• ฮือฮา "นายกฯ อิ๊งค์" เช่าบ้านระยะยาว กว่า 900 ปีที่ลอนดอน 2 หลังมูลค่ารวม 320 ล้านบาท ครองที่ดิน 4 แปลงเขตคันนายาว กทม.มูลค่ารวม 690.5 ล้านบาท

    วันนี้(3 ม.ค.)สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567

    โดย น.ส.แพทองธาร แจ้งสถานภาพอยู่กินกันฉันสามีภริยากับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท แบ่งเป็นของ น.ส.แพทองธาร 13,846,208,451 บาท เป็นของนายปิฎก 147,118,452 บาท เป็นของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 500,000 บาท และมีหนี้สินทั้งสิ้น 4,441,159,711 บาท และพบว่ามีรายการทรัพย์สินที่น่าสนใจหลายรายการ ในจำนวนนั้นเป็นทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งน.ส.แพทองธาร แจ้งมีที่ดินทั้งหมด 12 แปลง โดยมี 3แปลงในเขตคันนายาว กทม. ประกอบด้วย เนื้อที่ 9 ไร่ 5 ตารางวาซื้อมาเมื่อ 29 พ.ย 54 มูลค่า 360.5 ล้านบาท เนื้อที่ 13 ไร่ 3 ตารางวาได้จากการรับให้เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 58 มูลค่า 130 ล้าน เนื้อที่ 15 ไร่ 33 ตารางวาได้จากการรับให้เมื่อวันที่ 30 มกราคม 58 มูลค่า 150 ล้าน และเนื้อที่ 5 ไร่ 53 ตารางวาได้จากการรับให้เมื่อ 30 ม.ค. 58 มูลค่า 50 ล้าน

    ที่ดินใน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 3 แปลง รวมทั้งหมด 9 งาน 180 ตารางวา รวมมูลค่า 9,900,600 บาท

    นอกจากนี้ ยังพบว่า มีที่ดินในเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น (AZA-TOKIWA AKAIGAWAMURA YOICHI-GUN) ซื้อมาเมื่อ 15 ธ.ค. 2562 มูลค่า 30,000,000 บาทโดยแจ้งถือครองร่วมกับคู่สมรส แจ้งบัญชีคนละ 15,000,000 บาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000000750

    #MGROnline #MGROnline #เช่าบ้าน #ระยะยาว #900ปี #ลอนดอน
    ฮือฮา "นายกฯ อิ๊งค์" เช่าบ้านระยะยาว กว่า 900 ปีที่ลอนดอน 2 หลังมูลค่ารวม 320 ล้านบาท ครองที่ดิน 4 แปลงเขตคันนายาว กทม.มูลค่ารวม 690.5 ล้านบาท • วันนี้(3 ม.ค.)สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 • โดย น.ส.แพทองธาร แจ้งสถานภาพอยู่กินกันฉันสามีภริยากับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท แบ่งเป็นของ น.ส.แพทองธาร 13,846,208,451 บาท เป็นของนายปิฎก 147,118,452 บาท เป็นของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 500,000 บาท และมีหนี้สินทั้งสิ้น 4,441,159,711 บาท และพบว่ามีรายการทรัพย์สินที่น่าสนใจหลายรายการ ในจำนวนนั้นเป็นทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งน.ส.แพทองธาร แจ้งมีที่ดินทั้งหมด 12 แปลง โดยมี 3แปลงในเขตคันนายาว กทม. ประกอบด้วย เนื้อที่ 9 ไร่ 5 ตารางวาซื้อมาเมื่อ 29 พ.ย 54 มูลค่า 360.5 ล้านบาท เนื้อที่ 13 ไร่ 3 ตารางวาได้จากการรับให้เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 58 มูลค่า 130 ล้าน เนื้อที่ 15 ไร่ 33 ตารางวาได้จากการรับให้เมื่อวันที่ 30 มกราคม 58 มูลค่า 150 ล้าน และเนื้อที่ 5 ไร่ 53 ตารางวาได้จากการรับให้เมื่อ 30 ม.ค. 58 มูลค่า 50 ล้าน • ที่ดินใน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 3 แปลง รวมทั้งหมด 9 งาน 180 ตารางวา รวมมูลค่า 9,900,600 บาท • นอกจากนี้ ยังพบว่า มีที่ดินในเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น (AZA-TOKIWA AKAIGAWAMURA YOICHI-GUN) ซื้อมาเมื่อ 15 ธ.ค. 2562 มูลค่า 30,000,000 บาทโดยแจ้งถือครองร่วมกับคู่สมรส แจ้งบัญชีคนละ 15,000,000 บาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000000750 • #MGROnline #MGROnline #เช่าบ้าน #ระยะยาว #900ปี #ลอนดอน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน “นายกฯ แพทองธาร” พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน ตุ๊กตาแบร์บริก 9 ตัว ทองคํา-เครื่องประดับพรึบ เสื้อผ้า 167 ชุดมูลค่าเกือบ 27 ล้าน พบมีที่ดินปทุมธานี 3 แปลง และที่ฮอกไกโด 2 แปลง บ้านเช่าที่ลอนดอน 2 หลัง กู้เงินแม่-พี่ชาย-พี่สาว วันเดียวกันถึง 6 รายการ กว่า 2.8 พันล้าน มีรายได้ปีละ 265 ล้าน

    วันนี้(3ม.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 โดย น.ส.แพทองธาร แจ้งสถานภาพอยู่กินกันฉันสามีภริยากับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท แบ่งเป็นของ น.ส.แพทองธาร 13,846,208,451 บาท เป็นของนายปิฎก 147,118,452 บาท เป็นของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 500,000 บาท มีหนี้สินรวม 4,441,159,711 บาท แบ่งเป็นหนี้สินของ น.ส.แพทองธาร 4,439,980,600 บาท ซึ่งเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 5,458,262 บาท และเป็นหนี้สินอื่น 4,434,522,338 บาท เป็นหนี้สินของคู่สมรส 1,179,110 บาท

    โดย น.ส.แพทองธาร แจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 265,567,322 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส 3,409,682 บาท เงินปันผล 259,267,639 บาท ดอกเบี้ย 2,000,000 บาท ค่าเช่า 890,000 บาท และมีรายจ่ายต่อปี 57,720,000 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจคือ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 45,000,000 บาท ค่าเบี้ยประกันภัย 1,200,000 บาท ค่าใช้จ่ายครัวเรือน 7,000,000 บาท ค่าเล่าเรียนบุตร 1,000,000 บาท ค่าท่องเที่ยว 2,000,000 บาท

    ทรัพย์สินของ น.ส.แพทองธาร แบ่งเป็นเงินสด 7,272,743 บาท เงินฝาก 1,081,187,216 บาทเงินลงทุน 11,007,772,574 บาท เงินให้กู้ยืม 15,238,714 บาท ที่ดิน 724,922,982 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 168,615,386 บาท ยานพาหนะ 66,770,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 358,789,334 บาท ทรัพย์สินอื่น 415,639,500 บาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000000569

    #MGROnline #แพทองธาร #บัญชีทรัพย์สิน
    ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน “นายกฯ แพทองธาร” พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน ตุ๊กตาแบร์บริก 9 ตัว ทองคํา-เครื่องประดับพรึบ เสื้อผ้า 167 ชุดมูลค่าเกือบ 27 ล้าน พบมีที่ดินปทุมธานี 3 แปลง และที่ฮอกไกโด 2 แปลง บ้านเช่าที่ลอนดอน 2 หลัง กู้เงินแม่-พี่ชาย-พี่สาว วันเดียวกันถึง 6 รายการ กว่า 2.8 พันล้าน มีรายได้ปีละ 265 ล้าน • วันนี้(3ม.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 โดย น.ส.แพทองธาร แจ้งสถานภาพอยู่กินกันฉันสามีภริยากับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท แบ่งเป็นของ น.ส.แพทองธาร 13,846,208,451 บาท เป็นของนายปิฎก 147,118,452 บาท เป็นของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 500,000 บาท มีหนี้สินรวม 4,441,159,711 บาท แบ่งเป็นหนี้สินของ น.ส.แพทองธาร 4,439,980,600 บาท ซึ่งเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 5,458,262 บาท และเป็นหนี้สินอื่น 4,434,522,338 บาท เป็นหนี้สินของคู่สมรส 1,179,110 บาท • โดย น.ส.แพทองธาร แจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 265,567,322 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส 3,409,682 บาท เงินปันผล 259,267,639 บาท ดอกเบี้ย 2,000,000 บาท ค่าเช่า 890,000 บาท และมีรายจ่ายต่อปี 57,720,000 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจคือ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 45,000,000 บาท ค่าเบี้ยประกันภัย 1,200,000 บาท ค่าใช้จ่ายครัวเรือน 7,000,000 บาท ค่าเล่าเรียนบุตร 1,000,000 บาท ค่าท่องเที่ยว 2,000,000 บาท • ทรัพย์สินของ น.ส.แพทองธาร แบ่งเป็นเงินสด 7,272,743 บาท เงินฝาก 1,081,187,216 บาทเงินลงทุน 11,007,772,574 บาท เงินให้กู้ยืม 15,238,714 บาท ที่ดิน 724,922,982 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 168,615,386 บาท ยานพาหนะ 66,770,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 358,789,334 บาท ทรัพย์สินอื่น 415,639,500 บาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000000569 • #MGROnline #แพทองธาร #บัญชีทรัพย์สิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.เตรียมเปิดบัญชีทรัพย์สิน “นายกฯอิ๊งค์” และรมต. พ่วง “อดีตนายกฯเศรษฐา” รวม 18 คน วันที่ 3 ม.ค. 68

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124487

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ป.ป.ช.เตรียมเปิดบัญชีทรัพย์สิน “นายกฯอิ๊งค์” และรมต. พ่วง “อดีตนายกฯเศรษฐา” รวม 18 คน วันที่ 3 ม.ค. 68 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124487 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝ่ายหวังยึดคุมทแกล้ว ถอนถอย แผนชั่วหาใช่ชัยชนะพลอย โห่ร้องทหารทุกเหล่าชะลอย ไป่คิด ดีใจหากมุ่งมั่นทำดีพ้อง ปกป้องชาติไทย ประชาชีขอให้เจริญธรรมและสุขสวัสดี ข่าวการ “ถอดถอน” ร่างแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ๒๕๕๑ ของนักการเมืองในระบอบทักษิณ หาใช่เป็น “ชัยชนะ” ของทแกล้วกล้าไทยรักไทยไม่ แต่เป็นเพราะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์และประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วย คนไทยมองเห็นภัยพิบัติของชาติถ้า “นักการเมืองไทย” ควบคุม “กองทัพเหมือนพวกเขาควบคุมข้าราชการประจำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทหาร” มีตัวอย่าง ๑ เรื่องอดีต “ปลัดกระทรวงคมนาคม” มีเงินสดเก็บไว้ในบ้านนับเป็นร้อยๆ ล้าน!:- (เรื่องนี้มิใช่เป็นการประจานซ้ำเติมนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม แต่เป็นบทเรียนเชิงกรณีศึกษาและเปรียบเทียบ)นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม (ที่สายนักการเมืองกลุ่มหนึ่งปั้นขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริตคอรัปชัน ลองไปหาอ่านเอาเองนะครับ (ใน Thaipublica.Comและไทยโพสต์และอื่นๆ) เหตุเกิดเพราะบ้านนายสุพจน์ถูกโจรกรรม ขโมยเงินไป “๖ ล้านบาท แต่โจรให้การกับตำรวจว่า “ในตู้เสื้อผ้าของนายสุพจน์ยังมีเงินซ่อนไว้อีกมากมาย”เรื่องนี้ผ่านสาธารณะสังคมและสื่อ “ปปช.จึงเข้ามาตรวจสอบพบว่านายสุพจน์ “ร่ำรวยผิดปกติ” และพบว่าผิดจริงตามที่โจรให้การจึงส่งฟ้อง “ศาลฎีกาพิพากษา จำคุก ๑๐ เดือน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม (กรรมการการบินไทยจำกัด ด้วย) ไม่รอลงอาญาและยึดทรัพย์บ้างส่วน (เท่านั้น) เพราะปิดบังบัญชีทรัพย์สินที่ผมหยิบยกเรื่องนี้เพราะว่า “การแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นอยู่ในอำนาจของ ครม.!งบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นเค็กก้อนใหญ่ สามารถชำแหละแบ่งกันในกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและตามจำนวน ส.ส.ในสภา จึงเป็นที่มาของระบบโควต้าแบ่งปัน)ถ้านักการเมืองคุม “ทหารเพียงคนเดียว” กลุ่มนักการเมืองบางคนบางกลุ่มนั้นนั้น สามารถคุมการทุจริตตลอดแนวชายแดนทั้งประเทศการค้าของเถื่อนจะเฟื่องฟูตลอดแนวชายแดน ยาเสพติด ค้าคน ค้าอาวุธ ค้ารถขโมยและสิ้นค้าเถิ่อนอื่นๆ อีกมากมาย ลองจินตนาการเอาเองนะครับสรุปว่า “เรื่องจริงที่เป็นประวัติศาสตร์การเมือง การทุจริตในประเทศไทย เคยมี นายทหารที่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ๒ ท่านเท่านั้นที่เป็นเผด็จการทหารและเป็นนายกรัฐมนตรีถูกกฎหมายที่ตัวท่านเองสร้างขึ้นมา เอาผิดฐานทุจริตคอรัปชันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมยึดทรัพย์ ๖๐๔ ล้านบาทในปี ๒๕๐๖ เข้าคลังและรัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ยึดทรัพย์ จอมพลถนอม กิตติขจร ๔๗๐ ล้านบาทในปี ๒๕๑๖แต่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดทรัพย์ ๔๖,๐๐๐ บาทแม้ตัวเงินไม่ได้หรือสามารถวัด “ดีกรีกิเลสความโลภ ความชั่วได้แต่พฤติกรรม “โกงเงินเท่ากัน”ข้อคิด “กรรมมีจริง บาปมีจริง :Vachara Riddhagni ”
    ฝ่ายหวังยึดคุมทแกล้ว ถอนถอย แผนชั่วหาใช่ชัยชนะพลอย โห่ร้องทหารทุกเหล่าชะลอย ไป่คิด ดีใจหากมุ่งมั่นทำดีพ้อง ปกป้องชาติไทย ประชาชีขอให้เจริญธรรมและสุขสวัสดี ข่าวการ “ถอดถอน” ร่างแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ๒๕๕๑ ของนักการเมืองในระบอบทักษิณ หาใช่เป็น “ชัยชนะ” ของทแกล้วกล้าไทยรักไทยไม่ แต่เป็นเพราะ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์และประชาชนคนไทยไม่เห็นด้วย คนไทยมองเห็นภัยพิบัติของชาติถ้า “นักการเมืองไทย” ควบคุม “กองทัพเหมือนพวกเขาควบคุมข้าราชการประจำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทหาร” มีตัวอย่าง ๑ เรื่องอดีต “ปลัดกระทรวงคมนาคม” มีเงินสดเก็บไว้ในบ้านนับเป็นร้อยๆ ล้าน!:- (เรื่องนี้มิใช่เป็นการประจานซ้ำเติมนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม แต่เป็นบทเรียนเชิงกรณีศึกษาและเปรียบเทียบ)นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม (ที่สายนักการเมืองกลุ่มหนึ่งปั้นขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริตคอรัปชัน ลองไปหาอ่านเอาเองนะครับ (ใน Thaipublica.Comและไทยโพสต์และอื่นๆ) เหตุเกิดเพราะบ้านนายสุพจน์ถูกโจรกรรม ขโมยเงินไป “๖ ล้านบาท แต่โจรให้การกับตำรวจว่า “ในตู้เสื้อผ้าของนายสุพจน์ยังมีเงินซ่อนไว้อีกมากมาย”เรื่องนี้ผ่านสาธารณะสังคมและสื่อ “ปปช.จึงเข้ามาตรวจสอบพบว่านายสุพจน์ “ร่ำรวยผิดปกติ” และพบว่าผิดจริงตามที่โจรให้การจึงส่งฟ้อง “ศาลฎีกาพิพากษา จำคุก ๑๐ เดือน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม (กรรมการการบินไทยจำกัด ด้วย) ไม่รอลงอาญาและยึดทรัพย์บ้างส่วน (เท่านั้น) เพราะปิดบังบัญชีทรัพย์สินที่ผมหยิบยกเรื่องนี้เพราะว่า “การแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นอยู่ในอำนาจของ ครม.!งบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นเค็กก้อนใหญ่ สามารถชำแหละแบ่งกันในกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐและตามจำนวน ส.ส.ในสภา จึงเป็นที่มาของระบบโควต้าแบ่งปัน)ถ้านักการเมืองคุม “ทหารเพียงคนเดียว” กลุ่มนักการเมืองบางคนบางกลุ่มนั้นนั้น สามารถคุมการทุจริตตลอดแนวชายแดนทั้งประเทศการค้าของเถื่อนจะเฟื่องฟูตลอดแนวชายแดน ยาเสพติด ค้าคน ค้าอาวุธ ค้ารถขโมยและสิ้นค้าเถิ่อนอื่นๆ อีกมากมาย ลองจินตนาการเอาเองนะครับสรุปว่า “เรื่องจริงที่เป็นประวัติศาสตร์การเมือง การทุจริตในประเทศไทย เคยมี นายทหารที่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ๒ ท่านเท่านั้นที่เป็นเผด็จการทหารและเป็นนายกรัฐมนตรีถูกกฎหมายที่ตัวท่านเองสร้างขึ้นมา เอาผิดฐานทุจริตคอรัปชันจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ถูกรัฐบาลจอมพลถนอมยึดทรัพย์ ๖๐๔ ล้านบาทในปี ๒๕๐๖ เข้าคลังและรัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ยึดทรัพย์ จอมพลถนอม กิตติขจร ๔๗๐ ล้านบาทในปี ๒๕๑๖แต่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดทรัพย์ ๔๖,๐๐๐ บาทแม้ตัวเงินไม่ได้หรือสามารถวัด “ดีกรีกิเลสความโลภ ความชั่วได้แต่พฤติกรรม “โกงเงินเท่ากัน”ข้อคิด “กรรมมีจริง บาปมีจริง :Vachara Riddhagni ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจชน ป.ป.ช. ร้อง 'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ ถอนตัวคดี 'บิ๊กโจ๊ก'
    .
    พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง ขอให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลดังนี้
    .
    ตามที่ข้าพเจ้า พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข้าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงกงานคณะกรรมการป.ป.ช. คือ นายสมบัติ ธรรม กับพวก ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด" และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช.รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น
    .
    เนื่องจากข้าพเจ้าทราบว่า นายสมบัติ ธรธรรม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. ในหลายคณะของ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.และต่อเนื่องมาจนถึง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านปัจจุบัน ซึ่งนายสมบัติฯ มีความ
    รู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เอก สุรเชษฐ์ หักพาล ให้การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในการตกแต่ง
    บัญชีทรัพย์สิน บิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีนายวิสูตร ด้วงมาก เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการรับผิดขอบสำนวนคดีที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ฯ ถูกกล่าวหา ซึ่งนายวิสูตรฯ ก็ปรากฎข้อมูลว่าได้ร่วมทริปไหว้พระที่ พ.ต.ท.โท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและรับประทานอาหารร่วมกันที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 แม้ต่อมานายวิสูตร์ฯ จะถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม และนายสมบัติฯ จะขอถอนตัวจากการเป็นอนุกรรมการ ป.ป.ช. คณะต่างๆ ที่มีนายเอกวิทย์ฯเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม แต่ก็อาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายเอกวิทย์ฯ
    .
    ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาไต่สวน และวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ สมดังเจตนารมณ์ของสำนักงาน ป.ป.ช. และไม่เกิดข้อครหาว่าอาจมีการให้ช่วยเหลือคดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหา ข้าพเจ้าจึงขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิขจารณา
    ..............
    Sondhi X
    ตำรวจชน ป.ป.ช. ร้อง 'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ ถอนตัวคดี 'บิ๊กโจ๊ก' . พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง ขอให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลดังนี้ . ตามที่ข้าพเจ้า พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข้าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงกงานคณะกรรมการป.ป.ช. คือ นายสมบัติ ธรรม กับพวก ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด" และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช.รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น . เนื่องจากข้าพเจ้าทราบว่า นายสมบัติ ธรธรรม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. ในหลายคณะของ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.และต่อเนื่องมาจนถึง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านปัจจุบัน ซึ่งนายสมบัติฯ มีความ รู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เอก สุรเชษฐ์ หักพาล ให้การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในการตกแต่ง บัญชีทรัพย์สิน บิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีนายวิสูตร ด้วงมาก เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการรับผิดขอบสำนวนคดีที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ฯ ถูกกล่าวหา ซึ่งนายวิสูตรฯ ก็ปรากฎข้อมูลว่าได้ร่วมทริปไหว้พระที่ พ.ต.ท.โท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและรับประทานอาหารร่วมกันที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 แม้ต่อมานายวิสูตร์ฯ จะถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม และนายสมบัติฯ จะขอถอนตัวจากการเป็นอนุกรรมการ ป.ป.ช. คณะต่างๆ ที่มีนายเอกวิทย์ฯเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม แต่ก็อาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายเอกวิทย์ฯ . ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาไต่สวน และวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ สมดังเจตนารมณ์ของสำนักงาน ป.ป.ช. และไม่เกิดข้อครหาว่าอาจมีการให้ช่วยเหลือคดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหา ข้าพเจ้าจึงขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิขจารณา .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 684 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ”ส.ว.นันทนา“ พร้อมสามี รวย 345 ล้าน เงินฝาก 41 ล้าน ครองที่ดินใน กทม.มูลค่า 10 ล้านบาท เครื่องประดับอีกเพียบ

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000111947

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ”ส.ว.นันทนา“ พร้อมสามี รวย 345 ล้าน เงินฝาก 41 ล้าน ครองที่ดินใน กทม.มูลค่า 10 ล้านบาท เครื่องประดับอีกเพียบ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000111947 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    Yay
    13
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1408 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตผบ.ตร.ร่อนหนังสือ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ป.ป.ช. ซุกบ้านที่อังกฤษ อ้างเมียเข้าใจไปเอง ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ปี 62 มีสัญญากู้ซื้อ 20 ล.ร่วมแล้ว เลยไม่ต้องแจงบ้านหลังนั้น ลั่นหากจงใจปกปิดจะโชว์ว่ายืมเงินใครทำไม จนท.ตรวจรู้อยู่แล้ว ถามย้ำก็บอกไม่ต้องยื่นเพิ่ม ยันไม่ได้ทำผิด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107677

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อดีตผบ.ตร.ร่อนหนังสือ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ป.ป.ช. ซุกบ้านที่อังกฤษ อ้างเมียเข้าใจไปเอง ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ปี 62 มีสัญญากู้ซื้อ 20 ล.ร่วมแล้ว เลยไม่ต้องแจงบ้านหลังนั้น ลั่นหากจงใจปกปิดจะโชว์ว่ายืมเงินใครทำไม จนท.ตรวจรู้อยู่แล้ว ถามย้ำก็บอกไม่ต้องยื่นเพิ่ม ยันไม่ได้ทำผิด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107677 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1792 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าว 4 พ.ย.

    เลื่อนเคาะเลือกประธาน ธปท. 'กิตติรัตน์' ตัวเต็งแต่มีชนัก เหตุคดีขายข้าวติดตัว
    .
    วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันที่บรรดาคนในแวดวงการเงินการธนาคารต่างจับตาไปที่การประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากมีชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเต็งคนสำคัญที่มีโอกาสคว้าเก้าอี้ตัวนี้ไปครอง
    .
    นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการประชุมในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้เวลา 14.00 น.เพื่อประชุมลงมติว่าจะคัดเลือกบุคคลใดเป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่ ซึ่งยืนยันว่ากรรมการสรรหาฯแต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง และต้องเป็นไปตามหลักการ คือ บุคคลที่จะได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยยะสำคัญกับธปท.หรือไม่ โดยลักษณะต้องห้ามนั้นมีหลายกรณี เช่น ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีตำแหน่งในคณะทำงานของพรรคการเมือง ส่วนเรื่องคุณสมบัติ จะต้องมีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจการของธปท.และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือขัดแย้งทางผลประโยชน์กับธปท.
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีการให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯไปตรวจสอบหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสามคน คือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตอธิบดีกรมศุลกากร -อดีตผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อดีตผู้ตรวจกระทรวงการคลัง และนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามต่างๆ เบื้องต้นพบว่าทั้งสามคนยังไม่มีกรณีต้องห้ามตามกฎหมาย แม้ว่าในกรณีของทั้งนายกุลิศ และ นายกิตติรัตน์ จะต่างเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในอดีตมาก่อนก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงที่ปรึกษาทั่วไปไม่มีเงินเดือน และไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเหมือนกับข้าราชการเมืองตามกฎหมาย อีกทั้งนายกิตติรัตน์ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว
    .
    อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนายกิตติรัตน์นั้นมีประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติให้อุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซียหรือคดี BULOG อินโดนีเซีย ที่นายกิตติรัตน์เคยตกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ฟ้องคดีว่าจะเห็นด้วยกับป.ป.ช.หรือไม่ จึงต้องรอดูว่าคณะกรรมการสรรหาฯจะมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร
    .
    ข่าวแจ้งว่า นายสถิตย์ ได้สั่งเลือกประชุมกรรมการสรรหาจากบ่าย2โมงวันนี้ ไปก่อน
    ..............
    Sondhi X
    ข่าว 4 พ.ย. เลื่อนเคาะเลือกประธาน ธปท. 'กิตติรัตน์' ตัวเต็งแต่มีชนัก เหตุคดีขายข้าวติดตัว . วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันที่บรรดาคนในแวดวงการเงินการธนาคารต่างจับตาไปที่การประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากมีชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเต็งคนสำคัญที่มีโอกาสคว้าเก้าอี้ตัวนี้ไปครอง . นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการประชุมในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้เวลา 14.00 น.เพื่อประชุมลงมติว่าจะคัดเลือกบุคคลใดเป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่ ซึ่งยืนยันว่ากรรมการสรรหาฯแต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง และต้องเป็นไปตามหลักการ คือ บุคคลที่จะได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยยะสำคัญกับธปท.หรือไม่ โดยลักษณะต้องห้ามนั้นมีหลายกรณี เช่น ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีตำแหน่งในคณะทำงานของพรรคการเมือง ส่วนเรื่องคุณสมบัติ จะต้องมีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจการของธปท.และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือขัดแย้งทางผลประโยชน์กับธปท. . ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีการให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯไปตรวจสอบหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสามคน คือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตอธิบดีกรมศุลกากร -อดีตผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อดีตผู้ตรวจกระทรวงการคลัง และนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามต่างๆ เบื้องต้นพบว่าทั้งสามคนยังไม่มีกรณีต้องห้ามตามกฎหมาย แม้ว่าในกรณีของทั้งนายกุลิศ และ นายกิตติรัตน์ จะต่างเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในอดีตมาก่อนก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงที่ปรึกษาทั่วไปไม่มีเงินเดือน และไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเหมือนกับข้าราชการเมืองตามกฎหมาย อีกทั้งนายกิตติรัตน์ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว . อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนายกิตติรัตน์นั้นมีประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติให้อุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซียหรือคดี BULOG อินโดนีเซีย ที่นายกิตติรัตน์เคยตกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ฟ้องคดีว่าจะเห็นด้วยกับป.ป.ช.หรือไม่ จึงต้องรอดูว่าคณะกรรมการสรรหาฯจะมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร . ข่าวแจ้งว่า นายสถิตย์ ได้สั่งเลือกประชุมกรรมการสรรหาจากบ่าย2โมงวันนี้ ไปก่อน .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1014 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ทุกอย่างประเดประดังเข้ามา ทั้งคดีฟอกเงิน,เรื่องบัญชีทรัพย์สินเท็จ, ถูกออกราชการไว้ก่อน, คดีความที่ออกมาฟ้องร้องคนโน้นคนนี้, ออกมาแฉเพื่อนพ้องน้องพี่ เจ้านายเก่า ไปจนถึงนายกรัฐมนตรี ฯลฯ ดูวุ่นวายอีรุงตุงนัง จนโจ๊กมูเตลู น่าจะมีอาการ “ของเข้าตัว” หรือ “ธาตุไฟแตก” เสียแล้ว อาการเป็นอย่างไร
    พรุ่งนี้ "สนธิ" เล่าให้ฟัง 9.00 น. ศุกร์ 3 พฤษภาคม 67

    รับชมพร้อมกัน ทาง YouTube-tiktok-Vk: sondhitalk
    FB: คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    และ sondhiapp

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Sondhitalk #บิ๊กโจ๊ก #มินนี่ #วัชรพล #ปปช
    ตอนนี้ทุกอย่างประเดประดังเข้ามา ทั้งคดีฟอกเงิน,เรื่องบัญชีทรัพย์สินเท็จ, ถูกออกราชการไว้ก่อน, คดีความที่ออกมาฟ้องร้องคนโน้นคนนี้, ออกมาแฉเพื่อนพ้องน้องพี่ เจ้านายเก่า ไปจนถึงนายกรัฐมนตรี ฯลฯ ดูวุ่นวายอีรุงตุงนัง จนโจ๊กมูเตลู น่าจะมีอาการ “ของเข้าตัว” หรือ “ธาตุไฟแตก” เสียแล้ว อาการเป็นอย่างไร พรุ่งนี้ "สนธิ" เล่าให้ฟัง 9.00 น. ศุกร์ 3 พฤษภาคม 67 รับชมพร้อมกัน ทาง YouTube-tiktok-Vk: sondhitalk FB: คุยทุกเรื่องกับสนธิ และ sondhiapp #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Sondhitalk #บิ๊กโจ๊ก #มินนี่ #วัชรพล #ปปช
    Like
    Love
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1738 มุมมอง 0 รีวิว