• การอดอาหารแบบเว้นช่วงเปลี่ยนสมองและลำไส้

    นักวิทยาศาสตร์จากจีนได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครที่มีภาวะอ้วนจำนวน 25 คน โดยใช้โปรแกรม Intermittent Energy Restriction (IER) หรือการควบคุมพลังงานแบบเว้นช่วงเป็นเวลา 62 วัน ผลลัพธ์ไม่เพียงทำให้น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 7.6 กิโลกรัม (7.8% ของน้ำหนักตัว) แต่ยังพบการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งใน สมองและจุลินทรีย์ในลำไส้

    สมองตอบสนองต่อการอดอาหาร
    การสแกนสมองด้วย fMRI พบว่าบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารและการเสพติด เช่น inferior frontal orbital gyrus มีการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมอย่างชัดเจน ซึ่งสัมพันธ์กับความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมการกินและความรู้สึกอยากอาหาร

    ลำไส้และจุลินทรีย์
    การวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระและเลือดพบว่าแบคทีเรียบางชนิด เช่น Coprococcus comes และ Eubacterium hallii มีความสัมพันธ์เชิงลบกับกิจกรรมในสมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจและความยับยั้งชั่งใจ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการสื่อสารสองทางระหว่าง สมอง–ลำไส้–จุลินทรีย์ ที่มีผลต่อพฤติกรรมการกิน

    ความหมายต่อสุขภาพโลก
    ด้วยจำนวนประชากรที่มีภาวะอ้วนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก การเข้าใจกลไกการเชื่อมโยงระหว่างสมองและลำไส้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การค้นพบนี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ในการป้องกันและรักษาโรคอ้วน โดยไม่จำกัดแค่การควบคุมอาหาร แต่รวมถึงการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้และการกระตุ้นสมองในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหาร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการทดลอง IER
    น้ำหนักลดเฉลี่ย 7.6 กิโลกรัมใน 62 วัน

    การเปลี่ยนแปลงในสมอง
    กิจกรรมใน inferior frontal orbital gyrus ลดลง ช่วยควบคุมความอยากอาหาร

    การเปลี่ยนแปลงในลำไส้
    จุลินทรีย์บางชนิดสัมพันธ์กับการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งชั่งใจ

    ความหมายต่อสุขภาพโลก
    อาจนำไปสู่การรักษาโรคอ้วนด้วยการปรับสมดุลสมอง–ลำไส้

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่ชัดเจนว่าสมองหรือจุลินทรีย์เป็นตัวกระตุ้นหลัก ต้องการการวิจัยเพิ่มเติม

    ความท้าทาย
    การนำไปใช้จริงในวงกว้างยังต้องการการทดลองและการยืนยันเชิงคลินิก

    https://www.sciencealert.com/a-fasting-style-diet-seems-to-result-in-dynamic-changes-to-human-brains
    🥗 การอดอาหารแบบเว้นช่วงเปลี่ยนสมองและลำไส้ นักวิทยาศาสตร์จากจีนได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครที่มีภาวะอ้วนจำนวน 25 คน โดยใช้โปรแกรม Intermittent Energy Restriction (IER) หรือการควบคุมพลังงานแบบเว้นช่วงเป็นเวลา 62 วัน ผลลัพธ์ไม่เพียงทำให้น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 7.6 กิโลกรัม (7.8% ของน้ำหนักตัว) แต่ยังพบการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งใน สมองและจุลินทรีย์ในลำไส้ 🧠 สมองตอบสนองต่อการอดอาหาร การสแกนสมองด้วย fMRI พบว่าบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารและการเสพติด เช่น inferior frontal orbital gyrus มีการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมอย่างชัดเจน ซึ่งสัมพันธ์กับความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมการกินและความรู้สึกอยากอาหาร 🦠 ลำไส้และจุลินทรีย์ การวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระและเลือดพบว่าแบคทีเรียบางชนิด เช่น Coprococcus comes และ Eubacterium hallii มีความสัมพันธ์เชิงลบกับกิจกรรมในสมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจและความยับยั้งชั่งใจ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการสื่อสารสองทางระหว่าง สมอง–ลำไส้–จุลินทรีย์ ที่มีผลต่อพฤติกรรมการกิน 🌍 ความหมายต่อสุขภาพโลก ด้วยจำนวนประชากรที่มีภาวะอ้วนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก การเข้าใจกลไกการเชื่อมโยงระหว่างสมองและลำไส้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การค้นพบนี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ในการป้องกันและรักษาโรคอ้วน โดยไม่จำกัดแค่การควบคุมอาหาร แต่รวมถึงการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้และการกระตุ้นสมองในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหาร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการทดลอง IER ➡️ น้ำหนักลดเฉลี่ย 7.6 กิโลกรัมใน 62 วัน ✅ การเปลี่ยนแปลงในสมอง ➡️ กิจกรรมใน inferior frontal orbital gyrus ลดลง ช่วยควบคุมความอยากอาหาร ✅ การเปลี่ยนแปลงในลำไส้ ➡️ จุลินทรีย์บางชนิดสัมพันธ์กับการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งชั่งใจ ✅ ความหมายต่อสุขภาพโลก ➡️ อาจนำไปสู่การรักษาโรคอ้วนด้วยการปรับสมดุลสมอง–ลำไส้ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าสมองหรือจุลินทรีย์เป็นตัวกระตุ้นหลัก ต้องการการวิจัยเพิ่มเติม ‼️ ความท้าทาย ⛔ การนำไปใช้จริงในวงกว้างยังต้องการการทดลองและการยืนยันเชิงคลินิก https://www.sciencealert.com/a-fasting-style-diet-seems-to-result-in-dynamic-changes-to-human-brains
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Fasting-Style Diet Seems to Result in Dynamic Changes to Human Brains
    Scientists looking to tackle our ongoing obesity crisis have made an important discovery: Intermittent calorie restriction leads to significant changes both in the gut and the brain, which may open up new options for maintaining a healthy weight.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Nvidia ปฏิเสธเคลม RTX 5080 FE หลัง retention clip ของหัวต่อไฟ 16-pin หัก"

    กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้รายหนึ่งรายงานว่า GeForce RTX 5080 Founders Edition ของเขาเสียหายตั้งแต่ครั้งแรกที่ถอดสายไฟ โดย retention clip ของหัวต่อ 12V-2x6 power connector หักออก ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเสี่ยงไฟไหม้【edge_current_page_context】

    ผู้ใช้ได้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Nvidia ซึ่งตอนแรกบอกว่า “ทุกอย่างดูปกติ” จากภาพถ่าย แต่เมื่อเรื่องถูกส่งต่อไปยังทีมที่สูงกว่า กลับถูกตัดสินว่าเป็น “customer-induced damage” และปฏิเสธการรับประกัน แม้จะเป็นการเสียหายตั้งแต่การใช้งานครั้งแรกก็ตาม

    Retention clip มีบทบาทสำคัญในการยึดสายไฟให้นั่งแน่นในหัวต่อ ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่เพราะ Nvidia เคยอธิบายว่าเหตุการณ์ RTX 4090 connector meltdown เกิดจากการเสียบสายไม่แน่น และจึงได้ออกมาตรฐานใหม่ 12V-2x6 เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่เมื่อ clip หักไป กลไกป้องกันก็หายไป ทำให้ผู้ใช้และชุมชน Reddit กังวลว่าการออกแบบอาจยังมีข้อบกพร่อง

    นอกจากนี้ยังมีรายงานอื่น ๆ เกี่ยวกับ สายไฟละลายฝั่ง PSU และ ความเสียหายของหัวต่อ RTX 5090 แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเป็นปัญหาแพร่หลาย แต่ก็สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในมาตรฐานหัวต่อใหม่ และความไม่สม่ำเสมอในการรับประกันของผู้ผลิตต่าง ๆ (เช่น MSI และ Cooler Master ที่เคยมีกรณีปฏิเสธเคลมเช่นกัน)【edge_current_page_context】

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้น
    RTX 5080 FE retention clip หักตั้งแต่ครั้งแรกที่ถอดสาย
    Nvidia ปฏิเสธเคลม โดยระบุว่าเป็น “customer-induced damage”

    ความสำคัญของ retention clip
    ช่วยยึดสายไฟให้นั่งแน่น ป้องกันการเสียบไม่เต็ม
    ปัญหาคล้ายกับกรณี RTX 4090 connector meltdown

    สถานการณ์ในวงการ
    มีรายงานสายไฟละลายและหัวต่อเสียหายใน RTX 5080/5090
    ผู้ผลิตบางรายปฏิเสธเคลมด้วยเหตุผลเล็กน้อย

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้
    ตรวจสอบหัวต่อทุกครั้งว่าถูกเสียบแน่น
    ถ่ายภาพหลักฐานเมื่อพบความเสียหายเพื่อใช้ยื่นเคลม
    ระวังการดึงสายแรงเกินไปซึ่งอาจทำให้ clip หัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5080-fe-owner-says-nvidia-denied-warranty-after-power-connector-clip-snapped
    ⚡ "Nvidia ปฏิเสธเคลม RTX 5080 FE หลัง retention clip ของหัวต่อไฟ 16-pin หัก" กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้รายหนึ่งรายงานว่า GeForce RTX 5080 Founders Edition ของเขาเสียหายตั้งแต่ครั้งแรกที่ถอดสายไฟ โดย retention clip ของหัวต่อ 12V-2x6 power connector หักออก ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเสี่ยงไฟไหม้【edge_current_page_context】 ผู้ใช้ได้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Nvidia ซึ่งตอนแรกบอกว่า “ทุกอย่างดูปกติ” จากภาพถ่าย แต่เมื่อเรื่องถูกส่งต่อไปยังทีมที่สูงกว่า กลับถูกตัดสินว่าเป็น “customer-induced damage” และปฏิเสธการรับประกัน แม้จะเป็นการเสียหายตั้งแต่การใช้งานครั้งแรกก็ตาม Retention clip มีบทบาทสำคัญในการยึดสายไฟให้นั่งแน่นในหัวต่อ ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่เพราะ Nvidia เคยอธิบายว่าเหตุการณ์ RTX 4090 connector meltdown เกิดจากการเสียบสายไม่แน่น และจึงได้ออกมาตรฐานใหม่ 12V-2x6 เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่เมื่อ clip หักไป กลไกป้องกันก็หายไป ทำให้ผู้ใช้และชุมชน Reddit กังวลว่าการออกแบบอาจยังมีข้อบกพร่อง นอกจากนี้ยังมีรายงานอื่น ๆ เกี่ยวกับ สายไฟละลายฝั่ง PSU และ ความเสียหายของหัวต่อ RTX 5090 แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเป็นปัญหาแพร่หลาย แต่ก็สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในมาตรฐานหัวต่อใหม่ และความไม่สม่ำเสมอในการรับประกันของผู้ผลิตต่าง ๆ (เช่น MSI และ Cooler Master ที่เคยมีกรณีปฏิเสธเคลมเช่นกัน)【edge_current_page_context】 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้น ➡️ RTX 5080 FE retention clip หักตั้งแต่ครั้งแรกที่ถอดสาย ➡️ Nvidia ปฏิเสธเคลม โดยระบุว่าเป็น “customer-induced damage” ✅ ความสำคัญของ retention clip ➡️ ช่วยยึดสายไฟให้นั่งแน่น ป้องกันการเสียบไม่เต็ม ➡️ ปัญหาคล้ายกับกรณี RTX 4090 connector meltdown ✅ สถานการณ์ในวงการ ➡️ มีรายงานสายไฟละลายและหัวต่อเสียหายใน RTX 5080/5090 ➡️ ผู้ผลิตบางรายปฏิเสธเคลมด้วยเหตุผลเล็กน้อย ‼️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ ⛔ ตรวจสอบหัวต่อทุกครั้งว่าถูกเสียบแน่น ⛔ ถ่ายภาพหลักฐานเมื่อพบความเสียหายเพื่อใช้ยื่นเคลม ⛔ ระวังการดึงสายแรงเกินไปซึ่งอาจทำให้ clip หัก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5080-fe-owner-says-nvidia-denied-warranty-after-power-connector-clip-snapped
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cloudflare ป้องกันบอท AI 416 พันล้านครั้ง
    Matthew Prince ซีอีโอของ Cloudflare ระบุว่า บริษัทได้ทำให้การบล็อกบอท AI เป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2025 ภายใต้โครงการ Content Independence Day โดยเว็บไซต์สามารถเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้ AI เข้าถึงข้อมูลหรือไม่ หากไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ก็จะถูกบล็อกทันที ยกเว้น Google ที่รวมการทำงานของ crawler สำหรับ Search และ AI เข้าด้วยกัน ทำให้ไม่สามารถบล็อก AI โดยไม่กระทบต่อการจัดอันดับใน Search ได้

    ผลกระทบต่อโมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ต
    Prince เตือนว่า โมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากเดิมที่เว็บไซต์สร้างรายได้จากการเข้าชมของมนุษย์ผ่านโฆษณาและการสมัครสมาชิก แต่เมื่อ AI เข้ามาเก็บข้อมูลโดยตรงและสร้างสรุปให้ผู้ใช้ การเข้าชมเว็บไซต์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รายได้ของผู้สร้างคอนเทนต์ถูกกระทบหนัก

    ความเสี่ยงและความท้าทาย
    แม้การบล็อกบอท AI จะช่วยปกป้องผู้สร้างคอนเทนต์ แต่ก็ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ เช่น การพึ่งพาบริษัทใหญ่ไม่กี่รายที่ควบคุมโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต (AWS, Azure, Cloudflare, Google) หากระบบเหล่านี้ล่มหรือถูกโจมตี อาจสร้างความเสียหายมหาศาลต่อธุรกิจทั่วโลก

    คำเตือนจาก Cloudflare
    Prince ระบุว่า หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อนาคตอินเทอร์เน็ตอาจถูกครอบงำโดย AI ที่ใช้ข้อมูลจากมนุษย์โดยไม่จ่ายค่าตอบแทน ซึ่งจะทำให้คอนเทนต์ที่มีคุณภาพลดลง และผู้สร้างอิสระไม่สามารถแข่งขันได้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Cloudflare บล็อกบอท AI กว่า 416 พันล้านครั้งใน 5 เดือน
    เปิดตัวโครงการ Content Independence Day ให้เว็บไซต์เลือกบล็อก AI ได้

    โมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลง
    การเข้าชมจากมนุษย์ลดลงเพราะ AI สรุปข้อมูลแทน

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาบริษัทใหญ่ไม่กี่ราย
    หากระบบล่มหรือถูกโจมตี อาจกระทบอินเทอร์เน็ตทั่วโลก

    คำเตือนจาก Cloudflare
    อนาคตอินเทอร์เน็ตอาจถูกครอบงำโดย AI หากไม่จ่ายค่าตอบแทนผู้สร้างคอนเทนต์
    คุณภาพคอนเทนต์อาจลดลง และผู้สร้างอิสระอาจไม่สามารถแข่งขันได้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/cloudflare-says-it-has-fended-off-416-billion-ai-bot-scrape-requests-in-five-months-ceo-warns-of-dramatic-shift-for-internet-business-model
    🌐 Cloudflare ป้องกันบอท AI 416 พันล้านครั้ง Matthew Prince ซีอีโอของ Cloudflare ระบุว่า บริษัทได้ทำให้การบล็อกบอท AI เป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2025 ภายใต้โครงการ Content Independence Day โดยเว็บไซต์สามารถเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้ AI เข้าถึงข้อมูลหรือไม่ หากไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ก็จะถูกบล็อกทันที ยกเว้น Google ที่รวมการทำงานของ crawler สำหรับ Search และ AI เข้าด้วยกัน ทำให้ไม่สามารถบล็อก AI โดยไม่กระทบต่อการจัดอันดับใน Search ได้ 💡 ผลกระทบต่อโมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ต Prince เตือนว่า โมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากเดิมที่เว็บไซต์สร้างรายได้จากการเข้าชมของมนุษย์ผ่านโฆษณาและการสมัครสมาชิก แต่เมื่อ AI เข้ามาเก็บข้อมูลโดยตรงและสร้างสรุปให้ผู้ใช้ การเข้าชมเว็บไซต์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รายได้ของผู้สร้างคอนเทนต์ถูกกระทบหนัก 📊 ความเสี่ยงและความท้าทาย แม้การบล็อกบอท AI จะช่วยปกป้องผู้สร้างคอนเทนต์ แต่ก็ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ เช่น การพึ่งพาบริษัทใหญ่ไม่กี่รายที่ควบคุมโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต (AWS, Azure, Cloudflare, Google) หากระบบเหล่านี้ล่มหรือถูกโจมตี อาจสร้างความเสียหายมหาศาลต่อธุรกิจทั่วโลก ⚠️ คำเตือนจาก Cloudflare Prince ระบุว่า หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อนาคตอินเทอร์เน็ตอาจถูกครอบงำโดย AI ที่ใช้ข้อมูลจากมนุษย์โดยไม่จ่ายค่าตอบแทน ซึ่งจะทำให้คอนเทนต์ที่มีคุณภาพลดลง และผู้สร้างอิสระไม่สามารถแข่งขันได้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Cloudflare บล็อกบอท AI กว่า 416 พันล้านครั้งใน 5 เดือน ➡️ เปิดตัวโครงการ Content Independence Day ให้เว็บไซต์เลือกบล็อก AI ได้ ✅ โมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลง ➡️ การเข้าชมจากมนุษย์ลดลงเพราะ AI สรุปข้อมูลแทน ✅ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาบริษัทใหญ่ไม่กี่ราย ➡️ หากระบบล่มหรือถูกโจมตี อาจกระทบอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ‼️ คำเตือนจาก Cloudflare ⛔ อนาคตอินเทอร์เน็ตอาจถูกครอบงำโดย AI หากไม่จ่ายค่าตอบแทนผู้สร้างคอนเทนต์ ⛔ คุณภาพคอนเทนต์อาจลดลง และผู้สร้างอิสระอาจไม่สามารถแข่งขันได้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/cloudflare-says-it-has-fended-off-416-billion-ai-bot-scrape-requests-in-five-months-ceo-warns-of-dramatic-shift-for-internet-business-model
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัปเดตระบบ Android ธันวาคม 2025

    Google ปล่อย Android System Update เดือนธันวาคม 2025 แล้ว โดยเน้นปรับปรุงเสถียรภาพ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Google Play Store และแก้ไขบั๊ก พร้อมคำแนะนำวิธีอัปเดตสำหรับผู้ใช้ Samsung และ Pixel

    Google ระบุว่าแพตช์ล่าสุดได้อัปเดต system management services เพื่อปรับปรุง Device Performance และ Stability ทำให้เครื่องทำงานได้ลื่นไหลขึ้น ลดปัญหาการค้างหรือการทำงานผิดพลาดที่ผู้ใช้บางรายเคยเจอ

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Google Play Store
    มีการเพิ่ม คำเตือนสำหรับแอปที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ Play Protect เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ระวังแอปที่อาจไม่ปลอดภัย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถ กลับไปดู/อ่าน/ฟังคอนเทนต์จากแอปที่ติดตั้งไว้ได้โดยตรงจาก Play Store ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

    การกระจายฟีเจอร์แบบค่อยเป็นค่อยไป
    Google ย้ำว่าแม้ฟีเจอร์ใหม่จะปรากฏใน changelog แต่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ใช้ทันที เพราะบางฟีเจอร์ต้องใช้เวลาสักระยะในการปล่อย เช่น การออกแบบใหม่ของ QR code scanner ที่ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ แต่กลับมาให้ใช้งานอีกครั้งในบางอุปกรณ์

    วิธีอัปเดตระบบ
    ขั้นตอนการอัปเดตแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ เช่น บน Samsung
    Galaxy S24 ผู้ใช้ต้องเข้าไปที่
    Settings → Google → All Services → Privacy & Security → System Services แล้วเลือกอัปเดต

    ส่วนบน Google Pixel 10 Pro Fold จะต้องเข้าไปที่ Settings → Google Services → All Services → Privacy & Security → System Services
    การอัปเดตใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีและไม่ต้องรีสตาร์ทเครื่อง

    สรุปสาระสำคัญ
    การปรับปรุงระบบ
    เพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพของอุปกรณ์
    ลดปัญหาการค้างและบั๊ก

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Play Store
    คำเตือนสำหรับแอปที่ไม่ผ่าน Play Protect
    ฟีเจอร์ resume content จากแอปที่ติดตั้ง

    การกระจายฟีเจอร์
    ฟีเจอร์ใหม่อาจไม่พร้อมใช้งานทันที
    ตัวอย่างเช่น QR code scanner redesign

    วิธีอัปเดต
    Samsung Galaxy S24: Settings → Google → All Services → Privacy & Security → System Services
    Pixel 10 Pro Fold: Settings → Google Services → All Services → Privacy & Security → System Services

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่ปรากฏในอุปกรณ์ของคุณ
    ควรตรวจสอบการอัปเดตด้วยตนเองเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

    https://www.slashgear.com/2043607/google-system-updates-android-december-2025/
    📰 อัปเดตระบบ Android ธันวาคม 2025 Google ปล่อย Android System Update เดือนธันวาคม 2025 แล้ว โดยเน้นปรับปรุงเสถียรภาพ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Google Play Store และแก้ไขบั๊ก พร้อมคำแนะนำวิธีอัปเดตสำหรับผู้ใช้ Samsung และ Pixel Google ระบุว่าแพตช์ล่าสุดได้อัปเดต system management services เพื่อปรับปรุง Device Performance และ Stability ทำให้เครื่องทำงานได้ลื่นไหลขึ้น ลดปัญหาการค้างหรือการทำงานผิดพลาดที่ผู้ใช้บางรายเคยเจอ 🛡️ ฟีเจอร์ใหม่ใน Google Play Store มีการเพิ่ม คำเตือนสำหรับแอปที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ Play Protect เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ระวังแอปที่อาจไม่ปลอดภัย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถ กลับไปดู/อ่าน/ฟังคอนเทนต์จากแอปที่ติดตั้งไว้ได้โดยตรงจาก Play Store ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน 📲 การกระจายฟีเจอร์แบบค่อยเป็นค่อยไป Google ย้ำว่าแม้ฟีเจอร์ใหม่จะปรากฏใน changelog แต่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ใช้ทันที เพราะบางฟีเจอร์ต้องใช้เวลาสักระยะในการปล่อย เช่น การออกแบบใหม่ของ QR code scanner ที่ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ แต่กลับมาให้ใช้งานอีกครั้งในบางอุปกรณ์ 🔧 วิธีอัปเดตระบบ ขั้นตอนการอัปเดตแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ เช่น บน Samsung Galaxy S24 ผู้ใช้ต้องเข้าไปที่ Settings → Google → All Services → Privacy & Security → System Services แล้วเลือกอัปเดต ส่วนบน Google Pixel 10 Pro Fold จะต้องเข้าไปที่ Settings → Google Services → All Services → Privacy & Security → System Services การอัปเดตใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีและไม่ต้องรีสตาร์ทเครื่อง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การปรับปรุงระบบ ➡️ เพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ ➡️ ลดปัญหาการค้างและบั๊ก ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Play Store ➡️ คำเตือนสำหรับแอปที่ไม่ผ่าน Play Protect ➡️ ฟีเจอร์ resume content จากแอปที่ติดตั้ง ✅ การกระจายฟีเจอร์ ➡️ ฟีเจอร์ใหม่อาจไม่พร้อมใช้งานทันที ➡️ ตัวอย่างเช่น QR code scanner redesign ✅ วิธีอัปเดต ➡️ Samsung Galaxy S24: Settings → Google → All Services → Privacy & Security → System Services ➡️ Pixel 10 Pro Fold: Settings → Google Services → All Services → Privacy & Security → System Services ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่ปรากฏในอุปกรณ์ของคุณ ⛔ ควรตรวจสอบการอัปเดตด้วยตนเองเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด https://www.slashgear.com/2043607/google-system-updates-android-december-2025/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Check Your Android Device: Google's December 2025 System Update Is Live - SlashGear
    If you have an Android device, a system update might be waiting for you. Here's what the update includes and how you can download it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปโอเพ่นซอร์ส "Mental Math" ตัวช่วยหนี Brainrot (สมองเสื่อม)

    แอป Mental Math ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการเสพคอนเทนต์สั้น ๆ ที่ทำให้สมาธิและความสามารถในการจดจ่อลดลง ตัวแอปมีโจทย์คณิตศาสตร์พื้นฐาน เช่น บวก ลบ คูณ หาร พร้อมระดับความยาก 9 ระดับ และโหมดการเล่นทั้งแบบจับเวลาและแบบทำโจทย์จำนวนที่กำหนด จุดเด่นคือทำงานแบบออฟไลน์ ไม่เก็บข้อมูล และไม่มีโฆษณา

    ผลกระทบของคอนเทนต์สั้นต่อสมาธิ
    งานวิจัยล่าสุดพบว่าการเสพ short-form content เช่น TikTok หรือ Instagram Reels มีผลโดยตรงต่อสมาธิและการเรียนรู้ นักศึกษาที่ใช้เวลามากกับคอนเทนต์สั้นมีแนวโน้มที่จะมีสมาธิสั้นลงและผลการเรียนลดลง การเสพคอนเทนต์เร็ว ๆ ทำให้สมองชินกับการรับข้อมูลแบบทันใจ จนไม่สามารถโฟกัสกับงานที่ต้องใช้เวลานานได้

    ประโยชน์ของการฝึกสมองด้วยคณิตศาสตร์
    การฝึกคณิตศาสตร์ผ่านแอปประเภทนี้ช่วยกระตุ้นสมองในหลายด้าน ทั้งการคิดเชิงตรรกะ ความจำ และการแก้ปัญหา งานวิจัยด้านประสาทวิทยายืนยันว่าการทำโจทย์คณิตศาสตร์ช่วยสร้างการเชื่อมต่อของสมองที่แข็งแรงขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมในอนาคต

    การผสมผสานเกมสมองกับคณิตศาสตร์
    นักวิจัยเสนอว่าการผสมผสานเกมฝึกสมองกับโจทย์คณิตศาสตร์เป็นแนวทางที่ดี เพราะช่วยให้ผู้ใช้สนุกไปกับการเรียนรู้และยังได้ประโยชน์จริงต่อสมอง การฝึกแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการคิดเลข แต่ยังช่วยให้สมาธิกลับคืนมาในยุคที่คอนเทนต์สั้นครองโลก

    Download ได้ที่นี่ครับ
    https://play.google.com/store/apps/details?id=com.helddertierwelt.mentalmath

    สรุปสาระสำคัญ
    แอป Mental Math
    ฟรี, ไม่มีโฆษณา, ทำงานออฟไลน์, เคารพความเป็นส่วนตัว
    มีโหมดจับเวลาและโหมดทำโจทย์ตามจำนวน

    ผลกระทบของคอนเทนต์สั้น
    ทำให้สมาธิสั้นลง
    ส่งผลต่อผลการเรียนและการทำงาน

    ประโยชน์ของการฝึกคณิตศาสตร์
    ช่วยสร้างการเชื่อมต่อสมองที่แข็งแรง
    ลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม

    การผสมผสานเกมกับคณิตศาสตร์
    ทำให้การเรียนรู้สนุกและมีแรงจูงใจ
    เพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการคิดเลข

    คำเตือนเกี่ยวกับคอนเทนต์สั้น
    การเสพมากเกินไปอาจทำให้สมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ลดลง
    อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต เช่น ความหงุดหงิดและความเครียด

    https://itsfoss.com/mental-math/
    📰 แอปโอเพ่นซอร์ส "Mental Math" ตัวช่วยหนี Brainrot (สมองเสื่อม) แอป Mental Math ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการเสพคอนเทนต์สั้น ๆ ที่ทำให้สมาธิและความสามารถในการจดจ่อลดลง ตัวแอปมีโจทย์คณิตศาสตร์พื้นฐาน เช่น บวก ลบ คูณ หาร พร้อมระดับความยาก 9 ระดับ และโหมดการเล่นทั้งแบบจับเวลาและแบบทำโจทย์จำนวนที่กำหนด จุดเด่นคือทำงานแบบออฟไลน์ ไม่เก็บข้อมูล และไม่มีโฆษณา 🧠 ผลกระทบของคอนเทนต์สั้นต่อสมาธิ งานวิจัยล่าสุดพบว่าการเสพ short-form content เช่น TikTok หรือ Instagram Reels มีผลโดยตรงต่อสมาธิและการเรียนรู้ นักศึกษาที่ใช้เวลามากกับคอนเทนต์สั้นมีแนวโน้มที่จะมีสมาธิสั้นลงและผลการเรียนลดลง การเสพคอนเทนต์เร็ว ๆ ทำให้สมองชินกับการรับข้อมูลแบบทันใจ จนไม่สามารถโฟกัสกับงานที่ต้องใช้เวลานานได้ 🎮 ประโยชน์ของการฝึกสมองด้วยคณิตศาสตร์ การฝึกคณิตศาสตร์ผ่านแอปประเภทนี้ช่วยกระตุ้นสมองในหลายด้าน ทั้งการคิดเชิงตรรกะ ความจำ และการแก้ปัญหา งานวิจัยด้านประสาทวิทยายืนยันว่าการทำโจทย์คณิตศาสตร์ช่วยสร้างการเชื่อมต่อของสมองที่แข็งแรงขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมในอนาคต 🌐 การผสมผสานเกมสมองกับคณิตศาสตร์ นักวิจัยเสนอว่าการผสมผสานเกมฝึกสมองกับโจทย์คณิตศาสตร์เป็นแนวทางที่ดี เพราะช่วยให้ผู้ใช้สนุกไปกับการเรียนรู้และยังได้ประโยชน์จริงต่อสมอง การฝึกแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการคิดเลข แต่ยังช่วยให้สมาธิกลับคืนมาในยุคที่คอนเทนต์สั้นครองโลก ⬇️ Download ได้ที่นี่ครับ https://play.google.com/store/apps/details?id=com.helddertierwelt.mentalmath 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แอป Mental Math ➡️ ฟรี, ไม่มีโฆษณา, ทำงานออฟไลน์, เคารพความเป็นส่วนตัว ➡️ มีโหมดจับเวลาและโหมดทำโจทย์ตามจำนวน ✅ ผลกระทบของคอนเทนต์สั้น ➡️ ทำให้สมาธิสั้นลง ➡️ ส่งผลต่อผลการเรียนและการทำงาน ✅ ประโยชน์ของการฝึกคณิตศาสตร์ ➡️ ช่วยสร้างการเชื่อมต่อสมองที่แข็งแรง ➡️ ลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม ✅ การผสมผสานเกมกับคณิตศาสตร์ ➡️ ทำให้การเรียนรู้สนุกและมีแรงจูงใจ ➡️ เพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการคิดเลข ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับคอนเทนต์สั้น ⛔ การเสพมากเกินไปอาจทำให้สมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ลดลง ⛔ อาจส่งผลต่อสุขภาพจิต เช่น ความหงุดหงิดและความเครียด https://itsfoss.com/mental-math/
    ITSFOSS.COM
    This Open Source Android App Fights Brainrot With Basic Math Problems
    Mental Math tests your arithmetic skills without tracking your every move.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ” เผยแพร่รายงาน “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ปี 2025” หรือ National Security Strategy (NSS) 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกสารที่รัฐบาลของทรัมป์ใช้กำหนดทิศทางประเทศทั้งด้านทหาร เศรษฐกิจ การต่างประเทศ และเทคโนโลยี

    รายละเอียดบางส่วนของรายงานนี้ระบุถึง "ศัตรู" สำคัญ ที่เป็นมหาอำนาจและคู่แข่งขันของสหรัฐคือ:
    จีน ถูกจัดให้อยู่ในลำดับสูงสุด! ที่กำลังขยายอำนาจในแถบอินโดแปซิฟิกอย่างจริงจัง
    รัสเซีย อันดับรองลงมา ถูกสหรัฐมองว่าใช้ความได้เปรียบด้านอำนาจทางทหารและไซเบอร์เพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพยุโรป
    อิหร่าน + เกาหลีเหนือ เป็นภัยในด้านผู้เผยแพร่เทคโนโลยีนิวเคลียร์และขีปนาวุธ

    ทางด้านยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของโลก:
    สหรัฐให้ความสำคัญภูมิภาค "อินโดแปซิฟิก" มากที่สุด เพื่อคานอำนาจของ "จีน" ในแถบทะเลจีนใต้ ด้วยการสร้างพันธมิตร “แถบปะการัง” ล้อมจีน เช่น ญี่ปุ่น–เกาหลี–ฟิลิปปินส์–ออสเตรเลีย
    .
    ความเห็นจาก Lyle Morris นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเรื่อง จีน

    ที่ผ่านมาตลอด 30 ปี สหรัฐวางนโยบายเกี่ยวกับจีนผิดพลาด โดยหวังว่าการเปิดตลาดให้จีนสู่โลกภายนอก และการอนุญาตให้ธุรกิจจากภายนอก เข้าไปลงทุนในจีน จะทำให้จีนมีค่านิยมเข้าหาระเบียบโลกใหม่แบบตะวันตกที่วางแผนไว้

    แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม จีนอาศัยโอกาสนี้ สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมือง และใช้ความได้เปรียบเหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ขณะเดียวกัน ทำให้ยากต่อการควบคุมในที่สุด

    จนถึงยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มกลับทิศนโยบายด้วยการปรับเรื่องภาษีและการค้าใหม่ทั้งหมด เพื่อควบคุมการขยายอิทธิพลของจีน
    .
    https://www.whitehouse.gov/wp-content/uploads/2025/12/2025-National-Security-Strategy.pdf
    “สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ” เผยแพร่รายงาน “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ปี 2025” หรือ National Security Strategy (NSS) 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกสารที่รัฐบาลของทรัมป์ใช้กำหนดทิศทางประเทศทั้งด้านทหาร เศรษฐกิจ การต่างประเทศ และเทคโนโลยี รายละเอียดบางส่วนของรายงานนี้ระบุถึง "ศัตรู" สำคัญ ที่เป็นมหาอำนาจและคู่แข่งขันของสหรัฐคือ: 👉จีน ถูกจัดให้อยู่ในลำดับสูงสุด! ที่กำลังขยายอำนาจในแถบอินโดแปซิฟิกอย่างจริงจัง 👉รัสเซีย อันดับรองลงมา ถูกสหรัฐมองว่าใช้ความได้เปรียบด้านอำนาจทางทหารและไซเบอร์เพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพยุโรป 👉อิหร่าน + เกาหลีเหนือ เป็นภัยในด้านผู้เผยแพร่เทคโนโลยีนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ทางด้านยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของโลก: 👉สหรัฐให้ความสำคัญภูมิภาค "อินโดแปซิฟิก" มากที่สุด เพื่อคานอำนาจของ "จีน" ในแถบทะเลจีนใต้ ด้วยการสร้างพันธมิตร “แถบปะการัง” ล้อมจีน เช่น ญี่ปุ่น–เกาหลี–ฟิลิปปินส์–ออสเตรเลีย . ความเห็นจาก Lyle Morris นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเรื่อง จีน ที่ผ่านมาตลอด 30 ปี สหรัฐวางนโยบายเกี่ยวกับจีนผิดพลาด โดยหวังว่าการเปิดตลาดให้จีนสู่โลกภายนอก และการอนุญาตให้ธุรกิจจากภายนอก เข้าไปลงทุนในจีน จะทำให้จีนมีค่านิยมเข้าหาระเบียบโลกใหม่แบบตะวันตกที่วางแผนไว้ แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม จีนอาศัยโอกาสนี้ สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมือง และใช้ความได้เปรียบเหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ขณะเดียวกัน ทำให้ยากต่อการควบคุมในที่สุด จนถึงยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มกลับทิศนโยบายด้วยการปรับเรื่องภาษีและการค้าใหม่ทั้งหมด เพื่อควบคุมการขยายอิทธิพลของจีน . https://www.whitehouse.gov/wp-content/uploads/2025/12/2025-National-Security-Strategy.pdf
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • These Synonyms For “I Mean” Will Help You Communicate Clearly

    I mean, we all know pepperoni pizza is best, right? I mean, come on! The only people who dislike pepperoni are those pineapple lovers who, I mean, wouldn’t know a good pizza if it fell on their head!

    While this example is admittedly a little silly, it shows how phrases like I mean can slip into sentences without really adding much to the conversation. There is certainly nothing wrong with that, but it can make your writing and speech a little less formal than you might have intended. So, what other options do we have? There are actually more than you might think!

    I mean and other filler words
    The phrase I mean is an example of what are known as filler words. Filler words, which go by many other names, are words and phrases that are used in sentences for reasons other than the literal meaning of the words themselves. Some other examples of filler words that are used similarly to I mean include you know, like, well, and just.

    Talking about I mean specifically, the phrase is often used as a pause, as an enhancing phrase, or to simply make a sentence longer. Often, filler words don’t serve much purpose at all and can be removed from a sentence without changing its meaning. For example, we can remove I mean from the sentence The movie wasn’t very good, but, I mean, the sequel might be better without changing the meaning at all.

    However, filler words aren’t bad. They do have several important uses in casual and informal speech and writing. In speech, filler words give a speaker a chance to slow down and catch their breath, establish a friendly tone with an audience, or give their brain a chance to think about what to say or digest what someone else has said. In writing, they are used to make dialogue sound more natural or to allow a writer to establish an informal voice to try and connect with readers, especially younger readers who use filler words more often than other audiences.

    What to do with filler words like I mean
    In casual and formal speech/writing, there isn’t anything wrong with using filler words every now and again. In fact, most people agree that using filler words makes speech sound more natural than speech that doesn’t use them at all.

    That being said, there are alternatives to using filler words if you think you might be using them just a bit too much in your speech. Let’s look at a few different ways you could handle filler words like I mean.

    Remove filler words: The easiest and most direct option is to simply get rid of the filler words entirely. In many situations, the filler words weren’t really doing much in the sentence, so taking them out won’t change what you were trying to say.

    Filler word sentence: Benny painted his house pink, and, I mean, I kinda like it.
    Filler words removed: Benny painted his house pink, and I kinda like it.
    Use a short pause: Rather than slip a filler word or two in there to buy time, you could simply just pause for a second to catch your breath or quickly consider what you want to say. Similar to an enhancing filler word, a pause can also catch someone’s attention and indicate that your next words are important or dramatic.

    Replace filler words with adverbs, transitional phrases, or more formal alternatives: Most of the time, there are other words and phrases that can serve the same role as a filler word without making a sentence sound too informal or casual. Let’s take a look at a couple of examples:

    Original: You shouldn’t talk about his sister like that. I mean, it’s not nice.
    Replaced: You shouldn’t talk about his sister like that. Honestly, it’s not nice.
    Original: We could go into the bear cave if, I mean, we had no other options.
    Replaced: We could go into the bear cave if it turned out that we had no other options.

    Formal alternatives and synonyms for I mean
    While filler words are typically not a problem in casual and informal writing and speech, the same can’t be said for formal contexts. In formal writing and speech, filler words are often viewed as making a person seem unprepared, unprofessional, or inexperienced. It is thought that filler words like I mean will make your writing or speech weaker and/or less effective.

    That being the case, you’ll typically need to remove I mean completely or swap it out for something else. You can use the following list for some great alternatives for I mean that you can use in your formal writing and speech:

    In other words
    Putting it another way
    To put it another way
    Putting it simply
    For one thing
    That is
    That is to say
    After all
    As a matter of fact
    For one thing
    For lack of a better word
    In a nutshell
    We can say that
    What I intend to show is that
    It is clear to see that
    This means that
    What I mean to say is
    What I mean is
    What I am trying to say is

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    These Synonyms For “I Mean” Will Help You Communicate Clearly I mean, we all know pepperoni pizza is best, right? I mean, come on! The only people who dislike pepperoni are those pineapple lovers who, I mean, wouldn’t know a good pizza if it fell on their head! While this example is admittedly a little silly, it shows how phrases like I mean can slip into sentences without really adding much to the conversation. There is certainly nothing wrong with that, but it can make your writing and speech a little less formal than you might have intended. So, what other options do we have? There are actually more than you might think! I mean and other filler words The phrase I mean is an example of what are known as filler words. Filler words, which go by many other names, are words and phrases that are used in sentences for reasons other than the literal meaning of the words themselves. Some other examples of filler words that are used similarly to I mean include you know, like, well, and just. Talking about I mean specifically, the phrase is often used as a pause, as an enhancing phrase, or to simply make a sentence longer. Often, filler words don’t serve much purpose at all and can be removed from a sentence without changing its meaning. For example, we can remove I mean from the sentence The movie wasn’t very good, but, I mean, the sequel might be better without changing the meaning at all. However, filler words aren’t bad. They do have several important uses in casual and informal speech and writing. In speech, filler words give a speaker a chance to slow down and catch their breath, establish a friendly tone with an audience, or give their brain a chance to think about what to say or digest what someone else has said. In writing, they are used to make dialogue sound more natural or to allow a writer to establish an informal voice to try and connect with readers, especially younger readers who use filler words more often than other audiences. What to do with filler words like I mean In casual and formal speech/writing, there isn’t anything wrong with using filler words every now and again. In fact, most people agree that using filler words makes speech sound more natural than speech that doesn’t use them at all. That being said, there are alternatives to using filler words if you think you might be using them just a bit too much in your speech. Let’s look at a few different ways you could handle filler words like I mean. Remove filler words: The easiest and most direct option is to simply get rid of the filler words entirely. In many situations, the filler words weren’t really doing much in the sentence, so taking them out won’t change what you were trying to say. Filler word sentence: Benny painted his house pink, and, I mean, I kinda like it. Filler words removed: Benny painted his house pink, and I kinda like it. Use a short pause: Rather than slip a filler word or two in there to buy time, you could simply just pause for a second to catch your breath or quickly consider what you want to say. Similar to an enhancing filler word, a pause can also catch someone’s attention and indicate that your next words are important or dramatic. Replace filler words with adverbs, transitional phrases, or more formal alternatives: Most of the time, there are other words and phrases that can serve the same role as a filler word without making a sentence sound too informal or casual. Let’s take a look at a couple of examples: Original: You shouldn’t talk about his sister like that. I mean, it’s not nice. Replaced: You shouldn’t talk about his sister like that. Honestly, it’s not nice. Original: We could go into the bear cave if, I mean, we had no other options. Replaced: We could go into the bear cave if it turned out that we had no other options. Formal alternatives and synonyms for I mean While filler words are typically not a problem in casual and informal writing and speech, the same can’t be said for formal contexts. In formal writing and speech, filler words are often viewed as making a person seem unprepared, unprofessional, or inexperienced. It is thought that filler words like I mean will make your writing or speech weaker and/or less effective. That being the case, you’ll typically need to remove I mean completely or swap it out for something else. You can use the following list for some great alternatives for I mean that you can use in your formal writing and speech: In other words Putting it another way To put it another way Putting it simply For one thing That is That is to say After all As a matter of fact For one thing For lack of a better word In a nutshell We can say that What I intend to show is that It is clear to see that This means that What I mean to say is What I mean is What I am trying to say is สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Windows 11 Dark Mode กลายเป็น Flashbang – ผู้ใช้สะดุ้งตาแตก"

    Microsoft ปล่อย Windows 11 Preview Build KB5070311 โดยระบุว่าจะทำให้ Dark Mode ใน Explorer มีความสม่ำเสมอมากขึ้น ครอบคลุมทั้งหน้าต่าง copy/move/delete, progress bar, chart view และ dialog ยืนยัน แต่ผู้ใช้กลับพบว่าเมื่อเปิด Explorer หรือสลับไปยัง Home/Gallery หน้าจอกลับ แสดงแสงขาวจ้า ก่อนโหลดเนื้อหาจริง.

    บั๊กนี้สามารถถูกกระตุ้นได้หลายวิธี เช่น การสร้างแท็บใหม่, เปิด/ปิด Details pane, หรือเลือก “More Details” ระหว่างการ copy ไฟล์ ทำให้ผู้ใช้ที่ตั้งค่า Dark Mode ต้องเจอแสงแฟลชทุกครั้ง โดยวิธีแก้ชั่วคราวคือ ปิด Dark Mode ทั้งหมด.

    แม้จะมีบั๊ก แต่ Preview Build ยังมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Full-Screen Experience สำหรับ handheld, ปากกา haptic ที่ตอบสนอง UI, การปรับแต่งคีย์บอร์ด backlit, และการแชร์ไฟล์หลายรายการพร้อมกัน รวมถึงการแก้บั๊กเกมที่เคยขึ้นข้อความ “unsupported graphics card detected”.

    ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็นเรื่องตลก เพราะ Microsoft โฆษณาว่าจะทำให้ Dark Mode “consistent” แต่กลับสร้างเอฟเฟกต์ตรงข้าม ขณะที่นักรีวิวเรียกมันว่า “Flashbang bug” ซึ่งกลายเป็นมีมในชุมชน Windows.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Windows 11 Preview Build KB5070311 มีบั๊ก Dark Mode แสดงแสงขาวจ้า
    เกิดขึ้นเมื่อเปิด Explorer, สร้างแท็บใหม่, หรือเปิด Details pane
    วิธีแก้ชั่วคราวคือปิด Dark Mode
    Build ยังเพิ่มฟีเจอร์ Full-Screen Experience, haptic pen, multi-file sharing

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    Dark Mode เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ Windows เรียกร้องมากที่สุดตั้งแต่ปี 2019
    Microsoft มักใช้ Preview Build เพื่อทดสอบก่อนปล่อยจริง แต่บั๊กเช่นนี้เกิดบ่อย
    ชุมชน Windows มีประวัติการสร้างมีมจากบั๊ก UI เช่น “Blue Screen of Death”

    คำเตือนจากข่าว
    บั๊ก Flashbang อาจรบกวนผู้ใช้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมแสงน้อย
    Preview Build มีความเสี่ยง ไม่ควรติดตั้งบนเครื่องหลัก
    Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขอย่างเป็นทางการ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/windows-11-update-designed-to-improve-dark-mode-greets-users-with-a-flashbang-preview-build-stuns-unsuspecting-eyeballs
    💡 "Windows 11 Dark Mode กลายเป็น Flashbang – ผู้ใช้สะดุ้งตาแตก" Microsoft ปล่อย Windows 11 Preview Build KB5070311 โดยระบุว่าจะทำให้ Dark Mode ใน Explorer มีความสม่ำเสมอมากขึ้น ครอบคลุมทั้งหน้าต่าง copy/move/delete, progress bar, chart view และ dialog ยืนยัน แต่ผู้ใช้กลับพบว่าเมื่อเปิด Explorer หรือสลับไปยัง Home/Gallery หน้าจอกลับ แสดงแสงขาวจ้า ก่อนโหลดเนื้อหาจริง. บั๊กนี้สามารถถูกกระตุ้นได้หลายวิธี เช่น การสร้างแท็บใหม่, เปิด/ปิด Details pane, หรือเลือก “More Details” ระหว่างการ copy ไฟล์ ทำให้ผู้ใช้ที่ตั้งค่า Dark Mode ต้องเจอแสงแฟลชทุกครั้ง โดยวิธีแก้ชั่วคราวคือ ปิด Dark Mode ทั้งหมด. แม้จะมีบั๊ก แต่ Preview Build ยังมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Full-Screen Experience สำหรับ handheld, ปากกา haptic ที่ตอบสนอง UI, การปรับแต่งคีย์บอร์ด backlit, และการแชร์ไฟล์หลายรายการพร้อมกัน รวมถึงการแก้บั๊กเกมที่เคยขึ้นข้อความ “unsupported graphics card detected”. ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็นเรื่องตลก เพราะ Microsoft โฆษณาว่าจะทำให้ Dark Mode “consistent” แต่กลับสร้างเอฟเฟกต์ตรงข้าม ขณะที่นักรีวิวเรียกมันว่า “Flashbang bug” ซึ่งกลายเป็นมีมในชุมชน Windows. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Windows 11 Preview Build KB5070311 มีบั๊ก Dark Mode แสดงแสงขาวจ้า ➡️ เกิดขึ้นเมื่อเปิด Explorer, สร้างแท็บใหม่, หรือเปิด Details pane ➡️ วิธีแก้ชั่วคราวคือปิด Dark Mode ➡️ Build ยังเพิ่มฟีเจอร์ Full-Screen Experience, haptic pen, multi-file sharing ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ Dark Mode เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ Windows เรียกร้องมากที่สุดตั้งแต่ปี 2019 ➡️ Microsoft มักใช้ Preview Build เพื่อทดสอบก่อนปล่อยจริง แต่บั๊กเช่นนี้เกิดบ่อย ➡️ ชุมชน Windows มีประวัติการสร้างมีมจากบั๊ก UI เช่น “Blue Screen of Death” ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ บั๊ก Flashbang อาจรบกวนผู้ใช้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมแสงน้อย ⛔ Preview Build มีความเสี่ยง ไม่ควรติดตั้งบนเครื่องหลัก ⛔ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขอย่างเป็นทางการ https://www.tomshardware.com/tech-industry/windows-11-update-designed-to-improve-dark-mode-greets-users-with-a-flashbang-preview-build-stuns-unsuspecting-eyeballs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางจากนักข่าวสู่ผู้นำด้าน Privacy

    บทสัมภาษณ์นี้พูดคุยกับ Alexander Linton ประธานมูลนิธิ Session Technology Foundation เกี่ยวกับการสร้างแพลตฟอร์มแชทที่เข้ารหัสแบบกระจายศูนย์ (decentralized encrypted messaging) และความท้าทายด้านความปลอดภัย ความเชื่อมั่น และการกำกับดูแล

    Alexander Linton เริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวที่ต้องเผชิญกับปัญหาการสื่อสารที่ไม่ปลอดภัย เขาเห็นช่องว่างสำคัญในเครื่องมือที่ใช้ปกป้องข้อมูลและแหล่งข่าว จึงเข้าร่วมทีมพัฒนา Session เมื่อ 7 ปีก่อน และปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมูลนิธิที่ดูแลโครงการนี้ เป้าหมายของเขาคือทำให้การสื่อสารที่ปลอดภัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน

    ความท้าทายด้าน Trust & Safety
    Session ใช้โครงสร้างแบบ decentralized node network คล้าย Tor ทำให้ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางที่สามารถควบคุมหรือสอดส่องได้ ส่งผลให้การทำ content moderation แบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ Linton ย้ำว่า “ไม่มีอนาคตของความปลอดภัยออนไลน์หากปราศจาก Privacy และ Security” โดย Session เลือกใช้การควบคุมในระดับชุมชนแทนที่จะเปิดช่องทางให้รัฐบาลหรือองค์กรใด ๆ แทรกแซง

    บทบาทของสวิตเซอร์แลนด์และการกำกับดูแล
    หลังจากย้ายฐานจากออสเตรเลียไปสวิตเซอร์แลนด์ มูลนิธิได้รับสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและเป็นมิตรต่อสิทธิด้านดิจิทัล อย่างไรก็ตามยังมีข้อกังวลเรื่องกฎหมายใหม่ที่อาจกระทบต่อการเข้ารหัส (เช่น VÜPF) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อ Privacy เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง

    อนาคตของ Session และ Token
    เพื่อสร้างความยั่งยืน Session ได้เปิดตัว Session Token ที่ใช้เป็นแรงจูงใจให้ชุมชนช่วยดูแลโครงสร้างพื้นฐาน โดย Linton ยืนยันว่าไม่ใช่การ “cash grab” แต่เป็นการสร้างโมเดลที่ให้ผู้สนับสนุนเครือข่ายได้รับผลตอบแทนจากการมีส่วนร่วม ซึ่งจะช่วยให้แพลตฟอร์มเติบโตโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทเอกชน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Alexander Linton จากนักข่าวสู่ประธาน Session Technology Foundation
    Session ใช้โครงสร้าง decentralized node network คล้าย Tor
    Content moderation ทำในระดับชุมชน ไม่ใช่รวมศูนย์
    มูลนิธิย้ายฐานไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อความมั่นคงด้านสิทธิข้อมูล
    เปิดตัว Session Token เพื่อสร้างความยั่งยืนของแพลตฟอร์ม

    คำเตือนจากข่าว
    กฎหมายใหม่ในสวิตเซอร์แลนด์ (VÜPF) อาจกระทบต่อการเข้ารหัส
    การละเลยการปกป้อง Privacy อาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกสอดส่อง
    หากไม่เข้าใจโมเดล Token อาจถูกมองว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์
    การลดความเข้มแข็งของ Encryption จะทำให้ทุกคนไม่ปลอดภัยมากขึ้น

    https://itsfoss.com/news/alexander-linton-interview/
    📰 เส้นทางจากนักข่าวสู่ผู้นำด้าน Privacy บทสัมภาษณ์นี้พูดคุยกับ Alexander Linton ประธานมูลนิธิ Session Technology Foundation เกี่ยวกับการสร้างแพลตฟอร์มแชทที่เข้ารหัสแบบกระจายศูนย์ (decentralized encrypted messaging) และความท้าทายด้านความปลอดภัย ความเชื่อมั่น และการกำกับดูแล Alexander Linton เริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวที่ต้องเผชิญกับปัญหาการสื่อสารที่ไม่ปลอดภัย เขาเห็นช่องว่างสำคัญในเครื่องมือที่ใช้ปกป้องข้อมูลและแหล่งข่าว จึงเข้าร่วมทีมพัฒนา Session เมื่อ 7 ปีก่อน และปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมูลนิธิที่ดูแลโครงการนี้ เป้าหมายของเขาคือทำให้การสื่อสารที่ปลอดภัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน 🔐 ความท้าทายด้าน Trust & Safety Session ใช้โครงสร้างแบบ decentralized node network คล้าย Tor ทำให้ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางที่สามารถควบคุมหรือสอดส่องได้ ส่งผลให้การทำ content moderation แบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ Linton ย้ำว่า “ไม่มีอนาคตของความปลอดภัยออนไลน์หากปราศจาก Privacy และ Security” โดย Session เลือกใช้การควบคุมในระดับชุมชนแทนที่จะเปิดช่องทางให้รัฐบาลหรือองค์กรใด ๆ แทรกแซง 🌍 บทบาทของสวิตเซอร์แลนด์และการกำกับดูแล หลังจากย้ายฐานจากออสเตรเลียไปสวิตเซอร์แลนด์ มูลนิธิได้รับสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและเป็นมิตรต่อสิทธิด้านดิจิทัล อย่างไรก็ตามยังมีข้อกังวลเรื่องกฎหมายใหม่ที่อาจกระทบต่อการเข้ารหัส (เช่น VÜPF) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อ Privacy เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง 💡 อนาคตของ Session และ Token เพื่อสร้างความยั่งยืน Session ได้เปิดตัว Session Token ที่ใช้เป็นแรงจูงใจให้ชุมชนช่วยดูแลโครงสร้างพื้นฐาน โดย Linton ยืนยันว่าไม่ใช่การ “cash grab” แต่เป็นการสร้างโมเดลที่ให้ผู้สนับสนุนเครือข่ายได้รับผลตอบแทนจากการมีส่วนร่วม ซึ่งจะช่วยให้แพลตฟอร์มเติบโตโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทเอกชน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Alexander Linton จากนักข่าวสู่ประธาน Session Technology Foundation ➡️ Session ใช้โครงสร้าง decentralized node network คล้าย Tor ➡️ Content moderation ทำในระดับชุมชน ไม่ใช่รวมศูนย์ ➡️ มูลนิธิย้ายฐานไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อความมั่นคงด้านสิทธิข้อมูล ➡️ เปิดตัว Session Token เพื่อสร้างความยั่งยืนของแพลตฟอร์ม ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ กฎหมายใหม่ในสวิตเซอร์แลนด์ (VÜPF) อาจกระทบต่อการเข้ารหัส ⛔ การละเลยการปกป้อง Privacy อาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกสอดส่อง ⛔ หากไม่เข้าใจโมเดล Token อาจถูกมองว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ ⛔ การลดความเข้มแข็งของ Encryption จะทำให้ทุกคนไม่ปลอดภัยมากขึ้น https://itsfoss.com/news/alexander-linton-interview/
    ITSFOSS.COM
    There is No Future for Online Safety Without Privacy and Security
    Alexander Linton of the Session Technology Foundation on building decentralized messaging and why platform-wide content moderation is impractical on encrypted platforms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy OnlyFans Accounts

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-onlyfans-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy OnlyFans Accounts Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-onlyfans-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-linkedin-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-linkedin-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Chrome Extension Reviews

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-chrome-extension-reviews/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Chrome Extension Reviews Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-chrome-extension-reviews/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Pissedconsumer Reviews

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-pissedconsumer-reviews/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Pissedconsumer Reviews Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-pissedconsumer-reviews/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Google 5 Star Reviews

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-google-5-star-reviews/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Google 5 Star Reviews Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-google-5-star-reviews/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Google Negative Reviews

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-google-negative-reviews/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Google Negative Reviews Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-google-negative-reviews/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Verified Stripe Accounts

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-stripe-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Verified Stripe Accounts Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-stripe-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Telegram Accounts

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-telegram-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Telegram Accounts Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-telegram-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Old Gmail Accounts

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-ebay-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Old Gmail Accounts Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-ebay-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Verified eBay Accounts

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-ebay-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Verified eBay Accounts Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-ebay-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Verified Moonpay Accounts

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-moonpay-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Verified Moonpay Accounts Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-moonpay-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Verified PayPal Accounts

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-paypal-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Verified PayPal Accounts Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-paypal-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buy Verified Cash App Accounts

    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-cash-app-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Buy Verified Cash App Accounts Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-cash-app-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • Linux Kernel 6.18 ได้สถานะ LTS

    Linux Kernel 6.18 เปิดตัวเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2025 และได้รับการยืนยันจากนักพัฒนา Thorsten Leemhuis ว่าเป็น รุ่น LTS โดยมีอายุการสนับสนุนถึง ธันวาคม 2027 เช่นเดียวกับ Kernel 6.1 ที่ยังคงได้รับการดูแลอยู่ การประกาศนี้ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า Kernel รุ่นนี้จะเป็นหนึ่งในแกนหลักที่เสถียรสำหรับระบบปฏิบัติการ Linux ในอีกหลายปีข้างหน้า

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Kernel 6.18
    Kernel รุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญหลายอย่าง เช่น:
    Rust Binder Driver รองรับการพัฒนาไดรเวอร์ด้วยภาษา Rust เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของหน่วยความจำ
    dm-pcache device-mapper target สำหรับใช้ persistent memory เป็น cache ของ block devices ที่ช้ากว่า
    microcode= option สำหรับควบคุมการโหลด microcode บนแพลตฟอร์ม x86 ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับระบบ Linux รุ่นใหม่ ๆ

    สถานะการสนับสนุน Kernel รุ่นอื่น ๆ
    นอกจาก Kernel 6.18 แล้ว ปัจจุบัน Kernel.org ยังระบุรุ่นที่ได้รับการสนับสนุนดังนี้:
    Linux 6.12 และ 6.6 สนับสนุนถึงธันวาคม 2026
    Linux 6.1 และ 6.18 สนับสนุนถึงธันวาคม 2027
    Linux 5.15 และ 5.10 สนับสนุนถึงธันวาคม 2026 ในขณะเดียวกัน Linux 5.4 เพิ่งถูกประกาศเข้าสู่สถานะ EOL หลังจากได้รับการดูแลมานานกว่า 6 ปี

    มุมมองจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    การที่ Kernel 6.18 ได้สถานะ LTS ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรและปลอดภัย โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องการใช้ Linux ในงานระยะยาว เช่น เซิร์ฟเวอร์, ระบบ IoT, และโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ การสนับสนุนต่อเนื่องช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่และทำให้การบำรุงรักษาระบบมีความมั่นคงมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Linux Kernel 6.18 ได้สถานะ LTS
    สนับสนุนถึงธันวาคม 2027
    ยืนยันโดยนักพัฒนา Thorsten Leemhuis

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Kernel 6.18
    Rust Binder Driver เพิ่มความปลอดภัย
    dm-pcache ใช้ persistent memory เป็น cache
    microcode= option สำหรับ x86

    สถานะ Kernel รุ่นอื่น ๆ
    6.12 และ 6.6 สนับสนุนถึงธันวาคม 2026
    6.1 และ 6.18 สนับสนุนถึงธันวาคม 2027
    5.15 และ 5.10 สนับสนุนถึงธันวาคม 2026

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    Kernel 5.4 เข้าสู่ EOL แล้ว ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป
    ผู้ใช้ควรอัปเกรดไปยัง Kernel ที่ยังได้รับการสนับสนุนเพื่อความปลอดภัย

    https://9to5linux.com/its-official-linux-kernel-6-18-will-be-lts-supported-until-december-2027
    🛡️ Linux Kernel 6.18 ได้สถานะ LTS Linux Kernel 6.18 เปิดตัวเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2025 และได้รับการยืนยันจากนักพัฒนา Thorsten Leemhuis ว่าเป็น รุ่น LTS โดยมีอายุการสนับสนุนถึง ธันวาคม 2027 เช่นเดียวกับ Kernel 6.1 ที่ยังคงได้รับการดูแลอยู่ การประกาศนี้ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า Kernel รุ่นนี้จะเป็นหนึ่งในแกนหลักที่เสถียรสำหรับระบบปฏิบัติการ Linux ในอีกหลายปีข้างหน้า ⚙️ ฟีเจอร์ใหม่ใน Kernel 6.18 Kernel รุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญหลายอย่าง เช่น: 💠 Rust Binder Driver รองรับการพัฒนาไดรเวอร์ด้วยภาษา Rust เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของหน่วยความจำ 💠 dm-pcache device-mapper target สำหรับใช้ persistent memory เป็น cache ของ block devices ที่ช้ากว่า 💠 microcode= option สำหรับควบคุมการโหลด microcode บนแพลตฟอร์ม x86 ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับระบบ Linux รุ่นใหม่ ๆ 🔒 สถานะการสนับสนุน Kernel รุ่นอื่น ๆ นอกจาก Kernel 6.18 แล้ว ปัจจุบัน Kernel.org ยังระบุรุ่นที่ได้รับการสนับสนุนดังนี้: 💠 Linux 6.12 และ 6.6 สนับสนุนถึงธันวาคม 2026 💠 Linux 6.1 และ 6.18 สนับสนุนถึงธันวาคม 2027 💠 Linux 5.15 และ 5.10 สนับสนุนถึงธันวาคม 2026 ในขณะเดียวกัน Linux 5.4 เพิ่งถูกประกาศเข้าสู่สถานะ EOL หลังจากได้รับการดูแลมานานกว่า 6 ปี 🌐 มุมมองจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส การที่ Kernel 6.18 ได้สถานะ LTS ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรและปลอดภัย โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องการใช้ Linux ในงานระยะยาว เช่น เซิร์ฟเวอร์, ระบบ IoT, และโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ การสนับสนุนต่อเนื่องช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่และทำให้การบำรุงรักษาระบบมีความมั่นคงมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Linux Kernel 6.18 ได้สถานะ LTS ➡️ สนับสนุนถึงธันวาคม 2027 ➡️ ยืนยันโดยนักพัฒนา Thorsten Leemhuis ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Kernel 6.18 ➡️ Rust Binder Driver เพิ่มความปลอดภัย ➡️ dm-pcache ใช้ persistent memory เป็น cache ➡️ microcode= option สำหรับ x86 ✅ สถานะ Kernel รุ่นอื่น ๆ ➡️ 6.12 และ 6.6 สนับสนุนถึงธันวาคม 2026 ➡️ 6.1 และ 6.18 สนับสนุนถึงธันวาคม 2027 ➡️ 5.15 และ 5.10 สนับสนุนถึงธันวาคม 2026 ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ Kernel 5.4 เข้าสู่ EOL แล้ว ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป ⛔ ผู้ใช้ควรอัปเกรดไปยัง Kernel ที่ยังได้รับการสนับสนุนเพื่อความปลอดภัย https://9to5linux.com/its-official-linux-kernel-6-18-will-be-lts-supported-until-december-2027
    9TO5LINUX.COM
    It’s Official: Linux Kernel 6.18 Will Be LTS, Supported Until December 2027 - 9to5Linux
    Linux kernel 6.18 is now officially marked as LTS (Long-Term Support) on the kernel.org website and it will be supported until December 2027.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251203 #securityonline

    AI กำลังถูกใช้อย่างแพร่หลาย แต่การกำกับดูแลยังตามไม่ทัน
    รายงานใหม่ปี 2025 ชี้ให้เห็นว่าองค์กรกว่า 83% ใช้ AI ในการทำงานประจำวันแล้ว แต่มีเพียง 13% เท่านั้นที่บอกว่ามีการตรวจสอบการจัดการข้อมูลที่ชัดเจน ปัญหาคือ AI เริ่มทำงานเหมือน “ตัวตนใหม่” ที่ไม่เคยหยุดพักและเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่ามนุษย์ แต่ระบบการจัดการยังคงใช้โมเดลที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ ทำให้เกิดช่องโหว่ เช่น AI เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์ หรือไม่มีการควบคุมคำสั่งและผลลัพธ์ หลายองค์กรยอมรับว่าพวกเขาแทบไม่มีทีมกำกับดูแล AI และไม่พร้อมต่อกฎระเบียบใหม่ที่กำลังจะมา เสียงเตือนคือ “คุณไม่สามารถปกป้องสิ่งที่คุณไม่เห็น”
    https://securityonline.info/ai-adoption-surges-while-governance-lags-report-warns-of-growing-shadow-identity-risk

    Apple ปรับทีม AI ครั้งใหญ่ เปลี่ยนผู้นำเพื่อเร่งเครื่องตามคู่แข่ง
    John Giannandrea ผู้บริหารระดับสูงด้าน AI ของ Apple ที่เคยเป็นหัวหอกจาก Google จะก้าวลงจากตำแหน่งในปีหน้า หลังถูกวิจารณ์ว่าการพัฒนา AI ของ Apple ล่าช้ากว่าคู่แข่งหลายปี ทั้ง Siri ที่ปรับปรุงไม่ทันและ Apple Intelligence ที่เปิดตัวช้าเกินไป Tim Cook จึงตัดสินใจดึง Amar Subramanya อดีตหัวหน้าทีม Gemini ของ Google เข้ามาแทน โดยจะเน้นการพัฒนาโมเดลพื้นฐานและความปลอดภัยของ AI การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Apple ที่ต้องการผสาน AI เข้ากับทุกผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง แต่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาการสูญเสียบุคลากรด้านวิจัยหุ่นยนต์และทีมโมเดลหลักที่ทยอยลาออกไปยังบริษัทคู่แข่ง
    https://securityonline.info/apple-ai-shakeup-giannandrea-out-former-google-gemini-chief-amar-subramanya-hired

    Sonesta Hotels ยกระดับความปลอดภัยบนคลาวด์ด้วย AccuKnox
    เครือโรงแรม Sonesta International Hotels ประกาศความร่วมมือกับ AccuKnox เพื่อนำระบบ Zero Trust CNAPP มาใช้บน Microsoft Azure จุดเด่นคือการตรวจจับการตั้งค่าที่ผิดพลาดในระบบคลาวด์ การป้องกันการโจมตีแบบ Zero-Day และการทำงานร่วมกับ DevSecOps อย่างเต็มรูปแบบ Gartner เคยเตือนว่าหากองค์กรไม่ใช้ CNAPP จะขาดการมองเห็นภาพรวมของความเสี่ยงบนคลาวด์ Sonesta เลือก AccuKnox หลังทดสอบหลายเจ้า เพราะสามารถลดภาระงานวิศวกรได้ถึง 45% และมีฟีเจอร์ด้าน API Security และ AI/LLM Security ที่ตอบโจทย์อนาคต
    https://securityonline.info/sonesta-international-hotels-implements-industry-leading-cloud-security-through-accuknox-collaboration

    Coupang เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ กระทบผู้ใช้กว่า 33.7 ล้านราย
    แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ Coupang เผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงเมื่อข้อมูลผู้ใช้กว่า 33.7 ล้านรายถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งชื่อ อีเมล เบอร์โทร และที่อยู่จัดส่ง แม้ข้อมูลทางการเงินจะไม่ถูกเปิดเผย แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ทำ Social Engineering หรือหลอกลวงทางออนไลน์ เดิมทีบริษัทคิดว่ามีเพียง 4,500 บัญชีที่ได้รับผลกระทบ แต่การสอบสวนพบว่ามีการเชื่อมต่อฐานข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศตั้งแต่กลางปี 2025 และถูกดูดข้อมูลออกไป ปัจจุบันมีการระบุผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอดีตพนักงานที่หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว
    https://securityonline.info/alarm-coupang-data-breach-exposes-33-7-million-users-over-half-of-south-korea

    Europol ปิดบริการ CryptoMixer ยึด Bitcoin มูลค่า 25 ล้านยูโร
    หน่วยงาน Europol ประกาศความสำเร็จในการปิดแพลตฟอร์ม CryptoMixer ที่ถูกใช้เพื่อปกปิดเส้นทางการเงินของอาชญากรไซเบอร์ โดยสามารถยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 25 ล้านยูโร และข้อมูลกว่า 12TB CryptoMixer เคยประมวลผลธุรกรรมมากกว่า 1.3 พันล้านยูโรตั้งแต่ปี 2016 การทำงานของมันคือรวมเงินฝากของผู้ใช้แล้วกระจายใหม่แบบสุ่ม ทำให้ติดตามเส้นทางได้ยาก แม้บริการลักษณะนี้จะมีผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ก็ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญของการฟอกเงิน การปิดครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าบริการแบบรวมศูนย์มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกยึดทรัพย์และปิดระบบ ต่างจากบริการแบบกระจายศูนย์ที่แทบไม่สามารถจัดการได้
    https://securityonline.info/europol-shuts-down-cryptomixer-seizes-e25-million-in-bitcoin-12-tb-of-data

    AWS เปิดตัว Agentic AI ช่วยลดหนี้ทางเทคนิคและปรับปรุงโค้ดเก่า
    AWS ประกาศโครงการใหม่ชื่อว่า Transform ที่ใช้ Agentic AI เพื่อช่วยองค์กรปรับปรุงโค้ดเดิมให้ทันสมัย ลดภาระงานที่สะสมมานานจากระบบเก่า จุดเด่นคือการทำงานอัตโนมัติที่สามารถวิเคราะห์โค้ดและปรับปรุงให้เข้ากับมาตรฐานใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์มากเหมือนเดิม สิ่งนี้ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถโฟกัสไปที่นวัตกรรมแทนการแก้ไขงานซ้ำซาก ถือเป็นอีกก้าวที่ AWS พยายามผลักดัน AI ให้เข้าไปอยู่ในทุกมิติของการทำงานด้านเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/aws-transform-agentic-ai-automates-legacy-code-modernization-and-reduces-technical-debt

    AWS re:Invent 2025 เปิดตัว Marengo 3.0 และจับมือ Visa
    งานใหญ่ประจำปีของ AWS ครั้งนี้มีไฮไลต์คือการเปิดตัว Marengo 3.0 โมเดลวิดีโอใหม่ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวได้สมจริงมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดตัวความร่วมมือกับ Visa ในด้านการชำระเงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีการนำ Agentic AI มาใช้ในหลายบริการเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานอัตโนมัติ การประกาศเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า AWS กำลังเร่งขยายขอบเขต AI จากระบบคลาวด์ไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์และการเงินดิจิทัล
    https://securityonline.info/aws-reinvent-2025-agentic-ai-marengo-3-0-video-model-and-visa-payment-partnership

    AWS เปิดตัว Nova Sonic Voice และจับมือ Google Cloud
    อีกหนึ่งประกาศจาก AWS re:Invent คือการเปิดตัว Nova Sonic Voice เทคโนโลยีเสียงใหม่ที่ใช้ Agentic AI เพื่อสร้างเสียงพูดที่เป็นธรรมชาติและตอบสนองได้ทันที พร้อมทั้งจับมือกับ Google Cloud ในด้านระบบเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ นี่เป็นการขยายความร่วมมือที่น่าสนใจ เพราะสองยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์มักถูกมองว่าเป็นคู่แข่ง แต่ครั้งนี้กลับเลือกทำงานร่วมกันเพื่อผลักดัน AI ให้ก้าวไปอีกขั้น
    https://securityonline.info/aws-reinvent-agentic-ai-launches-with-nova-sonic-voice-partners-with-google-cloud-on-networking

    NVIDIA ลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Synopsys เพื่อพัฒนา AI สำหรับออกแบบชิป
    NVIDIA ประกาศลงทุนมหาศาลกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ใน Synopsys บริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบชิป เพื่อผสาน Agentic AI เข้ากับกระบวนการออกแบบฮาร์ดแวร์ จุดมุ่งหมายคือการเร่งการพัฒนาชิปที่ซับซ้อนให้เสร็จเร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาด การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่า AI จะเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบฮาร์ดแวร์ในอนาคต และยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ NVIDIA ในฐานะผู้นำด้าน AI และการประมวลผล
    https://securityonline.info/nvidia-invests-2-billion-in-synopsys-to-integrate-agentic-ai-into-chip-design

    อินเดียบังคับติดตั้งแอป Sanchar Saathi ที่ลบไม่ได้บนสมาร์ทโฟนใหม่
    รัฐบาลอินเดียออกกฎใหม่ให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องที่ขายในประเทศต้องติดตั้งแอป Sanchar Saathi โดยไม่สามารถลบออกได้ แอปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวงหรือถูกขโมย แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและสิทธิของผู้ใช้ เพราะการบังคับติดตั้งและไม่สามารถลบออกได้อาจเปิดช่องให้เกิดการติดตามหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการที่รัฐบาลพยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ต้องแลกมากับคำถามด้านสิทธิและเสรีภาพ
    https://securityonline.info/privacy-alert-india-mandates-undeletable-sanchar-saathi-app-on-all-new-smartphones

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Longwatch ทำให้ระบบเฝ้าระวังถูกยึด
    มีรายงานจาก CISA ว่าพบช่องโหว่ร้ายแรงในระบบ Longwatch ซึ่งใช้สำหรับการเฝ้าระวังและตรวจสอบในอุตสาหกรรม OT ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง HTTP GET โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน และสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ SYSTEM ได้ทันที เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมเซิร์ฟเวอร์เฝ้าระวังได้ทั้งหมด ปัญหานี้เกิดขึ้นในเวอร์ชัน 6.309 ถึง 6.334 และผู้พัฒนาก็ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 6.335 แล้ว ใครที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าจำเป็นต้องอัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
    https://securityonline.info/cisa-warns-critical-longwatch-rce-flaw-cve-2025-13658-cvss-9-8-allows-unauthenticated-system-takeover-of-ot-surveillance

    แพ็กเกจ Rust อันตราย "evm-units"
    นักพัฒนาที่ทำงานกับ Rust ต้องระวัง เพราะมีการค้นพบแพ็กเกจชื่อ "evm-units" ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโจมตีแบบลับ ๆ โดยมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาในสายคริปโต ตัวแพ็กเกจนี้ถูกปล่อยออกมาเหมือนเป็นเครื่องมือปกติ แต่จริง ๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่สามารถเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยไม่รู้ตัว ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความไว้ใจของนักพัฒนาเป็นเครื่องมือ
    https://securityonline.info/malicious-rust-package-evm-units-exposes-crypto-developers-to-stealth-attacks

    DOJ ปิดโดเมนแก๊งหลอกลวง "Tai Chang" ในพม่า
    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ได้เข้ายึดโดเมนที่เชื่อมโยงกับคอมพาวด์หลอกลวงชื่อ Tai Chang ในพม่า ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางของการทำ "Pig Butchering" หรือการหลอกลวงทางการเงินที่ใช้การสร้างความสัมพันธ์หลอกเหยื่อให้ลงทุนก่อนจะเชิดเงินหนี การปิดโดเมนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำลังระบาดหนักในภูมิภาค
    https://securityonline.info/doj-seizes-domain-of-burmas-notorious-tai-chang-scam-compound-to-disrupt-pig-butchering-fraud

    Chrome 143 อัปเดตแก้ช่องโหว่ 13 จุด
    Google ได้ปล่อย Chrome เวอร์ชัน 143 ที่มาพร้อมการแก้ไขช่องโหว่ถึง 13 จุด โดยหนึ่งในนั้นคือปัญหาใหญ่ใน V8 ที่ทำให้เกิด Type Confusion ซึ่งมีนักวิจัยด้านความปลอดภัยรายหนึ่งได้รับเงินรางวัลถึง 11,000 ดอลลาร์จากการค้นพบนี้ การอัปเดตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ทุกคน เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีผ่านเบราว์เซอร์ที่ใช้งานอยู่ทุกวัน
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/chrome-143-stable-fixes-13-flaws-high-severity-v8-type-confusion-earns-11000-bounty

    Django พบช่องโหว่ SQL Injection ใน PostgreSQL
    เฟรมเวิร์ก Django ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการพัฒนาเว็บ ถูกพบช่องโหว่ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ FilteredRelation ร่วมกับ PostgreSQL ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้เกิด SQL Injection ได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการโจมตีที่อันตรายที่สุด เพราะสามารถทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูลโดยตรง ทีม Django ได้ออกคำเตือนและแนะนำให้อัปเดตเวอร์ชันเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว
    https://securityonline.info/django-flaw-cve-2025-13372-allows-sql-injection-in-postgresql-filteredrelation

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Iskra iHUB
    CISA ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในอุปกรณ์ Iskra iHUB ที่ใช้สำหรับระบบสมาร์ทมิเตอร์ ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ายึดระบบได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ซึ่งหมายความว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมการทำงานของระบบสมาร์ทมิเตอร์ได้ทั้งหมด ถือเป็นภัยคุกคามต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญ การอัปเดตแพตช์จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน
    https://securityonline.info/cisa-warns-critical-iskra-ihub-flaw-cve-2025-13510-allows-unauthenticated-smart-metering-takeover

    ปลั๊กอิน Elementor มีช่องโหว่ร้ายแรง กำลังถูกโจมตี
    ปลั๊กอินยอดนิยมของ WordPress อย่าง Elementor ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ายึดสิทธิ์แอดมินได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 และที่น่ากังวลคือกำลังถูกโจมตีจริงในขณะนี้ ผู้ที่ใช้ปลั๊กอินนี้จำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียการควบคุมเว็บไซต์
    https://securityonline.info/critical-elementor-plugin-flaw-cve-2025-8489-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-admin-takeover

    Angular พบช่องโหว่ Stored XSS
    เฟรมเวิร์ก Angular ถูกค้นพบช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้เกิดการโจมตีแบบ Stored XSS ผ่านการใช้ SVG และ MathML โดยสามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่ามีความรุนแรงสูง เพราะทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายลงในเว็บและส่งผลต่อผู้ใช้งานที่เข้ามาเยี่ยมชมได้ทันที
    https://securityonline.info/high-severity-angular-flaw-cve-2025-66412-allows-stored-xss-via-svg-and-mathml-bypass

    ไลบรารี lz4-java ถูกยกเลิก พร้อมพบช่องโหว่ร้ายแรง
    มีการประกาศว่าไลบรารี lz4-java ถูกยกเลิกการพัฒนา และถูกค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบย้ายไปใช้ community fork โดยทันที ช่องโหว่นี้สร้างความเสี่ยงต่อระบบที่ยังคงใช้งานไลบรารีเวอร์ชันเดิมอยู่ การย้ายไปใช้เวอร์ชันใหม่จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
    https://securityonline.info/discontinued-library-high-severity-lz4-java-flaw-cve%E2%80%902025%E2%80%9012183-forces-immediate-migration-to-community-fork

    สตาร์ทอัพ Frenetik เปิดตัวเทคโนโลยีหลอกลวง AI
    บริษัทสตาร์ทอัพด้านไซเบอร์ชื่อ Frenetik เปิดตัวด้วยเทคโนโลยีการหลอกลวงที่จดสิทธิบัตร โดยตั้งเป้าใช้เทคนิคนี้เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI ที่ทวีความรุนแรงขึ้น เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างกับดักและทำให้ผู้โจมตีสับสน ถือเป็นแนวทางใหม่ที่น่าสนใจในการป้องกันภัยไซเบอร์
    https://securityonline.info/cyber-startup-frenetik-launches-with-patented-deception-technology-that-bets-against-the-ai-arms-race
    📌🔐🟢 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟢🔐📌 #รวมข่าวIT #20251203 #securityonline 🧠 AI กำลังถูกใช้อย่างแพร่หลาย แต่การกำกับดูแลยังตามไม่ทัน รายงานใหม่ปี 2025 ชี้ให้เห็นว่าองค์กรกว่า 83% ใช้ AI ในการทำงานประจำวันแล้ว แต่มีเพียง 13% เท่านั้นที่บอกว่ามีการตรวจสอบการจัดการข้อมูลที่ชัดเจน ปัญหาคือ AI เริ่มทำงานเหมือน “ตัวตนใหม่” ที่ไม่เคยหยุดพักและเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่ามนุษย์ แต่ระบบการจัดการยังคงใช้โมเดลที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ ทำให้เกิดช่องโหว่ เช่น AI เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์ หรือไม่มีการควบคุมคำสั่งและผลลัพธ์ หลายองค์กรยอมรับว่าพวกเขาแทบไม่มีทีมกำกับดูแล AI และไม่พร้อมต่อกฎระเบียบใหม่ที่กำลังจะมา เสียงเตือนคือ “คุณไม่สามารถปกป้องสิ่งที่คุณไม่เห็น” 🔗 https://securityonline.info/ai-adoption-surges-while-governance-lags-report-warns-of-growing-shadow-identity-risk 🍏 Apple ปรับทีม AI ครั้งใหญ่ เปลี่ยนผู้นำเพื่อเร่งเครื่องตามคู่แข่ง John Giannandrea ผู้บริหารระดับสูงด้าน AI ของ Apple ที่เคยเป็นหัวหอกจาก Google จะก้าวลงจากตำแหน่งในปีหน้า หลังถูกวิจารณ์ว่าการพัฒนา AI ของ Apple ล่าช้ากว่าคู่แข่งหลายปี ทั้ง Siri ที่ปรับปรุงไม่ทันและ Apple Intelligence ที่เปิดตัวช้าเกินไป Tim Cook จึงตัดสินใจดึง Amar Subramanya อดีตหัวหน้าทีม Gemini ของ Google เข้ามาแทน โดยจะเน้นการพัฒนาโมเดลพื้นฐานและความปลอดภัยของ AI การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Apple ที่ต้องการผสาน AI เข้ากับทุกผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง แต่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาการสูญเสียบุคลากรด้านวิจัยหุ่นยนต์และทีมโมเดลหลักที่ทยอยลาออกไปยังบริษัทคู่แข่ง 🔗 https://securityonline.info/apple-ai-shakeup-giannandrea-out-former-google-gemini-chief-amar-subramanya-hired 🏨 Sonesta Hotels ยกระดับความปลอดภัยบนคลาวด์ด้วย AccuKnox เครือโรงแรม Sonesta International Hotels ประกาศความร่วมมือกับ AccuKnox เพื่อนำระบบ Zero Trust CNAPP มาใช้บน Microsoft Azure จุดเด่นคือการตรวจจับการตั้งค่าที่ผิดพลาดในระบบคลาวด์ การป้องกันการโจมตีแบบ Zero-Day และการทำงานร่วมกับ DevSecOps อย่างเต็มรูปแบบ Gartner เคยเตือนว่าหากองค์กรไม่ใช้ CNAPP จะขาดการมองเห็นภาพรวมของความเสี่ยงบนคลาวด์ Sonesta เลือก AccuKnox หลังทดสอบหลายเจ้า เพราะสามารถลดภาระงานวิศวกรได้ถึง 45% และมีฟีเจอร์ด้าน API Security และ AI/LLM Security ที่ตอบโจทย์อนาคต 🔗 https://securityonline.info/sonesta-international-hotels-implements-industry-leading-cloud-security-through-accuknox-collaboration ⚠️ Coupang เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ กระทบผู้ใช้กว่า 33.7 ล้านราย แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ Coupang เผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงเมื่อข้อมูลผู้ใช้กว่า 33.7 ล้านรายถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งชื่อ อีเมล เบอร์โทร และที่อยู่จัดส่ง แม้ข้อมูลทางการเงินจะไม่ถูกเปิดเผย แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ทำ Social Engineering หรือหลอกลวงทางออนไลน์ เดิมทีบริษัทคิดว่ามีเพียง 4,500 บัญชีที่ได้รับผลกระทบ แต่การสอบสวนพบว่ามีการเชื่อมต่อฐานข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศตั้งแต่กลางปี 2025 และถูกดูดข้อมูลออกไป ปัจจุบันมีการระบุผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอดีตพนักงานที่หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว 🔗 https://securityonline.info/alarm-coupang-data-breach-exposes-33-7-million-users-over-half-of-south-korea 💰 Europol ปิดบริการ CryptoMixer ยึด Bitcoin มูลค่า 25 ล้านยูโร หน่วยงาน Europol ประกาศความสำเร็จในการปิดแพลตฟอร์ม CryptoMixer ที่ถูกใช้เพื่อปกปิดเส้นทางการเงินของอาชญากรไซเบอร์ โดยสามารถยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 25 ล้านยูโร และข้อมูลกว่า 12TB CryptoMixer เคยประมวลผลธุรกรรมมากกว่า 1.3 พันล้านยูโรตั้งแต่ปี 2016 การทำงานของมันคือรวมเงินฝากของผู้ใช้แล้วกระจายใหม่แบบสุ่ม ทำให้ติดตามเส้นทางได้ยาก แม้บริการลักษณะนี้จะมีผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ก็ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญของการฟอกเงิน การปิดครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าบริการแบบรวมศูนย์มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกยึดทรัพย์และปิดระบบ ต่างจากบริการแบบกระจายศูนย์ที่แทบไม่สามารถจัดการได้ 🔗 https://securityonline.info/europol-shuts-down-cryptomixer-seizes-e25-million-in-bitcoin-12-tb-of-data 💻 AWS เปิดตัว Agentic AI ช่วยลดหนี้ทางเทคนิคและปรับปรุงโค้ดเก่า AWS ประกาศโครงการใหม่ชื่อว่า Transform ที่ใช้ Agentic AI เพื่อช่วยองค์กรปรับปรุงโค้ดเดิมให้ทันสมัย ลดภาระงานที่สะสมมานานจากระบบเก่า จุดเด่นคือการทำงานอัตโนมัติที่สามารถวิเคราะห์โค้ดและปรับปรุงให้เข้ากับมาตรฐานใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์มากเหมือนเดิม สิ่งนี้ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถโฟกัสไปที่นวัตกรรมแทนการแก้ไขงานซ้ำซาก ถือเป็นอีกก้าวที่ AWS พยายามผลักดัน AI ให้เข้าไปอยู่ในทุกมิติของการทำงานด้านเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/aws-transform-agentic-ai-automates-legacy-code-modernization-and-reduces-technical-debt 🎤 AWS re:Invent 2025 เปิดตัว Marengo 3.0 และจับมือ Visa งานใหญ่ประจำปีของ AWS ครั้งนี้มีไฮไลต์คือการเปิดตัว Marengo 3.0 โมเดลวิดีโอใหม่ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวได้สมจริงมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดตัวความร่วมมือกับ Visa ในด้านการชำระเงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีการนำ Agentic AI มาใช้ในหลายบริการเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานอัตโนมัติ การประกาศเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า AWS กำลังเร่งขยายขอบเขต AI จากระบบคลาวด์ไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์และการเงินดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/aws-reinvent-2025-agentic-ai-marengo-3-0-video-model-and-visa-payment-partnership 🔊 AWS เปิดตัว Nova Sonic Voice และจับมือ Google Cloud อีกหนึ่งประกาศจาก AWS re:Invent คือการเปิดตัว Nova Sonic Voice เทคโนโลยีเสียงใหม่ที่ใช้ Agentic AI เพื่อสร้างเสียงพูดที่เป็นธรรมชาติและตอบสนองได้ทันที พร้อมทั้งจับมือกับ Google Cloud ในด้านระบบเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ นี่เป็นการขยายความร่วมมือที่น่าสนใจ เพราะสองยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์มักถูกมองว่าเป็นคู่แข่ง แต่ครั้งนี้กลับเลือกทำงานร่วมกันเพื่อผลักดัน AI ให้ก้าวไปอีกขั้น 🔗 https://securityonline.info/aws-reinvent-agentic-ai-launches-with-nova-sonic-voice-partners-with-google-cloud-on-networking 💸 NVIDIA ลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Synopsys เพื่อพัฒนา AI สำหรับออกแบบชิป NVIDIA ประกาศลงทุนมหาศาลกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ใน Synopsys บริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบชิป เพื่อผสาน Agentic AI เข้ากับกระบวนการออกแบบฮาร์ดแวร์ จุดมุ่งหมายคือการเร่งการพัฒนาชิปที่ซับซ้อนให้เสร็จเร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาด การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่า AI จะเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบฮาร์ดแวร์ในอนาคต และยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ NVIDIA ในฐานะผู้นำด้าน AI และการประมวลผล 🔗 https://securityonline.info/nvidia-invests-2-billion-in-synopsys-to-integrate-agentic-ai-into-chip-design 📱 อินเดียบังคับติดตั้งแอป Sanchar Saathi ที่ลบไม่ได้บนสมาร์ทโฟนใหม่ รัฐบาลอินเดียออกกฎใหม่ให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องที่ขายในประเทศต้องติดตั้งแอป Sanchar Saathi โดยไม่สามารถลบออกได้ แอปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวงหรือถูกขโมย แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและสิทธิของผู้ใช้ เพราะการบังคับติดตั้งและไม่สามารถลบออกได้อาจเปิดช่องให้เกิดการติดตามหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการที่รัฐบาลพยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ต้องแลกมากับคำถามด้านสิทธิและเสรีภาพ 🔗 https://securityonline.info/privacy-alert-india-mandates-undeletable-sanchar-saathi-app-on-all-new-smartphones 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Longwatch ทำให้ระบบเฝ้าระวังถูกยึด มีรายงานจาก CISA ว่าพบช่องโหว่ร้ายแรงในระบบ Longwatch ซึ่งใช้สำหรับการเฝ้าระวังและตรวจสอบในอุตสาหกรรม OT ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง HTTP GET โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน และสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ SYSTEM ได้ทันที เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมเซิร์ฟเวอร์เฝ้าระวังได้ทั้งหมด ปัญหานี้เกิดขึ้นในเวอร์ชัน 6.309 ถึง 6.334 และผู้พัฒนาก็ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 6.335 แล้ว ใครที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าจำเป็นต้องอัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง 🔗 https://securityonline.info/cisa-warns-critical-longwatch-rce-flaw-cve-2025-13658-cvss-9-8-allows-unauthenticated-system-takeover-of-ot-surveillance 🐍 แพ็กเกจ Rust อันตราย "evm-units" นักพัฒนาที่ทำงานกับ Rust ต้องระวัง เพราะมีการค้นพบแพ็กเกจชื่อ "evm-units" ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโจมตีแบบลับ ๆ โดยมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาในสายคริปโต ตัวแพ็กเกจนี้ถูกปล่อยออกมาเหมือนเป็นเครื่องมือปกติ แต่จริง ๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่สามารถเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยไม่รู้ตัว ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความไว้ใจของนักพัฒนาเป็นเครื่องมือ 🔗 https://securityonline.info/malicious-rust-package-evm-units-exposes-crypto-developers-to-stealth-attacks ⚖️ DOJ ปิดโดเมนแก๊งหลอกลวง "Tai Chang" ในพม่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ได้เข้ายึดโดเมนที่เชื่อมโยงกับคอมพาวด์หลอกลวงชื่อ Tai Chang ในพม่า ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางของการทำ "Pig Butchering" หรือการหลอกลวงทางการเงินที่ใช้การสร้างความสัมพันธ์หลอกเหยื่อให้ลงทุนก่อนจะเชิดเงินหนี การปิดโดเมนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำลังระบาดหนักในภูมิภาค 🔗 https://securityonline.info/doj-seizes-domain-of-burmas-notorious-tai-chang-scam-compound-to-disrupt-pig-butchering-fraud 🌐 Chrome 143 อัปเดตแก้ช่องโหว่ 13 จุด Google ได้ปล่อย Chrome เวอร์ชัน 143 ที่มาพร้อมการแก้ไขช่องโหว่ถึง 13 จุด โดยหนึ่งในนั้นคือปัญหาใหญ่ใน V8 ที่ทำให้เกิด Type Confusion ซึ่งมีนักวิจัยด้านความปลอดภัยรายหนึ่งได้รับเงินรางวัลถึง 11,000 ดอลลาร์จากการค้นพบนี้ การอัปเดตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ทุกคน เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีผ่านเบราว์เซอร์ที่ใช้งานอยู่ทุกวัน ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/chrome-143-stable-fixes-13-flaws-high-severity-v8-type-confusion-earns-11000-bounty 🐘 Django พบช่องโหว่ SQL Injection ใน PostgreSQL เฟรมเวิร์ก Django ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการพัฒนาเว็บ ถูกพบช่องโหว่ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ FilteredRelation ร่วมกับ PostgreSQL ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้เกิด SQL Injection ได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการโจมตีที่อันตรายที่สุด เพราะสามารถทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูลโดยตรง ทีม Django ได้ออกคำเตือนและแนะนำให้อัปเดตเวอร์ชันเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว 🔗 https://securityonline.info/django-flaw-cve-2025-13372-allows-sql-injection-in-postgresql-filteredrelation ⚡ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Iskra iHUB CISA ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในอุปกรณ์ Iskra iHUB ที่ใช้สำหรับระบบสมาร์ทมิเตอร์ ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ายึดระบบได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ซึ่งหมายความว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมการทำงานของระบบสมาร์ทมิเตอร์ได้ทั้งหมด ถือเป็นภัยคุกคามต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญ การอัปเดตแพตช์จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน 🔗 https://securityonline.info/cisa-warns-critical-iskra-ihub-flaw-cve-2025-13510-allows-unauthenticated-smart-metering-takeover 🖥️ ปลั๊กอิน Elementor มีช่องโหว่ร้ายแรง กำลังถูกโจมตี ปลั๊กอินยอดนิยมของ WordPress อย่าง Elementor ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ายึดสิทธิ์แอดมินได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 และที่น่ากังวลคือกำลังถูกโจมตีจริงในขณะนี้ ผู้ที่ใช้ปลั๊กอินนี้จำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียการควบคุมเว็บไซต์ 🔗 https://securityonline.info/critical-elementor-plugin-flaw-cve-2025-8489-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-admin-takeover 🕸️ Angular พบช่องโหว่ Stored XSS เฟรมเวิร์ก Angular ถูกค้นพบช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้เกิดการโจมตีแบบ Stored XSS ผ่านการใช้ SVG และ MathML โดยสามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่ามีความรุนแรงสูง เพราะทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายลงในเว็บและส่งผลต่อผู้ใช้งานที่เข้ามาเยี่ยมชมได้ทันที 🔗 https://securityonline.info/high-severity-angular-flaw-cve-2025-66412-allows-stored-xss-via-svg-and-mathml-bypass 📦 ไลบรารี lz4-java ถูกยกเลิก พร้อมพบช่องโหว่ร้ายแรง มีการประกาศว่าไลบรารี lz4-java ถูกยกเลิกการพัฒนา และถูกค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบย้ายไปใช้ community fork โดยทันที ช่องโหว่นี้สร้างความเสี่ยงต่อระบบที่ยังคงใช้งานไลบรารีเวอร์ชันเดิมอยู่ การย้ายไปใช้เวอร์ชันใหม่จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🔗 https://securityonline.info/discontinued-library-high-severity-lz4-java-flaw-cve%E2%80%902025%E2%80%9012183-forces-immediate-migration-to-community-fork 🚀 สตาร์ทอัพ Frenetik เปิดตัวเทคโนโลยีหลอกลวง AI บริษัทสตาร์ทอัพด้านไซเบอร์ชื่อ Frenetik เปิดตัวด้วยเทคโนโลยีการหลอกลวงที่จดสิทธิบัตร โดยตั้งเป้าใช้เทคนิคนี้เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI ที่ทวีความรุนแรงขึ้น เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างกับดักและทำให้ผู้โจมตีสับสน ถือเป็นแนวทางใหม่ที่น่าสนใจในการป้องกันภัยไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/cyber-startup-frenetik-launches-with-patented-deception-technology-that-bets-against-the-ai-arms-race
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Mistral 3 – ยกระดับ AI Open Source สู่ยุค Multimodal และ Reasoning”

    Mistral AI ประกาศเปิดตัว Mistral 3 ซึ่งเป็นเจเนอเรชันใหม่ของโมเดล AI ที่เน้นความเปิดกว้างและการเข้าถึง โดยมีทั้งรุ่นเล็กที่เหมาะกับการใช้งาน edge (Ministral 3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3 ที่ถือเป็นโมเดล Mixture-of-Experts รุ่นแรกของบริษัทนับตั้งแต่ Mixtral series จุดเด่นคือการใช้ 41B active parameters จากทั้งหมด 675B ทำให้สามารถรองรับงาน reasoning และ multilingual ได้ในระดับสูงสุด

    Mistral Large 3 ถูกเทรนจากศูนย์ด้วย GPU NVIDIA H200 จำนวน 3000 ตัว และหลังการปรับแต่ง (post-training) สามารถทำงานได้ทัดเทียมกับโมเดล instruction-tuned ชั้นนำในตลาด ทั้งด้านการเข้าใจภาพ (image understanding) และการสนทนาแบบหลายภาษา โดยติดอันดับ #2 ในหมวด OSS non-reasoning models และ #6 รวมทั้งหมดบน LMArena leaderboard

    นอกจากนี้ Mistral ยังร่วมมือกับ NVIDIA, vLLM และ Red Hat เพื่อทำให้การใช้งาน Mistral 3 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การรองรับ speculative decoding, Blackwell attention และการ deploy บน edge devices อย่าง Jetson และ RTX PCs ได้อย่างราบรื่น จุดนี้ทำให้ Mistral 3 ไม่เพียงแต่เป็นโมเดลสำหรับ data center แต่ยังสามารถใช้งานในหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์พกพาได้ด้วย

    สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป Mistral 3 พร้อมให้ใช้งานแล้วบนหลายแพลตฟอร์ม เช่น Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX และ OpenRouter รวมถึงบริการ API ของ Mistral AI เอง อีกทั้งยังมีบริการ custom training สำหรับองค์กรที่ต้องการปรับแต่งโมเดลให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การวิเคราะห์เอกสาร, coding, หรือ creative collaboration

    สรุปเป็นหัวข้อ
    คุณสมบัติหลักของ Mistral 3
    มีทั้งรุ่นเล็ก (3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3
    รองรับ multimodal (ข้อความ + ภาพ) และ multilingual (40+ ภาษา)
    ใช้ Mixture-of-Experts พร้อม 41B active parameters จากทั้งหมด 675B

    ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี
    เทรนด้วย NVIDIA H200 GPUs กว่า 3000 ตัว
    รองรับ speculative decoding และ Blackwell attention
    ใช้งานได้ทั้ง data center และ edge devices เช่น Jetson, RTX PCs

    การเข้าถึงและการใช้งาน
    เปิดให้ใช้งานบน Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX
    มีบริการ API และ custom training สำหรับองค์กร
    โมเดลทั้งหมดเปิดภายใต้ Apache 2.0 license

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    แม้จะเป็น open-source แต่การ deploy บนระบบใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงมาก
    การใช้งาน reasoning model อาจมี latency สูงกว่า instruct model
    องค์กรต้องมีการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์

    https://mistral.ai/news/mistral-3
    🤖 “Mistral 3 – ยกระดับ AI Open Source สู่ยุค Multimodal และ Reasoning” Mistral AI ประกาศเปิดตัว Mistral 3 ซึ่งเป็นเจเนอเรชันใหม่ของโมเดล AI ที่เน้นความเปิดกว้างและการเข้าถึง โดยมีทั้งรุ่นเล็กที่เหมาะกับการใช้งาน edge (Ministral 3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3 ที่ถือเป็นโมเดล Mixture-of-Experts รุ่นแรกของบริษัทนับตั้งแต่ Mixtral series จุดเด่นคือการใช้ 41B active parameters จากทั้งหมด 675B ทำให้สามารถรองรับงาน reasoning และ multilingual ได้ในระดับสูงสุด Mistral Large 3 ถูกเทรนจากศูนย์ด้วย GPU NVIDIA H200 จำนวน 3000 ตัว และหลังการปรับแต่ง (post-training) สามารถทำงานได้ทัดเทียมกับโมเดล instruction-tuned ชั้นนำในตลาด ทั้งด้านการเข้าใจภาพ (image understanding) และการสนทนาแบบหลายภาษา โดยติดอันดับ #2 ในหมวด OSS non-reasoning models และ #6 รวมทั้งหมดบน LMArena leaderboard นอกจากนี้ Mistral ยังร่วมมือกับ NVIDIA, vLLM และ Red Hat เพื่อทำให้การใช้งาน Mistral 3 มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การรองรับ speculative decoding, Blackwell attention และการ deploy บน edge devices อย่าง Jetson และ RTX PCs ได้อย่างราบรื่น จุดนี้ทำให้ Mistral 3 ไม่เพียงแต่เป็นโมเดลสำหรับ data center แต่ยังสามารถใช้งานในหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์พกพาได้ด้วย สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป Mistral 3 พร้อมให้ใช้งานแล้วบนหลายแพลตฟอร์ม เช่น Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX และ OpenRouter รวมถึงบริการ API ของ Mistral AI เอง อีกทั้งยังมีบริการ custom training สำหรับองค์กรที่ต้องการปรับแต่งโมเดลให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การวิเคราะห์เอกสาร, coding, หรือ creative collaboration 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ คุณสมบัติหลักของ Mistral 3 ➡️ มีทั้งรุ่นเล็ก (3B, 8B, 14B) และรุ่นใหญ่ Mistral Large 3 ➡️ รองรับ multimodal (ข้อความ + ภาพ) และ multilingual (40+ ภาษา) ➡️ ใช้ Mixture-of-Experts พร้อม 41B active parameters จากทั้งหมด 675B ✅ ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ➡️ เทรนด้วย NVIDIA H200 GPUs กว่า 3000 ตัว ➡️ รองรับ speculative decoding และ Blackwell attention ➡️ ใช้งานได้ทั้ง data center และ edge devices เช่น Jetson, RTX PCs ✅ การเข้าถึงและการใช้งาน ➡️ เปิดให้ใช้งานบน Hugging Face, Amazon Bedrock, Azure Foundry, IBM WatsonX ➡️ มีบริการ API และ custom training สำหรับองค์กร ➡️ โมเดลทั้งหมดเปิดภายใต้ Apache 2.0 license ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ แม้จะเป็น open-source แต่การ deploy บนระบบใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรสูงมาก ⛔ การใช้งาน reasoning model อาจมี latency สูงกว่า instruct model ⛔ องค์กรต้องมีการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์ https://mistral.ai/news/mistral-3
    MISTRAL.AI
    Introducing Mistral 3 | Mistral AI
    A family of frontier open-source multimodal models
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts