• Wine 10.10 ได้เปิดตัวแล้ว! เวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับ การอัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0 ซึ่งช่วยให้รองรับ .NET Framework ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการ ถอด OSMesa library ออกจากระบบ ทำให้การเรนเดอร์กราฟิกผ่าน OpenGL มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากการปรับปรุงโครงสร้างแล้ว Wine 10.10 ยังได้แก้ไข 38 ข้อผิดพลาด ที่ส่งผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและเกมหลายตัว เช่น
    - F.E.A.R. แก้ไขปัญหาเกมค้างและข้อผิดพลาด "Out of memory"
    - S.T.A.L.K.E.R.: Anomaly แก้ไขปัญหาเกมล่มเมื่อโหลดเซฟไฟล์
    - StarCraft Remastered แก้ไขปัญหาเกมไม่สามารถเริ่มต้นได้ใน Wine 10.5
    - Steam Big Picture Mode แก้ไขปัญหาหน้าจอดำเมื่อใช้ d3d10

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการรองรับ Windows Runtime metadata ใน WIDL และอัปเดตข้อมูลโลแคลให้เป็น Unicode CLDR 47

    แนวโน้มของ Wine: Wine ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รองรับแอปพลิเคชัน Windows ได้ดีขึ้นบน Linux และ macOS

    การเปลี่ยนแปลงของ OpenGL: การถอด OSMesa library อาจส่งผลให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ต้องปรับตัวไปใช้โซลูชันอื่น

    การพัฒนาเกมบน Linux: การแก้ไขข้อผิดพลาดในเกมยอดนิยมช่วยให้ Wine เป็นตัวเลือกที่ดีขึ้นสำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการรันเกม Windows บน Linux

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Wine 10.10
    - อัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0
    - ถอด OSMesa library ออกจากระบบเพื่อปรับปรุงการเรนเดอร์กราฟิก
    - แก้ไขข้อผิดพลาด 38 รายการ รวมถึงปัญหาในเกมยอดนิยม

    ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง
    - การถอด OSMesa library อาจทำให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอปพลิเคชันก่อนอัปเดต Wine
    - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาด แต่ยังอาจมีบั๊กใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง

    https://www.neowin.net/news/wine-1010-released-brings-updated-mono-engine-bug-fixes-for-several-games-and-more/
    Wine 10.10 ได้เปิดตัวแล้ว! เวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับ การอัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0 ซึ่งช่วยให้รองรับ .NET Framework ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการ ถอด OSMesa library ออกจากระบบ ทำให้การเรนเดอร์กราฟิกผ่าน OpenGL มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากการปรับปรุงโครงสร้างแล้ว Wine 10.10 ยังได้แก้ไข 38 ข้อผิดพลาด ที่ส่งผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและเกมหลายตัว เช่น - F.E.A.R. แก้ไขปัญหาเกมค้างและข้อผิดพลาด "Out of memory" - S.T.A.L.K.E.R.: Anomaly แก้ไขปัญหาเกมล่มเมื่อโหลดเซฟไฟล์ - StarCraft Remastered แก้ไขปัญหาเกมไม่สามารถเริ่มต้นได้ใน Wine 10.5 - Steam Big Picture Mode แก้ไขปัญหาหน้าจอดำเมื่อใช้ d3d10 นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการรองรับ Windows Runtime metadata ใน WIDL และอัปเดตข้อมูลโลแคลให้เป็น Unicode CLDR 47 แนวโน้มของ Wine: Wine ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รองรับแอปพลิเคชัน Windows ได้ดีขึ้นบน Linux และ macOS การเปลี่ยนแปลงของ OpenGL: การถอด OSMesa library อาจส่งผลให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ต้องปรับตัวไปใช้โซลูชันอื่น การพัฒนาเกมบน Linux: การแก้ไขข้อผิดพลาดในเกมยอดนิยมช่วยให้ Wine เป็นตัวเลือกที่ดีขึ้นสำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการรันเกม Windows บน Linux ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Wine 10.10 - อัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0 - ถอด OSMesa library ออกจากระบบเพื่อปรับปรุงการเรนเดอร์กราฟิก - แก้ไขข้อผิดพลาด 38 รายการ รวมถึงปัญหาในเกมยอดนิยม ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง - การถอด OSMesa library อาจทำให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอปพลิเคชันก่อนอัปเดต Wine - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาด แต่ยังอาจมีบั๊กใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง https://www.neowin.net/news/wine-1010-released-brings-updated-mono-engine-bug-fixes-for-several-games-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wine 10.10 released, brings updated Mono engine, bug fixes for several games, and more
    Wine 10.10 is now live, with an updated Mono engine and fixes for games like Rise of Nations and Burger Shop.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📱 การเติบโตของการใช้งานเว็บบนมือถือแตะระดับสูงสุดที่ 64%
    การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด คิดเป็น 64% ของทราฟฟิกเว็บทั้งหมด ซึ่งเป็น การเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่แปด

    🔍 ปัจจัยที่ทำให้การใช้งานเว็บบนมือถือเพิ่มขึ้น
    ✅ การเติบโตของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในเอเชีย
    - ในเอเชีย การใช้งานเว็บผ่านมือถือคิดเป็น 71.3% ของทราฟฟิกทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 7%
    - ยุโรปและอเมริกามีสัดส่วนการใช้งานมือถืออยู่ที่ประมาณ 50%

    ✅ Android ครองตลาดการใช้งานเว็บบนมือถือ
    - Android มีส่วนแบ่งตลาด 72.72% ในการเข้าถึงเว็บผ่านมือถือ
    - iOS มีส่วนแบ่ง 26.92% โดยได้รับความนิยมมากกว่าในสหรัฐฯ
    - Android ครองตลาดในประเทศที่มีประชากรสูง เช่น อินเดียและจีน

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีมือถือช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น
    - สมาร์ทโฟนระดับกลางและราคาประหยัดรองรับ 4G/5G และโหมดประหยัดข้อมูล
    - Cloudflare รายงานว่า Android มีส่วนแบ่งมากกว่า 90% ของทราฟฟิกมือถือในกว่า 25 ประเทศ

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต
    ‼️ การพึ่งพาอุปกรณ์มือถืออาจทำให้การพัฒนาเว็บต้องปรับตัว
    - เว็บไซต์ต้องออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานบนมือถือมากขึ้น

    ‼️ การแข่งขันระหว่าง Android และ iOS ยังคงดำเนินต่อไป
    - Apple อาจต้องพัฒนา iOS ให้สามารถแข่งขันกับ Android ในตลาดโลกได้ดีขึ้น

    ‼️ ต้องติดตามว่าแนวโน้มนี้จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอย่างไร
    - การเพิ่มขึ้นของทราฟฟิกมือถืออาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต

    🚀 อนาคตของการใช้งานเว็บบนมือถือ
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี 5G และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศกำลังพัฒนา ✅ แนวโน้มการใช้งานมือถืออาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องปรับกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับมือถือมากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/108305-global-mobile-web-traffic-hits-record-high-64.html
    📱 การเติบโตของการใช้งานเว็บบนมือถือแตะระดับสูงสุดที่ 64% การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด คิดเป็น 64% ของทราฟฟิกเว็บทั้งหมด ซึ่งเป็น การเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่แปด 🔍 ปัจจัยที่ทำให้การใช้งานเว็บบนมือถือเพิ่มขึ้น ✅ การเติบโตของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในเอเชีย - ในเอเชีย การใช้งานเว็บผ่านมือถือคิดเป็น 71.3% ของทราฟฟิกทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 7% - ยุโรปและอเมริกามีสัดส่วนการใช้งานมือถืออยู่ที่ประมาณ 50% ✅ Android ครองตลาดการใช้งานเว็บบนมือถือ - Android มีส่วนแบ่งตลาด 72.72% ในการเข้าถึงเว็บผ่านมือถือ - iOS มีส่วนแบ่ง 26.92% โดยได้รับความนิยมมากกว่าในสหรัฐฯ - Android ครองตลาดในประเทศที่มีประชากรสูง เช่น อินเดียและจีน ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีมือถือช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น - สมาร์ทโฟนระดับกลางและราคาประหยัดรองรับ 4G/5G และโหมดประหยัดข้อมูล - Cloudflare รายงานว่า Android มีส่วนแบ่งมากกว่า 90% ของทราฟฟิกมือถือในกว่า 25 ประเทศ 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต ‼️ การพึ่งพาอุปกรณ์มือถืออาจทำให้การพัฒนาเว็บต้องปรับตัว - เว็บไซต์ต้องออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานบนมือถือมากขึ้น ‼️ การแข่งขันระหว่าง Android และ iOS ยังคงดำเนินต่อไป - Apple อาจต้องพัฒนา iOS ให้สามารถแข่งขันกับ Android ในตลาดโลกได้ดีขึ้น ‼️ ต้องติดตามว่าแนวโน้มนี้จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอย่างไร - การเพิ่มขึ้นของทราฟฟิกมือถืออาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต 🚀 อนาคตของการใช้งานเว็บบนมือถือ ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี 5G และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศกำลังพัฒนา ✅ แนวโน้มการใช้งานมือถืออาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องปรับกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับมือถือมากขึ้น https://www.techspot.com/news/108305-global-mobile-web-traffic-hits-record-high-64.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Mobile web traffic hits record 64%, with Android leading the way
    Since 2015, the amount of web traffic to come from smartphones has more than doubled from 31.16% to 64%. There have been quarters during the decade when...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧠 Sandia เปิดตัว SpiNNaker 2: ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เลียนแบบสมองมนุษย์
    Sandia National Laboratories ได้เปิดตัว SpiNNaker 2 ซึ่งเป็น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ออกแบบให้ทำงานเหมือนสมองมนุษย์ โดย ไม่มีระบบปฏิบัติการและไม่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายใน

    SpiNNaker 2 ใช้สถาปัตยกรรม neuromorphic ซึ่งช่วยให้ สามารถประมวลผลแบบขนานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - SpiNNaker 2 ใช้สถาปัตยกรรม neuromorphic เพื่อเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์
    - ไม่มีระบบปฏิบัติการและไม่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายใน
    - ใช้ 152 คอร์ต่อชิป และมี 48 ชิปต่อเซิร์ฟเวอร์บอร์ด
    - ระบบเต็มรูปแบบมี 1,440 บอร์ด, 69,120 ชิป และ 138,240 เทราไบต์ของ DRAM
    - ข้อมูลถูกเก็บไว้ใน SRAM และ DRAM เพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผล

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    SpiNNaker 2 อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเลียนแบบการทำงานของสมอง และ ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาดิสก์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ว่าระบบนี้จะสามารถจำลองเซลล์ประสาทได้ 150-180 ล้านเซลล์ แต่ยังห่างไกลจากสมองมนุษย์ที่มี 100 พันล้านเซลล์
    - ต้องติดตามว่า SpiNNaker 2 จะสามารถนำไปใช้ในงานด้านความมั่นคงแห่งชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
    - การไม่มีระบบปฏิบัติการอาจทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบนี้มีข้อจำกัด
    - ต้องรอดูว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถแข่งขันกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมได้หรือไม่

    🚀 อนาคตของ SpiNNaker 2 และการประมวลผลแบบ neuromorphic
    SpiNNaker 2 อาจเป็นก้าวแรกในการพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สามารถเลียนแบบสมองมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าระบบนี้จะสามารถนำไปใช้ในงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

    https://www.techradar.com/pro/a-system-inspired-by-the-human-brain-has-quietly-been-activated-at-a-us-nuclear-lab-and-it-has-no-operating-system-or-storage
    🧠 Sandia เปิดตัว SpiNNaker 2: ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เลียนแบบสมองมนุษย์ Sandia National Laboratories ได้เปิดตัว SpiNNaker 2 ซึ่งเป็น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ออกแบบให้ทำงานเหมือนสมองมนุษย์ โดย ไม่มีระบบปฏิบัติการและไม่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายใน SpiNNaker 2 ใช้สถาปัตยกรรม neuromorphic ซึ่งช่วยให้ สามารถประมวลผลแบบขนานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - SpiNNaker 2 ใช้สถาปัตยกรรม neuromorphic เพื่อเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ - ไม่มีระบบปฏิบัติการและไม่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายใน - ใช้ 152 คอร์ต่อชิป และมี 48 ชิปต่อเซิร์ฟเวอร์บอร์ด - ระบบเต็มรูปแบบมี 1,440 บอร์ด, 69,120 ชิป และ 138,240 เทราไบต์ของ DRAM - ข้อมูลถูกเก็บไว้ใน SRAM และ DRAM เพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผล 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ SpiNNaker 2 อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเลียนแบบการทำงานของสมอง และ ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาดิสก์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ว่าระบบนี้จะสามารถจำลองเซลล์ประสาทได้ 150-180 ล้านเซลล์ แต่ยังห่างไกลจากสมองมนุษย์ที่มี 100 พันล้านเซลล์ - ต้องติดตามว่า SpiNNaker 2 จะสามารถนำไปใช้ในงานด้านความมั่นคงแห่งชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ - การไม่มีระบบปฏิบัติการอาจทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบนี้มีข้อจำกัด - ต้องรอดูว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถแข่งขันกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมได้หรือไม่ 🚀 อนาคตของ SpiNNaker 2 และการประมวลผลแบบ neuromorphic SpiNNaker 2 อาจเป็นก้าวแรกในการพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สามารถเลียนแบบสมองมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าระบบนี้จะสามารถนำไปใช้ในงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ https://www.techradar.com/pro/a-system-inspired-by-the-human-brain-has-quietly-been-activated-at-a-us-nuclear-lab-and-it-has-no-operating-system-or-storage
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔗 PCI-SIG เปิดตัวมาตรฐาน PCIe-over-Fiber สำหรับการเชื่อมต่อแบบออปติคอล
    PCI-SIG ได้ประกาศ มาตรฐาน PCIe-over-Fiber ซึ่งเป็น โซลูชันการเชื่อมต่อแบบออปติคอลที่ใช้ PCIe Retimer เพื่อช่วยให้ สามารถขยายระยะการเชื่อมต่อและลดข้อจำกัดของสายทองแดง

    มาตรฐานใหม่นี้ เพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่าง Switch, Root-Complex และ Endpoint โดยใช้ เทคโนโลยี Optical Aware Retimer

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - PCI-SIG เปิดตัว Optical Aware Retimer ECN สำหรับ PCIe 6.4 และ PCIe 7.0
    - ช่วยให้สามารถใช้เทคโนโลยีออปติคอลร่วมกับ PCIe ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ขยายระยะการเชื่อมต่อระหว่าง racks และ pods ในศูนย์ข้อมูล
    - รองรับการ multiplexing และ data mapping ระหว่างสัญญาณไฟฟ้าและออปติคอล
    - ช่วยให้สามารถออกแบบระบบที่กะทัดรัดกว่าการใช้สายทองแดง

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซิร์ฟเวอร์และ AI
    PCIe-over-Fiber จะช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น AI/ML และ Cloud Computing

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนไปใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคอลอาจต้องใช้ฮาร์ดแวร์ใหม่
    - ต้องติดตามว่า PCIe-over-Fiber จะสามารถเข้าสู่ตลาดเซิร์ฟเวอร์และ HPC ได้เร็วแค่ไหน
    - การบำรุงรักษาและติดตั้งสายไฟเบอร์ออปติกอาจมีต้นทุนสูงกว่าสายทองแดง
    - ต้องรอดูว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั่วไปหรือไม่

    🚀 อนาคตของ PCIe และการเชื่อมต่อแบบออปติคอล
    PCI-SIG กำลังผลักดันให้ PCIe-over-Fiber กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูล โดย อาจช่วยให้สามารถขยายแบนด์วิดท์และลดข้อจำกัดของสายทองแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.techpowerup.com/337962/pci-sig-announces-pcie-optical-interconnect-solution-pcie-over-fiber
    🔗 PCI-SIG เปิดตัวมาตรฐาน PCIe-over-Fiber สำหรับการเชื่อมต่อแบบออปติคอล PCI-SIG ได้ประกาศ มาตรฐาน PCIe-over-Fiber ซึ่งเป็น โซลูชันการเชื่อมต่อแบบออปติคอลที่ใช้ PCIe Retimer เพื่อช่วยให้ สามารถขยายระยะการเชื่อมต่อและลดข้อจำกัดของสายทองแดง มาตรฐานใหม่นี้ เพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่าง Switch, Root-Complex และ Endpoint โดยใช้ เทคโนโลยี Optical Aware Retimer ✅ ข้อมูลจากข่าว - PCI-SIG เปิดตัว Optical Aware Retimer ECN สำหรับ PCIe 6.4 และ PCIe 7.0 - ช่วยให้สามารถใช้เทคโนโลยีออปติคอลร่วมกับ PCIe ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ขยายระยะการเชื่อมต่อระหว่าง racks และ pods ในศูนย์ข้อมูล - รองรับการ multiplexing และ data mapping ระหว่างสัญญาณไฟฟ้าและออปติคอล - ช่วยให้สามารถออกแบบระบบที่กะทัดรัดกว่าการใช้สายทองแดง 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซิร์ฟเวอร์และ AI PCIe-over-Fiber จะช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น AI/ML และ Cloud Computing ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนไปใช้การเชื่อมต่อแบบออปติคอลอาจต้องใช้ฮาร์ดแวร์ใหม่ - ต้องติดตามว่า PCIe-over-Fiber จะสามารถเข้าสู่ตลาดเซิร์ฟเวอร์และ HPC ได้เร็วแค่ไหน - การบำรุงรักษาและติดตั้งสายไฟเบอร์ออปติกอาจมีต้นทุนสูงกว่าสายทองแดง - ต้องรอดูว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั่วไปหรือไม่ 🚀 อนาคตของ PCIe และการเชื่อมต่อแบบออปติคอล PCI-SIG กำลังผลักดันให้ PCIe-over-Fiber กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูล โดย อาจช่วยให้สามารถขยายแบนด์วิดท์และลดข้อจำกัดของสายทองแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.techpowerup.com/337962/pci-sig-announces-pcie-optical-interconnect-solution-pcie-over-fiber
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    PCI-SIG Announces PCIe Optical Interconnect Solution: PCIe-over-Fiber
    PCI-SIG today announced a new optical interconnect specification revision to enable higher PCI Express (PCIe) technology performance. The Optical Aware Retimer Engineering Change Notice (ECN) amends the PCIe 6.4 specification and the new PCIe 7.0 specification to include a PCIe retimer-based solutio...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 PCIe 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมความเร็วสูงสุด 512GB/s
    PCI-SIG ได้ประกาศ เปิดตัวมาตรฐาน PCIe 7.0 อย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วยให้ สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 512GB/s ผ่าน 16 เลน และ เริ่มต้นการสำรวจแนวทางสำหรับ PCIe 8.0 ที่อาจมีความเร็วถึง 1TB/s

    PCIe 7.0 เพิ่มอัตราการส่งข้อมูลเป็น 128 GT/s ต่อเลน ซึ่ง เร็วกว่า PCIe 6.0 ถึงสองเท่า และเร็วกว่า PCIe 5.0 ถึงสี่เท่า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - PCIe 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมอัตราการส่งข้อมูล 128 GT/s ต่อเลน
    - สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 512GB/s ผ่าน 16 เลน
    - ใช้เทคนิค PAM4 signaling และ FLIT encoding เหมือน PCIe 6.0
    - ต้องเพิ่มความถี่สัญญาณเป็น 32 GHz เพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น
    - PCI-SIG เริ่มต้นการสำรวจแนวทางสำหรับ PCIe 8.0 ที่อาจมีความเร็วถึง 1TB/s

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    PCIe 7.0 จะช่วยให้เซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น 800G Ethernet, Ultra Ethernet และ Quantum Computing

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเพิ่มความถี่สัญญาณเป็น 32 GHz อาจทำให้การรักษาคุณภาพสัญญาณบนสายทองแดงเป็นเรื่องท้าทาย
    - PCIe 7.0 อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    - PCIe 8.0 อาจต้องใช้เทคโนโลยีออปติคอลแทนสายทองแดงเพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น
    - ต้องติดตามว่า PCIe 7.0 จะสามารถเข้าสู่ตลาดได้ตามแผนในปี 2028-2029 หรือไม่

    🚀 อนาคตของ PCIe และการเชื่อมต่อความเร็วสูง
    PCI-SIG กำลังพัฒนา PCIe 8.0 ซึ่งอาจมีความเร็วถึง 1TB/s และ อาจต้องใช้เทคโนโลยีออปติคอลเพื่อรองรับการส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/pcie-7-0-spec-finalized-with-up-to-512gb-s-speeds-pci-sig-targets-1tb-s-for-8-0-as-exploration-phase-begins
    🚀 PCIe 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมความเร็วสูงสุด 512GB/s PCI-SIG ได้ประกาศ เปิดตัวมาตรฐาน PCIe 7.0 อย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วยให้ สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 512GB/s ผ่าน 16 เลน และ เริ่มต้นการสำรวจแนวทางสำหรับ PCIe 8.0 ที่อาจมีความเร็วถึง 1TB/s PCIe 7.0 เพิ่มอัตราการส่งข้อมูลเป็น 128 GT/s ต่อเลน ซึ่ง เร็วกว่า PCIe 6.0 ถึงสองเท่า และเร็วกว่า PCIe 5.0 ถึงสี่เท่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - PCIe 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมอัตราการส่งข้อมูล 128 GT/s ต่อเลน - สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 512GB/s ผ่าน 16 เลน - ใช้เทคนิค PAM4 signaling และ FLIT encoding เหมือน PCIe 6.0 - ต้องเพิ่มความถี่สัญญาณเป็น 32 GHz เพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น - PCI-SIG เริ่มต้นการสำรวจแนวทางสำหรับ PCIe 8.0 ที่อาจมีความเร็วถึง 1TB/s 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี PCIe 7.0 จะช่วยให้เซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น 800G Ethernet, Ultra Ethernet และ Quantum Computing ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเพิ่มความถี่สัญญาณเป็น 32 GHz อาจทำให้การรักษาคุณภาพสัญญาณบนสายทองแดงเป็นเรื่องท้าทาย - PCIe 7.0 อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น - PCIe 8.0 อาจต้องใช้เทคโนโลยีออปติคอลแทนสายทองแดงเพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น - ต้องติดตามว่า PCIe 7.0 จะสามารถเข้าสู่ตลาดได้ตามแผนในปี 2028-2029 หรือไม่ 🚀 อนาคตของ PCIe และการเชื่อมต่อความเร็วสูง PCI-SIG กำลังพัฒนา PCIe 8.0 ซึ่งอาจมีความเร็วถึง 1TB/s และ อาจต้องใช้เทคโนโลยีออปติคอลเพื่อรองรับการส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/pcie-7-0-spec-finalized-with-up-to-512gb-s-speeds-pci-sig-targets-1tb-s-for-8-0-as-exploration-phase-begins
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 Microsoft เปิดตัว Copilot Vision บน Windows เพิ่มความสามารถ AI ในการดูหน้าจอ
    Microsoft ได้เปิดตัว Copilot Vision with Highlights ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดูหน้าจอของผู้ใช้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมแบบเรียลไทม์ โดยฟีเจอร์นี้ ทำงานร่วมกับสองแอปพร้อมกัน และช่วยให้ ผู้ใช้สามารถขอคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแอปต่าง ๆ ได้

    Microsoft ระบุว่า Copilot Vision ทำหน้าที่เป็น "ดวงตาชุดที่สอง" โดยสามารถ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจวิธีการทำงานของแอปพลิเคชัน เช่น การตัดต่อวิดีโอใน Clipchamp หรือการลบวัตถุในแอป Photos

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Copilot Vision with Highlights ช่วยให้ AI สามารถดูหน้าจอและให้ข้อมูลเพิ่มเติมแบบเรียลไทม์
    - สามารถทำงานร่วมกับสองแอปพร้อมกัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทำงานต่อเนื่องได้ง่ายขึ้น
    - ผู้ใช้สามารถขอคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแอป เช่น Clipchamp และ Photos
    - สามารถเปิดใช้งานได้โดยคลิกที่ไอคอนแว่นตาในแอป Copilot และเลือกแอปที่ต้องการแชร์
    - ฟีเจอร์นี้เป็นแบบ opt-in เท่านั้น และจะไม่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ

    ⚠️ ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว
    หลังจากเหตุการณ์ Recall fiasco ในปี 2024 Microsoft ใช้แนวทางที่ระมัดระวังมากขึ้นในการเปิดตัวฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Copilot Vision เป็นฟีเจอร์ที่ต้องเปิดใช้งานเอง และจะไม่ทำงานโดยอัตโนมัติ
    - Microsoft กำลังเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในอนาคต
    - ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับฟีเจอร์นี้อย่างไร โดยเฉพาะในยุโรปที่มีกฎหมายความเป็นส่วนตัวเข้มงวด

    https://www.neowin.net/news/microsoft-launches-copilot-vision-on-windows-allowing-ai-to-see-what-is-on-your-screen/
    🔍 Microsoft เปิดตัว Copilot Vision บน Windows เพิ่มความสามารถ AI ในการดูหน้าจอ Microsoft ได้เปิดตัว Copilot Vision with Highlights ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดูหน้าจอของผู้ใช้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมแบบเรียลไทม์ โดยฟีเจอร์นี้ ทำงานร่วมกับสองแอปพร้อมกัน และช่วยให้ ผู้ใช้สามารถขอคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแอปต่าง ๆ ได้ Microsoft ระบุว่า Copilot Vision ทำหน้าที่เป็น "ดวงตาชุดที่สอง" โดยสามารถ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจวิธีการทำงานของแอปพลิเคชัน เช่น การตัดต่อวิดีโอใน Clipchamp หรือการลบวัตถุในแอป Photos ✅ ข้อมูลจากข่าว - Copilot Vision with Highlights ช่วยให้ AI สามารถดูหน้าจอและให้ข้อมูลเพิ่มเติมแบบเรียลไทม์ - สามารถทำงานร่วมกับสองแอปพร้อมกัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทำงานต่อเนื่องได้ง่ายขึ้น - ผู้ใช้สามารถขอคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแอป เช่น Clipchamp และ Photos - สามารถเปิดใช้งานได้โดยคลิกที่ไอคอนแว่นตาในแอป Copilot และเลือกแอปที่ต้องการแชร์ - ฟีเจอร์นี้เป็นแบบ opt-in เท่านั้น และจะไม่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ⚠️ ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว หลังจากเหตุการณ์ Recall fiasco ในปี 2024 Microsoft ใช้แนวทางที่ระมัดระวังมากขึ้นในการเปิดตัวฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Copilot Vision เป็นฟีเจอร์ที่ต้องเปิดใช้งานเอง และจะไม่ทำงานโดยอัตโนมัติ - Microsoft กำลังเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในอนาคต - ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับฟีเจอร์นี้อย่างไร โดยเฉพาะในยุโรปที่มีกฎหมายความเป็นส่วนตัวเข้มงวด https://www.neowin.net/news/microsoft-launches-copilot-vision-on-windows-allowing-ai-to-see-what-is-on-your-screen/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft launches Copilot Vision on Windows, allowing AI to see what is on your screen
    Microsoft is launching Copilot Vision on Windows, a feature that enables AI to see what is happening on the screen and offer you useful information and guidance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔧 Firefox 139.0.4 อัปเดตใหม่ แก้ไขปัญหาค้างและข้อบกพร่องบน Windows
    Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.4 ซึ่งเป็นอัปเดตล่าสุดที่ แก้ไขปัญหาการค้างของเบราว์เซอร์ เมื่อสลับแอปพลิเคชันหรือเปิดบางส่วนของเบราว์เซอร์ รวมถึง แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับเมนูแบบเลื่อนลงและการตั้งค่าภาพพื้นหลังบน Windows

    Firefox 139.0.4 มาพร้อมกับแพตช์ด้านความปลอดภัย ที่แก้ไขช่องโหว่สำคัญ เช่น Memory Corruption ใน canvas surfaces และ Integer Overflow ใน OrderedHashTable ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Firefox 139.0.4 แก้ไขปัญหาค้างเมื่อสลับแอปหรือเปิดบางส่วนของเบราว์เซอร์
    - แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับเมนูแบบเลื่อนลงในหน้าการตั้งค่า
    - แก้ไขปัญหาการเลือกข้อความเมื่อคลิกสามครั้งในบางสถานการณ์
    - แก้ไขชื่อไฟล์ผิดพลาดเมื่อตั้งค่าภาพเป็นพื้นหลังบน Windows
    - อัปเดตด้านความปลอดภัย รวมถึงการแก้ไข Memory Corruption และ Integer Overflow

    🔥 ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การอัปเดตนี้ช่วยให้ Firefox มีเสถียรภาพมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับ Chrome และ Edge

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ใช้ควรอัปเดต Firefox เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - แม้จะมีการแก้ไขข้อบกพร่อง แต่ Firefox ยังต้องปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มเติม
    - Mozilla กำลังลดจำนวนบริการที่เกี่ยวข้องกับ Firefox เช่น Pocket และ Fakespot
    - ต้องติดตามว่า Firefox จะสามารถแข่งขันกับเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้ดีขึ้นหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/firefox-13904-fixes-browser-freezes-wallpaper-bugs-on-windows-and-more/
    🔧 Firefox 139.0.4 อัปเดตใหม่ แก้ไขปัญหาค้างและข้อบกพร่องบน Windows Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.4 ซึ่งเป็นอัปเดตล่าสุดที่ แก้ไขปัญหาการค้างของเบราว์เซอร์ เมื่อสลับแอปพลิเคชันหรือเปิดบางส่วนของเบราว์เซอร์ รวมถึง แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับเมนูแบบเลื่อนลงและการตั้งค่าภาพพื้นหลังบน Windows Firefox 139.0.4 มาพร้อมกับแพตช์ด้านความปลอดภัย ที่แก้ไขช่องโหว่สำคัญ เช่น Memory Corruption ใน canvas surfaces และ Integer Overflow ใน OrderedHashTable ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Firefox 139.0.4 แก้ไขปัญหาค้างเมื่อสลับแอปหรือเปิดบางส่วนของเบราว์เซอร์ - แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับเมนูแบบเลื่อนลงในหน้าการตั้งค่า - แก้ไขปัญหาการเลือกข้อความเมื่อคลิกสามครั้งในบางสถานการณ์ - แก้ไขชื่อไฟล์ผิดพลาดเมื่อตั้งค่าภาพเป็นพื้นหลังบน Windows - อัปเดตด้านความปลอดภัย รวมถึงการแก้ไข Memory Corruption และ Integer Overflow 🔥 ผลกระทบต่อผู้ใช้ การอัปเดตนี้ช่วยให้ Firefox มีเสถียรภาพมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับ Chrome และ Edge ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ใช้ควรอัปเดต Firefox เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - แม้จะมีการแก้ไขข้อบกพร่อง แต่ Firefox ยังต้องปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มเติม - Mozilla กำลังลดจำนวนบริการที่เกี่ยวข้องกับ Firefox เช่น Pocket และ Fakespot - ต้องติดตามว่า Firefox จะสามารถแข่งขันกับเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้ดีขึ้นหรือไม่ https://www.neowin.net/news/firefox-13904-fixes-browser-freezes-wallpaper-bugs-on-windows-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Firefox 139.0.4 fixes browser freezes, wallpaper bugs on Windows, and more
    Firefox 139.0.4 is here to fix some bugs and issues, such as freezes when switching between apps, wallpaper bugs on Windows, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 Netsh.exe: เครื่องมือเครือข่ายที่ถูกใช้ในโจมตีไซเบอร์
    รายงานล่าสุดจาก Bitdefender GravityZone เผยว่า 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูง ใช้ เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ โดย netsh.exe ซึ่งเป็น เครื่องมือจัดการเครือข่ายผ่าน Command Line ถูกใช้ใน หนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ

    นอกจาก netsh.exe แล้ว PowerShell และ WMIC ก็เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้บ่อยในการโจมตีไซเบอร์ โดย PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานปกติของผู้ดูแลระบบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูงใช้เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows
    - netsh.exe ถูกใช้ในหนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ
    - PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี
    - WMIC ซึ่งถูกยกเลิกโดย Microsoft ยังคงถูกใช้ในการโจมตี
    - Bitdefender พัฒนา PHASR เพื่อป้องกันการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการโจมตี

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - เครื่องมือเหล่านี้มีอยู่ในทุกระบบ Windows ทำให้การตรวจจับการโจมตียากขึ้น
    - PowerShell ถูกใช้โดยแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามโดยไม่มีอินเทอร์เฟซที่มองเห็นได้
    - WMIC แม้จะถูกยกเลิก แต่ยังคงถูกใช้ในการโจมตีไซเบอร์
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนา PHASR จะช่วยลดการโจมตีได้จริงหรือไม่

    Bitdefender แนะนำให้ ผู้ใช้และองค์กรตรวจสอบการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในระบบของตน และ ใช้โซลูชันความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ

    https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-love-this-little-known-microsoft-tool-a-lot-but-not-as-much-as-this-cli-utility-for-network-management
    🔍 Netsh.exe: เครื่องมือเครือข่ายที่ถูกใช้ในโจมตีไซเบอร์ รายงานล่าสุดจาก Bitdefender GravityZone เผยว่า 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูง ใช้ เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ โดย netsh.exe ซึ่งเป็น เครื่องมือจัดการเครือข่ายผ่าน Command Line ถูกใช้ใน หนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ นอกจาก netsh.exe แล้ว PowerShell และ WMIC ก็เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้บ่อยในการโจมตีไซเบอร์ โดย PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานปกติของผู้ดูแลระบบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูงใช้เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows - netsh.exe ถูกใช้ในหนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ - PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี - WMIC ซึ่งถูกยกเลิกโดย Microsoft ยังคงถูกใช้ในการโจมตี - Bitdefender พัฒนา PHASR เพื่อป้องกันการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการโจมตี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - เครื่องมือเหล่านี้มีอยู่ในทุกระบบ Windows ทำให้การตรวจจับการโจมตียากขึ้น - PowerShell ถูกใช้โดยแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามโดยไม่มีอินเทอร์เฟซที่มองเห็นได้ - WMIC แม้จะถูกยกเลิก แต่ยังคงถูกใช้ในการโจมตีไซเบอร์ - ต้องติดตามว่าการพัฒนา PHASR จะช่วยลดการโจมตีได้จริงหรือไม่ Bitdefender แนะนำให้ ผู้ใช้และองค์กรตรวจสอบการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในระบบของตน และ ใช้โซลูชันความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-love-this-little-known-microsoft-tool-a-lot-but-not-as-much-as-this-cli-utility-for-network-management
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖥️ Plasma 6.4: ปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กก่อนเปิดตัวเวอร์ชันเสถียร
    ทีมพัฒนา KDE ได้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับ Plasma 6.4 ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 17 มิถุนายน 2025 โดยเน้นไปที่ การปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กจำนวนมาก เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและใช้งานได้ดีขึ้น

    Plasma 6.4 ได้รับการปรับปรุง ระบบตั้งค่า Wi-Fi ให้สามารถ นำทางรายการเครือข่ายด้วยคีย์บอร์ดได้เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ การลากและวางหน้าจอซ้อนกันในหน้าการตั้งค่ามอนิเตอร์ถูกปิดใช้งาน เพื่อป้องกัน การจัดเรียงที่ไม่รองรับและเกิดบั๊กแปลก ๆ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Plasma 6.4 จะเปิดตัวในวันที่ 17 มิถุนายน 2025
    - ปรับปรุง UI ในหน้าตั้งค่า Wi-Fi ให้สามารถนำทางด้วยคีย์บอร์ดได้เต็มรูปแบบ
    - ปิดการลากและวางหน้าจอซ้อนกันในหน้าการตั้งค่ามอนิเตอร์เพื่อป้องกันบั๊ก
    - แก้ไขปัญหาการแสดงผล Logout Screen ที่ผิดพลาดหลังปลุกเครื่องจากโหมด Sleep
    - แก้ไขการจัดเรียงตัวอักษรในหน้าตั้งค่าของ Digital Clock Widget

    🔧 รายละเอียดการแก้ไขบั๊ก
    ทีมพัฒนา KDE ได้แก้ไข บั๊กที่พบบ่อยที่สุดใน System Monitor รวมถึง บั๊กที่ทำให้หน้าต่างหายไปเมื่อหน้าจอที่แสดงผลอยู่ถูกถอดออก นอกจากนี้ Sticky Notes Widget ได้รับการแก้ไขเพื่อไม่ให้ทำให้ Plasma Shell ค้าง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - แก้ไขบั๊กที่ทำให้ System Monitor ล่มบ่อยที่สุด
    - แก้ไขบั๊ก Divide-by-Zero ใน System Monitor
    - แก้ไขปัญหาหน้าต่างหายไปเมื่อหน้าจอที่แสดงผลอยู่ถูกถอดออก
    - Sticky Notes Widget ไม่ทำให้ Plasma Shell ค้างอีกต่อไป
    - แก้ไขบั๊กที่ทำให้ Discover ล่มเมื่อปิดแอปพลิเคชันทันทีหลังเปิด

    🚀 อนาคตของ Plasma 6.5
    แม้ว่าทีมพัฒนาจะมุ่งเน้นไปที่ Plasma 6.4 แต่การพัฒนา Plasma 6.5 ก็กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยมีการปรับปรุง ประสิทธิภาพและการจัดการหน่วยความจำ รวมถึง การแก้ไขบั๊กที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อเครือข่าย

    https://www.neowin.net/news/kde-brings-ui-improvements-bug-fixes-and-more-to-plasma-64-as-stable-release-draws-near/
    🖥️ Plasma 6.4: ปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กก่อนเปิดตัวเวอร์ชันเสถียร ทีมพัฒนา KDE ได้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับ Plasma 6.4 ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 17 มิถุนายน 2025 โดยเน้นไปที่ การปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กจำนวนมาก เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและใช้งานได้ดีขึ้น Plasma 6.4 ได้รับการปรับปรุง ระบบตั้งค่า Wi-Fi ให้สามารถ นำทางรายการเครือข่ายด้วยคีย์บอร์ดได้เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ การลากและวางหน้าจอซ้อนกันในหน้าการตั้งค่ามอนิเตอร์ถูกปิดใช้งาน เพื่อป้องกัน การจัดเรียงที่ไม่รองรับและเกิดบั๊กแปลก ๆ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Plasma 6.4 จะเปิดตัวในวันที่ 17 มิถุนายน 2025 - ปรับปรุง UI ในหน้าตั้งค่า Wi-Fi ให้สามารถนำทางด้วยคีย์บอร์ดได้เต็มรูปแบบ - ปิดการลากและวางหน้าจอซ้อนกันในหน้าการตั้งค่ามอนิเตอร์เพื่อป้องกันบั๊ก - แก้ไขปัญหาการแสดงผล Logout Screen ที่ผิดพลาดหลังปลุกเครื่องจากโหมด Sleep - แก้ไขการจัดเรียงตัวอักษรในหน้าตั้งค่าของ Digital Clock Widget 🔧 รายละเอียดการแก้ไขบั๊ก ทีมพัฒนา KDE ได้แก้ไข บั๊กที่พบบ่อยที่สุดใน System Monitor รวมถึง บั๊กที่ทำให้หน้าต่างหายไปเมื่อหน้าจอที่แสดงผลอยู่ถูกถอดออก นอกจากนี้ Sticky Notes Widget ได้รับการแก้ไขเพื่อไม่ให้ทำให้ Plasma Shell ค้าง ✅ ข้อมูลจากข่าว - แก้ไขบั๊กที่ทำให้ System Monitor ล่มบ่อยที่สุด - แก้ไขบั๊ก Divide-by-Zero ใน System Monitor - แก้ไขปัญหาหน้าต่างหายไปเมื่อหน้าจอที่แสดงผลอยู่ถูกถอดออก - Sticky Notes Widget ไม่ทำให้ Plasma Shell ค้างอีกต่อไป - แก้ไขบั๊กที่ทำให้ Discover ล่มเมื่อปิดแอปพลิเคชันทันทีหลังเปิด 🚀 อนาคตของ Plasma 6.5 แม้ว่าทีมพัฒนาจะมุ่งเน้นไปที่ Plasma 6.4 แต่การพัฒนา Plasma 6.5 ก็กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยมีการปรับปรุง ประสิทธิภาพและการจัดการหน่วยความจำ รวมถึง การแก้ไขบั๊กที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อเครือข่าย https://www.neowin.net/news/kde-brings-ui-improvements-bug-fixes-and-more-to-plasma-64-as-stable-release-draws-near/
    WWW.NEOWIN.NET
    KDE brings UI improvements, bug fixes and more to Plasma 6.4 as stable release draws near
    KDE has shared its progress for the week, including bug fixes set to ship with Plasma 6.4, performance improvements targeting 6.5, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุขสู่ภูมิภาค.. ยกทัพอาสาสมัครศิลปิน และของรางวัลหลากหลายรายการ จัดคาราวานป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” มอบความสุขให้แก่ชาวสมุทรสาคร
    .
    วันนี้ (วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และนายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ จัด “คาราวาน ป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” ครั้งที่ 6 ยกทัพอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รวมถึงอาสาสมัครศิลปิน อาทิ นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) นางสาวอธิชา เทศขำ (เมย์-อธิชา) นายขวัญชัย เย็นพายัพ (เจี๊ยวจ๊าว เชิญยิ้ม) นายสมบูรณ์ จุลมุสิก (ทศพล หิมพานต์) นายรัชต์พงษ์ ทองทับ (น้าทูล) นายสัญญา วงพรนารายณ์ (เก่ง) นายสดใส โรจนวิชัย นางสาวกฤษณา แซ่โค้ว (กุง) มุ่งสู่จังหวัดสมุทรสาคร มอบความสุข พร้อมจัดกิจกรรมแจกของขวัญ และของรางวัลสุดพิเศษ นอกจากนี้ ยังได้จัดบริการด้านการแพทย์ฟรีจากหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กิจกรรมนันทนาการร่วมสนุกรับของรางวัล และกิจกรรมเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานในเครือ ได้แก่ โรงพยาบาลหัวเฉียว คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว (คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว) และมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อาทิ การตรวจรักษาโรคทั่วไป แจกจ่ายยา ตรวจและแจกแว่นสายตา ตัดผม การเจาะเลือด เพื่อตรวจการทำงานของตับ ไต ไขมันในเส้นเลือด น้ำตาลในเลือด และเก๊าท์เบื้องต้น ฯลฯ รวมทั้งจัดบูธแจกจ่ายอาหาร เครื่องดื่ม และขนม ให้กับชาวสมุทรสาคร โดยมี นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธี นายอุดม สมพร้อม ผู้อำนวยการโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย คณะมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร แขกผู้มีเกียรติ และชาวสมุทรสาคร ร่วมในพิธี โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและอิ่มเอมใจ ณ โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย จังหวัดสมุทรสาคร
    .
    ตลอดระยะเวลาวิกฤตกาลแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ผ่านมาประชาชนต้องผ่านสถานการณ์ที่ทุกข์ยาก และได้รับผลกระทบในการดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก เมื่อสถานการณ์ได้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงตระหนักในหน้าที่ ที่จะต้องสร้างความสุข สร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ซึ่ง “คาราวาน ป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” ครั้งที่ 6 มูลนิธิฯ ได้ขยายโครงการสู่ภูมิภาคเป็นครั้งแรก โดยมูลนิธิฯ ยึดมั่นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขโดยไม่แบ่งแยกชนชั้น เชื้อชาติ วรรณะ และศาสนา ตามหลักปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” ที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมากว่า 115 ปี
    .
    ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    #ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต#
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุขสู่ภูมิภาค.. ยกทัพอาสาสมัครศิลปิน และของรางวัลหลากหลายรายการ จัดคาราวานป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” มอบความสุขให้แก่ชาวสมุทรสาคร . วันนี้ (วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และนายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ จัด “คาราวาน ป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” ครั้งที่ 6 ยกทัพอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รวมถึงอาสาสมัครศิลปิน อาทิ นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) นางสาวอธิชา เทศขำ (เมย์-อธิชา) นายขวัญชัย เย็นพายัพ (เจี๊ยวจ๊าว เชิญยิ้ม) นายสมบูรณ์ จุลมุสิก (ทศพล หิมพานต์) นายรัชต์พงษ์ ทองทับ (น้าทูล) นายสัญญา วงพรนารายณ์ (เก่ง) นายสดใส โรจนวิชัย นางสาวกฤษณา แซ่โค้ว (กุง) มุ่งสู่จังหวัดสมุทรสาคร มอบความสุข พร้อมจัดกิจกรรมแจกของขวัญ และของรางวัลสุดพิเศษ นอกจากนี้ ยังได้จัดบริการด้านการแพทย์ฟรีจากหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กิจกรรมนันทนาการร่วมสนุกรับของรางวัล และกิจกรรมเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานในเครือ ได้แก่ โรงพยาบาลหัวเฉียว คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว (คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว) และมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อาทิ การตรวจรักษาโรคทั่วไป แจกจ่ายยา ตรวจและแจกแว่นสายตา ตัดผม การเจาะเลือด เพื่อตรวจการทำงานของตับ ไต ไขมันในเส้นเลือด น้ำตาลในเลือด และเก๊าท์เบื้องต้น ฯลฯ รวมทั้งจัดบูธแจกจ่ายอาหาร เครื่องดื่ม และขนม ให้กับชาวสมุทรสาคร โดยมี นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธี นายอุดม สมพร้อม ผู้อำนวยการโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย คณะมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร แขกผู้มีเกียรติ และชาวสมุทรสาคร ร่วมในพิธี โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและอิ่มเอมใจ ณ โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย จังหวัดสมุทรสาคร . ตลอดระยะเวลาวิกฤตกาลแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ผ่านมาประชาชนต้องผ่านสถานการณ์ที่ทุกข์ยาก และได้รับผลกระทบในการดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก เมื่อสถานการณ์ได้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงตระหนักในหน้าที่ ที่จะต้องสร้างความสุข สร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ซึ่ง “คาราวาน ป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” ครั้งที่ 6 มูลนิธิฯ ได้ขยายโครงการสู่ภูมิภาคเป็นครั้งแรก โดยมูลนิธิฯ ยึดมั่นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขโดยไม่แบ่งแยกชนชั้น เชื้อชาติ วรรณะ และศาสนา ตามหลักปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” ที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมากว่า 115 ปี . ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . #ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต# #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปพลิเคชันสำหรับ **การติดต่อสื่อสารโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต (เน็ต)** ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยี **Bluetooth, ระบบ Mesh Network (เครือข่ายใยแมงมุม) หรือสัญญาณวิทยุ** แทนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปกติ นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจ:

    ### 1. **Bridgefy (บลูทูธ + Mesh Network)**
    - **วิธีทำงาน**: เชื่อมต่อผ่าน **บลูทูธ** ในระยะใกล้ (~100 เมตร) หรือส่งต่อข้อความแบบ **Mesh Network** ในพื้นที่กว้าง (เช่น ในคอนเสิร์ตหรือชุมชน) โดยไม่ใช้เน็ต
    - **เหมาะกับ**: พื้นที่คนเยอะ, งานกิจกรรมกลางแจ้ง, ภัยพิบัติที่สัญญาณขาด
    - **ระบบ**: iOS/Android
    - **ข้อควรรู้**: ต้องมีคนใช้แอปในบริเวณนั้นเพื่อส่งต่อข้อความ

    ### 2. **FireChat (Mesh Network)**
    - **วิธีทำงาน**: สร้างเครือข่ายเฉพาะกิจผ่าน **บลูทูธ/Wi-Fi Direct** โดยอุปกรณ์รอบตัวช่วยส่งข้อความแบบลูกโซ่
    - **เหมาะกับ**: เหตุการณ์ฉุกเฉิน, พื้นที่ห่างไกล
    - **ระบบ**: iOS/Android

    ### 3. **Briar (บลูทูธ/Wi-Fi Direct + Tor)**
    - **วิธีทำงาน**: เน้น **ความเป็นส่วนตัวสูง** เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ/Wi-Fi Direct หรือใช้ Tor เมื่อมีเน็ต
    - **เหมาะกับ**: ผู้ต้องการความปลอดภัย, นักกิจกรรม
    - **ระบบ**: Android เท่านั้น

    ### 4. **Walkie-Talkie แบบดิจิทัล**
    - **เช่น Zello**: ทำงานผ่าน **สัญญาณมือถือพื้นฐาน (2G/3G/4G)** แบบไม่กินเน็ต (ใช้เครือข่ายเสียงปกติ) แต่ต้องมีสัญญาณโทรศัพท์
    - **เหมาะกับ**: สถานที่สัญญาณอ่อน แต่ยังพอโทรออกได้

    ### 5. **แอป SMS/ข้อความธรรมดา**
    - **เช่น Google Messages, Signal**: ส่ง **SMS แบบไม่ใช้เน็ต** ได้ (เฉพาะข้อความล้วน) แต่ต้องมีสัญญาณเครือข่ายมือถือ

    ---

    ### สถานการณ์ที่แนะนำให้ใช้:
    - **ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่มีคนจำนวนมากในพื้นที่**: Bridgefy, FireChat
    - **เน้นความเป็นส่วนตัว/ความปลอดภัย**: Briar
    - **มีสัญญาณโทรศัพท์พื้นฐาน (แต่ไม่มีเน็ต)**: Zello หรือ SMS
    - **การสื่อสารระยะใกล้สุด**: เชื่อมต่อบลูทูธแบบ **Device to Device** (เช่น แชร์ไฟล์ผ่าน ShareIt โดยไม่ใช้เน็ต)

    > ⚠️ **ข้อจำกัด**: แอปเหล่านี้มักมี **ระยะส่งสัญญาณสั้น** (100 เมตร) และต้องการ **ผู้ใช้จำนวนมากในพื้นที่** เพื่อขยายเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ

    เลือกใช้ตามสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ของคุณนะครับ! 😊
    แอปพลิเคชันสำหรับ **การติดต่อสื่อสารโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต (เน็ต)** ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยี **Bluetooth, ระบบ Mesh Network (เครือข่ายใยแมงมุม) หรือสัญญาณวิทยุ** แทนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปกติ นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจ: ### 1. **Bridgefy (บลูทูธ + Mesh Network)** - **วิธีทำงาน**: เชื่อมต่อผ่าน **บลูทูธ** ในระยะใกล้ (~100 เมตร) หรือส่งต่อข้อความแบบ **Mesh Network** ในพื้นที่กว้าง (เช่น ในคอนเสิร์ตหรือชุมชน) โดยไม่ใช้เน็ต - **เหมาะกับ**: พื้นที่คนเยอะ, งานกิจกรรมกลางแจ้ง, ภัยพิบัติที่สัญญาณขาด - **ระบบ**: iOS/Android - **ข้อควรรู้**: ต้องมีคนใช้แอปในบริเวณนั้นเพื่อส่งต่อข้อความ ### 2. **FireChat (Mesh Network)** - **วิธีทำงาน**: สร้างเครือข่ายเฉพาะกิจผ่าน **บลูทูธ/Wi-Fi Direct** โดยอุปกรณ์รอบตัวช่วยส่งข้อความแบบลูกโซ่ - **เหมาะกับ**: เหตุการณ์ฉุกเฉิน, พื้นที่ห่างไกล - **ระบบ**: iOS/Android ### 3. **Briar (บลูทูธ/Wi-Fi Direct + Tor)** - **วิธีทำงาน**: เน้น **ความเป็นส่วนตัวสูง** เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ/Wi-Fi Direct หรือใช้ Tor เมื่อมีเน็ต - **เหมาะกับ**: ผู้ต้องการความปลอดภัย, นักกิจกรรม - **ระบบ**: Android เท่านั้น ### 4. **Walkie-Talkie แบบดิจิทัล** - **เช่น Zello**: ทำงานผ่าน **สัญญาณมือถือพื้นฐาน (2G/3G/4G)** แบบไม่กินเน็ต (ใช้เครือข่ายเสียงปกติ) แต่ต้องมีสัญญาณโทรศัพท์ - **เหมาะกับ**: สถานที่สัญญาณอ่อน แต่ยังพอโทรออกได้ ### 5. **แอป SMS/ข้อความธรรมดา** - **เช่น Google Messages, Signal**: ส่ง **SMS แบบไม่ใช้เน็ต** ได้ (เฉพาะข้อความล้วน) แต่ต้องมีสัญญาณเครือข่ายมือถือ --- ### สถานการณ์ที่แนะนำให้ใช้: - **ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่มีคนจำนวนมากในพื้นที่**: Bridgefy, FireChat - **เน้นความเป็นส่วนตัว/ความปลอดภัย**: Briar - **มีสัญญาณโทรศัพท์พื้นฐาน (แต่ไม่มีเน็ต)**: Zello หรือ SMS - **การสื่อสารระยะใกล้สุด**: เชื่อมต่อบลูทูธแบบ **Device to Device** (เช่น แชร์ไฟล์ผ่าน ShareIt โดยไม่ใช้เน็ต) > ⚠️ **ข้อจำกัด**: แอปเหล่านี้มักมี **ระยะส่งสัญญาณสั้น** (100 เมตร) และต้องการ **ผู้ใช้จำนวนมากในพื้นที่** เพื่อขยายเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ เลือกใช้ตามสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ของคุณนะครับ! 😊
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 FBI เตือนภัย BADBOX 2.0: มัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์
    FBI ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ BADBOX 2.0 ซึ่งเป็น มัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลก โดยเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ติดเชื้อให้กลายเป็น พร็อกซีสำหรับกิจกรรมอาชญากรรมไซเบอร์

    🔍 วิธีการทำงานของ BADBOX 2.0
    BADBOX 2.0 มุ่งเป้าไปที่ อุปกรณ์ Android ราคาถูกที่ผลิตในจีน เช่น สมาร์ททีวี, กล่องสตรีมมิ่ง, โปรเจคเตอร์, แท็บเล็ต และอุปกรณ์ IoT โดยมัลแวร์นี้ มักจะถูกติดตั้งมากับอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงาน หรือ ถูกดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่

    เมื่ออุปกรณ์ติดเชื้อ BADBOX 2.0 จะเปิดช่องทางให้แฮกเกอร์ใช้เป็นพร็อกซีสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การโจมตีทางไซเบอร์, การขโมยข้อมูล และการคลิกโฆษณาเพื่อสร้างรายได้ให้กับแฮกเกอร์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - BADBOX 2.0 เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลก
    - มุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ Android ราคาถูกที่ผลิตในจีน เช่น สมาร์ททีวี, กล่องสตรีมมิ่ง และอุปกรณ์ IoT
    - มัลแวร์มักจะถูกติดตั้งมากับอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงาน หรือถูกดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่
    - BADBOX 2.0 เปลี่ยนอุปกรณ์ให้กลายเป็นพร็อกซีสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมาย
    - สามารถคลิกโฆษณาโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเพื่อสร้างรายได้ให้กับแฮกเกอร์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - มัลแวร์สามารถติดตั้งผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ไม่ปลอดภัย
    - ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    = อุปกรณ์ที่ติดเชื้ออาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายบ็อตเน็ตโดยไม่รู้ตัว
    - แม้ว่า BADBOX รุ่นแรกจะถูกกำจัดไปแล้วในปี 2024 แต่แฮกเกอร์ยังคงพัฒนา BADBOX 2.0 ขึ้นมาใหม่

    FBI แนะนำให้ผู้ใช้ ตรวจสอบแหล่งที่มาของอุปกรณ์ก่อนซื้อ และ อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด นอกจากนี้ ควรใช้แอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น

    https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-dangerous-badbox-2-0-malware-has-hit-over-a-million-devices-heres-how-to-stay-safe
    🚨 FBI เตือนภัย BADBOX 2.0: มัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ FBI ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ BADBOX 2.0 ซึ่งเป็น มัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลก โดยเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ติดเชื้อให้กลายเป็น พร็อกซีสำหรับกิจกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ 🔍 วิธีการทำงานของ BADBOX 2.0 BADBOX 2.0 มุ่งเป้าไปที่ อุปกรณ์ Android ราคาถูกที่ผลิตในจีน เช่น สมาร์ททีวี, กล่องสตรีมมิ่ง, โปรเจคเตอร์, แท็บเล็ต และอุปกรณ์ IoT โดยมัลแวร์นี้ มักจะถูกติดตั้งมากับอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงาน หรือ ถูกดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่ เมื่ออุปกรณ์ติดเชื้อ BADBOX 2.0 จะเปิดช่องทางให้แฮกเกอร์ใช้เป็นพร็อกซีสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การโจมตีทางไซเบอร์, การขโมยข้อมูล และการคลิกโฆษณาเพื่อสร้างรายได้ให้กับแฮกเกอร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - BADBOX 2.0 เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลก - มุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ Android ราคาถูกที่ผลิตในจีน เช่น สมาร์ททีวี, กล่องสตรีมมิ่ง และอุปกรณ์ IoT - มัลแวร์มักจะถูกติดตั้งมากับอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงาน หรือถูกดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่ - BADBOX 2.0 เปลี่ยนอุปกรณ์ให้กลายเป็นพร็อกซีสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมาย - สามารถคลิกโฆษณาโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเพื่อสร้างรายได้ให้กับแฮกเกอร์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - มัลแวร์สามารถติดตั้งผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ไม่ปลอดภัย - ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ = อุปกรณ์ที่ติดเชื้ออาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายบ็อตเน็ตโดยไม่รู้ตัว - แม้ว่า BADBOX รุ่นแรกจะถูกกำจัดไปแล้วในปี 2024 แต่แฮกเกอร์ยังคงพัฒนา BADBOX 2.0 ขึ้นมาใหม่ FBI แนะนำให้ผู้ใช้ ตรวจสอบแหล่งที่มาของอุปกรณ์ก่อนซื้อ และ อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด นอกจากนี้ ควรใช้แอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-dangerous-badbox-2-0-malware-has-hit-over-a-million-devices-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสังเกตธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อนเกิดภัยพิบัติเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยเตือนภัยล่วงหน้าได้ ต่อไปนี้เป็นวิธีการสังเกตตามประเภทภัยพิบัติ:

    ### **1. น้ำท่วม/ดินถล่ม**
    - **สังเกตระดับน้ำและสภาพน้ำ**:
    - น้ำในแม่น้ำ/ลำห้วยสูงขึ้นเร็วผิดปกติ หรือเปลี่ยนสีเป็นสีโคลนขุ่น
    - มีฟองอากาศหรือกลิ่นโคลนค่อนข้างฉุนบริเวณแหล่งน้ำ
    - **สภาพดินและสิ่งแวดล้อม**:
    - ดินบนภูเขาหรือทางลาดชันมีรอยแตกหรือนูนขึ้น
    - มีน้ำซึมออกมาจากเชิงเขาแม้ฝนไม่ตก
    - ต้นไม้เอียงล้มทิศทางเดียวกันหรือมีเสียงต้นไม้หัก
    - **พฤติกรรมสัตว์**:
    - หนู/งู อพยพขึ้นที่สูงผิดปกติ
    - มด/แมลงย้ายรังขึ้นที่สูง

    ### **2. แผ่นดินไหว**
    - **สัญญาณธรรมชาติ**:
    - **ท้องฟ้า**: แสงประหลาด (Earthquake Light) เช่น แสงสีฟ้า/เขียว (เกิดจากแรงเค้นทางธรณี)
    - **พฤติกรรมสัตว์**: สัตว์เลี้ยงตื่นตระหนก, นกบินวุ่นวาย, สัตว์เลื้อยคลานหนีออกมาจากรู
    - **ระดับน้ำ**: น้ำในบ่อ/บาดาลขุ่นหรือเปลี่ยนระดับกะทันหัน

    ### **3. สึนามิ**
    - **สัญญาณเตือนหลังแผ่นดินไหว**:
    - **น้ำทะเลถอยร่น**เร็วและไกลผิดปกติ (ชายหาดแห้งเกินปกติ)
    - ได้ยินเสียงคลื่นดังผิดปกติเหมือนรถไฟหรือเครื่องยนต์
    - **สัตว์ทะเล** เช่น ปลาหรือปูหนีขึ้นมาบนชายฝั่ง

    ### **4. พายุรุนแรง**
    - **สังเกตท้องฟ้าและบรรยากาศ**:
    - เมฆสีเขียวหรือดำคล้ำ (บ่งชี้ลูกเห็บหรือพายุทอร์นาโด)
    - ลมสงบกะทันหันก่อนพายุเข้า
    - **เมฆรูปฐานแบนเรียบ (Wall Cloud)** หรือเมฆหมุน

    ### **5. ภัยแล้ง**
    - **พืชพรรณธรรมชาติ**: ใบไม้เหี่ยว/เปลี่ยนสีเร็วกว่าฤดูกาล
    - **พฤติกรรมสัตว์**: สัตว์ป่าออกหาอาหารใกล้ชุมชน
    - **แหล่งน้ำ**: น้ำในบ่อ/หนองน้ำแห้งขอดเร็วผิดปกติ

    ### **แนวทางปฏิบัติเมื่อพบสัญญาณ**
    1. **ไม่ประมาท**: สัญญาณธรรมชาติไม่เสถียร 100% แต่ให้เตรียมพร้อม
    2. **ติดตามข้อมูล**: เช็คแอปฯ เตือนภัย (เช่น ThaiPBS, กรมอุตุนิยมวิทยา)
    3. **อพยพทันที** หาก:
    - ได้ยินเสียงคำรามใต้ดิน (ดินถล่ม)
    - น้ำทะเลถอยร่นผิดปกติ (สึนามิ)
    - แผ่นดินไหวรุนแรงจนยืนไม่ตรง

    ### **แหล่งข้อมูลไทย**
    - **แอปพลิเคชัน**: "THAI DISASTER ALERT" (โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
    - **เว็บไซต์**: [กรมอุตุนิยมวิทยา](https://www.tmd.go.th), [กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย](https://www.disaster.go.th)

    > **ข้อควรระวัง**: สัญญาณธรรมชาติเป็นเพียงเครื่องเตือนเบื้องต้น **ต้องผสมผสานกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์** และระบบเตือนภัยของทางการเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด!
    การสังเกตธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อนเกิดภัยพิบัติเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยเตือนภัยล่วงหน้าได้ ต่อไปนี้เป็นวิธีการสังเกตตามประเภทภัยพิบัติ: ### **1. น้ำท่วม/ดินถล่ม** - **สังเกตระดับน้ำและสภาพน้ำ**: - น้ำในแม่น้ำ/ลำห้วยสูงขึ้นเร็วผิดปกติ หรือเปลี่ยนสีเป็นสีโคลนขุ่น - มีฟองอากาศหรือกลิ่นโคลนค่อนข้างฉุนบริเวณแหล่งน้ำ - **สภาพดินและสิ่งแวดล้อม**: - ดินบนภูเขาหรือทางลาดชันมีรอยแตกหรือนูนขึ้น - มีน้ำซึมออกมาจากเชิงเขาแม้ฝนไม่ตก - ต้นไม้เอียงล้มทิศทางเดียวกันหรือมีเสียงต้นไม้หัก - **พฤติกรรมสัตว์**: - หนู/งู อพยพขึ้นที่สูงผิดปกติ - มด/แมลงย้ายรังขึ้นที่สูง ### **2. แผ่นดินไหว** - **สัญญาณธรรมชาติ**: - **ท้องฟ้า**: แสงประหลาด (Earthquake Light) เช่น แสงสีฟ้า/เขียว (เกิดจากแรงเค้นทางธรณี) - **พฤติกรรมสัตว์**: สัตว์เลี้ยงตื่นตระหนก, นกบินวุ่นวาย, สัตว์เลื้อยคลานหนีออกมาจากรู - **ระดับน้ำ**: น้ำในบ่อ/บาดาลขุ่นหรือเปลี่ยนระดับกะทันหัน ### **3. สึนามิ** - **สัญญาณเตือนหลังแผ่นดินไหว**: - **น้ำทะเลถอยร่น**เร็วและไกลผิดปกติ (ชายหาดแห้งเกินปกติ) - ได้ยินเสียงคลื่นดังผิดปกติเหมือนรถไฟหรือเครื่องยนต์ - **สัตว์ทะเล** เช่น ปลาหรือปูหนีขึ้นมาบนชายฝั่ง ### **4. พายุรุนแรง** - **สังเกตท้องฟ้าและบรรยากาศ**: - เมฆสีเขียวหรือดำคล้ำ (บ่งชี้ลูกเห็บหรือพายุทอร์นาโด) - ลมสงบกะทันหันก่อนพายุเข้า - **เมฆรูปฐานแบนเรียบ (Wall Cloud)** หรือเมฆหมุน ### **5. ภัยแล้ง** - **พืชพรรณธรรมชาติ**: ใบไม้เหี่ยว/เปลี่ยนสีเร็วกว่าฤดูกาล - **พฤติกรรมสัตว์**: สัตว์ป่าออกหาอาหารใกล้ชุมชน - **แหล่งน้ำ**: น้ำในบ่อ/หนองน้ำแห้งขอดเร็วผิดปกติ ### **แนวทางปฏิบัติเมื่อพบสัญญาณ** 1. **ไม่ประมาท**: สัญญาณธรรมชาติไม่เสถียร 100% แต่ให้เตรียมพร้อม 2. **ติดตามข้อมูล**: เช็คแอปฯ เตือนภัย (เช่น ThaiPBS, กรมอุตุนิยมวิทยา) 3. **อพยพทันที** หาก: - ได้ยินเสียงคำรามใต้ดิน (ดินถล่ม) - น้ำทะเลถอยร่นผิดปกติ (สึนามิ) - แผ่นดินไหวรุนแรงจนยืนไม่ตรง ### **แหล่งข้อมูลไทย** - **แอปพลิเคชัน**: "THAI DISASTER ALERT" (โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) - **เว็บไซต์**: [กรมอุตุนิยมวิทยา](https://www.tmd.go.th), [กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย](https://www.disaster.go.th) > **ข้อควรระวัง**: สัญญาณธรรมชาติเป็นเพียงเครื่องเตือนเบื้องต้น **ต้องผสมผสานกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์** และระบบเตือนภัยของทางการเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💻 KDE เชิญชวนผู้ใช้ Windows 10 เปลี่ยนมาใช้ Linux ก่อนหมดการสนับสนุน
    KDE ได้เปิดตัวแคมเปญ "End of 10" เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ Windows 10 ที่กำลังจะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 สามารถเปลี่ยนมาใช้ Linux แทนการซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่

    KDE ระบุว่า Windows 10 จะกลายเป็น "ขยะ" และ "ล้าสมัย" หลังจาก Microsoft หยุดการอัปเดต ทำให้เกิด ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ที่อาจนำไปสู่การถูกแฮกและข้อมูลรั่วไหล

    นอกจากนี้ แอปพลิเคชันใหม่ ๆ จะไม่สามารถรันบน Windows 10 ได้ และ Microsoft อาจ บล็อกการอัปเกรดเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ เว้นแต่ผู้ใช้จะซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ ซึ่ง KDE เรียกสิ่งนี้ว่า "การรีดไถทางเทคโนโลยี"

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Windows 10 จะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    - KDE เปิดตัวแคมเปญ "End of 10" เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้ Linux
    - Windows 10 ที่ไม่ได้รับการอัปเดตจะมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - Microsoft อาจบล็อกการอัปเกรดเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ เว้นแต่ซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่
    - KDE Plasma สามารถรันได้ดีแม้บนเครื่องที่มีอายุ 10 ปี

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนมาใช้ Linux ต้องใช้เวลาในการปรับตัว เนื่องจากระบบแตกต่างจาก Windows
    - ผู้ใช้ต้องหาแอปพลิเคชันที่สามารถทดแทนโปรแกรม Windows ที่เคยใช้
    - บางเกมและซอฟต์แวร์ เช่น Adobe Creative Suite และ Microsoft Office อาจไม่สามารถใช้งานบน Linux ได้
    - ต้องติดตามว่าผู้ใช้ Windows 10 จะเลือกเปลี่ยนไปใช้ Linux มากน้อยเพียงใด

    KDE พยายามนำเสนอ Linux เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์เดิมต่อไปได้ โดยไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่

    https://www.neowin.net/news/as-windows-10-support-winds-down-kde-welcomes-windows-10-exiles-to-linux/
    💻 KDE เชิญชวนผู้ใช้ Windows 10 เปลี่ยนมาใช้ Linux ก่อนหมดการสนับสนุน KDE ได้เปิดตัวแคมเปญ "End of 10" เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ Windows 10 ที่กำลังจะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 สามารถเปลี่ยนมาใช้ Linux แทนการซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ KDE ระบุว่า Windows 10 จะกลายเป็น "ขยะ" และ "ล้าสมัย" หลังจาก Microsoft หยุดการอัปเดต ทำให้เกิด ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ที่อาจนำไปสู่การถูกแฮกและข้อมูลรั่วไหล นอกจากนี้ แอปพลิเคชันใหม่ ๆ จะไม่สามารถรันบน Windows 10 ได้ และ Microsoft อาจ บล็อกการอัปเกรดเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ เว้นแต่ผู้ใช้จะซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ ซึ่ง KDE เรียกสิ่งนี้ว่า "การรีดไถทางเทคโนโลยี" ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows 10 จะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 - KDE เปิดตัวแคมเปญ "End of 10" เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้ Linux - Windows 10 ที่ไม่ได้รับการอัปเดตจะมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - Microsoft อาจบล็อกการอัปเกรดเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ เว้นแต่ซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ - KDE Plasma สามารถรันได้ดีแม้บนเครื่องที่มีอายุ 10 ปี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนมาใช้ Linux ต้องใช้เวลาในการปรับตัว เนื่องจากระบบแตกต่างจาก Windows - ผู้ใช้ต้องหาแอปพลิเคชันที่สามารถทดแทนโปรแกรม Windows ที่เคยใช้ - บางเกมและซอฟต์แวร์ เช่น Adobe Creative Suite และ Microsoft Office อาจไม่สามารถใช้งานบน Linux ได้ - ต้องติดตามว่าผู้ใช้ Windows 10 จะเลือกเปลี่ยนไปใช้ Linux มากน้อยเพียงใด KDE พยายามนำเสนอ Linux เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์เดิมต่อไปได้ โดยไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่ https://www.neowin.net/news/as-windows-10-support-winds-down-kde-welcomes-windows-10-exiles-to-linux/
    WWW.NEOWIN.NET
    As Windows 10 support winds down, KDE welcomes "Windows 10 exiles" to Linux
    As we near the end of support for Windows 10, KDE is doubling its efforts to urge Windows users to switch to Linux and save their "perfectly good" computers from becoming obsolete.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสาธารณภัย-หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ลุยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยธรรมชาติภาคเหนือ อีสาน และกลาง แจกจ่ายน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท
    .
    วานนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน น้ำปลา และปลากระป๋อง บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวม 600 ชุด พร้อมจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมี นางสาวชลธิชา วงษ์อุตสาห์ นายอำเภอเลาขวัญ พร้อมด้วยคณะอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณวัดศรีพนมเทียน (ห้วยรวก) ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
    .
    โดยระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยประชาชนหลังประเทศเกิดภัยธรรมชาติในหลากหลายพื้นที่ จึงมอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย คุณศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย และแผนกอาสาสมัคร จัดทีมพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคอีสาน และ ภาคกลาง ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ราชบุรี และ กาญจนบุรี รวม 29 จังหวัด 20,200 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,110,000 บาท (สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งสมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ออกหน่วยมให้บริการประชาชนฟรีในหลากหลายพื้นที่ ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนให้ความสนใจและเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสาธารณภัย-หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ลุยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยธรรมชาติภาคเหนือ อีสาน และกลาง แจกจ่ายน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท . วานนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน น้ำปลา และปลากระป๋อง บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวม 600 ชุด พร้อมจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมี นางสาวชลธิชา วงษ์อุตสาห์ นายอำเภอเลาขวัญ พร้อมด้วยคณะอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณวัดศรีพนมเทียน (ห้วยรวก) ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี . โดยระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยประชาชนหลังประเทศเกิดภัยธรรมชาติในหลากหลายพื้นที่ จึงมอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย คุณศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย และแผนกอาสาสมัคร จัดทีมพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคอีสาน และ ภาคกลาง ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ราชบุรี และ กาญจนบุรี รวม 29 จังหวัด 20,200 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,110,000 บาท (สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งสมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ออกหน่วยมให้บริการประชาชนฟรีในหลากหลายพื้นที่ ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนให้ความสนใจและเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☕ Java ครบรอบ 30 ปี: ภาษาที่ไม่มีวันตาย
    Java ฉลองครบรอบ 30 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวโดย Sun Microsystems เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1995 โดยยังคงเป็นหนึ่งในภาษาการเขียนโปรแกรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก

    Java ถูกพัฒนาขึ้นโดย James Gosling และทีมงานที่ Sun Microsystems โดยมีเป้าหมายแรกเริ่มเพื่อใช้กับ ระบบโทรทัศน์แบบอินเทอร์แอคทีฟและอุปกรณ์ฝังตัว ก่อนจะเปลี่ยนไปเน้นที่ แอปพลิเคชันบนอินเทอร์เน็ต

    จุดเด่นของ Java คือ ความเป็นแพลตฟอร์มอิสระ ซึ่งช่วยให้โปรแกรมสามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการใดก็ได้ที่มี Java Virtual Machine (JVM) ด้วยแนวคิด "Write Once, Run Anywhere"

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Java เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1995 โดย Sun Microsystems
    - James Gosling ออกแบบ Java ให้เป็น "C++ ที่ปลอดภัยกว่า"
    - Java มีความเป็นแพลตฟอร์มอิสระ ทำให้สามารถรันบนระบบปฏิบัติการใดก็ได้ที่มี JVM
    - Sun Microsystems เปิด OpenJDK ในปี 2006 เพื่อให้ Java เป็นโอเพ่นซอร์ส
    - Oracle ซื้อ Sun Microsystems ในปี 2010 และเปลี่ยนแปลงนโยบายการใช้งาน Java

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Oracle มีการเปลี่ยนแปลงด้านลิขสิทธิ์ ทำให้บางองค์กรต้องหาทางเลือกอื่น เช่น OpenJDK จากผู้ให้บริการรายอื่น
    - แม้ Java จะยังคงได้รับความนิยม แต่ต้องแข่งขันกับภาษาใหม่ ๆ เช่น Python และ JavaScript
    - การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เช่น Cloud Computing อาจทำให้ Java ต้องปรับตัวต่อไป
    - ต้องติดตามว่า Java จะสามารถรักษาความนิยมในยุค AI และ Quantum Computing ได้หรือไม่

    Java ยังคงเป็น ภาษาหลักในระบบองค์กร, Big Data และ Cloud Computing แม้จะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง แต่ ความเสถียรและความเข้ากันได้ย้อนหลัง ทำให้ Java ยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับนักพัฒนา

    https://www.techspot.com/news/108136-java-turns-30-shows-no-signs-slowing-down.html
    ☕ Java ครบรอบ 30 ปี: ภาษาที่ไม่มีวันตาย Java ฉลองครบรอบ 30 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวโดย Sun Microsystems เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1995 โดยยังคงเป็นหนึ่งในภาษาการเขียนโปรแกรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก Java ถูกพัฒนาขึ้นโดย James Gosling และทีมงานที่ Sun Microsystems โดยมีเป้าหมายแรกเริ่มเพื่อใช้กับ ระบบโทรทัศน์แบบอินเทอร์แอคทีฟและอุปกรณ์ฝังตัว ก่อนจะเปลี่ยนไปเน้นที่ แอปพลิเคชันบนอินเทอร์เน็ต จุดเด่นของ Java คือ ความเป็นแพลตฟอร์มอิสระ ซึ่งช่วยให้โปรแกรมสามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการใดก็ได้ที่มี Java Virtual Machine (JVM) ด้วยแนวคิด "Write Once, Run Anywhere" ✅ ข้อมูลจากข่าว - Java เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1995 โดย Sun Microsystems - James Gosling ออกแบบ Java ให้เป็น "C++ ที่ปลอดภัยกว่า" - Java มีความเป็นแพลตฟอร์มอิสระ ทำให้สามารถรันบนระบบปฏิบัติการใดก็ได้ที่มี JVM - Sun Microsystems เปิด OpenJDK ในปี 2006 เพื่อให้ Java เป็นโอเพ่นซอร์ส - Oracle ซื้อ Sun Microsystems ในปี 2010 และเปลี่ยนแปลงนโยบายการใช้งาน Java ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Oracle มีการเปลี่ยนแปลงด้านลิขสิทธิ์ ทำให้บางองค์กรต้องหาทางเลือกอื่น เช่น OpenJDK จากผู้ให้บริการรายอื่น - แม้ Java จะยังคงได้รับความนิยม แต่ต้องแข่งขันกับภาษาใหม่ ๆ เช่น Python และ JavaScript - การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เช่น Cloud Computing อาจทำให้ Java ต้องปรับตัวต่อไป - ต้องติดตามว่า Java จะสามารถรักษาความนิยมในยุค AI และ Quantum Computing ได้หรือไม่ Java ยังคงเป็น ภาษาหลักในระบบองค์กร, Big Data และ Cloud Computing แม้จะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง แต่ ความเสถียรและความเข้ากันได้ย้อนหลัง ทำให้ Java ยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับนักพัฒนา https://www.techspot.com/news/108136-java-turns-30-shows-no-signs-slowing-down.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Java turns 30 and shows no signs of slowing down
    Java's origins trace back to the early 1990s, when a team at Sun Microsystems led by James Gosling set out to develop a language for interactive television...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna: ก้าวใหม่ของ AI และวิทยาศาสตร์
    กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศแผนสร้าง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Berkeley โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และ AI

    Doudna ได้รับการตั้งชื่อตาม Jennifer Doudna นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี CRISPR gene editing

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เข้าด้วยกัน โดยใช้ ซีพียู Arm-based และ ชิป Rubin AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการจำลองข้อมูล

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Doudna จะตั้งอยู่ที่ Lawrence Berkeley National Laboratory และเริ่มใช้งานในปี 2026
    - Dell Technologies ได้รับเลือกให้สร้างระบบนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    - ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์
    - Doudna จะเร็วกว่า Perlmutter ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นปัจจุบันกว่า 10 เท่า
    - ระบบนี้จะช่วยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนในการวิจัยด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและควอนตัมคอมพิวติ้ง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้ AI ในการจำลองข้อมูลอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการคำนวณแบบดั้งเดิม
    - การเปลี่ยนจากซีพียู Intel และ AMD ไปใช้ Arm-based อาจมีผลต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องปรับตัว
    - ต้องติดตามว่าการรวม AI เข้ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะส่งผลต่อความแม่นยำของการจำลองข้อมูลอย่างไร
    - การลงทุนในระบบนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในอนาคต

    Doudna เป็นตัวอย่างของการผสานรวม AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากระบบนี้สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง

    https://www.techspot.com/news/108119-energy-department-doudna-supercomputer-signals-new-era-ai.html
    🚀 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna: ก้าวใหม่ของ AI และวิทยาศาสตร์ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศแผนสร้าง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Berkeley โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และ AI Doudna ได้รับการตั้งชื่อตาม Jennifer Doudna นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี CRISPR gene editing ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เข้าด้วยกัน โดยใช้ ซีพียู Arm-based และ ชิป Rubin AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการจำลองข้อมูล ✅ ข้อมูลจากข่าว - Doudna จะตั้งอยู่ที่ Lawrence Berkeley National Laboratory และเริ่มใช้งานในปี 2026 - Dell Technologies ได้รับเลือกให้สร้างระบบนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์ - ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ - Doudna จะเร็วกว่า Perlmutter ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นปัจจุบันกว่า 10 เท่า - ระบบนี้จะช่วยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนในการวิจัยด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและควอนตัมคอมพิวติ้ง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้ AI ในการจำลองข้อมูลอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการคำนวณแบบดั้งเดิม - การเปลี่ยนจากซีพียู Intel และ AMD ไปใช้ Arm-based อาจมีผลต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องปรับตัว - ต้องติดตามว่าการรวม AI เข้ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะส่งผลต่อความแม่นยำของการจำลองข้อมูลอย่างไร - การลงทุนในระบบนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในอนาคต Doudna เป็นตัวอย่างของการผสานรวม AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากระบบนี้สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง https://www.techspot.com/news/108119-energy-department-doudna-supercomputer-signals-new-era-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Dell, Nvidia, and Department of Energy join forces on "Doudna" supercomputer for science and AI
    The advanced system, to be housed at Lawrence Berkeley National Laboratory and scheduled to become operational in 2026, will be named "Doudna" in honor of Nobel laureate...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการสร้าง Mac ที่เล็กที่สุดในโลก โดยบริษัท 1-bit Rainbow ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีหน้าจอเพียง 2 นิ้ว และใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล

    Pico-Mac-Nano ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ Macintosh รุ่นคลาสสิก จากยุค 1980s โดยใช้ 3D printed chassis และรันระบบ MicroMac 128K emulator ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแบบวินเทจได้

    นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องที่ประกอบเสร็จแล้วในราคา $59 หรือดาวน์โหลดไฟล์ 3D printing เพื่อพิมพ์ตัวเครื่องเองและติดตั้ง Raspberry Pi ด้วยตนเอง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Pico-Mac-Nano เป็น Mac ที่เล็กที่สุดในโลก
    - ใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล
    - มี หน้าจอ 2 นิ้ว ความละเอียด 480p
    - ใช้ MicroMac 128K emulator เพื่อรันระบบปฏิบัติการแบบวินเทจ
    - มี 512MB RAM, microSD card slot และแบตเตอรี่ CR2
    - ราคาเริ่มต้นที่ $59 และมีรุ่น Collectors Edition ที่มาพร้อมกล่องจำลองของ Macintosh รุ่นแรก

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หน้าจอขนาดเล็กมาก อาจทำให้การใช้งานไม่สะดวก
    - ประสิทธิภาพของ Raspberry Pi Zero อาจไม่รองรับการใช้งานที่ซับซ้อน
    - ไม่สามารถรันแอปพลิเคชันสมัยใหม่ เช่น เกมหรือโปรแกรมที่ต้องใช้ทรัพยากรสูง
    - เป็นสินค้าสำหรับนักสะสม มากกว่าการใช้งานจริง

    Pico-Mac-Nano เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์คลาสสิกและต้องการสะสมอุปกรณ์ที่มีเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานจริงอาจมีข้อจำกัดเนื่องจากขนาดและประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์

    https://www.techradar.com/computing/someone-just-built-the-worlds-smallest-working-mac-and-at-this-price-i-desperately-want-one
    มีการสร้าง Mac ที่เล็กที่สุดในโลก โดยบริษัท 1-bit Rainbow ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีหน้าจอเพียง 2 นิ้ว และใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล Pico-Mac-Nano ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ Macintosh รุ่นคลาสสิก จากยุค 1980s โดยใช้ 3D printed chassis และรันระบบ MicroMac 128K emulator ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแบบวินเทจได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องที่ประกอบเสร็จแล้วในราคา $59 หรือดาวน์โหลดไฟล์ 3D printing เพื่อพิมพ์ตัวเครื่องเองและติดตั้ง Raspberry Pi ด้วยตนเอง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Pico-Mac-Nano เป็น Mac ที่เล็กที่สุดในโลก - ใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล - มี หน้าจอ 2 นิ้ว ความละเอียด 480p - ใช้ MicroMac 128K emulator เพื่อรันระบบปฏิบัติการแบบวินเทจ - มี 512MB RAM, microSD card slot และแบตเตอรี่ CR2 - ราคาเริ่มต้นที่ $59 และมีรุ่น Collectors Edition ที่มาพร้อมกล่องจำลองของ Macintosh รุ่นแรก ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หน้าจอขนาดเล็กมาก อาจทำให้การใช้งานไม่สะดวก - ประสิทธิภาพของ Raspberry Pi Zero อาจไม่รองรับการใช้งานที่ซับซ้อน - ไม่สามารถรันแอปพลิเคชันสมัยใหม่ เช่น เกมหรือโปรแกรมที่ต้องใช้ทรัพยากรสูง - เป็นสินค้าสำหรับนักสะสม มากกว่าการใช้งานจริง Pico-Mac-Nano เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์คลาสสิกและต้องการสะสมอุปกรณ์ที่มีเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานจริงอาจมีข้อจำกัดเนื่องจากขนาดและประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ https://www.techradar.com/computing/someone-just-built-the-worlds-smallest-working-mac-and-at-this-price-i-desperately-want-one
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่ามีการโจมตี Docker instances ที่ตั้งค่าผิดพลาด โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ของ Docker API ที่เปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้าง botnet สำหรับขุดเหรียญ Dero cryptocurrency

    Docker เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรันแอปพลิเคชันใน containers ซึ่งช่วยให้การจัดการซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากตั้งค่า API ผิดพลาด อาจทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงและควบคุมระบบได้

    Dero เป็น privacy-focused blockchain ที่คล้ายกับ Monero โดยเน้นการทำธุรกรรมที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในหมู่แฮกเกอร์ที่ต้องการขุดเหรียญโดยไม่ถูกตรวจสอบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Docker instances ที่ตั้งค่าผิดพลาด ถูกใช้เป็น botnet ขุดเหรียญ Dero
    - แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ของ Docker API ที่เปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต
    - มัลแวร์ที่ใช้มีสองส่วน ได้แก่ ตัวแพร่กระจาย (nginx) และ ตัวขุดเหรียญ
    - มัลแวร์ถูกเขียนด้วย Golang ทำให้ตรวจจับได้ยาก
    - แคมเปญนี้ไม่ใช้ command & control (C2) server แต่แพร่กระจายแบบ worm

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ใช้ Docker ควรตรวจสอบการตั้งค่า API และปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต
    - ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง และเปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายขั้นตอน
    - ควรทำการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยง
    - แฮกเกอร์อาจใช้เทคนิคใหม่ในการโจมตี ดังนั้นผู้ดูแลระบบควรติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัย

    การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยใน Docker instances และการป้องกันช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์

    https://www.techradar.com/pro/security/misconfigured-docker-instances-are-being-hacked-to-mine-cryptocurrency
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่ามีการโจมตี Docker instances ที่ตั้งค่าผิดพลาด โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ของ Docker API ที่เปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้าง botnet สำหรับขุดเหรียญ Dero cryptocurrency Docker เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรันแอปพลิเคชันใน containers ซึ่งช่วยให้การจัดการซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากตั้งค่า API ผิดพลาด อาจทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงและควบคุมระบบได้ Dero เป็น privacy-focused blockchain ที่คล้ายกับ Monero โดยเน้นการทำธุรกรรมที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในหมู่แฮกเกอร์ที่ต้องการขุดเหรียญโดยไม่ถูกตรวจสอบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Docker instances ที่ตั้งค่าผิดพลาด ถูกใช้เป็น botnet ขุดเหรียญ Dero - แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ของ Docker API ที่เปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต - มัลแวร์ที่ใช้มีสองส่วน ได้แก่ ตัวแพร่กระจาย (nginx) และ ตัวขุดเหรียญ - มัลแวร์ถูกเขียนด้วย Golang ทำให้ตรวจจับได้ยาก - แคมเปญนี้ไม่ใช้ command & control (C2) server แต่แพร่กระจายแบบ worm ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ใช้ Docker ควรตรวจสอบการตั้งค่า API และปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต - ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง และเปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายขั้นตอน - ควรทำการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยง - แฮกเกอร์อาจใช้เทคนิคใหม่ในการโจมตี ดังนั้นผู้ดูแลระบบควรติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัย การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยใน Docker instances และการป้องกันช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์ https://www.techradar.com/pro/security/misconfigured-docker-instances-are-being-hacked-to-mine-cryptocurrency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังพัฒนา Windows Update orchestration platform ซึ่งจะช่วยให้การอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งหมด รวมถึงแอปพลิเคชันและไดรเวอร์ สามารถจัดการได้ผ่าน Windows Update โดยตรง แทนที่จะต้องใช้ตัวอัปเดตแยกต่างหากจากผู้พัฒนาแต่ละราย

    แนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาการแจ้งเตือนที่ซ้ำซ้อนและการใช้ทรัพยากรระบบที่มากเกินไปจากตัวอัปเดตของแต่ละแอป นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นการอัปเดตที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อ Wi-Fi และใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft เปิดตัว Windows Update orchestration platform เพื่อรวมการอัปเดตทั้งหมด
    - นักพัฒนาสามารถลงทะเบียนเป็น update provider และใช้ WinRT APIs หรือ PowerShell cmdlets
    - ระบบจะตรวจสอบเวอร์ชันใหม่และติดตั้งเมื่ออุปกรณ์อยู่ในสถานะที่เหมาะสม
    - รองรับ MSIX/APPX packages และบางส่วนของ Win32 apps
    - แอปที่เข้าร่วมจะปรากฏใน Windows Update history และสามารถใช้ toast notifications

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - นักพัฒนาต้องปรับตัวให้เข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา
    - ผู้ใช้บางรายอาจกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว และการควบคุมการอัปเดต
    - การรวมทุกอย่างไว้ใน Windows Update อาจทำให้เกิดปัญหาหากระบบมีข้อผิดพลาด
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อ ธุรกิจของผู้พัฒนาแอปที่เคยใช้ตัวอัปเดตของตนเอง

    Microsoft หวังว่าการรวมระบบอัปเดตทั้งหมดไว้ใน Windows Update จะช่วยให้ผู้ใช้และองค์กรสามารถจัดการซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลที่ต้องติดตามต่อไป

    https://www.techspot.com/news/108088-windows-update-could-soon-handle-all-apps-drivers.html
    Microsoft กำลังพัฒนา Windows Update orchestration platform ซึ่งจะช่วยให้การอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งหมด รวมถึงแอปพลิเคชันและไดรเวอร์ สามารถจัดการได้ผ่าน Windows Update โดยตรง แทนที่จะต้องใช้ตัวอัปเดตแยกต่างหากจากผู้พัฒนาแต่ละราย แนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาการแจ้งเตือนที่ซ้ำซ้อนและการใช้ทรัพยากรระบบที่มากเกินไปจากตัวอัปเดตของแต่ละแอป นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นการอัปเดตที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อ Wi-Fi และใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft เปิดตัว Windows Update orchestration platform เพื่อรวมการอัปเดตทั้งหมด - นักพัฒนาสามารถลงทะเบียนเป็น update provider และใช้ WinRT APIs หรือ PowerShell cmdlets - ระบบจะตรวจสอบเวอร์ชันใหม่และติดตั้งเมื่ออุปกรณ์อยู่ในสถานะที่เหมาะสม - รองรับ MSIX/APPX packages และบางส่วนของ Win32 apps - แอปที่เข้าร่วมจะปรากฏใน Windows Update history และสามารถใช้ toast notifications ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - นักพัฒนาต้องปรับตัวให้เข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา - ผู้ใช้บางรายอาจกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัว และการควบคุมการอัปเดต - การรวมทุกอย่างไว้ใน Windows Update อาจทำให้เกิดปัญหาหากระบบมีข้อผิดพลาด - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อ ธุรกิจของผู้พัฒนาแอปที่เคยใช้ตัวอัปเดตของตนเอง Microsoft หวังว่าการรวมระบบอัปเดตทั้งหมดไว้ใน Windows Update จะช่วยให้ผู้ใช้และองค์กรสามารถจัดการซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลที่ต้องติดตามต่อไป https://www.techspot.com/news/108088-windows-update-could-soon-handle-all-apps-drivers.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows Update could soon handle all apps and drivers, not just the OS
    Angie Chen, a product manager at Microsoft, writes that the updates across the Windows ecosystem can feel like a fragmented experience, which has led to Microsoft developing...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี
    .
    นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    #ป่อเต็กตึ๊งช่วยชีวิตรักษาชีวิตสร้างชีวิต
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร . วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี . นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . #ป่อเต็กตึ๊งช่วยชีวิตรักษาชีวิตสร้างชีวิต #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ปรับโครงสร้างงานวิศวกรรมซอฟต์แวร์ให้เป็นสายพานการผลิตด้วย AI

    Amazon กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของวิศวกรซอฟต์แวร์ โดยใช้ AI เป็นศูนย์กลางของกระบวนการพัฒนา ส่งผลให้ ทีมงานลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ยังคงต้องผลิตโค้ดในปริมาณเท่าเดิม ซึ่งทำให้วิศวกรหลายคนรู้สึกว่าการเขียนโปรแกรม กลายเป็นงานที่คล้ายกับสายพานการผลิตมากขึ้น

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Amazon
    ✅ Amazon ใช้ AI เช่น Microsoft Copilot และ Amazon Q เพื่อเร่งกระบวนการพัฒนา
    - ลดเวลาในการอัปเกรดแอปพลิเคชันจาก 50 วันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง

    ✅ ทีมพัฒนาเล็กลง แต่ต้องผลิตโค้ดในปริมาณเท่าเดิม
    - วิศวกรบางคนระบุว่า งานที่เคยใช้เวลาหลายสัปดาห์ ตอนนี้ต้องเสร็จภายในไม่กี่วัน

    ✅ AI ช่วยให้โค้ดรีวิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - 80% ของโค้ดที่ถูกตรวจสอบโดย AI สามารถนำไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องแก้ไข

    ✅ Amazon เชื่อว่าการใช้ AI จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนและลดต้นทุน
    - CEO Andy Jassy ระบุว่า AI ช่วยให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 260 ล้านดอลลาร์ต่อปี

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น Google และ Shopify กำลังใช้ AI ในลักษณะเดียวกัน
    - Google รายงานว่า 30% ของโค้ดที่พัฒนาในบริษัทมาจาก AI

    https://www.techspot.com/news/108067-amazon-engineers-ai-has-turned-coding-assembly-line.html
    Amazon ปรับโครงสร้างงานวิศวกรรมซอฟต์แวร์ให้เป็นสายพานการผลิตด้วย AI Amazon กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของวิศวกรซอฟต์แวร์ โดยใช้ AI เป็นศูนย์กลางของกระบวนการพัฒนา ส่งผลให้ ทีมงานลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ยังคงต้องผลิตโค้ดในปริมาณเท่าเดิม ซึ่งทำให้วิศวกรหลายคนรู้สึกว่าการเขียนโปรแกรม กลายเป็นงานที่คล้ายกับสายพานการผลิตมากขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Amazon ✅ Amazon ใช้ AI เช่น Microsoft Copilot และ Amazon Q เพื่อเร่งกระบวนการพัฒนา - ลดเวลาในการอัปเกรดแอปพลิเคชันจาก 50 วันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง ✅ ทีมพัฒนาเล็กลง แต่ต้องผลิตโค้ดในปริมาณเท่าเดิม - วิศวกรบางคนระบุว่า งานที่เคยใช้เวลาหลายสัปดาห์ ตอนนี้ต้องเสร็จภายในไม่กี่วัน ✅ AI ช่วยให้โค้ดรีวิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น - 80% ของโค้ดที่ถูกตรวจสอบโดย AI สามารถนำไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องแก้ไข ✅ Amazon เชื่อว่าการใช้ AI จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนและลดต้นทุน - CEO Andy Jassy ระบุว่า AI ช่วยให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 260 ล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น Google และ Shopify กำลังใช้ AI ในลักษณะเดียวกัน - Google รายงานว่า 30% ของโค้ดที่พัฒนาในบริษัทมาจาก AI https://www.techspot.com/news/108067-amazon-engineers-ai-has-turned-coding-assembly-line.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    "Like an assembly line": Amazon engineers feel squeezed by AI-driven workflow
    Teams that once counted a dozen developers have been cut in half, yet the volume of code they're expected to deliver remains unchanged – a shift that...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทย กับทางเลือก ด้านเทคโนโลยี CPU Processor - RISC-V หรือ ARM ⁉️

    💡 ความสำคัญของ CPU RISC-V ในปัจจุบัน
    RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (Instruction Set Architecture - ISA) แบบ RISC ที่เป็นโอเพนซอร์ส ภายใต้ใบอนุญาต BSD ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถนำไปพัฒนา ปรับแต่ง หรือผลิตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์หรือค่าธรรมเนียม (Royalty Fee) ความสำคัญในปัจจุบันมีดังนี้:

    ✅ ลดต้นทุนการพัฒนา: ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ
    ✅ ความยืดหยุ่นสูง: ผู้พัฒนาสามารถปรับแต่งชุดคำสั่งให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางได้
    ✅ การสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ: บริษัทใหญ่ เช่น Google, Alibaba, Qualcomm และ Intel ได้ให้ความสนใจและนำ RISC-V ไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ของตน
    ✅ การใช้งานที่หลากหลาย: ปัจจุบัน RISC-V ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ IoT ระบบฝังตัว และการประมวลผลขั้นสูง

    💡 แนวโน้มการพัฒนาและใช้งานในอนาคต
    RISC-V มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะมีการส่งมอบ RISC-V cores ถึง 80 พันล้านอันภายในปี 2025 แนวโน้มที่น่าสนใจมีดังนี้:
    ✅ การขยายสู่หลากหลายอุตสาหกรรม:
    👉 IoT: ด้วยความประหยัดพลังงานและขนาดเล็ก
    👉 ยานยนต์: ใช้ในระบบควบคุมและเซ็นเซอร์
    👉 AI และคลาวด์: การพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูง เช่น SiFive P870
    👉 อุปกรณ์พกพา: เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต
    ✅การพัฒนาประสิทธิภาพ: มีการออกแบบ RISC-V cores ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกับสถาปัตยกรรมอื่น เช่น ARM และ x86
    ✅ การสนับสนุนจากชุมชนและรัฐบาล: หลายประเทศเริ่มลงทุนใน RISC-V เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ

    💡 โอกาสของธุรกิจไทยในการพัฒนา ขาย หรือใช้งาน RISC-V ในอนาคต
    ธุรกิจไทยมีโอกาสที่น่าสนใจในการใช้ประโยชน์จาก RISC-V ดังนี้:
    ✅ การพัฒนาฮาร์ดแวร์: สามารถออกแบบและผลิต CPU/MCU โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ เช่น IoT หรือยานยนต์
    ✅ การแข่งขันในตลาดโลก: สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ RISC-V เพื่อส่งออกไปยังตลาดสากล
    ✅ การพัฒนาซอฟต์แวร์: สร้างแอปพลิเคชันและระบบที่รองรับ RISC-V
    ✅ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ธุรกิจไทยสามารถกลายเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้

    💡 รัฐบาลไทยควรซื้อ ARM License หรือทุ่มกับ RISC-V
    การตัดสินใจของรัฐบาลไทยขึ้นอยู่กับเป้าหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้:

    🛍️ การซื้อ ARM License
    ✅ ข้อดี:
    👉 มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
    👉 เอกชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้กับ ARM ได้ทันที
    👉 เหมาะสำหรับการเข้าสู่ตลาดระยะสั้น

    ❌ ข้อเสีย:
    👉 ค่าใช้จ่ายสูงทั้งในส่วนของไลเซนส์และ Royalty Fee
    👉 ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งอาจขัดกับนโยบายพึ่งพาตนเอง

    🛍️ การทุ่มกับ RISC-V
    ✅ ข้อดี:
    👉 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ช่วยลดต้นทุน
    👉 สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของไทย
    👉 ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ
    👉 มีโอกาสเติบโตในระยะยาวและเป็นผู้นำในภูมิภาค

    ❌ ข้อเสีย:
    👉 Ecosystem ยังไม่สมบูรณ์เท่า ARM อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนา
    👉 มีความเสี่ยงจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่

    💡 ข้อเสนอแนะ
    ⏲️ระยะสั้น : การซื้อ ARM License อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ทันที คล้ายกับที่มาเลเซียทำ
    ⏲️ ระยะยาว: รัฐบาลควรลงทุนใน RISC-V ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างฐานเทคโนโลยีของตัวเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ และใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำของ RISC-V
    ⏲️ แนวทางผสมผสาน: สนับสนุนทั้ง ARM และ RISC-V โดยให้เอกชนเลือกใช้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมการวิจัย RISC-V ในสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม

    💡 บทสรุป
    RISC-V มีความสำคัญในปัจจุบันจากความเป็นโอเพนซอร์สและการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ แนวโน้มในอนาคตแสดงถึงการเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจไทยมีโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันในตลาดโลกด้วย RISC-V ส่วนรัฐบาลไทยควรพิจารณาทั้ง ARM และ RISC-V โดยเน้น RISC-V ในระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี
    ประเทศไทย กับทางเลือก ด้านเทคโนโลยี CPU Processor - RISC-V หรือ ARM ⁉️ 💡 ความสำคัญของ CPU RISC-V ในปัจจุบัน RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (Instruction Set Architecture - ISA) แบบ RISC ที่เป็นโอเพนซอร์ส ภายใต้ใบอนุญาต BSD ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถนำไปพัฒนา ปรับแต่ง หรือผลิตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์หรือค่าธรรมเนียม (Royalty Fee) ความสำคัญในปัจจุบันมีดังนี้: ✅ ลดต้นทุนการพัฒนา: ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ ✅ ความยืดหยุ่นสูง: ผู้พัฒนาสามารถปรับแต่งชุดคำสั่งให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางได้ ✅ การสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ: บริษัทใหญ่ เช่น Google, Alibaba, Qualcomm และ Intel ได้ให้ความสนใจและนำ RISC-V ไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ของตน ✅ การใช้งานที่หลากหลาย: ปัจจุบัน RISC-V ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ IoT ระบบฝังตัว และการประมวลผลขั้นสูง 💡 แนวโน้มการพัฒนาและใช้งานในอนาคต RISC-V มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะมีการส่งมอบ RISC-V cores ถึง 80 พันล้านอันภายในปี 2025 แนวโน้มที่น่าสนใจมีดังนี้: ✅ การขยายสู่หลากหลายอุตสาหกรรม: 👉 IoT: ด้วยความประหยัดพลังงานและขนาดเล็ก 👉 ยานยนต์: ใช้ในระบบควบคุมและเซ็นเซอร์ 👉 AI และคลาวด์: การพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูง เช่น SiFive P870 👉 อุปกรณ์พกพา: เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ✅การพัฒนาประสิทธิภาพ: มีการออกแบบ RISC-V cores ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกับสถาปัตยกรรมอื่น เช่น ARM และ x86 ✅ การสนับสนุนจากชุมชนและรัฐบาล: หลายประเทศเริ่มลงทุนใน RISC-V เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ 💡 โอกาสของธุรกิจไทยในการพัฒนา ขาย หรือใช้งาน RISC-V ในอนาคต ธุรกิจไทยมีโอกาสที่น่าสนใจในการใช้ประโยชน์จาก RISC-V ดังนี้: ✅ การพัฒนาฮาร์ดแวร์: สามารถออกแบบและผลิต CPU/MCU โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ เช่น IoT หรือยานยนต์ ✅ การแข่งขันในตลาดโลก: สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ RISC-V เพื่อส่งออกไปยังตลาดสากล ✅ การพัฒนาซอฟต์แวร์: สร้างแอปพลิเคชันและระบบที่รองรับ RISC-V ✅ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ธุรกิจไทยสามารถกลายเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้ 💡 รัฐบาลไทยควรซื้อ ARM License หรือทุ่มกับ RISC-V การตัดสินใจของรัฐบาลไทยขึ้นอยู่กับเป้าหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้: 🛍️ การซื้อ ARM License ✅ ข้อดี: 👉 มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก 👉 เอกชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้กับ ARM ได้ทันที 👉 เหมาะสำหรับการเข้าสู่ตลาดระยะสั้น ❌ ข้อเสีย: 👉 ค่าใช้จ่ายสูงทั้งในส่วนของไลเซนส์และ Royalty Fee 👉 ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งอาจขัดกับนโยบายพึ่งพาตนเอง 🛍️ การทุ่มกับ RISC-V ✅ ข้อดี: 👉 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ช่วยลดต้นทุน 👉 สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของไทย 👉 ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ 👉 มีโอกาสเติบโตในระยะยาวและเป็นผู้นำในภูมิภาค ❌ ข้อเสีย: 👉 Ecosystem ยังไม่สมบูรณ์เท่า ARM อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนา 👉 มีความเสี่ยงจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ 💡 ข้อเสนอแนะ ⏲️ระยะสั้น : การซื้อ ARM License อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ทันที คล้ายกับที่มาเลเซียทำ ⏲️ ระยะยาว: รัฐบาลควรลงทุนใน RISC-V ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างฐานเทคโนโลยีของตัวเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ และใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำของ RISC-V ⏲️ แนวทางผสมผสาน: สนับสนุนทั้ง ARM และ RISC-V โดยให้เอกชนเลือกใช้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมการวิจัย RISC-V ในสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม 💡 บทสรุป RISC-V มีความสำคัญในปัจจุบันจากความเป็นโอเพนซอร์สและการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ แนวโน้มในอนาคตแสดงถึงการเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจไทยมีโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันในตลาดโลกด้วย RISC-V ส่วนรัฐบาลไทยควรพิจารณาทั้ง ARM และ RISC-V โดยเน้น RISC-V ในระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เปิดตัวแว่น XR รุ่นต้นแบบ – อนาคตของ Smart Frames กำลังใกล้เข้ามา

    Samsung เผยโฉมแว่น XR รุ่นต้นแบบที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Google ซึ่งมีหน้าจอในตัวที่สามารถแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น เวลา, สภาพอากาศ และการนำทาง โดยแว่นนี้ ใช้เทคโนโลยี Android XR และมีการออกแบบที่คล้ายกับแว่นตาทั่วไป

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแว่น XR ของ Samsung
    ✅ แว่น XR ของ Samsung มีหน้าจอฝังอยู่ในเลนส์
    - สามารถ แสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่น เวลา, สภาพอากาศ และข้อความแจ้งเตือน

    ✅ Google สาธิตฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์บนแว่น XR
    - แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย แต่การสาธิตได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงาน

    ✅ แว่น XR สามารถใช้สำหรับการนำทางโดยไม่รบกวนมุมมองของผู้ใช้
    - แสดงเส้นทางที่ด้านบนของมุมมอง โดยไม่ต้องก้มดูโทรศัพท์

    ✅ Google Gemini AI สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพที่ผู้ใช้มองเห็นผ่านแว่น XR
    - เช่น วิเคราะห์ภาพวาด, รีวิวหนังสือ และแนะนำสถานที่ซื้อสินค้า

    ✅ Samsung จะเปิดตัวแว่น XR รุ่นสมบูรณ์ภายในปีนี้
    - คาดว่า จะมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อรองรับแอปพลิเคชันจากนักพัฒนา

    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/samsungs-prototype-xr-glasses-hint-at-the-future-of-smart-frames-and-im-closer-to-all-in-than-ever-before
    Samsung เปิดตัวแว่น XR รุ่นต้นแบบ – อนาคตของ Smart Frames กำลังใกล้เข้ามา Samsung เผยโฉมแว่น XR รุ่นต้นแบบที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Google ซึ่งมีหน้าจอในตัวที่สามารถแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น เวลา, สภาพอากาศ และการนำทาง โดยแว่นนี้ ใช้เทคโนโลยี Android XR และมีการออกแบบที่คล้ายกับแว่นตาทั่วไป 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแว่น XR ของ Samsung ✅ แว่น XR ของ Samsung มีหน้าจอฝังอยู่ในเลนส์ - สามารถ แสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่น เวลา, สภาพอากาศ และข้อความแจ้งเตือน ✅ Google สาธิตฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์บนแว่น XR - แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย แต่การสาธิตได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงาน ✅ แว่น XR สามารถใช้สำหรับการนำทางโดยไม่รบกวนมุมมองของผู้ใช้ - แสดงเส้นทางที่ด้านบนของมุมมอง โดยไม่ต้องก้มดูโทรศัพท์ ✅ Google Gemini AI สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพที่ผู้ใช้มองเห็นผ่านแว่น XR - เช่น วิเคราะห์ภาพวาด, รีวิวหนังสือ และแนะนำสถานที่ซื้อสินค้า ✅ Samsung จะเปิดตัวแว่น XR รุ่นสมบูรณ์ภายในปีนี้ - คาดว่า จะมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อรองรับแอปพลิเคชันจากนักพัฒนา https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/samsungs-prototype-xr-glasses-hint-at-the-future-of-smart-frames-and-im-closer-to-all-in-than-ever-before
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA ออกอัปเดต vBIOS เพื่อแก้ปัญหาหน้าจอดำหลังรีบูตใน RTX 5060 และ 5060 Ti

    NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับการ์ดจอ RTX 5060 และ RTX 5060 Ti เพื่อแก้ไขปัญหาหน้าจอดำที่เกิดขึ้นหลังจากรีบูตเครื่อง โดยปัญหานี้ พบเฉพาะในรุ่นที่ใช้ชิป GB206 และไม่ส่งผลกระทบต่อการ์ดจอ RTX 50 รุ่นอื่น ๆ หรือรุ่นเก่ากว่า

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับอัปเดต vBIOS ของ NVIDIA
    ✅ ปัญหาหน้าจอดำเกิดขึ้นเฉพาะใน RTX 5060 และ 5060 Ti ที่ใช้ชิป GB206
    - การ์ดจอรุ่นอื่น ๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้

    ✅ NVIDIA ปล่อยอัปเดตเป็น vBIOS แทนไดรเวอร์ทั่วไป
    - ผู้ใช้ต้อง อัปเดตด้วย GPU UEFI Firmware Update Tool v2.0

    ✅ ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่าง vBIOS ของ RTX 5060 กับ BIOS หรือ UEFI ของเมนบอร์ด
    - พบว่า ระบบที่ใช้ Legacy (CSM) mode หรือไม่มี UEFI อาจเจอปัญหานี้

    ✅ NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบว่าเมนบอร์ดมี BIOS ล่าสุดและเปิดใช้งาน UEFI boot mode
    - หากยังพบปัญหา ให้ลองใช้กราฟิกออนบอร์ดหรือ GPU ตัวที่สองเพื่อรันเครื่องมืออัปเดต

    ✅ กระบวนการอัปเดตต้องปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดและหยุดการอัปเดตระบบปฏิบัติการก่อนเริ่ม
    - หากเมนบอร์ดไม่รองรับ UEFI ให้ติดต่อผู้ผลิตการ์ดจอเพื่อขอเฟิร์มแวร์รุ่น Legacy

    https://www.techpowerup.com/337331/nvidia-issues-vbios-update-to-fix-rtx-5060-ti-reboot-black-screens
    NVIDIA ออกอัปเดต vBIOS เพื่อแก้ปัญหาหน้าจอดำหลังรีบูตใน RTX 5060 และ 5060 Ti NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับการ์ดจอ RTX 5060 และ RTX 5060 Ti เพื่อแก้ไขปัญหาหน้าจอดำที่เกิดขึ้นหลังจากรีบูตเครื่อง โดยปัญหานี้ พบเฉพาะในรุ่นที่ใช้ชิป GB206 และไม่ส่งผลกระทบต่อการ์ดจอ RTX 50 รุ่นอื่น ๆ หรือรุ่นเก่ากว่า 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับอัปเดต vBIOS ของ NVIDIA ✅ ปัญหาหน้าจอดำเกิดขึ้นเฉพาะใน RTX 5060 และ 5060 Ti ที่ใช้ชิป GB206 - การ์ดจอรุ่นอื่น ๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ ✅ NVIDIA ปล่อยอัปเดตเป็น vBIOS แทนไดรเวอร์ทั่วไป - ผู้ใช้ต้อง อัปเดตด้วย GPU UEFI Firmware Update Tool v2.0 ✅ ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่าง vBIOS ของ RTX 5060 กับ BIOS หรือ UEFI ของเมนบอร์ด - พบว่า ระบบที่ใช้ Legacy (CSM) mode หรือไม่มี UEFI อาจเจอปัญหานี้ ✅ NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบว่าเมนบอร์ดมี BIOS ล่าสุดและเปิดใช้งาน UEFI boot mode - หากยังพบปัญหา ให้ลองใช้กราฟิกออนบอร์ดหรือ GPU ตัวที่สองเพื่อรันเครื่องมืออัปเดต ✅ กระบวนการอัปเดตต้องปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดและหยุดการอัปเดตระบบปฏิบัติการก่อนเริ่ม - หากเมนบอร์ดไม่รองรับ UEFI ให้ติดต่อผู้ผลิตการ์ดจอเพื่อขอเฟิร์มแวร์รุ่น Legacy https://www.techpowerup.com/337331/nvidia-issues-vbios-update-to-fix-rtx-5060-ti-reboot-black-screens
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    NVIDIA Issues vBIOS Update to Fix RTX 5060 (Ti) Reboot Black Screens
    NVIDIA has quietly released a firmware patch for its GeForce RTX 5060 and RTX 5060 Ti graphics cards to fix a frustrating blank-screen issue that appears when users restart their systems. Interestingly, this reboot glitch affects only the RTX 5060 and RTX 5060 Ti models built on NVIDIA's GB206 silic...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts