จากภาพปลอมสู่สิทธิ์จริง – เดนมาร์กลุกขึ้นสู้ Deepfake
Marie Watson สตรีมเมอร์ชาวเดนมาร์กเคยได้รับภาพปลอมของตนเองจากบัญชี Instagram นิรนาม ภาพนั้นเป็นภาพวันหยุดที่เธอเคยโพสต์ แต่ถูกดัดแปลงให้ดูเหมือนเปลือยโดยใช้เทคโนโลยี deepfake เธอร้องไห้ทันทีเมื่อเห็นภาพนั้น เพราะรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของเธอถูกทำลาย
กรณีของ Watson ไม่ใช่เรื่องแปลกในยุคที่ AI สามารถสร้างภาพ เสียง และวิดีโอปลอมได้อย่างสมจริง โดยใช้เครื่องมือที่หาได้ง่ายบนอินเทอร์เน็ต เช่น “deepfake generator” หรือ “AI voice clone”
รัฐบาลเดนมาร์กจึงเสนอร่างกฎหมายใหม่ที่จะให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง หากมีการเผยแพร่เนื้อหา deepfake โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของใบหน้าสามารถเรียกร้องให้แพลตฟอร์มลบเนื้อหานั้นได้ทันที
กฎหมายนี้ยังเปิดช่องให้มีการใช้ deepfake ในเชิงล้อเลียนหรือเสียดสีได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะกำหนดขอบเขตอย่างไร
ร่างกฎหมายใหม่ของเดนมาร์ก
ให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง
สามารถเรียกร้องให้ลบเนื้อหา deepfake ที่เผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
คาดว่าจะผ่านในต้นปีหน้า และได้รับความสนใจจากหลายประเทศใน EU
ความรุนแรงของปัญหา deepfake
เทคโนโลยี AI ทำให้ภาพและเสียงปลอมสมจริงขึ้นมาก
ใช้ในทางที่ผิด เช่น ล้อเลียนคนดัง, สร้างภาพลามก, ปลอมตัวนักการเมือง
ส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและความน่าเชื่อถือของข้อมูล
ปฏิกิริยาจากผู้เชี่ยวชาญและองค์กร
Henry Ajder ชี้ว่า “ตอนนี้ยังไม่มีวิธีป้องกันตัวเองจาก deepfake ได้จริง”
Danish Rights Alliance สนับสนุนกฎหมาย เพราะกฎหมายเดิมไม่ครอบคลุม
David Bateson นักพากย์เสียงถูกนำเสียงไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ความเคลื่อนไหวระดับโลก
สหรัฐฯ ออกกฎหมายห้ามเผยแพร่ภาพลามกโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึง deepfake
เกาหลีใต้เพิ่มบทลงโทษและควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลที่เผยแพร่ deepfake
เดนมาร์กในฐานะประธาน EU ได้รับความสนใจจากฝรั่งเศสและไอร์แลนด์
คำเตือนจากกรณีของ Watson
ภาพปลอมที่ใช้ใบหน้าจริงอาจสร้างความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง
เครื่องมือสร้าง deepfake หาได้ง่ายและใช้ได้แม้ไม่มีทักษะ
เมื่อภาพเผยแพร่แล้ว “คุณควบคุมไม่ได้อีกต่อไป”
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/denmark-eyes-new-law-to-protect-citizens-from-ai-deepfakes
Marie Watson สตรีมเมอร์ชาวเดนมาร์กเคยได้รับภาพปลอมของตนเองจากบัญชี Instagram นิรนาม ภาพนั้นเป็นภาพวันหยุดที่เธอเคยโพสต์ แต่ถูกดัดแปลงให้ดูเหมือนเปลือยโดยใช้เทคโนโลยี deepfake เธอร้องไห้ทันทีเมื่อเห็นภาพนั้น เพราะรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของเธอถูกทำลาย
กรณีของ Watson ไม่ใช่เรื่องแปลกในยุคที่ AI สามารถสร้างภาพ เสียง และวิดีโอปลอมได้อย่างสมจริง โดยใช้เครื่องมือที่หาได้ง่ายบนอินเทอร์เน็ต เช่น “deepfake generator” หรือ “AI voice clone”
รัฐบาลเดนมาร์กจึงเสนอร่างกฎหมายใหม่ที่จะให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง หากมีการเผยแพร่เนื้อหา deepfake โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของใบหน้าสามารถเรียกร้องให้แพลตฟอร์มลบเนื้อหานั้นได้ทันที
กฎหมายนี้ยังเปิดช่องให้มีการใช้ deepfake ในเชิงล้อเลียนหรือเสียดสีได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะกำหนดขอบเขตอย่างไร
ร่างกฎหมายใหม่ของเดนมาร์ก
ให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง
สามารถเรียกร้องให้ลบเนื้อหา deepfake ที่เผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
คาดว่าจะผ่านในต้นปีหน้า และได้รับความสนใจจากหลายประเทศใน EU
ความรุนแรงของปัญหา deepfake
เทคโนโลยี AI ทำให้ภาพและเสียงปลอมสมจริงขึ้นมาก
ใช้ในทางที่ผิด เช่น ล้อเลียนคนดัง, สร้างภาพลามก, ปลอมตัวนักการเมือง
ส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและความน่าเชื่อถือของข้อมูล
ปฏิกิริยาจากผู้เชี่ยวชาญและองค์กร
Henry Ajder ชี้ว่า “ตอนนี้ยังไม่มีวิธีป้องกันตัวเองจาก deepfake ได้จริง”
Danish Rights Alliance สนับสนุนกฎหมาย เพราะกฎหมายเดิมไม่ครอบคลุม
David Bateson นักพากย์เสียงถูกนำเสียงไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ความเคลื่อนไหวระดับโลก
สหรัฐฯ ออกกฎหมายห้ามเผยแพร่ภาพลามกโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึง deepfake
เกาหลีใต้เพิ่มบทลงโทษและควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลที่เผยแพร่ deepfake
เดนมาร์กในฐานะประธาน EU ได้รับความสนใจจากฝรั่งเศสและไอร์แลนด์
คำเตือนจากกรณีของ Watson
ภาพปลอมที่ใช้ใบหน้าจริงอาจสร้างความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง
เครื่องมือสร้าง deepfake หาได้ง่ายและใช้ได้แม้ไม่มีทักษะ
เมื่อภาพเผยแพร่แล้ว “คุณควบคุมไม่ได้อีกต่อไป”
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/denmark-eyes-new-law-to-protect-citizens-from-ai-deepfakes
🧠 จากภาพปลอมสู่สิทธิ์จริง – เดนมาร์กลุกขึ้นสู้ Deepfake
Marie Watson สตรีมเมอร์ชาวเดนมาร์กเคยได้รับภาพปลอมของตนเองจากบัญชี Instagram นิรนาม ภาพนั้นเป็นภาพวันหยุดที่เธอเคยโพสต์ แต่ถูกดัดแปลงให้ดูเหมือนเปลือยโดยใช้เทคโนโลยี deepfake เธอร้องไห้ทันทีเมื่อเห็นภาพนั้น เพราะรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของเธอถูกทำลาย
กรณีของ Watson ไม่ใช่เรื่องแปลกในยุคที่ AI สามารถสร้างภาพ เสียง และวิดีโอปลอมได้อย่างสมจริง โดยใช้เครื่องมือที่หาได้ง่ายบนอินเทอร์เน็ต เช่น “deepfake generator” หรือ “AI voice clone”
รัฐบาลเดนมาร์กจึงเสนอร่างกฎหมายใหม่ที่จะให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง หากมีการเผยแพร่เนื้อหา deepfake โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของใบหน้าสามารถเรียกร้องให้แพลตฟอร์มลบเนื้อหานั้นได้ทันที
กฎหมายนี้ยังเปิดช่องให้มีการใช้ deepfake ในเชิงล้อเลียนหรือเสียดสีได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะกำหนดขอบเขตอย่างไร
✅ ร่างกฎหมายใหม่ของเดนมาร์ก
➡️ ให้ประชาชนมีลิขสิทธิ์เหนือรูปลักษณ์และเสียงของตนเอง
➡️ สามารถเรียกร้องให้ลบเนื้อหา deepfake ที่เผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
➡️ คาดว่าจะผ่านในต้นปีหน้า และได้รับความสนใจจากหลายประเทศใน EU
✅ ความรุนแรงของปัญหา deepfake
➡️ เทคโนโลยี AI ทำให้ภาพและเสียงปลอมสมจริงขึ้นมาก
➡️ ใช้ในทางที่ผิด เช่น ล้อเลียนคนดัง, สร้างภาพลามก, ปลอมตัวนักการเมือง
➡️ ส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและความน่าเชื่อถือของข้อมูล
✅ ปฏิกิริยาจากผู้เชี่ยวชาญและองค์กร
➡️ Henry Ajder ชี้ว่า “ตอนนี้ยังไม่มีวิธีป้องกันตัวเองจาก deepfake ได้จริง”
➡️ Danish Rights Alliance สนับสนุนกฎหมาย เพราะกฎหมายเดิมไม่ครอบคลุม
➡️ David Bateson นักพากย์เสียงถูกนำเสียงไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
✅ ความเคลื่อนไหวระดับโลก
➡️ สหรัฐฯ ออกกฎหมายห้ามเผยแพร่ภาพลามกโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึง deepfake
➡️ เกาหลีใต้เพิ่มบทลงโทษและควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลที่เผยแพร่ deepfake
➡️ เดนมาร์กในฐานะประธาน EU ได้รับความสนใจจากฝรั่งเศสและไอร์แลนด์
‼️ คำเตือนจากกรณีของ Watson
⛔ ภาพปลอมที่ใช้ใบหน้าจริงอาจสร้างความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง
⛔ เครื่องมือสร้าง deepfake หาได้ง่ายและใช้ได้แม้ไม่มีทักษะ
⛔ เมื่อภาพเผยแพร่แล้ว “คุณควบคุมไม่ได้อีกต่อไป”
https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/denmark-eyes-new-law-to-protect-citizens-from-ai-deepfakes
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
0 มุมมอง
0 รีวิว