• Yesterday Once More: เสียงเพลงที่พาย้อนเวลา

    ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม ช่วงเวลาที่บ้านเต็มไปด้วยเสียงดนตรีจากชุดเครื่องเสียงสุดหรูของพ่อ เขามักจะเปิดเพลงเพื่อโชว์ลำโพงที่ให้เสียงใสกิ๊งราวกับคริสตัล แม้ว่าตอนนั้นจะเล่นจากเทปคาสเซ็ทเก่าๆ แต่สุนทรียภาพของดนตรีที่ไหลออกมานั้นไม่ได้ต่างอะไรจากการเล่นแผ่นเสียงไวนิลหรือซีดีสมัยนี้เลยครับ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นและความทรงจำดีๆ โดยเฉพาะเพลงหนึ่งที่พ่อชอบเปิดบ่อยๆ นั่นคือ "Yesterday Once More" ของ The Carpenters เพลงนี้ไม่ใช่แค่เสียงเพลงธรรมดา แต่เป็นเหมือนประตูเวลาที่พาผมย้อนกลับไปหาช่วงเวลาที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยความสุข

    วง The Carpenters เกิดจากสองพี่น้องคู่บุญอย่าง Karen และ Richard Carpenter ที่เติบโตมาในเมือง New Haven รัฐ Connecticut สหรัฐอเมริกา ก่อนจะย้ายมาอยู่ Downey ใน California เมื่อปี 1963 เพื่อไล่ตามความฝันทางดนตรี Richard ผู้พี่ชายเกิดปี 1946 เป็นนักเปียโนตัวฉกาจและชอบจัดเรียงเสียงประสาน เขาเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กและต่อมาเข้าเรียนที่ California State University, Long Beach ส่วน Karen น้องสาวเกิดปี 1950 เดิมทีเล่นกลองก่อนจะค้นพบพรสวรรค์ในเสียงร้องคอนทราลโตที่อบอุ่นและนุ่มนวลราวกับกำมะหยี่ พวกเขาเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่ปี 1965 ในรูปแบบวงแจ๊สชื่อ Richard Carpenter Trio ร่วมกับเพื่อน Wesley Jacobs จากนั้นพัฒนามาเป็นวง Spectrum ที่เล่นเพลงแนว middle-of-the-road แต่ยังไม่ดังเปรี้ยง จนกระทั่งปี 1969 พวกเขาตัดสินใจเป็นดูโอ้อย่างเป็นทางการและเซ็นสัญญากับค่าย A&M Records โดยใช้ชื่อ "Carpenters" แบบไม่มี "The" นำหน้า เพื่อให้ดูทันสมัยเหมือนวงร็อกดังๆ อย่าง Buffalo Springfield หรือ Jefferson Airplane

    จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก The Carpenters ค่อยๆ สร้างชื่อเสียงด้วยสไตล์ซอฟต์ร็อกที่ผสมผสานฮาร์โมนีใกล้ชิดและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Karen เพลงฮิตแรกๆ อย่าง "(They Long to Be) Close to You" และ "We've Only Just Begun" ในปี 1970 ทำให้พวกเขาพุ่งขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 อย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเพลงดังอีกเพียบ เช่น "Superstar", "Rainy Days and Mondays" และ "Top of the World" ที่ทำให้พวกเขาได้รับรางวัล Grammy ถึง 3 ตัว รวมถึง Best New Artist และ Best Contemporary Performance by a Duo, Group or Chorus ตลอดช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขาออกอัลบั้มถึง 10 ชุด โดยแต่ละชุดขายได้มากกว่า 1 ล้านแผ่น โดยเฉพาะอัลบั้มรวบฮิต "The Singles: 1969-1973" ที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Top 200 พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ออกทีวีสเปเชียล และกลายเป็นศิลปินขายดีที่สุดในแนว easy listening และ adult contemporary ด้วยยอดขายแผ่นเสียงรวมกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

    แต่เพลงที่ทำให้ผมหลงรักวงนี้อย่างหัวปักหัวปำคือ "Yesterday Once More" ที่ออกมาในปี 1973 จากอัลบั้ม "Now & Then" เพลงนี้เขียนโดย Richard ร่วมกับ John Bettis เพื่อเล่าเรื่องความคิดถึงเพลงเก่าๆ ที่เคยฟังในวัยเยาว์ เหมือนกับที่ผมฟังจากเครื่องเสียงของพ่อ มันเริ่มต้นด้วยเสียงเปียโนนุ่มๆ ตามด้วยเสียงร้องของ Karen ที่ชวนให้หวนนึกถึงวันเก่าๆ และยังมีเซกเวย์เชื่อมไปยังเมดเลย์เพลงคลาสสิกยุค 60s ที่ทำเหมือนรายการวิทยุเก่าๆ บนข้าง B ของอัลบั้ม เพลงนี้ถูกบันทึกที่ A&M Studios ใน Los Angeles และปล่อยซิงเกิลเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1973 ด้วยความยาว 3:56 นาที มันเดบิวต์บนชาร์ต Cash Box ที่อันดับ 71 ก่อนพุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 ในเดือนสิงหาคม และติดอันดับ 2 บน Billboard Hot 100 (ถูก "Bad, Bad Leroy Brown" ของ Jim Croce เบียดตก) แต่ครองอันดับ 1 บน Adult Contemporary Chart ซึ่งเป็นเพลงที่ 8 ของพวกเขาที่ทำได้ในรอบ 4 ปี

    ความดังของ "Yesterday Once More" ไม่ได้จำกัดแค่ในอเมริกา มันขึ้นอันดับ 2 ใน UK ซึ่งเป็นซิงเกิลขายดีที่สุดของพวกเขาในเกาะอังกฤษ ขายได้กว่า 250,000 แผ่น และได้รับการรับรอง Silver จาก BPI ในญี่ปุ่นเพลงนี้ฮิตระเบิด ขายได้กว่า 600,000 แผ่นภายในกลางปี 1974 และกลายเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดของ The Carpenters ในประเทศนั้น ตามด้วยอันดับ 1 ในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และแคนาดา รวมถึงอันดับสูงๆ ในออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ มันได้รับการรับรอง Gold จาก RIAA ในอเมริกาด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านแผ่น Richard เองเคยบอกในสารคดีญี่ปุ่นว่านี่คือเพลงโปรดที่เขาแต่ง และเขายังเล่นเวอร์ชันบรรเลงในคอนเสิร์ตหลายครั้ง เพลงนี้ถูกคัฟเวอร์โดยศิลปินมากมาย เช่น วง Candies ในญี่ปุ่นปี 1974, Redd Kross ในเวอร์ชันร็อก และ Priscilla Chan ในคอนเสิร์ต farewell ปี 1989 มันยังถูกใช้ในสื่อต่างๆ เพื่อถ่ายทอดความคิดถึง เช่น ในภาพยนตร์หรือโฆษณาที่ชวนนึกถึงอดีต

    แม้ The Carpenters จะดังเปรี้ยงปร้าง แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีด้านมืด Richard เคยติด Quaalude ในช่วงปลาย 1970s จนต้องหยุดทัวร์และเข้ารับการบำบัด ส่วน Karen ต่อสู้กับโรค anorexia nervosa ที่ทำให้เธอผอมแห้งและสุขภาพทรุดโทรม จนเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1983 ขณะอายุเพียง 32 ปี เหตุการณ์นี้ทำให้โลกช็อกและจุดประกายให้คนหันมาสนใจโรคการกินผิดปกติมากขึ้น หลังจากนั้น Richard ยังคงทำงานเดี่ยวและออกอัลบั้ม posthumous เช่น "Voice of the Heart" ในปี 1983 แต่ไม่มีอะไรแทนที่เสียงร้องของ Karen ได้ มรดกของ The Carpenters ยังคงอยู่ พวกเขาอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังอย่าง Michael Jackson, Scott Weiland และศิลปินญี่ปุ่นหลายคน Rolling Stone จัดให้พวกเขาเป็นหนึ่งใน 20 Greatest Duos of All Time และ Karen เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงยอดเยี่ยม เพลงของพวกเขามักถูกใช้ในงานแต่งงานหรือเพลงประกอบชีวิต เพราะความงดงามและความโรแมนติกที่เหนือกาลเวลา

    ทุกครั้งที่ผมได้ยิน "Yesterday Once More" มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นเรื่องราวของความทรงจำ ของพี่น้องคู่นี้ที่สร้างเสียงเพลงอมตะ และของช่วงเวลาที่ผมใช้กับพ่อ มันทำให้ผมรู้สึกว่า อดีตยังคงกลับมาอีกครั้ง เหมือนชื่อเพลง.. Yesterday Once More

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/ywB8vjMnoEw
    Yesterday Once More: 🎵 เสียงเพลงที่พาย้อนเวลา ⌛ 🎵 ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม ช่วงเวลาที่บ้านเต็มไปด้วยเสียงดนตรีจากชุดเครื่องเสียงสุดหรูของพ่อ เขามักจะเปิดเพลงเพื่อโชว์ลำโพงที่ให้เสียงใสกิ๊งราวกับคริสตัล แม้ว่าตอนนั้นจะเล่นจากเทปคาสเซ็ทเก่าๆ แต่สุนทรียภาพของดนตรีที่ไหลออกมานั้นไม่ได้ต่างอะไรจากการเล่นแผ่นเสียงไวนิลหรือซีดีสมัยนี้เลยครับ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นและความทรงจำดีๆ โดยเฉพาะเพลงหนึ่งที่พ่อชอบเปิดบ่อยๆ นั่นคือ "Yesterday Once More" ของ The Carpenters เพลงนี้ไม่ใช่แค่เสียงเพลงธรรมดา แต่เป็นเหมือนประตูเวลาที่พาผมย้อนกลับไปหาช่วงเวลาที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยความสุข 📻 วง The Carpenters เกิดจากสองพี่น้องคู่บุญอย่าง Karen และ Richard Carpenter ที่เติบโตมาในเมือง New Haven รัฐ Connecticut สหรัฐอเมริกา ก่อนจะย้ายมาอยู่ Downey ใน California เมื่อปี 1963 เพื่อไล่ตามความฝันทางดนตรี Richard ผู้พี่ชายเกิดปี 1946 เป็นนักเปียโนตัวฉกาจและชอบจัดเรียงเสียงประสาน เขาเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กและต่อมาเข้าเรียนที่ California State University, Long Beach ส่วน Karen น้องสาวเกิดปี 1950 เดิมทีเล่นกลองก่อนจะค้นพบพรสวรรค์ในเสียงร้องคอนทราลโตที่อบอุ่นและนุ่มนวลราวกับกำมะหยี่ 🎹🥁 พวกเขาเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่ปี 1965 ในรูปแบบวงแจ๊สชื่อ Richard Carpenter Trio ร่วมกับเพื่อน Wesley Jacobs จากนั้นพัฒนามาเป็นวง Spectrum ที่เล่นเพลงแนว middle-of-the-road แต่ยังไม่ดังเปรี้ยง จนกระทั่งปี 1969 พวกเขาตัดสินใจเป็นดูโอ้อย่างเป็นทางการและเซ็นสัญญากับค่าย A&M Records โดยใช้ชื่อ "Carpenters" แบบไม่มี "The" นำหน้า เพื่อให้ดูทันสมัยเหมือนวงร็อกดังๆ อย่าง Buffalo Springfield หรือ Jefferson Airplane จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก The Carpenters ค่อยๆ สร้างชื่อเสียงด้วยสไตล์ซอฟต์ร็อกที่ผสมผสานฮาร์โมนีใกล้ชิดและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Karen เพลงฮิตแรกๆ อย่าง "(They Long to Be) Close to You" และ "We've Only Just Begun" ในปี 1970 ทำให้พวกเขาพุ่งขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 อย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเพลงดังอีกเพียบ เช่น "Superstar", "Rainy Days and Mondays" และ "Top of the World" ที่ทำให้พวกเขาได้รับรางวัล Grammy ถึง 3 ตัว รวมถึง Best New Artist และ Best Contemporary Performance by a Duo, Group or Chorus 🌟 ตลอดช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขาออกอัลบั้มถึง 10 ชุด โดยแต่ละชุดขายได้มากกว่า 1 ล้านแผ่น โดยเฉพาะอัลบั้มรวบฮิต "The Singles: 1969-1973" ที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Top 200 พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ออกทีวีสเปเชียล และกลายเป็นศิลปินขายดีที่สุดในแนว easy listening และ adult contemporary ด้วยยอดขายแผ่นเสียงรวมกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่ขายดีที่สุดตลอดกาล แต่เพลงที่ทำให้ผมหลงรักวงนี้อย่างหัวปักหัวปำคือ "Yesterday Once More" ที่ออกมาในปี 1973 จากอัลบั้ม "Now & Then" เพลงนี้เขียนโดย Richard ร่วมกับ John Bettis เพื่อเล่าเรื่องความคิดถึงเพลงเก่าๆ ที่เคยฟังในวัยเยาว์ เหมือนกับที่ผมฟังจากเครื่องเสียงของพ่อ มันเริ่มต้นด้วยเสียงเปียโนนุ่มๆ ตามด้วยเสียงร้องของ Karen ที่ชวนให้หวนนึกถึงวันเก่าๆ และยังมีเซกเวย์เชื่อมไปยังเมดเลย์เพลงคลาสสิกยุค 60s ที่ทำเหมือนรายการวิทยุเก่าๆ บนข้าง B ของอัลบั้ม 🎸 เพลงนี้ถูกบันทึกที่ A&M Studios ใน Los Angeles และปล่อยซิงเกิลเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1973 ด้วยความยาว 3:56 นาที มันเดบิวต์บนชาร์ต Cash Box ที่อันดับ 71 ก่อนพุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 ในเดือนสิงหาคม และติดอันดับ 2 บน Billboard Hot 100 (ถูก "Bad, Bad Leroy Brown" ของ Jim Croce เบียดตก) แต่ครองอันดับ 1 บน Adult Contemporary Chart ซึ่งเป็นเพลงที่ 8 ของพวกเขาที่ทำได้ในรอบ 4 ปี ความดังของ "Yesterday Once More" ไม่ได้จำกัดแค่ในอเมริกา มันขึ้นอันดับ 2 ใน UK ซึ่งเป็นซิงเกิลขายดีที่สุดของพวกเขาในเกาะอังกฤษ ขายได้กว่า 250,000 แผ่น และได้รับการรับรอง Silver จาก BPI ในญี่ปุ่นเพลงนี้ฮิตระเบิด ขายได้กว่า 600,000 แผ่นภายในกลางปี 1974 และกลายเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดของ The Carpenters ในประเทศนั้น ตามด้วยอันดับ 1 ในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และแคนาดา รวมถึงอันดับสูงๆ ในออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ 📈 มันได้รับการรับรอง Gold จาก RIAA ในอเมริกาด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านแผ่น Richard เองเคยบอกในสารคดีญี่ปุ่นว่านี่คือเพลงโปรดที่เขาแต่ง และเขายังเล่นเวอร์ชันบรรเลงในคอนเสิร์ตหลายครั้ง เพลงนี้ถูกคัฟเวอร์โดยศิลปินมากมาย เช่น วง Candies ในญี่ปุ่นปี 1974, Redd Kross ในเวอร์ชันร็อก และ Priscilla Chan ในคอนเสิร์ต farewell ปี 1989 มันยังถูกใช้ในสื่อต่างๆ เพื่อถ่ายทอดความคิดถึง เช่น ในภาพยนตร์หรือโฆษณาที่ชวนนึกถึงอดีต แม้ The Carpenters จะดังเปรี้ยงปร้าง แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีด้านมืด Richard เคยติด Quaalude ในช่วงปลาย 1970s จนต้องหยุดทัวร์และเข้ารับการบำบัด ส่วน Karen ต่อสู้กับโรค anorexia nervosa ที่ทำให้เธอผอมแห้งและสุขภาพทรุดโทรม จนเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1983 ขณะอายุเพียง 32 ปี เหตุการณ์นี้ทำให้โลกช็อกและจุดประกายให้คนหันมาสนใจโรคการกินผิดปกติมากขึ้น 💔 หลังจากนั้น Richard ยังคงทำงานเดี่ยวและออกอัลบั้ม posthumous เช่น "Voice of the Heart" ในปี 1983 แต่ไม่มีอะไรแทนที่เสียงร้องของ Karen ได้ มรดกของ The Carpenters ยังคงอยู่ พวกเขาอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังอย่าง Michael Jackson, Scott Weiland และศิลปินญี่ปุ่นหลายคน Rolling Stone จัดให้พวกเขาเป็นหนึ่งใน 20 Greatest Duos of All Time และ Karen เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงยอดเยี่ยม เพลงของพวกเขามักถูกใช้ในงานแต่งงานหรือเพลงประกอบชีวิต เพราะความงดงามและความโรแมนติกที่เหนือกาลเวลา ทุกครั้งที่ผมได้ยิน "Yesterday Once More" มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นเรื่องราวของความทรงจำ ของพี่น้องคู่นี้ที่สร้างเสียงเพลงอมตะ และของช่วงเวลาที่ผมใช้กับพ่อ มันทำให้ผมรู้สึกว่า อดีตยังคงกลับมาอีกครั้ง เหมือนชื่อเพลง.. Yesterday Once More 🌹 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/ywB8vjMnoEw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ Tesla ต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอดในตลาดจีน ด้วย AI ที่พูดภาษาท้องถิ่น

    Tesla กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน ซึ่งเต็มไปด้วยแบรนด์ท้องถิ่นที่ใส่เทคโนโลยีล้ำหน้าเข้าไปในรถอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ Tesla จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านซอฟต์แวร์ โดยนำโมเดล AI สัญชาติจีนอย่าง DeepSeek และ Doubao มาใช้ในระบบผู้ช่วยเสียงภายในรถยนต์

    Doubao ซึ่งพัฒนาโดย ByteDance จะรับหน้าที่ประมวลผลคำสั่งเสียง เช่น การนำทาง การควบคุมอุณหภูมิ และการเล่นเพลง ส่วน DeepSeek จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสนทนาอัจฉริยะที่สามารถตอบคำถามหลายขั้นตอนและเข้าใจบริบทได้ลึกขึ้น ทั้งสองโมเดลจะทำงานผ่านคลาวด์ของ Volcano Engine ซึ่งเป็นบริการของ ByteDance เช่นกัน

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะข้อจำกัดด้านกฎหมายของจีนที่ไม่อนุญาตให้ส่งข้อมูลผู้ใช้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ ทำให้ Tesla ไม่สามารถใช้ Grok ซึ่งเป็นโมเดลของ xAI ที่ใช้ในสหรัฐฯ ได้

    นอกจากนี้ Tesla ยังเปิดตัว Model Y L รุ่นใหม่แบบ 6 ที่นั่งในจีน ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่รองรับผู้ช่วยเสียงแบบ “Hey, Tesla” โดยไม่ต้องกดปุ่มบนพวงมาลัยเหมือนรุ่นก่อน ๆ

    การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ Tesla ต้องปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมเทคโนโลยีของจีน ซึ่งผู้ใช้คุ้นเคยกับระบบผู้ช่วยเสียงที่ตอบสนองได้รวดเร็วและเชื่อมโยงกับบริการท้องถิ่น เช่น แผนที่จีน แอปส่งอาหาร และระบบชำระเงิน

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Tesla เตรียมใช้ AI สัญชาติจีน DeepSeek และ Doubao ในรถยนต์ที่จำหน่ายในจีน
    Doubao รับหน้าที่ประมวลผลคำสั่งเสียง เช่น นำทาง เพลง อุณหภูมิ
    DeepSeek ทำหน้าที่สนทนาอัจฉริยะ ตอบคำถามหลายขั้นตอน
    ทั้งสองโมเดลทำงานผ่านคลาวด์ Volcano Engine ของ ByteDance
    Tesla ไม่สามารถใช้ Grok ในจีนเพราะข้อจำกัดด้านกฎหมายและการจัดการข้อมูล
    ผู้ใช้สามารถเรียกผู้ช่วยเสียงด้วยคำว่า “Hey, Tesla” หรือกำหนดเองได้
    Tesla เปิดตัว Model Y L รุ่นใหม่แบบ 6 ที่นั่งในจีน รองรับระบบ AI เต็มรูปแบบ
    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการแข่งขันกับแบรนด์จีน เช่น BYD และ Geely
    BMW ก็ใช้โมเดล Qwen จาก Alibaba ในรถรุ่นใหม่ที่จำหน่ายในจีน
    ยังไม่มีการยืนยันว่า AI ทั้งสองถูกติดตั้งในรถทุกคันแล้ว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DeepSeek ได้รับความนิยมในจีนหลังเปิดตัวรุ่น R1 และ V3.1 ที่มีความสามารถด้าน reasoning สูง
    ระบบผู้ช่วยเสียงในรถยนต์จีนสามารถเชื่อมต่อกับบริการท้องถิ่น เช่น Alipay, Meituan, Gaode Maps
    LLMs เช่น ChatGPT, Qwen, และ DeepSeek ถูกนำมาใช้ในรถยนต์มากขึ้นทั่วโลก
    การใช้ AI ในรถยนต์ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่
    การใช้โมเดลท้องถิ่นช่วยให้ตอบสนองต่อภาษาถิ่นและพฤติกรรมผู้ใช้ได้แม่นยำกว่าโมเดลสากล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/tesla-to-integrate-deepseek-doubao-ai-voice-controls-in-china
    🎙️ เมื่อ Tesla ต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอดในตลาดจีน ด้วย AI ที่พูดภาษาท้องถิ่น Tesla กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน ซึ่งเต็มไปด้วยแบรนด์ท้องถิ่นที่ใส่เทคโนโลยีล้ำหน้าเข้าไปในรถอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ Tesla จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านซอฟต์แวร์ โดยนำโมเดล AI สัญชาติจีนอย่าง DeepSeek และ Doubao มาใช้ในระบบผู้ช่วยเสียงภายในรถยนต์ Doubao ซึ่งพัฒนาโดย ByteDance จะรับหน้าที่ประมวลผลคำสั่งเสียง เช่น การนำทาง การควบคุมอุณหภูมิ และการเล่นเพลง ส่วน DeepSeek จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสนทนาอัจฉริยะที่สามารถตอบคำถามหลายขั้นตอนและเข้าใจบริบทได้ลึกขึ้น ทั้งสองโมเดลจะทำงานผ่านคลาวด์ของ Volcano Engine ซึ่งเป็นบริการของ ByteDance เช่นกัน การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะข้อจำกัดด้านกฎหมายของจีนที่ไม่อนุญาตให้ส่งข้อมูลผู้ใช้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ ทำให้ Tesla ไม่สามารถใช้ Grok ซึ่งเป็นโมเดลของ xAI ที่ใช้ในสหรัฐฯ ได้ นอกจากนี้ Tesla ยังเปิดตัว Model Y L รุ่นใหม่แบบ 6 ที่นั่งในจีน ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่รองรับผู้ช่วยเสียงแบบ “Hey, Tesla” โดยไม่ต้องกดปุ่มบนพวงมาลัยเหมือนรุ่นก่อน ๆ การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ Tesla ต้องปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมเทคโนโลยีของจีน ซึ่งผู้ใช้คุ้นเคยกับระบบผู้ช่วยเสียงที่ตอบสนองได้รวดเร็วและเชื่อมโยงกับบริการท้องถิ่น เช่น แผนที่จีน แอปส่งอาหาร และระบบชำระเงิน 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Tesla เตรียมใช้ AI สัญชาติจีน DeepSeek และ Doubao ในรถยนต์ที่จำหน่ายในจีน ➡️ Doubao รับหน้าที่ประมวลผลคำสั่งเสียง เช่น นำทาง เพลง อุณหภูมิ ➡️ DeepSeek ทำหน้าที่สนทนาอัจฉริยะ ตอบคำถามหลายขั้นตอน ➡️ ทั้งสองโมเดลทำงานผ่านคลาวด์ Volcano Engine ของ ByteDance ➡️ Tesla ไม่สามารถใช้ Grok ในจีนเพราะข้อจำกัดด้านกฎหมายและการจัดการข้อมูล ➡️ ผู้ใช้สามารถเรียกผู้ช่วยเสียงด้วยคำว่า “Hey, Tesla” หรือกำหนดเองได้ ➡️ Tesla เปิดตัว Model Y L รุ่นใหม่แบบ 6 ที่นั่งในจีน รองรับระบบ AI เต็มรูปแบบ ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการแข่งขันกับแบรนด์จีน เช่น BYD และ Geely ➡️ BMW ก็ใช้โมเดล Qwen จาก Alibaba ในรถรุ่นใหม่ที่จำหน่ายในจีน ➡️ ยังไม่มีการยืนยันว่า AI ทั้งสองถูกติดตั้งในรถทุกคันแล้ว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DeepSeek ได้รับความนิยมในจีนหลังเปิดตัวรุ่น R1 และ V3.1 ที่มีความสามารถด้าน reasoning สูง ➡️ ระบบผู้ช่วยเสียงในรถยนต์จีนสามารถเชื่อมต่อกับบริการท้องถิ่น เช่น Alipay, Meituan, Gaode Maps ➡️ LLMs เช่น ChatGPT, Qwen, และ DeepSeek ถูกนำมาใช้ในรถยนต์มากขึ้นทั่วโลก ➡️ การใช้ AI ในรถยนต์ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่ ➡️ การใช้โมเดลท้องถิ่นช่วยให้ตอบสนองต่อภาษาถิ่นและพฤติกรรมผู้ใช้ได้แม่นยำกว่าโมเดลสากล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/tesla-to-integrate-deepseek-doubao-ai-voice-controls-in-china
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Tesla to integrate Deepseek, Doubao AI voice controls in China
    Tesla Inc plans to introduce in-car voice assistant functions powered by Deepseek and Bytedance Ltd's Doubao artificial intelligence as it aims to catch local rivals who offer similar features.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/rS8BQALVorw?si=EU1g7bmpyPJ7DUR5
    เธอทำให้ฉันมีวันนี้และวันพรุ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง​ -​ Solitary​ Tool

    ฟังเพลงทั้งหมดของ​ Solitary​ Tool
    https://youtube.com/@solitary_tool?si=hRjXjf8htrsRZVMv
    https://youtu.be/rS8BQALVorw?si=EU1g7bmpyPJ7DUR5 เธอทำให้ฉันมีวันนี้และวันพรุ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง​ -​ Solitary​ Tool ฟังเพลงทั้งหมดของ​ Solitary​ Tool https://youtube.com/@solitary_tool?si=hRjXjf8htrsRZVMv
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำที่ไม่ปลอดภัย – เมื่อไซเบอร์สงครามเริ่มจากก๊อกน้ำ

    ในเดือนสิงหาคม 2025 เกิดเหตุการณ์สองครั้งที่สะท้อนถึงภัยคุกคามไซเบอร์ต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในยุโรป ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนรัสเซีย

    เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่เขื่อน Bremanger ในนอร์เวย์ เมื่อมีผู้เจาะระบบควบคุมและเปิดวาล์วปล่อยน้ำเป็นเวลาราว 4 ชั่วโมง แม้จะไม่มีความเสียหาย แต่แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบจริงได้ โดยมีวิดีโอเผยแพร่บน Telegram ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่ม Z-Pentest Alliance ที่มีแนวโน้มสนับสนุนรัสเซีย

    เหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นในโปแลนด์ เมื่อรองนายกรัฐมนตรี Krzysztof Gawkowski เปิดเผยว่ามีความพยายามโจมตีระบบน้ำของเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้ทันเวลา เขาเปรียบเทียบว่า “รัสเซียอาจไม่ส่งรถถัง แต่ส่งมัลแวร์แทน”

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การโจมตีลักษณะนี้เป็น “การหยั่งเชิง” ที่อาจนำไปสู่การโจมตีขนาดใหญ่ในอนาคต โดยเฉพาะระบบน้ำที่มักขาดงบประมาณและบุคลากรด้านไซเบอร์

    แม้ผู้โจมตีจะดูเหมือนมือสมัครเล่น แต่การควบคุมระบบจริงได้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และการใช้ช่องโหว่ เช่น รหัสผ่านอ่อนแอ หรือ HMI ที่เปิดให้เข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นจุดอ่อนที่พบได้ทั่วไป

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    เกิดเหตุโจมตีไซเบอร์ที่เขื่อน Bremanger ในนอร์เวย์ โดยเปิดวาล์วปล่อยน้ำ 4 ชั่วโมง
    โปแลนด์สกัดการโจมตีระบบน้ำของเมืองใหญ่ได้ทันเวลา
    กลุ่ม Z-Pentest Alliance ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตีในนอร์เวย์
    วิดีโอการโจมตีถูกเผยแพร่บน Telegram พร้อมเพลงรัสเซีย
    ผู้โจมตีใช้ HMI ที่เปิดผ่านอินเทอร์เน็ตและรหัสผ่านอ่อนแอ
    ไม่มีความเสียหายทางกายภาพ แต่มีการควบคุมระบบจริง
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเป็นการ “หยั่งเชิง” ก่อนการโจมตีใหญ่
    ระบบน้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญแต่ขาดการป้องกัน
    สหรัฐฯ และยุโรปควรใช้เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือน
    โครงการ Cyber Peace Initiative และ DEF CON Franklin เสนอความช่วยเหลือฟรีแก่ระบบน้ำ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โปแลนด์เผชิญการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซียวันละ 300 ครั้ง
    ในปี 2024 รัสเซียเคยโจมตีระบบน้ำในเท็กซัสจนถังน้ำล้น
    ระบบน้ำในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการตรวจสอบไซเบอร์เต็มรูปแบบ
    การโจมตีระบบ OT (Operational Technology) มักใช้กลุ่มแฮกเกอร์มือสมัครเล่นเป็นตัวแทน
    การโจมตีระบบน้ำสามารถสร้างความหวาดกลัวและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน
    การควบคุมวาล์วแบบเรียลไทม์แสดงถึงความเสี่ยงเชิงปฏิบัติการที่ร้ายแรง

    https://www.csoonline.com/article/4042449/russia-linked-european-attacks-renew-concerns-over-water-cybersecurity.html
    🕵️‍♂️ น้ำที่ไม่ปลอดภัย – เมื่อไซเบอร์สงครามเริ่มจากก๊อกน้ำ ในเดือนสิงหาคม 2025 เกิดเหตุการณ์สองครั้งที่สะท้อนถึงภัยคุกคามไซเบอร์ต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในยุโรป ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนรัสเซีย เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่เขื่อน Bremanger ในนอร์เวย์ เมื่อมีผู้เจาะระบบควบคุมและเปิดวาล์วปล่อยน้ำเป็นเวลาราว 4 ชั่วโมง แม้จะไม่มีความเสียหาย แต่แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบจริงได้ โดยมีวิดีโอเผยแพร่บน Telegram ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่ม Z-Pentest Alliance ที่มีแนวโน้มสนับสนุนรัสเซีย เหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นในโปแลนด์ เมื่อรองนายกรัฐมนตรี Krzysztof Gawkowski เปิดเผยว่ามีความพยายามโจมตีระบบน้ำของเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้ทันเวลา เขาเปรียบเทียบว่า “รัสเซียอาจไม่ส่งรถถัง แต่ส่งมัลแวร์แทน” ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การโจมตีลักษณะนี้เป็น “การหยั่งเชิง” ที่อาจนำไปสู่การโจมตีขนาดใหญ่ในอนาคต โดยเฉพาะระบบน้ำที่มักขาดงบประมาณและบุคลากรด้านไซเบอร์ แม้ผู้โจมตีจะดูเหมือนมือสมัครเล่น แต่การควบคุมระบบจริงได้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และการใช้ช่องโหว่ เช่น รหัสผ่านอ่อนแอ หรือ HMI ที่เปิดให้เข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นจุดอ่อนที่พบได้ทั่วไป 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ เกิดเหตุโจมตีไซเบอร์ที่เขื่อน Bremanger ในนอร์เวย์ โดยเปิดวาล์วปล่อยน้ำ 4 ชั่วโมง ➡️ โปแลนด์สกัดการโจมตีระบบน้ำของเมืองใหญ่ได้ทันเวลา ➡️ กลุ่ม Z-Pentest Alliance ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตีในนอร์เวย์ ➡️ วิดีโอการโจมตีถูกเผยแพร่บน Telegram พร้อมเพลงรัสเซีย ➡️ ผู้โจมตีใช้ HMI ที่เปิดผ่านอินเทอร์เน็ตและรหัสผ่านอ่อนแอ ➡️ ไม่มีความเสียหายทางกายภาพ แต่มีการควบคุมระบบจริง ➡️ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเป็นการ “หยั่งเชิง” ก่อนการโจมตีใหญ่ ➡️ ระบบน้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญแต่ขาดการป้องกัน ➡️ สหรัฐฯ และยุโรปควรใช้เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือน ➡️ โครงการ Cyber Peace Initiative และ DEF CON Franklin เสนอความช่วยเหลือฟรีแก่ระบบน้ำ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โปแลนด์เผชิญการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซียวันละ 300 ครั้ง ➡️ ในปี 2024 รัสเซียเคยโจมตีระบบน้ำในเท็กซัสจนถังน้ำล้น ➡️ ระบบน้ำในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการตรวจสอบไซเบอร์เต็มรูปแบบ ➡️ การโจมตีระบบ OT (Operational Technology) มักใช้กลุ่มแฮกเกอร์มือสมัครเล่นเป็นตัวแทน ➡️ การโจมตีระบบน้ำสามารถสร้างความหวาดกลัวและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน ➡️ การควบคุมวาล์วแบบเรียลไทม์แสดงถึงความเสี่ยงเชิงปฏิบัติการที่ร้ายแรง https://www.csoonline.com/article/4042449/russia-linked-european-attacks-renew-concerns-over-water-cybersecurity.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Russia-linked European attacks renew concerns over water cybersecurity
    Suspected sabotage in Norway and a foiled cyberattack in Poland highlight the growing risk to under-protected water utilities, experts warn.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • แคมโบเดีย โคล่า น้ำอัดลมชาตินิยมเศรษฐีเขมร

    กระแสความไม่พอใจของชาวกัมพูชา หลังโคคา-โคล่า กัมพูชา ลบรูปแวนด้า (Vann Da) หรือ วัณณ์ฎา มาน (Vannda Mann) นักร้องเพลงแร็ปชาวเขมร ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มโคคา-โคล่าออกจากสื่อโฆษณา แม้นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะออกมาปรามว่าโคคา-โคล่า เป็นแบรนด์จากสหรัฐฯ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ขายในกัมพูชา ผลิตโดยแรงงานชาวกัมพูชา สร้างรายได้และเงินภาษีให้กับรัฐบาล หากโคคา-โคล่าถอนตัวออกจากกัมพูชา ประเทศจะเสียหาย ถึงกระนั้น ยังมีภาคธุรกิจชาวกัมพูชาอย่างชิปมงกรุ๊ป (Chip Mong Group) สบโอกาสเปิดตัวน้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ แคมโบเดีย โคล่า (Cambodia Cola)

    แคมโบเดีย โคล่า ผลิตโดยบริษัทขแมร์เบเวอเรจ (Khmer Beverages) ในเครือชิปมงกรุ๊ป ในสโลแกน "เติมความซ่ากับรสชาติแห่งความสุข" (Fizz Up the Flavor of Joy) ปัดฝุ่นเพจเฟซบุ๊ก Vikingz ของเครื่องดื่มชูกำลังที่หยุดจำหน่ายไปแล้ว และมีผู้ติดตามเพจราว 4 หมื่นรายมาปัดฝุ่นใหม่ พร้อมเผยแพร่วิดีโอคลิปโฆษณาเชิงซีเอสอาร์ ชูความเป็นผลิตภัณฑ์เขมร ผลิตในโรงงานเขมร ของผู้ประกอบการเขมร 100% เชิญชวนมาอุดหนุนสินค้าเขมรด้วยกัน และกิจกรรมเยี่ยมครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนกัมพูชา-ไทย พร้อมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 20 ล้านเรียล และทหารที่บาดเจ็บ 2 ล้านเรียล

    อย่างไรก็ตาม แคมโบเดีย โคล่า ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการเครื่องดื่ม เพราะขแมร์เบเวอเรจ เป็นผู้ผลิตเบียร์แคมโบเดีย (Cambodia Beer) และน้ำดื่มตราแคมโบเดียวอเตอร์ (Cambodia Water) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 7 ล้านเฮกโตลิตรต่อปี โดยก่อนหน้านี้ได้ผลิตน้ำอัดลมทั้งน้ำดำและน้ำสียี่ห้อไอซ์ (IZE) เครื่องดื่มชูกำลังตราเวิร์คซ์ (WURKZ) วางจำหน่ายในปี 2560 แม้จะออกผลิตภัณฑ์ซ้ำซ้อนกันแต่เป็นไปได้ว่าเจาะกลุ่มเป้าหมายต่างกัน เน้นไปที่กระแสชาตินิยมสู้ศึกต่างชาติอย่างโคคา-โคล่าและเป๊ปซี่

    สำหรับชิปมง กรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทในประเทศกัมพูชารายใหญ่ที่สุด ก่อตั้งโดยมาดามเพี๊ยบ เฮียก (Pheap Heak) เมื่อปี 2525 เริ่มจากนำเข้าเหล็ก ก่อนจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง อสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์กระป๋อง อาหารสัตว์ ค้าปลีก ศูนย์การค้า โรงแรมหรูอย่างไฮแอท รีเจนซี่ พนมเปญ และแฟร์ฟิลด์ บาย แมริออท พนมเปญ สนามกอล์ฟแกรนด์ รอยัล กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท ธนาคารชิปมง มีบริษัทร่วมทุนกับประเทศไทย เช่น ชิปมงอินทรี ผลิตปูนซีเมนต์ในจังหวัดกำปอด ร่วมกับ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง และชิปมงฤทธา ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ร่วมกับบริษัทฤทธา

    #Newskit
    แคมโบเดีย โคล่า น้ำอัดลมชาตินิยมเศรษฐีเขมร กระแสความไม่พอใจของชาวกัมพูชา หลังโคคา-โคล่า กัมพูชา ลบรูปแวนด้า (Vann Da) หรือ วัณณ์ฎา มาน (Vannda Mann) นักร้องเพลงแร็ปชาวเขมร ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มโคคา-โคล่าออกจากสื่อโฆษณา แม้นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะออกมาปรามว่าโคคา-โคล่า เป็นแบรนด์จากสหรัฐฯ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ขายในกัมพูชา ผลิตโดยแรงงานชาวกัมพูชา สร้างรายได้และเงินภาษีให้กับรัฐบาล หากโคคา-โคล่าถอนตัวออกจากกัมพูชา ประเทศจะเสียหาย ถึงกระนั้น ยังมีภาคธุรกิจชาวกัมพูชาอย่างชิปมงกรุ๊ป (Chip Mong Group) สบโอกาสเปิดตัวน้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ แคมโบเดีย โคล่า (Cambodia Cola) แคมโบเดีย โคล่า ผลิตโดยบริษัทขแมร์เบเวอเรจ (Khmer Beverages) ในเครือชิปมงกรุ๊ป ในสโลแกน "เติมความซ่ากับรสชาติแห่งความสุข" (Fizz Up the Flavor of Joy) ปัดฝุ่นเพจเฟซบุ๊ก Vikingz ของเครื่องดื่มชูกำลังที่หยุดจำหน่ายไปแล้ว และมีผู้ติดตามเพจราว 4 หมื่นรายมาปัดฝุ่นใหม่ พร้อมเผยแพร่วิดีโอคลิปโฆษณาเชิงซีเอสอาร์ ชูความเป็นผลิตภัณฑ์เขมร ผลิตในโรงงานเขมร ของผู้ประกอบการเขมร 100% เชิญชวนมาอุดหนุนสินค้าเขมรด้วยกัน และกิจกรรมเยี่ยมครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนกัมพูชา-ไทย พร้อมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 20 ล้านเรียล และทหารที่บาดเจ็บ 2 ล้านเรียล อย่างไรก็ตาม แคมโบเดีย โคล่า ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการเครื่องดื่ม เพราะขแมร์เบเวอเรจ เป็นผู้ผลิตเบียร์แคมโบเดีย (Cambodia Beer) และน้ำดื่มตราแคมโบเดียวอเตอร์ (Cambodia Water) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 7 ล้านเฮกโตลิตรต่อปี โดยก่อนหน้านี้ได้ผลิตน้ำอัดลมทั้งน้ำดำและน้ำสียี่ห้อไอซ์ (IZE) เครื่องดื่มชูกำลังตราเวิร์คซ์ (WURKZ) วางจำหน่ายในปี 2560 แม้จะออกผลิตภัณฑ์ซ้ำซ้อนกันแต่เป็นไปได้ว่าเจาะกลุ่มเป้าหมายต่างกัน เน้นไปที่กระแสชาตินิยมสู้ศึกต่างชาติอย่างโคคา-โคล่าและเป๊ปซี่ สำหรับชิปมง กรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทในประเทศกัมพูชารายใหญ่ที่สุด ก่อตั้งโดยมาดามเพี๊ยบ เฮียก (Pheap Heak) เมื่อปี 2525 เริ่มจากนำเข้าเหล็ก ก่อนจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง อสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์กระป๋อง อาหารสัตว์ ค้าปลีก ศูนย์การค้า โรงแรมหรูอย่างไฮแอท รีเจนซี่ พนมเปญ และแฟร์ฟิลด์ บาย แมริออท พนมเปญ สนามกอล์ฟแกรนด์ รอยัล กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท ธนาคารชิปมง มีบริษัทร่วมทุนกับประเทศไทย เช่น ชิปมงอินทรี ผลิตปูนซีเมนต์ในจังหวัดกำปอด ร่วมกับ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง และชิปมงฤทธา ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ร่วมกับบริษัทฤทธา #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานการณ์ยัง 50-50 เขมรไม่มีอะไรไว้ใจได้ : [NEWS UPDATE]
    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เผยกรณีการลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว บริเวณช่องอานม้า และเกิดเหตุการณ์ทหารกัมพูชานายหนึ่งขัดขวางอ้างทางการไทยไม่แจ้งรายละเอียด เป็นลีลาของกัมพูชา ยืนยันพื้นที่นั้นอยู่ในอธิปไตยไทย ที่ผ่านมากัมพูชานำคณะลงพื้นที่ก็ไม่ได้ขออนุญาตไทย ขณะที่เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ทหารพยายามทำให้ดีที่สุด ช่วงนี้สถานการณ์ยัง 50-50 ตามภาพข่าวประเทศเขมรก็เป็นไปตามที่เราเข้าใจ ไม่มีอะไรที่เราไว้ใจได้ ซึ่งเหล่าทัพมีความพร้อม ทั้งที่จะคุยกันแบบมิตรภาพ หรือถ้ามีเหตุจะปะทะกันอีกก็พร้อม


    สำรวจร่องรอยโดนระเบิด

    กอดไทยด้วยเสียงเพลง

    ปัจจัยรุมเร้ากดความเชื่อมั่น

    โลกเผชิญคลื่นร้อนสุดขั้ว
    สถานการณ์ยัง 50-50 เขมรไม่มีอะไรไว้ใจได้ : [NEWS UPDATE] พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เผยกรณีการลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว บริเวณช่องอานม้า และเกิดเหตุการณ์ทหารกัมพูชานายหนึ่งขัดขวางอ้างทางการไทยไม่แจ้งรายละเอียด เป็นลีลาของกัมพูชา ยืนยันพื้นที่นั้นอยู่ในอธิปไตยไทย ที่ผ่านมากัมพูชานำคณะลงพื้นที่ก็ไม่ได้ขออนุญาตไทย ขณะที่เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ทหารพยายามทำให้ดีที่สุด ช่วงนี้สถานการณ์ยัง 50-50 ตามภาพข่าวประเทศเขมรก็เป็นไปตามที่เราเข้าใจ ไม่มีอะไรที่เราไว้ใจได้ ซึ่งเหล่าทัพมีความพร้อม ทั้งที่จะคุยกันแบบมิตรภาพ หรือถ้ามีเหตุจะปะทะกันอีกก็พร้อม สำรวจร่องรอยโดนระเบิด กอดไทยด้วยเสียงเพลง ปัจจัยรุมเร้ากดความเชื่อมั่น โลกเผชิญคลื่นร้อนสุดขั้ว
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ใครก็ตามทรยศลัทธิมารปีศาจซาตานเมื่อไรหรือหันหลังให้พวกมัน มันจะตามเอาคืนทุกๆรูปแบบ,คดีแตงโมเทียบคดีเสก คนละเรื่องเลย,เพราะพวกนั้นขี้ข้าสมุนซาตานของแท้.,เขาจะทำทุกๆวิถีทางจัดการเสก,และนี้คือผลงานการจัดการ,แม้วิถีชีวิตเสกจะบัดสบ แต่ผลงานเพลงก็โอเคนะ จุดยืนความรักชาติ รักกษัตริย์เสกชัดเจน,เรื่องส่วนตัวครอบครัวก็อีกเรื่อง.


    https://youtube.com/shorts/1joWzmRd_Io?si=6LpELAcStfYQU9rw
    ใครก็ตามทรยศลัทธิมารปีศาจซาตานเมื่อไรหรือหันหลังให้พวกมัน มันจะตามเอาคืนทุกๆรูปแบบ,คดีแตงโมเทียบคดีเสก คนละเรื่องเลย,เพราะพวกนั้นขี้ข้าสมุนซาตานของแท้.,เขาจะทำทุกๆวิถีทางจัดการเสก,และนี้คือผลงานการจัดการ,แม้วิถีชีวิตเสกจะบัดสบ แต่ผลงานเพลงก็โอเคนะ จุดยืนความรักชาติ รักกษัตริย์เสกชัดเจน,เรื่องส่วนตัวครอบครัวก็อีกเรื่อง. https://youtube.com/shorts/1joWzmRd_Io?si=6LpELAcStfYQU9rw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • มุสลิมในประเทศไทยยังภูมิใจที่มีพระมหากษัตริย์ให้อิสระ ต่อทุกศาสนา ทุกคนคือคนไทยเหมือนกัน ชายแดนใต้เกิดเพราะคนภายนอกที่ต้องการทรัพยากรใต้ทะเล "มุสลิมไทยจริงๆเขาไม่ต้องการแบ่งแยกหรอกคะ"แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรอันตรายไว้ใจใครไม่ได้เลย เขาแต่งเพลงให้ด้วย
    มุสลิมในประเทศไทยยังภูมิใจที่มีพระมหากษัตริย์ให้อิสระ ต่อทุกศาสนา ทุกคนคือคนไทยเหมือนกัน ชายแดนใต้เกิดเพราะคนภายนอกที่ต้องการทรัพยากรใต้ทะเล "มุสลิมไทยจริงๆเขาไม่ต้องการแบ่งแยกหรอกคะ"แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรอันตรายไว้ใจใครไม่ได้เลย เขาแต่งเพลงให้ด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ลวดหนามหีบเพลงแทงใจดำรัฐบาลภูมิธรรมหัวเสีย'กองทัพ' : ถอนหมุดข่าว 18/08/68
    ลวดหนามหีบเพลงแทงใจดำรัฐบาลภูมิธรรมหัวเสีย'กองทัพ' : ถอนหมุดข่าว 18/08/68
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เปิดเพลง คะมวยหัวเคน
    ให้ไอ้เหมนที่ประท้วงริมรั้ว
    ขะมีร์ ขะแมร์ ไอ้ขะมวย ขะเหมน ไอ้คะมวยหัวเขน ไอ้เขมรหัว...วย ชนชาติอัปรีย์จัญไร
    #7ดอกจิก
    เปิดเพลง คะมวยหัวเคน ให้ไอ้เหมนที่ประท้วงริมรั้ว ขะมีร์ ขะแมร์ ไอ้ขะมวย ขะเหมน ไอ้คะมวยหัวเขน ไอ้เขมรหัว...วย ชนชาติอัปรีย์จัญไร #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผ่นซีดี: จากนวัตกรรมแห่งยุค สู่ความทรงจำที่ยังไม่จางหาย

    เมื่อ 43 ปีก่อน—วันที่ 17 สิงหาคม 1982—โรงงาน Polygram ในเยอรมนีได้ผลิตแผ่นซีดีเชิงพาณิชย์แผ่นแรกของโลก โดยบรรจุอัลบั้ม “The Visitors” ของ ABBA ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านจากยุคแอนะล็อกสู่ยุคดิจิทัล

    เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือความร่วมมือระหว่าง Sony และ Philips ที่เริ่มต้นในปี 1979 โดยตั้งเป้าสร้างแผ่นดิจิทัลที่สามารถบรรจุเพลงได้อย่างน้อย 74 นาที—ซึ่งเท่ากับความยาวของ Beethoven’s 9th Symphony ที่เป็นที่โปรดปรานของผู้บริหาร Sony

    มาตรฐาน Red Book ถูกกำหนดในปี 1980 และกลายเป็นรากฐานของการผลิตแผ่นซีดีทั่วโลก ทั้งในด้านเสียงและข้อมูล โดยต่อมาได้ขยายไปสู่ CD-ROM, CD-R และ CD-RW สำหรับการใช้งานในคอมพิวเตอร์

    ในปี 2000 ยอดขายซีดีในสหรัฐฯ พุ่งถึงจุดสูงสุดที่กว่า 943 ล้านแผ่นต่อปี ก่อนจะลดลงอย่างรวดเร็วในยุค MP3 และการสตรีม แต่ก็ยังมีแฟนเพลงบางกลุ่มที่นิยมฟังจากแผ่นจริง เช่น Taylor Swift ที่ออกอัลบั้มล่าสุดในรูปแบบซีดีถึง 20 เวอร์ชัน

    แม้จะดู “โบราณ” ในปี 2025 แต่แผ่นซีดียังมีบทบาทในด้านการเก็บข้อมูล การฟังเพลงแบบมีคุณภาพ และการเก็บสะสม โดยมีเครื่องอ่านซีดีแบบ USB ที่ยังวางขายอยู่ในราคาประหยัด

    จุดเริ่มต้นของแผ่นซีดี
    แผ่นซีดีเชิงพาณิชย์แผ่นแรกคือ “The Visitors” ของ ABBA ผลิตเมื่อ 17 ส.ค. 1982
    Sony และ Philips ร่วมมือกันตั้งแต่ปี 1979 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้
    ขนาดแผ่น 12 ซม. ความจุ 74 นาที เพื่อรองรับ Beethoven’s 9th Symphony
    มาตรฐาน Red Book ถูกกำหนดในปี 1980 สำหรับซีดีเสียง
    แผ่นซีดีแรกในสหรัฐฯ คือ “Born in the U.S.A.” ของ Bruce Springsteen ปี 1984

    การพัฒนาและการใช้งาน
    ปี 1985 มีมาตรฐาน Yellow Book สำหรับซีดีข้อมูล (CD-ROM)
    ปี 1988 มีมาตรฐาน ISO 9660 สำหรับโครงสร้างไฟล์ในแผ่น
    ปี 1992 เริ่มมีเครื่องเขียนซีดี (CD burner) สำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    ซีดีใช้เลเซอร์ 780 nm ในการอ่านและเขียนข้อมูล
    ความจุทั่วไป 650–700 MB หรือ 74–80 นาทีเสียง
    มีการพัฒนา Mini CD สำหรับซิงเกิลและไดรเวอร์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/the-first-commercial-compact-disc-was-created-43-years-ago-today-nearly-one-billion-cds-were-shipped-per-year-in-early-2000s
    📼 แผ่นซีดี: จากนวัตกรรมแห่งยุค สู่ความทรงจำที่ยังไม่จางหาย เมื่อ 43 ปีก่อน—วันที่ 17 สิงหาคม 1982—โรงงาน Polygram ในเยอรมนีได้ผลิตแผ่นซีดีเชิงพาณิชย์แผ่นแรกของโลก โดยบรรจุอัลบั้ม “The Visitors” ของ ABBA ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านจากยุคแอนะล็อกสู่ยุคดิจิทัล เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือความร่วมมือระหว่าง Sony และ Philips ที่เริ่มต้นในปี 1979 โดยตั้งเป้าสร้างแผ่นดิจิทัลที่สามารถบรรจุเพลงได้อย่างน้อย 74 นาที—ซึ่งเท่ากับความยาวของ Beethoven’s 9th Symphony ที่เป็นที่โปรดปรานของผู้บริหาร Sony มาตรฐาน Red Book ถูกกำหนดในปี 1980 และกลายเป็นรากฐานของการผลิตแผ่นซีดีทั่วโลก ทั้งในด้านเสียงและข้อมูล โดยต่อมาได้ขยายไปสู่ CD-ROM, CD-R และ CD-RW สำหรับการใช้งานในคอมพิวเตอร์ ในปี 2000 ยอดขายซีดีในสหรัฐฯ พุ่งถึงจุดสูงสุดที่กว่า 943 ล้านแผ่นต่อปี ก่อนจะลดลงอย่างรวดเร็วในยุค MP3 และการสตรีม แต่ก็ยังมีแฟนเพลงบางกลุ่มที่นิยมฟังจากแผ่นจริง เช่น Taylor Swift ที่ออกอัลบั้มล่าสุดในรูปแบบซีดีถึง 20 เวอร์ชัน แม้จะดู “โบราณ” ในปี 2025 แต่แผ่นซีดียังมีบทบาทในด้านการเก็บข้อมูล การฟังเพลงแบบมีคุณภาพ และการเก็บสะสม โดยมีเครื่องอ่านซีดีแบบ USB ที่ยังวางขายอยู่ในราคาประหยัด ✅ จุดเริ่มต้นของแผ่นซีดี ➡️ แผ่นซีดีเชิงพาณิชย์แผ่นแรกคือ “The Visitors” ของ ABBA ผลิตเมื่อ 17 ส.ค. 1982 ➡️ Sony และ Philips ร่วมมือกันตั้งแต่ปี 1979 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ➡️ ขนาดแผ่น 12 ซม. ความจุ 74 นาที เพื่อรองรับ Beethoven’s 9th Symphony ➡️ มาตรฐาน Red Book ถูกกำหนดในปี 1980 สำหรับซีดีเสียง ➡️ แผ่นซีดีแรกในสหรัฐฯ คือ “Born in the U.S.A.” ของ Bruce Springsteen ปี 1984 ✅ การพัฒนาและการใช้งาน ➡️ ปี 1985 มีมาตรฐาน Yellow Book สำหรับซีดีข้อมูล (CD-ROM) ➡️ ปี 1988 มีมาตรฐาน ISO 9660 สำหรับโครงสร้างไฟล์ในแผ่น ➡️ ปี 1992 เริ่มมีเครื่องเขียนซีดี (CD burner) สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ➡️ ซีดีใช้เลเซอร์ 780 nm ในการอ่านและเขียนข้อมูล ➡️ ความจุทั่วไป 650–700 MB หรือ 74–80 นาทีเสียง ➡️ มีการพัฒนา Mini CD สำหรับซิงเกิลและไดรเวอร์ https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/the-first-commercial-compact-disc-was-created-43-years-ago-today-nearly-one-billion-cds-were-shipped-per-year-in-early-2000s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม เมื่อปี พ.ศ. 2526 กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ น้ำท่วมสูงจนชีวิตประจำวันหยุดชะงัก โรงเรียนต้องปิดเพราะถนนหลายสายอย่างรามคำแหงและสุขุมวิทกลายเป็นคลองชั่วคราว เรือพายวิ่งพล่านแทนรถยนต์ที่จมน้ำ บ้านของผมในย่านชานเมืองก็ไม่รอด น้ำทะลักเข้ามาจนบ่ายวันนั้นไฟฟ้าดับสนิท ทิ้งให้ผมเด็กน้อยนั่งเหงาไม่มีอะไรทำ ท่ามกลางเสียงฝนเทกระหน่ำและความเบื่อหน่ายที่แผ่ซ่าน ผมเลยแอบหยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เก่าของพ่อมาลองเปิดฟัง เพื่อคลายความเซ็งในบ่ายวันนั้น แล้วเสียงเพลงบัลลาดเศร้าสร้อยก็ดังขึ้น

    "What have I got to do to make you love me? ...
    Sorry seems to be the hardest word"

    มันคือเพลง "Sorry Seems To Be The Hardest Word" ของ Elton John ที่ผมได้ยินครั้งแรก และมันฝังใจผมตั้งแต่นั้นมา เพลงนี้ไม่เพียงสะท้อนความสิ้นหวังจากน้ำท่วมที่ทำให้ทุกอย่าง "จบสิ้น" แต่ยังสอนให้ผมเข้าใจว่าคำว่า "ขอโทษ" นั้นพูดยากเพียงใด แม้ในสถานการณ์ที่ดูเรียบง่ายที่สุด

    อุทกภัยปีนั้นกินเวลายาวนานตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน สาเหตุจากพายุดีเปรสชันสองลูก เฮอร์เบิร์ตและคิม ที่ทำให้ฝนตกหนัก น้ำทะเลหนุนสูง และน้ำเหนือไหลบ่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าปกติถึง 2 เมตร ส่งผลให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลจมน้ำ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างรามคำแหงต้องเลื่อนสอบและเปิดเทอม การคมนาคมหยุดชะงัก ผู้คนต้องใช้เรือแทนรถ และรัฐบาลจัดรายการทีวีพิเศษขอรับบริจาคช่วยเหลือ สำหรับผม เพลงนี้กลายเป็น "เพื่อนคลายเหงา" ในบ่ายไฟดับ มันทำให้ผมสงสัยว่าทำไมคำง่ายๆ อย่าง "ขอโทษ" ถึงพูดยากนัก เหมือนกับน้ำท่วมที่ไม่อาจควบคุมได้

    เพลงนี้เกิดขึ้นในปี 1975 ที่ลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่แตกต่างจากปกติของ Elton John และ Bernie Taupin คู่หูนักแต่งเพลง โดยปกติ Taupin จะเขียนเนื้อก่อน แล้ว John จึงประพันธ์ทำนอง แต่ครั้งนี้ John นั่งเล่นเปียโนแล้วทำนองเศร้าสร้อยผุดขึ้นมาก่อน พร้อมวลี

    "What have I got to do to make you love me?"

    Taupin ได้ยินแล้วเติมคำว่า

    "Sorry seems to be the hardest word"

    เข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ และเขียนเนื้อที่เหลือเสร็จในไม่กี่นาที มันสะท้อนความเจ็บปวดของความสัมพันธ์ที่กำลังล่มสลาย ซึ่งอารมณ์ลึกซึ้งเกินกว่าถ่ายทอดเป็นคำพูดได้ทันที

    เมื่อปล่อยในปี 1976 เป็นซิงเกิลจากอัลบั้ม Blue Moves ซึ่งได้รับคำวิจารณ์หลากหลายเพราะเนื้อหาเศร้าและยาวเกินไป แต่ตัวเพลงกลับประสบความสำเร็จอย่างมาก ขึ้นอันดับ 6 ใน Billboard Hot 100 ของสหรัฐฯ อันดับ 1 ในชาร์ต Adult Contemporary ของสหรัฐฯ และแคนาดา อันดับ 3 ในแคนาดาและไอร์แลนด์ อันดับ 11 ในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย และได้รับการรับรอง Gold ในสหรัฐฯ (ยอดขายกว่า 1 ล้านชุด) และแคนาดา (75,000 ชุด) นักวิจารณ์จาก Billboard ชมว่าเสียงร้องของ John "จริงใจและน่าเชื่อถือจนเกือบเจ็บปวด" ขณะที่ Cash Box เรียกมันว่า "เพลงรักอ่อนโยนเกี่ยวกับการเลิกรา"

    เพลงนี้ไม่เคยจางหายจากวัฒนธรรมสมัยนิยม มันถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Slap Shot (1977) ในฉากเศร้าโศก Rush Hour 3 (2007) และ Gnomeo & Juliet (2011) เพื่อตอกย้ำธีมความขัดแย้งและการแยกจาก นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชันคัฟเวอร์มากกว่า 50 เวอร์ชัน จากศิลปินหลากแนวอย่าง Ray Charles (แจ๊ส), Mary J. Blige (โซล), และ Joe Cocker

    การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อวงบอยแบนด์ Blue คัฟเวอร์เพลงนี้และเชิญ John มาร่วมร้อง ทำให้ขึ้นอันดับ 1 ใน UK Singles Chart (เพลงอันดับ 1 ลำดับที่ 3 ของ Blue และที่ 5 ของ John) อันดับ 1 ในฮังการีและเนเธอร์แลนด์ และท็อป 10 ในอีก 16 ประเทศ ได้รับ Gold ในหลายแห่งอย่างสหราชอาณาจักร (400,000 ชุด) และฝรั่งเศส (250,000 ชุด)

    แก่นแท้ของเพลงอยู่ที่จิตวิทยาของการขอโทษ ซึ่ง Taupin อธิบายว่าเป็นความพยายามช่วยชีวิตความสัมพันธ์ที่ตายไปแล้ว คำถามอย่าง "What do I say when it's all over?" แสดงความสิ้นหวังที่เป็นสากล ทำให้เพลงนี้ทรงพลังข้ามกาลเวลา

    สำหรับผม เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นเครื่องเตือนใจจากบ่ายน้ำท่วมปี 2526 ว่าความเจ็บปวดและการยอมรับจุดจบนั้นยากเพียงใด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ที่ทำให้เราเติบโต มรดกของมันยังคงอยู่ เพราะศิลปะที่ซื่อสัตย์ต่ออารมณ์จะเชื่อมโยงผู้คนเสมอ

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/c3nScN89Klo?
    ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม เมื่อปี พ.ศ. 2526 🌧️ กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ น้ำท่วมสูงจนชีวิตประจำวันหยุดชะงัก โรงเรียนต้องปิดเพราะถนนหลายสายอย่างรามคำแหงและสุขุมวิทกลายเป็นคลองชั่วคราว เรือพายวิ่งพล่านแทนรถยนต์ที่จมน้ำ บ้านของผมในย่านชานเมืองก็ไม่รอด น้ำทะลักเข้ามาจนบ่ายวันนั้นไฟฟ้าดับสนิท ทิ้งให้ผมเด็กน้อยนั่งเหงาไม่มีอะไรทำ ท่ามกลางเสียงฝนเทกระหน่ำและความเบื่อหน่ายที่แผ่ซ่าน ผมเลยแอบหยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เก่าของพ่อมาลองเปิดฟัง เพื่อคลายความเซ็งในบ่ายวันนั้น แล้วเสียงเพลงบัลลาดเศร้าสร้อยก็ดังขึ้น 🎤 "What have I got to do to make you love me? ... Sorry seems to be the hardest word" 🎶 มันคือเพลง "Sorry Seems To Be The Hardest Word" ของ Elton John ที่ผมได้ยินครั้งแรก และมันฝังใจผมตั้งแต่นั้นมา เพลงนี้ไม่เพียงสะท้อนความสิ้นหวังจากน้ำท่วมที่ทำให้ทุกอย่าง "จบสิ้น" แต่ยังสอนให้ผมเข้าใจว่าคำว่า "ขอโทษ" นั้นพูดยากเพียงใด แม้ในสถานการณ์ที่ดูเรียบง่ายที่สุด อุทกภัยปีนั้นกินเวลายาวนานตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน สาเหตุจากพายุดีเปรสชันสองลูก เฮอร์เบิร์ตและคิม ที่ทำให้ฝนตกหนัก น้ำทะเลหนุนสูง และน้ำเหนือไหลบ่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าปกติถึง 2 เมตร ส่งผลให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลจมน้ำ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างรามคำแหงต้องเลื่อนสอบและเปิดเทอม การคมนาคมหยุดชะงัก ผู้คนต้องใช้เรือแทนรถ และรัฐบาลจัดรายการทีวีพิเศษขอรับบริจาคช่วยเหลือ สำหรับผม เพลงนี้กลายเป็น "เพื่อนคลายเหงา" ในบ่ายไฟดับ มันทำให้ผมสงสัยว่าทำไมคำง่ายๆ อย่าง "ขอโทษ" ถึงพูดยากนัก เหมือนกับน้ำท่วมที่ไม่อาจควบคุมได้ เพลงนี้เกิดขึ้นในปี 1975 ที่ลอสแอนเจลิส 🎹 ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่แตกต่างจากปกติของ Elton John และ Bernie Taupin คู่หูนักแต่งเพลง โดยปกติ Taupin จะเขียนเนื้อก่อน แล้ว John จึงประพันธ์ทำนอง แต่ครั้งนี้ John นั่งเล่นเปียโนแล้วทำนองเศร้าสร้อยผุดขึ้นมาก่อน พร้อมวลี 🔖 "What have I got to do to make you love me?" Taupin ได้ยินแล้วเติมคำว่า 🔖 "Sorry seems to be the hardest word" เข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ และเขียนเนื้อที่เหลือเสร็จในไม่กี่นาที มันสะท้อนความเจ็บปวดของความสัมพันธ์ที่กำลังล่มสลาย ซึ่งอารมณ์ลึกซึ้งเกินกว่าถ่ายทอดเป็นคำพูดได้ทันที เมื่อปล่อยในปี 1976 เป็นซิงเกิลจากอัลบั้ม Blue Moves 📀 ซึ่งได้รับคำวิจารณ์หลากหลายเพราะเนื้อหาเศร้าและยาวเกินไป แต่ตัวเพลงกลับประสบความสำเร็จอย่างมาก ขึ้นอันดับ 6 ใน Billboard Hot 100 ของสหรัฐฯ อันดับ 1 ในชาร์ต Adult Contemporary ของสหรัฐฯ และแคนาดา อันดับ 3 ในแคนาดาและไอร์แลนด์ อันดับ 11 ในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย และได้รับการรับรอง Gold ในสหรัฐฯ (ยอดขายกว่า 1 ล้านชุด) และแคนาดา (75,000 ชุด) 📈 นักวิจารณ์จาก Billboard ชมว่าเสียงร้องของ John "จริงใจและน่าเชื่อถือจนเกือบเจ็บปวด" ขณะที่ Cash Box เรียกมันว่า "เพลงรักอ่อนโยนเกี่ยวกับการเลิกรา" เพลงนี้ไม่เคยจางหายจากวัฒนธรรมสมัยนิยม มันถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Slap Shot (1977) ในฉากเศร้าโศก Rush Hour 3 (2007) และ Gnomeo & Juliet (2011) เพื่อตอกย้ำธีมความขัดแย้งและการแยกจาก 🎥 นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชันคัฟเวอร์มากกว่า 50 เวอร์ชัน จากศิลปินหลากแนวอย่าง Ray Charles (แจ๊ส), Mary J. Blige (โซล), และ Joe Cocker การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อวงบอยแบนด์ Blue คัฟเวอร์เพลงนี้และเชิญ John มาร่วมร้อง ทำให้ขึ้นอันดับ 1 ใน UK Singles Chart (เพลงอันดับ 1 ลำดับที่ 3 ของ Blue และที่ 5 ของ John) อันดับ 1 ในฮังการีและเนเธอร์แลนด์ และท็อป 10 ในอีก 16 ประเทศ ได้รับ Gold ในหลายแห่งอย่างสหราชอาณาจักร (400,000 ชุด) และฝรั่งเศส (250,000 ชุด) 🌟 แก่นแท้ของเพลงอยู่ที่จิตวิทยาของการขอโทษ ซึ่ง Taupin อธิบายว่าเป็นความพยายามช่วยชีวิตความสัมพันธ์ที่ตายไปแล้ว คำถามอย่าง "What do I say when it's all over?" แสดงความสิ้นหวังที่เป็นสากล ทำให้เพลงนี้ทรงพลังข้ามกาลเวลา 💔 สำหรับผม เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นเครื่องเตือนใจจากบ่ายน้ำท่วมปี 2526 ว่าความเจ็บปวดและการยอมรับจุดจบนั้นยากเพียงใด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ที่ทำให้เราเติบโต มรดกของมันยังคงอยู่ เพราะศิลปะที่ซื่อสัตย์ต่ออารมณ์จะเชื่อมโยงผู้คนเสมอ #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/c3nScN89Klo?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 1 : อำนาจทำให้คนมีเสน่ห์ ! ? !
    “Control Oil and you control nations;
control food and you control the people”
    “ควบคุมน้ำมันได้ คุณก็ควบคุมชาติต่าง ๆ ได้
ควบคุมอาหารได้ คุณก็ควบคุมประชาชนได้”
    เป็นคำพูดของนาย Henry Kissinger เมื่อช่วง ค.ศ. 1970 พูดมาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนทิศทางการเมืองระหว่างประเทศจะเป็นไปตามที่นาย Kissinger พูด
    เรื่องบังเอิญหรือล็อกเป้า!
    งั้นมาทำความรู้จักนาย Kissinger กันหน่อย จะได้รู้ว่าเป็นคนขี้โม้ หมอดู หรือคนในรู้จริง
    นาย Kissinger มีชื่อเต็มว่า Henry Alfred Kissinger ตอนเกิดใช้ชื่อว่า Heinz Alfred Kissinger เป็นคนเยอรมัน อเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1923 ตอนนี้ก็อายุปาเข้าไป 90 ปี นอกจากยังไม่ตายและยังปากเปราะเหมือนเดิม นาย Kissinger เป็นคนตัวเตี้ย และห่างไกลกับคำว่าเป็นคนหน้าตาดี เขาแต่งงานแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 แต่งกับนาง Nancy ผู้หญิงซึ่งตัวสูงกว่าเขาประมาณเกือบ 1 ฟุต เมื่อสมัยที่นาย Kissinger เรืองอำนาจ นาง Nancy เองซึ่งก็ไม่ใช่คนสวยอะไร จะมีรูปปรากฎอยู่ในนิตยสาร Vogue นานาชาติอยู่เสมอ นิตยสารนี้ นอกจากจะมีแต่รูปนางแบบระดับโลกแล้ว ผู้ที่จะได้มีภาพลงในหนังสือนี้ ก็จะต้องเป็นบุคคลที่สมัยนี้เรียกว่า Celeb คนดังว่างั้นเถอะ ตัวผัวก็ไม่หล่อ คนเป็นเมียก็ไม่สวย แต่ทั้งคู่ดังระเบิด แถมตัวผัวยังมีข่าวเสมอทางด้านส่วนตัวว่าเป็นชายเจ้าชู้ ไม่เร่ขายชาติ แต่ชอบทำลายชาติคนอื่นมากกว่า !
    เมื่อนักข่าวถามว่า ได้ข่าวว่าท่านเจ้าชู้ มีสาวควงเปลี่ยนหน้าบ่อยๆ ท่านทำได้อย่างไรนะ ในเมื่อ ขอโทษ ท่านก็ไม่ใช่คนหล่อ นาย Kissinger ตอบว่า “อำนาจก็ทำให้คนมีเสน่ห์ได้นะ” ฮา
    นาย Kissinger มีอำนาจอย่างไร ถึงทำให้สาวๆ ยอมให้ควงบ่อยๆ แต่จะถึงขนาดจัดส่งขึ้นเครื่องบินไปร่วมร้องเพลงแก้เหงา หรือเปล่ารายงานข่าวไม่ได้บอก
    นาย Kissinger เริ่มทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศ และต่อมาดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงต่างประเทศ ในสมัยประธานาธิบดี Richard Nixon และเป็นต่อมาจนถึงสมัยประธานาธิบดี Gerald Ford พูดง่ายๆ เป็นคนสำคัญ ในการกำหนดทิศทางการเมืองของอเมริกาและแน่นอนของโลกด้วยในช่วงปี ค.ศ.1969 ถึง ค.ศ.1977
    ผลงานของนาย Kissinger ที่เด่นๆ ที่ประกาศอย่างเปิดเผยลงใน Google คือ การคลี่คลาย (detente) สงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต การเริ่มสร้างสัมพันธ์กับจีน และเริ่มขบวนการเจรจาสันติภาพที่ปารีส ซึ่งเป็นผลให้ยุติสงครามเวียตนาม (ที่อเมริกาเป็นผู้ริเริ่มนั่นแหละ !) ผลงานนี้ ทำให้เขาได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพในปี ค.ศ.1973 คู่กับคู่กัด คือ นาย Le Duc Tho จากเวียตนามเหนือ แต่นาย Le Duc Tho ปฏิเสธที่จะรับรางวัล เขาเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ปฏิเสธรางวัล Nobel (เยี่ยม !)
    เป็นการให้รางวัล Nobel สาขาสันติภาพ ที่ติดอันดับ 1 ใน 5 แห่งความอื้อฉาว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากสัญญาสันติภาพของจริงกว่าจะได้ลงนาม ในปี ค.ศ. 1975 แต่ผู้เจรจาได้รับรางวัลล่วงหน้า เหมือนล็อตเตอรี่ยังไม่ออก แต่ประกาศแล้วว่าใครถูกรางวัลที่ 1 (เอ้า ตบมือให้ลูกน้องนักเล่นกลกันหน่อย)
    แต่ผลงานของนาย Kissinger ที่ไม่ได้เปิดเผย แต่อยากเล่าให้ฟังคือ “National Security Study Memorandum 200” หรือที่เรียกชื่อย่อว่า NSSM 200 ซึ่งได้จัดทำขึ้น ภายใต้การกำกับและอำนวยการสร้างโดยนาย Kissinger เอง สำเร็จเป็นเอกสารหนาเกือบ 200 หน้า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1974
    เอกสารนี้เกี่ยวกับอะไรลึกลับซับซ้อนอะไรหนักหนา ถึงขนาดตีตราครั่งว่าจะเปิดเผยได้ โดยคำสั่งของ White House เท่านั้น เก็บแอบซ่อนไว้ 15 ปี สภาความมั่นคงของอเมริกาก็เพิ่งเอามาเปิดให้อ่านกัน เมื่อ ปี ค.ศ. 1989

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ” ตอนที่ 1 : อำนาจทำให้คนมีเสน่ห์ ! ? ! “Control Oil and you control nations;
control food and you control the people” “ควบคุมน้ำมันได้ คุณก็ควบคุมชาติต่าง ๆ ได้
ควบคุมอาหารได้ คุณก็ควบคุมประชาชนได้” เป็นคำพูดของนาย Henry Kissinger เมื่อช่วง ค.ศ. 1970 พูดมาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนทิศทางการเมืองระหว่างประเทศจะเป็นไปตามที่นาย Kissinger พูด เรื่องบังเอิญหรือล็อกเป้า! งั้นมาทำความรู้จักนาย Kissinger กันหน่อย จะได้รู้ว่าเป็นคนขี้โม้ หมอดู หรือคนในรู้จริง นาย Kissinger มีชื่อเต็มว่า Henry Alfred Kissinger ตอนเกิดใช้ชื่อว่า Heinz Alfred Kissinger เป็นคนเยอรมัน อเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1923 ตอนนี้ก็อายุปาเข้าไป 90 ปี นอกจากยังไม่ตายและยังปากเปราะเหมือนเดิม นาย Kissinger เป็นคนตัวเตี้ย และห่างไกลกับคำว่าเป็นคนหน้าตาดี เขาแต่งงานแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 แต่งกับนาง Nancy ผู้หญิงซึ่งตัวสูงกว่าเขาประมาณเกือบ 1 ฟุต เมื่อสมัยที่นาย Kissinger เรืองอำนาจ นาง Nancy เองซึ่งก็ไม่ใช่คนสวยอะไร จะมีรูปปรากฎอยู่ในนิตยสาร Vogue นานาชาติอยู่เสมอ นิตยสารนี้ นอกจากจะมีแต่รูปนางแบบระดับโลกแล้ว ผู้ที่จะได้มีภาพลงในหนังสือนี้ ก็จะต้องเป็นบุคคลที่สมัยนี้เรียกว่า Celeb คนดังว่างั้นเถอะ ตัวผัวก็ไม่หล่อ คนเป็นเมียก็ไม่สวย แต่ทั้งคู่ดังระเบิด แถมตัวผัวยังมีข่าวเสมอทางด้านส่วนตัวว่าเป็นชายเจ้าชู้ ไม่เร่ขายชาติ แต่ชอบทำลายชาติคนอื่นมากกว่า ! เมื่อนักข่าวถามว่า ได้ข่าวว่าท่านเจ้าชู้ มีสาวควงเปลี่ยนหน้าบ่อยๆ ท่านทำได้อย่างไรนะ ในเมื่อ ขอโทษ ท่านก็ไม่ใช่คนหล่อ นาย Kissinger ตอบว่า “อำนาจก็ทำให้คนมีเสน่ห์ได้นะ” ฮา นาย Kissinger มีอำนาจอย่างไร ถึงทำให้สาวๆ ยอมให้ควงบ่อยๆ แต่จะถึงขนาดจัดส่งขึ้นเครื่องบินไปร่วมร้องเพลงแก้เหงา หรือเปล่ารายงานข่าวไม่ได้บอก นาย Kissinger เริ่มทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศ และต่อมาดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงต่างประเทศ ในสมัยประธานาธิบดี Richard Nixon และเป็นต่อมาจนถึงสมัยประธานาธิบดี Gerald Ford พูดง่ายๆ เป็นคนสำคัญ ในการกำหนดทิศทางการเมืองของอเมริกาและแน่นอนของโลกด้วยในช่วงปี ค.ศ.1969 ถึง ค.ศ.1977 ผลงานของนาย Kissinger ที่เด่นๆ ที่ประกาศอย่างเปิดเผยลงใน Google คือ การคลี่คลาย (detente) สงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต การเริ่มสร้างสัมพันธ์กับจีน และเริ่มขบวนการเจรจาสันติภาพที่ปารีส ซึ่งเป็นผลให้ยุติสงครามเวียตนาม (ที่อเมริกาเป็นผู้ริเริ่มนั่นแหละ !) ผลงานนี้ ทำให้เขาได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพในปี ค.ศ.1973 คู่กับคู่กัด คือ นาย Le Duc Tho จากเวียตนามเหนือ แต่นาย Le Duc Tho ปฏิเสธที่จะรับรางวัล เขาเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ปฏิเสธรางวัล Nobel (เยี่ยม !) เป็นการให้รางวัล Nobel สาขาสันติภาพ ที่ติดอันดับ 1 ใน 5 แห่งความอื้อฉาว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากสัญญาสันติภาพของจริงกว่าจะได้ลงนาม ในปี ค.ศ. 1975 แต่ผู้เจรจาได้รับรางวัลล่วงหน้า เหมือนล็อตเตอรี่ยังไม่ออก แต่ประกาศแล้วว่าใครถูกรางวัลที่ 1 (เอ้า ตบมือให้ลูกน้องนักเล่นกลกันหน่อย) แต่ผลงานของนาย Kissinger ที่ไม่ได้เปิดเผย แต่อยากเล่าให้ฟังคือ “National Security Study Memorandum 200” หรือที่เรียกชื่อย่อว่า NSSM 200 ซึ่งได้จัดทำขึ้น ภายใต้การกำกับและอำนวยการสร้างโดยนาย Kissinger เอง สำเร็จเป็นเอกสารหนาเกือบ 200 หน้า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1974 เอกสารนี้เกี่ยวกับอะไรลึกลับซับซ้อนอะไรหนักหนา ถึงขนาดตีตราครั่งว่าจะเปิดเผยได้ โดยคำสั่งของ White House เท่านั้น เก็บแอบซ่อนไว้ 15 ปี สภาความมั่นคงของอเมริกาก็เพิ่งเอามาเปิดให้อ่านกัน เมื่อ ปี ค.ศ. 1989 คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • .... "บางคลิปยอมรับมันลงล่าช้าเหตุการณ์มันดำเนินเรื่องไปไกลมากแล้ว ก็แค่อยากบันทึกไว้เผื่อย้อนกลับมาดูภายหลังเมื่อวันเวลาผ่านไปแล้วแค่นั้น..วันนี้กองทัพได้เรียกกองหนุนแล้ว ตระกูลฮุน&...ใกล้ถึงจุดอวสานแล้วคือคนในชาติมันไม่ไหวแล้วแต่ก็เชื่อว่ากองทัพต้องมีแผนไว้แล้วและหวังว่าเราจะไม่ต้องสูญเสียใครอีกต่อไปแล้ว"เสียพลทหารรัฐภูมิไปเมื่อวานก็เสียใจมากแล้ว เพียงเพราะปากเสียของคนสองคนที่รื่นเริงไม่รู้กาละเทสะ"พูดจาเหยียดหยามไม่ให้เกียรติ"ว่ามีทหารไว้ทำไม รบก็ไม่ชนะเขมร เดินก็เหยียบระเบิดขาขาด "ปากไหมคนดีใครนะพูดวันนั้นได้ดูข่าวสัมภาษณ์อยู่นะว่าสองคนนี้เป็นคนดีๆกินเหล้าบ่ายยันดึกเที่ยงคืนยังเปิดเพลงเสียงดัง "ทหารเขาลาดตระเวนต้องคอยระวังข้าศึกไหนจะโดรนบินให้ว่อนไปหมด มันมีอันตรายอยู่ทั่วยังมีกะใจกินเหล้าฟังเพลง#น้องพลทหารรัฐภูมิเขาไม่ผิดแบกรับความปลอดภัยของประชาชนและตัวเอง "ยังมาโดนดูถูกเหยียดหยามแบบนี้เป็นใครๆก็โกรธว่ะ"น้องเขารับผิดชอบความผิดด้วยชีวิตเขาเลยเขาไม่ควรต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ "ประชาชนพวกคุณรู้กันบ้างไหมว่าแนวหน้าเขาลำบากกันแค่ไหนเห็นเพื่อนๆต้องตายต่อหน้าต่อตาบางคนแขนขาอวัยยวะได้มาไม่ครบด้วย เหนื่อยหนักหนาสาหัสแค่ไหนใครรู้บ้างทุกๆวินาทีคือชีวิต รัฐบาลสั่งให้หยุดยิงทั้งๆที่กัมพูชามันไม่เคยหยุดยิงยั่วยุทุกทางแอบลักลอบมาวางระเบิดอีก ละเมิดทุกข้อตกลง หยุดยิงก็ไม่หยุด โดรนบินบนหัวทหาร ไม่มีคำสั่งให้ทำอะไรก็ต้องอดทนอดกลั้น เขาแค่ไปเตือนให้เข้านอนได้แล้วสถานการณ์ไม่ปกติไม่รู้เขมรจะโจมตีตอนไหนกับพบคำพูดที่ฟาดฟันหัวใจอีก สงสารน้องรัฐภูมิจริงๆสื่อมวลชนให้ความเป็นธรรมกับทหารบ้างคนตายพูดแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ เขาเสียสละผลตอบแทนคือแบบนี้หรือขวัญกำลังใจของทหารจะอยู่ตรงไหนกันล่ะหลับให้สบายนะลูกไม่ต้องแบกรับความทุกข์เสียงปากพล่อยๆอีกต่อไปแล้ว #ขอความเป็นธรรมให้ครอบครัวน้องทหารด้วย🙏🏿
    .... "บางคลิปยอมรับมันลงล่าช้าเหตุการณ์มันดำเนินเรื่องไปไกลมากแล้ว ก็แค่อยากบันทึกไว้เผื่อย้อนกลับมาดูภายหลังเมื่อวันเวลาผ่านไปแล้วแค่นั้น..วันนี้กองทัพได้เรียกกองหนุนแล้ว ตระกูลฮุน&...ใกล้ถึงจุดอวสานแล้วคือคนในชาติมันไม่ไหวแล้วแต่ก็เชื่อว่ากองทัพต้องมีแผนไว้แล้วและหวังว่าเราจะไม่ต้องสูญเสียใครอีกต่อไปแล้ว"เสียพลทหารรัฐภูมิไปเมื่อวานก็เสียใจมากแล้ว เพียงเพราะปากเสียของคนสองคนที่รื่นเริงไม่รู้กาละเทสะ"พูดจาเหยียดหยามไม่ให้เกียรติ"ว่ามีทหารไว้ทำไม รบก็ไม่ชนะเขมร เดินก็เหยียบระเบิดขาขาด "ปาก🐕ไหมคนดีใครนะพูดวันนั้นได้ดูข่าวสัมภาษณ์อยู่นะว่าสองคนนี้เป็นคนดีๆกินเหล้าบ่ายยันดึกเที่ยงคืนยังเปิดเพลงเสียงดัง "ทหารเขาลาดตระเวนต้องคอยระวังข้าศึกไหนจะโดรนบินให้ว่อนไปหมด มันมีอันตรายอยู่ทั่วยังมีกะใจกินเหล้าฟังเพลง#น้องพลทหารรัฐภูมิเขาไม่ผิดแบกรับความปลอดภัยของประชาชนและตัวเอง "ยังมาโดนดูถูกเหยียดหยามแบบนี้เป็นใครๆก็โกรธว่ะ"😔น้องเขารับผิดชอบความผิดด้วยชีวิตเขาเลยเขาไม่ควรต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ "ประชาชนพวกคุณรู้กันบ้างไหมว่าแนวหน้าเขาลำบากกันแค่ไหนเห็นเพื่อนๆต้องตายต่อหน้าต่อตาบางคนแขนขาอวัยยวะได้มาไม่ครบด้วย เหนื่อยหนักหนาสาหัสแค่ไหนใครรู้บ้างทุกๆวินาทีคือชีวิต รัฐบาลสั่งให้หยุดยิงทั้งๆที่กัมพูชามันไม่เคยหยุดยิงยั่วยุทุกทางแอบลักลอบมาวางระเบิดอีก ละเมิดทุกข้อตกลง หยุดยิงก็ไม่หยุด โดรนบินบนหัวทหาร ไม่มีคำสั่งให้ทำอะไรก็ต้องอดทนอดกลั้น เขาแค่ไปเตือนให้เข้านอนได้แล้วสถานการณ์ไม่ปกติไม่รู้เขมรจะโจมตีตอนไหนกับพบคำพูดที่ฟาดฟันหัวใจอีก สงสารน้องรัฐภูมิจริงๆสื่อมวลชนให้ความเป็นธรรมกับทหารบ้างคนตายพูดแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ เขาเสียสละผลตอบแทนคือแบบนี้หรือขวัญกำลังใจของทหารจะอยู่ตรงไหนกันล่ะหลับให้สบายนะลูกไม่ต้องแบกรับความทุกข์เสียงปากพล่อยๆอีกต่อไปแล้ว #ขอความเป็นธรรมให้ครอบครัวน้องทหารด้วย😔🙏🏿🔊🇹🇭💂‍♂️
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสื้อปุ๋ย เทรนด์ฮิตจากทุ่งนา

    เสื้อแขนยาวทั้งคอกลมและคอปก กลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่คนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตชนบทแบบเกษตรกร เมื่อวันก่อนเฟซบุ๊ก ปุ๋ยตราม้าบิน โพสต์ภาพระบุว่า "ใส่เสื้อหลักล้าน? เสื้อปุ๋ยธรรมดาที่ได้มากกว่าล้าน" กลายเป็นที่พูดถึงแก่ชาวเน็ต ถึงขนาด จ๋าย ไททศมิตร หรือ อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ศิลปินเพลงป๊อปอินดี้เพื่อชีวิต คอมเมนต์ในเพจว่า "คิวว่าง พรีเซนเตอร์เข้าได้ครับ" และยังมีชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งเชียร์ให้จำหน่ายเสื้อ เพราะไม่ได้ซื้อปุ๋ยแต่อยากเท่กับเขาบ้าง แต่เนื่องจากเสื้อปุ๋ยม้าบินจะไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แอดมินจึงแนะนำให้ติดตามข่าวสารและกิจกรรมจากเพจไปก่อน

    ขณะที่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เริ่มมีผู้ขายโพสต์ขายเสื้อปุ๋ยบ้างแล้ว แต่ไม่พบว่าเป็นเสื้อลิขสิทธิ์แท้หรือของลอกเลียนแบบ เพราะโดยปกติแล้วเสื้อขายปุ๋ย ผู้จัดจำหน่ายจะแจกจ่ายให้ร้านค้าทางการเกษตร เพื่อนำไปสมนาคุณแก่ลูกค้าที่ซื้อปุ๋ยตามเงื่อนไข ซึ่งแต่ละครั้งเกษตรกรจะซื้อเป็นกระสอบ ยิ่งมีจำนวนไร่มากยิ่งต้องใช้ปุ๋ยมาก ต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก โดยก่อนหน้านี้ เสื้อปุ๋ยตราม้าบินสีน้ำเงิน ถูกนำไปใช้ในมิวสิกวีดีโอเพลง ให้บุญนำพา ของ ไหมไทย หัวใจศิลป์ ที่นักแสดงนำชายอย่าง ยูโร พัชรพล รับบทเป็นชาวนา เผยแพร่ผ่านยูทูบเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 115 ล้านวิว

    อย่างไรก็ตาม ยังมีเพลงที่เกี่ยวข้องกับเสื้อปุ๋ย เฉกเช่นมิวสิกวีดีโอเพลง ผู้บ่าวเสื้อปุ๋ย ของศิลปินเพลงป็อปลูกทุ่ง ดิด คิตตี้ หรือ บัณฑิต ไพรบึง โดยมีท่อนฮุคระบุว่า "อ้ายใส่เสื้อปุ๋ยแถมมาน้องหล่า บ่มีปัญญาไปซื้อของห้าง หรูสุดแค่ข้าวกระเพราข้างทาง ดีแหน่กะพาหย่างตลาดนัดวันเสาร์" เผยแพร่ผ่านยูทูปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 56 ล้านวิว ไม่นับรวมถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกหรือร้องเพลงคัฟเวอร์ แถมศิลปินยังใช้โอกาสนี้ขายเสื้อปุ๋ยคอปกสีแสดแบบเดียวกับในเอ็มวี สำหรับแฟนเพลงที่อยากได้ไว้ใส่ทำนา ทำสวน ทำไร่ หรือใส่ไปเที่ยว

    สำหรับเสื้อปุ๋ย นิยมทำเป็นเสื้อแขนยาวเพื่อใช้กันแดดที่แขน ผลิตจากใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าทีเคหรือผ้าทีซี (ผสมคอตตอน 20%) ซึ่งราคาถูกที่สุด หรืออย่างดีขึ้นมาหน่อยจะเป็นผ้าไอบีหรือผ้าไมโคร ยิ่งสั่งผลิตจำนวนมากยิ่งราคาถูกลง แต่อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าและการซัก ที่ผ่านมามีมุกตลกที่ระบุว่า "ใครใส่เสื้อที่มีโลโก้ปุ๋ยแปลว่าเป็นคนมีตังค์" แม้จะเป็นเสื้อแถม แต่ต้องมียอดซื้อจำนวนมากถึงจะได้เสื้อฟรี สะท้อนให้เห็นว่า สังคมเกษตรกรรม เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยที่ขาดกันไม่ได้

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ใน Facebook และ IG วันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568)
    เสื้อปุ๋ย เทรนด์ฮิตจากทุ่งนา เสื้อแขนยาวทั้งคอกลมและคอปก กลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่คนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตชนบทแบบเกษตรกร เมื่อวันก่อนเฟซบุ๊ก ปุ๋ยตราม้าบิน โพสต์ภาพระบุว่า "ใส่เสื้อหลักล้าน? เสื้อปุ๋ยธรรมดาที่ได้มากกว่าล้าน" กลายเป็นที่พูดถึงแก่ชาวเน็ต ถึงขนาด จ๋าย ไททศมิตร หรือ อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ศิลปินเพลงป๊อปอินดี้เพื่อชีวิต คอมเมนต์ในเพจว่า "คิวว่าง พรีเซนเตอร์เข้าได้ครับ" และยังมีชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งเชียร์ให้จำหน่ายเสื้อ เพราะไม่ได้ซื้อปุ๋ยแต่อยากเท่กับเขาบ้าง แต่เนื่องจากเสื้อปุ๋ยม้าบินจะไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แอดมินจึงแนะนำให้ติดตามข่าวสารและกิจกรรมจากเพจไปก่อน ขณะที่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เริ่มมีผู้ขายโพสต์ขายเสื้อปุ๋ยบ้างแล้ว แต่ไม่พบว่าเป็นเสื้อลิขสิทธิ์แท้หรือของลอกเลียนแบบ เพราะโดยปกติแล้วเสื้อขายปุ๋ย ผู้จัดจำหน่ายจะแจกจ่ายให้ร้านค้าทางการเกษตร เพื่อนำไปสมนาคุณแก่ลูกค้าที่ซื้อปุ๋ยตามเงื่อนไข ซึ่งแต่ละครั้งเกษตรกรจะซื้อเป็นกระสอบ ยิ่งมีจำนวนไร่มากยิ่งต้องใช้ปุ๋ยมาก ต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก โดยก่อนหน้านี้ เสื้อปุ๋ยตราม้าบินสีน้ำเงิน ถูกนำไปใช้ในมิวสิกวีดีโอเพลง ให้บุญนำพา ของ ไหมไทย หัวใจศิลป์ ที่นักแสดงนำชายอย่าง ยูโร พัชรพล รับบทเป็นชาวนา เผยแพร่ผ่านยูทูบเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 115 ล้านวิว อย่างไรก็ตาม ยังมีเพลงที่เกี่ยวข้องกับเสื้อปุ๋ย เฉกเช่นมิวสิกวีดีโอเพลง ผู้บ่าวเสื้อปุ๋ย ของศิลปินเพลงป็อปลูกทุ่ง ดิด คิตตี้ หรือ บัณฑิต ไพรบึง โดยมีท่อนฮุคระบุว่า "อ้ายใส่เสื้อปุ๋ยแถมมาน้องหล่า บ่มีปัญญาไปซื้อของห้าง หรูสุดแค่ข้าวกระเพราข้างทาง ดีแหน่กะพาหย่างตลาดนัดวันเสาร์" เผยแพร่ผ่านยูทูปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 56 ล้านวิว ไม่นับรวมถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกหรือร้องเพลงคัฟเวอร์ แถมศิลปินยังใช้โอกาสนี้ขายเสื้อปุ๋ยคอปกสีแสดแบบเดียวกับในเอ็มวี สำหรับแฟนเพลงที่อยากได้ไว้ใส่ทำนา ทำสวน ทำไร่ หรือใส่ไปเที่ยว สำหรับเสื้อปุ๋ย นิยมทำเป็นเสื้อแขนยาวเพื่อใช้กันแดดที่แขน ผลิตจากใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าทีเคหรือผ้าทีซี (ผสมคอตตอน 20%) ซึ่งราคาถูกที่สุด หรืออย่างดีขึ้นมาหน่อยจะเป็นผ้าไอบีหรือผ้าไมโคร ยิ่งสั่งผลิตจำนวนมากยิ่งราคาถูกลง แต่อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าและการซัก ที่ผ่านมามีมุกตลกที่ระบุว่า "ใครใส่เสื้อที่มีโลโก้ปุ๋ยแปลว่าเป็นคนมีตังค์" แม้จะเป็นเสื้อแถม แต่ต้องมียอดซื้อจำนวนมากถึงจะได้เสื้อฟรี สะท้อนให้เห็นว่า สังคมเกษตรกรรม เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยที่ขาดกันไม่ได้ #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ใน Facebook และ IG วันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568)
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • ...R.I.P. ‍ ขอแสดงความเสียใจกับพลทหารรัฐภูมิอย่างสุดซึ้ง...#ไล่ไทม์ไลน์ช่วงเวลาและจากพฤติกรรมแวดล้อมแล้ว"ฉันเห็นด้านกายภาพดูรู้เลยว่า พลทหารรัฐภูมิไม่ได้คลั่งแต่อย่างใด เพราะถ้าเขาคลั่งสองคนนั้นมันคงไม่รอดหรอก#วาทะกรรมชั่วๆมันควรได้รับโทษนะ"ที่กล่าวว่า มีทหารไว้ทำไม รบก็ไม่ชนะเขมรแค่นี้เขาก็เจ็บปวดมากแล้วถ้าไม่มีใครเตะเบรคไว้ป่านนี้เขมรคงราบไปหมดแล้วล่ะปชช.คนไทยหัวใจไทยเขามองกันออกแต่ทำอะไรไม่ได้ไงฉันเองยังเจ็บใจเลยในวันที่ไปเจรจาคืนนั้นเขมรมันบุกหนักไม่ได้หยุดยิงแต่อย่างใดเลย ทำให้ทหารไทยต้องพลีชีพเข้าแลกเสียชีวิตคืนนั้นตายไปกี่ศพกี่ครอบครัวที่ต้องเจ็บปวดกับการบริหารแบบนี้.. เดินก็เหยียบแต่กับระเบิดขาขาด คำพูดเหมือนขวานฟาดฟันโดยไร้บาดแผลแต่สร้างบาดแผลทางใจอย่างเจ็บปวดเพราะถ้าทหารเขาคลั่งจริงๆละก็คนพวกนั้นคงหมดลมหายใจไปแล้ว จริงๆแล้วควรมีมาตรการลงโทษคนที่ดูถูกเหยีดหยามเจ้าหน้าที่รัฐ "เคสแบบนี้ถ้าเป็นสหรัฐฯก็คงไม่รอดแล้วล่ะ "ทหารเขาต้องแบกรับหน้าที่ๆหนักอยู่แล้วสถานการณ์ก็ไม่ปกติมันใช่หรือที่ประชาชนจะมานั่งดื่มเหล้าเปิดเพลงฟังสนุกสนานตั้งแต่บ่ายยันดึกขนาดนั้น พิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรมก็จะเห็น #คนตายเขาพูดไม่ได้ ชาวบ้านในพื้นที่เขาให้ข้อมูลแต่เขาก็ไม่กล้าเปิดหน้ามาเป็นพยานหรอก เพราะเขาก็ไม่อยากมีเรื่องคนเป็นพูดอะไรก็ได้แต่พยานแวดล้อมและช่วงเวลามันบอกมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดคนเสียอีก "การที่ทหารเขายิงปืนลงดินแสดงถึงความหนักแน่นในใจพอสมควรเพราะถ้าคลั่งลูกกระสุนคงอยู่ในร่างคนทั้งหมดนั่นแหละ #แทนที่จะเห็นใจและขอบคุณทหารที่มาลาดตระเวนให้ความปลอดภัยให้ตัวเองนอนหลับอยู่สบายกับมาพ่นคำทำร้ายจิตใจกันแบบนี้#‍น้องทหารหลับให้สบายไม่ต้องทุกข์อีกแล้วขอบคุณนะที่ยอมเสียสละเพื่อชาติใครไม่เห็นเราเห็น สื่อมวลชนนำเสนอข่าวควรให้ความเป็นธรรมกับพลทหารรัฐภูมิด้วยถ้าเขาไม่แข็งแกร่งจริงๆคงไม่มีชีวิตมาถึงวันนี้หรอก คนที่ครอบครัวแตกแยกต้องโดดเดี่ยวเพียงใดใครรู้บ้าง ฉันรู้เพราะฉันเองก็เป็น้ช่นนั้นเหมือนกันคนอื่นอาจจะอดทน50%แต่เราต้อง100%...อ่อนแอไม่ได้เลย แต่อย่าลืมว่าเราก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่พระอรหันต์มาจากไหน...คนเป็นพูดให้คิดมากๆ"คนตายเขาพูดไม่ได้แล้วชีวิตคนเรามีค่าเท่ากัน#หลับให้สบายนะลูกแผ่บุญพระกรรมฐานให้เธอ‍#ชีวิตเธอมีค่ามากไม่ควรมาแลกกับ"สวะแบบนั้นเลย...
    😔...R.I.P. 💂‍♂️ ขอแสดงความเสียใจกับพลทหารรัฐภูมิอย่างสุดซึ้ง🖤🇹🇭...#ไล่ไทม์ไลน์ช่วงเวลาและจากพฤติกรรมแวดล้อมแล้ว"ฉันเห็นด้านกายภาพดูรู้เลยว่า พลทหารรัฐภูมิไม่ได้คลั่งแต่อย่างใด เพราะถ้าเขาคลั่งสองคนนั้นมันคงไม่รอดหรอก#วาทะกรรมชั่วๆมันควรได้รับโทษนะ"ที่กล่าวว่า มีทหารไว้ทำไม รบก็ไม่ชนะเขมรแค่นี้เขาก็เจ็บปวดมากแล้วถ้าไม่มีใครเตะเบรคไว้ป่านนี้เขมรคงราบไปหมดแล้วล่ะปชช.คนไทยหัวใจไทยเขามองกันออกแต่ทำอะไรไม่ได้ไงฉันเองยังเจ็บใจเลยในวันที่ไปเจรจาคืนนั้นเขมรมันบุกหนักไม่ได้หยุดยิงแต่อย่างใดเลย ทำให้ทหารไทยต้องพลีชีพเข้าแลกเสียชีวิตคืนนั้นตายไปกี่ศพกี่ครอบครัวที่ต้องเจ็บปวดกับการบริหารแบบนี้.. เดินก็เหยียบแต่กับระเบิดขาขาด คำพูดเหมือนขวานฟาดฟันโดยไร้บาดแผลแต่สร้างบาดแผลทางใจอย่างเจ็บปวดเพราะถ้าทหารเขาคลั่งจริงๆละก็คนพวกนั้นคงหมดลมหายใจไปแล้ว จริงๆแล้วควรมีมาตรการลงโทษคนที่ดูถูกเหยีดหยามเจ้าหน้าที่รัฐ "เคสแบบนี้ถ้าเป็นสหรัฐฯก็คงไม่รอดแล้วล่ะ "ทหารเขาต้องแบกรับหน้าที่ๆหนักอยู่แล้วสถานการณ์ก็ไม่ปกติมันใช่หรือที่ประชาชนจะมานั่งดื่มเหล้าเปิดเพลงฟังสนุกสนานตั้งแต่บ่ายยันดึกขนาดนั้น พิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรมก็จะเห็น #คนตายเขาพูดไม่ได้ ชาวบ้านในพื้นที่เขาให้ข้อมูลแต่เขาก็ไม่กล้าเปิดหน้ามาเป็นพยานหรอก เพราะเขาก็ไม่อยากมีเรื่องคนเป็นพูดอะไรก็ได้แต่พยานแวดล้อมและช่วงเวลามันบอกมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดคนเสียอีก "การที่ทหารเขายิงปืนลงดินแสดงถึงความหนักแน่นในใจพอสมควรเพราะถ้าคลั่งลูกกระสุนคงอยู่ในร่างคนทั้งหมดนั่นแหละ #แทนที่จะเห็นใจและขอบคุณทหารที่มาลาดตระเวนให้ความปลอดภัยให้ตัวเองนอนหลับอยู่สบายกับมาพ่นคำทำร้ายจิตใจกันแบบนี้😡#🖤💂‍♂️🇹🇭น้องทหารหลับให้สบายไม่ต้องทุกข์อีกแล้วขอบคุณนะที่ยอมเสียสละเพื่อชาติใครไม่เห็นเราเห็น สื่อมวลชนนำเสนอข่าวควรให้ความเป็นธรรมกับพลทหารรัฐภูมิด้วยถ้าเขาไม่แข็งแกร่งจริงๆคงไม่มีชีวิตมาถึงวันนี้หรอก คนที่ครอบครัวแตกแยกต้องโดดเดี่ยวเพียงใดใครรู้บ้าง ฉันรู้เพราะฉันเองก็เป็น้ช่นนั้นเหมือนกันคนอื่นอาจจะอดทน50%แต่เราต้อง100%...อ่อนแอไม่ได้เลย แต่อย่าลืมว่าเราก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่พระอรหันต์มาจากไหน...คนเป็นพูดให้คิดมากๆ🤔"คนตายเขาพูดไม่ได้แล้วชีวิตคนเรามีค่าเท่ากัน#หลับให้สบายนะลูกแผ่บุญพระกรรมฐานให้เธอ🤲🔆🧘‍♀️#🇹🇭ชีวิตเธอมีค่ามากไม่ควรมาแลกกับ"สวะแบบนั้นเลย...
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เฟซบุ๊กเพจ Army Military Force โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ด่วนที่สุด!!!! เขมรเหิมเกริมหนัก! เข้าปลดธงชาติไทยทิ้ง พบยังรื้อรั้วลวดหนามหีบเพลงออกเกลี้ยงที่ทางทหารไทยติดตั้งเอาไว้บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตาโมก ห่างปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันตก 1 กิโลเมตร”
    .
    ทั้งนี้ บริเวณจุ๊บตาโมกคือจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN2 ได้รับบาดเจ็บขาขาด 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077611

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เฟซบุ๊กเพจ Army Military Force โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ด่วนที่สุด!!!! เขมรเหิมเกริมหนัก! เข้าปลดธงชาติไทยทิ้ง พบยังรื้อรั้วลวดหนามหีบเพลงออกเกลี้ยงที่ทางทหารไทยติดตั้งเอาไว้บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตาโมก ห่างปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันตก 1 กิโลเมตร” . ทั้งนี้ บริเวณจุ๊บตาโมกคือจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN2 ได้รับบาดเจ็บขาขาด 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077611 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเวลา 12.16 น. เฟซบุ๊กเพจ Army Military Force โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ด่วนที่สุด!!!! เขมรเหิมเกริมหนัก! เข้าปลดธงชาติไทยทิ้ง พบยังรื้อรั้วลวดหนามหีบเพลงออกเกลี้ยงที่ทางทหารไทยติดตั้งเอาไว้บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตาโมก ห่างปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันตก 1 กิโลเมตร”
    .
    ทั้งนี้ บริเวณจุ๊บตาโมกคือจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN2 ได้รับบาดเจ็บขาขาด 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000077616

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เมื่อเวลา 12.16 น. เฟซบุ๊กเพจ Army Military Force โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ด่วนที่สุด!!!! เขมรเหิมเกริมหนัก! เข้าปลดธงชาติไทยทิ้ง พบยังรื้อรั้วลวดหนามหีบเพลงออกเกลี้ยงที่ทางทหารไทยติดตั้งเอาไว้บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตาโมก ห่างปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันตก 1 กิโลเมตร” . ทั้งนี้ บริเวณจุ๊บตาโมกคือจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN2 ได้รับบาดเจ็บขาขาด 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000077616 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Angry
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 821 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบโดรนในจังหวัดภาคอีสานตอนใน 94 ลำ และ 5 พื้นที่ชายแดนอีก 25-30 ลำ พบทหารกัมพูชาเข้ามาเกาะลวดหนามหีบเพลงและพยายามข้ามมาในเขตไทย ฝ่ายเราดำเนินการตามกฎการปะทะ ทหารกัมพูชาจึงได้ถอยออกไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077343

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบโดรนในจังหวัดภาคอีสานตอนใน 94 ลำ และ 5 พื้นที่ชายแดนอีก 25-30 ลำ พบทหารกัมพูชาเข้ามาเกาะลวดหนามหีบเพลงและพยายามข้ามมาในเขตไทย ฝ่ายเราดำเนินการตามกฎการปะทะ ทหารกัมพูชาจึงได้ถอยออกไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077343 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนุ่มน้อยโชว์เพลงอาเซียน ฟังจบร้องเอ๊ะ!! (14/8/68)
    #TruthFromThailand #อาเซียน #เพลงอาเซียน #news1 #thaitimes #shorts
    หนุ่มน้อยโชว์เพลงอาเซียน ฟังจบร้องเอ๊ะ!! (14/8/68) #TruthFromThailand #อาเซียน #เพลงอาเซียน #news1 #thaitimes #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "คนเราเมื่อถึงกาลวิบัติ!" "หริรักษ์" โพสต์อัด "ภูมิธรรม" ขวางกองทัพภาค 2...บริจาคลวดหนาม...ลั่นยิ่งทำยิ่งพังทั้งรัฐบาล
    https://www.thai-tai.tv/news/20914/
    .
    #หริรักษ์สูตะบุตร #ภูมิธรรมเวชยชัย #กองทัพภาคที่2 #ลวดหนามหีบเพลง #ข่าวการเมือง #ไทยไท
    "คนเราเมื่อถึงกาลวิบัติ!" "หริรักษ์" โพสต์อัด "ภูมิธรรม" ขวางกองทัพภาค 2...บริจาคลวดหนาม...ลั่นยิ่งทำยิ่งพังทั้งรัฐบาล https://www.thai-tai.tv/news/20914/ . #หริรักษ์สูตะบุตร #ภูมิธรรมเวชยชัย #กองทัพภาคที่2 #ลวดหนามหีบเพลง #ข่าวการเมือง #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลวดหนามต้องใช้ด่วน ปกป้องทหารรอไม่ได้ : [NEWS UPDATE]

    พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่ 2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงและให้ขอกับรัฐบาล ยืนยัน ไม่ใช่เรื่องงบประมาณ แต่การจัดซื้อใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน หากไม่ปฏิบัติตามระเบียบอาจมีความผิด ที่สำคัญลวดหนามหีบเพลงสเปคที่ทหารใช้ต้องสั่งผลิต ใช้เวลานานขึ้นไปอีก แต่สถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นต้องใช้ทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน ใช้เป็นเครื่องกีดขวางเพื่อความปลอดภัยของกำลังพล และในที่สุ่มเสี่ยงลักลอบเข้าออกของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งประชาชนอยากมีส่วนร่วมให้สิ่งของ กองทัพเคยสื่อสารว่า ขอบคุณในน้ำใจ อะไรที่จำเป็นหาในระบบไม่ทันเวลาก็จะแจ้งไป อย่างกรณีลวดหนามหีบเพลงดังกล่าว

    -กลัวเสียหน้ารัฐบาลไม่ได้ขวาง

    -ขออาเซียนกดดันกัมพูชา

    -บี้ตัดงบช่วยการศึกษาเขมร

    -ขานรับลดต้นทุนการเงิน
    ลวดหนามต้องใช้ด่วน ปกป้องทหารรอไม่ได้ : [NEWS UPDATE] พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่ 2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงและให้ขอกับรัฐบาล ยืนยัน ไม่ใช่เรื่องงบประมาณ แต่การจัดซื้อใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน หากไม่ปฏิบัติตามระเบียบอาจมีความผิด ที่สำคัญลวดหนามหีบเพลงสเปคที่ทหารใช้ต้องสั่งผลิต ใช้เวลานานขึ้นไปอีก แต่สถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นต้องใช้ทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน ใช้เป็นเครื่องกีดขวางเพื่อความปลอดภัยของกำลังพล และในที่สุ่มเสี่ยงลักลอบเข้าออกของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งประชาชนอยากมีส่วนร่วมให้สิ่งของ กองทัพเคยสื่อสารว่า ขอบคุณในน้ำใจ อะไรที่จำเป็นหาในระบบไม่ทันเวลาก็จะแจ้งไป อย่างกรณีลวดหนามหีบเพลงดังกล่าว -กลัวเสียหน้ารัฐบาลไม่ได้ขวาง -ขออาเซียนกดดันกัมพูชา -บี้ตัดงบช่วยการศึกษาเขมร -ขานรับลดต้นทุนการเงิน
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เปิดคลิปสัมภาษณ์ ภูมิธรรมออกอาการที่กองทัพภาค 2 ขอบริจาครั้วหีบเพลง (13/8/68)
    #TruthFromThailand #ภูมิธรรม #กองทัพภาค2 #news1 #thaitimes #shorts
    เปิดคลิปสัมภาษณ์ ภูมิธรรมออกอาการที่กองทัพภาค 2 ขอบริจาครั้วหีบเพลง (13/8/68) #TruthFromThailand #ภูมิธรรม #กองทัพภาค2 #news1 #thaitimes #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กองทัพภาคที่ 2 ประกาศหยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลง หลังได้รับเพียงพอต่อความต้องการแล้วและไม่ให้เกินความจำเป็น พร้อมขอบคุณทุกความร่วมมือและน้ำใจจากทุกภาคส่วน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000076803

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กองทัพภาคที่ 2 ประกาศหยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลง หลังได้รับเพียงพอต่อความต้องการแล้วและไม่ให้เกินความจำเป็น พร้อมขอบคุณทุกความร่วมมือและน้ำใจจากทุกภาคส่วน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000076803 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    2
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เพียงพอแล้ว!" กองทัพภาค 2 ประกาศปิดรับบริจาค "ลวดหนามหีบเพลง"...ขอบคุณคนไทยที่ร่วมกันปกป้องชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/20892/
    .
    #กองทัพภาคที่2 #ลวดหนามหีบเพลง #รวมใจไทยเป็นหนึ่ง #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไท
    "เพียงพอแล้ว!" กองทัพภาค 2 ประกาศปิดรับบริจาค "ลวดหนามหีบเพลง"...ขอบคุณคนไทยที่ร่วมกันปกป้องชาติ https://www.thai-tai.tv/news/20892/ . #กองทัพภาคที่2 #ลวดหนามหีบเพลง #รวมใจไทยเป็นหนึ่ง #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts