• Smart Plug ไม่ใช่ปลั๊กวิเศษ! 5 สิ่งต้องห้ามเสียบเด็ดขาด ถ้าไม่อยากเสี่ยงไฟไหม้หรือระบบล่ม

    ในยุคบ้านอัจฉริยะที่ทุกอย่างควบคุมผ่านมือถือได้ Smart Plug กลายเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมที่ช่วยเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้กลายเป็นอุปกรณ์อัตโนมัติ เช่น ตั้งเวลาเปิดปิดไฟ หรือควบคุมพัดลมจากระยะไกล แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกอย่างจะเสียบกับ Smart Plug ได้อย่างปลอดภัย?

    บทความจาก SlashGear ได้เตือนว่า มีอุปกรณ์ 5 ประเภทที่ไม่ควรเสียบกับ Smart Plug เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ตั้งแต่ระบบล่มไปจนถึงไฟไหม้ และบางกรณีอาจถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต

    สรุปสิ่งที่ห้ามเสียบกับ Smart Plug

    1️⃣. อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง (High-power appliances)
    ข้อเท็จจริง
    Smart Plug ส่วนใหญ่รองรับเพียง 10–15 แอมป์
    อุปกรณ์อย่างเครื่องซักผ้า ฮีตเตอร์ แอร์ ใช้พลังงานมากเกินไป
    การเสียบอุปกรณ์เหล่านี้อาจทำให้ปลั๊กร้อนเกินไปจนละลายหรือไฟไหม้

    คำเตือน
    ห้ามเสียบอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน
    หากจำเป็นต้องใช้ ควรเลือก Smart Plug แบบ heavy-duty ที่ออกแบบมาสำหรับโหลดสูง

    2️⃣. ระบบรักษาความปลอดภัย (Security systems)
    ข้อเท็จจริง
    ระบบกล้อง สัญญาณกันขโมย เซ็นเซอร์ ต้องการไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
    Smart Plug อาจตัดไฟโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ระบบหยุดทำงาน
    หากเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi อาจถูกแฮกและควบคุมจากระยะไกล

    คำเตือน
    การตัดไฟโดยไม่ตั้งใจอาจทำให้บ้านไม่มีระบบป้องกัน
    ควรใช้ปลั๊กไฟที่มีแหล่งจ่ายไฟสำรอง (UPS) แทน

    3️⃣. อุปกรณ์ทางการแพทย์ (Healthcare equipment)
    ข้อเท็จจริง
    อุปกรณ์เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดความดัน ต้องการไฟฟ้าที่เสถียร
    Smart Plug ราคาถูกอาจไม่มีระบบความปลอดภัยที่เพียงพอ
    ความผิดพลาดอาจส่งผลถึงชีวิตผู้ป่วย

    คำเตือน
    ห้ามใช้ Smart Plug กับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยเด็ดขาด
    ระบบไฟฟ้าในโรงพยาบาลมีมาตรฐานสูงกว่าในบ้านทั่วไป

    4️⃣. อุปกรณ์ที่สร้างความร้อน (Appliances that generate heat)
    ข้อเท็จจริง
    อุปกรณ์เช่น เตาอบ ฮีตเตอร์ ไดร์เป่าผม ต้องการพลังงานสูงและควบคุมอุณหภูมิ
    หาก Wi-Fi หลุดหรือระบบล่ม อุปกรณ์อาจทำงานต่อโดยไม่หยุด
    เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หรือความเสียหายจากความร้อนสูง

    คำเตือน
    หลีกเลี่ยงการใช้ Smart Plug กับอุปกรณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหากเปิดทิ้งไว้
    ควรเสียบกับปลั๊กผนังโดยตรงเพื่อความปลอดภัย

    5️⃣. อุปกรณ์ที่มีระบบควบคุมแบบแมนนวล (Devices with manual settings)
    ข้อเท็จจริง
    Smart Plug ควบคุมแค่การจ่ายไฟ ไม่สามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ได้
    อุปกรณ์ที่ต้องกดปุ่มเปิดหลังจากจ่ายไฟ เช่น เครื่องซักผ้า อาจไม่ทำงานแม้เสียบปลั๊กแล้ว
    การรีสตาร์ทอัตโนมัติหลังไฟดับอาจทำให้เกิดการทำงานผิดพลาด

    คำเตือน
    Smart Plug ไม่สามารถทำให้อุปกรณ์ที่ต้องกดปุ่มเปิดทำงานอัตโนมัติได้
    ควรใช้กับอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชันเปิด/ปิดแบบง่าย เช่น โคมไฟ หรือพัดลม

    https://www.slashgear.com/2001326/never-plug-these-into-smart-plug/
    ⚡ Smart Plug ไม่ใช่ปลั๊กวิเศษ! 5 สิ่งต้องห้ามเสียบเด็ดขาด ถ้าไม่อยากเสี่ยงไฟไหม้หรือระบบล่ม ในยุคบ้านอัจฉริยะที่ทุกอย่างควบคุมผ่านมือถือได้ Smart Plug กลายเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมที่ช่วยเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้กลายเป็นอุปกรณ์อัตโนมัติ เช่น ตั้งเวลาเปิดปิดไฟ หรือควบคุมพัดลมจากระยะไกล แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกอย่างจะเสียบกับ Smart Plug ได้อย่างปลอดภัย? บทความจาก SlashGear ได้เตือนว่า มีอุปกรณ์ 5 ประเภทที่ไม่ควรเสียบกับ Smart Plug เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ตั้งแต่ระบบล่มไปจนถึงไฟไหม้ และบางกรณีอาจถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต 🔍 สรุปสิ่งที่ห้ามเสียบกับ Smart Plug 1️⃣. อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง (High-power appliances) ✅ ข้อเท็จจริง ➡️ Smart Plug ส่วนใหญ่รองรับเพียง 10–15 แอมป์ ➡️ อุปกรณ์อย่างเครื่องซักผ้า ฮีตเตอร์ แอร์ ใช้พลังงานมากเกินไป ➡️ การเสียบอุปกรณ์เหล่านี้อาจทำให้ปลั๊กร้อนเกินไปจนละลายหรือไฟไหม้ ‼️ คำเตือน ⛔ ห้ามเสียบอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน ⛔ หากจำเป็นต้องใช้ ควรเลือก Smart Plug แบบ heavy-duty ที่ออกแบบมาสำหรับโหลดสูง 2️⃣. ระบบรักษาความปลอดภัย (Security systems) ✅ ข้อเท็จจริง ➡️ ระบบกล้อง สัญญาณกันขโมย เซ็นเซอร์ ต้องการไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ➡️ Smart Plug อาจตัดไฟโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ระบบหยุดทำงาน ➡️ หากเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi อาจถูกแฮกและควบคุมจากระยะไกล ‼️ คำเตือน ⛔ การตัดไฟโดยไม่ตั้งใจอาจทำให้บ้านไม่มีระบบป้องกัน ⛔ ควรใช้ปลั๊กไฟที่มีแหล่งจ่ายไฟสำรอง (UPS) แทน 3️⃣. อุปกรณ์ทางการแพทย์ (Healthcare equipment) ✅ ข้อเท็จจริง ➡️ อุปกรณ์เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดความดัน ต้องการไฟฟ้าที่เสถียร ➡️ Smart Plug ราคาถูกอาจไม่มีระบบความปลอดภัยที่เพียงพอ ➡️ ความผิดพลาดอาจส่งผลถึงชีวิตผู้ป่วย ‼️ คำเตือน ⛔ ห้ามใช้ Smart Plug กับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยเด็ดขาด ⛔ ระบบไฟฟ้าในโรงพยาบาลมีมาตรฐานสูงกว่าในบ้านทั่วไป 4️⃣. อุปกรณ์ที่สร้างความร้อน (Appliances that generate heat) ✅ ข้อเท็จจริง ➡️ อุปกรณ์เช่น เตาอบ ฮีตเตอร์ ไดร์เป่าผม ต้องการพลังงานสูงและควบคุมอุณหภูมิ ➡️ หาก Wi-Fi หลุดหรือระบบล่ม อุปกรณ์อาจทำงานต่อโดยไม่หยุด ➡️ เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หรือความเสียหายจากความร้อนสูง ‼️ คำเตือน ⛔ หลีกเลี่ยงการใช้ Smart Plug กับอุปกรณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหากเปิดทิ้งไว้ ⛔ ควรเสียบกับปลั๊กผนังโดยตรงเพื่อความปลอดภัย 5️⃣. อุปกรณ์ที่มีระบบควบคุมแบบแมนนวล (Devices with manual settings) ✅ ข้อเท็จจริง ➡️ Smart Plug ควบคุมแค่การจ่ายไฟ ไม่สามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ได้ ➡️ อุปกรณ์ที่ต้องกดปุ่มเปิดหลังจากจ่ายไฟ เช่น เครื่องซักผ้า อาจไม่ทำงานแม้เสียบปลั๊กแล้ว ➡️ การรีสตาร์ทอัตโนมัติหลังไฟดับอาจทำให้เกิดการทำงานผิดพลาด ‼️ คำเตือน ⛔ Smart Plug ไม่สามารถทำให้อุปกรณ์ที่ต้องกดปุ่มเปิดทำงานอัตโนมัติได้ ⛔ ควรใช้กับอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชันเปิด/ปิดแบบง่าย เช่น โคมไฟ หรือพัดลม https://www.slashgear.com/2001326/never-plug-these-into-smart-plug/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Never Plug These 5 Things Into A Smart Plug - SlashGear
    Smart plugs are useful for bringing simple automations to appliances that aren't smart, but connecting them to those 5 things might not be a clever idea.
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • “Qwen3-VL จาก Ollama – โมเดล Vision Language ที่ทรงพลังที่สุด พร้อมควบคุมคอมพิวเตอร์ได้แบบอัตโนมัติ!”

    ลองจินตนาการว่าเราชี้กล้องมือถือไปที่ใบไม้ แล้วถามว่า “พิษกับหมาไหม?” หรือเปิดไฟล์ตารางบนคอมแล้วสั่ง AI ให้แปลงเป็นกราฟ — ทั้งหมดนี้ Qwen3-VL ทำได้แล้ว!

    นี่คือโมเดล Vision Language รุ่นใหม่จาก Alibaba ที่เปิดให้ใช้งานผ่าน Ollama โดยมีชื่อเต็มว่า Qwen3-VL-235B-A22B จุดเด่นคือความสามารถในการเข้าใจภาพและวิดีโออย่างลึกซึ้ง แล้วแปลงเป็นโค้ด HTML, CSS หรือ JavaScript ได้ทันที

    มันรองรับ input สูงถึง 1 ล้าน token ซึ่งหมายถึงสามารถประมวลผลวิดีโอความยาว 2 ชั่วโมง หรือเอกสารหลายร้อยหน้าได้ในคราวเดียว และยังเข้าใจตำแหน่งวัตถุ, มุมมอง, และข้อมูลเชิง 3D ได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ๆ

    ด้าน OCR ก็ไม่ธรรมดา รองรับถึง 32 ภาษา และสามารถอ่านจากภาพที่เบลอ, มืด, หรือเอียงได้อย่างแม่นยำ

    แต่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือความสามารถแบบ “agentic” — Qwen3-VL สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์หรือมือถือได้แบบอัตโนมัติ เช่น สั่งจองตั๋วบน Ticketmaster โดยเปิดเบราว์เซอร์, กรอกข้อมูล, เลือกที่นั่ง และกดยืนยัน โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกเองเลย

    แม้จะยังมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ เช่นกรอก ZIP code ผิด แต่ความเร็วในการทำงานนั้นเหนือกว่าหลายโมเดลที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน เช่น GPT-5, Claude หรือ Gemini

    ที่สำคัญคือ Qwen3-VL เปิดให้ใช้งานแบบ โอเพ่นซอร์ส ต่างจากคู่แข่งที่ต้องจ่ายเงิน ทำให้ชุมชนสามารถนำไปปรับแต่งและใช้งานได้อย่างอิสระ

    ความสามารถหลักของ Qwen3-VL
    แปลงภาพ/วิดีโอเป็นโค้ด HTML, CSS, JavaScript
    รองรับ input สูงสุด 1 ล้าน token
    เข้าใจตำแหน่งวัตถุ, มุมมอง, และข้อมูล 3D
    OCR รองรับ 32 ภาษา แม้ภาพเบลอหรือเอียง

    ความสามารถแบบ agentic
    ควบคุมคอมพิวเตอร์หรือมือถือได้แบบอัตโนมัติ
    สั่งจองตั๋ว, โพสต์ Reddit, เขียนข้อความ, สั่งซื้อสินค้า
    ทำงานแบบ end-to-end โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกเอง
    ความเร็วในการทำงานโดดเด่นกว่าคู่แข่ง

    จุดเด่นด้านการเปิดใช้งาน
    เปิดให้ใช้งานผ่าน Ollama
    เป็นโอเพ่นซอร์ส – นักพัฒนาสามารถปรับแต่งได้
    ไม่ต้องจ่ายเงินเหมือน GPT-5 หรือ Claude
    ได้คะแนนสูงใน benchmark เช่น OS World

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    ยังมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ เช่นกรอกข้อมูลผิด
    การควบคุมอัตโนมัติต้องมีระบบตรวจสอบความถูกต้อง
    การเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สอาจเสี่ยงต่อ misuse หากไม่มีการกำกับ
    ความสามารถสูงอาจนำไปใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่นการแพทย์หรือการเงิน ซึ่งต้องทดสอบก่อนใช้งานจริง

    https://www.slashgear.com/2004206/ollama-qwen3-vl-how-powerful-vision-language-model-works/
    👁️🧠 “Qwen3-VL จาก Ollama – โมเดล Vision Language ที่ทรงพลังที่สุด พร้อมควบคุมคอมพิวเตอร์ได้แบบอัตโนมัติ!” ลองจินตนาการว่าเราชี้กล้องมือถือไปที่ใบไม้ แล้วถามว่า “พิษกับหมาไหม?” หรือเปิดไฟล์ตารางบนคอมแล้วสั่ง AI ให้แปลงเป็นกราฟ — ทั้งหมดนี้ Qwen3-VL ทำได้แล้ว! นี่คือโมเดล Vision Language รุ่นใหม่จาก Alibaba ที่เปิดให้ใช้งานผ่าน Ollama โดยมีชื่อเต็มว่า Qwen3-VL-235B-A22B จุดเด่นคือความสามารถในการเข้าใจภาพและวิดีโออย่างลึกซึ้ง แล้วแปลงเป็นโค้ด HTML, CSS หรือ JavaScript ได้ทันที มันรองรับ input สูงถึง 1 ล้าน token ซึ่งหมายถึงสามารถประมวลผลวิดีโอความยาว 2 ชั่วโมง หรือเอกสารหลายร้อยหน้าได้ในคราวเดียว และยังเข้าใจตำแหน่งวัตถุ, มุมมอง, และข้อมูลเชิง 3D ได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ๆ ด้าน OCR ก็ไม่ธรรมดา รองรับถึง 32 ภาษา และสามารถอ่านจากภาพที่เบลอ, มืด, หรือเอียงได้อย่างแม่นยำ แต่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือความสามารถแบบ “agentic” — Qwen3-VL สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์หรือมือถือได้แบบอัตโนมัติ เช่น สั่งจองตั๋วบน Ticketmaster โดยเปิดเบราว์เซอร์, กรอกข้อมูล, เลือกที่นั่ง และกดยืนยัน โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกเองเลย แม้จะยังมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ เช่นกรอก ZIP code ผิด แต่ความเร็วในการทำงานนั้นเหนือกว่าหลายโมเดลที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน เช่น GPT-5, Claude หรือ Gemini ที่สำคัญคือ Qwen3-VL เปิดให้ใช้งานแบบ โอเพ่นซอร์ส ต่างจากคู่แข่งที่ต้องจ่ายเงิน ทำให้ชุมชนสามารถนำไปปรับแต่งและใช้งานได้อย่างอิสระ ✅ ความสามารถหลักของ Qwen3-VL ➡️ แปลงภาพ/วิดีโอเป็นโค้ด HTML, CSS, JavaScript ➡️ รองรับ input สูงสุด 1 ล้าน token ➡️ เข้าใจตำแหน่งวัตถุ, มุมมอง, และข้อมูล 3D ➡️ OCR รองรับ 32 ภาษา แม้ภาพเบลอหรือเอียง ✅ ความสามารถแบบ agentic ➡️ ควบคุมคอมพิวเตอร์หรือมือถือได้แบบอัตโนมัติ ➡️ สั่งจองตั๋ว, โพสต์ Reddit, เขียนข้อความ, สั่งซื้อสินค้า ➡️ ทำงานแบบ end-to-end โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกเอง ➡️ ความเร็วในการทำงานโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ✅ จุดเด่นด้านการเปิดใช้งาน ➡️ เปิดให้ใช้งานผ่าน Ollama ➡️ เป็นโอเพ่นซอร์ส – นักพัฒนาสามารถปรับแต่งได้ ➡️ ไม่ต้องจ่ายเงินเหมือน GPT-5 หรือ Claude ➡️ ได้คะแนนสูงใน benchmark เช่น OS World ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ ยังมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ เช่นกรอกข้อมูลผิด ⛔ การควบคุมอัตโนมัติต้องมีระบบตรวจสอบความถูกต้อง ⛔ การเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สอาจเสี่ยงต่อ misuse หากไม่มีการกำกับ ⛔ ความสามารถสูงอาจนำไปใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่นการแพทย์หรือการเงิน ซึ่งต้องทดสอบก่อนใช้งานจริง https://www.slashgear.com/2004206/ollama-qwen3-vl-how-powerful-vision-language-model-works/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Ollama's Qwen3-VL Introduces The Most Powerful Vision Language Model - Here's How It Works - SlashGear
    AI is advancing at a rapid rate, and Ollama claims its Qwen3-VL is the most powerful vision language model yet. Here's what it is and how it works.
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • ข้อมูลก่อนหน้า
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6914

    เปิดโปงเบื้องหลัง ธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ทำไมคนไทยต้อง Save หมอธีระวัฒน์ เพื่อ Save ประชาชน จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567
    https://fb.watch/qpJFWeLSO0/?
    “หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงต้นตอที่มาโควิด พร้อมแจงละเอียดยิบเหตุยุติวิจัยไวรัสค้างคาว
    https://news1live.com/detail/9670000005954
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0mcjQWeLT6R55prCBLgHHxQXfATwsQjRnh8dTuNmaYYhrC1eigXFAWG6tZUweSTTUl/?
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    สารคดี Died Suddenly เป็นการค้นพบเส้นอุดตันในเส้นเลือด ที่ไม่ใช่การอุดตันปกติ นักแต่งศพหลายๆคน มีปัญหาฉีดน้ำยารักษาศพเข้าเส้นเลือดไม่ได้ จึงทำการผ่าดู ปรากฏว่าเจอการอุดตันผิดปกติ ยาวเป็นฟุต!! ฝรั่งเขารู้ก่อนเรามานานแล้ว แล้วคุณยังจะเชื่อว่ามันคือ ฮีทสโตรกอยู่เหรอ สารคดีที่ลงสื่อหลักไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณรู้
    https://rumble.com/v1wac7i-world-premier-died-suddenly.html
    Thai sub https://rumble.com/v1ytofw-died-suddenly-thai-subtitles-.html
    https://t.me/awakened_thailand/415
    “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    “หมอธีระวัฒน์” เผย 5 เหตุผล ลาออก หน.ศูนย์ฯโรคอุบัติใหม่
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000037010
    วัคซีน : ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000036764
    หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรดตัวไว? รายการสภากาแฟ ช่อง News1
    https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x
    "หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ" เชิญร่วมเสวนา “อันตรายจากวัคซีนร้ายแรงกว่าที่คิด” ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ 3 พ.ค.นี้
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647
    เรื่องใหญ่! “หมอธีระวัฒน์” เผยนักวิจัย “โมเดอร์นา” ยอมรับเอง วัคซีน mRNA ยังต้องผ่านการปรับปรุงอีกหลายขั้นตอน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000035583
    มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152
    ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769
    อจ หมออรรถพล CDC Webinar Live Talk 04 มี.ค. 2567 หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine
    https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html
    ชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343
    คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ฯ ร้องดีอีปรับปรุงศูนย์ต้านข่าวปลอม พร้อมแก้ไขข้อมูลเท็จ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000019152
    ฝ่ายค้านแคนาดาแฉ “ทรูโด” ปกปิดหลักฐานวิจัยไวรัสร่วมกับจีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000018855
    "ปานเทพ" เผย 7 ประเด็นสำคัญผลกระทบจากวัคซีนโควิด อันตราย-อำมหิตกว่าที่คิด จี้หยุดฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000018762
    Save หมอธีระวัฒน์ ผู้เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017172
    https://youtu.be/ucQZu7LbZCM?si=YPMxtmhRnYQrnAnk
    จี้คณบดีแพทยศาสตร์ ศิริราช-จุฬาฯ เลิกติดต่อ “เฟาซี” และ EHA ที่ให้ทุนวิจัยสร้างไวรัสอันตราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000016687
    “ปานเทพ” เสียดายคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อเด็กและเยาวชนไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000016219


    จวก “หมอธีระ” ยืนข้างบริษัทยา ปล่อยข่าวปลอมเสียเอง ท้าดีเบตกับวิชาการตัวจริง
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015945
    หมอธีระ หมอที่ยืนข้างบริษัทยา
    https://www.facebook.com/share/p/9x61sF5dLf2dy6wk/?mibextid=Nif5oz
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid049af37rusAcp8AW12nnFEe2MehpUHd5buVdroxoPy6tmSBFnx7M4RRcHoCSXLFYWl&id=100064810775743&mibextid=Nif5oz
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    “หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334
    โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1
    เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก)
    https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W
    https://www.rookon.com/?p=1176
    สภาทนายความ แถลงข่าว เรื่อง ประกันโควิด กับผลกระทบวัคซีน 05-06-2024
    https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html
    เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม : Sondhitalk (ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง) EP.230
    https://m.youtube.com/watch?si=Q9kw0ho0R0JfKya5&fbclid=IwAR2tadgM38rB01iG7B_EKK8lvTA4DScCO4-iSpyg9bBZyAmXfGLsiExEFmI_aem_AZq7B_ZfF8BLBoKcmTknNdVCH9GPFMRKMg6tuV_UV8w2m106s6kASAKDgBYMmG3Lzmg&v=ucQZu7LbZCM&feature=youtu.be
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    สร้างเท็จเป็นจริง เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ
    https://m.youtube.com/watch?si=XN7rAI1qEWlI-kr6&fbclid=IwAR1mynXiLAbnauASWUlJJWFbJ9YUkDlYd3MpVN975-j1XiXKT8m6LK2stvs_aem_AQH-ZkLmZSDYhXTbonKF3fZqbmCD50usAsDLiZk9cI9WNJJdVKVS7dUUuc-N1nedwd8&v=D6NboVSczKU&feature=youtu.be
    “หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงปรากฏ โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ฝีมือหมอใหญ่สหรัฐฯ ผ่านองค์กร Eco Health Alliance
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000042959
    เราจะรอดพ้นจากการเป็นซอมบี้ได้อย่างไร ?!! / โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://youtu.be/RLWADSjPdC0?si=6oot2AiWzNbH7efq
    “อีลอน มัสก์” ร้องเอาผิด “เฟาซี” ตอกย้ำโควิดมาจากแล็บอู่ฮั่นที่อเมริกาให้เงินอุดหนุน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000043013
    อย่าเงียบ!กดดันไฟเซอร์-โมเดอร์นาถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด อ้างพบตายมากกว่าแอสตร้าฯ3เท่า
    https://mgronline.com/around/detail/9670000040887
    “หมอธีระวัฒน์” ตั้งคำถามหลังแอสตร้าฯ หยุดขาย แล้ววัคซีนชนิดอื่นทำไมทางการไทยยังปกป้อง แฉไฟเซอร์ต้องยอมความ 1 หมื่นคดี
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040486
    “หมอธีระวัฒน์” ถามแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ รับเงิน 2 พันล้านก๊อปปี้วัคซีนโควิดไฟเซอร์ ได้ผลสำเร็จอย่างไร
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040290
    “ปานเทพ” ชี้แอสตร้าฯ ถอนใบอนุญาตการตลาดวัคซีนทั่วโลกหลังยอมรับก่อผลข้างเคียง แต่องค์กรรัฐไทยเงียบกริบ สะท้อนสำนึกความปลอดภัยที่ตกต่ำ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040078
    “ฉีดแล้ว แถมอะไรบ้าง?” ฟังเวอร์ชั่นมึผู้ดัดแปลง แรพเตอร์ประยุกต์
    https://fb.watch/rY3hwhondy/?
    https://fb.watch/rY3jv7hMym/?
    เปิดวิธีป้องกัน ความอันตราย จากพิษของวัคซีน / ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สัมภาษณ์โดย ปากซอย 105 รู้ก่อนใคร ลึกจากข่าววงใน
    https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g
    “หมอธีระวัฒน์” เผยเคสคนป่วยจากแอสตร้า-ไฟเซอร์ ชี้ทั้งวัคซีนเชื้อเป็นและ mRNA ส่งผลกระทบระยะสั้นถึงยาว ต่อสมอง-กล้ามเนื้อ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000037733
    แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ
    https://fb.watch/s0hNc3DymZ/?
    https://fb.watch/s0hJ12wEyq/?
    ช็อค!!! คำสารภาพของไฟเซอร์ รีบชมและแชร์ก่อนโดนลบ
    https://fb.watch/s0bmq6HW8P/?
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/?
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152
    ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130
    “หมอชลธวัช” เผยวัคซีน mRNA โยงโรคสมองเสื่อม แนะคนกลัวอัลไซเมอร์-พาร์กินสัน ไม่ควรฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000052341
    เงินสำคัญกว่าชีวิต! ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ US บิดเบือนวัคซีน 'โควิด' จีน มีเป้าหมายเพื่อสกัดคู่แข่ง
    https://mgronline.com/around/detail/9670000051671

    วัคซีนเทพระส่ำ! รัฐแคนซัสลุยฟ้องเอาผิด 'ไฟเซอร์' กล่าวหาปกปิดความเสี่ยง-โป้ปดประสิทธิภาพ
    https://mgronline.com/around/detail/9670000052000
    ความจริงปรากฏ! รอยเตอร์แฉเอง US ใช้ยุทธการบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนโควิดของจีน
    https://mgronline.com/around/detail/9670000051466
    “หมอธีระวัฒน์” เผยผลชันสูตรคนตาย วัคซีนโควิดอาจเป็นสาเหตุเชื้ออสุจิไม่วิ่ง
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000051903
    สะเทือนแน่! ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ใช่วัคซีนตามความหมายเดิม
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000051429
    เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851
    วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี
    https://www.rookon.com/?p=1112
    เรื่องใหญ่! 'หมอธีระวัฒน์'แฉนักวิทยาศาสตร์ของ 'โมเดนา' ยอมรับ วัคซีน mRNR มีอันตรายต้องปรับปรุง https://www.thaipost.net/x-cite-news/574701/
    ตัวเร่งอัลไซเมอร์ ปัจจัยสมองเสื่อม
    https://www.thairath.co.th/news/local/2780279?fbclid=IwZXh0bgNhZW0BMQABHasG0naYhGMWkauoJynJJogiy5_NDCd315hbeWbq9VKsujvb0QlhIDaYXw_aem_AVdXSF5wlAW6xu0DqygB78_9MAXrrrSl80nxmlnJULaXM7V7p4XE8sSaW8nA80wGr9U
    “หมอธีระวัฒน์” แฉวัคซีนไฟเซอร์โดนฟ้องแหลกในสหรัฐฯ แต่ในไทยยังประชาสัมพันธ์ให้ฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000052545
    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749
    ขึ้นเครื่องบิน ตอนนี้ต้องถามว่า นักบินฉีดกี่เข็ม มีมรณา mRNA ด้วยไหม ถ้าตอบว่ามี รอไฟลต์หน้าปลอดภัย กว่า
    https://x.com/makismd/status/1805541350026199289?s=53&t=Pd2sCn9Dej9GlmSuERlElA
    งานวิจัย วัคซีน mRNA แทรกตัว เปลี่ยน DNA มนุษย์ได้ใน 6 ชม. โดย รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร
    https://youtu.be/S32-hkJBJKA
    รูต่ายส่ายสะโพก เสนอ ความจริงที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าพูดถึง การหลอกลวงและความเชื่อมโยง...
    วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง)
    https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html?e9s=src_v1_upp_a
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, กำเนิดเชื้อโควิด และ RFK JR. แหกทุจริตในอเมริกา)
    https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?e9s=src_v1_upp_a
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK (วัคซีนก่อมะเร็ง,การลอบสังหาร, รัฐลึก, 911)
    https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html?e9s=src_v1_upp_a
    ตัวอย่างหนังสือปฏิเสธวัคซีน
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6897
    ชำแหละหมอธนีย์
    ตอนที่ 1. ใครกันแน่ที่หาแสง เพื่อขายของ https://www.facebook.com/share/p/1GzjbbbCHp/
    ตอนที่ 2.สื่อไหนนะที่ให้ข่าวปลอม https://www.facebook.com/share/p/1MVZc5gBdM/
    ตอนที่ 3.ก่อนอ่านงานวิจัย อ่านเอกสารกำกับยาก่อนดีไหม
    https://www.facebook.com/share/p/17W8FE6zLY/
    ตอนที่ 4. มีคนเอาข้อมูลไฟเซอร์มาเขียนรายงาน 102 ฉบับ หมอเคยอ่านไหม https://www.facebook.com/share/p/1JCYxQopJV/
    ตอนที่ 5. อาจารย์ธีระวัฒน์ที่เป็น ครู ของหมอ อธิบายได้ดีพร้อมมีหลักฐานแสดง https://www.facebook.com/share/p/1GU7bL72BH/
    ตอนที่ 6.ไหนว่า อ่านงานวิจัยเป็น ทำไมหมอโดนหลอก?
    https://www.facebook.com/share/p/16YVXEaET1/
    ตอนที่ 7.หมอเข้าใจ mRNA มากแค่ไหน Antigen คืออะไร ตอบได้รึเปล่า? https://www.facebook.com/share/p/1BcP47gdMN/
    ตอนที่ 8. อคติ คือ อะไร ทำไม หมอไม่รู้ตัว ?
    https://www.facebook.com/share/p/1GnAz468Kk/
    ตอนที่ 9.หมอสนใจข้อมูล จริงๆ หรือ? แค่พูดให้ดูดี หรือ กล้าไปขอมาดูจริงๆ
    https://www.facebook.com/share/p/14M6mFcCrE2/
    ตอนที่ 10.กาลามสูตรคือ อะไร ต่างจากใช้ AI อย่างไร
    https://www.facebook.com/share/p/17Wua35Hmi/
    โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723
    ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184
    ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320
    ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549
    ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922
    ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797
    ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/
    ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/
    ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/
    ตอน 10
    https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 11
    https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 12
    https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr





    ข้อมูลก่อนหน้า https://t.me/ThaiPitaksithData/6914 ✍️เปิดโปงเบื้องหลัง ธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ทำไมคนไทยต้อง Save หมอธีระวัฒน์ เพื่อ Save ประชาชน จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 https://fb.watch/qpJFWeLSO0/? ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงต้นตอที่มาโควิด พร้อมแจงละเอียดยิบเหตุยุติวิจัยไวรัสค้างคาว https://news1live.com/detail/9670000005954 ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0mcjQWeLT6R55prCBLgHHxQXfATwsQjRnh8dTuNmaYYhrC1eigXFAWG6tZUweSTTUl/? ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️สารคดี Died Suddenly เป็นการค้นพบเส้นอุดตันในเส้นเลือด ที่ไม่ใช่การอุดตันปกติ นักแต่งศพหลายๆคน มีปัญหาฉีดน้ำยารักษาศพเข้าเส้นเลือดไม่ได้ จึงทำการผ่าดู ปรากฏว่าเจอการอุดตันผิดปกติ ยาวเป็นฟุต!! ฝรั่งเขารู้ก่อนเรามานานแล้ว แล้วคุณยังจะเชื่อว่ามันคือ ฮีทสโตรกอยู่เหรอ สารคดีที่ลงสื่อหลักไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณรู้ https://rumble.com/v1wac7i-world-premier-died-suddenly.html Thai sub https://rumble.com/v1ytofw-died-suddenly-thai-subtitles-.html https://t.me/awakened_thailand/415 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผย 5 เหตุผล ลาออก หน.ศูนย์ฯโรคอุบัติใหม่ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000037010 ✍️วัคซีน : ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/qol/detail/9670000036764 ✍️หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรดตัวไว? รายการสภากาแฟ ช่อง News1 https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x ✍️"หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ" เชิญร่วมเสวนา “อันตรายจากวัคซีนร้ายแรงกว่าที่คิด” ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ 3 พ.ค.นี้ https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647 ✍️เรื่องใหญ่! “หมอธีระวัฒน์” เผยนักวิจัย “โมเดอร์นา” ยอมรับเอง วัคซีน mRNA ยังต้องผ่านการปรับปรุงอีกหลายขั้นตอน https://mgronline.com/qol/detail/9670000035583 ✍️มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512 ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152 ✍️ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018 https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769 ✍️อจ หมออรรถพล CDC Webinar Live Talk 04 มี.ค. 2567 หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html ✍️ชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343 ✍️คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ฯ ร้องดีอีปรับปรุงศูนย์ต้านข่าวปลอม พร้อมแก้ไขข้อมูลเท็จ https://mgronline.com/qol/detail/9670000019152 ✍️ฝ่ายค้านแคนาดาแฉ “ทรูโด” ปกปิดหลักฐานวิจัยไวรัสร่วมกับจีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000018855 ✍️"ปานเทพ" เผย 7 ประเด็นสำคัญผลกระทบจากวัคซีนโควิด อันตราย-อำมหิตกว่าที่คิด จี้หยุดฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000018762 ✍️Save หมอธีระวัฒน์ ผู้เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017172 https://youtu.be/ucQZu7LbZCM?si=YPMxtmhRnYQrnAnk ✍️จี้คณบดีแพทยศาสตร์ ศิริราช-จุฬาฯ เลิกติดต่อ “เฟาซี” และ EHA ที่ให้ทุนวิจัยสร้างไวรัสอันตราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000016687 ✍️“ปานเทพ” เสียดายคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อเด็กและเยาวชนไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000016219 ✍️จวก “หมอธีระ” ยืนข้างบริษัทยา ปล่อยข่าวปลอมเสียเอง ท้าดีเบตกับวิชาการตัวจริง https://mgronline.com/qol/detail/9670000015945 ✍️หมอธีระ หมอที่ยืนข้างบริษัทยา https://www.facebook.com/share/p/9x61sF5dLf2dy6wk/?mibextid=Nif5oz https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid049af37rusAcp8AW12nnFEe2MehpUHd5buVdroxoPy6tmSBFnx7M4RRcHoCSXLFYWl&id=100064810775743&mibextid=Nif5oz ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334 ✍️ โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก) https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W https://www.rookon.com/?p=1176 ✍️ สภาทนายความ แถลงข่าว เรื่อง ประกันโควิด กับผลกระทบวัคซีน 05-06-2024 https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html ✍️ เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม : Sondhitalk (ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง) EP.230 https://m.youtube.com/watch?si=Q9kw0ho0R0JfKya5&fbclid=IwAR2tadgM38rB01iG7B_EKK8lvTA4DScCO4-iSpyg9bBZyAmXfGLsiExEFmI_aem_AZq7B_ZfF8BLBoKcmTknNdVCH9GPFMRKMg6tuV_UV8w2m106s6kASAKDgBYMmG3Lzmg&v=ucQZu7LbZCM&feature=youtu.be ✍️ นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️ สร้างเท็จเป็นจริง เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ https://m.youtube.com/watch?si=XN7rAI1qEWlI-kr6&fbclid=IwAR1mynXiLAbnauASWUlJJWFbJ9YUkDlYd3MpVN975-j1XiXKT8m6LK2stvs_aem_AQH-ZkLmZSDYhXTbonKF3fZqbmCD50usAsDLiZk9cI9WNJJdVKVS7dUUuc-N1nedwd8&v=D6NboVSczKU&feature=youtu.be ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงปรากฏ โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ฝีมือหมอใหญ่สหรัฐฯ ผ่านองค์กร Eco Health Alliance https://mgronline.com/qol/detail/9670000042959 ✍️เราจะรอดพ้นจากการเป็นซอมบี้ได้อย่างไร ?!! / โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://youtu.be/RLWADSjPdC0?si=6oot2AiWzNbH7efq ✍️“อีลอน มัสก์” ร้องเอาผิด “เฟาซี” ตอกย้ำโควิดมาจากแล็บอู่ฮั่นที่อเมริกาให้เงินอุดหนุน https://mgronline.com/qol/detail/9670000043013 ✍️อย่าเงียบ!กดดันไฟเซอร์-โมเดอร์นาถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด อ้างพบตายมากกว่าแอสตร้าฯ3เท่า https://mgronline.com/around/detail/9670000040887 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ตั้งคำถามหลังแอสตร้าฯ หยุดขาย แล้ววัคซีนชนิดอื่นทำไมทางการไทยยังปกป้อง แฉไฟเซอร์ต้องยอมความ 1 หมื่นคดี https://mgronline.com/qol/detail/9670000040486 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ถามแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ รับเงิน 2 พันล้านก๊อปปี้วัคซีนโควิดไฟเซอร์ ได้ผลสำเร็จอย่างไร https://mgronline.com/qol/detail/9670000040290 ✍️“ปานเทพ” ชี้แอสตร้าฯ ถอนใบอนุญาตการตลาดวัคซีนทั่วโลกหลังยอมรับก่อผลข้างเคียง แต่องค์กรรัฐไทยเงียบกริบ สะท้อนสำนึกความปลอดภัยที่ตกต่ำ https://mgronline.com/qol/detail/9670000040078 ✍️“ฉีดแล้ว แถมอะไรบ้าง?” ฟังเวอร์ชั่นมึผู้ดัดแปลง แรพเตอร์ประยุกต์ https://fb.watch/rY3hwhondy/? https://fb.watch/rY3jv7hMym/? ✍️เปิดวิธีป้องกัน ความอันตราย จากพิษของวัคซีน / ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สัมภาษณ์โดย ปากซอย 105 รู้ก่อนใคร ลึกจากข่าววงใน https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยเคสคนป่วยจากแอสตร้า-ไฟเซอร์ ชี้ทั้งวัคซีนเชื้อเป็นและ mRNA ส่งผลกระทบระยะสั้นถึงยาว ต่อสมอง-กล้ามเนื้อ https://mgronline.com/qol/detail/9670000037733 ✍️แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ https://fb.watch/s0hNc3DymZ/? https://fb.watch/s0hJ12wEyq/? ✍️ช็อค!!! คำสารภาพของไฟเซอร์ รีบชมและแชร์ก่อนโดนลบ https://fb.watch/s0bmq6HW8P/? ✍️ “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/? https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152 ✍️ ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018 https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130 ✍️ “หมอชลธวัช” เผยวัคซีน mRNA โยงโรคสมองเสื่อม แนะคนกลัวอัลไซเมอร์-พาร์กินสัน ไม่ควรฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000052341 ✍️ เงินสำคัญกว่าชีวิต! ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ US บิดเบือนวัคซีน 'โควิด' จีน มีเป้าหมายเพื่อสกัดคู่แข่ง https://mgronline.com/around/detail/9670000051671 ✍️ วัคซีนเทพระส่ำ! รัฐแคนซัสลุยฟ้องเอาผิด 'ไฟเซอร์' กล่าวหาปกปิดความเสี่ยง-โป้ปดประสิทธิภาพ https://mgronline.com/around/detail/9670000052000 ✍️ ความจริงปรากฏ! รอยเตอร์แฉเอง US ใช้ยุทธการบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนโควิดของจีน https://mgronline.com/around/detail/9670000051466 ✍️ “หมอธีระวัฒน์” เผยผลชันสูตรคนตาย วัคซีนโควิดอาจเป็นสาเหตุเชื้ออสุจิไม่วิ่ง https://mgronline.com/qol/detail/9670000051903 ✍️ สะเทือนแน่! ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ใช่วัคซีนตามความหมายเดิม https://mgronline.com/qol/detail/9670000051429 ✍️เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์ https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851 ✍️ วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี https://www.rookon.com/?p=1112 ✍️ เรื่องใหญ่! 'หมอธีระวัฒน์'แฉนักวิทยาศาสตร์ของ 'โมเดนา' ยอมรับ วัคซีน mRNR มีอันตรายต้องปรับปรุง https://www.thaipost.net/x-cite-news/574701/ ✍️ ตัวเร่งอัลไซเมอร์ ปัจจัยสมองเสื่อม https://www.thairath.co.th/news/local/2780279?fbclid=IwZXh0bgNhZW0BMQABHasG0naYhGMWkauoJynJJogiy5_NDCd315hbeWbq9VKsujvb0QlhIDaYXw_aem_AVdXSF5wlAW6xu0DqygB78_9MAXrrrSl80nxmlnJULaXM7V7p4XE8sSaW8nA80wGr9U ✍️ “หมอธีระวัฒน์” แฉวัคซีนไฟเซอร์โดนฟ้องแหลกในสหรัฐฯ แต่ในไทยยังประชาสัมพันธ์ให้ฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000052545 ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 ✍️ขึ้นเครื่องบิน ตอนนี้ต้องถามว่า นักบินฉีดกี่เข็ม มีมรณา mRNA ด้วยไหม ถ้าตอบว่ามี รอไฟลต์หน้าปลอดภัย กว่า https://x.com/makismd/status/1805541350026199289?s=53&t=Pd2sCn9Dej9GlmSuERlElA ✍️งานวิจัย วัคซีน mRNA แทรกตัว เปลี่ยน DNA มนุษย์ได้ใน 6 ชม. โดย รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร https://youtu.be/S32-hkJBJKA รูต่ายส่ายสะโพก เสนอ ความจริงที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าพูดถึง การหลอกลวงและความเชื่อมโยง... ✍️วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง) https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, กำเนิดเชื้อโควิด และ RFK JR. แหกทุจริตในอเมริกา) https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK (วัคซีนก่อมะเร็ง,การลอบสังหาร, รัฐลึก, 911) https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️ตัวอย่างหนังสือปฏิเสธวัคซีน https://t.me/ThaiPitaksithData/6897 ✍️🔪ชำแหละหมอธนีย์ ตอนที่ 1. ใครกันแน่ที่หาแสง เพื่อขายของ https://www.facebook.com/share/p/1GzjbbbCHp/ ตอนที่ 2.สื่อไหนนะที่ให้ข่าวปลอม https://www.facebook.com/share/p/1MVZc5gBdM/ ตอนที่ 3.ก่อนอ่านงานวิจัย อ่านเอกสารกำกับยาก่อนดีไหม https://www.facebook.com/share/p/17W8FE6zLY/ ตอนที่ 4. มีคนเอาข้อมูลไฟเซอร์มาเขียนรายงาน 102 ฉบับ หมอเคยอ่านไหม https://www.facebook.com/share/p/1JCYxQopJV/ ตอนที่ 5. อาจารย์ธีระวัฒน์ที่เป็น ครู ของหมอ อธิบายได้ดีพร้อมมีหลักฐานแสดง https://www.facebook.com/share/p/1GU7bL72BH/ ตอนที่ 6.ไหนว่า อ่านงานวิจัยเป็น ทำไมหมอโดนหลอก? https://www.facebook.com/share/p/16YVXEaET1/ ตอนที่ 7.หมอเข้าใจ mRNA มากแค่ไหน Antigen คืออะไร ตอบได้รึเปล่า? https://www.facebook.com/share/p/1BcP47gdMN/ ตอนที่ 8. อคติ คือ อะไร ทำไม หมอไม่รู้ตัว ? https://www.facebook.com/share/p/1GnAz468Kk/ ตอนที่ 9.หมอสนใจข้อมูล จริงๆ หรือ? แค่พูดให้ดูดี หรือ กล้าไปขอมาดูจริงๆ https://www.facebook.com/share/p/14M6mFcCrE2/ ตอนที่ 10.กาลามสูตรคือ อะไร ต่างจากใช้ AI อย่างไร https://www.facebook.com/share/p/17Wua35Hmi/ ✍️โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723 ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184 ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320 ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549 ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922 ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797 ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/ ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/ ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/ ตอน 10 https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr ตอน 11 https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr ตอน 12 https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • “DeepSeek-OCR เปลี่ยนข้อความเป็นภาพ ลดการใช้ทรัพยากร AI ได้ถึง 20 เท่า – เปิดทางสู่โมเดลยักษ์ราคาประหยัด!”

    DeepSeek AI จากจีนเปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อว่า “DeepSeek-OCR” ที่ใช้เทคนิคสุดล้ำในการจัดการข้อความจำนวนมาก โดยแทนที่จะป้อนข้อความเข้าโมเดลโดยตรง พวกเขาเลือก “แปลงข้อความเป็นภาพ” ก่อน แล้วค่อยให้โมเดลตีความจากภาพนั้นอีกที

    ฟังดูย้อนยุค แต่ผลลัพธ์กลับน่าทึ่ง เพราะวิธีนี้ช่วยลดจำนวน token ที่ต้องใช้ในการประมวลผลได้ถึง 7–20 เท่า! ซึ่งหมายความว่าโมเดลสามารถจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลได้โดยใช้ทรัพยากรน้อยลงมาก ทั้งในด้านเวลาและค่าใช้จ่าย

    ระบบนี้ประกอบด้วยสองส่วนหลัก:
    DeepEncoder: แปลงข้อความเป็นภาพความละเอียดสูง
    DeepSeek3B-MoE-A570M: ทำหน้าที่ตีความภาพเหล่านั้นกลับมาเป็นข้อมูลที่เข้าใจได้

    เทคนิคนี้เหมาะมากกับข้อมูลที่เป็นตาราง กราฟ หรือเอกสารที่มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น ข้อมูลทางการเงิน วิทยาศาสตร์ หรือการแพทย์ โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ context ยาว ๆ

    ในการทดสอบ benchmark พบว่า ถ้าลด token น้อยกว่า 10 เท่า ความแม่นยำยังอยู่ที่ 97% แต่ถ้าลดถึง 20 เท่า ความแม่นยำจะลดลงเหลือ 60% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีจุดสมดุลที่ต้องเลือกให้เหมาะกับงาน

    DeepSeek-OCR ยังถูกเสนอให้ใช้ในการสร้าง training data สำหรับโมเดลในอนาคต เพราะสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมากได้เร็วขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องความแม่นยำที่ลดลงเล็กน้อย

    จุดเด่นของ DeepSeek-OCR
    แปลงข้อความเป็นภาพก่อนป้อนเข้าโมเดล
    ลดการใช้ token ได้ถึง 7–20 เท่า
    ใช้ DeepEncoder และ DeepSeek3B-MoE-A570M ร่วมกัน
    เหมาะกับข้อมูลที่มีโครงสร้าง เช่น ตาราง กราฟ เอกสาร
    ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่
    ใช้ได้ดีในงานที่ต้องการ context ยาว เช่น LLM

    ผลการทดสอบและการใช้งาน
    ลด token <10 เท่า → ความแม่นยำ 97%
    ลด token 20 เท่า → ความแม่นยำลดเหลือ 60%
    มีจุดสมดุลระหว่างการลดต้นทุนและความแม่นยำ
    เสนอให้ใช้สร้าง training data สำหรับโมเดลในอนาคต
    เหมาะกับงานด้านการเงิน วิทยาศาสตร์ และการแพทย์

    ความเคลื่อนไหวของ DeepSeek
    เป็นโมเดลจากจีนที่สร้างความฮือฮาในปี 2025
    ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า ChatGPT และ Gemini
    เปิดให้ใช้งานผ่าน Hugging Face และ GitHub
    พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/new-deepseek-model-drastically-reduces-resource-usage-by-converting-text-and-documents-into-images-vision-text-compression-uses-up-to-20-times-fewer-tokens
    🧠 “DeepSeek-OCR เปลี่ยนข้อความเป็นภาพ ลดการใช้ทรัพยากร AI ได้ถึง 20 เท่า – เปิดทางสู่โมเดลยักษ์ราคาประหยัด!” DeepSeek AI จากจีนเปิดตัวโมเดลใหม่ชื่อว่า “DeepSeek-OCR” ที่ใช้เทคนิคสุดล้ำในการจัดการข้อความจำนวนมาก โดยแทนที่จะป้อนข้อความเข้าโมเดลโดยตรง พวกเขาเลือก “แปลงข้อความเป็นภาพ” ก่อน แล้วค่อยให้โมเดลตีความจากภาพนั้นอีกที ฟังดูย้อนยุค แต่ผลลัพธ์กลับน่าทึ่ง เพราะวิธีนี้ช่วยลดจำนวน token ที่ต้องใช้ในการประมวลผลได้ถึง 7–20 เท่า! ซึ่งหมายความว่าโมเดลสามารถจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลได้โดยใช้ทรัพยากรน้อยลงมาก ทั้งในด้านเวลาและค่าใช้จ่าย ระบบนี้ประกอบด้วยสองส่วนหลัก: 💻 DeepEncoder: แปลงข้อความเป็นภาพความละเอียดสูง 💻 DeepSeek3B-MoE-A570M: ทำหน้าที่ตีความภาพเหล่านั้นกลับมาเป็นข้อมูลที่เข้าใจได้ เทคนิคนี้เหมาะมากกับข้อมูลที่เป็นตาราง กราฟ หรือเอกสารที่มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น ข้อมูลทางการเงิน วิทยาศาสตร์ หรือการแพทย์ โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ context ยาว ๆ ในการทดสอบ benchmark พบว่า ถ้าลด token น้อยกว่า 10 เท่า ความแม่นยำยังอยู่ที่ 97% แต่ถ้าลดถึง 20 เท่า ความแม่นยำจะลดลงเหลือ 60% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีจุดสมดุลที่ต้องเลือกให้เหมาะกับงาน DeepSeek-OCR ยังถูกเสนอให้ใช้ในการสร้าง training data สำหรับโมเดลในอนาคต เพราะสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมากได้เร็วขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องความแม่นยำที่ลดลงเล็กน้อย ✅ จุดเด่นของ DeepSeek-OCR ➡️ แปลงข้อความเป็นภาพก่อนป้อนเข้าโมเดล ➡️ ลดการใช้ token ได้ถึง 7–20 เท่า ➡️ ใช้ DeepEncoder และ DeepSeek3B-MoE-A570M ร่วมกัน ➡️ เหมาะกับข้อมูลที่มีโครงสร้าง เช่น ตาราง กราฟ เอกสาร ➡️ ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ ➡️ ใช้ได้ดีในงานที่ต้องการ context ยาว เช่น LLM ✅ ผลการทดสอบและการใช้งาน ➡️ ลด token <10 เท่า → ความแม่นยำ 97% ➡️ ลด token 20 เท่า → ความแม่นยำลดเหลือ 60% ➡️ มีจุดสมดุลระหว่างการลดต้นทุนและความแม่นยำ ➡️ เสนอให้ใช้สร้าง training data สำหรับโมเดลในอนาคต ➡️ เหมาะกับงานด้านการเงิน วิทยาศาสตร์ และการแพทย์ ✅ ความเคลื่อนไหวของ DeepSeek ➡️ เป็นโมเดลจากจีนที่สร้างความฮือฮาในปี 2025 ➡️ ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า ChatGPT และ Gemini ➡️ เปิดให้ใช้งานผ่าน Hugging Face และ GitHub ➡️ พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/new-deepseek-model-drastically-reduces-resource-usage-by-converting-text-and-documents-into-images-vision-text-compression-uses-up-to-20-times-fewer-tokens
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • 112. วันที่ 1 ม.ค.2568 ประกาศถามหาจรรยาบรรณวิชาชีพของแพทยสภา https://drive.google.com/file/d/1kV3jlyTl_JNAzYo5HJ_nrw9Hx8DJTl6R/view?usp=drive_link
    ตามที่ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ทำหนังสือถึงแพทยสภา ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรมของ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk เนื่องจากปล่อยให้มีการใช้ใบยินยอมอันเป็นเท็จให้ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งนี้ได้มีการทำหนังสือ ขอให้ทบทวนแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวแล้ว แต่กระทรวงฯกลับไม่ใส่ใจที่จะทำให้ถูกต้อง ทางกลุ่มจึงจำเป็นต้อง ยื่นหนังสือให้แพทยสภา ดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวกับ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ดี แทนที่ แพทยสภา จะดำเนินการสอบสวนและเสนอให้มีการแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง แพทยสภากลับเลือกที่จะปกป้อง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวมิได้เป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่เป็นการกระทำในตำแหน่งบริหาร การปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุขของแพทยสภาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า กรรมการแพทยสภา มิได้สนใจที่จะปกป้อง สิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับข้อมูลที่เป็นจริงเกี่ยวกับการรักษา อันเป็นจรรยาบรรณขั้นพื้นฐานของการเป็นแพทย์ ทั้งที่ใบยินยอมดังกล่าว มิได้ให้ข้อมูลสำคัญที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองไว้ในเอกสารกำกับยา ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า วัคซีนดังกล่าว เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลงที่ยังอยู่ระหว่างการทำวิจัย และไม่ได้ทดสอบความปลอดภัยว่าก่อให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือไม่ได้ทดสอบว่า mRNA วัคซีนสามารถก่อมะเร็งหรือไม่
    ั้งนี้ หากแพทยสภามีเจตนาที่จะปกป้องความปลอดภัยเด็กและเยาวชน และยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ แพทยสภาสามารถจัดแถลงข่าว เรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อมูลในใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง และลงโทษสถานเบาโดยการว่ากล่าวตักเตือนปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่แพทยสภากลับทำหนังสือ “ลับ” (ที่ พส.๐๑๑/๑/๑๗๔๐๖ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗) พยายามปกป้องผู้ที่กระทำผิดโดยไม่ใส่ใจในความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนแม้แต่น้อย การกระทำดังกล่าวของ คณะกรรมการแพทยสภา รวมทั้งพฤติกรรมของนายกแพทยสภา เลขาธิการนายกแพทยสภา และรองเลขาธิการแพทยสภา แสดงให้เห็นว่า มิได้ยึดถือจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์
    113. วันที่ 3 ม.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้ส่งจดหมาย เรื่อง ขอให้ปกป้องความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนก่อนการปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/12c_6_kI3Q9wMaIbahsz5t-P_fAqbyesj/view?usp=drive_link
    เรียน พ.ญ.นางสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา น.พ. นายอิทธิพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา น.พ. นายวิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ รองเลขาธิการแพทยสภา
    สำเนาเรียน (ส่งวันที่ 9มค.) กรรมการแพทยสภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ทุกสถาบัน สื่อสารมวลชน และสำนักข่าวทุกสำนัก
    114. วันที่ 5 ม.ค.2568 ประกาศข่าว คนไทยตายเพิ่มขึ้นในปี 2567
    https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drive_link
    https://www.facebook.com/share/p/1AHaC6eSK8/
    115. วันที่ 17 ม.ค.2568 กลุ่มฯได้ส่งจดหมายถึงเลขาธิการแพทยสภา ขอข้อมูลข่าวสาร
    https://drive.google.com/file/d/172-XOvnm43P4LUntgyydYHHM7ZTOtH8Y/view?usp=drive_link
    116. วันที่ 2 ก.พ.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง)
    https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html
    117. วันที่ 11 ก.พ.2568 บ๊วยLive EP.16 I Full Disclosure การเปิดโปงขั้นสุด กับคุณซันนี่
    https://www.youtube.com/watch?v=8d3zRy35Iqw
    118. วันที่ 26 ก.พ.2568 อัพเดทผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิด ที่มีผลต่อร่างกาย | ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.youtube.com/watch?v=nMawgnjhgcc
    119. วันที่ 6 มี.ค.2568 วัคซีนโควิด ยิ่งฉีดเยอะ ยิ่งเปลี่ยนชีวิต |ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.youtube.com/watch?v=B3H0bySl-24
    120. วันที่ 2 มี.ค.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้)
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, เชื้อโควิด และการทุจริตในอเมริกา)
    https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?start=179
    121. วันที่ 14 มี.ค.2568 บ๊วยLive EP.18 l เข้าถึงปัญญาญาณ เข้าถึงDNA! กับคุณหมออรรถพล
    https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=B6_Z7LtIwBk
    122. วันที่ 30 มี.ค.2568 เปิดจักรวาล 'รายการมืด' หมออรรถพล นิลฉงน นลเฉลย ชวนพูดคุย พร้อมตอบคำถามใน ไลฟ์ "เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK" #รต่ายส่ายสะโพก EP3
    (หมออรรถพล x เทนโด้ x อาจารย์ต้น ตำนานนักล้วงข้อมูลลับแห่งประเทศไทย)
    https://www.facebook.com/share/v/16YMx4sWn6/
    รับชมคลิปที่ https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html
    หรือ https://zap.stream/naddr1qq9rzde5xqurjvfcx5mqz9thwden5te0wfjkccte9ejxzmt4wvhxjme0qgsfwrl76z6zy0tjhsdnlaj6tkqweyx5w9vdyja5n788vl07p3nw3ugrqsqqqan8vzj3gy
    123. วันที่ 1 เม.ย.2568 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาและนพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ จัดรายการ Health Nexus
    ตอนที่ 1 เปิดเผยที่มาของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร เซ็นเซอร์กำเนิดโควิดซึ่งมาจากการสร้างไวรัสใหม่และหลุดรั่วออกจากห้องปฏิบัติการ วัคซีนซึ่งเตรียมพร้อมมาก่อนการระบาด และการปกปิดข้อมูลผลข้างเคียงของวัคซีน
    https://youtu.be/aexZXA0QSKg?si=qoQxKZtu255RUhq1
    ตอนที่ 2 นโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลกระทบด้านสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศอย่างไร ?
    https://youtu.be/cuU1QmYGZtI?si=ftzZdTtK0bxen9PP
    ตอนที่ 3 วัคซีนโควิดและผลกระทบ
    https://youtu.be/ys_ykPbyMks?si=sOZ4BZpb1Zhg-MTz
    ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้นหลังรับวัคซีนโควิด ?
    https://youtu.be/vfNhMVNZWNg?si=yS65NMKehklN7szQ
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6914
    124. วันที่ 14 เม.ย.2568 กลุ่มฯได้ส่งหนังสือ ขอแสดงความเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎ
    อนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.๒๐๒๔ ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ
    กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ประธาน
    รัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก
    และเรียกร้องการจัดเวทีสาธารณะให้คนไทยทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
    https://www.facebook.com/share/p/1639NvU9RX/
    https://drive.google.com/file/d/1eOHJXX2DczIsh33Z1wzZ_dtaQ1sJccKU/view?u
    จดหมายที่เกี่ยวข้องที่เคยยื่นหน่วยงานทั้งหมด
    https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-
    r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    125. วันที่ 22 เม.ย.2568 คุณอดิเทพ จาวลาห์ ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์เข้ารับฟังการสัมมนาประชุมเชิงปฏิบัติการ
    ต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศและมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น
    ⭐️เหตุผลว่าทำไมต้องปฏิเสธ
    https://www.facebook.com/share/p/1EfD6VWF7A/?mibextid=wwXIfr
    ⭐️ร่าง กฏหมาย อนามัย
    https://drive.google.com/drive/folders/1aIfGOD-CE2dwcR1lFunjEFz4_yDriC-n
    รายการปากซอย 105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.youtube.com/live/O62sTRIcOKE?si=TygTglExUaiNUein
    126. วันที่ 25 เม.ย. 2568
    ยื่นจดหมายขอแสดงความคิดเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับ
    แก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ๒๐๒๔
    เรียน อธิบดีกรมควบคุมโรค
    สําเนาเรียน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
    ต่างประเทศ ประธานรัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก
    ข้าพเจ้าอดิเทพ จาวลาห์ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการแก้ไขที่ได้รับการรับรองในการประชุมสมัชชา องค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 77 ผ่านมติ WHA77.17 ในปี 2024 ซึ่งข้าพเจ้ามีความกังวลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานและเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งการใช้อํานาจในทางที่ผิดโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างเพียงพอ ข้าพเจ้าจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย คัดค้าน และเรียกร้องให้มีการพิจารณาและทบทวนข้อกําหนดดังกล่าวอย่างรอบคอบ
    ไฟล์เอกสาร
    https://drive.google.com/file/d/1l0OQkErvfCimQrYl68IcrKQIT0VjuVGD/view?usp
    =drivesdk
    https://www.facebook.com/share/p/192ygrBgKv/
    127. วันที่ 28 เม.ย.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นจดหมายถึงอธิบดีกรม
    ควบคุมโรค ขอความโปร่งใสในการดําเนินงานเกี่ยวกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไข
    เพิ่มเติม ค.ศ.2024 พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารสําคัญและรายชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน
    7 วันทําการ
    https://mgronline.com/qol/detail/9680000039977
    https://drive.google.com/file/d/1lOx-z6YYotg4x6sm3w0aWb3k3xyimC4U/view?usp=drivesdk
    128.วันที่ 15 พ.ค. 2568 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ โลกรับรู้มนุษย์ทําไวรัสเขา
    มีเจตนาอะไร? คิดกุศลหรืออกุศล สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    ยูทูบ https://www.youtube.com/live/LQcoOjcPNkQ?si=QFfCzxuYBKx14God
    เฟสบุ๊กไลฟ์ https://www.facebook.com/share/v/15PyyQ8pgE/
    129.วันที่ 19 พ.ค.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการยา ตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐
    เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ คณะกรรมการยาทุกท่าน ขอให้ดำเนินการระงับการอนุญาตให้ใช้วัคซีน mRNA ในมนุษย์
    https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk
    ข้อมูลเหล่านั้นบางส่วนได้รับการเปิดเผยในเว็บไซต์ทางการของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/
    https://www.facebook.com/share/p/1F5cKBiQSK/
    https://www.facebook.com/share/p/16EB5JToNy/
    ไฟล์จดหมายฉบับนี้
    https://drive.google.com/file/d/1zx62n7IaqEdPYL-SFeNcrS2s8cpnLuDE/view?usp=drivesdk
    130.วันที่ 22 พ.ค.2568 ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ร่างกายไม่เหมือนเดิม และญาติผู้เสียชีวิต รว่มกับ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ
    ประธานชมรมสันติประชาธรรม พอ.นพ.พงษฺศักดิ์ ตั้งคณา นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ และจิตอาสากลุ่มคนไทยพิทักษฺสิทธิ์ ร่วมยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด และให้มีการจัดเวทีทางวิชาการ ถึงท่านประธานรัฐสภาไทย และประธานสภาผู้แทนราษฎร พณฯท่าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา
    จดหมายยื่นรัฐสภา
    https://drive.google.com/drive/folders/114MB4aBXnhPjSOb5iZKhThk0d9B0rs6f
    ไลฟ์สด https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/
    https://www.thaipithaksith.com/my-posta3c48515
    https://www.facebook.com/share/p/1NaPKfhgkD/
    https://www.khaosod.co.th/politics/news_9770255
    https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/
    https://www.facebook.com/share/19RpSX1zVx/
    131. วันที่ 29พ.ค.2568 กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด-19 พร้อมด้วย
    อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    และ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม
    ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
    เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขสั่งการโดยเร่งด่วน กรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโควิด19
    https://drive.google.com/file/d/167IaJuYpekFBg7Le5GleNykqNsZzbJz_/view?usp=dri
    ve_link
    ในหนังสือฉบับนี้ มีข้อเรียกร้องหลัก 6 ประการ ได้แก่:
    1. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ในเด็กและเยาวชน จนกว่าจะมีผลการสอบสวนผลข้างเคียงอย่าง
    เป็นระบบ
    2. ให้สํานักงาน อย. ทบทวนการอนุญาตวัคซีน mRNA ทุกยี่ห้อ โดยโปร่งใส พร้อมเปิดข้อมูลจาก
    ต่างประเทศประกอบการพิจารณา
    3. เปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่ม mRNA ที่รัฐทําไว้กับบริษัทเอกชน
    4. เปิดให้รับคําร้องเรียนจากผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อจัดทําทะเบียนผู้เดือดร้อน
    5. จัดเวทีวิชาการสาธารณะ โดยกรมควบคุมโรคร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่ออภิปรายอย่าง
    เปิดเผยเรื่องผลกระทบจากวัคซีน โดยเชิญทั้งนักวิชาการและผู้ป่วยเข้าร่วม
    6. ให้แพทยสภาสอบสวนกรณีจริยธรรมทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ใบยินยอมที่อาจเป็น
    เท็จ

    การยื่นหนังสือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เป็นธรรม
    และมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้ง
    ในปัจจุบันและอนาคต

    รายการจดหมายทั้งหมดที่ยื่นหน่วยงานต่างๆ
    https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    132. วันที่ 13ก.ย.2568 อสมท MCOT News FM100.5 ในรายการ สีสันชีวิต ช่วง เร้นไม่ลับกับเซเลบฯ คุณลักขณา จำปา อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ สัมภาษณ์ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/share/p/1Gj4PLybRN/
    https://www.facebook.com/share/p/166ByWxQNb/
    https://www.youtube.com/watch?v=sbfllJghw7w
    133. วันที่ 6 ต.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค เรื่อง ขอให้กรมควบคุมโรคปรับแก้ข้อมูล แนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ในเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค
    https://drive.google.com/file/d/1zKmgZ-nGb7mJnKQYbkX9AbbXi-8S0VpZ/view?usp=drivesdk
    134. วันที่ 21ม.ค.-21ต.ค.2568 ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความ
    โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723
    ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184
    ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320
    ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549
    ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922
    ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797
    ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/
    ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/
    ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/
    ตอน 10
    https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 11
    https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 12
    https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr
    135. วันที่ 22ต.ค.2568 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายสั้นๆ ในภาควิชา จุฬาฯ เรื่องโควิด ข้อมูลที่จะเป็นดั่งรูรั่วเล็กๆที่จะทำให้ เขื่อน ที่ปิดกั้นความจริงพังทลายลงในไม่ช้า
    https://www.facebook.com/share/1D7vvevs4h/
    https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7563880418664107280

    รวบรวมข้อมูลโดยแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    🇹🇭112. วันที่ 1 ม.ค.2568 ประกาศถามหาจรรยาบรรณวิชาชีพของแพทยสภา https://drive.google.com/file/d/1kV3jlyTl_JNAzYo5HJ_nrw9Hx8DJTl6R/view?usp=drive_link ตามที่ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ทำหนังสือถึงแพทยสภา ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรมของ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk เนื่องจากปล่อยให้มีการใช้ใบยินยอมอันเป็นเท็จให้ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งนี้ได้มีการทำหนังสือ ขอให้ทบทวนแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวแล้ว แต่กระทรวงฯกลับไม่ใส่ใจที่จะทำให้ถูกต้อง ทางกลุ่มจึงจำเป็นต้อง ยื่นหนังสือให้แพทยสภา ดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวกับ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ดี แทนที่ แพทยสภา จะดำเนินการสอบสวนและเสนอให้มีการแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง แพทยสภากลับเลือกที่จะปกป้อง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวมิได้เป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่เป็นการกระทำในตำแหน่งบริหาร การปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุขของแพทยสภาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า กรรมการแพทยสภา มิได้สนใจที่จะปกป้อง สิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับข้อมูลที่เป็นจริงเกี่ยวกับการรักษา อันเป็นจรรยาบรรณขั้นพื้นฐานของการเป็นแพทย์ ทั้งที่ใบยินยอมดังกล่าว มิได้ให้ข้อมูลสำคัญที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองไว้ในเอกสารกำกับยา ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า ⚠️วัคซีนดังกล่าว เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลงที่ยังอยู่ระหว่างการทำวิจัย และไม่ได้ทดสอบความปลอดภัยว่าก่อให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือไม่ได้ทดสอบว่า mRNA วัคซีนสามารถก่อมะเร็งหรือไม่ ⁉️ ั้งนี้ หากแพทยสภามีเจตนาที่จะปกป้องความปลอดภัยเด็กและเยาวชน และยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ แพทยสภาสามารถจัดแถลงข่าว เรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อมูลในใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง และลงโทษสถานเบาโดยการว่ากล่าวตักเตือนปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่แพทยสภากลับทำหนังสือ “ลับ” (ที่ พส.๐๑๑/๑/๑๗๔๐๖ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗) พยายามปกป้องผู้ที่กระทำผิดโดยไม่ใส่ใจในความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนแม้แต่น้อย การกระทำดังกล่าวของ คณะกรรมการแพทยสภา รวมทั้งพฤติกรรมของนายกแพทยสภา เลขาธิการนายกแพทยสภา และรองเลขาธิการแพทยสภา แสดงให้เห็นว่า มิได้ยึดถือจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ 🇹🇭113. วันที่ 3 ม.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้ส่งจดหมาย เรื่อง ขอให้ปกป้องความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนก่อนการปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/12c_6_kI3Q9wMaIbahsz5t-P_fAqbyesj/view?usp=drive_link เรียน พ.ญ.นางสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา น.พ. นายอิทธิพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา น.พ. นายวิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ รองเลขาธิการแพทยสภา สำเนาเรียน (ส่งวันที่ 9มค.) กรรมการแพทยสภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ทุกสถาบัน สื่อสารมวลชน และสำนักข่าวทุกสำนัก 🇹🇭114. วันที่ 5 ม.ค.2568 ประกาศข่าว คนไทยตายเพิ่มขึ้นในปี 2567 https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drive_link https://www.facebook.com/share/p/1AHaC6eSK8/ 🇹🇭115. วันที่ 17 ม.ค.2568 กลุ่มฯได้ส่งจดหมายถึงเลขาธิการแพทยสภา ขอข้อมูลข่าวสาร https://drive.google.com/file/d/172-XOvnm43P4LUntgyydYHHM7ZTOtH8Y/view?usp=drive_link 🇹🇭116. วันที่ 2 ก.พ.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง) https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html 🇹🇭117. วันที่ 11 ก.พ.2568 บ๊วยLive EP.16 I Full Disclosure การเปิดโปงขั้นสุด กับคุณซันนี่ https://www.youtube.com/watch?v=8d3zRy35Iqw 🇹🇭118. วันที่ 26 ก.พ.2568 อัพเดทผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิด ที่มีผลต่อร่างกาย | ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.youtube.com/watch?v=nMawgnjhgcc 🇹🇭119. วันที่ 6 มี.ค.2568 วัคซีนโควิด ยิ่งฉีดเยอะ ยิ่งเปลี่ยนชีวิต |ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.youtube.com/watch?v=B3H0bySl-24 🇹🇭120. วันที่ 2 มี.ค.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, เชื้อโควิด และการทุจริตในอเมริกา) https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?start=179 🇹🇭121. วันที่ 14 มี.ค.2568 บ๊วยLive EP.18 l เข้าถึงปัญญาญาณ เข้าถึงDNA! กับคุณหมออรรถพล https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=B6_Z7LtIwBk 🇹🇭122. วันที่ 30 มี.ค.2568 เปิดจักรวาล 'รายการมืด' หมออรรถพล นิลฉงน นลเฉลย ชวนพูดคุย พร้อมตอบคำถามใน ไลฟ์ "เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK" #รต่ายส่ายสะโพก EP3 (หมออรรถพล x เทนโด้ x อาจารย์ต้น ตำนานนักล้วงข้อมูลลับแห่งประเทศไทย) https://www.facebook.com/share/v/16YMx4sWn6/ รับชมคลิปที่ https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html หรือ https://zap.stream/naddr1qq9rzde5xqurjvfcx5mqz9thwden5te0wfjkccte9ejxzmt4wvhxjme0qgsfwrl76z6zy0tjhsdnlaj6tkqweyx5w9vdyja5n788vl07p3nw3ugrqsqqqan8vzj3gy 🇹🇭123. วันที่ 1 เม.ย.2568 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาและนพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ จัดรายการ Health Nexus ตอนที่ 1 เปิดเผยที่มาของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร เซ็นเซอร์กำเนิดโควิดซึ่งมาจากการสร้างไวรัสใหม่และหลุดรั่วออกจากห้องปฏิบัติการ วัคซีนซึ่งเตรียมพร้อมมาก่อนการระบาด และการปกปิดข้อมูลผลข้างเคียงของวัคซีน https://youtu.be/aexZXA0QSKg?si=qoQxKZtu255RUhq1 ตอนที่ 2 นโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลกระทบด้านสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศอย่างไร ? https://youtu.be/cuU1QmYGZtI?si=ftzZdTtK0bxen9PP ตอนที่ 3 วัคซีนโควิดและผลกระทบ https://youtu.be/ys_ykPbyMks?si=sOZ4BZpb1Zhg-MTz ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้นหลังรับวัคซีนโควิด ? https://youtu.be/vfNhMVNZWNg?si=yS65NMKehklN7szQ https://t.me/ThaiPitaksithData/6914 🇹🇭124. วันที่ 14 เม.ย.2568 กลุ่มฯได้ส่งหนังสือ ขอแสดงความเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎ อนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.๒๐๒๔ ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ประธาน รัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก และเรียกร้องการจัดเวทีสาธารณะให้คนไทยทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น https://www.facebook.com/share/p/1639NvU9RX/ https://drive.google.com/file/d/1eOHJXX2DczIsh33Z1wzZ_dtaQ1sJccKU/view?u จดหมายที่เกี่ยวข้องที่เคยยื่นหน่วยงานทั้งหมด https://drive.google.com/drive/folders/1xAV- r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna 🇹🇭125. วันที่ 22 เม.ย.2568 คุณอดิเทพ จาวลาห์ ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์เข้ารับฟังการสัมมนาประชุมเชิงปฏิบัติการ ต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศและมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น ⭐️เหตุผลว่าทำไมต้องปฏิเสธ https://www.facebook.com/share/p/1EfD6VWF7A/?mibextid=wwXIfr ⭐️ร่าง กฏหมาย อนามัย https://drive.google.com/drive/folders/1aIfGOD-CE2dwcR1lFunjEFz4_yDriC-n รายการปากซอย 105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.youtube.com/live/O62sTRIcOKE?si=TygTglExUaiNUein 🇹🇭126. วันที่ 25 เม.ย. 2568 ยื่นจดหมายขอแสดงความคิดเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับ แก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ๒๐๒๔ เรียน อธิบดีกรมควบคุมโรค สําเนาเรียน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ต่างประเทศ ประธานรัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก ข้าพเจ้าอดิเทพ จาวลาห์ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการแก้ไขที่ได้รับการรับรองในการประชุมสมัชชา องค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 77 ผ่านมติ WHA77.17 ในปี 2024 ซึ่งข้าพเจ้ามีความกังวลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานและเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งการใช้อํานาจในทางที่ผิดโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างเพียงพอ ข้าพเจ้าจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย คัดค้าน และเรียกร้องให้มีการพิจารณาและทบทวนข้อกําหนดดังกล่าวอย่างรอบคอบ ไฟล์เอกสาร https://drive.google.com/file/d/1l0OQkErvfCimQrYl68IcrKQIT0VjuVGD/view?usp =drivesdk https://www.facebook.com/share/p/192ygrBgKv/ 🇹🇭127. วันที่ 28 เม.ย.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นจดหมายถึงอธิบดีกรม ควบคุมโรค ขอความโปร่งใสในการดําเนินงานเกี่ยวกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไข เพิ่มเติม ค.ศ.2024 พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารสําคัญและรายชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน 7 วันทําการ https://mgronline.com/qol/detail/9680000039977 https://drive.google.com/file/d/1lOx-z6YYotg4x6sm3w0aWb3k3xyimC4U/view?usp=drivesdk 🇹🇭128.วันที่ 15 พ.ค. 2568 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ โลกรับรู้มนุษย์ทําไวรัสเขา มีเจตนาอะไร? คิดกุศลหรืออกุศล สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ยูทูบ https://www.youtube.com/live/LQcoOjcPNkQ?si=QFfCzxuYBKx14God เฟสบุ๊กไลฟ์ https://www.facebook.com/share/v/15PyyQ8pgE/ 🇹🇭129.วันที่ 19 พ.ค.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการยา ตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ คณะกรรมการยาทุกท่าน ขอให้ดำเนินการระงับการอนุญาตให้ใช้วัคซีน mRNA ในมนุษย์ https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk ข้อมูลเหล่านั้นบางส่วนได้รับการเปิดเผยในเว็บไซต์ทางการของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/ https://www.facebook.com/share/p/1F5cKBiQSK/ https://www.facebook.com/share/p/16EB5JToNy/ ไฟล์จดหมายฉบับนี้ https://drive.google.com/file/d/1zx62n7IaqEdPYL-SFeNcrS2s8cpnLuDE/view?usp=drivesdk 🇹🇭130.วันที่ 22 พ.ค.2568 ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ร่างกายไม่เหมือนเดิม และญาติผู้เสียชีวิต รว่มกับ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พอ.นพ.พงษฺศักดิ์ ตั้งคณา นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ และจิตอาสากลุ่มคนไทยพิทักษฺสิทธิ์ ร่วมยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด และให้มีการจัดเวทีทางวิชาการ ถึงท่านประธานรัฐสภาไทย และประธานสภาผู้แทนราษฎร พณฯท่าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา จดหมายยื่นรัฐสภา https://drive.google.com/drive/folders/114MB4aBXnhPjSOb5iZKhThk0d9B0rs6f ไลฟ์สด https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/ https://www.thaipithaksith.com/my-posta3c48515 https://www.facebook.com/share/p/1NaPKfhgkD/ https://www.khaosod.co.th/politics/news_9770255 https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/ https://www.facebook.com/share/19RpSX1zVx/ 🇹🇭131. วันที่ 29พ.ค.2568 กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด-19 พร้อมด้วย อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ และ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขสั่งการโดยเร่งด่วน กรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโควิด19 https://drive.google.com/file/d/167IaJuYpekFBg7Le5GleNykqNsZzbJz_/view?usp=dri ve_link ในหนังสือฉบับนี้ มีข้อเรียกร้องหลัก 6 ประการ ได้แก่: 1. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ในเด็กและเยาวชน จนกว่าจะมีผลการสอบสวนผลข้างเคียงอย่าง เป็นระบบ 2. ให้สํานักงาน อย. ทบทวนการอนุญาตวัคซีน mRNA ทุกยี่ห้อ โดยโปร่งใส พร้อมเปิดข้อมูลจาก ต่างประเทศประกอบการพิจารณา 3. เปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่ม mRNA ที่รัฐทําไว้กับบริษัทเอกชน 4. เปิดให้รับคําร้องเรียนจากผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อจัดทําทะเบียนผู้เดือดร้อน 5. จัดเวทีวิชาการสาธารณะ โดยกรมควบคุมโรคร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่ออภิปรายอย่าง เปิดเผยเรื่องผลกระทบจากวัคซีน โดยเชิญทั้งนักวิชาการและผู้ป่วยเข้าร่วม 6. ให้แพทยสภาสอบสวนกรณีจริยธรรมทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ใบยินยอมที่อาจเป็น เท็จ การยื่นหนังสือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้ง ในปัจจุบันและอนาคต รายการจดหมายทั้งหมดที่ยื่นหน่วยงานต่างๆ https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna 🇹🇭132. วันที่ 13ก.ย.2568 อสมท MCOT News FM100.5 ในรายการ สีสันชีวิต ช่วง เร้นไม่ลับกับเซเลบฯ คุณลักขณา จำปา อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ สัมภาษณ์ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/share/p/1Gj4PLybRN/ https://www.facebook.com/share/p/166ByWxQNb/ https://www.youtube.com/watch?v=sbfllJghw7w 🇹🇭133. วันที่ 6 ต.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค เรื่อง ขอให้กรมควบคุมโรคปรับแก้ข้อมูล แนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ในเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค https://drive.google.com/file/d/1zKmgZ-nGb7mJnKQYbkX9AbbXi-8S0VpZ/view?usp=drivesdk 🇹🇭134. วันที่ 21ม.ค.-21ต.ค.2568 ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความ ✍️โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723 ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184 ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320 ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549 ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922 ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797 ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/ ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/ ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/ ตอน 10 https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr ตอน 11 https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr ตอน 12 https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr 🇹🇭135. วันที่ 22ต.ค.2568 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายสั้นๆ ในภาควิชา จุฬาฯ เรื่องโควิด ข้อมูลที่จะเป็นดั่งรูรั่วเล็กๆที่จะทำให้ เขื่อน ที่ปิดกั้นความจริงพังทลายลงในไม่ช้า https://www.facebook.com/share/1D7vvevs4h/ https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7563880418664107280 รวบรวมข้อมูลโดยแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 Comments 0 Shares 301 Views 0 Reviews
  • “Flexxon X-Mask Pro — การ์ด microSD ที่แฮกเกอร์อาจต้องยอมแพ้ แต่ขนาด 128GB ยังเล็กเกินไปสำหรับยุคนี้” — เมื่อความปลอดภัยระดับทหารมาพร้อมข้อจำกัดด้านความจุที่อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องลังเล

    Flexxon เปิดตัว X-Mask Pro ซึ่งเป็นการ์ด microSD ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยใช้เทคโนโลยี “Invisible Storage” ที่ทำให้ข้อมูลภายในการ์ดมองไม่เห็นและไม่สามารถเข้าถึงได้จากระบบที่ไม่ได้รับอนุญาต แม้จะเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ทั่วไปก็ตาม

    การ์ดนี้ใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะบน Windows ที่ชื่อว่า X-Mask Pro Tool ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งรหัสผ่านและเปิด “Mask Mode” เพื่อซ่อนข้อมูลทั้งหมดไว้จนกว่าจะมีการยืนยันตัวตนผ่าน PIN

    Flexxon ระบุว่า X-Mask Pro เหมาะกับงานที่ต้องการความลับสูง เช่น ภาพจากโดรน, กล้องติดตัวเจ้าหน้าที่, ข้อมูลทางการแพทย์, การเงิน และงานด้านความมั่นคง โดยเน้นว่าแม้การ์ดจะถูกขโมยหรือหลุดออกจากอุปกรณ์ ข้อมูลก็ยังคงถูกซ่อนไว้อย่างปลอดภัย

    อย่างไรก็ตาม ขนาดความจุของการ์ดมีเพียง 64GB และ 128GB ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับการ์ด microSD รุ่นใหม่ที่มีความจุถึง 1TB และรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ได้อย่างต่อเนื่อง

    ราคาของ X-Mask Pro อยู่ที่ประมาณ $228 ถึง $428 ซึ่งสูงกว่าการ์ดทั่วไปหลายเท่า ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปอาจลังเล แม้จะได้ความปลอดภัยระดับสูงก็ตาม

    Flexxon เปิดตัว X-Mask Pro microSD card สำหรับความปลอดภัยสูง
    ใช้เทคโนโลยี Invisible Storage ที่ซ่อนข้อมูลจากระบบทั่วไป

    ใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะบน Windows ชื่อ X-Mask Pro Tool
    ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนผ่าน PIN เพื่อเข้าถึงข้อมูล

    ข้อมูลจะถูกซ่อนไว้เมื่อการ์ดถูกถอดหรืออุปกรณ์ดับ
    ป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    เหมาะกับงานด้านความมั่นคง เช่น กล้องติดตัว, โดรน, การแพทย์, การเงิน
    ป้องกันการลบหรือดัดแปลงข้อมูลสำคัญ

    มีความจุ 64GB และ 128GB
    ใช้กับงานที่เน้นความปลอดภัยมากกว่าความจุ

    ราคาสูงถึง $428 ต่อการ์ด
    เน้นกลุ่มผู้ใช้ระดับองค์กรหรือภาครัฐ

    https://www.techradar.com/pro/have-hackers-found-a-match-this-microsd-card-is-apparently-uncrackable-but-i-can-only-wince-at-the-tiny-128gb-capacity
    🔐 “Flexxon X-Mask Pro — การ์ด microSD ที่แฮกเกอร์อาจต้องยอมแพ้ แต่ขนาด 128GB ยังเล็กเกินไปสำหรับยุคนี้” — เมื่อความปลอดภัยระดับทหารมาพร้อมข้อจำกัดด้านความจุที่อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องลังเล Flexxon เปิดตัว X-Mask Pro ซึ่งเป็นการ์ด microSD ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยใช้เทคโนโลยี “Invisible Storage” ที่ทำให้ข้อมูลภายในการ์ดมองไม่เห็นและไม่สามารถเข้าถึงได้จากระบบที่ไม่ได้รับอนุญาต แม้จะเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ทั่วไปก็ตาม การ์ดนี้ใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะบน Windows ที่ชื่อว่า X-Mask Pro Tool ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งรหัสผ่านและเปิด “Mask Mode” เพื่อซ่อนข้อมูลทั้งหมดไว้จนกว่าจะมีการยืนยันตัวตนผ่าน PIN Flexxon ระบุว่า X-Mask Pro เหมาะกับงานที่ต้องการความลับสูง เช่น ภาพจากโดรน, กล้องติดตัวเจ้าหน้าที่, ข้อมูลทางการแพทย์, การเงิน และงานด้านความมั่นคง โดยเน้นว่าแม้การ์ดจะถูกขโมยหรือหลุดออกจากอุปกรณ์ ข้อมูลก็ยังคงถูกซ่อนไว้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ขนาดความจุของการ์ดมีเพียง 64GB และ 128GB ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับการ์ด microSD รุ่นใหม่ที่มีความจุถึง 1TB และรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ได้อย่างต่อเนื่อง ราคาของ X-Mask Pro อยู่ที่ประมาณ $228 ถึง $428 ซึ่งสูงกว่าการ์ดทั่วไปหลายเท่า ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปอาจลังเล แม้จะได้ความปลอดภัยระดับสูงก็ตาม ✅ Flexxon เปิดตัว X-Mask Pro microSD card สำหรับความปลอดภัยสูง ➡️ ใช้เทคโนโลยี Invisible Storage ที่ซ่อนข้อมูลจากระบบทั่วไป ✅ ใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะบน Windows ชื่อ X-Mask Pro Tool ➡️ ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนผ่าน PIN เพื่อเข้าถึงข้อมูล ✅ ข้อมูลจะถูกซ่อนไว้เมื่อการ์ดถูกถอดหรืออุปกรณ์ดับ ➡️ ป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ เหมาะกับงานด้านความมั่นคง เช่น กล้องติดตัว, โดรน, การแพทย์, การเงิน ➡️ ป้องกันการลบหรือดัดแปลงข้อมูลสำคัญ ✅ มีความจุ 64GB และ 128GB ➡️ ใช้กับงานที่เน้นความปลอดภัยมากกว่าความจุ ✅ ราคาสูงถึง $428 ต่อการ์ด ➡️ เน้นกลุ่มผู้ใช้ระดับองค์กรหรือภาครัฐ https://www.techradar.com/pro/have-hackers-found-a-match-this-microsd-card-is-apparently-uncrackable-but-i-can-only-wince-at-the-tiny-128gb-capacity
    WWW.TECHRADAR.COM
    This microSD card claims industrial-grade encryption but costs a fortune
    X-Mask Pro hides files completely from unauthorized systems and casual intruders
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • "ไมโครเวฟกันขโมยรถ? เทคนิคที่ใช้ได้จริงแต่เสี่ยงพังทั้งบ้าน"

    ในยุคที่รถยนต์อัจฉริยะกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของโจรไซเบอร์ “Relay Attack” คือเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการขโมยรถที่มีระบบ Keyless Entry โดยการขยายสัญญาณจากกุญแจรถที่อยู่ในบ้านไปยังรถยนต์ ทำให้สามารถปลดล็อกรถได้โดยไม่ต้องมีตัวกุญแจอยู่ใกล้รถเลย

    หนึ่งในวิธีที่ถูกพูดถึงมากคือการนำกุญแจรถไปเก็บไว้ในไมโครเวฟ ซึ่งทำหน้าที่คล้าย “Faraday Cage” หรือกรงป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่สามารถบล็อกสัญญาณจากกุญแจไม่ให้ถูกขยายออกไปได้ วิธีนี้แม้จะได้ผลจริง แต่ก็มีข้อเสียร้ายแรง—ถ้าลืมว่ากุญแจอยู่ในไมโครเวฟแล้วเผลอเปิดเครื่องตอนอุ่นอาหาร คุณอาจจะต้องซื้อไมโครเวฟใหม่พร้อมกุญแจรถอีกชุดทันที

    ความเข้าใจเรื่อง Relay Attack
    เป็นการขยายสัญญาณจากกุญแจรถไปยังรถยนต์เพื่อปลดล็อกจากระยะไกล
    ใช้ได้แม้กุญแจจะอยู่ในบ้าน และใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที

    ไมโครเวฟในฐานะ Faraday Cage
    โครงสร้างโลหะของไมโครเวฟสามารถบล็อกสัญญาณจากกุญแจได้
    เป็นวิธีที่ได้ผลในการป้องกัน Relay Attack

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ไมโครเวฟ
    หากลืมว่ากุญแจอยู่ในไมโครเวฟแล้วเปิดเครื่อง จะทำให้กุญแจและไมโครเวฟเสียหายทันที
    ความร้อนและไฟฟ้าจะทำลายแบตเตอรี่และวงจรของกุญแจ
    พลาสติกของกุญแจจะละลายจากความร้อน

    ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
    ใช้ Faraday Bag สำหรับเก็บกุญแจโดยเฉพาะ ราคาเริ่มต้นเพียง $9.99
    รุ่นที่กันไฟและน้ำมีราคาเพียง $14.99
    เก็บกุญแจไว้ในช่องแช่แข็งก็ช่วยลดสัญญาณได้ แม้จะมีความเสี่ยงต่อความเย็น
    วางกุญแจไว้ในห้องชั้นบน ห่างจากหน้าต่าง ก็ช่วยลดโอกาสถูกขยายสัญญาณ
    ใช้ล็อกพวงมาลัยแบบเก่าเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

    คำเตือนเพิ่มเติม
    ช่องแช่แข็งอาจทำให้แบตเตอรี่กุญแจเสียหายจากความเย็น
    การใช้ฟอยล์ห่อกุญแจอาจได้ผล แต่ไม่มั่นคงเท่ากระเป๋า Faraday
    การพึ่งพาวิธี DIY โดยไม่เข้าใจความเสี่ยง อาจนำไปสู่ความเสียหายทางทรัพย์สิน

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก:

    หลักการของ Faraday Cage
    เป็นโครงสร้างที่ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ให้เข้าออก
    ใช้ในงานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และความปลอดภัยไซเบอร์

    แนวโน้มการออกแบบกุญแจรถในอนาคต
    ผู้ผลิตเริ่มพัฒนาเทคโนโลยี anti-relay ในกุญแจรุ่นใหม่
    การใช้ Bluetooth Low Energy และระบบยืนยันตัวตนหลายชั้นจะช่วยลดความเสี่ยง

    https://www.slashgear.com/1997582/vehicle-theft-prevention-microwave-hack-warning/
    🚗 "ไมโครเวฟกันขโมยรถ? เทคนิคที่ใช้ได้จริงแต่เสี่ยงพังทั้งบ้าน" ในยุคที่รถยนต์อัจฉริยะกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของโจรไซเบอร์ “Relay Attack” คือเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการขโมยรถที่มีระบบ Keyless Entry โดยการขยายสัญญาณจากกุญแจรถที่อยู่ในบ้านไปยังรถยนต์ ทำให้สามารถปลดล็อกรถได้โดยไม่ต้องมีตัวกุญแจอยู่ใกล้รถเลย หนึ่งในวิธีที่ถูกพูดถึงมากคือการนำกุญแจรถไปเก็บไว้ในไมโครเวฟ ซึ่งทำหน้าที่คล้าย “Faraday Cage” หรือกรงป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่สามารถบล็อกสัญญาณจากกุญแจไม่ให้ถูกขยายออกไปได้ วิธีนี้แม้จะได้ผลจริง แต่ก็มีข้อเสียร้ายแรง—ถ้าลืมว่ากุญแจอยู่ในไมโครเวฟแล้วเผลอเปิดเครื่องตอนอุ่นอาหาร คุณอาจจะต้องซื้อไมโครเวฟใหม่พร้อมกุญแจรถอีกชุดทันที ✅ ความเข้าใจเรื่อง Relay Attack ➡️ เป็นการขยายสัญญาณจากกุญแจรถไปยังรถยนต์เพื่อปลดล็อกจากระยะไกล ➡️ ใช้ได้แม้กุญแจจะอยู่ในบ้าน และใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ✅ ไมโครเวฟในฐานะ Faraday Cage ➡️ โครงสร้างโลหะของไมโครเวฟสามารถบล็อกสัญญาณจากกุญแจได้ ➡️ เป็นวิธีที่ได้ผลในการป้องกัน Relay Attack ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ไมโครเวฟ ⛔ หากลืมว่ากุญแจอยู่ในไมโครเวฟแล้วเปิดเครื่อง จะทำให้กุญแจและไมโครเวฟเสียหายทันที ⛔ ความร้อนและไฟฟ้าจะทำลายแบตเตอรี่และวงจรของกุญแจ ⛔ พลาสติกของกุญแจจะละลายจากความร้อน ✅ ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ➡️ ใช้ Faraday Bag สำหรับเก็บกุญแจโดยเฉพาะ ราคาเริ่มต้นเพียง $9.99 ➡️ รุ่นที่กันไฟและน้ำมีราคาเพียง $14.99 ➡️ เก็บกุญแจไว้ในช่องแช่แข็งก็ช่วยลดสัญญาณได้ แม้จะมีความเสี่ยงต่อความเย็น ➡️ วางกุญแจไว้ในห้องชั้นบน ห่างจากหน้าต่าง ก็ช่วยลดโอกาสถูกขยายสัญญาณ ➡️ ใช้ล็อกพวงมาลัยแบบเก่าเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ‼️ คำเตือนเพิ่มเติม ⛔ ช่องแช่แข็งอาจทำให้แบตเตอรี่กุญแจเสียหายจากความเย็น ⛔ การใช้ฟอยล์ห่อกุญแจอาจได้ผล แต่ไม่มั่นคงเท่ากระเป๋า Faraday ⛔ การพึ่งพาวิธี DIY โดยไม่เข้าใจความเสี่ยง อาจนำไปสู่ความเสียหายทางทรัพย์สิน 📎 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก: ✅ หลักการของ Faraday Cage ➡️ เป็นโครงสร้างที่ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ให้เข้าออก ➡️ ใช้ในงานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ แนวโน้มการออกแบบกุญแจรถในอนาคต ➡️ ผู้ผลิตเริ่มพัฒนาเทคโนโลยี anti-relay ในกุญแจรุ่นใหม่ ➡️ การใช้ Bluetooth Low Energy และระบบยืนยันตัวตนหลายชั้นจะช่วยลดความเสี่ยง https://www.slashgear.com/1997582/vehicle-theft-prevention-microwave-hack-warning/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Kitchen Appliance Could Prevent Car Theft – But It Comes At Too High A Risk - SlashGear
    Car owners afraid of relay attacks have taken to using a common kitchen appliance to secure their key fob, but the benefits far outweigh the risks.
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • “EU บังคับใช้ USB-C สำหรับอะแดปเตอร์ทุกชนิดภายในปี 2028 — พร้อมติดฉลากกำลังไฟบนสายและหัวชาร์จ”

    สหภาพยุโรปออกกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ “External Power Supplies” (EPS) หรืออะแดปเตอร์ไฟฟ้าทุกชนิดต้องใช้พอร์ต USB-C พร้อมสายถอดได้ภายในปี 2028 โดยครอบคลุมอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น คอนโซลเกม, จอมอนิเตอร์, เราเตอร์, กล่องรับสัญญาณ, เครื่องชาร์จไร้สาย และแม้แต่ PoE injectors

    เป้าหมายหลักคือการสร้างความ “interoperability” หรือความเข้ากันได้ระหว่างอุปกรณ์ และส่งเสริมความยั่งยืน โดยผู้ใช้สามารถใช้สายและหัวชาร์จเดียวกันกับหลายอุปกรณ์ได้

    กฎหมายยังบังคับให้ผู้ผลิตแสดง “กำลังไฟ” (power rating) บนตัวอะแดปเตอร์, พอร์ตชาร์จ และสายไฟ เพื่อป้องกันการโฆษณาเกินจริง และช่วยให้ผู้ใช้เลือกใช้อุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัย

    นอกจากนี้ EPS ที่จ่ายไฟเกิน 10W ต้องผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพขั้นต่ำทั้งในสภาวะโหลดต่ำ, เฉลี่ย และไม่มีโหลด ส่วนแท่นชาร์จไร้สายต้องลดการใช้พลังงานขณะ idle และมีวงจรจ่ายไฟแยกต่างหากเพื่อให้สามารถเปลี่ยนหรือใช้ซ้ำได้

    อุปกรณ์บางประเภทได้รับการยกเว้น เช่น UPS, อุปกรณ์ทางการแพทย์, ของเล่นบางชนิด, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า, ระบบไฟฉุกเฉิน และอุปกรณ์ที่ใช้ในสภาพแวดล้อมเปียก

    EU คาดว่ากฎหมายนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 1,070 TWh ต่อปีภายในปี 2030 โดยอิงจากข้อมูลว่ามี EPS ขายมากถึง 400 ล้านชิ้นต่อปี

    EU ออกกฎหมายบังคับให้ EPS ทุกชนิดใช้ USB-C พร้อมสายถอดได้ภายในปี 2028
    ครอบคลุมอุปกรณ์หลากหลาย เช่น คอนโซล, เราเตอร์, กล่องรับสัญญาณ ฯลฯ

    ต้องแสดงกำลังไฟบนตัวอะแดปเตอร์, พอร์ต และสาย
    เพื่อความปลอดภัยและความโปร่งใสในการใช้งาน

    EPS ที่จ่ายไฟเกิน 10W ต้องผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพขั้นต่ำ
    ทั้งในโหลดต่ำ, เฉลี่ย และไม่มีโหลด

    แท่นชาร์จไร้สายต้องลด idle power และมีวงจรจ่ายไฟแยก
    เพื่อให้สามารถเปลี่ยนหรือใช้ซ้ำได้

    มีการออกโลโก้ “Common Charger” เพื่อระบุอุปกรณ์ที่ผ่านเกณฑ์
    ช่วยให้ผู้ใช้เลือกใช้งานได้ง่ายขึ้น

    คาดว่าจะลดการใช้พลังงานได้ 1,070 TWh ต่อปีภายในปี 2030
    จากการลดจำนวน EPS ที่ผลิตและใช้งานซ้ำ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/power-bricks-and-wall-warts-must-be-usb-c-by-2028-new-eu-legislation-also-adds-power-rating-labels-for-power-units-and-cables
    🔌 “EU บังคับใช้ USB-C สำหรับอะแดปเตอร์ทุกชนิดภายในปี 2028 — พร้อมติดฉลากกำลังไฟบนสายและหัวชาร์จ” สหภาพยุโรปออกกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ “External Power Supplies” (EPS) หรืออะแดปเตอร์ไฟฟ้าทุกชนิดต้องใช้พอร์ต USB-C พร้อมสายถอดได้ภายในปี 2028 โดยครอบคลุมอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น คอนโซลเกม, จอมอนิเตอร์, เราเตอร์, กล่องรับสัญญาณ, เครื่องชาร์จไร้สาย และแม้แต่ PoE injectors เป้าหมายหลักคือการสร้างความ “interoperability” หรือความเข้ากันได้ระหว่างอุปกรณ์ และส่งเสริมความยั่งยืน โดยผู้ใช้สามารถใช้สายและหัวชาร์จเดียวกันกับหลายอุปกรณ์ได้ กฎหมายยังบังคับให้ผู้ผลิตแสดง “กำลังไฟ” (power rating) บนตัวอะแดปเตอร์, พอร์ตชาร์จ และสายไฟ เพื่อป้องกันการโฆษณาเกินจริง และช่วยให้ผู้ใช้เลือกใช้อุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ EPS ที่จ่ายไฟเกิน 10W ต้องผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพขั้นต่ำทั้งในสภาวะโหลดต่ำ, เฉลี่ย และไม่มีโหลด ส่วนแท่นชาร์จไร้สายต้องลดการใช้พลังงานขณะ idle และมีวงจรจ่ายไฟแยกต่างหากเพื่อให้สามารถเปลี่ยนหรือใช้ซ้ำได้ อุปกรณ์บางประเภทได้รับการยกเว้น เช่น UPS, อุปกรณ์ทางการแพทย์, ของเล่นบางชนิด, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า, ระบบไฟฉุกเฉิน และอุปกรณ์ที่ใช้ในสภาพแวดล้อมเปียก EU คาดว่ากฎหมายนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 1,070 TWh ต่อปีภายในปี 2030 โดยอิงจากข้อมูลว่ามี EPS ขายมากถึง 400 ล้านชิ้นต่อปี ✅ EU ออกกฎหมายบังคับให้ EPS ทุกชนิดใช้ USB-C พร้อมสายถอดได้ภายในปี 2028 ➡️ ครอบคลุมอุปกรณ์หลากหลาย เช่น คอนโซล, เราเตอร์, กล่องรับสัญญาณ ฯลฯ ✅ ต้องแสดงกำลังไฟบนตัวอะแดปเตอร์, พอร์ต และสาย ➡️ เพื่อความปลอดภัยและความโปร่งใสในการใช้งาน ✅ EPS ที่จ่ายไฟเกิน 10W ต้องผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพขั้นต่ำ ➡️ ทั้งในโหลดต่ำ, เฉลี่ย และไม่มีโหลด ✅ แท่นชาร์จไร้สายต้องลด idle power และมีวงจรจ่ายไฟแยก ➡️ เพื่อให้สามารถเปลี่ยนหรือใช้ซ้ำได้ ✅ มีการออกโลโก้ “Common Charger” เพื่อระบุอุปกรณ์ที่ผ่านเกณฑ์ ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้เลือกใช้งานได้ง่ายขึ้น ✅ คาดว่าจะลดการใช้พลังงานได้ 1,070 TWh ต่อปีภายในปี 2030 ➡️ จากการลดจำนวน EPS ที่ผลิตและใช้งานซ้ำ https://www.tomshardware.com/tech-industry/power-bricks-and-wall-warts-must-be-usb-c-by-2028-new-eu-legislation-also-adds-power-rating-labels-for-power-units-and-cables
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • “จีนเขย่าโลกด้วยหุ่นยนต์ AI หน้าตาเหมือนมนุษย์” — เมื่อการแสดงอารมณ์และการเคลื่อนไหวกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์

    สองบริษัทจีน AheadForm และ Kepler Robotics กำลังผลักดันขีดจำกัดของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ไปอีกขั้น ด้วยการพัฒนา “ใบหน้า” และ “ร่างกาย” ที่เลียนแบบมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง

    AheadForm โฟกัสที่ “การแสดงออกทางสีหน้า” โดยใช้มอเตอร์แบบไร้แปรงและผิวสังเคราะห์ที่นุ่ม เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถขยับเปลือกตา ริมฝีปาก และคิ้วได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง หุ่นต้นแบบชื่อ “Xuan” สามารถแสดงอารมณ์ผ่านการพูด การมอง และการขยับหน้าได้อย่างสมจริงจนน่าขนลุก

    Kepler Robotics มุ่งพัฒนา “การเคลื่อนไหวของร่างกาย” หุ่นยนต์รุ่น K2 Bumblebee สามารถเดินบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้อย่างมั่นคง แม้ถูกผลักก็ยังทรงตัวได้ ด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ hybrid ที่เลียนแบบกล้ามเนื้อใหญ่และข้อต่อเล็กของมนุษย์

    ทั้งสองบริษัทใช้ AI ขั้นสูงในการควบคุมการเคลื่อนไหวและการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม โดย Kepler ยังโชว์ให้เห็นว่า Bumblebee สามารถเข้าใจคำสั่งเสียง เรียนรู้ผ่าน reinforcement และควบคุมแรงบิดได้อย่างแม่นยำ

    เป้าหมายของพวกเขาคือการสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่าง “เป็นธรรมชาติ” ไม่ว่าจะในโรงเรียน โรงพยาบาล หรือร้านค้า แม้บางคนจะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นหุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์เกินไปก็ตาม

    AheadForm พัฒนาหุ่นยนต์ที่แสดงสีหน้าได้สมจริง
    ใช้มอเตอร์ไร้แปรงและผิวสังเคราะห์ควบคุมการขยับละเอียด

    หุ่นต้นแบบ “Xuan” แสดงอารมณ์ผ่านการพูดและการมอง
    ควบคุมด้วย AI ที่จำลองการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า

    Kepler Robotics พัฒนา K2 Bumblebee ที่เคลื่อนไหวได้เหมือนมนุษย์
    เดินบนพื้นต่าง ๆ ได้ดีและทรงตัวแม้ถูกผลัก

    ใช้ระบบ hybrid actuation เลียนแบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ
    เพิ่มความแม่นยำและประหยัดพลังงาน

    Bumblebee เข้าใจคำสั่งเสียงและเรียนรู้ผ่าน reinforcement
    มี 52 องศาการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์ในตัว 80 ตัว

    เป้าหมายคือใช้ในงานบริการ เช่น การศึกษา การแพทย์ และค้าปลีก
    เพื่อให้หุ่นยนต์ “เข้าถึงได้” และ “เป็นธรรมชาติ” มากขึ้น

    https://www.slashgear.com/1996011/china-ai-robots-humanoid-characteristics/
    🤖 “จีนเขย่าโลกด้วยหุ่นยนต์ AI หน้าตาเหมือนมนุษย์” — เมื่อการแสดงอารมณ์และการเคลื่อนไหวกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ สองบริษัทจีน AheadForm และ Kepler Robotics กำลังผลักดันขีดจำกัดของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ไปอีกขั้น ด้วยการพัฒนา “ใบหน้า” และ “ร่างกาย” ที่เลียนแบบมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง 🧠 AheadForm โฟกัสที่ “การแสดงออกทางสีหน้า” โดยใช้มอเตอร์แบบไร้แปรงและผิวสังเคราะห์ที่นุ่ม เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถขยับเปลือกตา ริมฝีปาก และคิ้วได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง หุ่นต้นแบบชื่อ “Xuan” สามารถแสดงอารมณ์ผ่านการพูด การมอง และการขยับหน้าได้อย่างสมจริงจนน่าขนลุก 🦿 Kepler Robotics มุ่งพัฒนา “การเคลื่อนไหวของร่างกาย” หุ่นยนต์รุ่น K2 Bumblebee สามารถเดินบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้อย่างมั่นคง แม้ถูกผลักก็ยังทรงตัวได้ ด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ hybrid ที่เลียนแบบกล้ามเนื้อใหญ่และข้อต่อเล็กของมนุษย์ ทั้งสองบริษัทใช้ AI ขั้นสูงในการควบคุมการเคลื่อนไหวและการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม โดย Kepler ยังโชว์ให้เห็นว่า Bumblebee สามารถเข้าใจคำสั่งเสียง เรียนรู้ผ่าน reinforcement และควบคุมแรงบิดได้อย่างแม่นยำ เป้าหมายของพวกเขาคือการสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่าง “เป็นธรรมชาติ” ไม่ว่าจะในโรงเรียน โรงพยาบาล หรือร้านค้า แม้บางคนจะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นหุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์เกินไปก็ตาม ✅ AheadForm พัฒนาหุ่นยนต์ที่แสดงสีหน้าได้สมจริง ➡️ ใช้มอเตอร์ไร้แปรงและผิวสังเคราะห์ควบคุมการขยับละเอียด ✅ หุ่นต้นแบบ “Xuan” แสดงอารมณ์ผ่านการพูดและการมอง ➡️ ควบคุมด้วย AI ที่จำลองการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า ✅ Kepler Robotics พัฒนา K2 Bumblebee ที่เคลื่อนไหวได้เหมือนมนุษย์ ➡️ เดินบนพื้นต่าง ๆ ได้ดีและทรงตัวแม้ถูกผลัก ✅ ใช้ระบบ hybrid actuation เลียนแบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ ➡️ เพิ่มความแม่นยำและประหยัดพลังงาน ✅ Bumblebee เข้าใจคำสั่งเสียงและเรียนรู้ผ่าน reinforcement ➡️ มี 52 องศาการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์ในตัว 80 ตัว ✅ เป้าหมายคือใช้ในงานบริการ เช่น การศึกษา การแพทย์ และค้าปลีก ➡️ เพื่อให้หุ่นยนต์ “เข้าถึงได้” และ “เป็นธรรมชาติ” มากขึ้น https://www.slashgear.com/1996011/china-ai-robots-humanoid-characteristics/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    China's AI Robots Are Shocking The World With Their Humanoid Characteristics - SlashGear
    Combining expressive AI with bionic design, China’s humanoid robots from AheadForm and Kepler can walk, talk, and react like real humans.
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • “AI ตรวจจับภัยในชิปได้ 97% แต่ยังไม่พอ” — เมื่อความแม่นยำสูงยังไม่อาจรับประกันความปลอดภัยในโลกฮาร์ดแวร์

    ในโลกที่ชิปคอมพิวเตอร์เป็นหัวใจของทุกระบบ ตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และการทหาร ความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม ล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Missouri ได้พัฒนา PEARL — ระบบที่ใช้ AI ตรวจจับ “hardware trojans” หรือช่องโหว่ที่ถูกฝังไว้ในขั้นตอนการผลิตชิป

    PEARL ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เช่น GPT-3.5 Turbo, Gemini 1.5 Pro, Llama 3.1 และ DeepSeek-V2 เพื่อวิเคราะห์โค้ด Verilog โดยไม่ต้องใช้โมเดลอ้างอิงแบบ “golden chip” และสามารถอธิบายผลการตรวจจับได้อย่างเข้าใจง่าย

    ผลการทดลองพบว่า GPT-3.5 Turbo ตรวจจับได้แม่นยำถึง 97% ขณะที่ DeepSeek-V2 ทำได้ 91% ซึ่งถือว่าสูงมากในแง่เทคนิค แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า “แม้จะพลาดเพียง 3% ก็อาจนำไปสู่หายนะ” เพราะชิปเหล่านี้ถูกใช้ในระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเงินและความมั่นคงของชาติ

    การตรวจจับ hardware trojans เป็นเรื่องยาก เพราะชิปถูกผลิตผ่านห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนในหลายประเทศ และช่องโหว่อาจถูกฝังในขั้นตอนใดก็ได้ การตรวจสอบแบบ manual ยังจำเป็นเพื่อเสริมความมั่นใจ แม้ AI จะช่วยได้มากก็ตาม

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Missouri พัฒนา PEARL เพื่อตรวจจับ hardware trojans
    ใช้ LLMs เช่น GPT-3.5 Turbo, Gemini 1.5 Pro, Llama 3.1 และ DeepSeek-V2
    วิเคราะห์โค้ด Verilog โดยไม่ต้องใช้ golden chip

    PEARL ใช้เทคนิค in-context learning เช่น zero-shot และ few-shot
    ให้ผลลัพธ์พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจง่าย

    GPT-3.5 Turbo ตรวจจับได้แม่นยำถึง 97%
    DeepSeek-V2 ทำได้ 91%

    ทดสอบกับ benchmark เช่น Trust-Hub และ ISCAS 85/89
    ใช้ทั้งโมเดล open-source และ enterprise

    PEARL ไม่ต้องใช้โมเดลอ้างอิง ทำให้ใช้งานได้กว้างขึ้น
    เหมาะกับการตรวจสอบชิปในระบบที่ไม่มี golden reference

    แม้ AI จะตรวจจับได้ 97% แต่ยังมีช่องว่างที่อาจนำไปสู่หายนะ
    ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในชิปอาจทำให้ระบบล่มหรือถูกเจาะ

    ห่วงโซ่อุปทานของชิปมีความซับซ้อนและเสี่ยงต่อการฝังช่องโหว่
    การตรวจสอบต้องครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการประกอบ

    การพึ่งพา AI เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในระบบที่มีความเสี่ยงสูง
    ยังต้องมีการตรวจสอบแบบ manual และการทดสอบเชิงลึก

    ความแม่นยำของโมเดลอาจแตกต่างกันตามบริบทและประเภทของโค้ด
    ต้องเลือกโมเดลให้เหมาะกับงานและมีการปรับแต่งอย่างเหมาะสม

    https://www.techradar.com/pro/ai-can-detect-malicious-chip-vulnerabilities-with-a-97-success-rate-but-i-fear-that-is-simply-not-enough
    🧠 “AI ตรวจจับภัยในชิปได้ 97% แต่ยังไม่พอ” — เมื่อความแม่นยำสูงยังไม่อาจรับประกันความปลอดภัยในโลกฮาร์ดแวร์ ในโลกที่ชิปคอมพิวเตอร์เป็นหัวใจของทุกระบบ ตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และการทหาร ความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม ล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Missouri ได้พัฒนา PEARL — ระบบที่ใช้ AI ตรวจจับ “hardware trojans” หรือช่องโหว่ที่ถูกฝังไว้ในขั้นตอนการผลิตชิป PEARL ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เช่น GPT-3.5 Turbo, Gemini 1.5 Pro, Llama 3.1 และ DeepSeek-V2 เพื่อวิเคราะห์โค้ด Verilog โดยไม่ต้องใช้โมเดลอ้างอิงแบบ “golden chip” และสามารถอธิบายผลการตรวจจับได้อย่างเข้าใจง่าย ผลการทดลองพบว่า GPT-3.5 Turbo ตรวจจับได้แม่นยำถึง 97% ขณะที่ DeepSeek-V2 ทำได้ 91% ซึ่งถือว่าสูงมากในแง่เทคนิค แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า “แม้จะพลาดเพียง 3% ก็อาจนำไปสู่หายนะ” เพราะชิปเหล่านี้ถูกใช้ในระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเงินและความมั่นคงของชาติ การตรวจจับ hardware trojans เป็นเรื่องยาก เพราะชิปถูกผลิตผ่านห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนในหลายประเทศ และช่องโหว่อาจถูกฝังในขั้นตอนใดก็ได้ การตรวจสอบแบบ manual ยังจำเป็นเพื่อเสริมความมั่นใจ แม้ AI จะช่วยได้มากก็ตาม ✅ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Missouri พัฒนา PEARL เพื่อตรวจจับ hardware trojans ➡️ ใช้ LLMs เช่น GPT-3.5 Turbo, Gemini 1.5 Pro, Llama 3.1 และ DeepSeek-V2 ➡️ วิเคราะห์โค้ด Verilog โดยไม่ต้องใช้ golden chip ✅ PEARL ใช้เทคนิค in-context learning เช่น zero-shot และ few-shot ➡️ ให้ผลลัพธ์พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจง่าย ✅ GPT-3.5 Turbo ตรวจจับได้แม่นยำถึง 97% ➡️ DeepSeek-V2 ทำได้ 91% ✅ ทดสอบกับ benchmark เช่น Trust-Hub และ ISCAS 85/89 ➡️ ใช้ทั้งโมเดล open-source และ enterprise ✅ PEARL ไม่ต้องใช้โมเดลอ้างอิง ทำให้ใช้งานได้กว้างขึ้น ➡️ เหมาะกับการตรวจสอบชิปในระบบที่ไม่มี golden reference ‼️ แม้ AI จะตรวจจับได้ 97% แต่ยังมีช่องว่างที่อาจนำไปสู่หายนะ ⛔ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในชิปอาจทำให้ระบบล่มหรือถูกเจาะ ‼️ ห่วงโซ่อุปทานของชิปมีความซับซ้อนและเสี่ยงต่อการฝังช่องโหว่ ⛔ การตรวจสอบต้องครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการประกอบ ‼️ การพึ่งพา AI เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในระบบที่มีความเสี่ยงสูง ⛔ ยังต้องมีการตรวจสอบแบบ manual และการทดสอบเชิงลึก ‼️ ความแม่นยำของโมเดลอาจแตกต่างกันตามบริบทและประเภทของโค้ด ⛔ ต้องเลือกโมเดลให้เหมาะกับงานและมีการปรับแต่งอย่างเหมาะสม https://www.techradar.com/pro/ai-can-detect-malicious-chip-vulnerabilities-with-a-97-success-rate-but-i-fear-that-is-simply-not-enough
    WWW.TECHRADAR.COM
    New AI model spots dangerous chip code with near-perfect accuracy
    The PEARL system uses language models to expose malicious design changes
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • “ASUSTOR NAS พร้อมรับมือยุคควอนตัม” — อัปเกรดระบบเข้ารหัสด้วยเทคโนโลยี Post-Quantum Cryptography

    ASUSTOR ประกาศว่า NAS OS รุ่นล่าสุด ADM 5.1 ได้รับการอัปเกรดให้รองรับเทคโนโลยี Post-Quantum Cryptography (PQC) อย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้มาตรฐานที่ได้รับการรับรองจาก NIST สหรัฐฯ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามจากการถอดรหัสด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต

    ระบบใหม่ใช้ Hybrid TLS ที่ผสานการเข้ารหัสแบบ X25519 กับ ML-KEM 768 (Kyber) เพื่อป้องกันข้อมูลทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยผู้ใช้ไม่ต้องตั้งค่าใด ๆ เพิ่มเติม หากใช้เบราว์เซอร์ที่รองรับ TLS 1.3 และ PQC ระบบจะเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสควอนตัมโดยอัตโนมัติ

    การอัปเกรดนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการโจมตีแบบ “Harvest Now, Decrypt Later” ซึ่งเป็นการดักจับข้อมูลเข้ารหัสไว้ก่อน แล้วรอให้เทคโนโลยีถอดรหัสพัฒนาจนสามารถเจาะข้อมูลได้ในอนาคต เช่น ข้อมูลสำรองระยะยาว, เอกสารลับ, ทรัพย์สินทางปัญญา, ข้อมูลการแพทย์และการเงิน

    ADM 5.1 จะแสดงสถานะการเข้ารหัสให้ผู้ใช้เห็นอย่างชัดเจน และจะเปิดใช้งาน PQC โดยอัตโนมัติเมื่อเบราว์เซอร์รองรับ โดยเบราว์เซอร์ที่รองรับ ได้แก่ Chrome 131, Edge 131, Firefox 135, Opera 116 และ Brave 1.73

    ข้อมูลในข่าว
    ASUSTOR อัปเกรด NAS OS ADM 5.1 ให้รองรับ Post-Quantum Cryptography (PQC)
    ใช้มาตรฐานจาก NIST สหรัฐฯ เช่น ML-KEM 768 (Kyber)
    ใช้ Hybrid TLS ที่ผสาน X25519 กับ Kyber เพื่อความปลอดภัยสองชั้น
    ป้องกันการโจมตีแบบ “Harvest Now, Decrypt Later”
    ผู้ใช้ไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม หากเบราว์เซอร์รองรับ TLS 1.3 และ PQC
    ระบบจะเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสควอนตัมโดยอัตโนมัติ
    ADM จะแสดงสถานะการเข้ารหัสให้ผู้ใช้เห็น
    เบราว์เซอร์ที่รองรับ ได้แก่ Chrome 131, Edge 131, Firefox 135, Opera 116 และ Brave 1.73
    เหมาะกับการปกป้องข้อมูลระยะยาว เช่น เอกสารลับและข้อมูลสำรอง

    https://www.techpowerup.com/341960/asustor-nas-devices-now-pqc-ready
    🔐 “ASUSTOR NAS พร้อมรับมือยุคควอนตัม” — อัปเกรดระบบเข้ารหัสด้วยเทคโนโลยี Post-Quantum Cryptography ASUSTOR ประกาศว่า NAS OS รุ่นล่าสุด ADM 5.1 ได้รับการอัปเกรดให้รองรับเทคโนโลยี Post-Quantum Cryptography (PQC) อย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้มาตรฐานที่ได้รับการรับรองจาก NIST สหรัฐฯ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามจากการถอดรหัสด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ระบบใหม่ใช้ Hybrid TLS ที่ผสานการเข้ารหัสแบบ X25519 กับ ML-KEM 768 (Kyber) เพื่อป้องกันข้อมูลทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยผู้ใช้ไม่ต้องตั้งค่าใด ๆ เพิ่มเติม หากใช้เบราว์เซอร์ที่รองรับ TLS 1.3 และ PQC ระบบจะเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสควอนตัมโดยอัตโนมัติ การอัปเกรดนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการโจมตีแบบ “Harvest Now, Decrypt Later” ซึ่งเป็นการดักจับข้อมูลเข้ารหัสไว้ก่อน แล้วรอให้เทคโนโลยีถอดรหัสพัฒนาจนสามารถเจาะข้อมูลได้ในอนาคต เช่น ข้อมูลสำรองระยะยาว, เอกสารลับ, ทรัพย์สินทางปัญญา, ข้อมูลการแพทย์และการเงิน ADM 5.1 จะแสดงสถานะการเข้ารหัสให้ผู้ใช้เห็นอย่างชัดเจน และจะเปิดใช้งาน PQC โดยอัตโนมัติเมื่อเบราว์เซอร์รองรับ โดยเบราว์เซอร์ที่รองรับ ได้แก่ Chrome 131, Edge 131, Firefox 135, Opera 116 และ Brave 1.73 ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ASUSTOR อัปเกรด NAS OS ADM 5.1 ให้รองรับ Post-Quantum Cryptography (PQC) ➡️ ใช้มาตรฐานจาก NIST สหรัฐฯ เช่น ML-KEM 768 (Kyber) ➡️ ใช้ Hybrid TLS ที่ผสาน X25519 กับ Kyber เพื่อความปลอดภัยสองชั้น ➡️ ป้องกันการโจมตีแบบ “Harvest Now, Decrypt Later” ➡️ ผู้ใช้ไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม หากเบราว์เซอร์รองรับ TLS 1.3 และ PQC ➡️ ระบบจะเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสควอนตัมโดยอัตโนมัติ ➡️ ADM จะแสดงสถานะการเข้ารหัสให้ผู้ใช้เห็น ➡️ เบราว์เซอร์ที่รองรับ ได้แก่ Chrome 131, Edge 131, Firefox 135, Opera 116 และ Brave 1.73 ➡️ เหมาะกับการปกป้องข้อมูลระยะยาว เช่น เอกสารลับและข้อมูลสำรอง https://www.techpowerup.com/341960/asustor-nas-devices-now-pqc-ready
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    ASUSTOR NAS Devices Now PQC Ready
    Facing the arrival of the quantum computing era and the potential risks to traditional encryption algorithms, ASUSTOR Inc. has announced that its NAS operating system, ADM 5.1, will fully adopt post-quantum cryptography (PQC) technology approved by the US National Institute of Standards and Technolo...
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • “ฐานข้อมูลเวกเตอร์: หัวใจของการค้นหาแบบเข้าใจความหมายในยุค AI” — จากการค้นหาด้วยคำสู่การค้นหาด้วยความเข้าใจ

    ในอดีต การค้นหาข้อมูลต้องอาศัยคำที่ตรงเป๊ะ เช่น ชื่อผู้ใช้หรือรหัสสินค้า แต่เมื่อโลกเต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น รูปภาพ ข้อความ หรือเสียง การค้นหาแบบเดิมก็เริ่มล้าสมัย นี่คือจุดที่ “ฐานข้อมูลเวกเตอร์” (Vector Database) เข้ามาเปลี่ยนเกม

    หลักการคือการใช้โมเดล AI สร้าง “embedding” หรือ “ลายนิ้วมือดิจิทัล” ของข้อมูล เช่น รูปภาพหรือข้อความ แล้วเปลี่ยนเป็นเวกเตอร์ (ชุดตัวเลข) ที่สะท้อนความหมายและบริบทของข้อมูลนั้น จากนั้นฐานข้อมูลเวกเตอร์จะจัดเก็บและค้นหาเวกเตอร์ที่ใกล้เคียงกันในเชิงคณิตศาสตร์ เพื่อหาข้อมูลที่ “คล้ายกัน” แม้จะไม่เหมือนกันเป๊ะ

    ตัวอย่างเช่น หากคุณอัปโหลดภาพสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ระบบสามารถค้นหาภาพที่คล้ายกัน เช่น ลาบราดอร์ในสวน โดยไม่ต้องใช้คำว่า “สุนัข” เลย เพราะ embedding เข้าใจความหมายของภาพ

    ฐานข้อมูลเวกเตอร์ใช้เทคนิคการค้นหาแบบ Approximate Nearest Neighbor (ANN) เพื่อให้ค้นหาได้เร็วมากในระดับมิลลิวินาที แม้จะมีข้อมูลเป็นพันล้านรายการ โดยยอมแลกความแม่นยำเล็กน้อยเพื่อความเร็ว

    เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในหลายวงการ เช่น:
    อีคอมเมิร์ซ: แนะนำสินค้าที่คล้ายกับที่ผู้ใช้ดู
    ความปลอดภัยไซเบอร์: ค้นหามัลแวร์ที่คล้ายกับตัวอย่างที่พบ
    แชตบอท AI: ค้นหาข้อมูลในเอกสารภายในองค์กรเพื่อตอบคำถาม
    ตรวจสอบลิขสิทธิ์: เปรียบเทียบเสียงหรือภาพกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    มีฐานข้อมูลเวกเตอร์หลายประเภท เช่น Pinecone, Weaviate, Milvus, Qdrant, FAISS และ Chroma รวมถึง PostgreSQL ที่เพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์ผ่าน pgvector

    ข้อมูลในข่าว
    ฐานข้อมูลเวกเตอร์ช่วยค้นหาข้อมูลที่คล้ายกันในเชิงความหมาย ไม่ใช่แค่คำ
    ใช้ embedding จากโมเดล AI เพื่อแปลงข้อมูลเป็นเวกเตอร์
    เวกเตอร์คือชุดตัวเลขที่สะท้อนความหมายของข้อมูล
    ใช้ ANN เพื่อค้นหาเวกเตอร์ที่ใกล้เคียงกันอย่างรวดเร็ว
    ถูกนำไปใช้ในอีคอมเมิร์ซ, ความปลอดภัยไซเบอร์, แชตบอท และการตรวจสอบลิขสิทธิ์
    มีฐานข้อมูลเวกเตอร์หลายประเภท ทั้งแบบคลาวด์, โอเพ่นซอร์ส และฝังในแอป
    Pinecone และ Weaviate เหมาะกับการใช้งานแบบ API
    Milvus และ Qdrant เหมาะกับองค์กรที่ต้องการควบคุมระบบเอง
    FAISS และ Chroma เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการฝังในแอปขนาดเล็ก
    PostgreSQL เพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์ผ่าน pgvector

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การใช้ ANN อาจแลกความแม่นยำเล็กน้อยเพื่อความเร็ว
    หาก embedding ไม่ดี อาจทำให้ผลลัพธ์การค้นหาไม่ตรงความต้องการ
    การจัดการฐานข้อมูลเวกเตอร์ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูง
    การฝึก embedding ต้องใช้ข้อมูลคุณภาพสูงเพื่อให้ผลลัพธ์มีความหมาย
    การนำไปใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การแพทย์ ต้องระวังเป็นพิเศษ

    https://hackread.com/power-of-vector-databases-era-of-ai-search/
    🔍 “ฐานข้อมูลเวกเตอร์: หัวใจของการค้นหาแบบเข้าใจความหมายในยุค AI” — จากการค้นหาด้วยคำสู่การค้นหาด้วยความเข้าใจ ในอดีต การค้นหาข้อมูลต้องอาศัยคำที่ตรงเป๊ะ เช่น ชื่อผู้ใช้หรือรหัสสินค้า แต่เมื่อโลกเต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น รูปภาพ ข้อความ หรือเสียง การค้นหาแบบเดิมก็เริ่มล้าสมัย นี่คือจุดที่ “ฐานข้อมูลเวกเตอร์” (Vector Database) เข้ามาเปลี่ยนเกม หลักการคือการใช้โมเดล AI สร้าง “embedding” หรือ “ลายนิ้วมือดิจิทัล” ของข้อมูล เช่น รูปภาพหรือข้อความ แล้วเปลี่ยนเป็นเวกเตอร์ (ชุดตัวเลข) ที่สะท้อนความหมายและบริบทของข้อมูลนั้น จากนั้นฐานข้อมูลเวกเตอร์จะจัดเก็บและค้นหาเวกเตอร์ที่ใกล้เคียงกันในเชิงคณิตศาสตร์ เพื่อหาข้อมูลที่ “คล้ายกัน” แม้จะไม่เหมือนกันเป๊ะ ตัวอย่างเช่น หากคุณอัปโหลดภาพสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ระบบสามารถค้นหาภาพที่คล้ายกัน เช่น ลาบราดอร์ในสวน โดยไม่ต้องใช้คำว่า “สุนัข” เลย เพราะ embedding เข้าใจความหมายของภาพ ฐานข้อมูลเวกเตอร์ใช้เทคนิคการค้นหาแบบ Approximate Nearest Neighbor (ANN) เพื่อให้ค้นหาได้เร็วมากในระดับมิลลิวินาที แม้จะมีข้อมูลเป็นพันล้านรายการ โดยยอมแลกความแม่นยำเล็กน้อยเพื่อความเร็ว เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในหลายวงการ เช่น: ⭐ อีคอมเมิร์ซ: แนะนำสินค้าที่คล้ายกับที่ผู้ใช้ดู ⭐ ความปลอดภัยไซเบอร์: ค้นหามัลแวร์ที่คล้ายกับตัวอย่างที่พบ ⭐ แชตบอท AI: ค้นหาข้อมูลในเอกสารภายในองค์กรเพื่อตอบคำถาม ⭐ ตรวจสอบลิขสิทธิ์: เปรียบเทียบเสียงหรือภาพกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มีฐานข้อมูลเวกเตอร์หลายประเภท เช่น Pinecone, Weaviate, Milvus, Qdrant, FAISS และ Chroma รวมถึง PostgreSQL ที่เพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์ผ่าน pgvector ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ฐานข้อมูลเวกเตอร์ช่วยค้นหาข้อมูลที่คล้ายกันในเชิงความหมาย ไม่ใช่แค่คำ ➡️ ใช้ embedding จากโมเดล AI เพื่อแปลงข้อมูลเป็นเวกเตอร์ ➡️ เวกเตอร์คือชุดตัวเลขที่สะท้อนความหมายของข้อมูล ➡️ ใช้ ANN เพื่อค้นหาเวกเตอร์ที่ใกล้เคียงกันอย่างรวดเร็ว ➡️ ถูกนำไปใช้ในอีคอมเมิร์ซ, ความปลอดภัยไซเบอร์, แชตบอท และการตรวจสอบลิขสิทธิ์ ➡️ มีฐานข้อมูลเวกเตอร์หลายประเภท ทั้งแบบคลาวด์, โอเพ่นซอร์ส และฝังในแอป ➡️ Pinecone และ Weaviate เหมาะกับการใช้งานแบบ API ➡️ Milvus และ Qdrant เหมาะกับองค์กรที่ต้องการควบคุมระบบเอง ➡️ FAISS และ Chroma เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการฝังในแอปขนาดเล็ก ➡️ PostgreSQL เพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์ผ่าน pgvector ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การใช้ ANN อาจแลกความแม่นยำเล็กน้อยเพื่อความเร็ว ⛔ หาก embedding ไม่ดี อาจทำให้ผลลัพธ์การค้นหาไม่ตรงความต้องการ ⛔ การจัดการฐานข้อมูลเวกเตอร์ขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูง ⛔ การฝึก embedding ต้องใช้ข้อมูลคุณภาพสูงเพื่อให้ผลลัพธ์มีความหมาย ⛔ การนำไปใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การแพทย์ ต้องระวังเป็นพิเศษ https://hackread.com/power-of-vector-databases-era-of-ai-search/
    HACKREAD.COM
    The Power of Vector Databases in the New Era of AI Search
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาบัณฑิต สาขาสรีรวิทยาการแพทย์
    #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล
    ร่วมถ่ายภาพแสดงความยินดี กับปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (สรีรวิทยาการแพทย์) และมหาบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ ที่สำเร็จการศึกษา ในปี 2568
    คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาบัณฑิต สาขาสรีรวิทยาการแพทย์ #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมถ่ายภาพแสดงความยินดี กับปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (สรีรวิทยาการแพทย์) และมหาบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ ที่สำเร็จการศึกษา ในปี 2568
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • 'ดร.เอ้ สุชัชวีร์' ขอบคุณ "ร่วมกตัญญู" บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ แก่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/21916/
    .
    #ไทยไท #สุชัชวีร์ #มูลนิธิร่วมกตัญญู #โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ #นวัตกรรมการแพทย์ #บิณฑ์เอกพัน #บริจาค

    'ดร.เอ้ สุชัชวีร์' ขอบคุณ "ร่วมกตัญญู" บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ แก่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ https://www.thai-tai.tv/news/21916/ . #ไทยไท #สุชัชวีร์ #มูลนิธิร่วมกตัญญู #โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ #นวัตกรรมการแพทย์ #บิณฑ์เอกพัน #บริจาค
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนรายวิชาSIPS534 MEDICAL RESPIRATORY PHYSIOLOGY สำหรับนักศึกษาบัณฑิตศึกษา บุคคลทั่วไป

    ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดผ่านทางบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล (MAP-C) ตามรายละเอียดที่แนบมา
    หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนรายวิชาSIPS534 MEDICAL RESPIRATORY PHYSIOLOGY สำหรับนักศึกษาบัณฑิตศึกษา บุคคลทั่วไป ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดผ่านทางบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล (MAP-C) ตามรายละเอียดที่แนบมา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • “Free Software ยังไม่ชนะ — เมื่อเสรีภาพของผู้ใช้ยังถูกล็อกไว้ในเฟิร์มแวร์และอุปกรณ์รอบตัว”

    บทความนี้เป็นฉบับเรียบเรียงจากการบรรยายของ Dorota ที่งาน P.I.W.O. ซึ่งตั้งคำถามว่า “Free Software ชนะแล้วจริงหรือ?” แม้เราจะใช้ Linux, Firefox, Inkscape และเครื่องมือโอเพ่นซอร์สมากมาย แต่เมื่อมองลึกลงไปในอุปกรณ์รอบตัว เช่น โทรศัพท์, เครื่องพิมพ์, การ์ดจอ, หรือแม้แต่จักรยานไฟฟ้า — เรากลับพบว่าเฟิร์มแวร์และซอฟต์แวร์ภายในยังคงเป็นระบบปิดที่ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์ควบคุม

    Dorota ยกตัวอย่างจากประสบการณ์พัฒนาโทรศัพท์ Librem 5 ที่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านสิทธิบัตรและการผูกขาดของผู้ผลิตชิปโมเด็ม ซึ่งทำให้ไม่สามารถหาชิ้นส่วนที่เปิดซอร์สได้อย่างแท้จริง แม้จะมีความพยายามจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส แต่การล็อกบูตโหลดเดอร์, การจำกัดการอัปเดต, และการปิดกั้นการเข้าถึงซอร์สโค้ด ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

    บทความยังชี้ให้เห็นว่าแม้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สจะถูกใช้ในอุปกรณ์มากมาย แต่ผู้ใช้กลับไม่มีสิทธิ์ในการศึกษา แก้ไข หรือแจกจ่ายซอฟต์แวร์นั้น เพราะผู้ผลิตเลือกใช้ไลเซนส์แบบ “permissive” ที่เปิดช่องให้ปิดซอร์สในภายหลังได้

    Dorota เสนอว่าการผลักดัน Free Software ให้ “ชนะจริง” ต้องอาศัยแรงผลักดันทางการเมือง เช่น การออกกฎหมายบังคับให้เปิดซอร์สเฟิร์มแวร์ หรือการสนับสนุนผู้ผลิตที่เป็นมิตรกับโอเพ่นซอร์ส เช่น Purism, Prusa, หรือ Espruino

    Free Software ยังไม่ชนะในระดับเฟิร์มแวร์และอุปกรณ์
    โทรศัพท์, เครื่องพิมพ์, การ์ดจอ, และอุปกรณ์ IoT ยังใช้ระบบปิด

    ตัวอย่างจาก Librem 5 พบข้อจำกัดด้านสิทธิบัตรและการผูกขาด
    ผู้ผลิตชิปโมเด็มควบคุมการเข้าถึงและการจัดจำหน่าย

    เฟิร์มแวร์ในอุปกรณ์ทั่วไปยังเป็นระบบปิด
    เช่น SSD, HDD, GPU, keyboard, network card

    Secure Boot และระบบล็อกบูตโหลดเดอร์จำกัดสิทธิ์ผู้ใช้
    ผู้ผลิตสามารถเลือกซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้รันได้

    ซอฟต์แวร์ที่ใช้ไลเซนส์ permissive อาจถูกปิดซอร์สในภายหลัง
    ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์แก้ไขหรือแจกจ่ายซอฟต์แวร์ที่ถูกดัดแปลง

    การสนับสนุนผู้ผลิตที่เปิดซอร์สเป็นทางเลือกหนึ่ง
    เช่น Librem 5, Prusa 3D, Espruino

    Google Chromebook มี BIOS และ Embedded Controller แบบเปิด
    ใช้ Coreboot และสามารถรัน Linux ได้อย่างเสรี

    Debian เป็นตัวอย่างของระบบที่พัฒนาโดยชุมชน
    ต่างจาก Android ที่ถูกควบคุมโดยบริษัท

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ผู้ใช้ทั่วไปยังขาดสิทธิ์ในการควบคุมอุปกรณ์ของตนเอง
    เฟิร์มแวร์และระบบล็อกทำให้ไม่สามารถแก้ไขหรือปรับแต่งได้

    อุปกรณ์ที่ใช้บริการคลาวด์อาจกลายเป็น “อิฐ” เมื่อเซิร์ฟเวอร์ปิดตัว
    เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, กล้อง, หรืออุปกรณ์เกษตร

    ซอฟต์แวร์ปิดในอุปกรณ์การแพทย์อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้
    เช่น pacemaker ที่ไม่สามารถปรับแต่งหรือตรวจสอบได้

    การใช้ไลเซนส์ permissive โดยผู้ผลิตอาจทำให้ผู้ใช้เสียสิทธิ์
    แม้จะใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส แต่ไม่สามารถเข้าถึงซอร์สโค้ด

    การพัฒนาโดยบริษัทอาจขัดแย้งกับเป้าหมายของผู้ใช้
    เช่น Android ที่ปิดซอร์สส่วนสำคัญและจำกัดการอัปเดต

    https://dorotac.eu/posts/fosswon/
    🧠 “Free Software ยังไม่ชนะ — เมื่อเสรีภาพของผู้ใช้ยังถูกล็อกไว้ในเฟิร์มแวร์และอุปกรณ์รอบตัว” บทความนี้เป็นฉบับเรียบเรียงจากการบรรยายของ Dorota ที่งาน P.I.W.O. ซึ่งตั้งคำถามว่า “Free Software ชนะแล้วจริงหรือ?” แม้เราจะใช้ Linux, Firefox, Inkscape และเครื่องมือโอเพ่นซอร์สมากมาย แต่เมื่อมองลึกลงไปในอุปกรณ์รอบตัว เช่น โทรศัพท์, เครื่องพิมพ์, การ์ดจอ, หรือแม้แต่จักรยานไฟฟ้า — เรากลับพบว่าเฟิร์มแวร์และซอฟต์แวร์ภายในยังคงเป็นระบบปิดที่ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์ควบคุม Dorota ยกตัวอย่างจากประสบการณ์พัฒนาโทรศัพท์ Librem 5 ที่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านสิทธิบัตรและการผูกขาดของผู้ผลิตชิปโมเด็ม ซึ่งทำให้ไม่สามารถหาชิ้นส่วนที่เปิดซอร์สได้อย่างแท้จริง แม้จะมีความพยายามจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส แต่การล็อกบูตโหลดเดอร์, การจำกัดการอัปเดต, และการปิดกั้นการเข้าถึงซอร์สโค้ด ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ บทความยังชี้ให้เห็นว่าแม้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สจะถูกใช้ในอุปกรณ์มากมาย แต่ผู้ใช้กลับไม่มีสิทธิ์ในการศึกษา แก้ไข หรือแจกจ่ายซอฟต์แวร์นั้น เพราะผู้ผลิตเลือกใช้ไลเซนส์แบบ “permissive” ที่เปิดช่องให้ปิดซอร์สในภายหลังได้ Dorota เสนอว่าการผลักดัน Free Software ให้ “ชนะจริง” ต้องอาศัยแรงผลักดันทางการเมือง เช่น การออกกฎหมายบังคับให้เปิดซอร์สเฟิร์มแวร์ หรือการสนับสนุนผู้ผลิตที่เป็นมิตรกับโอเพ่นซอร์ส เช่น Purism, Prusa, หรือ Espruino ✅ Free Software ยังไม่ชนะในระดับเฟิร์มแวร์และอุปกรณ์ ➡️ โทรศัพท์, เครื่องพิมพ์, การ์ดจอ, และอุปกรณ์ IoT ยังใช้ระบบปิด ✅ ตัวอย่างจาก Librem 5 พบข้อจำกัดด้านสิทธิบัตรและการผูกขาด ➡️ ผู้ผลิตชิปโมเด็มควบคุมการเข้าถึงและการจัดจำหน่าย ✅ เฟิร์มแวร์ในอุปกรณ์ทั่วไปยังเป็นระบบปิด ➡️ เช่น SSD, HDD, GPU, keyboard, network card ✅ Secure Boot และระบบล็อกบูตโหลดเดอร์จำกัดสิทธิ์ผู้ใช้ ➡️ ผู้ผลิตสามารถเลือกซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้รันได้ ✅ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ไลเซนส์ permissive อาจถูกปิดซอร์สในภายหลัง ➡️ ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์แก้ไขหรือแจกจ่ายซอฟต์แวร์ที่ถูกดัดแปลง ✅ การสนับสนุนผู้ผลิตที่เปิดซอร์สเป็นทางเลือกหนึ่ง ➡️ เช่น Librem 5, Prusa 3D, Espruino ✅ Google Chromebook มี BIOS และ Embedded Controller แบบเปิด ➡️ ใช้ Coreboot และสามารถรัน Linux ได้อย่างเสรี ✅ Debian เป็นตัวอย่างของระบบที่พัฒนาโดยชุมชน ➡️ ต่างจาก Android ที่ถูกควบคุมโดยบริษัท ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ‼️ ผู้ใช้ทั่วไปยังขาดสิทธิ์ในการควบคุมอุปกรณ์ของตนเอง ⛔ เฟิร์มแวร์และระบบล็อกทำให้ไม่สามารถแก้ไขหรือปรับแต่งได้ ‼️ อุปกรณ์ที่ใช้บริการคลาวด์อาจกลายเป็น “อิฐ” เมื่อเซิร์ฟเวอร์ปิดตัว ⛔ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, กล้อง, หรืออุปกรณ์เกษตร ‼️ ซอฟต์แวร์ปิดในอุปกรณ์การแพทย์อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ⛔ เช่น pacemaker ที่ไม่สามารถปรับแต่งหรือตรวจสอบได้ ‼️ การใช้ไลเซนส์ permissive โดยผู้ผลิตอาจทำให้ผู้ใช้เสียสิทธิ์ ⛔ แม้จะใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส แต่ไม่สามารถเข้าถึงซอร์สโค้ด ‼️ การพัฒนาโดยบริษัทอาจขัดแย้งกับเป้าหมายของผู้ใช้ ⛔ เช่น Android ที่ปิดซอร์สส่วนสำคัญและจำกัดการอัปเดต https://dorotac.eu/posts/fosswon/
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • “HydroHaptics: เทคโนโลยีสัมผัสใหม่จากมหาวิทยาลัย Bath ที่จะเปลี่ยนเมาส์และจอยสติ๊กให้ ‘บีบ-บิด-บังคับ’ ได้เหมือนของจริง”

    ทีมนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย Bath ร่วมกับมหาวิทยาลัย Bristol และ Eindhoven ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า “HydroHaptics” ซึ่งเป็นระบบอินพุตแบบสัมผัสที่สามารถตอบสนองแบบสองทาง (bi-directional) ผ่านพื้นผิวซิลิโคนที่ยืดหยุ่นและบิดงอได้

    HydroHaptics ใช้โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวและมอเตอร์ขนาดเล็กภายใน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ “บีบ บิด แตะ หรือบังคับ” ได้เหมือนกับวัตถุจริง และในขณะเดียวกันก็สามารถรับแรงสะท้อนกลับ (haptic feedback) จากระบบได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่สูญเสียความนุ่มหรือความยืดหยุ่นของพื้นผิว

    เทคโนโลยีนี้ถูกนำเสนอครั้งแรกในงานประชุม ACM Symposium on User Interface Software and Technology และได้รับรางวัลชมเชยจากคณะกรรมการ โดยมีการสาธิตการใช้งานใน 4 รูปแบบ ได้แก่ เมาส์, จอยสติ๊ก, สายสะพายกระเป๋า, และหมอนควบคุมสมาร์ตโฮม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    HydroHaptics เป็นเทคโนโลยีอินพุตแบบสัมผัสที่ตอบสนองสองทาง
    ใช้โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวและมอเตอร์ขนาดเล็ก
    ผู้ใช้สามารถบีบ บิด แตะ หรือกดเพื่อควบคุมอุปกรณ์
    ระบบสามารถส่งแรงสะท้อนกลับผ่านพื้นผิวที่ยืดหยุ่นได้
    ได้รับรางวัลชมเชยจากงาน ACM UIST
    มีการสาธิตใน 4 รูปแบบ: เมาส์, จอยสติ๊ก, สายสะพายกระเป๋า, หมอนควบคุมสมาร์ตโฮม
    เมาส์สามารถใช้ปั้นวัตถุดิจิทัลพร้อมแรงสะท้อนจำลองความแข็ง
    จอยสติ๊กสามารถจำลองแรงต้าน แรงกระแทก และแรงดึง
    สายสะพายกระเป๋าสามารถส่งแรงแตะเพื่อแจ้งเตือนการนำทาง
    หมอนสามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ตโฮม เช่น แสงไฟหรือทีวี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เทคโนโลยี GAI (Gate-All-Around) แบบสัมผัสเริ่มถูกใช้ในอุปกรณ์สวมใส่และ VR
    การตอบสนองแบบสัมผัสช่วยเพิ่ม immersion ในเกมและการออกแบบ 3D
    โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวสามารถปรับแรงต้านได้ตามแรงดัน
    การใช้มอเตอร์ขนาดเล็กช่วยให้ระบบมีความละเอียดสูงและตอบสนองเร็ว
    เทคโนโลยีนี้อาจนำไปใช้ในอุปกรณ์ฟื้นฟูสมรรถภาพหรือการแพทย์

    https://www.tomshardware.com/peripherals/controllers-gamepads/new-hydrohaptic-technology-could-have-you-squeezing-pinching-and-twisting-a-pliable-mouse-or-joystick
    🖱️ “HydroHaptics: เทคโนโลยีสัมผัสใหม่จากมหาวิทยาลัย Bath ที่จะเปลี่ยนเมาส์และจอยสติ๊กให้ ‘บีบ-บิด-บังคับ’ ได้เหมือนของจริง” ทีมนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย Bath ร่วมกับมหาวิทยาลัย Bristol และ Eindhoven ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า “HydroHaptics” ซึ่งเป็นระบบอินพุตแบบสัมผัสที่สามารถตอบสนองแบบสองทาง (bi-directional) ผ่านพื้นผิวซิลิโคนที่ยืดหยุ่นและบิดงอได้ HydroHaptics ใช้โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวและมอเตอร์ขนาดเล็กภายใน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ “บีบ บิด แตะ หรือบังคับ” ได้เหมือนกับวัตถุจริง และในขณะเดียวกันก็สามารถรับแรงสะท้อนกลับ (haptic feedback) จากระบบได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่สูญเสียความนุ่มหรือความยืดหยุ่นของพื้นผิว เทคโนโลยีนี้ถูกนำเสนอครั้งแรกในงานประชุม ACM Symposium on User Interface Software and Technology และได้รับรางวัลชมเชยจากคณะกรรมการ โดยมีการสาธิตการใช้งานใน 4 รูปแบบ ได้แก่ เมาส์, จอยสติ๊ก, สายสะพายกระเป๋า, และหมอนควบคุมสมาร์ตโฮม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ HydroHaptics เป็นเทคโนโลยีอินพุตแบบสัมผัสที่ตอบสนองสองทาง ➡️ ใช้โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวและมอเตอร์ขนาดเล็ก ➡️ ผู้ใช้สามารถบีบ บิด แตะ หรือกดเพื่อควบคุมอุปกรณ์ ➡️ ระบบสามารถส่งแรงสะท้อนกลับผ่านพื้นผิวที่ยืดหยุ่นได้ ➡️ ได้รับรางวัลชมเชยจากงาน ACM UIST ➡️ มีการสาธิตใน 4 รูปแบบ: เมาส์, จอยสติ๊ก, สายสะพายกระเป๋า, หมอนควบคุมสมาร์ตโฮม ➡️ เมาส์สามารถใช้ปั้นวัตถุดิจิทัลพร้อมแรงสะท้อนจำลองความแข็ง ➡️ จอยสติ๊กสามารถจำลองแรงต้าน แรงกระแทก และแรงดึง ➡️ สายสะพายกระเป๋าสามารถส่งแรงแตะเพื่อแจ้งเตือนการนำทาง ➡️ หมอนสามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ตโฮม เช่น แสงไฟหรือทีวี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เทคโนโลยี GAI (Gate-All-Around) แบบสัมผัสเริ่มถูกใช้ในอุปกรณ์สวมใส่และ VR ➡️ การตอบสนองแบบสัมผัสช่วยเพิ่ม immersion ในเกมและการออกแบบ 3D ➡️ โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวสามารถปรับแรงต้านได้ตามแรงดัน ➡️ การใช้มอเตอร์ขนาดเล็กช่วยให้ระบบมีความละเอียดสูงและตอบสนองเร็ว ➡️ เทคโนโลยีนี้อาจนำไปใช้ในอุปกรณ์ฟื้นฟูสมรรถภาพหรือการแพทย์ https://www.tomshardware.com/peripherals/controllers-gamepads/new-hydrohaptic-technology-could-have-you-squeezing-pinching-and-twisting-a-pliable-mouse-or-joystick
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • “5 สิ่งที่ไม่ควรใช้ AI — เพราะอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายและผิดจริยธรรม”

    แม้ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสร้างเพลง การสมัครงาน ไปจนถึงการควบคุมเครื่องบินรบ แต่ก็มีบางกรณีที่การใช้ AI อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตราย ผิดจริยธรรม หรือส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 กรณีที่ไม่ควรใช้ AI โดยเด็ดขาด พร้อมเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง

    1. การสร้าง Deepfake ของผู้อื่น
    98% ของ deepfake ถูกใช้เพื่อสร้างสื่อโป๊โดยไม่ได้รับความยินยอม
    มีกรณีใช้ภาพนักเรียนและผู้หญิงทั่วไปเพื่อสร้างภาพลามก
    ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้งนักข่าวและทำลายชื่อเสียงคนดัง

    คำเตือน
    แม้ไม่ได้เผยแพร่ก็ถือว่าผิดจริยธรรม
    เทคโนโลยี deepfake ยังถูกใช้เพื่อหลอกลวงและปลอมแปลงข้อมูลทางการเมือง

    2. ขอคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI
    ผู้คนใช้ AI เพื่อวางแผนมื้ออาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ
    AI มีแนวโน้ม “หลอน” หรือให้ข้อมูลผิดพลาด
    AI ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้

    คำเตือน
    การทำตามคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
    ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แทน

    3. ใช้ AI ทำการบ้านหรือเรียนแทน
    นักเรียนใช้ AI เขียนเรียงความและแก้โจทย์
    สถาบันการศึกษาบางแห่งเริ่มปรับนิยามการโกงใหม่
    การใช้ AI ทำให้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา

    คำเตือน
    อาจส่งผลต่อคุณภาพของผู้เชี่ยวชาญในอนาคต เช่น แพทย์หรือวิศวกร
    การเรียนรู้ที่ขาดกระบวนการอาจนำไปสู่ความผิดพลาดร้ายแรง

    4. ขอคำแนะนำชีวิตหรือใช้ AI เป็นนักบำบัด
    ผู้คนใช้ AI เป็นเพื่อนคุยหรือที่ปรึกษา
    มีกรณีที่ AI ไม่สามารถช่วยผู้มีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้
    บางคนได้รับคำแนะนำที่เป็นอันตรายจาก AI

    คำเตือน
    AI ไม่ใช่นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
    อย่าใช้ AI เป็นที่พึ่งหลักในการตัดสินใจชีวิต

    5. Vibe Coding — เขียนโค้ดด้วย AI โดยไม่ตรวจสอบ
    ผู้ใช้บางคนให้ AI เขียนโค้ดทั้งหมดโดยไม่ตรวจสอบ
    ทำให้ขาดทักษะการเขียนโปรแกรมและแก้ไขข้อผิดพลาด
    มีกรณีแอปที่ใช้ vibe coding แล้วเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    คำเตือน
    โค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล
    ควรตรวจสอบและทดสอบโค้ดทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง

    AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็เหมือนมีด — ใช้ถูกวิธีคือประโยชน์ ใช้ผิดคืออันตราย การรู้ขอบเขตของการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม

    https://www.slashgear.com/1989154/things-should-never-use-ai-for/
    🤖 “5 สิ่งที่ไม่ควรใช้ AI — เพราะอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายและผิดจริยธรรม” แม้ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสร้างเพลง การสมัครงาน ไปจนถึงการควบคุมเครื่องบินรบ แต่ก็มีบางกรณีที่การใช้ AI อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตราย ผิดจริยธรรม หรือส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 กรณีที่ไม่ควรใช้ AI โดยเด็ดขาด พร้อมเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง ✅ 1. การสร้าง Deepfake ของผู้อื่น ➡️ 98% ของ deepfake ถูกใช้เพื่อสร้างสื่อโป๊โดยไม่ได้รับความยินยอม ➡️ มีกรณีใช้ภาพนักเรียนและผู้หญิงทั่วไปเพื่อสร้างภาพลามก ➡️ ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้งนักข่าวและทำลายชื่อเสียงคนดัง ‼️ คำเตือน ⛔ แม้ไม่ได้เผยแพร่ก็ถือว่าผิดจริยธรรม ⛔ เทคโนโลยี deepfake ยังถูกใช้เพื่อหลอกลวงและปลอมแปลงข้อมูลทางการเมือง ✅ 2. ขอคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI ➡️ ผู้คนใช้ AI เพื่อวางแผนมื้ออาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ ➡️ AI มีแนวโน้ม “หลอน” หรือให้ข้อมูลผิดพลาด ➡️ AI ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ‼️ คำเตือน ⛔ การทำตามคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ⛔ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แทน ✅ 3. ใช้ AI ทำการบ้านหรือเรียนแทน ➡️ นักเรียนใช้ AI เขียนเรียงความและแก้โจทย์ ➡️ สถาบันการศึกษาบางแห่งเริ่มปรับนิยามการโกงใหม่ ➡️ การใช้ AI ทำให้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา ‼️ คำเตือน ⛔ อาจส่งผลต่อคุณภาพของผู้เชี่ยวชาญในอนาคต เช่น แพทย์หรือวิศวกร ⛔ การเรียนรู้ที่ขาดกระบวนการอาจนำไปสู่ความผิดพลาดร้ายแรง ✅ 4. ขอคำแนะนำชีวิตหรือใช้ AI เป็นนักบำบัด ➡️ ผู้คนใช้ AI เป็นเพื่อนคุยหรือที่ปรึกษา ➡️ มีกรณีที่ AI ไม่สามารถช่วยผู้มีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้ ➡️ บางคนได้รับคำแนะนำที่เป็นอันตรายจาก AI ‼️ คำเตือน ⛔ AI ไม่ใช่นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ⛔ อย่าใช้ AI เป็นที่พึ่งหลักในการตัดสินใจชีวิต ✅ 5. Vibe Coding — เขียนโค้ดด้วย AI โดยไม่ตรวจสอบ ➡️ ผู้ใช้บางคนให้ AI เขียนโค้ดทั้งหมดโดยไม่ตรวจสอบ ➡️ ทำให้ขาดทักษะการเขียนโปรแกรมและแก้ไขข้อผิดพลาด ➡️ มีกรณีแอปที่ใช้ vibe coding แล้วเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ‼️ คำเตือน ⛔ โค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล ⛔ ควรตรวจสอบและทดสอบโค้ดทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็เหมือนมีด — ใช้ถูกวิธีคือประโยชน์ ใช้ผิดคืออันตราย การรู้ขอบเขตของการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม https://www.slashgear.com/1989154/things-should-never-use-ai-for/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things You Should Never Use AI For - SlashGear
    AI can make life easier, but some uses cross a line. Here’s why relying on it for health, education, coding, or advice can do more harm than good.
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • “REFRAG — งานวิจัยแรกของ Meta Superintelligence ที่พลิกโฉม RAG ให้เร็วขึ้น 30 เท่า”

    ลองจินตนาการว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สามารถตอบคำถามจากฐานข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30 เท่า โดยไม่ต้องเสียความแม่นยำ — นั่นคือสิ่งที่ Meta Superintelligence (MSI) นำเสนอในงานวิจัยแรกของพวกเขา “REFRAG” ซึ่งเป็นการปรับปรุงกระบวนการ Retrieval-Augmented Generation (RAG) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง

    แทนที่จะส่งข้อมูลทั้งหมดจากเอกสารที่ค้นมาให้ LLM ประมวลผล REFRAG ใช้เทคนิคใหม่ที่แปลงข้อมูลเหล่านั้นเป็น “chunk embeddings” ซึ่งเป็นเวกเตอร์ที่ LLM เข้าใจได้โดยตรง และใช้ policy network ที่ฝึกด้วย reinforcement learning เพื่อเลือกบางส่วนที่ควรขยายกลับเป็น token เต็มรูปแบบภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ

    ผลลัพธ์คือ ลดการใช้ KV cache และ attention cost ได้อย่างมาก ทำให้ latency ต่ำลงและ throughput สูงขึ้น โดยยังคงความแม่นยำของผลลัพธ์ไว้ได้

    จุดเด่นของ REFRAG

    ปรับปรุงกระบวนการ RAG โดยใช้ chunk embeddings แทน token เต็ม
    ใช้ policy network เพื่อเลือกบางส่วนที่ควรขยายกลับเป็น token
    ลด latency และเพิ่ม throughput โดยไม่ลดความแม่นยำ

    วิธีการทำงาน
    เอกสารถูกแบ่งเป็น chunk (~128 token) และแปลงเป็น embeddings
    embeddings ถูกส่งเข้า LLM โดยตรง พร้อมกับบาง chunk ที่ถูกขยายเป็น token
    policy network ตัดสินใจเลือก chunk ที่ควรขยาย โดยใช้ RL objective

    ผลกระทบเชิงธุรกิจ
    ลดต้นทุน inference และเพิ่มความเร็วตอบกลับ
    เหมาะกับแอปพลิเคชันที่ใช้ RAG เช่น customer support, summarization, vertical agents
    เพิ่มจำนวน query ต่อ GPU และลดค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RAG คือการใช้การค้นคืนข้อมูลร่วมกับการสร้างข้อความจาก LLM
    ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึมเข้ารหัสที่ใช้ใน Wireguard และบางระบบ AI
    RL (Reinforcement Learning) ช่วยให้ policy network ตัดสินใจได้ดีขึ้นภายใต้ข้อจำกัด

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ต้องฝึก encoder และ projection ให้ LLM เข้าใจ embeddings
    การฝึก policy network ด้วย RL เพิ่มความซับซ้อนในการพัฒนา
    การบีบอัดมากเกินไปอาจลดคุณภาพของผลลัพธ์
    embeddings ที่ precompute เหมาะกับข้อมูลคงที่ ไม่เหมาะกับข้อมูลที่เปลี่ยนบ่อย
    งานบางประเภท เช่น กฎหมายหรือการแพทย์ อาจต้องใช้ token เต็มเพื่อความแม่นยำ

    https://paddedinputs.substack.com/p/meta-superintelligences-surprising
    🧪 “REFRAG — งานวิจัยแรกของ Meta Superintelligence ที่พลิกโฉม RAG ให้เร็วขึ้น 30 เท่า” ลองจินตนาการว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สามารถตอบคำถามจากฐานข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30 เท่า โดยไม่ต้องเสียความแม่นยำ — นั่นคือสิ่งที่ Meta Superintelligence (MSI) นำเสนอในงานวิจัยแรกของพวกเขา “REFRAG” ซึ่งเป็นการปรับปรุงกระบวนการ Retrieval-Augmented Generation (RAG) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง แทนที่จะส่งข้อมูลทั้งหมดจากเอกสารที่ค้นมาให้ LLM ประมวลผล REFRAG ใช้เทคนิคใหม่ที่แปลงข้อมูลเหล่านั้นเป็น “chunk embeddings” ซึ่งเป็นเวกเตอร์ที่ LLM เข้าใจได้โดยตรง และใช้ policy network ที่ฝึกด้วย reinforcement learning เพื่อเลือกบางส่วนที่ควรขยายกลับเป็น token เต็มรูปแบบภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ ผลลัพธ์คือ ลดการใช้ KV cache และ attention cost ได้อย่างมาก ทำให้ latency ต่ำลงและ throughput สูงขึ้น โดยยังคงความแม่นยำของผลลัพธ์ไว้ได้ ✅ จุดเด่นของ REFRAG ➡️ ปรับปรุงกระบวนการ RAG โดยใช้ chunk embeddings แทน token เต็ม ➡️ ใช้ policy network เพื่อเลือกบางส่วนที่ควรขยายกลับเป็น token ➡️ ลด latency และเพิ่ม throughput โดยไม่ลดความแม่นยำ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ เอกสารถูกแบ่งเป็น chunk (~128 token) และแปลงเป็น embeddings ➡️ embeddings ถูกส่งเข้า LLM โดยตรง พร้อมกับบาง chunk ที่ถูกขยายเป็น token ➡️ policy network ตัดสินใจเลือก chunk ที่ควรขยาย โดยใช้ RL objective ✅ ผลกระทบเชิงธุรกิจ ➡️ ลดต้นทุน inference และเพิ่มความเร็วตอบกลับ ➡️ เหมาะกับแอปพลิเคชันที่ใช้ RAG เช่น customer support, summarization, vertical agents ➡️ เพิ่มจำนวน query ต่อ GPU และลดค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RAG คือการใช้การค้นคืนข้อมูลร่วมกับการสร้างข้อความจาก LLM ➡️ ChaCha20-Poly1305 เป็นอัลกอริธึมเข้ารหัสที่ใช้ใน Wireguard และบางระบบ AI ➡️ RL (Reinforcement Learning) ช่วยให้ policy network ตัดสินใจได้ดีขึ้นภายใต้ข้อจำกัด ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ต้องฝึก encoder และ projection ให้ LLM เข้าใจ embeddings ⛔ การฝึก policy network ด้วย RL เพิ่มความซับซ้อนในการพัฒนา ⛔ การบีบอัดมากเกินไปอาจลดคุณภาพของผลลัพธ์ ⛔ embeddings ที่ precompute เหมาะกับข้อมูลคงที่ ไม่เหมาะกับข้อมูลที่เปลี่ยนบ่อย ⛔ งานบางประเภท เช่น กฎหมายหรือการแพทย์ อาจต้องใช้ token เต็มเพื่อความแม่นยำ https://paddedinputs.substack.com/p/meta-superintelligences-surprising
    PADDEDINPUTS.SUBSTACK.COM
    Meta Superintelligence’s surprising first paper
    Long awaited first paper from Meta Superintelligence Labs is not a model layer innovation. What does this mean?
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • “จับสองวัยรุ่นอังกฤษ โจมตีแรนซัมแวร์ใส่ศูนย์เด็ก Kido — ข้อมูลเด็ก 8,000 คนถูกขโมยและขู่เรียกค่าไถ่”

    ตำรวจนครบาลลอนดอน (Met Police) ได้จับกุมวัยรุ่นชายอายุ 17 ปีสองคนในเมือง Bishop’s Stortford, Hertfordshire เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025 จากข้อหาการใช้คอมพิวเตอร์ในทางมิชอบและการแบล็กเมล์ หลังจากเกิดเหตุโจมตีแรนซัมแวร์ต่อเครือข่ายศูนย์เด็ก Kido ซึ่งมีสาขาทั่วลอนดอน

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า “Radiant” ได้อ้างความรับผิดชอบในการโจมตี โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเด็กกว่า 8,000 คนและครอบครัวผ่านซอฟต์แวร์ Famly ที่ศูนย์เด็กใช้ในการจัดการข้อมูล แม้ Famly จะยืนยันว่าโครงสร้างพื้นฐานของตนไม่ถูกเจาะ แต่การเข้าถึงผ่านบัญชีผู้ใช้ก็เพียงพอให้ Radiant ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ ที่อยู่ รูปถ่าย ข้อมูลติดต่อของผู้ปกครอง และบันทึกทางการแพทย์ที่เป็นความลับ

    Radiant ได้เรียกร้องค่าไถ่ประมาณ £600,000 เป็น Bitcoin และใช้วิธีการกดดันที่รุนแรง เช่น โทรหาผู้ปกครองโดยตรง และโพสต์ภาพเด็กบางคนลงใน dark web เพื่อบีบให้ศูนย์เด็กจ่ายเงิน อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้กลับได้รับเสียงประณามอย่างหนัก แม้แต่จากแฮกเกอร์ด้วยกัน จนสุดท้าย Radiant ได้เบลอภาพและประกาศลบข้อมูลทั้งหมดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม

    ตำรวจ Met ยืนยันว่ากำลังดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง โดย Will Lyne หัวหน้าฝ่ายอาชญากรรมไซเบอร์กล่าวว่า “นี่เป็นก้าวสำคัญในการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” ขณะที่ศูนย์เด็ก Kido ก็ออกแถลงการณ์ขอบคุณการดำเนินการของตำรวจ

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของภาคการศึกษา โดยเฉพาะศูนย์เด็กและโรงเรียนที่มักมีงบประมาณด้าน IT จำกัด ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของแรนซัมแวร์บ่อยครั้ง รายงานจาก Sophos และ AtlastVPN เคยระบุว่า 80% ของผู้ให้บริการการศึกษาระดับต้นเคยถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ภายในหนึ่งปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ตำรวจ Met จับกุมวัยรุ่นชายสองคนจากข้อหาใช้คอมพิวเตอร์ในทางมิชอบและแบล็กเมล์
    เหตุโจมตีเกิดขึ้นกับศูนย์เด็ก Kido ซึ่งมีข้อมูลเด็กกว่า 8,000 คนถูกขโมย
    ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ รูปถ่าย และบันทึกทางการแพทย์
    กลุ่มแฮกเกอร์ Radiant เรียกร้องค่าไถ่ £600,000 เป็น Bitcoin
    Radiant โทรหาผู้ปกครองและโพสต์ภาพเด็กใน dark web เพื่อกดดัน
    หลังถูกประณาม กลุ่ม Radiant เบลอภาพและประกาศลบข้อมูล
    ตำรวจ Met ยืนยันดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง
    ศูนย์เด็ก Kido ขอบคุณการดำเนินการของตำรวจ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Famly เป็นซอฟต์แวร์จัดการศูนย์เด็กที่ใช้กันแพร่หลายในยุโรป
    ข้อมูลเด็กเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ เพราะมีประวัติเครดิตสะอาดและยากต่อการตรวจพบ
    การโจมตีแรนซัมแวร์ในภาคการศึกษามักเกิดจาก phishing และการตั้งค่าความปลอดภัยต่ำ
    กลุ่มแฮกเกอร์วัยรุ่น เช่น Lapsus$ และ Scattered Spider เคยโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง
    การโจมตีข้อมูลเด็กถือเป็น “จุดต่ำสุดใหม่” ของอาชญากรรมไซเบอร์

    https://hackread.com/uk-police-arrest-teens-kido-nursery-ransomware-attack/
    🚨 “จับสองวัยรุ่นอังกฤษ โจมตีแรนซัมแวร์ใส่ศูนย์เด็ก Kido — ข้อมูลเด็ก 8,000 คนถูกขโมยและขู่เรียกค่าไถ่” ตำรวจนครบาลลอนดอน (Met Police) ได้จับกุมวัยรุ่นชายอายุ 17 ปีสองคนในเมือง Bishop’s Stortford, Hertfordshire เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025 จากข้อหาการใช้คอมพิวเตอร์ในทางมิชอบและการแบล็กเมล์ หลังจากเกิดเหตุโจมตีแรนซัมแวร์ต่อเครือข่ายศูนย์เด็ก Kido ซึ่งมีสาขาทั่วลอนดอน กลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า “Radiant” ได้อ้างความรับผิดชอบในการโจมตี โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเด็กกว่า 8,000 คนและครอบครัวผ่านซอฟต์แวร์ Famly ที่ศูนย์เด็กใช้ในการจัดการข้อมูล แม้ Famly จะยืนยันว่าโครงสร้างพื้นฐานของตนไม่ถูกเจาะ แต่การเข้าถึงผ่านบัญชีผู้ใช้ก็เพียงพอให้ Radiant ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ ที่อยู่ รูปถ่าย ข้อมูลติดต่อของผู้ปกครอง และบันทึกทางการแพทย์ที่เป็นความลับ Radiant ได้เรียกร้องค่าไถ่ประมาณ £600,000 เป็น Bitcoin และใช้วิธีการกดดันที่รุนแรง เช่น โทรหาผู้ปกครองโดยตรง และโพสต์ภาพเด็กบางคนลงใน dark web เพื่อบีบให้ศูนย์เด็กจ่ายเงิน อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้กลับได้รับเสียงประณามอย่างหนัก แม้แต่จากแฮกเกอร์ด้วยกัน จนสุดท้าย Radiant ได้เบลอภาพและประกาศลบข้อมูลทั้งหมดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ตำรวจ Met ยืนยันว่ากำลังดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง โดย Will Lyne หัวหน้าฝ่ายอาชญากรรมไซเบอร์กล่าวว่า “นี่เป็นก้าวสำคัญในการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” ขณะที่ศูนย์เด็ก Kido ก็ออกแถลงการณ์ขอบคุณการดำเนินการของตำรวจ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของภาคการศึกษา โดยเฉพาะศูนย์เด็กและโรงเรียนที่มักมีงบประมาณด้าน IT จำกัด ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของแรนซัมแวร์บ่อยครั้ง รายงานจาก Sophos และ AtlastVPN เคยระบุว่า 80% ของผู้ให้บริการการศึกษาระดับต้นเคยถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ภายในหนึ่งปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ตำรวจ Met จับกุมวัยรุ่นชายสองคนจากข้อหาใช้คอมพิวเตอร์ในทางมิชอบและแบล็กเมล์ ➡️ เหตุโจมตีเกิดขึ้นกับศูนย์เด็ก Kido ซึ่งมีข้อมูลเด็กกว่า 8,000 คนถูกขโมย ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ รูปถ่าย และบันทึกทางการแพทย์ ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์ Radiant เรียกร้องค่าไถ่ £600,000 เป็น Bitcoin ➡️ Radiant โทรหาผู้ปกครองและโพสต์ภาพเด็กใน dark web เพื่อกดดัน ➡️ หลังถูกประณาม กลุ่ม Radiant เบลอภาพและประกาศลบข้อมูล ➡️ ตำรวจ Met ยืนยันดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง ➡️ ศูนย์เด็ก Kido ขอบคุณการดำเนินการของตำรวจ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Famly เป็นซอฟต์แวร์จัดการศูนย์เด็กที่ใช้กันแพร่หลายในยุโรป ➡️ ข้อมูลเด็กเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ เพราะมีประวัติเครดิตสะอาดและยากต่อการตรวจพบ ➡️ การโจมตีแรนซัมแวร์ในภาคการศึกษามักเกิดจาก phishing และการตั้งค่าความปลอดภัยต่ำ ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์วัยรุ่น เช่น Lapsus$ และ Scattered Spider เคยโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง ➡️ การโจมตีข้อมูลเด็กถือเป็น “จุดต่ำสุดใหม่” ของอาชญากรรมไซเบอร์ https://hackread.com/uk-police-arrest-teens-kido-nursery-ransomware-attack/
    HACKREAD.COM
    UK Police Arrest Two Teens Over Kido Nursery Ransomware Attack
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • “Gemini 2.5 Computer Use — โมเดล AI ที่คลิก พิมพ์ และเลื่อนหน้าเว็บแทนคุณได้จริง เปิดประตูสู่ยุคผู้ช่วยดิจิทัลที่ลงมือทำ”

    Google DeepMind เปิดตัวโมเดลใหม่ “Gemini 2.5 Computer Use” ซึ่งเป็นเวอร์ชันเฉพาะทางของ Gemini 2.5 Pro ที่ออกแบบมาเพื่อให้ AI สามารถควบคุมอินเทอร์เฟซของเว็บไซต์และแอปได้โดยตรง ไม่ใช่แค่เข้าใจคำสั่งหรือภาพ แต่สามารถ “ลงมือทำ” ได้จริง เช่น คลิกปุ่ม พิมพ์ข้อความ เลื่อนหน้าเว็บ หรือกรอกแบบฟอร์ม — ทั้งหมดนี้จากคำสั่งเดียวของผู้ใช้

    โมเดลนี้เปิดให้ใช้งานผ่าน Gemini API บน Google AI Studio และ Vertex AI โดยใช้เครื่องมือใหม่ชื่อว่า computer_use ซึ่งทำงานในรูปแบบลูป: รับคำสั่ง → วิเคราะห์ภาพหน้าจอและประวัติการกระทำ → สร้างคำสั่ง UI → ส่งกลับไปยังระบบ → ถ่ายภาพหน้าจอใหม่ → ประเมินผล → ทำต่อหรือหยุด

    Gemini 2.5 Computer Use รองรับคำสั่ง UI 13 รูปแบบ เช่น คลิก พิมพ์ ลากวัตถุ เลื่อนหน้าเว็บ และจัดการ dropdown โดยสามารถทำงานหลังล็อกอินได้ด้วย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง “agent” ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในระบบดิจิทัล

    ด้านความปลอดภัย Google ได้ฝังระบบตรวจสอบไว้ในตัวโมเดล เช่น per-step safety service ที่ตรวจสอบทุกคำสั่งก่อนรัน และ system instructions ที่ให้ผู้พัฒนากำหนดว่าต้องขออนุมัติก่อนทำงานที่มีความเสี่ยง เช่น การซื้อของหรือควบคุมอุปกรณ์ทางการแพทย์

    ทีมภายในของ Google ได้ใช้โมเดลนี้ในงานจริง เช่น Project Mariner, Firebase Testing Agent และ AI Mode ใน Search โดยช่วยลดเวลาในการทดสอบ UI และแก้ปัญหาการทำงานล้มเหลวได้ถึง 60% ในบางกรณี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Gemini 2.5 Computer Use เป็นโมเดล AI ที่ควบคุม UI ได้โดยตรง
    ทำงานผ่าน Gemini API บน Google AI Studio และ Vertex AI
    ใช้เครื่องมือ computer_use ที่ทำงานแบบลูปต่อเนื่อง
    รองรับคำสั่ง UI 13 รูปแบบ เช่น คลิก พิมพ์ ลาก เลื่อน dropdown
    สามารถทำงานหลังล็อกอิน และจัดการฟอร์มได้เหมือนมนุษย์
    มีระบบ per-step safety service ตรวจสอบคำสั่งก่อนรัน
    ผู้พัฒนาสามารถตั้ง system instructions เพื่อป้องกันความเสี่ยง
    ใช้ในโปรเจกต์จริงของ Google เช่น Project Mariner และ Firebase Testing Agent
    ช่วยลดเวลาในการทดสอบ UI และเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน
    เปิดให้ใช้งานแบบ public preview แล้ววันนี้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Browserbase เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ทดสอบ Gemini 2.5 Computer Use แบบ headless browser
    โมเดลนี้ outperform คู่แข่งใน benchmark เช่น Online-Mind2Web และ AndroidWorld
    Claude Sonnet 4.5 และ ChatGPT Agent ก็มีฟีเจอร์ควบคุม UI แต่ยังไม่เน้นภาพหน้าจอ
    การควบคุม UI ด้วยภาพหน้าจอช่วยให้ AI ทำงานในระบบที่ไม่มี API ได้
    Gemini 2.5 Computer Use ใช้ Gemini Pro เป็นฐาน โดยเสริมความเข้าใจภาพและตรรกะ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ยังไม่รองรับการควบคุมระบบปฏิบัติการแบบเต็ม เช่น Windows หรือ macOS
    การทำงานผ่านภาพหน้าจออาจมีข้อจำกัดในแอปที่เปลี่ยน UI แบบไดนามิก
    หากไม่มีการตั้งค่าความปลอดภัย อาจเกิดการคลิกผิดหรือกรอกข้อมูลผิด
    การใช้งานในระบบที่มีข้อมูลอ่อนไหวต้องมีการยืนยันจากผู้ใช้ก่อนเสมอ
    ผู้พัฒนาต้องทดสอบระบบอย่างละเอียดก่อนนำไปใช้จริงในองค์กร

    https://blog.google/technology/google-deepmind/gemini-computer-use-model/
    🖱️ “Gemini 2.5 Computer Use — โมเดล AI ที่คลิก พิมพ์ และเลื่อนหน้าเว็บแทนคุณได้จริง เปิดประตูสู่ยุคผู้ช่วยดิจิทัลที่ลงมือทำ” Google DeepMind เปิดตัวโมเดลใหม่ “Gemini 2.5 Computer Use” ซึ่งเป็นเวอร์ชันเฉพาะทางของ Gemini 2.5 Pro ที่ออกแบบมาเพื่อให้ AI สามารถควบคุมอินเทอร์เฟซของเว็บไซต์และแอปได้โดยตรง ไม่ใช่แค่เข้าใจคำสั่งหรือภาพ แต่สามารถ “ลงมือทำ” ได้จริง เช่น คลิกปุ่ม พิมพ์ข้อความ เลื่อนหน้าเว็บ หรือกรอกแบบฟอร์ม — ทั้งหมดนี้จากคำสั่งเดียวของผู้ใช้ โมเดลนี้เปิดให้ใช้งานผ่าน Gemini API บน Google AI Studio และ Vertex AI โดยใช้เครื่องมือใหม่ชื่อว่า computer_use ซึ่งทำงานในรูปแบบลูป: รับคำสั่ง → วิเคราะห์ภาพหน้าจอและประวัติการกระทำ → สร้างคำสั่ง UI → ส่งกลับไปยังระบบ → ถ่ายภาพหน้าจอใหม่ → ประเมินผล → ทำต่อหรือหยุด Gemini 2.5 Computer Use รองรับคำสั่ง UI 13 รูปแบบ เช่น คลิก พิมพ์ ลากวัตถุ เลื่อนหน้าเว็บ และจัดการ dropdown โดยสามารถทำงานหลังล็อกอินได้ด้วย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง “agent” ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในระบบดิจิทัล ด้านความปลอดภัย Google ได้ฝังระบบตรวจสอบไว้ในตัวโมเดล เช่น per-step safety service ที่ตรวจสอบทุกคำสั่งก่อนรัน และ system instructions ที่ให้ผู้พัฒนากำหนดว่าต้องขออนุมัติก่อนทำงานที่มีความเสี่ยง เช่น การซื้อของหรือควบคุมอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทีมภายในของ Google ได้ใช้โมเดลนี้ในงานจริง เช่น Project Mariner, Firebase Testing Agent และ AI Mode ใน Search โดยช่วยลดเวลาในการทดสอบ UI และแก้ปัญหาการทำงานล้มเหลวได้ถึง 60% ในบางกรณี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Gemini 2.5 Computer Use เป็นโมเดล AI ที่ควบคุม UI ได้โดยตรง ➡️ ทำงานผ่าน Gemini API บน Google AI Studio และ Vertex AI ➡️ ใช้เครื่องมือ computer_use ที่ทำงานแบบลูปต่อเนื่อง ➡️ รองรับคำสั่ง UI 13 รูปแบบ เช่น คลิก พิมพ์ ลาก เลื่อน dropdown ➡️ สามารถทำงานหลังล็อกอิน และจัดการฟอร์มได้เหมือนมนุษย์ ➡️ มีระบบ per-step safety service ตรวจสอบคำสั่งก่อนรัน ➡️ ผู้พัฒนาสามารถตั้ง system instructions เพื่อป้องกันความเสี่ยง ➡️ ใช้ในโปรเจกต์จริงของ Google เช่น Project Mariner และ Firebase Testing Agent ➡️ ช่วยลดเวลาในการทดสอบ UI และเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน ➡️ เปิดให้ใช้งานแบบ public preview แล้ววันนี้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Browserbase เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ทดสอบ Gemini 2.5 Computer Use แบบ headless browser ➡️ โมเดลนี้ outperform คู่แข่งใน benchmark เช่น Online-Mind2Web และ AndroidWorld ➡️ Claude Sonnet 4.5 และ ChatGPT Agent ก็มีฟีเจอร์ควบคุม UI แต่ยังไม่เน้นภาพหน้าจอ ➡️ การควบคุม UI ด้วยภาพหน้าจอช่วยให้ AI ทำงานในระบบที่ไม่มี API ได้ ➡️ Gemini 2.5 Computer Use ใช้ Gemini Pro เป็นฐาน โดยเสริมความเข้าใจภาพและตรรกะ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ยังไม่รองรับการควบคุมระบบปฏิบัติการแบบเต็ม เช่น Windows หรือ macOS ⛔ การทำงานผ่านภาพหน้าจออาจมีข้อจำกัดในแอปที่เปลี่ยน UI แบบไดนามิก ⛔ หากไม่มีการตั้งค่าความปลอดภัย อาจเกิดการคลิกผิดหรือกรอกข้อมูลผิด ⛔ การใช้งานในระบบที่มีข้อมูลอ่อนไหวต้องมีการยืนยันจากผู้ใช้ก่อนเสมอ ⛔ ผู้พัฒนาต้องทดสอบระบบอย่างละเอียดก่อนนำไปใช้จริงในองค์กร https://blog.google/technology/google-deepmind/gemini-computer-use-model/
    BLOG.GOOGLE
    Introducing the Gemini 2.5 Computer Use model
    Today we are releasing the Gemini 2.5 Computer Use model via the API, which outperforms leading alternatives at browser and mobile tasks.
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • “Qt อุดช่องโหว่ SVG ร้ายแรง 2 จุด — เสี่ยงล่มระบบและรันโค้ดอันตรายจากไฟล์ภาพ”

    Qt Group ได้ออกประกาศแจ้งเตือนความปลอดภัยระดับวิกฤตเกี่ยวกับช่องโหว่ 2 รายการในโมดูล SVG ซึ่งมีรหัส CVE-2025-10728 และ CVE-2025-10729 โดยทั้งสองช่องโหว่มีคะแนนความรุนแรง CVSS 4.0 อยู่ที่ 9.4 ถือว่าอยู่ในระดับ “Critical” และส่งผลกระทบต่อ Qt เวอร์ชัน 6.7.0 ถึง 6.8.4 และ 6.9.0 ถึง 6.9.2

    ช่องโหว่แรก (CVE-2025-10728) เกิดจากการเรนเดอร์ไฟล์ SVG ที่มี <pattern> แบบวนซ้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเรียกซ้ำไม่รู้จบ (infinite recursion) จนเกิด stack overflow และทำให้แอปพลิเคชันหรือระบบล่มได้ทันที แม้จะไม่สามารถใช้โจมตีเพื่อรันโค้ดโดยตรง แต่ก็เป็นภัยคุกคามต่อความเสถียรของระบบ โดยเฉพาะในอุปกรณ์ฝังตัวหรือ UI ที่ต้องประมวลผลภาพจากภายนอก

    ช่องโหว่ที่สอง (CVE-2025-10729) อันตรายยิ่งกว่า เพราะเป็นบั๊กแบบ use-after-free ที่เกิดขึ้นเมื่อโมดูล SVG พยายาม parse <pattern> ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้โหนดโครงสร้างหลักของไฟล์ SVG ซึ่งจะทำให้โหนดนั้นถูกลบหลังสร้าง แต่ยังถูกเรียกใช้งานภายหลัง ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมไม่คาดคิด เช่น การรันโค้ดจากระยะไกล (RCE) หากหน่วยความจำถูกจัดสรรใหม่ในลักษณะที่เอื้อให้โจมตี

    ช่องโหว่เหล่านี้มีผลกระทบกว้าง เพราะ Qt SVG ถูกใช้งานในหลายระบบ เช่น KDE Plasma, UI ฝังตัวในรถยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ และ IoT ซึ่งมักต้องประมวลผล SVG จากผู้ใช้หรือจากอินเทอร์เน็ต ทำให้แม้แต่การอัปโหลดภาพธรรมดาก็อาจกลายเป็นช่องทางโจมตีได้

    Qt แนะนำให้ผู้พัฒนาอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 6.9.3 หรือ 6.8.5 โดยเร็วที่สุด และหลีกเลี่ยงการเรนเดอร์ SVG ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบความปลอดภัย พร้อมตรวจสอบไลบรารีของบุคคลที่สามว่ามีการใช้โมดูล SVG ที่มีช่องโหว่หรือไม่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-10728 และ CVE-2025-10729 อยู่ในโมดูล SVG ของ Qt
    CVE-2025-10728 เกิดจากการเรนเดอร์ <pattern> แบบวนซ้ำ ทำให้เกิด stack overflow
    CVE-2025-10729 เป็นบั๊ก use-after-free ที่อาจนำไปสู่การรันโค้ดจากระยะไกล
    ช่องโหว่มีผลกับ Qt เวอร์ชัน 6.7.0 ถึง 6.8.4 และ 6.9.0 ถึง 6.9.2
    Qt แนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 6.9.3 หรือ 6.8.5
    ช่องโหว่มีคะแนน CVSS 4.0 อยู่ที่ 9.4 ถือว่า “Critical”
    Qt SVG ถูกใช้งานในระบบหลากหลาย เช่น KDE Plasma, รถยนต์, อุปกรณ์การแพทย์ และ IoT
    ช่องโหว่สามารถถูกโจมตีผ่านไฟล์ SVG ที่อัปโหลดจากผู้ใช้
    ไม่มีรายงานการโจมตีจริงในขณะนี้ แต่มีความเสี่ยงสูง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SVG เป็นไฟล์ภาพแบบเวกเตอร์ที่นิยมใช้ในเว็บและ UI เพราะขนาดเล็กและปรับขนาดได้
    use-after-free เป็นบั๊กที่อันตรายเพราะสามารถนำไปสู่การควบคุมหน่วยความจำ
    Qt เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้ในซอฟต์แวร์ระดับองค์กรและอุปกรณ์ฝังตัวจำนวนมาก
    การโจมตีผ่าน SVG เคยถูกใช้ใน phishing และการฝังโค้ด HTML ในภาพ
    การตรวจสอบไฟล์ SVG ก่อนเรนเดอร์เป็นแนวทางป้องกันที่สำคัญ

    https://securityonline.info/qt-fixes-dual-critical-vulnerabilities-cve-2025-10728-cve-2025-10729-in-svg-module/
    🖼️ “Qt อุดช่องโหว่ SVG ร้ายแรง 2 จุด — เสี่ยงล่มระบบและรันโค้ดอันตรายจากไฟล์ภาพ” Qt Group ได้ออกประกาศแจ้งเตือนความปลอดภัยระดับวิกฤตเกี่ยวกับช่องโหว่ 2 รายการในโมดูล SVG ซึ่งมีรหัส CVE-2025-10728 และ CVE-2025-10729 โดยทั้งสองช่องโหว่มีคะแนนความรุนแรง CVSS 4.0 อยู่ที่ 9.4 ถือว่าอยู่ในระดับ “Critical” และส่งผลกระทบต่อ Qt เวอร์ชัน 6.7.0 ถึง 6.8.4 และ 6.9.0 ถึง 6.9.2 ช่องโหว่แรก (CVE-2025-10728) เกิดจากการเรนเดอร์ไฟล์ SVG ที่มี <pattern> แบบวนซ้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเรียกซ้ำไม่รู้จบ (infinite recursion) จนเกิด stack overflow และทำให้แอปพลิเคชันหรือระบบล่มได้ทันที แม้จะไม่สามารถใช้โจมตีเพื่อรันโค้ดโดยตรง แต่ก็เป็นภัยคุกคามต่อความเสถียรของระบบ โดยเฉพาะในอุปกรณ์ฝังตัวหรือ UI ที่ต้องประมวลผลภาพจากภายนอก ช่องโหว่ที่สอง (CVE-2025-10729) อันตรายยิ่งกว่า เพราะเป็นบั๊กแบบ use-after-free ที่เกิดขึ้นเมื่อโมดูล SVG พยายาม parse <pattern> ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้โหนดโครงสร้างหลักของไฟล์ SVG ซึ่งจะทำให้โหนดนั้นถูกลบหลังสร้าง แต่ยังถูกเรียกใช้งานภายหลัง ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมไม่คาดคิด เช่น การรันโค้ดจากระยะไกล (RCE) หากหน่วยความจำถูกจัดสรรใหม่ในลักษณะที่เอื้อให้โจมตี ช่องโหว่เหล่านี้มีผลกระทบกว้าง เพราะ Qt SVG ถูกใช้งานในหลายระบบ เช่น KDE Plasma, UI ฝังตัวในรถยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ และ IoT ซึ่งมักต้องประมวลผล SVG จากผู้ใช้หรือจากอินเทอร์เน็ต ทำให้แม้แต่การอัปโหลดภาพธรรมดาก็อาจกลายเป็นช่องทางโจมตีได้ Qt แนะนำให้ผู้พัฒนาอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 6.9.3 หรือ 6.8.5 โดยเร็วที่สุด และหลีกเลี่ยงการเรนเดอร์ SVG ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบความปลอดภัย พร้อมตรวจสอบไลบรารีของบุคคลที่สามว่ามีการใช้โมดูล SVG ที่มีช่องโหว่หรือไม่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-10728 และ CVE-2025-10729 อยู่ในโมดูล SVG ของ Qt ➡️ CVE-2025-10728 เกิดจากการเรนเดอร์ <pattern> แบบวนซ้ำ ทำให้เกิด stack overflow ➡️ CVE-2025-10729 เป็นบั๊ก use-after-free ที่อาจนำไปสู่การรันโค้ดจากระยะไกล ➡️ ช่องโหว่มีผลกับ Qt เวอร์ชัน 6.7.0 ถึง 6.8.4 และ 6.9.0 ถึง 6.9.2 ➡️ Qt แนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 6.9.3 หรือ 6.8.5 ➡️ ช่องโหว่มีคะแนน CVSS 4.0 อยู่ที่ 9.4 ถือว่า “Critical” ➡️ Qt SVG ถูกใช้งานในระบบหลากหลาย เช่น KDE Plasma, รถยนต์, อุปกรณ์การแพทย์ และ IoT ➡️ ช่องโหว่สามารถถูกโจมตีผ่านไฟล์ SVG ที่อัปโหลดจากผู้ใช้ ➡️ ไม่มีรายงานการโจมตีจริงในขณะนี้ แต่มีความเสี่ยงสูง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SVG เป็นไฟล์ภาพแบบเวกเตอร์ที่นิยมใช้ในเว็บและ UI เพราะขนาดเล็กและปรับขนาดได้ ➡️ use-after-free เป็นบั๊กที่อันตรายเพราะสามารถนำไปสู่การควบคุมหน่วยความจำ ➡️ Qt เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้ในซอฟต์แวร์ระดับองค์กรและอุปกรณ์ฝังตัวจำนวนมาก ➡️ การโจมตีผ่าน SVG เคยถูกใช้ใน phishing และการฝังโค้ด HTML ในภาพ ➡️ การตรวจสอบไฟล์ SVG ก่อนเรนเดอร์เป็นแนวทางป้องกันที่สำคัญ https://securityonline.info/qt-fixes-dual-critical-vulnerabilities-cve-2025-10728-cve-2025-10729-in-svg-module/
    SECURITYONLINE.INFO
    Qt Fixes Dual Critical Vulnerabilities (CVE-2025-10728 & CVE-2025-10729) in SVG Module
    The Qt Group patched two critical flaws in Qt SVG: a UAF bug (CVE-2025-10729) that risks RCE, and recursive pattern element (CVE-2025-10728) leading to stack overflow DoS.
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • “เครื่องกระตุ้นหัวใจที่ช่วยชีวิตคนนับล้าน — เกิดจากความผิดพลาดที่เปลี่ยนโลกการแพทย์ไปตลอดกาล”

    ทุกวันนี้ เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) มีขนาดเล็กเท่ากล่องไม้ขีด และบางรุ่นในอนาคตอาจเล็กกว่าข้าวเม็ดเดียว โดยสามารถใช้งานได้นานถึง 10–15 ปี ปรับจังหวะการเต้นของหัวใจตามกิจกรรมของผู้ป่วย และส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังแพทย์โดยไม่ต้องเข้ารพ. ซึ่งในอนาคตอันใกล้ อุปกรณ์เหล่านี้อาจใช้ AI เพื่อคาดการณ์ภาวะแทรกซ้อนล่วงหน้า หรือปรับอัลกอริธึมการกระตุ้นให้เหมาะกับหัวใจแต่ละคน

    แต่จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีนี้กลับไม่ได้เกิดจากการวางแผนอย่างเป็นระบบ หากแต่เป็น “ความผิดพลาดที่โชคดี” ของวิศวกรไฟฟ้าชื่อ Wilson Greatbatch ในปี 1958 ขณะกำลังสร้างอุปกรณ์บันทึกคลื่นหัวใจ เขาหยิบตัวต้านทานผิดค่า ทำให้วงจรปล่อยสัญญาณไฟฟ้าเป็นจังหวะคล้ายการเต้นของหัวใจ เมื่อทดลองกับหัวใจสุนัข มันทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และในปี 1960 ก็มีการปลูกถ่ายเครื่องรุ่นแรกให้กับผู้ป่วยวัย 77 ปี ซึ่งมีชีวิตต่ออีก 2 ปี

    ก่อนหน้านั้น เครื่องกระตุ้นหัวใจมีขนาดเท่าตู้ข้างเตียง ต้องเสียบปลั๊กไฟบ้าน และหากไฟดับก็หยุดทำงานทันที ต่อมา Earl Bakken ได้พัฒนาเครื่องรุ่นพกพาใช้แบตเตอรี่ ซึ่งผู้ป่วยต้องคล้องคอไว้และมีสายไฟเชื่อมผ่านหน้าอกจากการผ่าตัดหัวใจ แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากสายภายนอก

    การค้นพบของ Greatbatch จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่แท้จริง เพราะเป็นครั้งแรกที่เครื่องกระตุ้นหัวใจสามารถฝังในร่างกายได้ แม้จะยังมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่และวัสดุห่อหุ้ม แต่ก็เปิดทางให้วิศวกรและแพทย์ทั่วโลกพัฒนาต่อเนื่องจนกลายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยชีวิตผู้คนกว่า 3 ล้านรายทั่วโลก และมีการปลูกถ่ายใหม่ราว 600,000 เครื่องต่อปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เครื่องกระตุ้นหัวใจรุ่นใหม่มีขนาดเล็ก ใช้งานได้นาน 10–15 ปี
    สามารถปรับจังหวะตามกิจกรรม และส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตแบบเรียลไทม์
    อนาคตอาจใช้ AI เพื่อคาดการณ์ภาวะแทรกซ้อนและปรับอัลกอริธึมเฉพาะบุคคล
    เครื่องรุ่นแรกเกิดจากความผิดพลาดของ Wilson Greatbatch ในปี 1958
    ใช้ตัวต้านทานผิดค่า ทำให้วงจรปล่อยสัญญาณคล้ายหัวใจเต้น
    ทดลองกับหัวใจสุนัขแล้วได้ผลดี และปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยในปี 1960
    ก่อนหน้านั้น เครื่องรุ่นเก่ามีขนาดใหญ่ ต้องเสียบปลั๊ก และไม่เสถียร
    Earl Bakken พัฒนาเครื่องพกพาใช้แบตเตอรี่ แต่ยังมีสายภายนอก
    ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 3 ล้านรายทั่วโลก และปลูกถ่ายใหม่ปีละ 600,000 เครื่อง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wilson Greatbatch ได้รับสิทธิบัตรเครื่องกระตุ้นหัวใจในปี 1960 และมีสิทธิบัตรรวมกว่า 325 รายการ
    เขายังพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมชนิดพิเศษที่ทนต่อการกัดกร่อนเพื่อใช้ใน pacemaker
    ในปี 1985 อุปกรณ์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี
    ระบบไฟฟ้าของหัวใจมาจาก “ไซนัสโนด” ซึ่งทำหน้าที่เป็น pacemaker ธรรมชาติ
    ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia) ส่งผลต่อผู้ใหญ่ 1 ใน 18 คนในสหรัฐฯ

    https://www.slashgear.com/1984002/how-important-medical-technology-invented-by-accident-pacemaker/
    ❤️ “เครื่องกระตุ้นหัวใจที่ช่วยชีวิตคนนับล้าน — เกิดจากความผิดพลาดที่เปลี่ยนโลกการแพทย์ไปตลอดกาล” ทุกวันนี้ เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) มีขนาดเล็กเท่ากล่องไม้ขีด และบางรุ่นในอนาคตอาจเล็กกว่าข้าวเม็ดเดียว โดยสามารถใช้งานได้นานถึง 10–15 ปี ปรับจังหวะการเต้นของหัวใจตามกิจกรรมของผู้ป่วย และส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังแพทย์โดยไม่ต้องเข้ารพ. ซึ่งในอนาคตอันใกล้ อุปกรณ์เหล่านี้อาจใช้ AI เพื่อคาดการณ์ภาวะแทรกซ้อนล่วงหน้า หรือปรับอัลกอริธึมการกระตุ้นให้เหมาะกับหัวใจแต่ละคน แต่จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีนี้กลับไม่ได้เกิดจากการวางแผนอย่างเป็นระบบ หากแต่เป็น “ความผิดพลาดที่โชคดี” ของวิศวกรไฟฟ้าชื่อ Wilson Greatbatch ในปี 1958 ขณะกำลังสร้างอุปกรณ์บันทึกคลื่นหัวใจ เขาหยิบตัวต้านทานผิดค่า ทำให้วงจรปล่อยสัญญาณไฟฟ้าเป็นจังหวะคล้ายการเต้นของหัวใจ เมื่อทดลองกับหัวใจสุนัข มันทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และในปี 1960 ก็มีการปลูกถ่ายเครื่องรุ่นแรกให้กับผู้ป่วยวัย 77 ปี ซึ่งมีชีวิตต่ออีก 2 ปี ก่อนหน้านั้น เครื่องกระตุ้นหัวใจมีขนาดเท่าตู้ข้างเตียง ต้องเสียบปลั๊กไฟบ้าน และหากไฟดับก็หยุดทำงานทันที ต่อมา Earl Bakken ได้พัฒนาเครื่องรุ่นพกพาใช้แบตเตอรี่ ซึ่งผู้ป่วยต้องคล้องคอไว้และมีสายไฟเชื่อมผ่านหน้าอกจากการผ่าตัดหัวใจ แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากสายภายนอก การค้นพบของ Greatbatch จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่แท้จริง เพราะเป็นครั้งแรกที่เครื่องกระตุ้นหัวใจสามารถฝังในร่างกายได้ แม้จะยังมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่และวัสดุห่อหุ้ม แต่ก็เปิดทางให้วิศวกรและแพทย์ทั่วโลกพัฒนาต่อเนื่องจนกลายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยชีวิตผู้คนกว่า 3 ล้านรายทั่วโลก และมีการปลูกถ่ายใหม่ราว 600,000 เครื่องต่อปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เครื่องกระตุ้นหัวใจรุ่นใหม่มีขนาดเล็ก ใช้งานได้นาน 10–15 ปี ➡️ สามารถปรับจังหวะตามกิจกรรม และส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตแบบเรียลไทม์ ➡️ อนาคตอาจใช้ AI เพื่อคาดการณ์ภาวะแทรกซ้อนและปรับอัลกอริธึมเฉพาะบุคคล ➡️ เครื่องรุ่นแรกเกิดจากความผิดพลาดของ Wilson Greatbatch ในปี 1958 ➡️ ใช้ตัวต้านทานผิดค่า ทำให้วงจรปล่อยสัญญาณคล้ายหัวใจเต้น ➡️ ทดลองกับหัวใจสุนัขแล้วได้ผลดี และปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยในปี 1960 ➡️ ก่อนหน้านั้น เครื่องรุ่นเก่ามีขนาดใหญ่ ต้องเสียบปลั๊ก และไม่เสถียร ➡️ Earl Bakken พัฒนาเครื่องพกพาใช้แบตเตอรี่ แต่ยังมีสายภายนอก ➡️ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 3 ล้านรายทั่วโลก และปลูกถ่ายใหม่ปีละ 600,000 เครื่อง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wilson Greatbatch ได้รับสิทธิบัตรเครื่องกระตุ้นหัวใจในปี 1960 และมีสิทธิบัตรรวมกว่า 325 รายการ ➡️ เขายังพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมชนิดพิเศษที่ทนต่อการกัดกร่อนเพื่อใช้ใน pacemaker ➡️ ในปี 1985 อุปกรณ์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ทางวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี ➡️ ระบบไฟฟ้าของหัวใจมาจาก “ไซนัสโนด” ซึ่งทำหน้าที่เป็น pacemaker ธรรมชาติ ➡️ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia) ส่งผลต่อผู้ใหญ่ 1 ใน 18 คนในสหรัฐฯ https://www.slashgear.com/1984002/how-important-medical-technology-invented-by-accident-pacemaker/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Medical Device Can Extend People's Lives (And Was Invented Entirely By Accident) - SlashGear
    A total accident led to the discovery of a medical device that's helped extend people's lives and get a vital organ back on track. Here's how it happened.
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • “Ultrahuman เปิดตัว Blood Vision Cloud — วิเคราะห์ผลเลือดด้วย AI ฟรี พร้อมแนะนำสุขภาพแบบเจาะลึก”

    Ultrahuman บริษัทเทคโนโลยีสุขภาพจากอินเดียเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Blood Vision Cloud” ที่เปลี่ยนวิธีการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลไปอย่างสิ้นเชิง โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดผลตรวจเลือดเก่า ๆ เข้าแอป Ultrahuman แล้วให้ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูล พร้อมสรุปแนวโน้มสุขภาพระยะยาว แนะนำอาหารและอาหารเสริมที่เหมาะสม รวมถึงให้คะแนน “Blood Age” เพื่อดูว่าร่างกายของคุณแก่เร็วแค่ไหนจากภายใน

    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานฟรีทั่วโลกผ่านแอป Ultrahuman โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัท เช่น Ring Air หรือ M1 Glucose Tracker แม้จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์เหล่านั้นเพื่อให้ได้ภาพรวมสุขภาพที่แม่นยำยิ่งขึ้น

    Blood Vision Cloud ยังสามารถแสดงผลแบบแดชบอร์ดที่เข้าใจง่าย โดยดึงข้อมูลจากไฟล์ PDF ผลเลือดของผู้ใช้ แล้วแสดงว่าค่าต่าง ๆ อยู่ในช่วงปกติหรือไม่ พร้อมคำแนะนำจาก “AI Clinician” ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจผลตรวจได้โดยไม่ต้องรอพบแพทย์

    นอกจากนี้ Ultrahuman ยังมีแผนขยายการวิเคราะห์ไปยัง CT scan, MRI และรายงานวินิจฉัยอื่น ๆ ในอนาคต และเปิดบริการ Blood Vision Essentials ในราคา $99 สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจเลือดใหม่ รวมถึงแผน Blood Vision Annual Plan ราคา $499 ที่ขยายบริการไปยัง UK, ออสเตรเลีย, ซาอุดิอาระเบีย และ UAE

    แม้จะมีคู่แข่งอย่าง Oura และ Whoop ที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ Ultrahuman หวังว่า Blood Vision Cloud จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และเป็น “การแพทย์ก่อนป่วย” ที่ทุกคนควรได้รับ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Blood Vision Cloud เป็นฟีเจอร์ใหม่ของ Ultrahuman ที่วิเคราะห์ผลเลือดด้วย AI
    ผู้ใช้สามารถอัปโหลดผลตรวจเลือดเก่าในรูปแบบ PDF เพื่อรับคำแนะนำสุขภาพ
    ระบบให้ข้อมูลเชิงลึก เช่น แนวโน้มสุขภาพ, คำแนะนำอาหารเสริม, และคะแนน Blood Age
    ใช้งานได้ฟรีทั่วโลกผ่านแอป Ultrahuman โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริม
    สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจาก Ring Air และ UltraTrace เพื่อวิเคราะห์เชิงลึก
    มีแผนขยายการวิเคราะห์ไปยัง CT scan, MRI และรายงานวินิจฉัยอื่น ๆ
    เปิดบริการ Blood Vision Essentials ราคา $99 และ Annual Plan ราคา $499
    ขยายบริการไปยัง UK, ออสเตรเลีย, ซาอุดิอาระเบีย และ UAE

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Blood Age เป็นแนวคิดที่ใช้วัดอายุทางชีวภาพจากค่าบ่งชี้ในเลือด
    AI Clinician เป็นระบบที่ช่วยแปลผลตรวจสุขภาพให้เข้าใจง่ายขึ้น
    การวิเคราะห์ผลเลือดด้วย AI ช่วยลดภาระของแพทย์และเพิ่มการเข้าถึงข้อมูล
    Oura และ Whoop มีฟีเจอร์คล้ายกัน เช่น Health Panels และ Advanced Labs
    การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (preventive care) กำลังเป็นเทรนด์สำคัญในวงการแพทย์

    https://www.techradar.com/health-fitness/this-wearable-now-offers-free-blood-analysis-to-help-you-understand-your-health
    🩸 “Ultrahuman เปิดตัว Blood Vision Cloud — วิเคราะห์ผลเลือดด้วย AI ฟรี พร้อมแนะนำสุขภาพแบบเจาะลึก” Ultrahuman บริษัทเทคโนโลยีสุขภาพจากอินเดียเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Blood Vision Cloud” ที่เปลี่ยนวิธีการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลไปอย่างสิ้นเชิง โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดผลตรวจเลือดเก่า ๆ เข้าแอป Ultrahuman แล้วให้ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูล พร้อมสรุปแนวโน้มสุขภาพระยะยาว แนะนำอาหารและอาหารเสริมที่เหมาะสม รวมถึงให้คะแนน “Blood Age” เพื่อดูว่าร่างกายของคุณแก่เร็วแค่ไหนจากภายใน ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานฟรีทั่วโลกผ่านแอป Ultrahuman โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัท เช่น Ring Air หรือ M1 Glucose Tracker แม้จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์เหล่านั้นเพื่อให้ได้ภาพรวมสุขภาพที่แม่นยำยิ่งขึ้น Blood Vision Cloud ยังสามารถแสดงผลแบบแดชบอร์ดที่เข้าใจง่าย โดยดึงข้อมูลจากไฟล์ PDF ผลเลือดของผู้ใช้ แล้วแสดงว่าค่าต่าง ๆ อยู่ในช่วงปกติหรือไม่ พร้อมคำแนะนำจาก “AI Clinician” ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจผลตรวจได้โดยไม่ต้องรอพบแพทย์ นอกจากนี้ Ultrahuman ยังมีแผนขยายการวิเคราะห์ไปยัง CT scan, MRI และรายงานวินิจฉัยอื่น ๆ ในอนาคต และเปิดบริการ Blood Vision Essentials ในราคา $99 สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจเลือดใหม่ รวมถึงแผน Blood Vision Annual Plan ราคา $499 ที่ขยายบริการไปยัง UK, ออสเตรเลีย, ซาอุดิอาระเบีย และ UAE แม้จะมีคู่แข่งอย่าง Oura และ Whoop ที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ Ultrahuman หวังว่า Blood Vision Cloud จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และเป็น “การแพทย์ก่อนป่วย” ที่ทุกคนควรได้รับ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Blood Vision Cloud เป็นฟีเจอร์ใหม่ของ Ultrahuman ที่วิเคราะห์ผลเลือดด้วย AI ➡️ ผู้ใช้สามารถอัปโหลดผลตรวจเลือดเก่าในรูปแบบ PDF เพื่อรับคำแนะนำสุขภาพ ➡️ ระบบให้ข้อมูลเชิงลึก เช่น แนวโน้มสุขภาพ, คำแนะนำอาหารเสริม, และคะแนน Blood Age ➡️ ใช้งานได้ฟรีทั่วโลกผ่านแอป Ultrahuman โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริม ➡️ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจาก Ring Air และ UltraTrace เพื่อวิเคราะห์เชิงลึก ➡️ มีแผนขยายการวิเคราะห์ไปยัง CT scan, MRI และรายงานวินิจฉัยอื่น ๆ ➡️ เปิดบริการ Blood Vision Essentials ราคา $99 และ Annual Plan ราคา $499 ➡️ ขยายบริการไปยัง UK, ออสเตรเลีย, ซาอุดิอาระเบีย และ UAE ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Blood Age เป็นแนวคิดที่ใช้วัดอายุทางชีวภาพจากค่าบ่งชี้ในเลือด ➡️ AI Clinician เป็นระบบที่ช่วยแปลผลตรวจสุขภาพให้เข้าใจง่ายขึ้น ➡️ การวิเคราะห์ผลเลือดด้วย AI ช่วยลดภาระของแพทย์และเพิ่มการเข้าถึงข้อมูล ➡️ Oura และ Whoop มีฟีเจอร์คล้ายกัน เช่น Health Panels และ Advanced Labs ➡️ การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (preventive care) กำลังเป็นเทรนด์สำคัญในวงการแพทย์ https://www.techradar.com/health-fitness/this-wearable-now-offers-free-blood-analysis-to-help-you-understand-your-health
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews
  • สู่สังคมเข้มแข็ง วชิรพยาบาลเปิดเวทีเสวนา 'Global Ostomy Network' ผสานการแพทย์และชุมชนดูแลผู้ป่วย
    https://www.thai-tai.tv/news/21753/
    .
    #OstomyAwarenessDay2568 #วชิรพยาบาล #มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช #สาธารณสุข #ผู้มีถุงทวารเทียม #การแพทย์ #GlobalOstomyNetwork
    สู่สังคมเข้มแข็ง วชิรพยาบาลเปิดเวทีเสวนา 'Global Ostomy Network' ผสานการแพทย์และชุมชนดูแลผู้ป่วย https://www.thai-tai.tv/news/21753/ . #OstomyAwarenessDay2568 #วชิรพยาบาล #มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช #สาธารณสุข #ผู้มีถุงทวารเทียม #การแพทย์ #GlobalOstomyNetwork
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
More Results