• ไปด้วยกัน ! ทนายบอสพอลเตรียมฟ้อง 5 แม่ทีม The Icon (28/10/67) #news1 #ทนายบอสพอล #ฟ้อง5แม่ทีมTheIcon
    ไปด้วยกัน ! ทนายบอสพอลเตรียมฟ้อง 5 แม่ทีม The Icon (28/10/67) #news1 #ทนายบอสพอล #ฟ้อง5แม่ทีมTheIcon
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2031 มุมมอง 575 0 รีวิว
  • กลเกมคดี’ดิ ไอคอน’จะรอดเพราะเงินมันเยอะ
    .
    หลังจากที่ "บอสพอล" กับเหล่า "บอส" ทั้งหลายที่ถูกจับกุมตัวและทยอยยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงกลเกมคดีของ "ดิ ไอคอน"
    .
    ข้อที่หนึ่ง เบื้องหลังของนายพอล วรัตน์พล นอกจากมีนักการเมือง ข้าราชการ แบ็กอยู่แล้ว ยังมีผู้พิพากษาท่านหนึ่งคอยให้คำปรึกษาทางกฎหมาย วางเกมในการดำเนินคดีอีกด้วย
    .
    ข้อที่สอง-คาดว่าเกมคดีต่อจากนี้ไปอาจจะเป็นการเล่นละครตบตาด้วยการอำพรางคดี คือบริษัท "บอสพอล" ตัดตอนจากแม่ข่ายผู้กระทำการในการชักชวนคนเข้ามาสู่ขบวนการแชร์ลูกโซ่ โดยที่อ้างว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของแม่ข่ายและแม่ทีมอย่างเดียว ขณะที่แม่ข่ายก็จะพยายามผันตัวจากผู้สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับเหล่า "บอส" แปลงร่างเป็นผู้เสียหายเป็นโจทก์ ถ้าแผนนี้เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีการฟ้อง ทั้งขบวน "บอส" ทั้งหมดก็จะรอด เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ แต่แม่ข่ายที่เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ก็จะรอดเช่นกัน เพราะได้แปลงร่างกลายเป็นผู้เสียหายไปแล้ว
    .
    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ "ดิ ไอคอน" อีกประเด็นหนึ่ง คือการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) กำลังจะเข้ามารับคดีเป็นคดีพิเศษต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่ข่าวนี้ออกมา ประชาชนออกมาโวยวาย เขาไม่ไว้ใจพวกคุณเลย คดีนี้เงินมันเยอะเหลือเกิน คุณแค่เอาจำเลยไปเขย่าเฉยๆ ก็ได้เศษสตางค์หล่นมาเยอะแล้ว เป็นจำนวนเป็นล้านๆ ผมบอกให้เลยว่าจำเลยทั้ง 18 คน และจำเลยที่จะตามมา ให้เตรียมวิ่งกับดีเอสไอได้แล้ว รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เพราะดีเอสไอมีชื่อมากในเรื่องการรับเงินรับทอง
    .
    ผมก็ไม่แปลกที่ประชาชนจะไม่เชื่อมั่น เพราะคดีเดิมๆ ที่ดีเอสไอรับไป เรื่องหุ้น STARK เรื่อง EARTH เรื่องหมูเถื่อน แม้กระทั่งสต๊อกลม GGC บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)ในเครือ ปตท. ที่ดีเอสไอดึงมาทำเอง ทั้งที่ตำรวจทำใกล้เสร็จ เตรียมส่งฟ้องต่ออัยการ สุดท้ายแล้วก็ยังแช่อยู่ที่ดีเอสไอ
    .
    คุณอายบ้างหรือเปล่า ผมนี่อายแทนคุณจริงๆ เลย ตั้งแต่นายคุณเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วคุณก็มาเป็นรักษาการอธิบดี จนกระทั่งมาเป็นอธิบดี ดีเอสไอไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
    .
    คดีเดิมๆ ยังไม่มีผลงาน ถ้ารับคดี "ดิ ไอคอน" ไปแล้วยังเงียบหายอีก ประชาชนจะไม่เหลือศรัทธา แค่เมื่อเขาได้ยินชื่อคุณทวี สอดส่อง คุณยุทธนา แพรดำ ประชาชนเขาก็ยี้เลยก่อนฟังข้อมูล คุณช่วยทบทวนตัวเองหน่อยได้ไหม

    ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ

    #Thaitimes
    กลเกมคดี’ดิ ไอคอน’จะรอดเพราะเงินมันเยอะ . หลังจากที่ "บอสพอล" กับเหล่า "บอส" ทั้งหลายที่ถูกจับกุมตัวและทยอยยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงกลเกมคดีของ "ดิ ไอคอน" . ข้อที่หนึ่ง เบื้องหลังของนายพอล วรัตน์พล นอกจากมีนักการเมือง ข้าราชการ แบ็กอยู่แล้ว ยังมีผู้พิพากษาท่านหนึ่งคอยให้คำปรึกษาทางกฎหมาย วางเกมในการดำเนินคดีอีกด้วย . ข้อที่สอง-คาดว่าเกมคดีต่อจากนี้ไปอาจจะเป็นการเล่นละครตบตาด้วยการอำพรางคดี คือบริษัท "บอสพอล" ตัดตอนจากแม่ข่ายผู้กระทำการในการชักชวนคนเข้ามาสู่ขบวนการแชร์ลูกโซ่ โดยที่อ้างว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของแม่ข่ายและแม่ทีมอย่างเดียว ขณะที่แม่ข่ายก็จะพยายามผันตัวจากผู้สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับเหล่า "บอส" แปลงร่างเป็นผู้เสียหายเป็นโจทก์ ถ้าแผนนี้เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีการฟ้อง ทั้งขบวน "บอส" ทั้งหมดก็จะรอด เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ แต่แม่ข่ายที่เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ก็จะรอดเช่นกัน เพราะได้แปลงร่างกลายเป็นผู้เสียหายไปแล้ว . นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ "ดิ ไอคอน" อีกประเด็นหนึ่ง คือการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) กำลังจะเข้ามารับคดีเป็นคดีพิเศษต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่ข่าวนี้ออกมา ประชาชนออกมาโวยวาย เขาไม่ไว้ใจพวกคุณเลย คดีนี้เงินมันเยอะเหลือเกิน คุณแค่เอาจำเลยไปเขย่าเฉยๆ ก็ได้เศษสตางค์หล่นมาเยอะแล้ว เป็นจำนวนเป็นล้านๆ ผมบอกให้เลยว่าจำเลยทั้ง 18 คน และจำเลยที่จะตามมา ให้เตรียมวิ่งกับดีเอสไอได้แล้ว รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เพราะดีเอสไอมีชื่อมากในเรื่องการรับเงินรับทอง . ผมก็ไม่แปลกที่ประชาชนจะไม่เชื่อมั่น เพราะคดีเดิมๆ ที่ดีเอสไอรับไป เรื่องหุ้น STARK เรื่อง EARTH เรื่องหมูเถื่อน แม้กระทั่งสต๊อกลม GGC บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)ในเครือ ปตท. ที่ดีเอสไอดึงมาทำเอง ทั้งที่ตำรวจทำใกล้เสร็จ เตรียมส่งฟ้องต่ออัยการ สุดท้ายแล้วก็ยังแช่อยู่ที่ดีเอสไอ . คุณอายบ้างหรือเปล่า ผมนี่อายแทนคุณจริงๆ เลย ตั้งแต่นายคุณเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วคุณก็มาเป็นรักษาการอธิบดี จนกระทั่งมาเป็นอธิบดี ดีเอสไอไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว . คดีเดิมๆ ยังไม่มีผลงาน ถ้ารับคดี "ดิ ไอคอน" ไปแล้วยังเงียบหายอีก ประชาชนจะไม่เหลือศรัทธา แค่เมื่อเขาได้ยินชื่อคุณทวี สอดส่อง คุณยุทธนา แพรดำ ประชาชนเขาก็ยี้เลยก่อนฟังข้อมูล คุณช่วยทบทวนตัวเองหน่อยได้ไหม ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 921 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลเกมคดี ’ดิ ไอคอน’ จะรอดเพราะเงินมันเยอะ
    .
    หลังจากที่ "บอสพอล" กับเหล่า "บอส" ทั้งหลายที่ถูกจับกุมตัวและทยอยยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงกลเกมคดีของ "ดิ ไอคอน"
    .
    ข้อที่หนึ่ง เบื้องหลังของนายพอล วรัตน์พล นอกจากมีนักการเมือง ข้าราชการ แบ็กอยู่แล้ว ยังมีผู้พิพากษาท่านหนึ่งคอยให้คำปรึกษาทางกฎหมาย วางเกมในการดำเนินคดีอีกด้วย
    .
    ข้อที่สอง-คาดว่าเกมคดีต่อจากนี้ไปอาจจะเป็นการเล่นละครตบตาด้วยการอำพรางคดี คือบริษัท "บอสพอล" ตัดตอนจากแม่ข่ายผู้กระทำการในการชักชวนคนเข้ามาสู่ขบวนการแชร์ลูกโซ่ โดยที่อ้างว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของแม่ข่ายและแม่ทีมอย่างเดียว ขณะที่แม่ข่ายก็จะพยายามผันตัวจากผู้สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับเหล่า "บอส" แปลงร่างเป็นผู้เสียหายเป็นโจทก์ ถ้าแผนนี้เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีการฟ้อง ทั้งขบวน "บอส" ทั้งหมดก็จะรอด เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ แต่แม่ข่ายที่เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ก็จะรอดเช่นกัน เพราะได้แปลงร่างกลายเป็นผู้เสียหายไปแล้ว
    .
    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ "ดิ ไอคอน" อีกประเด็นหนึ่ง คือการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) กำลังจะเข้ามารับคดีเป็นคดีพิเศษต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่ข่าวนี้ออกมา ประชาชนออกมาโวยวาย เขาไม่ไว้ใจพวกคุณเลย คดีนี้เงินมันเยอะเหลือเกิน คุณแค่เอาจำเลยไปเขย่าเฉยๆ ก็ได้เศษสตางค์หล่นมาเยอะแล้ว เป็นจำนวนเป็นล้านๆ ผมบอกให้เลยว่าจำเลยทั้ง 18 คน และจำเลยที่จะตามมา ให้เตรียมวิ่งกับดีเอสไอได้แล้ว รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เพราะดีเอสไอมีชื่อมากในเรื่องการรับเงินรับทอง
    .
    ผมก็ไม่แปลกที่ประชาชนจะไม่เชื่อมั่น เพราะคดีเดิมๆ ที่ดีเอสไอรับไป เรื่องหุ้น STARK เรื่อง EARTH เรื่องหมูเถื่อน แม้กระทั่งสต๊อกลม GGC บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)ในเครือ ปตท. ที่ดีเอสไอดึงมาทำเอง ทั้งที่ตำรวจทำใกล้เสร็จ เตรียมส่งฟ้องต่ออัยการ สุดท้ายแล้วก็ยังแช่อยู่ที่ดีเอสไอ
    .
    คุณอายบ้างหรือเปล่า ผมนี่อายแทนคุณจริงๆ เลย ตั้งแต่นายคุณเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วคุณก็มาเป็นรักษาการอธิบดี จนกระทั่งมาเป็นอธิบดี ดีเอสไอไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
    .
    คดีเดิมๆ ยังไม่มีผลงาน ถ้ารับคดี "ดิ ไอคอน" ไปแล้วยังเงียบหายอีก ประชาชนจะไม่เหลือศรัทธา แค่เมื่อเขาได้ยินชื่อคุณทวี สอดส่อง คุณยุทธนา แพรดำ ประชาชนเขาก็ยี้เลยก่อนฟังข้อมูล คุณช่วยทบทวนตัวเองหน่อยได้ไหม
    กลเกมคดี ’ดิ ไอคอน’ จะรอดเพราะเงินมันเยอะ . หลังจากที่ "บอสพอล" กับเหล่า "บอส" ทั้งหลายที่ถูกจับกุมตัวและทยอยยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงกลเกมคดีของ "ดิ ไอคอน" . ข้อที่หนึ่ง เบื้องหลังของนายพอล วรัตน์พล นอกจากมีนักการเมือง ข้าราชการ แบ็กอยู่แล้ว ยังมีผู้พิพากษาท่านหนึ่งคอยให้คำปรึกษาทางกฎหมาย วางเกมในการดำเนินคดีอีกด้วย . ข้อที่สอง-คาดว่าเกมคดีต่อจากนี้ไปอาจจะเป็นการเล่นละครตบตาด้วยการอำพรางคดี คือบริษัท "บอสพอล" ตัดตอนจากแม่ข่ายผู้กระทำการในการชักชวนคนเข้ามาสู่ขบวนการแชร์ลูกโซ่ โดยที่อ้างว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของแม่ข่ายและแม่ทีมอย่างเดียว ขณะที่แม่ข่ายก็จะพยายามผันตัวจากผู้สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับเหล่า "บอส" แปลงร่างเป็นผู้เสียหายเป็นโจทก์ ถ้าแผนนี้เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีการฟ้อง ทั้งขบวน "บอส" ทั้งหมดก็จะรอด เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ แต่แม่ข่ายที่เป็นผู้กระทำแชร์ลูกโซ่ก็จะรอดเช่นกัน เพราะได้แปลงร่างกลายเป็นผู้เสียหายไปแล้ว . นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ "ดิ ไอคอน" อีกประเด็นหนึ่ง คือการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) กำลังจะเข้ามารับคดีเป็นคดีพิเศษต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่ข่าวนี้ออกมา ประชาชนออกมาโวยวาย เขาไม่ไว้ใจพวกคุณเลย คดีนี้เงินมันเยอะเหลือเกิน คุณแค่เอาจำเลยไปเขย่าเฉยๆ ก็ได้เศษสตางค์หล่นมาเยอะแล้ว เป็นจำนวนเป็นล้านๆ ผมบอกให้เลยว่าจำเลยทั้ง 18 คน และจำเลยที่จะตามมา ให้เตรียมวิ่งกับดีเอสไอได้แล้ว รับประกันว่าไม่ผิดหวัง เพราะดีเอสไอมีชื่อมากในเรื่องการรับเงินรับทอง . ผมก็ไม่แปลกที่ประชาชนจะไม่เชื่อมั่น เพราะคดีเดิมๆ ที่ดีเอสไอรับไป เรื่องหุ้น STARK เรื่อง EARTH เรื่องหมูเถื่อน แม้กระทั่งสต๊อกลม GGC บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)ในเครือ ปตท. ที่ดีเอสไอดึงมาทำเอง ทั้งที่ตำรวจทำใกล้เสร็จ เตรียมส่งฟ้องต่ออัยการ สุดท้ายแล้วก็ยังแช่อยู่ที่ดีเอสไอ . คุณอายบ้างหรือเปล่า ผมนี่อายแทนคุณจริงๆ เลย ตั้งแต่นายคุณเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วคุณก็มาเป็นรักษาการอธิบดี จนกระทั่งมาเป็นอธิบดี ดีเอสไอไม่มีผลงานอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว . คดีเดิมๆ ยังไม่มีผลงาน ถ้ารับคดี "ดิ ไอคอน" ไปแล้วยังเงียบหายอีก ประชาชนจะไม่เหลือศรัทธา แค่เมื่อเขาได้ยินชื่อคุณทวี สอดส่อง คุณยุทธนา แพรดำ ประชาชนเขาก็ยี้เลยก่อนฟังข้อมูล คุณช่วยทบทวนตัวเองหน่อยได้ไหม
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 658 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทุนหมด หนำซ้ำ ไม่ทันได้ตั้งตัว เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน กับ การสิ้นหวังซ้ำซาก กับ องค์กรที่ดูเหมือนค้าออนไลน์ ที่เน้นขายฝันการมีลูกทีมและเครือข่าย แต่ไม่เน้นขายสินค้า"

    หากคุณตั้งใจจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่แท้จริง แต่ต้องอยู่ในสภาวะนี้ และ ไม่อยากชีวิตพังอีกแล้ว บทความนี้ คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณ

    -------------

    บริษัท #การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง ต้องเป็นอย่างไร ?

    1. บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง " #ต้องได้รายได้มาจากการขายปลีกไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" **ไม่ใช่ ได้รายได้ จากการซื้อเพื่อสต๊อกสินค้า ของตัวแทน**

    จึงจะสามารถเชื่อมั่นได้ว่า "สินค้า ที่บริษัทฯ นำมาให้จัดจำหน่ายนั้น มีคุณภาพ มีราคาสมเหตุสมผล" ที่ลูกค้ารายสุดท้ายจะสามารถซื้อซ้ำๆ ได้จริง ไม่ใช่ออกแบบสินค้า มาเพื่อให้คนที่มาเป็นตัวแทน "จ่ายเงินให้บริษัทฯ เพื่อสต๊อกสินค้า แต่ขายไม่ได้จริง"

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงควรต้องมีนโยบาย ที่ "ไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆจากตัวแทน ไม่ให้ตัวแทนเปิดบิลหรือเป็นผู้สต๊อกสินค้า" บริษัท จะได้รายได้ ก็ต่อเมื่อ ตัวแทนสามารถปิดการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้ายได้ เท่านั้น

    2. #โฟกัสที่การขายสินค้าไปยังลูกค้ารายสุดท้าย จึง #ไม่มีระบบแม่ทีมลูกทีม

    เพราะการมีระบบแม่ทีมลูกทีม จะส่งผลให้ "ไม่โฟกัส การทำงานขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย" แต่จะมาโฟกัส หาลูกทีม ที่ส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนา "ทักษะขาย ที่แท้จริง" ที่เกิดจาก "การโฟกัส และฝึกฝนการทำงานขาย ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย อย่างซื่อสัตย์"

    และ ยังส่งผล ให้เกิด "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" ระหว่างคนมาก่อนที่เป็นแม่ทีมกับคนมาทีหลังที่เป็นลูกทีม ซึ่ง "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" นี้ ส่งผลให้ เกิดภาวะ "คนที่มาทีหลัง ต้องแบกคนที่มาก่อน"

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้อง รักษา "โครงสร้างราคา ให้เท่าเทียม ระหว่างตัวแทนทุกคน ไม่ว่าจะเข้ามาก่อนหรือเข้ามาทีหลัง" และ มุ่งเน้นให้ตัวแทน "โฟกัส ที่การขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น"

    3. #มุ่งเน้นการให้ข้อมูลสินค้า ไม่ใช่ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จะจดจ่อ กับการขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย และ "สิ่งที่ลูกค้ารายสุดท้าย จะซื้อ คือ สินค้า ไม่ใช่ ภาพลักษณ์ ของบริษัท"

    ดังนั้น ข้อมูลที่ลูกค้ารายสุดท้ายต้องการ เพื่อประเมินและตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ คือ "ข้อมูลของสินค้า"

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้องเน้น การให้ข้อมูลสินค้า "โดยเฉพาะ ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ที่เป็นข้อเท็จจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้ ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์" ไม่ใช่ ใช้การนำเสนอ ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย

    -------------

    "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง นั้น ไม่ง่าย" แต่เป็น #สัมมาอาชีพ "ที่สามารถทำให้มั่นคงทางการเงินได้ ตลอดชีวิต"

    เพราะ เมื่อ "รายได้ มาจากการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง "จึง ไม่ใช่ การหลอกคนที่เข้ามาใหม่ ให้มาสต๊อกสินค้า"

    ดังนั้น "การขายออนไลน์ ที่แท้จริง จึง ไม่ได้ทำให้รวยได้ ในชั่วข้ามคืน อย่างที่หลายๆ คนฝันไว้"

    จำเป็นต้อง "อดทน​ กับ​ การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ​ ได้​ สามารถ​จดจ่อได้อย่างต่อเนื่อง​จริงๆ​" จนวันหนึ่งที่ คุณสามารถฝึกฝน จนมี "ทักษะขาย อย่างซื่อสัตย์" จนเริ่มมี "ลูกค้าประจำ"

    การ "การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ อย่างซื่อสัตย์" ในการขายออนไลน์ของคุณ จึงจะสามารถทำให้คุณมีกลุ่มลูกค้าประจำ และมีรายได้จนเพียงพอ ที่สามารถรับผิดชอบตนเอง และ ครอบครัวได้

    และ หาก คุณยังรักษา "ความซื่อสัตย์" ของคุณต่อไปได้

    อาชีพนี้ จะเป็น สัมมาอาชีพ "ที่คุณสามารถทำได้ ตลอดชีวิต" ที่จะช่วยให้คุณ มีความมั่นคงทางการเงิน สามารถรับผิดชอบ ตนเอง และ ครอบครัวของคุณได้

    เพราะทุกบาท ทุกสตางค์ ของรายได้ของคุณ มาจาก "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง" "ไม่ได้ โกหก หลอกลวงใคร" ให้ต้องทุกข์ทรมาน อย่างที่คุณเคยเจอ

    -------------

    **หากคุณ ฝันที่จะมีสัมมาอาชีพเป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่แท้จริง และ ต้องการหาบริษัทที่จะมาสนับสนุนความฝันนั้นของคุณ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน คือ ระบบที่สามารถสนับสนุนฝันนั้น ของคุณได้**

    เพราะ ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน เป็น มาตลอด 12 ปี ที่ก่อตั้งบริษัท

    และ เป็นมากกว่านั้น ตรงที่ "ไม่เคยจ้าง ดารา นางแบบ อินฟลูฯ ที่มีชื่อเสียง มาเป็นพรีเซนเตอร์ สินค้าที่บริษัทฯ จำหน่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ! "

    การให้ข้อมูลเพื่อขายทุกครั้ง คือ การให้ "ปรากฏการณ์จริง ที่เกิดจากการใช้สินค้าจริง ของผู้ใช้" และ "ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ของสินค้า"

    *ตัวแทนขาย ทุกคน ของบริษัทฯ ล้วนมาจากลูกค้าประจำ ที่เป็นผู้ใช้สินค้าจริง*

    สินค้าของบริษัทฯ ทุกตัว! เป็นสินค้า "มาตรฐานคุณภาพระดับสากล ที่มีลูกค้าประจำใช้ต่อเนื่อง ไม่เคยเปลี่ยนสูตร ไม่เคยรีแบรนด์ ตลอดระยะเวลาที่ขาย"

    เมื่อตัวแทนปิดการขายได้ ค่อยนำเงินที่ได้จากลูกค้าที่หักส่วนของตัวแทนแล้ว มาจ่ายค่าสินค้าให้กับบริษัทฯ และ บริษัทฯ จะทำการส่งสินค้าไปให้ลูกค้ารายสุดท้าย โดยที่ตัวแทนไม่ต้องสต๊อก

    จึง สามารถเริ่มได้เลย ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องเปิดบิล ไม่ต้องจ่ายเงินให้บริษัทฯก่อนที่จะขายได้ สักบาทเดียว "ไม่ต้องกลัวถูกหลอก ไม่ต้องกลัวสูญเงิน เพราะไม่ต้องจ่ายเงิน"

    "ใช้เพียง ความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน สม่ำเสมอ ในการทำงานขายออนไลน์"

    บริษัทฯ ไม่เคยเรียกเก็บเงินจากตัวแทนแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยบังคับให้ต้องสต๊อกเปิดบิล ไม่เคยให้จ่ายเงินลงทุน ตัวแทนได้ราคาเท่ากันทุกคน ไม่ว่าเข้ามาก่อน หรือ เข้ามาทีหลัง ตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา

    -------------

    หากสนใจ เพียงติดต่อรับตัวอย่างสินค้าไปทดลองใช้ โดยจ่ายค่าจัดส่ง 30 บาทเท่านั้น! เรากำหนดค่าจัดส่งเพื่อคัดกรองผู้ที่สนใจจริงๆ ในการทดลองใช้และพิจารณาเข้าร่วมเป็นตัวแทนขาย ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการของฟรี

    ไม่มีการบังคับซื้อ ไม่มีการหลอกมาลงทุน เพราะไม่ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว !!
    "ทุนหมด หนำซ้ำ ไม่ทันได้ตั้งตัว เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน กับ การสิ้นหวังซ้ำซาก กับ องค์กรที่ดูเหมือนค้าออนไลน์ ที่เน้นขายฝันการมีลูกทีมและเครือข่าย แต่ไม่เน้นขายสินค้า" หากคุณตั้งใจจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่แท้จริง แต่ต้องอยู่ในสภาวะนี้ และ ไม่อยากชีวิตพังอีกแล้ว บทความนี้ คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณ ------------- บริษัท #การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง ต้องเป็นอย่างไร ? 1. บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง " #ต้องได้รายได้มาจากการขายปลีกไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" **ไม่ใช่ ได้รายได้ จากการซื้อเพื่อสต๊อกสินค้า ของตัวแทน** จึงจะสามารถเชื่อมั่นได้ว่า "สินค้า ที่บริษัทฯ นำมาให้จัดจำหน่ายนั้น มีคุณภาพ มีราคาสมเหตุสมผล" ที่ลูกค้ารายสุดท้ายจะสามารถซื้อซ้ำๆ ได้จริง ไม่ใช่ออกแบบสินค้า มาเพื่อให้คนที่มาเป็นตัวแทน "จ่ายเงินให้บริษัทฯ เพื่อสต๊อกสินค้า แต่ขายไม่ได้จริง" บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงควรต้องมีนโยบาย ที่ "ไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆจากตัวแทน ไม่ให้ตัวแทนเปิดบิลหรือเป็นผู้สต๊อกสินค้า" บริษัท จะได้รายได้ ก็ต่อเมื่อ ตัวแทนสามารถปิดการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้ายได้ เท่านั้น 2. #โฟกัสที่การขายสินค้าไปยังลูกค้ารายสุดท้าย จึง #ไม่มีระบบแม่ทีมลูกทีม เพราะการมีระบบแม่ทีมลูกทีม จะส่งผลให้ "ไม่โฟกัส การทำงานขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย" แต่จะมาโฟกัส หาลูกทีม ที่ส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนา "ทักษะขาย ที่แท้จริง" ที่เกิดจาก "การโฟกัส และฝึกฝนการทำงานขาย ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย อย่างซื่อสัตย์" และ ยังส่งผล ให้เกิด "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" ระหว่างคนมาก่อนที่เป็นแม่ทีมกับคนมาทีหลังที่เป็นลูกทีม ซึ่ง "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" นี้ ส่งผลให้ เกิดภาวะ "คนที่มาทีหลัง ต้องแบกคนที่มาก่อน" บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้อง รักษา "โครงสร้างราคา ให้เท่าเทียม ระหว่างตัวแทนทุกคน ไม่ว่าจะเข้ามาก่อนหรือเข้ามาทีหลัง" และ มุ่งเน้นให้ตัวแทน "โฟกัส ที่การขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" 3. #มุ่งเน้นการให้ข้อมูลสินค้า ไม่ใช่ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จะจดจ่อ กับการขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย และ "สิ่งที่ลูกค้ารายสุดท้าย จะซื้อ คือ สินค้า ไม่ใช่ ภาพลักษณ์ ของบริษัท" ดังนั้น ข้อมูลที่ลูกค้ารายสุดท้ายต้องการ เพื่อประเมินและตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ คือ "ข้อมูลของสินค้า" บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้องเน้น การให้ข้อมูลสินค้า "โดยเฉพาะ ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ที่เป็นข้อเท็จจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้ ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์" ไม่ใช่ ใช้การนำเสนอ ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย ------------- "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง นั้น ไม่ง่าย" แต่เป็น #สัมมาอาชีพ "ที่สามารถทำให้มั่นคงทางการเงินได้ ตลอดชีวิต" เพราะ เมื่อ "รายได้ มาจากการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง "จึง ไม่ใช่ การหลอกคนที่เข้ามาใหม่ ให้มาสต๊อกสินค้า" ดังนั้น "การขายออนไลน์ ที่แท้จริง จึง ไม่ได้ทำให้รวยได้ ในชั่วข้ามคืน อย่างที่หลายๆ คนฝันไว้" จำเป็นต้อง "อดทน​ กับ​ การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ​ ได้​ สามารถ​จดจ่อได้อย่างต่อเนื่อง​จริงๆ​" จนวันหนึ่งที่ คุณสามารถฝึกฝน จนมี "ทักษะขาย อย่างซื่อสัตย์" จนเริ่มมี "ลูกค้าประจำ" การ "การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ อย่างซื่อสัตย์" ในการขายออนไลน์ของคุณ จึงจะสามารถทำให้คุณมีกลุ่มลูกค้าประจำ และมีรายได้จนเพียงพอ ที่สามารถรับผิดชอบตนเอง และ ครอบครัวได้ และ หาก คุณยังรักษา "ความซื่อสัตย์" ของคุณต่อไปได้ อาชีพนี้ จะเป็น สัมมาอาชีพ "ที่คุณสามารถทำได้ ตลอดชีวิต" ที่จะช่วยให้คุณ มีความมั่นคงทางการเงิน สามารถรับผิดชอบ ตนเอง และ ครอบครัวของคุณได้ เพราะทุกบาท ทุกสตางค์ ของรายได้ของคุณ มาจาก "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง" "ไม่ได้ โกหก หลอกลวงใคร" ให้ต้องทุกข์ทรมาน อย่างที่คุณเคยเจอ ------------- **หากคุณ ฝันที่จะมีสัมมาอาชีพเป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่แท้จริง และ ต้องการหาบริษัทที่จะมาสนับสนุนความฝันนั้นของคุณ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน คือ ระบบที่สามารถสนับสนุนฝันนั้น ของคุณได้** เพราะ ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน เป็น มาตลอด 12 ปี ที่ก่อตั้งบริษัท และ เป็นมากกว่านั้น ตรงที่ "ไม่เคยจ้าง ดารา นางแบบ อินฟลูฯ ที่มีชื่อเสียง มาเป็นพรีเซนเตอร์ สินค้าที่บริษัทฯ จำหน่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ! " การให้ข้อมูลเพื่อขายทุกครั้ง คือ การให้ "ปรากฏการณ์จริง ที่เกิดจากการใช้สินค้าจริง ของผู้ใช้" และ "ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ของสินค้า" *ตัวแทนขาย ทุกคน ของบริษัทฯ ล้วนมาจากลูกค้าประจำ ที่เป็นผู้ใช้สินค้าจริง* สินค้าของบริษัทฯ ทุกตัว! เป็นสินค้า "มาตรฐานคุณภาพระดับสากล ที่มีลูกค้าประจำใช้ต่อเนื่อง ไม่เคยเปลี่ยนสูตร ไม่เคยรีแบรนด์ ตลอดระยะเวลาที่ขาย" เมื่อตัวแทนปิดการขายได้ ค่อยนำเงินที่ได้จากลูกค้าที่หักส่วนของตัวแทนแล้ว มาจ่ายค่าสินค้าให้กับบริษัทฯ และ บริษัทฯ จะทำการส่งสินค้าไปให้ลูกค้ารายสุดท้าย โดยที่ตัวแทนไม่ต้องสต๊อก จึง สามารถเริ่มได้เลย ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องเปิดบิล ไม่ต้องจ่ายเงินให้บริษัทฯก่อนที่จะขายได้ สักบาทเดียว "ไม่ต้องกลัวถูกหลอก ไม่ต้องกลัวสูญเงิน เพราะไม่ต้องจ่ายเงิน" "ใช้เพียง ความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน สม่ำเสมอ ในการทำงานขายออนไลน์" บริษัทฯ ไม่เคยเรียกเก็บเงินจากตัวแทนแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยบังคับให้ต้องสต๊อกเปิดบิล ไม่เคยให้จ่ายเงินลงทุน ตัวแทนได้ราคาเท่ากันทุกคน ไม่ว่าเข้ามาก่อน หรือ เข้ามาทีหลัง ตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา ------------- หากสนใจ เพียงติดต่อรับตัวอย่างสินค้าไปทดลองใช้ โดยจ่ายค่าจัดส่ง 30 บาทเท่านั้น! เรากำหนดค่าจัดส่งเพื่อคัดกรองผู้ที่สนใจจริงๆ ในการทดลองใช้และพิจารณาเข้าร่วมเป็นตัวแทนขาย ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการของฟรี ไม่มีการบังคับซื้อ ไม่มีการหลอกมาลงทุน เพราะไม่ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว !!
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17 ต.ค.2567 - พระเมธีวชิโรดม หรือ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีดิไอคอนกรุ๊ป มีเนื้อหาดังนี้ "ขอพระอาจารย์พูดบ้างนะ "หนุ่ม กรรชัย" แห่ง "โหนกระแส" ตั้งแต่เกิดกรณีดิไอคอน พระอาจารย์ (พอจ.)ก็เป็นฝ่ายเงียบมาโดยตลอดโดยมีความเชื่อมั่นว่า "ความบริสุทธิ์ใจ-ความจริง" จะปกป้องตัวมันเองเนื่องเพราะ

    ๑.ทางบริษัทดิไอคอน ได้แถลงการณ์ขออภัยต่อ พอจ.แล้ว ว่า พอจ.ไม่มีส่วนใดๆ ในบริษัททั้งสิ้น สาธารณชนอ่านแล้ว ก็เข้าใจ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนที่จะต้องมานั่งตีความกันอีก

    ๒.พอจ.ก็แถลงการณ์ขออภัยที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดไปแล้ว ซ้ำยังย้ำอีกว่าที่พูดในวันวันนั้น เป็นการพูดเชิงกระแทกแดกดัน หรือ "แชะ" คนในดิไอคอนว่าให้รู้จัก "อดทนให้ได้ ใจเย็นให้พอ และรอให้เป็น" แต่ถ้าไม่ยอมอดทนก็พูดแค่ว่า "ลูกเอ๋ย ถ้างั้นก็ดิไอคอนแล้ว" ส่วนที่เหลือ ก็เป็นการพูดกระเช้าเย้าหยอก ทั้งนั้นอารมณ์ก็ขำๆ ฮาๆ พูดจบแล้ว ก็ให้ศีลให้พร มีแค่นั้น

    ส่วนที่สอนให้เก็บเงิน เก็บทองก็เป็น case study ที่ยกมาจากเรื่องจริง (มีศิษย์มาขอยืมเงิน) ซึ่งเป็นช่วงเวลายุคโควิด ตอนนั้น พอจ.ยังไม่รู้จักดิไอคอน,ที่พูดว่า แต่ก็โฆษณาให้นะ ก็เป็นการพูดเชิงกระเช้าเข้าหยอก ให้คนฟังนับพันเขาชื่นใจเท่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแม่ทีมเสียหน่อยมันง่ายๆ แค่นี้ หนุ่ม ดูคลิปแล้ว ทำไมยังไม่เข้าใจ มันเข้าใจยากตรงไหน ใจคอจะเอาพระเข้าคุกให้ได้ว่างั้นเถอะ

    ๓.ส่วนที่สอนให้รู้จักเก็บ รู้จักออม รู้จักทำมาหากิน ก็พูดตามหลักคำสอนในพระไตรปิฎก (ทิฏฐ-ธรรมิกัตประโยชน์) เพียงแต่นำมาเล่าให้มันร่วมสมัยเท่านั้น ไม่ได้ตั้งตาตั้งตาไปทำหน้าที่ Presenter ให้กับดิไอคอน พูดยาว ๑ ชั่วโมง ๑๒ นาที เนื้อหาไม่ได้มีแค่ตัดมาสร้างความเข้าใจผิดเท่านั้น (และถ้าถือว่าพูดอย่างนั้น คือ พอจ.หลอกโยม ควรพูดใหม่ว่า พอจ.ก็อยู่ที่วัดดีๆ นี่แหละ วันดีคืนดี พวกพี่แชม ก็ยกกันไปนิมนต์พอจ.มาเทศน์-พูดกันแฟร์ๆ ไม่ใช่พระหลอกโยม แต่เป็นโยมไปหลอกพระออกมาจากวัด-พระนี่แหละ เป็นเหยื่อดิไอคอน พูดชัดๆ ก็ต้องพูดอย่างนี้)

    ๔.ส่วนการทำบุญที่บริษัท ดิไอคอน ก็ไม่ไม่ได้นิมนต์ พอจ.แค่รูปเดียว เขานิมนต์เป็นร้อยรูปต่อปี ตั้งแต่สมเด็จพระราชาคณะลงมา จนถึงพระเกจิต่างจังหวัด ใช่เจาะจงพอจ.รูปเดียวเสียเมื่อไหร่ (บางคนเอา ไปพูดยังกับมีท่านว.รูปเดียวที่ได้รับนิมนต์ ไปดูรูปไนเพจดิไอคอนว่ามีพระก็รูป เขาไม่ได้ลบทิง หลักฐานยังอยู่ครบ จะได้พูดกันอย่างตรงไปตรงมา เคารพความจริงตามที่มันเป็นจริง)

    ๕.ตาลปัตรที่ พอจ.ใช้ พระทุกรูปที่เคยไปเทศน์ ก็ใช้ให้พรเหมือนกัน (ดรูปประกอบ) และดิไอคอนไม่เคยทำถวาย พอจ.แต่เป็นของที่มีอยู่แล้วในห้องประชุมของบริษัท พระรูปไหนมา ก็ใช้ตาลปัตรของบริษัท อันนั้น อันนี้เป็นเรื่องทั่วไป บริษัทต่างๆ ที่เขาทำบุญเขาก็ทำตาลปัตรในนามบริษัทของตัวเองกันทั้งนั้น ธนาคารทุกแห่งก็ทำ แต่นี่หนุ่มปล่อยให้แขกพูดชื่นำว่าว่าเขาทำเพื่อ พอจ.คนเดียว (ประมาณว่าเพราะเป็น Presenter ไง) แล้วที่หลวงพ่ออลงกตท่านถืออยู่ในมือ ท่านต้องเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยไหม ?

    ๖.บริษัทดิไอคอน เคยถวายทุนการศึกษาให้มูลนิธิไร่เชิญตะวัน ในวันแห่งการให้ประจำปีจริง (๑ ล้านบาท) และถวายเสร็จแล้ว ก็แจกกันวันนั้นเลย มีคนเป็นพยานหลายพันคน ไม่มีคำว่า "เข้าพกเข้าห่อพอจ.แม้แต่บาทเดียว" (หนุ่มอยากตรวจสอบให้ทำได้ทันทีไม่ต้องรอพรุ่งนี้) และในวันเดียวกันนั้นนั้น คุณบ๊วย เชษฐวุฒิ ก็ถวายทุนด้วย ๖๐๐,๐๐๐ บาทมูลนิธิร่วมกตัญญูก็ไปร่วมถวายทุน แจกถุงยังชีพทุกปี ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาทถ้าทุกคนที่ไปทำบุญคือไปติดสินบนพระ ต่อไปทุกวัด ก็ไม่ต้องรับเงินทำบุญจากบริษัทใดๆ อีกแล้ว รัฐบาลก็ควรเลิกถวายนิตยภัตรพระทั้งประเทศไปเลย

    หนุ่ม ข้อ ๖-๙ มันเลยการวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วนะ แต่มันคือ "การใส่ร้ายป้ายสี"กันชัดๆ ก่อนจะ

    สัมภาษณ์หนุ่มควรจะทำการบ้านให้มากกว่านี้นะ แบบนี้ พอจ.เสียหายมาก ลูกศิษย์ของ พอจ.ที่เขารัก
    ความเป็นธรรม เขาดูแล้ว เขาก็ทนไม่ได้หรอก ที่หนุ่มเอียงกระเท่เร่ได้ขนาดนี้

    หนุ่ม ก็เคยบวชกับ พอจ.นะ สิบกว่าปีที่แล้ว เป็นอย่างไร ทุกวันนี้ พอจ.ก็ยังเป็นอย่างนั้น มีชีวิตในที่
    แจ้งท่ามกลางสาธารณชนตลอด ไม่ใช่เพิ่งโผล่มาเป็นคนดังปีสองปีนี่เมื่อไหร่ พอจ.ทำงานหนักขนาดไหน

    หนุ่มก็น่าจะรู้ดี นี่ปล่อยให้คนมาใส่ร้ายป้ายสี พอจ.กลางรายการโดยไม่ยอมแสวงหาข้อเท็จจริงเอาเสียเลย

    ถ้าหนุ่มรักเมีย รักลูก ก็ให้รู้ไว้ว่าศิษย์ พอจ.เขาก็รัก พอจ.เหมือนกัน เขาเจ็บปวดเหมือนกัน

    หลังๆ หนุ่มใกล้จะทำตัวเป็นศาลเตี้ยเข้าไปทุกวันแล้วนะ โหด เหี้ยม ขาดความเห็นอกเห็นใจแขกและคนที่เขาตกเป็นข่าว หนุ่มยังเป็นพิธีกรอยู่หรือเปล่า หรือว่าตอนนี้กลายเป็น "ฆาตกรฆ่าต่อเนื่องไปแล้ว"

    หลายคนเขาไม่ผิด หนุ่มส่งเขาเข้าคุกไปแล้ว พอเค้าออกจากคุกมาเงียบๆ หนุ่มเคยไปขอโทษเขาไหม?

    อีกอย่าง พอจ.มีวัดที่ พอจ.สร้างเองอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ๒ วัด สร้างมาแล้วเกือบสิบปีและพรรษานี้

    พอจ.ก็มาจำพรรษาที่นี่ ช่วงนี้มาประชุมเชิงวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม เอาเรื่องน้ำท่วมแม่สายมานำเสนอที่
    ม.โยโกฮาม่า กับกองงานในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า(หลักฐานอยู่ในเพจ พอจ.) ไม่ได้หนีมาแช่ออนเซนแต่อย่างใด นี่ข้อมูลพื้นๆ แบบนี้ หนุ่มก็ไม่รู้ แล้วที่เหลือ หนุ่มจะพลาดอีกขนาดไหน หนุ่มไม่ได้สว่างไสวในทุกเรื่องนะ อย่าคิดว่าตัวเองเสียงดังแล้ว จะสัมภาษณ์เล่นงานใครก็ได้ โดยไม่แสวงข้อเท็จจริง แล้วปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องถูกใสร้ายกลางรายการอย่างนี้หลายครั้งหลายคน

    ขออภัยหนุ่มด้วยที่พูดยาวแต่เป็นการคุยกันฉันครูกะศิษย์ก็แล้วกัน หวังว่าหนุ่มคงไม่โกรธพอจ.นะ

    ว.วชิรเมธี
    (พระพี่เลี้ยงตอนหนุ่มบวชที่เชียงราย)
    ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๗

    #Thaitimes
    17 ต.ค.2567 - พระเมธีวชิโรดม หรือ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีดิไอคอนกรุ๊ป มีเนื้อหาดังนี้ "ขอพระอาจารย์พูดบ้างนะ "หนุ่ม กรรชัย" แห่ง "โหนกระแส" ตั้งแต่เกิดกรณีดิไอคอน พระอาจารย์ (พอจ.)ก็เป็นฝ่ายเงียบมาโดยตลอดโดยมีความเชื่อมั่นว่า "ความบริสุทธิ์ใจ-ความจริง" จะปกป้องตัวมันเองเนื่องเพราะ ๑.ทางบริษัทดิไอคอน ได้แถลงการณ์ขออภัยต่อ พอจ.แล้ว ว่า พอจ.ไม่มีส่วนใดๆ ในบริษัททั้งสิ้น สาธารณชนอ่านแล้ว ก็เข้าใจ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนที่จะต้องมานั่งตีความกันอีก ๒.พอจ.ก็แถลงการณ์ขออภัยที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดไปแล้ว ซ้ำยังย้ำอีกว่าที่พูดในวันวันนั้น เป็นการพูดเชิงกระแทกแดกดัน หรือ "แชะ" คนในดิไอคอนว่าให้รู้จัก "อดทนให้ได้ ใจเย็นให้พอ และรอให้เป็น" แต่ถ้าไม่ยอมอดทนก็พูดแค่ว่า "ลูกเอ๋ย ถ้างั้นก็ดิไอคอนแล้ว" ส่วนที่เหลือ ก็เป็นการพูดกระเช้าเย้าหยอก ทั้งนั้นอารมณ์ก็ขำๆ ฮาๆ พูดจบแล้ว ก็ให้ศีลให้พร มีแค่นั้น ส่วนที่สอนให้เก็บเงิน เก็บทองก็เป็น case study ที่ยกมาจากเรื่องจริง (มีศิษย์มาขอยืมเงิน) ซึ่งเป็นช่วงเวลายุคโควิด ตอนนั้น พอจ.ยังไม่รู้จักดิไอคอน,ที่พูดว่า แต่ก็โฆษณาให้นะ ก็เป็นการพูดเชิงกระเช้าเข้าหยอก ให้คนฟังนับพันเขาชื่นใจเท่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแม่ทีมเสียหน่อยมันง่ายๆ แค่นี้ หนุ่ม ดูคลิปแล้ว ทำไมยังไม่เข้าใจ มันเข้าใจยากตรงไหน ใจคอจะเอาพระเข้าคุกให้ได้ว่างั้นเถอะ ๓.ส่วนที่สอนให้รู้จักเก็บ รู้จักออม รู้จักทำมาหากิน ก็พูดตามหลักคำสอนในพระไตรปิฎก (ทิฏฐ-ธรรมิกัตประโยชน์) เพียงแต่นำมาเล่าให้มันร่วมสมัยเท่านั้น ไม่ได้ตั้งตาตั้งตาไปทำหน้าที่ Presenter ให้กับดิไอคอน พูดยาว ๑ ชั่วโมง ๑๒ นาที เนื้อหาไม่ได้มีแค่ตัดมาสร้างความเข้าใจผิดเท่านั้น (และถ้าถือว่าพูดอย่างนั้น คือ พอจ.หลอกโยม ควรพูดใหม่ว่า พอจ.ก็อยู่ที่วัดดีๆ นี่แหละ วันดีคืนดี พวกพี่แชม ก็ยกกันไปนิมนต์พอจ.มาเทศน์-พูดกันแฟร์ๆ ไม่ใช่พระหลอกโยม แต่เป็นโยมไปหลอกพระออกมาจากวัด-พระนี่แหละ เป็นเหยื่อดิไอคอน พูดชัดๆ ก็ต้องพูดอย่างนี้) ๔.ส่วนการทำบุญที่บริษัท ดิไอคอน ก็ไม่ไม่ได้นิมนต์ พอจ.แค่รูปเดียว เขานิมนต์เป็นร้อยรูปต่อปี ตั้งแต่สมเด็จพระราชาคณะลงมา จนถึงพระเกจิต่างจังหวัด ใช่เจาะจงพอจ.รูปเดียวเสียเมื่อไหร่ (บางคนเอา ไปพูดยังกับมีท่านว.รูปเดียวที่ได้รับนิมนต์ ไปดูรูปไนเพจดิไอคอนว่ามีพระก็รูป เขาไม่ได้ลบทิง หลักฐานยังอยู่ครบ จะได้พูดกันอย่างตรงไปตรงมา เคารพความจริงตามที่มันเป็นจริง) ๕.ตาลปัตรที่ พอจ.ใช้ พระทุกรูปที่เคยไปเทศน์ ก็ใช้ให้พรเหมือนกัน (ดรูปประกอบ) และดิไอคอนไม่เคยทำถวาย พอจ.แต่เป็นของที่มีอยู่แล้วในห้องประชุมของบริษัท พระรูปไหนมา ก็ใช้ตาลปัตรของบริษัท อันนั้น อันนี้เป็นเรื่องทั่วไป บริษัทต่างๆ ที่เขาทำบุญเขาก็ทำตาลปัตรในนามบริษัทของตัวเองกันทั้งนั้น ธนาคารทุกแห่งก็ทำ แต่นี่หนุ่มปล่อยให้แขกพูดชื่นำว่าว่าเขาทำเพื่อ พอจ.คนเดียว (ประมาณว่าเพราะเป็น Presenter ไง) แล้วที่หลวงพ่ออลงกตท่านถืออยู่ในมือ ท่านต้องเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยไหม ? ๖.บริษัทดิไอคอน เคยถวายทุนการศึกษาให้มูลนิธิไร่เชิญตะวัน ในวันแห่งการให้ประจำปีจริง (๑ ล้านบาท) และถวายเสร็จแล้ว ก็แจกกันวันนั้นเลย มีคนเป็นพยานหลายพันคน ไม่มีคำว่า "เข้าพกเข้าห่อพอจ.แม้แต่บาทเดียว" (หนุ่มอยากตรวจสอบให้ทำได้ทันทีไม่ต้องรอพรุ่งนี้) และในวันเดียวกันนั้นนั้น คุณบ๊วย เชษฐวุฒิ ก็ถวายทุนด้วย ๖๐๐,๐๐๐ บาทมูลนิธิร่วมกตัญญูก็ไปร่วมถวายทุน แจกถุงยังชีพทุกปี ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาทถ้าทุกคนที่ไปทำบุญคือไปติดสินบนพระ ต่อไปทุกวัด ก็ไม่ต้องรับเงินทำบุญจากบริษัทใดๆ อีกแล้ว รัฐบาลก็ควรเลิกถวายนิตยภัตรพระทั้งประเทศไปเลย หนุ่ม ข้อ ๖-๙ มันเลยการวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วนะ แต่มันคือ "การใส่ร้ายป้ายสี"กันชัดๆ ก่อนจะ สัมภาษณ์หนุ่มควรจะทำการบ้านให้มากกว่านี้นะ แบบนี้ พอจ.เสียหายมาก ลูกศิษย์ของ พอจ.ที่เขารัก ความเป็นธรรม เขาดูแล้ว เขาก็ทนไม่ได้หรอก ที่หนุ่มเอียงกระเท่เร่ได้ขนาดนี้ หนุ่ม ก็เคยบวชกับ พอจ.นะ สิบกว่าปีที่แล้ว เป็นอย่างไร ทุกวันนี้ พอจ.ก็ยังเป็นอย่างนั้น มีชีวิตในที่ แจ้งท่ามกลางสาธารณชนตลอด ไม่ใช่เพิ่งโผล่มาเป็นคนดังปีสองปีนี่เมื่อไหร่ พอจ.ทำงานหนักขนาดไหน หนุ่มก็น่าจะรู้ดี นี่ปล่อยให้คนมาใส่ร้ายป้ายสี พอจ.กลางรายการโดยไม่ยอมแสวงหาข้อเท็จจริงเอาเสียเลย ถ้าหนุ่มรักเมีย รักลูก ก็ให้รู้ไว้ว่าศิษย์ พอจ.เขาก็รัก พอจ.เหมือนกัน เขาเจ็บปวดเหมือนกัน หลังๆ หนุ่มใกล้จะทำตัวเป็นศาลเตี้ยเข้าไปทุกวันแล้วนะ โหด เหี้ยม ขาดความเห็นอกเห็นใจแขกและคนที่เขาตกเป็นข่าว หนุ่มยังเป็นพิธีกรอยู่หรือเปล่า หรือว่าตอนนี้กลายเป็น "ฆาตกรฆ่าต่อเนื่องไปแล้ว" หลายคนเขาไม่ผิด หนุ่มส่งเขาเข้าคุกไปแล้ว พอเค้าออกจากคุกมาเงียบๆ หนุ่มเคยไปขอโทษเขาไหม? อีกอย่าง พอจ.มีวัดที่ พอจ.สร้างเองอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ๒ วัด สร้างมาแล้วเกือบสิบปีและพรรษานี้ พอจ.ก็มาจำพรรษาที่นี่ ช่วงนี้มาประชุมเชิงวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม เอาเรื่องน้ำท่วมแม่สายมานำเสนอที่ ม.โยโกฮาม่า กับกองงานในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า(หลักฐานอยู่ในเพจ พอจ.) ไม่ได้หนีมาแช่ออนเซนแต่อย่างใด นี่ข้อมูลพื้นๆ แบบนี้ หนุ่มก็ไม่รู้ แล้วที่เหลือ หนุ่มจะพลาดอีกขนาดไหน หนุ่มไม่ได้สว่างไสวในทุกเรื่องนะ อย่าคิดว่าตัวเองเสียงดังแล้ว จะสัมภาษณ์เล่นงานใครก็ได้ โดยไม่แสวงข้อเท็จจริง แล้วปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องถูกใสร้ายกลางรายการอย่างนี้หลายครั้งหลายคน ขออภัยหนุ่มด้วยที่พูดยาวแต่เป็นการคุยกันฉันครูกะศิษย์ก็แล้วกัน หวังว่าหนุ่มคงไม่โกรธพอจ.นะ ว.วชิรเมธี (พระพี่เลี้ยงตอนหนุ่มบวชที่เชียงราย) ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ #Thaitimes
    Like
    Yay
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่าสู่กันฟัง..

    ล่าสุด..มีแฟนเพจ มีนักข่าวทักมาถามเรื่อง บอสพอลจ่ายส่วยหมื่นล้าน แอดมินมีข้อมูลบ้างไหมครับ.?

    มีคนส่งข้อมูลมาให้เราก่อนจะเป็นข่าวอีก แต่เราไม่ได้เล่น #เพราะมันไม่เมคเซ้นส์ เพราะหลายจุดมันยังดูมีพิรุธอยู่

    และใดๆเลยคือ มันไม่มีหลักฐานอ้างอิงไม่มีเส้นเงินมาสนับสนุนเรื่องเล่า ถ้าเราเล่นไปมันจะกลายเป็นการกล่าวหาแบบเลื่อนลอย

    เดี๋ยวโป๊ะโบ๊ะบ๊ะขึ้นมา พาเขินแป้นพิมพ์แย่เลย ปั่ดโธ่😅
    ----------
    ส่วย..

    อาชญากรทุกองค์กร “ถ้าตัวเองยังไม่ถูกจับกุม”ทุกองค์กร จะจ่ายส่วยด้วยเงินไม่เกิน 20% ของรายได้ที่ตัวเองได้รับ

    จนกว่าจะถึงวันที่อาชญากรถูกจับกุมตัวได้แล้วตอนนั้นล่ะถึงจะดิ้นจ่ายเงินซื้ออิสระภาพ ด้วยตัวเลขหลัก 1-2-3-4-500 ล้านบาท

    เมื่อสิ้นอิสระภาพอาชญากรจะยอมจ่าย..แทบทุกตัวเลขที่ถูกเรียกรับสินบน

    จะเขียนให้อ่านว่า“เรามีวิธีคิดอย่างไร”กับเรื่องบอสพอลจ่ายส่วยเป็นหมื่นล้าน

    วิธีวิเคราะห์หาข้อเท็จจริงของเราเริ่มจาก“ตั้งสมมติฐาน”หาตัวเลขกำไรของบริษัท The Icon

    #เอาจำนวนผู้ร่วมลงทุนกับบริษัทเป็นตัวตั้งของรายรับ..

    บริษัท..มียอดผู้ร่วมทุน 6 แสนกว่ารหัส แต่ละรหัสลงทุนตั้งแต่ 2,500,25,000,250,000 บาท นั่นคือรายรับหลักๆ

    มีรายรับย่อยๆคือ..ค่าคอร์สสอนเรียนกับรายรับที่อยู่นอกระบบคือ“เงิน 400 ล้านบาท”ที่พอลปล่อยกู้คิดดอกร้อยละ 0.50

    #ประมาณการรายจ่ายหลักๆของบริษัท

    1.ต้นทุนค่าสินค้า 2.ค่าบริหารจัดการที่รวมถึงค่ายิงแอดค่าทำการตลาด 3.ปันผลเป็นขั้นบันไดลงไปสู่แม่ทีม

    รายจ่าย 3 ข้อรวมกันคิดเป็น 70% โดยประมาณ

    เอารายจ่าย 70% ไปลบออกจากรายรับจาก 6 แสนกว่ารหัส กำไรสุทธิของบริษัทเหลือไม่เกิน 30% โดยประมาณ

    ต้องไม่ลืมว่าช่วงระหว่างปี 2566 บริษัท Thi Icon เหลือรหัสที่เคลื่อนไหวร่วมทุนจริงๆอยู่ราวๆ 3 แสนรหัส

    อีก 3 แสนรหัส บ้างก็รวยแล้วลุก บ้างก็เจ๊ง บ้างก็ตื่นรู้แล้วถอย The Icon จึงถึงยุคขาลงตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา

    ดังนั้น #เรามีความเชื่อส่วนตัว ว่าบริษัท The Icon มีกำไรสุทธิไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท(ไม่รวมเงินของลูกทีม)

    ก็ลองดูตัวเลขเข้าทำการอายัดบอสพอลดิ่มีอยู่ 125 ล้านบาท ตัวเลขมันห่างจากการมีกำไรสุทธิหลักหมื่นล้านไปเยอะมาก

    ดังนั้นคำว่าบริษัท The Icon มีกำไร”แสนล้านบาท“ตามที่เป็นข่าวลือนั้น..มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน

    เราจึงได้หลักคิดง่ายๆว่า.ถ้าบริษัทมีกำไรสุทธิไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท ตัวเลขส่วยหมื่นล้านบาท..มันก็เป็นเรื่องเท็จ

    ถ้าเรื่องส่วยหมื่นล้านมันเป็นเรื่องเท็จ เรื่องตัวละครที่รับส่วยชื่อนั้นหน่วยงานโน้นบลาๆๆ..มันก็เป็นเรื่องเท็จในเท็จ

    ลองนึกถึงคลิปเสียงที่พอลคุยกับ”ซาดหมา“เรื่องจ่ายให้เดือนละแสน ซึ่งพอลยอมรับกับพี่หนุ่มกลางรายการโหนว่าเป็นคลิปจริง

    อ้าว..แล้วถ้าบอสพอลมันมีเทวดาผู้คุ้มครองที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศเป็นคนใหญ่คนโตเป็นหุ้นส่วน มีการจ่ายส่วยเป็นหมื่นล้านจริงๆ.?

    คนอย่าง”ซาดหมา“ซึ่งไก่กาอาราเล่มากๆถ้าเทียบกับเทวดาผู้คุ้มครองในยุคนั้น เจอแค่ลูกรักของเทวดาเข้าไปซาดหมา ก็ฉิบหายแล้ว

    เออ.! แล้วทำไมพอลถึงไปขอความช่วยเหลือกับซาดหมา.?

    เออ.! แล้วพอลทำไมต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้ซาดหมาอีกเดือนละแสน ทั้งๆที่มีเทวดาผู้ยิ่งใหญ่คุ้มตัวอยู่แล้ว.?

    เห็นไหมครับ ว่าหลายเรื่องมันดูมีพิรุธ หลายจุดมันเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลจนยากจะเชื่อ และอะไรที่เหลือเชื่อ..จงอย่าเชื่อจนกว่าจะมีบทพิสูจน์

    ด้วยตรรกะทางความคิดดังกล่าวของพวกเรา จึงตัดสินใจไม่เล่นเรื่องส่วยที่เรารู้ว่ามันมีส่วยแน่ๆ แต่ตัวเลขมันเวอร์เกินไปจนยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง

    เมื่อถึงเวลาที่ตำรวจแถลงยอดเงินของผู้เสียหายซึ่งเรามั่นใจว่ารวมกันแล้วไม่น่าจะถึง 5 พันล้านบาท

    ถ้ายอดเงินผู้เสียหายไม่ถึง 5 พันล้านบาทจริงๆ เรื่องส่วยหมื่นล้านมันก็ได้คำตอบแล้วว่าเป็นเรื่ิอง..จ้อจี้

    เพราะตามหลักแล้วตัวเลขส่วยของบอสพอลมันจะต้องไม่จ่ายเงินส่วยมากกว่ายอดเงินของผู้เสียหาย..นั่นเอง

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    เล่าสู่กันฟัง.. ล่าสุด..มีแฟนเพจ มีนักข่าวทักมาถามเรื่อง บอสพอลจ่ายส่วยหมื่นล้าน แอดมินมีข้อมูลบ้างไหมครับ.? มีคนส่งข้อมูลมาให้เราก่อนจะเป็นข่าวอีก แต่เราไม่ได้เล่น #เพราะมันไม่เมคเซ้นส์ เพราะหลายจุดมันยังดูมีพิรุธอยู่ และใดๆเลยคือ มันไม่มีหลักฐานอ้างอิงไม่มีเส้นเงินมาสนับสนุนเรื่องเล่า ถ้าเราเล่นไปมันจะกลายเป็นการกล่าวหาแบบเลื่อนลอย เดี๋ยวโป๊ะโบ๊ะบ๊ะขึ้นมา พาเขินแป้นพิมพ์แย่เลย ปั่ดโธ่😅 ---------- ส่วย.. อาชญากรทุกองค์กร “ถ้าตัวเองยังไม่ถูกจับกุม”ทุกองค์กร จะจ่ายส่วยด้วยเงินไม่เกิน 20% ของรายได้ที่ตัวเองได้รับ จนกว่าจะถึงวันที่อาชญากรถูกจับกุมตัวได้แล้วตอนนั้นล่ะถึงจะดิ้นจ่ายเงินซื้ออิสระภาพ ด้วยตัวเลขหลัก 1-2-3-4-500 ล้านบาท เมื่อสิ้นอิสระภาพอาชญากรจะยอมจ่าย..แทบทุกตัวเลขที่ถูกเรียกรับสินบน จะเขียนให้อ่านว่า“เรามีวิธีคิดอย่างไร”กับเรื่องบอสพอลจ่ายส่วยเป็นหมื่นล้าน วิธีวิเคราะห์หาข้อเท็จจริงของเราเริ่มจาก“ตั้งสมมติฐาน”หาตัวเลขกำไรของบริษัท The Icon #เอาจำนวนผู้ร่วมลงทุนกับบริษัทเป็นตัวตั้งของรายรับ.. บริษัท..มียอดผู้ร่วมทุน 6 แสนกว่ารหัส แต่ละรหัสลงทุนตั้งแต่ 2,500,25,000,250,000 บาท นั่นคือรายรับหลักๆ มีรายรับย่อยๆคือ..ค่าคอร์สสอนเรียนกับรายรับที่อยู่นอกระบบคือ“เงิน 400 ล้านบาท”ที่พอลปล่อยกู้คิดดอกร้อยละ 0.50 #ประมาณการรายจ่ายหลักๆของบริษัท 1.ต้นทุนค่าสินค้า 2.ค่าบริหารจัดการที่รวมถึงค่ายิงแอดค่าทำการตลาด 3.ปันผลเป็นขั้นบันไดลงไปสู่แม่ทีม รายจ่าย 3 ข้อรวมกันคิดเป็น 70% โดยประมาณ เอารายจ่าย 70% ไปลบออกจากรายรับจาก 6 แสนกว่ารหัส กำไรสุทธิของบริษัทเหลือไม่เกิน 30% โดยประมาณ ต้องไม่ลืมว่าช่วงระหว่างปี 2566 บริษัท Thi Icon เหลือรหัสที่เคลื่อนไหวร่วมทุนจริงๆอยู่ราวๆ 3 แสนรหัส อีก 3 แสนรหัส บ้างก็รวยแล้วลุก บ้างก็เจ๊ง บ้างก็ตื่นรู้แล้วถอย The Icon จึงถึงยุคขาลงตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ดังนั้น #เรามีความเชื่อส่วนตัว ว่าบริษัท The Icon มีกำไรสุทธิไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท(ไม่รวมเงินของลูกทีม) ก็ลองดูตัวเลขเข้าทำการอายัดบอสพอลดิ่มีอยู่ 125 ล้านบาท ตัวเลขมันห่างจากการมีกำไรสุทธิหลักหมื่นล้านไปเยอะมาก ดังนั้นคำว่าบริษัท The Icon มีกำไร”แสนล้านบาท“ตามที่เป็นข่าวลือนั้น..มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน เราจึงได้หลักคิดง่ายๆว่า.ถ้าบริษัทมีกำไรสุทธิไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท ตัวเลขส่วยหมื่นล้านบาท..มันก็เป็นเรื่องเท็จ ถ้าเรื่องส่วยหมื่นล้านมันเป็นเรื่องเท็จ เรื่องตัวละครที่รับส่วยชื่อนั้นหน่วยงานโน้นบลาๆๆ..มันก็เป็นเรื่องเท็จในเท็จ ลองนึกถึงคลิปเสียงที่พอลคุยกับ”ซาดหมา“เรื่องจ่ายให้เดือนละแสน ซึ่งพอลยอมรับกับพี่หนุ่มกลางรายการโหนว่าเป็นคลิปจริง อ้าว..แล้วถ้าบอสพอลมันมีเทวดาผู้คุ้มครองที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศเป็นคนใหญ่คนโตเป็นหุ้นส่วน มีการจ่ายส่วยเป็นหมื่นล้านจริงๆ.? คนอย่าง”ซาดหมา“ซึ่งไก่กาอาราเล่มากๆถ้าเทียบกับเทวดาผู้คุ้มครองในยุคนั้น เจอแค่ลูกรักของเทวดาเข้าไปซาดหมา ก็ฉิบหายแล้ว เออ.! แล้วทำไมพอลถึงไปขอความช่วยเหลือกับซาดหมา.? เออ.! แล้วพอลทำไมต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้ซาดหมาอีกเดือนละแสน ทั้งๆที่มีเทวดาผู้ยิ่งใหญ่คุ้มตัวอยู่แล้ว.? เห็นไหมครับ ว่าหลายเรื่องมันดูมีพิรุธ หลายจุดมันเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลจนยากจะเชื่อ และอะไรที่เหลือเชื่อ..จงอย่าเชื่อจนกว่าจะมีบทพิสูจน์ ด้วยตรรกะทางความคิดดังกล่าวของพวกเรา จึงตัดสินใจไม่เล่นเรื่องส่วยที่เรารู้ว่ามันมีส่วยแน่ๆ แต่ตัวเลขมันเวอร์เกินไปจนยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง เมื่อถึงเวลาที่ตำรวจแถลงยอดเงินของผู้เสียหายซึ่งเรามั่นใจว่ารวมกันแล้วไม่น่าจะถึง 5 พันล้านบาท ถ้ายอดเงินผู้เสียหายไม่ถึง 5 พันล้านบาทจริงๆ เรื่องส่วยหมื่นล้านมันก็ได้คำตอบแล้วว่าเป็นเรื่ิอง..จ้อจี้ เพราะตามหลักแล้วตัวเลขส่วยของบอสพอลมันจะต้องไม่จ่ายเงินส่วยมากกว่ายอดเงินของผู้เสียหาย..นั่นเอง สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • อวสานดิไอคอนกรุ๊ป

    การจับกุมผู้ต้องหา 18 ราย ที่มีส่วนพัวพันกับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นำโดย นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงอย่าง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน และนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกัน ตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ แม้จะยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแชร์ลูกโซ่ ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ปี 2527 แต่เมื่อมีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ตำรวจจึงเตรียมคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล

    ก่อนหน้านี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ประกาศอายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล นายณิชพน ทองมี น.ส.ฐิตตญา หงษ์อุปถุมภ์ไชย และนายกันต์ กันตถาวร ได้แก่ เงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (พอร์ตหุ้น) บัญชีกระแสรายวัน บัญชีออมทรัพย์ และบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล 11 รายการ รวม 125.54 ล้านบาท ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าอายัดที่ดิน 63 ไร่ ริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์กาญจนาภิเษก ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่จะก่อสร้างดิไอคอนซิตี้ หอประชุม บ้านของผู้บริหาร และอาคารศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์

    การจับกุมผู้บริหาร รวมทั้งการอายัดทรัพย์สินเบื้องต้นเหล่านี้ แม้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา และตามหลักกฎหมายทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา จะต้องได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิดจริง แต่ชื่อเสียงของดิไอคอนกรุ๊ป ล่มสลายมาตั้งแต่วันที่สื่อมวลชนอย่างนายกรรชัย กำเนิดพลอย เปิดประเด็น ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้นจริง เพราะหลงเชื่อวิธีการของแม่ทีมที่ใช้การสอนการตลาดออนไลน์บังหน้า แต่เบื้องหลังชักชวนให้เปิดบิล ตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้านบาท ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว บางคนต้องจบชีวิตตัวเองไปเลยก็มี

    ในวันนี้บิลบอร์ดดิไอคอนกรุ๊ปที่ทุ่มซื้อโฆษณากว่า 500 ล้านบาท ทั้งอาคารสูง ป้ายโฆษณาทั่วประเทศ และโฆษณาบนรถเมล์กรุงเทพฯ ถูกถอดออกหมดแล้ว เหลือแม่ข่ายและลูกข่ายรวมแล้วกว่า 368,257 คน ตั้งแต่ระดับดิสทริบิวเตอร์ 285,833 คน ซึ่งเน้นซื้อกินซื้อใช้ ซูเปอร์ไวเซอร์ 43,976 คน มินิดีลเลอร์ 6,476 คน ที่เปิดบิลประมาณ 50,000 บาท และดีลเลอร์ที่เปิดบิล 250,000 บาท จำนวน 31,972 คน เหลือไว้เพียงแค่สินค้าที่ยังเหลืออยู่ และอนาคตบรรดาแม่ข่ายที่อาจต้องแยกย้ายกันไป ปิดตำนานความยิ่งใหญ่ที่ขายฝันคนไทยมานานถึง 7 ปี

    #Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheIconGroup
    อวสานดิไอคอนกรุ๊ป การจับกุมผู้ต้องหา 18 ราย ที่มีส่วนพัวพันกับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นำโดย นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงอย่าง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน และนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกัน ตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ แม้จะยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแชร์ลูกโซ่ ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ปี 2527 แต่เมื่อมีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ตำรวจจึงเตรียมคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล ก่อนหน้านี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ประกาศอายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล นายณิชพน ทองมี น.ส.ฐิตตญา หงษ์อุปถุมภ์ไชย และนายกันต์ กันตถาวร ได้แก่ เงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (พอร์ตหุ้น) บัญชีกระแสรายวัน บัญชีออมทรัพย์ และบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล 11 รายการ รวม 125.54 ล้านบาท ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าอายัดที่ดิน 63 ไร่ ริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์กาญจนาภิเษก ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่จะก่อสร้างดิไอคอนซิตี้ หอประชุม บ้านของผู้บริหาร และอาคารศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์ การจับกุมผู้บริหาร รวมทั้งการอายัดทรัพย์สินเบื้องต้นเหล่านี้ แม้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา และตามหลักกฎหมายทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา จะต้องได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิดจริง แต่ชื่อเสียงของดิไอคอนกรุ๊ป ล่มสลายมาตั้งแต่วันที่สื่อมวลชนอย่างนายกรรชัย กำเนิดพลอย เปิดประเด็น ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้นจริง เพราะหลงเชื่อวิธีการของแม่ทีมที่ใช้การสอนการตลาดออนไลน์บังหน้า แต่เบื้องหลังชักชวนให้เปิดบิล ตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้านบาท ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว บางคนต้องจบชีวิตตัวเองไปเลยก็มี ในวันนี้บิลบอร์ดดิไอคอนกรุ๊ปที่ทุ่มซื้อโฆษณากว่า 500 ล้านบาท ทั้งอาคารสูง ป้ายโฆษณาทั่วประเทศ และโฆษณาบนรถเมล์กรุงเทพฯ ถูกถอดออกหมดแล้ว เหลือแม่ข่ายและลูกข่ายรวมแล้วกว่า 368,257 คน ตั้งแต่ระดับดิสทริบิวเตอร์ 285,833 คน ซึ่งเน้นซื้อกินซื้อใช้ ซูเปอร์ไวเซอร์ 43,976 คน มินิดีลเลอร์ 6,476 คน ที่เปิดบิลประมาณ 50,000 บาท และดีลเลอร์ที่เปิดบิล 250,000 บาท จำนวน 31,972 คน เหลือไว้เพียงแค่สินค้าที่ยังเหลืออยู่ และอนาคตบรรดาแม่ข่ายที่อาจต้องแยกย้ายกันไป ปิดตำนานความยิ่งใหญ่ที่ขายฝันคนไทยมานานถึง 7 ปี #Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheIconGroup
    Like
    Yay
    11
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 801 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ประเด็นข่าว "The icon" โดย อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ##
    ..
    ..
    อาจารย์ ปานเทพ ชื่อนี้ การันตีได้เลยว่า ละเอียดยิบทุกเม็ด...
    .
    บอสพอล และ แม่ทีม รวมทั้ง พรีเซ็นเตอร์ มีกระบวนการเอาตัวรอดอย่างไร...
    .
    วิเคราะห์ ไล่ทีละประเด็น ประกอบข้อมูลเน้นๆ
    .
    มันส์ขนาดไหนไปชมกันครับ...
    .
    จากรายการ News Hour 15/10/2567
    .
    https://youtu.be/Q3utFhTeayw?si=dnbkr1Fiu2XDaypW
    ## ประเด็นข่าว "The icon" โดย อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ## .. .. อาจารย์ ปานเทพ ชื่อนี้ การันตีได้เลยว่า ละเอียดยิบทุกเม็ด... . บอสพอล และ แม่ทีม รวมทั้ง พรีเซ็นเตอร์ มีกระบวนการเอาตัวรอดอย่างไร... . วิเคราะห์ ไล่ทีละประเด็น ประกอบข้อมูลเน้นๆ . มันส์ขนาดไหนไปชมกันครับ... . จากรายการ News Hour 15/10/2567 . https://youtu.be/Q3utFhTeayw?si=dnbkr1Fiu2XDaypW
    Like
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 789 มุมมอง 2 รีวิว
  • แม่ทีมสายดำ..อายุน้อยร้อยล้าน

    เห็นน้องตอ อดีตกระเป๋าเครื่องบินเขามาคอมเมนต์ในเพจเหยื่อว่าเขาเลิกทำนานแล้ว ไม่ใช่พึ่งเลิกทำจ้าาา = เถียง

    พรีสสสส สงสัยมาพิมพ์เถียงโดยไม่ได้ไถหน้าเพจดูสกิลการขุดของเพจนี้เลยล่ะสิ่ท่า.?

    เราน่ะรู้ว่าหนูอ่ะเป็นดาวดังของบริษัทขึ้นเวทีไปเป็นพิธีกรของบริษัทเป็นประจำ และหนูทำจนได้หลัวคนที่ทำ The Icon อีกตางหาก ปั่ดโธ่

    มาเถียงเราคอมเมนต์หนึ่ง เราก็จัดให้อีกโพสต์หนึ่ง แต่ถ้าทำผิดแล้วสงบปากเราจะก้าวข้ามไปเล่นแก๊งอื่นต่อ

    ตามมาดูว่าแม่ทีมสายดำมันทำงานกันอย่างไร

    จุดเริ่มต้น..ทุกคนที่หลงเข้าไปในวงจรนี้ ก็จะเริ่มต้นจากเปิดบิล 2,500 บาท (Distributor)

    และถ้าจะสร้างทีมได้ ก็ต้องเปิด 25,000 บาท (Supervisor)

    เรต 2,500 บาท กับ 25,000 บาท จะต้องจ่ายตรงกับ Dealer เพราะ Dealer ต้องกระจายของตัวเองออก

    และถ้าต้องการเข้าทีมแม่ๆทั้งหลาย ต้องเปิด 250,000 บาท (Dealer)

    ทีนี้ตำแหน่งมันยังมีอีก 10 อันดับข้างบน แล้วทำไมมันถึงมีลำดับขั้นเยอะแยะขนาดนั้น.?

    ตามมา..

    ระบบแผนการจ่ายของ the icon จะมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นทริปท่องเที่ยว เพื่อเลี่ยงกฎหมาย

    เพราะการจ่ายเงินมันจะผิดกฎหมายเข้าข่ายลูกโซ่ จึงแจกค่าคอมกลับเป็นการทัวร์ทริปเที่ยว ซึ่งระบุเอาไว้ว่า

    ถ้าใครไม่อยากเที่ยว..“ก็ขายทริปคืนเป็นเงินได้” ตรงจุดนี้แหละที่บอสพอลติ่งเอาไว้เลี่ยงกฎหมาย

    เพราะถ้ามีใครขายทริป บริษัทก็จะจ่ายเป็นเงินสดแทนการเที่ยวให้ มันก็จะเท่ากับการชวนคนร่วมลงทุนแล้วได้เงินตอบแทน(โดยอ้อม)เหมือนแชร์ลูกโซ่ยังไงยังงั้นเลย

    the icon เลี่ยงไปใช้คำว่า Re Dealer หรือการเปิดสาขาสอง คือการจ่าย 250,000 บาท อีกรอบ เพื่อขยับตัวเองขึ้นไปเป็น Gold , Platinum และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

    ตำแหน่งพวกนี้สำคัญแค่ไหน ?

    หลักการจ่ายของ the icon จะจ่ายให้กับ Direct Referral (การชวนตรงผ่านรหัสตัวเอง) 10%

    ดังนั้นหากคุณจ่าย 250,000 บาทไปแล้ว และอยากได้เงินคืน คุณต้องทำ Direct Referral ตามรหัสตัวเองให้ได้ 10 ราย ถึงจะได้เงิน 10% กลับคืน

    ตรงนี้เรียกว่า "Fast start bonus" เป็นศัพท์ของ MLM เขาใช้เรียกกัน โดยปกติ MLM จะมีระบบซับซ้อนในการคำนวณยอดให้

    เช่น Stair Step, Uni-Level , Binary , Trinary ฯลฯ

    แต่ที่ The Icon นั้นไม่ซับซ้อน เป็นแค่ Stair Step หรือขั้นบันไดใช้การจ่ายที่ระดับขั้น แยกออกเป็น "ส่วนลด" เพื่อเอาส่วนลดนั้นไปจ่ายตามระดับ 10 อันดับด้านบนทั้งหมด

    และพอลยังแก้ให้มีระบบ Binary โยน Dealer ซ้าย-ขวา คะแนนข้างอ่อนผันเป็นโบนัส

    ดังนั้นยิ่งใครเปิด "สาขา" เยอะ ก็จะยิ่งได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" เยอะขึ้น ทีนี้หลักการจ่ายมันจะมีหลักง่ายๆคือ..จ่ายจากล่างสุดขึ้นไปบนสุด

    เวลาพี่ๆตำรวจเขา สืบ-สอบ ก็จะเริ่มจากด้านล่างสุดเช่นกัน แต่ด้านล่างสุดในมุมของตำรวจคือคนที่เป็นเหยื่อ ไล่เส้นเงินของเหยื่อ..ว่าวิ่งไปถึงใครบ้าง
    -----------

    สมมติว่าน้องตอ เขาเป็นระดับ Platinum Dealer แต่ลูกทีมของน้องตอดันไปเปิดสาขาเยอะกว่า ก็จะได้เป็น Crown Dealer ลักษณะแบบนี้จะเรียกว่า อันดับสูงกว่าผู้แนะนำ

    เวลาทำจ่าย "ส่วนแบ่งสาขา" มันจะข้ามน้องตอขึ้นไปข้างบนตามตำแหน่ง แม้ว่าคนนั้นจะเป็น Downline ของน้องตอก็ตาม

    และคนที่เปิดสูงกว่าน้องตอก็จะได้รับเงิน "ส่วนแบ่งสาขา" ไปแทน นี่เป็นหลักการที่จูงใจให้คนที่หลงเข้ามาทำธุรกิจนี้แล้วอยาก "ขยายสาขา"

    เพื่อที่ตัวเองจะได้ไประดับบนสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็คือ "BOSS" (ไม่ใช่ Big Boss นะ)

    วิธีของ the icon คือตั้งกลุ่มแม่ทีม และลูกทีมจะต้องมาซื้อข้อมูลผู้สนใจธุรกิจ โดยมีค่าใช้จ่าย 1,000 - 5,000 บาท และถ้าเป็นเบอร์ที่หวังผลได้ชัวร์ ขาย 10,000 บาท

    คำถามคือ..เงินตรงนี้เข้าบริษัทหรือเข้ากระเป๋าแม่ทีม.?

    ถ้าคำนวณจากยอดของน้องตอที่ทำยอด 1,000,000 บาทได้ และได้แหวนเพชรจากบิ๊กบอสเป็นรางวัล

    ก็อนุมานได้ว่าน้องตอต้องได้ค่าคอม 25,000 บาท (จาก 250,000) 1,000,000 / 25,000 = 40 คน จุกๆ

    ระยะเวลาแค่ 6 เดือนน้องตอของเราได้ขึ้นไปรับเงิน 1 ล้านบาท พร้อมสวมแหวนเพชรบนเวที

    แล้วน้องตอก็พูดว่า.."ผู้ชายคนแรกที่สวมแหวนให้หนูคือบอสพอล" งู้ยยยยย ถุย
    -------------

    the icon ได้ทำการแก้ไขระบบตัวแทนจากตลาดตรง มาเพิ่ม "Binary" ทำให้มีการโยน Dealer ไปซ้าย-ขวา

    ทีนี้มันก็เลยต้องแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นเพราะหลักการของระบบ Binary มันเข้าข่าย MLM และหลักการจ่ายค่าโบนัสมันจะจ่ายวิ่งขึ้นบน

    แปลว่าถ้าน้องตอตำแหน่งต่ำกว่า Downline ตัวเอง คะแนน Bonus จะวิ่งไปหาตำแหน่งที่สูงกว่าตัวเองทันที

    ข้อนี้มันคือการหักล้างทุกๆบริษัทที่เคยพูดว่า "Passive Income" มีจริง บอกเลยมันไม่มีอยู่จริงหรอก

    เพราะระบบ MLM มันมีกฎที่สามารถขโมย Bonus ได้ถ้าตำแหน่งสูงกว่า ระบบจะจ่ายโบนัสไปที่ "ตำแหน่งสูงสุด" ที่อยู่ในสายนั้น

    นี่คือสาเหตุให้ตำแหน่ง "BOSS" ด้านบน เปิดสาขาถึงระดับสูงสุด เพื่อรองรับโบนัสการคำนวณ ซ้าย-ขวา

    เพราะถ้าซ้าย-ขวา ไม่ balance ระบบจะคำนวณยอดที่จะได้แค่ส่วนต่างข้างน้อย และส่วนที่เหลือข้างมากจะไหลขึ้นบนตามหลัก MLM

    จุดนี้แหละจึงเป็นความจริงที่ทุกคนพยายาม "ขยายสาขา" เพื่อให้ตัวเองได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" นั่นเอง

    และทุกคนที่เป็นแม่ทีมจะสู้เพื่อสิ่งนี้แหละ คือตำแหน่งสูงสุด เพราะจะได้รับค่าคอมจากด้านล่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

    นั่นคือเหตุผลที่ระดับ "BOSS" ได้รับค่าคอมหลักล้าน แม้จะนอนนิ่งๆไม่ได้ทำอะไรก็ตาม

    แต่คนที่ยังทำงานอยู่ในการ Direct Referral จะได้ 10% เรียกว่าได้เงินเร็ว แล้วก็เอาเงินต่อเงินไปเปิดสาขาเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นตามนี้

    Boss
    Emperor
    Royal Crown
    Crown Dealer
    Wisdom Dealer
    Presidential Dealer
    Grand Dealer

    7 ตำแหน่งนี้👆ต้องไต่เต้าด้วยการ..ขยายสาขา

    นั่นคือมูลเหตุให้ระบบของบริษัท the icon แผนธุรกิจมุ่งเน้นชวนคนใหม่อย่างเดียว เพราะผลตอบแทน 10% จาก Dealer ได้ตรง และได้โบนัสคำนวณตามตำแหน่ง

    ทีนี้มาดูกลโกงของแม่ทีมสายดำกัน

    มันมีคนเข้ามาเป็น Dealer 367,943 คน และทุกคนเปิดบิล 250,000 บาทเหมือนกันหมด

    แต่ไม่ใช่ว่าคนทั้ง 367,943 คนจะยิงแอดเป็น หรือทำการตลาดเป็น จึงตกเป็นเหยื่อแม่ทีมในกลุ่มของตัวเอง

    โดยทุกคนจะโดนแม่ทีมเรียกรับ "ค่าโฆษณา" คนละ 10,000 / เดือน

    สมมติว่า..กลุ่มน้องตอมี 2,000 คน น้องตอก็จะเรียกเก็บค่าโฆษณาได้ 20,000,000 บาทต่อเดือนทันที

    คำถามคือ..แล้วลูกข่ายทั้งหมดที่มาเปิดบิลผ่านน้องตออ่ะ พวกเขาเหล่านั้นได้ยิงแอดเองไหม.?

    น้องตอ..บอกจะสอนให้เขาขายออนไลน์ได้เอง ก็แปลว่าลูกทีมเขาต้องมีความสามารถ "ตั้งโฆษณาได้เอง" ถูกไหม.?

    แต่น้องตอ กลับบอกให้ทุกคนเข้ากลุ่มแม่ทีมแล้วน้องตอก็เรียกเก็บเงินค่ารายชื่อ หัวละ 1000 - 5000 อันนี้มันยิงแอดตรงไหนอ่ะ.?

    น้องตอมีหลักฐานไหมว่ารายชื่อที่เอามาขายลูกข่ายน่ะมันดึงมาจาก Ads ทุกรายชื่อ.?

    คือ..แม่ทีมมีหน้าที่ไปยิงโฆษณาหาตัวแทนมาโปรยให้ลูกทีมนั่นแปลว่า "แม่ทีมก็ต้องโทรหาลูกค้าก่อนแล้ว"

    ลองคิดถึงหลักความเป็นจริง หากโทรไปแล้วเขาสนใจ พวกคุณคิดว่าแม่ทีมจะใจดีโยนมาให้ลูกทีมไหม.?

    แม่ทีมที่มีลูกทีม 2,000 คน ก็จะเรียกเก็บเงินจากลูกทีมได้ 20 ล้านบาท แล้วมีแม่ทีมคนไหนเอารายงานการยิงแอดมาโชว์ให้ลูกข่ายดูบ้างไหมครับ.?

    ถ้าไม่โชว์หลักฐาน ถ้างั้นก็เอาเงิน 20 ล้านบาทเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วบอกว่ายิงแอดให้แล้ว..ก็ทำได้สิ่.?

    พอมีคนคิดลบ เตะออก พอใครไม่อยากยิงแอด เตะออก ทำแบบนี้นี่น้องตอสอนคนยิงแอดหรือว่าบีบบังคับให้เค้าจ่ายไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดตัว.?

    เกมนี้ที่แม่ทีมอย่างพวกคุณออกแบบมันโหดร้ายมากๆนะ เพราะว่าจะมีแต่แม่ทีมอย่างพวกคุณรวยกันอยู่กระจุกเดียว

    แต่ลูกข่ายนี่เป็นตู้ ATM ให้แม่ทีมกดเงินอย่างเดียว แล้วบิ๊กบอสพอลเขารู้เรื่องไหมว่า มีแม่ทีมสายดำใช้แผนประทุษกรรมเหยื่อแบบนี้.?

    --------

    การทำธุรกิจแบบนี้มันไม่มีหรอก win/win น่ะ

    เงินหมื่นที่จ่ายให้แม่ทีม แม่ทีมหักหัวคิว 80-90% เอาไปลงในโฆษณา "ของตัวแม่ทีมเอง"

    และเหลือ 20-10% มาลงให้กับ "ลูกข่าย" จากนั้นก็ส่งหน้าม้าปลอมเข้าไปปลอบประโลมให้ลูกข่ายเห็นว่าโฆษณาทำงาน

    แต่อย่างที่เขาร้องกันทั้งหมดแหละ "ไม่มีใครขายได้สักคน" ก็เพราะมันเป็น Seeding Comment จากระบบ Auto Comment ไงฮะ

    น้องตอ..หัดยอมรับบ้างเหอะ ว่าเราก็หลอกเขามาเปิดบิล หลอกเอาเงินเขามายิงแอด ไหนหนูถึงทำธุรกิจโดยไม่ใช้เงินตัวเองเลยสักบาท.?

    ขออนุญาตอุทานนะครับ..พวกมึงนี่เควี้ยจริงๆเลย อีฝัด

    รบกวนพี่ตำรวจด้วยนะ เวลาสอบปากคำคนระดับแม่ทีม ช่วยถามหาหลักฐานที่พวกมันเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายต่างๆไปจากลูกข่ายด้วยนะครับ

    ท่านเรียก export excel .csv ของยอดยิงแอดมา compare เลย ว่าตรงกับยอดที่รับมาจาก "เหยื่อ" ที่เป็นลูกทีมหรือเปล่า

    แม่ทีมทุกคนได้ "Direct Referral" 10% ลองคิดดูว่าถ้าวันนึงปิดได้ 10 คน เงิน Fast Start Bonus แม่ทีมได้วันละ 250,000 บาท

    ยังไม่รวมคำนวณโบนัส ส่วนไหนที่ไม่สามารถปิดได้ในการโทรครั้งแรก แม่ทีมก็เอามาขายต่อ 5,000 บาท 2 รายชื่อ 1,000 - 5,000 บาท

    เงินส่วนนี้เข้ากระเป๋าแม่ทีม มันคือวงจรอุบาทว์ที่บอสพอลจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ด้วยนะเพราะบอสพอลเป็นคนแก้ระบบให้มีระบบ Binary

    เพิ่มตำแหน่งออกมาถึง 13 ขั้นตรงนี้แหละที่บอสพอลจะผิดเต็มๆ ก็คุณจดทำการตลาดขายตรง แต่คุณกลับทำ MLM โดยไม่มีใบอนุญาตซะงั้น

    เกมนี้..บอสสวย ผู้อยู่เหนือหวงโซ่ของแม่ทีม คนที่เป็นทุกอย่างให้บอสพอล ถ้าตำรวจไม่เฝ้าไว้ อาจจะหลบหนีไป..ตามใบสั่ง

    บทความนี้เขียนขึ้นจากการสอบข้อเท็จจริงจากปากผู้เสียหาย หลายๆคน ข้อมูลไม่นิ่งตัดออก

    แล้วคัดเอาที่หลายคนพูดตรงกันมาวิเคราะห์แล้วหาข้อมูล แล้วเรียบเรียงเขียนเป็นบทความมาเผยแพร่

    ถ้าใครมีข้อมูลที่แท้ แล้วมันไม่ตรงกับบทความนี้ก็คอมเมนต์แจ้งมาได้นะ ถ้ามันเชื่อถือได้ เราจะแก้ไขให้ทันที

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    แม่ทีมสายดำ..อายุน้อยร้อยล้าน เห็นน้องตอ อดีตกระเป๋าเครื่องบินเขามาคอมเมนต์ในเพจเหยื่อว่าเขาเลิกทำนานแล้ว ไม่ใช่พึ่งเลิกทำจ้าาา = เถียง พรีสสสส สงสัยมาพิมพ์เถียงโดยไม่ได้ไถหน้าเพจดูสกิลการขุดของเพจนี้เลยล่ะสิ่ท่า.? เราน่ะรู้ว่าหนูอ่ะเป็นดาวดังของบริษัทขึ้นเวทีไปเป็นพิธีกรของบริษัทเป็นประจำ และหนูทำจนได้หลัวคนที่ทำ The Icon อีกตางหาก ปั่ดโธ่ มาเถียงเราคอมเมนต์หนึ่ง เราก็จัดให้อีกโพสต์หนึ่ง แต่ถ้าทำผิดแล้วสงบปากเราจะก้าวข้ามไปเล่นแก๊งอื่นต่อ ตามมาดูว่าแม่ทีมสายดำมันทำงานกันอย่างไร จุดเริ่มต้น..ทุกคนที่หลงเข้าไปในวงจรนี้ ก็จะเริ่มต้นจากเปิดบิล 2,500 บาท (Distributor) และถ้าจะสร้างทีมได้ ก็ต้องเปิด 25,000 บาท (Supervisor) เรต 2,500 บาท กับ 25,000 บาท จะต้องจ่ายตรงกับ Dealer เพราะ Dealer ต้องกระจายของตัวเองออก และถ้าต้องการเข้าทีมแม่ๆทั้งหลาย ต้องเปิด 250,000 บาท (Dealer) ทีนี้ตำแหน่งมันยังมีอีก 10 อันดับข้างบน แล้วทำไมมันถึงมีลำดับขั้นเยอะแยะขนาดนั้น.? ตามมา.. ระบบแผนการจ่ายของ the icon จะมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นทริปท่องเที่ยว เพื่อเลี่ยงกฎหมาย เพราะการจ่ายเงินมันจะผิดกฎหมายเข้าข่ายลูกโซ่ จึงแจกค่าคอมกลับเป็นการทัวร์ทริปเที่ยว ซึ่งระบุเอาไว้ว่า ถ้าใครไม่อยากเที่ยว..“ก็ขายทริปคืนเป็นเงินได้” ตรงจุดนี้แหละที่บอสพอลติ่งเอาไว้เลี่ยงกฎหมาย เพราะถ้ามีใครขายทริป บริษัทก็จะจ่ายเป็นเงินสดแทนการเที่ยวให้ มันก็จะเท่ากับการชวนคนร่วมลงทุนแล้วได้เงินตอบแทน(โดยอ้อม)เหมือนแชร์ลูกโซ่ยังไงยังงั้นเลย the icon เลี่ยงไปใช้คำว่า Re Dealer หรือการเปิดสาขาสอง คือการจ่าย 250,000 บาท อีกรอบ เพื่อขยับตัวเองขึ้นไปเป็น Gold , Platinum และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตำแหน่งพวกนี้สำคัญแค่ไหน ? หลักการจ่ายของ the icon จะจ่ายให้กับ Direct Referral (การชวนตรงผ่านรหัสตัวเอง) 10% ดังนั้นหากคุณจ่าย 250,000 บาทไปแล้ว และอยากได้เงินคืน คุณต้องทำ Direct Referral ตามรหัสตัวเองให้ได้ 10 ราย ถึงจะได้เงิน 10% กลับคืน ตรงนี้เรียกว่า "Fast start bonus" เป็นศัพท์ของ MLM เขาใช้เรียกกัน โดยปกติ MLM จะมีระบบซับซ้อนในการคำนวณยอดให้ เช่น Stair Step, Uni-Level , Binary , Trinary ฯลฯ แต่ที่ The Icon นั้นไม่ซับซ้อน เป็นแค่ Stair Step หรือขั้นบันไดใช้การจ่ายที่ระดับขั้น แยกออกเป็น "ส่วนลด" เพื่อเอาส่วนลดนั้นไปจ่ายตามระดับ 10 อันดับด้านบนทั้งหมด และพอลยังแก้ให้มีระบบ Binary โยน Dealer ซ้าย-ขวา คะแนนข้างอ่อนผันเป็นโบนัส ดังนั้นยิ่งใครเปิด "สาขา" เยอะ ก็จะยิ่งได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" เยอะขึ้น ทีนี้หลักการจ่ายมันจะมีหลักง่ายๆคือ..จ่ายจากล่างสุดขึ้นไปบนสุด เวลาพี่ๆตำรวจเขา สืบ-สอบ ก็จะเริ่มจากด้านล่างสุดเช่นกัน แต่ด้านล่างสุดในมุมของตำรวจคือคนที่เป็นเหยื่อ ไล่เส้นเงินของเหยื่อ..ว่าวิ่งไปถึงใครบ้าง ----------- สมมติว่าน้องตอ เขาเป็นระดับ Platinum Dealer แต่ลูกทีมของน้องตอดันไปเปิดสาขาเยอะกว่า ก็จะได้เป็น Crown Dealer ลักษณะแบบนี้จะเรียกว่า อันดับสูงกว่าผู้แนะนำ เวลาทำจ่าย "ส่วนแบ่งสาขา" มันจะข้ามน้องตอขึ้นไปข้างบนตามตำแหน่ง แม้ว่าคนนั้นจะเป็น Downline ของน้องตอก็ตาม และคนที่เปิดสูงกว่าน้องตอก็จะได้รับเงิน "ส่วนแบ่งสาขา" ไปแทน นี่เป็นหลักการที่จูงใจให้คนที่หลงเข้ามาทำธุรกิจนี้แล้วอยาก "ขยายสาขา" เพื่อที่ตัวเองจะได้ไประดับบนสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็คือ "BOSS" (ไม่ใช่ Big Boss นะ) วิธีของ the icon คือตั้งกลุ่มแม่ทีม และลูกทีมจะต้องมาซื้อข้อมูลผู้สนใจธุรกิจ โดยมีค่าใช้จ่าย 1,000 - 5,000 บาท และถ้าเป็นเบอร์ที่หวังผลได้ชัวร์ ขาย 10,000 บาท คำถามคือ..เงินตรงนี้เข้าบริษัทหรือเข้ากระเป๋าแม่ทีม.? ถ้าคำนวณจากยอดของน้องตอที่ทำยอด 1,000,000 บาทได้ และได้แหวนเพชรจากบิ๊กบอสเป็นรางวัล ก็อนุมานได้ว่าน้องตอต้องได้ค่าคอม 25,000 บาท (จาก 250,000) 1,000,000 / 25,000 = 40 คน จุกๆ ระยะเวลาแค่ 6 เดือนน้องตอของเราได้ขึ้นไปรับเงิน 1 ล้านบาท พร้อมสวมแหวนเพชรบนเวที แล้วน้องตอก็พูดว่า.."ผู้ชายคนแรกที่สวมแหวนให้หนูคือบอสพอล" งู้ยยยยย ถุย ------------- the icon ได้ทำการแก้ไขระบบตัวแทนจากตลาดตรง มาเพิ่ม "Binary" ทำให้มีการโยน Dealer ไปซ้าย-ขวา ทีนี้มันก็เลยต้องแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นเพราะหลักการของระบบ Binary มันเข้าข่าย MLM และหลักการจ่ายค่าโบนัสมันจะจ่ายวิ่งขึ้นบน แปลว่าถ้าน้องตอตำแหน่งต่ำกว่า Downline ตัวเอง คะแนน Bonus จะวิ่งไปหาตำแหน่งที่สูงกว่าตัวเองทันที ข้อนี้มันคือการหักล้างทุกๆบริษัทที่เคยพูดว่า "Passive Income" มีจริง บอกเลยมันไม่มีอยู่จริงหรอก เพราะระบบ MLM มันมีกฎที่สามารถขโมย Bonus ได้ถ้าตำแหน่งสูงกว่า ระบบจะจ่ายโบนัสไปที่ "ตำแหน่งสูงสุด" ที่อยู่ในสายนั้น นี่คือสาเหตุให้ตำแหน่ง "BOSS" ด้านบน เปิดสาขาถึงระดับสูงสุด เพื่อรองรับโบนัสการคำนวณ ซ้าย-ขวา เพราะถ้าซ้าย-ขวา ไม่ balance ระบบจะคำนวณยอดที่จะได้แค่ส่วนต่างข้างน้อย และส่วนที่เหลือข้างมากจะไหลขึ้นบนตามหลัก MLM จุดนี้แหละจึงเป็นความจริงที่ทุกคนพยายาม "ขยายสาขา" เพื่อให้ตัวเองได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" นั่นเอง และทุกคนที่เป็นแม่ทีมจะสู้เพื่อสิ่งนี้แหละ คือตำแหน่งสูงสุด เพราะจะได้รับค่าคอมจากด้านล่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย นั่นคือเหตุผลที่ระดับ "BOSS" ได้รับค่าคอมหลักล้าน แม้จะนอนนิ่งๆไม่ได้ทำอะไรก็ตาม แต่คนที่ยังทำงานอยู่ในการ Direct Referral จะได้ 10% เรียกว่าได้เงินเร็ว แล้วก็เอาเงินต่อเงินไปเปิดสาขาเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นตามนี้ Boss Emperor Royal Crown Crown Dealer Wisdom Dealer Presidential Dealer Grand Dealer 7 ตำแหน่งนี้👆ต้องไต่เต้าด้วยการ..ขยายสาขา นั่นคือมูลเหตุให้ระบบของบริษัท the icon แผนธุรกิจมุ่งเน้นชวนคนใหม่อย่างเดียว เพราะผลตอบแทน 10% จาก Dealer ได้ตรง และได้โบนัสคำนวณตามตำแหน่ง ทีนี้มาดูกลโกงของแม่ทีมสายดำกัน มันมีคนเข้ามาเป็น Dealer 367,943 คน และทุกคนเปิดบิล 250,000 บาทเหมือนกันหมด แต่ไม่ใช่ว่าคนทั้ง 367,943 คนจะยิงแอดเป็น หรือทำการตลาดเป็น จึงตกเป็นเหยื่อแม่ทีมในกลุ่มของตัวเอง โดยทุกคนจะโดนแม่ทีมเรียกรับ "ค่าโฆษณา" คนละ 10,000 / เดือน สมมติว่า..กลุ่มน้องตอมี 2,000 คน น้องตอก็จะเรียกเก็บค่าโฆษณาได้ 20,000,000 บาทต่อเดือนทันที คำถามคือ..แล้วลูกข่ายทั้งหมดที่มาเปิดบิลผ่านน้องตออ่ะ พวกเขาเหล่านั้นได้ยิงแอดเองไหม.? น้องตอ..บอกจะสอนให้เขาขายออนไลน์ได้เอง ก็แปลว่าลูกทีมเขาต้องมีความสามารถ "ตั้งโฆษณาได้เอง" ถูกไหม.? แต่น้องตอ กลับบอกให้ทุกคนเข้ากลุ่มแม่ทีมแล้วน้องตอก็เรียกเก็บเงินค่ารายชื่อ หัวละ 1000 - 5000 อันนี้มันยิงแอดตรงไหนอ่ะ.? น้องตอมีหลักฐานไหมว่ารายชื่อที่เอามาขายลูกข่ายน่ะมันดึงมาจาก Ads ทุกรายชื่อ.? คือ..แม่ทีมมีหน้าที่ไปยิงโฆษณาหาตัวแทนมาโปรยให้ลูกทีมนั่นแปลว่า "แม่ทีมก็ต้องโทรหาลูกค้าก่อนแล้ว" ลองคิดถึงหลักความเป็นจริง หากโทรไปแล้วเขาสนใจ พวกคุณคิดว่าแม่ทีมจะใจดีโยนมาให้ลูกทีมไหม.? แม่ทีมที่มีลูกทีม 2,000 คน ก็จะเรียกเก็บเงินจากลูกทีมได้ 20 ล้านบาท แล้วมีแม่ทีมคนไหนเอารายงานการยิงแอดมาโชว์ให้ลูกข่ายดูบ้างไหมครับ.? ถ้าไม่โชว์หลักฐาน ถ้างั้นก็เอาเงิน 20 ล้านบาทเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วบอกว่ายิงแอดให้แล้ว..ก็ทำได้สิ่.? พอมีคนคิดลบ เตะออก พอใครไม่อยากยิงแอด เตะออก ทำแบบนี้นี่น้องตอสอนคนยิงแอดหรือว่าบีบบังคับให้เค้าจ่ายไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดตัว.? เกมนี้ที่แม่ทีมอย่างพวกคุณออกแบบมันโหดร้ายมากๆนะ เพราะว่าจะมีแต่แม่ทีมอย่างพวกคุณรวยกันอยู่กระจุกเดียว แต่ลูกข่ายนี่เป็นตู้ ATM ให้แม่ทีมกดเงินอย่างเดียว แล้วบิ๊กบอสพอลเขารู้เรื่องไหมว่า มีแม่ทีมสายดำใช้แผนประทุษกรรมเหยื่อแบบนี้.? -------- การทำธุรกิจแบบนี้มันไม่มีหรอก win/win น่ะ เงินหมื่นที่จ่ายให้แม่ทีม แม่ทีมหักหัวคิว 80-90% เอาไปลงในโฆษณา "ของตัวแม่ทีมเอง" และเหลือ 20-10% มาลงให้กับ "ลูกข่าย" จากนั้นก็ส่งหน้าม้าปลอมเข้าไปปลอบประโลมให้ลูกข่ายเห็นว่าโฆษณาทำงาน แต่อย่างที่เขาร้องกันทั้งหมดแหละ "ไม่มีใครขายได้สักคน" ก็เพราะมันเป็น Seeding Comment จากระบบ Auto Comment ไงฮะ น้องตอ..หัดยอมรับบ้างเหอะ ว่าเราก็หลอกเขามาเปิดบิล หลอกเอาเงินเขามายิงแอด ไหนหนูถึงทำธุรกิจโดยไม่ใช้เงินตัวเองเลยสักบาท.? ขออนุญาตอุทานนะครับ..พวกมึงนี่เควี้ยจริงๆเลย อีฝัด รบกวนพี่ตำรวจด้วยนะ เวลาสอบปากคำคนระดับแม่ทีม ช่วยถามหาหลักฐานที่พวกมันเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายต่างๆไปจากลูกข่ายด้วยนะครับ ท่านเรียก export excel .csv ของยอดยิงแอดมา compare เลย ว่าตรงกับยอดที่รับมาจาก "เหยื่อ" ที่เป็นลูกทีมหรือเปล่า แม่ทีมทุกคนได้ "Direct Referral" 10% ลองคิดดูว่าถ้าวันนึงปิดได้ 10 คน เงิน Fast Start Bonus แม่ทีมได้วันละ 250,000 บาท ยังไม่รวมคำนวณโบนัส ส่วนไหนที่ไม่สามารถปิดได้ในการโทรครั้งแรก แม่ทีมก็เอามาขายต่อ 5,000 บาท 2 รายชื่อ 1,000 - 5,000 บาท เงินส่วนนี้เข้ากระเป๋าแม่ทีม มันคือวงจรอุบาทว์ที่บอสพอลจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ด้วยนะเพราะบอสพอลเป็นคนแก้ระบบให้มีระบบ Binary เพิ่มตำแหน่งออกมาถึง 13 ขั้นตรงนี้แหละที่บอสพอลจะผิดเต็มๆ ก็คุณจดทำการตลาดขายตรง แต่คุณกลับทำ MLM โดยไม่มีใบอนุญาตซะงั้น เกมนี้..บอสสวย ผู้อยู่เหนือหวงโซ่ของแม่ทีม คนที่เป็นทุกอย่างให้บอสพอล ถ้าตำรวจไม่เฝ้าไว้ อาจจะหลบหนีไป..ตามใบสั่ง บทความนี้เขียนขึ้นจากการสอบข้อเท็จจริงจากปากผู้เสียหาย หลายๆคน ข้อมูลไม่นิ่งตัดออก แล้วคัดเอาที่หลายคนพูดตรงกันมาวิเคราะห์แล้วหาข้อมูล แล้วเรียบเรียงเขียนเป็นบทความมาเผยแพร่ ถ้าใครมีข้อมูลที่แท้ แล้วมันไม่ตรงกับบทความนี้ก็คอมเมนต์แจ้งมาได้นะ ถ้ามันเชื่อถือได้ เราจะแก้ไขให้ทันที สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิเคราะห์ 5 ประเด็นสำคัญ การให้สัมภาษณ์ของ บอสพอล ในรายการโหนกระแส /ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    จากกรณีที่ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ที่ตัดสินใจมาออกรายการโหนกระแส ดำเนินรายการการโดยพี่หนุ่มกรรชัย กำเนิดพลอยนั้น เป็นการเตรียมคำตอบสำหรับการต่อสู้คดี แต่บางคำตอบอาจจะเป็นสาระสำคัญแห่งคดีมีดังต่อไปนี้

    1.บอสพอลระบุว่า ตัวแทนจำหน่ายหลักมี 10 ราย คือ บอสปัน, บอสสวย, บอสวิน, บอสหมอเอก, บอสโซดา+บอสป๊อป, บอสทอมมี่, บอสต่าย, บอสอ๊อฟ+บอสจอย, บอสแม่หญิง, บอสโอม โดยบริษัทจะขายให้คนเหล่านี้เท่านั้น ส่วนแต่ละทีมจะไปแตกทีมขายด้วยกรรมวิธีอย่างไร เป็นเรื่องความรับผิดชอบของแต่ละทีม (เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ว่าขอตัดตอนในกระบวนการขายทั้งหมด ให้เป็นความรับผิดชอบของตัวแทนจำหน่าย แม่ทีม และลูกทีม)

    อย่างไรก็ตามบอสพอลระบุว่าได้เคยดูการขายออนไลน์ทั้ง 3 ขั้นตอน 1.สอนคอร์สขายของออนไลน์ 2.แนะนำสินค้า 3.การลงทุน 250,000 บาท ซึ่งแปลว่ารับรู้กระบวนการขายที่เน้นการลงทุนและหาเครือข่ายต่อนี้ด้วย จึงไม่อาจปฏิเสธขั้นตอนการขายของแม่ทีม หรือ ตัวแทนจำหน่ายได้

    2.บอสพอลระบุว่าดาราซึ่งเป็นผู้ที่มีรายรับตาม % ของ “ยอดขาย” คือ บอสกัณต์, บอสแซม, บอสมิน ดังนั้นถือว่าดาราเหล่านี้เป็นขบวนการที่มีค่าตอบแทนตาม “ยอดขาย” ยิ่งมีการลงทุนมาก หรือขายได้มาก ยิ่งได้รับผลตอบแทนมาก

    ดาราเหล่านี้ที่รับประโยชน์ตาม % ของยอดขาย จึงถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ใช่เพียงแค่รับจ้างทั่วไป โดยเฉพาะดารามีการระบุสถานภาพเกินกว่าพรีเซ็นเตอร์ในทางสาธารณะ และทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่ามีดาราเหล่านี้เป็นผู้บริหาร จึงเร่งสร้างความน่าเชื่อถือในการลงทุน

    ส่วนบอสพอลระบุว่าสคริปต์ที่ให้เหล่าดาราพูดนั้นเป็นข้อๆ (Bullet) แต่ก็มีการร้องขอให้พูดเรื่องอื่นๆด้วย ซึ่งไม่สามารถบังคับให้ดาราเหล่านี้พูดตามหรือไม่พูดตามได้

    3.บอสพอลยอมรับว่าผู้ชื้อทุกรายอยู่ในฐานะ “ผู้ลงทุน” ซื้อสินค้ากับบริษัทโดยตรง บ้างก็รับสินค้าไป บ้างก็ฝากสินค้าเอาไว้กับบริษัท

    แต่…

    4.บอสพอลระบุว่าการลงพื้นที่ของตำรวจเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 แล้วสินค้าในคงคลังแทบไม่มี เพราะหลังเกิดเรื่องเป็นต้นมา ทำให้มีประชาชนบาเบิกสินค้าในคงคลังจนแทบหมด และกำลังจะเร่งสั่ง ”นำเข้ามา“ อีก เพราะบริษัทสั่งผลิต “ตามที่เบิก”

    ข้อสงสัยและคำถามประเด็นนี้ คือการสั่งผลิตสินค้า ”ตามที่เบิก“ ไม่ได้มีสินค้าตาม ”การสั่งซื้อ“ทั้งหมด หรือรับเงินมาแต่อาจจะยังไม่มีสินค้าเลยก็ได้ ดังนั้น

    เงินของคนที่จ่ายเงินมาเหล่านั้นจึงอาจไม่ใช่การซื้อสินค้า แต่อาจะเป็นการซื้อสต๊อกลมที่ไม่มีอยู่จริง หรือการกู้ยืมเงินมาหมุนโดยอ้างว่าเป็นการซื้อสินค้า หรือไม่?

    และเมื่อมีการแห่กันเบิกสินค้าจึงเริ่มสั่งซื้อสินค้าหรือไม่?

    คำถามคือคนที่จ่ายเงินไปโดยไม่สินค้าอยู่ในมือและไม่คิดจะขายสินค้า หรือคิดแต่จะหาสมาชิกเพิ่มขึ้นนั้น ได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างไร?

    เพราะมาตรา 19 ของพระราชบัญญัติขายตรงและการตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ความว่า

    “มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น“

    5.สรุปว่าบอสพอลเงินจ่ายเงินที่ถูกไถจากนักร้องเรียน ทนาย และส่วนงานอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองแผลในทางธุรกิจตัวเองบางอย่าง มีตั้งแต่หลักแสน และการการถูกรีดไถในระดับ 1-3 ล้านบาท แต่ไม่ให้ความร่วมมือว่าจ่ายไปให้ใครและเพื่อกลบเกลื่อนแผลทางธุรกิจอะไร?

    ขอบคุณรายการโหนกระแสที่จัดการสัมภาษณ์ ครั้งนี้ให้เกิดความชัดเจนขึ้นครับ

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    14 ตุลาคม 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1073002797526753/?

    #Thaitimes
    วิเคราะห์ 5 ประเด็นสำคัญ การให้สัมภาษณ์ของ บอสพอล ในรายการโหนกระแส /ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จากกรณีที่ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ที่ตัดสินใจมาออกรายการโหนกระแส ดำเนินรายการการโดยพี่หนุ่มกรรชัย กำเนิดพลอยนั้น เป็นการเตรียมคำตอบสำหรับการต่อสู้คดี แต่บางคำตอบอาจจะเป็นสาระสำคัญแห่งคดีมีดังต่อไปนี้ 1.บอสพอลระบุว่า ตัวแทนจำหน่ายหลักมี 10 ราย คือ บอสปัน, บอสสวย, บอสวิน, บอสหมอเอก, บอสโซดา+บอสป๊อป, บอสทอมมี่, บอสต่าย, บอสอ๊อฟ+บอสจอย, บอสแม่หญิง, บอสโอม โดยบริษัทจะขายให้คนเหล่านี้เท่านั้น ส่วนแต่ละทีมจะไปแตกทีมขายด้วยกรรมวิธีอย่างไร เป็นเรื่องความรับผิดชอบของแต่ละทีม (เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ว่าขอตัดตอนในกระบวนการขายทั้งหมด ให้เป็นความรับผิดชอบของตัวแทนจำหน่าย แม่ทีม และลูกทีม) อย่างไรก็ตามบอสพอลระบุว่าได้เคยดูการขายออนไลน์ทั้ง 3 ขั้นตอน 1.สอนคอร์สขายของออนไลน์ 2.แนะนำสินค้า 3.การลงทุน 250,000 บาท ซึ่งแปลว่ารับรู้กระบวนการขายที่เน้นการลงทุนและหาเครือข่ายต่อนี้ด้วย จึงไม่อาจปฏิเสธขั้นตอนการขายของแม่ทีม หรือ ตัวแทนจำหน่ายได้ 2.บอสพอลระบุว่าดาราซึ่งเป็นผู้ที่มีรายรับตาม % ของ “ยอดขาย” คือ บอสกัณต์, บอสแซม, บอสมิน ดังนั้นถือว่าดาราเหล่านี้เป็นขบวนการที่มีค่าตอบแทนตาม “ยอดขาย” ยิ่งมีการลงทุนมาก หรือขายได้มาก ยิ่งได้รับผลตอบแทนมาก ดาราเหล่านี้ที่รับประโยชน์ตาม % ของยอดขาย จึงถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ใช่เพียงแค่รับจ้างทั่วไป โดยเฉพาะดารามีการระบุสถานภาพเกินกว่าพรีเซ็นเตอร์ในทางสาธารณะ และทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่ามีดาราเหล่านี้เป็นผู้บริหาร จึงเร่งสร้างความน่าเชื่อถือในการลงทุน ส่วนบอสพอลระบุว่าสคริปต์ที่ให้เหล่าดาราพูดนั้นเป็นข้อๆ (Bullet) แต่ก็มีการร้องขอให้พูดเรื่องอื่นๆด้วย ซึ่งไม่สามารถบังคับให้ดาราเหล่านี้พูดตามหรือไม่พูดตามได้ 3.บอสพอลยอมรับว่าผู้ชื้อทุกรายอยู่ในฐานะ “ผู้ลงทุน” ซื้อสินค้ากับบริษัทโดยตรง บ้างก็รับสินค้าไป บ้างก็ฝากสินค้าเอาไว้กับบริษัท แต่… 4.บอสพอลระบุว่าการลงพื้นที่ของตำรวจเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 แล้วสินค้าในคงคลังแทบไม่มี เพราะหลังเกิดเรื่องเป็นต้นมา ทำให้มีประชาชนบาเบิกสินค้าในคงคลังจนแทบหมด และกำลังจะเร่งสั่ง ”นำเข้ามา“ อีก เพราะบริษัทสั่งผลิต “ตามที่เบิก” ข้อสงสัยและคำถามประเด็นนี้ คือการสั่งผลิตสินค้า ”ตามที่เบิก“ ไม่ได้มีสินค้าตาม ”การสั่งซื้อ“ทั้งหมด หรือรับเงินมาแต่อาจจะยังไม่มีสินค้าเลยก็ได้ ดังนั้น เงินของคนที่จ่ายเงินมาเหล่านั้นจึงอาจไม่ใช่การซื้อสินค้า แต่อาจะเป็นการซื้อสต๊อกลมที่ไม่มีอยู่จริง หรือการกู้ยืมเงินมาหมุนโดยอ้างว่าเป็นการซื้อสินค้า หรือไม่? และเมื่อมีการแห่กันเบิกสินค้าจึงเริ่มสั่งซื้อสินค้าหรือไม่? คำถามคือคนที่จ่ายเงินไปโดยไม่สินค้าอยู่ในมือและไม่คิดจะขายสินค้า หรือคิดแต่จะหาสมาชิกเพิ่มขึ้นนั้น ได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างไร? เพราะมาตรา 19 ของพระราชบัญญัติขายตรงและการตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ความว่า “มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น“ 5.สรุปว่าบอสพอลเงินจ่ายเงินที่ถูกไถจากนักร้องเรียน ทนาย และส่วนงานอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองแผลในทางธุรกิจตัวเองบางอย่าง มีตั้งแต่หลักแสน และการการถูกรีดไถในระดับ 1-3 ล้านบาท แต่ไม่ให้ความร่วมมือว่าจ่ายไปให้ใครและเพื่อกลบเกลื่อนแผลทางธุรกิจอะไร? ขอบคุณรายการโหนกระแสที่จัดการสัมภาษณ์ ครั้งนี้ให้เกิดความชัดเจนขึ้นครับ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 14 ตุลาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1073002797526753/? #Thaitimes
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1127 มุมมอง 1 รีวิว
  • Boss..ไม่รอด

    พอล ภัทร...เคยโกยเงินจาก Unicityไปเยอะมากๆ ไม่เชื่อก็ลองถามคนในวงการดูสิ่

    ส่วนบอสมีน..ก็เคยขาย Unicity มาก่อน เพื่อนดาราในวงการโดนชวนไปกินข้าว แล้วก็ไปเจอพวกตัวระดับ Boss รออยู่ คอยพูดหว่านล้อม

    เพื่อนดาราด้วยกันก็เลยเสียความรู้สึกกันไปหลายคน แล้วมีนก็ย้ายมาทำ The I con เพราะมีนเค้ารู้ดีอยู่แล้วว่าขายตรงไม่ต่างกัน มีนมีตำแหน่ง Boss มันย่อมไม่ธรรมดา

    คนวงการนี้มันจะวนเป็นวงบีโดยใช้วิธีหากินด้วยวิธีคล้ายๆกัน The Icon ก็เหมือนวงแชร์ลูกโซ่ทั่วๆไปนั่นแหละ

    มีตำแหน่งนั่นโน่นนี่ มีแม่ข่ายลูกข่ายโน่นนี่นั่น ต่างกันแค่ The Icon ชวนคนมาร่วมลงทุน=ต้องมาซื้อสินค้าไปขาย

    ลูกโซ่..ไม่เน้นสินค้าเน้นชวนคนมาร่วมลงทุนได้มากคนเท่าไหร่คนชวนก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน จากการชวนคนมาร่วมนั้นทันที

    ลงทุนก่อนลุกเร็วรอด ลงทุนแล้วลุกช้าจ่ายรอบวง

    ลูกโซ่..คือการเอาเงินของคนที่ 6 ที่ 5 มาจ่ายคนที่ 4 3 2 1 ที่ลงเล่นก่อน ดังนั้นถ้าหาเหยื่อคนที่ 7-8 ไม่ได้เกิน 45 วัน วงแตกทันที

    เพราะเจ้าของวงมันจะไม่มีเงินมาจ่ายคนที่ 6 ที่ 5 และคนที่ 4 3 2 1

    ดังนั้น The Icon มันถูกออกแบบมาให้ดูไม่เหมือนแชร์ลูกโซ่ เพราะทุกคนที่เจ๊งนั้นสาเหตุมาจากการขายสินค้า มันไม่มีใครเจ๊งเพราะชวนคนมาร่วมลงทุนไม่ได้..ถูกไหมครับ.?

    เมื่อมันไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ จึงทำให้แม่ทีมไม่มีใครขาดทุนในธุรกิจนี้ ถ้าเป็นแม่ทีมสาขากัมพูชาที่สร้างความเสียหายในกัมพูชาแล้วไม่ข้ามมาไทย..อาจรอด

    ส่วนแม่ทีมในไทยต่อให้กลายร่างเป็นเหยื่อ..ก็รอดยาก

    เพราะองค์ประกอบของความเป็นเหยื่อของแท้มันไม่ครบ แต่องค์ประกอบของความผิดมันชัดกว่า ยิ่งมีตำแหน่งระดับสูงในบริษัท ก็ยิ่งรอดยาก

    แล้วตำแหน่งในบริษัท The Icon มีกี่ตำแหน่ง.?

    ไม่คอนเฟิร์มนะ ว่ามีทั้งสิ้นกี่ตำแหน่ง แต่เท่าที่ตรวจสอบเจอตอนนี้มี 13 ตำแหน่ง เรียงลำดับดังนี้ต่อไปนี้

    Big Boss(พอล)
    Boss (สิบกว่าคน)
    Emperor
    Royal Crown
    Crown Dealer
    Wisdom Dealer
    Presidential Dealer
    Grand Dealer
    Platinum Dealer
    Gold Dealer
    Dealer
    Supplier
    Distributor

    ถ้าสมมตินะว่าตำรวจบอกว่าบริษัท The Icon เป็นแชร์ลูกโซ่ ก็จะมีทั้งหมายเรียก-หมายจับ

    ตำแหน่ Distributor -Supplier ยังพออ้อมแอ้มกลายร่างเป็นเหยื่อได้นะ แต่..ตั้งแต่ตำแหน่ง Gold ไปจนถึง Boss ..รอดยาก

    ที่อยากจะบอกก็คือ ถ้ามีแม่ทีมมาบอกให้ลงชื่อนู่นนี่นั่น ให้เอาสินค้ามานั่นโน่นนี่.#อย่าไปทำตาม มันกำลังจะช่วยตัวเองให้รอด

    พวกคุณต้องไปพบกับตำรวจเท่านั้น ถึงจะได้เงินคืน อย่าไม่ฉลาดซ้ำ 2 หลงไปเชื่อแม่ทีมอีกเชียว ตั้งสติแล้วหลับตาแล้วคิดดูดีๆว่า #ใครกันแน่ที่โกงคุณ .?

    แนะนำให้ไปทำตามที่เขียนบอกไว้ในโพสต์นี้
    👉 https://www.facebook.com/share/p/PYsqnn9AZamhNoUj/?mibextid=WC7FNe

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    Boss..ไม่รอด พอล ภัทร...เคยโกยเงินจาก Unicityไปเยอะมากๆ ไม่เชื่อก็ลองถามคนในวงการดูสิ่ ส่วนบอสมีน..ก็เคยขาย Unicity มาก่อน เพื่อนดาราในวงการโดนชวนไปกินข้าว แล้วก็ไปเจอพวกตัวระดับ Boss รออยู่ คอยพูดหว่านล้อม เพื่อนดาราด้วยกันก็เลยเสียความรู้สึกกันไปหลายคน แล้วมีนก็ย้ายมาทำ The I con เพราะมีนเค้ารู้ดีอยู่แล้วว่าขายตรงไม่ต่างกัน มีนมีตำแหน่ง Boss มันย่อมไม่ธรรมดา คนวงการนี้มันจะวนเป็นวงบีโดยใช้วิธีหากินด้วยวิธีคล้ายๆกัน The Icon ก็เหมือนวงแชร์ลูกโซ่ทั่วๆไปนั่นแหละ มีตำแหน่งนั่นโน่นนี่ มีแม่ข่ายลูกข่ายโน่นนี่นั่น ต่างกันแค่ The Icon ชวนคนมาร่วมลงทุน=ต้องมาซื้อสินค้าไปขาย ลูกโซ่..ไม่เน้นสินค้าเน้นชวนคนมาร่วมลงทุนได้มากคนเท่าไหร่คนชวนก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน จากการชวนคนมาร่วมนั้นทันที ลงทุนก่อนลุกเร็วรอด ลงทุนแล้วลุกช้าจ่ายรอบวง ลูกโซ่..คือการเอาเงินของคนที่ 6 ที่ 5 มาจ่ายคนที่ 4 3 2 1 ที่ลงเล่นก่อน ดังนั้นถ้าหาเหยื่อคนที่ 7-8 ไม่ได้เกิน 45 วัน วงแตกทันที เพราะเจ้าของวงมันจะไม่มีเงินมาจ่ายคนที่ 6 ที่ 5 และคนที่ 4 3 2 1 ดังนั้น The Icon มันถูกออกแบบมาให้ดูไม่เหมือนแชร์ลูกโซ่ เพราะทุกคนที่เจ๊งนั้นสาเหตุมาจากการขายสินค้า มันไม่มีใครเจ๊งเพราะชวนคนมาร่วมลงทุนไม่ได้..ถูกไหมครับ.? เมื่อมันไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ จึงทำให้แม่ทีมไม่มีใครขาดทุนในธุรกิจนี้ ถ้าเป็นแม่ทีมสาขากัมพูชาที่สร้างความเสียหายในกัมพูชาแล้วไม่ข้ามมาไทย..อาจรอด ส่วนแม่ทีมในไทยต่อให้กลายร่างเป็นเหยื่อ..ก็รอดยาก เพราะองค์ประกอบของความเป็นเหยื่อของแท้มันไม่ครบ แต่องค์ประกอบของความผิดมันชัดกว่า ยิ่งมีตำแหน่งระดับสูงในบริษัท ก็ยิ่งรอดยาก แล้วตำแหน่งในบริษัท The Icon มีกี่ตำแหน่ง.? ไม่คอนเฟิร์มนะ ว่ามีทั้งสิ้นกี่ตำแหน่ง แต่เท่าที่ตรวจสอบเจอตอนนี้มี 13 ตำแหน่ง เรียงลำดับดังนี้ต่อไปนี้ Big Boss(พอล) Boss (สิบกว่าคน) Emperor Royal Crown Crown Dealer Wisdom Dealer Presidential Dealer Grand Dealer Platinum Dealer Gold Dealer Dealer Supplier Distributor ถ้าสมมตินะว่าตำรวจบอกว่าบริษัท The Icon เป็นแชร์ลูกโซ่ ก็จะมีทั้งหมายเรียก-หมายจับ ตำแหน่ Distributor -Supplier ยังพออ้อมแอ้มกลายร่างเป็นเหยื่อได้นะ แต่..ตั้งแต่ตำแหน่ง Gold ไปจนถึง Boss ..รอดยาก ที่อยากจะบอกก็คือ ถ้ามีแม่ทีมมาบอกให้ลงชื่อนู่นนี่นั่น ให้เอาสินค้ามานั่นโน่นนี่.#อย่าไปทำตาม มันกำลังจะช่วยตัวเองให้รอด พวกคุณต้องไปพบกับตำรวจเท่านั้น ถึงจะได้เงินคืน อย่าไม่ฉลาดซ้ำ 2 หลงไปเชื่อแม่ทีมอีกเชียว ตั้งสติแล้วหลับตาแล้วคิดดูดีๆว่า #ใครกันแน่ที่โกงคุณ .? แนะนำให้ไปทำตามที่เขียนบอกไว้ในโพสต์นี้ 👉 https://www.facebook.com/share/p/PYsqnn9AZamhNoUj/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้งเพื่อทราบ..

    ผู้เสียหายในคดี The Icon สามารถไปขอรับบัตรคิวเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษได้ที่ ปคบ
    พิกัดที่ตั้ง
    👉 https://maps.app.goo.gl/aYyVLXoQgUxPBjwm9?g_st=ic

    เดินขึ้นไปชั้น 2 จะมีพี่ตำรวจใจดี พูดจาโคตรสุภาพคอยแนะนำคุณอยู่ที่นั่น สิ่งที่ต้องเตรียมไป (ดูภาพ)

    ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัดแจ้งความที่โรงพักใกล้บ้านท่านได้เลยเดี๋ยว พงส.จะส่งสำนวนมาที่ส่วนกลางเอง

    คนที่อยูืต่างประเทศ ที่ไม่สะดวกเดินทาง ให้รอแจ้งความออนไลน์ หรือโทรสอบถามที่สายด่วน 1599 ก็ได้

    ไปกดติดตามเพจสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาไว้เพื่อรอประกาศความคืบหน้าของคดีอย่างเป็นทางการ
    👉 https://www.facebook.com/share/p/JxB51BQytKH3QCY7/

    สินค้าที่ทำบุญไปแล้ว เอาไปแจกงานศพหมดแล้ว และที่หมดอายุแล้ว หรือทิ้งไปแล้ว..ไม่เป็นไร นำเอกสารไปให้ครบ(ตามระบุในภาพ)
    -------

    บางคนอยู่ระดับ Pattinum แล้วพึ่งหยุดไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาหมาดๆ แค่ลบภาพออกจากเฟซบุ๊กแล้วบอกว่า..หนูเลิกทำนานแล้วค่ะ ได้อ่อวะ 🤣

    ส่วนอดีตแม่ทีมอีกคนก็มีตำแหน่ง Wisdom เพราะมีสามีเป็นอัยการที่รู้เห็นเป็นใจกับเมียด้วย คนเลยเชื่อถือว่ามันต้องไม่โกงแน่ๆ

    นางจึงมีลูกทีมเพียบ เลยทำยอดทะลุเป้าจนได้รถเบนซ์ประจำตำแหน่งไปขับแต่มีปัญหาเรื่องบิดเงินลูกทีมไปหมุน

    ถูกลูกทีมโวยวาย บอสพอลกับบอสสวยจึงเรียกเข้าออฟฟิศ เลยไม่ได้ทำต่อและยึดรถประจำตำแหน่งคืน ย้ำว่า 2 บอสไม่ให้ทำต่อ ไม่ใช่เลิกเอง

    ล่าสุดทั้ง 2 คนที่กล่าวมานั้น เดินออกทีวีช่องหนึ่งไปรับบทเหยื่อ เราจึงพบคนฟอกขาวแล้ว 2 อัตรา ซึ่งคนประเภทนี้จะมีทุกเคสจริงๆ

    คาดว่าอีกไม่เกิน 7 วันน้ำจะท่วมมิดหลังคาบริษัท The Icon ถึงเวลาที่เรือโนอาร์ของบอสพอลจะได้ใช้งานแล้วสิ่นะ ถถถ

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    แจ้งเพื่อทราบ.. ผู้เสียหายในคดี The Icon สามารถไปขอรับบัตรคิวเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษได้ที่ ปคบ พิกัดที่ตั้ง 👉 https://maps.app.goo.gl/aYyVLXoQgUxPBjwm9?g_st=ic เดินขึ้นไปชั้น 2 จะมีพี่ตำรวจใจดี พูดจาโคตรสุภาพคอยแนะนำคุณอยู่ที่นั่น สิ่งที่ต้องเตรียมไป (ดูภาพ) ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัดแจ้งความที่โรงพักใกล้บ้านท่านได้เลยเดี๋ยว พงส.จะส่งสำนวนมาที่ส่วนกลางเอง คนที่อยูืต่างประเทศ ที่ไม่สะดวกเดินทาง ให้รอแจ้งความออนไลน์ หรือโทรสอบถามที่สายด่วน 1599 ก็ได้ ไปกดติดตามเพจสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาไว้เพื่อรอประกาศความคืบหน้าของคดีอย่างเป็นทางการ 👉 https://www.facebook.com/share/p/JxB51BQytKH3QCY7/ สินค้าที่ทำบุญไปแล้ว เอาไปแจกงานศพหมดแล้ว และที่หมดอายุแล้ว หรือทิ้งไปแล้ว..ไม่เป็นไร นำเอกสารไปให้ครบ(ตามระบุในภาพ) ------- บางคนอยู่ระดับ Pattinum แล้วพึ่งหยุดไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาหมาดๆ แค่ลบภาพออกจากเฟซบุ๊กแล้วบอกว่า..หนูเลิกทำนานแล้วค่ะ ได้อ่อวะ 🤣 ส่วนอดีตแม่ทีมอีกคนก็มีตำแหน่ง Wisdom เพราะมีสามีเป็นอัยการที่รู้เห็นเป็นใจกับเมียด้วย คนเลยเชื่อถือว่ามันต้องไม่โกงแน่ๆ นางจึงมีลูกทีมเพียบ เลยทำยอดทะลุเป้าจนได้รถเบนซ์ประจำตำแหน่งไปขับแต่มีปัญหาเรื่องบิดเงินลูกทีมไปหมุน ถูกลูกทีมโวยวาย บอสพอลกับบอสสวยจึงเรียกเข้าออฟฟิศ เลยไม่ได้ทำต่อและยึดรถประจำตำแหน่งคืน ย้ำว่า 2 บอสไม่ให้ทำต่อ ไม่ใช่เลิกเอง ล่าสุดทั้ง 2 คนที่กล่าวมานั้น เดินออกทีวีช่องหนึ่งไปรับบทเหยื่อ เราจึงพบคนฟอกขาวแล้ว 2 อัตรา ซึ่งคนประเภทนี้จะมีทุกเคสจริงๆ คาดว่าอีกไม่เกิน 7 วันน้ำจะท่วมมิดหลังคาบริษัท The Icon ถึงเวลาที่เรือโนอาร์ของบอสพอลจะได้ใช้งานแล้วสิ่นะ ถถถ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    MAPS.APP.GOO.GL
    กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) · 5.0★(1) · สถานที่ราชการ
    ชั้น 12 อาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 1106 ถ. พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจ “กันจอมพลัง ช่วยสู้” เผยเรื่องราวของหนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นป้าพิการ ถูกแม่ทีมบริษัทออนไลน์ที่กำลังตกเป็นข่าว บังคับให้เป็นตัวแทน แถมถ่ายรูปไปแอบอ้างสร้างแรงบรรดาลใจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097786

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เพจ “กันจอมพลัง ช่วยสู้” เผยเรื่องราวของหนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นป้าพิการ ถูกแม่ทีมบริษัทออนไลน์ที่กำลังตกเป็นข่าว บังคับให้เป็นตัวแทน แถมถ่ายรูปไปแอบอ้างสร้างแรงบรรดาลใจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097786 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    Angry
    16
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2076 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า

    การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“

    หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

    ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    ep.1
    👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“ หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ ep.1 👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดิไอคอน
    กับความลับอันดำมืดที่อยู่กับคนไทยมายาวนาน
    ด้วยพรีเซ็นเตอร์ระดับแนวหน้า นักแสดงดารานักร้องกับทุกวงการ
    การทำงานแบบดาวกระจาย สร้างความหวังให้กับคนที่ไม่มีทางออก
    อยากได้โอกาสใหม่ๆ แต่ก็ไม่พ้นบ่วงแห่งระบบเครือข่าย
    ที่เหมือนขูดโลหิตจากตัวปู ที่ไม่มีที่จะให้
    ด้วยการโปรว่า มีคอซสอนทำตาหลาดออไนลน์
    ทำให้มีคนหลงตามเข้าไป แต่ถูกปิดท้ายด้วยการชวนเข้าเครือข่าย
    พวกนี้ ทำกันเป็นจริงเป็นจังมาก แต่ ของไม่แท้ก็คือของไม่แท้
    งบดุลจากกำไรปีละพันกว่าล้าน จากยอดขายสี่พันกว่าล้าน
    ปัจจุบันเหลือเพียงหลักหน่วยล้านเท่านั้น
    คนที่ไม่มีจะกินอยู่แล้ว ที่หลงเข้าสู่วงการ
    ถูกชวนเข้ามาดูความสำเร็จจัดงานอลังการ แต่ต้องมีตั๋วเข้า
    ใช้เบี้ยงหลักหมื่น เอาง่ายๆ แค่ค่าจัดก็กำำไรแล้ว
    แล้วก็ทำเสมือนลัทติ๊ พูดเหมือนๆกัน เป็นเหมือนการซะกดจิต
    ไม่มีตังค์ลงทุน ก็ต้องไปหยิบยืม หรือต้องไปกู๊หนี้ยืมสินมา
    ด้วยองค์ประกอบแห่งแสงสีเสียง และมีตัวแม่ทีมที่พูดเก่งมาก
    พูดซ้ำๆ เป็นกลุ่มย่อย โดยใช้การประชุมกลุ่ม
    เวลาโปรว่ามีคอสสอนออนไลน์ ก็จะ 99 บ อะไรแบบนี้
    และในกลุ่ม ก็จะมีหน้าม๊าคอยนำทางให้สมาชิกใหม่
    รู้ว่าต้องพูดอะไร ทำอะไร
    เรื่องนี้ แฟนคลับพี่หนุ่ม ได้ส่งกำลังใจ
    พร้อมข้อมูลแบบนัวๆ เพื่อให้เครือข่ายนี้ได้รับการเปิดหน้า
    ซึ่งที่ผ่านมา พิธีกรชื่อดังอีกคน ชื่อย่อ ก. ก็ออกหน้าเต็มตัว
    และเป็นไอค่อนของความสำเร็จ โดยคนที่ไม่สำเร็จ
    ด้วยขาดพื้นฐานด้านคอนเนคชั่น ตามไอค่อน และไอดอล
    ก็เป็นอันเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปตามๆกัน ถ้าพี่หนุ่ม เดินเครื่องเรื่องนี้
    ก็ต้องยอมรับว่า มีผลกระทบ กับพิธีกรชื่อ ก. อย่างแน่นอน
    คงต้องตามเรื่องนี้กันอีกยาวๆ ระหว่าง บรรดาแม่ทีม หน้าม๊า
    กับผู้ที่เดือดรอ้น ใครจะมีประมาณและพละกำลังที่มากกว่ากัน
    พี่คิงส์โพธิ์ดำรู้อย่างเดียวว่า เวลานี พิธีกรชื่อดัง ชื่อย่อ ก.
    ก็กำลังหนาวๆร้อนๆเช่นกัน
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    #ดิไอคอน กับความลับอันดำมืดที่อยู่กับคนไทยมายาวนาน ด้วยพรีเซ็นเตอร์ระดับแนวหน้า นักแสดงดารานักร้องกับทุกวงการ การทำงานแบบดาวกระจาย สร้างความหวังให้กับคนที่ไม่มีทางออก อยากได้โอกาสใหม่ๆ แต่ก็ไม่พ้นบ่วงแห่งระบบเครือข่าย ที่เหมือนขูดโลหิตจากตัวปู ที่ไม่มีที่จะให้ ด้วยการโปรว่า มีคอซสอนทำตาหลาดออไนลน์ ทำให้มีคนหลงตามเข้าไป แต่ถูกปิดท้ายด้วยการชวนเข้าเครือข่าย พวกนี้ ทำกันเป็นจริงเป็นจังมาก แต่ ของไม่แท้ก็คือของไม่แท้ งบดุลจากกำไรปีละพันกว่าล้าน จากยอดขายสี่พันกว่าล้าน ปัจจุบันเหลือเพียงหลักหน่วยล้านเท่านั้น คนที่ไม่มีจะกินอยู่แล้ว ที่หลงเข้าสู่วงการ ถูกชวนเข้ามาดูความสำเร็จจัดงานอลังการ แต่ต้องมีตั๋วเข้า ใช้เบี้ยงหลักหมื่น เอาง่ายๆ แค่ค่าจัดก็กำำไรแล้ว แล้วก็ทำเสมือนลัทติ๊ พูดเหมือนๆกัน เป็นเหมือนการซะกดจิต ไม่มีตังค์ลงทุน ก็ต้องไปหยิบยืม หรือต้องไปกู๊หนี้ยืมสินมา ด้วยองค์ประกอบแห่งแสงสีเสียง และมีตัวแม่ทีมที่พูดเก่งมาก พูดซ้ำๆ เป็นกลุ่มย่อย โดยใช้การประชุมกลุ่ม เวลาโปรว่ามีคอสสอนออนไลน์ ก็จะ 99 บ อะไรแบบนี้ และในกลุ่ม ก็จะมีหน้าม๊าคอยนำทางให้สมาชิกใหม่ รู้ว่าต้องพูดอะไร ทำอะไร เรื่องนี้ แฟนคลับพี่หนุ่ม ได้ส่งกำลังใจ พร้อมข้อมูลแบบนัวๆ เพื่อให้เครือข่ายนี้ได้รับการเปิดหน้า ซึ่งที่ผ่านมา พิธีกรชื่อดังอีกคน ชื่อย่อ ก. ก็ออกหน้าเต็มตัว และเป็นไอค่อนของความสำเร็จ โดยคนที่ไม่สำเร็จ ด้วยขาดพื้นฐานด้านคอนเนคชั่น ตามไอค่อน และไอดอล ก็เป็นอันเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปตามๆกัน ถ้าพี่หนุ่ม เดินเครื่องเรื่องนี้ ก็ต้องยอมรับว่า มีผลกระทบ กับพิธีกรชื่อ ก. อย่างแน่นอน คงต้องตามเรื่องนี้กันอีกยาวๆ ระหว่าง บรรดาแม่ทีม หน้าม๊า กับผู้ที่เดือดรอ้น ใครจะมีประมาณและพละกำลังที่มากกว่ากัน พี่คิงส์โพธิ์ดำรู้อย่างเดียวว่า เวลานี พิธีกรชื่อดัง ชื่อย่อ ก. ก็กำลังหนาวๆร้อนๆเช่นกัน #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ
    ...............
    ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”

    หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    .
    Cr : FB เหยื่อ V.2
    FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ ............... ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน” หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน . Cr : FB เหยื่อ V.2
    Like
    12
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 859 มุมมอง 1 รีวิว
  • #ตามหาแม่ทีม แบบยกมาทั้งทีม
    โรงงานผลิตสมุนไพร ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ
    พร้อมเติบโตไปด้วยกัน เราลงทุนคุณลงแรง
    ทำการตลาดสินค้าอาหารเสริม
    โรงงานผลิตมาเอง ไม่ต้องเกรงใจใคร
    กำไรขายปลีก 400฿/กล่อง ค่าคอมฯตามแผนสูงถึง 5 เท่าของพีวี.
    ทำที่อื่นได้น้อย ไม่ค่อยได้เงิน ต้องมาเลย
    มีโรงงานเป็นของตัวเอง มีสำนักงานใหญ่ให้ใช้ฟรีๆ
    รีบมาด่วน กระแสน้ำไม่คอยท่า เวลาไม่คอยใคร

    สนใจแอดไลน์ :@kingherb พิมพ์”แม่ทีม”

    #แม่ทีม #mlm
    #ตามหาแม่ทีม แบบยกมาทั้งทีม โรงงานผลิตสมุนไพร ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ พร้อมเติบโตไปด้วยกัน เราลงทุนคุณลงแรง ทำการตลาดสินค้าอาหารเสริม โรงงานผลิตมาเอง ไม่ต้องเกรงใจใคร กำไรขายปลีก 400฿/กล่อง ค่าคอมฯตามแผนสูงถึง 5 เท่าของพีวี. ทำที่อื่นได้น้อย ไม่ค่อยได้เงิน ต้องมาเลย มีโรงงานเป็นของตัวเอง มีสำนักงานใหญ่ให้ใช้ฟรีๆ รีบมาด่วน กระแสน้ำไม่คอยท่า เวลาไม่คอยใคร สนใจแอดไลน์ :@kingherb พิมพ์”แม่ทีม” #แม่ทีม #mlm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 47 0 รีวิว
  • #เห็นทุกอย่างอธิบายทุกอย่าง
    แน๊กแมนๆ เชิญคนที่ใกล้ชิดเข้าไป
    เปิดให้ถามทุกประเด็น ตอบได้ชัดพร้อมข้อมูลอ้างอิง
    จนทุกคนเข้าใจ ยกเว้นอิป้าโจ
    กลับมาพิมพ์เวิ่นต่อ เพราะศักดิ์ศรีพิธีกรเก่า
    ที่ลืมว่าตกยุคไปแล้ว หรือเพราะเป็นแม่ทีม
    กามินเน็ตเวิรค์ที่มีสมาชิกยอมเปย์เพื่อใกล้ชิดอิเหวิง
    สร้างสตอรี่ลาเวนเดอร์ ให้ทีมทุยไทยเคลิ้มตาม
    ขึ้นหลังห-ม-า แล้วลงไม่ได้ไม่แน่ใจ
    พี่คิงส์ มีคลิปที่จะมาปล่อยให้แฟนเพจ
    ที่ติดตามได้ฟังก่อนใคร รับรอง
    มีเหวอ มีสว่างวาบ มีอุ๊ย
    รอนะ กดติดตามไว้จะได้ไม่พลาด
    เมื่ออิเหวิงกามิจ กับอิป้าโจไม่จบ
    คิงส์ฯก็ไม่จบ รุมเพจกรูปลิว
    แล้วคิดเหรอว่าจะหยุดกรรรูได้
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เห็นทุกอย่างอธิบายทุกอย่าง แน๊กแมนๆ เชิญคนที่ใกล้ชิดเข้าไป เปิดให้ถามทุกประเด็น ตอบได้ชัดพร้อมข้อมูลอ้างอิง จนทุกคนเข้าใจ ยกเว้นอิป้าโจ กลับมาพิมพ์เวิ่นต่อ เพราะศักดิ์ศรีพิธีกรเก่า ที่ลืมว่าตกยุคไปแล้ว หรือเพราะเป็นแม่ทีม กามินเน็ตเวิรค์ที่มีสมาชิกยอมเปย์เพื่อใกล้ชิดอิเหวิง สร้างสตอรี่ลาเวนเดอร์ ให้ทีมทุยไทยเคลิ้มตาม ขึ้นหลังห-ม-า แล้วลงไม่ได้ไม่แน่ใจ พี่คิงส์ มีคลิปที่จะมาปล่อยให้แฟนเพจ ที่ติดตามได้ฟังก่อนใคร รับรอง มีเหวอ มีสว่างวาบ มีอุ๊ย รอนะ กดติดตามไว้จะได้ไม่พลาด เมื่ออิเหวิงกามิจ กับอิป้าโจไม่จบ คิงส์ฯก็ไม่จบ รุมเพจกรูปลิว แล้วคิดเหรอว่าจะหยุดกรรรูได้ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1783 มุมมอง 0 รีวิว