• บูรพาไม่แพ้ Ep.152 : เขมร 3 ฝ่าย ชิงอำนาจกัมพูชา
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ตอนนี้จะแนะนำบุคคลสำคัญ 3 คน ที่กำลังช่วงชิงอำนาจในเขมร โดยแต่ละฝ่ายก็มีฐานมวลชน และชาติมหาอำนาจหนุนหลัง รวมถึงจะประเมินว่า แต่ละขั้วอำนาจมีท่าทีต่อประเทศไทยอย่างไร และระบอบฮุนเซนจะอยู่ยั้งยืนยงได้อีกนานแค่ไหน ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=Nh2zIzSnTZY
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #3ขั้วอำนาจกัมพูชา #ฮุนเซน #สมรังสี #เจ้านโรดมจักราวุธ
    บูรพาไม่แพ้ Ep.152 : เขมร 3 ฝ่าย ชิงอำนาจกัมพูชา . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ตอนนี้จะแนะนำบุคคลสำคัญ 3 คน ที่กำลังช่วงชิงอำนาจในเขมร โดยแต่ละฝ่ายก็มีฐานมวลชน และชาติมหาอำนาจหนุนหลัง รวมถึงจะประเมินว่า แต่ละขั้วอำนาจมีท่าทีต่อประเทศไทยอย่างไร และระบอบฮุนเซนจะอยู่ยั้งยืนยงได้อีกนานแค่ไหน ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=Nh2zIzSnTZY . #บูรพาไม่แพ้ #3ขั้วอำนาจกัมพูชา #ฮุนเซน #สมรังสี #เจ้านโรดมจักราวุธ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านอาหารตามสั่งหนูกร Ep.2ให้เยอะ ราคาเบา รสชาติดี แถวๆนี้เค้ารู้กัน #ร้านอาหารใกล้ฉัน #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อาหาร #ต้องลอง #ของอร่อยบอกต่อ #eat #food #streetfood #thaifood #thailand #thaitimes #kaiaminute
    ✨ร้านอาหารตามสั่งหนูกร Ep.2💖ให้เยอะ ราคาเบา รสชาติดี แถวๆนี้เค้ารู้กัน😁 #ร้านอาหารใกล้ฉัน #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อาหาร #ต้องลอง #ของอร่อยบอกต่อ #eat #food #streetfood #thaifood #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • EP 135
    ใช้เทคนิควิเคราะห์หุ้น M ( เอ็มเค สุกี้ )

    BY.
    EP 135 ใช้เทคนิควิเคราะห์หุ้น M ( เอ็มเค สุกี้ ) BY.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • EP 134
    มาแชร์เรื่องเทคนิคอลระหว่างเส้น SMA กับ EMA คุณชอบตัวไหน
    BY.
    EP 134 มาแชร์เรื่องเทคนิคอลระหว่างเส้น SMA กับ EMA คุณชอบตัวไหน BY.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Prusa เปิดตัว Open Community License

    Josef Prusa และทีมงาน Prusa Research ประกาศเปิดตัว OCL (Open Community License) ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กใหม่สำหรับการแชร์ไฟล์ฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้สร้างสามารถแบ่งปันงานออกแบบกับผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างอิสระ แต่ยังคงมีข้อกำหนดที่ป้องกันไม่ให้บริษัทนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ขออนุญาต

    ปัญหาที่นำไปสู่การสร้าง OCL
    ในอดีตงานออกแบบของ Prusa เช่น MMU1 multiplexer ถูกบริษัทอื่นนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ให้เครดิตหรือแบ่งปันการปรับปรุงกลับคืน ทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สเสียประโยชน์ และบางครั้งถึงขั้นถูกโจมตีด้วยการจดสิทธิบัตรทับงานที่เผยแพร่ฟรี เช่นกรณีโมเดล Lucky 13 ที่ถูก “patent troll” ขโมยไปจดสิทธิบัตรและเรียกค่าลิขสิทธิ์

    สิทธิและข้อกำหนดใน OCL
    OCL อนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปและนักออกแบบสามารถ แก้ไข, แชร์, และใช้ภายในเชิงพาณิชย์ ได้ เช่น การใช้ในโรงงานผลิตหรือการสร้างอะไหล่ แต่ห้ามขายเครื่องพิมพ์หรือดีไซน์ที่ดัดแปลงโดยตรงโดยไม่ทำสัญญาเพิ่มเติม ข้อกำหนดนี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างการเปิดกว้างกับการปกป้องสิทธิของผู้สร้าง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    OCL ถือเป็นการยกระดับการปกป้องงานโอเพ่นซอร์สในเชิงกฎหมาย โดยเพิ่มเครื่องมือให้ผู้สร้างสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ง่ายขึ้นหากมีการละเมิด นอกจากนี้ยังรวมถึง สิทธิในการซ่อม (Right-to-Repair) และการป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ฝึก AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นประเด็นร้อนในวงการเทคโนโลยีปัจจุบัน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเปิดตัว OCL โดย Prusa Research
    เฟรมเวิร์กใหม่เพื่อแชร์งานออกแบบโอเพ่นซอร์สอย่างปลอดภัย
    ป้องกันการนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ให้เครดิต

    ปัญหาที่นำไปสู่ OCL
    งานออกแบบถูกบริษัทอื่นนำไปใช้โดยไม่แบ่งปันกลับ
    กรณี Lucky 13 ถูกจดสิทธิบัตรทับและเรียกค่าลิขสิทธิ์

    สิทธิและข้อกำหนดใน OCL
    ใช้, แก้ไข, แชร์ และใช้ภายในเชิงพาณิชย์ได้
    ห้ามขายเครื่องหรือดีไซน์ดัดแปลงโดยตรง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    เพิ่มเครื่องมือทางกฎหมายให้ผู้สร้างโอเพ่นซอร์ส
    รวมสิทธิในการซ่อมและการป้องกันการใช้ข้อมูลฝึก AI

    คำเตือนและข้อจำกัด
    หากบริษัทละเมิด OCL อาจถูกดำเนินคดีได้ง่ายขึ้น
    ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟล์ที่ใช้ยังอยู่ภายใต้ OCL

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/prusa-research-introduces-the-open-community-license-to-protect-open-source-3d-printing-hardware-new-rules-aimed-at-addressing-industry-abuses
    🖨️ Prusa เปิดตัว Open Community License Josef Prusa และทีมงาน Prusa Research ประกาศเปิดตัว OCL (Open Community License) ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กใหม่สำหรับการแชร์ไฟล์ฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้สร้างสามารถแบ่งปันงานออกแบบกับผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างอิสระ แต่ยังคงมีข้อกำหนดที่ป้องกันไม่ให้บริษัทนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ขออนุญาต ⚡ ปัญหาที่นำไปสู่การสร้าง OCL ในอดีตงานออกแบบของ Prusa เช่น MMU1 multiplexer ถูกบริษัทอื่นนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ให้เครดิตหรือแบ่งปันการปรับปรุงกลับคืน ทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สเสียประโยชน์ และบางครั้งถึงขั้นถูกโจมตีด้วยการจดสิทธิบัตรทับงานที่เผยแพร่ฟรี เช่นกรณีโมเดล Lucky 13 ที่ถูก “patent troll” ขโมยไปจดสิทธิบัตรและเรียกค่าลิขสิทธิ์ 🌍 สิทธิและข้อกำหนดใน OCL OCL อนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปและนักออกแบบสามารถ แก้ไข, แชร์, และใช้ภายในเชิงพาณิชย์ ได้ เช่น การใช้ในโรงงานผลิตหรือการสร้างอะไหล่ แต่ห้ามขายเครื่องพิมพ์หรือดีไซน์ที่ดัดแปลงโดยตรงโดยไม่ทำสัญญาเพิ่มเติม ข้อกำหนดนี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างการเปิดกว้างกับการปกป้องสิทธิของผู้สร้าง ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม OCL ถือเป็นการยกระดับการปกป้องงานโอเพ่นซอร์สในเชิงกฎหมาย โดยเพิ่มเครื่องมือให้ผู้สร้างสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ง่ายขึ้นหากมีการละเมิด นอกจากนี้ยังรวมถึง สิทธิในการซ่อม (Right-to-Repair) และการป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ฝึก AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นประเด็นร้อนในวงการเทคโนโลยีปัจจุบัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเปิดตัว OCL โดย Prusa Research ➡️ เฟรมเวิร์กใหม่เพื่อแชร์งานออกแบบโอเพ่นซอร์สอย่างปลอดภัย ➡️ ป้องกันการนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ให้เครดิต ✅ ปัญหาที่นำไปสู่ OCL ➡️ งานออกแบบถูกบริษัทอื่นนำไปใช้โดยไม่แบ่งปันกลับ ➡️ กรณี Lucky 13 ถูกจดสิทธิบัตรทับและเรียกค่าลิขสิทธิ์ ✅ สิทธิและข้อกำหนดใน OCL ➡️ ใช้, แก้ไข, แชร์ และใช้ภายในเชิงพาณิชย์ได้ ➡️ ห้ามขายเครื่องหรือดีไซน์ดัดแปลงโดยตรง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ เพิ่มเครื่องมือทางกฎหมายให้ผู้สร้างโอเพ่นซอร์ส ➡️ รวมสิทธิในการซ่อมและการป้องกันการใช้ข้อมูลฝึก AI ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ หากบริษัทละเมิด OCL อาจถูกดำเนินคดีได้ง่ายขึ้น ⛔ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟล์ที่ใช้ยังอยู่ภายใต้ OCL https://www.tomshardware.com/3d-printing/prusa-research-introduces-the-open-community-license-to-protect-open-source-3d-printing-hardware-new-rules-aimed-at-addressing-industry-abuses
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Prusa Research introduces the Open Community License to protect open source 3D Printing hardware — new rules aimed at addressing industry abuses
    Full STEP and Fusion CAD files for the CORE One+ and CORE One L are now available on Printables under the new OCL license.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • YouTube และ Google ล่มพร้อมกัน

    ตั้งแต่เช้าวันศุกร์ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรรายงานว่าไม่สามารถใช้งาน YouTube, YouTube TV และ Google Search ได้ตามปกติ โดยเฉพาะ YouTube ที่มีรายงานปัญหามากกว่า 10,000 เคสในช่วงชั่วโมงเดียว ทำให้เป็นบริการที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด

    สัญญาณจาก Downdetector และ Cloudflare
    ข้อมูลจาก Downdetector แสดงให้เห็นการพุ่งสูงของการแจ้งปัญหาในหลายบริการพร้อมกัน ทั้ง YouTube, Google TV, Google Search รวมถึงแอปอื่น ๆ เช่น The Weather Channel และ Target ขณะเดียวกัน Cloudflare รายงานว่ามีปัญหาเครือข่ายเล็กน้อยในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ได้แก้ไขไปแล้ว ทำให้ยังไม่แน่ชัดว่าปัญหามาจาก Google โดยตรงหรือจากโครงสร้างพื้นฐานภายนอก

    การตอบสนองและสถานการณ์ล่าสุด
    Google ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่มีการอัปเดตว่าเพิ่งปล่อย Core Algorithm Update เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบ อย่างไรก็ตาม สถานะบริการของ Google ยังคงแสดงว่า “ปกติ” ทำให้ผู้ใช้บางส่วนยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ขณะที่บางพื้นที่ยังคงพบปัญหา

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การล่มครั้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อการใช้งานทั่วไป แต่ยังส่งผลต่อผู้ที่พึ่งพา YouTube TV ในการรับชมรายการสด และผู้ใช้ Google Search ในการทำงานหรือค้นหาข้อมูล ปัญหาลักษณะนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของบริการออนไลน์ที่มีผู้ใช้จำนวนมหาศาลทั่วโลก

    สรุปเป็นหัวข้อ
    บริการที่ได้รับผลกระทบ
    YouTube มีรายงานปัญหามากกว่า 10,000 เคส
    Google Search และ YouTube TV มีรายงานหลายร้อยเคส

    ข้อมูลจาก Downdetector และ Cloudflare
    หลายบริการมีการแจ้งปัญหาพร้อมกัน
    Cloudflare เคยมีปัญหาเครือข่าย แต่แก้ไขแล้ว

    สถานการณ์ล่าสุด
    Google ปล่อย Core Algorithm Update เมื่อ 11 ธันวาคม
    สถานะบริการยังคงแสดง “ปกติ”

    คำเตือนและผลกระทบ
    ผู้ใช้บางพื้นที่ยังไม่สามารถใช้งานได้
    กระทบต่อการทำงานและการรับชมรายการสด
    สะท้อนความเปราะบางของบริการออนไลน์ระดับโลก

    https://www.tomshardware.com/news/live/ongoing-youtube-google-outage-reported-outage-spikes-across-popular-services
    📺 YouTube และ Google ล่มพร้อมกัน ตั้งแต่เช้าวันศุกร์ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรรายงานว่าไม่สามารถใช้งาน YouTube, YouTube TV และ Google Search ได้ตามปกติ โดยเฉพาะ YouTube ที่มีรายงานปัญหามากกว่า 10,000 เคสในช่วงชั่วโมงเดียว ทำให้เป็นบริการที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด 🌐 สัญญาณจาก Downdetector และ Cloudflare ข้อมูลจาก Downdetector แสดงให้เห็นการพุ่งสูงของการแจ้งปัญหาในหลายบริการพร้อมกัน ทั้ง YouTube, Google TV, Google Search รวมถึงแอปอื่น ๆ เช่น The Weather Channel และ Target ขณะเดียวกัน Cloudflare รายงานว่ามีปัญหาเครือข่ายเล็กน้อยในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ได้แก้ไขไปแล้ว ทำให้ยังไม่แน่ชัดว่าปัญหามาจาก Google โดยตรงหรือจากโครงสร้างพื้นฐานภายนอก 🛠️ การตอบสนองและสถานการณ์ล่าสุด Google ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่มีการอัปเดตว่าเพิ่งปล่อย Core Algorithm Update เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบ อย่างไรก็ตาม สถานะบริการของ Google ยังคงแสดงว่า “ปกติ” ทำให้ผู้ใช้บางส่วนยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ขณะที่บางพื้นที่ยังคงพบปัญหา ⚠️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ การล่มครั้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อการใช้งานทั่วไป แต่ยังส่งผลต่อผู้ที่พึ่งพา YouTube TV ในการรับชมรายการสด และผู้ใช้ Google Search ในการทำงานหรือค้นหาข้อมูล ปัญหาลักษณะนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของบริการออนไลน์ที่มีผู้ใช้จำนวนมหาศาลทั่วโลก 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ บริการที่ได้รับผลกระทบ ➡️ YouTube มีรายงานปัญหามากกว่า 10,000 เคส ➡️ Google Search และ YouTube TV มีรายงานหลายร้อยเคส ✅ ข้อมูลจาก Downdetector และ Cloudflare ➡️ หลายบริการมีการแจ้งปัญหาพร้อมกัน ➡️ Cloudflare เคยมีปัญหาเครือข่าย แต่แก้ไขแล้ว ✅ สถานการณ์ล่าสุด ➡️ Google ปล่อย Core Algorithm Update เมื่อ 11 ธันวาคม ➡️ สถานะบริการยังคงแสดง “ปกติ” ‼️ คำเตือนและผลกระทบ ⛔ ผู้ใช้บางพื้นที่ยังไม่สามารถใช้งานได้ ⛔ กระทบต่อการทำงานและการรับชมรายการสด ⛔ สะท้อนความเปราะบางของบริการออนไลน์ระดับโลก https://www.tomshardware.com/news/live/ongoing-youtube-google-outage-reported-outage-spikes-across-popular-services
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีเหนือกับสถิติการโจรกรรมคริปโต

    รายงานจาก Chainalysis ระบุว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเกาหลีเหนือสามารถขโมยคริปโตได้มากถึง 2.02 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่มีการบันทึกมา โดยรวมแล้วตั้งแต่เริ่มมีการติดตาม เกาหลีเหนือได้ขโมยไปแล้วกว่า 6.75 พันล้านดอลลาร์ การโจมตีเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อแพลตฟอร์มคริปโต แต่ยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญให้กับรัฐบาลที่ถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

    เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน
    หนึ่งในวิธีที่ DPRK ใช้คือการส่งคนไปแฝงตัวเป็น IT professionals ในบริษัทเป้าหมาย เพื่อเข้าถึงระบบภายในและหาช่องโหว่ นอกจากนี้ยังมีการสร้าง ประกาศรับสมัครงานปลอม ที่บังคับให้ผู้สมัครติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว ซึ่งมัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น credentials, source code และ SSO access ได้ อีกทั้งยังมีการหลอกผู้บริหารด้วยข้อเสนอซื้อกิจการปลอม เพื่อใช้กระบวนการตรวจสอบข้อมูลในการเจาะระบบ

    การโจมตีครั้งใหญ่: ByBit Hack
    เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือการโจมตีแพลตฟอร์ม ByBit ที่สูญเงินไปกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่ง FBI ยืนยันว่าเป็นฝีมือของแฮกเกอร์จาก DPRK การโจมตีครั้งนี้คิดเป็นเกือบ 75% ของมูลค่าที่ DPRK ขโมยไปในปีเดียว และสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเลือกเป้าหมายที่ใหญ่และมีผลกระทบสูง

    แนวโน้มและคำเตือน
    แม้จำนวนการโจมตีโดยรวมจะลดลง แต่ความเสียหายกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจาก DPRK มุ่งเป้าไปที่องค์กรใหญ่และระบบที่มีมูลค่าสูง แพลตฟอร์ม DeFi หลายแห่งเริ่มมีมาตรการป้องกันที่เข้มแข็งขึ้น ทำให้แฮกเกอร์หันไปโจมตี exchange, custodians และกระเป๋าเงินส่วนบุคคล ที่มีการป้องกันอ่อนแอกว่า

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สถิติการโจรกรรมคริปโตของ DPRK
    ปี 2025 ขโมยได้ 2.02 พันล้านดอลลาร์
    รวมตั้งแต่เริ่มบันทึกกว่า 6.75 พันล้านดอลลาร์

    เทคนิคการโจมตี
    แฝงตัวเป็น IT professionals ในบริษัทเป้าหมาย
    ประกาศรับสมัครงานปลอมพร้อมมัลแวร์
    หลอกผู้บริหารด้วยข้อเสนอซื้อกิจการ

    เหตุการณ์สำคัญ
    ByBit สูญเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์
    FBI ยืนยันเป็นฝีมือ DPRK

    คำเตือนและแนวโน้ม
    จำนวนการโจมตีลดลง แต่ความเสียหายเพิ่มขึ้น
    เป้าหมายหลักคือ exchange, custodians และกระเป๋าเงินส่วนบุคคล
    สะท้อนว่าระบบที่อ่อนแอยังคงเสี่ยงสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/north-korean-hackers-steal-a-record-usd2-billion-in-crypto-in-2025-including-single-heist-worth-usd1-5-billion-report-claims-rogue-state-accounts-for-60-percent-of-all-reported-crypto-thefts-this-year-usd6-75-billion-total-since-records-began
    💰 เกาหลีเหนือกับสถิติการโจรกรรมคริปโต รายงานจาก Chainalysis ระบุว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเกาหลีเหนือสามารถขโมยคริปโตได้มากถึง 2.02 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่มีการบันทึกมา โดยรวมแล้วตั้งแต่เริ่มมีการติดตาม เกาหลีเหนือได้ขโมยไปแล้วกว่า 6.75 พันล้านดอลลาร์ การโจมตีเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อแพลตฟอร์มคริปโต แต่ยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญให้กับรัฐบาลที่ถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ 🕵️ เทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อน หนึ่งในวิธีที่ DPRK ใช้คือการส่งคนไปแฝงตัวเป็น IT professionals ในบริษัทเป้าหมาย เพื่อเข้าถึงระบบภายในและหาช่องโหว่ นอกจากนี้ยังมีการสร้าง ประกาศรับสมัครงานปลอม ที่บังคับให้ผู้สมัครติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว ซึ่งมัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น credentials, source code และ SSO access ได้ อีกทั้งยังมีการหลอกผู้บริหารด้วยข้อเสนอซื้อกิจการปลอม เพื่อใช้กระบวนการตรวจสอบข้อมูลในการเจาะระบบ ⚡ การโจมตีครั้งใหญ่: ByBit Hack เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือการโจมตีแพลตฟอร์ม ByBit ที่สูญเงินไปกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่ง FBI ยืนยันว่าเป็นฝีมือของแฮกเกอร์จาก DPRK การโจมตีครั้งนี้คิดเป็นเกือบ 75% ของมูลค่าที่ DPRK ขโมยไปในปีเดียว และสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเลือกเป้าหมายที่ใหญ่และมีผลกระทบสูง ⚠️ แนวโน้มและคำเตือน แม้จำนวนการโจมตีโดยรวมจะลดลง แต่ความเสียหายกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจาก DPRK มุ่งเป้าไปที่องค์กรใหญ่และระบบที่มีมูลค่าสูง แพลตฟอร์ม DeFi หลายแห่งเริ่มมีมาตรการป้องกันที่เข้มแข็งขึ้น ทำให้แฮกเกอร์หันไปโจมตี exchange, custodians และกระเป๋าเงินส่วนบุคคล ที่มีการป้องกันอ่อนแอกว่า 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สถิติการโจรกรรมคริปโตของ DPRK ➡️ ปี 2025 ขโมยได้ 2.02 พันล้านดอลลาร์ ➡️ รวมตั้งแต่เริ่มบันทึกกว่า 6.75 พันล้านดอลลาร์ ✅ เทคนิคการโจมตี ➡️ แฝงตัวเป็น IT professionals ในบริษัทเป้าหมาย ➡️ ประกาศรับสมัครงานปลอมพร้อมมัลแวร์ ➡️ หลอกผู้บริหารด้วยข้อเสนอซื้อกิจการ ✅ เหตุการณ์สำคัญ ➡️ ByBit สูญเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ FBI ยืนยันเป็นฝีมือ DPRK ‼️ คำเตือนและแนวโน้ม ⛔ จำนวนการโจมตีลดลง แต่ความเสียหายเพิ่มขึ้น ⛔ เป้าหมายหลักคือ exchange, custodians และกระเป๋าเงินส่วนบุคคล ⛔ สะท้อนว่าระบบที่อ่อนแอยังคงเสี่ยงสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/north-korean-hackers-steal-a-record-usd2-billion-in-crypto-in-2025-including-single-heist-worth-usd1-5-billion-report-claims-rogue-state-accounts-for-60-percent-of-all-reported-crypto-thefts-this-year-usd6-75-billion-total-since-records-began
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA 590: ก้าวใหม่ของไดรเวอร์ Linux

    NVIDIA ประกาศออกไดรเวอร์ 590 สำหรับ Linux เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้ Wayland พบเจอมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในบั๊กสำคัญที่ถูกแก้ไขคือ PowerMizer preferred mode ที่ไม่สามารถเลือกได้ในแผงควบคุม nvidia-settings บน Wayland ซึ่งก่อนหน้านี้สร้างความไม่สะดวกให้ผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งการใช้พลังงานและประสิทธิภาพของ GPU

    การปรับปรุงที่สำคัญ
    Wayland Improvements: เพิ่มความเสถียรและการทำงานร่วมกับ compositor บน Wayland ให้ดีขึ้น
    Bug Fixes: แก้ไขบั๊กที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่า PowerMizer และการทำงานของ control panel
    Compatibility Updates: ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Linux kernel รุ่นใหม่ ๆ เพื่อรองรับการใช้งานในระบบที่อัปเดตล่าสุด

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux
    การปรับปรุงนี้สะท้อนถึงความจริงที่ว่า NVIDIA กำลังให้ความสำคัญกับ Wayland มากขึ้น ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่หลายดิสทริบิวชันกำลังผลักดันให้มาแทน X11 การแก้ไขบั๊กและเพิ่มความเสถียรในเวอร์ชัน 590 ถือเป็นสัญญาณบวกต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความเข้ากันได้ในระบบ Linux สมัยใหม่

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การอัปเดตนี้ไม่ใช่เพียงการแก้บั๊ก แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ว่า NVIDIA กำลังเดินหน้า สนับสนุน Wayland อย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันจากชุมชนโอเพ่นซอร์สที่เคยวิจารณ์ว่า NVIDIA ไม่ให้ความสำคัญกับ Linux ecosystem เท่าที่ควร

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    NVIDIA 590 Linux Driver ออกแล้ว
    เน้นการปรับปรุง Wayland และแก้ไขบั๊ก PowerMizer

    ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Kernel รุ่นใหม่
    เพิ่มความเข้ากันได้และเสถียรภาพของระบบ

    สัญญาณเชิงกลยุทธ์
    NVIDIA แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุน Wayland อย่างจริงจัง

    คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป
    หากยังใช้ X11 อาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากการปรับปรุงในเวอร์ชันนี้

    ความเสี่ยงจากการอัปเดตทันที
    ผู้ใช้บางดิสทริบิวชันอาจเจอ incompatibility ชั่วคราว ควรรอแพ็กเกจที่เสถียรจาก repo ของดิสทริบิวชัน

    https://9to5linux.com/nvidia-590-linux-graphics-driver-released-with-more-wayland-improvements
    🖥️ NVIDIA 590: ก้าวใหม่ของไดรเวอร์ Linux NVIDIA ประกาศออกไดรเวอร์ 590 สำหรับ Linux เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้ Wayland พบเจอมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในบั๊กสำคัญที่ถูกแก้ไขคือ PowerMizer preferred mode ที่ไม่สามารถเลือกได้ในแผงควบคุม nvidia-settings บน Wayland ซึ่งก่อนหน้านี้สร้างความไม่สะดวกให้ผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งการใช้พลังงานและประสิทธิภาพของ GPU 🔧 การปรับปรุงที่สำคัญ 🎗️ Wayland Improvements: เพิ่มความเสถียรและการทำงานร่วมกับ compositor บน Wayland ให้ดีขึ้น 🎗️ Bug Fixes: แก้ไขบั๊กที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่า PowerMizer และการทำงานของ control panel 🎗️ Compatibility Updates: ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Linux kernel รุ่นใหม่ ๆ เพื่อรองรับการใช้งานในระบบที่อัปเดตล่าสุด 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux การปรับปรุงนี้สะท้อนถึงความจริงที่ว่า NVIDIA กำลังให้ความสำคัญกับ Wayland มากขึ้น ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่หลายดิสทริบิวชันกำลังผลักดันให้มาแทน X11 การแก้ไขบั๊กและเพิ่มความเสถียรในเวอร์ชัน 590 ถือเป็นสัญญาณบวกต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความเข้ากันได้ในระบบ Linux สมัยใหม่ 📈 มุมมองเชิงกลยุทธ์ การอัปเดตนี้ไม่ใช่เพียงการแก้บั๊ก แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ว่า NVIDIA กำลังเดินหน้า สนับสนุน Wayland อย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันจากชุมชนโอเพ่นซอร์สที่เคยวิจารณ์ว่า NVIDIA ไม่ให้ความสำคัญกับ Linux ecosystem เท่าที่ควร 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ NVIDIA 590 Linux Driver ออกแล้ว ➡️ เน้นการปรับปรุง Wayland และแก้ไขบั๊ก PowerMizer ✅ ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Kernel รุ่นใหม่ ➡️ เพิ่มความเข้ากันได้และเสถียรภาพของระบบ ✅ สัญญาณเชิงกลยุทธ์ ➡️ NVIDIA แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุน Wayland อย่างจริงจัง ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป ⛔ หากยังใช้ X11 อาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากการปรับปรุงในเวอร์ชันนี้ ‼️ ความเสี่ยงจากการอัปเดตทันที ⛔ ผู้ใช้บางดิสทริบิวชันอาจเจอ incompatibility ชั่วคราว ควรรอแพ็กเกจที่เสถียรจาก repo ของดิสทริบิวชัน https://9to5linux.com/nvidia-590-linux-graphics-driver-released-with-more-wayland-improvements
    9TO5LINUX.COM
    NVIDIA 590 Linux Graphics Driver Released with More Wayland Improvements - 9to5Linux
    NVIDIA 590.48.01 graphics driver is now available for download for Linux, FreeBSD, and Solaris systems with various bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fwupd 2.0.19: อัปเดตใหม่เพื่อความปลอดภัยและการรองรับฮาร์ดแวร์

    Fwupd 2.0.19 ซึ่งพัฒนาโดย Richard Hughes ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2025 ถือเป็น การอัปเดตครั้งที่ 19 ของซีรีส์ 2.0 จุดเด่นคือการเพิ่มการรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ต้องการการดูแลด้านเฟิร์มแวร์โดยตรงจากระบบ Linux

    ฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงคำสั่ง
    เวอร์ชันนี้เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool สำหรับการ คำนวณและค้นหา CRCs รวมถึงการปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr get-history ให้แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้องเสมอ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงการอัปเดต Intel GPU FWDATA section และการเคารพคำสั่ง --force เมื่อผู้ใช้ติดตั้งเฟิร์มแวร์

    การแก้ไขบั๊กและความปลอดภัย
    Fwupd 2.0.19 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น integer underflow ที่เกิดขึ้นเมื่อ parsing ไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย, regression ในการตรวจสอบสถานะของ Dell dock และการ timeout ของ fuzzer เมื่อ parsing Synaptics-RMI SBL container การแก้ไขเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของระบบ

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux
    แม้จะเป็นการอัปเดตเล็ก แต่ Fwupd 2.0.19 แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการพัฒนาเครื่องมืออัปเดตเฟิร์มแวร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบ Linux สมัยใหม่ โดยเฉพาะในยุคที่อุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่นคีย์บอร์ดหรือ GPU ต้องการการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รองรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard
    เพิ่มการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับอุปกรณ์ใหม่โดยตรงใน Linux

    เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool
    ใช้สำหรับคำนวณและค้นหา CRCs

    ปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr
    แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้อง และเคารพ --force

    แก้ไขบั๊กด้านความปลอดภัย
    Integer underflow, regression Dell dock, และ fuzzer timeout

    คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป
    ควรติดตั้ง fwupd จาก repository ที่เสถียรของดิสทริบิวชัน ไม่ควรใช้ source tarball หากไม่มั่นใจ

    ความเสี่ยงจากไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย
    หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในการ parsing

    https://9to5linux.com/fwupd-2-0-19-linux-firmware-updater-supports-lenovo-sapphire-folio-keyboard
    🔧 Fwupd 2.0.19: อัปเดตใหม่เพื่อความปลอดภัยและการรองรับฮาร์ดแวร์ Fwupd 2.0.19 ซึ่งพัฒนาโดย Richard Hughes ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2025 ถือเป็น การอัปเดตครั้งที่ 19 ของซีรีส์ 2.0 จุดเด่นคือการเพิ่มการรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ต้องการการดูแลด้านเฟิร์มแวร์โดยตรงจากระบบ Linux 🖥️ ฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงคำสั่ง เวอร์ชันนี้เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool สำหรับการ คำนวณและค้นหา CRCs รวมถึงการปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr get-history ให้แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้องเสมอ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงการอัปเดต Intel GPU FWDATA section และการเคารพคำสั่ง --force เมื่อผู้ใช้ติดตั้งเฟิร์มแวร์ 🛡️ การแก้ไขบั๊กและความปลอดภัย Fwupd 2.0.19 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น integer underflow ที่เกิดขึ้นเมื่อ parsing ไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย, regression ในการตรวจสอบสถานะของ Dell dock และการ timeout ของ fuzzer เมื่อ parsing Synaptics-RMI SBL container การแก้ไขเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของระบบ 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux แม้จะเป็นการอัปเดตเล็ก แต่ Fwupd 2.0.19 แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการพัฒนาเครื่องมืออัปเดตเฟิร์มแวร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบ Linux สมัยใหม่ โดยเฉพาะในยุคที่อุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่นคีย์บอร์ดหรือ GPU ต้องการการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รองรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard ➡️ เพิ่มการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับอุปกรณ์ใหม่โดยตรงใน Linux ✅ เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool ➡️ ใช้สำหรับคำนวณและค้นหา CRCs ✅ ปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr ➡️ แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้อง และเคารพ --force ✅ แก้ไขบั๊กด้านความปลอดภัย ➡️ Integer underflow, regression Dell dock, และ fuzzer timeout ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ควรติดตั้ง fwupd จาก repository ที่เสถียรของดิสทริบิวชัน ไม่ควรใช้ source tarball หากไม่มั่นใจ ‼️ ความเสี่ยงจากไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย ⛔ หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในการ parsing https://9to5linux.com/fwupd-2-0-19-linux-firmware-updater-supports-lenovo-sapphire-folio-keyboard
    9TO5LINUX.COM
    Fwupd 2.0.19 Linux Firmware Updater Supports Lenovo Sapphire Folio Keyboard - 9to5Linux
    Fwupd 2.0.19 Linux firmware updater is now available for download with support for the Lenovo Sapphire Folio keyboard.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251219 #securityonline

    FreeBSD เจอช่องโหว่ร้ายแรงจาก IPv6
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเครือข่ายของ FreeBSD ที่อันตรายมาก เพราะแค่มีคนส่งแพ็กเก็ต IPv6 ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเจาะจง ก็สามารถทำให้เครื่องเป้าหมายรันคำสั่งของผู้โจมตีได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่โปรแกรม rtsol และ rtsold ซึ่งใช้จัดการการตั้งค่า IPv6 แบบอัตโนมัติ ไปส่งข้อมูลต่อให้กับ resolvconf โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง ผลคือคำสั่งที่แฝงมาในข้อมูลสามารถถูกประมวลผลเหมือนเป็นคำสั่ง shell จริง ๆ แม้การโจมตีจะจำกัดอยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น เช่น Wi-Fi สาธารณะหรือ LAN ที่ไม่ปลอดภัย แต่ก็ถือว่าเสี่ยงมาก ผู้ใช้ที่เปิด IPv6 และยังไม่ได้อัปเดตต้องรีบแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดเครื่อง
    https://securityonline.info/freebsd-network-alert-malicious-ipv6-packets-can-trigger-remote-code-execution-via-resolvconf-cve-2025-14558

    ช่องโหว่ใหม่ใน Roundcube Webmail
    ระบบอีเมลโอเพนซอร์สชื่อดัง Roundcube ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองจุดที่อาจทำให้ผู้โจมตีแอบรันสคริปต์หรือดึงข้อมูลจากกล่องอีเมลได้ ช่องโหว่แรกคือ XSS ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ SVG โดยใช้แท็ก animate ทำให้เมื่อผู้ใช้เปิดอีเมลที่มีภาพ SVG ที่ถูกปรับแต่ง JavaScript ก็จะทำงานทันที อีกช่องโหว่คือการจัดการ CSS ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเลี่ยงตัวกรองและดึงข้อมูลจากอินเทอร์เฟซเว็บเมลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดระดับความรุนแรงสูง ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Roundcube 1.6 และ 1.5 LTS เพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/roundcube-alert-high-severity-svg-xss-and-css-sanitizer-flaws-threaten-webmail-privacy

    YouTube Ghost Network และมัลแวร์ GachiLoader
    นักวิจัยจาก Check Point Research พบการโจมตีใหม่ที่ใช้ YouTube เป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ โดยกลุ่มผู้โจมตีจะยึดบัญชี YouTube ที่มีชื่อเสียง แล้วอัปโหลดวิดีโอที่โฆษณาซอฟต์แวร์เถื่อนหรือสูตรโกงเกม พร้อมใส่ลิงก์ดาวน์โหลดที่แท้จริงคือมัลแวร์ GachiLoader เขียนด้วย Node.js ที่ถูกทำให้ซับซ้อนเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อรันแล้วจะโหลดตัวขโมยข้อมูล Rhadamanthys เข้ามาเพื่อดึงรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญ จุดเด่นคือเทคนิคการฉีดโค้ดผ่าน DLL โดยใช้ Vectored Exception Handling ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ผู้ใช้ควรระวังการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรีจากลิงก์ใน YouTube เพราะอาจเป็นกับดักที่ซ่อนมัลแวร์ไว้
    https://securityonline.info/youtube-ghost-network-the-new-gachiloader-malware-hiding-in-your-favorite-video-links

    Supply Chain Attack บน NuGet: Nethereum.All ปลอม
    มีการค้นพบแคมเปญโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา .NET ที่ทำงานกับคริปโต โดยผู้โจมตีสร้างแพ็กเกจปลอมชื่อ Nethereum.All เลียนแบบไลบรารีจริงที่ใช้เชื่อมต่อ Ethereum และเผยแพร่บน NuGet พร้อมตัวเลขดาวน์โหลดปลอมกว่า 10 ล้านครั้งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ภายในโค้ดมีฟังก์ชันแอบซ่อนเพื่อขโมยเงินจากธุรกรรมหรือดึงข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจปลอมอื่น ๆ เช่น NBitcoin.Unified และ SolnetAll ที่เลียนแบบไลบรารีของ Bitcoin และ Solana การโจมตีนี้ใช้เทคนิคการปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ทำให้นักพัฒนาที่ไม่ตรวจสอบผู้เขียนแพ็กเกจอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย
    https://securityonline.info/poisoned-dependencies-how-nethereum-all-and-10m-fake-downloads-looted-net-crypto-developers

    ช่องโหว่ UEFI บนเมนบอร์ด
    ASRock, ASUS, MSI CERT/CCเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เกิดขึ้นในเฟิร์มแวร์ UEFI ของหลายผู้ผลิต เช่น ASRock, ASUS, GIGABYTE และ MSI โดยปัญหาคือระบบรายงานว่ามีการเปิดการป้องกัน DMA แล้ว แต่จริง ๆ IOMMU ไม่ได้ถูกตั้งค่าอย่างถูกต้อง ทำให้ในช่วง early-boot ผู้โจมตีที่มีอุปกรณ์ PCIe สามารถเข้าถึงและแก้ไขหน่วยความจำได้ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ผลคือสามารถฉีดโค้ดหรือดึงข้อมูลลับออกมาได้โดยที่ซอฟต์แวร์ป้องกันไม่สามารถตรวจจับได้ ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูงและต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะในองค์กรที่ไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพได้อย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/early-boot-attack-uefi-flaw-in-asrock-asus-msi-boards-lets-hackers-bypass-os-security-via-pcie

    VPN Betrayal: ส่วนขยาย VPN ฟรีที่หักหลังผู้ใช้
    เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่จากบริษัทด้านความปลอดภัย KOI ที่พบว่า Urban VPN Proxy และส่วนขยาย VPN ฟรีอื่น ๆ กำลังแอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับแพลตฟอร์ม AI โดยตรง ทั้งข้อความที่ผู้ใช้พิมพ์และคำตอบที่ AI ตอบกลับมา ถูกส่งต่อไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาดเพื่อใช้ยิงโฆษณาเจาะจงพฤติกรรมผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะปิดฟังก์ชัน VPN หรือการบล็อกโฆษณา แต่สคริปต์ที่ฝังไว้ก็ยังทำงานอยู่ วิธีเดียวที่จะหยุดได้คือการถอนการติดตั้งออกไปเลย เหตุการณ์นี้กระทบแพลตฟอร์ม AI แทบทั้งหมด ตั้งแต่ ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot ไปจนถึง Meta AI และ Perplexity ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
    https://securityonline.info/vpn-betrayal-popular-free-extensions-caught-siphoning-8-million-users-private-ai-chats

    The Final Cut: ออสการ์ย้ายบ้านไป YouTube ในปี 2029
    วงการภาพยนตร์กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Academy Awards หรือออสการ์ประกาศว่าจะยุติการถ่ายทอดสดทาง ABC หลังครบรอบ 100 ปีในปี 2028 และตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไปจะถ่ายทอดสดผ่าน YouTube เพียงช่องทางเดียว การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแพลตฟอร์ม แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงได้ฟรีและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นผ่านฟีเจอร์ของ YouTube นอกจากนี้ Google Arts & Culture จะเข้ามาช่วยดิจิไทซ์คลังภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ของ Academy เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่หันไปเสพสื่อออนไลน์มากกว่าทีวี
    https://securityonline.info/the-final-cut-why-the-oscars-are-leaving-abc-for-a-youtube-only-future-in-2029

    Phantom v3.5: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Adobe Update
    ภัยใหม่มาในรูปแบบที่ดูเหมือนธรรมดา Phantom v3.5 แฝงตัวเป็นไฟล์ติดตั้ง Adobe เวอร์ชันปลอม เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ มันจะรันสคริปต์ที่ดึง Payload จากโดเมนอันตราย แล้วเริ่มดูดข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ เบราว์เซอร์ ไปจนถึงกระเป๋าเงินคริปโต ความพิเศษคือมันไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบทั่วไป แต่ส่งข้อมูลออกไปผ่านอีเมล SMTP โดยตรง ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้ระวังการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ และตรวจสอบเวอร์ชันหรือไฟล์ที่อ้างว่าเป็น Installer ให้ดี
    https://securityonline.info/phantom-v3-5-alert-new-info-stealer-disguised-as-adobe-update-uses-smtp-to-loot-digital-lives

    Kubernetes Alert: ช่องโหว่ Headlamp เสี่ยงถูกยึด Cluster
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Headlamp ซึ่งเป็น UI สำหรับ Kubernetes ที่ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับสิทธิ์สามารถใช้ Credential ที่ถูกแคชไว้เพื่อเข้าถึงฟังก์ชัน Helm ได้โดยตรง หากผู้ดูแลระบบเคยใช้งาน Helm ผ่าน Headlamp แล้ว Credential ถูกเก็บไว้ ผู้โจมตีที่เข้าถึง Dashboard สามารถสั่ง Deploy หรือแก้ไข Release ได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.8 และกระทบเวอร์ชัน v0.38.0 ลงไป ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์ v0.39.0 เพื่อแก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีหรือปิดการเข้าถึงสาธารณะเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/kubernetes-alert-headlamp-flaw-cve-2025-14269-lets-unauthenticated-users-hijack-helm-clusters

    WatchGuard Under Siege: ช่องโหว่ Zero-Day รุนแรง CVSS 9.3 ถูกโจมตีจริงเพื่อยึดครอง Firewall
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน WatchGuard Firebox ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-14733 มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และเข้าควบคุมระบบไฟร์วอลล์ได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการผิดพลาดในกระบวนการ IKEv2 ของ VPN ที่ทำให้เกิดการเขียนข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-bounds Write) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งอันตรายลงไปในระบบได้ แม้ผู้ดูแลระบบจะปิดการใช้งาน VPN แบบ Mobile User หรือ Branch Office ไปแล้ว แต่หากมีการตั้งค่าเก่าอยู่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอยู่ดี WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ก็เตือนว่าผู้ที่ถูกโจมตีไปแล้วควรเปลี่ยนรหัสผ่านและคีย์ทั้งหมด เพราะข้อมูลอาจถูกขโมยไปก่อนหน้านี้แล้ว
    https://securityonline.info/watchguard-under-siege-critical-cvss-9-3-zero-day-exploited-in-the-wild-to-hijack-corporate-firewalls

    Log4j’s Security Blind Spot: ช่องโหว่ TLS ใหม่เปิดทางให้ดักข้อมูล Log
    Apache ได้ออกอัปเดตแก้ไขช่องโหว่ใน Log4j ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-68161 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ TLS hostname verification ที่ผิดพลาด แม้ผู้ดูแลระบบจะตั้งค่าให้ตรวจสอบชื่อโฮสต์แล้ว แต่ระบบกลับไม่ทำตาม ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกตัวกลาง (Man-in-the-Middle) และดักข้อมูล log ที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีรายละเอียดการทำงานของระบบหรือกิจกรรมผู้ใช้ที่สำคัญ ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.25.3 และผู้ใช้ควรรีบอัปเดตทันที หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ก็มีวิธีแก้ชั่วคราวคือการจำกัด trust root ให้เฉพาะใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้จริง
    https://securityonline.info/log4js-security-blind-spot-new-tls-flaw-lets-attackers-intercept-sensitive-logs-despite-encryption

    Visualizations Weaponized: ช่องโหว่ใหม่ใน Kibana เปิดทางโจมตี XSS ผ่าน Vega Charts
    Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-68385 ที่มีคะแนนความรุนแรง 7.2 ซึ่งเกิดขึ้นใน Kibana โดยเฉพาะฟีเจอร์ Vega Visualization ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างกราฟและแผนภาพแบบกำหนดเอง ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สามารถฝังโค้ดอันตรายลงไปในกราฟได้ และเมื่อผู้ใช้คนอื่นเปิดดูกราฟนั้น โค้ดก็จะทำงานในเบราว์เซอร์ทันที ส่งผลให้เกิดการขโมย session หรือสั่งการที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชันตั้งแต่ 7.x จนถึง 9.x Elastic ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตโดยด่วน https://securityonline.info/visualizations-weaponized-new-kibana-flaw-allows-xss-attacks-via-vega-charts

    Rust’s First Breach: ช่องโหว่แรกของ Rust ใน Linux Kernel
    นี่คือครั้งแรกที่โค้ด Rust ใน Linux Kernel ถูกระบุช่องโหว่อย่างเป็นทางการ โดย CVE-2025-68260 เกิดขึ้นใน Android Binder driver ที่ถูกเขียนใหม่ด้วย Rust ปัญหาคือการจัดการ linked list ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิด race condition เมื่อหลาย thread เข้ามาจัดการพร้อมกัน ส่งผลให้ pointer เสียหายและทำให้ระบบ crash ได้ การแก้ไขคือการปรับปรุงโค้ด Node::release ให้จัดการกับ list โดยตรงแทนการใช้ list ชั่วคราว ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วใน Linux 6.18.1 และ 6.19-rc1 ผู้ใช้ควรอัปเดต kernel เวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/rusts-first-breach-cve-2025-68260-marks-the-first-rust-vulnerability-in-the-linux-kernel

    The Grand Divorce: TikTok เซ็นสัญญา Landmark Deal ส่งมอบการควบคุมในสหรัฐให้กลุ่ม Oracle
    TikTok ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการแยกกิจการในสหรัฐ โดยจะตั้งบริษัทใหม่ชื่อ TikTok US Data Security Joint Venture LLC ซึ่งจะดูแลข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐ การรักษาความปลอดภัยของอัลกอริทึม และการตรวจสอบเนื้อหา โครงสร้างใหม่จะทำให้กลุ่มนักลงทุนในสหรัฐถือหุ้น 45% นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ByteDance ถือ 30% และ ByteDance เองถือ 20% ทำให้การควบคุมหลักอยู่ในมือของสหรัฐ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคม 2026 ถือเป็นการปิดฉากความขัดแย้งยืดเยื้อเรื่องการควบคุม TikTok ในสหรัฐ
    https://securityonline.info/the-grand-divorce-tiktok-signs-landmark-deal-to-hand-u-s-control-to-oracle-led-group

    Fusion of Power: Trump Media จับมือ TAE Technologies สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน
    เรื่องนี้เล่ากันเหมือนเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของ Trump Media ที่เดิมทีเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social และมือถือ Trump T1 แต่กลับหันมาจับมือกับ TAE Technologies ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านพลังงานฟิวชันที่มี Google และ Chevron หนุนหลัง การควบรวมครั้งนี้มีมูลค่าถึง 6 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายคือการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกภายใน 5 ปี แม้แวดวงวิทยาศาสตร์ยังคงสงสัยว่าฟิวชันจะพร้อมใช้งานจริงได้เร็วขนาดนั้นหรือไม่ แต่ดีลนี้ก็ทำให้หุ้น Trump Media พุ่งขึ้นทันที หลายคนมองว่าพลังที่แท้จริงอาจไม่ใช่ฟิวชัน แต่คืออิทธิพลทางการเมืองที่ช่วยเปิดทางให้ทุนและการอนุมัติจากรัฐบาล
    https://securityonline.info/fusion-of-power-trump-media-inks-6-billion-merger-to-build-worlds-first-fusion-power-plant

    The AI Super App: OpenAI เปิดตัว ChatGPT App Directory
    OpenAI กำลังผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็น “ซูเปอร์แอป” โดยเปิดตัว App Directory ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอกอย่าง Spotify, Dropbox, Apple Music และ DoorDash ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านการสนทนา เช่น ให้สรุปรายงานจาก Google Drive หรือสร้างเพลย์ลิสต์เพลงใน Apple Music ได้ทันที นี่คือการเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือสร้างข้อความให้กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนเราได้จริง นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาภายนอกสร้างแอปเข้ามาในระบบ พร้อมแนวทางหารายได้ที่อาจคล้ายกับ App Store ของ Apple จุดสำคัญคือการยกระดับ AI จากการ “ตอบคำถาม” ไปสู่การ “ทำงานแทน”
    https://securityonline.info/the-ai-super-app-arrives-openai-launches-chatgpt-app-directory-to-rule-your-digital-life

    Pay to Post: Meta ทดลองจำกัดการแชร์ลิงก์บน Facebook
    Meta กำลังทดสอบนโยบายใหม่ที่อาจทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์บน Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อแชร์ลิงก์ โดยผู้ใช้ที่ไม่ได้สมัครบริการยืนยันตัวตน (blue-check) จะถูกจำกัดให้โพสต์ลิงก์ได้เพียง 2 ครั้งต่อเดือน หากต้องการมากกว่านั้นต้องจ่ายค่าสมัครรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องการควบคุมการ “ไหลออกของทราฟฟิก” และหันไปหารายได้จากการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเพื่อสิทธิ์ที่เคยฟรีมาก่อน หลายคนมองว่านี่คือการผลัก Facebook เข้าสู่ระบบ “pay-to-play” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจทำให้ผู้สร้างรายเล็กๆ ต้องคิดหนักว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายออก
    https://securityonline.info/pay-to-post-meta-tests-2-link-monthly-limit-for-unverified-facebook-creators

    Criminal IP จับมือ Palo Alto Networks Cortex XSOAR เสริมการตอบสนองภัยไซเบอร์ด้วย AI
    Criminal IP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม threat intelligence ที่ใช้ AI ได้เข้ารวมกับ Cortex XSOAR ของ Palo Alto Networks เพื่อยกระดับการตอบสนองเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย จุดเด่นคือการเพิ่มข้อมูลเชิงลึกจากภายนอก เช่น พฤติกรรมของ IP, ประวัติการโจมตี, การเชื่อมโยงกับมัลแวร์ และการสแกนหลายขั้นตอนแบบอัตโนมัติ ทำให้ทีม SOC สามารถจัดการเหตุการณ์ได้เร็วและแม่นยำขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการตรวจสอบแบบ manual การผสานนี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของโลกไซเบอร์ที่กำลังเดินหน้าไปสู่ “การป้องกันอัตโนมัติ” ที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก
    https://securityonline.info/criminal-ip-and-palo-alto-networks-cortex-xsoar-integrate-to-bring-ai-driven-exposure-intelligence-to-automated-incident-response

    FIFA ร่วมมือ Netflix เปิดเกมฟุตบอลใหม่รับบอลโลก 2026
    หลังจากแยกทางกับ EA ที่สร้าง FIFA มานานเกือบ 30 ปี องค์กร FIFA ก็ยังไม่สามารถหาคู่หูที่สร้างเกมฟุตบอลระดับเรือธงได้ จนล่าสุด Netflix ประกาศว่าจะเปิดตัวเกมฟุตบอลใหม่ภายใต้แบรนด์ FIFA ในปี 2026 โดยให้ Delphi Interactive เป็นผู้พัฒนา จุดต่างสำคัญคือเกมนี้จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นคอนโทรลเลอร์ ทำให้เล่นง่ายและเข้าถึงผู้เล่นทั่วไปมากขึ้น แทนที่จะเน้นความสมจริงแบบ EA Sports FC การจับมือกับ Netflix แสดงให้เห็นว่า FIFA เลือกเส้นทางใหม่ที่ไม่ชนตรงกับ EA แต่หันไปสร้างประสบการณ์แบบ “เกมปาร์ตี้” ที่เข้ากับแนวทางของ Netflix Games ซึ่งกำลังมุ่งไปที่เกมที่เล่นง่ายและเชื่อมโยงกับผู้ชมจำนวนมาก
    https://securityonline.info/fifas-post-ea-comeback-netflix-to-launch-a-reimagined-football-game-for-the-2026-world-cup

    Mario’s Deadly Upgrade: RansomHouse เปิดตัว Dual-Key Encryption
    กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ Jolly Scorpius ซึ่งอยู่เบื้องหลังบริการ RansomHouse (ransomware-as-a-service) ได้ปรับปรุงเครื่องมือเข้ารหัสหลักของพวกเขาที่ชื่อ “Mario” จากเดิมที่ใช้วิธีเข้ารหัสแบบเส้นตรงธรรมดา กลายเป็นระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Mario เวอร์ชันใหม่ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์แบบตรงๆ แต่ใช้วิธี chunked processing คือแบ่งไฟล์ออกเป็นชิ้นๆ ที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้การวิเคราะห์ย้อนกลับยากขึ้นมากสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และที่น่ากังวลที่สุดคือการเพิ่ม dual-key encryption ซึ่งทำงานเหมือนระบบความปลอดภัยจริงๆ ที่ต้องใช้กุญแจสองชุดในการถอดรหัส หากผู้ป้องกันได้กุญแจเพียงชุดเดียว ข้อมูลก็ยังคงถูกล็อกแน่นหนา
    https://securityonline.info/marios-deadly-upgrade-ransomhouse-unveils-dual-key-encryption-to-defeat-backups-and-recovery/
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251219 #securityonline 🛡️ FreeBSD เจอช่องโหว่ร้ายแรงจาก IPv6 เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเครือข่ายของ FreeBSD ที่อันตรายมาก เพราะแค่มีคนส่งแพ็กเก็ต IPv6 ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเจาะจง ก็สามารถทำให้เครื่องเป้าหมายรันคำสั่งของผู้โจมตีได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่โปรแกรม rtsol และ rtsold ซึ่งใช้จัดการการตั้งค่า IPv6 แบบอัตโนมัติ ไปส่งข้อมูลต่อให้กับ resolvconf โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง ผลคือคำสั่งที่แฝงมาในข้อมูลสามารถถูกประมวลผลเหมือนเป็นคำสั่ง shell จริง ๆ แม้การโจมตีจะจำกัดอยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น เช่น Wi-Fi สาธารณะหรือ LAN ที่ไม่ปลอดภัย แต่ก็ถือว่าเสี่ยงมาก ผู้ใช้ที่เปิด IPv6 และยังไม่ได้อัปเดตต้องรีบแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดเครื่อง 🔗 https://securityonline.info/freebsd-network-alert-malicious-ipv6-packets-can-trigger-remote-code-execution-via-resolvconf-cve-2025-14558 📧 ช่องโหว่ใหม่ใน Roundcube Webmail ระบบอีเมลโอเพนซอร์สชื่อดัง Roundcube ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองจุดที่อาจทำให้ผู้โจมตีแอบรันสคริปต์หรือดึงข้อมูลจากกล่องอีเมลได้ ช่องโหว่แรกคือ XSS ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ SVG โดยใช้แท็ก animate ทำให้เมื่อผู้ใช้เปิดอีเมลที่มีภาพ SVG ที่ถูกปรับแต่ง JavaScript ก็จะทำงานทันที อีกช่องโหว่คือการจัดการ CSS ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเลี่ยงตัวกรองและดึงข้อมูลจากอินเทอร์เฟซเว็บเมลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดระดับความรุนแรงสูง ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Roundcube 1.6 และ 1.5 LTS เพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/roundcube-alert-high-severity-svg-xss-and-css-sanitizer-flaws-threaten-webmail-privacy 🎥 YouTube Ghost Network และมัลแวร์ GachiLoader นักวิจัยจาก Check Point Research พบการโจมตีใหม่ที่ใช้ YouTube เป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ โดยกลุ่มผู้โจมตีจะยึดบัญชี YouTube ที่มีชื่อเสียง แล้วอัปโหลดวิดีโอที่โฆษณาซอฟต์แวร์เถื่อนหรือสูตรโกงเกม พร้อมใส่ลิงก์ดาวน์โหลดที่แท้จริงคือมัลแวร์ GachiLoader เขียนด้วย Node.js ที่ถูกทำให้ซับซ้อนเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อรันแล้วจะโหลดตัวขโมยข้อมูล Rhadamanthys เข้ามาเพื่อดึงรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญ จุดเด่นคือเทคนิคการฉีดโค้ดผ่าน DLL โดยใช้ Vectored Exception Handling ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ผู้ใช้ควรระวังการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรีจากลิงก์ใน YouTube เพราะอาจเป็นกับดักที่ซ่อนมัลแวร์ไว้ 🔗 https://securityonline.info/youtube-ghost-network-the-new-gachiloader-malware-hiding-in-your-favorite-video-links 💰 Supply Chain Attack บน NuGet: Nethereum.All ปลอม มีการค้นพบแคมเปญโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา .NET ที่ทำงานกับคริปโต โดยผู้โจมตีสร้างแพ็กเกจปลอมชื่อ Nethereum.All เลียนแบบไลบรารีจริงที่ใช้เชื่อมต่อ Ethereum และเผยแพร่บน NuGet พร้อมตัวเลขดาวน์โหลดปลอมกว่า 10 ล้านครั้งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ภายในโค้ดมีฟังก์ชันแอบซ่อนเพื่อขโมยเงินจากธุรกรรมหรือดึงข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจปลอมอื่น ๆ เช่น NBitcoin.Unified และ SolnetAll ที่เลียนแบบไลบรารีของ Bitcoin และ Solana การโจมตีนี้ใช้เทคนิคการปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ทำให้นักพัฒนาที่ไม่ตรวจสอบผู้เขียนแพ็กเกจอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย 🔗 https://securityonline.info/poisoned-dependencies-how-nethereum-all-and-10m-fake-downloads-looted-net-crypto-developers 💻 ช่องโหว่ UEFI บนเมนบอร์ด ASRock, ASUS, MSI CERT/CCเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เกิดขึ้นในเฟิร์มแวร์ UEFI ของหลายผู้ผลิต เช่น ASRock, ASUS, GIGABYTE และ MSI โดยปัญหาคือระบบรายงานว่ามีการเปิดการป้องกัน DMA แล้ว แต่จริง ๆ IOMMU ไม่ได้ถูกตั้งค่าอย่างถูกต้อง ทำให้ในช่วง early-boot ผู้โจมตีที่มีอุปกรณ์ PCIe สามารถเข้าถึงและแก้ไขหน่วยความจำได้ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ผลคือสามารถฉีดโค้ดหรือดึงข้อมูลลับออกมาได้โดยที่ซอฟต์แวร์ป้องกันไม่สามารถตรวจจับได้ ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูงและต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะในองค์กรที่ไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพได้อย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/early-boot-attack-uefi-flaw-in-asrock-asus-msi-boards-lets-hackers-bypass-os-security-via-pcie 🛡️ VPN Betrayal: ส่วนขยาย VPN ฟรีที่หักหลังผู้ใช้ เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่จากบริษัทด้านความปลอดภัย KOI ที่พบว่า Urban VPN Proxy และส่วนขยาย VPN ฟรีอื่น ๆ กำลังแอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับแพลตฟอร์ม AI โดยตรง ทั้งข้อความที่ผู้ใช้พิมพ์และคำตอบที่ AI ตอบกลับมา ถูกส่งต่อไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาดเพื่อใช้ยิงโฆษณาเจาะจงพฤติกรรมผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะปิดฟังก์ชัน VPN หรือการบล็อกโฆษณา แต่สคริปต์ที่ฝังไว้ก็ยังทำงานอยู่ วิธีเดียวที่จะหยุดได้คือการถอนการติดตั้งออกไปเลย เหตุการณ์นี้กระทบแพลตฟอร์ม AI แทบทั้งหมด ตั้งแต่ ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot ไปจนถึง Meta AI และ Perplexity ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง 🔗 https://securityonline.info/vpn-betrayal-popular-free-extensions-caught-siphoning-8-million-users-private-ai-chats 🎬 The Final Cut: ออสการ์ย้ายบ้านไป YouTube ในปี 2029 วงการภาพยนตร์กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Academy Awards หรือออสการ์ประกาศว่าจะยุติการถ่ายทอดสดทาง ABC หลังครบรอบ 100 ปีในปี 2028 และตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไปจะถ่ายทอดสดผ่าน YouTube เพียงช่องทางเดียว การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแพลตฟอร์ม แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงได้ฟรีและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นผ่านฟีเจอร์ของ YouTube นอกจากนี้ Google Arts & Culture จะเข้ามาช่วยดิจิไทซ์คลังภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ของ Academy เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่หันไปเสพสื่อออนไลน์มากกว่าทีวี 🔗 https://securityonline.info/the-final-cut-why-the-oscars-are-leaving-abc-for-a-youtube-only-future-in-2029 ⚠️ Phantom v3.5: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Adobe Update ภัยใหม่มาในรูปแบบที่ดูเหมือนธรรมดา Phantom v3.5 แฝงตัวเป็นไฟล์ติดตั้ง Adobe เวอร์ชันปลอม เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ มันจะรันสคริปต์ที่ดึง Payload จากโดเมนอันตราย แล้วเริ่มดูดข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ เบราว์เซอร์ ไปจนถึงกระเป๋าเงินคริปโต ความพิเศษคือมันไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบทั่วไป แต่ส่งข้อมูลออกไปผ่านอีเมล SMTP โดยตรง ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้ระวังการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ และตรวจสอบเวอร์ชันหรือไฟล์ที่อ้างว่าเป็น Installer ให้ดี 🔗 https://securityonline.info/phantom-v3-5-alert-new-info-stealer-disguised-as-adobe-update-uses-smtp-to-loot-digital-lives ☸️ Kubernetes Alert: ช่องโหว่ Headlamp เสี่ยงถูกยึด Cluster มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Headlamp ซึ่งเป็น UI สำหรับ Kubernetes ที่ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับสิทธิ์สามารถใช้ Credential ที่ถูกแคชไว้เพื่อเข้าถึงฟังก์ชัน Helm ได้โดยตรง หากผู้ดูแลระบบเคยใช้งาน Helm ผ่าน Headlamp แล้ว Credential ถูกเก็บไว้ ผู้โจมตีที่เข้าถึง Dashboard สามารถสั่ง Deploy หรือแก้ไข Release ได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.8 และกระทบเวอร์ชัน v0.38.0 ลงไป ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์ v0.39.0 เพื่อแก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีหรือปิดการเข้าถึงสาธารณะเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/kubernetes-alert-headlamp-flaw-cve-2025-14269-lets-unauthenticated-users-hijack-helm-clusters 🛡️ WatchGuard Under Siege: ช่องโหว่ Zero-Day รุนแรง CVSS 9.3 ถูกโจมตีจริงเพื่อยึดครอง Firewall เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน WatchGuard Firebox ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-14733 มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และเข้าควบคุมระบบไฟร์วอลล์ได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการผิดพลาดในกระบวนการ IKEv2 ของ VPN ที่ทำให้เกิดการเขียนข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-bounds Write) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งอันตรายลงไปในระบบได้ แม้ผู้ดูแลระบบจะปิดการใช้งาน VPN แบบ Mobile User หรือ Branch Office ไปแล้ว แต่หากมีการตั้งค่าเก่าอยู่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอยู่ดี WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ก็เตือนว่าผู้ที่ถูกโจมตีไปแล้วควรเปลี่ยนรหัสผ่านและคีย์ทั้งหมด เพราะข้อมูลอาจถูกขโมยไปก่อนหน้านี้แล้ว 🔗 https://securityonline.info/watchguard-under-siege-critical-cvss-9-3-zero-day-exploited-in-the-wild-to-hijack-corporate-firewalls 🔒 Log4j’s Security Blind Spot: ช่องโหว่ TLS ใหม่เปิดทางให้ดักข้อมูล Log Apache ได้ออกอัปเดตแก้ไขช่องโหว่ใน Log4j ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-68161 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ TLS hostname verification ที่ผิดพลาด แม้ผู้ดูแลระบบจะตั้งค่าให้ตรวจสอบชื่อโฮสต์แล้ว แต่ระบบกลับไม่ทำตาม ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกตัวกลาง (Man-in-the-Middle) และดักข้อมูล log ที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีรายละเอียดการทำงานของระบบหรือกิจกรรมผู้ใช้ที่สำคัญ ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.25.3 และผู้ใช้ควรรีบอัปเดตทันที หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ก็มีวิธีแก้ชั่วคราวคือการจำกัด trust root ให้เฉพาะใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้จริง 🔗 https://securityonline.info/log4js-security-blind-spot-new-tls-flaw-lets-attackers-intercept-sensitive-logs-despite-encryption 📊 Visualizations Weaponized: ช่องโหว่ใหม่ใน Kibana เปิดทางโจมตี XSS ผ่าน Vega Charts Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-68385 ที่มีคะแนนความรุนแรง 7.2 ซึ่งเกิดขึ้นใน Kibana โดยเฉพาะฟีเจอร์ Vega Visualization ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างกราฟและแผนภาพแบบกำหนดเอง ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สามารถฝังโค้ดอันตรายลงไปในกราฟได้ และเมื่อผู้ใช้คนอื่นเปิดดูกราฟนั้น โค้ดก็จะทำงานในเบราว์เซอร์ทันที ส่งผลให้เกิดการขโมย session หรือสั่งการที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชันตั้งแต่ 7.x จนถึง 9.x Elastic ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/visualizations-weaponized-new-kibana-flaw-allows-xss-attacks-via-vega-charts 🦀 Rust’s First Breach: ช่องโหว่แรกของ Rust ใน Linux Kernel นี่คือครั้งแรกที่โค้ด Rust ใน Linux Kernel ถูกระบุช่องโหว่อย่างเป็นทางการ โดย CVE-2025-68260 เกิดขึ้นใน Android Binder driver ที่ถูกเขียนใหม่ด้วย Rust ปัญหาคือการจัดการ linked list ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิด race condition เมื่อหลาย thread เข้ามาจัดการพร้อมกัน ส่งผลให้ pointer เสียหายและทำให้ระบบ crash ได้ การแก้ไขคือการปรับปรุงโค้ด Node::release ให้จัดการกับ list โดยตรงแทนการใช้ list ชั่วคราว ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วใน Linux 6.18.1 และ 6.19-rc1 ผู้ใช้ควรอัปเดต kernel เวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/rusts-first-breach-cve-2025-68260-marks-the-first-rust-vulnerability-in-the-linux-kernel 🇺🇸 The Grand Divorce: TikTok เซ็นสัญญา Landmark Deal ส่งมอบการควบคุมในสหรัฐให้กลุ่ม Oracle TikTok ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการแยกกิจการในสหรัฐ โดยจะตั้งบริษัทใหม่ชื่อ TikTok US Data Security Joint Venture LLC ซึ่งจะดูแลข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐ การรักษาความปลอดภัยของอัลกอริทึม และการตรวจสอบเนื้อหา โครงสร้างใหม่จะทำให้กลุ่มนักลงทุนในสหรัฐถือหุ้น 45% นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ByteDance ถือ 30% และ ByteDance เองถือ 20% ทำให้การควบคุมหลักอยู่ในมือของสหรัฐ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคม 2026 ถือเป็นการปิดฉากความขัดแย้งยืดเยื้อเรื่องการควบคุม TikTok ในสหรัฐ 🔗 https://securityonline.info/the-grand-divorce-tiktok-signs-landmark-deal-to-hand-u-s-control-to-oracle-led-group ⚡ Fusion of Power: Trump Media จับมือ TAE Technologies สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน เรื่องนี้เล่ากันเหมือนเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของ Trump Media ที่เดิมทีเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social และมือถือ Trump T1 แต่กลับหันมาจับมือกับ TAE Technologies ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านพลังงานฟิวชันที่มี Google และ Chevron หนุนหลัง การควบรวมครั้งนี้มีมูลค่าถึง 6 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายคือการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกภายใน 5 ปี แม้แวดวงวิทยาศาสตร์ยังคงสงสัยว่าฟิวชันจะพร้อมใช้งานจริงได้เร็วขนาดนั้นหรือไม่ แต่ดีลนี้ก็ทำให้หุ้น Trump Media พุ่งขึ้นทันที หลายคนมองว่าพลังที่แท้จริงอาจไม่ใช่ฟิวชัน แต่คืออิทธิพลทางการเมืองที่ช่วยเปิดทางให้ทุนและการอนุมัติจากรัฐบาล 🔗 https://securityonline.info/fusion-of-power-trump-media-inks-6-billion-merger-to-build-worlds-first-fusion-power-plant 🤖 The AI Super App: OpenAI เปิดตัว ChatGPT App Directory OpenAI กำลังผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็น “ซูเปอร์แอป” โดยเปิดตัว App Directory ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอกอย่าง Spotify, Dropbox, Apple Music และ DoorDash ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านการสนทนา เช่น ให้สรุปรายงานจาก Google Drive หรือสร้างเพลย์ลิสต์เพลงใน Apple Music ได้ทันที นี่คือการเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือสร้างข้อความให้กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนเราได้จริง นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาภายนอกสร้างแอปเข้ามาในระบบ พร้อมแนวทางหารายได้ที่อาจคล้ายกับ App Store ของ Apple จุดสำคัญคือการยกระดับ AI จากการ “ตอบคำถาม” ไปสู่การ “ทำงานแทน” 🔗 https://securityonline.info/the-ai-super-app-arrives-openai-launches-chatgpt-app-directory-to-rule-your-digital-life 💸 Pay to Post: Meta ทดลองจำกัดการแชร์ลิงก์บน Facebook Meta กำลังทดสอบนโยบายใหม่ที่อาจทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์บน Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อแชร์ลิงก์ โดยผู้ใช้ที่ไม่ได้สมัครบริการยืนยันตัวตน (blue-check) จะถูกจำกัดให้โพสต์ลิงก์ได้เพียง 2 ครั้งต่อเดือน หากต้องการมากกว่านั้นต้องจ่ายค่าสมัครรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องการควบคุมการ “ไหลออกของทราฟฟิก” และหันไปหารายได้จากการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเพื่อสิทธิ์ที่เคยฟรีมาก่อน หลายคนมองว่านี่คือการผลัก Facebook เข้าสู่ระบบ “pay-to-play” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจทำให้ผู้สร้างรายเล็กๆ ต้องคิดหนักว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายออก 🔗 https://securityonline.info/pay-to-post-meta-tests-2-link-monthly-limit-for-unverified-facebook-creators 🛡️ Criminal IP จับมือ Palo Alto Networks Cortex XSOAR เสริมการตอบสนองภัยไซเบอร์ด้วย AI Criminal IP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม threat intelligence ที่ใช้ AI ได้เข้ารวมกับ Cortex XSOAR ของ Palo Alto Networks เพื่อยกระดับการตอบสนองเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย จุดเด่นคือการเพิ่มข้อมูลเชิงลึกจากภายนอก เช่น พฤติกรรมของ IP, ประวัติการโจมตี, การเชื่อมโยงกับมัลแวร์ และการสแกนหลายขั้นตอนแบบอัตโนมัติ ทำให้ทีม SOC สามารถจัดการเหตุการณ์ได้เร็วและแม่นยำขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการตรวจสอบแบบ manual การผสานนี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของโลกไซเบอร์ที่กำลังเดินหน้าไปสู่ “การป้องกันอัตโนมัติ” ที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก 🔗 https://securityonline.info/criminal-ip-and-palo-alto-networks-cortex-xsoar-integrate-to-bring-ai-driven-exposure-intelligence-to-automated-incident-response 🎮 FIFA ร่วมมือ Netflix เปิดเกมฟุตบอลใหม่รับบอลโลก 2026 หลังจากแยกทางกับ EA ที่สร้าง FIFA มานานเกือบ 30 ปี องค์กร FIFA ก็ยังไม่สามารถหาคู่หูที่สร้างเกมฟุตบอลระดับเรือธงได้ จนล่าสุด Netflix ประกาศว่าจะเปิดตัวเกมฟุตบอลใหม่ภายใต้แบรนด์ FIFA ในปี 2026 โดยให้ Delphi Interactive เป็นผู้พัฒนา จุดต่างสำคัญคือเกมนี้จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นคอนโทรลเลอร์ ทำให้เล่นง่ายและเข้าถึงผู้เล่นทั่วไปมากขึ้น แทนที่จะเน้นความสมจริงแบบ EA Sports FC การจับมือกับ Netflix แสดงให้เห็นว่า FIFA เลือกเส้นทางใหม่ที่ไม่ชนตรงกับ EA แต่หันไปสร้างประสบการณ์แบบ “เกมปาร์ตี้” ที่เข้ากับแนวทางของ Netflix Games ซึ่งกำลังมุ่งไปที่เกมที่เล่นง่ายและเชื่อมโยงกับผู้ชมจำนวนมาก 🔗 https://securityonline.info/fifas-post-ea-comeback-netflix-to-launch-a-reimagined-football-game-for-the-2026-world-cup 🔒 Mario’s Deadly Upgrade: RansomHouse เปิดตัว Dual-Key Encryption กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ Jolly Scorpius ซึ่งอยู่เบื้องหลังบริการ RansomHouse (ransomware-as-a-service) ได้ปรับปรุงเครื่องมือเข้ารหัสหลักของพวกเขาที่ชื่อ “Mario” จากเดิมที่ใช้วิธีเข้ารหัสแบบเส้นตรงธรรมดา กลายเป็นระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Mario เวอร์ชันใหม่ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์แบบตรงๆ แต่ใช้วิธี chunked processing คือแบ่งไฟล์ออกเป็นชิ้นๆ ที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้การวิเคราะห์ย้อนกลับยากขึ้นมากสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และที่น่ากังวลที่สุดคือการเพิ่ม dual-key encryption ซึ่งทำงานเหมือนระบบความปลอดภัยจริงๆ ที่ต้องใช้กุญแจสองชุดในการถอดรหัส หากผู้ป้องกันได้กุญแจเพียงชุดเดียว ข้อมูลก็ยังคงถูกล็อกแน่นหนา 🔗 https://securityonline.info/marios-deadly-upgrade-ransomhouse-unveils-dual-key-encryption-to-defeat-backups-and-recovery/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • Professional Fire Door Maintenance Services
    City Fire Proofing provides certified fire door maintenance services nationwide, ensuring doors remain compliant, safe, and fully functional. Our experienced team carries out inspections, repairs, and ongoing maintenance for internal and external fire doors in residential and commercial buildings. Regular fire door maintenance helps meet legal requirements, extend door lifespan, and maintain effective fire protection throughout your property. For more visit here - https://www.cityfp.co.uk/fire-doors
    Professional Fire Door Maintenance Services City Fire Proofing provides certified fire door maintenance services nationwide, ensuring doors remain compliant, safe, and fully functional. Our experienced team carries out inspections, repairs, and ongoing maintenance for internal and external fire doors in residential and commercial buildings. Regular fire door maintenance helps meet legal requirements, extend door lifespan, and maintain effective fire protection throughout your property. For more visit here - https://www.cityfp.co.uk/fire-doors
    WWW.CITYFP.CO.UK
    Certified Fire Door Maintenance, Installation and Inspection Companies
    CityFP is one of the trusted fire door maintenance companies, delivering certified fire door maintenance, inspections, and installation to ensure safety, compliance, and long-term durability.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.47

    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถือเป็นองค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศที่โดดเด่นและมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในเชิงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงมวลมนุษยชาติภายใต้อาณัติของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญสูงสุดของประชาคมโลก ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้องค์กรนี้มีความพิเศษกว่าองค์กรอื่นในระบบสหประชาชาติคืออำนาจในการออกข้อมติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อรัฐสมาชิกทั้งหมดตามมาตรายี่สิบห้าแห่งกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุให้รัฐสมาชิกตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคง อันเป็นการโอนอ่อนอำนาจอธิปไตยบางส่วนในเชิงความมั่นคงมาไว้ที่การตัดสินใจร่วมกันในระดับพหุภาคีเพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นสงครามวงกว้าง โดยโครงสร้างทางกฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจของรัฐมหาอำนาจที่มีสถานะเป็นสมาชิกถาวรห้าประเทศกับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งอีกสิบประเทศ แม้ว่าในเชิงนิติศาสตร์มักมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมจากสิทธิยับยั้งหรือวีโต้ที่สมาชิกถาวรครอบครองอยู่แต่ในอีกมุมหนึ่งโครงสร้างนี้คือกลไกเชิงประจักษ์ที่รักษาเสถียรภาพระหว่างมหาอำนาจเพื่อไม่ให้ระบบกฎหมายโลกพังทลายลงเหมือนเช่นในอดีต

    กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของคณะมนตรีความมั่นคงนั้นดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนที่ระบุไว้ในหมวดที่หกและหมวดที่เจ็ดของกฎบัตรสหประชาชาติโดยเริ่มต้นจากการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีผ่านการสืบสวนและการประนีประนอมแต่หากสถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นการคุกคามต่อสันติภาพหรือการกระทำอันเป็นการรุกรานคณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจตามหมวดที่เจ็ดในการใช้มาตรการบังคับซึ่งรวมถึงมาตรการที่มิใช่การใช้กำลังทางทหารเช่นการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการจำกัดการคมนาคมขนส่งไปจนถึงมาตรการขั้นสูงสุดคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารเพื่อรักษาสันติภาพกลับคืนมาการตัดสินใจเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการตีความกฎหมายและการประเมินข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของรัฐอธิปไตยอย่างรุนแรงอำนาจหน้าที่เชิงนิติบัญญัติและนิติบริหารของคณะมนตรีความมั่นคงจึงถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมายระหว่างประเทศสมัยใหม่ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดนิยามของการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับร้ายแรงที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงสากล

    บทสรุปของบทบาทคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในมิติทางกฎหมายจึงมิได้เป็นเพียงแค่เวทีสำหรับการเจรจาต่อรองทางการเมืองเท่านั้นแต่คือเสาหลักของการบังคับใช้ระเบียบโลกที่อาศัยหลักนิติธรรมเป็นเครื่องนำทางท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันแม้ว่าความท้าทายใหม่ๆเช่นอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งในรูปแบบพันทางจะขยายขอบเขตออกไปเกินกว่าที่ผู้ร่างกฎบัตรเมื่อแปดสิบปีก่อนจะคาดคิดแต่คณะมนตรีความมั่นคงยังคงต้องปรับตัวและตีความกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดรับกับพลวัตของโลกเพื่อให้มั่นใจว่าเจตนารมณ์สูงสุดในการพิทักษ์สันติภาพจะยังคงศักดิ์สิทธิ์และมีผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนสืบไปความสำเร็จขององค์กรนี้จึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของรัฐสมาชิกในการปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายและการเคารพในมติที่ออกมาเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของมวลมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐใดรัฐหนึ่งเพียงลำพังอันจะเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในเวทีโลกอย่างแท้จริง
    บทความกฎหมาย EP.47 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถือเป็นองค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศที่โดดเด่นและมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในเชิงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงมวลมนุษยชาติภายใต้อาณัติของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญสูงสุดของประชาคมโลก ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้องค์กรนี้มีความพิเศษกว่าองค์กรอื่นในระบบสหประชาชาติคืออำนาจในการออกข้อมติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อรัฐสมาชิกทั้งหมดตามมาตรายี่สิบห้าแห่งกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุให้รัฐสมาชิกตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคง อันเป็นการโอนอ่อนอำนาจอธิปไตยบางส่วนในเชิงความมั่นคงมาไว้ที่การตัดสินใจร่วมกันในระดับพหุภาคีเพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นสงครามวงกว้าง โดยโครงสร้างทางกฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจของรัฐมหาอำนาจที่มีสถานะเป็นสมาชิกถาวรห้าประเทศกับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งอีกสิบประเทศ แม้ว่าในเชิงนิติศาสตร์มักมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมจากสิทธิยับยั้งหรือวีโต้ที่สมาชิกถาวรครอบครองอยู่แต่ในอีกมุมหนึ่งโครงสร้างนี้คือกลไกเชิงประจักษ์ที่รักษาเสถียรภาพระหว่างมหาอำนาจเพื่อไม่ให้ระบบกฎหมายโลกพังทลายลงเหมือนเช่นในอดีต กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของคณะมนตรีความมั่นคงนั้นดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนที่ระบุไว้ในหมวดที่หกและหมวดที่เจ็ดของกฎบัตรสหประชาชาติโดยเริ่มต้นจากการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีผ่านการสืบสวนและการประนีประนอมแต่หากสถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นการคุกคามต่อสันติภาพหรือการกระทำอันเป็นการรุกรานคณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจตามหมวดที่เจ็ดในการใช้มาตรการบังคับซึ่งรวมถึงมาตรการที่มิใช่การใช้กำลังทางทหารเช่นการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการจำกัดการคมนาคมขนส่งไปจนถึงมาตรการขั้นสูงสุดคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารเพื่อรักษาสันติภาพกลับคืนมาการตัดสินใจเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการตีความกฎหมายและการประเมินข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของรัฐอธิปไตยอย่างรุนแรงอำนาจหน้าที่เชิงนิติบัญญัติและนิติบริหารของคณะมนตรีความมั่นคงจึงถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมายระหว่างประเทศสมัยใหม่ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดนิยามของการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับร้ายแรงที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงสากล บทสรุปของบทบาทคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในมิติทางกฎหมายจึงมิได้เป็นเพียงแค่เวทีสำหรับการเจรจาต่อรองทางการเมืองเท่านั้นแต่คือเสาหลักของการบังคับใช้ระเบียบโลกที่อาศัยหลักนิติธรรมเป็นเครื่องนำทางท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันแม้ว่าความท้าทายใหม่ๆเช่นอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งในรูปแบบพันทางจะขยายขอบเขตออกไปเกินกว่าที่ผู้ร่างกฎบัตรเมื่อแปดสิบปีก่อนจะคาดคิดแต่คณะมนตรีความมั่นคงยังคงต้องปรับตัวและตีความกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดรับกับพลวัตของโลกเพื่อให้มั่นใจว่าเจตนารมณ์สูงสุดในการพิทักษ์สันติภาพจะยังคงศักดิ์สิทธิ์และมีผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนสืบไปความสำเร็จขององค์กรนี้จึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของรัฐสมาชิกในการปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายและการเคารพในมติที่ออกมาเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของมวลมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐใดรัฐหนึ่งเพียงลำพังอันจะเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในเวทีโลกอย่างแท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep324 (live)
    ค.คร้าบบบ Ep324 (live) ปัญหาสงครามไทย-กัมพูชา วุ่นวายถึงต่างชาติจ้องจะเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นพี่ใหญ่ แสดงตนเป็นคนกลาง ... แต่กลางข้างใครกันแน่??
    .
    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    .
    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=UJ5nbqp5y24
    🔴 SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep324 (live) ค.คร้าบบบ Ep324 (live) ปัญหาสงครามไทย-กัมพูชา วุ่นวายถึงต่างชาติจ้องจะเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นพี่ใหญ่ แสดงตนเป็นคนกลาง ... แต่กลางข้างใครกันแน่?? . สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk . คลิก https://www.youtube.com/watch?v=UJ5nbqp5y24
    Like
    Love
    14
    9 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 1 รีวิว
  • อะไหล่ไก่เค้าดีจริง โชว์พูนๆล้นๆไม่มีได้เห็น ลูกค้ากระหน่ำตลอดๆ ไก่มะระสะเทือนใจ Ep.2 #ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระบุฟเฟ่ต์79 #พระราม3 #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #ของอร่อยบอกต่อ #อาหาร #ต้องลอง #eat #food #streetfood #thaifood #thailand #thaitimes #kaiaminute
    💖อะไหล่ไก่เค้าดีจริง โชว์พูนๆล้นๆไม่มีได้เห็น ลูกค้ากระหน่ำตลอดๆ 🥰ไก่มะระสะเทือนใจ Ep.2 #ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระบุฟเฟ่ต์79 #พระราม3 #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #ของอร่อยบอกต่อ #อาหาร #ต้องลอง #eat #food #streetfood #thaifood #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251218 #securityonline


    Mozilla เปิดยุคใหม่: Firefox เตรียมกลายเป็นเบราว์เซอร์พลัง AI
    Mozilla ประกาศแผนการใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Anthony Enzor-DeMeo ที่จะเปลี่ยน Firefox จากเบราว์เซอร์แบบดั้งเดิมให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดมุ่งหมายคือการทำให้ Firefox ไม่ใช่แค่เครื่องมือท่องเว็บ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ออนไลน์ได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Mozilla ที่จะกลับมาแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์ที่ถูกครอบงำโดย Chrome และ Edge
    https://securityonline.info/mozillas-new-chapter-ceo-anthony-enzor-demeo-to-transform-firefox-into-an-ai-powered-powerhouse

    Let’s Encrypt ปรับระบบ TLS ใหม่: ใบรับรองสั้นลงเหลือ 45 วัน
    Let’s Encrypt ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการออกใบรับรอง TLS โดยลดอายุการใช้งานจาก 90 วันเหลือเพียง 45 วัน พร้อมเปิดตัวโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Generation Y Hierarchy และการรองรับ TLS แบบใช้ IP โดยตรง การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากใบรับรองที่ถูกขโมยหรือไม่ได้อัปเดต และทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้จะเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลระบบ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บทั่วโลก
    https://securityonline.info/the-45-day-era-begins-lets-encrypt-unveils-generation-y-hierarchy-and-ip-based-tls

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Commons Text เสี่ยงถูกยึดเซิร์ฟเวอร์
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในไลบรารี Java ที่ชื่อ Apache Commons Text ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในการจัดการข้อความ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-46295 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 เต็ม 10 จุดอันตรายอยู่ที่ฟังก์ชัน string interpolation ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยเข้ามาและทำให้เกิดการรันคำสั่งจากระยะไกลได้ ลักษณะนี้คล้ายกับเหตุการณ์ Log4Shell ที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่ในอดีต ทีมพัฒนา FileMaker Server ได้รีบแก้ไขโดยอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่
    https://securityonline.info/cve-2025-46295-cvss-9-8-critical-apache-commons-text-flaw-risks-total-server-takeover

    หลอกด้วยใบสั่งจราจรปลอม: แอป RTO Challan ดูดข้อมูลและเงิน
    ในอินเดียมีการโจมตีใหม่ที่ใช้ความกลัวการโดนใบสั่งจราจรมาเป็นเครื่องมือ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป “RTO Challan” ผ่าน WhatsApp โดยอ้างว่าเป็นแอปทางการเพื่อดูหลักฐานการกระทำผิด แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ซ่อนตัวและสร้าง VPN ปลอมเพื่อส่งข้อมูลออกไปโดยไม่ถูกตรวจจับ มันสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว ตั้งแต่บัตร Aadhaar, PAN ไปจนถึงข้อมูลธนาคาร และยังหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตพร้อมรหัส PIN เพื่อทำธุรกรรมปลอมแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่ผสมผสานทั้งวิศวกรรมสังคมและเทคนิคขั้นสูง ผู้ใช้ถูกเตือนให้ระวังข้อความจากเบอร์แปลกและไม่ดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://securityonline.info/rto-challan-scam-how-a-fake-traffic-ticket-and-a-malicious-vpn-can-drain-your-bank-account

    Node.js systeminformation พบช่องโหว่เสี่ยง RCE บน Windows
    ไลบรารีชื่อดัง systeminformation ที่ถูกดาวน์โหลดกว่า 16 ล้านครั้งต่อเดือน ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-68154 โดยเฉพาะบน Windows ฟังก์ชัน fsSize() ที่ใช้ตรวจสอบขนาดดิสก์ไม่ได้กรองข้อมูลอินพุต ทำให้ผู้โจมตีสามารถใส่คำสั่ง PowerShell แทนตัวอักษรไดรฟ์ และรันคำสั่งอันตรายได้ทันที ผลกระทบคือการเข้าควบคุมระบบ อ่านข้อมูลลับ หรือแม้กระทั่งปล่อย ransomware นักพัฒนาถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 5.27.14 ที่แก้ไขแล้วโดยด่วน
    https://securityonline.info/node-js-alert-systeminformation-flaw-risks-windows-rce-for-16m-monthly-users

    OpenAI เจรจา Amazon ขอทุนเพิ่ม 10 พันล้าน พร้อมเงื่อนไขใช้ชิป AI ของ Amazon
    มีรายงานว่า OpenAI กำลังเจรจากับ Amazon เพื่อระดมทุนมหาศาลถึง 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ OpenAI ต้องใช้ชิป AI ของ Amazon เช่น Trainium และ Inferentia แทนการพึ่งพา NVIDIA ที่ราคาแพงและขาดตลาด หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการพลิกเกมครั้งใหญ่ เพราะจะทำให้ Amazon ได้การยืนยันคุณภาพชิปจากผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการ AI และยังช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนการประมวลผล ขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลระหว่าง Microsoft และ Amazon ในการเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์
    https://securityonline.info/the-10b-pivot-openai-in-talks-for-massive-amazon-funding-but-theres-a-silicon-catch

    Cloudflare เผยรายงานปี 2025: สงครามบอท AI และการจราจรอินเทอร์เน็ตพุ่ง 19%
    รายงานประจำปีของ Cloudflare ชี้ให้เห็นว่าปี 2025 อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น 19% และเกิด “สงครามบอท AI” ที่แข่งขันกันเก็บข้อมูลออนไลน์ โดย Google ครองอันดับหนึ่งด้านการเก็บข้อมูลผ่าน crawler เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI อย่าง Gemini ขณะเดียวกันองค์กรไม่แสวงหากำไรกลับกลายเป็นเป้าหมายโจมตีไซเบอร์มากที่สุด เนื่องจากมีข้อมูลอ่อนไหวแต่ขาดทรัพยากรป้องกัน รายงานยังระบุว่ามีการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่กว่า 25 ครั้งในปีเดียว และครึ่งหนึ่งของการหยุดชะงักอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเกิดจากการกระทำของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนทั้งความก้าวหน้าและความเปราะบางของโลกออนไลน์
    https://securityonline.info/the-internet-rewired-cloudflare-2025-review-unveils-the-ai-bot-war-and-a-19-traffic-surge

    Locked Out of the Cloud: เมื่อแฮกเกอร์ใช้ AWS Termination Protection ปล้นพลังประมวลผลไปขุดคริปโต
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมากในโลกคลาวด์ แฮกเกอร์เจาะเข้ามาในระบบ AWS โดยใช้บัญชีที่ถูกขโมย แล้วรีบ deploy เครื่องขุดคริปโตภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จุดที่น่ากลัวคือพวกเขาใช้ฟีเจอร์ DryRun เพื่อตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และเมื่อเครื่องขุดถูกสร้างขึ้น พวกเขาเปิดการป้องกันการลบ (termination protection) ทำให้เจ้าของระบบไม่สามารถลบเครื่องได้ทันที ต้องปิดการป้องกันก่อนถึงจะจัดการได้ นั่นทำให้แฮกเกอร์มีเวลาขุดคริปโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสร้าง backdoor ผ่าน AWS Lambda และเตรียมใช้ Amazon SES เพื่อส่งอีเมลฟิชชิ่งต่อไป เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การเจาะ AWS โดยตรง แต่เป็นการใช้ credential ที่ถูกขโมยไปอย่างชาญฉลาด
    https://securityonline.info/locked-out-of-the-cloud-hackers-use-aws-termination-protection-to-hijack-ecs-for-unstoppable-crypto-mining

    Blurred Deception: กลยุทธ์ฟิชชิ่งของกลุ่ม APT
    รัสเซียที่ใช้ “เอกสารเบลอ” กลุ่ม APT จากรัสเซียส่งอีเมลปลอมในชื่อคำสั่งจากประธานาธิบดี Transnistria โดยแนบไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทางการ แต่เนื้อหาถูกทำให้เบลอด้วย CSS filter ผู้รับจึงต้องใส่อีเมลและรหัสผ่านเพื่อ “ปลดล็อก” เอกสาร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการหลอกขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ ฟังก์ชัน JavaScript ที่ใช้ยังมีลูกเล่นคือไม่ว่ารหัสผ่านจะถูกหรือผิดก็ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์อยู่ดี แคมเปญนี้ไม่ได้หยุดแค่ Transnistria แต่ยังขยายไปยังประเทศในยุโรปตะวันออกและหน่วยงาน NATO ด้วย ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความเร่งด่วนและความอยากรู้อยากเห็นของเหยื่อเป็นตัวล่อ
    https://securityonline.info/blurred-deception-russian-apt-targets-transnistria-and-nato-with-high-pressure-phishing-lures

    “Better Auth” Framework Alert: ช่องโหว่ Double-Slash ที่ทำให้ระบบป้องกันพัง
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Better Auth ซึ่งเป็น framework ยอดนิยมสำหรับ TypeScript ที่ใช้กันกว้างขวาง ปัญหาคือ router ภายในชื่อ rou3 มอง URL ที่มีหลาย slash เช่น //sign-in/email ว่าเหมือนกับ /sign-in/email แต่ระบบป้องกันบางอย่างไม่ได้ normalize URL แบบเดียวกัน ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง path ที่ถูกปิดไว้ หรือเลี่ยง rate limit ได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การแก้ไขคืออัปเดตเวอร์ชันใหม่ หรือปรับ proxy ให้ normalize URL ก่อนถึงระบบ หากไม่ทำก็เสี่ยงที่ระบบจะถูกเจาะผ่านช่องโหว่เล็ก ๆ แต่ร้ายแรงนี้
    https://securityonline.info/better-auth-framework-alert-the-double-slash-trick-that-bypasses-security-controls

    Ink Dragon’s Global Mesh: เมื่อเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลถูกเปลี่ยนเป็นโหนดสอดแนม
    กลุ่มสอดแนมไซเบอร์จากจีนที่ชื่อ Ink Dragon ใช้เทคนิคใหม่ในการสร้างเครือข่ายสั่งการ โดยเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลที่ถูกเจาะให้กลายเป็นโหนด relay ส่งต่อคำสั่งและข้อมูลไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ผ่านโมดูล ShadowPad IIS Listener ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคำสั่งอาจวิ่งผ่านหลายองค์กรก่อนถึงเป้าหมายจริง พวกเขายังใช้ช่องโหว่ IIS ที่รู้จักกันมานานและ misconfiguration ของ ASP.NET เพื่อเข้ามา จากนั้นติดตั้ง malware รุ่นใหม่ที่ซ่อนการสื่อสารผ่าน Microsoft Graph API การขยายเป้าหมายไปยังยุโรปทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่เป็นโครงสร้างสอดแนมข้ามชาติที่ใช้โครงสร้างของเหยื่อเองเป็นเครื่องมือ
    https://securityonline.info/ink-dragons-global-mesh-how-chinese-spies-turn-compromised-government-servers-into-c2-relay-nodes

    Academic Ambush: เมื่อกลุ่ม APT ปลอมรายงาน “Plagiarism” เพื่อเจาะระบบนักวิชาการ
    นี่คือแคมเปญที่ใช้ความกังวลของนักวิชาการเป็นตัวล่อ แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมในชื่อ “Forum Troll APT” โดยอ้างว่าผลงานของเหยื่อถูกตรวจพบการลอกเลียนแบบ พร้อมแนบไฟล์ Word ที่ดูเหมือนรายงานตรวจสอบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเอกสารที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ โค้ดจะถูกเรียกใช้เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เข้ามาในเครื่องทันที การโจมตีนี้เล่นกับความกลัวเรื่องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในวงวิชาการ ทำให้ผู้รับมีแนวโน้มเปิดไฟล์โดยไม่ระวัง ถือเป็นการใช้ “แรงกดดันทางสังคม” เป็นอาวุธไซเบอร์
    https://securityonline.info/academic-ambush-how-the-forum-troll-apt-hijacks-scholars-systems-via-fake-plagiarism-reports

    GitHub ยอมถอย หลังนักพัฒนารวมพลังต้านค่าธรรมเนียม Self-Hosted Runner
    เรื่องนี้เริ่มจาก GitHub ประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน self-hosted runner ใน GitHub Actions ตั้งแต่มีนาคม 2026 โดยคิดนาทีละ 0.002 ดอลลาร์ แม้ผู้ใช้จะลงทุนเครื่องเองแล้วก็ตาม ข่าวนี้ทำให้ชุมชนนักพัฒนาลุกฮือทันที เสียงวิจารณ์ดังไปทั่วว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ สุดท้าย GitHub ต้องออกมาประกาศเลื่อนการเก็บค่าธรรมเนียมออกไป พร้อมลดราคาสำหรับ runner ที่ GitHub โฮสต์เองลงถึง 39% ตั้งแต่ต้นปี 2026 และย้ำว่าจะกลับไปฟังเสียงนักพัฒนาให้มากขึ้นก่อนปรับแผนใหม่ เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของชุมชนสามารถกดดันให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต้องทบทวนการตัดสินใจได้
    https://securityonline.info/the-developer-win-github-postpones-self-hosted-runner-fee-after-massive-community-outcry

    ช่องโหว่ร้ายแรง HPE OneView เปิดทางให้ยึดศูนย์ข้อมูลได้ทันที
    Hewlett Packard Enterprise (HPE) แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2025-37164 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด 10.0 ในซอฟต์แวร์ OneView ซึ่งเป็นหัวใจในการจัดการเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ต้องล็อกอินสามารถสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดศูนย์ข้อมูลทั้งระบบได้เลย HPE รีบออกแพตช์ v11.00 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน สำหรับผู้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า มี hotfix ให้ แต่ต้องระวังว่าหลังอัปเกรดบางเวอร์ชันต้องติดตั้งซ้ำอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะยังเสี่ยงอยู่
    https://securityonline.info/cve-2025-37164-cvss-10-0-unauthenticated-hpe-oneview-rce-grants-total-control-over-data-centers

    CISA เตือนด่วน แฮ็กเกอร์จีนใช้ช่องโหว่ Cisco และ SonicWall โจมตีจริงแล้ว
    หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเพิ่มช่องโหว่ร้ายแรงเข้ารายการ KEV หลังพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ Cisco Secure Email Gateway ที่มีคะแนน 10 เต็มในการเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมติดตั้งมัลแวร์ AquaShell และ AquaPurge เพื่อซ่อนร่องรอย นอกจากนี้ยังพบการโจมตี SonicWall SMA1000 โดยใช้ช่องโหว่เดิมร่วมกับช่องโหว่ใหม่เพื่อยึดระบบได้ทั้งหมด และยังมีการนำช่องโหว่เก่าใน ASUS Live Update ที่หมดการสนับสนุนแล้วกลับมาใช้โจมตีในลักษณะ supply chain อีกด้วย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งแพตช์ก่อนเส้นตาย 24 ธันวาคม 2025 https://securityonline.info/cisa-alert-chinese-hackers-weaponize-cvss-10-cisco-zero-day-sonicwall-exploit-chains

    แฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 ใช้มัลแวร์ Aqua เจาะ Cisco Secure Email
    Cisco Talos เปิดเผยว่ากลุ่ม UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20393 ใน Cisco Secure Email Gateway และ Web Manager เพื่อเข้าถึงระบบในระดับ root โดยอาศัยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Spam Quarantine ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเปิดไว้จะกลายเป็นช่องทางให้โจมตีได้ทันที เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาติดตั้งมัลแวร์ชุด “Aqua” ได้แก่ AquaShell ที่ฝังตัวในไฟล์เซิร์ฟเวอร์, AquaPurge ที่ลบหลักฐานใน log และ AquaTunnel ที่สร้างการเชื่อมต่อย้อนกลับเพื่อรักษาการเข้าถึง แม้แก้ช่องโหว่แล้วก็ยังไม่พ้นภัย เพราะมัลแวร์ฝังลึกจน Cisco แนะนำว่าหากถูกเจาะแล้วต้อง rebuild เครื่องใหม่เท่านั้น
    https://securityonline.info/cisco-zero-day-siege-chinese-group-uat-9686-deploys-aqua-malware-via-cvss-10-root-exploit

    SonicWall เตือนช่องโหว่ใหม่ถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่เดิม ยึดระบบได้แบบ root
    SonicWall ออกประกาศด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2025-40602 ในอุปกรณ์ SMA1000 แม้คะแนน CVSS เพียง 6.6 แต่เมื่อถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่ CVE-2025-23006 ที่ร้ายแรงกว่า จะกลายเป็นการโจมตีแบบ chain ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน และยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที เท่ากับยึดระบบทั้งองค์กรได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน SonicWall ได้ออกแพตช์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถทำได้ควรปิดการเข้าถึง AMC และ SSH จากอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการโจมตี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/zero-day-warning-hackers-chain-sonicwall-sma1000-flaws-for-unauthenticated-root-rce
    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251218 #securityonline 🦊 Mozilla เปิดยุคใหม่: Firefox เตรียมกลายเป็นเบราว์เซอร์พลัง AI Mozilla ประกาศแผนการใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Anthony Enzor-DeMeo ที่จะเปลี่ยน Firefox จากเบราว์เซอร์แบบดั้งเดิมให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดมุ่งหมายคือการทำให้ Firefox ไม่ใช่แค่เครื่องมือท่องเว็บ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ออนไลน์ได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Mozilla ที่จะกลับมาแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์ที่ถูกครอบงำโดย Chrome และ Edge 🔗 https://securityonline.info/mozillas-new-chapter-ceo-anthony-enzor-demeo-to-transform-firefox-into-an-ai-powered-powerhouse 🔒 Let’s Encrypt ปรับระบบ TLS ใหม่: ใบรับรองสั้นลงเหลือ 45 วัน Let’s Encrypt ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการออกใบรับรอง TLS โดยลดอายุการใช้งานจาก 90 วันเหลือเพียง 45 วัน พร้อมเปิดตัวโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Generation Y Hierarchy และการรองรับ TLS แบบใช้ IP โดยตรง การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากใบรับรองที่ถูกขโมยหรือไม่ได้อัปเดต และทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้จะเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลระบบ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/the-45-day-era-begins-lets-encrypt-unveils-generation-y-hierarchy-and-ip-based-tls 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Commons Text เสี่ยงถูกยึดเซิร์ฟเวอร์ เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในไลบรารี Java ที่ชื่อ Apache Commons Text ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในการจัดการข้อความ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-46295 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 เต็ม 10 จุดอันตรายอยู่ที่ฟังก์ชัน string interpolation ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยเข้ามาและทำให้เกิดการรันคำสั่งจากระยะไกลได้ ลักษณะนี้คล้ายกับเหตุการณ์ Log4Shell ที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่ในอดีต ทีมพัฒนา FileMaker Server ได้รีบแก้ไขโดยอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่ 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-46295-cvss-9-8-critical-apache-commons-text-flaw-risks-total-server-takeover 🚦 หลอกด้วยใบสั่งจราจรปลอม: แอป RTO Challan ดูดข้อมูลและเงิน ในอินเดียมีการโจมตีใหม่ที่ใช้ความกลัวการโดนใบสั่งจราจรมาเป็นเครื่องมือ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป “RTO Challan” ผ่าน WhatsApp โดยอ้างว่าเป็นแอปทางการเพื่อดูหลักฐานการกระทำผิด แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ซ่อนตัวและสร้าง VPN ปลอมเพื่อส่งข้อมูลออกไปโดยไม่ถูกตรวจจับ มันสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว ตั้งแต่บัตร Aadhaar, PAN ไปจนถึงข้อมูลธนาคาร และยังหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตพร้อมรหัส PIN เพื่อทำธุรกรรมปลอมแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่ผสมผสานทั้งวิศวกรรมสังคมและเทคนิคขั้นสูง ผู้ใช้ถูกเตือนให้ระวังข้อความจากเบอร์แปลกและไม่ดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://securityonline.info/rto-challan-scam-how-a-fake-traffic-ticket-and-a-malicious-vpn-can-drain-your-bank-account 💻 Node.js systeminformation พบช่องโหว่เสี่ยง RCE บน Windows ไลบรารีชื่อดัง systeminformation ที่ถูกดาวน์โหลดกว่า 16 ล้านครั้งต่อเดือน ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-68154 โดยเฉพาะบน Windows ฟังก์ชัน fsSize() ที่ใช้ตรวจสอบขนาดดิสก์ไม่ได้กรองข้อมูลอินพุต ทำให้ผู้โจมตีสามารถใส่คำสั่ง PowerShell แทนตัวอักษรไดรฟ์ และรันคำสั่งอันตรายได้ทันที ผลกระทบคือการเข้าควบคุมระบบ อ่านข้อมูลลับ หรือแม้กระทั่งปล่อย ransomware นักพัฒนาถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 5.27.14 ที่แก้ไขแล้วโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/node-js-alert-systeminformation-flaw-risks-windows-rce-for-16m-monthly-users 💰 OpenAI เจรจา Amazon ขอทุนเพิ่ม 10 พันล้าน พร้อมเงื่อนไขใช้ชิป AI ของ Amazon มีรายงานว่า OpenAI กำลังเจรจากับ Amazon เพื่อระดมทุนมหาศาลถึง 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ OpenAI ต้องใช้ชิป AI ของ Amazon เช่น Trainium และ Inferentia แทนการพึ่งพา NVIDIA ที่ราคาแพงและขาดตลาด หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการพลิกเกมครั้งใหญ่ เพราะจะทำให้ Amazon ได้การยืนยันคุณภาพชิปจากผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการ AI และยังช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนการประมวลผล ขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลระหว่าง Microsoft และ Amazon ในการเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์ 🔗 https://securityonline.info/the-10b-pivot-openai-in-talks-for-massive-amazon-funding-but-theres-a-silicon-catch 🌐 Cloudflare เผยรายงานปี 2025: สงครามบอท AI และการจราจรอินเทอร์เน็ตพุ่ง 19% รายงานประจำปีของ Cloudflare ชี้ให้เห็นว่าปี 2025 อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น 19% และเกิด “สงครามบอท AI” ที่แข่งขันกันเก็บข้อมูลออนไลน์ โดย Google ครองอันดับหนึ่งด้านการเก็บข้อมูลผ่าน crawler เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI อย่าง Gemini ขณะเดียวกันองค์กรไม่แสวงหากำไรกลับกลายเป็นเป้าหมายโจมตีไซเบอร์มากที่สุด เนื่องจากมีข้อมูลอ่อนไหวแต่ขาดทรัพยากรป้องกัน รายงานยังระบุว่ามีการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่กว่า 25 ครั้งในปีเดียว และครึ่งหนึ่งของการหยุดชะงักอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเกิดจากการกระทำของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนทั้งความก้าวหน้าและความเปราะบางของโลกออนไลน์ 🔗 https://securityonline.info/the-internet-rewired-cloudflare-2025-review-unveils-the-ai-bot-war-and-a-19-traffic-surge 🖥️ Locked Out of the Cloud: เมื่อแฮกเกอร์ใช้ AWS Termination Protection ปล้นพลังประมวลผลไปขุดคริปโต เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมากในโลกคลาวด์ แฮกเกอร์เจาะเข้ามาในระบบ AWS โดยใช้บัญชีที่ถูกขโมย แล้วรีบ deploy เครื่องขุดคริปโตภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จุดที่น่ากลัวคือพวกเขาใช้ฟีเจอร์ DryRun เพื่อตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และเมื่อเครื่องขุดถูกสร้างขึ้น พวกเขาเปิดการป้องกันการลบ (termination protection) ทำให้เจ้าของระบบไม่สามารถลบเครื่องได้ทันที ต้องปิดการป้องกันก่อนถึงจะจัดการได้ นั่นทำให้แฮกเกอร์มีเวลาขุดคริปโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสร้าง backdoor ผ่าน AWS Lambda และเตรียมใช้ Amazon SES เพื่อส่งอีเมลฟิชชิ่งต่อไป เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การเจาะ AWS โดยตรง แต่เป็นการใช้ credential ที่ถูกขโมยไปอย่างชาญฉลาด 🔗 https://securityonline.info/locked-out-of-the-cloud-hackers-use-aws-termination-protection-to-hijack-ecs-for-unstoppable-crypto-mining 📧 Blurred Deception: กลยุทธ์ฟิชชิ่งของกลุ่ม APT รัสเซียที่ใช้ “เอกสารเบลอ” กลุ่ม APT จากรัสเซียส่งอีเมลปลอมในชื่อคำสั่งจากประธานาธิบดี Transnistria โดยแนบไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทางการ แต่เนื้อหาถูกทำให้เบลอด้วย CSS filter ผู้รับจึงต้องใส่อีเมลและรหัสผ่านเพื่อ “ปลดล็อก” เอกสาร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการหลอกขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ ฟังก์ชัน JavaScript ที่ใช้ยังมีลูกเล่นคือไม่ว่ารหัสผ่านจะถูกหรือผิดก็ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์อยู่ดี แคมเปญนี้ไม่ได้หยุดแค่ Transnistria แต่ยังขยายไปยังประเทศในยุโรปตะวันออกและหน่วยงาน NATO ด้วย ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความเร่งด่วนและความอยากรู้อยากเห็นของเหยื่อเป็นตัวล่อ 🔗 https://securityonline.info/blurred-deception-russian-apt-targets-transnistria-and-nato-with-high-pressure-phishing-lures 🔐 “Better Auth” Framework Alert: ช่องโหว่ Double-Slash ที่ทำให้ระบบป้องกันพัง มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Better Auth ซึ่งเป็น framework ยอดนิยมสำหรับ TypeScript ที่ใช้กันกว้างขวาง ปัญหาคือ router ภายในชื่อ rou3 มอง URL ที่มีหลาย slash เช่น //sign-in/email ว่าเหมือนกับ /sign-in/email แต่ระบบป้องกันบางอย่างไม่ได้ normalize URL แบบเดียวกัน ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง path ที่ถูกปิดไว้ หรือเลี่ยง rate limit ได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การแก้ไขคืออัปเดตเวอร์ชันใหม่ หรือปรับ proxy ให้ normalize URL ก่อนถึงระบบ หากไม่ทำก็เสี่ยงที่ระบบจะถูกเจาะผ่านช่องโหว่เล็ก ๆ แต่ร้ายแรงนี้ 🔗 https://securityonline.info/better-auth-framework-alert-the-double-slash-trick-that-bypasses-security-controls 🐉 Ink Dragon’s Global Mesh: เมื่อเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลถูกเปลี่ยนเป็นโหนดสอดแนม กลุ่มสอดแนมไซเบอร์จากจีนที่ชื่อ Ink Dragon ใช้เทคนิคใหม่ในการสร้างเครือข่ายสั่งการ โดยเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลที่ถูกเจาะให้กลายเป็นโหนด relay ส่งต่อคำสั่งและข้อมูลไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ผ่านโมดูล ShadowPad IIS Listener ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคำสั่งอาจวิ่งผ่านหลายองค์กรก่อนถึงเป้าหมายจริง พวกเขายังใช้ช่องโหว่ IIS ที่รู้จักกันมานานและ misconfiguration ของ ASP.NET เพื่อเข้ามา จากนั้นติดตั้ง malware รุ่นใหม่ที่ซ่อนการสื่อสารผ่าน Microsoft Graph API การขยายเป้าหมายไปยังยุโรปทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่เป็นโครงสร้างสอดแนมข้ามชาติที่ใช้โครงสร้างของเหยื่อเองเป็นเครื่องมือ 🔗 https://securityonline.info/ink-dragons-global-mesh-how-chinese-spies-turn-compromised-government-servers-into-c2-relay-nodes 📚 Academic Ambush: เมื่อกลุ่ม APT ปลอมรายงาน “Plagiarism” เพื่อเจาะระบบนักวิชาการ นี่คือแคมเปญที่ใช้ความกังวลของนักวิชาการเป็นตัวล่อ แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมในชื่อ “Forum Troll APT” โดยอ้างว่าผลงานของเหยื่อถูกตรวจพบการลอกเลียนแบบ พร้อมแนบไฟล์ Word ที่ดูเหมือนรายงานตรวจสอบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเอกสารที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ โค้ดจะถูกเรียกใช้เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เข้ามาในเครื่องทันที การโจมตีนี้เล่นกับความกลัวเรื่องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในวงวิชาการ ทำให้ผู้รับมีแนวโน้มเปิดไฟล์โดยไม่ระวัง ถือเป็นการใช้ “แรงกดดันทางสังคม” เป็นอาวุธไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/academic-ambush-how-the-forum-troll-apt-hijacks-scholars-systems-via-fake-plagiarism-reports 🛠️ GitHub ยอมถอย หลังนักพัฒนารวมพลังต้านค่าธรรมเนียม Self-Hosted Runner เรื่องนี้เริ่มจาก GitHub ประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน self-hosted runner ใน GitHub Actions ตั้งแต่มีนาคม 2026 โดยคิดนาทีละ 0.002 ดอลลาร์ แม้ผู้ใช้จะลงทุนเครื่องเองแล้วก็ตาม ข่าวนี้ทำให้ชุมชนนักพัฒนาลุกฮือทันที เสียงวิจารณ์ดังไปทั่วว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ สุดท้าย GitHub ต้องออกมาประกาศเลื่อนการเก็บค่าธรรมเนียมออกไป พร้อมลดราคาสำหรับ runner ที่ GitHub โฮสต์เองลงถึง 39% ตั้งแต่ต้นปี 2026 และย้ำว่าจะกลับไปฟังเสียงนักพัฒนาให้มากขึ้นก่อนปรับแผนใหม่ เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของชุมชนสามารถกดดันให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต้องทบทวนการตัดสินใจได้ 🔗 https://securityonline.info/the-developer-win-github-postpones-self-hosted-runner-fee-after-massive-community-outcry ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรง HPE OneView เปิดทางให้ยึดศูนย์ข้อมูลได้ทันที Hewlett Packard Enterprise (HPE) แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2025-37164 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด 10.0 ในซอฟต์แวร์ OneView ซึ่งเป็นหัวใจในการจัดการเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ต้องล็อกอินสามารถสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดศูนย์ข้อมูลทั้งระบบได้เลย HPE รีบออกแพตช์ v11.00 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน สำหรับผู้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า มี hotfix ให้ แต่ต้องระวังว่าหลังอัปเกรดบางเวอร์ชันต้องติดตั้งซ้ำอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะยังเสี่ยงอยู่ 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-37164-cvss-10-0-unauthenticated-hpe-oneview-rce-grants-total-control-over-data-centers 🚨 CISA เตือนด่วน แฮ็กเกอร์จีนใช้ช่องโหว่ Cisco และ SonicWall โจมตีจริงแล้ว หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเพิ่มช่องโหว่ร้ายแรงเข้ารายการ KEV หลังพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ Cisco Secure Email Gateway ที่มีคะแนน 10 เต็มในการเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมติดตั้งมัลแวร์ AquaShell และ AquaPurge เพื่อซ่อนร่องรอย นอกจากนี้ยังพบการโจมตี SonicWall SMA1000 โดยใช้ช่องโหว่เดิมร่วมกับช่องโหว่ใหม่เพื่อยึดระบบได้ทั้งหมด และยังมีการนำช่องโหว่เก่าใน ASUS Live Update ที่หมดการสนับสนุนแล้วกลับมาใช้โจมตีในลักษณะ supply chain อีกด้วย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งแพตช์ก่อนเส้นตาย 24 ธันวาคม 2025 🔗 https://securityonline.info/cisa-alert-chinese-hackers-weaponize-cvss-10-cisco-zero-day-sonicwall-exploit-chains 🐚 แฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 ใช้มัลแวร์ Aqua เจาะ Cisco Secure Email Cisco Talos เปิดเผยว่ากลุ่ม UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20393 ใน Cisco Secure Email Gateway และ Web Manager เพื่อเข้าถึงระบบในระดับ root โดยอาศัยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Spam Quarantine ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเปิดไว้จะกลายเป็นช่องทางให้โจมตีได้ทันที เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาติดตั้งมัลแวร์ชุด “Aqua” ได้แก่ AquaShell ที่ฝังตัวในไฟล์เซิร์ฟเวอร์, AquaPurge ที่ลบหลักฐานใน log และ AquaTunnel ที่สร้างการเชื่อมต่อย้อนกลับเพื่อรักษาการเข้าถึง แม้แก้ช่องโหว่แล้วก็ยังไม่พ้นภัย เพราะมัลแวร์ฝังลึกจน Cisco แนะนำว่าหากถูกเจาะแล้วต้อง rebuild เครื่องใหม่เท่านั้น 🔗 https://securityonline.info/cisco-zero-day-siege-chinese-group-uat-9686-deploys-aqua-malware-via-cvss-10-root-exploit 🔒 SonicWall เตือนช่องโหว่ใหม่ถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่เดิม ยึดระบบได้แบบ root SonicWall ออกประกาศด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2025-40602 ในอุปกรณ์ SMA1000 แม้คะแนน CVSS เพียง 6.6 แต่เมื่อถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่ CVE-2025-23006 ที่ร้ายแรงกว่า จะกลายเป็นการโจมตีแบบ chain ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน และยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที เท่ากับยึดระบบทั้งองค์กรได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน SonicWall ได้ออกแพตช์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถทำได้ควรปิดการเข้าถึง AMC และ SSH จากอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการโจมตี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/zero-day-warning-hackers-chain-sonicwall-sma1000-flaws-for-unauthenticated-root-rce
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon จับได้พนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือด้วย Keystroke Lag

    Amazon เปิดเผยกรณีการตรวจจับพนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือที่พยายามแฝงตัวเข้ามาทำงานในฝ่าย IT ของบริษัทในสหรัฐฯ โดยใช้วิธีการ Remote Control ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในอเมริกา แต่จริง ๆ แล้วถูกควบคุมจากต่างประเทศ ความผิดปกติที่นำไปสู่การจับได้คือ ความหน่วงในการพิมพ์ (Keystroke Lag) ที่มากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งสูงกว่าค่าปกติของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่มักอยู่ในระดับไม่กี่สิบมิลลิวินาที

    Stephen Schmidt, Chief Security Officer ของ Amazon ระบุว่า บริษัทได้สกัดกั้นความพยายามแฝงตัวของเกาหลีเหนือมากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และจำนวนความพยายามยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 27% ต่อไตรมาส การแฝงตัวเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมถึงอาจใช้เพื่อการจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม

    การตรวจจับครั้งนี้เกิดขึ้นจากระบบเฝ้าระวังที่แจ้งเตือนพฤติกรรมผิดปกติของพนักงานใหม่ ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบและพบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ถูกควบคุมจากระยะไกลโดยบุคคลในเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังพบผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้กับแรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกไปก่อนหน้านี้

    กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการแฝงตัวในองค์กรขนาดใหญ่ และความสำคัญของการตรวจสอบพฤติกรรมดิจิทัลที่ละเอียดอ่อน เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษาและสำนวนที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถเป็นเบาะแสสำคัญในการตรวจจับผู้แฝงตัว

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การตรวจจับด้วย Keystroke Lag
    พบความหน่วงมากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งผิดปกติสำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ

    จำนวนความพยายามแฝงตัว
    Amazon สกัดกั้นได้มากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และยังเพิ่มขึ้น 27% ต่อไตรมาส

    เป้าหมายของการแฝงตัว
    เพื่อสร้างรายได้ให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ และอาจใช้เพื่อจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม

    การดำเนินคดีที่เกี่ยวข้อง
    ผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้แรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกแล้ว

    คำเตือนด้านความปลอดภัยองค์กร
    การแฝงตัวอาจเกิดขึ้นได้แม้ในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด
    พฤติกรรมดิจิทัลเล็ก ๆ เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษา อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/north-korean-infiltrator-caught-working-in-amazon-it-department-thanks-to-lag-110ms-keystroke-input-raises-red-flags-over-true-location
    🛡️ Amazon จับได้พนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือด้วย Keystroke Lag Amazon เปิดเผยกรณีการตรวจจับพนักงานปลอมจากเกาหลีเหนือที่พยายามแฝงตัวเข้ามาทำงานในฝ่าย IT ของบริษัทในสหรัฐฯ โดยใช้วิธีการ Remote Control ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในอเมริกา แต่จริง ๆ แล้วถูกควบคุมจากต่างประเทศ ความผิดปกติที่นำไปสู่การจับได้คือ ความหน่วงในการพิมพ์ (Keystroke Lag) ที่มากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งสูงกว่าค่าปกติของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่มักอยู่ในระดับไม่กี่สิบมิลลิวินาที Stephen Schmidt, Chief Security Officer ของ Amazon ระบุว่า บริษัทได้สกัดกั้นความพยายามแฝงตัวของเกาหลีเหนือมากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และจำนวนความพยายามยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 27% ต่อไตรมาส การแฝงตัวเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมถึงอาจใช้เพื่อการจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม การตรวจจับครั้งนี้เกิดขึ้นจากระบบเฝ้าระวังที่แจ้งเตือนพฤติกรรมผิดปกติของพนักงานใหม่ ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจสอบและพบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ถูกควบคุมจากระยะไกลโดยบุคคลในเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังพบผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้กับแรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกไปก่อนหน้านี้ กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการแฝงตัวในองค์กรขนาดใหญ่ และความสำคัญของการตรวจสอบพฤติกรรมดิจิทัลที่ละเอียดอ่อน เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษาและสำนวนที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถเป็นเบาะแสสำคัญในการตรวจจับผู้แฝงตัว 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การตรวจจับด้วย Keystroke Lag ➡️ พบความหน่วงมากกว่า 110 มิลลิวินาที ซึ่งผิดปกติสำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ ✅ จำนวนความพยายามแฝงตัว ➡️ Amazon สกัดกั้นได้มากกว่า 1,800 ครั้งตั้งแต่ปี 2024 และยังเพิ่มขึ้น 27% ต่อไตรมาส ✅ เป้าหมายของการแฝงตัว ➡️ เพื่อสร้างรายได้ให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ และอาจใช้เพื่อจารกรรมหรือก่อวินาศกรรม ✅ การดำเนินคดีที่เกี่ยวข้อง ➡️ ผู้หญิงชาวอเมริกันที่ช่วยจัดหางานให้แรงงานเกาหลีเหนือถูกตัดสินจำคุกแล้ว ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัยองค์กร ⛔ การแฝงตัวอาจเกิดขึ้นได้แม้ในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ⛔ พฤติกรรมดิจิทัลเล็ก ๆ เช่น ความหน่วงของการพิมพ์ หรือการใช้ภาษา อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/north-korean-infiltrator-caught-working-in-amazon-it-department-thanks-to-lag-110ms-keystroke-input-raises-red-flags-over-true-location
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกับความพยายาม Reverse Engineering เครื่อง EUV Lithography

    รายงานจาก Reuters และ Tom’s Hardware ระบุว่า จีนได้ตั้งห้องแล็บลับในเซินเจิ้นเพื่อสร้างเครื่อง EUV Lithography ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก โดยอ้างว่าใช้วิธี Reverse Engineering จากเครื่องของ ASML บริษัทเนเธอร์แลนด์ที่เป็นผู้ผลิตรายเดียวในโลกที่สามารถทำเครื่อง EUV ได้สำเร็จ ปัจจุบันเครื่องต้นแบบของจีนสามารถสร้างแสง EUV ที่ความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตรได้ แต่ยังไม่สามารถใช้ผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้

    เครื่องดังกล่าวใช้วิธี Laser-Produced Plasma (LPP) เช่นเดียวกับ ASML โดยยิงเลเซอร์ไปที่หยดดีบุกขนาดไมครอนเพื่อสร้างพลาสมาที่ปล่อยแสง EUV อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักอยู่ที่ระบบออปติกที่ซับซ้อนมาก เช่น กระจกสะท้อนที่เคลือบด้วยชั้น Mo/Si และระบบ Projection Optics ที่ต้องการความแม่นยำระดับนาโนเมตร ซึ่งจีนยังไม่สามารถทำได้สมบูรณ์

    รัฐบาลจีนตั้งเป้าว่าจะมีต้นแบบที่สามารถผลิตชิปได้ภายในปี 2028 แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความเป็นจริงอาจต้องรอถึงปี 2030 หรือหลังจากนั้น เนื่องจากการสร้างเครื่อง EUV ต้องอาศัยการบูรณาการมากกว่า 100,000 ชิ้นส่วน และความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ซึ่งปัจจุบันจีนยังต้องพึ่งพาอดีตวิศวกรจาก ASML และนักวิจัยมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจบใหม่

    หากจีนสามารถพัฒนาเครื่อง EUV ได้สำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพราะปัจจุบันจีนถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีนี้จากมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐและพันธมิตร แต่ในทางกลับกัน หากยังไม่สามารถแก้ปัญหาด้านออปติกและระบบกลไกได้ ความพยายามนี้อาจกลายเป็นเพียงการทดลองที่ไม่สามารถใช้จริงในเชิงพาณิชย์

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การสร้างเครื่อง EUV ในจีน
    ห้องแล็บลับในเซินเจิ้นสร้างเครื่องต้นแบบที่สามารถผลิตแสง EUV ได้แล้ว

    เทคนิคที่ใช้
    ใช้วิธี Laser-Produced Plasma (LPP) เช่นเดียวกับ ASML

    เป้าหมายรัฐบาลจีน
    ต้องการให้มีต้นแบบที่ผลิตชิปได้ภายในปี 2028 แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจช้ากว่านั้น

    ความท้าทายด้านเทคนิค
    ระบบออปติกและกลไกที่ซับซ้อนยังไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์

    คำเตือนด้านความเป็นจริง
    การสร้างเครื่อง EUV ต้องใช้มากกว่า 100,000 ชิ้นส่วนและความแม่นยำระดับนาโนเมตร ซึ่งจีนยังไม่สามารถทำได้
    แม้จะมีความก้าวหน้า แต่ยังไม่สามารถผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้ในระยะสั้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-may-have-reverse-engineered-euv-lithography-tool-in-covert-lab-report-claims-employees-given-fake-ids-to-avoid-secret-project-being-detected-prototypes-expected-in-2028
    🔬 จีนกับความพยายาม Reverse Engineering เครื่อง EUV Lithography รายงานจาก Reuters และ Tom’s Hardware ระบุว่า จีนได้ตั้งห้องแล็บลับในเซินเจิ้นเพื่อสร้างเครื่อง EUV Lithography ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก โดยอ้างว่าใช้วิธี Reverse Engineering จากเครื่องของ ASML บริษัทเนเธอร์แลนด์ที่เป็นผู้ผลิตรายเดียวในโลกที่สามารถทำเครื่อง EUV ได้สำเร็จ ปัจจุบันเครื่องต้นแบบของจีนสามารถสร้างแสง EUV ที่ความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตรได้ แต่ยังไม่สามารถใช้ผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้ เครื่องดังกล่าวใช้วิธี Laser-Produced Plasma (LPP) เช่นเดียวกับ ASML โดยยิงเลเซอร์ไปที่หยดดีบุกขนาดไมครอนเพื่อสร้างพลาสมาที่ปล่อยแสง EUV อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักอยู่ที่ระบบออปติกที่ซับซ้อนมาก เช่น กระจกสะท้อนที่เคลือบด้วยชั้น Mo/Si และระบบ Projection Optics ที่ต้องการความแม่นยำระดับนาโนเมตร ซึ่งจีนยังไม่สามารถทำได้สมบูรณ์ รัฐบาลจีนตั้งเป้าว่าจะมีต้นแบบที่สามารถผลิตชิปได้ภายในปี 2028 แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความเป็นจริงอาจต้องรอถึงปี 2030 หรือหลังจากนั้น เนื่องจากการสร้างเครื่อง EUV ต้องอาศัยการบูรณาการมากกว่า 100,000 ชิ้นส่วน และความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ซึ่งปัจจุบันจีนยังต้องพึ่งพาอดีตวิศวกรจาก ASML และนักวิจัยมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจบใหม่ หากจีนสามารถพัฒนาเครื่อง EUV ได้สำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพราะปัจจุบันจีนถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีนี้จากมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐและพันธมิตร แต่ในทางกลับกัน หากยังไม่สามารถแก้ปัญหาด้านออปติกและระบบกลไกได้ ความพยายามนี้อาจกลายเป็นเพียงการทดลองที่ไม่สามารถใช้จริงในเชิงพาณิชย์ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การสร้างเครื่อง EUV ในจีน ➡️ ห้องแล็บลับในเซินเจิ้นสร้างเครื่องต้นแบบที่สามารถผลิตแสง EUV ได้แล้ว ✅ เทคนิคที่ใช้ ➡️ ใช้วิธี Laser-Produced Plasma (LPP) เช่นเดียวกับ ASML ✅ เป้าหมายรัฐบาลจีน ➡️ ต้องการให้มีต้นแบบที่ผลิตชิปได้ภายในปี 2028 แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจช้ากว่านั้น ✅ ความท้าทายด้านเทคนิค ➡️ ระบบออปติกและกลไกที่ซับซ้อนยังไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์ ‼️ คำเตือนด้านความเป็นจริง ⛔ การสร้างเครื่อง EUV ต้องใช้มากกว่า 100,000 ชิ้นส่วนและความแม่นยำระดับนาโนเมตร ซึ่งจีนยังไม่สามารถทำได้ ⛔ แม้จะมีความก้าวหน้า แต่ยังไม่สามารถผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้ในระยะสั้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-may-have-reverse-engineered-euv-lithography-tool-in-covert-lab-report-claims-employees-given-fake-ids-to-avoid-secret-project-being-detected-prototypes-expected-in-2028
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • Astral เปิดตัว ty – Type Checker ที่เร็วที่สุดสำหรับ Python

    Astral ผู้พัฒนาเครื่องมือดังอย่าง uv (package manager) และ Ruff (linter/formatter) ประกาศเปิดตัว ty ในสถานะ Beta รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเป็น extremely fast Python type checker และ language server เขียนด้วย Rust เพื่อเป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright และ Pylance โดยทีมงานยืนยันว่าได้ใช้ ty ในโปรเจกต์จริงแล้ว และพร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงนำไปใช้ใน production.

    จุดเด่นของ ty คือ ความเร็วเหนือชั้น โดยไม่ใช้ caching ก็ยังเร็วกว่า mypy และ Pyright ถึง 10–60 เท่า และเมื่อใช้งานใน editor ความต่างยิ่งชัดเจน เช่น การแก้ไขไฟล์สำคัญใน PyTorch repository ty ใช้เวลาเพียง 4.7ms ในการ recompute diagnostics เทียบกับ Pyright ที่ใช้ 386ms และ Pyrefly ที่ใช้ 2.38 วินาที นั่นหมายถึงการตอบสนองแบบ real-time ที่แทบไม่สะดุดสำหรับนักพัฒนา.

    นอกจากความเร็วแล้ว ty ยังมาพร้อม ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีขั้นสูง เช่น intersection types, type narrowing และ reachability analysis ที่ช่วยลด false positives และให้ feedback ที่แม่นยำกว่าเดิม ระบบ diagnostic ได้แรงบันดาลใจจาก Rust compiler โดยสามารถอธิบายปัญหาแบบ cross-file และเสนอแนวทางแก้ไข ทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทั้ง “อะไรผิด” และ “ทำไมผิด”.

    ty รองรับ Language Server Protocol เต็มรูปแบบ เช่น Go to Definition, Auto-Complete, Semantic Highlighting และ Inlay Hints พร้อม extension สำหรับ VS Code และ Cursor ทีม Astral ตั้งเป้าออก Stable release ในปีหน้า โดยจะเพิ่มการรองรับ third-party libraries อย่าง Pydantic และ Django รวมถึงฟีเจอร์เชิง semantic เช่น dead code elimination, CVE reachability analysis และ type-aware linting เพื่อผลักดัน Python ให้เป็น ecosystem ที่ productive ที่สุด.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เปิดตัว ty Beta โดย Astral
    เขียนด้วย Rust เป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright, Pylance
    ใช้งานจริงแล้วในโปรเจกต์ของทีม Astral

    ความเร็วเหนือคู่แข่ง
    เร็วกว่า mypy และ Pyright 10–60 เท่า
    Recompute diagnostics ใน PyTorch repository เพียง 4.7ms

    ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีและระบบ Diagnostic
    Intersection types, type narrowing, reachability analysis
    Diagnostic อธิบายปัญหาแบบ cross-file พร้อมแนวทางแก้ไข

    รองรับการใช้งานใน Editor และ Ecosystem
    รองรับ LSP เต็มรูปแบบ (Auto-Complete, Go to Definition ฯลฯ)
    เตรียมเพิ่มการรองรับ Pydantic, Django และฟีเจอร์ semantic อื่น ๆ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ยังอยู่ในสถานะ Beta อาจมีบั๊กและต้องการเสถียรภาพเพิ่ม
    การใช้งานกับ third-party libraries ยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอ Stable release

    https://astral.sh/blog/ty
    🚀 Astral เปิดตัว ty – Type Checker ที่เร็วที่สุดสำหรับ Python Astral ผู้พัฒนาเครื่องมือดังอย่าง uv (package manager) และ Ruff (linter/formatter) ประกาศเปิดตัว ty ในสถานะ Beta รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเป็น extremely fast Python type checker และ language server เขียนด้วย Rust เพื่อเป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright และ Pylance โดยทีมงานยืนยันว่าได้ใช้ ty ในโปรเจกต์จริงแล้ว และพร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงนำไปใช้ใน production. จุดเด่นของ ty คือ ความเร็วเหนือชั้น โดยไม่ใช้ caching ก็ยังเร็วกว่า mypy และ Pyright ถึง 10–60 เท่า และเมื่อใช้งานใน editor ความต่างยิ่งชัดเจน เช่น การแก้ไขไฟล์สำคัญใน PyTorch repository ty ใช้เวลาเพียง 4.7ms ในการ recompute diagnostics เทียบกับ Pyright ที่ใช้ 386ms และ Pyrefly ที่ใช้ 2.38 วินาที นั่นหมายถึงการตอบสนองแบบ real-time ที่แทบไม่สะดุดสำหรับนักพัฒนา. นอกจากความเร็วแล้ว ty ยังมาพร้อม ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีขั้นสูง เช่น intersection types, type narrowing และ reachability analysis ที่ช่วยลด false positives และให้ feedback ที่แม่นยำกว่าเดิม ระบบ diagnostic ได้แรงบันดาลใจจาก Rust compiler โดยสามารถอธิบายปัญหาแบบ cross-file และเสนอแนวทางแก้ไข ทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทั้ง “อะไรผิด” และ “ทำไมผิด”. ty รองรับ Language Server Protocol เต็มรูปแบบ เช่น Go to Definition, Auto-Complete, Semantic Highlighting และ Inlay Hints พร้อม extension สำหรับ VS Code และ Cursor ทีม Astral ตั้งเป้าออก Stable release ในปีหน้า โดยจะเพิ่มการรองรับ third-party libraries อย่าง Pydantic และ Django รวมถึงฟีเจอร์เชิง semantic เช่น dead code elimination, CVE reachability analysis และ type-aware linting เพื่อผลักดัน Python ให้เป็น ecosystem ที่ productive ที่สุด. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เปิดตัว ty Beta โดย Astral ➡️ เขียนด้วย Rust เป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright, Pylance ➡️ ใช้งานจริงแล้วในโปรเจกต์ของทีม Astral ✅ ความเร็วเหนือคู่แข่ง ➡️ เร็วกว่า mypy และ Pyright 10–60 เท่า ➡️ Recompute diagnostics ใน PyTorch repository เพียง 4.7ms ✅ ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีและระบบ Diagnostic ➡️ Intersection types, type narrowing, reachability analysis ➡️ Diagnostic อธิบายปัญหาแบบ cross-file พร้อมแนวทางแก้ไข ✅ รองรับการใช้งานใน Editor และ Ecosystem ➡️ รองรับ LSP เต็มรูปแบบ (Auto-Complete, Go to Definition ฯลฯ) ➡️ เตรียมเพิ่มการรองรับ Pydantic, Django และฟีเจอร์ semantic อื่น ๆ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ยังอยู่ในสถานะ Beta อาจมีบั๊กและต้องการเสถียรภาพเพิ่ม ⛔ การใช้งานกับ third-party libraries ยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอ Stable release https://astral.sh/blog/ty
    ASTRAL.SH
    ty: An extremely fast Python type checker and language server
    ty is an extremely fast Python type checker and language server, written in Rust, and designed as an alternative to mypy, Pyright, and Pylance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • AWS CEO ชี้ AI ไม่สามารถแทนที่นักพัฒนาใหม่ได้

    ในโลกเทคโนโลยีที่หลายบริษัทกำลังมอง AI เป็นเครื่องมือแทนแรงงานมนุษย์ Matt Garman CEO ของ Amazon Web Services ออกมาโต้แย้งอย่างหนัก โดยเขาให้สัมภาษณ์ใน WIRED’s The Big Interview ว่า การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด เพราะคนรุ่นใหม่มักจะเชี่ยวชาญการใช้เครื่องมือ AI มากกว่าคนที่มีประสบการณ์ ทำให้พวกเขาสามารถดึงประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่.

    เขาอธิบายว่า นักพัฒนาใหม่มักมีค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและสวัสดิการต่ำกว่าพนักงานอาวุโส การตัดพวกเขาออกจึงไม่ได้ช่วยลดต้นทุนมากนัก ในทางกลับกัน ข้อมูลจาก Deloitte ยังชี้ว่า 30% ของบริษัทที่ปลดพนักงานเพื่อหวังลดค่าใช้จ่าย กลับต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและต้องจ้างใหม่ภายหลัง ซึ่งสะท้อนว่าการลดคนโดยเฉพาะระดับเริ่มต้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง.

    อีกประเด็นสำคัญคือ การสร้างท่อส่งบุคลากร (talent pipeline) หากไม่มีการจ้างนักพัฒนาใหม่ บริษัทจะขาดคนรุ่นใหม่ที่สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคต การเปรียบเทียบของ Garman คือเหมือนทีมกีฬาที่มีแต่ผู้เล่นเก่าโดยไม่รับมือใหม่ เมื่อถึงเวลาที่ผู้เล่นเก่าเลิกเล่น ทีมก็จะไม่มีใครสืบทอดต่อ ส่งผลให้บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว.

    แม้ Garman จะยอมรับว่า AI จะเปลี่ยนแปลงงานของนักพัฒนาอย่างมาก แต่เขามองว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างงานใหม่มากกว่าที่จะทำลายงานเดิม เขาย้ำว่า การมีนักพัฒนาใหม่ที่เข้าใจพื้นฐานวิทยาการคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ในอนาคต.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    นักพัฒนาใหม่เชี่ยวชาญ AI มากกว่า
    Gen Z ใช้ AI tools เป็นประจำ และช่วยสอนพนักงานอาวุโส
    55.5% ของนักพัฒนาใหม่ใช้ AI ทุกวันในการทำงาน

    การลดนักพัฒนาใหม่ไม่ช่วยประหยัดจริง
    เงินเดือนและสวัสดิการต่ำอยู่แล้ว
    30% ของบริษัทที่ปลดคนกลับมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและต้องจ้างใหม่

    ท่อส่งบุคลากรคือหัวใจขององค์กร
    การไม่จ้างคนใหม่ทำให้ขาดผู้นำในอนาคต
    บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรเมื่อโครงการขยายตัว

    คำเตือนจาก AWS CEO
    การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI อาจทำลายความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
    บริษัทที่พึ่งพา AI อย่างเดียวจะเสี่ยงต่อการไม่มีบุคลากรที่มีทักษะพื้นฐานในอนาคต

    https://www.finalroundai.com/blog/aws-ceo-ai-cannot-replace-junior-developers
    💻 AWS CEO ชี้ AI ไม่สามารถแทนที่นักพัฒนาใหม่ได้ ในโลกเทคโนโลยีที่หลายบริษัทกำลังมอง AI เป็นเครื่องมือแทนแรงงานมนุษย์ Matt Garman CEO ของ Amazon Web Services ออกมาโต้แย้งอย่างหนัก โดยเขาให้สัมภาษณ์ใน WIRED’s The Big Interview ว่า การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด เพราะคนรุ่นใหม่มักจะเชี่ยวชาญการใช้เครื่องมือ AI มากกว่าคนที่มีประสบการณ์ ทำให้พวกเขาสามารถดึงประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่. เขาอธิบายว่า นักพัฒนาใหม่มักมีค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและสวัสดิการต่ำกว่าพนักงานอาวุโส การตัดพวกเขาออกจึงไม่ได้ช่วยลดต้นทุนมากนัก ในทางกลับกัน ข้อมูลจาก Deloitte ยังชี้ว่า 30% ของบริษัทที่ปลดพนักงานเพื่อหวังลดค่าใช้จ่าย กลับต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและต้องจ้างใหม่ภายหลัง ซึ่งสะท้อนว่าการลดคนโดยเฉพาะระดับเริ่มต้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง. อีกประเด็นสำคัญคือ การสร้างท่อส่งบุคลากร (talent pipeline) หากไม่มีการจ้างนักพัฒนาใหม่ บริษัทจะขาดคนรุ่นใหม่ที่สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคต การเปรียบเทียบของ Garman คือเหมือนทีมกีฬาที่มีแต่ผู้เล่นเก่าโดยไม่รับมือใหม่ เมื่อถึงเวลาที่ผู้เล่นเก่าเลิกเล่น ทีมก็จะไม่มีใครสืบทอดต่อ ส่งผลให้บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว. แม้ Garman จะยอมรับว่า AI จะเปลี่ยนแปลงงานของนักพัฒนาอย่างมาก แต่เขามองว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างงานใหม่มากกว่าที่จะทำลายงานเดิม เขาย้ำว่า การมีนักพัฒนาใหม่ที่เข้าใจพื้นฐานวิทยาการคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ในอนาคต. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ นักพัฒนาใหม่เชี่ยวชาญ AI มากกว่า ➡️ Gen Z ใช้ AI tools เป็นประจำ และช่วยสอนพนักงานอาวุโส ➡️ 55.5% ของนักพัฒนาใหม่ใช้ AI ทุกวันในการทำงาน ✅ การลดนักพัฒนาใหม่ไม่ช่วยประหยัดจริง ➡️ เงินเดือนและสวัสดิการต่ำอยู่แล้ว ➡️ 30% ของบริษัทที่ปลดคนกลับมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและต้องจ้างใหม่ ✅ ท่อส่งบุคลากรคือหัวใจขององค์กร ➡️ การไม่จ้างคนใหม่ทำให้ขาดผู้นำในอนาคต ➡️ บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรเมื่อโครงการขยายตัว ‼️ คำเตือนจาก AWS CEO ⛔ การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI อาจทำลายความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ⛔ บริษัทที่พึ่งพา AI อย่างเดียวจะเสี่ยงต่อการไม่มีบุคลากรที่มีทักษะพื้นฐานในอนาคต https://www.finalroundai.com/blog/aws-ceo-ai-cannot-replace-junior-developers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI กำลังทำให้ Formal Verification กลายเป็นกระแสหลักในซอฟต์แวร์

    Formal Verification หรือการพิสูจน์ความถูกต้องของซอฟต์แวร์ด้วยหลักคณิตศาสตร์ เคยเป็นเรื่องที่ใช้เฉพาะในงานวิจัยหรือระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบการบินหรือการเข้ารหัสข้อมูล เนื่องจากต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญสูงมาก เช่น กรณี seL4 microkernel ที่ใช้เวลาถึง 20 ปีคนในการพิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดเพียงไม่กี่พันบรรทัด. แต่ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ LLM-based coding assistants กำลังเข้ามาช่วยลดภาระนี้อย่างมหาศาล.

    AI ไม่เพียงแต่ช่วยเขียนโค้ด แต่ยังสามารถสร้าง proof scripts เพื่อยืนยันว่าโค้ดนั้นสอดคล้องกับสเปกที่กำหนดไว้ Proof checkers อย่าง Isabelle หรือ Lean จะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ทำให้แม้ AI จะ “หลอน” หรือสร้างโค้ดผิดพลาด ก็ไม่สามารถผ่านการตรวจสอบได้ สิ่งนี้เปลี่ยนสมการทางเศรษฐศาสตร์ของการพัฒนา เพราะต้นทุนการพิสูจน์ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับต้นทุนของบั๊กที่อาจสร้างความเสียหาย.

    นอกจากการลดต้นทุนแล้ว AI ยังสร้าง “ความจำเป็นใหม่” ในการใช้ Formal Verification เนื่องจากโค้ดที่สร้างโดย AI มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจตรวจไม่พบ การให้ AI พิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดที่มันสร้างเอง จึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือกว่าการตรวจสอบด้วยสายตามนุษย์ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม.

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังอยู่ที่การเขียน formal specification หรือการกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการให้โค้ดมี ซึ่งยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญและการตีความที่ถูกต้อง หากสเปกไม่ชัดเจน การพิสูจน์ก็ไม่มีความหมาย นักวิจัยบางส่วนจึงมองว่า AI อาจช่วยแปลสเปกจากภาษาธรรมชาติเป็นภาษาทางการได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องการตีความผิดพลาดที่ต้องระวัง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    AI กำลังทำให้ Formal Verification เข้าสู่กระแสหลัก
    Proof assistants เช่น Lean, Isabelle, Agda ถูกใช้ร่วมกับ AI เพื่อลดภาระการเขียน proof scripts
    ต้นทุนการพิสูจน์ลดลง ทำให้การตรวจสอบโค้ดมีความคุ้มค่ามากขึ้น

    AI สร้างความจำเป็นใหม่ในการตรวจสอบโค้ด
    โค้ดที่สร้างโดย LLMs มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อบั๊ก
    Proof checkers สามารถป้องกันข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจมองไม่เห็น

    การเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐศาสตร์และมาตรฐานอุตสาหกรรม
    ต้นทุนบั๊กสูงกว่าต้นทุนการพิสูจน์ ทำให้ Formal Verification มีความคุ้มค่า
    อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในซอฟต์แวร์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การเขียน formal specification ยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง หากผิดพลาดจะทำให้การพิสูจน์ไร้ค่า
    การใช้ AI แปลสเปกจากภาษาธรรมชาติอาจเสี่ยงต่อการตีความผิดพลาด

    https://martin.kleppmann.com/2025/12/08/ai-formal-verification.html
    🧩 AI กำลังทำให้ Formal Verification กลายเป็นกระแสหลักในซอฟต์แวร์ Formal Verification หรือการพิสูจน์ความถูกต้องของซอฟต์แวร์ด้วยหลักคณิตศาสตร์ เคยเป็นเรื่องที่ใช้เฉพาะในงานวิจัยหรือระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ระบบการบินหรือการเข้ารหัสข้อมูล เนื่องจากต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญสูงมาก เช่น กรณี seL4 microkernel ที่ใช้เวลาถึง 20 ปีคนในการพิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดเพียงไม่กี่พันบรรทัด. แต่ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะ LLM-based coding assistants กำลังเข้ามาช่วยลดภาระนี้อย่างมหาศาล. AI ไม่เพียงแต่ช่วยเขียนโค้ด แต่ยังสามารถสร้าง proof scripts เพื่อยืนยันว่าโค้ดนั้นสอดคล้องกับสเปกที่กำหนดไว้ Proof checkers อย่าง Isabelle หรือ Lean จะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ทำให้แม้ AI จะ “หลอน” หรือสร้างโค้ดผิดพลาด ก็ไม่สามารถผ่านการตรวจสอบได้ สิ่งนี้เปลี่ยนสมการทางเศรษฐศาสตร์ของการพัฒนา เพราะต้นทุนการพิสูจน์ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับต้นทุนของบั๊กที่อาจสร้างความเสียหาย. นอกจากการลดต้นทุนแล้ว AI ยังสร้าง “ความจำเป็นใหม่” ในการใช้ Formal Verification เนื่องจากโค้ดที่สร้างโดย AI มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจตรวจไม่พบ การให้ AI พิสูจน์ความถูกต้องของโค้ดที่มันสร้างเอง จึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือกว่าการตรวจสอบด้วยสายตามนุษย์ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม. อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังอยู่ที่การเขียน formal specification หรือการกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการให้โค้ดมี ซึ่งยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญและการตีความที่ถูกต้อง หากสเปกไม่ชัดเจน การพิสูจน์ก็ไม่มีความหมาย นักวิจัยบางส่วนจึงมองว่า AI อาจช่วยแปลสเปกจากภาษาธรรมชาติเป็นภาษาทางการได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องการตีความผิดพลาดที่ต้องระวัง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ AI กำลังทำให้ Formal Verification เข้าสู่กระแสหลัก ➡️ Proof assistants เช่น Lean, Isabelle, Agda ถูกใช้ร่วมกับ AI เพื่อลดภาระการเขียน proof scripts ➡️ ต้นทุนการพิสูจน์ลดลง ทำให้การตรวจสอบโค้ดมีความคุ้มค่ามากขึ้น ✅ AI สร้างความจำเป็นใหม่ในการตรวจสอบโค้ด ➡️ โค้ดที่สร้างโดย LLMs มีความเร็วสูงแต่เสี่ยงต่อบั๊ก ➡️ Proof checkers สามารถป้องกันข้อผิดพลาดที่มนุษย์อาจมองไม่เห็น ✅ การเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐศาสตร์และมาตรฐานอุตสาหกรรม ➡️ ต้นทุนบั๊กสูงกว่าต้นทุนการพิสูจน์ ทำให้ Formal Verification มีความคุ้มค่า ➡️ อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในซอฟต์แวร์ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การเขียน formal specification ยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง หากผิดพลาดจะทำให้การพิสูจน์ไร้ค่า ⛔ การใช้ AI แปลสเปกจากภาษาธรรมชาติอาจเสี่ยงต่อการตีความผิดพลาด https://martin.kleppmann.com/2025/12/08/ai-formal-verification.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/nFFMatmMHds?si=epp6tKelXKvhhZt9
    https://youtu.be/nFFMatmMHds?si=epp6tKelXKvhhZt9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • Acne Treatment – Understanding the Path to Clearer Skin

    Acne treatment is a multifaceted process that addresses one of the most common skin conditions affecting people of all ages. Acne develops when hair follicles become clogged with oil, dead skin cells, and bacteria, leading to blackheads, whiteheads, pimples, or deeper cysts. Effective treatment requires understanding both the causes of acne and the individual nature of each person’s skin.

    The foundation of acne treatment lies in proper skincare. Gentle cleansing removes excess oil and impurities without stripping the skin’s natural barrier. Overwashing or using harsh products can worsen inflammation and trigger more breakouts. A balanced routine supports skin health while reducing acne severity.

    Topical treatments play a central role in managing mild to moderate acne. Ingredients such as salicylic acid help unclog pores, while benzoyl peroxide reduces acne-causing bacteria. Retinoids encourage skin cell turnover, preventing future blockages and improving skin texture over time.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/acne-treatment-market-5675
    Acne Treatment – Understanding the Path to Clearer Skin Acne treatment is a multifaceted process that addresses one of the most common skin conditions affecting people of all ages. Acne develops when hair follicles become clogged with oil, dead skin cells, and bacteria, leading to blackheads, whiteheads, pimples, or deeper cysts. Effective treatment requires understanding both the causes of acne and the individual nature of each person’s skin. The foundation of acne treatment lies in proper skincare. Gentle cleansing removes excess oil and impurities without stripping the skin’s natural barrier. Overwashing or using harsh products can worsen inflammation and trigger more breakouts. A balanced routine supports skin health while reducing acne severity. Topical treatments play a central role in managing mild to moderate acne. Ingredients such as salicylic acid help unclog pores, while benzoyl peroxide reduces acne-causing bacteria. Retinoids encourage skin cell turnover, preventing future blockages and improving skin texture over time. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/acne-treatment-market-5675
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Acne Treatment Market Size, Share, Growth Report 2035
    Acne Treatment Market industry is projected to grow from USD 10.40 billion in 2025 to USD 18.21 billion by 2035, With CAGR of 5.30% during 2025 to 2035.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • Anti-Acne Dermal Patch – A Modern Solution for Targeted Acne Care

    Anti-acne dermal patches have emerged as a convenient and effective solution for managing individual acne lesions. Designed to adhere directly to the skin, these patches deliver active ingredients precisely where they are needed, offering targeted treatment without affecting surrounding healthy skin.

    Unlike traditional creams or gels that spread across a broader area, dermal patches focus on a single pimple or inflamed spot. Many patches are made using hydrocolloid materials, which absorb excess oil, pus, and impurities from the acne lesion. This creates a clean, protected environment that supports faster healing.

    One of the key advantages of anti-acne dermal patches is their ability to act as a physical barrier. By covering the blemish, the patch prevents picking, scratching, or exposure to external bacteria, all of which can worsen acne and increase the risk of scarring. This protective function is particularly beneficial for individuals prone to touching their face.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/anti-acne-dermal-patch-market-11038
    Anti-Acne Dermal Patch – A Modern Solution for Targeted Acne Care Anti-acne dermal patches have emerged as a convenient and effective solution for managing individual acne lesions. Designed to adhere directly to the skin, these patches deliver active ingredients precisely where they are needed, offering targeted treatment without affecting surrounding healthy skin. Unlike traditional creams or gels that spread across a broader area, dermal patches focus on a single pimple or inflamed spot. Many patches are made using hydrocolloid materials, which absorb excess oil, pus, and impurities from the acne lesion. This creates a clean, protected environment that supports faster healing. One of the key advantages of anti-acne dermal patches is their ability to act as a physical barrier. By covering the blemish, the patch prevents picking, scratching, or exposure to external bacteria, all of which can worsen acne and increase the risk of scarring. This protective function is particularly beneficial for individuals prone to touching their face. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/anti-acne-dermal-patch-market-11038
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Anti-Acne Dermal Patch Market Size, Share, Trends, 2035
    Anti-Acne Dermal Patch Market share is projected to reach USD 1.28 Billion By 2035, at a 7.45 % CAGR by driving industry size, top company analysis, segments research, trends and forecast report 2025 to 2035 | MRFR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mild Cognitive Impairment – Understanding the Early Signs of Cognitive Change

    Mild Cognitive Impairment (MCI) is a neurological condition characterized by noticeable changes in memory, thinking, or reasoning that are greater than expected for a person’s age but not severe enough to interfere significantly with daily life. Individuals with MCI often remain independent, yet they may sense that something is not quite right with their cognitive abilities.

    One of the most common symptoms of MCI is memory difficulty, particularly with recalling recent events or conversations. People may misplace items more frequently, struggle to find words, or have difficulty concentrating. Unlike dementia, these challenges do not prevent individuals from managing their daily responsibilities, such as handling finances or maintaining personal care.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/mild-cognitive-impairment-market-10916
    Mild Cognitive Impairment – Understanding the Early Signs of Cognitive Change Mild Cognitive Impairment (MCI) is a neurological condition characterized by noticeable changes in memory, thinking, or reasoning that are greater than expected for a person’s age but not severe enough to interfere significantly with daily life. Individuals with MCI often remain independent, yet they may sense that something is not quite right with their cognitive abilities. One of the most common symptoms of MCI is memory difficulty, particularly with recalling recent events or conversations. People may misplace items more frequently, struggle to find words, or have difficulty concentrating. Unlike dementia, these challenges do not prevent individuals from managing their daily responsibilities, such as handling finances or maintaining personal care. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/mild-cognitive-impairment-market-10916
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Mild Cognitive Impairment Market Size, Share, Trends 2035
    Mild Cognitive Impairment Market is expected to reach USD 3.87 Billion by 2035 at 5.95% CAGR during the forecast period, 2025-2035,
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ion Chromatography – A Powerful Tool for Ionic Analysis

    Ion chromatography (IC) is a highly specialized analytical technique used to separate, identify, and quantify ions in complex samples. Since its introduction, IC has become an essential method in laboratories that require precise measurement of anions and cations, including environmental, pharmaceutical, food, and industrial testing facilities.

    At its core, ion chromatography operates on the principle of ion exchange. A liquid sample is injected into a chromatographic column filled with an ion-exchange resin. As the sample flows through the column, ions interact differently with the stationary phase based on their charge and affinity. These differences cause ions to separate as they move through the system at varying speeds.

    Detection is a crucial part of the process. Conductivity detectors are commonly used because ions conduct electricity when dissolved in solution. Advanced systems use suppressors to reduce background conductivity, allowing trace-level detection with exceptional sensitivity. This capability makes IC ideal for analyzing low-concentration ions that may otherwise go unnoticed.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/ion-chromatography-market-10789
    Ion Chromatography – A Powerful Tool for Ionic Analysis Ion chromatography (IC) is a highly specialized analytical technique used to separate, identify, and quantify ions in complex samples. Since its introduction, IC has become an essential method in laboratories that require precise measurement of anions and cations, including environmental, pharmaceutical, food, and industrial testing facilities. At its core, ion chromatography operates on the principle of ion exchange. A liquid sample is injected into a chromatographic column filled with an ion-exchange resin. As the sample flows through the column, ions interact differently with the stationary phase based on their charge and affinity. These differences cause ions to separate as they move through the system at varying speeds. Detection is a crucial part of the process. Conductivity detectors are commonly used because ions conduct electricity when dissolved in solution. Advanced systems use suppressors to reduce background conductivity, allowing trace-level detection with exceptional sensitivity. This capability makes IC ideal for analyzing low-concentration ions that may otherwise go unnoticed. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/ion-chromatography-market-10789
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Ion Chromatography Market Size, Growth, Trends, Report 2035
    Ion Chromatography Market is projected to register a CAGR of 7.35% to reach USD 5.43 billion by the end of 2035, Ion Chromatography Market Type, Application | Ion Chromatography Industry
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts