• #ส่งสารจากคิงส์โพธิ์แดง
    #ถึงเอเจนซี่ตตและกลุ่มทุนดาร์ค
    สวัสดี เราไม่เคยได้สื่อสารกัน ตั้งแต่เพจคิงส์โพธิ์แดง ได้เปิดเรื่องราวของพวกท่าน สู่สาธารณะและพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ จนส่งผลให้ท่านต้องหยุดกิจกรรมการฟอก ผ่านบิ๊กแม๊ต และตำแต่งบช และนำออกมาเสียภาษี จนได้เป็นเงินขาวสะอาดไประยะเวลานานพอสมควร
    - จากปฐมบทจริงๆ ที่เพจคิงส์โพธิ์แดง ได้มาขุดเรื่องนี้ คือการเห็นนักแสดงชายคือแน๊กชาลี ที่เราเห็นน้องคนนี้มาตั้งแต่เด็กๆ และคนไทยได้ดูการเติบโตของน้อง ได้เห็นความดีในตัวของน้อง ได้ออกมาพูดคุยด้วยความอัดอั้น จากการถูกรังแก จากใครก็ไม่รู้ ทำให้พี่คิงส์ต้องสืบค้นหาข้อมูลอย่างมโหฬาร จึงรู้ว่า มีนังโจมณฑนี เป็นผู้อยู่เบื้องหลักการให้ร้ายน้อง กับการบรรยายมาราธอน ดุจเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง โรคะจิตตะ นาซิซีส ซึ่งไม่ว่านังคนนี้บรรยายห้องไหนในโซเชียล ในคอมเม้นต่างก็ชี้เป้าไปที่ น้องแน๊กชาลี ถึงนังโจจะไม่เอ่ยชื่อ แต่ใช้คำแทนต่างๆที่ทุกคนในกลุ่มของอินังนี่ พูดใช้ถ้อยคำหยาบกับน้องแน๊กในหลายกรรม หลายวาระ เพียงเป้าหมายจะยกตัวแสดงของคุณ คือ จีกามิน ให้เป็นตัวละครที่น่าสงสาร
    - เพจคิงส์โพธิ์แดง เราไม่ได้เพิ่งจะเริ่มทำเพจ เราทำมานานมาก และเราไปเปิดความจริงกับผู้มีอำนาจที่ปะปนความทุจจริต มีทั้งกลุ่มฟอก ที่เป็น ตร. ทะนาย หรือนกม. และเราไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
    - ลำดับถัดมา ที่เรายิ่งต้องขุดความจริงคือ การโพสท้าทายจากโจมณฑนี ที่ข๋มขุ่เพจคิงส์โพธิ์แดง ว่าถ้าหากเราเปิดเรื่องนี้ อินังนี่จะฟ๊อง ซึ่งเพจเรา ไม่ชอบการถูกข๋มขุ่ มันจึงเป็นพลังในการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ
    - หลังจากการที่เราได้เปิดเผยความจริง ว่าคุณที่เป็นตัวใหญ่ คือกลุ่มทุนดาร์คที่ระเห็ดจาก ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียประเทศอื่นๆ หวังมาใช้ไทยเป็นฐานฟอก จริงๆแล้ว ภาระกิจเรื่องนี้ของเราก็เสร็จสิ้นแล้ว เพราะคุณเองก็น่าจะทราบความเคลื่นอไหวของ สตช.ระดับหนึ่ง ทั้งปปง. สตช. ต่างกำลังสืบเส้นเงินพวกคุณและเครือข่ายอยู่ มันจึงถือว่าจบภาระกิจ
    - แต่ โจมณทนี กลับเปิดหน้า ไปร่วมมือกับเพจที่ชื่อ Diy reviwe v2 ที่เจ้าของเพจ เป็นผู้สูงอายุที่ไร้คุณภาพ เหมือนเพจที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับเป็นที่พ่น บ่น ระบาย ของคนวัยเฒ่า พยายามยั่วยุเพจเรา ให้เดินเรื่องขุดต่อ โดยโจมณฑนี มันคอมเม้นให้กำลังใจ กับเพจนี้เสมอในการยั่วให้เราเปิดความจริงที่ลึกลงไปอีกเรื่องๆ
    - ทั้งๆที่เพจคิงส์โพธิ์แดงเอง ก็เคยโพสแถลงการไปแล้วด้วยซ้ำ ผู้บริหารเอเจนซี่และกลุ่มทุนดาร์ค ทั้งในประเทศ888และข้ามชาติ ไปดูที่ปักหมุดไว้ได้ ว่าเราต้องการนำเสนอข่าวอื่นๆที่เป็นประโยชน์กับคนไทย
    - แต่เราก็หยุดไม่ได้จริงๆ เพราะเมื่อไหร่ที่เราหยุดขุดเรื่องพวกคุณเพิ่ม โจมณฑนีจะใช้ เฒ่าตันหากลับแอดมินเพจกากดังกล่าว มายั่วเราทันที เช่น ไหนจะขุดต่อ หรือ กลัวหรืออย่างไร อะไรประมาณนี้ จนเพจคิงส์ตัดปัญหาเพราะความหยะแหยงในภาษาในการโพสไร้สาระ เช่น จีบวัยรุ่นที่เป็นลูกเพจ เพ้อเพราะลูกเพจสาวทิ้ง และสำนวนภาษาชั้นต๋ำที่ไม่อยากจะเอ่ยถึงให้ไปดูเอาเองก็แล้วกัน
    - จนล่าสุด เมื่อวานนี้ เราตั้งใจจะพักเรื่องนี้เพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ดาราสาวที่กำลังจะเดินทางผิดไปสู่ก้นเหว ก็อย่างที่บอก ข้อมูลที่สำคัญของพวกคุณ ส่วนสำคัญๆมันเป็นที่ประจักษ์กับคนไทยแล้ว ก็เลยจะดูข้อมูลส่วนอื่น แต่โจมณฑนีอีกแล้ว กลับออกมาท้าทายผ่านคอมเม้นของเพจเฒ่าตันหากลับว่า "เพจคิงคองแดง ไม่ใจ ไม่ใจเลย" ถึงสำนวนสก็อยแต่คิงส์ฯอ่านเข้าใจไม่ยาก ว่านี่คือการท้าทาย เราจึงได้ชัดไปชุดเล็กๆ และก็นังโจมณฑนี่อีกนี่แหละ ที่ไปโพส สม ออย ว่าตัวเองถูกรังงแก เช้ามาท้าทาย บ่ายมาร้องโฮ
    - ดังนัั้น จึงขอแจ้งไปยังกลุ่มทุนดาร์ค และเอเจนซี่ของเครื่อข่ายฟอกว่า ถึงแม้ว่า ข้อมูลสำคัญเราได้เปิดไปหมดแล้ว แต่เราก็ยังหยุดไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะคุณเลือกคนที่มีความเหมาะสมมากที่มาทำงานปกป้องพวกคุณ โดยว่าจ้าง โจมณฑนี อดีตสก็อยใจแตก วุฒิแค่ม.ต้น มาทำงานใหญ่ของพวกคุณ เพราะ โจมณฑนี นี่แหละ ที่จะทำให้พวกคุณพัง ไม่ได้พังน้อยๆ แต่จะพังทั้ง ขบก. เพราะโจมณฑนี จะคัดคนมาเป็นมือซ้ายมือขวา ก็คงไม่สามารถหากุนซือที่มีสติปัญญามาได้ จะหาได้ก็แค่ตามพื้นถนน เช่น ชายวัยสามสิบ ชื่อเป็ด ที่ไม่มีแก่นสาร เป็นคนที่มีความหี่น กัมหนัดท่วมท้น เป็นคนมีประวัติอันเสื่อมเสีย เคยวิ่งงานไรเดอร์ ก็เชิดจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน วันนี้ ก็ได้เศษเงินจากกลุ่มทุนดาร์ค อย่างพวกคุณนี่แหละ มาปั่น มาหยาบ จนคนจำนวนไม่น้อง รู้สึกหยะแหย๋ง จีกามินของคุณ เพราะสะสมแต่คนกักกขละ สถูนแบบนี้
    สรุป เพจคิงส์โพธิ์แดง จะขอบคุณสำหรับการเลือกคนที่ถูกต้องมาทำงานนี้ ทำให้เรา หยุดที่จะขุดความจริงต่อไม่ได้ คุณจงสั่งให้เค้าท้าทายเราต่อไป และให้ข๋มขุ่เราให้มากกว่านี้ เพื่อที่เราจะยังได้ไม่เบนเข็มทิศไปเรื่องอื่น และยังคงต้องอยู่กับเรื่องของพวกคุณไปอีกนานๆ เอาให้ถึงก้นบึ้งของสตอรี่พวกคุณอย่างแท้จริง
    "โจ มณฑนี จะทำให้พังทั้งขบก" เยี่ยมไปเลย คัดคนได้ดี
    แจ้งเพื่อทราบ
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #ส่งสารจากคิงส์โพธิ์แดง #ถึงเอเจนซี่ตตและกลุ่มทุนดาร์ค สวัสดี เราไม่เคยได้สื่อสารกัน ตั้งแต่เพจคิงส์โพธิ์แดง ได้เปิดเรื่องราวของพวกท่าน สู่สาธารณะและพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ จนส่งผลให้ท่านต้องหยุดกิจกรรมการฟอก ผ่านบิ๊กแม๊ต และตำแต่งบช และนำออกมาเสียภาษี จนได้เป็นเงินขาวสะอาดไประยะเวลานานพอสมควร - จากปฐมบทจริงๆ ที่เพจคิงส์โพธิ์แดง ได้มาขุดเรื่องนี้ คือการเห็นนักแสดงชายคือแน๊กชาลี ที่เราเห็นน้องคนนี้มาตั้งแต่เด็กๆ และคนไทยได้ดูการเติบโตของน้อง ได้เห็นความดีในตัวของน้อง ได้ออกมาพูดคุยด้วยความอัดอั้น จากการถูกรังแก จากใครก็ไม่รู้ ทำให้พี่คิงส์ต้องสืบค้นหาข้อมูลอย่างมโหฬาร จึงรู้ว่า มีนังโจมณฑนี เป็นผู้อยู่เบื้องหลักการให้ร้ายน้อง กับการบรรยายมาราธอน ดุจเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง โรคะจิตตะ นาซิซีส ซึ่งไม่ว่านังคนนี้บรรยายห้องไหนในโซเชียล ในคอมเม้นต่างก็ชี้เป้าไปที่ น้องแน๊กชาลี ถึงนังโจจะไม่เอ่ยชื่อ แต่ใช้คำแทนต่างๆที่ทุกคนในกลุ่มของอินังนี่ พูดใช้ถ้อยคำหยาบกับน้องแน๊กในหลายกรรม หลายวาระ เพียงเป้าหมายจะยกตัวแสดงของคุณ คือ จีกามิน ให้เป็นตัวละครที่น่าสงสาร - เพจคิงส์โพธิ์แดง เราไม่ได้เพิ่งจะเริ่มทำเพจ เราทำมานานมาก และเราไปเปิดความจริงกับผู้มีอำนาจที่ปะปนความทุจจริต มีทั้งกลุ่มฟอก ที่เป็น ตร. ทะนาย หรือนกม. และเราไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว - ลำดับถัดมา ที่เรายิ่งต้องขุดความจริงคือ การโพสท้าทายจากโจมณฑนี ที่ข๋มขุ่เพจคิงส์โพธิ์แดง ว่าถ้าหากเราเปิดเรื่องนี้ อินังนี่จะฟ๊อง ซึ่งเพจเรา ไม่ชอบการถูกข๋มขุ่ มันจึงเป็นพลังในการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ - หลังจากการที่เราได้เปิดเผยความจริง ว่าคุณที่เป็นตัวใหญ่ คือกลุ่มทุนดาร์คที่ระเห็ดจาก ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียประเทศอื่นๆ หวังมาใช้ไทยเป็นฐานฟอก จริงๆแล้ว ภาระกิจเรื่องนี้ของเราก็เสร็จสิ้นแล้ว เพราะคุณเองก็น่าจะทราบความเคลื่นอไหวของ สตช.ระดับหนึ่ง ทั้งปปง. สตช. ต่างกำลังสืบเส้นเงินพวกคุณและเครือข่ายอยู่ มันจึงถือว่าจบภาระกิจ - แต่ โจมณทนี กลับเปิดหน้า ไปร่วมมือกับเพจที่ชื่อ Diy reviwe v2 ที่เจ้าของเพจ เป็นผู้สูงอายุที่ไร้คุณภาพ เหมือนเพจที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับเป็นที่พ่น บ่น ระบาย ของคนวัยเฒ่า พยายามยั่วยุเพจเรา ให้เดินเรื่องขุดต่อ โดยโจมณฑนี มันคอมเม้นให้กำลังใจ กับเพจนี้เสมอในการยั่วให้เราเปิดความจริงที่ลึกลงไปอีกเรื่องๆ - ทั้งๆที่เพจคิงส์โพธิ์แดงเอง ก็เคยโพสแถลงการไปแล้วด้วยซ้ำ ผู้บริหารเอเจนซี่และกลุ่มทุนดาร์ค ทั้งในประเทศ888และข้ามชาติ ไปดูที่ปักหมุดไว้ได้ ว่าเราต้องการนำเสนอข่าวอื่นๆที่เป็นประโยชน์กับคนไทย - แต่เราก็หยุดไม่ได้จริงๆ เพราะเมื่อไหร่ที่เราหยุดขุดเรื่องพวกคุณเพิ่ม โจมณฑนีจะใช้ เฒ่าตันหากลับแอดมินเพจกากดังกล่าว มายั่วเราทันที เช่น ไหนจะขุดต่อ หรือ กลัวหรืออย่างไร อะไรประมาณนี้ จนเพจคิงส์ตัดปัญหาเพราะความหยะแหยงในภาษาในการโพสไร้สาระ เช่น จีบวัยรุ่นที่เป็นลูกเพจ เพ้อเพราะลูกเพจสาวทิ้ง และสำนวนภาษาชั้นต๋ำที่ไม่อยากจะเอ่ยถึงให้ไปดูเอาเองก็แล้วกัน - จนล่าสุด เมื่อวานนี้ เราตั้งใจจะพักเรื่องนี้เพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ดาราสาวที่กำลังจะเดินทางผิดไปสู่ก้นเหว ก็อย่างที่บอก ข้อมูลที่สำคัญของพวกคุณ ส่วนสำคัญๆมันเป็นที่ประจักษ์กับคนไทยแล้ว ก็เลยจะดูข้อมูลส่วนอื่น แต่โจมณฑนีอีกแล้ว กลับออกมาท้าทายผ่านคอมเม้นของเพจเฒ่าตันหากลับว่า "เพจคิงคองแดง ไม่ใจ ไม่ใจเลย" ถึงสำนวนสก็อยแต่คิงส์ฯอ่านเข้าใจไม่ยาก ว่านี่คือการท้าทาย เราจึงได้ชัดไปชุดเล็กๆ และก็นังโจมณฑนี่อีกนี่แหละ ที่ไปโพส สม ออย ว่าตัวเองถูกรังงแก เช้ามาท้าทาย บ่ายมาร้องโฮ - ดังนัั้น จึงขอแจ้งไปยังกลุ่มทุนดาร์ค และเอเจนซี่ของเครื่อข่ายฟอกว่า ถึงแม้ว่า ข้อมูลสำคัญเราได้เปิดไปหมดแล้ว แต่เราก็ยังหยุดไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะคุณเลือกคนที่มีความเหมาะสมมากที่มาทำงานปกป้องพวกคุณ โดยว่าจ้าง โจมณฑนี อดีตสก็อยใจแตก วุฒิแค่ม.ต้น มาทำงานใหญ่ของพวกคุณ เพราะ โจมณฑนี นี่แหละ ที่จะทำให้พวกคุณพัง ไม่ได้พังน้อยๆ แต่จะพังทั้ง ขบก. เพราะโจมณฑนี จะคัดคนมาเป็นมือซ้ายมือขวา ก็คงไม่สามารถหากุนซือที่มีสติปัญญามาได้ จะหาได้ก็แค่ตามพื้นถนน เช่น ชายวัยสามสิบ ชื่อเป็ด ที่ไม่มีแก่นสาร เป็นคนที่มีความหี่น กัมหนัดท่วมท้น เป็นคนมีประวัติอันเสื่อมเสีย เคยวิ่งงานไรเดอร์ ก็เชิดจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน วันนี้ ก็ได้เศษเงินจากกลุ่มทุนดาร์ค อย่างพวกคุณนี่แหละ มาปั่น มาหยาบ จนคนจำนวนไม่น้อง รู้สึกหยะแหย๋ง จีกามินของคุณ เพราะสะสมแต่คนกักกขละ สถูนแบบนี้ สรุป เพจคิงส์โพธิ์แดง จะขอบคุณสำหรับการเลือกคนที่ถูกต้องมาทำงานนี้ ทำให้เรา หยุดที่จะขุดความจริงต่อไม่ได้ คุณจงสั่งให้เค้าท้าทายเราต่อไป และให้ข๋มขุ่เราให้มากกว่านี้ เพื่อที่เราจะยังได้ไม่เบนเข็มทิศไปเรื่องอื่น และยังคงต้องอยู่กับเรื่องของพวกคุณไปอีกนานๆ เอาให้ถึงก้นบึ้งของสตอรี่พวกคุณอย่างแท้จริง "โจ มณฑนี จะทำให้พังทั้งขบก" เยี่ยมไปเลย คัดคนได้ดี แจ้งเพื่อทราบ #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 634 Views 0 Reviews
  • 📚รีเบคก้า


    ดีใจที่ห้องสมุดมี และดีใจที่ยืมมาอ่าน แม้นอรรถรสอาจจะได้ไม่เต็มที่เพราะเคยดูหนังที่ฮิตช์ค็อกสร้างมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นสุดยอดของนิยายยอดเยี่ยมแห่งยุคเรื่องหนึ่ง ไม่สงสัยแล้วว่าเหตุใดจึงยังไม่ถูกลืม เพราะความดีงามของเรื่องนั้นสามารถข้ามผ่านกาลเวลามาใกล้ 90 ปีเต็มที

    ขนาดพอรู้เรื่องคร่าวๆแม้นจำไม่ได้มากเพราะหนังดูไว้นานหลายปีแล้ว แต่เมื่อได้จับฉบับหนังสือก็ยังอดลุ้นระทึกตามไปกับตัวละครนำไม่ได้ ต้องสรรเสริญผู้เขียนคือ ดาฟเน ดู โมริเยร์ ที่ให้กำเนิดรีเบคก้าขึ้นมาอวดโฉมสู่สายตานักอ่านในบรรณพิภพ

    หนังสือพิมพ์ในไทยครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 ฉบับที่อ่านนี้เป็นของ สนพ.สร้างสรรค์-วิชาการ เป็นพิมพ์ครั้งที่ 7 เมื่อปี พ.ศ.2538 หนา 387 หน้า มีช่วงระหว่างหน้าที่ 283-298 ทำเอาใจวูบ เพราะกำลังดำเนินเรื่องถึงช่วงจุดสูงสุดที่จะเฉลยปม เลขหน้าข้าม ทีแรกก็เศร้าว่าหน้าหายเยอะขนาดนี้คงจะพลาดอะไรสำคัญไปเยอะ พลิกตรวจดูจึงรู้ว่า เป็นความผิดพลาดของการเข้าเล่ม ที่ทำให้ต้องเปิดพลิกกลับอ่านแบบญี่ปุ่นจากขวามาซ้ายประมาณ 16 หน้า จึงกลับสู่การอ่านแบบปกติได้ น่าจะเป็นทั้งล็อตในการพิมพ์หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ

    สองประการที่ลดคุณค่าของนิยายเล่มนี้ในฉบับพิมพ์ของสร้างสรรค์คือ หนึ่ง ตัวอักษรที่เลือกใช้ได้ทรมานสายตาคนอ่านอย่างมากคือทั้งเล็กและบาง เมื่อบวกกับแถวยาวเหยียดที่เบียดกันเป็นพรืด นาน ๆ จึงจะพบย่อหน้าสักครั้ง จึงต้องใช้พลังสมาธิและความพยายามอย่างยิ่งกว่าจะอ่านจบ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความดีงามในตัวของนิยายเองที่ทำให้อยากอ่านต่อ อาจยอมแพ้เสียก่อน และสอง กระดาษที่ใช้คุณภาพไม่ดีเลย ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อกระดาษบางมาก

    🔻

    เนื้อเรื่องโดยย่อ

    หญิงสาววัยสัก20ปี ที่เป็นผู้มีบุคลิกใสซื่อ มีความเป็นตัวของตัวเองอย่างบริสุทธิ์ตามธรรมชาตินางหนึ่ง พ่อแม่ตายไปตั้งแต่ยังเล็ก จึงจำต้องหาเลี้ยงตนเองมาแบบอัตคัด จนได้มาติดตามเป็นหญิงรับใช้ให้กับคุณนายอึ่งอ่างนางหนึ่ง(ขออภัย เธอมีชื่อแต่ลักษณะภายนอกที่ถูกบรรยายทำให้นึกไปถึงอึ่งจริง ๆ นะ) ซึ่งคุณนายคนนี้ก็มีนิสัยแย่ ชอบจิกใช้งานหญิงสาว และพูดจาเหยียบย่ำน้ำใจบ่อย อีกทั้งชอบทำตัวเจ๋อแจ้น เที่ยวปั้นหน้าไปคุยกับคนในแวดวงสังคม ไม่ใช่เพื่ออะไรมากไปกว่าตักตวงข่าวสารมาพูดนินทาต่อให้คนอื่นฟังด้วยความสนุกปากตามพื้นนิสัยเดิม ซึ่งสถานที่ที่ทำให้นางเอกและพระเอกได้พบกันครั้งแรกคือที่ โรงแรมแห่งหนึ่งในมอนติคาโล คุณนายอึ่งอ่างถือวิสาสะไปคุยด้วยกับหนุ่มใหญ่เจ้าของคฤหาสน์ มันเดอลีย์ ที่กำลังอยู่ในระหว่างท่องเที่ยวเพื่อลืมเลือนเรื่องอดีตเกี่ยวกับภรรยาสาวที่เสียชีวิตไปไม่นาน ในห้องอาหารชั้นล่างซึ่งนางเอกก็จำต้องอยู่ใกล้ชิดร่วมโต๊ะแม้นไม่อยาก เพราะอับอายแทนผู้ว่าจ้างของตน ด้วยเธอเป็นคนหน้าบางและมีสมบัติผู้ดีมากกว่าคุณนายอึ่งอ่าง ทั้งที่โดนกดและดูถูกว่าเป็นพวกชั้นล่าง

    ก็การพบหน้าคราวนั้นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวชวนฝัน ที่ประจวบเหมาะว่าวันต่อมาเจ้านายเธอมีไข้ไม่สบาย หมอให้พักสักสองสัปดาห์ในห้อง จึงเป็นโอกาสให้นางเอกของเรื่องพอจะมีเวลาเป็นของตนเอง ได้ใช้ชีวิตอิสระในตอนลงมากินข้าวที่ห้องอาหารชั้นล่าง ซึ่งก็พอดีได้พบพระเอกเป็นครั้งที่สอง แม้จะเจียมตัวไม่กล้าไปทักหรือร่วมโต๊ะ แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็พาไปให้พระเอกคือมิสเตอร์ เดอวินเตอร์ ตะล่อมพูดจนเธอยอมมานั่งกินอาหารโต๊ะเดียวกับเขา และได้พูดคุยพอเป็นที่รู้เรื่องความเป็นมาของฝ่ายสาว และในโอกาสต่อมาจากวันนั้น กลายเป็นว่าช่วงเวลาที่คุณนายอึ่งอ่างนอนแซ่วบนเตียง ที่ก็ไม่ได้ป่วยอะไรมาก แต่อยากหาเหตุให้คนอื่นมาเยี่ยมจะได้ชวนคุยนินทาสารพัดกับเล่นไพ่นั้น เปิดโอกาสให้นางเอกได้สานความสัมพันธ์อันดีกับพระเอกที่ยังคงมีมาดสุขุม ลึกลับ ครุ่นคิดตลอดเวลา และไม่ค่อยพูดจาหรือเปิดเผยเรื่องราวของตน จนฝ่ายหญิงเริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับฝ่ายชายอย่างมาก ถึงขั้นที่เรียกว่ารักแรก ทุกวันพระเอกจะพบกับนางเอกที่ห้องอาหาร กินด้วยกันแล้วพาไปนั่งรถแล่นกินลมชมวิวไปตามที่ต่างๆ

    แต่แล้วเมื่ออาการของเจ้านายดีขึ้น วันหนึ่งก็สั่งนางเอกว่าให้รีบไปจองตั๋วรถไฟ เพราะลูกสาวของนางติดต่อมาว่าจะไปนิวยอร์ก และเจ้านายก็จะตามไปอยู่ด้วย แน่นอนว่าต้องเอานางเอกตามไปรับใช้ เมื่อทราบข่าวเธอถึงกับหัวใจสลาย เข่าอ่อน เหมือนความสุขที่เพิ่งปรากฏไม่นานในชีวิตกำลังจะสูญสลายไปตลอดกาล เธอพยายามจะลงไปพบเจอพระเอก แต่เขาไม่อยู่ไปทำธุระ ทำให้ในเธอรุ่มร้อนเป็นไฟ ในวันเดินทางที่ถูกใช้ให้ไปเปลี่ยนตั๋วเพื่อเลื่อนเที่ยวรถให้เร็วขึ้นจากช่วงสายเป็นช่วงเช้า เธอสิ้นหวังแล้ว แต่ไม่อาจตัดใจจากไปทั้งยังไม่ได้บอกลา จึงอาศัยช่วงที่เจ้านายสั่งให้มาติดต่อเปลี่ยนเที่ยวนั้น วิ่งหน้าตั้งไปเคาะห้องที่รู้ว่าพระเอกพักอยู่เพื่อจะบอกให้ทราบ และเมื่อพระเอกได้ฟัง จึงถามว่าทำไมเธอต้องปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามแต่เจ้านายจะบงการ เธอบอกเพราะเธอต้องใช้เงิน และการทำงานรับใช้ทั้งที่ไม่อยากก็เพื่อแลกกับค่าจ้างน้อยนิด พระเอกยื่นข้อเสนอให้เลือก ว่าเธอจะไปกับคุณนายอึ่งอ่างหรือจะไปกับเขา เธอไม่เข้าใจ เขาบอกอีกครั้งให้ชัดว่าเธอจะเลือกไปกับเขาในฐานะมิสซิส เดอวินเตอร์หรือไม่

    นั่นเอง คือการเดินทางครั้งใหม่ของนางเอก หลังเธอตกลงใจจะไปกับเขาเพราะความรัก ทั้งสองแต่งงานกันอย่างที่ไม่มีการสวมชุด เข้าโบสถ์หรือการเลี้ยงฉลอง เพราะเขาไม่ปรารถนา แล้วไปฮันนีมูนต่อที่อิตาลีอยู่หลายสัปดาห์ ก่อนที่ท้ายสุดจะตรงไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อันแสนไกล งดงามตั้งตระหง่านอยู่ภายในวงล้อมของป่ารก ที่ซึ่งเธอต้องกลายจากนางสาวต็อกต๋อย ไร้ชื่อเสียง ไร้เงิน ไร้ศักดิ์ฐานะใดๆ ไปเป็นคุณนายภริยาคนใหม่ของเจ้าของคฤหาสน์หรูเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยตัวคนเดียวโดดเดี่ยว และต้องเผชิญหน้ากับการต้อนรับอันเย็นชา และน่ากลัวของหญิงสาวผู้เป็นต้นห้องคนเก่าของมิสซิส เดอวินเตอร์คนที่ตายไปแล้ว อันมีนามว่า รีเบคกา กับบริวารรับใช้ชายหญิงอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่มีอะไรที่เหมือนจะให้ความรู้สึกที่ไม่น่าไว้ใจ หดหู่ เร้นลับ

    ท่ามกลางความใหญ่โตกว้างขวางของห้องหับนับไม่ถ้วน ดอกไม้ป่านานาพรรณ อีกไม้ป่ายืนต้นรกชัฏ กับชายหาดและอ่าวที่เงียบเชียบ ดูเปลี่ยวเหงาวังเวง เสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง กระทบโขดหิน ความดำมืดของบรรยากาศที่ทึบทึม ผู้คนที่จะเป็นมิตรก็ไม่ใช่ จะศัตรูก็ไม่เชิง กับเงาร่างของภรรยาสาวคนเก่าที่เพิ่งตายไปไม่นานของคนรักของเธอ ที่เหมือนยังมีชีวิตและปรากฏตัวไปทั่วทุกแห่ง

    นางเอกที่ยังอายุน้อยมาก กับพระเอกในวัย42 จะฟันฝ่าอุปสรรคและนำพาชีวิตรักไปรอดหรือไม่ ในขณะที่มีพี่สาวของสามีและพี่เขย อีกทั้งผู้จัดการงานทั่วไปของสามี คล้ายจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอ และเอาใจช่วยให้ชีวิตของคนทั้งคู่เดินหน้าต่อไปได้ แต่ทว่าปริศนาทั้งหลายเกี่ยวกับคุณนายคนเก่า คือรีเบคกา และอุปสรรคจากแม่บ้านที่แสดงตนชัดว่าชิงชังรังเกียจ และหาเรื่องคอยสร้างปัญหาให้ ล้วนเป็นปราการใหญ่ที่ทำให้ผู้อ่านต้องลุ้นเอาใจช่วยเธอไปอย่างตื่นเต้น

    🔶️

    เชื่อว่าคนที่ไม่เคยรู้เรื่องราว ไม่เคยดูหนังมาก่อน จะได้รับอรรถรสความสนุกเต็มที่มากสุด ส่วนผู้เคยดูหนังแล้วก็ยังคงจะได้รับความสนุกได้ ในแง่ของการได้ทบทวนเก็บเกี่ยวรายละเอียดอีกครั้ง หากใครที่มีไว้ในกองดองแต่ยังไม่ได้อ่าน น่าเสียดายอย่างมาก

    ผู้แต่งมีอัจฉริยภาพในการเขียนบรรยายฉากอย่างแท้จริง ขอชื่นชมและสรรเสริญ โดนเฉพาะฉากที่พูดถึงนกชนิดต่าง ๆ พรรณไม้หลากหลายชนิดที่ขึ้นและปลูกไว้รายรอบคฤหาสน์ รายละเอียดของชนิดอาหาร เครื่องประกอบ เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง คือมีความรอบรู้อย่างลึกจริง ทำให้คนอ่านเห็นภาพตามชัดเจน ยิ่งใครที่รู้จักอาหารประเภทต่าง ๆ เหล่านั้น รู้จักดอกไม้มากมายหลายชนิดที่กล่าวถึง คงจะยิ่งดำดิ่งเห็นภาพชัดราวกับเห็นลอยอยู่ตรงหน้า

    การใช้รูปแบบของอุปมาโวหารเชิงเปรียบเทียบช่างเป็นภาษาที่งดงาม แม้จะโบราณแต่เข้ากันมากกับยุคสมัยและบรรยากาศตามท้องเรื่อง ยิ่งบวกกับโครงเรื่องและแก่นที่แน่นเปรี๊ยะ อีกทั้งวิธีการเล่าอันน่าทึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่เป็นนักเขียนโดยทั่วไปก็สามารถทำได้ แน่นอนว่านักเขียนทุกคนล้วนปรารถนาให้ตนสามารถสร้างสรรค์งานเขียนดีเยี่ยมชนิดเป็นมาสเตอร์พีซของตนเองได้สักเล่มในชั่วชีวิตที่ผลิตงาน แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำสำเร็จ และผมเชื่อว่า ดาฟเน ดู โมริเยร์ คือหนึ่งในนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ ฉบับแปลไทยนี้ทำได้ดีทีเดียว แม้จะพบว่ามีบางคำออกจะแปลก ๆ ในความรู้สึกอยู่บ้าง เช่นใช้คำว่า กระท้อน ในความหมายที่สื่อถึงการ สะท้อน และอีก 2-3 คำ แต่พอเข้าใจได้ ไม่แน่ว่าในยุคสมัยที่ผู้แปลแปลไว้ คำไทยบางคำในเวลานั้นอาจใช้และสะกดต่างไปจากปัจจุบัน ซึ่งก็ได้แต่คาดเดาเพราะผมไม่มีความรู้มากพอในด้านนี้

    เรื่องนี้ทำให้เข้าใจถึงข้อด้อยที่น่ากำจัดหรือปรับปรุงแก้ไขให้ไม่มีอยู่ในอุปนิสัยของใครคนไหนก็ตามคือ "การคิดเองเออเอง" ซึ่งจะพบเห็นได้เยอะมากในตัวตนของนางเอก แทบจะตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งเป็นจุดตายที่มีส่วนจะทำให้ชีวิตรักของนางอาจต้องถึงกาลอับปางอย่างน่าหวดเสียว และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกันด้วยสิ ความคิดระแวง คิดเป็นตุเป็นตะ คิดหมกมุ่นเพ้อฝันไปล่วงหน้าและมักเป็นไปในทางร้ายนั้น ได้แสดงให้เห็นอิทธิพลของมันชัดเจนยิ่งในเรื่อง ว่าส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาตามมาอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากผู้อ่านจะนำมาสำรวจตรวจตรากับการดำเนินชีวิตตนเอง ที่จะไม่ให้มี "อิตถีภาวะ"มากเกินไปแม้ในเพศชายก็ตาม

    มีบ้างทีอ่านแล้วอาจจะรู้สึก "ลำไย" ในอุปนิสัยของนางเอก ที่เธอจะอะไรกันนักหนานะกับแทบทุกเรื่อง แต่ก็ดีที่ผู้เขียนได้สร้างเหตุแล้วให้ตัวละครของตน ได้รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองแล้วพัฒนาเติบโตขึ้นในช่วงหลัง ที่ไม่อ่อนวัย ใจใสไร้เดียงสาดังเช่นตอนต้นเรื่อง

    เป็นความชาญฉลาดในการวางผังอย่างดี ที่ให้เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ค่อยๆเปิดเผยให้ตัวนางเอกและคนอ่านได้ค่อยๆ รู้เรื่องเกี่ยวกับรีเบคกาเพิ่มขึ้นทีละน้อย ๆ เต็มไปด้วยความหวาดระแวง แคลงใจ จนนำไปสู่ความน่าตื่นตะลึงในช่วงที่เฉลยความจริงให้นางเอกและผู้อ่านทราบไปพร้อมกัน ต่อจากนั้นอีกร้อยกว่าหน้า ก็เป็นช่วงที่ไม่ได้มีแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย มีแต่เร่งเร้า เขย่าขวัญ สั่นประสาท ให้ต้องตามลุ้นระทึกเอาใจช่วยให้พระนางผ่านพ้นเรื่องร้ายแรงไปได้ด้วยดีเถิด แต่ละหน้า แต่ละบทสนทนาล้วนแต่พาเราให้ตื่นตัว ตื่นเต้นไปกับอุปสรรคต่อเนื่องที่ดาหน้าเข้าใส่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ราวคลื่นทะเลที่ซัดหาฝั่งลูกแล้วลูกเล่า เหมือนโดนคลื่นพาลอยขึ้นไปจนสูงแล้วบัดดลก็จับโยนลงมาสู่เบื้องต่ำ ก่อนจะถูกม้วนลอยขึ้นไปที่สูงใหม่

    ที่ชอบมากที่สุดคือวิธีที่ผู้เขียนเลือกใช้ในการหาทางพาให้พระนางดิ้นรนไปตามทางที่ถูกตัวร้ายนำไป ไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า จำนนต่อสิ่งที่ปรากฏและจู่โจม แต่แล้วก็พาให้ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปสู่จุดอันคลี่คลายอย่างชนิดที่ต้องร้องในใจว่า คิดได้ยังไง ไม่มีจุดตำหนิได้เลย เพราะไม่ใช่ตอนจบที่เหมือนไม่รู้จะจัดการกับปมที่สร้างมาอย่างไรแล้วก็ใส่วิธีจัดการเข้ามาแบบไม่สนใจอะไร แต่ทุกอย่างคือถูกวางมาแล้วแต่แรก อย่างมีระเบียบ และเงียบเชียบ บอกใบ้ไว้แต่ไม่กระโตกกระตาก มีความลุ่มลึก ที่ถ้าหากใครมีเวลามากพอ ควรอ่านอย่างช้า ๆ เพื่อเก็บละเอียดทุกประโยคแล้วจะได้พบกับความไม่ธรรมดาของนิยานเรื่องนี้ที่น่าอึ้ง ชวนหลงใหลตั้งแต่เปิดเรื่องมาด้วยท่อนอมตะที่ว่า

    "เมื่อคืนนี้ดิฉันฝันว่า ได้ไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อีกครั้งหนึ่ง"

    สุดท้ายคือ การที่ตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เรากลับไม่ได้รู้เลยว่าผู้เล่าเรื่องคือ ดิฉันนั้น แท้จริงชื่อเรียงเสียงไรกันแน่ เรารู้จักกับรีเบคกา ราวกับมีชีวิตทั้งที่ตายไปแล้ว กลับกันนางเอกหรือ ดิฉัน ที่ใกล้ชิดกับคนอ่านมากสุดราวกับคือตัวเราเองที่ยังไม่ตายนั้น เหมือนใกล้แต่ก็ไกล คือเป็นใครก็ได้ไม่ว่าผู้อ่านคือชายหรือหญิง เมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้วอดไม่ได้จะนำตนเองไปสวมเป็น ดิฉัน ไม่มากก็น้อย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ป.ล. (คนที่ยังไม่เคยอ่านหรือดูหนังมาเลย ควรข้าม)

    เรื่องนี้มีฉบับฝาแฝด ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จนนักเขียนนิยายไทยท่านหนึ่ง นำโครงเรื่องมาดัดแปลง กลายเป็นนิยายแปลงชื่อ คุณหญิงสีวิกา ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2534 สนพ.หมึกจีน เคยได้รับการนำไปสร้างเป็นละครช่อง 7 นำแสดงโดยคุณแอน อังคณา ทิมดี รับบทคุณหญิงสีวิกา และคุณจอห์นนี่ แอนโฟเน่ รับบทสามี ส่วนภรรยาสาวคนใหม่รับบทโดย คุณลูกศร ธนาภรณ์ รัตนเสน ผมยังได้รับชมเมื่อครั้งเรียนช่วงมัธยมปลายพอจำได้ ตอนนั้นก็สนุกนะ เพราะอยากทราบความจริงที่อยู่เบื้องหลัง ต้องตามอ่านจากไทยรัฐทุกวัน ซึ่งในเรื่องตัวคุณหญิงสีวิกามีอาการของคนที่ศัพท์เฉพาะใช้คำว่า "ฮิสทีเรีย" สมัยนั้นถึงกับมีดราม่ากันใหญ่โตว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายที่ควรนำมาทำเป็นละครฉายทางทีวีช่วงหลังข่าวภาคค่ำจบ ยุคนั้นละครมีประมาณชั่วโมงเดียว เริ่มสักสามทุ่มไปจบสี่ทุ่ม สุดท้ายกระแสต่อต้านเยอะจนไม่แน่ใจว่าถูกตัดทอนให้ตอนสั้นลงแล้วรีบตัดจบเอาดื้อ ๆ หรือไม่ จำไม่ค่อยได้แล้ว

    #thaitimes
    #รีเบคกา
    #นิยายแปล
    #นิยาย
    #ลึกลับ
    #ความวิปริตทางเพศ
    #มอนติคาโล
    #ท่องเที่ยว
    #บ้านริมหาด
    #คฤหาสน์
    #หนังสือดี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    📚รีเบคก้า ดีใจที่ห้องสมุดมี และดีใจที่ยืมมาอ่าน แม้นอรรถรสอาจจะได้ไม่เต็มที่เพราะเคยดูหนังที่ฮิตช์ค็อกสร้างมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นสุดยอดของนิยายยอดเยี่ยมแห่งยุคเรื่องหนึ่ง ไม่สงสัยแล้วว่าเหตุใดจึงยังไม่ถูกลืม เพราะความดีงามของเรื่องนั้นสามารถข้ามผ่านกาลเวลามาใกล้ 90 ปีเต็มที ขนาดพอรู้เรื่องคร่าวๆแม้นจำไม่ได้มากเพราะหนังดูไว้นานหลายปีแล้ว แต่เมื่อได้จับฉบับหนังสือก็ยังอดลุ้นระทึกตามไปกับตัวละครนำไม่ได้ ต้องสรรเสริญผู้เขียนคือ ดาฟเน ดู โมริเยร์ ที่ให้กำเนิดรีเบคก้าขึ้นมาอวดโฉมสู่สายตานักอ่านในบรรณพิภพ หนังสือพิมพ์ในไทยครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 ฉบับที่อ่านนี้เป็นของ สนพ.สร้างสรรค์-วิชาการ เป็นพิมพ์ครั้งที่ 7 เมื่อปี พ.ศ.2538 หนา 387 หน้า มีช่วงระหว่างหน้าที่ 283-298 ทำเอาใจวูบ เพราะกำลังดำเนินเรื่องถึงช่วงจุดสูงสุดที่จะเฉลยปม เลขหน้าข้าม ทีแรกก็เศร้าว่าหน้าหายเยอะขนาดนี้คงจะพลาดอะไรสำคัญไปเยอะ พลิกตรวจดูจึงรู้ว่า เป็นความผิดพลาดของการเข้าเล่ม ที่ทำให้ต้องเปิดพลิกกลับอ่านแบบญี่ปุ่นจากขวามาซ้ายประมาณ 16 หน้า จึงกลับสู่การอ่านแบบปกติได้ น่าจะเป็นทั้งล็อตในการพิมพ์หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ สองประการที่ลดคุณค่าของนิยายเล่มนี้ในฉบับพิมพ์ของสร้างสรรค์คือ หนึ่ง ตัวอักษรที่เลือกใช้ได้ทรมานสายตาคนอ่านอย่างมากคือทั้งเล็กและบาง เมื่อบวกกับแถวยาวเหยียดที่เบียดกันเป็นพรืด นาน ๆ จึงจะพบย่อหน้าสักครั้ง จึงต้องใช้พลังสมาธิและความพยายามอย่างยิ่งกว่าจะอ่านจบ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความดีงามในตัวของนิยายเองที่ทำให้อยากอ่านต่อ อาจยอมแพ้เสียก่อน และสอง กระดาษที่ใช้คุณภาพไม่ดีเลย ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อกระดาษบางมาก 🔻 เนื้อเรื่องโดยย่อ หญิงสาววัยสัก20ปี ที่เป็นผู้มีบุคลิกใสซื่อ มีความเป็นตัวของตัวเองอย่างบริสุทธิ์ตามธรรมชาตินางหนึ่ง พ่อแม่ตายไปตั้งแต่ยังเล็ก จึงจำต้องหาเลี้ยงตนเองมาแบบอัตคัด จนได้มาติดตามเป็นหญิงรับใช้ให้กับคุณนายอึ่งอ่างนางหนึ่ง(ขออภัย เธอมีชื่อแต่ลักษณะภายนอกที่ถูกบรรยายทำให้นึกไปถึงอึ่งจริง ๆ นะ) ซึ่งคุณนายคนนี้ก็มีนิสัยแย่ ชอบจิกใช้งานหญิงสาว และพูดจาเหยียบย่ำน้ำใจบ่อย อีกทั้งชอบทำตัวเจ๋อแจ้น เที่ยวปั้นหน้าไปคุยกับคนในแวดวงสังคม ไม่ใช่เพื่ออะไรมากไปกว่าตักตวงข่าวสารมาพูดนินทาต่อให้คนอื่นฟังด้วยความสนุกปากตามพื้นนิสัยเดิม ซึ่งสถานที่ที่ทำให้นางเอกและพระเอกได้พบกันครั้งแรกคือที่ โรงแรมแห่งหนึ่งในมอนติคาโล คุณนายอึ่งอ่างถือวิสาสะไปคุยด้วยกับหนุ่มใหญ่เจ้าของคฤหาสน์ มันเดอลีย์ ที่กำลังอยู่ในระหว่างท่องเที่ยวเพื่อลืมเลือนเรื่องอดีตเกี่ยวกับภรรยาสาวที่เสียชีวิตไปไม่นาน ในห้องอาหารชั้นล่างซึ่งนางเอกก็จำต้องอยู่ใกล้ชิดร่วมโต๊ะแม้นไม่อยาก เพราะอับอายแทนผู้ว่าจ้างของตน ด้วยเธอเป็นคนหน้าบางและมีสมบัติผู้ดีมากกว่าคุณนายอึ่งอ่าง ทั้งที่โดนกดและดูถูกว่าเป็นพวกชั้นล่าง ก็การพบหน้าคราวนั้นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวชวนฝัน ที่ประจวบเหมาะว่าวันต่อมาเจ้านายเธอมีไข้ไม่สบาย หมอให้พักสักสองสัปดาห์ในห้อง จึงเป็นโอกาสให้นางเอกของเรื่องพอจะมีเวลาเป็นของตนเอง ได้ใช้ชีวิตอิสระในตอนลงมากินข้าวที่ห้องอาหารชั้นล่าง ซึ่งก็พอดีได้พบพระเอกเป็นครั้งที่สอง แม้จะเจียมตัวไม่กล้าไปทักหรือร่วมโต๊ะ แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็พาไปให้พระเอกคือมิสเตอร์ เดอวินเตอร์ ตะล่อมพูดจนเธอยอมมานั่งกินอาหารโต๊ะเดียวกับเขา และได้พูดคุยพอเป็นที่รู้เรื่องความเป็นมาของฝ่ายสาว และในโอกาสต่อมาจากวันนั้น กลายเป็นว่าช่วงเวลาที่คุณนายอึ่งอ่างนอนแซ่วบนเตียง ที่ก็ไม่ได้ป่วยอะไรมาก แต่อยากหาเหตุให้คนอื่นมาเยี่ยมจะได้ชวนคุยนินทาสารพัดกับเล่นไพ่นั้น เปิดโอกาสให้นางเอกได้สานความสัมพันธ์อันดีกับพระเอกที่ยังคงมีมาดสุขุม ลึกลับ ครุ่นคิดตลอดเวลา และไม่ค่อยพูดจาหรือเปิดเผยเรื่องราวของตน จนฝ่ายหญิงเริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับฝ่ายชายอย่างมาก ถึงขั้นที่เรียกว่ารักแรก ทุกวันพระเอกจะพบกับนางเอกที่ห้องอาหาร กินด้วยกันแล้วพาไปนั่งรถแล่นกินลมชมวิวไปตามที่ต่างๆ แต่แล้วเมื่ออาการของเจ้านายดีขึ้น วันหนึ่งก็สั่งนางเอกว่าให้รีบไปจองตั๋วรถไฟ เพราะลูกสาวของนางติดต่อมาว่าจะไปนิวยอร์ก และเจ้านายก็จะตามไปอยู่ด้วย แน่นอนว่าต้องเอานางเอกตามไปรับใช้ เมื่อทราบข่าวเธอถึงกับหัวใจสลาย เข่าอ่อน เหมือนความสุขที่เพิ่งปรากฏไม่นานในชีวิตกำลังจะสูญสลายไปตลอดกาล เธอพยายามจะลงไปพบเจอพระเอก แต่เขาไม่อยู่ไปทำธุระ ทำให้ในเธอรุ่มร้อนเป็นไฟ ในวันเดินทางที่ถูกใช้ให้ไปเปลี่ยนตั๋วเพื่อเลื่อนเที่ยวรถให้เร็วขึ้นจากช่วงสายเป็นช่วงเช้า เธอสิ้นหวังแล้ว แต่ไม่อาจตัดใจจากไปทั้งยังไม่ได้บอกลา จึงอาศัยช่วงที่เจ้านายสั่งให้มาติดต่อเปลี่ยนเที่ยวนั้น วิ่งหน้าตั้งไปเคาะห้องที่รู้ว่าพระเอกพักอยู่เพื่อจะบอกให้ทราบ และเมื่อพระเอกได้ฟัง จึงถามว่าทำไมเธอต้องปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามแต่เจ้านายจะบงการ เธอบอกเพราะเธอต้องใช้เงิน และการทำงานรับใช้ทั้งที่ไม่อยากก็เพื่อแลกกับค่าจ้างน้อยนิด พระเอกยื่นข้อเสนอให้เลือก ว่าเธอจะไปกับคุณนายอึ่งอ่างหรือจะไปกับเขา เธอไม่เข้าใจ เขาบอกอีกครั้งให้ชัดว่าเธอจะเลือกไปกับเขาในฐานะมิสซิส เดอวินเตอร์หรือไม่ นั่นเอง คือการเดินทางครั้งใหม่ของนางเอก หลังเธอตกลงใจจะไปกับเขาเพราะความรัก ทั้งสองแต่งงานกันอย่างที่ไม่มีการสวมชุด เข้าโบสถ์หรือการเลี้ยงฉลอง เพราะเขาไม่ปรารถนา แล้วไปฮันนีมูนต่อที่อิตาลีอยู่หลายสัปดาห์ ก่อนที่ท้ายสุดจะตรงไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อันแสนไกล งดงามตั้งตระหง่านอยู่ภายในวงล้อมของป่ารก ที่ซึ่งเธอต้องกลายจากนางสาวต็อกต๋อย ไร้ชื่อเสียง ไร้เงิน ไร้ศักดิ์ฐานะใดๆ ไปเป็นคุณนายภริยาคนใหม่ของเจ้าของคฤหาสน์หรูเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยตัวคนเดียวโดดเดี่ยว และต้องเผชิญหน้ากับการต้อนรับอันเย็นชา และน่ากลัวของหญิงสาวผู้เป็นต้นห้องคนเก่าของมิสซิส เดอวินเตอร์คนที่ตายไปแล้ว อันมีนามว่า รีเบคกา กับบริวารรับใช้ชายหญิงอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่มีอะไรที่เหมือนจะให้ความรู้สึกที่ไม่น่าไว้ใจ หดหู่ เร้นลับ ท่ามกลางความใหญ่โตกว้างขวางของห้องหับนับไม่ถ้วน ดอกไม้ป่านานาพรรณ อีกไม้ป่ายืนต้นรกชัฏ กับชายหาดและอ่าวที่เงียบเชียบ ดูเปลี่ยวเหงาวังเวง เสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง กระทบโขดหิน ความดำมืดของบรรยากาศที่ทึบทึม ผู้คนที่จะเป็นมิตรก็ไม่ใช่ จะศัตรูก็ไม่เชิง กับเงาร่างของภรรยาสาวคนเก่าที่เพิ่งตายไปไม่นานของคนรักของเธอ ที่เหมือนยังมีชีวิตและปรากฏตัวไปทั่วทุกแห่ง นางเอกที่ยังอายุน้อยมาก กับพระเอกในวัย42 จะฟันฝ่าอุปสรรคและนำพาชีวิตรักไปรอดหรือไม่ ในขณะที่มีพี่สาวของสามีและพี่เขย อีกทั้งผู้จัดการงานทั่วไปของสามี คล้ายจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอ และเอาใจช่วยให้ชีวิตของคนทั้งคู่เดินหน้าต่อไปได้ แต่ทว่าปริศนาทั้งหลายเกี่ยวกับคุณนายคนเก่า คือรีเบคกา และอุปสรรคจากแม่บ้านที่แสดงตนชัดว่าชิงชังรังเกียจ และหาเรื่องคอยสร้างปัญหาให้ ล้วนเป็นปราการใหญ่ที่ทำให้ผู้อ่านต้องลุ้นเอาใจช่วยเธอไปอย่างตื่นเต้น 🔶️ เชื่อว่าคนที่ไม่เคยรู้เรื่องราว ไม่เคยดูหนังมาก่อน จะได้รับอรรถรสความสนุกเต็มที่มากสุด ส่วนผู้เคยดูหนังแล้วก็ยังคงจะได้รับความสนุกได้ ในแง่ของการได้ทบทวนเก็บเกี่ยวรายละเอียดอีกครั้ง หากใครที่มีไว้ในกองดองแต่ยังไม่ได้อ่าน น่าเสียดายอย่างมาก ผู้แต่งมีอัจฉริยภาพในการเขียนบรรยายฉากอย่างแท้จริง ขอชื่นชมและสรรเสริญ โดนเฉพาะฉากที่พูดถึงนกชนิดต่าง ๆ พรรณไม้หลากหลายชนิดที่ขึ้นและปลูกไว้รายรอบคฤหาสน์ รายละเอียดของชนิดอาหาร เครื่องประกอบ เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง คือมีความรอบรู้อย่างลึกจริง ทำให้คนอ่านเห็นภาพตามชัดเจน ยิ่งใครที่รู้จักอาหารประเภทต่าง ๆ เหล่านั้น รู้จักดอกไม้มากมายหลายชนิดที่กล่าวถึง คงจะยิ่งดำดิ่งเห็นภาพชัดราวกับเห็นลอยอยู่ตรงหน้า การใช้รูปแบบของอุปมาโวหารเชิงเปรียบเทียบช่างเป็นภาษาที่งดงาม แม้จะโบราณแต่เข้ากันมากกับยุคสมัยและบรรยากาศตามท้องเรื่อง ยิ่งบวกกับโครงเรื่องและแก่นที่แน่นเปรี๊ยะ อีกทั้งวิธีการเล่าอันน่าทึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่เป็นนักเขียนโดยทั่วไปก็สามารถทำได้ แน่นอนว่านักเขียนทุกคนล้วนปรารถนาให้ตนสามารถสร้างสรรค์งานเขียนดีเยี่ยมชนิดเป็นมาสเตอร์พีซของตนเองได้สักเล่มในชั่วชีวิตที่ผลิตงาน แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำสำเร็จ และผมเชื่อว่า ดาฟเน ดู โมริเยร์ คือหนึ่งในนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ ฉบับแปลไทยนี้ทำได้ดีทีเดียว แม้จะพบว่ามีบางคำออกจะแปลก ๆ ในความรู้สึกอยู่บ้าง เช่นใช้คำว่า กระท้อน ในความหมายที่สื่อถึงการ สะท้อน และอีก 2-3 คำ แต่พอเข้าใจได้ ไม่แน่ว่าในยุคสมัยที่ผู้แปลแปลไว้ คำไทยบางคำในเวลานั้นอาจใช้และสะกดต่างไปจากปัจจุบัน ซึ่งก็ได้แต่คาดเดาเพราะผมไม่มีความรู้มากพอในด้านนี้ เรื่องนี้ทำให้เข้าใจถึงข้อด้อยที่น่ากำจัดหรือปรับปรุงแก้ไขให้ไม่มีอยู่ในอุปนิสัยของใครคนไหนก็ตามคือ "การคิดเองเออเอง" ซึ่งจะพบเห็นได้เยอะมากในตัวตนของนางเอก แทบจะตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งเป็นจุดตายที่มีส่วนจะทำให้ชีวิตรักของนางอาจต้องถึงกาลอับปางอย่างน่าหวดเสียว และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกันด้วยสิ ความคิดระแวง คิดเป็นตุเป็นตะ คิดหมกมุ่นเพ้อฝันไปล่วงหน้าและมักเป็นไปในทางร้ายนั้น ได้แสดงให้เห็นอิทธิพลของมันชัดเจนยิ่งในเรื่อง ว่าส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาตามมาอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากผู้อ่านจะนำมาสำรวจตรวจตรากับการดำเนินชีวิตตนเอง ที่จะไม่ให้มี "อิตถีภาวะ"มากเกินไปแม้ในเพศชายก็ตาม มีบ้างทีอ่านแล้วอาจจะรู้สึก "ลำไย" ในอุปนิสัยของนางเอก ที่เธอจะอะไรกันนักหนานะกับแทบทุกเรื่อง แต่ก็ดีที่ผู้เขียนได้สร้างเหตุแล้วให้ตัวละครของตน ได้รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองแล้วพัฒนาเติบโตขึ้นในช่วงหลัง ที่ไม่อ่อนวัย ใจใสไร้เดียงสาดังเช่นตอนต้นเรื่อง เป็นความชาญฉลาดในการวางผังอย่างดี ที่ให้เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ค่อยๆเปิดเผยให้ตัวนางเอกและคนอ่านได้ค่อยๆ รู้เรื่องเกี่ยวกับรีเบคกาเพิ่มขึ้นทีละน้อย ๆ เต็มไปด้วยความหวาดระแวง แคลงใจ จนนำไปสู่ความน่าตื่นตะลึงในช่วงที่เฉลยความจริงให้นางเอกและผู้อ่านทราบไปพร้อมกัน ต่อจากนั้นอีกร้อยกว่าหน้า ก็เป็นช่วงที่ไม่ได้มีแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย มีแต่เร่งเร้า เขย่าขวัญ สั่นประสาท ให้ต้องตามลุ้นระทึกเอาใจช่วยให้พระนางผ่านพ้นเรื่องร้ายแรงไปได้ด้วยดีเถิด แต่ละหน้า แต่ละบทสนทนาล้วนแต่พาเราให้ตื่นตัว ตื่นเต้นไปกับอุปสรรคต่อเนื่องที่ดาหน้าเข้าใส่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ราวคลื่นทะเลที่ซัดหาฝั่งลูกแล้วลูกเล่า เหมือนโดนคลื่นพาลอยขึ้นไปจนสูงแล้วบัดดลก็จับโยนลงมาสู่เบื้องต่ำ ก่อนจะถูกม้วนลอยขึ้นไปที่สูงใหม่ ที่ชอบมากที่สุดคือวิธีที่ผู้เขียนเลือกใช้ในการหาทางพาให้พระนางดิ้นรนไปตามทางที่ถูกตัวร้ายนำไป ไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า จำนนต่อสิ่งที่ปรากฏและจู่โจม แต่แล้วก็พาให้ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปสู่จุดอันคลี่คลายอย่างชนิดที่ต้องร้องในใจว่า คิดได้ยังไง ไม่มีจุดตำหนิได้เลย เพราะไม่ใช่ตอนจบที่เหมือนไม่รู้จะจัดการกับปมที่สร้างมาอย่างไรแล้วก็ใส่วิธีจัดการเข้ามาแบบไม่สนใจอะไร แต่ทุกอย่างคือถูกวางมาแล้วแต่แรก อย่างมีระเบียบ และเงียบเชียบ บอกใบ้ไว้แต่ไม่กระโตกกระตาก มีความลุ่มลึก ที่ถ้าหากใครมีเวลามากพอ ควรอ่านอย่างช้า ๆ เพื่อเก็บละเอียดทุกประโยคแล้วจะได้พบกับความไม่ธรรมดาของนิยานเรื่องนี้ที่น่าอึ้ง ชวนหลงใหลตั้งแต่เปิดเรื่องมาด้วยท่อนอมตะที่ว่า "เมื่อคืนนี้ดิฉันฝันว่า ได้ไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อีกครั้งหนึ่ง" สุดท้ายคือ การที่ตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เรากลับไม่ได้รู้เลยว่าผู้เล่าเรื่องคือ ดิฉันนั้น แท้จริงชื่อเรียงเสียงไรกันแน่ เรารู้จักกับรีเบคกา ราวกับมีชีวิตทั้งที่ตายไปแล้ว กลับกันนางเอกหรือ ดิฉัน ที่ใกล้ชิดกับคนอ่านมากสุดราวกับคือตัวเราเองที่ยังไม่ตายนั้น เหมือนใกล้แต่ก็ไกล คือเป็นใครก็ได้ไม่ว่าผู้อ่านคือชายหรือหญิง เมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้วอดไม่ได้จะนำตนเองไปสวมเป็น ดิฉัน ไม่มากก็น้อย . . . . . . . . . ป.ล. (คนที่ยังไม่เคยอ่านหรือดูหนังมาเลย ควรข้าม) เรื่องนี้มีฉบับฝาแฝด ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จนนักเขียนนิยายไทยท่านหนึ่ง นำโครงเรื่องมาดัดแปลง กลายเป็นนิยายแปลงชื่อ คุณหญิงสีวิกา ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2534 สนพ.หมึกจีน เคยได้รับการนำไปสร้างเป็นละครช่อง 7 นำแสดงโดยคุณแอน อังคณา ทิมดี รับบทคุณหญิงสีวิกา และคุณจอห์นนี่ แอนโฟเน่ รับบทสามี ส่วนภรรยาสาวคนใหม่รับบทโดย คุณลูกศร ธนาภรณ์ รัตนเสน ผมยังได้รับชมเมื่อครั้งเรียนช่วงมัธยมปลายพอจำได้ ตอนนั้นก็สนุกนะ เพราะอยากทราบความจริงที่อยู่เบื้องหลัง ต้องตามอ่านจากไทยรัฐทุกวัน ซึ่งในเรื่องตัวคุณหญิงสีวิกามีอาการของคนที่ศัพท์เฉพาะใช้คำว่า "ฮิสทีเรีย" สมัยนั้นถึงกับมีดราม่ากันใหญ่โตว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายที่ควรนำมาทำเป็นละครฉายทางทีวีช่วงหลังข่าวภาคค่ำจบ ยุคนั้นละครมีประมาณชั่วโมงเดียว เริ่มสักสามทุ่มไปจบสี่ทุ่ม สุดท้ายกระแสต่อต้านเยอะจนไม่แน่ใจว่าถูกตัดทอนให้ตอนสั้นลงแล้วรีบตัดจบเอาดื้อ ๆ หรือไม่ จำไม่ค่อยได้แล้ว #thaitimes #รีเบคกา #นิยายแปล #นิยาย #ลึกลับ #ความวิปริตทางเพศ #มอนติคาโล #ท่องเที่ยว #บ้านริมหาด #คฤหาสน์ #หนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #วรรณกรรมคลาสสิก
    0 Comments 0 Shares 698 Views 0 Reviews
  • ------------------
    2 เรื่องว่าด้วยการ"เลือก"
    ------------------

    1) เลือกส่วนแบ่ง จากพิซซ่าแผ่นเดียว

    ถ้ากินกัน 2 คน
    ให้คนที่1 ตัดแบ่งครึ่ง แล้วคนที่2เลือกก่อน
    ส่วนที่เหลือเป็นของคนที่1

    ถ้ากิน 3 คน
    ให้คนที่1 ตัดแบ่ง แล้วคนที่2 ตรวจสอบ ถ้าเห็นว่าไม่เท่ากันสามารถตัดแต่งเพิ่มเติมได้
    แล้วให้คนที่3 เลือกก่อน ตามด้วยคนที่1 และ 2

    ถ้ากิน 4 คน
    ให้คนที่1ตัดแบ่ง คนที่2 ตรวจสอบ
    คนที่3 เลือกให้คนที่2, คนที่4และคนที่1 เลือกให้ตัวเอง คนที่3 ได้ส่วนที่เหลือ

    เวลาบนโต๊ะอาหารผ่านไปอย่างมีความสุข
    ทุกคนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ "ดี"
    และทุกคนได้เลือกสิ่งที่ตัวเองว่า"ดี"ให้กับตัวเอง
    ต่างคนต่างมีความสุข


    ============

    2) เลือกนักการเมือง

    หากเลือกกัน 2 หมู่
    ให้หมู่1 เอาไม่เขี่ยนักการเมืองออกมา 2 คน
    แล้วให้หมู่2 เลือก1คน เพื่อให้ไปดูแลหมู่1
    คนที่เหลือ ก็ให้ไปดูแลหมู่2

    หากเลือกกัน 3 หมู่
    ให้หมู่1 เอาไม้เขี่ยนักการเมืองออกมา 3 คน
    ให้หมู่2 คัดกรองหรือเปลี่ยนตัวเลือก
    แล้วให้หมู่3 เลือก1คนให้ไปดูแลหมู่1
    แล้วหมู่1 เลือก1คนให้ไปดูแลหมู่2
    คนที่เหลือไปดูแลหมู่3

    เวลาของแต่ละหมู่บ้าน จะผ่านไปพร้อมความชิบหาย
    เพราะแต่ละหมู่ต่างเลือกคนบัดซบให้ไปเป็นตัวแทนของหมู่บ้านอื่น
    โดยที่หมู่ของตนก็ถูกหมู่อื่นยัดเยียดนักการเมืองมาให้สร้างความวิบัติในหมู่บ้านของตัวเองเช่นกัน

    ============
    ทฤษฎีนี้ ซีเรียสนะเนี่ย
    ไม่ใช่เรื่องพร่ำเพ้อเพอร์เฟค 😁😃😆
    ------------------ 2 เรื่องว่าด้วยการ"เลือก" ------------------ 1) เลือกส่วนแบ่ง จากพิซซ่าแผ่นเดียว ถ้ากินกัน 2 คน ให้คนที่1 ตัดแบ่งครึ่ง แล้วคนที่2เลือกก่อน ส่วนที่เหลือเป็นของคนที่1 ถ้ากิน 3 คน ให้คนที่1 ตัดแบ่ง แล้วคนที่2 ตรวจสอบ ถ้าเห็นว่าไม่เท่ากันสามารถตัดแต่งเพิ่มเติมได้ แล้วให้คนที่3 เลือกก่อน ตามด้วยคนที่1 และ 2 ถ้ากิน 4 คน ให้คนที่1ตัดแบ่ง คนที่2 ตรวจสอบ คนที่3 เลือกให้คนที่2, คนที่4และคนที่1 เลือกให้ตัวเอง คนที่3 ได้ส่วนที่เหลือ เวลาบนโต๊ะอาหารผ่านไปอย่างมีความสุข ทุกคนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ "ดี" และทุกคนได้เลือกสิ่งที่ตัวเองว่า"ดี"ให้กับตัวเอง ต่างคนต่างมีความสุข ============ 2) เลือกนักการเมือง หากเลือกกัน 2 หมู่ ให้หมู่1 เอาไม่เขี่ยนักการเมืองออกมา 2 คน แล้วให้หมู่2 เลือก1คน เพื่อให้ไปดูแลหมู่1 คนที่เหลือ ก็ให้ไปดูแลหมู่2 หากเลือกกัน 3 หมู่ ให้หมู่1 เอาไม้เขี่ยนักการเมืองออกมา 3 คน ให้หมู่2 คัดกรองหรือเปลี่ยนตัวเลือก แล้วให้หมู่3 เลือก1คนให้ไปดูแลหมู่1 แล้วหมู่1 เลือก1คนให้ไปดูแลหมู่2 คนที่เหลือไปดูแลหมู่3 เวลาของแต่ละหมู่บ้าน จะผ่านไปพร้อมความชิบหาย เพราะแต่ละหมู่ต่างเลือกคนบัดซบให้ไปเป็นตัวแทนของหมู่บ้านอื่น โดยที่หมู่ของตนก็ถูกหมู่อื่นยัดเยียดนักการเมืองมาให้สร้างความวิบัติในหมู่บ้านของตัวเองเช่นกัน ============ ทฤษฎีนี้ ซีเรียสนะเนี่ย ไม่ใช่เรื่องพร่ำเพ้อเพอร์เฟค 😁😃😆
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • #วันนี้จริงๆแล้วตั้งใจจะไม่โพสถึงเพจกากนี้อีกแล้ว
    ตอบคำถามให้ลุงนุหายสงสัยก่อนว่า
    ทำไมยังไม่เปิดข้อมูล ก็ไม่มีอะไรมาก ข้อมูลมันเยอะ และมีแฟนเพจเค้าตามีปัญหาหลายท่าน ที่อยากทราบข้อความข้อมูลที่พี่คิงส์พิมพ์แต่อ่านไม่ไหว ก็เลยทำเป็นคลิปมีเสียงแทน ซึ่งถ้าลุงนะแหหกตาดูนิดนึงก็เห็นแล้วแหละ แต่คงไม่เข้าใจหรอกว่าพี่คิงส์ทำอะไรเพื่ออะไร ก็มีอาจารย์มีวุฒิแค่ม.ต้น ยังเพิ่งซื้อแอดเป็นแล้วดีใจนั่นแหละ จะไปรู้อะไรที่มันลึกซึ้ง
    ข้อมูล มันจะมีสามแบบ
    1. ข้อมูลที่เปิดเผยได้เลย
    2. ข้อมูลที่ต้องรอเวลา
    3. ข้อมูลที่เปิดเผยไม่ได้ต้องส่งเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่
    คือ ถ้าเพจคิงส์โพสแบบที่ลุงนุโพส คือไม่ต้องหาข้อมูล โพสไปเรื่อย โพสแบบไม่มีแก่นสาร มันทำได้วันเป็นพันโพสนะไอ่นุ แต่นี่คือข้อมูล ที่พี่คิงส์ก็จะมีการซ้อนอ้างอิงไว้ในภาพ หรือในคอมเม้น ซึ่งลุงก็ไม่มีวันเข้าใจตอีกแหละ สรุปจบนะ ที่ถามว่าทำไมไม่โพสไอ่ที่ว่า
    ส่วนที่บอกว่าไม่โพสถึงเพราะกลัวลุงอะไรนั่น อ่านให้ดีๆนับจากบรรทัดนี้ไป
    และจะพิมพ์ถึงเมิงครั้งสุดท้ายแล้วไอ่นุ
    แฟนเพจก็ดูเอา โจมณฑนีลงทุนสอน แล้วอัดงบซื้อแอดให้ด้วยรึเปล่าไม่รู้
    แล้วดู ลุงโพสดิ แล้วจะให้พี่คิงส์ไปโพสถึงอะไรอีก มันเริ่มหยะแหย๋งไปเรื่อยๆ ดาวน์ลงไปแบบ สะอิดสเอียนจริงๆ
    แต่พอดี โพสพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง
    ลักษณะว่า เพจลุงนุ เป็นเพจมีคุณภาพ
    คือ ขอถอนหงอกอีกซักรอบนะครับ
    คือ ตอนแรก พี่คิงส์คิดว่า แกเป็นคนเฒ่าที่แค่หลงตต.เกอร์เกาหลี
    เหมือนกับเฒ่าตันหากลับแบบพื้นๆ ที่เปย์กระเป๋าแบรนด์เนม
    ลาออกจากงานมาเพื่อโพสแต่เรื่องตต.เกอร์เกาหลีธรรมดา
    แต่พออ่านโพสพวกนี้แล้ว มันเกิดอธิบายจริงๆ
    มันมีคำถามขุึ้นมาในใจเลยว่า อายุขนาดนี้ ต้องมีลูก มีภรรยา
    รวมถึงต้องมีรุ่นหลานแล้วด้วย ซึ่งแกแสดงตนว่าตัวแกโสด
    แต่ก็มีคนบอกว่า แกมีลูกโตแล้ว ทำงานแล้วอะไรแบบนี้
    นั่นแปลว่า มีสองทาง เมียแกต้องไม่อยู่เพราะตรุย แต่พี่คิงส์คิดว่า
    สภาพนี้ เมียน่าจะทิ้งละครับ ดูสำนวนภาษาที่พิมพ์
    มันบ่งบอกถึงความ ถ๋อย สถูน ทราาม ยังไงไม่รู้
    แล้วเพ้อพรรณณา เดาว่า น่าจะเป็นแฟนเพจรุ่นลูกรุ่นหลานนี่แหละ
    แล้วไอ่เฒ่านี่ก็ไปจีบ แล้วล่อว่าจะดูแล พอน้องมันได้สติ
    ก็เผ่นดิครับ
    ถ้า ณุ เหงือกแดงผู้ไร้ฟัน เฒ่าชราตันหากลับ อยากรู้ว่า
    ทำไมพี่คิงส์ไม่โพสหา และไม่คิดจะโพสอะไรอีกแล้วถึงเมิง
    ขอให้รู้ไว้ว่า กรรูสะอิดสะเอืยน ไม่ไหว แค่คิดถึงภาพโปรไฟล์เพจแดงๆ
    แล้วมีตัวอักษร Diy reviwev2 มันก็รู้สึกพะอืดพะอม
    และยังคิดว่า ทำไม คนที่หลงรักกามิจ มันเป็นแบบนี้ทุกตัวเลย
    ไอ่เป็ดก็ไม่ต่างกัน ตอนแรกก็คิดว่า ลุงจะดีกว่ามันซักนิดนึง
    สุดท้าย กินกันไม่ลงเลย พอกันทั้งคู่
    นี่ใช่มั๊ย ทีมงานคนดีย์ของโจมณฑนี
    นี่นะเหรอ ผู้ปกป้องดอกเดซี่ แต่ละคน
    ไม่น่าจะมีตัวตนในสังคมจริงได้เลย
    พฤติกรรมของลุงนุนี่นะ โครตน่าอัวสำหรับหญิงสาว
    ที่อยู่ใกล้ชิดมากๆ แก่แบบ ยิ่งกว่ากะโหลกกะลา
    แต่เกินเยียวยา รอแค่ให้รีบ "ตาห่าย" ไปเร็วๆ
    คนแถวบ้าน ลูกชาวบ้าน เมียชาวบ้านระแวกบ้านลุง
    จะได้เดินในที่สาธารณะได้อย่างปลอดภัย
    หรือถ้าใครอยู่แถวนั้น ก็ฝากเตือนๆกันด้วยนะครับ
    เป็นชายผอม หน้าตอบ ชราแล้วแต่ย้อมผมครับ
    คิดว่าสาววัยรุ่นจะดูไม่ออกว่าตัวเองเฒ่าแล้ว
    แกจะไม่ยอมยิ้มเห็นฟันเด็ดขาด เพราะอ้าปากจะเจอแต่เหงือกดำๆ
    กินแอปเปิดแบบไม่เฉาะไม่ได้นะครับ มันจะปลิ้นไปปลิ้นมา
    แล้วชอบคิดว่าตัวเองหล่อมาก เหมือนอาโนลชวาเสน็กเกอร์
    แต่สาระ รูป อาจต้องอุทานว่า อนาถแท้
    ฝากด้วยนะครับ แปะป้ายติดประกาศไว้ก็จะยิ่งเป็นบุญ
    ให้กับลูกกับเมียคนระแวกนั้นได้ครับ
    เอาหละ ณุ ต่อจากนี้ไป เมิงไม่ต้องมาโพสพาดพิงพี่คิงส์อีก
    และขอแฟนเพจ อย่าส่งอะไรที่มันโพสมาอีก
    ชายคนนี้ น่าหยะแหยงเกินกว่าที่จะนำมาเอ่ยถึง
    หรือแม้กระทั่งนึกถึง ทีมงานโจมณฑนี เครือข่ายห้องดีซี
    เค้าคัดมาแล้วจริงๆ คัดแบบที่สังคมจริงไม่เอา
    สังคมจริงเททิ้ง ถ้าเปรียบบัวสี่เหล่า นี่คือยิ่งกว่าชั้นใต้ตม
    แต่เป็นชั้นที่จมต่ำระดับเต่าเผลอไปเคี้ยวยังต้องถุยทิ้งเลย
    ขอความร่วมมือจากแฟนเพจทุกท่านด้วยนะครับ
    ให้มัน ถ๋อย ทราาม และตาาายตามธรรมชาติไปครับ
    อย่าไปให้ความสำคัญ เดี๋ยวมันก็เจอทรรีนคนแถวนั้นเอง
    ไม่น่าอยู่มาได้ถึงวันนี้จริงๆ
    ขอทิ้งท้ายให้สตินะ อายุลุงตอนนี้นะ อีกไม่เกินแบบเต็มที่เลย
    10 ปี ก็เดินไม่ไหวแล้ว เมิงคิดจะใช้ชีวิตแบบนี้จนตาาายจริงๆเหรอ
    ก็แล้วแต่นะ เอาที่สบายใจ กรรรูสบายใจแบบนี้แหละ
    ที่ไม่ยุ่งกับขยะเก่าๆเปียกๆแบบเมิงอีก
    โจเลือกแม่ทัพเพื่อมาตอบโต้กับคิงส์ได้สมกับ
    ที่จบการศึกษาแค่ม.ต้นจริงๆ ขอชื่นชม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #วันนี้จริงๆแล้วตั้งใจจะไม่โพสถึงเพจกากนี้อีกแล้ว ตอบคำถามให้ลุงนุหายสงสัยก่อนว่า ทำไมยังไม่เปิดข้อมูล ก็ไม่มีอะไรมาก ข้อมูลมันเยอะ และมีแฟนเพจเค้าตามีปัญหาหลายท่าน ที่อยากทราบข้อความข้อมูลที่พี่คิงส์พิมพ์แต่อ่านไม่ไหว ก็เลยทำเป็นคลิปมีเสียงแทน ซึ่งถ้าลุงนะแหหกตาดูนิดนึงก็เห็นแล้วแหละ แต่คงไม่เข้าใจหรอกว่าพี่คิงส์ทำอะไรเพื่ออะไร ก็มีอาจารย์มีวุฒิแค่ม.ต้น ยังเพิ่งซื้อแอดเป็นแล้วดีใจนั่นแหละ จะไปรู้อะไรที่มันลึกซึ้ง ข้อมูล มันจะมีสามแบบ 1. ข้อมูลที่เปิดเผยได้เลย 2. ข้อมูลที่ต้องรอเวลา 3. ข้อมูลที่เปิดเผยไม่ได้ต้องส่งเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ คือ ถ้าเพจคิงส์โพสแบบที่ลุงนุโพส คือไม่ต้องหาข้อมูล โพสไปเรื่อย โพสแบบไม่มีแก่นสาร มันทำได้วันเป็นพันโพสนะไอ่นุ แต่นี่คือข้อมูล ที่พี่คิงส์ก็จะมีการซ้อนอ้างอิงไว้ในภาพ หรือในคอมเม้น ซึ่งลุงก็ไม่มีวันเข้าใจตอีกแหละ สรุปจบนะ ที่ถามว่าทำไมไม่โพสไอ่ที่ว่า ส่วนที่บอกว่าไม่โพสถึงเพราะกลัวลุงอะไรนั่น อ่านให้ดีๆนับจากบรรทัดนี้ไป และจะพิมพ์ถึงเมิงครั้งสุดท้ายแล้วไอ่นุ แฟนเพจก็ดูเอา โจมณฑนีลงทุนสอน แล้วอัดงบซื้อแอดให้ด้วยรึเปล่าไม่รู้ แล้วดู ลุงโพสดิ แล้วจะให้พี่คิงส์ไปโพสถึงอะไรอีก มันเริ่มหยะแหย๋งไปเรื่อยๆ ดาวน์ลงไปแบบ สะอิดสเอียนจริงๆ แต่พอดี โพสพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง ลักษณะว่า เพจลุงนุ เป็นเพจมีคุณภาพ คือ ขอถอนหงอกอีกซักรอบนะครับ คือ ตอนแรก พี่คิงส์คิดว่า แกเป็นคนเฒ่าที่แค่หลงตต.เกอร์เกาหลี เหมือนกับเฒ่าตันหากลับแบบพื้นๆ ที่เปย์กระเป๋าแบรนด์เนม ลาออกจากงานมาเพื่อโพสแต่เรื่องตต.เกอร์เกาหลีธรรมดา แต่พออ่านโพสพวกนี้แล้ว มันเกิดอธิบายจริงๆ มันมีคำถามขุึ้นมาในใจเลยว่า อายุขนาดนี้ ต้องมีลูก มีภรรยา รวมถึงต้องมีรุ่นหลานแล้วด้วย ซึ่งแกแสดงตนว่าตัวแกโสด แต่ก็มีคนบอกว่า แกมีลูกโตแล้ว ทำงานแล้วอะไรแบบนี้ นั่นแปลว่า มีสองทาง เมียแกต้องไม่อยู่เพราะตรุย แต่พี่คิงส์คิดว่า สภาพนี้ เมียน่าจะทิ้งละครับ ดูสำนวนภาษาที่พิมพ์ มันบ่งบอกถึงความ ถ๋อย สถูน ทราาม ยังไงไม่รู้ แล้วเพ้อพรรณณา เดาว่า น่าจะเป็นแฟนเพจรุ่นลูกรุ่นหลานนี่แหละ แล้วไอ่เฒ่านี่ก็ไปจีบ แล้วล่อว่าจะดูแล พอน้องมันได้สติ ก็เผ่นดิครับ ถ้า ณุ เหงือกแดงผู้ไร้ฟัน เฒ่าชราตันหากลับ อยากรู้ว่า ทำไมพี่คิงส์ไม่โพสหา และไม่คิดจะโพสอะไรอีกแล้วถึงเมิง ขอให้รู้ไว้ว่า กรรูสะอิดสะเอืยน ไม่ไหว แค่คิดถึงภาพโปรไฟล์เพจแดงๆ แล้วมีตัวอักษร Diy reviwev2 มันก็รู้สึกพะอืดพะอม และยังคิดว่า ทำไม คนที่หลงรักกามิจ มันเป็นแบบนี้ทุกตัวเลย ไอ่เป็ดก็ไม่ต่างกัน ตอนแรกก็คิดว่า ลุงจะดีกว่ามันซักนิดนึง สุดท้าย กินกันไม่ลงเลย พอกันทั้งคู่ นี่ใช่มั๊ย ทีมงานคนดีย์ของโจมณฑนี นี่นะเหรอ ผู้ปกป้องดอกเดซี่ แต่ละคน ไม่น่าจะมีตัวตนในสังคมจริงได้เลย พฤติกรรมของลุงนุนี่นะ โครตน่าอัวสำหรับหญิงสาว ที่อยู่ใกล้ชิดมากๆ แก่แบบ ยิ่งกว่ากะโหลกกะลา แต่เกินเยียวยา รอแค่ให้รีบ "ตาห่าย" ไปเร็วๆ คนแถวบ้าน ลูกชาวบ้าน เมียชาวบ้านระแวกบ้านลุง จะได้เดินในที่สาธารณะได้อย่างปลอดภัย หรือถ้าใครอยู่แถวนั้น ก็ฝากเตือนๆกันด้วยนะครับ เป็นชายผอม หน้าตอบ ชราแล้วแต่ย้อมผมครับ คิดว่าสาววัยรุ่นจะดูไม่ออกว่าตัวเองเฒ่าแล้ว แกจะไม่ยอมยิ้มเห็นฟันเด็ดขาด เพราะอ้าปากจะเจอแต่เหงือกดำๆ กินแอปเปิดแบบไม่เฉาะไม่ได้นะครับ มันจะปลิ้นไปปลิ้นมา แล้วชอบคิดว่าตัวเองหล่อมาก เหมือนอาโนลชวาเสน็กเกอร์ แต่สาระ รูป อาจต้องอุทานว่า อนาถแท้ ฝากด้วยนะครับ แปะป้ายติดประกาศไว้ก็จะยิ่งเป็นบุญ ให้กับลูกกับเมียคนระแวกนั้นได้ครับ เอาหละ ณุ ต่อจากนี้ไป เมิงไม่ต้องมาโพสพาดพิงพี่คิงส์อีก และขอแฟนเพจ อย่าส่งอะไรที่มันโพสมาอีก ชายคนนี้ น่าหยะแหยงเกินกว่าที่จะนำมาเอ่ยถึง หรือแม้กระทั่งนึกถึง ทีมงานโจมณฑนี เครือข่ายห้องดีซี เค้าคัดมาแล้วจริงๆ คัดแบบที่สังคมจริงไม่เอา สังคมจริงเททิ้ง ถ้าเปรียบบัวสี่เหล่า นี่คือยิ่งกว่าชั้นใต้ตม แต่เป็นชั้นที่จมต่ำระดับเต่าเผลอไปเคี้ยวยังต้องถุยทิ้งเลย ขอความร่วมมือจากแฟนเพจทุกท่านด้วยนะครับ ให้มัน ถ๋อย ทราาม และตาาายตามธรรมชาติไปครับ อย่าไปให้ความสำคัญ เดี๋ยวมันก็เจอทรรีนคนแถวนั้นเอง ไม่น่าอยู่มาได้ถึงวันนี้จริงๆ ขอทิ้งท้ายให้สตินะ อายุลุงตอนนี้นะ อีกไม่เกินแบบเต็มที่เลย 10 ปี ก็เดินไม่ไหวแล้ว เมิงคิดจะใช้ชีวิตแบบนี้จนตาาายจริงๆเหรอ ก็แล้วแต่นะ เอาที่สบายใจ กรรรูสบายใจแบบนี้แหละ ที่ไม่ยุ่งกับขยะเก่าๆเปียกๆแบบเมิงอีก โจเลือกแม่ทัพเพื่อมาตอบโต้กับคิงส์ได้สมกับ ที่จบการศึกษาแค่ม.ต้นจริงๆ ขอชื่นชม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 798 Views 0 Reviews
  • #วันนี้มีแต่ข้อมูลหนักๆมาทั้งวัน
    ตาลุงผู้คลั่งรักก็เพ้อเจ้อโพสถึงพี่คิงส์โพสเลอะเทอะทั้งวันเหมือนกัน
    จริงๆไม่อยากอะไรกับตัวเบี้ย เพราะจะเน้นเล่นหัวๆ
    แต่ลุงก็ว็อนท์เหลือเกิน
    เอาๆ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับถ้าพี่คิงส์ไม่โพสถึง
    อ้อ เล่านิดนึง ลุงแกเป็นใคร เผื่อแฟนเพจไม่ได้อ่านโพสก่อนหน้า
    ลุงคนนี้ คือลุงผู้คลั่งรัก เปย์ให้น้องกามิจ สก็อยกิมจิ๊ไปเยอะ
    อย่างน้อยๆที่รู้ กระเป๋าแบรนด์เนมส์สองใบละกัน
    ยอมลาออกจากงาน พอรู้ว่าแน๊กเลิกกับอิเหม็นยิ่งหนัก
    ฝันเวิ้งว่า ถ้าไม่มีชาลี ก็ต้องถึงรอบของแกแล้วแหละ
    หลังจากเอาภาพอิเหม็นติดห้องน้ำ สำเร็จโทษตัวเองมานานหลายเดือน
    ฝันอาจจะได้เป็นจริง ลุงแกเลย เอาเพจที่คิดว่า
    จะเอาความรู้เรื่องการประดิษฐ์นั่นนี่ มาให้แฟนเพจติดตาม
    ก็ไม่ทำเพจใหม่นะ เอาเพจนี้แหละ เอามาชะเลียอิเหวิงทุกวี่วัน
    และด้วยความลุงแกอิจ น้องแน๊กมานาน ก็เป็นมารหัวใจแกเนาะ
    ได้โอกาสก็เล่นงานแน็ก ให้ร้ายแน๊ก เสริมทัพกับพวกอิโจมัณฑนี
    มันไปเข้าตาอิโจมาก เพราะพี่คิงส์เล่นจนโจท้อ บ่นว่าโดนทั้งวันทุกวัน
    และรำพันว่าชีวิตตัวเองนั้น เหมือนกามิจเป๊ะ ฮ่าๆๆๆๆ
    เลยทักหาตาลุงผู้คลั่งรัก เห็นว่าโพสไปก็ไม่ค่อยมีคนเห็น
    ตาลุงเลยได้เคล็ดวิชาขั้นสุดยอดคือการซื้อADครับ
    อูย แกโพสดีใจใหญ่ เหมือนได้อาวุดเทพ มาตอบโต้พี่คิงส์
    แกหิวแสงหนักมาก ท้าทายพี่คิงส์ไปโหนกระแส พี่ก็งงว่า
    เค้าจะเอาลุงไปออกทำไมก่อน ลุงสำคัญยังไง
    แค่ทำเพจเล่นงานแน๊ก และชะเลียอิเหม็น มันสำคัญต่อประเทศชาติยังไง
    คือลุงแกคิดว่าแกคือสื่อหลักของประเทศไปแล้ว
    ลุงลืมไปว่า ไอ่ที่คนกดไลค์ให้แกเยอะๆ คือซื้อAd
    แล้วเดี๋ยวนี้ ซื้อบ่อยด้วย 55555
    พอพี่คิงส์ไม่ได้สนใจ โน่น ไปดักที่ตต. ตอนนั้นแกปิดแมสด้วย ก็งงว่าโคมันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว แกปิดทำไมหว่า อ้อสรุปแกไม่มีฟัน
    5555555555555555555555
    แกเลยฝากคนนั้นคนนี้ให้แชทมาวุ้ย
    ว่ารอพี่คิงส์ไปตีแบต เอ้ย ดีเบด พี่คิงส์ก็ตอบไปว่า
    "ให้ลุงแกรอไปนะ กรรรูจานอน"
    และหลังจากนั้น ลุงแกก็ส่องเพจพี่คิงส์ทั้งวันทั้งคืน
    ดุจเป็นแฟนพันธิ์แท้ แล้วพี่คิงส์ก็อำแกเล่นๆ
    ว่าแกคือคนในข่าวไง ที่ได้เงินหมื่นมาแล้วมาวตกน้ำ
    แกนะ 555 ไปทำเฟสใหม่ ใส่หน้าคนที่เชียร์น้องแน๊กเว้ย
    ในโปรไฟล์ แล้วทำภาพชี้แจงใหญ่เลยว่า ไม่ใช้ตัวเอง
    แหม่ ใส่ทาร์มไลน์นะ ว่าเวลานั้นเวลานี้ ยังไลฟ์ตต.
    ในภาพไม่ใช่ตัวเอง พี่คิงส์ลำใยก็เลยแบนไป
    แกก็โป๊ะนะ บ่นใหญ่เลย ว่าคนจะอธิบายก็มาแบน
    ร่ายอีกยาว บลาๆๆๆๆ
    พี่คิงส์เห็นแล้วซึ่งความพยายามของชายชราหนึ่งคน
    ที่อยากมีคนคุยด้วยแหละ ดูออก จริงๆพี่คิงส์เคยใส่แกยับนะ
    โพสนั้น ตั้งใจให้แกเกิดสำนึก กลับไปใส่ใจกับครอบครัว
    มิได้นำพาไม่ แรงกระตุ้นจากอะไรู้มั๊ย
    ก็อิโจ กับไอ่เปร็ดอะดิ ไปชี้เป้าทุกเพจ ทุกช่อง
    ที่เล่นงานน้องแน๊ก ให้อิเหม็นส่งติ๊กเกอร์ของขวัญ
    ดอกไม้ให้ใน แชทตต. หูยยยตาลุง อวดเลย
    ยังไม่พอ พออิโจทักไป ก็โพสอีก ปล่อยไก่เลย
    อิโจมณทนี ผู้ซึ่งตีแบ๊วว่าไม่เคยคิดไม่ดีกับน้องแน๊กเลย
    กลับทักมาหาตาลุงซึ่งเล่นแน๊กหนักมาก
    แถมตาลุงเปิดแชตให้ดูด้วย ประมาณว่าเรียกโจมณฑทนีผู้จบแค่ม.ต้นว่า
    อาจารย์ นี่แหละคือเรื่องราวส่วนหนึ่งของลุงผู้คลั่งรัก
    เพื่อนบ้านระอา เวลามาวขึ้นมาก็ชอบเอะอะโวยวาย
    เลยต้องมาเฝ้าอยู่ในโลกโซเชียล ได้พาดพิงพี่คิงส์บ้าง
    ก็มีคนทุยๆมากดเห็นด้วย สนุกนานในโลกกะลาของแกไป
    คือพี่คิงส์ก็สงสารแฟนเพจนะบางที ว่าเอาภาพเอาเพจกากๆที่ไหน
    เอาจริงๆนะ จำนวนไม่น้อยนะที่บอกว่า ใครครับ ใครค่ะพี่คิงส์
    ไม่เห็นรู้จักเลย นี่แหละ จึงเป็นที่มาต้องอธิบายรายละเอียดยาวขนาดนี้
    แต่ขอพี่คิงส์สงเคราะห์แกหน่อยนะทุกคน อย่าว่าพี่คิงส์เลย
    ใจก็อยากให้แกตาหลับแบบไม่ติดค้าง แต่ก็ก็ไม่อยากไปโดยธรรมชาติ
    ลูกหลานไม่นับถือ เพราะลุงแกทำตัวแบบนี้แหละ ฝันอยากเป็นชายผู้โชคดีคนต่อไป ของอิเหม็น 55555555555555555555
    เอ้าๆ มาถึงประเด็นของภาพ คือ แกโพสภาพแกไง ว่าแกน่ะกล้าเปิดหน้า โชว์หล่อเลย แล้วบอกว่าตัวเองเหมือนอาโนล แต่พี่คิงส์มองยังไง
    ก็ดูแล้ว"อาหนาด" แล้วพี่คิงส์ก็เลยท้าแก ว่าแน่จริงลุงยิ้มแล้วถ่ายรุปมา
    ถ้ากล้า พี่คิงส์จะโพสขอขมาแก เออพี่คิงส์เอาจริงนะ
    ปรากฏว่า แกไปโพสุว้ยว่า ถ้าเชื่อก็กลัวดิ 5555
    ลุงเหมือนวัยรุ่นเหงือกแดงเลย ได้ฮาทุกวัน
    แล้วตอนนี้นะ เพจแกอะ มีคนติดตามเยอะขึ้นะ
    ใครรู้ป่ะ ก็แฟนเพจพี่คิงส์อะแหละ ชอบแอบไปส่องแก
    แล้วก็ขำคนเดียว แล้วอย่าเผลอไปคอมเม้นให้แกเสียใจนะ
    แกแบน 55555555555
    นี่แหละ สรุป แกไม่ยอมยิ้มให้เห็นฟัน แกอ่อน แกไม่กล้า
    อ้างนั่นอ้างนี่สารพัด พี่คิงส์เลยทำภาพนี้มาให้ทาย
    ว่า แฟนเพจคิดว่า ถ้าลุงแกยิ้ม น่าจะเป็นเลขไหน
    ลองทายกันมาสนุกๆเบาๆตอนเย็นๆครับ
    ลุงผู้คลั่งรักเห็นโพสแล้วจะได้ไม่มีอะไรติดค้าง
    คืนนี้เผื่อแกไปจะได้ไปตาหลับครับ สงเคราะห์แกหน่อย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #วันนี้มีแต่ข้อมูลหนักๆมาทั้งวัน ตาลุงผู้คลั่งรักก็เพ้อเจ้อโพสถึงพี่คิงส์โพสเลอะเทอะทั้งวันเหมือนกัน จริงๆไม่อยากอะไรกับตัวเบี้ย เพราะจะเน้นเล่นหัวๆ แต่ลุงก็ว็อนท์เหลือเกิน เอาๆ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับถ้าพี่คิงส์ไม่โพสถึง อ้อ เล่านิดนึง ลุงแกเป็นใคร เผื่อแฟนเพจไม่ได้อ่านโพสก่อนหน้า ลุงคนนี้ คือลุงผู้คลั่งรัก เปย์ให้น้องกามิจ สก็อยกิมจิ๊ไปเยอะ อย่างน้อยๆที่รู้ กระเป๋าแบรนด์เนมส์สองใบละกัน ยอมลาออกจากงาน พอรู้ว่าแน๊กเลิกกับอิเหม็นยิ่งหนัก ฝันเวิ้งว่า ถ้าไม่มีชาลี ก็ต้องถึงรอบของแกแล้วแหละ หลังจากเอาภาพอิเหม็นติดห้องน้ำ สำเร็จโทษตัวเองมานานหลายเดือน ฝันอาจจะได้เป็นจริง ลุงแกเลย เอาเพจที่คิดว่า จะเอาความรู้เรื่องการประดิษฐ์นั่นนี่ มาให้แฟนเพจติดตาม ก็ไม่ทำเพจใหม่นะ เอาเพจนี้แหละ เอามาชะเลียอิเหวิงทุกวี่วัน และด้วยความลุงแกอิจ น้องแน๊กมานาน ก็เป็นมารหัวใจแกเนาะ ได้โอกาสก็เล่นงานแน็ก ให้ร้ายแน๊ก เสริมทัพกับพวกอิโจมัณฑนี มันไปเข้าตาอิโจมาก เพราะพี่คิงส์เล่นจนโจท้อ บ่นว่าโดนทั้งวันทุกวัน และรำพันว่าชีวิตตัวเองนั้น เหมือนกามิจเป๊ะ ฮ่าๆๆๆๆ เลยทักหาตาลุงผู้คลั่งรัก เห็นว่าโพสไปก็ไม่ค่อยมีคนเห็น ตาลุงเลยได้เคล็ดวิชาขั้นสุดยอดคือการซื้อADครับ อูย แกโพสดีใจใหญ่ เหมือนได้อาวุดเทพ มาตอบโต้พี่คิงส์ แกหิวแสงหนักมาก ท้าทายพี่คิงส์ไปโหนกระแส พี่ก็งงว่า เค้าจะเอาลุงไปออกทำไมก่อน ลุงสำคัญยังไง แค่ทำเพจเล่นงานแน๊ก และชะเลียอิเหม็น มันสำคัญต่อประเทศชาติยังไง คือลุงแกคิดว่าแกคือสื่อหลักของประเทศไปแล้ว ลุงลืมไปว่า ไอ่ที่คนกดไลค์ให้แกเยอะๆ คือซื้อAd แล้วเดี๋ยวนี้ ซื้อบ่อยด้วย 55555 พอพี่คิงส์ไม่ได้สนใจ โน่น ไปดักที่ตต. ตอนนั้นแกปิดแมสด้วย ก็งงว่าโคมันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว แกปิดทำไมหว่า อ้อสรุปแกไม่มีฟัน 5555555555555555555555 แกเลยฝากคนนั้นคนนี้ให้แชทมาวุ้ย ว่ารอพี่คิงส์ไปตีแบต เอ้ย ดีเบด พี่คิงส์ก็ตอบไปว่า "ให้ลุงแกรอไปนะ กรรรูจานอน" และหลังจากนั้น ลุงแกก็ส่องเพจพี่คิงส์ทั้งวันทั้งคืน ดุจเป็นแฟนพันธิ์แท้ แล้วพี่คิงส์ก็อำแกเล่นๆ ว่าแกคือคนในข่าวไง ที่ได้เงินหมื่นมาแล้วมาวตกน้ำ แกนะ 555 ไปทำเฟสใหม่ ใส่หน้าคนที่เชียร์น้องแน๊กเว้ย ในโปรไฟล์ แล้วทำภาพชี้แจงใหญ่เลยว่า ไม่ใช้ตัวเอง แหม่ ใส่ทาร์มไลน์นะ ว่าเวลานั้นเวลานี้ ยังไลฟ์ตต. ในภาพไม่ใช่ตัวเอง พี่คิงส์ลำใยก็เลยแบนไป แกก็โป๊ะนะ บ่นใหญ่เลย ว่าคนจะอธิบายก็มาแบน ร่ายอีกยาว บลาๆๆๆๆ พี่คิงส์เห็นแล้วซึ่งความพยายามของชายชราหนึ่งคน ที่อยากมีคนคุยด้วยแหละ ดูออก จริงๆพี่คิงส์เคยใส่แกยับนะ โพสนั้น ตั้งใจให้แกเกิดสำนึก กลับไปใส่ใจกับครอบครัว มิได้นำพาไม่ แรงกระตุ้นจากอะไรู้มั๊ย ก็อิโจ กับไอ่เปร็ดอะดิ ไปชี้เป้าทุกเพจ ทุกช่อง ที่เล่นงานน้องแน๊ก ให้อิเหม็นส่งติ๊กเกอร์ของขวัญ ดอกไม้ให้ใน แชทตต. หูยยยตาลุง อวดเลย ยังไม่พอ พออิโจทักไป ก็โพสอีก ปล่อยไก่เลย อิโจมณทนี ผู้ซึ่งตีแบ๊วว่าไม่เคยคิดไม่ดีกับน้องแน๊กเลย กลับทักมาหาตาลุงซึ่งเล่นแน๊กหนักมาก แถมตาลุงเปิดแชตให้ดูด้วย ประมาณว่าเรียกโจมณฑทนีผู้จบแค่ม.ต้นว่า อาจารย์ นี่แหละคือเรื่องราวส่วนหนึ่งของลุงผู้คลั่งรัก เพื่อนบ้านระอา เวลามาวขึ้นมาก็ชอบเอะอะโวยวาย เลยต้องมาเฝ้าอยู่ในโลกโซเชียล ได้พาดพิงพี่คิงส์บ้าง ก็มีคนทุยๆมากดเห็นด้วย สนุกนานในโลกกะลาของแกไป คือพี่คิงส์ก็สงสารแฟนเพจนะบางที ว่าเอาภาพเอาเพจกากๆที่ไหน เอาจริงๆนะ จำนวนไม่น้อยนะที่บอกว่า ใครครับ ใครค่ะพี่คิงส์ ไม่เห็นรู้จักเลย นี่แหละ จึงเป็นที่มาต้องอธิบายรายละเอียดยาวขนาดนี้ แต่ขอพี่คิงส์สงเคราะห์แกหน่อยนะทุกคน อย่าว่าพี่คิงส์เลย ใจก็อยากให้แกตาหลับแบบไม่ติดค้าง แต่ก็ก็ไม่อยากไปโดยธรรมชาติ ลูกหลานไม่นับถือ เพราะลุงแกทำตัวแบบนี้แหละ ฝันอยากเป็นชายผู้โชคดีคนต่อไป ของอิเหม็น 55555555555555555555 เอ้าๆ มาถึงประเด็นของภาพ คือ แกโพสภาพแกไง ว่าแกน่ะกล้าเปิดหน้า โชว์หล่อเลย แล้วบอกว่าตัวเองเหมือนอาโนล แต่พี่คิงส์มองยังไง ก็ดูแล้ว"อาหนาด" แล้วพี่คิงส์ก็เลยท้าแก ว่าแน่จริงลุงยิ้มแล้วถ่ายรุปมา ถ้ากล้า พี่คิงส์จะโพสขอขมาแก เออพี่คิงส์เอาจริงนะ ปรากฏว่า แกไปโพสุว้ยว่า ถ้าเชื่อก็กลัวดิ 5555 ลุงเหมือนวัยรุ่นเหงือกแดงเลย ได้ฮาทุกวัน แล้วตอนนี้นะ เพจแกอะ มีคนติดตามเยอะขึ้นะ ใครรู้ป่ะ ก็แฟนเพจพี่คิงส์อะแหละ ชอบแอบไปส่องแก แล้วก็ขำคนเดียว แล้วอย่าเผลอไปคอมเม้นให้แกเสียใจนะ แกแบน 55555555555 นี่แหละ สรุป แกไม่ยอมยิ้มให้เห็นฟัน แกอ่อน แกไม่กล้า อ้างนั่นอ้างนี่สารพัด พี่คิงส์เลยทำภาพนี้มาให้ทาย ว่า แฟนเพจคิดว่า ถ้าลุงแกยิ้ม น่าจะเป็นเลขไหน ลองทายกันมาสนุกๆเบาๆตอนเย็นๆครับ ลุงผู้คลั่งรักเห็นโพสแล้วจะได้ไม่มีอะไรติดค้าง คืนนี้เผื่อแกไปจะได้ไปตาหลับครับ สงเคราะห์แกหน่อย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    Yay
    9
    3 Comments 0 Shares 848 Views 0 Reviews
  • #เปลี่ยนใจเพราะไปสัญญากับแฟนเพจ
    #ครบ1500ไลค์ก็จัดไป
    นิทาน ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่
    ตอน เปิดวังศรีธัญญ่ากับเทพหมา888
    กลางครั้งหนึ่ง ที่ไม่ย้อนในสามอีพีที่ผ่านมา
    วันนี้ เราไปเปิดวังศรีธัญญ่าที่ปัจุบัน เป็นที่รู้กันว่า มีเทพแม่เลี้ยงเดี่ยว
    ที่ไม่มีที่พึ่งพาทางใจอยู่ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็น
    หวังคำมโน จากเฒ่าจีมันทโน เพื่อชะโลมใจ โดยยอมแลกด้วย
    ด้วยพรที่มีแบบหมดหน้าตัก
    แต่ เทพตัวผู้ก็มี เช่น ไอ่ปี๋หน้าเห็ด ที่หลุดเข้าไปได้เพราะความกาก ความต่ำ เฒ่าจีมันทโน ดึงไปท่ามกลางเทพเป๋าหนัก เพื่อเป็นลูกมือในการทำอะไรก็ตามที่มันมีความเสี่ยง เพราะคนอย่างปี๋ พี่เหือ ทำได้ทุกอย่าง
    แต่วันนี้ เราจะพุ่งเป้ามาดูตัวละครลับ แต่เป็นตัวสำคัญในนิทานเรื่องนี้
    ที่ยังไม่มีใครเปิด แต่พี่คิงส์เปิดก่อนเลยไม่รอ เพราะตอนนี้ เทพตนนี้ใช้ทรัพยากรที่มี เล่นงานเพื่อนชาวนา ถึงกับบ้านปลิวไปหลายหลัง
    ขอให้แฟนเพจทุกท่าน ทำความรู้จักกับ เทพหมา888 เทพหมา เป็นการจำแลงกายมา จริงๆก็ไม่ได้อินอะไรกับบทบาทของอินังงูเหม็น แต่นี่คือช่องทางในการเปลี่ยนกงเต็กจากโลกแห่งความมืด ให้กลายเป็นเงินจริงในโลกมนุษย์
    -เทพหมา888 ก็คือมารหมา888 แค่เข้ามาฝังในวังศรีธัญญ่า เออ ออ ไปตามประสา และยังมีร่างทรงกองกอย ไว้ส่งของขวัญหนักๆ แบบไม่เปิดหน้า ในระหว่างการแข่งขันของนังงูพิษ
    -มารหมา888 เป็นเจ้าพ่อ ของโลกแห่งความมืด มีมารสีกากีอยู่เบื้องหลัง จึงรอดมาได้ถึงวันนี้ แต่ปัญหาก็คือ กงเต็กที่มี มันเอาออกมาไม่ได้ มีเป็นแสนล้าน ก็เหมือนไม่มี และช่วงที่ผ่านมา มีการสืบเส้นทางของกงเต็กหนักมาก ทำให้หลายธุรกิจที่สั่งให้ผีดิบเมืองมนุษ์ทำ เช่น การขายเกวียนมือสอง การซื้อวัง แม้กระทั่ง กลุ่มซุปเปอร์เกวียน ต้องเทกันจ้าระหวั่น เพื่อดึงเข้าสู่ระบบกงเต็กคืน ไม่งั้นบังลัย
    -เทพหมา888 ถึงจะยิ่งใหญ่ในโลกแห่งความมืด แต่ก็ยังมีจักรวาลแห่งความมืด ที่ยิ่งใหญ่กว่า โดยจักรวาลแห่งความมืด คือเจ้าของตัวจริงของวังศรีธัญญ่า โดยมีการสร้างบ้านหลังหนึ่ง ชื่อ เอเจนซ่า ไว้รวบรวมคนแบบ งูเหม็น เอาไว้สร้างการแข่งขัน เพื่อให้ ทั้งโลกและจักรวาลแห่งความมืด ใช้แทรกกงเต็กเข้าระบบ และเปลี่ยนเป็นเงินของโลกมนุษย์ให้สะอาด
    -มารหมา888 จึงวางโปรเจคใหญ่ ด้วยการเพิ่มปริมาณทรัพยากร ด้วยทุนทรัพย์ที่มหาศาลจากจักรวาลแห่งความมืด ระดมมารทั่วจักรวาลมาทำงานใหญ่ มีทั้งเครื่องมือเทพ ไว้สร้างผีกองกอย ได้จำนวนมหาศาล ไว้ปั่นป่วนทั้งภพเทพ และภพมนุษย์
    -ช่วงนี้ บ้านคนดีๆถูกพายุผี พัดบ้านปลิวไปทีละหลังสองหลัง
    โดยมี จีมันทโน นังเฒ่า สร้างวาทะกรรมว่า เพื่อนชาวนาหน้าหล่อ สงบปากสงบคำ ก็เพราะตาสว่าง แต่เบื้องหลัง ใช้ไอ่ปี๋หน้าเห็ด บัญชาการชั้นรอง ปักเป้านำผีนรกเป็นฝูงราว 500-2000 ตัว เข้าปะทะบ้านคนดีๆพร้อมกัน บ้านจึงปลิวไปอย่างน่าเสียดาย
    แต่ เรื่องนี้ ได้ถึงเง็กเซียน และได้ส่งทหารสวรรค์ เข้ามาตรวจสอบ
    แต่ความพยามอย่างไม่ลดละ ของจักรวาลแห่งความมืด มันก็อัดฉีดเต็มกำลัง เพราะทั้งทวีปมนุษย์สีขาว สีเหลือง สีดำ หรือหน้าคมเข้ม ต่างก็รู้แผนของโลกแห่งความมืด และขับไล่ออกจากดินแดน
    ดังนั้น โลกแห่งความอิสระนี่แหละ ที่เป็นเป้าหมาย
    เพราะเต็มไปด้วยจองหงวน และผู้มีอำนาจที่ช่อฉล
    พร้อมเปิดทางให้โลกและจักรวาลแห่งความมืด ได้ความง่ายดายในทุกแผน
    แต่ก็ยังมีจองหงวน และจอมยุทธทั่วหล้า ที่พร้อมจะยืนหยัด
    ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือชาวนาหน้าหล่อ 1 คนอีกต่อไป
    แต่มันคือการยืนหยัดเพื่อรักษาพิภพนี้
    เพราะเมื่อใด ที่โลกแห่งความอิสระ ถูกครอบด้วยวิถีมาร
    จากจักรวาลแห่งความมืด นั่นหมายถึงเราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไป
    จากจุดที่เคยอยู่กันอย่างผาสุขอีกเลย
    และนี่คือ อีพี 4
    ทั้งๆที่พี่คิงส์เอง ก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว อยากชนตรงๆ
    แต่มองดูสัญญา ที่ให้ไว้กับแฟนเพจ ก็ต้องทำ
    ไหนๆก็ทำแล้ว เพจคิงส์โพธิ์แดง
    ก็จะเปิดทั้งความจริงแบบตรงๆ
    และมีนิทานสนุกๆที่ไม่ได้อ้างอิงกับคนจริงๆ
    ไว้ให้แฟนเพจได้อ่านกัน
    ส่วนไอ่เฒ่าผู้คลั่งรักที่ฟันหน้าหายหมดแล้ว
    ปล่อยมันให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ
    ระดับลิ่วล้อกากๆ ละไว้ก่อน ให้มันเพ้อไปว่ายิงแอดเป็นแล้ว
    ช่วงนี้ของเล่นหัวเท่านั้น รอติดตามอีพีห้าต่อไป
    เดี๋ยวหัวค่ำ จะทำเป็นนิทานเสียง ให้แฟนเพจที่ไม่ชอบอ่านยาวๆได้ฟังกัน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เปลี่ยนใจเพราะไปสัญญากับแฟนเพจ #ครบ1500ไลค์ก็จัดไป นิทาน ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่ ตอน เปิดวังศรีธัญญ่ากับเทพหมา888 กลางครั้งหนึ่ง ที่ไม่ย้อนในสามอีพีที่ผ่านมา วันนี้ เราไปเปิดวังศรีธัญญ่าที่ปัจุบัน เป็นที่รู้กันว่า มีเทพแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ไม่มีที่พึ่งพาทางใจอยู่ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็น หวังคำมโน จากเฒ่าจีมันทโน เพื่อชะโลมใจ โดยยอมแลกด้วย ด้วยพรที่มีแบบหมดหน้าตัก แต่ เทพตัวผู้ก็มี เช่น ไอ่ปี๋หน้าเห็ด ที่หลุดเข้าไปได้เพราะความกาก ความต่ำ เฒ่าจีมันทโน ดึงไปท่ามกลางเทพเป๋าหนัก เพื่อเป็นลูกมือในการทำอะไรก็ตามที่มันมีความเสี่ยง เพราะคนอย่างปี๋ พี่เหือ ทำได้ทุกอย่าง แต่วันนี้ เราจะพุ่งเป้ามาดูตัวละครลับ แต่เป็นตัวสำคัญในนิทานเรื่องนี้ ที่ยังไม่มีใครเปิด แต่พี่คิงส์เปิดก่อนเลยไม่รอ เพราะตอนนี้ เทพตนนี้ใช้ทรัพยากรที่มี เล่นงานเพื่อนชาวนา ถึงกับบ้านปลิวไปหลายหลัง ขอให้แฟนเพจทุกท่าน ทำความรู้จักกับ เทพหมา888 เทพหมา เป็นการจำแลงกายมา จริงๆก็ไม่ได้อินอะไรกับบทบาทของอินังงูเหม็น แต่นี่คือช่องทางในการเปลี่ยนกงเต็กจากโลกแห่งความมืด ให้กลายเป็นเงินจริงในโลกมนุษย์ -เทพหมา888 ก็คือมารหมา888 แค่เข้ามาฝังในวังศรีธัญญ่า เออ ออ ไปตามประสา และยังมีร่างทรงกองกอย ไว้ส่งของขวัญหนักๆ แบบไม่เปิดหน้า ในระหว่างการแข่งขันของนังงูพิษ -มารหมา888 เป็นเจ้าพ่อ ของโลกแห่งความมืด มีมารสีกากีอยู่เบื้องหลัง จึงรอดมาได้ถึงวันนี้ แต่ปัญหาก็คือ กงเต็กที่มี มันเอาออกมาไม่ได้ มีเป็นแสนล้าน ก็เหมือนไม่มี และช่วงที่ผ่านมา มีการสืบเส้นทางของกงเต็กหนักมาก ทำให้หลายธุรกิจที่สั่งให้ผีดิบเมืองมนุษ์ทำ เช่น การขายเกวียนมือสอง การซื้อวัง แม้กระทั่ง กลุ่มซุปเปอร์เกวียน ต้องเทกันจ้าระหวั่น เพื่อดึงเข้าสู่ระบบกงเต็กคืน ไม่งั้นบังลัย -เทพหมา888 ถึงจะยิ่งใหญ่ในโลกแห่งความมืด แต่ก็ยังมีจักรวาลแห่งความมืด ที่ยิ่งใหญ่กว่า โดยจักรวาลแห่งความมืด คือเจ้าของตัวจริงของวังศรีธัญญ่า โดยมีการสร้างบ้านหลังหนึ่ง ชื่อ เอเจนซ่า ไว้รวบรวมคนแบบ งูเหม็น เอาไว้สร้างการแข่งขัน เพื่อให้ ทั้งโลกและจักรวาลแห่งความมืด ใช้แทรกกงเต็กเข้าระบบ และเปลี่ยนเป็นเงินของโลกมนุษย์ให้สะอาด -มารหมา888 จึงวางโปรเจคใหญ่ ด้วยการเพิ่มปริมาณทรัพยากร ด้วยทุนทรัพย์ที่มหาศาลจากจักรวาลแห่งความมืด ระดมมารทั่วจักรวาลมาทำงานใหญ่ มีทั้งเครื่องมือเทพ ไว้สร้างผีกองกอย ได้จำนวนมหาศาล ไว้ปั่นป่วนทั้งภพเทพ และภพมนุษย์ -ช่วงนี้ บ้านคนดีๆถูกพายุผี พัดบ้านปลิวไปทีละหลังสองหลัง โดยมี จีมันทโน นังเฒ่า สร้างวาทะกรรมว่า เพื่อนชาวนาหน้าหล่อ สงบปากสงบคำ ก็เพราะตาสว่าง แต่เบื้องหลัง ใช้ไอ่ปี๋หน้าเห็ด บัญชาการชั้นรอง ปักเป้านำผีนรกเป็นฝูงราว 500-2000 ตัว เข้าปะทะบ้านคนดีๆพร้อมกัน บ้านจึงปลิวไปอย่างน่าเสียดาย แต่ เรื่องนี้ ได้ถึงเง็กเซียน และได้ส่งทหารสวรรค์ เข้ามาตรวจสอบ แต่ความพยามอย่างไม่ลดละ ของจักรวาลแห่งความมืด มันก็อัดฉีดเต็มกำลัง เพราะทั้งทวีปมนุษย์สีขาว สีเหลือง สีดำ หรือหน้าคมเข้ม ต่างก็รู้แผนของโลกแห่งความมืด และขับไล่ออกจากดินแดน ดังนั้น โลกแห่งความอิสระนี่แหละ ที่เป็นเป้าหมาย เพราะเต็มไปด้วยจองหงวน และผู้มีอำนาจที่ช่อฉล พร้อมเปิดทางให้โลกและจักรวาลแห่งความมืด ได้ความง่ายดายในทุกแผน แต่ก็ยังมีจองหงวน และจอมยุทธทั่วหล้า ที่พร้อมจะยืนหยัด ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือชาวนาหน้าหล่อ 1 คนอีกต่อไป แต่มันคือการยืนหยัดเพื่อรักษาพิภพนี้ เพราะเมื่อใด ที่โลกแห่งความอิสระ ถูกครอบด้วยวิถีมาร จากจักรวาลแห่งความมืด นั่นหมายถึงเราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไป จากจุดที่เคยอยู่กันอย่างผาสุขอีกเลย และนี่คือ อีพี 4 ทั้งๆที่พี่คิงส์เอง ก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว อยากชนตรงๆ แต่มองดูสัญญา ที่ให้ไว้กับแฟนเพจ ก็ต้องทำ ไหนๆก็ทำแล้ว เพจคิงส์โพธิ์แดง ก็จะเปิดทั้งความจริงแบบตรงๆ และมีนิทานสนุกๆที่ไม่ได้อ้างอิงกับคนจริงๆ ไว้ให้แฟนเพจได้อ่านกัน ส่วนไอ่เฒ่าผู้คลั่งรักที่ฟันหน้าหายหมดแล้ว ปล่อยมันให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ ระดับลิ่วล้อกากๆ ละไว้ก่อน ให้มันเพ้อไปว่ายิงแอดเป็นแล้ว ช่วงนี้ของเล่นหัวเท่านั้น รอติดตามอีพีห้าต่อไป เดี๋ยวหัวค่ำ จะทำเป็นนิทานเสียง ให้แฟนเพจที่ไม่ชอบอ่านยาวๆได้ฟังกัน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 913 Views 0 Reviews
  • #อันนี้ฮาจริง
    เมื่อวานเพิ่งขอเป็นศิษย์อิโจอาจารย์อย่างงั้นอย่างนี้
    วันนี้โพสถึงพี่คิงส์พร่ำเพ้อ เวิ่นๆ อยากออกโหนกระแสจัดๆ
    กรรูถามเมิงไปแล้วว่า เมิงจะให้พี่หนุ่มเชิญเมิงกับกรรูไปทำเซี่ยไร
    ประเด็นไหน เพจกากเมิงมีคนตามกี่คน
    เมิงแซะน้องแน๊ก ให้ร้ายเค้าต่างๆนานๆ
    มันเป็นเพจคุณภาพยังไง เมิงประเมินตัวเองใช้อะไรคิด
    แค่เพจพี่คิงส์ โพสถึงเมิงนี่ก็เป็นเกียรติประวัติกับชีวิตเมิงแล้ว
    ประเด็นไม่ใช่ว่า พี่หนู่มรู้จักหรือไม่รู้จัก
    ประเด็นคืออะไรรู้มั๊ยไอ่นุ
    เมิงอ่านดีๆนะ "เมิงมันไม่ดัง" เมิงไม่ได้ดังอะไรเลย
    จริงๆ ดูแต่ละโพสที่เมิงโพส มีคนอ่านกี่คน
    หัดเช็คการเข้าถึงของเพจบ้าง
    แล้วเนี่ยอะไรอีกแต่ละวัน
    จะโพสถึงพี่คิงส์
    แต่ไม่วาย แอบมีแซะอาจารย์ ศ.ดร.มโน วุฒิม.ต้น
    ไอ่ลุงเนราคุณเอ๊ย เมิงคลั่งรักเมิงต่อเลยลุง
    พี่คิงส์มีเรื่องสำคัญสำคัญต้องทำอีกหลายๆอย่าง
    ไม่ได้มีเวลาหายใจทิ้งไปวันๆอย่างเพจลุงนะ
    อีกอย่าง อย่ามาเรียกกรรรูว่าน้อง
    กรรูไม่มีพี่แก่ๆ บ้ากรรรามตัญญญหากลับเหมือนเมิง
    ไอ่ฉัดเอ๊ย อายุขนาดนี้ ยังตามดมกลิ่นกิมจิ๊ฝันเวิ้งฝันว๊าง
    หมดความน่านับถือสำหรับลูกหลาน
    เมิงลองทบทวนสิ ลูกหลานเมิงเห็นเมิง บร้าเกาหลีแบบนี้
    เค้าจะหาอะไรไปเคารพนับถือ
    วันๆไม่ทำห่านอะไร ใช้ชีวิตบั้นปลายแบบบุโรทั่งมากๆ
    แทนที่จะเข้าวัดเข้าวา ฟังเทศฟังธรรม ชะโลมจิตใจ
    อายุก็เข้าหลักไม้ใกล้ฝั่ง ยังมารอสติ๊กเกอร์ที่เค้าส่งตามชี้เป้า
    จากอิเหวิงที่เหม็นแสนเหม็น ซกมกสุดๆ หยำเปย์
    กรำศึกมาโชกโชน แถมยังเป็นตัวแสดงของขบก.ฟอกอีก
    เมิงพาอาจารย์เมิงอะนะ ไปติดต่อที่ กศน. พาไปเรียนให้มีวุฒิมากกว่าม.3 ก่อน แล้วส่งเรียนให้จบ ป.ตรี
    หรือไม่ ก็เอาส่งศรีธัญญาเลย ก็ได้
    นี่คือสิ่งที่เมิงต้องทำ เพื่อเป็นประโยชน์กับคนที่มึงนับถือศรัทธา
    ไม่ได้อยากจะโพสถึงเมิงหรอกนะ ไอ่แก่ ไอ่เฒ่าทารก ไอ่ลาาาามกติดว่าว
    แค่พอดี มีอารมณ์อยากให้เมิงอ่านความในใจที่พี่คิงส์มีความปรารถนาดีส่งให้
    แล้วเจอกันใหม่ เพื่อชาติต้องการ
    แล้วเมิงก็ตื่นได้แล้ว ว่าเรื่องของเมิงอะ ดังระดับชาติ
    เดี๋ยวเมิงอ่านคอมเม้นนะ ว่าคนเค้าพูดถึงเมิงยังไง
    ถ้าเมิงอ่านสิ่งที่พี่คิงส์ฯโพสหลายๆรอบ เมิงจะเห็นความหวังดีที่แฝงในนั้น
    หวังว่าเมิงจะได้สติกลับมาเป็นที่เคารรพรักของลูกหลานในบั้นปลาย
    คนที่รักเมิงที่สุดคือคนในครอบครัวที่มึงไม่เคยให้เวลา เพราะเมิงมาเฝ้าแต่หน้าจอ ว่ากรรรูจะเล่นเมิงมั๊ย ว่าใครจะคอมเม้นว่าเมิงมั๊ย กรรูถามจริงเหอะ มันได้พัฒนาชีวิตอะไรให้เมิงไปบ้าง เมิงอ่านโพสกกรรู เมิงก็อารมณ์ขึ้น อายุขนาดนี้ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้ง จะเถียงเมิงก็ไม่มีวันชนะกรรรู
    แล้วสิ่งที่เมิงทำทุกวันนี้ มีประโยชน์อะไร กรรรูดูแล้ว เมิงไม่เคยให้เวลากับคนในครอบครัวเลย ถ้าวันที่เมิงเดี้ยงขึ้นมา กรรรูถามจริงๆนะ เมิงคิดว่าอิเหม็นมันจะมารักมาห่วงเมิงเหรอ ไม่ ไม่นะเมิง นุ มันก็เห็นเมิงเป็นเครื่องมือของเครือข่ายที่ให้ร้ายน้องแน๊กเท่านั้นแหละ เมิงไม่ได้มีค่าอะไรในสายตามันเลย เมิงเปย์ทั้งกระเป๋าดิออ และอะไรนะอีกใบกรรรูจำแบรนด์ไม่ได้ เมิงคิดว่า มันเห็นค่าเหรอ เมิงสู้เอาเงินที่ได้มาไปซื้อขนมให้หลาน ยังกินได้อีกหลายวัน เมิงไม่จำเป็นต้องทำชีวิตให้เป็นแบบนี้เลย เชื่อกรรรู
    เพราะถ้ากรรูมีญาติผู้ใหญ่ ที่มีกิจวัตรใช้ชีวิตหน้าจอเหมือนเมิงนะ
    เอาจริงๆ กรรรูคงนับถือไม่ลง ไม่ต่างกับไอ่แก่ตัณณณณหากลับเลย
    เมิงลองอ่านแล้วไปส่องกระจกที่บ้านดู ไอ่ณุ
    แล้วเมิงถามตัวเองนะว่า
    "เมิงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน"
    หรือเมิงจะวนเวียนชีวิตแบบนี้ จนมึงไม่เหลือใคร
    หรือจนกว่าเมิงจะอิ๋บหาย ตาายจากโลกนี้ไป
    จะเอาแบบนั้นจริงๆเหรอ นุ
    โพสนี้ กรรูมีเหตุมีผลกับเมิงที่สุดแล้วนะ
    ตามนั้นคือจบ
    ไอ่เฒ่า
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อันนี้ฮาจริง เมื่อวานเพิ่งขอเป็นศิษย์อิโจอาจารย์อย่างงั้นอย่างนี้ วันนี้โพสถึงพี่คิงส์พร่ำเพ้อ เวิ่นๆ อยากออกโหนกระแสจัดๆ กรรูถามเมิงไปแล้วว่า เมิงจะให้พี่หนุ่มเชิญเมิงกับกรรูไปทำเซี่ยไร ประเด็นไหน เพจกากเมิงมีคนตามกี่คน เมิงแซะน้องแน๊ก ให้ร้ายเค้าต่างๆนานๆ มันเป็นเพจคุณภาพยังไง เมิงประเมินตัวเองใช้อะไรคิด แค่เพจพี่คิงส์ โพสถึงเมิงนี่ก็เป็นเกียรติประวัติกับชีวิตเมิงแล้ว ประเด็นไม่ใช่ว่า พี่หนู่มรู้จักหรือไม่รู้จัก ประเด็นคืออะไรรู้มั๊ยไอ่นุ เมิงอ่านดีๆนะ "เมิงมันไม่ดัง" เมิงไม่ได้ดังอะไรเลย จริงๆ ดูแต่ละโพสที่เมิงโพส มีคนอ่านกี่คน หัดเช็คการเข้าถึงของเพจบ้าง แล้วเนี่ยอะไรอีกแต่ละวัน จะโพสถึงพี่คิงส์ แต่ไม่วาย แอบมีแซะอาจารย์ ศ.ดร.มโน วุฒิม.ต้น ไอ่ลุงเนราคุณเอ๊ย เมิงคลั่งรักเมิงต่อเลยลุง พี่คิงส์มีเรื่องสำคัญสำคัญต้องทำอีกหลายๆอย่าง ไม่ได้มีเวลาหายใจทิ้งไปวันๆอย่างเพจลุงนะ อีกอย่าง อย่ามาเรียกกรรรูว่าน้อง กรรูไม่มีพี่แก่ๆ บ้ากรรรามตัญญญหากลับเหมือนเมิง ไอ่ฉัดเอ๊ย อายุขนาดนี้ ยังตามดมกลิ่นกิมจิ๊ฝันเวิ้งฝันว๊าง หมดความน่านับถือสำหรับลูกหลาน เมิงลองทบทวนสิ ลูกหลานเมิงเห็นเมิง บร้าเกาหลีแบบนี้ เค้าจะหาอะไรไปเคารพนับถือ วันๆไม่ทำห่านอะไร ใช้ชีวิตบั้นปลายแบบบุโรทั่งมากๆ แทนที่จะเข้าวัดเข้าวา ฟังเทศฟังธรรม ชะโลมจิตใจ อายุก็เข้าหลักไม้ใกล้ฝั่ง ยังมารอสติ๊กเกอร์ที่เค้าส่งตามชี้เป้า จากอิเหวิงที่เหม็นแสนเหม็น ซกมกสุดๆ หยำเปย์ กรำศึกมาโชกโชน แถมยังเป็นตัวแสดงของขบก.ฟอกอีก เมิงพาอาจารย์เมิงอะนะ ไปติดต่อที่ กศน. พาไปเรียนให้มีวุฒิมากกว่าม.3 ก่อน แล้วส่งเรียนให้จบ ป.ตรี หรือไม่ ก็เอาส่งศรีธัญญาเลย ก็ได้ นี่คือสิ่งที่เมิงต้องทำ เพื่อเป็นประโยชน์กับคนที่มึงนับถือศรัทธา ไม่ได้อยากจะโพสถึงเมิงหรอกนะ ไอ่แก่ ไอ่เฒ่าทารก ไอ่ลาาาามกติดว่าว แค่พอดี มีอารมณ์อยากให้เมิงอ่านความในใจที่พี่คิงส์มีความปรารถนาดีส่งให้ แล้วเจอกันใหม่ เพื่อชาติต้องการ แล้วเมิงก็ตื่นได้แล้ว ว่าเรื่องของเมิงอะ ดังระดับชาติ เดี๋ยวเมิงอ่านคอมเม้นนะ ว่าคนเค้าพูดถึงเมิงยังไง ถ้าเมิงอ่านสิ่งที่พี่คิงส์ฯโพสหลายๆรอบ เมิงจะเห็นความหวังดีที่แฝงในนั้น หวังว่าเมิงจะได้สติกลับมาเป็นที่เคารรพรักของลูกหลานในบั้นปลาย คนที่รักเมิงที่สุดคือคนในครอบครัวที่มึงไม่เคยให้เวลา เพราะเมิงมาเฝ้าแต่หน้าจอ ว่ากรรรูจะเล่นเมิงมั๊ย ว่าใครจะคอมเม้นว่าเมิงมั๊ย กรรูถามจริงเหอะ มันได้พัฒนาชีวิตอะไรให้เมิงไปบ้าง เมิงอ่านโพสกกรรู เมิงก็อารมณ์ขึ้น อายุขนาดนี้ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้ง จะเถียงเมิงก็ไม่มีวันชนะกรรรู แล้วสิ่งที่เมิงทำทุกวันนี้ มีประโยชน์อะไร กรรรูดูแล้ว เมิงไม่เคยให้เวลากับคนในครอบครัวเลย ถ้าวันที่เมิงเดี้ยงขึ้นมา กรรรูถามจริงๆนะ เมิงคิดว่าอิเหม็นมันจะมารักมาห่วงเมิงเหรอ ไม่ ไม่นะเมิง นุ มันก็เห็นเมิงเป็นเครื่องมือของเครือข่ายที่ให้ร้ายน้องแน๊กเท่านั้นแหละ เมิงไม่ได้มีค่าอะไรในสายตามันเลย เมิงเปย์ทั้งกระเป๋าดิออ และอะไรนะอีกใบกรรรูจำแบรนด์ไม่ได้ เมิงคิดว่า มันเห็นค่าเหรอ เมิงสู้เอาเงินที่ได้มาไปซื้อขนมให้หลาน ยังกินได้อีกหลายวัน เมิงไม่จำเป็นต้องทำชีวิตให้เป็นแบบนี้เลย เชื่อกรรรู เพราะถ้ากรรูมีญาติผู้ใหญ่ ที่มีกิจวัตรใช้ชีวิตหน้าจอเหมือนเมิงนะ เอาจริงๆ กรรรูคงนับถือไม่ลง ไม่ต่างกับไอ่แก่ตัณณณณหากลับเลย เมิงลองอ่านแล้วไปส่องกระจกที่บ้านดู ไอ่ณุ แล้วเมิงถามตัวเองนะว่า "เมิงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน" หรือเมิงจะวนเวียนชีวิตแบบนี้ จนมึงไม่เหลือใคร หรือจนกว่าเมิงจะอิ๋บหาย ตาายจากโลกนี้ไป จะเอาแบบนั้นจริงๆเหรอ นุ โพสนี้ กรรูมีเหตุมีผลกับเมิงที่สุดแล้วนะ ตามนั้นคือจบ ไอ่เฒ่า #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Yay
    12
    0 Comments 0 Shares 1093 Views 0 Reviews
  • ♣ ตอนตั้งพรรคมาอย่างสิงห์ฺ ชีวิตจริงยิ่งกว่าหมา แว้งกัดกันเองจนแตกกระเซ็น ปล่อยลุงเพ้อหาตำแหน่งนายกฯ
    #7ดอกจิก
    ♣ ตอนตั้งพรรคมาอย่างสิงห์ฺ ชีวิตจริงยิ่งกว่าหมา แว้งกัดกันเองจนแตกกระเซ็น ปล่อยลุงเพ้อหาตำแหน่งนายกฯ #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 241 Views 0 Reviews
  • #อันนี้ต้องเรียกว่าท็อปคอมเม้นตรงใจมาก
    พี่คิงส์ถามแฟนเพจตรงๆ คิดตรงกับคอมเม้นนี้มั๊ย
    รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า คือทุกครั้งที่ฟังคุณโจ มณฑนี
    พรรณาเรื่องการเลิกระหว่างแน๊กกับกามินนะ
    เหมือนเธอเลิกเองเลย และหลายครั้งขณะที่นาง
    กำลังพูดเพ้อๆ พี่คิงสืไปดูที่อิเหวิงตอนนั้นก็เห็น
    เออ มันก็ยังเต้น "คือร็อมเชกาซอนเบมาเม ท่างท่าง ฮูรู้ฮูรู๊ ทั่งๆ ฮูรูวววว"
    สรุป กามิจที่แน๊กเลิก หรือ โจกำลังมโนว่าตัวเองนั้นคือ
    จี กา โจ
    ผ่าง!!
    ปล.ฝากถึงไอ้เป็ดด้วยนะ อย่าทะลึ่งเปลี่ยนภาพที่ประตูห้องน้ำ
    เอาภาพนี้ไปแปะทับภาพอิเหม็นนะ ป้านี่รุ่นยายเมิงแล้วนะไอ้เป็ด
    คิดดีๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อันนี้ต้องเรียกว่าท็อปคอมเม้นตรงใจมาก พี่คิงส์ถามแฟนเพจตรงๆ คิดตรงกับคอมเม้นนี้มั๊ย รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า คือทุกครั้งที่ฟังคุณโจ มณฑนี พรรณาเรื่องการเลิกระหว่างแน๊กกับกามินนะ เหมือนเธอเลิกเองเลย และหลายครั้งขณะที่นาง กำลังพูดเพ้อๆ พี่คิงสืไปดูที่อิเหวิงตอนนั้นก็เห็น เออ มันก็ยังเต้น "คือร็อมเชกาซอนเบมาเม ท่างท่าง ฮูรู้ฮูรู๊ ทั่งๆ ฮูรูวววว" สรุป กามิจที่แน๊กเลิก หรือ โจกำลังมโนว่าตัวเองนั้นคือ จี กา โจ ผ่าง!! ปล.ฝากถึงไอ้เป็ดด้วยนะ อย่าทะลึ่งเปลี่ยนภาพที่ประตูห้องน้ำ เอาภาพนี้ไปแปะทับภาพอิเหม็นนะ ป้านี่รุ่นยายเมิงแล้วนะไอ้เป็ด คิดดีๆ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1063 Views 0 Reviews
  • #นี่ก็อีกตัวทุยเฒ่าหลงและเป็นอาหวัง
    อาไร๊ เอาตัวเองไปเทียบกับแน๊ก
    ลุงต้องเอาหน้าแก่ๆส่องกระจกบ้าง
    อายุปูนนี้แล้ว ให้ลูกหลานเคารพนับถือ
    ไม่ใช่ วันๆ พ่นเพ้อ ปกป้องอิเหม็น
    เล่นงานแน๊กชาลี ไปวันๆ
    แค่จะทำเพจให้มันมีคุณภาพ
    ตรงตามชื่อเพจที่ตั้ง ยังไม่มี ปญ
    ถ-ุย ไอ่เฒ่า
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #นี่ก็อีกตัวทุยเฒ่าหลงและเป็นอาหวัง อาไร๊ เอาตัวเองไปเทียบกับแน๊ก ลุงต้องเอาหน้าแก่ๆส่องกระจกบ้าง อายุปูนนี้แล้ว ให้ลูกหลานเคารพนับถือ ไม่ใช่ วันๆ พ่นเพ้อ ปกป้องอิเหม็น เล่นงานแน๊กชาลี ไปวันๆ แค่จะทำเพจให้มันมีคุณภาพ ตรงตามชื่อเพจที่ตั้ง ยังไม่มี ปญ ถ-ุย ไอ่เฒ่า #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 Reviews
  • คงคิดกัน..ทำไมยัยนี่จะมาเปลี่ยนความคิดเรื่อง มะเขือเทศ ทำไมพูดมากพิมพ์มาก ว่ามะเขือเทผศอันตราย..ก็สอนกันมาว่าช่วยผิวดีบ้าง และประโยชน์สารพัด

    ถูกหลอกอยู่ ยังไม่รู้ตัวกัน ปีนี้ปี 2024จะเห็นอะไรมากมายทยอยออกมาเรื่อยๆ..คนที่ต้องซี้ไปก่อน จะมากมายเรื่อยๆไม่กระทันหันแต่จะทยอยไปเพราะกินดื่ม แย่ๆแฝงไว้ แถมไปรับ สิ่งไม่ดีฉีดในตัวมาอีก..รับแบบไร้สติ ไม่ตรอง ไม่ศึกษา..โตแล้ว แก่กันแล้วก้อตายๆไม่เปนไรแต่เด็กๆล่ะ..อนาคตพวกเขาจะอยู่แบบไหนเด็กกำพร้าก็เต็มไปหมด..กำพร้าผัว กำพร้าเมีย ก็เยอะ..เหมือนหุ่นยนต์กันไปทุกวัน ไร้ความรู้สึก..เพ้อเจ้อ สติแตก หลงๆลืมๆ

    กว่าจะรู้ตัวก็ช้าไปแล้ว คนแนะนำสิ่งดีดีก็ไม่เชื่อเขา..

    ย้อนมาเครื่องมะเขือเทศ(ศ..มันทพใก้ในร่างกายอักเสบ ติดเชื้อง่าย..

    Tomato was very high in lectin..
    คงคิดกัน..ทำไมยัยนี่จะมาเปลี่ยนความคิดเรื่อง มะเขือเทศ ทำไมพูดมากพิมพ์มาก ว่ามะเขือเทผศอันตราย..ก็สอนกันมาว่าช่วยผิวดีบ้าง และประโยชน์สารพัด ถูกหลอกอยู่ ยังไม่รู้ตัวกัน ปีนี้ปี 2024จะเห็นอะไรมากมายทยอยออกมาเรื่อยๆ..คนที่ต้องซี้ไปก่อน จะมากมายเรื่อยๆไม่กระทันหันแต่จะทยอยไปเพราะกินดื่ม แย่ๆแฝงไว้ แถมไปรับ สิ่งไม่ดีฉีดในตัวมาอีก..รับแบบไร้สติ ไม่ตรอง ไม่ศึกษา..โตแล้ว แก่กันแล้วก้อตายๆไม่เปนไรแต่เด็กๆล่ะ..อนาคตพวกเขาจะอยู่แบบไหนเด็กกำพร้าก็เต็มไปหมด..กำพร้าผัว กำพร้าเมีย ก็เยอะ..เหมือนหุ่นยนต์กันไปทุกวัน ไร้ความรู้สึก..เพ้อเจ้อ สติแตก หลงๆลืมๆ กว่าจะรู้ตัวก็ช้าไปแล้ว คนแนะนำสิ่งดีดีก็ไม่เชื่อเขา.. ย้อนมาเครื่องมะเขือเทศ(ศ..มันทพใก้ในร่างกายอักเสบ ติดเชื้อง่าย.. Tomato was very high in lectin..
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • หัวเลี้ยวแห่งความเป็นใหญ่……หัวต่อแห่งความโหดร้าย………
    ติ่งขา……พี่ปูแบกไว้ทั้งหมด……!!

    ตอนสิบสี่………ปีแห่งประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกและจดจำ…….!!!

    หลังจากที่ปูตินได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย
    วันที่ 1 กันยายน 2004 ได้เดินทางไปที่ Sochi อีกครั้งเพื่อหวังว่าจะได้พักร่าง พักสมอง เพราะที่ผ่านมาต้องพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆจนไม่มีเวลาพักผ่อน เช่น กับ Jacques Chirac (ฝรั่งเศส) Gerhard Schröder (เยอรมัน)
    ผู้คนส่วนใหญ่จะพักร้อนกันในเดือนสิงหาคม……แต่ปูตินไม่ได้พักเลยเพราะกลุ่มกบฏในเชเชนได้ก่อตัวขึ้นในการปฎิบัติการก่อการร้ายที่หนักข้อขึ้นทุกวัน โดยมีตัวการเป็นหญิงสาวสี่คน คือ Rosa Nagayeva และน้องสาว Amanat….โดยมีเพื่อนสาว Satsita Dzhbirkhanova และ Maryam Taburova ที่ร่วมมือกันวางระเบิดก่อความไม่สงบในหลายพื้นที่

    ในวันที่ปิดหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น ได้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาจเปรียบเสมือนลางร้ายของผู้นำคนใหม่ นั่นคือ ไฟไหม้ที่ อาคาร Manezh ที่ตั้งอยู่ใน Alexsandr Gardens ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตรงข้ามกับเครมลิน ไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนทะลายลงมาทั้งหลัง
    ปูตินได้ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ที่ขั้นบนของสภา การกล่าวคำปราศรัยต้องเลื่อนออกไป เพราะไม่เช่นนั้นฉากหลังของการปราศรัยจะเป็นฉากที่เพลิงลุกไหม้ที่พร่าชีวิตของนักดับเพลิงไปสองนาย……

    เพื่อแสดงสปิริตของความเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เขาจึงลดกระแสด้วยการปล่อยตัว MK ให้มาสู้คดีหลังจากที่อยู่ในที่คุมขังประมาณห้าเดือน
    และ……นั่นคือการเปิดศึกระหว่าง ผู้ที่มีอำนาจกับผู้ที่มีเงิน (จนถึงทุกวันนี้)

    เป็นช่วงเดียวกันกับที่ปูตินกำลังก้าวขึ้นมาในเส้นทางของนักการเมืองเต็มตัว โดยที่ไม่มีพี่เลี้ยงคอยประกบเหมือนเมื่อก่อน (เยลซิน)
    และนับว่าเป็นปีทดสอบความเป็นผู้นำที่แสนโหด และแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตัวและชาติรอดมาได้อย่างไร..…?!!
    เริ่มจาก กระแสความเคลื่อนไหวในการจับกุม MK อภิมหาเศรษฐีคนดัง
    ที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีของเขาเอง Mikhaïl Kesyanov ก็ยังแสดงความไม่พอใจ ถึงกับไปให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ว่า MK ไม่ได้โกงภาษี…เพียงแต่ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น……

    อย่างไรก็ตาม……ไม่ได้มีใครสนใจกับข้อโต้แย้งของเขานัก เพราะทั้งรัสเซียกำลังตื่นเต้นกับ ราคาน้ำมันส่งออกทะยานขึ้นเกินสิบเท่าของที่เคยได้ จาก หกพันล้าน พุ่งขึ้นมาเป็น แปดหมื่นล้านเหรียญ
    และรัสเซียได้กลายมาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าซาอุดิ อะเรเบีย
    และสินค้าอื่นๆเริ่มมีใบสั่งเข้ามายาวเป็นหางว่าว……
    แต่ปูตินไม่ได้ปล่อยให้ความคิดเห็นคัดค้านของนายกฯผ่านไป
    วันที่ 23 กุมภาพันธุ์ หลังจากการประชุมบอร์ดผ่านไป ปูตินให้ นายกฯ
    คาเซียนอฟ เข้ามาพบ และพูดสั้นๆว่า……
    “ต่อไปนี้……คุณหมดหน้าที่แล้วนะ” เป็นการไล่ออกแบบง่ายๆที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง……
    และ……ไม่มีการประกาศว่า ใครจะมาแทน…ผู้คนก็เดากันไปต่างๆนานา
    ว่าอาจจะเป็นคนนั้นคนนี้ จนอาทิตย์หนึ่งผ่านไป ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่ง คือ
    Mikhaïl Fradkov ที่แสน”โนเนม”จากปีเตอร์สเบอร์ก

    แต่ไม่โนเนมสำหรับปูติน เพราะ MF (Mikhaïl Fradkov) คนนี้เคยเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในสมัยเยลซิน เป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายภาษา เป็นคนตรง…สมถะ และ ไม่สนใจในการเมือง
    ในขณะที่ปูตินติดต่อไปให้มารับตำแหน่ง ตอนนั้น MF อยู่ที่ Brussels กำลังทำหน้าที่เป็นทูตพานิชย์รัสเซียประจำ EU
    เมื่อเขาบินมาถึงมอสโคว์ในวันต่อมา เพื่อเข้ารับตำแหน่ง นัดข่าวได้ถามถึงนโยบายในการทำงาน เขาตอบสั้นๆว่า
    “ก็ทำตามนโยบายของท่านประธานาธิบดี……”

    วันที่ 1 กันยายน เป็นช่วงเวลาที่เด็กๆกลับเข้าโรงเรียน ที่มีธรรมเนียมที่น่ารัก คือเด็กๆแต่งตัวกันสวยงาม เตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆไปสวัสดีคุณครู
    ผู้ปกครองพากันตื่นเต้น จูงลูก พาหลานไปพบปะสังสรรกันที่หอประชุมโรงเรียนในวันเปิดเทอมวันแรก
    ที่เมือง Beslan, North-Ossetia (คอเคซัส) ก็เช่นกัน เหตุการณ์ที่ควรจะเป็นภาพสวยงามนี้ ได้กลายมาเป็นโศกนาฏกรรม

    ผู้คนประมาณหลายร้อยคนได้ชุมนุมกันที่ลานหน้าโรงเรียน ทันใดนั้น ได้มีรถบรรทุกวิ่งผ่าเข้ามา……ผ่าใบคลุมหลังรถได้เปิดออก กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ตะโกนเรียกพระนาม แล้วกระโดดลงมาพร้อมอาวุธ
    ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน กลุ่มกบฎได้ต้อนทุกคนเข้าไปอยู่ในโรงยิม ……
    กลุ่มกบฏ……มีผู้หญิงสองคนรวมอยู่ด้วย นั่นคือ Maryam Taburova และ Rosa Negayeva

    เป็นการกระทำที่อุกอาจที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเมื่อวันที่ 9 เดือนพฤษภาที่ผ่านมา……ที่เป็นวันฉลองชัยชนะของรัสเซีย ประธานาธิบดีเชเชน Akhmad Kadyrov ที่เพิ่งรับตำแหน่งสดๆร้อนๆได้ไปเป็นประธานในพิธี ได้ถูกลอบวางระเบิดที่กลางงานจนเสียชีวิต เหลือไว้คือลูกชายวัย 27 Ramzan ที่มีเลือดพ่อเต็มร้อย พร้อมลงสานต่อ แต่อายุยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเป็นผู้นำ
    จึงต้องคอยไปก่อน ปูตินแต่งตั้งให้ Aslan Maskhadov ขึ้นมาแทนไปก่อน
    แต่กลุ่มกบฏ……ก็ได้ให้คำเตือนมาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า……Ramzan จะเป็นรายต่อไป…เมื่อมีโอกาส…!!

    คราวนี้ที่ Beslan ที่ฝ่ายกบฏได้ยื่นความประสงค์กับปูตินว่า
    กองทัพรัสเซียจะต้องออกไปจากพื้นที่ และประกาศให้เชเชนเป็นเอกราช ซึ่งเชเชนจะร่วมเป็นพันธมิตรและยังคงใช้รูเบิ้ลเป็นสกุลเงินตรา
    เชเชนจะร่วมมือกับรัสเซียในการพัฒนากองกำลังและฟื้นฟูประเทศ (ที่เป็นเอกราช)

    ในนามของพระเจ้า
    ลงชื่อ Shamil Basayev

    ซึ่ง ชามิลตัวหัวหน้า……มาแต่เพียงในนาม ไม่ได้อยู่รวมในกลุ่ม และข้อเสนอนั้น ……เป็นไปไม่ได้ที่ทางรัสเซียจะยอมรับ

    การกักตัวผู้คนจำนวนหลายร้อยในที่ที่จำกัด ได้สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเด็กๆอย่างแสนสาหัส เพราะไม่มีอาการ ไม่มีน้ำ
    ผู้ที่ขัดขืนได้ถูกยิงทิ้ง แล้วนำศพโยนออกมาทางหน้าต่าง……จำนวนหลายศพ

    ในที่สุด วันที่สองของการควบคุมตัว ได้มีการเจรจาขอให้ปล่อยเด็กเล็กกว่าสามสิบคนออกมาได้

    วันที่สาม……ฝ่ายเจรจาขอให้มีการนำรถพยาบาลเข้าไปรับศพที่เริ่มบวมออกมาจากสถานที่
    ในเวลาตีหนึ่ง ที่หน่วยพยาบาลสี่คนได้เข้าไปพร้อมรถตามกำหนดการ
    เมื่อไปถึง……เพียงสองนาทีผ่านไป…..ได้เกิดระเบิดขึ้น ที่ทำให้ผนังของโรงยิมได้เปิดออก หลังคาเปิง
    คราวนี้……ฝ่ายกบฏได้เปิดฉากยิงมั่วซั่ว ขว้างระเบิดมือท่ามกลางฝุ่นที่ตลบคลุ้ง
    เป็นการโกลาหลจนสุดบรรยาย เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่เป็นเชลยไม่อยู่ในสภาพที่จะหลบหนีได้ พวกเขาอ่อนเปลี้ยจนเกินไป

    เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ทั้งหมดในนั้นเสียชีวิต จำนวนเชลย 334 คน (เด็กโต 186 คน) คอมมานโด 10 คน ผู้ก่อการ 30 คน (ผู้หญิง 2)
    อันเป็นข่าวที่น่าสลดใจไปยังรอบโลก ที่มีการค้นหาความจริง ว่า
    ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น มาจากระเบิดที่ทางฝ่ายคณะผู้ก่อการได้วางสายเอาไว้แล้วเกิดการผิดพลาด…จนเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมหมู่
    ปูติน..พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้มีการสูญเสีย เพราะประสบการณ์จากโรงละครที่ทำให้เขาไม่ยอมใช้วิธีการยาสลบพ่นเข้าไป
    เขาหวังในการเจรจา……ที่ควรจะมีการต่อรองกับ Shamil โดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง
    แต่นั่นหมายถึงว่า แม้ว่าเขาจะเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับการสูญเสียครั้งใหญ่เขายังต้องตอบคำถามที่หลั่งไหลเข้ามาจากนักข่าว
    โดยเฉพาะฝ่ายศัตรูที่คอยเล่นงานทิ่มแทง

    วันที่ 13 กันยายน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญโลกที่ Beslan
    พวกที่นั่งในสภา 150 ที่นั่งที่ได้รับเลือกตั้งมา (จากต่างพรรค)
    ที่ปูตินเรียกสัมภาษณ์รายคน ถึง จุดมุ่งหมายในความคิดและนโยบายที่มีต่อประเทศ แต่ละรายเพ้อเจ้อในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตยที่เอนเอียงไปในทางที่จะให้เอกราชกับเชเชน…

    ปูตินจีงประกาศสั่งระงับการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือ นายกเทศมนตรี ทุกอย่างขะงักกึก………
    เท่ากับว่า มอสโคว์คือศูนย์กลางของการปกครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เปรียบได้ว่าการปกครองได้กลับเข้าไปสู่ยุคของคอมมิวนิสต์
    เพราะเขาได้ประกาศว่า……
    “ประชากรชาวรัสเชี่ยนของเรา ยังมีความคิดล้าหลัง ยังไม่ปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยที่มาถึงพร้อมกับความชั่วร้าย ……เราต้องใช้เวลากับการทำความรู้จักกับมัน……เพราะสิ่งที่จะใช้ได้ผลที่สุดในยามนี้
    คือการยืนค่อนไปทางซ้าย..(ระบอบคอมมิวนิสต์)”

    พรรคฝ่ายซ้ายขานรับกันจ้าละหวั่น และ เสนอตัวกันอย่างแข็งขันในการร่วมมือ …

    ~~~หลังจากการก่อการร้ายของ Shamil Basayev ที่ได้สร้างความเขย่าขวัญนานหลายปี ตั้งแต่วางแผนจับตัวประกันที่โรงละคร และ ที่โรงเรียน
    รวมทั้งที่อื่นๆทั่วรัสเซียนานกว่าสิบปี
    ฝ่าย FSB ได้ถือว่า ชามิล คือ อาชญากรที่ทางแารรัสเซียต้องการตัวที่สุด
    ในที่สุด การ”ล่อซื้อ” ได้เกิดขึ้น ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2006 นั่นคือ การค้าขายอาวุธให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่เป็นล๊อตขนาดใหญ่ ที่มีจุดรับของที่หมู่บ้าน Ekazhevo
    ชามิล และคณะมารอรับ และเมื่อรถบรรทุกอาวุธที่ว่ามาถึง ระหว่างที่มีการตรวจคุณภาพของกัน รถบรรทุกได้เกิดระเบิดขึ้น คร่าชีวิตของชามิลและคณะนับสิบคน…ตามวัตถุประสงค์ของ FSB ……!!!

    Wiwanda W. Vichit
    หัวเลี้ยวแห่งความเป็นใหญ่……หัวต่อแห่งความโหดร้าย……… ติ่งขา……พี่ปูแบกไว้ทั้งหมด……!! ตอนสิบสี่………ปีแห่งประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกและจดจำ…….!!! หลังจากที่ปูตินได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย วันที่ 1 กันยายน 2004 ได้เดินทางไปที่ Sochi อีกครั้งเพื่อหวังว่าจะได้พักร่าง พักสมอง เพราะที่ผ่านมาต้องพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆจนไม่มีเวลาพักผ่อน เช่น กับ Jacques Chirac (ฝรั่งเศส) Gerhard Schröder (เยอรมัน) ผู้คนส่วนใหญ่จะพักร้อนกันในเดือนสิงหาคม……แต่ปูตินไม่ได้พักเลยเพราะกลุ่มกบฏในเชเชนได้ก่อตัวขึ้นในการปฎิบัติการก่อการร้ายที่หนักข้อขึ้นทุกวัน โดยมีตัวการเป็นหญิงสาวสี่คน คือ Rosa Nagayeva และน้องสาว Amanat….โดยมีเพื่อนสาว Satsita Dzhbirkhanova และ Maryam Taburova ที่ร่วมมือกันวางระเบิดก่อความไม่สงบในหลายพื้นที่ ในวันที่ปิดหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น ได้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาจเปรียบเสมือนลางร้ายของผู้นำคนใหม่ นั่นคือ ไฟไหม้ที่ อาคาร Manezh ที่ตั้งอยู่ใน Alexsandr Gardens ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตรงข้ามกับเครมลิน ไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนทะลายลงมาทั้งหลัง ปูตินได้ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ที่ขั้นบนของสภา การกล่าวคำปราศรัยต้องเลื่อนออกไป เพราะไม่เช่นนั้นฉากหลังของการปราศรัยจะเป็นฉากที่เพลิงลุกไหม้ที่พร่าชีวิตของนักดับเพลิงไปสองนาย…… เพื่อแสดงสปิริตของความเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เขาจึงลดกระแสด้วยการปล่อยตัว MK ให้มาสู้คดีหลังจากที่อยู่ในที่คุมขังประมาณห้าเดือน และ……นั่นคือการเปิดศึกระหว่าง ผู้ที่มีอำนาจกับผู้ที่มีเงิน (จนถึงทุกวันนี้) เป็นช่วงเดียวกันกับที่ปูตินกำลังก้าวขึ้นมาในเส้นทางของนักการเมืองเต็มตัว โดยที่ไม่มีพี่เลี้ยงคอยประกบเหมือนเมื่อก่อน (เยลซิน) และนับว่าเป็นปีทดสอบความเป็นผู้นำที่แสนโหด และแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตัวและชาติรอดมาได้อย่างไร..…?!! เริ่มจาก กระแสความเคลื่อนไหวในการจับกุม MK อภิมหาเศรษฐีคนดัง ที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีของเขาเอง Mikhaïl Kesyanov ก็ยังแสดงความไม่พอใจ ถึงกับไปให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ว่า MK ไม่ได้โกงภาษี…เพียงแต่ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น…… อย่างไรก็ตาม……ไม่ได้มีใครสนใจกับข้อโต้แย้งของเขานัก เพราะทั้งรัสเซียกำลังตื่นเต้นกับ ราคาน้ำมันส่งออกทะยานขึ้นเกินสิบเท่าของที่เคยได้ จาก หกพันล้าน พุ่งขึ้นมาเป็น แปดหมื่นล้านเหรียญ และรัสเซียได้กลายมาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าซาอุดิ อะเรเบีย และสินค้าอื่นๆเริ่มมีใบสั่งเข้ามายาวเป็นหางว่าว…… แต่ปูตินไม่ได้ปล่อยให้ความคิดเห็นคัดค้านของนายกฯผ่านไป วันที่ 23 กุมภาพันธุ์ หลังจากการประชุมบอร์ดผ่านไป ปูตินให้ นายกฯ คาเซียนอฟ เข้ามาพบ และพูดสั้นๆว่า…… “ต่อไปนี้……คุณหมดหน้าที่แล้วนะ” เป็นการไล่ออกแบบง่ายๆที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง…… และ……ไม่มีการประกาศว่า ใครจะมาแทน…ผู้คนก็เดากันไปต่างๆนานา ว่าอาจจะเป็นคนนั้นคนนี้ จนอาทิตย์หนึ่งผ่านไป ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่ง คือ Mikhaïl Fradkov ที่แสน”โนเนม”จากปีเตอร์สเบอร์ก แต่ไม่โนเนมสำหรับปูติน เพราะ MF (Mikhaïl Fradkov) คนนี้เคยเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในสมัยเยลซิน เป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายภาษา เป็นคนตรง…สมถะ และ ไม่สนใจในการเมือง ในขณะที่ปูตินติดต่อไปให้มารับตำแหน่ง ตอนนั้น MF อยู่ที่ Brussels กำลังทำหน้าที่เป็นทูตพานิชย์รัสเซียประจำ EU เมื่อเขาบินมาถึงมอสโคว์ในวันต่อมา เพื่อเข้ารับตำแหน่ง นัดข่าวได้ถามถึงนโยบายในการทำงาน เขาตอบสั้นๆว่า “ก็ทำตามนโยบายของท่านประธานาธิบดี……” วันที่ 1 กันยายน เป็นช่วงเวลาที่เด็กๆกลับเข้าโรงเรียน ที่มีธรรมเนียมที่น่ารัก คือเด็กๆแต่งตัวกันสวยงาม เตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆไปสวัสดีคุณครู ผู้ปกครองพากันตื่นเต้น จูงลูก พาหลานไปพบปะสังสรรกันที่หอประชุมโรงเรียนในวันเปิดเทอมวันแรก ที่เมือง Beslan, North-Ossetia (คอเคซัส) ก็เช่นกัน เหตุการณ์ที่ควรจะเป็นภาพสวยงามนี้ ได้กลายมาเป็นโศกนาฏกรรม ผู้คนประมาณหลายร้อยคนได้ชุมนุมกันที่ลานหน้าโรงเรียน ทันใดนั้น ได้มีรถบรรทุกวิ่งผ่าเข้ามา……ผ่าใบคลุมหลังรถได้เปิดออก กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ตะโกนเรียกพระนาม แล้วกระโดดลงมาพร้อมอาวุธ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน กลุ่มกบฎได้ต้อนทุกคนเข้าไปอยู่ในโรงยิม …… กลุ่มกบฏ……มีผู้หญิงสองคนรวมอยู่ด้วย นั่นคือ Maryam Taburova และ Rosa Negayeva เป็นการกระทำที่อุกอาจที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเมื่อวันที่ 9 เดือนพฤษภาที่ผ่านมา……ที่เป็นวันฉลองชัยชนะของรัสเซีย ประธานาธิบดีเชเชน Akhmad Kadyrov ที่เพิ่งรับตำแหน่งสดๆร้อนๆได้ไปเป็นประธานในพิธี ได้ถูกลอบวางระเบิดที่กลางงานจนเสียชีวิต เหลือไว้คือลูกชายวัย 27 Ramzan ที่มีเลือดพ่อเต็มร้อย พร้อมลงสานต่อ แต่อายุยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเป็นผู้นำ จึงต้องคอยไปก่อน ปูตินแต่งตั้งให้ Aslan Maskhadov ขึ้นมาแทนไปก่อน แต่กลุ่มกบฏ……ก็ได้ให้คำเตือนมาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า……Ramzan จะเป็นรายต่อไป…เมื่อมีโอกาส…!! คราวนี้ที่ Beslan ที่ฝ่ายกบฏได้ยื่นความประสงค์กับปูตินว่า กองทัพรัสเซียจะต้องออกไปจากพื้นที่ และประกาศให้เชเชนเป็นเอกราช ซึ่งเชเชนจะร่วมเป็นพันธมิตรและยังคงใช้รูเบิ้ลเป็นสกุลเงินตรา เชเชนจะร่วมมือกับรัสเซียในการพัฒนากองกำลังและฟื้นฟูประเทศ (ที่เป็นเอกราช) ในนามของพระเจ้า ลงชื่อ Shamil Basayev ซึ่ง ชามิลตัวหัวหน้า……มาแต่เพียงในนาม ไม่ได้อยู่รวมในกลุ่ม และข้อเสนอนั้น ……เป็นไปไม่ได้ที่ทางรัสเซียจะยอมรับ การกักตัวผู้คนจำนวนหลายร้อยในที่ที่จำกัด ได้สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเด็กๆอย่างแสนสาหัส เพราะไม่มีอาการ ไม่มีน้ำ ผู้ที่ขัดขืนได้ถูกยิงทิ้ง แล้วนำศพโยนออกมาทางหน้าต่าง……จำนวนหลายศพ ในที่สุด วันที่สองของการควบคุมตัว ได้มีการเจรจาขอให้ปล่อยเด็กเล็กกว่าสามสิบคนออกมาได้ วันที่สาม……ฝ่ายเจรจาขอให้มีการนำรถพยาบาลเข้าไปรับศพที่เริ่มบวมออกมาจากสถานที่ ในเวลาตีหนึ่ง ที่หน่วยพยาบาลสี่คนได้เข้าไปพร้อมรถตามกำหนดการ เมื่อไปถึง……เพียงสองนาทีผ่านไป…..ได้เกิดระเบิดขึ้น ที่ทำให้ผนังของโรงยิมได้เปิดออก หลังคาเปิง คราวนี้……ฝ่ายกบฏได้เปิดฉากยิงมั่วซั่ว ขว้างระเบิดมือท่ามกลางฝุ่นที่ตลบคลุ้ง เป็นการโกลาหลจนสุดบรรยาย เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่เป็นเชลยไม่อยู่ในสภาพที่จะหลบหนีได้ พวกเขาอ่อนเปลี้ยจนเกินไป เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ทั้งหมดในนั้นเสียชีวิต จำนวนเชลย 334 คน (เด็กโต 186 คน) คอมมานโด 10 คน ผู้ก่อการ 30 คน (ผู้หญิง 2) อันเป็นข่าวที่น่าสลดใจไปยังรอบโลก ที่มีการค้นหาความจริง ว่า ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น มาจากระเบิดที่ทางฝ่ายคณะผู้ก่อการได้วางสายเอาไว้แล้วเกิดการผิดพลาด…จนเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมหมู่ ปูติน..พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้มีการสูญเสีย เพราะประสบการณ์จากโรงละครที่ทำให้เขาไม่ยอมใช้วิธีการยาสลบพ่นเข้าไป เขาหวังในการเจรจา……ที่ควรจะมีการต่อรองกับ Shamil โดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง แต่นั่นหมายถึงว่า แม้ว่าเขาจะเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับการสูญเสียครั้งใหญ่เขายังต้องตอบคำถามที่หลั่งไหลเข้ามาจากนักข่าว โดยเฉพาะฝ่ายศัตรูที่คอยเล่นงานทิ่มแทง วันที่ 13 กันยายน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญโลกที่ Beslan พวกที่นั่งในสภา 150 ที่นั่งที่ได้รับเลือกตั้งมา (จากต่างพรรค) ที่ปูตินเรียกสัมภาษณ์รายคน ถึง จุดมุ่งหมายในความคิดและนโยบายที่มีต่อประเทศ แต่ละรายเพ้อเจ้อในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตยที่เอนเอียงไปในทางที่จะให้เอกราชกับเชเชน… ปูตินจีงประกาศสั่งระงับการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือ นายกเทศมนตรี ทุกอย่างขะงักกึก……… เท่ากับว่า มอสโคว์คือศูนย์กลางของการปกครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เปรียบได้ว่าการปกครองได้กลับเข้าไปสู่ยุคของคอมมิวนิสต์ เพราะเขาได้ประกาศว่า…… “ประชากรชาวรัสเชี่ยนของเรา ยังมีความคิดล้าหลัง ยังไม่ปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยที่มาถึงพร้อมกับความชั่วร้าย ……เราต้องใช้เวลากับการทำความรู้จักกับมัน……เพราะสิ่งที่จะใช้ได้ผลที่สุดในยามนี้ คือการยืนค่อนไปทางซ้าย..(ระบอบคอมมิวนิสต์)” พรรคฝ่ายซ้ายขานรับกันจ้าละหวั่น และ เสนอตัวกันอย่างแข็งขันในการร่วมมือ … ~~~หลังจากการก่อการร้ายของ Shamil Basayev ที่ได้สร้างความเขย่าขวัญนานหลายปี ตั้งแต่วางแผนจับตัวประกันที่โรงละคร และ ที่โรงเรียน รวมทั้งที่อื่นๆทั่วรัสเซียนานกว่าสิบปี ฝ่าย FSB ได้ถือว่า ชามิล คือ อาชญากรที่ทางแารรัสเซียต้องการตัวที่สุด ในที่สุด การ”ล่อซื้อ” ได้เกิดขึ้น ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2006 นั่นคือ การค้าขายอาวุธให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่เป็นล๊อตขนาดใหญ่ ที่มีจุดรับของที่หมู่บ้าน Ekazhevo ชามิล และคณะมารอรับ และเมื่อรถบรรทุกอาวุธที่ว่ามาถึง ระหว่างที่มีการตรวจคุณภาพของกัน รถบรรทุกได้เกิดระเบิดขึ้น คร่าชีวิตของชามิลและคณะนับสิบคน…ตามวัตถุประสงค์ของ FSB ……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • 😀😀😀😀สาธุครับ
    กุศลกรรมบถ 10 สามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ ทางกายกรรม (การกระทำทางกาย), วจีกรรม (การกระทำทางคำพูด) และมโนกรรม (การกระทำทางใจ) เมื่อรวมกันแล้วมีทั้งหมด 10 ประการดังนี้

    กุศลกรรมบถ 10 ทางกายกรรม
    1. ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือทำลายชีวิตของผู้อื่น
    2. ไม่ลักทรัพย์ ไม่ลักขโมย หรือยึดทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตน
    3. ไม่ประพฤติผิดในกาม

    กุศลกรรมบถ 10 ทางวจีกรรม
    4. ไม่พูดเท็จ ไม่พูดโกหก
    5. ไม่พูดส่อเสียด
    6. ไม่พูดคำหยาบคาย
    7. ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อ

    กุศลกรรมบถ 10 ทางมโนกรรม
    8. ไม่โลภคิดอยากได้ของคนอื่น
    9. ไม่พยาบาท หรือปองร้ายผู้อื่น
    10. มีความเห็นชอบตามคลองธรรม
    😀😀😀😀สาธุครับ กุศลกรรมบถ 10 สามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ ทางกายกรรม (การกระทำทางกาย), วจีกรรม (การกระทำทางคำพูด) และมโนกรรม (การกระทำทางใจ) เมื่อรวมกันแล้วมีทั้งหมด 10 ประการดังนี้ กุศลกรรมบถ 10 ทางกายกรรม 1. ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือทำลายชีวิตของผู้อื่น 2. ไม่ลักทรัพย์ ไม่ลักขโมย หรือยึดทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตน 3. ไม่ประพฤติผิดในกาม กุศลกรรมบถ 10 ทางวจีกรรม 4. ไม่พูดเท็จ ไม่พูดโกหก 5. ไม่พูดส่อเสียด 6. ไม่พูดคำหยาบคาย 7. ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อ กุศลกรรมบถ 10 ทางมโนกรรม 8. ไม่โลภคิดอยากได้ของคนอื่น 9. ไม่พยาบาท หรือปองร้ายผู้อื่น 10. มีความเห็นชอบตามคลองธรรม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • บันทึกไว้เมื่อ 22 ก.ย. 2018 วันนี้เมื่อหกปีก่อน

    เมื่อวานไปธุระบางกะปิ หิวข้าวแต่ยังต้องไปที่อื่นต่อ เลยหาซื้อไวตามิลค์เจแบบขวดวันทูโกกินรองท้อง ขณะยืนดื่มอยู่หน้าถังขยะ ชายอาการเหมือนคนเป็นโรคประสาทอย่างแรง มีผ้าปิดคาดปากเดินหิ้วถุงพลาสติกขนาดใหญ่หลายถุง ตรงรี่มาเปิดฝาถัง นัยว่าจะหาขยะที่รีไซเคิลได้ไปขาย ปากเขาก็พูดเพ้อพร่ำอะไรอยู่คนเดียวไม่หยุด เหมือนกำลังทะเลาะกับใครเรื่องการเมือง

    ความจริงข้าพเจ้าคุ้นหน้าเขามาก เหมือนเคยเห็นแถวละแวกใกล้เคียงสันติอโศกบ่อยๆ แต่คนนั้นเขาไม่มีอาการเหมือนคนนี้ที่พูดเสียงดังคนเดียว หรือคือคนหน้าคล้าย

    ก่อนหน้าเขาจะมาหาขยะในถังตรงจุดที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ เราก็เจอกันแล้วรอบหนึ่ง ที่ฝั่งตรงข้ามถนน แสดงว่ามีวาสนาต่อกัน พอดีข้าพเจ้าดื่มหมดขวด แรกทีเดียวตั้งใจใส่ลงถัง เพราะจะแบกไปด้วยก็หนัก แต่ก็รู้สึกไม่ดีนัก เพราะไปปะปนกับขยะอื่นทั้งที่ควรแยกขายได้

    พอดีอะไรเช่นนี้ ชายผู้มีความไม่ปกติทางจิต มาช่วยได้อย่างเหมาะเจาะ เหมาะใจยิ่งนัก ข้าพเจ้าจึงยื่นขวดเปล่าให้เขาด้วยไมตรี ซึ่งเขาก็เข้าใจ รับหมับทันที ขณะที่ปากยังคงพูดเพ้อไม่หยุดเสียงลั่นจนคนที่รอรถและเดินผ่านไปมาแถวนั้นพากันมองมาด้วยอาการอันหลากหลาย คงคละเคล้าปะปนกันระหว่างปลงสังเวช กับกริ่งเกรงไม่ไว้ใจ

    แต่ข้าพเจ้าสบายตัว สบายใจแล้ว ขยะในมือได้อยู่ถูกที่กับคนที่ต้องการและจะนำไปแลกเป็นรายได้เลี้ยงตัว ไม่ได้ทำให้เกิดขยะส่วนรวมเพิ่ม นับเป็นเรื่องน่ายินดี จึงจากกันด้วยประการฉะนี้เอง

    #บันทึก
    #thaitimes
    #รีไซเคิล
    #ขยะ
    #ขวดแก้ว
    #อาการทางจิต
    #ข้อคิด
    #ความทรงจำ
    บันทึกไว้เมื่อ 22 ก.ย. 2018 วันนี้เมื่อหกปีก่อน เมื่อวานไปธุระบางกะปิ หิวข้าวแต่ยังต้องไปที่อื่นต่อ เลยหาซื้อไวตามิลค์เจแบบขวดวันทูโกกินรองท้อง ขณะยืนดื่มอยู่หน้าถังขยะ ชายอาการเหมือนคนเป็นโรคประสาทอย่างแรง มีผ้าปิดคาดปากเดินหิ้วถุงพลาสติกขนาดใหญ่หลายถุง ตรงรี่มาเปิดฝาถัง นัยว่าจะหาขยะที่รีไซเคิลได้ไปขาย ปากเขาก็พูดเพ้อพร่ำอะไรอยู่คนเดียวไม่หยุด เหมือนกำลังทะเลาะกับใครเรื่องการเมือง ความจริงข้าพเจ้าคุ้นหน้าเขามาก เหมือนเคยเห็นแถวละแวกใกล้เคียงสันติอโศกบ่อยๆ แต่คนนั้นเขาไม่มีอาการเหมือนคนนี้ที่พูดเสียงดังคนเดียว หรือคือคนหน้าคล้าย ก่อนหน้าเขาจะมาหาขยะในถังตรงจุดที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ เราก็เจอกันแล้วรอบหนึ่ง ที่ฝั่งตรงข้ามถนน แสดงว่ามีวาสนาต่อกัน พอดีข้าพเจ้าดื่มหมดขวด แรกทีเดียวตั้งใจใส่ลงถัง เพราะจะแบกไปด้วยก็หนัก แต่ก็รู้สึกไม่ดีนัก เพราะไปปะปนกับขยะอื่นทั้งที่ควรแยกขายได้ พอดีอะไรเช่นนี้ ชายผู้มีความไม่ปกติทางจิต มาช่วยได้อย่างเหมาะเจาะ เหมาะใจยิ่งนัก ข้าพเจ้าจึงยื่นขวดเปล่าให้เขาด้วยไมตรี ซึ่งเขาก็เข้าใจ รับหมับทันที ขณะที่ปากยังคงพูดเพ้อไม่หยุดเสียงลั่นจนคนที่รอรถและเดินผ่านไปมาแถวนั้นพากันมองมาด้วยอาการอันหลากหลาย คงคละเคล้าปะปนกันระหว่างปลงสังเวช กับกริ่งเกรงไม่ไว้ใจ แต่ข้าพเจ้าสบายตัว สบายใจแล้ว ขยะในมือได้อยู่ถูกที่กับคนที่ต้องการและจะนำไปแลกเป็นรายได้เลี้ยงตัว ไม่ได้ทำให้เกิดขยะส่วนรวมเพิ่ม นับเป็นเรื่องน่ายินดี จึงจากกันด้วยประการฉะนี้เอง #บันทึก #thaitimes #รีไซเคิล #ขยะ #ขวดแก้ว #อาการทางจิต #ข้อคิด #ความทรงจำ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 951 Views 0 Reviews
  • หน้าด้านหน้าทนมีอยู่จริง มีให้เห็นแล้ว หลายคนพูดผิดไปแล้ว ทำเหมือนไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ได้ทำกรรมสำเร็จแล้วด้วยวาจา หรือทำวจีกรรมทุจริตเสร็จสิ้นแล้ว ได้แก่ การพูดโกหก ตอแหล บิดเบือน ส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบ(พูดข้ามขั้นตอนระหว่างปัจจัยที่เป็นเหตุกับปัจจัยที่เกิดจากเหตุ) พูดเพ้อเจ้อ(พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีหลักการ ไม่อาศัยเหตุผล..) .....

    เมื่อคนทุจริตทำผิดจริยธรรม การตัดสินใจจัดการบริหารบ้านเมืองตามนโยบาย ก็ย่อมทุจจริต ผิดทำนองคลองธรรมไปด้วยโดยปริยาย

    #ยกตัวอย่าง เช่น
    1)ทำประเทศไทยให้เป็นแหล่งอบายมุขอันดับหนึ่งของโลก
    2)ให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้นานถึง 99 ปี
    3)อ้างว่ามีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และคิดแบ่งปันทรัพยากรพลังงานกับเพื่อนรัก ฮุนเซน
    4)เอาที่ดินธรณีสงฆ์ มาทำธุรกิจของตน ทั้งที่รู้มาก่อนว่า เป็นที่บริจาคจากยายเนื่อม
    5)เป็น นช.เทวดา แสร้งป่วยทิพย์ ไม่ยอมติดคุก ทั้ง ๆ ที่ได้ยอมรับจากคำขอพระราชทานอภัยโทษมาก่อนแล้ว

    หากนักการเมือง มีจิตสำนึกดี ประเทศจะไม่เดือดร้อน เมื่อเป็นคนไร้ยางอาย ทำเป็นเด็กอมมือ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี...อย่างนี้แล้ว ประชาชนคนไทยคิดอย่างไร ?
    เราต้องการคนไม่มีจริยธรรมแบบนี้มา บริหารประเทศจริงหรือ ?
    เราหาคนดี คนมีจริยธรรมมาบริหารประเทศของเราไม่ได้แล้ว ?!?!
    หน้าด้านหน้าทนมีอยู่จริง มีให้เห็นแล้ว หลายคนพูดผิดไปแล้ว ทำเหมือนไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ได้ทำกรรมสำเร็จแล้วด้วยวาจา หรือทำวจีกรรมทุจริตเสร็จสิ้นแล้ว ได้แก่ การพูดโกหก ตอแหล บิดเบือน ส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบ(พูดข้ามขั้นตอนระหว่างปัจจัยที่เป็นเหตุกับปัจจัยที่เกิดจากเหตุ) พูดเพ้อเจ้อ(พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีหลักการ ไม่อาศัยเหตุผล..) ..... เมื่อคนทุจริตทำผิดจริยธรรม การตัดสินใจจัดการบริหารบ้านเมืองตามนโยบาย ก็ย่อมทุจจริต ผิดทำนองคลองธรรมไปด้วยโดยปริยาย #ยกตัวอย่าง เช่น 1)ทำประเทศไทยให้เป็นแหล่งอบายมุขอันดับหนึ่งของโลก 2)ให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้นานถึง 99 ปี 3)อ้างว่ามีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และคิดแบ่งปันทรัพยากรพลังงานกับเพื่อนรัก ฮุนเซน 4)เอาที่ดินธรณีสงฆ์ มาทำธุรกิจของตน ทั้งที่รู้มาก่อนว่า เป็นที่บริจาคจากยายเนื่อม 5)เป็น นช.เทวดา แสร้งป่วยทิพย์ ไม่ยอมติดคุก ทั้ง ๆ ที่ได้ยอมรับจากคำขอพระราชทานอภัยโทษมาก่อนแล้ว หากนักการเมือง มีจิตสำนึกดี ประเทศจะไม่เดือดร้อน เมื่อเป็นคนไร้ยางอาย ทำเป็นเด็กอมมือ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี...อย่างนี้แล้ว ประชาชนคนไทยคิดอย่างไร ? เราต้องการคนไม่มีจริยธรรมแบบนี้มา บริหารประเทศจริงหรือ ? เราหาคนดี คนมีจริยธรรมมาบริหารประเทศของเราไม่ได้แล้ว ?!?!
    0 Comments 0 Shares 324 Views 26 0 Reviews
  • #ใครคือBoss
    เรื่องนี้เปิดปุ๊บทุกอย่างสว่างคาตา
    เป็นการเฉลยถึงทุกเหตุการณ์
    -ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ ว่าแพลตฟอร์ม ตต แม้จะเกิดขึ้นมาระยะเวลานึงแล้ว แต่การพีเค เพิ่งจะเริ่มต้นไม่นาน หลังจาก ตต เริ่มมียูซจำนวนมากเป็นคู่แข่งสำคัญของแอพฟ้า ซึ่งการพีเค ตามระบบของแพลตฟอร์ม ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีคนที่เห็นช่องทางนี้ นำไปสู่สิ่งที่มากไปกว่านั้น
    -พี่คิงส์จะเล่าแบบนี้ เงินที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะมันมาจากมิจ ทั้งเรื่องออนไลน์ พวกคอลเซ็งเทอร์ หรือญาเฉบติก ซึ่งปัจจุบันทุกประเทศก็จะมีการพัฒนาระบบ เพื่อปิดช่องทาง ไม่ให้สามารถสาวไปถึงเจ้าของได้ จนเป็นที่มา ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย ที่อดีตรอง ผบตร. ต้องถูกออกจากราชการ นั่นเพราะสนง ตร. แห่งชาติ มีระบบที่สามารถสืบหาการโยงของเส้นเงินได้อย่างชัดเจน และถ้าสังเกตุดีๆ บรรดาเงินดาร์คพวกนี้ที่เคยซักให้สะอาดโดยผ่านอสังหา หรือรถมือสองบางราย โดยเฉพาะพวกซุเปอร์คาร์ ออกมาเทกระจาด เพราะเกรงระบบตรวจสอบจะมาถึงตัว เลยต้องเปลี่ยนทรัพย์ให้เป็นแคชให้มาก ซึ่งบางรายก็ต้องเอาเงินดาร์ค ไปใส่ไว้ในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งก็มีการเหวี่ยงของอัตราพอสมควร
    -ดังนั้น การพีเค คือสิ่งใหม่ ที่ผู้ชำนาญเรื่องการซักอบรีดเงินดาร์ค มองเห็นช่องทางพิเศษ จึงวางโมเดลใหม่เอี่ยม ด้วยการสร้างบริษัท เพื่อหานักแสดงที่พอปั้นให้มีแสงได้ มีการลองที่ 1 คู่ โดยตัว บอส ได้โยนเงินดาร์คเข้าไปเปลี่ยนเป็นเหรียญในตต. ก็ไม่สามารถจับมือใครได้ว่า ติ๊กเกอร์นั้นคือของใคร โดยตต.ได้ผลประโยชน์แค่เพียงเล็กน้อย หลังจากเปลี่ยนเงินดาร์ค-สู่เหรียญตต.-สู่ติ๊กเกอร์ ก็วนกลับมา หลังหักค่าธรรมเนียมให้ตต. ก็นำออกมาเสียภาษี ว่าเป็นอินคัมจากการพีเค เท่านั้นก็สะอาดกริ๊บ และมูลค่าของติ๊กเกอร์ ก็มีที่สูงๆ ส่งไม่กี่ทีก็ขึ้นหลักร้อยM ได้ง่ายๆ หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างบริษัทเพิ่ม มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปั้นดาวที่เรียกว่าจะมีการส่งติ๊กเกอร์ที่สัมพันธ์กับผู้ติดตาม ต้องสร้างฐานก่อน
    -แล้วมีความเกี่ยวข้องกับอิเหวิงอย่างไร โพสนี้ยาวนะ แต่อ่านกันให้จบก็แล้วกัน
    อิเหวิงยอมรับว่าตัวเอง มีบ.ดูแล ตั้งแต่ที่ต้มคนไทยว่าลำบากแบบที่อิโจยังเพ้อไม่เลิก อิเหวิงถือเป็นหนึ่งเบี้ยตัวตุ๊กตาในโมเดลใหม่นี้
    และเป็นจังหวะที่บังเอิญ ที่ชาลีก็เฝ้ามองการแสดง อย่างที่ไม่รู้ว่านั่นคือการแสดง นำไปสู่ความใจดีที่พาคนไทยเข้าไปซัพพอตอิเหวิง นั่นคือปฐมบทที่ทุกคนก็รู้ๆกันอยู่แล้ว พี่คิงส์จะข้ามไป
    -ดังนั้น การมีจำนวนผู้ติดตามที่เกาะกระแสน้องแน๊กชาลีได้คนแรกของโมเดล สิ่งที่ได้คือ ติ๊กเกอร์ของจริง ที่อิเหวิงได้ส่วนแบ่งฉ่ำๆไป และส่วนที่สองคือการสอดไส้เงินดาร์คเข้าสู่ระบบ โดยถ้าสังเกตุดีๆ ยูนิแพงแค่ไหน แต่อิเหวิงได้แทบทุกไลฟ์แบบรัวๆ แม้กระทั่งในห้อง DC คนจะลดลงไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็น ทุยก็เฮ เฮ ติ๊กเกอร์รัวๆ ทุยตอนนี้ก็กินแกลบกันแล้ว จะเอาที่ไหนไปให้ ถ้าตั้งสติดีๆ
    -และในโมเดลนี้ได้พัฒนาต่อ โดยเหมือนศูนยน์ประจำประเทศนั้นๆ ซึ่งในประเทศไทย ่่่่โจ คือคนที่ได้รับความไว้วางใจ สร้างกลุ่ม DC และรู้ว่าคุมแน๊กไม่ได้ แน๊กคอยขัดคอเวลาที่พวกนี้หาแดรกกับคนไทย จึงต้องสร้างอคติ กดจิตหมู่ จนลามปามไปถึงการที่ทุยมาตรร้ายต่อแน๊กและครอบครัวแม้กระทั่งหลานตัวเล็ก
    -โดยโจ จะมีทีมตัดต่อคลิปอิเหวิงหรือชาลี พอตัดต่อคลิปนี้ กฌเอาไปโยนให้ ใน dc ไปโพสต์ไปแชร์ก็แล้วแต่ หรือให้ อิโจ โพส ก้อแล้วแต่ พอเริ่มมีคนโพสต์แล้ว ทีมหลังบ้าน ลุยต่อ ด้วยการไปดันเม้นให้เป็นไวรัล
    1 คน มี 20 id แป๊บเดียว แต่มีสมาชิกในทีมเป็นฝูง ทีมยึด พื่นที่ ตามที่ต้องการ พวกนี้เงินเดือน ไม่ถึง หมื่น เม้นโพส ปั้น สร้งภาพ แต่ ag.
    -และเรื่องการปั๊มยูซไม่แท้ ก็มีเอาท์ซอสมาทำ เพื่อปั่นยอดฟอลกลัวจะตกต่ำกว่าล้านฟอล แต่ปั๊มยังไงก็ไม่ทันกับอัลฟอลแท้ เลยต้องปิดเป็นไพรเวทไว้ก่อน เพื่อให้ยอดไม่ลดลงไปกว่านี้ รวมถึงมีคอมเม้นคนไทย ที่ไปใส่อิเหวิงรัวๆ กลัวเอเจนมาเห็น แล้วไม่ต่อสัญญา
    -และตอนนี้ เอเจนก็ไม่ต่อสัญญาจริงๆ แต่อิเหวิงไม่ทำให้เสียของ เริ่มถ่ายเทให้พี่ชาย โดยมีลำดับลีลาการเปิดตัว และจากเดิมที่ทุยจะมีแต่ตัวผู้ ตอนนี้ทุยตัวเมียก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการจัดการพีเคระหว่างทุย ญ ไทย กับพี่ชายอิเหวิง กรรี๊ดดดด กันลั่นห้อง
    อันนี้เบาะๆ แค่ อีพีแรกก่อนละกัน ยาวกว่านี้จะอ่านกันไม่ไหว
    สรุปนะ มันคือการแสดง อย่าที่น้องแน๊กบอกแหละ อย่าอิน
    อิเหวิง ได้ข่าวว่าจบการแสดง แค่ที่แสดงมาก็เนียนไม่น้อย
    แต่พลาดตรงที่ประเทศไทย มีทีมทัวร์ไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก
    และอิโจก็ยังมึนงงจนถึงป่านนี้ว่า คิงส์โพธิ์แดงมายังไง
    มาจากไหน ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ทำเป็นบอกจะไปแ-จ้-ง ตร.
    ถ้าทำจริงป่านนี้โจโพสโชว์แล้ว วงในยืนยันว่าอิป้าไม่กล้า
    เพราะผลเยอะ และมันก็รู้ว่า เพจคิงส์โพธิ์แดงการข่าวลึกจริง
    ถึงบอกไงว่า รอ และอย่าให้รอนาน
    อย่าให้ สนง.ตร.สืบเส้นเงิน เมิงเจอแน่อิฉัด
    ส่วนการแสดงของอิเหวิง ทั้งครอบครัวร่วมด้วยช่วยกัน
    อิแม่นี่ตัวดีเลย คอยถือกล้องให้คอยช่วยบิ๊ว
    หวังว่าโพสนี้ จะทำให้ทุยไทยคิดได้
    และทำให้คนไทยได้ตื่นรู้กันซักที
    การพีเค ไม่ผิดนะ แฟลตฟอร์ม ตต.ก็ไม่ผิด
    แต่ผิดที่พวกเงินดาร์คมันเอาไปพัฒนาให้เป็นแหล่งซักอบรีดเงินดาร์คให้เป็นเงินดี ผ่านการเสียภาษีอย่างถูกต้อง
    สงสารชาลี สงสารคนไทย ที่ถูกล้อเล่นกับหัวใจ
    เพียงเพราะมีคนอย่างอิโจ ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
    ตอนนี้ ยิ่งชัดว่า อินคัมที่ได้จากโมเดลนี้ พอสมควร
    แต่ที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือ โรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง
    ที่เปิดสอนสิ่งงม-งา-ย คิดหัวเกือบฉองหมื่น
    ซึ่งการมาของคิงส์ฯและแฟนเพจ
    ทำให้ตัวบอสเองก็คาดไม่ถึง
    ก็เป็นโอกาสที่โจจะแสดงฝีมือ
    ในการปั่นให้คนไทย ชังแน๊ก
    มีทีมหลังบ้านไม่ต่ำกว่า 20 ทั้งชงทั้งชิม
    งงดิเมิง กรรรูมายังไง ก็ฟ้ามีตาไง
    ทำข่าวการเมืองอยู่แท้ๆ
    เจอแน๊กถูกเล่นงานต้องวางงานอื่น
    มาจัดเต็ม อยากทำซั่วกับคนไทย
    ต้องผ่านคิงส์โพธิ์แดงให้ได้ก่อนนะ
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #ใครคือBoss เรื่องนี้เปิดปุ๊บทุกอย่างสว่างคาตา เป็นการเฉลยถึงทุกเหตุการณ์ -ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ ว่าแพลตฟอร์ม ตต แม้จะเกิดขึ้นมาระยะเวลานึงแล้ว แต่การพีเค เพิ่งจะเริ่มต้นไม่นาน หลังจาก ตต เริ่มมียูซจำนวนมากเป็นคู่แข่งสำคัญของแอพฟ้า ซึ่งการพีเค ตามระบบของแพลตฟอร์ม ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีคนที่เห็นช่องทางนี้ นำไปสู่สิ่งที่มากไปกว่านั้น -พี่คิงส์จะเล่าแบบนี้ เงินที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะมันมาจากมิจ ทั้งเรื่องออนไลน์ พวกคอลเซ็งเทอร์ หรือญาเฉบติก ซึ่งปัจจุบันทุกประเทศก็จะมีการพัฒนาระบบ เพื่อปิดช่องทาง ไม่ให้สามารถสาวไปถึงเจ้าของได้ จนเป็นที่มา ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย ที่อดีตรอง ผบตร. ต้องถูกออกจากราชการ นั่นเพราะสนง ตร. แห่งชาติ มีระบบที่สามารถสืบหาการโยงของเส้นเงินได้อย่างชัดเจน และถ้าสังเกตุดีๆ บรรดาเงินดาร์คพวกนี้ที่เคยซักให้สะอาดโดยผ่านอสังหา หรือรถมือสองบางราย โดยเฉพาะพวกซุเปอร์คาร์ ออกมาเทกระจาด เพราะเกรงระบบตรวจสอบจะมาถึงตัว เลยต้องเปลี่ยนทรัพย์ให้เป็นแคชให้มาก ซึ่งบางรายก็ต้องเอาเงินดาร์ค ไปใส่ไว้ในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งก็มีการเหวี่ยงของอัตราพอสมควร -ดังนั้น การพีเค คือสิ่งใหม่ ที่ผู้ชำนาญเรื่องการซักอบรีดเงินดาร์ค มองเห็นช่องทางพิเศษ จึงวางโมเดลใหม่เอี่ยม ด้วยการสร้างบริษัท เพื่อหานักแสดงที่พอปั้นให้มีแสงได้ มีการลองที่ 1 คู่ โดยตัว บอส ได้โยนเงินดาร์คเข้าไปเปลี่ยนเป็นเหรียญในตต. ก็ไม่สามารถจับมือใครได้ว่า ติ๊กเกอร์นั้นคือของใคร โดยตต.ได้ผลประโยชน์แค่เพียงเล็กน้อย หลังจากเปลี่ยนเงินดาร์ค-สู่เหรียญตต.-สู่ติ๊กเกอร์ ก็วนกลับมา หลังหักค่าธรรมเนียมให้ตต. ก็นำออกมาเสียภาษี ว่าเป็นอินคัมจากการพีเค เท่านั้นก็สะอาดกริ๊บ และมูลค่าของติ๊กเกอร์ ก็มีที่สูงๆ ส่งไม่กี่ทีก็ขึ้นหลักร้อยM ได้ง่ายๆ หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างบริษัทเพิ่ม มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปั้นดาวที่เรียกว่าจะมีการส่งติ๊กเกอร์ที่สัมพันธ์กับผู้ติดตาม ต้องสร้างฐานก่อน -แล้วมีความเกี่ยวข้องกับอิเหวิงอย่างไร โพสนี้ยาวนะ แต่อ่านกันให้จบก็แล้วกัน อิเหวิงยอมรับว่าตัวเอง มีบ.ดูแล ตั้งแต่ที่ต้มคนไทยว่าลำบากแบบที่อิโจยังเพ้อไม่เลิก อิเหวิงถือเป็นหนึ่งเบี้ยตัวตุ๊กตาในโมเดลใหม่นี้ และเป็นจังหวะที่บังเอิญ ที่ชาลีก็เฝ้ามองการแสดง อย่างที่ไม่รู้ว่านั่นคือการแสดง นำไปสู่ความใจดีที่พาคนไทยเข้าไปซัพพอตอิเหวิง นั่นคือปฐมบทที่ทุกคนก็รู้ๆกันอยู่แล้ว พี่คิงส์จะข้ามไป -ดังนั้น การมีจำนวนผู้ติดตามที่เกาะกระแสน้องแน๊กชาลีได้คนแรกของโมเดล สิ่งที่ได้คือ ติ๊กเกอร์ของจริง ที่อิเหวิงได้ส่วนแบ่งฉ่ำๆไป และส่วนที่สองคือการสอดไส้เงินดาร์คเข้าสู่ระบบ โดยถ้าสังเกตุดีๆ ยูนิแพงแค่ไหน แต่อิเหวิงได้แทบทุกไลฟ์แบบรัวๆ แม้กระทั่งในห้อง DC คนจะลดลงไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็น ทุยก็เฮ เฮ ติ๊กเกอร์รัวๆ ทุยตอนนี้ก็กินแกลบกันแล้ว จะเอาที่ไหนไปให้ ถ้าตั้งสติดีๆ -และในโมเดลนี้ได้พัฒนาต่อ โดยเหมือนศูนยน์ประจำประเทศนั้นๆ ซึ่งในประเทศไทย ่่่่โจ คือคนที่ได้รับความไว้วางใจ สร้างกลุ่ม DC และรู้ว่าคุมแน๊กไม่ได้ แน๊กคอยขัดคอเวลาที่พวกนี้หาแดรกกับคนไทย จึงต้องสร้างอคติ กดจิตหมู่ จนลามปามไปถึงการที่ทุยมาตรร้ายต่อแน๊กและครอบครัวแม้กระทั่งหลานตัวเล็ก -โดยโจ จะมีทีมตัดต่อคลิปอิเหวิงหรือชาลี พอตัดต่อคลิปนี้ กฌเอาไปโยนให้ ใน dc ไปโพสต์ไปแชร์ก็แล้วแต่ หรือให้ อิโจ โพส ก้อแล้วแต่ พอเริ่มมีคนโพสต์แล้ว ทีมหลังบ้าน ลุยต่อ ด้วยการไปดันเม้นให้เป็นไวรัล 1 คน มี 20 id แป๊บเดียว แต่มีสมาชิกในทีมเป็นฝูง ทีมยึด พื่นที่ ตามที่ต้องการ พวกนี้เงินเดือน ไม่ถึง หมื่น เม้นโพส ปั้น สร้งภาพ แต่ ag. -และเรื่องการปั๊มยูซไม่แท้ ก็มีเอาท์ซอสมาทำ เพื่อปั่นยอดฟอลกลัวจะตกต่ำกว่าล้านฟอล แต่ปั๊มยังไงก็ไม่ทันกับอัลฟอลแท้ เลยต้องปิดเป็นไพรเวทไว้ก่อน เพื่อให้ยอดไม่ลดลงไปกว่านี้ รวมถึงมีคอมเม้นคนไทย ที่ไปใส่อิเหวิงรัวๆ กลัวเอเจนมาเห็น แล้วไม่ต่อสัญญา -และตอนนี้ เอเจนก็ไม่ต่อสัญญาจริงๆ แต่อิเหวิงไม่ทำให้เสียของ เริ่มถ่ายเทให้พี่ชาย โดยมีลำดับลีลาการเปิดตัว และจากเดิมที่ทุยจะมีแต่ตัวผู้ ตอนนี้ทุยตัวเมียก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการจัดการพีเคระหว่างทุย ญ ไทย กับพี่ชายอิเหวิง กรรี๊ดดดด กันลั่นห้อง อันนี้เบาะๆ แค่ อีพีแรกก่อนละกัน ยาวกว่านี้จะอ่านกันไม่ไหว สรุปนะ มันคือการแสดง อย่าที่น้องแน๊กบอกแหละ อย่าอิน อิเหวิง ได้ข่าวว่าจบการแสดง แค่ที่แสดงมาก็เนียนไม่น้อย แต่พลาดตรงที่ประเทศไทย มีทีมทัวร์ไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก และอิโจก็ยังมึนงงจนถึงป่านนี้ว่า คิงส์โพธิ์แดงมายังไง มาจากไหน ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ทำเป็นบอกจะไปแ-จ้-ง ตร. ถ้าทำจริงป่านนี้โจโพสโชว์แล้ว วงในยืนยันว่าอิป้าไม่กล้า เพราะผลเยอะ และมันก็รู้ว่า เพจคิงส์โพธิ์แดงการข่าวลึกจริง ถึงบอกไงว่า รอ และอย่าให้รอนาน อย่าให้ สนง.ตร.สืบเส้นเงิน เมิงเจอแน่อิฉัด ส่วนการแสดงของอิเหวิง ทั้งครอบครัวร่วมด้วยช่วยกัน อิแม่นี่ตัวดีเลย คอยถือกล้องให้คอยช่วยบิ๊ว หวังว่าโพสนี้ จะทำให้ทุยไทยคิดได้ และทำให้คนไทยได้ตื่นรู้กันซักที การพีเค ไม่ผิดนะ แฟลตฟอร์ม ตต.ก็ไม่ผิด แต่ผิดที่พวกเงินดาร์คมันเอาไปพัฒนาให้เป็นแหล่งซักอบรีดเงินดาร์คให้เป็นเงินดี ผ่านการเสียภาษีอย่างถูกต้อง สงสารชาลี สงสารคนไทย ที่ถูกล้อเล่นกับหัวใจ เพียงเพราะมีคนอย่างอิโจ ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ตอนนี้ ยิ่งชัดว่า อินคัมที่ได้จากโมเดลนี้ พอสมควร แต่ที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือ โรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง ที่เปิดสอนสิ่งงม-งา-ย คิดหัวเกือบฉองหมื่น ซึ่งการมาของคิงส์ฯและแฟนเพจ ทำให้ตัวบอสเองก็คาดไม่ถึง ก็เป็นโอกาสที่โจจะแสดงฝีมือ ในการปั่นให้คนไทย ชังแน๊ก มีทีมหลังบ้านไม่ต่ำกว่า 20 ทั้งชงทั้งชิม งงดิเมิง กรรรูมายังไง ก็ฟ้ามีตาไง ทำข่าวการเมืองอยู่แท้ๆ เจอแน๊กถูกเล่นงานต้องวางงานอื่น มาจัดเต็ม อยากทำซั่วกับคนไทย ต้องผ่านคิงส์โพธิ์แดงให้ได้ก่อนนะ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 805 Views 0 Reviews
  • #อึ้งห้องDCหวังเล็กๆเผื่อฟลุ๊คได้ดมกลิ่นกิมจิ๊
    #นิ-น-ท-า เมียฉ่ำ
    #เปย์จนหมดตัวเป็นปังหาครอบครัวพังเป็นแถบๆ
    ผลัวใครอยู่ในนั้นให้รู้ไว้ด้วยนะขอรับ
    เหวิงกามิจก็แค่สก็อยกิมจิ
    อยากได้ถึงขนาดเม้าท์เมียตัวเอง
    เห็นแบบนี้แล้วไม่ไหว
    บางคนลั่น "พร้อมตุยเพื่ออิเหวิง"
    พวกเมิงเลยเถิดกันไปมากละ
    ฝากข้อความถึงทุกทุยในห้อง DCน ะ
    "เ-ผ-า บ้านแม่มเลย ไอ่พวกทุย อย่ามาแหลเลย ปกป้องคนดี เปย์หนักๆแค่หวังให้อิเหม็นหันมามอง เสียเป็นแสน อย่าว่าแต่แขนเลย แค่กลิ่นน้ำมันไม่อาบ10 วันก็ยังไม่ได้ดมเลย อย่ามาเพ้อ รู้จักมันมากี่เดือน ถามหน่อย เปย์ให้มันก็ซื้อของให้ลูกเมียอะไรมากกว่ากัน ทำไปได้ อีเหวิงรวยกว่าพวกเมิงอีก เศรษฐกิจก็แบบนี้ แทนที่จะเอาเวลาไปทำมาหากิน เสือกนั่งฟังอีโจทั้งวันทั้งคืน เถียงแทนอิเหวิง บางคน โอ๊ย ใช้คำห-ย-า-บ-ค-า-ย โกรธยิ่งกว่าไปเหยียบทรีนพ่-อแ-ม่มันอีก บางคนก็ทรงเอเลย อ่านโพสพี่คิงส์แล้วคลั่ง คือ เมิง อิเหวิงมันไม่ได้ให้ราคากับพวกเมิงไปกว่า ไอ้กลุ่มคนง่าวๆที่จูงจมูกได้ เปย์เข้าไป หวังแค่ ตั๊กจาย โอ ข่อมคุงค่า แค่เนี่ย มันจำพวกเมิงได้หรือเปล่า นี่มันก็ออกมาบอกว่ามันแค่แสดง มันทำงาน พวกเมิงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ มันคือการแสดง เบื่อหวะ ไม่คิดว่ากรูจะต้องมาอยู่ร่วมชาติกับคนง่าวๆขนาดนี้ แถมคลั่งไคล้ใครไม่คลั่ง คลั่งอีสก็อยเกาหลี นี่พีคิงส์พิมพ์แบบตรงไปตรงมาเลยนะ สก็อยไทยยังสะอาดกว่า ดูดีกว่าเยอะ กรรูว่าพวกเมิงนี่ ไปหาน้ำอะไรล้างตาบ้างก็ดี เหมือนถูกมนต์ดำยังไงไม่รู้ เมิงไปถามคนเกาหลีเอา ผญ. สักลายแบบนี้ ลำดั่บสก็อยชั้นต่ำจริงมั๊ย ไม่ต้องเชื่อกรรรูก็ได้ ตื่นซักทีพวกเมิง ไอ่ฉัด
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #อึ้งห้องDCหวังเล็กๆเผื่อฟลุ๊คได้ดมกลิ่นกิมจิ๊ #นิ-น-ท-า เมียฉ่ำ #เปย์จนหมดตัวเป็นปังหาครอบครัวพังเป็นแถบๆ ผลัวใครอยู่ในนั้นให้รู้ไว้ด้วยนะขอรับ เหวิงกามิจก็แค่สก็อยกิมจิ อยากได้ถึงขนาดเม้าท์เมียตัวเอง เห็นแบบนี้แล้วไม่ไหว บางคนลั่น "พร้อมตุยเพื่ออิเหวิง" พวกเมิงเลยเถิดกันไปมากละ ฝากข้อความถึงทุกทุยในห้อง DCน ะ "เ-ผ-า บ้านแม่มเลย ไอ่พวกทุย อย่ามาแหลเลย ปกป้องคนดี เปย์หนักๆแค่หวังให้อิเหม็นหันมามอง เสียเป็นแสน อย่าว่าแต่แขนเลย แค่กลิ่นน้ำมันไม่อาบ10 วันก็ยังไม่ได้ดมเลย อย่ามาเพ้อ รู้จักมันมากี่เดือน ถามหน่อย เปย์ให้มันก็ซื้อของให้ลูกเมียอะไรมากกว่ากัน ทำไปได้ อีเหวิงรวยกว่าพวกเมิงอีก เศรษฐกิจก็แบบนี้ แทนที่จะเอาเวลาไปทำมาหากิน เสือกนั่งฟังอีโจทั้งวันทั้งคืน เถียงแทนอิเหวิง บางคน โอ๊ย ใช้คำห-ย-า-บ-ค-า-ย โกรธยิ่งกว่าไปเหยียบทรีนพ่-อแ-ม่มันอีก บางคนก็ทรงเอเลย อ่านโพสพี่คิงส์แล้วคลั่ง คือ เมิง อิเหวิงมันไม่ได้ให้ราคากับพวกเมิงไปกว่า ไอ้กลุ่มคนง่าวๆที่จูงจมูกได้ เปย์เข้าไป หวังแค่ ตั๊กจาย โอ ข่อมคุงค่า แค่เนี่ย มันจำพวกเมิงได้หรือเปล่า นี่มันก็ออกมาบอกว่ามันแค่แสดง มันทำงาน พวกเมิงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ มันคือการแสดง เบื่อหวะ ไม่คิดว่ากรูจะต้องมาอยู่ร่วมชาติกับคนง่าวๆขนาดนี้ แถมคลั่งไคล้ใครไม่คลั่ง คลั่งอีสก็อยเกาหลี นี่พีคิงส์พิมพ์แบบตรงไปตรงมาเลยนะ สก็อยไทยยังสะอาดกว่า ดูดีกว่าเยอะ กรรูว่าพวกเมิงนี่ ไปหาน้ำอะไรล้างตาบ้างก็ดี เหมือนถูกมนต์ดำยังไงไม่รู้ เมิงไปถามคนเกาหลีเอา ผญ. สักลายแบบนี้ ลำดั่บสก็อยชั้นต่ำจริงมั๊ย ไม่ต้องเชื่อกรรรูก็ได้ ตื่นซักทีพวกเมิง ไอ่ฉัด ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Haha
    2
    0 Comments 1 Shares 615 Views 0 Reviews
  • #อุตส่าห์ลุ้น
    #นึกว่าโจตกขาวมีอะไรใหม่
    #โหวงเหวงมาก
    #เก่งไงไม่รู้ไม่กล้าแม้กระทั่งเอ่ยชื่อพาดพิงคิงส์โพธิ์แดง
    อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดง เมื่อคืนพี่คิงส์นี่นอนไวมาก
    มีแฟนเพจทักมาเยอะ พี่คิงส์ๆๆๆๆ
    โจตกขาวจะไลฟ์ ชื่อ "ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว"
    ไอ่เราก็ ว้าว แล้วก็นอนต่อ
    ถามว่าทำไมเหรอ ก็มันเปื่อยจิต ตอนนี้ก็รู้กันทั้งประเทศ
    ให้พี่คิงส์ไปนั่งฟัง ก็ไม่ต่างกับบังคับพี่คิงส์
    ให้ไปนั่งคุยกับ คงไข้ในโร็งบาลฉีธังญา
    แต่แฟนเพจพี่คิงส์ฯก็อดทนและอึดกันมาก
    นั่งฟังกันยาวๆ
    เช้านี่พี่คิงส์ก็เลยทักถามแฟนเพจไป
    "เป็นไงบ้างโจตกขาวมีไรเด็ด"
    แล้วแฟนเพจก็ส่งติ๊กเกอร์แบบนี้มา
    พร้อมบอกว่า
    ไม่มีอะไรเลยพี่คิงส์พูดวนไปวนมา ดูเพ้อๆ
    อุตส่าห์ดูตั้งแต่ต้นจนจบ ก็พูดเรื่องเก่าๆวนไปวนมา
    ที่คนเค้ารุ้กันหมดแล้ว
    ฟังโจแล้วเบื่อรอฟังพี่คิงส์นี่
    มีอะไรตื่นเต้นอีกเยอะ
    เมิงไม่จำนนพี่คิงส์ก็จะจัดไปอีกยาวๆ
    แล้วที่เห่าว่าจะฟร้องงงงง
    รอนะ คนในประเทศจะได้รู้ชัดๆ
    ว่าอิโจหาแดรกกับความเชื่อ
    ไม่ต่างจากมิจดีๆนี่เอง
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #อุตส่าห์ลุ้น #นึกว่าโจตกขาวมีอะไรใหม่ #โหวงเหวงมาก #เก่งไงไม่รู้ไม่กล้าแม้กระทั่งเอ่ยชื่อพาดพิงคิงส์โพธิ์แดง อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดง เมื่อคืนพี่คิงส์นี่นอนไวมาก มีแฟนเพจทักมาเยอะ พี่คิงส์ๆๆๆๆ โจตกขาวจะไลฟ์ ชื่อ "ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว" ไอ่เราก็ ว้าว แล้วก็นอนต่อ ถามว่าทำไมเหรอ ก็มันเปื่อยจิต ตอนนี้ก็รู้กันทั้งประเทศ ให้พี่คิงส์ไปนั่งฟัง ก็ไม่ต่างกับบังคับพี่คิงส์ ให้ไปนั่งคุยกับ คงไข้ในโร็งบาลฉีธังญา แต่แฟนเพจพี่คิงส์ฯก็อดทนและอึดกันมาก นั่งฟังกันยาวๆ เช้านี่พี่คิงส์ก็เลยทักถามแฟนเพจไป "เป็นไงบ้างโจตกขาวมีไรเด็ด" แล้วแฟนเพจก็ส่งติ๊กเกอร์แบบนี้มา พร้อมบอกว่า ไม่มีอะไรเลยพี่คิงส์พูดวนไปวนมา ดูเพ้อๆ อุตส่าห์ดูตั้งแต่ต้นจนจบ ก็พูดเรื่องเก่าๆวนไปวนมา ที่คนเค้ารุ้กันหมดแล้ว ฟังโจแล้วเบื่อรอฟังพี่คิงส์นี่ มีอะไรตื่นเต้นอีกเยอะ เมิงไม่จำนนพี่คิงส์ก็จะจัดไปอีกยาวๆ แล้วที่เห่าว่าจะฟร้องงงงง รอนะ คนในประเทศจะได้รู้ชัดๆ ว่าอิโจหาแดรกกับความเชื่อ ไม่ต่างจากมิจดีๆนี่เอง อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 762 Views 0 Reviews
  • หมาแมวอีกแล้วหนอ

    บ้านสองหลังเลี้ยงจังหมากับแมว
    มิช้านานส่อแววแล้วทุ่มเถียง
    เมื่อโทสะเอาชนะบ้านข้างเคียง
    ลั่นไกเปรี้ยงตายเกลี้ยงเขาและเธอ

    เรื่องไม่น่าเป็นเรื่องพาเป็นเรื่อง
    ความขุ่นเคืองเปลืองใจได้เสมอ
    เลิกหลงเพ้อปรนเปรอสัตว์จะเลิศเลอ
    ขอเพื่อนเกลอเชื่อเราแล้วเอาจริง
    หมาแมวอีกแล้วหนอ บ้านสองหลังเลี้ยงจังหมากับแมว มิช้านานส่อแววแล้วทุ่มเถียง เมื่อโทสะเอาชนะบ้านข้างเคียง ลั่นไกเปรี้ยงตายเกลี้ยงเขาและเธอ เรื่องไม่น่าเป็นเรื่องพาเป็นเรื่อง ความขุ่นเคืองเปลืองใจได้เสมอ เลิกหลงเพ้อปรนเปรอสัตว์จะเลิศเลอ ขอเพื่อนเกลอเชื่อเราแล้วเอาจริง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • ธรรมะในนิยายจีนจากเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า

    .

    ตัวละครเอกตัวหนึ่งของเรื่องที่เป็นตัวละครหลักหนึ่งในสาม คือ องค์ชายต้วนอี้ รัชทายาทแห่งอาณาจักร ต้าหลี่ หรือแถบยูนนานของจีนปัจจุบัน นับเป็นตัวละครที่มีความเป็นบุคคลที่หาได้ยากมากในเหล่าชาวยุทธ หรือตัวเอกในอาณาจักรนิยายจีนมากมายเท่าที่เคยผ่านสมองและสองตามา

    .
    .

    แรกทีเดียวที่ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องนี้ในสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น กว่าสามสิบปีมาแล้วนั้น รู้สึกไม่ชอบพระเอกที่ชื่อต้วนอี้นี้เลย ออกจะรำคาญ และเบื่อในความเหลาะแหละ โลเล ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นพวกชอบเพ้อฝัน บัณฑิตที่โง่งมยึดอยู่กับตำราเหมือนนักศึกษาที่จะสอบเป็นจอหงวน ตัดสินใจไม่เด็ดขาด อ่อนแอ รักหยกถนอมบุบผา คือมีความนุ่มนิ่มตุ้งติ้ง สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะกับสตรีเพศยิ่งเข้ากลุ่มไปสนทนาร่วมด้วยอย่างค่อนข้างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ไม่สมชายชาตรี

    .
    .

    ฝึกวิชาก็ไม่เอาไหน ทั้งที่มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ โชคนำพาวาสนาส่งให้ได้มีโอกาสไขว่คว้าตำรายุทธ์ หรือร่ำเรียนวิชาสุดยอดฝีมือที่เรียกได้ว่าเป็นยอดวิทยายุทธ์ในใต้หล้า ที่น้อยคนจะได้พานพบ ทว่ากลับเหมือนลิงได้แหวน ไก่ได้พลอย มีของดีกับตัวแต่ไม่ใช้ ไม่ฝึกฝน ปล่อยเสียของไปอย่างเปล่าดาย หรือถ้าฝึกก็อย่างขอไปที หรือเหตุการณ์บังคับ ไม่กระตือรือร้นที่จะพาตนให้กลายเป็นคนเก่ง หรือจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เช่นที่พระเอกควรจะเก่งและควรจะเป็น

    .
    .

    ไม่เหมือนเฉียวฟง ประมุขพรรคกระยาจก ที่แม้นไม่หล่อเหลา แต่มีบุคลิกองอาจกล้าหาญ ฮึกเหิม และมีวิทยายุทธ์สูงส่งเป็นไต้เฮียบ หรือผู้กล้าอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ได้รับการยกย่องขนานนามเป็น เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้ เรียกได้ว่าต้วนอี้เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของจักรวาลนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่ไม่น่าประทับใจเลย

    ทว่า แท้จริงข้าพเจ้ามองต้วนอี้ตื้นเขินเกินไปในเวลานั้น ด้วยวัยที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องราวได้เหมือนดังปัจจุบัน

    .
    .

    แท้จริง องค์ชายต้วน หรือคุณชายต้วน เป็นตัวละครที่น่ายกย่องในหลายด้าน เขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามฝังอยู่ในกมลสันดาน ที่ไม่นิยมการฝึกวิชายุทธ์ ก็เพราะไม่อยากจะเกี่ยวข้องทำร้ายคน ไม่ชอบการเข่นฆ่า พยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด โดยกลับไปชอบถึงขั้นหลงใหลในด้านศิลปะแทน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในทางดนตรี บทกวี การเขียนอักษรจีน การวาดภาพ และการเล่นหมากล้อม

    .
    .

    เขามีจิตใจอ่อนโยน แม้กระทั่งกับศัตรูที่คิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายกระทำตอบ แม้นในเมื่อตนมีโอกาส ยามศัตรูพลั้งพลาด จนในที่สุดความดีของเขาสามารถเอาชนะใจจอมโฉดอันดับสาม จากสี่จอมโฉด คือ หนานไห่เอ้อเซิน จนยอมเรียกต้วนอี้ว่าอาจารย์ และยอมเป็นศิษย์แม้นด้วยความจำนน จากการแพ้เดิมพันก็ตาม (ถือว่าเป็นจอมโฉดที่มีจิตใจดีงามอยู่หลายส่วน มากกว่าพี่น้องร่วมสาบานคนอื่น โดยเฉพาะความสัตย์ซื่อ)

    .
    .

    นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ให้โอกาสคนอื่น ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม มีน้ำใจต่อคนแทบทุกชนชั้น เห็นใจแม้กระทั่งคนชั่วที่คนอื่นเกลียด ชอบช่วยเหลือ ชอบคบค้าสมาคมกับคนจำนวนมาก เป็นผู้มีบุคลิกภายนอกที่อาจไม่ต้องใจสาวงามที่ชมชอบบุรุษเข้มแข็ง อีกทั้งก็ไม่ได้หล่อเหลา แม้นจะไม่ขี้เหร่ แต่ด้วยความเป็นคนมาดคุณชายหนอนหนังสือ จึงไม่ได้รับการใส่ใจจากหญิงที่ตนรัก

    .
    .

    โดยรวมแล้ว แม้ต้วนอี้จะมีข้อด้อยหลายประการ แต่ข้อด้อยเหล่านั้น บางข้อก็ถือเป็นข้อดีหากเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดกับเราได้ว่า การจะวิเคราะห์หรือมองคนคนหนึ่งให้ทะลุนั้น เราจะมองแต่แค่แง่ใดหรือบางแง่หาได้ไม่ เพราะเบื้องหลังความเป็นมาของแต่ละคนที่บ่มเพาะให้คนคนนั้น กลายเป็นคนที่มีบุคลิก หรืออุปนิสัยเช่นไร เป็นความซับซ้อนหลายชั้น

    ในความเป็นคนดี ก็ยังมีความชั่วแฝงซ่อนอยู่ หรือกระทั่งจอมโฉดชั่วสุดสามานย์ ก็ยังมีมุมที่น่าเห็นใจ น่าสงสาร ไปจนกระทั่งน่ารักอยู่ไม่น้อย สมดังชื่อเรื่องที่มีทั้งเทพและมารอยู่รวมกัน

    .

    แต่ที่เห็นได้ชัดคือ คนที่พยายามอยากได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ด้วยการทำทุกวิธีแม้จะต้องผิดต่อมโนธรรม คุณธรรม และศีลธรรม มักจะต้องผิดหวัง

    .

    ทว่าคนที่ยิ่งไม่ต้องการ ยิ่งไม่อยากได้ในสิ่งที่คนอื่นอยาก มักจะเป็นผู้ที่ได้รับในสิ่งซึ่งตนไม่ต้องการอยู่เสมอ

    ดังเช่นชีวิตขององค์ชายต้วนอี้ เป็นต้น ซึ่งได้พบกับความสุขสมหวังในช่วงท้าย ต่างจากมู่หยงฟู่ที่ไขว่คว้าตลอด แต่ต้องสูญสิ้นทุกอย่างจนกลายเป็นบ้า

    ............

    บทความโดย ชลธิศ รมณียางกูร

    ป.ล. ฉบับนิยายที่อ่านเป็นฉบับที่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่โดยผู้แต่งในภายหลัง

    รูปภาพประกอบจากกูเกิ้ล เวอร์ชั่นปี 1982 คุณชายต้วน รับบทโดย ทัง เจิ้นเยี่ย (จีนตัวย่อ: 汤镇业; จีนตัวเต็ม: 湯鎮業; พินอิน: Tāng Zhènyè)ข้อมูลชื่อจีน และคำอ่านจากวิกิพีเดีย

    #แปดเทพอสูรมังกรฟ้า
    #ต้วนอี้
    #นิยายกำลังภายใน
    #นิยายจีน
    #กิมย้ง
    #thaitimes
    #บทวิเคราะห์
    #บทความ
    #ข้อคิด
    #นิยายแปล
    ธรรมะในนิยายจีนจากเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า . ตัวละครเอกตัวหนึ่งของเรื่องที่เป็นตัวละครหลักหนึ่งในสาม คือ องค์ชายต้วนอี้ รัชทายาทแห่งอาณาจักร ต้าหลี่ หรือแถบยูนนานของจีนปัจจุบัน นับเป็นตัวละครที่มีความเป็นบุคคลที่หาได้ยากมากในเหล่าชาวยุทธ หรือตัวเอกในอาณาจักรนิยายจีนมากมายเท่าที่เคยผ่านสมองและสองตามา . . แรกทีเดียวที่ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องนี้ในสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น กว่าสามสิบปีมาแล้วนั้น รู้สึกไม่ชอบพระเอกที่ชื่อต้วนอี้นี้เลย ออกจะรำคาญ และเบื่อในความเหลาะแหละ โลเล ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นพวกชอบเพ้อฝัน บัณฑิตที่โง่งมยึดอยู่กับตำราเหมือนนักศึกษาที่จะสอบเป็นจอหงวน ตัดสินใจไม่เด็ดขาด อ่อนแอ รักหยกถนอมบุบผา คือมีความนุ่มนิ่มตุ้งติ้ง สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะกับสตรีเพศยิ่งเข้ากลุ่มไปสนทนาร่วมด้วยอย่างค่อนข้างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ไม่สมชายชาตรี . . ฝึกวิชาก็ไม่เอาไหน ทั้งที่มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ โชคนำพาวาสนาส่งให้ได้มีโอกาสไขว่คว้าตำรายุทธ์ หรือร่ำเรียนวิชาสุดยอดฝีมือที่เรียกได้ว่าเป็นยอดวิทยายุทธ์ในใต้หล้า ที่น้อยคนจะได้พานพบ ทว่ากลับเหมือนลิงได้แหวน ไก่ได้พลอย มีของดีกับตัวแต่ไม่ใช้ ไม่ฝึกฝน ปล่อยเสียของไปอย่างเปล่าดาย หรือถ้าฝึกก็อย่างขอไปที หรือเหตุการณ์บังคับ ไม่กระตือรือร้นที่จะพาตนให้กลายเป็นคนเก่ง หรือจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เช่นที่พระเอกควรจะเก่งและควรจะเป็น . . ไม่เหมือนเฉียวฟง ประมุขพรรคกระยาจก ที่แม้นไม่หล่อเหลา แต่มีบุคลิกองอาจกล้าหาญ ฮึกเหิม และมีวิทยายุทธ์สูงส่งเป็นไต้เฮียบ หรือผู้กล้าอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ได้รับการยกย่องขนานนามเป็น เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้ เรียกได้ว่าต้วนอี้เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของจักรวาลนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่ไม่น่าประทับใจเลย ทว่า แท้จริงข้าพเจ้ามองต้วนอี้ตื้นเขินเกินไปในเวลานั้น ด้วยวัยที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องราวได้เหมือนดังปัจจุบัน . . แท้จริง องค์ชายต้วน หรือคุณชายต้วน เป็นตัวละครที่น่ายกย่องในหลายด้าน เขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามฝังอยู่ในกมลสันดาน ที่ไม่นิยมการฝึกวิชายุทธ์ ก็เพราะไม่อยากจะเกี่ยวข้องทำร้ายคน ไม่ชอบการเข่นฆ่า พยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด โดยกลับไปชอบถึงขั้นหลงใหลในด้านศิลปะแทน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในทางดนตรี บทกวี การเขียนอักษรจีน การวาดภาพ และการเล่นหมากล้อม . . เขามีจิตใจอ่อนโยน แม้กระทั่งกับศัตรูที่คิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายกระทำตอบ แม้นในเมื่อตนมีโอกาส ยามศัตรูพลั้งพลาด จนในที่สุดความดีของเขาสามารถเอาชนะใจจอมโฉดอันดับสาม จากสี่จอมโฉด คือ หนานไห่เอ้อเซิน จนยอมเรียกต้วนอี้ว่าอาจารย์ และยอมเป็นศิษย์แม้นด้วยความจำนน จากการแพ้เดิมพันก็ตาม (ถือว่าเป็นจอมโฉดที่มีจิตใจดีงามอยู่หลายส่วน มากกว่าพี่น้องร่วมสาบานคนอื่น โดยเฉพาะความสัตย์ซื่อ) . . นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ให้โอกาสคนอื่น ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม มีน้ำใจต่อคนแทบทุกชนชั้น เห็นใจแม้กระทั่งคนชั่วที่คนอื่นเกลียด ชอบช่วยเหลือ ชอบคบค้าสมาคมกับคนจำนวนมาก เป็นผู้มีบุคลิกภายนอกที่อาจไม่ต้องใจสาวงามที่ชมชอบบุรุษเข้มแข็ง อีกทั้งก็ไม่ได้หล่อเหลา แม้นจะไม่ขี้เหร่ แต่ด้วยความเป็นคนมาดคุณชายหนอนหนังสือ จึงไม่ได้รับการใส่ใจจากหญิงที่ตนรัก . . โดยรวมแล้ว แม้ต้วนอี้จะมีข้อด้อยหลายประการ แต่ข้อด้อยเหล่านั้น บางข้อก็ถือเป็นข้อดีหากเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดกับเราได้ว่า การจะวิเคราะห์หรือมองคนคนหนึ่งให้ทะลุนั้น เราจะมองแต่แค่แง่ใดหรือบางแง่หาได้ไม่ เพราะเบื้องหลังความเป็นมาของแต่ละคนที่บ่มเพาะให้คนคนนั้น กลายเป็นคนที่มีบุคลิก หรืออุปนิสัยเช่นไร เป็นความซับซ้อนหลายชั้น ในความเป็นคนดี ก็ยังมีความชั่วแฝงซ่อนอยู่ หรือกระทั่งจอมโฉดชั่วสุดสามานย์ ก็ยังมีมุมที่น่าเห็นใจ น่าสงสาร ไปจนกระทั่งน่ารักอยู่ไม่น้อย สมดังชื่อเรื่องที่มีทั้งเทพและมารอยู่รวมกัน . แต่ที่เห็นได้ชัดคือ คนที่พยายามอยากได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ด้วยการทำทุกวิธีแม้จะต้องผิดต่อมโนธรรม คุณธรรม และศีลธรรม มักจะต้องผิดหวัง . ทว่าคนที่ยิ่งไม่ต้องการ ยิ่งไม่อยากได้ในสิ่งที่คนอื่นอยาก มักจะเป็นผู้ที่ได้รับในสิ่งซึ่งตนไม่ต้องการอยู่เสมอ ดังเช่นชีวิตขององค์ชายต้วนอี้ เป็นต้น ซึ่งได้พบกับความสุขสมหวังในช่วงท้าย ต่างจากมู่หยงฟู่ที่ไขว่คว้าตลอด แต่ต้องสูญสิ้นทุกอย่างจนกลายเป็นบ้า ............ บทความโดย ชลธิศ รมณียางกูร ป.ล. ฉบับนิยายที่อ่านเป็นฉบับที่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่โดยผู้แต่งในภายหลัง รูปภาพประกอบจากกูเกิ้ล เวอร์ชั่นปี 1982 คุณชายต้วน รับบทโดย ทัง เจิ้นเยี่ย (จีนตัวย่อ: 汤镇业; จีนตัวเต็ม: 湯鎮業; พินอิน: Tāng Zhènyè)ข้อมูลชื่อจีน และคำอ่านจากวิกิพีเดีย #แปดเทพอสูรมังกรฟ้า #ต้วนอี้ #นิยายกำลังภายใน #นิยายจีน #กิมย้ง #thaitimes #บทวิเคราะห์ #บทความ #ข้อคิด #นิยายแปล
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 606 Views 0 Reviews
  • #อุต๊ะมีความน่าอัวพี่คิงส์นี่ขนตั้งชัน
    ป้าโจวตกขาว หรือมณฑนี
    ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนเธอเป็นใคร
    พิธีกรตกยุค ที่เคยแสดงออกถึงความรักชาติ
    แต่หลังจากที่นางมีอาการเปื่อยจิต
    ต้องรับการบำ บัด จังหวะ
    แน๊กเริ่มมีความคิดช่วยเหลืออิเหวิงกามิจ
    นางเลยหลุดเข้าสู่มิติแห่งความเพ้อฝัน
    และเป็นแนวร่วมตั้งกลุ่มลั-บ
    โดยเอเจนซี่กับอิเหวิงทำแพลนรอไว้แล้วตั้งแต่แปดเดือนที่แล้ว
    เพื่อให้สาวกเข้าไปสิงสถิตและได้คุยส่วนตัวกับอิเหวิง
    มีทั้งรายเดือน มีทั้งเรียกไปเปย์ติ๊กเกอร์ตอนพีเค
    เรียกว่า ทุยสาวกบางคน หมดกันเป็นล้าน
    ส่วนป้าโจตกขาวก็ได้ส่วนแบ่ง มีหน้าที่
    สร้างอุปทานหมู่ ด้วยความชำนาญในการเป็นนักพูดตกยุค
    เล่นเอาสาวกเคลิ้มล่องลอยเหมือนจักรวาลนี้สร้างมาเพื่ออิเหวิง
    และเมื่อแน๊กเริ่มรับรู้ว่ามีคนที่เปย์จนเดือดร้อนเพราะหลงอิป้าโจกับอิเหวิง
    ก็เลยต้องหาทางสร้างเรื่องไม่จริง ใส่ไคร้ว่าน้องแน๊ก เปื่อยจิต โดยเอาอาการของตัวเอง ไปยัดเยียดให้น้องแน๊ก กระจายกันในกลุ่ม
    (หลักต๋านส่งมาเพียบบบบ)
    ให้อิเหวิงเป็นผู้ถูกกระทำ
    เมื่อแน๊กรู้สึกว่า อิเหวิงไม่จบกับโลภะ รวมถึงคนที่ได้ประโยชน์ร่วมก็เลยเถิด
    ก็ต้องจบความรักเพื่อปกป้องคนไทยด้วยกัน
    จึงเป็นที่มาที่อิป้าโจตกขาว สร้างกลุ่มสุมหัว โดยดึงคนที่เสียประโยชน์จากการที่แน๊กตัดขาดความสัมพันธ์ มารวมกันเพื่อสหบาทาแน๊ก และอวยอิเหวิง
    จุดนี้แหละ ที่พี่คิงส์รับรู้รับทราบ ทั้งๆที่พี่คิงส์เองเอ็นดูแน๊ก แต่ไม่เคยอินหรือติดตามเป็นลูกทัพน้องแน๊กเลย แต่มันคือเรื่องการที่น้องผู้ชายคนหนึ่ง ถูกอธรรมอย่างไม่ยุติธรรม ด้วยกลุ่มก้อนเฮงชวยพวกนี้ รวมถึงคนที่ถูกเชี่ยมจิตในกลุ่มที่ยังคงเปย์ตามการจูงจมูกของอิป้าโจวตกขาว
    ทำให้พี่คิงส์ต้องหันมาเปิดเผยเรื่องนี้อย่างจริงจัง
    ต่อมา สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวระดับตำนาน ได้มองเรื่องนี้ว่าเป็นอตร.กับคนไทย จึงนัดหมายว่าจะนำเสนอข้อมูลในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 67
    อิป้าโจวตกขาว ก็ดิ้น ถึงขนาดข่มด้วยการโพส เบรคสื่อระดับตำนาน สารพัด
    นี่คือที่มา ของการเปิดเผยข้อมูลสำคัญมาตลอดจนถึงตอนนี้
    หลังจากที่ข้อมูลได้เปิดเผยสู่สาธารณะ
    อิป้าโจวตกขาวถึงกับช็อค ไม่กล้าโพสใดๆอีกเลย
    เพราะยิ่งขุด ยิ่งเจอ
    แม้กระทั่ง มีการแอบตั้งโรงเรียนอย่างไม่ถูกต้องตาม-ก-ฏ-ห-ม-าย เพื่อลวงคนในกลุ่มและคนทั่วไปที่เป็นแฟนคลับกามิจ ไปเรียนทำนายทายทัก ฝึกจิตฝึกวิญาณ เอาง่ายๆ หาแดรกกับความเชื่อ คนละเป็นหมื่น ซึ่งไม่นาน กระทรวงคงได้ติดต่อนางไป นี่มันอาชีพต้มคนไทยชัดๆ
    แต่ซักครู่นี้่เอง นางเจอคนเปิดความจริงแบบงานละเอียดยิบอย่างพี่คิงส์ฯ
    กองเชียร์ก็บอกให้มาโต้ แต่จะโต้ได้ไง เพราะมันคือความจริง นางเลยเข้าสายกับช่องสาวกของนาง และพูดเสียงเครือแบบ ขึ้นมาก ทั้งสั่นทั้งกลัว
    "ที่เงียบไป ไม่ได้เงียบไปเฉยๆนะ นี่ก็กำลังไปตร.ไซเบอร์ จะจัดการคนที่มาทำให้นางเสื่อม เพราะที่พูดไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์" ป๊าดดดด
    พี่คิงส์ก็ย้อนกลับไปดู หลักฐานก็มีน้า
    เอางี้ป้า อยากทำอะไรจัดมา
    ส่วนพี่คิงส์ก็รู้สึกกลัวมาก
    จะตอบสนองป้าด้วยการขุดให้ลึกไปอีกแบบรัวๆ
    เอาให้คนไทยทั่วประเทศ สว่างวาบเลย
    ป้าได้ปิดท้ายไว้ว่า
    "เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับป้าโจวตกขาว"
    คือหวังให้เพจคิงส์โพธิ์แดงกลัว ว่างั้น!!
    หึหึ ป้าโจ ไปสืบก่อนก็ดี ว่าคิงส์โพธิ์แดง
    สู้กับใครมาบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #อุต๊ะมีความน่าอัวพี่คิงส์นี่ขนตั้งชัน ป้าโจวตกขาว หรือมณฑนี ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนเธอเป็นใคร พิธีกรตกยุค ที่เคยแสดงออกถึงความรักชาติ แต่หลังจากที่นางมีอาการเปื่อยจิต ต้องรับการบำ บัด จังหวะ แน๊กเริ่มมีความคิดช่วยเหลืออิเหวิงกามิจ นางเลยหลุดเข้าสู่มิติแห่งความเพ้อฝัน และเป็นแนวร่วมตั้งกลุ่มลั-บ โดยเอเจนซี่กับอิเหวิงทำแพลนรอไว้แล้วตั้งแต่แปดเดือนที่แล้ว เพื่อให้สาวกเข้าไปสิงสถิตและได้คุยส่วนตัวกับอิเหวิง มีทั้งรายเดือน มีทั้งเรียกไปเปย์ติ๊กเกอร์ตอนพีเค เรียกว่า ทุยสาวกบางคน หมดกันเป็นล้าน ส่วนป้าโจตกขาวก็ได้ส่วนแบ่ง มีหน้าที่ สร้างอุปทานหมู่ ด้วยความชำนาญในการเป็นนักพูดตกยุค เล่นเอาสาวกเคลิ้มล่องลอยเหมือนจักรวาลนี้สร้างมาเพื่ออิเหวิง และเมื่อแน๊กเริ่มรับรู้ว่ามีคนที่เปย์จนเดือดร้อนเพราะหลงอิป้าโจกับอิเหวิง ก็เลยต้องหาทางสร้างเรื่องไม่จริง ใส่ไคร้ว่าน้องแน๊ก เปื่อยจิต โดยเอาอาการของตัวเอง ไปยัดเยียดให้น้องแน๊ก กระจายกันในกลุ่ม (หลักต๋านส่งมาเพียบบบบ) ให้อิเหวิงเป็นผู้ถูกกระทำ เมื่อแน๊กรู้สึกว่า อิเหวิงไม่จบกับโลภะ รวมถึงคนที่ได้ประโยชน์ร่วมก็เลยเถิด ก็ต้องจบความรักเพื่อปกป้องคนไทยด้วยกัน จึงเป็นที่มาที่อิป้าโจตกขาว สร้างกลุ่มสุมหัว โดยดึงคนที่เสียประโยชน์จากการที่แน๊กตัดขาดความสัมพันธ์ มารวมกันเพื่อสหบาทาแน๊ก และอวยอิเหวิง จุดนี้แหละ ที่พี่คิงส์รับรู้รับทราบ ทั้งๆที่พี่คิงส์เองเอ็นดูแน๊ก แต่ไม่เคยอินหรือติดตามเป็นลูกทัพน้องแน๊กเลย แต่มันคือเรื่องการที่น้องผู้ชายคนหนึ่ง ถูกอธรรมอย่างไม่ยุติธรรม ด้วยกลุ่มก้อนเฮงชวยพวกนี้ รวมถึงคนที่ถูกเชี่ยมจิตในกลุ่มที่ยังคงเปย์ตามการจูงจมูกของอิป้าโจวตกขาว ทำให้พี่คิงส์ต้องหันมาเปิดเผยเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต่อมา สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวระดับตำนาน ได้มองเรื่องนี้ว่าเป็นอตร.กับคนไทย จึงนัดหมายว่าจะนำเสนอข้อมูลในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 67 อิป้าโจวตกขาว ก็ดิ้น ถึงขนาดข่มด้วยการโพส เบรคสื่อระดับตำนาน สารพัด นี่คือที่มา ของการเปิดเผยข้อมูลสำคัญมาตลอดจนถึงตอนนี้ หลังจากที่ข้อมูลได้เปิดเผยสู่สาธารณะ อิป้าโจวตกขาวถึงกับช็อค ไม่กล้าโพสใดๆอีกเลย เพราะยิ่งขุด ยิ่งเจอ แม้กระทั่ง มีการแอบตั้งโรงเรียนอย่างไม่ถูกต้องตาม-ก-ฏ-ห-ม-าย เพื่อลวงคนในกลุ่มและคนทั่วไปที่เป็นแฟนคลับกามิจ ไปเรียนทำนายทายทัก ฝึกจิตฝึกวิญาณ เอาง่ายๆ หาแดรกกับความเชื่อ คนละเป็นหมื่น ซึ่งไม่นาน กระทรวงคงได้ติดต่อนางไป นี่มันอาชีพต้มคนไทยชัดๆ แต่ซักครู่นี้่เอง นางเจอคนเปิดความจริงแบบงานละเอียดยิบอย่างพี่คิงส์ฯ กองเชียร์ก็บอกให้มาโต้ แต่จะโต้ได้ไง เพราะมันคือความจริง นางเลยเข้าสายกับช่องสาวกของนาง และพูดเสียงเครือแบบ ขึ้นมาก ทั้งสั่นทั้งกลัว "ที่เงียบไป ไม่ได้เงียบไปเฉยๆนะ นี่ก็กำลังไปตร.ไซเบอร์ จะจัดการคนที่มาทำให้นางเสื่อม เพราะที่พูดไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์" ป๊าดดดด พี่คิงส์ก็ย้อนกลับไปดู หลักฐานก็มีน้า เอางี้ป้า อยากทำอะไรจัดมา ส่วนพี่คิงส์ก็รู้สึกกลัวมาก จะตอบสนองป้าด้วยการขุดให้ลึกไปอีกแบบรัวๆ เอาให้คนไทยทั่วประเทศ สว่างวาบเลย ป้าได้ปิดท้ายไว้ว่า "เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับป้าโจวตกขาว" คือหวังให้เพจคิงส์โพธิ์แดงกลัว ว่างั้น!! หึหึ ป้าโจ ไปสืบก่อนก็ดี ว่าคิงส์โพธิ์แดง สู้กับใครมาบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 2783 Views 1 Reviews
  • เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!!

    ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!!

    และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง
    เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต
    ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB
    ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน
    คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya
    อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya”
    เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB
    แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา…
    แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!!

    ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต
    ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์
    งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest)
    ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950
    สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany
    ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี
    สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm
    วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB

    การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย
    ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม
    และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า
    มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊
    หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต

    ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข)
    ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!!

    ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!!
    เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!!

    เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี
    ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง
    เธอทำทุกอย่างในบ้าน
    รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน
    อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย
    พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!!
    และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้……
    ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน
    ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต
    ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย……
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น
    แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน
    คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย
    แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ
    มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา

    ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ
    ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ
    Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น
    ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ
    สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi
    เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง
    และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป
    (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา

    สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง
    เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ
    เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้
    นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน
    มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่
    ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
    อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!

    ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน
    ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร
    จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ
    เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว…
    ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต
    ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์
    ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!!
    ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว

    เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น
    ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา……
    ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า…
    “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา
    ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……”
    ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ
    แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!!

    ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน
    แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!!

    เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์
    ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง……

    การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน……
    แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี
    แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์
    ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้…

    ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย
    เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975
    ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB
    แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!”

    ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์)
    อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์
    อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน

    อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด……
    เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี
    แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย……
    เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน
    โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า
    มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า
    ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป
    อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย

    ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่
    Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย……
    ปูติน……ตอบว่า……
    “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว……
    งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย”

    เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ
    วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!!

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว
    อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า…
    “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!! ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!! และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya” เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา… แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!! ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์ งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest) ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊ หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข) ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!! ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!! เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!! เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง เธอทำทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!! และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้…… ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย…… ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้ นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่ ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว… ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์ ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!! ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา…… ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า… “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……” ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!! ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!! เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์ ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง…… การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน…… แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์ ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้… ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975 ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!” ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์) อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์ อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด…… เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย…… เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่ Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย…… ปูติน……ตอบว่า…… “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว…… งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย” เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!! ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า… “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 2696 Views 0 Reviews
  • #นิทาน# มีคนรู้จักอยู่คนนึง เล่นพระสารพัดสายมาจนอายุ เข้าเลข 5 ก็ยังหาตัวตนที่ชัดเจน จนคนจดจำว่าเล่นแบบไหนไม่ได้สักที คือ ขายพระหน้าลาย จนในที่สุด เขาก็หา way ของตัวเองเจอ คือ ไปทางสายเครื่องรางทั้งหลาย ตระกรุด ลูกอม และสารพัด เราก็ถามว่า มันยากนะ หลายคนกลัว หลายคนไม่กล้าเล่น เพราะมันชี้ขาดยาก
    ..เขาตอบไว้แบบนี้ ..เพราะแบบนี้แหละ ที่ต้องตั้งตนเป็นสายตรง เพราะคนรู้น้อย ตั้งราคาเพ้อไปเลย หาคู่แข่งยาก หาคนเป็นที่จะมาสวดของเรายาก ถึงสวดมาเครดิตเราแข็งแรงกว่า ก็เฉยๆ ต่างชาติก็เล่น เพราะบางคนเขาไม่เล่นรูปเคารพที่เป็นบุคคล เพราะต่างศาสนา ถ้าเป็นเครื่องรางเป็นสัญลักษณ์อื่นได้ แล้วก็จริง ภายในเวลาไม่นาน สื่อ Social ก็สร้างตัวตนของเขาขึ้นมาในเส้นทางนี้ได้.
    (บุคคลในภาพไม่เกี่ยว)
    #นิทาน# มีคนรู้จักอยู่คนนึง เล่นพระสารพัดสายมาจนอายุ เข้าเลข 5 ก็ยังหาตัวตนที่ชัดเจน จนคนจดจำว่าเล่นแบบไหนไม่ได้สักที คือ ขายพระหน้าลาย จนในที่สุด เขาก็หา way ของตัวเองเจอ คือ ไปทางสายเครื่องรางทั้งหลาย ตระกรุด ลูกอม และสารพัด เราก็ถามว่า มันยากนะ หลายคนกลัว หลายคนไม่กล้าเล่น เพราะมันชี้ขาดยาก ..เขาตอบไว้แบบนี้ ..เพราะแบบนี้แหละ ที่ต้องตั้งตนเป็นสายตรง เพราะคนรู้น้อย ตั้งราคาเพ้อไปเลย หาคู่แข่งยาก หาคนเป็นที่จะมาสวดของเรายาก ถึงสวดมาเครดิตเราแข็งแรงกว่า ก็เฉยๆ ต่างชาติก็เล่น เพราะบางคนเขาไม่เล่นรูปเคารพที่เป็นบุคคล เพราะต่างศาสนา ถ้าเป็นเครื่องรางเป็นสัญลักษณ์อื่นได้ แล้วก็จริง ภายในเวลาไม่นาน สื่อ Social ก็สร้างตัวตนของเขาขึ้นมาในเส้นทางนี้ได้. (บุคคลในภาพไม่เกี่ยว)
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • #เค้าสุมหัวกันคุยเรื่องอะไรกันให้ทาย
    1. อิไ_่ ผลิตหนม ให้น้องชาลีโปร แต่หนมไม่มีส่ง แป่วววว น้องเลยไม่โอเชเหมือนต้มแฟนคลับน้อง ส่วนอิไ_่ไม่รู้ทำไง ตอนหาแสงกะน้องชาลีคนก็รู้จักทั่วปท.ไปแย้ววว งั้น เกาะอิเหวิงแทนละกัน ฉันจะได้อยู่ในแสงต่อ เท่านั้นหละป้าโจวเลยดึงมาเป็นพวก แต่อิไ_่ไม่รู้นะ ว่าอิป้าโจววมันมีผลปาโหยดแฝงเยอะ กับกลุ่มพิเศษที่รวบรวมชายไทยผู้เพ้อฝันพร้อมเปย์อิเหวิงทั้งรายเดือน และตอนปลุกราดม (อี๊เหม็นรา) 555 สรุป อิไ_่ ขอแค่แสงกะกล่องก็พอ นั่นหละถึงได้ออกมาแก้ตัวแทนอิเหวิง คนไม่รู้เห็นเรียกตัวเองว่าแม่ๆ มาคอมเม้นที่เพจคิงส์ฯว่า นั่นไง แม่น้องแน๊กบอกเองว่ากามินเป็นคนดี ไอ่ฉัด อิไ_่ มันไม่ใช่แม่น้อง เพลียกับพวกเชี่ยมจิตนี้เจงๆ พิมพ์ซะเยอะ เอาๆ ให้ทายว่า สุมหัวกัน เพื่อช่วยกันหาทางให้อิไ_่ ฟ้-อ-ง น้องชาลี
    2. หรือสุมหัว เพราะอิป้าโจวว จะเตรียมไอยโอวว ไว้สวนกับ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ในพรุ่งนี้ ศุกร์ 12/9/67 เตรียมประพันธ์บทดราาาม่าที่ป้าโจวช๊อบชอบ ปกป้องความเป็น ผญ อะไรงี้ เอาจริงๆนะวันนี้ อิกาฝาก อิเหวิงในสายตาพี่คิงส์ ผู้หญิงยังไม่ใช่เลย เป็นแค่มิจ เหมือนที่โทรมาหาท่านๆแล้วบอกว่า "จากไปรษณีครับ จากปชสพ ตต.ครับ กรมศุล แต่เปลี่ยนมา สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นสาวกิมจิ๊ ที่แดรกมาม่าทุกวัน นั่งไลฟ์หาทุนเรียนต่อ แต่จริงๆเป็นงานแสดงที่เอเจนซี่เค้าเซ็ตให้ ได้เดือนละเจ็ดแปดหมื่น แต่พวกเราคนไทยขี้สงสาร เจ้าชาลีนี่ก็คนใจดี จนน้องรู้ตัวว่า กามิน คือกามิจ และต้มคนไทยเละด้วยความร่วมมือจากคนไทยที่ชื่ออิป้าโจวนี่แหละ ตัวใหญ่สุด ทำมาหาแดรกกับส่วนแบ่งที่ล่าสุด อิป้าโจวมันบอกว่า เป็น "ค่าขนม" อิห่านจิกเอ๊ย
    3. หรือห_อท็_ป ไม่ใช่นพ.นะ แค่ห-ม-อเดา ที่มาสุมหัวกะเค้าเพราะช่วงนี้ เศศษกิจไม่ค่อยลีเท่าหร่าย มีแสงได้จากการดูไพพ่ ชาลีกามิจ แต่พอน้องชาลีถอย ลูกค้าาาหาย เลยต้องมาอีกฝั่งหวังหาแดรกต่อกันน้า
    เอาหละ ไม่ว่าคำย่อก็ดี หรือดีเทลก็ตาม
    พี่คิงส์อาจจะให้ทายกันยากนิดนึงนะ
    ตามสไตล์พี่คิงส์โพธิ์แดง
    ลองทายกันมาคิดว่าหนุกๆนะ อย่าซีเรียส
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เค้าสุมหัวกันคุยเรื่องอะไรกันให้ทาย 1. อิไ_่ ผลิตหนม ให้น้องชาลีโปร แต่หนมไม่มีส่ง แป่วววว น้องเลยไม่โอเชเหมือนต้มแฟนคลับน้อง ส่วนอิไ_่ไม่รู้ทำไง ตอนหาแสงกะน้องชาลีคนก็รู้จักทั่วปท.ไปแย้ววว งั้น เกาะอิเหวิงแทนละกัน ฉันจะได้อยู่ในแสงต่อ เท่านั้นหละป้าโจวเลยดึงมาเป็นพวก แต่อิไ_่ไม่รู้นะ ว่าอิป้าโจววมันมีผลปาโหยดแฝงเยอะ กับกลุ่มพิเศษที่รวบรวมชายไทยผู้เพ้อฝันพร้อมเปย์อิเหวิงทั้งรายเดือน และตอนปลุกราดม (อี๊เหม็นรา) 555 สรุป อิไ_่ ขอแค่แสงกะกล่องก็พอ นั่นหละถึงได้ออกมาแก้ตัวแทนอิเหวิง คนไม่รู้เห็นเรียกตัวเองว่าแม่ๆ มาคอมเม้นที่เพจคิงส์ฯว่า นั่นไง แม่น้องแน๊กบอกเองว่ากามินเป็นคนดี ไอ่ฉัด อิไ_่ มันไม่ใช่แม่น้อง เพลียกับพวกเชี่ยมจิตนี้เจงๆ พิมพ์ซะเยอะ เอาๆ ให้ทายว่า สุมหัวกัน เพื่อช่วยกันหาทางให้อิไ_่ ฟ้-อ-ง น้องชาลี 2. หรือสุมหัว เพราะอิป้าโจวว จะเตรียมไอยโอวว ไว้สวนกับ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ในพรุ่งนี้ ศุกร์ 12/9/67 เตรียมประพันธ์บทดราาาม่าที่ป้าโจวช๊อบชอบ ปกป้องความเป็น ผญ อะไรงี้ เอาจริงๆนะวันนี้ อิกาฝาก อิเหวิงในสายตาพี่คิงส์ ผู้หญิงยังไม่ใช่เลย เป็นแค่มิจ เหมือนที่โทรมาหาท่านๆแล้วบอกว่า "จากไปรษณีครับ จากปชสพ ตต.ครับ กรมศุล แต่เปลี่ยนมา สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นสาวกิมจิ๊ ที่แดรกมาม่าทุกวัน นั่งไลฟ์หาทุนเรียนต่อ แต่จริงๆเป็นงานแสดงที่เอเจนซี่เค้าเซ็ตให้ ได้เดือนละเจ็ดแปดหมื่น แต่พวกเราคนไทยขี้สงสาร เจ้าชาลีนี่ก็คนใจดี จนน้องรู้ตัวว่า กามิน คือกามิจ และต้มคนไทยเละด้วยความร่วมมือจากคนไทยที่ชื่ออิป้าโจวนี่แหละ ตัวใหญ่สุด ทำมาหาแดรกกับส่วนแบ่งที่ล่าสุด อิป้าโจวมันบอกว่า เป็น "ค่าขนม" อิห่านจิกเอ๊ย 3. หรือห_อท็_ป ไม่ใช่นพ.นะ แค่ห-ม-อเดา ที่มาสุมหัวกะเค้าเพราะช่วงนี้ เศศษกิจไม่ค่อยลีเท่าหร่าย มีแสงได้จากการดูไพพ่ ชาลีกามิจ แต่พอน้องชาลีถอย ลูกค้าาาหาย เลยต้องมาอีกฝั่งหวังหาแดรกต่อกันน้า เอาหละ ไม่ว่าคำย่อก็ดี หรือดีเทลก็ตาม พี่คิงส์อาจจะให้ทายกันยากนิดนึงนะ ตามสไตล์พี่คิงส์โพธิ์แดง ลองทายกันมาคิดว่าหนุกๆนะ อย่าซีเรียส #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 3464 Views 0 Reviews
  • อรุณสวัสดิ์ มิตรรักแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงที่พี่คิงส์ฯรักยิ่ง
    เมื่อคืน ไม่มีอะไรมาก เพจเก่าปลิว ฮ่าๆๆ
    แต่ที่พี่คิงส์ร้อนใจเพราะรับปากแฟนเพจไว้
    ว่าจะมาเปิดลึกถึงก้นเหว เรื่องของป้า โจว
    ที่ยิ่งสาว ยิ่งลึก ยิ่งอึ้ง
    ซึ่ง บรรดาลัทติ๊หลงกิมจิ๊ ก็ถูกจูงหมูก
    มากด รีพอตรัวๆๆๆๆ แหม่ก็มีอยู่ในคอกเป็นพัน
    ก็ต้องขยันเอาใจอิเหวิงกันหน่อย
    ต้องขอบคุณ แฟนเพจผู้รับความถูกต้อง
    และพร้อมลุยไปกับพี่คิงส์ฯ ที่สร้างเพจสำรอง
    มาทดแทนเพียงคืนเดียว ก็กลับมาติดตามเพจใหม่
    อย่างมากมายและรวดเร็ว ทำให้พี่คิงส์ยิ่งต้องเพิ่มความพยายาม
    ในการขุด ความรำยำของพวกส้งทรีนและเบื้องหน้าเบื้องหลัง
    ของคนที่มีส่วนได้ผลประโยชน์ร่วมกับอิกามิจและระบบเครือข่าย
    สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดที่เจาะลึกเดี๋ยวแปะไว้ในคอมเม้น
    แต่สำหรับคนที่อ่านมาแล้ว พี่คิงส์จะสรุปให้ทราบแบบย่อยง่ายๆให้อ่านกัน
    สรุปคือ
    กิมจิ มีแพลตฟอร์มที่ดักคนไทยไว้แล้ว เรามาไล่ทาร์มไลน์กัน
    เมื่อแปดเดือนโดยประมาณ ที่ผ่านมา
    อิเหวิง ได้ทำการไลฟ์ตต. โดยการสร้างสตอรี่จาก เอเจนซีส้งทรีนกิมจิ
    ว่าอิเหวิงลำบาก แดรกมาม่าคัป หาทุนเรียน ซึ่งอิเหวิงก็เปิดเผยเรื่องนี้เองในไลฟ์เองโป๊ะเองของช่องอิเหวิง ว่าก่อนชาลีเห็นมันไลฟ์ มันก็มีอินคัมจากส่วนแบ่ง ตต. จากที่เหวิงเรียกว่าทำงาน คือการไลฟ์ทั้งวันทั้งคืน
    สเต็ปสอง
    แน็ก ชาลี ที่มีนิสัยจริงใจ ตรงไปตรงมาและขี้สงสาร บวกกับการแสดงของอิเหวิงที่ต้องยอมรับว่า เป็นนักแสดงที่เก่ง ชาลีก็เข้ามาเห็นสตอรี่ดราม่า ที่เอเจนซี่ส้งทรีนกิมจิ ดักไว้อย่างที่ชาลีไม่รู้ตัว
    สเต็ปสาม
    อิเหวิง ตื่นเต้น ที่คนเข้ามาส่งของขวัญด้วยติ๊กเกอร์รัวๆ เพราะก่อนหน้านั้น ก็จะตกได้แค่ ตัวเล็กๆที่เป็นกิมจิด้วยกัน ก็ยังได้วันละฉองฉามพัน การมาของชาลี จึงกำเนิดโลกใบใหม่ที่กามิจและเอเจนซี่สร้างขึ้น
    สเต็ปที่สี่
    อิเหวิง เริ่มแสดงความเป็นเจ้าของชาลี และอ่อย เรียกชาลีเข้ากล้องแทบทั้งวันทั้งคืน รายรับเข้าเป๋าเอเจนซี่และกามิจแบบรัวๆ อลังการ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีการทำงาน วางแผนอย่างเป็นระบบ
    สเต็ปที่ห้า
    กามิจ ได้สร้างโลกใบใหม่เป็นกลุ่มพิเศษ ที่ผูกกับแอพของกิมจิ โดยจะล่อคนที่เคลิ้มกับสตอรี่ของอิเหวิง เหมือนกับได้คุยใกล้ชิดส่วนตัวกับคนที่ตนเองปลื้ม
    จุดนี่แหละ คือที่มาโดยทุกคนจะต้องเปย์รายเดือนให้อิเหวิง และเป็นศูนย์บชก ที่อิเหวิงเข้าไลฟ์ แล้วส่งสัญญาณมาในกลุ่มว่า ฉานอยากชนะ แค่นั้นแหละพวกนี้ก็จะเข้าไปส่งติ๊กเกอร์กันชนิดที่ หมดเนื้อหมดตัวก็ยอม ความบังลัยจึงเกิด
    สเต็ปที่หก
    การมีอยู่ของกลุ่มปลื้มกิมจิ๊ ถูกพัฒนาด้วยการสร้างอุปทานหมู่ ยกยอปอปั้นให้อิเหวิงเป็นดุจเทพีจุติ โดยมีนักพูดอย่าง ป้า โจ ม. เป็นหัวหน้าทีม โดยได้รับส่วนแบ่งจากการเปย์ของสมาชิก
    ป้าโจ ทั้งเคลิ้ม ทั้งค-ลั่-ง อิเหวิง เพราะชีวิตผ่านเรื่องราวที่ทำให้ดิ่งมาเยอะมาก เคยให้สัมภาษณ์ทางทีวี ว่าชีวิตนี้มีปัญหาจิต ที่ชอบเ-ส-พ ดราม่ามากๆ จากคนดีๆที่เคยต่อสู้เพื่อชาติและสามสถาบัน กลายเป็นคนที่แม้คนรอบข้างใกล้ชิดก็รู้สึกว่า เธอ ไม่ใช่คนเดิม
    ด้วยกว่าแปดเดือน ที่เหมือนสะกด จิต ทั้งสมาชิกในกลุ่ม และตัวป้า โจเอง ก็สร้างโลกที่บิดเบี้ยว ให้อิเหวิงกลายเป็นเทพีอาเทน่า บอกว่าอินี่เหมือนนกฟินิก ที่ยังไงก็ไม่ตุย ทำเหมือนทั้งจักรวารถูกสร้างขึ้นเพื่ออิเหวิง เอากะเค้าสิ
    แต่ที่มันหนักและส่งผลประทบต่อชาลีและคนไทยคือ
    จากปลื้ม กลายเป็น ค-ลั่-ง
    เมื่อชาลีเอง ได้รับรู้ถึงเกมส์โลกในจินตนาการที่อิเหวิงและเอเจนซี่สร้างขึ้น ชาลีจึงออกมาพูดบ่อยๆว่า อย่าอินนะ และไลฟ์ล่าสุด ชาลีก็ห่วงว่าคนไทยจะถูก ห-ล-อ-ก ก็เพราะเหตุนี้แหละ
    ที่ผ่านมาชาลีเชื่อว่า ความรักที่บริสุทธิ์ของน้อง จะทำให้อิเหวิงเปลี่ยน แต่ชาลีได้ฟังทาง cctv ที่อิเหวิงแอบไปคุยข้างนอกคนเดียวบ่อยๆ แล้วให้ล่ามแปล มันเริ่มเลยเถิด ทำให้ต้องแยกทาง ทั้งที่ยังรักแต่ต้องทนเจ็บเพื่อความถูกต้อง
    อิป้าโจ จึงเริ่มปฏิบัติการ โดยจริงๆเรื่องนี้ ก็มีความพยายามจากกลุ่มพิเศษของอิเหวิงตลอดมา ให้เข้าใจผิดว่าชาลีมีอาการไม่ปกติทางจิตใจ ต่อว่าชาลีเสียๆหายๆมานาน พอมีคนมาแตะต้องเทพีในลัทติ๊ จะอยู่เฉยไม่ได้ และเครือข่ายนี้ แอพกิมจิผูกกับแอพตต. จึงมีคนเข้าไปเล่นแแน๊กใน ตต. มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ เฮ้อ ผช. ทั้งนั้น หลงกลิ่นตัวอิเหวิงที่ทั้งซกมก และหยำเปไปได้ยังไงฟร๊ะ
    ในมุมมองของพี่คิงส์ฯ สำหรับอิป้าโจ ทั้งเรื่องรายได้+ความเพ้อความค-ลั่-ง เป็นส่วนผสมให้นางกล้าออกมาเปิดหน้าแถถถถถ อยู่ตลอดเวลา
    แม้กระทั้งเพจพี่คิงส์ฯที่ปลิว ก็ฝีมือพวกนี้แหละ ไม่แปลกใจ
    ยังมีข้อมูลที่แฟนเพจส่งมาอีกเยอะมากมายมหาศาล
    เดี๋ยวจะเหลาให้ตื่นตาตื่นใจต่อ
    ฝากติดตามเพจด้วยเน้อ
    จะได้ไม่พลาดข้อมูลสำคัญ
    <<<ติดตามกันเพื่อชาติและคนไทยทุกคน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    อรุณสวัสดิ์ มิตรรักแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงที่พี่คิงส์ฯรักยิ่ง เมื่อคืน ไม่มีอะไรมาก เพจเก่าปลิว ฮ่าๆๆ แต่ที่พี่คิงส์ร้อนใจเพราะรับปากแฟนเพจไว้ ว่าจะมาเปิดลึกถึงก้นเหว เรื่องของป้า โจว ที่ยิ่งสาว ยิ่งลึก ยิ่งอึ้ง ซึ่ง บรรดาลัทติ๊หลงกิมจิ๊ ก็ถูกจูงหมูก มากด รีพอตรัวๆๆๆๆ แหม่ก็มีอยู่ในคอกเป็นพัน ก็ต้องขยันเอาใจอิเหวิงกันหน่อย ต้องขอบคุณ แฟนเพจผู้รับความถูกต้อง และพร้อมลุยไปกับพี่คิงส์ฯ ที่สร้างเพจสำรอง มาทดแทนเพียงคืนเดียว ก็กลับมาติดตามเพจใหม่ อย่างมากมายและรวดเร็ว ทำให้พี่คิงส์ยิ่งต้องเพิ่มความพยายาม ในการขุด ความรำยำของพวกส้งทรีนและเบื้องหน้าเบื้องหลัง ของคนที่มีส่วนได้ผลประโยชน์ร่วมกับอิกามิจและระบบเครือข่าย สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดที่เจาะลึกเดี๋ยวแปะไว้ในคอมเม้น แต่สำหรับคนที่อ่านมาแล้ว พี่คิงส์จะสรุปให้ทราบแบบย่อยง่ายๆให้อ่านกัน สรุปคือ กิมจิ มีแพลตฟอร์มที่ดักคนไทยไว้แล้ว เรามาไล่ทาร์มไลน์กัน เมื่อแปดเดือนโดยประมาณ ที่ผ่านมา อิเหวิง ได้ทำการไลฟ์ตต. โดยการสร้างสตอรี่จาก เอเจนซีส้งทรีนกิมจิ ว่าอิเหวิงลำบาก แดรกมาม่าคัป หาทุนเรียน ซึ่งอิเหวิงก็เปิดเผยเรื่องนี้เองในไลฟ์เองโป๊ะเองของช่องอิเหวิง ว่าก่อนชาลีเห็นมันไลฟ์ มันก็มีอินคัมจากส่วนแบ่ง ตต. จากที่เหวิงเรียกว่าทำงาน คือการไลฟ์ทั้งวันทั้งคืน สเต็ปสอง แน็ก ชาลี ที่มีนิสัยจริงใจ ตรงไปตรงมาและขี้สงสาร บวกกับการแสดงของอิเหวิงที่ต้องยอมรับว่า เป็นนักแสดงที่เก่ง ชาลีก็เข้ามาเห็นสตอรี่ดราม่า ที่เอเจนซี่ส้งทรีนกิมจิ ดักไว้อย่างที่ชาลีไม่รู้ตัว สเต็ปสาม อิเหวิง ตื่นเต้น ที่คนเข้ามาส่งของขวัญด้วยติ๊กเกอร์รัวๆ เพราะก่อนหน้านั้น ก็จะตกได้แค่ ตัวเล็กๆที่เป็นกิมจิด้วยกัน ก็ยังได้วันละฉองฉามพัน การมาของชาลี จึงกำเนิดโลกใบใหม่ที่กามิจและเอเจนซี่สร้างขึ้น สเต็ปที่สี่ อิเหวิง เริ่มแสดงความเป็นเจ้าของชาลี และอ่อย เรียกชาลีเข้ากล้องแทบทั้งวันทั้งคืน รายรับเข้าเป๋าเอเจนซี่และกามิจแบบรัวๆ อลังการ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีการทำงาน วางแผนอย่างเป็นระบบ สเต็ปที่ห้า กามิจ ได้สร้างโลกใบใหม่เป็นกลุ่มพิเศษ ที่ผูกกับแอพของกิมจิ โดยจะล่อคนที่เคลิ้มกับสตอรี่ของอิเหวิง เหมือนกับได้คุยใกล้ชิดส่วนตัวกับคนที่ตนเองปลื้ม จุดนี่แหละ คือที่มาโดยทุกคนจะต้องเปย์รายเดือนให้อิเหวิง และเป็นศูนย์บชก ที่อิเหวิงเข้าไลฟ์ แล้วส่งสัญญาณมาในกลุ่มว่า ฉานอยากชนะ แค่นั้นแหละพวกนี้ก็จะเข้าไปส่งติ๊กเกอร์กันชนิดที่ หมดเนื้อหมดตัวก็ยอม ความบังลัยจึงเกิด สเต็ปที่หก การมีอยู่ของกลุ่มปลื้มกิมจิ๊ ถูกพัฒนาด้วยการสร้างอุปทานหมู่ ยกยอปอปั้นให้อิเหวิงเป็นดุจเทพีจุติ โดยมีนักพูดอย่าง ป้า โจ ม. เป็นหัวหน้าทีม โดยได้รับส่วนแบ่งจากการเปย์ของสมาชิก ป้าโจ ทั้งเคลิ้ม ทั้งค-ลั่-ง อิเหวิง เพราะชีวิตผ่านเรื่องราวที่ทำให้ดิ่งมาเยอะมาก เคยให้สัมภาษณ์ทางทีวี ว่าชีวิตนี้มีปัญหาจิต ที่ชอบเ-ส-พ ดราม่ามากๆ จากคนดีๆที่เคยต่อสู้เพื่อชาติและสามสถาบัน กลายเป็นคนที่แม้คนรอบข้างใกล้ชิดก็รู้สึกว่า เธอ ไม่ใช่คนเดิม ด้วยกว่าแปดเดือน ที่เหมือนสะกด จิต ทั้งสมาชิกในกลุ่ม และตัวป้า โจเอง ก็สร้างโลกที่บิดเบี้ยว ให้อิเหวิงกลายเป็นเทพีอาเทน่า บอกว่าอินี่เหมือนนกฟินิก ที่ยังไงก็ไม่ตุย ทำเหมือนทั้งจักรวารถูกสร้างขึ้นเพื่ออิเหวิง เอากะเค้าสิ แต่ที่มันหนักและส่งผลประทบต่อชาลีและคนไทยคือ จากปลื้ม กลายเป็น ค-ลั่-ง เมื่อชาลีเอง ได้รับรู้ถึงเกมส์โลกในจินตนาการที่อิเหวิงและเอเจนซี่สร้างขึ้น ชาลีจึงออกมาพูดบ่อยๆว่า อย่าอินนะ และไลฟ์ล่าสุด ชาลีก็ห่วงว่าคนไทยจะถูก ห-ล-อ-ก ก็เพราะเหตุนี้แหละ ที่ผ่านมาชาลีเชื่อว่า ความรักที่บริสุทธิ์ของน้อง จะทำให้อิเหวิงเปลี่ยน แต่ชาลีได้ฟังทาง cctv ที่อิเหวิงแอบไปคุยข้างนอกคนเดียวบ่อยๆ แล้วให้ล่ามแปล มันเริ่มเลยเถิด ทำให้ต้องแยกทาง ทั้งที่ยังรักแต่ต้องทนเจ็บเพื่อความถูกต้อง อิป้าโจ จึงเริ่มปฏิบัติการ โดยจริงๆเรื่องนี้ ก็มีความพยายามจากกลุ่มพิเศษของอิเหวิงตลอดมา ให้เข้าใจผิดว่าชาลีมีอาการไม่ปกติทางจิตใจ ต่อว่าชาลีเสียๆหายๆมานาน พอมีคนมาแตะต้องเทพีในลัทติ๊ จะอยู่เฉยไม่ได้ และเครือข่ายนี้ แอพกิมจิผูกกับแอพตต. จึงมีคนเข้าไปเล่นแแน๊กใน ตต. มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ เฮ้อ ผช. ทั้งนั้น หลงกลิ่นตัวอิเหวิงที่ทั้งซกมก และหยำเปไปได้ยังไงฟร๊ะ ในมุมมองของพี่คิงส์ฯ สำหรับอิป้าโจ ทั้งเรื่องรายได้+ความเพ้อความค-ลั่-ง เป็นส่วนผสมให้นางกล้าออกมาเปิดหน้าแถถถถถ อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั้งเพจพี่คิงส์ฯที่ปลิว ก็ฝีมือพวกนี้แหละ ไม่แปลกใจ ยังมีข้อมูลที่แฟนเพจส่งมาอีกเยอะมากมายมหาศาล เดี๋ยวจะเหลาให้ตื่นตาตื่นใจต่อ ฝากติดตามเพจด้วยเน้อ จะได้ไม่พลาดข้อมูลสำคัญ <<<ติดตามกันเพื่อชาติและคนไทยทุกคน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 731 Views 0 Reviews
  • วิธีแสกนเฟสมิจฉาชีพเบื้องต้น
    1. เข้าหน้า Time line ของเขา ดูการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ถ้าไม่มีเลย หรือล๊อกโปรไฟล์ ควรตั้งข้อระวัง
    2. เครื่องหมายแว่นขยายค้นหา พิมพ์ชื่อเขาลงไป โพสที่เขาโพสในที่ต่างๆจะขึ้นมาแสดง
    3. รูป ชื่อ โปรไฟล์ เป็นแนวตัดพ้อแนวเพ้อๆ วัยรุ่นชอบใช้ชื่อแนวนี้
    4. เมื่อได้เลขบัญชีและชื่อ ค้นหาในGoogle. สักนิด ว่ามีคนประจานไหม?
    5. ให้วางสิิ่งของที่เราจะซื้อคู่กระดาษ เขียนชื่อเรา วันที่ เวลา หรืออะไรก็ได้ เพื่อยืนยันว่ามีของจริง.
    6. การถ่ายรูปคู่บัตรแทบไม่มีประโยชน์ โจรมันไม่กลัวหรอก เพราะความเป็นจริง คดีแบบนี้มีกี่หมื่นกี่แสนคดี ตร. เอากำลังที่ไหนมาทำ.และบัญชีที่เราโอนไปมันผูกพันธ์อยู่แล้ว
    แต่ส่วนมากตามเจอก็เป็นบัญชีม้า ที่ถูกจ้างมาเปิดบัญชี
    7.เมืื่อเราส่งที่อยู่ให้แล้ว ให้เขียนชื่อลงบนกล่อง และถ่ายคู่สินค้าก่อนทำการแพ็ค
    8.ขอกำหนดเวลาส่งที่แน่นอน วันใด เวลาไหน พร้อมเลขจัดส่ง tracking
    9. เก็บปลายทางก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก ขนส่งเอกชน ยังไม่ขานรับนโยบายของ สคบ. ยังคงต้องจ่ายเงินก่อนรับ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาส่งอะไรมา ก้อนหิน หรืออะไร.
    10. การขอเครดิตไม่ช่วยอะไร ถ้าเขามีทีมงานมาให้เครดิตสัก 10 คน คุณจะรู้ไหม?

    #ep 2 จะเขียนเรื่อง เพจโกง ต่อ ในส่วนนี้เป็นเรื่องของบุคคล.
    วิธีแสกนเฟสมิจฉาชีพเบื้องต้น 1. เข้าหน้า Time line ของเขา ดูการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ถ้าไม่มีเลย หรือล๊อกโปรไฟล์ ควรตั้งข้อระวัง 2. เครื่องหมายแว่นขยายค้นหา พิมพ์ชื่อเขาลงไป โพสที่เขาโพสในที่ต่างๆจะขึ้นมาแสดง 3. รูป ชื่อ โปรไฟล์ เป็นแนวตัดพ้อแนวเพ้อๆ วัยรุ่นชอบใช้ชื่อแนวนี้ 4. เมื่อได้เลขบัญชีและชื่อ ค้นหาในGoogle. สักนิด ว่ามีคนประจานไหม? 5. ให้วางสิิ่งของที่เราจะซื้อคู่กระดาษ เขียนชื่อเรา วันที่ เวลา หรืออะไรก็ได้ เพื่อยืนยันว่ามีของจริง. 6. การถ่ายรูปคู่บัตรแทบไม่มีประโยชน์ โจรมันไม่กลัวหรอก เพราะความเป็นจริง คดีแบบนี้มีกี่หมื่นกี่แสนคดี ตร. เอากำลังที่ไหนมาทำ.และบัญชีที่เราโอนไปมันผูกพันธ์อยู่แล้ว แต่ส่วนมากตามเจอก็เป็นบัญชีม้า ที่ถูกจ้างมาเปิดบัญชี 7.เมืื่อเราส่งที่อยู่ให้แล้ว ให้เขียนชื่อลงบนกล่อง และถ่ายคู่สินค้าก่อนทำการแพ็ค 8.ขอกำหนดเวลาส่งที่แน่นอน วันใด เวลาไหน พร้อมเลขจัดส่ง tracking 9. เก็บปลายทางก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก ขนส่งเอกชน ยังไม่ขานรับนโยบายของ สคบ. ยังคงต้องจ่ายเงินก่อนรับ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาส่งอะไรมา ก้อนหิน หรืออะไร. 10. การขอเครดิตไม่ช่วยอะไร ถ้าเขามีทีมงานมาให้เครดิตสัก 10 คน คุณจะรู้ไหม? #ep 2 จะเขียนเรื่อง เพจโกง ต่อ ในส่วนนี้เป็นเรื่องของบุคคล.
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • #เป็นไงล่ะเมิ๊งกามิจการละคร
    เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวร้องเพลง
    เมื่อวานบีบน้ำตาวันนี้ฉอดๆๆเลยนะเมิ๊ง
    ล่าสุดแข็งกร้าวเพราะเอเจนซี่เกาหลีเซ็นสัญญาแล้ว
    อาการสันด...จริงก็ออกมาอีกรอบ โนสนโนแคร์ ฮ่าๆๆๆ
    เดินหน้าแก้ตัวรัวๆหวังประคองยอดฟอล
    จนป่านนี้ยังไม่เปิดหน้าพี่ชายพี่น้องท้องชนกันให้โซเชียลเห็นเลย
    ทั้งๆที่เป็นการชี้แจงที่ดีที่สุด เพราะอะไรเหรอ
    เพราะมันเป็นลูกคนเดียวไง พี่เพ่อมันมีที่ไหนกัน
    ต้มคนไทยแบบต้มซ้ำต้มซาก
    คนที่ง่าวก็ง่าวซ้ำง่าวซาก
    ขายควายขายนาส่งสติ๊กเกอร์ให้อิเหวิงต่อไป
    ล่าสุด เจ้าของเวทีมิสแกรนด์ออกมาแจงเอง
    ให้ไลฟ์ละล้าน ออกงานอีเว้นมอบรางวัลแป๊บเดียว
    หลายล้าน ถามใครเรียกเรทนี้ อิเหวิงเรียกเอง
    ต่ำว่านี้อิเหวิงไม่เอา แถมอยากกระซิบพี่ณวัฒน์ด้วย
    ลับหลังมันเม้าท์พี่รัวๆ ฮ่าๆๆๆๆ
    เอาหละ สรรพากรไทยเกาหลี อยากได้ข้อมูล
    เรื่องรายรับอิเหวิงกามิจ พี่ณวัฒน์เค้าเก็บไว้ละเอียดยิบ
    ไปขอรับได้เลยนะฮับ
    อิเหวิง มีรายได้ต้องเสียภาษี อย่าเนียน
    ไอ่ฉัด
    #กามินชาลี
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เป็นไงล่ะเมิ๊งกามิจการละคร เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวร้องเพลง เมื่อวานบีบน้ำตาวันนี้ฉอดๆๆเลยนะเมิ๊ง ล่าสุดแข็งกร้าวเพราะเอเจนซี่เกาหลีเซ็นสัญญาแล้ว อาการสันด...จริงก็ออกมาอีกรอบ โนสนโนแคร์ ฮ่าๆๆๆ เดินหน้าแก้ตัวรัวๆหวังประคองยอดฟอล จนป่านนี้ยังไม่เปิดหน้าพี่ชายพี่น้องท้องชนกันให้โซเชียลเห็นเลย ทั้งๆที่เป็นการชี้แจงที่ดีที่สุด เพราะอะไรเหรอ เพราะมันเป็นลูกคนเดียวไง พี่เพ่อมันมีที่ไหนกัน ต้มคนไทยแบบต้มซ้ำต้มซาก คนที่ง่าวก็ง่าวซ้ำง่าวซาก ขายควายขายนาส่งสติ๊กเกอร์ให้อิเหวิงต่อไป ล่าสุด เจ้าของเวทีมิสแกรนด์ออกมาแจงเอง ให้ไลฟ์ละล้าน ออกงานอีเว้นมอบรางวัลแป๊บเดียว หลายล้าน ถามใครเรียกเรทนี้ อิเหวิงเรียกเอง ต่ำว่านี้อิเหวิงไม่เอา แถมอยากกระซิบพี่ณวัฒน์ด้วย ลับหลังมันเม้าท์พี่รัวๆ ฮ่าๆๆๆๆ เอาหละ สรรพากรไทยเกาหลี อยากได้ข้อมูล เรื่องรายรับอิเหวิงกามิจ พี่ณวัฒน์เค้าเก็บไว้ละเอียดยิบ ไปขอรับได้เลยนะฮับ อิเหวิง มีรายได้ต้องเสียภาษี อย่าเนียน ไอ่ฉัด #กามินชาลี #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1294 Views 0 Reviews
  • ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ

    ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก

    ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก

    ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1]

    ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน

    ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว”

    ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2]

    ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า

    “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2]

    แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า

    ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า

    “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3]

    ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า

    “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4]

    ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า

    “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4]

    แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523

    การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย

    โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน

    ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย

    โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร

    เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5]

    นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา

    ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ

    ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่

    เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร

    โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น

    และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย

    โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้

    “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚

    ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚

    ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚

    ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6]

    ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า

    ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6]

    นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า

    “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7]

    แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า

    “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8]

    อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8]

    ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9]

    นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10]

    นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ

    ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 กันยายน 2567
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/?

    อ้างอิง
    [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152
    https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094

    [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694

    [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37

    [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย
    https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf

    [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798

    [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335

    [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1] ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว” ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2] ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2] แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3] ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4] ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4] แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523 การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5] นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่ เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้ “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚ ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚ ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚ ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6] ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6] นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7] แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8] อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8] ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9] นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10] นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 กันยายน 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/? อ้างอิง [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094 [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694 [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37 [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798 [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335 [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    Like
    Love
    Yay
    46
    0 Comments 1 Shares 2113 Views 0 Reviews
  • สุรเชษฐ์ยังเพ้อเจ้อไม่หยุด
    หลังจากแปลงทรัพย์ไปเป็นบิทคอยจนเกลี้ยง
    และงดจ่ายหมาแก่ ดนัย
    จนวันนี้หมาแก่น้อยใจ พ่นผ่านเพจเจาะลึกทั่วไทย
    ว่าทำไม สุรเชษฐ์ใครๆก็ไม่เอามาแล้ว
    แต่วันนี้ ยังทำเท่าฮึดกลับมา
    ในวันที่พ่อบุญธรรมอย่างเสรีพิสุทธิ์
    เป็นเฒ่าชราไร้ค่า ทุกอย่างไร้ทางเยียวยา
    ความผิดที่ตัวก่อ กระทบกับลูกน้องรอบเอว
    แต่ยังหวังลมๆแล้งๆว่าตัวเองจะรอด
    สุดท้าย จากสวะ ก็เป็นแค่ขยะข่าวสาร
    ที่คนมาอ่านก็เบือนหน้าหนี ไสลด์ผ่านตาเร็วๆ
    เพราะคนไทยฉลาด มองเกมส์ออก
    รู้หมดว่าเงินดำเงินเทาโจ๊กโกยมานาน
    เปย์นักข่าวเปย์ไปทั่ว หวังคะแนนนิยม
    แม้กระทั่งหุ้นส่วนอย่างไอ้ทนายตั้ม
    ตอนนี้ยังหายหัวเข้ากลีบเมฆ ไม่กล้าโผล่หัวออกมา
    เพราะท่าจะเอาตัวเองไม่รอดเหมือนกัน
    จบแล้ว โจ๊ก รอกรรมตามมาอย่างรัวๆ
    จะหนี ให้รีบหนี อย่ามาซู้หริ่ง เดี๋ยวจาดุ๊ยดุ่ย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #บิ๊กโจ๊ก
    สุรเชษฐ์ยังเพ้อเจ้อไม่หยุด หลังจากแปลงทรัพย์ไปเป็นบิทคอยจนเกลี้ยง และงดจ่ายหมาแก่ ดนัย จนวันนี้หมาแก่น้อยใจ พ่นผ่านเพจเจาะลึกทั่วไทย ว่าทำไม สุรเชษฐ์ใครๆก็ไม่เอามาแล้ว แต่วันนี้ ยังทำเท่าฮึดกลับมา ในวันที่พ่อบุญธรรมอย่างเสรีพิสุทธิ์ เป็นเฒ่าชราไร้ค่า ทุกอย่างไร้ทางเยียวยา ความผิดที่ตัวก่อ กระทบกับลูกน้องรอบเอว แต่ยังหวังลมๆแล้งๆว่าตัวเองจะรอด สุดท้าย จากสวะ ก็เป็นแค่ขยะข่าวสาร ที่คนมาอ่านก็เบือนหน้าหนี ไสลด์ผ่านตาเร็วๆ เพราะคนไทยฉลาด มองเกมส์ออก รู้หมดว่าเงินดำเงินเทาโจ๊กโกยมานาน เปย์นักข่าวเปย์ไปทั่ว หวังคะแนนนิยม แม้กระทั่งหุ้นส่วนอย่างไอ้ทนายตั้ม ตอนนี้ยังหายหัวเข้ากลีบเมฆ ไม่กล้าโผล่หัวออกมา เพราะท่าจะเอาตัวเองไม่รอดเหมือนกัน จบแล้ว โจ๊ก รอกรรมตามมาอย่างรัวๆ จะหนี ให้รีบหนี อย่ามาซู้หริ่ง เดี๋ยวจาดุ๊ยดุ่ย #คิงส์โพธิ์แดง #บิ๊กโจ๊ก
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 635 Views 0 Reviews
  • ความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฏฐิ หมายถึง คนตาบอด มองไม่เห็นความจริงของโลก ว่า สรรพสิ่งในโลกไม่เที่ยง(อนิจจัง) แตกดับ(ทุกขัง) และไม่มีตัวตน(อนัตตา) แต่กลับเห็นว่า โลกนี้เที่ยง มีตัวตน จึงหลงยึดวิญญาณ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ว่า เป็นของตน เป็นตน เป็นตัวของตน จึงมีความพอใจในรสอร่อยทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีราคะ(กำหนัด) มีความเพลิน(นันทิ) มีความอยาก(ตัณหา) แล้วก็หลงยึดมั่นอยู่ เปรียบเหมือนคนตาบอดห่มผ้าขาวเปื้อนฝ่น

    คนใด"เห็นผิด"เพียงข้อเดียว เป็นเหตุให้ จริยธรรมอีก 9 ข้อ ก็พลอยทุจริตไปด้วย นั้นคือ จะมีความคิดอาฆาตแค้นพยาบาท คิดโลภเพ็งเล็งในอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของชาติ ซึ่งเรียกว่า "มโนกรรมทุจริต"... บุคคลตัวอย่างในเรื่องนี้ ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับ ทักสิน ชินวัตร

    วจีกรรมก็จะทุจริตไปตามมโนกรรม พูดโกหกบิดเบือน พูดส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบ(พูดข้ามขั้นตอน..เช่น พูดว่า "แจกเงินแล้ว เศรษฐกิจจะดีขึ้น") พูดเพ้อเจ้อ(ไม่ประกอบด้วยหลักการ, เหตุผล, ประโยชน์ใด ๆ นอกจากความสนุกสนาน)

    กายกรรมก็จะทุจริตไปตามมโนกรรม คือ จะฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียคนอื่น เป็นเรื่องปกติ

    ลองหาดูซิ บุคคลตัวอย่าง สุจริตในข้อใดบ้าง ?....
    ความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฏฐิ หมายถึง คนตาบอด มองไม่เห็นความจริงของโลก ว่า สรรพสิ่งในโลกไม่เที่ยง(อนิจจัง) แตกดับ(ทุกขัง) และไม่มีตัวตน(อนัตตา) แต่กลับเห็นว่า โลกนี้เที่ยง มีตัวตน จึงหลงยึดวิญญาณ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ว่า เป็นของตน เป็นตน เป็นตัวของตน จึงมีความพอใจในรสอร่อยทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีราคะ(กำหนัด) มีความเพลิน(นันทิ) มีความอยาก(ตัณหา) แล้วก็หลงยึดมั่นอยู่ เปรียบเหมือนคนตาบอดห่มผ้าขาวเปื้อนฝ่น คนใด"เห็นผิด"เพียงข้อเดียว เป็นเหตุให้ จริยธรรมอีก 9 ข้อ ก็พลอยทุจริตไปด้วย นั้นคือ จะมีความคิดอาฆาตแค้นพยาบาท คิดโลภเพ็งเล็งในอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของชาติ ซึ่งเรียกว่า "มโนกรรมทุจริต"... บุคคลตัวอย่างในเรื่องนี้ ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับ ทักสิน ชินวัตร วจีกรรมก็จะทุจริตไปตามมโนกรรม พูดโกหกบิดเบือน พูดส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบ(พูดข้ามขั้นตอน..เช่น พูดว่า "แจกเงินแล้ว เศรษฐกิจจะดีขึ้น") พูดเพ้อเจ้อ(ไม่ประกอบด้วยหลักการ, เหตุผล, ประโยชน์ใด ๆ นอกจากความสนุกสนาน) กายกรรมก็จะทุจริตไปตามมโนกรรม คือ จะฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียคนอื่น เป็นเรื่องปกติ ลองหาดูซิ บุคคลตัวอย่าง สุจริตในข้อใดบ้าง ?....
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • NIDA Poll หรือ PITA Poll เพ้อฝันชัยชนะด้วยโพลอุปโลกน์
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #นิเดาโพล
    NIDA Poll หรือ PITA Poll เพ้อฝันชัยชนะด้วยโพลอุปโลกน์ #คิงส์โพธิ์แดง #นิเดาโพล
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • NIDA Poll หรือ PITA Poll เพ้อฝันชัยชนะด้วยโพลอุปโลกน์
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #นิเดาโพล
    NIDA Poll หรือ PITA Poll เพ้อฝันชัยชนะด้วยโพลอุปโลกน์ #คิงส์โพธิ์แดง #นิเดาโพล
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • ♣ เจี๊ยบไม่เลิกเพ้อ ก้าวไม่พ้นอดีต แต่อยากสร้างอนาคต
    #7ดอกจิก
    #เจี๊ยบอมรัตน์
    ♣ เจี๊ยบไม่เลิกเพ้อ ก้าวไม่พ้นอดีต แต่อยากสร้างอนาคต #7ดอกจิก #เจี๊ยบอมรัตน์
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • ความจริงแต่สามกีบเจ็บ
    ก็อย่าว่าพี่คิงส์ใจร้ายเลย
    กีบแทบ 100% เชียร์พิธาสุดลิ่มทิ่มประตู
    ฝันอยากให้เป็นนายกตัวจริงสมัยหน้า
    แต่หารู้ไม่ ว่าศาลได้ตัดสิน
    กรณีแฟลชม็อบ เรื่องเด็ดขาดแล้ว
    จำ 4 เดือน แต่ที่ร่อนทุกวันนี้ได้
    เพราะรอลงอาญา และกรณีนี้
    ว่าวคือหมดสิทธิ์เป็นนายกตลอดชีพ
    เพราะมีคุณสมบัติต้องห้าม
    ที่ต้องบอกอะ คือเวทนากีบ
    เฝ้าฝันเพ้อ พิธา นายกในดวงใจ
    อย่าเพิ่งชักดิ้นชักงอไปนะ
    รอวันที่ 7 รอพรรคโดนยุบก่อน
    ค่อยดิ้นนะคับนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ความจริงแต่สามกีบเจ็บ ก็อย่าว่าพี่คิงส์ใจร้ายเลย กีบแทบ 100% เชียร์พิธาสุดลิ่มทิ่มประตู ฝันอยากให้เป็นนายกตัวจริงสมัยหน้า แต่หารู้ไม่ ว่าศาลได้ตัดสิน กรณีแฟลชม็อบ เรื่องเด็ดขาดแล้ว จำ 4 เดือน แต่ที่ร่อนทุกวันนี้ได้ เพราะรอลงอาญา และกรณีนี้ ว่าวคือหมดสิทธิ์เป็นนายกตลอดชีพ เพราะมีคุณสมบัติต้องห้าม ที่ต้องบอกอะ คือเวทนากีบ เฝ้าฝันเพ้อ พิธา นายกในดวงใจ อย่าเพิ่งชักดิ้นชักงอไปนะ รอวันที่ 7 รอพรรคโดนยุบก่อน ค่อยดิ้นนะคับนะ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • ส้มเจียม ศาสดาฟั่นเฟือน เพ้อหางานศพแม่ที่ตัวเองไม่มาเพราะหนีลี้ภัย แต่ดันมาแซะเศรษฐา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ส้มเจียม ศาสดาฟั่นเฟือน เพ้อหางานศพแม่ที่ตัวเองไม่มาเพราะหนีลี้ภัย แต่ดันมาแซะเศรษฐา #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • รถไฟชั้น 3 ติดแอร์ คุณภาพชีวิตที่ควรมี

    ข่าวคราวที่การรถไฟแห่งประเทศไทย มีแนวคิดปรับปรุงรถไฟชั้นที่ 3 เป็นรถปรับอากาศทั้งหมด รวมถึงปรับเบาะที่นั่งให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ตามที่นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงนั้น ดูเป็นเรื่องเพ้อฝันและอาจทำไม่ได้จริง แต่อาจยังไม่รู้ว่า ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ปรับปรุงรถโบกี้ชั้นที่ 3 ธรรมดาให้กลายเป็นรถปรับอากาศมานานแล้ว

    ที่ผ่านมา ในช่วงปี 2530-2535 การรถไฟฯ ปรับปรุงรถโบกี้ชั้นที่ 3 ธรรมดาให้กลายเป็นรถปรับอากาศ 5 คัน แล้วนำมาให้บริการในบางเส้นทาง โดยเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา มีรถที่ผ่านการปรับปรุงใหม่และใช้การได้ขณะนี้มี 2 ขบวน ได้แก่ บชส.ป.2 นำมาให้บริการเส้นทางกรุงเทพ-ปราจีนบุรี และ บชส.ป.10 ส่วนอีก 4 ขบวนกำลังทำวาระปรับปรุงสภาพใหม่

    อีกด้านหนึ่งพบว่า การรถไฟฯ เริ่มทยอยดำเนินการแล้ว โดยอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อดำเนินการปรับปรุงประมาณ 40 คัน โดยใช้งบประมาณปี 2567 และปี 2568 จะทยอยเข้าปรับปรุงอีกประมาณ 90 คัน หรือรวมชุดแรกประมาณ 130 คัน แต่ต้องถอนรถออกจากบริการในเส้นทางเพื่อนำมาปรับปรุง โดยต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน

    ทั้งนี้ การปรับปรุงเปลี่ยนเบาะที่นั่งและติดระบบปรับอากาศ มีต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 6 ล้านบาทต่อคัน

    (อ่านต่อในคอมเมนต์)

    #Newskit #รถไฟชั้น3 #การรถไฟแห่งประเทศไทย
    รถไฟชั้น 3 ติดแอร์ คุณภาพชีวิตที่ควรมี ข่าวคราวที่การรถไฟแห่งประเทศไทย มีแนวคิดปรับปรุงรถไฟชั้นที่ 3 เป็นรถปรับอากาศทั้งหมด รวมถึงปรับเบาะที่นั่งให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ตามที่นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงนั้น ดูเป็นเรื่องเพ้อฝันและอาจทำไม่ได้จริง แต่อาจยังไม่รู้ว่า ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ปรับปรุงรถโบกี้ชั้นที่ 3 ธรรมดาให้กลายเป็นรถปรับอากาศมานานแล้ว ที่ผ่านมา ในช่วงปี 2530-2535 การรถไฟฯ ปรับปรุงรถโบกี้ชั้นที่ 3 ธรรมดาให้กลายเป็นรถปรับอากาศ 5 คัน แล้วนำมาให้บริการในบางเส้นทาง โดยเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา มีรถที่ผ่านการปรับปรุงใหม่และใช้การได้ขณะนี้มี 2 ขบวน ได้แก่ บชส.ป.2 นำมาให้บริการเส้นทางกรุงเทพ-ปราจีนบุรี และ บชส.ป.10 ส่วนอีก 4 ขบวนกำลังทำวาระปรับปรุงสภาพใหม่ อีกด้านหนึ่งพบว่า การรถไฟฯ เริ่มทยอยดำเนินการแล้ว โดยอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อดำเนินการปรับปรุงประมาณ 40 คัน โดยใช้งบประมาณปี 2567 และปี 2568 จะทยอยเข้าปรับปรุงอีกประมาณ 90 คัน หรือรวมชุดแรกประมาณ 130 คัน แต่ต้องถอนรถออกจากบริการในเส้นทางเพื่อนำมาปรับปรุง โดยต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน ทั้งนี้ การปรับปรุงเปลี่ยนเบาะที่นั่งและติดระบบปรับอากาศ มีต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 6 ล้านบาทต่อคัน (อ่านต่อในคอมเมนต์) #Newskit #รถไฟชั้น3 #การรถไฟแห่งประเทศไทย
    Like
    1
    2 Comments 1 Shares 464 Views 0 Reviews
  • เจี๊ยบโพสเพ้อ เหมือนกับสารภาพ ตัดสินยุบไม่ทรมานเท่ากับเลื่อน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เจี๊ยบโพสเพ้อ เหมือนกับสารภาพ ตัดสินยุบไม่ทรมานเท่ากับเลื่อน #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • อาการประ สาท แดรก กำเริบ
    ความห ล อ น ไม่เคยปราณีใคร
    นอนหลับไม่สนิท คิดวนไปวนมา
    แล้วก็ลุกขึ้นมาโพส ระบาย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เจี๊บบอมรัตน์
    #เจี๊ยบเพ้อ
    #เจี๊ยบเวิ่นเว้อ
    อาการประ สาท แดรก กำเริบ ความห ล อ น ไม่เคยปราณีใคร นอนหลับไม่สนิท คิดวนไปวนมา แล้วก็ลุกขึ้นมาโพส ระบาย #คิงส์โพธิ์แดง #เจี๊บบอมรัตน์ #เจี๊ยบเพ้อ #เจี๊ยบเวิ่นเว้อ
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • คนพรรคนี้ ปากดี ปากกล้า ขาสั่นทุกตัวจริงๆ
    ปากบอกไม่กลัว บางตัวบอกยักไหล่
    สุดท้าย ดิ้นไปล็อบบี้ต่างชาติด้วยภาษีคนไทย
    ชักศึกเข้าบ้าน
    บ้างออกมาแก้ตัว ว่าจงรักภักดี
    บ้างก็แก่แล11รดมาก เพ้อแต่เช้า
    ขอกำลังใจให้พรรคไม่โดนยุบ
    ไม่กลัวเล๊ย จริงจริ๊ง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เพ้อ
    #เจี๊ยบอมรัตน์
    #ไม่กลัวเลยจริงจริ๊ง
    #หวัดดีกั๊ฟ
    คนพรรคนี้ ปากดี ปากกล้า ขาสั่นทุกตัวจริงๆ ปากบอกไม่กลัว บางตัวบอกยักไหล่ สุดท้าย ดิ้นไปล็อบบี้ต่างชาติด้วยภาษีคนไทย ชักศึกเข้าบ้าน บ้างออกมาแก้ตัว ว่าจงรักภักดี บ้างก็แก่แล11รดมาก เพ้อแต่เช้า ขอกำลังใจให้พรรคไม่โดนยุบ ไม่กลัวเล๊ย จริงจริ๊ง #คิงส์โพธิ์แดง #เพ้อ #เจี๊ยบอมรัตน์ #ไม่กลัวเลยจริงจริ๊ง #หวัดดีกั๊ฟ
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • #ควายส้มหลุดคอก
    ฮ่าๆ จริง #โพสดักควาย #แต่ดักควายส้มฮับ
    การที่สร้างโพส ที่ดักควายส้มมาคอมเม้นได้
    แปลว่า สิ่งที่สื่อไปกระตุ้นต่อมดิ้น
    ไม่ดิ้น ไม่คอมเม้นหรอก พวกเมิง
    เออ สารที่จะส่งอีกเรื่อง
    พรรคเมิงกำลังจะถูกยุบ
    สส.พวกเมิงกำลังหาที่ลี้ภัย
    อิเจี๊ยบ อมแร็ด ก็จะขึ้นศาล๑๑๒ หลอนถึงขนาดให้สัมภาษณ์เพ้อ
    หนูจงรักภักดี
    แล้วไอซ์ศาลน่ะตัดสินแล้วนะ จำ 6 ปี ตอนนี้ศาลเมตตาให้ประกันออกมา
    อีก 2 ศาล ผลไม่ต่าง รอเข้าซังเตร
    แล้วถ้าพรรคพวกเมิงถูกยุบอะนะ หัวหน้าพรรค กรรมการ
    มีคดีย์ต่ออีกเพียบ ในฐานะล้มล้างการปกครอง
    ยุบแล้วโต พวกเมิงจะเอาอะไรที่ไหนมาโต
    ยุบก็จะเลือก
    เมิงจะเลือกใคร ไม่ลี้ภัยก็เข้าซังเตร
    ตื่นยัง ไม่นอนเลียแผลต่อนะ ไอ่ฉัด
    กีบ เล่นผิดคนแล้ว แหม่ คอมเม้นเหมือนฉลาด
    เป็นไง จำชื่อไว้ ข้า คิงส์โพธิ์แดงเฟริ้ย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ควายส้มหลุดคอก ฮ่าๆ จริง #โพสดักควาย #แต่ดักควายส้มฮับ การที่สร้างโพส ที่ดักควายส้มมาคอมเม้นได้ แปลว่า สิ่งที่สื่อไปกระตุ้นต่อมดิ้น ไม่ดิ้น ไม่คอมเม้นหรอก พวกเมิง เออ สารที่จะส่งอีกเรื่อง พรรคเมิงกำลังจะถูกยุบ สส.พวกเมิงกำลังหาที่ลี้ภัย อิเจี๊ยบ อมแร็ด ก็จะขึ้นศาล๑๑๒ หลอนถึงขนาดให้สัมภาษณ์เพ้อ หนูจงรักภักดี แล้วไอซ์ศาลน่ะตัดสินแล้วนะ จำ 6 ปี ตอนนี้ศาลเมตตาให้ประกันออกมา อีก 2 ศาล ผลไม่ต่าง รอเข้าซังเตร แล้วถ้าพรรคพวกเมิงถูกยุบอะนะ หัวหน้าพรรค กรรมการ มีคดีย์ต่ออีกเพียบ ในฐานะล้มล้างการปกครอง ยุบแล้วโต พวกเมิงจะเอาอะไรที่ไหนมาโต ยุบก็จะเลือก เมิงจะเลือกใคร ไม่ลี้ภัยก็เข้าซังเตร ตื่นยัง ไม่นอนเลียแผลต่อนะ ไอ่ฉัด กีบ เล่นผิดคนแล้ว แหม่ คอมเม้นเหมือนฉลาด เป็นไง จำชื่อไว้ ข้า คิงส์โพธิ์แดงเฟริ้ย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 304 Views 0 Reviews
  • เจี๊ยบ อมแรด เพ้อหนัก
    หลอน ๑๑๒ เพราะมากทั้งคดีย์และใกล้วันตัดสิน
    ออกอาการเพ้อๆ หลอนๆ ลูกเพจถามเรื่องนึง
    แต่วนมาตอบเรื่องบุ้ง ลูกเพจออกอาการงงๆ
    ก็ไม่ต้องงง ไม่ต้องแปลกใจ
    เจี๊ยบรู้ตัวดี ว่าคดีย์ที่กำลังจะถูกตัดสิน ไร้ทางแก้ตัว
    เพราะสำนวนก็ไม่ต่างจากไอ่ กวิ้น หรือพวกที่หนีไปตปทแล้ว
    เดินสายอย่างหนัก แถรายวันว่าเดี๊๋ยนรักสถาบัน
    แต่วีรกรรมก่อไว้มากมาย ลบยังไงก็ไม่หมด
    จึงออกอาการเพ้อแปลกๆ แบบนี้
    คิดถึงบุ้ง อีกไม่นานก็คงได้ไปอยู่ด้วยกัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เจี๊ยบอมรัตน์
    #บุ้งทะลุวัง
    เจี๊ยบ อมแรด เพ้อหนัก หลอน ๑๑๒ เพราะมากทั้งคดีย์และใกล้วันตัดสิน ออกอาการเพ้อๆ หลอนๆ ลูกเพจถามเรื่องนึง แต่วนมาตอบเรื่องบุ้ง ลูกเพจออกอาการงงๆ ก็ไม่ต้องงง ไม่ต้องแปลกใจ เจี๊ยบรู้ตัวดี ว่าคดีย์ที่กำลังจะถูกตัดสิน ไร้ทางแก้ตัว เพราะสำนวนก็ไม่ต่างจากไอ่ กวิ้น หรือพวกที่หนีไปตปทแล้ว เดินสายอย่างหนัก แถรายวันว่าเดี๊๋ยนรักสถาบัน แต่วีรกรรมก่อไว้มากมาย ลบยังไงก็ไม่หมด จึงออกอาการเพ้อแปลกๆ แบบนี้ คิดถึงบุ้ง อีกไม่นานก็คงได้ไปอยู่ด้วยกัน #คิงส์โพธิ์แดง #เจี๊ยบอมรัตน์ #บุ้งทะลุวัง
    0 Comments 0 Shares 288 Views 0 Reviews
  • เจี๊ยบเพ้อ ก้าวไกล จงรักษ์ภักดี!! ถ้าภักดี จะกลัว ๑๑๒ ทำเชรี่ยไรจ๊ะ เจี๊ยบ อิเตี้ย อม-แรด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เจี๊ยบเพ้อ ก้าวไกล จงรักษ์ภักดี!! ถ้าภักดี จะกลัว ๑๑๒ ทำเชรี่ยไรจ๊ะ เจี๊ยบ อิเตี้ย อม-แรด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • หมดราคาคุณหญิง มุสาจนเคยตัว ยิ่งแก่ยิ่งเพ้อเจ้อ ให้ร้ายปรักปรำ ถ้าไม่มีการยกเลิกปาร์ตี้ลิสต์ ช่วยรับผิดชอบด้วยการวางมือวางปากทางเมืองไปเลยนะเจ๊
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คุณหญิงมุสารัตน์
    #สุดารัตน์
    #วางมือไปเลยเจ๊
    หมดราคาคุณหญิง มุสาจนเคยตัว ยิ่งแก่ยิ่งเพ้อเจ้อ ให้ร้ายปรักปรำ ถ้าไม่มีการยกเลิกปาร์ตี้ลิสต์ ช่วยรับผิดชอบด้วยการวางมือวางปากทางเมืองไปเลยนะเจ๊ #คิงส์โพธิ์แดง #คุณหญิงมุสารัตน์ #สุดารัตน์ #วางมือไปเลยเจ๊
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • ชัยธวัชหลอนยุบพรรค เพ้อไม่ขอจับมือเพื่อไทย แต่ในความเป็นจริง ไม่มีพรรคไหนอยากจับมือก้าวไกลที่กำลังจะถูกยุบถูกแบน
    #7ดอกจิก
    #ชัยธวัช
    ชัยธวัชหลอนยุบพรรค เพ้อไม่ขอจับมือเพื่อไทย แต่ในความเป็นจริง ไม่มีพรรคไหนอยากจับมือก้าวไกลที่กำลังจะถูกยุบถูกแบน #7ดอกจิก #ชัยธวัช
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews