• CEO ของ Nvidia วิจารณ์นโยบายสหรัฐฯ เรื่องการห้ามส่งออกชิป AI

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งออกชิป AI ไปยังจีน โดยเขาระบุว่า มาตรการนี้เป็น "ความล้มเหลว" และส่งผลตรงกันข้ามกับเป้าหมายของรัฐบาล เนื่องจาก กระตุ้นให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการห้ามส่งออกชิป AI
    ✅ สหรัฐฯ ห้ามส่งออกชิป AI เช่น Nvidia H20 ไปยังจีน
    - ส่งผลให้ ส่วนแบ่งตลาดของ Nvidia ในจีนลดลงจาก 95% เหลือ 50%

    ✅ จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยี AI ของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ
    - บริษัทใหญ่ เช่น Tencent และ Alibaba หันไปใช้ชิปที่ผลิตในประเทศ

    ✅ Jensen Huang เชื่อว่าการแพร่กระจายเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะช่วยรักษาความเป็นผู้นำ
    - เขากล่าวว่า "หากเป้าหมายคือให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำ การจำกัดเทคโนโลยีจะให้ผลตรงกันข้าม"

    ✅ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ Gina Raimondo เห็นด้วยกับ Huang
    - เธอเคยกล่าวว่า "การพยายามหยุดจีนด้วยมาตรการห้ามส่งออกเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์"

    ✅ Nvidia สูญเสียรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์จากการห้ามส่งออก
    - รวมถึง รายได้ภาษีที่สหรัฐฯ สูญเสียไปกว่า 3 พันล้านดอลลาร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-ceo-jensen-huang-says-u-s-ban-on-ai-chip-exports-a-failure-says-spread-of-u-s-chips-vital-to-competitive-advantage
    CEO ของ Nvidia วิจารณ์นโยบายสหรัฐฯ เรื่องการห้ามส่งออกชิป AI Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งออกชิป AI ไปยังจีน โดยเขาระบุว่า มาตรการนี้เป็น "ความล้มเหลว" และส่งผลตรงกันข้ามกับเป้าหมายของรัฐบาล เนื่องจาก กระตุ้นให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการห้ามส่งออกชิป AI ✅ สหรัฐฯ ห้ามส่งออกชิป AI เช่น Nvidia H20 ไปยังจีน - ส่งผลให้ ส่วนแบ่งตลาดของ Nvidia ในจีนลดลงจาก 95% เหลือ 50% ✅ จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยี AI ของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ - บริษัทใหญ่ เช่น Tencent และ Alibaba หันไปใช้ชิปที่ผลิตในประเทศ ✅ Jensen Huang เชื่อว่าการแพร่กระจายเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะช่วยรักษาความเป็นผู้นำ - เขากล่าวว่า "หากเป้าหมายคือให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำ การจำกัดเทคโนโลยีจะให้ผลตรงกันข้าม" ✅ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ Gina Raimondo เห็นด้วยกับ Huang - เธอเคยกล่าวว่า "การพยายามหยุดจีนด้วยมาตรการห้ามส่งออกเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์" ✅ Nvidia สูญเสียรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์จากการห้ามส่งออก - รวมถึง รายได้ภาษีที่สหรัฐฯ สูญเสียไปกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-ceo-jensen-huang-says-u-s-ban-on-ai-chip-exports-a-failure-says-spread-of-u-s-chips-vital-to-competitive-advantage
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia CEO Jensen Huang says U.S. ban on AI chip exports "a failure," says spread of U.S. chips vital to competitive advantage
    Jensen Huang believes that the U.S. should diffuse its AI tech across the globe instead of stopping its rivals from getting it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ติดหล่ม 3 กับดักที่ตัวเองก่อ ยูเครน-ตะวันออกกลาง-ภาษี : คนเคาะข่าว 06-05-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #สงครามยูเครน #ตะวันออกกลาง #นโยบายภาษี #กับดักทรัมป์ #Geopolitics #ข่าวต่างประเทศ #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #วิเคราะห์การเมืองโลก #นโยบายสหรัฐ #thaitimes #ภาษีทรัมป์ #ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
    ทรัมป์ติดหล่ม 3 กับดักที่ตัวเองก่อ ยูเครน-ตะวันออกกลาง-ภาษี : คนเคาะข่าว 06-05-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #สงครามยูเครน #ตะวันออกกลาง #นโยบายภาษี #กับดักทรัมป์ #Geopolitics #ข่าวต่างประเทศ #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #วิเคราะห์การเมืองโลก #นโยบายสหรัฐ #thaitimes #ภาษีทรัมป์ #ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • นโยบายสหรัฐฯ บีบภาษี+บังคับชาวโลกให้ซื้อพันธบัตร100ปี เพื่อให้ย้ายทุนโลก และโรงงานโลก เข้ามาผลิตสินค้าในสหรัฐ ตามนโยบาย Made in USA great..AGAiN เลียนแบบ+ตามหลังจีน
    นโยบายสหรัฐฯ บีบภาษี+บังคับชาวโลกให้ซื้อพันธบัตร100ปี เพื่อให้ย้ายทุนโลก และโรงงานโลก เข้ามาผลิตสินค้าในสหรัฐ ตามนโยบาย Made in USA great..AGAiN เลียนแบบ+ตามหลังจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาษีทรัมป์ เขย่าเศรษฐกิจโลก : คนเคาะข่าว 03-04-68
    ดำเนินรายการโดย : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

    #คนเคาะข่าว #ภาษีทรัมป์ #เศรษฐกิจโลก #นโยบายสหรัฐ #DonaldTrump #สงครามการค้า #ผลกระทบเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #thaitimes #ภาษีนำเข้า #การค้าระหว่างประเทศ
    ภาษีทรัมป์ เขย่าเศรษฐกิจโลก : คนเคาะข่าว 03-04-68 ดำเนินรายการโดย : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร #คนเคาะข่าว #ภาษีทรัมป์ #เศรษฐกิจโลก #นโยบายสหรัฐ #DonaldTrump #สงครามการค้า #ผลกระทบเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #thaitimes #ภาษีนำเข้า #การค้าระหว่างประเทศ
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 706 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • 9 ปัญหาฉุดอเมริกา "ยุคทรัมป์ 2.0" ตามหลังจีน
    .
    ปีหน้า วันที่ 20 มกราคม 2568 นายโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี จะเข้าปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 เป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่มีอายุมากที่สุด ขึ้นครองอำนาจสมัยที่ 2 สื่ออเมริกาตั้งฉายา ว่า "รัฐบาลทรัมป์ 2.0"ที่ต้องเข้ามาบริหาร จะเจอปัญหารุมเร้าหลักๆ ไม่ต่ำกว่า 9 ประการ ที่บีบรัดและฉุดรั้ง ทำให้อเมริกาต้องเดินตามหลังจีนไปอีกหลายทศวรรษ
    .
    ปัญหาข้อที่ 1. คือ ความเสื่อมถอยทางเทคโนโลยีของอเมริกา สหรัฐฯ กำลังสูญเสียความได้เปรียบและความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี จีนเป็นประเทศเดียวในโลกที่สามารถจัดหาสินค้าและบริการที่จำเป็นให้โลกได้ ตั้งแต่เข็มหมุดเล็กจิ๋ว ไปจนถึงสถานีอวกาศ
    .
    2.ยุทธศาสตร์ของจีน ที่ชื่อว่า 'Made in China 2025' ปีหน้ากำหนดเป้าหมายเปลี่ยนจีนให้กลายเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูง ลดการพึ่งพาบริษัทอเมริกา และอัปเกรดศักยภาพส่งเสริมนวัตกรรมในภาคส่วนสำคัญ เช่น หุ่นยนต์อวกาศ พลังงานสะอาด ยานยนต์ วัสดุใหม่ และปัญญาประดิษฐ์ และยกระดับห่วงโซ่มูลค่าระดับโลกผ่านความคิดริเริ่มทาง Made in China 2025 นี้
    .
    ข้อที่ 3. ปัญหาการลงทุนด้านวิจัยพัฒนานวัตกรรมของสหรัฐฯ นั้นยังมีไม่เพียงพอ ทำให้บริษัทสหรัฐฯ ไม่สามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันได้ และประสบปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย ระบบนิเวศเทคโนโลยีไม่สมบูรณ์
    .
    ปัญหาข้อที่ 4. ปัญหาสมองไหลจากอเมริกาที่สูญเสียนักวิจัยและพัฒนาเก่งๆ และขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ และข้อ 5 ระบบการศึกษาของสหรัฐฯ ไม่สามารถผลิตบุคลากรที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีได้เพียงพอ
    .
    ปัญหาข้อที่6 ปัญหาแนวทางและจุดมุ่งหมายขององค์กรเอกชนต่องานวิจัยและพัฒนาเพื่อกำไรเช่นApple ในขณะที่บริษัทของจีน เช่น Huawei ลงทุนอย่างหนักในนวัตกรรมและการวิจัยพื้นฐาน
    .
    ประเด็นต่อมาข้อที่ 7 นโยบายสหรัฐฯของรัฐบาลแต่ละชุดไม่สอดคล้องและขัดแย้งกัน ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจของบริษัทต่างๆ ที่จะลงทุน เพราะความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจ การเมืองสหรัฐฯ
    .
    ข้อที่8. ลัทธิโดดเดี่ยวและอยู่แบบข้าใหญ่คนเดียวของอเมริกา บั่นทอนความก้าวหน้าของสหรัฐฯ ที่ขาดความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ขับเคลื่อนนวัตกรรม ไม่เหมือนกับจีนและประเทศอื่นๆ ที่ส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก จัดตั้งห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกขึ้นมาและดำเนินยุทธศาสตร์การค้าที่ฉลาดเฉลียว
    .
    ข้อที่9. เรียกร้องเสนอให้สหรัฐฯ ต้องปฏิรูปทั้งด้านการศึกษา นโยบาย และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อหยุดความเสื่อมถอย
    .
    ผู้นำสหรัฐฯตกยุคอย่างทรัมป์ ไม่ควรหลอกตัวเองว่า เพียงแค่ใช้ปากกาลงนามประกาศอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็สามารถจะสู้กับจีน ทรัมป์ อายุ 78 ปี จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ อาจจะจนกระทั่งหลังจากตัวเองตายไปแล้ว ถึงจะสามารถก้าวตามจีนได้ทัน
    9 ปัญหาฉุดอเมริกา "ยุคทรัมป์ 2.0" ตามหลังจีน . ปีหน้า วันที่ 20 มกราคม 2568 นายโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี จะเข้าปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 เป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่มีอายุมากที่สุด ขึ้นครองอำนาจสมัยที่ 2 สื่ออเมริกาตั้งฉายา ว่า "รัฐบาลทรัมป์ 2.0"ที่ต้องเข้ามาบริหาร จะเจอปัญหารุมเร้าหลักๆ ไม่ต่ำกว่า 9 ประการ ที่บีบรัดและฉุดรั้ง ทำให้อเมริกาต้องเดินตามหลังจีนไปอีกหลายทศวรรษ . ปัญหาข้อที่ 1. คือ ความเสื่อมถอยทางเทคโนโลยีของอเมริกา สหรัฐฯ กำลังสูญเสียความได้เปรียบและความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี จีนเป็นประเทศเดียวในโลกที่สามารถจัดหาสินค้าและบริการที่จำเป็นให้โลกได้ ตั้งแต่เข็มหมุดเล็กจิ๋ว ไปจนถึงสถานีอวกาศ . 2.ยุทธศาสตร์ของจีน ที่ชื่อว่า 'Made in China 2025' ปีหน้ากำหนดเป้าหมายเปลี่ยนจีนให้กลายเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูง ลดการพึ่งพาบริษัทอเมริกา และอัปเกรดศักยภาพส่งเสริมนวัตกรรมในภาคส่วนสำคัญ เช่น หุ่นยนต์อวกาศ พลังงานสะอาด ยานยนต์ วัสดุใหม่ และปัญญาประดิษฐ์ และยกระดับห่วงโซ่มูลค่าระดับโลกผ่านความคิดริเริ่มทาง Made in China 2025 นี้ . ข้อที่ 3. ปัญหาการลงทุนด้านวิจัยพัฒนานวัตกรรมของสหรัฐฯ นั้นยังมีไม่เพียงพอ ทำให้บริษัทสหรัฐฯ ไม่สามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันได้ และประสบปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย ระบบนิเวศเทคโนโลยีไม่สมบูรณ์ . ปัญหาข้อที่ 4. ปัญหาสมองไหลจากอเมริกาที่สูญเสียนักวิจัยและพัฒนาเก่งๆ และขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ และข้อ 5 ระบบการศึกษาของสหรัฐฯ ไม่สามารถผลิตบุคลากรที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีได้เพียงพอ . ปัญหาข้อที่6 ปัญหาแนวทางและจุดมุ่งหมายขององค์กรเอกชนต่องานวิจัยและพัฒนาเพื่อกำไรเช่นApple ในขณะที่บริษัทของจีน เช่น Huawei ลงทุนอย่างหนักในนวัตกรรมและการวิจัยพื้นฐาน . ประเด็นต่อมาข้อที่ 7 นโยบายสหรัฐฯของรัฐบาลแต่ละชุดไม่สอดคล้องและขัดแย้งกัน ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจของบริษัทต่างๆ ที่จะลงทุน เพราะความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจ การเมืองสหรัฐฯ . ข้อที่8. ลัทธิโดดเดี่ยวและอยู่แบบข้าใหญ่คนเดียวของอเมริกา บั่นทอนความก้าวหน้าของสหรัฐฯ ที่ขาดความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ขับเคลื่อนนวัตกรรม ไม่เหมือนกับจีนและประเทศอื่นๆ ที่ส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก จัดตั้งห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกขึ้นมาและดำเนินยุทธศาสตร์การค้าที่ฉลาดเฉลียว . ข้อที่9. เรียกร้องเสนอให้สหรัฐฯ ต้องปฏิรูปทั้งด้านการศึกษา นโยบาย และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อหยุดความเสื่อมถอย . ผู้นำสหรัฐฯตกยุคอย่างทรัมป์ ไม่ควรหลอกตัวเองว่า เพียงแค่ใช้ปากกาลงนามประกาศอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็สามารถจะสู้กับจีน ทรัมป์ อายุ 78 ปี จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ อาจจะจนกระทั่งหลังจากตัวเองตายไปแล้ว ถึงจะสามารถก้าวตามจีนได้ทัน
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 615 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิพากษ์หนังสือ “ในนามความมั่นคงภายในฯ” (1)

    หลังจากได้อ่านหนังสือ ในนามความมั่นคงภายในฯ ซึ่งเขียนโดยอาจารย์พวงทอง ภวัครพันธุ์ แล้ว ขออนุญาตใช้เสรีภาพทางวิชาการ วิพากษ์หนังสือเล่มนี้นะครับ

    ประเด็นแรกต้องกล่าวถึงคือ แนวคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้ในงานวิจัย จากที่อ่านนั้น อาจารย์พวงทองไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดทฤษฎีใดเป็นรายทฤษฎีโดยเฉพาะ ต้องแกะจากเนื้อหา ส่วนที่อาจารย์พวงทองได้กล่าวถึงในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ นั้นได้เอ่ยถึงเพียงแค่ทฤษฎี Civil Control ในสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น Choawalit Chotwattanaphong

    จากที่แกะจากเนื้อหาจะเห็นร่องรอยแนวคิดหลักสำคัญแนวคิดแรก คือ แนวคิดเรื่องชุมชนจินตกรรมของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ซึ่งส่งต่ออิทธิพลแนวคิดให้กับปัญญาชนไทยอย่าง นิธิ เอียวศรีวงศ์, ธงชัย วินิจจะกูล รวมถึง เกษียรเตชะพีระ จนก่อเกิดเป็นงานเขียนซึ่งเกษียรได้ระบุว่าประยุกต์ต่อยอดและพัฒนาแนวคิดชุมชนจินตกรรมหลายเล่ม[2] เล่มที่น่าสนใจคืองาน Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Nation ของธงชัย วินิจจะกูล ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.พวงทอง และคณะ

    แนวความคิดชุมชนจินตกรรม คือ “ความเป็นชาติ และชาตินิยมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เฉพาะทางวัตนธรรมอย่างหนึ่ง”[3] ซึ่งนักวิชาการไทยนำมาต่อยอดว่ากระบวนการสร้างชาตินั้นใช้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติ

    ร่องรอยเหล่านี้ปรากฎอยู่ในวลี อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ซึ่งปรากฎอยู่หลายต่อหลายครั้งในหนังสือ รวมทั้งประโยคที่ว่า “แม้ว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจะเชื่อมั่นในวิธีการครอบงำเชิงอุดมการณ์ที่พวกเขาดำเนินมาเกินศตวรรษ”[4]

    ธงชัยได้เขียนไว้ในหนังสือออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทยว่า “...ประวัติศาตร์แบบราชาชาตินิยมที่แพร่หลายครอบงำสังคมไทย หรือเป็น ขนบ (Convention) ของความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยในยุคปัจจุบัน มิใช่การไต่สวนค้นคว้าเพื่ออธิบายอดีตหรือปัจจุบันอย่างรอบคอบ แต่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาชุดหนึ่งที่ไม่พึงสงสัย และตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก [5]

    ร่องรอยอิทธิพลแนวคิดชุมชนจินตกรรมอีกประการคือ จากหนังสือชาติไทย, เมืองไทย,แบบเรียน และอนุสาวรีย์ มีประเด็นหนึ่งที่ใกล้เคียงกับแนวคิดของหนังสือ อ.พวงทองก็คือ นิธิ ได้กล่าวไว้ว่า “ชนชั้นนำทางอำนาจมีความชอบธรรมจะดำรงฐานะนั้นอยู่ได้ก็เพื่อปกป้องชาติจากศัตรู เมื่อใดที่หาศัตรูให้แก่ชาติไม่ได้ ชนชั้นนำก็หาเหตุผลที่จะดำรงสถานะนั้นไว้ได้ยากขึ้น”[6]

    ส่วน อ.พวงทอง นั้นได้กล่าวว่า “ไม่ใช่การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศหรอก แต่คือภารกิจการป้องกันความมั่นคงภายในประเทศต่างหากที่เป็นสารัตถะ เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ (raison d'être) ของกองทัพไทย” [7]

    จากอิทธิพลแนวคิดของ นิธิ ได้ทำให้ อ.พวงทองได้สรุปในตอนท้ายว่า “กอ.รมน. ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคอมมิวนิสต์ เพื่อ พคท.พ่ายแพ้ลงแล้ว กอ.รมน. ก็ควรถูกยกเลิกไปด้วย แต่กองทัพและชนชั้นนำจารีตกลับช่วยกันสร้างสภาวะยกเว้นใหม่ๆขึ้นมา สร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา และผลักดันกฏหมายฉบับใหม่ที่ให้อำนาจกับ กอ.รมน.มากขึ้น”[8]

    ทฤษฎีที่สองที่พบจากหนังสือเล่มนี้ คือ ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory) ซึ่งธงชัย วินิจจะกูลได้เขียนไว้ว่า เขาได้รับอิทธิพลของทฤษฎีวิพากษ์ยุคหลังมาร์กซ์ (post-Marxist critical theories) ซึ่งเป็นกลุ่มความคิดที่ท้าทายขนบที่สุด และตนมีประสบการณ์กับความโหดร้ายของประวัติศาตร์ตามขนบราชาชาตินิยม จึงตั้งความปราถนาที่จะรื้อสร้างประวัติศาสตร์ไทยกันใหม่ [9]

    งานที่ธงชัยพยายามท้าทายรื้อประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมแบ่งเป็น 3 ประเภท อย่างแรกได้แก่ หนังสือ Siam Mapped อย่างที่สองรวมอยู่ในหนังสือ “โฉมหน้าราชาชาตินิยม” และอย่างที่สาม คือบทความที่แนะนำวิธีวิทยาและแนวคิดต่างๆที่ท้าทายประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม [10]

    จำกันได้มั้ยครับใครคือผู้แปลหนังสือเรื่อง Siam Mapped จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมีคำว่า “ราชาชาตินิยม” ปรากฎอยู่หลายที่ในหนังสือในนามความมั่นคงฯ

    แต่ในฐานะที่งานเรื่องนี้ เป็นงานวิจัยด้านความมั่นคง เราคงไม่สามารถมองโลกด้วยแว่นชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้นครับ

    ทฤษฎี หรือ แนวคิดที่ควรศึกษาแต่ว่าขาดหายไป มีอยู่หลายแนวคิด เช่น

    แนวคิดความมั่นคงแบบองค์รวม (Comprehensive Security) เป็นแนวคิดที่ขยายขอบเขตมุมมองด้านความมั่นคงให้ครอบคลุมมากกว่ามิติทางการทหาร แต่ยังรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง [11]

    โดย Richard H. Ullman (1983) ในปี 1983 เป็นคนแรก ๆ ที่กล่าวถึงการขยายขอบเขตของความท้าทายด้านความมั่นคงออกไปจากภัยคุกคามทางทหาร ในบทความวิชาการที่ชื่อว่า “Redefining Security” [12]

    แนวคิดนี้แทบจะเป็นแนวคิดหลักในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูจากวารสารมุมมองด้านความมั่นคง[13] จะพบแนวคิด Comprehensive Security เยอะมาก

    หาก อ.พวงทองศึกษาเรื่องนี้สักนิดคงไม่สรุปว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา เพราะแนวคิดภัยคุกคามที่ว่านี้ Richard H. Ullman เป็นคนแรกๆที่นำเสนอครับ

    นอกจากนั้นแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเช่นการแข่งขันกันของจีนกับสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน ซึ่งมีแนวคิดที่สำคัญเช่น ความโกลาหลที่ควบคุมได้ (Controlled Chaos) ซึ่งถูกพัฒนาโดยหน่วยงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น RAND Corporation ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไม่เสถียรหรือความวุ่นวายในระบบสังคมและการเมืองของประเทศเป้าหมาย แต่ยังคงมีการควบคุมผลลัพธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามที่ต้องการ ซึ่งการเข้าไปแทรกแซงประกอบด้วย การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) สื่อมวลชนที่เป็นอิสระ และการให้ทุนวิจัยในสาขาสังคมศาสตร์ ซึ่งการให้ทุนนี้มักมุ่งสร้างเนื้อหาที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในห้วงการปฏิวัติสี และที่รัสเซีย [14]

    อีกทั้งการปฏิบัติการในพื้นที่สีเทาของสหรัฐฯ ก็ยืนยันแนวคิดนี้ เนื่องจากหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯมีภารกิจในการค้ำยันบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่คล้อยตามนโยบายสหรัฐฯ แต่จะโค่นบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่ไม่สนับสนุนนโยบาย ซึ่งจากเดิมนั้นจะสนับสนุนกองโจรเป็นหลักในการเคลื่อนไหวล้มล้าง แต่หลังจากการปฏิวัติบูลโดเซอร์ สหรัฐฯได้หันมาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแทน เนื่องจากได้ผลและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศมากกว่า[15]

    หากศึกษาแนวคิดเหล่านี้จะเห็นภาพของการแทรกแซงจากต่างชาติเพื่อเข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคงภายในของประเทศ การตีความข้อมูลเท่าที่มีแล้วสรุปผลว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา นั้นย่อมเป็นการตีความที่ไม่ได้สำรวจจากมุมมองที่หลากหลาย แต่เป็นการตีความจากมุมมองชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้น

    การตีความข้อมูลนั้นเป็นเสรีของนักวิจัยก็จริง แต่ก่อนจะตีความ นักวิจัยควรสำรวจข้อมูลที่มี ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ครบถ้วนรอบด้านแล้วหรือยัง

    งานวิจัยชิ้นนี้ที่เสนอยุบกอ.รมน.โดยไม่ได้ศึกษาทฤษฎีความมั่นคงอย่างรอบด้าน ก็คล้ายกับคนที่เสนอให้เลิกดื่มกาแฟ โดยฉายภาพให้เห็นเฉพาะข้อเสียของกาแฟ แต่ไม่กล่าวถึงข้อดี

    งานชิ้นนี้จึงไม่ต่างไปจากการผลิตซ้ำอุดมการณ์ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ กับ ธงชัย วินิจจะกูลสักเท่าไหร่

    ยังมีอีกหลายประเด็นเอาไว้ว่ากันต่อในโพสหน้าครับ

    ---

    อ้างอิง

    Choawalit Chotwattanaphong พวงทอง ภวัครพันธุ์ VS กอ.รมน. เผชิญหน้า ถกปมหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน, Matichon TV, (นาทีที่ 17:50), https://youtu.be/W2fQ0NrKoqA?si=SgJpjHhEliaNz8vH (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [2] เกษียร เตชะพีระ, จินตนากรรมที่แปลกแยกจากชุมชน (2), มติชนสุดสัปดาห์, 14 ธันวาคม 2566, https://www.matichonweekly.com/column/article_730383 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [3] Benedict Anderson, Imagined Communities, London, Verso, 1983, หน้า 13. อ้างถึงใน นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 40.

    [4] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2567), หน้า 199.

    [5] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2562), หน้า 5.

    [6] นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 149.

    [7] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย, หน้า 14.

    [8] เรื่องเดียวกัน, หน้า 220.

    [9] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย, หน้า 8.

    [10] เรื่องเดียวกัน, หน้า 10.

    [11] ดวงมน สุขสมาน, "แนวทางการสร้างความมั่นคงของไทยต่อกลุ่มประเทศ CLMV," วารสารมุมมองความมั่นคง, ฉบับที่ 14 (ตุลาคม 2566-มกราคม 2567), หน้า 30, https://www.nsc.go.th/wp-content/uploads/Journal/article-01403.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [12] จารุพล เรืองสุวรรณ, ทบทวนแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงของโลก สิ่งที่ไทยควรตระหนักและเตรียมการรับมือ, สถาบันวิจัยดิเรก ชัยนาม, 2 มิถุนายน 2564, http://www.polsci.tu.ac.th/direk/view.aspx?id=505&Keyword=%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [13] ศึกษาวารสารมุมมองความมั่นคงได้ที่ https://www.nsc.go.th/ebook-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%87/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [14] A.S. Brychkov and G.A. Nikonorov, "Color Revolutions," Journal of the Academy of Military Science (Russia), แปลโดย Boris Vainer, https://www.armyupress.army.mil/Portals/7/Hot%20Spots/Documents/Russia/Color-Revolutions-Brychkov-Nikonorov.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [15] Joseph L. Votel, Charles T. Cleveland, Charles T. Connett, and Will Irwin, "Unconventional Warfare in the Gray Zone," Joint Force Quarterly, NDU Press, ฉบับที่ 80, ไตรมาสที่ 1 ปี 2016, หน้า 101-109, https://ndupress.ndu.edu/JFQ/Joint-Force-Quarterly-80/article/643108/unconventional-warfare-in-the-gray-zone/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    ---


    ต. ตุลยากร
    วิพากษ์หนังสือ “ในนามความมั่นคงภายในฯ” (1) หลังจากได้อ่านหนังสือ ในนามความมั่นคงภายในฯ ซึ่งเขียนโดยอาจารย์พวงทอง ภวัครพันธุ์ แล้ว ขออนุญาตใช้เสรีภาพทางวิชาการ วิพากษ์หนังสือเล่มนี้นะครับ ประเด็นแรกต้องกล่าวถึงคือ แนวคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้ในงานวิจัย จากที่อ่านนั้น อาจารย์พวงทองไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดทฤษฎีใดเป็นรายทฤษฎีโดยเฉพาะ ต้องแกะจากเนื้อหา ส่วนที่อาจารย์พวงทองได้กล่าวถึงในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ นั้นได้เอ่ยถึงเพียงแค่ทฤษฎี Civil Control ในสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น [1] จากที่แกะจากเนื้อหาจะเห็นร่องรอยแนวคิดหลักสำคัญแนวคิดแรก คือ แนวคิดเรื่องชุมชนจินตกรรมของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ซึ่งส่งต่ออิทธิพลแนวคิดให้กับปัญญาชนไทยอย่าง นิธิ เอียวศรีวงศ์, ธงชัย วินิจจะกูล รวมถึง เกษียรเตชะพีระ จนก่อเกิดเป็นงานเขียนซึ่งเกษียรได้ระบุว่าประยุกต์ต่อยอดและพัฒนาแนวคิดชุมชนจินตกรรมหลายเล่ม[2] เล่มที่น่าสนใจคืองาน Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Nation ของธงชัย วินิจจะกูล ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.พวงทอง และคณะ แนวความคิดชุมชนจินตกรรม คือ “ความเป็นชาติ และชาตินิยมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เฉพาะทางวัตนธรรมอย่างหนึ่ง”[3] ซึ่งนักวิชาการไทยนำมาต่อยอดว่ากระบวนการสร้างชาตินั้นใช้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติ ร่องรอยเหล่านี้ปรากฎอยู่ในวลี อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ซึ่งปรากฎอยู่หลายต่อหลายครั้งในหนังสือ รวมทั้งประโยคที่ว่า “แม้ว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจะเชื่อมั่นในวิธีการครอบงำเชิงอุดมการณ์ที่พวกเขาดำเนินมาเกินศตวรรษ”[4] ธงชัยได้เขียนไว้ในหนังสือออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทยว่า “...ประวัติศาตร์แบบราชาชาตินิยมที่แพร่หลายครอบงำสังคมไทย หรือเป็น ขนบ (Convention) ของความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยในยุคปัจจุบัน มิใช่การไต่สวนค้นคว้าเพื่ออธิบายอดีตหรือปัจจุบันอย่างรอบคอบ แต่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาชุดหนึ่งที่ไม่พึงสงสัย และตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก [5] ร่องรอยอิทธิพลแนวคิดชุมชนจินตกรรมอีกประการคือ จากหนังสือชาติไทย, เมืองไทย,แบบเรียน และอนุสาวรีย์ มีประเด็นหนึ่งที่ใกล้เคียงกับแนวคิดของหนังสือ อ.พวงทองก็คือ นิธิ ได้กล่าวไว้ว่า “ชนชั้นนำทางอำนาจมีความชอบธรรมจะดำรงฐานะนั้นอยู่ได้ก็เพื่อปกป้องชาติจากศัตรู เมื่อใดที่หาศัตรูให้แก่ชาติไม่ได้ ชนชั้นนำก็หาเหตุผลที่จะดำรงสถานะนั้นไว้ได้ยากขึ้น”[6] ส่วน อ.พวงทอง นั้นได้กล่าวว่า “ไม่ใช่การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศหรอก แต่คือภารกิจการป้องกันความมั่นคงภายในประเทศต่างหากที่เป็นสารัตถะ เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ (raison d'être) ของกองทัพไทย” [7] จากอิทธิพลแนวคิดของ นิธิ ได้ทำให้ อ.พวงทองได้สรุปในตอนท้ายว่า “กอ.รมน. ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคอมมิวนิสต์ เพื่อ พคท.พ่ายแพ้ลงแล้ว กอ.รมน. ก็ควรถูกยกเลิกไปด้วย แต่กองทัพและชนชั้นนำจารีตกลับช่วยกันสร้างสภาวะยกเว้นใหม่ๆขึ้นมา สร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา และผลักดันกฏหมายฉบับใหม่ที่ให้อำนาจกับ กอ.รมน.มากขึ้น”[8] ทฤษฎีที่สองที่พบจากหนังสือเล่มนี้ คือ ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory) ซึ่งธงชัย วินิจจะกูลได้เขียนไว้ว่า เขาได้รับอิทธิพลของทฤษฎีวิพากษ์ยุคหลังมาร์กซ์ (post-Marxist critical theories) ซึ่งเป็นกลุ่มความคิดที่ท้าทายขนบที่สุด และตนมีประสบการณ์กับความโหดร้ายของประวัติศาตร์ตามขนบราชาชาตินิยม จึงตั้งความปราถนาที่จะรื้อสร้างประวัติศาสตร์ไทยกันใหม่ [9] งานที่ธงชัยพยายามท้าทายรื้อประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมแบ่งเป็น 3 ประเภท อย่างแรกได้แก่ หนังสือ Siam Mapped อย่างที่สองรวมอยู่ในหนังสือ “โฉมหน้าราชาชาตินิยม” และอย่างที่สาม คือบทความที่แนะนำวิธีวิทยาและแนวคิดต่างๆที่ท้าทายประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม [10] จำกันได้มั้ยครับใครคือผู้แปลหนังสือเรื่อง Siam Mapped จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมีคำว่า “ราชาชาตินิยม” ปรากฎอยู่หลายที่ในหนังสือในนามความมั่นคงฯ แต่ในฐานะที่งานเรื่องนี้ เป็นงานวิจัยด้านความมั่นคง เราคงไม่สามารถมองโลกด้วยแว่นชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้นครับ ทฤษฎี หรือ แนวคิดที่ควรศึกษาแต่ว่าขาดหายไป มีอยู่หลายแนวคิด เช่น แนวคิดความมั่นคงแบบองค์รวม (Comprehensive Security) เป็นแนวคิดที่ขยายขอบเขตมุมมองด้านความมั่นคงให้ครอบคลุมมากกว่ามิติทางการทหาร แต่ยังรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง [11] โดย Richard H. Ullman (1983) ในปี 1983 เป็นคนแรก ๆ ที่กล่าวถึงการขยายขอบเขตของความท้าทายด้านความมั่นคงออกไปจากภัยคุกคามทางทหาร ในบทความวิชาการที่ชื่อว่า “Redefining Security” [12] แนวคิดนี้แทบจะเป็นแนวคิดหลักในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูจากวารสารมุมมองด้านความมั่นคง[13] จะพบแนวคิด Comprehensive Security เยอะมาก หาก อ.พวงทองศึกษาเรื่องนี้สักนิดคงไม่สรุปว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา เพราะแนวคิดภัยคุกคามที่ว่านี้ Richard H. Ullman เป็นคนแรกๆที่นำเสนอครับ นอกจากนั้นแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเช่นการแข่งขันกันของจีนกับสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน ซึ่งมีแนวคิดที่สำคัญเช่น ความโกลาหลที่ควบคุมได้ (Controlled Chaos) ซึ่งถูกพัฒนาโดยหน่วยงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น RAND Corporation ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไม่เสถียรหรือความวุ่นวายในระบบสังคมและการเมืองของประเทศเป้าหมาย แต่ยังคงมีการควบคุมผลลัพธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามที่ต้องการ ซึ่งการเข้าไปแทรกแซงประกอบด้วย การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) สื่อมวลชนที่เป็นอิสระ และการให้ทุนวิจัยในสาขาสังคมศาสตร์ ซึ่งการให้ทุนนี้มักมุ่งสร้างเนื้อหาที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในห้วงการปฏิวัติสี และที่รัสเซีย [14] อีกทั้งการปฏิบัติการในพื้นที่สีเทาของสหรัฐฯ ก็ยืนยันแนวคิดนี้ เนื่องจากหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯมีภารกิจในการค้ำยันบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่คล้อยตามนโยบายสหรัฐฯ แต่จะโค่นบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่ไม่สนับสนุนนโยบาย ซึ่งจากเดิมนั้นจะสนับสนุนกองโจรเป็นหลักในการเคลื่อนไหวล้มล้าง แต่หลังจากการปฏิวัติบูลโดเซอร์ สหรัฐฯได้หันมาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแทน เนื่องจากได้ผลและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศมากกว่า[15] หากศึกษาแนวคิดเหล่านี้จะเห็นภาพของการแทรกแซงจากต่างชาติเพื่อเข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคงภายในของประเทศ การตีความข้อมูลเท่าที่มีแล้วสรุปผลว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา นั้นย่อมเป็นการตีความที่ไม่ได้สำรวจจากมุมมองที่หลากหลาย แต่เป็นการตีความจากมุมมองชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้น การตีความข้อมูลนั้นเป็นเสรีของนักวิจัยก็จริง แต่ก่อนจะตีความ นักวิจัยควรสำรวจข้อมูลที่มี ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ครบถ้วนรอบด้านแล้วหรือยัง งานวิจัยชิ้นนี้ที่เสนอยุบกอ.รมน.โดยไม่ได้ศึกษาทฤษฎีความมั่นคงอย่างรอบด้าน ก็คล้ายกับคนที่เสนอให้เลิกดื่มกาแฟ โดยฉายภาพให้เห็นเฉพาะข้อเสียของกาแฟ แต่ไม่กล่าวถึงข้อดี งานชิ้นนี้จึงไม่ต่างไปจากการผลิตซ้ำอุดมการณ์ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ กับ ธงชัย วินิจจะกูลสักเท่าไหร่ ยังมีอีกหลายประเด็นเอาไว้ว่ากันต่อในโพสหน้าครับ --- อ้างอิง [1] พวงทอง ภวัครพันธุ์ VS กอ.รมน. เผชิญหน้า ถกปมหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน, Matichon TV, (นาทีที่ 17:50), https://youtu.be/W2fQ0NrKoqA?si=SgJpjHhEliaNz8vH (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [2] เกษียร เตชะพีระ, จินตนากรรมที่แปลกแยกจากชุมชน (2), มติชนสุดสัปดาห์, 14 ธันวาคม 2566, https://www.matichonweekly.com/column/article_730383 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [3] Benedict Anderson, Imagined Communities, London, Verso, 1983, หน้า 13. อ้างถึงใน นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 40. [4] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2567), หน้า 199. [5] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2562), หน้า 5. [6] นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 149. [7] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย, หน้า 14. [8] เรื่องเดียวกัน, หน้า 220. [9] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย, หน้า 8. [10] เรื่องเดียวกัน, หน้า 10. [11] ดวงมน สุขสมาน, "แนวทางการสร้างความมั่นคงของไทยต่อกลุ่มประเทศ CLMV," วารสารมุมมองความมั่นคง, ฉบับที่ 14 (ตุลาคม 2566-มกราคม 2567), หน้า 30, https://www.nsc.go.th/wp-content/uploads/Journal/article-01403.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [12] จารุพล เรืองสุวรรณ, ทบทวนแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงของโลก สิ่งที่ไทยควรตระหนักและเตรียมการรับมือ, สถาบันวิจัยดิเรก ชัยนาม, 2 มิถุนายน 2564, http://www.polsci.tu.ac.th/direk/view.aspx?id=505&Keyword=%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [13] ศึกษาวารสารมุมมองความมั่นคงได้ที่ https://www.nsc.go.th/ebook-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%87/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [14] A.S. Brychkov and G.A. Nikonorov, "Color Revolutions," Journal of the Academy of Military Science (Russia), แปลโดย Boris Vainer, https://www.armyupress.army.mil/Portals/7/Hot%20Spots/Documents/Russia/Color-Revolutions-Brychkov-Nikonorov.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [15] Joseph L. Votel, Charles T. Cleveland, Charles T. Connett, and Will Irwin, "Unconventional Warfare in the Gray Zone," Joint Force Quarterly, NDU Press, ฉบับที่ 80, ไตรมาสที่ 1 ปี 2016, หน้า 101-109, https://ndupress.ndu.edu/JFQ/Joint-Force-Quarterly-80/article/643108/unconventional-warfare-in-the-gray-zone/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). --- ต. ตุลยากร
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 0 รีวิว