• ยูเครนเปิดเผยกองกำลังของพวกเขาเล่นงานทหารเกาหลีเหนือจนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 ราย หลังมอสโกใช้กำลังพลของเปียงยางเหล่านี้เข้าสู้รบในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ดินแดนที่ถูกเคียฟยึดครอง ความเคลื่อนไหวที่นานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เรียกว่าเป็นการขยายวงสงครามที่อันตราย
    .
    ทหารจากเกาหลีเหนือนับหมื่นนาย ถูกส่งเข้ามาเสริมขุมกำลังของกองกำลังรัสเซีย ในนั้นรวมถึงแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครน บริเวณที่มอสโกกำลังตีโต้กลับทวงคืนดินแดน หลังถูกกองทัพยูเครนจู่โจมรุกรานแบบสายฟ้าแลบเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
    .
    "เมื่อวันที่ 14 และ 15 ธันวาคม หน่วยทหารจากเกาหลีเหนือประสบความสูญเสียอย่างมากแถวๆ หมู่บ้านเพลคโฮโว โวรอซช์บา และ มาร์ตีนอฟกา ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย มีทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 นาย" หน่วยข่าวกรองทหารของยูเครนระบุ
    .
    ถ้อยแถลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หน่วยทหารต่างๆ ของรัสเซีย กำลังถูกเติมเต็มด้วยกำลังพลจากเกาหลีเหนือ ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่ตะวันตกคาดหมายว่าเปียงยางได้ส่งทหารอย่างน้อย 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับยูเครน
    .
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) บอกเช่นกันว่าทหารเกาหลีเหนือได้เข้าร่วมวงการสู้รบเคียงข้างกองกำลังรัสเซียในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรก และยืนยันข้อมูลที่ว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในสนามรบ
    .
    "เราประเมินว่าทหารเกาหลีเหนือได้ร่วมสู้รบในแคว้นคูร์สก์ เราพบสิ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาประสบความสูญเสีย ทั้งเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ" พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอนบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ
    .
    ขณะเดียวกัน ในถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่โดยสหรัฐฯ ในจันทร์ (16 ธ.ค.) ประเทศต่างๆ 10 ชาติ และสหภาพยุโรป เรียกการเข้าร่วมวงมากขึ้นเรื่อยๆ ของเกาหลีเหนือในสงครามของรัสเซียในยูเครน เป็นการขยายวงที่อันตราย
    .
    เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ที่เนื้อหาในนั้นยังระบุด้วยว่าพวกเขา "รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อแรงสนับสนุนทางการเมือง การทหารและทางเศรษฐใดๆ ที่รัสเซียอาจมอบให้แก่โครงการอาวุธผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงอาวุธทำลายล้าง"
    .
    คำแถลงของสำนักงานข่าวกรองทหารของยูเครน เกี่ยวกับตัวเลขความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ มีขึ้่นหลังจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่ารัสเซียกำลังใช้ทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากเป็นครั้งแรก ในปฏิบัติการจู่โจมในแคว้นคูร์สก์
    .
    นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอ้างด้วยว่าเขาได้ยินมาว่าบางทีทหารเกาหลีเหนือยังอาจถูกใช้งานในพื้นที่อื่นๆ ของแนวหน้าด้วย และความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับกำลังพลเหล่านี้สามารถสังเกตเห็นได้ชัด
    .
    รัสเซียและเกาหลีเหนือ กระชับความสัมพันธ์ทางทหารแน่นแฟ้นขึ้นนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน
    .
    กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารของพวกเขาสามารถทวงคืนถิ่นฐานเล็กๆ บางส่วนในแคว้นคูร์สก์กลับมาได้แล้ว
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว แหล่งข่างกองทัพยูเครนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เคียฟยึดครองดินแดนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียได้ราว 800 ตารางกิโลเมตร ลดลงจากคำกล่าวอ้างครั้งก่อน ที่บอกว่าพวกเขาควบคุมพื้นที่ราว 1,400 ตารางกิโลเมตร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120826
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนเปิดเผยกองกำลังของพวกเขาเล่นงานทหารเกาหลีเหนือจนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 ราย หลังมอสโกใช้กำลังพลของเปียงยางเหล่านี้เข้าสู้รบในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ดินแดนที่ถูกเคียฟยึดครอง ความเคลื่อนไหวที่นานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เรียกว่าเป็นการขยายวงสงครามที่อันตราย . ทหารจากเกาหลีเหนือนับหมื่นนาย ถูกส่งเข้ามาเสริมขุมกำลังของกองกำลังรัสเซีย ในนั้นรวมถึงแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครน บริเวณที่มอสโกกำลังตีโต้กลับทวงคืนดินแดน หลังถูกกองทัพยูเครนจู่โจมรุกรานแบบสายฟ้าแลบเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา . "เมื่อวันที่ 14 และ 15 ธันวาคม หน่วยทหารจากเกาหลีเหนือประสบความสูญเสียอย่างมากแถวๆ หมู่บ้านเพลคโฮโว โวรอซช์บา และ มาร์ตีนอฟกา ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย มีทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 นาย" หน่วยข่าวกรองทหารของยูเครนระบุ . ถ้อยแถลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หน่วยทหารต่างๆ ของรัสเซีย กำลังถูกเติมเต็มด้วยกำลังพลจากเกาหลีเหนือ ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่ตะวันตกคาดหมายว่าเปียงยางได้ส่งทหารอย่างน้อย 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับยูเครน . กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) บอกเช่นกันว่าทหารเกาหลีเหนือได้เข้าร่วมวงการสู้รบเคียงข้างกองกำลังรัสเซียในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรก และยืนยันข้อมูลที่ว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในสนามรบ . "เราประเมินว่าทหารเกาหลีเหนือได้ร่วมสู้รบในแคว้นคูร์สก์ เราพบสิ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาประสบความสูญเสีย ทั้งเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ" พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอนบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ . ขณะเดียวกัน ในถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่โดยสหรัฐฯ ในจันทร์ (16 ธ.ค.) ประเทศต่างๆ 10 ชาติ และสหภาพยุโรป เรียกการเข้าร่วมวงมากขึ้นเรื่อยๆ ของเกาหลีเหนือในสงครามของรัสเซียในยูเครน เป็นการขยายวงที่อันตราย . เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ที่เนื้อหาในนั้นยังระบุด้วยว่าพวกเขา "รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อแรงสนับสนุนทางการเมือง การทหารและทางเศรษฐใดๆ ที่รัสเซียอาจมอบให้แก่โครงการอาวุธผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงอาวุธทำลายล้าง" . คำแถลงของสำนักงานข่าวกรองทหารของยูเครน เกี่ยวกับตัวเลขความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ มีขึ้่นหลังจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่ารัสเซียกำลังใช้ทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากเป็นครั้งแรก ในปฏิบัติการจู่โจมในแคว้นคูร์สก์ . นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอ้างด้วยว่าเขาได้ยินมาว่าบางทีทหารเกาหลีเหนือยังอาจถูกใช้งานในพื้นที่อื่นๆ ของแนวหน้าด้วย และความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับกำลังพลเหล่านี้สามารถสังเกตเห็นได้ชัด . รัสเซียและเกาหลีเหนือ กระชับความสัมพันธ์ทางทหารแน่นแฟ้นขึ้นนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน . กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารของพวกเขาสามารถทวงคืนถิ่นฐานเล็กๆ บางส่วนในแคว้นคูร์สก์กลับมาได้แล้ว . เมื่อเดือนที่แล้ว แหล่งข่างกองทัพยูเครนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เคียฟยึดครองดินแดนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียได้ราว 800 ตารางกิโลเมตร ลดลงจากคำกล่าวอ้างครั้งก่อน ที่บอกว่าพวกเขาควบคุมพื้นที่ราว 1,400 ตารางกิโลเมตร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120826 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌱 ปฏิทินการปลูกผักประจำเดือนธันวาคม 🌱รู้หรือไม่ว่าเดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกผักหลายชนิด เพราะสภาพอากาศเย็นสบาย ทำให้ผักเจริญเติบโตได้ดี ไม่ต้องดูแลซับซ้อนเท่าฤดูร้อน ☁️✨ ผักแนะนำให้ปลูกในเดือนนี้ ได้แก่ • กระหล่ำปลี และ กระหล่ำดอก: เติบโตได้ดีในอากาศเย็น ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • ผักคะน้า และ ผักกวางตุ้งไต้หวัน: ปลูกง่าย โตเร็ว เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มทำเกษตร • แตงกวา และ ผักกาดขาว: ดูแลไม่ยาก แต่ต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • พริก และ มะเขือเทศ: ชอบแดดจัดแต่ไม่ร้อนจนเกินไป เดือนนี้จึงเหมาะสำหรับการเพาะปลูก • หัวไชเท้า และ ต้นหอม: ปลูกไว้ในแปลงเล็ก ๆ ก็ได้ผลผลิตที่สดใหม่ ใช้เวลาไม่นาน🌿 ข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล 🌿1️⃣ ผักโตเร็วและให้ผลผลิตดี เพราะสภาพอากาศเหมาะสม2️⃣ ลดปัญหาแมลงศัตรูพืชที่มากับอากาศร้อนชื้น3️⃣ ประหยัดต้นทุนในการดูแล เช่น ค่าน้ำ ค่าแรง และสารเคมี4️⃣ ปลูกผักกินเองที่บ้าน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและปลอดภัยจากสารตกค้าง📌 สำหรับเกษตรกรมือใหม่หรือคนที่อยากปลูกผักไว้กินเอง ลองเลือกผักที่เหมาะกับฤดูกาลแบบนี้ รับรองได้ผลผลิตดี ไม่เสียแรงแน่นอน!ติดตามเพจ “เกษตรน้อย” เพื่อสาระดี ๆ และเคล็ดลับการทำเกษตรในทุกฤดูกาล 🌾เพราะเราอยากเห็นทุกครัวเรือนมีผักสดปลอดภัยไว้รับประทาน 🥦#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #เกษตรกร #เกษตรพอเพียง #เกษตรอินทรีย์ #ปลูกผักปลอดสาร #ปฏิทินปลูกผัก #ผักสวนครัว #ผักปลอดสารพิษ #กะหล่ําปี #กะหล่ำดอ #คะน้า #ผักบุ้งไฟแดง #ผักกาดขาว #แตงกวา #ผักชี #มะเขือเทศ #พริก
    🌱 ปฏิทินการปลูกผักประจำเดือนธันวาคม 🌱รู้หรือไม่ว่าเดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกผักหลายชนิด เพราะสภาพอากาศเย็นสบาย ทำให้ผักเจริญเติบโตได้ดี ไม่ต้องดูแลซับซ้อนเท่าฤดูร้อน ☁️✨ ผักแนะนำให้ปลูกในเดือนนี้ ได้แก่ • กระหล่ำปลี และ กระหล่ำดอก: เติบโตได้ดีในอากาศเย็น ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • ผักคะน้า และ ผักกวางตุ้งไต้หวัน: ปลูกง่าย โตเร็ว เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มทำเกษตร • แตงกวา และ ผักกาดขาว: ดูแลไม่ยาก แต่ต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ • พริก และ มะเขือเทศ: ชอบแดดจัดแต่ไม่ร้อนจนเกินไป เดือนนี้จึงเหมาะสำหรับการเพาะปลูก • หัวไชเท้า และ ต้นหอม: ปลูกไว้ในแปลงเล็ก ๆ ก็ได้ผลผลิตที่สดใหม่ ใช้เวลาไม่นาน🌿 ข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล 🌿1️⃣ ผักโตเร็วและให้ผลผลิตดี เพราะสภาพอากาศเหมาะสม2️⃣ ลดปัญหาแมลงศัตรูพืชที่มากับอากาศร้อนชื้น3️⃣ ประหยัดต้นทุนในการดูแล เช่น ค่าน้ำ ค่าแรง และสารเคมี4️⃣ ปลูกผักกินเองที่บ้าน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและปลอดภัยจากสารตกค้าง📌 สำหรับเกษตรกรมือใหม่หรือคนที่อยากปลูกผักไว้กินเอง ลองเลือกผักที่เหมาะกับฤดูกาลแบบนี้ รับรองได้ผลผลิตดี ไม่เสียแรงแน่นอน!ติดตามเพจ “เกษตรน้อย” เพื่อสาระดี ๆ และเคล็ดลับการทำเกษตรในทุกฤดูกาล 🌾เพราะเราอยากเห็นทุกครัวเรือนมีผักสดปลอดภัยไว้รับประทาน 🥦#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #เกษตรกร #เกษตรพอเพียง #เกษตรอินทรีย์ #ปลูกผักปลอดสาร #ปฏิทินปลูกผัก #ผักสวนครัว #ผักปลอดสารพิษ #กะหล่ําปี #กะหล่ำดอ #คะน้า #ผักบุ้งไฟแดง #ผักกาดขาว #แตงกวา #ผักชี #มะเขือเทศ #พริก
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต๋ากู่ปิงชวน ภูผาหิมะกลาเซียร์❄
    เที่ยวช่วงไหนดี? อากาศเป็นอย่างไร?🤔

    ต๋ากู่ปิงชวน หรืออุทยานสวรรค์ภูเขาหิมะกลาเซียร์
    อยู่เมืองเฮ่ยซุ่ย มณฑลเสฉวน ประเทศจีน

    อุทยานแห่งชาติที่สวยงามที่สุด
    ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นในปี 1992
    ได้เป็นกลาเซียร์อายุน้อยที่สุดในโลก
    เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ละฤดูกาลมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป

    🍃 ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม - พฤษภาคม
    อุณหภูมิอยู่ที่ 5 ถึง 15 องศาเซลเซียส
    หิมะเริ่มละลาย ดอกไม้เริ่มบาน
    อากาศเย็นสบาย ธรรมชาติสดใส

    ☀ ฤดูร้อน : มิถุนายน - สิงหาคม
    อุณหภูมิอยู่ที่ 15 ถึง 20 องศาเซลเซียส
    อากาศอบอุ่นที่สุด แต่ยังเย็นสบาย
    ดอกไม้บานสะพรั่ง ทุ่งหญ้าเขียวขจีดูมีชีวิตชีวา

    🍂 ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน - พฤศจิกายน
    อุณหภูมิอยู่ที่ 0 ถึง 10 องศาเซลเซียส
    อากาศเย็นลงเล็กน้อย วิวทิวทัศน์งดงาม
    ใบไม้เปลี่ยนสี หิมะเริ่มปกคลุมยอดเขา

    ❄ ฤดูหนาว : ธันวาคม - กุมภาพันธ์
    อุณหภูมิลดต่ำถึง -5 ถึง -10 องศาเซลเซียส
    เหมาะสำหรับผู้ชอบหิมะ อากาศหนาวเย็น
    ธารน้ำแข็งและภูเขาปกคลุมไปด้วยหิมะ

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #ภูเขาสี่ดรุณี #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ต๋ากู่ปิงชวน ภูผาหิมะกลาเซียร์❄ เที่ยวช่วงไหนดี? อากาศเป็นอย่างไร?🤔 ต๋ากู่ปิงชวน หรืออุทยานสวรรค์ภูเขาหิมะกลาเซียร์ อยู่เมืองเฮ่ยซุ่ย มณฑลเสฉวน ประเทศจีน อุทยานแห่งชาติที่สวยงามที่สุด ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นในปี 1992 ได้เป็นกลาเซียร์อายุน้อยที่สุดในโลก เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ละฤดูกาลมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป 🍃 ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม - พฤษภาคม อุณหภูมิอยู่ที่ 5 ถึง 15 องศาเซลเซียส หิมะเริ่มละลาย ดอกไม้เริ่มบาน อากาศเย็นสบาย ธรรมชาติสดใส ☀ ฤดูร้อน : มิถุนายน - สิงหาคม อุณหภูมิอยู่ที่ 15 ถึง 20 องศาเซลเซียส อากาศอบอุ่นที่สุด แต่ยังเย็นสบาย ดอกไม้บานสะพรั่ง ทุ่งหญ้าเขียวขจีดูมีชีวิตชีวา 🍂 ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน - พฤศจิกายน อุณหภูมิอยู่ที่ 0 ถึง 10 องศาเซลเซียส อากาศเย็นลงเล็กน้อย วิวทิวทัศน์งดงาม ใบไม้เปลี่ยนสี หิมะเริ่มปกคลุมยอดเขา ❄ ฤดูหนาว : ธันวาคม - กุมภาพันธ์ อุณหภูมิลดต่ำถึง -5 ถึง -10 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับผู้ชอบหิมะ อากาศหนาวเย็น ธารน้ำแข็งและภูเขาปกคลุมไปด้วยหิมะ LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #ภูเขาสี่ดรุณี #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • หมู่บ้านหิมะ Dream Home หมู่บ้านแห่งเทพนิยาย

    หมู่บ้านหิมะ Dream Home
    ตั้งอยู่มณฑลเฮยหลงเจียง เมืองหมู่ตันเจียง
    ประเทศจีน

    มี 2 ฤดู
    ฤดูร้อน และ ฤดูหนาว

    ☀ ฤดูร้อน : ต้นกรกฎาคม - ปลายสิงหาคม
    อุณหภูมิอยู่ที่ 19 ถึง 30 องศา

    ❄ ฤดูหนาว : ตุลาคม - พฤษภาคม
    อุณหภูมิอยู่ที่ -15 ถึง -30 องศา
    อากาศหนาวเย็น
    มีโอกาสเห็นหิมะตก (ธ.ค. - ม.ค.)
    เหมาะสำหรับการสัมผัสอากาศหนาว

    ใน 1 ปี หิมะตกยาวนานถึง 7 เดือน

    มีหิมะปกคลุมหนา บนหลังคาบ้าน
    ทำให้มีลักษณะคล้ายเห็ด
    จึงถูกเรียกว่า 'บ้านเห็ดหิมะ'

    👍 นิยมท่องเที่ยวมากที่สุดในฤดูหนาว

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #ฮาร์บิน #dreamhome #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    หมู่บ้านหิมะ Dream Home หมู่บ้านแห่งเทพนิยาย หมู่บ้านหิมะ Dream Home ตั้งอยู่มณฑลเฮยหลงเจียง เมืองหมู่ตันเจียง ประเทศจีน มี 2 ฤดู ฤดูร้อน และ ฤดูหนาว ☀ ฤดูร้อน : ต้นกรกฎาคม - ปลายสิงหาคม อุณหภูมิอยู่ที่ 19 ถึง 30 องศา ❄ ฤดูหนาว : ตุลาคม - พฤษภาคม อุณหภูมิอยู่ที่ -15 ถึง -30 องศา อากาศหนาวเย็น มีโอกาสเห็นหิมะตก (ธ.ค. - ม.ค.) เหมาะสำหรับการสัมผัสอากาศหนาว ใน 1 ปี หิมะตกยาวนานถึง 7 เดือน มีหิมะปกคลุมหนา บนหลังคาบ้าน ทำให้มีลักษณะคล้ายเห็ด จึงถูกเรียกว่า 'บ้านเห็ดหิมะ' 👍 นิยมท่องเที่ยวมากที่สุดในฤดูหนาว LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #ฮาร์บิน #dreamhome #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 768 มุมมอง 50 0 รีวิว
  • เที่ยวภูเขาสี่ดรุณี ช่วงไหนดี?

    ภูเขาสี่ดรุณี
    อยู่มณฑลเสฉวน ประเทศจีน
    อุทยานแห่งชาติระดับ 5A

    ได้รับฉายาว่า 'ภูเขาแอลป์แห่งเมืองจีน'
    หรือ 'สวิตเซอร์แลนด์แห่งเสฉวน'

    เที่ยวได้ตลอดทั้งปี
    มีทั้งหมด 4 ฤดูกาล

    🍃 ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม - พฤษภาคม
    อุณหภูมิเฉลี่ย -5 ถึง 16 องศา
    หิมะละลาย ดอกไม้เบ่งบาน
    ทุ่งหญ้าเขียวขจี

    ☀ ฤดูร้อน : มิถุนายน - สิงหาคม
    อุณหภูมิเฉลี่ย 17 ถึง 30 องศา
    อากาศกลางวันอุ่น กลางคืนจะหนาวเย็น
    ดอกไม้บานสวยงามเต็มหุบเขา

    🍂 ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน - พฤศจิกายน
    อุณหภูมิเฉลี่ย -8 ถึง 16 องศา
    อากาศหนาวเย็นขึ้น ใบไม้เปลี่ยนสี
    ต้นไม้สีเหลืองทองสลับกับสีแดง

    ❄ ฤดูหนาว : ธันวาคม - กุมภาพันธ์
    อุณหภูมิเฉลี่ย -14 ถึง 5 องศา
    อากาศหนาวเย็นยะเยือก
    หิมะขาวโพลนปกคลุมทั่วบริเวณ

    👍 ฤดูที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยว
    ฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูร้อน
    ต้นไม้เขียวขจี ท้องฟ้าสดใส

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #ภูเขาสี่ดรุณี #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวภูเขาสี่ดรุณี ช่วงไหนดี? ภูเขาสี่ดรุณี อยู่มณฑลเสฉวน ประเทศจีน อุทยานแห่งชาติระดับ 5A ได้รับฉายาว่า 'ภูเขาแอลป์แห่งเมืองจีน' หรือ 'สวิตเซอร์แลนด์แห่งเสฉวน' เที่ยวได้ตลอดทั้งปี มีทั้งหมด 4 ฤดูกาล 🍃 ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม - พฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ย -5 ถึง 16 องศา หิมะละลาย ดอกไม้เบ่งบาน ทุ่งหญ้าเขียวขจี ☀ ฤดูร้อน : มิถุนายน - สิงหาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 17 ถึง 30 องศา อากาศกลางวันอุ่น กลางคืนจะหนาวเย็น ดอกไม้บานสวยงามเต็มหุบเขา 🍂 ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน - พฤศจิกายน อุณหภูมิเฉลี่ย -8 ถึง 16 องศา อากาศหนาวเย็นขึ้น ใบไม้เปลี่ยนสี ต้นไม้สีเหลืองทองสลับกับสีแดง ❄ ฤดูหนาว : ธันวาคม - กุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ย -14 ถึง 5 องศา อากาศหนาวเย็นยะเยือก หิมะขาวโพลนปกคลุมทั่วบริเวณ 👍 ฤดูที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยว ฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูร้อน ต้นไม้เขียวขจี ท้องฟ้าสดใส LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #ภูเขาสี่ดรุณี #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 499 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของอเมริกาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะไม่เพิ่มความเสี่ยงของการโจมตีทางนิวเคลียร์ และไม่น่ามีความเป็นไปได้ แม้ทางประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ใช้วาทกรรมพร้อมทะเลาะวิวาทหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงแหล่งข่าว 5 คนที่ใกล้ชิดกับหน่วยข่าวกรองอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร 1 คนและผู้ช่วยสมาชิกสภาคองเกรส 2 ราย ให้ข้อมูลโดยสรุปในประเด็นนี้ว่า รัสเซีย มีความเป็นไปได้มากกว่า ที่จะยกระดับยุทธการลอบก่อวินาศกรรมเป้าหมายต่างๆในยุโรป เพื่อถาโถมแรงกดดันใส่ะวันตก ต่อกรณีสนับสนุนเคียฟ
    .
    การประเมินด้านข่าวกรองต่างๆนานาในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า "ไม่น่าจะเป็นไปได้" ที่จะเกิดสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ หากสหรัฐฯผ่อนปรนข้อจำกัดแก่ยูเครนในการใช้อาวุธของอเมริกา และมุมมองดังกล่าวยังคงเดิม หลัง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปลี่ยนจุดยืนของสหรัฐฯ ที่มีต่อข้อจำกัดด้านการใช้อาวุธ เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา
    .
    แหล่งข่าวที่เป็นผู้ช่วยสมาชิกสภาครองเกรส ระบุว่า "คำประเมินต่างๆนานามีความสอดคล้องกัน ระบบขีปนาวุธ ATACM จะไม่เปลี่ยนแปลงการคำนวณเกี่ยวกับการใช้นิวเคลียร์ของรัสเซีย" อ้างถึงขีปนาวุธพิสัยทำการสูงสุด 306 กิโลเมตร ที่สหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้โจมตีรัสเซีย
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัวรุ่นใหม่ ซึ่งพวกนักวิเคราะห์เชื่อว่ามันมีเจตนาส่งสัญญาณเตือนไปยังวอชิงตันและพันธมิตรยุโรปของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวระบุว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองอเมริกา
    .
    แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งบอกว่า ในขณะวอชิงตันประเมินว่ามอสโกจะไม่หาทางโหมกระพือสถานการณ์ลุกลามลานปลายด้วยกองกำลังนิวเคลียร์ แต่รัสเซียจะพยายามสร้างความทัดเทียม ในสิ่งที่มองว่าเป็นการโหมกระพือสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายโดยสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่รายนี้บอกว่าการประจำการขีปนาวุธใหม่ ก็เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว
    .
    พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่าข่าวกรองดังกล่าวช่วยเป็นเครื่องชี้ทางการถกเถียงที่บ่อยครั้งเต็มไปด้วยความเห็นต่างภายในรัฐบาลของไบเดน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่าวอชิงตันควรผ่อนปรนข้อจำกัดแก่ยูเครนในการใช้อาวุธของอเมริกาหรือไม่ ซึ่งเสี่ยงก่อความเดือดดาลแก่ปูติน
    .
    เบื้องต้นมีเสียงต้านความเคลื่อนไหวดังกล่าว อ้างถึงความกังวลสถานการณ์ลุกลามบานปลายและความไม่แน่นอนว่า ปูติน จะตอบโต้อย่างไร บางส่วนในเจ้าหน้าที่เหล่านั้น ในนั้นรวมถึงในทำเนียบขาว เพนตากอนและกระทรวงการต่างประเทศ เกรงว่ามอสโกจะแก้แค้นหนักหน่วงรุนแรง เล่นงานทหารและบุคลากรทางการทูตของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับโจมตีพันธมิตรนาโต
    .
    อย่างไรก็ตามแม้มีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ แต่ ไบเดน เกิดเปลี่ยนใจ สืบเนื่องจากการเข้าร่วมวงสงครรามของเกาหลีเหนือ ก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่อเมริกา
    .
    เวลานี้เจ้าหน้าที่บางส่วนเชื่อว่าความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ในนั้นรวมถึงข้อวิตกเกี่ยวกับนิวเคลียร์ นั้นเลยเถิดเกินไป แต่เน้นย้ำว่าสถานการณ์ในภาพรวมในยูเครนยังคงอันตราย และสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ยังมีความเป็นไปได้ ขณะเดียวกันความสามารถของรัสเซียในการหาหนทางอำพรางแนวทางแก้แค้นตะวันตก ก็เป็นสิ่งที่น่าวิตกเช่นกัน
    .
    "การตอบโต้แบบลูกผสมของรัสเซียเป็นสิ่งที่น่ากังวล" แองเจลา สเตนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายูเรเซียน รัสเซียและยุโรปตะวันออก ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจียทาวน์ ให้ความเห็น อ้างถึงปฏิบัติการลอบก่อวินาศกรรมของรัสเซียในยุโรป "โอกาสแห่งสถานการณ์ลุกลาม ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เวลานี้มีความกังวลใหญ่หลวงกว่าเดิม"
    .
    เมื่อเดือนเมษายน ทำเนียบขาวอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของอเมริกาโจมตีข้ามชายแดนในกรณีแวดล้อมต่างๆแบบจำกัด แต่ไม่ให้ใช้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย อ้างถึงความเสี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายกับมอสโก ประโยชน์ทางเทคนิคและเสบียงขีปนาวุธ ATACM ที่มีอย่างจำกัด
    .
    หนึ่งในคำประเมินด้านข่าวกรองในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งจัดทำขึ้นตามคำขอของทำเนียบขาว อธิบายว่าการโจมตีข้ามชายแดนจากเมืองคาร์คิฟของยูเครน จะส่งผลอย่างจำกัด เพราะว่า 90% ของอากาศยานรัสเซียได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากห่างชายแดนแล้ว พ้นจากระยะทำการของขีปนาวุธพิสัยใกล้
    .
    อย่างไรก็ตามคำประเมินเน้นย้ำด้วยว่า แม้ ปูติน ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์บ่อยครั้ง แต่ไม่มีความเป็นไปได้ที่ มอสโก จะใช้มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโต้ เพราะว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้รับประโยชน์ทางทหารอย่างชัดเจน ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองให้คำจำกัดความทางเลือกด้านนิวเคลียร์ ว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับรัสเซีย และ ปูติน น่าจะเลือกหนทางอื่นในการแก้แค้นเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลอบก่อวินาศกรรมและการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งที่ผ่านมา รัสเซีย ได้ลงมือไปก่อนหน้าแล้ว
    .
    อย่างไรก็ตามยังคงมีเจ้าหน้าที่บางส่วนภายในทำเนียบขาวและเพนตากอน โต้แย้งว่าการไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะทำให้เคียฟ สหรัฐฯและพันธมิตรทั้งหลายของอเมริกา ตกอยู่ในอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และกระตุ้นให้ ปูติน ลงมือแก้แค้น ทั้งผ่านกองกำลังนิวเคลียร์หรือยุทธวิธีนองเลือดอื่นๆนอกเขตสงคราม
    .
    ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าเพนตากอน มีความกังวลอย่างยิ่งต่อการโจมตีฐานทัพต่างๆของสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000114310
    ..............
    Sondhi X
    การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของอเมริกาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะไม่เพิ่มความเสี่ยงของการโจมตีทางนิวเคลียร์ และไม่น่ามีความเป็นไปได้ แม้ทางประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ใช้วาทกรรมพร้อมทะเลาะวิวาทหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงแหล่งข่าว 5 คนที่ใกล้ชิดกับหน่วยข่าวกรองอเมริกา . อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร 1 คนและผู้ช่วยสมาชิกสภาคองเกรส 2 ราย ให้ข้อมูลโดยสรุปในประเด็นนี้ว่า รัสเซีย มีความเป็นไปได้มากกว่า ที่จะยกระดับยุทธการลอบก่อวินาศกรรมเป้าหมายต่างๆในยุโรป เพื่อถาโถมแรงกดดันใส่ะวันตก ต่อกรณีสนับสนุนเคียฟ . การประเมินด้านข่าวกรองต่างๆนานาในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า "ไม่น่าจะเป็นไปได้" ที่จะเกิดสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ หากสหรัฐฯผ่อนปรนข้อจำกัดแก่ยูเครนในการใช้อาวุธของอเมริกา และมุมมองดังกล่าวยังคงเดิม หลัง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปลี่ยนจุดยืนของสหรัฐฯ ที่มีต่อข้อจำกัดด้านการใช้อาวุธ เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา . แหล่งข่าวที่เป็นผู้ช่วยสมาชิกสภาครองเกรส ระบุว่า "คำประเมินต่างๆนานามีความสอดคล้องกัน ระบบขีปนาวุธ ATACM จะไม่เปลี่ยนแปลงการคำนวณเกี่ยวกับการใช้นิวเคลียร์ของรัสเซีย" อ้างถึงขีปนาวุธพิสัยทำการสูงสุด 306 กิโลเมตร ที่สหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้โจมตีรัสเซีย . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัวรุ่นใหม่ ซึ่งพวกนักวิเคราะห์เชื่อว่ามันมีเจตนาส่งสัญญาณเตือนไปยังวอชิงตันและพันธมิตรยุโรปของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวระบุว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองอเมริกา . แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งบอกว่า ในขณะวอชิงตันประเมินว่ามอสโกจะไม่หาทางโหมกระพือสถานการณ์ลุกลามลานปลายด้วยกองกำลังนิวเคลียร์ แต่รัสเซียจะพยายามสร้างความทัดเทียม ในสิ่งที่มองว่าเป็นการโหมกระพือสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายโดยสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่รายนี้บอกว่าการประจำการขีปนาวุธใหม่ ก็เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว . พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่าข่าวกรองดังกล่าวช่วยเป็นเครื่องชี้ทางการถกเถียงที่บ่อยครั้งเต็มไปด้วยความเห็นต่างภายในรัฐบาลของไบเดน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่าวอชิงตันควรผ่อนปรนข้อจำกัดแก่ยูเครนในการใช้อาวุธของอเมริกาหรือไม่ ซึ่งเสี่ยงก่อความเดือดดาลแก่ปูติน . เบื้องต้นมีเสียงต้านความเคลื่อนไหวดังกล่าว อ้างถึงความกังวลสถานการณ์ลุกลามบานปลายและความไม่แน่นอนว่า ปูติน จะตอบโต้อย่างไร บางส่วนในเจ้าหน้าที่เหล่านั้น ในนั้นรวมถึงในทำเนียบขาว เพนตากอนและกระทรวงการต่างประเทศ เกรงว่ามอสโกจะแก้แค้นหนักหน่วงรุนแรง เล่นงานทหารและบุคลากรทางการทูตของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับโจมตีพันธมิตรนาโต . อย่างไรก็ตามแม้มีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ แต่ ไบเดน เกิดเปลี่ยนใจ สืบเนื่องจากการเข้าร่วมวงสงครรามของเกาหลีเหนือ ก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่อเมริกา . เวลานี้เจ้าหน้าที่บางส่วนเชื่อว่าความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ในนั้นรวมถึงข้อวิตกเกี่ยวกับนิวเคลียร์ นั้นเลยเถิดเกินไป แต่เน้นย้ำว่าสถานการณ์ในภาพรวมในยูเครนยังคงอันตราย และสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ยังมีความเป็นไปได้ ขณะเดียวกันความสามารถของรัสเซียในการหาหนทางอำพรางแนวทางแก้แค้นตะวันตก ก็เป็นสิ่งที่น่าวิตกเช่นกัน . "การตอบโต้แบบลูกผสมของรัสเซียเป็นสิ่งที่น่ากังวล" แองเจลา สเตนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายูเรเซียน รัสเซียและยุโรปตะวันออก ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจียทาวน์ ให้ความเห็น อ้างถึงปฏิบัติการลอบก่อวินาศกรรมของรัสเซียในยุโรป "โอกาสแห่งสถานการณ์ลุกลาม ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เวลานี้มีความกังวลใหญ่หลวงกว่าเดิม" . เมื่อเดือนเมษายน ทำเนียบขาวอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของอเมริกาโจมตีข้ามชายแดนในกรณีแวดล้อมต่างๆแบบจำกัด แต่ไม่ให้ใช้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย อ้างถึงความเสี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายกับมอสโก ประโยชน์ทางเทคนิคและเสบียงขีปนาวุธ ATACM ที่มีอย่างจำกัด . หนึ่งในคำประเมินด้านข่าวกรองในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งจัดทำขึ้นตามคำขอของทำเนียบขาว อธิบายว่าการโจมตีข้ามชายแดนจากเมืองคาร์คิฟของยูเครน จะส่งผลอย่างจำกัด เพราะว่า 90% ของอากาศยานรัสเซียได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากห่างชายแดนแล้ว พ้นจากระยะทำการของขีปนาวุธพิสัยใกล้ . อย่างไรก็ตามคำประเมินเน้นย้ำด้วยว่า แม้ ปูติน ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์บ่อยครั้ง แต่ไม่มีความเป็นไปได้ที่ มอสโก จะใช้มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโต้ เพราะว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้รับประโยชน์ทางทหารอย่างชัดเจน ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองให้คำจำกัดความทางเลือกด้านนิวเคลียร์ ว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับรัสเซีย และ ปูติน น่าจะเลือกหนทางอื่นในการแก้แค้นเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลอบก่อวินาศกรรมและการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งที่ผ่านมา รัสเซีย ได้ลงมือไปก่อนหน้าแล้ว . อย่างไรก็ตามยังคงมีเจ้าหน้าที่บางส่วนภายในทำเนียบขาวและเพนตากอน โต้แย้งว่าการไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะทำให้เคียฟ สหรัฐฯและพันธมิตรทั้งหลายของอเมริกา ตกอยู่ในอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และกระตุ้นให้ ปูติน ลงมือแก้แค้น ทั้งผ่านกองกำลังนิวเคลียร์หรือยุทธวิธีนองเลือดอื่นๆนอกเขตสงคราม . ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าเพนตากอน มีความกังวลอย่างยิ่งต่อการโจมตีฐานทัพต่างๆของสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000114310 .............. Sondhi X
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 826 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวสหรัฐกำลังพิจารณาขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่มีพิสัยไกลกว่าเดิมถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง โดยมีข่าวลือว่า "ใกล้จะตัดสินใจส่งขีปนาวุธ JASSM ไปยังยูเครนแล้ว"

    JASSM ผลิตโดยบริษัท Lockheed Martin เพิ่งได้รับสัญญาใหม่มูลค่า 130 ล้านดอลลาร์ในช่วงปลายฤดูร้อนเพื่อเพิ่มการผลิตขีปนาวุธรุ่นนี้

    JASSM สามารถติดตั้งและยิงจากเครื่องบินรบ F-16 ได้ ซึ่งขณะนี้กำลังถูกใช้งานในยูเครนอยู่แล้ว

    ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าสหรัฐวางแผนจะส่งขีปนาวุธรุ่นใด ระหว่างรุ่นที่มีพิสัยการยิง 360 กม. หรือมากกว่า 900 กม.
    ข่าวสหรัฐกำลังพิจารณาขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่มีพิสัยไกลกว่าเดิมถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง โดยมีข่าวลือว่า "ใกล้จะตัดสินใจส่งขีปนาวุธ JASSM ไปยังยูเครนแล้ว" JASSM ผลิตโดยบริษัท Lockheed Martin เพิ่งได้รับสัญญาใหม่มูลค่า 130 ล้านดอลลาร์ในช่วงปลายฤดูร้อนเพื่อเพิ่มการผลิตขีปนาวุธรุ่นนี้ JASSM สามารถติดตั้งและยิงจากเครื่องบินรบ F-16 ได้ ซึ่งขณะนี้กำลังถูกใช้งานในยูเครนอยู่แล้ว ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าสหรัฐวางแผนจะส่งขีปนาวุธรุ่นใด ระหว่างรุ่นที่มีพิสัยการยิง 360 กม. หรือมากกว่า 900 กม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 483 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12/11/67

    ตุรกีเป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่มี
    ดอกกุหลาบสีดำตามธรรมชาติ

    เติบโตโดยได้รับน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติส ดอกไม้ชนิดนี้หายากมาก มีเฉพาะในหมู่บ้าน Halfeti จังหวัด shanlıurfa
    ทางตะวันออกเฉียงใต้ ใกล้จังหวัด Urfa
    ในช่วงฤดูร้อนจะปรากฏเป็นสีดำ

    ส่วนในฤดูกาลอื่นๆ จะเป็นสีแดงเข้มมาก ความหลากหลายนี้เกิดจากความหนาแน่นของดินและการรวมกันของแอนโทไซยานินซึ่งเป็นเม็ดสีที่ละลายน้ำได้
    ดินมีผลกระทบอย่างมากต่อเม็ดสีนี้ เนื่องจากมีความไวต่อ pH ค่อนข้างมาก

    Cr Moosordee Areepeng
    12/11/67 ตุรกีเป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่มี ดอกกุหลาบสีดำตามธรรมชาติ เติบโตโดยได้รับน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติส ดอกไม้ชนิดนี้หายากมาก มีเฉพาะในหมู่บ้าน Halfeti จังหวัด shanlıurfa ทางตะวันออกเฉียงใต้ ใกล้จังหวัด Urfa ในช่วงฤดูร้อนจะปรากฏเป็นสีดำ ส่วนในฤดูกาลอื่นๆ จะเป็นสีแดงเข้มมาก ความหลากหลายนี้เกิดจากความหนาแน่นของดินและการรวมกันของแอนโทไซยานินซึ่งเป็นเม็ดสีที่ละลายน้ำได้ ดินมีผลกระทบอย่างมากต่อเม็ดสีนี้ เนื่องจากมีความไวต่อ pH ค่อนข้างมาก Cr Moosordee Areepeng
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำพูดของรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ กลับมาเป็นไวรัลในโซเลียลอีกครั้ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเขากล่าวไว้เมื่อฤดูร้อนปี 2023:

    "เราสร้างนโยบายต่างประเทศที่เอาแต่คอยกดดัน บงการ จับผิด และสั่งสอนให้พวกเค้าทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ ต่อประเทศที่ไม่ได้ต้องการเกี่ยวข้องใดๆกับสหรัฐฯ แต่จีนกลับมีนโยบายต่างประเทศในการสร้างถนน สะพาน และสร้างอาหารให้แก่ประเทศที่ยากจน"

    ผมคิดว่า เราควรดำเนินนโยบายทางการทูตที่เคารพในผลประโยชน์ของประเทศเหล่านี้"
    คำพูดของรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ กลับมาเป็นไวรัลในโซเลียลอีกครั้ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเขากล่าวไว้เมื่อฤดูร้อนปี 2023: "เราสร้างนโยบายต่างประเทศที่เอาแต่คอยกดดัน บงการ จับผิด และสั่งสอนให้พวกเค้าทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ ต่อประเทศที่ไม่ได้ต้องการเกี่ยวข้องใดๆกับสหรัฐฯ แต่จีนกลับมีนโยบายต่างประเทศในการสร้างถนน สะพาน และสร้างอาหารให้แก่ประเทศที่ยากจน" ผมคิดว่า เราควรดำเนินนโยบายทางการทูตที่เคารพในผลประโยชน์ของประเทศเหล่านี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • หลังจากปิดข่าวมานาน กองทัพบกสหรัฐฯ ออกมายืนยันการเสียชีวิตของทหารอเมริกันหนึ่งราย จากอาการบาดเจ็บที่ได้รับในฉนวนกาซาเมื่อต้นฤดูร้อนนี้ที่ผ่านมา
    หลังจากปิดข่าวมานาน กองทัพบกสหรัฐฯ ออกมายืนยันการเสียชีวิตของทหารอเมริกันหนึ่งราย จากอาการบาดเจ็บที่ได้รับในฉนวนกาซาเมื่อต้นฤดูร้อนนี้ที่ผ่านมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรี "เดนิส ชมีกัล" ของยูเครน ยอมรับว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (TPP) เกือบ 90% ในยูเครน ถูกทำลายหรือเสียหายจนไม่อาจซ่อมแซมได้

    และนี่จะเป็นโศกนาฏกรรมของสถานการณ์ในยูเครนสำหรับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง เพราะขณะนี้เหลือเพียงโณงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รับหน้าที่ผลิตไฟฟ้า แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

    ชมีกัล พยายามคลายความกังวลของชาวยูเครนโดยบอกว่า "ไม่ต้องเป็นห่วง!!" ยูเครนสะสมก๊าซไว้มากกว่า 12,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งคาดว่ามันจะครอบคลุมไปถึงฤดูร้อนปีหน้าเลยทีเดียว

    ในขณะที่ชมีกัลกำลังปลอบประโลมชาวยูเครนอยู่นั้น เขาคงลืมไปว่ารัสเซียยังคงมีขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ยังไม่ได้ใช้งาน และมันสามารถไปได้ทุกที่ในดินแดนยูเครน!!⚡️🤡⚡️
    นายกรัฐมนตรี "เดนิส ชมีกัล" ของยูเครน ยอมรับว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (TPP) เกือบ 90% ในยูเครน ถูกทำลายหรือเสียหายจนไม่อาจซ่อมแซมได้ และนี่จะเป็นโศกนาฏกรรมของสถานการณ์ในยูเครนสำหรับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง เพราะขณะนี้เหลือเพียงโณงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รับหน้าที่ผลิตไฟฟ้า แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ชมีกัล พยายามคลายความกังวลของชาวยูเครนโดยบอกว่า "ไม่ต้องเป็นห่วง!!" ยูเครนสะสมก๊าซไว้มากกว่า 12,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งคาดว่ามันจะครอบคลุมไปถึงฤดูร้อนปีหน้าเลยทีเดียว ในขณะที่ชมีกัลกำลังปลอบประโลมชาวยูเครนอยู่นั้น เขาคงลืมไปว่ารัสเซียยังคงมีขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ยังไม่ได้ใช้งาน และมันสามารถไปได้ทุกที่ในดินแดนยูเครน!!⚡️🤡⚡️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลเผยได้บุกโจมตีซีเรียภาคพื้นดิน จับกุมพลเมืองซีเรียที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับคอยส่งข่าวให้กับอิหร่าน

    นับเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลประกาศอย่างเป็นทางการว่า กองกำลังของตนบุกรุกเข้าไปปฏิบัติการภาคพื้นดินในดินแดนซีเรีย แม้ว่าที่ผ่านมาอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศในซีเรียหลายครั้งก็ตาม

    กองกำลังอิสราเอลกล่าวว่าการบุกเข้าไปในซีเรียเพื่อจับกุมสายลับครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการพิเศษ "ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา" แม้ว่าจะไม่ยอมระบุอย่างชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด

    ทางด้านซีเรียไม่ได้ยืนยันการประกาศดังกล่าวในทันที แต่สถานีวิทยุกระจายเสียงซีเรียที่สนับสนุนรัฐบาลอย่าง Sham FM รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่ากองกำลังอิสราเอลได้ดำเนินการ "ลักพาตัว" ชายคนหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
    อิสราเอลเผยได้บุกโจมตีซีเรียภาคพื้นดิน จับกุมพลเมืองซีเรียที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับคอยส่งข่าวให้กับอิหร่าน นับเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลประกาศอย่างเป็นทางการว่า กองกำลังของตนบุกรุกเข้าไปปฏิบัติการภาคพื้นดินในดินแดนซีเรีย แม้ว่าที่ผ่านมาอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศในซีเรียหลายครั้งก็ตาม กองกำลังอิสราเอลกล่าวว่าการบุกเข้าไปในซีเรียเพื่อจับกุมสายลับครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการพิเศษ "ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา" แม้ว่าจะไม่ยอมระบุอย่างชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด ทางด้านซีเรียไม่ได้ยืนยันการประกาศดังกล่าวในทันที แต่สถานีวิทยุกระจายเสียงซีเรียที่สนับสนุนรัฐบาลอย่าง Sham FM รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่ากองกำลังอิสราเอลได้ดำเนินการ "ลักพาตัว" ชายคนหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 45 0 รีวิว
  • สาวยูเครนหนึ่งในกลุ่ม NAFO ร้องไห้ด่ากราดนักการเมืองตะวันตก เพราะไม่ยอมช่วยยูเครน

    "พวกคุณรู้ไหม ฤดูร้อนที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์หลายๆอย่าง แต่ฉันก็ผ่านมันมาได้ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเสียความหวังทุกอย่าง ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไรเพื่อปลอบทหารยูเครนที่แนวหน้า ฉันไม่รู้จะมอบความหวังให้กับพวกเขาอย่างไร เพราะแม้แต่ฉันเองก็ไม่มีความหวังอีกแล้ว

    ตอนนี้มันชัดเจนมากสำหรับชาวยูเครนส่วนใหญ่ ว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ยูเครนได้รับชัยชนะ พวกตะวันตกต้องการปกป้องรัสเซีย นั่นคือความเป็นจริง

    พวกเขาไม่สนใจ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน
    พวกเขาไม่สนใจชาวยูเครนจำนวนมากเท่าไหร่ที่ถูกรัสเซียฆ่า
    มันไม่สำคัญเลยสำหรับพวกเขา

    พวกเขาสนใจแต่ "เงิน" ของรัสเซีย นั่นคือทำไมพวกนักการเมืองตะวันตกถึงเอาแต่ปกป้องรัสเซีย
    ฉันไม่รู้อะไรแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ในจุดที่ จากที่ฉันจะต้องคอยปลอบใจทหาร ตอนนี้ทหารต้องเป็นคนปลอบใจฉันแทน เพราะตอนนี้ฉันอยู่ในจุดที่จะสติแตก"

    https://www.facebook.com/share/v/MPmCeyY7p24QgFLj/
    สาวยูเครนหนึ่งในกลุ่ม NAFO ร้องไห้ด่ากราดนักการเมืองตะวันตก เพราะไม่ยอมช่วยยูเครน "พวกคุณรู้ไหม ฤดูร้อนที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์หลายๆอย่าง แต่ฉันก็ผ่านมันมาได้ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเสียความหวังทุกอย่าง ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไรเพื่อปลอบทหารยูเครนที่แนวหน้า ฉันไม่รู้จะมอบความหวังให้กับพวกเขาอย่างไร เพราะแม้แต่ฉันเองก็ไม่มีความหวังอีกแล้ว ตอนนี้มันชัดเจนมากสำหรับชาวยูเครนส่วนใหญ่ ว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ยูเครนได้รับชัยชนะ พวกตะวันตกต้องการปกป้องรัสเซีย นั่นคือความเป็นจริง พวกเขาไม่สนใจ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน พวกเขาไม่สนใจชาวยูเครนจำนวนมากเท่าไหร่ที่ถูกรัสเซียฆ่า มันไม่สำคัญเลยสำหรับพวกเขา พวกเขาสนใจแต่ "เงิน" ของรัสเซีย นั่นคือทำไมพวกนักการเมืองตะวันตกถึงเอาแต่ปกป้องรัสเซีย ฉันไม่รู้อะไรแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ในจุดที่ จากที่ฉันจะต้องคอยปลอบใจทหาร ตอนนี้ทหารต้องเป็นคนปลอบใจฉันแทน เพราะตอนนี้ฉันอยู่ในจุดที่จะสติแตก" https://www.facebook.com/share/v/MPmCeyY7p24QgFLj/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 88 0 รีวิว
  • กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกร้องให้ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ลาออกจากตำแหน่ง อ้างว่าเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือหลังไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่ม BRICS ในรัสเซีย เมื่อช่วงปลายสัปดาห์
    .
    แลนด์สเบอร์กิส วิพากษ์วิจารณ์ กูเตอร์เรส สำหรับการไปปรากฏตัวในเมืองคาซาน ทั้งที่ไม่ยอมเข้าร่วมการประชุมซัมมิตสันติภาพของยูเครนเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่ามันบั่นทอนความเป็นกลางของผู้นำยูเอ็น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกพฤติกรรมของ กูเตอร์เรส ว่าแสดงออกถึงความลำเลียง ทำให้สถานะของเขาในฐานะตัวแทนความเป็นกลางของนานาชาติไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป
    .
    ขณะเดียวกัน อินกรีดา ซิโมนีเต นายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย ก็ประณามเช่นกันต่อการเดินทางไปร่วมประชุมกลุ่ม BRICS ของกูเตอร์เรส ที่ไปพบปะกับพวกผู้นำของจีน รัสเซีย และอื่นๆ พร้อมชี้ว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้าและยากที่จะเข้าใจ
    .
    กูเตอร์เรส เดินทางไปเข้าร่วมการประชุม 3 วันในคาซาน เวทีที่มีคณะผู้แทนระดับสูงจาก 36 ชาติเข้าร่วม ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เน้นย้ำว่าการประชุมนี้เป็นตัวแทนของประชากรเกือบครึ่งโลก เพราะฉะนั้นการทำงานขององค์กรแห่งนี้จึงมีความสำคัญมาก
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน สวิตเซอร์แลนด์เพิ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมเกี่ยวกับยูเครน ซึ่งข้อเสนอของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เรียกว่า "สูตรสันติภาพ" เป็นแก่นกลางการประชุมและไม่มีรัสเซียรวมอยู่ด้วย
    .
    แม้ทางเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว แต่ทาง สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของสหประชาชาติชี้แจงว่าทางองค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ได้ส่งตัวแทนระดับสูงที่เหมาะสมเข้าร่วมแทน
    .
    อย่างไรก็ตาม แลนด์สเบอร์กิส โต้แย้งว่า กูเตอร์เรส ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในฐานะคนกลางที่มีความจริงใจอีกแล้ว ในเรื่องเกี่ยวกับการหาทางออกระหวางรัสเซียกับยูเครน
    .
    "กูเตอร์เรสต้องยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดและแสดงความรับผิดชอบ สำหรับการตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมซัมมิตสันติภาพยูเครนในสวิตเซอร์แลนด์ และสำหรับความอยากไปเจอกับอาชญากรปูติน และสำหรับการไปประจบประแจงปูติน และลูคาเชนโก ผู้สมคบคิดของเขา" รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนียกล่าว อ้างถึง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส
    .
    ในส่วนของนายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย ก็แสดงความรู้สึกผิดหวังเช่นกัน พร้อมวิพากษ์วิจารณ์เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ สำหรับการจับมือกับ ปูติน และลูคาเชนโก ระหว่างร่วมประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS "อย่างน้อยๆ สามารถพูดได้ว่า มันเป็นพฤติกรรมที่ยากจะเข้าใจ"
    .
    กูเตอร์เรส ซึ่งไม่ได้เยือนรัสเซียมานานกว่า 2 ปี ก่อนเดินทางไปยังคาซาน เน้นย้ำความสำคัญของการเข้าร่วมใน "เซสชันขยายของที่ประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นตัวแทนของประชากรเกือบครึ่งโลก" และระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในวันสุดท้ายของการประชุม เขาเรียร้องให้สมาชิกกลุ่ม BRICS ทำตัวในฐานครอบครัวโลก เสาะแสวงหาเป้าหมายร่วมกันและเรียกร้อง "สันติภาพ" ในยูเครน เช่นเดียวกับข้อตกลงหยุดยิงในกาซาและเลบานอน
    .
    ระหว่างการประชุม เขาได้พบปะทวิภาคีกับบรรดาผู้นำของประเทศต่างๆ รวมถึงหารือเกี่ยวกับวิกฤตในยูเครนและตะวันออกกลาง ณ ที่ประชุมลับกับประธานาธิบดีปูติน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103588
    ..............
    Sondhi X
    กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกร้องให้ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ลาออกจากตำแหน่ง อ้างว่าเขาสูญเสียความน่าเชื่อถือหลังไปเข้าร่วมการประชุมกลุ่ม BRICS ในรัสเซีย เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ . แลนด์สเบอร์กิส วิพากษ์วิจารณ์ กูเตอร์เรส สำหรับการไปปรากฏตัวในเมืองคาซาน ทั้งที่ไม่ยอมเข้าร่วมการประชุมซัมมิตสันติภาพของยูเครนเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่ามันบั่นทอนความเป็นกลางของผู้นำยูเอ็น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกพฤติกรรมของ กูเตอร์เรส ว่าแสดงออกถึงความลำเลียง ทำให้สถานะของเขาในฐานะตัวแทนความเป็นกลางของนานาชาติไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป . ขณะเดียวกัน อินกรีดา ซิโมนีเต นายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย ก็ประณามเช่นกันต่อการเดินทางไปร่วมประชุมกลุ่ม BRICS ของกูเตอร์เรส ที่ไปพบปะกับพวกผู้นำของจีน รัสเซีย และอื่นๆ พร้อมชี้ว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้าและยากที่จะเข้าใจ . กูเตอร์เรส เดินทางไปเข้าร่วมการประชุม 3 วันในคาซาน เวทีที่มีคณะผู้แทนระดับสูงจาก 36 ชาติเข้าร่วม ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เน้นย้ำว่าการประชุมนี้เป็นตัวแทนของประชากรเกือบครึ่งโลก เพราะฉะนั้นการทำงานขององค์กรแห่งนี้จึงมีความสำคัญมาก . ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน สวิตเซอร์แลนด์เพิ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมเกี่ยวกับยูเครน ซึ่งข้อเสนอของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เรียกว่า "สูตรสันติภาพ" เป็นแก่นกลางการประชุมและไม่มีรัสเซียรวมอยู่ด้วย . แม้ทางเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว แต่ทาง สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของสหประชาชาติชี้แจงว่าทางองค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ได้ส่งตัวแทนระดับสูงที่เหมาะสมเข้าร่วมแทน . อย่างไรก็ตาม แลนด์สเบอร์กิส โต้แย้งว่า กูเตอร์เรส ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในฐานะคนกลางที่มีความจริงใจอีกแล้ว ในเรื่องเกี่ยวกับการหาทางออกระหวางรัสเซียกับยูเครน . "กูเตอร์เรสต้องยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดและแสดงความรับผิดชอบ สำหรับการตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมซัมมิตสันติภาพยูเครนในสวิตเซอร์แลนด์ และสำหรับความอยากไปเจอกับอาชญากรปูติน และสำหรับการไปประจบประแจงปูติน และลูคาเชนโก ผู้สมคบคิดของเขา" รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนียกล่าว อ้างถึง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส . ในส่วนของนายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย ก็แสดงความรู้สึกผิดหวังเช่นกัน พร้อมวิพากษ์วิจารณ์เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ สำหรับการจับมือกับ ปูติน และลูคาเชนโก ระหว่างร่วมประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS "อย่างน้อยๆ สามารถพูดได้ว่า มันเป็นพฤติกรรมที่ยากจะเข้าใจ" . กูเตอร์เรส ซึ่งไม่ได้เยือนรัสเซียมานานกว่า 2 ปี ก่อนเดินทางไปยังคาซาน เน้นย้ำความสำคัญของการเข้าร่วมใน "เซสชันขยายของที่ประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นตัวแทนของประชากรเกือบครึ่งโลก" และระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในวันสุดท้ายของการประชุม เขาเรียร้องให้สมาชิกกลุ่ม BRICS ทำตัวในฐานครอบครัวโลก เสาะแสวงหาเป้าหมายร่วมกันและเรียกร้อง "สันติภาพ" ในยูเครน เช่นเดียวกับข้อตกลงหยุดยิงในกาซาและเลบานอน . ระหว่างการประชุม เขาได้พบปะทวิภาคีกับบรรดาผู้นำของประเทศต่างๆ รวมถึงหารือเกี่ยวกับวิกฤตในยูเครนและตะวันออกกลาง ณ ที่ประชุมลับกับประธานาธิบดีปูติน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103588 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Yay
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1507 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวซาปา เดือนไหนดี? มีหิมะ?

    เมืองซาปา
    ตั้งอยู่วันตกเฉียงเหนือ ประเทศเวียดนาม

    ทิวทัศน์ภูเขาสวย
    อากาศเย็นสบาย เที่ยวได้ทั้งปี

    🍃 ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม - พฤษภาคม
    อุณหภูมิอยู่ที่ 15 ถึง 25 องศาเซลเซียส
    อากาศเย็นสบาย
    ดอกไม้บานสะพรั่ง นาข้าวเริ่มเขียว
    เหมาะกับการเดินป่า เที่ยวชมธรรมชาติ

    ☀ ฤดูร้อน : มิถุนายน - สิงหาคม
    อุณหภูมิอยู่ที่ 25 ถึง 30 องศาเซลเซียส
    อากาศอบอ้าว
    ฝนตกประปราย นาข้าวเขียวขจี
    เหมาะสำหรับการชมนาขั้นบันได

    🍂 ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน - พฤศจิกายน
    อุณหภูมิอยู่ที่ 15 ถึง 25 องศาเซลเซียส
    อากาศเย็นสบาย
    ท้องฟ้าแจ่มใส นาข้าวสีเหลืองทอง
    เหมาะสำหรับการถ่ายรูป

    ❄ ฤดูหนาว : ธันวาคม - กุมภาพันธ์
    อุณหภูมิอยู่ที่ 10 ถึง 15 องศาเซลเซียส
    อากาศหนาวเย็น
    มีโอกาสเห็นหิมะตก (ธ.ค. - ม.ค.)
    เหมาะสำหรับการสัมผัสอากาศหนาว

    👍 ฤดูที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยว
    ฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูใบไม้ร่วง
    อากาศเริ่มเย็นสบาย ดอกไม้ต่างๆ บานสะพรั่ง

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์เวียดนาม #ซาปา #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวซาปา เดือนไหนดี? มีหิมะ? เมืองซาปา ตั้งอยู่วันตกเฉียงเหนือ ประเทศเวียดนาม ทิวทัศน์ภูเขาสวย อากาศเย็นสบาย เที่ยวได้ทั้งปี 🍃 ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม - พฤษภาคม อุณหภูมิอยู่ที่ 15 ถึง 25 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบาย ดอกไม้บานสะพรั่ง นาข้าวเริ่มเขียว เหมาะกับการเดินป่า เที่ยวชมธรรมชาติ ☀ ฤดูร้อน : มิถุนายน - สิงหาคม อุณหภูมิอยู่ที่ 25 ถึง 30 องศาเซลเซียส อากาศอบอ้าว ฝนตกประปราย นาข้าวเขียวขจี เหมาะสำหรับการชมนาขั้นบันได 🍂 ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน - พฤศจิกายน อุณหภูมิอยู่ที่ 15 ถึง 25 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส นาข้าวสีเหลืองทอง เหมาะสำหรับการถ่ายรูป ❄ ฤดูหนาว : ธันวาคม - กุมภาพันธ์ อุณหภูมิอยู่ที่ 10 ถึง 15 องศาเซลเซียส อากาศหนาวเย็น มีโอกาสเห็นหิมะตก (ธ.ค. - ม.ค.) เหมาะสำหรับการสัมผัสอากาศหนาว 👍 ฤดูที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยว ฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูใบไม้ร่วง อากาศเริ่มเย็นสบาย ดอกไม้ต่างๆ บานสะพรั่ง LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์เวียดนาม #ซาปา #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2421 มุมมอง 241 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=UruCLtO92OQ
    นิทานเรื่องหมูน้อย 3 ตัว ตอนที่ 1
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากนิทานเรื่องหมูน้อย 3 ตัว ตอนที่ 1
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #listeningtest #listening #englishtest

    Part one ตอน 1

    Once upon a time there were three little pigs, who left their mummy and daddy. All summer long, they roamed through the woods and over the plains, playing games and having fun. None were happier than the three little pigs, and they easily made friends with everyone. Wherever they went, they were given a warm welcome, but as summer drew to a close, they realized that folk were going back to their usual jobs, and preparing for winter. Autumn came and it began to rain. The three little pigs started to feel they needed a real home. Sadly they knew that the fun was over now and they must work like the others, or they'd be left in the cold and rain, for they had no home to stay. They talked about what to do. Each had to decide himself to build his home. The laziest little pig said he'd build a straw hut because it was very easy.

    กาลครั้งหนึ่งมีหมูน้อยสามตัวซึ่งได้เดินทางจากพ่อแม่ของพวกเขา ตลอดทั้งฤดูร้อนพวกเขาได้ท่องเที่ยวไปยังป่าและบนทุ่งกว้างหลายต่อหลายแห่งมีการเล่นเกมส์กันสนุกสนานทีเดียว ไม่มีผู้ใดที่มีความสุขไปกว่าหมูน้อยสามตัวนี้และพวกเขาผูกมิตรกับทุกคนได้อย่างง่ายดาย ที่ไหนก็ตามที่พวกเขาไป พวกเขาได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น แต่พอเมื่อฤดูร้อนได้ใกล้จะสิ้นสุดลง พวกเขาเข้าใจดีว่า ฝูงชนต่างก็กำลังกลับไปทำงานตามปกติของพวกเขา และเพื่อเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วงได้มาถึงและฝนก็เริ่มตก หมูน้อยเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาจำเป็นต้องการบ้านที่แท้จริงสักหลัง พวกเขารู้อย่างเศร้าๆ ว่าความสนุกสนานได้หมดลงเดี๋ยวนี้แล้ว และพวกเขาต้องไปทำงานเหมือนคนอื่น ๆ หรือไม่ก็ต้องถูกทิ้งอยู่ในที่หนาวเย็นและฝนตกเพราะพวกเขาไม่มีบ้านที่จะอยู่ พวกเขาจึงได้คุยเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำ แต่ละตัวต้องตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะสร้างบ้านของเขา หมูตัวน้อยที่ขี้เกียจที่สุดพูดว่าเขาอยากสร้างกระท่อมฟางสักหลังเพราะมันง่ายมาก

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)
    little (ลิท'เทิล) คำคุณศัพท์ แปลว่า เล็ก,น้อย
    left (เลฟทฺ) คำกริยาช่องที่ 2 ของ leave (ลีฟว) {leave, left, left, leaving, leaves} แปลว่า จากไป
    mummy (มัม'มี) คำนาม แปลว่า คุณแม่
    daddy (แดด'ดี) คำนาม แปลว่า คุณพ่อ
    summer (ซัม'เมอะ) คำนาม แปลว่า ฤดูร้อน
    roamed คำกริยาช่องที่ 2 ของ roam (โรม) {roam, roamed, roamed} แปลว่า ท่องเที่ยว
    woods (วูดซ) คำนาม แปลว่า ป่าไม้
    plains คำนามพหูพจน์ของ plain (เพลน) แปลว่า ทุ่งกว้าง
    games คำนามพหูพจน์ของ game (เกม) แปลว่า เกม
    fun (ฟัน) คำนามแปลว่า ความสนุกสนาน
    happier ขั้นกว่าของ happy (แฮพ'พี) คำคุณศัพท์ แปลว่า มีความสุข
    easily (อี'ซีลี) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า อย่างง่ายดาย
    friends (เฟรนดฺ) คำนาม แปลว่า เพื่อน
    wherever (แวร์เอฟ'เวอะ) คำกริยาวิเศษณ์แปลว่า ที่ไหนก็ตาม
    given (กิฟ'เวิน) คำกริยาช่องที่ 3 ของ give (กิฟว) {give, gave, given, giving, gives} แปลว่า ให้
    warm (วอร์ม) คำคุณศัพท์ แปลว่า อบอุ่น
    welcome (เวล'คัม) คำนาม แปลว่า การต้อนรับ
    drew (ดรู) คำกริยาช่องที่ 2 ของ draw (ดรอ) {draw, drew, drawn, drawing, draws} แปลว่า ใกล้เข้ามา
    close (โคลส) คำนาม แปลว่า สิ้นสุด
    realized คำกริยาช่องที่ 2 ของ realize (รี'อะไลซ) {realize, realized, realized}แปลว่า เข้าใจ
    folk (โฟล์ค) คำนาม แปลว่า ฝูงชน
    usual (ยู'ชวล) คำคุณศัพท์ แปลว่า ตามปกติ
    jobs คำนามพหูพจน์ของ job (จอบ) แปลว่า งาน
    preparing คำเติม ing ของ prepare (พรีแพร์') แปลว่า เตรียมตัว
    winter (วิน'เทอะ) คำนาม แปลว่า ฤดูหนาว
    autumn (ออ'ทัมน์) คำนาม แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วง
    began (บิแกน') คำกริยาช่องที่ 2 ของ begin (บิกิน') {begin, began, begun, beginning, begins} แปลว่า เริ่ม
    rain (เรน) คำกริยา แปลว่า ฝนตก
    started คำกริยาช่องที่ 2 ของ start (สทาร์ท) {start, started, started}แปลว่า เริ่ม, เริ่มต้น
    feel (ฟีล) คำกริยา แปลว่า รู้สึก
    needed คำกริยาช่องที่ 2 ของ need (นีด) {need, needed, needed, needing, needs} แปลว่า จำเป็น
    real (เรียล) คำคุณศัพท์ แปลว่า แท้,จริง
    home (โฮม) คำนาม แปลว่า บ้าน
    knew (นิว) คำกริยาช่องที่ 2 ของ know (โน) {know, knew, known, knowing, knows} แปลว่า รู้
    over (โอ'เวอะ) คำคุณศัพท์ แปลว่า จบสิ้นลง
    now (เนา) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า เดี๋ยวนี้ ตอนนี้
    work (เวิร์ค) คำกริยา แปลว่า ทำงาน
    like (ไลคฺ) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า เหมือนกับ
    cold โคลดฺ) คำนาม แปลว่าหนาว
    decide (ดิไซดฺ') คำกริยา แปลว่า ตัดสินใจ
    build (บิลดฺ) คำกริยา แปลว่า สร้าง
    laziest ขั้นสุดของ lazy (เล'ซิ) คำคุณศัพท์ แปลว่า ขี้เกียจ
    straw (สทรอ) คำนาม แปลว่า ฟาง
    hut (ฮัท) คำนาม แปลว่า กระท่อม
    https://www.youtube.com/watch?v=UruCLtO92OQ นิทานเรื่องหมูน้อย 3 ตัว ตอนที่ 1 (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากนิทานเรื่องหมูน้อย 3 ตัว ตอนที่ 1 มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #listeningtest #listening #englishtest Part one ตอน 1 Once upon a time there were three little pigs, who left their mummy and daddy. All summer long, they roamed through the woods and over the plains, playing games and having fun. None were happier than the three little pigs, and they easily made friends with everyone. Wherever they went, they were given a warm welcome, but as summer drew to a close, they realized that folk were going back to their usual jobs, and preparing for winter. Autumn came and it began to rain. The three little pigs started to feel they needed a real home. Sadly they knew that the fun was over now and they must work like the others, or they'd be left in the cold and rain, for they had no home to stay. They talked about what to do. Each had to decide himself to build his home. The laziest little pig said he'd build a straw hut because it was very easy. กาลครั้งหนึ่งมีหมูน้อยสามตัวซึ่งได้เดินทางจากพ่อแม่ของพวกเขา ตลอดทั้งฤดูร้อนพวกเขาได้ท่องเที่ยวไปยังป่าและบนทุ่งกว้างหลายต่อหลายแห่งมีการเล่นเกมส์กันสนุกสนานทีเดียว ไม่มีผู้ใดที่มีความสุขไปกว่าหมูน้อยสามตัวนี้และพวกเขาผูกมิตรกับทุกคนได้อย่างง่ายดาย ที่ไหนก็ตามที่พวกเขาไป พวกเขาได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น แต่พอเมื่อฤดูร้อนได้ใกล้จะสิ้นสุดลง พวกเขาเข้าใจดีว่า ฝูงชนต่างก็กำลังกลับไปทำงานตามปกติของพวกเขา และเพื่อเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วงได้มาถึงและฝนก็เริ่มตก หมูน้อยเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาจำเป็นต้องการบ้านที่แท้จริงสักหลัง พวกเขารู้อย่างเศร้าๆ ว่าความสนุกสนานได้หมดลงเดี๋ยวนี้แล้ว และพวกเขาต้องไปทำงานเหมือนคนอื่น ๆ หรือไม่ก็ต้องถูกทิ้งอยู่ในที่หนาวเย็นและฝนตกเพราะพวกเขาไม่มีบ้านที่จะอยู่ พวกเขาจึงได้คุยเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำ แต่ละตัวต้องตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะสร้างบ้านของเขา หมูตัวน้อยที่ขี้เกียจที่สุดพูดว่าเขาอยากสร้างกระท่อมฟางสักหลังเพราะมันง่ายมาก Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) little (ลิท'เทิล) คำคุณศัพท์ แปลว่า เล็ก,น้อย left (เลฟทฺ) คำกริยาช่องที่ 2 ของ leave (ลีฟว) {leave, left, left, leaving, leaves} แปลว่า จากไป mummy (มัม'มี) คำนาม แปลว่า คุณแม่ daddy (แดด'ดี) คำนาม แปลว่า คุณพ่อ summer (ซัม'เมอะ) คำนาม แปลว่า ฤดูร้อน roamed คำกริยาช่องที่ 2 ของ roam (โรม) {roam, roamed, roamed} แปลว่า ท่องเที่ยว woods (วูดซ) คำนาม แปลว่า ป่าไม้ plains คำนามพหูพจน์ของ plain (เพลน) แปลว่า ทุ่งกว้าง games คำนามพหูพจน์ของ game (เกม) แปลว่า เกม fun (ฟัน) คำนามแปลว่า ความสนุกสนาน happier ขั้นกว่าของ happy (แฮพ'พี) คำคุณศัพท์ แปลว่า มีความสุข easily (อี'ซีลี) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า อย่างง่ายดาย friends (เฟรนดฺ) คำนาม แปลว่า เพื่อน wherever (แวร์เอฟ'เวอะ) คำกริยาวิเศษณ์แปลว่า ที่ไหนก็ตาม given (กิฟ'เวิน) คำกริยาช่องที่ 3 ของ give (กิฟว) {give, gave, given, giving, gives} แปลว่า ให้ warm (วอร์ม) คำคุณศัพท์ แปลว่า อบอุ่น welcome (เวล'คัม) คำนาม แปลว่า การต้อนรับ drew (ดรู) คำกริยาช่องที่ 2 ของ draw (ดรอ) {draw, drew, drawn, drawing, draws} แปลว่า ใกล้เข้ามา close (โคลส) คำนาม แปลว่า สิ้นสุด realized คำกริยาช่องที่ 2 ของ realize (รี'อะไลซ) {realize, realized, realized}แปลว่า เข้าใจ folk (โฟล์ค) คำนาม แปลว่า ฝูงชน usual (ยู'ชวล) คำคุณศัพท์ แปลว่า ตามปกติ jobs คำนามพหูพจน์ของ job (จอบ) แปลว่า งาน preparing คำเติม ing ของ prepare (พรีแพร์') แปลว่า เตรียมตัว winter (วิน'เทอะ) คำนาม แปลว่า ฤดูหนาว autumn (ออ'ทัมน์) คำนาม แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วง began (บิแกน') คำกริยาช่องที่ 2 ของ begin (บิกิน') {begin, began, begun, beginning, begins} แปลว่า เริ่ม rain (เรน) คำกริยา แปลว่า ฝนตก started คำกริยาช่องที่ 2 ของ start (สทาร์ท) {start, started, started}แปลว่า เริ่ม, เริ่มต้น feel (ฟีล) คำกริยา แปลว่า รู้สึก needed คำกริยาช่องที่ 2 ของ need (นีด) {need, needed, needed, needing, needs} แปลว่า จำเป็น real (เรียล) คำคุณศัพท์ แปลว่า แท้,จริง home (โฮม) คำนาม แปลว่า บ้าน knew (นิว) คำกริยาช่องที่ 2 ของ know (โน) {know, knew, known, knowing, knows} แปลว่า รู้ over (โอ'เวอะ) คำคุณศัพท์ แปลว่า จบสิ้นลง now (เนา) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ work (เวิร์ค) คำกริยา แปลว่า ทำงาน like (ไลคฺ) คำกริยาวิเศษณ์ แปลว่า เหมือนกับ cold โคลดฺ) คำนาม แปลว่าหนาว decide (ดิไซดฺ') คำกริยา แปลว่า ตัดสินใจ build (บิลดฺ) คำกริยา แปลว่า สร้าง laziest ขั้นสุดของ lazy (เล'ซิ) คำคุณศัพท์ แปลว่า ขี้เกียจ straw (สทรอ) คำนาม แปลว่า ฟาง hut (ฮัท) คำนาม แปลว่า กระท่อม
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!!

    ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!!

    ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก
    คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน
    และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย……
    เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ
    พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า

    กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน
    เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล
    ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี……

    กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา
    แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี
    เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ)
    แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร

    สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว

    ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์
    ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย

    ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน
    นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้
    ปูตินตอบว่า……
    “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..??
    แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน)
    จากนั้นกลุ่ม ***** Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ

    ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO
    ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย…
    ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!!

    การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร
    เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…??
    เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!!

    ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……)
    ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……)
    และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้)

    มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง
    เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill
    จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว…
    ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่
    แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น

    ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin
    เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม…

    เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี……
    ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง
    ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว
    ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์

    ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม

    และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน
    จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda”
    ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า
    “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?”
    ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า
    “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..”
    ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า…
    “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
    นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง

    ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010)
    ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน
    ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง)
    เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ)
    คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก
    บานมาเป็น 260 ล้าน…
    ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ)
    แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…???
    คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!!
    ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……”
    แล้วเขาก็เดินออกไป….

    วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี
    ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน……
    ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff
    (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน)

    ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ
    หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี
    ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด
    เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ
    เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา
    ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย
    แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป………
    รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร
    เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว..


    Wiwanda W. Vichit
    ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!! ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!! ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย…… เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี…… กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ) แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์ ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้ ปูตินตอบว่า…… “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..?? แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน) จากนั้นกลุ่ม Pussy Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย… ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!! การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…?? เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!! ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……) ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……) และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้) มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว… ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่ แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม… เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี…… ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์ ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda” ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?” ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..” ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า… “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010) ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง) เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ) คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก บานมาเป็น 260 ล้าน… ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ) แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…??? คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!! ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……” แล้วเขาก็เดินออกไป…. วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน…… ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน) ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป……… รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว.. Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌿มนุษย์ใกล้ชิด "ป่า" ทำให้ "อายุยืน"..เกินร้อยปี

    นักวิจัยญี่ปุ่นค้นพบว่า ในป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์จะมี สารไฟทอนไซด์(Phytoncide)ที่ประกอบไปด้วย โอโซนทางธรรมชาติ เกสรดอกไม้ ยางไม้ ทำให้ร่างกายสดชื่น ผ่อนคลาย กระตุ้นเซลภูมิคุ้มกัน(Natural Killer Cell) รวมถึง คุณภาพการนอนหลับ และ สมาธิดีขึ้น

    นี่แหละทำให้ ฤดูร้อนของทุกปี เป็น ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของครอบครัวเรา เข้าใช้ชีวิตอยู่ในป่าในรัฐมินนิโซต้า ทางเหนือของสหรัฐฯ เก็บ และ กินเบอร์รี่ส์สดๆ..ตามป่าด้วยมือของเราเอง.

    หลังจาก เก็บเกี่ยวข้าวป่าในหนองน้ำ Lake Superior ของเราเสร็จสิ้น
    ได้เวลาบินกลับซานฟรานซิสโก ใช้ชีวิต"คนเมือง"..เหมือนเดิม.
    .
    .
    พัชรี ว่องไววิทย์
    Sep1st, 2024
    Duluth, Minnesota.
    🌿มนุษย์ใกล้ชิด "ป่า" ทำให้ "อายุยืน"..เกินร้อยปี นักวิจัยญี่ปุ่นค้นพบว่า ในป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์จะมี สารไฟทอนไซด์(Phytoncide)ที่ประกอบไปด้วย โอโซนทางธรรมชาติ เกสรดอกไม้ ยางไม้ ทำให้ร่างกายสดชื่น ผ่อนคลาย กระตุ้นเซลภูมิคุ้มกัน(Natural Killer Cell) รวมถึง คุณภาพการนอนหลับ และ สมาธิดีขึ้น นี่แหละทำให้ ฤดูร้อนของทุกปี เป็น ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของครอบครัวเรา เข้าใช้ชีวิตอยู่ในป่าในรัฐมินนิโซต้า ทางเหนือของสหรัฐฯ เก็บ และ กินเบอร์รี่ส์สดๆ..ตามป่าด้วยมือของเราเอง. หลังจาก เก็บเกี่ยวข้าวป่าในหนองน้ำ Lake Superior ของเราเสร็จสิ้น ได้เวลาบินกลับซานฟรานซิสโก ใช้ชีวิต"คนเมือง"..เหมือนเดิม. . . พัชรี ว่องไววิทย์ Sep1st, 2024 Duluth, Minnesota.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!!

    ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!!

    หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน
    วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย
    แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น
    ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ
    เครื่องบินส่วนตัว
    รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร
    โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน
    บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่
    แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น……
    คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี
    ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด

    เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง
    แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้
    และให้ข้อคิดว่า……
    “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี
    จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……”
    ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า
    “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น
    และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……”

    ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก
    นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ
    และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ
    เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009

    โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ
    ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า
    จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง
    ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง
    หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า
    จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!!

    ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่
    ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล

    ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline
    ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน
    เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular
    อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน
    และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า
    หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา………
    เขาไม่ทำ…………!!!
    ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร??

    แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้
    เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ
    ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ

    กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม
    ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ
    เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ
    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า ……
    ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง
    บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก

    จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน
    กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…?
    ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า…
    แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!!
    (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…)

    จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ
    นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย
    รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ
    เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย……
    ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด
    และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น
    ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม
    เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน……
    แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้…
    เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ ……
    แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น…
    ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ……
    ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด………
    คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย
    (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น)

    ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!!
    วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย
    ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป
    จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก……
    ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ……
    แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า
    “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……”

    ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่

    แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี
    ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม
    ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff
    ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……”
    ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า
    “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……”
    การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก

    ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง”
    จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม
    สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…)
    จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา……

    เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!! ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!! หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ เครื่องบินส่วนตัว รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่ แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น…… คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้ และให้ข้อคิดว่า…… “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……” ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……” ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009 โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!! ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่ ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา……… เขาไม่ทำ…………!!! ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร?? แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้ เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า …… ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…? ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า… แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!! (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…) จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย…… ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน…… แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้… เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ …… แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น… ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ…… ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด……… คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น) ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!! วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก…… ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ…… แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……” ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่ แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……” ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……” การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง” จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…) จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา…… เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ตักกิ๊ปผมหางม้าดอกไม้หัวเข็มขัดหางม้าคลิปหนีบแบบถาวรสาวกิ๊ฟติดผมฤดูร้อนสะดวกและน่ารัก
    พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.J0Pgj?cc
    ที่ตักกิ๊ปผมหางม้าดอกไม้หัวเข็มขัดหางม้าคลิปหนีบแบบถาวรสาวกิ๊ฟติดผมฤดูร้อนสะดวกและน่ารัก พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.J0Pgj?cc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!!

    ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!!

    ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev
    ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน……
    ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน……
    แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี)

    ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน
    หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol
    ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ……
    แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า
    “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด
    คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก
    เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..”

    ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง
    เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน
    และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002
    ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค

    ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ
    ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ
    ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน
    ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน
    แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน……

    ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้
    เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์
    แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว
    แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี
    บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน……

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี
    และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด?
    ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า
    “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด..
    เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……”
    ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ
    เขาพูดต่อไปว่า…
    “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ
    ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!”

    ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง……
    แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!!

    ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์
    และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง

    เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

    แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด

    ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan
    ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า
    Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย
    รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว

    เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว
    และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่
    ฟังแต่เพลงร๊อค
    ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช
    จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
    จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก
    เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!”

    กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง…
    ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย
    สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ
    และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ
    ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น

    ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา
    “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย……
    ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS
    มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย

    แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า……
    เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ
    ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ
    บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า
    “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง”
    “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย”
    “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด……

    วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด
    ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!!
    เลยต้องร้องขอไป.……
    สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย
    และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง
    กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด
    MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก…
    ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia
    และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS
    โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา
    ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า……
    “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว”

    ซาร์โกซี่รีบค้าน…
    “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร?
    ปูตินย้อนทันทีว่า……
    “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!”
    แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า……
    “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ
    บุชลูกหรือ..?!!

    สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่……
    ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008)

    ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย……

    ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช
    ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า
    สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad

    หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล

    แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!!

    Wiwanda W. Vichit
    มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!! ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!! ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน…… ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน…… แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี) ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ…… แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..” ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002 ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน…… ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้ เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์ แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน…… หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด? ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด.. เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……” ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ เขาพูดต่อไปว่า… “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!” ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง…… แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!! ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่ ฟังแต่เพลงร๊อค ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!” กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง… ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย…… ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า…… เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง” “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย” “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด…… วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!! เลยต้องร้องขอไป.…… สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก… ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า…… “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว” ซาร์โกซี่รีบค้าน… “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร? ปูตินย้อนทันทีว่า…… “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!” แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า…… “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ บุชลูกหรือ..?!! สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่…… ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008) ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย…… ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • เค้าก็ไม่เคยบอกใครนะ ว่าพี่ปูเขาเป็นสุภาพบุรุษนักบุญ……
    แต่คนที่จะเอาชนะกับกลุ่มมารที่ทึ้งแทะประเทศ……มันก็มีบทโหด……และ ไม่ใช่โหดเฉยๆ แต่โคตรโหดเลยจ้าาาาา
    นี่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำจิ้มนะจ๊ะ…

    ตอนสิบเจ็ด…..…ฆาตกรรมข้ามแดนที่เรียงเป็นซีรี่ย์……เป็นเรื่องตะวันตกเขาว่าเขารับไม่ได้………!!

    ดิฉันเคยเขียนถึงเรื่องของ Aleksandr Litvinenko ที่โดนยาพิษไปแล้ว จะเอามาแปะให้ข้างล่าง แต่……เขายังเป็นอะไรที่มีโอกาสสั่งเสีย และมีเวลาเขียนจดหมายอาฆาตแค้นถึงปูติน
    ก่อนที่จะลาลับไปจากโลกนี้
    แต่ก่อนหน้านั้นหกอาทิตย์ ……คนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกระพริบตา คือ Anna Politkovskaya **วัย 48 นักข่าว นักเคลื่อนไหว
    นักเขียน ที่มีสัญชาติอเมริกัน (เชื้อชาติรัสเซีย)
    ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปูตินมาโดยตลอด เธอถือว่าเธอได้รับการคุ้มครองจากสถานทูตอเมริกัน จึงกล้าเขียนวิจารณ์ทั้งสื่อใน และ นอกประเทศ
    งานหลักของเธอคือ การจิกกัดในเรื่องของสงครามที่เชเชน
    โดยจะทำรายงานสกู๊ปข่าวอย่างละเอียด ว่า ใครได้ถูกเก็บไปบ้าง และติเตียนปูตินที่เอา Ramzan Kadyrov จิ๊กโก๋บ้าดีเดือด มาเป็นผู้ว่าการรัฐ ที่เธอเปรียบเปรย และดูถูก ว่า ไร้การศึกษา ไม่มีมารยาท กระหายเลือด และ โง่.……!!ว
    วันที่ 7 ตุลาคม 2006 ที่เธอกำลังขึ้นลิฟท์ที่พัก……มือปืนได้บุกเข้ายิงเธอสี่นัด และวางปืนไว้ข้างๆร่างของเธอ เป็นสัญญลักษณ์ว่า เป็นการจ้างวาน…

    เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจกลางกรุงมอสโคว์ เหยื่อเป็นนักข่าว เป็นผู้หญิง และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล
    แน่นอนว่า…..ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปูตินพียงคนเดียว
    และไม่มีใครออกมาให้ข่าวอะไรเพื่อที่จะเคลียร์ตัวเอง
    จนสามวันถัดไปที่เป็นวันฝังร่างที่มีผู้คนไปร่วมงานนับพัน
    ที่ปูตินเดินทางไปที่ Dresden ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาดาม Angela Merkel ที่มาแทน Gerhard Schroeder
    ในการพบกัน แองเจลาได้พยายามที่จะถามคุ้ยถึงเรื่องฆาตกรรม แต่ปูตินพูดเรียบๆว่า
    “มันเป็นอะไรที่เหี้ยมโหดมาก..แต่การที่หล่อนตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย เขียนข้อความที่ต่อต้านมาโดยตลอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลอะไรกับรัฐบาลเลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปทำการที่ทำให้เกิดผลเสีย……คนที่อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมนี้ คือกลุ่มที่มีความตั้งใจจะให้เราเป็นแพะ……”
    เขาพูดต่อว่า…
    “เรามีศัตรูที่ฝังตัวอยู่ในและนอกรัสเซียมากมาย ที่พร้อมที่จะสาดโคลนให้เราเสียชื่อเสียงตลอดเวลา”
    นั่นเขาหมายถึง Litvinenko ที่ไปตั้งแก๊งค์รวมกลุ่มกับ Boris Berezovsky ที่ลอนดอน

    ~~สาวให้ลึกเข้าไปอีกนิดนะคะ Litvinenko (จะเรียกว่า Lit) กับ Anna อยู่ในขบวนการเดียวกัน เธอได้บินไปเยี่ยมเขาถึงในลอนดอน เพื่อให้ข้อมูลของสงครามเชเชน……เพราะ Lit ได้เจาะในเรื่องการที่เหล่าผู้นำฝ่ายกบฏถูกตามเก็บไปทีละคนสองคน จนเป็นการจบสิ้นขบวนการขัดแย้ง
    เขาเสียชีวิตในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในโรงพยาบาลยี่สิบกว่าวัน หลังจากการจากไปของแอนนาเพียงหกอาทิตย์
    ทั้งสองคดีนี้……จับคนร้ายได้ทั้งขบวนการ ติดคุกกันไปคนบะหลายปี แต่จับตัวผู้บงการไม่ได้
    และ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพื้นเพเป็นอดีต FSB
    ส่วนจดหมายอาฆาตแค้นที่ Lit เขียนถึงปูติน………
    เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากแสดงความเสียใจ……เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำอย่างเดียวกันกับการฆาตกรรมของแอนนา

    แต่เนื่องจากกระแสข่าวที่ได้ถูกจุดขึ้นมา สื่อตะวันตกจึงได้ใช้กระแสนี้ ขุดเอาการตายอย่างน่าสงสัยของคนหลายๆคนในอดีตขึ้นมาด้วย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ FSB เพราะ Boris Berezovsky อดีตเจ้าพ่อสื่อตั้งตัวเป็นศัตรูที่เปิดหน้าชกกับปูติน……แบบข้ามทวีป……ลอนดอน-มอสโคว์

    ปูตินเหลือเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกเพียงปีเศษ เพราะการเลือกตั้งจะมีในปี 2008 เขาจึงหันมาสนใจที่จะเร่งมือทำทุกอย่างให้เสร็จตามแผน ส่วนเรื่องที่จะหาใครมาเป็นแคนดิเดต
    คนต่อไป.…เขายังไม่คิด
    สิ่งที่เขามุ่งมั่นที่จะทำ คือ การที่จะเอารัสเซียไปเป็นเจ้าภาพในกีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก 2014 เพราะตั้งแต่ ปี 1980 ที่โซเวียตได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก (ฤดูร้อน) ที่มอสโคว์แล้ว
    จากนั้นมา…ไม่มีโอกาสอีกเลย เพราะการแซงชั่น (สงครามอาฟกานิสถาน) และ มาตรฐานไม่ผ่าน
    ปูตินบินไปกัวเตมาลา ในเดือนกรกฎาคม 2007
    สำหรับการประชุมนอกรอบเกี่ยวกับการขอเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาว กับ International Olympic Committee เพราะเขาเห็นว่าถึงเวลาที่รัสเซียจะต้องอวดโฉมให้กับชาวโลกได้เห็นว่า………รัสเซียไม่ใช่ประเทศหลังเขาอย่างแต่ก่อน
    อีกทั้งปูตินเอง เป็นนักกีฬาแทบทุกชนิด เขาจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้รัสเซียได้เป็นเจ้าภาพของโอลิมปิกให้ได้
    เพราะเขารู้จัก Sochi ดี….และเห็นว่ามีภูมิทัศน์และภูมิประเทศที่จะจัดแข่งสกีได้ไม่แพ้ที่ไหนในโลก
    เขาเรียกประชุมเหล่า CEO ทั้งหลาย เพื่อที่จะทุ่มทุนสร้าง Ski Resort แบบมาตรฐานโลก……เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า…!!
    ทุกคนขานรับ….

    การประชุมที่กัวเตมาลาครั้งต่อมา ที่จะมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้
    ข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ และ ต้องได้มาตรฐานสูงสุด
    ที่จะมีการโหวตสองครั้ง ครั้งแรก คือการคัดเลือกเข้ารอบ
    ครั้งที่สอง คือการตัดสิน

    รอบแรกของการคัดเลือก ผ่านเข้ามาสามประเทศ คือ ออสเตรีย, เกาหลีใต้……และรัสเซีย ที่เกาหลีใต้เฉือนรัสเซียสี่คะแนน ส่วนออสเตรียมารั้งท้าย
    ปูตินรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน……

    ในการประชุมตัดสินรอบต่อไป……ที่เหลือระหว่างเกาหลีใต้กับรัสเซีย
    เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน……
    ทุกคนตกตะลึง……ไม่เชื่อหู…คือ เขา present โครงการที่ทันสมัย และความสวยงามของ Sochi เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ตบท้ายด้วยการสรุปเป็นภาษาฝรั่งเศส
    และทันทีที่กล่าวเสร็จ……เขาไม่อยู่รอฟังการตัดสิน บินกลับมอสโคว์ทันที
    เพราะ ปูตินไม่อยากอยู่สู้หน้าใคร ถ้าหากว่า รัสเซียหลุดไปจากโผ เพราะเขาได้ทุ่มหมดหน้าตักทั้งสมองและจิตใจ…
    และไม่อยากเผชิญกับใบหน้าที่ยิ้มเยาะของพวกตะวันตก……

    เจ้าหน้าที่ที่กัวเตมาลาได้โทรหาเขาในระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน เพื่อแสดงความยินดีที่ Sochi ได้รับเลือกในการที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาฤดูหนาว
    ปูตินดีใจจนเนื้อเต้น เขารีบโทรศัพท์ไปขอบคุณประธานและคณะกรรมการทันที

    ทันทีที่เครื่องบินได้แตะพื้นดินรัสเซีย เขาพบว่าประชาชนทุกคนมีรอยยิ้มอย่างแจ่มใสบนใบหน้า ทุกคนดีใจกับเกียรติภูมิของรัสเซียที่เขาได้นำกลับมาอีกครั้ง
    กระแสความนิยมของปูตินได้พุ่งถึงขีดสุด………

    นั่นเป็นการยืนยันกับประชาชนอย่างหนักแน่นว่า………รัสเซียกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เค้าก็ไม่เคยบอกใครนะ ว่าพี่ปูเขาเป็นสุภาพบุรุษนักบุญ…… แต่คนที่จะเอาชนะกับกลุ่มมารที่ทึ้งแทะประเทศ……มันก็มีบทโหด……และ ไม่ใช่โหดเฉยๆ แต่โคตรโหดเลยจ้าาาาา นี่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำจิ้มนะจ๊ะ… ตอนสิบเจ็ด…..…ฆาตกรรมข้ามแดนที่เรียงเป็นซีรี่ย์……เป็นเรื่องตะวันตกเขาว่าเขารับไม่ได้………!! ดิฉันเคยเขียนถึงเรื่องของ Aleksandr Litvinenko ที่โดนยาพิษไปแล้ว จะเอามาแปะให้ข้างล่าง แต่……เขายังเป็นอะไรที่มีโอกาสสั่งเสีย และมีเวลาเขียนจดหมายอาฆาตแค้นถึงปูติน ก่อนที่จะลาลับไปจากโลกนี้ แต่ก่อนหน้านั้นหกอาทิตย์ ……คนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกระพริบตา คือ Anna Politkovskaya **วัย 48 นักข่าว นักเคลื่อนไหว นักเขียน ที่มีสัญชาติอเมริกัน (เชื้อชาติรัสเซีย) ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปูตินมาโดยตลอด เธอถือว่าเธอได้รับการคุ้มครองจากสถานทูตอเมริกัน จึงกล้าเขียนวิจารณ์ทั้งสื่อใน และ นอกประเทศ งานหลักของเธอคือ การจิกกัดในเรื่องของสงครามที่เชเชน โดยจะทำรายงานสกู๊ปข่าวอย่างละเอียด ว่า ใครได้ถูกเก็บไปบ้าง และติเตียนปูตินที่เอา Ramzan Kadyrov จิ๊กโก๋บ้าดีเดือด มาเป็นผู้ว่าการรัฐ ที่เธอเปรียบเปรย และดูถูก ว่า ไร้การศึกษา ไม่มีมารยาท กระหายเลือด และ โง่.……!!ว วันที่ 7 ตุลาคม 2006 ที่เธอกำลังขึ้นลิฟท์ที่พัก……มือปืนได้บุกเข้ายิงเธอสี่นัด และวางปืนไว้ข้างๆร่างของเธอ เป็นสัญญลักษณ์ว่า เป็นการจ้างวาน… เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจกลางกรุงมอสโคว์ เหยื่อเป็นนักข่าว เป็นผู้หญิง และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล แน่นอนว่า…..ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปูตินพียงคนเดียว และไม่มีใครออกมาให้ข่าวอะไรเพื่อที่จะเคลียร์ตัวเอง จนสามวันถัดไปที่เป็นวันฝังร่างที่มีผู้คนไปร่วมงานนับพัน ที่ปูตินเดินทางไปที่ Dresden ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาดาม Angela Merkel ที่มาแทน Gerhard Schroeder ในการพบกัน แองเจลาได้พยายามที่จะถามคุ้ยถึงเรื่องฆาตกรรม แต่ปูตินพูดเรียบๆว่า “มันเป็นอะไรที่เหี้ยมโหดมาก..แต่การที่หล่อนตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย เขียนข้อความที่ต่อต้านมาโดยตลอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลอะไรกับรัฐบาลเลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปทำการที่ทำให้เกิดผลเสีย……คนที่อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมนี้ คือกลุ่มที่มีความตั้งใจจะให้เราเป็นแพะ……” เขาพูดต่อว่า… “เรามีศัตรูที่ฝังตัวอยู่ในและนอกรัสเซียมากมาย ที่พร้อมที่จะสาดโคลนให้เราเสียชื่อเสียงตลอดเวลา” นั่นเขาหมายถึง Litvinenko ที่ไปตั้งแก๊งค์รวมกลุ่มกับ Boris Berezovsky ที่ลอนดอน ~~สาวให้ลึกเข้าไปอีกนิดนะคะ Litvinenko (จะเรียกว่า Lit) กับ Anna อยู่ในขบวนการเดียวกัน เธอได้บินไปเยี่ยมเขาถึงในลอนดอน เพื่อให้ข้อมูลของสงครามเชเชน……เพราะ Lit ได้เจาะในเรื่องการที่เหล่าผู้นำฝ่ายกบฏถูกตามเก็บไปทีละคนสองคน จนเป็นการจบสิ้นขบวนการขัดแย้ง เขาเสียชีวิตในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในโรงพยาบาลยี่สิบกว่าวัน หลังจากการจากไปของแอนนาเพียงหกอาทิตย์ ทั้งสองคดีนี้……จับคนร้ายได้ทั้งขบวนการ ติดคุกกันไปคนบะหลายปี แต่จับตัวผู้บงการไม่ได้ และ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพื้นเพเป็นอดีต FSB ส่วนจดหมายอาฆาตแค้นที่ Lit เขียนถึงปูติน……… เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากแสดงความเสียใจ……เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำอย่างเดียวกันกับการฆาตกรรมของแอนนา แต่เนื่องจากกระแสข่าวที่ได้ถูกจุดขึ้นมา สื่อตะวันตกจึงได้ใช้กระแสนี้ ขุดเอาการตายอย่างน่าสงสัยของคนหลายๆคนในอดีตขึ้นมาด้วย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ FSB เพราะ Boris Berezovsky อดีตเจ้าพ่อสื่อตั้งตัวเป็นศัตรูที่เปิดหน้าชกกับปูติน……แบบข้ามทวีป……ลอนดอน-มอสโคว์ ปูตินเหลือเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกเพียงปีเศษ เพราะการเลือกตั้งจะมีในปี 2008 เขาจึงหันมาสนใจที่จะเร่งมือทำทุกอย่างให้เสร็จตามแผน ส่วนเรื่องที่จะหาใครมาเป็นแคนดิเดต คนต่อไป.…เขายังไม่คิด สิ่งที่เขามุ่งมั่นที่จะทำ คือ การที่จะเอารัสเซียไปเป็นเจ้าภาพในกีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก 2014 เพราะตั้งแต่ ปี 1980 ที่โซเวียตได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก (ฤดูร้อน) ที่มอสโคว์แล้ว จากนั้นมา…ไม่มีโอกาสอีกเลย เพราะการแซงชั่น (สงครามอาฟกานิสถาน) และ มาตรฐานไม่ผ่าน ปูตินบินไปกัวเตมาลา ในเดือนกรกฎาคม 2007 สำหรับการประชุมนอกรอบเกี่ยวกับการขอเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาว กับ International Olympic Committee เพราะเขาเห็นว่าถึงเวลาที่รัสเซียจะต้องอวดโฉมให้กับชาวโลกได้เห็นว่า………รัสเซียไม่ใช่ประเทศหลังเขาอย่างแต่ก่อน อีกทั้งปูตินเอง เป็นนักกีฬาแทบทุกชนิด เขาจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้รัสเซียได้เป็นเจ้าภาพของโอลิมปิกให้ได้ เพราะเขารู้จัก Sochi ดี….และเห็นว่ามีภูมิทัศน์และภูมิประเทศที่จะจัดแข่งสกีได้ไม่แพ้ที่ไหนในโลก เขาเรียกประชุมเหล่า CEO ทั้งหลาย เพื่อที่จะทุ่มทุนสร้าง Ski Resort แบบมาตรฐานโลก……เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า…!! ทุกคนขานรับ…. การประชุมที่กัวเตมาลาครั้งต่อมา ที่จะมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ และ ต้องได้มาตรฐานสูงสุด ที่จะมีการโหวตสองครั้ง ครั้งแรก คือการคัดเลือกเข้ารอบ ครั้งที่สอง คือการตัดสิน รอบแรกของการคัดเลือก ผ่านเข้ามาสามประเทศ คือ ออสเตรีย, เกาหลีใต้……และรัสเซีย ที่เกาหลีใต้เฉือนรัสเซียสี่คะแนน ส่วนออสเตรียมารั้งท้าย ปูตินรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…… ในการประชุมตัดสินรอบต่อไป……ที่เหลือระหว่างเกาหลีใต้กับรัสเซีย เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน…… ทุกคนตกตะลึง……ไม่เชื่อหู…คือ เขา present โครงการที่ทันสมัย และความสวยงามของ Sochi เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ตบท้ายด้วยการสรุปเป็นภาษาฝรั่งเศส และทันทีที่กล่าวเสร็จ……เขาไม่อยู่รอฟังการตัดสิน บินกลับมอสโคว์ทันที เพราะ ปูตินไม่อยากอยู่สู้หน้าใคร ถ้าหากว่า รัสเซียหลุดไปจากโผ เพราะเขาได้ทุ่มหมดหน้าตักทั้งสมองและจิตใจ… และไม่อยากเผชิญกับใบหน้าที่ยิ้มเยาะของพวกตะวันตก…… เจ้าหน้าที่ที่กัวเตมาลาได้โทรหาเขาในระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน เพื่อแสดงความยินดีที่ Sochi ได้รับเลือกในการที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาฤดูหนาว ปูตินดีใจจนเนื้อเต้น เขารีบโทรศัพท์ไปขอบคุณประธานและคณะกรรมการทันที ทันทีที่เครื่องบินได้แตะพื้นดินรัสเซีย เขาพบว่าประชาชนทุกคนมีรอยยิ้มอย่างแจ่มใสบนใบหน้า ทุกคนดีใจกับเกียรติภูมิของรัสเซียที่เขาได้นำกลับมาอีกครั้ง กระแสความนิยมของปูตินได้พุ่งถึงขีดสุด……… นั่นเป็นการยืนยันกับประชาชนอย่างหนักแน่นว่า………รัสเซียกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง………!!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • ติ่งขา……พี่ปูช่างมีพลังเหลือเฟือ ทั้งเล่ห์เหลี่ยม ทุบสั่งสอนและปากร้าย……แหมมมม…แค่ปีกว่าๆเองนะเนี่ยยยย!!!

    ตอนสิบหก………เรื่องรักเพื่อน…ไม่เคยถอย……เรื่องลองดี…ก็ไม่รอให้ท้า…!!!

    ภายในช่วงฤดูร้อนของปี 2005 ระบบการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียได้แน่นกระชับขึ้น หลังจากที่เรียกคืนสัมปทานจากกลุ่มนายทุน (ด้วยวิธีตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลังแล้ว)
    ส่วนใหญ่ยอมสละเรือ พากันทิ้งแล้วหอบเงินที่มีออกไปนอกประเทศ……
    ส่วน MK (หรือ Mikhail Khodorkovsky) ที่ยังดื้อดึง เพราะมีเส้นสายอยู่รอบโลก ยังคงท้าทายอำนาจ ซึ่งเขาได้รับโทษจำคุกเก้าปี

    เมื่อสัมปทานทั้งหมดได้กลับเข้าสู่รัฐ ปูตินได้เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อหุ้นพลังงาน เพื่อการจูงใจในการลงทุนในภาคอื่นๆ เพราะเขามีโปรเจ็คที่จะสร้างท่อส่งก๊าสไปสู่ยุโรป โดยผ่านทั้งทางบกและลอดใต้ทะเล
    กลุ่มที่หลั่งไหลเข้ามา ก็คือ Citigroup, IBM,Intel, Alcoa, ConocoPhilip, Kraft และเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อโลก Rupert Murdoch
    ในการประชุมกับบุคคลต่างๆของบริษัทที่กล่าวมา Sanford Weill จาก Citigroup (USA) ได้ถามปูตินตรงๆว่า
    “เส้นทางที่พวกเราจะมาลงทุนนี้ มันต้องผ่านขั้นตอนหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง?”
    ปูตินตอบอย่างชัดเจนว่า…
    “ทางเราไม่มีอะไรมาก เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจน ส่วนอุปสรรคที่คุณว่า มันไม่ใช่มาจากรัสเซีย แต่มันเกิดจากทางบ้านคุณ (หมายถึงอเมริกา) ที่บีบคั้นเราในทางการค้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก, การควบคุมทางอวกาศ, คอมพิวเตอร์ และ ทางการทหาร ซึ่งเป็นการบีบมาตั้งแต่เมื่อครั้วเราเป็นโซเวียต เพื่อเป็นการลงโทษที่โซเวียตมีกฏหมายห้ามไม่ให้ยิว
    ลี้ภัยออกไปอิสราเอล (1974) เมื่อเราได้มาเป็นรัสเซีย กฏหมายข้อนี้ได้ล้มเลิกไป ใครจะไปไหนก็ตามสบาย
    แต่อเมริกายังไม่ยกเลิกการแซงชั่นจนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่ประธานาธิบดี เรื่อง”อุปสรรค” ที่พวกคุณถาม คุณถามผิดคนแล้ว คุณต้องไปถามทางผู้นำขอบคุณจะได้รับคำตอบที่ดีกว่า……”
    คำตอบนี้…เล่นเอาทุกคนสะอึก….!!!

    หลังประชุม มีการถ่ายรูปหมู่ Robert Kraft เจ้าของบริษัท Kraft Group และเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ที่เพิ่งชนะใน Super Bowl เมื่อต้นปี ที่เขาภูมิใจมาก ถึงขนาดสั่งทำแหวนเพชรขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยเพชรกว่าสองร้อยเม็ดล้อมรอบ สลักชื่อตัวเอง สลัดชื่อทีม……Sanford Weill จึงกระเซ้าว่า ให้เอาแหวนมาอวดปูตินหน่อยซิ
    Kraft จึงค่อยบรรจงควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเปิดกล่องให้ปูตินได้ชม…
    ปูติน…หยิบเอาไปสวมในนิ้วมือ และอุทานว่า
    “นี่มันขนาดเอาไปใช้เป็นอาวุธได้เลยนะ..”
    ช่างภาพกดแฟลชกันระรัว…ยิงไม่นับ
    จากนั้น Kraft จึงยื่นมือไปเพื่อขอคืน แต่ปูตินส่งต่อให้ผู้ติดตามให้เอาไปเก็บ………และกล่าวอำลาไปอย่างหน้าตาเฉย

    Robert Kraft ถึงกับไปไม่เป็น ตามด้วยสติแตก เขารีบติดต่อหา Weill และต่อสายทางไกลไปยังทำเนียบขาว เพื่อที่จะช่วยขอแหวนคืน……
    แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ออกมา มันเป็นการลักษณะของการมอบของขวัญ ที่ใครจะไปกล้าขอคืน……เสียหน้าแย่
    แต่ Kraft ก็ยังเอะอะมะเทิ่งว่า……ก็ผมให้ดูเฉยๆ ตามคำแนะนำของวีลล์ และผมรักมันมาก ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นเกียรติยศกับวงศ์ตระกูล…

    ทำเนียบขาวตอบมาสั้นๆว่า….”เอาน่า….ไปสั่งทำใหม่ละกัน..”
    ก็สรุปตามนั้น คราฟท์ได้สั่งทำใหม่มาอีกวงหนึ่ง
    ส่วนวงออริจินัลนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ ห้องพิพิธภัณฑ์ของที่ระลึก
    ในหอสมุดที่เครมลิน…

    ~~-นี่คือความเข้าใจผิดระดับผู้นำ……เพราะมันตรงตามโปรโตคอลที่จะเป็นภาพของการถ่ายภาพร่วมกันออกสื่อ มีการมอบของขวัญเพื่อสานสัมพันธไมตรี และเป็นการขอบคุณเจ้าภาพ….ซึ่งทางรัสเซียคงเข้าใจตามนั้น
    ถ้าจะอวดกัน…ควรจะอวดเป็นส่วนตัวในยามคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง
    จากภาพที่เห็น……ใครๆก็ต้องคล้อยตามว่า นั่นคือการมอบของที่ระลึก…
    (ป่านนี้ปูตินคงขำกลิ้งไปแล้ว……)

    งานวางฐานเศรษฐกิจชาติ ได้สำเร็จไปตามแผน นั่นคือ
    Rosneft บริษัทพลังงานที่ใหญ่อันดับสอง ดูแลโดย Igor Sechin
    United Aircraft Corporation ดูแลโดย Sergei Ivanov
    Russian Railways ดูแลโดย Vladimir Yakunin
    Rosoboronexport ดูแลโดย Seigei Chemezov
    Gazprom ดูแลโดย Dmitry Medvedev
    ทั้งหมดนี้ ที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียก้าวพุ่ง ภายในปีเดียว
    จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน G8 แบบกระพริบตาไม่ทัน

    มกราคม 2006 นักข่าวได้ถามปูตินว่า
    “ถ้าไม่เป็นประธานาธิบดี ท่านคิดว่าท่านจะมาทำงานในส่วนคุมพลังงานนี้หรือไม่..?”
    คำตอบคือ
    “ขอบคุณที่ชี้ทางหางานให้……แต่ไม่มีทาง ผมไม่มีทักษะในเรื่องธุรกิจเลย หรือ เป็นเพราะว่าเมื่อชาติก่อนไม่เคยทำมาค้าขายก็เป็นได้…”

    เพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ สองพี่น้อง Arkady และ Boris Rotenerg ที่เรียนยูโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
    สองพี่น้องนี้ได้เปิดสถานฝึกสอนยูโด และ ยิมที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในปี 1998 ชื่อว่า Yawara-Neva ปูตินรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์……ที่สถานฝึกสอนได้ตั้งกลุ่มผู้ที่ฝึกยูโดอย่างจริงจัง
    เรียกว่า “judocracy “
    เมื่อปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาจัดการควบคุมโรงกลั่นเหล้าว้อดก้าให้เป็นสัมปทาน และมอบหมายให้ Arkady เป็นคนดูแล ซึ่งไม่นานต่อมา องค์กรโรงกลั่นนี้ได้ขยายไปคุมกิจการเหล้าอื่นๆเกือบทั้งประเทศ จนถึงขั้นตั้งธนาคารของตัวเองได้ ชื่อว่า SMP Bank และมีส่วนร่วมในการลงทุนในท่อก๊าสสู่ยุโรป
    ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เขาไม่ได้เอาเพื่อนจากถิ่นเก่ามาช่วยงานเพราะเห็นแก่หน้า……แต่เขาคัดมาเฉพาะคนที่เชื่อใจและมองเห็นในความสามารถ……

    ปูตินเชื่ออะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องแปลก เขาคือชนรุ่นโซเวียตแท้ๆตั้งแต่เกิด แต่เขามีความอ่อนไหวกับเรื่องราชาธิปไตยภายใต้ประชาธิปไตย (sovereign democracy)
    ในการบรรยายหรือให้สัมภาษณ์เขามักกล่าวถึง นักปรัชญาทางการเมืองและศาสนา Ivan Ilyin (1883-1954) ที่ต่อต้านบอลเชวิคจนต้องหนีออกไปนอกประเทศ และไปเสียชีวิตที่ สวิตเซอร์แลนด์
    ในบทความของอิวานมักจะเอนเอียงไปทางประชาธิปไตยที่ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับฐานรากของประชาชน
    ปูตินได้ใช้บทความของอิวานครั้งหนึ่งในตอนที่เขาขึ้นรับตำแหน่งใหม่ๆว่า
    “เราต้องไม่ลืมว่า รัสเซียเป็นประชาธิปไตยเพราะนั่นคือความต้องการของประชาชน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันสันติสุข เราต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับภูมิภาค จดจำประวัติการความเป็นมา และการให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน
    เรามีเอกราชเป็นของตัวเอง เส้นทางข้างหน้าคือการก้าวไปอย่างเสรีด้วยกัน……ด้วยความระมัดระวัง…”

    และอีกคนหนึ่ง คือนักรบพระเจ้าซาร์ General Anton Denikin
    (1872-1947) ที่ต้องพ่ายแพ้ในการรักษาพระราชบัลลังก์ในสงครามกลางเมือง ทั้งๆที่นายพลผู้นี้ถือเป็นยอดอัศวิน (และเป็นนักเขียน) ที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน จนต้องลี้ภัยไปอยู่หลายประเทศ ในที่สุดก็ไปเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา

    เวลาผ่านไปนานแสนนานก็จริง แต่ปูตินได้จัดการนำร่างของคนทั้งสองกลับมาทำพิธีและทำสุสานให้สมเกียรติที่ Donskoy Monastery, Moscow (ด้วยทุนของตัวเอง)

    กลับมาเรื่องการสร้างอำนาจด้วยพลังงาน……ปูตินได้จับมือกับนายรัฐมนตรีเยอรมันนี Gerhard Schröder ที่เป็นเกลอกัน
    ในเรื่องการสร้างท่อก๊าสจากเอเซียสู่ยุโรป ในนาม Nord Stream ที่จะเชื่อมผ่านกลุ่มท่อเก่าของโซเวียตที่ทำไว้ ที่ยูเครน, เบลารุส โปแลนด์ และ สอดผ่านใต้ทะเลบอลติก
    ที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันในโครงการนี้ถึงพันล้านยูโร
    (ในสมัยที่เยอรมันนีมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่)
    แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ทิ้งเพื่อน เพียงหนึ่งอาทิตย์ที่ Gerhard ได้ลงจากตำแหน่ง รัสเซียได้จ้างให้ Gerhard มานั่งเป็นที่ปรึกษาในบริษัท Nord Stream ……รับเละ…!!
    เพราะประธานบริษัท คือ Matthias Warnig เพื่อนเก่าสมัยที่อยู่เดรสเดน

    ทุกการเคลื่อนไหวของปูตินได้สร้างเม็ดเงินสู่ประเทศแบบทำนบแตก
    ปรกติ Gazprom ได้ส่งก๊าสให้ยูเครนในราคาเป็นกันเอง คือ 50$ ต่อ 1000 คิวบิก ที่ยูเครนจะไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่
    แต่เมื่อการเมืองของยูเครนที่เกิดฝักใฝ่ทางตะวันตก…
    ตัวประธานาธิบดีคนใหม่ก็แสนจะดี๊ด๊ากับกลิ่นไอของประชาธิยไตยสีส้ม
    ปูตินก็เลยเห็นว่า……มันถึงเวลาที่จะขึ้นราคา…เท่ากับว่ากำไรที่เคยได้จะหดหายไป เพราะยูเครนไม่สามารถไปขึ้นราคากับยุโรปได้ เนื่องจากมีสัญญาระยะยาว…
    และหนี้สินที่ให้ค้างคามานาน.……รัสเซียให้เวลาสามเดือน
    ให้เอามาจ่าย

    เมื่อถึงเวลา….เงินไม่มา…ในวันที่ 31 ธันวาคม 2005 เป็นวันสำคัญของการเฉลิมฉลองของฤดูหนาว……รัสเซียตัดก๊าสสั่งสอน
    เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งทวีป……กระจองอแงกันไปหมด
    นั่นคือการที่ต้องมาคุยกันใหม่……ทีนี้จะได้รู้บ้างว่า”ใครใหญ่”
    และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางราคา….

    แต่ก็ไม่นาน……ที่ปูตินเล่นไม้แข็งก็โอนอ่อน เพราะคนที่เดือดร้อนด้วยคือมหามิตร อย่าง ออสเตรีย, ฮังการี
    เขายอมปล่อยก๊าสคืนให้ แต่….จะมีการวางท่อใหม่และราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า……รักมาก…รักน้อย….!!

    ทีนี้ก็ถึงการลากมาสับ…รายแรกคือ Victor Yushchenko หรือ VAY ที่ทางรัสเซียได้ออกข่าวว่า ที่เรื่องก๊าสยุ่งเหยิง หนี้สินเพียบแบบนี้ เพราะการบริหารของประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ ที่มีส่วนในการรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัท RosUkrEnergo
    ปูตินทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าอยากรู้ มากกว่านี้……ก็ไปถามกันเอง..”

    ~~บริษัทพลังงาน RosUkrEnergo เป็นของรัฐบาลยูเครนที่ Gazprom มีหุ้นครึ่งหนึ่ง ตัวเลขการเงินทางฝั่งยูเครน ไหลไปไหนก็รู้กันหมดว่า VAY เอาไปใช้ในการปฏิบัติการสีส้มจำนวนมหาศาล และในรัฐบาลยูเครน ก็ยังมีเส้นสายคนของปูตินเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ คือ Victor Yanukovych (VFY)

    เครดิตของประธานาธิบดียูเครนที่เพิ่งได้มาหมาดๆ เริ่มสั่นคลอน
    ความมั่นใจว่ามีตะวันตกหนุนหลัง……ชักลังเล………แต่เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า……คงจะต้องมีรายการตามมาอีกเป็นหางว่าว………!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งขา……พี่ปูช่างมีพลังเหลือเฟือ ทั้งเล่ห์เหลี่ยม ทุบสั่งสอนและปากร้าย……แหมมมม…แค่ปีกว่าๆเองนะเนี่ยยยย!!! ตอนสิบหก………เรื่องรักเพื่อน…ไม่เคยถอย……เรื่องลองดี…ก็ไม่รอให้ท้า…!!! ภายในช่วงฤดูร้อนของปี 2005 ระบบการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซียได้แน่นกระชับขึ้น หลังจากที่เรียกคืนสัมปทานจากกลุ่มนายทุน (ด้วยวิธีตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลังแล้ว) ส่วนใหญ่ยอมสละเรือ พากันทิ้งแล้วหอบเงินที่มีออกไปนอกประเทศ…… ส่วน MK (หรือ Mikhail Khodorkovsky) ที่ยังดื้อดึง เพราะมีเส้นสายอยู่รอบโลก ยังคงท้าทายอำนาจ ซึ่งเขาได้รับโทษจำคุกเก้าปี เมื่อสัมปทานทั้งหมดได้กลับเข้าสู่รัฐ ปูตินได้เปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อหุ้นพลังงาน เพื่อการจูงใจในการลงทุนในภาคอื่นๆ เพราะเขามีโปรเจ็คที่จะสร้างท่อส่งก๊าสไปสู่ยุโรป โดยผ่านทั้งทางบกและลอดใต้ทะเล กลุ่มที่หลั่งไหลเข้ามา ก็คือ Citigroup, IBM,Intel, Alcoa, ConocoPhilip, Kraft และเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อโลก Rupert Murdoch ในการประชุมกับบุคคลต่างๆของบริษัทที่กล่าวมา Sanford Weill จาก Citigroup (USA) ได้ถามปูตินตรงๆว่า “เส้นทางที่พวกเราจะมาลงทุนนี้ มันต้องผ่านขั้นตอนหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง?” ปูตินตอบอย่างชัดเจนว่า… “ทางเราไม่มีอะไรมาก เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจน ส่วนอุปสรรคที่คุณว่า มันไม่ใช่มาจากรัสเซีย แต่มันเกิดจากทางบ้านคุณ (หมายถึงอเมริกา) ที่บีบคั้นเราในทางการค้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก, การควบคุมทางอวกาศ, คอมพิวเตอร์ และ ทางการทหาร ซึ่งเป็นการบีบมาตั้งแต่เมื่อครั้วเราเป็นโซเวียต เพื่อเป็นการลงโทษที่โซเวียตมีกฏหมายห้ามไม่ให้ยิว ลี้ภัยออกไปอิสราเอล (1974) เมื่อเราได้มาเป็นรัสเซีย กฏหมายข้อนี้ได้ล้มเลิกไป ใครจะไปไหนก็ตามสบาย แต่อเมริกายังไม่ยกเลิกการแซงชั่นจนถึงบัดนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่ประธานาธิบดี เรื่อง”อุปสรรค” ที่พวกคุณถาม คุณถามผิดคนแล้ว คุณต้องไปถามทางผู้นำขอบคุณจะได้รับคำตอบที่ดีกว่า……” คำตอบนี้…เล่นเอาทุกคนสะอึก….!!! หลังประชุม มีการถ่ายรูปหมู่ Robert Kraft เจ้าของบริษัท Kraft Group และเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ที่เพิ่งชนะใน Super Bowl เมื่อต้นปี ที่เขาภูมิใจมาก ถึงขนาดสั่งทำแหวนเพชรขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยเพชรกว่าสองร้อยเม็ดล้อมรอบ สลักชื่อตัวเอง สลัดชื่อทีม……Sanford Weill จึงกระเซ้าว่า ให้เอาแหวนมาอวดปูตินหน่อยซิ Kraft จึงค่อยบรรจงควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเปิดกล่องให้ปูตินได้ชม… ปูติน…หยิบเอาไปสวมในนิ้วมือ และอุทานว่า “นี่มันขนาดเอาไปใช้เป็นอาวุธได้เลยนะ..” ช่างภาพกดแฟลชกันระรัว…ยิงไม่นับ จากนั้น Kraft จึงยื่นมือไปเพื่อขอคืน แต่ปูตินส่งต่อให้ผู้ติดตามให้เอาไปเก็บ………และกล่าวอำลาไปอย่างหน้าตาเฉย Robert Kraft ถึงกับไปไม่เป็น ตามด้วยสติแตก เขารีบติดต่อหา Weill และต่อสายทางไกลไปยังทำเนียบขาว เพื่อที่จะช่วยขอแหวนคืน…… แต่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ออกมา มันเป็นการลักษณะของการมอบของขวัญ ที่ใครจะไปกล้าขอคืน……เสียหน้าแย่ แต่ Kraft ก็ยังเอะอะมะเทิ่งว่า……ก็ผมให้ดูเฉยๆ ตามคำแนะนำของวีลล์ และผมรักมันมาก ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นเกียรติยศกับวงศ์ตระกูล… ทำเนียบขาวตอบมาสั้นๆว่า….”เอาน่า….ไปสั่งทำใหม่ละกัน..” ก็สรุปตามนั้น คราฟท์ได้สั่งทำใหม่มาอีกวงหนึ่ง ส่วนวงออริจินัลนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ ห้องพิพิธภัณฑ์ของที่ระลึก ในหอสมุดที่เครมลิน… ~~-นี่คือความเข้าใจผิดระดับผู้นำ……เพราะมันตรงตามโปรโตคอลที่จะเป็นภาพของการถ่ายภาพร่วมกันออกสื่อ มีการมอบของขวัญเพื่อสานสัมพันธไมตรี และเป็นการขอบคุณเจ้าภาพ….ซึ่งทางรัสเซียคงเข้าใจตามนั้น ถ้าจะอวดกัน…ควรจะอวดเป็นส่วนตัวในยามคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้อง จากภาพที่เห็น……ใครๆก็ต้องคล้อยตามว่า นั่นคือการมอบของที่ระลึก… (ป่านนี้ปูตินคงขำกลิ้งไปแล้ว……) งานวางฐานเศรษฐกิจชาติ ได้สำเร็จไปตามแผน นั่นคือ Rosneft บริษัทพลังงานที่ใหญ่อันดับสอง ดูแลโดย Igor Sechin United Aircraft Corporation ดูแลโดย Sergei Ivanov Russian Railways ดูแลโดย Vladimir Yakunin Rosoboronexport ดูแลโดย Seigei Chemezov Gazprom ดูแลโดย Dmitry Medvedev ทั้งหมดนี้ ที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียก้าวพุ่ง ภายในปีเดียว จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน G8 แบบกระพริบตาไม่ทัน มกราคม 2006 นักข่าวได้ถามปูตินว่า “ถ้าไม่เป็นประธานาธิบดี ท่านคิดว่าท่านจะมาทำงานในส่วนคุมพลังงานนี้หรือไม่..?” คำตอบคือ “ขอบคุณที่ชี้ทางหางานให้……แต่ไม่มีทาง ผมไม่มีทักษะในเรื่องธุรกิจเลย หรือ เป็นเพราะว่าเมื่อชาติก่อนไม่เคยทำมาค้าขายก็เป็นได้…” เพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ สองพี่น้อง Arkady และ Boris Rotenerg ที่เรียนยูโดมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก สองพี่น้องนี้ได้เปิดสถานฝึกสอนยูโด และ ยิมที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในปี 1998 ชื่อว่า Yawara-Neva ปูตินรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์……ที่สถานฝึกสอนได้ตั้งกลุ่มผู้ที่ฝึกยูโดอย่างจริงจัง เรียกว่า “judocracy “ เมื่อปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาจัดการควบคุมโรงกลั่นเหล้าว้อดก้าให้เป็นสัมปทาน และมอบหมายให้ Arkady เป็นคนดูแล ซึ่งไม่นานต่อมา องค์กรโรงกลั่นนี้ได้ขยายไปคุมกิจการเหล้าอื่นๆเกือบทั้งประเทศ จนถึงขั้นตั้งธนาคารของตัวเองได้ ชื่อว่า SMP Bank และมีส่วนร่วมในการลงทุนในท่อก๊าสสู่ยุโรป ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เขาไม่ได้เอาเพื่อนจากถิ่นเก่ามาช่วยงานเพราะเห็นแก่หน้า……แต่เขาคัดมาเฉพาะคนที่เชื่อใจและมองเห็นในความสามารถ…… ปูตินเชื่ออะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องแปลก เขาคือชนรุ่นโซเวียตแท้ๆตั้งแต่เกิด แต่เขามีความอ่อนไหวกับเรื่องราชาธิปไตยภายใต้ประชาธิปไตย (sovereign democracy) ในการบรรยายหรือให้สัมภาษณ์เขามักกล่าวถึง นักปรัชญาทางการเมืองและศาสนา Ivan Ilyin (1883-1954) ที่ต่อต้านบอลเชวิคจนต้องหนีออกไปนอกประเทศ และไปเสียชีวิตที่ สวิตเซอร์แลนด์ ในบทความของอิวานมักจะเอนเอียงไปทางประชาธิปไตยที่ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับฐานรากของประชาชน ปูตินได้ใช้บทความของอิวานครั้งหนึ่งในตอนที่เขาขึ้นรับตำแหน่งใหม่ๆว่า “เราต้องไม่ลืมว่า รัสเซียเป็นประชาธิปไตยเพราะนั่นคือความต้องการของประชาชน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันสันติสุข เราต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับภูมิภาค จดจำประวัติการความเป็นมา และการให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน เรามีเอกราชเป็นของตัวเอง เส้นทางข้างหน้าคือการก้าวไปอย่างเสรีด้วยกัน……ด้วยความระมัดระวัง…” และอีกคนหนึ่ง คือนักรบพระเจ้าซาร์ General Anton Denikin (1872-1947) ที่ต้องพ่ายแพ้ในการรักษาพระราชบัลลังก์ในสงครามกลางเมือง ทั้งๆที่นายพลผู้นี้ถือเป็นยอดอัศวิน (และเป็นนักเขียน) ที่ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน จนต้องลี้ภัยไปอยู่หลายประเทศ ในที่สุดก็ไปเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา เวลาผ่านไปนานแสนนานก็จริง แต่ปูตินได้จัดการนำร่างของคนทั้งสองกลับมาทำพิธีและทำสุสานให้สมเกียรติที่ Donskoy Monastery, Moscow (ด้วยทุนของตัวเอง) กลับมาเรื่องการสร้างอำนาจด้วยพลังงาน……ปูตินได้จับมือกับนายรัฐมนตรีเยอรมันนี Gerhard Schröder ที่เป็นเกลอกัน ในเรื่องการสร้างท่อก๊าสจากเอเซียสู่ยุโรป ในนาม Nord Stream ที่จะเชื่อมผ่านกลุ่มท่อเก่าของโซเวียตที่ทำไว้ ที่ยูเครน, เบลารุส โปแลนด์ และ สอดผ่านใต้ทะเลบอลติก ที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันในโครงการนี้ถึงพันล้านยูโร (ในสมัยที่เยอรมันนีมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่) แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ทิ้งเพื่อน เพียงหนึ่งอาทิตย์ที่ Gerhard ได้ลงจากตำแหน่ง รัสเซียได้จ้างให้ Gerhard มานั่งเป็นที่ปรึกษาในบริษัท Nord Stream ……รับเละ…!! เพราะประธานบริษัท คือ Matthias Warnig เพื่อนเก่าสมัยที่อยู่เดรสเดน ทุกการเคลื่อนไหวของปูตินได้สร้างเม็ดเงินสู่ประเทศแบบทำนบแตก ปรกติ Gazprom ได้ส่งก๊าสให้ยูเครนในราคาเป็นกันเอง คือ 50$ ต่อ 1000 คิวบิก ที่ยูเครนจะไปขายเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่เมื่อการเมืองของยูเครนที่เกิดฝักใฝ่ทางตะวันตก… ตัวประธานาธิบดีคนใหม่ก็แสนจะดี๊ด๊ากับกลิ่นไอของประชาธิยไตยสีส้ม ปูตินก็เลยเห็นว่า……มันถึงเวลาที่จะขึ้นราคา…เท่ากับว่ากำไรที่เคยได้จะหดหายไป เพราะยูเครนไม่สามารถไปขึ้นราคากับยุโรปได้ เนื่องจากมีสัญญาระยะยาว… และหนี้สินที่ให้ค้างคามานาน.……รัสเซียให้เวลาสามเดือน ให้เอามาจ่าย เมื่อถึงเวลา….เงินไม่มา…ในวันที่ 31 ธันวาคม 2005 เป็นวันสำคัญของการเฉลิมฉลองของฤดูหนาว……รัสเซียตัดก๊าสสั่งสอน เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งทวีป……กระจองอแงกันไปหมด นั่นคือการที่ต้องมาคุยกันใหม่……ทีนี้จะได้รู้บ้างว่า”ใครใหญ่” และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางราคา…. แต่ก็ไม่นาน……ที่ปูตินเล่นไม้แข็งก็โอนอ่อน เพราะคนที่เดือดร้อนด้วยคือมหามิตร อย่าง ออสเตรีย, ฮังการี เขายอมปล่อยก๊าสคืนให้ แต่….จะมีการวางท่อใหม่และราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า……รักมาก…รักน้อย….!! ทีนี้ก็ถึงการลากมาสับ…รายแรกคือ Victor Yushchenko หรือ VAY ที่ทางรัสเซียได้ออกข่าวว่า ที่เรื่องก๊าสยุ่งเหยิง หนี้สินเพียบแบบนี้ เพราะการบริหารของประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ ที่มีส่วนในการรับเงินใต้โต๊ะจากบริษัท RosUkrEnergo ปูตินทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าอยากรู้ มากกว่านี้……ก็ไปถามกันเอง..” ~~บริษัทพลังงาน RosUkrEnergo เป็นของรัฐบาลยูเครนที่ Gazprom มีหุ้นครึ่งหนึ่ง ตัวเลขการเงินทางฝั่งยูเครน ไหลไปไหนก็รู้กันหมดว่า VAY เอาไปใช้ในการปฏิบัติการสีส้มจำนวนมหาศาล และในรัฐบาลยูเครน ก็ยังมีเส้นสายคนของปูตินเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ คือ Victor Yanukovych (VFY) เครดิตของประธานาธิบดียูเครนที่เพิ่งได้มาหมาดๆ เริ่มสั่นคลอน ความมั่นใจว่ามีตะวันตกหนุนหลัง……ชักลังเล………แต่เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า……คงจะต้องมีรายการตามมาอีกเป็นหางว่าว………!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tatyana Bakalchuk สตรีที่รวยที่สุดของรัสเซีย กล่าวหาอดีตสามีที่แยกกันอยู่ว่า พยายามใช้กำลังยึดสำนักงานใหญ่ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งเธอเป็นเจ้าของ

    18 กันยายน 2567-รายงานข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า Tatyana Bakalchuk สตรีที่รวยที่สุดของรัสเซีย กล่าวหานาย วลาดิสลาฟ บากัลชุก (Vladislav Bakalchuk )อดีตสามีที่แยกกันอยู่ว่าพยายามยึดสำนักงานใหญ่ในมอสโกของ Wildberries แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซียซึ่งเธอเป็นเจ้าของ

    รายงานระบุว่าการทะเลาะวิวาทเริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มชายกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยวลาดิสลาฟ บากัลชุก พยายามจะเข้าไปในอาคาร วิดีโอที่เผยแพร่โดยสถานีข่าว Mash ซึ่งเป็นสถานีข่าวเทเลแกรมที่สนับสนุนเครมลิน แสดงให้เห็นการทะเลาะวิวาทนอกสำนักงาน ตามมาด้วยเสียงปืนและเสียงตะโกน

    ปรากฏว่า รปภ.เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต 1 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และมีผู้ถูกจับกุม 30 ราย

    ความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างทาเทียนาและวลาดิสลาฟ บากัลชุกทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากการหย่าร้างของพวกเขาในเดือนกรกฎาคม วลาดิสลาฟได้ขอความช่วยเหลือจากรามซาน คาดีรอฟ ผู้นำเชเชนอย่างเปิดเผย โดยอ้างว่าเขากำลังเผชิญกับการเข้าซื้อกิจการบริษัทอย่างไม่เป็นมิตร

    กรณีที่ Wildberriesได้ประกาศควบรวมกิจการกับ Russ Group เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายดิจิทัลใหม่ที่ชื่อ RWB ภายใต้การควบรวมกิจการนี้ Robert Mirzoyan แห่ง Russ Group จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการของ RWB โดยมี Tatiana Bakalchuk ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทั่วไป

    สื่อธุรกิจชี้ข้อตกลงดังกล่าวเป็น "เรื่องแปลกมาก" เนื่องจากเป็นการควบรวมกิจการระหว่างWildberries ที่มีขนาดใหญ่กว่า Russ Group ถึง 20 เท่า โดยมีรายได้ 538,700 ล้านรูเบิล (2,700 ล้านดอลลาร์) เมื่อปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับ Russ Group ที่มีรายได้ 27,900 ล้านรูเบิล (300 ล้านดอลลาร์)และ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สนับสนุนข้อตกลงควบรวมระหว่าง Russ Group และ Wildberries

    #Thaitimes
    Tatyana Bakalchuk สตรีที่รวยที่สุดของรัสเซีย กล่าวหาอดีตสามีที่แยกกันอยู่ว่า พยายามใช้กำลังยึดสำนักงานใหญ่ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งเธอเป็นเจ้าของ 18 กันยายน 2567-รายงานข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า Tatyana Bakalchuk สตรีที่รวยที่สุดของรัสเซีย กล่าวหานาย วลาดิสลาฟ บากัลชุก (Vladislav Bakalchuk )อดีตสามีที่แยกกันอยู่ว่าพยายามยึดสำนักงานใหญ่ในมอสโกของ Wildberries แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซียซึ่งเธอเป็นเจ้าของ รายงานระบุว่าการทะเลาะวิวาทเริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มชายกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยวลาดิสลาฟ บากัลชุก พยายามจะเข้าไปในอาคาร วิดีโอที่เผยแพร่โดยสถานีข่าว Mash ซึ่งเป็นสถานีข่าวเทเลแกรมที่สนับสนุนเครมลิน แสดงให้เห็นการทะเลาะวิวาทนอกสำนักงาน ตามมาด้วยเสียงปืนและเสียงตะโกน ปรากฏว่า รปภ.เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต 1 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และมีผู้ถูกจับกุม 30 ราย ความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างทาเทียนาและวลาดิสลาฟ บากัลชุกทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากการหย่าร้างของพวกเขาในเดือนกรกฎาคม วลาดิสลาฟได้ขอความช่วยเหลือจากรามซาน คาดีรอฟ ผู้นำเชเชนอย่างเปิดเผย โดยอ้างว่าเขากำลังเผชิญกับการเข้าซื้อกิจการบริษัทอย่างไม่เป็นมิตร กรณีที่ Wildberriesได้ประกาศควบรวมกิจการกับ Russ Group เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายดิจิทัลใหม่ที่ชื่อ RWB ภายใต้การควบรวมกิจการนี้ Robert Mirzoyan แห่ง Russ Group จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการของ RWB โดยมี Tatiana Bakalchuk ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทั่วไป สื่อธุรกิจชี้ข้อตกลงดังกล่าวเป็น "เรื่องแปลกมาก" เนื่องจากเป็นการควบรวมกิจการระหว่างWildberries ที่มีขนาดใหญ่กว่า Russ Group ถึง 20 เท่า โดยมีรายได้ 538,700 ล้านรูเบิล (2,700 ล้านดอลลาร์) เมื่อปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับ Russ Group ที่มีรายได้ 27,900 ล้านรูเบิล (300 ล้านดอลลาร์)และ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สนับสนุนข้อตกลงควบรวมระหว่าง Russ Group และ Wildberries #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1155 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts