• "ไทยก้าวใหม่" เปิดภาพ 6 ด้านปัญหาชาติ หนี้หนัก-โอกาสหด ชี้คนไทยเผชิญความอยู่รอด
    https://www.thai-tai.tv/news/21710/
    .
    #อนุทินชาญวีรกูล #สหรัฐชัตดาวน์ #เศรษฐกิจโลก #การเมือง #หาตลาดใหม่ #ไม่กระทบไทย #ไทยคู่ฟ้า #ไทยไท

    "ไทยก้าวใหม่" เปิดภาพ 6 ด้านปัญหาชาติ หนี้หนัก-โอกาสหด ชี้คนไทยเผชิญความอยู่รอด https://www.thai-tai.tv/news/21710/ . #อนุทินชาญวีรกูล #สหรัฐชัตดาวน์ #เศรษฐกิจโลก #การเมือง #หาตลาดใหม่ #ไม่กระทบไทย #ไทยคู่ฟ้า #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อพิพาท 2 ปราสาท ไทยยึดประโยชน์ชาติ : [THE MESSAGE]

    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีที่กัมพูชายื่นศาลโลกให้พิจารณาปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม พื้นที่ข้อพิพาท เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา เรามีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ส่วนโครงการคนละครึ่ง พลัส จะเริ่มภายในเดือน ตุลาคม นี้ โดยกันงบประมาณปี 2569 ไว้ใช้ เพื่อเร่งขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมฟื้นการประชุม ครม. เศรษฐกิจทุกวันจันทร์ เพื่อพิจารณาเรื่องเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนกรณีวุฒิสภาสหรัฐฯ คว่ำร่างงบประมาณ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าสู่การชัตดาวน์ในรอบ 7 ปี เป็นมาตรการของสหรัฐฯ แต่ในส่วนของไทยได้เจรจาเรื่องภาษีลงตัวแล้ว มองเศรษฐกิจผันผวนมาตลอด ต้องหาตลาดใหม่ไม่พึ่งพาแหล่งเดียว
    ข้อพิพาท 2 ปราสาท ไทยยึดประโยชน์ชาติ : [THE MESSAGE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีที่กัมพูชายื่นศาลโลกให้พิจารณาปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม พื้นที่ข้อพิพาท เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา เรามีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ส่วนโครงการคนละครึ่ง พลัส จะเริ่มภายในเดือน ตุลาคม นี้ โดยกันงบประมาณปี 2569 ไว้ใช้ เพื่อเร่งขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมฟื้นการประชุม ครม. เศรษฐกิจทุกวันจันทร์ เพื่อพิจารณาเรื่องเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนกรณีวุฒิสภาสหรัฐฯ คว่ำร่างงบประมาณ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าสู่การชัตดาวน์ในรอบ 7 ปี เป็นมาตรการของสหรัฐฯ แต่ในส่วนของไทยได้เจรจาเรื่องภาษีลงตัวแล้ว มองเศรษฐกิจผันผวนมาตลอด ต้องหาตลาดใหม่ไม่พึ่งพาแหล่งเดียว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “จตุพร-สุชาติ” ลุยจันทบุรี! ยกให้เป็น “เมืองหลวงอัญมณีโลก” พร้อมอัดนโยบายหนุนผู้ประกอบการ แก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและหาตลาดใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/21091/
    .
    #จตุพรบุรุษพัฒน์ #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #อัญมณีจันทบุรี #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไท
    “จตุพร-สุชาติ” ลุยจันทบุรี! ยกให้เป็น “เมืองหลวงอัญมณีโลก” พร้อมอัดนโยบายหนุนผู้ประกอบการ แก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและหาตลาดใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/21091/ . #จตุพรบุรุษพัฒน์ #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #อัญมณีจันทบุรี #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สุชาติ" ลุยสวิตเซอร์แลนด์! นำทีมพาณิชย์หาตลาดใหม่...ใช้ประโยชน์ FTA ไทย-EFTA ดันสินค้าไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20799/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #สวิตเซอร์แลนด์ #FTAไทยEFTA #ThaiSELECT #การค้าระหว่างประเทศ #ไทยไท
    "สุชาติ" ลุยสวิตเซอร์แลนด์! นำทีมพาณิชย์หาตลาดใหม่...ใช้ประโยชน์ FTA ไทย-EFTA ดันสินค้าไทย https://www.thai-tai.tv/news/20799/ . #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #สวิตเซอร์แลนด์ #FTAไทยEFTA #ThaiSELECT #การค้าระหว่างประเทศ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา
    .
    Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ...
    .
    รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย
    .
    ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ...
    .
    ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...???
    .
    การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก....
    .
    แล้วที่ไทยจำเป็นต้องทำเลยคือ หาตลาดใหม่ ไปเจารจา ไปพูดคุย เพื่อ เปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ทดแทนส่วนที่จะหายไปจาก อเมริกา เลิกพึ่งพา อเมริกา ได้แล้วครับ
    .
    จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนำเข้าสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม
    .
    เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!!
    .
    ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0...
    .
    โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น..
    .
    1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง)
    2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย)
    3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย)
    4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา)
    5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ)
    .
    ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน
    .
    นี่ล่าสุด RAND Corporation มีรายงานการวิจัยออกมาว่า ไทย เป็น หนึ่งใน พันธมิตร Indo-Pacific ที่ อเมริกา ต้องเขามาหาทาง ติดตั้ง ฐานยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยกลาง ซึ่งสามารถยิงไปถึงจีน ให้ได้...!!!
    .
    สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป...
    .
    มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!!
    .
    ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว...
    .
    สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา . Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ... . รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย . ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ... . ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...??? . การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก.... . แล้วที่ไทยจำเป็นต้องทำเลยคือ หาตลาดใหม่ ไปเจารจา ไปพูดคุย เพื่อ เปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ทดแทนส่วนที่จะหายไปจาก อเมริกา เลิกพึ่งพา อเมริกา ได้แล้วครับ . จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนำเข้าสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม . เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!! . ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0... . โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น.. . 1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง) 2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย) 3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย) 4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา) 5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ) . ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน . นี่ล่าสุด RAND Corporation มีรายงานการวิจัยออกมาว่า ไทย เป็น หนึ่งใน พันธมิตร Indo-Pacific ที่ อเมริกา ต้องเขามาหาทาง ติดตั้ง ฐานยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยกลาง ซึ่งสามารถยิงไปถึงจีน ให้ได้...!!! . สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป... . มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!! . ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว... . สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาด AI
    Qualcomm ได้ประกาศเข้าซื้อ Alphawave ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้วยมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI data center

    เหตุผลที่ Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave
    Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่ ต้องการลดการพึ่งพาตลาดมือถือ และขยายไปสู่ ศูนย์ข้อมูลและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจาก Apple หันไปใช้ชิปที่พัฒนาเอง ทำให้ Qualcomm ต้องหาตลาดใหม่เพื่อรักษาการเติบโต

    ข้อมูลจากข่าว
    - Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์
    - Alphawave เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล
    - Qualcomm ต้องการลดการพึ่งพาตลาดสมาร์ทโฟนและขยายไปสู่ศูนย์ข้อมูล
    - Alphawave มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ช่วยเสริมศักยภาพของ Qualcomm
    - การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2026

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    Qualcomm ไม่ใช่บริษัทเดียวที่สนใจ Alphawave ก่อนหน้านี้ SoftBank (เจ้าของ Arm) เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ ทำให้ Qualcomm สามารถเข้าซื้อได้โดยไม่มีคู่แข่ง

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Qualcomm อาจเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าไม่น่ามีอุปสรรคใหญ่
    - Alphawave เพิ่งถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนในจีน อาจช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ
    - ต้องติดตามว่าการเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด AI ได้หรือไม่
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาการประเมินมูลค่าต่ำ ทำให้บริษัทอังกฤษถูกซื้อโดยบริษัทสหรัฐฯ มากขึ้น

    Qualcomm กำลัง เร่งขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI และศูนย์ข้อมูล โดยการเข้าซื้อ Alphawave อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของ Qualcomm ในระยะยาวอย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/qualcomm-strengthens-ai-portfolio-with-24-billion-alphawave-deal
    💰 Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาด AI Qualcomm ได้ประกาศเข้าซื้อ Alphawave ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้วยมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI data center 🔍 เหตุผลที่ Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่ ต้องการลดการพึ่งพาตลาดมือถือ และขยายไปสู่ ศูนย์ข้อมูลและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจาก Apple หันไปใช้ชิปที่พัฒนาเอง ทำให้ Qualcomm ต้องหาตลาดใหม่เพื่อรักษาการเติบโต ✅ ข้อมูลจากข่าว - Qualcomm เข้าซื้อ Alphawave มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ - Alphawave เป็นบริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์สำหรับศูนย์ข้อมูล - Qualcomm ต้องการลดการพึ่งพาตลาดสมาร์ทโฟนและขยายไปสู่ศูนย์ข้อมูล - Alphawave มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ช่วยเสริมศักยภาพของ Qualcomm - การเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2026 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Qualcomm ไม่ใช่บริษัทเดียวที่สนใจ Alphawave ก่อนหน้านี้ SoftBank (เจ้าของ Arm) เคยพิจารณาซื้อ Alphawave แต่ตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อ ทำให้ Qualcomm สามารถเข้าซื้อได้โดยไม่มีคู่แข่ง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Qualcomm อาจเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าไม่น่ามีอุปสรรคใหญ่ - Alphawave เพิ่งถอนตัวจากบริษัทร่วมทุนในจีน อาจช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ - ต้องติดตามว่าการเข้าซื้อ Alphawave จะช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด AI ได้หรือไม่ - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาการประเมินมูลค่าต่ำ ทำให้บริษัทอังกฤษถูกซื้อโดยบริษัทสหรัฐฯ มากขึ้น Qualcomm กำลัง เร่งขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด AI และศูนย์ข้อมูล โดยการเข้าซื้อ Alphawave อาจช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลยุทธ์ของ Qualcomm ในระยะยาวอย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/09/qualcomm-strengthens-ai-portfolio-with-24-billion-alphawave-deal
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Qualcomm strengthens AI portfolio with $2.4 billion Alphawave deal
    (Reuters) -U.S. chipmaker Qualcomm agreed to acquire Alphawave for about $2.4 billion on Monday, as it expands into the booming AI data center market, sending shares of the British semiconductor company surging more than 22%.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • แค่ลอยถลอก!

    การตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีศุลกากร 104% ของสหรัฐที่มีต่อจีน อาจเป็นเพียงแค่ทำให้เศรษฐกิจของจีน “เจ็ยบเพียงเล็กน้อย” ได้เท่านั้น

    จากการประเมินของสำนักงานการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่าในปี 2024 การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 438,900 ล้านดอลลาร์

    ซึ่งคิดเป็น 13.3% ของการส่งออกทั้งหมดของจีน

    ภาษีศุลกากร 104% อาจจะสามารถลดการส่งออกเหล่านี้ของจีนที่ไปยังสหรัฐลงได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าจีนจะสูญเสียไปประมาณ 7%

    แต่เกือบ 7% ที่รัฐบาลจีนสูญเสียไปในสหรัฐโดยตรงนั้น รัฐบาลจีนสามารถหาช่องเอากลับคืนมาได้อย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนเอง ในการส่งออกผ่านประเทศที่สามไปยังสหรัฐ และการหาตลาดใหม่ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจีน เนื่องจากพวกเขาวางแผนรับมือเหตุการณ์นี้มานานหลายปีแล้ว

    ดังนั้น คาดว่าการสูญเสียทั้งหมดของจีนจริงๆจะอยู่ที่เพียง 2-3% ของการส่งออกทั้งหมดเท่านั้น
    แค่ลอยถลอก! การตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีศุลกากร 104% ของสหรัฐที่มีต่อจีน อาจเป็นเพียงแค่ทำให้เศรษฐกิจของจีน “เจ็ยบเพียงเล็กน้อย” ได้เท่านั้น จากการประเมินของสำนักงานการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่าในปี 2024 การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 438,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 13.3% ของการส่งออกทั้งหมดของจีน ภาษีศุลกากร 104% อาจจะสามารถลดการส่งออกเหล่านี้ของจีนที่ไปยังสหรัฐลงได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าจีนจะสูญเสียไปประมาณ 7% แต่เกือบ 7% ที่รัฐบาลจีนสูญเสียไปในสหรัฐโดยตรงนั้น รัฐบาลจีนสามารถหาช่องเอากลับคืนมาได้อย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนเอง ในการส่งออกผ่านประเทศที่สามไปยังสหรัฐ และการหาตลาดใหม่ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจีน เนื่องจากพวกเขาวางแผนรับมือเหตุการณ์นี้มานานหลายปีแล้ว ดังนั้น คาดว่าการสูญเสียทั้งหมดของจีนจริงๆจะอยู่ที่เพียง 2-3% ของการส่งออกทั้งหมดเท่านั้น
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปลัดพาณิชย์” เผยขั้นตอนสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าจากคู่ค้าและไทย จะเริ่มเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 5 เม.ย. และเพิ่มเป็นอัตราใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. (เวลาสหรัฐฯ) โดยไทยเจอ 36% ส่วนสินค้าที่ลงเรือมาแล้ว และอยู่ระหว่างเดินทาง จะไม่ถูกเก็บภาษี และจะไม่เก็บภาษีกับสินค้าที่เคยประกาศใช้มาตรการไปก่อนหน้านี้ ระบุเปิดโอกาสให้เจรจา ยันรัฐบาล กำลังพิจารณามาตรการเยียวยา และเร่งหาตลาดใหม่ทดแทน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032863
    “ปลัดพาณิชย์” เผยขั้นตอนสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าจากคู่ค้าและไทย จะเริ่มเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 5 เม.ย. และเพิ่มเป็นอัตราใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. (เวลาสหรัฐฯ) โดยไทยเจอ 36% ส่วนสินค้าที่ลงเรือมาแล้ว และอยู่ระหว่างเดินทาง จะไม่ถูกเก็บภาษี และจะไม่เก็บภาษีกับสินค้าที่เคยประกาศใช้มาตรการไปก่อนหน้านี้ ระบุเปิดโอกาสให้เจรจา ยันรัฐบาล กำลังพิจารณามาตรการเยียวยา และเร่งหาตลาดใหม่ทดแทน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032863
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% (ล่าสุดปรับอีกครั้งเป็น 37%) หนึ่งในทางออกคือ ไทยต้องเล่นบทบาทนำในอาเซียน เพื่อผ่านวิกฤตครั้งนี้ให้ได้.ประเด็นเร่งด่วนในระยะสั้นที่ไทยต้องเร่งผลักดันผ่านคณะทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูง และที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ทันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้คือ.รับมือกับมาตรการทางทางการค้าของสหรัฐอเมริการ่วมกัน เพราะสมาชิกอาเซียนโดนกันถ้วนหน้า กัมพูชา 49% สปป ลาว 48% เวียดนาม 46% เมียนมา 44% ไทย 36-37% อินโดนีเซีย 32% มาเลเซียและบรูไน 24% ฟิลิปปินส์ 17% หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็โดนภาษี 10% เราต้องคำนวณร่วมกันว่า อัตราที่ทรัมป์กล่าวอ้าง นั่นคือ x2 ของอัตราภาษีเหล่านี้ คืออัตราจริงหรือไม่ ที่มาเป็นอย่างไร ถ้าไม่จริงต้องเร่งปฏิเสธ (ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าจะใช่อัตราที่ถูกต้อง รวมทั้งมีผู้คำนวณแล้วว่าตัวเลขชุดนี้ แท้จริงแล้วคือ สัดส่วนมูลค่าการขาดดุลการค้าต่อมูลค่าการนำเข้าที่สหรัฐนำเข้าสินค้าจากแต่ละประเทศ).จากนั้น ต้องคิดต่อว่าหากให้แต่ละประเทศสมาชิกเจรจากับสหรัฐ (ซึ่งจะมีเวลาเตรียมตัวสั้นมาก) เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า อำนาจการต่อรองของแต่ละสมาชิกเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาคือ เรื่องจิ๊บจ๊อยขี้ประติ๋ว แต่หากประชาคมอาเซียนรวมตัวกัน นี้คือตลาดของประชาชนเรือน 700 ล้านประชากร ที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ ดังนั้น อาเซียนต้องร่วมมือกัน อาเซียนต้องเดินหน้าต่อรองด้วยกัน .อาเซียนต้องไม่ดำเนินมาตรการที่ขัดแข้งขัดขาซึ่งกันและกัน มาตรการจำพวกตั้งภาษีตอบโต้กัน หรือเลียนแบบมาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ซึ่งกันและกัน (Tariff Retaliation and/or Trade Emulation) รวมทั้งนโยบายประเภทเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ขอทานจากประเทศเพื่อบ้าน (Beggar-thy-neighbor) อาทิ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดเงินทุน แข่งกันให้สิทธิพิเศษทางการค้าการลงทุนจนวายวอดทั้งภูมิภาค ฯลฯ เหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น .จากนั้นทั้งอาเซียนต้องร่วมกัน.1. แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า อาเซียนคืออาเซียน อาเซียนมีจุดแข็งของตนเอง อาเซียนพร้อมสนับสนุนการค้า การลงทุนเสรี อาเซียนสนับสนุนกฎกติการแบบพหุภาคีนิยม และอาเซียนไม่ได้เป็นเขตอิทธิพลของมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น จีน สหรัฐ หรือ มหาอำนาจใดๆ.2. เร่งสำรวจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการทางการค้าที่สหรัฐประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน ว่าแต่ละประเทศได้รับผลกระทบอย่างไร และหากเราร่วมมือกัน เราต้องการตจะกำหนดทิศทางการเจรจาอย่างไร แน่นอนว่า ทุกประเทศ ทุกคน คงไม่ได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมด แต่ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ บางเรื่อง บางประเทศ คงต้องยอมถอย เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อบางภาคการผลิต บางประเทศ และจากนั้นค่อยไปหารือกันว่าอาเซียนจะช่วยการเยียวยาผลกระทบซึ่งกันและกันได้อย่างไร เร่งปรึกษาหารือกับวิสาหกิจสหรัฐที่ทำการค้า ทำการลงทุนอยู่แล้วในอาเซียน ว่าพวกเขามีข้อเสนอแนะใดบ้าง.3. เร่งสำรวจว่าแต่ละประเทศมีช่องทาง มีสายสัมพันธ์ มีแนวทางการติดต่อประสานงานกับประธานาธิบดีทรัมป์ และทีมงานที่ภักดีของเขา รวมทั้งผู้สนับสนุนการรณรงค์หาเสียงของเขาในช่องทางใดบ้าง มีอะไรที่จะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้คนเหล่านี้ต้องการเป็นสะพานเพื่อเปิดการเจรจาระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ.4. วางยุทธศาสตร์การเจรจาร่วมกัน โดยการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู” นำเสนอนโยบายที่ทำให้ทรัมป์ต้องให้ความสนใจอาเซียน (ทรัมป์เคยมาเยือนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ในปี 2017 แต่ไม่เคยเข้าประชุมกับผู้นำอาเซียน) อาเซียนต้องเป็นหนูที่แสดงความเกรงใจนบนอบในระยะปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นโอกาสที่สหรัฐจะได้จากการร่วมมือกับในอนาคต มีอะไรที่เราจะเสนอกับอาเซียนได้บ้าง อาทิ ความต้องการในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของอาเซียนร่วมกันในอีก 5 ปีต่อจากนี้ ความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการที่เป็น Billing ขนาดใหญ่ อาทิ การจัดหาเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินต่างๆ ในประเทศอาเซียนที่มีตลาดการบินขนาดใหญ่และเป็น Hub ทางการบินที่สำคัญ, การจัดซื้อ Software และ Hardware สำหรับระบบบริหาร ASEAN Smart City Network รวมทั้งความต้องการในการจัดซื้อบริการเหล่านี้สำหรับการบริหารกิจการทั้งของรัฐบาลและของภาคเอกชนในอาเซียน, ความต้องการซื้ออุปกรณ์และองค์ความรู้ในการติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าและศักยภาพของการผลิตพลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิตอลที่ผู้ประกอบการสหรัฐต้องการ, ทรัพยากรธรรมชาติของอาเซียนที่สหรัฐดิ้นรนแสวงหาอยู่ ณ ขณะนี้, ไปจนถึงการเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนคาสิโนแห่ง Las Vegas ได้มีโอกาสในการทำธุรกิจในอาเซียนในประเทศที่กำลังเดินหน้านโยบายการเปิดบ่อน (ส่วนตัวผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนคาสิโนที่มอมเมาประชาชน แต่หากรัฐบาลจะดันทุรังเปิดให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะต้องอย่าลืมว่าผู้สนับสนุนทรัมป์ก็เป็นกลุ่มทุนคาสิโนยักษ์ใหญ่) ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอำนาจต่อรองที่หนูตัวนี้จะรอดจากเงื้อมมือราชสีห์ด้วยกันทั้งสิ้น.5. และเนื่องจาก ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ได้รับสิทธิ์ในการเป็น Partner Country ของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ BRICS ในขณะที่อินโดนีเซียได้รับสิทธิ์เป็น Full Member ของ BRICS เรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หนูน้อยอาเซียนต้องดำเนินการด้วยนั่นก็คือ เร่งเจรจากับผู้นำบราซิลที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ในปีนี้ ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะรับอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าเป็นสมาชิก เพราะหนูตัวนี้บางครั้งก็ต้องพึ่งพาราชสีห์อีกตัวมากดดันราชสีห์อันทพาลตัวเก่า การแสวงหาโอกาส การแสวงหาตลาดใหม่ๆ ที่จะเป็นทางเลือกเพื่อมาทดแทนตลาดการค้าที่กำลังจะเสียไป เป็นทางเลือกที่เรามีสิทธิ์ในฐานะรัฐอธิปไตย.ขอเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายของไทยต้องมีวิสัยทัศน์ มีความกล้าหาญในการเล่นบทบาทนำของประเทศไทยในประชาคมอาเซียน เราต้องมีข้อเสนอกับประชาคมอาเซียนเพื่อรับมือมาตรการกีดกันทางการค้าจะสหรัฐร่วมกัน.รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนามคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.ปล. รบกวนช่วยกัน Share นะครับ เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง ไม่งั้นไทยจะหายไปจากจอเรดาร์
    สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% (ล่าสุดปรับอีกครั้งเป็น 37%) หนึ่งในทางออกคือ ไทยต้องเล่นบทบาทนำในอาเซียน เพื่อผ่านวิกฤตครั้งนี้ให้ได้.ประเด็นเร่งด่วนในระยะสั้นที่ไทยต้องเร่งผลักดันผ่านคณะทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูง และที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ทันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้คือ.รับมือกับมาตรการทางทางการค้าของสหรัฐอเมริการ่วมกัน เพราะสมาชิกอาเซียนโดนกันถ้วนหน้า กัมพูชา 49% สปป ลาว 48% เวียดนาม 46% เมียนมา 44% ไทย 36-37% อินโดนีเซีย 32% มาเลเซียและบรูไน 24% ฟิลิปปินส์ 17% หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็โดนภาษี 10% เราต้องคำนวณร่วมกันว่า อัตราที่ทรัมป์กล่าวอ้าง นั่นคือ x2 ของอัตราภาษีเหล่านี้ คืออัตราจริงหรือไม่ ที่มาเป็นอย่างไร ถ้าไม่จริงต้องเร่งปฏิเสธ (ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าจะใช่อัตราที่ถูกต้อง รวมทั้งมีผู้คำนวณแล้วว่าตัวเลขชุดนี้ แท้จริงแล้วคือ สัดส่วนมูลค่าการขาดดุลการค้าต่อมูลค่าการนำเข้าที่สหรัฐนำเข้าสินค้าจากแต่ละประเทศ).จากนั้น ต้องคิดต่อว่าหากให้แต่ละประเทศสมาชิกเจรจากับสหรัฐ (ซึ่งจะมีเวลาเตรียมตัวสั้นมาก) เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า อำนาจการต่อรองของแต่ละสมาชิกเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาคือ เรื่องจิ๊บจ๊อยขี้ประติ๋ว แต่หากประชาคมอาเซียนรวมตัวกัน นี้คือตลาดของประชาชนเรือน 700 ล้านประชากร ที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ ดังนั้น อาเซียนต้องร่วมมือกัน อาเซียนต้องเดินหน้าต่อรองด้วยกัน .อาเซียนต้องไม่ดำเนินมาตรการที่ขัดแข้งขัดขาซึ่งกันและกัน มาตรการจำพวกตั้งภาษีตอบโต้กัน หรือเลียนแบบมาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ซึ่งกันและกัน (Tariff Retaliation and/or Trade Emulation) รวมทั้งนโยบายประเภทเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ขอทานจากประเทศเพื่อบ้าน (Beggar-thy-neighbor) อาทิ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดเงินทุน แข่งกันให้สิทธิพิเศษทางการค้าการลงทุนจนวายวอดทั้งภูมิภาค ฯลฯ เหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น .จากนั้นทั้งอาเซียนต้องร่วมกัน.1. แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า อาเซียนคืออาเซียน อาเซียนมีจุดแข็งของตนเอง อาเซียนพร้อมสนับสนุนการค้า การลงทุนเสรี อาเซียนสนับสนุนกฎกติการแบบพหุภาคีนิยม และอาเซียนไม่ได้เป็นเขตอิทธิพลของมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น จีน สหรัฐ หรือ มหาอำนาจใดๆ.2. เร่งสำรวจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการทางการค้าที่สหรัฐประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน ว่าแต่ละประเทศได้รับผลกระทบอย่างไร และหากเราร่วมมือกัน เราต้องการตจะกำหนดทิศทางการเจรจาอย่างไร แน่นอนว่า ทุกประเทศ ทุกคน คงไม่ได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมด แต่ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ บางเรื่อง บางประเทศ คงต้องยอมถอย เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อบางภาคการผลิต บางประเทศ และจากนั้นค่อยไปหารือกันว่าอาเซียนจะช่วยการเยียวยาผลกระทบซึ่งกันและกันได้อย่างไร เร่งปรึกษาหารือกับวิสาหกิจสหรัฐที่ทำการค้า ทำการลงทุนอยู่แล้วในอาเซียน ว่าพวกเขามีข้อเสนอแนะใดบ้าง.3. เร่งสำรวจว่าแต่ละประเทศมีช่องทาง มีสายสัมพันธ์ มีแนวทางการติดต่อประสานงานกับประธานาธิบดีทรัมป์ และทีมงานที่ภักดีของเขา รวมทั้งผู้สนับสนุนการรณรงค์หาเสียงของเขาในช่องทางใดบ้าง มีอะไรที่จะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้คนเหล่านี้ต้องการเป็นสะพานเพื่อเปิดการเจรจาระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ.4. วางยุทธศาสตร์การเจรจาร่วมกัน โดยการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ราชสีห์กับหนู” นำเสนอนโยบายที่ทำให้ทรัมป์ต้องให้ความสนใจอาเซียน (ทรัมป์เคยมาเยือนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ในปี 2017 แต่ไม่เคยเข้าประชุมกับผู้นำอาเซียน) อาเซียนต้องเป็นหนูที่แสดงความเกรงใจนบนอบในระยะปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นโอกาสที่สหรัฐจะได้จากการร่วมมือกับในอนาคต มีอะไรที่เราจะเสนอกับอาเซียนได้บ้าง อาทิ ความต้องการในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของอาเซียนร่วมกันในอีก 5 ปีต่อจากนี้ ความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการที่เป็น Billing ขนาดใหญ่ อาทิ การจัดหาเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินต่างๆ ในประเทศอาเซียนที่มีตลาดการบินขนาดใหญ่และเป็น Hub ทางการบินที่สำคัญ, การจัดซื้อ Software และ Hardware สำหรับระบบบริหาร ASEAN Smart City Network รวมทั้งความต้องการในการจัดซื้อบริการเหล่านี้สำหรับการบริหารกิจการทั้งของรัฐบาลและของภาคเอกชนในอาเซียน, ความต้องการซื้ออุปกรณ์และองค์ความรู้ในการติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าและศักยภาพของการผลิตพลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิตอลที่ผู้ประกอบการสหรัฐต้องการ, ทรัพยากรธรรมชาติของอาเซียนที่สหรัฐดิ้นรนแสวงหาอยู่ ณ ขณะนี้, ไปจนถึงการเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนคาสิโนแห่ง Las Vegas ได้มีโอกาสในการทำธุรกิจในอาเซียนในประเทศที่กำลังเดินหน้านโยบายการเปิดบ่อน (ส่วนตัวผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนคาสิโนที่มอมเมาประชาชน แต่หากรัฐบาลจะดันทุรังเปิดให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะต้องอย่าลืมว่าผู้สนับสนุนทรัมป์ก็เป็นกลุ่มทุนคาสิโนยักษ์ใหญ่) ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอำนาจต่อรองที่หนูตัวนี้จะรอดจากเงื้อมมือราชสีห์ด้วยกันทั้งสิ้น.5. และเนื่องจาก ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ได้รับสิทธิ์ในการเป็น Partner Country ของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ BRICS ในขณะที่อินโดนีเซียได้รับสิทธิ์เป็น Full Member ของ BRICS เรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หนูน้อยอาเซียนต้องดำเนินการด้วยนั่นก็คือ เร่งเจรจากับผู้นำบราซิลที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ในปีนี้ ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะรับอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าเป็นสมาชิก เพราะหนูตัวนี้บางครั้งก็ต้องพึ่งพาราชสีห์อีกตัวมากดดันราชสีห์อันทพาลตัวเก่า การแสวงหาโอกาส การแสวงหาตลาดใหม่ๆ ที่จะเป็นทางเลือกเพื่อมาทดแทนตลาดการค้าที่กำลังจะเสียไป เป็นทางเลือกที่เรามีสิทธิ์ในฐานะรัฐอธิปไตย.ขอเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายของไทยต้องมีวิสัยทัศน์ มีความกล้าหาญในการเล่นบทบาทนำของประเทศไทยในประชาคมอาเซียน เราต้องมีข้อเสนอกับประชาคมอาเซียนเพื่อรับมือมาตรการกีดกันทางการค้าจะสหรัฐร่วมกัน.รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนามคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.ปล. รบกวนช่วยกัน Share นะครับ เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง ไม่งั้นไทยจะหายไปจากจอเรดาร์
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1111 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิชาการสายโปรอเมริกา ไม่อยากให้ไทยเข้าเป็นสมาชิก BRICS:

    เป็นความคิดเห็นของนักวิชาการสายโปรอเมริกาที่จะต้องเข้าข้างอเมริกาครับ มี ๓ ประเด็นที่ควรพิจารณา

    ๑.ปรากฎการณ์ deglobalisation ก็ดี ปรากฎการณ์ dedollarisation ก็ดี เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกระแสหลังจากการที่ผู้นำหลายชาติที่สร้างกลุ่ม BRICS ขึ้นมา โดยเฉพาะรัสเซียและจีนพัฒนาให้เกิดขึ้นโดยตรง แล้วพาชาวโลกที่เป็นสมาชิกหันไปเน้น localisation และ local currencies แทนทั้งนี้เพื่อลดการเป็นศูนย์กลางโลกของอเมริกาและอิทธิพลของกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ที่บงการโลกใบนี้ผ่านรัฐบาลอเมริกาอย่างไม่เป็นธรรมอยู่ตลอดเวลา

    ๒.จริงอยู่แม้ว่าไทยจะได้ดุลย์การค้าจากอเมริกาและอียูบางประเทศ แต่ต้องไม่ลืมว่าอเมริกาและอียูสามารถใช้ข้ออ้างเท็จ เช่น 'การละเมิดสิทธิมนุษยชน' 'รัฐบาลไทยเผด็จการ' หรือ 'การไร้เสรีภาพสื่อ' มาเป็นมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของไทย ด้วยวิธีต่างๆ อาทิ ไม่นำเข้าอาหารทะเลจากไทย เป็นต้นได้

    ด้วยเหตุนี้ การสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ทำให้ประเทศไทยยังสามารถมีเอกราชในด้านนโยบายต่างประเทศและสามารถหาตลาดใหม่ๆ มารองรับ พร้อมทั้งลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรจากอเมริกาและอียูอย่างไม่เป็นธรรมได้

    ๓.ทรรศนคติของอาจารย์คนนี้หากรัฐบาลไทยหลงเชื่อตามจะทำให้ประเทศไทยตกเป็นทาสของอเมริกาและอียูในเชิงนโยบายไปตลอด ผลก็คือแม้จะถูกอเมริกาและอียูคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างไร ประเทศไทยก็จะต้องก้มหน้าก้มตายอมรับต่อไปโดยไม่มีทางเลือกให้นั่นเองครับ
    ---------------------------------------------------------
    อาจารย์อธิบายว่า วันนี้เรามีคำใหม่คือ “ภาวะถดถอยของโลกาภิวัตน์” หรือ “ภาวะที่โลกาภิวัตน์ถูกหยุด” (Deglobalization) ซึ่งสิ่งที่จะตามมาแน่ๆ คือผลกระทบกับ “ห่วงโซ่อุปทาน” (Supply Chain) ทั่วโลก
    โจทย์ตรงนี้อาจจะต้องคิดต่อว่า ไทยในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานนี้ เราจะจัดวางตัวเองอย่างไรกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้
    การเข้าเป็นสมาชิก BRICS และ OECD ไม่ใช่ทางเลือกของไทยในช่วงที่สงครามการค้าระลอกใหม่เตรียมปะทุและโลกาภิวัตน์กำลังถดถอย เพราะตลาดของไทยไม่ได้อยู่กับจีนและรัสเซีย แต่ผลประโยชน์ของไทยในทางเศรษฐกิจอยู่กับสหรัฐและสหภาพยุโรป BRICS จึงไม่ใช่คำตอบ และไทยไม่สามารถเล่นบทแบบอินโดนีเซีย อินเดีย หรือแอฟริกาใต้ได้ เพราะไทย “มีต้นทุนต่ำ” คือสถานะทางเศรษฐกิจการเมือง (Political Economy) ของไทยบนเวทีโลกอยู่ในระดับที่ใช้เป็นข้อต่อรองได้ไม่มากนัก การเข้าร่วมกลุ่มกับโลกใต้ (Global South) อาจไม่ได้ตอบโจทย์อย่างที่คิด

    https://www.facebook.com/share/p/fVsomH5u1mcYVkPJ/



    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    นักวิชาการสายโปรอเมริกา ไม่อยากให้ไทยเข้าเป็นสมาชิก BRICS: เป็นความคิดเห็นของนักวิชาการสายโปรอเมริกาที่จะต้องเข้าข้างอเมริกาครับ มี ๓ ประเด็นที่ควรพิจารณา ๑.ปรากฎการณ์ deglobalisation ก็ดี ปรากฎการณ์ dedollarisation ก็ดี เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกระแสหลังจากการที่ผู้นำหลายชาติที่สร้างกลุ่ม BRICS ขึ้นมา โดยเฉพาะรัสเซียและจีนพัฒนาให้เกิดขึ้นโดยตรง แล้วพาชาวโลกที่เป็นสมาชิกหันไปเน้น localisation และ local currencies แทนทั้งนี้เพื่อลดการเป็นศูนย์กลางโลกของอเมริกาและอิทธิพลของกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ที่บงการโลกใบนี้ผ่านรัฐบาลอเมริกาอย่างไม่เป็นธรรมอยู่ตลอดเวลา ๒.จริงอยู่แม้ว่าไทยจะได้ดุลย์การค้าจากอเมริกาและอียูบางประเทศ แต่ต้องไม่ลืมว่าอเมริกาและอียูสามารถใช้ข้ออ้างเท็จ เช่น 'การละเมิดสิทธิมนุษยชน' 'รัฐบาลไทยเผด็จการ' หรือ 'การไร้เสรีภาพสื่อ' มาเป็นมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของไทย ด้วยวิธีต่างๆ อาทิ ไม่นำเข้าอาหารทะเลจากไทย เป็นต้นได้ ด้วยเหตุนี้ การสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ทำให้ประเทศไทยยังสามารถมีเอกราชในด้านนโยบายต่างประเทศและสามารถหาตลาดใหม่ๆ มารองรับ พร้อมทั้งลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรจากอเมริกาและอียูอย่างไม่เป็นธรรมได้ ๓.ทรรศนคติของอาจารย์คนนี้หากรัฐบาลไทยหลงเชื่อตามจะทำให้ประเทศไทยตกเป็นทาสของอเมริกาและอียูในเชิงนโยบายไปตลอด ผลก็คือแม้จะถูกอเมริกาและอียูคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างไร ประเทศไทยก็จะต้องก้มหน้าก้มตายอมรับต่อไปโดยไม่มีทางเลือกให้นั่นเองครับ --------------------------------------------------------- อาจารย์อธิบายว่า วันนี้เรามีคำใหม่คือ “ภาวะถดถอยของโลกาภิวัตน์” หรือ “ภาวะที่โลกาภิวัตน์ถูกหยุด” (Deglobalization) ซึ่งสิ่งที่จะตามมาแน่ๆ คือผลกระทบกับ “ห่วงโซ่อุปทาน” (Supply Chain) ทั่วโลก โจทย์ตรงนี้อาจจะต้องคิดต่อว่า ไทยในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานนี้ เราจะจัดวางตัวเองอย่างไรกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ การเข้าเป็นสมาชิก BRICS และ OECD ไม่ใช่ทางเลือกของไทยในช่วงที่สงครามการค้าระลอกใหม่เตรียมปะทุและโลกาภิวัตน์กำลังถดถอย เพราะตลาดของไทยไม่ได้อยู่กับจีนและรัสเซีย แต่ผลประโยชน์ของไทยในทางเศรษฐกิจอยู่กับสหรัฐและสหภาพยุโรป BRICS จึงไม่ใช่คำตอบ และไทยไม่สามารถเล่นบทแบบอินโดนีเซีย อินเดีย หรือแอฟริกาใต้ได้ เพราะไทย “มีต้นทุนต่ำ” คือสถานะทางเศรษฐกิจการเมือง (Political Economy) ของไทยบนเวทีโลกอยู่ในระดับที่ใช้เป็นข้อต่อรองได้ไม่มากนัก การเข้าร่วมกลุ่มกับโลกใต้ (Global South) อาจไม่ได้ตอบโจทย์อย่างที่คิด https://www.facebook.com/share/p/fVsomH5u1mcYVkPJ/ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 987 มุมมอง 0 รีวิว
  • โหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) เครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม!

    คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ “โหราศาสตร์ธุรกิจ” หรือไม่? ไม่ใช่แค่การทำนายอนาคตหรืออ่านดวงชะตา แต่เป็นศาสตร์ที่สามารถช่วยวางแผนกลยุทธ์การทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะโหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) จะนำข้อมูลการเคลื่อนที่ของดวงดาวและจักรราศีมาวิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือแม้แต่การเลือกหุ้นส่วนทางธุรกิจ

    ประโยชน์ของโหราศาสตร์ธุรกิจ

    1️⃣ วางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ : การใช้โหราศาสตร์ช่วยในการระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน การเปิดตัวสินค้า หรือการขยายตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

    2️⃣ เข้าใจลักษณะของธุรกิจได้ลึกซึ้ง : โหราศาสตร์สามารถช่วยวิเคราะห์ศักยภาพ จุดแข็ง และจุดอ่อนของธุรกิจได้ โดยการพิจารณาตำแหน่งของดาวในดวงชะตาธุรกิจ ทำให้ผู้บริหารสามารถวางแผนการบริหารงานได้อย่างเหมาะสม

    3️⃣ ปรับปรุงความสัมพันธ์และการเจรจาต่อรอง : การใช้โหราศาสตร์ในการทำความเข้าใจลักษณะนิสัยของหุ้นส่วน พนักงาน หรือแม้แต่ลูกค้า จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้

    4️⃣ ช่วยในการจัดการความเสี่ยง : ด้วยการวิเคราะห์จากการโคจรของดาวที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ เช่น ดาวเสาร์ที่มักบ่งบอกถึงข้อจำกัด หรือดาวมฤตยูที่แสดงถึงความไม่แน่นอน การเตรียมตัวและการวางแผนรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ จึงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การประยุกต์ใช้โหราศาสตร์กับการทำธุรกิจ

    โหราศาสตร์ธุรกิจสามารถนำมาใช้ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการ เลือกวันเวลาที่เหมาะสม สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ การวางแผนทางการเงิน หรือแม้กระทั่งการจัดการกับสถานการณ์วิกฤติ เช่น หากธุรกิจอยู่ในช่วงที่ดาวมฤตยูทำมุมกระทบกับดวงชะตา ควรเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนลดต้นทุน การเก็บเงินสดสำรอง หรือการมองหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น

    นอกจากนี้ การทำความเข้าใจดวงชะตาของทีมงานและคู่ค้าทางธุรกิจ ก็สามารถช่วยในการเลือกคนเข้ามาร่วมงานที่เหมาะสมได้มากยิ่งขึ้น เช่น หากต้องการหุ้นส่วนที่มีความมั่นคงและเข้าใจในความเสี่ยง ควรพิจารณาผู้ที่มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ในราศีมังกรหรือพฤษภ ซึ่งจะมีลักษณะของความอดทนและการวางแผนระยะยาว

    ทำไมโหราศาสตร์ธุรกิจถึงได้รับความนิยม?

    ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น การวางแผนกลยุทธ์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หลายบริษัทเริ่มมองหาเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจ เช่น การใช้โหราศาสตร์ในการดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคู่ค้า และการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

    สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะนำโหราศาสตร์มาประยุกต์ใช้ การทำความเข้าใจพื้นฐานของดวงดาวและความหมายของจักรราศี รวมถึงการวิเคราะห์ดวงชะตาธุรกิจ (Business Horoscope) จะช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่ควรคว้า หรืออุปสรรคที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ

    สรุป: โหราศาสตร์ธุรกิจคืออะไร?

    โหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) ไม่ใช่แค่เรื่องของความเชื่อ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การเคลื่อนที่ของดวงดาวมาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ตลาด ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และการมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

    #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #การวางแผนกลยุทธ์ #ดวงชะตาธุรกิจ #ธุรกิจเติบโต #ความสำเร็จ #กลยุทธ์การตลาด #การบริหารธุรกิจ #การวางแผนธุรกิจ
    โหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) เครื่องมือวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม! 🚀✨ คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ “โหราศาสตร์ธุรกิจ” หรือไม่? 🤔 ไม่ใช่แค่การทำนายอนาคตหรืออ่านดวงชะตา แต่เป็นศาสตร์ที่สามารถช่วยวางแผนกลยุทธ์การทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🌟 เพราะโหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) จะนำข้อมูลการเคลื่อนที่ของดวงดาวและจักรราศีมาวิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือแม้แต่การเลือกหุ้นส่วนทางธุรกิจ 📊 ประโยชน์ของโหราศาสตร์ธุรกิจ 🔍💡 1️⃣ วางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ 🗓️: การใช้โหราศาสตร์ช่วยในการระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน การเปิดตัวสินค้า หรือการขยายตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ 💼 2️⃣ เข้าใจลักษณะของธุรกิจได้ลึกซึ้ง 🔎: โหราศาสตร์สามารถช่วยวิเคราะห์ศักยภาพ จุดแข็ง และจุดอ่อนของธุรกิจได้ โดยการพิจารณาตำแหน่งของดาวในดวงชะตาธุรกิจ ทำให้ผู้บริหารสามารถวางแผนการบริหารงานได้อย่างเหมาะสม 💪 3️⃣ ปรับปรุงความสัมพันธ์และการเจรจาต่อรอง 💬: การใช้โหราศาสตร์ในการทำความเข้าใจลักษณะนิสัยของหุ้นส่วน พนักงาน หรือแม้แต่ลูกค้า จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ 👫 4️⃣ ช่วยในการจัดการความเสี่ยง ⚠️: ด้วยการวิเคราะห์จากการโคจรของดาวที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ เช่น ดาวเสาร์ที่มักบ่งบอกถึงข้อจำกัด หรือดาวมฤตยูที่แสดงถึงความไม่แน่นอน การเตรียมตัวและการวางแผนรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ จึงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 📉 การประยุกต์ใช้โหราศาสตร์กับการทำธุรกิจ ✨ โหราศาสตร์ธุรกิจสามารถนำมาใช้ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการ เลือกวันเวลาที่เหมาะสม สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ การวางแผนทางการเงิน หรือแม้กระทั่งการจัดการกับสถานการณ์วิกฤติ 💥 เช่น หากธุรกิจอยู่ในช่วงที่ดาวมฤตยูทำมุมกระทบกับดวงชะตา ควรเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนลดต้นทุน การเก็บเงินสดสำรอง หรือการมองหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น 📈 นอกจากนี้ การทำความเข้าใจดวงชะตาของทีมงานและคู่ค้าทางธุรกิจ ก็สามารถช่วยในการเลือกคนเข้ามาร่วมงานที่เหมาะสมได้มากยิ่งขึ้น 👥 เช่น หากต้องการหุ้นส่วนที่มีความมั่นคงและเข้าใจในความเสี่ยง ควรพิจารณาผู้ที่มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ในราศีมังกรหรือพฤษภ ซึ่งจะมีลักษณะของความอดทนและการวางแผนระยะยาว 💼 ทำไมโหราศาสตร์ธุรกิจถึงได้รับความนิยม? 🔥 ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น การวางแผนกลยุทธ์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หลายบริษัทเริ่มมองหาเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจ เช่น การใช้โหราศาสตร์ในการดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคู่ค้า และการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น 🌐 สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะนำโหราศาสตร์มาประยุกต์ใช้ การทำความเข้าใจพื้นฐานของดวงดาวและความหมายของจักรราศี รวมถึงการวิเคราะห์ดวงชะตาธุรกิจ (Business Horoscope) จะช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่ควรคว้า หรืออุปสรรคที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ 🔮 สรุป: โหราศาสตร์ธุรกิจคืออะไร? 📌 โหราศาสตร์ธุรกิจ (Business Astrology) ไม่ใช่แค่เรื่องของความเชื่อ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การเคลื่อนที่ของดวงดาวมาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ตลาด ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และการมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน 🌠 #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #การวางแผนกลยุทธ์ #ดวงชะตาธุรกิจ #ธุรกิจเติบโต #ความสำเร็จ #กลยุทธ์การตลาด #การบริหารธุรกิจ #การวางแผนธุรกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1194 มุมมอง 0 รีวิว