• ข่าวใหญ่: Broadcom + CAMB.AI สร้างชิป AI สำหรับการแปลและดับบเสียงบนอุปกรณ์

    Broadcom จับมือสตาร์ทอัพ CAMB.AI พัฒนาชิป AI รุ่นใหม่ที่สามารถทำงาน แปลภาษา, ดับบเสียง และบรรยายภาพแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์โดยตรง โดยไม่ต้องเชื่อมต่อคลาวด์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดความหน่วง และรองรับกว่า 150 ภาษาในอนาคต

    Broadcom ประกาศความร่วมมือกับ CAMB.AI เพื่อพัฒนาชิป AI ที่สามารถทำงานด้านเสียงและภาษาได้แบบ on-device จุดเด่นคือ:
    แปลภาษาและดับบเสียงทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ต
    บรรยายภาพ (audio description) เช่น อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอให้ผู้พิการทางสายตาเข้าใจ
    ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น เพราะข้อมูลไม่ต้องส่งไปยังคลาวด์
    ลดความหน่วง (latency) ทำให้การใช้งานเป็นธรรมชาติและทันที

    ในเดโมที่นำเสนอ มีการใช้คลิปจากภาพยนตร์ Ratatouille ที่ระบบสามารถแปลบทสนทนาและบรรยายภาพ เช่น “หนูกำลังวิ่งในครัว” ได้ทันทีในหลายภาษา

    แม้เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดสอบ แต่ CAMB.AI มีผลงานจริงแล้ว เช่น การนำไปใช้ใน NASCAR, Comcast และ Eurovision Song Contest ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงพาณิชย์

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก
    แนวโน้ม AI on-device กำลังมาแรง เพราะช่วยลดการพึ่งพาเครือข่ายและเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล
    Apple และ Google ก็พัฒนา AI บนชิปมือถือเพื่อรองรับงานด้านภาษาและภาพเช่นกัน
    หาก Broadcom และ CAMB.AI ทำสำเร็จ อาจเปิดตลาดใหม่สำหรับ ทีวี, สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สื่อสาร ที่สามารถแปลและบรรยายได้ทันที
    เทคโนโลยีนี้ยังมีความสำคัญต่อ การเข้าถึง (Accessibility) โดยเฉพาะผู้พิการทางสายตาและผู้ใช้ที่ต้องการสื่อสารข้ามภาษา

    Broadcom จับมือ CAMB.AI พัฒนาชิป AI ใหม่
    ทำงานด้านแปลภาษา, ดับบเสียง และบรรยายภาพแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์

    เดโมจาก Ratatouille แสดงศักยภาพ
    แปลบทสนทนาและบรรยายภาพทันทีในหลายภาษา

    การใช้งานจริงแล้วในหลายองค์กร
    NASCAR, Comcast และ Eurovision Song Contest

    รองรับกว่า 150 ภาษาในอนาคต
    เพิ่มความเป็นส่วนตัวและลดความหน่วงเพราะไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์

    คำเตือนและข้อจำกัด
    เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นทดสอบ ประสิทธิภาพจริงอาจไม่ตรงกับเดโม
    หากไม่พัฒนาให้เสถียร อาจกระทบต่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์

    https://securityonline.info/broadcom-camb-ai-developing-ai-chip-for-real-time-on-device-dubbing/
    🎙️ ข่าวใหญ่: Broadcom + CAMB.AI สร้างชิป AI สำหรับการแปลและดับบเสียงบนอุปกรณ์ Broadcom จับมือสตาร์ทอัพ CAMB.AI พัฒนาชิป AI รุ่นใหม่ที่สามารถทำงาน แปลภาษา, ดับบเสียง และบรรยายภาพแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์โดยตรง โดยไม่ต้องเชื่อมต่อคลาวด์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดความหน่วง และรองรับกว่า 150 ภาษาในอนาคต Broadcom ประกาศความร่วมมือกับ CAMB.AI เพื่อพัฒนาชิป AI ที่สามารถทำงานด้านเสียงและภาษาได้แบบ on-device จุดเด่นคือ: 🔰 แปลภาษาและดับบเสียงทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ต 🔰 บรรยายภาพ (audio description) เช่น อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอให้ผู้พิการทางสายตาเข้าใจ 🔰 ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น เพราะข้อมูลไม่ต้องส่งไปยังคลาวด์ 🔰 ลดความหน่วง (latency) ทำให้การใช้งานเป็นธรรมชาติและทันที ในเดโมที่นำเสนอ มีการใช้คลิปจากภาพยนตร์ Ratatouille ที่ระบบสามารถแปลบทสนทนาและบรรยายภาพ เช่น “หนูกำลังวิ่งในครัว” ได้ทันทีในหลายภาษา แม้เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดสอบ แต่ CAMB.AI มีผลงานจริงแล้ว เช่น การนำไปใช้ใน NASCAR, Comcast และ Eurovision Song Contest ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงพาณิชย์ 🔍 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก 💠 แนวโน้ม AI on-device กำลังมาแรง เพราะช่วยลดการพึ่งพาเครือข่ายและเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล 💠 Apple และ Google ก็พัฒนา AI บนชิปมือถือเพื่อรองรับงานด้านภาษาและภาพเช่นกัน 💠 หาก Broadcom และ CAMB.AI ทำสำเร็จ อาจเปิดตลาดใหม่สำหรับ ทีวี, สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สื่อสาร ที่สามารถแปลและบรรยายได้ทันที 💠 เทคโนโลยีนี้ยังมีความสำคัญต่อ การเข้าถึง (Accessibility) โดยเฉพาะผู้พิการทางสายตาและผู้ใช้ที่ต้องการสื่อสารข้ามภาษา ✅ Broadcom จับมือ CAMB.AI พัฒนาชิป AI ใหม่ ➡️ ทำงานด้านแปลภาษา, ดับบเสียง และบรรยายภาพแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์ ✅ เดโมจาก Ratatouille แสดงศักยภาพ ➡️ แปลบทสนทนาและบรรยายภาพทันทีในหลายภาษา ✅ การใช้งานจริงแล้วในหลายองค์กร ➡️ NASCAR, Comcast และ Eurovision Song Contest ✅ รองรับกว่า 150 ภาษาในอนาคต ➡️ เพิ่มความเป็นส่วนตัวและลดความหน่วงเพราะไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นทดสอบ ประสิทธิภาพจริงอาจไม่ตรงกับเดโม ⛔ หากไม่พัฒนาให้เสถียร อาจกระทบต่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์ https://securityonline.info/broadcom-camb-ai-developing-ai-chip-for-real-time-on-device-dubbing/
    SECURITYONLINE.INFO
    Broadcom & CAMB.AI Developing AI Chip for Real-Time On-Device Dubbing
    Broadcom partnered with CAMB.AI to develop an AI chip for real-time, on-device audio translation and dubbing in 150+ languages, promising ultra-low latency.
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • NVIDIA หันหลังให้จีน ส่งชิป AI สู่ UAE — Microsoft ได้ไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมลงทุนกว่า $7.9 พันล้านดอลลาร์

    บทความจาก Wccftech เผยว่า Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดใหม่หลังจากความตึงเครียดกับจีน โดย Brad Smith ประธาน Microsoft ระบุว่าการอนุมัตินี้เกิดขึ้นหลังผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลสหรัฐฯ.

    หลังจากที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนอย่างเข้มงวด NVIDIA จึงมองหาตลาดใหม่ และ UAE กลายเป็นเป้าหมายสำคัญ โดย Microsoft กลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการส่งออกชิปเหล่านี้ พร้อมแผนลงทุนในภูมิภาคสูงถึง $7.9 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2026–2029

    การเปลี่ยนทิศนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี Donald Trump เดินทางเยือนกลุ่มประเทศอ่าว และมีการลงนามข้อตกลงระหว่าง NVIDIA กับองค์กรรัฐในภูมิภาค เช่น G42 และ HUMAIN AI ซึ่งสะท้อนว่าอุตสาหกรรม AI กำลังขยายตัวสู่ตะวันออกกลางอย่างจริงจัง

    Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยัง UAE
    ผ่านการตรวจสอบด้าน cybersecurity และ physical security จากรัฐบาลสหรัฐฯ

    Microsoft เตรียมลงทุน $7.9 พันล้านดอลลาร์ใน UAE
    ระหว่างปี 2026–2029 เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI

    NVIDIA เซ็นสัญญากับองค์กรรัฐในอ่าว เช่น G42 และ HUMAIN AI
    หลังการเยือนของประธานาธิบดี Trump

    ตลาดตะวันออกกลางกลายเป็นโอกาสใหม่ของ NVIDIA
    หลังจากเผชิญข้อจำกัดในการส่งออกไปจีน

    UAE อาจกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของเทคโนโลยี AI
    ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก

    ความสัมพันธ์กับจีนยังคงตึงเครียด
    การส่งออกชิป AI ไปจีนยังถูกจำกัดอย่างเข้มงวด

    การลงทุนในภูมิภาคใหม่ต้องเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
    ต้องจับตาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายในตะวันออกกลาง

    https://wccftech.com/forget-china-nvidia-ai-chips-are-now-going-to-the-uae/
    🇦🇪 NVIDIA หันหลังให้จีน ส่งชิป AI สู่ UAE — Microsoft ได้ไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมลงทุนกว่า $7.9 พันล้านดอลลาร์ บทความจาก Wccftech เผยว่า Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดใหม่หลังจากความตึงเครียดกับจีน โดย Brad Smith ประธาน Microsoft ระบุว่าการอนุมัตินี้เกิดขึ้นหลังผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลสหรัฐฯ. หลังจากที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนอย่างเข้มงวด NVIDIA จึงมองหาตลาดใหม่ และ UAE กลายเป็นเป้าหมายสำคัญ โดย Microsoft กลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการส่งออกชิปเหล่านี้ พร้อมแผนลงทุนในภูมิภาคสูงถึง $7.9 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2026–2029 การเปลี่ยนทิศนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี Donald Trump เดินทางเยือนกลุ่มประเทศอ่าว และมีการลงนามข้อตกลงระหว่าง NVIDIA กับองค์กรรัฐในภูมิภาค เช่น G42 และ HUMAIN AI ซึ่งสะท้อนว่าอุตสาหกรรม AI กำลังขยายตัวสู่ตะวันออกกลางอย่างจริงจัง ✅ Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยัง UAE ➡️ ผ่านการตรวจสอบด้าน cybersecurity และ physical security จากรัฐบาลสหรัฐฯ ✅ Microsoft เตรียมลงทุน $7.9 พันล้านดอลลาร์ใน UAE ➡️ ระหว่างปี 2026–2029 เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ✅ NVIDIA เซ็นสัญญากับองค์กรรัฐในอ่าว เช่น G42 และ HUMAIN AI ➡️ หลังการเยือนของประธานาธิบดี Trump ✅ ตลาดตะวันออกกลางกลายเป็นโอกาสใหม่ของ NVIDIA ➡️ หลังจากเผชิญข้อจำกัดในการส่งออกไปจีน ✅ UAE อาจกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของเทคโนโลยี AI ➡️ ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ‼️ ความสัมพันธ์กับจีนยังคงตึงเครียด ⛔ การส่งออกชิป AI ไปจีนยังถูกจำกัดอย่างเข้มงวด ‼️ การลงทุนในภูมิภาคใหม่ต้องเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ⛔ ต้องจับตาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายในตะวันออกกลาง https://wccftech.com/forget-china-nvidia-ai-chips-are-now-going-to-the-uae/
    WCCFTECH.COM
    Forget China — NVIDIA’s AI Chips Are Now Heading to the UAE as Microsoft Receives ‘Pivotal’ Approval from the Trump Administration
    NVIDIA's AI chips are now heading to the UAE, as, according to a new report, Microsoft has received the required export license.
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 1 – 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 1

    เล่าเรื่องมาถึงตอนนี้ คงจะพอเห็นกันรางๆแล้วว่า การปฏิวัติรัสเซีย โดยพวก Bolsheviks น่าจะเป็นละครลวงโลก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ ที่สามารถต้มคนได้ทั้งโลก เป็นเวลานานร่วมร้อยปีแล้ว โดยแทบจะยังไม่มีใครรู้เรื่อง เอะใจ หรือ สงสัย เพราะเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้ถูกทำลายไปเกือบหมด เกือบหมด แต่ไม่หมด มีนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ผู้ที่สนใจความจริง และรักความเป็นธรรม และที่สำคัญ ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อชีวิต และประเทศชาติของเขา เริ่มทะยอยค้นคว้า หาข้อเท็จจริง จากเอกสารที่ถูกกระจายซุกซ่อน บิดเบือน และพรางตัวในรูปแบบต่างๆ

    แต่ความจริงไม่เคยถูกซ่อนได้มิดหมด ไม่เคยถูกเก็บ จนไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง ความจริง รอให้เราตามรอย ขุดค้นขึ้นมาใหม่

    มันไม่ใช่การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ อย่างที่เราเข้าใจกันแม้แต่น้อย แต่มันเป็นการสมคบกันของโจร ในเสื้อคลุมต่างๆ ที่จะปล้นรัสเซีย อย่างไม่ให้เหลือซาก อย่างโหดเหี้ยม และเลือดเย็น ทำลายสถาบัน ทำลายประเทศ ผ่านการสร้างฉากปฏิวัติ ซึ่งเป็นรูปแบบการปล้นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และมันได้ถูกนำมาพัฒนา เป็นการปล้นประเทศอื่นๆต่อไปอีกมากมาย

    (และก็น่าคิดว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือการปฏิวัติของไทยเรา ในปี พ.ศ.2475 (ค.ศ.1932) ที่มีผู้สรรเสริญกันหนักหนา ก็อาจจะเป็นละครลวงโลก โดยการจัดฉากเช่นเดียวกันนี
    ผมมาฉุกใจคิด ตอนกำลังเขียนนิทานเรื่องนี้ เลยแวะไปหาเอกสารเก่าๆอ่าน เจอเรื่อง พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี แซร์ Francis Bowes Sayre) นักกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ที่เข้ามายังสยามประเทศ เป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของไทย ในสมัยพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 (ค.ศ.1923) ในปี พ.ศ.2468 (ค.ศ.1925) มีตำแหน่งเป็น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มาถึงสมัยพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นาย Sayre ถวายคำปรึกษาด้านสนธิสัญญา และร่วมร่างเค้าโครงรัฐธรรมนูญ ฉบับพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ในชื่อ “Outline of Preliminary Draft” และเป็นผู้แทนรัฐบาลไทย ในการเจรจาเรื่องสนธิสัญญาไทย- สหรัฐอเมริกา

    จะรู้สึกสะกิดใจกันไหมครับ ถ้าผมบอกว่า Francis B Sayre เป็นลูกเขยของประธานาธิบดี Woodrow Wilson และช่วงปี ค.ศ.1917 เขาทำงานกับ YMCA จำได้ไหมครับว่า ผมเคยเล่าว่าหน่วยงานนี้ จริงๆ ทำหน้าที่อะไร และ YMCA ไปทำอะไรที่รัสเซีย ในปี 1917 สงสัยผมคงจะต้องไปค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง คุณลูกเขยนี่เพิ่มเติมสักหน่อย)

    กลับมาที่เรื่องปล้นรัสเซียต่อ ตัวละครสำคัญคือ American International Corperation (AIC) ซึ่งตามบทละครลวงโลกครั้งยิ่งใหญ่นี้ น่าจะถูกตั้งขึ้นมา เพื่อรับบทเป็นผู้นำการปล้น โดยเป็นผู้จัดการระดมทุน ที่ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในการเตรียมการจัดหาพรรคพวก อาวุธยุทธภัณท์ เครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งการซ้อมปล้นที่อื่นมาหลายแห่ง ตั้งแต่ เม็กซิโก อเมริกาใต้ ยันไปถึงเมืองจีน ก่อนที่จะเป็นการลงมือในฉากใหญ่ ปล้นรัสเซีย จักรวรรดิที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีทรัพยากรมากมายซ่อนอยู่

    แต่ก็ยังไม่ชัดเจน ว่าใครกันแน่ ที่เป็นคนสั่งให้มีการ “ปล้น” และใครเป็นคนวางแผนปล้น และทำไมถึงเลือกรัสเซีย มันจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม มันต้องทำเป็นขบวนการ เตรียมการล่วงหน้าเป็นปีๆ (AIC ตั้งขึ้น ค.ศ.1915 การปฏิวัติรัสเซียทั้ง 2 ครั้ง เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1917)

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 2

    หนังสือพิมพ์ New York Times วันที่ 17 มีนาคม 1917 เขียนรายงานถึงนักข่าวชื่อดัง นาย George Kennan ซึ่งได้พูดในวันที่กลุ่มสังคมนิยมชาวอเมริกัน ได้จัดงานชุมนุม เพื่อฉลองการปฏิวัติรัสเซีย ว่า

    “นาย Kennan เล่าให้ฟัง ถึงผลงานของกลุ่ม Friends of Russian Freedom ที่เข้าไปเกี่ยว กับการปฏิวัติรัสเซีย เขาบอกว่า เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ สงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่นที่รบกันตั้งแต่ ค.ศ. 1904 นู่น เมื่อรบกันไปปีกว่า ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายได้เปรียบ และจับทหารรัสเซียได้ประมาณ 12,000 เอามาขังไว้ที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นเขาอยู่ที่โตเกียว และได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมนักโทษ ที่เป็นทหารรัสเซีย

    เขาได้รับหน้าที่ ให้เป็นคนหว่านความคิด สร้างความเกลียดชัง และต้องการปฏิวัติไล่ซาร์ของรัสเซีย เอาไว้ในหัวของพวกทหารรัสเซีย ที่ถูกจับนั้น โดยพวกญี่ปุ่นให้ความสนับสนุน เอกสารการโฆษณาชวนเชื่อ และชวนให้ปฏิวัติ ถูกจัดส่งไปที่ญี่ปุ่นจากอเมริกา หลังจากปฏิบัติภาระกิจ หว่านเมล็ดพันธ์ปฏิวัติเสร็จ เขาก็เดินทางกลับอเมริกา

    เขาบอกว่า ขบวนการหว่านความคิดให้ปฏิวัติซาร์ของรัสเซียนี้ นี้ได้รับการอุปถัมภ์ และสนับสนุนด้านเงินทุน จากนักการเงินใหญ่แห่งนิวยอร์ค ที่ทุกคนรู้จักดีและชื่นชม คือนาย Jacob H Schiff นั่นแหละ!

    เมื่อสงครามโลกเกิดขึ้น มีทหารรัสเซีย ถูกควบคุมอยู่ที่ญี่ปุ่น ประมาณ 50,000 คน ทำให้ Friends of Russian Freedom ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
    “…แต่ผมไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ของพวกเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านไว้ และได้มาเข้าร่วมการปฏิวัติครั้งนี้… “นาย Kennan บอก

    หลังจากนั้น เขาก็อ่านโทรเลขจากนาย Jacob H Schiff บางส่วน ให้พวกที่มาชุมนุมฟัง

    “ …คุณช่วยบอกพวกเรา ที่มาฉลองกันคืนนี้ว่า ผมเสียใจอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถมาร่วมฉลองการได้รางวัลของ Friends of Russian Freedom ที่เราได้คาดหวัง และพยายามอยู่หลายปี เพื่อจะทำให้มันเกิดผลสำเร็จ..”
    นอกจากนี้ Schiff ยังแสดงความเห็นของเขาต่อการปฏิวัติรัสเซีย อย่างไม่ปิดบัง ผ่านบทความของเขาที่เขียนลงใน นสพ.ต่าง ๆ

    สำหรับ หนังสือพิมพ์ The Evening Post นั้น Schiff เขียนว่า

    “เพื่อตอบคำถามพวกคุณ ถึงความเห็นของผม เกี่ยวกับสถานะการเงินของรัสเซีย ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า ด้วยการพัฒนาทรัพยากรอันมหาศาล ของรัสเซียอย่างถูกต้อง หลังจากกำจัดคนใหญ่คนโตไปแล้วนั้น(หมายถึงซาร์) รัสเซียก็สามารถจะพัฒนาสถานะการเงินของตน ให้ขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม ที่จะสร้างประโยชน์แก่ตลาดเงินของโลกได้”

    คำตอบของ Schiff สะท้อนถึงความเห็น ของแวดวงการเงินในลอนดอนและนิวยอร์ค เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียได้ดีพอสมควร

    นาย John B. Young แห่งธนาคาร National City Bank ซึ่ง บังเอิญอยู่ที่รัสเซีย ในปี 1916 เพื่อทำหน้าที่จัดการเงินกู้ ของพวกนายทุนอเมริกันให้แก่ซาร์ว่า ได้มีการพูดถึงการปฏิวัติกันทั่วไปหมดในรัสเซียในปีนั้น เขาคิดว่า พวกที่จะทำการปฏิวัติ เป็นพวกที่เอาจริง

    หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงาน ว่า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินที่ลอนดอน คึกคักล่วงหน้า 24 ชั่วโมงก่อนการปฏิวัติ เหมือนกับทางลอนดอนรู้ว่า จะมีการปฏิวัติก่อนนิวยอร์ค และนักการเงินรุ่นใหญ่ ทั้งในตลาดเงินลอนดอนและนิวยอร์ค ต่างมีความเห็นไปในทางบวกกับการปฏิวัติของรัสเซีย พวกกลุ่มนักการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม มองว่าการปฏิวัตินี้ เป็นการกำจัดอิทธิพล ของกลุ่มที่ฝักฝ่ายเยอรมันในรัฐบาลรัสเซียออกไป และจะทำให้การทำสงครามกับเยอรมัน ของรัสเซียเข้มแข็งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อฝ่ายอังกฤษ

    นาย Jacob H Schiff เป็นใคร และอะไรทำให้เขาลงทุนให้ นาย George Kennan ถือตะกร้า ไปหว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติถึงในโตเกียว

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 3

    Jacob H Schiff เป็นลูกของนักบวชชาวยิว (Jewish Rabbi) เกิดที่เมือง Frankfurt เยอรมัน เขาถูกส่งให้มาอยู่ที่อเมริกา ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ตามคำสั่งและโดยเงินทุนของตระกูลโคตรรวย เจ้าพ่อ Rothschild

    ภาระกิจของ Schiff คือ เข้าไปคลุกอยู่กับนักการเงินชาวอเมริกัน และรอฟังคำสั่งจากเจ้านายต่อไป

    เมื่ออยู่อเมริกานานพอ จนศึกษาลู่ทางเกี่ยวกับธุรกิจการเงินได้พอสมควร ด้วยทุนของ Rothschild Schiff ก็ซื้อกิจการธนาคารที่อินเดียนนา ชื่อ Kuhn and Loeb ซึ่งเป็นของ Abraham Kuhn และ Solomon Loeb พร้อมกันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าคุมกิจการได้หมดจด Schiff ก็แต่งงานกับ Therese ลูกสาวของ Solomon หลังจากนั้นก็ซื้อหุ้นส่วนของ Kuhn มาทั้งหมด ทำให้เขาเป็นเจ้าของ Kuhn and Loeb แต่ผู้เดียว และย้ายมาทำธุรกิจที่นิวยอร์ค เป็นสูตรการซื้อกิจการที่น่าสนใจ แต่งงานกับลูกสาว แล้วได้เป็นเจ้าของกิจการของพ่อตา

    เมื่อมาเปิดตัวที่นิวยอร์ค ในช่วงแรกๆ เขาไม่ค่อยได้รับการต้อนรับจากเจ้าถิ่นใหญ่คือ House of Morgan ซึ่งเป็นเจ้าพ่อคุมวอลสตรีทอยู่ แต่ Schiff ในฐานะตัวแทนของเจ้าพ่อ Rothschild ก็คงไม่มีใครกล้ารังเกียจที่จะ คบค้า แล้ว Schiff กับ Morgan ก็จับมือกัน เงินมันกลิ่นเดียวกัน ข่าวบอกว่า Schiff เป็นตัวกลาง เชื่อม Rothschild กับ House of Morgan เข้าด้วยกัน

    นิตยสาร Truth ฉบับวันที่ 16 ธันวาคม 1912 ลงบทความ ที่เขียนโดย George R Conroy ดังนี้:

    ” Schiff นายใหญ่ของธุรกิจการเงิน Kuhn, Loeb & Co ซึ่งเป็นตัวแทนของ Rothschild ทางฝั่งนี้ของแอตแลนติก ได้รับการยกย่องว่า เป็นนักยุทธศาสตร์การเงินตัวฉกาจ เขาเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านการเงิน กับกิจการของ Standard Oil ที่ยิ่งใหญ่ เขามีความสนิทสนม และทำงานใกล้ชิดกับพวก Harrimans และ Rockefellers ในธุรกิจเกี่ยวกับกิจการทางรถไฟทั้งหมดของพวกนั้น จนทำให้พวกนั้น มีอำนาจควบคุมธุรกิจเกี่ยวกับทางรถไฟและการเงินของอเมริกา”
    Kuhn, Loeb & Co มีหุ้นส่วนอีกคน คือ น้องเขยของ Schiff ชื่อ Paul Warburg ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการวางแผน และดำเนินการให้กลุ่มวอลสตรีท สร้างระบบธนาคารกลาง
    ( Federal Reserve System ) ที่มีเอกชนเป็นเจ้าของ ในอเมริกาได้สำเร็จ และยังเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้

    นอกจากนี้ Paul มีน้องชาย ชื่อ Max Warburg ซึ่งดูแลกิจการ Kuhn, Loeb & Co อยู่ในเยอรมันและ Max ยังทำงานให้รัฐบาลเยอรมัน โดยเป็นหัวหน้าหน่วยจารกรรม ของรัฐบาลเยอรมันในช่วงสงครามโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Paul ยังมีน้องชายอีกหนึ่งคน ชื่อ Felix ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนการค้าของรัฐบาลเยอรมัน ประจำที่กรุงสตอกโฮม หน้าที่นี้ในยามสงคราม ไม่ต่างอะไรกับหน้าที่สืบราชการลับนั่นเอง

    จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลก ที่แม้จะอยู่อเมริกา แต่ Schiff ก็รู้ความเป็นไป ของอีกฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นอย่างดี ผ่านเครือข่ายธุรกิจของเขา และของกลุ่ม Rothschild

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 4

    Schiff ได้ข่าวว่า ซาร์นิโคลัส ที่ 1 ของรัสเซีย รังเกียจชาวยิวอย่างยิ่ง ทำการบีบคั้นชาวยิวสาระพัด และท้ายสุด เริ่มขบวนการที่จะส่งยิวออกนอกรัสเซีย ชาวยิวชื่อ Schiff จึงหาโอกาสที่จะแก้แค้น แทนพวกพ้องชาวยิวในรัสเซีย

    เมื่อได้ยินข่าวว่า รัสเซียกำลังจะต้องทำสงครามกับญี่ปุ่น และต้องการเงินทุนจำนวนมาก Schiff เรียก ประชุมชาวยิวที่บ้านเขา และกล่อมไม่ให้เศรษฐีเงินกู้ชาวยิว ให้เงินกู้แก่ฝั่งรัสเซีย Schiff อ้างว่ารัสเซียร้ายกาจกับชาวยิวอย่างมาก เป็นการเสี้ยมที่ได้ผล รัสเซียหาเงินกู้ไม่สำเร็จ

    ขณะเดียวกัน Baron Korekiyo Takahashi ตัวแทนของทางการญี่ปุ่น ก็กำลังหน้ามืด ในการหาเงินกู้ในนิวยอร์ค เพื่อจะใช้เป็นทุนในการไปรบกับรัสเซีย เขาไม่ได้รับความสนใจแม้แต่น้อย Takahashi จึงติดต่อไปทาง Rothschild ซึ่งก็ตอบปฎิเสธมา โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากผิดใจกับซาร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่ม Rothschild ไปทำข้อตกลงกับกลุ่ม Rockefeller เกี่ยวกับการขุดหาน้ำมันของรัสเซีย โดยไม่ขออนุญาตซาร์ ทำให้ซาร์ไม่พอใจ Rothschild หาข้ออ้างให้พ้นตัว
    แต่แล้วโอกาสทองของทั้ง 2 ฝ่ายก็มาถึง เมื่อ Takahashi ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงรายหนึ่ง ที่ลอนดอน เขาบังเอิญได้นั่งติดกับ Jacob Schiff เขาบอกกับ Schiff ว่าญี่ปุ่นต้องการเงินกู้ 30 ล้านเหรียญ เอามาเป็นทุนสู้กับรัสเซีย Jacob Schiff มองเห็นโอกาสได้รางวัลหลายต่อ ให้เงินกู้กับญี่ปุ่น เป็นการเปิดตลาดใหม่ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย ได้ล้างแค้นรัสเซียแทนยิว และได้หน้ารับใช้ Rothschild เจ้านาย มันมีแต่ได้กับได้ ใครจะไม่ฉวยโอกาสทองนี้ Schiff จึงตกลงรับคำ จะมาปั่นตลาดเงินในอเมริกา หาเงินทุนให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย

    วันที่ 12 พฤษภาคม 1904 พันธบัตรเงินกู้เพื่อญี่ปุ่น ขายคล่องยิ่งกว่าขนมปัง

    New York
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 1 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 1 เล่าเรื่องมาถึงตอนนี้ คงจะพอเห็นกันรางๆแล้วว่า การปฏิวัติรัสเซีย โดยพวก Bolsheviks น่าจะเป็นละครลวงโลก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ ที่สามารถต้มคนได้ทั้งโลก เป็นเวลานานร่วมร้อยปีแล้ว โดยแทบจะยังไม่มีใครรู้เรื่อง เอะใจ หรือ สงสัย เพราะเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้ถูกทำลายไปเกือบหมด เกือบหมด แต่ไม่หมด มีนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ผู้ที่สนใจความจริง และรักความเป็นธรรม และที่สำคัญ ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อชีวิต และประเทศชาติของเขา เริ่มทะยอยค้นคว้า หาข้อเท็จจริง จากเอกสารที่ถูกกระจายซุกซ่อน บิดเบือน และพรางตัวในรูปแบบต่างๆ แต่ความจริงไม่เคยถูกซ่อนได้มิดหมด ไม่เคยถูกเก็บ จนไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง ความจริง รอให้เราตามรอย ขุดค้นขึ้นมาใหม่ มันไม่ใช่การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ อย่างที่เราเข้าใจกันแม้แต่น้อย แต่มันเป็นการสมคบกันของโจร ในเสื้อคลุมต่างๆ ที่จะปล้นรัสเซีย อย่างไม่ให้เหลือซาก อย่างโหดเหี้ยม และเลือดเย็น ทำลายสถาบัน ทำลายประเทศ ผ่านการสร้างฉากปฏิวัติ ซึ่งเป็นรูปแบบการปล้นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และมันได้ถูกนำมาพัฒนา เป็นการปล้นประเทศอื่นๆต่อไปอีกมากมาย (และก็น่าคิดว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือการปฏิวัติของไทยเรา ในปี พ.ศ.2475 (ค.ศ.1932) ที่มีผู้สรรเสริญกันหนักหนา ก็อาจจะเป็นละครลวงโลก โดยการจัดฉากเช่นเดียวกันนี ผมมาฉุกใจคิด ตอนกำลังเขียนนิทานเรื่องนี้ เลยแวะไปหาเอกสารเก่าๆอ่าน เจอเรื่อง พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี แซร์ Francis Bowes Sayre) นักกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ที่เข้ามายังสยามประเทศ เป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของไทย ในสมัยพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 (ค.ศ.1923) ในปี พ.ศ.2468 (ค.ศ.1925) มีตำแหน่งเป็น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มาถึงสมัยพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นาย Sayre ถวายคำปรึกษาด้านสนธิสัญญา และร่วมร่างเค้าโครงรัฐธรรมนูญ ฉบับพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ในชื่อ “Outline of Preliminary Draft” และเป็นผู้แทนรัฐบาลไทย ในการเจรจาเรื่องสนธิสัญญาไทย- สหรัฐอเมริกา จะรู้สึกสะกิดใจกันไหมครับ ถ้าผมบอกว่า Francis B Sayre เป็นลูกเขยของประธานาธิบดี Woodrow Wilson และช่วงปี ค.ศ.1917 เขาทำงานกับ YMCA จำได้ไหมครับว่า ผมเคยเล่าว่าหน่วยงานนี้ จริงๆ ทำหน้าที่อะไร และ YMCA ไปทำอะไรที่รัสเซีย ในปี 1917 สงสัยผมคงจะต้องไปค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง คุณลูกเขยนี่เพิ่มเติมสักหน่อย) กลับมาที่เรื่องปล้นรัสเซียต่อ ตัวละครสำคัญคือ American International Corperation (AIC) ซึ่งตามบทละครลวงโลกครั้งยิ่งใหญ่นี้ น่าจะถูกตั้งขึ้นมา เพื่อรับบทเป็นผู้นำการปล้น โดยเป็นผู้จัดการระดมทุน ที่ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในการเตรียมการจัดหาพรรคพวก อาวุธยุทธภัณท์ เครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งการซ้อมปล้นที่อื่นมาหลายแห่ง ตั้งแต่ เม็กซิโก อเมริกาใต้ ยันไปถึงเมืองจีน ก่อนที่จะเป็นการลงมือในฉากใหญ่ ปล้นรัสเซีย จักรวรรดิที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีทรัพยากรมากมายซ่อนอยู่ แต่ก็ยังไม่ชัดเจน ว่าใครกันแน่ ที่เป็นคนสั่งให้มีการ “ปล้น” และใครเป็นคนวางแผนปล้น และทำไมถึงเลือกรัสเซีย มันจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม มันต้องทำเป็นขบวนการ เตรียมการล่วงหน้าเป็นปีๆ (AIC ตั้งขึ้น ค.ศ.1915 การปฏิวัติรัสเซียทั้ง 2 ครั้ง เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1917) นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 2 หนังสือพิมพ์ New York Times วันที่ 17 มีนาคม 1917 เขียนรายงานถึงนักข่าวชื่อดัง นาย George Kennan ซึ่งได้พูดในวันที่กลุ่มสังคมนิยมชาวอเมริกัน ได้จัดงานชุมนุม เพื่อฉลองการปฏิวัติรัสเซีย ว่า “นาย Kennan เล่าให้ฟัง ถึงผลงานของกลุ่ม Friends of Russian Freedom ที่เข้าไปเกี่ยว กับการปฏิวัติรัสเซีย เขาบอกว่า เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ สงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่นที่รบกันตั้งแต่ ค.ศ. 1904 นู่น เมื่อรบกันไปปีกว่า ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายได้เปรียบ และจับทหารรัสเซียได้ประมาณ 12,000 เอามาขังไว้ที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นเขาอยู่ที่โตเกียว และได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมนักโทษ ที่เป็นทหารรัสเซีย เขาได้รับหน้าที่ ให้เป็นคนหว่านความคิด สร้างความเกลียดชัง และต้องการปฏิวัติไล่ซาร์ของรัสเซีย เอาไว้ในหัวของพวกทหารรัสเซีย ที่ถูกจับนั้น โดยพวกญี่ปุ่นให้ความสนับสนุน เอกสารการโฆษณาชวนเชื่อ และชวนให้ปฏิวัติ ถูกจัดส่งไปที่ญี่ปุ่นจากอเมริกา หลังจากปฏิบัติภาระกิจ หว่านเมล็ดพันธ์ปฏิวัติเสร็จ เขาก็เดินทางกลับอเมริกา เขาบอกว่า ขบวนการหว่านความคิดให้ปฏิวัติซาร์ของรัสเซียนี้ นี้ได้รับการอุปถัมภ์ และสนับสนุนด้านเงินทุน จากนักการเงินใหญ่แห่งนิวยอร์ค ที่ทุกคนรู้จักดีและชื่นชม คือนาย Jacob H Schiff นั่นแหละ! เมื่อสงครามโลกเกิดขึ้น มีทหารรัสเซีย ถูกควบคุมอยู่ที่ญี่ปุ่น ประมาณ 50,000 คน ทำให้ Friends of Russian Freedom ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย “…แต่ผมไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ของพวกเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านไว้ และได้มาเข้าร่วมการปฏิวัติครั้งนี้… “นาย Kennan บอก หลังจากนั้น เขาก็อ่านโทรเลขจากนาย Jacob H Schiff บางส่วน ให้พวกที่มาชุมนุมฟัง “ …คุณช่วยบอกพวกเรา ที่มาฉลองกันคืนนี้ว่า ผมเสียใจอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถมาร่วมฉลองการได้รางวัลของ Friends of Russian Freedom ที่เราได้คาดหวัง และพยายามอยู่หลายปี เพื่อจะทำให้มันเกิดผลสำเร็จ..” นอกจากนี้ Schiff ยังแสดงความเห็นของเขาต่อการปฏิวัติรัสเซีย อย่างไม่ปิดบัง ผ่านบทความของเขาที่เขียนลงใน นสพ.ต่าง ๆ สำหรับ หนังสือพิมพ์ The Evening Post นั้น Schiff เขียนว่า “เพื่อตอบคำถามพวกคุณ ถึงความเห็นของผม เกี่ยวกับสถานะการเงินของรัสเซีย ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า ด้วยการพัฒนาทรัพยากรอันมหาศาล ของรัสเซียอย่างถูกต้อง หลังจากกำจัดคนใหญ่คนโตไปแล้วนั้น(หมายถึงซาร์) รัสเซียก็สามารถจะพัฒนาสถานะการเงินของตน ให้ขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม ที่จะสร้างประโยชน์แก่ตลาดเงินของโลกได้” คำตอบของ Schiff สะท้อนถึงความเห็น ของแวดวงการเงินในลอนดอนและนิวยอร์ค เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียได้ดีพอสมควร นาย John B. Young แห่งธนาคาร National City Bank ซึ่ง บังเอิญอยู่ที่รัสเซีย ในปี 1916 เพื่อทำหน้าที่จัดการเงินกู้ ของพวกนายทุนอเมริกันให้แก่ซาร์ว่า ได้มีการพูดถึงการปฏิวัติกันทั่วไปหมดในรัสเซียในปีนั้น เขาคิดว่า พวกที่จะทำการปฏิวัติ เป็นพวกที่เอาจริง หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงาน ว่า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินที่ลอนดอน คึกคักล่วงหน้า 24 ชั่วโมงก่อนการปฏิวัติ เหมือนกับทางลอนดอนรู้ว่า จะมีการปฏิวัติก่อนนิวยอร์ค และนักการเงินรุ่นใหญ่ ทั้งในตลาดเงินลอนดอนและนิวยอร์ค ต่างมีความเห็นไปในทางบวกกับการปฏิวัติของรัสเซีย พวกกลุ่มนักการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม มองว่าการปฏิวัตินี้ เป็นการกำจัดอิทธิพล ของกลุ่มที่ฝักฝ่ายเยอรมันในรัฐบาลรัสเซียออกไป และจะทำให้การทำสงครามกับเยอรมัน ของรัสเซียเข้มแข็งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อฝ่ายอังกฤษ นาย Jacob H Schiff เป็นใคร และอะไรทำให้เขาลงทุนให้ นาย George Kennan ถือตะกร้า ไปหว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติถึงในโตเกียว นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 3 Jacob H Schiff เป็นลูกของนักบวชชาวยิว (Jewish Rabbi) เกิดที่เมือง Frankfurt เยอรมัน เขาถูกส่งให้มาอยู่ที่อเมริกา ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ตามคำสั่งและโดยเงินทุนของตระกูลโคตรรวย เจ้าพ่อ Rothschild ภาระกิจของ Schiff คือ เข้าไปคลุกอยู่กับนักการเงินชาวอเมริกัน และรอฟังคำสั่งจากเจ้านายต่อไป เมื่ออยู่อเมริกานานพอ จนศึกษาลู่ทางเกี่ยวกับธุรกิจการเงินได้พอสมควร ด้วยทุนของ Rothschild Schiff ก็ซื้อกิจการธนาคารที่อินเดียนนา ชื่อ Kuhn and Loeb ซึ่งเป็นของ Abraham Kuhn และ Solomon Loeb พร้อมกันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าคุมกิจการได้หมดจด Schiff ก็แต่งงานกับ Therese ลูกสาวของ Solomon หลังจากนั้นก็ซื้อหุ้นส่วนของ Kuhn มาทั้งหมด ทำให้เขาเป็นเจ้าของ Kuhn and Loeb แต่ผู้เดียว และย้ายมาทำธุรกิจที่นิวยอร์ค เป็นสูตรการซื้อกิจการที่น่าสนใจ แต่งงานกับลูกสาว แล้วได้เป็นเจ้าของกิจการของพ่อตา เมื่อมาเปิดตัวที่นิวยอร์ค ในช่วงแรกๆ เขาไม่ค่อยได้รับการต้อนรับจากเจ้าถิ่นใหญ่คือ House of Morgan ซึ่งเป็นเจ้าพ่อคุมวอลสตรีทอยู่ แต่ Schiff ในฐานะตัวแทนของเจ้าพ่อ Rothschild ก็คงไม่มีใครกล้ารังเกียจที่จะ คบค้า แล้ว Schiff กับ Morgan ก็จับมือกัน เงินมันกลิ่นเดียวกัน ข่าวบอกว่า Schiff เป็นตัวกลาง เชื่อม Rothschild กับ House of Morgan เข้าด้วยกัน นิตยสาร Truth ฉบับวันที่ 16 ธันวาคม 1912 ลงบทความ ที่เขียนโดย George R Conroy ดังนี้: ” Schiff นายใหญ่ของธุรกิจการเงิน Kuhn, Loeb & Co ซึ่งเป็นตัวแทนของ Rothschild ทางฝั่งนี้ของแอตแลนติก ได้รับการยกย่องว่า เป็นนักยุทธศาสตร์การเงินตัวฉกาจ เขาเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านการเงิน กับกิจการของ Standard Oil ที่ยิ่งใหญ่ เขามีความสนิทสนม และทำงานใกล้ชิดกับพวก Harrimans และ Rockefellers ในธุรกิจเกี่ยวกับกิจการทางรถไฟทั้งหมดของพวกนั้น จนทำให้พวกนั้น มีอำนาจควบคุมธุรกิจเกี่ยวกับทางรถไฟและการเงินของอเมริกา” Kuhn, Loeb & Co มีหุ้นส่วนอีกคน คือ น้องเขยของ Schiff ชื่อ Paul Warburg ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการวางแผน และดำเนินการให้กลุ่มวอลสตรีท สร้างระบบธนาคารกลาง ( Federal Reserve System ) ที่มีเอกชนเป็นเจ้าของ ในอเมริกาได้สำเร็จ และยังเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ Paul มีน้องชาย ชื่อ Max Warburg ซึ่งดูแลกิจการ Kuhn, Loeb & Co อยู่ในเยอรมันและ Max ยังทำงานให้รัฐบาลเยอรมัน โดยเป็นหัวหน้าหน่วยจารกรรม ของรัฐบาลเยอรมันในช่วงสงครามโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Paul ยังมีน้องชายอีกหนึ่งคน ชื่อ Felix ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนการค้าของรัฐบาลเยอรมัน ประจำที่กรุงสตอกโฮม หน้าที่นี้ในยามสงคราม ไม่ต่างอะไรกับหน้าที่สืบราชการลับนั่นเอง จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลก ที่แม้จะอยู่อเมริกา แต่ Schiff ก็รู้ความเป็นไป ของอีกฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นอย่างดี ผ่านเครือข่ายธุรกิจของเขา และของกลุ่ม Rothschild นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 4 Schiff ได้ข่าวว่า ซาร์นิโคลัส ที่ 1 ของรัสเซีย รังเกียจชาวยิวอย่างยิ่ง ทำการบีบคั้นชาวยิวสาระพัด และท้ายสุด เริ่มขบวนการที่จะส่งยิวออกนอกรัสเซีย ชาวยิวชื่อ Schiff จึงหาโอกาสที่จะแก้แค้น แทนพวกพ้องชาวยิวในรัสเซีย เมื่อได้ยินข่าวว่า รัสเซียกำลังจะต้องทำสงครามกับญี่ปุ่น และต้องการเงินทุนจำนวนมาก Schiff เรียก ประชุมชาวยิวที่บ้านเขา และกล่อมไม่ให้เศรษฐีเงินกู้ชาวยิว ให้เงินกู้แก่ฝั่งรัสเซีย Schiff อ้างว่ารัสเซียร้ายกาจกับชาวยิวอย่างมาก เป็นการเสี้ยมที่ได้ผล รัสเซียหาเงินกู้ไม่สำเร็จ ขณะเดียวกัน Baron Korekiyo Takahashi ตัวแทนของทางการญี่ปุ่น ก็กำลังหน้ามืด ในการหาเงินกู้ในนิวยอร์ค เพื่อจะใช้เป็นทุนในการไปรบกับรัสเซีย เขาไม่ได้รับความสนใจแม้แต่น้อย Takahashi จึงติดต่อไปทาง Rothschild ซึ่งก็ตอบปฎิเสธมา โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากผิดใจกับซาร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่ม Rothschild ไปทำข้อตกลงกับกลุ่ม Rockefeller เกี่ยวกับการขุดหาน้ำมันของรัสเซีย โดยไม่ขออนุญาตซาร์ ทำให้ซาร์ไม่พอใจ Rothschild หาข้ออ้างให้พ้นตัว แต่แล้วโอกาสทองของทั้ง 2 ฝ่ายก็มาถึง เมื่อ Takahashi ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงรายหนึ่ง ที่ลอนดอน เขาบังเอิญได้นั่งติดกับ Jacob Schiff เขาบอกกับ Schiff ว่าญี่ปุ่นต้องการเงินกู้ 30 ล้านเหรียญ เอามาเป็นทุนสู้กับรัสเซีย Jacob Schiff มองเห็นโอกาสได้รางวัลหลายต่อ ให้เงินกู้กับญี่ปุ่น เป็นการเปิดตลาดใหม่ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย ได้ล้างแค้นรัสเซียแทนยิว และได้หน้ารับใช้ Rothschild เจ้านาย มันมีแต่ได้กับได้ ใครจะไม่ฉวยโอกาสทองนี้ Schiff จึงตกลงรับคำ จะมาปั่นตลาดเงินในอเมริกา หาเงินทุนให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย วันที่ 12 พฤษภาคม 1904 พันธบัตรเงินกู้เพื่อญี่ปุ่น ขายคล่องยิ่งกว่าขนมปัง New York
    0 Comments 0 Shares 465 Views 0 Reviews
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยถึงการกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 และการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ประเทศไทยยืนยันให้ความร่วมมือแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ สแกมเมอร์ โดยไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเพื่อหาพลังของภูมิภาคในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นรูปธรรมและจริงจัง เป็นการร่วมมือระดับนานาชาติ โดยพูดคุยกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถึงวิธีการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแล้ว

    -ประชาชนควรได้รู้
    -ยังไม่เปิดจุดผ่านแดน
    -MOU 43 เสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ
    -ตลาดใหม่หนุนส่งออก
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยถึงการกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 และการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ประเทศไทยยืนยันให้ความร่วมมือแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ สแกมเมอร์ โดยไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเพื่อหาพลังของภูมิภาคในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นรูปธรรมและจริงจัง เป็นการร่วมมือระดับนานาชาติ โดยพูดคุยกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถึงวิธีการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแล้ว -ประชาชนควรได้รู้ -ยังไม่เปิดจุดผ่านแดน -MOU 43 เสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ -ตลาดใหม่หนุนส่งออก
    Like
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 363 Views 0 0 Reviews
  • “MIPS I8500: โปรเซสเซอร์ยุคใหม่เพื่อขับเคลื่อน Physical AI” — สถาปัตยกรรม RISC-V ที่ออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนย้ายข้อมูลแบบอัจฉริยะ

    บริษัท MIPS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ GlobalFoundries ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ชื่อว่า MIPS I8500 โดยเน้นการจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับแพลตฟอร์มที่ต้องการการตอบสนองทันที เช่น ระบบ AI ที่ทำงานนอกศูนย์ข้อมูล (Physical AI), โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร, อุตสาหกรรม, ยานยนต์ และระบบจัดเก็บข้อมูล

    I8500 ถูกออกแบบบนสถาปัตยกรรม RISC-V และมีความสามารถในการประมวลผลแบบ multithread สูงถึง 24 threads ต่อ cluster โดยมี 4 threads ต่อ core และรองรับการทำงานแบบ multi-cluster เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน

    จุดเด่นของ I8500 คือการเคลื่อนย้ายข้อมูลแบบ deterministic (กำหนดได้แน่นอน) และมี latency ต่ำมาก พร้อมระบบความปลอดภัยในตัว เหมาะสำหรับการจัดการ packet flows ระหว่าง accelerator ต่าง ๆ และการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับระบบคอมพิวเตอร์

    โปรเซสเซอร์นี้ยังรองรับระบบปฏิบัติการ Linux และ Real-Time OS พร้อมความสามารถในการทำงานร่วมกับโปรไฟล์ RVA23 ซึ่งช่วยให้พัฒนาแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้นในระบบนิเวศของ RISC-V

    Steven Dickens จาก HyperFRAME Research กล่าวว่า I8500 เป็นก้าวสำคัญของการประมวลผลแบบ event-driven ที่ตอบโจทย์ตลาดใหม่ เช่น ยานยนต์อัตโนมัติและระบบควบคุมอุตสาหกรรม

    ข้อมูลในข่าว
    MIPS เปิดตัวโปรเซสเซอร์ I8500 สำหรับงาน Physical AI และการเคลื่อนย้ายข้อมูลแบบอัจฉริยะ
    ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V พร้อม multithread สูงสุด 24 threads ต่อ cluster
    รองรับ multi-cluster deployments เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
    มี latency ต่ำและ deterministic data movement พร้อมระบบความปลอดภัยในตัว
    เหมาะสำหรับงานในศูนย์ข้อมูล, ยานยนต์, อุตสาหกรรม และระบบสื่อสาร
    รองรับ Linux และ Real-Time OS พร้อมโปรไฟล์ RVA23
    ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันในระบบ RISC-V เป็นไปอย่างราบรื่น
    Steven Dickens ระบุว่า I8500 เป็นก้าวสำคัญของการประมวลผลแบบ event-driven
    มี Atlas Explorer Core Model สำหรับการทดสอบร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    เตรียมเปิดตัวในงาน RISC-V Summit North America วันที่ 22–23 ตุลาคม

    https://www.techpowerup.com/341911/mips-i8500-processor-orchestrates-data-movement-for-the-ai-era
    ⚙️ “MIPS I8500: โปรเซสเซอร์ยุคใหม่เพื่อขับเคลื่อน Physical AI” — สถาปัตยกรรม RISC-V ที่ออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนย้ายข้อมูลแบบอัจฉริยะ บริษัท MIPS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ GlobalFoundries ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ชื่อว่า MIPS I8500 โดยเน้นการจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับแพลตฟอร์มที่ต้องการการตอบสนองทันที เช่น ระบบ AI ที่ทำงานนอกศูนย์ข้อมูล (Physical AI), โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร, อุตสาหกรรม, ยานยนต์ และระบบจัดเก็บข้อมูล I8500 ถูกออกแบบบนสถาปัตยกรรม RISC-V และมีความสามารถในการประมวลผลแบบ multithread สูงถึง 24 threads ต่อ cluster โดยมี 4 threads ต่อ core และรองรับการทำงานแบบ multi-cluster เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน จุดเด่นของ I8500 คือการเคลื่อนย้ายข้อมูลแบบ deterministic (กำหนดได้แน่นอน) และมี latency ต่ำมาก พร้อมระบบความปลอดภัยในตัว เหมาะสำหรับการจัดการ packet flows ระหว่าง accelerator ต่าง ๆ และการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับระบบคอมพิวเตอร์ โปรเซสเซอร์นี้ยังรองรับระบบปฏิบัติการ Linux และ Real-Time OS พร้อมความสามารถในการทำงานร่วมกับโปรไฟล์ RVA23 ซึ่งช่วยให้พัฒนาแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้นในระบบนิเวศของ RISC-V Steven Dickens จาก HyperFRAME Research กล่าวว่า I8500 เป็นก้าวสำคัญของการประมวลผลแบบ event-driven ที่ตอบโจทย์ตลาดใหม่ เช่น ยานยนต์อัตโนมัติและระบบควบคุมอุตสาหกรรม ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ MIPS เปิดตัวโปรเซสเซอร์ I8500 สำหรับงาน Physical AI และการเคลื่อนย้ายข้อมูลแบบอัจฉริยะ ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V พร้อม multithread สูงสุด 24 threads ต่อ cluster ➡️ รองรับ multi-cluster deployments เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ➡️ มี latency ต่ำและ deterministic data movement พร้อมระบบความปลอดภัยในตัว ➡️ เหมาะสำหรับงานในศูนย์ข้อมูล, ยานยนต์, อุตสาหกรรม และระบบสื่อสาร ➡️ รองรับ Linux และ Real-Time OS พร้อมโปรไฟล์ RVA23 ➡️ ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันในระบบ RISC-V เป็นไปอย่างราบรื่น ➡️ Steven Dickens ระบุว่า I8500 เป็นก้าวสำคัญของการประมวลผลแบบ event-driven ➡️ มี Atlas Explorer Core Model สำหรับการทดสอบร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ➡️ เตรียมเปิดตัวในงาน RISC-V Summit North America วันที่ 22–23 ตุลาคม https://www.techpowerup.com/341911/mips-i8500-processor-orchestrates-data-movement-for-the-ai-era
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    MIPS I8500 Processor Orchestrates Data Movement for the AI Era
    MIPS, a GlobalFoundries company, announced today the MIPS I8500 processor is now sampling to lead customers. Featured at GlobalFoundries' Technology Summit in Munich, Germany today, the I8500 represents a class of intelligent data movement processor IP designed for real-time, event-driven computing ...
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • “iPhone พับได้อาจถูกกว่าที่คิด — Foxconn ลดต้นทุนบานพับเหลือ $70 พร้อมเปิดทางสู่ยุคใหม่ของ Apple”

    Apple กำลังเตรียมเปิดตัว iPhone พับได้ในปี 2026 โดยมีจุดเด่นสำคัญคือการลดต้นทุนของ “บานพับ” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนและมีผลต่อราคาของอุปกรณ์อย่างมาก จากรายงานล่าสุดพบว่า Foxconn และ Shin Zu Shing (SZS) ได้ร่วมมือกันพัฒนาและผลิตบานพับสำหรับ iPhone พับได้ โดยสามารถลดราคาต่อหน่วยลงเหลือเพียง $70–$80 จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ $100–$120

    การลดต้นทุนนี้ไม่ได้เกิดจากการใช้วัสดุราคาถูก แต่เป็นผลจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Foxconn ใช้กำลังการผลิตขนาดใหญ่และเทคนิคการประกอบที่แม่นยำ ทำให้สามารถรักษาคุณภาพและความทนทานของบานพับได้ในขณะที่ลดต้นทุนลง

    Apple ยังวางแผนใช้โครงสร้างตัวเครื่องแบบไฮบริดระหว่างอะลูมิเนียมและไทเทเนียม เพื่อให้มีความแข็งแรงแต่ยังคงน้ำหนักเบา พร้อมหน้าจอภายในขนาด 7.8 นิ้ว และหน้าจอภายนอกขนาด 5.5 นิ้ว โดยมีการออกแบบบานพับให้ลดรอยพับ (crease) ให้เหลือน้อยที่สุด

    นอกจากนี้ Apple ยังควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด โดยให้ Foxconn และ SZS รับผิดชอบการผลิตบานพับกว่า 65% ของทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 35% เป็นของ Amphenol และอาจมี Luxshare-ICT เข้ามาเสริมในปี 2027 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการแข่งขันและลดราคาลงอีกในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    บานพับของ iPhone พับได้มีราคาลดลงเหลือ $70–$80 ต่อหน่วย
    เดิมเคยประเมินไว้ที่ $100–$120
    Foxconn และ SZS ร่วมกันผลิตบานพับ โดย Foxconn ถือหุ้นมากกว่า
    Apple ควบคุมคุณภาพผ่านการเลือกซัพพลายเออร์หลัก
    Amphenol รับผิดชอบอีก 35% ของคำสั่งผลิตบานพับ
    Luxshare-ICT อาจเข้าร่วมเป็นซัพพลายเออร์ในปี 2027
    iPhone พับได้จะมีหน้าจอ 7.8 นิ้วภายใน และ 5.5 นิ้วภายนอก
    ใช้โครงสร้างอะลูมิเนียม-ไทเทเนียมแบบไฮบริด
    บานพับถูกออกแบบให้ลดรอยพับให้เหลือน้อยที่สุด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    บานพับเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่แพงและซับซ้อนที่สุดในอุปกรณ์พับได้
    Foxconn เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    SZS มีความเชี่ยวชาญด้านชิ้นส่วนกลไก แต่อาจมีบทบาทน้อยกว่าหาก Foxconn ควบคุมการผลิต
    การใช้วัสดุไฮบริดช่วยให้ตัวเครื่องแข็งแรงแต่ยังคงน้ำหนักเบา
    การลดต้นทุนโดยไม่ลดคุณภาพเป็นกลยุทธ์สำคัญของ Apple ในการเข้าสู่ตลาดใหม่

    https://wccftech.com/foldable-iphone-hinge-cost-drop-foxconn-supplier-strategy/
    📱 “iPhone พับได้อาจถูกกว่าที่คิด — Foxconn ลดต้นทุนบานพับเหลือ $70 พร้อมเปิดทางสู่ยุคใหม่ของ Apple” Apple กำลังเตรียมเปิดตัว iPhone พับได้ในปี 2026 โดยมีจุดเด่นสำคัญคือการลดต้นทุนของ “บานพับ” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนและมีผลต่อราคาของอุปกรณ์อย่างมาก จากรายงานล่าสุดพบว่า Foxconn และ Shin Zu Shing (SZS) ได้ร่วมมือกันพัฒนาและผลิตบานพับสำหรับ iPhone พับได้ โดยสามารถลดราคาต่อหน่วยลงเหลือเพียง $70–$80 จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ $100–$120 การลดต้นทุนนี้ไม่ได้เกิดจากการใช้วัสดุราคาถูก แต่เป็นผลจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Foxconn ใช้กำลังการผลิตขนาดใหญ่และเทคนิคการประกอบที่แม่นยำ ทำให้สามารถรักษาคุณภาพและความทนทานของบานพับได้ในขณะที่ลดต้นทุนลง Apple ยังวางแผนใช้โครงสร้างตัวเครื่องแบบไฮบริดระหว่างอะลูมิเนียมและไทเทเนียม เพื่อให้มีความแข็งแรงแต่ยังคงน้ำหนักเบา พร้อมหน้าจอภายในขนาด 7.8 นิ้ว และหน้าจอภายนอกขนาด 5.5 นิ้ว โดยมีการออกแบบบานพับให้ลดรอยพับ (crease) ให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ Apple ยังควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด โดยให้ Foxconn และ SZS รับผิดชอบการผลิตบานพับกว่า 65% ของทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 35% เป็นของ Amphenol และอาจมี Luxshare-ICT เข้ามาเสริมในปี 2027 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการแข่งขันและลดราคาลงอีกในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ บานพับของ iPhone พับได้มีราคาลดลงเหลือ $70–$80 ต่อหน่วย ➡️ เดิมเคยประเมินไว้ที่ $100–$120 ➡️ Foxconn และ SZS ร่วมกันผลิตบานพับ โดย Foxconn ถือหุ้นมากกว่า ➡️ Apple ควบคุมคุณภาพผ่านการเลือกซัพพลายเออร์หลัก ➡️ Amphenol รับผิดชอบอีก 35% ของคำสั่งผลิตบานพับ ➡️ Luxshare-ICT อาจเข้าร่วมเป็นซัพพลายเออร์ในปี 2027 ➡️ iPhone พับได้จะมีหน้าจอ 7.8 นิ้วภายใน และ 5.5 นิ้วภายนอก ➡️ ใช้โครงสร้างอะลูมิเนียม-ไทเทเนียมแบบไฮบริด ➡️ บานพับถูกออกแบบให้ลดรอยพับให้เหลือน้อยที่สุด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ บานพับเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่แพงและซับซ้อนที่สุดในอุปกรณ์พับได้ ➡️ Foxconn เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ➡️ SZS มีความเชี่ยวชาญด้านชิ้นส่วนกลไก แต่อาจมีบทบาทน้อยกว่าหาก Foxconn ควบคุมการผลิต ➡️ การใช้วัสดุไฮบริดช่วยให้ตัวเครื่องแข็งแรงแต่ยังคงน้ำหนักเบา ➡️ การลดต้นทุนโดยไม่ลดคุณภาพเป็นกลยุทธ์สำคัญของ Apple ในการเข้าสู่ตลาดใหม่ https://wccftech.com/foldable-iphone-hinge-cost-drop-foxconn-supplier-strategy/
    WCCFTECH.COM
    Apple’s Foldable iPhone Gets a Major Cost Advantage With a Cheaper Hinge
    Apple’s foldable iPhone could debut in 2026 with a lower hinge cost, hybrid frame, and improved durability through smarter production.
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 4 – อิยิปต์ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 4 ”
    อิยิปต์ 2
อังกฤษเมื่อแรกเข้ามาใช้อียิปต์นั้น นอกจากใช้เป็นที่วางไม้ขวางฝรั่งเศส ไม่ให้เดินเลยไปถึงอินเดียแล้ว อังกฤษสนใจ ที่จะใช้อียิปต์เป็นแหล่งผลิตผ้าฝ้าย เดิมอังกฤษอาศัยฝ้ายจากทางใต้ของอเมริกา ซึ่งผลิตฝ้ายดีราคาถูกจากแรงงานทาสผิวดำ แต่เมื่ออเมริกาเกิดสงครามกลางเมือง การผลิตฝ้ายของทางใต้ของอเมริกากันหยุดชะงัก อังกฤษต้องมองหาตลาดใหม่ อียิปต์มีภูมิอากาศเหมาะสำหรับปลูกฝ่ายอย่างยิ่ง
    หลังจาก ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา อังกฤษเอาจริงกับการใช้อียิปต์เป็นแหล่งปลูกฝ้าย จะปลูกฝ้ายก็ต้องมีน้ำ โครงการสร้างคลองชลประทาน จึงเกิดขึ้นในอียิปต์ ไม่ใช่เพราะอยากให้ชาวอียิปต์มีน้ำใช้ทั่วถึงหรอกนะ อังกฤษไม่เคยใจดีอย่างนั้น แต่น้ำจากคลองชลประทานก็ยังไม่ พอ เพราะเมื่อปลูกฝ้ายแล้ว อังกฤษก็ตั้งโรงงานทอผ้า ทำเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ อุตสาหกรรมก็ต้องมีพลังงาน น้ำมันยังไม่มีให้ใช้ ดังนั้นต้องใช้พลังน้ำจากเขื่อน เขื่อนอัสวาน (Aswan) จึงจำเป็นต้องสร้างขึ้น
    ช่วงปี ค.ศ. 1890 – 1914 อียิปต์สร้างเขื่อนหลายเขื่อน และระบบชลประทานทั่วประเทศ เขื่อนอัสวาน 1 เสร็จไปแล้ว แต่ยังไม่ได้พลังงานพอใช้ อัสวาน 2 จึงต้องสร้างเพิ่มในปี ค.ศ.1912 เพื่อให้มีน้ำเลี้ยงทั้งปีทุกบริเวณ ตั้งแต่อียิปต์กลางและอียิปต์ใต้ ทำให้อียิปต์เพิ่มเนื้อที่จากการปลูกฝ้าย จาก 4.4 ล้าน เฟดดาน (feddan) ในปี ค.ศ. 1877 เป็น 5.5 ล้าน เฟดดาน ในปี ค.ศ. 1913
    อังกฤษกลายเป็นผู้ผูกขาด การปลูก การผลิต การขาย ฝ้ายในอียิปต์ ระบบชลประทานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการปลูกฝ้าย อังกฤษส่งคนมาคุมทำการขุด และสร้างระบบ บริษัทอังกฤษเป็นผู้ก่อสร้างระบบชลประทาน ทั่วประเทศอียิปต์ มันไม่ใช่ควบคุมเฉพาะการปลูกเท่านั้น เมื่อต้องขนส่งฝ้ายทางรถไฟ ทางเรือตามแม่น้ำ ลำคลอง เรือกลไฟของอังกฤษก็มาเทียบท่าเมือง Alexandria แม้รถไฟจะเป็นของรัฐ แต่คนอังกฤษเป็นผู้ควบคุม
    การปลูก ผลิต ขาย ฝ้าย อยู่ในมือของคนอังกฤษ รวมทั้งธนาคารของคนอังกฤษ คนอียิปต์มีส่วนเป็นเพียงเจ้าของแผ่นดิน และได้ค่าตอบแทน เป็นแรงงานราคาถูก
    ที่สำคัญ อังกฤษเปลี่ยนเนื้อที่ ที่ชาวอียิปต์เคยปลูกพืชอื่น ในการยังชีพของพวกเขา เช่น ข้าวบาเลย์ แป้งสาลี น้ำตาล ให้ไปปลูกฝ้ายเกือบหมด ในที่สุดพืชเหล่านี้ ก็ถูกกินเนื้อที่ ชาวอียิปต์ นอกจากไม่ได้ร่ำรวยจากการปลูกฝ้ายแล้ว ยังอดอยากอีกด้วย แถมตอนหลังอังกฤษเห็นว่ายาสูบไม่ใชสิ่งจำเป็น อังกฤษออกประกาศให้ยาสูบเป็นพืชต้องห้าม คนอียิปต์ที่ส่วนใหญ่ติดยาดูดเป็นชีวิต ถ้าไม่อยากลงแดง ก็ต้องไปอาศัยดูดยาของตุรกีซึ่งมีราคาแพงแทน
    ข้อมูลภูมิศาสตร์โลกที่ระบุว่า อียิปต์เป็นประเทศที่ปลูกฝ้ายดีที่สุดในโลก เป็นผู้ผลิตฝ้ายเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นดินแดนแห่งฝ้ายดีมีคุณภาพ ฯลฯ สาระพัดจะเขียนกัน แต่อียิปต์ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงงานทอผ้าฝ้าย แม้แต่โรงงานเดียว และส่งออกฝ้ายเนื้อดีนี้ทั้งหมดไปที่อังกฤษ
    คนอียิปต์ยังใช้ฝ้ายราคาถูกคุณภาพต่ำเหมือนเดิม อียิปต์ผลิตผ้าฝ้าย 1 ใน 3 ของความต้องการฝ้ายทั้งหมดของอังกฤษ และในปี ค.ศ. 1914 สินค้าออกของอียิปต์เป็นฝ้ายเสีย 85%
    ตั้งแต่อียิปต์สร้างคลองสุเอช อียิปต์เริ่มมีหนี้ติดตัวไปทุกแห่ง แต่หนี้ของอียิปต์งอกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่อังกฤษเข้ามายึด อียิปต์ในปี ค.ศ. 1882 การแปลงอียิปต์เป็นแดนฝ้าย สร้างหนี้ให้อียิปต์อีกมหาศาล จากการสร้างระบบชลประทาน สร้างเขื่อน ทางรถไฟ ระบบขนส่ง ด้วยเงินของรัฐบาลอียิปต์ ที่อังกฤษเป็นดูแล
ในปี ค.ศ. 1898 อังกฤษตั้งธนาคารชาติแห่งอียิปต์ ชื่อเป็นอียิปต์ นอกจากไม่ได้เป็นธนาคารของชาติอียิปต์แล้ว ยังเป็นธนาคารของเอกชนอีกด้วย และเอกชนนั้น ก็ไม่ใช่คนอียิปต์ แต่เป็นคนอังกฤษ แต่ธนาคารชาตินี้มีสิทธิในการพิมพ์ธนบัตรอียิปต์ เหยื่ออย่างสมบูณ์แบบจริงๆ
    เมื่ออียิปต์มีรายได้ ฝรั่งก็ตั้งหน่วยงาน เรียกว่าสำนักบริหารหนี้ของอียิปต์ เพื่อมาจัดเก็บรายได้นำไปชำระหนี้ ที่อียิปต์มีต่อผู้ให้กู้ต่างประเทศก่อน ถ้าออตโมมานเป็นคนป่วยของยุโรป อียิปต์น่าจะเป็นคนใกล้ตาย หรือตายซาก ในภูมิภาคนั้น
    เห็นฝีมือเถือหนังแทะกระดูกเหยื่อต่าง ๆ ของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯแล้ว คงเข้าใจว่าทำไมผมเรียกมันอย่าง รังเกียจ เหยียดหยามเช่นนี้
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 4 – อิยิปต์ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 4 ” อิยิปต์ 2
อังกฤษเมื่อแรกเข้ามาใช้อียิปต์นั้น นอกจากใช้เป็นที่วางไม้ขวางฝรั่งเศส ไม่ให้เดินเลยไปถึงอินเดียแล้ว อังกฤษสนใจ ที่จะใช้อียิปต์เป็นแหล่งผลิตผ้าฝ้าย เดิมอังกฤษอาศัยฝ้ายจากทางใต้ของอเมริกา ซึ่งผลิตฝ้ายดีราคาถูกจากแรงงานทาสผิวดำ แต่เมื่ออเมริกาเกิดสงครามกลางเมือง การผลิตฝ้ายของทางใต้ของอเมริกากันหยุดชะงัก อังกฤษต้องมองหาตลาดใหม่ อียิปต์มีภูมิอากาศเหมาะสำหรับปลูกฝ่ายอย่างยิ่ง หลังจาก ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา อังกฤษเอาจริงกับการใช้อียิปต์เป็นแหล่งปลูกฝ้าย จะปลูกฝ้ายก็ต้องมีน้ำ โครงการสร้างคลองชลประทาน จึงเกิดขึ้นในอียิปต์ ไม่ใช่เพราะอยากให้ชาวอียิปต์มีน้ำใช้ทั่วถึงหรอกนะ อังกฤษไม่เคยใจดีอย่างนั้น แต่น้ำจากคลองชลประทานก็ยังไม่ พอ เพราะเมื่อปลูกฝ้ายแล้ว อังกฤษก็ตั้งโรงงานทอผ้า ทำเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ อุตสาหกรรมก็ต้องมีพลังงาน น้ำมันยังไม่มีให้ใช้ ดังนั้นต้องใช้พลังน้ำจากเขื่อน เขื่อนอัสวาน (Aswan) จึงจำเป็นต้องสร้างขึ้น ช่วงปี ค.ศ. 1890 – 1914 อียิปต์สร้างเขื่อนหลายเขื่อน และระบบชลประทานทั่วประเทศ เขื่อนอัสวาน 1 เสร็จไปแล้ว แต่ยังไม่ได้พลังงานพอใช้ อัสวาน 2 จึงต้องสร้างเพิ่มในปี ค.ศ.1912 เพื่อให้มีน้ำเลี้ยงทั้งปีทุกบริเวณ ตั้งแต่อียิปต์กลางและอียิปต์ใต้ ทำให้อียิปต์เพิ่มเนื้อที่จากการปลูกฝ้าย จาก 4.4 ล้าน เฟดดาน (feddan) ในปี ค.ศ. 1877 เป็น 5.5 ล้าน เฟดดาน ในปี ค.ศ. 1913 อังกฤษกลายเป็นผู้ผูกขาด การปลูก การผลิต การขาย ฝ้ายในอียิปต์ ระบบชลประทานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการปลูกฝ้าย อังกฤษส่งคนมาคุมทำการขุด และสร้างระบบ บริษัทอังกฤษเป็นผู้ก่อสร้างระบบชลประทาน ทั่วประเทศอียิปต์ มันไม่ใช่ควบคุมเฉพาะการปลูกเท่านั้น เมื่อต้องขนส่งฝ้ายทางรถไฟ ทางเรือตามแม่น้ำ ลำคลอง เรือกลไฟของอังกฤษก็มาเทียบท่าเมือง Alexandria แม้รถไฟจะเป็นของรัฐ แต่คนอังกฤษเป็นผู้ควบคุม การปลูก ผลิต ขาย ฝ้าย อยู่ในมือของคนอังกฤษ รวมทั้งธนาคารของคนอังกฤษ คนอียิปต์มีส่วนเป็นเพียงเจ้าของแผ่นดิน และได้ค่าตอบแทน เป็นแรงงานราคาถูก ที่สำคัญ อังกฤษเปลี่ยนเนื้อที่ ที่ชาวอียิปต์เคยปลูกพืชอื่น ในการยังชีพของพวกเขา เช่น ข้าวบาเลย์ แป้งสาลี น้ำตาล ให้ไปปลูกฝ้ายเกือบหมด ในที่สุดพืชเหล่านี้ ก็ถูกกินเนื้อที่ ชาวอียิปต์ นอกจากไม่ได้ร่ำรวยจากการปลูกฝ้ายแล้ว ยังอดอยากอีกด้วย แถมตอนหลังอังกฤษเห็นว่ายาสูบไม่ใชสิ่งจำเป็น อังกฤษออกประกาศให้ยาสูบเป็นพืชต้องห้าม คนอียิปต์ที่ส่วนใหญ่ติดยาดูดเป็นชีวิต ถ้าไม่อยากลงแดง ก็ต้องไปอาศัยดูดยาของตุรกีซึ่งมีราคาแพงแทน ข้อมูลภูมิศาสตร์โลกที่ระบุว่า อียิปต์เป็นประเทศที่ปลูกฝ้ายดีที่สุดในโลก เป็นผู้ผลิตฝ้ายเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นดินแดนแห่งฝ้ายดีมีคุณภาพ ฯลฯ สาระพัดจะเขียนกัน แต่อียิปต์ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงงานทอผ้าฝ้าย แม้แต่โรงงานเดียว และส่งออกฝ้ายเนื้อดีนี้ทั้งหมดไปที่อังกฤษ คนอียิปต์ยังใช้ฝ้ายราคาถูกคุณภาพต่ำเหมือนเดิม อียิปต์ผลิตผ้าฝ้าย 1 ใน 3 ของความต้องการฝ้ายทั้งหมดของอังกฤษ และในปี ค.ศ. 1914 สินค้าออกของอียิปต์เป็นฝ้ายเสีย 85% ตั้งแต่อียิปต์สร้างคลองสุเอช อียิปต์เริ่มมีหนี้ติดตัวไปทุกแห่ง แต่หนี้ของอียิปต์งอกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่อังกฤษเข้ามายึด อียิปต์ในปี ค.ศ. 1882 การแปลงอียิปต์เป็นแดนฝ้าย สร้างหนี้ให้อียิปต์อีกมหาศาล จากการสร้างระบบชลประทาน สร้างเขื่อน ทางรถไฟ ระบบขนส่ง ด้วยเงินของรัฐบาลอียิปต์ ที่อังกฤษเป็นดูแล
ในปี ค.ศ. 1898 อังกฤษตั้งธนาคารชาติแห่งอียิปต์ ชื่อเป็นอียิปต์ นอกจากไม่ได้เป็นธนาคารของชาติอียิปต์แล้ว ยังเป็นธนาคารของเอกชนอีกด้วย และเอกชนนั้น ก็ไม่ใช่คนอียิปต์ แต่เป็นคนอังกฤษ แต่ธนาคารชาตินี้มีสิทธิในการพิมพ์ธนบัตรอียิปต์ เหยื่ออย่างสมบูณ์แบบจริงๆ เมื่ออียิปต์มีรายได้ ฝรั่งก็ตั้งหน่วยงาน เรียกว่าสำนักบริหารหนี้ของอียิปต์ เพื่อมาจัดเก็บรายได้นำไปชำระหนี้ ที่อียิปต์มีต่อผู้ให้กู้ต่างประเทศก่อน ถ้าออตโมมานเป็นคนป่วยของยุโรป อียิปต์น่าจะเป็นคนใกล้ตาย หรือตายซาก ในภูมิภาคนั้น เห็นฝีมือเถือหนังแทะกระดูกเหยื่อต่าง ๆ ของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯแล้ว คงเข้าใจว่าทำไมผมเรียกมันอย่าง รังเกียจ เหยียดหยามเช่นนี้ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 374 Views 0 Reviews
  • "ไทยก้าวใหม่" เปิดภาพ 6 ด้านปัญหาชาติ หนี้หนัก-โอกาสหด ชี้คนไทยเผชิญความอยู่รอด
    https://www.thai-tai.tv/news/21710/
    .
    #อนุทินชาญวีรกูล #สหรัฐชัตดาวน์ #เศรษฐกิจโลก #การเมือง #หาตลาดใหม่ #ไม่กระทบไทย #ไทยคู่ฟ้า #ไทยไท

    "ไทยก้าวใหม่" เปิดภาพ 6 ด้านปัญหาชาติ หนี้หนัก-โอกาสหด ชี้คนไทยเผชิญความอยู่รอด https://www.thai-tai.tv/news/21710/ . #อนุทินชาญวีรกูล #สหรัฐชัตดาวน์ #เศรษฐกิจโลก #การเมือง #หาตลาดใหม่ #ไม่กระทบไทย #ไทยคู่ฟ้า #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • ข้อพิพาท 2 ปราสาท ไทยยึดประโยชน์ชาติ : [THE MESSAGE]

    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีที่กัมพูชายื่นศาลโลกให้พิจารณาปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม พื้นที่ข้อพิพาท เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา เรามีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ส่วนโครงการคนละครึ่ง พลัส จะเริ่มภายในเดือน ตุลาคม นี้ โดยกันงบประมาณปี 2569 ไว้ใช้ เพื่อเร่งขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมฟื้นการประชุม ครม. เศรษฐกิจทุกวันจันทร์ เพื่อพิจารณาเรื่องเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนกรณีวุฒิสภาสหรัฐฯ คว่ำร่างงบประมาณ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าสู่การชัตดาวน์ในรอบ 7 ปี เป็นมาตรการของสหรัฐฯ แต่ในส่วนของไทยได้เจรจาเรื่องภาษีลงตัวแล้ว มองเศรษฐกิจผันผวนมาตลอด ต้องหาตลาดใหม่ไม่พึ่งพาแหล่งเดียว
    ข้อพิพาท 2 ปราสาท ไทยยึดประโยชน์ชาติ : [THE MESSAGE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีที่กัมพูชายื่นศาลโลกให้พิจารณาปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม พื้นที่ข้อพิพาท เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา เรามีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ส่วนโครงการคนละครึ่ง พลัส จะเริ่มภายในเดือน ตุลาคม นี้ โดยกันงบประมาณปี 2569 ไว้ใช้ เพื่อเร่งขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมฟื้นการประชุม ครม. เศรษฐกิจทุกวันจันทร์ เพื่อพิจารณาเรื่องเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนกรณีวุฒิสภาสหรัฐฯ คว่ำร่างงบประมาณ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าสู่การชัตดาวน์ในรอบ 7 ปี เป็นมาตรการของสหรัฐฯ แต่ในส่วนของไทยได้เจรจาเรื่องภาษีลงตัวแล้ว มองเศรษฐกิจผันผวนมาตลอด ต้องหาตลาดใหม่ไม่พึ่งพาแหล่งเดียว
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 463 Views 0 0 Reviews
  • “DeepSeek-V3.2-Exp เปิดตัวแล้ว — โมเดล AI จีนที่ท้าชน OpenAI ด้วยประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำ”

    DeepSeek บริษัท AI จากเมืองหางโจว ประเทศจีน ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อว่า DeepSeek-V3.2-Exp ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “ขั้นกลาง” ก่อนเข้าสู่สถาปัตยกรรมรุ่นถัดไปที่บริษัทกำลังพัฒนาอยู่ โมเดลนี้ถูกปล่อยผ่านแพลตฟอร์ม Hugging Face และถือเป็นการทดลองเชิงเทคนิคที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกและการประมวลผลข้อความยาว โดยไม่เน้นการไล่คะแนนบน leaderboard แบบเดิม

    จุดเด่นของ V3.2-Exp คือการใช้กลไกใหม่ที่เรียกว่า DeepSeek Sparse Attention (DSA) ซึ่งช่วยลดต้นทุนการคำนวณอย่างมาก และยังคงคุณภาพของผลลัพธ์ไว้ใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง V3.1-Terminus โดยทีมงานได้ตั้งค่าการฝึกให้เหมือนกันทุกประการ เพื่อพิสูจน์ว่า “ความเร็วและประสิทธิภาพ” คือสิ่งที่พัฒนาได้จริง โดยไม่ต้องแลกกับคุณภาพ

    นอกจากนี้ DeepSeek ยังประกาศลดราคาการใช้งาน API ลงกว่า 50% เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในประเทศ เช่น Alibaba Qwen และระดับโลกอย่าง OpenAI ซึ่งถือเป็นการเปิดศึกด้านราคาในตลาดโมเดลภาษาอย่างชัดเจน

    แม้โมเดลนี้จะยังไม่ใช่รุ่น “next-gen” ที่หลายคนรอคอย แต่ก็ถือเป็นการกลับมาอย่างมั่นใจของ DeepSeek หลังจากโมเดล R2 ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการฝึกบนชิป Ascend ของ Huawei ที่ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้า ทำให้ต้องกลับมาใช้ Nvidia อีกครั้ง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DeepSeek เปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อ DeepSeek-V3.2-Exp บน Hugging Face
    เป็นการทดลองเพื่อเตรียมเข้าสู่สถาปัตยกรรมรุ่นถัดไปของบริษัท
    ใช้กลไก DeepSeek Sparse Attention (DSA) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลข้อความยาว
    ตั้งค่าการฝึกเหมือนกับ V3.1-Terminus เพื่อพิสูจน์ว่า DSA ให้ผลลัพธ์เทียบเท่าแต่เร็วกว่า
    ลดราคาการใช้งาน API ลงกว่า 50% เพื่อแข่งขันกับ Alibaba และ OpenAI
    ไม่เน้นการไล่คะแนน benchmark แต่เน้นการพิสูจน์ประสิทธิภาพจริง
    โมเดลเปิดให้ใช้งานแบบ open-source ภายใต้ MIT License
    มีการปล่อย kernel สำหรับงานวิจัยและการใช้งานประสิทธิภาพสูง
    เป็นการกลับมาอีกครั้งหลังจากโมเดล R2 ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Sparse Attention เป็นเทคนิคที่ช่วยลดการคำนวณในโมเดล Transformer โดยเลือกเฉพาะข้อมูลสำคัญ
    Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มที่นักพัฒนา AI ทั่วโลกใช้ในการเผยแพร่และทดลองโมเดล
    การลดราคาการใช้งาน API เป็นกลยุทธ์ที่ใช้บ่อยในการเปิดตลาดใหม่หรือแย่งส่วนแบ่งจากคู่แข่ง
    DeepSeek เคยสร้างความฮือฮาใน Silicon Valley ด้วยโมเดล V3 และ R1 ที่มีประสิทธิภาพสูง
    ปัญหาการฝึกบนชิป Ascend ของ Huawei สะท้อนความท้าทายของจีนในการพึ่งพาฮาร์ดแวร์ภายในประเทศ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/29/deepseek-releases-model-it-calls-039intermediate-step039-towards-039next-generation-architecture039
    🧠 “DeepSeek-V3.2-Exp เปิดตัวแล้ว — โมเดล AI จีนที่ท้าชน OpenAI ด้วยประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำ” DeepSeek บริษัท AI จากเมืองหางโจว ประเทศจีน ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อว่า DeepSeek-V3.2-Exp ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “ขั้นกลาง” ก่อนเข้าสู่สถาปัตยกรรมรุ่นถัดไปที่บริษัทกำลังพัฒนาอยู่ โมเดลนี้ถูกปล่อยผ่านแพลตฟอร์ม Hugging Face และถือเป็นการทดลองเชิงเทคนิคที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกและการประมวลผลข้อความยาว โดยไม่เน้นการไล่คะแนนบน leaderboard แบบเดิม จุดเด่นของ V3.2-Exp คือการใช้กลไกใหม่ที่เรียกว่า DeepSeek Sparse Attention (DSA) ซึ่งช่วยลดต้นทุนการคำนวณอย่างมาก และยังคงคุณภาพของผลลัพธ์ไว้ใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง V3.1-Terminus โดยทีมงานได้ตั้งค่าการฝึกให้เหมือนกันทุกประการ เพื่อพิสูจน์ว่า “ความเร็วและประสิทธิภาพ” คือสิ่งที่พัฒนาได้จริง โดยไม่ต้องแลกกับคุณภาพ นอกจากนี้ DeepSeek ยังประกาศลดราคาการใช้งาน API ลงกว่า 50% เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในประเทศ เช่น Alibaba Qwen และระดับโลกอย่าง OpenAI ซึ่งถือเป็นการเปิดศึกด้านราคาในตลาดโมเดลภาษาอย่างชัดเจน แม้โมเดลนี้จะยังไม่ใช่รุ่น “next-gen” ที่หลายคนรอคอย แต่ก็ถือเป็นการกลับมาอย่างมั่นใจของ DeepSeek หลังจากโมเดล R2 ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการฝึกบนชิป Ascend ของ Huawei ที่ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้า ทำให้ต้องกลับมาใช้ Nvidia อีกครั้ง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DeepSeek เปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อ DeepSeek-V3.2-Exp บน Hugging Face ➡️ เป็นการทดลองเพื่อเตรียมเข้าสู่สถาปัตยกรรมรุ่นถัดไปของบริษัท ➡️ ใช้กลไก DeepSeek Sparse Attention (DSA) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลข้อความยาว ➡️ ตั้งค่าการฝึกเหมือนกับ V3.1-Terminus เพื่อพิสูจน์ว่า DSA ให้ผลลัพธ์เทียบเท่าแต่เร็วกว่า ➡️ ลดราคาการใช้งาน API ลงกว่า 50% เพื่อแข่งขันกับ Alibaba และ OpenAI ➡️ ไม่เน้นการไล่คะแนน benchmark แต่เน้นการพิสูจน์ประสิทธิภาพจริง ➡️ โมเดลเปิดให้ใช้งานแบบ open-source ภายใต้ MIT License ➡️ มีการปล่อย kernel สำหรับงานวิจัยและการใช้งานประสิทธิภาพสูง ➡️ เป็นการกลับมาอีกครั้งหลังจากโมเดล R2 ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Sparse Attention เป็นเทคนิคที่ช่วยลดการคำนวณในโมเดล Transformer โดยเลือกเฉพาะข้อมูลสำคัญ ➡️ Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มที่นักพัฒนา AI ทั่วโลกใช้ในการเผยแพร่และทดลองโมเดล ➡️ การลดราคาการใช้งาน API เป็นกลยุทธ์ที่ใช้บ่อยในการเปิดตลาดใหม่หรือแย่งส่วนแบ่งจากคู่แข่ง ➡️ DeepSeek เคยสร้างความฮือฮาใน Silicon Valley ด้วยโมเดล V3 และ R1 ที่มีประสิทธิภาพสูง ➡️ ปัญหาการฝึกบนชิป Ascend ของ Huawei สะท้อนความท้าทายของจีนในการพึ่งพาฮาร์ดแวร์ภายในประเทศ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/29/deepseek-releases-model-it-calls-039intermediate-step039-towards-039next-generation-architecture039
    WWW.THESTAR.COM.MY
    DeepSeek releases model it calls 'intermediate step' towards 'next-generation architecture'
    BEIJING (Reuters) -Chinese AI developer DeepSeek has released its latest model which it said was an "experimental release" that was more efficient to train and better at processing long sequences of text than previous iterations.
    0 Comments 0 Shares 333 Views 0 Reviews
  • “จตุพร-สุชาติ” ลุยจันทบุรี! ยกให้เป็น “เมืองหลวงอัญมณีโลก” พร้อมอัดนโยบายหนุนผู้ประกอบการ แก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและหาตลาดใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/21091/
    .
    #จตุพรบุรุษพัฒน์ #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #อัญมณีจันทบุรี #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไท
    “จตุพร-สุชาติ” ลุยจันทบุรี! ยกให้เป็น “เมืองหลวงอัญมณีโลก” พร้อมอัดนโยบายหนุนผู้ประกอบการ แก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและหาตลาดใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/21091/ . #จตุพรบุรุษพัฒน์ #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #อัญมณีจันทบุรี #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 415 Views 0 Reviews
  • ลาก่อนแล็ปท็อป? เมื่อ DaaS กลายเป็นตัวเลือกหลักขององค์กรยุคใหม่

    ลองนึกภาพว่าแทนที่พนักงานจะต้องพกแล็ปท็อปไปทำงาน พวกเขาแค่ล็อกอินผ่านเบราว์เซอร์ แล้วเข้าถึงเดสก์ท็อปเสมือนที่อยู่บนคลาวด์—นี่คือแนวคิดของ Desktop as a Service หรือ DaaS ที่กำลังมาแรง

    จากรายงานของ Gartner พบว่า DaaS จะคุ้มค่ากับ 95% ของแรงงานภายในปี 2027 เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2019 และการใช้งานจริงก็เพิ่มขึ้นเป็น 20% แล้วในปีนี้ โดยเฉพาะในองค์กรที่มีพนักงานทำงานระยะไกลหรือจ้างงานภายนอก

    Microsoft ถูกจัดอันดับเป็นผู้นำในตลาดนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์อย่าง Azure Virtual Desktop และ Windows 365 ที่ตอบโจทย์องค์กรขนาดกลางถึงใหญ่

    นอกจากความคุ้มค่าแล้ว DaaS ยังช่วยลดภาระการดูแลอุปกรณ์ ลดต้นทุนล่วงหน้า และเพิ่มความปลอดภัย เพราะข้อมูลทั้งหมดอยู่บนคลาวด์ ไม่ใช่ในเครื่องของพนักงาน

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเรื่อง vendor lock-in และความซับซ้อนของการจัดการลิขสิทธิ์ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานต้องเผชิญกับความยุ่งยากในช่วงแรก

    แนวโน้มการใช้งาน DaaS
    Gartner คาดว่า DaaS จะคุ้มค่ากับ 95% ของแรงงานภายในปี 2027
    การใช้งานจริงเพิ่มขึ้นเป็น 20% จาก 10% ในปี 2019
    องค์กรเริ่มใช้ DaaS เพื่อรองรับงานระยะไกลและงานภายนอก

    ข้อดีของ DaaS
    ลดต้นทุนการดูแลอุปกรณ์และการอัปเดตซอฟต์แวร์
    เพิ่มความปลอดภัย เพราะข้อมูลอยู่บนคลาวด์
    รองรับการขยายทีมงานแบบยืดหยุ่น เช่น พนักงานชั่วคราวหรือฟรีแลนซ์
    ลดค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ด้วยโมเดลจ่ายตามการใช้งาน

    ผู้เล่นหลักในตลาด
    Microsoft เป็นผู้นำด้วย Azure Virtual Desktop และ Windows 365
    60% ของลูกค้า DaaS ของ Microsoft เป็นองค์กรขนาดกลาง
    Gartner ระบุว่าองค์กรใหม่แทบไม่ใช้ VDI แบบ on-prem อีกแล้ว

    ข้อมูลเสริมจากผู้ให้บริการ
    DaaS ช่วยให้การจัดการซอฟต์แวร์เป็นแบบรวมศูนย์
    ลดความซับซ้อนในการดูแลระบบ IT
    เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและความปลอดภัยสูง

    DaaS ยังเป็นตลาดใหม่ที่มีการกำกับดูแลน้อย
    อาจเกิด vendor lock-in หากเลือกผู้ให้บริการไม่รอบคอบ
    การจัดการลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์อาจซับซ้อนในระบบคลาวด์
    ผู้ใช้งานต้องมีอินเทอร์เน็ตที่เสถียรเพื่อเข้าถึงเดสก์ท็อป
    องค์กรที่มีข้อจำกัดด้านข้อมูลอาจไม่สามารถใช้ DaaS ได้เต็มรูปแบบ

    https://www.techradar.com/pro/the-end-of-laptops-at-work-desktop-as-a-service-is-now-cheaper-and-easier-to-run-reports-claim
    🧠 ลาก่อนแล็ปท็อป? เมื่อ DaaS กลายเป็นตัวเลือกหลักขององค์กรยุคใหม่ ลองนึกภาพว่าแทนที่พนักงานจะต้องพกแล็ปท็อปไปทำงาน พวกเขาแค่ล็อกอินผ่านเบราว์เซอร์ แล้วเข้าถึงเดสก์ท็อปเสมือนที่อยู่บนคลาวด์—นี่คือแนวคิดของ Desktop as a Service หรือ DaaS ที่กำลังมาแรง จากรายงานของ Gartner พบว่า DaaS จะคุ้มค่ากับ 95% ของแรงงานภายในปี 2027 เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2019 และการใช้งานจริงก็เพิ่มขึ้นเป็น 20% แล้วในปีนี้ โดยเฉพาะในองค์กรที่มีพนักงานทำงานระยะไกลหรือจ้างงานภายนอก Microsoft ถูกจัดอันดับเป็นผู้นำในตลาดนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์อย่าง Azure Virtual Desktop และ Windows 365 ที่ตอบโจทย์องค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ นอกจากความคุ้มค่าแล้ว DaaS ยังช่วยลดภาระการดูแลอุปกรณ์ ลดต้นทุนล่วงหน้า และเพิ่มความปลอดภัย เพราะข้อมูลทั้งหมดอยู่บนคลาวด์ ไม่ใช่ในเครื่องของพนักงาน อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเรื่อง vendor lock-in และความซับซ้อนของการจัดการลิขสิทธิ์ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานต้องเผชิญกับความยุ่งยากในช่วงแรก ✅ แนวโน้มการใช้งาน DaaS ➡️ Gartner คาดว่า DaaS จะคุ้มค่ากับ 95% ของแรงงานภายในปี 2027 ➡️ การใช้งานจริงเพิ่มขึ้นเป็น 20% จาก 10% ในปี 2019 ➡️ องค์กรเริ่มใช้ DaaS เพื่อรองรับงานระยะไกลและงานภายนอก ✅ ข้อดีของ DaaS ➡️ ลดต้นทุนการดูแลอุปกรณ์และการอัปเดตซอฟต์แวร์ ➡️ เพิ่มความปลอดภัย เพราะข้อมูลอยู่บนคลาวด์ ➡️ รองรับการขยายทีมงานแบบยืดหยุ่น เช่น พนักงานชั่วคราวหรือฟรีแลนซ์ ➡️ ลดค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ด้วยโมเดลจ่ายตามการใช้งาน ✅ ผู้เล่นหลักในตลาด ➡️ Microsoft เป็นผู้นำด้วย Azure Virtual Desktop และ Windows 365 ➡️ 60% ของลูกค้า DaaS ของ Microsoft เป็นองค์กรขนาดกลาง ➡️ Gartner ระบุว่าองค์กรใหม่แทบไม่ใช้ VDI แบบ on-prem อีกแล้ว ✅ ข้อมูลเสริมจากผู้ให้บริการ ➡️ DaaS ช่วยให้การจัดการซอฟต์แวร์เป็นแบบรวมศูนย์ ➡️ ลดความซับซ้อนในการดูแลระบบ IT ➡️ เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและความปลอดภัยสูง ⛔ DaaS ยังเป็นตลาดใหม่ที่มีการกำกับดูแลน้อย ⛔ อาจเกิด vendor lock-in หากเลือกผู้ให้บริการไม่รอบคอบ ⛔ การจัดการลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์อาจซับซ้อนในระบบคลาวด์ ⛔ ผู้ใช้งานต้องมีอินเทอร์เน็ตที่เสถียรเพื่อเข้าถึงเดสก์ท็อป ⛔ องค์กรที่มีข้อจำกัดด้านข้อมูลอาจไม่สามารถใช้ DaaS ได้เต็มรูปแบบ https://www.techradar.com/pro/the-end-of-laptops-at-work-desktop-as-a-service-is-now-cheaper-and-easier-to-run-reports-claim
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • 🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 576 Views 0 Reviews
  • "สุชาติ" ลุยสวิตเซอร์แลนด์! นำทีมพาณิชย์หาตลาดใหม่...ใช้ประโยชน์ FTA ไทย-EFTA ดันสินค้าไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20799/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #สวิตเซอร์แลนด์ #FTAไทยEFTA #ThaiSELECT #การค้าระหว่างประเทศ #ไทยไท
    "สุชาติ" ลุยสวิตเซอร์แลนด์! นำทีมพาณิชย์หาตลาดใหม่...ใช้ประโยชน์ FTA ไทย-EFTA ดันสินค้าไทย https://www.thai-tai.tv/news/20799/ . #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #สวิตเซอร์แลนด์ #FTAไทยEFTA #ThaiSELECT #การค้าระหว่างประเทศ #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: GPU กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์การเงินที่ซื้อขายได้

    Startup ชื่อ OneChronos จับมือกับ Auctionomics บริษัทออกแบบตลาดที่ก่อตั้งโดย Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เพื่อสร้าง “ตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU” แห่งแรกของโลก โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้งานสามารถ “ล็อกราคา” และ “จัดการความเสี่ยง” ของการเข้าถึง GPU ได้เหมือนกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันหรือไฟฟ้า

    ในยุคที่ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว GPU กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด แต่กลับไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนหรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนได้เลย

    ตลาดใหม่นี้จะใช้ระบบ “การประมูลแบบอัจฉริยะ” เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ โดย Auctionomics จะช่วยออกแบบกลไกตลาดให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม

    OneChronos และ Auctionomics ร่วมกันสร้างตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU แห่งแรกของโลก
    ใช้ระบบประมูลอัจฉริยะเพื่อจัดสรรทรัพยากร GPU อย่างมีประสิทธิภาพ
    เปรียบเสมือน “ตลาดซื้อขายน้ำมัน” สำหรับโลก AI

    Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เป็นผู้ออกแบบกลไกตลาด
    เคยออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนโฉมวงการโทรคมนาคม
    ใช้ทฤษฎีเกมและคณิตศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม

    GPU ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์องค์กรที่ยังไม่มีการป้องกันความเสี่ยง” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    ไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยล็อกราคาหรือจัดการความเสี่ยง
    ต่างจากน้ำมันหรือไฟฟ้าที่มีตลาดซื้อขายล่วงหน้า

    ระบบจะเปิดให้ผู้ใช้งานเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ
    ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนล่วงหน้าและควบคุมต้นทุนได้
    ลดปัญหาการขาดแคลนและราคาผันผวนในช่วงที่มีความต้องการสูง

    ตลาดนี้จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมหลากหลาย เช่น ผู้ผลิตชิป, ผู้ให้บริการคลาวด์, นักลงทุนในศูนย์ข้อมูล
    ยิ่งมีผู้เข้าร่วมหลากหลาย ตลาดจะยิ่งมีความโปร่งใสและมีสภาพคล่องสูง
    ช่วยให้เกิดการค้นหาราคาที่แท้จริงของทรัพยากร GPU

    https://www.techspot.com/news/108879-startup-nobel-laureate-collaborate-create-gpu-financial-exchange.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: GPU กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์การเงินที่ซื้อขายได้ Startup ชื่อ OneChronos จับมือกับ Auctionomics บริษัทออกแบบตลาดที่ก่อตั้งโดย Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เพื่อสร้าง “ตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU” แห่งแรกของโลก โดยเป้าหมายคือให้ผู้ใช้งานสามารถ “ล็อกราคา” และ “จัดการความเสี่ยง” ของการเข้าถึง GPU ได้เหมือนกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันหรือไฟฟ้า ในยุคที่ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว GPU กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด แต่กลับไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนหรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนได้เลย ตลาดใหม่นี้จะใช้ระบบ “การประมูลแบบอัจฉริยะ” เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ โดย Auctionomics จะช่วยออกแบบกลไกตลาดให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม ✅ OneChronos และ Auctionomics ร่วมกันสร้างตลาดซื้อขายล่วงหน้า GPU แห่งแรกของโลก ➡️ ใช้ระบบประมูลอัจฉริยะเพื่อจัดสรรทรัพยากร GPU อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เปรียบเสมือน “ตลาดซื้อขายน้ำมัน” สำหรับโลก AI ✅ Paul Milgrom นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เป็นผู้ออกแบบกลไกตลาด ➡️ เคยออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ที่เปลี่ยนโฉมวงการโทรคมนาคม ➡️ ใช้ทฤษฎีเกมและคณิตศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสม ✅ GPU ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์องค์กรที่ยังไม่มีการป้องกันความเสี่ยง” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ➡️ ไม่มีเครื่องมือทางการเงินใดที่ช่วยล็อกราคาหรือจัดการความเสี่ยง ➡️ ต่างจากน้ำมันหรือไฟฟ้าที่มีตลาดซื้อขายล่วงหน้า ✅ ระบบจะเปิดให้ผู้ใช้งานเสนอราคาสำหรับเวลาใช้งาน GPU หรือความจุที่ต้องการ ➡️ ช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนล่วงหน้าและควบคุมต้นทุนได้ ➡️ ลดปัญหาการขาดแคลนและราคาผันผวนในช่วงที่มีความต้องการสูง ✅ ตลาดนี้จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมหลากหลาย เช่น ผู้ผลิตชิป, ผู้ให้บริการคลาวด์, นักลงทุนในศูนย์ข้อมูล ➡️ ยิ่งมีผู้เข้าร่วมหลากหลาย ตลาดจะยิ่งมีความโปร่งใสและมีสภาพคล่องสูง ➡️ ช่วยให้เกิดการค้นหาราคาที่แท้จริงของทรัพยากร GPU https://www.techspot.com/news/108879-startup-nobel-laureate-collaborate-create-gpu-financial-exchange.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Startup and Nobel laureate collaborate to create GPU financial exchange
    The world of artificial intelligence is built on computing power, and at the heart of that engine are graphics processing units. These chips are in such high...
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • "สุชาติ" บุกตลาดโลก! ดันจับคู่ธุรกิจไทย-ต่างประเทศ ดันยอดส่งออก 800 ล้านบาท พร้อมสั่งทูตพาณิชย์ทั่วโลกหนุนผู้ประกอบการไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20659/
    .
    #ไทยไทด้วย #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #ส่งออกไทย #จับคู่ธุรกิจ #ตลาดใหม่ #ทูตพาณิชย์ #DITP #เศรษฐกิจไทย #การค้าโลก
    "สุชาติ" บุกตลาดโลก! ดันจับคู่ธุรกิจไทย-ต่างประเทศ ดันยอดส่งออก 800 ล้านบาท พร้อมสั่งทูตพาณิชย์ทั่วโลกหนุนผู้ประกอบการไทย https://www.thai-tai.tv/news/20659/ . #ไทยไทด้วย #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #ส่งออกไทย #จับคู่ธุรกิจ #ตลาดใหม่ #ทูตพาณิชย์ #DITP #เศรษฐกิจไทย #การค้าโลก
    0 Comments 0 Shares 483 Views 0 Reviews
  • ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา
    .
    Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ...
    .
    รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย
    .
    ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ...
    .
    ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...???
    .
    การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก....
    .
    แล้วที่ไทยจำเป็นต้องทำเลยคือ หาตลาดใหม่ ไปเจารจา ไปพูดคุย เพื่อ เปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ทดแทนส่วนที่จะหายไปจาก อเมริกา เลิกพึ่งพา อเมริกา ได้แล้วครับ
    .
    จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนำเข้าสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม
    .
    เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!!
    .
    ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0...
    .
    โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น..
    .
    1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง)
    2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย)
    3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย)
    4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา)
    5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ)
    .
    ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน
    .
    นี่ล่าสุด RAND Corporation มีรายงานการวิจัยออกมาว่า ไทย เป็น หนึ่งใน พันธมิตร Indo-Pacific ที่ อเมริกา ต้องเขามาหาทาง ติดตั้ง ฐานยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยกลาง ซึ่งสามารถยิงไปถึงจีน ให้ได้...!!!
    .
    สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป...
    .
    มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!!
    .
    ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว...
    .
    สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา . Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ... . รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย . ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ... . ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...??? . การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก.... . แล้วที่ไทยจำเป็นต้องทำเลยคือ หาตลาดใหม่ ไปเจารจา ไปพูดคุย เพื่อ เปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ทดแทนส่วนที่จะหายไปจาก อเมริกา เลิกพึ่งพา อเมริกา ได้แล้วครับ . จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนำเข้าสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม . เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!! . ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0... . โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น.. . 1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง) 2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย) 3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย) 4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา) 5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ) . ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน . นี่ล่าสุด RAND Corporation มีรายงานการวิจัยออกมาว่า ไทย เป็น หนึ่งใน พันธมิตร Indo-Pacific ที่ อเมริกา ต้องเขามาหาทาง ติดตั้ง ฐานยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยกลาง ซึ่งสามารถยิงไปถึงจีน ให้ได้...!!! . สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป... . มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!! . ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว... . สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 0 Reviews
  • ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates

    Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย

    บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก

    Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต  
    • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”  
    • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้

    บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ

    กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”  
    • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3

    Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่

    ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT  
    • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง

    การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ

    หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก

    ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร

    ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก ✅ Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต   • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”   • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้ ✅ บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ ✅ กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”   • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3 ✅ Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่ ‼️ ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT   • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง ‼️ การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ ‼️ หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก ‼️ ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร ‼️ ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Dubai's Emirates signs preliminary deal to add crypto to payments
    DUBAI (Reuters) -Emirates has signed a preliminary deal with Crypto.com that will allow its customers to make payments through the crypto trading platform's payment service, the Gulf carrier's parent company said in a statement on Wednesday.
    0 Comments 0 Shares 527 Views 0 Reviews
  • Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาด AI
    Qualcomm ได้ประกาศเข้าซื้อ Alphawave ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้วยมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI data center

    เหตุผลที่ Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave
    Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่ ต้องการลดการพึ่งพาตลาดมือถือ และขยายไปสู่ ศูนย์ข้อมูลและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจาก Apple หันไปใช้ชิปที่พัฒนาเอง ทำให้ Qualcomm ต้องหาตลาดใหม่เพื่อรักษาการเติบโต

    ข้อมูลจากข่าว
    - Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์
    - Alphawave เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล
    - Qualcomm ต้องการลดการพึ่งพาตลาดสมาร์ทโฟนและขยายไปสู่ศูนย์ข้อมูล
    - Alphawave มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ช่วยเสริมศักยภาพของ Qualcomm
    - การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2026

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    Qualcomm ไม่ใช่บริษัทเดียวที่สนใจ Alphawave ก่อนหน้านี้ SoftBank (เจ้าของ Arm) เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ ทำให้ Qualcomm สามารถเข้าซื้อได้โดยไม่มีคู่แข่ง

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Qualcomm อาจเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าไม่น่ามีอุปสรรคใหญ่
    - Alphawave เพิ่งถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนในจีน อาจช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ
    - ต้องติดตามว่าการเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด AI ได้หรือไม่
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาการประเมินมูลค่าต่ำ ทำให้บริษัทอังกฤษถูกซื้อโดยบริษัทสหรัฐฯ มากขึ้น

    Qualcomm กำลัง เร่งขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI และศูนย์ข้อมูล โดยการเข้าซื้อ Alphawave อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของ Qualcomm ในระยะยาวอย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/qualcomm-strengthens-ai-portfolio-with-24-billion-alphawave-deal
    💰 Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาด AI Qualcomm ได้ประกาศเข้าซื้อ Alphawave ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้วยมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI data center 🔍 เหตุผลที่ Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่ ต้องการลดการพึ่งพาตลาดมือถือ และขยายไปสู่ ศูนย์ข้อมูลและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจาก Apple หันไปใช้ชิปที่พัฒนาเอง ทำให้ Qualcomm ต้องหาตลาดใหม่เพื่อรักษาการเติบโต ✅ ข้อมูลจากข่าว - Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ - Alphawave เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล - Qualcomm ต้องการลดการพึ่งพาตลาดสมาร์ทโฟนและขยายไปสู่ศูนย์ข้อมูล - Alphawave มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ช่วยเสริมศักยภาพของ Qualcomm - การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2026 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Qualcomm ไม่ใช่บริษัทเดียวที่สนใจ Alphawave ก่อนหน้านี้ SoftBank (เจ้าของ Arm) เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ ทำให้ Qualcomm สามารถเข้าซื้อได้โดยไม่มีคู่แข่ง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Qualcomm อาจเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าไม่น่ามีอุปสรรคใหญ่ - Alphawave เพิ่งถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนในจีน อาจช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ - ต้องติดตามว่าการเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด AI ได้หรือไม่ - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาการประเมินมูลค่าต่ำ ทำให้บริษัทอังกฤษถูกซื้อโดยบริษัทสหรัฐฯ มากขึ้น Qualcomm กำลัง เร่งขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI และศูนย์ข้อมูล โดยการเข้าซื้อ Alphawave อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของ Qualcomm ในระยะยาวอย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/qualcomm-strengthens-ai-portfolio-with-24-billion-alphawave-deal
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Qualcomm strengthens AI portfolio with $2.4 billion Alphawave deal
    (Reuters) -U.S. chipmaker Qualcomm agreed to acquire Alphawave for about $2.4 billion on Monday, as it expands into the booming AI data center market, sending shares of the British semiconductor company surging more than 22%.
    0 Comments 0 Shares 269 Views 0 Reviews
  • บริษัท Aroundtown ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเยอรมนี กำลังวางแผนเปลี่ยนอาคารสำนักงานเป็นศูนย์ข้อมูล (Data Centers) เนื่องจากความต้องการศูนย์ข้อมูลในยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น แผนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบริษัทสามารถเพิ่มกำไรไตรมาสแรกได้ถึงสามเท่า และกำลังพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหาพื้นที่ว่างที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ยุคหลังโควิด

    ความต้องการศูนย์ข้อมูลในยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจ Cloud Computing และ AI ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานรองรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ตลาดศูนย์ข้อมูลกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านพลังงาน เนื่องจากการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ Aroundtown ต้องเจรจาเพื่อขออนุมัติจากผู้ให้บริการพลังงาน

    สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน
    ข้อมูลจากข่าว
    - Aroundtown มีปัญหาอัตราห้องว่างสูงในพื้นที่สำนักงานหลัง COVID-19
    - บริษัทกำลัง เริ่มกระบวนการขอใบอนุญาต เพื่อเปลี่ยนออฟฟิศให้เป็นศูนย์ข้อมูล
    - มีการ เปลี่ยนบางสำนักงานเป็นอพาร์ตเมนต์บริการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการปี 2026
    - กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจ Cloud Computing และ Autonomous Driving
    - ได้รับใบอนุญาตแรก ในแฟรงก์เฟิร์ต แต่ยังรอการอนุมัติด้านพลังงาน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนสำนักงานเป็นศูนย์ข้อมูลต้องใช้ระยะเวลา หลายปี กว่าจะได้รับอนุมัติครบ
    - ข้อจำกัดด้านพลังงานในเยอรมนีอาจเป็นอุปสรรคต่อโครงการของ Aroundtown
    - ลูกค้าในตลาดศูนย์ข้อมูลมี ความต้องการเฉพาะทางสูง หากไม่ตรงกับความต้องการ บริษัทอาจเสี่ยงต่อการไม่มีผู้เช่า
    - บริษัทอาจเลือก ขายทรัพย์สินแทนการลงทุน หากพบว่าโครงการไม่คุ้มค่า

    Aroundtown กำลังเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีความท้าทายสูง แต่หากสามารถปรับโครงสร้างธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ก็อาจสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การแข่งขันและข้อจำกัดทางเทคนิคยังเป็นอุปสรรคที่ต้องจับตาดู

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/german-landlord-aroundtown-looks-to-convert-offices-into-data-centres
    บริษัท Aroundtown ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเยอรมนี กำลังวางแผนเปลี่ยนอาคารสำนักงานเป็นศูนย์ข้อมูล (Data Centers) เนื่องจากความต้องการศูนย์ข้อมูลในยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น แผนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบริษัทสามารถเพิ่มกำไรไตรมาสแรกได้ถึงสามเท่า และกำลังพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหาพื้นที่ว่างที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ยุคหลังโควิด ความต้องการศูนย์ข้อมูลในยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจ Cloud Computing และ AI ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานรองรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ตลาดศูนย์ข้อมูลกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านพลังงาน เนื่องจากการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ Aroundtown ต้องเจรจาเพื่อขออนุมัติจากผู้ให้บริการพลังงาน 🔍 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Aroundtown มีปัญหาอัตราห้องว่างสูงในพื้นที่สำนักงานหลัง COVID-19 - บริษัทกำลัง เริ่มกระบวนการขอใบอนุญาต เพื่อเปลี่ยนออฟฟิศให้เป็นศูนย์ข้อมูล - มีการ เปลี่ยนบางสำนักงานเป็นอพาร์ตเมนต์บริการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการปี 2026 - กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจ Cloud Computing และ Autonomous Driving - ได้รับใบอนุญาตแรก ในแฟรงก์เฟิร์ต แต่ยังรอการอนุมัติด้านพลังงาน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนสำนักงานเป็นศูนย์ข้อมูลต้องใช้ระยะเวลา หลายปี กว่าจะได้รับอนุมัติครบ - ข้อจำกัดด้านพลังงานในเยอรมนีอาจเป็นอุปสรรคต่อโครงการของ Aroundtown - ลูกค้าในตลาดศูนย์ข้อมูลมี ความต้องการเฉพาะทางสูง หากไม่ตรงกับความต้องการ บริษัทอาจเสี่ยงต่อการไม่มีผู้เช่า - บริษัทอาจเลือก ขายทรัพย์สินแทนการลงทุน หากพบว่าโครงการไม่คุ้มค่า Aroundtown กำลังเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีความท้าทายสูง แต่หากสามารถปรับโครงสร้างธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ก็อาจสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การแข่งขันและข้อจำกัดทางเทคนิคยังเป็นอุปสรรคที่ต้องจับตาดู https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/german-landlord-aroundtown-looks-to-convert-offices-into-data-centres
    WWW.THESTAR.COM.MY
    German landlord Aroundtown looks to convert offices into data centres
    (Reuters) -Aroundtown, one of the largest German-listed landlords, is planning to convert office spaces into data centres as demand for them grows in Europe, the group said on Wednesday after announcing it had tripled its first-quarter profit.
    0 Comments 0 Shares 372 Views 0 Reviews
  • Supermicro ลงนามข้อตกลงมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์กับ DataVolt ในซาอุดีอาระเบีย

    Supermicro (SMCI) ผู้ให้บริการ GPU-as-a-Service และผู้ค้าระบบ AI liquid-cooled racks ชั้นนำ ได้ลงนามใน ข้อตกลงระยะยาวกับ DataVolt ซึ่งเป็นบริษัทศูนย์ข้อมูลรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย โดยข้อตกลงนี้มีมูลค่าสูงถึง 20 พันล้านดอลลาร์ และจะช่วยให้ Supermicro ขยายตลาดในตะวันออกกลาง

    Supermicro ลงนามข้อตกลงมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์กับ DataVolt
    - จะจัดหา แพลตฟอร์ม GPU ความหนาแน่นสูงและระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบ rack-scale

    Goldman Sachs คาดว่าข้อตกลงนี้จะสร้างรายได้ 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับ Supermicro
    - พร้อมกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ต่อปี

    Supermicro เริ่มจ้างงานในซาอุดีอาระเบียก่อนประกาศข้อตกลง
    - แสดงถึง ความมั่นใจในตลาดใหม่และพันธมิตรทางธุรกิจ

    เปิดตัวเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลวรุ่นใหม่ DLC-2
    - ลดการใช้พลังงานและน้ำได้ สูงสุด 40% และลดต้นทุนโดยรวมของศูนย์ข้อมูล ถึง 20%

    DLC-2 สามารถจับความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 98%
    - ช่วยให้ ศูนย์ข้อมูลในสภาพอากาศร้อน เช่น ซาอุดีอาระเบีย ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://wccftech.com/supermicro-smci-is-on-a-hiring-binge-in-saudi-arabia-after-inking-a-massive-20-billion-deal/
    Supermicro ลงนามข้อตกลงมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์กับ DataVolt ในซาอุดีอาระเบีย Supermicro (SMCI) ผู้ให้บริการ GPU-as-a-Service และผู้ค้าระบบ AI liquid-cooled racks ชั้นนำ ได้ลงนามใน ข้อตกลงระยะยาวกับ DataVolt ซึ่งเป็นบริษัทศูนย์ข้อมูลรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย โดยข้อตกลงนี้มีมูลค่าสูงถึง 20 พันล้านดอลลาร์ และจะช่วยให้ Supermicro ขยายตลาดในตะวันออกกลาง ✅ Supermicro ลงนามข้อตกลงมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์กับ DataVolt - จะจัดหา แพลตฟอร์ม GPU ความหนาแน่นสูงและระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบ rack-scale ✅ Goldman Sachs คาดว่าข้อตกลงนี้จะสร้างรายได้ 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับ Supermicro - พร้อมกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ Supermicro เริ่มจ้างงานในซาอุดีอาระเบียก่อนประกาศข้อตกลง - แสดงถึง ความมั่นใจในตลาดใหม่และพันธมิตรทางธุรกิจ ✅ เปิดตัวเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลวรุ่นใหม่ DLC-2 - ลดการใช้พลังงานและน้ำได้ สูงสุด 40% และลดต้นทุนโดยรวมของศูนย์ข้อมูล ถึง 20% ✅ DLC-2 สามารถจับความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 98% - ช่วยให้ ศูนย์ข้อมูลในสภาพอากาศร้อน เช่น ซาอุดีอาระเบีย ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น https://wccftech.com/supermicro-smci-is-on-a-hiring-binge-in-saudi-arabia-after-inking-a-massive-20-billion-deal/
    WCCFTECH.COM
    Supermicro (SMCI) Is On A Hiring Binge In Saudi Arabia After Inking A Massive $20 Billion Deal
    Interestingly, Supermicro has been hiring in Saudi Arabia even before a formal announcement of its deal with DataVolt.
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • Arm บริษัทออกแบบชิปที่มีชื่อเสียงระดับโลก ฉลองครบรอบ 40 ปีของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก โดยเริ่มต้นจากชิป ARM1 ที่มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัว ในปี 1985 และปัจจุบันชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่อง ทั่วโลก รวมถึง 99% ของสมาร์ทโฟน และยังมีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI

    ชิป ARM1 ถูกพัฒนาขึ้นโดย Sophie Wilson และ Steve Furber ที่ Acorn Computers ในเมือง Cambridge ประเทศอังกฤษ โดยเน้นการออกแบบที่ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (Reduced Instruction Set Computing หรือ RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผล ชิปนี้ถูกใช้ในคอมพิวเตอร์ BBC Micro และต่อมา ARM2 ถูกนำไปใช้ใน Acorn Archimedes ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ RISC รุ่นแรก

    ในปี 1990 Arm Ltd. ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Acorn, Apple และ VLSI โดยชิป ARM7TDMI ได้รับความนิยมในโทรศัพท์มือถือ เช่น Nokia 6110 และในปี 2021 Armv9 ได้เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI เช่น Scalable Vector Extension 2 (SVE2) และ Scalable Matrix Extension (SME)

    การพัฒนาเทคโนโลยีชิป
    - ชิป ARM1 มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัวในปี 1985
    - Armv9 เปิดตัวในปี 2021 พร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI

    การใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ
    - ชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่องทั่วโลก
    - 99% ของสมาร์ทโฟนใช้ชิป Arm

    การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพ
    - ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ
    - ฟีเจอร์ใหม่ เช่น SVE2 และ SME ช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI

    การเติบโตในตลาดใหม่
    - Arm มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI workloads

    https://www.techradar.com/pro/300-billion-and-counting-most-popular-chip-designer-in-the-world-turns-40-and-it-all-started-in-a-wooden-barn
    Arm บริษัทออกแบบชิปที่มีชื่อเสียงระดับโลก ฉลองครบรอบ 40 ปีของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก โดยเริ่มต้นจากชิป ARM1 ที่มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัว ในปี 1985 และปัจจุบันชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่อง ทั่วโลก รวมถึง 99% ของสมาร์ทโฟน และยังมีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI ชิป ARM1 ถูกพัฒนาขึ้นโดย Sophie Wilson และ Steve Furber ที่ Acorn Computers ในเมือง Cambridge ประเทศอังกฤษ โดยเน้นการออกแบบที่ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (Reduced Instruction Set Computing หรือ RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผล ชิปนี้ถูกใช้ในคอมพิวเตอร์ BBC Micro และต่อมา ARM2 ถูกนำไปใช้ใน Acorn Archimedes ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ RISC รุ่นแรก ในปี 1990 Arm Ltd. ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Acorn, Apple และ VLSI โดยชิป ARM7TDMI ได้รับความนิยมในโทรศัพท์มือถือ เช่น Nokia 6110 และในปี 2021 Armv9 ได้เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI เช่น Scalable Vector Extension 2 (SVE2) และ Scalable Matrix Extension (SME) ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีชิป - ชิป ARM1 มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัวในปี 1985 - Armv9 เปิดตัวในปี 2021 พร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI ✅ การใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ - ชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่องทั่วโลก - 99% ของสมาร์ทโฟนใช้ชิป Arm ✅ การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพ - ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ - ฟีเจอร์ใหม่ เช่น SVE2 และ SME ช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI ✅ การเติบโตในตลาดใหม่ - Arm มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI workloads https://www.techradar.com/pro/300-billion-and-counting-most-popular-chip-designer-in-the-world-turns-40-and-it-all-started-in-a-wooden-barn
    WWW.TECHRADAR.COM
    It started in a wooden shed, now 40 years on Arm powers your entire digital life
    Arm’s minimalist chip design became the blueprint for modern computing
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อทองใบ วัดอบทม ปี2536
    เหรียญหลวงพ่อทองใบ เนื้ออัลปาก้า (ตอกโค๊ด) วัดอบทม ปี2536 // รุ่นปฏิสังขรณ์อุโบสถ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >

    ** พุทธคุณโดดเด่น ด้านแคล้วคลาด มหาลาภ เมตตามหานิยม "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >>

    ** หลวงพ่อทองใบ เป็นชาวแม่กลอง นิสัยเป็นคนพูดเสียงดัง ไม่กลัวใครแต่มีใจโอบอ้อมอารี เป็นศิษย์หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ และนับถือหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ มรณภาพ ปี 2548 สิริอายุ 95 ปี (หลวงพ่อมรณะภาพกว่า ๒๐ปี สังขารไม่เน่าเปื่อย ผมและเล็บยังงอกอยู่ ) >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทองใบ วัดอบทม ปี2536 เหรียญหลวงพ่อทองใบ เนื้ออัลปาก้า (ตอกโค๊ด) วัดอบทม ปี2536 // รุ่นปฏิสังขรณ์อุโบสถ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ > ** พุทธคุณโดดเด่น ด้านแคล้วคลาด มหาลาภ เมตตามหานิยม "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >> ** หลวงพ่อทองใบ เป็นชาวแม่กลอง นิสัยเป็นคนพูดเสียงดัง ไม่กลัวใครแต่มีใจโอบอ้อมอารี เป็นศิษย์หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ และนับถือหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ มรณภาพ ปี 2548 สิริอายุ 95 ปี (หลวงพ่อมรณะภาพกว่า ๒๐ปี สังขารไม่เน่าเปื่อย ผมและเล็บยังงอกอยู่ ) >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
  • แค่ลอยถลอก!

    การตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีศุลกากร 104% ของสหรัฐที่มีต่อจีน อาจเป็นเพียงแค่ทำให้เศรษฐกิจของจีน “เจ็ยบเพียงเล็กน้อย” ได้เท่านั้น

    จากการประเมินของสำนักงานการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่าในปี 2024 การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 438,900 ล้านดอลลาร์

    ซึ่งคิดเป็น 13.3% ของการส่งออกทั้งหมดของจีน

    ภาษีศุลกากร 104% อาจจะสามารถลดการส่งออกเหล่านี้ของจีนที่ไปยังสหรัฐลงได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าจีนจะสูญเสียไปประมาณ 7%

    แต่เกือบ 7% ที่รัฐบาลจีนสูญเสียไปในสหรัฐโดยตรงนั้น รัฐบาลจีนสามารถหาช่องเอากลับคืนมาได้อย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนเอง ในการส่งออกผ่านประเทศที่สามไปยังสหรัฐ และการหาตลาดใหม่ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจีน เนื่องจากพวกเขาวางแผนรับมือเหตุการณ์นี้มานานหลายปีแล้ว

    ดังนั้น คาดว่าการสูญเสียทั้งหมดของจีนจริงๆจะอยู่ที่เพียง 2-3% ของการส่งออกทั้งหมดเท่านั้น
    แค่ลอยถลอก! การตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีศุลกากร 104% ของสหรัฐที่มีต่อจีน อาจเป็นเพียงแค่ทำให้เศรษฐกิจของจีน “เจ็ยบเพียงเล็กน้อย” ได้เท่านั้น จากการประเมินของสำนักงานการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่าในปี 2024 การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 438,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 13.3% ของการส่งออกทั้งหมดของจีน ภาษีศุลกากร 104% อาจจะสามารถลดการส่งออกเหล่านี้ของจีนที่ไปยังสหรัฐลงได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าจีนจะสูญเสียไปประมาณ 7% แต่เกือบ 7% ที่รัฐบาลจีนสูญเสียไปในสหรัฐโดยตรงนั้น รัฐบาลจีนสามารถหาช่องเอากลับคืนมาได้อย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนเอง ในการส่งออกผ่านประเทศที่สามไปยังสหรัฐ และการหาตลาดใหม่ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจีน เนื่องจากพวกเขาวางแผนรับมือเหตุการณ์นี้มานานหลายปีแล้ว ดังนั้น คาดว่าการสูญเสียทั้งหมดของจีนจริงๆจะอยู่ที่เพียง 2-3% ของการส่งออกทั้งหมดเท่านั้น
    Like
    Yay
    4
    0 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • “ปลัดพาณิชย์” เผยขั้นตอนสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าจากคู่ค้าและไทย จะเริ่มเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 5 เม.ย. และเพิ่มเป็นอัตราใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. (เวลาสหรัฐฯ) โดยไทยเจอ 36% ส่วนสินค้าที่ลงเรือมาแล้ว และอยู่ระหว่างเดินทาง จะไม่ถูกเก็บภาษี และจะไม่เก็บภาษีกับสินค้าที่เคยประกาศใช้มาตรการไปก่อนหน้านี้ ระบุเปิดโอกาสให้เจรจา ยันรัฐบาล กำลังพิจารณามาตรการเยียวยา และเร่งหาตลาดใหม่ทดแทน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032863
    “ปลัดพาณิชย์” เผยขั้นตอนสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าจากคู่ค้าและไทย จะเริ่มเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 5 เม.ย. และเพิ่มเป็นอัตราใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. (เวลาสหรัฐฯ) โดยไทยเจอ 36% ส่วนสินค้าที่ลงเรือมาแล้ว และอยู่ระหว่างเดินทาง จะไม่ถูกเก็บภาษี และจะไม่เก็บภาษีกับสินค้าที่เคยประกาศใช้มาตรการไปก่อนหน้านี้ ระบุเปิดโอกาสให้เจรจา ยันรัฐบาล กำลังพิจารณามาตรการเยียวยา และเร่งหาตลาดใหม่ทดแทน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032863
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 726 Views 0 Reviews
More Results