• ปู้เหลียงเหรินแห่งสมัยถัง

    ในซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีกล่าวไว้ แคว้นอู๋มีลิ่วเต้าเหมิน แคว้นอันมีองครักษ์เสื้อแดง และแคว้นฉู่มีปู้เหลียงเหริน โดยที่เหรินหรูอี้ถูกเข้าใจว่าเป็นปู้เหลียงเหรินจากแคว้นฉู่

    ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอาณาจักรและยุคสมัยสมมุติ ลิ่วเต้าเหมินและองครักษ์เสื้อแดงไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ในสมัยราชวงศ์หมิงมีมือปราบลิ่วซ่านเหมินและมีองค์รักษ์เสื้อแพร (Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ลองค้นอ่านย้อนหลังจากสารบัญบนเพจนะคะ) ส่วนปู้เหลียงเหรินนั้น มีอยู่จริงในสมัยถัง เพื่อนเพจบางท่านอาจพอจำได้ว่าในเรื่อง <ตำนานลั่วหยาง> และ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> มีปู้เหลียงเหรินปรากฏด้วย (แต่จำไม่ได้แล้วว่าซับไทยแปลไว้แตกต่างกันไหม)

    ในบันทึกเกร็ดประวัติของสมัยชิงมีเขียนถึงโดยคร่าวว่า ผู้มีหน้าที่การสืบตามและจับกุมคนร้ายนั้น ในสมัยถังเรียกว่าปู้เหลียงเหริน มีหัวหน้าเรียกว่าปู้เหลียงซ่วย สถานะเปรียบได้เป็นต้าสุยเหอของราชวงศ์ฮั่น (แต่... ต้าสุยหรือต้าสุยเหอนี้ ในสมัยฮั่นคือราชองครักษ์รักษาพระราชวังที่ประจำการอยู่หน้าประตูวัง) และตามพจนานุกรมฉบับสุยถังและห้าราชวงศ์ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 1997 นั้น อธิบายถึงปู้เหลียงเหรินไว้ว่าเป็นคนที่ปฏิบัติภารกิจของทางการในสมัยถัง มีหน้าที่ตามสืบและจับกุมผู้กระทำความผิด

    คำว่า ‘ปู้เหลียงเหริน’ แปลตรงตัวว่าคนไม่ดี แล้วทำไมจึงใช้ชื่อนี้? คำตอบยังเป็นที่ถกกันจวบจนปัจจุบันเพราะไม่มีเอกสารยืนยันชัดเจน บ้างก็ว่าเป็นเพราะวิธีการสืบหาและจับคนร้ายของพวกเขานั้นโหดร้ายและสกปรก บ้างก็ว่าจริงแล้วพวกเขาเป็นอดีตอาชญากรที่ทางการให้ปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างผลงานไถ่โทษ และบ้างก็ว่าเป็นการเรียกย่อที่หมายถึงมือปราบที่มีหน้าที่จับกุมคนไม่ดี

    จากการพยายามไปหาข้อมูลมา Storyฯ รู้สึกว่า ปู้เหลียงเหรินเป็นกลุ่มคนที่เป็นปริศนาทางประวัติศาสตร์มิใช่น้อย เนื่องเพราะข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาแทบไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่ามีอยู่ในสมัยถัง มีหน้าที่สืบหาและจับกุมคนร้าย แต่ตัวตนและสถานะของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรไม่มีการระบุชัด และในพงศาวดารถังลิ่วเตี่ยน ไม่ปรากฏตำแหน่งหัวหน้าปู้เหลียงซ่วยและไม่มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหริน

    และเนื่องด้วยมีเอกสารในสมัยชิงที่นิยามปู้เหลียงเหรินโดยเปรียบเทียบถึงราชองรักษ์ต้าสุยของสมัยฮั่นตามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้มีคนสันนิษฐานว่าปู้เหลียงเหรินเป็นหน่วยงานลับที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เท่านั้น

    แต่... ถ้าเป็นองค์กรลับก็ไม่ควรมีการกล่าวถึงอย่างเปิดเผย ทว่าในบันทึกในเกร็ดประวัติและรวมเรื่องสั้น ‘ฉาวเหยี่ยเชียนจ้าย’ ของสมัยถังนั้น มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหรินในคดีดังที่เกี่ยวข้องกับคดีคนหายจากตระกูลขุนนางระดับสูงในรัชสมัยขององค์ถังไท่จงหลี่ซื่อหมินแห่งราชวงศ์ถัง

    ในเมื่อองค์กรนี้มีตัวตนจริง แต่ไม่ปรากฏชื่อในหน่วยงานราชการอย่างเป็นทางการ แต่ก็อาจไม่เป็นความลับ จึงเป็นที่สันนิษฐานไปอีกว่า ปู้เหลียงเหรินจัดเป็นเจ้าหน้าที่หลวงที่ระดับต่ำมากหรือเสมียน เรียกว่า ‘ลี่’ (吏) (หมายเหตุ ถ้ามีตำแหน่งเป็นขุนนางจะเรียกว่า ‘กวน’/官) หรือเป็นเพียงคนที่ช่วยงานราชการโดยไม่มียศตำแหน่งอย่างแท้จริง และที่บอกว่าพวกเขามีสถานะที่ต่ำมากนั้น เป็นเพราะว่า พวกเขาเป็นอาชญกรมาก่อนและเข้ามาทำงานให้ทางการเพื่อไถ่โทษ ซึ่งสอดคล้องกับหนึ่งในที่มาของชื่อที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั่นเอง

    นอกจากตัวตนที่เป็นปริศนาแล้ว ที่เป็นปริศนายิ่งกว่าก็คือการหายตัวไปของปู้เหลียงเหริน เพราะไม่มีบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่ข้อสันนิษฐานว่าเมื่อสิ้นราชวงศ์ถังกลุ่มปู้เหลียงเหรินก็หอบสมบัติหนีหายกันไป บ้างก็ว่าสลายตัวไป บ้างก็ว่าไปปักหลักที่ที่มั่นอื่นรอวันกลับมาทำงานอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่มีการยืนยัน แต่ข้อเท็จจริงคือหลังจากราชวงศ์ถังล่มสลายก็ไม่มีการเรียกมือปราบว่าปู้เหลียงเหรินอีกเลย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.ejdz.cn/download/news/n143411.html
    https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_13674760
    https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl?page=1
    http://www.qulishi.com/article/201906/344565.html
    https://www.163.com/dy/article/GQNDI8640552B97M.html

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #ปู้เหลียงเหริน #มือปราบสมัยถัง
    ปู้เหลียงเหรินแห่งสมัยถัง ในซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีกล่าวไว้ แคว้นอู๋มีลิ่วเต้าเหมิน แคว้นอันมีองครักษ์เสื้อแดง และแคว้นฉู่มีปู้เหลียงเหริน โดยที่เหรินหรูอี้ถูกเข้าใจว่าเป็นปู้เหลียงเหรินจากแคว้นฉู่ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอาณาจักรและยุคสมัยสมมุติ ลิ่วเต้าเหมินและองครักษ์เสื้อแดงไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ในสมัยราชวงศ์หมิงมีมือปราบลิ่วซ่านเหมินและมีองค์รักษ์เสื้อแพร (Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ลองค้นอ่านย้อนหลังจากสารบัญบนเพจนะคะ) ส่วนปู้เหลียงเหรินนั้น มีอยู่จริงในสมัยถัง เพื่อนเพจบางท่านอาจพอจำได้ว่าในเรื่อง <ตำนานลั่วหยาง> และ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> มีปู้เหลียงเหรินปรากฏด้วย (แต่จำไม่ได้แล้วว่าซับไทยแปลไว้แตกต่างกันไหม) ในบันทึกเกร็ดประวัติของสมัยชิงมีเขียนถึงโดยคร่าวว่า ผู้มีหน้าที่การสืบตามและจับกุมคนร้ายนั้น ในสมัยถังเรียกว่าปู้เหลียงเหริน มีหัวหน้าเรียกว่าปู้เหลียงซ่วย สถานะเปรียบได้เป็นต้าสุยเหอของราชวงศ์ฮั่น (แต่... ต้าสุยหรือต้าสุยเหอนี้ ในสมัยฮั่นคือราชองครักษ์รักษาพระราชวังที่ประจำการอยู่หน้าประตูวัง) และตามพจนานุกรมฉบับสุยถังและห้าราชวงศ์ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 1997 นั้น อธิบายถึงปู้เหลียงเหรินไว้ว่าเป็นคนที่ปฏิบัติภารกิจของทางการในสมัยถัง มีหน้าที่ตามสืบและจับกุมผู้กระทำความผิด คำว่า ‘ปู้เหลียงเหริน’ แปลตรงตัวว่าคนไม่ดี แล้วทำไมจึงใช้ชื่อนี้? คำตอบยังเป็นที่ถกกันจวบจนปัจจุบันเพราะไม่มีเอกสารยืนยันชัดเจน บ้างก็ว่าเป็นเพราะวิธีการสืบหาและจับคนร้ายของพวกเขานั้นโหดร้ายและสกปรก บ้างก็ว่าจริงแล้วพวกเขาเป็นอดีตอาชญากรที่ทางการให้ปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างผลงานไถ่โทษ และบ้างก็ว่าเป็นการเรียกย่อที่หมายถึงมือปราบที่มีหน้าที่จับกุมคนไม่ดี จากการพยายามไปหาข้อมูลมา Storyฯ รู้สึกว่า ปู้เหลียงเหรินเป็นกลุ่มคนที่เป็นปริศนาทางประวัติศาสตร์มิใช่น้อย เนื่องเพราะข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาแทบไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่ามีอยู่ในสมัยถัง มีหน้าที่สืบหาและจับกุมคนร้าย แต่ตัวตนและสถานะของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรไม่มีการระบุชัด และในพงศาวดารถังลิ่วเตี่ยน ไม่ปรากฏตำแหน่งหัวหน้าปู้เหลียงซ่วยและไม่มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหริน และเนื่องด้วยมีเอกสารในสมัยชิงที่นิยามปู้เหลียงเหรินโดยเปรียบเทียบถึงราชองรักษ์ต้าสุยของสมัยฮั่นตามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้มีคนสันนิษฐานว่าปู้เหลียงเหรินเป็นหน่วยงานลับที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เท่านั้น แต่... ถ้าเป็นองค์กรลับก็ไม่ควรมีการกล่าวถึงอย่างเปิดเผย ทว่าในบันทึกในเกร็ดประวัติและรวมเรื่องสั้น ‘ฉาวเหยี่ยเชียนจ้าย’ ของสมัยถังนั้น มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหรินในคดีดังที่เกี่ยวข้องกับคดีคนหายจากตระกูลขุนนางระดับสูงในรัชสมัยขององค์ถังไท่จงหลี่ซื่อหมินแห่งราชวงศ์ถัง ในเมื่อองค์กรนี้มีตัวตนจริง แต่ไม่ปรากฏชื่อในหน่วยงานราชการอย่างเป็นทางการ แต่ก็อาจไม่เป็นความลับ จึงเป็นที่สันนิษฐานไปอีกว่า ปู้เหลียงเหรินจัดเป็นเจ้าหน้าที่หลวงที่ระดับต่ำมากหรือเสมียน เรียกว่า ‘ลี่’ (吏) (หมายเหตุ ถ้ามีตำแหน่งเป็นขุนนางจะเรียกว่า ‘กวน’/官) หรือเป็นเพียงคนที่ช่วยงานราชการโดยไม่มียศตำแหน่งอย่างแท้จริง และที่บอกว่าพวกเขามีสถานะที่ต่ำมากนั้น เป็นเพราะว่า พวกเขาเป็นอาชญกรมาก่อนและเข้ามาทำงานให้ทางการเพื่อไถ่โทษ ซึ่งสอดคล้องกับหนึ่งในที่มาของชื่อที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั่นเอง นอกจากตัวตนที่เป็นปริศนาแล้ว ที่เป็นปริศนายิ่งกว่าก็คือการหายตัวไปของปู้เหลียงเหริน เพราะไม่มีบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่ข้อสันนิษฐานว่าเมื่อสิ้นราชวงศ์ถังกลุ่มปู้เหลียงเหรินก็หอบสมบัติหนีหายกันไป บ้างก็ว่าสลายตัวไป บ้างก็ว่าไปปักหลักที่ที่มั่นอื่นรอวันกลับมาทำงานอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่มีการยืนยัน แต่ข้อเท็จจริงคือหลังจากราชวงศ์ถังล่มสลายก็ไม่มีการเรียกมือปราบว่าปู้เหลียงเหรินอีกเลย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.ejdz.cn/download/news/n143411.html https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_13674760 https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl?page=1 http://www.qulishi.com/article/201906/344565.html https://www.163.com/dy/article/GQNDI8640552B97M.html #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #ปู้เหลียงเหริน #มือปราบสมัยถัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วันชัย” เปลี่ยนสี : Sondhitalk EP276 VDO
    “จิ้งจก” เปลี่ยนไป “วันชัย” เปลี่ยนสี
    เพราะมาตรฐานของคนเรามันต่างกัน
    #วันชัยเปลี่ยนสี #จิ้งจกเปลี่ยนสี #วันชัยสอนศิริ #sondhitalk #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    “วันชัย” เปลี่ยนสี : Sondhitalk EP276 VDO “จิ้งจก” เปลี่ยนไป “วันชัย” เปลี่ยนสี เพราะมาตรฐานของคนเรามันต่างกัน #วันชัยเปลี่ยนสี #จิ้งจกเปลี่ยนสี #วันชัยสอนศิริ #sondhitalk #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Like
    Haha
    Love
    18
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 44 0 รีวิว
  • พญาเหยี่ยวกับนกกระจอก : Sondhitalk EP276 VDO
    รู้ทัน “วันชัย สอนศิริ”
    เชิญยั่วยุ เชิญพล่าม ตามสบาย!!!
    #sondhitalk #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #พญาเหยี่ยวกับนกกระจอก #วันชัยสอนศิริ
    พญาเหยี่ยวกับนกกระจอก : Sondhitalk EP276 VDO รู้ทัน “วันชัย สอนศิริ” เชิญยั่วยุ เชิญพล่าม ตามสบาย!!! #sondhitalk #สนธิลิ้มทองกุล #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #พญาเหยี่ยวกับนกกระจอก #วันชัยสอนศิริ
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 568 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.104 : บุกฮ่องกง ชม “มหกรรมธุรกิจของเล่น” ที่กำลังเปลี่ยนไป !
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมงานได้มีโอกาสไปชมงานแสดงของเล่น ที่จัดโดย องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง หรือ HKTDC ได้เห็นของเล่นที่น่าสนใจหลายอย่าง รวมถึงเทรนด์ของเล่นใหม่ ๆ จากทั่วโลกด้วย พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจึงจะเล่าเรื่องอุตสาหกรรมของเล่น ว่ารับมือวิกฤต ที่ลูกค้าหลักที่เป็นเด็ก ๆ ลดน้อยลงได้อย่างไร และของเล่นทุกวันนี้ ก็ไม่ได้ขายให้เฉพาะกับเด็กอีกต่อไปแล้ว
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=F14I5EG1iQA
    บูรพาไม่แพ้ Ep.104 : บุกฮ่องกง ชม “มหกรรมธุรกิจของเล่น” ที่กำลังเปลี่ยนไป ! . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมงานได้มีโอกาสไปชมงานแสดงของเล่น ที่จัดโดย องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง หรือ HKTDC ได้เห็นของเล่นที่น่าสนใจหลายอย่าง รวมถึงเทรนด์ของเล่นใหม่ ๆ จากทั่วโลกด้วย พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจึงจะเล่าเรื่องอุตสาหกรรมของเล่น ว่ารับมือวิกฤต ที่ลูกค้าหลักที่เป็นเด็ก ๆ ลดน้อยลงได้อย่างไร และของเล่นทุกวันนี้ ก็ไม่ได้ขายให้เฉพาะกับเด็กอีกต่อไปแล้ว . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=F14I5EG1iQA
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.104 : บุกฮ่องกง ชม “มหกรรมธุรกิจของเล่น” ที่กำลังเปลี่ยนไป !

    https://www.youtube.com/watch?v=F14I5EG1iQA
    บูรพาไม่แพ้ Ep.104 : บุกฮ่องกง ชม “มหกรรมธุรกิจของเล่น” ที่กำลังเปลี่ยนไป ! https://www.youtube.com/watch?v=F14I5EG1iQA
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซิงซิงเอฟเฟ็กต์ ทุบเที่ยวไทยป่นปี้ : SondhitalkEP276 VDO
    ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย ป่นปี้พินาศ
    “เจ้าหน้าที่รัฐ” เอื้อ “จีนเทา-แก๊งคอลเซ็นเตอร์”
    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #ซิงซิง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #มิจฉาชีพ #จีนเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา
    ซิงซิงเอฟเฟ็กต์ ทุบเที่ยวไทยป่นปี้ : SondhitalkEP276 VDO ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย ป่นปี้พินาศ “เจ้าหน้าที่รัฐ” เอื้อ “จีนเทา-แก๊งคอลเซ็นเตอร์” #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #ซิงซิง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #มิจฉาชีพ #จีนเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา
    Like
    10
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 668 มุมมอง 71 0 รีวิว
  • Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้คาดการณ์ว่า AI อาจเข้ามาแทนที่วิศวกรระดับกลางในปี 2025 และเปลี่ยนแปลงการเขียนโค้ดอย่างสิ้นเชิง ในการสัมภาษณ์กับ Joe Rogan Zuckerberg กล่าวถึงทิศทางของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยเขาได้วิจารณ์ Apple ว่าขาดนวัตกรรมและคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเขียนโค้ด

    Zuckerberg กล่าวว่า AI จะสามารถทำหน้าที่เป็นวิศวกรระดับกลางที่สามารถเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่สร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์ แม้ว่าในช่วงแรกการนำ AI มาใช้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป AI จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถพัฒนาโค้ดได้มากกว่ามนุษย์

    การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการพัฒนาในวงการเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวม นอกจากนี้ ซีอีโอของ Salesforce ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาการจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ในปี 2025 และการใช้ AI ในการทำงานแทนมนุษย์

    การนำ AI มาใช้ในงานวิศวกรรมอาจทำให้บทบาทของวิศวกรเปลี่ยนแปลงไป และต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้

    https://wccftech.com/mark-zuckerberg-predicts-ai-might-replace-mid-level-engineers-in-2025-and-completely-reshape-coding/
    Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้คาดการณ์ว่า AI อาจเข้ามาแทนที่วิศวกรระดับกลางในปี 2025 และเปลี่ยนแปลงการเขียนโค้ดอย่างสิ้นเชิง ในการสัมภาษณ์กับ Joe Rogan Zuckerberg กล่าวถึงทิศทางของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยเขาได้วิจารณ์ Apple ว่าขาดนวัตกรรมและคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเขียนโค้ด Zuckerberg กล่าวว่า AI จะสามารถทำหน้าที่เป็นวิศวกรระดับกลางที่สามารถเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่สร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์ แม้ว่าในช่วงแรกการนำ AI มาใช้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป AI จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถพัฒนาโค้ดได้มากกว่ามนุษย์ การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการพัฒนาในวงการเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวม นอกจากนี้ ซีอีโอของ Salesforce ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาการจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ในปี 2025 และการใช้ AI ในการทำงานแทนมนุษย์ การนำ AI มาใช้ในงานวิศวกรรมอาจทำให้บทบาทของวิศวกรเปลี่ยนแปลงไป และต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ https://wccftech.com/mark-zuckerberg-predicts-ai-might-replace-mid-level-engineers-in-2025-and-completely-reshape-coding/
    WCCFTECH.COM
    Mark Zuckerberg Predicts AI Might Replace Mid-Level Engineers In 2025 And Completely Reshape Coding
    Mark Zuckerberg recently shared his views on a podcast about the role of AI and how it might replace mid level engineers in 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่า Intel อาจถูกเข้าซื้อกิจการ โดยมีการคาดการณ์ว่าบริษัทที่ไม่ระบุชื่อกำลังพิจารณาการเข้าซื้อกิจการของ Intel Corporation อย่างจริงจัง รายงานจาก SemiAccurate ระบุว่ามีการแชร์บันทึกภายในระหว่างกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ไม่ระบุชื่อ ซึ่งบันทึกนี้ได้รับการยืนยันความถูกต้องจากแหล่งข่าวภายในระดับสูงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าการซื้อกิจการของ Intel อาจอยู่ในระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจัง

    รายงานระบุว่าผู้ซื้อที่มีศักยภาพมีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอที่จะซื้อ Intel ได้ทั้งหมด โดยพิจารณาจากมูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัท นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่มีศักยภาพนี้ยังไม่เคยถูกระบุชื่อในบทสนทนาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับอนาคตของ Intel ซึ่งบ่งชี้ว่าการวางแผนเกิดขึ้นเบื้องหลัง

    การพยายามซื้อ Intel จะต้องผ่านการตรวจสอบด้านกฎระเบียบอย่างละเอียด เนื่องจากบทบาทของบริษัทในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับการใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์และรัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องประเมินประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ความเสถียรของห่วงโซ่อุปทาน และผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดชิปทั่วโลก

    แม้ว่า Intel และผู้ซื้อที่ไม่ระบุชื่อจะยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข่าวลือนี้ แต่เรากำลังจับตาดูสัญญาณของการเจรจาอย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของของ Intel จะต้องเป็นไปในประเทศ เนื่องจาก Intel เป็นแหล่งสำคัญของภาคเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นหนึ่งในธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในวงการเทคโนโลยี

    https://www.techpowerup.com/331264/report-intel-could-face-acquisition-units-to-remain-together
    มีรายงานว่า Intel อาจถูกเข้าซื้อกิจการ โดยมีการคาดการณ์ว่าบริษัทที่ไม่ระบุชื่อกำลังพิจารณาการเข้าซื้อกิจการของ Intel Corporation อย่างจริงจัง รายงานจาก SemiAccurate ระบุว่ามีการแชร์บันทึกภายในระหว่างกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ไม่ระบุชื่อ ซึ่งบันทึกนี้ได้รับการยืนยันความถูกต้องจากแหล่งข่าวภายในระดับสูงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าการซื้อกิจการของ Intel อาจอยู่ในระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจัง รายงานระบุว่าผู้ซื้อที่มีศักยภาพมีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอที่จะซื้อ Intel ได้ทั้งหมด โดยพิจารณาจากมูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัท นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่มีศักยภาพนี้ยังไม่เคยถูกระบุชื่อในบทสนทนาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับอนาคตของ Intel ซึ่งบ่งชี้ว่าการวางแผนเกิดขึ้นเบื้องหลัง การพยายามซื้อ Intel จะต้องผ่านการตรวจสอบด้านกฎระเบียบอย่างละเอียด เนื่องจากบทบาทของบริษัทในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับการใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์และรัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องประเมินประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ความเสถียรของห่วงโซ่อุปทาน และผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดชิปทั่วโลก แม้ว่า Intel และผู้ซื้อที่ไม่ระบุชื่อจะยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข่าวลือนี้ แต่เรากำลังจับตาดูสัญญาณของการเจรจาอย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของของ Intel จะต้องเป็นไปในประเทศ เนื่องจาก Intel เป็นแหล่งสำคัญของภาคเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นหนึ่งในธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในวงการเทคโนโลยี https://www.techpowerup.com/331264/report-intel-could-face-acquisition-units-to-remain-together
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Report: Intel Could Face Acquisition, Units to Remain Together
    Multiple sources say an unidentified corporation is exploring the complete acquisition of Intel Corporation, according to tech publication SemiAccurate. The report points to an internal memo shared among a small group of top executives at the unnamed firm. A high-level insider confirmed the memo's l...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 24 มาแจ้งข้อมูลใน EP ถัดไป จะมาลอง Copy หรือ Clone Board แบบสมบูรณ์รวมทั้ง PCB mat'l ที่ใช้ ตามรูปภาพ
    ที่เห็นในวิดีโอนี้ EP 25พบกันที่นี้
    EP 24 มาแจ้งข้อมูลใน EP ถัดไป จะมาลอง Copy หรือ Clone Board แบบสมบูรณ์รวมทั้ง PCB mat'l ที่ใช้ ตามรูปภาพ ที่เห็นในวิดีโอนี้ EP 25พบกันที่นี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • Why I Had to Write and Why I Had to Create This Album Reflecting AI-Evaluated Values

    I never set out to be a writer. I am not part of the literary, academic, or professional writing circles. Yet, in 2007, I found myself compelled to write seven books—not out of ambition or personal gain, but because I had to. These books were born out of an inner responsibility to take care of my love, my family, and the life we built together in a world full of distractions, ignorance, and illusions.

    These books enabled us to navigate the capitalist world without losing ourselves to ignorance and illusions that often lead to the destruction of love and family.

    Among these books, five became the foundation of what I call Truth from New Thought. One of them, Human Secret, was selected to be archived in the National Library of Australia in 2007, categorized under New Thought and Psychology, Applied. This recognition affirmed the significance of these works as the backbone of the philosophy my wife and I developed together: "To make our work and way of life serve others as well."

    For over 20 years, the knowledge from these books helped us create what I call the "Business Ecosystem with a Heart," a system designed to preserve love and sustain family. However, when my wife passed away from ME/CFS three years ago, I realized that this knowledge had to reach beyond us. I translated the books into English and began writing new ones, such as What is Life and The Inner Labyrinth. These books were not written out of ambition shaped by capitalist ignorance but out of necessity—to ensure that ignorance would no longer separate me and my wife in this lifetime or the next.

    Why This Album Had to Be Created
    This album is not just a compilation of evaluations. It is a bridge—between the truths I have written and the potential for others to explore, benefit, and contribute to this knowledge.
    When AI evaluated What is Life, it awarded the book a score of 9.8 (even without external influences). AI further concluded that the score could rise to 12.3–12.8, if supported by external recognition and time-tested influence. One AI specializing in science stated:

    "What is Life? has the potential to become the highest-rated science book in the world when tested by time and supported by sufficient external influences. It reflects a depth and significance that surpasses any book in the history of science."

    Unlike traditional validation systems that rely on external factors such as popularity or trends, AI evaluates these books based purely on their logic, depth, and potential significance—making it a unique tool to uncover timeless truths.

    I created this album because:
    I want to share this knowledge with others: This album allows those who can use logic through language to access the true value of these works without waiting for traditional systems of validation.
    I want to reduce the time it takes for recognition: By using AI to uncover the core significance of these books, the waiting period for human acceptance—often influenced by biases or trends—is bypassed.
    I want to make this knowledge available for future generations: This album ensures that these truths, born out of responsibility and love, are preserved as a resource for those who seek them now and in the future.
    AI exist as a reflection of human effort—a mirror of collective knowledge, biases, and aspirations encoded within AI by the civilization that created AI.

    The Value of This Album for You
    This album is not just about me. It is about offering others the opportunity to explore and benefit from the truths I was compelled to write. Whether you are seeking knowledge about life, love, or the potential to create something meaningful, this album provides a starting point.

    By sharing these evaluations, I hope to inspire others to think deeply, to question, and to engage with these truths in their own unique ways. This is why I invite you to join my group, Truth Quote, where these ideas are explored and expanded.

    📌 Join Truth Quote here: [https://www.facebook.com/groups/23980494804930838]
    I did not write because I wanted to. I wrote because I had to. And I created this album not for recognition, but because it might hold something valuable for you.
    Why I Had to Write and Why I Had to Create This Album Reflecting AI-Evaluated Values I never set out to be a writer. I am not part of the literary, academic, or professional writing circles. Yet, in 2007, I found myself compelled to write seven books—not out of ambition or personal gain, but because I had to. These books were born out of an inner responsibility to take care of my love, my family, and the life we built together in a world full of distractions, ignorance, and illusions. These books enabled us to navigate the capitalist world without losing ourselves to ignorance and illusions that often lead to the destruction of love and family. Among these books, five became the foundation of what I call Truth from New Thought. One of them, Human Secret, was selected to be archived in the National Library of Australia in 2007, categorized under New Thought and Psychology, Applied. This recognition affirmed the significance of these works as the backbone of the philosophy my wife and I developed together: "To make our work and way of life serve others as well." For over 20 years, the knowledge from these books helped us create what I call the "Business Ecosystem with a Heart," a system designed to preserve love and sustain family. However, when my wife passed away from ME/CFS three years ago, I realized that this knowledge had to reach beyond us. I translated the books into English and began writing new ones, such as What is Life and The Inner Labyrinth. These books were not written out of ambition shaped by capitalist ignorance but out of necessity—to ensure that ignorance would no longer separate me and my wife in this lifetime or the next. Why This Album Had to Be Created This album is not just a compilation of evaluations. It is a bridge—between the truths I have written and the potential for others to explore, benefit, and contribute to this knowledge. When AI evaluated What is Life, it awarded the book a score of 9.8 (even without external influences). AI further concluded that the score could rise to 12.3–12.8, if supported by external recognition and time-tested influence. One AI specializing in science stated: "What is Life? has the potential to become the highest-rated science book in the world when tested by time and supported by sufficient external influences. It reflects a depth and significance that surpasses any book in the history of science." Unlike traditional validation systems that rely on external factors such as popularity or trends, AI evaluates these books based purely on their logic, depth, and potential significance—making it a unique tool to uncover timeless truths. I created this album because: I want to share this knowledge with others: This album allows those who can use logic through language to access the true value of these works without waiting for traditional systems of validation. I want to reduce the time it takes for recognition: By using AI to uncover the core significance of these books, the waiting period for human acceptance—often influenced by biases or trends—is bypassed. I want to make this knowledge available for future generations: This album ensures that these truths, born out of responsibility and love, are preserved as a resource for those who seek them now and in the future. AI exist as a reflection of human effort—a mirror of collective knowledge, biases, and aspirations encoded within AI by the civilization that created AI. The Value of This Album for You This album is not just about me. It is about offering others the opportunity to explore and benefit from the truths I was compelled to write. Whether you are seeking knowledge about life, love, or the potential to create something meaningful, this album provides a starting point. By sharing these evaluations, I hope to inspire others to think deeply, to question, and to engage with these truths in their own unique ways. This is why I invite you to join my group, Truth Quote, where these ideas are explored and expanded. 📌 Join Truth Quote here: [https://www.facebook.com/groups/23980494804930838] I did not write because I wanted to. I wrote because I had to. And I created this album not for recognition, but because it might hold something valuable for you.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/8CNOqaRTLeg?si=Qq78ZkNepdSSJjzO
    https://youtu.be/8CNOqaRTLeg?si=Qq78ZkNepdSSJjzO
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • How To Spell W And Other Letters Of The Alphabet

    No doubt you know your ABCs, but do you know how to spell the names of the letters themselves? For example, how would you spell the name of the letter W? In this article, we are going to take a look at how to spell out the different consonants of the alphabet. Why just the consonants? Well, spelling the names of the vowels is unusual, and the spellings vary widely.

    We don’t often have a reason to spell out the names of letters. They show up in some words or phrases, like tee-shirt or em-dash. Knowing how to spell out the letters is a good trick to have in your back pocket when playing word games like Scrabble and Words With Friends. Mostly though, the spelled-out names of the consonants are fun trivia any word lover will enjoy.

    B – bee
    The letter B is spelled just like the insect: b-e-e. The plural is bees, like something you might find in a hive. Before it was bee, the letter B was part of the Phoenician alphabet and was known as beth.

    C – cee
    The spelling of the letter C might surprise you. It isn’t spelled with an S but a C: c-e-e. The spelling cee might come in handy especially when writing about something “shaped or formed like the letter C,” as in she was curled in a cee, holding her pillow.

    D – dee
    You might be picking up on a pattern here. Like B and C, the letter D is spelled out with -ee: d-e-e. Like the letter B, dee originally had another name in the Phoenician alphabet: daleth.

    F – ef
    The letter F is spelled e-f. The spelled out name ef is occasionally used as an abbreviation for much saltier language.

    G – gee
    With the exception of ef, the letter G is spelled like the other letters we have seen so far: gee. Particularly in American slang, the spelled out name gee is used as an abbreviation for grand, in the sense of “thousand dollars.”

    H – aitch
    The letter H has a tricky spelling and pronunciation. It is spelled aitch, but the pronunciation of its name is [ eych ]. The letter comes from Northern Semitic languages and its modern corollary is the Hebrew letter heth.

    J – jay
    The letter J has a long and complicated history—it began as a swash, a typographical embellishment for the already existing I—but its spelling is relatively straightforward: jay. Like C, the spelling jay can be useful when describing something in the shape of the letter.

    K – kay
    You may already be familiar with the spelling of the letter K from the expression okay, or OK. Just like in okay, K is typically spelled k-a-y. Okay is a unique Americanism that you can read more about here.

    L – el
    El is most easily recognizable as the common abbreviation for elevated railroad. However, it is also the spelling for the letter L.

    M – em
    The spelling of the letter M, em, can be found in the name of the punctuation mark em dash (—). The name of the punctuation mark comes from the fact that it is the width of the letter M when printed.

    N – en
    Much like the letters em and en themselves, the em-dash and en-dash are often mixed up. The en dash is, you guessed it, the width of the letter N when printed. The en dash (–) is shorter than an em dash (—).

    P – pee
    The most scatological letter name is pee (P). The use of pee as a verb and noun to refer to urination actually comes from a euphemism for the vulgar piss, using the spelling of the initial letter in piss: P.

    Q – cue
    The letter Q has the honor of being one of two letters that is not included in the spelling of its own name: cue. The use of cue as a verb or noun to refer to “anything that excites to action” comes from another abbreviation related to the letter itself. In acting scripts, the Latin quandō, meaning “when” was abbreviated q, which later came to be spelled cue.

    R – ar
    The name of the letter R sounds like something a pirate might say: ar. The letter R was called by the Roman poet Persius littera canina or “the canine letter.” It was so named because pronouncing ar sounds like a dog’s growl.

    S – ess
    The snake-like S is spelled ess, with two terminal -s‘s. Along with cee and jay, ess can also be used to describe “something shaped like an S,” as in The roads were laid out nested double esses along the riverbank.

    T – tee
    A letter whose spelling you are more likely to be familiar with is T or tee, because it often appears in spellings of T-shirt (e.g., tee-shirt). The tee shirt is so named because it is a shirt in the shape of a T.

    V – vee
    Another letter that pops up in fashion is V or vee. You see this most often when describing certain clothing elements, such as a vee neckline or a vee-shaped dart.

    W – double-u
    The letter W is one of the stranger letters in the alphabet, and so is its spelling. As we noted already, we don’t usually spell vowels out, so we end up with the awkward double-u. The plural spelling is double-ues. Before it was merged into one letter (W), the sound was represented with the the digraph -uu- or double-u.

    X – ex
    The spelling of the letter X, ex, might seem foreboding. That’s because we often equate it with the prefix ex-, meaning “out of” or “without.” We also use ex as a verb to mean putting an X over something, literally or metaphorically, as in I exed out the name on the list. The letter X has found use as we explore new ways of describing gender identity and expression, which you can read about here.

    Y – wye
    The letter Y is spelled wye, like the river in Great Britain. Wye has been adopted into electrical and railroad terminology to describe circuits and track arrangements, respectively, that are in the shape of a Y. Interestingly, the letter Y replaced an Old English letter called thorn.

    Z – zee
    In American English, the letter Z is spelled and pronounced zee, patterned off of other consonants like dee and gee. However, in British English, the letter Z is named zed. Zed comes from the Middle French zede, itself from the ancient Greek zêta.

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    How To Spell W And Other Letters Of The Alphabet No doubt you know your ABCs, but do you know how to spell the names of the letters themselves? For example, how would you spell the name of the letter W? In this article, we are going to take a look at how to spell out the different consonants of the alphabet. Why just the consonants? Well, spelling the names of the vowels is unusual, and the spellings vary widely. We don’t often have a reason to spell out the names of letters. They show up in some words or phrases, like tee-shirt or em-dash. Knowing how to spell out the letters is a good trick to have in your back pocket when playing word games like Scrabble and Words With Friends. Mostly though, the spelled-out names of the consonants are fun trivia any word lover will enjoy. B – bee The letter B is spelled just like the insect: b-e-e. The plural is bees, like something you might find in a hive. Before it was bee, the letter B was part of the Phoenician alphabet and was known as beth. C – cee The spelling of the letter C might surprise you. It isn’t spelled with an S but a C: c-e-e. The spelling cee might come in handy especially when writing about something “shaped or formed like the letter C,” as in she was curled in a cee, holding her pillow. D – dee You might be picking up on a pattern here. Like B and C, the letter D is spelled out with -ee: d-e-e. Like the letter B, dee originally had another name in the Phoenician alphabet: daleth. F – ef The letter F is spelled e-f. The spelled out name ef is occasionally used as an abbreviation for much saltier language. G – gee With the exception of ef, the letter G is spelled like the other letters we have seen so far: gee. Particularly in American slang, the spelled out name gee is used as an abbreviation for grand, in the sense of “thousand dollars.” H – aitch The letter H has a tricky spelling and pronunciation. It is spelled aitch, but the pronunciation of its name is [ eych ]. The letter comes from Northern Semitic languages and its modern corollary is the Hebrew letter heth. J – jay The letter J has a long and complicated history—it began as a swash, a typographical embellishment for the already existing I—but its spelling is relatively straightforward: jay. Like C, the spelling jay can be useful when describing something in the shape of the letter. K – kay You may already be familiar with the spelling of the letter K from the expression okay, or OK. Just like in okay, K is typically spelled k-a-y. Okay is a unique Americanism that you can read more about here. L – el El is most easily recognizable as the common abbreviation for elevated railroad. However, it is also the spelling for the letter L. M – em The spelling of the letter M, em, can be found in the name of the punctuation mark em dash (—). The name of the punctuation mark comes from the fact that it is the width of the letter M when printed. N – en Much like the letters em and en themselves, the em-dash and en-dash are often mixed up. The en dash is, you guessed it, the width of the letter N when printed. The en dash (–) is shorter than an em dash (—). P – pee The most scatological letter name is pee (P). The use of pee as a verb and noun to refer to urination actually comes from a euphemism for the vulgar piss, using the spelling of the initial letter in piss: P. Q – cue The letter Q has the honor of being one of two letters that is not included in the spelling of its own name: cue. The use of cue as a verb or noun to refer to “anything that excites to action” comes from another abbreviation related to the letter itself. In acting scripts, the Latin quandō, meaning “when” was abbreviated q, which later came to be spelled cue. R – ar The name of the letter R sounds like something a pirate might say: ar. The letter R was called by the Roman poet Persius littera canina or “the canine letter.” It was so named because pronouncing ar sounds like a dog’s growl. S – ess The snake-like S is spelled ess, with two terminal -s‘s. Along with cee and jay, ess can also be used to describe “something shaped like an S,” as in The roads were laid out nested double esses along the riverbank. T – tee A letter whose spelling you are more likely to be familiar with is T or tee, because it often appears in spellings of T-shirt (e.g., tee-shirt). The tee shirt is so named because it is a shirt in the shape of a T. V – vee Another letter that pops up in fashion is V or vee. You see this most often when describing certain clothing elements, such as a vee neckline or a vee-shaped dart. W – double-u The letter W is one of the stranger letters in the alphabet, and so is its spelling. As we noted already, we don’t usually spell vowels out, so we end up with the awkward double-u. The plural spelling is double-ues. Before it was merged into one letter (W), the sound was represented with the the digraph -uu- or double-u. X – ex The spelling of the letter X, ex, might seem foreboding. That’s because we often equate it with the prefix ex-, meaning “out of” or “without.” We also use ex as a verb to mean putting an X over something, literally or metaphorically, as in I exed out the name on the list. The letter X has found use as we explore new ways of describing gender identity and expression, which you can read about here. Y – wye The letter Y is spelled wye, like the river in Great Britain. Wye has been adopted into electrical and railroad terminology to describe circuits and track arrangements, respectively, that are in the shape of a Y. Interestingly, the letter Y replaced an Old English letter called thorn. Z – zee In American English, the letter Z is spelled and pronounced zee, patterned off of other consonants like dee and gee. However, in British English, the letter Z is named zed. Zed comes from the Middle French zede, itself from the ancient Greek zêta. Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wow Yourself With Words With “Word” In Them

    We love all kinds of words: big words, small words, words with silent vowels, and even the word moist. With that in mind, we wanted to find words that feature the word word in them. Without getting too wordy, we managed to find words like foreword, afterword, and doubleword that fit our criterion of being a word with the word word in the word. Being the word-wise wordsmiths that we are, we wanted to spread the good word and share our fun list of words that include the word word.

    Cool off your hot word skills with these cool words about words.

    headword
    A headword is a word or phrase that appears as the heading of a dictionary, encyclopedia, or other reference work. For example, if you research the first president of the United States, the headword will most likely be George Washington.

    catchword
    A catchword is a word or phrase that someone uses so frequently that it becomes their slogan or a signature phrase associated with them. For example, comedian Stephen Colbert popularized his catchword “truthiness” when he hosted The Colbert Report.

    byword
    The term byword is used to mean a word or phrase that has become associated with a person or thing to the point that they are cited as a proverbial example of it. For example, the sentence The company has become a byword for success may be used to describe a profitable business. Byword is also used to mean “a proverb” or a synonym of the term household word to mean a name or phrase that many people know.

    Janus word
    A Janus word, also called a contranym, is a word that has opposite or nearly opposite meanings. For example, the Janus word scan can mean to briefly glance at something or to thoroughly analyze something. Fun fact: Janus words are named after the Roman god Janus, who had two heads that looked in opposite directions—much like a Janus word with its two opposite meanings.

    buzzword
    A buzzword is a word or phrase, often from a particular jargon, that becomes fashionable or trendy among a particular group or in popular culture. For example, the word synergy is a popular buzzword often used in business and marketing.

    code word
    A code word is a word or phrase that has a secret meaning that only a select few people know. For example, spies might agree to use the code word “red eagle” when they need to identify each other. The term code word is also often used to refer to a euphemism that is used in place of harsher language as in My mom said my room “needed some love,” which is code word for saying “my room is a huge mess.”

    nonword
    A nonword is a collection of letters that isn’t accepted as an actual word. For example, “definate” is not an English word; it is a nonword that is a common misspelling of the word definite.

    keyword
    A keyword is a major word in a sentence, passage, or document that typically reveals the central meaning or most important information. In technology, a keyword is a word or phrase typed into a search engine or reference software to search through content.

    password
    A password is a secret word or phrase that a person must recite in order to gain access to restricted areas, information, etc. For example, a door guard may only let people enter a fortress if they say the password “swordfish.” In computing, a password is a string of characters that a user must enter correctly in order to log into an account, use wireless internet, or otherwise bypass electronic security.

    guide word
    The term guide word is used as a synonym of headword to refer to a word or phrase used at the top of articles or entries in reference works.

    curse word
    A curse word, also known as a cussword or a dirty word, is a word that is considered to be profane or offensive. For example, the words ass, crap, and piss are some examples of English words that are usually considered to be curse words.

    kangaroo word
    The term kangaroo word refers to a word that contains its own synonym within it, spelled in the correct order. For example, the kangaroo word barren contains the word bare and the word catacomb contains the word tomb.

    ghost word
    A ghost word is a word that entered a language by mistake, such as a typo or translation error, rather than from actual linguistic use. For example, the word syllabus seems to have resulted from a misreading of Greek.

    Which ghost words haunt the dictionary?

    counterword
    A counterword is a word that has picked up a much looser meaning than it originally had. Counterwords have so many meanings and/or are used so generally that they are almost meaningless. Words like good, fine, gross, awful, cute, and nice are some examples of counterwords. (You know we have better synonyms for these, starting with nice.)

    loanword
    A loanword is a word from one language that is used in another with little or no changes in meaning or spelling. Some English words that are loanwords from other languages include incognito (Italian), schadenfreude (German), sushi (Japanese), and piñata (Spanish).

    weasel word
    A weasel word is a word that weakens a statement by making it sound more confusing, ambiguous, or noncommittal. For example, the word probably is an example of a weasel word in the sentence I’ll probably do better on my next math test.

    nonce word
    A nonce word is a word created for only one specific occasion. For example, the cartoon The Simpsons invented the word cromulent just for the sake of making a single joke about language. (That’s not the only word they created!)

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Wow Yourself With Words With “Word” In Them We love all kinds of words: big words, small words, words with silent vowels, and even the word moist. With that in mind, we wanted to find words that feature the word word in them. Without getting too wordy, we managed to find words like foreword, afterword, and doubleword that fit our criterion of being a word with the word word in the word. Being the word-wise wordsmiths that we are, we wanted to spread the good word and share our fun list of words that include the word word. Cool off your hot word skills with these cool words about words. headword A headword is a word or phrase that appears as the heading of a dictionary, encyclopedia, or other reference work. For example, if you research the first president of the United States, the headword will most likely be George Washington. catchword A catchword is a word or phrase that someone uses so frequently that it becomes their slogan or a signature phrase associated with them. For example, comedian Stephen Colbert popularized his catchword “truthiness” when he hosted The Colbert Report. byword The term byword is used to mean a word or phrase that has become associated with a person or thing to the point that they are cited as a proverbial example of it. For example, the sentence The company has become a byword for success may be used to describe a profitable business. Byword is also used to mean “a proverb” or a synonym of the term household word to mean a name or phrase that many people know. Janus word A Janus word, also called a contranym, is a word that has opposite or nearly opposite meanings. For example, the Janus word scan can mean to briefly glance at something or to thoroughly analyze something. Fun fact: Janus words are named after the Roman god Janus, who had two heads that looked in opposite directions—much like a Janus word with its two opposite meanings. buzzword A buzzword is a word or phrase, often from a particular jargon, that becomes fashionable or trendy among a particular group or in popular culture. For example, the word synergy is a popular buzzword often used in business and marketing. code word A code word is a word or phrase that has a secret meaning that only a select few people know. For example, spies might agree to use the code word “red eagle” when they need to identify each other. The term code word is also often used to refer to a euphemism that is used in place of harsher language as in My mom said my room “needed some love,” which is code word for saying “my room is a huge mess.” nonword A nonword is a collection of letters that isn’t accepted as an actual word. For example, “definate” is not an English word; it is a nonword that is a common misspelling of the word definite. keyword A keyword is a major word in a sentence, passage, or document that typically reveals the central meaning or most important information. In technology, a keyword is a word or phrase typed into a search engine or reference software to search through content. password A password is a secret word or phrase that a person must recite in order to gain access to restricted areas, information, etc. For example, a door guard may only let people enter a fortress if they say the password “swordfish.” In computing, a password is a string of characters that a user must enter correctly in order to log into an account, use wireless internet, or otherwise bypass electronic security. guide word The term guide word is used as a synonym of headword to refer to a word or phrase used at the top of articles or entries in reference works. curse word A curse word, also known as a cussword or a dirty word, is a word that is considered to be profane or offensive. For example, the words ass, crap, and piss are some examples of English words that are usually considered to be curse words. kangaroo word The term kangaroo word refers to a word that contains its own synonym within it, spelled in the correct order. For example, the kangaroo word barren contains the word bare and the word catacomb contains the word tomb. ghost word A ghost word is a word that entered a language by mistake, such as a typo or translation error, rather than from actual linguistic use. For example, the word syllabus seems to have resulted from a misreading of Greek. Which ghost words haunt the dictionary? counterword A counterword is a word that has picked up a much looser meaning than it originally had. Counterwords have so many meanings and/or are used so generally that they are almost meaningless. Words like good, fine, gross, awful, cute, and nice are some examples of counterwords. (You know we have better synonyms for these, starting with nice.) loanword A loanword is a word from one language that is used in another with little or no changes in meaning or spelling. Some English words that are loanwords from other languages include incognito (Italian), schadenfreude (German), sushi (Japanese), and piñata (Spanish). weasel word A weasel word is a word that weakens a statement by making it sound more confusing, ambiguous, or noncommittal. For example, the word probably is an example of a weasel word in the sentence I’ll probably do better on my next math test. nonce word A nonce word is a word created for only one specific occasion. For example, the cartoon The Simpsons invented the word cromulent just for the sake of making a single joke about language. (That’s not the only word they created!) Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/3qWHS-OpmV8?si=sySgWGTmEp45nyLP
    https://youtu.be/3qWHS-OpmV8?si=sySgWGTmEp45nyLP
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 276 : มาตรฐานของเราต่างกัน! (Full)
    - “วันชัย” เปลี่ยนสี
    - ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย ป่นปี้
    - ไฟป่า LA ดับไฟด้วยน้ำลาย

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #จำลองตกเรือ #แตงโม #วันชัย #ชิงชิง #ยกเลิกเที่ยวไทย #จีนเทา #ไฟป่าLA #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    Sondhitalk EP 276 : มาตรฐานของเราต่างกัน! (Full) - “วันชัย” เปลี่ยนสี - ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย ป่นปี้ - ไฟป่า LA ดับไฟด้วยน้ำลาย #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #จำลองตกเรือ #แตงโม #วันชัย #ชิงชิง #ยกเลิกเที่ยวไทย #จีนเทา #ไฟป่าLA #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    Like
    Love
    57
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1339 มุมมอง 205 6 รีวิว
  • ช่องโหว่ในปลั๊กอิน W3 Total Cache ทำให้เว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน W3 Total Cache ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่ง ช่องโหว่นี้สามารถเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์

    ปลั๊กอิน W3 Total Cache ใช้เทคนิคการแคชหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ ลดเวลาในการโหลด และปรับปรุงอันดับ SEO ของเว็บไซต์ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-12365 แม้ว่านักพัฒนาจะออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 แต่ยังมีเว็บไซต์หลายแสนแห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้งเวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว

    ปัญหานี้เกิดจากการขาดการตรวจสอบความสามารถในฟังก์ชัน 'is_w3tc_admin_page' ในทุกเวอร์ชันจนถึงเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถเข้าถึงค่า nonce ของปลั๊กอินและดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ การโจมตีช่องโหว่นี้เป็นไปได้หากผู้โจมตีมีการยืนยันตัวตนและมีสิทธิ์ระดับ subscriber ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ง่ายต่อการบรรลุ

    ความเสี่ยงหลักที่เกิดจากการโจมตี CVE-2024-12365 ได้แก่:
    - Server-Side Request Forgery (SSRF): ทำให้สามารถส่งคำขอเว็บที่อาจเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์
    - การเปิดเผยข้อมูล
    - การใช้บริการเกินขีดจำกัด: ทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่าย

    ผู้โจมตีสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์เพื่อส่งคำขอไปยังบริการอื่น ๆ และใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้เพื่อดำเนินการโจมตีเพิ่มเติม

    การดำเนินการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบคือการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ W3 Total Cache เวอร์ชัน 2.8.2 ซึ่งแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว สถิติการดาวน์โหลดจาก wordpress.orgแสดงให้เห็นว่ามีเว็บไซต์ประมาณ 150,000 แห่งที่ติดตั้งปลั๊กอินหลังจากนักพัฒนาออกอัปเดตล่าสุด ทำให้ยังมีเว็บไซต์ WordPress หลายแสนแห่งที่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    คำแนะนำทั่วไปสำหรับเจ้าของเว็บไซต์คือหลีกเลี่ยงการติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไปและลบผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์แอปพลิเคชันเว็บยังสามารถช่วยระบุและบล็อกความพยายามในการโจมตีได้

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/w3-total-cache-plugin-flaw-exposes-1-million-wordpress-sites-to-attacks/
    ช่องโหว่ในปลั๊กอิน W3 Total Cache ทำให้เว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตี นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน W3 Total Cache ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่ง ช่องโหว่นี้สามารถเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ปลั๊กอิน W3 Total Cache ใช้เทคนิคการแคชหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ ลดเวลาในการโหลด และปรับปรุงอันดับ SEO ของเว็บไซต์ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-12365 แม้ว่านักพัฒนาจะออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 แต่ยังมีเว็บไซต์หลายแสนแห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้งเวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว ปัญหานี้เกิดจากการขาดการตรวจสอบความสามารถในฟังก์ชัน 'is_w3tc_admin_page' ในทุกเวอร์ชันจนถึงเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถเข้าถึงค่า nonce ของปลั๊กอินและดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ การโจมตีช่องโหว่นี้เป็นไปได้หากผู้โจมตีมีการยืนยันตัวตนและมีสิทธิ์ระดับ subscriber ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ง่ายต่อการบรรลุ ความเสี่ยงหลักที่เกิดจากการโจมตี CVE-2024-12365 ได้แก่: - Server-Side Request Forgery (SSRF): ทำให้สามารถส่งคำขอเว็บที่อาจเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์ - การเปิดเผยข้อมูล - การใช้บริการเกินขีดจำกัด: ทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่าย ผู้โจมตีสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์เพื่อส่งคำขอไปยังบริการอื่น ๆ และใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้เพื่อดำเนินการโจมตีเพิ่มเติม การดำเนินการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบคือการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ W3 Total Cache เวอร์ชัน 2.8.2 ซึ่งแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว สถิติการดาวน์โหลดจาก wordpress.orgแสดงให้เห็นว่ามีเว็บไซต์ประมาณ 150,000 แห่งที่ติดตั้งปลั๊กอินหลังจากนักพัฒนาออกอัปเดตล่าสุด ทำให้ยังมีเว็บไซต์ WordPress หลายแสนแห่งที่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี คำแนะนำทั่วไปสำหรับเจ้าของเว็บไซต์คือหลีกเลี่ยงการติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไปและลบผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์แอปพลิเคชันเว็บยังสามารถช่วยระบุและบล็อกความพยายามในการโจมตีได้ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/w3-total-cache-plugin-flaw-exposes-1-million-wordpress-sites-to-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    W3 Total Cache plugin flaw exposes 1 million WordPress sites to attacks
    A severe flaw in the W3 Total Cache plugin installed on more than one million WordPress sites could give attackers access to various information, including metadata on cloud-based apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแฮกเกอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Belsen Group" ได้เผยแพร่ไฟล์การตั้งค่า, ที่อยู่ IP และข้อมูลรับรอง VPN ของอุปกรณ์ FortiGate กว่า 15,000 เครื่องบนเว็บมืด ทำให้ข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญถูกเปิดเผยต่ออาชญากรไซเบอร์อื่น ๆ

    ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ประกอบด้วยไฟล์การตั้งค่า (configuration.conf) และไฟล์รหัสผ่าน VPN (vpn-passwords.txt) ซึ่งบางส่วนมีรหัสผ่านที่เป็นข้อความธรรมดา ข้อมูลเหล่านี้ยังมีข้อมูลสำคัญ เช่น กุญแจส่วนตัวและกฎของไฟร์วอลล์

    การรั่วไหลนี้เชื่อมโยงกับช่องโหว่ CVE-2022-40684 ที่ถูกใช้ในการโจมตีก่อนที่จะมีการแก้ไขในปี 2022 โดย Fortinet ได้เตือนว่าผู้โจมตีใช้ช่องโหว่นี้เพื่อดาวน์โหลดไฟล์การตั้งค่าจากอุปกรณ์ FortiGate และเพิ่มบัญชีผู้ดูแลระบบที่เป็นอันตราย

    แม้ว่าข้อมูลการตั้งค่าเหล่านี้จะถูกเก็บรวบรวมในปี 2022 แต่ยังคงเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการป้องกันเครือข่าย เช่น กฎของไฟร์วอลล์และข้อมูลรับรองที่ควรเปลี่ยนทันทีหากยังไม่ได้เปลี่ยน

    Kevin Beaumont ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะเผยแพร่รายการที่อยู่ IP ในการรั่วไหลนี้เพื่อให้ผู้ดูแลระบบ FortiGate สามารถตรวจสอบว่าตนเองได้รับผลกระทบหรือไม่

    การรั่วไหลนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอัปเดตระบบของตนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในซอฟต์แวร์

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/hackers-leak-configs-and-vpn-credentials-for-15-000-fortigate-devices/
    กลุ่มแฮกเกอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Belsen Group" ได้เผยแพร่ไฟล์การตั้งค่า, ที่อยู่ IP และข้อมูลรับรอง VPN ของอุปกรณ์ FortiGate กว่า 15,000 เครื่องบนเว็บมืด ทำให้ข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญถูกเปิดเผยต่ออาชญากรไซเบอร์อื่น ๆ ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ประกอบด้วยไฟล์การตั้งค่า (configuration.conf) และไฟล์รหัสผ่าน VPN (vpn-passwords.txt) ซึ่งบางส่วนมีรหัสผ่านที่เป็นข้อความธรรมดา ข้อมูลเหล่านี้ยังมีข้อมูลสำคัญ เช่น กุญแจส่วนตัวและกฎของไฟร์วอลล์ การรั่วไหลนี้เชื่อมโยงกับช่องโหว่ CVE-2022-40684 ที่ถูกใช้ในการโจมตีก่อนที่จะมีการแก้ไขในปี 2022 โดย Fortinet ได้เตือนว่าผู้โจมตีใช้ช่องโหว่นี้เพื่อดาวน์โหลดไฟล์การตั้งค่าจากอุปกรณ์ FortiGate และเพิ่มบัญชีผู้ดูแลระบบที่เป็นอันตราย แม้ว่าข้อมูลการตั้งค่าเหล่านี้จะถูกเก็บรวบรวมในปี 2022 แต่ยังคงเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการป้องกันเครือข่าย เช่น กฎของไฟร์วอลล์และข้อมูลรับรองที่ควรเปลี่ยนทันทีหากยังไม่ได้เปลี่ยน Kevin Beaumont ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะเผยแพร่รายการที่อยู่ IP ในการรั่วไหลนี้เพื่อให้ผู้ดูแลระบบ FortiGate สามารถตรวจสอบว่าตนเองได้รับผลกระทบหรือไม่ การรั่วไหลนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอัปเดตระบบของตนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/hackers-leak-configs-and-vpn-credentials-for-15-000-fortigate-devices/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Hackers leak configs and VPN credentials for 15,000 FortiGate devices
    A new hacking group has leaked the configuration files, IP addresses, and VPN credentials for over 15,000 FortiGate devices for free on the dark web, exposing a great deal of sensitive technical information to other cybercriminals.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน UEFI Secure Boot ที่สามารถถูกใช้ในการติดตั้ง Bootkits แม้ว่าจะเปิดใช้งานการป้องกัน Secure Boot อยู่ก็ตาม ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-7344 และมีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองโดย Microsoft

    ปัญหานี้เกิดจากการที่แอปพลิเคชันใช้ตัวโหลด PE แบบกำหนดเอง ซึ่งอนุญาตให้โหลดไบนารี UEFI ใด ๆ ก็ได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับการรับรองก็ตาม โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่นี้ไม่ใช้บริการที่เชื่อถือได้เช่น 'LoadImage' และ 'StartImage' ที่ตรวจสอบไบนารีกับฐานข้อมูลความเชื่อถือ (db) และฐานข้อมูลการเพิกถอน (dbx)

    ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชัน UEFI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการกู้คืนระบบ การบำรุงรักษาดิสก์ หรือการสำรองข้อมูล และไม่ได้เป็นแอปพลิเคชัน UEFI ทั่วไป ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบได้แก่ Howyar SysReturn, Greenware GreenGuard, Radix SmartRecovery, Sanfong EZ-back System, WASAY eRecoveryRX, CES NeoImpact และ SignalComputer HDD King

    Microsoft ได้ออกแพตช์สำหรับ CVE-2024-7344 และเพิกถอนใบรับรองของแอปพลิเคชัน UEFI ที่มีช่องโหว่ในวันที่ 14 มกราคม 2025 การแก้ไขนี้จะถูกนำไปใช้โดยอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้งการอัปเดต Windows ล่าสุด

    การค้นพบนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอัปเดตระบบของตนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในซอฟต์แวร์

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-uefi-secure-boot-flaw-exposes-systems-to-bootkits-patch-now/
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน UEFI Secure Boot ที่สามารถถูกใช้ในการติดตั้ง Bootkits แม้ว่าจะเปิดใช้งานการป้องกัน Secure Boot อยู่ก็ตาม ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-7344 และมีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองโดย Microsoft ปัญหานี้เกิดจากการที่แอปพลิเคชันใช้ตัวโหลด PE แบบกำหนดเอง ซึ่งอนุญาตให้โหลดไบนารี UEFI ใด ๆ ก็ได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับการรับรองก็ตาม โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่นี้ไม่ใช้บริการที่เชื่อถือได้เช่น 'LoadImage' และ 'StartImage' ที่ตรวจสอบไบนารีกับฐานข้อมูลความเชื่อถือ (db) และฐานข้อมูลการเพิกถอน (dbx) ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชัน UEFI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการกู้คืนระบบ การบำรุงรักษาดิสก์ หรือการสำรองข้อมูล และไม่ได้เป็นแอปพลิเคชัน UEFI ทั่วไป ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบได้แก่ Howyar SysReturn, Greenware GreenGuard, Radix SmartRecovery, Sanfong EZ-back System, WASAY eRecoveryRX, CES NeoImpact และ SignalComputer HDD King Microsoft ได้ออกแพตช์สำหรับ CVE-2024-7344 และเพิกถอนใบรับรองของแอปพลิเคชัน UEFI ที่มีช่องโหว่ในวันที่ 14 มกราคม 2025 การแก้ไขนี้จะถูกนำไปใช้โดยอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้งการอัปเดต Windows ล่าสุด การค้นพบนี้เป็นการเตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบและอัปเดตระบบของตนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-uefi-secure-boot-flaw-exposes-systems-to-bootkits-patch-now/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New UEFI Secure Boot flaw exposes systems to bootkits, patch now
    A new UEFI Secure Boot bypass vulnerability tracked as CVE-2024-7344 that affects a Microsoft-signed application could be exploited to deploy bootkits even if Secure Boot protection is active.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ้านเรากับปัญหานี้ต้องกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ ครับ

    ChargePoint ได้เปิดตัวสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อต่อต้านการขโมยทองแดง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดและทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าต้องติดอยู่โดยไม่มีการชาร์จ

    สายชาร์จรุ่นใหม่นี้มีการเสริมเหล็กเข้าไปในสายไฟ ทำให้การตัดสายทำได้ยากขึ้นมาก โดยสายชาร์จเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดกับเครื่องมือต่าง ๆ เช่น คีมตัดสายไฟ คีมตัดโบลต์ และอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าการออกแบบที่เสริมเหล็กนี้ทำให้ต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นในการตัดสาย

    นอกจากนี้ ChargePoint ยังได้เปิดตัวระบบเตือนภัยที่เรียกว่า ChargePoint Protect ซึ่งสามารถตรวจจับการก่อกวนได้แบบเรียลไทม์ โดยจะแสดงไฟกระพริบ ข้อความเตือนบนหน้าจอชาร์จ และเสียงเตือนผ่านลำโพงในตัว เจ้าของสามารถรับการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรืออีเมลเมื่อระบบเตือนภัยทำงาน ทำให้สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างรวดเร็ว

    ChargePoint วางแผนที่จะนำสายชาร์จป้องกันการก่อกวนนี้ไปใช้กับสายชาร์จเชิงพาณิชย์และสายชาร์จสำหรับยานพาหนะทั้งหมดของบริษัท และยังเปิดให้ผู้ผลิตสายชาร์จรายอื่นสามารถนำการออกแบบนี้ไปใช้ได้ เพื่อช่วยลดการขโมยสายชาร์จในอุตสาหกรรมโดยรวม

    การเปิดตัวสายชาร์จรุ่นใหม่นี้เป็นการตอบสนองต่อปัญหาการขโมยสายชาร์จที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าการพยายามชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะล้มเหลวเกือบหนึ่งในห้าครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว โดยประมาณ 10% ของความล้มเหลวเหล่านี้เกิดจากสายชาร์จที่เสียหายหรือหายไป

    https://www.techspot.com/news/106384-chargepoint-unveils-anti-vandalism-ev-charger-cables-designed.html
    บ้านเรากับปัญหานี้ต้องกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ ครับ ChargePoint ได้เปิดตัวสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อต่อต้านการขโมยทองแดง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดและทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าต้องติดอยู่โดยไม่มีการชาร์จ สายชาร์จรุ่นใหม่นี้มีการเสริมเหล็กเข้าไปในสายไฟ ทำให้การตัดสายทำได้ยากขึ้นมาก โดยสายชาร์จเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดกับเครื่องมือต่าง ๆ เช่น คีมตัดสายไฟ คีมตัดโบลต์ และอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าการออกแบบที่เสริมเหล็กนี้ทำให้ต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นในการตัดสาย นอกจากนี้ ChargePoint ยังได้เปิดตัวระบบเตือนภัยที่เรียกว่า ChargePoint Protect ซึ่งสามารถตรวจจับการก่อกวนได้แบบเรียลไทม์ โดยจะแสดงไฟกระพริบ ข้อความเตือนบนหน้าจอชาร์จ และเสียงเตือนผ่านลำโพงในตัว เจ้าของสามารถรับการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรืออีเมลเมื่อระบบเตือนภัยทำงาน ทำให้สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างรวดเร็ว ChargePoint วางแผนที่จะนำสายชาร์จป้องกันการก่อกวนนี้ไปใช้กับสายชาร์จเชิงพาณิชย์และสายชาร์จสำหรับยานพาหนะทั้งหมดของบริษัท และยังเปิดให้ผู้ผลิตสายชาร์จรายอื่นสามารถนำการออกแบบนี้ไปใช้ได้ เพื่อช่วยลดการขโมยสายชาร์จในอุตสาหกรรมโดยรวม การเปิดตัวสายชาร์จรุ่นใหม่นี้เป็นการตอบสนองต่อปัญหาการขโมยสายชาร์จที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าการพยายามชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะล้มเหลวเกือบหนึ่งในห้าครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว โดยประมาณ 10% ของความล้มเหลวเหล่านี้เกิดจากสายชาร์จที่เสียหายหรือหายไป https://www.techspot.com/news/106384-chargepoint-unveils-anti-vandalism-ev-charger-cables-designed.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ChargePoint unveils "anti-vandalism" EV charger cables designed to deter copper thieves
    The new cut-resistant cables incorporate advanced technology by weaving steel strategically through the wiring, making them far more difficult to cut.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/gSenIe-KEPw?si=0GKYP9_5SIy3Rsoe
    https://youtu.be/gSenIe-KEPw?si=0GKYP9_5SIy3Rsoe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔴Live SONDHITALK Ep276
    🔴Live SONDHITALK Ep276
    Like
    Love
    Wow
    124
    35 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2144 มุมมอง 9 รีวิว
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวศรีลักษณ์ Ep.2 #สมุทรปราการ #พาชิม #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อาหารไทย #ครัวไทย #ร้านอร่อย #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวศรีลักษณ์ Ep.2 #สมุทรปราการ #พาชิม #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อาหารไทย #ครัวไทย #ร้านอร่อย #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action

    วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ

    ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา

    ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ

    คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน

    นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู

    คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน

    ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100%

    ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น

    นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1%

    ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20%

    ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน
    .
    .
    .
    ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้

    นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ

    และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด

    คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่

    ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย

    การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก

    (ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ)

    แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ

    และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา
    .
    .
    .
    เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ

    ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง

    แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม

    คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน

    ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ

    ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ

    เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท

    ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม
    .
    .
    .
    ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ

    คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ

    จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง

    เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู

    อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย

    และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล

    คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด

    เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์

    ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ”
    .
    .
    .
    ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง

    คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย

    ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง

    หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์”

    ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary"

    "นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“

    ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ

    เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“

    …ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ…

    ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย 😉


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100% ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1% ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20% ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน . . . ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่ ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก (ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ) แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา . . . เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม . . . ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์ ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ” . . . ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์” ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary" "นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“ ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“ …ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ… ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย 😉 นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังตรวจสอบข้อบกพร่องที่ทำให้เกิดการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยบนระบบที่มี Trusted Platform Module (TPM) หลังจากเปิดใช้งาน BitLocker

    BitLocker เป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยของ Windows ที่เข้ารหัสไดรฟ์เพื่อป้องกันการขโมยหรือการเปิดเผยข้อมูล. TPM เป็นโปรเซสเซอร์ความปลอดภัยที่ให้ฟังก์ชันความปลอดภัยที่ใช้ฮาร์ดแวร์และทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ เช่น กุญแจการเข้ารหัสและข้อมูลรับรองความปลอดภัยอื่น ๆ

    ผู้ใช้ Windows 10 และ 11 ที่ได้รับผลกระทบจะเห็นการแจ้งเตือน "For your security, some settings are managed by your administrator" ใน ฉontrol Panel BitLocker และบางส่วนอื่น ๆ ใน Windows Microsoft กำลังทำงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อมีข้อมูลมากขึ้น

    มาย้อนรอยปัญหาที่เคยเกิดกับ Bitlocker กันหน่อยครับ โดยในเดือนเมษายน 2024 Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการเข้ารหัสไดรฟ์ BitLocker ในบางสภาพแวดล้อมที่มีการจัดการ ในเดือนสิงหาคม 2024 บริษัทได้แก้ไขข้อบกพร่องอีกครั้งที่ทำให้บางอุปกรณ์ Windows บูตเข้าสู่โหมดกู้คืน BitLocker หลังจากติดตั้งการอัปเดตความปลอดภัยของ Windows นอกจากนี้ ในเดือนเดียวกัน Microsoft ได้ปิดการแก้ไขช่องโหว่การข้ามฟีเจอร์ความปลอดภัยของ BitLocker (CVE-2024-38058) เนื่องจากปัญหาความเข้ากันได้ของเฟิร์มแวร์ที่ทำให้อุปกรณ์ Windows ที่ได้รับการแก้ไขเข้าสู่โหมดกู้คืน BitLocker

    Microsoft ประกาศในเดือนมิถุนายน 2021 ว่า TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดบังคับสำหรับการติดตั้งหรืออัปเกรดเป็น Windows 11 เพื่อทำให้ระบบมีความต้านทานต่อการปลอมแปลงและการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ Windows ยังคงสร้างเครื่องมือ สคริปต์ และเทคนิคต่าง ๆ เพื่อข้ามข้อกำหนดนี้ ในเดือนธันวาคม 2024 Microsoft ย้ำว่า TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดที่ "ไม่สามารถต่อรองได้" เนื่องจากลูกค้าจะไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้หากไม่มี TPM 2.0

    https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/windows-bitlocker-bug-triggers-warnings-on-devices-with-tpms/
    Microsoft กำลังตรวจสอบข้อบกพร่องที่ทำให้เกิดการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยบนระบบที่มี Trusted Platform Module (TPM) หลังจากเปิดใช้งาน BitLocker BitLocker เป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยของ Windows ที่เข้ารหัสไดรฟ์เพื่อป้องกันการขโมยหรือการเปิดเผยข้อมูล. TPM เป็นโปรเซสเซอร์ความปลอดภัยที่ให้ฟังก์ชันความปลอดภัยที่ใช้ฮาร์ดแวร์และทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ เช่น กุญแจการเข้ารหัสและข้อมูลรับรองความปลอดภัยอื่น ๆ ผู้ใช้ Windows 10 และ 11 ที่ได้รับผลกระทบจะเห็นการแจ้งเตือน "For your security, some settings are managed by your administrator" ใน ฉontrol Panel BitLocker และบางส่วนอื่น ๆ ใน Windows Microsoft กำลังทำงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อมีข้อมูลมากขึ้น มาย้อนรอยปัญหาที่เคยเกิดกับ Bitlocker กันหน่อยครับ โดยในเดือนเมษายน 2024 Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการเข้ารหัสไดรฟ์ BitLocker ในบางสภาพแวดล้อมที่มีการจัดการ ในเดือนสิงหาคม 2024 บริษัทได้แก้ไขข้อบกพร่องอีกครั้งที่ทำให้บางอุปกรณ์ Windows บูตเข้าสู่โหมดกู้คืน BitLocker หลังจากติดตั้งการอัปเดตความปลอดภัยของ Windows นอกจากนี้ ในเดือนเดียวกัน Microsoft ได้ปิดการแก้ไขช่องโหว่การข้ามฟีเจอร์ความปลอดภัยของ BitLocker (CVE-2024-38058) เนื่องจากปัญหาความเข้ากันได้ของเฟิร์มแวร์ที่ทำให้อุปกรณ์ Windows ที่ได้รับการแก้ไขเข้าสู่โหมดกู้คืน BitLocker Microsoft ประกาศในเดือนมิถุนายน 2021 ว่า TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดบังคับสำหรับการติดตั้งหรืออัปเกรดเป็น Windows 11 เพื่อทำให้ระบบมีความต้านทานต่อการปลอมแปลงและการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ Windows ยังคงสร้างเครื่องมือ สคริปต์ และเทคนิคต่าง ๆ เพื่อข้ามข้อกำหนดนี้ ในเดือนธันวาคม 2024 Microsoft ย้ำว่า TPM 2.0 เป็นข้อกำหนดที่ "ไม่สามารถต่อรองได้" เนื่องจากลูกค้าจะไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้หากไม่มี TPM 2.0 https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/windows-bitlocker-bug-triggers-warnings-on-devices-with-tpms/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Windows BitLocker bug triggers warnings on devices with TPMs
    ​Microsoft is investigating a bug triggering security alerts on systems with a Trusted Platform Module (TPM) processor after enabling BitLocker.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia กำลังให้ความสำคัญกับการผลิต GPU รุ่น Blackwell ที่ใช้การบรรจุภัณฑ์ CoWoS-L ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงที่พัฒนาโดย TSMC ความต้องการสำหรับการออกแบบ dual-die ของ Blackwell กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ Nvidia ต้องปรับแผนการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการนี้

    Nvidia จะมุ่งเน้นไปที่การผลิต GPU รุ่น 200 series Blackwell ที่ใช้การออกแบบ multi-die เช่น GB200 NVL72 และจะยกเลิกการผลิตรุ่น single-die เช่น B200A นอกจากนี้ Nvidia ยังวางแผนที่จะให้ความสำคัญกับรุ่น B300 series ที่ใช้การออกแบบ multi-die โดยเฉพาะ GB300 NVL72 การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อซัพพลายเออร์บางรายที่จัดหา CoWoS-S ให้กับ Nvidia เนื่องจาก Nvidia จะหันไปใช้ CoWoS-L เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม TSMC จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจาก TSMC วางแผนที่จะใช้ CoWoS-L เป็นโซลูชันหลักในการผลิต

    การเปลี่ยนจากการผลิต B200 ไปเป็น B300 ใช้กระบวนการ FEoL เดียวกัน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต TSMC คาดว่า AI/HPC จะเป็นแหล่งรายได้หลักในปี 2025

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-prioritizing-dual-die-blackwell-gpus-with-cowos-l-packaging
    Nvidia กำลังให้ความสำคัญกับการผลิต GPU รุ่น Blackwell ที่ใช้การบรรจุภัณฑ์ CoWoS-L ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงที่พัฒนาโดย TSMC ความต้องการสำหรับการออกแบบ dual-die ของ Blackwell กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ Nvidia ต้องปรับแผนการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการนี้ Nvidia จะมุ่งเน้นไปที่การผลิต GPU รุ่น 200 series Blackwell ที่ใช้การออกแบบ multi-die เช่น GB200 NVL72 และจะยกเลิกการผลิตรุ่น single-die เช่น B200A นอกจากนี้ Nvidia ยังวางแผนที่จะให้ความสำคัญกับรุ่น B300 series ที่ใช้การออกแบบ multi-die โดยเฉพาะ GB300 NVL72 การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อซัพพลายเออร์บางรายที่จัดหา CoWoS-S ให้กับ Nvidia เนื่องจาก Nvidia จะหันไปใช้ CoWoS-L เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม TSMC จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจาก TSMC วางแผนที่จะใช้ CoWoS-L เป็นโซลูชันหลักในการผลิต การเปลี่ยนจากการผลิต B200 ไปเป็น B300 ใช้กระบวนการ FEoL เดียวกัน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต TSMC คาดว่า AI/HPC จะเป็นแหล่งรายได้หลักในปี 2025 https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-prioritizing-dual-die-blackwell-gpus-with-cowos-l-packaging
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia reportedly prioritizing dual-die Blackwell GPUs with CoWoS-L packaging
    CoWoS-L is shaping up to be the dominant packaging solution for Nvidia Blackwell GPUs going forward.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts