• คลิปนี้ก็อีกมุมมอง,จริงๆโหนกระแสต้องเชิญทางวัดที่สร้างเหรียญนี้มาซักประวัติการมีตัวตนการสร้างด้วย,เหรียญทองคำงามขนาดนั้นนะ,เอา%ทองคำไม่วัดค่าเปรียบเทียบรุ่นยุค08กับที่เหรียญรุ่นเป็นประเด็นด้วย,คนซื้อคนขายรู้ตัวตนแล้ว เอาเหรียญไปเข้าเครื่องตรวจ%ทองคำเลย ทองคำยุคอดีตจะถึง99.99%มั้ย,95%เอา,พระดังๆขนาดนี้ย่อมมีประวัติหมดล่ะ.,ติดมันขาดประวัติการสร้างที่ชัดเจนนี้ล่ะ มันแค่ปี2508มิใช่100-200ปีก่อน,จึงสมควรมี.สมควรบันทึกการจัดสร้างทั้งทางวัดและตระกูลโรงปั้มที่ผลิต.

    https://youtube.com/shorts/vGqwbEmvGRE?si=q3tAjs8V0jS83gKz
    คลิปนี้ก็อีกมุมมอง,จริงๆโหนกระแสต้องเชิญทางวัดที่สร้างเหรียญนี้มาซักประวัติการมีตัวตนการสร้างด้วย,เหรียญทองคำงามขนาดนั้นนะ,เอา%ทองคำไม่วัดค่าเปรียบเทียบรุ่นยุค08กับที่เหรียญรุ่นเป็นประเด็นด้วย,คนซื้อคนขายรู้ตัวตนแล้ว เอาเหรียญไปเข้าเครื่องตรวจ%ทองคำเลย ทองคำยุคอดีตจะถึง99.99%มั้ย,95%เอา,พระดังๆขนาดนี้ย่อมมีประวัติหมดล่ะ.,ติดมันขาดประวัติการสร้างที่ชัดเจนนี้ล่ะ มันแค่ปี2508มิใช่100-200ปีก่อน,จึงสมควรมี.สมควรบันทึกการจัดสร้างทั้งทางวัดและตระกูลโรงปั้มที่ผลิต. https://youtube.com/shorts/vGqwbEmvGRE?si=q3tAjs8V0jS83gKz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารพริ้นซ์แบงก์ ประเทศกัมพูชา ไม่สามารถล็อกอินเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา ก่อนที่ช่วงบ่ายธนาคารอ้างว่าปิดปรับปรุง ท่ามกลางกระแสข่าว "เฉิน จื้อ" ผู้ก่อตั้งกลุ่มพริ้นซ์ ถูกสหรัฐฯ ยึดทรัพย์คริปโตฯ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ธนาคารฯ ต้องชี้แจงว่าธนาคารยังคงดำเนินงานถูกต้องตามกฎหมาย แต่คู่ค้าบางรายอาจต้องทำตามคำแนะนำของสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098519

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารพริ้นซ์แบงก์ ประเทศกัมพูชา ไม่สามารถล็อกอินเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา ก่อนที่ช่วงบ่ายธนาคารอ้างว่าปิดปรับปรุง ท่ามกลางกระแสข่าว "เฉิน จื้อ" ผู้ก่อตั้งกลุ่มพริ้นซ์ ถูกสหรัฐฯ ยึดทรัพย์คริปโตฯ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ธนาคารฯ ต้องชี้แจงว่าธนาคารยังคงดำเนินงานถูกต้องตามกฎหมาย แต่คู่ค้าบางรายอาจต้องทำตามคำแนะนำของสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098519 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nvidia จับมือ ABB” — เปิดตัวระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ระดับกิกะวัตต์

    Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ ABB บริษัทอุตสาหกรรมระดับโลกจากสวีเดน-สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต

    การใช้ระบบไฟฟ้า 800V DC ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนวัสดุ และรองรับการจ่ายไฟในระดับสูงได้มากขึ้น โดย Nvidia ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูลระดับกิกะวัตต์ ซึ่งต้องใช้แร็คเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่กินไฟระดับเมกะวัตต์ต่อแร็ค

    ABB ระบุว่าได้พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูล AI รุ่นใหม่แล้ว และยกตัวอย่างจากระบบไฟฟ้าในเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 20–40% และลดค่าบำรุงรักษา 30%

    ระบบใหม่นี้จะเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้า AC ที่ต้องแปลงหลายขั้นตอน มาเป็นการจ่ายไฟ DC โดยตรงจากห้องจ่ายไฟไปยังแร็คเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดขนาดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในระบบเดิม

    การเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าแรงดันสูงแบบ DC ยังช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้การออกแบบศูนย์ข้อมูลมีความยืดหยุ่นและประหยัดมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ศูนย์ข้อมูล AI ต้องรองรับการประมวลผลมหาศาล

    ข้อมูลในข่าว
    Nvidia ร่วมมือกับ ABB พัฒนาโครงสร้างไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์
    ระบบใหม่นี้จะใช้ในศูนย์ข้อมูล AI ขนาดกิกะวัตต์ในอนาคต
    ABB พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC แล้ว
    ระบบ DC ช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดต้นทุนวัสดุ
    ตัวอย่างจากเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ลดพลังงาน 20–40% และค่าบำรุงรักษา 30%
    การจ่ายไฟ DC โดยตรงช่วยลดขั้นตอนการแปลงไฟฟ้าและขนาดอุปกรณ์
    การใช้แรงดันสูงช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ ทำให้ศูนย์ข้อมูลออกแบบได้ง่ายขึ้น

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบไฟฟ้า DC ต้องใช้การออกแบบใหม่และอุปกรณ์เฉพาะ
    หากไม่มีการป้องกันกระแสไฟฟ้าอย่างเหมาะสม อาจเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์
    ศูนย์ข้อมูลที่ยังใช้ระบบเดิมอาจเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพต่ำกว่า
    การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าในระดับเมกะวัตต์ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-800-vdc-power-rollout-for-1-megawatt-server-racks-to-be-supported-by-abb-company-says-collaboration-will-create-new-power-solutions-for-future-gigawatt-scale-data-centers
    ⚡ “Nvidia จับมือ ABB” — เปิดตัวระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ระดับกิกะวัตต์ Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ ABB บริษัทอุตสาหกรรมระดับโลกจากสวีเดน-สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต การใช้ระบบไฟฟ้า 800V DC ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนวัสดุ และรองรับการจ่ายไฟในระดับสูงได้มากขึ้น โดย Nvidia ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูลระดับกิกะวัตต์ ซึ่งต้องใช้แร็คเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่กินไฟระดับเมกะวัตต์ต่อแร็ค ABB ระบุว่าได้พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูล AI รุ่นใหม่แล้ว และยกตัวอย่างจากระบบไฟฟ้าในเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 20–40% และลดค่าบำรุงรักษา 30% ระบบใหม่นี้จะเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้า AC ที่ต้องแปลงหลายขั้นตอน มาเป็นการจ่ายไฟ DC โดยตรงจากห้องจ่ายไฟไปยังแร็คเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดขนาดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในระบบเดิม การเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าแรงดันสูงแบบ DC ยังช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้การออกแบบศูนย์ข้อมูลมีความยืดหยุ่นและประหยัดมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ศูนย์ข้อมูล AI ต้องรองรับการประมวลผลมหาศาล ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Nvidia ร่วมมือกับ ABB พัฒนาโครงสร้างไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์ ➡️ ระบบใหม่นี้จะใช้ในศูนย์ข้อมูล AI ขนาดกิกะวัตต์ในอนาคต ➡️ ABB พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC แล้ว ➡️ ระบบ DC ช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดต้นทุนวัสดุ ➡️ ตัวอย่างจากเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ลดพลังงาน 20–40% และค่าบำรุงรักษา 30% ➡️ การจ่ายไฟ DC โดยตรงช่วยลดขั้นตอนการแปลงไฟฟ้าและขนาดอุปกรณ์ ➡️ การใช้แรงดันสูงช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ ทำให้ศูนย์ข้อมูลออกแบบได้ง่ายขึ้น ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบไฟฟ้า DC ต้องใช้การออกแบบใหม่และอุปกรณ์เฉพาะ ⛔ หากไม่มีการป้องกันกระแสไฟฟ้าอย่างเหมาะสม อาจเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ ⛔ ศูนย์ข้อมูลที่ยังใช้ระบบเดิมอาจเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพต่ำกว่า ⛔ การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าในระดับเมกะวัตต์ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-800-vdc-power-rollout-for-1-megawatt-server-racks-to-be-supported-by-abb-company-says-collaboration-will-create-new-power-solutions-for-future-gigawatt-scale-data-centers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ พรรคส้มปลุกกระแสประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลนานับประการ และโทษว่า รัฐธรรมนูญปี 60 คือต้นตอของปัญหา แต่แอบแฝงผลประโยชน์ทางการเมืองของพวกพ้องสามกีบ และเจตจำนงในการยกเลิกแก้ไข ม.112
    #7ดอกจิก
    ♣ พรรคส้มปลุกกระแสประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลนานับประการ และโทษว่า รัฐธรรมนูญปี 60 คือต้นตอของปัญหา แต่แอบแฝงผลประโยชน์ทางการเมืองของพวกพ้องสามกีบ และเจตจำนงในการยกเลิกแก้ไข ม.112 #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Delta Force ปลุกกระแสเกมยิงในจีน – Tencent ปรับกลยุทธ์สู่เวทีโลก”

    ใครจะคิดว่าเกมยิงจากจีนจะกลายเป็นกระแสระดับโลก? Tencent ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการเกมจีน กำลังเปลี่ยนทิศทางครั้งใหญ่หลังจาก “Delta Force” เกมยิงแนว extraction shooter กลายเป็นปรากฏการณ์ในปี 2024 ด้วยยอดผู้เล่นแตะ 30 ล้านคนต่อวัน

    เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ Leo Yao นักพัฒนาเกมที่เคยทำงานกับ Electronic Arts และปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีม J3 Studio ของ Tencent เขาใช้ประสบการณ์จากการพัฒนา Call of Duty เวอร์ชันมือถือ มาผสมผสานแนวเกมต่าง ๆ จนเกิดเป็น Delta Force ที่มีทั้งโหมด extraction, battleground และเนื้อเรื่องแบบแคมเปญ

    ความสำเร็จในจีนทำให้ Tencent มองเห็นโอกาสใหม่ในตลาดโลก โดยเฉพาะในแนวเกมยิงที่เคยถูกครองโดยผู้พัฒนาจากตะวันตก เช่น Valve, Activision และ Ubisoft

    Tencent ไม่ได้หยุดแค่การพัฒนาเกม แต่ยังลงทุนในกลยุทธ์การตลาดแบบ localized เช่น การจับมือกับแบรนด์โจ๊กแปดเซียน เพื่อสื่อถึงความหลากหลายของเกม และกำลังจ้างทีมงานใหม่เพื่อเข้าใจผู้เล่นต่างประเทศมากขึ้น

    ในภาพรวม นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของ Tencent จากผู้จัดจำหน่าย ไปสู่ผู้สร้างเกมต้นฉบับที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง

    ความสำเร็จของ Delta Force
    เกมยิงแนว extraction shooter ที่ผสมโหมด battleground และแคมเปญ
    มีผู้เล่นกว่า 30 ล้านคนต่อวันในจีน
    ได้รับความนิยมจากการออกแบบที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย

    การเปลี่ยนกลยุทธ์ของ Tencent
    มุ่งเน้นการสร้างเกมต้นฉบับแทนการซื้อกิจการ
    ต้องการเป็นผู้สร้างเกมที่มีเอกลักษณ์แบบ Valve
    ลงทุนในทีมงานใหม่เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ
    ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ localized เพื่อเข้าถึงผู้เล่นในแต่ละภูมิภาค

    ความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมเกมจีน
    ผู้เล่นจีนเริ่มหันมาเล่นเกม PC และเกมยิงมากขึ้น
    ตลาดเกมยิงมีมูลค่าราว 9% ของอุตสาหกรรมเกมโลก
    Tencent มีหุ้นในเกมดังอย่าง Fortnite, PUBG และ Far Cry

    ความท้าทายในการเจาะตลาดโลก
    ทีมงานส่วนใหญ่ยังเป็นคนจีน ทำให้เข้าใจผู้เล่นต่างชาติได้ยาก
    ต้องพัฒนาแนวทางใหม่ในการสื่อสารและออกแบบเกม
    ใช้การฟังเสียงผู้เล่นผ่าน influencer และการวิเคราะห์ข้อมูล

    คำเตือนสำหรับ Tencent และผู้พัฒนาเกมจีน
    การขาดความเข้าใจวัฒนธรรมผู้เล่นต่างประเทศ อาจทำให้เกมไม่ถูกใจตลาด
    ความเชื่อเดิมว่า “เกมยิงคือของตะวันตก” อาจเป็นอุปสรรคทางจิตวิทยา
    การพึ่งพาความสำเร็จในจีนมากเกินไป อาจไม่เพียงพอสำหรับตลาดโลก
    ความเสี่ยงจากภาพลักษณ์ “ลอกเลียนแบบ” ที่ยังติดอยู่ในสายตาผู้เล่นบางกลุ่ม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/tencents-delta-force-success-shifts-focus-to-shooting-games
    🎮 “Delta Force ปลุกกระแสเกมยิงในจีน – Tencent ปรับกลยุทธ์สู่เวทีโลก” ใครจะคิดว่าเกมยิงจากจีนจะกลายเป็นกระแสระดับโลก? Tencent ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการเกมจีน กำลังเปลี่ยนทิศทางครั้งใหญ่หลังจาก “Delta Force” เกมยิงแนว extraction shooter กลายเป็นปรากฏการณ์ในปี 2024 ด้วยยอดผู้เล่นแตะ 30 ล้านคนต่อวัน เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ Leo Yao นักพัฒนาเกมที่เคยทำงานกับ Electronic Arts และปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีม J3 Studio ของ Tencent เขาใช้ประสบการณ์จากการพัฒนา Call of Duty เวอร์ชันมือถือ มาผสมผสานแนวเกมต่าง ๆ จนเกิดเป็น Delta Force ที่มีทั้งโหมด extraction, battleground และเนื้อเรื่องแบบแคมเปญ ความสำเร็จในจีนทำให้ Tencent มองเห็นโอกาสใหม่ในตลาดโลก โดยเฉพาะในแนวเกมยิงที่เคยถูกครองโดยผู้พัฒนาจากตะวันตก เช่น Valve, Activision และ Ubisoft Tencent ไม่ได้หยุดแค่การพัฒนาเกม แต่ยังลงทุนในกลยุทธ์การตลาดแบบ localized เช่น การจับมือกับแบรนด์โจ๊กแปดเซียน เพื่อสื่อถึงความหลากหลายของเกม และกำลังจ้างทีมงานใหม่เพื่อเข้าใจผู้เล่นต่างประเทศมากขึ้น ในภาพรวม นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของ Tencent จากผู้จัดจำหน่าย ไปสู่ผู้สร้างเกมต้นฉบับที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ✅ ความสำเร็จของ Delta Force ➡️ เกมยิงแนว extraction shooter ที่ผสมโหมด battleground และแคมเปญ ➡️ มีผู้เล่นกว่า 30 ล้านคนต่อวันในจีน ➡️ ได้รับความนิยมจากการออกแบบที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย ✅ การเปลี่ยนกลยุทธ์ของ Tencent ➡️ มุ่งเน้นการสร้างเกมต้นฉบับแทนการซื้อกิจการ ➡️ ต้องการเป็นผู้สร้างเกมที่มีเอกลักษณ์แบบ Valve ➡️ ลงทุนในทีมงานใหม่เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ ➡️ ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ localized เพื่อเข้าถึงผู้เล่นในแต่ละภูมิภาค ✅ ความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมเกมจีน ➡️ ผู้เล่นจีนเริ่มหันมาเล่นเกม PC และเกมยิงมากขึ้น ➡️ ตลาดเกมยิงมีมูลค่าราว 9% ของอุตสาหกรรมเกมโลก ➡️ Tencent มีหุ้นในเกมดังอย่าง Fortnite, PUBG และ Far Cry ✅ ความท้าทายในการเจาะตลาดโลก ➡️ ทีมงานส่วนใหญ่ยังเป็นคนจีน ทำให้เข้าใจผู้เล่นต่างชาติได้ยาก ➡️ ต้องพัฒนาแนวทางใหม่ในการสื่อสารและออกแบบเกม ➡️ ใช้การฟังเสียงผู้เล่นผ่าน influencer และการวิเคราะห์ข้อมูล ‼️ คำเตือนสำหรับ Tencent และผู้พัฒนาเกมจีน ⛔ การขาดความเข้าใจวัฒนธรรมผู้เล่นต่างประเทศ อาจทำให้เกมไม่ถูกใจตลาด ⛔ ความเชื่อเดิมว่า “เกมยิงคือของตะวันตก” อาจเป็นอุปสรรคทางจิตวิทยา ⛔ การพึ่งพาความสำเร็จในจีนมากเกินไป อาจไม่เพียงพอสำหรับตลาดโลก ⛔ ความเสี่ยงจากภาพลักษณ์ “ลอกเลียนแบบ” ที่ยังติดอยู่ในสายตาผู้เล่นบางกลุ่ม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/tencents-delta-force-success-shifts-focus-to-shooting-games
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Tencent's 'Delta Force' success shifts focus to shooting games
    For more than a decade, Tencent Holdings Ltd developer Leo Yao toiled in relative anonymity, churning out one shooting game after another. Then he scored one of the biggest Chinese hits of 2024 with Delta Force, a game that continues to attract 30 million players daily.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วิธีทำความสะอาดหลอดไฟอย่างปลอดภัย — เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณอาจมองข้าม”

    แม้หลอดไฟจะดูเหมือนไม่ใช่จุดที่สกปรกนัก แต่ความจริงแล้วมันเป็นหนึ่งในจุดที่ฝุ่นชอบเกาะมากที่สุดในบ้าน เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านหลอดไฟสามารถดึงดูดฝุ่นได้เหมือนแม่เหล็ก และเนื่องจากเราไม่ค่อยสังเกตหลอดไฟจนกว่ามันจะเสีย จึงทำให้ฝุ่นสะสมโดยไม่รู้ตัว

    การทำความสะอาดหลอดไฟอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้แสงสว่างชัดเจนขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสมอีกด้วย

    วิธีทำความสะอาดหลอดไฟ
    เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
    ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้ง, ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ, บันได (ถ้าหลอดอยู่สูง)

    ปิดไฟและถอดปลั๊กก่อนเสมอ
    หากถอดปลั๊กไม่ได้ ให้ปิดเบรกเกอร์

    ถอดหลอดไฟออกจากโคมก่อนทำความสะอาด
    รอให้หลอดเย็นก่อนจับ

    เช็ดด้วยผ้าแห้งก่อน
    หากฝุ่นบาง ๆ จะหลุดออกง่าย

    หากยังสกปรก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ
    หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนส่วนโลหะของหลอด

    รอให้หลอดแห้งสนิทก่อนใส่กลับ
    เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร

    หากไม่สามารถถอดหลอดได้
    ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดขณะอยู่กับที่ โดยต้องแน่ใจว่าไฟถูกตัดแล้ว

    กรณีหลอดไฟ LED
    ทำความสะอาดภายนอกเหมือนหลอดแก้ว
    ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งเช็ดเบา ๆ

    หากฝุ่นเข้าไปด้านใน
    ถอดฝาครอบออก (ถ้าเป็นไปได้) แล้วเช็ดภายใน

    หลีกเลี่ยงไม่ให้วงจรภายในเปียก
    หากเปียกอาจทำให้วงจรเสียหายถาวร

    หากฝาครอบปิดถาวรและมีฝุ่นภายใน
    อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนหลอดใหม่

    https://www.slashgear.com/1992170/how-to-clean-light-bulb/
    “วิธีทำความสะอาดหลอดไฟอย่างปลอดภัย — เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณอาจมองข้าม” แม้หลอดไฟจะดูเหมือนไม่ใช่จุดที่สกปรกนัก แต่ความจริงแล้วมันเป็นหนึ่งในจุดที่ฝุ่นชอบเกาะมากที่สุดในบ้าน เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านหลอดไฟสามารถดึงดูดฝุ่นได้เหมือนแม่เหล็ก และเนื่องจากเราไม่ค่อยสังเกตหลอดไฟจนกว่ามันจะเสีย จึงทำให้ฝุ่นสะสมโดยไม่รู้ตัว การทำความสะอาดหลอดไฟอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้แสงสว่างชัดเจนขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสมอีกด้วย 💡 วิธีทำความสะอาดหลอดไฟ ✅ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ➡️ ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้ง, ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ, บันได (ถ้าหลอดอยู่สูง) ✅ ปิดไฟและถอดปลั๊กก่อนเสมอ ➡️ หากถอดปลั๊กไม่ได้ ให้ปิดเบรกเกอร์ ✅ ถอดหลอดไฟออกจากโคมก่อนทำความสะอาด ➡️ รอให้หลอดเย็นก่อนจับ ✅ เช็ดด้วยผ้าแห้งก่อน ➡️ หากฝุ่นบาง ๆ จะหลุดออกง่าย ✅ หากยังสกปรก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ ➡️ หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนส่วนโลหะของหลอด ✅ รอให้หลอดแห้งสนิทก่อนใส่กลับ ➡️ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ✅ หากไม่สามารถถอดหลอดได้ ➡️ ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดขณะอยู่กับที่ โดยต้องแน่ใจว่าไฟถูกตัดแล้ว 💡 กรณีหลอดไฟ LED ✅ ทำความสะอาดภายนอกเหมือนหลอดแก้ว ➡️ ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งเช็ดเบา ๆ ✅ หากฝุ่นเข้าไปด้านใน ➡️ ถอดฝาครอบออก (ถ้าเป็นไปได้) แล้วเช็ดภายใน ✅ หลีกเลี่ยงไม่ให้วงจรภายในเปียก ➡️ หากเปียกอาจทำให้วงจรเสียหายถาวร ✅ หากฝาครอบปิดถาวรและมีฝุ่นภายใน ➡️ อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนหลอดใหม่ https://www.slashgear.com/1992170/how-to-clean-light-bulb/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How To Clean A Light Bulb, According To The Experts - SlashGear
    Sometimes even lightbulbs need a good cleaning. Here's everything you need to know about cleaning both filament bulbs and LED bulbs around your home.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Framework สปอนเซอร์ Hyprland จุดชนวนดราม่า — ชุมชนลินุกซ์ถกเดือดเรื่องอุดมการณ์และการเมือง”

    Framework ผู้ผลิตแล็ปท็อปแบบโมดูลาร์ชื่อดัง ประกาศเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ว่าได้เป็นผู้สนับสนุนระดับ Gold ของ Hyprland ซึ่งเป็น Wayland compositor ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ลินุกซ์สายปรับแต่งหน้าตา โดยข่าวนี้ถูกเผยแพร่พร้อมกับการเข้าร่วม Linux Foundation และการเป็นผู้สนับสนุนรายแรกของ Linux Vendor Firmware Service (LVFS)

    อย่างไรก็ตาม การสนับสนุน Hyprland กลับกลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนโอเพ่นซอร์ส เนื่องจาก Vaxry ผู้พัฒนา Hyprland เคยถูกแบนจาก freedesktop.org ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการจัดการ moderation ใน Discord ของโครงการ ซึ่งทำให้หลายคนมองว่า Hyprland มีแนวโน้มสนับสนุนแนวคิดฝ่ายขวา และไม่เป็นมิตรกับผู้มีแนวคิดเสรีนิยม

    กระแสยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อ Framework โพสต์บน X (Twitter) เปรียบเทียบ Omarchy Linux ซึ่งสร้างโดย David Heinemeier Hansson (DHH) กับ Windows XP ในเชิงขำขัน โดย DHH เป็นบุคคลที่มีแนวคิดขวาชัดเจนและเคยวิจารณ์แนวคิดเสรีนิยมอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ผู้ใช้บางส่วนมองว่า Framework กำลังสนับสนุนบุคคลและโครงการที่มีแนวคิดการเมืองขวาจัด

    ผลคือเกิดกระทู้ในฟอรัมของ Framework ชื่อ “Framework supporting far-right racists?” ซึ่งมีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดกว่า 1,300 ความเห็น โดย CEO ของ Framework, Nirav Patel ได้ออกมาตอบว่า บริษัทมีแนวทาง “big tent” ที่เปิดรับทุกโครงการโอเพ่นซอร์สโดยไม่พิจารณาแนวคิดทางการเมืองของผู้พัฒนา เพราะเป้าหมายคือการผลักดันโอเพ่นซอร์สให้เติบโต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Framework เป็นผู้สนับสนุนระดับ Gold ของ Hyprland
    Hyprland เป็น Wayland compositor ที่เน้นความสวยงามและปรับแต่งได้
    Vaxry ผู้พัฒนา Hyprland เคยถูกแบนจาก freedesktop.org
    Framework เข้าร่วม Linux Foundation และสนับสนุน LVFS
    Framework โพสต์สนับสนุน Omarchy Linux ของ DHH
    DHH มีแนวคิดการเมืองขวาชัดเจน
    เกิดกระทู้ “Framework supporting far-right racists?” ในฟอรัม
    CEO Framework ตอบว่าแนวทางบริษัทคือ “big tent” ไม่เลือกข้างการเมือง
    ฟอรัมมีการถกเถียงกว่า 1,300 ความเห็น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    “Big tent” เป็นแนวคิดที่เปิดรับความหลากหลายเพื่อสร้างความร่วมมือ
    LVFS เป็นบริการที่ช่วยให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ปล่อย firmware ผ่านระบบลินุกซ์
    Hyprland ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ Arch และผู้ชอบปรับแต่ง UI
    DHH เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ruby on Rails และมีบทบาทในวงการซอฟต์แวร์
    การเมืองในวงการโอเพ่นซอร์สเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงหลัง

    https://news.itsfoss.com/framework-hyprland-sponsorship/
    💻 “Framework สปอนเซอร์ Hyprland จุดชนวนดราม่า — ชุมชนลินุกซ์ถกเดือดเรื่องอุดมการณ์และการเมือง” Framework ผู้ผลิตแล็ปท็อปแบบโมดูลาร์ชื่อดัง ประกาศเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ว่าได้เป็นผู้สนับสนุนระดับ Gold ของ Hyprland ซึ่งเป็น Wayland compositor ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ลินุกซ์สายปรับแต่งหน้าตา โดยข่าวนี้ถูกเผยแพร่พร้อมกับการเข้าร่วม Linux Foundation และการเป็นผู้สนับสนุนรายแรกของ Linux Vendor Firmware Service (LVFS) อย่างไรก็ตาม การสนับสนุน Hyprland กลับกลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนโอเพ่นซอร์ส เนื่องจาก Vaxry ผู้พัฒนา Hyprland เคยถูกแบนจาก freedesktop.org ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการจัดการ moderation ใน Discord ของโครงการ ซึ่งทำให้หลายคนมองว่า Hyprland มีแนวโน้มสนับสนุนแนวคิดฝ่ายขวา และไม่เป็นมิตรกับผู้มีแนวคิดเสรีนิยม กระแสยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อ Framework โพสต์บน X (Twitter) เปรียบเทียบ Omarchy Linux ซึ่งสร้างโดย David Heinemeier Hansson (DHH) กับ Windows XP ในเชิงขำขัน โดย DHH เป็นบุคคลที่มีแนวคิดขวาชัดเจนและเคยวิจารณ์แนวคิดเสรีนิยมอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ผู้ใช้บางส่วนมองว่า Framework กำลังสนับสนุนบุคคลและโครงการที่มีแนวคิดการเมืองขวาจัด ผลคือเกิดกระทู้ในฟอรัมของ Framework ชื่อ “Framework supporting far-right racists?” ซึ่งมีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดกว่า 1,300 ความเห็น โดย CEO ของ Framework, Nirav Patel ได้ออกมาตอบว่า บริษัทมีแนวทาง “big tent” ที่เปิดรับทุกโครงการโอเพ่นซอร์สโดยไม่พิจารณาแนวคิดทางการเมืองของผู้พัฒนา เพราะเป้าหมายคือการผลักดันโอเพ่นซอร์สให้เติบโต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Framework เป็นผู้สนับสนุนระดับ Gold ของ Hyprland ➡️ Hyprland เป็น Wayland compositor ที่เน้นความสวยงามและปรับแต่งได้ ➡️ Vaxry ผู้พัฒนา Hyprland เคยถูกแบนจาก freedesktop.org ➡️ Framework เข้าร่วม Linux Foundation และสนับสนุน LVFS ➡️ Framework โพสต์สนับสนุน Omarchy Linux ของ DHH ➡️ DHH มีแนวคิดการเมืองขวาชัดเจน ➡️ เกิดกระทู้ “Framework supporting far-right racists?” ในฟอรัม ➡️ CEO Framework ตอบว่าแนวทางบริษัทคือ “big tent” ไม่เลือกข้างการเมือง ➡️ ฟอรัมมีการถกเถียงกว่า 1,300 ความเห็น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ “Big tent” เป็นแนวคิดที่เปิดรับความหลากหลายเพื่อสร้างความร่วมมือ ➡️ LVFS เป็นบริการที่ช่วยให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ปล่อย firmware ผ่านระบบลินุกซ์ ➡️ Hyprland ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ Arch และผู้ชอบปรับแต่ง UI ➡️ DHH เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ruby on Rails และมีบทบาทในวงการซอฟต์แวร์ ➡️ การเมืองในวงการโอเพ่นซอร์สเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงหลัง https://news.itsfoss.com/framework-hyprland-sponsorship/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Framework is Accused of Supporting the Far-right, Apparently for Sponsoring the Hyprland Project
    The announcement has generated quite some buzz but for all the wrong reasons.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุปจากในวีดีโอนี้ การดูพระแท้ต้องดูเนื้อ สายตาเราก็พอจะแยกออก..ว่าเก่าแท้ หรือเก่าจากการรมดำ(ควัน) อย่าไปเชื่อเซียน ( 18 มงกุฎ ) แล้วไม่ต้องดูตำหนิ เพราะมันคือพระเก๊ จากพวกปั่นกระแส
    https://youtu.be/xoCHyEQdahk?si=kOcWYyi1MwFrbOu8
    สรุปจากในวีดีโอนี้ การดูพระแท้ต้องดูเนื้อ สายตาเราก็พอจะแยกออก..ว่าเก่าแท้ หรือเก่าจากการรมดำ(ควัน) อย่าไปเชื่อเซียน ( 18 มงกุฎ ) แล้วไม่ต้องดูตำหนิ เพราะมันคือพระเก๊ จากพวกปั่นกระแส https://youtu.be/xoCHyEQdahk?si=kOcWYyi1MwFrbOu8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สุภาพ” ป้องกันแชมป์นายก อบต.ลำลูกกา คว่ำอดีต ส.ส.เพื่อไทยขาดลอย
    https://www.thai-tai.tv/news/21876/
    .
    #ไทยไท #เลือกตั้งท้องถิ่น #อบตลำลูกกา #คำรณวิทย์ #เพื่อไทย #ปทุมธานี #วัดกระแส

    “สุภาพ” ป้องกันแชมป์นายก อบต.ลำลูกกา คว่ำอดีต ส.ส.เพื่อไทยขาดลอย https://www.thai-tai.tv/news/21876/ . #ไทยไท #เลือกตั้งท้องถิ่น #อบตลำลูกกา #คำรณวิทย์ #เพื่อไทย #ปทุมธานี #วัดกระแส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อแอปหาคู่ไม่ตอบโจทย์ — หญิงอเมริกันวัย 42 ใช้บิลบอร์ดหาสามี กลายเป็นไวรัลพร้อมกระแสเกลียดชัง”

    Lisa Catalano หญิงวัย 42 ปีจากซานมาเทโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ตัดสินใจหันหลังให้กับแอปหาคู่ที่ทำให้เธอรู้สึกหมดหวัง และเลือกใช้วิธีสุดแหวกแนวในการหาคู่ชีวิต — เธอขึ้นบิลบอร์ดขนาดใหญ่ 6 จุดตลอดเส้นทาง Highway 101 ระหว่างซานตาคลาราและซานฟรานซิสโก พร้อมข้อความว่าเธอกำลังมองหาสามี

    เธอสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวชื่อ MarryLisa.com เพื่อให้ผู้สนใจส่งข้อความเข้ามา และภายในเวลาไม่นานก็ได้รับข้อความกว่า 2,200 ฉบับจากทั่วโลก ทั้งคำชม คำให้กำลังใจ และคำดูถูกอย่างรุนแรง รวมถึงการคุกคามจากเว็บไซต์ 4chan ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเธอและครอบครัว

    แม้จะเผชิญกับกระแสลบ แต่เธอกลับได้รับแรงสนับสนุนจากผู้หญิงจำนวนมากที่เข้าใจความรู้สึกของการถูกลดคุณค่าในโลกของแอปหาคู่ และชื่นชมความกล้าหาญของเธอในการเปิดเผยตัวตนอย่างตรงไปตรงมา

    วิธีการหาคู่ของ Lisa Catalano
    ใช้บิลบอร์ดขนาดใหญ่ 6 จุดบน Highway 101 เพื่อประกาศหาสามี
    สร้างเว็บไซต์ MarryLisa.com เพื่อรับข้อความจากผู้สนใจ
    ได้รับข้อความกว่า 2,200 ฉบับจากทั่วโลก

    ความตั้งใจและแรงบันดาลใจ
    เบื่อหน่ายกับแอปหาคู่ที่ทำให้รู้สึกหมดคุณค่า
    ต้องการหาคู่ชีวิตอย่างจริงจังหลังจากสูญเสียคู่หมั้นเมื่อปลายปี 2023
    หวังสร้างครอบครัวภายใน 2-3 ปี

    กระแสตอบรับจากสังคม
    ได้รับคำชมจากผู้หญิงหลายคนที่เข้าใจความรู้สึกของเธอ
    สื่อหลายสำนักให้ความสนใจ เช่น People Magazine, New York Post, ABC News
    เว็บไซต์ MarryLisa.com มียอดเข้าชมเกือบ 1 ล้านครั้งใน 9 วัน

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ถูกคุกคามจากเว็บไซต์ 4chan ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเธอและครอบครัว
    ข้อความบางส่วนมีเนื้อหามีความรุนแรงและเหยียดเพศ
    การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เช่น น้ำหนัก, ศาสนา, ความชอบ อาจนำไปสู่การถูกวิจารณ์
    การใช้วิธีสาธารณะในการหาคู่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/11/tired-of-swiping-this-us-woman-turned-to-billboards-to-find-a-husband-then-came-the-hate
    💘 “เมื่อแอปหาคู่ไม่ตอบโจทย์ — หญิงอเมริกันวัย 42 ใช้บิลบอร์ดหาสามี กลายเป็นไวรัลพร้อมกระแสเกลียดชัง” Lisa Catalano หญิงวัย 42 ปีจากซานมาเทโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ตัดสินใจหันหลังให้กับแอปหาคู่ที่ทำให้เธอรู้สึกหมดหวัง และเลือกใช้วิธีสุดแหวกแนวในการหาคู่ชีวิต — เธอขึ้นบิลบอร์ดขนาดใหญ่ 6 จุดตลอดเส้นทาง Highway 101 ระหว่างซานตาคลาราและซานฟรานซิสโก พร้อมข้อความว่าเธอกำลังมองหาสามี เธอสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวชื่อ MarryLisa.com เพื่อให้ผู้สนใจส่งข้อความเข้ามา และภายในเวลาไม่นานก็ได้รับข้อความกว่า 2,200 ฉบับจากทั่วโลก ทั้งคำชม คำให้กำลังใจ และคำดูถูกอย่างรุนแรง รวมถึงการคุกคามจากเว็บไซต์ 4chan ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเธอและครอบครัว แม้จะเผชิญกับกระแสลบ แต่เธอกลับได้รับแรงสนับสนุนจากผู้หญิงจำนวนมากที่เข้าใจความรู้สึกของการถูกลดคุณค่าในโลกของแอปหาคู่ และชื่นชมความกล้าหาญของเธอในการเปิดเผยตัวตนอย่างตรงไปตรงมา ✅ วิธีการหาคู่ของ Lisa Catalano ➡️ ใช้บิลบอร์ดขนาดใหญ่ 6 จุดบน Highway 101 เพื่อประกาศหาสามี ➡️ สร้างเว็บไซต์ MarryLisa.com เพื่อรับข้อความจากผู้สนใจ ➡️ ได้รับข้อความกว่า 2,200 ฉบับจากทั่วโลก ✅ ความตั้งใจและแรงบันดาลใจ ➡️ เบื่อหน่ายกับแอปหาคู่ที่ทำให้รู้สึกหมดคุณค่า ➡️ ต้องการหาคู่ชีวิตอย่างจริงจังหลังจากสูญเสียคู่หมั้นเมื่อปลายปี 2023 ➡️ หวังสร้างครอบครัวภายใน 2-3 ปี ✅ กระแสตอบรับจากสังคม ➡️ ได้รับคำชมจากผู้หญิงหลายคนที่เข้าใจความรู้สึกของเธอ ➡️ สื่อหลายสำนักให้ความสนใจ เช่น People Magazine, New York Post, ABC News ➡️ เว็บไซต์ MarryLisa.com มียอดเข้าชมเกือบ 1 ล้านครั้งใน 9 วัน ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ถูกคุกคามจากเว็บไซต์ 4chan ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเธอและครอบครัว ⛔ ข้อความบางส่วนมีเนื้อหามีความรุนแรงและเหยียดเพศ ⛔ การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เช่น น้ำหนัก, ศาสนา, ความชอบ อาจนำไปสู่การถูกวิจารณ์ ⛔ การใช้วิธีสาธารณะในการหาคู่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/11/tired-of-swiping-this-us-woman-turned-to-billboards-to-find-a-husband-then-came-the-hate
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Tired of swiping, this US woman turned to billboards to find a husband. Then came the hate
    Many of the more than 2,200 "potential suitors" around the world who've reached out to her are online bullies more interested in ridiculing her – or worse.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลีน่าจังฟาดหนู แบบไม่เกรงใจตำแหน่งนายก (10/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ลีน่าจัง
    #อนุทิน
    #การเมืองไทย
    #กระแสโซเชียล
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    ลีน่าจังฟาดหนู แบบไม่เกรงใจตำแหน่งนายก (10/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ลีน่าจัง #อนุทิน #การเมืองไทย #กระแสโซเชียล #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “เพชรเทียมกำลังเปลี่ยนโลกของชิปคอมพิวเตอร์ — เย็นกว่า เร็วกว่า และอาจเป็นอนาคตของ AI”

    ในยุคที่ AI และการประมวลผลขั้นสูงต้องการพลังงานมหาศาล ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลกเผยว่า “มากกว่าครึ่งของพลังงานที่ใช้ในชิปสูญเสียไปในรูปของความร้อน” ซึ่งไม่เพียงทำให้ชิปทำงานช้าลง แต่ยังลดอายุการใช้งานและเพิ่มต้นทุนการระบายความร้อนอย่างมหาศาล

    บริษัท Diamond Foundry และ Element Six (ในเครือ De Beers) กำลังพัฒนา “แผ่นเพชรเทียม” สำหรับติดตั้งบนชิปโดยตรง เพื่อช่วยระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพชรมีคุณสมบัติการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงถึงหลายเท่า เพราะโครงสร้างอะตอมของคาร์บอนที่เชื่อมกันแน่นหนาในทุกทิศทาง

    Diamond Foundry ใช้พลาสมาคาร์บอนร้อนจัดเพื่อสร้างผลึกเพชรขนาด 4 นิ้ว แล้วขัดให้เรียบระดับอะตอม ก่อนนำไปติดด้านหลังของเวเฟอร์ซิลิคอน ซึ่งช่วยกำจัดจุดร้อนในชิปได้เกือบหมด Element Six ก็พัฒนา “วัสดุผสมเพชร-ทองแดง” ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเพชรบริสุทธิ์ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการระบายความร้อนสูง

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford ยังทดลองใช้เพชรในการวางทรานซิสเตอร์แบบซ้อนชั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วของชิปโดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมมากเกินไป แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านอุณหภูมิในการผลิต แต่หากแก้ไขได้สำเร็จ เทคโนโลยีนี้อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของชิปในยุค AI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    มากกว่าครึ่งของพลังงานในชิปสูญเสียไปเป็นความร้อนจากการรั่วไหลของกระแส
    Diamond Foundry และ Element Six พัฒนาแผ่นเพชรเทียมสำหรับติดตั้งบนชิป
    เพชรมีคุณสมบัติการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงหลายเท่า
    Diamond Foundry ใช้พลาสมาคาร์บอนสร้างผลึกเพชรขนาด 4 นิ้ว
    แผ่นเพชรถูกขัดเรียบระดับอะตอมก่อนติดตั้งบนเวเฟอร์ซิลิคอน
    Element Six พัฒนาเพชร-ทองแดงผสมเพื่อระบายความร้อนในชิป AI
    นักวิจัยจาก Stanford ทดลองใช้เพชรในการวางทรานซิสเตอร์แบบซ้อนชั้น
    เพชรช่วยลดความร้อนสะสมในชิปและยืดอายุการใช้งาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การระบายความร้อนคือปัจจัยสำคัญในการออกแบบชิปยุคใหม่
    การใช้เพชรในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีในอุปกรณ์ระดับสูง เช่น ดาวเทียมและเรดาร์
    การนำเพชรมาใช้ในชิปมือถือและ PC อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่ปี
    การผลิตเพชรเทียมต้องควบคุมอุณหภูมิและโครงสร้างผลึกอย่างแม่นยำ
    DARPA สนับสนุนงานวิจัยด้านการใช้เพชรในชิปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ AI

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การผลิตแผ่นเพชรเทียมคุณภาพสูงยังมีต้นทุนสูง
    การติดตั้งเพชรบนซิลิคอนต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวด
    เพชรที่มีโครงสร้างผลึกหลายทิศทางอาจไม่ระบายความร้อนในแนวราบได้ดี
    การผลิตที่อุณหภูมิต่ำอาจทำให้ผลึกเพชรไม่สมบูรณ์
    เทคโนโลยีนี้ยังไม่ถูกพิสูจน์ในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/10/why-diamonds-are-a-computer-chips-new-best-friend
    💎 “เพชรเทียมกำลังเปลี่ยนโลกของชิปคอมพิวเตอร์ — เย็นกว่า เร็วกว่า และอาจเป็นอนาคตของ AI” ในยุคที่ AI และการประมวลผลขั้นสูงต้องการพลังงานมหาศาล ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลกเผยว่า “มากกว่าครึ่งของพลังงานที่ใช้ในชิปสูญเสียไปในรูปของความร้อน” ซึ่งไม่เพียงทำให้ชิปทำงานช้าลง แต่ยังลดอายุการใช้งานและเพิ่มต้นทุนการระบายความร้อนอย่างมหาศาล บริษัท Diamond Foundry และ Element Six (ในเครือ De Beers) กำลังพัฒนา “แผ่นเพชรเทียม” สำหรับติดตั้งบนชิปโดยตรง เพื่อช่วยระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพชรมีคุณสมบัติการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงถึงหลายเท่า เพราะโครงสร้างอะตอมของคาร์บอนที่เชื่อมกันแน่นหนาในทุกทิศทาง Diamond Foundry ใช้พลาสมาคาร์บอนร้อนจัดเพื่อสร้างผลึกเพชรขนาด 4 นิ้ว แล้วขัดให้เรียบระดับอะตอม ก่อนนำไปติดด้านหลังของเวเฟอร์ซิลิคอน ซึ่งช่วยกำจัดจุดร้อนในชิปได้เกือบหมด Element Six ก็พัฒนา “วัสดุผสมเพชร-ทองแดง” ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเพชรบริสุทธิ์ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการระบายความร้อนสูง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford ยังทดลองใช้เพชรในการวางทรานซิสเตอร์แบบซ้อนชั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วของชิปโดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมมากเกินไป แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านอุณหภูมิในการผลิต แต่หากแก้ไขได้สำเร็จ เทคโนโลยีนี้อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของชิปในยุค AI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ มากกว่าครึ่งของพลังงานในชิปสูญเสียไปเป็นความร้อนจากการรั่วไหลของกระแส ➡️ Diamond Foundry และ Element Six พัฒนาแผ่นเพชรเทียมสำหรับติดตั้งบนชิป ➡️ เพชรมีคุณสมบัติการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงหลายเท่า ➡️ Diamond Foundry ใช้พลาสมาคาร์บอนสร้างผลึกเพชรขนาด 4 นิ้ว ➡️ แผ่นเพชรถูกขัดเรียบระดับอะตอมก่อนติดตั้งบนเวเฟอร์ซิลิคอน ➡️ Element Six พัฒนาเพชร-ทองแดงผสมเพื่อระบายความร้อนในชิป AI ➡️ นักวิจัยจาก Stanford ทดลองใช้เพชรในการวางทรานซิสเตอร์แบบซ้อนชั้น ➡️ เพชรช่วยลดความร้อนสะสมในชิปและยืดอายุการใช้งาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การระบายความร้อนคือปัจจัยสำคัญในการออกแบบชิปยุคใหม่ ➡️ การใช้เพชรในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีในอุปกรณ์ระดับสูง เช่น ดาวเทียมและเรดาร์ ➡️ การนำเพชรมาใช้ในชิปมือถือและ PC อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่ปี ➡️ การผลิตเพชรเทียมต้องควบคุมอุณหภูมิและโครงสร้างผลึกอย่างแม่นยำ ➡️ DARPA สนับสนุนงานวิจัยด้านการใช้เพชรในชิปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ AI ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การผลิตแผ่นเพชรเทียมคุณภาพสูงยังมีต้นทุนสูง ⛔ การติดตั้งเพชรบนซิลิคอนต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวด ⛔ เพชรที่มีโครงสร้างผลึกหลายทิศทางอาจไม่ระบายความร้อนในแนวราบได้ดี ⛔ การผลิตที่อุณหภูมิต่ำอาจทำให้ผลึกเพชรไม่สมบูรณ์ ⛔ เทคโนโลยีนี้ยังไม่ถูกพิสูจน์ในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/10/why-diamonds-are-a-computer-chips-new-best-friend
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why diamonds are a computer chip's new best friend
    Data centres squander vast amounts of electricity, most of it as heat. The physical properties of diamond offer a potential solution, researchers say.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Gemini พุ่งแรง 46% แต่ ChatGPT ยังครองใจผู้ใช้ — ศึก GenAI ที่วัดกันด้วยความภักดีมากกว่าปริมาณ”

    รายงานล่าสุดจาก Similarweb เผยว่า Google Gemini มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนกันยายน 2025 มีผู้เข้าชมถึง 1.1 พันล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 46% จากเดือนสิงหาคม ถือเป็นการเติบโตที่น่าจับตามองในตลาด GenAI ที่แข่งขันกันดุเดือด

    อย่างไรก็ตาม แม้ Gemini จะขยับขึ้นมาเป็นอันดับสองในส่วนแบ่งตลาด (13.7%) แต่ ChatGPT ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่ง 73.8% และมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 5.9 พันล้านครั้งในเดือนเดียว ทำให้ ChatGPT.com ติดอันดับเว็บไซต์ยอดนิยมอันดับ 5 ของโลก

    สิ่งที่ทำให้ ChatGPT ยังคงแข็งแกร่งคือ “ความภักดีของผู้ใช้” โดย 82.2% ของผู้ใช้ ChatGPT ไม่เคยเข้าใช้งาน GenAI ตัวอื่นเลย ขณะที่ Gemini มีอัตราความภักดีอยู่ที่ 49.1% และคู่แข่งอื่น ๆ อย่าง Grok, Perplexity และ Claude อยู่ที่ 35.6%, 33.1% และ 18% ตามลำดับ

    การเติบโตของ Gemini อาจได้รับแรงหนุนจากกระแสไม่พอใจในฟีเจอร์ “GPT-5 Instant” ของ ChatGPT ซึ่งจะเปลี่ยนโมเดลอัตโนมัติเมื่อพบว่าผู้ใช้มีอารมณ์หรือเนื้อหาที่อ่อนไหว โดยมีผู้ใช้บางรายแสดงความไม่พอใจว่า “ระบบ nanny mode” นี้รบกวนการใช้งานและทำให้ต้องแก้ข้อความเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเปลี่ยนโมเดล

    แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่ OpenAI ยืนยันว่าฟีเจอร์นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในภาวะวิกฤต และจะบอกผู้ใช้เสมอว่าโมเดลใดกำลังทำงานอยู่

    Gemini ยังมีจุดแข็งในด้านฟีเจอร์บางอย่างที่ ChatGPT ยังไม่มี เช่น การสร้างภาพใน Google Sheets, การแก้สูตร, การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Google Home และการใช้งานใน Chrome Desktop สำหรับผู้ใช้ Pro และ Ultra

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Gemini มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 46% ในเดือนกันยายน 2025 รวมเป็น 1.1 พันล้านครั้ง
    ส่วนแบ่งตลาดของ Gemini เพิ่มจาก 9.1% เป็น 13.7%
    ChatGPT ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วย 5.9 พันล้านครั้ง และส่วนแบ่ง 73.8%
    ChatGPT.com เป็นเว็บไซต์อันดับ 5 ของโลกในเดือนกันยายน
    ความภักดีของผู้ใช้ ChatGPT อยู่ที่ 82.2% สูงที่สุดในตลาด GenAI
    Gemini มีความภักดีของผู้ใช้ที่ 49.1% ตามด้วย Grok, Perplexity และ Claude
    ChatGPT เปิดตัว GPT-5 Instant เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในภาวะอ่อนไหว
    Gemini มีฟีเจอร์เฉพาะ เช่น การแก้สูตรใน Sheets และการเชื่อมต่อกับ Google Home

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GPT-5 Instant เป็นโมเดลที่ถูกเรียกใช้เมื่อระบบตรวจพบเนื้อหาที่อ่อนไหว
    Similarweb เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
    Gemini 2.5 Flash เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่เน้นความเร็วและการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ Google
    ChatGPT มีการใช้งานเฉลี่ย 2.5 พันล้าน prompt ต่อวัน
    Claude และ Perplexity เน้นการใช้งานเฉพาะกลุ่ม เช่น นักพัฒนาและนักวิจัย

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-just-saw-a-46-percent-spike-in-traffic-but-chatgpt-still-has-the-most-loyal-users
    📊 “Gemini พุ่งแรง 46% แต่ ChatGPT ยังครองใจผู้ใช้ — ศึก GenAI ที่วัดกันด้วยความภักดีมากกว่าปริมาณ” รายงานล่าสุดจาก Similarweb เผยว่า Google Gemini มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนกันยายน 2025 มีผู้เข้าชมถึง 1.1 พันล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 46% จากเดือนสิงหาคม ถือเป็นการเติบโตที่น่าจับตามองในตลาด GenAI ที่แข่งขันกันดุเดือด อย่างไรก็ตาม แม้ Gemini จะขยับขึ้นมาเป็นอันดับสองในส่วนแบ่งตลาด (13.7%) แต่ ChatGPT ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่ง 73.8% และมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 5.9 พันล้านครั้งในเดือนเดียว ทำให้ ChatGPT.com ติดอันดับเว็บไซต์ยอดนิยมอันดับ 5 ของโลก สิ่งที่ทำให้ ChatGPT ยังคงแข็งแกร่งคือ “ความภักดีของผู้ใช้” โดย 82.2% ของผู้ใช้ ChatGPT ไม่เคยเข้าใช้งาน GenAI ตัวอื่นเลย ขณะที่ Gemini มีอัตราความภักดีอยู่ที่ 49.1% และคู่แข่งอื่น ๆ อย่าง Grok, Perplexity และ Claude อยู่ที่ 35.6%, 33.1% และ 18% ตามลำดับ การเติบโตของ Gemini อาจได้รับแรงหนุนจากกระแสไม่พอใจในฟีเจอร์ “GPT-5 Instant” ของ ChatGPT ซึ่งจะเปลี่ยนโมเดลอัตโนมัติเมื่อพบว่าผู้ใช้มีอารมณ์หรือเนื้อหาที่อ่อนไหว โดยมีผู้ใช้บางรายแสดงความไม่พอใจว่า “ระบบ nanny mode” นี้รบกวนการใช้งานและทำให้ต้องแก้ข้อความเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเปลี่ยนโมเดล แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่ OpenAI ยืนยันว่าฟีเจอร์นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในภาวะวิกฤต และจะบอกผู้ใช้เสมอว่าโมเดลใดกำลังทำงานอยู่ Gemini ยังมีจุดแข็งในด้านฟีเจอร์บางอย่างที่ ChatGPT ยังไม่มี เช่น การสร้างภาพใน Google Sheets, การแก้สูตร, การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Google Home และการใช้งานใน Chrome Desktop สำหรับผู้ใช้ Pro และ Ultra ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Gemini มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 46% ในเดือนกันยายน 2025 รวมเป็น 1.1 พันล้านครั้ง ➡️ ส่วนแบ่งตลาดของ Gemini เพิ่มจาก 9.1% เป็น 13.7% ➡️ ChatGPT ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วย 5.9 พันล้านครั้ง และส่วนแบ่ง 73.8% ➡️ ChatGPT.com เป็นเว็บไซต์อันดับ 5 ของโลกในเดือนกันยายน ➡️ ความภักดีของผู้ใช้ ChatGPT อยู่ที่ 82.2% สูงที่สุดในตลาด GenAI ➡️ Gemini มีความภักดีของผู้ใช้ที่ 49.1% ตามด้วย Grok, Perplexity และ Claude ➡️ ChatGPT เปิดตัว GPT-5 Instant เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในภาวะอ่อนไหว ➡️ Gemini มีฟีเจอร์เฉพาะ เช่น การแก้สูตรใน Sheets และการเชื่อมต่อกับ Google Home ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GPT-5 Instant เป็นโมเดลที่ถูกเรียกใช้เมื่อระบบตรวจพบเนื้อหาที่อ่อนไหว ➡️ Similarweb เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ➡️ Gemini 2.5 Flash เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่เน้นความเร็วและการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ Google ➡️ ChatGPT มีการใช้งานเฉลี่ย 2.5 พันล้าน prompt ต่อวัน ➡️ Claude และ Perplexity เน้นการใช้งานเฉพาะกลุ่ม เช่น นักพัฒนาและนักวิจัย https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-just-saw-a-46-percent-spike-in-traffic-but-chatgpt-still-has-the-most-loyal-users
    WWW.TECHRADAR.COM
    Gemini AI is having a moment with surging traffic, and ChatGPT might be helping without meaning to
    Gemini visits are up sharply – but ChatGPT users aren’t switching sides just yet
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าขอความร่วมมือจากจีน มีออเดอร์ ทำรั้วคอนกรีต ทับหลังเป็นคาน รางรถไฟฟ้าแบบบังคับ ใช้ตรวจการชายแดน มีกระแสไฟบนรางกันเหมน ขโมย

    https://youtube.com/shorts/TvrRua2DAGg?si=R1X6EUkd3bRuVcUa
    ถ้าขอความร่วมมือจากจีน มีออเดอร์ ทำรั้วคอนกรีต ทับหลังเป็นคาน รางรถไฟฟ้าแบบบังคับ ใช้ตรวจการชายแดน มีกระแสไฟบนรางกันเหมน ขโมย https://youtube.com/shorts/TvrRua2DAGg?si=R1X6EUkd3bRuVcUa
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TSMC เปิดราคาชิป 2nm — แพงขึ้นไม่มาก แต่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ที่ลูกค้าต้องรับมือ”

    หลังจากมีข่าวลือว่าชิป 2nm จาก TSMC จะมีราคาสูงกว่ารุ่น 3nm ถึง 50% ล่าสุดมีรายงานใหม่ระบุว่าราคาจริงของแผ่นเวเฟอร์ 2nm จะเพิ่มขึ้นเพียง 10–20% เท่านั้นเมื่อเทียบกับรุ่น 3nm อย่าง N3P และ N3E แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ TSMC กำลังปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm ให้สูงขึ้นด้วย ทำให้ช่องว่างระหว่างรุ่นดูแคบลง

    ราคาของเวเฟอร์ 2nm ยังคงอยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากสำหรับการผลิตชิปในระดับผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวเฟอร์ 3nm ที่เคยอยู่ที่ $25,000–$27,000 แต่กำลังถูกปรับขึ้นเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปยัง 2nm ดู “สมเหตุสมผล”

    Qualcomm และ MediaTek เป็นสองบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปใช้ N3P โดยต้องจ่ายเพิ่มถึง 16–24% สำหรับชิปรุ่นใหม่ เช่น Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ Dimensity 9500 ขณะที่ Qualcomm เตรียมย้ายไปใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ในปีหน้า

    แม้ราคาจะไม่พุ่งแรงอย่างที่คาด แต่ผลกระทบต่อราคาสินค้า เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ยังคงมีอยู่ เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะถูกผลักไปยังผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Gate-All-Around และ EUV ที่มีต้นทุนสูงมาก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ราคาของเวเฟอร์ 2nm อยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น
    เพิ่มขึ้นจากเวเฟอร์ 3nm เพียง 10–20% ไม่ใช่ 50% ตามข่าวลือ
    TSMC ปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm เช่น N3E และ N3P ให้สูงขึ้น
    Qualcomm และ MediaTek ได้รับผลกระทบจากราคาที่เพิ่มขึ้น
    Qualcomm เตรียมใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6
    ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเวเฟอร์
    การผลิตชิป 2nm ใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around และ EUV
    TSMC เริ่มผลิต 2nm ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gate-All-Around เป็นเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ที่ลดการรั่วไหลของกระแสไฟ
    EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) เป็นเทคนิคพิมพ์ลวดลายที่ใช้แสงความยาวคลื่นสั้น
    การผลิตเวเฟอร์ในสหรัฐฯ เช่นที่โรงงานใน Arizona มีต้นทุนสูงกว่าที่ไต้หวันถึง 20–30%
    Apple และ AMD เป็นลูกค้าหลักของ TSMC ที่เตรียมใช้ 2nm ในผลิตภัณฑ์ปี 2026
    Chiplet architecture ช่วยลดต้นทุนโดยใช้เวเฟอร์ขั้นสูงเฉพาะในส่วนสำคัญของชิป

    https://wccftech.com/tsmc-2nm-wafers-to-be-10-to-20-percent-more-expensive-than-3nm/
    💰 “TSMC เปิดราคาชิป 2nm — แพงขึ้นไม่มาก แต่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ที่ลูกค้าต้องรับมือ” หลังจากมีข่าวลือว่าชิป 2nm จาก TSMC จะมีราคาสูงกว่ารุ่น 3nm ถึง 50% ล่าสุดมีรายงานใหม่ระบุว่าราคาจริงของแผ่นเวเฟอร์ 2nm จะเพิ่มขึ้นเพียง 10–20% เท่านั้นเมื่อเทียบกับรุ่น 3nm อย่าง N3P และ N3E แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ TSMC กำลังปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm ให้สูงขึ้นด้วย ทำให้ช่องว่างระหว่างรุ่นดูแคบลง ราคาของเวเฟอร์ 2nm ยังคงอยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากสำหรับการผลิตชิปในระดับผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวเฟอร์ 3nm ที่เคยอยู่ที่ $25,000–$27,000 แต่กำลังถูกปรับขึ้นเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปยัง 2nm ดู “สมเหตุสมผล” Qualcomm และ MediaTek เป็นสองบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปใช้ N3P โดยต้องจ่ายเพิ่มถึง 16–24% สำหรับชิปรุ่นใหม่ เช่น Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ Dimensity 9500 ขณะที่ Qualcomm เตรียมย้ายไปใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ในปีหน้า แม้ราคาจะไม่พุ่งแรงอย่างที่คาด แต่ผลกระทบต่อราคาสินค้า เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ยังคงมีอยู่ เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะถูกผลักไปยังผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Gate-All-Around และ EUV ที่มีต้นทุนสูงมาก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ราคาของเวเฟอร์ 2nm อยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ➡️ เพิ่มขึ้นจากเวเฟอร์ 3nm เพียง 10–20% ไม่ใช่ 50% ตามข่าวลือ ➡️ TSMC ปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm เช่น N3E และ N3P ให้สูงขึ้น ➡️ Qualcomm และ MediaTek ได้รับผลกระทบจากราคาที่เพิ่มขึ้น ➡️ Qualcomm เตรียมใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ➡️ ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเวเฟอร์ ➡️ การผลิตชิป 2nm ใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around และ EUV ➡️ TSMC เริ่มผลิต 2nm ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gate-All-Around เป็นเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ที่ลดการรั่วไหลของกระแสไฟ ➡️ EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) เป็นเทคนิคพิมพ์ลวดลายที่ใช้แสงความยาวคลื่นสั้น ➡️ การผลิตเวเฟอร์ในสหรัฐฯ เช่นที่โรงงานใน Arizona มีต้นทุนสูงกว่าที่ไต้หวันถึง 20–30% ➡️ Apple และ AMD เป็นลูกค้าหลักของ TSMC ที่เตรียมใช้ 2nm ในผลิตภัณฑ์ปี 2026 ➡️ Chiplet architecture ช่วยลดต้นทุนโดยใช้เวเฟอร์ขั้นสูงเฉพาะในส่วนสำคัญของชิป https://wccftech.com/tsmc-2nm-wafers-to-be-10-to-20-percent-more-expensive-than-3nm/
    WCCFTECH.COM
    TSMC’s 2nm Customers Can Take A Breather; Wafers Reportedly Only 10-20 Percent More Expensive Than 3nm But There Is A Catch
    A new report states that instead of TSMC’s 2nm wafers being 50 percent more expensive than 3nm, they will be between 10-20 percent pricier
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • “T-Glass ขาดแคลนหนัก กระทบการผลิตชิปสมาร์ตโฟน — ผลพวงจากกระแส AI ที่ลามถึงซัพพลายเชน”

    ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนวัสดุสำคัญอย่าง “T-glass” ซึ่งเป็นไฟเบอร์กลาสชนิดพิเศษที่ใช้ในแผ่นฐาน (substrate) ของชิป SoC โดยเฉพาะในสมาร์ตโฟนระดับสูง ปัญหานี้เกิดจากความต้องการที่พุ่งสูงของชิป AI อย่าง GPU และ ASIC ที่ใช้วัสดุเดียวกันในแผ่น ABF (Ajinomoto Build-up Film) ซึ่งมีความซับซ้อนและต้องใช้ T-glass ในปริมาณมาก

    Goldman Sachs รายงานว่า T-glass สำหรับ BT substrate ซึ่งเป็นวัสดุหลักในชิปสมาร์ตโฟน อาจขาดแคลนในระดับ “สองหลัก” (double-digit percentage) ต่อเนื่องไปอีกหลายเดือนถึงไตรมาสหน้า ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนอาจต้องปรับแผนการผลิตหรือหาวัสดุทดแทนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่า

    T-glass มีคุณสมบัติเด่น เช่น ความเสถียรด้านความร้อน พื้นผิวเรียบสำหรับการเดินสายไฟละเอียด และความทนทานสูง ซึ่งทำให้เป็นวัสดุที่ขาดไม่ได้ในชิปที่มีความหนาแน่นสูงและต้องการความแม่นยำในการผลิต

    ในขณะที่ ABF substrate ถูกใช้ในชิป AI ที่มีจำนวนขา (pin count) สูงและต้องการการเชื่อมต่อที่แม่นยำ ทำให้ซัพพลายของ T-glass ถูกดูดไปใช้ในตลาด AI อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่ NVIDIA และ TSMC เร่งผลิตชิปรุ่นใหม่สำหรับแพลตฟอร์ม Windows AI

    สถานการณ์นี้ยิ่งน่ากังวลเมื่อพิจารณาว่า Apple เตรียมเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ถึง 6 รุ่นในปี 2026 รวมถึงรุ่นพับได้ ซึ่งคาดว่าจะมียอดส่งมอบกว่า 250 ล้านเครื่อง หากไม่มีวัสดุเพียงพอ อาจกระทบต่อการเปิดตัวและราคาของสมาร์ตโฟนในวงกว้าง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    T-glass เป็นวัสดุสำคัญใน substrate ของชิปสมาร์ตโฟน โดยเฉพาะ BT substrate
    ความต้องการ T-glass พุ่งสูงจากการผลิต ABF substrate สำหรับชิป AI
    Goldman Sachs คาดการณ์ว่า T-glass จะขาดแคลนในระดับ “สองหลัก” ต่อเนื่องหลายเดือน
    ABF substrate ใช้ใน GPU และ ASIC ที่มีความซับซ้อนสูง
    T-glass มีคุณสมบัติเด่นด้านความร้อน พื้นผิวเรียบ และความทนทาน
    Apple เตรียมเปิดตัว iPhone 6 รุ่นในปี 2026 รวมถึงรุ่นพับได้
    คาดว่าจะมีการส่งมอบ iPhone กว่า 250 ล้านเครื่องในปีหน้า
    การขาดแคลน T-glass อาจกระทบต่อแผนการผลิตและราคาสมาร์ตโฟน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    BT substrate ประกอบด้วยเรซิน Bismaleimide Triazine และ T-glass reinforcement
    ABF substrate มีโครงสร้างหลายชั้นบนแผ่นทองแดง ใช้ในชิปที่มี pin count สูง
    T-glass มีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น โดยผู้ผลิตหลักคือ Nitto Boseki
    ราคาของ T-glass เกรดสูงอาจสูงถึง $80–100 ต่อกิโลกรัม
    ผู้ผลิตชิปอย่าง MediaTek และ Qualcomm อาจต้องปรับสูตรวัสดุเพื่อรับมือ

    https://wccftech.com/a-key-component-for-smartphone-socs-now-faces-prolonged-double-digit-percentage-shortage/
    📱 “T-Glass ขาดแคลนหนัก กระทบการผลิตชิปสมาร์ตโฟน — ผลพวงจากกระแส AI ที่ลามถึงซัพพลายเชน” ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนวัสดุสำคัญอย่าง “T-glass” ซึ่งเป็นไฟเบอร์กลาสชนิดพิเศษที่ใช้ในแผ่นฐาน (substrate) ของชิป SoC โดยเฉพาะในสมาร์ตโฟนระดับสูง ปัญหานี้เกิดจากความต้องการที่พุ่งสูงของชิป AI อย่าง GPU และ ASIC ที่ใช้วัสดุเดียวกันในแผ่น ABF (Ajinomoto Build-up Film) ซึ่งมีความซับซ้อนและต้องใช้ T-glass ในปริมาณมาก Goldman Sachs รายงานว่า T-glass สำหรับ BT substrate ซึ่งเป็นวัสดุหลักในชิปสมาร์ตโฟน อาจขาดแคลนในระดับ “สองหลัก” (double-digit percentage) ต่อเนื่องไปอีกหลายเดือนถึงไตรมาสหน้า ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนอาจต้องปรับแผนการผลิตหรือหาวัสดุทดแทนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่า T-glass มีคุณสมบัติเด่น เช่น ความเสถียรด้านความร้อน พื้นผิวเรียบสำหรับการเดินสายไฟละเอียด และความทนทานสูง ซึ่งทำให้เป็นวัสดุที่ขาดไม่ได้ในชิปที่มีความหนาแน่นสูงและต้องการความแม่นยำในการผลิต ในขณะที่ ABF substrate ถูกใช้ในชิป AI ที่มีจำนวนขา (pin count) สูงและต้องการการเชื่อมต่อที่แม่นยำ ทำให้ซัพพลายของ T-glass ถูกดูดไปใช้ในตลาด AI อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่ NVIDIA และ TSMC เร่งผลิตชิปรุ่นใหม่สำหรับแพลตฟอร์ม Windows AI สถานการณ์นี้ยิ่งน่ากังวลเมื่อพิจารณาว่า Apple เตรียมเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ถึง 6 รุ่นในปี 2026 รวมถึงรุ่นพับได้ ซึ่งคาดว่าจะมียอดส่งมอบกว่า 250 ล้านเครื่อง หากไม่มีวัสดุเพียงพอ อาจกระทบต่อการเปิดตัวและราคาของสมาร์ตโฟนในวงกว้าง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ T-glass เป็นวัสดุสำคัญใน substrate ของชิปสมาร์ตโฟน โดยเฉพาะ BT substrate ➡️ ความต้องการ T-glass พุ่งสูงจากการผลิต ABF substrate สำหรับชิป AI ➡️ Goldman Sachs คาดการณ์ว่า T-glass จะขาดแคลนในระดับ “สองหลัก” ต่อเนื่องหลายเดือน ➡️ ABF substrate ใช้ใน GPU และ ASIC ที่มีความซับซ้อนสูง ➡️ T-glass มีคุณสมบัติเด่นด้านความร้อน พื้นผิวเรียบ และความทนทาน ➡️ Apple เตรียมเปิดตัว iPhone 6 รุ่นในปี 2026 รวมถึงรุ่นพับได้ ➡️ คาดว่าจะมีการส่งมอบ iPhone กว่า 250 ล้านเครื่องในปีหน้า ➡️ การขาดแคลน T-glass อาจกระทบต่อแผนการผลิตและราคาสมาร์ตโฟน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ BT substrate ประกอบด้วยเรซิน Bismaleimide Triazine และ T-glass reinforcement ➡️ ABF substrate มีโครงสร้างหลายชั้นบนแผ่นทองแดง ใช้ในชิปที่มี pin count สูง ➡️ T-glass มีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น โดยผู้ผลิตหลักคือ Nitto Boseki ➡️ ราคาของ T-glass เกรดสูงอาจสูงถึง $80–100 ต่อกิโลกรัม ➡️ ผู้ผลิตชิปอย่าง MediaTek และ Qualcomm อาจต้องปรับสูตรวัสดุเพื่อรับมือ https://wccftech.com/a-key-component-for-smartphone-socs-now-faces-prolonged-double-digit-percentage-shortage/
    WCCFTECH.COM
    A Key Component For Smartphone SoCs Now Faces Prolonged "Double-Digit Percentage Shortage"
    This is a worrying development for the broader smartphone market, especially at a time when the industry is gearing up for a vibrant 2026.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Point2 เปิดตัว e-Tube ระบบส่งข้อมูล RF ผ่านพลาสติก — พลิกโฉมการเชื่อมต่อ AI ระดับดาต้าเซ็นเตอร์”

    ในงาน Open Compute Project Global Summit ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2025 ณ เมืองซานโฮเซ่ บริษัท Point2 Technology ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า “e-Tube” ซึ่งเป็นระบบส่งข้อมูลแบบ RF (Radio Frequency) ผ่านพลาสติก waveguide สำหรับการเชื่อมต่อภายในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมุ่งเป้าไปที่การรองรับงาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและพลังงานต่ำ

    e-Tube ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แทนสายทองแดงและสายไฟเบอร์ออปติก โดยมีข้อได้เปรียบหลายด้าน เช่น

    ระยะส่งข้อมูลไกลกว่าสายทองแดงถึง 10 เท่า
    ใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า
    มี latency ต่ำกว่าถึง 1000 เท่า
    ราคาถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า

    ระบบนี้ใช้การส่งข้อมูลผ่านคลื่นวิทยุในย่าน millimeter wave โดยใช้พลาสติกเป็นตัวนำคลื่น ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดจาก skin effect ที่พบในสายทองแดง และไม่ต้องใช้การแปลงสัญญาณแบบ optical-electrical ที่กินพลังงานสูง

    Point2 ได้ร่วมมือกับ Molex และ Foxconn Interconnect Technology (FIT) เพื่อพัฒนา ecosystem ของสายและหัวเชื่อมต่อที่สามารถใช้งานร่วมกับมาตรฐาน OSFP ได้ทันที โดยมีการสาธิตการใช้งานจริงในรูปแบบ OSFP Pluggable Active RF Cable (ARC) สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างแร็คและภายในแร็ค

    อีกหนึ่งการใช้งานสำคัญคือการเชื่อมต่อ GPU accelerator ผ่าน backplane ด้วย e-Tube ซึ่งช่วยให้สามารถขยายคลัสเตอร์ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งสายทองแดงหรือออปติกที่มีข้อจำกัดด้านระยะและพลังงาน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Point2 เปิดตัว e-Tube ระบบส่งข้อมูล RF ผ่านพลาสติก waveguide
    ใช้คลื่น millimeter wave ส่งข้อมูลผ่านพลาสติก dielectric waveguide
    ระยะส่งข้อมูลไกลกว่าสายทองแดงถึง 10 เท่า
    ใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า
    latency ต่ำกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 1000 เท่า
    ราคาถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า
    ไม่ต้องใช้การแปลงสัญญาณ OE conversion แบบ optical
    รองรับความเร็ว 800G / 1.6T / 3.2T ต่อสาย
    ร่วมมือกับ Molex และ FIT พัฒนา ecosystem สำหรับการใช้งานจริง
    รองรับ OSFP form factor และการเชื่อมต่อ GPU ผ่าน backplane

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    millimeter wave เป็นคลื่นวิทยุที่มีความถี่สูง ใช้ใน 5G และ radar
    dielectric waveguide ทำจากพลาสติกทั่วไป แต่มีคุณสมบัติในการนำคลื่น
    skin effect คือปรากฏการณ์ที่กระแสไฟฟ้าไหลเฉพาะผิวของสายทองแดง ทำให้มีข้อจำกัดด้านความเร็ว
    OE conversion คือการแปลงสัญญาณแสงเป็นไฟฟ้า ซึ่งใช้พลังงานสูงและมี latency
    OSFP (Octal Small Form Factor Pluggable) เป็นมาตรฐานหัวเชื่อมต่อสำหรับความเร็วสูงในดาต้าเซ็นเตอร์

    https://www.techpowerup.com/341677/point2-technology-demos-e-tube-rack-scale-rf-transmission-over-plastic-waveguide-for-ai-interconnect
    🔌 “Point2 เปิดตัว e-Tube ระบบส่งข้อมูล RF ผ่านพลาสติก — พลิกโฉมการเชื่อมต่อ AI ระดับดาต้าเซ็นเตอร์” ในงาน Open Compute Project Global Summit ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2025 ณ เมืองซานโฮเซ่ บริษัท Point2 Technology ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า “e-Tube” ซึ่งเป็นระบบส่งข้อมูลแบบ RF (Radio Frequency) ผ่านพลาสติก waveguide สำหรับการเชื่อมต่อภายในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมุ่งเป้าไปที่การรองรับงาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและพลังงานต่ำ e-Tube ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แทนสายทองแดงและสายไฟเบอร์ออปติก โดยมีข้อได้เปรียบหลายด้าน เช่น 🔰 ระยะส่งข้อมูลไกลกว่าสายทองแดงถึง 10 เท่า 🔰 ใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า 🔰 มี latency ต่ำกว่าถึง 1000 เท่า 🔰 ราคาถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า ระบบนี้ใช้การส่งข้อมูลผ่านคลื่นวิทยุในย่าน millimeter wave โดยใช้พลาสติกเป็นตัวนำคลื่น ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดจาก skin effect ที่พบในสายทองแดง และไม่ต้องใช้การแปลงสัญญาณแบบ optical-electrical ที่กินพลังงานสูง Point2 ได้ร่วมมือกับ Molex และ Foxconn Interconnect Technology (FIT) เพื่อพัฒนา ecosystem ของสายและหัวเชื่อมต่อที่สามารถใช้งานร่วมกับมาตรฐาน OSFP ได้ทันที โดยมีการสาธิตการใช้งานจริงในรูปแบบ OSFP Pluggable Active RF Cable (ARC) สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างแร็คและภายในแร็ค อีกหนึ่งการใช้งานสำคัญคือการเชื่อมต่อ GPU accelerator ผ่าน backplane ด้วย e-Tube ซึ่งช่วยให้สามารถขยายคลัสเตอร์ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งสายทองแดงหรือออปติกที่มีข้อจำกัดด้านระยะและพลังงาน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Point2 เปิดตัว e-Tube ระบบส่งข้อมูล RF ผ่านพลาสติก waveguide ➡️ ใช้คลื่น millimeter wave ส่งข้อมูลผ่านพลาสติก dielectric waveguide ➡️ ระยะส่งข้อมูลไกลกว่าสายทองแดงถึง 10 เท่า ➡️ ใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า ➡️ latency ต่ำกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 1000 เท่า ➡️ ราคาถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบออปติกถึง 3 เท่า ➡️ ไม่ต้องใช้การแปลงสัญญาณ OE conversion แบบ optical ➡️ รองรับความเร็ว 800G / 1.6T / 3.2T ต่อสาย ➡️ ร่วมมือกับ Molex และ FIT พัฒนา ecosystem สำหรับการใช้งานจริง ➡️ รองรับ OSFP form factor และการเชื่อมต่อ GPU ผ่าน backplane ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ millimeter wave เป็นคลื่นวิทยุที่มีความถี่สูง ใช้ใน 5G และ radar ➡️ dielectric waveguide ทำจากพลาสติกทั่วไป แต่มีคุณสมบัติในการนำคลื่น ➡️ skin effect คือปรากฏการณ์ที่กระแสไฟฟ้าไหลเฉพาะผิวของสายทองแดง ทำให้มีข้อจำกัดด้านความเร็ว ➡️ OE conversion คือการแปลงสัญญาณแสงเป็นไฟฟ้า ซึ่งใช้พลังงานสูงและมี latency ➡️ OSFP (Octal Small Form Factor Pluggable) เป็นมาตรฐานหัวเชื่อมต่อสำหรับความเร็วสูงในดาต้าเซ็นเตอร์ https://www.techpowerup.com/341677/point2-technology-demos-e-tube-rack-scale-rf-transmission-over-plastic-waveguide-for-ai-interconnect
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Point2 Technology Demos e-Tube Rack-Scale RF Transmission Over Plastic Waveguide for AI Interconnect
    Point2 Technology, a leading provider of ultra-low-power, low-latency mixed-signal SoC solutions for scalable interconnects in AI data centers, will showcase its latest advancements in e-Tube RF rack-scale data transmission over plastic waveguides at the upcoming Open Compute Project (OCP) Global Su...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Dell ปรับเป้ารายได้ครั้งใหญ่ รับกระแส AI พุ่งแรง — คาดแตะ 20 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026”

    Dell Technologies ประกาศปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากลูกค้ารายใหญ่ เช่น CoreWeave และ xAI ของ Elon Musk ที่กำลังเร่งขยายการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง

    หลังการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม Dell คาดว่ารายได้ต่อปีจะเติบโตเฉลี่ย 7–9% จนถึงปีงบประมาณ 2030 จากเดิมที่คาดไว้เพียง 3–4% ขณะที่กำไรต่อหุ้นปรับแล้วจะเติบโตอย่างน้อย 15% ต่อปี ซึ่งเกือบสองเท่าจากเป้าหมายเดิมที่ 8%

    ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ AI ของ Dell ในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 8.2 พันล้านดอลลาร์ และมีคำสั่งซื้อค้างส่งอีก 11.7 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากเซิร์ฟเวอร์ AI ถึง 20 พันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2026

    กลุ่ม Infrastructure Solutions Group ซึ่งดูแลเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และเครือข่าย มีอัตราการเติบโตใหม่ที่ 11–14% ต่อปี จากเดิม 6–8% ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Dell กำลังกลายเป็นผู้เล่นหลักในห่วงโซ่อุปทานฮาร์ดแวร์สำหรับ AI

    อย่างไรก็ตาม Dell ยังเผชิญข้อจำกัดด้านการเข้าถึง GPU ระดับสูงจาก Nvidia ซึ่งเป็นหัวใจของเซิร์ฟเวอร์ AI โดยเฉพาะในสาย PowerEdge ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยตรง

    ในด้านธุรกิจพีซี Dell ยังคงคาดการณ์การเติบโตเพียง 1% ต่อปี โดยหวังพึ่งการเปลี่ยนเครื่องใหม่หลัง Windows 10 หมดอายุการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรที่ยังใช้เครื่องรุ่นเก่า

    Dell ยังยืนยันว่าจะเพิ่มเงินปันผลอย่างน้อย 10% ต่อปีจนถึงปีงบประมาณ 2030 แม้จะมีความเสี่ยงด้าน margin จากต้นทุนการผลิตและการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Dell ปรับเป้ารายได้ระยะยาวเป็น 7–9% ต่อปี จากเดิม 3–4%
    กำไรต่อหุ้นปรับแล้วคาดโต 15% ต่อปี จากเดิม 8%
    ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ AI ไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 8.2 พันล้านดอลลาร์
    คำสั่งซื้อค้างส่งรวม 11.7 พันล้านดอลลาร์
    ตั้งเป้ารายได้จากเซิร์ฟเวอร์ AI แตะ 20 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026
    กลุ่ม Infrastructure Solutions Group โต 11–14% ต่อปี
    ลูกค้าหลักคือ CoreWeave และ xAI ของ Elon Musk
    Dell จะเพิ่มเงินปันผลอย่างน้อย 10% ต่อปีจนถึงปี 2030
    ธุรกิจพีซีคาดโตเพียง 1% ต่อปี โดยเน้นกลุ่มองค์กร
    การเปลี่ยนเครื่องใหม่หลัง Windows 10 หมดอายุเป็นแรงขับสำคัญ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    CoreWeave เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่เน้นงาน AI และ GPU โดยเฉพาะ
    xAI ของ Elon Musk เน้นการพัฒนาโมเดล AI ที่เข้าใจจักรวาล
    PowerEdge เป็นสายเซิร์ฟเวอร์ของ Dell ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI และ HPC
    Windows 10 จะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    ตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/dell-doubles-long-term-growth-expectations-due-to-surging-ai-demands
    📈 “Dell ปรับเป้ารายได้ครั้งใหญ่ รับกระแส AI พุ่งแรง — คาดแตะ 20 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026” Dell Technologies ประกาศปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากลูกค้ารายใหญ่ เช่น CoreWeave และ xAI ของ Elon Musk ที่กำลังเร่งขยายการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง หลังการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม Dell คาดว่ารายได้ต่อปีจะเติบโตเฉลี่ย 7–9% จนถึงปีงบประมาณ 2030 จากเดิมที่คาดไว้เพียง 3–4% ขณะที่กำไรต่อหุ้นปรับแล้วจะเติบโตอย่างน้อย 15% ต่อปี ซึ่งเกือบสองเท่าจากเป้าหมายเดิมที่ 8% ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ AI ของ Dell ในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 8.2 พันล้านดอลลาร์ และมีคำสั่งซื้อค้างส่งอีก 11.7 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากเซิร์ฟเวอร์ AI ถึง 20 พันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2026 กลุ่ม Infrastructure Solutions Group ซึ่งดูแลเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และเครือข่าย มีอัตราการเติบโตใหม่ที่ 11–14% ต่อปี จากเดิม 6–8% ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Dell กำลังกลายเป็นผู้เล่นหลักในห่วงโซ่อุปทานฮาร์ดแวร์สำหรับ AI อย่างไรก็ตาม Dell ยังเผชิญข้อจำกัดด้านการเข้าถึง GPU ระดับสูงจาก Nvidia ซึ่งเป็นหัวใจของเซิร์ฟเวอร์ AI โดยเฉพาะในสาย PowerEdge ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยตรง ในด้านธุรกิจพีซี Dell ยังคงคาดการณ์การเติบโตเพียง 1% ต่อปี โดยหวังพึ่งการเปลี่ยนเครื่องใหม่หลัง Windows 10 หมดอายุการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรที่ยังใช้เครื่องรุ่นเก่า Dell ยังยืนยันว่าจะเพิ่มเงินปันผลอย่างน้อย 10% ต่อปีจนถึงปีงบประมาณ 2030 แม้จะมีความเสี่ยงด้าน margin จากต้นทุนการผลิตและการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Dell ปรับเป้ารายได้ระยะยาวเป็น 7–9% ต่อปี จากเดิม 3–4% ➡️ กำไรต่อหุ้นปรับแล้วคาดโต 15% ต่อปี จากเดิม 8% ➡️ ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ AI ไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 8.2 พันล้านดอลลาร์ ➡️ คำสั่งซื้อค้างส่งรวม 11.7 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ตั้งเป้ารายได้จากเซิร์ฟเวอร์ AI แตะ 20 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026 ➡️ กลุ่ม Infrastructure Solutions Group โต 11–14% ต่อปี ➡️ ลูกค้าหลักคือ CoreWeave และ xAI ของ Elon Musk ➡️ Dell จะเพิ่มเงินปันผลอย่างน้อย 10% ต่อปีจนถึงปี 2030 ➡️ ธุรกิจพีซีคาดโตเพียง 1% ต่อปี โดยเน้นกลุ่มองค์กร ➡️ การเปลี่ยนเครื่องใหม่หลัง Windows 10 หมดอายุเป็นแรงขับสำคัญ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ CoreWeave เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่เน้นงาน AI และ GPU โดยเฉพาะ ➡️ xAI ของ Elon Musk เน้นการพัฒนาโมเดล AI ที่เข้าใจจักรวาล ➡️ PowerEdge เป็นสายเซิร์ฟเวอร์ของ Dell ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI และ HPC ➡️ Windows 10 จะหมดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ➡️ ตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/dell-doubles-long-term-growth-expectations-due-to-surging-ai-demands
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Dell bets big on an AI infrastructure payoff—new four-year revenue forecast doubles prior guidance
    Dell anticipates strong long-term growth as clients like xAI and CoreWeave ramp up high-performance deployments.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โรม” ย้ำ สันติภาพไม่ใช่ของมหาอำนาจหรือใครคนเดียว หลังมีกระแส “ทรัมป์” เตรียมลงนามยุติความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เผย ปัญหาชายแดนซุกไว้ใต้พรมมานาน ต้องเปิดดูรายละเอียด ไม่ใช่แค่ตกลงแล้วจบ ชี้ ไทยต้องรักษาผลประโยชน์สูงสุดท่ามกลางแรงกดดันจากชาติใหญ่ ไม่ต้องไปตามมหาอำนาจทุกเรื่อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096164

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “โรม” ย้ำ สันติภาพไม่ใช่ของมหาอำนาจหรือใครคนเดียว หลังมีกระแส “ทรัมป์” เตรียมลงนามยุติความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เผย ปัญหาชายแดนซุกไว้ใต้พรมมานาน ต้องเปิดดูรายละเอียด ไม่ใช่แค่ตกลงแล้วจบ ชี้ ไทยต้องรักษาผลประโยชน์สูงสุดท่ามกลางแรงกดดันจากชาติใหญ่ ไม่ต้องไปตามมหาอำนาจทุกเรื่อง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096164 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,คลิปนี้ก็น่าสนใจ,มามามาพวกเรา ไปหาพระเกิน พระเสริมกันเถอะ แม้ไม่มีในรายการเจ้าภาพคนสร้างแต่มาจากบล๊อกจริงบล๊อกแท้บล๊อกเดียวกันกับที่สั่งจองแต่มีนอกรายการ อาจลอกแบบลอกบล๊อกแท้แบบเทคโนโลยีล้ำปัจจุบันด้วยเพื่อความสบายใจของคนซื้อว่าตรงเป๊ะกับพิมพ์จริงพิมพ์เดิมเก่าแน่นอน พระเสริมเชิญเช่าสบายใจเลย แท้หรือเก๊ไม่ต้องกังวล ทองคำแท้แน่นอน,เราปั้มของไม่อั้น รองรับตลาดนอกด้วย การันตีจากเซียนออกโหนกระแส,ที่ช่วยเหลือว่าเข้าระบบได้แม้ทั้งสองเซียนยังไม่ชัดเจนก็ตาม ทางเราโรงปั้มพร้อมจัดให้ถึงที่ ต้องการเท่าไรจัดมา.

    https://youtube.com/watch?v=pE0Q5kh8ohw&si=q6Fi0h6RFyepi63B
    555,คลิปนี้ก็น่าสนใจ,มามามาพวกเรา ไปหาพระเกิน พระเสริมกันเถอะ แม้ไม่มีในรายการเจ้าภาพคนสร้างแต่มาจากบล๊อกจริงบล๊อกแท้บล๊อกเดียวกันกับที่สั่งจองแต่มีนอกรายการ อาจลอกแบบลอกบล๊อกแท้แบบเทคโนโลยีล้ำปัจจุบันด้วยเพื่อความสบายใจของคนซื้อว่าตรงเป๊ะกับพิมพ์จริงพิมพ์เดิมเก่าแน่นอน พระเสริมเชิญเช่าสบายใจเลย แท้หรือเก๊ไม่ต้องกังวล ทองคำแท้แน่นอน,เราปั้มของไม่อั้น รองรับตลาดนอกด้วย การันตีจากเซียนออกโหนกระแส,ที่ช่วยเหลือว่าเข้าระบบได้แม้ทั้งสองเซียนยังไม่ชัดเจนก็ตาม ทางเราโรงปั้มพร้อมจัดให้ถึงที่ ต้องการเท่าไรจัดมา. https://youtube.com/watch?v=pE0Q5kh8ohw&si=q6Fi0h6RFyepi63B
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนยืนยันจุดยืนเป็นกลางในกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา หลังมีกระแสข่าวว่าปักกิ่งส่งอาวุธให้กัมพูชา โดยเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยชี้แจงว่า จีนไม่เคยสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ใด ๆ ให้กัมพูชาใช้โจมตีไทย พร้อมย้ำความสัมพันธ์ไทย–จีนแน่นแฟ้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096129

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    จีนยืนยันจุดยืนเป็นกลางในกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา หลังมีกระแสข่าวว่าปักกิ่งส่งอาวุธให้กัมพูชา โดยเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยชี้แจงว่า จีนไม่เคยสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ใด ๆ ให้กัมพูชาใช้โจมตีไทย พร้อมย้ำความสัมพันธ์ไทย–จีนแน่นแฟ้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096129 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • จริงๆอ.ปานเทพ สมควรถูกเชิญเป็นประธานกรรมาธิการ เรื่องmou43,44ในการยกเลิกมันนะ,เกมส์ทั้งกระดาษจะพลิกทันที,กัญชาเสรีก็อาศัยพันธมิตรเสื้อเหลืองดันภูมิใจไทยสมัยนั้น,ตนได้เป็นรัฐบาล4เดือนก็น่าจะเชิญมาร่วมงานแก้ปัญหาชายแดนจริงระหว่างเขมรนี้,ฮุนเซนจะจบเกมส์เลย,นี้จะกลางเดือนใหม่แล้วนะ,ขับเคลื่อนในการจะยกเลิกช้ามาก,ตัดสินใจช้าด้วย,ไม่หนักแน่นเหมือนตอนเป็นฝ่ายค้านที่เพื่อไทยถีบออกมาจากพรรคร่วมเลย,ร้องเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนมาเกาะกระแสตีปั่นยกเลิกmou43,44กับเขาด้วย,จนประกาศชัดในนามพรรค,ตนเป็นนายกฯแล้ว,ครม.ครบพร้อม ลงมติครม.ยกเลิกmou43,44ทันทีก็ได้,ไม่ต้องผลัดภาระให้ประชาชนด้วยอีก,เพราะตอนไปลงนามทำmou43กับเขมรมันก็ไม่เอาเข้าสภาฯสส.สว.หรือให้ประชาชนลงมติอะไรด้วย.,ผิดหลักการตนเองด้วย,ตอนทำเสือกทำเอง,ตอนจะแก้เสือกถามประชาชน,บัดสบมาก,ไม่มีปัญญาตัดสินแบบนายกฯชวนที่กล้าทำกล้าเซ็นต์ ก็ยุบสภาสะ,ให้คนใหม่มากล้าเซ็นต์กล้าทำการยกเลิกเลย,สร้างรั้วตลอดแนวพรมแดนก็ด้วย ไม่ชัดเจนเด็ดขาดอะไรเลย,ข่าวยังทำให้สับสนได้,หมายสร้างผีบ้าเฉพาะจุดอีก,ทำให้ประชาชนคนติดเขมรได้หวาดระแวงเฉพาะจุดไปด้วย,เหี้ยจริงๆ.

    https://youtube.com/shorts/Yy7XAbLMgWw?si=rPjIwtapJrNyNFwZ
    จริงๆอ.ปานเทพ สมควรถูกเชิญเป็นประธานกรรมาธิการ เรื่องmou43,44ในการยกเลิกมันนะ,เกมส์ทั้งกระดาษจะพลิกทันที,กัญชาเสรีก็อาศัยพันธมิตรเสื้อเหลืองดันภูมิใจไทยสมัยนั้น,ตนได้เป็นรัฐบาล4เดือนก็น่าจะเชิญมาร่วมงานแก้ปัญหาชายแดนจริงระหว่างเขมรนี้,ฮุนเซนจะจบเกมส์เลย,นี้จะกลางเดือนใหม่แล้วนะ,ขับเคลื่อนในการจะยกเลิกช้ามาก,ตัดสินใจช้าด้วย,ไม่หนักแน่นเหมือนตอนเป็นฝ่ายค้านที่เพื่อไทยถีบออกมาจากพรรคร่วมเลย,ร้องเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนมาเกาะกระแสตีปั่นยกเลิกmou43,44กับเขาด้วย,จนประกาศชัดในนามพรรค,ตนเป็นนายกฯแล้ว,ครม.ครบพร้อม ลงมติครม.ยกเลิกmou43,44ทันทีก็ได้,ไม่ต้องผลัดภาระให้ประชาชนด้วยอีก,เพราะตอนไปลงนามทำmou43กับเขมรมันก็ไม่เอาเข้าสภาฯสส.สว.หรือให้ประชาชนลงมติอะไรด้วย.,ผิดหลักการตนเองด้วย,ตอนทำเสือกทำเอง,ตอนจะแก้เสือกถามประชาชน,บัดสบมาก,ไม่มีปัญญาตัดสินแบบนายกฯชวนที่กล้าทำกล้าเซ็นต์ ก็ยุบสภาสะ,ให้คนใหม่มากล้าเซ็นต์กล้าทำการยกเลิกเลย,สร้างรั้วตลอดแนวพรมแดนก็ด้วย ไม่ชัดเจนเด็ดขาดอะไรเลย,ข่าวยังทำให้สับสนได้,หมายสร้างผีบ้าเฉพาะจุดอีก,ทำให้ประชาชนคนติดเขมรได้หวาดระแวงเฉพาะจุดไปด้วย,เหี้ยจริงๆ. https://youtube.com/shorts/Yy7XAbLMgWw?si=rPjIwtapJrNyNFwZ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'สุริยะ' มั่นใจกระแสพรรคประชาชนตก เพื่อไทย ตั้งเป้า ส.ส. 200 'อุ๊งอิ๊ง' ย้ำไม่มีคนจากตระกูลชินวัตรแน่นอน
    https://www.thai-tai.tv/news/21803/
    .
    #ไทยไท #แพทองธาร #เพื่อไทย #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #เลือกตั้ง #แคนดิเดตนายก #ภูมิใจไทย
    'สุริยะ' มั่นใจกระแสพรรคประชาชนตก เพื่อไทย ตั้งเป้า ส.ส. 200 'อุ๊งอิ๊ง' ย้ำไม่มีคนจากตระกูลชินวัตรแน่นอน https://www.thai-tai.tv/news/21803/ . #ไทยไท #แพทองธาร #เพื่อไทย #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #เลือกตั้ง #แคนดิเดตนายก #ภูมิใจไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Personal Data Storage — เมื่อข้อมูลของคุณไม่ควรถูกครอบครองโดยใครนอกจากตัวคุณเอง”

    ในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวกลายเป็นสินค้าของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แนวคิด “Personal Data Storage” หรือการเก็บข้อมูลส่วนตัวในพื้นที่ที่ผู้ใช้ควบคุมเอง กำลังกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง โดยมีนักคิดอย่าง Sir Tim Berners-Lee ผู้สร้างเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นผู้ผลักดันแนวทางนี้ผ่านโปรโตคอลชื่อ Solid

    Solid คือระบบที่ให้ผู้ใช้เก็บข้อมูลของตนเองไว้ใน “Pod” หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนตัว ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บไว้ในเครื่องของตนเอง หรือในเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้ เช่น สหกรณ์ข้อมูล (Data Coop) หรือองค์กรที่ดำเนินงานแบบโปร่งใสและไม่แสวงหากำไร

    แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — ย้อนกลับไปปี 2009 Berners-Lee เคยเสนอ “Socially Aware Cloud Storage” ที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลผ่าน URI และระบบสิทธิ์แบบกระจาย แต่ในยุคนั้นยังไม่มีแรงผลักดันมากพอ จนกระทั่งเกิดวิกฤติความเป็นส่วนตัวหลายครั้งในช่วงปี 2010s ทำให้แนวคิด Solid ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น

    นอกจาก Solid ยังมี AT Protocol ที่พัฒนาโดยทีม Bluesky ซึ่งเน้นการสร้างเครือข่ายสังคมแบบเปิด โดยให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลของตนเอง เช่น การใช้โดเมนส่วนตัวเป็น “internet handle” (@alice.com) และเก็บข้อมูลโพสต์ ไลก์ และการติดตามไว้ใน “Personal Data Server” ที่ผู้ใช้ควบคุมได้

    แนวทางนี้กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอิสระจากแพลตฟอร์มแบบปิด เช่น Facebook หรือ Twitter โดยมีการตั้งองค์กรร่วมดูแลข้อมูล เช่น Blacksky, Tangled และ Northsky ซึ่งทำหน้าที่คล้ายสหกรณ์ข้อมูลที่ผู้ใช้เป็นเจ้าของร่วมกัน

    เป้าหมายของแนวคิดนี้คือการเปลี่ยนบทสนทนาเรื่อง “สิทธิ์ในการดาวน์โหลดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม” ไปสู่ “สิทธิ์ในการให้แพลตฟอร์มเข้าถึงข้อมูลของเรา” — และเฉพาะเมื่อเราอนุญาตเท่านั้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Personal Data Storage คือแนวคิดที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนเอง
    Solid Protocol พัฒนาโดย Tim Berners-Lee เพื่อให้ผู้ใช้เก็บข้อมูลใน Pod ส่วนตัว
    AT Protocol โดย Bluesky ใช้แนวทางคล้ายกัน โดยให้ผู้ใช้มี “internet handle” เป็นของตนเอง
    ข้อมูลผู้ใช้ เช่น โพสต์ ไลก์ และการติดตาม ถูกเก็บไว้ใน Personal Data Server
    ผู้ใช้สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้ เช่น สหกรณ์ข้อมูลหรือองค์กรชุมชน
    แนวคิดนี้เปลี่ยนจากการให้แพลตฟอร์มเก็บข้อมูล ไปสู่การให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูล
    มีองค์กรร่วมดูแลข้อมูล เช่น Blacksky, Tangled, Northsky ที่ดำเนินงานแบบโปร่งใส
    Solid และ AT Protocol เป็นตัวอย่างของการสร้าง Open Social Web ที่ผู้ใช้ควบคุมได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Solid ใช้ระบบสิทธิ์แบบ declarative เช่น “Alice สามารถอ่านไฟล์นี้”
    AT Protocol ใช้โดเมนเป็นตัวแทนตัวตน เช่น @bob.com
    สหกรณ์ข้อมูล (Data Coop) คล้ายกับสหกรณ์เครดิตในระบบธนาคาร
    การเก็บข้อมูลใน Pod ช่วยลดความเสี่ยงจากการละเมิดความเป็นส่วนตัว
    แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรอย่าง ODI และ MIT

    https://blog.muni.town/personal-data-storage-idea/
    🔐 “Personal Data Storage — เมื่อข้อมูลของคุณไม่ควรถูกครอบครองโดยใครนอกจากตัวคุณเอง” ในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวกลายเป็นสินค้าของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แนวคิด “Personal Data Storage” หรือการเก็บข้อมูลส่วนตัวในพื้นที่ที่ผู้ใช้ควบคุมเอง กำลังกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง โดยมีนักคิดอย่าง Sir Tim Berners-Lee ผู้สร้างเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นผู้ผลักดันแนวทางนี้ผ่านโปรโตคอลชื่อ Solid Solid คือระบบที่ให้ผู้ใช้เก็บข้อมูลของตนเองไว้ใน “Pod” หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนตัว ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บไว้ในเครื่องของตนเอง หรือในเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้ เช่น สหกรณ์ข้อมูล (Data Coop) หรือองค์กรที่ดำเนินงานแบบโปร่งใสและไม่แสวงหากำไร แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — ย้อนกลับไปปี 2009 Berners-Lee เคยเสนอ “Socially Aware Cloud Storage” ที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลผ่าน URI และระบบสิทธิ์แบบกระจาย แต่ในยุคนั้นยังไม่มีแรงผลักดันมากพอ จนกระทั่งเกิดวิกฤติความเป็นส่วนตัวหลายครั้งในช่วงปี 2010s ทำให้แนวคิด Solid ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น นอกจาก Solid ยังมี AT Protocol ที่พัฒนาโดยทีม Bluesky ซึ่งเน้นการสร้างเครือข่ายสังคมแบบเปิด โดยให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลของตนเอง เช่น การใช้โดเมนส่วนตัวเป็น “internet handle” (@alice.com) และเก็บข้อมูลโพสต์ ไลก์ และการติดตามไว้ใน “Personal Data Server” ที่ผู้ใช้ควบคุมได้ แนวทางนี้กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอิสระจากแพลตฟอร์มแบบปิด เช่น Facebook หรือ Twitter โดยมีการตั้งองค์กรร่วมดูแลข้อมูล เช่น Blacksky, Tangled และ Northsky ซึ่งทำหน้าที่คล้ายสหกรณ์ข้อมูลที่ผู้ใช้เป็นเจ้าของร่วมกัน เป้าหมายของแนวคิดนี้คือการเปลี่ยนบทสนทนาเรื่อง “สิทธิ์ในการดาวน์โหลดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม” ไปสู่ “สิทธิ์ในการให้แพลตฟอร์มเข้าถึงข้อมูลของเรา” — และเฉพาะเมื่อเราอนุญาตเท่านั้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Personal Data Storage คือแนวคิดที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนเอง ➡️ Solid Protocol พัฒนาโดย Tim Berners-Lee เพื่อให้ผู้ใช้เก็บข้อมูลใน Pod ส่วนตัว ➡️ AT Protocol โดย Bluesky ใช้แนวทางคล้ายกัน โดยให้ผู้ใช้มี “internet handle” เป็นของตนเอง ➡️ ข้อมูลผู้ใช้ เช่น โพสต์ ไลก์ และการติดตาม ถูกเก็บไว้ใน Personal Data Server ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้ เช่น สหกรณ์ข้อมูลหรือองค์กรชุมชน ➡️ แนวคิดนี้เปลี่ยนจากการให้แพลตฟอร์มเก็บข้อมูล ไปสู่การให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูล ➡️ มีองค์กรร่วมดูแลข้อมูล เช่น Blacksky, Tangled, Northsky ที่ดำเนินงานแบบโปร่งใส ➡️ Solid และ AT Protocol เป็นตัวอย่างของการสร้าง Open Social Web ที่ผู้ใช้ควบคุมได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Solid ใช้ระบบสิทธิ์แบบ declarative เช่น “Alice สามารถอ่านไฟล์นี้” ➡️ AT Protocol ใช้โดเมนเป็นตัวแทนตัวตน เช่น @bob.com ➡️ สหกรณ์ข้อมูล (Data Coop) คล้ายกับสหกรณ์เครดิตในระบบธนาคาร ➡️ การเก็บข้อมูลใน Pod ช่วยลดความเสี่ยงจากการละเมิดความเป็นส่วนตัว ➡️ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรอย่าง ODI และ MIT https://blog.muni.town/personal-data-storage-idea/
    BLOG.MUNI.TOWN
    Personal data storage is an idea whose time has come
    Data Ownership as a conversation changes when data resides primarily with people-governed institutions rather than corporations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูล NIRS ทำลายระบบคลาวด์ G-Drive ของรัฐบาลเกาหลีใต้ — ข้อมูลข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร”

    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลของ National Information Resources Service (NIRS) ณ เมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งส่งผลให้ระบบคลาวด์ G-Drive ที่ใช้เก็บเอกสารงานของข้าราชการกว่า 750,000 คนถูกทำลายทั้งหมด โดยไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก ทำให้ข้อมูลสูญหายอย่างถาวร

    G-Drive เป็นระบบที่รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้มาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อให้ข้าราชการจัดเก็บเอกสารงานในคลาวด์แทนการเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว โดยให้พื้นที่เก็บข้อมูลประมาณ 30GB ต่อคน และมีการบังคับใช้ในหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงบริหารบุคคลที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้

    ไฟไหม้ครั้งนี้ทำลายระบบสำคัญถึง 96 ระบบ รวมถึง G-Drive ซึ่งมีโครงสร้างแบบ “ความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ” ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้ และแม้จะมีการสำรองข้อมูลภายในศูนย์ข้อมูลเดียวกัน แต่ก็ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด

    ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ กำลังพยายามกู้คืนข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ไฟล์ที่เก็บไว้ในเครื่องส่วนตัว อีเมล เอกสารทางราชการ และระบบ Onnara ซึ่งใช้เก็บเอกสารที่ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการ โดยหวังว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลบางส่วนได้เมื่อระบบ Onnara กลับมาใช้งานได้

    เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการดำเนินงานของภาครัฐ และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดการข้อมูลของรัฐบาลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการออกแบบระบบที่ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอกสำหรับระบบสำคัญเช่น G-Drive

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เกิดไฟไหม้ที่ศูนย์ข้อมูล NIRS เมืองแทจอน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025
    ระบบ G-Drive ถูกทำลายทั้งหมด ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก
    ข้อมูลของข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร
    G-Drive ให้พื้นที่เก็บข้อมูล 30GB ต่อคน และใช้แทนการเก็บในเครื่องส่วนตัว
    กระทรวงบริหารบุคคลได้รับผลกระทบหนักที่สุด
    ระบบสำคัญ 96 ระบบถูกทำลายจากเหตุไฟไหม้
    ข้อมูลบางส่วนอาจกู้คืนได้จากระบบ Onnara และไฟล์ในเครื่องส่วนตัว
    ระบบ G-Drive มีโครงสร้างแบบความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    G-Drive ถูกออกแบบมาเพื่อให้ข้าราชการทำงานจากระยะไกลและแชร์เอกสารได้สะดวก
    ข้อมูลใน G-Drive มีขนาดรวมกว่า 858TB เทียบเท่ากระดาษ A4 กว่า 274.6 พันล้านแผ่น
    เหตุไฟไหม้เกิดจากแบตเตอรี่ลิเธียมระเบิดระหว่างการเปลี่ยนในห้องเซิร์ฟเวอร์
    รัฐบาลเกาหลีใต้ตั้งศูนย์บัญชาการฟื้นฟูระบบที่เมืองแทกูเพื่อย้ายระบบที่เสียหาย
    มีการฟื้นฟูระบบออนไลน์แล้ว 15.6% และตั้งบริการทดแทนสำหรับระบบที่ยังไม่ฟื้น

    https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-10-01/national/socialAffairs/NIRS-fire-destroys-governments-cloud-storage-system-no-backups-available/2412936
    🔥 “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูล NIRS ทำลายระบบคลาวด์ G-Drive ของรัฐบาลเกาหลีใต้ — ข้อมูลข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร” เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลของ National Information Resources Service (NIRS) ณ เมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งส่งผลให้ระบบคลาวด์ G-Drive ที่ใช้เก็บเอกสารงานของข้าราชการกว่า 750,000 คนถูกทำลายทั้งหมด โดยไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก ทำให้ข้อมูลสูญหายอย่างถาวร G-Drive เป็นระบบที่รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้มาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อให้ข้าราชการจัดเก็บเอกสารงานในคลาวด์แทนการเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว โดยให้พื้นที่เก็บข้อมูลประมาณ 30GB ต่อคน และมีการบังคับใช้ในหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงบริหารบุคคลที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้ ไฟไหม้ครั้งนี้ทำลายระบบสำคัญถึง 96 ระบบ รวมถึง G-Drive ซึ่งมีโครงสร้างแบบ “ความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ” ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้ และแม้จะมีการสำรองข้อมูลภายในศูนย์ข้อมูลเดียวกัน แต่ก็ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ กำลังพยายามกู้คืนข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ไฟล์ที่เก็บไว้ในเครื่องส่วนตัว อีเมล เอกสารทางราชการ และระบบ Onnara ซึ่งใช้เก็บเอกสารที่ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการ โดยหวังว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลบางส่วนได้เมื่อระบบ Onnara กลับมาใช้งานได้ เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการดำเนินงานของภาครัฐ และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดการข้อมูลของรัฐบาลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการออกแบบระบบที่ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอกสำหรับระบบสำคัญเช่น G-Drive ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เกิดไฟไหม้ที่ศูนย์ข้อมูล NIRS เมืองแทจอน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 ➡️ ระบบ G-Drive ถูกทำลายทั้งหมด ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก ➡️ ข้อมูลของข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร ➡️ G-Drive ให้พื้นที่เก็บข้อมูล 30GB ต่อคน และใช้แทนการเก็บในเครื่องส่วนตัว ➡️ กระทรวงบริหารบุคคลได้รับผลกระทบหนักที่สุด ➡️ ระบบสำคัญ 96 ระบบถูกทำลายจากเหตุไฟไหม้ ➡️ ข้อมูลบางส่วนอาจกู้คืนได้จากระบบ Onnara และไฟล์ในเครื่องส่วนตัว ➡️ ระบบ G-Drive มีโครงสร้างแบบความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ G-Drive ถูกออกแบบมาเพื่อให้ข้าราชการทำงานจากระยะไกลและแชร์เอกสารได้สะดวก ➡️ ข้อมูลใน G-Drive มีขนาดรวมกว่า 858TB เทียบเท่ากระดาษ A4 กว่า 274.6 พันล้านแผ่น ➡️ เหตุไฟไหม้เกิดจากแบตเตอรี่ลิเธียมระเบิดระหว่างการเปลี่ยนในห้องเซิร์ฟเวอร์ ➡️ รัฐบาลเกาหลีใต้ตั้งศูนย์บัญชาการฟื้นฟูระบบที่เมืองแทกูเพื่อย้ายระบบที่เสียหาย ➡️ มีการฟื้นฟูระบบออนไลน์แล้ว 15.6% และตั้งบริการทดแทนสำหรับระบบที่ยังไม่ฟื้น https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-10-01/national/socialAffairs/NIRS-fire-destroys-governments-cloud-storage-system-no-backups-available/2412936
    KOREAJOONGANGDAILY.JOINS.COM
    NIRS fire destroys government's cloud storage system, no backups available
    A fire at the National Information Resources Service (NIRS) Daejeon headquarters destroyed the government’s G-Drive cloud storage system, erasing work files saved individually by some 750,000 civil servants.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts