• Microsoft เปลี่ยนโฉมระบบล็อกอิน เน้นการยืนยันตัวตนแบบไร้รหัสผ่าน

    Microsoft กำลังปรับเปลี่ยน ระบบล็อกอินใหม่ ให้มีความปลอดภัยและใช้งานง่ายขึ้น โดยเน้นการใช้ Passkeys แทนรหัสผ่านแบบเดิม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ ระบบใหม่นี้ถูกออกแบบด้วย Fluent 2 UI ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ง่ายขึ้น และรองรับทั้งเวอร์ชันเว็บ, มือถือ และจะทยอยเปิดให้ใช้บน Windows ภายในปลายเดือนเมษายน

    Passkeys ปลอดภัยและเร็วขึ้น
    - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้เลือกใช้ Passkeys ซึ่งปลอดภัยกว่ารหัสผ่านถึง 3 เท่า และช่วยให้การล็อกอินรวดเร็วขึ้น

    ออกแบบ UI ใหม่ ลดความซับซ้อน
    - Fluent 2 UI ถูกออกแบบให้ช่วยลด "ภาระทางความคิด" ของผู้ใช้ ทำให้การล็อกอินลื่นไหล ลดสิ่งรบกวน และจัดเรียงขั้นตอนใหม่ให้มีตรรกะมากขึ้น

    รองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม
    - UI ใหม่สามารถปรับขนาดให้ใช้งานได้ดีทั้งบนหน้าจอ PC, มือถือ และ Xbox ซึ่งผู้ใช้กลุ่มนี้ได้ทดลองใช้ระบบใหม่แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

    Microsoft กับการผลักดันยุคไร้รหัสผ่าน
    - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งมุ่งไปสู่ อนาคตที่ไร้รหัสผ่าน เช่นเดียวกับ Apple และ Google

    https://www.techspot.com/news/107353-new-microsoft-login-screens-emphasize-passkeys-passwordless-authentication.html
    Microsoft เปลี่ยนโฉมระบบล็อกอิน เน้นการยืนยันตัวตนแบบไร้รหัสผ่าน Microsoft กำลังปรับเปลี่ยน ระบบล็อกอินใหม่ ให้มีความปลอดภัยและใช้งานง่ายขึ้น โดยเน้นการใช้ Passkeys แทนรหัสผ่านแบบเดิม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ ระบบใหม่นี้ถูกออกแบบด้วย Fluent 2 UI ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ง่ายขึ้น และรองรับทั้งเวอร์ชันเว็บ, มือถือ และจะทยอยเปิดให้ใช้บน Windows ภายในปลายเดือนเมษายน Passkeys ปลอดภัยและเร็วขึ้น - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้เลือกใช้ Passkeys ซึ่งปลอดภัยกว่ารหัสผ่านถึง 3 เท่า และช่วยให้การล็อกอินรวดเร็วขึ้น ออกแบบ UI ใหม่ ลดความซับซ้อน - Fluent 2 UI ถูกออกแบบให้ช่วยลด "ภาระทางความคิด" ของผู้ใช้ ทำให้การล็อกอินลื่นไหล ลดสิ่งรบกวน และจัดเรียงขั้นตอนใหม่ให้มีตรรกะมากขึ้น รองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม - UI ใหม่สามารถปรับขนาดให้ใช้งานได้ดีทั้งบนหน้าจอ PC, มือถือ และ Xbox ซึ่งผู้ใช้กลุ่มนี้ได้ทดลองใช้ระบบใหม่แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ Microsoft กับการผลักดันยุคไร้รหัสผ่าน - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งมุ่งไปสู่ อนาคตที่ไร้รหัสผ่าน เช่นเดียวกับ Apple และ Google https://www.techspot.com/news/107353-new-microsoft-login-screens-emphasize-passkeys-passwordless-authentication.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New Microsoft login screens emphasize passkeys and "passwordless" authentication
    Microsoft recently announced that it is rolling out a new authentication experience for over one billion consumers. The redesign focuses on more secure login screens with a...
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงการยกระดับแอป Notepad ที่เราคุ้นเคยใน Windows โดย Microsoft ได้เพิ่มความสามารถใหม่ด้วยการผสาน Copilot เข้าสู่ระบบ โดยมีการออกแบบปุ่ม Copilot บนแถบเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบข้อความ การปรับเปลี่ยนโทนของข้อความ หรือการจัดรูปแบบได้อย่างง่ายดาย ฟีเจอร์นี้มาพร้อมกับการสนับสนุนการเขียนและการแก้ไขที่คล่องตัว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับแอปที่เคยเรียบง่ายและเน้นการทำงานพื้นฐานเท่านั้น

    พัฒนาการในช่วงหลายปีที่ผ่านมา:
    - Notepad ได้รับการปรับปรุงเพิ่มฟีเจอร์ เช่น การเปิดเอกสารหลายไฟล์ในรูปแบบแท็บตั้งแต่ปี 2022 และระบบตรวจสอบการสะกดคำและไวยากรณ์ในปี 2024 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในระดับใหม่.

    ฟีเจอร์ Copilot:
    - Copilot ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยผู้ใช้ในการแก้ไขข้อความ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างข้อความ และสร้างเนื้อหาใหม่ในลักษณะตามที่ต้องการ ทั้งนี้ผู้ใช้งานยังสามารถปิดฟีเจอร์ Copilot ได้ตามการตั้งค่า.

    ความเห็นของผู้ใช้งาน:
    - การเพิ่ม Copilot ใน Notepad ได้รับความเห็นทั้งด้านบวกและลบ โดยบางคนมองว่ามันเพิ่มความซับซ้อนให้กับแอปพื้นฐาน ขณะที่บางคนยินดีต่อความสามารถที่เพิ่มขึ้นซึ่งช่วยประหยัดเวลา.

    แนวโน้มในอนาคต:
    - Microsoft อาจนำ AI ไปผสานในแอปพลิเคชันอื่น ๆ เพื่อเสริมความสะดวกและการสร้างเนื้อหาในแบบที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัลที่ต้องการความรวดเร็วและความเฉพาะตัว.

    https://www.techpowerup.com/334820/windows-notepad-gets-microsoft-copilot-integration
    ข่าวนี้พูดถึงการยกระดับแอป Notepad ที่เราคุ้นเคยใน Windows โดย Microsoft ได้เพิ่มความสามารถใหม่ด้วยการผสาน Copilot เข้าสู่ระบบ โดยมีการออกแบบปุ่ม Copilot บนแถบเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบข้อความ การปรับเปลี่ยนโทนของข้อความ หรือการจัดรูปแบบได้อย่างง่ายดาย ฟีเจอร์นี้มาพร้อมกับการสนับสนุนการเขียนและการแก้ไขที่คล่องตัว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับแอปที่เคยเรียบง่ายและเน้นการทำงานพื้นฐานเท่านั้น พัฒนาการในช่วงหลายปีที่ผ่านมา: - Notepad ได้รับการปรับปรุงเพิ่มฟีเจอร์ เช่น การเปิดเอกสารหลายไฟล์ในรูปแบบแท็บตั้งแต่ปี 2022 และระบบตรวจสอบการสะกดคำและไวยากรณ์ในปี 2024 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในระดับใหม่. ฟีเจอร์ Copilot: - Copilot ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยผู้ใช้ในการแก้ไขข้อความ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างข้อความ และสร้างเนื้อหาใหม่ในลักษณะตามที่ต้องการ ทั้งนี้ผู้ใช้งานยังสามารถปิดฟีเจอร์ Copilot ได้ตามการตั้งค่า. ความเห็นของผู้ใช้งาน: - การเพิ่ม Copilot ใน Notepad ได้รับความเห็นทั้งด้านบวกและลบ โดยบางคนมองว่ามันเพิ่มความซับซ้อนให้กับแอปพื้นฐาน ขณะที่บางคนยินดีต่อความสามารถที่เพิ่มขึ้นซึ่งช่วยประหยัดเวลา. แนวโน้มในอนาคต: - Microsoft อาจนำ AI ไปผสานในแอปพลิเคชันอื่น ๆ เพื่อเสริมความสะดวกและการสร้างเนื้อหาในแบบที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัลที่ต้องการความรวดเร็วและความเฉพาะตัว. https://www.techpowerup.com/334820/windows-notepad-gets-microsoft-copilot-integration
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Windows Notepad Gets Microsoft Copilot Integration
    Everybody's favorite plaintext editor, Notepad, has been gathering features in the last couple of years. For over three decades, the Windows accessory could do little more than just input and save plaintext files, but Microsoft has been adding features to it. It began with the 2022 addition of tabs—...
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • สถานการณ์ของสงครามการค้าโลกในปัจจุบันยังคงมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยมีทั้งแนวโน้มที่ดีขึ้นและความท้าทายที่ยังคงอยู่ ดังนี้

    ### 1. **แนวโน้มที่ดีขึ้น**
    - **การลดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน**:
    แม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะยังไม่สิ้นสุด แต่ทั้งสองฝ่ายเริ่มหันมาเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีเพิ่มเติม เช่น การยกเลิกภาษีบางส่วนในสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ การประชุมระดับสูงระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศในช่วงปลายปี 2022-2023 ช่วยฟื้นฟูช่องทางการสื่อสาร แม้จะยังไม่มีการแก้ไขข้อพิพาทหลัก เช่น ปัญหาไต้หวันหรือการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

    - **ความร่วมมือระดับภูมิภาค**:
    ความตกลงทางการค้าในรูปแบบภูมิภาคขยายตัว เช่น **RCEP** (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค) ในเอเชีย-แปซิฟิก และ **AfCFTA** (เขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา) ซึ่งช่วยกระตุ้นการค้าภายในภูมิภาค แทนการพึ่งพาตลาดโลกเพียงอย่างเดียว

    - **นโยบายการค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม**:
    หลายประเทศเริ่มผนวกเป้าหมายสิ่งแวดล้อมเข้ากับนโยบายการค้า เช่น สหภาพยุโรป推行 **CBAM** (มาตรการปรับคาร์บอนชายแดน) เพื่อส่งเสริมการผลิตที่ยั่งยืน แม้อาจก่อความขัดแย้งใหม่ แต่ก็เป็นโอกาสในการสร้างมาตรฐานสากลร่วมกัน

    ---

    ### 2. **ความท้าทายที่ยังคงอยู่**
    - **การแข่งขันทางเทคโนโลยีและการแยกห่วงโซ่อุปทาน**:
    สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง (เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์) ไปยังจีน ขณะที่จีนพยายามสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีของตนเอง (เช่น การพัฒนาชิปด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรของ Huawei) ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกแตกออกเป็น "สองขั้ว" (Tech Decoupling)

    - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**:
    สงครามยูเครน-รัสเซียและความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ยังส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานและเส้นทางการค้า รวมถึงกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ หันมาเก็บกักเสบียงอาหารและทรัพยากร стратеติกมากขึ้น

    - **ความอ่อนแอของระบบพหุภาคี**:
    องค์การการค้าโลก (WTO) ยังไม่สามารถปฏิรูปกลไกระงับข้อพิพาท (Dispute Settlement Body) ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ขาดกลไกกลางในการจัดการความขัดแย้งทางการค้า

    ---

    ### 3. **ทิศทางในอนาคต**
    - **เศรษฐกิจโลกอาจแบ่งเป็น "บล็อก"**:
    การค้าโลกกำลังเคลื่อนไปสู่รูปแบบ "friend-shoring" (การผลิตในประเทศพันธมิตร) และ "near-shoring" (การผลิตในประเทศใกล้เคียง) เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่เพิ่มความยืดหยุ่นให้ห่วงโซ่อุปทาน

    - **การค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว**:
    การเติบโตของการค้าอิเล็กทรอนิกส์และมาตรการลดคาร์บอนจะเป็นตัวขับเคลื่อนใหม่ของระบบการค้าโลก แม้อาจก่อให้เกิดข้อพิพาทเรื่องกฎระเบียบระหว่างประเทศ

    ---

    ### สรุป
    สถานการณ์สงครามการค้าโลกมีทั้งพัฒนาการในทางที่ดี เช่น การเจรจาเพื่อลดความขัดแย้งและการขยายความร่วมมือระดับภูมิภาค แต่ก็ยังมีแรงกดดันจากความแข่งขันทางเทคโนโลยี ภูมิรัฐศาสตร์ และการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งอาจทำให้การค้าโลกไม่กลับสู่รูปแบบเดิมอีกต่อไป แต่ปรับตัวสู่ระบบที่ "แบ่งกลุ่มแต่เชื่อมโยง" มากขึ้นภายใต้ความไม่แน่นอนสูง
    สถานการณ์ของสงครามการค้าโลกในปัจจุบันยังคงมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยมีทั้งแนวโน้มที่ดีขึ้นและความท้าทายที่ยังคงอยู่ ดังนี้ ### 1. **แนวโน้มที่ดีขึ้น** - **การลดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน**: แม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะยังไม่สิ้นสุด แต่ทั้งสองฝ่ายเริ่มหันมาเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีเพิ่มเติม เช่น การยกเลิกภาษีบางส่วนในสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ การประชุมระดับสูงระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศในช่วงปลายปี 2022-2023 ช่วยฟื้นฟูช่องทางการสื่อสาร แม้จะยังไม่มีการแก้ไขข้อพิพาทหลัก เช่น ปัญหาไต้หวันหรือการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง - **ความร่วมมือระดับภูมิภาค**: ความตกลงทางการค้าในรูปแบบภูมิภาคขยายตัว เช่น **RCEP** (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค) ในเอเชีย-แปซิฟิก และ **AfCFTA** (เขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา) ซึ่งช่วยกระตุ้นการค้าภายในภูมิภาค แทนการพึ่งพาตลาดโลกเพียงอย่างเดียว - **นโยบายการค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม**: หลายประเทศเริ่มผนวกเป้าหมายสิ่งแวดล้อมเข้ากับนโยบายการค้า เช่น สหภาพยุโรป推行 **CBAM** (มาตรการปรับคาร์บอนชายแดน) เพื่อส่งเสริมการผลิตที่ยั่งยืน แม้อาจก่อความขัดแย้งใหม่ แต่ก็เป็นโอกาสในการสร้างมาตรฐานสากลร่วมกัน --- ### 2. **ความท้าทายที่ยังคงอยู่** - **การแข่งขันทางเทคโนโลยีและการแยกห่วงโซ่อุปทาน**: สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง (เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์) ไปยังจีน ขณะที่จีนพยายามสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีของตนเอง (เช่น การพัฒนาชิปด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรของ Huawei) ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกแตกออกเป็น "สองขั้ว" (Tech Decoupling) - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: สงครามยูเครน-รัสเซียและความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ยังส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานและเส้นทางการค้า รวมถึงกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ หันมาเก็บกักเสบียงอาหารและทรัพยากร стратеติกมากขึ้น - **ความอ่อนแอของระบบพหุภาคี**: องค์การการค้าโลก (WTO) ยังไม่สามารถปฏิรูปกลไกระงับข้อพิพาท (Dispute Settlement Body) ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ขาดกลไกกลางในการจัดการความขัดแย้งทางการค้า --- ### 3. **ทิศทางในอนาคต** - **เศรษฐกิจโลกอาจแบ่งเป็น "บล็อก"**: การค้าโลกกำลังเคลื่อนไปสู่รูปแบบ "friend-shoring" (การผลิตในประเทศพันธมิตร) และ "near-shoring" (การผลิตในประเทศใกล้เคียง) เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่เพิ่มความยืดหยุ่นให้ห่วงโซ่อุปทาน - **การค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว**: การเติบโตของการค้าอิเล็กทรอนิกส์และมาตรการลดคาร์บอนจะเป็นตัวขับเคลื่อนใหม่ของระบบการค้าโลก แม้อาจก่อให้เกิดข้อพิพาทเรื่องกฎระเบียบระหว่างประเทศ --- ### สรุป สถานการณ์สงครามการค้าโลกมีทั้งพัฒนาการในทางที่ดี เช่น การเจรจาเพื่อลดความขัดแย้งและการขยายความร่วมมือระดับภูมิภาค แต่ก็ยังมีแรงกดดันจากความแข่งขันทางเทคโนโลยี ภูมิรัฐศาสตร์ และการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งอาจทำให้การค้าโลกไม่กลับสู่รูปแบบเดิมอีกต่อไป แต่ปรับตัวสู่ระบบที่ "แบ่งกลุ่มแต่เชื่อมโยง" มากขึ้นภายใต้ความไม่แน่นอนสูง
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • AWS นำเสนอสถาปัตยกรรม AI ใหม่ด้วยชิป Trainium ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายการใช้งาน AI โดยเสนอทางเลือกที่ถูกกว่า Nvidia H100 ถึง 25% แม้ยังมีข้อจำกัดเรื่องการใช้งานที่ต้องพึ่งพา AWS แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบ AI ที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพ

    กลยุทธ์ที่โดดเด่นในตลาด AI:
    - AWS เป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่กำลังพัฒนาชิปของตนเอง เช่น Google ที่มีชิป Tensor Processing Units (TPU) เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงปัญหาความขาดแคลน GPU

    ความสามารถของ Trainium:
    - แม้ Trainium อาจไม่สามารถแทนที่ Nvidia GPU ที่มีความซับซ้อนสูง เช่น DGX Spark ได้โดยตรง แต่ยังถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการรอคิวหรือจ่ายค่าใช้จ่ายสูง

    ข้อจำกัดที่ควรพิจารณา:
    - Trainium มีการใช้งานเฉพาะใน AWS เท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ถูกผูกมัดกับแพลตฟอร์ม และต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเรียนรู้ระบบใหม่ที่แตกต่างจาก CUDA ของ Nvidia

    แนวโน้มในอุตสาหกรรม:
    - ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่มุ่งสร้างระบบชิปของตนเองเพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ตลาด AI และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบริษัท

    https://www.techradar.com/pro/and-so-it-begins-amazon-web-services-is-aggressively-courting-its-own-customers-to-use-its-trainium-tech-rather-than-nvidias-gpus
    AWS นำเสนอสถาปัตยกรรม AI ใหม่ด้วยชิป Trainium ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายการใช้งาน AI โดยเสนอทางเลือกที่ถูกกว่า Nvidia H100 ถึง 25% แม้ยังมีข้อจำกัดเรื่องการใช้งานที่ต้องพึ่งพา AWS แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบ AI ที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์ที่โดดเด่นในตลาด AI: - AWS เป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่กำลังพัฒนาชิปของตนเอง เช่น Google ที่มีชิป Tensor Processing Units (TPU) เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงปัญหาความขาดแคลน GPU ความสามารถของ Trainium: - แม้ Trainium อาจไม่สามารถแทนที่ Nvidia GPU ที่มีความซับซ้อนสูง เช่น DGX Spark ได้โดยตรง แต่ยังถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการรอคิวหรือจ่ายค่าใช้จ่ายสูง ข้อจำกัดที่ควรพิจารณา: - Trainium มีการใช้งานเฉพาะใน AWS เท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ถูกผูกมัดกับแพลตฟอร์ม และต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเรียนรู้ระบบใหม่ที่แตกต่างจาก CUDA ของ Nvidia แนวโน้มในอุตสาหกรรม: - ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่มุ่งสร้างระบบชิปของตนเองเพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ตลาด AI และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบริษัท https://www.techradar.com/pro/and-so-it-begins-amazon-web-services-is-aggressively-courting-its-own-customers-to-use-its-trainium-tech-rather-than-nvidias-gpus
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • การเมืองไทยมีความซับซ้อนและมีปัญหาหลายด้านที่ต้องแก้ไขเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ปัญหาหลักๆ และแนวทางการแก้ไขอาจรวมถึง以下几个方面:

    ### 1. **ปัญหาความแตกแยกและความขัดแย้งทางการเมือง**
    - **สาเหตุ**: ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เช่น คณะรัฐประหาร ประชาชน และพรรคการเมือง
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ส่งเสริม **การเจรจาและปรองดอง** ระหว่างกลุ่มการเมืองที่ขัดแย้งกัน
    - ลดการใช้อำนาจรัฐเพื่อปราบปรามฝ่ายตรงข้าม
    - สร้างกลไกแก้ไขความขัดแย้งที่เป็นกลาง เช่น คณะกรรมการอิสระ

    ### 2. **ระบบเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์**
    - **สาเหตุ**: ระบบเลือกตั้งอาจไม่สะท้อนเสียงประชาชนอย่างแท้จริง เช่น การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม หรือกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้พรรคใหญ่
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ปรับปรุง **ระบบเลือกตั้ง** ให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้น เช่น ใช้ระบบสัดส่วนผสม (Mixed-Member Proportional: MMP)
    - เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองขนาดเล็กมีส่วนร่วมในสภา
    - ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งด้วยเทคโนโลยีและกลไกตรวจสอบ

    ### 3. **ปัญหาอำนาจนอกระบบ (อำนาจนอกการเมือง)**
    - **สาเหตุ**: การแทรกแซงทางการเมืองโดยสถาบันอื่นที่ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - เสริมสร้าง **หลักนิติธรรม** และลดบทบาทของอำนาจนอกระบบในการเมือง
    - ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้กองทัพและองค์กรอิสระอยู่ภายใต้การควบคุมของพลเรือน

    ### 4. **การทุจริตและระบบอุปถัมภ์**
    - **สาเหตุ**: การคอร์รัปชันในวงราชการและระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้การเมืองไทยไม่โปร่งใส
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - เสริมสร้าง **กลไกตรวจสอบ** เช่น ปรับปรุงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.)
    - เปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data) เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้
    - ส่งเสริมวัฒนธรรมการต่อต้านคอร์รัปชันตั้งแต่ระดับการศึกษา

    ### 5. **การกระจายอำนาจที่ไม่ทั่วถึง**
    - **สาเหตุ**: อำนาจยังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ และรัฐบาลกลาง ทำให้ท้องถิ่นขาดอิสระ
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - **กระจายอำนาจการปกครอง** ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น
    - ให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดเก็บภาษีและบริหารงบประมาณเอง

    ### 6. **ปัญหาการเซ็นเซอร์และเสรีภาพสื่อ**
    - **สาเหตุ**: การควบคุมสื่อโดยรัฐ และการใช้กฎหมายเช่น พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพื่อจำกัดเสรีภาพ
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพสื่อ
    - ส่งเสริมสื่ออิสระและปลอดจากการแทรกแซงของรัฐ

    ### 7. **การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม**
    - **สาเหตุ**: กระบวนการยุติธรรมอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ปรับปรุงระบบตุลาการให้เป็นอิสระและเป็นกลาง
    - ตรวจสอบการใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม

    ### 8. **การมีส่วนร่วมของประชาชน**
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ส่งเสริม **ประชาธิปไตยทางตรง** เช่น การลงประชามติในประเด็นสำคัญ
    - ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรับฟังความเห็นประชาชน (E-Participation)

    ### **สรุป**
    การเมืองไทยต้องการการปฏิรูปหลายด้าน ทั้งระบบเลือกตั้ง การลดอำนาจนอกระบบ การต่อต้านคอร์รัปชัน การกระจายอำนาจ และการส่งเสริมเสรีภาพ หากแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้การเมืองไทยมีความมั่นคงและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

    คุณคิดว่าประเด็นไหนสำคัญที่สุดหรือควรเริ่มแก้ไขก่อน?
    การเมืองไทยมีความซับซ้อนและมีปัญหาหลายด้านที่ต้องแก้ไขเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ปัญหาหลักๆ และแนวทางการแก้ไขอาจรวมถึง以下几个方面: ### 1. **ปัญหาความแตกแยกและความขัดแย้งทางการเมือง** - **สาเหตุ**: ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เช่น คณะรัฐประหาร ประชาชน และพรรคการเมือง - **แนวทางแก้ไข**: - ส่งเสริม **การเจรจาและปรองดอง** ระหว่างกลุ่มการเมืองที่ขัดแย้งกัน - ลดการใช้อำนาจรัฐเพื่อปราบปรามฝ่ายตรงข้าม - สร้างกลไกแก้ไขความขัดแย้งที่เป็นกลาง เช่น คณะกรรมการอิสระ ### 2. **ระบบเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์** - **สาเหตุ**: ระบบเลือกตั้งอาจไม่สะท้อนเสียงประชาชนอย่างแท้จริง เช่น การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม หรือกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้พรรคใหญ่ - **แนวทางแก้ไข**: - ปรับปรุง **ระบบเลือกตั้ง** ให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้น เช่น ใช้ระบบสัดส่วนผสม (Mixed-Member Proportional: MMP) - เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองขนาดเล็กมีส่วนร่วมในสภา - ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งด้วยเทคโนโลยีและกลไกตรวจสอบ ### 3. **ปัญหาอำนาจนอกระบบ (อำนาจนอกการเมือง)** - **สาเหตุ**: การแทรกแซงทางการเมืองโดยสถาบันอื่นที่ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง - **แนวทางแก้ไข**: - เสริมสร้าง **หลักนิติธรรม** และลดบทบาทของอำนาจนอกระบบในการเมือง - ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้กองทัพและองค์กรอิสระอยู่ภายใต้การควบคุมของพลเรือน ### 4. **การทุจริตและระบบอุปถัมภ์** - **สาเหตุ**: การคอร์รัปชันในวงราชการและระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้การเมืองไทยไม่โปร่งใส - **แนวทางแก้ไข**: - เสริมสร้าง **กลไกตรวจสอบ** เช่น ปรับปรุงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) - เปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data) เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ - ส่งเสริมวัฒนธรรมการต่อต้านคอร์รัปชันตั้งแต่ระดับการศึกษา ### 5. **การกระจายอำนาจที่ไม่ทั่วถึง** - **สาเหตุ**: อำนาจยังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ และรัฐบาลกลาง ทำให้ท้องถิ่นขาดอิสระ - **แนวทางแก้ไข**: - **กระจายอำนาจการปกครอง** ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น - ให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดเก็บภาษีและบริหารงบประมาณเอง ### 6. **ปัญหาการเซ็นเซอร์และเสรีภาพสื่อ** - **สาเหตุ**: การควบคุมสื่อโดยรัฐ และการใช้กฎหมายเช่น พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพื่อจำกัดเสรีภาพ - **แนวทางแก้ไข**: - ยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพสื่อ - ส่งเสริมสื่ออิสระและปลอดจากการแทรกแซงของรัฐ ### 7. **การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม** - **สาเหตุ**: กระบวนการยุติธรรมอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง - **แนวทางแก้ไข**: - ปรับปรุงระบบตุลาการให้เป็นอิสระและเป็นกลาง - ตรวจสอบการใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ### 8. **การมีส่วนร่วมของประชาชน** - **แนวทางแก้ไข**: - ส่งเสริม **ประชาธิปไตยทางตรง** เช่น การลงประชามติในประเด็นสำคัญ - ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรับฟังความเห็นประชาชน (E-Participation) ### **สรุป** การเมืองไทยต้องการการปฏิรูปหลายด้าน ทั้งระบบเลือกตั้ง การลดอำนาจนอกระบบ การต่อต้านคอร์รัปชัน การกระจายอำนาจ และการส่งเสริมเสรีภาพ หากแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้การเมืองไทยมีความมั่นคงและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น คุณคิดว่าประเด็นไหนสำคัญที่สุดหรือควรเริ่มแก้ไขก่อน?
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • Broadcom ยื่นฟ้อง Siemens โดยกล่าวหาว่าใช้ซอฟต์แวร์ VMware โดยไม่มีใบอนุญาตที่เหมาะสม คดีนี้เปิดเผยให้เห็นถึงปัญหาการจัดการลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งอาจนำมาสู่ผลกระทบทางกฎหมายและความตึงเครียดในธุรกิจ Broadcom ต้องการให้ Siemens ชี้แจงข้อเท็จจริงและชดเชยค่าเสียหาย พร้อมกับเรียกร้องกำไรจากการใช้งานซอฟต์แวร์โดยมิชอบ

    การตอบสนองจาก Broadcom:
    - Broadcom อ้างว่า Siemens ยืนยันว่ารายการซอฟต์แวร์ที่ใช้งานถูกต้องตามจริง แต่ไม่สามารถอธิบายความแตกต่างระหว่างจำนวนใบอนุญาตและการใช้งานจริงได้ อีกทั้ง Siemens ยังปฏิเสธการตรวจสอบระบบภายนอกที่อาจพิสูจน์ข้อเท็จจริง.

    ผลกระทบต่อ Broadcom และ VMware:
    - คดีนี้เน้นให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่าง VMware และลูกค้าบางราย หลังจาก Broadcom ปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นลูกค้ารายใหญ่เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ โดยที่การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความไม่พอใจให้ลูกค้าเก่า.

    คำขอของ Broadcom:
    - Broadcom เรียกร้องค่าเสียหาย และส่วนแบ่งกำไรที่ Siemens ได้จากการใช้ซอฟต์แวร์ VMware โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมทั้งผลักดันคดีให้เข้าสู่การพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน.

    มุมมองในเชิงธุรกิจ:
    - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในการบริหารจัดการใบอนุญาตซอฟต์แวร์ในองค์กรขนาดใหญ่ และความสำคัญของการตรวจสอบและจัดการซอฟต์แวร์ที่ใช้อย่างถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย.

    https://www.techspot.com/news/107310-broadcom-suing-siemens-allegedly-using-thousands-unlicensed-vmware.html
    Broadcom ยื่นฟ้อง Siemens โดยกล่าวหาว่าใช้ซอฟต์แวร์ VMware โดยไม่มีใบอนุญาตที่เหมาะสม คดีนี้เปิดเผยให้เห็นถึงปัญหาการจัดการลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งอาจนำมาสู่ผลกระทบทางกฎหมายและความตึงเครียดในธุรกิจ Broadcom ต้องการให้ Siemens ชี้แจงข้อเท็จจริงและชดเชยค่าเสียหาย พร้อมกับเรียกร้องกำไรจากการใช้งานซอฟต์แวร์โดยมิชอบ การตอบสนองจาก Broadcom: - Broadcom อ้างว่า Siemens ยืนยันว่ารายการซอฟต์แวร์ที่ใช้งานถูกต้องตามจริง แต่ไม่สามารถอธิบายความแตกต่างระหว่างจำนวนใบอนุญาตและการใช้งานจริงได้ อีกทั้ง Siemens ยังปฏิเสธการตรวจสอบระบบภายนอกที่อาจพิสูจน์ข้อเท็จจริง. ผลกระทบต่อ Broadcom และ VMware: - คดีนี้เน้นให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่าง VMware และลูกค้าบางราย หลังจาก Broadcom ปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นลูกค้ารายใหญ่เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ โดยที่การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความไม่พอใจให้ลูกค้าเก่า. คำขอของ Broadcom: - Broadcom เรียกร้องค่าเสียหาย และส่วนแบ่งกำไรที่ Siemens ได้จากการใช้ซอฟต์แวร์ VMware โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมทั้งผลักดันคดีให้เข้าสู่การพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน. มุมมองในเชิงธุรกิจ: - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในการบริหารจัดการใบอนุญาตซอฟต์แวร์ในองค์กรขนาดใหญ่ และความสำคัญของการตรวจสอบและจัดการซอฟต์แวร์ที่ใช้อย่างถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย. https://www.techspot.com/news/107310-broadcom-suing-siemens-allegedly-using-thousands-unlicensed-vmware.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Broadcom is suing Siemens for allegedly using thousands of unlicensed VMware products
    Broadcom has filed a lawsuit against the US arm of Siemens AG, accusing the German conglomerate of using "thousands" of VMware products without proper licenses. According to...
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • Intel ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในคณะกรรมการบริหาร โดยสมาชิก 3 คนรวมถึงอดีต CEO ของ Medtronic ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในปี 2025 ขณะที่ CEO ใหม่ของ Intel, Lip-Bu Tan กำลังนำบริษัทเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการปรับโครงสร้างคณะกรรมการให้มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สะท้อนถึงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูองค์กรครั้งใหญ่

    การลดจำนวนสมาชิกคณะกรรมการ:
    - การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ทำให้จำนวนสมาชิกลดลงเหลือ 11 คน และเพิ่มบุคคลที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เช่น อดีต CEO ของ ASML และ CEO ชั่วคราวของ Microchip Technology.

    ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูภายใต้ CEO ใหม่:
    - Lip-Bu Tan วางแผนลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการลดพนักงานลง 15% รวมถึงเน้นผลิตภัณฑ์และบริการผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ตามสัญญาเป็นหัวใจของกลยุทธ์.

    บทบาทของอดีต CEO Pat Gelsinger:
    - แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่ Gelsinger ได้รับเงินชดเชยจำนวน 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต้องสละสิทธิ์ในหุ้นทั้งหมดที่ยังไม่ได้ถือครอง.

    เป้าหมายระยะยาว:
    - การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Intel ในการลดความซับซ้อนขององค์กรและเพิ่มความคล่องตัว เพื่อกลับมายืนในจุดสูงสุดในตลาดชิปอีกครั้ง.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/three-intel-board-members-to-retire-in-latest-shakeup-amid-turnaround
    Intel ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในคณะกรรมการบริหาร โดยสมาชิก 3 คนรวมถึงอดีต CEO ของ Medtronic ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในปี 2025 ขณะที่ CEO ใหม่ของ Intel, Lip-Bu Tan กำลังนำบริษัทเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการปรับโครงสร้างคณะกรรมการให้มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สะท้อนถึงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูองค์กรครั้งใหญ่ การลดจำนวนสมาชิกคณะกรรมการ: - การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ทำให้จำนวนสมาชิกลดลงเหลือ 11 คน และเพิ่มบุคคลที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เช่น อดีต CEO ของ ASML และ CEO ชั่วคราวของ Microchip Technology. ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูภายใต้ CEO ใหม่: - Lip-Bu Tan วางแผนลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการลดพนักงานลง 15% รวมถึงเน้นผลิตภัณฑ์และบริการผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ตามสัญญาเป็นหัวใจของกลยุทธ์. บทบาทของอดีต CEO Pat Gelsinger: - แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่ Gelsinger ได้รับเงินชดเชยจำนวน 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต้องสละสิทธิ์ในหุ้นทั้งหมดที่ยังไม่ได้ถือครอง. เป้าหมายระยะยาว: - การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Intel ในการลดความซับซ้อนขององค์กรและเพิ่มความคล่องตัว เพื่อกลับมายืนในจุดสูงสุดในตลาดชิปอีกครั้ง. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/three-intel-board-members-to-retire-in-latest-shakeup-amid-turnaround
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Three Intel board members to retire in latest shakeup amid turnaround
    (Reuters) - Three Intel board members will not stand for reelection at its 2025 annual meeting, the chipmaker said in a regulatory filing on Thursday, amid a historic transition under newly appointed CEO Lip-Bu Tan.
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือ AI ใหม่ในแพลตฟอร์ม Security Copilot เพื่อช่วยจัดการภัยคุกคามไซเบอร์ที่กำลังมีความซับซ้อนและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ชุดเครื่องมือนี้ประกอบด้วย AI Agents 6 รายการจาก Microsoft และอีก 5 รายการที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตร โดยเน้นงานสำคัญ เช่น การตรวจจับฟิชชิง การป้องกันข้อมูล และการจัดการตัวตนแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานของทีมรักษาความปลอดภัย และสนับสนุนการจัดการภัยคุกคามได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ตัวอย่างการใช้งานที่เน้นฟิชชิง:
    - Microsoft เปิดเผยว่ามีการตรวจจับอีเมลฟิชชิงมากกว่า 30 พันล้านฉบับ ระหว่างปี 2024 AI Agent ที่เพิ่มเข้ามาสามารถช่วยจัดการการแจ้งเตือนและลดภาระงานของทีมได้ โดยโฟกัสไปที่ภัยคุกคามที่ซับซ้อนกว่าแทน.

    ความแตกต่างจากระบบเดิม:
    - Security Copilot Agents พัฒนาให้เหนือกว่าระบบ SOAR และ XDR แบบเดิม โดยใช้ Generative AI ในการทำงาน เช่น วิเคราะห์ข้อมูลเหตุการณ์และเสนอขั้นตอนแก้ไขอย่างอัตโนมัติ ซึ่งลดงานที่ซ้ำซ้อนของทีม SOC (Security Operations Center).

    การผสานรวมเครื่องมือ:
    - ฟีเจอร์ใหม่สามารถผสานการทำงานกับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Microsoft เช่น Defender, Entra และ Purview ซึ่งช่วยสร้างการจัดการภัยคุกคามแบบครบวงจรในระบบเดียว.

    คำแนะนำสำหรับการใช้งาน:
    - การใช้แพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างในที่เดียวช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าควรมีแนวทางแบบผสม (Hybrid Approach) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ให้บริการเพียงรายเดียว.

    https://www.csoonline.com/article/3853599/microsoft-launches-ai-agents-to-automate-cybersecurity-amid-rising-threats.html
    Microsoft ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือ AI ใหม่ในแพลตฟอร์ม Security Copilot เพื่อช่วยจัดการภัยคุกคามไซเบอร์ที่กำลังมีความซับซ้อนและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ชุดเครื่องมือนี้ประกอบด้วย AI Agents 6 รายการจาก Microsoft และอีก 5 รายการที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตร โดยเน้นงานสำคัญ เช่น การตรวจจับฟิชชิง การป้องกันข้อมูล และการจัดการตัวตนแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานของทีมรักษาความปลอดภัย และสนับสนุนการจัดการภัยคุกคามได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตัวอย่างการใช้งานที่เน้นฟิชชิง: - Microsoft เปิดเผยว่ามีการตรวจจับอีเมลฟิชชิงมากกว่า 30 พันล้านฉบับ ระหว่างปี 2024 AI Agent ที่เพิ่มเข้ามาสามารถช่วยจัดการการแจ้งเตือนและลดภาระงานของทีมได้ โดยโฟกัสไปที่ภัยคุกคามที่ซับซ้อนกว่าแทน. ความแตกต่างจากระบบเดิม: - Security Copilot Agents พัฒนาให้เหนือกว่าระบบ SOAR และ XDR แบบเดิม โดยใช้ Generative AI ในการทำงาน เช่น วิเคราะห์ข้อมูลเหตุการณ์และเสนอขั้นตอนแก้ไขอย่างอัตโนมัติ ซึ่งลดงานที่ซ้ำซ้อนของทีม SOC (Security Operations Center). การผสานรวมเครื่องมือ: - ฟีเจอร์ใหม่สามารถผสานการทำงานกับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Microsoft เช่น Defender, Entra และ Purview ซึ่งช่วยสร้างการจัดการภัยคุกคามแบบครบวงจรในระบบเดียว. คำแนะนำสำหรับการใช้งาน: - การใช้แพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างในที่เดียวช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าควรมีแนวทางแบบผสม (Hybrid Approach) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ให้บริการเพียงรายเดียว. https://www.csoonline.com/article/3853599/microsoft-launches-ai-agents-to-automate-cybersecurity-amid-rising-threats.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Microsoft launches AI agents to automate cybersecurity amid rising threats
    The rollout includes six in-house AI agents from Microsoft and five developed with partners.
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • VMware ได้แก้ไขช่องโหว่ระดับสูงใน VMware Tools สำหรับ Windows ที่อาจทำให้ผู้โจมตียกระดับสิทธิ์และดำเนินการที่อันตรายภายในระบบ การโจมตีนี้มีความซับซ้อนต่ำและเปิดช่องให้เกิดความเสี่ยงที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม แพตช์เวอร์ชัน 12.5.1 ได้ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผู้ใช้งานจึงควรรีบอัปเดตเพื่อรักษาความปลอดภัยของระบบ

    ผลกระทบที่ร้ายแรง:
    - ช่องโหว่นี้เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถหลบหนีออกจาก VM เพื่อโจมตีโฮสต์, ขยายการเข้าถึงไปยัง VM อื่น หรือสร้าง VM ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจส่งผลต่อการรักษาความปลอดภัยในศูนย์ข้อมูลหรือระบบคลาวด์.

    ความสำคัญในการอัปเดต:
    - Broadcom ย้ำว่าช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราว ผู้ใช้งานต้องติดตั้งแพตช์เวอร์ชัน 12.5.1 เพื่อแก้ไขปัญหาโดยทันที VMware Tools บน Linux และ macOS ไม่ได้รับผลกระทบ.

    แรงจูงใจของผู้โจมตี:
    - ระบบที่ใช้ VMware นับเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับผู้โจมตี เนื่องจากการใช้งานที่แพร่หลายในองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งการโจมตีสามารถนำไปสู่การรบกวนบริการที่สำคัญและสร้างโอกาสในการเคลื่อนไหวระหว่างระบบเสมือนจริง.

    https://www.csoonline.com/article/3854374/vmware-plugs-a-high-risk-vulnerability-affecting-its-windows-based-virtualization.html
    VMware ได้แก้ไขช่องโหว่ระดับสูงใน VMware Tools สำหรับ Windows ที่อาจทำให้ผู้โจมตียกระดับสิทธิ์และดำเนินการที่อันตรายภายในระบบ การโจมตีนี้มีความซับซ้อนต่ำและเปิดช่องให้เกิดความเสี่ยงที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม แพตช์เวอร์ชัน 12.5.1 ได้ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผู้ใช้งานจึงควรรีบอัปเดตเพื่อรักษาความปลอดภัยของระบบ ผลกระทบที่ร้ายแรง: - ช่องโหว่นี้เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถหลบหนีออกจาก VM เพื่อโจมตีโฮสต์, ขยายการเข้าถึงไปยัง VM อื่น หรือสร้าง VM ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจส่งผลต่อการรักษาความปลอดภัยในศูนย์ข้อมูลหรือระบบคลาวด์. ความสำคัญในการอัปเดต: - Broadcom ย้ำว่าช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราว ผู้ใช้งานต้องติดตั้งแพตช์เวอร์ชัน 12.5.1 เพื่อแก้ไขปัญหาโดยทันที VMware Tools บน Linux และ macOS ไม่ได้รับผลกระทบ. แรงจูงใจของผู้โจมตี: - ระบบที่ใช้ VMware นับเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับผู้โจมตี เนื่องจากการใช้งานที่แพร่หลายในองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งการโจมตีสามารถนำไปสู่การรบกวนบริการที่สำคัญและสร้างโอกาสในการเคลื่อนไหวระหว่างระบบเสมือนจริง. https://www.csoonline.com/article/3854374/vmware-plugs-a-high-risk-vulnerability-affecting-its-windows-based-virtualization.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    VMware plugs a high-risk vulnerability affecting its Windows-based virtualization
    Improper access control issues in VMware Tools for Windows could allow privilege escalation on affected virtual machines.
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • NVIDIA กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ เมื่อรัฐบาลจีนเตรียมกำหนดข้อกำหนดด้านพลังงานที่อาจห้ามการขาย GPU H20 ในประเทศ ทำให้รายได้ของ NVIDIA จากตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดหลักสำหรับ AI อาจลดลงอย่างมาก ในขณะเดียวกัน คู่แข่งอย่าง Huawei ก็เตรียมเปิดตัวชิประดับสูงที่สามารถแข่งกับ NVIDIA ได้โดยตรง ทำให้สถานการณ์นี้กลายเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับอนาคตของบริษัท

    มาตรการของจีน:
    - รัฐบาลจีนมีเป้าหมายที่จะลดการพึ่งพาชิปต่างประเทศ โดยตั้งข้อกำหนดด้านพลังงานเพื่อสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศ เช่น Huawei ซึ่งเตรียมเปิดตัวชิป AI รุ่น Ascend 910C ที่ทัดเทียมกับ NVIDIA H100.

    ผลกระทบต่อ NVIDIA:
    - NVIDIA ได้เริ่มเจรจากับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) และกำลังพิจารณาการลดประสิทธิภาพของ H20 เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านพลังงาน แต่ทางเลือกนี้อาจทำให้คู่แข่งมีความได้เปรียบในตลาด.

    ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ:
    - ที่ผ่านมา NVIDIA ต้องเผชิญข้อจำกัดจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในการขายชิป AI ให้จีน การเพิ่มกฎระเบียบจากฝั่งจีนเองยิ่งเพิ่มความซับซ้อนและผลกระทบทางการค้า.

    ตลาดคู่แข่งในจีน:
    - Huawei กลายเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด AI ของจีน โดย Jensen Huang CEO ของ NVIDIA ยอมรับถึงความก้าวหน้าของ Huawei ในด้านนี้และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น.

    https://wccftech.com/nvidia-h20-ai-gpu-might-be-banned-from-being-sold-in-china-but-this-time-it-is-not-the-us-fault/
    NVIDIA กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ เมื่อรัฐบาลจีนเตรียมกำหนดข้อกำหนดด้านพลังงานที่อาจห้ามการขาย GPU H20 ในประเทศ ทำให้รายได้ของ NVIDIA จากตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดหลักสำหรับ AI อาจลดลงอย่างมาก ในขณะเดียวกัน คู่แข่งอย่าง Huawei ก็เตรียมเปิดตัวชิประดับสูงที่สามารถแข่งกับ NVIDIA ได้โดยตรง ทำให้สถานการณ์นี้กลายเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับอนาคตของบริษัท มาตรการของจีน: - รัฐบาลจีนมีเป้าหมายที่จะลดการพึ่งพาชิปต่างประเทศ โดยตั้งข้อกำหนดด้านพลังงานเพื่อสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศ เช่น Huawei ซึ่งเตรียมเปิดตัวชิป AI รุ่น Ascend 910C ที่ทัดเทียมกับ NVIDIA H100. ผลกระทบต่อ NVIDIA: - NVIDIA ได้เริ่มเจรจากับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) และกำลังพิจารณาการลดประสิทธิภาพของ H20 เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านพลังงาน แต่ทางเลือกนี้อาจทำให้คู่แข่งมีความได้เปรียบในตลาด. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: - ที่ผ่านมา NVIDIA ต้องเผชิญข้อจำกัดจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในการขายชิป AI ให้จีน การเพิ่มกฎระเบียบจากฝั่งจีนเองยิ่งเพิ่มความซับซ้อนและผลกระทบทางการค้า. ตลาดคู่แข่งในจีน: - Huawei กลายเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด AI ของจีน โดย Jensen Huang CEO ของ NVIDIA ยอมรับถึงความก้าวหน้าของ Huawei ในด้านนี้และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น. https://wccftech.com/nvidia-h20-ai-gpu-might-be-banned-from-being-sold-in-china-but-this-time-it-is-not-the-us-fault/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's H20 AI GPU Might Be Banned From Being Sold In China, But This Time, It Is Not The US's Fault
    NVIDIA's hot-selling H20 AI accelerator might just be banned from being sold in China, amid Beijing's new energy efficiency rules.
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • Google ได้แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยระดับสูงใน Chrome browser ซึ่งถือเป็นช่องโหว่แรกของปี 2025 โดยช่องโหว่นี้เปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถสอดแนมพฤติกรรมออนไลน์ของผู้ใช้ผ่านการโจมตีแบบ Operation ForumTroll ทั้งนี้ Chrome เวอร์ชันล่าสุด (134.0.6998.178) ได้ถูกปล่อยออกมาเพื่อแก้ไขปัญหา และผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น

    ช่องโหว่ CVE-2025-2783:
    - ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ Mojo ที่ผิดพลาดใน Windows ซึ่งเปิดช่องให้มัลแวร์สามารถหลุดพ้นจาก sandbox และเข้าถึงข้อมูลระบบ.

    เป้าหมายหลักของการโจมตี:
    - Kaspersky พบว่าการโจมตีมุ่งเป้าไปที่องค์กรในรัสเซีย โดยใช้วิธี phishing เพื่อหลอกล่อให้เปิดลิงก์ที่นำไปยังเว็บไซต์ปลอมและติดตั้งมัลแวร์.

    ผลกระทบจากการโจมตี:
    - มัลแวร์ที่ถูกใช้งานใน Operation ForumTroll มีความซับซ้อนสูง โดยถูกออกแบบเพื่อสอดแนมและรวบรวมข้อมูลจากสถาบันการศึกษา สื่อ และองค์กรรัฐบาลในรัสเซีย.

    คำแนะนำสำหรับผู้ใช้:
    - Google แนะนำให้ผู้ใช้อัปเดต Chrome เป็นเวอร์ชันล่าสุดและระมัดระวังอีเมลลวงที่อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ phishing.

    https://www.techradar.com/pro/security/google-chrome-security-flaw-could-have-let-hackers-spy-on-all-your-online-habits
    Google ได้แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยระดับสูงใน Chrome browser ซึ่งถือเป็นช่องโหว่แรกของปี 2025 โดยช่องโหว่นี้เปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถสอดแนมพฤติกรรมออนไลน์ของผู้ใช้ผ่านการโจมตีแบบ Operation ForumTroll ทั้งนี้ Chrome เวอร์ชันล่าสุด (134.0.6998.178) ได้ถูกปล่อยออกมาเพื่อแก้ไขปัญหา และผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ช่องโหว่ CVE-2025-2783: - ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ Mojo ที่ผิดพลาดใน Windows ซึ่งเปิดช่องให้มัลแวร์สามารถหลุดพ้นจาก sandbox และเข้าถึงข้อมูลระบบ. เป้าหมายหลักของการโจมตี: - Kaspersky พบว่าการโจมตีมุ่งเป้าไปที่องค์กรในรัสเซีย โดยใช้วิธี phishing เพื่อหลอกล่อให้เปิดลิงก์ที่นำไปยังเว็บไซต์ปลอมและติดตั้งมัลแวร์. ผลกระทบจากการโจมตี: - มัลแวร์ที่ถูกใช้งานใน Operation ForumTroll มีความซับซ้อนสูง โดยถูกออกแบบเพื่อสอดแนมและรวบรวมข้อมูลจากสถาบันการศึกษา สื่อ และองค์กรรัฐบาลในรัสเซีย. คำแนะนำสำหรับผู้ใช้: - Google แนะนำให้ผู้ใช้อัปเดต Chrome เป็นเวอร์ชันล่าสุดและระมัดระวังอีเมลลวงที่อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ phishing. https://www.techradar.com/pro/security/google-chrome-security-flaw-could-have-let-hackers-spy-on-all-your-online-habits
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • TSMC กำลังผลิตชิปที่โรงงาน Fab 21 ในแอริโซนา ซึ่งต้นทุนผลิตสูงกว่าไต้หวันเพียง 10% การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดความสำคัญของค่าแรงในต้นทุนรวม แม้จะมีการขนส่งแผ่นเวเฟอร์กลับไปยังไต้หวันเพื่อการบรรจุ แต่ไม่ได้เพิ่มต้นทุนมากนัก บริษัทวางแผนตั้งราคาพรีเมียมสำหรับชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาด และเสริมความมั่นคงด้านอุตสาหกรรม

    อุปกรณ์เป็นตัวกำหนดต้นทุนหลัก:
    - เครื่องมือจากบริษัทชั้นนำ เช่น ASML และ Tokyo Electron คิดเป็นสองในสามของต้นทุนรวม โดยไม่ขึ้นกับสถานที่ตั้งของโรงงาน.

    บทบาทของแรงงาน:
    - แม้ค่าแรงในสหรัฐฯ จะสูงกว่าต่างประเทศถึงสามเท่า แต่ระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยทำให้แรงงานมีส่วนร่วมกับต้นทุนรวมเพียง 2% เท่านั้น.

    การขนส่งและความซับซ้อน:
    - แผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในแอริโซนายังต้องส่งกลับไปที่ไต้หวันเพื่อกระบวนการตัดและบรรจุ ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนด้านโลจิสติกส์ แต่ไม่ได้เพิ่มต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ.

    ราคาในตลาด:
    - TSMC อาจตั้งราคาพรีเมียมเพิ่ม 30% สำหรับชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อรองรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/producing-wafers-at-tsmc-arizona-is-only-10-percent-more-expensive-than-in-taiwan-techinsights
    TSMC กำลังผลิตชิปที่โรงงาน Fab 21 ในแอริโซนา ซึ่งต้นทุนผลิตสูงกว่าไต้หวันเพียง 10% การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดความสำคัญของค่าแรงในต้นทุนรวม แม้จะมีการขนส่งแผ่นเวเฟอร์กลับไปยังไต้หวันเพื่อการบรรจุ แต่ไม่ได้เพิ่มต้นทุนมากนัก บริษัทวางแผนตั้งราคาพรีเมียมสำหรับชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาด และเสริมความมั่นคงด้านอุตสาหกรรม อุปกรณ์เป็นตัวกำหนดต้นทุนหลัก: - เครื่องมือจากบริษัทชั้นนำ เช่น ASML และ Tokyo Electron คิดเป็นสองในสามของต้นทุนรวม โดยไม่ขึ้นกับสถานที่ตั้งของโรงงาน. บทบาทของแรงงาน: - แม้ค่าแรงในสหรัฐฯ จะสูงกว่าต่างประเทศถึงสามเท่า แต่ระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยทำให้แรงงานมีส่วนร่วมกับต้นทุนรวมเพียง 2% เท่านั้น. การขนส่งและความซับซ้อน: - แผ่นเวเฟอร์ที่ผลิตในแอริโซนายังต้องส่งกลับไปที่ไต้หวันเพื่อกระบวนการตัดและบรรจุ ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนด้านโลจิสติกส์ แต่ไม่ได้เพิ่มต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ. ราคาในตลาด: - TSMC อาจตั้งราคาพรีเมียมเพิ่ม 30% สำหรับชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อรองรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น. https://www.tomshardware.com/tech-industry/producing-wafers-at-tsmc-arizona-is-only-10-percent-more-expensive-than-in-taiwan-techinsights
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • Edward Coristine สมาชิกวัย 19 ปีของทีม DOGE ที่นำโดย Elon Musk ตกเป็นประเด็นร้อนในโลกไซเบอร์ หลังเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ในอดีต กรณีนี้นำมาสู่ข้อถกเถียงว่าบุคคลที่มีประวัติเช่นนี้ควรได้รับบทบาทในทีมงานสำคัญของรัฐบาลหรือไม่ เรื่องราวนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของการคัดเลือกบุคลากรในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการเมืองและความมั่นคง

    ความเกี่ยวข้องกับ EGodly:
    - บริษัท DiamondCDN ของ Coristine ให้บริการป้องกัน DDoS และระบบ caching ให้แก่ EGodly ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น การแฮกอีเมลของเจ้าหน้าที่รัฐในละตินอเมริกา การขโมยคริปโตเคอเรนซี และการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ FBI ผ่าน Telegram.

    การวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการคัดเลือกของ DOGE:
    - Coristine ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมที่จะเข้าร่วมทีมงานที่มีการเข้าถึงเครือข่ายสำคัญของรัฐบาล เนื่องจากเขาเคยถูกปลดจากงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา โดยมีข้อกล่าวหาเรื่องการเปิดเผยข้อมูลลับให้คู่แข่ง.

    ภูมิหลังที่เชื่อมโยงกับการเมืองโลก:
    - Coristine ยังมีความเกี่ยวพันกับอดีตสายลับโซเวียต โดยปู่ของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ KGB ที่เคยถูกจับกุมในฐานะสายลับสองหน้า.

    ผลกระทบในวงกว้าง:
    - กรณีนี้จุดประกายข้อถกเถียงเรื่องการคัดกรองบุคลากรในตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้เกี่ยวข้องอาจมีอดีตที่ขัดแย้งกับหลักการด้านความปลอดภัยไซเบอร์.

    https://www.techspot.com/news/107297-report-19-year-old-doge-team-member-big.html
    Edward Coristine สมาชิกวัย 19 ปีของทีม DOGE ที่นำโดย Elon Musk ตกเป็นประเด็นร้อนในโลกไซเบอร์ หลังเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ในอดีต กรณีนี้นำมาสู่ข้อถกเถียงว่าบุคคลที่มีประวัติเช่นนี้ควรได้รับบทบาทในทีมงานสำคัญของรัฐบาลหรือไม่ เรื่องราวนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของการคัดเลือกบุคลากรในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการเมืองและความมั่นคง ความเกี่ยวข้องกับ EGodly: - บริษัท DiamondCDN ของ Coristine ให้บริการป้องกัน DDoS และระบบ caching ให้แก่ EGodly ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น การแฮกอีเมลของเจ้าหน้าที่รัฐในละตินอเมริกา การขโมยคริปโตเคอเรนซี และการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ FBI ผ่าน Telegram. การวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการคัดเลือกของ DOGE: - Coristine ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมที่จะเข้าร่วมทีมงานที่มีการเข้าถึงเครือข่ายสำคัญของรัฐบาล เนื่องจากเขาเคยถูกปลดจากงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา โดยมีข้อกล่าวหาเรื่องการเปิดเผยข้อมูลลับให้คู่แข่ง. ภูมิหลังที่เชื่อมโยงกับการเมืองโลก: - Coristine ยังมีความเกี่ยวพันกับอดีตสายลับโซเวียต โดยปู่ของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ KGB ที่เคยถูกจับกุมในฐานะสายลับสองหน้า. ผลกระทบในวงกว้าง: - กรณีนี้จุดประกายข้อถกเถียงเรื่องการคัดกรองบุคลากรในตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้เกี่ยวข้องอาจมีอดีตที่ขัดแย้งกับหลักการด้านความปลอดภัยไซเบอร์. https://www.techspot.com/news/107297-report-19-year-old-doge-team-member-big.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Report: 19-year-old DOGE team member "Big Balls" provided network support to cybercrime gang
    According to records reviewed by Reuters, Coristine ran a company called DiamondCDN that provided network services from around 2022, while he was still in high school. Among...
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG)

    เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต

    ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค

    ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค

    ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้

    ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น

    ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

    ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค

    จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้ ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 358 Views 0 Reviews
  • 199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง

    ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️

    📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย

    📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว

    🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์

    เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩

    ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย

    แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย

    🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน

    🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา

    ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯

    นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม

    🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

    สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน

    📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง

    วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭

    แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ

    🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦

    ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน

    🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568

    📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️ 📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย 📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว 🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์ เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩 ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย 🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน 🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯 นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม 🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน 📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭 แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ 🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦 ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน 🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568 📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    0 Comments 0 Shares 549 Views 0 Reviews
  • 58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️

    ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨

    เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️

    โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น

    “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร

    แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น

    ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม

    📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย

    ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา
    🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน

    นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น

    🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง

    ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี

    ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์

    ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน

    ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ...

    ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
    ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ
    ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน”
    ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน
    ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี

    การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น...
    🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้
    🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด”

    ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น?
    ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน
    ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน
    ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี

    ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ

    ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น

    “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568

    🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️ ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨ เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️ โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ 📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม 📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา 🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น 🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ... ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน” ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น... 🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้ 🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด” ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น? ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568 🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    0 Comments 0 Shares 540 Views 0 Reviews
  • **ผ้าไหมทอลายสูจิ่น เทคนิคการทออันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรม**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราตามรอย <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ไปยังแหล่งผลิตของผ้าไหมสูจิ่น (蜀锦) หรือเมืองอี้โจวในเรื่องซึ่งก็คือเมืองเฉิงตูนั่นเอง Storyฯ ได้กล่าวไว้ว่าผ้าไหมสูจิ่นเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดผ้าไหมทอลายของจีน และเทคนิคการทอผ้าสูจิ่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจีนเมื่อปี 2006 วันนี้มาคุยกันต่อค่ะ

    ประวัติการทอผ้าไหมจีนมีมายาวนานหลายพันปี แต่เทคนิคการทอผ้าสูจิ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมนี้มีมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 206 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) โดยมีหลักฐานจากการขุดพบเครื่องทอโบราณจากหลุมฝังศพสมัยราชวงศ์ฮั่น และใช้เวลานานมากในการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมัน เนื่องจากเอกสารข้อมูลที่หลงเหลือเกี่ยวกับมันมีน้อยมากอันสืบเนื่องจากเมืองเฉิงตูและเขตพื้นที่ทอผ้าได้รับความเสียหายจากไฟสงครามเมื่อแมนจูเข้ายึด ปัจจุบันมีการจำลองขึ้นใหม่จนใช้การได้จริง จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู (Chengdu Shu Brocade And Embroidery Museum) (ดูรูปประกอบ 2)

    นอกจากนี้ยังมีการขุดพบผ้าไหมทอลายสูจิ่นในพื้นที่แถบซินเกียงที่สะท้อนถึงความสามารถในการทอผ้าลายซับซ้อนในสมัยฮั่น โดยผลงานที่โด่งดังมากที่สุดคือผ้าหุ้มข้อมือที่มีชื่อเรียกว่า ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่จงกั๋ว’ (五星出东方利中国/ Five Stars Rising in the East) ผ้าผืนนี้มีสีสันสดใสโดยเน้นสีที่เป็นตัวแทนของห้าดาว (ห้าธาตุ) มีลายสัตว์มงคลและตัวอักษร ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่ตงกั๋ว’ และเนื่องด้วยมีการค้นพบเศษผ้าอื่นที่มีลายต่อเนื่องกัน ผู้เชี่ยวชาญจึงวิเคราะห์ไว้ว่าผ้าผืนเต็มประกอบด้วยตัวอักษรยี่สิบอักษร เป็นผ้าทอเนื้อละเอียดมาก ภายในผ้าหนึ่งตารางเซ็นติเมตรมีด้ายยืนทับซ้อนกันทั้งสิ้นกว่า 200 เส้น!

    ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เครื่องทอผ้าถูกพัฒนาให้ทอลายที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้นและมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น โดยมีการบรรยายลักษณะไว้ในบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 เพื่อบันทึกถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง (ดูรูปประกอบ 3) ปัจจุบันมีเครื่องโบราณจริงจากสมัยชิงแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู

    เครื่องทอที่ว่านี้ต้องใช้ช่างทอสองคนพร้อมกัน คนหนึ่งนั่งข้างบนบังคับกลุ่มเส้นไหมเพื่อจัดลายทอ อีกคนหนึ่งนั่งข้างล่างทำหน้าที่ทอและดูแลเรื่องเฉดสี รวมแล้วมีเส้นไหมกว่าหมื่นเส้นที่ต้องบังคับ มีขนาดเล็กคือ ‘เสี่ยวฮวาโหลว’ และขนาดใหญ่คือ ‘ต้าฮวาโหลว’ โดยต้าฮวาโหลวมีความสูงถึงห้าเมตร

    แม้แต่อาจารย์ผู้มีประสบการณ์มาหลายสิบปียังสามารถทอได้เพียงไม่เกินสิบเซ็นติเมตรต่อวันด้วยมันต้องใช้แรงและโฟกัสมาก และความยากที่สุดของการทอผ้าไหมสูจิ่นด้วยเครื่องอย่างนี้คือการเอาลายที่ดีไซน์บนภาพวาดแปลงออกมาเป็นการเรียงเส้นไหมนั่งเอง เล่าอย่างนี้อาจนึกภาพไม่ออก เพื่อนเพจลองดูคลิปสั้นนี้ก็จะพอเห็นภาพค่ะ https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M และหากใครพอมีเวลาก็ลองดูสาระคดียาวประมาณ 15 นาทีมีซับภาษาอังกฤษ ก็จะเห็นความซับซ้อนของการทอผ้าสูจิ่นอย่างเต็มรูปแบบ... https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s

    เอกลักษณ์ของผ้าสูจิ่นคือลายทอพื้นเมือง เทคนิคการทอลายทับซ้อนได้หลายชั้นและมีสีสันที่สดใส โดยมีชื่อเรียกจำแนกชนิดย่อยไปได้อีกตามลายทอ อธิบายเช่นนี้ก็คงจะยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แต่ในรูปประกอบ 1 ก็พอจะเห็นบางส่วนของลายทอต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://m.bjnews.com.cn/detail/1732938607168793.html
    https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=1083381463798209&id=100063790956424
    https://j.021east.com/p/1652758642049238
    https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html
    https://www.ccmapp.cn/news/detail?id=bd8d36d9-2b59-4fa0-b8e9-7d8b65852db3&categoryid=&categoryname=最新资讯
    https://www.chinasilkmuseum.com/cs/info_164.aspx?itemid=26725
    https://www.researchgate.net/figure/Traditional-Chinese-drawbar-silk-loom-Roads-to-Zanadu_fig4_284551990
    https://news.qq.com/rain/a/20241229A059DQ00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s
    https://www.youtube.com/watch?v=1zNDpGNh_Z4&t=1197s
    https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html

    #ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ #ผ้าไหมจีน #ผ้าไหมจิ่น #สูจิ่น #เฉิงตู #สามก๊ก #สี่สุดยอดผ้าไหมจีน #เครื่องทอผ้าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ผ้าไหมทอลายสูจิ่น เทคนิคการทออันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรม** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราตามรอย <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ไปยังแหล่งผลิตของผ้าไหมสูจิ่น (蜀锦) หรือเมืองอี้โจวในเรื่องซึ่งก็คือเมืองเฉิงตูนั่นเอง Storyฯ ได้กล่าวไว้ว่าผ้าไหมสูจิ่นเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดผ้าไหมทอลายของจีน และเทคนิคการทอผ้าสูจิ่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจีนเมื่อปี 2006 วันนี้มาคุยกันต่อค่ะ ประวัติการทอผ้าไหมจีนมีมายาวนานหลายพันปี แต่เทคนิคการทอผ้าสูจิ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมนี้มีมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 206 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) โดยมีหลักฐานจากการขุดพบเครื่องทอโบราณจากหลุมฝังศพสมัยราชวงศ์ฮั่น และใช้เวลานานมากในการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมัน เนื่องจากเอกสารข้อมูลที่หลงเหลือเกี่ยวกับมันมีน้อยมากอันสืบเนื่องจากเมืองเฉิงตูและเขตพื้นที่ทอผ้าได้รับความเสียหายจากไฟสงครามเมื่อแมนจูเข้ายึด ปัจจุบันมีการจำลองขึ้นใหม่จนใช้การได้จริง จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู (Chengdu Shu Brocade And Embroidery Museum) (ดูรูปประกอบ 2) นอกจากนี้ยังมีการขุดพบผ้าไหมทอลายสูจิ่นในพื้นที่แถบซินเกียงที่สะท้อนถึงความสามารถในการทอผ้าลายซับซ้อนในสมัยฮั่น โดยผลงานที่โด่งดังมากที่สุดคือผ้าหุ้มข้อมือที่มีชื่อเรียกว่า ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่จงกั๋ว’ (五星出东方利中国/ Five Stars Rising in the East) ผ้าผืนนี้มีสีสันสดใสโดยเน้นสีที่เป็นตัวแทนของห้าดาว (ห้าธาตุ) มีลายสัตว์มงคลและตัวอักษร ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่ตงกั๋ว’ และเนื่องด้วยมีการค้นพบเศษผ้าอื่นที่มีลายต่อเนื่องกัน ผู้เชี่ยวชาญจึงวิเคราะห์ไว้ว่าผ้าผืนเต็มประกอบด้วยตัวอักษรยี่สิบอักษร เป็นผ้าทอเนื้อละเอียดมาก ภายในผ้าหนึ่งตารางเซ็นติเมตรมีด้ายยืนทับซ้อนกันทั้งสิ้นกว่า 200 เส้น! ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เครื่องทอผ้าถูกพัฒนาให้ทอลายที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้นและมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น โดยมีการบรรยายลักษณะไว้ในบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 เพื่อบันทึกถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง (ดูรูปประกอบ 3) ปัจจุบันมีเครื่องโบราณจริงจากสมัยชิงแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู เครื่องทอที่ว่านี้ต้องใช้ช่างทอสองคนพร้อมกัน คนหนึ่งนั่งข้างบนบังคับกลุ่มเส้นไหมเพื่อจัดลายทอ อีกคนหนึ่งนั่งข้างล่างทำหน้าที่ทอและดูแลเรื่องเฉดสี รวมแล้วมีเส้นไหมกว่าหมื่นเส้นที่ต้องบังคับ มีขนาดเล็กคือ ‘เสี่ยวฮวาโหลว’ และขนาดใหญ่คือ ‘ต้าฮวาโหลว’ โดยต้าฮวาโหลวมีความสูงถึงห้าเมตร แม้แต่อาจารย์ผู้มีประสบการณ์มาหลายสิบปียังสามารถทอได้เพียงไม่เกินสิบเซ็นติเมตรต่อวันด้วยมันต้องใช้แรงและโฟกัสมาก และความยากที่สุดของการทอผ้าไหมสูจิ่นด้วยเครื่องอย่างนี้คือการเอาลายที่ดีไซน์บนภาพวาดแปลงออกมาเป็นการเรียงเส้นไหมนั่งเอง เล่าอย่างนี้อาจนึกภาพไม่ออก เพื่อนเพจลองดูคลิปสั้นนี้ก็จะพอเห็นภาพค่ะ https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M และหากใครพอมีเวลาก็ลองดูสาระคดียาวประมาณ 15 นาทีมีซับภาษาอังกฤษ ก็จะเห็นความซับซ้อนของการทอผ้าสูจิ่นอย่างเต็มรูปแบบ... https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s เอกลักษณ์ของผ้าสูจิ่นคือลายทอพื้นเมือง เทคนิคการทอลายทับซ้อนได้หลายชั้นและมีสีสันที่สดใส โดยมีชื่อเรียกจำแนกชนิดย่อยไปได้อีกตามลายทอ อธิบายเช่นนี้ก็คงจะยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แต่ในรูปประกอบ 1 ก็พอจะเห็นบางส่วนของลายทอต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://m.bjnews.com.cn/detail/1732938607168793.html https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=1083381463798209&id=100063790956424 https://j.021east.com/p/1652758642049238 https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html https://www.ccmapp.cn/news/detail?id=bd8d36d9-2b59-4fa0-b8e9-7d8b65852db3&categoryid=&categoryname=最新资讯 https://www.chinasilkmuseum.com/cs/info_164.aspx?itemid=26725 https://www.researchgate.net/figure/Traditional-Chinese-drawbar-silk-loom-Roads-to-Zanadu_fig4_284551990 https://news.qq.com/rain/a/20241229A059DQ00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s https://www.youtube.com/watch?v=1zNDpGNh_Z4&t=1197s https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html #ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ #ผ้าไหมจีน #ผ้าไหมจิ่น #สูจิ่น #เฉิงตู #สามก๊ก #สี่สุดยอดผ้าไหมจีน #เครื่องทอผ้าจีนโบราณ #สาระจีน
    3 Comments 0 Shares 604 Views 0 Reviews
  • Tencent กำลังเตรียมเปิดตัว Hunyuan T1 โมเดล AI ขนาดใหญ่สุดล้ำที่ใช้สถาปัตยกรรม Mamba ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานประมวลผลข้อมูลระดับสูง โมเดลนี้ต่อยอดจาก Hunyuan Turbo S ที่ติดอันดับในแพลตฟอร์มการจัดอันดับ AI และอาจกลายเป็นเกมเปลี่ยนสำคัญในอุตสาหกรรม

    ความสามารถของโมเดล Hunyuan T1:
    - มุ่งเน้นการประมวลผลเชิงการให้เหตุผลที่มีความซับซ้อนสูงและรวดเร็ว ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ในแอปพลิเคชันและบริการหลากหลาย เช่น แชทบอท, การค้นหา, และระบบวิเคราะห์ข้อมูล.

    การแข่งขันในอุตสาหกรรม AI:
    - Hunyuan Turbo S ของ Tencent เคยติดอันดับที่ 15 ใน Chatbot Arena LLM Leaderboard ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่จัดอันดับโมเดลจากการโหวตของผู้ใช้จริงในเรื่องคุณภาพการตอบกลับ โดยอันดับปัจจุบันของ DeepSeek R1 อยู่อันดับที่ 7.

    จุดเด่นของ Mamba Architecture:
    - สถาปัตยกรรมนี้เน้นการกระจายการประมวลผลและลดความสูญเสียของข้อมูลในระหว่างการคำนวณ ทำให้เหมาะกับการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่และการทำงานร่วมกับข้อมูลปริมาณมหาศาล.

    เป้าหมายของ Tencent ในอนาคต:
    - Tencent วางแผนที่จะขยายการใช้งานโมเดล Hunyuan T1 ในหลายธุรกิจ ตั้งแต่เทคโนโลยีการศึกษา ระบบสุขภาพ ไปจนถึงบริการอีคอมเมิร์ซ.

    https://www.techpowerup.com/334375/tencent-will-launch-hunyuan-t1-inference-model-on-march-21
    Tencent กำลังเตรียมเปิดตัว Hunyuan T1 โมเดล AI ขนาดใหญ่สุดล้ำที่ใช้สถาปัตยกรรม Mamba ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานประมวลผลข้อมูลระดับสูง โมเดลนี้ต่อยอดจาก Hunyuan Turbo S ที่ติดอันดับในแพลตฟอร์มการจัดอันดับ AI และอาจกลายเป็นเกมเปลี่ยนสำคัญในอุตสาหกรรม ความสามารถของโมเดล Hunyuan T1: - มุ่งเน้นการประมวลผลเชิงการให้เหตุผลที่มีความซับซ้อนสูงและรวดเร็ว ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ในแอปพลิเคชันและบริการหลากหลาย เช่น แชทบอท, การค้นหา, และระบบวิเคราะห์ข้อมูล. การแข่งขันในอุตสาหกรรม AI: - Hunyuan Turbo S ของ Tencent เคยติดอันดับที่ 15 ใน Chatbot Arena LLM Leaderboard ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่จัดอันดับโมเดลจากการโหวตของผู้ใช้จริงในเรื่องคุณภาพการตอบกลับ โดยอันดับปัจจุบันของ DeepSeek R1 อยู่อันดับที่ 7. จุดเด่นของ Mamba Architecture: - สถาปัตยกรรมนี้เน้นการกระจายการประมวลผลและลดความสูญเสียของข้อมูลในระหว่างการคำนวณ ทำให้เหมาะกับการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่และการทำงานร่วมกับข้อมูลปริมาณมหาศาล. เป้าหมายของ Tencent ในอนาคต: - Tencent วางแผนที่จะขยายการใช้งานโมเดล Hunyuan T1 ในหลายธุรกิจ ตั้งแต่เทคโนโลยีการศึกษา ระบบสุขภาพ ไปจนถึงบริการอีคอมเมิร์ซ. https://www.techpowerup.com/334375/tencent-will-launch-hunyuan-t1-inference-model-on-march-21
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Tencent Will Launch Hunyuan T1 Inference Model on March 21
    Tencent's large language model (LLM) specialist division has announced the imminent launch of their T1 AI inference model. The Chinese technology giant's Hunyuan social media accounts revealed a grand arrival, scheduled to take place on Friday (March 21). A friendly reminder was issued to interested...
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • Seagate กำลังเปลี่ยนแปลงวงการเก็บข้อมูลด้วยฮาร์ดดิสก์ NVMe ที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่าและลดความซับซ้อนในศูนย์ข้อมูล งานนี้เหมาะกับการใช้งานในระบบ AI ที่ต้องประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่มาก โดยพัฒนาระบบที่ช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่าง GPU และพื้นที่เก็บข้อมูลลื่นไหลขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ศูนย์ข้อมูลที่ใช้ HDD สามารถแข่งกับ SSD ได้ในแง่ของต้นทุนและประสิทธิภาพในระยะยาว

    ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า:
    - เทคโนโลยี NVMe มอบความเร็วในการส่งข้อมูลสูงกว่าระบบเดิม (SATA และ SAS) ซึ่งมีขีดจำกัดที่ 6-12 Gbps ขณะที่ NVMe บน PCIe รองรับความเร็วสูงสุดถึง 128 GB/s พร้อมความสามารถในการประมวลผลแบบขนานที่เหมาะกับงาน AI.
    - NVMe ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลสามารถส่งตรงระหว่าง GPU และพื้นที่เก็บข้อมูลได้ โดยไม่ต้องผ่าน CPU ลดปัญหาคอขวดในระบบ.

    ระบบต้นแบบของ Seagate:
    - ระบบประกอบด้วย HDD ที่รองรับ NVMe จำนวน 8 ตัว, SSD สำหรับแคชข้อมูล 4 ตัว, DPU Nvidia BlueField 3 และซอฟต์แวร์ AIStore ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูล.
    - ซอฟต์แวร์นี้ยังสามารถปรับปรุงการแคชข้อมูลและจัดเรียงลำดับการใช้งานข้อมูลอัตโนมัติ ทำให้การฝึก AI โมเดลทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น.

    ข้อได้เปรียบในระยะยาว:
    - การเพิ่ม NVMe เข้ากับ HDD ช่วยลดความซับซ้อนของระบบ ลดต้นทุนจากการใช้ตัวกลาง (HBAs) และสามารถขยายขนาดระบบไปสู่ระดับเอกซาไบต์ได้โดยใช้ NVMe-over-Fabric (NVMe-oF).

    ข้อจำกัดและความท้าทาย:
    - HDD ที่มี NVMe อาจมีปัญหาประสิทธิภาพ IOPS ต่อความจุ (TB) ที่ลดลงในอนาคตเมื่อใช้งานในกลุ่มงาน AI และอาจจำเป็นต้องใช้ HDD แบบ Dual-Actuator เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ.

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/gpu-meets-pcie-based-hard-drives-seagate-and-nvidia-demo-nvme-hdds
    Seagate กำลังเปลี่ยนแปลงวงการเก็บข้อมูลด้วยฮาร์ดดิสก์ NVMe ที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่าและลดความซับซ้อนในศูนย์ข้อมูล งานนี้เหมาะกับการใช้งานในระบบ AI ที่ต้องประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่มาก โดยพัฒนาระบบที่ช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่าง GPU และพื้นที่เก็บข้อมูลลื่นไหลขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ศูนย์ข้อมูลที่ใช้ HDD สามารถแข่งกับ SSD ได้ในแง่ของต้นทุนและประสิทธิภาพในระยะยาว ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า: - เทคโนโลยี NVMe มอบความเร็วในการส่งข้อมูลสูงกว่าระบบเดิม (SATA และ SAS) ซึ่งมีขีดจำกัดที่ 6-12 Gbps ขณะที่ NVMe บน PCIe รองรับความเร็วสูงสุดถึง 128 GB/s พร้อมความสามารถในการประมวลผลแบบขนานที่เหมาะกับงาน AI. - NVMe ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลสามารถส่งตรงระหว่าง GPU และพื้นที่เก็บข้อมูลได้ โดยไม่ต้องผ่าน CPU ลดปัญหาคอขวดในระบบ. ระบบต้นแบบของ Seagate: - ระบบประกอบด้วย HDD ที่รองรับ NVMe จำนวน 8 ตัว, SSD สำหรับแคชข้อมูล 4 ตัว, DPU Nvidia BlueField 3 และซอฟต์แวร์ AIStore ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูล. - ซอฟต์แวร์นี้ยังสามารถปรับปรุงการแคชข้อมูลและจัดเรียงลำดับการใช้งานข้อมูลอัตโนมัติ ทำให้การฝึก AI โมเดลทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น. ข้อได้เปรียบในระยะยาว: - การเพิ่ม NVMe เข้ากับ HDD ช่วยลดความซับซ้อนของระบบ ลดต้นทุนจากการใช้ตัวกลาง (HBAs) และสามารถขยายขนาดระบบไปสู่ระดับเอกซาไบต์ได้โดยใช้ NVMe-over-Fabric (NVMe-oF). ข้อจำกัดและความท้าทาย: - HDD ที่มี NVMe อาจมีปัญหาประสิทธิภาพ IOPS ต่อความจุ (TB) ที่ลดลงในอนาคตเมื่อใช้งานในกลุ่มงาน AI และอาจจำเป็นต้องใช้ HDD แบบ Dual-Actuator เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ. https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/gpu-meets-pcie-based-hard-drives-seagate-and-nvidia-demo-nvme-hdds
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • มีข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้ Windows เพราะพบช่องโหว่ใหม่ที่ชื่อ ZDI-CAN-25373 ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮ็กเกอร์แฝงโค้ดอันตรายในไฟล์ .LNK โดยผู้ใช้จะมองไม่เห็นคำสั่งนั้นเลย กลุ่มแฮ็กเกอร์จากหลายประเทศใช้ช่องโหว่นี้เพื่อจารกรรมข้อมูลทั่วโลก Microsoft บอกว่า Defender สามารถช่วยป้องกันได้ แต่ยังไม่มีแพตช์แก้ไขออกมา ดังนั้น ทุกคนควรระมัดระวังเรื่องไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ และอัปเดตระบบอยู่เสมอเพื่อป้องกันความเสี่ยง

    รายละเอียดของช่องโหว่:
    - ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการแสดงผลไฟล์ .LNK (Shortcut) โดยผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ในไฟล์ผ่านการเติมช่องว่างพิเศษ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถมองเห็นโค้ดอันตรายได้จากอินเทอร์เฟซปกติ.

    กลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์:
    - การโจมตีโดยช่องโหว่นี้มุ่งเป้าไปที่หลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงอเมริกาเหนือ, ยุโรป, และเอเชียตะวันออก โดยมากกว่า 70% ของกรณีโจมตีมุ่งเน้นการจารกรรมข้อมูล ส่วนที่เหลือมีจุดประสงค์ทางการเงิน.

    มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง:
    - กลุ่มแฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ร่วมกับมัลแวร์ยอดนิยม เช่น Ursnif และ Trickbot และบริการมัลแวร์เช่า (Malware-as-a-Service) เพิ่มความซับซ้อนของการโจมตี.

    ท่าทีของ Microsoft และข้อเสนอแนะ:
    - Microsoft ระบุว่าฟีเจอร์ Windows Defender และ Smart App Control สามารถตรวจจับและบล็อกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์ที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และใช้วิธีการป้องกันเพิ่มเติม เช่น อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบรักษาความปลอดภัยเป็นประจำ

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-windows-zero-day-exploited-by-11-state-hacking-groups-since-2017/
    มีข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้ Windows เพราะพบช่องโหว่ใหม่ที่ชื่อ ZDI-CAN-25373 ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮ็กเกอร์แฝงโค้ดอันตรายในไฟล์ .LNK โดยผู้ใช้จะมองไม่เห็นคำสั่งนั้นเลย กลุ่มแฮ็กเกอร์จากหลายประเทศใช้ช่องโหว่นี้เพื่อจารกรรมข้อมูลทั่วโลก Microsoft บอกว่า Defender สามารถช่วยป้องกันได้ แต่ยังไม่มีแพตช์แก้ไขออกมา ดังนั้น ทุกคนควรระมัดระวังเรื่องไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ และอัปเดตระบบอยู่เสมอเพื่อป้องกันความเสี่ยง รายละเอียดของช่องโหว่: - ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการแสดงผลไฟล์ .LNK (Shortcut) โดยผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ในไฟล์ผ่านการเติมช่องว่างพิเศษ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถมองเห็นโค้ดอันตรายได้จากอินเทอร์เฟซปกติ. กลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์: - การโจมตีโดยช่องโหว่นี้มุ่งเป้าไปที่หลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงอเมริกาเหนือ, ยุโรป, และเอเชียตะวันออก โดยมากกว่า 70% ของกรณีโจมตีมุ่งเน้นการจารกรรมข้อมูล ส่วนที่เหลือมีจุดประสงค์ทางการเงิน. มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง: - กลุ่มแฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ร่วมกับมัลแวร์ยอดนิยม เช่น Ursnif และ Trickbot และบริการมัลแวร์เช่า (Malware-as-a-Service) เพิ่มความซับซ้อนของการโจมตี. ท่าทีของ Microsoft และข้อเสนอแนะ: - Microsoft ระบุว่าฟีเจอร์ Windows Defender และ Smart App Control สามารถตรวจจับและบล็อกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์ที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และใช้วิธีการป้องกันเพิ่มเติม เช่น อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบรักษาความปลอดภัยเป็นประจำ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-windows-zero-day-exploited-by-11-state-hacking-groups-since-2017/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New Windows zero-day exploited by 11 state hacking groups since 2017
    At least 11 state-backed hacking groups from North Korea, Iran, Russia, and China have been exploiting a new Windows vulnerability in data theft and cyber espionage zero-day attacks since 2017.
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ของนักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ Yohanes Nugroho ผู้ที่ได้พัฒนาเครื่องมือถอดรหัสสำหรับ Akira Ransomware ในระบบ Linux โดยใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลของ GPU ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาการเข้ารหัสไฟล์ที่เคยเป็นเรื่องยากให้สามารถปลดล็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

    รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครื่องมือถอดรหัสนี้:

    1) กลไกการถอดรหัส เครื่องมือนี้อาศัยการคำนวณแบบ brute-force โดยใช้ GPU เพื่อค้นหากุญแจถอดรหัส โดยอาศัยช่องโหว่ของ Akira Ransomware ที่สร้างกุญแจเข้ารหัสจาก เวลาในหน่วยนาโนวินาที ซึ่งช่วยลดขอบเขตของความเป็นไปได้ในการค้นหา

    2) ความซับซ้อนในงานวิจัย Nugroho ใช้เวลา 3 สัปดาห์ในการพัฒนาเครื่องมือและลงทุนกว่า $1,200 สำหรับการเช่า GPU ที่ทรงพลัง เช่น RTX 4090 เพื่อทำการถอดรหัสกุญแจผ่านการประมวลผลที่มีศักยภาพสูง โดยใช้ GPU 16 ตัวพร้อมกัน ผลลัพธ์สามารถปลดล็อกไฟล์ได้ในเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง

    3) ผลลัพธ์และการพัฒนาเพิ่มเติม แม้เครื่องมือดังกล่าวจะได้รับการเผยแพร่บน GitHub เพื่อให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อสามารถนำไปใช้ได้ แต่ยังมีช่องว่างสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน GPU ในการปรับปรุงโค้ดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น

    งานวิจัยนี้ไม่เพียงช่วยให้เหยื่อสามารถกู้คืนไฟล์ได้ฟรี แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนผู้พัฒนาเครื่องมือความปลอดภัยในการปรับปรุงเทคนิคถอดรหัสมัลแวร์ให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงผู้พัฒนามัลแวร์ว่า การออกแบบที่ขาดความรอบคอบอาจถูกใช้เป็นจุดอ่อนในการแก้ไขได้

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/gpu-powered-akira-ransomware-decryptor-released-on-github/
    ข่าวนี้เล่าถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ของนักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ Yohanes Nugroho ผู้ที่ได้พัฒนาเครื่องมือถอดรหัสสำหรับ Akira Ransomware ในระบบ Linux โดยใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลของ GPU ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาการเข้ารหัสไฟล์ที่เคยเป็นเรื่องยากให้สามารถปลดล็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครื่องมือถอดรหัสนี้: 1) กลไกการถอดรหัส เครื่องมือนี้อาศัยการคำนวณแบบ brute-force โดยใช้ GPU เพื่อค้นหากุญแจถอดรหัส โดยอาศัยช่องโหว่ของ Akira Ransomware ที่สร้างกุญแจเข้ารหัสจาก เวลาในหน่วยนาโนวินาที ซึ่งช่วยลดขอบเขตของความเป็นไปได้ในการค้นหา 2) ความซับซ้อนในงานวิจัย Nugroho ใช้เวลา 3 สัปดาห์ในการพัฒนาเครื่องมือและลงทุนกว่า $1,200 สำหรับการเช่า GPU ที่ทรงพลัง เช่น RTX 4090 เพื่อทำการถอดรหัสกุญแจผ่านการประมวลผลที่มีศักยภาพสูง โดยใช้ GPU 16 ตัวพร้อมกัน ผลลัพธ์สามารถปลดล็อกไฟล์ได้ในเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง 3) ผลลัพธ์และการพัฒนาเพิ่มเติม แม้เครื่องมือดังกล่าวจะได้รับการเผยแพร่บน GitHub เพื่อให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อสามารถนำไปใช้ได้ แต่ยังมีช่องว่างสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน GPU ในการปรับปรุงโค้ดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น งานวิจัยนี้ไม่เพียงช่วยให้เหยื่อสามารถกู้คืนไฟล์ได้ฟรี แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนผู้พัฒนาเครื่องมือความปลอดภัยในการปรับปรุงเทคนิคถอดรหัสมัลแวร์ให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงผู้พัฒนามัลแวร์ว่า การออกแบบที่ขาดความรอบคอบอาจถูกใช้เป็นจุดอ่อนในการแก้ไขได้ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/gpu-powered-akira-ransomware-decryptor-released-on-github/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New Akira ransomware decryptor cracks encryptions keys using GPUs
    Security researcher Yohanes Nugroho has released a decryptor for the Linux variant of Akira ransomware, which utilizes GPU power to retrieve the decryption key and unlock files for free.
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • AI agents หรือ "ตัวแทนปัญญาประดิษฐ์" กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในโครงสร้างองค์กรยุคใหม่ พวกเขาทำหน้าที่คล้ายกับพนักงานที่ช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ได้รับการดูแลและจัดการโดยแผนก IT แทนที่จะเป็นฝ่าย HR

    == จุดเด่นของ AI agents ในบริบทนี้ ==
    1) เทคโนโลยีที่ก้าวข้ามข้อจำกัดของ Microservices AI agents มีศักยภาพเกินกว่าที่ระบบ microservices แบบเดิมเคยทำได้ พวกมันสามารถ "คิด" และ "ดำเนินการ" ได้เองโดยอิสระ ซึ่งไม่เคยมีในซอฟต์แวร์อื่น ๆ มาก่อน
    2) การจัดการ AI agents คล้าย HR ของมนุษย์ แผนก IT จะทำหน้าที่ดูแล AI agents ตั้งแต่การเลือกใช้งาน (onboarding) การฝึกฝน ไปจนถึงการปรับแต่งเพื่อให้เหมาะสมกับงานเฉพาะ แต่ในเชิงเทคนิคจะต้องลงลึกกว่าการจัดการพนักงานทั่วไปมาก
    3) ช่วยจัดการข้อมูลแบบใหม่ AI agents สามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบกระจายศูนย์แทนที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในจุดเดียว ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในการทำงาน
    4) สร้างความเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กร เนื่องจาก AI agents ไม่มีอารมณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI agents อาจต้องมีการปรับตัว เช่น การสื่อสารในรูปแบบที่เหมาะสม หรือการเปลี่ยนวิธีการทำงานในองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ AI

    == สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม ==
    - มีการถกเถียงถึงความน่าเชื่อถือของ AI agents ซึ่งอิงจากการทำงานแบบ probabilistic (คาดคะเนตามข้อมูลที่มี) มากกว่าการตัดสินใจแบบแน่นอน
    - การนำ AI agents มาใช้ในองค์กรไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วและคุณภาพของงาน แต่ยังท้าทายวิธีคิดเดิม ๆ ในการบริหารจัดการทรัพยากร

    บทความนี้จึงชี้ให้เห็นถึงอนาคตขององค์กรยุคใหม่ที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงคนทำงาน แต่ยังมี "ตัวแทนดิจิทัล" มาทำหน้าที่ร่วมด้วย

    https://www.zdnet.com/article/as-ai-agents-multiply-it-becomes-the-new-hr-department/
    AI agents หรือ "ตัวแทนปัญญาประดิษฐ์" กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในโครงสร้างองค์กรยุคใหม่ พวกเขาทำหน้าที่คล้ายกับพนักงานที่ช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ได้รับการดูแลและจัดการโดยแผนก IT แทนที่จะเป็นฝ่าย HR == จุดเด่นของ AI agents ในบริบทนี้ == 1) เทคโนโลยีที่ก้าวข้ามข้อจำกัดของ Microservices AI agents มีศักยภาพเกินกว่าที่ระบบ microservices แบบเดิมเคยทำได้ พวกมันสามารถ "คิด" และ "ดำเนินการ" ได้เองโดยอิสระ ซึ่งไม่เคยมีในซอฟต์แวร์อื่น ๆ มาก่อน 2) การจัดการ AI agents คล้าย HR ของมนุษย์ แผนก IT จะทำหน้าที่ดูแล AI agents ตั้งแต่การเลือกใช้งาน (onboarding) การฝึกฝน ไปจนถึงการปรับแต่งเพื่อให้เหมาะสมกับงานเฉพาะ แต่ในเชิงเทคนิคจะต้องลงลึกกว่าการจัดการพนักงานทั่วไปมาก 3) ช่วยจัดการข้อมูลแบบใหม่ AI agents สามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบกระจายศูนย์แทนที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในจุดเดียว ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในการทำงาน 4) สร้างความเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กร เนื่องจาก AI agents ไม่มีอารมณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI agents อาจต้องมีการปรับตัว เช่น การสื่อสารในรูปแบบที่เหมาะสม หรือการเปลี่ยนวิธีการทำงานในองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ AI == สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม == - มีการถกเถียงถึงความน่าเชื่อถือของ AI agents ซึ่งอิงจากการทำงานแบบ probabilistic (คาดคะเนตามข้อมูลที่มี) มากกว่าการตัดสินใจแบบแน่นอน - การนำ AI agents มาใช้ในองค์กรไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วและคุณภาพของงาน แต่ยังท้าทายวิธีคิดเดิม ๆ ในการบริหารจัดการทรัพยากร บทความนี้จึงชี้ให้เห็นถึงอนาคตขององค์กรยุคใหม่ที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงคนทำงาน แต่ยังมี "ตัวแทนดิจิทัล" มาทำหน้าที่ร่วมด้วย https://www.zdnet.com/article/as-ai-agents-multiply-it-becomes-the-new-hr-department/
    WWW.ZDNET.COM
    As AI agents multiply, IT becomes the new HR department
    Fast becoming the emerging power behind enterprise microservices, AI agents will need to be acquired, onboarded, and guided - just like their human counterparts. Here's how that works.
    0 Comments 0 Shares 407 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับปัญหาการหยุดชะงักของ Exchange Online ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งและรับอีเมลในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท Microsoft ระบุว่าสาเหตุของปัญหามาจากการอัปเดตระบบที่มีข้อผิดพลาดในโค้ด ซึ่งทำให้โครงสร้างบริการบางส่วนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ แม้ว่าบางพื้นที่จะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ยังคงมีปัญหาในบางกรณีเกี่ยวกับการส่งอีเมลและการจัดการไฟล์แนบ โดยผู้ใช้อาจพบข้อความแสดงข้อผิดพลาด "554 5.6.0 Corrupt message content"

    ปัญหานี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2025 โดย Microsoft ได้รายงานและติดตามเหตุการณ์นี้ผ่านรหัส EX1027675 นอกจากนี้ บริษัทกำลังจัดการปัญหาที่คล้ายกันภายใต้รหัส EX1030895 ซึ่งยังคงอยู่ในระหว่างการทดสอบการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม:
    - Microsoft แนะนำให้ส่งไฟล์แนบในรูปแบบ ZIP เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการส่งอีเมลขัดข้อง
    - ปัญหานี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เช่น การหยุดชะงักในบริการ Teams และ Outlook ก่อนหน้านี้

    เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของการบริหารโครงสร้างพื้นฐานบริการขนาดใหญ่ และความสำคัญของการทดสอบอัปเดตก่อนใช้งานในระบบจริง

    https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/week-long-exchange-online-outage-causes-email-failures-delays/
    ข่าวนี้เกี่ยวกับปัญหาการหยุดชะงักของ Exchange Online ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งและรับอีเมลในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท Microsoft ระบุว่าสาเหตุของปัญหามาจากการอัปเดตระบบที่มีข้อผิดพลาดในโค้ด ซึ่งทำให้โครงสร้างบริการบางส่วนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ แม้ว่าบางพื้นที่จะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ยังคงมีปัญหาในบางกรณีเกี่ยวกับการส่งอีเมลและการจัดการไฟล์แนบ โดยผู้ใช้อาจพบข้อความแสดงข้อผิดพลาด "554 5.6.0 Corrupt message content" ปัญหานี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2025 โดย Microsoft ได้รายงานและติดตามเหตุการณ์นี้ผ่านรหัส EX1027675 นอกจากนี้ บริษัทกำลังจัดการปัญหาที่คล้ายกันภายใต้รหัส EX1030895 ซึ่งยังคงอยู่ในระหว่างการทดสอบการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม: - Microsoft แนะนำให้ส่งไฟล์แนบในรูปแบบ ZIP เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการส่งอีเมลขัดข้อง - ปัญหานี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เช่น การหยุดชะงักในบริการ Teams และ Outlook ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของการบริหารโครงสร้างพื้นฐานบริการขนาดใหญ่ และความสำคัญของการทดสอบอัปเดตก่อนใช้งานในระบบจริง https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/week-long-exchange-online-outage-causes-email-failures-delays/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Week-long Exchange Online outage causes email failures, delays
    Microsoft says it partially mitigated a week-long Exchange Online outage causing delays or failures when sending or receiving email messages.
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เป็นมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องมือ AI ในชีวิตประจำวัน โดยผู้เขียนแนะนำว่า ควรเพิกเฉยต่อเครื่องมือ AI ส่วนใหญ่ที่ออกมา และมุ่งเน้นเฉพาะสิ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในชีวิตและการทำงานของคุณจริงๆ

    แนวคิดหลักจากบทความนี้มีดังนี้:
    1) เลือกใช้ AI เพื่อแก้ปัญหา: ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่าแทนที่จะไล่ตามเครื่องมือใหม่ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน การเริ่มต้นด้วยการระบุปัญหาในชีวิตหรือการทำงานที่ต้องการแก้ไขจะช่วยให้คุณเลือกใช้ AI ที่มีประโยชน์ได้ดีกว่า
    2) ทดลองก่อนตัดสินใจ: เลือกเครื่องมือ AI เพียง 2-3 ตัว มาลองใช้งานในชีวิตประจำวันดู หากพบว่าใช้งานสะดวกหรือช่วยลดเวลาได้มากก็ควรเลือกใช้งานต่อไป และละทิ้งเครื่องมือที่ไม่ได้ให้ประโยชน์จริง

    ตัวอย่างเครื่องมือ AI ที่ถูกแนะนำว่าใช้งานได้จริง:
    - ChatGPT: ใช้ในการช่วยคิดไอเดียใหม่ ๆ แต่อาจไม่เหมาะสำหรับการสร้างเนื้อหาเชิงลึก
    - Perplexity: เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้แทน Google ในงานค้นคว้าได้
    - Grammarly: ตัวช่วยในการตรวจสอบไวยากรณ์และการสะกดคำ
    - Canva: ใช้ออกแบบพรีเซนเทชันหรือเนื้อหาด้านกราฟิกอย่างรวดเร็ว

    บทความยังเน้นความสำคัญของการรับมือกับความรู้สึกกลัวว่าจะพลาดสิ่งใหม่ (AI FOMO – Fear of Missing Out) โดยใช้กลยุทธ์เช่น การจำกัดเวลาที่จะอัปเดตข้อมูลเพียงสัปดาห์ละครั้ง และยึดมั่นในคุณภาพข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ การใช้งาน AI ให้เกิดประโยชน์ยังต้องมาจากการลงมือปฏิบัติจริงแทนการเรียนรู้เพียงเพื่อเก็บข้อมูลไว้เฉยๆ

    บทเรียนที่ได้คือ ไม่ใช่ว่าทุกเทคโนโลยีใหม่จะเหมาะกับคุณ การเลือกใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยลดความซับซ้อนในชีวิตและเพิ่มคุณค่าที่แท้จริง

    https://www.zdnet.com/article/heres-why-you-should-ignore-99-of-ai-tools-and-which-four-i-use-every-day/
    ข่าวนี้เป็นมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องมือ AI ในชีวิตประจำวัน โดยผู้เขียนแนะนำว่า ควรเพิกเฉยต่อเครื่องมือ AI ส่วนใหญ่ที่ออกมา และมุ่งเน้นเฉพาะสิ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในชีวิตและการทำงานของคุณจริงๆ แนวคิดหลักจากบทความนี้มีดังนี้: 1) เลือกใช้ AI เพื่อแก้ปัญหา: ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่าแทนที่จะไล่ตามเครื่องมือใหม่ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน การเริ่มต้นด้วยการระบุปัญหาในชีวิตหรือการทำงานที่ต้องการแก้ไขจะช่วยให้คุณเลือกใช้ AI ที่มีประโยชน์ได้ดีกว่า 2) ทดลองก่อนตัดสินใจ: เลือกเครื่องมือ AI เพียง 2-3 ตัว มาลองใช้งานในชีวิตประจำวันดู หากพบว่าใช้งานสะดวกหรือช่วยลดเวลาได้มากก็ควรเลือกใช้งานต่อไป และละทิ้งเครื่องมือที่ไม่ได้ให้ประโยชน์จริง ตัวอย่างเครื่องมือ AI ที่ถูกแนะนำว่าใช้งานได้จริง: - ChatGPT: ใช้ในการช่วยคิดไอเดียใหม่ ๆ แต่อาจไม่เหมาะสำหรับการสร้างเนื้อหาเชิงลึก - Perplexity: เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้แทน Google ในงานค้นคว้าได้ - Grammarly: ตัวช่วยในการตรวจสอบไวยากรณ์และการสะกดคำ - Canva: ใช้ออกแบบพรีเซนเทชันหรือเนื้อหาด้านกราฟิกอย่างรวดเร็ว บทความยังเน้นความสำคัญของการรับมือกับความรู้สึกกลัวว่าจะพลาดสิ่งใหม่ (AI FOMO – Fear of Missing Out) โดยใช้กลยุทธ์เช่น การจำกัดเวลาที่จะอัปเดตข้อมูลเพียงสัปดาห์ละครั้ง และยึดมั่นในคุณภาพข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ การใช้งาน AI ให้เกิดประโยชน์ยังต้องมาจากการลงมือปฏิบัติจริงแทนการเรียนรู้เพียงเพื่อเก็บข้อมูลไว้เฉยๆ บทเรียนที่ได้คือ ไม่ใช่ว่าทุกเทคโนโลยีใหม่จะเหมาะกับคุณ การเลือกใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยลดความซับซ้อนในชีวิตและเพิ่มคุณค่าที่แท้จริง https://www.zdnet.com/article/heres-why-you-should-ignore-99-of-ai-tools-and-which-four-i-use-every-day/
    WWW.ZDNET.COM
    Here's why you should ignore 99% of AI tools - and which four I use every day
    Everyone's chasing the latest AI hype, but here's how ignoring most of it can actually make you smarter, faster, and less stressed.
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้ตรวจพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ในชื่อ XCSSET ซึ่งมุ่งเป้าโจมตีผู้ใช้ macOS โดยเฉพาะผ่านโครงการ Xcode ที่ติดไวรัส แม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้จะถูกระบุว่ามีจำนวนจำกัดในปัจจุบัน แต่นักวิจัยเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง

    XCSSET ไม่ใช่มัลแวร์ใหม่เสียทีเดียว แต่รุ่นล่าสุดนี้มาพร้อมกับเทคนิคใหม่ในการปกปิดร่องรอย (obfuscation) รวมถึงวิธีการติดตั้งตัวเองในระบบเป้าหมายที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนไฟล์ zshrc และการใช้โปรแกรม Dock เพื่อสร้างการคงอยู่ในระบบ (persistence) นอกจากนี้ มัลแวร์ยังสามารถขโมยข้อมูลสำคัญได้หลายอย่าง เช่น ข้อมูลในกระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallet) บันทึกในแอป Notes และข้อมูลระบบ

    น่าสนใจที่มัลแวร์นี้ใช้ประโยชน์จากโครงการ Xcode ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาของ Apple โดยแพร่กระจายผ่านโครงการที่ถูกดาวน์โหลดหรือโคลนมาจากแหล่งที่ไม่เชื่อถือได้ ทำให้มัลแวร์นี้เข้าถึงผู้ใช้งานที่ต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันในระบบ Apple ได้ง่ายขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-uncovers-sleuthy-new-xcsset-macos-malware-campaign
    Microsoft ได้ตรวจพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ในชื่อ XCSSET ซึ่งมุ่งเป้าโจมตีผู้ใช้ macOS โดยเฉพาะผ่านโครงการ Xcode ที่ติดไวรัส แม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้จะถูกระบุว่ามีจำนวนจำกัดในปัจจุบัน แต่นักวิจัยเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง XCSSET ไม่ใช่มัลแวร์ใหม่เสียทีเดียว แต่รุ่นล่าสุดนี้มาพร้อมกับเทคนิคใหม่ในการปกปิดร่องรอย (obfuscation) รวมถึงวิธีการติดตั้งตัวเองในระบบเป้าหมายที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนไฟล์ zshrc และการใช้โปรแกรม Dock เพื่อสร้างการคงอยู่ในระบบ (persistence) นอกจากนี้ มัลแวร์ยังสามารถขโมยข้อมูลสำคัญได้หลายอย่าง เช่น ข้อมูลในกระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallet) บันทึกในแอป Notes และข้อมูลระบบ น่าสนใจที่มัลแวร์นี้ใช้ประโยชน์จากโครงการ Xcode ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาของ Apple โดยแพร่กระจายผ่านโครงการที่ถูกดาวน์โหลดหรือโคลนมาจากแหล่งที่ไม่เชื่อถือได้ ทำให้มัลแวร์นี้เข้าถึงผู้ใช้งานที่ต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันในระบบ Apple ได้ง่ายขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-uncovers-sleuthy-new-xcsset-macos-malware-campaign
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft uncovers sleuthy new XCSSET MacOS malware campaign
    XCSSET is back with better obfuscation, better persistence, and better infection techniques.
    0 Comments 0 Shares 425 Views 0 Reviews
More Results