• Dragonwing Q-6690 — โปรเซสเซอร์ที่ไม่ใช่แค่ฉลาด แต่ “รู้ตำแหน่ง” และ “รู้ตัวตน” ของสิ่งรอบตัว

    ลองจินตนาการว่าอุปกรณ์พกพาในร้านค้าหรือคลังสินค้าสามารถสแกนสินค้าทั้งชั้นโดยไม่ต้องเห็น หรือสามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้โดยไม่ต้องแตะ — นั่นคือสิ่งที่ Qualcomm Dragonwing Q-6690 กำลังทำให้เป็นจริง

    นี่คือโปรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกที่ฝัง RFID แบบ UHF (RAIN) ไว้ในตัวโดยตรง ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ไม่ต้องติดตั้งโมดูล RFID แยกอีกต่อไป ทำให้ขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น

    นอกจาก RFID แล้ว Q-6690 ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อระดับสูงสุดในปัจจุบัน ได้แก่ 5G แบบ Dual-SIM Dual-Active, Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0 และ Ultra-Wideband (UWB) ซึ่งช่วยให้อุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อได้เร็วและแม่นยำในระดับเซนติเมตร

    ที่น่าสนใจคือ Qualcomm ยังออกแบบให้ Q-6690 รองรับการอัปเกรดฟีเจอร์ผ่านซอฟต์แวร์แบบ over-the-air โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ เช่น เพิ่มพลัง AI, รองรับกล้องใหม่ หรือเพิ่มพอร์ตเชื่อมต่อ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

    อุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ ได้แก่ ค้าปลีก โลจิสติกส์ การผลิต และแม้แต่การแพทย์ โดยสามารถนำไปใช้ในระบบตรวจสอบสินค้าแบบเรียลไทม์, การชำระเงินแบบไร้สัมผัส, การติดตามทรัพย์สิน และการควบคุมการเข้าออกพื้นที่

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Qualcomm เปิดตัว Dragonwing Q-6690 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์พกพาระดับองค์กรตัวแรกที่ฝัง RFID แบบ UHF ในตัว
    รองรับการเชื่อมต่อ 5G DSDA, Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0 และ UWB
    ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์หลากหลาย เช่น handheld, POS, kiosk และ smart terminal
    RFID แบบฝังในตัวช่วยลดขนาดอุปกรณ์และต้นทุนการผลิต
    รองรับการอัปเกรดฟีเจอร์ผ่านซอฟต์แวร์แบบ over-the-air โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์
    ใช้สถาปัตยกรรม Kryo CPU แบบ octa-core ความเร็วสูงสุด 2.9 GHz
    มี AI engine ที่รองรับการประมวลผลสูงสุด 6 TOPS
    รองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีก โลจิสติกส์ การผลิต และการแพทย์
    มีอายุผลิตภัณฑ์ยาวถึงปี 2034 เหมาะกับการใช้งานระยะยาวในองค์กร
    ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ใหญ่ เช่น Decathlon, EssilorLuxottica และ RAIN Alliance

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RFID แบบ UHF (RAIN) สามารถอ่านแท็กได้หลายรายการพร้อมกัน แม้ไม่อยู่ในสายตา
    Wi-Fi 7 รองรับ Multi-Link Operation และแบนด์วิดท์สูงถึง 320 MHz
    Bluetooth 6.0 ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมี latency ต่ำและประหยัดพลังงานมากขึ้น
    UWB ช่วยให้การระบุตำแหน่งแม่นยำในระดับเซนติเมตร เหมาะกับการติดตามทรัพย์สิน
    การอัปเกรดฟีเจอร์ผ่านซอฟต์แวร์ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้าน certification และ time-to-market

    https://www.techpowerup.com/340340/qualcomm-launches-worlds-first-enterprise-mobile-processor-with-fully-integrated-rfid-capabilities
    📡 Dragonwing Q-6690 — โปรเซสเซอร์ที่ไม่ใช่แค่ฉลาด แต่ “รู้ตำแหน่ง” และ “รู้ตัวตน” ของสิ่งรอบตัว ลองจินตนาการว่าอุปกรณ์พกพาในร้านค้าหรือคลังสินค้าสามารถสแกนสินค้าทั้งชั้นโดยไม่ต้องเห็น หรือสามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้โดยไม่ต้องแตะ — นั่นคือสิ่งที่ Qualcomm Dragonwing Q-6690 กำลังทำให้เป็นจริง นี่คือโปรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกที่ฝัง RFID แบบ UHF (RAIN) ไว้ในตัวโดยตรง ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ไม่ต้องติดตั้งโมดูล RFID แยกอีกต่อไป ทำให้ขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น นอกจาก RFID แล้ว Q-6690 ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อระดับสูงสุดในปัจจุบัน ได้แก่ 5G แบบ Dual-SIM Dual-Active, Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0 และ Ultra-Wideband (UWB) ซึ่งช่วยให้อุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อได้เร็วและแม่นยำในระดับเซนติเมตร ที่น่าสนใจคือ Qualcomm ยังออกแบบให้ Q-6690 รองรับการอัปเกรดฟีเจอร์ผ่านซอฟต์แวร์แบบ over-the-air โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ เช่น เพิ่มพลัง AI, รองรับกล้องใหม่ หรือเพิ่มพอร์ตเชื่อมต่อ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ อุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ ได้แก่ ค้าปลีก โลจิสติกส์ การผลิต และแม้แต่การแพทย์ โดยสามารถนำไปใช้ในระบบตรวจสอบสินค้าแบบเรียลไทม์, การชำระเงินแบบไร้สัมผัส, การติดตามทรัพย์สิน และการควบคุมการเข้าออกพื้นที่ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Qualcomm เปิดตัว Dragonwing Q-6690 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์พกพาระดับองค์กรตัวแรกที่ฝัง RFID แบบ UHF ในตัว ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ 5G DSDA, Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0 และ UWB ➡️ ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์หลากหลาย เช่น handheld, POS, kiosk และ smart terminal ➡️ RFID แบบฝังในตัวช่วยลดขนาดอุปกรณ์และต้นทุนการผลิต ➡️ รองรับการอัปเกรดฟีเจอร์ผ่านซอฟต์แวร์แบบ over-the-air โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Kryo CPU แบบ octa-core ความเร็วสูงสุด 2.9 GHz ➡️ มี AI engine ที่รองรับการประมวลผลสูงสุด 6 TOPS ➡️ รองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีก โลจิสติกส์ การผลิต และการแพทย์ ➡️ มีอายุผลิตภัณฑ์ยาวถึงปี 2034 เหมาะกับการใช้งานระยะยาวในองค์กร ➡️ ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ใหญ่ เช่น Decathlon, EssilorLuxottica และ RAIN Alliance ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RFID แบบ UHF (RAIN) สามารถอ่านแท็กได้หลายรายการพร้อมกัน แม้ไม่อยู่ในสายตา ➡️ Wi-Fi 7 รองรับ Multi-Link Operation และแบนด์วิดท์สูงถึง 320 MHz ➡️ Bluetooth 6.0 ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมี latency ต่ำและประหยัดพลังงานมากขึ้น ➡️ UWB ช่วยให้การระบุตำแหน่งแม่นยำในระดับเซนติเมตร เหมาะกับการติดตามทรัพย์สิน ➡️ การอัปเกรดฟีเจอร์ผ่านซอฟต์แวร์ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้าน certification และ time-to-market https://www.techpowerup.com/340340/qualcomm-launches-worlds-first-enterprise-mobile-processor-with-fully-integrated-rfid-capabilities
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Qualcomm Launches World's First Enterprise Mobile Processor with Fully Integrated RFID Capabilities
    Qualcomm Technologies, Inc. today announced a new groundbreaking processor, the Qualcomm Dragonwing Q-6690, which is the world's first enterprise mobile processor with fully integrated UHF RFID capabilities. The processor includes built-in 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0, and ultra-wideband, supporting p...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    สัทธรรมลำดับที่ : 359
    ชื่อบทธรรม :- ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    --ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะ
    ความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว,
    ความละไปของตัณหานั้น,
    ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น,
    ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และ
    ความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า #การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ภารนิกฺเขปนนฺติ

    (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป)
    ---“ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ !
    +--บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป.
    +--การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก.
    +--การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข.
    +--พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว.
    +--ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก.
    +--ก็เป็นผู้ #ถอนตัณหา ขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ;
    +--เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ”
    ดังนี้.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/32/52-53
    http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๒-๕๓
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=359
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ สัทธรรมลำดับที่ : 359 ชื่อบทธรรม :- ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359 เนื้อความทั้งหมด :- --ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ --ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะ ความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว, ความละไปของตัณหานั้น, ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น, ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และ ความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ; --ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า #การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ภารนิกฺเขปนนฺติ (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป) ---“ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ! +--บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป. +--การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก. +--การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข. +--พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว. +--ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก. +--ก็เป็นผู้ #ถอนตัณหา ขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ; +--เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ” ดังนี้.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/32/52-53 http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๒-๕๓ http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=359 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    -ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว, ความละไปของตัณหานั้น, ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น, ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ; ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป : “ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ! บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป. การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก. การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข. พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว. ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก. ก็เป็นผู้ถอนตัณหาขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ; เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • GB10 Superchip – สมองกลระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในร่าง Mini PC

    ลองนึกภาพว่าคุณสามารถฝึกโมเดล AI ขนาด 200 พันล้านพารามิเตอร์ได้จากโต๊ะทำงานของคุณเอง โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ NVIDIA พยายามทำให้เป็นจริงผ่าน DGX Spark ที่ใช้ GB10 Superchip ซึ่งรวม CPU และ GPU ไว้ในแพ็กเกจเดียวกันด้วยเทคโนโลยี 2.5D packaging บนสถาปัตยกรรม 3nm

    GB10 ประกอบด้วย 20 คอร์ ARM v9.2 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม พร้อมแคช L2 ส่วนตัวและ L3 ขนาด 32MB รวม GPU Blackwell รุ่นใหม่ที่ให้พลังประมวลผล AI สูงถึง 1000 TOPS (FP4) และรองรับ DLSS 4 กับ Ray Tracing ในตัว

    หน่วยความจำ LPDDR5x แบบ Unified Memory Architecture (UMA) ขนาด 128GB ทำให้ CPU และ GPU เข้าถึงข้อมูลร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว โดยมีแบนด์วิดท์รวมสูงถึง 600 GB/s ผ่าน NVLINK C2C

    DGX Spark ยังรองรับการเชื่อมต่อหลายเครื่องผ่าน ConnectX-7 NIC เพื่อขยายการประมวลผล AI ไปถึงโมเดลขนาด 405 พันล้านพารามิเตอร์ และสามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ AI เต็มรูปแบบของ NVIDIA เช่น CUDA, TensorRT, vLLM และ GR00T N1.5

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    NVIDIA เปิดตัว GB10 Superchip ในงาน Hot Chips 2025 สำหรับ DGX Spark – AI PC ขนาดเล็ก
    ใช้เทคโนโลยี 3nm จาก TSMC และ 2.5D packaging รวม CPU และ GPU ในแพ็กเกจเดียว
    CPU มี 20 คอร์ ARM v9.2 พร้อมแคช L2 และ L3 รวม 32MB
    GPU ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม Tensor Core Gen 5 และ Ray Tracing
    ให้พลังประมวลผล AI สูงถึง 1000 TOPS (FP4) และ 31 TFLOPs (FP32)
    รองรับ LPDDR5x ความเร็ว 9400 MT/s ความจุสูงสุด 128GB แบบ UMA
    แบนด์วิดท์รวมของระบบสูงถึง 600 GB/s ผ่าน NVLINK C2C
    มี System Level Cache ขนาด 16MB สำหรับการแชร์ข้อมูลระหว่าง CPU และ GPU
    รองรับการเชื่อมต่อ PCIe Gen5, USB, Ethernet และแสดงผล 4K/8K ได้หลายจอ
    ระบบความปลอดภัยมี Dual Secure Root, fTPM และ discrete TPM
    TDP ของชิปอยู่ที่ 140W เหมาะกับการใช้งานบนโต๊ะทำงานทั่วไป
    DGX Spark สามารถเชื่อมต่อหลายเครื่องผ่าน ConnectX-7 เพื่อรองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่
    รองรับการใช้งานร่วมกับโมเดล AI จาก Meta, Google, DeepSeek และ NVIDIA Cosmos

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DGX Spark เป็นการต่อยอดจาก Project DIGITS และใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ DGX Cloud
    ขนาดเครื่องเล็กเพียง 150 x 150 x 50.5 มม. เหมาะกับการวางบนโต๊ะทำงาน
    NVIDIA เตรียมขยาย GB10 ไปสู่แพลตฟอร์มผู้บริโภค เช่น N1X และ N1 SoC สำหรับโน้ตบุ๊ก
    DGX Spark รองรับการใช้งานกับแพลตฟอร์ม Isaac, Metropolis และ Holoscan
    ใช้ ConnectX NIC ผ่าน PCIe Gen5 x8 เพื่อเชื่อมต่อหลายระบบแบบ low-latency

    https://wccftech.com/nvidia-gb10-superchip-soc-3nm-20-arm-v9-2-cpu-cores-nvfp4-blackwell-gpu-lpddr5x-9400-memory-140w-tdp/
    🧠 GB10 Superchip – สมองกลระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในร่าง Mini PC ลองนึกภาพว่าคุณสามารถฝึกโมเดล AI ขนาด 200 พันล้านพารามิเตอร์ได้จากโต๊ะทำงานของคุณเอง โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ NVIDIA พยายามทำให้เป็นจริงผ่าน DGX Spark ที่ใช้ GB10 Superchip ซึ่งรวม CPU และ GPU ไว้ในแพ็กเกจเดียวกันด้วยเทคโนโลยี 2.5D packaging บนสถาปัตยกรรม 3nm GB10 ประกอบด้วย 20 คอร์ ARM v9.2 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม พร้อมแคช L2 ส่วนตัวและ L3 ขนาด 32MB รวม GPU Blackwell รุ่นใหม่ที่ให้พลังประมวลผล AI สูงถึง 1000 TOPS (FP4) และรองรับ DLSS 4 กับ Ray Tracing ในตัว หน่วยความจำ LPDDR5x แบบ Unified Memory Architecture (UMA) ขนาด 128GB ทำให้ CPU และ GPU เข้าถึงข้อมูลร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว โดยมีแบนด์วิดท์รวมสูงถึง 600 GB/s ผ่าน NVLINK C2C DGX Spark ยังรองรับการเชื่อมต่อหลายเครื่องผ่าน ConnectX-7 NIC เพื่อขยายการประมวลผล AI ไปถึงโมเดลขนาด 405 พันล้านพารามิเตอร์ และสามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ AI เต็มรูปแบบของ NVIDIA เช่น CUDA, TensorRT, vLLM และ GR00T N1.5 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ NVIDIA เปิดตัว GB10 Superchip ในงาน Hot Chips 2025 สำหรับ DGX Spark – AI PC ขนาดเล็ก ➡️ ใช้เทคโนโลยี 3nm จาก TSMC และ 2.5D packaging รวม CPU และ GPU ในแพ็กเกจเดียว ➡️ CPU มี 20 คอร์ ARM v9.2 พร้อมแคช L2 และ L3 รวม 32MB ➡️ GPU ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม Tensor Core Gen 5 และ Ray Tracing ➡️ ให้พลังประมวลผล AI สูงถึง 1000 TOPS (FP4) และ 31 TFLOPs (FP32) ➡️ รองรับ LPDDR5x ความเร็ว 9400 MT/s ความจุสูงสุด 128GB แบบ UMA ➡️ แบนด์วิดท์รวมของระบบสูงถึง 600 GB/s ผ่าน NVLINK C2C ➡️ มี System Level Cache ขนาด 16MB สำหรับการแชร์ข้อมูลระหว่าง CPU และ GPU ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ PCIe Gen5, USB, Ethernet และแสดงผล 4K/8K ได้หลายจอ ➡️ ระบบความปลอดภัยมี Dual Secure Root, fTPM และ discrete TPM ➡️ TDP ของชิปอยู่ที่ 140W เหมาะกับการใช้งานบนโต๊ะทำงานทั่วไป ➡️ DGX Spark สามารถเชื่อมต่อหลายเครื่องผ่าน ConnectX-7 เพื่อรองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ ➡️ รองรับการใช้งานร่วมกับโมเดล AI จาก Meta, Google, DeepSeek และ NVIDIA Cosmos ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DGX Spark เป็นการต่อยอดจาก Project DIGITS และใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ DGX Cloud ➡️ ขนาดเครื่องเล็กเพียง 150 x 150 x 50.5 มม. เหมาะกับการวางบนโต๊ะทำงาน ➡️ NVIDIA เตรียมขยาย GB10 ไปสู่แพลตฟอร์มผู้บริโภค เช่น N1X และ N1 SoC สำหรับโน้ตบุ๊ก ➡️ DGX Spark รองรับการใช้งานกับแพลตฟอร์ม Isaac, Metropolis และ Holoscan ➡️ ใช้ ConnectX NIC ผ่าน PCIe Gen5 x8 เพื่อเชื่อมต่อหลายระบบแบบ low-latency https://wccftech.com/nvidia-gb10-superchip-soc-3nm-20-arm-v9-2-cpu-cores-nvfp4-blackwell-gpu-lpddr5x-9400-memory-140w-tdp/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Dissects Its GB10 Superchip For DGX AI PCs: 3nm With 20 ARM v9.2 CPU Cores, 1000 TOPS NVFP4 Blackwell GPU, LPDDR5x-9400 Memory Support, 140W TDP
    NVIDIA has just detailed its GB10 Superchip with Blackwell GPU, which is being used to power several DGX AI Mini supercomputers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • IBM Power11 – ซีพียูที่ไม่แค่แรง แต่ฉลาดและปลอดภัยในยุคหลังควอนตัม

    IBM ไม่ได้วิ่งตามเทรนด์เล็ก ๆ อย่างการลดขนาดชิปไปที่ 5nm แต่เลือกใช้เทคโนโลยี 7nm ที่ “ปรับแต่งแล้ว” จาก Samsung เพื่อให้ได้ความเร็วที่เหนือกว่า พร้อมกับการใช้เทคนิค 2.5D stacking ผ่าน iCube interposer ที่ช่วยให้การส่งพลังงานและข้อมูลภายในชิปมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Power11 ยังคงใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก Power10 ด้วยจำนวน 16 คอร์ต่อชิป และแคช 160MB แต่สามารถขยายเป็นระบบ dual socket ที่มีได้ถึง 60 คอร์ และความเร็วเพิ่มจาก 4.0 GHz เป็น 4.3 GHz ซึ่งเหมาะกับงานเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    ที่น่าตื่นเต้นคือการฝังหน่วย Multiply-Matrix-Accumulator (MMA) ไว้ในแต่ละคอร์ เพื่อรองรับงาน AI โดยไม่ต้องพึ่ง GPU เสมอไป และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Spyre Accelerator เพื่อเพิ่มพลังการประมวลผล AI ได้อีก

    ด้านหน่วยความจำก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดย Power11 รองรับ DDR5 ได้ถึง 32 พอร์ตต่อซ็อกเก็ต ซึ่งมากกว่า Power10 ถึง 4 เท่า ทั้งในด้านแบนด์วิดท์และความจุ และยังรองรับ DDR4 และเตรียมพร้อมสำหรับ DDR6 ในอนาคต

    สุดท้าย IBM ยังได้ฝังระบบ Quantum Safe Security เพื่อเตรียมรับมือกับภัยคุกคามจากการประมวลผลควอนตัมในอนาคต ซึ่งเป็นการป้องกันข้อมูลในระดับที่ลึกกว่าเดิม และเริ่มนำไปใช้ในระบบ Z mainframe แล้ว

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    IBM เปิดตัว Power11 CPU ในงาน Hot Chips 2025 พร้อมเทคโนโลยี 2.5D stacking จาก Samsung
    ใช้ enhanced 7nm node แทนการเปลี่ยนไปใช้ 5nm เพื่อเน้นความเร็วมากกว่าความหนาแน่น
    มี 16 คอร์ต่อชิป และแคช 160MB พร้อมรองรับ dual socket สูงสุด 60 คอร์
    ความเร็วเพิ่มจาก 4.0 GHz เป็น 4.3 GHz สำหรับงานเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการ throughput สูง
    ฝังหน่วย Multiply-Matrix-Accumulator (MMA) เพื่อรองรับงาน AI โดยตรง
    รองรับ Spyre Accelerator สำหรับการประมวลผล AI เพิ่มเติมผ่าน GPU หรือ ASIC
    ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% ในระบบขนาดเล็ก, 30% ในระดับกลาง และ 14% ในระดับสูง
    รองรับ DDR5 ได้ถึง 32 พอร์ตต่อซ็อกเก็ต เพิ่มแบนด์วิดท์และความจุ 4 เท่าจาก Power10
    รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5 พร้อมเตรียมรองรับ DDR6 ในอนาคต
    ฝังระบบ Quantum Safe Security เพื่อป้องกันภัยจากการประมวลผลควอนตัม
    IBM เตรียมเปิดตัว CPU รุ่นถัดไปที่ใช้ triplet architecture และนวัตกรรมด้านความร้อน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    IBM เลือกใช้ iCube interposer จาก Samsung เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งพลังงานภายในชิป
    OMI Memory Architecture ของ Power11 รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 1200 GB/s และความจุ 8TB ต่อซ็อกเก็ต
    IBM ไม่เน้นใช้ HBM เพราะแม้จะเร็วแต่มีข้อจำกัดด้านความจุ
    Power11 รองรับการเชื่อมต่อ PCIe กับ accelerator ภายนอกอย่าง Spyre ได้อย่างยืดหยุ่น
    ระบบความปลอดภัย Quantum Safe เริ่มนำไปใช้ใน IBM Z mainframe แล้ว

    https://wccftech.com/ibm-power11-cpu-2-5d-stacking-enhanced-7nm-node-samsung-higher-clocks-memory/
    🧠 IBM Power11 – ซีพียูที่ไม่แค่แรง แต่ฉลาดและปลอดภัยในยุคหลังควอนตัม IBM ไม่ได้วิ่งตามเทรนด์เล็ก ๆ อย่างการลดขนาดชิปไปที่ 5nm แต่เลือกใช้เทคโนโลยี 7nm ที่ “ปรับแต่งแล้ว” จาก Samsung เพื่อให้ได้ความเร็วที่เหนือกว่า พร้อมกับการใช้เทคนิค 2.5D stacking ผ่าน iCube interposer ที่ช่วยให้การส่งพลังงานและข้อมูลภายในชิปมีประสิทธิภาพมากขึ้น Power11 ยังคงใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก Power10 ด้วยจำนวน 16 คอร์ต่อชิป และแคช 160MB แต่สามารถขยายเป็นระบบ dual socket ที่มีได้ถึง 60 คอร์ และความเร็วเพิ่มจาก 4.0 GHz เป็น 4.3 GHz ซึ่งเหมาะกับงานเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ที่น่าตื่นเต้นคือการฝังหน่วย Multiply-Matrix-Accumulator (MMA) ไว้ในแต่ละคอร์ เพื่อรองรับงาน AI โดยไม่ต้องพึ่ง GPU เสมอไป และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Spyre Accelerator เพื่อเพิ่มพลังการประมวลผล AI ได้อีก ด้านหน่วยความจำก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดย Power11 รองรับ DDR5 ได้ถึง 32 พอร์ตต่อซ็อกเก็ต ซึ่งมากกว่า Power10 ถึง 4 เท่า ทั้งในด้านแบนด์วิดท์และความจุ และยังรองรับ DDR4 และเตรียมพร้อมสำหรับ DDR6 ในอนาคต สุดท้าย IBM ยังได้ฝังระบบ Quantum Safe Security เพื่อเตรียมรับมือกับภัยคุกคามจากการประมวลผลควอนตัมในอนาคต ซึ่งเป็นการป้องกันข้อมูลในระดับที่ลึกกว่าเดิม และเริ่มนำไปใช้ในระบบ Z mainframe แล้ว 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ IBM เปิดตัว Power11 CPU ในงาน Hot Chips 2025 พร้อมเทคโนโลยี 2.5D stacking จาก Samsung ➡️ ใช้ enhanced 7nm node แทนการเปลี่ยนไปใช้ 5nm เพื่อเน้นความเร็วมากกว่าความหนาแน่น ➡️ มี 16 คอร์ต่อชิป และแคช 160MB พร้อมรองรับ dual socket สูงสุด 60 คอร์ ➡️ ความเร็วเพิ่มจาก 4.0 GHz เป็น 4.3 GHz สำหรับงานเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการ throughput สูง ➡️ ฝังหน่วย Multiply-Matrix-Accumulator (MMA) เพื่อรองรับงาน AI โดยตรง ➡️ รองรับ Spyre Accelerator สำหรับการประมวลผล AI เพิ่มเติมผ่าน GPU หรือ ASIC ➡️ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% ในระบบขนาดเล็ก, 30% ในระดับกลาง และ 14% ในระดับสูง ➡️ รองรับ DDR5 ได้ถึง 32 พอร์ตต่อซ็อกเก็ต เพิ่มแบนด์วิดท์และความจุ 4 เท่าจาก Power10 ➡️ รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5 พร้อมเตรียมรองรับ DDR6 ในอนาคต ➡️ ฝังระบบ Quantum Safe Security เพื่อป้องกันภัยจากการประมวลผลควอนตัม ➡️ IBM เตรียมเปิดตัว CPU รุ่นถัดไปที่ใช้ triplet architecture และนวัตกรรมด้านความร้อน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ IBM เลือกใช้ iCube interposer จาก Samsung เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งพลังงานภายในชิป ➡️ OMI Memory Architecture ของ Power11 รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 1200 GB/s และความจุ 8TB ต่อซ็อกเก็ต ➡️ IBM ไม่เน้นใช้ HBM เพราะแม้จะเร็วแต่มีข้อจำกัดด้านความจุ ➡️ Power11 รองรับการเชื่อมต่อ PCIe กับ accelerator ภายนอกอย่าง Spyre ได้อย่างยืดหยุ่น ➡️ ระบบความปลอดภัย Quantum Safe เริ่มนำไปใช้ใน IBM Z mainframe แล้ว https://wccftech.com/ibm-power11-cpu-2-5d-stacking-enhanced-7nm-node-samsung-higher-clocks-memory/
    WCCFTECH.COM
    IBM Power11 CPU Brings 2.5D Stacking On Enhanced 7nm Node From Samsung, Higher Clocks, Memory Uplifts
    IBM detailed its Power11 CPU at Hot Chips 2025, bringing 2.5D Stacking, higher clock speeds, and memory with AI acceleration.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • SK hynix กับก้าวกระโดดสู่ยุค SSD ความจุระดับ 244TB ด้วย NAND 321 ชั้น

    ในโลกที่ข้อมูลเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด SK hynix ได้ประกาศการเริ่มผลิต NAND แบบ QLC ขนาด 2Tb (256GB) ที่มีโครงสร้างถึง 321 ชั้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่ NAND แบบ QLC ทะลุเกิน 300 ชั้นได้สำเร็จ

    เทคโนโลยีใหม่นี้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ V9Q ของบริษัท โดยมีความเร็ว I/O ที่ 3200 MT/s และใช้โครงสร้างแบบ 6 planes ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านข้อมูลแบบขนานได้มากขึ้น ส่งผลให้ความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้นถึง 56% และความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับรุ่น V7Q เดิม

    นอกจากความเร็วแล้ว ยังมีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพพลังงาน โดยลดการใช้พลังงานในการเขียนลงกว่า 23% ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการใช้พลังงานต่ำ

    ในระยะเริ่มต้น SK hynix จะนำ NAND รุ่นนี้ไปใช้ใน SSD สำหรับผู้บริโภค เช่น SSD ขนาด 2TB ที่ใช้เพียง 8 ชิปเท่านั้น ก่อนจะขยายไปสู่ SSD ระดับองค์กรที่มีความจุสูงถึง 244TB โดยใช้เทคโนโลยี 32DP ที่สามารถบรรจุ NAND ได้ 32 ชิ้นในแพ็กเดียว

    เป้าหมายของ SK hynix คือการเป็นผู้ให้บริการหน่วยความจำแบบ full-stack สำหรับยุค AI ที่ต้องการความเร็ว ความจุ และประสิทธิภาพพลังงานในระดับสูงสุด

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    SK hynix เริ่มผลิต NAND แบบ QLC ขนาด 2Tb ด้วยโครงสร้าง 321 ชั้น
    เป็นครั้งแรกของโลกที่ NAND QLC ทะลุเกิน 300 ชั้น
    อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ V9Q พร้อม I/O ที่ 3200 MT/s
    ใช้โครงสร้างแบบ 6 planes เพื่อเพิ่มความเร็วในการอ่านแบบขนาน
    ความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้น 56% และความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 18% จากรุ่นก่อน
    ประสิทธิภาพพลังงานในการเขียนดีขึ้นกว่า 23%
    SSD ขนาด 2TB ใช้เพียง 8 ชิป NAND รุ่นใหม่ ลดต้นทุนการผลิต
    SSD ระดับองค์กรจะมีความจุสูงถึง 244TB ด้วยเทคโนโลยี 32DP
    SK hynix ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการหน่วยความจำแบบ full-stack สำหรับตลาด AI
    เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความจุสูงและประหยัดพลังงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    QLC (Quad-Level Cell) เก็บข้อมูลได้ 4 บิตต่อเซลล์ ทำให้มีความจุสูงแต่ความทนทานต่ำกว่ารุ่นอื่น
    การเพิ่มจำนวน planes ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลพร้อมกันได้มากขึ้น
    เทคโนโลยี 32DP เป็นการบรรจุ NAND 32 ชิ้นในแพ็กเดียว เพิ่มความหนาแน่นของข้อมูล
    NAND แบบ 321 ชั้นช่วยลดต้นทุนต่อบิต และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา
    ตลาด SSD กำลังเปลี่ยนจาก TLC ไปสู่ QLC เพื่อรองรับความต้องการด้านความจุที่เพิ่มขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/sk-hynix-announces-mass-production-of-its-2tb-3d-qlc-nand-cheaper-high-capacity-consumer-drives-and-244tb-enterprise-ssds-incoming
    🎙️ SK hynix กับก้าวกระโดดสู่ยุค SSD ความจุระดับ 244TB ด้วย NAND 321 ชั้น ในโลกที่ข้อมูลเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด SK hynix ได้ประกาศการเริ่มผลิต NAND แบบ QLC ขนาด 2Tb (256GB) ที่มีโครงสร้างถึง 321 ชั้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่ NAND แบบ QLC ทะลุเกิน 300 ชั้นได้สำเร็จ เทคโนโลยีใหม่นี้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ V9Q ของบริษัท โดยมีความเร็ว I/O ที่ 3200 MT/s และใช้โครงสร้างแบบ 6 planes ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านข้อมูลแบบขนานได้มากขึ้น ส่งผลให้ความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้นถึง 56% และความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับรุ่น V7Q เดิม นอกจากความเร็วแล้ว ยังมีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพพลังงาน โดยลดการใช้พลังงานในการเขียนลงกว่า 23% ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการใช้พลังงานต่ำ ในระยะเริ่มต้น SK hynix จะนำ NAND รุ่นนี้ไปใช้ใน SSD สำหรับผู้บริโภค เช่น SSD ขนาด 2TB ที่ใช้เพียง 8 ชิปเท่านั้น ก่อนจะขยายไปสู่ SSD ระดับองค์กรที่มีความจุสูงถึง 244TB โดยใช้เทคโนโลยี 32DP ที่สามารถบรรจุ NAND ได้ 32 ชิ้นในแพ็กเดียว เป้าหมายของ SK hynix คือการเป็นผู้ให้บริการหน่วยความจำแบบ full-stack สำหรับยุค AI ที่ต้องการความเร็ว ความจุ และประสิทธิภาพพลังงานในระดับสูงสุด 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ SK hynix เริ่มผลิต NAND แบบ QLC ขนาด 2Tb ด้วยโครงสร้าง 321 ชั้น ➡️ เป็นครั้งแรกของโลกที่ NAND QLC ทะลุเกิน 300 ชั้น ➡️ อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ V9Q พร้อม I/O ที่ 3200 MT/s ➡️ ใช้โครงสร้างแบบ 6 planes เพื่อเพิ่มความเร็วในการอ่านแบบขนาน ➡️ ความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้น 56% และความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 18% จากรุ่นก่อน ➡️ ประสิทธิภาพพลังงานในการเขียนดีขึ้นกว่า 23% ➡️ SSD ขนาด 2TB ใช้เพียง 8 ชิป NAND รุ่นใหม่ ลดต้นทุนการผลิต ➡️ SSD ระดับองค์กรจะมีความจุสูงถึง 244TB ด้วยเทคโนโลยี 32DP ➡️ SK hynix ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการหน่วยความจำแบบ full-stack สำหรับตลาด AI ➡️ เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความจุสูงและประหยัดพลังงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ QLC (Quad-Level Cell) เก็บข้อมูลได้ 4 บิตต่อเซลล์ ทำให้มีความจุสูงแต่ความทนทานต่ำกว่ารุ่นอื่น ➡️ การเพิ่มจำนวน planes ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลพร้อมกันได้มากขึ้น ➡️ เทคโนโลยี 32DP เป็นการบรรจุ NAND 32 ชิ้นในแพ็กเดียว เพิ่มความหนาแน่นของข้อมูล ➡️ NAND แบบ 321 ชั้นช่วยลดต้นทุนต่อบิต และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ➡️ ตลาด SSD กำลังเปลี่ยนจาก TLC ไปสู่ QLC เพื่อรองรับความต้องการด้านความจุที่เพิ่มขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/sk-hynix-announces-mass-production-of-its-2tb-3d-qlc-nand-cheaper-high-capacity-consumer-drives-and-244tb-enterprise-ssds-incoming
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สุชาติ" ยกทัพสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดจำหน่ายให้พี่น้องชาวฉะเชิงเทรา ในงาน "ธงฟ้ากระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดฉะเชิงเทรา"
    https://www.thai-tai.tv/news/21132/
    .
    #กระทรวงพาณิชย์ #ธงฟ้า #ลดค่าครองชีพ #ข่าวเศรษฐกิจ #ฉะเชิงเทรา #ไทยไท
    "สุชาติ" ยกทัพสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดจำหน่ายให้พี่น้องชาวฉะเชิงเทรา ในงาน "ธงฟ้ากระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดฉะเชิงเทรา" https://www.thai-tai.tv/news/21132/ . #กระทรวงพาณิชย์ #ธงฟ้า #ลดค่าครองชีพ #ข่าวเศรษฐกิจ #ฉะเชิงเทรา #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 15 : เซียนกระเป๋าฉีก
    อังกฤษมีแผนที่จะเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมัน ที่อ่าวเปอร์เซีย (Arabian Gulf) แต่ปิดเงียบไม่บอกใคร ปี ค.ศ. 1917 อังกฤษประกาศสนับสนุนให้ชาวยิวได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน คือ Palestine รัฐบาลอังกฤษไม่ได้คิดเอง แต่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในชนชั้นสูงของอังกฤษ คือ The Royal Institute for International Affairs หรือ Chatham House เป็นมันสมองให้กับรัฐบาลอังกฤษ สนับสนุนให้ชาวยิวกลับไปครอบครอง Palestine แผ่นดินที่ล้อมรอบไปด้วย ประเทศแถบ Balkan และกลุ่มประเทศอาหรับ
    แผนมายากลนี้ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง ประเทศอาณานิคมของอังกฤษในอาฟริกาใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยเหมืองทองและเพชร ข้ามมายังอียิปต์และคลองสุเอช ผ่านอิรัคและคูเวต มาเปอร์เซีย (อิหร่าน) มาถึงตะวันออกทางอินเดีย ซึ่งรวมถึงปากีสถานและบังคลาเทศ มันเป็นแผนที่ลึกซึ้งมาก ถ้าทำสำเร็จหมายถึง การเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมันที่มีค่ามหาศาล ก่อนที่เจ้าของแหล่งน้ำมันเองจะรู้ตัว
    ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่เห็นชัดว่าใครจะเป็นแชมป์ครองโลก ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เกมกลยุทธที่ต่างฝ่ายวางกันไว้ ยังไม่ถึงผลสำเร็จ จะครองโลกให้หมดจดต้องใจเย็น ๆ อังกฤษก็มีแก้ว 3 ประการเหมือนกัน ตั้งเข็มทิศไว้ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนอเมริกาจะนึกเอาอย่าง
    – ควบคุมเส้นทางเดินเรือทะเล
– ควบคุมการเงินและการธนาคาร
– ต้องมีทรัพยากร ที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์
    (ไอ้พวกคิดจะครองโลก มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ท่านผู้อ่านนิทานลองสังเกตดู มันมีกลเล่นไม่กี่แบบหรอก ดูไปแล้วกัน)
    อังกฤษลำพองคิดว่า กำจัดเยอรมันออกไปนอกเส้นทางแล้ว จากเกมที่วางไว้โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่อเมริกายังยืนอยู่ในเส้นทางของน้ำมัน Standard Oil ยังอยู่ดี อังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น วางหมากให้ลึกซึ้งขึ้น ในปี ค.ศ. 1921 นาย Winston Churchill เป็นรมต.ว่าการกิจการอาณานิคมของอังกฤษ เขาตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพื่อมาดูแลตะวันออกกลางโดยเฉพาะ และเข้าไปควบคุมกิจการของ Anglo Persian Oil ผลคือบริษัทน้ำมันของอเมริกา หมดโอกาสได้สัมปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง นี่ขนาดเป็นลูกรักกันนะ แต่เรื่องน้ำมันนี่ ลูกก็ลูกเถอะ อย่าแหยม !
    แต่อเมริกาไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องน้ำมัน เพียงแต่ยังไม่อยากทะเลาะกับลูกพี่อย่างอังกฤษ โดยไม่จำเป็น ว่าแล้วจิกโก๋ก็เปลี่ยนทิศไปทาง Mexico, Latin America (ก็ได้วะ !)
    เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยินเสียงคำราม ค.ศ. 1920 อังกฤษประกาศอย่างภาคภูมิว่า รัฐบาลของอังกฤษจะควบคุมและครอบครอง แหล่งน้ำมันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ! มันกร่างจริง ! ทั้งหมดนี้ใช้มือปฏิบัติการคือ
    – Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Standard Oil ของพวกโคตรรวย Rockefeller
– Anglo Persian Oil Company ซึ่งตกเป็นของอังกฤษและใช้ชื่อใหม่ว่า British Petroleum (ตัด Persia ทิ้งลงถังขยะไป)
– D’ Arcy Exploitation Company ซึ่งดูแลโดยหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศของอังกฤษ
– British Controlled Oilfields (BCO) ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นอย่างไม่เปิดเผย
    อเมริกาชักเริ่มมองหน้าอังกฤษไม่ติด แต่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่แต่ในเรื่องการเมือง ในเรื่องธุรกิจยิ่งหนักกว่า จำไว้
    รัสเซียมีแหล่งน้ำมันใหญ่ที่ Baku ทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างพยายามเข้าไปจีบรัสเซีย แต่อังกฤษได้เปรียบกว่า เพราะสภาพภูมิศาสตร์ แต่อเมริกาก็พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกทาง ที่จะตัดหน้าอังกฤษ แต่แล้วฝันของทั้งอังกฤษและอเมริกาก็สลาย
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก๊วนอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จับมือกัน บี้เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงคราม ตามสนธิสัญญา Versailles เยอรมันต้องสูญเสียแคว้น Alsace – Lorraine ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ กองทัพเรือแตก ทางรถไฟถูกยึด ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการบดขยี้ให้เยอรมันเหลือแต่ซาก ฝ่ายอังกฤษ ยื่นข้อเสนอให้เยอรมันตอบภายใน 6 วัน แลกเอานะเยอรมันจะจ่ายเงิน จำนวน 132 พันล้านมาร์คทองคำ หรือจะให้พวกเราเข้าไปยึดแคว้น Ruhr ของยู แน่นอนเยอรมันยอมจ่ายเงิน (แล้วทองของเยอรมันก็ย้ายที่ไปอยู่ที่อังกฤษแทน) ผลที่ตามมาคือ หายนะของเศรษฐกิจและระบบการเงินของเยอรมัน
    แต่พอถึงปี ค.ศ. 1922 เยอรมันกับรัสเซียทำเอาเซียนกระเป๋าฉีก วางแผนขยี้เสียอย่างดี รัสเซียเกิดใจดี ยกหนี้ให้เยอรมัน แลกกับเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมของเยอรมัน เยอรมันรอดตาย นอกจากไม่ตายแล้ว ยังฟื้นขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง อย่าประเมินเยอรมันผิด แค้นนี้ต้องชำระ ทำไมรัสเซียถึงเกิดใจดี !?!

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 15 : เซียนกระเป๋าฉีก อังกฤษมีแผนที่จะเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมัน ที่อ่าวเปอร์เซีย (Arabian Gulf) แต่ปิดเงียบไม่บอกใคร ปี ค.ศ. 1917 อังกฤษประกาศสนับสนุนให้ชาวยิวได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน คือ Palestine รัฐบาลอังกฤษไม่ได้คิดเอง แต่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในชนชั้นสูงของอังกฤษ คือ The Royal Institute for International Affairs หรือ Chatham House เป็นมันสมองให้กับรัฐบาลอังกฤษ สนับสนุนให้ชาวยิวกลับไปครอบครอง Palestine แผ่นดินที่ล้อมรอบไปด้วย ประเทศแถบ Balkan และกลุ่มประเทศอาหรับ แผนมายากลนี้ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง ประเทศอาณานิคมของอังกฤษในอาฟริกาใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยเหมืองทองและเพชร ข้ามมายังอียิปต์และคลองสุเอช ผ่านอิรัคและคูเวต มาเปอร์เซีย (อิหร่าน) มาถึงตะวันออกทางอินเดีย ซึ่งรวมถึงปากีสถานและบังคลาเทศ มันเป็นแผนที่ลึกซึ้งมาก ถ้าทำสำเร็จหมายถึง การเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมันที่มีค่ามหาศาล ก่อนที่เจ้าของแหล่งน้ำมันเองจะรู้ตัว ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่เห็นชัดว่าใครจะเป็นแชมป์ครองโลก ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เกมกลยุทธที่ต่างฝ่ายวางกันไว้ ยังไม่ถึงผลสำเร็จ จะครองโลกให้หมดจดต้องใจเย็น ๆ อังกฤษก็มีแก้ว 3 ประการเหมือนกัน ตั้งเข็มทิศไว้ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนอเมริกาจะนึกเอาอย่าง – ควบคุมเส้นทางเดินเรือทะเล
– ควบคุมการเงินและการธนาคาร
– ต้องมีทรัพยากร ที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ (ไอ้พวกคิดจะครองโลก มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ท่านผู้อ่านนิทานลองสังเกตดู มันมีกลเล่นไม่กี่แบบหรอก ดูไปแล้วกัน) อังกฤษลำพองคิดว่า กำจัดเยอรมันออกไปนอกเส้นทางแล้ว จากเกมที่วางไว้โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่อเมริกายังยืนอยู่ในเส้นทางของน้ำมัน Standard Oil ยังอยู่ดี อังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น วางหมากให้ลึกซึ้งขึ้น ในปี ค.ศ. 1921 นาย Winston Churchill เป็นรมต.ว่าการกิจการอาณานิคมของอังกฤษ เขาตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพื่อมาดูแลตะวันออกกลางโดยเฉพาะ และเข้าไปควบคุมกิจการของ Anglo Persian Oil ผลคือบริษัทน้ำมันของอเมริกา หมดโอกาสได้สัมปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง นี่ขนาดเป็นลูกรักกันนะ แต่เรื่องน้ำมันนี่ ลูกก็ลูกเถอะ อย่าแหยม ! แต่อเมริกาไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องน้ำมัน เพียงแต่ยังไม่อยากทะเลาะกับลูกพี่อย่างอังกฤษ โดยไม่จำเป็น ว่าแล้วจิกโก๋ก็เปลี่ยนทิศไปทาง Mexico, Latin America (ก็ได้วะ !) เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยินเสียงคำราม ค.ศ. 1920 อังกฤษประกาศอย่างภาคภูมิว่า รัฐบาลของอังกฤษจะควบคุมและครอบครอง แหล่งน้ำมันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ! มันกร่างจริง ! ทั้งหมดนี้ใช้มือปฏิบัติการคือ – Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Standard Oil ของพวกโคตรรวย Rockefeller
– Anglo Persian Oil Company ซึ่งตกเป็นของอังกฤษและใช้ชื่อใหม่ว่า British Petroleum (ตัด Persia ทิ้งลงถังขยะไป)
– D’ Arcy Exploitation Company ซึ่งดูแลโดยหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศของอังกฤษ
– British Controlled Oilfields (BCO) ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นอย่างไม่เปิดเผย อเมริกาชักเริ่มมองหน้าอังกฤษไม่ติด แต่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่แต่ในเรื่องการเมือง ในเรื่องธุรกิจยิ่งหนักกว่า จำไว้ รัสเซียมีแหล่งน้ำมันใหญ่ที่ Baku ทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างพยายามเข้าไปจีบรัสเซีย แต่อังกฤษได้เปรียบกว่า เพราะสภาพภูมิศาสตร์ แต่อเมริกาก็พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกทาง ที่จะตัดหน้าอังกฤษ แต่แล้วฝันของทั้งอังกฤษและอเมริกาก็สลาย หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก๊วนอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จับมือกัน บี้เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงคราม ตามสนธิสัญญา Versailles เยอรมันต้องสูญเสียแคว้น Alsace – Lorraine ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ กองทัพเรือแตก ทางรถไฟถูกยึด ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการบดขยี้ให้เยอรมันเหลือแต่ซาก ฝ่ายอังกฤษ ยื่นข้อเสนอให้เยอรมันตอบภายใน 6 วัน แลกเอานะเยอรมันจะจ่ายเงิน จำนวน 132 พันล้านมาร์คทองคำ หรือจะให้พวกเราเข้าไปยึดแคว้น Ruhr ของยู แน่นอนเยอรมันยอมจ่ายเงิน (แล้วทองของเยอรมันก็ย้ายที่ไปอยู่ที่อังกฤษแทน) ผลที่ตามมาคือ หายนะของเศรษฐกิจและระบบการเงินของเยอรมัน แต่พอถึงปี ค.ศ. 1922 เยอรมันกับรัสเซียทำเอาเซียนกระเป๋าฉีก วางแผนขยี้เสียอย่างดี รัสเซียเกิดใจดี ยกหนี้ให้เยอรมัน แลกกับเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมของเยอรมัน เยอรมันรอดตาย นอกจากไม่ตายแล้ว ยังฟื้นขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง อย่าประเมินเยอรมันผิด แค้นนี้ต้องชำระ ทำไมรัสเซียถึงเกิดใจดี !?! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป่วนหนัก เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนามกั้นแนวชายแดนบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ขวางปาสิ่งของใส่ทหารไทยจนได้รับบาดเจ็บ และยังมี การประกาศเสียงตามสายระดมชาวเขมรให้ออกมารวมตัวในพื้นที่จนสถานการณ์ตึงเครียด ท่ามกลางทหารไทยที่ระดมกำลังป้องกันแน่น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081032

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ป่วนหนัก เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนามกั้นแนวชายแดนบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ขวางปาสิ่งของใส่ทหารไทยจนได้รับบาดเจ็บ และยังมี การประกาศเสียงตามสายระดมชาวเขมรให้ออกมารวมตัวในพื้นที่จนสถานการณ์ตึงเครียด ท่ามกลางทหารไทยที่ระดมกำลังป้องกันแน่น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081032 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windows 95 – เมื่อระบบปฏิบัติการกลายเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งยุค

    ย้อนกลับไปในวันที่ 24 สิงหาคม 1995 โลกไอทีได้เห็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน — การเปิดตัวระบบปฏิบัติการที่กลายเป็น “งานอีเวนต์ระดับชาติ” ผู้คนต่อแถวหน้าร้านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เที่ยงคืนเพื่อรอซื้อ Windows 95 เหมือนกับรอคอนเสิร์ตหรือภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์

    Microsoft ทุ่มงบประมาณกว่า $300 ล้านในการโปรโมต พร้อมแคมเปญ “Start Me Up” ที่ใช้เพลงของ Rolling Stones และการแสดงแสงสีที่ Empire State Building และ CN Tower เพื่อสร้างกระแสให้กับ “ปุ่ม Start” ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Windows ไปตลอดกาล

    Windows 95 ไม่ใช่แค่การอัปเกรดจาก Windows 3.1 แต่เป็นการรวม DOS และ Windows เข้าด้วยกัน พร้อม UI ใหม่ที่มี taskbar, plug and play, การรองรับชื่อไฟล์ยาว และระบบ multitasking แบบ 32-bit ที่เปลี่ยนวิธีใช้งานคอมพิวเตอร์ไปโดยสิ้นเชิง

    แม้จะต้องใช้แผ่น floppy ถึง 13–15 แผ่นในการติดตั้ง และมีราคาสูงถึง $209 (เทียบเท่าเกือบ $400 ในปี 2025) แต่ยอดขายก็พุ่งถึง $720 ล้านในวันแรก และทะลุ 40 ล้านชุดภายในปีเดียว

    Windows 95 ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้งานอินเทอร์เน็ตในวงกว้าง ด้วยการรวม MSN และรองรับเบราว์เซอร์ Netscape และ Internet Explorer รุ่นแรก ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเริ่มเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น

    https://www.tomshardware.com/software/windows/microsofts-windows-95-release-was-30-years-ago-today-the-first-time-software-was-a-pop-culture-smash
    🎙️ Windows 95 – เมื่อระบบปฏิบัติการกลายเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งยุค ย้อนกลับไปในวันที่ 24 สิงหาคม 1995 โลกไอทีได้เห็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน — การเปิดตัวระบบปฏิบัติการที่กลายเป็น “งานอีเวนต์ระดับชาติ” ผู้คนต่อแถวหน้าร้านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เที่ยงคืนเพื่อรอซื้อ Windows 95 เหมือนกับรอคอนเสิร์ตหรือภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Microsoft ทุ่มงบประมาณกว่า $300 ล้านในการโปรโมต พร้อมแคมเปญ “Start Me Up” ที่ใช้เพลงของ Rolling Stones และการแสดงแสงสีที่ Empire State Building และ CN Tower เพื่อสร้างกระแสให้กับ “ปุ่ม Start” ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Windows ไปตลอดกาล Windows 95 ไม่ใช่แค่การอัปเกรดจาก Windows 3.1 แต่เป็นการรวม DOS และ Windows เข้าด้วยกัน พร้อม UI ใหม่ที่มี taskbar, plug and play, การรองรับชื่อไฟล์ยาว และระบบ multitasking แบบ 32-bit ที่เปลี่ยนวิธีใช้งานคอมพิวเตอร์ไปโดยสิ้นเชิง แม้จะต้องใช้แผ่น floppy ถึง 13–15 แผ่นในการติดตั้ง และมีราคาสูงถึง $209 (เทียบเท่าเกือบ $400 ในปี 2025) แต่ยอดขายก็พุ่งถึง $720 ล้านในวันแรก และทะลุ 40 ล้านชุดภายในปีเดียว Windows 95 ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้งานอินเทอร์เน็ตในวงกว้าง ด้วยการรวม MSN และรองรับเบราว์เซอร์ Netscape และ Internet Explorer รุ่นแรก ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเริ่มเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น https://www.tomshardware.com/software/windows/microsofts-windows-95-release-was-30-years-ago-today-the-first-time-software-was-a-pop-culture-smash
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อชิปโน้ตบุ๊กถูกปลดปล่อยสู่โลกเดสก์ท็อป – และมันแรงกว่าที่คิด

    ในโลกของฮาร์ดแวร์พีซี มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก: การนำซีพียูโมบายมาใช้ในเมนบอร์ดเดสก์ท็อปอย่างเป็นทางการ แต่ Aoostar ผู้ผลิตจากจีนได้เปิดตัวเมนบอร์ด MoDT (Mobile on Desktop) รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ Ryzen 9 9955HX และ 9955HX3D ซึ่งเป็นชิปโมบายระดับสูงสุดของ AMD ในปี 2025

    ทั้งสองรุ่นเป็นซีพียู 16 คอร์ 32 เธรด บนสถาปัตยกรรม Zen 5 โดยรุ่น 9955HX3D มาพร้อมกับ 3D V-Cache ขนาด 144MB ซึ่งมากกว่ารุ่นธรรมดาถึงสองเท่า และมี boost clock สูงสุดที่ 5.4GHz พร้อม TDP เริ่มต้นที่ 54–55W แต่สามารถปรับได้ถึง 75W เมื่อใช้ระบบระบายความร้อนแบบเดสก์ท็อป

    เมนบอร์ดของ Aoostar มาในขนาด microATX พร้อม PCIe 5.0 x16 สำหรับการ์ดจอ, M.2 Gen5 x4 สองช่องสำหรับ SSD, และรองรับ DDR5 แบบ dual-channel สูงสุด 128GB โดยใช้ DIMM มาตรฐาน ไม่ใช่ SO-DIMM แบบโน้ตบุ๊ก

    แม้ซีพียูจะถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด (ไม่สามารถเปลี่ยนได้) แต่ทุกอย่างอื่นเป็นมาตรฐานเดสก์ท็อป เช่น พอร์ต SATA, ระบบเสียง 7.1 channel, และการใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX ปกติ

    ราคาของชุดนี้ถือว่าน่าสนใจมาก: รุ่น 9955HX อยู่ที่ประมาณ $530 ส่วนรุ่น 9955HX3D อยู่ที่ $670 ซึ่งถูกกว่าการซื้อซีพียูเดสก์ท็อป Ryzen 9 9950X3D แยกต่างหาก และยังได้เมนบอร์ดมาด้วย

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Aoostar เปิดตัวเมนบอร์ด MoDT ที่มาพร้อม Ryzen 9 9955HX และ 9955HX3D
    ทั้งสองรุ่นเป็นซีพียู 16 คอร์ 32 เธรด บนสถาปัตยกรรม Zen 5
    รุ่น 9955HX3D มี 3D V-Cache ขนาด 144MB ส่วนรุ่นธรรมดามี 72MB
    Boost clock สูงสุด 5.4GHz และ TDP เริ่มต้นที่ 54–55W ปรับได้ถึง 75W
    เมนบอร์ดขนาด microATX พร้อม PCIe 5.0 x16 และ M.2 Gen5 x4 สองช่อง
    รองรับ DDR5 dual-channel สูงสุด 128GB แบบ DIMM มาตรฐาน
    ใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX และมีระบบเสียง 7.1 channel
    มีระบบระบายความร้อนแบบ vapor chamber ติดมากับซีพียู
    ราคาชุด 9955HX อยู่ที่ $530 ส่วนรุ่น 9955HX3D อยู่ที่ $670
    ถูกกว่าซีพียูเดสก์ท็อป Ryzen 9 9950X3D ที่ขายแยก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MoDT (Mobile on Desktop) เป็นแนวทางที่นิยมในจีนเพื่อประหยัดงบ
    Aoostar เคยผลิต mini PC และเมนบอร์ดขนาดเล็กมาก่อน
    Ryzen 9 9955HX3D ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache รุ่นที่สอง
    เมนบอร์ดใช้ VRM แบบ 10-phase ซึ่งเทียบได้กับ B650 ระดับกลาง
    ใช้ retention bracket แบบ AM5 ทำให้รองรับฮีตซิงก์ทั่วไปในตลาด
    มีพอร์ต SATA III และ USB หลากหลาย รวมถึงพอร์ตเสียงแบบแยก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-unleashes-the-power-of-mobile-fire-range-chips-on-a-desktop-pc-motherboard-ryzen-9-9955hx-and-ryzen-9-9955hx3d-debut-on-aoostar-board
    🎙️ เมื่อชิปโน้ตบุ๊กถูกปลดปล่อยสู่โลกเดสก์ท็อป – และมันแรงกว่าที่คิด ในโลกของฮาร์ดแวร์พีซี มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก: การนำซีพียูโมบายมาใช้ในเมนบอร์ดเดสก์ท็อปอย่างเป็นทางการ แต่ Aoostar ผู้ผลิตจากจีนได้เปิดตัวเมนบอร์ด MoDT (Mobile on Desktop) รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ Ryzen 9 9955HX และ 9955HX3D ซึ่งเป็นชิปโมบายระดับสูงสุดของ AMD ในปี 2025 ทั้งสองรุ่นเป็นซีพียู 16 คอร์ 32 เธรด บนสถาปัตยกรรม Zen 5 โดยรุ่น 9955HX3D มาพร้อมกับ 3D V-Cache ขนาด 144MB ซึ่งมากกว่ารุ่นธรรมดาถึงสองเท่า และมี boost clock สูงสุดที่ 5.4GHz พร้อม TDP เริ่มต้นที่ 54–55W แต่สามารถปรับได้ถึง 75W เมื่อใช้ระบบระบายความร้อนแบบเดสก์ท็อป เมนบอร์ดของ Aoostar มาในขนาด microATX พร้อม PCIe 5.0 x16 สำหรับการ์ดจอ, M.2 Gen5 x4 สองช่องสำหรับ SSD, และรองรับ DDR5 แบบ dual-channel สูงสุด 128GB โดยใช้ DIMM มาตรฐาน ไม่ใช่ SO-DIMM แบบโน้ตบุ๊ก แม้ซีพียูจะถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด (ไม่สามารถเปลี่ยนได้) แต่ทุกอย่างอื่นเป็นมาตรฐานเดสก์ท็อป เช่น พอร์ต SATA, ระบบเสียง 7.1 channel, และการใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX ปกติ ราคาของชุดนี้ถือว่าน่าสนใจมาก: รุ่น 9955HX อยู่ที่ประมาณ $530 ส่วนรุ่น 9955HX3D อยู่ที่ $670 ซึ่งถูกกว่าการซื้อซีพียูเดสก์ท็อป Ryzen 9 9950X3D แยกต่างหาก และยังได้เมนบอร์ดมาด้วย 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Aoostar เปิดตัวเมนบอร์ด MoDT ที่มาพร้อม Ryzen 9 9955HX และ 9955HX3D ➡️ ทั้งสองรุ่นเป็นซีพียู 16 คอร์ 32 เธรด บนสถาปัตยกรรม Zen 5 ➡️ รุ่น 9955HX3D มี 3D V-Cache ขนาด 144MB ส่วนรุ่นธรรมดามี 72MB ➡️ Boost clock สูงสุด 5.4GHz และ TDP เริ่มต้นที่ 54–55W ปรับได้ถึง 75W ➡️ เมนบอร์ดขนาด microATX พร้อม PCIe 5.0 x16 และ M.2 Gen5 x4 สองช่อง ➡️ รองรับ DDR5 dual-channel สูงสุด 128GB แบบ DIMM มาตรฐาน ➡️ ใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX และมีระบบเสียง 7.1 channel ➡️ มีระบบระบายความร้อนแบบ vapor chamber ติดมากับซีพียู ➡️ ราคาชุด 9955HX อยู่ที่ $530 ส่วนรุ่น 9955HX3D อยู่ที่ $670 ➡️ ถูกกว่าซีพียูเดสก์ท็อป Ryzen 9 9950X3D ที่ขายแยก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MoDT (Mobile on Desktop) เป็นแนวทางที่นิยมในจีนเพื่อประหยัดงบ ➡️ Aoostar เคยผลิต mini PC และเมนบอร์ดขนาดเล็กมาก่อน ➡️ Ryzen 9 9955HX3D ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache รุ่นที่สอง ➡️ เมนบอร์ดใช้ VRM แบบ 10-phase ซึ่งเทียบได้กับ B650 ระดับกลาง ➡️ ใช้ retention bracket แบบ AM5 ทำให้รองรับฮีตซิงก์ทั่วไปในตลาด ➡️ มีพอร์ต SATA III และ USB หลากหลาย รวมถึงพอร์ตเสียงแบบแยก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-unleashes-the-power-of-mobile-fire-range-chips-on-a-desktop-pc-motherboard-ryzen-9-9955hx-and-ryzen-9-9955hx3d-debut-on-aoostar-board
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/T-dZ1xJ6vCA?si=rWqB4HEEfG32jJcl
    https://youtu.be/T-dZ1xJ6vCA?si=rWqB4HEEfG32jJcl
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน คัดสายพันธ์ุ
    นิทานเรื่ิิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 11 : คัดสายพันธ์ุ
    สมาคม American Eugenics Society เป็นสมาคมที่มีวัตถุประสงค์สนับสนุนการคัดสายพันธ์ุและทำหมันประชากรที่ เรียกว่ามีสายพันธ์ด้อย (inferior people)
    สายพันธ์ด้อย หมายถึงใคร แน่นอนไม่ใช่พวกผมทอง ตาสีฟ้า แต่เป็นพวกผิวสี เช่น อาฟริกัน พวกผิวเข้มในเอเซีย และลาติน รวมทั้งผู้มีความไม่สมบูรณ์ทางกายและสมอง
    ผู้ที่สนับสนุนเงินทุนให้แก่สมาคมนี้ ได้แก่ Rockefeller, Harriman นายธนาคารจาก J.P Morgan, Mary Duke Biddle ของบริษัทยาสูบใหญ่ etc และอีกหลายคน ๆ ที่เป็นคนรวยในสังคมระดับสูงของอเมริกาและรวมไปถึงพรรคพวกในอีกฝั่ง ของมหาสมุทรคืออังกฤษด้วย คือ English Eugenics Society ซึ่งสมาคมนี้มีสมาชิก เช่น นาย Winston Churchill นาย John Maynard Keynes etc เป็นต้น การสนับสนุนการคัดสายพันธ์ของกลุ่มคนรวยพวกนี้ เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1920
    ที่น่าสนใจมูลนิธิ Rockefeller ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กร Planned Parenthood Federation of American มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1922 องค์กรนี้ เป็นองค์กรลูกของ International Planned Parenthood Federation (IPPF) เช่นเดียวกับ สวท. ของคุณสายรุ้ง
ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหัวหอกในการดำเนินงาน ชื่อ Margaret Sanger
    คุณนายเน้นนโยบายการคัดสายพันธ์ุ โดยการคุมกำเนิดและทำหมัน ภายใต้การพรางตัวเรียกว่า วางแผนครอบครัว คุณนายบอกว่า
    ความไม่สมดุลย์ระหว่างอัตราการเกิดของผู้ไม่เหมาะสม (unfit) กับเหมาะสม (fit) เป็นสิ่งที่น่ากวนใจอย่างยิ่งสำหรับความเจริญ ก้าวหน้าของมนุษยชาติ
    ในปี ค.ศ.1933 Dr. Gerhard Wagner แพทย์หัวหน้าหน่วย Association Reichsrzfhere นาซีเยอรมัน ได้ยกย่องคุณนาย Sanger ว่านโยบายควบคุมสายพันธ์ของคุณนายเป็นนโยบายที่เยี่ยมมากน่าถือเป็นตัวอย่าง
    สมาคมวางแผนของคุณสายรุ้ง ก็ได้รับรางวัล Margaret Sanger เมื่อปี พ.ศ.2532
    ขบวนการกำจัดและคัดสายพันธ์ ริเริ่มโดยนาย John D Rockefeller ที่ 3 หรือที่พวกคนรวยอเมริกาจะเรียกเขาว่า J D III ตั้งแต่ ค.ศ.1932
    เขาเหมือนคนบ้า (หรือมันเป็นบ้าจริง ๆ !) คิด ฟุ้ง สร้าน วุ่นวายอยู่กับขบวนการกำจัดและคัดสายพันธ์ุ อยู่หลายสิบปี ถึงขนาดในปี ค.ศ.1952 เขาลงทุนควักกระเป๋าเงินตัวเอง ตั้งสถาบันประชากร (Population Council) ขึ้นที่ นิวยอร์ค เพื่อทำการค้นคว้าอันตรายของการมีประชากรล้นโลก
    สถาบันนี้ใช้เงินไปจำนวนเกือบ 200 ล้านเหรียญ ในช่วง 25 ปี ในการหาวิธีการที่ได้ผลที่สุด ในการลดจำนวนประชากร และสถาบันนี้ได้กลายเป็น สถาบันที่มีอิทธิพลสูงในการเสนอความคิดเกี่ยวกับ การลดจำนวนพลเมือง
(นี่มันฆ่าตัดตอนแบบมายากลนะนี่ !)
    การคัดสายพันธ์ เริ่มเข้มข้น ทำเป็นขั้นตอนในช่วงปี ค.ศ.1950 – 1960 เมื่อตระกูล Rockefeller เข้าไปในแถบลาตินอเมริกา ซึ่งมีพื้นดินอุดมสมบูรณ์
    พวกเขาวางแผน Green Revolution ใช้พืช GMO ขายเมล็ดพันธ์ุพืช ทำลายพื้นดิน ทำลายคุณภาพชีวิตของชาวลาติน ขณะเดียวกันหมัดนี้ยังไม่หนักไม่พอ มันยังเกิดก็ไม่หยุด ขบวนการทำหมัน ก็โหมเข้าไป คนลาตินก็ออกลูกน้อยลงๆ ข้าวโพดสายพันธ์ใหม่ ที่ทดลองปลูกก็มีผู้วิเคราะห์ว่า ถ้ากินเข้าไปมากๆ มีผลทำลายสเปิร์มของผู้ชาย 100%
มันเล่นทั้งฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย เลยนะ แต่ภาพที่โลกเห็นเป็นอย่างไร
    มูลนิธิ Rockefeller ใจดี ใจบุญ เห็นพลเมืองเขาแยะ ก็ไปช่วยวางแผนครอบครัว ทำหมัน ชาวไร่ ชาวนา ทำมาหากินได้ผลน้อย เพาะปลูกพืชไร่ได้ปีละครั้ง ได้เงินไม่กี่อัฐ มูลนิธิก็เอาพันธ์ุพืชใหม่ไปให้ใช้ ปลูกมันปีละ 3, 4 หน ขายได้เงินเพิ่มโขอยู่
    ดูแค่นี้ มันก็เห็นแค่นี้


    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน คัดสายพันธ์ุ นิทานเรื่ิิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 11 : คัดสายพันธ์ุ สมาคม American Eugenics Society เป็นสมาคมที่มีวัตถุประสงค์สนับสนุนการคัดสายพันธ์ุและทำหมันประชากรที่ เรียกว่ามีสายพันธ์ด้อย (inferior people) สายพันธ์ด้อย หมายถึงใคร แน่นอนไม่ใช่พวกผมทอง ตาสีฟ้า แต่เป็นพวกผิวสี เช่น อาฟริกัน พวกผิวเข้มในเอเซีย และลาติน รวมทั้งผู้มีความไม่สมบูรณ์ทางกายและสมอง ผู้ที่สนับสนุนเงินทุนให้แก่สมาคมนี้ ได้แก่ Rockefeller, Harriman นายธนาคารจาก J.P Morgan, Mary Duke Biddle ของบริษัทยาสูบใหญ่ etc และอีกหลายคน ๆ ที่เป็นคนรวยในสังคมระดับสูงของอเมริกาและรวมไปถึงพรรคพวกในอีกฝั่ง ของมหาสมุทรคืออังกฤษด้วย คือ English Eugenics Society ซึ่งสมาคมนี้มีสมาชิก เช่น นาย Winston Churchill นาย John Maynard Keynes etc เป็นต้น การสนับสนุนการคัดสายพันธ์ของกลุ่มคนรวยพวกนี้ เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1920 ที่น่าสนใจมูลนิธิ Rockefeller ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กร Planned Parenthood Federation of American มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1922 องค์กรนี้ เป็นองค์กรลูกของ International Planned Parenthood Federation (IPPF) เช่นเดียวกับ สวท. ของคุณสายรุ้ง
ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหัวหอกในการดำเนินงาน ชื่อ Margaret Sanger คุณนายเน้นนโยบายการคัดสายพันธ์ุ โดยการคุมกำเนิดและทำหมัน ภายใต้การพรางตัวเรียกว่า วางแผนครอบครัว คุณนายบอกว่า ความไม่สมดุลย์ระหว่างอัตราการเกิดของผู้ไม่เหมาะสม (unfit) กับเหมาะสม (fit) เป็นสิ่งที่น่ากวนใจอย่างยิ่งสำหรับความเจริญ ก้าวหน้าของมนุษยชาติ ในปี ค.ศ.1933 Dr. Gerhard Wagner แพทย์หัวหน้าหน่วย Association Reichsrzfhere นาซีเยอรมัน ได้ยกย่องคุณนาย Sanger ว่านโยบายควบคุมสายพันธ์ของคุณนายเป็นนโยบายที่เยี่ยมมากน่าถือเป็นตัวอย่าง สมาคมวางแผนของคุณสายรุ้ง ก็ได้รับรางวัล Margaret Sanger เมื่อปี พ.ศ.2532 ขบวนการกำจัดและคัดสายพันธ์ ริเริ่มโดยนาย John D Rockefeller ที่ 3 หรือที่พวกคนรวยอเมริกาจะเรียกเขาว่า J D III ตั้งแต่ ค.ศ.1932 เขาเหมือนคนบ้า (หรือมันเป็นบ้าจริง ๆ !) คิด ฟุ้ง สร้าน วุ่นวายอยู่กับขบวนการกำจัดและคัดสายพันธ์ุ อยู่หลายสิบปี ถึงขนาดในปี ค.ศ.1952 เขาลงทุนควักกระเป๋าเงินตัวเอง ตั้งสถาบันประชากร (Population Council) ขึ้นที่ นิวยอร์ค เพื่อทำการค้นคว้าอันตรายของการมีประชากรล้นโลก สถาบันนี้ใช้เงินไปจำนวนเกือบ 200 ล้านเหรียญ ในช่วง 25 ปี ในการหาวิธีการที่ได้ผลที่สุด ในการลดจำนวนประชากร และสถาบันนี้ได้กลายเป็น สถาบันที่มีอิทธิพลสูงในการเสนอความคิดเกี่ยวกับ การลดจำนวนพลเมือง
(นี่มันฆ่าตัดตอนแบบมายากลนะนี่ !) การคัดสายพันธ์ เริ่มเข้มข้น ทำเป็นขั้นตอนในช่วงปี ค.ศ.1950 – 1960 เมื่อตระกูล Rockefeller เข้าไปในแถบลาตินอเมริกา ซึ่งมีพื้นดินอุดมสมบูรณ์ พวกเขาวางแผน Green Revolution ใช้พืช GMO ขายเมล็ดพันธ์ุพืช ทำลายพื้นดิน ทำลายคุณภาพชีวิตของชาวลาติน ขณะเดียวกันหมัดนี้ยังไม่หนักไม่พอ มันยังเกิดก็ไม่หยุด ขบวนการทำหมัน ก็โหมเข้าไป คนลาตินก็ออกลูกน้อยลงๆ ข้าวโพดสายพันธ์ใหม่ ที่ทดลองปลูกก็มีผู้วิเคราะห์ว่า ถ้ากินเข้าไปมากๆ มีผลทำลายสเปิร์มของผู้ชาย 100%
มันเล่นทั้งฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย เลยนะ แต่ภาพที่โลกเห็นเป็นอย่างไร มูลนิธิ Rockefeller ใจดี ใจบุญ เห็นพลเมืองเขาแยะ ก็ไปช่วยวางแผนครอบครัว ทำหมัน ชาวไร่ ชาวนา ทำมาหากินได้ผลน้อย เพาะปลูกพืชไร่ได้ปีละครั้ง ได้เงินไม่กี่อัฐ มูลนิธิก็เอาพันธ์ุพืชใหม่ไปให้ใช้ ปลูกมันปีละ 3, 4 หน ขายได้เงินเพิ่มโขอยู่ ดูแค่นี้ มันก็เห็นแค่นี้ คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวบ้านหนองจาน สุดช้ำ พ่อเมืองสระแก้ว พูดเองที่ดินเขมรบุกรุกไม่มีเอกสารสิทธิ์ เป็นพื้นที่ป่า ออกให้แค่เลขที่บ้านและเขมรไม่ได้ใช้ไฟฟ้าไทย ชาวบ้านเตรียมรวมตัวนำเอกสารสิทธิ์ที่ได้ตั้งแต่ปี 32 ไปให้ดูถึงศาลากลาง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080414

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ชาวบ้านหนองจาน สุดช้ำ พ่อเมืองสระแก้ว พูดเองที่ดินเขมรบุกรุกไม่มีเอกสารสิทธิ์ เป็นพื้นที่ป่า ออกให้แค่เลขที่บ้านและเขมรไม่ได้ใช้ไฟฟ้าไทย ชาวบ้านเตรียมรวมตัวนำเอกสารสิทธิ์ที่ได้ตั้งแต่ปี 32 ไปให้ดูถึงศาลากลาง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080414 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 1 รีวิว
  • Yesterday Once More: เสียงเพลงที่พาย้อนเวลา

    ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม ช่วงเวลาที่บ้านเต็มไปด้วยเสียงดนตรีจากชุดเครื่องเสียงสุดหรูของพ่อ เขามักจะเปิดเพลงเพื่อโชว์ลำโพงที่ให้เสียงใสกิ๊งราวกับคริสตัล แม้ว่าตอนนั้นจะเล่นจากเทปคาสเซ็ทเก่าๆ แต่สุนทรียภาพของดนตรีที่ไหลออกมานั้นไม่ได้ต่างอะไรจากการเล่นแผ่นเสียงไวนิลหรือซีดีสมัยนี้เลยครับ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นและความทรงจำดีๆ โดยเฉพาะเพลงหนึ่งที่พ่อชอบเปิดบ่อยๆ นั่นคือ "Yesterday Once More" ของ The Carpenters เพลงนี้ไม่ใช่แค่เสียงเพลงธรรมดา แต่เป็นเหมือนประตูเวลาที่พาผมย้อนกลับไปหาช่วงเวลาที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยความสุข

    วง The Carpenters เกิดจากสองพี่น้องคู่บุญอย่าง Karen และ Richard Carpenter ที่เติบโตมาในเมือง New Haven รัฐ Connecticut สหรัฐอเมริกา ก่อนจะย้ายมาอยู่ Downey ใน California เมื่อปี 1963 เพื่อไล่ตามความฝันทางดนตรี Richard ผู้พี่ชายเกิดปี 1946 เป็นนักเปียโนตัวฉกาจและชอบจัดเรียงเสียงประสาน เขาเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กและต่อมาเข้าเรียนที่ California State University, Long Beach ส่วน Karen น้องสาวเกิดปี 1950 เดิมทีเล่นกลองก่อนจะค้นพบพรสวรรค์ในเสียงร้องคอนทราลโตที่อบอุ่นและนุ่มนวลราวกับกำมะหยี่ พวกเขาเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่ปี 1965 ในรูปแบบวงแจ๊สชื่อ Richard Carpenter Trio ร่วมกับเพื่อน Wesley Jacobs จากนั้นพัฒนามาเป็นวง Spectrum ที่เล่นเพลงแนว middle-of-the-road แต่ยังไม่ดังเปรี้ยง จนกระทั่งปี 1969 พวกเขาตัดสินใจเป็นดูโอ้อย่างเป็นทางการและเซ็นสัญญากับค่าย A&M Records โดยใช้ชื่อ "Carpenters" แบบไม่มี "The" นำหน้า เพื่อให้ดูทันสมัยเหมือนวงร็อกดังๆ อย่าง Buffalo Springfield หรือ Jefferson Airplane

    จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก The Carpenters ค่อยๆ สร้างชื่อเสียงด้วยสไตล์ซอฟต์ร็อกที่ผสมผสานฮาร์โมนีใกล้ชิดและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Karen เพลงฮิตแรกๆ อย่าง "(They Long to Be) Close to You" และ "We've Only Just Begun" ในปี 1970 ทำให้พวกเขาพุ่งขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 อย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเพลงดังอีกเพียบ เช่น "Superstar", "Rainy Days and Mondays" และ "Top of the World" ที่ทำให้พวกเขาได้รับรางวัล Grammy ถึง 3 ตัว รวมถึง Best New Artist และ Best Contemporary Performance by a Duo, Group or Chorus ตลอดช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขาออกอัลบั้มถึง 10 ชุด โดยแต่ละชุดขายได้มากกว่า 1 ล้านแผ่น โดยเฉพาะอัลบั้มรวบฮิต "The Singles: 1969-1973" ที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Top 200 พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ออกทีวีสเปเชียล และกลายเป็นศิลปินขายดีที่สุดในแนว easy listening และ adult contemporary ด้วยยอดขายแผ่นเสียงรวมกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

    แต่เพลงที่ทำให้ผมหลงรักวงนี้อย่างหัวปักหัวปำคือ "Yesterday Once More" ที่ออกมาในปี 1973 จากอัลบั้ม "Now & Then" เพลงนี้เขียนโดย Richard ร่วมกับ John Bettis เพื่อเล่าเรื่องความคิดถึงเพลงเก่าๆ ที่เคยฟังในวัยเยาว์ เหมือนกับที่ผมฟังจากเครื่องเสียงของพ่อ มันเริ่มต้นด้วยเสียงเปียโนนุ่มๆ ตามด้วยเสียงร้องของ Karen ที่ชวนให้หวนนึกถึงวันเก่าๆ และยังมีเซกเวย์เชื่อมไปยังเมดเลย์เพลงคลาสสิกยุค 60s ที่ทำเหมือนรายการวิทยุเก่าๆ บนข้าง B ของอัลบั้ม เพลงนี้ถูกบันทึกที่ A&M Studios ใน Los Angeles และปล่อยซิงเกิลเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1973 ด้วยความยาว 3:56 นาที มันเดบิวต์บนชาร์ต Cash Box ที่อันดับ 71 ก่อนพุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 ในเดือนสิงหาคม และติดอันดับ 2 บน Billboard Hot 100 (ถูก "Bad, Bad Leroy Brown" ของ Jim Croce เบียดตก) แต่ครองอันดับ 1 บน Adult Contemporary Chart ซึ่งเป็นเพลงที่ 8 ของพวกเขาที่ทำได้ในรอบ 4 ปี

    ความดังของ "Yesterday Once More" ไม่ได้จำกัดแค่ในอเมริกา มันขึ้นอันดับ 2 ใน UK ซึ่งเป็นซิงเกิลขายดีที่สุดของพวกเขาในเกาะอังกฤษ ขายได้กว่า 250,000 แผ่น และได้รับการรับรอง Silver จาก BPI ในญี่ปุ่นเพลงนี้ฮิตระเบิด ขายได้กว่า 600,000 แผ่นภายในกลางปี 1974 และกลายเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดของ The Carpenters ในประเทศนั้น ตามด้วยอันดับ 1 ในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และแคนาดา รวมถึงอันดับสูงๆ ในออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ มันได้รับการรับรอง Gold จาก RIAA ในอเมริกาด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านแผ่น Richard เองเคยบอกในสารคดีญี่ปุ่นว่านี่คือเพลงโปรดที่เขาแต่ง และเขายังเล่นเวอร์ชันบรรเลงในคอนเสิร์ตหลายครั้ง เพลงนี้ถูกคัฟเวอร์โดยศิลปินมากมาย เช่น วง Candies ในญี่ปุ่นปี 1974, Redd Kross ในเวอร์ชันร็อก และ Priscilla Chan ในคอนเสิร์ต farewell ปี 1989 มันยังถูกใช้ในสื่อต่างๆ เพื่อถ่ายทอดความคิดถึง เช่น ในภาพยนตร์หรือโฆษณาที่ชวนนึกถึงอดีต

    แม้ The Carpenters จะดังเปรี้ยงปร้าง แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีด้านมืด Richard เคยติด Quaalude ในช่วงปลาย 1970s จนต้องหยุดทัวร์และเข้ารับการบำบัด ส่วน Karen ต่อสู้กับโรค anorexia nervosa ที่ทำให้เธอผอมแห้งและสุขภาพทรุดโทรม จนเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1983 ขณะอายุเพียง 32 ปี เหตุการณ์นี้ทำให้โลกช็อกและจุดประกายให้คนหันมาสนใจโรคการกินผิดปกติมากขึ้น หลังจากนั้น Richard ยังคงทำงานเดี่ยวและออกอัลบั้ม posthumous เช่น "Voice of the Heart" ในปี 1983 แต่ไม่มีอะไรแทนที่เสียงร้องของ Karen ได้ มรดกของ The Carpenters ยังคงอยู่ พวกเขาอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังอย่าง Michael Jackson, Scott Weiland และศิลปินญี่ปุ่นหลายคน Rolling Stone จัดให้พวกเขาเป็นหนึ่งใน 20 Greatest Duos of All Time และ Karen เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงยอดเยี่ยม เพลงของพวกเขามักถูกใช้ในงานแต่งงานหรือเพลงประกอบชีวิต เพราะความงดงามและความโรแมนติกที่เหนือกาลเวลา

    ทุกครั้งที่ผมได้ยิน "Yesterday Once More" มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นเรื่องราวของความทรงจำ ของพี่น้องคู่นี้ที่สร้างเสียงเพลงอมตะ และของช่วงเวลาที่ผมใช้กับพ่อ มันทำให้ผมรู้สึกว่า อดีตยังคงกลับมาอีกครั้ง เหมือนชื่อเพลง.. Yesterday Once More

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/ywB8vjMnoEw
    Yesterday Once More: 🎵 เสียงเพลงที่พาย้อนเวลา ⌛ 🎵 ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม ช่วงเวลาที่บ้านเต็มไปด้วยเสียงดนตรีจากชุดเครื่องเสียงสุดหรูของพ่อ เขามักจะเปิดเพลงเพื่อโชว์ลำโพงที่ให้เสียงใสกิ๊งราวกับคริสตัล แม้ว่าตอนนั้นจะเล่นจากเทปคาสเซ็ทเก่าๆ แต่สุนทรียภาพของดนตรีที่ไหลออกมานั้นไม่ได้ต่างอะไรจากการเล่นแผ่นเสียงไวนิลหรือซีดีสมัยนี้เลยครับ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นและความทรงจำดีๆ โดยเฉพาะเพลงหนึ่งที่พ่อชอบเปิดบ่อยๆ นั่นคือ "Yesterday Once More" ของ The Carpenters เพลงนี้ไม่ใช่แค่เสียงเพลงธรรมดา แต่เป็นเหมือนประตูเวลาที่พาผมย้อนกลับไปหาช่วงเวลาที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยความสุข 📻 วง The Carpenters เกิดจากสองพี่น้องคู่บุญอย่าง Karen และ Richard Carpenter ที่เติบโตมาในเมือง New Haven รัฐ Connecticut สหรัฐอเมริกา ก่อนจะย้ายมาอยู่ Downey ใน California เมื่อปี 1963 เพื่อไล่ตามความฝันทางดนตรี Richard ผู้พี่ชายเกิดปี 1946 เป็นนักเปียโนตัวฉกาจและชอบจัดเรียงเสียงประสาน เขาเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กและต่อมาเข้าเรียนที่ California State University, Long Beach ส่วน Karen น้องสาวเกิดปี 1950 เดิมทีเล่นกลองก่อนจะค้นพบพรสวรรค์ในเสียงร้องคอนทราลโตที่อบอุ่นและนุ่มนวลราวกับกำมะหยี่ 🎹🥁 พวกเขาเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่ปี 1965 ในรูปแบบวงแจ๊สชื่อ Richard Carpenter Trio ร่วมกับเพื่อน Wesley Jacobs จากนั้นพัฒนามาเป็นวง Spectrum ที่เล่นเพลงแนว middle-of-the-road แต่ยังไม่ดังเปรี้ยง จนกระทั่งปี 1969 พวกเขาตัดสินใจเป็นดูโอ้อย่างเป็นทางการและเซ็นสัญญากับค่าย A&M Records โดยใช้ชื่อ "Carpenters" แบบไม่มี "The" นำหน้า เพื่อให้ดูทันสมัยเหมือนวงร็อกดังๆ อย่าง Buffalo Springfield หรือ Jefferson Airplane จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก The Carpenters ค่อยๆ สร้างชื่อเสียงด้วยสไตล์ซอฟต์ร็อกที่ผสมผสานฮาร์โมนีใกล้ชิดและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Karen เพลงฮิตแรกๆ อย่าง "(They Long to Be) Close to You" และ "We've Only Just Begun" ในปี 1970 ทำให้พวกเขาพุ่งขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 อย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเพลงดังอีกเพียบ เช่น "Superstar", "Rainy Days and Mondays" และ "Top of the World" ที่ทำให้พวกเขาได้รับรางวัล Grammy ถึง 3 ตัว รวมถึง Best New Artist และ Best Contemporary Performance by a Duo, Group or Chorus 🌟 ตลอดช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขาออกอัลบั้มถึง 10 ชุด โดยแต่ละชุดขายได้มากกว่า 1 ล้านแผ่น โดยเฉพาะอัลบั้มรวบฮิต "The Singles: 1969-1973" ที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Top 200 พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ออกทีวีสเปเชียล และกลายเป็นศิลปินขายดีที่สุดในแนว easy listening และ adult contemporary ด้วยยอดขายแผ่นเสียงรวมกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่ขายดีที่สุดตลอดกาล แต่เพลงที่ทำให้ผมหลงรักวงนี้อย่างหัวปักหัวปำคือ "Yesterday Once More" ที่ออกมาในปี 1973 จากอัลบั้ม "Now & Then" เพลงนี้เขียนโดย Richard ร่วมกับ John Bettis เพื่อเล่าเรื่องความคิดถึงเพลงเก่าๆ ที่เคยฟังในวัยเยาว์ เหมือนกับที่ผมฟังจากเครื่องเสียงของพ่อ มันเริ่มต้นด้วยเสียงเปียโนนุ่มๆ ตามด้วยเสียงร้องของ Karen ที่ชวนให้หวนนึกถึงวันเก่าๆ และยังมีเซกเวย์เชื่อมไปยังเมดเลย์เพลงคลาสสิกยุค 60s ที่ทำเหมือนรายการวิทยุเก่าๆ บนข้าง B ของอัลบั้ม 🎸 เพลงนี้ถูกบันทึกที่ A&M Studios ใน Los Angeles และปล่อยซิงเกิลเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1973 ด้วยความยาว 3:56 นาที มันเดบิวต์บนชาร์ต Cash Box ที่อันดับ 71 ก่อนพุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 ในเดือนสิงหาคม และติดอันดับ 2 บน Billboard Hot 100 (ถูก "Bad, Bad Leroy Brown" ของ Jim Croce เบียดตก) แต่ครองอันดับ 1 บน Adult Contemporary Chart ซึ่งเป็นเพลงที่ 8 ของพวกเขาที่ทำได้ในรอบ 4 ปี ความดังของ "Yesterday Once More" ไม่ได้จำกัดแค่ในอเมริกา มันขึ้นอันดับ 2 ใน UK ซึ่งเป็นซิงเกิลขายดีที่สุดของพวกเขาในเกาะอังกฤษ ขายได้กว่า 250,000 แผ่น และได้รับการรับรอง Silver จาก BPI ในญี่ปุ่นเพลงนี้ฮิตระเบิด ขายได้กว่า 600,000 แผ่นภายในกลางปี 1974 และกลายเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดของ The Carpenters ในประเทศนั้น ตามด้วยอันดับ 1 ในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และแคนาดา รวมถึงอันดับสูงๆ ในออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ 📈 มันได้รับการรับรอง Gold จาก RIAA ในอเมริกาด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านแผ่น Richard เองเคยบอกในสารคดีญี่ปุ่นว่านี่คือเพลงโปรดที่เขาแต่ง และเขายังเล่นเวอร์ชันบรรเลงในคอนเสิร์ตหลายครั้ง เพลงนี้ถูกคัฟเวอร์โดยศิลปินมากมาย เช่น วง Candies ในญี่ปุ่นปี 1974, Redd Kross ในเวอร์ชันร็อก และ Priscilla Chan ในคอนเสิร์ต farewell ปี 1989 มันยังถูกใช้ในสื่อต่างๆ เพื่อถ่ายทอดความคิดถึง เช่น ในภาพยนตร์หรือโฆษณาที่ชวนนึกถึงอดีต แม้ The Carpenters จะดังเปรี้ยงปร้าง แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีด้านมืด Richard เคยติด Quaalude ในช่วงปลาย 1970s จนต้องหยุดทัวร์และเข้ารับการบำบัด ส่วน Karen ต่อสู้กับโรค anorexia nervosa ที่ทำให้เธอผอมแห้งและสุขภาพทรุดโทรม จนเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1983 ขณะอายุเพียง 32 ปี เหตุการณ์นี้ทำให้โลกช็อกและจุดประกายให้คนหันมาสนใจโรคการกินผิดปกติมากขึ้น 💔 หลังจากนั้น Richard ยังคงทำงานเดี่ยวและออกอัลบั้ม posthumous เช่น "Voice of the Heart" ในปี 1983 แต่ไม่มีอะไรแทนที่เสียงร้องของ Karen ได้ มรดกของ The Carpenters ยังคงอยู่ พวกเขาอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังอย่าง Michael Jackson, Scott Weiland และศิลปินญี่ปุ่นหลายคน Rolling Stone จัดให้พวกเขาเป็นหนึ่งใน 20 Greatest Duos of All Time และ Karen เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงยอดเยี่ยม เพลงของพวกเขามักถูกใช้ในงานแต่งงานหรือเพลงประกอบชีวิต เพราะความงดงามและความโรแมนติกที่เหนือกาลเวลา ทุกครั้งที่ผมได้ยิน "Yesterday Once More" มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นเรื่องราวของความทรงจำ ของพี่น้องคู่นี้ที่สร้างเสียงเพลงอมตะ และของช่วงเวลาที่ผมใช้กับพ่อ มันทำให้ผมรู้สึกว่า อดีตยังคงกลับมาอีกครั้ง เหมือนชื่อเพลง.. Yesterday Once More 🌹 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/ywB8vjMnoEw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อการ์ดจอเกมกลายร่างเป็นเครื่องมือ AI ระดับมืออาชีพ

    ในโลกที่กราฟิกการ์ดไม่ได้มีไว้แค่เล่นเกมอีกต่อไป AFOX ได้เปิดตัว GeForce RTX 5090 32GB Professional ซึ่งเป็นการ์ดจอแบบ blower-style ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเซิร์ฟเวอร์ AI และเวิร์กสเตชันระดับสูง โดยวางขายในสหรัฐฯ ด้วยราคาสูงถึง $5,999

    แม้จะไม่ใช่พันธมิตรอย่างเป็นทางการของ Nvidia แต่ AFOX ก็มีประสบการณ์ผลิตการ์ด blower-style มาตั้งแต่ยุค GTX 10-series และยังคงเดินหน้าต่อแม้ Nvidia เคยพยายามห้ามการผลิตรุ่น blower ของ RTX 3090

    การ์ดรุ่นนี้มีดีไซน์แบบ dual-slot ทำให้สามารถติดตั้งได้ถึง 4 ใบในเมนบอร์ดระดับ HEDT หรือเวิร์กสเตชัน ซึ่งเหมาะกับงาน AI ที่ต้องการประสิทธิภาพแบบขนานหลายชุด

    แม้จะใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 Founders Edition แต่ AFOX ปรับตำแหน่งหัวต่อไฟ 16-pin ไปไว้ด้านหลังเหมือนการ์ดระดับมืออาชีพ และยังคงความแรงไว้ที่ base clock 2,017 MHz และ boost clock 2,407 MHz

    ราคานี้อาจดูสูงเกินไปสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป แต่สำหรับบริษัทด้าน AI ที่ต้องการการ์ดที่เชื่อถือได้จากแบรนด์ที่มีการรับประกัน ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่าการซื้อจากโรงงานจีนที่ไม่มีชื่อเสียง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    AFOX เปิดตัว GeForce RTX 5090 32GB Professional แบบ blower-style
    วางขายในสหรัฐฯ ที่ราคา $5,999 ผ่านร้าน HydraCluster Tech
    ดีไซน์ dual-slot รองรับการติดตั้งหลายใบในระบบเวิร์กสเตชัน
    ใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 Founders Edition พร้อม base clock 2,017 MHz และ boost clock 2,407 MHz
    หัวต่อไฟ 16-pin ถูกย้ายไปด้านหลังเหมือนการ์ดระดับมืออาชีพ
    เหมาะสำหรับงาน AI มากกว่าการเล่นเกมหรือสร้างคอนเทนต์
    AFOX มีประสบการณ์ผลิตการ์ด blower-style มาตั้งแต่ GTX 10-series
    Nvidia ยังไม่ออกการ์ด blower-style อย่างเป็นทางการในรุ่น RTX 5090
    การ์ดนี้มีการรับประกันจาก AFOX ต่างจากการ์ดที่ผลิตจากโรงงานจีน
    ราคาปกติอยู่ที่ $6,500 แต่ลดเหลือ $5,999 ในช่วงเปิดตัว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5090-blower-gpu-sells-for-usd5-999-at-u-s-retailer-dual-slot-design-converts-blackwell-gaming-flagship-into-an-ai-workhorse
    🎙️ เมื่อการ์ดจอเกมกลายร่างเป็นเครื่องมือ AI ระดับมืออาชีพ ในโลกที่กราฟิกการ์ดไม่ได้มีไว้แค่เล่นเกมอีกต่อไป AFOX ได้เปิดตัว GeForce RTX 5090 32GB Professional ซึ่งเป็นการ์ดจอแบบ blower-style ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเซิร์ฟเวอร์ AI และเวิร์กสเตชันระดับสูง โดยวางขายในสหรัฐฯ ด้วยราคาสูงถึง $5,999 แม้จะไม่ใช่พันธมิตรอย่างเป็นทางการของ Nvidia แต่ AFOX ก็มีประสบการณ์ผลิตการ์ด blower-style มาตั้งแต่ยุค GTX 10-series และยังคงเดินหน้าต่อแม้ Nvidia เคยพยายามห้ามการผลิตรุ่น blower ของ RTX 3090 การ์ดรุ่นนี้มีดีไซน์แบบ dual-slot ทำให้สามารถติดตั้งได้ถึง 4 ใบในเมนบอร์ดระดับ HEDT หรือเวิร์กสเตชัน ซึ่งเหมาะกับงาน AI ที่ต้องการประสิทธิภาพแบบขนานหลายชุด แม้จะใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 Founders Edition แต่ AFOX ปรับตำแหน่งหัวต่อไฟ 16-pin ไปไว้ด้านหลังเหมือนการ์ดระดับมืออาชีพ และยังคงความแรงไว้ที่ base clock 2,017 MHz และ boost clock 2,407 MHz ราคานี้อาจดูสูงเกินไปสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป แต่สำหรับบริษัทด้าน AI ที่ต้องการการ์ดที่เชื่อถือได้จากแบรนด์ที่มีการรับประกัน ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่าการซื้อจากโรงงานจีนที่ไม่มีชื่อเสียง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ AFOX เปิดตัว GeForce RTX 5090 32GB Professional แบบ blower-style ➡️ วางขายในสหรัฐฯ ที่ราคา $5,999 ผ่านร้าน HydraCluster Tech ➡️ ดีไซน์ dual-slot รองรับการติดตั้งหลายใบในระบบเวิร์กสเตชัน ➡️ ใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 Founders Edition พร้อม base clock 2,017 MHz และ boost clock 2,407 MHz ➡️ หัวต่อไฟ 16-pin ถูกย้ายไปด้านหลังเหมือนการ์ดระดับมืออาชีพ ➡️ เหมาะสำหรับงาน AI มากกว่าการเล่นเกมหรือสร้างคอนเทนต์ ➡️ AFOX มีประสบการณ์ผลิตการ์ด blower-style มาตั้งแต่ GTX 10-series ➡️ Nvidia ยังไม่ออกการ์ด blower-style อย่างเป็นทางการในรุ่น RTX 5090 ➡️ การ์ดนี้มีการรับประกันจาก AFOX ต่างจากการ์ดที่ผลิตจากโรงงานจีน ➡️ ราคาปกติอยู่ที่ $6,500 แต่ลดเหลือ $5,999 ในช่วงเปิดตัว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5090-blower-gpu-sells-for-usd5-999-at-u-s-retailer-dual-slot-design-converts-blackwell-gaming-flagship-into-an-ai-workhorse
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • กำลังจะรบชนะอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว แต่เสนาบดีเสื้อแดงมันคอยขวางเลยกลายเป็นสงครามยืดเยื้อ..อินสุดๆ ซีรีส์เหนือสมรภูมิ EP32 ผู้มาก่อนกาล #เหนือสมรภูมิ
    กำลังจะรบชนะอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว แต่เสนาบดีเสื้อแดงมันคอยขวางเลยกลายเป็นสงครามยืดเยื้อ..อินสุดๆ ซีรีส์เหนือสมรภูมิ EP32 ผู้มาก่อนกาล #เหนือสมรภูมิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/oKn2Ax7qPlg?si=-NC4twqf5E4-32gC
    https://youtube.com/shorts/oKn2Ax7qPlg?si=-NC4twqf5E4-32gC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tensor G5 – ชิป 3nm ตัวแรกจาก Google ที่ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ฉลาดขึ้นอย่างมีนัย

    Google เปิดตัวชิป Tensor G5 พร้อมกับ Pixel 10 Series ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในด้านฮาร์ดแวร์ เพราะนี่คือชิปแรกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm โดย TSMC แทนที่จะใช้โรงงานของ Samsung เหมือนรุ่นก่อนหน้า

    Tensor G5 ไม่ได้เน้นแค่ความเร็ว แต่ถูกออกแบบเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ โดยมีการปรับโครงสร้าง CPU เป็นแบบ 1+5+2 (1 core แรง, 5 core กลาง, 2 core ประหยัดพลังงาน) และมีความเร็วสูงสุดถึง 3.78GHz จากผลทดสอบ Geekbench

    Google เคลมว่า Tensor G5 เร็วขึ้น 34% โดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับ Tensor G4 และ TPU (หน่วยประมวลผล AI) ก็แรงขึ้นถึง 60% ซึ่งช่วยให้ Gemini Nano รุ่นใหม่ทำงานเร็วขึ้น 2.6 เท่า และประหยัดพลังงานมากขึ้น

    ชิปนี้ยังรองรับ context window ขนาด 32,000 token ซึ่งเทียบเท่ากับการประมวลผลข้อมูลจากอีเมลทั้งเดือนหรือภาพหน้าจอ 100 ภาพ ทำให้ฟีเจอร์ AI อย่าง Magic Cue, Call Notes, Scam Detection และ Camera Coach ทำงานได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    ด้านกราฟิก แม้จะมีการอัปเกรด GPU แต่ Tensor G5 ยังไม่รองรับ ray tracing ซึ่งทำให้ยังตามหลังคู่แข่งในด้านเกมมือถือ ส่วน ISP (Image Signal Processor) ก็ได้รับการปรับปรุงให้รองรับ 10-bit HDR และลดการเบลอในวิดีโอแสงน้อย

    Pixel 10 Series ที่ใช้ Tensor G5 มีให้เลือกหลายรุ่น ตั้งแต่ Pixel 10 ธรรมดาไปจนถึง Pixel 10 Pro Fold โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $799 และมีโปรโมชั่นแจกบัตรของขวัญสูงสุดถึง $300

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Tensor G5 เป็นชิป 3nm ตัวแรกจาก Google ผลิตโดย TSMC
    ใช้โครงสร้าง CPU แบบ 1+5+2 และความเร็วสูงสุด 3.78GHz
    เร็วขึ้น 34% โดยเฉลี่ยจาก Tensor G4 และ TPU แรงขึ้น 60%
    Gemini Nano ทำงานเร็วขึ้น 2.6 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น
    รองรับ context window ขนาด 32,000 token สำหรับงาน AI
    ฟีเจอร์ AI ใหม่ เช่น Magic Cue, Scam Detection, Journal, Call Notes
    GPU อัปเกรดแต่ไม่รองรับ ray tracing
    ISP รองรับ 10-bit HDR และลดเบลอในวิดีโอแสงน้อย
    Pixel 10 Series มีรุ่นธรรมดา, Pro, Pro XL และ Pro Fold
    ราคาเริ่มต้น $799 พร้อมบัตรของขวัญสูงสุด $300

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tensor G5 ใช้ LPDDR5X และ UFS 4.0 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และความเร็ว
    ใช้สถาปัตยกรรม Matryoshka Transformer และ Per Layer Embedding
    Pixel 10 รองรับ Android 16 และอัปเดตนาน 7 ปี
    Pixel 10 Pro มี vapor chamber cooling แต่รุ่นธรรมดาใช้ graphene
    Pixel 10 รองรับ Qi2 wireless charging และมีจอ Actua 120Hz

    https://wccftech.com/tensor-g5-goes-official-first-3nm-chipset-from-google/
    🎙️ Tensor G5 – ชิป 3nm ตัวแรกจาก Google ที่ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ฉลาดขึ้นอย่างมีนัย Google เปิดตัวชิป Tensor G5 พร้อมกับ Pixel 10 Series ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในด้านฮาร์ดแวร์ เพราะนี่คือชิปแรกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm โดย TSMC แทนที่จะใช้โรงงานของ Samsung เหมือนรุ่นก่อนหน้า Tensor G5 ไม่ได้เน้นแค่ความเร็ว แต่ถูกออกแบบเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ โดยมีการปรับโครงสร้าง CPU เป็นแบบ 1+5+2 (1 core แรง, 5 core กลาง, 2 core ประหยัดพลังงาน) และมีความเร็วสูงสุดถึง 3.78GHz จากผลทดสอบ Geekbench Google เคลมว่า Tensor G5 เร็วขึ้น 34% โดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับ Tensor G4 และ TPU (หน่วยประมวลผล AI) ก็แรงขึ้นถึง 60% ซึ่งช่วยให้ Gemini Nano รุ่นใหม่ทำงานเร็วขึ้น 2.6 เท่า และประหยัดพลังงานมากขึ้น ชิปนี้ยังรองรับ context window ขนาด 32,000 token ซึ่งเทียบเท่ากับการประมวลผลข้อมูลจากอีเมลทั้งเดือนหรือภาพหน้าจอ 100 ภาพ ทำให้ฟีเจอร์ AI อย่าง Magic Cue, Call Notes, Scam Detection และ Camera Coach ทำงานได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ด้านกราฟิก แม้จะมีการอัปเกรด GPU แต่ Tensor G5 ยังไม่รองรับ ray tracing ซึ่งทำให้ยังตามหลังคู่แข่งในด้านเกมมือถือ ส่วน ISP (Image Signal Processor) ก็ได้รับการปรับปรุงให้รองรับ 10-bit HDR และลดการเบลอในวิดีโอแสงน้อย Pixel 10 Series ที่ใช้ Tensor G5 มีให้เลือกหลายรุ่น ตั้งแต่ Pixel 10 ธรรมดาไปจนถึง Pixel 10 Pro Fold โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $799 และมีโปรโมชั่นแจกบัตรของขวัญสูงสุดถึง $300 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Tensor G5 เป็นชิป 3nm ตัวแรกจาก Google ผลิตโดย TSMC ➡️ ใช้โครงสร้าง CPU แบบ 1+5+2 และความเร็วสูงสุด 3.78GHz ➡️ เร็วขึ้น 34% โดยเฉลี่ยจาก Tensor G4 และ TPU แรงขึ้น 60% ➡️ Gemini Nano ทำงานเร็วขึ้น 2.6 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น ➡️ รองรับ context window ขนาด 32,000 token สำหรับงาน AI ➡️ ฟีเจอร์ AI ใหม่ เช่น Magic Cue, Scam Detection, Journal, Call Notes ➡️ GPU อัปเกรดแต่ไม่รองรับ ray tracing ➡️ ISP รองรับ 10-bit HDR และลดเบลอในวิดีโอแสงน้อย ➡️ Pixel 10 Series มีรุ่นธรรมดา, Pro, Pro XL และ Pro Fold ➡️ ราคาเริ่มต้น $799 พร้อมบัตรของขวัญสูงสุด $300 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tensor G5 ใช้ LPDDR5X และ UFS 4.0 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และความเร็ว ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Matryoshka Transformer และ Per Layer Embedding ➡️ Pixel 10 รองรับ Android 16 และอัปเดตนาน 7 ปี ➡️ Pixel 10 Pro มี vapor chamber cooling แต่รุ่นธรรมดาใช้ graphene ➡️ Pixel 10 รองรับ Qi2 wireless charging และมีจอ Actua 120Hz https://wccftech.com/tensor-g5-goes-official-first-3nm-chipset-from-google/
    WCCFTECH.COM
    Google Has Announced Its First 3nm Chipset, The Tensor G5, Alongside The Pixel 10 Series; Company Claims A 34 Percent Average Performance Increase Over The Tensor G4, No RT Support & More
    Google has officially announced its first 3nm SoC, the Tensor G5, and here is everything you need to know about the flagship silicon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปลวเทียนที่สั่นไหว – จากความไม่เสถียร สู่การจับเวลาอย่างแม่นยำ

    ใครจะคิดว่า “เปลวเทียน” ซึ่งถูกออกแบบมาให้ไม่สั่นไหวมานานนับพันปี จะกลายเป็นแหล่งกำเนิดสัญญาณนาฬิกาได้?

    Tim นักพัฒนาฮาร์ดแวร์ได้ค้นพบว่า หากนำเทียนสามเล่มมาวางใกล้กัน เปลวไฟจะเริ่ม “สื่อสาร” กันและเกิดการสั่นไหวแบบประสานกันที่ความถี่คงที่ประมาณ 9.9Hz ซึ่งเกิดจากแรงโน้มถ่วงและขนาดของเปลวไฟเป็นหลัก

    เขาใช้วิธีตรวจจับการสั่นไหวของเปลวไฟด้วย phototransistor และวิธีใหม่ที่น่าสนใจคือ “capacitive sensing” โดยแขวนลวดไว้ในเปลวไฟแล้ววัดการเปลี่ยนแปลงของค่าความจุไฟฟ้า ซึ่งเกิดจากไอออนในเปลวไฟที่มีคุณสมบัติเป็นไดอิเล็กทริก

    จากนั้น Tim ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ CH32V003 อ่านสัญญาณและประมวลผลด้วยฟิลเตอร์ดิจิทัล เพื่อแปลงความถี่ 9.9Hz ให้กลายเป็นสัญญาณ 1Hz ที่ใช้กระพริบ LED ได้อย่างแม่นยำ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    การรวมเทียนสามเล่มทำให้เกิดการสั่นไหวของเปลวไฟที่ความถี่ ~9.9Hz
    ความถี่นี้ขึ้นอยู่กับแรงโน้มถ่วงและขนาดของเปลวไฟ
    ใช้ phototransistor ตรวจจับความสว่างของเปลวไฟแบบง่ายและแม่นยำ
    ใช้ capacitive sensing ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของไอออนในเปลวไฟ
    ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ CH32V003 อ่านค่าความจุไฟฟ้าและประมวลผล
    ใช้ IIR filter และ zero-cross detection เพื่อแปลงสัญญาณเป็น 1Hz
    LED ถูกควบคุมให้กระพริบตามสัญญาณ 1Hz ที่ได้จากเปลวไฟ
    โครงการนี้เข้าร่วมการแข่งขัน “One Hertz Challenge” บน Hackaday.io

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Yamanashi พบว่าการสั่นไหวของเปลวไฟสามารถซิงก์กันได้
    การลดระยะห่างระหว่างเทียนจะเปลี่ยนรูปแบบการสั่นไหว
    Capacitive flame sensing ถูกใช้ในอุตสาหกรรมตรวจจับไฟไหม้
    Phototransistor มี internal gain ทำให้ไม่ต้องใช้วงจรขยายเพิ่มเติม
    การใช้ zero-cross detection แบบมี dead-time ช่วยลดสัญญาณรบกวน
    การใช้ DPLL (Digital Phase-Locked Loop) อาจเพิ่มความเสถียรของสัญญาณได้

    https://cpldcpu.com/2025/08/13/candle-flame-oscillations-as-a-clock/
    🕯️ เปลวเทียนที่สั่นไหว – จากความไม่เสถียร สู่การจับเวลาอย่างแม่นยำ ใครจะคิดว่า “เปลวเทียน” ซึ่งถูกออกแบบมาให้ไม่สั่นไหวมานานนับพันปี จะกลายเป็นแหล่งกำเนิดสัญญาณนาฬิกาได้? Tim นักพัฒนาฮาร์ดแวร์ได้ค้นพบว่า หากนำเทียนสามเล่มมาวางใกล้กัน เปลวไฟจะเริ่ม “สื่อสาร” กันและเกิดการสั่นไหวแบบประสานกันที่ความถี่คงที่ประมาณ 9.9Hz ซึ่งเกิดจากแรงโน้มถ่วงและขนาดของเปลวไฟเป็นหลัก เขาใช้วิธีตรวจจับการสั่นไหวของเปลวไฟด้วย phototransistor และวิธีใหม่ที่น่าสนใจคือ “capacitive sensing” โดยแขวนลวดไว้ในเปลวไฟแล้ววัดการเปลี่ยนแปลงของค่าความจุไฟฟ้า ซึ่งเกิดจากไอออนในเปลวไฟที่มีคุณสมบัติเป็นไดอิเล็กทริก จากนั้น Tim ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ CH32V003 อ่านสัญญาณและประมวลผลด้วยฟิลเตอร์ดิจิทัล เพื่อแปลงความถี่ 9.9Hz ให้กลายเป็นสัญญาณ 1Hz ที่ใช้กระพริบ LED ได้อย่างแม่นยำ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ การรวมเทียนสามเล่มทำให้เกิดการสั่นไหวของเปลวไฟที่ความถี่ ~9.9Hz ➡️ ความถี่นี้ขึ้นอยู่กับแรงโน้มถ่วงและขนาดของเปลวไฟ ➡️ ใช้ phototransistor ตรวจจับความสว่างของเปลวไฟแบบง่ายและแม่นยำ ➡️ ใช้ capacitive sensing ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของไอออนในเปลวไฟ ➡️ ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ CH32V003 อ่านค่าความจุไฟฟ้าและประมวลผล ➡️ ใช้ IIR filter และ zero-cross detection เพื่อแปลงสัญญาณเป็น 1Hz ➡️ LED ถูกควบคุมให้กระพริบตามสัญญาณ 1Hz ที่ได้จากเปลวไฟ ➡️ โครงการนี้เข้าร่วมการแข่งขัน “One Hertz Challenge” บน Hackaday.io ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Yamanashi พบว่าการสั่นไหวของเปลวไฟสามารถซิงก์กันได้ ➡️ การลดระยะห่างระหว่างเทียนจะเปลี่ยนรูปแบบการสั่นไหว ➡️ Capacitive flame sensing ถูกใช้ในอุตสาหกรรมตรวจจับไฟไหม้ ➡️ Phototransistor มี internal gain ทำให้ไม่ต้องใช้วงจรขยายเพิ่มเติม ➡️ การใช้ zero-cross detection แบบมี dead-time ช่วยลดสัญญาณรบกวน ➡️ การใช้ DPLL (Digital Phase-Locked Loop) อาจเพิ่มความเสถียรของสัญญาณได้ https://cpldcpu.com/2025/08/13/candle-flame-oscillations-as-a-clock/
    CPLDCPU.COM
    Candle Flame Oscillations as a Clock
    Todays candles have been optimized for millenia not to flicker. But it turns out when we bundle three of them together, we can undo all of these optimizations and the resulting triplet will start t…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าใหม่: GPU ไม่ใช่แค่การ์ดจอ – แต่คือเครื่องจักรแห่งการเรียนรู้ของ AI

    ในยุคที่ AI ใหญ่ขึ้นทุกวัน การเข้าใจว่า GPU ทำงานอย่างไรจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ TPU ที่ Google ใช้กันอย่างแพร่หลาย

    GPU สมัยใหม่ เช่น NVIDIA H100, B200 และ GB200 NVL72 ไม่ได้เป็นแค่การ์ดจอสำหรับเล่นเกมอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือหลักในการฝึกและรันโมเดลขนาดใหญ่ (LLMs) ด้วยพลังการคำนวณมหาศาลจาก Tensor Core ที่ออกแบบมาเพื่อการคูณเมทริกซ์โดยเฉพาะ

    แต่ละ GPU ประกอบด้วยหลาย SM (Streaming Multiprocessor) ซึ่งใน H100 มีถึง 132 SM และใน B200 มี 148 SM โดยแต่ละ SM มี Tensor Core, Warp Scheduler และ CUDA Cores ที่ทำงานแบบ SIMD/SIMT เพื่อประมวลผลแบบขนาน

    GPU ยังมีระบบหน่วยความจำหลายระดับ ตั้งแต่ Register, SMEM (L1 cache), L2 cache ไปจนถึง HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งใน B200 มีถึง 192GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 9TB/s

    นอกจากนี้ยังมีระบบเครือข่ายภายในและระหว่าง GPU ที่ซับซ้อน เช่น NVLink, NVSwitch และ InfiniBand ที่ช่วยให้ GPU หลายตัวทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในระบบ DGX SuperPod ที่สามารถเชื่อมต่อ GPU ได้ถึง 1024 ตัว

    GPU ยังรองรับการทำงานแบบ parallelism หลายรูปแบบ เช่น data parallelism, tensor parallelism, expert parallelism และ pipeline parallelism ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน และต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับขนาดและโครงสร้างของโมเดล

    ข้อมูลในข่าว
    GPU สมัยใหม่เช่น H100 และ B200 มี Tensor Core สำหรับคูณเมทริกซ์โดยเฉพาะ
    H100 มี 132 SM ส่วน B200 มี 148 SM แต่ละ SM มี Tensor Core, Warp Scheduler และ CUDA Cores
    หน่วยความจำของ GPU มีหลายระดับ: Register, SMEM, L2 cache และ HBM
    B200 มี HBM ขนาด 192GB และแบนด์วิดท์ 9TB/s
    ระบบเครือข่ายภายในใช้ NVLink และ NVSwitch เชื่อม GPU ภายใน node
    ระบบเครือข่ายระหว่าง node ใช้ InfiniBand แบบ fat tree topology
    DGX SuperPod สามารถเชื่อม GPU ได้ถึง 1024 ตัว
    GPU รองรับ parallelism หลายแบบ: data, tensor, expert และ pipeline
    NVIDIA SHARP ช่วยให้การทำ AllReduce มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    GB200 NVL72 มี node ขนาดใหญ่ขึ้น (72 GPU) และแบนด์วิดท์สูงถึง 3.6TB/s

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RTX PRO 4000 Blackwell SFF เปิดตัวเมื่อ 11 ส.ค. 2025 มี Tensor Core รุ่นที่ 5
    ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell 2.0 บนกระบวนการผลิต 5nm โดย TSMC
    มี 8960 CUDA cores และ 280 Tensor cores พร้อม GDDR7 ขนาด 24GB
    ประสิทธิภาพ AI สูงขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
    ใช้พลังงานเพียง 70W เหมาะกับเวิร์กสเตชันขนาดเล็ก
    รองรับ PCIe 5.0 x8 และ DisplayPort 2.1b

    https://jax-ml.github.io/scaling-book/gpus/
    🧠 เรื่องเล่าใหม่: GPU ไม่ใช่แค่การ์ดจอ – แต่คือเครื่องจักรแห่งการเรียนรู้ของ AI ในยุคที่ AI ใหญ่ขึ้นทุกวัน การเข้าใจว่า GPU ทำงานอย่างไรจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ TPU ที่ Google ใช้กันอย่างแพร่หลาย GPU สมัยใหม่ เช่น NVIDIA H100, B200 และ GB200 NVL72 ไม่ได้เป็นแค่การ์ดจอสำหรับเล่นเกมอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือหลักในการฝึกและรันโมเดลขนาดใหญ่ (LLMs) ด้วยพลังการคำนวณมหาศาลจาก Tensor Core ที่ออกแบบมาเพื่อการคูณเมทริกซ์โดยเฉพาะ แต่ละ GPU ประกอบด้วยหลาย SM (Streaming Multiprocessor) ซึ่งใน H100 มีถึง 132 SM และใน B200 มี 148 SM โดยแต่ละ SM มี Tensor Core, Warp Scheduler และ CUDA Cores ที่ทำงานแบบ SIMD/SIMT เพื่อประมวลผลแบบขนาน GPU ยังมีระบบหน่วยความจำหลายระดับ ตั้งแต่ Register, SMEM (L1 cache), L2 cache ไปจนถึง HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งใน B200 มีถึง 192GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 9TB/s นอกจากนี้ยังมีระบบเครือข่ายภายในและระหว่าง GPU ที่ซับซ้อน เช่น NVLink, NVSwitch และ InfiniBand ที่ช่วยให้ GPU หลายตัวทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในระบบ DGX SuperPod ที่สามารถเชื่อมต่อ GPU ได้ถึง 1024 ตัว GPU ยังรองรับการทำงานแบบ parallelism หลายรูปแบบ เช่น data parallelism, tensor parallelism, expert parallelism และ pipeline parallelism ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน และต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับขนาดและโครงสร้างของโมเดล ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ GPU สมัยใหม่เช่น H100 และ B200 มี Tensor Core สำหรับคูณเมทริกซ์โดยเฉพาะ ➡️ H100 มี 132 SM ส่วน B200 มี 148 SM แต่ละ SM มี Tensor Core, Warp Scheduler และ CUDA Cores ➡️ หน่วยความจำของ GPU มีหลายระดับ: Register, SMEM, L2 cache และ HBM ➡️ B200 มี HBM ขนาด 192GB และแบนด์วิดท์ 9TB/s ➡️ ระบบเครือข่ายภายในใช้ NVLink และ NVSwitch เชื่อม GPU ภายใน node ➡️ ระบบเครือข่ายระหว่าง node ใช้ InfiniBand แบบ fat tree topology ➡️ DGX SuperPod สามารถเชื่อม GPU ได้ถึง 1024 ตัว ➡️ GPU รองรับ parallelism หลายแบบ: data, tensor, expert และ pipeline ➡️ NVIDIA SHARP ช่วยให้การทำ AllReduce มีประสิทธิภาพมากขึ้น ➡️ GB200 NVL72 มี node ขนาดใหญ่ขึ้น (72 GPU) และแบนด์วิดท์สูงถึง 3.6TB/s ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RTX PRO 4000 Blackwell SFF เปิดตัวเมื่อ 11 ส.ค. 2025 มี Tensor Core รุ่นที่ 5 ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell 2.0 บนกระบวนการผลิต 5nm โดย TSMC ➡️ มี 8960 CUDA cores และ 280 Tensor cores พร้อม GDDR7 ขนาด 24GB ➡️ ประสิทธิภาพ AI สูงขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ➡️ ใช้พลังงานเพียง 70W เหมาะกับเวิร์กสเตชันขนาดเล็ก ➡️ รองรับ PCIe 5.0 x8 และ DisplayPort 2.1b https://jax-ml.github.io/scaling-book/gpus/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศบ.ทก.ชี้ คลิปวางทุ่นระเบิดเป็นหลักฐานสำคัญ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-ขัดอนุสัญญาระหว่างประเทศ กองทัพส่ง กต.เข้าที่ประชุม คกก.ออตตาวา ศุกร์นี้ ยันบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นของไทย เคยให้กัมพูชาพักพิงช่วงสงคราม กลับบิดเบือนบุกรุก ติดตั้งลวดหนามเป็นสิทธิในการปกป้อง-คุ้มครองคนไทย ไม่ให้รุกล้ำเพิ่มเติม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079326

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศบ.ทก.ชี้ คลิปวางทุ่นระเบิดเป็นหลักฐานสำคัญ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-ขัดอนุสัญญาระหว่างประเทศ กองทัพส่ง กต.เข้าที่ประชุม คกก.ออตตาวา ศุกร์นี้ ยันบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นของไทย เคยให้กัมพูชาพักพิงช่วงสงคราม กลับบิดเบือนบุกรุก ติดตั้งลวดหนามเป็นสิทธิในการปกป้อง-คุ้มครองคนไทย ไม่ให้รุกล้ำเพิ่มเติม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079326 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮอกไกโดฟินสุดขั้ว
    TOMAMU ICE VILLAGE – NISEKO – SAPPORO – ASAHIKAWA
    6 วัน 4 คืน บินตรง Thai AirAsia X (XJ)

    ราคาเริ่มต้น 43,919.-
    เดินทาง ธ.ค.68 – มี.ค.69

    พิเศษจัดเต็ม
    บุฟเฟต์ชาบู + ขาปู 1 มื้อ
    ดินเนอร์บุฟเฟต์นานาชาติ
    พักออนเซ็น 2 คืน
    พัก Sapporo ย่านช้อปปิ้ง 2 คืน
    บินตรงฮอกไกโด เครื่องลำใหญ่ + อาหารร้อนบนเครื่อง

    ไฮไลท์โปรแกรม
    ขึ้นกระเช้า UNKAI GONDOLA + จุดชมวิว UNKAI TERRACE
    TOMAMU ICE VILLAGE
    NISEKO VILLAGE & NISEKO GONDOLA (ไม่รวมค่ากระเช้า)
    ภูเขาไฟโยเตะ (ฟูจิน้อย) + คลองโอตารุสุดโรแมนติก
    หมู่บ้านเทพนิยายนิงเกิ้ลเทอเรส
    งานไฟ SAPPORO WHITE ILLUMINATION
    สวนสัตว์อาซาฮิยาม่า + ราเมนวิลเลจ
    โรงบ่มไวน์อิเคดะ + ร้านขนม LeTao
    ถนนซาไกมาจิ + อิออนมอลล์อาซาฮิคาว่า
    อิสระช้อปปิ้งเต็มวัน ย่านทานุกิโคจิ

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e4f4c4

    ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/a32eb2

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์ญี่ปุ่น #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #Hokkaido #TomamuIceVillage #Niseko #SapporoTrip #เที่ยวญี่ปุ่น #OnsenExperience #AirAsiaX #JapanSnowTrip
    ❄️☃️ ฮอกไกโดฟินสุดขั้ว ❄️☃️ TOMAMU ICE VILLAGE – NISEKO – SAPPORO – ASAHIKAWA 6 วัน 4 คืน ✈️ บินตรง Thai AirAsia X (XJ) 💰 ราคาเริ่มต้น 43,919.- 📆 เดินทาง ธ.ค.68 – มี.ค.69 💥 พิเศษจัดเต็ม 💥 ✅ บุฟเฟต์ชาบู + ขาปู 1 มื้อ 🍲🦀 ✅ ดินเนอร์บุฟเฟต์นานาชาติ 🍱 ✅ พักออนเซ็น 2 คืน 🛀 ✅ พัก Sapporo ย่านช้อปปิ้ง 2 คืน 🏙️ ✅ บินตรงฮอกไกโด เครื่องลำใหญ่ + อาหารร้อนบนเครื่อง 🍱 ✨ ไฮไลท์โปรแกรม ✨ 🚠 ขึ้นกระเช้า UNKAI GONDOLA + จุดชมวิว UNKAI TERRACE 🏰 TOMAMU ICE VILLAGE 🎿 NISEKO VILLAGE & NISEKO GONDOLA (ไม่รวมค่ากระเช้า) 🏞️ ภูเขาไฟโยเตะ (ฟูจิน้อย) + คลองโอตารุสุดโรแมนติก 🏡 หมู่บ้านเทพนิยายนิงเกิ้ลเทอเรส 🎆 งานไฟ SAPPORO WHITE ILLUMINATION 🦊 สวนสัตว์อาซาฮิยาม่า + ราเมนวิลเลจ 🍷 โรงบ่มไวน์อิเคดะ + ร้านขนม LeTao 🛍️ ถนนซาไกมาจิ + อิออนมอลล์อาซาฮิคาว่า ✨ อิสระช้อปปิ้งเต็มวัน ย่านทานุกิโคจิ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e4f4c4 ดูทัวร์ญี่ปุ่นทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/a32eb2 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ญี่ปุ่น #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #Hokkaido #TomamuIceVillage #Niseko #SapporoTrip #เที่ยวญี่ปุ่น #OnsenExperience #AirAsiaX #JapanSnowTrip
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ryzen 5 9500F – ชิปประหยัดรุ่นใหม่จาก AMD ที่แรงเกินราคา

    AMD กำลังขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Ryzen 9000 ด้วยรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Ryzen 5 9500F ซึ่งหลุดข้อมูลผ่าน Geekbench โดยมีสเปกใกล้เคียงกับ Ryzen 5 9600 แต่ไม่มีกราฟิกในตัว (iGPU) ทำให้ราคาน่าจะต่ำกว่า $200

    Ryzen 5 9500F ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 “Granite Ridge” มี 6 คอร์ 12 เธรด พร้อม L3 cache ขนาด 32MB และ L2 cache 6MB ความเร็วพื้นฐานอยู่ที่ 3.8GHz และบูสต์ได้สูงสุดถึง 5.0GHz ซึ่งใกล้เคียงกับ Ryzen 5 9600 ที่บูสต์ได้ 5.2GHz

    ผลการทดสอบ Geekbench 6 แสดงให้เห็นว่า Ryzen 5 9500F ทำคะแนน single-core ได้ 3,122 และ multi-core ได้ 14,369 ซึ่งแทบไม่ต่างจาก Ryzen 5 9600 ที่ทำได้ 3,166 / 14,257 แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกันมาก

    แม้ AMD ยังไม่ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่มีข้อมูลจากผู้ผลิตเมนบอร์ดว่า AGESA เวอร์ชันล่าสุดรองรับชิปรุ่นนี้แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

    ข้อมูลในข่าว
    Ryzen 5 9500F เป็นซีพียู Zen 5 รุ่นใหม่ที่ไม่มี iGPU
    มี 6 คอร์ 12 เธรด พร้อม L3 cache 32MB และ L2 cache 6MB
    ความเร็วพื้นฐาน 3.8GHz และบูสต์สูงสุด 5.0GHz
    ใช้สถาปัตยกรรม Granite Ridge เหมือน Ryzen 5 9600
    คะแนน Geekbench: 3,122 (single-core) / 14,369 (multi-core)
    ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Ryzen 5 9600 ที่มี iGPU
    คาดว่าจะมีราคาไม่เกิน $179 ซึ่งต่ำกว่า Ryzen 5 9600X
    AGESA เวอร์ชันล่าสุดรองรับ Ryzen 5 9500F แล้ว
    ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการกราฟิกในตัว เช่น เกมเมอร์ที่ใช้การ์ดจอแยก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ryzen 5 9500F เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาประหยัด
    การไม่มี iGPU ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน
    Granite Ridge ใช้เทคโนโลยีการผลิต 4nm จาก TSMC
    รองรับ DDR5 และ PCIe 5.0 บนแพลตฟอร์ม AM5
    เหมาะกับเมนบอร์ด B850 และ X870 ที่เปิดตัวในปี 2025
    การแข่งขันในตลาดซีพียูระดับกลางยังคงดุเดือด โดย Intel เตรียมเปิดตัว Core i5-14600

    https://wccftech.com/amd-ryzen-5-9500f-spotted-on-geekbench/
    💻 Ryzen 5 9500F – ชิปประหยัดรุ่นใหม่จาก AMD ที่แรงเกินราคา AMD กำลังขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Ryzen 9000 ด้วยรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Ryzen 5 9500F ซึ่งหลุดข้อมูลผ่าน Geekbench โดยมีสเปกใกล้เคียงกับ Ryzen 5 9600 แต่ไม่มีกราฟิกในตัว (iGPU) ทำให้ราคาน่าจะต่ำกว่า $200 Ryzen 5 9500F ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 “Granite Ridge” มี 6 คอร์ 12 เธรด พร้อม L3 cache ขนาด 32MB และ L2 cache 6MB ความเร็วพื้นฐานอยู่ที่ 3.8GHz และบูสต์ได้สูงสุดถึง 5.0GHz ซึ่งใกล้เคียงกับ Ryzen 5 9600 ที่บูสต์ได้ 5.2GHz ผลการทดสอบ Geekbench 6 แสดงให้เห็นว่า Ryzen 5 9500F ทำคะแนน single-core ได้ 3,122 และ multi-core ได้ 14,369 ซึ่งแทบไม่ต่างจาก Ryzen 5 9600 ที่ทำได้ 3,166 / 14,257 แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกันมาก แม้ AMD ยังไม่ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่มีข้อมูลจากผู้ผลิตเมนบอร์ดว่า AGESA เวอร์ชันล่าสุดรองรับชิปรุ่นนี้แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Ryzen 5 9500F เป็นซีพียู Zen 5 รุ่นใหม่ที่ไม่มี iGPU ➡️ มี 6 คอร์ 12 เธรด พร้อม L3 cache 32MB และ L2 cache 6MB ➡️ ความเร็วพื้นฐาน 3.8GHz และบูสต์สูงสุด 5.0GHz ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Granite Ridge เหมือน Ryzen 5 9600 ➡️ คะแนน Geekbench: 3,122 (single-core) / 14,369 (multi-core) ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Ryzen 5 9600 ที่มี iGPU ➡️ คาดว่าจะมีราคาไม่เกิน $179 ซึ่งต่ำกว่า Ryzen 5 9600X ➡️ AGESA เวอร์ชันล่าสุดรองรับ Ryzen 5 9500F แล้ว ➡️ ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการกราฟิกในตัว เช่น เกมเมอร์ที่ใช้การ์ดจอแยก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ryzen 5 9500F เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาประหยัด ➡️ การไม่มี iGPU ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ➡️ Granite Ridge ใช้เทคโนโลยีการผลิต 4nm จาก TSMC ➡️ รองรับ DDR5 และ PCIe 5.0 บนแพลตฟอร์ม AM5 ➡️ เหมาะกับเมนบอร์ด B850 และ X870 ที่เปิดตัวในปี 2025 ➡️ การแข่งขันในตลาดซีพียูระดับกลางยังคงดุเดือด โดย Intel เตรียมเปิดตัว Core i5-14600 https://wccftech.com/amd-ryzen-5-9500f-spotted-on-geekbench/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen 5 9500F Leaked: Another Budget Zen 5 CPU With Six Cores And Base Clock Of 3.8 GHz
    AMD has prepared a new Ryzen 9000 CPU as spotted on Geekbench. The CPU is the Ryzen 5 9500F, which is a 6-core/12-thread SKU.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ธรรมเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญา
    สัทธรรมลำดับที่ : 721
    ชื่อบทธรรม :- ธรรมเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=721
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ธรรมเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญา
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมทั้งหลาย ๔ ประการ เหล่านี้
    เป็นไปพร้อมเพื่อ ความเจริญแห่งปัญญา (ปญฺญาวุฑฺฒิ)
    ธรรม ๔ ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการ คือ :-
    ๑--การคบหากับสัปบุรุษ (สปฺปุริสสํเสว);
    ๒--การฟังพระสัทธรรม (สทฺธมฺมสฺสวน);
    ๓--การทำใจโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ);
    ๔--การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม (ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติ).
    --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล #เป็นไปพร้อมเพื่อความเจริญแห่งปัญญา.-
    http://etipitaka.com/read/pali/21/332/?keywords=ปญฺญาวุฑฺฒิ

    [ธรรม ๔ ประการเหล่านี้เป็นหลักธรรมที่สำคัญเพราะว่า
    นอกจากจะเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญาแล้ว
    ได้ตรัสไว้ในบาลีแห่งอื่นอีกถึง ๒๑ พระสูตร ดังนี้ ว่า :-
    --#เป็นธรรมที่มีอุปการะมากแก่มนุษย์ (มนุสฺสภูตพหุการ)
    http://etipitaka.com/read/pali/21/332/?keywords=มนุสฺสภูตพหุการ
    ----(๒๑/๓๓๒/๒๔๙);
    http://etipitaka.com/read/pali/21/332/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%99
    --#เป็นองค์คุณเครื่องให้ถึงกระแสแห่งพระนิพพาน (โสตาปตฺติยงฺค)
    http://etipitaka.com/read/pali/19/332/?keywords=โสตาปตฺติยงฺค
    ----(๑๙/๓๓๒/๒๔๙);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/332/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%99
    --#เป็นเครื่องทำให้แจ้งซึ่งโสตาปัตติผล (โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยา)
    http://etipitaka.com/read/pali/19/516/?keywords=โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยา
    ----(๑๙/๕๑๖/๑๖๓๔);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/516/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%94
    --#เป็นเครื่องทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล (สกทาคามิผลสจฺฉิกิริยา)
    http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=สกทาคามิผลสจฺฉิกิริยา
    ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๓๕);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%95
    --#เป็นเครื่องทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล (อนาคามิผลสจฺฉิกิริยา)
    ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๓๖);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%96
    --#เป็นเครื่องทำให้แจ้งซึ่งอรหัตตผล (อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยา)
    ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๓๗);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%97
    --#เป็นเครื่องให้ได้เฉพาะซึ่งปัญญา (ปญฺญาปฏิลาภ)
    ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๓๘);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%98
    --#เป็นเครื่องให้มีความไพบูลย์แห่งปัญญา (ปญฺญาเวปุลฺล)
    ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๔๐);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%90
    --#เป็นเครื่องให้มีปัญญาอันใหญ่หลวง (มหาปญฺญตา)
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=มหาปญฺญตา
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๑);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%91
    --+เป็นเครื่องให้มีปัญญาอันหนาแน่น (ปุถุปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๒);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%92
    --+เป็นเครื่องให้มีปัญญาอันไพบูลย์ (วิปุลปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๓);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%93
    --+เป็นเครื่องให้มีปัญญาอันลึกซึ้ง (คมฺภีรปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๔);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%94
    --#เป็นเครื่องให้ปัญญาอันหาประมาณค่ามิได้ (อปฺปมตฺตปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๕);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%95
    --+เป็นเครื่องให้มีปัญญาเสมือนแผ่นดิน (ภูริปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๖);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%96
    --#เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาฉับพลัน (สีฆปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๘);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%98
    --+เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาไว (ลหุปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๙);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%99
    --+เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาอันร่าเริง (หาสปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๕๐);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95%E0%B9%90
    --+เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาแล่น (ชวนปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๕๑);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95%E0%B9%92
    --+เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาคมกล้า (ติกฺขปญฺญตา)
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๕๒);
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95%E0%B9%91
    --#เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาเครื่องเจาะแทง (นิพฺเพธิกปญฺญตา)
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=นิพฺเพธิกปญฺญตา
    ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๕๓).
    http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95%E0%B9%93
    ]

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/231/248.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/231/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๓๒/๒๔๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/332/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=721
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=721
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ธรรมเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญา สัทธรรมลำดับที่ : 721 ชื่อบทธรรม :- ธรรมเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=721 เนื้อความทั้งหมด :- --ธรรมเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญา --ภิกษุ ท. ! ธรรมทั้งหลาย ๔ ประการ เหล่านี้ เป็นไปพร้อมเพื่อ ความเจริญแห่งปัญญา (ปญฺญาวุฑฺฒิ) ธรรม ๔ ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการ คือ :- ๑--การคบหากับสัปบุรุษ (สปฺปุริสสํเสว); ๒--การฟังพระสัทธรรม (สทฺธมฺมสฺสวน); ๓--การทำใจโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ); ๔--การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม (ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติ). --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล #เป็นไปพร้อมเพื่อความเจริญแห่งปัญญา.- http://etipitaka.com/read/pali/21/332/?keywords=ปญฺญาวุฑฺฒิ [ธรรม ๔ ประการเหล่านี้เป็นหลักธรรมที่สำคัญเพราะว่า นอกจากจะเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญาแล้ว ได้ตรัสไว้ในบาลีแห่งอื่นอีกถึง ๒๑ พระสูตร ดังนี้ ว่า :- --#เป็นธรรมที่มีอุปการะมากแก่มนุษย์ (มนุสฺสภูตพหุการ) http://etipitaka.com/read/pali/21/332/?keywords=มนุสฺสภูตพหุการ ----(๒๑/๓๓๒/๒๔๙); http://etipitaka.com/read/pali/21/332/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%99 --#เป็นองค์คุณเครื่องให้ถึงกระแสแห่งพระนิพพาน (โสตาปตฺติยงฺค) http://etipitaka.com/read/pali/19/332/?keywords=โสตาปตฺติยงฺค ----(๑๙/๓๓๒/๒๔๙); http://etipitaka.com/read/pali/19/332/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%99 --#เป็นเครื่องทำให้แจ้งซึ่งโสตาปัตติผล (โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยา) http://etipitaka.com/read/pali/19/516/?keywords=โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยา ----(๑๙/๕๑๖/๑๖๓๔); http://etipitaka.com/read/pali/19/516/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%94 --#เป็นเครื่องทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล (สกทาคามิผลสจฺฉิกิริยา) http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=สกทาคามิผลสจฺฉิกิริยา ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๓๕); http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%95 --#เป็นเครื่องทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล (อนาคามิผลสจฺฉิกิริยา) ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๓๖); http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%96 --#เป็นเครื่องทำให้แจ้งซึ่งอรหัตตผล (อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยา) ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๓๗); http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%97 --#เป็นเครื่องให้ได้เฉพาะซึ่งปัญญา (ปญฺญาปฏิลาภ) ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๓๘); http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%98 --#เป็นเครื่องให้มีความไพบูลย์แห่งปัญญา (ปญฺญาเวปุลฺล) ----(๑๙/๕๑๗/๑๖๔๐); http://etipitaka.com/read/pali/19/517/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%90 --#เป็นเครื่องให้มีปัญญาอันใหญ่หลวง (มหาปญฺญตา) http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=มหาปญฺญตา ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๑); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%91 --+เป็นเครื่องให้มีปัญญาอันหนาแน่น (ปุถุปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๒); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%92 --+เป็นเครื่องให้มีปัญญาอันไพบูลย์ (วิปุลปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๓); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%93 --+เป็นเครื่องให้มีปัญญาอันลึกซึ้ง (คมฺภีรปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๔); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%94 --#เป็นเครื่องให้ปัญญาอันหาประมาณค่ามิได้ (อปฺปมตฺตปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๕); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%95 --+เป็นเครื่องให้มีปัญญาเสมือนแผ่นดิน (ภูริปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๖); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%96 --#เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาฉับพลัน (สีฆปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๘); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%98 --+เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาไว (ลหุปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๔๙); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%99 --+เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาอันร่าเริง (หาสปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๕๐); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95%E0%B9%90 --+เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาแล่น (ชวนปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๕๑); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95%E0%B9%92 --+เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาคมกล้า (ติกฺขปญฺญตา) ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๕๒); http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95%E0%B9%91 --#เป็นเครื่องให้เป็นผู้มีปัญญาเครื่องเจาะแทง (นิพฺเพธิกปญฺญตา) http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=นิพฺเพธิกปญฺญตา ----(๑๙/๕๑๘/๑๖๕๓). http://etipitaka.com/read/pali/19/518/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95%E0%B9%93 ] #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/231/248. http://etipitaka.com/read/thai/21/231/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๓๒/๒๔๘. http://etipitaka.com/read/pali/21/332/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=721 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=721 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ธรรมเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญา
    -(นิพเพธิกปัญญา ในที่นี้ เป็นคำแทนชื่อของ สัมมาทิฏฐิ จึงนำมาใส่ไว้ใน ที่นี้). ธรรมเป็นเครื่องเจริญแห่งปัญญา ฯลฯ ภิกษุ ท. ! ธรรมทั้งหลาย ๔ ประการ เหล่านี้ เป็นไปพร้อมเพื่อ ความเจริญแห่งปัญญา (ปญญาวุฑฺฒิ) ธรรม ๔ ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการ คือ : การคบหากับสัปบุรุษ (สปฺปุริสสํเสว); การฟังพระสัทธรรม (สทฺธมฺมสฺสวน); การทำใจโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ); การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม (ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติ). ภิกษุ ท. ! ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล เป็นไปพร้อมเพื่อความเจริญแห่งปัญญา.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจาะมือถือสเปกเทพ ทหารเขมรทิ้งไว้บนภูมะเขือ

    ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม กองทัพเรือ (นปท.ทร.) ที่สนับสนุนการปฏิบัติงาน การเก็บกู้ และกวาดล้างฯ ได้ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดศรีสะเกษ จึงนำไปใส่แบตเตอรี่ และตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ พบคลิปวีดีโอและภาพถ่ายจำนวนมาก ขณะทหารกัมพูชากำลังวางทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ชนิดเดียวกับที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ

    ที่น่าสนใจก็คือ หนึ่งในภาพถ่ายบนโทรศัพท์มือถือระบุคำว่า POVA 6 Pro 5G ซึ่งพบว่าเป็นโทรศัพท์มือถือ TECNO รุ่น POVA 6 Pro 5G ซึ่งมีจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและกัมพูชา เปิดตัวเมื่อเดือน มี.ค.2567 รุ่น RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 9,999 บาท และรุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 10,999 บาท แต่มือถือแบรนด์ดังกล่าวไม่ได้เป็นที่นิยมในไทย เมื่อเทียบกับแบรนด์ยอดนิยม ได้แก่ iPhone, Samsung, OPPO, VIVO, Xiaomi และ Realme แต่เมื่อดูจากสเปกแล้วคาดว่าเป็นการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะเกมเมอร์ เพราะได้ทำการตลาดร่วมกับเกม Free Fire

    สเปกเบื้องต้น ตัวเครื่องหนา 7.9 มิลลิเมตร หน้าจอ AMOLED 6.78 นิ้ว FHD 120 Hz ระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงคู่พร้อม AI ลดเสียงรบกวน ระบบช่วยระบายความร้อน POVA Supercooled แบตเตอรี่ 6000 mAh เล่นเกมได้ต่อเนื่อง 11 ชั่วโมง อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 6 ปี ระบบชาร์จรองรับ Ultra Charge กำลังไฟสูงสุด 70W สามารถชาร์จ 0-50% ได้ใน 20 นาที และเต็ม 100% ใน 50 นาที พร้อมระบบ Bypass Charge เล่นไปชาร์จไป การชาร์จแบบขั้นบันได Ladder Charge ชาร์จได้ในอุณหภูมิ -20 ถึง 60 องศาเซลเซียส และโหมดชาร์จแบบกันน้ำ ถ้าตรวจพบความชื้น ระบบชาร์จเร็วจะไม่ทำงาน

    ด้านหลังเครื่องมีไฟ LED ทั้งหมด 210 ดวง สามารถตั้งค่าให้กระพริบเมื่อมีสายเข้าขณะปิดเสียงได้ ใช้ชิป MediaTek Dimensity 6080 ความเร็ว 5G สำหรับการเล่นเกมระดับสูง กล้องหลังแบบกล้องสามตัว 108 MP (มุมกว้าง), 0.7 μm PDAF 2 MP, 0.08 MP (เลนส์เสริม) กล้องหน้า 32 MP แต่ไม่มีระบบกันสั่น เมื่อเทียบกับไอโฟนหรือซัมซุงรุ่นราคา 15,000 บาทขึ้นไป ฟีเจอร์กันน้ำระดับ IP53 กันฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง และกันละอองน้ำจากละอองฝน หรือน้ำที่กระเด็นใส่ แต่ไม่ป้องกันขณะมือถือจุ่มน้ำ มี 2 สีให้เลือก คือ สีเทา Meteorite Grey และสีเขียว Comet Green

    ปัจจุบันราคาขายในกัมพูชา รุ่น 12+256GB อยู่ที่ 239-259 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7,790-8,442 บาท) ส่วนในไทยราคาใน Shopee อยู่ที่ 7,399 บาท

    #Newskit
    เจาะมือถือสเปกเทพ ทหารเขมรทิ้งไว้บนภูมะเขือ ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม กองทัพเรือ (นปท.ทร.) ที่สนับสนุนการปฏิบัติงาน การเก็บกู้ และกวาดล้างฯ ได้ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดศรีสะเกษ จึงนำไปใส่แบตเตอรี่ และตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ พบคลิปวีดีโอและภาพถ่ายจำนวนมาก ขณะทหารกัมพูชากำลังวางทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ชนิดเดียวกับที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ ที่น่าสนใจก็คือ หนึ่งในภาพถ่ายบนโทรศัพท์มือถือระบุคำว่า POVA 6 Pro 5G ซึ่งพบว่าเป็นโทรศัพท์มือถือ TECNO รุ่น POVA 6 Pro 5G ซึ่งมีจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและกัมพูชา เปิดตัวเมื่อเดือน มี.ค.2567 รุ่น RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 9,999 บาท และรุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 10,999 บาท แต่มือถือแบรนด์ดังกล่าวไม่ได้เป็นที่นิยมในไทย เมื่อเทียบกับแบรนด์ยอดนิยม ได้แก่ iPhone, Samsung, OPPO, VIVO, Xiaomi และ Realme แต่เมื่อดูจากสเปกแล้วคาดว่าเป็นการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะเกมเมอร์ เพราะได้ทำการตลาดร่วมกับเกม Free Fire สเปกเบื้องต้น ตัวเครื่องหนา 7.9 มิลลิเมตร หน้าจอ AMOLED 6.78 นิ้ว FHD 120 Hz ระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงคู่พร้อม AI ลดเสียงรบกวน ระบบช่วยระบายความร้อน POVA Supercooled แบตเตอรี่ 6000 mAh เล่นเกมได้ต่อเนื่อง 11 ชั่วโมง อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 6 ปี ระบบชาร์จรองรับ Ultra Charge กำลังไฟสูงสุด 70W สามารถชาร์จ 0-50% ได้ใน 20 นาที และเต็ม 100% ใน 50 นาที พร้อมระบบ Bypass Charge เล่นไปชาร์จไป การชาร์จแบบขั้นบันได Ladder Charge ชาร์จได้ในอุณหภูมิ -20 ถึง 60 องศาเซลเซียส และโหมดชาร์จแบบกันน้ำ ถ้าตรวจพบความชื้น ระบบชาร์จเร็วจะไม่ทำงาน ด้านหลังเครื่องมีไฟ LED ทั้งหมด 210 ดวง สามารถตั้งค่าให้กระพริบเมื่อมีสายเข้าขณะปิดเสียงได้ ใช้ชิป MediaTek Dimensity 6080 ความเร็ว 5G สำหรับการเล่นเกมระดับสูง กล้องหลังแบบกล้องสามตัว 108 MP (มุมกว้าง), 0.7 μm PDAF 2 MP, 0.08 MP (เลนส์เสริม) กล้องหน้า 32 MP แต่ไม่มีระบบกันสั่น เมื่อเทียบกับไอโฟนหรือซัมซุงรุ่นราคา 15,000 บาทขึ้นไป ฟีเจอร์กันน้ำระดับ IP53 กันฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง และกันละอองน้ำจากละอองฝน หรือน้ำที่กระเด็นใส่ แต่ไม่ป้องกันขณะมือถือจุ่มน้ำ มี 2 สีให้เลือก คือ สีเทา Meteorite Grey และสีเขียว Comet Green ปัจจุบันราคาขายในกัมพูชา รุ่น 12+256GB อยู่ที่ 239-259 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7,790-8,442 บาท) ส่วนในไทยราคาใน Shopee อยู่ที่ 7,399 บาท #Newskit
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts