• อีกหนึ่งความสูญเสียของประเทศชาติ ญาติและชาวบ้านใน จ.กาฬสินธุ์ เตรียมรับศพ “หมู่ตี๋” สิบเอกอภิสิทธิ์ บุนนาค อายุ 33 ปี นายสิบพยาบาลทหารเสนารักษ์ สังกัด พัน.ร.11 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกลางสมรภูมิภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากการโจมตีด้วยจรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชา
    .
    บรรยากาศที่บ้านพักเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ญาติ เพื่อนบ้าน และหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่รอรับศพ ท่ามกลางความอาลัยของภรรยาและลูกทั้งสองคน แม้หัวใจจะเจ็บปวดจากการสูญเสีย แต่ครอบครัวยืนยันความภาคภูมิใจในความเสียสละของ “หมู่ตี๋” ที่ทำหน้าที่ทหารหมอช่วยชีวิตเพื่อนทหารจนวินาทีสุดท้าย
    .
    ภรรยาเผยว่า สามีไม่ได้ถืออาวุธต่อสู้ แต่ทำหน้าที่เสนารักษ์ช่วยผู้บาดเจ็บตามอุดมการณ์ความเป็นทหารอย่างเต็มกำลัง ก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ถือเป็นการสูญเสียทหารกล้ารายที่ 16 จากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา
    .
    ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอสดุดีในความกล้าหาญ เสียสละ เพื่อชาติบ้านเมืองของทหารกล้าผู้ล่วงลับ
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120542
    .
    #News1live #News1 #ขอแสดงความเสียใจ #ทหารกล้า #เสนารักษ์ #ภูมะเขือ #ชายแดนไทยกัมพูชา #วีรบุรุษของชาติ
    อีกหนึ่งความสูญเสียของประเทศชาติ ญาติและชาวบ้านใน จ.กาฬสินธุ์ เตรียมรับศพ “หมู่ตี๋” สิบเอกอภิสิทธิ์ บุนนาค อายุ 33 ปี นายสิบพยาบาลทหารเสนารักษ์ สังกัด พัน.ร.11 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกลางสมรภูมิภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากการโจมตีด้วยจรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชา . บรรยากาศที่บ้านพักเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ญาติ เพื่อนบ้าน และหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่รอรับศพ ท่ามกลางความอาลัยของภรรยาและลูกทั้งสองคน แม้หัวใจจะเจ็บปวดจากการสูญเสีย แต่ครอบครัวยืนยันความภาคภูมิใจในความเสียสละของ “หมู่ตี๋” ที่ทำหน้าที่ทหารหมอช่วยชีวิตเพื่อนทหารจนวินาทีสุดท้าย . ภรรยาเผยว่า สามีไม่ได้ถืออาวุธต่อสู้ แต่ทำหน้าที่เสนารักษ์ช่วยผู้บาดเจ็บตามอุดมการณ์ความเป็นทหารอย่างเต็มกำลัง ก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ถือเป็นการสูญเสียทหารกล้ารายที่ 16 จากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา . ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอสดุดีในความกล้าหาญ เสียสละ เพื่อชาติบ้านเมืองของทหารกล้าผู้ล่วงลับ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120542 . #News1live #News1 #ขอแสดงความเสียใจ #ทหารกล้า #เสนารักษ์ #ภูมะเขือ #ชายแดนไทยกัมพูชา #วีรบุรุษของชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ชาญชัย-นพ.วรงค์-สมชาย’ ประสานเสียง ขอบคุณศาลที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อ
    https://www.thai-tai.tv/news/21387/
    .
    #ไทยไท #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #นพวรงค์เดชกิจวิกรม #สมชายแสวงการ #ทักษิณชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘ชาญชัย-นพ.วรงค์-สมชาย’ ประสานเสียง ขอบคุณศาลที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อ https://www.thai-tai.tv/news/21387/ . #ไทยไท #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #นพวรงค์เดชกิจวิกรม #สมชายแสวงการ #ทักษิณชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณยอมแพ้หนึ่งตา เพื่อตีฝ่าทั้งกระดาน

    ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริต 3 คดี เป็นเวลา 1 ปีตามพระบรมราชโองการ หลังพบว่าการบังคับโทษเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย้ายนายทักษิณออกจากเรือนจำไปยังห้องพักพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ อีกทั้งนายทักษิณปฎิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่เลือกผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำให้กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักโทษไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่สามารถนำระยะเวลาพักรักษาตัว 180 วันมาหักเป็นวันคุมขังได้

    ด้านทีมงานนายทักษิณ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า แม้ทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร แต่วันนี้ขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า วิเคราะห์ว่านายทักษิณไม่มีทางหนีกระแสสังคม เพราะกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณนอนห้องพิเศษถูกตีแผ่ สั่นสะเทือนทุกวงการ และแพทยสภาตัดสินให้แพทย์ 3 คนมีความผิด ภาวะผู้นำลูกผู้ชายไม่อาจใช้กับนายทักษิณได้ เพราะถ้าสำนึกผิดจริง 2 ปีที่แล้วต้องยอมติดคุก ใช้ชีวิตเหมือนนักโทษทั่วไป จึงจะได้ใจจากสังคมกลับมา

    อย่างไรก็ตาม นายทักษิณและบริวารยังคงไม่วางมือทางการเมือง ก่อนหน้านี้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ก่อนกลับประเทศไทยเมื่อบ่ายวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งพบว่ามีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณกลับมาด้วย ว่ากันว่าอาจจะผลักดัน นายยศนันท์ วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายนายสมชายและนางเยาวภา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่นายทักษิณฝากดูแล สั่งจัดทัพผู้สมัคร สส. 400 เขต ภายในกลางเดือน ต.ค. พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ส่วน สส. งูเห่า 9 เสียงจะให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาลงโทษ

    นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่แสดงความรับผิดชอบเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา ยอมรับว่านายทักษิณคิดถูกที่กลับมารับโทษ แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียว เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้แค่นั้น แต่ความเสียหายเป็นหมื่นล้านถึงแสนล้านบาท

    #Newskit
    ทักษิณยอมแพ้หนึ่งตา เพื่อตีฝ่าทั้งกระดาน ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริต 3 คดี เป็นเวลา 1 ปีตามพระบรมราชโองการ หลังพบว่าการบังคับโทษเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย้ายนายทักษิณออกจากเรือนจำไปยังห้องพักพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ อีกทั้งนายทักษิณปฎิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่เลือกผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำให้กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักโทษไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่สามารถนำระยะเวลาพักรักษาตัว 180 วันมาหักเป็นวันคุมขังได้ ด้านทีมงานนายทักษิณ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า แม้ทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร แต่วันนี้ขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า วิเคราะห์ว่านายทักษิณไม่มีทางหนีกระแสสังคม เพราะกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณนอนห้องพิเศษถูกตีแผ่ สั่นสะเทือนทุกวงการ และแพทยสภาตัดสินให้แพทย์ 3 คนมีความผิด ภาวะผู้นำลูกผู้ชายไม่อาจใช้กับนายทักษิณได้ เพราะถ้าสำนึกผิดจริง 2 ปีที่แล้วต้องยอมติดคุก ใช้ชีวิตเหมือนนักโทษทั่วไป จึงจะได้ใจจากสังคมกลับมา อย่างไรก็ตาม นายทักษิณและบริวารยังคงไม่วางมือทางการเมือง ก่อนหน้านี้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ก่อนกลับประเทศไทยเมื่อบ่ายวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งพบว่ามีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณกลับมาด้วย ว่ากันว่าอาจจะผลักดัน นายยศนันท์ วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายนายสมชายและนางเยาวภา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่นายทักษิณฝากดูแล สั่งจัดทัพผู้สมัคร สส. 400 เขต ภายในกลางเดือน ต.ค. พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ส่วน สส. งูเห่า 9 เสียงจะให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาลงโทษ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่แสดงความรับผิดชอบเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา ยอมรับว่านายทักษิณคิดถูกที่กลับมารับโทษ แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียว เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้แค่นั้น แต่ความเสียหายเป็นหมื่นล้านถึงแสนล้านบาท #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1059 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.ปชป. ชี้ศาลชำแหละราชทัณฑ์ กระบวนการส่งตัวทักษิณไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ ป.ป.ช.รับไม้ต่อ ขอบคุณเจ้าตัวยอมมาฟังคำพิพากษา แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียวทั้งที่ความเสียหายเป็นแสนล้าน ด้านกลุ่ม คปท.นัดพฤหัสฯ นี้ จี้ ป.ป.ช.เดินหน้าเอาผิดข้าราชการที่ช่วยเหลือด้วย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086266

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.ปชป. ชี้ศาลชำแหละราชทัณฑ์ กระบวนการส่งตัวทักษิณไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ ป.ป.ช.รับไม้ต่อ ขอบคุณเจ้าตัวยอมมาฟังคำพิพากษา แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียวทั้งที่ความเสียหายเป็นแสนล้าน ด้านกลุ่ม คปท.นัดพฤหัสฯ นี้ จี้ ป.ป.ช.เดินหน้าเอาผิดข้าราชการที่ช่วยเหลือด้วย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086266 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1094 มุมมอง 0 รีวิว
  • คืนวันเดียวดายกลางศึก
    จะไปไหนก็ไม่ได้เพราะต้อง พัดกันเฝ้า

    ได้ยินเสียงแม้เพียงใบไม้หล่น ตื่นตระหนก อยู่ครบไหม

    แต่งเรื่อง นั้นอุ่นใจ อย่างน้อยก็เห็นดีกว่าคืนสงัด

    เดววันใหม่จบ ก็วนวูปเอย 555+ อยู่ในครอบครอง เพี้ยนแล้ว
    เสนารักษ์ มีหมอจิตไหมอ่ะ
    คืนวันเดียวดายกลางศึก จะไปไหนก็ไม่ได้เพราะต้อง พัดกันเฝ้า ได้ยินเสียงแม้เพียงใบไม้หล่น ตื่นตระหนก อยู่ครบไหม แต่งเรื่อง นั้นอุ่นใจ อย่างน้อยก็เห็นดีกว่าคืนสงัด เดววันใหม่จบ ก็วนวูปเอย 555+ อยู่ในครอบครอง เพี้ยนแล้ว เสนารักษ์ มีหมอจิตไหมอ่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • "3 แกนนำ" ฟันธงคดี "ทักษิณ" จบเห่! ซัดหลักฐานแพทยสภา-ใบเสร็จห้องพัก "ตอกฝาโลง" ปมรักษาชั้น 14
    https://www.thai-tai.tv/news/20545/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #คดีทักษิณ #แพทยสภา #ศาลฎีกา #นายแพทย์วรงค์ #นายแพทย์ตุลย์ #สมชายแสวงการ #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ราชทัณฑ์
    "3 แกนนำ" ฟันธงคดี "ทักษิณ" จบเห่! ซัดหลักฐานแพทยสภา-ใบเสร็จห้องพัก "ตอกฝาโลง" ปมรักษาชั้น 14 https://www.thai-tai.tv/news/20545/ . #ทักษิณชินวัตร #คดีทักษิณ #แพทยสภา #ศาลฎีกา #นายแพทย์วรงค์ #นายแพทย์ตุลย์ #สมชายแสวงการ #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ราชทัณฑ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ชาญชัย" แฉใบเสร็จ "ทักษิณ" นอน รพ.ตำรวจ ท้าตรวจสอบ! ลั่นเตรียมยื่นศาล 25 ก.ค.นี้ มัด "ทักษิณ" บงการไม่รับโทษจริง
    https://www.thai-tai.tv/news/20378/
    .
    #ทักษิณ #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #รพตำรวจ #ใบเสร็จทิพย์ #การเมืองไทย #คดีทักษิณ #บังคับโทษ #ยุติธรรม #สมชายแสวงการ
    "ชาญชัย" แฉใบเสร็จ "ทักษิณ" นอน รพ.ตำรวจ ท้าตรวจสอบ! ลั่นเตรียมยื่นศาล 25 ก.ค.นี้ มัด "ทักษิณ" บงการไม่รับโทษจริง https://www.thai-tai.tv/news/20378/ . #ทักษิณ #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #รพตำรวจ #ใบเสร็จทิพย์ #การเมืองไทย #คดีทักษิณ #บังคับโทษ #ยุติธรรม #สมชายแสวงการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ชาญชัย-หมอวรงค์-สมชาย" แฉกลางศาล! พบ "พิรุธ" เพียบ ปม "ทักษิณ" นอน รพ.ตำรวจ จ่อเปิดหลักฐานเด็ดสัปดาห์หน้า!
    https://www.thai-tai.tv/news/20305/
    .
    #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #โรงพยาบาลตำรวจ #กรมราชทัณฑ์ #คดีทักษิณ #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #หมอวรงค์ #สมชายแสวงการ
    "ชาญชัย-หมอวรงค์-สมชาย" แฉกลางศาล! พบ "พิรุธ" เพียบ ปม "ทักษิณ" นอน รพ.ตำรวจ จ่อเปิดหลักฐานเด็ดสัปดาห์หน้า! https://www.thai-tai.tv/news/20305/ . #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #โรงพยาบาลตำรวจ #กรมราชทัณฑ์ #คดีทักษิณ #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #หมอวรงค์ #สมชายแสวงการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 553 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลสงสัยแน่นหน้าอก ทำไมไม่ไปรพ.ราชทัณฑ์ : [THE MESSAGE]

    นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี และ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนคดีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยนายชาญชัย เผย ศาลห้ามไม่ให้นำการเบิกความและการไต่สวน เผยแพร่ในลักษณะคำต่อคำ เพราะอาจมีการให้ความเห็น ทำให้เกิดความสับสนในสังคม ด้านนายแพทย์วรงค์ ตั้งข้อสังเกตระยะเวลาส่งตัวไป รพ.ตำรวจ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ทั้งที่มีอาการแน่นหน้าอก ทำไมไม่ส่งไป รพ.ราชทัณฑ์ก่อนเพราะอยู่ใกล้ และแม้แต่แพทย์เวรก็ไม่รู้เรื่องอะไร พยาบาลประสานงายทั้งหมด ขณะที่นายแพทย์ตุลย์ เผย หากตรวจแล้วไม่ฉุกเฉินสามารถรักษาผู้ป่วยนอกได้และส่งกลับเรือนจำ หากฉุกเฉินมีอาการหนักการอยู่ชั้น 14 ก็ไม่เหมาะสม

    https://www.youtube.com/watch?v=lEzwxDl4W40
    ศาลสงสัยแน่นหน้าอก ทำไมไม่ไปรพ.ราชทัณฑ์ : [THE MESSAGE] นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี และ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนคดีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยนายชาญชัย เผย ศาลห้ามไม่ให้นำการเบิกความและการไต่สวน เผยแพร่ในลักษณะคำต่อคำ เพราะอาจมีการให้ความเห็น ทำให้เกิดความสับสนในสังคม ด้านนายแพทย์วรงค์ ตั้งข้อสังเกตระยะเวลาส่งตัวไป รพ.ตำรวจ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ทั้งที่มีอาการแน่นหน้าอก ทำไมไม่ส่งไป รพ.ราชทัณฑ์ก่อนเพราะอยู่ใกล้ และแม้แต่แพทย์เวรก็ไม่รู้เรื่องอะไร พยาบาลประสานงายทั้งหมด ขณะที่นายแพทย์ตุลย์ เผย หากตรวจแล้วไม่ฉุกเฉินสามารถรักษาผู้ป่วยนอกได้และส่งกลับเรือนจำ หากฉุกเฉินมีอาการหนักการอยู่ชั้น 14 ก็ไม่เหมาะสม https://www.youtube.com/watch?v=lEzwxDl4W40
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1066 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ชาญชัย” ร่วมฟังไต่สวนคดีพักโทษ “ทักษิณ” ย้ำปมใบเสร็จ–เวชทะเบียนต้องชัด ชี้ศาลมีอำนาจเต็มเรียกเอกสาร
    https://www.thai-tai.tv/news/20015/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คดีป่วยทิพย์ #เวชระเบียน #อดีตนายกฯ #การเมืองไทย #ความโปร่งใส
    “ชาญชัย” ร่วมฟังไต่สวนคดีพักโทษ “ทักษิณ” ย้ำปมใบเสร็จ–เวชทะเบียนต้องชัด ชี้ศาลมีอำนาจเต็มเรียกเอกสาร https://www.thai-tai.tv/news/20015/ . #ทักษิณชินวัตร #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คดีป่วยทิพย์ #เวชระเบียน #อดีตนายกฯ #การเมืองไทย #ความโปร่งใส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการบังคับโทษตามกฎหมายหรือไม่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เข้ารับฟังการไต่สวนของศาล ย้ำ คดีนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง โดยศาลจะพิจารณาว่า มีการจำคุกจริงตามคำพิพากษาหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากหลักฐาน เช่น เวชระเบียน ใบเสร็จ หรือหลักฐานการรักษาพยาบาล เพื่อยืนยันความชอบด้วยกฎหมายของการส่งผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ส่วนมติแพทยสภาซึ่งลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ทุกองค์ประกอบสามารถเกี่ยวโยงได้ แต่สุดท้ายศาลจะวินิจฉัยจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงว่าการบังคับโทษที่ให้จำคุกหนึ่งปี มีการปฏิบัติจริงหรือไม่
    นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการบังคับโทษตามกฎหมายหรือไม่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เข้ารับฟังการไต่สวนของศาล ย้ำ คดีนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง โดยศาลจะพิจารณาว่า มีการจำคุกจริงตามคำพิพากษาหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากหลักฐาน เช่น เวชระเบียน ใบเสร็จ หรือหลักฐานการรักษาพยาบาล เพื่อยืนยันความชอบด้วยกฎหมายของการส่งผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ส่วนมติแพทยสภาซึ่งลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ทุกองค์ประกอบสามารถเกี่ยวโยงได้ แต่สุดท้ายศาลจะวินิจฉัยจากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงว่าการบังคับโทษที่ให้จำคุกหนึ่งปี มีการปฏิบัติจริงหรือไม่
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1052 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • "ชาญชัย- เสรีพิสุทธิ์"มอบเอกสาร คดีไต่สวนชั้น 14 ปม"ทักษิณ"พักรักษาตัว ให้ศาลฎีกาประกอบพิจารณา ด้านเสรีพิศุทธ์ เชื่อ 13 มิ.ย. เจ้าตัวไม่มาร่วมฟังไต่สวนของศาลแน่นอน

    เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนราขดำเนินใน นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ,นายสมชาย แสวงการ อดีตสว. ,นายตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ,นายภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ และนายนิติธร ล้ำเหลือ เดินทางไปยื่นคำร้องขอส่งมอบพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงต่างๆ ในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ขณะถูกคุมขัง อันเป็นที่มาของคำร้องฉบับที่ศาลฎีกาได้สั่งรับไว้ไต่สวนหาความจริงด้วยศาลเองในวันที่ 13 มิ.ยนี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000050350

    #MGROnline #ชาญชัย #เสรีพิสุทธิ์ #ทักษิณชินวัตร #ชั้น14
    "ชาญชัย- เสรีพิสุทธิ์"มอบเอกสาร คดีไต่สวนชั้น 14 ปม"ทักษิณ"พักรักษาตัว ให้ศาลฎีกาประกอบพิจารณา ด้านเสรีพิศุทธ์ เชื่อ 13 มิ.ย. เจ้าตัวไม่มาร่วมฟังไต่สวนของศาลแน่นอน • เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนราขดำเนินใน นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ,นายสมชาย แสวงการ อดีตสว. ,นายตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ,นายภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ และนายนิติธร ล้ำเหลือ เดินทางไปยื่นคำร้องขอส่งมอบพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงต่างๆ ในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ขณะถูกคุมขัง อันเป็นที่มาของคำร้องฉบับที่ศาลฎีกาได้สั่งรับไว้ไต่สวนหาความจริงด้วยศาลเองในวันที่ 13 มิ.ยนี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000050350 • #MGROnline #ชาญชัย #เสรีพิสุทธิ์ #ทักษิณชินวัตร #ชั้น14
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปมร้อนข่าวลึก : ศาลสั่งไต่สวน'ทักษิณ' พลิกข้อกฎหมาย ศึกนี้ 'รอด' หรือ 'ร่วง'

    เวลานี้บ้านจันทร์ส่องหล้าน่าจะเกิดอาการสั่นคลอนพอสมควร ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้หยิบยกเอากรณีคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในเรื่องที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล มาพิจารณาด้วยตัวเอง แม้จะมีความเห็นว่านายชาญชัย ผู้ร้องไม่ได้เป็นคู่ความในคดีของนายทักษิณมาก่อนก็ตาม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040615

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปมร้อนข่าวลึก : ศาลสั่งไต่สวน'ทักษิณ' พลิกข้อกฎหมาย ศึกนี้ 'รอด' หรือ 'ร่วง' เวลานี้บ้านจันทร์ส่องหล้าน่าจะเกิดอาการสั่นคลอนพอสมควร ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้หยิบยกเอากรณีคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในเรื่องที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล มาพิจารณาด้วยตัวเอง แม้จะมีความเห็นว่านายชาญชัย ผู้ร้องไม่ได้เป็นคู่ความในคดีของนายทักษิณมาก่อนก็ตาม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040615 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1365 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกคำร้อง “ชาญชัย” ให้ไต่สวนกรณีส่ง “ทักษิณ” ไปรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ผิดขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ชี้ผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏว่าการบังคับโทษอาจไม่ถูกต้อง ศาลฯ จึงแจ้งให้จำเลยและราชทัณฑ์ชี้แจงใน 30 วัน และนัดโจทก์-จำเลยไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย.นี้

    วันนี้(30 เม.ย.) เวลา 13.00 น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อฟังคำสั่งตามคำร้องที่นายชาญชัยได้ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 เพื่อขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องคำพิพากษาจำคุก 8 ปีในคดีทุจริต ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี ได้ออกจากเรือนจำไปเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องวีไอพี ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ซึ่งนายชาญชัยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวงเรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ลงวันที่ 25 ก.ย.2563 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

    ล่าสุดมีรายงานว่า ศาลฯ ได้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่านายชาญชัย ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

    อย่างไรก็ตาม นายชาญชัย เปิดเผยหลังจากฟังคำสั่งศาลฯ ว่า ศาลฯ เห็นว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่อาจรับไว้เป็นคดีได้ แต่ได้สั่งให้เรือนจำและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ให้ชี้แจงว่าการลงโทษจำคุกจำเลย เป็นไปโดยถูกต้องหรือไม่ โดยให้ชี้แจงภายใน 30 วัน นอกจากนี้ได้นัดพร้อมโจทก์และจำเลยคือนายทักษิณ ทำการไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

    จึงเท่ากับว่าคดีนี้แม้ศาลฯ จะไม่รับคำร้องของนายชาญชัย แต่เมื่อมีความปรากฏต่อศาลว่า การบังคับโทษอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย ศาลฎีกาฯ จึงจะดำเนินการเรื่องนี้เอง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000040492

    #MGROnline #ทักษิณ
    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกคำร้อง “ชาญชัย” ให้ไต่สวนกรณีส่ง “ทักษิณ” ไปรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ผิดขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ชี้ผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏว่าการบังคับโทษอาจไม่ถูกต้อง ศาลฯ จึงแจ้งให้จำเลยและราชทัณฑ์ชี้แจงใน 30 วัน และนัดโจทก์-จำเลยไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย.นี้ • วันนี้(30 เม.ย.) เวลา 13.00 น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อฟังคำสั่งตามคำร้องที่นายชาญชัยได้ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 เพื่อขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องคำพิพากษาจำคุก 8 ปีในคดีทุจริต ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี ได้ออกจากเรือนจำไปเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องวีไอพี ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ซึ่งนายชาญชัยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวงเรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ลงวันที่ 25 ก.ย.2563 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา • ล่าสุดมีรายงานว่า ศาลฯ ได้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่านายชาญชัย ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง • อย่างไรก็ตาม นายชาญชัย เปิดเผยหลังจากฟังคำสั่งศาลฯ ว่า ศาลฯ เห็นว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่อาจรับไว้เป็นคดีได้ แต่ได้สั่งให้เรือนจำและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ให้ชี้แจงว่าการลงโทษจำคุกจำเลย เป็นไปโดยถูกต้องหรือไม่ โดยให้ชี้แจงภายใน 30 วัน นอกจากนี้ได้นัดพร้อมโจทก์และจำเลยคือนายทักษิณ ทำการไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ • จึงเท่ากับว่าคดีนี้แม้ศาลฯ จะไม่รับคำร้องของนายชาญชัย แต่เมื่อมีความปรากฏต่อศาลว่า การบังคับโทษอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย ศาลฎีกาฯ จึงจะดำเนินการเรื่องนี้เอง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000040492 • #MGROnline #ทักษิณ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 931 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29 เมษายน 2568 - นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง อำนาจศาลยุติธรรม ใน "คดีไต่สวนชั้น 14" มีเนื้อหาดังนี้ถาม วันที่ ๓๐ เมษายน นี้ ศาลยุติธรรมจะทำอะไรกับคดีชั้น ๑๔ ของทักษิณตอบ กรมราชทัณฑ์ ได้รับหมายจากศาลให้จำคุกทักษิณ ๑ ปี วันที่ ๓๐ นั้นเป็นวันที่ศาลจะสั่งคำร้องของคุณชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องต่อศาลว่าทักษิณไม่ได้ติดคุกจริงตามหมายศาล แม้คำร้องนี้จะไม่มีกฎหมายรองรับสิทธิคุณชาญชัยก็ตาม แต่ถ้าศาลเห็นด้วยว่ามีมูล ศาลก็เห็นสมควรสั่งไต่สวนได้เองตามอำนาจที่มีอยู่แล้วถาม ในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาผมไม่เห็นมีบทบัญญัติรองรับอำนาจไต่สวนนี้ของศาลเลยครับตอบ นี่คือปัญหากฎหมายข้อแรก ที่ศาลจะต้องอธิบาย ซึ่งผมเห็นว่าเมื่อการจำคุกทำโดยอำนาจศาล ศาลย่อมมีอำนาจตรวจสอบว่าได้มีการทำตามหมายของศาลหรือไม่ หากผิดพลาดศาลก็มีอำนาจสั่งราชทัณฑ์ให้ทำให้ถูกต้องได้เสมอถาม ในการตรวจสอบครั้งนี้ศาลจะยึดกฎหมายฉบับใดเป็นฐาน จะยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( ป.วิอาญา ) หรือตามกฎหมายราชทัณฑ์ครับตอบ ศาลต้องยึดทุกอย่างที่เป็นกฎหมาย ถ้ากฎหมายทั้งสองขัดแย้งกันในเรื่องใด ศาลก็ต้องวินิจฉัยเองว่ากฎหมายใดใช้บังคับได้ ดังปรากฏข้อพิจารณาไปโดยลำดับ ดังนี้ปัญหาการนับระยะเวลาคุมขังถาม นักโทษเจ็บป่วยนอนโรงพยาบาลนอกเรือนจำ อย่างกรณีทักษิณนอนชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจนี้ ถ้าศาลออกหมายขัง ๑ ปี แล้วทักษิณนอนมาหกเดือนแล้ว ขอถามว่าเวลานอนป่วย ๖ เดือนนี้ เราจะนับเป็นเวลาคุมขังหรือไม่ครับคำตอบจากกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตอบ ปี ๒๕๕๐ รัฐสภาตรากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๖ ระบุไว้ว่ามาตรา ๒๔๖ เมื่อจำเลย สามี ภริยา ญาติของจำเลย พนักงาานอัยการผู้บัญชําการเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุกร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นสมควร ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อนจนกว่าเหตุอันควรทุเลาจะหมดไป ในกรณีต่อไปนี้(๑) เมื่อจำเลยวิกลจริต(๒) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก(๓) ถ้ําจำเลยมีครรภ์(๔) ถ้ําจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงสามปี และจำเลยต้องเลี้ยงดูบุตรนั้นในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่นั้นศาลจะมีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวอยู่ในความควบคุมในสถานที่อันควรนอกจากเรือนจำหรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุกก็ได้ และให้ศาลกำหนดให้เจ้ําพนักงานผู้มีหน้าที่ จัดการตามหมายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่และรับผิดชอบในการดำเนินการตามคำสั่งลักษณะของสถานที่อันควรตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งต้องกำหนดวิธีการควบคุมและบำบัดรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของจำเลย และมาตรการเพื่อป้องกันการหลบหนี หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วยเมื่อศาลมีคำสั่งตามวรรคหนึ่งแล้ว หากภายหลังจำเลยไม่ปฏิบัติตามวิธีการหรือมาตรการตามวรรคสาม หรือพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ให้ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือให้ดำเนินการตามหมายจำคุกได้ ให้หักจำนวนวันที่จำเลยอยู่ในความควบคุมตามมาตรานี้ ออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาด้วยความตามมาตราข้างต้น การนำนักโทษไปรักษาตัวนอกเรือนจำต้องทำโดยคำสั่งศาล และจะถือระยะเวลานี้เป็นเวลาที่ถูกคุมขังไม่ได้ เพราะเป็นเพียงการทุเลาไม่บังคับตามหมายด้วยเหตุเจ็บป่วยเท่านั้นถาม หมายความว่า หาก ผบ.เรือนจำกับ รพ.ตำรวจ เห็นว่าต้องรับตัวทักษิณไว้รักษา ด้วยเหตุจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ก็ต้องรับไว้ให้นอนโรงพยาบาลก่อน แล้วรีบขอคำสั่งศาลให้อนุมัติและทุเลาการลงโทษใช่ไหมครับตอบ ครับ พอศาลสั่งแล้ว ทักษิณก็นอนต่อไปตามเดิม แต่การนับโทษจะหยุดนับทันที หายดีเมื่อไหร่ก็กลับเข้าเรือนจำแล้วเริ่มนับโทษที่เหลือต่อไปถาม หากถือหลักว่านักโทษติดคุก “ต้องติดจริงๆและติดให้ครบ”อย่างนี้แล้ว ในเมื่อวันนี้ทักษิณยังไม่ติดคุกเลย ศาลก็ต้องจัดการให้กลับไปติดให้ครบ ๑ ปี ใช่ไหมครับ ส่วนเรื่องป่วยจริงหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่ประเด็นในคดีอีกต่อไปตอบ ยังไม่แน่ครับ เพราะวันนี้ยังมี พรบ.ราชทัณฑ์ ให้คำตอบไว้อีกอย่างคำตอบจาก พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐มาตรา ๕๕ พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐ในกรณีที่ผู้ต้องขังป่วย มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อ ให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการให้ผู้ต้องขังได้รับการตรวจจากแพทยโดยเร็ว หากผู้ต้องขังนั้นต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะด้าน หรือถ้าคงรักษาพยาบาลอยู่ในเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ส่งตัวผู้ต้องขังดังกล่าวไปยังสถานบำบัดรักษาสำหรับโรคชนิดนั้นโดยเฉพาะ โรงพยาบาล หรือสถานบำบัดรักษาทางสุขภาพจิต นอกเรือนจำต่อไป ทั้งนี้หลักเกณฑและวิธีการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ระยะเวลาการรักษาตัว รวมทั้งผู้มีอำนาจอนุญาต ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการในกรณีที่ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำตามวรรคสอง มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากการคุมขัง และถ้าผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ที่รับผู้ต้องขังไว้รักษาตัว ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนี ที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญาถาม แสดงว่า กฎหมายราชทัณฑ์ มาตรา ๕๕ วรรคสอง ถือว่าการรักษาตัวของทักษิณที่ชั้น ๑๔ นั้นมีฐานะเป็นการคุมขัง ดังนั้นเวลา ๖ เดือนที่นอนชั้น ๑๔ จึงนับว่าทักษิณได้ต้องโทษมา ๖ เดือนแล้ว อย่างนั้นหรือตอบ เป็นเช่นนั้นครับ เห็นได้เลยครับว่า เรื่องนับเวลานี้ทั้ง ป.วิอาญา และ พรบ.ราชทัณฑ์บัญญัติขัดกันชัดเจน และต่างก็เป็นกฎหมายระดับ พรบ.เหมือนกัน มีศักดิ์เท่ากัน เสียด้วย กรณีจึงเกิดปัญหาว่าเราจะต้องใช้กฎหมายใดเป็นฐานในคดีนี้สำหรับผมเองเห็นว่า พรบ.ราชทัณฑ์ บัญญัติขึ้นมาภายหลัง ดังนั้นต้องถือว่ารัฐสภาได้ยกเลิก มาตรา ๒๔๖ แห่ง ป.วิอาญาไปแล้ว ถ้ามองอย่างนี้ ศาลอาจถือมาตรา ๕๕ นี้เป็นฐานกฎหมายในคดีก็ได้ถาม ถ้าคิดจะเอามาตรา ๕๕ เป็นหลัก องค์คณะผู้ไต่สวนอาจต้องขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตัดสินปัญหานี้ก่อนหรือไม่ตอบ เป็นไปได้อย่างยิ่งถาม ถ้าในที่สุดก็ลงเอยกันที่มาตรา ๕๕ อย่างนี้ ศาลก็ต้องไต่สวนต่อไปว่าป่วยจริงหรือไม่ ใช่ไหมครับตอบ ครับ ต้องตรวจสอบหมด ว่ากระบวนการอนุญาตผ่านขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ ทั้งการตรวจและให้ความเห็นของหมอราชทัณฑ์ในชั้นส่งตัว ทั้งการตรวจและให้ความเห็นของหมอโรงพยาบาลตำรวจว่าจำเป็นต้องรับไว้รักษา จนมาถึงคำสั่งอนุญาตของ ผบ.เรือนจำในที่สุดถาม ถ้าพบว่าไม่ถูกต้อง ไม่มีการตรวจและให้ความเห็นเช่นที่ควร คือหน้าด้านส่งไปนอนดู NETFIX บนชั้น ๑๔ กันดื้อๆเลย เช่นนี้ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไรตอบ ก็หมายความว่า เวลา ๖ เดือนที่อยู่ชั้น ๑๔ นั้น จะนับเป็นเวลารักษาตัวนอกเรือนจำตามมาตรา ๕๕ วรรคแรกไม่ได้ เมื่อเข้าวรรคแรกไม่ได้ก็ถือเป็นเวลาคุมขังตามวรรคสองไม่ได้ กรณีจึงสรุปได้ว่าทักษิณไม่เคยติดคุกตามหมายศาลเลย ศาลต้องสั่งให้จับตัวไปคุมขังจริงๆต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่มีหน้าที่ทำตามหมายศาล ก็โดนละเมิดอำนาจศาลตามไปด้วยอีกคำสั่งหนึ่งถาม แล้วความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ล่ะครับตอบ ทางอาญาก็เป็นเรื่องของ ปปช. ทางจรรยาแพทย์ก็เป็นเรื่องของแพทยสภา ว่ากันตามช่องทางต่างๆของกฎหมายต่อไปถาม ถ้าจบลงอย่างนี้ ภายหน้าควรมีการแก้ไขกฎหมายอย่างไรหรือไม่ครับตอบ สภาควรยกเลิก ป.วิอาญา มาตรา ๒๔๖ ให้ชัดเจนไปเลยว่าใช้บังคับไม่ได้แล้ว แล้วเพิ่มเติมลงไปในกฏกระทรวงด้วยว่า ทุกครั้งที่มีการรักษานักโทษนอกเรือนจำแบบนี้ ให้กรมราชทัณฑ์รายงานพร้อมหลักฐาน ให้ศาลผู้ออกหมายจำคุกได้ทราบและมีอำนาจสอบถามไต่สวนได้ทุกครั้งด้วย ราษฎรธรรมดาจะได้ไม่ต้องสวมบทพลเมืองดี มาดิ้นรนกระเสือกกระสนร้องศาลกันเองแบบนี้อีก
    29 เมษายน 2568 - นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง อำนาจศาลยุติธรรม ใน "คดีไต่สวนชั้น 14" มีเนื้อหาดังนี้ถาม วันที่ ๓๐ เมษายน นี้ ศาลยุติธรรมจะทำอะไรกับคดีชั้น ๑๔ ของทักษิณตอบ กรมราชทัณฑ์ ได้รับหมายจากศาลให้จำคุกทักษิณ ๑ ปี วันที่ ๓๐ นั้นเป็นวันที่ศาลจะสั่งคำร้องของคุณชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องต่อศาลว่าทักษิณไม่ได้ติดคุกจริงตามหมายศาล แม้คำร้องนี้จะไม่มีกฎหมายรองรับสิทธิคุณชาญชัยก็ตาม แต่ถ้าศาลเห็นด้วยว่ามีมูล ศาลก็เห็นสมควรสั่งไต่สวนได้เองตามอำนาจที่มีอยู่แล้วถาม ในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาผมไม่เห็นมีบทบัญญัติรองรับอำนาจไต่สวนนี้ของศาลเลยครับตอบ นี่คือปัญหากฎหมายข้อแรก ที่ศาลจะต้องอธิบาย ซึ่งผมเห็นว่าเมื่อการจำคุกทำโดยอำนาจศาล ศาลย่อมมีอำนาจตรวจสอบว่าได้มีการทำตามหมายของศาลหรือไม่ หากผิดพลาดศาลก็มีอำนาจสั่งราชทัณฑ์ให้ทำให้ถูกต้องได้เสมอถาม ในการตรวจสอบครั้งนี้ศาลจะยึดกฎหมายฉบับใดเป็นฐาน จะยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( ป.วิอาญา ) หรือตามกฎหมายราชทัณฑ์ครับตอบ ศาลต้องยึดทุกอย่างที่เป็นกฎหมาย ถ้ากฎหมายทั้งสองขัดแย้งกันในเรื่องใด ศาลก็ต้องวินิจฉัยเองว่ากฎหมายใดใช้บังคับได้ ดังปรากฏข้อพิจารณาไปโดยลำดับ ดังนี้ปัญหาการนับระยะเวลาคุมขังถาม นักโทษเจ็บป่วยนอนโรงพยาบาลนอกเรือนจำ อย่างกรณีทักษิณนอนชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจนี้ ถ้าศาลออกหมายขัง ๑ ปี แล้วทักษิณนอนมาหกเดือนแล้ว ขอถามว่าเวลานอนป่วย ๖ เดือนนี้ เราจะนับเป็นเวลาคุมขังหรือไม่ครับคำตอบจากกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตอบ ปี ๒๕๕๐ รัฐสภาตรากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๖ ระบุไว้ว่ามาตรา ๒๔๖ เมื่อจำเลย สามี ภริยา ญาติของจำเลย พนักงาานอัยการผู้บัญชําการเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุกร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นสมควร ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อนจนกว่าเหตุอันควรทุเลาจะหมดไป ในกรณีต่อไปนี้(๑) เมื่อจำเลยวิกลจริต(๒) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก(๓) ถ้ําจำเลยมีครรภ์(๔) ถ้ําจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงสามปี และจำเลยต้องเลี้ยงดูบุตรนั้นในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่นั้นศาลจะมีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวอยู่ในความควบคุมในสถานที่อันควรนอกจากเรือนจำหรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุกก็ได้ และให้ศาลกำหนดให้เจ้ําพนักงานผู้มีหน้าที่ จัดการตามหมายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่และรับผิดชอบในการดำเนินการตามคำสั่งลักษณะของสถานที่อันควรตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งต้องกำหนดวิธีการควบคุมและบำบัดรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของจำเลย และมาตรการเพื่อป้องกันการหลบหนี หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วยเมื่อศาลมีคำสั่งตามวรรคหนึ่งแล้ว หากภายหลังจำเลยไม่ปฏิบัติตามวิธีการหรือมาตรการตามวรรคสาม หรือพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ให้ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือให้ดำเนินการตามหมายจำคุกได้ ให้หักจำนวนวันที่จำเลยอยู่ในความควบคุมตามมาตรานี้ ออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาด้วยความตามมาตราข้างต้น การนำนักโทษไปรักษาตัวนอกเรือนจำต้องทำโดยคำสั่งศาล และจะถือระยะเวลานี้เป็นเวลาที่ถูกคุมขังไม่ได้ เพราะเป็นเพียงการทุเลาไม่บังคับตามหมายด้วยเหตุเจ็บป่วยเท่านั้นถาม หมายความว่า หาก ผบ.เรือนจำกับ รพ.ตำรวจ เห็นว่าต้องรับตัวทักษิณไว้รักษา ด้วยเหตุจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ก็ต้องรับไว้ให้นอนโรงพยาบาลก่อน แล้วรีบขอคำสั่งศาลให้อนุมัติและทุเลาการลงโทษใช่ไหมครับตอบ ครับ พอศาลสั่งแล้ว ทักษิณก็นอนต่อไปตามเดิม แต่การนับโทษจะหยุดนับทันที หายดีเมื่อไหร่ก็กลับเข้าเรือนจำแล้วเริ่มนับโทษที่เหลือต่อไปถาม หากถือหลักว่านักโทษติดคุก “ต้องติดจริงๆและติดให้ครบ”อย่างนี้แล้ว ในเมื่อวันนี้ทักษิณยังไม่ติดคุกเลย ศาลก็ต้องจัดการให้กลับไปติดให้ครบ ๑ ปี ใช่ไหมครับ ส่วนเรื่องป่วยจริงหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่ประเด็นในคดีอีกต่อไปตอบ ยังไม่แน่ครับ เพราะวันนี้ยังมี พรบ.ราชทัณฑ์ ให้คำตอบไว้อีกอย่างคำตอบจาก พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐มาตรา ๕๕ พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐ในกรณีที่ผู้ต้องขังป่วย มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อ ให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการให้ผู้ต้องขังได้รับการตรวจจากแพทยโดยเร็ว หากผู้ต้องขังนั้นต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะด้าน หรือถ้าคงรักษาพยาบาลอยู่ในเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ส่งตัวผู้ต้องขังดังกล่าวไปยังสถานบำบัดรักษาสำหรับโรคชนิดนั้นโดยเฉพาะ โรงพยาบาล หรือสถานบำบัดรักษาทางสุขภาพจิต นอกเรือนจำต่อไป ทั้งนี้หลักเกณฑและวิธีการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ระยะเวลาการรักษาตัว รวมทั้งผู้มีอำนาจอนุญาต ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการในกรณีที่ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำตามวรรคสอง มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากการคุมขัง และถ้าผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ที่รับผู้ต้องขังไว้รักษาตัว ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนี ที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญาถาม แสดงว่า กฎหมายราชทัณฑ์ มาตรา ๕๕ วรรคสอง ถือว่าการรักษาตัวของทักษิณที่ชั้น ๑๔ นั้นมีฐานะเป็นการคุมขัง ดังนั้นเวลา ๖ เดือนที่นอนชั้น ๑๔ จึงนับว่าทักษิณได้ต้องโทษมา ๖ เดือนแล้ว อย่างนั้นหรือตอบ เป็นเช่นนั้นครับ เห็นได้เลยครับว่า เรื่องนับเวลานี้ทั้ง ป.วิอาญา และ พรบ.ราชทัณฑ์บัญญัติขัดกันชัดเจน และต่างก็เป็นกฎหมายระดับ พรบ.เหมือนกัน มีศักดิ์เท่ากัน เสียด้วย กรณีจึงเกิดปัญหาว่าเราจะต้องใช้กฎหมายใดเป็นฐานในคดีนี้สำหรับผมเองเห็นว่า พรบ.ราชทัณฑ์ บัญญัติขึ้นมาภายหลัง ดังนั้นต้องถือว่ารัฐสภาได้ยกเลิก มาตรา ๒๔๖ แห่ง ป.วิอาญาไปแล้ว ถ้ามองอย่างนี้ ศาลอาจถือมาตรา ๕๕ นี้เป็นฐานกฎหมายในคดีก็ได้ถาม ถ้าคิดจะเอามาตรา ๕๕ เป็นหลัก องค์คณะผู้ไต่สวนอาจต้องขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตัดสินปัญหานี้ก่อนหรือไม่ตอบ เป็นไปได้อย่างยิ่งถาม ถ้าในที่สุดก็ลงเอยกันที่มาตรา ๕๕ อย่างนี้ ศาลก็ต้องไต่สวนต่อไปว่าป่วยจริงหรือไม่ ใช่ไหมครับตอบ ครับ ต้องตรวจสอบหมด ว่ากระบวนการอนุญาตผ่านขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ ทั้งการตรวจและให้ความเห็นของหมอราชทัณฑ์ในชั้นส่งตัว ทั้งการตรวจและให้ความเห็นของหมอโรงพยาบาลตำรวจว่าจำเป็นต้องรับไว้รักษา จนมาถึงคำสั่งอนุญาตของ ผบ.เรือนจำในที่สุดถาม ถ้าพบว่าไม่ถูกต้อง ไม่มีการตรวจและให้ความเห็นเช่นที่ควร คือหน้าด้านส่งไปนอนดู NETFIX บนชั้น ๑๔ กันดื้อๆเลย เช่นนี้ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไรตอบ ก็หมายความว่า เวลา ๖ เดือนที่อยู่ชั้น ๑๔ นั้น จะนับเป็นเวลารักษาตัวนอกเรือนจำตามมาตรา ๕๕ วรรคแรกไม่ได้ เมื่อเข้าวรรคแรกไม่ได้ก็ถือเป็นเวลาคุมขังตามวรรคสองไม่ได้ กรณีจึงสรุปได้ว่าทักษิณไม่เคยติดคุกตามหมายศาลเลย ศาลต้องสั่งให้จับตัวไปคุมขังจริงๆต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่มีหน้าที่ทำตามหมายศาล ก็โดนละเมิดอำนาจศาลตามไปด้วยอีกคำสั่งหนึ่งถาม แล้วความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ล่ะครับตอบ ทางอาญาก็เป็นเรื่องของ ปปช. ทางจรรยาแพทย์ก็เป็นเรื่องของแพทยสภา ว่ากันตามช่องทางต่างๆของกฎหมายต่อไปถาม ถ้าจบลงอย่างนี้ ภายหน้าควรมีการแก้ไขกฎหมายอย่างไรหรือไม่ครับตอบ สภาควรยกเลิก ป.วิอาญา มาตรา ๒๔๖ ให้ชัดเจนไปเลยว่าใช้บังคับไม่ได้แล้ว แล้วเพิ่มเติมลงไปในกฏกระทรวงด้วยว่า ทุกครั้งที่มีการรักษานักโทษนอกเรือนจำแบบนี้ ให้กรมราชทัณฑ์รายงานพร้อมหลักฐาน ให้ศาลผู้ออกหมายจำคุกได้ทราบและมีอำนาจสอบถามไต่สวนได้ทุกครั้งด้วย ราษฎรธรรมดาจะได้ไม่ต้องสวมบทพลเมืองดี มาดิ้นรนกระเสือกกระสนร้องศาลกันเองแบบนี้อีก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1036 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ทักษิณ' ลุ้นระทึกศาลฎีกา ยิ้มสู้ปล่อยวางทุกอย่าง ให้กระบวนการทำงาน
    .
    วันที่ 30 เมษายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้อง มาฟังคำสั่งในคำร้องที่ก่อนหน้านี้นายชาญชัยได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 10 มกราคม2568 เพื่อขอให้ศาลฎีกาฯไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039314

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    'ทักษิณ' ลุ้นระทึกศาลฎีกา ยิ้มสู้ปล่อยวางทุกอย่าง ให้กระบวนการทำงาน . วันที่ 30 เมษายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้อง มาฟังคำสั่งในคำร้องที่ก่อนหน้านี้นายชาญชัยได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 10 มกราคม2568 เพื่อขอให้ศาลฎีกาฯไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039314 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1263 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุ้น ! 30 เม.ย.ศาลฎีกานักการเมืองนัดฟังคำสั่งรับคดีนำ “ทักษิณ” รับโทษ?ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ฟังคำสั่งในคำร้องที่นายชาญชัยยื่นขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล เข้าข่ายขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำหรือไม่ หลังจาก 2 ครั้งแรกคือวันที่ 19 ธันวาคม 2566 และ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลมีคำสั่งยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน โดยให้เหตุว่าศาลออกหมายจำคุก การบังคับโทษ อนุญาตส่งตัว เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ไม่อยู่ในอำนาจศาล คำร้องครั้งที่ 3 นี้นายชาญชัยยื่นขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด เเละศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งต้องรอดูว่าศาลจะยกคำร้องเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่ หรือรับที่จะดำเนินการต่อไป#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทยสภา #ชั้น14 #นักโทษเทวดา #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #กระบวนการยุติธรรม #ศาลปกครอง- - - - - - - - - - - - - - - - - -ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
    ลุ้น ! 30 เม.ย.ศาลฎีกานักการเมืองนัดฟังคำสั่งรับคดีนำ “ทักษิณ” รับโทษ?ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ฟังคำสั่งในคำร้องที่นายชาญชัยยื่นขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล เข้าข่ายขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำหรือไม่ หลังจาก 2 ครั้งแรกคือวันที่ 19 ธันวาคม 2566 และ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลมีคำสั่งยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน โดยให้เหตุว่าศาลออกหมายจำคุก การบังคับโทษ อนุญาตส่งตัว เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ไม่อยู่ในอำนาจศาล คำร้องครั้งที่ 3 นี้นายชาญชัยยื่นขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด เเละศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งต้องรอดูว่าศาลจะยกคำร้องเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่ หรือรับที่จะดำเนินการต่อไป#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทยสภา #ชั้น14 #นักโทษเทวดา #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #กระบวนการยุติธรรม #ศาลปกครอง- - - - - - - - - - - - - - - - - -ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1011 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัด “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” 30 เม.ย.ฟังคำสั่ง ตามคำร้องให้ไต่สวนกรมราชทัณฑ์ ส่ง “ทักษิณ” ออกจากเรือนจำไปรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ผิดขั้นตอนกฎหมายหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000038994

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัด “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” 30 เม.ย.ฟังคำสั่ง ตามคำร้องให้ไต่สวนกรมราชทัณฑ์ ส่ง “ทักษิณ” ออกจากเรือนจำไปรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ผิดขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000038994 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1000 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาล ยังไม่ไต่สวนทักษิณ 'เพื่อไทย' ล็อคคอ 'วิษณุ' ยันป่วยทิพย์ชั้น14 ไร้มลทิน
    .
    ปมประเด็นชั้น 14 ป่วยทิพย์ของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานอนุกรรมาธิการ ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ไต่สวนกรณี กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ไม่จัดการให้เป็นไปตามหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
    .
    ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลื่อนฟังคำสั่งคำร้องของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องขอให้ไต่สวน นำตัวนักโทษเทวดากลับเข้าคุก โดยจะแจ้งคำสั่งให้ทราบในภายหลัง และห้ามเผยแพร่คำร้องต่อสาธารณชน เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
    .
    ขณะที่ แกนนำของพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในกรณีโดยยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เพราะผ่านการพิจารณาตรวจสอบจากนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯมาแล้ว
    .
    นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีนักร้องที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งทราบว่ามีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการพิสูจน์เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน การพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่เกิดในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายวิษณุ เครืองาม ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯขณะนั้น ทำหน้าที่ส่งไป และเป็นไปตามขั้นตอน ไม่น่าหนักใจอะไร
    .
    “นายวิษณุ ในฐานะมือกฎหมายคงจะพิจารณารายละเอียดเป็นอย่างดี การตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนนั้นเป็นไปตามกระบวนการการพิสูจน์ของกระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้สบายใจได้ ไม่มีเขย่าขวัญรัฐบาล เพราะนายทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ” นายวิสุทธิ์ กล่าว
    .............
    Sondhi X
    ศาล ยังไม่ไต่สวนทักษิณ 'เพื่อไทย' ล็อคคอ 'วิษณุ' ยันป่วยทิพย์ชั้น14 ไร้มลทิน . ปมประเด็นชั้น 14 ป่วยทิพย์ของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานอนุกรรมาธิการ ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ไต่สวนกรณี กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ไม่จัดการให้เป็นไปตามหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง . ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลื่อนฟังคำสั่งคำร้องของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องขอให้ไต่สวน นำตัวนักโทษเทวดากลับเข้าคุก โดยจะแจ้งคำสั่งให้ทราบในภายหลัง และห้ามเผยแพร่คำร้องต่อสาธารณชน เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน . ขณะที่ แกนนำของพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในกรณีโดยยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เพราะผ่านการพิจารณาตรวจสอบจากนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯมาแล้ว . นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีนักร้องที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งทราบว่ามีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการพิสูจน์เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน การพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่เกิดในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายวิษณุ เครืองาม ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯขณะนั้น ทำหน้าที่ส่งไป และเป็นไปตามขั้นตอน ไม่น่าหนักใจอะไร . “นายวิษณุ ในฐานะมือกฎหมายคงจะพิจารณารายละเอียดเป็นอย่างดี การตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนนั้นเป็นไปตามกระบวนการการพิสูจน์ของกระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้สบายใจได้ ไม่มีเขย่าขวัญรัฐบาล เพราะนายทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ” นายวิสุทธิ์ กล่าว ............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2153 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Love
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2509 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1777 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## พันธมิตร 2...??? ##
    ..
    ..
    ภาพเหล่านี้เป็นการ นัดกินข้าวคุยกัน ตามประสา "ผู้ห่วงใยบ้านเมือง" ในวันที่ 11 มกราคม 2567
    .
    โดยท่านที่อยู่ในที่นี้ ในภาพเหล่านี้ อาทิเช่น...
    .
    1.อ.แก้วสรร อติโพธิ
    2.ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง
    3.จตุพร พรหมพันธุ์
    4.ทนายนกเขา
    5.อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    6.สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม
    7.อ.ขวัญสรวง อติโพธิ
    8.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ
    9.พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม
    10.สมชาย แสวงการ
    11.ชาญชัย อิสระเสนารักษ์
    12.พิชิต ไชยมงคล
    13.ประสาร มฤคพิทักษ์
    14.นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
    15.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์
    16.สาวิทย์ แก้วหวาน
    17.ใจเพชร กล้าจน(หมอเขียว)
    18.แซมดิน เลิศบุศย์
    19.นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
    และ อีกหลายท่าน....
    .
    อาทิตย์หน้า น่าจะมี ผลของการพูดคุย หรือ ข่าวอะไรออกมา...
    ## พันธมิตร 2...??? ## .. .. ภาพเหล่านี้เป็นการ นัดกินข้าวคุยกัน ตามประสา "ผู้ห่วงใยบ้านเมือง" ในวันที่ 11 มกราคม 2567 . โดยท่านที่อยู่ในที่นี้ ในภาพเหล่านี้ อาทิเช่น... . 1.อ.แก้วสรร อติโพธิ 2.ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง 3.จตุพร พรหมพันธุ์ 4.ทนายนกเขา 5.อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 6.สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม 7.อ.ขวัญสรวง อติโพธิ 8.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ 9.พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม 10.สมชาย แสวงการ 11.ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ 12.พิชิต ไชยมงคล 13.ประสาร มฤคพิทักษ์ 14.นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม 15.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ 16.สาวิทย์ แก้วหวาน 17.ใจเพชร กล้าจน(หมอเขียว) 18.แซมดิน เลิศบุศย์ 19.นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และ อีกหลายท่าน.... . อาทิตย์หน้า น่าจะมี ผลของการพูดคุย หรือ ข่าวอะไรออกมา...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 713 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17 พ.ย. 2567 – นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง จับหมาไปขังได้แล้ว!!! ผ่านเว็บไซต์ www.thaipost.net มีเนื้อหาดังนี้ถาม เห็นตัวแทนราชทัณฑ์ตอบคณะกรรมาธิการสภาว่า รับตัวทักษิณเข้าเรือนจำแล้ว ก็ส่งตัวไป รพ.ตำรวจเลย โดยอธิบายว่าทางพยาบาลได้โทรศัพท์ปรึกษากับหมอของเรือนจำแล้ว ซึ่งทางกรรมาธิการตรวจสอบข้อมูลแล้วบอกว่า ทั้งหมดนี้ทักษิณใช้เวลาอยู่ในเรือนจำแค่ ๔ นาทีเท่านั้นตรงจุดนี้ผมข้องใจจริงๆครับ อาจารย์ค้นกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขัง พ.ศ.๒๕๖๓ แล้ว เขาเปิดให้ทำกันง่ายๆอย่างนี้หรือตอบ ไม่จริงครับ ข้อ ๒ ของกฎกระทรวงระบุชัดเจนว่า นักโทษต้องรับการตรวจทางการแพทย์ก่อน“ข้อ ๒ เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานเรือนจำว่า ผู้ต้องขังคนใดป่วย ให้ส่งตัวผู้ต้องขังคนนั้นไปรับการตรวจในสถานพยาบาล ของเรือนจำ” เมื่อไม่มีการตรวจเลยเช่นนี้ นี่จึงเป็นการละเว้นหน้าที่เป็นข้อแรก ที่ ปปช.จะขอเวชระเบียน ขอใบส่งตัวอะไรของหมอเรือนจำนั่น มันก็ไม่มีหรอกครับถาม ตามกฎกระทรวงนี้ ตรวจแล้วต้องทำยังไงต่อครับตอบ กฎกระทรวงกำหนดว่า ถ้าตรวจแล้วฝ่ายการแพทย์ของเรือนจำรายงานว่า รักษาในโรงพยาบาลเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ดำเนินการดังนี้“(๑) กรณีผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาต ให้เจ้าพนักงานเรือนจำพาผู้ต้องขังคนนั้นไปและกลับในวันเดียวกัน(๒) หากแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษามีความเห็นว่า สมควรรับตัวผู้ต้องขังคนนั้นไว้รักษา ให้เจ้าพนักงาน เรือนจำซึ่งพาผู้ต้องขังคนนั้นไปตรวจรักษาขอหลักฐานและความเห็นของแพทย์ผู้ทำาการตรวจรักษา ประกอบการจัดทำรายงานเสนอผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณา ถ้าผู้บัญชาการเรือนจำเห็นด้วยกับ ความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษา ให้มีคำสั่งอนุญาตให้รับตัวไว้รักษา”ถาม อ้าว..ตามพฤติการณ์จริงที่ปรากฏนั้น เมื่อส่งทักษิณไปถึงโรงพยาบาลตำรวจแล้ว เขาก็รับตัวไว้ ยาวไป ๖ เดือนเลยนี่ครับ โดยไม่มีการสื่อสารให้ทางราชทัณฑ์อนุญาตหรือไม่อนุญาตเลย จะอยู่จริงหรือไม่นานแค่ไหนก็ไม่มีใครยืนยันได้ตอบ นี่เป็นการละเว้นหน้าที่อย่างชัดเจนเป็นข้อที่ ๒ ดังนั้น ปปช.จะไปขอเวชระเบียน ใบส่งตัว ใบรับตัวพร้อมบันทึกการตรวจร่างกายอะไรก็ไม่มีหรอกครับ ขั้นตอนอนุญาตของ ผบ.เรือนจำข้อนี้สำคัญมากขาดไม่ได้ กฎกระทรวงระบุชัดว่า“กรณีผู้บัญชาการเรือนจำไม่เห็นด้วยกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษา ให้เจ้าพนักงาน นำตัวผู้ต้องขังคนนั้นกลับเข้ารักษาพยาบาลภายในเรือนจำ”ตอบ กฎกระทรวงระบุไว้รัดกุมครับว่า“เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้จัดเจ้าพนักงานเรือนจำอย่างน้อยจำนวนสองคนควบคุมผู้ต้องขังป่วยหนึ่งคนให้อยู่ภายใน เขตที่กำหนดให้เจ้าพนักงานเรือนจำซึ่งมีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังจดบันทึกข้อมูลผู้เข้าเยี่ยม และเวลา เข้าเยี่ยมโดยละเอียด และดูแลให้ผู้เข้าเยี่ยมปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำใช้สิทธิของผู้ต้องขังตามที่ทางราชการจัดให้และห้ามเข้าอยู่ในห้องพักพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไปรับประทานอาหารตามที่สถานที่รักษา ๓ จัดให้”ถาม เห็นพลตำรวจเอกเสรี เตมียเวส ท่านให้การต่อ ปปช.ว่า เมื่อไปเยี่ยมทักษิณสองครั้งนั้น ท่านไม่เห็นมีพนักงานอยู่ประจำเลย ห้องพักก็เป็นห้องพิเศษ ชั้น ๑๔ ทั้งชั้นเห็นเปิดอยู่ห้องเดียว อาหารการกินสมบูรณ์มีข้าวเหนียวมะม่วงเลี้ยงแขกด้วยนะครับตอบ นี่ก็เป็นการละเว้นหน้าที่เป็นข้อที่สามครับ พวกเขาทำจน รพ.ตำรวจกลายเป็นโรงแรมไปเลย มีนักโทษคนเดียวในประวัติศาสตร์ไทยเท่านั้นได้รับบริการอย่างนี้ถาม พอส่ง โรงพยาบาลตำรวจแล้ว ในกฎกระทรวงไม่มีการตรวจสอบอะไรอีกเลยหรือครับ อยู่นอกเรือนจำตั้ง ๖ เดือน แล้วก็พักโทษไปเลย ง่ายๆอย่างนี้เลยหรือตอบ กฎหมายเขากำหนดการตรวจสอบทางบริหารไว้อย่างนี้ครับ“- หากพักรักษาตัวเกินกว่าสามสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องหากพักรักษาตัวเกินกว่าหกสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ-หากพักรักษาตัวเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ”ถาม แล้วเขามีหนังสือและรายงานอย่างที่ว่านี้ไหมครับตอบ รัฐมนตรี บอกว่ามี และได้เห็นผลตรวจ MRI ด้วย ผมเข้าใจได้ว่าเป็นผลการตรวจก่อนผ่าซ่อมเอ็นหัวไหล่เท่านั้น ซึ่งอาการอย่างนี้ผู้สูงอายุเป็นกันทั่วไป ผ่าวันเดียวก็กลับเรือนจำได้แล้ว เอามาอ้างอยู่นอกเรือนจำเป็น ๖ เดือนไม่ได้หรอกครับ รายงานและหลักฐานที่ว่านี้จะมีจริงไหม ถูกต้องหรือไม่ ทั้ง ปปช.และ กมธ ก็ยังไม่มีใครได้มาวิเคราะห์เลยถาม แล้วที่คุณชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ท่านร้องให้ศาลไต่สวนว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ราชทัณฑ์ต้องขอให้ศาลออกคำสั่งทุเลาการลงโทษก่อน จึงจะนอนโรงพยาบาลตำรวจได้ ถ้าไม่ผ่านศาลก็ต้องถือว่าไม่ถูกต้อง ศาลต้องออกหมายจับทักษิณมาขังให้ครบ ๑ ปี นั้น คำร้องนี้ถูกต้องให้ศาลรับวินิจฉัยได้ไหมครับตอบ มาตรานั้น ให้ศาลสั่งได้เมื่อญาติ หรือเรือนจำ ร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นเองว่า จำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก ก็ให้ส่งไปบำบัดรักษานอกคุกได้ แต่กรณีทักษิณนี่ เขาอธิบายว่าเป็นการรักษาตามความจำเป็น ตามอำนาจของราชทัณฑ์ ศาลไม่เกี่ยว จริงๆแล้วกฎกระทรวงน่าจะจำกัดเวลาไว้เลยว่า ถ้าต้องรักษาเกิน ๓๐ วันให้ราชทัณฑ์ไปขอคำสั่งทุเลาการลงโทษ ถ้ากำหนดอย่างนี้ศาลก็จะตรวจสอบได้ตามอำนาจในกฎหมาย โอกาสติดคุกทิพย์ก็จะจำกัดอีกมากถาม แต่เฉพาะปัญหาว่าราชทัณฑ์ทำถูกต้องหรือไม่นี่ มันพอแล้วหรือยังครับที่ ปปช.จะมีมติตั้งข้อกล่าวหาผู้รับผิดชอบว่ากระทำผิดอาญา และมีมติส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจผู้บังคับบัญชา สั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลให้ออกหมายขัง นำตัวนักโทษกลับเข้าคุกด้วยตอบ เห็นเขาบอกให้หมาอยู่ส่วนหมา คนอยู่ส่วนคน ผมว่าเมื่อปล่อยออกมาโดยไม่ชอบชัดเจนจะๆ และยังพองขนอหังการคับบ้านเมืองอยู่นอกกรงอย่างนี้ ก็ควรจับไปขังได้แล้วครับ
    17 พ.ย. 2567 – นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง จับหมาไปขังได้แล้ว!!! ผ่านเว็บไซต์ www.thaipost.net มีเนื้อหาดังนี้ถาม เห็นตัวแทนราชทัณฑ์ตอบคณะกรรมาธิการสภาว่า รับตัวทักษิณเข้าเรือนจำแล้ว ก็ส่งตัวไป รพ.ตำรวจเลย โดยอธิบายว่าทางพยาบาลได้โทรศัพท์ปรึกษากับหมอของเรือนจำแล้ว ซึ่งทางกรรมาธิการตรวจสอบข้อมูลแล้วบอกว่า ทั้งหมดนี้ทักษิณใช้เวลาอยู่ในเรือนจำแค่ ๔ นาทีเท่านั้นตรงจุดนี้ผมข้องใจจริงๆครับ อาจารย์ค้นกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขัง พ.ศ.๒๕๖๓ แล้ว เขาเปิดให้ทำกันง่ายๆอย่างนี้หรือตอบ ไม่จริงครับ ข้อ ๒ ของกฎกระทรวงระบุชัดเจนว่า นักโทษต้องรับการตรวจทางการแพทย์ก่อน“ข้อ ๒ เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานเรือนจำว่า ผู้ต้องขังคนใดป่วย ให้ส่งตัวผู้ต้องขังคนนั้นไปรับการตรวจในสถานพยาบาล ของเรือนจำ” เมื่อไม่มีการตรวจเลยเช่นนี้ นี่จึงเป็นการละเว้นหน้าที่เป็นข้อแรก ที่ ปปช.จะขอเวชระเบียน ขอใบส่งตัวอะไรของหมอเรือนจำนั่น มันก็ไม่มีหรอกครับถาม ตามกฎกระทรวงนี้ ตรวจแล้วต้องทำยังไงต่อครับตอบ กฎกระทรวงกำหนดว่า ถ้าตรวจแล้วฝ่ายการแพทย์ของเรือนจำรายงานว่า รักษาในโรงพยาบาลเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ดำเนินการดังนี้“(๑) กรณีผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาต ให้เจ้าพนักงานเรือนจำพาผู้ต้องขังคนนั้นไปและกลับในวันเดียวกัน(๒) หากแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษามีความเห็นว่า สมควรรับตัวผู้ต้องขังคนนั้นไว้รักษา ให้เจ้าพนักงาน เรือนจำซึ่งพาผู้ต้องขังคนนั้นไปตรวจรักษาขอหลักฐานและความเห็นของแพทย์ผู้ทำาการตรวจรักษา ประกอบการจัดทำรายงานเสนอผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณา ถ้าผู้บัญชาการเรือนจำเห็นด้วยกับ ความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษา ให้มีคำสั่งอนุญาตให้รับตัวไว้รักษา”ถาม อ้าว..ตามพฤติการณ์จริงที่ปรากฏนั้น เมื่อส่งทักษิณไปถึงโรงพยาบาลตำรวจแล้ว เขาก็รับตัวไว้ ยาวไป ๖ เดือนเลยนี่ครับ โดยไม่มีการสื่อสารให้ทางราชทัณฑ์อนุญาตหรือไม่อนุญาตเลย จะอยู่จริงหรือไม่นานแค่ไหนก็ไม่มีใครยืนยันได้ตอบ นี่เป็นการละเว้นหน้าที่อย่างชัดเจนเป็นข้อที่ ๒ ดังนั้น ปปช.จะไปขอเวชระเบียน ใบส่งตัว ใบรับตัวพร้อมบันทึกการตรวจร่างกายอะไรก็ไม่มีหรอกครับ ขั้นตอนอนุญาตของ ผบ.เรือนจำข้อนี้สำคัญมากขาดไม่ได้ กฎกระทรวงระบุชัดว่า“กรณีผู้บัญชาการเรือนจำไม่เห็นด้วยกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษา ให้เจ้าพนักงาน นำตัวผู้ต้องขังคนนั้นกลับเข้ารักษาพยาบาลภายในเรือนจำ”ตอบ กฎกระทรวงระบุไว้รัดกุมครับว่า“เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้จัดเจ้าพนักงานเรือนจำอย่างน้อยจำนวนสองคนควบคุมผู้ต้องขังป่วยหนึ่งคนให้อยู่ภายใน เขตที่กำหนดให้เจ้าพนักงานเรือนจำซึ่งมีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังจดบันทึกข้อมูลผู้เข้าเยี่ยม และเวลา เข้าเยี่ยมโดยละเอียด และดูแลให้ผู้เข้าเยี่ยมปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำใช้สิทธิของผู้ต้องขังตามที่ทางราชการจัดให้และห้ามเข้าอยู่ในห้องพักพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไปรับประทานอาหารตามที่สถานที่รักษา ๓ จัดให้”ถาม เห็นพลตำรวจเอกเสรี เตมียเวส ท่านให้การต่อ ปปช.ว่า เมื่อไปเยี่ยมทักษิณสองครั้งนั้น ท่านไม่เห็นมีพนักงานอยู่ประจำเลย ห้องพักก็เป็นห้องพิเศษ ชั้น ๑๔ ทั้งชั้นเห็นเปิดอยู่ห้องเดียว อาหารการกินสมบูรณ์มีข้าวเหนียวมะม่วงเลี้ยงแขกด้วยนะครับตอบ นี่ก็เป็นการละเว้นหน้าที่เป็นข้อที่สามครับ พวกเขาทำจน รพ.ตำรวจกลายเป็นโรงแรมไปเลย มีนักโทษคนเดียวในประวัติศาสตร์ไทยเท่านั้นได้รับบริการอย่างนี้ถาม พอส่ง โรงพยาบาลตำรวจแล้ว ในกฎกระทรวงไม่มีการตรวจสอบอะไรอีกเลยหรือครับ อยู่นอกเรือนจำตั้ง ๖ เดือน แล้วก็พักโทษไปเลย ง่ายๆอย่างนี้เลยหรือตอบ กฎหมายเขากำหนดการตรวจสอบทางบริหารไว้อย่างนี้ครับ“- หากพักรักษาตัวเกินกว่าสามสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องหากพักรักษาตัวเกินกว่าหกสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ-หากพักรักษาตัวเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ”ถาม แล้วเขามีหนังสือและรายงานอย่างที่ว่านี้ไหมครับตอบ รัฐมนตรี บอกว่ามี และได้เห็นผลตรวจ MRI ด้วย ผมเข้าใจได้ว่าเป็นผลการตรวจก่อนผ่าซ่อมเอ็นหัวไหล่เท่านั้น ซึ่งอาการอย่างนี้ผู้สูงอายุเป็นกันทั่วไป ผ่าวันเดียวก็กลับเรือนจำได้แล้ว เอามาอ้างอยู่นอกเรือนจำเป็น ๖ เดือนไม่ได้หรอกครับ รายงานและหลักฐานที่ว่านี้จะมีจริงไหม ถูกต้องหรือไม่ ทั้ง ปปช.และ กมธ ก็ยังไม่มีใครได้มาวิเคราะห์เลยถาม แล้วที่คุณชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ท่านร้องให้ศาลไต่สวนว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ราชทัณฑ์ต้องขอให้ศาลออกคำสั่งทุเลาการลงโทษก่อน จึงจะนอนโรงพยาบาลตำรวจได้ ถ้าไม่ผ่านศาลก็ต้องถือว่าไม่ถูกต้อง ศาลต้องออกหมายจับทักษิณมาขังให้ครบ ๑ ปี นั้น คำร้องนี้ถูกต้องให้ศาลรับวินิจฉัยได้ไหมครับตอบ มาตรานั้น ให้ศาลสั่งได้เมื่อญาติ หรือเรือนจำ ร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นเองว่า จำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก ก็ให้ส่งไปบำบัดรักษานอกคุกได้ แต่กรณีทักษิณนี่ เขาอธิบายว่าเป็นการรักษาตามความจำเป็น ตามอำนาจของราชทัณฑ์ ศาลไม่เกี่ยว จริงๆแล้วกฎกระทรวงน่าจะจำกัดเวลาไว้เลยว่า ถ้าต้องรักษาเกิน ๓๐ วันให้ราชทัณฑ์ไปขอคำสั่งทุเลาการลงโทษ ถ้ากำหนดอย่างนี้ศาลก็จะตรวจสอบได้ตามอำนาจในกฎหมาย โอกาสติดคุกทิพย์ก็จะจำกัดอีกมากถาม แต่เฉพาะปัญหาว่าราชทัณฑ์ทำถูกต้องหรือไม่นี่ มันพอแล้วหรือยังครับที่ ปปช.จะมีมติตั้งข้อกล่าวหาผู้รับผิดชอบว่ากระทำผิดอาญา และมีมติส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจผู้บังคับบัญชา สั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลให้ออกหมายขัง นำตัวนักโทษกลับเข้าคุกด้วยตอบ เห็นเขาบอกให้หมาอยู่ส่วนหมา คนอยู่ส่วนคน ผมว่าเมื่อปล่อยออกมาโดยไม่ชอบชัดเจนจะๆ และยังพองขนอหังการคับบ้านเมืองอยู่นอกกรงอย่างนี้ ก็ควรจับไปขังได้แล้วครับ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1116 มุมมอง 0 รีวิว