• รายได้ไม่สอดคล้องกับทรัพย์สิน..ที่ปรากฏ

    ยกตัวอย่าง..ปี 2564
    -แจ้งรายได้รวม 325 ล้านบาทเศษ

    -แจ้งต้นทุนขาย 299 ล้านบาทเศษ

    -แจ้งรายจ่ายรวม 320 ล้านบาทเศษ

    -แจ้งมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 3,915,683.87

    ถ้ามองดูผ่านๆบัญชีงบการเงินก็ดูปกติ แต่ถ้าเอาคดีที่เจ้าของบริษัทถูกจับกุมมามาเทียบกับงบการเงิน..โป๊ะแรงส์

    ต้นทุนขาย 299 ล้านบาทเศษที่แจ้งในงบดุลนี้คือ..ทองคำแท้ 96.5%ถึง ทองคำแท้ 99.9%

    แล้วถ้าความจริงแล้วมันคือทองเปอร์เซ็นต์ต่ำที่ต้นทุนจริงๆคือไม่ถึง 299 ล้านบาทเศษ = แจ้งต้นทุนอันเป็นเท็จ

    แจ้งต้นทุนเท็จไปเท่าไหร่ก็เป็นกำไรเท่านั้น

    ยกตัวอย่างเช่นซื้อทองเปอร์เซ็นต์ต่ำมาในราคา 100 ล้านบาท แต่แจ้งต้นทุนเท่าทองคำ96.5% ที่ราคา 300 ล้านบาท ก็จะมีเงินกำไรจากส่วนที่แจ้งเท็จ 200 ล้านบาทที่ผ่านการเสียภาษีแล้ว

    เอ๊ะ งง กำไรเท็จ 200 ล้านมันจะได้มายังไงครับเนี่ย.?
    -ก็เอาทองเปอร์เซ็นต่ำมาขายในราคาทอง 96.5%นั่นไงครับ

    คราวนี้ลองมาดูต้นทุนของนางตั๊ก-นายเบียร์ ที่แจ้งต้นทุนไว้ที่ 299 ล้านบาทเศษ แล้วขายได้ 325 ล้านบาทเศษเท่ากับกำไรประมาณ 8%

    ขายได้ 325 ล้านบาทเศษ มีรายจ่าย 320 ล้านบาทเศษ คิดเป็นค่าต้นทุนทองคำ 299 ล้านบาทที่เหลือเป็นค่าบริหารจัดการ 30 ล้านบาท

    เสียภาษีไป 978,920.97 เหลือกำไรสุทธิ 3.9 ล้านบาทเศษ คิดเป็นกำไรสุทธิ 1.3% ดูเผินๆโคตรสมเหตุสมผลเลยร้านทองมีกำไรสุทธิ 1.3%

    แต่ถ้าสมมุติต้นทุนที่แท้ของทองเปอร์เซ็นต์ต่ำของนางตั๊ก-นายเบีย มันมีต้นทุนจริงๆแค่ 99 ล้านบาทเศษ

    บริษัทเคทูเอ็น โกลด์ ก็จะมีกำไรจริงๆถึง 200 ล้านบาทเศษ ไม่ใช่ 3.9 ล้านตามที่เห็นในบัญชีงบการเงิน

    แล้วนางตั๊ก-นายเบียร์ ไปเอาเงินทุนระดับ 100 ล้านมาจากไหน.?
    -เงินบิ๊ก จ.(ที่ไม่ใช่ จ.โจ๊ก)กับเงินจากเจ้าของเว็บพนันที่เอาเงินมาฟอกผ่านอาหารเสริม ทองคำ แก๊งตั๊ก-เบียร์

    จากการตรวจสอบเจอในตอนนึ้ ตั๊ก-เบียร์ เคยมีชื่อครอบครองรวม 10 บริษัท มีรายได้รวมกัน 18 ล้านเศษ แจ้งขาดทุนรวมกัน 4 ล้านเศษ

    เหลือรายได้ประมาณ 14 ล้าน.? พรีสสส แล้วไปเอาเงินจากไหนมาซื้อรถ-กระเป๋า-บ้าน-ที่ดินมูลค่ารวมเป็นพันล้าน.?

    คำตอบ..เงินที่แจ้งต้นทุนเท็จ เงินที่ฟอกแล้วรับเป็นเงินสดเป็นทองคำแท่งวนลูปกลับมาเป็นเงินนอกบัญชีที่ไม่มีแจ้งไว้ในระบบ..นั่นเอง
    --------
    นางสาว หงส์ลดา เรืองอร่าม (เป็นทอม)คือน้องสาวแท้ๆของนาย เบียร์

    และนางหงส์คือหลัวเก่าของเมียหรั่ง หรือแต่เดิมตอนทำงานกลางคืนใช้ชื่อ..น้องโบนัส

    ทึ่มาของชื่อเมียหรั่ง นางเล่าว่าไปเที่ยวทะเลแล้วมีคนทักว่าคล้ายเมียฝรั่งเลยตั้งชื่อเฟซว่าเมียหรั่ง ถถถ

    พูดง่ายๆก็คือแต่แรกเริ่มที่ร่วมกันออกต้มตุ๋นผู้คนน้องโบนัสมีสถานะเป็นน้องสะไภ้ของนายเบียร์-นางตั๊ก นั่นเอง

    ตอนหน้าจะมาลงรายละเอียดของเมียหรั่งหรือน้องโบนัส-น้องหงส์

    แล้วตามด้วยคู่ของ นุช-เอก บางเตย แล้วแถมด้วยเรื่องของ“ซ้อฝิ่น แก๊งสาวส่งด่วน”หวานใจของ #ทิดหยั่ง

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    รายได้ไม่สอดคล้องกับทรัพย์สิน..ที่ปรากฏ ยกตัวอย่าง..ปี 2564 -แจ้งรายได้รวม 325 ล้านบาทเศษ -แจ้งต้นทุนขาย 299 ล้านบาทเศษ -แจ้งรายจ่ายรวม 320 ล้านบาทเศษ -แจ้งมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 3,915,683.87 ถ้ามองดูผ่านๆบัญชีงบการเงินก็ดูปกติ แต่ถ้าเอาคดีที่เจ้าของบริษัทถูกจับกุมมามาเทียบกับงบการเงิน..โป๊ะแรงส์ ต้นทุนขาย 299 ล้านบาทเศษที่แจ้งในงบดุลนี้คือ..ทองคำแท้ 96.5%ถึง ทองคำแท้ 99.9% แล้วถ้าความจริงแล้วมันคือทองเปอร์เซ็นต์ต่ำที่ต้นทุนจริงๆคือไม่ถึง 299 ล้านบาทเศษ = แจ้งต้นทุนอันเป็นเท็จ แจ้งต้นทุนเท็จไปเท่าไหร่ก็เป็นกำไรเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นซื้อทองเปอร์เซ็นต์ต่ำมาในราคา 100 ล้านบาท แต่แจ้งต้นทุนเท่าทองคำ96.5% ที่ราคา 300 ล้านบาท ก็จะมีเงินกำไรจากส่วนที่แจ้งเท็จ 200 ล้านบาทที่ผ่านการเสียภาษีแล้ว เอ๊ะ งง กำไรเท็จ 200 ล้านมันจะได้มายังไงครับเนี่ย.? -ก็เอาทองเปอร์เซ็นต่ำมาขายในราคาทอง 96.5%นั่นไงครับ คราวนี้ลองมาดูต้นทุนของนางตั๊ก-นายเบียร์ ที่แจ้งต้นทุนไว้ที่ 299 ล้านบาทเศษ แล้วขายได้ 325 ล้านบาทเศษเท่ากับกำไรประมาณ 8% ขายได้ 325 ล้านบาทเศษ มีรายจ่าย 320 ล้านบาทเศษ คิดเป็นค่าต้นทุนทองคำ 299 ล้านบาทที่เหลือเป็นค่าบริหารจัดการ 30 ล้านบาท เสียภาษีไป 978,920.97 เหลือกำไรสุทธิ 3.9 ล้านบาทเศษ คิดเป็นกำไรสุทธิ 1.3% ดูเผินๆโคตรสมเหตุสมผลเลยร้านทองมีกำไรสุทธิ 1.3% แต่ถ้าสมมุติต้นทุนที่แท้ของทองเปอร์เซ็นต์ต่ำของนางตั๊ก-นายเบีย มันมีต้นทุนจริงๆแค่ 99 ล้านบาทเศษ บริษัทเคทูเอ็น โกลด์ ก็จะมีกำไรจริงๆถึง 200 ล้านบาทเศษ ไม่ใช่ 3.9 ล้านตามที่เห็นในบัญชีงบการเงิน แล้วนางตั๊ก-นายเบียร์ ไปเอาเงินทุนระดับ 100 ล้านมาจากไหน.? -เงินบิ๊ก จ.(ที่ไม่ใช่ จ.โจ๊ก)กับเงินจากเจ้าของเว็บพนันที่เอาเงินมาฟอกผ่านอาหารเสริม ทองคำ แก๊งตั๊ก-เบียร์ จากการตรวจสอบเจอในตอนนึ้ ตั๊ก-เบียร์ เคยมีชื่อครอบครองรวม 10 บริษัท มีรายได้รวมกัน 18 ล้านเศษ แจ้งขาดทุนรวมกัน 4 ล้านเศษ เหลือรายได้ประมาณ 14 ล้าน.? พรีสสส แล้วไปเอาเงินจากไหนมาซื้อรถ-กระเป๋า-บ้าน-ที่ดินมูลค่ารวมเป็นพันล้าน.? คำตอบ..เงินที่แจ้งต้นทุนเท็จ เงินที่ฟอกแล้วรับเป็นเงินสดเป็นทองคำแท่งวนลูปกลับมาเป็นเงินนอกบัญชีที่ไม่มีแจ้งไว้ในระบบ..นั่นเอง -------- นางสาว หงส์ลดา เรืองอร่าม (เป็นทอม)คือน้องสาวแท้ๆของนาย เบียร์ และนางหงส์คือหลัวเก่าของเมียหรั่ง หรือแต่เดิมตอนทำงานกลางคืนใช้ชื่อ..น้องโบนัส ทึ่มาของชื่อเมียหรั่ง นางเล่าว่าไปเที่ยวทะเลแล้วมีคนทักว่าคล้ายเมียฝรั่งเลยตั้งชื่อเฟซว่าเมียหรั่ง ถถถ พูดง่ายๆก็คือแต่แรกเริ่มที่ร่วมกันออกต้มตุ๋นผู้คนน้องโบนัสมีสถานะเป็นน้องสะไภ้ของนายเบียร์-นางตั๊ก นั่นเอง ตอนหน้าจะมาลงรายละเอียดของเมียหรั่งหรือน้องโบนัส-น้องหงส์ แล้วตามด้วยคู่ของ นุช-เอก บางเตย แล้วแถมด้วยเรื่องของ“ซ้อฝิ่น แก๊งสาวส่งด่วน”หวานใจของ #ทิดหยั่ง สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠

    คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University)

    ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)

    ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

    เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

    แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร

    น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ

    นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา

    นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต

    ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง

    ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน!

    ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย

    อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์...

    ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ?

    ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา

    🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠 คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University) ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน! ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์... ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ? ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา 🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • โหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) เครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม! 🚀✨

    คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ “โหราศาสตร์ธุรกิจ” หรือไม่? 🤔 ไม่ใช่แค่การทำนายอนาคตหรืออ่านดวงชะตา แต่เป็นศาสตร์ที่สามารถช่วยวางแผนกลยุทธ์การทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🌟 เพราะโหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) จะนำข้อมูลการเคลื่อนที่ของดวงดาวและจักรราศีมาวิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือแม้แต่การเลือกหุ้นส่วนทางธุรกิจ 📊

    ประโยชน์ของโหราศาสตร์ธุรกิจ 🔍💡

    1️⃣ วางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ 🗓️: การใช้โหราศาสตร์ช่วยในการระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน การเปิดตัวสินค้า หรือการขยายตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ 💼

    2️⃣ เข้าใจลักษณะของธุรกิจได้ลึกซึ้ง 🔎: โหราศาสตร์สามารถช่วยวิเคราะห์ศักยภาพ จุดแข็ง และจุดอ่อนของธุรกิจได้ โดยการพิจารณาตำแหน่งของดาวในดวงชะตาธุรกิจ ทำให้ผู้บริหารสามารถวางแผนการบริหารงานได้อย่างเหมาะสม 💪

    3️⃣ ปรับปรุงความสัมพันธ์และการเจรจาต่อรอง 💬: การใช้โหราศาสตร์ในการทำความเข้าใจลักษณะนิสัยของหุ้นส่วน พนักงาน หรือแม้แต่ลูกค้า จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ 👫

    4️⃣ ช่วยในการจัดการความเสี่ยง ⚠️: ด้วยการวิเคราะห์จากการโคจรของดาวที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ เช่น ดาวเสาร์ที่มักบ่งบอกถึงข้อจำกัด หรือดาวมฤตยูที่แสดงถึงความไม่แน่นอน การเตรียมตัวและการวางแผนรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ จึงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 📉

    การประยุกต์ใช้โหราศาสตร์กับการทำธุรกิจ ✨

    โหราศาสตร์ธุรกิจสามารถนำมาใช้ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการ เลือกวันเวลาที่เหมาะสม สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ การวางแผนทางการเงิน หรือแม้กระทั่งการจัดการกับสถานการณ์วิกฤติ 💥 เช่น หากธุรกิจอยู่ในช่วงที่ดาวมฤตยูทำมุมกระทบกับดวงชะตา ควรเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนลดต้นทุน การเก็บเงินสดสำรอง หรือการมองหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น 📈

    นอกจากนี้ การทำความเข้าใจดวงชะตาของทีมงานและคู่ค้าทางธุรกิจ ก็สามารถช่วยในการเลือกคนเข้ามาร่วมงานที่เหมาะสมได้มากยิ่งขึ้น 👥 เช่น หากต้องการหุ้นส่วนที่มีความมั่นคงและเข้าใจในความเสี่ยง ควรพิจารณาผู้ที่มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ในราศีมังกรหรือพฤษภ ซึ่งจะมีลักษณะของความอดทนและการวางแผนระยะยาว 💼

    ทำไมโหราศาสตร์ธุรกิจถึงได้รับความนิยม? 🔥

    ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น การวางแผนกลยุทธ์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หลายบริษัทเริ่มมองหาเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจ เช่น การใช้โหราศาสตร์ในการดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคู่ค้า และการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น 🌐

    สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะนำโหราศาสตร์มาประยุกต์ใช้ การทำความเข้าใจพื้นฐานของดวงดาวและความหมายของจักรราศี รวมถึงการวิเคราะห์ดวงชะตาธุรกิจ (Business Horoscope) จะช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่ควรคว้า หรืออุปสรรคที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ 🔮

    สรุป: โหราศาสตร์ธุรกิจคืออะไร? 📌

    โหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) ไม่ใช่แค่เรื่องของความเชื่อ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การเคลื่อนที่ของดวงดาวมาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ตลาด ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และการมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน 🌠

    #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #การวางแผนกลยุทธ์ #ดวงชะตาธุรกิจ #ธุรกิจเติบโต #ความสำเร็จ #กลยุทธ์การตลาด #การบริหารธุรกิจ #การวางแผนธุรกิจ
    โหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) เครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม! 🚀✨ คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ “โหราศาสตร์ธุรกิจ” หรือไม่? 🤔 ไม่ใช่แค่การทำนายอนาคตหรืออ่านดวงชะตา แต่เป็นศาสตร์ที่สามารถช่วยวางแผนกลยุทธ์การทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🌟 เพราะโหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) จะนำข้อมูลการเคลื่อนที่ของดวงดาวและจักรราศีมาวิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือแม้แต่การเลือกหุ้นส่วนทางธุรกิจ 📊 ประโยชน์ของโหราศาสตร์ธุรกิจ 🔍💡 1️⃣ วางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ 🗓️: การใช้โหราศาสตร์ช่วยในการระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน การเปิดตัวสินค้า หรือการขยายตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ 💼 2️⃣ เข้าใจลักษณะของธุรกิจได้ลึกซึ้ง 🔎: โหราศาสตร์สามารถช่วยวิเคราะห์ศักยภาพ จุดแข็ง และจุดอ่อนของธุรกิจได้ โดยการพิจารณาตำแหน่งของดาวในดวงชะตาธุรกิจ ทำให้ผู้บริหารสามารถวางแผนการบริหารงานได้อย่างเหมาะสม 💪 3️⃣ ปรับปรุงความสัมพันธ์และการเจรจาต่อรอง 💬: การใช้โหราศาสตร์ในการทำความเข้าใจลักษณะนิสัยของหุ้นส่วน พนักงาน หรือแม้แต่ลูกค้า จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ 👫 4️⃣ ช่วยในการจัดการความเสี่ยง ⚠️: ด้วยการวิเคราะห์จากการโคจรของดาวที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ เช่น ดาวเสาร์ที่มักบ่งบอกถึงข้อจำกัด หรือดาวมฤตยูที่แสดงถึงความไม่แน่นอน การเตรียมตัวและการวางแผนรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ จึงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 📉 การประยุกต์ใช้โหราศาสตร์กับการทำธุรกิจ ✨ โหราศาสตร์ธุรกิจสามารถนำมาใช้ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการ เลือกวันเวลาที่เหมาะสม สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ การวางแผนทางการเงิน หรือแม้กระทั่งการจัดการกับสถานการณ์วิกฤติ 💥 เช่น หากธุรกิจอยู่ในช่วงที่ดาวมฤตยูทำมุมกระทบกับดวงชะตา ควรเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนลดต้นทุน การเก็บเงินสดสำรอง หรือการมองหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น 📈 นอกจากนี้ การทำความเข้าใจดวงชะตาของทีมงานและคู่ค้าทางธุรกิจ ก็สามารถช่วยในการเลือกคนเข้ามาร่วมงานที่เหมาะสมได้มากยิ่งขึ้น 👥 เช่น หากต้องการหุ้นส่วนที่มีความมั่นคงและเข้าใจในความเสี่ยง ควรพิจารณาผู้ที่มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ในราศีมังกรหรือพฤษภ ซึ่งจะมีลักษณะของความอดทนและการวางแผนระยะยาว 💼 ทำไมโหราศาสตร์ธุรกิจถึงได้รับความนิยม? 🔥 ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น การวางแผนกลยุทธ์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หลายบริษัทเริ่มมองหาเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจ เช่น การใช้โหราศาสตร์ในการดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคู่ค้า และการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น 🌐 สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะนำโหราศาสตร์มาประยุกต์ใช้ การทำความเข้าใจพื้นฐานของดวงดาวและความหมายของจักรราศี รวมถึงการวิเคราะห์ดวงชะตาธุรกิจ (Business Horoscope) จะช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่ควรคว้า หรืออุปสรรคที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ 🔮 สรุป: โหราศาสตร์ธุรกิจคืออะไร? 📌 โหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) ไม่ใช่แค่เรื่องของความเชื่อ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การเคลื่อนที่ของดวงดาวมาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ตลาด ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และการมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน 🌠 #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #การวางแผนกลยุทธ์ #ดวงชะตาธุรกิจ #ธุรกิจเติบโต #ความสำเร็จ #กลยุทธ์การตลาด #การบริหารธุรกิจ #การวางแผนธุรกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดตำนาน 20 ปี บัตรสมาร์ทเพิร์ส

    ในขณะที่คนไทยกำลังตื่นเต้น ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 480 สาขา สแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ผ่านบริการมายพร้อมคิวอาร์ (MyPromptQR) เฉพาะบางธนาคาร แต่อีกด้านหนึ่ง บัตรเซเว่นการ์ด (7-Card) ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทเพิร์สรุ่นสุดท้าย จะยกเลิกให้บริการ โดยปิดระบบเติมเงินในวันที่ 1 ม.ค. 2568 และสมาชิกสามารถใช้เงินภายในบัตรได้ถึง 31 ม.ค. 2568

    หลังจากนั้นจะไม่สามารถใช้งานบัตรได้ สมาชิกต้องลงทะเบียนขอรับเงินคืน และนำบัตร 7-Card ที่ทำลายแล้วพร้อมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาสมุดบัญชีส่งทางไปรษณีย์ หากไม่ดำเนินการในอีก 120 วันจะหักแต้ม และหักค่ารักษาบัญชีจนหมด

    บัตรสมาร์ทเพิร์ส เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2548 โดยใช้ชื่อว่า "บัตรเชื่อมรัก" ของเคาน์เตอร์เซอร์วิส ใช้สำหรับส่งและรับเงินระหว่างกันที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เข้าร่วมโครงการ 1,000 สาขา ตลอด 24 ชั่วโมง คิดค่าบริการครั้งละ 20 บาท

    กระทั่งวันที่ 15 ธ.ค. 2548 จึงได้เริ่มให้บริการบัตรสมาร์ทเพิร์ส นำร่องร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,500 สาขา ก่อนทยอยเปิดครบทุกสาขาในปี 2549 โดยบัตรจำหน่ายราคาใบละ 250 บาท เติมเงินขั้นต่ำ 50 บาท สูงสุด 10,000 บาท ผ่านไปปีแรก ในปี 2549 มีผู้ถือบัตรมากถึง 1.1 ล้านใบ และร้านค้ารับบัตร 7,000 แห่ง

    นอกจากนี้ ยังมีบัตรโคแบรนด์ที่ออกร่วมกับภาคเอกชน ร้านค้า สถานศึกษา มากกว่า 100 องค์กร และยังมีบัตรที่ออกร่วมกับธนาคาร เช่น บัตรเอทีเอ็มซีไอเอ็มบีไทย สมาร์ทพอยต์ ร่วมกับธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บัตรเค-เดบิต เซเว่นพอยต์ ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย แต่เป็นไปในลักษณะแยกกันคนละกระเป๋าเงิน ได้แก่ กระเป๋าเงินสมาร์ทเพิร์ส กับบัญชีธนาคาร

    กระทั่งเปิดตัวบัตรสมาชิก All Member ไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2562 จังหวะนั้นเอง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ก็เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จํากัด จากผู้ถือหุ้นอื่นทุกราย เพื่อย้ายฐานสมาชิกบัตร 7-Card ไปเป็น ALL Member

    อิทธิพลของดิจิทัลดิสรัปชัน โดยเฉพาะโมบายเพย์เมนต์ อีกทั้งร้านค้าต่างทยอยยกเลิกรับบัตรสมาร์ทเพิร์ส เหลือร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่ยังรับบัตรอยู่ ขณะนั้นมีฐานสมาชิกบัตรที่ยังไม่หมดอายุกว่า 3 ล้านใบ และมีบัตรที่ใช้งานต่อเนื่อง 1.5 ล้านใบต่อเดือน

    แต่ระหว่างนั้นเซเว่นอีเลฟเว่นหันมาทำการตลาดกับทรูมันนี่วอลเล็ต ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney และ 7-App แทน กระทั่งวันสุดท้ายของบัตรใบนี้ก็มาถึง

    นับเป็นการปิดตำนานบัตรที่ใช้จ่ายแทนเงินสดในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอย่างถาวร หลังจากให้บริการมานาน 20 ปี

    #Newskit #SmartPurse #7Card
    ปิดตำนาน 20 ปี บัตรสมาร์ทเพิร์ส ในขณะที่คนไทยกำลังตื่นเต้น ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 480 สาขา สแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ผ่านบริการมายพร้อมคิวอาร์ (MyPromptQR) เฉพาะบางธนาคาร แต่อีกด้านหนึ่ง บัตรเซเว่นการ์ด (7-Card) ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทเพิร์สรุ่นสุดท้าย จะยกเลิกให้บริการ โดยปิดระบบเติมเงินในวันที่ 1 ม.ค. 2568 และสมาชิกสามารถใช้เงินภายในบัตรได้ถึง 31 ม.ค. 2568 หลังจากนั้นจะไม่สามารถใช้งานบัตรได้ สมาชิกต้องลงทะเบียนขอรับเงินคืน และนำบัตร 7-Card ที่ทำลายแล้วพร้อมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาสมุดบัญชีส่งทางไปรษณีย์ หากไม่ดำเนินการในอีก 120 วันจะหักแต้ม และหักค่ารักษาบัญชีจนหมด บัตรสมาร์ทเพิร์ส เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2548 โดยใช้ชื่อว่า "บัตรเชื่อมรัก" ของเคาน์เตอร์เซอร์วิส ใช้สำหรับส่งและรับเงินระหว่างกันที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เข้าร่วมโครงการ 1,000 สาขา ตลอด 24 ชั่วโมง คิดค่าบริการครั้งละ 20 บาท กระทั่งวันที่ 15 ธ.ค. 2548 จึงได้เริ่มให้บริการบัตรสมาร์ทเพิร์ส นำร่องร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,500 สาขา ก่อนทยอยเปิดครบทุกสาขาในปี 2549 โดยบัตรจำหน่ายราคาใบละ 250 บาท เติมเงินขั้นต่ำ 50 บาท สูงสุด 10,000 บาท ผ่านไปปีแรก ในปี 2549 มีผู้ถือบัตรมากถึง 1.1 ล้านใบ และร้านค้ารับบัตร 7,000 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีบัตรโคแบรนด์ที่ออกร่วมกับภาคเอกชน ร้านค้า สถานศึกษา มากกว่า 100 องค์กร และยังมีบัตรที่ออกร่วมกับธนาคาร เช่น บัตรเอทีเอ็มซีไอเอ็มบีไทย สมาร์ทพอยต์ ร่วมกับธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บัตรเค-เดบิต เซเว่นพอยต์ ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย แต่เป็นไปในลักษณะแยกกันคนละกระเป๋าเงิน ได้แก่ กระเป๋าเงินสมาร์ทเพิร์ส กับบัญชีธนาคาร กระทั่งเปิดตัวบัตรสมาชิก All Member ไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2562 จังหวะนั้นเอง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ก็เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จํากัด จากผู้ถือหุ้นอื่นทุกราย เพื่อย้ายฐานสมาชิกบัตร 7-Card ไปเป็น ALL Member อิทธิพลของดิจิทัลดิสรัปชัน โดยเฉพาะโมบายเพย์เมนต์ อีกทั้งร้านค้าต่างทยอยยกเลิกรับบัตรสมาร์ทเพิร์ส เหลือร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่ยังรับบัตรอยู่ ขณะนั้นมีฐานสมาชิกบัตรที่ยังไม่หมดอายุกว่า 3 ล้านใบ และมีบัตรที่ใช้งานต่อเนื่อง 1.5 ล้านใบต่อเดือน แต่ระหว่างนั้นเซเว่นอีเลฟเว่นหันมาทำการตลาดกับทรูมันนี่วอลเล็ต ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney และ 7-App แทน กระทั่งวันสุดท้ายของบัตรใบนี้ก็มาถึง นับเป็นการปิดตำนานบัตรที่ใช้จ่ายแทนเงินสดในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอย่างถาวร หลังจากให้บริการมานาน 20 ปี #Newskit #SmartPurse #7Card
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สนับสนุนนาโต้ของยูเครนรายงานว่า กลัวว่าจะไม่มีเงินเหลือพอที่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับสงครามตัวแทนต่อต้านรัสเซียจนถึงปี ๒๐๒๕

    การส่งอาวุธให้ยูเครนอย่างต่อเนื่องนั้นมีความเสี่ยง เนื่องจากผู้สนับสนุนนาโต้รายใหญ่ของระบอบเซเลนสกีขาดเงินทุนอย่างเร่งด่วน, แหล่งข่าววงในนโยบายบอกกับบลูมเบิร์ก

    สิ่งที่เป็นเดิมพันคือข้อตกลงเงินกู้มูลค่า ๕ หมื่นล้านดอลลาร์ ที่สร้างความขัดแย้งขึ้นจากกำไรของสินทรัพย์ของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารตะวันตก, ซึ่งรายงานระบุว่าวอชิงตันกลัวว่าฮังการีอาจปิดกั้นหรือลดจำนวนลง แม้แต่จำนวนเงินนั้นก็เพียงพอที่จะให้เคียฟมีเสบียงสำหรับสงครามได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น

    นั่นยังไม่นับรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของเคียฟ, ซึ่งรวมถึงช่องว่างที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ๓๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ในงบประมาณปี ๒๐๒๕, ซึ่งอีกประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ยังไม่สามารถนำมาคำนวณได้ หลังจากใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและสหภาพยุโรป การขาดดุลดังกล่าวอาจผลักดันให้เคียฟเข้าสู่การเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ‘จากจุดยืนที่อ่อนแอ’, แหล่งข่าวของ Bloomberg ระบุ

    ดูเหมือนว่าเคียฟจะประสบปัญหาในการโน้มน้าวใจผู้สนับสนุนให้ยังคงควักเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้ออาวุธสำหรับความขัดแย้ง เนื่องจากการผลิตอาวุธของรัสเซียที่เพิ่มขึ้น "เกินหน้า" ผลผลิตรวมของชาติตะวันตก

    จากนั้นยังมีแรงกดดันต่อเซเลนสกีว่า คาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องใช้มาตรการนี้, หากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี, 🤣และสถานะที่ขัดสนเงินสดของเยอรมนี, ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่เป็นอันดับสองของยูเครน รองจากสหรัฐอเมริกา, ซึ่งข้อจำกัดด้านหนี้ตามรัฐธรรมนูญได้ส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนไปแล้ว ในขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจกำลังแผ่กระจายไปทั่วฝรั่งเศส, อิตาลี, และสหราชอาณาจักร, ประเทศเหล่านี้อาจลดความช่วยเหลือลงเช่นกัน, แม้ว่ารัฐบาลสตาร์เมอร์จะให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเคียฟอย่างเต็มที่ต่อไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในด้านงบประมาณภายในประเทศก็ตาม🤣

    วิกฤตการณ์ด้านความช่วยเหลือเป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่โอกาสในสนามรบของเคียฟต้องเผชิญความท้าทายจากความลังเลใจของผู้สนับสนุนที่จะควักเงินเพิ่ม ในเดือนเมษายน, สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้ผ่านแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมูลค่า ๔๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน หลังจากเกิดความขัดแย้งกันนาน ๖ เดือน จากวิกฤตที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ
    .
    Ukraine’s NATO patrons reportedly fear running out of money to fuel anti-Russia proxy war into 2025

    The continued delivery of weaponry to Ukraine is at risk due to a pressing lack of funds among the Zelensky regime’s top NATO sponsors, policy insiders have told Bloomberg.

    At stake is a controversial $50 billion loan agreement generated by the profits of Russian Central Bank assets frozen in Western banks, which Washington reportedly fears could be blocked by Hungary or whittled down. Even that sum would be enough to keep Kiev stocked up on war materiel for only half the year.

    That’s not counting Kiev’s economic situation, including a projected $35 billion gap in the 2025 budget, about $15 billion of which has yet to be accounted for after IMF and EU subsidies are applied. The shortfall could push Kiev into peace talks with Russia ‘from a position of weakness’, Bloomberg’s sources indicated.

    Kiev is apparently also having a hard time convincing patrons to continue shelling out tens of billions of dollars worth of arms for the conflict as ramped-up Russian production “outpaces” the combined output of the collective West.

    Then there is the pressure on Zelensky that Donald Trump is expected to apply, should he win the White House, and the cash-poor position of Germany, Ukraine’s second-largest sponsor after the US, whose constitutional debt restrictions have already affected support. As economic troubles sweep over France, Italy, and the UK, these countries may similarly reduce assistance, although the Starmer government has vowed to continue backing Kiev up to the hilt despite hard budgetary choices to make at home.

    The aid crunch is the second time this year that Kiev’s battlefield prospects have been challenged by its patrons’ reluctance to fork over more cash. In April, the Republican-held House of Representatives passed a $48 billion package of security aid for Ukraine after a six-month deadlock connected to the crisis at the US’s southern border.
    .
    11:29 PM · Sep 27, 2024 · 1,960 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1839703912816783372
    ผู้สนับสนุนนาโต้ของยูเครนรายงานว่า กลัวว่าจะไม่มีเงินเหลือพอที่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับสงครามตัวแทนต่อต้านรัสเซียจนถึงปี ๒๐๒๕ การส่งอาวุธให้ยูเครนอย่างต่อเนื่องนั้นมีความเสี่ยง เนื่องจากผู้สนับสนุนนาโต้รายใหญ่ของระบอบเซเลนสกีขาดเงินทุนอย่างเร่งด่วน, แหล่งข่าววงในนโยบายบอกกับบลูมเบิร์ก สิ่งที่เป็นเดิมพันคือข้อตกลงเงินกู้มูลค่า ๕ หมื่นล้านดอลลาร์ ที่สร้างความขัดแย้งขึ้นจากกำไรของสินทรัพย์ของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารตะวันตก, ซึ่งรายงานระบุว่าวอชิงตันกลัวว่าฮังการีอาจปิดกั้นหรือลดจำนวนลง แม้แต่จำนวนเงินนั้นก็เพียงพอที่จะให้เคียฟมีเสบียงสำหรับสงครามได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น นั่นยังไม่นับรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของเคียฟ, ซึ่งรวมถึงช่องว่างที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ๓๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ในงบประมาณปี ๒๐๒๕, ซึ่งอีกประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ยังไม่สามารถนำมาคำนวณได้ หลังจากใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและสหภาพยุโรป การขาดดุลดังกล่าวอาจผลักดันให้เคียฟเข้าสู่การเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ‘จากจุดยืนที่อ่อนแอ’, แหล่งข่าวของ Bloomberg ระบุ ดูเหมือนว่าเคียฟจะประสบปัญหาในการโน้มน้าวใจผู้สนับสนุนให้ยังคงควักเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้ออาวุธสำหรับความขัดแย้ง เนื่องจากการผลิตอาวุธของรัสเซียที่เพิ่มขึ้น "เกินหน้า" ผลผลิตรวมของชาติตะวันตก จากนั้นยังมีแรงกดดันต่อเซเลนสกีว่า คาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องใช้มาตรการนี้, หากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี, 🤣และสถานะที่ขัดสนเงินสดของเยอรมนี, ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่เป็นอันดับสองของยูเครน รองจากสหรัฐอเมริกา, ซึ่งข้อจำกัดด้านหนี้ตามรัฐธรรมนูญได้ส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนไปแล้ว ในขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจกำลังแผ่กระจายไปทั่วฝรั่งเศส, อิตาลี, และสหราชอาณาจักร, ประเทศเหล่านี้อาจลดความช่วยเหลือลงเช่นกัน, แม้ว่ารัฐบาลสตาร์เมอร์จะให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเคียฟอย่างเต็มที่ต่อไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในด้านงบประมาณภายในประเทศก็ตาม🤣 วิกฤตการณ์ด้านความช่วยเหลือเป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่โอกาสในสนามรบของเคียฟต้องเผชิญความท้าทายจากความลังเลใจของผู้สนับสนุนที่จะควักเงินเพิ่ม ในเดือนเมษายน, สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้ผ่านแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมูลค่า ๔๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน หลังจากเกิดความขัดแย้งกันนาน ๖ เดือน จากวิกฤตที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ . Ukraine’s NATO patrons reportedly fear running out of money to fuel anti-Russia proxy war into 2025 The continued delivery of weaponry to Ukraine is at risk due to a pressing lack of funds among the Zelensky regime’s top NATO sponsors, policy insiders have told Bloomberg. At stake is a controversial $50 billion loan agreement generated by the profits of Russian Central Bank assets frozen in Western banks, which Washington reportedly fears could be blocked by Hungary or whittled down. Even that sum would be enough to keep Kiev stocked up on war materiel for only half the year. That’s not counting Kiev’s economic situation, including a projected $35 billion gap in the 2025 budget, about $15 billion of which has yet to be accounted for after IMF and EU subsidies are applied. The shortfall could push Kiev into peace talks with Russia ‘from a position of weakness’, Bloomberg’s sources indicated. Kiev is apparently also having a hard time convincing patrons to continue shelling out tens of billions of dollars worth of arms for the conflict as ramped-up Russian production “outpaces” the combined output of the collective West. Then there is the pressure on Zelensky that Donald Trump is expected to apply, should he win the White House, and the cash-poor position of Germany, Ukraine’s second-largest sponsor after the US, whose constitutional debt restrictions have already affected support. As economic troubles sweep over France, Italy, and the UK, these countries may similarly reduce assistance, although the Starmer government has vowed to continue backing Kiev up to the hilt despite hard budgetary choices to make at home. The aid crunch is the second time this year that Kiev’s battlefield prospects have been challenged by its patrons’ reluctance to fork over more cash. In April, the Republican-held House of Representatives passed a $48 billion package of security aid for Ukraine after a six-month deadlock connected to the crisis at the US’s southern border. . 11:29 PM · Sep 27, 2024 · 1,960 Views https://x.com/SputnikInt/status/1839703912816783372
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ใหม่แต่แปลก เซเว่นฯ สแกนจ่ายได้

    การเปิดทดลองชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด My Prompt QR ผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 480 สาขา หลังเฟซบุ๊ก "ผู้บริโภค" ทดสอบเมื่อเช้าวันที่ 27 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้บริโภค เพราะทราบกันดีว่า ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาอันดับ 1 ในไทย ไม่รับสแกนจ่าย แตกต่างจากร้านสะดวกซื้อรายอื่น อาทิ โลตัสโกเฟรช บิ๊กซีมินิ ซีเจเอ็กซ์เพรส ท็อปส์เดลี่ ลอว์สัน 108 เทอร์เทิล และร้านถุงเงินที่ขายของชำ สแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคารได้ตั้งนานแล้ว

    ถึงกระนั้น สาขาที่ใช้บริการได้ ห่างไกลจากจำนวนสาขารวม 14,854 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้ง QR Code ที่สแกนจ่าย เป็นบริการ My Prompt QR ที่ให้ร้านค้าสแกนคิวอาร์โค้ดของลูกค้า รองรับเฉพาะแอปพลิเคชัน 5 ธนาคาร ได้แก่ K PLUS (ธนาคารกสิกรไทย) SCB Easy (ธนาคารไทยพาณิชย์) Krungthai NEXT (ธนาคารกรุงไทย) Bangkok Bank (ธนาคารกรุงเทพ) และ KMA (ธนาคารกรุงศรี) ซึ่งที่ผ่านมาได้นำมาใช้กับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 7-Eleven มาแล้ว

    น่าเสียดาย เมื่อสอบถามไปยังสำนักบริหารการสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กลับได้รับคำตอบว่า รับทราบข้อมูล "เท่าที่เห็น" ในสื่อสังคมออนไลน์ขณะนี้ เพิ่งเปิดทดลองให้บริการเท่านั้น

    ปัจจุบัน ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นนอกจากรับชำระด้วยเงินสดแล้ว ยังมีแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet และ 7-App ทั้งรูปแบบเงินในวอลเล็ต ผูกกับบัตรเครดิต บัญชี My Saving รวมทั้งรับชำระผ่านบัตรเครดิต ขั้นต่ำ 200 บาท และอี-วอลเล็ทจากต่างประเทศ 13 แอปพลิเคชันในเครือข่าย Alipay+ แต่สำหรับบัตร 7-Card หรือบัตรสมาร์ทเพิร์ส ซึ่งใช้มาตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2548 กำลังจะยกเลิกให้บริการ โดยสมาชิกบัตรสามารถใช้เงินภายในบัตรได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568

    ที่ผ่านมา เซเว่นอีเลฟเว่นเน้นทำการตลาดกับผู้ใช้งาน TrueMoney Wallet เป็นหลัก แต่ไม่มีสแกนจ่าย เมื่อเทียบกับร้านสะดวกซื้อรายอื่น โดยเฉพาะซีเจเอ็กซ์เพรส ของกลุ่มคาราบาวกรุ๊ป กว่า 1,000 สาขา พบว่ามีหลายสาขาเปิดแข่งกัน นอกจากสินค้าราคาถูกกว่าแล้ว ยังสแกนจ่ายได้ไม่มีขั้นต่ำ กลายเป็นข้อเปรียบเทียบกับเซเว่นอีเลฟเว่น ที่กลับไม่มีตรงนี้

    ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในปี 2566 มีการโอนเงินและการชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ 19,900 ล้านครั้ง และธุรกรรมการชำระเงินผ่าน QR payment 5,700 ล้านครั้ง ซึ่งโมบายแบงกิ้งมีเจ้าตลาดหลักอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย พบว่าในปี 2566 มีลูกค้าใช้งานมากถึง 21.7 ล้านราย และมีจำนวนธุรกรรมมากกว่า 9,600 ล้านธุรกรรม

    #Newskit #เซเว่นอีเลฟเว่น #สแกนจ่าย
    ไม่ใหม่แต่แปลก เซเว่นฯ สแกนจ่ายได้ การเปิดทดลองชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด My Prompt QR ผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 480 สาขา หลังเฟซบุ๊ก "ผู้บริโภค" ทดสอบเมื่อเช้าวันที่ 27 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้บริโภค เพราะทราบกันดีว่า ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาอันดับ 1 ในไทย ไม่รับสแกนจ่าย แตกต่างจากร้านสะดวกซื้อรายอื่น อาทิ โลตัสโกเฟรช บิ๊กซีมินิ ซีเจเอ็กซ์เพรส ท็อปส์เดลี่ ลอว์สัน 108 เทอร์เทิล และร้านถุงเงินที่ขายของชำ สแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคารได้ตั้งนานแล้ว ถึงกระนั้น สาขาที่ใช้บริการได้ ห่างไกลจากจำนวนสาขารวม 14,854 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้ง QR Code ที่สแกนจ่าย เป็นบริการ My Prompt QR ที่ให้ร้านค้าสแกนคิวอาร์โค้ดของลูกค้า รองรับเฉพาะแอปพลิเคชัน 5 ธนาคาร ได้แก่ K PLUS (ธนาคารกสิกรไทย) SCB Easy (ธนาคารไทยพาณิชย์) Krungthai NEXT (ธนาคารกรุงไทย) Bangkok Bank (ธนาคารกรุงเทพ) และ KMA (ธนาคารกรุงศรี) ซึ่งที่ผ่านมาได้นำมาใช้กับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 7-Eleven มาแล้ว น่าเสียดาย เมื่อสอบถามไปยังสำนักบริหารการสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กลับได้รับคำตอบว่า รับทราบข้อมูล "เท่าที่เห็น" ในสื่อสังคมออนไลน์ขณะนี้ เพิ่งเปิดทดลองให้บริการเท่านั้น ปัจจุบัน ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นนอกจากรับชำระด้วยเงินสดแล้ว ยังมีแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet และ 7-App ทั้งรูปแบบเงินในวอลเล็ต ผูกกับบัตรเครดิต บัญชี My Saving รวมทั้งรับชำระผ่านบัตรเครดิต ขั้นต่ำ 200 บาท และอี-วอลเล็ทจากต่างประเทศ 13 แอปพลิเคชันในเครือข่าย Alipay+ แต่สำหรับบัตร 7-Card หรือบัตรสมาร์ทเพิร์ส ซึ่งใช้มาตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2548 กำลังจะยกเลิกให้บริการ โดยสมาชิกบัตรสามารถใช้เงินภายในบัตรได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา เซเว่นอีเลฟเว่นเน้นทำการตลาดกับผู้ใช้งาน TrueMoney Wallet เป็นหลัก แต่ไม่มีสแกนจ่าย เมื่อเทียบกับร้านสะดวกซื้อรายอื่น โดยเฉพาะซีเจเอ็กซ์เพรส ของกลุ่มคาราบาวกรุ๊ป กว่า 1,000 สาขา พบว่ามีหลายสาขาเปิดแข่งกัน นอกจากสินค้าราคาถูกกว่าแล้ว ยังสแกนจ่ายได้ไม่มีขั้นต่ำ กลายเป็นข้อเปรียบเทียบกับเซเว่นอีเลฟเว่น ที่กลับไม่มีตรงนี้ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในปี 2566 มีการโอนเงินและการชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ 19,900 ล้านครั้ง และธุรกรรมการชำระเงินผ่าน QR payment 5,700 ล้านครั้ง ซึ่งโมบายแบงกิ้งมีเจ้าตลาดหลักอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย พบว่าในปี 2566 มีลูกค้าใช้งานมากถึง 21.7 ล้านราย และมีจำนวนธุรกรรมมากกว่า 9,600 ล้านธุรกรรม #Newskit #เซเว่นอีเลฟเว่น #สแกนจ่าย
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..แอปนี้กำลังถูกโจมตีจากเดอะแก๊งท่านลอร์ดมั้ยนะ รู้สึกมีปัญหาแล้ว
    ..จริงๆต้องให้เครดิตรัฐฐะชุดนี้นะ,ถ้าไม่ทำก็ไม่แจกหรอก พอดีคุยเป็นนโยบายแล้วเลยเสียไม่ได้,ดันต่อก็คุกทั้งครม.และคณะบริหารเพราะเรื่องที่แฉกันไว้มันตรึม,แบงค์ชาติยิ่งคัดค้านหัวชนฝา บาทคอยน์อินทนนท์มีทองคำค้ำประกันแต่เหรียญคริปโตฯโทเคนนี้ไร้ที่มา&ขาดทุนมาจากไหนมิรู้จะชุบให้มีราคาในไทยก็ว่า,ค่าคอมฯไป&กลับ6%โน้น,สาระพัดอื่นๆอีก,แอปก็ไม่ปลอดภัยแฮ๊กเกอร์ดักข้อมูลประชาชนสบายๆอีกดูดๆสบายๆก็ว่า,ท่านลอร์ดแม้มอบจะจัดการให้คนไทยรับรู้ความเป็นทาสให้รวดเร็วผ่านตังดิจิดัลนี้เพื่ออนาคตจะครองทาสทั้งโลกได้เบ็ดเสร็จผ่านการควบคุมจากตังดิจิดัลนี้ก็ว่า,เจตนาแรกอาจชั่วและเลว,ถูกบีบให้มาทำดีก็ดีต่อประชาชนล่ะ,เยียวยาตรงจุดเหมาะสม สมเหตุสมผลแล้ว แบงค์ชาติและคนอื่นๆก็เห็นด้วยและอนุมัตหากแจกเป็นเงินสด.
    ..อย่าไปห่วงเลยว่าหนี้สาธารณะหนี้ครัวเรือนหนี้สาระพัดใดๆจะมากมายขนาดไหน สุดท้ายใครปกครองมาบริหารต้องรับผิดชอบเต็มๆมีมั้ยโยนขี้ให้คนบริหารหรือรัฐบาลเก่าที่สร้างหนี้เอาไว้มึงต้องมารับผิดชอบด้วย เพราะห่านี้หนีเข้ากรอบเมฆเลย ลอยตัวด้วยที่สร้างความระยำไว้ต่อเนื่องสะสมมาถึงปัจจุบัน.
    ..โดยหน้าที่คือความรับผิดชอบต้องสร้างรายได้และปกป้องประเทศให้ปลอดภัยจากภัยศัตรูรอบด้านและต่างชาติชั่วเลวรอบโลกที่หมายยึดไทย ปล้นจี้ข่มขืนอิสระภาพเสรีแผ่นดินไทย กดขี่อธิปไตยคนไทย,แบบUNสั่งแผ่นดินไทยต้องรับคนพม่ามาเลี้ยงดูบนแผ่นดินไทยนะนี้คือคำสั่งมันว่า.
    ..คนไทยถ้าสร้างกลุ่มจัดตั้งกองทัพภาคประชาชนจริงจัง ยึดอำนาจแบบพันธมิตรเสื้อเหลืองทำไม่เสด็จน้ำ ไม่เด็ดขาดสิ้นซากในอดีตด้วยกำลังใจคนพร้อมสุดเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงได้อาจยึดคืนบ่อน้ำมันคืนมาทั้งประเทศด้วย ได้คืนทรัพยากรมีค่ามากมายกลับคืนทั้งหมดด้วย ไล่ต่างชาติเลวออกไปได้อย่างสบายอีก,แต่หน้าผิดหวังที่ไม่ทำ ต่อยอดจนสุเทพมาทำยึดอำนาจโดยลุงเสียและเสียของด้วย,ทิ้งท้ายไปอนุมัตสัมปทานอ่าวไทยสองแปลงให้ต่างชาติมาทำปิโตรเลียมอีกโน้น บ่อทองคำก็ให้ทำต่ออีก.,เสียของจริงๆไม่นับรวมผูกขาดเมล็ดพันธุ์ความมั่นคงทางอาหารให้แก่เอกชนนะ ประชาชนไม่ยอม พรบ.นั้นจึงตกไป ,พรบ.500กว่าฉบับยุคยึดอำนาจ ไม่รู้เลยว่าไส้ในมันดีจริงต่ออธิปไตยแผ่นดินไทยมั้ย จนลุงได้รับเลือกตั้งอีกสมัย,จนเช่าที่ดิน เช่าคอนโด99ปีมันสำเร็จแก่ต่าวชาติโน้น.,
    ..แจกตังแค่นี้ถือว่าไม่มากอะไรเลย แสนกว่าล้าน เทียบกับอธิปไตยทางทรัพยากรมีค่าที่ถูกโกง&ปล้นไปโดยการสุมหัวกันทั้งนักการเมืองไทยทั้งข้าราชการไทยที่เลวๆชั่วๆสันดานปกติจริตนิสัยตามDNAโคตรวงศ์ตระกูลสืบสันดานกันมาปกติคงไม่แปลกใจนักว่าชาติไทยเราจะมั่นคงในการทำให้ยากจนมั่นคงดักดานยั่งยืนได้ขนาดนี้.
    ..คนไทยยึดคือบ่อน้ำมันบ่อทองคำได้แค่สองอย่างนี้ก่อน มีพลิกฟื้นฟูสู่ความร่ำรวยทุกๆคนอย่างแน่นอน,อเมริกาอนาคตอาจจ่ายUBIคนอเมริกากว่า100,000ถึง300,000$ต่อเดือนโน้น ถ้าตึกWTCตึกแฝดไม่ถล่มนะคนอเมริกาคุยว่าแบบนี้,ตีเป็นเงินไทยคือ40฿:1$เลยแบบอ่อนค่าไว้ก่อน,ก็4,000,000-12,000,000บาทต่อเดือนเลยนะ,ไทยเราขอแค่UBIที่25,000บาทต่อเดือนเองถือว่าน้อยมาก,อัดโครงการเศรษฐกิจสมถะพอเพียงอีก,พึ่งพาตนเองคู่ศีลธรรมทางจิตวิญญาณโคตรๆเลย,อย่างน้อยมีรายรับเข้าทุกๆเดือนอาวุธพร้อมกระสุนพร้อม ทั้งรุกทั้งรับ&ป้องกันได้สบาย ใครจะซื้อหาปลูก&เลี้ยงอะไรเพื่อปากท้องก่อนเหลือแบ่งปันจนขายสร้างตังเข้าตนเองได้หมด,แต่ปัจจุบันคนไทยไม่มีตังจะซื้ออะไรทำแบบที่ว่าได้ไง,ร้องขอผีบ้าจากรัฐบาลจากนักปกครองที่ขลาดโง่ให้เขามายึดครองแหล่งทำตังตนเองแบบบ่อน้ำมันเอบบ่อทองคำเอยได้อย่างง่ายดายถือว่ากาก&กระจอกมากจนถึงปัจจุบันทำให้โมฆะยังไม่ได้ที่ปล้นเราไปเสมือนได้ฟรีๆเลยก็ว่า,
    ..คนไทยจึงเสมือนว่าถูกทำให้ยากจนจึงไม่ผิดไปจากความจริง,รับเศษตังเศษเงินแบบนี้ ซึ่งทุกๆคนไทยเราสมควรร่ำรวยมั่งคั่งกันทุกๆคนนานแล้ว.
    ..แอปนี้กำลังถูกโจมตีจากเดอะแก๊งท่านลอร์ดมั้ยนะ รู้สึกมีปัญหาแล้ว ..จริงๆต้องให้เครดิตรัฐฐะชุดนี้นะ,ถ้าไม่ทำก็ไม่แจกหรอก พอดีคุยเป็นนโยบายแล้วเลยเสียไม่ได้,ดันต่อก็คุกทั้งครม.และคณะบริหารเพราะเรื่องที่แฉกันไว้มันตรึม,แบงค์ชาติยิ่งคัดค้านหัวชนฝา บาทคอยน์อินทนนท์มีทองคำค้ำประกันแต่เหรียญคริปโตฯโทเคนนี้ไร้ที่มา&ขาดทุนมาจากไหนมิรู้จะชุบให้มีราคาในไทยก็ว่า,ค่าคอมฯไป&กลับ6%โน้น,สาระพัดอื่นๆอีก,แอปก็ไม่ปลอดภัยแฮ๊กเกอร์ดักข้อมูลประชาชนสบายๆอีกดูดๆสบายๆก็ว่า,ท่านลอร์ดแม้มอบจะจัดการให้คนไทยรับรู้ความเป็นทาสให้รวดเร็วผ่านตังดิจิดัลนี้เพื่ออนาคตจะครองทาสทั้งโลกได้เบ็ดเสร็จผ่านการควบคุมจากตังดิจิดัลนี้ก็ว่า,เจตนาแรกอาจชั่วและเลว,ถูกบีบให้มาทำดีก็ดีต่อประชาชนล่ะ,เยียวยาตรงจุดเหมาะสม สมเหตุสมผลแล้ว แบงค์ชาติและคนอื่นๆก็เห็นด้วยและอนุมัตหากแจกเป็นเงินสด. ..อย่าไปห่วงเลยว่าหนี้สาธารณะหนี้ครัวเรือนหนี้สาระพัดใดๆจะมากมายขนาดไหน สุดท้ายใครปกครองมาบริหารต้องรับผิดชอบเต็มๆมีมั้ยโยนขี้ให้คนบริหารหรือรัฐบาลเก่าที่สร้างหนี้เอาไว้มึงต้องมารับผิดชอบด้วย เพราะห่านี้หนีเข้ากรอบเมฆเลย ลอยตัวด้วยที่สร้างความระยำไว้ต่อเนื่องสะสมมาถึงปัจจุบัน. ..โดยหน้าที่คือความรับผิดชอบต้องสร้างรายได้และปกป้องประเทศให้ปลอดภัยจากภัยศัตรูรอบด้านและต่างชาติชั่วเลวรอบโลกที่หมายยึดไทย ปล้นจี้ข่มขืนอิสระภาพเสรีแผ่นดินไทย กดขี่อธิปไตยคนไทย,แบบUNสั่งแผ่นดินไทยต้องรับคนพม่ามาเลี้ยงดูบนแผ่นดินไทยนะนี้คือคำสั่งมันว่า. ..คนไทยถ้าสร้างกลุ่มจัดตั้งกองทัพภาคประชาชนจริงจัง ยึดอำนาจแบบพันธมิตรเสื้อเหลืองทำไม่เสด็จน้ำ ไม่เด็ดขาดสิ้นซากในอดีตด้วยกำลังใจคนพร้อมสุดเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงได้อาจยึดคืนบ่อน้ำมันคืนมาทั้งประเทศด้วย ได้คืนทรัพยากรมีค่ามากมายกลับคืนทั้งหมดด้วย ไล่ต่างชาติเลวออกไปได้อย่างสบายอีก,แต่หน้าผิดหวังที่ไม่ทำ ต่อยอดจนสุเทพมาทำยึดอำนาจโดยลุงเสียและเสียของด้วย,ทิ้งท้ายไปอนุมัตสัมปทานอ่าวไทยสองแปลงให้ต่างชาติมาทำปิโตรเลียมอีกโน้น บ่อทองคำก็ให้ทำต่ออีก.,เสียของจริงๆไม่นับรวมผูกขาดเมล็ดพันธุ์ความมั่นคงทางอาหารให้แก่เอกชนนะ ประชาชนไม่ยอม พรบ.นั้นจึงตกไป ,พรบ.500กว่าฉบับยุคยึดอำนาจ ไม่รู้เลยว่าไส้ในมันดีจริงต่ออธิปไตยแผ่นดินไทยมั้ย จนลุงได้รับเลือกตั้งอีกสมัย,จนเช่าที่ดิน เช่าคอนโด99ปีมันสำเร็จแก่ต่าวชาติโน้น., ..แจกตังแค่นี้ถือว่าไม่มากอะไรเลย แสนกว่าล้าน เทียบกับอธิปไตยทางทรัพยากรมีค่าที่ถูกโกง&ปล้นไปโดยการสุมหัวกันทั้งนักการเมืองไทยทั้งข้าราชการไทยที่เลวๆชั่วๆสันดานปกติจริตนิสัยตามDNAโคตรวงศ์ตระกูลสืบสันดานกันมาปกติคงไม่แปลกใจนักว่าชาติไทยเราจะมั่นคงในการทำให้ยากจนมั่นคงดักดานยั่งยืนได้ขนาดนี้. ..คนไทยยึดคือบ่อน้ำมันบ่อทองคำได้แค่สองอย่างนี้ก่อน มีพลิกฟื้นฟูสู่ความร่ำรวยทุกๆคนอย่างแน่นอน,อเมริกาอนาคตอาจจ่ายUBIคนอเมริกากว่า100,000ถึง300,000$ต่อเดือนโน้น ถ้าตึกWTCตึกแฝดไม่ถล่มนะคนอเมริกาคุยว่าแบบนี้,ตีเป็นเงินไทยคือ40฿:1$เลยแบบอ่อนค่าไว้ก่อน,ก็4,000,000-12,000,000บาทต่อเดือนเลยนะ,ไทยเราขอแค่UBIที่25,000บาทต่อเดือนเองถือว่าน้อยมาก,อัดโครงการเศรษฐกิจสมถะพอเพียงอีก,พึ่งพาตนเองคู่ศีลธรรมทางจิตวิญญาณโคตรๆเลย,อย่างน้อยมีรายรับเข้าทุกๆเดือนอาวุธพร้อมกระสุนพร้อม ทั้งรุกทั้งรับ&ป้องกันได้สบาย ใครจะซื้อหาปลูก&เลี้ยงอะไรเพื่อปากท้องก่อนเหลือแบ่งปันจนขายสร้างตังเข้าตนเองได้หมด,แต่ปัจจุบันคนไทยไม่มีตังจะซื้ออะไรทำแบบที่ว่าได้ไง,ร้องขอผีบ้าจากรัฐบาลจากนักปกครองที่ขลาดโง่ให้เขามายึดครองแหล่งทำตังตนเองแบบบ่อน้ำมันเอบบ่อทองคำเอยได้อย่างง่ายดายถือว่ากาก&กระจอกมากจนถึงปัจจุบันทำให้โมฆะยังไม่ได้ที่ปล้นเราไปเสมือนได้ฟรีๆเลยก็ว่า, ..คนไทยจึงเสมือนว่าถูกทำให้ยากจนจึงไม่ผิดไปจากความจริง,รับเศษตังเศษเงินแบบนี้ ซึ่งทุกๆคนไทยเราสมควรร่ำรวยมั่งคั่งกันทุกๆคนนานแล้ว.
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 113 0 รีวิว
  • ปัจจุบันช่องทางการชำระเงินในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น นอกจากรับชำระด้วยเงินสดแล้ว ยังมีแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ทั้งรูปแบบเงินในวอลเล็ต ผูกกับบัตรเครดิต และบัญชี My Saving รวมทั้งรับชำระผ่านบัตรเครดิต ขั้นต่ำ 200 บาท และอี-วอลเล็ทจากต่างประเทศ 13 แอปพลิเคชัน ในเครือข่าย Alipay+

    https://sondhitalk.com/detail/9670000091007
    ปัจจุบันช่องทางการชำระเงินในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น นอกจากรับชำระด้วยเงินสดแล้ว ยังมีแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ทั้งรูปแบบเงินในวอลเล็ต ผูกกับบัตรเครดิต และบัญชี My Saving รวมทั้งรับชำระผ่านบัตรเครดิต ขั้นต่ำ 200 บาท และอี-วอลเล็ทจากต่างประเทศ 13 แอปพลิเคชัน ในเครือข่าย Alipay+ https://sondhitalk.com/detail/9670000091007
    SONDHITALK.COM
    เซเว่นฯ ทดลองสแกนจ่าย QR Code ผ่านแอปฯ ธนาคาร ก่อนใช้ทั่วประเทศเร็วๆ นี้
    วันนี้ (27 ก.ย.) สืบเนื่องมาจากเฟซบุ๊ก ผู้บริโภค ได้โพสต์ภาพขณะที่กำลังเปิดหน้าจอ Thai QR Payment ในเมนู QR จ่ายเงิน) บนแอปพลิเคชันธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อให้แคชเชียร์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ยิงคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน พร้อมข้อความในภ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 826 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สแกนจ่ายผ่านแอปฯ ธนาคารได้แล้ว
    .
    ร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดให้สแกนจ่ายเงินได้แล้วโดยไม่ต้องใช้เงินสด หรือแอปฯ ของร้าน ชาวเน็ตแซว บังเอิญมาก จังหวะพอดีต้อนรับเงินหมื่น
    .
    วันนี้ (27 ก.ย.) กลายเป็นประเด็นที่ฮือฮาอย่างมากในโซเซียล เน็ตเวิร์ก เมื่อแฟนเพจเฟซบุ๊ก “ผู้บริโภค” กล่าวถึงร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ของประเทศอย่างเซเว่นอีเลฟเว่น ที่เปิดให้สแกนจ่ายผ่านแอปธนาคารได้ โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือใช้แอปฯ ของเซเว่น ได้เผยแพร่โพสต์ “ฝันที่ไม่กล้าฝัน เซเว่นรับสแกนแล้วจ้า!!!” พร้อมระบุข้อความว่า “น้ำตาจะไหล #ผู้บริโภค ว่าไง”
    .
    คลิกอ่าน >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000090968
    ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สแกนจ่ายผ่านแอปฯ ธนาคารได้แล้ว . ร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดให้สแกนจ่ายเงินได้แล้วโดยไม่ต้องใช้เงินสด หรือแอปฯ ของร้าน ชาวเน็ตแซว บังเอิญมาก จังหวะพอดีต้อนรับเงินหมื่น . วันนี้ (27 ก.ย.) กลายเป็นประเด็นที่ฮือฮาอย่างมากในโซเซียล เน็ตเวิร์ก เมื่อแฟนเพจเฟซบุ๊ก “ผู้บริโภค” กล่าวถึงร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ของประเทศอย่างเซเว่นอีเลฟเว่น ที่เปิดให้สแกนจ่ายผ่านแอปธนาคารได้ โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือใช้แอปฯ ของเซเว่น ได้เผยแพร่โพสต์ “ฝันที่ไม่กล้าฝัน เซเว่นรับสแกนแล้วจ้า!!!” พร้อมระบุข้อความว่า “น้ำตาจะไหล #ผู้บริโภค ว่าไง” . คลิกอ่าน >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000090968
    MGRONLINE.COM
    วันนี้ที่รอคอย ผู้บริโภคฮือฮา ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สแกนจ่ายผ่านแอปฯ ธนาคารได้แล้ว ชาวเน็ตแซวต้อนรับเงินหมื่น
    ผู้บริโภคฮือฮา! ร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดให้สแกนจ่ายเงินได้แล้วโดยไม่ต้องใช้เงินสด หรือแอปฯ ของร้าน ชาวเน็ตแซว บังเอิญมาก จังหวะพอดีต้อนรับเงินหมื่นกลายเป็นประเด็นที่ฮือฮาอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อเฟซบุ๊กเพจผู้บริโภค กล
    Like
    22
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • found & found โออาร์จับธุรกิจความงาม

    ในขณะที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ตัดสินใจปิดตัวร้านไก่ทอด เท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ที่ขณะนี้มีไม่ถึง 100 สาขา ในวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่จะถึงนี้ อีกด้านหนึ่ง หันมาจับธุรกิจไลฟ์สไตล์ ด้วยการเปิดร้านฟาวด์ แอนด์ ฟาวด์ (found & found) ร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงาม สาขาแรกที่ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคาร B เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 ตามมาด้วยสาขาพีทีที สเตชั่น สายไหม 56 เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ต่อด้วยสาขาพีทีที สเตชั่น บรมราชชนนี 97 และสาขาล่าสุด โออาร์ สเปซ รามคำแหง 129

    ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด หรือ ORHW มีพันธมิตรหลักได้แก่ สุกิ โฮลดิ้งส์ (Suki Holdings) จากญี่ปุ่น และ คอนวี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (Konvy International) เจ้าของร้านขายเครื่องสำอางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมี นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศรีจันทร์สหโอสถ เจ้าของแบรนด์ SRICHAND เป็นกรรมการบริษัทอีกด้วย มีแผนเปิดให้บริการ 10 สาขาภายในปี 2567 และขยายเป็น 500 สาขาภายในปี 2573 เน้นไปที่พีทีที สเตชั่น และคอมมูนิตี้มอลล์

    สำหรับร้านฟาวด์ แอนด์ ฟาวด์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามจากประเทศไทย รวมทั้งนำเข้าจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อาทิ เครื่องสำอาง สกินแคร์ อาหารเสริม และวิตามิน จัดวางสินค้าตามการดูแลผิว 5 ขั้นตอน ได้แก่ การทำความสะอาดผิว (Cleanse) การเตรียมผิว (Prep) การบำรุงผิว (Treat) การเติมผิวให้ชุ่มชื้น (Moisturize) และการป้องกันผิว (Protect) พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม หรือ บีเอ (Beauty Advisor) ให้คำปรึกษาและแนะนำผลิตภัณฑ์

    ส่วนสมาชิกบลูพลัส (blueplus+) ที่มีมากกว่า 8 ล้านราย สามารถสมัครสมาชิกผ่านไลน์ @foundnfound ของทางร้าน แล้วเชื่อมต่อระบบสมาชิกเพื่อสะสมคะแนนผ่านการแจ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ ยอดซื้อทุก 25 บาทรับคะแนนสะสม 1 คะแนน และคะแนนสะสมบลูพลัสทุก 100 คะแนน มีมูลค่าแทนส่วนลดเงินสด 20 บาท นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันพิเศษในแอปพลิเคชัน xplORe อีกด้วย

    ปัจจุบันการแข่งขันร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงามมีวัตสัน (Watsons) เป็นเจ้าตลาดในไทยด้วยจำนวนกว่า 700 สาขา ตามมาด้วยบู๊ทส์ (Boots) ราว 280 สาขา นอกจากนี้ยังมีกลุ่มค้าปลีกชิงส่วนแบ่งตลาด อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล มีร้านมัทสึคิโยะ (Matsukiyo) และแผนกลุกส์ (LOOKS) ในท็อปส์ เครือสหพัฒน์มีร้านซูรูฮะ (Tsuruha) และซีเจ เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป มีร้านเครื่องสำอางไนน์บิวตี้ (NINE Beauty) เป็นต้น

    #Newskit #foundnfound #OR
    found & found โออาร์จับธุรกิจความงาม ในขณะที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ ตัดสินใจปิดตัวร้านไก่ทอด เท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ที่ขณะนี้มีไม่ถึง 100 สาขา ในวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่จะถึงนี้ อีกด้านหนึ่ง หันมาจับธุรกิจไลฟ์สไตล์ ด้วยการเปิดร้านฟาวด์ แอนด์ ฟาวด์ (found & found) ร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงาม สาขาแรกที่ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคาร B เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 ตามมาด้วยสาขาพีทีที สเตชั่น สายไหม 56 เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ต่อด้วยสาขาพีทีที สเตชั่น บรมราชชนนี 97 และสาขาล่าสุด โออาร์ สเปซ รามคำแหง 129 ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด หรือ ORHW มีพันธมิตรหลักได้แก่ สุกิ โฮลดิ้งส์ (Suki Holdings) จากญี่ปุ่น และ คอนวี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (Konvy International) เจ้าของร้านขายเครื่องสำอางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมี นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศรีจันทร์สหโอสถ เจ้าของแบรนด์ SRICHAND เป็นกรรมการบริษัทอีกด้วย มีแผนเปิดให้บริการ 10 สาขาภายในปี 2567 และขยายเป็น 500 สาขาภายในปี 2573 เน้นไปที่พีทีที สเตชั่น และคอมมูนิตี้มอลล์ สำหรับร้านฟาวด์ แอนด์ ฟาวด์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามจากประเทศไทย รวมทั้งนำเข้าจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อาทิ เครื่องสำอาง สกินแคร์ อาหารเสริม และวิตามิน จัดวางสินค้าตามการดูแลผิว 5 ขั้นตอน ได้แก่ การทำความสะอาดผิว (Cleanse) การเตรียมผิว (Prep) การบำรุงผิว (Treat) การเติมผิวให้ชุ่มชื้น (Moisturize) และการป้องกันผิว (Protect) พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม หรือ บีเอ (Beauty Advisor) ให้คำปรึกษาและแนะนำผลิตภัณฑ์ ส่วนสมาชิกบลูพลัส (blueplus+) ที่มีมากกว่า 8 ล้านราย สามารถสมัครสมาชิกผ่านไลน์ @foundnfound ของทางร้าน แล้วเชื่อมต่อระบบสมาชิกเพื่อสะสมคะแนนผ่านการแจ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ ยอดซื้อทุก 25 บาทรับคะแนนสะสม 1 คะแนน และคะแนนสะสมบลูพลัสทุก 100 คะแนน มีมูลค่าแทนส่วนลดเงินสด 20 บาท นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันพิเศษในแอปพลิเคชัน xplORe อีกด้วย ปัจจุบันการแข่งขันร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงามมีวัตสัน (Watsons) เป็นเจ้าตลาดในไทยด้วยจำนวนกว่า 700 สาขา ตามมาด้วยบู๊ทส์ (Boots) ราว 280 สาขา นอกจากนี้ยังมีกลุ่มค้าปลีกชิงส่วนแบ่งตลาด อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล มีร้านมัทสึคิโยะ (Matsukiyo) และแผนกลุกส์ (LOOKS) ในท็อปส์ เครือสหพัฒน์มีร้านซูรูฮะ (Tsuruha) และซีเจ เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป มีร้านเครื่องสำอางไนน์บิวตี้ (NINE Beauty) เป็นต้น #Newskit #foundnfound #OR
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 535 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถาบันการเมืองนักการเมืองเราล้วนต่างถูกพวกWEFนี้ครอบงำสั่งซ้ายหันขวาหัน ต้องไปรับนโยบายมาทำการก็ว่า,ติดเข็มกลัดสีรุ้งตรงหน้าอกตรึม 17ประการต้องรับงานมาทำ,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศคือตัวเปิดในไทยเราเลยจึงพยายามดันร่างกฎหมายให้ผ่านทั้งสภาฯให้ได้ให้เงียบกริบไม่ให้คนไทยทั้งประเทศรู้ทัน,คาร์บอนเครดิตคือตัวการจะควบคุมสังคมไทยในอนาคตในการดำเนินกิจกรรมทางชีวิตคนไทยทั้งหมดในอนาคต ปลูกข้าวทำนาต้องมีเครดิตคาร์บอนรับรองจึงจะทำได้,อิสระภาพจะไม่มีในคนไทยเหมือนเดิม,นอกจากสังเกตุพฤติกรรมผ่านAI&ตังดิจิดัลหรือเน็ตๆที่เราๆใช้กัน เพื่ออีลิทควบคุมรอบด้านทุกๆมิติทั่วไทย&ทั่วโลก,รัฐบาลโลกเดียวก็ว่า,หายใจเข้าออกต้องจ่ายคาร์บอนเครดิตมา,ซื้อของ ขึ้นรถไฟฟ้าลงเรือต้องสแกนจ่ายเป็นเครดิตคาร์บอนข้อหาทำลายอากาศสร้างโลกร้อนมันว่า,ต้องจ่ายเป็นเครดิตคาร์บอนชดเชยทุกๆกิจกรรมตามกฎหมายที่ลงมติผ่านแล้วในสภาฯขัดขืนต้องถูกลงโทษ ข้อหาทำลายสภาพอากาศโลกก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศผิดปกติพะนะมันอ้าง,คนไทยต้องตื่นรู้ค่าจริงความจริง ทาสยุคใหม่ชัดๆ,ตัดตอนแผนการมันคือห้ามมีพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนี้,อนาคตถ้ามี จะไม่ต่างจากทาสบ่อน้ำมันที่พวกลอร์ดต่างชาตินี้ปล้นยึดครองบ่อน้ำมันเราคนไทยไปเป็นของมันผ่านพรบ.ปิโตรเลียมที่มันสุมหัวเขียนขึ้นจากเดอะแก๊งพวกมันเองเช่นกัน จนคนไทยเราใช้น้ำมันราคาแพงและตัวพ่อที่ทำสินค้าทุกๆอย่างต้นทุนสูงจนแพงทั้งแผ่นดินไทย,ตัวต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดในปัจจุบัน,ยุคอนาคต&ยุคใหม่ พรบ.นี้ก็เหมือนกัน ตัวปัญหามหากาฬภัยความมั่นคงด้านอิสระภาพแห่งการดำรงชีวิต&ใช้ชีวิตอย่างเสรี&เจตจำนงเสรีเลย,,มันจะทำให้เราเป็นทาส&ถูกควบคุมแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จกว่ายุคใดๆ,AIจะรับรู้คุณทุกๆกิริยากิจกรรม เป็นภัยต่อระบบMatrixมันแน่นอน,อายัดตัดกระแสตังคุณทันที ไร้ตังไร้เครดิตใดๆจะใช้ซื้อหาแลกเปลี่ยนกินอยู่ในสังคมชุมชนมันอดตายก็ว่า,เพราะทุกๆอย่างไม่ได้ใช้เงินสด,บวกฝังชิปอีก AIระเบิดตัวชิปให้คุณตายทันทีเรียลไทม์ ณ ตอนนั้นได้ทันทีด้วย.
    ..การตัดตอนมิให้มันมีพรบ.นี้ได้จึงสำคัญมาก,ทหารพระราชาเราเท่านั้นจะยุติพวกมันได้.เพราะศัตรูของพวกมันคือพระมหากษัตริย์แบบแผ่นดินไทยเรา พวกมันจึงพยายามทำลายสถาบันกษัตริย์เราทุกๆช่องทาง.
    สถาบันการเมืองนักการเมืองเราล้วนต่างถูกพวกWEFนี้ครอบงำสั่งซ้ายหันขวาหัน ต้องไปรับนโยบายมาทำการก็ว่า,ติดเข็มกลัดสีรุ้งตรงหน้าอกตรึม 17ประการต้องรับงานมาทำ,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศคือตัวเปิดในไทยเราเลยจึงพยายามดันร่างกฎหมายให้ผ่านทั้งสภาฯให้ได้ให้เงียบกริบไม่ให้คนไทยทั้งประเทศรู้ทัน,คาร์บอนเครดิตคือตัวการจะควบคุมสังคมไทยในอนาคตในการดำเนินกิจกรรมทางชีวิตคนไทยทั้งหมดในอนาคต ปลูกข้าวทำนาต้องมีเครดิตคาร์บอนรับรองจึงจะทำได้,อิสระภาพจะไม่มีในคนไทยเหมือนเดิม,นอกจากสังเกตุพฤติกรรมผ่านAI&ตังดิจิดัลหรือเน็ตๆที่เราๆใช้กัน เพื่ออีลิทควบคุมรอบด้านทุกๆมิติทั่วไทย&ทั่วโลก,รัฐบาลโลกเดียวก็ว่า,หายใจเข้าออกต้องจ่ายคาร์บอนเครดิตมา,ซื้อของ ขึ้นรถไฟฟ้าลงเรือต้องสแกนจ่ายเป็นเครดิตคาร์บอนข้อหาทำลายอากาศสร้างโลกร้อนมันว่า,ต้องจ่ายเป็นเครดิตคาร์บอนชดเชยทุกๆกิจกรรมตามกฎหมายที่ลงมติผ่านแล้วในสภาฯขัดขืนต้องถูกลงโทษ ข้อหาทำลายสภาพอากาศโลกก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศผิดปกติพะนะมันอ้าง,คนไทยต้องตื่นรู้ค่าจริงความจริง ทาสยุคใหม่ชัดๆ,ตัดตอนแผนการมันคือห้ามมีพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนี้,อนาคตถ้ามี จะไม่ต่างจากทาสบ่อน้ำมันที่พวกลอร์ดต่างชาตินี้ปล้นยึดครองบ่อน้ำมันเราคนไทยไปเป็นของมันผ่านพรบ.ปิโตรเลียมที่มันสุมหัวเขียนขึ้นจากเดอะแก๊งพวกมันเองเช่นกัน จนคนไทยเราใช้น้ำมันราคาแพงและตัวพ่อที่ทำสินค้าทุกๆอย่างต้นทุนสูงจนแพงทั้งแผ่นดินไทย,ตัวต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดในปัจจุบัน,ยุคอนาคต&ยุคใหม่ พรบ.นี้ก็เหมือนกัน ตัวปัญหามหากาฬภัยความมั่นคงด้านอิสระภาพแห่งการดำรงชีวิต&ใช้ชีวิตอย่างเสรี&เจตจำนงเสรีเลย,,มันจะทำให้เราเป็นทาส&ถูกควบคุมแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จกว่ายุคใดๆ,AIจะรับรู้คุณทุกๆกิริยากิจกรรม เป็นภัยต่อระบบMatrixมันแน่นอน,อายัดตัดกระแสตังคุณทันที ไร้ตังไร้เครดิตใดๆจะใช้ซื้อหาแลกเปลี่ยนกินอยู่ในสังคมชุมชนมันอดตายก็ว่า,เพราะทุกๆอย่างไม่ได้ใช้เงินสด,บวกฝังชิปอีก AIระเบิดตัวชิปให้คุณตายทันทีเรียลไทม์ ณ ตอนนั้นได้ทันทีด้วย. ..การตัดตอนมิให้มันมีพรบ.นี้ได้จึงสำคัญมาก,ทหารพระราชาเราเท่านั้นจะยุติพวกมันได้.เพราะศัตรูของพวกมันคือพระมหากษัตริย์แบบแผ่นดินไทยเรา พวกมันจึงพยายามทำลายสถาบันกษัตริย์เราทุกๆช่องทาง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 59 0 รีวิว
  • (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน

    เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น.

    เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์

    ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ

    การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App

    ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ

    #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น. เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    Like
    Wow
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 587 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥มีท่านนึงอินบอกซ์เข้ามาถามแอดมินว่า
    ตอนนี้กำลังศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้น และ
    มีวิธีการไหน ที่จะทำให้เราได้กำไรเร็วๆ หรือรวยเร็วๆมั้ย?

    🚩แอดมิน : กำลังคิดถึงตัวเองช่วงเข้ามาตลาดหุ้นใหม่ๆ
    และ ใจเราอยากจะได้เงินเร็วๆ รวยเร็วๆ โดยลืมนึก
    ถึงจุดสำคัญจุดนึงไป คือ การสร้างภูมิต้านทาน
    ของเราในตลาดหุ้นให้แข็งแรงเสียก่อน
    การสร้างภูมิต้านทานในที่นี้หมายถึง การเรียนรู้ และสะสม
    ประสบการณ์ให้มากๆ เรียนรู้ทุกจุด โดยเฉพาะความผิดพลาด
    เพื่อไม่ให้ทำซ้ำ และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จากวันเป็นสัปดาห์
    เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายปี ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อย่าหยุดเรียนรู้
    และพัฒนาตัวเอง

    🚩แอดมินเชื่อว่า ถ้าเราสร้างภูมิต้านทานที่แข็งแรงดีแล้ว
    รวมทั้งการพัฒนาตัวเองไปตลอด และไม่หยุดนิ่ง
    สะสมองค์ความรู้ จนเกิดเป็น ทักษะ และความเชี่ยวชาญ
    เมื่อนั้นเราจะยืนระยะในตลาดหุ้นได้นานขึ้น และมีผลตอบแทน
    คือ Passive income หรือ กระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง
    หรือ ได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่มากขึ้นได้

    🚩ดังนั้น อดทน เรียนรู้ พัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
    อย่าใจร้อน รีบรวย มากไป โดยเฉพาะลงทุนกับสิ่ง
    ที่เราไม่รู้จริง เพราะจะทำให้เรา ยืนระยะในตลาด
    ได้ไม่นาน และขาดทุนมากครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้น #SET
    #thaitimes

    🔥🔥มีท่านนึงอินบอกซ์เข้ามาถามแอดมินว่า ตอนนี้กำลังศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้น และ มีวิธีการไหน ที่จะทำให้เราได้กำไรเร็วๆ หรือรวยเร็วๆมั้ย? 🚩แอดมิน : กำลังคิดถึงตัวเองช่วงเข้ามาตลาดหุ้นใหม่ๆ และ ใจเราอยากจะได้เงินเร็วๆ รวยเร็วๆ โดยลืมนึก ถึงจุดสำคัญจุดนึงไป คือ การสร้างภูมิต้านทาน ของเราในตลาดหุ้นให้แข็งแรงเสียก่อน การสร้างภูมิต้านทานในที่นี้หมายถึง การเรียนรู้ และสะสม ประสบการณ์ให้มากๆ เรียนรู้ทุกจุด โดยเฉพาะความผิดพลาด เพื่อไม่ให้ทำซ้ำ และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จากวันเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายปี ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อย่าหยุดเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง 🚩แอดมินเชื่อว่า ถ้าเราสร้างภูมิต้านทานที่แข็งแรงดีแล้ว รวมทั้งการพัฒนาตัวเองไปตลอด และไม่หยุดนิ่ง สะสมองค์ความรู้ จนเกิดเป็น ทักษะ และความเชี่ยวชาญ เมื่อนั้นเราจะยืนระยะในตลาดหุ้นได้นานขึ้น และมีผลตอบแทน คือ Passive income หรือ กระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง หรือ ได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่มากขึ้นได้ 🚩ดังนั้น อดทน เรียนรู้ พัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ อย่าใจร้อน รีบรวย มากไป โดยเฉพาะลงทุนกับสิ่ง ที่เราไม่รู้จริง เพราะจะทำให้เรา ยืนระยะในตลาด ได้ไม่นาน และขาดทุนมากครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้น #SET #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1230 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ไต้หวันก็เผชิญกับสถานการณ์เดียวกันกับประเทศไทย
    แต่มีการดำเนินการทางก-ฏ-ห-ม-า-ย-แล้ว
    รายละเอียดดังนี้
    ------------------------------------
    "มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งในไต้หวัน ได้ใช้ Sh..p..e หาลูกค้าเพื่อทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินใต้ดินที่ผิ-ด-ก-ฎ-ห-ม-า-ยระหว่างไต้หวันและจีน โดยพวกเขาเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมนี้ วิธีการคือ เมื่อลูกค้าสั่งซื้อและชำระเงินด้วยเงินดอลลาร์ไต้หวัน คู่สามีภรรยานี้จะเติม "เหรียญ D-o--u-y-i-n" ให้กับลูกค้าตามเรทแลกเปลี่ยนที่ตกลงกันไว้ ในระยะเวลา 3 ปี พวกเขาฟอกรวมมูลค่าสูงถึง 170 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ศ-า-ลชั้นต้นได้ตั-ดสิ-นให้สามีรับโทษจำ 7 ปีครึ่ง และภรรยา 4 ปี ทั้งสองสามารถอุทธรณ์ได้ โดยคดีนี้ถือเป็นกรณีแรกในไต้หวันที่มีการใช้เหรียญ D-o--u-y-i-n ในการฟอกและถูกตั-ด-สิ-น-ล-งโ-ท-ษ
    ใน D-o--u-y-i-n (TT) ผู้ใช้ไม่เพียงแค่สามารถดูวิดีโอ แต่ยังสามารถชมการถ่ายทอดสดได้
    #หากใช้เงินเติมเหรียญก็สามารถแลกเป็นของขวัญเสมือนจริงได้ เช่น "ส่งดอกไม้ ส่งรถสปอร์ต" เพื่อสนับสนุนผู้ที่ถ่ายทอดสดและมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น
    ผู้ถ่ายทอดสดประเภทการดูดวง Abby อธิบายว่า "ผู้ชมอาจรู้สึกว่าฉันพูดได้แม่นยำ จึงมีความรู้สึกพิเศษ และส่งของขวัญเสมือนจริงได้ เหรียญเสมือนนี้สามารถใช้ในการ #ให้ของขวัญหรือถอนออกมาเป็นเงินสดได้"
    #การให้ของขวัญในห้องถ่ายทอดสดไม่เพียงแต่สนับสนุนผู้ถ่ายทอดสด
    #แต่ยังสามารถเปลี่ยนเป็นรายได้จริงได้
    อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยกรณีแรกที่มีการใช้D-o--u-y-i-nในการฟ-อ-ก-โดยผู้กระทำความผิดถูกตั-ด-สิ-น-ล-ง-โท-ษ-จา-ก-ศ-า-ล
    เมื่อค้นหาคำว่า "บริการจัดซื้อ สอนการเติมเงิน" จะพบข้อมูลมากมาย คู่สามีภรรยาที่มีนามสกุล Yuan ได้ใช้ Sh..p..e โฆษณาในลักษณะนี้ และให้บริการแลกเปลี่ยนเงินให้กับลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนเงินหยวน โดยให้ลูกค้าสั่งซื้อและจ่ายเงินด้วยดอลลาร์ไต้หวัน จากนั้นจะทำการเติมเหรียญ D-o--u-y-i-n ในบัญชี D-o--u-y-i-n ของลูกค้า หรือเติมคะแนนในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เช่น W-e-C-h-a-t หรือ A-l-i-p-a-y ตามเรทที่ตกลงกัน
    ศ-า-ลได้ตัดสินว่าทั้งคู่มีการดำเนินธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินใ--ต้-ดิ-น โดยในระยะเวลา 3 ปี ฟอกรวมมูลค่า 170 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บก็เกิน 3.31 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
    ประธานแผนกอ-า-ญ-าศ-าล-สู-งสุ-ดนิวไทเป Chen Zhengwei กล่าวว่าผู้ใช้เหรียญ D-o--u-y-i-n สามารถใช้ในการสนับสนุนผู้ถ่ายทอดสดได้ แม้ว่าจะไม่ใช่สกุลเงินที่ถูกกฎหมาย แต่การแลกเปลี่ยนเหรียญ D-o--u-y-i-nเป็นเงินหยวนนั้นไม่มีความแตกต่างจากการแลกเงินดอลลาร์ไต้หวันเป็นเงินหยวนในรูปแบบปกติ
    แม้ว่าสามีจะแก้ต่างว่าเป็นเพียงการทำธุรกรรมปกติ และภรรยาก็กล่าวว่าไม่ทราบเรื่อง แต่-ศา-ลไม่ให้ความเชื่อถือ และตัดสินว่าการกระทำของทั้งคู่ได้ทำให้ทรัพย์สินของประชาชนถูกโอนออกไป โดยศ-า-ลชั้นต้นตั-ด-สิ-นให้สามี 7 ปีครึ่ง และภรรยา 4 ปี
    -------------------------------------------------
    เมกา ตุรกี ไต้หวัน เดี๋ยวเปิดของจีน
    ส่วนไทย เร็วๆนี้
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ไต้หวันก็เผชิญกับสถานการณ์เดียวกันกับประเทศไทย แต่มีการดำเนินการทางก-ฏ-ห-ม-า-ย-แล้ว รายละเอียดดังนี้ ------------------------------------ "มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งในไต้หวัน ได้ใช้ Sh..p..e หาลูกค้าเพื่อทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินใต้ดินที่ผิ-ด-ก-ฎ-ห-ม-า-ยระหว่างไต้หวันและจีน โดยพวกเขาเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมนี้ วิธีการคือ เมื่อลูกค้าสั่งซื้อและชำระเงินด้วยเงินดอลลาร์ไต้หวัน คู่สามีภรรยานี้จะเติม "เหรียญ D-o--u-y-i-n" ให้กับลูกค้าตามเรทแลกเปลี่ยนที่ตกลงกันไว้ ในระยะเวลา 3 ปี พวกเขาฟอกรวมมูลค่าสูงถึง 170 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ศ-า-ลชั้นต้นได้ตั-ดสิ-นให้สามีรับโทษจำ 7 ปีครึ่ง และภรรยา 4 ปี ทั้งสองสามารถอุทธรณ์ได้ โดยคดีนี้ถือเป็นกรณีแรกในไต้หวันที่มีการใช้เหรียญ D-o--u-y-i-n ในการฟอกและถูกตั-ด-สิ-น-ล-งโ-ท-ษ ใน D-o--u-y-i-n (TT) ผู้ใช้ไม่เพียงแค่สามารถดูวิดีโอ แต่ยังสามารถชมการถ่ายทอดสดได้ #หากใช้เงินเติมเหรียญก็สามารถแลกเป็นของขวัญเสมือนจริงได้ เช่น "ส่งดอกไม้ ส่งรถสปอร์ต" เพื่อสนับสนุนผู้ที่ถ่ายทอดสดและมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบอื่น ผู้ถ่ายทอดสดประเภทการดูดวง Abby อธิบายว่า "ผู้ชมอาจรู้สึกว่าฉันพูดได้แม่นยำ จึงมีความรู้สึกพิเศษ และส่งของขวัญเสมือนจริงได้ เหรียญเสมือนนี้สามารถใช้ในการ #ให้ของขวัญหรือถอนออกมาเป็นเงินสดได้" #การให้ของขวัญในห้องถ่ายทอดสดไม่เพียงแต่สนับสนุนผู้ถ่ายทอดสด #แต่ยังสามารถเปลี่ยนเป็นรายได้จริงได้ อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยกรณีแรกที่มีการใช้D-o--u-y-i-nในการฟ-อ-ก-โดยผู้กระทำความผิดถูกตั-ด-สิ-น-ล-ง-โท-ษ-จา-ก-ศ-า-ล เมื่อค้นหาคำว่า "บริการจัดซื้อ สอนการเติมเงิน" จะพบข้อมูลมากมาย คู่สามีภรรยาที่มีนามสกุล Yuan ได้ใช้ Sh..p..e โฆษณาในลักษณะนี้ และให้บริการแลกเปลี่ยนเงินให้กับลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนเงินหยวน โดยให้ลูกค้าสั่งซื้อและจ่ายเงินด้วยดอลลาร์ไต้หวัน จากนั้นจะทำการเติมเหรียญ D-o--u-y-i-n ในบัญชี D-o--u-y-i-n ของลูกค้า หรือเติมคะแนนในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เช่น W-e-C-h-a-t หรือ A-l-i-p-a-y ตามเรทที่ตกลงกัน ศ-า-ลได้ตัดสินว่าทั้งคู่มีการดำเนินธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินใ--ต้-ดิ-น โดยในระยะเวลา 3 ปี ฟอกรวมมูลค่า 170 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บก็เกิน 3.31 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ประธานแผนกอ-า-ญ-าศ-าล-สู-งสุ-ดนิวไทเป Chen Zhengwei กล่าวว่าผู้ใช้เหรียญ D-o--u-y-i-n สามารถใช้ในการสนับสนุนผู้ถ่ายทอดสดได้ แม้ว่าจะไม่ใช่สกุลเงินที่ถูกกฎหมาย แต่การแลกเปลี่ยนเหรียญ D-o--u-y-i-nเป็นเงินหยวนนั้นไม่มีความแตกต่างจากการแลกเงินดอลลาร์ไต้หวันเป็นเงินหยวนในรูปแบบปกติ แม้ว่าสามีจะแก้ต่างว่าเป็นเพียงการทำธุรกรรมปกติ และภรรยาก็กล่าวว่าไม่ทราบเรื่อง แต่-ศา-ลไม่ให้ความเชื่อถือ และตัดสินว่าการกระทำของทั้งคู่ได้ทำให้ทรัพย์สินของประชาชนถูกโอนออกไป โดยศ-า-ลชั้นต้นตั-ด-สิ-นให้สามี 7 ปีครึ่ง และภรรยา 4 ปี ------------------------------------------------- เมกา ตุรกี ไต้หวัน เดี๋ยวเปิดของจีน ส่วนไทย เร็วๆนี้ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1476 มุมมอง 1 รีวิว
  • 🔥🔥 ประเด็นร้อน
    "กรมทางหลวง" สั่งเจ้าหน้าที่รื้อตรวจสอบ
    สัญญาจัดซื้อ-จัดจ้าง ทั้งหมด ย้อนหลัง 5 ปี
    ช่วงปี 2559-2563 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
    และ ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

    ⚡ปม ถูกกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทย
    เช่น กองทัพอากาศ, กรมทางหลาง และ หน่วยงานอื่นๆ
    ถูกติดสินบนโดย บริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์
    เพื่อให้ได้งาน โดยการติดสนบนโดยการจ่ายเงินสด
    พาไปเที่ยวต่างประเทศ, พาไปเลี้ยงอาหาร,
    พาไปเที่ยวอาบ อบ นวด เป็นต้น

    ⚡โดยบริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ เป็น บริษัทลูกของ
    เดียร์ คอมพานี บริษัท ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร
    รายใหญ่ ของสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งถูก ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC
    ปรับเงินจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ
    332 ล้านบาท โทษฐานปล่อยให้ บริษัทลูกคือ
    เวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย เพื่อให้ได้งาน

    ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥 ประเด็นร้อน "กรมทางหลวง" สั่งเจ้าหน้าที่รื้อตรวจสอบ สัญญาจัดซื้อ-จัดจ้าง ทั้งหมด ย้อนหลัง 5 ปี ช่วงปี 2559-2563 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และ ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ⚡ปม ถูกกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทย เช่น กองทัพอากาศ, กรมทางหลาง และ หน่วยงานอื่นๆ ถูกติดสินบนโดย บริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ เพื่อให้ได้งาน โดยการติดสนบนโดยการจ่ายเงินสด พาไปเที่ยวต่างประเทศ, พาไปเลี้ยงอาหาร, พาไปเที่ยวอาบ อบ นวด เป็นต้น ⚡โดยบริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ เป็น บริษัทลูกของ เดียร์ คอมพานี บริษัท ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่ ของสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งถูก ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC ปรับเงินจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 332 ล้านบาท โทษฐานปล่อยให้ บริษัทลูกคือ เวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย เพื่อให้ได้งาน ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1210 มุมมอง 0 รีวิว
  • วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์ด้านการลงทุน
    ในยุคปัจจุบัน แนะนำให้ลงทุน
    ในสิ่งที่เรามีความรู้ และให้เกิดเป็นกระแสเงินสด
    หรือ Cash Flow เกิดขึ้น

    ดังนั้น คนที่บอกว่า กระแสเงินสด หรือ เงินสด
    เป็นหนี้สิน แสดงว่า คุณเก่งกว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์?

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    #เงินสดไม่ใช่หนี้สิน
    วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์ด้านการลงทุน ในยุคปัจจุบัน แนะนำให้ลงทุน ในสิ่งที่เรามีความรู้ และให้เกิดเป็นกระแสเงินสด หรือ Cash Flow เกิดขึ้น ดังนั้น คนที่บอกว่า กระแสเงินสด หรือ เงินสด เป็นหนี้สิน แสดงว่า คุณเก่งกว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์? #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #เงินสดไม่ใช่หนี้สิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 964 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ในความคิดเห็นของแอดมิน "เงินสดไม่ใช่หนี้"
    แต่จริงๆแล้ว เงินสด คือโอกาส
    เช่น ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขายหุ้น
    ในพอร์ต หลายๆตัว เพื่อเก็บเงินสดไว้
    ในบริษัทเบิร์กเชียร์ เพื่อรอโอกาส และจังหวะดีๆ
    ในการเข้าไปลงทุน ในโอกาสใหม่ๆ
    นี่คือ ตัวอย่างของการมีกระแส เงินสด หรือ
    Cash Flow ไว้ในมือ

    อีกตัวอย่างที่ชัดเจน มากคือ ธุรกิจร้านค้า
    เช่น SME ถ้าไม่มีเงินสด หรือ กระแสเงินสด
    ในมือ เพื่อหมุน ต่อลมธุรกิจ ให้ดำเนินต่อไปได้
    ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง แบบนี้คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้

    ดังนั้น เงินสด หรือ กระแสเงินสด ไม่ใช่หนี้
    แต่คือ โอกาส การนำไปลงทุน และ การต่อลมหาย
    ให้กับหลายๆธุรกิจใขณะนี้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เงินสดไม่ใช่หนี้
    #thaitimes
    💥💥ในความคิดเห็นของแอดมิน "เงินสดไม่ใช่หนี้" แต่จริงๆแล้ว เงินสด คือโอกาส เช่น ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขายหุ้น ในพอร์ต หลายๆตัว เพื่อเก็บเงินสดไว้ ในบริษัทเบิร์กเชียร์ เพื่อรอโอกาส และจังหวะดีๆ ในการเข้าไปลงทุน ในโอกาสใหม่ๆ นี่คือ ตัวอย่างของการมีกระแส เงินสด หรือ Cash Flow ไว้ในมือ อีกตัวอย่างที่ชัดเจน มากคือ ธุรกิจร้านค้า เช่น SME ถ้าไม่มีเงินสด หรือ กระแสเงินสด ในมือ เพื่อหมุน ต่อลมธุรกิจ ให้ดำเนินต่อไปได้ ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง แบบนี้คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ ดังนั้น เงินสด หรือ กระแสเงินสด ไม่ใช่หนี้ แต่คือ โอกาส การนำไปลงทุน และ การต่อลมหาย ให้กับหลายๆธุรกิจใขณะนี้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เงินสดไม่ใช่หนี้ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 970 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!!

    ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!!

    และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง
    เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต
    ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB
    ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน
    คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya
    อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya”
    เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB
    แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา…
    แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!!

    ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต
    ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์
    งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest)
    ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950
    สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany
    ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี
    สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm
    วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB

    การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย
    ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม
    และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า
    มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊
    หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต

    ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข)
    ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!!

    ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!!
    เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!!

    เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี
    ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง
    เธอทำทุกอย่างในบ้าน
    รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน
    อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย
    พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!!
    และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้……
    ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน
    ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต
    ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย……
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น
    แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน
    คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย
    แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ
    มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา

    ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ
    ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ
    Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น
    ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ
    สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi
    เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง
    และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป
    (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา

    สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง
    เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ
    เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้
    นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน
    มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่
    ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
    อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!

    ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน
    ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร
    จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ
    เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว…
    ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต
    ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์
    ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!!
    ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว

    เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น
    ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา……
    ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า…
    “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา
    ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……”
    ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ
    แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!!

    ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน
    แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!!

    เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์
    ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง……

    การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน……
    แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี
    แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์
    ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้…

    ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย
    เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975
    ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB
    แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!”

    ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์)
    อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์
    อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน

    อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด……
    เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี
    แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย……
    เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน
    โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า
    มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า
    ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป
    อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย

    ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่
    Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย……
    ปูติน……ตอบว่า……
    “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว……
    งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย”

    เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ
    วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!!

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว
    อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า…
    “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!! ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!! และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya” เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา… แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!! ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์ งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest) ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊ หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข) ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!! ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!! เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!! เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง เธอทำทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!! และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้…… ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย…… ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้ นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่ ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว… ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์ ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!! ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา…… ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า… “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……” ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!! ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!! เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์ ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง…… การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน…… แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์ ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้… ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975 ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!” ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์) อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์ อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด…… เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย…… เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่ Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย…… ปูติน……ตอบว่า…… “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว…… งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย” เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!! ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า… “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2696 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sep. 13, 2024

    วันนี้เห็นคลิปทหารทุกหมู่เหล่า หน่วยกู้ภัย มูลนิธิต่างๆ และจิตอาสา ต่างระดมกำลังกัน ช่วยชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตราย ส่งข้าว ส่งน้ำ และของประทังชีวิตให้ถึงมือทั้งทางเรือ และทางอากาศ
    https://youtu.be/-jaZXpfHsgo?si=YFcFCL5e6vndU-XQ

    มันช่างต่างกับคลิปบ่ายเบี่ยงของนายกคนลูก และออกไปสร้างภาพช่วยผู้ประสบภัยอีกครั้ง หลังจากนายกคนพ่อไปถ่ายรูปสร้างภาพที่สุโขทัยตอนน้ำสูงเท่าพื้นรองเท้า และจัดฉากให้คนนั่งในเรือยกมือไหว้มันซะด้วย ล่อลวงด้วยนโยบายแจกเงินสกุล digital หมื่นนึง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแจกเงินสดที่เลื่อนวันจ่ายออกไปเรื่อยๆ...มันช่างน่าทุเรศใจเหลือเกิน

    คิดย้อนไปถึงตอนก่อนเราจะกลับจาก New York ช่วงพฤศจิกายน 2022 ตอนนั้น Powerball Lotto คือ lottery game ของรัฐที่เข้าร่วมทั้งหมด 45 รัฐ รางวัลที่ฮือฮามากเมื่อก่อน covid คือเกือบ $700 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีใครถูก รางวัลก็จะทบไปเรื่อยๆ จน Jackpot แตกไปเมื่อวันที่ 7 พย. 2022 คือ $2040 ล้านเหรียญ ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และที่สำคัญ Jackpot winner มีคนเดียวด้วย

    ติ๊ต่างว่าเราคือคนๆนั้นนะ และเราเลือกที่จะไม่รับเบี้ยหัวแตก 30 ปี แต่เราเลือกเอาก้อนเดียวเลย เงินรางวัลเราก็จะได้ครึ่งเดียว คือเหลือ $1020 ล้านเหรียญ จากนั้นก่อนจะอุ้มเงินหนีกลับบ้าน คุณจะโดนหัก state & federal tax อีก 37% ก็จะเหลือกลมๆประมาณ $640 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ตอนนั้น ฿35/$1 ก็คือ ฿22,400 ล้านบาทไทย...ก็เอาละวะ

    ตอนกลับมาไทย เราชอบชวน taxi และคนในพื้นที่ที่ภูเก็ตคุย เราก็จะเล่าเรื่องหวยฝรั่งรางวัลใหญ่ให้พี่ๆ taxi และหลายๆคนฟัง แล้วเราก็นึกสนุกขึ้นมา จึงตั้งคำถามกับ taxi และคนที่ภูเก็ตอีกหลายต่อหลายคนว่า...

    "ถ้าหนูมีเงิน $640 ล้านเหรียญ และในเมืองไทยมีคนอยู่ในประเทศ 70 ล้านคนนะ อ้ะๆ ให้ 80 ล้านคนเลย (เผื่อพม่า ลาว เขมรจะวิ่งเข้ามาด้วย) หนูแจกตังให้ฟรีๆคนละ $1 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยคือคนละ ฿35 ล้านบาท) หนูก็จะเหลือตังอีก $560 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยก็เหลืออีกตั้ง ฿19,600 ล้านบาทไทย) แจกแบบนับจำนวนหัว ไม่ดูอายุกันเลยนะ คุณยายจะตายพรุ่งนี้ก็แจก เด็กเกิดใหม่อายุ 1 วันก็ได้นะ แต่หนูไม่แจกคนที่ติดคุกอยู่ และพระสงฆ์ค่ะ...พี่ว่ามันจะดีมั้ยคะ คิดดีๆก่อนตอบนะ ไม่ต้องรีบ ถามคำถามก่อนตอบก็ได้นะ"

    80% เป็นการตอบแบบไม่หยุดคิดก่อนเลยซักวินาทีเดียว
    "ดีสิครับ" "ดีเด่ะพี่" "โห ผมให้เลขบัญชีคนทั้งครอบครัวพี่เดี๋ยวนี้เลย"
    15% มีการยิงคำถามบ้าง แล้วก็ตอบว่า "ดีครับ ควรแจกครับ"
    มีแค่ 5% ที่คิด-ถาม-คิดอีกที จึงตอบว่า
    "ประเทศเละแน่ๆครับ" "ผมว่าพี่อาจจะโดนยิงตายภายใน 3 วัน" "ผมว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่เคยมี และเขาสามารถทำให้เงินหมดได้ภายในเวลาแป๊บเดียวนะ"

    คราวนี้ตาเราถามพวก 80% แรกกลับบ้าง
    "คำถามแรก ทุกคนมีหนี้นอกระบบพะรุงพะรังถูกมั้ยคะ มีใครคิดจะใช้หนี้ให้หมดก่อนมั้ย หรือคิดว่า ก็เจ้าหนี้ ก็ได้ ฿35 ล้านบาทแล้วไง งั้นก็ไม่ต้องใช้คืนก็ได้
    แล้วหนูบอกว่าหนูแจกทุกคนเลยนะ นักโทษฆ่าข่มขืนเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาหนูก็แจกนะ คนที่แอบทำธุรกิจค้ายาค้ามนุษย์ คนบ้าข้างถนน หนูก็แจกนะคะ ถ้าผัวเมียชาวนามีลูก 8 คน ครอบครัวนั้นจะได้เงิน ฿350 ล้านบาทนะคะ
    คำถามต่อไปคือ พี่ว่าชาวนาจะยังปลูกข้าวอยู่มั้ย พี่ว่าพระจะสึกออกมารับเงินกันกี่รูป พี่ว่าคุณลุงคุณป้าที่ทำร้านอาหารอยู่ แล้วอีกวันเขามีเงินรวมกัน ฿70 ล้านบาท เขาจะเปิดร้านต่อมั้ย พี่เข้าไปร้าน 7-11 แล้วจะมีใครทำงานมั้ย พี่ว่าข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร จะยังอยากรับใช้ประชาชนแบบเช้าชามเย็นชามเพื่อรอเงินบำนาญอยู่มั้ย พี่ว่ารปภ. คนส่ง Grab คนรับจ้างตัดหญ้า คนรับจ้างกรีดยาง คณะละครร้องรำตามงานวัด จะยังอยากทำงานต่อมั้ย งานวัดจะมีอีกมั้ยเพราะคนทำชิงช้าสวรรค์ ขายสายไหม ซุ้มปาเป้า อาจจะไปเที่ยวยุโรปกันหมดแล้ว ไม่มีใครทำงานแล้ว คนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย จะยังได้รับรอยยิ้มสยาม และการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยอยู่อีกมั้ย ทำไมต้องมานั่งนวดฝรั่งริมหาดร้อนๆด้วยเนอะ ชาวประมงใส่นาฬิกา 3 ล้านบาทได้เหมือนนักการเมืองแล้วนะ แถมเหลือตังอีกตั้งแยะ เขาจะยังออกไปจับปลามาขายมั้ย...ที่แย่ที่สุดคือ พี่ว่าคนในครอบครัวจะฆ่ากันเองเพราะโลภอยากได้เงินพี่น้องพ่อแม่หรือผัวเมียตัวเองมั้ย
    ...ตกลงพี่ว่าหนูยังควรแจกตังอยู่มั้ยคะ"
    นี่คือความคิดโง่ๆทุเรศๆของเราเล่นๆ แต่มีคนสนับสนุนความคิดบ้องตื้นของเราถึง 80% เพียงเพราะอยากได้เงินก้อนโต

    เวลาผ่านไป 2 ปี มีนักการเมืองเอาความคิดคล้ายๆกัน แต่จะไปกู้เงินมาหยิบยื่นให้ประชาชน แต่ให้แบบเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ทุกคนเป็นหนี้ท่วมหัวชั่วลูกชั่วหลานหนักกว่าเดิม แต่คนส่วนนึงก็ยังสนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เพราะอยากได้เงินแค่หมื่นเดียว

    ตอนนี้ผู้ประสบภัยพิบัติมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีนักการเมืองแวะมาดูๆ ถ่ายรูปตอนมอบถุงยังชีพ 2-3 แชะ แล้วหนูน้อยก็บอกว่า "ตอนนี้น้ำแรงมาก เรือท้องแบนเข้าไปไม่ได้ เมื่อน้ำลดลง พวกเราพร้อมจะเข้าช่วยทันที" อ๋ออออ เรือท้องท้องแบนเข้าไปสู้กับน้ำเชี่ยวๆได้แหละเนอะ น้ำไม่ค่อยแรงหรอก ไว้เรือท้องแบนเข้าได้ แล้วค่อยไปก็ได้ คนไทยอดข้าวอดน้ำ 4-5 วันได้ อึฉี่บนหลังคาบ้านก็ได้ เก่งจะตาย ไม่รีบๆ
    https://x.com/Kawaaii13/status/1834174006418964973?t=Qgom67KE-O0gYasaeateSA&s=19

    ลองเข้าไปดู tiktok ของ @tiktok.thailand89 นะคะ ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ขับ jet ski เก่งมากๆทุกคนเลยค่ะ
    https://www.tiktok.com/@tiktok.thailand89?_t=8pghh09pg0q&_r=1

    นายกหนูน้อยคะ นี่ไงคะ แพร่ลดแล้ว สุโขทัยลดแล้ว เมืองพังเละเทะ ที่ว่าพร้อมจะเข้าช่วยทันที ว้า..แย่จัง ตอนนี้ต้องไปช่วยเชียงรายก่อน ไหนจะต้องแอบเร่งทำเรื่องคาสิโนให้ผ่าน ช่วงที่กำลังอลหม่านเรื่องน้ำท่วมนี่แหละ แถมทีม IO ก็ค่อยๆทยอยลงคลิปเสียงคนโน้นคนนี้ ปล่อยข่าวดาราไทยที่โดนดาราชาติอื่นๆหลอก ฯลฯ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้คนด่านายกหนูน้อยเยอะ มุขมันเก่าไปแล้วค่ะ รายการเจาะลึกทั่วไทย เอาคลิปลุงมาสร้างกระแส เอาจริงๆ ลุงหยุมแกก็อยากเป็นใหญ่ ใครๆก็รู้มาตั้งนานแล้วป่ะ คุณมดดำ ก็สร้างกระแส acting ทำเป็นโกรธดาราเกาหลีมากมาย ได้ตังกันไปเท่าไหร่จ๊ะ

    สังเกตุมั้ย ครอบครัวนี้ขึ้นมามีอำนาจทีไร น้ำท่วมใหญ่ทุกที โดนทั้งอา ทั้งหลานเลย มันคือสัญญาณอะไรเอ่ย คล้ายกับธรรมชาติไม่พอใจพฤติกรรมของมนุษย์ จึงส่งภัยพิบัติมาช่วยเบิกเนตรให้คนตาสว่าง งั้นเราขอถามคำถามตอนนี้ว่า

    ติ๊ต่างนะคะ ว่าตอนนี้มีเงินหมื่นบาทลอยเข้า app เป๋าตังเรียบร้อยแล้ว...แต่ไปซื้อของก็ไม่ได้ เพราะน้ำท่วมร้านค้ามิดหลังคาเลย ได้ข้าวสารมา แต่ไม่มีไฟฟ้าให้หุงข้าว จะหุงด้วยฟืน ฟืนก็เปียกน้ำหมด เหลือแต่ตัวกับเงินหมื่นบาทใน app

    ก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์ ของวิญญูชนชัดเจนแล้วว่า การเอาเงินมาแจกให้คน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องค่ะ หากแต่การให้ความรู้แก่ผู้ใฝ่รู้ที่มีความพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่นต่างหาก ที่จะเป็นทางออกที่แท้จริงให้กับประชาชนและประเทศชาติ

    มีชายท่านนึง ท่านเคยศึกษา และทดลองทำอะไร หลายสิ่งหลายอย่าง มีโครงการมากมายที่ได้ผลสำเร็จ และนำเอาความรู้เหล่านั้นมาเผยแพร่ให้ฟรีๆ และยังเป็นศาสตร์ความรู้ที่นำมาใช้ต่อไปได้ไม่จำกัดกาล แต่คนส่วนใหญ่ กลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลมันนานเกินไป จนภัยมาถึงตัวในวันนี้

    และนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึง ที่ทำให้คนที่มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ยังเก็บเงินไว้กับตัว เพราะเขาอาจจะต้องการให้สังคมยังมีความเหลื่อมล้ำมากอยู่ตลอดไป ไม่งั้นจะไปหาคนรองมือรองตีนได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะหาลูกหนี้ได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะไปหาเหยื่อที่เห็นเงินตาโตแล้วร้อยไว้ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ

    ปล.
    ภูเก็ตก็หนักอยู่ เตรียมรับอีกลูกวันที่ 17 จ้ะ
    ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ
    https://www.facebook.com/share/v/YGS8GsJ3YXbtrxjK/?mibextid=D5vuiz
    Sep. 13, 2024 วันนี้เห็นคลิปทหารทุกหมู่เหล่า หน่วยกู้ภัย มูลนิธิต่างๆ และจิตอาสา ต่างระดมกำลังกัน ช่วยชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตราย ส่งข้าว ส่งน้ำ และของประทังชีวิตให้ถึงมือทั้งทางเรือ และทางอากาศ https://youtu.be/-jaZXpfHsgo?si=YFcFCL5e6vndU-XQ มันช่างต่างกับคลิปบ่ายเบี่ยงของนายกคนลูก และออกไปสร้างภาพช่วยผู้ประสบภัยอีกครั้ง หลังจากนายกคนพ่อไปถ่ายรูปสร้างภาพที่สุโขทัยตอนน้ำสูงเท่าพื้นรองเท้า และจัดฉากให้คนนั่งในเรือยกมือไหว้มันซะด้วย ล่อลวงด้วยนโยบายแจกเงินสกุล digital หมื่นนึง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแจกเงินสดที่เลื่อนวันจ่ายออกไปเรื่อยๆ...มันช่างน่าทุเรศใจเหลือเกิน คิดย้อนไปถึงตอนก่อนเราจะกลับจาก New York ช่วงพฤศจิกายน 2022 ตอนนั้น Powerball Lotto คือ lottery game ของรัฐที่เข้าร่วมทั้งหมด 45 รัฐ รางวัลที่ฮือฮามากเมื่อก่อน covid คือเกือบ $700 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีใครถูก รางวัลก็จะทบไปเรื่อยๆ จน Jackpot แตกไปเมื่อวันที่ 7 พย. 2022 คือ $2040 ล้านเหรียญ ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และที่สำคัญ Jackpot winner มีคนเดียวด้วย ติ๊ต่างว่าเราคือคนๆนั้นนะ และเราเลือกที่จะไม่รับเบี้ยหัวแตก 30 ปี แต่เราเลือกเอาก้อนเดียวเลย เงินรางวัลเราก็จะได้ครึ่งเดียว คือเหลือ $1020 ล้านเหรียญ จากนั้นก่อนจะอุ้มเงินหนีกลับบ้าน คุณจะโดนหัก state & federal tax อีก 37% ก็จะเหลือกลมๆประมาณ $640 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ตอนนั้น ฿35/$1 ก็คือ ฿22,400 ล้านบาทไทย...ก็เอาละวะ ตอนกลับมาไทย เราชอบชวน taxi และคนในพื้นที่ที่ภูเก็ตคุย เราก็จะเล่าเรื่องหวยฝรั่งรางวัลใหญ่ให้พี่ๆ taxi และหลายๆคนฟัง แล้วเราก็นึกสนุกขึ้นมา จึงตั้งคำถามกับ taxi และคนที่ภูเก็ตอีกหลายต่อหลายคนว่า... "ถ้าหนูมีเงิน $640 ล้านเหรียญ และในเมืองไทยมีคนอยู่ในประเทศ 70 ล้านคนนะ อ้ะๆ ให้ 80 ล้านคนเลย (เผื่อพม่า ลาว เขมรจะวิ่งเข้ามาด้วย) หนูแจกตังให้ฟรีๆคนละ $1 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยคือคนละ ฿35 ล้านบาท) หนูก็จะเหลือตังอีก $560 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยก็เหลืออีกตั้ง ฿19,600 ล้านบาทไทย) แจกแบบนับจำนวนหัว ไม่ดูอายุกันเลยนะ คุณยายจะตายพรุ่งนี้ก็แจก เด็กเกิดใหม่อายุ 1 วันก็ได้นะ แต่หนูไม่แจกคนที่ติดคุกอยู่ และพระสงฆ์ค่ะ...พี่ว่ามันจะดีมั้ยคะ คิดดีๆก่อนตอบนะ ไม่ต้องรีบ ถามคำถามก่อนตอบก็ได้นะ" 80% เป็นการตอบแบบไม่หยุดคิดก่อนเลยซักวินาทีเดียว "ดีสิครับ" "ดีเด่ะพี่" "โห ผมให้เลขบัญชีคนทั้งครอบครัวพี่เดี๋ยวนี้เลย" 15% มีการยิงคำถามบ้าง แล้วก็ตอบว่า "ดีครับ ควรแจกครับ" มีแค่ 5% ที่คิด-ถาม-คิดอีกที จึงตอบว่า "ประเทศเละแน่ๆครับ" "ผมว่าพี่อาจจะโดนยิงตายภายใน 3 วัน" "ผมว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่เคยมี และเขาสามารถทำให้เงินหมดได้ภายในเวลาแป๊บเดียวนะ" คราวนี้ตาเราถามพวก 80% แรกกลับบ้าง "คำถามแรก ทุกคนมีหนี้นอกระบบพะรุงพะรังถูกมั้ยคะ มีใครคิดจะใช้หนี้ให้หมดก่อนมั้ย หรือคิดว่า ก็เจ้าหนี้ ก็ได้ ฿35 ล้านบาทแล้วไง งั้นก็ไม่ต้องใช้คืนก็ได้ แล้วหนูบอกว่าหนูแจกทุกคนเลยนะ นักโทษฆ่าข่มขืนเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาหนูก็แจกนะ คนที่แอบทำธุรกิจค้ายาค้ามนุษย์ คนบ้าข้างถนน หนูก็แจกนะคะ ถ้าผัวเมียชาวนามีลูก 8 คน ครอบครัวนั้นจะได้เงิน ฿350 ล้านบาทนะคะ คำถามต่อไปคือ พี่ว่าชาวนาจะยังปลูกข้าวอยู่มั้ย พี่ว่าพระจะสึกออกมารับเงินกันกี่รูป พี่ว่าคุณลุงคุณป้าที่ทำร้านอาหารอยู่ แล้วอีกวันเขามีเงินรวมกัน ฿70 ล้านบาท เขาจะเปิดร้านต่อมั้ย พี่เข้าไปร้าน 7-11 แล้วจะมีใครทำงานมั้ย พี่ว่าข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร จะยังอยากรับใช้ประชาชนแบบเช้าชามเย็นชามเพื่อรอเงินบำนาญอยู่มั้ย พี่ว่ารปภ. คนส่ง Grab คนรับจ้างตัดหญ้า คนรับจ้างกรีดยาง คณะละครร้องรำตามงานวัด จะยังอยากทำงานต่อมั้ย งานวัดจะมีอีกมั้ยเพราะคนทำชิงช้าสวรรค์ ขายสายไหม ซุ้มปาเป้า อาจจะไปเที่ยวยุโรปกันหมดแล้ว ไม่มีใครทำงานแล้ว คนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย จะยังได้รับรอยยิ้มสยาม และการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยอยู่อีกมั้ย ทำไมต้องมานั่งนวดฝรั่งริมหาดร้อนๆด้วยเนอะ ชาวประมงใส่นาฬิกา 3 ล้านบาทได้เหมือนนักการเมืองแล้วนะ แถมเหลือตังอีกตั้งแยะ เขาจะยังออกไปจับปลามาขายมั้ย...ที่แย่ที่สุดคือ พี่ว่าคนในครอบครัวจะฆ่ากันเองเพราะโลภอยากได้เงินพี่น้องพ่อแม่หรือผัวเมียตัวเองมั้ย ...ตกลงพี่ว่าหนูยังควรแจกตังอยู่มั้ยคะ" นี่คือความคิดโง่ๆทุเรศๆของเราเล่นๆ แต่มีคนสนับสนุนความคิดบ้องตื้นของเราถึง 80% เพียงเพราะอยากได้เงินก้อนโต เวลาผ่านไป 2 ปี มีนักการเมืองเอาความคิดคล้ายๆกัน แต่จะไปกู้เงินมาหยิบยื่นให้ประชาชน แต่ให้แบบเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ทุกคนเป็นหนี้ท่วมหัวชั่วลูกชั่วหลานหนักกว่าเดิม แต่คนส่วนนึงก็ยังสนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เพราะอยากได้เงินแค่หมื่นเดียว ตอนนี้ผู้ประสบภัยพิบัติมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีนักการเมืองแวะมาดูๆ ถ่ายรูปตอนมอบถุงยังชีพ 2-3 แชะ แล้วหนูน้อยก็บอกว่า "ตอนนี้น้ำแรงมาก เรือท้องแบนเข้าไปไม่ได้ เมื่อน้ำลดลง พวกเราพร้อมจะเข้าช่วยทันที" อ๋ออออ เรือท้องท้องแบนเข้าไปสู้กับน้ำเชี่ยวๆได้แหละเนอะ น้ำไม่ค่อยแรงหรอก ไว้เรือท้องแบนเข้าได้ แล้วค่อยไปก็ได้ คนไทยอดข้าวอดน้ำ 4-5 วันได้ อึฉี่บนหลังคาบ้านก็ได้ เก่งจะตาย ไม่รีบๆ https://x.com/Kawaaii13/status/1834174006418964973?t=Qgom67KE-O0gYasaeateSA&s=19 ลองเข้าไปดู tiktok ของ @tiktok.thailand89 นะคะ ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ขับ jet ski เก่งมากๆทุกคนเลยค่ะ https://www.tiktok.com/@tiktok.thailand89?_t=8pghh09pg0q&_r=1 นายกหนูน้อยคะ นี่ไงคะ แพร่ลดแล้ว สุโขทัยลดแล้ว เมืองพังเละเทะ ที่ว่าพร้อมจะเข้าช่วยทันที ว้า..แย่จัง ตอนนี้ต้องไปช่วยเชียงรายก่อน ไหนจะต้องแอบเร่งทำเรื่องคาสิโนให้ผ่าน ช่วงที่กำลังอลหม่านเรื่องน้ำท่วมนี่แหละ แถมทีม IO ก็ค่อยๆทยอยลงคลิปเสียงคนโน้นคนนี้ ปล่อยข่าวดาราไทยที่โดนดาราชาติอื่นๆหลอก ฯลฯ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้คนด่านายกหนูน้อยเยอะ มุขมันเก่าไปแล้วค่ะ รายการเจาะลึกทั่วไทย เอาคลิปลุงมาสร้างกระแส เอาจริงๆ ลุงหยุมแกก็อยากเป็นใหญ่ ใครๆก็รู้มาตั้งนานแล้วป่ะ คุณมดดำ ก็สร้างกระแส acting ทำเป็นโกรธดาราเกาหลีมากมาย ได้ตังกันไปเท่าไหร่จ๊ะ สังเกตุมั้ย ครอบครัวนี้ขึ้นมามีอำนาจทีไร น้ำท่วมใหญ่ทุกที โดนทั้งอา ทั้งหลานเลย มันคือสัญญาณอะไรเอ่ย คล้ายกับธรรมชาติไม่พอใจพฤติกรรมของมนุษย์ จึงส่งภัยพิบัติมาช่วยเบิกเนตรให้คนตาสว่าง งั้นเราขอถามคำถามตอนนี้ว่า ติ๊ต่างนะคะ ว่าตอนนี้มีเงินหมื่นบาทลอยเข้า app เป๋าตังเรียบร้อยแล้ว...แต่ไปซื้อของก็ไม่ได้ เพราะน้ำท่วมร้านค้ามิดหลังคาเลย ได้ข้าวสารมา แต่ไม่มีไฟฟ้าให้หุงข้าว จะหุงด้วยฟืน ฟืนก็เปียกน้ำหมด เหลือแต่ตัวกับเงินหมื่นบาทใน app ก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์ ของวิญญูชนชัดเจนแล้วว่า การเอาเงินมาแจกให้คน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องค่ะ หากแต่การให้ความรู้แก่ผู้ใฝ่รู้ที่มีความพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่นต่างหาก ที่จะเป็นทางออกที่แท้จริงให้กับประชาชนและประเทศชาติ มีชายท่านนึง ท่านเคยศึกษา และทดลองทำอะไร หลายสิ่งหลายอย่าง มีโครงการมากมายที่ได้ผลสำเร็จ และนำเอาความรู้เหล่านั้นมาเผยแพร่ให้ฟรีๆ และยังเป็นศาสตร์ความรู้ที่นำมาใช้ต่อไปได้ไม่จำกัดกาล แต่คนส่วนใหญ่ กลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลมันนานเกินไป จนภัยมาถึงตัวในวันนี้ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึง ที่ทำให้คนที่มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ยังเก็บเงินไว้กับตัว เพราะเขาอาจจะต้องการให้สังคมยังมีความเหลื่อมล้ำมากอยู่ตลอดไป ไม่งั้นจะไปหาคนรองมือรองตีนได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะหาลูกหนี้ได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะไปหาเหยื่อที่เห็นเงินตาโตแล้วร้อยไว้ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ ปล. ภูเก็ตก็หนักอยู่ เตรียมรับอีกลูกวันที่ 17 จ้ะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ https://www.facebook.com/share/v/YGS8GsJ3YXbtrxjK/?mibextid=D5vuiz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 854 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥บริษัท เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ ของปู่วอร์เรน บัฟเฟต
    ได้ทำการขายหุ้น Bank of America Company (BAC) อีกครั้ง
    ใน 3 วันทำการ คือ วันศุกร์, จันทร์ และ อังคาร
    จำนวนรวม 5.8 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 228.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือประมาณ 7,730 ล้านบาท โดยมีมูลค่าราคาเฉลี่ย
    ที่ 39.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น

    🚩โดยตั้งแต่กลางเดือน กรกฎาคม เป็นต้นมา เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์
    ได้ขายหุ้น BAC ไปแล้วมูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
    หรือประมาณ 2.37 แสนล้านบาท และมีหุ้น BAC ที่ถือครอง
    ณ ปัจจุบัน เหลืออยู่ 11%

    🚩หมายเหตุ: เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ ของปู่วอร์เรน บัฟเฟต
    เข้าเข้าซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์และใบสำคัญแสดงสิทธิของ BAC
    มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2011 หลังจากวิกฤตการณ์
    ทางการเงิน และแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิเหล่านั้นในปี 2017

    🚩ทำให้เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด
    ของ BAC จากนั้นก็เพิ่มหุ้นอีก 300 ล้านหุ้น ในช่วงปี
    2018 และ 2019

    🚩โดยเริ่มทะยอยขายหุ้นในช่วงกลางเดือน กรกฎาคม ปีนี้
    หลังจากราคาหุ้น BAC ได้ปรับตัวสูงขึ้น ประมาณ 20-23%

    🚩และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณถดถอย
    ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ จึงมีนโยบาย ให้ถือครองเงินสดไว้
    ในบริษัทให้มากที่สุด เพื่อรอจังหวะการลงทุนใหม่ๆ นั่นเอง

    🚩ซึ่งคาดการณ์กันว่า ปู่วอร์เรน น่าจะซื้อหุน BAC ในช่วงปี
    2011 ที่ราคา ประมาณ 5.5 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น
    และขายทำกำไรในช่วงราคา 30-39 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น
    (กำไรมากกว่า 80-85%)

    ที่มา : cnbc
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วอร์เรนบัฟเฟตต์ #thaitimes
    #เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์
    🔥🔥บริษัท เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ ของปู่วอร์เรน บัฟเฟต ได้ทำการขายหุ้น Bank of America Company (BAC) อีกครั้ง ใน 3 วันทำการ คือ วันศุกร์, จันทร์ และ อังคาร จำนวนรวม 5.8 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 228.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,730 ล้านบาท โดยมีมูลค่าราคาเฉลี่ย ที่ 39.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น 🚩โดยตั้งแต่กลางเดือน กรกฎาคม เป็นต้นมา เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ ได้ขายหุ้น BAC ไปแล้วมูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.37 แสนล้านบาท และมีหุ้น BAC ที่ถือครอง ณ ปัจจุบัน เหลืออยู่ 11% 🚩หมายเหตุ: เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ ของปู่วอร์เรน บัฟเฟต เข้าเข้าซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์และใบสำคัญแสดงสิทธิของ BAC มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2011 หลังจากวิกฤตการณ์ ทางการเงิน และแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิเหล่านั้นในปี 2017 🚩ทำให้เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ของ BAC จากนั้นก็เพิ่มหุ้นอีก 300 ล้านหุ้น ในช่วงปี 2018 และ 2019 🚩โดยเริ่มทะยอยขายหุ้นในช่วงกลางเดือน กรกฎาคม ปีนี้ หลังจากราคาหุ้น BAC ได้ปรับตัวสูงขึ้น ประมาณ 20-23% 🚩และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณถดถอย ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ จึงมีนโยบาย ให้ถือครองเงินสดไว้ ในบริษัทให้มากที่สุด เพื่อรอจังหวะการลงทุนใหม่ๆ นั่นเอง 🚩ซึ่งคาดการณ์กันว่า ปู่วอร์เรน น่าจะซื้อหุน BAC ในช่วงปี 2011 ที่ราคา ประมาณ 5.5 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น และขายทำกำไรในช่วงราคา 30-39 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น (กำไรมากกว่า 80-85%) ที่มา : cnbc #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วอร์เรนบัฟเฟตต์ #thaitimes #เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1034 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1.หวังพึ่งพาพุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย เจริญรุ่งเรือง
    2. สร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก ถ้าเก็บถูกวิธี ที่วงการนิยมเล่นหา และเลือกถูกเกจิอาจารย์
    3. สภาพคล่องดีมาก เปลี่ยนเป็นมูลค่าเงินสดได้ง่าย ถ้าเทียบกับสินทรัพย์ชนิดอื่น เช่นที่ดิน อสังหาอื่นๆ
    4. ได้ศึกษาพุทธศิลป์ อาจย้อนไปถึงยุคสมัยในประวัติศาสตร์กันเลย
    5. เป็นหน้าตาแก่ผู้พบเห็น (ที่ชอบพระ) ถ้าเรามีของแท้ ของหายาก ของสวย.
    (แถม) ทยอยลงทุนได้ ตามกำลังทรัพย์ของเราในแต่ละช่วงเวลา
    1.หวังพึ่งพาพุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย เจริญรุ่งเรือง 2. สร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก ถ้าเก็บถูกวิธี ที่วงการนิยมเล่นหา และเลือกถูกเกจิอาจารย์ 3. สภาพคล่องดีมาก เปลี่ยนเป็นมูลค่าเงินสดได้ง่าย ถ้าเทียบกับสินทรัพย์ชนิดอื่น เช่นที่ดิน อสังหาอื่นๆ 4. ได้ศึกษาพุทธศิลป์ อาจย้อนไปถึงยุคสมัยในประวัติศาสตร์กันเลย 5. เป็นหน้าตาแก่ผู้พบเห็น (ที่ชอบพระ) ถ้าเรามีของแท้ ของหายาก ของสวย. (แถม) ทยอยลงทุนได้ ตามกำลังทรัพย์ของเราในแต่ละช่วงเวลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥สื่อรอยเตอร์ Reuters สหรัฐตีข่าว การทุจริตในเมืองไทย
    หลังจากบริษัท Deere บริษัทสัญชาติอเมริกัน
    ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่
    ได้ยอมเสียค่าปรับให้กับ ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC
    เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท

    🚩ในกรณีที่ ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานบริษัท
    Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เมืองไทย
    ได้ติดสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เมืองไทย
    เพื่อให้ได้งาน ซึ่งในคำให้การมีหลายหน่วยงาน
    เช่น กองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง เป็นต้น

    🚩โดย Deere & company บริษัทแม่ของ
    Wirtgen Thailand ได้ให้คำให้การต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ
    ถึงขึ้นตอนการจะได้งานที่เมืองไทยจากภาครัฐ
    ต้องทำดังนี้

    🚩1. ติดสินบน จ่ายเป็นเงินสด ตั้งแต่ปี 2560-2563
    🚩2. จ่ายในรูปแบบค่าที่ปรึกษา ค่าอาหาร
    🚩3. จ่ายในรูปแบบการท่องเที่ยว แต่ระบุ "เยี่ยมชมโรงงาน"
    ในสวิตเซอร์แลนด์ และ ประเทศต่างๆในยุโรป
    🚩4. จ่ายในรูปแบบความบันเทิง โดยการพาเจ้าหน้าที่รัฐ
    ไปนวดในสถานบริการ อาบ อบ นวด

    🚩ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC กล่าวว่า
    การกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชีและบันทึก
    รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน
    ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง
    หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ
    และเกิดการปรับเงินเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์
    สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท


    🚩โดย Deere & Company ดำเนินธุรกิจในชื่อ John Deere
    เป็นบริษัทอเมริกันที่ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร
    เครื่องจักรกลหนัก เครื่องจักรป่าไม้ เครื่องยนต์ดีเซล
    ระบบขับเคลื่อนที่ใช้ในเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์
    ดูแลสนามหญ้า

    ที่มา : Reuters
    https://www.reuters.com/legal/deere-pay-993-mln-settle-us-sec-bribery-probe-2024-09-10/

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥สื่อรอยเตอร์ Reuters สหรัฐตีข่าว การทุจริตในเมืองไทย หลังจากบริษัท Deere บริษัทสัญชาติอเมริกัน ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่ ได้ยอมเสียค่าปรับให้กับ ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท 🚩ในกรณีที่ ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานบริษัท Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เมืองไทย ได้ติดสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เมืองไทย เพื่อให้ได้งาน ซึ่งในคำให้การมีหลายหน่วยงาน เช่น กองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง เป็นต้น 🚩โดย Deere & company บริษัทแม่ของ Wirtgen Thailand ได้ให้คำให้การต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ ถึงขึ้นตอนการจะได้งานที่เมืองไทยจากภาครัฐ ต้องทำดังนี้ 🚩1. ติดสินบน จ่ายเป็นเงินสด ตั้งแต่ปี 2560-2563 🚩2. จ่ายในรูปแบบค่าที่ปรึกษา ค่าอาหาร 🚩3. จ่ายในรูปแบบการท่องเที่ยว แต่ระบุ "เยี่ยมชมโรงงาน" ในสวิตเซอร์แลนด์ และ ประเทศต่างๆในยุโรป 🚩4. จ่ายในรูปแบบความบันเทิง โดยการพาเจ้าหน้าที่รัฐ ไปนวดในสถานบริการ อาบ อบ นวด 🚩ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC กล่าวว่า การกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชีและบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ และเกิดการปรับเงินเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท 🚩โดย Deere & Company ดำเนินธุรกิจในชื่อ John Deere เป็นบริษัทอเมริกันที่ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องจักรกลหนัก เครื่องจักรป่าไม้ เครื่องยนต์ดีเซล ระบบขับเคลื่อนที่ใช้ในเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์ ดูแลสนามหญ้า ที่มา : Reuters https://www.reuters.com/legal/deere-pay-993-mln-settle-us-sec-bribery-probe-2024-09-10/ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 981 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วลูกจ๋า รถเมล์บอนลัคที่หนูอยากได้

    เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยี่ห้อบอนลัค (BLK) มาให้บริการล็อตแรก 100 คัน หลังจากกลุ่มร่วมทำงาน วินสตาร์ และ ดี.ที.ซี.ชนะการประกวดราคาจ้างเหมาซ่อมรถรุ่นดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งาน 7 ปี เสนอราคาเป็นเงิน 963.35 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2570 และได้ดำเนินการซ่อมแซมรถให้พร้อมใช้งาน หลังจากหยุดใช้รถ (ตัดจอด) ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ตามแผนงานลำดับถัดไป จะต้องซ่อมแซมรถพร้อมให้บริการรวม 380 คันภายใน 90 วัน และกลับมาให้บริการได้ครบจำนวน 486 คันภายใน 120 วัน พร้อมดูแลซ่อมบำรุงเป็นเวลา 3 ปี

    สำหรับการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศ NGV ล็อตแรก 100 คัน แบ่งเป็นเขตการเดินรถละ 25 คัน ได้แก่ เขตการเดินรถที่ 1 สาย 510 (1-19) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต)-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13 คัน สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 5 คัน สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-หมอชิต 2 (ทางด่วน) สาย 522 (1-22E) รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 2 คัน และสาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี 1 คัน

    เขตการเดินรถที่ 2 สาย 168 (1-50) เคหะร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15 คัน สาย 60 (1-38) สวนสยาม-สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย 8 คัน และสาย 26 (1-36) มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 คัน เขตการเดินรถที่ 3 สาย 142 (3-17E) ปากน้ำ-แสมดำ (ทางด่วน) 9 คัน สาย 511 (3-22E) ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน (ทางด่วน) 8 คัน สาย 23E (3-4E) ปากน้ำ-เทเวศร์ (ทางด่วน) 3 คัน สาย 102 (3-12E) แพรกษา-เซ็นทรัลพระราม 3 (ทางด่วน) 3 คัน และสาย 145 (3-18) แพรกษา-หมอชิต 2 2 คัน

    เขตการเดินรถที่ 5 สาย 105 (4-18) สมุทรสาคร-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี 5 คัน สาย 138 (4-22E) พระประแดง (อู่ราชประชา)-หมอชิต 2 5 คัน สาย 21E (4-7E) วัดคู่สร้าง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 คัน สาย 76 (4-14) แสมดำ-ประตูน้ำ 3 คัน สาย 141 (4-24E) แสมดำ-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 คัน สาย 20 (4-4) ป้อมพระจุลจอมเกล้า-ท่าเรือท่าดินแดง 2 คัน สาย 37 (4-9) ท่าน้ำพระประแดง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คัน และสาย 21 (4-6) วัดคู่สร้าง-มหานาค 1 คัน

    ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง เริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 25 บาท (รถขึ้นทางด่วนเพิ่ม 2 บาท) รับชำระทั้งเงินสด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนคิวอาร์โค้ด ตรวจสอบพิกัดรถเมล์ได้ที่แอปพลิเคชัน VIABUS สังเกตที่สัญลักษณ์วีลแชร์ หมายถึงรถโดยสารแบบชานต่ำรองรับผู้พิการ

    #Newskit #ขสมก #บอนลัค
    มาแล้วลูกจ๋า รถเมล์บอนลัคที่หนูอยากได้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยี่ห้อบอนลัค (BLK) มาให้บริการล็อตแรก 100 คัน หลังจากกลุ่มร่วมทำงาน วินสตาร์ และ ดี.ที.ซี.ชนะการประกวดราคาจ้างเหมาซ่อมรถรุ่นดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งาน 7 ปี เสนอราคาเป็นเงิน 963.35 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2570 และได้ดำเนินการซ่อมแซมรถให้พร้อมใช้งาน หลังจากหยุดใช้รถ (ตัดจอด) ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตามแผนงานลำดับถัดไป จะต้องซ่อมแซมรถพร้อมให้บริการรวม 380 คันภายใน 90 วัน และกลับมาให้บริการได้ครบจำนวน 486 คันภายใน 120 วัน พร้อมดูแลซ่อมบำรุงเป็นเวลา 3 ปี สำหรับการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศ NGV ล็อตแรก 100 คัน แบ่งเป็นเขตการเดินรถละ 25 คัน ได้แก่ เขตการเดินรถที่ 1 สาย 510 (1-19) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต)-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13 คัน สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 5 คัน สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-หมอชิต 2 (ทางด่วน) สาย 522 (1-22E) รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 2 คัน และสาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี 1 คัน เขตการเดินรถที่ 2 สาย 168 (1-50) เคหะร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15 คัน สาย 60 (1-38) สวนสยาม-สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย 8 คัน และสาย 26 (1-36) มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 คัน เขตการเดินรถที่ 3 สาย 142 (3-17E) ปากน้ำ-แสมดำ (ทางด่วน) 9 คัน สาย 511 (3-22E) ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน (ทางด่วน) 8 คัน สาย 23E (3-4E) ปากน้ำ-เทเวศร์ (ทางด่วน) 3 คัน สาย 102 (3-12E) แพรกษา-เซ็นทรัลพระราม 3 (ทางด่วน) 3 คัน และสาย 145 (3-18) แพรกษา-หมอชิต 2 2 คัน เขตการเดินรถที่ 5 สาย 105 (4-18) สมุทรสาคร-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี 5 คัน สาย 138 (4-22E) พระประแดง (อู่ราชประชา)-หมอชิต 2 5 คัน สาย 21E (4-7E) วัดคู่สร้าง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 คัน สาย 76 (4-14) แสมดำ-ประตูน้ำ 3 คัน สาย 141 (4-24E) แสมดำ-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 คัน สาย 20 (4-4) ป้อมพระจุลจอมเกล้า-ท่าเรือท่าดินแดง 2 คัน สาย 37 (4-9) ท่าน้ำพระประแดง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คัน และสาย 21 (4-6) วัดคู่สร้าง-มหานาค 1 คัน ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง เริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 25 บาท (รถขึ้นทางด่วนเพิ่ม 2 บาท) รับชำระทั้งเงินสด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนคิวอาร์โค้ด ตรวจสอบพิกัดรถเมล์ได้ที่แอปพลิเคชัน VIABUS สังเกตที่สัญลักษณ์วีลแชร์ หมายถึงรถโดยสารแบบชานต่ำรองรับผู้พิการ #Newskit #ขสมก #บอนลัค
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 699 มุมมอง 0 รีวิว
  • งามหน้า ข่าวติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ
    ของไทยเพื่อให้ได้งาน!!!
    Deere ยุติการสอบสวนกรณีสินบนร้านนวด
    และของขวัญอื่นๆ ในประเทศไทยต่อ SEC ของสหรัฐฯ

    เดียร์ Deere ตกลงจ่ายเงิน 9.93 ล้านเหรียญสหรัฐ
    เพื่อยุติข้อกล่าวหาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
    และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า
    บริษัทลูกในประเทศไทยเสนอบริการร้านนวด และของขวัญ
    ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ธุรกิจจากรัฐบาล
    และมีส่วนร่วมในการติดสินบนเชิงพาณิชย์

    ข้อตกลงวันอังคารแก้ไขข้อกล่าวหา ผู้บริหารระดับสูง
    และพนักงานของบริษัท Wirtgen Thailand
    ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรและ
    เครื่องจักรกลหนัก ได้จ่ายเงินโดยไม่เหมาะสม
    แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกองทัพอากาศไทย
    และกรมทางหลวงของประเทศไทย

    ก.ล.ต. กล่าวว่ามีการชำระเงินแม้ว่าจรรยาบรรณของหน่วยงาน
    จะห้ามไม่ให้ให้ "สิ่งใดๆ ทั้งสิ้น" เพื่อมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
    อย่างไม่เหมาะสม

    การจ่ายเงินที่ทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จนถึงปี 2563
    นั้นถูกกล่าวหาว่าอยู่ในรูปแบบเงินสด ค่าอาหาร ค่าที่ปรึกษาปลอม
    ค่าท่องเที่ยวที่ปลอมตัวมาเป็น "การเยี่ยมชมโรงงาน"
    ในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ในยุโรป และค่า
    "ความบันเทิง" ในร้านนวด

    ก.ล.ต. กล่าวว่าการกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชี
    และบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน
    ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง
    หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ

    การชำระเงินของ Deere ประกอบด้วยค่าปรับทางแพ่ง
    4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ การคืนผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม
    4.34 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกเบี้ย 1.09 ล้านเหรียญสหรัฐ

    นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของบริษัท Deere
    ซึ่งตั้งอยู่ในโมลีน รัฐอิลลินอยส์ ในการสอบสวน
    การเลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติมิชอบ
    และการปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
    และการฝึกอบรมต่อต้านการติดสินบน

    ที่มา : Reuters
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    งามหน้า ข่าวติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ ของไทยเพื่อให้ได้งาน!!! Deere ยุติการสอบสวนกรณีสินบนร้านนวด และของขวัญอื่นๆ ในประเทศไทยต่อ SEC ของสหรัฐฯ เดียร์ Deere ตกลงจ่ายเงิน 9.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อยุติข้อกล่าวหาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า บริษัทลูกในประเทศไทยเสนอบริการร้านนวด และของขวัญ ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ธุรกิจจากรัฐบาล และมีส่วนร่วมในการติดสินบนเชิงพาณิชย์ ข้อตกลงวันอังคารแก้ไขข้อกล่าวหา ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานของบริษัท Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรและ เครื่องจักรกลหนัก ได้จ่ายเงินโดยไม่เหมาะสม แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกองทัพอากาศไทย และกรมทางหลวงของประเทศไทย ก.ล.ต. กล่าวว่ามีการชำระเงินแม้ว่าจรรยาบรรณของหน่วยงาน จะห้ามไม่ให้ให้ "สิ่งใดๆ ทั้งสิ้น" เพื่อมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไม่เหมาะสม การจ่ายเงินที่ทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จนถึงปี 2563 นั้นถูกกล่าวหาว่าอยู่ในรูปแบบเงินสด ค่าอาหาร ค่าที่ปรึกษาปลอม ค่าท่องเที่ยวที่ปลอมตัวมาเป็น "การเยี่ยมชมโรงงาน" ในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ในยุโรป และค่า "ความบันเทิง" ในร้านนวด ก.ล.ต. กล่าวว่าการกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชี และบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ การชำระเงินของ Deere ประกอบด้วยค่าปรับทางแพ่ง 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ การคืนผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม 4.34 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกเบี้ย 1.09 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของบริษัท Deere ซึ่งตั้งอยู่ในโมลีน รัฐอิลลินอยส์ ในการสอบสวน การเลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติมิชอบ และการปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการฝึกอบรมต่อต้านการติดสินบน ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 879 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ จบกันเงินหมุนเวียนในระบบที่คิดไว้ แจกเงินสด ไร้การควบคุมใช้จ่าย ก็อาจละลายหายไปกับวงการสีเทา
    #7ดอกจิก
    ♣ จบกันเงินหมุนเวียนในระบบที่คิดไว้ แจกเงินสด ไร้การควบคุมใช้จ่าย ก็อาจละลายหายไปกับวงการสีเทา #7ดอกจิก
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวานพี่คิงส์ฯให้เปิดข้อมูลเรื่อง
    วอลเลทถึงทางตันเงินสดไม่ช่วยอะไร
    ใครพลาด เดี๋ยวแปะลิงค์ในคอมเม้นไว้ให้
    แต่เรื่องวอลเลทก็ยังพอมีทางออก
    ไอ่ที่จะแจกเงินสดผ่านบัตรคนจน ยังไงก็ไม่ได้
    เพราะผิดวัตถุประสงค์มาตรา 9
    ส่วนจะเอาเข้าวอลเลทก็ทำไม่ได้
    สุดท้ายแจกเงินสดไม่นำไปสู่การหมุนวนทางเศรษฐกิจ
    แต่เป็นงบด้านสังคมสงเคราะห์มันคนละเรื่องกัน
    ดังนั้น ทางออกจริงๆก็มี คือโครงการคนละครึ่ง
    กับแอพเป๋าตัง ที่มีอยู่แล้ว ระบบก็เสถียร
    คนไทยใช้เป็น ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
    ก่อนที่งบจะต้องถูกตีคืนคลังถ้าใช้ไม่ทันสิ้นกย.
    ถ้านำงบมาเข้าระบบแอพคนละครึ่ง
    ระบบเศรษฐกิจจะหมนุวนทันที
    แม้กระทั่งช่วงโรคระบาด เรายังผ่านการใช้โครงการนี้
    ทำให้เศรษฐกิจชาติไม่เสียหายหนักอย่างที่ควรจะเป็น
    ชาวประชาชื่นบาน
    แต่ประเด็นคือ รัฐบาลอิ๊ง ยอมลดศักดิ์ศรีลงมั๊ย
    วางอัตตา ว่าคนละครึ่งคือไอเดียลุงตู่
    แต่ยอมนำกลับมาใช้ เพื่อหมุนเวียนเศรษฐกิจจริงๆ
    พี่คิงส์รับรอง ไม่ผิดมาตรา 9 แถมยังทำให้ได้คะแนนนิยม
    จากมวลชน ไม่สุ่มเสี่ยงโดนเล่นย้อนหลังด้วย
    อยากให้นำไปปรับใช้และพิจารณา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เมื่อวานพี่คิงส์ฯให้เปิดข้อมูลเรื่อง วอลเลทถึงทางตันเงินสดไม่ช่วยอะไร ใครพลาด เดี๋ยวแปะลิงค์ในคอมเม้นไว้ให้ แต่เรื่องวอลเลทก็ยังพอมีทางออก ไอ่ที่จะแจกเงินสดผ่านบัตรคนจน ยังไงก็ไม่ได้ เพราะผิดวัตถุประสงค์มาตรา 9 ส่วนจะเอาเข้าวอลเลทก็ทำไม่ได้ สุดท้ายแจกเงินสดไม่นำไปสู่การหมุนวนทางเศรษฐกิจ แต่เป็นงบด้านสังคมสงเคราะห์มันคนละเรื่องกัน ดังนั้น ทางออกจริงๆก็มี คือโครงการคนละครึ่ง กับแอพเป๋าตัง ที่มีอยู่แล้ว ระบบก็เสถียร คนไทยใช้เป็น ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ก่อนที่งบจะต้องถูกตีคืนคลังถ้าใช้ไม่ทันสิ้นกย. ถ้านำงบมาเข้าระบบแอพคนละครึ่ง ระบบเศรษฐกิจจะหมนุวนทันที แม้กระทั่งช่วงโรคระบาด เรายังผ่านการใช้โครงการนี้ ทำให้เศรษฐกิจชาติไม่เสียหายหนักอย่างที่ควรจะเป็น ชาวประชาชื่นบาน แต่ประเด็นคือ รัฐบาลอิ๊ง ยอมลดศักดิ์ศรีลงมั๊ย วางอัตตา ว่าคนละครึ่งคือไอเดียลุงตู่ แต่ยอมนำกลับมาใช้ เพื่อหมุนเวียนเศรษฐกิจจริงๆ พี่คิงส์รับรอง ไม่ผิดมาตรา 9 แถมยังทำให้ได้คะแนนนิยม จากมวลชน ไม่สุ่มเสี่ยงโดนเล่นย้อนหลังด้วย อยากให้นำไปปรับใช้และพิจารณา #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 552 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วอลเลทกับเรื่องที่พี่คิงส์เชื่อว่าอิ๊งก็อยากบอก
    ข้อมูลที่พี่คิงส์จะแจงจากนี้ไปค้นหารายละเอียดต่อได้ไม่ยาก
    1. วอลเลทจะไม่สำเร็จและจะแจกเป็นเงินสดทั้งเฟส 1 เฟส 2
    2. เฟสแรกต้องแจกให้ได้ก่อนสิ้นเดือน กย.นี้ ไม่งั้นได้คืนคลังทั้งหมด
    3. กรณีเงินสดจะผิดกฏหมายวินัยการเงินการคลังมาตรา 9 ตามมาแน่นอน
    4. งบสำหรับเฟสแรก ได้บีบจากหน่วยงานรัฐที่ต้องชำระคืนธ.พาณิชย์ โดยเฉพาะ ธกส. สามหมื่นกว่าล้าน ขาดสภาพคล่องแน่นอน ซึ่งใช้วิธีจ่ายขั้นต่ำคือเฉพาะดอกเลี้ยงไว้ และยังไม่มีกำหนดคืนต้น เพราะเฟสสองก็ยังขาดเยอะ
    5. แค่เฉพาะบิดหนี้ธ.พาณิชย์ก็ยังไม่พอ ตอนนี้ ไปดึงงบกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินของประเทศมาใช้แจกเฉยเลย ซึ่งถ้ามีเหตุฉุกเฉิน เราจะไม่มีก็อกสำรองและเอาออกไปแล้วก็ไม่รู้จะมีมาคืนตอนไหนด้วย
    6. เฟส 2 ขณะนี้ไม่ว่านักข่าวจะถามนายกอิ๊งหรือคลัง ว่าจะนำงบประมาณจากไหนมาใส่ ก็ในเมื่อเบี้ยวหนี้ธ.พาณิชย์ไปหมดแล้ว ก็ยังหาคำตอบให้ไม่ได้ เพราะจำนวนที่ยังขาดคือ 1.1 แสนล้าน
    7. ปัจจุบันประเทศไทยมีหนี้สูงกว่า gdp 60% ประเทศกำลังจะเข้าสู่ภาวะวิ ก ฤ ต ด้านการเงินการคลัง
    8. ผลกระทบจากการดันทุรัง หางบมาโปะโปรเจคเดียว คือวอทเลท ทำให้ สปสช. หรือบัตรทองที่มีผู้ใช้บริการ 48 ล้านคน เกินครึ่งประเทศ ต้องได้รับผลกระทบ เพราะมีการจ่ายให้กับรพ.ที่รับรองสิทธิ์ล่าช้า แถมยังไปปรับลดค่ารักษาต่อหัวต่ำลงไปอีก ซึ่ง รพ.มากกว่า 91 แห่ง ก็กำลังเข้าสู่ภาวะขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ซึ่งรมต.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็อ้างว่า เดี๋ยวงบปี 68 ก็มา ก็ต้องวนกลับไปที่ข้อก่อนหน้าว่า งบวอลเลทยังขาดอีก 1.1 แสนล้าน แล้วจะเอาที่ไหนมาจ่ายให้รพ.ที่รับสิทธิ์บัตรทอง
    นี่แหละ ความดันทุรัง ที่พี่คิงส์ฯเอง ก็อยากให้นายกอิ๊งพิจารณาใหม่
    ล้มโครงการนี้ไป ไม่จำเป็นต้องรับมรดกนโยบายนี้มา
    ใช้เหตุผลความเป็นจริง ประเทศจะได้เดินหน้าต่อไปได้
    ไม่งั้น กระทบกับคนทั้งประเทศจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #วอลเลทกับเรื่องที่พี่คิงส์เชื่อว่าอิ๊งก็อยากบอก ข้อมูลที่พี่คิงส์จะแจงจากนี้ไปค้นหารายละเอียดต่อได้ไม่ยาก 1. วอลเลทจะไม่สำเร็จและจะแจกเป็นเงินสดทั้งเฟส 1 เฟส 2 2. เฟสแรกต้องแจกให้ได้ก่อนสิ้นเดือน กย.นี้ ไม่งั้นได้คืนคลังทั้งหมด 3. กรณีเงินสดจะผิดกฏหมายวินัยการเงินการคลังมาตรา 9 ตามมาแน่นอน 4. งบสำหรับเฟสแรก ได้บีบจากหน่วยงานรัฐที่ต้องชำระคืนธ.พาณิชย์ โดยเฉพาะ ธกส. สามหมื่นกว่าล้าน ขาดสภาพคล่องแน่นอน ซึ่งใช้วิธีจ่ายขั้นต่ำคือเฉพาะดอกเลี้ยงไว้ และยังไม่มีกำหนดคืนต้น เพราะเฟสสองก็ยังขาดเยอะ 5. แค่เฉพาะบิดหนี้ธ.พาณิชย์ก็ยังไม่พอ ตอนนี้ ไปดึงงบกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินของประเทศมาใช้แจกเฉยเลย ซึ่งถ้ามีเหตุฉุกเฉิน เราจะไม่มีก็อกสำรองและเอาออกไปแล้วก็ไม่รู้จะมีมาคืนตอนไหนด้วย 6. เฟส 2 ขณะนี้ไม่ว่านักข่าวจะถามนายกอิ๊งหรือคลัง ว่าจะนำงบประมาณจากไหนมาใส่ ก็ในเมื่อเบี้ยวหนี้ธ.พาณิชย์ไปหมดแล้ว ก็ยังหาคำตอบให้ไม่ได้ เพราะจำนวนที่ยังขาดคือ 1.1 แสนล้าน 7. ปัจจุบันประเทศไทยมีหนี้สูงกว่า gdp 60% ประเทศกำลังจะเข้าสู่ภาวะวิ ก ฤ ต ด้านการเงินการคลัง 8. ผลกระทบจากการดันทุรัง หางบมาโปะโปรเจคเดียว คือวอทเลท ทำให้ สปสช. หรือบัตรทองที่มีผู้ใช้บริการ 48 ล้านคน เกินครึ่งประเทศ ต้องได้รับผลกระทบ เพราะมีการจ่ายให้กับรพ.ที่รับรองสิทธิ์ล่าช้า แถมยังไปปรับลดค่ารักษาต่อหัวต่ำลงไปอีก ซึ่ง รพ.มากกว่า 91 แห่ง ก็กำลังเข้าสู่ภาวะขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ซึ่งรมต.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็อ้างว่า เดี๋ยวงบปี 68 ก็มา ก็ต้องวนกลับไปที่ข้อก่อนหน้าว่า งบวอลเลทยังขาดอีก 1.1 แสนล้าน แล้วจะเอาที่ไหนมาจ่ายให้รพ.ที่รับสิทธิ์บัตรทอง นี่แหละ ความดันทุรัง ที่พี่คิงส์ฯเอง ก็อยากให้นายกอิ๊งพิจารณาใหม่ ล้มโครงการนี้ไป ไม่จำเป็นต้องรับมรดกนโยบายนี้มา ใช้เหตุผลความเป็นจริง ประเทศจะได้เดินหน้าต่อไปได้ ไม่งั้น กระทบกับคนทั้งประเทศจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 588 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เรื่องนี้ขอคุยกันด้วยเหตุและผล
    ตอนนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องรู้คือ
    1. ดิจิตอลวอลเลท ติดขัดทางด้านเทคนิคของระบบเองที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามที่วางแผนไว้
    2. วอลเลทจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินสดผ่านบัตรคนจน
    3. ต้องแจกให้ทัน 30 กันยายนนี้เท่านั้น
    4. ถ้าไม่ทัน ต้องคืนเงินเข้าคลัง
    5. เงินที่ได้มาก้อนนี้ยังไม่จบ ต้องผูกพันงบปี 2568
    6. ปี 2568 ดูตัวเลข ณ ปัจจุบัน เฉพาะโครงการวอลเลทนี้ ยังขาดอีก 1.1 แสนล้านบาท
    7. ทางออก คือ กู้สถาบันการเงิน หรือ กู้ประชาชนผ่านพันธบัตรหรือสิ่งใกล้เคียง
    ในขณะที่วันนี้ สำหรับปี 67 งบก้อนที่มาจ่ายวอลเลทกับกลุ่มแรก ก็ผลัดผ่อนหนี้ที่ต้องจ่ายคืนให้หน่วยงานภาครัฐหลายก้อน
    ซึ่งปี 68 ไม่รวมยอดที่ต้องจ่ายคืนให้หน่วยงานของรัฐเอง บวกลบอย่างไรก็ขาดอีกเป็นแสนล้าน
    นอกจากนั้น โทนี่ยังมีโปรเจคใหม่ๆ ที่ต้องกู้ เช่น แก้ปัญหาน้ำท่วม อีกมากกว่า 9 ล้าน ล้าน การต้องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่ประชาชนในพื้นที่ต่อต้านหนักหน่วง
    เรียนแฟนเพจแบบตรงไปตรงมา
    คนไทยต้องรับผิดชอบหนี้ที่จะเกิด และที่เกิดแล้ว เหมือนกู้โดยโทนี่
    แต่คนไทยคือคนค้ำประกัน เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
    ถ้าวอลเลท เบรคได้ เบรคก่อน ในเมื่อจ่ายเงินสดเงินมันไม่หมุนวนแบบพายุและผิดมาตรา9 เรื่องวินัยการคลัง แล้วเอางบนี้ซัพพอต สปสช. บัตรทองที่กำลังจะล่มสลาย รวมถึงหน่วยงานของรัฐอื่นๆที่กล้ำกลืน บริหารงานแบบขาดงบประมาณ ให้ทุกอย่างรันได้ตามที่ควรจะเป็น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เรื่องนี้ขอคุยกันด้วยเหตุและผล ตอนนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องรู้คือ 1. ดิจิตอลวอลเลท ติดขัดทางด้านเทคนิคของระบบเองที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามที่วางแผนไว้ 2. วอลเลทจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินสดผ่านบัตรคนจน 3. ต้องแจกให้ทัน 30 กันยายนนี้เท่านั้น 4. ถ้าไม่ทัน ต้องคืนเงินเข้าคลัง 5. เงินที่ได้มาก้อนนี้ยังไม่จบ ต้องผูกพันงบปี 2568 6. ปี 2568 ดูตัวเลข ณ ปัจจุบัน เฉพาะโครงการวอลเลทนี้ ยังขาดอีก 1.1 แสนล้านบาท 7. ทางออก คือ กู้สถาบันการเงิน หรือ กู้ประชาชนผ่านพันธบัตรหรือสิ่งใกล้เคียง ในขณะที่วันนี้ สำหรับปี 67 งบก้อนที่มาจ่ายวอลเลทกับกลุ่มแรก ก็ผลัดผ่อนหนี้ที่ต้องจ่ายคืนให้หน่วยงานภาครัฐหลายก้อน ซึ่งปี 68 ไม่รวมยอดที่ต้องจ่ายคืนให้หน่วยงานของรัฐเอง บวกลบอย่างไรก็ขาดอีกเป็นแสนล้าน นอกจากนั้น โทนี่ยังมีโปรเจคใหม่ๆ ที่ต้องกู้ เช่น แก้ปัญหาน้ำท่วม อีกมากกว่า 9 ล้าน ล้าน การต้องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่ประชาชนในพื้นที่ต่อต้านหนักหน่วง เรียนแฟนเพจแบบตรงไปตรงมา คนไทยต้องรับผิดชอบหนี้ที่จะเกิด และที่เกิดแล้ว เหมือนกู้โดยโทนี่ แต่คนไทยคือคนค้ำประกัน เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ถ้าวอลเลท เบรคได้ เบรคก่อน ในเมื่อจ่ายเงินสดเงินมันไม่หมุนวนแบบพายุและผิดมาตรา9 เรื่องวินัยการคลัง แล้วเอางบนี้ซัพพอต สปสช. บัตรทองที่กำลังจะล่มสลาย รวมถึงหน่วยงานของรัฐอื่นๆที่กล้ำกลืน บริหารงานแบบขาดงบประมาณ ให้ทุกอย่างรันได้ตามที่ควรจะเป็น #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สถานการณ์ไม่สู้ดีกับสถานะบัตรทอง
    ในขณะที่พรรคเพื่อไทยพยายามดันวอลเลทให้ผ่าน
    ด้วยวิธีการแก้ผ้าเอาหน้ารอด
    โดยงบปี 67 แจกได้สิบกว่าล้านคน ไม่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
    แต่เป็นการแจกเงินสดผ่านบัตรคนจน ซึ่งจะต้องถูกร้องว่าผิดวินัยการเงินการคลังอย่างร้ายแรง คล้ายๆกับการซื้อเสียงโดยใช้ภาษีของประชาชน
    และการที่พยายามดันเงินสดแจกประชาชนนี้ คือการชลอการชำระหนี้ให้บรรดาหน่วยงานของภาครัฐต่างๆไป่กอน ซึ่งย่อมมีผลประทบต่อการบริหารจัดการของหน่วยงานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อ
    แต่ที่น่าเศร้าคือ บัตรทองที่มีผู้ใช้บริการมากกว่า 48 ล้านคน
    ขณะนี้เหลืองบเพียง 7 ร้อยกว่าล้านเท่านั้น
    ซึ่งรพ.ที่รับสิทธิ์นี้ มีอย่างน้อย 91 รพ.ที่กำลังจะเข้าสู่ภาวะขาดสภาพคล่อง
    และมีโอกาสที่จะเกิดผลกระทบกับประชาชน
    ในขณะนี้งบปี 68 ต้องกล้าพูดความจริง
    ว่างบวอลเลทไม่ได้จบที่เค้นหางบมาให้ทันก้อนแรก
    แต่ต้องยาวไปถึงปี 68 ที่บวกลบคูณหารอย่างไร ก็ยังขาดงบที่จะทำให้วอลเลทสำเร็จบริบูรณ์อีก 1.1 แสนบ้าน ยังไม่รู้ไปหามาจากที่ไหน
    ในขณะที่ มีคนรอหมื่นบาทจากวอลเลทที่เปลี่ยนเป็นเงินสดเพราะรัฐบาลไม่มีปัญญาทำเป็นวอลเลทตามสัญญา หารู้ไม่ว่าความสำคัญเร่งด่วนอย่างบัตรทอง กำลังได้รับผลประทบอย่างรุนแรง
    เป็นการบริหารบ้านเมืองที่น่าเศร้าอย่างแท้จริง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #สถานการณ์ไม่สู้ดีกับสถานะบัตรทอง ในขณะที่พรรคเพื่อไทยพยายามดันวอลเลทให้ผ่าน ด้วยวิธีการแก้ผ้าเอาหน้ารอด โดยงบปี 67 แจกได้สิบกว่าล้านคน ไม่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เป็นการแจกเงินสดผ่านบัตรคนจน ซึ่งจะต้องถูกร้องว่าผิดวินัยการเงินการคลังอย่างร้ายแรง คล้ายๆกับการซื้อเสียงโดยใช้ภาษีของประชาชน และการที่พยายามดันเงินสดแจกประชาชนนี้ คือการชลอการชำระหนี้ให้บรรดาหน่วยงานของภาครัฐต่างๆไป่กอน ซึ่งย่อมมีผลประทบต่อการบริหารจัดการของหน่วยงานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อ แต่ที่น่าเศร้าคือ บัตรทองที่มีผู้ใช้บริการมากกว่า 48 ล้านคน ขณะนี้เหลืองบเพียง 7 ร้อยกว่าล้านเท่านั้น ซึ่งรพ.ที่รับสิทธิ์นี้ มีอย่างน้อย 91 รพ.ที่กำลังจะเข้าสู่ภาวะขาดสภาพคล่อง และมีโอกาสที่จะเกิดผลกระทบกับประชาชน ในขณะนี้งบปี 68 ต้องกล้าพูดความจริง ว่างบวอลเลทไม่ได้จบที่เค้นหางบมาให้ทันก้อนแรก แต่ต้องยาวไปถึงปี 68 ที่บวกลบคูณหารอย่างไร ก็ยังขาดงบที่จะทำให้วอลเลทสำเร็จบริบูรณ์อีก 1.1 แสนบ้าน ยังไม่รู้ไปหามาจากที่ไหน ในขณะที่ มีคนรอหมื่นบาทจากวอลเลทที่เปลี่ยนเป็นเงินสดเพราะรัฐบาลไม่มีปัญญาทำเป็นวอลเลทตามสัญญา หารู้ไม่ว่าความสำคัญเร่งด่วนอย่างบัตรทอง กำลังได้รับผลประทบอย่างรุนแรง เป็นการบริหารบ้านเมืองที่น่าเศร้าอย่างแท้จริง #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥มีบางท่าน อยากให้แอดมิน ช่วยโพสต์กราฟจุดขาย
    ที่ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ขายหุ้น Bank Of America Corporation
    หรือ BAC แอดมินเลยขอนำทั้งจุดเข้าซื้อและจุดขาย
    มานำเสนอ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆท่าน
    เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ดังนี้

    💥จุดเข้าซื้อ และมูลเหตุที่ปู่เข้าซื้อหุ้น BCA
    ปู่บัฟเฟตต์เริ่มลงทุนในธนาคาร BCA ในปี 2011
    เมื่อ Berkshire ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ในราคาราวๆ 5-10 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น
    โดยการซื้อครั้งนั้นแสดงถึงความมั่นใจของเขาในความสามารถของ
    Brian Moynihan ซีอีโอในการฟื้นฟูธนาคารให้กลับมาแข็งแรง
    หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008

    💥จุดขาย และมูลเหตุที่ทำให้ขาย
    หลังจากถือครองหุ้นดังกล่าวมาประมาณ 13 ปี
    หุ้น Bank of America Corporation หรือ BCA ก็ได้ปรับตัว
    สูงขึ้นมาเรื่อยๆ และปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% ในปี 2024 นี้
    เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 22.6% ของดัชนี S&P 500 Banks
    (.SPXBK) คาดว่า ปู่น่าจะเริ่มทะยอยขายหุ้นที่มีมูลค่า
    มากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ
    2 แสนล้านบาท ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2024
    ซึ่งราคาหุ้นอยู่ราวๆ 40-44 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น

    🚩ทำให้คาดการณ์ว่าปู่น่าจะได้กำไรจากการขายหุ้นในครั้งนี้
    มากกว่า 75%

    🚩สาเหตุแห่งการทะยอยขายหุ้นในพอร์ตออก
    ซึ่งปู่คิดว่า น่าจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ที่จะทะยอย
    ขายหุ้นทำกำไร และเก็บเป็นเงินสดไว้ เพื่อรอจังหวะ
    และโอกาส ในการถือครองหุ้นตัวอื่นๆ หลังจากใช้
    แนวทางนี้กับหุ้นอีกหลายตัว เช่น APPLE เป็นต้น

    🚩จากการที่ปู่มองว่า เฟดจะเริ่มทะยอย ลดอัตราดอกเบี้ย
    เชิงนโยบาย ในเร็วๆนี้ และจะทำให้เม็ดเงินลงทุน ย้ายออก
    ไปจากตลาดหุ้นสหรัฐ และไปยังสินทรัพย์ หรือ
    ตลาดทุน หรือ ตลาดหุ้นอื่นๆ จึงเลือกที่จะลดการถือครองหุ้น
    และถือเป็นเงินสดไว้นั่นเอง

    🚩นี่ก็เป็นแนวทางหรือ วิธีการลงทุน ของปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์
    ผู้บริหาร และเจ้าของ บริษัท เบิร์กไชน์ แฮธาเวย์
    ปรมาจารย์ด้านการลงทุนท่านหนึ่ง ในวัย 94 ปู่ ที่ยังมีชีวิตอยู่
    ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ในปัจจุบัน

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วอร์เรนบัฟเฟตต์ #BAC #thaitimes
    💥💥มีบางท่าน อยากให้แอดมิน ช่วยโพสต์กราฟจุดขาย ที่ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ขายหุ้น Bank Of America Corporation หรือ BAC แอดมินเลยขอนำทั้งจุดเข้าซื้อและจุดขาย มานำเสนอ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆท่าน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ดังนี้ 💥จุดเข้าซื้อ และมูลเหตุที่ปู่เข้าซื้อหุ้น BCA ปู่บัฟเฟตต์เริ่มลงทุนในธนาคาร BCA ในปี 2011 เมื่อ Berkshire ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ในราคาราวๆ 5-10 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น โดยการซื้อครั้งนั้นแสดงถึงความมั่นใจของเขาในความสามารถของ Brian Moynihan ซีอีโอในการฟื้นฟูธนาคารให้กลับมาแข็งแรง หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 💥จุดขาย และมูลเหตุที่ทำให้ขาย หลังจากถือครองหุ้นดังกล่าวมาประมาณ 13 ปี หุ้น Bank of America Corporation หรือ BCA ก็ได้ปรับตัว สูงขึ้นมาเรื่อยๆ และปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% ในปี 2024 นี้ เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 22.6% ของดัชนี S&P 500 Banks (.SPXBK) คาดว่า ปู่น่าจะเริ่มทะยอยขายหุ้นที่มีมูลค่า มากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2024 ซึ่งราคาหุ้นอยู่ราวๆ 40-44 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น 🚩ทำให้คาดการณ์ว่าปู่น่าจะได้กำไรจากการขายหุ้นในครั้งนี้ มากกว่า 75% 🚩สาเหตุแห่งการทะยอยขายหุ้นในพอร์ตออก ซึ่งปู่คิดว่า น่าจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ที่จะทะยอย ขายหุ้นทำกำไร และเก็บเป็นเงินสดไว้ เพื่อรอจังหวะ และโอกาส ในการถือครองหุ้นตัวอื่นๆ หลังจากใช้ แนวทางนี้กับหุ้นอีกหลายตัว เช่น APPLE เป็นต้น 🚩จากการที่ปู่มองว่า เฟดจะเริ่มทะยอย ลดอัตราดอกเบี้ย เชิงนโยบาย ในเร็วๆนี้ และจะทำให้เม็ดเงินลงทุน ย้ายออก ไปจากตลาดหุ้นสหรัฐ และไปยังสินทรัพย์ หรือ ตลาดทุน หรือ ตลาดหุ้นอื่นๆ จึงเลือกที่จะลดการถือครองหุ้น และถือเป็นเงินสดไว้นั่นเอง 🚩นี่ก็เป็นแนวทางหรือ วิธีการลงทุน ของปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้บริหาร และเจ้าของ บริษัท เบิร์กไชน์ แฮธาเวย์ ปรมาจารย์ด้านการลงทุนท่านหนึ่ง ในวัย 94 ปู่ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ในปัจจุบัน #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วอร์เรนบัฟเฟตต์ #BAC #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 813 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พี่คิงส์ก็ช่วยลุ้นแฟนคลับเพื่อไทยมาโดยตลอด
    ดิจิม่อน เอ้ย ดิจิตอลวอลเล็ต
    ซึ่งพลาดก็ตั้งแต่แนวคิดกระดุมเม็ดแรกแล้ว
    นายกนิดก็โล่งใจ บินไปดูบอลอังกฤษ
    ส่วนอิ๊ง ก็โดนป่ะป๊าให้มาเป็นหุ่นเชิด
    ระบบวอลเล็ตมันไปไม่ได้ ด้วยเงื่อนไขติดตอหลายตอ
    เลยจะเปลี่ยนแบบชุ่ยๆ ใส่บัตรคนจน ต่อเนื่องจนถึงบัตรเกษตรกร
    แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น
    ตอแรก... ครม.ยังไม่เรียบร้อย แต่ต้องจ่ายก่อนสิ้นเดือนกย.67
    ถ้าจ่ายไม่ทัน ต้องคืนคลังทันที ถ้าไม่ทันก็โดนร้อง
    ตอที่สอง.... กระบวนการอย่างเร็วสุด ครม.จะจัดทัพก็กลางเดือน กย.67
    แปลว่า ต้องเอาเข้าครมหลังจากนั้น ในขณะที่ พรรคร่วมจะแตกแถวมั๊ย เพราะถ้าอนุมัติไป ผิดเงื่อนไข จากวอลเลทเป็นเงินสด คนโหวตโดนด้วย
    ตอที่สาม... กรณีสร้างโครงการวอลเลท คือแนวคิดให้เงินหมุนเวียน ต้องรอบที่สองรอบที่สามถึงมาเบิกเป็นเงินสดได้ ต่างจากการจ่ายสดมันไม่เกิดพายุหมุนอย่างที่แจงกับครม.ไว้ เพราะการจ่ายสดไม่ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นลักษณะของเงินสงเคราะห์ ถ้าจ่ายสด ก็โดนร้อง ผิด พรบ.มาตรา 9 วินัยการเงินการคลัง
    และถ้ายังดันทุรังจ่ายสดอีก กลายเป็นสร้างความนิยมทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดนร้องอีกดอก เหมือนงูกินหางไม่มีจบไม่มมีสิ้น
    หรือตัวเลือกสุดท้าย ยัดเข้าระบบคนละครึ่งของลุงตู่
    ระยะเวลาจากกลางเดือนถึงปลายเดือน การเสนอครม.
    การอนุมัติ จนถึงกระบวนการทางเทคนิค ยังไงก็ไม่ทัน
    ดังนั้น ต้องขอแสดงความเสียใจกับคนที่เฝ้ารอ
    งานนี้ไม่ง่าย มีโอกาสเป็นหมัน สูงมาก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #พี่คิงส์ก็ช่วยลุ้นแฟนคลับเพื่อไทยมาโดยตลอด ดิจิม่อน เอ้ย ดิจิตอลวอลเล็ต ซึ่งพลาดก็ตั้งแต่แนวคิดกระดุมเม็ดแรกแล้ว นายกนิดก็โล่งใจ บินไปดูบอลอังกฤษ ส่วนอิ๊ง ก็โดนป่ะป๊าให้มาเป็นหุ่นเชิด ระบบวอลเล็ตมันไปไม่ได้ ด้วยเงื่อนไขติดตอหลายตอ เลยจะเปลี่ยนแบบชุ่ยๆ ใส่บัตรคนจน ต่อเนื่องจนถึงบัตรเกษตรกร แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น ตอแรก... ครม.ยังไม่เรียบร้อย แต่ต้องจ่ายก่อนสิ้นเดือนกย.67 ถ้าจ่ายไม่ทัน ต้องคืนคลังทันที ถ้าไม่ทันก็โดนร้อง ตอที่สอง.... กระบวนการอย่างเร็วสุด ครม.จะจัดทัพก็กลางเดือน กย.67 แปลว่า ต้องเอาเข้าครมหลังจากนั้น ในขณะที่ พรรคร่วมจะแตกแถวมั๊ย เพราะถ้าอนุมัติไป ผิดเงื่อนไข จากวอลเลทเป็นเงินสด คนโหวตโดนด้วย ตอที่สาม... กรณีสร้างโครงการวอลเลท คือแนวคิดให้เงินหมุนเวียน ต้องรอบที่สองรอบที่สามถึงมาเบิกเป็นเงินสดได้ ต่างจากการจ่ายสดมันไม่เกิดพายุหมุนอย่างที่แจงกับครม.ไว้ เพราะการจ่ายสดไม่ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นลักษณะของเงินสงเคราะห์ ถ้าจ่ายสด ก็โดนร้อง ผิด พรบ.มาตรา 9 วินัยการเงินการคลัง และถ้ายังดันทุรังจ่ายสดอีก กลายเป็นสร้างความนิยมทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดนร้องอีกดอก เหมือนงูกินหางไม่มีจบไม่มมีสิ้น หรือตัวเลือกสุดท้าย ยัดเข้าระบบคนละครึ่งของลุงตู่ ระยะเวลาจากกลางเดือนถึงปลายเดือน การเสนอครม. การอนุมัติ จนถึงกระบวนการทางเทคนิค ยังไงก็ไม่ทัน ดังนั้น ต้องขอแสดงความเสียใจกับคนที่เฝ้ารอ งานนี้ไม่ง่าย มีโอกาสเป็นหมัน สูงมาก #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 640 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอ่นแอ๊น วอลเลทเปลี่ยนเป็นเงินสด ผิด พรบ.มาตรา 9
    "ผิดวินัยการเงินการคลัง"
    #คิงส์โพธิ์แดง
    แอ่นแอ๊น วอลเลทเปลี่ยนเป็นเงินสด ผิด พรบ.มาตรา 9 "ผิดวินัยการเงินการคลัง" #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567

    “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน

    ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว)

    แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม

    แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้

    หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ

    อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว

    ผลเป็นไงคงพอจำกันได้

    บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที

    อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้

    แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ

    ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร

    ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ

    แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ

    ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน

    สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้

    ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน

    ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ

    สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ

    ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป

    แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป

    นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย

    ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน

    แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก

    ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า

    วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้

    อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ

    งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้

    นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที

    ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว

    ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ

    อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน

    เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้

    ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว

    เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ

    การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว

    จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ

    ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง

    เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท

    รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท

    นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท

    อันนี้น่าสนใจ

    ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป

    แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต

    เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ

    แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้

    แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที

    แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

    ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน

    พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้

    แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น

    แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย

    เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย

    ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต

    แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย

    พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่

    เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก

    แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที

    การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ


    ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้

    การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน

    ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย

    สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ

    งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ

    บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง

    ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

    แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย


    วีระ ธีรภัทร
    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567”

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E

    Thaitimes
    รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567 “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว) แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้ หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว ผลเป็นไงคงพอจำกันได้ บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้ ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้ อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท อันนี้น่าสนใจ ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้ แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้ แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่ เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย วีระ ธีรภัทร วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567” ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1061 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาจจะดูงานหยาบแต่ก็ถือว่าแ-ก้-ผ้-า เอาหน้าเหลี่ยมรอดได้ก็แล้วกัน
    อย่างที่เพจคิงส์โพธิ์แดงยืนยันมาตลอดว่า
    ระบบดิจิตอล วอลเลท มันเป็นไปไม่ได้
    และถ้าอิ๊งได้เป็นนายก วอลเลทไม่ได้ไปต่อ
    ในที่สุดก็หาวิธีใหม่ ที่จะทำให้นายกนิดดูอ่อนด้อยไปเลย
    โทนี่ให้สัมภาษณ์ว่า อย่าถามผมเลยเรื่องวอลเลท
    ต้องไปถามนายก แต่ด้วยนิสัยที่อดจ้อไม่ได้ก็พูดต่อไปว่า
    "แต่ผมเดินผ่านผมได้ยินนะ แล้วก็เล่าเป็นฉากๆ นี่ขนาดเดินผ่านนะ ไอ่ฉัด"
    จ้อว่า เดี๋ยวต้องเอามาปรับใหม่ ไอ่ส่วนที่เป็นดิจิตอลอะ มันติดนั่นติดนี่
    เอาไว้ก่อน ต้องหาวิธีจ่ายเป็นเงินสดเอา แต่พอมาดูและวิเคราะห์แล้ว เต็มที่แจกได้ไม่เกิน 16 ล.คน รอแถ ลง ว่าต้องให้กลุ่มเปราะบาง โน่นนั่นนี่ก่อน
    แล้วอย่าถามว่าแล้วไอ่ที่ลงทะเบียนไปแล้วอะ ข้อมูลพวกนั้นอะ
    ก็มี 2 คำตอบ
    1. ไม่ต้องลบ เดี๋ยวอนาคตได้ใช้ แป่วววว
    2. ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่ได้ใช้ ทางเราจะล้างข้อมูลทั้งหมด ผ่างๆๆๆ
    อ้อ สรุป จุลได้ไปต่อแฮะ ยังออกไม่ได้ เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา
    จุลเป็นคนเริ่มแต่แรก ดังนั้น ต้องมีแพะไว้รับบาป เหมือนทบุญทรง
    รีบปลดไป งานเข้าลูกสาวทำไงล่ะ
    ช่างเป็นพ่อที่ดีเหลือเกิน เซฟให้ลูกหมด
    แต่คิงส์ฯชอบนะ คือวอลเลทเค้าไม่ได้ใช้แล้ว
    เค้าแจกเป็นตังค์ แฟนคลับพท.ก็ยังรั้นว่า วอลเลทใช้ได้ เห็นมั๊ยแค่เปลี่ยนเป็นเงินสด
    แว๊ เอา คิดแบบไหนแล้วมีความสุขก็เอา แจกเงินสดเลิกให้เป็นวอลเลท แต่ยืนยันวอลเลทสำเร็จ ก็เอ๊า
    น่าชื่นชม ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    อาจจะดูงานหยาบแต่ก็ถือว่าแ-ก้-ผ้-า เอาหน้าเหลี่ยมรอดได้ก็แล้วกัน อย่างที่เพจคิงส์โพธิ์แดงยืนยันมาตลอดว่า ระบบดิจิตอล วอลเลท มันเป็นไปไม่ได้ และถ้าอิ๊งได้เป็นนายก วอลเลทไม่ได้ไปต่อ ในที่สุดก็หาวิธีใหม่ ที่จะทำให้นายกนิดดูอ่อนด้อยไปเลย โทนี่ให้สัมภาษณ์ว่า อย่าถามผมเลยเรื่องวอลเลท ต้องไปถามนายก แต่ด้วยนิสัยที่อดจ้อไม่ได้ก็พูดต่อไปว่า "แต่ผมเดินผ่านผมได้ยินนะ แล้วก็เล่าเป็นฉากๆ นี่ขนาดเดินผ่านนะ ไอ่ฉัด" จ้อว่า เดี๋ยวต้องเอามาปรับใหม่ ไอ่ส่วนที่เป็นดิจิตอลอะ มันติดนั่นติดนี่ เอาไว้ก่อน ต้องหาวิธีจ่ายเป็นเงินสดเอา แต่พอมาดูและวิเคราะห์แล้ว เต็มที่แจกได้ไม่เกิน 16 ล.คน รอแถ ลง ว่าต้องให้กลุ่มเปราะบาง โน่นนั่นนี่ก่อน แล้วอย่าถามว่าแล้วไอ่ที่ลงทะเบียนไปแล้วอะ ข้อมูลพวกนั้นอะ ก็มี 2 คำตอบ 1. ไม่ต้องลบ เดี๋ยวอนาคตได้ใช้ แป่วววว 2. ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่ได้ใช้ ทางเราจะล้างข้อมูลทั้งหมด ผ่างๆๆๆ อ้อ สรุป จุลได้ไปต่อแฮะ ยังออกไม่ได้ เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา จุลเป็นคนเริ่มแต่แรก ดังนั้น ต้องมีแพะไว้รับบาป เหมือนทบุญทรง รีบปลดไป งานเข้าลูกสาวทำไงล่ะ ช่างเป็นพ่อที่ดีเหลือเกิน เซฟให้ลูกหมด แต่คิงส์ฯชอบนะ คือวอลเลทเค้าไม่ได้ใช้แล้ว เค้าแจกเป็นตังค์ แฟนคลับพท.ก็ยังรั้นว่า วอลเลทใช้ได้ เห็นมั๊ยแค่เปลี่ยนเป็นเงินสด แว๊ เอา คิดแบบไหนแล้วมีความสุขก็เอา แจกเงินสดเลิกให้เป็นวอลเลท แต่ยืนยันวอลเลทสำเร็จ ก็เอ๊า น่าชื่นชม ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาล "อุ๊งอิ๊ง" ลุยต่อ ดิจิทัลวอลเล็ตไม่แท้ง ปรับเงื่อนไขให้กลุ่มเปราะบางก่อน ภายใต้วงเงิน 1.22 แสนล้าน แจกเป็นเงินสด จ่อผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000076961

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รัฐบาล "อุ๊งอิ๊ง" ลุยต่อ ดิจิทัลวอลเล็ตไม่แท้ง ปรับเงื่อนไขให้กลุ่มเปราะบางก่อน ภายใต้วงเงิน 1.22 แสนล้าน แจกเป็นเงินสด จ่อผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000076961 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2117 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดี๋ยวนะ งบผ่าน แอปไม่เสร็จ เงินสดเข้าไปรอในแอพ แอพเสร็จปชชก็แลกเงินสดไม่ได้ เฮ้ยดองเงินเกิดดอกมหาศาลใครได้ไปฟร๊ะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เดี๋ยวนะ งบผ่าน แอปไม่เสร็จ เงินสดเข้าไปรอในแอพ แอพเสร็จปชชก็แลกเงินสดไม่ได้ เฮ้ยดองเงินเกิดดอกมหาศาลใครได้ไปฟร๊ะ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ค้าเพิ่งรู้วอลเลทเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้
    กระแสของร้องให้แจกเป็นเงินสด
    ของบมาเป็นเงินสดแต่กลับให้ประชาชนเป็นกิฟว็อยเชอร์
    ถ้าเอาไปเปลี่ยนเป็นเงินสดไมไ่ด้ แต่ภาษีกลับต้องจ่ายด้วยเงินสด
    รวมถึงค่าแรงงาน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าขนมลูกต่างต้องใช้เงินสด
    ให้ไปซื้อแต่ของมาสต็อคแล้วกระแสเงินสดที่ต้องใช้จะไปเอาจากใคร
    เป็นเสียงจากพ่อค้าแม่ค้าที่คิดจะเข้าร่วมโครงการ
    เพราะคิดว่าคงคล้ายกับโครงการคนละครึ่ง
    เพราะอึ้งที่วอลเลทเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้ เพิ่งรู้ที่รัฐบาล
    แถลงจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    แม่ค้าเพิ่งรู้วอลเลทเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้ กระแสของร้องให้แจกเป็นเงินสด ของบมาเป็นเงินสดแต่กลับให้ประชาชนเป็นกิฟว็อยเชอร์ ถ้าเอาไปเปลี่ยนเป็นเงินสดไมไ่ด้ แต่ภาษีกลับต้องจ่ายด้วยเงินสด รวมถึงค่าแรงงาน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าขนมลูกต่างต้องใช้เงินสด ให้ไปซื้อแต่ของมาสต็อคแล้วกระแสเงินสดที่ต้องใช้จะไปเอาจากใคร เป็นเสียงจากพ่อค้าแม่ค้าที่คิดจะเข้าร่วมโครงการ เพราะคิดว่าคงคล้ายกับโครงการคนละครึ่ง เพราะอึ้งที่วอลเลทเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้ เพิ่งรู้ที่รัฐบาล แถลงจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนเทคoverธุรกิจสำเพ็ง80%ไม่รับแสกนจ่าย เอาเงินสดขนไปจีนเท่านั้น ของกินก็ขนมาจากจีนไม่หลุดให้คนไทยแม้แดงเดียว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    จีนเทคoverธุรกิจสำเพ็ง80%ไม่รับแสกนจ่าย เอาเงินสดขนไปจีนเท่านั้น ของกินก็ขนมาจากจีนไม่หลุดให้คนไทยแม้แดงเดียว #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ร้านค้ารับวอลเลทเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้
    เรื่องสำคัญที่ร้านค้าต้องรู้ วอลเลทไม่เหมือนกับคนละครึ่ง
    ถ้าประชาชน ลูกค้าใช้วอลเลทที่ร้านท่าน
    ท่านไม่สามารถไปเปลี่ยนเป็นเงินจริงๆได้
    แต่ท่านสามารถซื้อของเข้าร้านของท่านได้เฉพาะตามเงื่อนไข
    แต่กำไรของธุรกิจไม่ได้มีไว้ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งของอุปโภคบริโภคเท่านั้น
    ยังมีค่าไฟฟ้า ค่าแรงงาน ที่ไ่ม่สามารถนำวอลเลทไปจ่ายแทนได้
    สรุปวอลเลทก็ไม่ต่างจากกิฟว็อยเชอร์ที่ใช้ได้กับเฉพาะบางอย่าง
    ร้านค้าใดที่รับวอลเลท ต้องรับสภาพกับการขาดสภาพคล่องขาดเงินสดไว้ด้วย
    และหลังวอลเลทหมดฤดู สต็อคสินค้ากองเต็มร้าน
    ก็ต้องเลหลังเพื่อให้ได้เงินสดกลับคืนมาใหม่ อีกที
    คนคิดโครงการฉลาดมาก ก็ต้องยอมรับสภาพกันไป
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ร้านค้ารับวอลเลทเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้ เรื่องสำคัญที่ร้านค้าต้องรู้ วอลเลทไม่เหมือนกับคนละครึ่ง ถ้าประชาชน ลูกค้าใช้วอลเลทที่ร้านท่าน ท่านไม่สามารถไปเปลี่ยนเป็นเงินจริงๆได้ แต่ท่านสามารถซื้อของเข้าร้านของท่านได้เฉพาะตามเงื่อนไข แต่กำไรของธุรกิจไม่ได้มีไว้ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งของอุปโภคบริโภคเท่านั้น ยังมีค่าไฟฟ้า ค่าแรงงาน ที่ไ่ม่สามารถนำวอลเลทไปจ่ายแทนได้ สรุปวอลเลทก็ไม่ต่างจากกิฟว็อยเชอร์ที่ใช้ได้กับเฉพาะบางอย่าง ร้านค้าใดที่รับวอลเลท ต้องรับสภาพกับการขาดสภาพคล่องขาดเงินสดไว้ด้วย และหลังวอลเลทหมดฤดู สต็อคสินค้ากองเต็มร้าน ก็ต้องเลหลังเพื่อให้ได้เงินสดกลับคืนมาใหม่ อีกที คนคิดโครงการฉลาดมาก ก็ต้องยอมรับสภาพกันไป #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้ยัง!! พ่อค้าแม่ค้าที่รับวอลเลท จะเอาไปแลกเป็นเงินสดไม่ได้นะจ๊ะ ซื้อของตามเงื่อนไขได้อย่างเดียว บอกไว้ ก่อนเน้อ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    รู้ยัง!! พ่อค้าแม่ค้าที่รับวอลเลท จะเอาไปแลกเป็นเงินสดไม่ได้นะจ๊ะ ซื้อของตามเงื่อนไขได้อย่างเดียว บอกไว้ ก่อนเน้อ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด เดือน ส.ค.2567 ได้รับสิทธิอะไรบ้าง

    2 สิงหาคม 2567-นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนส.ค.2567 จะได้รับสิทธิ ดังนี้

    วันที่ 1 ส.ค. 2567
    (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
    - วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน
    (สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตน 27 มิ.ย. - 26 ก.ค. 67 และเริ่มใช้สิทธิได้ 1 ส.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง)
    - วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ก.ค. - ก.ย. 67)
    - วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน (ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ)

    วันที่ 20 ส.ค. 2567
    - เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน
    สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือนที่ยืนยันตัวตน 27 มิ.ย. - 26 ก.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท)

    กรมบัญชีกลางขอรายงานผลการจ่ายเงินสวัสดิการแห่งรัฐ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ก.ค. 2567 ดังนี้
    1. สวัสดิการที่ให้เป็นวงเงิน (บัตรประจำตัวประชาชน)
    1.1 วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จำนวนเงิน 3,950.87 ล้านบาท
    1.2 วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จำนวนเงิน 221.13 ล้านบาท
    1.3 วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวนเงิน137.45 ล้านบาท
    รวม จำนวนเงิน4,309.45 ล้านบาท
    2. สวัสดิการที่ให้ผ่านระบบพร้อมเพย์ (บัตรประจำตัวประชาชน)
    2.1 มาตรการเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 63 จำนวนเงิน 262.30 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 262.30 ล้านบาท
    3. สวัสดิการที่จ่ายตรงผู้ให้บริการ
    3.1 มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า จำนวนเงิน 183.99 ล้านบาท
    3.2 มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา จำนวนเงิน 23.80 ล้านบาท
    รวมจำนวนเงิน จำนวนเงิน 207.79 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 4,779.54 ล้านบาท

    #Thaitimes
    โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด เดือน ส.ค.2567 ได้รับสิทธิอะไรบ้าง 2 สิงหาคม 2567-นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนส.ค.2567 จะได้รับสิทธิ ดังนี้ วันที่ 1 ส.ค. 2567 (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป) - วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน (สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตน 27 มิ.ย. - 26 ก.ค. 67 และเริ่มใช้สิทธิได้ 1 ส.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง) - วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ก.ค. - ก.ย. 67) - วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน (ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ) วันที่ 20 ส.ค. 2567 - เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือนที่ยืนยันตัวตน 27 มิ.ย. - 26 ก.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท) กรมบัญชีกลางขอรายงานผลการจ่ายเงินสวัสดิการแห่งรัฐ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ก.ค. 2567 ดังนี้ 1. สวัสดิการที่ให้เป็นวงเงิน (บัตรประจำตัวประชาชน) 1.1 วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จำนวนเงิน 3,950.87 ล้านบาท 1.2 วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จำนวนเงิน 221.13 ล้านบาท 1.3 วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวนเงิน137.45 ล้านบาท รวม จำนวนเงิน4,309.45 ล้านบาท 2. สวัสดิการที่ให้ผ่านระบบพร้อมเพย์ (บัตรประจำตัวประชาชน) 2.1 มาตรการเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 63 จำนวนเงิน 262.30 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 262.30 ล้านบาท 3. สวัสดิการที่จ่ายตรงผู้ให้บริการ 3.1 มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า จำนวนเงิน 183.99 ล้านบาท 3.2 มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา จำนวนเงิน 23.80 ล้านบาท รวมจำนวนเงิน จำนวนเงิน 207.79 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 4,779.54 ล้านบาท #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เงินแจกขอเงินสด#
    ไม่สนับสนุนแจกเงินเหวี่ยงแห
    #เงินแจกขอเงินสด# ไม่สนับสนุนแจกเงินเหวี่ยงแห
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จีน #ไร้เงินสด #บูรพาไม่แพ้
    ชอบรายการนี้ค่ะ ขอบคุณนะคะ Varit Lim
    https://youtu.be/CGX0rXB8u3o
    #จีน #ไร้เงินสด #บูรพาไม่แพ้ ชอบรายการนี้ค่ะ ขอบคุณนะคะ [varitlim] https://youtu.be/CGX0rXB8u3o
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚌ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ขสมก. จัดการเดินรถเส้นทางตามแผนปฏิรูปรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ เต็มรูปแบบครบ 107 เส้นทาง ที่ได้รับอนุมัติโดยคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เมื่อคราวประชุมครั้งที่ 7/2562 วันที่ 5 กรกฎาคม 2562

    📌ขสมก. ยังคงเดินรถเส้นทาง (เดิม) ควบคู่กับเส้นทางปฏิรูปที่มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ และจะหยุดวิ่งเส้นทาง (เดิม) ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

    #ผู้ใช้บริการสามารถชำระค่าโดยสาร : เงินสด / บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ขสมก. ทุกประเภท / บัตรเครดิต - เดบิต ที่มีสัญลักษณ์คอนแทคเลสทุกธนาคาร / สแกนจ่ายผ่านโมบายแบงค์กิ้ง / สิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ

    ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    Call Center 1348 / Facebook ขสมก. พร้อมบวก / www.bmta.co.th
    🚌ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ขสมก. จัดการเดินรถเส้นทางตามแผนปฏิรูปรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ เต็มรูปแบบครบ 107 เส้นทาง ที่ได้รับอนุมัติโดยคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เมื่อคราวประชุมครั้งที่ 7/2562 วันที่ 5 กรกฎาคม 2562 📌ขสมก. ยังคงเดินรถเส้นทาง (เดิม) ควบคู่กับเส้นทางปฏิรูปที่มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ และจะหยุดวิ่งเส้นทาง (เดิม) ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป #ผู้ใช้บริการสามารถชำระค่าโดยสาร : เงินสด / บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ขสมก. ทุกประเภท / บัตรเครดิต - เดบิต ที่มีสัญลักษณ์คอนแทคเลสทุกธนาคาร / สแกนจ่ายผ่านโมบายแบงค์กิ้ง / สิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1348 / Facebook ขสมก. พร้อมบวก / www.bmta.co.th
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอร์เอเชียร่วมวง e-Money ในไทย

    เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ "บิ๊กเพย์" (BigPay) ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) รายล่าสุดในไทย จากกลุ่มแคปปิตอล เอ (Capital A) บริษัทแม่ของสายการบินแอร์เอเชีย งานนี้ โทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปปิตอล เอ เดินทางมาเปิดตัวด้วยตัวเอง พร้อมทั้งอัดงบโฆษณาโปรโมต ผ่านอินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยว

    สำหรับแอปพลิเคชัน BigPay มาพร้อมบัตรเสมือน Visa Virtual Card สำหรับใช้จ่ายผ่านร้านค้าออนไลน์ และบัตรพลาสติก Visa Platinum Prepaid Card ที่มีค่าออกบัตร 150 บาทต่อใบ สำหรับใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไป และถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ที่ต่างประเทศ พร้อมฟังก์ชัน Stash กระเป๋าเก็บเงินย่อย และ Roundup ฟังก์ชันปัดเศษเงินทอนเพื่อเก็บเงินได้ทันที

    BigPay เปิดให้บริการครั้งแรกในมาเลเซียเมื่อกลางเดือนมกราคม 2561 ปรับปรุงจากผลิตภัณฑ์บัตรเติมเงิน Big Prepaid Mastercard จุดเด่นในขณะนั้นคือ เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียแล้วจ่ายผ่านบัตร BigPay ไม่เสียค่า Processing Fee เมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ต่อมาได้ขยายบริการไปยังสิงคโปร์ และล่าสุดให้บริการในประเทศไทยเป็นแห่งที่สาม

    อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งห้ามแอร์เอเชียเรียกเก็บค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารเมื่อปี 2562 ทำให้จุดเด่นตรงนี้หายไป

    ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่ามีผลิตภัณฑ์ e-Money ในประเทศไทย 74 ผลิตภัณฑ์ แต่ที่มีลักษณะคล้ายกัน ได้แก่ ทรูมันนี่วอลเล็ต (TrueMoney Wallet) ดีพ พ็อกเก็ต (DeepPocket) เจ วอลเล็ต (J Wallet) ไว วอลเล็ต (Wi Wallet) เป๋าตังเปย์ (Paotang Pay) ยูทริป (YouTrip) พลาเน็ตเอสซีบี (Planet SCB) และกรุงศรีบอร์ดดิ้งการ์ด (Krungsri Boarding Card) เป็นต้น

    #Newskit #BigPay #เงินอิเล็กทรอนิกส์
    แอร์เอเชียร่วมวง e-Money ในไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ "บิ๊กเพย์" (BigPay) ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) รายล่าสุดในไทย จากกลุ่มแคปปิตอล เอ (Capital A) บริษัทแม่ของสายการบินแอร์เอเชีย งานนี้ โทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปปิตอล เอ เดินทางมาเปิดตัวด้วยตัวเอง พร้อมทั้งอัดงบโฆษณาโปรโมต ผ่านอินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยว สำหรับแอปพลิเคชัน BigPay มาพร้อมบัตรเสมือน Visa Virtual Card สำหรับใช้จ่ายผ่านร้านค้าออนไลน์ และบัตรพลาสติก Visa Platinum Prepaid Card ที่มีค่าออกบัตร 150 บาทต่อใบ สำหรับใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไป และถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ที่ต่างประเทศ พร้อมฟังก์ชัน Stash กระเป๋าเก็บเงินย่อย และ Roundup ฟังก์ชันปัดเศษเงินทอนเพื่อเก็บเงินได้ทันที BigPay เปิดให้บริการครั้งแรกในมาเลเซียเมื่อกลางเดือนมกราคม 2561 ปรับปรุงจากผลิตภัณฑ์บัตรเติมเงิน Big Prepaid Mastercard จุดเด่นในขณะนั้นคือ เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียแล้วจ่ายผ่านบัตร BigPay ไม่เสียค่า Processing Fee เมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ต่อมาได้ขยายบริการไปยังสิงคโปร์ และล่าสุดให้บริการในประเทศไทยเป็นแห่งที่สาม อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งห้ามแอร์เอเชียเรียกเก็บค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารเมื่อปี 2562 ทำให้จุดเด่นตรงนี้หายไป ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่ามีผลิตภัณฑ์ e-Money ในประเทศไทย 74 ผลิตภัณฑ์ แต่ที่มีลักษณะคล้ายกัน ได้แก่ ทรูมันนี่วอลเล็ต (TrueMoney Wallet) ดีพ พ็อกเก็ต (DeepPocket) เจ วอลเล็ต (J Wallet) ไว วอลเล็ต (Wi Wallet) เป๋าตังเปย์ (Paotang Pay) ยูทริป (YouTrip) พลาเน็ตเอสซีบี (Planet SCB) และกรุงศรีบอร์ดดิ้งการ์ด (Krungsri Boarding Card) เป็นต้น #Newskit #BigPay #เงินอิเล็กทรอนิกส์
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกวันศุกร์ รัฐบาลปีนังไร้เงินสด

    รัฐบาลปีนังรณรงค์วันไร้เงินสด โดยให้ประชาชนชำระเงินผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เมนต์) เมื่อทำธุรกรรมตามหน่วยงานของรัฐทุกวันศุกร์ เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงตุลาคม 2567 เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านธุรกรรมการเงิน จากเงินสดไปยังระบบอี-เพย์เมนต์ เพิ่มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล และกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐปีนังโดยรวม

    โดยทุกวันศุกร์ ประชาชนที่ติดต่อธุรกรรมผ่านเคาน์เตอร์ ในสำนักงานของหน่วยงานของรัฐปีนัง จะต้องขำระเงินผ่านระบบอี-เพย์เมนต์เท่านั้น ได้แก่ อี-วอลเล็ต DuitNow QR แอปพลิเคชันธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต รวมทั้งสามารถชำระเงินผ่านเครื่องคีออส และเว็บไซต์ที่เชื่อมกับระบบของรัฐ เช่น e-Bayar Aspire MBSPPay Cyber ​​Counter และอื่นๆ

    พร้อมกันนี้ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินในมาเลเซีย ได้มอบเงิน 500,000 ริงกิต (ประมาณ 3.85 ล้านบาท) แก่รัฐบาลปีนัง เพื่อนำไปจัดสรรเงินรางวัลให้กับแผนกของรัฐบาลปีนัง ที่มีธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด เพื่อจูงใจให้ทุกหน่วยงานและตัวแทนของรัฐ รณรงค์ให้ประชาชนชำระเงินในหน่วยงานของตนผ่านระบบอี-เพย์เมนต์

    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลปีนังได้รับการยอมรับให้เป็นรัฐไร้เงินสดของมาเลเซียในปี 2567 หลังจากประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลมากกว่า 95% โดยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงพฤษภาคม 2567 จัดเก็บรายได้ผ่านระบบอี-เพย์เมนต์ทั้งหมด 5.49 ล้านรายการ คิดเป็น 95.31% ของธุรกรรมทั้งหมด

    ทั้งนี้ กระทรวงการคลังของรัฐบาลกลางมาเลเซีย และเพย์เน็ตกำหนดไว้ว่า แต่ละรัฐจะต้องมีอัตราการทำธุรกรรมดิจิทัลมากกว่า 95% ขึ้นไป จึงจะได้รับการยอมรับว่าเป็นรัฐไร้เงินสด

    #Newskit #Penang #CashlessSociety
    ทุกวันศุกร์ รัฐบาลปีนังไร้เงินสด รัฐบาลปีนังรณรงค์วันไร้เงินสด โดยให้ประชาชนชำระเงินผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เมนต์) เมื่อทำธุรกรรมตามหน่วยงานของรัฐทุกวันศุกร์ เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงตุลาคม 2567 เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านธุรกรรมการเงิน จากเงินสดไปยังระบบอี-เพย์เมนต์ เพิ่มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล และกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐปีนังโดยรวม โดยทุกวันศุกร์ ประชาชนที่ติดต่อธุรกรรมผ่านเคาน์เตอร์ ในสำนักงานของหน่วยงานของรัฐปีนัง จะต้องขำระเงินผ่านระบบอี-เพย์เมนต์เท่านั้น ได้แก่ อี-วอลเล็ต DuitNow QR แอปพลิเคชันธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต รวมทั้งสามารถชำระเงินผ่านเครื่องคีออส และเว็บไซต์ที่เชื่อมกับระบบของรัฐ เช่น e-Bayar Aspire MBSPPay Cyber ​​Counter และอื่นๆ พร้อมกันนี้ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินในมาเลเซีย ได้มอบเงิน 500,000 ริงกิต (ประมาณ 3.85 ล้านบาท) แก่รัฐบาลปีนัง เพื่อนำไปจัดสรรเงินรางวัลให้กับแผนกของรัฐบาลปีนัง ที่มีธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด เพื่อจูงใจให้ทุกหน่วยงานและตัวแทนของรัฐ รณรงค์ให้ประชาชนชำระเงินในหน่วยงานของตนผ่านระบบอี-เพย์เมนต์ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลปีนังได้รับการยอมรับให้เป็นรัฐไร้เงินสดของมาเลเซียในปี 2567 หลังจากประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลมากกว่า 95% โดยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงพฤษภาคม 2567 จัดเก็บรายได้ผ่านระบบอี-เพย์เมนต์ทั้งหมด 5.49 ล้านรายการ คิดเป็น 95.31% ของธุรกรรมทั้งหมด ทั้งนี้ กระทรวงการคลังของรัฐบาลกลางมาเลเซีย และเพย์เน็ตกำหนดไว้ว่า แต่ละรัฐจะต้องมีอัตราการทำธุรกรรมดิจิทัลมากกว่า 95% ขึ้นไป จึงจะได้รับการยอมรับว่าเป็นรัฐไร้เงินสด #Newskit #Penang #CashlessSociety
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 528 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับเดิมพันบอลยูโร ร้อยกว่าราย เงินสดไหงแค่หมื่นกว่าบาท เดิมพันกันแมตช์ละ 40 50 หราาาาตำหนวด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คุมตำหนวด
    #ไหงเป็นงี้
    #ยุคฝืดเคือง
    จับเดิมพันบอลยูโร ร้อยกว่าราย เงินสดไหงแค่หมื่นกว่าบาท เดิมพันกันแมตช์ละ 40 50 หราาาาตำหนวด #คิงส์โพธิ์แดง #คุมตำหนวด #ไหงเป็นงี้ #ยุคฝืดเคือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เงินสดลดไปเป็นล้าน แต่ทรัพย์สินเพิ่มเติม เป็นเครื่องฟอกไต
    #7ดอกจิก
    #วิษณุ
    ♣ เงินสดลดไปเป็นล้าน แต่ทรัพย์สินเพิ่มเติม เป็นเครื่องฟอกไต #7ดอกจิก #วิษณุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • เงินสดลดไปเป็นล้าน แต่ทรัพย์สินเพิ่มเติม เป็นเครื่องฟอกไต
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #วิษณุ
    #เครื่องฟอกไต
    เงินสดลดไปเป็นล้าน แต่ทรัพย์สินเพิ่มเติม เป็นเครื่องฟอกไต #คิงส์โพธิ์แดง #วิษณุ #เครื่องฟอกไต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคลังสมบัติ "โจ๊ก" ทั้ง #เงินสด #ทองคำ #ปืน #รถหรู🤔
    https://www.youtube.com/live/CHgQuZV8oek?si=N2O1wP4z47kyAss9
    เปิดคลังสมบัติ "โจ๊ก" ทั้ง #เงินสด #ทองคำ #ปืน #รถหรู🤔 https://www.youtube.com/live/CHgQuZV8oek?si=N2O1wP4z47kyAss9
    Like
    Love
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1295 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts