• รมต.กต.ถึงกรุงปารีสก่อนร่วมประชุม OECD พรุ่งนี้ เผยติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้ชิด สั่งปลัด กต รวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เตรียมท่าทีสำหรับเจรจาในกรอบ JBC เร็วๆ นี้ ยันผู้นำกัมพูชาขอมติสภาส่งร้องศาลโลก เป็นสิทธิ์ ไม่กระทบคุย JBC เผยประท้วงกลับกัมพูชาแล้ว ย้ำไทยปฏิบัติตามหลักสากล ยึดหลักอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

    เมื่อเวลา 11:00 น. วันที่ 2 มิ.ย.ตามเวลาประเทศฝรั่งเศส นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ พร้อมเผยถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าตน และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ปลัดกต.เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาท่าทีในเรื่องนี้ โดยมอบนโยบายว่าเราจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เรามีทุกอย่าง ไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญที่สุด คืออยากจะเห็นนโยบายที่เราจะต้องเจรจา และหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่นำไปสู่การขยายตัวของความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่อยากเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างยาวนาน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง จึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นสิ่งที่นักการทูตจำเป็นจะต้องใช้

    อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ปลัด กต. ไปคุยกับกรมกองที่เกี่ยวข้องเพื่อไปรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย รวมภาพถ่ายทั้งหลายเตรียมท่าทีสำหรับไปเจรจาโดยเร็วในกรอบของ JBC ซึ่งตัวนี้จะมีความสำคัญ เพราะเราสามารถเจรจาหาทางออกได้ ซึ่งจะได้หรือไม่ได้นั้นตนไม่สามารถที่จะการันตีได้ แต่ว่าเป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชา ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ทั้งนี้ประเทศไทยได้ผลักดันกับทางกัมพูชา ที่จะขอให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด ขณะนี้กัมพูชา จะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ตนก็ยืนยันไปด้วยว่า ถ้ากัมพูชายังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยพร้อมจัด เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของกลไกนี้ ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาใน 2 ด้าน 1. การลดความตึงเครียด ที่เกิดขึ้น และ 2. การมานั่งพูดคุยว่าเราจะกำหนด หรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051893

    #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    รมต.กต.ถึงกรุงปารีสก่อนร่วมประชุม OECD พรุ่งนี้ เผยติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้ชิด สั่งปลัด กต รวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เตรียมท่าทีสำหรับเจรจาในกรอบ JBC เร็วๆ นี้ ยันผู้นำกัมพูชาขอมติสภาส่งร้องศาลโลก เป็นสิทธิ์ ไม่กระทบคุย JBC เผยประท้วงกลับกัมพูชาแล้ว ย้ำไทยปฏิบัติตามหลักสากล ยึดหลักอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน • เมื่อเวลา 11:00 น. วันที่ 2 มิ.ย.ตามเวลาประเทศฝรั่งเศส นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ พร้อมเผยถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าตน และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ปลัดกต.เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาท่าทีในเรื่องนี้ โดยมอบนโยบายว่าเราจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เรามีทุกอย่าง ไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญที่สุด คืออยากจะเห็นนโยบายที่เราจะต้องเจรจา และหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่นำไปสู่การขยายตัวของความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่อยากเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างยาวนาน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง จึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นสิ่งที่นักการทูตจำเป็นจะต้องใช้ • อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ปลัด กต. ไปคุยกับกรมกองที่เกี่ยวข้องเพื่อไปรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย รวมภาพถ่ายทั้งหลายเตรียมท่าทีสำหรับไปเจรจาโดยเร็วในกรอบของ JBC ซึ่งตัวนี้จะมีความสำคัญ เพราะเราสามารถเจรจาหาทางออกได้ ซึ่งจะได้หรือไม่ได้นั้นตนไม่สามารถที่จะการันตีได้ แต่ว่าเป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชา ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ทั้งนี้ประเทศไทยได้ผลักดันกับทางกัมพูชา ที่จะขอให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด ขณะนี้กัมพูชา จะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ตนก็ยืนยันไปด้วยว่า ถ้ากัมพูชายังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยพร้อมจัด เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของกลไกนี้ ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาใน 2 ด้าน 1. การลดความตึงเครียด ที่เกิดขึ้น และ 2. การมานั่งพูดคุยว่าเราจะกำหนด หรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051893 • #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • “มาริษ” ชี้ เป็นสิทธิกัมพูชาฟ้องศาลโลก แต่ไทยก็มีสิทธิตัดสินใจในท่าทีของตนเอง มอบหมายปลัด กต.เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดท่าทีอย่างเป็นเอกภาพ ย้ำใช้กลไก JBC หาข้อยุติเรื่องเขตแดน เร่งฝ่ายกัมพูชาจัดประชุม ถ้าไม่พร้อมไทยขอเป้นเจ้าภาพเอง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051739

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “มาริษ” ชี้ เป็นสิทธิกัมพูชาฟ้องศาลโลก แต่ไทยก็มีสิทธิตัดสินใจในท่าทีของตนเอง มอบหมายปลัด กต.เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดท่าทีอย่างเป็นเอกภาพ ย้ำใช้กลไก JBC หาข้อยุติเรื่องเขตแดน เร่งฝ่ายกัมพูชาจัดประชุม ถ้าไม่พร้อมไทยขอเป้นเจ้าภาพเอง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051739 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮุนเซน ประธานพฤฒสภา (สภาสูง) ของกัมพูชา ออกคำเตือนรุนแรงถึงไทยเกี่ยวกับข้อพิพาทเขตแดนที่ดำเนินอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประณามการใช้แผนที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับการยืนยันอย่างต่อเนื่อง ที่ตีตราว่าเป็นแผนที่โจร 2551 ที่เขาอ้างว่าฝ่ายไทยใช้แผนที่ดังกล่าวเพื่อบุกรุกดินแดนกัมพูชา สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชารายงาน

    ฮุนเซนแสดงความเห็นรุนแรงดังกล่าวในบ่ายวันนี้ (2) ระหว่างการประชุมร่วมสองสภา

    ประธานสภาสูงกล่าวว่ากัมพูชายังคงเปิดกว้างสำหรับการหารือเกี่ยวกับแผนที่ที่มีมาตรส่วนต่างๆ เช่น 1/100,000 1/50,000 หรือ 1/25,000 แต่ยืนกรานว่าแผนที่ใดๆ ก็ตามที่นำมาใช้จะต้องมีแหล่งที่มาที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เขาย้ำว่าแผนที่ที่จัดทำขึ้นโดยฝ่ายเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม 2447-2450 เป็นพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการกำหนดเขตแดนและพัฒนาแผนที่

    “คุณไม่สามารถใช้แผนที่มาตรส่วน 1/50,000 ของคุณเพื่อละเมิดอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาได้ กัมพูชาไม่ใช่เด็กไร้ทางสู้ที่จะถูกกลั่นแกล้งหรือถูกหลอกให้ยอมสละดินแดน แผนที่โจรปี 2551 ที่เคยใช้รุกรานเรา ต้องไม่ถูกนำมาใช้อีก เราขอชี้แจงให้ชัดเจน” ฮุนเซนกล่าวย้ำ

    เขาอธิบายต่อว่ากัมพูชาจะรักษาความโปร่งใสอย่างเต็มที่ในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับแผนที่ รวมถึงการแจ้งให้สาธารณชนทราบ และอาจจำเป็นที่จะต้องติดต่อประธานาธิบดีฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการเพื่อขอให้ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคปรับขนาด เขายังอ้างถึงความร่วมมือในอดีตกับเวียดนามและลาว ที่กัมพูชาได้เปลี่ยนจากแผนที่ Bonne 1/100,000 ดั้งเดิม เป็นแผนที่ UTM 1/50,000 ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

    ในการประชุมสภาครั้งนี้ ฮุนเซนยังเรียกร้องให้ประชาชนกัมพูชาเฝ้าระวังและติดตามความคืบหน้าตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทยอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็ให้อยู่ในความสงบและให้การสนับสนุนและกำลังใจกองกำลังทหารที่ประจำการอยู่แนวหน้า

    #MGROnline #ฮุนเซน #แผนที่
    ฮุนเซน ประธานพฤฒสภา (สภาสูง) ของกัมพูชา ออกคำเตือนรุนแรงถึงไทยเกี่ยวกับข้อพิพาทเขตแดนที่ดำเนินอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประณามการใช้แผนที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับการยืนยันอย่างต่อเนื่อง ที่ตีตราว่าเป็นแผนที่โจร 2551 ที่เขาอ้างว่าฝ่ายไทยใช้แผนที่ดังกล่าวเพื่อบุกรุกดินแดนกัมพูชา สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชารายงาน • ฮุนเซนแสดงความเห็นรุนแรงดังกล่าวในบ่ายวันนี้ (2) ระหว่างการประชุมร่วมสองสภา • ประธานสภาสูงกล่าวว่ากัมพูชายังคงเปิดกว้างสำหรับการหารือเกี่ยวกับแผนที่ที่มีมาตรส่วนต่างๆ เช่น 1/100,000 1/50,000 หรือ 1/25,000 แต่ยืนกรานว่าแผนที่ใดๆ ก็ตามที่นำมาใช้จะต้องมีแหล่งที่มาที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เขาย้ำว่าแผนที่ที่จัดทำขึ้นโดยฝ่ายเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม 2447-2450 เป็นพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการกำหนดเขตแดนและพัฒนาแผนที่ “คุณไม่สามารถใช้แผนที่มาตรส่วน 1/50,000 ของคุณเพื่อละเมิดอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาได้ กัมพูชาไม่ใช่เด็กไร้ทางสู้ที่จะถูกกลั่นแกล้งหรือถูกหลอกให้ยอมสละดินแดน แผนที่โจรปี 2551 ที่เคยใช้รุกรานเรา ต้องไม่ถูกนำมาใช้อีก เราขอชี้แจงให้ชัดเจน” ฮุนเซนกล่าวย้ำ • เขาอธิบายต่อว่ากัมพูชาจะรักษาความโปร่งใสอย่างเต็มที่ในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับแผนที่ รวมถึงการแจ้งให้สาธารณชนทราบ และอาจจำเป็นที่จะต้องติดต่อประธานาธิบดีฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการเพื่อขอให้ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคปรับขนาด เขายังอ้างถึงความร่วมมือในอดีตกับเวียดนามและลาว ที่กัมพูชาได้เปลี่ยนจากแผนที่ Bonne 1/100,000 ดั้งเดิม เป็นแผนที่ UTM 1/50,000 ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ • ในการประชุมสภาครั้งนี้ ฮุนเซนยังเรียกร้องให้ประชาชนกัมพูชาเฝ้าระวังและติดตามความคืบหน้าตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทยอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็ให้อยู่ในความสงบและให้การสนับสนุนและกำลังใจกองกำลังทหารที่ประจำการอยู่แนวหน้า • #MGROnline #ฮุนเซน #แผนที่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี และกรณีที่ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความเตรียมบรรจุวาระการประชุม JBC นำประเด็นเรื่องปราสาทตาเหมือนธม ปราสาทตาเหมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มุมไบ(สามเหลี่ยมมรกต-บริเวณช่องบก) เข้าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ) ลำดับแรกต้องถอยห่างจากจุดปะทะ ให้ JBC ดูเรื่องปักปันเขตแดนตามกฎหมายและข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง เพราะในการพูดคุยกับกัมพูชาก็เห็นตรงกัน จึงต้องรักษากติกาข้อตกลง ก่อนใช้กลไกอื่น

    -กัมพูชารุกล้ำแดนไทย
    -ต่อสายตรงเบรกปิดด่าน
    -ปลุกใจ"กองอาทมาต"
    -ขู่ไทยต้องไปศาลโลก
    พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี และกรณีที่ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความเตรียมบรรจุวาระการประชุม JBC นำประเด็นเรื่องปราสาทตาเหมือนธม ปราสาทตาเหมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มุมไบ(สามเหลี่ยมมรกต-บริเวณช่องบก) เข้าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ) ลำดับแรกต้องถอยห่างจากจุดปะทะ ให้ JBC ดูเรื่องปักปันเขตแดนตามกฎหมายและข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง เพราะในการพูดคุยกับกัมพูชาก็เห็นตรงกัน จึงต้องรักษากติกาข้อตกลง ก่อนใช้กลไกอื่น -กัมพูชารุกล้ำแดนไทย -ต่อสายตรงเบรกปิดด่าน -ปลุกใจ"กองอาทมาต" -ขู่ไทยต้องไปศาลโลก
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • “ฮุนเซน” กล่าวทางที่ประชุมสภากัมพูชา ย้ำต้องนำปัญหาเขตแดนกับไทยขึ้นศาลโลก ถ้าไทยยังปฏิเสธแสดงว่ามีเจตนาซ่อนเร้น ขู่ถ้าไม่ขึ้นศาลชายแดนไทยจะเหมือนฉนวนกาซ่าที่มีแต่การต่อสู้รบไม่มีวันจบสิ้น อ้าง MOU43 ใช้ไม่ได้แล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051730

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ฮุนเซน” กล่าวทางที่ประชุมสภากัมพูชา ย้ำต้องนำปัญหาเขตแดนกับไทยขึ้นศาลโลก ถ้าไทยยังปฏิเสธแสดงว่ามีเจตนาซ่อนเร้น ขู่ถ้าไม่ขึ้นศาลชายแดนไทยจะเหมือนฉนวนกาซ่าที่มีแต่การต่อสู้รบไม่มีวันจบสิ้น อ้าง MOU43 ใช้ไม่ได้แล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051730 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Haha
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษก ทบ.ชี้ “ฮุน มาเนต” นำเรื่องขึ้นศาลโลกคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ซึ่งต้องหาทางอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่ยังไม่ชัดเจน โดยต้องถอยจากจุดปะทะแล้วให้ JBC มาปักปันเขตแดน ตามเอ็มโอยูที่ต้องไม่ดัดแปลงสภาพพื้นที่ ชี้ ภาพถ่ายฮุนเซนใกล้ศาลาตรีมุข ไม่ใช่จุดปะทะที่เป็นป่า ไม่มีหลักฐานทหารกัมพูชาเคยมาอยู่ และเพิ่งขุดคูเรดขึ้นมาไม่นาน

    วันนี้ (2 มิ.ย.) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ภายหลัง นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศว่า เตรียมให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee - JBC) ไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้นกลางเดือน มิ.ย.เสนอนำกรณีสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) และปราสาทอีก 3 แห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ว่า ยังเป็นคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ปัจจุบันคือการทำอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ที่ยังไม่ชี้ชัดว่าควรเป็นพื้นที่ของใคร

    ในขั้นตอนแรก ทั้ง 2 ฝ่าย จึงถอยห่างจากจุดปะทะ และให้คณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC มาดูในเป็นเรื่องปักปันเขตแดน หรือกฎหมาย ข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะข้อตกลงที่ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ไปพูดคุยกับ ผบ.ทบ.กัมพูชา มีเห็นตรงกัน 3 ประเด็น คือ การถอยกำลังออกจากพื้นที่จุดปะทะ และใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหาเรื่องเขตแดน เรื่องสนธิสัญญา และข้อปฏิบัติตามเอ็มโอยู จะระมัดระวังดูแลกำลังพลพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051619

    #MGROnline #ฮุนมาเนต #ศาลโลก #พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่ยังไม่ชัดเจน #ทหารกัมพูชา
    โฆษก ทบ.ชี้ “ฮุน มาเนต” นำเรื่องขึ้นศาลโลกคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ซึ่งต้องหาทางอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่ยังไม่ชัดเจน โดยต้องถอยจากจุดปะทะแล้วให้ JBC มาปักปันเขตแดน ตามเอ็มโอยูที่ต้องไม่ดัดแปลงสภาพพื้นที่ ชี้ ภาพถ่ายฮุนเซนใกล้ศาลาตรีมุข ไม่ใช่จุดปะทะที่เป็นป่า ไม่มีหลักฐานทหารกัมพูชาเคยมาอยู่ และเพิ่งขุดคูเรดขึ้นมาไม่นาน • วันนี้ (2 มิ.ย.) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ภายหลัง นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศว่า เตรียมให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee - JBC) ไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้นกลางเดือน มิ.ย.เสนอนำกรณีสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) และปราสาทอีก 3 แห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ว่า ยังเป็นคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ปัจจุบันคือการทำอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ที่ยังไม่ชี้ชัดว่าควรเป็นพื้นที่ของใคร • ในขั้นตอนแรก ทั้ง 2 ฝ่าย จึงถอยห่างจากจุดปะทะ และให้คณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC มาดูในเป็นเรื่องปักปันเขตแดน หรือกฎหมาย ข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะข้อตกลงที่ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ไปพูดคุยกับ ผบ.ทบ.กัมพูชา มีเห็นตรงกัน 3 ประเด็น คือ การถอยกำลังออกจากพื้นที่จุดปะทะ และใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหาเรื่องเขตแดน เรื่องสนธิสัญญา และข้อปฏิบัติตามเอ็มโอยู จะระมัดระวังดูแลกำลังพลพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051619 • #MGROnline #ฮุนมาเนต #ศาลโลก #พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่ยังไม่ชัดเจน #ทหารกัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นายกฯ-ภูมิธรรม" เบรกกองทัพปิดด่าน หลังผู้นำกัมพูชาต่อสายร้องขอ อ้างกระทบการค้าชายแดน ซ้ำเติมวิกฤติเศรษฐกิจประเทศ ขณะที่ทหารแจ้งรุกล้ำเข้าพื้นที่ไม่สบายใจ อยากปิดด่านเพื่อกดดันกัมพูชา หากนิ่งเฉยเท่ากับยอมรับ

    วันนี้( 2 มิ.ย.)มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลขอให้กองทัพใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังพบว่ากัมพูชาเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าพื้นที่ช่องบก เป็นจำนวนมาก ซึ่งพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์และล้ำเข้ามาฝ่ายไทยพร้อมหันกระบอกปืนใหญ่เข้าหาฝ่ายไทย

    โดยทางกองทัพ ได้แจ้งไปยังรัฐบาล จุดที่ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ฝ่ายไทย ทำให้เกิดความไม่สบาย จึงขอประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว เพื่อกดดันและตอบโต้ทางฝ่ายกัมพูชา หากนิ่งเฉย เท่ากับเป็นการยอมรับ แต่ทางรัฐบาลได้ขอให้กองทัพอย่าพึ่งดำเนินการใดๆ กังวลว่าจะกระทบการค้าขายตามแนวชายแดน และซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศไทย อีกทั้งขณะนี้กำลังจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee – JBC)ไทย-กัมพูชา

    ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้านี้ภายหลังมีกระแสข่าวไทยเตรียมปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกัมพูชา โทรหานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ร้องขออย่าให้ไทยปิดด่าน นอกจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้ให้นายภูมิธรรมมาพูดคุยกับกองทัพด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000051635

    #MGROnline #กองทัพ #ไทย #กัมพูชา #เบรกกองทัพปิดด่าน
    "นายกฯ-ภูมิธรรม" เบรกกองทัพปิดด่าน หลังผู้นำกัมพูชาต่อสายร้องขอ อ้างกระทบการค้าชายแดน ซ้ำเติมวิกฤติเศรษฐกิจประเทศ ขณะที่ทหารแจ้งรุกล้ำเข้าพื้นที่ไม่สบายใจ อยากปิดด่านเพื่อกดดันกัมพูชา หากนิ่งเฉยเท่ากับยอมรับ • วันนี้( 2 มิ.ย.)มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลขอให้กองทัพใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังพบว่ากัมพูชาเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าพื้นที่ช่องบก เป็นจำนวนมาก ซึ่งพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์และล้ำเข้ามาฝ่ายไทยพร้อมหันกระบอกปืนใหญ่เข้าหาฝ่ายไทย • โดยทางกองทัพ ได้แจ้งไปยังรัฐบาล จุดที่ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ฝ่ายไทย ทำให้เกิดความไม่สบาย จึงขอประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว เพื่อกดดันและตอบโต้ทางฝ่ายกัมพูชา หากนิ่งเฉย เท่ากับเป็นการยอมรับ แต่ทางรัฐบาลได้ขอให้กองทัพอย่าพึ่งดำเนินการใดๆ กังวลว่าจะกระทบการค้าขายตามแนวชายแดน และซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศไทย อีกทั้งขณะนี้กำลังจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee – JBC)ไทย-กัมพูชา • ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้านี้ภายหลังมีกระแสข่าวไทยเตรียมปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกัมพูชา โทรหานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ร้องขออย่าให้ไทยปิดด่าน นอกจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้ให้นายภูมิธรรมมาพูดคุยกับกองทัพด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000051635 • #MGROnline #กองทัพ #ไทย #กัมพูชา #เบรกกองทัพปิดด่าน
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทบ.โต้ “ฮุนมาเนต” ขึ้นศาลโลกเบี่ยงประเด็นปัญหาปัจจุบัน ย้ำใช้กลไก JBC ปักปันเขตแดน - ภาพถ่ายฮุนเซนไม่ใช่จุดปะทะ
    https://www.thai-tai.tv/news/19130/
    ทบ.โต้ “ฮุนมาเนต” ขึ้นศาลโลกเบี่ยงประเด็นปัญหาปัจจุบัน ย้ำใช้กลไก JBC ปักปันเขตแดน - ภาพถ่ายฮุนเซนไม่ใช่จุดปะทะ https://www.thai-tai.tv/news/19130/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • โพสต์ "ฮุนเซ็น" ไม่มีผล ไทยต้องให้ข้อมูลจริง : [NEWS UPDATE]
    นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ เผยถึงการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) ฝ่ายไทย ครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมความพร้อมพูดคุยกับกัมพูชาในกรอบ JBC ซึ่งจะประชุมกันเร็วที่สุด คาดไม่เกินกลางเดือน มิ.ย. นี้ ย้ำ ทหารไม่ประสงค์ให้มีความรุนแรง ทีมไทยแลนด์ทั้งทีม ฝ่ายทหาร พลเรือน ข้าราชการ มุ่งหาข้อยุติอย่างสันติวิธี ส่วนโพสต์บนโซเชียลมีเดียของสมเด็จฮุนเซ็น ไม่มีผลตามกฎหมาย สามารถโพสต์ได้ แต่ไทยต้องดูในฝั่งของไทยให้ข้อมูลที่ออกมาสะท้อนความจริงมากที่สุด



    ตรวจกองกำลังบูรพา

    ห่วงกระทบการค้า 3 หมื่นล้าน

    ขบวนการฝุ่นแดงไม่สำนึก

    เจ้าท่าหนุนเยาวชนรักษ์น้ำ
    โพสต์ "ฮุนเซ็น" ไม่มีผล ไทยต้องให้ข้อมูลจริง : [NEWS UPDATE] นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ เผยถึงการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) ฝ่ายไทย ครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมความพร้อมพูดคุยกับกัมพูชาในกรอบ JBC ซึ่งจะประชุมกันเร็วที่สุด คาดไม่เกินกลางเดือน มิ.ย. นี้ ย้ำ ทหารไม่ประสงค์ให้มีความรุนแรง ทีมไทยแลนด์ทั้งทีม ฝ่ายทหาร พลเรือน ข้าราชการ มุ่งหาข้อยุติอย่างสันติวิธี ส่วนโพสต์บนโซเชียลมีเดียของสมเด็จฮุนเซ็น ไม่มีผลตามกฎหมาย สามารถโพสต์ได้ แต่ไทยต้องดูในฝั่งของไทยให้ข้อมูลที่ออกมาสะท้อนความจริงมากที่สุด ตรวจกองกำลังบูรพา ห่วงกระทบการค้า 3 หมื่นล้าน ขบวนการฝุ่นแดงไม่สำนึก เจ้าท่าหนุนเยาวชนรักษ์น้ำ
    Like
    Angry
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • โฆษกกองทัพบกโต้โพสต์ ‘ฮุน เซน’ อ้างศาลาตรีมุขเป็นพื้นที่กัมพูชา ชี้เป็นแค่การกล่าวอ้าง ไม่มีผลเขตแดนจริง มองเป็นเรื่องปกติฝ่ายกัมพูชาอ้างสิทธิ์บางพื้นที่ชายแดน เหตุแต่ละฝ่ายยึดหลักฐานอ้างอิงต่างกัน ย้ำใช้กลไก JBC ระบุเขตแดนตามกฎกติกา-ข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดร่วมกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051408

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โฆษกกองทัพบกโต้โพสต์ ‘ฮุน เซน’ อ้างศาลาตรีมุขเป็นพื้นที่กัมพูชา ชี้เป็นแค่การกล่าวอ้าง ไม่มีผลเขตแดนจริง มองเป็นเรื่องปกติฝ่ายกัมพูชาอ้างสิทธิ์บางพื้นที่ชายแดน เหตุแต่ละฝ่ายยึดหลักฐานอ้างอิงต่างกัน ย้ำใช้กลไก JBC ระบุเขตแดนตามกฎกติกา-ข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดร่วมกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051408 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 1 รีวิว
  • สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชาออกแถลงการณ์ ผลการหารือระหว่าง พล.อ.เมา โซะพัน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการกองทัพบกกัมพูชา และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องเขตแดน มีข้อสรุปคือ 1.แก้ไขสถานการณ์ผ่านกลไกที่มี รวมถึงบันทึกความเข้าใจ พ.ศ. 2543 ว่าด้วยการวัดและกำหนดเขตแดนทางบกกัมพูชา-ไทย 2.แก้ปัญหาทั้งหมดผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) 3.ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้เคารพในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดง เพื่อหลีกเลี่ยงการสู้รบ และ 4.ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอย และยืนหยัดโดยปราศจากอาวุธในจุดที่เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากเป็นจุดที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยืนหยัดมาตั้งแต่ก่อนลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการวัด และกำหนดเขตแดนทางบก ระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อ พ.ศ. 2543 โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและยอมรับในทั้ง 4 ข้อข้างต้น

    -ใบเสร็จเป็นหลักฐานไม่ได้
    -งบอัดฉีดสูงเท่า 7 ตึก สตง.
    -ประชุมลับเลือก ป.ป.ช.
    -ออกหมายเรียกฮั๊ว สว. ล๊อต 5
    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชาออกแถลงการณ์ ผลการหารือระหว่าง พล.อ.เมา โซะพัน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการกองทัพบกกัมพูชา และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องเขตแดน มีข้อสรุปคือ 1.แก้ไขสถานการณ์ผ่านกลไกที่มี รวมถึงบันทึกความเข้าใจ พ.ศ. 2543 ว่าด้วยการวัดและกำหนดเขตแดนทางบกกัมพูชา-ไทย 2.แก้ปัญหาทั้งหมดผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) 3.ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้เคารพในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดง เพื่อหลีกเลี่ยงการสู้รบ และ 4.ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอย และยืนหยัดโดยปราศจากอาวุธในจุดที่เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากเป็นจุดที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยืนหยัดมาตั้งแต่ก่อนลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการวัด และกำหนดเขตแดนทางบก ระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อ พ.ศ. 2543 โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและยอมรับในทั้ง 4 ข้อข้างต้น -ใบเสร็จเป็นหลักฐานไม่ได้ -งบอัดฉีดสูงเท่า 7 ตึก สตง. -ประชุมลับเลือก ป.ป.ช. -ออกหมายเรียกฮั๊ว สว. ล๊อต 5
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 595 มุมมอง 37 0 รีวิว
  • โฆษก ทบ.แจงกัมพูชาแถลงไม่ถอนกำลัง ไม่ได้เจาะจงว่าจุดใด ย้ำทหารกัมพูชาถอนกำลังออกจากจุดปะทะเมื่อเช้าวันที่ 28 พ.ค.แล้ว เตรียมลาดตระเวนร่วมกัน รอปักปันเขตแดนผ่านกลไกเจบีซี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050864

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    โฆษก ทบ.แจงกัมพูชาแถลงไม่ถอนกำลัง ไม่ได้เจาะจงว่าจุดใด ย้ำทหารกัมพูชาถอนกำลังออกจากจุดปะทะเมื่อเช้าวันที่ 28 พ.ค.แล้ว เตรียมลาดตระเวนร่วมกัน รอปักปันเขตแดนผ่านกลไกเจบีซี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050864 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใช้กลไกเจบีซีชี้ขาด แผนที่ ไทย-กัมพูชา : [NEWS UPDATE]

    พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พบกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เพื่อพูดคุยแก้ไขปัญหา หลังเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี โดยมีฝ่ายยุทธการและฝ่ายเสนาธิการกองทัพ 2 ประเทศ ร่วมประชุม มีข้อสรุปร่วมกันคือ 1.ให้แก้ไขปัญหาผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) เพื่อยุติปัญหาแผนที่ชายแดนที่ไม่ตรงกัน ซึ่งจะจัดขึ้นภายใน 2 - 3 สัปดาห์ 2.ให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดที่เหมาะสม ลดการเผชิญหน้า และ 3.ให้รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ โดยใช้ความอดทนอดกลั้น

    -สถานการณ์อ่อนไหว

    -ไทยไม่ใกล้เคียงรัฐล้มเหลว

    -สร้างตึกใหม่จำเป็น

    -เตือน 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา
    ใช้กลไกเจบีซีชี้ขาด แผนที่ ไทย-กัมพูชา : [NEWS UPDATE] พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พบกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เพื่อพูดคุยแก้ไขปัญหา หลังเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี โดยมีฝ่ายยุทธการและฝ่ายเสนาธิการกองทัพ 2 ประเทศ ร่วมประชุม มีข้อสรุปร่วมกันคือ 1.ให้แก้ไขปัญหาผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) เพื่อยุติปัญหาแผนที่ชายแดนที่ไม่ตรงกัน ซึ่งจะจัดขึ้นภายใน 2 - 3 สัปดาห์ 2.ให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดที่เหมาะสม ลดการเผชิญหน้า และ 3.ให้รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ โดยใช้ความอดทนอดกลั้น -สถานการณ์อ่อนไหว -ไทยไม่ใกล้เคียงรัฐล้มเหลว -สร้างตึกใหม่จำเป็น -เตือน 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 529 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชา ตกลง 3 ข้อ หาทางยุติปมขัดแย้งช่องบก ใช้ช่องทาง คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ที่จะจัดขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดที่เหมาะสม ลดการเผชิญหน้ารักษาความสัมพันธ์อันดี ใช้ความอดทนอดกลั้น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050505

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชา ตกลง 3 ข้อ หาทางยุติปมขัดแย้งช่องบก ใช้ช่องทาง คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ที่จะจัดขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดที่เหมาะสม ลดการเผชิญหน้ารักษาความสัมพันธ์อันดี ใช้ความอดทนอดกลั้น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050505 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 627 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ทบ.บินเจรจากัมพูชา ละเมิดMOUหรือไม่ : [NEWS UPDATE]
    พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เดินทางไปยังช่องจอม จ.สุรินทร์ เพื่อพบกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เพื่อพูดคุยแก้ไขปัญหา หลังเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี
    โดยในการเจรจาจะนำภาพถ่ายทางอากาศไปเปิดดูให้ชัดเจนว่า พื้นที่ที่ทหารกัมพูชาเข้ามาขุดคูเลต เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ที่เลยเข้ามาใกล้เขตแดนไทยหรือไม่ ละเมิด MOU 2543 หรือไม่



    ปะทะกันเป็นเรื่องเข้าใจผิด

    "ทักษิณ"ป่วยทิพย์ไร้คนคุม

    อภิปรายงบสภาเดือด

    เบรก"ทรัมป์"ลุแก่อำนาจ
    ผบ.ทบ.บินเจรจากัมพูชา ละเมิดMOUหรือไม่ : [NEWS UPDATE] พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เดินทางไปยังช่องจอม จ.สุรินทร์ เพื่อพบกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เพื่อพูดคุยแก้ไขปัญหา หลังเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี โดยในการเจรจาจะนำภาพถ่ายทางอากาศไปเปิดดูให้ชัดเจนว่า พื้นที่ที่ทหารกัมพูชาเข้ามาขุดคูเลต เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ที่เลยเข้ามาใกล้เขตแดนไทยหรือไม่ ละเมิด MOU 2543 หรือไม่ ปะทะกันเป็นเรื่องเข้าใจผิด "ทักษิณ"ป่วยทิพย์ไร้คนคุม อภิปรายงบสภาเดือด เบรก"ทรัมป์"ลุแก่อำนาจ
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 594 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • ยัน! พิกัดทหารเขมรรุกเป็นเขตแดนไทยไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์
    https://www.thai-tai.tv/news/19020/
    ยัน! พิกัดทหารเขมรรุกเป็นเขตแดนไทยไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์ https://www.thai-tai.tv/news/19020/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย  กล่าวถึงการยอมจำนนของยูเครน มีให้สองทางเลือก:

    1) ยูเครนควรเจรจาเพื่อทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย
    2) หรือเลือกสู้ต่อ แล้วยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขในที่สุด ซึ่งรัสเซียชอบแนวทางนี้!!

    "รัสเซียเราพร้อมสำหรับการเจรจา แต่เขตแดนต้องเป็นไปตามความเป็นจริงของสถานการณ์ปัจจุบัน และตามข้อเสนอที่กำหนดไว้ ซึ่งการเจรจาดังกล่าวสามารถช่วยให้เห็นสันติภาพที่ยั่งยืนได้

    แต่เคียฟต้องจำไว้ว่า มีเส้นทางอื่นสำหรับระบอบเคียฟซึ่งเรากล่าวย้ำมาตลอดเช่นกัน นั่นคือเส้นทางของการยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข หากพูดกันตามตรง พวกเราหลายคนในประเทศของเราชอบแบบนั้นมากกว่า" เมดเวเดฟกล่าว

    นอกจากนี้ เมดเวเดฟยังวิจารณ์กลุ่ม "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" (coalition of the willing) ที่นำโดยฝรั่งเศสและอังกฤษ ว่าเป็นพวก “นักการเมืองที่ไร้สมองแต่อวดดี!!” และการปรากฏตัวของกองกำลังเหล่านี้ในยูเครน จะถือว่าเป็นภัยคุกคามรัสเซีย ซึ่งจะกลายเป็นเป้าหมายทางทหารที่ถูกต้องตามกฎสงครามอีกด้วย
    ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย  กล่าวถึงการยอมจำนนของยูเครน มีให้สองทางเลือก: 1) ยูเครนควรเจรจาเพื่อทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย 2) หรือเลือกสู้ต่อ แล้วยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขในที่สุด ซึ่งรัสเซียชอบแนวทางนี้!! "รัสเซียเราพร้อมสำหรับการเจรจา แต่เขตแดนต้องเป็นไปตามความเป็นจริงของสถานการณ์ปัจจุบัน และตามข้อเสนอที่กำหนดไว้ ซึ่งการเจรจาดังกล่าวสามารถช่วยให้เห็นสันติภาพที่ยั่งยืนได้ แต่เคียฟต้องจำไว้ว่า มีเส้นทางอื่นสำหรับระบอบเคียฟซึ่งเรากล่าวย้ำมาตลอดเช่นกัน นั่นคือเส้นทางของการยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข หากพูดกันตามตรง พวกเราหลายคนในประเทศของเราชอบแบบนั้นมากกว่า" เมดเวเดฟกล่าว นอกจากนี้ เมดเวเดฟยังวิจารณ์กลุ่ม "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" (coalition of the willing) ที่นำโดยฝรั่งเศสและอังกฤษ ว่าเป็นพวก “นักการเมืองที่ไร้สมองแต่อวดดี!!” และการปรากฏตัวของกองกำลังเหล่านี้ในยูเครน จะถือว่าเป็นภัยคุกคามรัสเซีย ซึ่งจะกลายเป็นเป้าหมายทางทหารที่ถูกต้องตามกฎสงครามอีกด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • รายงานของสำนักข่าว Axios ระบุว่า การเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซียโดยตรงในอิสตันบูล ประเทศตุรกี "ไม่มีผลลัพธ์ใดๆเกิดขึ้น" นอกจากการแลกเปลี่ยนเชลยศึกฝ่ายละหนึ่งพันคนตามที่ฝ่ายรัสเซียและยูเครนกล่าว

    รัสเซียเรียกร้องให้ถอนกำลังยูเครนทั้งหมดออกจากภูมิภาคใหม่ทั้ง 4 แห่ง ที่รัสเซียควบคุมอยู่ในปัจจุบัน แต่ถูกยูเครนปฏิเสธ ทำให้คณะผู้แทนรัสเซียหยุดการเจรจาเรื่องเขตแดนทันที
    รายงานของสำนักข่าว Axios ระบุว่า การเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซียโดยตรงในอิสตันบูล ประเทศตุรกี "ไม่มีผลลัพธ์ใดๆเกิดขึ้น" นอกจากการแลกเปลี่ยนเชลยศึกฝ่ายละหนึ่งพันคนตามที่ฝ่ายรัสเซียและยูเครนกล่าว รัสเซียเรียกร้องให้ถอนกำลังยูเครนทั้งหมดออกจากภูมิภาคใหม่ทั้ง 4 แห่ง ที่รัสเซียควบคุมอยู่ในปัจจุบัน แต่ถูกยูเครนปฏิเสธ ทำให้คณะผู้แทนรัสเซียหยุดการเจรจาเรื่องเขตแดนทันที
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีประกาศชัด จะไม่เจรจาเกี่ยวกับเขตแดนของยูเครน อ้างว่าผิดรัฐธรรมนูญของยูเครน


    เราจะไม่เจรจาเรื่องดินแดน เพราะนั่นถือเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญของเรา ในทางกฎหมาย เราไม่ยอมรับว่าเป็นดินแดนรัสเซีย เพราะนั่นคือดินแดนของยูเครน

    นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวหาปูตินว่าไม่เคารพทรัมป์และเออร์โดกัน ที่ไม่ยอมเข้าร่วมการเจรจาด้วยตนเอง และไม่จริงจังกับการเจรจา โดยการส่งผู้ที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเป็นทีมเจรจาครั้งนี้

    สำหรับยูเครน "รุสตัม อูเมรอฟ" รัฐมนตรีกลาโหม จะเป็นผู้นำในการเข้าร่วมการเจรจากับรัสเซีย โดยหัวข้อหลักจะเป็นการเจรจาหยุดยิง ซึ่งจะไม่พูดถึงการยุติสงคราม แต่จะหารือเกี่ยวกับการหยุดยิงก่อน
    เซเลนสกีประกาศชัด จะไม่เจรจาเกี่ยวกับเขตแดนของยูเครน อ้างว่าผิดรัฐธรรมนูญของยูเครน เราจะไม่เจรจาเรื่องดินแดน เพราะนั่นถือเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญของเรา ในทางกฎหมาย เราไม่ยอมรับว่าเป็นดินแดนรัสเซีย เพราะนั่นคือดินแดนของยูเครน นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวหาปูตินว่าไม่เคารพทรัมป์และเออร์โดกัน ที่ไม่ยอมเข้าร่วมการเจรจาด้วยตนเอง และไม่จริงจังกับการเจรจา โดยการส่งผู้ที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเป็นทีมเจรจาครั้งนี้ สำหรับยูเครน "รุสตัม อูเมรอฟ" รัฐมนตรีกลาโหม จะเป็นผู้นำในการเข้าร่วมการเจรจากับรัสเซีย โดยหัวข้อหลักจะเป็นการเจรจาหยุดยิง ซึ่งจะไม่พูดถึงการยุติสงคราม แต่จะหารือเกี่ยวกับการหยุดยิงก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี

    ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป
    บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร
    บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา

    และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร
    ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร 

    พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย

    ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน

    นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ 

    แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ 

    แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล
    การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด 

    แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว

    ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย
    ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้

    ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี

    เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย 
    แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ
    จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง

    แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น 

    และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า
    ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580 

    ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

    https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร  พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ  แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ  แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด  แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้ ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย  แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น  และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580  ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชนวนปะทุเดือดชายแดนไทย-สปป.ลาว ความสุ่มเสี่ยงความมั่นคงลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนที่จะลุกลามรอบไทย

    เสียงปืนลั่นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และนับเป็นปัญหาเฉพาะในแผ่นดินลาวที่ไม่ได้มีชายแดนติดกับเมียนมาร์ การปะทะเริ่มเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ในฝั่ง สปป.ลาว บริเวณค่ายภูผาหม่น เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว ตรงข้ามอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันกรมทหารพรานที่ 31 และกองกำลังผาเมือง ตรึงกำลังเฝ้าระวัง

    ทั้งแถบชายแดนทยอดปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 68 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะฝั่งตรงข้ามมีการใช้อาวุธปืนขนาด 7.62 ใช้สำหรับปืนอาก้า และอาวุธหนักกระทั่งมีเจ้าหน้าทีทหารของสปป.ลาวเสียชีวิต

    ความสุ่มเสี่ยงของสถานการณ์นี้คือจุดเริ่มที่ต้องสืบสาวหาต้นตอต้นเหตุ เพราะพื้นที่สถานการณ์ติดกับชายแดนไทยอย่างมาก

    The Analyzt ขอนำเสนอข้อมูลประกอบความเป็นไปได้ในการวิเคราะห์สถานการณ์นี้ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยที่ติดกับจังหวัดเชียงราย ที่จะไม่เป็นผลดีต่อภาคเศรษฐกิจ ความมั่นคงในอนาคต

    1. การวิเคราะห์สถานการณ์
    บริบททางประวัติศาสตร์และสาเหตุที่อาจเป็นไปได้:

    สงครามกลางเมืองลาว (พ.ศ. 2502-2518): ในอดีต ลาวตอนเหนือเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนักระหว่างฝ่ายปะเทดลาว (คอมมิวนิสต์) และรัฐบาลราชอาณาจักรลาว โดยมีมหาอำนาจในสงครามเย็น (สหรัฐฯ และสหภาพโซเวีย ศูนย์กลางของการสู้รบอยู่ในพื้นที่เช่น แขวงเชียงขวาง ซึ่งกองพันปะเทดลาวเคยตั้งมั่น. สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างคอมมิวนิสต์และฝ่ายโลกเสรี รวมถึงการแทรกแซงจากต่างชาติ เช่น เวียดนามเหนือและสหรัฐฯ

    ความขัดแย้งชาติพันธุ์: ลาวตอนเหนือเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เช่น ชาวม้ง ลาวสูง และอื่นๆ ซึ่งบางครั้งเกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลกลางเนื่องจากความต้องการปกครองตนเองหรือความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม.
    ยาเสพติดและการค้ามนุษย์: พื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ (รอยต่อระหว่างลาว เมียนมา และไทย) เป็นแหล่งผลิตและลักลอบขนส่งยาเสพติด เช่น ไอซ์และยาบ้า ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะระหว่างกลุ่มค้ายาและกองกำลังรัฐบาล

    ข้อพิพาทชายแดน: ความไม่ชัดเจนของเขตแดนในลุ่มแม่น้ำโขงระหว่างลาวและไทยอาจก่อให้เกิดความตึงเครียด โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะกลางน้ำ ซึ่งเคยเกิดข้อพิพาทในอดีต.

    อิทธิพลจากเพื่อนบ้าน: สถานการณ์ในเมียนมา เช่น การสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกลุ่มชาติพันธุ์ (เช่น KIA, MNDAA) อาจส่งผลกระทบข้ามพรมแดนมายังลาวตอนเหนือ

    กลุ่มกองกำลังที่อาจเกี่ยวข้อง:

    กองทัพประชาชนลาว (LPAF): เป็นกองทัพอย่างเป็นทางการของลาว มีบทบาทในการรักษาความมั่นคงภายในและปกป้องพรมแดน อาจเกี่ยวข้องหากมีการปะทะกับกลุ่มค้ายาหรือกลุ่มกบฏ.

    กลุ่มชาติพันธุ์: เช่น ชาวม้งหรือกลุ่มลาวสูง ซึ่งในอดีตเคยต่อสู้เพื่อปกครองตนเอง อาจยังคงมีความเคลื่อนไหวในระดับเล็กน้อย.

    กลุ่มค้ายาเสพติด: กลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ใช้ลาวตอนเหนือเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด มักปะทะกับกองกำลังรัฐบาลหรือทหารไทยบริเวณชายแดน.

    กลุ่มกบฏหรือกลุ่มต่อต้านรัฐบาล: แม้ว่าปะเทดลาวจะสิ้นสุดบทบาทในฐานะกองกำลังติดอาวุธหลังสงครามกลางเมือง แต่กลุ่มเล็กๆ ที่ไม่พอใจรัฐบาลอาจยังคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ห่างไกล.

    แนวโน้มในอนาคต:
    การปะทะจากยาเสพติด: พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนจะยังคงเป็นจุดร้อนของการค้ายา ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะเป็นระยะๆ ระหว่างกองกำลังรัฐบาลและกลุ่มค้ายา.

    ผลกระทบจากเมียนมา: หากสถานการณ์ในเมียนมา (เช่น ปฏิบัติการ 1027 ของกลุ่มพันธมิตร 3 พี่น้อง) ทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้กลุ่มชาติพันธุ์หรือผู้ลี้ภัยเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนเข้าสู่ลาว สร้างความตึงเครียดในพื้นที่.

    ความร่วมมือในภูมิภาค: ลาวอาจเพิ่มความร่วมมือกับจีนและไทยในการควบคุมยาเสพติดและความมั่นคงชายแดน ซึ่งอาจลดการปะทะในระยะยาว.

    ข้อพิพาทแม่น้ำโขง: ความขัดแย้งเรื่องเขตแดนในแม่น้ำโขงอาจทวีความรุนแรงหากมีการอ้างสิทธิ์ในเกาะกลางน้ำหรือทรัพยากรในแม่น้ำ.

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    ความเชื่อมโยงด้านพลังงานระหว่างลาวและไทยเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ปัญหาหนี้สินของลาวและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากเขื่อนอาจเป็นความเสี่ยงในระยะยาว

    รายงานระบุว่าลาวมีหนี้สูงและต้องชำระหนี้ต่อจีน ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการผลิตไฟฟ้า Opportunities for Development Cooperation in Lao Strategic Sectors | CSIS. นอกจากนี้ การอพยพแรงงานจากลาวอาจช่วยลดต้นทุนแรงงานในไทย แต่ก็อาจสร้างความตึงเครียดทางสังคม

    ความเชื่อมโยงทางพลังงาน: ลาวถูกเรียกว่า "แบตเตอรี่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" เนื่องจากส่งออกไฟฟ้าจากเขื่อนไฮโดรพาวเวอร์ไปยังไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย Energy in Laos - Wikipedia.

    การค้าข้ามพรมแดน: ลาวและไทยมีความเชื่อมโยงผ่านการค้าข้ามพรมแดน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค หากลาวประสบปัญหาเศรษฐกิจ เช่น การลดลงของการลงทุนหรือการชะลอตัวของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาจส่งผลให้การค้าข้ามพรมแดนลดลง ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ชายแดนของไทย เช่น จังหวัดเชียงรายและหนองคาย Laos - The World Factbook

    การปรับตัวของระบบการค้าในภูมิภาคอาจเกิดการปรับเปลี่ยนเส้นทางการค้าและการลงทุนไทยอาจลดการพึ่งพาเส้นทางผ่านลาวไปยังจีน โดยหันไปใช้เส้นทางอื่นมากขึ้นอาจมีการพัฒนาเส้นทางการค้าทางทะเลเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยง

    แรงงานข้ามชาติ: ปัญหาเศรษฐกิจในลาวอาจทำให้มีแรงงานชาวลาวเข้ามาทำงานในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนแรงงานให้กับนายจ้างไทย แต่ในทางกลับกันอาจสร้างความตึงเครียดทางสังคมและแรงกดดันต่อระบบสวัสดิการของไทย BTI 2024 Laos Country Report: BTI 2024.
    ท่าทีของไทยและการประเมินสถานการณ์

    ท่าทีของไทย
    ไทยมีแนวโน้มร่วมมือกับลาวในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ:

    การปราบปรามยาเสพติด: ไทยและลาวมีความร่วมมือกันในการปราบปรามยาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ เช่น การจัดตั้งจุดตรวจชายแดนร่วมและการลาดตระเวนร่วม Fighting drug trafficking in the Golden Triangle: a UN Resident Coordinator blog | UN News. นอกจากนี้ ไทยยังทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNODC เพื่อลดการลักลอบขนยา Thai authorities and UNODC meet about precursor chemical trafficking in the Golden Triangle - UNODC.

    ความร่วมมือด้านพลังงาน: ไทยยังคงเป็นตลาดหลักในการซื้อไฟฟ้าจากลาว และอาจผลักดันการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนร่วมกันเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม Alternative Development Pathways for Thailand’s Sustainable Electricity Trade with Laos • Stimson Center

    การเตรียมพร้อมรับมือ: ไทยควรเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันชายแดน เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดและเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ชายแดน เพื่อป้องกันผลกระทบจากความไม่สงบในลาว Guide to Investigating Organized Crime in the Golden Triangle — Introduction.

    มิติความมั่นคง: ดูเหมือนว่าปัญหายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงเป็นความท้าทายหลัก โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ที่มีการผลิตและลักลอบขนส่งเพิ่มขึ้น รายงานระบุว่ากลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว เช่น การเปลี่ยนเส้นทางผ่านลาวและกลับเข้ามาในไทย Asia's infamous Golden Triangle and the soldiers tracking down the drug smugglers who rule its narcotics trade - ABC News.

    นอกจากนี้ หากสถานการณ์ในเมียนมาทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้มีกลุ่มชาติพันธุ์หรือผู้ลี้ภัยเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนมายังไทยเพิ่มขึ้น.

    การค้ายาเสพติด: ดูเหมือนว่าการค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ที่มีตลาดเพิ่มขึ้นในภูมิภาค Q&A: The opium surge in Southeast Asia’s ‘Golden Triangle’ | Drugs News | Al Jazeera.

    ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ: ไทยและลาวจะยังคงมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงาน แต่ไทยควรพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจากโครงการเขื่อนในลาวด้วย Locked In – Why Thailand Buys Electricity from Laos | Earth Journalism Network.

    ความมั่นคงชายแดน: ไทยควรเสริมสร้างความร่วมมือกับลาวและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เช่น เมียนมาและจีน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางความมั่นคงข้ามพรมแดน Lao delegation explores renewable energy in Thailand | Partnerships for Infrastructure.

    ข้อสรุป
    สถานการณ์ในลาวตอนเหนือกำลังส่งผลกระทบและจะยังคงส่งผลต่อไทยในหลายมิติ หากประเมินแล้วสถานการณ์ในลาวตอนเหนือมีผลกระทบต่อไทยทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากการค้ายาเสพติดและความเชื่อมโยงด้านพลังงาน ไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันภัยคุกคามข้ามพรมแดนและพิจารณาผลกระทบจากโครงการพัฒนาในลาวอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ


    การอ้างอิง:
    Laotian Civil War - Wikipedia
    Insurgency in Laos - Wikipedia
    Unprecedented Protests Are Putting Laos in Uncharted Waters | Council on Foreign Relations
    Assessment for Hmong in Laos | Refworld
    Laos | History, Flag, Map, Capital, Population, & Facts | Britannica
    From jungles to suburbs, warlord led Hmong struggle | Reuters
    Apocalypse Laos: The devastating legacy of the ‘Secret War’ | CEPR
    Laos country profile - BBC News
    Violence Flares in Laos | Council on Foreign Relations
    Laos: Latest News and Updates | South China Morning Post
    Collateral Damage: The Legacy of the Secret War in Laos | The Economic Journal | Oxford Academic
    Laos | AP News






    ชนวนปะทุเดือดชายแดนไทย-สปป.ลาว ความสุ่มเสี่ยงความมั่นคงลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนที่จะลุกลามรอบไทย เสียงปืนลั่นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และนับเป็นปัญหาเฉพาะในแผ่นดินลาวที่ไม่ได้มีชายแดนติดกับเมียนมาร์ การปะทะเริ่มเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ในฝั่ง สปป.ลาว บริเวณค่ายภูผาหม่น เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว ตรงข้ามอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันกรมทหารพรานที่ 31 และกองกำลังผาเมือง ตรึงกำลังเฝ้าระวัง ทั้งแถบชายแดนทยอดปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 68 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะฝั่งตรงข้ามมีการใช้อาวุธปืนขนาด 7.62 ใช้สำหรับปืนอาก้า และอาวุธหนักกระทั่งมีเจ้าหน้าทีทหารของสปป.ลาวเสียชีวิต ความสุ่มเสี่ยงของสถานการณ์นี้คือจุดเริ่มที่ต้องสืบสาวหาต้นตอต้นเหตุ เพราะพื้นที่สถานการณ์ติดกับชายแดนไทยอย่างมาก The Analyzt ขอนำเสนอข้อมูลประกอบความเป็นไปได้ในการวิเคราะห์สถานการณ์นี้ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยที่ติดกับจังหวัดเชียงราย ที่จะไม่เป็นผลดีต่อภาคเศรษฐกิจ ความมั่นคงในอนาคต 1. การวิเคราะห์สถานการณ์ บริบททางประวัติศาสตร์และสาเหตุที่อาจเป็นไปได้: สงครามกลางเมืองลาว (พ.ศ. 2502-2518): ในอดีต ลาวตอนเหนือเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนักระหว่างฝ่ายปะเทดลาว (คอมมิวนิสต์) และรัฐบาลราชอาณาจักรลาว โดยมีมหาอำนาจในสงครามเย็น (สหรัฐฯ และสหภาพโซเวีย ศูนย์กลางของการสู้รบอยู่ในพื้นที่เช่น แขวงเชียงขวาง ซึ่งกองพันปะเทดลาวเคยตั้งมั่น. สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างคอมมิวนิสต์และฝ่ายโลกเสรี รวมถึงการแทรกแซงจากต่างชาติ เช่น เวียดนามเหนือและสหรัฐฯ ความขัดแย้งชาติพันธุ์: ลาวตอนเหนือเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เช่น ชาวม้ง ลาวสูง และอื่นๆ ซึ่งบางครั้งเกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลกลางเนื่องจากความต้องการปกครองตนเองหรือความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม. ยาเสพติดและการค้ามนุษย์: พื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ (รอยต่อระหว่างลาว เมียนมา และไทย) เป็นแหล่งผลิตและลักลอบขนส่งยาเสพติด เช่น ไอซ์และยาบ้า ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะระหว่างกลุ่มค้ายาและกองกำลังรัฐบาล ข้อพิพาทชายแดน: ความไม่ชัดเจนของเขตแดนในลุ่มแม่น้ำโขงระหว่างลาวและไทยอาจก่อให้เกิดความตึงเครียด โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะกลางน้ำ ซึ่งเคยเกิดข้อพิพาทในอดีต. อิทธิพลจากเพื่อนบ้าน: สถานการณ์ในเมียนมา เช่น การสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกลุ่มชาติพันธุ์ (เช่น KIA, MNDAA) อาจส่งผลกระทบข้ามพรมแดนมายังลาวตอนเหนือ กลุ่มกองกำลังที่อาจเกี่ยวข้อง: กองทัพประชาชนลาว (LPAF): เป็นกองทัพอย่างเป็นทางการของลาว มีบทบาทในการรักษาความมั่นคงภายในและปกป้องพรมแดน อาจเกี่ยวข้องหากมีการปะทะกับกลุ่มค้ายาหรือกลุ่มกบฏ. กลุ่มชาติพันธุ์: เช่น ชาวม้งหรือกลุ่มลาวสูง ซึ่งในอดีตเคยต่อสู้เพื่อปกครองตนเอง อาจยังคงมีความเคลื่อนไหวในระดับเล็กน้อย. กลุ่มค้ายาเสพติด: กลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ใช้ลาวตอนเหนือเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด มักปะทะกับกองกำลังรัฐบาลหรือทหารไทยบริเวณชายแดน. กลุ่มกบฏหรือกลุ่มต่อต้านรัฐบาล: แม้ว่าปะเทดลาวจะสิ้นสุดบทบาทในฐานะกองกำลังติดอาวุธหลังสงครามกลางเมือง แต่กลุ่มเล็กๆ ที่ไม่พอใจรัฐบาลอาจยังคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ห่างไกล. แนวโน้มในอนาคต: การปะทะจากยาเสพติด: พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนจะยังคงเป็นจุดร้อนของการค้ายา ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะเป็นระยะๆ ระหว่างกองกำลังรัฐบาลและกลุ่มค้ายา. ผลกระทบจากเมียนมา: หากสถานการณ์ในเมียนมา (เช่น ปฏิบัติการ 1027 ของกลุ่มพันธมิตร 3 พี่น้อง) ทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้กลุ่มชาติพันธุ์หรือผู้ลี้ภัยเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนเข้าสู่ลาว สร้างความตึงเครียดในพื้นที่. ความร่วมมือในภูมิภาค: ลาวอาจเพิ่มความร่วมมือกับจีนและไทยในการควบคุมยาเสพติดและความมั่นคงชายแดน ซึ่งอาจลดการปะทะในระยะยาว. ข้อพิพาทแม่น้ำโขง: ความขัดแย้งเรื่องเขตแดนในแม่น้ำโขงอาจทวีความรุนแรงหากมีการอ้างสิทธิ์ในเกาะกลางน้ำหรือทรัพยากรในแม่น้ำ. ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยงด้านพลังงานระหว่างลาวและไทยเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ปัญหาหนี้สินของลาวและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากเขื่อนอาจเป็นความเสี่ยงในระยะยาว รายงานระบุว่าลาวมีหนี้สูงและต้องชำระหนี้ต่อจีน ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการผลิตไฟฟ้า Opportunities for Development Cooperation in Lao Strategic Sectors | CSIS. นอกจากนี้ การอพยพแรงงานจากลาวอาจช่วยลดต้นทุนแรงงานในไทย แต่ก็อาจสร้างความตึงเครียดทางสังคม ความเชื่อมโยงทางพลังงาน: ลาวถูกเรียกว่า "แบตเตอรี่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" เนื่องจากส่งออกไฟฟ้าจากเขื่อนไฮโดรพาวเวอร์ไปยังไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย Energy in Laos - Wikipedia. การค้าข้ามพรมแดน: ลาวและไทยมีความเชื่อมโยงผ่านการค้าข้ามพรมแดน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค หากลาวประสบปัญหาเศรษฐกิจ เช่น การลดลงของการลงทุนหรือการชะลอตัวของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาจส่งผลให้การค้าข้ามพรมแดนลดลง ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ชายแดนของไทย เช่น จังหวัดเชียงรายและหนองคาย Laos - The World Factbook การปรับตัวของระบบการค้าในภูมิภาคอาจเกิดการปรับเปลี่ยนเส้นทางการค้าและการลงทุนไทยอาจลดการพึ่งพาเส้นทางผ่านลาวไปยังจีน โดยหันไปใช้เส้นทางอื่นมากขึ้นอาจมีการพัฒนาเส้นทางการค้าทางทะเลเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยง แรงงานข้ามชาติ: ปัญหาเศรษฐกิจในลาวอาจทำให้มีแรงงานชาวลาวเข้ามาทำงานในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนแรงงานให้กับนายจ้างไทย แต่ในทางกลับกันอาจสร้างความตึงเครียดทางสังคมและแรงกดดันต่อระบบสวัสดิการของไทย BTI 2024 Laos Country Report: BTI 2024. ท่าทีของไทยและการประเมินสถานการณ์ ท่าทีของไทย ไทยมีแนวโน้มร่วมมือกับลาวในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ: การปราบปรามยาเสพติด: ไทยและลาวมีความร่วมมือกันในการปราบปรามยาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ เช่น การจัดตั้งจุดตรวจชายแดนร่วมและการลาดตระเวนร่วม Fighting drug trafficking in the Golden Triangle: a UN Resident Coordinator blog | UN News. นอกจากนี้ ไทยยังทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNODC เพื่อลดการลักลอบขนยา Thai authorities and UNODC meet about precursor chemical trafficking in the Golden Triangle - UNODC. ความร่วมมือด้านพลังงาน: ไทยยังคงเป็นตลาดหลักในการซื้อไฟฟ้าจากลาว และอาจผลักดันการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนร่วมกันเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม Alternative Development Pathways for Thailand’s Sustainable Electricity Trade with Laos • Stimson Center การเตรียมพร้อมรับมือ: ไทยควรเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันชายแดน เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดและเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ชายแดน เพื่อป้องกันผลกระทบจากความไม่สงบในลาว Guide to Investigating Organized Crime in the Golden Triangle — Introduction. มิติความมั่นคง: ดูเหมือนว่าปัญหายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงเป็นความท้าทายหลัก โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ที่มีการผลิตและลักลอบขนส่งเพิ่มขึ้น รายงานระบุว่ากลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว เช่น การเปลี่ยนเส้นทางผ่านลาวและกลับเข้ามาในไทย Asia's infamous Golden Triangle and the soldiers tracking down the drug smugglers who rule its narcotics trade - ABC News. นอกจากนี้ หากสถานการณ์ในเมียนมาทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้มีกลุ่มชาติพันธุ์หรือผู้ลี้ภัยเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนมายังไทยเพิ่มขึ้น. การค้ายาเสพติด: ดูเหมือนว่าการค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะยาเสพติดสังเคราะห์ที่มีตลาดเพิ่มขึ้นในภูมิภาค Q&A: The opium surge in Southeast Asia’s ‘Golden Triangle’ | Drugs News | Al Jazeera. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ: ไทยและลาวจะยังคงมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงาน แต่ไทยควรพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจากโครงการเขื่อนในลาวด้วย Locked In – Why Thailand Buys Electricity from Laos | Earth Journalism Network. ความมั่นคงชายแดน: ไทยควรเสริมสร้างความร่วมมือกับลาวและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เช่น เมียนมาและจีน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางความมั่นคงข้ามพรมแดน Lao delegation explores renewable energy in Thailand | Partnerships for Infrastructure. ข้อสรุป สถานการณ์ในลาวตอนเหนือกำลังส่งผลกระทบและจะยังคงส่งผลต่อไทยในหลายมิติ หากประเมินแล้วสถานการณ์ในลาวตอนเหนือมีผลกระทบต่อไทยทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากการค้ายาเสพติดและความเชื่อมโยงด้านพลังงาน ไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันภัยคุกคามข้ามพรมแดนและพิจารณาผลกระทบจากโครงการพัฒนาในลาวอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ การอ้างอิง: Laotian Civil War - Wikipedia Insurgency in Laos - Wikipedia Unprecedented Protests Are Putting Laos in Uncharted Waters | Council on Foreign Relations Assessment for Hmong in Laos | Refworld Laos | History, Flag, Map, Capital, Population, & Facts | Britannica From jungles to suburbs, warlord led Hmong struggle | Reuters Apocalypse Laos: The devastating legacy of the ‘Secret War’ | CEPR Laos country profile - BBC News Violence Flares in Laos | Council on Foreign Relations Laos: Latest News and Updates | South China Morning Post Collateral Damage: The Legacy of the Secret War in Laos | The Economic Journal | Oxford Academic Laos | AP News
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 896 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศมีการป้องกันพรมแดนที่แน่นหนาและมีการตรวจตราที่เข้มงวด แต่สำหรับประเทศในยุโรปกลับมีการแบ่งพรมแดนที่ชิลกว่านั้นมาก

    และเหนือไปกว่านั้นก็คือ พรมแดนระหว่างเมือง Baarle-Nassau ของเนเธอร์แลนด์และเมือง Baarle-Hertog ของเบลเยียมที่ได้ชื่อว่ามี "พรมแดนสลับซับซ้อนที่สุดในโลก"

    • ความซับซ้อนในมุมนักท่องเที่ยว

    เมื่อคุณก้าวเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้ คุณจะเห็นเส้นแบ่งเขตแดนที่เป็นรูปเครื่องหมายบวกหรือกากบาทบนพื้น พาดไปพาดมาตามท้องถนนทั่วทั้งเมือง

    ดังนั้น คุณสามารถก้าวข้ามประเทศกลับไปกลับมาได้ตลอดเวลา และอาจเดินข้ามประเทศไปมาแบบไม่รู้ตัว

    • ความซับซ้อนในมุมผู้อยู่อาศัย

    แน่นอนว่าย่อมปวดหัวกว่านักท่องเที่ยวมากนัก เพราะทั้งสองประเทศมีกฎหมายควบคุมที่แตกต่างกัน การจัดการบริหารต่าง ๆ ก็ไม่เหมือนกัน ทั้งระบบไปรษณีย์ ระบบขนส่งสาธารณะ

    ส่วนบ้านบางหลังที่ถูกผ่ากลางด้วยเส้นแบ่งพรมแดนจะต้องดูว่า ประตูบ้านหลังนั้นอยู่บนพื้นที่ประเทศไหน แล้วจึงใช้กฎหมายของประเทศนั้น

    เคยมีอยู่กรณีหนึ่งที่เจ้าของบ้านขออนุมัติซ่อมแซมบ้าน แต่ทางการเนเธอร์แลนด์ไม่อนุมัติสักที เขาจึงสร้างประตูหน้าบ้านเพิ่มอีกบานให้ตรงกับเส้นแบ่งพรมแดน (ภาพที่ 2) เพื่อให้สามารถใช้กฎหมายฝั่งเบลเยียมได้ จากนั้นเขาจึงขอขออนุมัติกับทางการเบลเยียมแทน ซึ่งก็ได้ผล

    ยังมีบ้านอีกหลัง (ภาพที่ 1) ที่ถูกเส้นแบ่งพรมแดนผ่ากลางประตูเป๊ะ ๆ บ้านหลังนี้จึงเป็นของทั้งสองประเทศ และมีบ้านเลขที่ที่แตกต่างกันสำหรับสองประเทศ

    สิ่งที่พีกไปกว่านั้นก็คือ...

    มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอดีตเจ้าของบ้านหลังนี้ที่ถูกใช้เป็นที่ทำการทางทหารของเนเธอร์แลนด์ แต่ตอนย้ายเข้ามาเขาไม่รู้ว่าห้องทำงานดันไปอยู่ฝั่งเบลเยียม และปัญหาคือเขาไม่มีใบอนุญาตทำงานในเบลเยียม

    ดังนั้นเขาจึงต้องย้ายห้องทำงานไปยังฝั่งเนเธอร์แลนด์ และย้ายห้องนอนไปฝั่งเบลเยียมแทน
    ข้อมูลและรูปอ้างอิงจากเฟซบุ๊คเพจ เพชร
    มายา
    ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศมีการป้องกันพรมแดนที่แน่นหนาและมีการตรวจตราที่เข้มงวด แต่สำหรับประเทศในยุโรปกลับมีการแบ่งพรมแดนที่ชิลกว่านั้นมาก และเหนือไปกว่านั้นก็คือ พรมแดนระหว่างเมือง Baarle-Nassau ของเนเธอร์แลนด์และเมือง Baarle-Hertog ของเบลเยียมที่ได้ชื่อว่ามี "พรมแดนสลับซับซ้อนที่สุดในโลก" • ความซับซ้อนในมุมนักท่องเที่ยว เมื่อคุณก้าวเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้ คุณจะเห็นเส้นแบ่งเขตแดนที่เป็นรูปเครื่องหมายบวกหรือกากบาทบนพื้น พาดไปพาดมาตามท้องถนนทั่วทั้งเมือง ดังนั้น คุณสามารถก้าวข้ามประเทศกลับไปกลับมาได้ตลอดเวลา และอาจเดินข้ามประเทศไปมาแบบไม่รู้ตัว • ความซับซ้อนในมุมผู้อยู่อาศัย แน่นอนว่าย่อมปวดหัวกว่านักท่องเที่ยวมากนัก เพราะทั้งสองประเทศมีกฎหมายควบคุมที่แตกต่างกัน การจัดการบริหารต่าง ๆ ก็ไม่เหมือนกัน ทั้งระบบไปรษณีย์ ระบบขนส่งสาธารณะ ส่วนบ้านบางหลังที่ถูกผ่ากลางด้วยเส้นแบ่งพรมแดนจะต้องดูว่า ประตูบ้านหลังนั้นอยู่บนพื้นที่ประเทศไหน แล้วจึงใช้กฎหมายของประเทศนั้น เคยมีอยู่กรณีหนึ่งที่เจ้าของบ้านขออนุมัติซ่อมแซมบ้าน แต่ทางการเนเธอร์แลนด์ไม่อนุมัติสักที เขาจึงสร้างประตูหน้าบ้านเพิ่มอีกบานให้ตรงกับเส้นแบ่งพรมแดน (ภาพที่ 2) เพื่อให้สามารถใช้กฎหมายฝั่งเบลเยียมได้ จากนั้นเขาจึงขอขออนุมัติกับทางการเบลเยียมแทน ซึ่งก็ได้ผล ยังมีบ้านอีกหลัง (ภาพที่ 1) ที่ถูกเส้นแบ่งพรมแดนผ่ากลางประตูเป๊ะ ๆ บ้านหลังนี้จึงเป็นของทั้งสองประเทศ และมีบ้านเลขที่ที่แตกต่างกันสำหรับสองประเทศ สิ่งที่พีกไปกว่านั้นก็คือ... มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอดีตเจ้าของบ้านหลังนี้ที่ถูกใช้เป็นที่ทำการทางทหารของเนเธอร์แลนด์ แต่ตอนย้ายเข้ามาเขาไม่รู้ว่าห้องทำงานดันไปอยู่ฝั่งเบลเยียม และปัญหาคือเขาไม่มีใบอนุญาตทำงานในเบลเยียม ดังนั้นเขาจึงต้องย้ายห้องทำงานไปยังฝั่งเนเธอร์แลนด์ และย้ายห้องนอนไปฝั่งเบลเยียมแทน ข้อมูลและรูปอ้างอิงจากเฟซบุ๊คเพจ เพชร มายา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5)
    .................
    มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด
    .................
    สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี

    สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

    สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป
    .................
    แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ

    ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น

    ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก

    2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก

    3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

    4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก

    5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

    6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ
    คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่

    .................
    เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี

    1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย
    2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ
    3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน
    4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน
    5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย
    6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ

    สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ

    เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)”
    .................

    ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย

    น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา

    ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

    เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก
    .................

    มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน

    การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป

    แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5) ................. มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด ................. สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป ................. แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก 2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก 3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก 5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง 6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ ................. เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี 1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย 2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ 3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน 4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน 5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย 6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)” ................. ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก ................. มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 849 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อตกลงสันติภาพที่ยุโรปร่วมกับยูเครนเห็นตรงกัน จากการหารือที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยที่ข้อเสนอของพวกเขาคือ "ยูเครนจะได้คืนทุกอย่างทันที" และรัสเซีย "อาจได้บางอย่างในภายหลัง" หากยูเครนยอมลดตัวตัดสินใจร่วมมือ

    ข้อตกลงบางส่วนที่น่าสนใจ:
    👉รัสเซียต้องคืนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhia (ZNPP) รวมทั้งเขื่อน Kakhovka ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Kakhovka Hydroelectric Power Plant) ในภูมิภาคเคอร์ซอน (Kherson)

    👉ยูเครนมีสิทธิอย่างเต็มที่ของแม่น้ำ Dnieper ได้โดยไม่ติดขัด รวมถึงการเข้าถึงและควบคุม Kinburn Spit ได้

    👉รัสเซียต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินทุนสนับสนุนการฟื้นฟูยูเครนด้วยทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด

    👉จะต้องไม่มีข้อจำกัดใดๆ ต่อกองทัพยูเครน ซึ่งสามารถสร้างกองทัพโดยอิสระ

    👉ยูเครนต้องได้รับการรับประกันความปลอดภัยตามมาตรา 5 ของนาโต้

    👉ยูเครน "สัญญา" ว่าจะเจรจาเรื่องเขตแดนที่มีข้อพิพาทกันในอนาคต

    👉ยุโรปให้ "สัญญา" ว่าจะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรในอนาคต หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

    แล้วรัสเซียได้อะไรจากเรื่องนี้กันแน่?
    ข้อตกลงสันติภาพที่ยุโรปร่วมกับยูเครนเห็นตรงกัน จากการหารือที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยที่ข้อเสนอของพวกเขาคือ "ยูเครนจะได้คืนทุกอย่างทันที" และรัสเซีย "อาจได้บางอย่างในภายหลัง" หากยูเครนยอมลดตัวตัดสินใจร่วมมือ ข้อตกลงบางส่วนที่น่าสนใจ: 👉รัสเซียต้องคืนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhia (ZNPP) รวมทั้งเขื่อน Kakhovka ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Kakhovka Hydroelectric Power Plant) ในภูมิภาคเคอร์ซอน (Kherson) 👉ยูเครนมีสิทธิอย่างเต็มที่ของแม่น้ำ Dnieper ได้โดยไม่ติดขัด รวมถึงการเข้าถึงและควบคุม Kinburn Spit ได้ 👉รัสเซียต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินทุนสนับสนุนการฟื้นฟูยูเครนด้วยทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด 👉จะต้องไม่มีข้อจำกัดใดๆ ต่อกองทัพยูเครน ซึ่งสามารถสร้างกองทัพโดยอิสระ 👉ยูเครนต้องได้รับการรับประกันความปลอดภัยตามมาตรา 5 ของนาโต้ 👉ยูเครน "สัญญา" ว่าจะเจรจาเรื่องเขตแดนที่มีข้อพิพาทกันในอนาคต 👉ยุโรปให้ "สัญญา" ว่าจะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรในอนาคต หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แล้วรัสเซียได้อะไรจากเรื่องนี้กันแน่?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว

  • ..ขาดคุณสมบัติบริหารประเทศชาติต่อไป,มันชัดเจนตั้งแต่เกาะกูดแล้ว ผีบ้าอะไรไปทำแบบนั้น,เขตแดนทะเลทั้งไหล่ทะเลตลอดสิทธิ์แผ่นดินอาณาเขตไทยเสี่ยงเสียธิปไตยชัดเจน.ไม่ซื่อสัตย์ในการขาดคุณสมบัติกว่าอดีตนายกฯเศรษฐาอีก,ไม่รู้เล่นมุกเล่นละครอะไรก็ว่า.ไม่กำจัดทิ้งให้เด็ดขาดทั้งหมดเลย,เชิญกษัตริย์คูเวตมาเยือนไทย ปรึกษาหารือแนวทางแก้ไขคนนักการเมืองทั้งหมดคงน่าสนใจตลอดปฏิบัติการแบบกษัตริย์คูเวตคงไม่น่าเกียจแน่ๆที่ประเทศไทยเรา,มันคือภัยของชาติของบ้านเมืองคนไทยที่อยู่อาศัยร่วมกันทุกๆคน.

    https://m.youtube.com/watch?v=jC2KJWYbETQ
    ..ขาดคุณสมบัติบริหารประเทศชาติต่อไป,มันชัดเจนตั้งแต่เกาะกูดแล้ว ผีบ้าอะไรไปทำแบบนั้น,เขตแดนทะเลทั้งไหล่ทะเลตลอดสิทธิ์แผ่นดินอาณาเขตไทยเสี่ยงเสียธิปไตยชัดเจน.ไม่ซื่อสัตย์ในการขาดคุณสมบัติกว่าอดีตนายกฯเศรษฐาอีก,ไม่รู้เล่นมุกเล่นละครอะไรก็ว่า.ไม่กำจัดทิ้งให้เด็ดขาดทั้งหมดเลย,เชิญกษัตริย์คูเวตมาเยือนไทย ปรึกษาหารือแนวทางแก้ไขคนนักการเมืองทั้งหมดคงน่าสนใจตลอดปฏิบัติการแบบกษัตริย์คูเวตคงไม่น่าเกียจแน่ๆที่ประเทศไทยเรา,มันคือภัยของชาติของบ้านเมืองคนไทยที่อยู่อาศัยร่วมกันทุกๆคน. https://m.youtube.com/watch?v=jC2KJWYbETQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts