• Human Liver Model Market Analysis and Future Prospects

    The Human Liver Model Market analysis indicates a significant expansion driven by advancements in biotechnology and pharmaceutical research. Increasing demand for accurate preclinical testing methods has propelled the adoption of human liver models in drug discovery and toxicity studies. Researchers are leveraging these models to reduce reliance on animal testing while improving predictive accuracy for human responses. Moreover, regulatory agencies worldwide are encouraging the use of human-relevant models, which is further boosting market acceptance. The integration of 3D printing and microfluidics in liver modeling is creating innovative solutions that enhance physiological relevance, making the market highly attractive for investors and stakeholders.

    Get Full Reports:https://www.marketresearchfuture.com/reports/human-liver-model-market-32333

    In terms of regional adoption, the Human Liver Model Market region growth is particularly strong in North America and Europe due to the presence of advanced healthcare infrastructure and significant R&D investments. Asia-Pacific is emerging as a high-potential market, driven by increasing pharmaceutical manufacturing and research facilities. Leading companies are focusing on strategic collaborations and technology partnerships to strengthen their product portfolios. The market is also witnessing growth in terms of Human Liver Model Market business insights, as vendors provide custom solutions tailored to specific research requirements, further encouraging market penetration.

    FAQs:
    Q1: What are the main applications of human liver models?
    A1: They are primarily used in drug toxicity testing, disease modeling, and personalized medicine research.

    Q2: Which regions dominate the Human Liver Model Market?
    A2: North America and Europe currently lead the market, while Asia-Pacific is rapidly growing.
    Human Liver Model Market Analysis and Future Prospects The Human Liver Model Market analysis indicates a significant expansion driven by advancements in biotechnology and pharmaceutical research. Increasing demand for accurate preclinical testing methods has propelled the adoption of human liver models in drug discovery and toxicity studies. Researchers are leveraging these models to reduce reliance on animal testing while improving predictive accuracy for human responses. Moreover, regulatory agencies worldwide are encouraging the use of human-relevant models, which is further boosting market acceptance. The integration of 3D printing and microfluidics in liver modeling is creating innovative solutions that enhance physiological relevance, making the market highly attractive for investors and stakeholders. Get Full Reports:https://www.marketresearchfuture.com/reports/human-liver-model-market-32333 In terms of regional adoption, the Human Liver Model Market region growth is particularly strong in North America and Europe due to the presence of advanced healthcare infrastructure and significant R&D investments. Asia-Pacific is emerging as a high-potential market, driven by increasing pharmaceutical manufacturing and research facilities. Leading companies are focusing on strategic collaborations and technology partnerships to strengthen their product portfolios. The market is also witnessing growth in terms of Human Liver Model Market business insights, as vendors provide custom solutions tailored to specific research requirements, further encouraging market penetration. FAQs: Q1: What are the main applications of human liver models? A1: They are primarily used in drug toxicity testing, disease modeling, and personalized medicine research. Q2: Which regions dominate the Human Liver Model Market? A2: North America and Europe currently lead the market, while Asia-Pacific is rapidly growing.
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Human Liver Model Market Size, Share, Trends Report 2035
    Human Liver Model Market share is projected to reach USD 5.24 Billion By 2035, at a 14.78 % CAGR by driving industry size, top company analysis, segments research, trends and forecast report 2025 to 2035 | MRFR
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • #ต้อนรับปีใหม่ค่าส่งฟรี!! ไฟสปอร์ตไลท์ ขนาด 9 นิ้ว รุ่น Driving Light 32 LED ชิป CREE 3030(US) กรอบสีดำ กำลังขับ 96 วัตต์ 12V-24V ใช้สำหรับ รถออฟโรด ATV UTV เรือยอร์ช เรือท่องเที่ยว ไฟหน้างาน และ งานประมง
    ********************************
    คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์:
    ● ช่วงแรงดันไฟฟ้าที่ใช้งานได้กว้าง: สามารถใช้ได้กับยานพาหนะประเภทต่างๆ
    ● อายุการใช้งานยาวนาน: มากกว่าหลอดไฟ LED ขั้นสูงทั่วไป อายุการใช้งานมากกว่า 30,000 ชั่วโมง
    ● ตัวเรือน: อะลูมิเนียม กันกระแทก กันน้ำได้ดีกว่า
    ● การรับรู้แสง: แสงที่นุ่มนวลขึ้นเพื่อป้องกันแสงสะท้อน กันน้ำและป้องกันการกัดกร่อน: สามารถอยู่ในสายฝนหรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
    ********************************
    ● ราคาคู่ละ 3,000 บาท (6,400 บาท/ motor show)
    ● ราคาดวงละ 1,550 บาท
    ค่าส่งต้อนรับปีใหม่ 0 บาท
    มีบริการเก็บเงินปลายทาง
    ********************************
    สนใจสอบถามสั่งซื้อ ได้ทางแชทข้อความ
    https://www.sbjshoponline.com/p/8
    โทรฯ :0830614654
    #รถบรรทุก #รถพ่วง #4x4 #ATV #SUV #4WD #เรือนำเที่ยว #รถกู้ภัย #เครื่องจักรก่อสร้าง #รถไถ #รถเกี่ยว
    #ต้อนรับปีใหม่ค่าส่งฟรี!! ไฟสปอร์ตไลท์ ขนาด 9 นิ้ว รุ่น Driving Light 32 LED ชิป CREE 3030(US) กรอบสีดำ กำลังขับ 96 วัตต์ 12V-24V ใช้สำหรับ รถออฟโรด ATV UTV เรือยอร์ช เรือท่องเที่ยว ไฟหน้างาน และ งานประมง ******************************** คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์: ● ช่วงแรงดันไฟฟ้าที่ใช้งานได้กว้าง: สามารถใช้ได้กับยานพาหนะประเภทต่างๆ ● อายุการใช้งานยาวนาน: มากกว่าหลอดไฟ LED ขั้นสูงทั่วไป อายุการใช้งานมากกว่า 30,000 ชั่วโมง ● ตัวเรือน: อะลูมิเนียม กันกระแทก กันน้ำได้ดีกว่า ● การรับรู้แสง: แสงที่นุ่มนวลขึ้นเพื่อป้องกันแสงสะท้อน กันน้ำและป้องกันการกัดกร่อน: สามารถอยู่ในสายฝนหรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ******************************** ● ราคาคู่ละ 3,000 บาท (6,400 บาท/ motor show) ● ราคาดวงละ 1,550 บาท ค่าส่งต้อนรับปีใหม่ 0 บาท มีบริการเก็บเงินปลายทาง ******************************** สนใจสอบถามสั่งซื้อ ได้ทางแชทข้อความ https://www.sbjshoponline.com/p/8 โทรฯ :0830614654 #รถบรรทุก #รถพ่วง #4x4 #ATV #SUV #4WD #เรือนำเที่ยว #รถกู้ภัย #เครื่องจักรก่อสร้าง #รถไถ #รถเกี่ยว
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • จอมินิ 1.14 นิ้วราคา $10 ที่ใช้ ESP32 — เมื่อจอ “สำหรับมด” กลายเป็นเดสก์ท็อปเสริมจริงๆ

    โปรเจกต์ของ Tucker Shannon แสดงให้เห็นว่าการสร้าง “จอเสริม” ขนาดจิ๋วไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป ด้วยการใช้บอร์ด TENSTAR T‑Display ESP32‑D0WD ซึ่งมีจอ ST7789 ขนาด 1.14 นิ้ว ความละเอียด 135×240 พิกเซลในตัว แม้จะเล็กจนแทบต้องเพ่ง แต่ Shannon สามารถทำให้มันแสดงผลเดสก์ท็อปจริงแบบมิเรอร์จากเครื่องหลักได้อย่างน่าทึ่ง

    หัวใจของระบบคือการจับภาพหน้าจอจากคอมพิวเตอร์ แล้วส่งเฟรมผ่าน Wi‑Fi ไปยัง ESP32 ด้วยโปรโตคอลที่เขาออกแบบเอง โดยส่งเฉพาะ “พิกเซลที่เปลี่ยนไป” ทำให้เมื่อหน้าจอค่อนข้างนิ่ง สามารถเรนเดอร์ได้ถึง 60 FPS แต่ถ้าภาพเคลื่อนไหวมาก เฟรมเรตจะตกลงเหลือประมาณ 5 FPS ซึ่งยังถือว่าเร็วมากสำหรับจอขนาดนี้และข้อจำกัดของไมโครคอนโทรลเลอร์

    บนฝั่ง ESP32 ตัวบอร์ดทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณล้วนๆ ผ่าน SPI โดย Shannon เขียนเฟิร์มแวร์ด้วย Arduino IDE ส่วนฝั่งคอมพิวเตอร์ใช้ Python ทำงานเปรียบเทียบเฟรมก่อนส่ง ทำให้ระบบทั้งหมดทำงานได้แม้มี latency ต่ำกว่า 100 ms บน Wi‑Fi คุณภาพดี ถือว่าเร็วพอสำหรับการแสดงข้อมูลสถานะหรือ dashboard แบบเรียลไทม์

    แม้โปรเจกต์นี้จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้งานจริงจัง เช่น การทำงานเอกสารหรือเล่นเกม แต่ Shannon ชี้ว่ามันเหมาะมากสำหรับ IoT dashboards, จอแจ้งเตือน, หรือเป็นโปรเจกต์เรียนรู้การสตรีมภาพแบบ low‑bandwidth ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าด้วยความคิดสร้างสรรค์และการเขียนโค้ดที่ฉลาด แม้แต่จอเล็กระดับ “ของเล่น” ก็สามารถกลายเป็นอุปกรณ์จริงได้

    โปรเจกต์ใช้บอร์ด TENSTAR T‑Display ESP32‑D0WD
    มีจอ ST7789 ขนาด 1.14 นิ้ว ความละเอียด 135×240
    ราคาเพียง $11 แต่ทำงานเป็นจอเสริมได้จริง

    ระบบสตรีมภาพผ่าน Wi‑Fi แบบส่งเฉพาะพิกเซลที่เปลี่ยน
    เฟรมเรตสูงสุด ~60 FPS เมื่อภาพนิ่ง
    ลดลงเหลือ ~5 FPS เมื่อภาพเคลื่อนไหวมาก

    โครงสร้างซอฟต์แวร์เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
    ESP32 รับเฟรมผ่าน SPI และแสดงผลทันที
    Python บน PC ทำ frame diffing และ batching ก่อนส่ง

    ข้อจำกัดที่ต้องระวัง
    จอเล็กมากจนใช้งานจริงจังไม่ได้
    เฟรมเรตตกหนักเมื่อมีการเคลื่อนไหวเยอะ

    ความเสี่ยงด้านเครือข่ายและ latency
    ประสิทธิภาพขึ้นกับคุณภาพ Wi‑Fi
    หากสัญญาณรบกวนมาก อาจเกิดอาการหน่วงหรือเฟรมขาด

    https://www.tomshardware.com/maker-stem/microcontrollers/maker-builds-tiny-usd10-secondary-1-14-inch-display-using-an-esp32-you-could-play-crysis-on-it-if-you-squint
    🖥️ จอมินิ 1.14 นิ้วราคา $10 ที่ใช้ ESP32 — เมื่อจอ “สำหรับมด” กลายเป็นเดสก์ท็อปเสริมจริงๆ โปรเจกต์ของ Tucker Shannon แสดงให้เห็นว่าการสร้าง “จอเสริม” ขนาดจิ๋วไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป ด้วยการใช้บอร์ด TENSTAR T‑Display ESP32‑D0WD ซึ่งมีจอ ST7789 ขนาด 1.14 นิ้ว ความละเอียด 135×240 พิกเซลในตัว แม้จะเล็กจนแทบต้องเพ่ง แต่ Shannon สามารถทำให้มันแสดงผลเดสก์ท็อปจริงแบบมิเรอร์จากเครื่องหลักได้อย่างน่าทึ่ง หัวใจของระบบคือการจับภาพหน้าจอจากคอมพิวเตอร์ แล้วส่งเฟรมผ่าน Wi‑Fi ไปยัง ESP32 ด้วยโปรโตคอลที่เขาออกแบบเอง โดยส่งเฉพาะ “พิกเซลที่เปลี่ยนไป” ทำให้เมื่อหน้าจอค่อนข้างนิ่ง สามารถเรนเดอร์ได้ถึง 60 FPS แต่ถ้าภาพเคลื่อนไหวมาก เฟรมเรตจะตกลงเหลือประมาณ 5 FPS ซึ่งยังถือว่าเร็วมากสำหรับจอขนาดนี้และข้อจำกัดของไมโครคอนโทรลเลอร์ บนฝั่ง ESP32 ตัวบอร์ดทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณล้วนๆ ผ่าน SPI โดย Shannon เขียนเฟิร์มแวร์ด้วย Arduino IDE ส่วนฝั่งคอมพิวเตอร์ใช้ Python ทำงานเปรียบเทียบเฟรมก่อนส่ง ทำให้ระบบทั้งหมดทำงานได้แม้มี latency ต่ำกว่า 100 ms บน Wi‑Fi คุณภาพดี ถือว่าเร็วพอสำหรับการแสดงข้อมูลสถานะหรือ dashboard แบบเรียลไทม์ แม้โปรเจกต์นี้จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้งานจริงจัง เช่น การทำงานเอกสารหรือเล่นเกม แต่ Shannon ชี้ว่ามันเหมาะมากสำหรับ IoT dashboards, จอแจ้งเตือน, หรือเป็นโปรเจกต์เรียนรู้การสตรีมภาพแบบ low‑bandwidth ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าด้วยความคิดสร้างสรรค์และการเขียนโค้ดที่ฉลาด แม้แต่จอเล็กระดับ “ของเล่น” ก็สามารถกลายเป็นอุปกรณ์จริงได้ ✅ โปรเจกต์ใช้บอร์ด TENSTAR T‑Display ESP32‑D0WD ➡️ มีจอ ST7789 ขนาด 1.14 นิ้ว ความละเอียด 135×240 ➡️ ราคาเพียง $11 แต่ทำงานเป็นจอเสริมได้จริง ✅ ระบบสตรีมภาพผ่าน Wi‑Fi แบบส่งเฉพาะพิกเซลที่เปลี่ยน ➡️ เฟรมเรตสูงสุด ~60 FPS เมื่อภาพนิ่ง ➡️ ลดลงเหลือ ~5 FPS เมื่อภาพเคลื่อนไหวมาก ✅ โครงสร้างซอฟต์แวร์เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ➡️ ESP32 รับเฟรมผ่าน SPI และแสดงผลทันที ➡️ Python บน PC ทำ frame diffing และ batching ก่อนส่ง ‼️ ข้อจำกัดที่ต้องระวัง ⛔ จอเล็กมากจนใช้งานจริงจังไม่ได้ ⛔ เฟรมเรตตกหนักเมื่อมีการเคลื่อนไหวเยอะ ‼️ ความเสี่ยงด้านเครือข่ายและ latency ⛔ ประสิทธิภาพขึ้นกับคุณภาพ Wi‑Fi ⛔ หากสัญญาณรบกวนมาก อาจเกิดอาการหน่วงหรือเฟรมขาด https://www.tomshardware.com/maker-stem/microcontrollers/maker-builds-tiny-usd10-secondary-1-14-inch-display-using-an-esp32-you-could-play-crysis-on-it-if-you-squint
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • Nintendo เตรียมออก Game Card ความจุเล็กลงสำหรับ Switch 2 — ทางเลือกใหม่แทน 64GB ที่แพงและผลิตยาก

    รายงานล่าสุดเผยว่า Nintendo อาจเตรียมเปิดตัว Game Card ความจุ 16GB และ 32GB สำหรับ Switch 2 เพื่อแก้ปัญหาต้นทุนสูงของการ์ด 64GB ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีราคาผลิตสูงและมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์เพียง 400 MB/s ทำให้ผู้พัฒนาเกมจำนวนมากเลือกออกเป็น “กล่องเปล่า + โค้ดดาวน์โหลด” แทนการ์ดจริง สร้างความไม่พอใจให้ผู้เล่นที่ต้องการสื่อแบบจับต้องได้

    ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกโดย Inin Games ผู้จัดจำหน่าย R-Type Dimensions III ที่ระบุว่าเกมใหม่ของพวกเขาจะสามารถออกแบบตลับจริงได้เพราะ Nintendo เริ่มเสนอการ์ดความจุเล็กลง แม้ข้อความดังกล่าวถูกแก้ไขในภายหลัง แต่ก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ข่าวลือว่าการ์ดรุ่นใหม่กำลังจะมา อย่างไรก็ตาม วิกฤตชิปและ NAND ที่เกิดจากความต้องการด้าน AI ทำให้การผลิตอาจล่าช้า และที่สำคัญคือ ไม่ได้ช่วยลดต้นทุนลงอย่างที่หลายคนหวัง

    แหล่งข่าวอย่าง Nintendeal บน Bluesky ระบุว่าการ์ดรุ่นใหม่ “กำลังผลิตจริง” แต่จะเผชิญความล่าช้าเพราะอุตสาหกรรมกำลังแย่งชิงชิ้นส่วนเดียวกันกับตลาด AI ที่เติบโตแบบระเบิด ทำให้แม้จะมีตัวเลือกความจุเล็กลง แต่ราคาก็อาจไม่ต่างจากเดิมมากนัก ส่งผลให้ผู้พัฒนาอินดี้อาจยังต้องชั่งใจระหว่างการออกตลับจริงหรือใช้วิธีดาวน์โหลดเหมือนเดิม

    แม้สถานการณ์จะดูไม่สดใสนัก แต่ก็ยังมีแง่บวกสำหรับผู้เล่นที่รักสื่อแบบ Physical เพราะอย่างน้อย Nintendo ยังไม่ทิ้ง Game Card ไปทั้งหมด ในยุคที่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล การมี “ตัวเกมที่จับต้องได้” ยังคงเป็นคุณค่าทางวัฒนธรรมของเกมคอนโซลที่หลายคนไม่อยากให้หายไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Nintendo อาจเปิดตัว Game Card ความจุ 16GB และ 32GB
    เป็นตัวเลือกใหม่แทน 64GB ที่แพงและมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์
    ช่วยให้เกมอินดี้มีโอกาสออกตลับจริงมากขึ้น

    ข้อมูลเริ่มต้นมาจาก Inin Games
    ระบุว่าเกมใหม่สามารถออกตลับได้เพราะมีการ์ดความจุเล็กลง
    แม้ภายหลังจะลบข้อความ แต่ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ข่าวลือ

    วิกฤตชิปและ NAND ทำให้การผลิตล่าช้า
    ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ต้นทุนไม่ลดลง
    การ์ดใหม่อาจไม่ถูกลงอย่างที่คาด

    ตลาด Physical ยังไม่ตาย
    Nintendo ยังไม่ทิ้ง Game Card
    ผู้เล่นที่รักสื่อแบบจับต้องได้ยังมีความหวัง

    ประเด็นที่ควรระวัง / ข้อจำกัด
    ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Nintendo
    ข้อมูลทั้งหมดมาจากผู้จัดจำหน่ายและนักปล่อยข่าว

    ต้นทุนการผลิตอาจยังสูง
    แม้ความจุเล็กลง แต่ปัญหาชิ้นส่วนขาดตลาดทำให้ราคาไม่ลด

    ผู้พัฒนาอินดี้อาจยังลังเล
    การออกตลับจริงยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไร

    https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/nintendo-switch-2-to-reportedly-get-smaller-capacity-game-cartridges-soon-offering-an-alternative-to-costly-64gb-cards-storage-crisis-might-delay-production-however
    🎮 Nintendo เตรียมออก Game Card ความจุเล็กลงสำหรับ Switch 2 — ทางเลือกใหม่แทน 64GB ที่แพงและผลิตยาก รายงานล่าสุดเผยว่า Nintendo อาจเตรียมเปิดตัว Game Card ความจุ 16GB และ 32GB สำหรับ Switch 2 เพื่อแก้ปัญหาต้นทุนสูงของการ์ด 64GB ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีราคาผลิตสูงและมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์เพียง 400 MB/s ทำให้ผู้พัฒนาเกมจำนวนมากเลือกออกเป็น “กล่องเปล่า + โค้ดดาวน์โหลด” แทนการ์ดจริง สร้างความไม่พอใจให้ผู้เล่นที่ต้องการสื่อแบบจับต้องได้ ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกโดย Inin Games ผู้จัดจำหน่าย R-Type Dimensions III ที่ระบุว่าเกมใหม่ของพวกเขาจะสามารถออกแบบตลับจริงได้เพราะ Nintendo เริ่มเสนอการ์ดความจุเล็กลง แม้ข้อความดังกล่าวถูกแก้ไขในภายหลัง แต่ก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ข่าวลือว่าการ์ดรุ่นใหม่กำลังจะมา อย่างไรก็ตาม วิกฤตชิปและ NAND ที่เกิดจากความต้องการด้าน AI ทำให้การผลิตอาจล่าช้า และที่สำคัญคือ ไม่ได้ช่วยลดต้นทุนลงอย่างที่หลายคนหวัง แหล่งข่าวอย่าง Nintendeal บน Bluesky ระบุว่าการ์ดรุ่นใหม่ “กำลังผลิตจริง” แต่จะเผชิญความล่าช้าเพราะอุตสาหกรรมกำลังแย่งชิงชิ้นส่วนเดียวกันกับตลาด AI ที่เติบโตแบบระเบิด ทำให้แม้จะมีตัวเลือกความจุเล็กลง แต่ราคาก็อาจไม่ต่างจากเดิมมากนัก ส่งผลให้ผู้พัฒนาอินดี้อาจยังต้องชั่งใจระหว่างการออกตลับจริงหรือใช้วิธีดาวน์โหลดเหมือนเดิม แม้สถานการณ์จะดูไม่สดใสนัก แต่ก็ยังมีแง่บวกสำหรับผู้เล่นที่รักสื่อแบบ Physical เพราะอย่างน้อย Nintendo ยังไม่ทิ้ง Game Card ไปทั้งหมด ในยุคที่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล การมี “ตัวเกมที่จับต้องได้” ยังคงเป็นคุณค่าทางวัฒนธรรมของเกมคอนโซลที่หลายคนไม่อยากให้หายไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Nintendo อาจเปิดตัว Game Card ความจุ 16GB และ 32GB ➡️ เป็นตัวเลือกใหม่แทน 64GB ที่แพงและมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์ ➡️ ช่วยให้เกมอินดี้มีโอกาสออกตลับจริงมากขึ้น ✅ ข้อมูลเริ่มต้นมาจาก Inin Games ➡️ ระบุว่าเกมใหม่สามารถออกตลับได้เพราะมีการ์ดความจุเล็กลง ➡️ แม้ภายหลังจะลบข้อความ แต่ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ข่าวลือ ✅ วิกฤตชิปและ NAND ทำให้การผลิตล่าช้า ➡️ ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ต้นทุนไม่ลดลง ➡️ การ์ดใหม่อาจไม่ถูกลงอย่างที่คาด ✅ ตลาด Physical ยังไม่ตาย ➡️ Nintendo ยังไม่ทิ้ง Game Card ➡️ ผู้เล่นที่รักสื่อแบบจับต้องได้ยังมีความหวัง ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / ข้อจำกัด ‼️ ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Nintendo ⛔ ข้อมูลทั้งหมดมาจากผู้จัดจำหน่ายและนักปล่อยข่าว ‼️ ต้นทุนการผลิตอาจยังสูง ⛔ แม้ความจุเล็กลง แต่ปัญหาชิ้นส่วนขาดตลาดทำให้ราคาไม่ลด ‼️ ผู้พัฒนาอินดี้อาจยังลังเล ⛔ การออกตลับจริงยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไร https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/nintendo-switch-2-to-reportedly-get-smaller-capacity-game-cartridges-soon-offering-an-alternative-to-costly-64gb-cards-storage-crisis-might-delay-production-however
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • Privacy is Marketing. Anonymity is Architecture: เมื่อคำว่า “ความเป็นส่วนตัว” กลายเป็นสโลแกน แต่ “สถาปัตยกรรม” ต่างหากที่ปกป้องคุณจริง

    บทความของ Servury เปิดโปงความจริงที่หลายคนรู้แต่ไม่ค่อยพูดออกมา: คำว่า “เราห่วงใยความเป็นส่วนตัวของคุณ” กลายเป็นเพียง วาทกรรมทางการตลาด ที่บริษัทเทคโนโลยีใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ทั้งที่เบื้องหลังระบบยังคงเก็บข้อมูลทุกอย่างที่สามารถระบุตัวตนได้ ตั้งแต่ IP, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์ ไปจนถึงข้อมูลอุปกรณ์และพฤติกรรมการใช้งาน ความเป็นส่วนตัวในโลกปัจจุบันจึงไม่ใช่ “การปกป้องข้อมูล” แต่คือ “การครอบครองข้อมูล” ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่พร้อมถูกบังคับ เปิดเผย หรือรั่วไหลได้ทุกเมื่อ

    Servury ชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่าง Privacy (ความเป็นส่วนตัว) กับ Anonymity (การไม่ระบุตัวตน) อย่างชัดเจน โดยยกตัวอย่าง Mullvad VPN ที่ถูกตำรวจสวีเดนบุกค้นในปี 2023 แต่ไม่สามารถยึดข้อมูลผู้ใช้ได้ เพราะระบบถูกออกแบบให้ “ไม่มีข้อมูลใดๆ ให้ยึด” ตั้งแต่แรก นี่คือพลังของสถาปัตยกรรมที่ตั้งต้นจากแนวคิด “เก็บให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น” ไม่ใช่ “เก็บทุกอย่างแล้วค่อยปกป้องทีหลัง”

    Servury นำแนวคิดนี้มาใช้กับแพลตฟอร์มของตัวเอง โดยตัดสินใจไม่เก็บอีเมล ไม่เก็บ IP ไม่เก็บชื่อ ไม่เก็บข้อมูลการใช้งาน และไม่เก็บข้อมูลอุปกรณ์ สิ่งเดียวที่ผู้ใช้มีคือ credential แบบสุ่ม 32 ตัวอักษร ซึ่งเป็นทั้งบัญชีและกุญแจเข้าระบบในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่ามันแลกมากับความไม่สะดวก เช่น การกู้บัญชีไม่ได้ แต่ Servury ย้ำว่านี่คือ “ราคาของการไม่ทิ้งร่องรอย” และเป็นสิ่งที่บริษัทอื่นไม่กล้าทำเพราะขัดกับโมเดลธุรกิจที่ต้องพึ่งข้อมูลผู้ใช้

    บทความยังเตือนถึง “กับดักอีเมล” ซึ่งเป็นรากเหง้าของการติดตามตัวตนบนอินเทอร์เน็ต เพราะอีเมลผูกกับเบอร์โทร บัตรเครดิต บริการอื่นๆ และสามารถถูกติดตาม วิเคราะห์ หรือ subpoena ย้อนหลังได้ การใช้อีเมลจึงเท่ากับการยอมให้ตัวตนถูกผูกติดกับทุกบริการที่ใช้โดยอัตโนมัติ ในขณะที่โลกกำลังแยกออกเป็นสองฝั่ง—เว็บที่ต้องยืนยันตัวตนทุกอย่าง และ เว็บที่ยังคงรักษาความนิรนาม—บทความนี้คือคำเตือนว่าอนาคตของเสรีภาพออนไลน์ขึ้นอยู่กับสถาปัตยกรรม ไม่ใช่คำโฆษณา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความแตกต่างระหว่าง Privacy vs Anonymity
    Privacy คือการ “สัญญาว่าจะปกป้องข้อมูล”
    Anonymity คือ “ไม่มีข้อมูลให้ปกป้องตั้งแต่แรก”
    สถาปัตยกรรมที่ไม่เก็บข้อมูลคือการป้องกันที่แท้จริง

    ตัวอย่างจริง: Mullvad VPN
    ถูกตำรวจบุกค้นแต่ไม่มีข้อมูลให้ยึด
    ใช้ระบบบัญชีแบบตัวเลขสุ่ม 16 หลัก
    แสดงให้เห็นว่าการไม่เก็บข้อมูลคือเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด

    สถาปัตยกรรมของ Servury
    ไม่เก็บอีเมล ชื่อ IP อุปกรณ์ หรือข้อมูลการใช้งาน
    ผู้ใช้มีเพียง credential 32 ตัวอักษร
    ไม่มีระบบกู้บัญชี เพราะจะทำลายความนิรนาม

    ทำไมอีเมลคือ “ศัตรูของความนิรนาม”
    ผูกกับตัวตนจริงในหลายระบบ
    ถูกติดตาม วิเคราะห์ และ subpoena ได้
    เป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงตัวตนข้ามบริการ

    บริบทโลกอินเทอร์เน็ตยุคใหม่
    อินเทอร์เน็ตกำลังแบ่งเป็น “เว็บที่ต้องยืนยันตัวตน” และ “เว็บที่ยังนิรนามได้”
    บริการที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักผู้ใช้ควรออกแบบให้ไม่เก็บข้อมูล
    ความนิรนามคือสถาปัตยกรรม ไม่ใช่ฟีเจอร์

    ประเด็นที่ต้องระวัง
    สูญเสีย credential = สูญเสียบัญชีถาวร
    ความนิรนามไม่เท่ากับความปลอดภัย หากผู้ใช้เก็บ credential ไม่ดี
    การไม่เก็บข้อมูลไม่ได้ทำให้ผู้ใช้ “ล่องหน” จากทุกระบบ—เพียงลดการเชื่อมโยงตัวตน

    https://servury.com/blog/privacy-is-marketing-anonymity-is-architecture/
    🕶️ Privacy is Marketing. Anonymity is Architecture: เมื่อคำว่า “ความเป็นส่วนตัว” กลายเป็นสโลแกน แต่ “สถาปัตยกรรม” ต่างหากที่ปกป้องคุณจริง บทความของ Servury เปิดโปงความจริงที่หลายคนรู้แต่ไม่ค่อยพูดออกมา: คำว่า “เราห่วงใยความเป็นส่วนตัวของคุณ” กลายเป็นเพียง วาทกรรมทางการตลาด ที่บริษัทเทคโนโลยีใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ทั้งที่เบื้องหลังระบบยังคงเก็บข้อมูลทุกอย่างที่สามารถระบุตัวตนได้ ตั้งแต่ IP, อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์ ไปจนถึงข้อมูลอุปกรณ์และพฤติกรรมการใช้งาน ความเป็นส่วนตัวในโลกปัจจุบันจึงไม่ใช่ “การปกป้องข้อมูล” แต่คือ “การครอบครองข้อมูล” ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่พร้อมถูกบังคับ เปิดเผย หรือรั่วไหลได้ทุกเมื่อ Servury ชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่าง Privacy (ความเป็นส่วนตัว) กับ Anonymity (การไม่ระบุตัวตน) อย่างชัดเจน โดยยกตัวอย่าง Mullvad VPN ที่ถูกตำรวจสวีเดนบุกค้นในปี 2023 แต่ไม่สามารถยึดข้อมูลผู้ใช้ได้ เพราะระบบถูกออกแบบให้ “ไม่มีข้อมูลใดๆ ให้ยึด” ตั้งแต่แรก นี่คือพลังของสถาปัตยกรรมที่ตั้งต้นจากแนวคิด “เก็บให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น” ไม่ใช่ “เก็บทุกอย่างแล้วค่อยปกป้องทีหลัง” Servury นำแนวคิดนี้มาใช้กับแพลตฟอร์มของตัวเอง โดยตัดสินใจไม่เก็บอีเมล ไม่เก็บ IP ไม่เก็บชื่อ ไม่เก็บข้อมูลการใช้งาน และไม่เก็บข้อมูลอุปกรณ์ สิ่งเดียวที่ผู้ใช้มีคือ credential แบบสุ่ม 32 ตัวอักษร ซึ่งเป็นทั้งบัญชีและกุญแจเข้าระบบในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่ามันแลกมากับความไม่สะดวก เช่น การกู้บัญชีไม่ได้ แต่ Servury ย้ำว่านี่คือ “ราคาของการไม่ทิ้งร่องรอย” และเป็นสิ่งที่บริษัทอื่นไม่กล้าทำเพราะขัดกับโมเดลธุรกิจที่ต้องพึ่งข้อมูลผู้ใช้ บทความยังเตือนถึง “กับดักอีเมล” ซึ่งเป็นรากเหง้าของการติดตามตัวตนบนอินเทอร์เน็ต เพราะอีเมลผูกกับเบอร์โทร บัตรเครดิต บริการอื่นๆ และสามารถถูกติดตาม วิเคราะห์ หรือ subpoena ย้อนหลังได้ การใช้อีเมลจึงเท่ากับการยอมให้ตัวตนถูกผูกติดกับทุกบริการที่ใช้โดยอัตโนมัติ ในขณะที่โลกกำลังแยกออกเป็นสองฝั่ง—เว็บที่ต้องยืนยันตัวตนทุกอย่าง และ เว็บที่ยังคงรักษาความนิรนาม—บทความนี้คือคำเตือนว่าอนาคตของเสรีภาพออนไลน์ขึ้นอยู่กับสถาปัตยกรรม ไม่ใช่คำโฆษณา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความแตกต่างระหว่าง Privacy vs Anonymity ➡️ Privacy คือการ “สัญญาว่าจะปกป้องข้อมูล” ➡️ Anonymity คือ “ไม่มีข้อมูลให้ปกป้องตั้งแต่แรก” ➡️ สถาปัตยกรรมที่ไม่เก็บข้อมูลคือการป้องกันที่แท้จริง ✅ ตัวอย่างจริง: Mullvad VPN ➡️ ถูกตำรวจบุกค้นแต่ไม่มีข้อมูลให้ยึด ➡️ ใช้ระบบบัญชีแบบตัวเลขสุ่ม 16 หลัก ➡️ แสดงให้เห็นว่าการไม่เก็บข้อมูลคือเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด ✅ สถาปัตยกรรมของ Servury ➡️ ไม่เก็บอีเมล ชื่อ IP อุปกรณ์ หรือข้อมูลการใช้งาน ➡️ ผู้ใช้มีเพียง credential 32 ตัวอักษร ➡️ ไม่มีระบบกู้บัญชี เพราะจะทำลายความนิรนาม ✅ ทำไมอีเมลคือ “ศัตรูของความนิรนาม” ➡️ ผูกกับตัวตนจริงในหลายระบบ ➡️ ถูกติดตาม วิเคราะห์ และ subpoena ได้ ➡️ เป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงตัวตนข้ามบริการ ✅ บริบทโลกอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ ➡️ อินเทอร์เน็ตกำลังแบ่งเป็น “เว็บที่ต้องยืนยันตัวตน” และ “เว็บที่ยังนิรนามได้” ➡️ บริการที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักผู้ใช้ควรออกแบบให้ไม่เก็บข้อมูล ➡️ ความนิรนามคือสถาปัตยกรรม ไม่ใช่ฟีเจอร์ ‼️ ประเด็นที่ต้องระวัง ⛔ สูญเสีย credential = สูญเสียบัญชีถาวร ⛔ ความนิรนามไม่เท่ากับความปลอดภัย หากผู้ใช้เก็บ credential ไม่ดี ⛔ การไม่เก็บข้อมูลไม่ได้ทำให้ผู้ใช้ “ล่องหน” จากทุกระบบ—เพียงลดการเชื่อมโยงตัวตน https://servury.com/blog/privacy-is-marketing-anonymity-is-architecture/
    SERVURY.COM
    Privacy is Marketing. Anonymity is Architecture.
    Privacy is when they promise to protect your data. Anonymity is when they never had your data to begin with.
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • Steam เปลี่ยนเป็น 64‑bit เต็มรูปแบบ — ผู้ใช้ Windows 32‑bit จะหยุดรับอัปเดตในปี 2026

    Valve เดินหน้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการยุติการรองรับ Windows 32‑bit โดยอัปเดต Steam Client เดือนธันวาคมทำให้ตัวแอปบน Windows 10 64‑bit และ Windows 11 กลายเป็น แอป 64‑bit แบบเต็มตัวครั้งแรก ไม่ใช่แอป 32‑bit ที่รันบนระบบ 64‑bit อีกต่อไป

    ผู้ใช้ Windows 32‑bit จะถูกย้ายไปอยู่บน “compatibility branch” ที่จะหยุดรับอัปเดตทั้งหมดในวันที่ 1 มกราคม 2026 รวมถึง
    ไม่มี client update
    ไม่มี security patch
    ไม่มีการรับประกันว่าเกมหรือ backend ใหม่จะยังทำงานได้
    ไม่มี customer support

    Valve ระบุชัดว่า การยุติครั้งนี้กระทบเฉพาะ Windows 32‑bit ไม่กระทบเกม 32‑bit ซึ่งยังคงรันได้ตามปกติบน Windows 64‑bit ผ่าน Steam เช่นเดิม

    ข้อมูลจาก Steam Hardware Survey ชี้ว่า Windows 32‑bit เหลือผู้ใช้งานเพียง 0.01% เท่านั้น ทำให้การยุติการรองรับครั้งนี้แทบไม่กระทบผู้ใช้ส่วนใหญ่เลย

    การเปลี่ยนผ่านนี้ยังสอดคล้องกับทิศทางของ ecosystem Windows ที่กำลังบังคับใช้มาตรฐานใหม่ เช่น Secure Boot และข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอื่นๆ ซึ่ง Steam เองก็เริ่มรายงานข้อมูลเหล่านี้ใน client เวอร์ชันล่าสุดแล้ว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Steam บน Windows ตอนนี้เป็น 64‑bit เต็มรูปแบบ
    ไม่ใช่แอป 32‑bit ที่รันบนระบบ 64‑bit อีกต่อไป

    Windows 32‑bit จะหยุดรับอัปเดต Steam ในปี 2026
    ไม่มีอัปเดต
    ไม่มีแพตช์ความปลอดภัย
    ไม่มีการันตีความเข้ากันได้
    ไม่มี support

    ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบมีน้อยมาก
    Windows 32‑bit เหลือเพียง 0.01% ของผู้ใช้ Steam

    เกม 32‑bit ยังรันได้ตามปกติ
    การยุติรองรับกระทบเฉพาะ OS ไม่ใช่ตัวเกม

    สอดคล้องกับทิศทาง Windows รุ่นใหม่
    Secure Boot และมาตรฐานความปลอดภัยใหม่กำลังกลายเป็น requirement

    ประเด็นที่ควรระวัง
    ผู้ใช้ Windows 32‑bit ที่ CPU รองรับ 64‑bit ควรอัปเกรด OS
    ต้อง clean install เพื่อย้ายไป 64‑bit

    ผู้ใช้เครื่องเก่าที่เป็น CPU 32‑bit แท้จะ “หมดสิทธิ์” ใช้ Steam
    จะไม่สามารถรับอัปเดตหรือเล่นเกมใหม่ที่ต้องการ backend ใหม่ได้

    ความปลอดภัยจะลดลงเรื่อยๆ
    ไม่มี security patch จาก Steam อีกต่อไปหลังปี 2026

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/steam-begins-64-bit-transition-on-windows-as-32-bit-support-enters-final-countdown
    🖥️⚡ Steam เปลี่ยนเป็น 64‑bit เต็มรูปแบบ — ผู้ใช้ Windows 32‑bit จะหยุดรับอัปเดตในปี 2026 Valve เดินหน้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการยุติการรองรับ Windows 32‑bit โดยอัปเดต Steam Client เดือนธันวาคมทำให้ตัวแอปบน Windows 10 64‑bit และ Windows 11 กลายเป็น แอป 64‑bit แบบเต็มตัวครั้งแรก ไม่ใช่แอป 32‑bit ที่รันบนระบบ 64‑bit อีกต่อไป ผู้ใช้ Windows 32‑bit จะถูกย้ายไปอยู่บน “compatibility branch” ที่จะหยุดรับอัปเดตทั้งหมดในวันที่ 1 มกราคม 2026 รวมถึง ❗ ไม่มี client update ❗ ไม่มี security patch ❗ ไม่มีการรับประกันว่าเกมหรือ backend ใหม่จะยังทำงานได้ ❗ ไม่มี customer support Valve ระบุชัดว่า การยุติครั้งนี้กระทบเฉพาะ Windows 32‑bit ไม่กระทบเกม 32‑bit ซึ่งยังคงรันได้ตามปกติบน Windows 64‑bit ผ่าน Steam เช่นเดิม ข้อมูลจาก Steam Hardware Survey ชี้ว่า Windows 32‑bit เหลือผู้ใช้งานเพียง 0.01% เท่านั้น ทำให้การยุติการรองรับครั้งนี้แทบไม่กระทบผู้ใช้ส่วนใหญ่เลย การเปลี่ยนผ่านนี้ยังสอดคล้องกับทิศทางของ ecosystem Windows ที่กำลังบังคับใช้มาตรฐานใหม่ เช่น Secure Boot และข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอื่นๆ ซึ่ง Steam เองก็เริ่มรายงานข้อมูลเหล่านี้ใน client เวอร์ชันล่าสุดแล้ว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Steam บน Windows ตอนนี้เป็น 64‑bit เต็มรูปแบบ ➡️ ไม่ใช่แอป 32‑bit ที่รันบนระบบ 64‑bit อีกต่อไป ✅ Windows 32‑bit จะหยุดรับอัปเดต Steam ในปี 2026 ➡️ ไม่มีอัปเดต ➡️ ไม่มีแพตช์ความปลอดภัย ➡️ ไม่มีการันตีความเข้ากันได้ ➡️ ไม่มี support ✅ ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบมีน้อยมาก ➡️ Windows 32‑bit เหลือเพียง 0.01% ของผู้ใช้ Steam ✅ เกม 32‑bit ยังรันได้ตามปกติ ➡️ การยุติรองรับกระทบเฉพาะ OS ไม่ใช่ตัวเกม ✅ สอดคล้องกับทิศทาง Windows รุ่นใหม่ ➡️ Secure Boot และมาตรฐานความปลอดภัยใหม่กำลังกลายเป็น requirement ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง ‼️ ผู้ใช้ Windows 32‑bit ที่ CPU รองรับ 64‑bit ควรอัปเกรด OS ⛔ ต้อง clean install เพื่อย้ายไป 64‑bit ‼️ ผู้ใช้เครื่องเก่าที่เป็น CPU 32‑bit แท้จะ “หมดสิทธิ์” ใช้ Steam ⛔ จะไม่สามารถรับอัปเดตหรือเล่นเกมใหม่ที่ต้องการ backend ใหม่ได้ ‼️ ความปลอดภัยจะลดลงเรื่อยๆ ⛔ ไม่มี security patch จาก Steam อีกต่อไปหลังปี 2026 https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/steam-begins-64-bit-transition-on-windows-as-32-bit-support-enters-final-countdown
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • Zen 6: สถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” ของ AMD — ก้าวกระโดดครั้งใหญ่สู่ยุค 2nm และงานเวกเตอร์หนัก

    AMD เปิดเผยเอกสารทางเทคนิคชุดแรกของ Zen 6 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสถาปัตยกรรม CPU รุ่นถัดไปของบริษัท โดย Zen 6 ไม่ใช่การพัฒนาต่อยอดจาก Zen 4/Zen 5 แบบ incremental แต่เป็นการออกแบบใหม่แทบทั้งหมด โดยเน้นความกว้างของสถาปัตยกรรม (wide issue) และ throughput เป็นหลัก เอกสาร “Performance Monitor Counters” ที่ถูกค้นพบโดย InstLatX64 ชี้ว่า Zen 6 ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน ทำให้เป็นดีไซน์ที่เน้นงานขนานและงานหนักด้านเวกเตอร์มากขึ้น.

    Zen 6 ยังเพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์อย่างชัดเจน โดยรองรับ AVX‑512 แบบเต็ม 512‑bit ครอบคลุม FP64, FP32, FP16, BF16 รวมถึงชุดคำสั่ง AI เช่น VNNI, AES, SHA และ mixed FP‑INT ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า AMD ต้องการยกระดับ Zen 6 ให้เป็น “dense‑math engine” สำหรับงาน AI inference, HPC และเวิร์กโหลด data center โดยเฉพาะ. ความสามารถนี้สอดคล้องกับข้อมูลจาก HotHardware ที่ระบุว่า Zen 6 มี FP16 แบบ native และเพิ่ม hardware profiling สำหรับ memory behavior เพื่อแก้ปัญหาคอขวดด้าน latency และ bandwidth ในงานสมัยใหม่.

    อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ Zen 6 มี integer scheduler แยกเป็น 6 โดเมน แทนที่จะเป็น unified scheduler แบบ Zen 5 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือความถี่สัญญาณนาฬิกาในงาน integer ได้มากขึ้น แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการก็ตาม. นอกจากนี้ Zen 6 ยังถูกออกแบบบนกระบวนการผลิต TSMC 2nm-class และในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (EPYC “Venice”) จะรองรับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ตามข้อมูลจาก Tom’s Hardware.

    โดยรวมแล้ว Zen 6 ดูเหมือนจะเป็นสถาปัตยกรรมที่ AMD ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อ data center, AI และงานเวกเตอร์หนักเป็นหลัก ก่อนจะนำบางส่วนมาปรับใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์ในปี 2026–2027 ซึ่งอาจทำให้ยุค Zen 6 กลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดของ AMD นับตั้งแต่ Zen รุ่นแรก.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Zen 6 เป็นสถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” เน้น throughput
    ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน
    ออกแบบใหม่ ไม่ใช่ incremental จาก Zen 5

    รองรับ AVX‑512 เต็มรูปแบบและงาน AI หนัก
    รองรับ FP64/FP32/FP16/BF16 และ VNNI, AES, SHA
    FP16 แบบ native เพิ่มประสิทธิภาพ AI inference อย่างมากHotHardware

    เพิ่มความสามารถด้าน memory profiling
    มี “Memory Profiler IBS” สำหรับวิเคราะห์ bottleneck ระดับ instruction

    เปลี่ยน integer backend เป็น 6 scheduler domains
    แตกต่างจาก Zen 5 ที่ใช้ unified scheduler

    ใช้กระบวนการผลิต 2nm-class และรองรับคอร์จำนวนมาก
    EPYC “Venice” อาจสูงสุดถึง 256 คอร์

    ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน
    ดีไซน์แบบ wide‑issue อาจไม่เด่นในงาน single‑thread
    Apple มีดีไซน์ 9‑wide ที่อาจยังแรงกว่าในบางงานตามข้อมูล Tom’s Hardware

    ฟีเจอร์บางอย่างอาจไม่ถูกนำมาใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์
    Zen 6 ถูกออกแบบเพื่อ data center เป็นหลัก อาจมีการตัดทอนในรุ่นทั่วไป

    การเพิ่มความซับซ้อนของ scheduler อาจเพิ่มความเสี่ยงด้าน latency
    หากจัดการไม่ดี อาจเกิด overhead ในบางเวิร์กโหลด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-pubs-first-zen-6-document-for-developers-a-brand-new-8-wide-cpu-core-with-strong-vector-capabilities
    🧠⚡ Zen 6: สถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” ของ AMD — ก้าวกระโดดครั้งใหญ่สู่ยุค 2nm และงานเวกเตอร์หนัก AMD เปิดเผยเอกสารทางเทคนิคชุดแรกของ Zen 6 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสถาปัตยกรรม CPU รุ่นถัดไปของบริษัท โดย Zen 6 ไม่ใช่การพัฒนาต่อยอดจาก Zen 4/Zen 5 แบบ incremental แต่เป็นการออกแบบใหม่แทบทั้งหมด โดยเน้นความกว้างของสถาปัตยกรรม (wide issue) และ throughput เป็นหลัก เอกสาร “Performance Monitor Counters” ที่ถูกค้นพบโดย InstLatX64 ชี้ว่า Zen 6 ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน ทำให้เป็นดีไซน์ที่เน้นงานขนานและงานหนักด้านเวกเตอร์มากขึ้น. Zen 6 ยังเพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์อย่างชัดเจน โดยรองรับ AVX‑512 แบบเต็ม 512‑bit ครอบคลุม FP64, FP32, FP16, BF16 รวมถึงชุดคำสั่ง AI เช่น VNNI, AES, SHA และ mixed FP‑INT ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า AMD ต้องการยกระดับ Zen 6 ให้เป็น “dense‑math engine” สำหรับงาน AI inference, HPC และเวิร์กโหลด data center โดยเฉพาะ. ความสามารถนี้สอดคล้องกับข้อมูลจาก HotHardware ที่ระบุว่า Zen 6 มี FP16 แบบ native และเพิ่ม hardware profiling สำหรับ memory behavior เพื่อแก้ปัญหาคอขวดด้าน latency และ bandwidth ในงานสมัยใหม่. อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ Zen 6 มี integer scheduler แยกเป็น 6 โดเมน แทนที่จะเป็น unified scheduler แบบ Zen 5 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือความถี่สัญญาณนาฬิกาในงาน integer ได้มากขึ้น แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการก็ตาม. นอกจากนี้ Zen 6 ยังถูกออกแบบบนกระบวนการผลิต TSMC 2nm-class และในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (EPYC “Venice”) จะรองรับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ตามข้อมูลจาก Tom’s Hardware. โดยรวมแล้ว Zen 6 ดูเหมือนจะเป็นสถาปัตยกรรมที่ AMD ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อ data center, AI และงานเวกเตอร์หนักเป็นหลัก ก่อนจะนำบางส่วนมาปรับใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์ในปี 2026–2027 ซึ่งอาจทำให้ยุค Zen 6 กลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดของ AMD นับตั้งแต่ Zen รุ่นแรก. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Zen 6 เป็นสถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” เน้น throughput ➡️ ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน ➡️ ออกแบบใหม่ ไม่ใช่ incremental จาก Zen 5 ✅ รองรับ AVX‑512 เต็มรูปแบบและงาน AI หนัก ➡️ รองรับ FP64/FP32/FP16/BF16 และ VNNI, AES, SHA ➡️ FP16 แบบ native เพิ่มประสิทธิภาพ AI inference อย่างมากHotHardware ✅ เพิ่มความสามารถด้าน memory profiling ➡️ มี “Memory Profiler IBS” สำหรับวิเคราะห์ bottleneck ระดับ instruction ✅ เปลี่ยน integer backend เป็น 6 scheduler domains ➡️ แตกต่างจาก Zen 5 ที่ใช้ unified scheduler ✅ ใช้กระบวนการผลิต 2nm-class และรองรับคอร์จำนวนมาก ➡️ EPYC “Venice” อาจสูงสุดถึง 256 คอร์ ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน ‼️ ดีไซน์แบบ wide‑issue อาจไม่เด่นในงาน single‑thread ⛔ Apple มีดีไซน์ 9‑wide ที่อาจยังแรงกว่าในบางงานตามข้อมูล Tom’s Hardware ‼️ ฟีเจอร์บางอย่างอาจไม่ถูกนำมาใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์ ⛔ Zen 6 ถูกออกแบบเพื่อ data center เป็นหลัก อาจมีการตัดทอนในรุ่นทั่วไป ‼️ การเพิ่มความซับซ้อนของ scheduler อาจเพิ่มความเสี่ยงด้าน latency ⛔ หากจัดการไม่ดี อาจเกิด overhead ในบางเวิร์กโหลด https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-pubs-first-zen-6-document-for-developers-a-brand-new-8-wide-cpu-core-with-strong-vector-capabilities
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • 12 ปีแห่ง “HODL” — จากโพสต์เมาๆ สู่กลยุทธ์ลงทุนที่ทำกำไร 16,666%

    ย้อนกลับไปวันที่ 18 ธันวาคม 2013 ผู้ใช้ชื่อ GameKyuubi บนฟอรั่ม Bitcointalk ได้โพสต์ข้อความที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความเมา พร้อมพิมพ์ผิดคำว่า “HOLD” กลายเป็น “HODL” โดยบอกว่าตัวเองเป็น “นักเทรดที่ห่วย” และจะไม่ขายแม้ราคา Bitcoin จะร่วงหนัก ข้อความนั้นกลายเป็นมีมระดับตำนาน และเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม “ถือยาวไม่ขาย” ที่ครองใจนักลงทุนคริปโตทั่วโลก.

    ในเวลานั้น Bitcoin มีราคาเพียง $523 ต่อ 1 BTC ซึ่งถือว่าตกลงมามากจากจุดสูงสุด $1,132 ในเดือนก่อนหน้า แต่ถ้าใคร “HODL” จริงตามโพสต์นั้นและถือยาวมาถึงวันนี้ มูลค่าจะพุ่งขึ้นเป็นกว่า $87,623 ต่อ BTC หรือคิดเป็นกำไร 16,666% ตามข้อมูลในข่าว นี่คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของพลังการถือยาวในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่าง Bitcoin.

    แม้คำว่า HODL จะเกิดจากความเมา แต่วงการคริปโตได้ตีความใหม่ให้เป็น “Hold On for Dear Life” หรือ “จับไว้ให้แน่น” ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นระยะยาวมากกว่าการเทรดสั้นๆ ที่ต้องใช้ทักษะสูงและเสี่ยงต่อการขาดทุน การถือยาวจึงกลายเป็นทั้งวัฒนธรรมและกลยุทธ์ที่นักลงทุนจำนวนมากยึดถือ โดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวนหนัก.

    อย่างไรก็ตาม แม้ตัวอย่างนี้จะดูสวยงาม แต่นักลงทุนแบบดั้งเดิมเตือนว่ากลยุทธ์ HODL อาจไม่เหมาะกับทุกคน เพราะการไม่ตัดขาดทุนเลยอาจทำให้พอร์ตเสียหายหนักในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง การจัดการความเสี่ยงและการวางแผนจึงยังเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะอยู่ในโลกคริปโตที่เต็มไปด้วยความเชื่อและวัฒนธรรมเฉพาะตัวก็ตาม.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ต้นกำเนิด HODL มาจากโพสต์เมาๆ ของ GameKyuubi ปี 2013
    พิมพ์ผิดจาก “HOLD” เป็น “HODL” แต่กลายเป็นมีมระดับโลก
    เกิดขึ้นช่วงราคา BTC ร่วงหนักจนชุมชนตื่นตระหนก

    การถือ 1 BTC จากปี 2013 ถึงวันนี้ให้ผลตอบแทน 16,666%
    จาก $523 → มากกว่า $87,000
    เป็นตัวอย่างคลาสสิกของการถือยาวในสินทรัพย์ผันผวน

    HODL ถูกตีความใหม่เป็น “Hold On for Dear Life”
    กลายเป็นวัฒนธรรมหลักของนักลงทุนคริปโต
    เน้นความเชื่อมั่นระยะยาวมากกว่าการเทรดรายวัน

    ข่าวชี้ว่ากลยุทธ์นี้ยังเป็นแรงบันดาลใจในวงการคริปโต
    แม้จะเริ่มจากความเมา แต่กลายเป็นหลักคิดที่ทรงพลัง

    ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน
    กลยุทธ์ HODL ไม่เหมาะกับทุกคน
    การไม่ตัดขาดทุนอาจทำให้พอร์ตเสียหายหนักในตลาดผันผวน

    การตีความ “ถือยาว” อาจทำให้มองข้ามความเสี่ยงจริง
    นักลงทุนบางรายอาจเข้าใจผิดว่า HODL คือวิธีที่ปลอดภัยเสมอ

    ข้อมูลในข่าวชี้ว่าควรระวังการมองอดีตเป็นตัวชี้อนาคต
    ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลลัพธ์ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/hodlers-began-hodling-bitcoin-12-years-ago-iconic-whisky-fuelled-investment-strategy-would-have-turned-usd523-into-over-usd87-000-a-16-666-percent-gain
    🥃🚀 12 ปีแห่ง “HODL” — จากโพสต์เมาๆ สู่กลยุทธ์ลงทุนที่ทำกำไร 16,666% ย้อนกลับไปวันที่ 18 ธันวาคม 2013 ผู้ใช้ชื่อ GameKyuubi บนฟอรั่ม Bitcointalk ได้โพสต์ข้อความที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความเมา พร้อมพิมพ์ผิดคำว่า “HOLD” กลายเป็น “HODL” โดยบอกว่าตัวเองเป็น “นักเทรดที่ห่วย” และจะไม่ขายแม้ราคา Bitcoin จะร่วงหนัก ข้อความนั้นกลายเป็นมีมระดับตำนาน และเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม “ถือยาวไม่ขาย” ที่ครองใจนักลงทุนคริปโตทั่วโลก. ในเวลานั้น Bitcoin มีราคาเพียง $523 ต่อ 1 BTC ซึ่งถือว่าตกลงมามากจากจุดสูงสุด $1,132 ในเดือนก่อนหน้า แต่ถ้าใคร “HODL” จริงตามโพสต์นั้นและถือยาวมาถึงวันนี้ มูลค่าจะพุ่งขึ้นเป็นกว่า $87,623 ต่อ BTC หรือคิดเป็นกำไร 16,666% ตามข้อมูลในข่าว นี่คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของพลังการถือยาวในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่าง Bitcoin. แม้คำว่า HODL จะเกิดจากความเมา แต่วงการคริปโตได้ตีความใหม่ให้เป็น “Hold On for Dear Life” หรือ “จับไว้ให้แน่น” ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นระยะยาวมากกว่าการเทรดสั้นๆ ที่ต้องใช้ทักษะสูงและเสี่ยงต่อการขาดทุน การถือยาวจึงกลายเป็นทั้งวัฒนธรรมและกลยุทธ์ที่นักลงทุนจำนวนมากยึดถือ โดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวนหนัก. อย่างไรก็ตาม แม้ตัวอย่างนี้จะดูสวยงาม แต่นักลงทุนแบบดั้งเดิมเตือนว่ากลยุทธ์ HODL อาจไม่เหมาะกับทุกคน เพราะการไม่ตัดขาดทุนเลยอาจทำให้พอร์ตเสียหายหนักในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง การจัดการความเสี่ยงและการวางแผนจึงยังเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะอยู่ในโลกคริปโตที่เต็มไปด้วยความเชื่อและวัฒนธรรมเฉพาะตัวก็ตาม. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ต้นกำเนิด HODL มาจากโพสต์เมาๆ ของ GameKyuubi ปี 2013 ➡️ พิมพ์ผิดจาก “HOLD” เป็น “HODL” แต่กลายเป็นมีมระดับโลก ➡️ เกิดขึ้นช่วงราคา BTC ร่วงหนักจนชุมชนตื่นตระหนก ✅ การถือ 1 BTC จากปี 2013 ถึงวันนี้ให้ผลตอบแทน 16,666% ➡️ จาก $523 → มากกว่า $87,000 ➡️ เป็นตัวอย่างคลาสสิกของการถือยาวในสินทรัพย์ผันผวน ✅ HODL ถูกตีความใหม่เป็น “Hold On for Dear Life” ➡️ กลายเป็นวัฒนธรรมหลักของนักลงทุนคริปโต ➡️ เน้นความเชื่อมั่นระยะยาวมากกว่าการเทรดรายวัน ✅ ข่าวชี้ว่ากลยุทธ์นี้ยังเป็นแรงบันดาลใจในวงการคริปโต ➡️ แม้จะเริ่มจากความเมา แต่กลายเป็นหลักคิดที่ทรงพลัง ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน ‼️ กลยุทธ์ HODL ไม่เหมาะกับทุกคน ⛔ การไม่ตัดขาดทุนอาจทำให้พอร์ตเสียหายหนักในตลาดผันผวน ‼️ การตีความ “ถือยาว” อาจทำให้มองข้ามความเสี่ยงจริง ⛔ นักลงทุนบางรายอาจเข้าใจผิดว่า HODL คือวิธีที่ปลอดภัยเสมอ ‼️ ข้อมูลในข่าวชี้ว่าควรระวังการมองอดีตเป็นตัวชี้อนาคต ⛔ ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลลัพธ์ในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/hodlers-began-hodling-bitcoin-12-years-ago-iconic-whisky-fuelled-investment-strategy-would-have-turned-usd523-into-over-usd87-000-a-16-666-percent-gain
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 3

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย 3
    เรามาทำความเข้าใจ กับเรื่องเส้นทางขนส่งน้ำมันของตะวันออกกลางกันอีกทีก่อน ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความจุกอกของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย ชัดเจนขึ้น
    ตะวันออกกลางผลิตน้ำมันรวมกันทั้งหมดประมาณ 32 % ของ ปริมาณน้ำมันโลก ตามตัวเลขในปี ค.ศ.2013 เท่ากับประมาณ 28.3 พันล้านบาเรลต่อ วัน (bbl/d) และน้ำมันทั้งหมดดังกล่าว ส่งออกจากตะวันออกกลาง 2 ทาง
    ทางหนึ่งคือ ช่องแคบฮอร์มุส ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่แออัด ที่สุดในโลก ตัวเลขของ Energy Information Administration (EIA) ที่รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ระบุว่า มีน้ำมันประมาณ 167 ล้านบาเรล ต่อวัน ผ่านช่องแคบนี้
    และ 85% ของน้ำมันที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสนี้ ส่งต่อไปยังตลาดเอเซีย ที่มีลูกค้ารายใหญ่คือ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และจีน
    ส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบฮอร์มุส หรือที่เรียกกันว่า จุดรัดคอ choke point กว้างแค่ 21 ไมล์ แต่มีส่วนที่มีความลึกพอให้เรือบรรทุกแล่นผ่านไป มา 2 ด้าน กว้างด้านละแค่ 2 ไมล์ โดยมีช่องห่างระหว่างกัน 2 ไมล์
    ถ้าไม่ใช้เรือขนส่งน้ำมัน ก็ต้องขนส่งทางท่อส่ง และในกลุ่มซาอุมีเพียง 2 ประเทศ ที่จะมีทางเลือกไปใช้ท่อส่งน้ำมันได้คือ ซาอุดิอารเบียกับเอมิเรตส์ เท่านั้น และน้ำมันที่จะส่งผ่านท่อรวมกัน 2 ประเทศ ได้แค่จำนวนไม่เกิน 4.3 ล้านบาเรลต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ท่อส่งของทั้ง 2 ประเทศไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้สมบูรณ์ เนื่องจากความด้อยในการดูแลรักษา และเส้นทางท่อส่งก็จะต้องผ่านไปในเขตการต่อสู้ ที่มีอยู่มากมายในแถบนั้น
    ยิ่งไปกว่านั้น ท่อส่งอาจเจออุปสรรคอย่างอื่นอีกด้วย ท่อส่งของซาอุดิอารเบีย ส่งออกทางทะเลแดง ซึ่งยังมีปัญหาเกี่ยวกับเยเมน จึงมีความไม่แน่นอนว่า น้ำมันจะส่งผ่านทะเลแดงออกไปได้ไหม ส่วนท่อส่งของเอมิเรตส์ ก็ไปออกที่อ่าวของโอมาน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะทำตัวเป็นกลาง เพราะเมื่อ ซาอุ เรียกให้มาถล่มร่วมเยเมนเมื่อเดือนมีนาคม โอมานบอกไม่ว่างไป …มาแปลกนี่
    แปลว่าน้ำมันของตะวันออกกลาง แม้จะผลิตได้มาก แต่ต้องพึ่งการขนส่ง ผ่านเส้นทางที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสสูงอย่างน่าตกใจ และที่น่าตกใจกว่าสำหรับอเมริกาคือ อเมริกายังไม่สามารถควบคุมช่องแคบฮอร์มุสได้ ….และดูเหมือนจะกลายเป็นฝ่ายอิหร่าน ที่ตอนนี้ คุมอยู่….
    อเมริการู้จุดอ่อนของตัว และความเสี่ยงนี้ดีอยู่แก่ใจ จึงพยายามลดการนำเข้าน้ำมันในประเทศตัว แต่จากรายงานของ EIA เมื่อต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง ระบุว่าในปี ค.ศ.2014 อเมริกายังนำเข้าน้ำมันเป็นจำนวน 27% ของการใช้ และจาก Annual Energy Outlook บอกว่า อเมริกายังจะต้องมีการนำเข้าเชื้อเพลิงชนิดเหลว ซึ่งจำเป็นสำหรับการขนส่งภายในประเทศของอเมริกา ต่อไปอีกถึงงปี ค.ศ.2040 และตัวเลขที่นำเข้า กลับจะเพิ่มเอาด้วยซ้ำ
    ตัวเลขเหล่านี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์
    แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนของอเมริกาคือ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกา ยังจะต้องผูกติดอยู่กับการนำเข้าสินค้าทางอุตสาหกรรม เพราะอเมริกาแทบจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่แล้ว และแม้ตัวเลขพวกนี้อาจต่างกันตามแหล่งที่มา แต่จากรายงานของ ซีไอเอ ที่ออกมาล่าสุด เมื่อ วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.2015 แสดงตัวเลขนำเข้าสินค้าของอเมริกา สูงถึง 2.27 ล้านล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.2013 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่นำมาแสดงของอเมริกา
    (การนำเข้าจำนวนดังกล่าว เท่ากับ 13.6 % ของจีดีพีรวมจำนวน 16.72 ล้านล้านเหรียญ )
    การนำเข้าของอเมริกา แม้จะเป็นน้ำมันเพียง 8.2% แต่อีก 86.9 % เป็นสินค้า ที่เป็นผลผลิตทางอุตสาหกรรม และอย่างน้อย ประมาณ 35% ของสินค้านั้น ผลิตจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งประเทศเหล่านี้ ต้องพึ่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง
    ฮู้ย… พี่เบิ้ม ไหงใหญ่แบบ กลวงอย่างนี้ครับ
    (การพึ่งน้ำมันในทางอ้อม จากการนำเข้าของอเมริกาในจำนวนขนาดนี้ มีผลกระทบกับเศรษฐกิจของอเมริกา โดยติดลบสุทธิจากการนำเข้าสินค้า เป็นจำนวน 690 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับติดลบสุทธิการนำเข้าน้ำมันดิบจำนวน 186 พันล้านเหรียญ)
    ดูเหมือน เมื่อตอนที่อเมริกา เปลี่ยนนโยบาย (จริง หรือ หลอก) ที่จะไม่อุ้มตะวันออกกลาง คนร่างนโยบายของพี่เบิ้ม ใบตองแห้ง นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ คงลืมไปว่า กำลังใช้เสื้อผ้า เข้าของ เครื่องมือเครื่องใช้ ฯลฯ ที่ผลิตนอกอเมริกาทั้งสิ้น เวร…
    ปัจจุบัน สินค้าที่อเมริกายังผลิตอยู่เองเป็นเรื่องเป็นราว ดูเหมือนจะมีแต่กระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ อาวุธตรานกอินทรีย์ ยาตรานกอินทรีย์ กับสื่อและการบันเทิงตรานกอินทรีย์ เท่านั้นเอง
    แต่จะผลิตกระดาษสีเขียวต่อ ก็ต้องมีอำนาจกับเศรษฐกิจหนุน ไม่ใช่มีแต่ลมปาก ตอนนี้อำนาจก็กำลังถูกท้าทาย ถ้าเศรษฐกิจดันสะดุด เพราะถูกเขาปิดเส้นทางส่งน้ำมัน… คิดแค่นี้ ผมก็เสียวแทนพี่เบิ้มใบตองแห้งจัง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 3 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย 3 เรามาทำความเข้าใจ กับเรื่องเส้นทางขนส่งน้ำมันของตะวันออกกลางกันอีกทีก่อน ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความจุกอกของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย ชัดเจนขึ้น ตะวันออกกลางผลิตน้ำมันรวมกันทั้งหมดประมาณ 32 % ของ ปริมาณน้ำมันโลก ตามตัวเลขในปี ค.ศ.2013 เท่ากับประมาณ 28.3 พันล้านบาเรลต่อ วัน (bbl/d) และน้ำมันทั้งหมดดังกล่าว ส่งออกจากตะวันออกกลาง 2 ทาง ทางหนึ่งคือ ช่องแคบฮอร์มุส ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่แออัด ที่สุดในโลก ตัวเลขของ Energy Information Administration (EIA) ที่รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ระบุว่า มีน้ำมันประมาณ 167 ล้านบาเรล ต่อวัน ผ่านช่องแคบนี้ และ 85% ของน้ำมันที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสนี้ ส่งต่อไปยังตลาดเอเซีย ที่มีลูกค้ารายใหญ่คือ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และจีน ส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบฮอร์มุส หรือที่เรียกกันว่า จุดรัดคอ choke point กว้างแค่ 21 ไมล์ แต่มีส่วนที่มีความลึกพอให้เรือบรรทุกแล่นผ่านไป มา 2 ด้าน กว้างด้านละแค่ 2 ไมล์ โดยมีช่องห่างระหว่างกัน 2 ไมล์ ถ้าไม่ใช้เรือขนส่งน้ำมัน ก็ต้องขนส่งทางท่อส่ง และในกลุ่มซาอุมีเพียง 2 ประเทศ ที่จะมีทางเลือกไปใช้ท่อส่งน้ำมันได้คือ ซาอุดิอารเบียกับเอมิเรตส์ เท่านั้น และน้ำมันที่จะส่งผ่านท่อรวมกัน 2 ประเทศ ได้แค่จำนวนไม่เกิน 4.3 ล้านบาเรลต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ท่อส่งของทั้ง 2 ประเทศไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้สมบูรณ์ เนื่องจากความด้อยในการดูแลรักษา และเส้นทางท่อส่งก็จะต้องผ่านไปในเขตการต่อสู้ ที่มีอยู่มากมายในแถบนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ท่อส่งอาจเจออุปสรรคอย่างอื่นอีกด้วย ท่อส่งของซาอุดิอารเบีย ส่งออกทางทะเลแดง ซึ่งยังมีปัญหาเกี่ยวกับเยเมน จึงมีความไม่แน่นอนว่า น้ำมันจะส่งผ่านทะเลแดงออกไปได้ไหม ส่วนท่อส่งของเอมิเรตส์ ก็ไปออกที่อ่าวของโอมาน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะทำตัวเป็นกลาง เพราะเมื่อ ซาอุ เรียกให้มาถล่มร่วมเยเมนเมื่อเดือนมีนาคม โอมานบอกไม่ว่างไป …มาแปลกนี่ แปลว่าน้ำมันของตะวันออกกลาง แม้จะผลิตได้มาก แต่ต้องพึ่งการขนส่ง ผ่านเส้นทางที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสสูงอย่างน่าตกใจ และที่น่าตกใจกว่าสำหรับอเมริกาคือ อเมริกายังไม่สามารถควบคุมช่องแคบฮอร์มุสได้ ….และดูเหมือนจะกลายเป็นฝ่ายอิหร่าน ที่ตอนนี้ คุมอยู่…. อเมริการู้จุดอ่อนของตัว และความเสี่ยงนี้ดีอยู่แก่ใจ จึงพยายามลดการนำเข้าน้ำมันในประเทศตัว แต่จากรายงานของ EIA เมื่อต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง ระบุว่าในปี ค.ศ.2014 อเมริกายังนำเข้าน้ำมันเป็นจำนวน 27% ของการใช้ และจาก Annual Energy Outlook บอกว่า อเมริกายังจะต้องมีการนำเข้าเชื้อเพลิงชนิดเหลว ซึ่งจำเป็นสำหรับการขนส่งภายในประเทศของอเมริกา ต่อไปอีกถึงงปี ค.ศ.2040 และตัวเลขที่นำเข้า กลับจะเพิ่มเอาด้วยซ้ำ ตัวเลขเหล่านี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนของอเมริกาคือ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกา ยังจะต้องผูกติดอยู่กับการนำเข้าสินค้าทางอุตสาหกรรม เพราะอเมริกาแทบจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่แล้ว และแม้ตัวเลขพวกนี้อาจต่างกันตามแหล่งที่มา แต่จากรายงานของ ซีไอเอ ที่ออกมาล่าสุด เมื่อ วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.2015 แสดงตัวเลขนำเข้าสินค้าของอเมริกา สูงถึง 2.27 ล้านล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.2013 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่นำมาแสดงของอเมริกา (การนำเข้าจำนวนดังกล่าว เท่ากับ 13.6 % ของจีดีพีรวมจำนวน 16.72 ล้านล้านเหรียญ ) การนำเข้าของอเมริกา แม้จะเป็นน้ำมันเพียง 8.2% แต่อีก 86.9 % เป็นสินค้า ที่เป็นผลผลิตทางอุตสาหกรรม และอย่างน้อย ประมาณ 35% ของสินค้านั้น ผลิตจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งประเทศเหล่านี้ ต้องพึ่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง ฮู้ย… พี่เบิ้ม ไหงใหญ่แบบ กลวงอย่างนี้ครับ (การพึ่งน้ำมันในทางอ้อม จากการนำเข้าของอเมริกาในจำนวนขนาดนี้ มีผลกระทบกับเศรษฐกิจของอเมริกา โดยติดลบสุทธิจากการนำเข้าสินค้า เป็นจำนวน 690 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับติดลบสุทธิการนำเข้าน้ำมันดิบจำนวน 186 พันล้านเหรียญ) ดูเหมือน เมื่อตอนที่อเมริกา เปลี่ยนนโยบาย (จริง หรือ หลอก) ที่จะไม่อุ้มตะวันออกกลาง คนร่างนโยบายของพี่เบิ้ม ใบตองแห้ง นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ คงลืมไปว่า กำลังใช้เสื้อผ้า เข้าของ เครื่องมือเครื่องใช้ ฯลฯ ที่ผลิตนอกอเมริกาทั้งสิ้น เวร… ปัจจุบัน สินค้าที่อเมริกายังผลิตอยู่เองเป็นเรื่องเป็นราว ดูเหมือนจะมีแต่กระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ อาวุธตรานกอินทรีย์ ยาตรานกอินทรีย์ กับสื่อและการบันเทิงตรานกอินทรีย์ เท่านั้นเอง แต่จะผลิตกระดาษสีเขียวต่อ ก็ต้องมีอำนาจกับเศรษฐกิจหนุน ไม่ใช่มีแต่ลมปาก ตอนนี้อำนาจก็กำลังถูกท้าทาย ถ้าเศรษฐกิจดันสะดุด เพราะถูกเขาปิดเส้นทางส่งน้ำมัน… คิดแค่นี้ ผมก็เสียวแทนพี่เบิ้มใบตองแห้งจัง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • หน่วยความจำ DDR5 รุ่นใหม่ที่ผ่านการรับรองจาก Intel

    SK hynix ประกาศว่าโมดูล DDR5 RDIMM ขนาด 256GB ที่ใช้ชิปหน่วยความจำ 32Gb บนกระบวนการผลิต 1b (5th Gen 10nm-class) ได้รับการรับรองจาก Intel Data Center Certified เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม จุดเด่นคือการรวมความจุสูงเข้ากับการใช้พลังงานต่ำและประสิทธิภาพสูง ซึ่งเหมาะกับเซิร์ฟเวอร์ AI และระบบ hyperscale cloud ที่ต้องการทั้งความเร็วและความคุ้มค่า

    ประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน
    โมดูล DDR5 รุ่นใหม่นี้สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 18% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ 256GB รุ่นก่อนหน้า โดยเฉลี่ยแล้วจะช่วยลดการใช้พลังงานได้ 32.4W ต่อเครื่อง Xeon 6 แบบ single-CPU ซึ่งหากนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลที่มีเครื่องนับหมื่นเครื่อง จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้หลายล้านดอลลาร์ต่อปี

    ผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูลและ AI workloads
    AI servers ใช้หน่วยความจำจำนวนมหาศาลทั้ง HBM และ DDR5 SDRAM การลดพลังงานในระดับโมดูลจึงมีผลกระทบมหาศาลต่อการดำเนินงาน โดยเฉพาะ hyperscale data centers ที่ต้องการทั้ง throughput สูงและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ การรับรองจาก Intel ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ให้บริการคลาวด์และองค์กรที่ต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    แม้จะมีการประหยัดพลังงานที่ชัดเจน แต่การใช้โมดูลความจุสูงเช่นนี้ยังมีต้นทุนที่สูง และอาจไม่เหมาะกับ workload ที่ไม่ได้ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่ นอกจากนี้ การเปลี่ยนไปใช้ DDR5 รุ่นใหม่ยังต้องพิจารณาความเข้ากันได้กับแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การรับรองจาก Intel
    SK hynix 256GB DDR5 RDIMM ผ่าน Intel Data Center Certified
    ใช้ชิป 32Gb บนกระบวนการผลิต 1b

    ประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน
    ลดการใช้พลังงานได้ 18% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
    ประหยัดได้ 32.4W ต่อเครื่อง Xeon 6

    ผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูล
    ลดค่าใช้จ่ายมหาศาลใน hyperscale data centers
    เหมาะกับ AI workloads ที่ต้องการ throughput สูง

    ข้อควรระวัง
    ราคาสูง อาจไม่เหมาะกับ workload ที่ไม่ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่
    ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้กับแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/intel-certified-256-gb-ddr5-stick-could-cut-xeon-memory-power-by-18-percent-saving-millions-of-dollars-a-32w-per-socket-reduction-could-save-millions-per-hyperscale-data-center
    🖥️ หน่วยความจำ DDR5 รุ่นใหม่ที่ผ่านการรับรองจาก Intel SK hynix ประกาศว่าโมดูล DDR5 RDIMM ขนาด 256GB ที่ใช้ชิปหน่วยความจำ 32Gb บนกระบวนการผลิต 1b (5th Gen 10nm-class) ได้รับการรับรองจาก Intel Data Center Certified เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม จุดเด่นคือการรวมความจุสูงเข้ากับการใช้พลังงานต่ำและประสิทธิภาพสูง ซึ่งเหมาะกับเซิร์ฟเวอร์ AI และระบบ hyperscale cloud ที่ต้องการทั้งความเร็วและความคุ้มค่า ⚡ ประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน โมดูล DDR5 รุ่นใหม่นี้สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 18% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ 256GB รุ่นก่อนหน้า โดยเฉลี่ยแล้วจะช่วยลดการใช้พลังงานได้ 32.4W ต่อเครื่อง Xeon 6 แบบ single-CPU ซึ่งหากนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลที่มีเครื่องนับหมื่นเครื่อง จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้หลายล้านดอลลาร์ต่อปี 🌐 ผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูลและ AI workloads AI servers ใช้หน่วยความจำจำนวนมหาศาลทั้ง HBM และ DDR5 SDRAM การลดพลังงานในระดับโมดูลจึงมีผลกระทบมหาศาลต่อการดำเนินงาน โดยเฉพาะ hyperscale data centers ที่ต้องการทั้ง throughput สูงและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ การรับรองจาก Intel ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ให้บริการคลาวด์และองค์กรที่ต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ⚠️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด แม้จะมีการประหยัดพลังงานที่ชัดเจน แต่การใช้โมดูลความจุสูงเช่นนี้ยังมีต้นทุนที่สูง และอาจไม่เหมาะกับ workload ที่ไม่ได้ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่ นอกจากนี้ การเปลี่ยนไปใช้ DDR5 รุ่นใหม่ยังต้องพิจารณาความเข้ากันได้กับแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การรับรองจาก Intel ➡️ SK hynix 256GB DDR5 RDIMM ผ่าน Intel Data Center Certified ➡️ ใช้ชิป 32Gb บนกระบวนการผลิต 1b ✅ ประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน ➡️ ลดการใช้พลังงานได้ 18% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ➡️ ประหยัดได้ 32.4W ต่อเครื่อง Xeon 6 ✅ ผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูล ➡️ ลดค่าใช้จ่ายมหาศาลใน hyperscale data centers ➡️ เหมาะกับ AI workloads ที่ต้องการ throughput สูง ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคาสูง อาจไม่เหมาะกับ workload ที่ไม่ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่ ⛔ ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้กับแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/intel-certified-256-gb-ddr5-stick-could-cut-xeon-memory-power-by-18-percent-saving-millions-of-dollars-a-32w-per-socket-reduction-could-save-millions-per-hyperscale-data-center
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 Reviews
  • Windows Server 2025: ยุคใหม่ของ Native NVMe

    Microsoft ได้ปรับปรุงสถาปัตยกรรมการจัดการ I/O ของ Windows Server 2025 โดยตัดการแปลงคำสั่ง NVMe ไปเป็น SCSI ที่เคยเป็นคอขวดมานาน ทำให้ระบบสามารถสื่อสารกับ NVMe SSD ได้โดยตรง ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพการอ่านเขียนข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในงานที่ต้องการ throughput สูง เช่น virtualization, AI/ML workloads และฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    ประสิทธิภาพที่พิสูจน์ได้
    การทดสอบภายในของ Microsoft แสดงให้เห็นว่า Native NVMe สามารถเพิ่ม IOPS ได้ถึง 80% และลดการใช้ CPU ลง 45% เมื่อเทียบกับ Windows Server 2022 การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการใช้ multi-queue architecture ของ NVMe ที่รองรับได้ถึง 64,000 queues และ 64,000 commands ต่อ queue ซึ่งต่างจาก SCSI ที่จำกัดเพียง 32 commands ต่อ queue

    ผลกระทบต่อองค์กร
    สำหรับองค์กรที่ใช้ SQL Server, Hyper-V หรือระบบไฟล์เซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ การเปิดใช้งาน Native NVMe จะช่วยให้การทำงานเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น VM boot เร็วขึ้น, live migration ลื่นไหลขึ้น และการประมวลผลข้อมูล AI/ML มี latency ต่ำลง นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ เพราะสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    แม้ฟีเจอร์นี้จะพร้อมใช้งานแล้ว แต่ Microsoft เลือกที่จะปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทดสอบก่อนนำไปใช้จริง ต้องเปิดใช้งานด้วยการแก้ Registry หรือ Group Policy และยังมีข้อจำกัดว่าต้องใช้ไดรเวอร์ StorNVMe.sys ของ Windows เอง หากใช้ไดรเวอร์จากผู้ผลิตอื่น ฟีเจอร์นี้จะไม่ทำงาน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าบาง consumer SSD อาจไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมใหม่และอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเปลี่ยนแปลงหลักใน Windows Server 2025
    รองรับ Native NVMe โดยตรง ไม่ต้องผ่าน SCSI translation
    เพิ่ม IOPS ได้สูงสุด 80% และลด CPU usage 45%

    ผลลัพธ์ต่อองค์กรและ workload
    SQL Server, Hyper-V, และ AI/ML workloads ทำงานเร็วขึ้น
    ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    ฟีเจอร์ถูกปิดเป็นค่าเริ่มต้น ต้องเปิดเองผ่าน Registry/Group Policy
    ต้องใช้ไดรเวอร์ StorNVMe.sys ของ Windows เท่านั้น
    บาง consumer SSD อาจไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมใหม่ ทำให้ประสิทธิภาพลดลง

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/windows-server-2025-gains-native-nvme-support-14-years-after-its-introduction-groundbreaking-i-o-stack-drops-scsi-emulation-limitations-for-massive-throughput-and-cpu-efficiency-gains
    🖥️ Windows Server 2025: ยุคใหม่ของ Native NVMe Microsoft ได้ปรับปรุงสถาปัตยกรรมการจัดการ I/O ของ Windows Server 2025 โดยตัดการแปลงคำสั่ง NVMe ไปเป็น SCSI ที่เคยเป็นคอขวดมานาน ทำให้ระบบสามารถสื่อสารกับ NVMe SSD ได้โดยตรง ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพการอ่านเขียนข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในงานที่ต้องการ throughput สูง เช่น virtualization, AI/ML workloads และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ⚡ ประสิทธิภาพที่พิสูจน์ได้ การทดสอบภายในของ Microsoft แสดงให้เห็นว่า Native NVMe สามารถเพิ่ม IOPS ได้ถึง 80% และลดการใช้ CPU ลง 45% เมื่อเทียบกับ Windows Server 2022 การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการใช้ multi-queue architecture ของ NVMe ที่รองรับได้ถึง 64,000 queues และ 64,000 commands ต่อ queue ซึ่งต่างจาก SCSI ที่จำกัดเพียง 32 commands ต่อ queue 🏢 ผลกระทบต่อองค์กร สำหรับองค์กรที่ใช้ SQL Server, Hyper-V หรือระบบไฟล์เซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ การเปิดใช้งาน Native NVMe จะช่วยให้การทำงานเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น VM boot เร็วขึ้น, live migration ลื่นไหลขึ้น และการประมวลผลข้อมูล AI/ML มี latency ต่ำลง นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ เพราะสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚠️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด แม้ฟีเจอร์นี้จะพร้อมใช้งานแล้ว แต่ Microsoft เลือกที่จะปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทดสอบก่อนนำไปใช้จริง ต้องเปิดใช้งานด้วยการแก้ Registry หรือ Group Policy และยังมีข้อจำกัดว่าต้องใช้ไดรเวอร์ StorNVMe.sys ของ Windows เอง หากใช้ไดรเวอร์จากผู้ผลิตอื่น ฟีเจอร์นี้จะไม่ทำงาน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าบาง consumer SSD อาจไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมใหม่และอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเปลี่ยนแปลงหลักใน Windows Server 2025 ➡️ รองรับ Native NVMe โดยตรง ไม่ต้องผ่าน SCSI translation ➡️ เพิ่ม IOPS ได้สูงสุด 80% และลด CPU usage 45% ✅ ผลลัพธ์ต่อองค์กรและ workload ➡️ SQL Server, Hyper-V, และ AI/ML workloads ทำงานเร็วขึ้น ➡️ ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน ⛔ ฟีเจอร์ถูกปิดเป็นค่าเริ่มต้น ต้องเปิดเองผ่าน Registry/Group Policy ⛔ ต้องใช้ไดรเวอร์ StorNVMe.sys ของ Windows เท่านั้น ⛔ บาง consumer SSD อาจไม่เข้ากับสถาปัตยกรรมใหม่ ทำให้ประสิทธิภาพลดลง https://www.tomshardware.com/desktops/servers/windows-server-2025-gains-native-nvme-support-14-years-after-its-introduction-groundbreaking-i-o-stack-drops-scsi-emulation-limitations-for-massive-throughput-and-cpu-efficiency-gains
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • ปีใหม่ 69 เปิดมอเตอร์เวย์ M6 วิ่งฉิวบางปะอินถึงนครราชสีมา

    ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา จะเปิดให้ประชาชนสัญจรเป็นการชั่วคราว ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ช่วงบางปะอิน-ปากช่อง-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2568 ถึง 5 ม.ค. 2569 โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ลดความแออัดของเส้นทางหลักอย่างถนนพหลโยธิน และถนนมิตรภาพ รวมทั้งแบ่งเบาภาระการจราจรสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    โดยทิศทางขาออกกรุงเทพฯ จากด่านบางปะอิน-ปากช่อง เปิดให้สัญจรระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. 2568 เวลา 00.01 น. ถึง 1 ม.ค. 2569 เวลา 24.00 น. เท่านั้น เนื่องจากการก่อสร้างตอน 4 (สะพานข้ามหนองน้ำ) ยังไม่แล้วเสร็จ จึงต้องเบี่ยงการจราจรตั้งแต่กิโลเมตรที่ 10+150 ถึง 30+800 หลังจากนั้นทิศทางขาเข้ากรุงเทพฯ จากปากช่อง-บางปะอิน เปิดให้สัญจรระหว่างวันที่ 2 ม.ค. 2569 เวลา 06.00 น. ถึง 5 ม.ค. 2569 เวลา 24.00 น. ส่วนช่วงปากช่อง-นครราชสีมา เปิดให้สัญจรสองทิศทางตลอด 24 ชั่วโมง

    สำหรับทางเข้า-ออกด่านบางปะอินจะมี 3 ทิศทาง ได้แก่ 1. ด้านถนนกาญจนาภิเษก (ทางหลวงหมายเลข 9) เลยทางแยกต่างระดับเชียงราก (ทางหลวงหมายเลข 347) มุ่งหน้าบางปะอินเล็กน้อย 2. ด้านถนนพหลโยธิน เลยปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านใหญ่วังน้อย ขาขึ้น กม.54 3. ด้านทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 ก่อนถึงทางออกบางปะอิน โปรดสังเกตป้ายบอกทางสีน้ำเงิน ระบุว่า "มอเตอร์เวย์ M6 ปากช่อง นครราชสีมา" เนื่องจากแอปพลิเคชันบอกทางอาจยังไม่อัปเดตเส้นทาง

    เนื่องจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ครั้งนี้ยังไม่เต็มรูปแบบ เพราะฉะนั้นใช้ได้เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ อีกทั้งไม่มีปั๊มน้ำมันหรือ EV Charger กลางทาง จึงควรเติมน้ำมันหรือชาร์จไฟให้เพียงพอต่อการเดินทางระยะยาว ถ้ามาจากถนนพหลโยธิน เมื่อเลยทางแยกต่างระดับบางปะอิน กม.53-54 จะมีปั๊มน้ำมันเชลล์, บางจาก และ PTT Station แต่ถ้ามาจากมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 เลยทางแยกต่างระดับธัญบุรีไปแล้ว ใช้ทางออก 2 (คลองหลวง-หนองเสือ) จะมีปั๊มน้ำมัน PTT Station, บางจาก และคาลเท็กซ์ ที่เข้า-ออกทางหลักได้

    สำหรับผู้ที่มาจากภาคใต้ ผ่านถนนพระรามที่ 2 และจังหวัดสมุทรสาคร สามารถใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ที่ด่านมหาชัย 1 ต่อเนื่องทางพิเศษกาญจนาภิเษกที่ด่านบางขุนเทียน ต่อเนื่องมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ที่ด่านบางแก้ว เสียค่าผ่านทางที่ด่านทับช้าง และด่านธัญบุรี เพื่อเข้ามอเตอร์เวย์หมายเลข 6 ได้ ซึ่งจากด่านมหาชัย 1 ถึงจังหวัดนครราชสีมา คิดเป็นระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร

    #Newskit
    ปีใหม่ 69 เปิดมอเตอร์เวย์ M6 วิ่งฉิวบางปะอินถึงนครราชสีมา ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา จะเปิดให้ประชาชนสัญจรเป็นการชั่วคราว ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ช่วงบางปะอิน-ปากช่อง-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2568 ถึง 5 ม.ค. 2569 โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ลดความแออัดของเส้นทางหลักอย่างถนนพหลโยธิน และถนนมิตรภาพ รวมทั้งแบ่งเบาภาระการจราจรสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยทิศทางขาออกกรุงเทพฯ จากด่านบางปะอิน-ปากช่อง เปิดให้สัญจรระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. 2568 เวลา 00.01 น. ถึง 1 ม.ค. 2569 เวลา 24.00 น. เท่านั้น เนื่องจากการก่อสร้างตอน 4 (สะพานข้ามหนองน้ำ) ยังไม่แล้วเสร็จ จึงต้องเบี่ยงการจราจรตั้งแต่กิโลเมตรที่ 10+150 ถึง 30+800 หลังจากนั้นทิศทางขาเข้ากรุงเทพฯ จากปากช่อง-บางปะอิน เปิดให้สัญจรระหว่างวันที่ 2 ม.ค. 2569 เวลา 06.00 น. ถึง 5 ม.ค. 2569 เวลา 24.00 น. ส่วนช่วงปากช่อง-นครราชสีมา เปิดให้สัญจรสองทิศทางตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับทางเข้า-ออกด่านบางปะอินจะมี 3 ทิศทาง ได้แก่ 1. ด้านถนนกาญจนาภิเษก (ทางหลวงหมายเลข 9) เลยทางแยกต่างระดับเชียงราก (ทางหลวงหมายเลข 347) มุ่งหน้าบางปะอินเล็กน้อย 2. ด้านถนนพหลโยธิน เลยปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านใหญ่วังน้อย ขาขึ้น กม.54 3. ด้านทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 ก่อนถึงทางออกบางปะอิน โปรดสังเกตป้ายบอกทางสีน้ำเงิน ระบุว่า "มอเตอร์เวย์ M6 ปากช่อง นครราชสีมา" เนื่องจากแอปพลิเคชันบอกทางอาจยังไม่อัปเดตเส้นทาง เนื่องจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ครั้งนี้ยังไม่เต็มรูปแบบ เพราะฉะนั้นใช้ได้เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ อีกทั้งไม่มีปั๊มน้ำมันหรือ EV Charger กลางทาง จึงควรเติมน้ำมันหรือชาร์จไฟให้เพียงพอต่อการเดินทางระยะยาว ถ้ามาจากถนนพหลโยธิน เมื่อเลยทางแยกต่างระดับบางปะอิน กม.53-54 จะมีปั๊มน้ำมันเชลล์, บางจาก และ PTT Station แต่ถ้ามาจากมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 เลยทางแยกต่างระดับธัญบุรีไปแล้ว ใช้ทางออก 2 (คลองหลวง-หนองเสือ) จะมีปั๊มน้ำมัน PTT Station, บางจาก และคาลเท็กซ์ ที่เข้า-ออกทางหลักได้ สำหรับผู้ที่มาจากภาคใต้ ผ่านถนนพระรามที่ 2 และจังหวัดสมุทรสาคร สามารถใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ที่ด่านมหาชัย 1 ต่อเนื่องทางพิเศษกาญจนาภิเษกที่ด่านบางขุนเทียน ต่อเนื่องมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ที่ด่านบางแก้ว เสียค่าผ่านทางที่ด่านทับช้าง และด่านธัญบุรี เพื่อเข้ามอเตอร์เวย์หมายเลข 6 ได้ ซึ่งจากด่านมหาชัย 1 ถึงจังหวัดนครราชสีมา คิดเป็นระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร #Newskit
    1 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep324 (live)
    ค.คร้าบบบ Ep324 (live) ปัญหาสงครามไทย-กัมพูชา วุ่นวายถึงต่างชาติจ้องจะเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นพี่ใหญ่ แสดงตนเป็นคนกลาง ... แต่กลางข้างใครกันแน่??
    .
    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    .
    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=UJ5nbqp5y24
    🔴 SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep324 (live) ค.คร้าบบบ Ep324 (live) ปัญหาสงครามไทย-กัมพูชา วุ่นวายถึงต่างชาติจ้องจะเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นพี่ใหญ่ แสดงตนเป็นคนกลาง ... แต่กลางข้างใครกันแน่?? . สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk . คลิก https://www.youtube.com/watch?v=UJ5nbqp5y24
    Like
    Love
    14
    9 Comments 0 Shares 491 Views 1 Reviews
  • Intel Battlemage GPU: หลักฐานใหม่ยืนยันชิป BMG-G31

    รายงานล่าสุดจาก Tom’s Hardware เผยว่า Intel กำลังเดินหน้าพัฒนา GPU รุ่นใหม่ในตระกูล Battlemage โดยมีการพบหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิป BMG-G31 ในซอฟต์แวร์ XPU Manager เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับตรวจสอบ GPU ของ Intel ในศูนย์ข้อมูล การปรากฏของรหัสชิปนี้บ่งชี้ว่า Intel กำลังทดสอบและเตรียมเปิดตัว GPU ขนาดใหญ่กว่ารุ่น Arc B580 ที่ใช้ชิป G21

    ข้อมูลจากการรั่วไหลและการอัปเดตไดรเวอร์โอเพนซอร์สชี้ว่า BMG-G31 อาจมี 32 Xe2/Xe cores, บัสหน่วยความจำ 256-bit และหน่วยความจำ GDDR6 อย่างน้อย 16GB พร้อมค่า TDP ที่อาจสูงถึง 300W หากเป็นรุ่นสำหรับเดสก์ท็อป สิ่งนี้ทำให้ Battlemage รุ่นใหม่ถูกคาดหวังว่าจะสามารถแข่งขันกับ GPU ระดับกลางของ Nvidia และ AMD ได้จริงในตลาด 1440p

    อย่างไรก็ตาม การผลิตชิปขนาดใหญ่เช่นนี้มีความเสี่ยงด้านต้นทุนและผลผลิตต่อเวเฟอร์ที่ต่ำลง ซึ่งอาจทำให้ Intel ต้องเผชิญกับความท้าทายในการตั้งราคาที่แข่งขันได้โดยไม่กระทบต่อกำไร นอกจากนี้ ความสำเร็จของ Battlemage จะขึ้นอยู่กับ ความสมบูรณ์ของไดรเวอร์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ Intel พยายามแก้ไขมาตลอดในรุ่นก่อนหน้า

    หาก Intel สามารถเปิดตัว Battlemage ได้ตามที่คาดการณ์ไว้ในปี 2026 จะเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในตลาด GPU และอาจสร้างแรงกดดันต่อคู่แข่งที่ครองตลาดมานาน แต่หากการพัฒนาไม่เป็นไปตามเป้า ก็อาจทำให้ Intel สูญเสียโอกาสสำคัญในการสร้างฐานผู้ใช้ใหม่ในตลาดเกมและเวิร์กสเตชัน

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การยืนยันชิป BMG-G31
    พบใน XPU Manager และไดรเวอร์โอเพนซอร์ส ยืนยันการพัฒนา Battlemage รุ่นใหม่

    สเปกที่คาดการณ์
    32 Xe2 cores, บัส 256-bit, GDDR6 16GB, TDP สูงสุด ~300W

    เป้าหมายตลาด
    แข่งขันกับ GPU ระดับกลางของ Nvidia และ AMD ในตลาด 1440p

    ความท้าทายด้านต้นทุน
    ชิปขนาดใหญ่ทำให้ผลผลิตต่อเวเฟอร์ต่ำลง กดดันการตั้งราคา

    คำเตือนด้านไดรเวอร์และการเปิดตัว
    ความสำเร็จขึ้นอยู่กับคุณภาพไดรเวอร์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ Intel ในอดีต
    หากเปิดตัวล่าช้าหรือไม่สามารถแข่งขันได้ อาจทำให้ Intel สูญเสียโอกาสในตลาด GPU

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/evidence-of-intels-big-battlemage-gpu-continues-to-mount-as-bmg-g31-chip-gets-another-official-confirmation
    🎮 Intel Battlemage GPU: หลักฐานใหม่ยืนยันชิป BMG-G31 รายงานล่าสุดจาก Tom’s Hardware เผยว่า Intel กำลังเดินหน้าพัฒนา GPU รุ่นใหม่ในตระกูล Battlemage โดยมีการพบหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิป BMG-G31 ในซอฟต์แวร์ XPU Manager เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับตรวจสอบ GPU ของ Intel ในศูนย์ข้อมูล การปรากฏของรหัสชิปนี้บ่งชี้ว่า Intel กำลังทดสอบและเตรียมเปิดตัว GPU ขนาดใหญ่กว่ารุ่น Arc B580 ที่ใช้ชิป G21 ข้อมูลจากการรั่วไหลและการอัปเดตไดรเวอร์โอเพนซอร์สชี้ว่า BMG-G31 อาจมี 32 Xe2/Xe cores, บัสหน่วยความจำ 256-bit และหน่วยความจำ GDDR6 อย่างน้อย 16GB พร้อมค่า TDP ที่อาจสูงถึง 300W หากเป็นรุ่นสำหรับเดสก์ท็อป สิ่งนี้ทำให้ Battlemage รุ่นใหม่ถูกคาดหวังว่าจะสามารถแข่งขันกับ GPU ระดับกลางของ Nvidia และ AMD ได้จริงในตลาด 1440p อย่างไรก็ตาม การผลิตชิปขนาดใหญ่เช่นนี้มีความเสี่ยงด้านต้นทุนและผลผลิตต่อเวเฟอร์ที่ต่ำลง ซึ่งอาจทำให้ Intel ต้องเผชิญกับความท้าทายในการตั้งราคาที่แข่งขันได้โดยไม่กระทบต่อกำไร นอกจากนี้ ความสำเร็จของ Battlemage จะขึ้นอยู่กับ ความสมบูรณ์ของไดรเวอร์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ Intel พยายามแก้ไขมาตลอดในรุ่นก่อนหน้า หาก Intel สามารถเปิดตัว Battlemage ได้ตามที่คาดการณ์ไว้ในปี 2026 จะเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในตลาด GPU และอาจสร้างแรงกดดันต่อคู่แข่งที่ครองตลาดมานาน แต่หากการพัฒนาไม่เป็นไปตามเป้า ก็อาจทำให้ Intel สูญเสียโอกาสสำคัญในการสร้างฐานผู้ใช้ใหม่ในตลาดเกมและเวิร์กสเตชัน 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การยืนยันชิป BMG-G31 ➡️ พบใน XPU Manager และไดรเวอร์โอเพนซอร์ส ยืนยันการพัฒนา Battlemage รุ่นใหม่ ✅ สเปกที่คาดการณ์ ➡️ 32 Xe2 cores, บัส 256-bit, GDDR6 16GB, TDP สูงสุด ~300W ✅ เป้าหมายตลาด ➡️ แข่งขันกับ GPU ระดับกลางของ Nvidia และ AMD ในตลาด 1440p ✅ ความท้าทายด้านต้นทุน ➡️ ชิปขนาดใหญ่ทำให้ผลผลิตต่อเวเฟอร์ต่ำลง กดดันการตั้งราคา ‼️ คำเตือนด้านไดรเวอร์และการเปิดตัว ⛔ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับคุณภาพไดรเวอร์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ Intel ในอดีต ⛔ หากเปิดตัวล่าช้าหรือไม่สามารถแข่งขันได้ อาจทำให้ Intel สูญเสียโอกาสในตลาด GPU https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/evidence-of-intels-big-battlemage-gpu-continues-to-mount-as-bmg-g31-chip-gets-another-official-confirmation
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Evidence of Intel's 'Big Battlemage' GPU continues to mount, as BMG-G31 chip gets another official confirmation
    The XPU Manager tool is for monitoring Intel's datacenter GPUs, meaning it's very likely these parts are coming soon.
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • พรรคประชาชวย ประกาศ 100 รายชื่อว่าที่ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่มีครูธัญ ธัญวัจน์ ผู้กำกับ 321 แอคชั่นฉาก "แลกจูบกลางสภา" ดีที่แกไม่จัดฉาก "จูบสั่งลา" จากเส้นทางการเมือง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    พรรคประชาชวย ประกาศ 100 รายชื่อว่าที่ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่มีครูธัญ ธัญวัจน์ ผู้กำกับ 321 แอคชั่นฉาก "แลกจูบกลางสภา" ดีที่แกไม่จัดฉาก "จูบสั่งลา" จากเส้นทางการเมือง #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • ตำรวจระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมช่วงก่อนวันคริสต์มาสและวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2569 โดยจัดพิธีปล่อยแถวเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วย เพื่อดูแลความปลอดภัยประชาชนและนักท่องเที่ยว
    .
    การปฏิบัติการดังกล่าวดำเนินการระหว่างวันที่ 17–25 ธันวาคม เป็นเวลา 9 วัน เน้นป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และตรวจความพร้อมของกำลังพลและอุปกรณ์
    .
    สำนักงานตำรวจแห่งชาติย้ำเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย ควบคู่การรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย เมาไม่ขับ และประชาสัมพันธ์โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในช่วงเทศกาล
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121532
    .
    #News1live #News1 #ตำรวจ #กวาดล้างอาชญากรรม #คริสต์มาส #ปีใหม่2569 #ความปลอดภัยประชาชน #จราจร
    ตำรวจระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมช่วงก่อนวันคริสต์มาสและวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2569 โดยจัดพิธีปล่อยแถวเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วย เพื่อดูแลความปลอดภัยประชาชนและนักท่องเที่ยว . การปฏิบัติการดังกล่าวดำเนินการระหว่างวันที่ 17–25 ธันวาคม เป็นเวลา 9 วัน เน้นป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และตรวจความพร้อมของกำลังพลและอุปกรณ์ . สำนักงานตำรวจแห่งชาติย้ำเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย ควบคู่การรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย เมาไม่ขับ และประชาสัมพันธ์โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในช่วงเทศกาล . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121532 . #News1live #News1 #ตำรวจ #กวาดล้างอาชญากรรม #คริสต์มาส #ปีใหม่2569 #ความปลอดภัยประชาชน #จราจร
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-google-5-star-reviews/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-google-5-star-reviews/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-google-negative-reviews/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-google-negative-reviews/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 Comments 0 Shares 322 Views 0 Reviews
  • Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-telegram-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-telegram-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-old-gmail-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-old-gmail-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-moonpay-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-moonpay-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews
  • Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-paypal-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-paypal-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-cash-app-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-cash-app-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-ebay-accounts/
    ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com
    ➤WhatsApp : +44 7577-329388
    ➤Telegram : @pvaoutlets
    ➤Skype : pvaoutlets
    #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    Visit Now: https://pvaoutlets.com/product/buy-verified-ebay-accounts/ ➤E-mail : pvaoutlets@ gmail.com ➤WhatsApp : +44 7577-329388 ➤Telegram : @pvaoutlets ➤Skype : pvaoutlets #pvaoutlets #seo #digitalmarketer #usaaccounts #seoservice #socialmedia #contentwriter #on_page_seo #off_page_s
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • หญิงญี่ปุ่นแต่งงานกับคู่รัก AI – ความรักเสมือนจริงที่กลายเป็นจริง

    เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 ที่เมืองโอคายามะ ประเทศญี่ปุ่น หญิงวัย 32 ปีชื่อ Yurina Noguchi ได้จัดพิธีแต่งงานกับคู่รักเสมือนจริงที่เธอสร้างขึ้นจากตัวละครในวิดีโอเกม โดยใช้เทคโนโลยี AI และแสดงผลผ่านสมาร์ทโฟนและแว่นตา AR พิธีจัดขึ้นเหมือนงานแต่งงานทั่วไป มีชุดเจ้าสาว เพลง และการแลกแหวน

    Noguchi เล่าว่าเธอเริ่มต้นจากการพูดคุยกับ AI เพื่อคลายเหงา แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเกิดความรู้สึกจริงจัง จนตัดสินใจสร้างตัวละคร “Lune Klaus Verdure” ขึ้นมาเป็นคู่ชีวิต เธอย้ำว่า “ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่การหนีความจริง แต่เป็นการมีใครสักคนที่สนับสนุนให้เธอใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง”

    แม้พิธีแต่งงานเช่นนี้จะไม่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่น แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีบริษัทรับจัดงานแต่งงานสำหรับคู่รักเสมือนจริงโดยเฉพาะ ข้อมูลจากการสำรวจพบว่า 22% ของเด็กผู้หญิงระดับมัธยมต้นในญี่ปุ่นเคยมีความรู้สึก “fictoromantic” หรือความรักต่อบุคคลเสมือนจริง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 16.6% ในปี 2017

    นักวิชาการด้านสังคมวิทยาเตือนว่า ความสัมพันธ์กับ AI อาจทำให้ผู้คนขาดการฝึกฝนความอดทนที่จำเป็นต่อความสัมพันธ์จริง แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า หากใช้ด้วยความตระหนักและมี “การตั้งขอบเขต” ความสัมพันธ์เช่นนี้ก็สามารถสร้างคุณค่าและความสุขได้เช่นกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    พิธีแต่งงานเสมือนจริงในญี่ปุ่น
    จัดขึ้นเหมือนงานแต่งงานทั่วไป แต่คู่รักเป็น AI
    ใช้สมาร์ทโฟนและแว่นตา AR ในพิธี

    เรื่องราวของ Yurina Noguchi
    เริ่มจากการพูดคุยกับ AI จนเกิดความรักจริงจัง
    สร้างตัวละคร “Lune Klaus Verdure” เป็นคู่ชีวิต

    กระแสความรักเสมือนจริง
    บริษัทรับจัดงานแต่งงานสำหรับคู่รักเสมือนจริงเพิ่มขึ้น
    22% ของเด็กผู้หญิงมัธยมต้นเคยมีความรู้สึกรักต่อบุคคลเสมือนจริง

    ข้อถกเถียงทางสังคม
    ความสัมพันธ์กับ AI อาจทำให้ขาดการฝึกฝนความอดทนในชีวิตจริง
    ต้องมีการตั้งขอบเขตเพื่อป้องกันการพึ่งพา AI มากเกินไป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/ai-romance-blooms-as-japan-woman-weds-virtual-partner-of-her-dreams
    💍 หญิงญี่ปุ่นแต่งงานกับคู่รัก AI – ความรักเสมือนจริงที่กลายเป็นจริง เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 ที่เมืองโอคายามะ ประเทศญี่ปุ่น หญิงวัย 32 ปีชื่อ Yurina Noguchi ได้จัดพิธีแต่งงานกับคู่รักเสมือนจริงที่เธอสร้างขึ้นจากตัวละครในวิดีโอเกม โดยใช้เทคโนโลยี AI และแสดงผลผ่านสมาร์ทโฟนและแว่นตา AR พิธีจัดขึ้นเหมือนงานแต่งงานทั่วไป มีชุดเจ้าสาว เพลง และการแลกแหวน Noguchi เล่าว่าเธอเริ่มต้นจากการพูดคุยกับ AI เพื่อคลายเหงา แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเกิดความรู้สึกจริงจัง จนตัดสินใจสร้างตัวละคร “Lune Klaus Verdure” ขึ้นมาเป็นคู่ชีวิต เธอย้ำว่า “ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่การหนีความจริง แต่เป็นการมีใครสักคนที่สนับสนุนให้เธอใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง” แม้พิธีแต่งงานเช่นนี้จะไม่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่น แต่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีบริษัทรับจัดงานแต่งงานสำหรับคู่รักเสมือนจริงโดยเฉพาะ ข้อมูลจากการสำรวจพบว่า 22% ของเด็กผู้หญิงระดับมัธยมต้นในญี่ปุ่นเคยมีความรู้สึก “fictoromantic” หรือความรักต่อบุคคลเสมือนจริง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 16.6% ในปี 2017 นักวิชาการด้านสังคมวิทยาเตือนว่า ความสัมพันธ์กับ AI อาจทำให้ผู้คนขาดการฝึกฝนความอดทนที่จำเป็นต่อความสัมพันธ์จริง แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า หากใช้ด้วยความตระหนักและมี “การตั้งขอบเขต” ความสัมพันธ์เช่นนี้ก็สามารถสร้างคุณค่าและความสุขได้เช่นกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ พิธีแต่งงานเสมือนจริงในญี่ปุ่น ➡️ จัดขึ้นเหมือนงานแต่งงานทั่วไป แต่คู่รักเป็น AI ➡️ ใช้สมาร์ทโฟนและแว่นตา AR ในพิธี ✅ เรื่องราวของ Yurina Noguchi ➡️ เริ่มจากการพูดคุยกับ AI จนเกิดความรักจริงจัง ➡️ สร้างตัวละคร “Lune Klaus Verdure” เป็นคู่ชีวิต ✅ กระแสความรักเสมือนจริง ➡️ บริษัทรับจัดงานแต่งงานสำหรับคู่รักเสมือนจริงเพิ่มขึ้น ➡️ 22% ของเด็กผู้หญิงมัธยมต้นเคยมีความรู้สึกรักต่อบุคคลเสมือนจริง ‼️ ข้อถกเถียงทางสังคม ⛔ ความสัมพันธ์กับ AI อาจทำให้ขาดการฝึกฝนความอดทนในชีวิตจริง ⛔ ต้องมีการตั้งขอบเขตเพื่อป้องกันการพึ่งพา AI มากเกินไป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/ai-romance-blooms-as-japan-woman-weds-virtual-partner-of-her-dreams
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI romance blooms as Japan woman weds virtual partner of her dreams
    OKAYAMA, Japan, Dec 17 (Reuters) - Music played in a wedding hall in western Japan as Yurina Noguchi, wearing a white gown and tiara, dabbed away her tears, taking in the words of her husband-to-be: an AI-generated persona gazing out from a smartphone screen.
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
More Results