• ศักดิ์ศรีวันนี้เหลือแค่ "บักโจ๊ก" โดนพิษสุนัขบ้าระบาดเข้าร่าง คลั่งฟ้องไปทั่ว ทั้งต่าย เต่า ต่อ สตช. ปปช. ศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุด ประธานศาล ประธานแผนกฯ ร้านค้าประชาชนโปรดระวัง แม่งอาจฟ้องเอาได้ แอบอัดเสียงสนทนาทุกเวลาแม้แต่ตอนมันนั่งขี้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #บิ๊กโจ๊ก
    ศักดิ์ศรีวันนี้เหลือแค่ "บักโจ๊ก" โดนพิษสุนัขบ้าระบาดเข้าร่าง คลั่งฟ้องไปทั่ว ทั้งต่าย เต่า ต่อ สตช. ปปช. ศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุด ประธานศาล ประธานแผนกฯ ร้านค้าประชาชนโปรดระวัง แม่งอาจฟ้องเอาได้ แอบอัดเสียงสนทนาทุกเวลาแม้แต่ตอนมันนั่งขี้ #คิงส์โพธิ์แดง #บิ๊กโจ๊ก
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/QDycv2BMf9Y?si=Mlbo0ZiHrkJ-u2y0 #เพลงเพราะ #แผ่นดินไทย #coverแผ่นดินไทย #สามัคคี #โจ๊ะ1977 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ว่างว่างก็แวะมา
    https://youtu.be/QDycv2BMf9Y?si=Mlbo0ZiHrkJ-u2y0 #เพลงเพราะ #แผ่นดินไทย #coverแผ่นดินไทย #สามัคคี #โจ๊ะ1977 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน ข้อมูลเดือด บิ๊กโจ๊กวิ่งขาขวิด เปิดทุกช็อต ดิ้นเฮือกสุดท้าย (28/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #บิ๊กโจ๊ก
    #การเมืองไทย
    #ตำรวจ
    ด่วน ข้อมูลเดือด บิ๊กโจ๊กวิ่งขาขวิด เปิดทุกช็อต ดิ้นเฮือกสุดท้าย (28/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #บิ๊กโจ๊ก #การเมืองไทย #ตำรวจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.ฟัน 5 เจ้าหน้าที่! ช่วยเหลือ "บิ๊กโจ๊ก" คดีเว็บพนัน ละเว้นขั้นตอนไต่สวน ส่อเจตนาอุ้มคดี สั่งเบิกงบพิเศษอัดฉีดทีมทำคดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091315

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ป.ป.ช.ฟัน 5 เจ้าหน้าที่! ช่วยเหลือ "บิ๊กโจ๊ก" คดีเว็บพนัน ละเว้นขั้นตอนไต่สวน ส่อเจตนาอุ้มคดี สั่งเบิกงบพิเศษอัดฉีดทีมทำคดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091315 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'บิ๊กโจ๊ก' เดินหน้าลุยต่อ! ยื่น ป.ป.ช. เอาผิดตุลาการศาลปกครองสูงสุด! ชี้ใช้ 'คอนเนคชั่น' ช่วย 'ผบ.ตร.'!
    https://www.thai-tai.tv/news/21425/
    .
    #ไทยไท #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชษฐ์หักพาล #ศาลปกครองสูงสุด #ปปช #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้

    'บิ๊กโจ๊ก' เดินหน้าลุยต่อ! ยื่น ป.ป.ช. เอาผิดตุลาการศาลปกครองสูงสุด! ชี้ใช้ 'คอนเนคชั่น' ช่วย 'ผบ.ตร.'! https://www.thai-tai.tv/news/21425/ . #ไทยไท #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชษฐ์หักพาล #ศาลปกครองสูงสุด #ปปช #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 14
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 14 (ตอนจบ)
    หลังจากนาย Kenneth จัดอบรมหลักสูตรปรับพื้นสนามล่าได้ประมาณ
2 ปี วันหนึ่งในปี ค.ศ.1963 นาย Alexis Johnson ก็เข้ามาเยี่ยมระหว่างการฝึกอบรมและประกาศว่านาย Kenneth ทำหน้าที่ปรับพื้นสนามล่าได้ผล เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงจะให้นาย Kenneth ไปทำหน้าที่สำคัญกว่านั้น โดยเป็น Dean of Area Studies for the Foreign Service Institute ซึ่งเป็นการสร้างหลักสูตรสำหรับโปรแกรมต่างๆ ทั่วโลก เป็นงานนั่งโต๊ะ ซึ่งนาย Kenneth บอกว่าไม่รู้ตัวเลย ว่าเขาถูกปลดจากที่ยืนบนแท่นที่ มีไฟส่อง ไปนั่งโต๊ะทำงานในมุมมืด แต่งานมันมีมุมลึกกว่าเดิม ถึงจะลึกยังไง คงไม่สบกับอารมณ์ของนาย Kenneth ซึ่งชอบเสนอหน้า เขาทนนั่งทำงานอยู่ที่สถาบันนี้อยู่ 2,3 ปี จึงออกไปทำงานเป็นศาสตราจารย์เต็ม ตัวใน American University ตามคำชวนของนาย Ernest Griffith แห่ง Council for American Learned Studies ตกลง ใครนะเป็นเจ้าของ มิชชั่นนารี จากเมืองตรัง
    นาย Griffith ขอให้เขาตั้งสถาบันเอเซีย ท้ังตะวันออกเฉียงใต้และเอเซียใต้ที่ American University ซึ่งนาย Kenneth ก็ตกลง เขาคิดหลักสูตรและให้มีการสอนทั้งภาษา ไทย พม่า เวียตนาม ฮินดู และอินโดนีเซีย ฯลฯ หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยดังๆ ต่างๆ ในอเมริกา ต่างพากันตั้งสถาบันทำนองนี้กันหมด ครอบคลุมไปหลาย area เครื่องมือนักล่าแพร่หลายและใช้การได้อย่างดี นาย Kenneth (หรือคนสร้างนาย Kenneth ? ) เป็นคนมองเห็นการณ์ไกลจริง
    และก็สถาบันแบบนี้แหละ ที่ ประมาณ 6,7 ปีมานี้ ไอ้โจรร้ายได้ส่งพวกอาจารย์นักบิด(เบือน)รุ่นใหญ่ ไปเป็นหัวหน้าภาควิชา โดยการสนับสนุนให้ทุนก้อนใหญ่ และการร่วมมือของพวกนักล่า ไปปรับหลักสูตรใหม่ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับสถาบัน หลังจากน้ัน บทความที่บิดเบือนเกี่ยวกับสถาบัน เขียนโดยสมุนนักล่า และ ขี้ข้าโจร ก็ทยอยกันออกมา จนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้ก็กำลังโหมฟืนเพิ่มไฟ นักล่าและไอ้โจรร้าย ทำทุกวิถีทางที่จะเขย่าเสาหลักให้คลอน การครอบครองแดนสมันน้อยจะได้ง่ายขึ้น เลิกสงสัยกันได้ว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
    อเมริกาซึ่งเคยรู้จักเมืองไทยแบบลางเลือน รู้แค่ว่าเมืองไทยมีแต่คนฝาแฝดตัวติดกัน รู้จักสถาบันกษัตริย์ของไทยผ่านสายตา ของนางพี่เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเพ้อเจ้อ เช่น นาง Anna Leonowens ก็ได้ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนไป คงต้องยอมรับว่า ฝีมือกระล่อนและความเป็นนักฉวยโอกาสของนาย Kenneth ได้ผล ทำให้เครื่องมือนักล่าประเภทนี้ขึ้นอันดับ อเมริกาติดใจดัดแปลงเครื่องมือชนิดนี้ไปเรื่อๆ นาย Kenneth มาเป็นมิชชั่นนารี อาสามาทำงานในเมืองไทยเอง หรือจะมาด้วยเหตุผลอื่น เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องมือนักล่าเช่นนี้ ได้ผลอย่างชนิดเหลือเชื่อ การเรียนภาษาไทยจนเข้าใจและอ่านได้ ถึงขนาดอ่านขาดว่าม้าตัวเต็งชื่อสฤษดิ์จะเข้าวิน ทำให้อเมริกาเดินงานได้ตามแผนที่วางไว้เกือบทุกอย่าง แบบนี้จะมีหรือที่ อเมริกาจะไม่เก็บเครื่องมือชนิดนี้ไว้ใช้ต่อ แค่ดัดแปลงใส่ app ใหม่ๆเข้าไปเรื่อยๆเท่านั้น
    สถาบันเอเซียศึกษาไม่ว่าอยู่ใน เมืองไทย หรือในอเมริกา มาจากไหน หนังสือเกือบ 2000 เล่ม และแผ่นที่หอบไป ขยายผลได้มากมาย มูลนิธิต่างๆ เช่น Asia Foundation ….. ได้ถูกนำมาก่อตั้งในเมืองไทยมีทั้งแบบโจ๋งครึ่ม และปกปิด ครูบาอาจารย์หรือ ให้ทุนมันเข้าไป จะได้ไปรับวัฒนธรรมทางความคิดของอเมริกากลับเข้ามา เหตุการณ์ ค.ศ.1960 ที่ประธานาธิบดี Kennedy ฉุนขาดจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผ่านมากว่า 50 ปี เรารู้กันบ้างไหมว่าเขาเอานาย Kenneth 1,2,3….. ถึง 1000 มาไว้บ้านเรากี่คนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น นาย Kenneth รุ่นใหม่ ชื่อพี่เจฟ เข้ามาเป็น Peace Corp อยู่ทางใต้ (เดินตามรอยกันมาเดี๊ยะเชียวนะ ! ) ตั้งแต่ยังแน่นหนุ่ม ตอนนั้นทั้งเหี่ยวทั้งล้านก็ยังอยู่เมืองไทย เข้าออกในที่สูงที่ลับที่แจ้ง บนเวทีลุงกำนันก็ไปขึ้นมาแล้ว ขนพรรคพวกมาอยู่ข้างเวทีเกือบทุกวัน สมัยหนึ่ง 3-4 ปีมาแล้วถึงกับจัดงานหาทุนให้พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง (ไม่เข็ดเรื่อง Lotus Project หรือไง ต้องให้แฉกันมากกว่านี้มั๊ย ? ท่านใดอ่านแล้วงงก็ไปหาอ่านกันต่อในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอยนะครับ) ยังมีทุนการศึกษาต่างๆ เช่น American Field Service (AFS) ที่ให้แก่นักเรียนชั้น ม. ปลาย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยไปอยู่กับครอบครัวอเมริกัน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม หลายๆคน เดี๋ยวนี้ก็ยังเข้มแข็งจัดงานเฉลิมฉลองมิตรไมตรีความเข้าใจอันดีของ 2 ประเทศอยู่ทุกปี ขนาดโดนเขาด่า เขามาแทรกแซงประเทศ คนพวกนี้ก็เหมือนจะเห็นบุญคุณของ 1 ปี ที่ไปอยู่กับเขามากกว่าแผ่นดินเกิดของตนเอง
    นี่ยังไม่ได้พูดถึงครูบาอาจารย์ ที่ได้ทุนไปเรียนปริญญาตรี โท เอก ของ Asia Foundation, Fulbright, Ford Foundation, Rockefeller ฯลฯ อาจารย์ต่างๆเหล่านี้ กลับมาสอนในมหาวิทยาลัยไทย แต่จัดหลักสูตรใหม่ตามที่ผู้ให้ทุนต้องการ เขารู้จักเรามากว่า 50 ปีแล้วจากที่แทบจะไม่มีใครในบ้านเมืองเขาได้ยินชื่อเมืองเราเลย จนเดี๋ยวนี้เขารู้จักเมืองเราทุกตารางนิ้ว รู้จักและใช้คนของเราทำงานเพื่อ ประโยชน์ของเขา เขาติดตามเราทุกย่างก้าว ครอบงำความคิด วัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ เราเกือบทุกเรื่อง โดยเราไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่ไม่รู้สึก ไม่ฉุกคิด ไม่เฉลียวใจ ไม่รับรู้ ไม่หวงแหน นี่ขนาดเขาใช้เครื่องมือล่าระดับง่ามไม้เล็กๆ เขายังกวาดข้อมูล นำไปใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือล่าให้แม่นยำขึ้นไปอีก แล้วถ้าเราเจอเครื่องมือล่าประเภทหัวเจาะ ไม่ว่าเป็นประเภทหัวเจาะผมทอง หรือผมดำสัญชาติไทยแต่ใจเป็นอื่น ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยในบ้านเรา และอาจจะกำลังถูกนำมาใช้งานเร็วๆนี้ แล้วเราจะนั่งไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปหรือครับ

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 14 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 14 (ตอนจบ) หลังจากนาย Kenneth จัดอบรมหลักสูตรปรับพื้นสนามล่าได้ประมาณ
2 ปี วันหนึ่งในปี ค.ศ.1963 นาย Alexis Johnson ก็เข้ามาเยี่ยมระหว่างการฝึกอบรมและประกาศว่านาย Kenneth ทำหน้าที่ปรับพื้นสนามล่าได้ผล เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงจะให้นาย Kenneth ไปทำหน้าที่สำคัญกว่านั้น โดยเป็น Dean of Area Studies for the Foreign Service Institute ซึ่งเป็นการสร้างหลักสูตรสำหรับโปรแกรมต่างๆ ทั่วโลก เป็นงานนั่งโต๊ะ ซึ่งนาย Kenneth บอกว่าไม่รู้ตัวเลย ว่าเขาถูกปลดจากที่ยืนบนแท่นที่ มีไฟส่อง ไปนั่งโต๊ะทำงานในมุมมืด แต่งานมันมีมุมลึกกว่าเดิม ถึงจะลึกยังไง คงไม่สบกับอารมณ์ของนาย Kenneth ซึ่งชอบเสนอหน้า เขาทนนั่งทำงานอยู่ที่สถาบันนี้อยู่ 2,3 ปี จึงออกไปทำงานเป็นศาสตราจารย์เต็ม ตัวใน American University ตามคำชวนของนาย Ernest Griffith แห่ง Council for American Learned Studies ตกลง ใครนะเป็นเจ้าของ มิชชั่นนารี จากเมืองตรัง นาย Griffith ขอให้เขาตั้งสถาบันเอเซีย ท้ังตะวันออกเฉียงใต้และเอเซียใต้ที่ American University ซึ่งนาย Kenneth ก็ตกลง เขาคิดหลักสูตรและให้มีการสอนทั้งภาษา ไทย พม่า เวียตนาม ฮินดู และอินโดนีเซีย ฯลฯ หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยดังๆ ต่างๆ ในอเมริกา ต่างพากันตั้งสถาบันทำนองนี้กันหมด ครอบคลุมไปหลาย area เครื่องมือนักล่าแพร่หลายและใช้การได้อย่างดี นาย Kenneth (หรือคนสร้างนาย Kenneth ? ) เป็นคนมองเห็นการณ์ไกลจริง และก็สถาบันแบบนี้แหละ ที่ ประมาณ 6,7 ปีมานี้ ไอ้โจรร้ายได้ส่งพวกอาจารย์นักบิด(เบือน)รุ่นใหญ่ ไปเป็นหัวหน้าภาควิชา โดยการสนับสนุนให้ทุนก้อนใหญ่ และการร่วมมือของพวกนักล่า ไปปรับหลักสูตรใหม่ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับสถาบัน หลังจากน้ัน บทความที่บิดเบือนเกี่ยวกับสถาบัน เขียนโดยสมุนนักล่า และ ขี้ข้าโจร ก็ทยอยกันออกมา จนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้ก็กำลังโหมฟืนเพิ่มไฟ นักล่าและไอ้โจรร้าย ทำทุกวิถีทางที่จะเขย่าเสาหลักให้คลอน การครอบครองแดนสมันน้อยจะได้ง่ายขึ้น เลิกสงสัยกันได้ว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร อเมริกาซึ่งเคยรู้จักเมืองไทยแบบลางเลือน รู้แค่ว่าเมืองไทยมีแต่คนฝาแฝดตัวติดกัน รู้จักสถาบันกษัตริย์ของไทยผ่านสายตา ของนางพี่เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเพ้อเจ้อ เช่น นาง Anna Leonowens ก็ได้ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนไป คงต้องยอมรับว่า ฝีมือกระล่อนและความเป็นนักฉวยโอกาสของนาย Kenneth ได้ผล ทำให้เครื่องมือนักล่าประเภทนี้ขึ้นอันดับ อเมริกาติดใจดัดแปลงเครื่องมือชนิดนี้ไปเรื่อๆ นาย Kenneth มาเป็นมิชชั่นนารี อาสามาทำงานในเมืองไทยเอง หรือจะมาด้วยเหตุผลอื่น เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องมือนักล่าเช่นนี้ ได้ผลอย่างชนิดเหลือเชื่อ การเรียนภาษาไทยจนเข้าใจและอ่านได้ ถึงขนาดอ่านขาดว่าม้าตัวเต็งชื่อสฤษดิ์จะเข้าวิน ทำให้อเมริกาเดินงานได้ตามแผนที่วางไว้เกือบทุกอย่าง แบบนี้จะมีหรือที่ อเมริกาจะไม่เก็บเครื่องมือชนิดนี้ไว้ใช้ต่อ แค่ดัดแปลงใส่ app ใหม่ๆเข้าไปเรื่อยๆเท่านั้น สถาบันเอเซียศึกษาไม่ว่าอยู่ใน เมืองไทย หรือในอเมริกา มาจากไหน หนังสือเกือบ 2000 เล่ม และแผ่นที่หอบไป ขยายผลได้มากมาย มูลนิธิต่างๆ เช่น Asia Foundation ….. ได้ถูกนำมาก่อตั้งในเมืองไทยมีทั้งแบบโจ๋งครึ่ม และปกปิด ครูบาอาจารย์หรือ ให้ทุนมันเข้าไป จะได้ไปรับวัฒนธรรมทางความคิดของอเมริกากลับเข้ามา เหตุการณ์ ค.ศ.1960 ที่ประธานาธิบดี Kennedy ฉุนขาดจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผ่านมากว่า 50 ปี เรารู้กันบ้างไหมว่าเขาเอานาย Kenneth 1,2,3….. ถึง 1000 มาไว้บ้านเรากี่คนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น นาย Kenneth รุ่นใหม่ ชื่อพี่เจฟ เข้ามาเป็น Peace Corp อยู่ทางใต้ (เดินตามรอยกันมาเดี๊ยะเชียวนะ ! ) ตั้งแต่ยังแน่นหนุ่ม ตอนนั้นทั้งเหี่ยวทั้งล้านก็ยังอยู่เมืองไทย เข้าออกในที่สูงที่ลับที่แจ้ง บนเวทีลุงกำนันก็ไปขึ้นมาแล้ว ขนพรรคพวกมาอยู่ข้างเวทีเกือบทุกวัน สมัยหนึ่ง 3-4 ปีมาแล้วถึงกับจัดงานหาทุนให้พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง (ไม่เข็ดเรื่อง Lotus Project หรือไง ต้องให้แฉกันมากกว่านี้มั๊ย ? ท่านใดอ่านแล้วงงก็ไปหาอ่านกันต่อในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอยนะครับ) ยังมีทุนการศึกษาต่างๆ เช่น American Field Service (AFS) ที่ให้แก่นักเรียนชั้น ม. ปลาย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยไปอยู่กับครอบครัวอเมริกัน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม หลายๆคน เดี๋ยวนี้ก็ยังเข้มแข็งจัดงานเฉลิมฉลองมิตรไมตรีความเข้าใจอันดีของ 2 ประเทศอยู่ทุกปี ขนาดโดนเขาด่า เขามาแทรกแซงประเทศ คนพวกนี้ก็เหมือนจะเห็นบุญคุณของ 1 ปี ที่ไปอยู่กับเขามากกว่าแผ่นดินเกิดของตนเอง นี่ยังไม่ได้พูดถึงครูบาอาจารย์ ที่ได้ทุนไปเรียนปริญญาตรี โท เอก ของ Asia Foundation, Fulbright, Ford Foundation, Rockefeller ฯลฯ อาจารย์ต่างๆเหล่านี้ กลับมาสอนในมหาวิทยาลัยไทย แต่จัดหลักสูตรใหม่ตามที่ผู้ให้ทุนต้องการ เขารู้จักเรามากว่า 50 ปีแล้วจากที่แทบจะไม่มีใครในบ้านเมืองเขาได้ยินชื่อเมืองเราเลย จนเดี๋ยวนี้เขารู้จักเมืองเราทุกตารางนิ้ว รู้จักและใช้คนของเราทำงานเพื่อ ประโยชน์ของเขา เขาติดตามเราทุกย่างก้าว ครอบงำความคิด วัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ เราเกือบทุกเรื่อง โดยเราไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่ไม่รู้สึก ไม่ฉุกคิด ไม่เฉลียวใจ ไม่รับรู้ ไม่หวงแหน นี่ขนาดเขาใช้เครื่องมือล่าระดับง่ามไม้เล็กๆ เขายังกวาดข้อมูล นำไปใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือล่าให้แม่นยำขึ้นไปอีก แล้วถ้าเราเจอเครื่องมือล่าประเภทหัวเจาะ ไม่ว่าเป็นประเภทหัวเจาะผมทอง หรือผมดำสัญชาติไทยแต่ใจเป็นอื่น ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยในบ้านเรา และอาจจะกำลังถูกนำมาใช้งานเร็วๆนี้ แล้วเราจะนั่งไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปหรือครับ คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 3
    กลับมาที่ ICG อย่าเข้าใจผิดว่ารับหน้าที่เป็นเพียงนัก lobby ให้แก่หมาไนเท่านั้น แต่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ สำหรับการล่าเหยื่อให้กับกลุ่มทุนอิทธิพล นักล่าอาณานิคมยุคใหม่ (CFR) ในขณะเดียวกันด้วย ทั้งนี้จับความจากคำบอกเล่าของนาย Gareth Evans ผู้เดินอยู่ในถนนการเมืองของแดนจิงโจ้มากกว่า 20 ปี และระหว่างนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเสียหลายสมัย เมื่อพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี ก็เปลี่ยนแนวเข้ามาสู่วงการที่น่าจะทำให้ชีวิตตื่นเต้นไปกว่าเดิม จากการเป็นรัฐมนตรีอยู่ประเทศเดียว มันคงจะไม่มันเท่ากุมชะตาและชักใยหลายประเทศ คุณ Evans
    จึงไปนั่งในตำแหน่งประธานกิติมศักดิ์ของ ICG เสียเกือบ 10 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 2000 – 2009
    จากการแสดงปาฐกถาของคุณ Evans เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งโฆษณาสรรพคุณ ICG และจากเอกสารขององค์กร ICG เอง ทำให้เข้าใจได้ว่า องค์กรนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อระงับความขัดแย้งอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศ โดยที่ผู้ขัดแย้งไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเข้ามา เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง (น่าเชื่อถือมาก !) แต่ใช้ วิธีการอื่น (มาแบบนี้อีกแล้ว !)
    ในการแก้ไขข้อขัดแย้งรุนแรงใด พวกเขาจะทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ ทำความเข้าใจ อย่างถี่ถ้วนแล้ว และนำมาสร้างแผน แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพวกเขาจะเล่นบทออกหน้า พวกเขาจะอยู่หลังฉาก ดังนั้นการทำงานของพวกเขา คือ การให้คำปรึกษา ดูแลช่วยเหลือ จัดฉาก ชักใย ตามแผนที่สร้างไว้อยู่เบื้องหลัง (behind the scene) ให้แก่ผู้มีบทบาทต้องเล่นหน้าฉาก โดยมีตัวประกอบเป็นนักการเมือง นักการทหาร นัก lobby นักสังคมฯ นักสิทธิมนุษยชน สื่อสารมวลชน นักวิชาการ นักจิตวิทยา และที่สำคัญคือประชาชนของทุกท้องที่ของความขัดแย้งนั่นเอง ดังนั้นข่าวของ ICG ที่เราจะเห็นออกมากับการทำงานของเขา มันคงจะดูยากอยู่ แต่คงไม่ยากเกินการทำความเข้าใจ
    คุณ Evans เป็นคนช่างเล่าจริง แกบอกว่า ICG สามารถจะอ้างความดีความชอบ ได้ใน หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เช่น
    – การวิเคราะห์และวางแผน การแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปากีสถาน, ที่คองโก, ที่ไฮติ
    – การแก้ไขเหตุการณ์ในเขมร, อาฟริกากลาง,บอลข่าน, อีรัคตอนเหนือ, ขบวนการเคลื่อนไหวของ Jemaah Islamiyah ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้, ที่ Darfur (ค.ศ. 2003 – 2004) ที่ Ethiopia (ค.ศ. 2007) ที่ Kenya (ค.ศ. 2008)
    นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่คุณ Evans คุยฟุ้งว่าอยู่ในแผนที่กำลังดำเนินการ เช่น แนวคิดที่จะผ่อนคลาย การคว่ำบาตรของอิหร่านและพม่า สำหรับรายการหลังนี้ แกเล่าแบบไม่เหนียมอายว่า โลกฝั่งตะวันตก พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปช่วย พม่าเปิดประตูเมือง ยกเลิกการคว่ำบาตร เพื่อแลกกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองของพม่า (ต้มตุ๋น ของแท้ !)
    แล้วสำหรับไทยแลนด์ของสมันน้อยล่ะ สถาบัน ICG นักล่าคิดอย่างไรกับเรา ? เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2010 ที่พี่น้องเสื้อแดงพากัน พกน้ำมันมาคนละขวดกับไม้ขีดไฟอย่างใจถึง ๆ มาตั้งแคมป์กลางเมืองน่ะ ICG ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2010 ว่า การเมืองไทยล้มเหลว และไม่อยู่ในสภาพที่จะกู้กลับ สถานการณ์เลวร้าย จะนำไปสูสงครามกลางเมือง ถึงเวลาแล้วที่ Thailand จะต้องคิดขอความช่วยเหลือจากนานาอารยะประเทศ
    (มาแล้วไง!) สิ่งที่ Thailand ควรทำด่วน คือ ตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจประกอบด้วย บุคคลจากนานาชาติ ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไทย มาทำหน้าที่เป็นคนกลาง ระหว่างรัฐบาล (ปชป) กับกลุ่มเสื้อแดง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เช่น ยุติการปฏิบัติงานของทหาร การประท้วงควรเหลือเพียงการทำในเชิงสัญลักษณ์ คณะบุคคลนานาชาตินี้ จะทำหน้าที่จัดการให้มีรัฐบาลชั่วคราวเพื่อเตรียมการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ผู้นำรัฐบาลควรมาจากรัฐสภา และควรจะประกอบด้วย ผู้ที่เป็นกลางและได้รับความนับถือจากสังคม (ใครหนอ?) และจะต้องมีการสอบสวนถึงกรณีปฏิบัติการ 10 เม.ย ระหว่างทหารกับกลุ่มเสื้อแดงที่มาประท้วงแถวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
    และเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้ารูปแล้ว สิ่งที่ควรจะรีบดำเนินการ คือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ซึ่งร่างขึ้นโดยอิทธิพลของทหาร
    ท่านผู้อ่านที่มีญาติเป็นทหาร ช่วยเอาไปให้อ่านตอนนี้หน่อยนะครับ เพื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น และโปรดพิจารณากันเองแล้วกันว่า ข้อเสนอของ ICG มันน่าสรรเสริญเพียงใด และมีฝ่ายใดดำเนินการตามบ้าง มันคงมีการเข้าใจกันผิด ว่าราชอาณาจักรไทยของเรา ตกอยู่ในอาณัติของผู้ใดไปแล้ว !


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 3 กลับมาที่ ICG อย่าเข้าใจผิดว่ารับหน้าที่เป็นเพียงนัก lobby ให้แก่หมาไนเท่านั้น แต่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการ สำหรับการล่าเหยื่อให้กับกลุ่มทุนอิทธิพล นักล่าอาณานิคมยุคใหม่ (CFR) ในขณะเดียวกันด้วย ทั้งนี้จับความจากคำบอกเล่าของนาย Gareth Evans ผู้เดินอยู่ในถนนการเมืองของแดนจิงโจ้มากกว่า 20 ปี และระหว่างนั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเสียหลายสมัย เมื่อพ้นจากการเป็นรัฐมนตรี ก็เปลี่ยนแนวเข้ามาสู่วงการที่น่าจะทำให้ชีวิตตื่นเต้นไปกว่าเดิม จากการเป็นรัฐมนตรีอยู่ประเทศเดียว มันคงจะไม่มันเท่ากุมชะตาและชักใยหลายประเทศ คุณ Evans จึงไปนั่งในตำแหน่งประธานกิติมศักดิ์ของ ICG เสียเกือบ 10 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 2000 – 2009 จากการแสดงปาฐกถาของคุณ Evans เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งโฆษณาสรรพคุณ ICG และจากเอกสารขององค์กร ICG เอง ทำให้เข้าใจได้ว่า องค์กรนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อระงับความขัดแย้งอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศ โดยที่ผู้ขัดแย้งไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเข้ามา เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง (น่าเชื่อถือมาก !) แต่ใช้ วิธีการอื่น (มาแบบนี้อีกแล้ว !) ในการแก้ไขข้อขัดแย้งรุนแรงใด พวกเขาจะทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ ทำความเข้าใจ อย่างถี่ถ้วนแล้ว และนำมาสร้างแผน แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพวกเขาจะเล่นบทออกหน้า พวกเขาจะอยู่หลังฉาก ดังนั้นการทำงานของพวกเขา คือ การให้คำปรึกษา ดูแลช่วยเหลือ จัดฉาก ชักใย ตามแผนที่สร้างไว้อยู่เบื้องหลัง (behind the scene) ให้แก่ผู้มีบทบาทต้องเล่นหน้าฉาก โดยมีตัวประกอบเป็นนักการเมือง นักการทหาร นัก lobby นักสังคมฯ นักสิทธิมนุษยชน สื่อสารมวลชน นักวิชาการ นักจิตวิทยา และที่สำคัญคือประชาชนของทุกท้องที่ของความขัดแย้งนั่นเอง ดังนั้นข่าวของ ICG ที่เราจะเห็นออกมากับการทำงานของเขา มันคงจะดูยากอยู่ แต่คงไม่ยากเกินการทำความเข้าใจ คุณ Evans เป็นคนช่างเล่าจริง แกบอกว่า ICG สามารถจะอ้างความดีความชอบ ได้ใน หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เช่น – การวิเคราะห์และวางแผน การแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปากีสถาน, ที่คองโก, ที่ไฮติ – การแก้ไขเหตุการณ์ในเขมร, อาฟริกากลาง,บอลข่าน, อีรัคตอนเหนือ, ขบวนการเคลื่อนไหวของ Jemaah Islamiyah ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้, ที่ Darfur (ค.ศ. 2003 – 2004) ที่ Ethiopia (ค.ศ. 2007) ที่ Kenya (ค.ศ. 2008) นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่คุณ Evans คุยฟุ้งว่าอยู่ในแผนที่กำลังดำเนินการ เช่น แนวคิดที่จะผ่อนคลาย การคว่ำบาตรของอิหร่านและพม่า สำหรับรายการหลังนี้ แกเล่าแบบไม่เหนียมอายว่า โลกฝั่งตะวันตก พยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าไปช่วย พม่าเปิดประตูเมือง ยกเลิกการคว่ำบาตร เพื่อแลกกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองของพม่า (ต้มตุ๋น ของแท้ !) แล้วสำหรับไทยแลนด์ของสมันน้อยล่ะ สถาบัน ICG นักล่าคิดอย่างไรกับเรา ? เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2010 ที่พี่น้องเสื้อแดงพากัน พกน้ำมันมาคนละขวดกับไม้ขีดไฟอย่างใจถึง ๆ มาตั้งแคมป์กลางเมืองน่ะ ICG ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2010 ว่า การเมืองไทยล้มเหลว และไม่อยู่ในสภาพที่จะกู้กลับ สถานการณ์เลวร้าย จะนำไปสูสงครามกลางเมือง ถึงเวลาแล้วที่ Thailand จะต้องคิดขอความช่วยเหลือจากนานาอารยะประเทศ (มาแล้วไง!) สิ่งที่ Thailand ควรทำด่วน คือ ตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจประกอบด้วย บุคคลจากนานาชาติ ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไทย มาทำหน้าที่เป็นคนกลาง ระหว่างรัฐบาล (ปชป) กับกลุ่มเสื้อแดง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เช่น ยุติการปฏิบัติงานของทหาร การประท้วงควรเหลือเพียงการทำในเชิงสัญลักษณ์ คณะบุคคลนานาชาตินี้ จะทำหน้าที่จัดการให้มีรัฐบาลชั่วคราวเพื่อเตรียมการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ผู้นำรัฐบาลควรมาจากรัฐสภา และควรจะประกอบด้วย ผู้ที่เป็นกลางและได้รับความนับถือจากสังคม (ใครหนอ?) และจะต้องมีการสอบสวนถึงกรณีปฏิบัติการ 10 เม.ย ระหว่างทหารกับกลุ่มเสื้อแดงที่มาประท้วงแถวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้ารูปแล้ว สิ่งที่ควรจะรีบดำเนินการ คือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ซึ่งร่างขึ้นโดยอิทธิพลของทหาร ท่านผู้อ่านที่มีญาติเป็นทหาร ช่วยเอาไปให้อ่านตอนนี้หน่อยนะครับ เพื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น และโปรดพิจารณากันเองแล้วกันว่า ข้อเสนอของ ICG มันน่าสรรเสริญเพียงใด และมีฝ่ายใดดำเนินการตามบ้าง มันคงมีการเข้าใจกันผิด ว่าราชอาณาจักรไทยของเรา ตกอยู่ในอาณัติของผู้ใดไปแล้ว ! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • สารวัตรโจ้ (20/08/68) #news1 #ข่าวกีฬา #tiktokการกีฬา #เงินอัดฉีดนักกีฬา #โจ้ สืบศักดิ์
    สารวัตรโจ้ (20/08/68) #news1 #ข่าวกีฬา #tiktokการกีฬา #เงินอัดฉีดนักกีฬา #โจ้ สืบศักดิ์
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 0 รีวิว

  • ตอน 18
    อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ
    และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว
    จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ
    คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น
    มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ
    จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น
    อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ
    ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม!
    หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก
    พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ
    แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย
    ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร
    ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ
    แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก)
    มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ…
    แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง!
    ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย
    ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ
    บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่
    แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก
    คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ
    คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ
    ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด
    แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ
    แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม
    แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง
    พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก

    คนเล่านิทาน
     ตอน 18 อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม! หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก) มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ… แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง! ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่ แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมกัมพูชาเ เผยแพร่ถ้อยแถลงประณาม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ประกาศยึดปราสาทตาควายและปิดตายปราสาทตาเมือนธม โวยวายเป็นสัญญาแห่งการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้ง และเป็นความพยายามรุกรานดินแดนกัมพูชาโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000076039


    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    กระทรวงกลาโหมกัมพูชาเ เผยแพร่ถ้อยแถลงประณาม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ประกาศยึดปราสาทตาควายและปิดตายปราสาทตาเมือนธม โวยวายเป็นสัญญาแห่งการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้ง และเป็นความพยายามรุกรานดินแดนกัมพูชาโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000076039 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 668 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น

    แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง

    ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ

    การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 610 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกต้องรู้! กัมพูชาใช้ 'ปราสาทตาควาย' เป็นที่ตั้งกำลังพล ละเมิดกฎยูเนสโกและกฎหมายสากลอย่างโจ่งแจ้ง!
    https://www.thai-tai.tv/news/20676/
    .
    #กัมพูชา #ปราสาทตาควาย #โบราณสถาน #ละเมิดสากล #ยูเนสโก #อนุสัญญาเฮก #ชายแดนไทยกัมพูชา #มรดกโลก #ไทยไท
    โลกต้องรู้! กัมพูชาใช้ 'ปราสาทตาควาย' เป็นที่ตั้งกำลังพล ละเมิดกฎยูเนสโกและกฎหมายสากลอย่างโจ่งแจ้ง! https://www.thai-tai.tv/news/20676/ . #กัมพูชา #ปราสาทตาควาย #โบราณสถาน #ละเมิดสากล #ยูเนสโก #อนุสัญญาเฮก #ชายแดนไทยกัมพูชา #มรดกโลก #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลโทมาลี โสเจียตา ปลัดกระทรวงกลาโหมและโฆษกกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ออกแถลงการณ์ ป้ายสีกองทัพไทย โดยประณามไทยที่รุกรานกัมพูชาอย่างอย่างไร้ความปราณี โหดร้าย และโหดเหี้ยม เรียกร้องนานาชาติร่วมประณามไทย และขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำที่ผิดกฎหมายของไทยอย่างเด็ดขาด และให้ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดอย่างโจ่งแจ้งของเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
    พลโทมาลี โสเจียตา ปลัดกระทรวงกลาโหมและโฆษกกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ออกแถลงการณ์ ป้ายสีกองทัพไทย โดยประณามไทยที่รุกรานกัมพูชาอย่างอย่างไร้ความปราณี โหดร้าย และโหดเหี้ยม เรียกร้องนานาชาติร่วมประณามไทย และขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำที่ผิดกฎหมายของไทยอย่างเด็ดขาด และให้ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดอย่างโจ่งแจ้งของเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรกิจ ดิษฐาน คอลัมนิสต์นักเขียนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ได้โพสต์ว่า “สองสามวันมานี้ผมอ่านบันทึกการเดินทางของ เอเจียน เอโมนิเยร์ (Étienne Aymonier) ผู้ที่ทำการสำรวจ "ขอบเขตของดินแดนเขมรโบราณ" โดยเข้ามาสำรวจในภาคอีสานไทยและบางส่วนของลาว

    หนังสือสองเล่มนั้นคือ Le Cambodge. Les provinces siamoises (การสำรวจโบราณสถานเขมรโบราณในดินแดนของประเทศสยาม) กับ Voyage dans le Laos (การสำรวจภาคอีสานของไทยโดยที่เขาเรียกดินแดนนี้ว่าลาว)

    ที่สำคัญคือ เมื่อถึงเทือกเขาพนมดงรักแล้ว เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม

    สำหรับหนังสือการสำรวจทั้งสองนั้น เล่มแรกมีรสชาติเป็นวิชาการ คือ ค่อนข้างไร้อารมณ์ ส่วนเล่มสองนั้นมีเกร็ดสนุกๆ พอสมควร ทั้งสองเล่มต่างก็เล่าถึงการเดินทางมาที่ "เมืองสุรินทร์" อันเป็นจังหวัดของประเทศสยามและมีระเบียบการปกครองแบบสยาม เอโมนิเยร์ เดินทางกับลูกน้องชาวกัมพูชาจากสุรินทร์ลงมายังเทือกเขาพนมดงรักเพื่อสำรวจกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งบรรยากาศการสำรวจในหนังสือ Le Cambodge. Les provinces siamoises กล่าวถึงการรายละเอียดที่เป็นวิชาการมาก (เช่นปราสาทมีลักษณะแบบไหน ใครสร้าง จารึกว่าด้วยอะไร) แต่ Voyage dans le Laos ดูลี้ลับ สนุกเร้าใจ และน่าเสี่ยงภัยพอดู

    สิ่งสำคัญก็คือ เอเจียน เอโมนิเยร์ บอกว่า ปราสาทตาเมือน (ทั้งตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาเมือนธรรมดา) ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ แม้ว่าในเวลานั้นการกำหนดพรมแดนของไทยและอินโดจีนฝรั่งเศสยังไม่ชัด แต่การระบุว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนอยู่ในเขตสุรินทร์ก็เท่ากับยอมรับว่าปราสาทเหล่านี้เป็นของไทย

    และเนื้อหาของ Voyage dans le Laos ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ชัด รวมถึงการเข้ามาของข้าราชการจากสยามและบางกอกในพื้นที่นี้ ซึ่งผมจะแปลให้อ่านกัน ดังนี้ .... (บทว่าด้วยจากสังขะ ถึงสุรินทร์ สู่ดงรัก)

    "หมู่บ้านพนมได (พนมฎี?) แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักไป 4 ลีก (19.32 กิโลเมตร) นับจากช่องจุบสมัจที่ชาวสยามเรียกว่า ช่องเสม็ด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ผู้คนนำเครื่องบรรณาการจากเมืองลาวต่างๆ (อีสานและลาวฝั่งซ้าย) มายังกรุงเทพฯ เครื่องบรรณาการเหล่านี้ไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของโจร ครั้งหนึ่งเคยถูกลักขโมยไปเมื่อปีที่แล้ว อีกครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้หนึ่งซึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นผู้รักษาการเจ้าถูกปล้นทรัพย์จนหมดสิ้น เขาต้องหลบหนีกลับประเทศโดยที่แม้แต่สัญญาบัตรพระราชทานตำแหน่งก็สูญหายไป พวกโจรยังปล้นสะดมได้แม้พระมหากษัตริย์ และพวกเรากับชาวกัมพูชาคนอื่นๆ กล่าวว่า "พวกเราระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าในสัมภาระของเราไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากกระดาษพิมพ์ลายศิลาจารึก"

    วันพุธที่ 19 ธันวาคม พวกเขาออกจากหมู่บ้านพนมไดเวลา 7 โมงเช้าเพื่อไปเยี่ยมชมซากปรักหักพังที่เรียกว่าปราสาทตาเมือนบนภูเขา เวลา 9 โมง พวกเขาออกจากป่าที่โล่งและเข้าสู่ป่าสูงใหญ่ทึบที่ปกคลุมยอดเขาดงรัก ในภูมิภาคนี้ ป่าแห่งนี้มีลักษณะที่หาได้ยากในอินโดจีน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีลักษณะเป็นหลุมดำทึบที่แสงแดดส่องไม่ถึง ประกอบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ บริเวณเชิงเขา พื้นดินไม่ได้โล่งเตียน แต่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้และพุ่มไม้เล็กๆ ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาได้พบกับป่าแห่งนี้อีกครั้ง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของช่องเพลาจอมทัพเพชร เห็นได้ชัดว่าสามารถเดินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องออกจากป่า

    หนึ่งชั่วโมงหลังจากเข้าไปในป่านี้ นักเดินทางก็มาถึงปราสาทตาเมือน ในป่า ไม่ไกลจากสันเขาของกำแพงสูงชันที่ก่อตัวขึ้นจากเขาดงรัก จากภูมิพนมได (บ้านพนมได) ไม่มีร่องให้ปีนป่ายให้เห็นเด่นชัด ภูมิประเทศดูเหมือนจะราบเรียบ และยังคงเป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงหน้าผาสูงชันครึ่งลีก (2.4 กิโลเมตร) เลยซากปรักหักพังไป ซึ่งมีทางเดินเท้าใกล้ๆ ซึ่งช่วยให้ลงจากภูเขาได้ มีคนเล่ากันว่าโจรขโมยวัวมักจะผ่านช่องเขาร้างที่เรียกว่า เพลาตาเมือน เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ซากปรักหักพังเล็กๆ ของปราสาทตาเมือนตั้งอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบและเป็นทราย จากที่นั่น ลูกหาบชาวกัมพูชาของผมเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 หรือ 1,800 เมตร เพื่อเยี่ยมชมซากปรักหักพังขนาดใหญ่หรือปราสาทตาเมือนธม อนุสรณ์สถานสุดท้ายนี้ ซึ่งอยู่ในป่าขนาดใหญ่เช่นกัน มีความสำคัญมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้สันเขา มีบันไดขนาดใหญ่ที่ลงจากภูเขาไปยังที่ราบสูงตอนล่าง ในวันแรกนั้น จารึกของปราสาทตาเมือนธมถูกพิมพ์ทำสำเนาไว้ อันส่งอุกกลับไปยังพนมไดเพื่อเฝ้าสัมภาระและพักอยู่กับชานที่ซากปรักหักพัง

    ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม เป็นวันที่ผมใช้เวลาทั้งวันในการขุดค้นจารึกของปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากไม่ได้นำอาหารมาเพียงพอ และต้องอยู่ในซากปรักหักพังนี้เกินกว่าที่คาดไว้ คนของผมและผู้นำทางจึงต้องงดอาหารเย็นและนอนที่ปราสาทตาเมือนธม ในซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในป่ารกร้างอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาได้รับสัญญาณเตือน ซึ่งอันเล่าว่า “พวกเราสี่คนนอนอยู่ที่นั่น จัน ผม (อัน) และชายสองคนจากภูมิพนมได ค่ำคืนนั้นเงียบสงัดจนใบไม้ร่วงแต่ละใบส่งเสียงประหลาด เราได้ยินเสียงคล้ายเสียงสัตว์เดิน ผมต้องชื่นชมความนิ่งของชายคนหนึ่งจากท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด นิ่งสงบอยู่เสมอ แต่ราวๆ ช่วงเวลาไก่ขันครั้งแรก ชายคนนี้ก็กระโดดขึ้นอย่างกะทันหันและตะโกนว่า “อะไรมันยืนอยู่อย่างนี้?” พลันกองไฟของเราดับลง ผมกระโดดขึ้น คว้าปืนไรเฟิลไว้ในมือข้างหนึ่งและเขย่าจันด้วยมืออีกข้างเพื่อปลุกเขา เราถามชายคนนี้ว่าเขาเห็นอะไร แต่เขานิ่งลงตามปกติแล้ว หลังจากถามซ้ำหลายครั้ง เขาบอกเราเพียงว่าเขาได้ยินเสียงคล้ายเสียงนกบิน เราจึงกลับไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทำสำเนาจารึกเสร็จ เราหุงข้าวถ้วยเล็กๆ ที่เราเหลือไว้โดยการเจือจางด้วยน้ำปริมาณมาก และแบ่งโจ๊กหม้อเล็กๆ นี้ให้ทุกคนกิน งานของเรา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราออกจากซากปรักหักพังทางทิศตะวันตก และทันใดนั้นก็พบกับงูสีดำตัวหนึ่ง ยาวสามถึง 4 เมตร ใหญ่กว่าลูกวัวเสียอีก มันกระโดดและหายเข้าไปในโพรงของซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว ผมขอปืนไรเฟิลไปอย่างไร้ผล ชายท้องถิ่นที่ถือมันไว้กลับวิ่งหนีไปแทนที่จะยื่นให้ผม ขณะที่ผมยังคงจ้องมองสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น ซึ่งน่าจะเป็นแขกยามราตรีที่ออกล่าสัตว์กับเรา"

    บันทึกนี้ระทึกใจเหมือนกำลังอ่านบทหนึ่งของเพชรพระอุมา

    แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม

    ดังนั้นพวก "เขมรต่ำ" ไม่ต้องมาเถียงให้เสียเวลาอีก”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1FziKPwjkT/?mibextid=wwXIfr
    กรกิจ ดิษฐาน คอลัมนิสต์นักเขียนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ได้โพสต์ว่า “สองสามวันมานี้ผมอ่านบันทึกการเดินทางของ เอเจียน เอโมนิเยร์ (Étienne Aymonier) ผู้ที่ทำการสำรวจ "ขอบเขตของดินแดนเขมรโบราณ" โดยเข้ามาสำรวจในภาคอีสานไทยและบางส่วนของลาว หนังสือสองเล่มนั้นคือ Le Cambodge. Les provinces siamoises (การสำรวจโบราณสถานเขมรโบราณในดินแดนของประเทศสยาม) กับ Voyage dans le Laos (การสำรวจภาคอีสานของไทยโดยที่เขาเรียกดินแดนนี้ว่าลาว) ที่สำคัญคือ เมื่อถึงเทือกเขาพนมดงรักแล้ว เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม สำหรับหนังสือการสำรวจทั้งสองนั้น เล่มแรกมีรสชาติเป็นวิชาการ คือ ค่อนข้างไร้อารมณ์ ส่วนเล่มสองนั้นมีเกร็ดสนุกๆ พอสมควร ทั้งสองเล่มต่างก็เล่าถึงการเดินทางมาที่ "เมืองสุรินทร์" อันเป็นจังหวัดของประเทศสยามและมีระเบียบการปกครองแบบสยาม เอโมนิเยร์ เดินทางกับลูกน้องชาวกัมพูชาจากสุรินทร์ลงมายังเทือกเขาพนมดงรักเพื่อสำรวจกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งบรรยากาศการสำรวจในหนังสือ Le Cambodge. Les provinces siamoises กล่าวถึงการรายละเอียดที่เป็นวิชาการมาก (เช่นปราสาทมีลักษณะแบบไหน ใครสร้าง จารึกว่าด้วยอะไร) แต่ Voyage dans le Laos ดูลี้ลับ สนุกเร้าใจ และน่าเสี่ยงภัยพอดู สิ่งสำคัญก็คือ เอเจียน เอโมนิเยร์ บอกว่า ปราสาทตาเมือน (ทั้งตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาเมือนธรรมดา) ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ แม้ว่าในเวลานั้นการกำหนดพรมแดนของไทยและอินโดจีนฝรั่งเศสยังไม่ชัด แต่การระบุว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนอยู่ในเขตสุรินทร์ก็เท่ากับยอมรับว่าปราสาทเหล่านี้เป็นของไทย และเนื้อหาของ Voyage dans le Laos ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ชัด รวมถึงการเข้ามาของข้าราชการจากสยามและบางกอกในพื้นที่นี้ ซึ่งผมจะแปลให้อ่านกัน ดังนี้ .... (บทว่าด้วยจากสังขะ ถึงสุรินทร์ สู่ดงรัก) "หมู่บ้านพนมได (พนมฎี?) แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักไป 4 ลีก (19.32 กิโลเมตร) นับจากช่องจุบสมัจที่ชาวสยามเรียกว่า ช่องเสม็ด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ผู้คนนำเครื่องบรรณาการจากเมืองลาวต่างๆ (อีสานและลาวฝั่งซ้าย) มายังกรุงเทพฯ เครื่องบรรณาการเหล่านี้ไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของโจร ครั้งหนึ่งเคยถูกลักขโมยไปเมื่อปีที่แล้ว อีกครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้หนึ่งซึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นผู้รักษาการเจ้าถูกปล้นทรัพย์จนหมดสิ้น เขาต้องหลบหนีกลับประเทศโดยที่แม้แต่สัญญาบัตรพระราชทานตำแหน่งก็สูญหายไป พวกโจรยังปล้นสะดมได้แม้พระมหากษัตริย์ และพวกเรากับชาวกัมพูชาคนอื่นๆ กล่าวว่า "พวกเราระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าในสัมภาระของเราไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากกระดาษพิมพ์ลายศิลาจารึก" วันพุธที่ 19 ธันวาคม พวกเขาออกจากหมู่บ้านพนมไดเวลา 7 โมงเช้าเพื่อไปเยี่ยมชมซากปรักหักพังที่เรียกว่าปราสาทตาเมือนบนภูเขา เวลา 9 โมง พวกเขาออกจากป่าที่โล่งและเข้าสู่ป่าสูงใหญ่ทึบที่ปกคลุมยอดเขาดงรัก ในภูมิภาคนี้ ป่าแห่งนี้มีลักษณะที่หาได้ยากในอินโดจีน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีลักษณะเป็นหลุมดำทึบที่แสงแดดส่องไม่ถึง ประกอบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ บริเวณเชิงเขา พื้นดินไม่ได้โล่งเตียน แต่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้และพุ่มไม้เล็กๆ ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาได้พบกับป่าแห่งนี้อีกครั้ง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของช่องเพลาจอมทัพเพชร เห็นได้ชัดว่าสามารถเดินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องออกจากป่า หนึ่งชั่วโมงหลังจากเข้าไปในป่านี้ นักเดินทางก็มาถึงปราสาทตาเมือน ในป่า ไม่ไกลจากสันเขาของกำแพงสูงชันที่ก่อตัวขึ้นจากเขาดงรัก จากภูมิพนมได (บ้านพนมได) ไม่มีร่องให้ปีนป่ายให้เห็นเด่นชัด ภูมิประเทศดูเหมือนจะราบเรียบ และยังคงเป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงหน้าผาสูงชันครึ่งลีก (2.4 กิโลเมตร) เลยซากปรักหักพังไป ซึ่งมีทางเดินเท้าใกล้ๆ ซึ่งช่วยให้ลงจากภูเขาได้ มีคนเล่ากันว่าโจรขโมยวัวมักจะผ่านช่องเขาร้างที่เรียกว่า เพลาตาเมือน เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ซากปรักหักพังเล็กๆ ของปราสาทตาเมือนตั้งอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบและเป็นทราย จากที่นั่น ลูกหาบชาวกัมพูชาของผมเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 หรือ 1,800 เมตร เพื่อเยี่ยมชมซากปรักหักพังขนาดใหญ่หรือปราสาทตาเมือนธม อนุสรณ์สถานสุดท้ายนี้ ซึ่งอยู่ในป่าขนาดใหญ่เช่นกัน มีความสำคัญมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้สันเขา มีบันไดขนาดใหญ่ที่ลงจากภูเขาไปยังที่ราบสูงตอนล่าง ในวันแรกนั้น จารึกของปราสาทตาเมือนธมถูกพิมพ์ทำสำเนาไว้ อันส่งอุกกลับไปยังพนมไดเพื่อเฝ้าสัมภาระและพักอยู่กับชานที่ซากปรักหักพัง ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม เป็นวันที่ผมใช้เวลาทั้งวันในการขุดค้นจารึกของปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากไม่ได้นำอาหารมาเพียงพอ และต้องอยู่ในซากปรักหักพังนี้เกินกว่าที่คาดไว้ คนของผมและผู้นำทางจึงต้องงดอาหารเย็นและนอนที่ปราสาทตาเมือนธม ในซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในป่ารกร้างอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาได้รับสัญญาณเตือน ซึ่งอันเล่าว่า “พวกเราสี่คนนอนอยู่ที่นั่น จัน ผม (อัน) และชายสองคนจากภูมิพนมได ค่ำคืนนั้นเงียบสงัดจนใบไม้ร่วงแต่ละใบส่งเสียงประหลาด เราได้ยินเสียงคล้ายเสียงสัตว์เดิน ผมต้องชื่นชมความนิ่งของชายคนหนึ่งจากท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด นิ่งสงบอยู่เสมอ แต่ราวๆ ช่วงเวลาไก่ขันครั้งแรก ชายคนนี้ก็กระโดดขึ้นอย่างกะทันหันและตะโกนว่า “อะไรมันยืนอยู่อย่างนี้?” พลันกองไฟของเราดับลง ผมกระโดดขึ้น คว้าปืนไรเฟิลไว้ในมือข้างหนึ่งและเขย่าจันด้วยมืออีกข้างเพื่อปลุกเขา เราถามชายคนนี้ว่าเขาเห็นอะไร แต่เขานิ่งลงตามปกติแล้ว หลังจากถามซ้ำหลายครั้ง เขาบอกเราเพียงว่าเขาได้ยินเสียงคล้ายเสียงนกบิน เราจึงกลับไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทำสำเนาจารึกเสร็จ เราหุงข้าวถ้วยเล็กๆ ที่เราเหลือไว้โดยการเจือจางด้วยน้ำปริมาณมาก และแบ่งโจ๊กหม้อเล็กๆ นี้ให้ทุกคนกิน งานของเรา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราออกจากซากปรักหักพังทางทิศตะวันตก และทันใดนั้นก็พบกับงูสีดำตัวหนึ่ง ยาวสามถึง 4 เมตร ใหญ่กว่าลูกวัวเสียอีก มันกระโดดและหายเข้าไปในโพรงของซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว ผมขอปืนไรเฟิลไปอย่างไร้ผล ชายท้องถิ่นที่ถือมันไว้กลับวิ่งหนีไปแทนที่จะยื่นให้ผม ขณะที่ผมยังคงจ้องมองสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น ซึ่งน่าจะเป็นแขกยามราตรีที่ออกล่าสัตว์กับเรา" บันทึกนี้ระทึกใจเหมือนกำลังอ่านบทหนึ่งของเพชรพระอุมา แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม ดังนั้นพวก "เขมรต่ำ" ไม่ต้องมาเถียงให้เสียเวลาอีก” ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1FziKPwjkT/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 573 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันถึงสัตว์เทพในคัมภีร์ซานไห่จิง (คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล) ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉินที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน วันนี้เรามาคุยกันถึงจิ้งจอกเก้าหาง

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ที่เสวียนหนี่ว์กล่าวมา ท่านราชาปีศาจฟังเข้าใจแล้วหรือไม่ ป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิวเป็นจิ้งจอกขาวเก้าหาง เลือดหัวใจของจิ้งจอกขาวเก้าหางมีสรรพคุณเยี่ยงไร ท่านถามถามชายาของท่านดู”...
    - จากเรื่อง <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่> ผู้แต่ง ถังชีกงจื่อ

    ตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางมีไม่น้อย ส่วนใหญ่ผูกโยงกับปีศาจจิ้งจอกที่ทำให้คนลุ่มหลง แต่แฟนคลับจากเรื่องชุดสามชาติสามภพฯ จะรู้ว่า ในเรื่องนี้จิ้งจอกเก้าหางเป็นเทพขั้นสูงปกครองดินแดนชิงชิว ไม่ใช่ปีศาจร้ายที่คอยยั่วราคะใคร

    ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจคือ ในบรรดาเอกสารโบราณหรือวรรณคดีที่พูดถึงจิ้งจอกเก้าหางนั้น ดูจะมีในคัมภีร์ซานไห่จิงที่เดียวที่กล่าวถึงจิ้งจอกเก้าหางและดินแดนชิงชิวไปพร้อมๆ กัน โดยมีการบรรยายไว้ว่า เขาชิงชิวอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกอีกสามร้อยหลี่ ด้านที่เจอแสงอาทิตย์ของเขานั้นอุดมด้วยหยก ด้านที่มืดมีแร่ธาตุที่ใช้ผลิตสีเขียวได้ บนเขามีสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง รูปร่างเป็นจิ้งจอก มีเก้าหาง เสียงของมันเหมือนเสียงร้องไห้ของทารก มันกินมนุษย์ได้ และหากมนุษย์ใดกินเนื้อมันเข้าไปจะมีภูมิต้านทานมนต์ดำของปีศาจ

    จิ้งจอกเก้าหางเดิมได้รับการยกย่องเป็นสัตว์มงคล ในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นนั้น ในรูปภาพของพระแม่ตะวันตก(ซีหวางหมู่) มักปรากฎสัตว์เทพสี่ตัวอยู่แทบพระบาท หนึ่งในนั้นคือจิ้งจอกเก้าหาง ว่ากันว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของการมีบุตรหลานมากมาย

    แต่ภาพลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหางเริ่มตกต่ำลงเมื่อพ้นยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นเมื่อความนับถือในพระแม่ซีหวางหมู่ลดลง และเริ่มพูดถึงจิ้งจอกแปลงกายเป็นคนได้เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ พร้อมๆ กับความเป็น “สัตว์เทพ” แปรเปลี่ยนไปเป็น “ปีศาจ” มีนิทานปรัมปราเรื่องปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาสิงร่างของต๋าจีผู้เป็นพระสนมขององค์โจ้วหวางแห่งราชวงศ์ซาง แล้วทำให้พระองค์ทรงลุ่มหลงจนทำแต่เรื่องร้ายๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา ตอกย้ำภาพลักษณ์ปีศาจเพศหญิงที่งามสะคราญยั่วยวนให้ชายลุ่มหลงมัวเมาในกิเลสตัณหา เป็นภาพลักษณ์ที่คงอยู่มาจนปัจจุบัน

    แต่สำหรับ Storyฯ แล้ว จิ้งจอกเก้าหางตัวไหนก็ไม่ประทับใจเท่าป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิว เพื่อนเพจล่ะคะ?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_1636558
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/7367050
    https://3g.163.com/dy/article_cambrian/EJB4QI9105418R2V.html
    https://zhidao.baidu.com/question/175130842.html

    #สามชาติสามภพ #จิ้งจอกเก้าหาง #ป๋ายเฉี่ยน #ต๋าจี #ซานไห่จิง #ชิงชิว #ตำนานจีน #StoryfromStory
    สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันถึงสัตว์เทพในคัมภีร์ซานไห่จิง (คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล) ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉินที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ ในยุคโบราณของจีน วันนี้เรามาคุยกันถึงจิ้งจอกเก้าหาง ความมีอยู่ว่า ... “ที่เสวียนหนี่ว์กล่าวมา ท่านราชาปีศาจฟังเข้าใจแล้วหรือไม่ ป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิวเป็นจิ้งจอกขาวเก้าหาง เลือดหัวใจของจิ้งจอกขาวเก้าหางมีสรรพคุณเยี่ยงไร ท่านถามถามชายาของท่านดู”... - จากเรื่อง <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่> ผู้แต่ง ถังชีกงจื่อ ตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางมีไม่น้อย ส่วนใหญ่ผูกโยงกับปีศาจจิ้งจอกที่ทำให้คนลุ่มหลง แต่แฟนคลับจากเรื่องชุดสามชาติสามภพฯ จะรู้ว่า ในเรื่องนี้จิ้งจอกเก้าหางเป็นเทพขั้นสูงปกครองดินแดนชิงชิว ไม่ใช่ปีศาจร้ายที่คอยยั่วราคะใคร ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจคือ ในบรรดาเอกสารโบราณหรือวรรณคดีที่พูดถึงจิ้งจอกเก้าหางนั้น ดูจะมีในคัมภีร์ซานไห่จิงที่เดียวที่กล่าวถึงจิ้งจอกเก้าหางและดินแดนชิงชิวไปพร้อมๆ กัน โดยมีการบรรยายไว้ว่า เขาชิงชิวอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกอีกสามร้อยหลี่ ด้านที่เจอแสงอาทิตย์ของเขานั้นอุดมด้วยหยก ด้านที่มืดมีแร่ธาตุที่ใช้ผลิตสีเขียวได้ บนเขามีสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง รูปร่างเป็นจิ้งจอก มีเก้าหาง เสียงของมันเหมือนเสียงร้องไห้ของทารก มันกินมนุษย์ได้ และหากมนุษย์ใดกินเนื้อมันเข้าไปจะมีภูมิต้านทานมนต์ดำของปีศาจ จิ้งจอกเก้าหางเดิมได้รับการยกย่องเป็นสัตว์มงคล ในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นนั้น ในรูปภาพของพระแม่ตะวันตก(ซีหวางหมู่) มักปรากฎสัตว์เทพสี่ตัวอยู่แทบพระบาท หนึ่งในนั้นคือจิ้งจอกเก้าหาง ว่ากันว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของการมีบุตรหลานมากมาย แต่ภาพลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหางเริ่มตกต่ำลงเมื่อพ้นยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นเมื่อความนับถือในพระแม่ซีหวางหมู่ลดลง และเริ่มพูดถึงจิ้งจอกแปลงกายเป็นคนได้เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ พร้อมๆ กับความเป็น “สัตว์เทพ” แปรเปลี่ยนไปเป็น “ปีศาจ” มีนิทานปรัมปราเรื่องปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาสิงร่างของต๋าจีผู้เป็นพระสนมขององค์โจ้วหวางแห่งราชวงศ์ซาง แล้วทำให้พระองค์ทรงลุ่มหลงจนทำแต่เรื่องร้ายๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา ตอกย้ำภาพลักษณ์ปีศาจเพศหญิงที่งามสะคราญยั่วยวนให้ชายลุ่มหลงมัวเมาในกิเลสตัณหา เป็นภาพลักษณ์ที่คงอยู่มาจนปัจจุบัน แต่สำหรับ Storyฯ แล้ว จิ้งจอกเก้าหางตัวไหนก็ไม่ประทับใจเท่าป๋ายเฉี่ยนแห่งชิงชิว เพื่อนเพจล่ะคะ? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_1636558 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/7367050 https://3g.163.com/dy/article_cambrian/EJB4QI9105418R2V.html https://zhidao.baidu.com/question/175130842.html #สามชาติสามภพ #จิ้งจอกเก้าหาง #ป๋ายเฉี่ยน #ต๋าจี #ซานไห่จิง #ชิงชิว #ตำนานจีน #StoryfromStory
    《三生三世十里桃花》里的青丘到底在四海八荒的哪里_翻书党_澎湃新闻-The Paper
    随着《三生三世十里桃花》的热播,“青丘”、“帝君”等热门词的流行唤起了广大观众对神仙世界、对中国古代神话的求知兴趣。那么青丘国究竟坐落于四海八荒的何处?
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 25-6-68
    .
    หลังจากรับประทานโจ๊กปรินซ์ และปาท่องโก๋เป็นอาหารเช้า วันนี้คุณสนธิมาอัพเดตเรื่องการชุมนุมรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในช่วงเย็นถึงค่ำของวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 นี้ว่ามีความคืบหน้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว รวมไปถึงเรื่องราวข่าวลือ ข่าวปล่อยต่าง ๆ ว่าความจริงเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=vyNkoxnKL3E
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ชุมนุม28มิย #รวมพลังปกป้องอธิปไตย
    สนธิเล่าเรื่อง 25-6-68 . หลังจากรับประทานโจ๊กปรินซ์ และปาท่องโก๋เป็นอาหารเช้า วันนี้คุณสนธิมาอัพเดตเรื่องการชุมนุมรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในช่วงเย็นถึงค่ำของวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 นี้ว่ามีความคืบหน้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว รวมไปถึงเรื่องราวข่าวลือ ข่าวปล่อยต่าง ๆ ว่าความจริงเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=vyNkoxnKL3E . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ชุมนุม28มิย #รวมพลังปกป้องอธิปไตย
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านของสหรัฐฯ ว่าเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญา NPT อย่างโจ่งแจ้ง” และกล่าวว่า “การกระทำดังกล่าวจะไม่สามารถหยุดการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติของอิหร่านลงได้”

    .

    แถลงการณ์ฉบับเต็มขององค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน (AEOI - The Atomic Energy Organization of Iran):

    'หลังจากการโจมตีอย่างโหดร้ายโดยศัตรูไซออนิสต์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฐานปฏิบัติการนิวเคลียร์ของประเทศที่ฟอร์โดว์ นาตันซ์ และอิสฟาฮาน ถูกโจมตีเมื่อเช้านี้โดยศัตรูของอิหร่าน ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT)

    การกระทำนี้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนั้นอย่าง
    ชัดเจน และช่างน่าเสียดายที่มันเกิดขึ้นท่ามกลางความเฉยเมย และยังเป็นการสมรู้ร่วมคิดของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)

    ศัตรูของเราออกมาอ้างความรับผิดชอบสำหรับการโจมตีฐานปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลอย่างต่อเนื่องของ IAEA ตามข้อตกลงการป้องกันและสนธิสัญญา NPT

    เราหวังว่าจะได้เห็นการประณามจากนานาประเทศ และสนับสนุนอิหร่านในการบรรลุสิทธิอันชอบธรรมของตน

    องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านขอรับรองต่อชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ว่า แม้จะมีแผนการชั่วร้ายของศัตรู แต่ด้วยความพยายามของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิวัติวงการและกระตือรือร้นนับพันคน องค์การจะไม่ยอมให้การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติซึ่งเป็นผลจากเลือดของผู้พลีชีพเพื่อนิวเคลียร์ต้องหยุดชะงักลง
    องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านของสหรัฐฯ ว่าเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญา NPT อย่างโจ่งแจ้ง” และกล่าวว่า “การกระทำดังกล่าวจะไม่สามารถหยุดการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติของอิหร่านลงได้” . แถลงการณ์ฉบับเต็มขององค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน (AEOI - The Atomic Energy Organization of Iran): 'หลังจากการโจมตีอย่างโหดร้ายโดยศัตรูไซออนิสต์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฐานปฏิบัติการนิวเคลียร์ของประเทศที่ฟอร์โดว์ นาตันซ์ และอิสฟาฮาน ถูกโจมตีเมื่อเช้านี้โดยศัตรูของอิหร่าน ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) การกระทำนี้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนั้นอย่าง ชัดเจน และช่างน่าเสียดายที่มันเกิดขึ้นท่ามกลางความเฉยเมย และยังเป็นการสมรู้ร่วมคิดของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ศัตรูของเราออกมาอ้างความรับผิดชอบสำหรับการโจมตีฐานปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลอย่างต่อเนื่องของ IAEA ตามข้อตกลงการป้องกันและสนธิสัญญา NPT เราหวังว่าจะได้เห็นการประณามจากนานาประเทศ และสนับสนุนอิหร่านในการบรรลุสิทธิอันชอบธรรมของตน องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่านขอรับรองต่อชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ว่า แม้จะมีแผนการชั่วร้ายของศัตรู แต่ด้วยความพยายามของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิวัติวงการและกระตือรือร้นนับพันคน องค์การจะไม่ยอมให้การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติซึ่งเป็นผลจากเลือดของผู้พลีชีพเพื่อนิวเคลียร์ต้องหยุดชะงักลง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจ๊กบางกอก&สเต็กบีเทสตี้ ep.2 #ศรีนครินทร์ #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #พาชิม #อร่อย #หิว #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #อาหาร #food #eat #delicious #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    โจ๊กบางกอก&สเต็กบีเทสตี้ ep.2 #ศรีนครินทร์ #สมุทรปราการ #กินอะไรดี #ร้านดีบอกต่อ #พาชิม #อร่อย #หิว #พิกัดของอร่อย #อร่อยบอกต่อ #อาหาร #food #eat #delicious #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • 2/3
    Anthony Fauci แอนโทนี เฟาชี และผองพวก ไม่กล้ามาดีเบตไม่กล้าเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาเปิดเผย คำถาม คือ สาธารณสุขไทย เป็นแบบ เฟาชีไหม?https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/anthony-fauci?utm_campaign=post&utm_medium=web&timestamp=15.8
    https://rumble.com/v1ze4d0-covid-19-vaccines-what-they-are-how-they-work-and-possible-causes-of-injuri.html
    https://atapol616246.substack.com/p/anthony-fauci
    ไฟเซอร์ไม่เคยทดสอบว่า mRNA gene therapy ของตน สามารถป้องกันการติดเชื้อ กันการแพร่เชื้อ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้หรือไม่!!!
    https://t.me/DrAtapolFC/299
    https://atapol616246.substack.com/p/mrna-gene-therapy
    รอดูว่า พวกที่ชอบอ้างว่า ตนเป็นนักวิชาการ จะกล้ามาคุยแบบที่นักวิชาการจริงๆ เขาทำกันไหม?
    https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/ff9?utm_campaign=post&utm_medium=web&timestamp=4.6
    https://atapol616246.substack.com/p/ff9
    ภูมิคุ้มกันผิดปกติจาก mRNA วัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/301
    https://atapol616246.substack.com/p/mrna-30b
    ภูมิคุ้มกันผิดปกติจาก mRNA วัคซีน VAIDS
    https://t.me/DrAtapolFC/306
    https://atapol616246.substack.com/p/mrna-vaids
    Excess death ของคนไทย พุ่งไม่หยุด
    https://t.me/DrAtapolFC/310
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-669
    คำถาม ทางวิชาการ เกี่ยวกับเภสัชวิทยา ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายช่วยตอบ (๑)
    https://t.me/DrAtapolFC/317
    https://atapol616246.substack.com/p/e47
    Excess death เป็นปัญหาของคนไทย และเป็นปัญหาของหลายประเทศทั่วโลกที่ระดม ฉีดวัคซีน mRNA หรือ ชื่อจริงว่า ยาฉีดยีนไวรัส
    https://t.me/DrAtapolFC/318
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-mrna
    คำถาม ทางวิชาการ เกี่ยวกับเภสัชวิทยา ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายช่วยตอบ (๒)
    https://t.me/DrAtapolFC/323
    https://atapol616246.substack.com/p/c70
    Delusion "หลงผิด" เป็นอาการทางจิตอย่างนึง
    อาการหลงผิดเป็นอย่างไร?
    https://t.me/DrAtapolFC/327
    https://atapol616246.substack.com/p/delusion
    โควิดเป็นฝีมือมนุษย์
    https://t.me/DrAtapolFC/332
    https://atapol616246.substack.com/p/b9c
    การทดลองในสัตว์ทดลองพบความผิดปกติมากมายภายหลังได้ยาฉีดของ ไฟเซอร์
    https://t.me/DrAtapolFC/340
    https://atapol616246.substack.com/p/a67
    ความกลัวน่ากลัวกว่าโควิด
    https://t.me/DrAtapolFC/341
    https://atapol616246.substack.com/p/bb6
    รัฐบาลอิสราเอลกำลังถูกฟ้อง คนอิสราเอลตื่นรู้เรื่องพิษจากวัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/346
    https://atapol616246.substack.com/p/d8c
    ทฤษฎีสมคบคิด conspiracy theory
    https://t.me/DrAtapolFC/347
    https://atapol616246.substack.com/p/conspiracy-theory
    cognitive dissonance "การรับรู้​ไม่ลงรอย
    https://t.me/DrAtapolFC/350
    https://atapol616246.substack.com/p/cognitive-dissonance
    รวบรวมคลิปหมออรรถพล
    https://t.me/DrAtapolFC/355
    วันที่ 18 ก.ย.2564 รายการรู้ทันพลังงานไทย โดยกลุ่ม ผีเสื้อกระพือปีก ตอนพิเศษ ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เรื่อง ภูมิคุ้มกัน วิทยากร อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    https://rumble.com/vmr3i3-38215803.html
    วันที่ 30 ก.ย.2564 เสวนาออนไลน์และแถลงการณ์ เสรีภาพในการรับ/ไม่รับ วัคซีนต้าน โควิด 19 บนความรับผิดชอบ ศ.นพ.อมร เปรมกมล,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล,พท.ป.วิพุธ สันติวาณิช,คุณธวัชชัย โตสิตระกูล,มล.รุ่งคุณ กิติยากร ผู้ดำเนินรายการ ดร.กฤษฎา บุญชัย,คุณนคร ลิมปคุปตถาวร
    https://www.youtube.com/watch?v=EpdTD7G6pCU
    ระหว่างวันที่ 24-31 ม.ค.2565 ดร.ณัฏฐพบธรรม(วู้ดดี้)และคณะจากกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ปั่นจักรยานจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือพร้อม นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และหม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนต่อกระทรวงศึกษาฯ ครั้งเริ่มมีการฉีดในเด็ก https://www.facebook.com/105105782022345/posts/126941879838735/ https://photos.app.goo.gl/zfpHX8iSDYXD26fh7
    วันที่ 11 มี.ค.2565 คุณหมออรรถพล ดร.ณัฏฐพบธรรม คุณอดิเทพ คุณวรเชษฐ์ (วงสไมล์บัพพาโล่)พร้อมกับกลุ่มผู้ต่อต้านวัคซีนทดลอง ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข https://photos.app.goo.gl/qukmJK5xiaiJE9ij7 เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนทดลอง หลังจากนั้นก็มีการทยอยส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ อาทิ จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/email-paisarnpomgmail.html จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/05/blog-post_61.html
    วันที่ 17 เม.ย.2565 แพทย์ไทยลงชื่อ30ท่าน คือแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโkวิd-19 ด้วยยาผสมผสาน 4 ตัว Combination Drugs อันได้แก่ 1. ยา Ivermectin 2.ยา Fluoxetine 3.ยา Niclosamide 4.ยา Doxycycline 5.วิตามิน ดี 6.วิตามิน ซี 7.สังกะสี 8. NAC 9.แอสไพริน 10.famotidine 11.วิตามิน เอ 12. Quecertin (หอมแดง) 13. ฟ้าทะลายโจร 14. ขิง 15. กระชาย
    สนับสนุนให้เพื่อนๆแพทย์ที่เคารพทั้งหลายมีทางเลือกในการดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยการใช้ยารักษาโรคอื่นๆ (เดิม) ที่ได้ผ่านการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาใช้ใหม่ Repurposed Drugs ในการรักษาโkวิd-19 เป็นยาราคาถูกที่หมดสิทธิบัตรไปแล้ว Off-patent Drugs เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ผลข้างเคียงน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการรักษามาเป็นจำนวนมากแล้ว โดยอ้างอิงผลการวิจัยและคนไข้จริงๆ ทำให้คนไข้หายได้เร็วและไม่เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา https://c19early.com/
    รายชื่อแพทย์เรียงตามลำดับตามอักษร มีดังต่อไปนี้
    หมายเหตุ : ลงชื่อ นพ. พญ. ชื่อ-นามสกุล แพทย์สาขาหรือประสบการณ์ ที่ทำงานอดีตหรือปัจจุบัน จังหวัด
    1. นพ.กฤษณ์ติพัฒณ์ พิริยกรเจริญกิจ กุมารแพทย์
    2. นพ.กฤษดา จงสกุล เวชศาสตร์ครอบครัว นนทบุรี
    3. นพ.โกวิท ยงวานิชจิต
    4. พญ.จันทนา พงศ์สงวนสิน อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    5. พญ.จันทร์จิรา ชัชวาลา รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ
    6. นพ.จิตจำลอง หะริณสุต อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    7. นพ.ชัยยศ คุณานุสนธิ์ แพทย์ระบาดวิทยา นนทบุรี
    8. นพ.ทวีชัย พิตรปรีชา โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ
    9. นพ.ธนะรัตน์ ลยางกูร กุมารแพทย์ (ใช้ในการป้องกัน)
    10. นพ.ธีรเดช ตังเดชะหิรัญ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    11. ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    12. นพ.พิศิษฐ์ เจนดิษฐการ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    13. นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ แพทย์ เวชศาสตร์ป้องกัน จังหวัดน่าน
    14. นพ. พุทธพจน์ สรรพกิจจำนง แพทย์โรงพยาบาลเอกชน อยุธยา
    15. นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    16. นพ.มาโนช อาภรณ์สุวรรณ กุมารแพทย์ บุรีรัมย์
    17. พญ.ลลิดา เกษมสุวรรณ โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ
    18.พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กรุงเทพฯ
    19. นพ.วัฒนา รังสราญนนท์ ศัลยกรรมทั่วไป รพ.บางไผ่ กทม.
    20. นพ.วีรชัย ลดาคม แพทย์เอกชน กรุงเทพฯ
    21. พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร กุมารแพทย์ กรุงเทพฯ
    22. นพ.สมภพ อิทธิอาวัชกุล สูติแพทย์ อรัญประเทศ
    23. นพ.สายัณห์ ผลประเสริฐ สูตินรีแพทย์ อ.หล่มศักดิ์ จ.เพชรบูรณ์
    24. นพ.สุทัศน์ วาณิชเสนี จักษุแพทย์ นครศรีธรรมราช
    25. นพ.สุเทพ ลิ้มสุขนิรันดร์ จักษุแพทย์ กาญจนบุรี
    26. นพ.สุนทร ศรีปรัชญาอนันต์ กรุงเทพฯ
    27. พญ.อรสา ชวาลภาฤทธิ์ รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ
    28. พญ.อัจฉรา รังสราญนนท์ แพทย์ห้วงเวลา ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม สำนักอนามัย กทม.
    29. น.พ. อลงกรณ์ ชุตินันท์ ประสาทศัลยแพทย์ จ.ชลบุรี
    30. นพ อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/105105782022345/posts/146820267850896/
    วันที่ 20 พ.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และประชาชนบุกช่อง 3 เพื่อเอาข้อมูลบ.ไฟzerแพ้คดีจำใจเปิดเผยข้อมูลด้านเสียของยาฉีด มีนักข่าวมารับเรื่องเพียงเท่านั้นเรื่องก็เงียบไป
    https://rumble.com/v15flrb--.-3.html https://odysee.com/@EE:8/CH3PfizerReports:9 https://rookon.com/read-blog/130 ต่อมาช่อง news1 สนใจและเชิญอาจารย์หมอออกรายการคนเคาะข่าว https://t.me/ThaiPitaksithData/867
    วันที่ 11 ก.ค.2565 องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย รายการประเด็นโดนใจ หัวข้อ"ฉีดวัคซีนตอนนี้ดีหรือไม่ " ดำเนินรายการโดย ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ร่วมรายการ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=620043739211127&id=100004085020749
    วันที่ 30 ก.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์,ทนายเกิดผล แก้วเกิด,โค๊ชนาตาลี,อดิเทพ จาวลาห์,บรรยงก์ วิสุทธิ์,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โควิด ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ปลุกคนไทยให้เข้าถึงความรู้และทางรอด
    คลิปที่ 1-14 https://t.me/ThaiPitaksithData/1117 คลิปที่15-20 https://t.me/ThaiPitaksithData/1801 หรือ https://docs.google.com/document/d/1bWenIBiboQgE5WnvM6_Tqn-PP90w45wF6C3b-LFcmxw/edit?usp=sharing
    วันที่ 13 ก.ย.2565 จส ๑๐๐ สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง เรื่องวัคซีนโควิด-19 https://atapol616246.substack.com/p/100?sd=pf
    วันที่ 29 ม.ค.2566 ช่อง 3 นำคลิปสัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ออกรายงานข่าว 3มิติ
    https://t.me/clipcovid19/274
    https://www.youtube.com/live/vEiTffjxaVk?si=EQ9bjfPjI2D_W1L7
    วันที่ 14 ก.พ. 2566 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อ.ประจำคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทาง SONDHI APP ในหัวข้อ "ฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย? เรื่องที่วงในการแพทย์รู้ แต่พูดไม่ได้" https://rumble.com/v29lyme-137073542.htmlฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย?
    วันที่ 20 เม.ย. 2566 นายแพทย์อรรถพร สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ร่วมรายการสภากาแฟเวทีชาวบ้าน 200466 ช่อง News1 เกี่ยวกับความจริงของโควิดระลอกใหม่ เพื่อให้คนไทยไม่ต้องตื่นกล้ว และ การยื่นหนังสือถึงกรรมการยา และผู้มีส่วนรับผิดชอบต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่นำมาฉีดให้คนไทย เกี่ยวกับการระงับการอนุมัติฉุกเฉินของ วัคซีน mRna https://www.youtube.com/live/T0COteCvRRQ?feature=share
    วันที่ 6 มิ.ย.2566 รายการสยามไทยอัปเดต ช่อง 13 สยามไทย สถานีข่าว ได้จัดเสวนาหัวข้อ “ล้างสุขภาพ : ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด" โดยมีวิทยากรดังรายนามต่อไปนี้
    •• พระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาส วัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร
    •• นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง จิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    •• แพทย์แผนไทย(เวชกรรมไทย) เกริกพันธ์ นิลประกอบกุล ประจำคลินิกแพทย์แผนไทย หทัยนเรศวร์ จ.ราชบุรี / ทีมพอรักษา เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ผู้ดำเนินรายการ ขจรศักดิ์ เชาว์เจริญรัตน์
    ช่วงที่ 1 https://fb.watch/k-6IORwHvd/
    ช่วงที่ 2 https://fb.watch/k-6NKAbcjN/
    วันที่ 14 ก.ค.2566 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้เชิญ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง นพ.มนตรี เศรษฐบุตร ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา คุณอดิเทพ จาวลาห์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ ดร.ธิดารัตน์ เอกศิรินิมิตร พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช และผู้กล้าหาญมากมายร่วมกันจัดงานเสวนา เรื่อง “คนไทยขอคัดค้านสนธิสัญญาทาส WHO Treaty” เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสนธิสัญญาดังกล่าว และรวมตัวกันมอบรายชื่อคนไทยที่คัดค้านสนธิสัญญา WHO Treaty นี้ โดยมีการจัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 ภาค คือ
    ภาคเช้า งานสัมนาจัดที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี
    ภาคบ่าย ร่วมกันยื่นรายชื่อเพื่อหยุดสนธิสัญญาทาสของ WHO ที่กระทรวงสาธารณสุข
    https://t.me/stopWHOTreatyinthai
    วันที่ 1 พ.ย.2566 คุณหมอมนตรี เศรษฐบุตร แพทย์จุฬารุ่น 15 อดีต นายกสมาคมศิษย์เก่า แพทย์จุฬา ตัวแทนกลุ่มฯยื่นหนังสือ(ข้อมูลต่างๆ) ถึง รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    โพสของคุณหมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10212579857448066&id=1732997516&sfnsn=mo&mibextid=RUbZ1f
    รวมภาพและคลิปกิจกรรม 1 พ.ย.2566
    https://t.me/ThaiPitaksithData/4006
    มีต่อ
    2/3 ✍️Anthony Fauci แอนโทนี เฟาชี และผองพวก ไม่กล้ามาดีเบตไม่กล้าเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาเปิดเผย คำถาม คือ สาธารณสุขไทย เป็นแบบ เฟาชีไหม?https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/anthony-fauci?utm_campaign=post&utm_medium=web&timestamp=15.8 https://rumble.com/v1ze4d0-covid-19-vaccines-what-they-are-how-they-work-and-possible-causes-of-injuri.html https://atapol616246.substack.com/p/anthony-fauci ✍️ไฟเซอร์ไม่เคยทดสอบว่า mRNA gene therapy ของตน สามารถป้องกันการติดเชื้อ กันการแพร่เชื้อ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้หรือไม่!!! https://t.me/DrAtapolFC/299 https://atapol616246.substack.com/p/mrna-gene-therapy ✍️รอดูว่า พวกที่ชอบอ้างว่า ตนเป็นนักวิชาการ จะกล้ามาคุยแบบที่นักวิชาการจริงๆ เขาทำกันไหม? https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/ff9?utm_campaign=post&utm_medium=web&timestamp=4.6 https://atapol616246.substack.com/p/ff9 ✍️ภูมิคุ้มกันผิดปกติจาก mRNA วัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/301 https://atapol616246.substack.com/p/mrna-30b ✍️ภูมิคุ้มกันผิดปกติจาก mRNA วัคซีน VAIDS https://t.me/DrAtapolFC/306 https://atapol616246.substack.com/p/mrna-vaids ✍️Excess death ของคนไทย พุ่งไม่หยุด https://t.me/DrAtapolFC/310 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-669 ✍️คำถาม ทางวิชาการ เกี่ยวกับเภสัชวิทยา ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายช่วยตอบ (๑) https://t.me/DrAtapolFC/317 https://atapol616246.substack.com/p/e47 ✍️Excess death เป็นปัญหาของคนไทย และเป็นปัญหาของหลายประเทศทั่วโลกที่ระดม ฉีดวัคซีน mRNA หรือ ชื่อจริงว่า ยาฉีดยีนไวรัส https://t.me/DrAtapolFC/318 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-mrna ✍️คำถาม ทางวิชาการ เกี่ยวกับเภสัชวิทยา ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายช่วยตอบ (๒) https://t.me/DrAtapolFC/323 https://atapol616246.substack.com/p/c70 ✍️Delusion "หลงผิด" เป็นอาการทางจิตอย่างนึง อาการหลงผิดเป็นอย่างไร? https://t.me/DrAtapolFC/327 https://atapol616246.substack.com/p/delusion ✍️โควิดเป็นฝีมือมนุษย์ https://t.me/DrAtapolFC/332 https://atapol616246.substack.com/p/b9c ✍️การทดลองในสัตว์ทดลองพบความผิดปกติมากมายภายหลังได้ยาฉีดของ ไฟเซอร์ https://t.me/DrAtapolFC/340 https://atapol616246.substack.com/p/a67 ✍️ความกลัวน่ากลัวกว่าโควิด https://t.me/DrAtapolFC/341 https://atapol616246.substack.com/p/bb6 ✍️รัฐบาลอิสราเอลกำลังถูกฟ้อง คนอิสราเอลตื่นรู้เรื่องพิษจากวัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/346 https://atapol616246.substack.com/p/d8c ✍️ทฤษฎีสมคบคิด conspiracy theory https://t.me/DrAtapolFC/347 https://atapol616246.substack.com/p/conspiracy-theory ✍️cognitive dissonance "การรับรู้​ไม่ลงรอย https://t.me/DrAtapolFC/350 https://atapol616246.substack.com/p/cognitive-dissonance ✍️รวบรวมคลิปหมออรรถพล https://t.me/DrAtapolFC/355 ✍️วันที่ 18 ก.ย.2564 รายการรู้ทันพลังงานไทย โดยกลุ่ม ผีเสื้อกระพือปีก ตอนพิเศษ ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เรื่อง ภูมิคุ้มกัน วิทยากร อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร https://rumble.com/vmr3i3-38215803.html ✍️วันที่ 30 ก.ย.2564 เสวนาออนไลน์และแถลงการณ์ เสรีภาพในการรับ/ไม่รับ วัคซีนต้าน โควิด 19 บนความรับผิดชอบ ศ.นพ.อมร เปรมกมล,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล,พท.ป.วิพุธ สันติวาณิช,คุณธวัชชัย โตสิตระกูล,มล.รุ่งคุณ กิติยากร ผู้ดำเนินรายการ ดร.กฤษฎา บุญชัย,คุณนคร ลิมปคุปตถาวร https://www.youtube.com/watch?v=EpdTD7G6pCU ✍️ระหว่างวันที่ 24-31 ม.ค.2565 ดร.ณัฏฐพบธรรม(วู้ดดี้)และคณะจากกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ปั่นจักรยานจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือพร้อม นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และหม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนต่อกระทรวงศึกษาฯ ครั้งเริ่มมีการฉีดในเด็ก https://www.facebook.com/105105782022345/posts/126941879838735/ https://photos.app.goo.gl/zfpHX8iSDYXD26fh7 ✍️วันที่ 11 มี.ค.2565 คุณหมออรรถพล ดร.ณัฏฐพบธรรม คุณอดิเทพ คุณวรเชษฐ์ (วงสไมล์บัพพาโล่)พร้อมกับกลุ่มผู้ต่อต้านวัคซีนทดลอง ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข https://photos.app.goo.gl/qukmJK5xiaiJE9ij7 เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนทดลอง หลังจากนั้นก็มีการทยอยส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ อาทิ จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/email-paisarnpomgmail.html จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/05/blog-post_61.html ✍️วันที่ 17 เม.ย.2565 แพทย์ไทยลงชื่อ30ท่าน คือแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโkวิd-19 ด้วยยาผสมผสาน 4 ตัว Combination Drugs อันได้แก่ 1. ยา Ivermectin 2.ยา Fluoxetine 3.ยา Niclosamide 4.ยา Doxycycline 5.วิตามิน ดี 6.วิตามิน ซี 7.สังกะสี 8. NAC 9.แอสไพริน 10.famotidine 11.วิตามิน เอ 12. Quecertin (หอมแดง) 13. ฟ้าทะลายโจร 14. ขิง 15. กระชาย สนับสนุนให้เพื่อนๆแพทย์ที่เคารพทั้งหลายมีทางเลือกในการดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยการใช้ยารักษาโรคอื่นๆ (เดิม) ที่ได้ผ่านการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาใช้ใหม่ Repurposed Drugs ในการรักษาโkวิd-19 เป็นยาราคาถูกที่หมดสิทธิบัตรไปแล้ว Off-patent Drugs เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ผลข้างเคียงน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการรักษามาเป็นจำนวนมากแล้ว โดยอ้างอิงผลการวิจัยและคนไข้จริงๆ ทำให้คนไข้หายได้เร็วและไม่เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา https://c19early.com/ รายชื่อแพทย์เรียงตามลำดับตามอักษร มีดังต่อไปนี้ หมายเหตุ : ลงชื่อ นพ. พญ. ชื่อ-นามสกุล แพทย์สาขาหรือประสบการณ์ ที่ทำงานอดีตหรือปัจจุบัน จังหวัด 1. นพ.กฤษณ์ติพัฒณ์ พิริยกรเจริญกิจ กุมารแพทย์ 2. นพ.กฤษดา จงสกุล เวชศาสตร์ครอบครัว นนทบุรี 3. นพ.โกวิท ยงวานิชจิต 4. พญ.จันทนา พงศ์สงวนสิน อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 5. พญ.จันทร์จิรา ชัชวาลา รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ 6. นพ.จิตจำลอง หะริณสุต อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 7. นพ.ชัยยศ คุณานุสนธิ์ แพทย์ระบาดวิทยา นนทบุรี 8. นพ.ทวีชัย พิตรปรีชา โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ 9. นพ.ธนะรัตน์ ลยางกูร กุมารแพทย์ (ใช้ในการป้องกัน) 10. นพ.ธีรเดช ตังเดชะหิรัญ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 11. ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 12. นพ.พิศิษฐ์ เจนดิษฐการ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 13. นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ แพทย์ เวชศาสตร์ป้องกัน จังหวัดน่าน 14. นพ. พุทธพจน์ สรรพกิจจำนง แพทย์โรงพยาบาลเอกชน อยุธยา 15. นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 16. นพ.มาโนช อาภรณ์สุวรรณ กุมารแพทย์ บุรีรัมย์ 17. พญ.ลลิดา เกษมสุวรรณ โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ 18.พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กรุงเทพฯ 19. นพ.วัฒนา รังสราญนนท์ ศัลยกรรมทั่วไป รพ.บางไผ่ กทม. 20. นพ.วีรชัย ลดาคม แพทย์เอกชน กรุงเทพฯ 21. พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร กุมารแพทย์ กรุงเทพฯ 22. นพ.สมภพ อิทธิอาวัชกุล สูติแพทย์ อรัญประเทศ 23. นพ.สายัณห์ ผลประเสริฐ สูตินรีแพทย์ อ.หล่มศักดิ์ จ.เพชรบูรณ์ 24. นพ.สุทัศน์ วาณิชเสนี จักษุแพทย์ นครศรีธรรมราช 25. นพ.สุเทพ ลิ้มสุขนิรันดร์ จักษุแพทย์ กาญจนบุรี 26. นพ.สุนทร ศรีปรัชญาอนันต์ กรุงเทพฯ 27. พญ.อรสา ชวาลภาฤทธิ์ รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ 28. พญ.อัจฉรา รังสราญนนท์ แพทย์ห้วงเวลา ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม สำนักอนามัย กทม. 29. น.พ. อลงกรณ์ ชุตินันท์ ประสาทศัลยแพทย์ จ.ชลบุรี 30. นพ อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/105105782022345/posts/146820267850896/ ✍️วันที่ 20 พ.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และประชาชนบุกช่อง 3 เพื่อเอาข้อมูลบ.ไฟzerแพ้คดีจำใจเปิดเผยข้อมูลด้านเสียของยาฉีด มีนักข่าวมารับเรื่องเพียงเท่านั้นเรื่องก็เงียบไป https://rumble.com/v15flrb--.-3.html https://odysee.com/@EE:8/CH3PfizerReports:9 https://rookon.com/read-blog/130 ต่อมาช่อง news1 สนใจและเชิญอาจารย์หมอออกรายการคนเคาะข่าว https://t.me/ThaiPitaksithData/867 ✍️ วันที่ 11 ก.ค.2565 องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย รายการประเด็นโดนใจ หัวข้อ"ฉีดวัคซีนตอนนี้ดีหรือไม่ " ดำเนินรายการโดย ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ร่วมรายการ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=620043739211127&id=100004085020749 ✍️วันที่ 30 ก.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์,ทนายเกิดผล แก้วเกิด,โค๊ชนาตาลี,อดิเทพ จาวลาห์,บรรยงก์ วิสุทธิ์,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โควิด ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ปลุกคนไทยให้เข้าถึงความรู้และทางรอด คลิปที่ 1-14 https://t.me/ThaiPitaksithData/1117 คลิปที่15-20 https://t.me/ThaiPitaksithData/1801 หรือ https://docs.google.com/document/d/1bWenIBiboQgE5WnvM6_Tqn-PP90w45wF6C3b-LFcmxw/edit?usp=sharing ✍️วันที่ 13 ก.ย.2565 จส ๑๐๐ สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง เรื่องวัคซีนโควิด-19 https://atapol616246.substack.com/p/100?sd=pf ✍️วันที่ 29 ม.ค.2566 ช่อง 3 นำคลิปสัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ออกรายงานข่าว 3มิติ https://t.me/clipcovid19/274 https://www.youtube.com/live/vEiTffjxaVk?si=EQ9bjfPjI2D_W1L7 ✍️วันที่ 14 ก.พ. 2566 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อ.ประจำคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทาง SONDHI APP ในหัวข้อ "ฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย? เรื่องที่วงในการแพทย์รู้ แต่พูดไม่ได้" https://rumble.com/v29lyme-137073542.htmlฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย? ✍️วันที่ 20 เม.ย. 2566 นายแพทย์อรรถพร สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ร่วมรายการสภากาแฟเวทีชาวบ้าน 200466 ช่อง News1 เกี่ยวกับความจริงของโควิดระลอกใหม่ เพื่อให้คนไทยไม่ต้องตื่นกล้ว และ การยื่นหนังสือถึงกรรมการยา และผู้มีส่วนรับผิดชอบต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่นำมาฉีดให้คนไทย เกี่ยวกับการระงับการอนุมัติฉุกเฉินของ วัคซีน mRna https://www.youtube.com/live/T0COteCvRRQ?feature=share ✍️วันที่ 6 มิ.ย.2566 รายการสยามไทยอัปเดต ช่อง 13 สยามไทย สถานีข่าว ได้จัดเสวนาหัวข้อ “ล้างสุขภาพ : ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด" โดยมีวิทยากรดังรายนามต่อไปนี้ •• พระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาส วัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร •• นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง จิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย •• แพทย์แผนไทย(เวชกรรมไทย) เกริกพันธ์ นิลประกอบกุล ประจำคลินิกแพทย์แผนไทย หทัยนเรศวร์ จ.ราชบุรี / ทีมพอรักษา เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ผู้ดำเนินรายการ ขจรศักดิ์ เชาว์เจริญรัตน์ ช่วงที่ 1 https://fb.watch/k-6IORwHvd/ ช่วงที่ 2 https://fb.watch/k-6NKAbcjN/ ✍️วันที่ 14 ก.ค.2566 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้เชิญ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง นพ.มนตรี เศรษฐบุตร ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา คุณอดิเทพ จาวลาห์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ ดร.ธิดารัตน์ เอกศิรินิมิตร พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช และผู้กล้าหาญมากมายร่วมกันจัดงานเสวนา เรื่อง “คนไทยขอคัดค้านสนธิสัญญาทาส WHO Treaty” เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสนธิสัญญาดังกล่าว และรวมตัวกันมอบรายชื่อคนไทยที่คัดค้านสนธิสัญญา WHO Treaty นี้ โดยมีการจัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาคเช้า งานสัมนาจัดที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ภาคบ่าย ร่วมกันยื่นรายชื่อเพื่อหยุดสนธิสัญญาทาสของ WHO ที่กระทรวงสาธารณสุข https://t.me/stopWHOTreatyinthai ✍️วันที่ 1 พ.ย.2566 คุณหมอมนตรี เศรษฐบุตร แพทย์จุฬารุ่น 15 อดีต นายกสมาคมศิษย์เก่า แพทย์จุฬา ตัวแทนกลุ่มฯยื่นหนังสือ(ข้อมูลต่างๆ) ถึง รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสของคุณหมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10212579857448066&id=1732997516&sfnsn=mo&mibextid=RUbZ1f รวมภาพและคลิปกิจกรรม 1 พ.ย.2566 https://t.me/ThaiPitaksithData/4006 มีต่อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ...!!!
    .
    สงสัย มีคน Make Love กับ ฮุนเซน จนต้องเข้าโรงพยาบาล ชั้นดาดฟ้า...!!!
    .
    เมื่อรักษาชีวิตไว้ได้ สมใจอยาก เลย OK นะคะ ให้มันทุกเรื่อง...!!!
    .
    เขมร เขาไม่ได้รุกแผ่นดินไทยซะหน่อย...
    .
    ที่ "บุกทะลวง" "ช่องแคบมะละกา" จนต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายเดือนนั่นต่างหาก ถึงจะเรียกว่า "รุกล้ำอธิปไตยของแท้"...!!!
    .
    แบบนี้เหรอ...???
    .
    สันติวิทุย...!!!
    .

    ....
    ....
    พออ่านข่าวนี้เสร็จ แหม่...อยากฝากโจ๊กให้ ลุงสนธิ ไปอ่านเล่นจัง...
    .
    ไม่รู้ว่าคนเขียนเข้าใจคำว่า Make Love มั้ย...???
    .
    ที่ขำกว่าคือ พรรคดันแชร์โพสไปอีก...!!!
    .
    ...!!! . สงสัย มีคน Make Love กับ ฮุนเซน จนต้องเข้าโรงพยาบาล ชั้นดาดฟ้า...!!! . เมื่อรักษาชีวิตไว้ได้ สมใจอยาก เลย OK นะคะ ให้มันทุกเรื่อง...!!! . เขมร เขาไม่ได้รุกแผ่นดินไทยซะหน่อย... . ที่ "บุกทะลวง" "ช่องแคบมะละกา" จนต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายเดือนนั่นต่างหาก ถึงจะเรียกว่า "รุกล้ำอธิปไตยของแท้"...!!! . แบบนี้เหรอ...??? . สันติวิทุย...!!! . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣 .... .... พออ่านข่าวนี้เสร็จ แหม่...อยากฝากโจ๊กให้ ลุงสนธิ ไปอ่านเล่นจัง... . ไม่รู้ว่าคนเขียนเข้าใจคำว่า Make Love มั้ย...??? . ที่ขำกว่าคือ พรรคดันแชร์โพสไปอีก...!!! . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报)
    ความมีอยู่ว่า
    ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว”
    หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง

    คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา

    เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด?

    ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ

    จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ

    ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ

    ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน

    จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ

    ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

    ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html
    https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html
    http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml
    http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm
    https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html

    #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报) ความมีอยู่ว่า ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว” หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด? ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 906 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บิ๊กอ้อ" เร่งรัดคดีโจ๋กรุงเก่าทำร้ายนทท. เตรียมเปิดปฏิบัติการ "ปิดเมืองไล่ล่า อยุธยาปลอดภัย"
    https://www.thai-tai.tv/news/19049/
    "บิ๊กอ้อ" เร่งรัดคดีโจ๋กรุงเก่าทำร้ายนทท. เตรียมเปิดปฏิบัติการ "ปิดเมืองไล่ล่า อยุธยาปลอดภัย" https://www.thai-tai.tv/news/19049/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบรกรถทัวร์ 2 ชั้น ห้ามใช้ 7 เส้นทางลาดชัน

    ในวันที่ 1 มิ.ย. กรมการขนส่งทางบกออกมาตรการห้ามรถบัส 2 ชั้นที่เป็นรถประจำทาง เดินรถบนเส้นทางที่มีความลาดชัน 7 เส้นทางทั่วประเทศ ทำให้เริ่มมีผู้ประกอบการรถทัวร์บางรายประกาศเปลี่ยนเส้นทางชั่วคราว ส่งผลทำให้ผู้โดยสารใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้นกว่าเดิม

    บริษัท เพชรประเสริฐ จำกัด เปลี่ยนเส้นทางเดินรถ สาย 876 เชียงใหม่-นครพนม และ เชียงใหม่-บึงกาฬ จากจังหวัดพิษณุโลก เดิมเลี้ยวซ้ายที่แยกบ้านแยง อ.นครไทย แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 2013 ไปออก อ.ด่านซ้าย จ.เลย เปลี่ยนเป็นตรงไปตามถนนพิษณุโลก-หล่มสัก จอดรับผู้โดยสารที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 21 และ 2014 ไป อ.ด่านซ้าย จ.เลย ทำให้ใช้ระยะทางเพิ่มจากเดิมประมาณ 50 กิโลเมตร

    บริษัท นครชัยขนส่ง จำกัด เปลี่ยนเส้นทางเดินรถสาย 824 เลย-พัทยา-ระยอง จากจังหวัดฉะเชิงเทรา เดิมใช้ถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี-ปักธงชัย-นครราชสีมา เปลี่ยนเป็นใช้ทางหลวงหมายเลข 3200 (ฉะเชิงเทรา-บางน้ำเปรี้ยว) ต่อด้วยถนนสายบางน้ำเปรี้ยว-องครักษ์ ถึง อ.องครักษ์ จ.นครนายก เลี้ยวขวาไปตามถนนรังสิต-นครนายก เลี้ยวเข้า อ.บ้านนา แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 3222 (บ้านนา-องครักษ์) ไปออก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ก่อนใช้ถนนมิตรภาพไป จ.นครราชสีมา

    แต่เส้นทางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างจังหวัดฝั่งอันดามัน เช่น ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถทัวร์ รถเช่าเหมา ที่มีมาตรการออกมาเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ห้องพัก ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และเตรียมนัดชุมนุมใหญ่บนเส้นทางเขาพับผ้าในวันที่ 4 มิ.ย.นี้

    สำหรับ 7 เส้นทางที่กรมการขนส่งทางบก ห้ามรถบัส 2 ชั้นเดินรถขนส่งผู้โดยสาร ได้แก่

    1. ทางหลวงหมายเลข 118 (ถนนเชียงใหม่-เชียงราย) ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว จ.เชียงใหม่
    2. ทางหลวงหมายเลข 103 (ถนนแพร่–ลำปาง สายเก่า) ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ จ.แพร่
    3. ทางหลวงหมายเลข 1256 (ถนนลอยฟ้า) ช่วงป้ว-อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน
    4. ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม จ.เลย
    5. ทางหลวงหมายเลข 2331 (ถนนภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า) ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์
    6. ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนกบินทร์บุรี-ปักธงชัย) ช่วงสี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว จ.ปราจีนบุรี
    7. ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงเขาพับผ้า ตรัง–พัทลุง จ.พัทลุง

    #Newskit
    เบรกรถทัวร์ 2 ชั้น ห้ามใช้ 7 เส้นทางลาดชัน ในวันที่ 1 มิ.ย. กรมการขนส่งทางบกออกมาตรการห้ามรถบัส 2 ชั้นที่เป็นรถประจำทาง เดินรถบนเส้นทางที่มีความลาดชัน 7 เส้นทางทั่วประเทศ ทำให้เริ่มมีผู้ประกอบการรถทัวร์บางรายประกาศเปลี่ยนเส้นทางชั่วคราว ส่งผลทำให้ผู้โดยสารใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้นกว่าเดิม บริษัท เพชรประเสริฐ จำกัด เปลี่ยนเส้นทางเดินรถ สาย 876 เชียงใหม่-นครพนม และ เชียงใหม่-บึงกาฬ จากจังหวัดพิษณุโลก เดิมเลี้ยวซ้ายที่แยกบ้านแยง อ.นครไทย แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 2013 ไปออก อ.ด่านซ้าย จ.เลย เปลี่ยนเป็นตรงไปตามถนนพิษณุโลก-หล่มสัก จอดรับผู้โดยสารที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 21 และ 2014 ไป อ.ด่านซ้าย จ.เลย ทำให้ใช้ระยะทางเพิ่มจากเดิมประมาณ 50 กิโลเมตร บริษัท นครชัยขนส่ง จำกัด เปลี่ยนเส้นทางเดินรถสาย 824 เลย-พัทยา-ระยอง จากจังหวัดฉะเชิงเทรา เดิมใช้ถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี-ปักธงชัย-นครราชสีมา เปลี่ยนเป็นใช้ทางหลวงหมายเลข 3200 (ฉะเชิงเทรา-บางน้ำเปรี้ยว) ต่อด้วยถนนสายบางน้ำเปรี้ยว-องครักษ์ ถึง อ.องครักษ์ จ.นครนายก เลี้ยวขวาไปตามถนนรังสิต-นครนายก เลี้ยวเข้า อ.บ้านนา แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 3222 (บ้านนา-องครักษ์) ไปออก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ก่อนใช้ถนนมิตรภาพไป จ.นครราชสีมา แต่เส้นทางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างจังหวัดฝั่งอันดามัน เช่น ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถทัวร์ รถเช่าเหมา ที่มีมาตรการออกมาเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ห้องพัก ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และเตรียมนัดชุมนุมใหญ่บนเส้นทางเขาพับผ้าในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ สำหรับ 7 เส้นทางที่กรมการขนส่งทางบก ห้ามรถบัส 2 ชั้นเดินรถขนส่งผู้โดยสาร ได้แก่ 1. ทางหลวงหมายเลข 118 (ถนนเชียงใหม่-เชียงราย) ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว จ.เชียงใหม่ 2. ทางหลวงหมายเลข 103 (ถนนแพร่–ลำปาง สายเก่า) ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ จ.แพร่ 3. ทางหลวงหมายเลข 1256 (ถนนลอยฟ้า) ช่วงป้ว-อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน 4. ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม จ.เลย 5. ทางหลวงหมายเลข 2331 (ถนนภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า) ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์ 6. ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนกบินทร์บุรี-ปักธงชัย) ช่วงสี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว จ.ปราจีนบุรี 7. ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงเขาพับผ้า ตรัง–พัทลุง จ.พัทลุง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 997 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประวัติ ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว วัดสามจีน-ไตรมิตร
    ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว หรือ ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย วัดสามจีน มีองค์ไต้เสี่ยฮุกโจ้ว หรือเจ้าพ่อเห้งเจียปางสำเร็จอรหันต์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
    โดยก่อตั้งขึ้นในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งแต่เดิมเจ้าพ่อเห้งเจียได้ถูกอัญเชิญมาจากประเทศจีนโดยเรือสำเภา ล่องมาตามแม่น้ำนครชัยศรีและขึ้นเทียบท่าที่วัดนางสาว จากนั้นมีผู้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดสามจีน หรือ วัดไตรมิตรววิทยารามวรวิหาร ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ตึกทรงเก๋งจีนบนถนนพระราม4 สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ดังเช่นในปัจจุบัน
    องค์เจ้าพ่อเห้งเจีย หรือปางไต้เสี่ยฮุกโจ้ว ที่ศาลเจ้าแห่งนี้
    ประทับนั่งขัดสมาธิบนดอกบัว แกะสลักขึ้นจากไม้มงคลโบราณพร้อมลงรักปิดทอง มีอายุยาวนานหลายร้อยปี
    และถือเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของผู้คนเชื้อสายจีนทั้งในและต่างประเทศ ต่างพากันเดินทางมาขอพรทั้งในเรื่องการงาน การเงิน และการเรียน
    โดยผู้ศรัทธามักจะเรียกท่านว่า "อากง" เสมือนท่านคือญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ
    ประวัติ ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว วัดสามจีน-ไตรมิตร ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว หรือ ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย วัดสามจีน มีองค์ไต้เสี่ยฮุกโจ้ว หรือเจ้าพ่อเห้งเจียปางสำเร็จอรหันต์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย โดยก่อตั้งขึ้นในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งแต่เดิมเจ้าพ่อเห้งเจียได้ถูกอัญเชิญมาจากประเทศจีนโดยเรือสำเภา ล่องมาตามแม่น้ำนครชัยศรีและขึ้นเทียบท่าที่วัดนางสาว จากนั้นมีผู้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดสามจีน หรือ วัดไตรมิตรววิทยารามวรวิหาร ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ตึกทรงเก๋งจีนบนถนนพระราม4 สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ดังเช่นในปัจจุบัน องค์เจ้าพ่อเห้งเจีย หรือปางไต้เสี่ยฮุกโจ้ว ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ประทับนั่งขัดสมาธิบนดอกบัว แกะสลักขึ้นจากไม้มงคลโบราณพร้อมลงรักปิดทอง มีอายุยาวนานหลายร้อยปี และถือเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของผู้คนเชื้อสายจีนทั้งในและต่างประเทศ ต่างพากันเดินทางมาขอพรทั้งในเรื่องการงาน การเงิน และการเรียน โดยผู้ศรัทธามักจะเรียกท่านว่า "อากง" เสมือนท่านคือญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • วุ้นกะทิ เลียนแบบอาหาร #โจ๊กจั๊บเส้น
    วุ้นกะทิ เลียนแบบอาหาร #โจ๊กจั๊บเส้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts