาลไทย ประกาศสงคราม มีคนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล และก่อตั้ง "ขบวนการเสรีไทย" เพื่อร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในการต่อต้านญี่ปุ่น

    ผู้นำสำคัญ ของขบวนการเสรีไทย ในต่างประเทศ ได้แก่ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ซึ่งดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ในเวลานั้น ได้ปฏิเสธที่จะยื่นคำประกาศสงคราม ของรัฐบาลไทยต่อสหรัฐฯ และประกาศตัดขาด จากรัฐบาลกรุงเทพฯ พร้อมร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร อย่างเปิดเผย

    ผลกระทบหลังสงคราม
    หลังสงครามโลก ครั้งที่สอง สิ้นสุดในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ไทยได้รับผลกระทบ น้อยกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากความพยายาม ของขบวนการเสรีไทย ที่ช่วยให้ประเทศไทย สามารถเจรจาต่อรอง สถานะของตนเอง กับฝ่ายสัมพันธมิตร

    - วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2489 ไทยเจรจาเลิกสถานะสงครามกับอังกฤษ
    - วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ไทยเลิกสถานะสงครามกับฝรั่งเศส

    บทเรียนจากประวัติศาสตร์
    การเข้าร่วมสงครามโลก ครั้งที่สอง ของไทย สะท้อนถึงความท้าทาย ทางการเมืองระหว่างประเทศ ในยุคที่ประเทศเล็กๆ ต้องรับมือกับอิทธิพล ของชาติมหาอำนาจ ไทยในยุคนั้น ต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุดในสถานการณ์ ที่ไม่มีทางเลือกที่ดี อย่างแท้จริง

    คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับเหตุการณ์สงครามโลก ครั้งที่สอง ของไทย
    1. ทำไมไทยถึงยอมให้ญี่ปุ่น ใช้ดินแดนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง?
    ไทยไม่สามารถต่อต้าน กำลังพลของญี่ปุ่นได้ เนื่องจากมีกำลังพลน้อยกว่าอย่างมาก การยอมรับข้อเรียกร้องของญี่ปุ่น จึงเป็นทางเลือก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายร้ายแรง

    2. ขบวนการเสรีไทย มีบทบาทสำคัญอย่างไร?
    ขบวนการเสรีไทย ช่วยประสานงานกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในการต่อต้านญี่ปุ่น และยังมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยให้ไทย รอดพ้นจากการถูกลงโทษ หลังสงคราม

    3. สหรัฐอเมริกาถือว่าไทยเป็นศัตรู ในสงครามโลก ครั้งที่สองหรือไม่?
    สหรัฐฯ ไม่ได้ประกาศสงครามกับไทย และมองว่าไทย เป็นประเทศที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพล ของญี่ปุ่น

    4. การประกาศสงครามของไทย มีผลกระทบอย่างไรบ้าง?
    การประกาศสงคราม ทำให้ไทยถูกโจมตีทางอากาศ จากฝ่ายสัมพันธมิตร และสร้างความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งภายในและต่างประเทศ

    การประกาศสงคราม ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง การดิ้นรนของไทย ในยุคที่มหาอำนาจ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด แม้ว่าประเทศไทย จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่การดำเนินงานของขบวนการเสรีไทย และการเจรจาหลังสงคราม ได้ช่วยฟื้นฟูสถานภาพของไทย ในเวทีโลก

    “เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยในอนาคต”

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 250803 ม.ค. 2568

    #สงครามโลกครั้งที่สอง #ไทยในสงครามโลก #เสรีไทย #จอมพลปพิบูลสงคราม #การประกาศสงคราม #ประวัติศาสตร์ไทย #WWII #ThaiHistory #FreeThai #ThailandWWII









    83 ปี ไทยเข้าร่วมสงครามโลก ครั้งที่สอง ประกาศรบ "อังกฤษ-อเมริกา" เมื่อย้อนเวลากลับไป 83 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อรัฐบาลไทยในขณะนั้น นำโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศสงครามกับ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ในบริบทของสงครามโลก ครั้งที่สอง เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบ ในช่วงเวลานั้น แต่ยังมีผลต่ออนาคตทางการเมือง และการทูตของประเทศไทย อย่างมหาศาล การรุกรานของญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นความขัดแย้ง วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ญี่ปุ่นได้เริ่มบุกประเทศไทย โดยยกพลขึ้นบก ในหลายพื้นที่ริมฝั่งอ่าวไทย เช่น ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสงขลา การรุกรานครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรบในแปซิฟิก ของญี่ปุ่น ซึ่งมีเป้าหมายโจมตีพม่า (ขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ) ผ่านเส้นทางประเทศไทย รัฐบาลไทยในขณะนั้น ซึ่งนำโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เลือกที่จะยอมให้ญี่ปุ่น ใช้เส้นทางผ่านประเทศไทย หลังจากกองกำลังทหารไทย ต่อต้านได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง การตัดสินใจครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อ หลีกเลี่ยงการสูญเสียครั้งใหญ่ และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ในสถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบ การร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น หลังจากยินยอมให้ญี่ปุ่น ใช้ดินแดนเพื่อเคลื่อนทัพ ไทยได้ลงนามใน สัญญาพันธมิตรกับญี่ปุ่น โดยหวังที่จะได้รับผลประโยชน์ เช่น การได้คืนพื้นที่บางส่วนของไทย ที่เคยเสียให้กับอังกฤษ ได้แก่ ไทรบุรี ปะลิส ตรังกานู กลันตัน และพื้นที่ในแคว้นไทยใหญ่ เช่น เชียงตุงและเมืองพาน อย่างไรก็ตาม การร่วมมือกับญี่ปุ่น นำไปสู่ความขัดแย้งภายในรัฐบาล เนื่องจากบุคคลสำคัญบางคน เช่น นายปรีดี พนมยงค์ และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งทำให้เกิด ขบวนการเสรีไทย ในเวลาต่อมา 25 มกราคม 2485: ประกาศสงคราม รัฐบาลของจอมพล ป. ตัดสินใจประกาศสงครามกับ อังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่า ทั้งสองประเทศ ได้ทำการรุกรานไทย เช่น การโจมตีทางอากาศ และการระดมยิงราษฎร ในคำประกาศสงคราม ของรัฐบาลไทย มีข้อความอ้างถึง ความเสียหายที่ไทยได้รับ จากการโจมตีทางอากาศของอังกฤษว่า “ไทยถูกโจมตีทางอากาศ 30 ครั้ง และโจมตีทางบกถึง 36 ครั้ง ระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม ถึง 20 มกราคม” แต่ในทางปฏิบัติ สหรัฐอเมริกาไม่ได้ตอบโต้ ด้วยการประกาศสงครามกับไทย แต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถือว่าไทย เป็นดินแดนที่ถูกญี่ปุ่นครอบครอง ขบวนการเสรีไทย ความหวังของชาติ หลังจากรัฐบาลไทย ประกาศสงคราม มีคนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล และก่อตั้ง "ขบวนการเสรีไทย" เพื่อร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในการต่อต้านญี่ปุ่น ผู้นำสำคัญ ของขบวนการเสรีไทย ในต่างประเทศ ได้แก่ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ซึ่งดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ในเวลานั้น ได้ปฏิเสธที่จะยื่นคำประกาศสงคราม ของรัฐบาลไทยต่อสหรัฐฯ และประกาศตัดขาด จากรัฐบาลกรุงเทพฯ พร้อมร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร อย่างเปิดเผย ผลกระทบหลังสงคราม หลังสงครามโลก ครั้งที่สอง สิ้นสุดในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ไทยได้รับผลกระทบ น้อยกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากความพยายาม ของขบวนการเสรีไทย ที่ช่วยให้ประเทศไทย สามารถเจรจาต่อรอง สถานะของตนเอง กับฝ่ายสัมพันธมิตร - วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2489 ไทยเจรจาเลิกสถานะสงครามกับอังกฤษ - วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ไทยเลิกสถานะสงครามกับฝรั่งเศส บทเรียนจากประวัติศาสตร์ การเข้าร่วมสงครามโลก ครั้งที่สอง ของไทย สะท้อนถึงความท้าทาย ทางการเมืองระหว่างประเทศ ในยุคที่ประเทศเล็กๆ ต้องรับมือกับอิทธิพล ของชาติมหาอำนาจ ไทยในยุคนั้น ต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุดในสถานการณ์ ที่ไม่มีทางเลือกที่ดี อย่างแท้จริง คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับเหตุการณ์สงครามโลก ครั้งที่สอง ของไทย 1. ทำไมไทยถึงยอมให้ญี่ปุ่น ใช้ดินแดนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง? ไทยไม่สามารถต่อต้าน กำลังพลของญี่ปุ่นได้ เนื่องจากมีกำลังพลน้อยกว่าอย่างมาก การยอมรับข้อเรียกร้องของญี่ปุ่น จึงเป็นทางเลือก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายร้ายแรง 2. ขบวนการเสรีไทย มีบทบาทสำคัญอย่างไร? ขบวนการเสรีไทย ช่วยประสานงานกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในการต่อต้านญี่ปุ่น และยังมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยให้ไทย รอดพ้นจากการถูกลงโทษ หลังสงคราม 3. สหรัฐอเมริกาถือว่าไทยเป็นศัตรู ในสงครามโลก ครั้งที่สองหรือไม่? สหรัฐฯ ไม่ได้ประกาศสงครามกับไทย และมองว่าไทย เป็นประเทศที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพล ของญี่ปุ่น 4. การประกาศสงครามของไทย มีผลกระทบอย่างไรบ้าง? การประกาศสงคราม ทำให้ไทยถูกโจมตีทางอากาศ จากฝ่ายสัมพันธมิตร และสร้างความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งภายในและต่างประเทศ การประกาศสงคราม ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง การดิ้นรนของไทย ในยุคที่มหาอำนาจ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด แม้ว่าประเทศไทย จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่การดำเนินงานของขบวนการเสรีไทย และการเจรจาหลังสงคราม ได้ช่วยฟื้นฟูสถานภาพของไทย ในเวทีโลก 🎖️ “เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยในอนาคต” 🎖️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 250803 ม.ค. 2568 #สงครามโลกครั้งที่สอง #ไทยในสงครามโลก #เสรีไทย #จอมพลปพิบูลสงคราม #การประกาศสงคราม #ประวัติศาสตร์ไทย #WWII #ThaiHistory #FreeThai #ThailandWWII
    0 Comments 0 Shares 1398 Views 0 Reviews
More Results