• จีนเสนอตัวเป็นกลาง ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเน้นย้ำปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/20205/
    .
    #จีน #ไทย #กัมพูชา #ข้อพิพาทชายแดน #หวังอี้ #มาริษเสงี่ยมพงษ์ #ปรักสุคน #อาเซียน #อาชญากรรมข้ามชาติ #พนันออนไลน์
    จีนเสนอตัวเป็นกลาง ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเน้นย้ำปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ https://www.thai-tai.tv/news/20205/ . #จีน #ไทย #กัมพูชา #ข้อพิพาทชายแดน #หวังอี้ #มาริษเสงี่ยมพงษ์ #ปรักสุคน #อาเซียน #อาชญากรรมข้ามชาติ #พนันออนไลน์
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • 'เท้ง' กระตุก 'ทักษิณ' ต่อรองกัมพูชา เย้ยซอฟต์พาวเวอร์เน้นอีเวนท์ เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
    https://www.thai-tai.tv/news/20142/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #ซอฟต์พาวเวอร์ #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #พรรคประชาชน #ฮุนเซน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #การเมืองไทย #นโยบายรัฐบาล #รัฐบาลเพื่อไทย #กระทรวงวัฒนธรรม #กระทรวงมหาดไทย #ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ #กัมพูชา #เจรจาชายแดน
    'เท้ง' กระตุก 'ทักษิณ' ต่อรองกัมพูชา เย้ยซอฟต์พาวเวอร์เน้นอีเวนท์ เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ https://www.thai-tai.tv/news/20142/ . #ทักษิณชินวัตร #ซอฟต์พาวเวอร์ #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #พรรคประชาชน #ฮุนเซน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #การเมืองไทย #นโยบายรัฐบาล #รัฐบาลเพื่อไทย #กระทรวงวัฒนธรรม #กระทรวงมหาดไทย #ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ #กัมพูชา #เจรจาชายแดน
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG)

    เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต

    ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค

    ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค

    ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้

    ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น

    ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

    ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค

    จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้ ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 1043 Views 0 Reviews
  • ตาก – ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ชายแดน ติดตามแผน “แม่สอดโมเดล” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ตามส่อง “ชเวโก๊กโก่-เมืองใหม่จีนเทาเมียวดี” พบผู้คนยังใช้ชีวิตปกติ-เดินหน้าก่อสร้างกันครึกโครม หลังไทยระงับจ่ายไฟ-งดส่งออกน้ำมันข้ามแดน

    วันนี้ (10 ก.พ. 68) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อติดตามการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตามมาตรการ “แม่สอดโมเดล” โดยมี พล.ต.ณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 3 นำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ

    ทั้งนี้ ผบ.บท.พร้อมคณะ ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์จากกองกำลังนเรศวร และตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการแนวชายแดน รวมถึงจุดตรวจสำคัญ เช่น สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ท่าข้าม 34 (ท่าศาลเจ้า) และจุดตรวจการณ์ต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมือง และขนส่งยาเสพติด

    แต่ที่น่าสนใจคือ คณะ ผบ.ทบ.ได้เดินทางไปดูชายแดนที่บ้านวังผา ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด ที่บริเวณตรงข้ามฝั่งไทยคือ ชเวโก๊กโก่ เมืองใหม่ของกลุ่มทุนจีน ที่มองจากฝั่งไทยแล้วเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งพบว่าบรรยากาศในฝั่งเมียนมามีการใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่สนใจคณะของฝ่ายไทย นอกจากนี้ยังมีการเดินหน้าก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000013433

    #MGROnline #ตาก #แม่สอดโมเดล #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ
    ตาก – ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ชายแดน ติดตามแผน “แม่สอดโมเดล” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ตามส่อง “ชเวโก๊กโก่-เมืองใหม่จีนเทาเมียวดี” พบผู้คนยังใช้ชีวิตปกติ-เดินหน้าก่อสร้างกันครึกโครม หลังไทยระงับจ่ายไฟ-งดส่งออกน้ำมันข้ามแดน • วันนี้ (10 ก.พ. 68) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อติดตามการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตามมาตรการ “แม่สอดโมเดล” โดยมี พล.ต.ณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 3 นำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ • ทั้งนี้ ผบ.บท.พร้อมคณะ ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์จากกองกำลังนเรศวร และตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการแนวชายแดน รวมถึงจุดตรวจสำคัญ เช่น สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ท่าข้าม 34 (ท่าศาลเจ้า) และจุดตรวจการณ์ต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมือง และขนส่งยาเสพติด • แต่ที่น่าสนใจคือ คณะ ผบ.ทบ.ได้เดินทางไปดูชายแดนที่บ้านวังผา ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด ที่บริเวณตรงข้ามฝั่งไทยคือ ชเวโก๊กโก่ เมืองใหม่ของกลุ่มทุนจีน ที่มองจากฝั่งไทยแล้วเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งพบว่าบรรยากาศในฝั่งเมียนมามีการใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่สนใจคณะของฝ่ายไทย นอกจากนี้ยังมีการเดินหน้าก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000013433 • #MGROnline #ตาก #แม่สอดโมเดล #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ
    Angry
    1
    0 Comments 1 Shares 955 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร เตรียมปั้น ตำรวจอินฟลู มาต่อสู้คนเลว
    บิ๊กต่าย ผบ.ตร ได้รับเสียงสรรเสริญจากตํารวจทั้งประเทศ ในการแถลง สิบห้านโยบายหลักของสํานักงานตํารวจแห่งชาติโดยให้ตํารวจทั้งหมดปฏิบัติตามนโยบายอย่างเร่งด่วนประกอบด้วย
    ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนmindsetให้ตํารวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ให้รางวัลแก่ตํารวจน้ําดี และลงโทษตํารวจเลว พัฒนางานสถานีตํารวจ แก้ไขปัญหางานสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง สร้างเสริมวินัยจราจร ทํางานเชิงรุกด้านการข่าว ประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเป็นต้น
    ซึ่ง ข้อหนึ่งที่สร้างความฮือฮาก็คือให้ผู้บัญชาการหรือผู้บังคับการ จะต้องเป็น influencerด้วยตนเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันต้องบอกว่าถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ตํารวจจะต้องเป็น influ เองสักทีเพราะที่ผ่านมา influ สายกฎหมายสายสังคม กลับมาก่อคดีอาญาต่างๆนานาเสียเอง อย่างทนายตั้มที่กลายร่างเป็นทนายต้ม สร้างภาพหลอกลวงสังคมปกปิดความสกปรกชั่วร้ายที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน เอกสายไหม ต้องรอด โดนคดีปั่นข่าวเท็จดีไอคอน ด้วยวัตถุประสงค์ลึกลับอะไรสักอย่าง ฟิล์มรัฐภูมิ จ่อถูกดําเนินคดีข้อหาพยายามตบทรัพย์ดิไอคอน แกนนําต้านโกงอย่างเจ๊พัฒน์ กิจอนงค์ สุดท้ายมาโดนคดีตบทรัพย์เสียเอง
    ตัวอย่างเหล่านี้เป็นความพิกลพิการของสังคมไทย ลงภาพลักษณ์ของคนที่ไม่สะอาดจริงปล่อยให้มายึดหัวหาดเป็นอินฟลูเอนเซอร์เพราะฉะนั้นจึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่องค์กรตํารวจยุคบิ๊กต่าย จะผลักดันคนดีคนเก่งในสํานักงานตํารวจแห่งชาติขึ้นมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์เอง เพื่อคานอํานาจอินฟลูปลอมๆ ทั้งหลาย
    อย่างน้อยตํารวจเก่าสองคนก็ผลักดันตัวเองสําเร็จจนผงาดเป็นอินฟลูชื่อดัง เวลาพูดถึงประเด็นปัญหาใดๆจะมีน้ําหนักน่าเชื่อถือ ซึ่งก็คือ อาเรย์วัด และผู้การแต้มหรือมือปราบหูดํา 2 คนนี้ให้ความจริงทุกเรื่องอย่างไม่ไว้หน้าใคร
    ในความเป็นอินฟลู ผู้การแต้ม มีจุดยืนชัดเจนไม่หิวแสงการจะไปออกรายการแต่ละทียังเลือกคนร่วมรายการเช่นไม่ยอมไปออกทีวี กับ นายสิธาเบี้ยบังเกิด อย่างเด็ดขาดจนเป็นที่รู้กันว่ารายการใดมีพู่กันแต้มต้องไม่มีทนายตั้ม ส่วนอาเรย์วัดเป็นอินฟูในสายเฮฮาบู๊ล้างผลาญ ต้องติดตามกันต่อไปว่าตํารวจในเครื่องแบบคนใดจะประสบความสําเร็จตามนโยบายนี้ของบิ๊กต่าย ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ผบ.ตร เตรียมปั้น ตำรวจอินฟลู มาต่อสู้คนเลว บิ๊กต่าย ผบ.ตร ได้รับเสียงสรรเสริญจากตํารวจทั้งประเทศ ในการแถลง สิบห้านโยบายหลักของสํานักงานตํารวจแห่งชาติโดยให้ตํารวจทั้งหมดปฏิบัติตามนโยบายอย่างเร่งด่วนประกอบด้วย ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนmindsetให้ตํารวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ให้รางวัลแก่ตํารวจน้ําดี และลงโทษตํารวจเลว พัฒนางานสถานีตํารวจ แก้ไขปัญหางานสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง สร้างเสริมวินัยจราจร ทํางานเชิงรุกด้านการข่าว ประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเป็นต้น ซึ่ง ข้อหนึ่งที่สร้างความฮือฮาก็คือให้ผู้บัญชาการหรือผู้บังคับการ จะต้องเป็น influencerด้วยตนเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันต้องบอกว่าถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ตํารวจจะต้องเป็น influ เองสักทีเพราะที่ผ่านมา influ สายกฎหมายสายสังคม กลับมาก่อคดีอาญาต่างๆนานาเสียเอง อย่างทนายตั้มที่กลายร่างเป็นทนายต้ม สร้างภาพหลอกลวงสังคมปกปิดความสกปรกชั่วร้ายที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน เอกสายไหม ต้องรอด โดนคดีปั่นข่าวเท็จดีไอคอน ด้วยวัตถุประสงค์ลึกลับอะไรสักอย่าง ฟิล์มรัฐภูมิ จ่อถูกดําเนินคดีข้อหาพยายามตบทรัพย์ดิไอคอน แกนนําต้านโกงอย่างเจ๊พัฒน์ กิจอนงค์ สุดท้ายมาโดนคดีตบทรัพย์เสียเอง ตัวอย่างเหล่านี้เป็นความพิกลพิการของสังคมไทย ลงภาพลักษณ์ของคนที่ไม่สะอาดจริงปล่อยให้มายึดหัวหาดเป็นอินฟลูเอนเซอร์เพราะฉะนั้นจึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่องค์กรตํารวจยุคบิ๊กต่าย จะผลักดันคนดีคนเก่งในสํานักงานตํารวจแห่งชาติขึ้นมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์เอง เพื่อคานอํานาจอินฟลูปลอมๆ ทั้งหลาย อย่างน้อยตํารวจเก่าสองคนก็ผลักดันตัวเองสําเร็จจนผงาดเป็นอินฟลูชื่อดัง เวลาพูดถึงประเด็นปัญหาใดๆจะมีน้ําหนักน่าเชื่อถือ ซึ่งก็คือ อาเรย์วัด และผู้การแต้มหรือมือปราบหูดํา 2 คนนี้ให้ความจริงทุกเรื่องอย่างไม่ไว้หน้าใคร ในความเป็นอินฟลู ผู้การแต้ม มีจุดยืนชัดเจนไม่หิวแสงการจะไปออกรายการแต่ละทียังเลือกคนร่วมรายการเช่นไม่ยอมไปออกทีวี กับ นายสิธาเบี้ยบังเกิด อย่างเด็ดขาดจนเป็นที่รู้กันว่ารายการใดมีพู่กันแต้มต้องไม่มีทนายตั้ม ส่วนอาเรย์วัดเป็นอินฟูในสายเฮฮาบู๊ล้างผลาญ ต้องติดตามกันต่อไปว่าตํารวจในเครื่องแบบคนใดจะประสบความสําเร็จตามนโยบายนี้ของบิ๊กต่าย ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 Comments 0 Shares 1636 Views 0 Reviews