• เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม

    กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

    ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม

    จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม

    สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน

    สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย

    #Newskit
    เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย #Newskit
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเลย์ฯ ซื้อรถไฟเพิ่ม ป้อน Komuter สายเหนือ

    การตรวจเยี่ยมการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของนายแอนโธนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่การไปเยือนสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าขยายเส้นทางการให้บริการรถไฟฟ้าทางไกล ETS ช่วงเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางระหว่างสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานี JB Sentral เมืองยะโฮร์บาห์รู ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที

    รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเบอร์นามาว่า การขยายเส้นทางเดินรถไฟ ETS แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกไปยังสถานีเซกามัต ระยะที่สองไปยังสถานีกลวง (Kluang) และระยะที่สามไปยังสถานี JB Sentral พร้อมกันนี้ รถไฟรุ่นใหม่ ETS3 ที่สั่งซื้อจากประเทศจีน 2 ขบวนแรกจากทั้งหมด 10 ขบวน คาดว่าจะมาถึงประเทศมาเลเซียในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งจะนำมาประกอบที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก ก่อนทดสอบระบบและนำมาใช้ในเดือน ส.ค. ไม่ต้องรอให้ครบ 10 ขบวน

    นับจากนี้รถไฟ ETS จะเดินรถตลอดแนวประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ชายแดนมาเลเซีย-ไทยทางตอนเหนือ และชายแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์ทางตอนใต้ พร้อมกันนี้ จะเสนอบริการชั้นธุรกิจแบบพรีเมียมเพื่อมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร

    วันต่อมา นายแอนโธนี่ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐเปอร์ลิส เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือบกเปอร์ลิส (PIP) ระยะที่ 1 ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถไฟ KTM Komuter Utara จากสถานีปาดังเบซาร์ไปยังสถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) รัฐเคดะห์ โดยเปิดเผยว่ารัฐบาลกลางมาเลเซียได้จัดหารถไฟชุดใหม่แบบ 3 ตู้โดยสาร จำนวน 12 ขบวนเพื่อให้บริการเพิ่มเติม งบประมาณ 283 ล้านริงกิต (2,164.34 ล้านบาท) คาดว่ารถไฟขบวนแรกจะถูกส่งมอบภายใน 22 เดือน

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญในการให้บริการคือการโจรกรรมสายเคเบิล ซึ่งกระทบต่อการเดินรถอย่างมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.35 ล้านริงกิต (10.32 ล้านบาท) ซึ่งกระทรวงคมนาคมมาเลเซียจะร่วมกับตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมปรับปรุงอุปกรณ์เครือข่าย เครื่องนับเพลา (Axle Counter) งบประมาณ 12.8 ล้านริงกิต (97.89 ล้านบาท) ใช้ระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การใช้โดรน การติดตั้งรั้วป้องกันการปีน และติดตั้งฝาปิดท่อระบายน้ำแบบล็อกขั้นสูง

    อนึ่ง ในปี 2567 รถไฟ KTM Komuter Utara สายเหนือ ช่วงบัตเตอร์เวิร์ธ-ปาดังเบซาร์ และบัตเตอร์เวิร์ธ-อิโปห์ มีผู้โดยสารเฉลี่ย 16,363 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ผู้โดยสารเฉลี่ย 12,668 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 29%

    #Newskit
    มาเลย์ฯ ซื้อรถไฟเพิ่ม ป้อน Komuter สายเหนือ การตรวจเยี่ยมการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของนายแอนโธนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่การไปเยือนสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าขยายเส้นทางการให้บริการรถไฟฟ้าทางไกล ETS ช่วงเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางระหว่างสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานี JB Sentral เมืองยะโฮร์บาห์รู ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเบอร์นามาว่า การขยายเส้นทางเดินรถไฟ ETS แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกไปยังสถานีเซกามัต ระยะที่สองไปยังสถานีกลวง (Kluang) และระยะที่สามไปยังสถานี JB Sentral พร้อมกันนี้ รถไฟรุ่นใหม่ ETS3 ที่สั่งซื้อจากประเทศจีน 2 ขบวนแรกจากทั้งหมด 10 ขบวน คาดว่าจะมาถึงประเทศมาเลเซียในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งจะนำมาประกอบที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก ก่อนทดสอบระบบและนำมาใช้ในเดือน ส.ค. ไม่ต้องรอให้ครบ 10 ขบวน นับจากนี้รถไฟ ETS จะเดินรถตลอดแนวประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ชายแดนมาเลเซีย-ไทยทางตอนเหนือ และชายแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์ทางตอนใต้ พร้อมกันนี้ จะเสนอบริการชั้นธุรกิจแบบพรีเมียมเพื่อมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร วันต่อมา นายแอนโธนี่ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐเปอร์ลิส เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือบกเปอร์ลิส (PIP) ระยะที่ 1 ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถไฟ KTM Komuter Utara จากสถานีปาดังเบซาร์ไปยังสถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) รัฐเคดะห์ โดยเปิดเผยว่ารัฐบาลกลางมาเลเซียได้จัดหารถไฟชุดใหม่แบบ 3 ตู้โดยสาร จำนวน 12 ขบวนเพื่อให้บริการเพิ่มเติม งบประมาณ 283 ล้านริงกิต (2,164.34 ล้านบาท) คาดว่ารถไฟขบวนแรกจะถูกส่งมอบภายใน 22 เดือน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญในการให้บริการคือการโจรกรรมสายเคเบิล ซึ่งกระทบต่อการเดินรถอย่างมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.35 ล้านริงกิต (10.32 ล้านบาท) ซึ่งกระทรวงคมนาคมมาเลเซียจะร่วมกับตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมปรับปรุงอุปกรณ์เครือข่าย เครื่องนับเพลา (Axle Counter) งบประมาณ 12.8 ล้านริงกิต (97.89 ล้านบาท) ใช้ระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การใช้โดรน การติดตั้งรั้วป้องกันการปีน และติดตั้งฝาปิดท่อระบายน้ำแบบล็อกขั้นสูง อนึ่ง ในปี 2567 รถไฟ KTM Komuter Utara สายเหนือ ช่วงบัตเตอร์เวิร์ธ-ปาดังเบซาร์ และบัตเตอร์เวิร์ธ-อิโปห์ มีผู้โดยสารเฉลี่ย 16,363 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ผู้โดยสารเฉลี่ย 12,668 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 29% #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL

    สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก

    เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง

    เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my

    การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก

    สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG

    #Newskit
    เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย
    เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย //พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง มีประสบการณ์สูง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี โด่งดังไปทั่วประเทศ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย //พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง มีประสบการณ์สูง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี โด่งดังไปทั่วประเทศ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่มีชัย รุ่นร่ำรวย รุ่งเรือง ปลอดภัย ปี2553
    เหรียญหลวงปู่มีชัย รุ่นร่ำรวย รุ่งเรือง ปลอดภัย รัฐปีนัง ประเทศมาเลย์เซีย ปี2553 //พระดีพิธีใหญ่ รุ่นยอดนิยม หายาก แจกประเทศมาเลเซีย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ ลูกศิษย์ ต่างหวงแหนยิ่งนัก ประสบการณ์ดี ทั้งทางด้าน โชคลาภ เมตตา ทำมาค้าขาย รำ่รวย เจริญรุ่งเรือง เรียกทรัพย์ เก็บทรัพย์ ค้าขายดี มหาอุด แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพัน ป้องกันภัย ปลอดภัย >>

    ** ทหาร-ตำรวจ ส่งไปปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคยได้รับวัตถุมงคลหลวงปู่มีชัยต่างมีประสบการณ์แคล้วคลาดนับครั้งไม่ถ้วน >>

    ** หลวงปู่มีชัย กามฉินโท สุดยอดพระประสบการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ พระอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาทั้งในไทยและหลายประเทศ ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน เชคโกสโลวเกีย.. จึงมีลูกศิษย์มากมาย เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ... สายวิชาหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่มียันต์ขุมทรัพย์เรียกทรัพย์ที่เป็นหนึ่งเดียวต่อๆไปจะเป็นตำนาน แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีเกจิแบบนี้อยู่อีก หายาก >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่มีชัย รุ่นร่ำรวย รุ่งเรือง ปลอดภัย ปี2553 เหรียญหลวงปู่มีชัย รุ่นร่ำรวย รุ่งเรือง ปลอดภัย รัฐปีนัง ประเทศมาเลย์เซีย ปี2553 //พระดีพิธีใหญ่ รุ่นยอดนิยม หายาก แจกประเทศมาเลเซีย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ ลูกศิษย์ ต่างหวงแหนยิ่งนัก ประสบการณ์ดี ทั้งทางด้าน โชคลาภ เมตตา ทำมาค้าขาย รำ่รวย เจริญรุ่งเรือง เรียกทรัพย์ เก็บทรัพย์ ค้าขายดี มหาอุด แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพัน ป้องกันภัย ปลอดภัย >> ** ทหาร-ตำรวจ ส่งไปปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคยได้รับวัตถุมงคลหลวงปู่มีชัยต่างมีประสบการณ์แคล้วคลาดนับครั้งไม่ถ้วน >> ** หลวงปู่มีชัย กามฉินโท สุดยอดพระประสบการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ พระอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาทั้งในไทยและหลายประเทศ ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน เชคโกสโลวเกีย.. จึงมีลูกศิษย์มากมาย เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ... สายวิชาหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่มียันต์ขุมทรัพย์เรียกทรัพย์ที่เป็นหนึ่งเดียวต่อๆไปจะเป็นตำนาน แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีเกจิแบบนี้อยู่อีก หายาก >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุนมาเลย์สนใจรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์

    ในช่วงที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปี 2025 และรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ของประเทศไทย อาจจะได้เห็นข่าวความร่วมมือระหว่างมาเลเซียและไทยเป็นระยะ ล่าสุด พลเอกอาวุโส โมห์ด อาซูมิ โมฮัมเหม็ด (Mohd Azumi Mohamed) ประธานบริษัท ดายะ มาจู อินฟาสตรัคเจอร์ เอเชีย (Dhaya Maju Infrastructure Asia) หรือ DMIA บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้าพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม และคณะ ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา

    โดยบริษัท DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) โครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย

    ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้

    สำหรับบริษัท DMIA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีประสบการณ์งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง อสังหาริมทรัพย์ การฟื้นฟูเมือง การก่อสร้างและปรับปรุงทางรถไฟ ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ นับเฉพาะโครงการทางรถไฟ เป็นผู้รับเหมาหลักโครงการปรับปรุงรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้าบนหุบเขาแคลง (KVDT) ตั้งแต่ราวังถึงซาลักเซาต์ (Rawang-Salak South) และโครงการระยะที่ 2 (KVDT2) จากซาลักเซาต์ถึงเซเรมบัน (Salak South-Seremban) และจากเคแอลเซ็นทรัลถึงพอร์ตแคลง (KL Sentral-Port Klang) เป็นต้น

    #Newskit
    ทุนมาเลย์สนใจรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ ในช่วงที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปี 2025 และรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ของประเทศไทย อาจจะได้เห็นข่าวความร่วมมือระหว่างมาเลเซียและไทยเป็นระยะ ล่าสุด พลเอกอาวุโส โมห์ด อาซูมิ โมฮัมเหม็ด (Mohd Azumi Mohamed) ประธานบริษัท ดายะ มาจู อินฟาสตรัคเจอร์ เอเชีย (Dhaya Maju Infrastructure Asia) หรือ DMIA บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้าพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม และคณะ ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยบริษัท DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) โครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ สำหรับบริษัท DMIA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีประสบการณ์งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง อสังหาริมทรัพย์ การฟื้นฟูเมือง การก่อสร้างและปรับปรุงทางรถไฟ ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ นับเฉพาะโครงการทางรถไฟ เป็นผู้รับเหมาหลักโครงการปรับปรุงรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้าบนหุบเขาแคลง (KVDT) ตั้งแต่ราวังถึงซาลักเซาต์ (Rawang-Salak South) และโครงการระยะที่ 2 (KVDT2) จากซาลักเซาต์ถึงเซเรมบัน (Salak South-Seremban) และจากเคแอลเซ็นทรัลถึงพอร์ตแคลง (KL Sentral-Port Klang) เป็นต้น #Newskit
    Like
    Love
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีต่อไป...เซกามัต จุดหมายแรกรัฐยะโฮร์

    15 มี.ค.2568 การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จะขยายการเดินรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สถานีของโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568

    สถานีเซกามัตแห่งใหม่ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 มีสิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ ลิฟต์ บันไดเลื่อน ห้องน้ำ กล้องวงจรปิด CCTV ห้องละหมาด ลานจอดรถรองรับรถยนต์ได้ 97 คัน รถจักรยานยนต์ 49 คัน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ (OKU) เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ปัจจุบันให้บริการรถไฟ KTM Intercity ขบวน ERT สายตุมปัต-เจบีเซ็นทรัล (Tumpat-JB Sentral) และขบวน ES สายเกอมัส-เจบีเซ็นทรัล (Gemas-JB Sentral)

    เมืองเซกามัต ห่างจากเมืองยะโฮร์บาห์รู 172 กิโลเมตร ประชาชนมีอาชีพทำการเกษตร สวนปาล์ม สวนยางพารา และมีทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง มีสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ จตุรัสเซกามัต (Dataran Segamat) แลนด์มาร์คของเมือง มีหอนาฬิกาและสวนภูมิทัศน์ สำหรับจัดงานสำคัญและกิจกรรมต่างๆ

    สะพานรถไฟเก่า (Segamat Old Iron Railway Bridge) เป็นสะพานเหล็ก ข้ามแม่น้ำเซกามัต สร้างขึ้นในปี 2452 กระทั่งก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในปี 2561 เมื่อแล้วเสร็จจึงได้ปิดใช้สะพาน ปัจจุบันได้ปรับภูมิทัศน์เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอิน

    สะพานบูโละห์ กาซัป (Buloh Kasap Bridge) ข้ามแม่น้ำมัวร์ สร้างขึ้นโดยอังกฤษ ที่ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1 จากยะโฮร์บาห์รูไปยังบูกิตกายูฮิตัม แต่ได้ทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารญี่ปุ่นเข้าไปที่สิงคโปร์

    ร็อคการ์เดน (Rock Garden) หรือสวนบาตูฮัมปาร์ (Taman Bunga Batu Hampar) สวนสาธารณะใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของบ้านพักเจ้าหน้าที่ และพระราชวังฮิงกาปของราชวงศ์ยะโฮร์ มีสนามเด็กเล่น ลู่วิ่งจ็อกกิ้ง และร้านกาแฟ

    วอลเตอร์ส ฟาร์ม (Walters Farm) แหล่งท่องเที่ยวฟาร์มสเตย์ มีทั้งสวนสัตว์ขนาดเล็ก สวนน้ำ สวนสนุก รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ (มีค่าผ่านประตู)

    อุทยานแห่งชาติกูนุง เลดัง (Gunung Ledang) ห่างจากตัวเมือง 35 กิโลเมตร เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเดินป่า ตั้งแคมป์ และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติ

    ป่านันทนาการสุไหงบันตัง (Sungai Bantang) ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ นิยมทำกิจกรรมทั้งปิกนิก เดินป่า และเล่นน้ำตกในแม่น้ำบันตัง

    นอกจากนี้ ยังสามารถขึ้นรถบัสไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รูได้อีกด้วย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที

    #Newskit
    สถานีต่อไป...เซกามัต จุดหมายแรกรัฐยะโฮร์ 15 มี.ค.2568 การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จะขยายการเดินรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สถานีของโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 สถานีเซกามัตแห่งใหม่ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 มีสิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ ลิฟต์ บันไดเลื่อน ห้องน้ำ กล้องวงจรปิด CCTV ห้องละหมาด ลานจอดรถรองรับรถยนต์ได้ 97 คัน รถจักรยานยนต์ 49 คัน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ (OKU) เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ปัจจุบันให้บริการรถไฟ KTM Intercity ขบวน ERT สายตุมปัต-เจบีเซ็นทรัล (Tumpat-JB Sentral) และขบวน ES สายเกอมัส-เจบีเซ็นทรัล (Gemas-JB Sentral) เมืองเซกามัต ห่างจากเมืองยะโฮร์บาห์รู 172 กิโลเมตร ประชาชนมีอาชีพทำการเกษตร สวนปาล์ม สวนยางพารา และมีทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง มีสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ จตุรัสเซกามัต (Dataran Segamat) แลนด์มาร์คของเมือง มีหอนาฬิกาและสวนภูมิทัศน์ สำหรับจัดงานสำคัญและกิจกรรมต่างๆ สะพานรถไฟเก่า (Segamat Old Iron Railway Bridge) เป็นสะพานเหล็ก ข้ามแม่น้ำเซกามัต สร้างขึ้นในปี 2452 กระทั่งก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในปี 2561 เมื่อแล้วเสร็จจึงได้ปิดใช้สะพาน ปัจจุบันได้ปรับภูมิทัศน์เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอิน สะพานบูโละห์ กาซัป (Buloh Kasap Bridge) ข้ามแม่น้ำมัวร์ สร้างขึ้นโดยอังกฤษ ที่ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1 จากยะโฮร์บาห์รูไปยังบูกิตกายูฮิตัม แต่ได้ทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารญี่ปุ่นเข้าไปที่สิงคโปร์ ร็อคการ์เดน (Rock Garden) หรือสวนบาตูฮัมปาร์ (Taman Bunga Batu Hampar) สวนสาธารณะใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของบ้านพักเจ้าหน้าที่ และพระราชวังฮิงกาปของราชวงศ์ยะโฮร์ มีสนามเด็กเล่น ลู่วิ่งจ็อกกิ้ง และร้านกาแฟ วอลเตอร์ส ฟาร์ม (Walters Farm) แหล่งท่องเที่ยวฟาร์มสเตย์ มีทั้งสวนสัตว์ขนาดเล็ก สวนน้ำ สวนสนุก รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ (มีค่าผ่านประตู) อุทยานแห่งชาติกูนุง เลดัง (Gunung Ledang) ห่างจากตัวเมือง 35 กิโลเมตร เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเดินป่า ตั้งแคมป์ และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติ ป่านันทนาการสุไหงบันตัง (Sungai Bantang) ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ นิยมทำกิจกรรมทั้งปิกนิก เดินป่า และเล่นน้ำตกในแม่น้ำบันตัง นอกจากนี้ ยังสามารถขึ้นรถบัสไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รูได้อีกด้วย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถไฟ ETS มาเลเซีย ขยายถึงเซกามัต รัฐยะโฮร์

    สิ้นสุดการรอคอยสำหรับการขยายเส้นทางรถไฟ ETS (Electric Train Service) ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเกอมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบีลัน ขยายไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ หลังเจอโรคเลื่อนไปหลายเดือน ล่าสุดประกาศว่าจะเปิดให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป จากต้นทางสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐปะลิส ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย จ.สงขลา และสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง

    โดยปรับเปลี่ยนต้นทางและปลายทางจากเดิมสถานีเกอมัส เป็นสถานีเซกามัต โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถ ได้แก่ ขบวนที่ EG9420 เซกามัต-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีเซกามัต 07.55 น. ผ่านสถานีเกอมัส 08.12 น. สถานี KL Sentral 10.41 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 16.18 น.

    ขบวนที่ EG9425 ปาดังเบซาร์-เซกามัต ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 15.55 น. (เวลามาเลเซีย เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ผ่านสถานี KL Sentral 21.39 น. สถานีเกอมัส 00.05 น. (วันถัดไป) ถึงสถานีเซกามัต 00.20 น. (วันถัดไป)

    ขบวนที่ EG9322 เซกามัต-บัตเตอร์เวิร์ธ ออกจากสถานีเซกามัต 15.35 น. ผ่านสถานีเกอมัส 15.52 น. สถานี KL Sentral 18.22 น. ถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 22.42 น.

    ขบวนที่ EG9321 ออกจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 07.50 น. ผ่านสถานี KL Sentral 12.15 น. สถานีเกอมัส 14.42 น. ถึงสถานีเซกามัต 14.57 น.

    ค่าโดยสารช่วงเซกามัต-ปาดังเบซาร์ เริ่มต้นที่ 101 ริงกิต (773 บาท) ส่วนช่วงเซกามัต-บัตเตอร์เวิร์ธ เริ่มต้นที่ 84 ริงกิต (643 บาท) สำรองที่นั่งได้ที่แอปพลิเคชัน KTMB Mobile ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2568 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป หรือที่เครื่อง Kiosk ของ KTM Berhad ทุกสถานี รับบัตร VISA และ Mastercard

    จากสถานีเซกามัต มีสถานีขนส่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี มีรถบัสให้บริการไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) สถานีขนส่งลาร์คิน ยะโฮร์บาห์รู (Larkin, Johor Bharu) มะละกา (Malacca) และกวนตัน (Kuantan) ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ แต่หากเดินทางด้วยรถไฟขบวน EG9425 จากปาดังเบซาร์ สามารถต่อรถไฟ KTM Intercity ไปยังสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) เพื่อไปประเทศสิงคโปร์ โดยขบวนที่ ES41 ออกจากสถานีเซกามัตเวลา 02.36 น. ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล 06.25 น.

    ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร รัฐบาลท้องถิ่นรัฐยะโฮร์เปิดเผยว่าใกล้เสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะเปิดตัวประมาณเดือน ส.ค.2568

    #Newskit
    รถไฟ ETS มาเลเซีย ขยายถึงเซกามัต รัฐยะโฮร์ สิ้นสุดการรอคอยสำหรับการขยายเส้นทางรถไฟ ETS (Electric Train Service) ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเกอมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบีลัน ขยายไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ หลังเจอโรคเลื่อนไปหลายเดือน ล่าสุดประกาศว่าจะเปิดให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป จากต้นทางสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐปะลิส ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย จ.สงขลา และสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง โดยปรับเปลี่ยนต้นทางและปลายทางจากเดิมสถานีเกอมัส เป็นสถานีเซกามัต โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถ ได้แก่ ขบวนที่ EG9420 เซกามัต-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีเซกามัต 07.55 น. ผ่านสถานีเกอมัส 08.12 น. สถานี KL Sentral 10.41 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 16.18 น. ขบวนที่ EG9425 ปาดังเบซาร์-เซกามัต ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 15.55 น. (เวลามาเลเซีย เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ผ่านสถานี KL Sentral 21.39 น. สถานีเกอมัส 00.05 น. (วันถัดไป) ถึงสถานีเซกามัต 00.20 น. (วันถัดไป) ขบวนที่ EG9322 เซกามัต-บัตเตอร์เวิร์ธ ออกจากสถานีเซกามัต 15.35 น. ผ่านสถานีเกอมัส 15.52 น. สถานี KL Sentral 18.22 น. ถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 22.42 น. ขบวนที่ EG9321 ออกจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 07.50 น. ผ่านสถานี KL Sentral 12.15 น. สถานีเกอมัส 14.42 น. ถึงสถานีเซกามัต 14.57 น. ค่าโดยสารช่วงเซกามัต-ปาดังเบซาร์ เริ่มต้นที่ 101 ริงกิต (773 บาท) ส่วนช่วงเซกามัต-บัตเตอร์เวิร์ธ เริ่มต้นที่ 84 ริงกิต (643 บาท) สำรองที่นั่งได้ที่แอปพลิเคชัน KTMB Mobile ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2568 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป หรือที่เครื่อง Kiosk ของ KTM Berhad ทุกสถานี รับบัตร VISA และ Mastercard จากสถานีเซกามัต มีสถานีขนส่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี มีรถบัสให้บริการไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) สถานีขนส่งลาร์คิน ยะโฮร์บาห์รู (Larkin, Johor Bharu) มะละกา (Malacca) และกวนตัน (Kuantan) ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ แต่หากเดินทางด้วยรถไฟขบวน EG9425 จากปาดังเบซาร์ สามารถต่อรถไฟ KTM Intercity ไปยังสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) เพื่อไปประเทศสิงคโปร์ โดยขบวนที่ ES41 ออกจากสถานีเซกามัตเวลา 02.36 น. ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล 06.25 น. ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร รัฐบาลท้องถิ่นรัฐยะโฮร์เปิดเผยว่าใกล้เสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะเปิดตัวประมาณเดือน ส.ค.2568 #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางการมาเลเซีย ออกคำเตือนถึงพลเรือน เกี่ยวกับการเดินทางเยือนภาคใต้ของไทย ตามหลังเหตุระเบิดและยิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายและบาดเจ็บ 13 คน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    รอยเตอร์รายงานว่าเหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในเหล่าจังหวัดทางใต้สุดของไทย บริเวณที่คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายมุสลิมมาเลย์ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7,300 ราย นับตั้งแต่การก่อกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ยืดเยื้อมานานกว่าหลายทศวรรษ โหมกระพือขึ้นในปี 2004
    .
    กลุ่มมือปืนเปิดฉากยิงเข้าใส่ที่ว่าการอำเภอและจุดชนวนคาร์บอมบ์ ในอำเภอสุไหงโกลก ในจังหวัดนราธิวาส แหล่งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ปลิดชีพอาสามัครด้านความมั่นคงของไทยไป 2 ราย รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ส่วนในจังหวัดปัตตานีที่อยู่ติดกัน ระเบิดข้างทางสังหารอาสาสมัครทหารพราน 1 นายและเจ้าหน้าที่รัฐบาล 2 คน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(9มี.ค.) "มาเลเซียสนับสนุนอย่างแข็งขัน ขอให้เลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังพื้นที่เหล่านั้น ในช่วงเวลานี้"
    .
    จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเยือนไทย 35.5 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียราว 4.9 ล้านคน ทำให้ มาเลเซีย เป็นตลาดด้านการท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน
    .
    รอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส บอกว่าได้ยกระดับคุมเข้มด้านความปลอดภัยในพื้นที่ "เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นมา 4 ถึง 5 ปีแล้ว" พร้อมระบุยังคงมีชาวมาเลเซียอยู่ในพื้นที่ แต่ยอมรับว่าในเบื้องต้น เหตุการณ์นี้คงจะส่งผลกระทบอยู่บ้าง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023259
    ..............
    Sondhi X
    ทางการมาเลเซีย ออกคำเตือนถึงพลเรือน เกี่ยวกับการเดินทางเยือนภาคใต้ของไทย ตามหลังเหตุระเบิดและยิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายและบาดเจ็บ 13 คน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา . รอยเตอร์รายงานว่าเหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในเหล่าจังหวัดทางใต้สุดของไทย บริเวณที่คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายมุสลิมมาเลย์ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7,300 ราย นับตั้งแต่การก่อกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ยืดเยื้อมานานกว่าหลายทศวรรษ โหมกระพือขึ้นในปี 2004 . กลุ่มมือปืนเปิดฉากยิงเข้าใส่ที่ว่าการอำเภอและจุดชนวนคาร์บอมบ์ ในอำเภอสุไหงโกลก ในจังหวัดนราธิวาส แหล่งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ปลิดชีพอาสามัครด้านความมั่นคงของไทยไป 2 ราย รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ส่วนในจังหวัดปัตตานีที่อยู่ติดกัน ระเบิดข้างทางสังหารอาสาสมัครทหารพราน 1 นายและเจ้าหน้าที่รัฐบาล 2 คน . กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(9มี.ค.) "มาเลเซียสนับสนุนอย่างแข็งขัน ขอให้เลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังพื้นที่เหล่านั้น ในช่วงเวลานี้" . จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเยือนไทย 35.5 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียราว 4.9 ล้านคน ทำให้ มาเลเซีย เป็นตลาดด้านการท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน . รอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส บอกว่าได้ยกระดับคุมเข้มด้านความปลอดภัยในพื้นที่ "เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นมา 4 ถึง 5 ปีแล้ว" พร้อมระบุยังคงมีชาวมาเลเซียอยู่ในพื้นที่ แต่ยอมรับว่าในเบื้องต้น เหตุการณ์นี้คงจะส่งผลกระทบอยู่บ้าง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023259 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1893 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขยายบริการ DRT เกาะปีนัง ไปยังเกอร์นีย์และบัตเตอร์เวิร์ธ

    บริการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง หรือ DRT (Demand Responsive Transport) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้รถตู้เป็นยานพาหนะ เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าหลักไปยังชุมชนในรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน เลือกจุดขึ้นรถ จุดลงรถ และชำระค่าโดยสารผ่านบัตรโดยสาร ไม่ได้จำกัดเพียงแค่พื้นที่หุบเขาแคลง (Klang Valley) ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่มหานครอันดับสองอย่างรัฐปีนัง เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    บริษัทแรพิดบัส (Rapid Bus) ผู้ให้บริการรถโดยสาร แรพิด ปีนัง (Rapid Penang) ประกาศว่าจะขยายบริการ แรพิด ปีนัง ออน ดีมานด์ (Rapid Penang On-Demand) จากเดิมมีสาย T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม (Farlim-Air Itam) เพิ่มอีก 3 เส้นทาง ตั้งแต่ 15 มี.ค.2568 เป็นต้นไป ได้แก่

    สาย T110B เกอร์นีย์-ตันจงบุงกะห์ (Gurney-Tanjung Bungah) ใช้รถตู้ 6 คัน

    สาย T710B ซันเวย์-บัตเตอร์เวิร์ธ (Sunway-Butterworth) ใช้รถตู้ 6 คัน

    และสาย T211B ปายา เตอรูบง (Paya Terubong) ใช้รถตู้ 1 คัน

    นอกจากนี้ สาย T210B จะเพิ่มรถตู้จาก 2 คัน เป็น 4 คัน เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น และลดเวลารอคอยของผู้โดยสารจาก 17 นาทีเหลือ 10 นาที ที่ผ่านมามีผู้โดยสารเฉลี่ย 137 คนต่อวัน ซึ่งเกินเป้าหมายเริ่มต้นที่ 100 คนต่อวัน รวมแล้วจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดเกิน 26,000 คนในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา

    แถลงการณ์ของบริษัทฯ ระบุว่า เส้นทางใหม่เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการขนส่งสาธารณะ ในพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและย่านที่อยู่อาศัยที่เพิ่งพัฒนา แต่ยังขาดการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ โดยจะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายรถเมล์ Rapid Penang เพิ่มการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะในรัฐ โดยวางแผนทยอยนำรถตู้ 50 คันมาให้บริการตลอดทั้งปี ซึ่งการเปิดบริการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Rapid Penang On-Demand เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. สามารถจองรถได้ทางแอปพลิเคชัน กัมมูเต (Kummute) คิดค่าโดยสารราคาพิเศษ 1 ริงกิต (ประมาณ 7.70 บาท) ต่อเที่ยวการเดินทาง และจะใช้วิธีการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด ได้แก่ บัตร My50 และบัตร OKU Smile สำหรับคนในพื้นที่ บัตรเดบิต บัตรเครดิต DuitNow QR และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเริ่มจากเส้นทาง T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.2568 ก่อนจะนำมาใช้ทั้ง 3 เส้นทางที่เปิดให้บริการขึ้นมาใหม่

    #Newskit
    ขยายบริการ DRT เกาะปีนัง ไปยังเกอร์นีย์และบัตเตอร์เวิร์ธ บริการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง หรือ DRT (Demand Responsive Transport) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้รถตู้เป็นยานพาหนะ เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าหลักไปยังชุมชนในรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน เลือกจุดขึ้นรถ จุดลงรถ และชำระค่าโดยสารผ่านบัตรโดยสาร ไม่ได้จำกัดเพียงแค่พื้นที่หุบเขาแคลง (Klang Valley) ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่มหานครอันดับสองอย่างรัฐปีนัง เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา บริษัทแรพิดบัส (Rapid Bus) ผู้ให้บริการรถโดยสาร แรพิด ปีนัง (Rapid Penang) ประกาศว่าจะขยายบริการ แรพิด ปีนัง ออน ดีมานด์ (Rapid Penang On-Demand) จากเดิมมีสาย T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม (Farlim-Air Itam) เพิ่มอีก 3 เส้นทาง ตั้งแต่ 15 มี.ค.2568 เป็นต้นไป ได้แก่ สาย T110B เกอร์นีย์-ตันจงบุงกะห์ (Gurney-Tanjung Bungah) ใช้รถตู้ 6 คัน สาย T710B ซันเวย์-บัตเตอร์เวิร์ธ (Sunway-Butterworth) ใช้รถตู้ 6 คัน และสาย T211B ปายา เตอรูบง (Paya Terubong) ใช้รถตู้ 1 คัน นอกจากนี้ สาย T210B จะเพิ่มรถตู้จาก 2 คัน เป็น 4 คัน เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น และลดเวลารอคอยของผู้โดยสารจาก 17 นาทีเหลือ 10 นาที ที่ผ่านมามีผู้โดยสารเฉลี่ย 137 คนต่อวัน ซึ่งเกินเป้าหมายเริ่มต้นที่ 100 คนต่อวัน รวมแล้วจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดเกิน 26,000 คนในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา แถลงการณ์ของบริษัทฯ ระบุว่า เส้นทางใหม่เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการขนส่งสาธารณะ ในพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและย่านที่อยู่อาศัยที่เพิ่งพัฒนา แต่ยังขาดการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ โดยจะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายรถเมล์ Rapid Penang เพิ่มการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะในรัฐ โดยวางแผนทยอยนำรถตู้ 50 คันมาให้บริการตลอดทั้งปี ซึ่งการเปิดบริการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น Rapid Penang On-Demand เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. สามารถจองรถได้ทางแอปพลิเคชัน กัมมูเต (Kummute) คิดค่าโดยสารราคาพิเศษ 1 ริงกิต (ประมาณ 7.70 บาท) ต่อเที่ยวการเดินทาง และจะใช้วิธีการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด ได้แก่ บัตร My50 และบัตร OKU Smile สำหรับคนในพื้นที่ บัตรเดบิต บัตรเครดิต DuitNow QR และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเริ่มจากเส้นทาง T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.2568 ก่อนจะนำมาใช้ทั้ง 3 เส้นทางที่เปิดให้บริการขึ้นมาใหม่ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
    .
    วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
    .
    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ
    .
    ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกันศาลอาญาไม่อนุญาต ทักษิณ ไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุเพียงพอ
    .
    ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
    .
    วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
    .
    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ
    .
    ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021861
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา . วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร . ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ . ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกันศาลอาญาไม่อนุญาต ทักษิณ ไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุเพียงพอ . ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา . วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร . ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ . ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021861 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    27
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2426 มุมมอง 0 รีวิว
  • 343 ปี สิ้น “หลวงปู่ทวด” เหยียบน้ำทะเลจืด หนึ่งในสองอภิมหาเกจิเถราจารย์ไทย คู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)

    ย้อนรอย 343 ปี การมรณภาพของหลวงปู่ทวด เกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาแห่งสยามประเทศ

    🔹 หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ชื่อนี้เป็นที่รู้จัก และเคารพบูชาอย่างแพร่หลายทั่วประเทศไทย ด้วยพุทธคุณที่เป็นเลิศ ทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี รวมไปถึงปาฏิหาริย์ ที่เล่าขานกันมาหลายศตวรรษ

    วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225 นับถึงวันนี้ เป็นวันครบรอบ 343 ปี แห่งการมรณภาพของหลวงปู่ทวด พระมหาเถระผู้ทรงอภิญญา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น หนึ่งในสองอภิมหาเกจิอาจารย์ของไทย คู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา ในหมู่พุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ

    🔹 กำเนิดพระอริยสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ หลวงปู่ทวดมีนามเดิมว่า "ปู" เกิดในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2125 - 2131 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา บิดาและมารดาคือ นายหู และนางจันทร์ ซึ่งเป็นชาวบ้านในเขตตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา 🔸

    🔹 ปาฏิหาริย์ตั้งแต่แรกเกิด เล่ากันว่าขณะที่หลวงปู่ทวดยังเป็นทารก บิดามารดาได้นำเปลไปแขวนไว้ใต้ต้นไม้ ขณะออกไปเกี่ยวข้าวในทุ่งนา ทันใดนั้น มีงูจงอางขนาดใหญ่ มาพันรอบเปล แต่แทนที่งูจะทำอันตราย มันกลับคลายตัวออก และทิ้งเม็ดแก้ววิเศษ ไว้บนหน้าอกของทารก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นของวิเศษ ที่แสดงถึงบุญญาธิการอันสูงส่งของหลวงปู่ทวด ตั้งแต่แรกเกิด

    🔹 เมื่ออายุ 7 ขวบ บิดามารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือ ที่วัดดีหลวง โดยมีหลวงตาจวง เป็นครูสอนพื้นฐานทางพุทธศาสนา

    ด้วยสติปัญญาอันเฉลียวฉลาด หลวงปู่ทวดสามารถเรียนรู้พระธรรมวินัย ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่ออายุ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสีหยัง ก่อนที่จะเดินทางไปศึกษาธรรม ในเมืองนครศรีธรรมราช และต่อมาได้เดินทางเข้าสู่กรุงศรีอยุธยา เพื่อศึกษาพระไตรปิฎกในระดับสูง

    🔹 ปาฏิหาริย์ "เหยียบน้ำทะเลจืด" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ขณะที่หลวงปู่ทวดเดินทางโดยเรือ เพื่อไปยังกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกโจรสลัดจีนจับตัวไป และระหว่างการเดินทางบนเรือ กลุ่มโจรต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำจืด

    หลวงปู่ทวดจึงเหยียบลงบนผิวน้ำทะเล และทันใดนั้น น้ำทะเลอันเค็มจัด กลับกลายเป็นน้ำจืด ที่สามารถดื่มได้อย่างอัศจรรย์! โจรสลัดพากันกราบไหว้ขอขมา และพากลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย

    ปาฏิหาริย์นี้ ได้กลายเป็นเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมา และเป็นที่มาของ "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด"

    🔹 หลังจากศึกษาธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลานาน หลวงปู่ทวดได้เดินทางไปยังเมืองไทรบุรี ปัจจุบันคือรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย และมรณภาพที่นั่น เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225 รวมสิริอายุได้ 100 ปี

    ศิษยานุศิษย์ได้นำสังขารกลับมายังวัดช้างให้ จ.ปัตตานี ผ่านเส้นทางที่มีจุดพักรวม 18 จุด จนถึงจุดหมายสุดท้ายที่วัดช้างให้ ซึ่งกลายเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาในปัจจุบัน

    🔹 ความศรัทธา และพระเครื่องหลวงปู่ทวด
    🔸 อิทธิฤทธิ์และพุทธคุณ พระเครื่องหลวงปู่ทวดเป็นที่รู้จักในฐานะ "พระเครื่องที่มีพุทธคุณสูงสุดของไทย" โดยเชื่อกันว่า ช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภยันตราย มีเมตตามหานิยม และเสริมดวงชะตา

    🔸 พระเครื่องหลวงปู่ทวด ที่ได้รับความนิยม
    - หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ปี 2497 รุ่นแรก วัดช้างให้
    - หลวงปู่ทวดพิมพ์เตารีด
    - หลวงปู่ทวดหลังเตารีด วัดพะโคะ

    พระเครื่องหลวงปู่ทวดถือเป็น 1 ใน 5 พระเครื่องยอดนิยมของไทย และเป็นที่ต้องการของนักสะสมพระเครื่องทั่วประเทศ

    🔹 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) กับหลวงปู่ทวด
    หลวงปู่ทวดได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 2 อภิมหาเกจิเถราจารย์ไทย คู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) ซึ่งเป็นพระเกจิผู้เปี่ยมบารมีอีกท่านหนึ่งของไทย

    ทั้งสองท่านได้รับความเคารพบูชา จากพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก และเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า

    👉 "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จโตเสกก้อนอิฐให้ลอยน้ำ"

    🔹แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 343 ปี แต่ศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวด ยังคงอยู่ในหัวใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ เป็นอริยสงฆ์ผู้ทรงอภิญญา ที่มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ 📌

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 061100 มี.ค. 2568

    🔹 #หลวงปู่ทวด #เหยียบน้ำทะเลจืด #พระเครื่องหลวงปู่ทวด #วัดช้างให้ #ศรัทธาไม่เสื่อมคลาย #อภิมหาเกจิไทย #สมเด็จโต #หลวงปู่ทวดมรณภาพ343ปี #ตำนานไทย #เกจิอาจารย์
    343 ปี สิ้น “หลวงปู่ทวด” เหยียบน้ำทะเลจืด หนึ่งในสองอภิมหาเกจิเถราจารย์ไทย คู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ย้อนรอย 343 ปี การมรณภาพของหลวงปู่ทวด เกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาแห่งสยามประเทศ 🔹 หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ชื่อนี้เป็นที่รู้จัก และเคารพบูชาอย่างแพร่หลายทั่วประเทศไทย ด้วยพุทธคุณที่เป็นเลิศ ทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี รวมไปถึงปาฏิหาริย์ ที่เล่าขานกันมาหลายศตวรรษ วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225 นับถึงวันนี้ เป็นวันครบรอบ 343 ปี แห่งการมรณภาพของหลวงปู่ทวด พระมหาเถระผู้ทรงอภิญญา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น หนึ่งในสองอภิมหาเกจิอาจารย์ของไทย คู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา ในหมู่พุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ 🔹 กำเนิดพระอริยสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ หลวงปู่ทวดมีนามเดิมว่า "ปู" เกิดในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2125 - 2131 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา บิดาและมารดาคือ นายหู และนางจันทร์ ซึ่งเป็นชาวบ้านในเขตตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา 🔸 🔹 ปาฏิหาริย์ตั้งแต่แรกเกิด เล่ากันว่าขณะที่หลวงปู่ทวดยังเป็นทารก บิดามารดาได้นำเปลไปแขวนไว้ใต้ต้นไม้ ขณะออกไปเกี่ยวข้าวในทุ่งนา ทันใดนั้น มีงูจงอางขนาดใหญ่ มาพันรอบเปล แต่แทนที่งูจะทำอันตราย มันกลับคลายตัวออก และทิ้งเม็ดแก้ววิเศษ ไว้บนหน้าอกของทารก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นของวิเศษ ที่แสดงถึงบุญญาธิการอันสูงส่งของหลวงปู่ทวด ตั้งแต่แรกเกิด 🔹 เมื่ออายุ 7 ขวบ บิดามารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือ ที่วัดดีหลวง โดยมีหลวงตาจวง เป็นครูสอนพื้นฐานทางพุทธศาสนา ด้วยสติปัญญาอันเฉลียวฉลาด หลวงปู่ทวดสามารถเรียนรู้พระธรรมวินัย ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่ออายุ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสีหยัง ก่อนที่จะเดินทางไปศึกษาธรรม ในเมืองนครศรีธรรมราช และต่อมาได้เดินทางเข้าสู่กรุงศรีอยุธยา เพื่อศึกษาพระไตรปิฎกในระดับสูง 🔹 ปาฏิหาริย์ "เหยียบน้ำทะเลจืด" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ขณะที่หลวงปู่ทวดเดินทางโดยเรือ เพื่อไปยังกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกโจรสลัดจีนจับตัวไป และระหว่างการเดินทางบนเรือ กลุ่มโจรต้องประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำจืด หลวงปู่ทวดจึงเหยียบลงบนผิวน้ำทะเล และทันใดนั้น น้ำทะเลอันเค็มจัด กลับกลายเป็นน้ำจืด ที่สามารถดื่มได้อย่างอัศจรรย์! โจรสลัดพากันกราบไหว้ขอขมา และพากลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย ปาฏิหาริย์นี้ ได้กลายเป็นเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมา และเป็นที่มาของ "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" 🔹 หลังจากศึกษาธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลานาน หลวงปู่ทวดได้เดินทางไปยังเมืองไทรบุรี ปัจจุบันคือรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย และมรณภาพที่นั่น เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225 รวมสิริอายุได้ 100 ปี ศิษยานุศิษย์ได้นำสังขารกลับมายังวัดช้างให้ จ.ปัตตานี ผ่านเส้นทางที่มีจุดพักรวม 18 จุด จนถึงจุดหมายสุดท้ายที่วัดช้างให้ ซึ่งกลายเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาในปัจจุบัน 🔹 ความศรัทธา และพระเครื่องหลวงปู่ทวด 🔸 อิทธิฤทธิ์และพุทธคุณ พระเครื่องหลวงปู่ทวดเป็นที่รู้จักในฐานะ "พระเครื่องที่มีพุทธคุณสูงสุดของไทย" โดยเชื่อกันว่า ช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภยันตราย มีเมตตามหานิยม และเสริมดวงชะตา 🔸 พระเครื่องหลวงปู่ทวด ที่ได้รับความนิยม - หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ปี 2497 รุ่นแรก วัดช้างให้ - หลวงปู่ทวดพิมพ์เตารีด - หลวงปู่ทวดหลังเตารีด วัดพะโคะ พระเครื่องหลวงปู่ทวดถือเป็น 1 ใน 5 พระเครื่องยอดนิยมของไทย และเป็นที่ต้องการของนักสะสมพระเครื่องทั่วประเทศ 🔹 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) กับหลวงปู่ทวด หลวงปู่ทวดได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 2 อภิมหาเกจิเถราจารย์ไทย คู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรังสี) ซึ่งเป็นพระเกจิผู้เปี่ยมบารมีอีกท่านหนึ่งของไทย ทั้งสองท่านได้รับความเคารพบูชา จากพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก และเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า 👉 "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จโตเสกก้อนอิฐให้ลอยน้ำ" 🔹แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 343 ปี แต่ศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวด ยังคงอยู่ในหัวใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ เป็นอริยสงฆ์ผู้ทรงอภิญญา ที่มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ 📌 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 061100 มี.ค. 2568 🔹 #หลวงปู่ทวด #เหยียบน้ำทะเลจืด #พระเครื่องหลวงปู่ทวด #วัดช้างให้ #ศรัทธาไม่เสื่อมคลาย #อภิมหาเกจิไทย #สมเด็จโต #หลวงปู่ทวดมรณภาพ343ปี #ตำนานไทย #เกจิอาจารย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 608 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุ้นเปิดสถานีขนส่งใหม่ TBG ก่อนเทศกาลอีดิลฟิตรี

    แม้สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย จะเลื่อนให้บริการจากเดิมวันที่ 16 ก.พ. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ก็มีความคืบหน้าจากการตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการ ของนายแอนโทเนีย โลค รมว.คมนาคมมาเลเซียและคณะ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. ในเส้นทางชายฝั่งทะเลตะวันออก ปลายทางรัฐปะหัง รัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน

    นายแอนโทเนีย กล่าวว่า หากสถานีขนส่งกอมบัคสามารถเปิดเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือน มี.ค. จะช่วยลดปัญหาการจราจรที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) ในช่วงเทศกาลอีดิลฟิตรีได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกรมโยธาธิการมาเลเซีย จะตรวจสอบครั้งสุดท้ายภายในปลายสัปดาห์หน้า นอกจากรถบัสด่วนแล้ว ยังเชื่อมต่อกับรถบัสระหว่างเมือง และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) กอมบัค รวมทั้งโครงการรถไฟ ECRL ที่คืบหน้าแล้ว 79%

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีขนส่งกอมบัคยังไม่เปิดให้บริการ ผู้โดยสารยังคงซื้อตั๋วได้สถานีขนส่ง TBS เช่นเดิม โดยการเปิดให้บริการนอกจากจะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และฮอลล์เอนกประสงค์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการอีกด้วย

    สำหรับสถานีขนส่งกอมบัค (TBG) ตั้งอยู่ที่ถนนวงแหวนรอบกลางสายที่ 2 (MRR2) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางกอมบัค และสถานีรถไฟฟ้ากอมบัค ปลายทางของรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) ซึ่งสามารถเดินทางได้จากสถานีกลาง KL Sentral และสถานี KLCC เป็นอาคารสูง 7 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์รวม 1.1 ล้านตารางฟุต 350 ร้านค้า โดยรัฐบาลให้สัมปทานกับเอกชนในการก่อสร้าง ภายใต้โครงการริเริ่มทางการเงินของภาคเอกชน (PFI) ซึ่งบริษัทซีลัน (Zelan) เจ้าของธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลมาเลเซีย ระยะเวลา 25 ปี

    อนึ่ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีสถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS เป็นสถานีขนส่งหลัก เปิดให้บริการเมื่อปี 2554 และมีสถานีขนส่งย่อย เช่น สถานีขนส่งปูดูเซ็นทรัล (Pudu Sentral) ซึ่งเป็นอดีตสถานีขนส่งหลักก่อนย้ายไป TBS ใกล้กันจะมีสถานีขนส่งโกตารายา (Kota Raya) อีกด้านหนึ่งยังมีสถานีขนส่งเปอเกลิลิง (Pekeliling) ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าตี้ตี้วังซา (Titiwangsa) หรือจะเป็นสถานีขนส่งเฮนเทียนดูตาร์ (Hentian Duta) ไปยังปลายทางรัฐตอนเหนือ เช่น ปีนัง เคดะห์ เปรัค ปะลิส และที่สถานี KL Sentral ยังมีรถทัวร์ให้บริการอีกด้วย

    #Newskit
    ลุ้นเปิดสถานีขนส่งใหม่ TBG ก่อนเทศกาลอีดิลฟิตรี แม้สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย จะเลื่อนให้บริการจากเดิมวันที่ 16 ก.พ. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ก็มีความคืบหน้าจากการตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการ ของนายแอนโทเนีย โลค รมว.คมนาคมมาเลเซียและคณะ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. ในเส้นทางชายฝั่งทะเลตะวันออก ปลายทางรัฐปะหัง รัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน นายแอนโทเนีย กล่าวว่า หากสถานีขนส่งกอมบัคสามารถเปิดเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือน มี.ค. จะช่วยลดปัญหาการจราจรที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) ในช่วงเทศกาลอีดิลฟิตรีได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกรมโยธาธิการมาเลเซีย จะตรวจสอบครั้งสุดท้ายภายในปลายสัปดาห์หน้า นอกจากรถบัสด่วนแล้ว ยังเชื่อมต่อกับรถบัสระหว่างเมือง และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) กอมบัค รวมทั้งโครงการรถไฟ ECRL ที่คืบหน้าแล้ว 79% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีขนส่งกอมบัคยังไม่เปิดให้บริการ ผู้โดยสารยังคงซื้อตั๋วได้สถานีขนส่ง TBS เช่นเดิม โดยการเปิดให้บริการนอกจากจะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และฮอลล์เอนกประสงค์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการอีกด้วย สำหรับสถานีขนส่งกอมบัค (TBG) ตั้งอยู่ที่ถนนวงแหวนรอบกลางสายที่ 2 (MRR2) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางกอมบัค และสถานีรถไฟฟ้ากอมบัค ปลายทางของรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) ซึ่งสามารถเดินทางได้จากสถานีกลาง KL Sentral และสถานี KLCC เป็นอาคารสูง 7 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์รวม 1.1 ล้านตารางฟุต 350 ร้านค้า โดยรัฐบาลให้สัมปทานกับเอกชนในการก่อสร้าง ภายใต้โครงการริเริ่มทางการเงินของภาคเอกชน (PFI) ซึ่งบริษัทซีลัน (Zelan) เจ้าของธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลมาเลเซีย ระยะเวลา 25 ปี อนึ่ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีสถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS เป็นสถานีขนส่งหลัก เปิดให้บริการเมื่อปี 2554 และมีสถานีขนส่งย่อย เช่น สถานีขนส่งปูดูเซ็นทรัล (Pudu Sentral) ซึ่งเป็นอดีตสถานีขนส่งหลักก่อนย้ายไป TBS ใกล้กันจะมีสถานีขนส่งโกตารายา (Kota Raya) อีกด้านหนึ่งยังมีสถานีขนส่งเปอเกลิลิง (Pekeliling) ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าตี้ตี้วังซา (Titiwangsa) หรือจะเป็นสถานีขนส่งเฮนเทียนดูตาร์ (Hentian Duta) ไปยังปลายทางรัฐตอนเหนือ เช่น ปีนัง เคดะห์ เปรัค ปะลิส และที่สถานี KL Sentral ยังมีรถทัวร์ให้บริการอีกด้วย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคาะวันเปิด LRT3 มาเลเซีย 30 กันยายน 2025

    ในที่สุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายชาห์อลัม (Shah Alam Line) หรือ LRT3 รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างสถานีบันดาร์ อูตามา (Bandar Utama) กับสถานีโยฮัน เซเตีย (Johan Setia) มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 หลังส่งมอบโครงการให้กับบริษัท ปราซารานา (Prasarana) ในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ตามที่กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) ระบุว่าความคืบหน้าของโครงการอยู่ที่ 98.16%

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายที่ 3 (LRT3) ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนลำดับที่ 11 ในหุบเขาแคลง มีระยะทาง 37 กิโลเมตร รวมทั้งอุโมงค์ความยาว 2 กิโลเมตร พาดผ่านเขตเปตาลิง จายา (Petaling Jaya) ชาห์อลัม (Shah Alam) และแคลง (Klang) รองรับประชากรมากกว่า 2 ล้านคน มีสถานีรถไฟฟ้า 20 สถานี และอีก 5 สถานีที่ก่อสร้างเพิ่มเติม พร้อมที่จอดรถ 6 สถานี รองรับรถยนต์รวม 2,000 คัน

    ส่วนขบวนรถมี 3 ตู้ รวม 22 ขบวน ผลิตโดยบริษัท CRRC Corporation รองรับผู้โดยสารสูงสุด 18,630 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการความถี่ทุก 6 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 67,000 เที่ยวคนต่อวัน

    จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบันดาร์ อูตามา ใกล้กับศูนย์การค้าวันอูตามา (1 Utama) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ผ่านสถานที่สำคัญอย่างสนามกีฬาชาห์อลัม (Stadium Shah Alam) มัสยิดสุลต่านซาลาฮุดดินอับดุลอาซิซ (Masjid Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยียูไอทีเอ็ม (UiTM) โครงการไอ-ซิตี้ (i-City) สวนสนุกไอ-ซิตี้ ธีมพาร์ค (i-City Theme Park) มัสยิดบันดาร์ดิราจาแคลงอูตารา (Masjid Bandar Diraja Klang Utara)

    มีสถานีเชื่อมต่อ ได้แก่ 1. สถานีบันดาร์ อูตามา เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายกาจัง (MRT Kajang Line) เส้นทางระหว่างสถานีควาซาดามานซารา (Kwasa Damansara) กับสถานีกาจัง (Kajang) ผ่านสถานีบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) และสถานีตุนราซัคเอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange)

    2. สถานีเกลนมารี 2 (Glenmarie 2) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) เส้นทางระหว่างสถานีปูตราไฮต์ (Putra Heights) กับสถานีกอมบัค (Gombak) ผ่านสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) และสถานีเคแอลซีซี (KLCC) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์

    อนึ่ง ที่สถานีเซคชันตูจู (Seksyen 7) บริเวณเขต 7 ของรัฐสลังงอร์ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ (Central i-City) ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาจากประเทศไทย ลงทุนร่วมกับไอ-เบอร์ฮัด (I-Berhad) เปิดให้บริการเมื่อปี 2562

    #Newskit
    เคาะวันเปิด LRT3 มาเลเซีย 30 กันยายน 2025 ในที่สุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายชาห์อลัม (Shah Alam Line) หรือ LRT3 รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างสถานีบันดาร์ อูตามา (Bandar Utama) กับสถานีโยฮัน เซเตีย (Johan Setia) มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 หลังส่งมอบโครงการให้กับบริษัท ปราซารานา (Prasarana) ในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ตามที่กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) ระบุว่าความคืบหน้าของโครงการอยู่ที่ 98.16% สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายที่ 3 (LRT3) ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนลำดับที่ 11 ในหุบเขาแคลง มีระยะทาง 37 กิโลเมตร รวมทั้งอุโมงค์ความยาว 2 กิโลเมตร พาดผ่านเขตเปตาลิง จายา (Petaling Jaya) ชาห์อลัม (Shah Alam) และแคลง (Klang) รองรับประชากรมากกว่า 2 ล้านคน มีสถานีรถไฟฟ้า 20 สถานี และอีก 5 สถานีที่ก่อสร้างเพิ่มเติม พร้อมที่จอดรถ 6 สถานี รองรับรถยนต์รวม 2,000 คัน ส่วนขบวนรถมี 3 ตู้ รวม 22 ขบวน ผลิตโดยบริษัท CRRC Corporation รองรับผู้โดยสารสูงสุด 18,630 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการความถี่ทุก 6 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 67,000 เที่ยวคนต่อวัน จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบันดาร์ อูตามา ใกล้กับศูนย์การค้าวันอูตามา (1 Utama) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ผ่านสถานที่สำคัญอย่างสนามกีฬาชาห์อลัม (Stadium Shah Alam) มัสยิดสุลต่านซาลาฮุดดินอับดุลอาซิซ (Masjid Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยียูไอทีเอ็ม (UiTM) โครงการไอ-ซิตี้ (i-City) สวนสนุกไอ-ซิตี้ ธีมพาร์ค (i-City Theme Park) มัสยิดบันดาร์ดิราจาแคลงอูตารา (Masjid Bandar Diraja Klang Utara) มีสถานีเชื่อมต่อ ได้แก่ 1. สถานีบันดาร์ อูตามา เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายกาจัง (MRT Kajang Line) เส้นทางระหว่างสถานีควาซาดามานซารา (Kwasa Damansara) กับสถานีกาจัง (Kajang) ผ่านสถานีบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) และสถานีตุนราซัคเอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) 2. สถานีเกลนมารี 2 (Glenmarie 2) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) เส้นทางระหว่างสถานีปูตราไฮต์ (Putra Heights) กับสถานีกอมบัค (Gombak) ผ่านสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) และสถานีเคแอลซีซี (KLCC) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ อนึ่ง ที่สถานีเซคชันตูจู (Seksyen 7) บริเวณเขต 7 ของรัฐสลังงอร์ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ (Central i-City) ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาจากประเทศไทย ลงทุนร่วมกับไอ-เบอร์ฮัด (I-Berhad) เปิดให้บริการเมื่อปี 2562 #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Huawei Mate XT Ultimate Design ในประเทศมาเลเซีย รุ่นนี้มีจอแสดงผล OLED แบบพับได้สามทบ ซึ่งสามารถขยายจากขนาด 6.4 นิ้ว ไปเป็น 7.9 นิ้ว และสูงสุด 10.2 นิ้ว โดยหนาเพียง 3.6 มม. เมื่อเปิดออกเต็มที่ หน้าจอมีอัตราการรีเฟรชที่ 90Hz อีกด้วย

    จุดเด่นของ Huawei Mate XT Ultimate Design คือสามารถใช้งานในโหมดต่างๆ ได้หลายแบบ เช่น
    - โหมดสามหน้าจอ: เหมาะสำหรับดูภาพยนตร์
    - โหมดสองหน้าจอ: เหมาะสำหรับอ่านอีเมลและทำงานที่ต้องการความละเอียดมากขึ้น
    - โหมดหน้าจอเดี่ยว: เหมาะสำหรับการโทรและถ่ายภาพ

    นอกจากนี้ยังมีระบบกล้องหลัก 50 เมกะพิกเซล, กล้องเทเลโฟโต 12 เมกะพิกเซล กับซูมออปติคัล 5.5 เท่า และกล้องอัลตร้าไวด์ 12 เมกะพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 8 เมกะพิกเซล ราคาเปิดตัวในมาเลเซียอยู่ที่ 14,999 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 117,000 บาท) และจะมีการพรีออเดอร์ถึงวันที่ 14 มีนาคม พร้อมรับประกันหน้าจอ 1 ปี

    นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว Huawei ยังได้เปิดตัวสินค้าใหม่อื่น ๆ ด้วย เช่น Huawei MatePad Pro แท็บเล็ตหน้าจอ OLED 13.2 นิ้ว และแบตเตอรี่ 10,100mAh และ Huawei Band 10 นาฬิกาฟิตเนสราคาประหยัด พร้อมคุณสมบัติการติดตามสุขภาพ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/huawei-launches-tri-folding-mate-xt-ultimate-design-smartphone-in-malaysia-pre-orders-priced-at-rm14999
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Huawei Mate XT Ultimate Design ในประเทศมาเลเซีย รุ่นนี้มีจอแสดงผล OLED แบบพับได้สามทบ ซึ่งสามารถขยายจากขนาด 6.4 นิ้ว ไปเป็น 7.9 นิ้ว และสูงสุด 10.2 นิ้ว โดยหนาเพียง 3.6 มม. เมื่อเปิดออกเต็มที่ หน้าจอมีอัตราการรีเฟรชที่ 90Hz อีกด้วย จุดเด่นของ Huawei Mate XT Ultimate Design คือสามารถใช้งานในโหมดต่างๆ ได้หลายแบบ เช่น - โหมดสามหน้าจอ: เหมาะสำหรับดูภาพยนตร์ - โหมดสองหน้าจอ: เหมาะสำหรับอ่านอีเมลและทำงานที่ต้องการความละเอียดมากขึ้น - โหมดหน้าจอเดี่ยว: เหมาะสำหรับการโทรและถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบกล้องหลัก 50 เมกะพิกเซล, กล้องเทเลโฟโต 12 เมกะพิกเซล กับซูมออปติคัล 5.5 เท่า และกล้องอัลตร้าไวด์ 12 เมกะพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 8 เมกะพิกเซล ราคาเปิดตัวในมาเลเซียอยู่ที่ 14,999 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 117,000 บาท) และจะมีการพรีออเดอร์ถึงวันที่ 14 มีนาคม พร้อมรับประกันหน้าจอ 1 ปี นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว Huawei ยังได้เปิดตัวสินค้าใหม่อื่น ๆ ด้วย เช่น Huawei MatePad Pro แท็บเล็ตหน้าจอ OLED 13.2 นิ้ว และแบตเตอรี่ 10,100mAh และ Huawei Band 10 นาฬิกาฟิตเนสราคาประหยัด พร้อมคุณสมบัติการติดตามสุขภาพ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/huawei-launches-tri-folding-mate-xt-ultimate-design-smartphone-in-malaysia-pre-orders-priced-at-rm14999
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Huawei launches tri-folding Mate XT Ultimate Design smartphone in Malaysia, pre-orders priced at RM14,999
    Ever wanted a smartphone that can go from a 6.4in screen to a tablet-like 10.2in screen at the drop of a hat? Well, Huawei delivered exactly today during the global launch of the Mate XT Ultimate Design smartphone held in Kuala Lumpur.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซันเวย์ปั้นมิกซ์ยูสยะโฮร์ สถานี RTS Link เชื่อมสิงคโปร์

    โครงการก่อสร้างรถไฟเชื่อมระหว่างยะโฮร์-สิงคโปร์ หรือ อาร์ทีเอส ลิงก์ (RTS Link) ระยะทาง 4 กิโลเมตร ลงทุนร่วมกันระหว่าง เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ประเทศมาเลเซีย กับเอสเอ็มอาร์ที คอร์ปอเรชัน ผู้ให้บริการรถไฟประเทศสิงคโปร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2564 เชื่อมระหว่างสถานีบูกิตชาการ์ (Bukit Chagar) ฝั่งมาเลเซีย และสถานีวูดแลนด์นอร์ธ (Woodlands North) ฝั่งสิงคโปร์ เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายทอมสัน-อีสต์โคสต์ มีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน ม.ค. 2570

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. เอ็มอาร์ที คอร์ป ได้ลงนามสัญญากับซันเวย์ กรุ๊ป (Sunway Group) พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสย่านสถานีบูกิตชาการ์ มูลค่า 2,600 ล้านริงกิต ประกอบด้วยที่พักอาศัย ศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์การศึกษา และศูนย์สุขภาพ บนพื้นที่ 4.23 เอเคอร์ พร้อมอาคารจอดรถยนต์ 1,550 คัน และจักรยานยนต์ 1,015 คัน รองรับการท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มี.ค. 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปี คาดว่าจะเปิดอาคารจอดรถในเดือน พ.ย. 2569 ส่วนโครงการเฟสแรกเปิดให้บริการในปี 2576

    สำหรับซันเวย์ กรุ๊ป เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซีย ประกอบธุรกิจหลากหลายกว่า 13 ประเภท ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง การศึกษา โรงแรม การแพทย์ ศูนย์การค้า ธีมพาร์ค ดิจิทัล ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนและการเงิน วัสดุก่อสร้าง การผลิตและจำหน่าย และเหมืองหิน อีกทั้งยังลงทุนในหลายประเทศ โดยประเทศไทยได้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์การขนส่งทางอุตสาหกรรม เช่น สายยางไฮโดรลิก สายยางอุตสาหกรรม และเครื่องบีบสาย

    สำหรับรัฐยะโฮร์ กลุ่มซันเวย์ กรุ๊ปลงทุนทั้งธุรกิจก่อสร้าง เหมืองหิน วัสดุก่อสร้าง การผลิตและจำหน่าย การศึกษา รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการซันเวย์ ซิตี้ อิสกันดาร์ ปูเตรี (Sunway City Iskandar Puteri) บนพื้นที่ 2,000 เอเคอร์ ที่ประกอบด้วยบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ศูนย์กีฬา โรงเรียนนานาชาติ และโรงแรม

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ม.ค. รัฐบาลมาเลเซียและสิงคโปร์ลงนามเปิดตัวเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (JS-SEZ) เพื่อดึงดูดการลงทุนระดับโลก ครอบคลุมพื้นที่ 3,571 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 9 โซนเศรษฐกิจ รองรับ 11 ภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิต โลจิสติกส์ ความมั่นคงด้านอาหาร การท่องเที่ยว พลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว บริการทางการเงิน บริการทางธุรกิจ การศึกษา และสุขภาพ โดยตั้งเป้าหมาย 50 โครงการใน 5 ปีแรกและ 100 โครงการในอีก 10 ปีข้างหน้า

    #Newskit
    ซันเวย์ปั้นมิกซ์ยูสยะโฮร์ สถานี RTS Link เชื่อมสิงคโปร์ โครงการก่อสร้างรถไฟเชื่อมระหว่างยะโฮร์-สิงคโปร์ หรือ อาร์ทีเอส ลิงก์ (RTS Link) ระยะทาง 4 กิโลเมตร ลงทุนร่วมกันระหว่าง เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ประเทศมาเลเซีย กับเอสเอ็มอาร์ที คอร์ปอเรชัน ผู้ให้บริการรถไฟประเทศสิงคโปร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2564 เชื่อมระหว่างสถานีบูกิตชาการ์ (Bukit Chagar) ฝั่งมาเลเซีย และสถานีวูดแลนด์นอร์ธ (Woodlands North) ฝั่งสิงคโปร์ เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายทอมสัน-อีสต์โคสต์ มีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน ม.ค. 2570 ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. เอ็มอาร์ที คอร์ป ได้ลงนามสัญญากับซันเวย์ กรุ๊ป (Sunway Group) พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสย่านสถานีบูกิตชาการ์ มูลค่า 2,600 ล้านริงกิต ประกอบด้วยที่พักอาศัย ศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์การศึกษา และศูนย์สุขภาพ บนพื้นที่ 4.23 เอเคอร์ พร้อมอาคารจอดรถยนต์ 1,550 คัน และจักรยานยนต์ 1,015 คัน รองรับการท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มี.ค. 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปี คาดว่าจะเปิดอาคารจอดรถในเดือน พ.ย. 2569 ส่วนโครงการเฟสแรกเปิดให้บริการในปี 2576 สำหรับซันเวย์ กรุ๊ป เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซีย ประกอบธุรกิจหลากหลายกว่า 13 ประเภท ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง การศึกษา โรงแรม การแพทย์ ศูนย์การค้า ธีมพาร์ค ดิจิทัล ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนและการเงิน วัสดุก่อสร้าง การผลิตและจำหน่าย และเหมืองหิน อีกทั้งยังลงทุนในหลายประเทศ โดยประเทศไทยได้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์การขนส่งทางอุตสาหกรรม เช่น สายยางไฮโดรลิก สายยางอุตสาหกรรม และเครื่องบีบสาย สำหรับรัฐยะโฮร์ กลุ่มซันเวย์ กรุ๊ปลงทุนทั้งธุรกิจก่อสร้าง เหมืองหิน วัสดุก่อสร้าง การผลิตและจำหน่าย การศึกษา รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการซันเวย์ ซิตี้ อิสกันดาร์ ปูเตรี (Sunway City Iskandar Puteri) บนพื้นที่ 2,000 เอเคอร์ ที่ประกอบด้วยบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ศูนย์กีฬา โรงเรียนนานาชาติ และโรงแรม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ม.ค. รัฐบาลมาเลเซียและสิงคโปร์ลงนามเปิดตัวเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (JS-SEZ) เพื่อดึงดูดการลงทุนระดับโลก ครอบคลุมพื้นที่ 3,571 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 9 โซนเศรษฐกิจ รองรับ 11 ภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิต โลจิสติกส์ ความมั่นคงด้านอาหาร การท่องเที่ยว พลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว บริการทางการเงิน บริการทางธุรกิจ การศึกษา และสุขภาพ โดยตั้งเป้าหมาย 50 โครงการใน 5 ปีแรกและ 100 โครงการในอีก 10 ปีข้างหน้า #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 553 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68

    โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า

    ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

    ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน

    สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก

    ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

    #Newskit
    ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68 โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า

    กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์

    เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน

    ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา

    ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน

    ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน

    รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศิลปินฟ้องแอร์เอเชีย ละเมิดสตรีทอาร์ตปีนัง

    งานเข้าอีกครั้งสำหรับโลว์คอสต์แอร์ไลน์สัญชาติมาเลเซีย อย่างสายการบินแอร์เอเชีย คราวนี้ไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ แต่เป็นการนำผลงานสตรีทอาร์ตบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซียไปใช้ โดยที่เจ้าของผลงานตัวจริงเห็นว่าไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องและไม่ยุติธรรมสำหรับเขา

    อินสตาแกรม ernestzacharevic ของ เออร์เนสต์ ซาชาเรวิช (Ernest Zacharevic) ศิลปินชาวลิทัวเนีย เจ้าของผลงานสตรีทอาร์ต "Children On A Bicycle" ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก โพสต์ข้อความในหัวข้อ "AIRASIA UPDATE: It’s Time to Talk" ระบุว่า เมื่อ 2 เดือนก่อนได้โพสต์วีดีโอคลิปเครื่องบินแอร์เอเชีย ที่มีภาพจิตรกรรมบนผนังของตน ซึ่งถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม

    "น่าเสียดายที่ไม่ใช่ครั้งแรก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาพจิตรกรรมฝาผนังของผมปรากฎในแคมเปญผ่านอีเมล โฆษณา นิตยสารบนเที่ยวบิน และอื่นๆ ของแอร์เอเชีย โดยไม่ได้รับการให้เครดิต ความยินยอม หรือการชดเชยใดๆ ที่เหมาะสม พฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถือเป็นบรรทัดฐานที่อันตราย นั่นหมายความว่าผลงานของศิลปินอาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องรับผลที่ตามมา ไม่ใช่แค่เรื่องของผมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนศิลปินทั้งหมด"

    ที่ผ่านมาพยายามแก้ไขปัญหานี้อย่างยุติธรรมและเป็นมืออาชีพ แต่การตอบสนองของแอร์เอเชียมีแค่ออกแถลงการณ์ ปฏิเสธการละเมิดลิขสิทธิ์ในอดีต และยืดเยื้อการพูดคุย และเห็นว่าข้อเสนอสุดท้ายไม่สะท้อนถึงคุณค่าต่อผลงานของตน ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยเมื่อยื่นฟ้องแล้ว เขาจะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้

    ศิลปินรายนี้ยังได้แนบภาพหลักฐานที่ผลงานของตน ถูกแอร์เอเชียนำไปใช้แคมเปญโฆษณาต่างๆ มีทั้งการเปิดเส้นทางบินใหม่ระหว่างปีนังไปยังย่างกุ้ง กรุงเทพฯ และเวียดนาม นำไปตัดต่อเป็นสื่อโฆษณาของบริษัทในเครือ เช่น บริการดีลิเวอรีแอร์เอเชียฟู้ด บริการขนส่งสินค้าเทเลพอร์ต และล่าสุดคือลวดลายบนเครื่องบินแอร์เอเชีย

    สำหรับผลงานสตรีทอาร์ต Children On A Bicycle ตั้งอยู่ที่ถนนอาร์เมเนียนในเมืองจอร์จทาวน์ ถูกวาดโดยซาชาเรวิชเมื่อปี 2555 เพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตบนเกาะปีนัง โดยใช้เด็กสองคนที่ชื่อว่า ด.ญ.ตัน ยี (Tan Yi) เมื่ออายุ 5 ขวบ และ ด.ช.ตัน เคิร์น (Tan Kern) เมื่ออายุ 3 ขวบมาเป็นแบบ กลายเป็นสถานที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกมาเยือน กระทั่งเวลาผ่านไป 12 ปี เมื่อเดือน ต.ค.2567 ซาชาเรวิช ได้บูรณะภาพวาดสตรีทอาร์ตดังกล่าว พร้อมกับงานศิลปะอีก 3 ภาพ ได้แก่ Boy On a Bike, Little Boy with a Pet Dinosaur และ Boy on Chair.

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ศิลปินฟ้องแอร์เอเชีย ละเมิดสตรีทอาร์ตปีนัง งานเข้าอีกครั้งสำหรับโลว์คอสต์แอร์ไลน์สัญชาติมาเลเซีย อย่างสายการบินแอร์เอเชีย คราวนี้ไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ แต่เป็นการนำผลงานสตรีทอาร์ตบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซียไปใช้ โดยที่เจ้าของผลงานตัวจริงเห็นว่าไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องและไม่ยุติธรรมสำหรับเขา อินสตาแกรม ernestzacharevic ของ เออร์เนสต์ ซาชาเรวิช (Ernest Zacharevic) ศิลปินชาวลิทัวเนีย เจ้าของผลงานสตรีทอาร์ต "Children On A Bicycle" ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก โพสต์ข้อความในหัวข้อ "AIRASIA UPDATE: It’s Time to Talk" ระบุว่า เมื่อ 2 เดือนก่อนได้โพสต์วีดีโอคลิปเครื่องบินแอร์เอเชีย ที่มีภาพจิตรกรรมบนผนังของตน ซึ่งถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม "น่าเสียดายที่ไม่ใช่ครั้งแรก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาพจิตรกรรมฝาผนังของผมปรากฎในแคมเปญผ่านอีเมล โฆษณา นิตยสารบนเที่ยวบิน และอื่นๆ ของแอร์เอเชีย โดยไม่ได้รับการให้เครดิต ความยินยอม หรือการชดเชยใดๆ ที่เหมาะสม พฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถือเป็นบรรทัดฐานที่อันตราย นั่นหมายความว่าผลงานของศิลปินอาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องรับผลที่ตามมา ไม่ใช่แค่เรื่องของผมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนศิลปินทั้งหมด" ที่ผ่านมาพยายามแก้ไขปัญหานี้อย่างยุติธรรมและเป็นมืออาชีพ แต่การตอบสนองของแอร์เอเชียมีแค่ออกแถลงการณ์ ปฏิเสธการละเมิดลิขสิทธิ์ในอดีต และยืดเยื้อการพูดคุย และเห็นว่าข้อเสนอสุดท้ายไม่สะท้อนถึงคุณค่าต่อผลงานของตน ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยเมื่อยื่นฟ้องแล้ว เขาจะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ ศิลปินรายนี้ยังได้แนบภาพหลักฐานที่ผลงานของตน ถูกแอร์เอเชียนำไปใช้แคมเปญโฆษณาต่างๆ มีทั้งการเปิดเส้นทางบินใหม่ระหว่างปีนังไปยังย่างกุ้ง กรุงเทพฯ และเวียดนาม นำไปตัดต่อเป็นสื่อโฆษณาของบริษัทในเครือ เช่น บริการดีลิเวอรีแอร์เอเชียฟู้ด บริการขนส่งสินค้าเทเลพอร์ต และล่าสุดคือลวดลายบนเครื่องบินแอร์เอเชีย สำหรับผลงานสตรีทอาร์ต Children On A Bicycle ตั้งอยู่ที่ถนนอาร์เมเนียนในเมืองจอร์จทาวน์ ถูกวาดโดยซาชาเรวิชเมื่อปี 2555 เพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตบนเกาะปีนัง โดยใช้เด็กสองคนที่ชื่อว่า ด.ญ.ตัน ยี (Tan Yi) เมื่ออายุ 5 ขวบ และ ด.ช.ตัน เคิร์น (Tan Kern) เมื่ออายุ 3 ขวบมาเป็นแบบ กลายเป็นสถานที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกมาเยือน กระทั่งเวลาผ่านไป 12 ปี เมื่อเดือน ต.ค.2567 ซาชาเรวิช ได้บูรณะภาพวาดสตรีทอาร์ตดังกล่าว พร้อมกับงานศิลปะอีก 3 ภาพ ได้แก่ Boy On a Bike, Little Boy with a Pet Dinosaur และ Boy on Chair. #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 709 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย

    เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน

    โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร

    ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง

    ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา

    ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ชาวมาเลย์ฯ เที่ยวไทย กลายเป็นผู้สูญหาย เมื่อสัปดาห์ก่อน สื่อมวลชนประเทศมาเลเซีย รายงานว่า แอนดี้ จี ยัง คิท (Andy Jee Yung Kit) อายุ 30 ปี ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน สูง 170 เซนติเมตร ผิวคล้ำ และรูปร่างท้วม ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกูชิง รัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียว แต่ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ได้สูญหายและขาดการติดต่อ หลังจากไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่เพื่อนร่วมงานได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่าหายตัวไป หลังจากไม่มาทำงานติดต่อกันสองวันหลังจากวันลาหยุด ทำให้ครอบครัวต้องเร่งค้นหาอย่างเร่งด่วน โดยลูกพี่ลูกน้องของนายแอนดี้ ได้ประกาศตามหาผ่านแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiao Hong Shu) เป็นภาษาจีน ระบุว่า นายแอนดี้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปท่องเที่ยว ต้องเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 ม.ค. กระทั่งเพื่อนร่วมงานแจ้งกับญาติว่า นายแอนดี้ไม่ได้มาทำงานหลังจากวันหยุด จึงทราบว่าหายตัวไปราวสองสามวันแล้ว โทรศัพท์ของเขาถูกตัดการติดต่อ และไม่มีข่าวคราวใดๆ ก่อนหน้านี้นายแอนดี้บอกญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานแต่เพียงว่า จะไปประเทศไทยด้วยกันกับเพื่อนเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนของเขาคือใคร ล่าสุด ครอบครัวของนายแอนดี้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศสิงคโปร์ ตรวจสอบว่านายแอนดี้กลับเข้าประเทศหรือไม่ แต่หากไม่พบเบาะแสใดๆ ครอบครัวกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อตามหานายแอนดี้อีกทางหนึ่ง ประเทศไทยตกเป็นข่าวว่าเป็นทางผ่านของขบวนการสแกมเมอร์ ต้นเดือนที่ผ่านมา หวาง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนวัย 22 ปี ได้รับความช่วยเหลือออกจากเครือข่ายค้ามนุษย์ หลังจากถูกหลอกให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย มีรายงานว่าเขาถูกบังคับให้ฝึกอบรมเป็นสแกมเมอร์ในประเทศเมียนมา ก่อนหน้านี้ แจ็กเกอลีน เชิง (Jacquelin Ch'ng) นักแสดงสาวชาวมาเลเซียวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานวงการบันเทิงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ในฮ่องกง ออกมาเปิดเผยข้อความต้องสงสัยที่เชื่อว่าอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น เพราะได้รับข้อตกลงการจ้างงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเป็นภาษาจีน ที่ได้รับจากเอเจนซีโฆษณาแห่งหนึ่งในประเทศไทย ระบุว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำแบรนด์หนึ่งสนใจที่จะร่วมงาน โดยระบุจังหวัดภูเก็ตและเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ถ่ายทำชุดว่ายน้ำ พร้อมกับขอเสนอสิทธิ์ใช้ภาพเป็นเวลา 6 เดือน ลูกค้ามีงบประมาณ 6 หลักในการถ่ายทำ จึงขอเชิญร่วมงาน ซึ่งข้อความที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เชิงเริ่มสงสัย และแสดงความกังวลว่าจะตรวจสอบได้อย่างไรว่างานโฆษณาที่ถ่ายทำในประเทศไทยเป็นของจริงหรือของปลอม #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 810 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถไฟมาเลย์ KLIA Ekspres เพิ่มตั๋วใน Google Wallet ได้แล้ว

    เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 บริการรถไฟ KLIA Ekspres (เคแอลไอเอ เอ็กซ์เพรส) ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ถึงสถานี KL Sentral สามารถเพิ่มตั๋วโดยสารลงใน Google Wallet กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการพกตั๋วโดยสารโดยไม่ต้องเปิดอีเมล และไม่ต้องพิมพ์ตั๋วแบบกระดาษออกมาอีก

    ผู้โดยสารที่สำรองที่นั่งและชำระเงินผ่านเว็บไซต์ www.KLIAekspres.com ผ่านมือถือเรียบร้อยแล้ว จะมีปุ่ม Add to Google Wallet ให้กดเข้าไป ระบบจะเพิ่มบัตรลงใน Google Wallet กดเข้าไปที่ View pass เพื่อดูตั๋วโดยสาร จากนั้นเมื่อถึงประตูทางเข้า (Boarding Gate) ให้เปิด Google Wallet เลือกตั๋วโดยสาร แล้วนำ QR Code มาสแกนที่ประตูทางเข้า แล้วประตูจะเปิดออกมา เมื่อถึงสถานีปลายทางให้นำ QR Code มาสแกนที่ประตูทางออก ปัจจุบันให้บริการเฉพาะตั๋ว Standard Tickets ทั้งบริการ KLIA Ekspres และ KLIA Transit ประเภทบุคคลทั่วไปและประเภทเด็กเท่านั้น

    สำหรับรถไฟ KLIA Ekspres ระยะทาง 57 กิโลเมตร มีให้เลือก 2 ประเภท ได้แก่ บริการ KLIA Ekspres จอดเฉพาะอาคาร KLIA2, KLIA1 และสถานี KL Sentral โดยไม่จอดสถานีอื่น ใช้เวลาเดินทาง 28 นาที ค่าโดยสารบุคคลทั่วไป เที่ยวเดียว 55 ริงกิต ไป-กลับ 100 ริงกิต เด็กอายุ 6-15 ปี เที่ยวเดียว 25 ริงกิต ไป-กลับ 45 ริงกิต ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี โดยสารฟรีสูงสุด 3 คนต่อผู้ใหญ่ 1 คน ให้บริการทุก 20 นาที จากต้นทางอาคาร KLIA2 เที่ยวแรก 04.55 น. เที่ยวสุดท้าย 00.00 น. จากต้นทางสถานี KL Sentral เที่ยวแรก 05.00 น. เที่ยวสุดท้าย 00.00 น.

    ส่วนบริการ KLIA Transit จอดส่งผู้โดยสารสถานีซาลักติงกิ (Salak Tinggi), สถานีปุตราจายาและไซเบอร์จายา (Putrajaya & Cyberjaya) และสถานีบันดาร์ตาซิกเซลาตัน (Bandar Tasik Selatan) ใช้เวลาจากต้นทางถึงปลายทาง 39 นาที ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง (เช่น จากอาคาร KLIA2 ไป Putrajaya & Cyberjaya ราคา 9.40 ริงกิต) ให้บริการทุก 15 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน และ 30 นาทีนอกชั่วโมงเร่งด่วนและวันหยุด จากต้นทางอาคาร KLIA2 เที่ยวแรก 05.18 น. เที่ยวสุดท้าย 00.30 น. จากต้นทางสถานี KL Sentral เที่ยวแรก 05.03 น. เที่ยวสุดท้าย 00.03 น.

    คำแนะนำ : สามารถใช้บริการ KLIA Transit จากอาคาร KLIA2 ไปสถานี Putrajaya & Cyberjaya แล้วต่อรถไฟฟ้า MRT สาย Putrajaya ลงที่สถานี Ampang Park ค่าโดยสาร 4.40 ริงกิต (ถ้าใช้บัตร TNG ลดเหลือ 3.80 ริงกิต) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT สาย Kelana Jaya ได้

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    รถไฟมาเลย์ KLIA Ekspres เพิ่มตั๋วใน Google Wallet ได้แล้ว เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 บริการรถไฟ KLIA Ekspres (เคแอลไอเอ เอ็กซ์เพรส) ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ถึงสถานี KL Sentral สามารถเพิ่มตั๋วโดยสารลงใน Google Wallet กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการพกตั๋วโดยสารโดยไม่ต้องเปิดอีเมล และไม่ต้องพิมพ์ตั๋วแบบกระดาษออกมาอีก ผู้โดยสารที่สำรองที่นั่งและชำระเงินผ่านเว็บไซต์ www.KLIAekspres.com ผ่านมือถือเรียบร้อยแล้ว จะมีปุ่ม Add to Google Wallet ให้กดเข้าไป ระบบจะเพิ่มบัตรลงใน Google Wallet กดเข้าไปที่ View pass เพื่อดูตั๋วโดยสาร จากนั้นเมื่อถึงประตูทางเข้า (Boarding Gate) ให้เปิด Google Wallet เลือกตั๋วโดยสาร แล้วนำ QR Code มาสแกนที่ประตูทางเข้า แล้วประตูจะเปิดออกมา เมื่อถึงสถานีปลายทางให้นำ QR Code มาสแกนที่ประตูทางออก ปัจจุบันให้บริการเฉพาะตั๋ว Standard Tickets ทั้งบริการ KLIA Ekspres และ KLIA Transit ประเภทบุคคลทั่วไปและประเภทเด็กเท่านั้น สำหรับรถไฟ KLIA Ekspres ระยะทาง 57 กิโลเมตร มีให้เลือก 2 ประเภท ได้แก่ บริการ KLIA Ekspres จอดเฉพาะอาคาร KLIA2, KLIA1 และสถานี KL Sentral โดยไม่จอดสถานีอื่น ใช้เวลาเดินทาง 28 นาที ค่าโดยสารบุคคลทั่วไป เที่ยวเดียว 55 ริงกิต ไป-กลับ 100 ริงกิต เด็กอายุ 6-15 ปี เที่ยวเดียว 25 ริงกิต ไป-กลับ 45 ริงกิต ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี โดยสารฟรีสูงสุด 3 คนต่อผู้ใหญ่ 1 คน ให้บริการทุก 20 นาที จากต้นทางอาคาร KLIA2 เที่ยวแรก 04.55 น. เที่ยวสุดท้าย 00.00 น. จากต้นทางสถานี KL Sentral เที่ยวแรก 05.00 น. เที่ยวสุดท้าย 00.00 น. ส่วนบริการ KLIA Transit จอดส่งผู้โดยสารสถานีซาลักติงกิ (Salak Tinggi), สถานีปุตราจายาและไซเบอร์จายา (Putrajaya & Cyberjaya) และสถานีบันดาร์ตาซิกเซลาตัน (Bandar Tasik Selatan) ใช้เวลาจากต้นทางถึงปลายทาง 39 นาที ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง (เช่น จากอาคาร KLIA2 ไป Putrajaya & Cyberjaya ราคา 9.40 ริงกิต) ให้บริการทุก 15 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน และ 30 นาทีนอกชั่วโมงเร่งด่วนและวันหยุด จากต้นทางอาคาร KLIA2 เที่ยวแรก 05.18 น. เที่ยวสุดท้าย 00.30 น. จากต้นทางสถานี KL Sentral เที่ยวแรก 05.03 น. เที่ยวสุดท้าย 00.03 น. คำแนะนำ : สามารถใช้บริการ KLIA Transit จากอาคาร KLIA2 ไปสถานี Putrajaya & Cyberjaya แล้วต่อรถไฟฟ้า MRT สาย Putrajaya ลงที่สถานี Ampang Park ค่าโดยสาร 4.40 ริงกิต (ถ้าใช้บัตร TNG ลดเหลือ 3.80 ริงกิต) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT สาย Kelana Jaya ได้ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 512 มุมมอง 0 รีวิว
  • K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย

    หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน

    โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น

    ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย

    สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้)

    รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน

    นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้) รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 771 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน" นำคณะร่วมการประชุมนานาชาติว่าด้วยความปลอดภัยและการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ (AISSE'25) ณ เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1246833400247855
    "อนุทิน" นำคณะร่วมการประชุมนานาชาติว่าด้วยความปลอดภัยและการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ (AISSE'25) ณ เมืองปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1246833400247855
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • River of Life ฟื้นชีวิตสายน้ำมาเลย์

    กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นอกจากจะมีอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ หรือตึกแฝด ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวแล้ว อีกจุดเช็กอินหนึ่งซึ่งเป็นที่พูดถึง คือ ริเวอร์ ออฟ ไลฟ์ (River of Life) บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek ซึ่งมีมัสยิดเก่าแก่อย่างมัสยิดจาเม็ก ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำสองสาย ได้แก่ แม่น้ำแคลง (Klang River) กับแม่น้ำกอมบัค (Gombak River) ก่อนเข้าสู่รัฐสลังงอร์ ลงสู่ทะเลที่พอร์ตแคลง ท่าเรือน้ำลึกของประเทศ

    โครงการริเวอร์ออฟไลฟ์ ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2555 โดยมีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนพื้นที่สาธารณะในเมือง ให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม จากเดิมเป็นเพียงแม่น้ำสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำเน่าเสีย ขยะ และสิ่งสกปรกต่างๆ ได้เปลี่ยนไป โดยการนำน้ำไปผ่านการบำบัดให้มีความสะอาด เพียงพอที่จะสัมผัสต่อร่างกายและการพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมกับสร้างทางเดินเลียบแม่น้ำ ความยาว 8 กิโลเมตร ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ผ่านอาคารและสถานที่น่าสนใจหลายแห่งในเมือง

    แลนด์มาร์คที่สำคัญอยู่ที่เลโบห์ ปาซาร์ เบซาร์ (Leboh Pasar Besar) เชื่อมโยงระหว่างศูนย์กลางการบริหารของรัฐบาลอาณานิคมของอังกฤษที่ฝั่งตะวันตก กับชุมชนการค้าและการทำเหมืองของชาวเอเชียที่ฝั่งตะวันออก เดิมเคยเป็นสะพานไม้ ก่อนแทนที่ด้วยคานเหล็กและสะพานเหล็กหล่อ เป็นสัญลักษณ์ของยุคปฎิวัติอุตสาหกรรมในพื้นที่ ภายหลังได้รื้อลงมาในปี 2537 เพื่อก่อสร้างสะพานคอนกรีต เมื่อยืนจากสะพานจะมองเห็นแม่น้ำสองสายบรรจบกัน โดยมีมัสยิดจาเม็กอยู่เบื้องหลัง

    ลูกเล่นที่นำมาใช้ในโครงการนี้ ในยามกลางวันจะมีการพ่นละอองน้ำบริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำและมัสยิดจาเม็ก ราวกับเมืองในหมอก ส่วนเวลากลางคืนจะฉายไฟแอลอีดีโทนสีฟ้า เพื่อให้สวยงามราวกับเมืองในเทพนิยาย นอกจากนี้ การเข้มงวดกฎระเบียบก็เป็นสิ่งสำคัญ จะเห็นได้ว่าไม่มีขยะในแม่น้ำ ตามทางเดินไม่มีเศษบุหรี่ ไม่มีคนไร้บ้านเข้ามาพักอาศัยหลับนอน ตากเสื้อผ้า ตั้งเพิงพักใต้สะพาน จะมีก็แต่เดินเข้ามาปะปนกับผู้คนที่สัญจรไปมาโดยทั่วไปเท่านั้น

    กลับมาที่กรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาสมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม. มีการพัฒนาแหล่งน้ำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ได้แก่ คลองโอ่งอ่าง คลองผดุงกรุงเกษม และคลองช่องนนทรี ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แต่มาถึงสมัยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในปัจจุบันพบว่าแทบไม่ได้รับการสานต่อ ส่วนจุดที่เคยปรับภูมิทัศน์มีสภาพเสื่อมโทรม จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองหลวงประเทศเพื่อนบ้านที่พัฒนาก้าวหน้าแบบทิ้งห่างเช่นนี้

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    River of Life ฟื้นชีวิตสายน้ำมาเลย์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นอกจากจะมีอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ หรือตึกแฝด ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวแล้ว อีกจุดเช็กอินหนึ่งซึ่งเป็นที่พูดถึง คือ ริเวอร์ ออฟ ไลฟ์ (River of Life) บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek ซึ่งมีมัสยิดเก่าแก่อย่างมัสยิดจาเม็ก ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำสองสาย ได้แก่ แม่น้ำแคลง (Klang River) กับแม่น้ำกอมบัค (Gombak River) ก่อนเข้าสู่รัฐสลังงอร์ ลงสู่ทะเลที่พอร์ตแคลง ท่าเรือน้ำลึกของประเทศ โครงการริเวอร์ออฟไลฟ์ ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2555 โดยมีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนพื้นที่สาธารณะในเมือง ให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม จากเดิมเป็นเพียงแม่น้ำสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำเน่าเสีย ขยะ และสิ่งสกปรกต่างๆ ได้เปลี่ยนไป โดยการนำน้ำไปผ่านการบำบัดให้มีความสะอาด เพียงพอที่จะสัมผัสต่อร่างกายและการพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมกับสร้างทางเดินเลียบแม่น้ำ ความยาว 8 กิโลเมตร ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ผ่านอาคารและสถานที่น่าสนใจหลายแห่งในเมือง แลนด์มาร์คที่สำคัญอยู่ที่เลโบห์ ปาซาร์ เบซาร์ (Leboh Pasar Besar) เชื่อมโยงระหว่างศูนย์กลางการบริหารของรัฐบาลอาณานิคมของอังกฤษที่ฝั่งตะวันตก กับชุมชนการค้าและการทำเหมืองของชาวเอเชียที่ฝั่งตะวันออก เดิมเคยเป็นสะพานไม้ ก่อนแทนที่ด้วยคานเหล็กและสะพานเหล็กหล่อ เป็นสัญลักษณ์ของยุคปฎิวัติอุตสาหกรรมในพื้นที่ ภายหลังได้รื้อลงมาในปี 2537 เพื่อก่อสร้างสะพานคอนกรีต เมื่อยืนจากสะพานจะมองเห็นแม่น้ำสองสายบรรจบกัน โดยมีมัสยิดจาเม็กอยู่เบื้องหลัง ลูกเล่นที่นำมาใช้ในโครงการนี้ ในยามกลางวันจะมีการพ่นละอองน้ำบริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำและมัสยิดจาเม็ก ราวกับเมืองในหมอก ส่วนเวลากลางคืนจะฉายไฟแอลอีดีโทนสีฟ้า เพื่อให้สวยงามราวกับเมืองในเทพนิยาย นอกจากนี้ การเข้มงวดกฎระเบียบก็เป็นสิ่งสำคัญ จะเห็นได้ว่าไม่มีขยะในแม่น้ำ ตามทางเดินไม่มีเศษบุหรี่ ไม่มีคนไร้บ้านเข้ามาพักอาศัยหลับนอน ตากเสื้อผ้า ตั้งเพิงพักใต้สะพาน จะมีก็แต่เดินเข้ามาปะปนกับผู้คนที่สัญจรไปมาโดยทั่วไปเท่านั้น กลับมาที่กรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาสมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม. มีการพัฒนาแหล่งน้ำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ได้แก่ คลองโอ่งอ่าง คลองผดุงกรุงเกษม และคลองช่องนนทรี ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แต่มาถึงสมัยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในปัจจุบันพบว่าแทบไม่ได้รับการสานต่อ ส่วนจุดที่เคยปรับภูมิทัศน์มีสภาพเสื่อมโทรม จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองหลวงประเทศเพื่อนบ้านที่พัฒนาก้าวหน้าแบบทิ้งห่างเช่นนี้ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 764 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่านปาดังเบซาร์ วันนี้ที่เปลี่ยนไป

    ใกล้จะครบรอบ 1 ปี สำหรับการกลับมาเปิดใช้สะพานลอยปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย นับตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2567 เป็นต้นมา ซึ่งเชื่อมระหว่างศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ ตรงข้ามด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา กับสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ที่มีรถไฟ KTM Komuter ไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง และรถไฟ ETS ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ พบว่าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

    ถ้ามาจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือรัฐปีนังด้วยรถไฟ ถึงสถานีปาดังเบซาร์ เมื่อออกจากประตูอัตโนมัติ (ACG) จะพบกับบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่และรถตู้ไปหาดใหญ่ คนละ 30 ริงกิต (ประมาณ 231 บาท) แต่มีป้ายบอกทางระบุเป็นภาษาไทยและภาษามาเลย์ว่า "ออกจากเมือง ไปด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICQS) และไปศูนย์การค้า NIAGA ปาดังเบซาร์" โดยลูกศรชี้ไปที่สะพานลอยที่เปิดขึ้นมา ถ้าไม่ได้ใช้บริการรถไฟไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ก็ใช้สะพานลอยแห่งนี้

    สะพานลอยดังกล่าวไปออกวงเวียนปาดังเบซาร์ ซึ่งจะมีรถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งถึงฝั่งประเทศไทย ค่าโดยสาร 10 ริงกิต แต่ถ้าจะเดินเข้าไปเองก็ทำได้แต่ไกลหน่อย ศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ เปิดเวลา 06.00-22.00 น. ส่วนด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทย เปิด 05.00-21.00 น. (เวลาไทย)

    ด้านพื้นที่การค้าย่านวงเวียนปาดังเบซาร์ พบว่ามีร้านมิสเตอร์ดีไอวาย (มาเลเซีย) เปิดอยู่ใกล้กับวงเวียน ตามมาด้วยอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า Arked Niaga ศูนย์การค้า Plaza Niaga และศูนย์การค้า Padang Waremart แต่ก็มีศูนย์การค้าเปิดใหม่ด้านในสุด คือ Padang Besar Street ที่มีศูนย์อาหาร Border Kitchen และร้าน Tealive ตั้งอยู่

    สำหรับร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) มีอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ ร้าน Warisan Limpahan เป็นอาคารพาณิชย์ใกล้ Arked Niaga จำหน่ายน้ำหอม สุรา และบุหรี่ แต่การรับสินค้าหลังชำระเงินแล้ว ต้องนำใบเสร็จไปรับที่ห้องกระจกหลังผ่านจุดลงตราประทับ โดยจะมีพนักงานตามไปส่งสินค้าด้วยจักรยานยนต์ ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือ The ZON Duty Free อยู่เลยศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ไปแล้ว ก่อนถึงด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทย ด้านในคล้ายกับห้างสรรพสินค้า

    เมื่อออกจากด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทยแล้ว มีจุดจอดรถตู้บริเวณตรงข้ามด่าน ค่าโดยสารคนละ 70 บาท รถออกเที่ยวแรก 06.30 น. เที่ยวสุดท้าย 17.30 น. (เวลาไทย) หากต้องการส่งพัสดุไปรษณีย์ จะมีที่ทำการไปรษณีย์ปาดังเบซาร์ อยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ เปิดวันจันทร์-ศุกร์ 08.30-17.00 น. วันเสาร์ 09.00-15.00 น. หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ด่านปาดังเบซาร์ วันนี้ที่เปลี่ยนไป ใกล้จะครบรอบ 1 ปี สำหรับการกลับมาเปิดใช้สะพานลอยปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย นับตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2567 เป็นต้นมา ซึ่งเชื่อมระหว่างศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ ตรงข้ามด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา กับสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ที่มีรถไฟ KTM Komuter ไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง และรถไฟ ETS ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ พบว่าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ถ้ามาจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือรัฐปีนังด้วยรถไฟ ถึงสถานีปาดังเบซาร์ เมื่อออกจากประตูอัตโนมัติ (ACG) จะพบกับบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่และรถตู้ไปหาดใหญ่ คนละ 30 ริงกิต (ประมาณ 231 บาท) แต่มีป้ายบอกทางระบุเป็นภาษาไทยและภาษามาเลย์ว่า "ออกจากเมือง ไปด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICQS) และไปศูนย์การค้า NIAGA ปาดังเบซาร์" โดยลูกศรชี้ไปที่สะพานลอยที่เปิดขึ้นมา ถ้าไม่ได้ใช้บริการรถไฟไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ก็ใช้สะพานลอยแห่งนี้ สะพานลอยดังกล่าวไปออกวงเวียนปาดังเบซาร์ ซึ่งจะมีรถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งถึงฝั่งประเทศไทย ค่าโดยสาร 10 ริงกิต แต่ถ้าจะเดินเข้าไปเองก็ทำได้แต่ไกลหน่อย ศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ เปิดเวลา 06.00-22.00 น. ส่วนด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทย เปิด 05.00-21.00 น. (เวลาไทย) ด้านพื้นที่การค้าย่านวงเวียนปาดังเบซาร์ พบว่ามีร้านมิสเตอร์ดีไอวาย (มาเลเซีย) เปิดอยู่ใกล้กับวงเวียน ตามมาด้วยอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า Arked Niaga ศูนย์การค้า Plaza Niaga และศูนย์การค้า Padang Waremart แต่ก็มีศูนย์การค้าเปิดใหม่ด้านในสุด คือ Padang Besar Street ที่มีศูนย์อาหาร Border Kitchen และร้าน Tealive ตั้งอยู่ สำหรับร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) มีอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ ร้าน Warisan Limpahan เป็นอาคารพาณิชย์ใกล้ Arked Niaga จำหน่ายน้ำหอม สุรา และบุหรี่ แต่การรับสินค้าหลังชำระเงินแล้ว ต้องนำใบเสร็จไปรับที่ห้องกระจกหลังผ่านจุดลงตราประทับ โดยจะมีพนักงานตามไปส่งสินค้าด้วยจักรยานยนต์ ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือ The ZON Duty Free อยู่เลยศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ไปแล้ว ก่อนถึงด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทย ด้านในคล้ายกับห้างสรรพสินค้า เมื่อออกจากด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทยแล้ว มีจุดจอดรถตู้บริเวณตรงข้ามด่าน ค่าโดยสารคนละ 70 บาท รถออกเที่ยวแรก 06.30 น. เที่ยวสุดท้าย 17.30 น. (เวลาไทย) หากต้องการส่งพัสดุไปรษณีย์ จะมีที่ทำการไปรษณีย์ปาดังเบซาร์ อยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ เปิดวันจันทร์-ศุกร์ 08.30-17.00 น. วันเสาร์ 09.00-15.00 น. หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 863 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts