• พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗

    เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด!

    🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨

    🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล!

    ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱

    🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨

    3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ?
    - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์
    - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์
    - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์

    รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸

    การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน

    🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง...

    นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨

    🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก
    - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม
    - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี
    - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์
    - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู

    ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ!

    ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡

    🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

    ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️

    4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊
    1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี
    2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี
    3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี
    4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี

    ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"!

    🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้!

    คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย

    คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท

    ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้

    นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน

    จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง

    บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้

    มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568

    🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗 เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด! 🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨 🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล! ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱 🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨 3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ? - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์ - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸 การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน 🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง... นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨 🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์ - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ! ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡 🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️ 4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊 1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี 2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี 3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี 4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"! 🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้! คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้ นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้ มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568 🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดผมเสร็จ น้องช่างตัดก็ชมเปราะ
    "ตัดขนแล้วค่อยดูเหมือนผมหน่อยเนาะพี่เนาะ !"
    ตัดผมเสร็จ น้องช่างตัดก็ชมเปราะ "ตัดขนแล้วค่อยดูเหมือนผมหน่อยเนาะพี่เนาะ !"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางทีวันนี้ส่งสัญญาณมานัยๆว่าผมคงย้ายไปอยู่คนเดียว แต่ผมไม่ค่อยแสดงออก ทำปฏิกิริยาใดๆกับทางบ้านเพราะยังไงทั้งทางบ้านเดิมหรือทางบ้านที่อยู่ตอนนี้ก็คงอยากตัดผมออกไปจากบ้านเพราะผมเป็นมะเร็งเนื้อร้ายของครอบครัว และปัญหาครอบครั้งทั้งหมดที่สะสมมานานแล้วเกิดจากผมตั้งแต่เกิดมาปัญหาครอบครัวเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นๆ ผมเนี่ยนะเป็นต้นตอ แต่อีกไม่นานเกินปีหน้าผมคงได้อยู่คนเดียวแล้ว จะได้ไม่ต้องมาเป็นกระดาษทิชชูซึมซับอารมณ์ให้คนรอบข้างที่เป็นคนในครอบครัวหรือคนสนิทที่คิดเห็นและเข้าใจไม่ตรงกันกับผมนานแล้ว ไม่ต้องมาอ้างว่าทำไปเพราะรัก บังคับไปเพราะรักหรอก รักเหมือนไม่ได้รักจริงๆ รักจนคนที่พยายามจะรักเริ่มไม่มีอิสรภาพทางความคิด เริ่มถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกไปแล้ว ผมอยากต่างคนต่างอยู่ เพราะผมยิ่งอยู่ยิ่งบาปเพราะไม่ค่อยได้โฟกัสงานบ้าน รู้งี้ไปอยู่คนเดียวที่อื่นยังจะดีกว่าครับ
    บางทีวันนี้ส่งสัญญาณมานัยๆว่าผมคงย้ายไปอยู่คนเดียว แต่ผมไม่ค่อยแสดงออก ทำปฏิกิริยาใดๆกับทางบ้านเพราะยังไงทั้งทางบ้านเดิมหรือทางบ้านที่อยู่ตอนนี้ก็คงอยากตัดผมออกไปจากบ้านเพราะผมเป็นมะเร็งเนื้อร้ายของครอบครัว และปัญหาครอบครั้งทั้งหมดที่สะสมมานานแล้วเกิดจากผมตั้งแต่เกิดมาปัญหาครอบครัวเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นๆ ผมเนี่ยนะเป็นต้นตอ แต่อีกไม่นานเกินปีหน้าผมคงได้อยู่คนเดียวแล้ว จะได้ไม่ต้องมาเป็นกระดาษทิชชูซึมซับอารมณ์ให้คนรอบข้างที่เป็นคนในครอบครัวหรือคนสนิทที่คิดเห็นและเข้าใจไม่ตรงกันกับผมนานแล้ว ไม่ต้องมาอ้างว่าทำไปเพราะรัก บังคับไปเพราะรักหรอก รักเหมือนไม่ได้รักจริงๆ รักจนคนที่พยายามจะรักเริ่มไม่มีอิสรภาพทางความคิด เริ่มถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกไปแล้ว ผมอยากต่างคนต่างอยู่ เพราะผมยิ่งอยู่ยิ่งบาปเพราะไม่ค่อยได้โฟกัสงานบ้าน รู้งี้ไปอยู่คนเดียวที่อื่นยังจะดีกว่าครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ยังคงคุยกันเรื่องสิบสองภาพวาด ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ซึ่งก่อนหน้านี้ Storyฯ เคยคุยถึงภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’ แห่งพระตำหนักหย่งโซ่วกงว่าเป็นภาพตอนหนึ่งของภาพม้วนยาวที่มีชื่อเรียกว่าภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ (女史箴图 / ข้าราชสำนักหญิงเตือนสติ)

    ภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ เป็นผลงานของกู้ข่ายจือ ซึ่งเดิมมี 12 ตอนแต่สูญหายไปแล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงฉบับคัดลอก 9 ตอน มีความยาวเกือบ 3.5 เมตร มีเนื้อหาเป็นเรื่องเล่าในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ปี 52-7 ก่อนคริสตกาล) โดยภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’ นั้นกล่าวถึงเมื่อครั้งฮั่นเฉิงตี้เสด็จประพาสทอดพระเนตรสัตว์สู้กัน โดยมีนางในและพระโอรสตามเสด็จ (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/750792533715708)

    วันนี้คุยกันถึงอีกภาพที่เกี่ยวข้องกัน คือภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ (婕妤当熊图 / เจี๋ยอวี๋ขวางหมี) เป็นภาพที่แขวนไว้ที่พระตำหนักเสียนฝูกง ดูเหมือนในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> จะไม่ได้บอกไว้ว่าใครประทับอยู่ที่พระตำหนักนี้ แต่ในประวัติศาสตร์จริง สมัยองค์เฉียนหลงนั้น พระตำหนักเสียนฝูกงนี้เคยถูกใช้เป็นที่ประทับขององค์เฉียนหลงก่อนที่ต่อมาจะย้ายไปประทับที่พระที่นั่งหยั่งซินเตี้ยน

    หน้าตาของภาพนี้เป็นอย่างไร Storyฯ ก็หาไม่พบ ภาพที่นำมาให้ดูในรูปประกอบ 1(กลาง) เป็นภาพที่วาดขึ้นในสมัยองค์คังซีโดยช่างวาดหลวงจินคุน ส่วนภาพที่วาดขึ้นในสมัยขององค์เฉียนหลงนั้น คือรูปประกอบ 1(ขวา) ซึ่งทรงให้ช่างวาดหลวงวาดขึ้นใหม่เมื่อปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 30 ภายหลังจากเกิดเรื่องราวของฮองเฮาอูลาน่าลาตัดผม (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์)

    แต่ก่อนจะคุยเรื่องภาพวาด ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ สองภาพในสมัยเฉียนหลง คงต้องคุยเกี่ยวกับเรื่องราวที่กล่าวถึงในภาพเสียก่อน ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวมีต้นตอมาจากอีกตอนหนึ่งของภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ (ดูรูปประกอบ 2)

    เจี๋ยอวี๋เป็นตำแหน่งพระสนม แล้วเจี๋ยอวี๋ที่กล่าวถึงในภาพคือใคร?

    นางคือเฝิงเจี๋ยอวี๋ เป็นพระสนมในองค์ฮั่นหยวนตี้ (ครองราชย์ปี 48-33 ก่อนคริสตกาล คือพระบิดาขององค์ฮั่นเฉิงตี้ที่กล่าวถึงในภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’) นามเดิมว่าเฝิงเยวี่ยน ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นจาวอี๋ บันทึกเกี่ยวกับฮั่นหยวนตี้มีไม่มากเพราะไม่ได้มีผลงานสร้างชื่ออะไรมาก ที่เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินถึงก็คือทรงส่งหวางเจาจวินไปแต่งงานเพื่อผูกมิตรกับเผ่าซวงหนู และชีวประวัติเกี่ยวกับเฝิงเจี๋ยอวี๋เองก็มีไม่มาก นอกจากกล่าวไว้ว่ามาจากตระกูลเฝิงซึ่งเป็นตระกูลขุนนางที่มากด้วยความสามารถและอำนาจ ตัวพระนางเองก็เป็นที่โปรดปรานนักขององค์ฮั่นหยวนตี้ ต่อมาบุตรชายเป็นอ๋องครองแคว้นจงซาน พระนางดำรงพระยศไทเฮาแห่งแคว้นจงซาน

    เรื่องราวที่กล่าวถึงในภาพนั้น คือเหตุการณ์ที่ฮั่นหยวนตี้ไปดูสัตว์สู้กัน (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) จู่ๆ มีหมีดำโผล่มาและทำท่าว่าจะจู่โจมถึงที่ประทับของฮั่นหยวนตี้ นอกเหนือจากราชองครักษ์แล้ว ผู้ที่ตามเสด็จล้วนพยายามหนีตาย แต่เฝิงเจี๋ยอวี๋กลับถลันขึ้นหน้าเอาตัวเองไปขวางไว้ระหว่างองค์ฮั่นหยวนตี้กับหมีดำ สุดท้ายนางไม่ได้รับอันตรายใดๆ เพราะว่าราชองครักษ์ฆ่าหมีได้สำเร็จ ครั้นฮั่นหยวนตี้ถามว่าทำไมนางถึงไม่กลัวหมี นางตอบว่า หมีเมื่อจับได้คนหนึ่งคนก็จะไม่จู่โจมคนอื่น นางกลัวว่าหมีจะจู่โจมถึงตัวฮั่นหยวนตี้ จึงคิดพลีชีพเป็นเหยื่อล่อหมีแทน เรื่องนี้ทำให้ฮั่นหยวนตี้รักนางมากขึ้นกว่าเดิมและยิ่งทำให้นางเป็นที่เกลียดชังของคู่แข่งในวังหลังยิ่งขึ้นไปอีก กลายเป็นเรื่องราวความกล้าหาญและความจงรักภักดีที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์

    ความนัยที่แฝงไว้ในภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ ขององค์เฉียนหลงนี้ก็คือความกล้าหาญ และป้ายอักษรที่คู่กันกับภาพนี้คือ ‘เน่ยจื๋อชินเฟิ่ง’ (内职钦奉) แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมยกย่องฝ่ายใน

    แต่... อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 30 ภายหลังจากเหตุการณ์ฮองเฮาสกุลอูลาน่าลาตัดผม องค์เฉียนหลงได้ให้ช่างวาดหลวงจินถิงเปียววาดภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ ขึ้นอีกภาพหนึ่ง มีการเล่าขานกันต่อมาว่า จากที่เดิมองค์เฉียนหลงยกย่องเฝิงเจี๋ยอวี๋ว่ากล้าหาญ กลับกลายเป็นดูถูกเสียดสีว่า เฝิงเจี๋ยอวี๋ไม่เจียมตัว ไม่มีความสามารถก็ยังจะรนหาที่ตาย เป็นการเสียสละแบบโง่ๆ เพื่อสร้างความเด่นความดีให้กับตนเอง ควรเป็นที่น่าละอายของราชสกุล โดยประพันธ์ขึ้นเป็นบทกวีและให้ช่างวาดวาดขึ้นใหม่ให้ได้อารมณ์ตามบทกวีนี้

    ว่ากันว่าภาพเดิมที่วาดขึ้นในรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6 พร้อมกับภาพกงซวิ่นถูอื่นนั้น สะท้อนความองอาจกล้าหาญของเฝิงเยวี่ยน (ให้อารมณ์คล้ายคลึงกับภาพ ‘เฝิงเยวี่ยนขวางหมี’ ที่เป็นผลงานเก่าในสมัยองค์คังซีที่ Storyฯ แปะมาให้ดู) แต่ภาพใหม่ให้ความรู้สึกว่าเฝิงเยวี่ยนดูบอบบางไร้ความน่าเกรงขาม สะท้อนถึงความรนหาที่ตายอย่างโง่ๆ ตามบทกวี ภาพใหม่นี้วาดเสร็จในปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 31 ปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม

    ข้อเท็จจริงเบื้องหลังภาพที่วาดขึ้นใหม่เป็นเช่นนี้หรือไม่ Storyฯ ก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่เรื่องของเฝิงเยวี่ยนที่ใช้ตัวเองมาขวางหมีไว้ยังคงเป็นเรื่องเล่าขานกันต่อมาในแง่ความกล้าหาญและความจงรักภักดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://ent.sina.com.cn/v/m/2018-08-10/doc-ihhnunsq6262060.shtml
    https://topimage.design/images/5f2ec355ccb56d496c4eeaa4.html
    https://baike.baidu.com/item/女史箴图
    https://www.tongyangapp.com/standard/sdetail?id=7056912
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/冯媛/3311193
    https://new.qq.com/rain/a/20210618A034TY00
    https://www.youtube.com/watch?v=SsSfNW9c2mM

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เฝิงเจี๋ยอวี๋ #เฝิงเยวี่ยน #ฮั่นหยวนตี้ #เฝิงเจี๋ยอวี๋ขวางหมี #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    วันนี้ยังคงคุยกันเรื่องสิบสองภาพวาด ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ซึ่งก่อนหน้านี้ Storyฯ เคยคุยถึงภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’ แห่งพระตำหนักหย่งโซ่วกงว่าเป็นภาพตอนหนึ่งของภาพม้วนยาวที่มีชื่อเรียกว่าภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ (女史箴图 / ข้าราชสำนักหญิงเตือนสติ) ภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ เป็นผลงานของกู้ข่ายจือ ซึ่งเดิมมี 12 ตอนแต่สูญหายไปแล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงฉบับคัดลอก 9 ตอน มีความยาวเกือบ 3.5 เมตร มีเนื้อหาเป็นเรื่องเล่าในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ปี 52-7 ก่อนคริสตกาล) โดยภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’ นั้นกล่าวถึงเมื่อครั้งฮั่นเฉิงตี้เสด็จประพาสทอดพระเนตรสัตว์สู้กัน โดยมีนางในและพระโอรสตามเสด็จ (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/750792533715708) วันนี้คุยกันถึงอีกภาพที่เกี่ยวข้องกัน คือภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ (婕妤当熊图 / เจี๋ยอวี๋ขวางหมี) เป็นภาพที่แขวนไว้ที่พระตำหนักเสียนฝูกง ดูเหมือนในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> จะไม่ได้บอกไว้ว่าใครประทับอยู่ที่พระตำหนักนี้ แต่ในประวัติศาสตร์จริง สมัยองค์เฉียนหลงนั้น พระตำหนักเสียนฝูกงนี้เคยถูกใช้เป็นที่ประทับขององค์เฉียนหลงก่อนที่ต่อมาจะย้ายไปประทับที่พระที่นั่งหยั่งซินเตี้ยน หน้าตาของภาพนี้เป็นอย่างไร Storyฯ ก็หาไม่พบ ภาพที่นำมาให้ดูในรูปประกอบ 1(กลาง) เป็นภาพที่วาดขึ้นในสมัยองค์คังซีโดยช่างวาดหลวงจินคุน ส่วนภาพที่วาดขึ้นในสมัยขององค์เฉียนหลงนั้น คือรูปประกอบ 1(ขวา) ซึ่งทรงให้ช่างวาดหลวงวาดขึ้นใหม่เมื่อปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 30 ภายหลังจากเกิดเรื่องราวของฮองเฮาอูลาน่าลาตัดผม (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) แต่ก่อนจะคุยเรื่องภาพวาด ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ สองภาพในสมัยเฉียนหลง คงต้องคุยเกี่ยวกับเรื่องราวที่กล่าวถึงในภาพเสียก่อน ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวมีต้นตอมาจากอีกตอนหนึ่งของภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ (ดูรูปประกอบ 2) เจี๋ยอวี๋เป็นตำแหน่งพระสนม แล้วเจี๋ยอวี๋ที่กล่าวถึงในภาพคือใคร? นางคือเฝิงเจี๋ยอวี๋ เป็นพระสนมในองค์ฮั่นหยวนตี้ (ครองราชย์ปี 48-33 ก่อนคริสตกาล คือพระบิดาขององค์ฮั่นเฉิงตี้ที่กล่าวถึงในภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’) นามเดิมว่าเฝิงเยวี่ยน ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นจาวอี๋ บันทึกเกี่ยวกับฮั่นหยวนตี้มีไม่มากเพราะไม่ได้มีผลงานสร้างชื่ออะไรมาก ที่เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินถึงก็คือทรงส่งหวางเจาจวินไปแต่งงานเพื่อผูกมิตรกับเผ่าซวงหนู และชีวประวัติเกี่ยวกับเฝิงเจี๋ยอวี๋เองก็มีไม่มาก นอกจากกล่าวไว้ว่ามาจากตระกูลเฝิงซึ่งเป็นตระกูลขุนนางที่มากด้วยความสามารถและอำนาจ ตัวพระนางเองก็เป็นที่โปรดปรานนักขององค์ฮั่นหยวนตี้ ต่อมาบุตรชายเป็นอ๋องครองแคว้นจงซาน พระนางดำรงพระยศไทเฮาแห่งแคว้นจงซาน เรื่องราวที่กล่าวถึงในภาพนั้น คือเหตุการณ์ที่ฮั่นหยวนตี้ไปดูสัตว์สู้กัน (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) จู่ๆ มีหมีดำโผล่มาและทำท่าว่าจะจู่โจมถึงที่ประทับของฮั่นหยวนตี้ นอกเหนือจากราชองครักษ์แล้ว ผู้ที่ตามเสด็จล้วนพยายามหนีตาย แต่เฝิงเจี๋ยอวี๋กลับถลันขึ้นหน้าเอาตัวเองไปขวางไว้ระหว่างองค์ฮั่นหยวนตี้กับหมีดำ สุดท้ายนางไม่ได้รับอันตรายใดๆ เพราะว่าราชองครักษ์ฆ่าหมีได้สำเร็จ ครั้นฮั่นหยวนตี้ถามว่าทำไมนางถึงไม่กลัวหมี นางตอบว่า หมีเมื่อจับได้คนหนึ่งคนก็จะไม่จู่โจมคนอื่น นางกลัวว่าหมีจะจู่โจมถึงตัวฮั่นหยวนตี้ จึงคิดพลีชีพเป็นเหยื่อล่อหมีแทน เรื่องนี้ทำให้ฮั่นหยวนตี้รักนางมากขึ้นกว่าเดิมและยิ่งทำให้นางเป็นที่เกลียดชังของคู่แข่งในวังหลังยิ่งขึ้นไปอีก กลายเป็นเรื่องราวความกล้าหาญและความจงรักภักดีที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ความนัยที่แฝงไว้ในภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ ขององค์เฉียนหลงนี้ก็คือความกล้าหาญ และป้ายอักษรที่คู่กันกับภาพนี้คือ ‘เน่ยจื๋อชินเฟิ่ง’ (内职钦奉) แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมยกย่องฝ่ายใน แต่... อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 30 ภายหลังจากเหตุการณ์ฮองเฮาสกุลอูลาน่าลาตัดผม องค์เฉียนหลงได้ให้ช่างวาดหลวงจินถิงเปียววาดภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ ขึ้นอีกภาพหนึ่ง มีการเล่าขานกันต่อมาว่า จากที่เดิมองค์เฉียนหลงยกย่องเฝิงเจี๋ยอวี๋ว่ากล้าหาญ กลับกลายเป็นดูถูกเสียดสีว่า เฝิงเจี๋ยอวี๋ไม่เจียมตัว ไม่มีความสามารถก็ยังจะรนหาที่ตาย เป็นการเสียสละแบบโง่ๆ เพื่อสร้างความเด่นความดีให้กับตนเอง ควรเป็นที่น่าละอายของราชสกุล โดยประพันธ์ขึ้นเป็นบทกวีและให้ช่างวาดวาดขึ้นใหม่ให้ได้อารมณ์ตามบทกวีนี้ ว่ากันว่าภาพเดิมที่วาดขึ้นในรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6 พร้อมกับภาพกงซวิ่นถูอื่นนั้น สะท้อนความองอาจกล้าหาญของเฝิงเยวี่ยน (ให้อารมณ์คล้ายคลึงกับภาพ ‘เฝิงเยวี่ยนขวางหมี’ ที่เป็นผลงานเก่าในสมัยองค์คังซีที่ Storyฯ แปะมาให้ดู) แต่ภาพใหม่ให้ความรู้สึกว่าเฝิงเยวี่ยนดูบอบบางไร้ความน่าเกรงขาม สะท้อนถึงความรนหาที่ตายอย่างโง่ๆ ตามบทกวี ภาพใหม่นี้วาดเสร็จในปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 31 ปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม ข้อเท็จจริงเบื้องหลังภาพที่วาดขึ้นใหม่เป็นเช่นนี้หรือไม่ Storyฯ ก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่เรื่องของเฝิงเยวี่ยนที่ใช้ตัวเองมาขวางหมีไว้ยังคงเป็นเรื่องเล่าขานกันต่อมาในแง่ความกล้าหาญและความจงรักภักดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://ent.sina.com.cn/v/m/2018-08-10/doc-ihhnunsq6262060.shtml https://topimage.design/images/5f2ec355ccb56d496c4eeaa4.html https://baike.baidu.com/item/女史箴图 https://www.tongyangapp.com/standard/sdetail?id=7056912 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/冯媛/3311193 https://new.qq.com/rain/a/20210618A034TY00 https://www.youtube.com/watch?v=SsSfNW9c2mM #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เฝิงเจี๋ยอวี๋ #เฝิงเยวี่ยน #ฮั่นหยวนตี้ #เฝิงเจี๋ยอวี๋ขวางหมี #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • สองวันหลังยกเลิกงานที่ไม่ไหวจะเคลียร์ ทำต่อไม่ไหว คือจะทำเท่าที่ทำได้ แต่อยากให้ผมแก้ปัญหาคนเดียว และอีกปัจจัยนึงคือเพื่อนโปรแกรมเมอร์ที่ประสบการณ์มากกว่าเขาไม่ว่างกัน คือผมไปขอความช่วยเหลือเพื่อศึกษาจากรุ่นพี่ก็ไม่ได้ ให้ผมแก้ แต่กว่าจะได้เงินมาก็ไส้แห้งพอดี ได้เงินก็ได้มาน้อยมาก จนผมตัดสินใจยกเลิกไม่รับงานมันไปทำอย่างอื่นที่ตอบโจทย์กว่านี้ดีกว่า แต่สุดท้ายต้องยกเลิกเพราะทำต่อไปไม่ไหวจริงๆ แต่ไม่ค่อยมีใครโทรตามไปแก้ คือลูกค้าเขาเอือมระอาและโกรธแค้นผมมากที่ผมทำงานของคนที่จ้างผม(เขามีลูกค้าของเขาและเป็นลูกค้าของลูกค้าของผม)จนคนที่จ้างผมอมขี้ฟันลูกค้ามาด่าและแทงใจดำ จนผมนอยด์และดิ่ง ทนกับมันมานาน เกรงใจคนในครอบครัวมานาน แน่นอนครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนนานแล้ว และกกลับบ้านเกิดก็ไม่ใช่เซฟโซนอีก เพราะทุกคนในครอบครัวกดดันให้ผมสอบงานราชการซึ่งไม่ใช่ทางผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมสอบ กพ. เพื่อเป็นทางผ่านไปสอบ TOEIC รอบแก้แค้นแทน และ CU-TEP ต่อ เพื่อสร้างตัวตนที่ดีกว่านี้ แต่ผมสามารถอยู่ยืนได้ด้วยลำแข้งลำขาตนเองได้ แต่ผมคงกร่อยต่อไปไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้ที่จะปลูกต้นกล้าผักกาดที่เบียดกันอยู่ต่อขอหยุดทำไปก่อนเพราะทางบ้านเขาเริ่มไม่พอใจผมแล้ว เลยต้องหยุดทำไว้ก่อนเพื่อลดแรงเสียดทานก่อนที่จะบานปลายและรุนแรงไปมากกว่านี้ แต่ทนอยู่กับทางบ้านและครอบครัวที่ทั้งครอบครัวไม่ถูกกับผมเพื่ออนาคตวันข้างหน้าและถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจจริงๆและเด็ดขาดชัดเจนว่าจะไม่อยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างอยู่ ผมไม่ตัดตัวเองออกจากครอบครัว ถึงทั้งครอบครัวจะตัดผมเพราะผมคือมะเร็งเนื้อร้ายก็ตัดไป เพราะก่อนจะทำเพื่อครอบครัว ทำเพื่อตัวเองก่อน ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ครอบครัวกดดัน ตัวเองก็พยายามจะไม่ตามครอบครัวไปทุกเรื่องจนผมเสียความเป็นตัวตน เงินหาใหม่ได้ หาเมื่อไหร่ก็ได้ งานเราสร้างมาเองได้ ไม่ต้องฝากประวัติเพื่อทำงานเป็นลูกจ้างใคร คือทางบ้านเขาติดมูหนักมากจนเขาพยายามห้ามไม่ให้กินเนื้อวัว สุดท้ายก็ต้องกิน ส่วนเรื่องกินเนื้อแพะฟรีไม่ได้กิน ไม่รู้ทางบ้านกับครอบครัวเขาเคร่งมูจัดอะไรนักหนา ผมนับถือแค่พุทธโดยแก่นแท้ แต่มูมากเกินไปกฎเกณฑ์มากเกินไปจนผมรู้สึกแพนิก หวาดระแวง แบบผ่อนส่งไปแล้ว
    สองวันหลังยกเลิกงานที่ไม่ไหวจะเคลียร์ ทำต่อไม่ไหว คือจะทำเท่าที่ทำได้ แต่อยากให้ผมแก้ปัญหาคนเดียว และอีกปัจจัยนึงคือเพื่อนโปรแกรมเมอร์ที่ประสบการณ์มากกว่าเขาไม่ว่างกัน คือผมไปขอความช่วยเหลือเพื่อศึกษาจากรุ่นพี่ก็ไม่ได้ ให้ผมแก้ แต่กว่าจะได้เงินมาก็ไส้แห้งพอดี ได้เงินก็ได้มาน้อยมาก จนผมตัดสินใจยกเลิกไม่รับงานมันไปทำอย่างอื่นที่ตอบโจทย์กว่านี้ดีกว่า แต่สุดท้ายต้องยกเลิกเพราะทำต่อไปไม่ไหวจริงๆ แต่ไม่ค่อยมีใครโทรตามไปแก้ คือลูกค้าเขาเอือมระอาและโกรธแค้นผมมากที่ผมทำงานของคนที่จ้างผม(เขามีลูกค้าของเขาและเป็นลูกค้าของลูกค้าของผม)จนคนที่จ้างผมอมขี้ฟันลูกค้ามาด่าและแทงใจดำ จนผมนอยด์และดิ่ง ทนกับมันมานาน เกรงใจคนในครอบครัวมานาน แน่นอนครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนนานแล้ว และกกลับบ้านเกิดก็ไม่ใช่เซฟโซนอีก เพราะทุกคนในครอบครัวกดดันให้ผมสอบงานราชการซึ่งไม่ใช่ทางผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมสอบ กพ. เพื่อเป็นทางผ่านไปสอบ TOEIC รอบแก้แค้นแทน และ CU-TEP ต่อ เพื่อสร้างตัวตนที่ดีกว่านี้ แต่ผมสามารถอยู่ยืนได้ด้วยลำแข้งลำขาตนเองได้ แต่ผมคงกร่อยต่อไปไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้ที่จะปลูกต้นกล้าผักกาดที่เบียดกันอยู่ต่อขอหยุดทำไปก่อนเพราะทางบ้านเขาเริ่มไม่พอใจผมแล้ว เลยต้องหยุดทำไว้ก่อนเพื่อลดแรงเสียดทานก่อนที่จะบานปลายและรุนแรงไปมากกว่านี้ แต่ทนอยู่กับทางบ้านและครอบครัวที่ทั้งครอบครัวไม่ถูกกับผมเพื่ออนาคตวันข้างหน้าและถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจจริงๆและเด็ดขาดชัดเจนว่าจะไม่อยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างอยู่ ผมไม่ตัดตัวเองออกจากครอบครัว ถึงทั้งครอบครัวจะตัดผมเพราะผมคือมะเร็งเนื้อร้ายก็ตัดไป เพราะก่อนจะทำเพื่อครอบครัว ทำเพื่อตัวเองก่อน ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ครอบครัวกดดัน ตัวเองก็พยายามจะไม่ตามครอบครัวไปทุกเรื่องจนผมเสียความเป็นตัวตน เงินหาใหม่ได้ หาเมื่อไหร่ก็ได้ งานเราสร้างมาเองได้ ไม่ต้องฝากประวัติเพื่อทำงานเป็นลูกจ้างใคร คือทางบ้านเขาติดมูหนักมากจนเขาพยายามห้ามไม่ให้กินเนื้อวัว สุดท้ายก็ต้องกิน ส่วนเรื่องกินเนื้อแพะฟรีไม่ได้กิน ไม่รู้ทางบ้านกับครอบครัวเขาเคร่งมูจัดอะไรนักหนา ผมนับถือแค่พุทธโดยแก่นแท้ แต่มูมากเกินไปกฎเกณฑ์มากเกินไปจนผมรู้สึกแพนิก หวาดระแวง แบบผ่อนส่งไปแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่บ้านแม่ครัวต่างบอกว่าทรงผมไม่สวยไม่เรียบ100 จึงตัดแต่งแบบเดิม อืม..ประหยัดค่าตัดผมมาร่วม7-8ปี
    แม่บ้านแม่ครัวต่างบอกว่าทรงผมไม่สวยไม่เรียบ100 จึงตัดแต่งแบบเดิม อืม..ประหยัดค่าตัดผมมาร่วม7-8ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิวยึดปายแบบเงียบๆ แพทองธารไม่รู้เดียงสา

    อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดขายเรื่องธรรมชาติและวีถีชีวิตชาวบ้าน กลายมาเป็นประเด็นความมั่นคง เมื่อชาวยิวอิสราเอลที่หยุดพักการสู้รบสงครามกับเขตกาซาของปาเลสไตน์และเลบานอน มุ่งหน้าย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ภายใต้การหนุนหลังของสมาคมยิว Chabad ที่แผ่อิทธิพลทั่วโลกให้การสนับสนุน รวมทั้งเว็บไซต์ Chabad ยิวในไทย ประกาศเชิญชวนชาวยิวย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ปาย อ้างว่าสงบสุขและสวยงามกว่าอิสราเอล

    มีการตั้ง Chabad of Pai ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรปาย ทำกิจกรรมทางศาสนาทุกศุกร์-อาทิตย์ ปัจจุบันเหลือกิจกรรมสำคัญเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ อีกทั้งเปิดธุรกิจหลายอย่างเพื่อรองรับสังคมขยายชาวยิว เช่น ร้านอาหาร รีสอร์ต ร้านตัดผม ฯลฯ เพื่อรองรับชาวยิวโดยเฉพาะ และเมื่อชาวยิวอิสราเอลก่อพฤติกรรมไม่เหมาะสมจำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสความหวาดกลัวของชาวบ้าน กระทั่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.ปาย เริ่มติดป้ายไม่ต้อนรับชาวอิสราเอล และร้องเรียนต่อทางการ

    แพทย์รายหนึ่งในโรงพยาบาลปาย ระบายความในใจว่า เจอปัญหาซ้ำๆ จากชาวยิวอิสราเอล ตั้งแต่ชี้หน้าด่าหมอ วุ่นวาย โชว์นิ้วกลางใส่หมอ ไม่เชื่อหมอประเทศไทยแต่มาตรวจ แล้วบอกจะถามหมอตัวเอง ว่าหมอตัวเองสั่งให้ทำแบบนี้ สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล ชาร์จแบตในโรงพยาบาลไม่จ่ายเงิน ขโมย ทุบประตูอีอาร์ เปิดร้านสอนขับรถ เปิดโบสถ์ และให้ตำรวจไปเฝ้า รถชนรถล้มมาบ่อยๆ ไม่มีใบขับขี่ ชอบด่าพยาบาลไม่ยอมให้เจาะเลือด ไม่ยอมให้ทาแผล

    เคยส่งเรื่องไปให้อำเภอ ร้องเรียนไปแล้ว แต่ว่าอำเภอแจ้งกลับมาบอกว่า "อย่าทำลายการท่องเที่ยว"

    สอดรับกับเฟซบุ๊ก Capt.Benz ของผู้กองเบนซ์ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ที่พักอาศัยในอำเภอปาย โพสต์ข้อความว่า เรื่องยิวในปาย อย่าประเมินต่ำ อย่าลืมว่าทั้งชายและหญิงจากประเทศนี้ เป็นทหาร 100% ที่เขามาเสียงดังโวยวาย บุกรุกโรงพยาบาลกัน ก็เพราะติดนิสัยในสนามรบมา สติกเกอร์ที่เขาเอามาแปะกันตามเสาทั่วปาย ถ้าแปลดู บางอันขนลุก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และว่า ถ้าฝ่ายความมั่นคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จะเกิดสถานการณ์โบสถ์และชุมชนยิว ถูกโจมตีจากศัตรูจริง หรือจากการสร้างสถานการณ์

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ชาวอิสราเอลหลายพันคน ที่อาศัยใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ติดป้ายประกาศห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ และบานปลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ว่า ได้ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยในสัปดาห์หน้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะมีการลงพื้นที่

    #Newskit
    ยิวยึดปายแบบเงียบๆ แพทองธารไม่รู้เดียงสา อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดขายเรื่องธรรมชาติและวีถีชีวิตชาวบ้าน กลายมาเป็นประเด็นความมั่นคง เมื่อชาวยิวอิสราเอลที่หยุดพักการสู้รบสงครามกับเขตกาซาของปาเลสไตน์และเลบานอน มุ่งหน้าย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ภายใต้การหนุนหลังของสมาคมยิว Chabad ที่แผ่อิทธิพลทั่วโลกให้การสนับสนุน รวมทั้งเว็บไซต์ Chabad ยิวในไทย ประกาศเชิญชวนชาวยิวย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ปาย อ้างว่าสงบสุขและสวยงามกว่าอิสราเอล มีการตั้ง Chabad of Pai ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรปาย ทำกิจกรรมทางศาสนาทุกศุกร์-อาทิตย์ ปัจจุบันเหลือกิจกรรมสำคัญเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ อีกทั้งเปิดธุรกิจหลายอย่างเพื่อรองรับสังคมขยายชาวยิว เช่น ร้านอาหาร รีสอร์ต ร้านตัดผม ฯลฯ เพื่อรองรับชาวยิวโดยเฉพาะ และเมื่อชาวยิวอิสราเอลก่อพฤติกรรมไม่เหมาะสมจำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสความหวาดกลัวของชาวบ้าน กระทั่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.ปาย เริ่มติดป้ายไม่ต้อนรับชาวอิสราเอล และร้องเรียนต่อทางการ แพทย์รายหนึ่งในโรงพยาบาลปาย ระบายความในใจว่า เจอปัญหาซ้ำๆ จากชาวยิวอิสราเอล ตั้งแต่ชี้หน้าด่าหมอ วุ่นวาย โชว์นิ้วกลางใส่หมอ ไม่เชื่อหมอประเทศไทยแต่มาตรวจ แล้วบอกจะถามหมอตัวเอง ว่าหมอตัวเองสั่งให้ทำแบบนี้ สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล ชาร์จแบตในโรงพยาบาลไม่จ่ายเงิน ขโมย ทุบประตูอีอาร์ เปิดร้านสอนขับรถ เปิดโบสถ์ และให้ตำรวจไปเฝ้า รถชนรถล้มมาบ่อยๆ ไม่มีใบขับขี่ ชอบด่าพยาบาลไม่ยอมให้เจาะเลือด ไม่ยอมให้ทาแผล เคยส่งเรื่องไปให้อำเภอ ร้องเรียนไปแล้ว แต่ว่าอำเภอแจ้งกลับมาบอกว่า "อย่าทำลายการท่องเที่ยว" สอดรับกับเฟซบุ๊ก Capt.Benz ของผู้กองเบนซ์ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ที่พักอาศัยในอำเภอปาย โพสต์ข้อความว่า เรื่องยิวในปาย อย่าประเมินต่ำ อย่าลืมว่าทั้งชายและหญิงจากประเทศนี้ เป็นทหาร 100% ที่เขามาเสียงดังโวยวาย บุกรุกโรงพยาบาลกัน ก็เพราะติดนิสัยในสนามรบมา สติกเกอร์ที่เขาเอามาแปะกันตามเสาทั่วปาย ถ้าแปลดู บางอันขนลุก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และว่า ถ้าฝ่ายความมั่นคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จะเกิดสถานการณ์โบสถ์และชุมชนยิว ถูกโจมตีจากศัตรูจริง หรือจากการสร้างสถานการณ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ชาวอิสราเอลหลายพันคน ที่อาศัยใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ติดป้ายประกาศห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ และบานปลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ว่า ได้ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยในสัปดาห์หน้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะมีการลงพื้นที่ #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 567 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี

    Advertisement

    Play Video
    ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้



    สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568
    ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

    นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
    รวมญาติกินเกี๊ยว
    สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

    ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง
    กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี
    ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
    ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"
    "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
    ห้ามกวาดบ้าน
    ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

    ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้
    ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

    ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก

    แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน
    ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
    ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง
    ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
    รับอั่งเปา
    วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
    ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



    นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

    เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

    สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568
    ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป
    ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ
    คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
    ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ
    ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
    ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี
    ห้ามให้ยืมเงิน
    คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี
    ห้ามทำของแตก
    เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
    ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"
    ห้ามร้องไห้
    คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
    ห้ามใช้ของมีคม
    ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
    ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
    คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
    อ่านเพิ่มเติม

    วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
    คำอวยพรวันตรุษจีน
    ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี Advertisement Play Video ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้ สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568 ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป รวมญาติกินเกี๊ยว สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ ห้ามกวาดบ้าน ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้ ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล รับอั่งเปา วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568 ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี ห้ามให้ยืมเงิน คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี" ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย อ่านเพิ่มเติม วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน คำอวยพรวันตรุษจีน ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 797 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี

    Advertisement

    Play Video
    ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้



    สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568
    ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

    นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
    รวมญาติกินเกี๊ยว
    สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

    ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง
    กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี
    ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
    ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"
    "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
    ห้ามกวาดบ้าน
    ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

    ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้
    ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

    ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก

    แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน
    ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
    ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง
    ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
    รับอั่งเปา
    วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
    ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



    นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

    เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

    สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568
    ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป
    ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ
    คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
    ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ
    ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
    ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี
    ห้ามให้ยืมเงิน
    คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี
    ห้ามทำของแตก
    เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
    ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"
    ห้ามร้องไห้
    คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
    ห้ามใช้ของมีคม
    ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
    ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
    คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
    อ่านเพิ่มเติม

    วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
    คำอวยพรวันตรุษจีน
    ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี Advertisement Play Video ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้ สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568 ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป รวมญาติกินเกี๊ยว สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ ห้ามกวาดบ้าน ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้ ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล รับอั่งเปา วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568 ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี ห้ามให้ยืมเงิน คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี" ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย อ่านเพิ่มเติม วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน คำอวยพรวันตรุษจีน ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 790 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี

    Advertisement

    Play Video
    ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้



    สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568
    ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

    นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
    รวมญาติกินเกี๊ยว
    สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

    ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง
    กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี
    ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
    ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"
    "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
    ห้ามกวาดบ้าน
    ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

    ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้
    ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

    ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก

    แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน
    ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
    ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง
    ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
    รับอั่งเปา
    วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
    ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



    นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

    เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

    สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568
    ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป
    ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ
    คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
    ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ
    ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
    ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี
    ห้ามให้ยืมเงิน
    คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี
    ห้ามทำของแตก
    เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
    ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"
    ห้ามร้องไห้
    คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
    ห้ามใช้ของมีคม
    ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
    ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
    คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
    อ่านเพิ่มเติม

    วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
    คำอวยพรวันตรุษจีน
    ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี Advertisement Play Video ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้ สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568 ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป รวมญาติกินเกี๊ยว สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ ห้ามกวาดบ้าน ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้ ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล รับอั่งเปา วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568 ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี ห้ามให้ยืมเงิน คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี" ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย อ่านเพิ่มเติม วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน คำอวยพรวันตรุษจีน ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 783 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมบอสมิน ไม่ต้องตัดผม!!
    ชาวเน็ตสงสัย ทำไม “บอสมิน” หรือ “มิน พีชญา” ถูกปล่อยตัว แต่ไม่ถูกตัดผม หลังถูกฝากขังมานาน
    #News1 #Newsstory #มินพีชญา #แซมยุรนันท์ #บอสมิน #บอสแซม #ดิไอคอนกรุ๊ป #ฝากขัง #ปล่อยตัว
    ทำไมบอสมิน ไม่ต้องตัดผม!! ชาวเน็ตสงสัย ทำไม “บอสมิน” หรือ “มิน พีชญา” ถูกปล่อยตัว แต่ไม่ถูกตัดผม หลังถูกฝากขังมานาน #News1 #Newsstory #มินพีชญา #แซมยุรนันท์ #บอสมิน #บอสแซม #ดิไอคอนกรุ๊ป #ฝากขัง #ปล่อยตัว
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1377 มุมมอง 40 0 รีวิว
  • ตำรวจคุมตัวมือยิงรอง สวป.สน.สายไหมเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยขอโทษไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ ก่อนคุมตัวไปฝากขัง

    จากกรณี ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป. สน.สายไหม ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้า ถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง 7 นัด เสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านตัดผมชาย บริเวณเชิงสะพานเฉลิมพงศ์ ถนนเฉลิมพงศ์ แขวงและเขตสายไหม กทม. ใกล้ รพ.สายไหม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปอยู่ในร้านซ่อมรถจยย.ของตัวเอง ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม แต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปนั่น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ม.ค.) พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พร้อมด้วย พ.ต.ท.นุกูล กิ่งเกล้า สวป.สน.สายไหม พร้อมพนักงานสอบสวนสน.สายไหม คุมตัว นายอรรณพหรือ มาบริเวณหน้าร้านตัดผมสุชินบาร์เบอร์ ถนนเฉลิมพงษ์ แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.บรรรัง เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว

    ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจควบคุมตัวลงจากรถห้องขัง นายอรรณพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกันมีญาติ เพื่อน และคนที่รู้จักผู้ตายตะโกนด่าสาปแช่งและปรี่จะเข้าทำร้ายใช้กรวยยางจราจรเข้าตี แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้ โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000927

    #MGROnline #ตํารวจ #ชายคลั่ง #สายไหม #ยิงตำรวจ
    ตำรวจคุมตัวมือยิงรอง สวป.สน.สายไหมเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยขอโทษไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ ก่อนคุมตัวไปฝากขัง • จากกรณี ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป. สน.สายไหม ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้า ถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง 7 นัด เสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านตัดผมชาย บริเวณเชิงสะพานเฉลิมพงศ์ ถนนเฉลิมพงศ์ แขวงและเขตสายไหม กทม. ใกล้ รพ.สายไหม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปอยู่ในร้านซ่อมรถจยย.ของตัวเอง ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม แต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปนั่น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ม.ค.) พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พร้อมด้วย พ.ต.ท.นุกูล กิ่งเกล้า สวป.สน.สายไหม พร้อมพนักงานสอบสวนสน.สายไหม คุมตัว นายอรรณพหรือ มาบริเวณหน้าร้านตัดผมสุชินบาร์เบอร์ ถนนเฉลิมพงษ์ แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.บรรรัง เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว • ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจควบคุมตัวลงจากรถห้องขัง นายอรรณพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกันมีญาติ เพื่อน และคนที่รู้จักผู้ตายตะโกนด่าสาปแช่งและปรี่จะเข้าทำร้ายใช้กรวยยางจราจรเข้าตี แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้ โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000927 • #MGROnline #ตํารวจ #ชายคลั่ง #สายไหม #ยิงตำรวจ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 590 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักแสดงสาว คลาร่า ปรากฏตัวในงานอีเวนต์ในประเทศ หลังหายหน้าไปนาน ดึงดูดทุกสายตาด้วยลุคใหม่สุดเปรี้ยว พร้อมทรงผมสั้น และการแต่งตัวสุดเซ็กซี่สไตล์ชุดชั้นใน

    คลาร่าเข้าร่วมงาน ‘2024 Korea Best Brand Awards - Korea Hallyu Entertainment Awards’ ซึ่งจัดขึ้นวันนี้ (22 ธ.ค.) ที่หอประชุมรัฐสภา กรุงโซล งานนี้เป็นงานประกาศรางวัลใหญ่ที่ยกย่องดารา แบรนด์ และอินฟลูเอนเซอร์ที่ได้รับความไว้วางใจและชื่นชอบจากผู้บริโภค

    ในงาน คลาร่าปรากฏตัวในชุดสูทสีขาวสะอาดตา เธอเพิ่งตัดผมสั้นเมื่อเดือนที่แล้ว และลุคใหม่ทรงผมสั้นของเธอช่วยเสริมความเท่สไตล์แอนโดรจินัส (androgynous) ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ เธอยังเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับลุคด้วยการใส่เสื้อซับในสไตล์ชุดชั้นในสีดำ พร้อมต่างหูห่วงสีทองที่ช่วยเพิ่มความหรูหรา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000122883

    #MGROnline #คลาร่า #2024KoreaBestBrandAwards
    นักแสดงสาว คลาร่า ปรากฏตัวในงานอีเวนต์ในประเทศ หลังหายหน้าไปนาน ดึงดูดทุกสายตาด้วยลุคใหม่สุดเปรี้ยว พร้อมทรงผมสั้น และการแต่งตัวสุดเซ็กซี่สไตล์ชุดชั้นใน • คลาร่าเข้าร่วมงาน ‘2024 Korea Best Brand Awards - Korea Hallyu Entertainment Awards’ ซึ่งจัดขึ้นวันนี้ (22 ธ.ค.) ที่หอประชุมรัฐสภา กรุงโซล งานนี้เป็นงานประกาศรางวัลใหญ่ที่ยกย่องดารา แบรนด์ และอินฟลูเอนเซอร์ที่ได้รับความไว้วางใจและชื่นชอบจากผู้บริโภค • ในงาน คลาร่าปรากฏตัวในชุดสูทสีขาวสะอาดตา เธอเพิ่งตัดผมสั้นเมื่อเดือนที่แล้ว และลุคใหม่ทรงผมสั้นของเธอช่วยเสริมความเท่สไตล์แอนโดรจินัส (androgynous) ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ เธอยังเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับลุคด้วยการใส่เสื้อซับในสไตล์ชุดชั้นในสีดำ พร้อมต่างหูห่วงสีทองที่ช่วยเพิ่มความหรูหรา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000122883 • #MGROnline #คลาร่า #2024KoreaBestBrandAwards
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • พอรู้ว่าต้องพาไปตัดผม .. เก็บภาพไว้ก่อนแล้วกัน

    #นมเย็นหมาที่เห่าได้น่ารําคาญที่สุด
    พอรู้ว่าต้องพาไปตัดผม .. เก็บภาพไว้ก่อนแล้วกัน #นมเย็นหมาที่เห่าได้น่ารําคาญที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ไหนๆก็เปิดตัวคนข้างบ้านพี่คิงส์ไปหลายคนแล้ว
    คราวนี้มาเปิดหน้าน้องคนสุดท้องของ 4 ป้าในหมู่บ้านบ้าง
    โอเคนะ ชัดเจน จะได้ไม่ต้องไปโยง
    น้องชาไทย ไม่ใช่แน๊กชาลี
    คนละเรื่อง ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
    น้องชาไทยหล่อคนละแบบกับแน๊กชาลี
    หล่อเหมือนกัน แต่คนละคนกัน
    โพสนี้คือจบ สยบดราม่านะฮ๊าฟ
    เรื่องครอบครัวน้อง พี่คิงส์ก็ขอ
    ให้ทุกคนเชื่อน้อง ให้เงียบให้จบ
    อย่าโกรธใครแทนน้อง
    ส่วนเรื่อง 4 ป้า กับน้องชาไทย
    เดี๋ยวพี่คิงส์จะอัพเดทเรื่อยๆ
    ฝากเป็นกำลังใจให้น้องชาไทยด้วยนะครับ
    น้องมันน่าสงสาร มีแต่พี่เฮี้ยๆ
    เฮี้ยไม่พอ จั๊ดง่าวด้วย มีแต่หัวไว้ตัดผมอย่างเดียว
    สมงสมองไม่เอามาใช้ ให้อิผจกนิติ ชื่อปูเสี้ยม
    ไปไกลถึงขนาดคิดทำลายน้องชายตัวเอง
    ยืนข้างคนที่ให้ร้ายน้องชายกับแม่ตัวเอง
    ทุ๊ย!
    และขออย่างเดียว อย่าไปโยง
    เพราะได้ข่าวมาว่า พี่คิงส์โพสรัวๆ
    เรื่องคนข้างบ้านตอนสามทุ่มกว่า
    แต่มี 4-5 คน นอนไม่หลับนั่งบ่นยันตีสาม
    ไม่เอานะ เสียสุขภาพ
    แค่นั้นหละ ปัญหาคือ อย่าโยง
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ไหนๆก็เปิดตัวคนข้างบ้านพี่คิงส์ไปหลายคนแล้ว คราวนี้มาเปิดหน้าน้องคนสุดท้องของ 4 ป้าในหมู่บ้านบ้าง โอเคนะ ชัดเจน จะได้ไม่ต้องไปโยง น้องชาไทย ไม่ใช่แน๊กชาลี คนละเรื่อง ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน น้องชาไทยหล่อคนละแบบกับแน๊กชาลี หล่อเหมือนกัน แต่คนละคนกัน โพสนี้คือจบ สยบดราม่านะฮ๊าฟ เรื่องครอบครัวน้อง พี่คิงส์ก็ขอ ให้ทุกคนเชื่อน้อง ให้เงียบให้จบ อย่าโกรธใครแทนน้อง ส่วนเรื่อง 4 ป้า กับน้องชาไทย เดี๋ยวพี่คิงส์จะอัพเดทเรื่อยๆ ฝากเป็นกำลังใจให้น้องชาไทยด้วยนะครับ น้องมันน่าสงสาร มีแต่พี่เฮี้ยๆ เฮี้ยไม่พอ จั๊ดง่าวด้วย มีแต่หัวไว้ตัดผมอย่างเดียว สมงสมองไม่เอามาใช้ ให้อิผจกนิติ ชื่อปูเสี้ยม ไปไกลถึงขนาดคิดทำลายน้องชายตัวเอง ยืนข้างคนที่ให้ร้ายน้องชายกับแม่ตัวเอง ทุ๊ย! และขออย่างเดียว อย่าไปโยง เพราะได้ข่าวมาว่า พี่คิงส์โพสรัวๆ เรื่องคนข้างบ้านตอนสามทุ่มกว่า แต่มี 4-5 คน นอนไม่หลับนั่งบ่นยันตีสาม ไม่เอานะ เสียสุขภาพ แค่นั้นหละ ปัญหาคือ อย่าโยง อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจ “นักเรียนเลว” เผยประเด็นครูกล้อนผมนักเรียนหญิง แม้ทางโรงเรียน เคยย้ำในระเบียบ ว่าครูมีอำนาจในการตัดผมเด็กนักเรียน ซึ่งครูมีสิทธิถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือถูกสอบสวนวินัยได้

    เมื่อวันที่ 19 พ.ย. เพจ “นักเรียนเลว” ได้นำเสนอประเด็นครูกล้อนผมนักเรียนหญิง แม้ทางโรงเรียน เคยย้ำในระเบียบ ว่าครูมีอำนาจในการตัดผมเด็กนักเรียน โดยทางเพจระบุว่า “เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2567 ที่ รร. แห่งหนึ่ง ใน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ครูที่ปรึกษาบังคับนักเรียนหญิงนั่งพื้นปล่อยผม จับตัดผมเรียงคนจนเสียทรง แม้โรงเรียนเคยย้ำในระเบียบว่าครูไม่มีอำนาจตัดผมนักเรียน

    ผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า ครูคนดังกล่าวได้เรียกนักเรียนมาพบในคาบว่าง ครูได้ให้นักเรียนหญิงทุกคนปล่อยผมเพื่อดูความยาว ก่อนใช้อุปกรณ์กรรไกรตัดผมนักเรียนทีละคน โดยไม่มีการแจ้งหรือขออนุญาตล่วงหน้า แม้นักเรียนบางคนเพิ่งตัดผมมาสั้นมากแล้ว ก็ยังถูกบังคับให้ตัดเพิ่มเติม

    นักเรียนคนหนึ่งพยายามปฏิเสธเพราะต้องไปงานสำคัญในเย็นวันนั้น ครูกลับเพิกเฉยต่อเหตุผล และยังกล่าวตำหนิ โยงถึงพ่อแม่ และพฤติกรรมในอดีตของนักเรียนคนนั้น ขณะที่นักเรียนที่เหลือไม่ยินยอมให้ครูตัดผมด้วย

    เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความอับอายและไม่สบายใจแก่ผู้เรียน โดยมีนักเรียนหญิงที่ถูกตัดผมรวมประมาณ 11 - 12 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000111759

    #MGROnline #เพจนักเรียนเลว #กล้อนผม #นักเรียนหญิง
    เพจ “นักเรียนเลว” เผยประเด็นครูกล้อนผมนักเรียนหญิง แม้ทางโรงเรียน เคยย้ำในระเบียบ ว่าครูมีอำนาจในการตัดผมเด็กนักเรียน ซึ่งครูมีสิทธิถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือถูกสอบสวนวินัยได้ • เมื่อวันที่ 19 พ.ย. เพจ “นักเรียนเลว” ได้นำเสนอประเด็นครูกล้อนผมนักเรียนหญิง แม้ทางโรงเรียน เคยย้ำในระเบียบ ว่าครูมีอำนาจในการตัดผมเด็กนักเรียน โดยทางเพจระบุว่า “เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2567 ที่ รร. แห่งหนึ่ง ใน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ครูที่ปรึกษาบังคับนักเรียนหญิงนั่งพื้นปล่อยผม จับตัดผมเรียงคนจนเสียทรง แม้โรงเรียนเคยย้ำในระเบียบว่าครูไม่มีอำนาจตัดผมนักเรียน • ผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า ครูคนดังกล่าวได้เรียกนักเรียนมาพบในคาบว่าง ครูได้ให้นักเรียนหญิงทุกคนปล่อยผมเพื่อดูความยาว ก่อนใช้อุปกรณ์กรรไกรตัดผมนักเรียนทีละคน โดยไม่มีการแจ้งหรือขออนุญาตล่วงหน้า แม้นักเรียนบางคนเพิ่งตัดผมมาสั้นมากแล้ว ก็ยังถูกบังคับให้ตัดเพิ่มเติม • นักเรียนคนหนึ่งพยายามปฏิเสธเพราะต้องไปงานสำคัญในเย็นวันนั้น ครูกลับเพิกเฉยต่อเหตุผล และยังกล่าวตำหนิ โยงถึงพ่อแม่ และพฤติกรรมในอดีตของนักเรียนคนนั้น ขณะที่นักเรียนที่เหลือไม่ยินยอมให้ครูตัดผมด้วย • เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความอับอายและไม่สบายใจแก่ผู้เรียน โดยมีนักเรียนหญิงที่ถูกตัดผมรวมประมาณ 11 - 12 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000111759 • #MGROnline #เพจนักเรียนเลว #กล้อนผม #นักเรียนหญิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 511 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ประเทศไทยเหมือนกำลังเป็นมะเร็งร้าย
    ปัญหาเหล่านี้มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมจึงต้องระบายมันออกมาเพื่อให้หยุดคิดเรื่องนี้สักที

    ในที่กระเเสตอนนี้ ที่บอสพอลกำลังดัง เเต่...
    ชาวต่างด้าวจำนวนมากได้ไหลเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อสร้างอาณาจักร และทำอาชีพสงวนของคนไทยโดยมีคนไทย เห็นแก่เงินบางคนมีส่วนเกี่ยวข้อง ผมได้ คลุกคลีกับชาวต่างด้าวพวกนั้น พวกเขาเปิดร้านมีลูกซื้อรถ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้นเป็นสาเหตุว่าทำไมคนไทยถึงหาเงินได้ ยากลำบาก พวกเราต้องเสียภาษี ทำตามกฎหมายในขณะเดียวกันที่ชาวต่างด้าวพวกนั้นได้สวัสดิการรักษาโดยจากเด็กที่เกิดใหม่ ทุนเรียนฟรี และได้รับเงินจากการค้าขายสินค้า ร้านตัดผม ร้านอาหาร อื่นๆ อีกมากมาย ที่ผมยังไม่ทราบ ทั้งคนที่เข้ามาแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมายก็ต่างทำแบบนี้ทั้งนั้น ลองคิดเล่นๆว่า 10 ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อต่างด้าวทั้งหมดมีจำนวน 30 ล้านคน อาจมากกว่านั้น ซ่ำร้ายไปกว่านั้นได้แทรกซึมเข้าไปในองค์กรเช่นตำรวจข้าราชการปลัดอำเภอที่เกี่ยวข้องกับเอกสารและทำการปลอมแปลงหรือสวมสิทธิ์คนไทยเพื่อขาย เพราะก็รู้กันอยู่ ว่าเงินซื้อได้ ไม่อยากยอมรับ แต่ความจริงข้อนี้ เห็นกันอยู่ทั่วไป ข้าราชการที่พลาดถูกจับได้ก็แค่สั่งย้ายหรือพักงาน ข้อกำหนดอีกมากมายที่เขาจะเล่นแร่แปรธาตุทำให้คนเหล่านั้นพ้นผิด
    พวกเราชาวไทยทุกท่านที่ไม่มีเงินต้องอยู่อย่างหวาดกลัวยากลำบากและถูกกดขี่จากผู้คนเหล่านี้หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยขัดขืนไม่ได้เลย

    ขอบคุณมากครับที่รับฟัง ไม่ต้องให้ความสำคัญมากครับผมอาจคิดมากไปเอง
    ตอนนี้ประเทศไทยเหมือนกำลังเป็นมะเร็งร้าย ปัญหาเหล่านี้มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมจึงต้องระบายมันออกมาเพื่อให้หยุดคิดเรื่องนี้สักที ในที่กระเเสตอนนี้ ที่บอสพอลกำลังดัง เเต่... ชาวต่างด้าวจำนวนมากได้ไหลเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อสร้างอาณาจักร และทำอาชีพสงวนของคนไทยโดยมีคนไทย เห็นแก่เงินบางคนมีส่วนเกี่ยวข้อง ผมได้ คลุกคลีกับชาวต่างด้าวพวกนั้น พวกเขาเปิดร้านมีลูกซื้อรถ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้นเป็นสาเหตุว่าทำไมคนไทยถึงหาเงินได้ ยากลำบาก พวกเราต้องเสียภาษี ทำตามกฎหมายในขณะเดียวกันที่ชาวต่างด้าวพวกนั้นได้สวัสดิการรักษาโดยจากเด็กที่เกิดใหม่ ทุนเรียนฟรี และได้รับเงินจากการค้าขายสินค้า ร้านตัดผม ร้านอาหาร อื่นๆ อีกมากมาย ที่ผมยังไม่ทราบ ทั้งคนที่เข้ามาแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมายก็ต่างทำแบบนี้ทั้งนั้น ลองคิดเล่นๆว่า 10 ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อต่างด้าวทั้งหมดมีจำนวน 30 ล้านคน อาจมากกว่านั้น ซ่ำร้ายไปกว่านั้นได้แทรกซึมเข้าไปในองค์กรเช่นตำรวจข้าราชการปลัดอำเภอที่เกี่ยวข้องกับเอกสารและทำการปลอมแปลงหรือสวมสิทธิ์คนไทยเพื่อขาย เพราะก็รู้กันอยู่ ว่าเงินซื้อได้ ไม่อยากยอมรับ แต่ความจริงข้อนี้ เห็นกันอยู่ทั่วไป ข้าราชการที่พลาดถูกจับได้ก็แค่สั่งย้ายหรือพักงาน ข้อกำหนดอีกมากมายที่เขาจะเล่นแร่แปรธาตุทำให้คนเหล่านั้นพ้นผิด พวกเราชาวไทยทุกท่านที่ไม่มีเงินต้องอยู่อย่างหวาดกลัวยากลำบากและถูกกดขี่จากผู้คนเหล่านี้หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยขัดขืนไม่ได้เลย ขอบคุณมากครับที่รับฟัง ไม่ต้องให้ความสำคัญมากครับผมอาจคิดมากไปเอง
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรยากาศน่าประทับใจ ปู พงษ์สิทธิ์ ตัดผมรับขวัญหลานสาว น้องมโนราห์
    พูดซึ้งไม่มีพ่อไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเป็นให้เอง ด้าน เมรี โผกอดขอโทษคุณพ่อ
    #Newsstory #News1 #ปูพงษ์สิทธิ์ #กูเป็นพ่อให้เอง #เมรีขอโทษคุณพ่อ #เมรีคัมภีร์
    บรรยากาศน่าประทับใจ ปู พงษ์สิทธิ์ ตัดผมรับขวัญหลานสาว น้องมโนราห์ พูดซึ้งไม่มีพ่อไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเป็นให้เอง ด้าน เมรี โผกอดขอโทษคุณพ่อ #Newsstory #News1 #ปูพงษ์สิทธิ์ #กูเป็นพ่อให้เอง #เมรีขอโทษคุณพ่อ #เมรีคัมภีร์
    Like
    Love
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 960 มุมมอง 181 0 รีวิว
  • พี่ปูพงษ์สิทธิ์ ตัดผมให้หลานรัก พร้อมให้อภัยน้องเมรี ลูกสาว และพร้อมเป็นพ่อให้เอง ส่วนไอ้สวะ แอมมี่ สามกีบ ผู้อยากล้มล้างสถาบัน อยากเรียกร้องสิทธิห่าเหวต่างๆ นาๆ มึงเป็นพ่อคนให้ดีก่อนยังทำไม่ได้ ถุยยยยย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    พี่ปูพงษ์สิทธิ์ ตัดผมให้หลานรัก พร้อมให้อภัยน้องเมรี ลูกสาว และพร้อมเป็นพ่อให้เอง ส่วนไอ้สวะ แอมมี่ สามกีบ ผู้อยากล้มล้างสถาบัน อยากเรียกร้องสิทธิห่าเหวต่างๆ นาๆ มึงเป็นพ่อคนให้ดีก่อนยังทำไม่ได้ ถุยยยยย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 799 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านตัดผมเล็กในปั๊มน้ำมันบางจากกลางเมืองโคราชคนรับ
    ร้านตัดผมเล็กในปั๊มน้ำมันบางจากกลางเมืองโคราชคนรับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • คอร์สเรียนตัดผมชายแนวคลาสสิค ที่คุณไม่ควรพลาด‼

    คอร์สสำหรับช่างที่ชอบงานคลาสสิค งานธรรมชาติ งานศิลปะ+อารมณ์

    "Classic Oldschool Schorem Barber Course"

    ยกระดับฝีมือสู่มาตรฐานระดับโลก กับคอร์สเรียนตัดผมชายแนวคลาสสิคที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่างตัดผมโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างตัดผมหน้าใหม่หรือช่างเก่าที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะ มาร่วมเรียนรู้และพัฒนาฝีมือกับ ช่างผู้มีประสบการณ์ตรงจาก Schorem ร้านตัดผมชายระดับตำนานจากประเทศเนเธอร์แลนด์!

    สิ่งที่คุณจะได้รับจากคอร์สนี้:
    ✂️ เรียนรู้เทคนิคการตัดผมชายแนวคลาสสิคโดยตรงจากช่างที่จบจาก Schorem
    ✂️ แชร์ประสบการณ์การทำงานกับแบรนด์ระดับโลก อย่าง Wahl และ Uppercut Deluxe
    ✂️ เน้นการพัฒนาฝีมือและเสริมสร้างความมั่นใจในการทำงาน ด้วยความรู้ที่ถูกต้องจากต้นตำรับ

    รายละเอียดคอร์ส:
    🗓 เปิดสอน รอบละ 10-15 ท่านเท่านั้น
    📅 ระยะเวลา: 3 วัน (อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี)
    ⏰ เวลา: 10.00 น. - 15.00 น.
    📅 เริ่มเดือนพฤศจิกายน 2567
    📅เปิค 4 รอบ ตามวันที่นี้ (5 - 7) , (12 - 14) , (19 - 21) , (26 - 28)

    💲โปรโมชั่นพิเศษ
    ราคาคอร์ส 3 วันจาก 9,900 บาท ลดเหลือเพียง 5,999 บาท
    สำหรับช่างที่จองสิทธิ์พร้อมมัดจำ 2,999 บาท แถมฟรี‼ คู่มือเรียนที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมืออาชีพ

    📌 วิธีสมัคร
    ✅ มัดจำ 2,900 บาท (ไม่คืนมัดจำทุกกรณี)
    ✅ ผ่านพร้อมเพย์ 092-6414877 จิรายุ สุขเต็ม
    ✅ ส่งสลิปยืนยันทางเพจ
    ✅ รับสมัครจำนวนจำกัด รอบละ 10 ท่านเท่านั้น
    ✅ เรียนจบคอร์ส รับใบประกาศจากสถาบัน

    💥โอกาสทองที่จะทำให้คุณก้าวเข้าสู่โลกของการตัดผมชายระดับคลาสสิค อย่าพลาด! รับสมัครจำนวนจำกัด ‼จองด่วน‼

    ติดต่อเราเพื่อสมัครและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่...

    📱 ติดตามเราได้ที่
    Facebook: เรียนตัดผมชาย Charisma Academy
    Instagram: charismaacademy2020
    Tiktok: charismaacademy
    Line: @320nepdo
    โทร: 092-6414877

    #เรียนตัดผมชาย #ร้านตัดผมชาย #สอนตัดผม #ตัดผม #เรียนเสริมสวย #รังสิต #ปทุมธานี
    คอร์สเรียนตัดผมชายแนวคลาสสิค ที่คุณไม่ควรพลาด‼ คอร์สสำหรับช่างที่ชอบงานคลาสสิค งานธรรมชาติ งานศิลปะ+อารมณ์ "Classic Oldschool Schorem Barber Course" ยกระดับฝีมือสู่มาตรฐานระดับโลก กับคอร์สเรียนตัดผมชายแนวคลาสสิคที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่างตัดผมโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างตัดผมหน้าใหม่หรือช่างเก่าที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะ มาร่วมเรียนรู้และพัฒนาฝีมือกับ ช่างผู้มีประสบการณ์ตรงจาก Schorem ร้านตัดผมชายระดับตำนานจากประเทศเนเธอร์แลนด์! สิ่งที่คุณจะได้รับจากคอร์สนี้: ✂️ เรียนรู้เทคนิคการตัดผมชายแนวคลาสสิคโดยตรงจากช่างที่จบจาก Schorem ✂️ แชร์ประสบการณ์การทำงานกับแบรนด์ระดับโลก อย่าง Wahl และ Uppercut Deluxe ✂️ เน้นการพัฒนาฝีมือและเสริมสร้างความมั่นใจในการทำงาน ด้วยความรู้ที่ถูกต้องจากต้นตำรับ รายละเอียดคอร์ส: 🗓 เปิดสอน รอบละ 10-15 ท่านเท่านั้น 📅 ระยะเวลา: 3 วัน (อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี) ⏰ เวลา: 10.00 น. - 15.00 น. 📅 เริ่มเดือนพฤศจิกายน 2567 📅เปิค 4 รอบ ตามวันที่นี้ (5 - 7) , (12 - 14) , (19 - 21) , (26 - 28) 💲โปรโมชั่นพิเศษ ราคาคอร์ส 3 วันจาก 9,900 บาท ลดเหลือเพียง 5,999 บาท สำหรับช่างที่จองสิทธิ์พร้อมมัดจำ 2,999 บาท แถมฟรี‼ คู่มือเรียนที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมืออาชีพ 📌 วิธีสมัคร ✅ มัดจำ 2,900 บาท (ไม่คืนมัดจำทุกกรณี) ✅ ผ่านพร้อมเพย์ 092-6414877 จิรายุ สุขเต็ม ✅ ส่งสลิปยืนยันทางเพจ ✅ รับสมัครจำนวนจำกัด รอบละ 10 ท่านเท่านั้น ✅ เรียนจบคอร์ส รับใบประกาศจากสถาบัน 💥โอกาสทองที่จะทำให้คุณก้าวเข้าสู่โลกของการตัดผมชายระดับคลาสสิค อย่าพลาด! รับสมัครจำนวนจำกัด ‼จองด่วน‼ ติดต่อเราเพื่อสมัครและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่... 📱 ติดตามเราได้ที่ Facebook: เรียนตัดผมชาย Charisma Academy Instagram: charismaacademy2020 Tiktok: charismaacademy Line: @320nepdo โทร: 092-6414877 #เรียนตัดผมชาย #ร้านตัดผมชาย #สอนตัดผม #ตัดผม #เรียนเสริมสวย #รังสิต #ปทุมธานี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน น้ำกะปิหวานและน้ำกะปิหวานภาคกลาง และได้จิ้มกะปิ 2 ภาค ดับเบิ้ลภาค แผล็บๆๆ แต่ผสมกับกะปิหวานภาคใต้แล้วรสชาติอร่อย มันๆเปรี้ยวๆเผ็ดๆ ถ้าเป็นน้ำปลาหวานผมนี่เบียวบุพเพสันนิวาสเลยครับ
    ทำไงได้ก็มันอร่อยนี่แถมต้องรีบกินให้หมด กลัวจะเสียซะก่อนครับ
    วันนี้โพสต์อะไรใน VK ซะเยอะเลย พยายามผลิตเนื้อหาและบทความที่ผมเขียนแล้วให้คนอ่านเหมือนได้สู้เพื่อองค์จักรพรรดิใน Warhammer
    และเมื่อวานหายไปทั้งวันเพราะตัดผม เคลียร์งานบ้านสารพัด และสุดท้ายต้องนอนตามแพทย์สั่งประมาณ 22.30 - 23.30
    บางทีคงอดหลับอดนอนไม่ได้ แต่ก็พยายามตื่นสัก ตี 4 ตี 5 แต่ก็ทำไม่ได้สักที อย่างมากก็ 8 โมง ดีที่ทำงานอิสระ แต่งานอิสระส่วนใหญ่นอนน้อย ไม่ได้หลับไม่ได้นอน รวมทั้งตัวผม และเป็นงานตามวิชาชีพ เช่น เขียนโปรแกรม จัดการข้อมูล งานประพันธ์ ทำเกมส์ ทำกราฟฟิกครับ
    มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน น้ำกะปิหวานและน้ำกะปิหวานภาคกลาง และได้จิ้มกะปิ 2 ภาค ดับเบิ้ลภาค แผล็บๆๆ แต่ผสมกับกะปิหวานภาคใต้แล้วรสชาติอร่อย มันๆเปรี้ยวๆเผ็ดๆ ถ้าเป็นน้ำปลาหวานผมนี่เบียวบุพเพสันนิวาสเลยครับ ทำไงได้ก็มันอร่อยนี่แถมต้องรีบกินให้หมด กลัวจะเสียซะก่อนครับ วันนี้โพสต์อะไรใน VK ซะเยอะเลย พยายามผลิตเนื้อหาและบทความที่ผมเขียนแล้วให้คนอ่านเหมือนได้สู้เพื่อองค์จักรพรรดิใน Warhammer และเมื่อวานหายไปทั้งวันเพราะตัดผม เคลียร์งานบ้านสารพัด และสุดท้ายต้องนอนตามแพทย์สั่งประมาณ 22.30 - 23.30 บางทีคงอดหลับอดนอนไม่ได้ แต่ก็พยายามตื่นสัก ตี 4 ตี 5 แต่ก็ทำไม่ได้สักที อย่างมากก็ 8 โมง ดีที่ทำงานอิสระ แต่งานอิสระส่วนใหญ่นอนน้อย ไม่ได้หลับไม่ได้นอน รวมทั้งตัวผม และเป็นงานตามวิชาชีพ เช่น เขียนโปรแกรม จัดการข้อมูล งานประพันธ์ ทำเกมส์ ทำกราฟฟิกครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 4 ล้านบาท เร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันเพื่อประเมินการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
    .
    ระหว่างวันที่ 4-10 กันยายน 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน สุโขทัย และแพร่ รวม 5 จังหวัด เครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 8,500 ชุด นอกจากนี้ยังได้ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจำนวน 9 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งสิ้น 4,005,000 บาท (สี่ล้านห้าพันบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี
    .
    นอกจากนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย แพร่ และน่าน โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก
    .
    เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์
    .
    ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการภารกิจในพื้นที่ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป
    .
    ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 4 ล้านบาท เร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันเพื่อประเมินการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด . ระหว่างวันที่ 4-10 กันยายน 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน สุโขทัย และแพร่ รวม 5 จังหวัด เครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 8,500 ชุด นอกจากนี้ยังได้ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจำนวน 9 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งสิ้น 4,005,000 บาท (สี่ล้านห้าพันบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี . นอกจากนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย แพร่ และน่าน โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก . เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ . ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการภารกิจในพื้นที่ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป . ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1180 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอประกาศเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันนะครับ
    ....
    วันนี้ลูกค้าทักมาบอก lit nit ว่า
    "วันพรุ่งนี้ที่นัดมาตัดหญ้า พี่ลืมบอกไปว่าพี่นัดช่างมาทำหลังคาที่บ้านพี่ด้วย ช่างจะขวางลิตหรือเปล่า ลิตจะตัดหญ้าได้ไหม ?"
    ....
    lit nit ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจซิครับ คุยงานกันเรียบร้อยแล้วแต่ lit nit ดันเข้าใจเนื้องานผิดแบบนี้ก็เป็นปัญหาซิครับ lit nit จึงต้องตอบพี่เขาไป
    "พี่ครับ หญ้าที่ผมรับตัดผมเข้าใจว่าอยู่กับพื้นดินนะครับ ผมไม่รับตัดหญ้าบนหลังคานะครับเพราะขึ้นไปยืนร่อนเครื่องตัดหญ้าบนนั้นไม่ได้ !"
    ....
    พี่เขาตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า
    "รมณ์เสีย !"
    lit nit ก็งง ๆ รสนิยมพี่เขาก็แปลก ๆ ทำไมถึงไปปลูกหญ้าบนหลังคา ฮึ...หรือว่าระหว่างวันพี่เขาขึ้นไปนั่งจิบแฟบนหลังคา !
    ....
    เออ...รู้งี้น่าจะบอกพี่เขาให้ช่างเอาหลังคาลงมาวางกับพื้นดินจะได้ตัดหญ้าได้ ไหน ๆ ช่างหลังคาก็มาแล้วทั้งที
    #โอเคนะครับ lit nit ไม่รับตัดหญ้าบนหลังคานะครับมันร่อนเครื่องตัดหญ้าลำบาก
    ขอประกาศเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันนะครับ .... วันนี้ลูกค้าทักมาบอก lit nit ว่า "วันพรุ่งนี้ที่นัดมาตัดหญ้า พี่ลืมบอกไปว่าพี่นัดช่างมาทำหลังคาที่บ้านพี่ด้วย ช่างจะขวางลิตหรือเปล่า ลิตจะตัดหญ้าได้ไหม ?" .... lit nit ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจซิครับ คุยงานกันเรียบร้อยแล้วแต่ lit nit ดันเข้าใจเนื้องานผิดแบบนี้ก็เป็นปัญหาซิครับ lit nit จึงต้องตอบพี่เขาไป "พี่ครับ หญ้าที่ผมรับตัดผมเข้าใจว่าอยู่กับพื้นดินนะครับ ผมไม่รับตัดหญ้าบนหลังคานะครับเพราะขึ้นไปยืนร่อนเครื่องตัดหญ้าบนนั้นไม่ได้ !" .... พี่เขาตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า "รมณ์เสีย !" lit nit ก็งง ๆ รสนิยมพี่เขาก็แปลก ๆ ทำไมถึงไปปลูกหญ้าบนหลังคา ฮึ...หรือว่าระหว่างวันพี่เขาขึ้นไปนั่งจิบแฟบนหลังคา ! .... เออ...รู้งี้น่าจะบอกพี่เขาให้ช่างเอาหลังคาลงมาวางกับพื้นดินจะได้ตัดหญ้าได้ ไหน ๆ ช่างหลังคาก็มาแล้วทั้งที #โอเคนะครับ lit nit ไม่รับตัดหญ้าบนหลังคานะครับมันร่อนเครื่องตัดหญ้าลำบาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว