• "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม
    .
    ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม
    .
    เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ
    .
    ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้
    .
    ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม
    .
    แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป
    .
    ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป
    .
    ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง
    .
    ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก
    .
    ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก
    .
    พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้
    .
    ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย
    .
    หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน
    .
    แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม . ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม . เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย . ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ . ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้ . ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม . แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ . ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป . ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป . ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง . ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก . ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก . พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้ . ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย . หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน . แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • เทศบาลนครหัวหิน อัปเกรดเมืองตากอากาศ

    วันคล้ายวันสถาปนาเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปีที่ 87 ผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นปีสุดท้ายที่ใช้นามว่าเทศบาลเมืองหัวหิน เพราะในปี 2568 จะยกฐานะเป็นเทศบาลนครหัวหิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำหรับเมืองขนาดใหญ่ ที่มีประชากรตั้งแต่ 50,000 คนขึ้นไป และมีรายได้พอเพียงต่อการให้บริการสาธารณะ ตามหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้

    โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ออกประกาศ เรื่อง เปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลเมืองหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบศรีชันธ์ เป็นเทศบาลนครหัวหิน ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นับเป็นเทศบาลนครแห่งที่ 32 ในประเทศไทย ต่อจากเทศบาลนครบุรีรัมย์ ที่จะมีผลในวันที่ 31 ต.ค. 2567 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีเขตเลือกตั้งจาก 3 เขตเป็น 4 เขต มีรองนายกเทศมนตรีจาก 3 คนเป็น 4 คน พร้อมทั้งมีอำนาจหน้าที่ดูแลประชาชนมากขึ้น

    สำหรับเทศบาลเมืองหัวหิน มีพื้นที่ 86.36 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลหัวหิน และตำบลหนองแก จํานวน 40 ชุมชน มีประชากรจํานวน 62,111 คน สภาพของสังคม มีจํานวนครอบครัว 19,489 ครอบครัว ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จํานวน 46,297 คน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รายได้จริงไม่รวมเงินอุดหนุน 630,854,560.29 บาท รายจ่ายประจํา 320,219,300 บาท

    ปัจจุบัน เทศบาลเมืองหัวหิน เป็นที่ตั้งของเขตพระราชฐาน คือ พระราชวังไกลกังวล มีอุทยานราชภักดิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศยอดนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีชายหาด เช่น หาดหัวหิน หาดเขาเต่า หาดหัวดอน สวนสนประดิพัทธ์ มีตลาดโต้รุ่งหัวหิน มีโรงแรมทั้งหมด 125 แห่ง ร้านอาหาร 1,192 แห่ง มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 2 แห่ง โรงภาพยนตร์ 2 แห่ง มีสวนน้ำ และสนามกอล์ฟทั้งในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียง

    ส่วนโครงสร้างพื้นฐาน มีโครงการพัฒนาท่าอากาศยานหัวหิน รองรับเครื่องบินแอร์บัส A320 และโบอิ้ง B-737-800 และรองรับการเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ซึ่งเคยมีเที่ยวบินตรง หัวหิน-กัวลาลัมเปอร์ มาก่อน ปัจจุบันมีเที่ยวบินหัวหิน-เชียงใหม่วันละ 1 เที่ยว มีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ซึ่งได้เปิดใช้สถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งมีขบวนรถโดยสารให้บริการรวม 28 ขบวนต่อวัน

    รถโดยสารประจำทาง มีสถานีเดินรถ 3 แห่ง ได้แก่ Bus & Van Station (มาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน), รุ่งเรืองโค้ช (ติดกับสนามบินหัวหิน) และสถานีเดินรถหัวหิน (สมบัติทัวร์ หัวหิน)

    #Newskit #Huahin #เทศบาลนครหัวหิน
    เทศบาลนครหัวหิน อัปเกรดเมืองตากอากาศ วันคล้ายวันสถาปนาเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปีที่ 87 ผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นปีสุดท้ายที่ใช้นามว่าเทศบาลเมืองหัวหิน เพราะในปี 2568 จะยกฐานะเป็นเทศบาลนครหัวหิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำหรับเมืองขนาดใหญ่ ที่มีประชากรตั้งแต่ 50,000 คนขึ้นไป และมีรายได้พอเพียงต่อการให้บริการสาธารณะ ตามหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ออกประกาศ เรื่อง เปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลเมืองหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบศรีชันธ์ เป็นเทศบาลนครหัวหิน ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นับเป็นเทศบาลนครแห่งที่ 32 ในประเทศไทย ต่อจากเทศบาลนครบุรีรัมย์ ที่จะมีผลในวันที่ 31 ต.ค. 2567 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีเขตเลือกตั้งจาก 3 เขตเป็น 4 เขต มีรองนายกเทศมนตรีจาก 3 คนเป็น 4 คน พร้อมทั้งมีอำนาจหน้าที่ดูแลประชาชนมากขึ้น สำหรับเทศบาลเมืองหัวหิน มีพื้นที่ 86.36 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลหัวหิน และตำบลหนองแก จํานวน 40 ชุมชน มีประชากรจํานวน 62,111 คน สภาพของสังคม มีจํานวนครอบครัว 19,489 ครอบครัว ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จํานวน 46,297 คน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รายได้จริงไม่รวมเงินอุดหนุน 630,854,560.29 บาท รายจ่ายประจํา 320,219,300 บาท ปัจจุบัน เทศบาลเมืองหัวหิน เป็นที่ตั้งของเขตพระราชฐาน คือ พระราชวังไกลกังวล มีอุทยานราชภักดิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศยอดนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีชายหาด เช่น หาดหัวหิน หาดเขาเต่า หาดหัวดอน สวนสนประดิพัทธ์ มีตลาดโต้รุ่งหัวหิน มีโรงแรมทั้งหมด 125 แห่ง ร้านอาหาร 1,192 แห่ง มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 2 แห่ง โรงภาพยนตร์ 2 แห่ง มีสวนน้ำ และสนามกอล์ฟทั้งในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนโครงสร้างพื้นฐาน มีโครงการพัฒนาท่าอากาศยานหัวหิน รองรับเครื่องบินแอร์บัส A320 และโบอิ้ง B-737-800 และรองรับการเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ซึ่งเคยมีเที่ยวบินตรง หัวหิน-กัวลาลัมเปอร์ มาก่อน ปัจจุบันมีเที่ยวบินหัวหิน-เชียงใหม่วันละ 1 เที่ยว มีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ซึ่งได้เปิดใช้สถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งมีขบวนรถโดยสารให้บริการรวม 28 ขบวนต่อวัน รถโดยสารประจำทาง มีสถานีเดินรถ 3 แห่ง ได้แก่ Bus & Van Station (มาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน), รุ่งเรืองโค้ช (ติดกับสนามบินหัวหิน) และสถานีเดินรถหัวหิน (สมบัติทัวร์ หัวหิน) #Newskit #Huahin #เทศบาลนครหัวหิน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • 💬 .. อ่านแล้วชอบประโยคนี้จัง ”เราต่างพบกันชั่วคราว
    เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง“ 🥹🤍

    .. เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว ..

    วันหนึ่งความ ต า ย จะมาเยือนเราทุกคน
    ลองมองไปที่คนรอบตัว คนที่เรารัก คนที่รักเรา

    เขาเหล่านี้จะอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น
    แต่ในวันที่ยังมีกันและกัน เรามักหลงลืม
    ความจริงข้อนี้ไปหมดสิ้น คิดเข้าข้างตัวเองเสมอ
    ว่าวันพรุ่งนี้ยังเป็นของเราเสมอ

    แต่เมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว
    เราจะไม่มีวันได้ยินเสียง ไม่มีวันได้สัมผัส
    ไม่มีวันได้แก้ตัว กล่าวคำขอโทษใดๆ

    ถึงตอนนั้นเราจะรู้ได้เอง
    คำว่า "หมดเวลา" มีอยู่จริง

    จงรักกันให้มาก ดูแลกันให้ดี ให้อภัย
    รักษาน้ำใจ ไม่ถือโทษโกรธเคือง
    เพราะท้ายที่สุด ทุกสิ่งที่เราได้กระทำต่อกันไว้
    จะกลายเป็นความทรงจำในใจ
    เป็นบาดแผล เป็นก้อนหิน เป็นดอกไม้
    เวลาไม่ได้มีมากเท่าที่เราคิด

    เชื่อเถอะว่า ชีวิตไม่ได้ยั่งยืนยาวนานขนาดนั้น
    และความจริงในความจริง “เราต่างพบกันชั่วคราว
    เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”
    💬 .. อ่านแล้วชอบประโยคนี้จัง ”เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง“ 🥹🤍 .. เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว .. วันหนึ่งความ ต า ย จะมาเยือนเราทุกคน ลองมองไปที่คนรอบตัว คนที่เรารัก คนที่รักเรา เขาเหล่านี้จะอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ในวันที่ยังมีกันและกัน เรามักหลงลืม ความจริงข้อนี้ไปหมดสิ้น คิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ว่าวันพรุ่งนี้ยังเป็นของเราเสมอ แต่เมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว เราจะไม่มีวันได้ยินเสียง ไม่มีวันได้สัมผัส ไม่มีวันได้แก้ตัว กล่าวคำขอโทษใดๆ ถึงตอนนั้นเราจะรู้ได้เอง คำว่า "หมดเวลา" มีอยู่จริง จงรักกันให้มาก ดูแลกันให้ดี ให้อภัย รักษาน้ำใจ ไม่ถือโทษโกรธเคือง เพราะท้ายที่สุด ทุกสิ่งที่เราได้กระทำต่อกันไว้ จะกลายเป็นความทรงจำในใจ เป็นบาดแผล เป็นก้อนหิน เป็นดอกไม้ เวลาไม่ได้มีมากเท่าที่เราคิด เชื่อเถอะว่า ชีวิตไม่ได้ยั่งยืนยาวนานขนาดนั้น และความจริงในความจริง “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • ตอนที่ท่านยังมีชีวิต
    และสามารถหายใจเข้า-ออก ได้อย่างปกตินี้.

    ท่านได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลและความดี
    ให้แก่ตนเองและผู้อื่น บ้างหรือยัง?

    อย่ารอ "วันพรุ่งนี้"
    เพราะมันอาจจะไม่มีอยู่จริงสำหรับใครบางคนครับ.

    จงใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท
    แล้วท่านจะไม่เสียดาย เมื่อตายจากโลกใบนี้ไปแล้ว.

    ณรงค์ คนขำ
    06/10/2567
    ตอนที่ท่านยังมีชีวิต และสามารถหายใจเข้า-ออก ได้อย่างปกตินี้. ท่านได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลและความดี ให้แก่ตนเองและผู้อื่น บ้างหรือยัง? อย่ารอ "วันพรุ่งนี้" เพราะมันอาจจะไม่มีอยู่จริงสำหรับใครบางคนครับ. จงใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท แล้วท่านจะไม่เสียดาย เมื่อตายจากโลกใบนี้ไปแล้ว. ณรงค์ คนขำ 06/10/2567
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • ตอนที่ท่านยังมีชีวิต
    และสามารถหายใจเข้า-ออก ได้อย่างปกตินี้.

    ท่านได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลและความดี
    ให้แก่ตนเองและผู้อื่น บ้างหรือยัง?

    อย่ารอ "วันพรุ่งนี้"
    เพราะมันอาจจะไม่มีอยู่จริงสำหรับใครบางคนครับ.

    จงใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท
    แล้วท่านจะไม่เสียดาย เมื่อตายจากโลกใบนี้ไปแล้ว.

    ณรงค์ คนขำ
    06/10/2567
    ตอนที่ท่านยังมีชีวิต และสามารถหายใจเข้า-ออก ได้อย่างปกตินี้. ท่านได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลและความดี ให้แก่ตนเองและผู้อื่น บ้างหรือยัง? อย่ารอ "วันพรุ่งนี้" เพราะมันอาจจะไม่มีอยู่จริงสำหรับใครบางคนครับ. จงใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท แล้วท่านจะไม่เสียดาย เมื่อตายจากโลกใบนี้ไปแล้ว. ณรงค์ คนขำ 06/10/2567
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • ทุกอย่างต้องเรียบร้อยและสมบูรณ์ที่สุด เพื่อ23 ผู้เสียชีวิตสังเวยโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา..ผู้ว่าฯอุทัยธานี ร่วมตรวจความเรียบร้อยเตาเผาไฟฟ้า ที่เริ่มทยอยติดตั้งแล้วบ่ายนี้ ให้แล้วเสร็จครบทั้ง 9 เตา ก่อนซ้อมประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ บ่ายวันพรุ่งนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095030

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทุกอย่างต้องเรียบร้อยและสมบูรณ์ที่สุด เพื่อ23 ผู้เสียชีวิตสังเวยโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา..ผู้ว่าฯอุทัยธานี ร่วมตรวจความเรียบร้อยเตาเผาไฟฟ้า ที่เริ่มทยอยติดตั้งแล้วบ่ายนี้ ให้แล้วเสร็จครบทั้ง 9 เตา ก่อนซ้อมประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ บ่ายวันพรุ่งนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095030 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    12
    0 Comments 0 Shares 336 Views 0 Reviews
  • บันทึกเตือนความจำ
    ภัยธรรมชาติที่เกิดจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงสุดขั้วนำมาซึ่งปริมาณน้ำฝนที่ไหลหลั่งลงสู่แหล่งน้ำ จำนวนมหาศาล ไหลบ่าจากป่าสู่เมืองในที่ลุ่มต่ำ ในทางกลับกันเชื่อแน่ว่าไม่ช้าก็เร็วเราน่าจะเจอกับเหตุการณ์ในขั้วตรงกันข้ามคือแล้ง ร้อนสุดโต่งแน่

    กันยายนต่อเนื่องถึงตุลาคม ฝนตกต่อเนื่องจนเกิดมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากต้นน้ำแม่แตง ไหลเข้าสู่ลำน้ำแม่แตง สายน้ำแห่งการท่องเที่ยวธรรมชาติของเชียงใหม่ ที่ตลอดสองข้างลำน้ำมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งปางช้างต่างๆเรียงรายตลอดลำน้ำแม่แตง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจากรายงานของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (๒๕๕๘-๒๕๖๗) พบว่ามีปางช้างถึง ๔๙ ปาง (ช้างจำนวน ๕๔๖ เชือก)

    เหตุระทึกเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บ่ายวันพฤหัสที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ มวลน้ำจำนวนมากไหลบ่าล้นตลิ่งทั้งสองฝั่งของลำน้ำแม่แตงอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องจนถึงเช้ามืดวันศุกร์ น้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ช้างส่วนใหญ่ถูกอพยพนำขึ้นไปผูกล่ามไว้ในที่สูง ในขณะที่ปางช้างขนาดใหญ่ (มีช้างมากกว่าหนึ่งร้อยเชือก) ของมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม ยังคงสาละวนและพยายามขนย้ายช้างและสัตว์อื่นๆอีกนับพันอาทิ สุนัข แมว แพะ โค กระบือ และสุกร ซึ่งยังคงไม่ทันการณ์ เป็นผลให้มวลน้ำจำนวนมหึมาไหลเข้าสู่ปางช้าง (ระดับน้ำสูงมากกว่า ๑.๕-๒.๐ เมตร เมื่อประเมินด้วยสายตา) การขนย้ายช้างนับร้อย เป็นเรื่องที่ยากและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียมากทั้งชีวิตคนและช้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช้างเหล่านี้มิได้ถูกฝึกหรือสื่อสารกับคนเลี้ยงอย่างใกล้ชิดมาก่อน เราเริ่มจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะพอช่วยเหลือสนับสนุนอะไรได้บ้าง

    คณะของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ จากการร้องขอของเจ้าหน้าที่มูลนิธิทางโทรศัพท์ โดยเบื้องต้นรับทราบมาว่าให้ช่วยเคลื่อนย้ายและดูแลช้างเพศผู้ที่ยังอยู่ในคอกแต่ไม่สามารถออกมาได้ ในขณะที่ระดับน้ำกำลงัเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คณะทำงานถูกตามตัว รวมทีมและประชุมอย่างเร่งด่วน และออกเดินทางในช่วงสายของวันนั้น
    เมื่อแรกไปถึงพบว่าเส้นทางเข้าถึงปางช้างถูกตัดขาด ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก การติดต่อด้วยโทรศัพท์ไม่สามารถทำได้ ต้องสื่อสารผ่านวิทยุสื่อสารคลื่นสั้นเท่านั้น คณะจึงต้องรอจนถึงบ่ายแก่ๆจึงได้เรือจากหน่วยกู้ภัย จ.กาฬสินธิ์ ข้ามน้ำเพื่อไปดูช้างตัวผู้ในคอกต่างๆเพื่อประเมินสถานการณ์ เราพบว่าช้างตัวผู้ยังอยู่ครบทั้งสิบเชือก ในสภาพที่ช้างลอยคออยู่ภายในคอก แต่ที่แปลกใจคือยังมีช้างตัวเมียอีกหลายสิบเชือกติดค้างอยู่ในคอกด้วย บ้างก็พิการขาเป๋ ตาบอด และยังทราบอีกว่าช้างอีกหลายเชือกได้สูญหายลอยไปกับน้ำด้วย เมื่อช่วงก่อนหน้า ซึ่งต่อมาพบ
    ซากของช้างฟ้าใส(วันเฉลิม)และพลอยทอง เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสีย
    คณะจึงตัดสินใจแบ่งทีมงานออกเป็น ๒ ทีมเพื่อช่วยเหลือช้างให้ครอบคลุมทั้งสองกลุ่ม

    การดำเนินการในภาวะวิกฤติและเร่งด่วนเช่นนี้
    โดยหลักการแล้ว หากพบว่าช้างกับควาญสามารถสื่อสารกันได้ก็จะให้ควาญช้างเป็นผู้นำและกำหนดทิศทางการเดินของช้างเพื่อความปลอดภัย เพราะช้างเองมักเดินเฉพาะเส้นทางที่เคยชิน ซึ่งในกรณีนี้ช้างมักคุ้นชินกับการเดินแบบอิสระในทุ่งกว้างที่อยู่ติดกับน้ำแม่แตง ที่กำลังไหลเชี่ยว นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ช้างเหล่านี้จะต้องมีควาญเป็นผู้ควบคุมทิศทาง

    ในกรณีช้างเพศเมียหรือช้างที่ไม่ดุร้าย
    หากช้างกับควาญมิได้มีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน หรือมีแต่เพียงเล็กน้อย ในทางทฤษฎีที่มีการเคลื่อนย้ายช้างป่ามักวางยาซึมและนำทางด้วยผ้าพรางแสงตลอดทางเดินเพื่อนำช้างไปยังจุดที่ต้องการ แต่ในกรณีนี้มีน้ำท่วมสูงจึงค่อนข้างเสี่ยงที่จะวางยาซึม (ยาซึมช้างมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้งวงตกลงสู่พื้น) โดยในวันนั้นคณะทำงานที่ประกอบด้วยสัตวแพทย์ ควาญช้างจากสถาบันคชบาลแห่งชาติ ควาญพี่เบิ้ม(ปางที่อยู่ติดกัน) และภัทรฟาร์ม ซึ่งมีความชำนาญ ร่วมกับควาญช้างของมูลนิธิช่วยกันควบคุมและกำหนดเส้นทางด้วยเชือกให้ช้างเดินไปยังจุดที่ปลอดภัย แต่ก็ทุลักทุเลพอควรด้วยเพราะควาญกับช้างสื่อสารกันแทบไม่รู้เรื่อง วันนั้นทีมเราช่วยเหลือช้างตัวเมียได้บางส่วนจนกระทั่งมืดค่ำจึงยุติภารกิจในเวลา ๑๙.๓๐ น.

    ในกรณีช้างเพศผู้ เราไม่สามารถวางยาซึมช้างในขณะที่ยังอยู่ในน้ำได้ ซึ่งจากข้อมูลที่ทีมงานได้รับพบว่าช้างทุกเชือกไม่เคยผ่านการฝึกและบางเชือกมีประวัติทำร้ายคนมาก่อน จึงเกิดคำถามว่าหากเคลื่อนย้ายออกมาได้แล้วจะนำช้างไปผูกล่ามอย่างไร ที่ไหน ทั้งในภาวะซึมหรือปกติ ด้วยเพราะช้างไม่คุ้นเคยกับคนหรือช้างใดๆ ช้างแต่ละเชือกอยุ่ตัวเดียวในคอกมานาน ซึ่งจากการประเมินพบว่าช้างทุกเชือกยังมีสภาพร่างกายปกติ (ยกเว้นพลายขุนเดชที่บาดเจ็บที่ขาหน้า) ดังนั้นจึงใช้วิธีวางแท่นพยุงให้ช้างสามารถใช้งวงยึดพยุงมิให้จมน้ำ หากพบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะจากประสบการณ์ตรงของคณะทำงานพบว่าช้างมักลอยน้ำและอยู่ในน้ำได้นานถึง ๒ วัน ๑ คืนในสภาพน้ำนิ่ง โดยไม่เกิดอันตราย ซึ่งจากสภาพช้างภายในคอกพบว่ากระแสน้ำยังคงไหลแต่ไม่เชี่ยวมากนักเมื่อเทียบกับในลำน้ำ ช้างน่าจะยังพอพยุงตัวเองไว้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง ด้วยเพราะธรรมชาติของน้ำทางภาคเหนือมักมาเร็วไปเร็ว ไม่น่าจะท่วมนาน เราจึงกำหนดให้ทำแพต้นกล้วยไว้ให้ช้างเพื่อช่วยพยุง ต้นกล้วยยังเป็นอาหารและมีน้ำช่วยประทังชีวิตให้ช้างได้อีกด้วย ทั้งนี้ให้เฝ้าระวังพลายขุนเดชเป็นพิเศษ
    โชคดีในช่วงเย็นของวันเดียวกันระดับน้ำเริ่มลดระดับลง เป็นสัญญาณว่าน้ำน่าจะลดลงเป็นปกติในไม่ช้า

    วันรุ่งขึ้นระดับน้ำลดลง เหลือเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช้างเพศเมียถูกเคลื่อนย้ายขึ้นที่สูง ช้างตัวผู้ยังอยู่ในคอกของตัวเอง แต่ทุกตัวยังมีชีวิตอยู่แม้บางเชือกอาจแสดงอาการอ่อนเพลียบ้าง ดังนั้นการฟื้นฟูสุขภาพกาย และสภาวะจิตใจของช้างและควาญจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะโรคต่างๆที่มาหลังน้ำท่วม ก็ดี น้ำป่าที่อาจเข้าสู่ร่างกายช้างในช่วงก่อนหน้าทั้งทางเดินหายใจ ทางเดินอาหารก็ดี ดินโคลนที่มีรสชาดเย้ายวนต่อการลิ้มลองของช้างก็ดี หรือแม้กระทั่งอาหารที่อาจปนเปื้อน ที่ล้วนนำมาซึ่งความเจ็บป่วยของช้างเหล่านี้ได้ และสภาพจิตใจของช้างที่อาจตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การไม่คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เหล่านี้จำเป็นต้องฟื้นฟูและเฝ้าระวังกันต่อไป

    สรุปยอดรวมช้างในปางก่อนเกิดเหตุ จำนวน ๑๑๘ เชือก ภายหลังน้ำลด พบช้างเพศเมีย ๑๐๖ เชือก เป็นช้างเพศผู้ ๑๐ เชือก สูญหายและเสียชีวิต ๒ เชือก

    วันนี้ฝนตกเบาบางลงแล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันอีก การเรียนรู้บทเรียนและเตรียมแผนเผชิญเหตุทั้งของปางและผู้เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ต้องจัดทำ
    แม้ในวันนี้ช้างบ้านของไทยจะมีสถานะเป็นทรัพย์สินของผู้ถือครองตามกฎหมาย (พรบ.สัตว์พาหนะ ) แต่จากเหตุการณ์หลายๆครั้งที่ผ่านมา ล้วนกระทบจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ หลายส่วนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองติดตามอย่างใกล้ชิด จึงเป็นสิ่งที่ทุกท่านพึงตระหนักให้ดีว่า "ช้าง" มีสถานะยิ่งกว่าทรัพย์สิน แต่เขาคือสิ่งที่มีคุณค่า ที่สูงค่าอันประเมินมูลค่ามิได้ ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยเราทุกคน

    ปล. ขอบคุณภาพมุมสูงจากคุณน้ำหนึ่ง

    https://www.facebook.com/share/p/zPKFtdBiFkUnLwdL/
    บันทึกเตือนความจำ ภัยธรรมชาติที่เกิดจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงสุดขั้วนำมาซึ่งปริมาณน้ำฝนที่ไหลหลั่งลงสู่แหล่งน้ำ จำนวนมหาศาล ไหลบ่าจากป่าสู่เมืองในที่ลุ่มต่ำ ในทางกลับกันเชื่อแน่ว่าไม่ช้าก็เร็วเราน่าจะเจอกับเหตุการณ์ในขั้วตรงกันข้ามคือแล้ง ร้อนสุดโต่งแน่ กันยายนต่อเนื่องถึงตุลาคม ฝนตกต่อเนื่องจนเกิดมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากต้นน้ำแม่แตง ไหลเข้าสู่ลำน้ำแม่แตง สายน้ำแห่งการท่องเที่ยวธรรมชาติของเชียงใหม่ ที่ตลอดสองข้างลำน้ำมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งปางช้างต่างๆเรียงรายตลอดลำน้ำแม่แตง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจากรายงานของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (๒๕๕๘-๒๕๖๗) พบว่ามีปางช้างถึง ๔๙ ปาง (ช้างจำนวน ๕๔๖ เชือก) เหตุระทึกเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บ่ายวันพฤหัสที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ มวลน้ำจำนวนมากไหลบ่าล้นตลิ่งทั้งสองฝั่งของลำน้ำแม่แตงอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องจนถึงเช้ามืดวันศุกร์ น้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ช้างส่วนใหญ่ถูกอพยพนำขึ้นไปผูกล่ามไว้ในที่สูง ในขณะที่ปางช้างขนาดใหญ่ (มีช้างมากกว่าหนึ่งร้อยเชือก) ของมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม ยังคงสาละวนและพยายามขนย้ายช้างและสัตว์อื่นๆอีกนับพันอาทิ สุนัข แมว แพะ โค กระบือ และสุกร ซึ่งยังคงไม่ทันการณ์ เป็นผลให้มวลน้ำจำนวนมหึมาไหลเข้าสู่ปางช้าง (ระดับน้ำสูงมากกว่า ๑.๕-๒.๐ เมตร เมื่อประเมินด้วยสายตา) การขนย้ายช้างนับร้อย เป็นเรื่องที่ยากและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียมากทั้งชีวิตคนและช้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช้างเหล่านี้มิได้ถูกฝึกหรือสื่อสารกับคนเลี้ยงอย่างใกล้ชิดมาก่อน เราเริ่มจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะพอช่วยเหลือสนับสนุนอะไรได้บ้าง คณะของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ จากการร้องขอของเจ้าหน้าที่มูลนิธิทางโทรศัพท์ โดยเบื้องต้นรับทราบมาว่าให้ช่วยเคลื่อนย้ายและดูแลช้างเพศผู้ที่ยังอยู่ในคอกแต่ไม่สามารถออกมาได้ ในขณะที่ระดับน้ำกำลงัเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คณะทำงานถูกตามตัว รวมทีมและประชุมอย่างเร่งด่วน และออกเดินทางในช่วงสายของวันนั้น เมื่อแรกไปถึงพบว่าเส้นทางเข้าถึงปางช้างถูกตัดขาด ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก การติดต่อด้วยโทรศัพท์ไม่สามารถทำได้ ต้องสื่อสารผ่านวิทยุสื่อสารคลื่นสั้นเท่านั้น คณะจึงต้องรอจนถึงบ่ายแก่ๆจึงได้เรือจากหน่วยกู้ภัย จ.กาฬสินธิ์ ข้ามน้ำเพื่อไปดูช้างตัวผู้ในคอกต่างๆเพื่อประเมินสถานการณ์ เราพบว่าช้างตัวผู้ยังอยู่ครบทั้งสิบเชือก ในสภาพที่ช้างลอยคออยู่ภายในคอก แต่ที่แปลกใจคือยังมีช้างตัวเมียอีกหลายสิบเชือกติดค้างอยู่ในคอกด้วย บ้างก็พิการขาเป๋ ตาบอด และยังทราบอีกว่าช้างอีกหลายเชือกได้สูญหายลอยไปกับน้ำด้วย เมื่อช่วงก่อนหน้า ซึ่งต่อมาพบ ซากของช้างฟ้าใส(วันเฉลิม)และพลอยทอง เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสีย คณะจึงตัดสินใจแบ่งทีมงานออกเป็น ๒ ทีมเพื่อช่วยเหลือช้างให้ครอบคลุมทั้งสองกลุ่ม การดำเนินการในภาวะวิกฤติและเร่งด่วนเช่นนี้ โดยหลักการแล้ว หากพบว่าช้างกับควาญสามารถสื่อสารกันได้ก็จะให้ควาญช้างเป็นผู้นำและกำหนดทิศทางการเดินของช้างเพื่อความปลอดภัย เพราะช้างเองมักเดินเฉพาะเส้นทางที่เคยชิน ซึ่งในกรณีนี้ช้างมักคุ้นชินกับการเดินแบบอิสระในทุ่งกว้างที่อยู่ติดกับน้ำแม่แตง ที่กำลังไหลเชี่ยว นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ช้างเหล่านี้จะต้องมีควาญเป็นผู้ควบคุมทิศทาง ในกรณีช้างเพศเมียหรือช้างที่ไม่ดุร้าย หากช้างกับควาญมิได้มีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน หรือมีแต่เพียงเล็กน้อย ในทางทฤษฎีที่มีการเคลื่อนย้ายช้างป่ามักวางยาซึมและนำทางด้วยผ้าพรางแสงตลอดทางเดินเพื่อนำช้างไปยังจุดที่ต้องการ แต่ในกรณีนี้มีน้ำท่วมสูงจึงค่อนข้างเสี่ยงที่จะวางยาซึม (ยาซึมช้างมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้งวงตกลงสู่พื้น) โดยในวันนั้นคณะทำงานที่ประกอบด้วยสัตวแพทย์ ควาญช้างจากสถาบันคชบาลแห่งชาติ ควาญพี่เบิ้ม(ปางที่อยู่ติดกัน) และภัทรฟาร์ม ซึ่งมีความชำนาญ ร่วมกับควาญช้างของมูลนิธิช่วยกันควบคุมและกำหนดเส้นทางด้วยเชือกให้ช้างเดินไปยังจุดที่ปลอดภัย แต่ก็ทุลักทุเลพอควรด้วยเพราะควาญกับช้างสื่อสารกันแทบไม่รู้เรื่อง วันนั้นทีมเราช่วยเหลือช้างตัวเมียได้บางส่วนจนกระทั่งมืดค่ำจึงยุติภารกิจในเวลา ๑๙.๓๐ น. ในกรณีช้างเพศผู้ เราไม่สามารถวางยาซึมช้างในขณะที่ยังอยู่ในน้ำได้ ซึ่งจากข้อมูลที่ทีมงานได้รับพบว่าช้างทุกเชือกไม่เคยผ่านการฝึกและบางเชือกมีประวัติทำร้ายคนมาก่อน จึงเกิดคำถามว่าหากเคลื่อนย้ายออกมาได้แล้วจะนำช้างไปผูกล่ามอย่างไร ที่ไหน ทั้งในภาวะซึมหรือปกติ ด้วยเพราะช้างไม่คุ้นเคยกับคนหรือช้างใดๆ ช้างแต่ละเชือกอยุ่ตัวเดียวในคอกมานาน ซึ่งจากการประเมินพบว่าช้างทุกเชือกยังมีสภาพร่างกายปกติ (ยกเว้นพลายขุนเดชที่บาดเจ็บที่ขาหน้า) ดังนั้นจึงใช้วิธีวางแท่นพยุงให้ช้างสามารถใช้งวงยึดพยุงมิให้จมน้ำ หากพบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะจากประสบการณ์ตรงของคณะทำงานพบว่าช้างมักลอยน้ำและอยู่ในน้ำได้นานถึง ๒ วัน ๑ คืนในสภาพน้ำนิ่ง โดยไม่เกิดอันตราย ซึ่งจากสภาพช้างภายในคอกพบว่ากระแสน้ำยังคงไหลแต่ไม่เชี่ยวมากนักเมื่อเทียบกับในลำน้ำ ช้างน่าจะยังพอพยุงตัวเองไว้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง ด้วยเพราะธรรมชาติของน้ำทางภาคเหนือมักมาเร็วไปเร็ว ไม่น่าจะท่วมนาน เราจึงกำหนดให้ทำแพต้นกล้วยไว้ให้ช้างเพื่อช่วยพยุง ต้นกล้วยยังเป็นอาหารและมีน้ำช่วยประทังชีวิตให้ช้างได้อีกด้วย ทั้งนี้ให้เฝ้าระวังพลายขุนเดชเป็นพิเศษ โชคดีในช่วงเย็นของวันเดียวกันระดับน้ำเริ่มลดระดับลง เป็นสัญญาณว่าน้ำน่าจะลดลงเป็นปกติในไม่ช้า วันรุ่งขึ้นระดับน้ำลดลง เหลือเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช้างเพศเมียถูกเคลื่อนย้ายขึ้นที่สูง ช้างตัวผู้ยังอยู่ในคอกของตัวเอง แต่ทุกตัวยังมีชีวิตอยู่แม้บางเชือกอาจแสดงอาการอ่อนเพลียบ้าง ดังนั้นการฟื้นฟูสุขภาพกาย และสภาวะจิตใจของช้างและควาญจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะโรคต่างๆที่มาหลังน้ำท่วม ก็ดี น้ำป่าที่อาจเข้าสู่ร่างกายช้างในช่วงก่อนหน้าทั้งทางเดินหายใจ ทางเดินอาหารก็ดี ดินโคลนที่มีรสชาดเย้ายวนต่อการลิ้มลองของช้างก็ดี หรือแม้กระทั่งอาหารที่อาจปนเปื้อน ที่ล้วนนำมาซึ่งความเจ็บป่วยของช้างเหล่านี้ได้ และสภาพจิตใจของช้างที่อาจตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การไม่คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เหล่านี้จำเป็นต้องฟื้นฟูและเฝ้าระวังกันต่อไป สรุปยอดรวมช้างในปางก่อนเกิดเหตุ จำนวน ๑๑๘ เชือก ภายหลังน้ำลด พบช้างเพศเมีย ๑๐๖ เชือก เป็นช้างเพศผู้ ๑๐ เชือก สูญหายและเสียชีวิต ๒ เชือก วันนี้ฝนตกเบาบางลงแล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันอีก การเรียนรู้บทเรียนและเตรียมแผนเผชิญเหตุทั้งของปางและผู้เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ต้องจัดทำ แม้ในวันนี้ช้างบ้านของไทยจะมีสถานะเป็นทรัพย์สินของผู้ถือครองตามกฎหมาย (พรบ.สัตว์พาหนะ ) แต่จากเหตุการณ์หลายๆครั้งที่ผ่านมา ล้วนกระทบจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ หลายส่วนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองติดตามอย่างใกล้ชิด จึงเป็นสิ่งที่ทุกท่านพึงตระหนักให้ดีว่า "ช้าง" มีสถานะยิ่งกว่าทรัพย์สิน แต่เขาคือสิ่งที่มีคุณค่า ที่สูงค่าอันประเมินมูลค่ามิได้ ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยเราทุกคน ปล. ขอบคุณภาพมุมสูงจากคุณน้ำหนึ่ง https://www.facebook.com/share/p/zPKFtdBiFkUnLwdL/
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • 🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠

    ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา

    ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公)

    🥳หนึ่ง🥳

    เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927

    ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา

    เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน

    ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน"

    หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋)

    ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า:

    “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง”

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ

    ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)"

    ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)"

    เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย

    ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้

    🥳สอง🥳

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ

    หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้

    หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง

    ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย

    แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛)

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ:

    เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง

    สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公)

    ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด

    ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10%

    นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น

    🥳สาม🥳

    เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว:

    ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ

    ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨)

    ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว

    หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ

    หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ

    ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า:

    ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน”

    หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร

    ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย

    หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป"

    เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠 ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) 🥳หนึ่ง🥳 เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927 ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน" หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋) ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า: “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง” การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)" ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)" เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้ 🥳สอง🥳 หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้ หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛) หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ: เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公) ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10% นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น 🥳สาม🥳 เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว: ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า: ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน” หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป" เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • ลุ้นระทึก! ชะตากรรมทางการเมือง “เอกราช ช่างเหลา" สส.พรรคภูมิใจไทย ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดีบ่ายพรุ่งนี้(7 ต.ค.)ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นกว่า 431 ล้านบาท หลังก่อนนี้ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูล ส.ส.บัญชีรายชื่อรายนี้ของพรรคภูมิใจไทยฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงกรณีถูกฟ้องคดีอาญาโกงสหกรณ์ครูฯ คดียังคาอยู่ที่ศาลฎีการอการวินิจฉัยตามขั้นตอนกฎหมาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095000

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ลุ้นระทึก! ชะตากรรมทางการเมือง “เอกราช ช่างเหลา" สส.พรรคภูมิใจไทย ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดีบ่ายพรุ่งนี้(7 ต.ค.)ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นกว่า 431 ล้านบาท หลังก่อนนี้ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูล ส.ส.บัญชีรายชื่อรายนี้ของพรรคภูมิใจไทยฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงกรณีถูกฟ้องคดีอาญาโกงสหกรณ์ครูฯ คดียังคาอยู่ที่ศาลฎีการอการวินิจฉัยตามขั้นตอนกฎหมาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095000 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    20
    0 Comments 1 Shares 661 Views 0 Reviews
  • สุริยะ ล้อมคอก เปิดทางทุจริต หากินกับชีวิตเด็ก

    'สุริยะ' นักการเมืองมือเก็บ ระดับแมว 9 ชีวิต ระวังจะพลาดสะดุดขาตัวเอง ทำนายกฯอุ๊งอิ๊ง รับเคราะห์ไปด้วยก็เป็นได้

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #เปิดทางทุจริต #นักการเมือง
    สุริยะ ล้อมคอก เปิดทางทุจริต หากินกับชีวิตเด็ก 'สุริยะ' นักการเมืองมือเก็บ ระดับแมว 9 ชีวิต ระวังจะพลาดสะดุดขาตัวเอง ทำนายกฯอุ๊งอิ๊ง รับเคราะห์ไปด้วยก็เป็นได้ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #เปิดทางทุจริต #นักการเมือง
    Like
    Wow
    Angry
    8
    0 Comments 0 Shares 307 Views 327 0 Reviews
  • เรือรบและเครื่องบินขับไล่ของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ทิ้งบอมบ์ถล่มที่ตั้งมากกว่า 10 แห่ง ตามพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกฮูตีในเยเมน ในนั้นรวมถึงกรุงซานา และเมืองท่าโฮเดดาห์ อ้างว่าเพื่อพิทักษ์สิทธิการเดินเรือและเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นของน่านน้ำสากล
    .
    พวกฮูตีคือกลุ่มชีอะห์ที่กล่าวอ้าวตนเองในฐานะรัฐบาลเยเมน และควบคุมพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ พวกเขาขัดขวางการเดินเรือของอิสราเอลและตะวันตกในทะเลแดงมานานเกือบ 1 ปี เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส และกดดันอิสราเอลให้หยุดโจมตีฉนวนกาซา
    .
    อ้างอิงจากกองทัพสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีเล็งเป้าเล่นงานเป้าหมายต่างๆ ของพวกฮูตี 15 แห่งในช่วงบ่ายวันศุกร์ (4 ต.ค.) สำแดงแสนยานุภาพทางทหารเชิงรุก เพื่อปกป้องไว้ซึ่งเสรีภาพในการเดินเรือและทำให้น่านน้ำสากลมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างความอุ่นใจแก่เรือของสหรัฐฯ พันธมิตรและเรือสินค้าต่างๆ
    .
    ก่อนหน้าถ้อยแถลงของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอเมริกาเปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า ปฏิบัติการโจมตีเล็งเป้าเล่นงาน "ระบบอาวุธ ฐานที่มั่นและยุทโธปกรณ์อื่นๆ ใน 5 ตำแหน่ง"
    .
    อ้างอิงรายงานข่าวของสื่อมวลชนเยเมน ระบุว่ามีการโจมตี 7 รอบ เล่นงานสนามบินโฮเดดาห์ และฐานทัพในเมืองคาเตอิบ นอกจากนี้ ยังมีรายงานการระเบิด 2 รอบในจังหวัดดามาร์และ 3 รอบในจังหวัดบายดา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงซานา ขณะที่ตัวเมืองหลวงตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี 4 รอบ
    .
    การโจมตีในวันศุกร์ (4 ต.ค.) ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่สหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีพวกฮูตี ในขณะที่ฝูงบินรบของอิสราเอลเปิดฉากถล่มเมืองโฮเดดาห์เช่นกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังพวกฮูตียิงขีปนาวุธลูกหนึ่งเข้าใส่อิสราเอล
    .
    พวกติดอาวุธในเยเมนกลุ่มนี้ ยิงขีปนาวุธและปล่อยโดรนเล่นงานเรือสินค้าไปแล้วมากกว่า 80 ลำ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน ครั้งที่อิสราเอลประกาศสงครามกับฮามาสในกาซา ตามหลังกลุ่มนักรบปาเลสไตน์บุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอล ในวันที่ 7 ตุลาคม
    .
    เบื้องต้น พวกฮูตีเล็งเป้าเล่นงานเฉพาะเรือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล แต่ขยายขอบเขตปฏิบัติการไปยังเรือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรด้วย หลังจากทั้ง 2 ประเทศจับมือกันโจมตีทางอากาศในเดือนมกราคม
    .
    วอชิงตันส่งเรือรบหลายลำเข้าสู่ภูมิภาค ส่วนหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่า "ปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง (Operation Prosperity Guardian)'" ความพยายามไม่ให้มีการปิดกั้นช่องแคบบับ เอล-มันเดบ อย่างไรก็ตามกองทัพเรือสหรัฐฯ ไม่อาจป้องปรามพวกฮูตีได้ ส่งผลให้เรือสินค้าต่างๆ ของตะวันตกต้องหลีกเลี่ยงคลองสุเอซ และเบี่ยงเส้นทางไปอ้อมแอฟริกาแทน
    .
    ฮูตีอ้างว่าพวกเขาสอยร่วงโดรนสอดแนมของสหรัฐฯ หลายสิบลำ เช่นเดียวกับการโจมตีด้วยโดรน ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยิงเข้าใส่บรรดาเรือรบของอเมริกาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทางกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ยืนยันว่าขีปนาวุธและโดรนที่พุ่งเข้ามาทั้งหมดถูกสกัดเอาไว้ได้
    .
    สหรัฐฯ กล่าวหาพวกฮูตีเป็นตัวแทนของอิหร่าน แต่ทางกลุ่มปฏิเสธ ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ อิหร่านรัวยิงขีปนาวุธห่าใหญ่เข้าใส่อิสราเอล แก้แค้นเหตุลอบสังหารพวกผู้นำฮามาสและฮิซบอลเลาะห์เมื่อเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับนายพลระดับสูงรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิบัติอิสลามแห่งอิหร่านในเลบานอน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094761
    ..................
    Sondhi X
    เรือรบและเครื่องบินขับไล่ของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ทิ้งบอมบ์ถล่มที่ตั้งมากกว่า 10 แห่ง ตามพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกฮูตีในเยเมน ในนั้นรวมถึงกรุงซานา และเมืองท่าโฮเดดาห์ อ้างว่าเพื่อพิทักษ์สิทธิการเดินเรือและเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นของน่านน้ำสากล . พวกฮูตีคือกลุ่มชีอะห์ที่กล่าวอ้าวตนเองในฐานะรัฐบาลเยเมน และควบคุมพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ พวกเขาขัดขวางการเดินเรือของอิสราเอลและตะวันตกในทะเลแดงมานานเกือบ 1 ปี เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส และกดดันอิสราเอลให้หยุดโจมตีฉนวนกาซา . อ้างอิงจากกองทัพสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีเล็งเป้าเล่นงานเป้าหมายต่างๆ ของพวกฮูตี 15 แห่งในช่วงบ่ายวันศุกร์ (4 ต.ค.) สำแดงแสนยานุภาพทางทหารเชิงรุก เพื่อปกป้องไว้ซึ่งเสรีภาพในการเดินเรือและทำให้น่านน้ำสากลมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างความอุ่นใจแก่เรือของสหรัฐฯ พันธมิตรและเรือสินค้าต่างๆ . ก่อนหน้าถ้อยแถลงของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอเมริกาเปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า ปฏิบัติการโจมตีเล็งเป้าเล่นงาน "ระบบอาวุธ ฐานที่มั่นและยุทโธปกรณ์อื่นๆ ใน 5 ตำแหน่ง" . อ้างอิงรายงานข่าวของสื่อมวลชนเยเมน ระบุว่ามีการโจมตี 7 รอบ เล่นงานสนามบินโฮเดดาห์ และฐานทัพในเมืองคาเตอิบ นอกจากนี้ ยังมีรายงานการระเบิด 2 รอบในจังหวัดดามาร์และ 3 รอบในจังหวัดบายดา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงซานา ขณะที่ตัวเมืองหลวงตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี 4 รอบ . การโจมตีในวันศุกร์ (4 ต.ค.) ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่สหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีพวกฮูตี ในขณะที่ฝูงบินรบของอิสราเอลเปิดฉากถล่มเมืองโฮเดดาห์เช่นกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังพวกฮูตียิงขีปนาวุธลูกหนึ่งเข้าใส่อิสราเอล . พวกติดอาวุธในเยเมนกลุ่มนี้ ยิงขีปนาวุธและปล่อยโดรนเล่นงานเรือสินค้าไปแล้วมากกว่า 80 ลำ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน ครั้งที่อิสราเอลประกาศสงครามกับฮามาสในกาซา ตามหลังกลุ่มนักรบปาเลสไตน์บุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอล ในวันที่ 7 ตุลาคม . เบื้องต้น พวกฮูตีเล็งเป้าเล่นงานเฉพาะเรือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล แต่ขยายขอบเขตปฏิบัติการไปยังเรือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรด้วย หลังจากทั้ง 2 ประเทศจับมือกันโจมตีทางอากาศในเดือนมกราคม . วอชิงตันส่งเรือรบหลายลำเข้าสู่ภูมิภาค ส่วนหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่า "ปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง (Operation Prosperity Guardian)'" ความพยายามไม่ให้มีการปิดกั้นช่องแคบบับ เอล-มันเดบ อย่างไรก็ตามกองทัพเรือสหรัฐฯ ไม่อาจป้องปรามพวกฮูตีได้ ส่งผลให้เรือสินค้าต่างๆ ของตะวันตกต้องหลีกเลี่ยงคลองสุเอซ และเบี่ยงเส้นทางไปอ้อมแอฟริกาแทน . ฮูตีอ้างว่าพวกเขาสอยร่วงโดรนสอดแนมของสหรัฐฯ หลายสิบลำ เช่นเดียวกับการโจมตีด้วยโดรน ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยิงเข้าใส่บรรดาเรือรบของอเมริกาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทางกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ยืนยันว่าขีปนาวุธและโดรนที่พุ่งเข้ามาทั้งหมดถูกสกัดเอาไว้ได้ . สหรัฐฯ กล่าวหาพวกฮูตีเป็นตัวแทนของอิหร่าน แต่ทางกลุ่มปฏิเสธ ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ อิหร่านรัวยิงขีปนาวุธห่าใหญ่เข้าใส่อิสราเอล แก้แค้นเหตุลอบสังหารพวกผู้นำฮามาสและฮิซบอลเลาะห์เมื่อเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับนายพลระดับสูงรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิบัติอิสลามแห่งอิหร่านในเลบานอน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094761 .................. Sondhi X
    Like
    Sad
    14
    0 Comments 0 Shares 367 Views 0 Reviews
  • 🔞 คำเตือน: รูปภาพที่รบกวน

    🤯 ทหารยูเครนถูกโจมตีด้วยโดรน (ดูวิดีโอ): แตะสองครั้งด้วยกลยุทธ์การโจมตีด้วยโดรนของรัสเซีย ทำให้รถปิคอัพของกองทัพยูเครนและบุคลากรอยู่ข้างในขาดรุ่งริ่ง

    ชมการประสานงานอย่างใกล้ชิดแบบเรียลไทม์ระหว่างหน่วยลาดตระเวนและกลุ่ม UAV ที่โจมตี ในช่วงเวลาหนึ่งหลังจากที่ยานพาหนะของศัตรูถูกพบเห็น โดรนกามิกาเซ่ของรัสเซียก็ใช้งานเพื่อสังหารและนำคนขับออกไปอย่างแม่นยำ (00:15)

    ขณะนี้รถคันนั้นไม่ได้ใช้งานแล้ว โดรนรัสเซียลำที่ 2 ที่เต็มไปด้วยเศษกระสุนค่อย ๆ บินวนอยู่ข้างใน ขณะที่แรงระเบิดของมันก็ทำลายรถยนต์เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และฉีกแขนขาของทหารออกจากกันอย่างรุนแรง (00:55)
    🔞 คำเตือน: รูปภาพที่รบกวน 🤯 ทหารยูเครนถูกโจมตีด้วยโดรน (ดูวิดีโอ): แตะสองครั้งด้วยกลยุทธ์การโจมตีด้วยโดรนของรัสเซีย ทำให้รถปิคอัพของกองทัพยูเครนและบุคลากรอยู่ข้างในขาดรุ่งริ่ง ชมการประสานงานอย่างใกล้ชิดแบบเรียลไทม์ระหว่างหน่วยลาดตระเวนและกลุ่ม UAV ที่โจมตี ในช่วงเวลาหนึ่งหลังจากที่ยานพาหนะของศัตรูถูกพบเห็น โดรนกามิกาเซ่ของรัสเซียก็ใช้งานเพื่อสังหารและนำคนขับออกไปอย่างแม่นยำ (00:15) ขณะนี้รถคันนั้นไม่ได้ใช้งานแล้ว โดรนรัสเซียลำที่ 2 ที่เต็มไปด้วยเศษกระสุนค่อย ๆ บินวนอยู่ข้างใน ขณะที่แรงระเบิดของมันก็ทำลายรถยนต์เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และฉีกแขนขาของทหารออกจากกันอย่างรุนแรง (00:55)
    Like
    2
    2 Comments 0 Shares 151 Views 135 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออก

    เดือนนี้ เพราะความพยายามขยันขันแข็งทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ กิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย โชคดีทั้งการงานและความรักโดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออก เดือนนี้ เพราะความพยายามขยันขันแข็งทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ กิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย โชคดีทั้งการงานและความรักโดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณเหนื่อยก็แค่พัก..พรุ่งนี้กลับมาสู้ใหม่!?
    ถ้าคุณเหนื่อยก็แค่พัก..พรุ่งนี้กลับมาสู้ใหม่!?
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • เคาะแล้ว เก้าอี้ เลขาฯ สมช.คนใหม่ คนในผงาดในรอบสิบปี
    .
    ผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช) วันนี้ 4 ตุลาคม ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน
    .
    ถูกจับตามองอย่างมากว่า ที่ประชุมจะลงมติให้เสนอชื่อใครเป็น “เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) “คนใหม่ แทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์

    โดยหลังการประชุม ภูมิธรรม ยังคงอุบไต๋ ไม่บอกว่า จะเสนอชื่อใครเข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้(วันที่8 ตุลาคม)แต่บอกว่า ได้รายชื่อแล้ว และข่าวสะพัดในช่วงเย็น ว่า คนที่จะได้รับการเสนอชื่อก็คือ คนในสมช. ไม่มีข้ามห้วย แบบหลายปีที่ผ่านมา
    .
    โดยนายภูมิธรรม กล่าวหลังการประชุมว่า เนื่องจากเวลาล่วงเลยมาแล้วจึงจำเป็นต้องรีบ เพื่อให้งานต่างๆ ขับเคลื่อนต่อได้ โดยจะมีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีว่าจะมีความเห็นอะไร อย่างไร ซึ่งกระบวนการยังไม่จบสิ้น ต้องคุยและหารือกันอีกเรื่อง โดยพยายามจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ให้ได้ในวันอังคารนี้
    .
    เมื่อถามว่า เลขาธิการสมช.คนใหม่ เป็นทหารหรือพลเรือน เคาะแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เคาะแล้วแต่ยังบอกไม่ได้
    ต่อข้อถามว่า จะเป็นคนใน สมช.หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเวลาเป็นคนนอก รองนายกฯ ภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปมองว่าคนนอกจะเป็นอย่างนั้น เพราะอยู่ที่ความจำเป็นและสถานการณ์ของแต่ละช่วง ทุกคนที่มาก็รับผิดชอบในหน้าที่ของตน แต่ว่าความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์หรืออะไรต่างๆ ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นคนนอกหรือคนในที่เคยเป็นมาก็สามารถทำได้ดีทั้งนั้น
    .
    เมื่อถามย้ำว่า ระบุให้ชัดได้หรือไม่ว่า เป็นคนในสมช. แต่ยังไม่บอกว่าเป็นใคร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ระบุไม่ได้ จนกว่าการตัดสินใจจะเกิดขึ้น
    .
    ส่วนกระแสข่าวระบุว่า ชื่อนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสมช. มาแรง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นข่าว อันนั้นก็เรื่องของข่าว โดยการเสนอชื่อ เป็นการให้เลือก โดยมีมากกว่า1 ชื่อ ซึ่งอำนาจสูงสุดอยู่ที่คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี
    .
    สำหรับเก้าอี้ เลขาธิการสมช.ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา พบว่า เป็นการข้ามห้วยมาทั้งหมด ทั้งจากทหารและตำรวจ ที่มาเอาตำแหน่งเลขาธิการสมช. โดยเลขาธิการสมช.คนสุดท้ายที่เป็นพลเรือนและเป็นลูกหม้อของสมช.คือ นายอนุสิษฐ คุณากร ที่ทำหน้าที่หนึ่งปี คือในช่วง1 ตุลาคม พ.ศ. 2557ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2558
    .
    หลังจากนั้น เลขาธิการสมช. ก็มาจาก คนนอก ข้ามห้วยมาตลอดเกือบสิบปี ไล่เรียงกันมาดังนี้
    .
    พลเอก ทวีป เนตรนิยม 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2560
    พลเอก วัลลภ รักเสนาะ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2562
    พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2563
    พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2564 ปัจจุบันเป็นรมช.กลาโหม
    .
    พลเอก สุพจน์ มาลานิยม 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2566
    พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ 19 มีนาคม พ.ศ. 2567 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2567
    .
    อย่างไรก็ตาม ข่าวบางกระแสรายงานว่า ในที่ประชุมบอร์ดสมช. ที่พิจารณาเรื่องดังกล่าว มีการพิจารณารายชื่อคนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการสมช. จากคนใน โดยมีแคนดิเดตสามคนที่เป็นรองเลขาธิการสมช.เรียงตามลำดับอาวุโส คือ นายฉัตรชัย บางชวด นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ และนายวรณัฐ คงเมือง
    .
    โดยมีข่าวบางกระบอกว่า นายฉัตรชัย บางชวด จะถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการ สมช.คนใหม่ แต่นายภูมิธรรม จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับ นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯก่อน
    ซึ่งก็คาดว่า ยังไง แพทองธาร ก็ต้อง มีการปรึกษา สอบถามท่าทีจากทักษิณ ชินวัตรก่อน ว่าจะไฟเขียวหรือไม่
    .................
    Sondhi X
    เคาะแล้ว เก้าอี้ เลขาฯ สมช.คนใหม่ คนในผงาดในรอบสิบปี . ผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช) วันนี้ 4 ตุลาคม ที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน . ถูกจับตามองอย่างมากว่า ที่ประชุมจะลงมติให้เสนอชื่อใครเป็น “เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) “คนใหม่ แทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ โดยหลังการประชุม ภูมิธรรม ยังคงอุบไต๋ ไม่บอกว่า จะเสนอชื่อใครเข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้(วันที่8 ตุลาคม)แต่บอกว่า ได้รายชื่อแล้ว และข่าวสะพัดในช่วงเย็น ว่า คนที่จะได้รับการเสนอชื่อก็คือ คนในสมช. ไม่มีข้ามห้วย แบบหลายปีที่ผ่านมา . โดยนายภูมิธรรม กล่าวหลังการประชุมว่า เนื่องจากเวลาล่วงเลยมาแล้วจึงจำเป็นต้องรีบ เพื่อให้งานต่างๆ ขับเคลื่อนต่อได้ โดยจะมีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีว่าจะมีความเห็นอะไร อย่างไร ซึ่งกระบวนการยังไม่จบสิ้น ต้องคุยและหารือกันอีกเรื่อง โดยพยายามจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ให้ได้ในวันอังคารนี้ . เมื่อถามว่า เลขาธิการสมช.คนใหม่ เป็นทหารหรือพลเรือน เคาะแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เคาะแล้วแต่ยังบอกไม่ได้ ต่อข้อถามว่า จะเป็นคนใน สมช.หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเวลาเป็นคนนอก รองนายกฯ ภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปมองว่าคนนอกจะเป็นอย่างนั้น เพราะอยู่ที่ความจำเป็นและสถานการณ์ของแต่ละช่วง ทุกคนที่มาก็รับผิดชอบในหน้าที่ของตน แต่ว่าความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์หรืออะไรต่างๆ ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นคนนอกหรือคนในที่เคยเป็นมาก็สามารถทำได้ดีทั้งนั้น . เมื่อถามย้ำว่า ระบุให้ชัดได้หรือไม่ว่า เป็นคนในสมช. แต่ยังไม่บอกว่าเป็นใคร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ระบุไม่ได้ จนกว่าการตัดสินใจจะเกิดขึ้น . ส่วนกระแสข่าวระบุว่า ชื่อนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสมช. มาแรง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นข่าว อันนั้นก็เรื่องของข่าว โดยการเสนอชื่อ เป็นการให้เลือก โดยมีมากกว่า1 ชื่อ ซึ่งอำนาจสูงสุดอยู่ที่คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี . สำหรับเก้าอี้ เลขาธิการสมช.ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา พบว่า เป็นการข้ามห้วยมาทั้งหมด ทั้งจากทหารและตำรวจ ที่มาเอาตำแหน่งเลขาธิการสมช. โดยเลขาธิการสมช.คนสุดท้ายที่เป็นพลเรือนและเป็นลูกหม้อของสมช.คือ นายอนุสิษฐ คุณากร ที่ทำหน้าที่หนึ่งปี คือในช่วง1 ตุลาคม พ.ศ. 2557ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2558 . หลังจากนั้น เลขาธิการสมช. ก็มาจาก คนนอก ข้ามห้วยมาตลอดเกือบสิบปี ไล่เรียงกันมาดังนี้ . พลเอก ทวีป เนตรนิยม 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2560 พลเอก วัลลภ รักเสนาะ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2562 พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2563 พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2564 ปัจจุบันเป็นรมช.กลาโหม . พลเอก สุพจน์ มาลานิยม 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2566 พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ 19 มีนาคม พ.ศ. 2567 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2567 . อย่างไรก็ตาม ข่าวบางกระแสรายงานว่า ในที่ประชุมบอร์ดสมช. ที่พิจารณาเรื่องดังกล่าว มีการพิจารณารายชื่อคนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการสมช. จากคนใน โดยมีแคนดิเดตสามคนที่เป็นรองเลขาธิการสมช.เรียงตามลำดับอาวุโส คือ นายฉัตรชัย บางชวด นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ และนายวรณัฐ คงเมือง . โดยมีข่าวบางกระบอกว่า นายฉัตรชัย บางชวด จะถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการ สมช.คนใหม่ แต่นายภูมิธรรม จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับ นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯก่อน ซึ่งก็คาดว่า ยังไง แพทองธาร ก็ต้อง มีการปรึกษา สอบถามท่าทีจากทักษิณ ชินวัตรก่อน ว่าจะไฟเขียวหรือไม่ ................. Sondhi X
    Like
    10
    0 Comments 2 Shares 371 Views 1 Reviews
  • #ดวงรายวัน 5 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานมีความมั่นคงดี การเงิน: มีรายจ่ายกี่ยวกับลูก หรือหมดเงินกับรถ ค่าปรับค่าซ่อม ความรัก: มีดวงทะเลาะกับรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา รักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนรูปร่างท้วมหรืออ้วนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง โรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีงานเข้ามาหลายทาง มีโอกาสได้งานเพิ่มงานเสริม ระวังจะมีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน หากมีคนที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ ต้องดูให้ดีเพราะมีโอกาสเป็นรักซ้อน การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก รับผิดชอบหลายปากท้อง จะหมดเงินกับคนรัก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะการโกหก เจ้าชู้นอกใจ คนโสด:จะมีคนเข้ามาเปย์ อาจได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามา สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดหัว ระบบประสาท การเดินทาง:ให้ระวังสัตว์ตัดหน้ารถ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทาง ระวังจะมีศัตรูมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดี ให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก:ต่างคนต่างอยู่ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนเจ้าชู้เข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะเป็นคนที่อยู่ไกลกันหรือคนทางออนไลน์สุขภาพ: ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เป็นบ่อยๆจะกลับมาอีกครั้ง การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:งานค่อนข้างหนัก จะได้รับผิดชอบงานหลายอย่าง แต่งานมีความก้าวหน้าดี การเงิน:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ ให้ระวังคนเก่าๆจะเข้ามาทำให้เกิดปัญหา ความรัก: จะมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวใกล้ชิด คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน ปวดข้อเข่า ปวดหลัง โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีปัญหาจุกจิก จะมีคนทำให้อารมณ์เสีย ทำงานไม่ได้ดั่งใจเลย การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับผลไม้ ของกินของฝาก ต้นไม้ ของตกแต่งบ้าน ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้บุตร คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรืออาจจะมีคนแนะนำแฟนให้ สุขภาพ:ปวดขา ปวดเมื่อยตามตัว มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทาง การท่องเที่ยว ความรัก: คนรักจะยั่วโมโหทำให้อารมณ์เสีย หรืออารมณ์แปรปรวนง่าย เอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: อยู่แบบเหงาๆ หรืออาจจะมีเรื่องยุ่งกับงานหรือคนในครอบครัว ไม่มีเวลาออกไปเจอใคร สุขภาพ: ปวดตา หู สายตาไม่ดี นอนไม่หลับ การเดินทาง: ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีงานคั่งค้างมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก บ้าน รถ ใครผ่อนบ้านผ่อนรถต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ให้ระวังทะเลาะกันเพราะอารมณ์หงุดหงิดง่าย คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนวียน สุขภาพ: โรคในช่องปาก ให้ระวังอันตรายจากสัตว์ การเดินทาง:ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังมีปัญหาเกี่ยวกับล้อรถ ยางรถ
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 5 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานมีความมั่นคงดี การเงิน: มีรายจ่ายกี่ยวกับลูก หรือหมดเงินกับรถ ค่าปรับค่าซ่อม ความรัก: มีดวงทะเลาะกับรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา รักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนรูปร่างท้วมหรืออ้วนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง โรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีงานเข้ามาหลายทาง มีโอกาสได้งานเพิ่มงานเสริม ระวังจะมีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน หากมีคนที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ ต้องดูให้ดีเพราะมีโอกาสเป็นรักซ้อน การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก รับผิดชอบหลายปากท้อง จะหมดเงินกับคนรัก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะการโกหก เจ้าชู้นอกใจ คนโสด:จะมีคนเข้ามาเปย์ อาจได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามา สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดหัว ระบบประสาท การเดินทาง:ให้ระวังสัตว์ตัดหน้ารถ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทาง ระวังจะมีศัตรูมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดี ให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก:ต่างคนต่างอยู่ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนเจ้าชู้เข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะเป็นคนที่อยู่ไกลกันหรือคนทางออนไลน์สุขภาพ: ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เป็นบ่อยๆจะกลับมาอีกครั้ง การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:งานค่อนข้างหนัก จะได้รับผิดชอบงานหลายอย่าง แต่งานมีความก้าวหน้าดี การเงิน:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ ให้ระวังคนเก่าๆจะเข้ามาทำให้เกิดปัญหา ความรัก: จะมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวใกล้ชิด คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน ปวดข้อเข่า ปวดหลัง โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีปัญหาจุกจิก จะมีคนทำให้อารมณ์เสีย ทำงานไม่ได้ดั่งใจเลย การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับผลไม้ ของกินของฝาก ต้นไม้ ของตกแต่งบ้าน ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้บุตร คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรืออาจจะมีคนแนะนำแฟนให้ สุขภาพ:ปวดขา ปวดเมื่อยตามตัว มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทาง การท่องเที่ยว ความรัก: คนรักจะยั่วโมโหทำให้อารมณ์เสีย หรืออารมณ์แปรปรวนง่าย เอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: อยู่แบบเหงาๆ หรืออาจจะมีเรื่องยุ่งกับงานหรือคนในครอบครัว ไม่มีเวลาออกไปเจอใคร สุขภาพ: ปวดตา หู สายตาไม่ดี นอนไม่หลับ การเดินทาง: ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีงานคั่งค้างมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก บ้าน รถ ใครผ่อนบ้านผ่อนรถต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ให้ระวังทะเลาะกันเพราะอารมณ์หงุดหงิดง่าย คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนวียน สุขภาพ: โรคในช่องปาก ให้ระวังอันตรายจากสัตว์ การเดินทาง:ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังมีปัญหาเกี่ยวกับล้อรถ ยางรถ ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 5 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานมีความมั่นคงดี การเงิน: มีรายจ่ายกี่ยวกับลูก หรือหมดเงินกับรถ ค่าปรับค่าซ่อม ความรัก: มีดวงทะเลาะกับรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา รักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนรูปร่างท้วมหรืออ้วนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง โรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีงานเข้ามาหลายทาง มีโอกาสได้งานเพิ่มงานเสริม ระวังจะมีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน หากมีคนที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ ต้องดูให้ดีเพราะมีโอกาสเป็นรักซ้อน การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก รับผิดชอบหลายปากท้อง จะหมดเงินกับคนรัก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะการโกหก เจ้าชู้นอกใจ คนโสด:จะมีคนเข้ามาเปย์ อาจได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามา สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดหัว ระบบประสาท การเดินทาง:ให้ระวังสัตว์ตัดหน้ารถ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทาง ระวังจะมีศัตรูมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดี ให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก:ต่างคนต่างอยู่ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนเจ้าชู้เข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะเป็นคนที่อยู่ไกลกันหรือคนทางออนไลน์สุขภาพ: ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เป็นบ่อยๆจะกลับมาอีกครั้ง การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:งานค่อนข้างหนัก จะได้รับผิดชอบงานหลายอย่าง แต่งานมีความก้าวหน้าดี การเงิน:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ ให้ระวังคนเก่าๆจะเข้ามาทำให้เกิดปัญหา ความรัก: จะมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวใกล้ชิด คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน ปวดข้อเข่า ปวดหลัง โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีปัญหาจุกจิก จะมีคนทำให้อารมณ์เสีย ทำงานไม่ได้ดั่งใจเลย การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับผลไม้ ของกินของฝาก ต้นไม้ ของตกแต่งบ้าน ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้บุตร คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรืออาจจะมีคนแนะนำแฟนให้ สุขภาพ:ปวดขา ปวดเมื่อยตามตัว มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทาง การท่องเที่ยว ความรัก: คนรักจะยั่วโมโหทำให้อารมณ์เสีย หรืออารมณ์แปรปรวนง่าย เอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: อยู่แบบเหงาๆ หรืออาจจะมีเรื่องยุ่งกับงานหรือคนในครอบครัว ไม่มีเวลาออกไปเจอใคร สุขภาพ: ปวดตา หู สายตาไม่ดี นอนไม่หลับ การเดินทาง: ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีงานคั่งค้างมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก บ้าน รถ ใครผ่อนบ้านผ่อนรถต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ให้ระวังทะเลาะกันเพราะอารมณ์หงุดหงิดง่าย คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนวียน สุขภาพ: โรคในช่องปาก ให้ระวังอันตรายจากสัตว์ การเดินทาง:ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังมีปัญหาเกี่ยวกับล้อรถ ยางรถ
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 5 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานมีความมั่นคงดี การเงิน: มีรายจ่ายกี่ยวกับลูก หรือหมดเงินกับรถ ค่าปรับค่าซ่อม ความรัก: มีดวงทะเลาะกับรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา รักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนรูปร่างท้วมหรืออ้วนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง โรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีงานเข้ามาหลายทาง มีโอกาสได้งานเพิ่มงานเสริม ระวังจะมีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน หากมีคนที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ ต้องดูให้ดีเพราะมีโอกาสเป็นรักซ้อน การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก รับผิดชอบหลายปากท้อง จะหมดเงินกับคนรัก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะการโกหก เจ้าชู้นอกใจ คนโสด:จะมีคนเข้ามาเปย์ อาจได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามา สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดหัว ระบบประสาท การเดินทาง:ให้ระวังสัตว์ตัดหน้ารถ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทาง ระวังจะมีศัตรูมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดี ให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก:ต่างคนต่างอยู่ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนเจ้าชู้เข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะเป็นคนที่อยู่ไกลกันหรือคนทางออนไลน์สุขภาพ: ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เป็นบ่อยๆจะกลับมาอีกครั้ง การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:งานค่อนข้างหนัก จะได้รับผิดชอบงานหลายอย่าง แต่งานมีความก้าวหน้าดี การเงิน:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ ให้ระวังคนเก่าๆจะเข้ามาทำให้เกิดปัญหา ความรัก: จะมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวใกล้ชิด คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน ปวดข้อเข่า ปวดหลัง โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีปัญหาจุกจิก จะมีคนทำให้อารมณ์เสีย ทำงานไม่ได้ดั่งใจเลย การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับผลไม้ ของกินของฝาก ต้นไม้ ของตกแต่งบ้าน ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้บุตร คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรืออาจจะมีคนแนะนำแฟนให้ สุขภาพ:ปวดขา ปวดเมื่อยตามตัว มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทาง การท่องเที่ยว ความรัก: คนรักจะยั่วโมโหทำให้อารมณ์เสีย หรืออารมณ์แปรปรวนง่าย เอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: อยู่แบบเหงาๆ หรืออาจจะมีเรื่องยุ่งกับงานหรือคนในครอบครัว ไม่มีเวลาออกไปเจอใคร สุขภาพ: ปวดตา หู สายตาไม่ดี นอนไม่หลับ การเดินทาง: ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีงานคั่งค้างมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก บ้าน รถ ใครผ่อนบ้านผ่อนรถต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ให้ระวังทะเลาะกันเพราะอารมณ์หงุดหงิดง่าย คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนวียน สุขภาพ: โรคในช่องปาก ให้ระวังอันตรายจากสัตว์ การเดินทาง:ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังมีปัญหาเกี่ยวกับล้อรถ ยางรถ ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 5 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานมีความมั่นคงดี การเงิน: มีรายจ่ายกี่ยวกับลูก หรือหมดเงินกับรถ ค่าปรับค่าซ่อม ความรัก: มีดวงทะเลาะกับรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา รักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนรูปร่างท้วมหรืออ้วนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง โรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีงานเข้ามาหลายทาง มีโอกาสได้งานเพิ่มงานเสริม ระวังจะมีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน หากมีคนที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ ต้องดูให้ดีเพราะมีโอกาสเป็นรักซ้อน การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก รับผิดชอบหลายปากท้อง จะหมดเงินกับคนรัก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะการโกหก เจ้าชู้นอกใจ คนโสด:จะมีคนเข้ามาเปย์ อาจได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามา สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดหัว ระบบประสาท การเดินทาง:ให้ระวังสัตว์ตัดหน้ารถ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทาง ระวังจะมีศัตรูมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดี ให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก:ต่างคนต่างอยู่ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนเจ้าชู้เข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะเป็นคนที่อยู่ไกลกันหรือคนทางออนไลน์สุขภาพ: ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เป็นบ่อยๆจะกลับมาอีกครั้ง การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:งานค่อนข้างหนัก จะได้รับผิดชอบงานหลายอย่าง แต่งานมีความก้าวหน้าดี การเงิน:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ ให้ระวังคนเก่าๆจะเข้ามาทำให้เกิดปัญหา ความรัก: จะมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวใกล้ชิด คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน ปวดข้อเข่า ปวดหลัง โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีปัญหาจุกจิก จะมีคนทำให้อารมณ์เสีย ทำงานไม่ได้ดั่งใจเลย การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับผลไม้ ของกินของฝาก ต้นไม้ ของตกแต่งบ้าน ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้บุตร คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรืออาจจะมีคนแนะนำแฟนให้ สุขภาพ:ปวดขา ปวดเมื่อยตามตัว มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทาง การท่องเที่ยว ความรัก: คนรักจะยั่วโมโหทำให้อารมณ์เสีย หรืออารมณ์แปรปรวนง่าย เอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: อยู่แบบเหงาๆ หรืออาจจะมีเรื่องยุ่งกับงานหรือคนในครอบครัว ไม่มีเวลาออกไปเจอใคร สุขภาพ: ปวดตา หู สายตาไม่ดี นอนไม่หลับ การเดินทาง: ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีงานคั่งค้างมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก บ้าน รถ ใครผ่อนบ้านผ่อนรถต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ให้ระวังทะเลาะกันเพราะอารมณ์หงุดหงิดง่าย คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนวียน สุขภาพ: โรคในช่องปาก ให้ระวังอันตรายจากสัตว์ การเดินทาง:ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังมีปัญหาเกี่ยวกับล้อรถ ยางรถ
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 5 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานมีความมั่นคงดี การเงิน: มีรายจ่ายกี่ยวกับลูก หรือหมดเงินกับรถ ค่าปรับค่าซ่อม ความรัก: มีดวงทะเลาะกับรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา รักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนรูปร่างท้วมหรืออ้วนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง โรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีงานเข้ามาหลายทาง มีโอกาสได้งานเพิ่มงานเสริม ระวังจะมีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน หากมีคนที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ ต้องดูให้ดีเพราะมีโอกาสเป็นรักซ้อน การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก รับผิดชอบหลายปากท้อง จะหมดเงินกับคนรัก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะการโกหก เจ้าชู้นอกใจ คนโสด:จะมีคนเข้ามาเปย์ อาจได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามา สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดหัว ระบบประสาท การเดินทาง:ให้ระวังสัตว์ตัดหน้ารถ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทาง ระวังจะมีศัตรูมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดี ให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายมาก อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก:ต่างคนต่างอยู่ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ คนโสด: มีคนเจ้าชู้เข้ามาชอบเข้ามาจีบ และอาจจะเป็นคนที่อยู่ไกลกันหรือคนทางออนไลน์สุขภาพ: ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เป็นบ่อยๆจะกลับมาอีกครั้ง การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:งานค่อนข้างหนัก จะได้รับผิดชอบงานหลายอย่าง แต่งานมีความก้าวหน้าดี การเงิน:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ ให้ระวังคนเก่าๆจะเข้ามาทำให้เกิดปัญหา ความรัก: จะมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวใกล้ชิด คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน ปวดข้อเข่า ปวดหลัง โรคกระดูก การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีปัญหาจุกจิก จะมีคนทำให้อารมณ์เสีย ทำงานไม่ได้ดั่งใจเลย การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับผลไม้ ของกินของฝาก ต้นไม้ ของตกแต่งบ้าน ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้บุตร คนโสด:มีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรืออาจจะมีคนแนะนำแฟนให้ สุขภาพ:ปวดขา ปวดเมื่อยตามตัว มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทาง การท่องเที่ยว ความรัก: คนรักจะยั่วโมโหทำให้อารมณ์เสีย หรืออารมณ์แปรปรวนง่าย เอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: อยู่แบบเหงาๆ หรืออาจจะมีเรื่องยุ่งกับงานหรือคนในครอบครัว ไม่มีเวลาออกไปเจอใคร สุขภาพ: ปวดตา หู สายตาไม่ดี นอนไม่หลับ การเดินทาง: ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีงานคั่งค้างมากต้องรีบสะสาง อาจได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก บ้าน รถ ใครผ่อนบ้านผ่อนรถต้องบริหารจัดการเงินให้ดี ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ให้ระวังทะเลาะกันเพราะอารมณ์หงุดหงิดง่าย คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนวียน สุขภาพ: โรคในช่องปาก ให้ระวังอันตรายจากสัตว์ การเดินทาง:ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังมีปัญหาเกี่ยวกับล้อรถ ยางรถ ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • 🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠

    😎#ออกจากประตูหยก😎

    🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸

    🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸

    😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎

    🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก

    🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸

    🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)

    รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸

    😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎

    🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก

    เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸

    เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸

    😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎

    🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา

    🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก

    🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก

    🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล

    บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸

    หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸

    🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02.
    #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠 😎#ออกจากประตูหยก😎 🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸 🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸 😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎 🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก 🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸 🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸 😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎 🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸 เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸 😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎 🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา 🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก 🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก 🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸 หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸 🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02. #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!!

    ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!!

    ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก
    คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน
    และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย……
    เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ
    พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า

    กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน
    เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล
    ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี……

    กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา
    แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี
    เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ)
    แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร

    สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว

    ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์
    ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย

    ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน
    นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้
    ปูตินตอบว่า……
    “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..??
    แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน)
    จากนั้นกลุ่ม ***** Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ

    ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO
    ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย…
    ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!!

    การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร
    เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…??
    เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!!

    ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……)
    ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……)
    และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้)

    มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง
    เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill
    จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว…
    ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่
    แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น

    ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin
    เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม…

    เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี……
    ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง
    ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว
    ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์

    ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม

    และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน
    จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda”
    ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า
    “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?”
    ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า
    “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..”
    ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า…
    “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
    นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง

    ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010)
    ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน
    ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง)
    เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ)
    คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก
    บานมาเป็น 260 ล้าน…
    ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ)
    แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…???
    คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!!
    ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……”
    แล้วเขาก็เดินออกไป….

    วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี
    ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน……
    ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff
    (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน)

    ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ
    หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี
    ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด
    เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ
    เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา
    ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย
    แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป………
    รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร
    เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว..


    Wiwanda W. Vichit
    ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!! ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!! ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย…… เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี…… กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ) แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์ ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้ ปูตินตอบว่า…… “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..?? แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน) จากนั้นกลุ่ม Pussy Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย… ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!! การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…?? เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!! ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……) ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……) และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้) มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว… ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่ แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม… เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี…… ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์ ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda” ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?” ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..” ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า… “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010) ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง) เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ) คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก บานมาเป็น 260 ล้าน… ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ) แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…??? คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!! ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……” แล้วเขาก็เดินออกไป…. วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน…… ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน) ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป……… รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว.. Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • 🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠

    คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University)

    ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)

    ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

    เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

    แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร

    น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ

    นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา

    นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต

    ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง

    ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน!

    ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย

    อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์...

    ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ?

    ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา

    🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠 คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University) ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน! ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์... ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ? ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา 🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 413 Views 0 Reviews
  • รับมือแม่สายระดับน้ำสูง อพยพชาวบ้านสายลมจอย การไฟฟ้าฯ ดับไฟฉุกเฉิน
    .
    วันนี้ (3 ต.ค.) สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำสาย บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสาย บริเวณด่านพรมแดนแม่สาย ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และร้านค้าบริเวณตลาดสายลมจอย นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์แล้ว
    .
    ล่าสุด เมื่อเวลา 11.50 น. อำเภอแม่สาย สั่งอพยพชาวบ้านบริเวณซอยสายลมจอย ไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว อยู่ที่วัดดอยเวา วัดถ้ำผาจม ส่วนเครื่องจักรกลต่างๆ ที่เข้าไปฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดระลอกแรก หยุดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากระดับน้ำสูง ปฏิบัติงานไม่ได้
    .
    ด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาแม่สาย ประกาศว่า เวลา 11.10 น. จะมีการดับกระแสไฟฟ้าฉุกเฉินบริเวณสายลมจอย ถึงเกาะทราย เนื่องจากระดับน้ำท่วมขึ้นสูงบริเวณถนนสายลมจอย โดยจะมีผู้ได้รับผลกระทบ บริเวณบ้านถ้ำผาจม ถึงสายลมจอย หมู่บ้านไม้ลุงขน หมู่บ้านเกาะทราย ผามควาย
    .
    ขณะที่สถานการณ์ในจังหวัดเชียงราย พบว่าฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 2 ต.ค. ทำให้ช่วงเช้าวันนี้หลายพื่นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงรายมีน้ำท่วมขัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระบายน้ำลดผลกระทบให้กับประชาชนเป็นการเร่งด่วนแล้ว
    .
    ขณะทีีสถานีอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ได้มีการคาดหมายลักษณะอากาศวันนี้ ว่ายังคงมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้มีการประกาศ เฝ้าระวัง น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังแม่น้ำกก ช่วงวันที่ 2-9 ต.ค. 2567 เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ทำให้ฝนตกหนักมากในพื้นที่ต้นน้ำในเขต อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำกก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าระดับน้ำจะล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้แม่น้ำกก บริเวณ อ.เมืองเชียงราย เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง แม่จัน ดอยหลวง และเชียงแสน จ.เชียงราย ประมาณ 0.5 - 1.0 เมตร
    .
    ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งเตือนทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อม เครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ กำลังพลพร้อมให้ความช่วยเหลือทันที ตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อได้รับการร้องขอ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ส่วนหน้าจังหวัดเชียงราย (ศปช. ส่วนหน้า จ.เชียงราย) หมายเลขโทรศัพท์ 09 3131 1784 สายด่วน 1567
    ..............
    Sondhi X
    รับมือแม่สายระดับน้ำสูง อพยพชาวบ้านสายลมจอย การไฟฟ้าฯ ดับไฟฉุกเฉิน . วันนี้ (3 ต.ค.) สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำสาย บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสาย บริเวณด่านพรมแดนแม่สาย ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และร้านค้าบริเวณตลาดสายลมจอย นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์แล้ว . ล่าสุด เมื่อเวลา 11.50 น. อำเภอแม่สาย สั่งอพยพชาวบ้านบริเวณซอยสายลมจอย ไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว อยู่ที่วัดดอยเวา วัดถ้ำผาจม ส่วนเครื่องจักรกลต่างๆ ที่เข้าไปฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดระลอกแรก หยุดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากระดับน้ำสูง ปฏิบัติงานไม่ได้ . ด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาแม่สาย ประกาศว่า เวลา 11.10 น. จะมีการดับกระแสไฟฟ้าฉุกเฉินบริเวณสายลมจอย ถึงเกาะทราย เนื่องจากระดับน้ำท่วมขึ้นสูงบริเวณถนนสายลมจอย โดยจะมีผู้ได้รับผลกระทบ บริเวณบ้านถ้ำผาจม ถึงสายลมจอย หมู่บ้านไม้ลุงขน หมู่บ้านเกาะทราย ผามควาย . ขณะที่สถานการณ์ในจังหวัดเชียงราย พบว่าฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 2 ต.ค. ทำให้ช่วงเช้าวันนี้หลายพื่นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงรายมีน้ำท่วมขัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระบายน้ำลดผลกระทบให้กับประชาชนเป็นการเร่งด่วนแล้ว . ขณะทีีสถานีอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ได้มีการคาดหมายลักษณะอากาศวันนี้ ว่ายังคงมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้มีการประกาศ เฝ้าระวัง น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังแม่น้ำกก ช่วงวันที่ 2-9 ต.ค. 2567 เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ทำให้ฝนตกหนักมากในพื้นที่ต้นน้ำในเขต อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำกก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าระดับน้ำจะล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้แม่น้ำกก บริเวณ อ.เมืองเชียงราย เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง แม่จัน ดอยหลวง และเชียงแสน จ.เชียงราย ประมาณ 0.5 - 1.0 เมตร . ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งเตือนทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อม เครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ กำลังพลพร้อมให้ความช่วยเหลือทันที ตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อได้รับการร้องขอ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ส่วนหน้าจังหวัดเชียงราย (ศปช. ส่วนหน้า จ.เชียงราย) หมายเลขโทรศัพท์ 09 3131 1784 สายด่วน 1567 .............. Sondhi X
    Sad
    Like
    8
    0 Comments 1 Shares 544 Views 0 Reviews
  • รายงานจากเพจLiving Pop เกี่ยวกับผลกระทบผู้ใช้เส้นทางสัญจรในโซนเกาะรัตนโกสินทร์หรือเขตเมืองเก่า พื้นที่ประวัติศาสตร์ในเขตพระนครต้องรู้ถึงอนาคตถนนสายหลักของย่านเมืองเก่าจะถูกปิดเบี่ยงการจราจรเพื่อก่อสร้างสถานี interchange ใหญ่ เนื้อหาระบุว่า

    “ 🧡 สายสีม่วงก็ยังมี สายสีส้มก็กำลังมา ใครใช้ถนนในเขตเมืองเก่าเดินทางทุกวันต้องปรับตัวรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ เพราะทางเลือกน้อยลงกว่าเดิมอีกครับ

    ทุกวันนี้ใครที่เดินทางผ่านตัวเมืองเก่าคงเห็นสภาพการปิดถนนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ไล่มาตามถนนพระสุเมรุตั้งแต่วัดบวรนิเวศ แยกผ่านฟ้า ลงมาจนถึงสวนรมณีนาถ แยกสามยอด ไปสุดที่เชิงสะพานพระปกเกล้า

    แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ ถนนสายหลักของย่านเมืองเก่าจะถูกปิดเบี่ยงการจราจรเพื่อก่อสร้างสถานี interchange ใหญ่ นั่นก็คือ...

    "ถนนราชดำเนินกลาง"

    โดยแนว "🧡 สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย" จะอยู่ใต้ถนนราชดำเนินกลาง ค่อนไปทางฝั่งทิศเหนือ (ขาออก) โดยตัวสถานีจะทอดยาวตั้งแต่นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ไปจนถึงวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเลยครับ

    สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกันกับสถานีชื่อเดียวกันของสายสีม่วง ที่กำลังก่อสร้างอยู่ใต้ถนนพระสุเมรุ โดยมีทางเดินเชื่อมถึงกันทั้งแบบสาธารณะ (unpaid area) และพื้นที่ผู้โดยสาร (paid area) แยกกันคนละชั้นเลย โดยทางเชื่อมจะอ้อมไปด้านหลังตึกเทเวศประกันภัย ที่อยู่ตรงหัวมุมแยกป้อมมหากาฬ

    ---------------

    นอกจากสถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใกล้เคียงกันยังมีอีกสถานีนึงครับ นั่นก็คือ "🧡 สถานีสนามหลวง" ซึ่งจะตั้งอยู่เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า บนถนนราชินี ด้านหน้าโรงละครแห่งชาติและวัดบวรสถานสุทธาวาส

    โดยจะมีอุโมงค์ทางเข้าออกลอดใต้เชิงทางขึ้นสะพานปิ่นเกล้า ไปโผล่ฝั่งหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์เหรียญด้วย รวมถึงมีทางเข้าออกที่ริมขอบสนามหลวงด้วยอีก ซึ่งการขุดทางเชื่อมทางเข้าออกก็อาจจะต้องมีการเปิดหน้าดินบ้างนิดหน่อย

    ---------------

    อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลในเอกสาร EIA ระบุเอาไว้ว่าทั้ง 2 สถานีนี้จะใช้เทคนิคการก่อสร้างแบบพิเศษที่เรียกว่า Pipe Roof คือการหล่อผนังด้านข้างสถานีลงไปก่อน แล้วดันท่อขนาดใหญ่จากด้านข้าง เสียบเข้าไปเชื่อมผนังสถานีทั้งสองฝั่ง โดยจะดันท่อแบบนี้เรียงติดกันเป็นพืดๆ ให้ทำหน้าที่เหมือนเป็นหลังคาสถานีชั่วคราว จากนั้นจะขุดลงไปเพื่อก่อสร้างสถานี "โดยไม่เปิดหน้าดินบนถนน" เทคนิคนี้ถูกใช้ครั้งแรกที่สถานีสนามไชย ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปครับ แต่ผมว่าสุดท้ายก็ต้องมีปิดมีเบี่ยงเลนอยู่ดี

    ---------------

    ภาพแผนผังทางเข้าออกสถานีทั้ง 2 สถานี ผมใส่ไว้ให้ใน comment เหมือนเดิมนะครับ แล้วพรุ่งนี้มาดูกันต่อในตอนสุดท้าย กับโซนฝั่งธน ช่วงศิริราช-บางขุนนนท์ครับ ☺️”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/kfP8GVeDZx3ftnLy/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    รายงานจากเพจLiving Pop เกี่ยวกับผลกระทบผู้ใช้เส้นทางสัญจรในโซนเกาะรัตนโกสินทร์หรือเขตเมืองเก่า พื้นที่ประวัติศาสตร์ในเขตพระนครต้องรู้ถึงอนาคตถนนสายหลักของย่านเมืองเก่าจะถูกปิดเบี่ยงการจราจรเพื่อก่อสร้างสถานี interchange ใหญ่ เนื้อหาระบุว่า “ 🧡 สายสีม่วงก็ยังมี สายสีส้มก็กำลังมา ใครใช้ถนนในเขตเมืองเก่าเดินทางทุกวันต้องปรับตัวรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ เพราะทางเลือกน้อยลงกว่าเดิมอีกครับ ทุกวันนี้ใครที่เดินทางผ่านตัวเมืองเก่าคงเห็นสภาพการปิดถนนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ไล่มาตามถนนพระสุเมรุตั้งแต่วัดบวรนิเวศ แยกผ่านฟ้า ลงมาจนถึงสวนรมณีนาถ แยกสามยอด ไปสุดที่เชิงสะพานพระปกเกล้า แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ ถนนสายหลักของย่านเมืองเก่าจะถูกปิดเบี่ยงการจราจรเพื่อก่อสร้างสถานี interchange ใหญ่ นั่นก็คือ... "ถนนราชดำเนินกลาง" โดยแนว "🧡 สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย" จะอยู่ใต้ถนนราชดำเนินกลาง ค่อนไปทางฝั่งทิศเหนือ (ขาออก) โดยตัวสถานีจะทอดยาวตั้งแต่นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ไปจนถึงวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเลยครับ สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกันกับสถานีชื่อเดียวกันของสายสีม่วง ที่กำลังก่อสร้างอยู่ใต้ถนนพระสุเมรุ โดยมีทางเดินเชื่อมถึงกันทั้งแบบสาธารณะ (unpaid area) และพื้นที่ผู้โดยสาร (paid area) แยกกันคนละชั้นเลย โดยทางเชื่อมจะอ้อมไปด้านหลังตึกเทเวศประกันภัย ที่อยู่ตรงหัวมุมแยกป้อมมหากาฬ --------------- นอกจากสถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใกล้เคียงกันยังมีอีกสถานีนึงครับ นั่นก็คือ "🧡 สถานีสนามหลวง" ซึ่งจะตั้งอยู่เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า บนถนนราชินี ด้านหน้าโรงละครแห่งชาติและวัดบวรสถานสุทธาวาส โดยจะมีอุโมงค์ทางเข้าออกลอดใต้เชิงทางขึ้นสะพานปิ่นเกล้า ไปโผล่ฝั่งหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์เหรียญด้วย รวมถึงมีทางเข้าออกที่ริมขอบสนามหลวงด้วยอีก ซึ่งการขุดทางเชื่อมทางเข้าออกก็อาจจะต้องมีการเปิดหน้าดินบ้างนิดหน่อย --------------- อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลในเอกสาร EIA ระบุเอาไว้ว่าทั้ง 2 สถานีนี้จะใช้เทคนิคการก่อสร้างแบบพิเศษที่เรียกว่า Pipe Roof คือการหล่อผนังด้านข้างสถานีลงไปก่อน แล้วดันท่อขนาดใหญ่จากด้านข้าง เสียบเข้าไปเชื่อมผนังสถานีทั้งสองฝั่ง โดยจะดันท่อแบบนี้เรียงติดกันเป็นพืดๆ ให้ทำหน้าที่เหมือนเป็นหลังคาสถานีชั่วคราว จากนั้นจะขุดลงไปเพื่อก่อสร้างสถานี "โดยไม่เปิดหน้าดินบนถนน" เทคนิคนี้ถูกใช้ครั้งแรกที่สถานีสนามไชย ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปครับ แต่ผมว่าสุดท้ายก็ต้องมีปิดมีเบี่ยงเลนอยู่ดี --------------- ภาพแผนผังทางเข้าออกสถานีทั้ง 2 สถานี ผมใส่ไว้ให้ใน comment เหมือนเดิมนะครับ แล้วพรุ่งนี้มาดูกันต่อในตอนสุดท้าย กับโซนฝั่งธน ช่วงศิริราช-บางขุนนนท์ครับ ☺️” ที่มา : https://www.facebook.com/share/kfP8GVeDZx3ftnLy/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 501 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 3 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูกหลาน หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา อารมณ์ คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนเวียนทำให้เกิดความทุกข์ใจ สุขภาพ: ปวดขา ความดัน หากเจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาจจะเป็นหนักต้องดูแลตัวเองให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้สะสางงานเก่าๆ การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลส เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก: มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรงเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ คนโสด: จะมีคนลักษณะสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวาน ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:งานค่อนข้างหนัก มีโอกาสทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือเสียเงินโดยเสน่หาเช่น ช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด: จะมีคนเข้ามาเปย์ มีโอกาสได้ผู้อุปถัมภ์ สุขภาพ: ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะเจอคนที่เรื่องมาก จุกจิกจู้จี้ คนทำงานให้ดีอย่าให้มีข้อผิดพลาด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน ระวังจะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดหรือ คนจากที่ทำงานเข้ามาชอบ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: ราบเรียบดี มีความมั่นคงก้าวหน้า การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ค่ายาค่าหมอ อาหารเสริม ความรัก: จะอยู่กันเหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรมต้องอดทน คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัวโรคเครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานเด่น หากส่งผลงานเข้าประกวดจะได้รับรางวัล การเงิน:รายจ่ายมาก จะได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือเอาไปให้ผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้เดินทางด้วยกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ อายุแก่กว่า สุขภาพ:ปวดขา ปวดไหล่ปวดคอ โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น ให้ระวังเรื่องเวลา และกฎระเบียบ จะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน: จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือหมดกับลูก ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ สุขภาพ:โรคในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 3 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูกหลาน หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา อารมณ์ คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนเวียนทำให้เกิดความทุกข์ใจ สุขภาพ: ปวดขา ความดัน หากเจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาจจะเป็นหนักต้องดูแลตัวเองให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้สะสางงานเก่าๆ การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลส เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก: มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรงเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ คนโสด: จะมีคนลักษณะสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวาน ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันพุธ...การงาน:งานค่อนข้างหนัก มีโอกาสทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือเสียเงินโดยเสน่หาเช่น ช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด: จะมีคนเข้ามาเปย์ มีโอกาสได้ผู้อุปถัมภ์ สุขภาพ: ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะเจอคนที่เรื่องมาก จุกจิกจู้จี้ คนทำงานให้ดีอย่าให้มีข้อผิดพลาด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน ระวังจะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดหรือ คนจากที่ทำงานเข้ามาชอบ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: ราบเรียบดี มีความมั่นคงก้าวหน้า การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ค่ายาค่าหมอ อาหารเสริม ความรัก: จะอยู่กันเหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรมต้องอดทน คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัวโรคเครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานเด่น หากส่งผลงานเข้าประกวดจะได้รับรางวัล การเงิน:รายจ่ายมาก จะได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือเอาไปให้ผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้เดินทางด้วยกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ อายุแก่กว่า สุขภาพ:ปวดขา ปวดไหล่ปวดคอ โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น ให้ระวังเรื่องเวลา และกฎระเบียบ จะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน: จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือหมดกับลูก ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ สุขภาพ:โรคในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 3 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูกหลาน หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา อารมณ์ คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนเวียนทำให้เกิดความทุกข์ใจ สุขภาพ: ปวดขา ความดัน หากเจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาจจะเป็นหนักต้องดูแลตัวเองให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้สะสางงานเก่าๆ การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลส เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก: มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรงเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ คนโสด: จะมีคนลักษณะสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวาน ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:งานค่อนข้างหนัก มีโอกาสทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือเสียเงินโดยเสน่หาเช่น ช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด: จะมีคนเข้ามาเปย์ มีโอกาสได้ผู้อุปถัมภ์ สุขภาพ: ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะเจอคนที่เรื่องมาก จุกจิกจู้จี้ คนทำงานให้ดีอย่าให้มีข้อผิดพลาด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน ระวังจะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดหรือ คนจากที่ทำงานเข้ามาชอบ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: ราบเรียบดี มีความมั่นคงก้าวหน้า การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ค่ายาค่าหมอ อาหารเสริม ความรัก: จะอยู่กันเหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรมต้องอดทน คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัวโรคเครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานเด่น หากส่งผลงานเข้าประกวดจะได้รับรางวัล การเงิน:รายจ่ายมาก จะได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือเอาไปให้ผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้เดินทางด้วยกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ อายุแก่กว่า สุขภาพ:ปวดขา ปวดไหล่ปวดคอ โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น ให้ระวังเรื่องเวลา และกฎระเบียบ จะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน: จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือหมดกับลูก ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ สุขภาพ:โรคในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 3 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูกหลาน หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา อารมณ์ คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนเวียนทำให้เกิดความทุกข์ใจ สุขภาพ: ปวดขา ความดัน หากเจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาจจะเป็นหนักต้องดูแลตัวเองให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้สะสางงานเก่าๆ การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลส เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก: มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรงเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ คนโสด: จะมีคนลักษณะสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวาน ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันพุธ...การงาน:งานค่อนข้างหนัก มีโอกาสทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือเสียเงินโดยเสน่หาเช่น ช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด: จะมีคนเข้ามาเปย์ มีโอกาสได้ผู้อุปถัมภ์ สุขภาพ: ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะเจอคนที่เรื่องมาก จุกจิกจู้จี้ คนทำงานให้ดีอย่าให้มีข้อผิดพลาด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน ระวังจะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดหรือ คนจากที่ทำงานเข้ามาชอบ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: ราบเรียบดี มีความมั่นคงก้าวหน้า การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ค่ายาค่าหมอ อาหารเสริม ความรัก: จะอยู่กันเหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรมต้องอดทน คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัวโรคเครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานเด่น หากส่งผลงานเข้าประกวดจะได้รับรางวัล การเงิน:รายจ่ายมาก จะได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือเอาไปให้ผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้เดินทางด้วยกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ อายุแก่กว่า สุขภาพ:ปวดขา ปวดไหล่ปวดคอ โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น ให้ระวังเรื่องเวลา และกฎระเบียบ จะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน: จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือหมดกับลูก ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ สุขภาพ:โรคในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ลองถามคุณ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม เรื่องกลิ่นตุๆ ที่ AOT ให้หน่อยว่าที่ “สนธิ” พูดจริงไหม

    ฟังเต็มๆ ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=DFZPtiMU66Y&t=327s&ab_channel=sondhitalk

    #Sondhi #Sondhitalk #จับประเด็น #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #thaitimes #Sondhiapp
    นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ลองถามคุณ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม เรื่องกลิ่นตุๆ ที่ AOT ให้หน่อยว่าที่ “สนธิ” พูดจริงไหม ฟังเต็มๆ ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=DFZPtiMU66Y&t=327s&ab_channel=sondhitalk #Sondhi #Sondhitalk #จับประเด็น #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #thaitimes #Sondhiapp
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Wow
    81
    1 Comments 5 Shares 3392 Views 2723 4 Reviews
  • จงใช้ชีวิตราวกับว่า
    คุณจะตายพรุ่งนี้
    และเรียนรู้ราวกับว่า
    คุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป

    จากหนังสือ |สำเร็จเร็วกว่าที่คิด

    หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes #การเรียนรู้
    จงใช้ชีวิตราวกับว่า คุณจะตายพรุ่งนี้ และเรียนรู้ราวกับว่า คุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป จากหนังสือ |สำเร็จเร็วกว่าที่คิด หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes #การเรียนรู้
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย


    อาณาจักรสุโขทัยเริ่มต้นประวัติศาสตร์โดยมีหลักฐานชัดเจนในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์(พ่อขุนบางกลางหาว พ.ศ.1781 - 1822) ต่อมาอาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อำนาจของอาณาจักรสุโขทัยในช่วงรัชสมัยของพระองค์มีความมั่นคงจาก ทรงแผ่อาณาเขตออกไปโดยรอบ วัฒนธรรมไทยได้เจริญขึ้นทุกสาขา ดังปรากฎในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งเจริญ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ การสงคราม ภูมิศาสตร์ กฎหมาย ประเพณี การปกครอง การเศรษฐกิจ การสังคม ปรัชญา พระพุทธศาสนา การประดิษฐ์อักษรไทย ราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พระร่วง หรือ สุโขทัย) ได้ปกครองอาณาจักรสุโขทัยสืบต่อมาเป็นเวลา 200 ปี ก็ถูกรวมเข้ากับ อาณาจักรอยุธยา

    ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวัง และวัดมากถึง 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ ได้รับการบูรรปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากร ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้า นั่งรถราง หรือ ขี่จักรยาน เที่ยวชมได้อย่างสะดวกปลอดภัย

    ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลก ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร และ อุทยานประวัติศาตร์ศรีสัชนาลัย ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นนับเป็น ตัวแทนของศิลปกรรมไทยยุคแรก และเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศไทย


    นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ ๓ วิธี คือ เดินเท้า ปั่นจักรยาน และ การนั่งรถรางไฟฟ้า โดยทางอุทยานฯ มีรถจักรยานให้เช่าด้วย นอกจากนี้ หน้าโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแต่ละแห่งยังมีป้าย OR Code สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน สามารถสแกนเข้าไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ มีให้เลือก ๔ ภาษา ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส

    เมืองสุโขทัย ก่อตั้งขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘ สันนิษฐานว่าสุโขทัยในยุคแรกได้รับอิทธิพลของศิลปะแบบขอมจากละโว้หรือลพบุรี ต่อมายกฐานะเป็นราชธานี โดยมีพ่อขุนบางกลางหาว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นปฐมกษัตริย์ เป็นจุดเริ่มต้นอาณาจักรแห่งแรกของไทย ราวปี ๑๗๙๒ อาณาจักรสุโขทัยรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหง กษัตริย์องค์ที่ ๓ บันทึกในศิลาจารึกบอกถึงเขตอาณาจักรอันกว้างขวาง ทิศเหนือจดเมืองแพร่ น่าน หลวงพระบาง ทิศใต้จดเมืองนครศรีธรรมราช ทิศตะวันออกจดเมืองเวียงจันทน์ และทิศตะวันตกจดเมืองหงสาวดี การปกครองเป็นระบบ พ่อปกครองลูก เอื้อสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน

    จุดเด่นของผังเมืองสุโขทัยคือระบบชลประทาน เป็นระบบที่กระจายน้ำเพื่อการทำเกษตรกรรม อุปโภค บริโภคให้ชาวเมืองได้อย่างทั่วถึง และยังสามารถช่วยระบายน้ำเอ่อล้นช่วงหน้าน้ำหลากได้ดีเช่นกัน ในช่วงการปกครองของพ่อขุนรามคำแหงชาวเมืองสุโขทัยมีความเป็นอยู่อย่างสงบร่มเย็น ด้วยพระองค์ทรงมีความเอาใจใส่ทำนุบำรุงศาสนาอย่างเต็มที่ สังเกตจากลักษณะพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้น ส่วนใหญ่จะมีพระโอษฐ์ยิ้ม สะท้อนเอกลักษณ์ของยุคสมัย และจำนวนวัดวาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมากมาย เมื่อปี ๒๕๓๔ องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอีก ๒ แห่ง ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร”
    อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อาณาจักรสุโขทัยเริ่มต้นประวัติศาสตร์โดยมีหลักฐานชัดเจนในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์(พ่อขุนบางกลางหาว พ.ศ.1781 - 1822) ต่อมาอาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อำนาจของอาณาจักรสุโขทัยในช่วงรัชสมัยของพระองค์มีความมั่นคงจาก ทรงแผ่อาณาเขตออกไปโดยรอบ วัฒนธรรมไทยได้เจริญขึ้นทุกสาขา ดังปรากฎในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งเจริญ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ การสงคราม ภูมิศาสตร์ กฎหมาย ประเพณี การปกครอง การเศรษฐกิจ การสังคม ปรัชญา พระพุทธศาสนา การประดิษฐ์อักษรไทย ราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พระร่วง หรือ สุโขทัย) ได้ปกครองอาณาจักรสุโขทัยสืบต่อมาเป็นเวลา 200 ปี ก็ถูกรวมเข้ากับ อาณาจักรอยุธยา ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวัง และวัดมากถึง 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ ได้รับการบูรรปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากร ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้า นั่งรถราง หรือ ขี่จักรยาน เที่ยวชมได้อย่างสะดวกปลอดภัย ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลก ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร และ อุทยานประวัติศาตร์ศรีสัชนาลัย ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นนับเป็น ตัวแทนของศิลปกรรมไทยยุคแรก และเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ ๓ วิธี คือ เดินเท้า ปั่นจักรยาน และ การนั่งรถรางไฟฟ้า โดยทางอุทยานฯ มีรถจักรยานให้เช่าด้วย นอกจากนี้ หน้าโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแต่ละแห่งยังมีป้าย OR Code สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน สามารถสแกนเข้าไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ มีให้เลือก ๔ ภาษา ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เมืองสุโขทัย ก่อตั้งขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘ สันนิษฐานว่าสุโขทัยในยุคแรกได้รับอิทธิพลของศิลปะแบบขอมจากละโว้หรือลพบุรี ต่อมายกฐานะเป็นราชธานี โดยมีพ่อขุนบางกลางหาว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นปฐมกษัตริย์ เป็นจุดเริ่มต้นอาณาจักรแห่งแรกของไทย ราวปี ๑๗๙๒ อาณาจักรสุโขทัยรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหง กษัตริย์องค์ที่ ๓ บันทึกในศิลาจารึกบอกถึงเขตอาณาจักรอันกว้างขวาง ทิศเหนือจดเมืองแพร่ น่าน หลวงพระบาง ทิศใต้จดเมืองนครศรีธรรมราช ทิศตะวันออกจดเมืองเวียงจันทน์ และทิศตะวันตกจดเมืองหงสาวดี การปกครองเป็นระบบ พ่อปกครองลูก เอื้อสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน จุดเด่นของผังเมืองสุโขทัยคือระบบชลประทาน เป็นระบบที่กระจายน้ำเพื่อการทำเกษตรกรรม อุปโภค บริโภคให้ชาวเมืองได้อย่างทั่วถึง และยังสามารถช่วยระบายน้ำเอ่อล้นช่วงหน้าน้ำหลากได้ดีเช่นกัน ในช่วงการปกครองของพ่อขุนรามคำแหงชาวเมืองสุโขทัยมีความเป็นอยู่อย่างสงบร่มเย็น ด้วยพระองค์ทรงมีความเอาใจใส่ทำนุบำรุงศาสนาอย่างเต็มที่ สังเกตจากลักษณะพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้น ส่วนใหญ่จะมีพระโอษฐ์ยิ้ม สะท้อนเอกลักษณ์ของยุคสมัย และจำนวนวัดวาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมากมาย เมื่อปี ๒๕๓๔ องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอีก ๒ แห่ง ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร”
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • ดูกี่ครั้งก็ยังสะเทือนอารมณ์
    พรุ่งนี้เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจแล้ว

    #เทศกาลกินเจ
    #อาม่า
    #thaitimes
    #หลานม่า
    ดูกี่ครั้งก็ยังสะเทือนอารมณ์ พรุ่งนี้เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจแล้ว #เทศกาลกินเจ #อาม่า #thaitimes #หลานม่า
    Like
    Love
    3
    0 Comments 1 Shares 352 Views 165 0 Reviews
  • #thaitimes
    #พรุ่งนี้วันพระ
    #thaitimes #พรุ่งนี้วันพระ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 323 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 2 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผลไม้ ของกินของฝาก ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: ใครที่ทำงานไม่โปร่งใสจะถูกตรวจสอบ จะถูกจับได้ หรือให้ระวังการทำงานไม่รอบคอบจะทำให้ต้องมาแก้ไขใหม่ การเงิน:จะมีรายจ่ายที่จำเป็นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องบริหารจัดการให้ดี ความรัก: อยู่กันแบบคาราคาซัง ต้องอดทน ระวังจะมีปัญหาเรื่องมือที่ 3 รักซ้อนหรือคนรักอาจจะติดเที่ยวติดเพื่อน ติดอบายมุข คนโสด: จะมีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:จะมีงานเข้ามาหลายทาง จะได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทางการท่องเที่ยว ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะเจอแต่คนเจ้าชู้เข้ามาหลอกลวงหวังผลประโยชน์ สุขภาพ: ปวดข้อเข่า เมื่อยข้อมือเส้นเอ็น การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน: มีโอกาสติดขัดอาจต้องไปกู้หนี้ยืมคนอื่น ความรัก: คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน สายตาไม่ดี ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ โทรศัพท์ หรือจะจ่ายจุกจิกแบบไม่รู้จักจบ ความรัก: รักกันดีแต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:จะมีคนสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ คนเก่าๆจะวนกลับมา สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาขัดแย้งให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา การเงิน: จะมีรายจ่ายมากอาจหมดเงินกับลูก การเงินอาจติดขัดได้ ความรัก:หากมีความลับปกปิดต่อกันความลับนั้นจะถูกเปิดเผย คนโสด:มีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคประจำตัว หรือโรคที่เคยเป็นจะกำเริบ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยระวังของหายหรือเกิดอุบัติเหตุ

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีโอกาสได้รับงานโปรเจคใหญ่ จะมีผู้หลักผู้ใหญ่อุปถัมภ์ช่วยเหลือ การเงิน: มีโอกาสได้เงินโดยเสน่หาเช่นได้จากคนรักหรือผู้อุปถัมภ์ ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนรักจะยั่วโมโห คนโสด: จะมีคนรูปร่างหน้าตาดีเข้ามาชอบแต่จะค่อนข้างเจ้าชู้ สุขภาพ:ปวดขา เมื่อยตามตัว ปวดตา มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 2 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผลไม้ ของกินของฝาก ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: ใครที่ทำงานไม่โปร่งใสจะถูกตรวจสอบ จะถูกจับได้ หรือให้ระวังการทำงานไม่รอบคอบจะทำให้ต้องมาแก้ไขใหม่ การเงิน:จะมีรายจ่ายที่จำเป็นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องบริหารจัดการให้ดี ความรัก: อยู่กันแบบคาราคาซัง ต้องอดทน ระวังจะมีปัญหาเรื่องมือที่ 3 รักซ้อนหรือคนรักอาจจะติดเที่ยวติดเพื่อน ติดอบายมุข คนโสด: จะมีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันพุธ...การงาน:จะมีงานเข้ามาหลายทาง จะได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทางการท่องเที่ยว ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะเจอแต่คนเจ้าชู้เข้ามาหลอกลวงหวังผลประโยชน์ สุขภาพ: ปวดข้อเข่า เมื่อยข้อมือเส้นเอ็น การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน: มีโอกาสติดขัดอาจต้องไปกู้หนี้ยืมคนอื่น ความรัก: คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน สายตาไม่ดี ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ โทรศัพท์ หรือจะจ่ายจุกจิกแบบไม่รู้จักจบ ความรัก: รักกันดีแต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:จะมีคนสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ คนเก่าๆจะวนกลับมา สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาขัดแย้งให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา การเงิน: จะมีรายจ่ายมากอาจหมดเงินกับลูก การเงินอาจติดขัดได้ ความรัก:หากมีความลับปกปิดต่อกันความลับนั้นจะถูกเปิดเผย คนโสด:มีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคประจำตัว หรือโรคที่เคยเป็นจะกำเริบ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยระวังของหายหรือเกิดอุบัติเหตุ #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีโอกาสได้รับงานโปรเจคใหญ่ จะมีผู้หลักผู้ใหญ่อุปถัมภ์ช่วยเหลือ การเงิน: มีโอกาสได้เงินโดยเสน่หาเช่นได้จากคนรักหรือผู้อุปถัมภ์ ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนรักจะยั่วโมโห คนโสด: จะมีคนรูปร่างหน้าตาดีเข้ามาชอบแต่จะค่อนข้างเจ้าชู้ สุขภาพ:ปวดขา เมื่อยตามตัว ปวดตา มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • #ดวงรายวัน 2 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผลไม้ ของกินของฝาก ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: ใครที่ทำงานไม่โปร่งใสจะถูกตรวจสอบ จะถูกจับได้ หรือให้ระวังการทำงานไม่รอบคอบจะทำให้ต้องมาแก้ไขใหม่ การเงิน:จะมีรายจ่ายที่จำเป็นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องบริหารจัดการให้ดี ความรัก: อยู่กันแบบคาราคาซัง ต้องอดทน ระวังจะมีปัญหาเรื่องมือที่ 3 รักซ้อนหรือคนรักอาจจะติดเที่ยวติดเพื่อน ติดอบายมุข คนโสด: จะมีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:จะมีงานเข้ามาหลายทาง จะได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทางการท่องเที่ยว ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะเจอแต่คนเจ้าชู้เข้ามาหลอกลวงหวังผลประโยชน์ สุขภาพ: ปวดข้อเข่า เมื่อยข้อมือเส้นเอ็น การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน: มีโอกาสติดขัดอาจต้องไปกู้หนี้ยืมคนอื่น ความรัก: คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน สายตาไม่ดี ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ โทรศัพท์ หรือจะจ่ายจุกจิกแบบไม่รู้จักจบ ความรัก: รักกันดีแต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:จะมีคนสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ คนเก่าๆจะวนกลับมา สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาขัดแย้งให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา การเงิน: จะมีรายจ่ายมากอาจหมดเงินกับลูก การเงินอาจติดขัดได้ ความรัก:หากมีความลับปกปิดต่อกันความลับนั้นจะถูกเปิดเผย คนโสด:มีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคประจำตัว หรือโรคที่เคยเป็นจะกำเริบ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยระวังของหายหรือเกิดอุบัติเหตุ

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีโอกาสได้รับงานโปรเจคใหญ่ จะมีผู้หลักผู้ใหญ่อุปถัมภ์ช่วยเหลือ การเงิน: มีโอกาสได้เงินโดยเสน่หาเช่นได้จากคนรักหรือผู้อุปถัมภ์ ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนรักจะยั่วโมโห คนโสด: จะมีคนรูปร่างหน้าตาดีเข้ามาชอบแต่จะค่อนข้างเจ้าชู้ สุขภาพ:ปวดขา เมื่อยตามตัว ปวดตา มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 2 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผลไม้ ของกินของฝาก ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: ใครที่ทำงานไม่โปร่งใสจะถูกตรวจสอบ จะถูกจับได้ หรือให้ระวังการทำงานไม่รอบคอบจะทำให้ต้องมาแก้ไขใหม่ การเงิน:จะมีรายจ่ายที่จำเป็นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องบริหารจัดการให้ดี ความรัก: อยู่กันแบบคาราคาซัง ต้องอดทน ระวังจะมีปัญหาเรื่องมือที่ 3 รักซ้อนหรือคนรักอาจจะติดเที่ยวติดเพื่อน ติดอบายมุข คนโสด: จะมีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันพุธ...การงาน:จะมีงานเข้ามาหลายทาง จะได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทางการท่องเที่ยว ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะเจอแต่คนเจ้าชู้เข้ามาหลอกลวงหวังผลประโยชน์ สุขภาพ: ปวดข้อเข่า เมื่อยข้อมือเส้นเอ็น การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน: มีโอกาสติดขัดอาจต้องไปกู้หนี้ยืมคนอื่น ความรัก: คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน สายตาไม่ดี ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ โทรศัพท์ หรือจะจ่ายจุกจิกแบบไม่รู้จักจบ ความรัก: รักกันดีแต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:จะมีคนสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ คนเก่าๆจะวนกลับมา สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาขัดแย้งให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา การเงิน: จะมีรายจ่ายมากอาจหมดเงินกับลูก การเงินอาจติดขัดได้ ความรัก:หากมีความลับปกปิดต่อกันความลับนั้นจะถูกเปิดเผย คนโสด:มีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคประจำตัว หรือโรคที่เคยเป็นจะกำเริบ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยระวังของหายหรือเกิดอุบัติเหตุ #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีโอกาสได้รับงานโปรเจคใหญ่ จะมีผู้หลักผู้ใหญ่อุปถัมภ์ช่วยเหลือ การเงิน: มีโอกาสได้เงินโดยเสน่หาเช่นได้จากคนรักหรือผู้อุปถัมภ์ ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนรักจะยั่วโมโห คนโสด: จะมีคนรูปร่างหน้าตาดีเข้ามาชอบแต่จะค่อนข้างเจ้าชู้ สุขภาพ:ปวดขา เมื่อยตามตัว ปวดตา มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • วันอังคาร ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เสด็จไปมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ ๑๓๑ และพิธีทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลสมทบทุนการศึกษาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วาสนมหาเถร) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตามที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงตั้งไว้ในมหาวิทยาลัย สำหรับประทานแก่พระภิกษุสามเณรนักศึกษา

    การนี้ โปรดประทานรางวัลแก่ผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัย แก่บุคลากรดีเด่น ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร และของที่ระลึกแก่ผู้ร่วมโดยเสด็จพระกุศล

    โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า

    “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนามหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นปฐมบูรพาจารย์ ด้วยทุก ๆ พระองค์ล้วนทรงมุ่งหมายให้พระพุทธศาสนา สถาพรอยู่คู่โลกนี้ และเป็นหลักชัยของบ้านเมืองไทยอยู่ตราบกาลนาน

    การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงคงมั่น จำเป็นต้องสร้างสรรค์พุทธบริษัทให้รู้ลึกและรู้รอบในวิชชา ตามกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ถูกต้อง หากการศึกษาพระปริยัติธรรมอ่อนแอผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือรวนเรไปตามอัตโนมติแล้ว ย่อมปฏิบัติผิดและสอนผิด ทำให้ไม่อาจเข้าถึงปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรมได้

    ปริยัติธรรมอันควรศึกษาโดยรอบ ย่อมหมายถึง พระพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎก รวมทั้งอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจในหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย

    การศึกษาปริยัติธรรมอาจจำแนกได้เป็น ๓ ระดับ กล่าวคือ

    ๑. อลคัททูปริยัติ การศึกษาแบบจับงูพิษที่หางคือ ศึกษาเพื่อลาภสักการะ เพื่อคำสรรเสริญหรือเพื่อยกตนข่มผู้อื่นย่อมเป็นโทษ เหมือนการจับงูพิษที่หาง งูย่อมแว้งขบกัดเอาได้

    ๒. นิสสรณัตถปริยัติ การศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การออกไปจากทุกข์ คือ เพื่ออบรมปัญญาเป็นการศึกษาของผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร

    และ ๓. ภัณฑาคาริกปริยัติ การศึกษาแบบขุนคลัง คือเพื่อทรงพระศาสนาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญเป็นการศึกษาของผู้จบกิจในการอบรมปัญญา เพื่อละกิเลสแล้วแต่ยังมีฉันทะในการศึกษา เพื่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้แก่ชนรุ่นหลัง

    ณ โอกาสอันเป็นมงคลนี้ จึงขอเตือนใจให้ทุกท่านอย่าได้คิดศึกษาแบบอลคัททูปริยัติ แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนให้ท่านจงเป็นผู้องอาจ และเข้มแข็งในอันที่จะศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อความออกจากทุกข์ และเพื่อรักษาพระสัทธรรม ไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สมตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์ ขออย่าให้อคติทั้ง ๔ เข้ามาบดบัง และบิดเบือน จนกลายเป็นมิจฉาทิฐิไปได้เป็นอันขาด

    อาตมภาพขออนุโมทนากุศลจริยาที่ทุกท่านช่วยกันสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย และขอแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ได้รับตำแหน่ง ทุน และรางวัลต่าง ๆ กับทั้งขออำนวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญรุ่งเรืองในพระบวรพุทธศาสนา ยิ่ง ๆ ขึ้นสืบไปเทอญ“

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/x6nCcePgoJRmbCxT/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    วันอังคาร ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เสด็จไปมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ ๑๓๑ และพิธีทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลสมทบทุนการศึกษาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วาสนมหาเถร) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตามที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงตั้งไว้ในมหาวิทยาลัย สำหรับประทานแก่พระภิกษุสามเณรนักศึกษา การนี้ โปรดประทานรางวัลแก่ผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัย แก่บุคลากรดีเด่น ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร และของที่ระลึกแก่ผู้ร่วมโดยเสด็จพระกุศล โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนามหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นปฐมบูรพาจารย์ ด้วยทุก ๆ พระองค์ล้วนทรงมุ่งหมายให้พระพุทธศาสนา สถาพรอยู่คู่โลกนี้ และเป็นหลักชัยของบ้านเมืองไทยอยู่ตราบกาลนาน การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงคงมั่น จำเป็นต้องสร้างสรรค์พุทธบริษัทให้รู้ลึกและรู้รอบในวิชชา ตามกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ถูกต้อง หากการศึกษาพระปริยัติธรรมอ่อนแอผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือรวนเรไปตามอัตโนมติแล้ว ย่อมปฏิบัติผิดและสอนผิด ทำให้ไม่อาจเข้าถึงปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรมได้ ปริยัติธรรมอันควรศึกษาโดยรอบ ย่อมหมายถึง พระพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎก รวมทั้งอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจในหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย การศึกษาปริยัติธรรมอาจจำแนกได้เป็น ๓ ระดับ กล่าวคือ ๑. อลคัททูปริยัติ การศึกษาแบบจับงูพิษที่หางคือ ศึกษาเพื่อลาภสักการะ เพื่อคำสรรเสริญหรือเพื่อยกตนข่มผู้อื่นย่อมเป็นโทษ เหมือนการจับงูพิษที่หาง งูย่อมแว้งขบกัดเอาได้ ๒. นิสสรณัตถปริยัติ การศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การออกไปจากทุกข์ คือ เพื่ออบรมปัญญาเป็นการศึกษาของผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร และ ๓. ภัณฑาคาริกปริยัติ การศึกษาแบบขุนคลัง คือเพื่อทรงพระศาสนาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญเป็นการศึกษาของผู้จบกิจในการอบรมปัญญา เพื่อละกิเลสแล้วแต่ยังมีฉันทะในการศึกษา เพื่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้แก่ชนรุ่นหลัง ณ โอกาสอันเป็นมงคลนี้ จึงขอเตือนใจให้ทุกท่านอย่าได้คิดศึกษาแบบอลคัททูปริยัติ แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนให้ท่านจงเป็นผู้องอาจ และเข้มแข็งในอันที่จะศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อความออกจากทุกข์ และเพื่อรักษาพระสัทธรรม ไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สมตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์ ขออย่าให้อคติทั้ง ๔ เข้ามาบดบัง และบิดเบือน จนกลายเป็นมิจฉาทิฐิไปได้เป็นอันขาด อาตมภาพขออนุโมทนากุศลจริยาที่ทุกท่านช่วยกันสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย และขอแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ได้รับตำแหน่ง ทุน และรางวัลต่าง ๆ กับทั้งขออำนวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญรุ่งเรืองในพระบวรพุทธศาสนา ยิ่ง ๆ ขึ้นสืบไปเทอญ“ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/x6nCcePgoJRmbCxT/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 565 Views 0 Reviews
  • เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)

    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง

    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014

    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey

    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU



    ----------------------------------------------
    รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง
    1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut
    แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90
    ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM
    เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet
    ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง
    ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์"
    https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4
    เพลง Glorious Years (光辉岁月)
    https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU

    2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND
    ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง
    ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล
    https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw
    3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai)
    เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
    "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ
    เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน
    แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ
    บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง
    เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก
    https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU
    สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM
    ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi
    คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน
    https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o

    4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้
    และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้
    ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ?
    https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc

    5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung
    นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง
    อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า.....
    mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1
    密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣
    https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0
    6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง
    สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน
    ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้
    ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก..
    ช่าย หมาย..ล่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY
    7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน
    ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล"
    มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond
    海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย
    ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง
    คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 )
    แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love
    ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡)
    ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย
    ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ
    https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI
    9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒
    มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่
    ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน"
    ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken "
    https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU
    10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง
    ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ
    กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983
    11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน
    เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ
    คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก

    12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง
    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014
    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey
    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU
    13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้
    《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว"
    "Song of a Thousand Thousand Que"
    ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji
    โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988
    หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง
    PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง
    ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang
    กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ
    Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records,
    CBS/SonyและWingo Creative
    ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล
    " My Favorite Song Award in the Music World "
    ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง
    ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989
    https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w

    14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง
    ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok
    https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo

    15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam
    https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4

    16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน
    เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University
    และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 "
    เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก
    นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ
    https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI

    17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. "
    เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
    น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน.
    https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg

    18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว”
    สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau)
    นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง
    สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji
    《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together
    สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน)
    โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ)
    如何面对 曾一起走过的日子
    jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2
    现在剩下我独行
    jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4
    如何用心声一一讲你知
    jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1
    从来没人明白我
    cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5
    唯一你给我好日子
    wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2
    有你有我有情有生有死有义
    jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6
    https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ
    19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung
    ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』
    แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล"
    หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side
    https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80

    20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu
    คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》
    ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade"
    นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San
    นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก)
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”
    https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes

    21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung
    ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า
    ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง
    ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน
    ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง
    หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง.
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี
    ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau)
    ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau)
    แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ
    ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก
    และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น
    สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป
    ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ
    มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป
    และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน
    (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง)
    ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ
    เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้
    โดยปราศจากเธอ
    ตรงกับชื่อเพลง
    "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走
    Only Want to Go with You in this Life
    https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c
    23. เพลงแนว Soft-Rock
    อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond
    บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง
    บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง
    ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ
    เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
    Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲)
    ศิลปิน : 李克勤 และ 周深
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”

    25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์
    เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง
    โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง
    รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372

    -《暗裡著迷》
    - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟
    - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet
    ของวง Beyond แน่นอน
    https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY
    - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ)
    天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ
    - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง
    1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月
    2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空
    - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne
    ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง
    กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว
    ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee
    ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ
    - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม"
    เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี
    ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่
    (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว)
    https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI
    - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด
    ของ Joey Yuong 容祖兒
    แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป
    สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา"
    ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน
    - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา
    แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee
    เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index"
    ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย.
    https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM
    - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China)
    เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue
    ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui
    แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU ---------------------------------------------- รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง 1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90 ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์" https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4 เพลง Glorious Years (光辉岁月) https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU 2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw 3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai) เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o 4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้ และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้ ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ? https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc 5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า..... mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1 密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣 https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0 6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้ ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก.. ช่าย หมาย..ล่ะ https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY 7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล" มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond 海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 ) แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡) ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI 9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒 มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่ ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน" ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken " https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU 10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983 11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก 12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU 13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้ 《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว" "Song of a Thousand Thousand Que" ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988 หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records, CBS/SonyและWingo Creative ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล " My Favorite Song Award in the Music World " ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989 https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w 14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo 15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4 16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 " เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI 17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. " เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน. https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg 18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว” สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau) นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji 《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน) โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ) 如何面对 曾一起走过的日子 jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2 现在剩下我独行 jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4 如何用心声一一讲你知 jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1 从来没人明白我 cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5 唯一你给我好日子 wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2 有你有我有情有生有死有义 jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6 https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ 19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』 แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล" หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80 20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》 ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade" นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก) ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes 21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง. https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau) ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau) แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง) ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้ โดยปราศจากเธอ ตรงกับชื่อเพลง "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走 Only Want to Go with You in this Life https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c 23. เพลงแนว Soft-Rock อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空 https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲) ศิลปิน : 李克勤 และ 周深 ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” 25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์ เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372 -《暗裡著迷》 - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟 - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet ของวง Beyond แน่นอน https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ) 天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง 1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月 2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空 - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม" เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่ (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว) https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด ของ Joey Yuong 容祖兒 แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา" ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index" ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย. https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China) เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • ปคบ.เค้นสอบ "แม่ตั๊ก- ป๋าเบียร์" เจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธ เร่งประสาน ปปง.ยึดทรัพย์ ยันยังไม่พบขนรถหรูออกนอกประเทศ เตรียมส่งฝากขังศาลพรุ่งนี้พร้อมคัดค้านประกันตัว
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000092130

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปคบ.เค้นสอบ "แม่ตั๊ก- ป๋าเบียร์" เจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธ เร่งประสาน ปปง.ยึดทรัพย์ ยันยังไม่พบขนรถหรูออกนอกประเทศ เตรียมส่งฝากขังศาลพรุ่งนี้พร้อมคัดค้านประกันตัว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000092130 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    Love
    Sad
    Yay
    55
    0 Comments 1 Shares 3274 Views 1 Reviews
  • พรุ่งนี้หลายท่าน จะเป็นประชาชนธรรมดา หมดอำนาจ ข้าราชการที่ดีก็ยังยังคงมีคนนับถือต่อไป
    พรุ่งนี้หลายท่าน จะเป็นประชาชนธรรมดา หมดอำนาจ ข้าราชการที่ดีก็ยังยังคงมีคนนับถือต่อไป
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • ก็เมื่อมันคุ้มที่จะสู้
    เพื่อคนไทยทุกคน
    ขอบคุณทุกแรงใจ
    นิทานยังไม่จบ
    วันนี้ปลิว 2 เพจ
    กลับมาได้แล้วเพจนึง
    อีกเพจกลับมาได้พรุ่งนี้
    คิดว่าทำแบบนี้จะเปิดความจริงได้
    แสดงว่า ยังไม่รู้จัก คิงส์โพธิ์แดง
    อีพี4นี่แหละ เรียกว่าเบื้องหลังสำคัญ
    ที่ทำให้น้องแฟนเพจในตต.ช่องปลิว
    อยากรู้มั๊ยคือใคร
    เดี๋ยวจัดเต็ม ยิ่งกด ยิ่งมีพลัง
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ก็เมื่อมันคุ้มที่จะสู้ เพื่อคนไทยทุกคน ขอบคุณทุกแรงใจ นิทานยังไม่จบ วันนี้ปลิว 2 เพจ กลับมาได้แล้วเพจนึง อีกเพจกลับมาได้พรุ่งนี้ คิดว่าทำแบบนี้จะเปิดความจริงได้ แสดงว่า ยังไม่รู้จัก คิงส์โพธิ์แดง อีพี4นี่แหละ เรียกว่าเบื้องหลังสำคัญ ที่ทำให้น้องแฟนเพจในตต.ช่องปลิว อยากรู้มั๊ยคือใคร เดี๋ยวจัดเต็ม ยิ่งกด ยิ่งมีพลัง ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    Haha
    17
    1 Comments 0 Shares 1104 Views 0 Reviews
  • 🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน01.🤠

    เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีเหนือลงนามข้อตกลงสงบศึกที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    สงครามอันยาวนานและโหดร้ายสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าโลกจะยังไม่ตอบสนอง

    สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกประเทศที่เข้าร่วม จีนและเกาหลีเหนือได้รับชัยชนะในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข สำหรับสหรัฐอเมริกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ประเทศเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามการนำของสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเชื่อได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นผู้แพ้

    😎การเจรจาต่อรองที่ยืดเยื้อ😎

    ในความเป็นจริง จีนและสหรัฐอเมริกาได้เจรจาสงบศึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 แต่สิ่งต่างๆ กลับไม่ราบรื่น

    เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับสหรัฐฯ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อความสมดุลแห่งชัยชนะในสงครามเกาหลีเอียงไปทางจีนและเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ยอมรับความจริงและตกลงที่จะเจรจา .

    อย่างไรก็ตาม โต๊ะเจรจายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนอันแรงกล้า

    สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามดำเนินไปในสภาพที่เลวร้าย ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน (Harry S. Truman哈里·S·杜鲁门) ของสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ากองทหารสหรัฐฯ จะสามารถถอนตัวออกจากเกาหลีเหนืออย่างมีศักดิ์ศรี

    อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ก็พ่ายแพ้ ความเหมาะสมมาจากไหน?

    ด้วยเหตุนี้ ทรูแมน(Truman)เกิดความคิดที่อุกอาจชนิดซึ่งไม่คำนึงถึงความไม่พอใจของชาวโลก เขาประกาศต่อสาธารณะว่าเขาจะใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน

    คำพูดที่น่าตกตะลึงของทรูแมน(Truman)ไม่เพียงทำให้จีนตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั้งโลกตื่นตระหนกอีกด้วย

    บุคคลแรกที่แสดงการต่อต้านเรื่องนี้คือสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา

    เนื่องจากอังกฤษรู้ดีว่า ทันทีที่สหรัฐฯใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน สหภาพโซเวียตก็สามารถใช้ระเบิดปรมาณูต่อประเทศในยุโรปได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลาหากประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้และปลาในบ่อได้รับผลกระทบ ราคาค่าตอบแทนไม่ใช่สิ่งที่ประเทศในยุโรปจะสามารถยอมรับได้

    อีกทั้งประกอบกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของกองทหารสหประชาชาติในสนามรบเกาหลี ประเทศในยุโรปได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษจึงบินไปสหรัฐอเมริกาทันทีและจัดการเจรจากับทรูแมน(Truman)5 ครั้ง โดยหวังว่าทรูแมน(Truman)จะยอมรับเงื่อนไขที่จีนและเกาหลีเหนือเสนอมาและทำการอ่อนข้อลง

    แต่ทรูแมน(Truman)กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะสามารถยอมรับการเจรจาสันติภาพและการถอนทหารได้ แต่เขาก็จะไม่มีวันละทิ้งผลประโยชน์ใดๆ

    เพื่อให้เป็นไปตามคำร้องขอของประธานาธิบดี คณะผู้แทนที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาก็ใช้สมองอย่างหนักเช่นกัน โชคดีที่เวลานี้จีนและสหภาพโซเวียตก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งเสริมการสงบศึก ดังนั้น คณะผู้แทนอเมริกาจึงส่งคำพูดข้อความสื่อสารผ่านสหภาพโซเวียต โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงและถอนทหารออกจากเส้นขนานที่ 38 .

    จีนมีข้อตอบโต้ในทางสาธารณะอย่างรวดเร็วบนหนังสือพิมพ์ โดยแสดงความเห็นด้วยกับความเห็นของสหรัฐอเมริกา

    ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าวกลับไปเจรจา ในที่สุดก็ได้มองเห็นแสงสว่าง ทรูแมน(Truman)จึงได้แถลงการณ์ต่อสาธารณะอย่างรวดเร็วที่จะมีการเจรจาอย่างตรงไปตรงมากับจีน

    อย่างไรก็ตาม ประธานเหมาได้คาดการณ์ไว้แล้วถึงความไม่แน่นอนของสหรัฐอเมริกา ประธานเหมาเสนอว่ากลยุทธ์ของเราสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันคือ: “การต่อสู้ทางการเมืองและการทหารเป็นของคู่กันให้ดำเนินการพร้อมกันสองทาง คือ มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ ไม่กลัวสงคราม และเตรียมพร้อมที่จะชะลอลากยาว อดทนในการเจรจา เด็ดเดี่ยวในการรบต่อสู้ และถกเถียงช่วงชิงกันอย่างมีเหตุผล จนกว่าจะมีการสงบศึกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล” "

    😎เกมจิตวิทยา😎

    หลังสงครามครั้งที่ 5 ผลลัพธ์ก็ชัดเจนอยู่แล้ว และสหรัฐฯ ก็แสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะเจรจาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้สรุปสถานที่เจรจาที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งก็คือการวาดเส้นแบ่งเขตทางทหารระหว่างทั้งสองฝ่าย

    จีนเสนอให้ใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเขตแดน แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างแม่นมั่น เนื่องจากเมื่อใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขต หมายความว่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ เคยได้รับมาก่อนหน้านี้จะได้รับความเสียหาย ซึ่งฝ่าฝืนข้อกำหนดก่อนหน้าของทรูแมน(Truman)ซึ่งเสนอไว้

    ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมต่อกัน และบรรยากาศที่โต๊ะเจรจาก็เย็นวูบลงและเงื่อนไขก็แสดงชัดเจน

    แล้วจากนั้นไม่มีใครพูดอะไร และพวกเขาก็เริ่มนั่งเงียบๆ เกมนี้เป็นเกมเงียบ ใครถอยก่อน คนนั้นแพ้

    แล้วจากนั้นผลก็คือการนั่งนิ่งอยู่นั้นกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง

    ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ในใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวแทนของฝ่ายจีนสูญเสียสมาธิความสงบ หลี่เค่อหนง(李克农)ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้ส่งจดหมายน้อยข้อความอย่างเงียบ ๆ เพื่อแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่สงบสติอารมณ์

    อาการความสงบของฝ่ายจีนตลอดกระบวนการทั้งหมดทำให้สหรัฐอเมริกาประหลาดใจมาก

    ท้ายที่สุด พลโทชาร์ลส์ เทิร์นเนอร์ จอย(Charles Turner Joy查尔斯·特纳·乔伊)ผู้แทนสหรัฐฯหมดความอดทน และประกาศเลิกประชุม การเจรจาวันแรกจบลงอย่างไม่น่าพอใจ

    อย่างไรก็ตาม การผัดวันประกันพรุ่งเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ยังไม่ได้ผล วันรุ่งขึ้นปัญหายังคงอยู่และต้องมีการเจรจา

    วันรุ่งขึ้น ฝ่ายเกาหลีเหนือมีหน้าที่เป็นประธานในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเป็นเวลา 25 วินาทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตัวแทนเกาหลีเหนือประกาศว่าหยุดการเจรจา ซึ่งทำให้แผนของกองทัพสหรัฐฯ หยุดชะงักกะทันหัน

    ตอนนั้นเองที่สหรัฐฯ ตระหนักได้ว่า จีนและเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสนามรบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลผลกระทบอย่างรุนแรงที่โต๊ะเจรจาด้วย

    เมื่อการเจรจาไม่ราบรื่น และทั้งสองฝ่ายยังคงเข้าสู่โหมดสงครามต่อไป ภายในเวลาไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ สูญเสียผู้คนไปอีก 150,000 คนในสงคราม สิ่งนี้บังคับให้สหรัฐฯ พิจารณาให้ยอมอ่อนข้อมากขึ้น กล่าวคือ เห็นด้วยกับเส้นแบ่งเขตทางทหารที่เสนอโดยจีน

    หลังจากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข หลี่เค่อหนง(李克农)มีความดีใจมาก และเชื่อว่าการสงบศึกโดยสมบูรณ์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะยืดเยื้อถึง 747 วันเต็ม

    เพื่อใช้คำพูดของคณะผู้แทนของจีนมาอธิบาย สหรัฐอเมริกาขณะเจรจาสงบศึกก็ต้องการจะรบต่อ และเมื่อพวกเขาเริ่มรบกันพวกเขาก็อยากจะเจรจาสงบศึกอีกครั้ง ทัศนคติความคิดของพวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ ความทะเยอทะยานโลภมากของพวกเขามักจะกำจัดให้หายไปได้ยาก ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการแก้ไข

    แม้ว่าปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือเส้นแบ่งเขตทางทหารจะได้รับการแก้ไข แต่ในไม่ช้าความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายในเรื่องการกำจัดเชลยศึก

    ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนเชลยศึกในมือของทั้งสองฝ่ายไม่เท่ากันในขณะนั้น ทางฝั่งจีนมีนักโทษทหารสหรัฐฯ มากกว่า 10,000 คน อย่างไรก็ตามทางฝั่งกองทัพสหรัฐฯมีนักโทษรวม 130,000 คน

    ตามบทบัญญัติของอนุสัญญาระหว่างประเทศเจนีวา หลังจากการสงบศึก ทั้งสองฝ่ายควรปล่อยเชลยศึกทั้งหมด แต่กองทัพสหรัฐฯ ยืนกรานให้มีการแลกเปลี่ยนแบบตัวต่อตัว ซึ่งหมายความว่าเชลยศึก 120,000 คนจะไม่สามารถปล่อยตัวได้

    นี่มันจึงเป็นเรื่องไร้สาระ อเมริกากระทำแบบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจับตัวไว้เป็นตัวประกัน ฝ่ายจีนมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ในประเด็นนี้ และสหรัฐอเมริกาก็หันไปใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี พวกเขาก็เดินออกจากเต็นท์ทันที และประกาศเลื่อนการประชุม

    นี่ยังคงเป็นการท้ารบทางสงครามจิตวิทยาต่อจีนเช่นเดิม คณะผู้แทนของจีนจึงหารือล่วงหน้าว่า เมื่อต้องเผชิญกับพฤติกรรมเช่นนี้ของกองทัพสหรัฐฯ จะต้องไม่ตื่นตระหนก ในทางกลับกัน จะต้องให้ทำตัวสงบและผ่อนคลาย พูดคุยอารมณ์ดี ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำลายการป้องกันทางจิตวิทยาของกองทัพสหรัฐฯ ได้

    เหตุการณ์ลากยาวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์(Dwight D. Eisenhower德怀特·艾森豪威尔) ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา

    หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)ก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง ในสงครามเกาหลี สหรัฐฯ ลงทุนมากเกินไป บัดนี้ ยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ มากขึ้นเท่านั้น และอาจถึงขั้นสั่นคลอนการปกครองของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ

    ด้วยเหตุนี้ ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)จึงหวังที่จะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น สหรัฐฯ จึงส่งข้อความสื่อสารไปยังจีนและตกลงที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษที่บาดเจ็บบางส่วนก่อน

    ในเวลานี้สตาลินผู้นำสหภาพโซเวียตได้ถึงแก่กรรมแล้ว และจีนต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลงในประเด็นเรื่องเชลยศึกในที่สุด ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1953 ทั้งสองฝ่ายได้จัดพิธีส่งมอบแลกเปลี่ยนนักโทษที่เมืองพันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจลงนามข้อตกลงสงบศึกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ตัวแทนของกองทัพสหรัฐฯ คือ พลโทวิลเลียม เคลลี่ แฮร์ริสัน จูเนียร์(William Kelly Harrison Jr. 小威廉·凱利·哈里森)และตัวแทนของเกาหลีเหนือคือ นายพลนัม อิล(Nam Il南日)

    ขณะนั้นบรรยากาศในที่เกิดเหตุน่าอับอายมาก โดยเฉพาะฝั่งคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่น่าสังเวช

    🥳โปรดติดตามบทความ #สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน01.🤠 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีเหนือลงนามข้อตกลงสงบศึกที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) สงครามอันยาวนานและโหดร้ายสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าโลกจะยังไม่ตอบสนอง สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกประเทศที่เข้าร่วม จีนและเกาหลีเหนือได้รับชัยชนะในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข สำหรับสหรัฐอเมริกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ประเทศเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามการนำของสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเชื่อได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นผู้แพ้ 😎การเจรจาต่อรองที่ยืดเยื้อ😎 ในความเป็นจริง จีนและสหรัฐอเมริกาได้เจรจาสงบศึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 แต่สิ่งต่างๆ กลับไม่ราบรื่น เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับสหรัฐฯ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อความสมดุลแห่งชัยชนะในสงครามเกาหลีเอียงไปทางจีนและเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ยอมรับความจริงและตกลงที่จะเจรจา . อย่างไรก็ตาม โต๊ะเจรจายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนอันแรงกล้า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามดำเนินไปในสภาพที่เลวร้าย ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน (Harry S. Truman哈里·S·杜鲁门) ของสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ากองทหารสหรัฐฯ จะสามารถถอนตัวออกจากเกาหลีเหนืออย่างมีศักดิ์ศรี อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ก็พ่ายแพ้ ความเหมาะสมมาจากไหน? ด้วยเหตุนี้ ทรูแมน(Truman)เกิดความคิดที่อุกอาจชนิดซึ่งไม่คำนึงถึงความไม่พอใจของชาวโลก เขาประกาศต่อสาธารณะว่าเขาจะใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน คำพูดที่น่าตกตะลึงของทรูแมน(Truman)ไม่เพียงทำให้จีนตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั้งโลกตื่นตระหนกอีกด้วย บุคคลแรกที่แสดงการต่อต้านเรื่องนี้คือสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอังกฤษรู้ดีว่า ทันทีที่สหรัฐฯใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน สหภาพโซเวียตก็สามารถใช้ระเบิดปรมาณูต่อประเทศในยุโรปได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลาหากประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้และปลาในบ่อได้รับผลกระทบ ราคาค่าตอบแทนไม่ใช่สิ่งที่ประเทศในยุโรปจะสามารถยอมรับได้ อีกทั้งประกอบกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของกองทหารสหประชาชาติในสนามรบเกาหลี ประเทศในยุโรปได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษจึงบินไปสหรัฐอเมริกาทันทีและจัดการเจรจากับทรูแมน(Truman)5 ครั้ง โดยหวังว่าทรูแมน(Truman)จะยอมรับเงื่อนไขที่จีนและเกาหลีเหนือเสนอมาและทำการอ่อนข้อลง แต่ทรูแมน(Truman)กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะสามารถยอมรับการเจรจาสันติภาพและการถอนทหารได้ แต่เขาก็จะไม่มีวันละทิ้งผลประโยชน์ใดๆ เพื่อให้เป็นไปตามคำร้องขอของประธานาธิบดี คณะผู้แทนที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาก็ใช้สมองอย่างหนักเช่นกัน โชคดีที่เวลานี้จีนและสหภาพโซเวียตก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งเสริมการสงบศึก ดังนั้น คณะผู้แทนอเมริกาจึงส่งคำพูดข้อความสื่อสารผ่านสหภาพโซเวียต โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงและถอนทหารออกจากเส้นขนานที่ 38 . จีนมีข้อตอบโต้ในทางสาธารณะอย่างรวดเร็วบนหนังสือพิมพ์ โดยแสดงความเห็นด้วยกับความเห็นของสหรัฐอเมริกา ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าวกลับไปเจรจา ในที่สุดก็ได้มองเห็นแสงสว่าง ทรูแมน(Truman)จึงได้แถลงการณ์ต่อสาธารณะอย่างรวดเร็วที่จะมีการเจรจาอย่างตรงไปตรงมากับจีน อย่างไรก็ตาม ประธานเหมาได้คาดการณ์ไว้แล้วถึงความไม่แน่นอนของสหรัฐอเมริกา ประธานเหมาเสนอว่ากลยุทธ์ของเราสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันคือ: “การต่อสู้ทางการเมืองและการทหารเป็นของคู่กันให้ดำเนินการพร้อมกันสองทาง คือ มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ ไม่กลัวสงคราม และเตรียมพร้อมที่จะชะลอลากยาว อดทนในการเจรจา เด็ดเดี่ยวในการรบต่อสู้ และถกเถียงช่วงชิงกันอย่างมีเหตุผล จนกว่าจะมีการสงบศึกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล” " 😎เกมจิตวิทยา😎 หลังสงครามครั้งที่ 5 ผลลัพธ์ก็ชัดเจนอยู่แล้ว และสหรัฐฯ ก็แสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะเจรจาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้สรุปสถานที่เจรจาที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งก็คือการวาดเส้นแบ่งเขตทางทหารระหว่างทั้งสองฝ่าย จีนเสนอให้ใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเขตแดน แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างแม่นมั่น เนื่องจากเมื่อใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขต หมายความว่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ เคยได้รับมาก่อนหน้านี้จะได้รับความเสียหาย ซึ่งฝ่าฝืนข้อกำหนดก่อนหน้าของทรูแมน(Truman)ซึ่งเสนอไว้ ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมต่อกัน และบรรยากาศที่โต๊ะเจรจาก็เย็นวูบลงและเงื่อนไขก็แสดงชัดเจน แล้วจากนั้นไม่มีใครพูดอะไร และพวกเขาก็เริ่มนั่งเงียบๆ เกมนี้เป็นเกมเงียบ ใครถอยก่อน คนนั้นแพ้ แล้วจากนั้นผลก็คือการนั่งนิ่งอยู่นั้นกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ในใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวแทนของฝ่ายจีนสูญเสียสมาธิความสงบ หลี่เค่อหนง(李克农)ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้ส่งจดหมายน้อยข้อความอย่างเงียบ ๆ เพื่อแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่สงบสติอารมณ์ อาการความสงบของฝ่ายจีนตลอดกระบวนการทั้งหมดทำให้สหรัฐอเมริกาประหลาดใจมาก ท้ายที่สุด พลโทชาร์ลส์ เทิร์นเนอร์ จอย(Charles Turner Joy查尔斯·特纳·乔伊)ผู้แทนสหรัฐฯหมดความอดทน และประกาศเลิกประชุม การเจรจาวันแรกจบลงอย่างไม่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม การผัดวันประกันพรุ่งเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ยังไม่ได้ผล วันรุ่งขึ้นปัญหายังคงอยู่และต้องมีการเจรจา วันรุ่งขึ้น ฝ่ายเกาหลีเหนือมีหน้าที่เป็นประธานในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเป็นเวลา 25 วินาทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตัวแทนเกาหลีเหนือประกาศว่าหยุดการเจรจา ซึ่งทำให้แผนของกองทัพสหรัฐฯ หยุดชะงักกะทันหัน ตอนนั้นเองที่สหรัฐฯ ตระหนักได้ว่า จีนและเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสนามรบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลผลกระทบอย่างรุนแรงที่โต๊ะเจรจาด้วย เมื่อการเจรจาไม่ราบรื่น และทั้งสองฝ่ายยังคงเข้าสู่โหมดสงครามต่อไป ภายในเวลาไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ สูญเสียผู้คนไปอีก 150,000 คนในสงคราม สิ่งนี้บังคับให้สหรัฐฯ พิจารณาให้ยอมอ่อนข้อมากขึ้น กล่าวคือ เห็นด้วยกับเส้นแบ่งเขตทางทหารที่เสนอโดยจีน หลังจากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข หลี่เค่อหนง(李克农)มีความดีใจมาก และเชื่อว่าการสงบศึกโดยสมบูรณ์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะยืดเยื้อถึง 747 วันเต็ม เพื่อใช้คำพูดของคณะผู้แทนของจีนมาอธิบาย สหรัฐอเมริกาขณะเจรจาสงบศึกก็ต้องการจะรบต่อ และเมื่อพวกเขาเริ่มรบกันพวกเขาก็อยากจะเจรจาสงบศึกอีกครั้ง ทัศนคติความคิดของพวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ ความทะเยอทะยานโลภมากของพวกเขามักจะกำจัดให้หายไปได้ยาก ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือเส้นแบ่งเขตทางทหารจะได้รับการแก้ไข แต่ในไม่ช้าความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายในเรื่องการกำจัดเชลยศึก ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนเชลยศึกในมือของทั้งสองฝ่ายไม่เท่ากันในขณะนั้น ทางฝั่งจีนมีนักโทษทหารสหรัฐฯ มากกว่า 10,000 คน อย่างไรก็ตามทางฝั่งกองทัพสหรัฐฯมีนักโทษรวม 130,000 คน ตามบทบัญญัติของอนุสัญญาระหว่างประเทศเจนีวา หลังจากการสงบศึก ทั้งสองฝ่ายควรปล่อยเชลยศึกทั้งหมด แต่กองทัพสหรัฐฯ ยืนกรานให้มีการแลกเปลี่ยนแบบตัวต่อตัว ซึ่งหมายความว่าเชลยศึก 120,000 คนจะไม่สามารถปล่อยตัวได้ นี่มันจึงเป็นเรื่องไร้สาระ อเมริกากระทำแบบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจับตัวไว้เป็นตัวประกัน ฝ่ายจีนมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ในประเด็นนี้ และสหรัฐอเมริกาก็หันไปใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี พวกเขาก็เดินออกจากเต็นท์ทันที และประกาศเลื่อนการประชุม นี่ยังคงเป็นการท้ารบทางสงครามจิตวิทยาต่อจีนเช่นเดิม คณะผู้แทนของจีนจึงหารือล่วงหน้าว่า เมื่อต้องเผชิญกับพฤติกรรมเช่นนี้ของกองทัพสหรัฐฯ จะต้องไม่ตื่นตระหนก ในทางกลับกัน จะต้องให้ทำตัวสงบและผ่อนคลาย พูดคุยอารมณ์ดี ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำลายการป้องกันทางจิตวิทยาของกองทัพสหรัฐฯ ได้ เหตุการณ์ลากยาวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์(Dwight D. Eisenhower德怀特·艾森豪威尔) ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)ก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง ในสงครามเกาหลี สหรัฐฯ ลงทุนมากเกินไป บัดนี้ ยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ มากขึ้นเท่านั้น และอาจถึงขั้นสั่นคลอนการปกครองของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)จึงหวังที่จะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น สหรัฐฯ จึงส่งข้อความสื่อสารไปยังจีนและตกลงที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษที่บาดเจ็บบางส่วนก่อน ในเวลานี้สตาลินผู้นำสหภาพโซเวียตได้ถึงแก่กรรมแล้ว และจีนต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลงในประเด็นเรื่องเชลยศึกในที่สุด ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1953 ทั้งสองฝ่ายได้จัดพิธีส่งมอบแลกเปลี่ยนนักโทษที่เมืองพันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจลงนามข้อตกลงสงบศึกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ตัวแทนของกองทัพสหรัฐฯ คือ พลโทวิลเลียม เคลลี่ แฮร์ริสัน จูเนียร์(William Kelly Harrison Jr. 小威廉·凱利·哈里森)และตัวแทนของเกาหลีเหนือคือ นายพลนัม อิล(Nam Il南日) ขณะนั้นบรรยากาศในที่เกิดเหตุน่าอับอายมาก โดยเฉพาะฝั่งคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่น่าสังเวช 🥳โปรดติดตามบทความ #สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • วันนี้เป็นวันสุดท้ายของข้าราชการเกษียณอายุ

    ในไลน์กลุ่มของส่วนราชการแห่งหนึ่ง มีข้อความว่า "พรุ่งนี้ขออนุญาตออกจากกลุ่มนะคะ เกษียณราชการ ไลน์นี้เบอร์ราชการ ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ"

    เป็นการไปลามาไหว้ตามยุคสมัย

    ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงครับ
    วันนี้เป็นวันสุดท้ายของข้าราชการเกษียณอายุ ในไลน์กลุ่มของส่วนราชการแห่งหนึ่ง มีข้อความว่า "พรุ่งนี้ขออนุญาตออกจากกลุ่มนะคะ เกษียณราชการ ไลน์นี้เบอร์ราชการ ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ" เป็นการไปลามาไหว้ตามยุคสมัย ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงครับ
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!!

    ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!!

    ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev
    ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน……
    ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน……
    แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี)

    ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน
    หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol
    ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ……
    แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า
    “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด
    คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก
    เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..”

    ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง
    เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน
    และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002
    ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค

    ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ
    ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ
    ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน
    ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน
    แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน……

    ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้
    เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์
    แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว
    แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี
    บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน……

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี
    และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด?
    ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า
    “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด..
    เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……”
    ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ
    เขาพูดต่อไปว่า…
    “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ
    ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!”

    ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง……
    แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!!

    ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์
    และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง

    เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

    แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด

    ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan
    ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า
    Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย
    รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว

    เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว
    และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่
    ฟังแต่เพลงร๊อค
    ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช
    จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
    จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก
    เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!”

    กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง…
    ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย
    สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ
    และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ
    ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น

    ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา
    “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย……
    ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS
    มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย

    แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า……
    เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ
    ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ
    บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า
    “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง”
    “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย”
    “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด……

    วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด
    ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!!
    เลยต้องร้องขอไป.……
    สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย
    และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง
    กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด
    MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก…
    ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia
    และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS
    โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา
    ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า……
    “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว”

    ซาร์โกซี่รีบค้าน…
    “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร?
    ปูตินย้อนทันทีว่า……
    “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!”
    แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า……
    “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ
    บุชลูกหรือ..?!!

    สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่……
    ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008)

    ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย……

    ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช
    ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า
    สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad

    หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล

    แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!!

    Wiwanda W. Vichit
    มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!! ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!! ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน…… ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน…… แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี) ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ…… แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..” ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002 ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน…… ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้ เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์ แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน…… หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด? ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด.. เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……” ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ เขาพูดต่อไปว่า… “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!” ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง…… แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!! ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่ ฟังแต่เพลงร๊อค ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!” กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง… ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย…… ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า…… เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง” “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย” “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด…… วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!! เลยต้องร้องขอไป.…… สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก… ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า…… “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว” ซาร์โกซี่รีบค้าน… “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร? ปูตินย้อนทันทีว่า…… “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!” แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า…… “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ บุชลูกหรือ..?!! สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่…… ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008) ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย…… ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • 29-09-67/04 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.2

    "นาสรัลเลาะห์" ผู้นำเฮซบอเลาะห์ตายห่าแย้ว! ทำไงดี! อียิวแสบจัด มันเก่งจุงเบย ว๊ายๆ ช่วยตื่นตูมที! กูถามหน่อย "สงครามข่าวสาร" มาเป็นปีปี มีทั้งจริงและหลอก รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากมันเนี่ยแหละ? ดูภาพรวมให้ออก ตะวันออกกลางกำลังจะทำอะไร? ดูสเตปที่ผ่านมาจะเข้าใจเกมส์ สุไลมานีตาย ไรซีตาย ผู้นำฮามาสตาย มา "นาสรัลเลาะห์" ตายต่อ แล้วใครจะตายห่าอีก "คาเมเนอีเหรอ?" ถามคำเดียว สู้กับยิวเหี้ยไซออนนิสต์ แผนลอบฆ่าผู้นำ หน่วยข่าวกรองรู้มาเป็นชาติแล้ว เค้าระวังตัวและรัดกุมมาโดยตลอด ที่มาของแผนสับขาหลอก โยกไปอยู่เบื้องหลัง เอาหุ่นเชิดมาแทน กูเอ๊ะใจตั้งแต่เลือกสถานที่พัก ที่ประชุมแล้ว มันโล่งโจ่งเด่นชัดเกิน โจมตีง่ายปุยมุย? โลกของสงคราม มันซับซ้อนกว่าที่มรึงคิดไว้เยอะ มรึงรู้มั้ยว่า ตัวผู้นำระดับโลกแท้จริง มีตัวโคลนกี่ตัว ทุกชาติต่างมีตัวโคลน เพื่อจัดฉากการตายทั้งนั้น หากอียิ;มันไล่ฆ่าผู้นำที่ผ่านมาได้จริง ป่านนี้ มันชนะศึกไปนานแล้ว ทำไม นานวันยิ่งสู้ ยิ่งตายเกลื่อน ถูกลงแขกยับเยินทุกวัน เพราะอิหร่านใช้ประโยชน์จากแผนซ้อนแผนเนี่ยแหละ มรึงดูรัสเซียก็พอ พอพริโกซินตายปลอมกลายร่างเป็นผีน้อยคิวทาโร่ปุ๊บ ทุกอย่างดูง่ายดาย ผ่านฉลุย ไม่ต้องกังวลเหี้ยอะไรอีก สั่งการตรงได้ ไปไหนมาไหนสะดวกโยธิน กลายเป็นผีตัวจริง แม้แต่เงายังหาไม่เจอ สูตรเดียวกันหมด อิหร่านก็เดินแผนเฉดเช่นเดียวกับ WAGNER กะอีแค่ข่าวยิงถล่มขีปนาวุธใส่ฐานบัญชาการ และเฮซบอเลาะห์ อิหร่าน รีบออกมายื่นยันการเสียชีวิตทันทีก็ชัดแล้ว ทำไมต้องรีบตาย มันคือน้ำมันชั้นดี ที่มีเอาไว้ราดไฟไงล่ะ ไฟที่จะทำให้ชาติมุสลิมรวมตัวต่อกันติดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็โยนบาปให้อียิวเป็นแพะทันที เพราะมันเข้าใจว่ามันคือผู้สั่งหาร พ่วงใบเสร็จชำระแค้นสะดวกโยธินบูรณะ! ถามกลับ ห้องลับมีมุย? ห้องใต้ดินมีมุย? SAFE HOUSE มีกันทุกชาติ ใครเค้าจะบอกมรึงว่ากูอยู่ตรงไหน? ใครให้ข่าว ใครปล่อยข่าวลวง ชี้เป้าให้อียิวถล่ม สายลับ หนอนบ่อนไส้ ก็ถูกหลอกใช้ได้เช่นกัน ตายต้องเห็นศพ เคยเห็นศพ ตัวจริงมั้ยล่ะ มีแต่ภาพข่าว รายการตามกันมาทั้งนั้น ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่า ทำไมมันตายง่าย ตายถี่ ได้เยี่ยงนี้ ผิดปกติไปป่ะ? ก็หมีบอกไปเป็นชาติแล้วว่า "โลกการละคร" บทไม่เนียน โลกก็ไม่เคลื่อนไหวน่ะสิ? สรุปคือ อิหร่านและพันธมิตร กำลังจะใช้ข่าวลวง เพื่อโยกย้ายบุคคลสำคัญลงใต้ดิน(อยู่หลังฉาก)ให้หมด เพื่อง่ายต่อการบัญชาการ ส่งหุ่นเชิดออกหน้าแทน ย้ำว่า "ตัวโคลนมีกันทุกชาติ" มรึงดูอีทรัมปป์ อีเอ๋อ ก็พอ ภาพที่เอามาแฉตามโซเชี่ยล จับพิรุจกันอย่างเมามันส์ กลยุทธเค้ามีไว้สับขาหลอก อ่านง่ายจะเรียกสงครามเหรอ? ดูเกมส์ให้ดูภาพใหญ่ อย่าตามภาพย่อย มรึงจะหลงทาง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าใครตาย? แต่อยู่ที่ผลลัพธ์นั้นส่งผลกระทบต่ออะไรต่างหาก? อียิวมันจนตรอกแล้ว มันทำทุกอย่างได้หมดทุกเรื่องที่มวลมนุษยชาติไม่กล้าทำ? ไม่งั้นโลกจะสำเร็จตามแผนขั้วใหม่ที่วางเอาไว้เหรอ โดดเดียวสหรัฐ อังกฤษ NATO อิสราเอล ทุกอย่างมาตามนัดเป๊ะเด๊ะ! สรุปคือจะตายจริง ตายหลอก แต่เป้าหมายโลกอาหรับสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว ดึงโลกมาประณามอิสราเอล ดึงโลกมาลงแขกอียิวสลัดหมา ยิวไม่เหลือชิ้นดี กลายเป็นชาติพันธุ์หิวกระหายสงคราม และนั่นยิ่งทำให้ปาเลสไตน์ถูกโลกอุ้มง่ายยิ่งขึ้น ถามจริง? มรึงก็เห็นเต็มตาว่าขีปนาวุธเยเมนไล่ฆ่าเหี้ยไอ้อีที่ว่าแน่ตายห่าหมด แล้วทำไม ไม่รีบเผด็จศึกเยรูซาเล็ม ที่แผ่นดินเท่าเหมี๋ยวดิ้นตายให้จบๆ ไปเลยล่ะ? ระดับโลกเค้าวางแผนหลายชั้น หากจัดการได้ง่ายจริง คงไม่ต้องมาพูดกันให้เยอะในวันนี้ ฆ่ายิวไม่ยาก แต่จะฆ่าเผ่าพันธุ์ทั้งโคตรยิว รวมถึงแหล่งรายได้มันทั้งหมดได้จริง มรึงต้องให้ทั้งโลกร่วมมือกัน นี่คือคีย์ของเรื่องนี้ ไอ้ที่ทำมาทั้งหมด เพื่อให้โลกรวมตัวต่อต้านอียิวเหี้ยเป็นเอกฉันท์ นั่นแหละ มรึงถึงจะชนะสงครามแท้จริง! ขอบอกว่า อิหร่านฉลาดกว่านั้นเยอะ "คาเมเนอี" ก็มีตัวโคลนเช่นกัน ดังนั้น หากจะตายซ้อน ต้องเป็นเรื่องที่พลิกเกมส์เท่านั้น อิหร่านไม่ใช่ควาย ที่ให้อียิวมันมาเจาะง่ายๆ ไม่งั้นตกเป็นเมืองขึ้นยิวนานแล้ว ยังสู้มาได้จนถึงวันนี้ ทีมห้องสีขาว กุนซือ เกจิดัง ธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ? หากยังไม่ตกผลึกกับสงครามข่าวสาร เชื่อทุกอย่างที่เห็น มรึงก็จะกลายเป็นเหยื่อซะเอง? สติมี ปัญญาเกิด ลองคิดตามหมีดูเอง และพิจารณาด้วยตัวเอง ว่าอะไรคือจริง อะไรคือเท็จ ภาพรวมเป็นยังไง การกระทำมันฟ้องหมดแล้ว เอาล่ะ? ไม่ต้องสนใจว่าใครจะตายห่าอีก นั่นแค่ผงชูรส แก่นแท้อยู่ที่ อิสราเอลจะสิ้นชาติพันธุ์ได้ยังไง? สิ่งที่อิหร่านทำอยู่ มันคือการเปิดหน้าร่างจริงของอียิวอยู่ และนั่นจะยิ่งให้โลกปฎิเสธยิวมากยิ่งขึ้น จนจำไปสู่การสิ้นชาติ สูญพันธุ์ เปลี่ยนร่างใหม่ ชื่อใหม่ เหมือนที่มันเคยทำมาก่อน ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย? อียิวมันอยู่มาได้เป็น 1000 ปี หากไม่เหี้ยจริง เอาตัวไม่รอดดอก?

    มาตามนัด! คาเมเนอี ได้ที "ปลุกเร้า" ชาวเปอร์เซีย อาหรับ มุสลิม งานนี้ต้องกฐินผ้าป่าชุดใหญ่ ไปพร้อมกันหมดทั้งโลก ลงแขกอียิวจนขี้แตก อย่าให้เหลือแม้แต่ศพ เอาให้ระเหยไปในอากาศสิ้นชาติ สูญพันธุ์ กันไปเลย? บทมันส่งให้ผู้นำแห่งศรัทธา "คาเมเนอี" ชัดเจน! วันนี้ อียิวปล่อยข่าวลวง ว่าชนะ พรุ่งนี้ อียิวตายโหงเพิ่ม พรุ่งนี้ อียิวปล่อยข่าวลอบสังหารเพิ่ม พรุ่งนี้ อียิวถูกขยี้จนหมดทางหนี เรื่องราวมันไม่ไปไหนดอก มันแค่หนังม้วนเดิมที่เล่นปาหี่หลอกควายโลกไปวันวัน จุดเปลี่ยนถึงต้องมี เพราะเค้ารออยู่ ว่าใครจะงัดมินิคุ๊กกี้ใช้ก่อนกัน สงคราม จะวัดกันที่ความได้เปรียบ เสียเปรียบ แผนการที่กดศัตรูอยู่หมัด บีบให้เดินในทางที่ตนวางเอาไว้ต่างหากล่ะ? โลกอาหรับมีเงินเยอะ มีเทคโนโลยีชั้นสูงไม่ต่างจากเหี้ยเลย เพราะกูมีน้ำมัน แก็ส รวยรายวัน ไม่แปลกหากจะลงขันเก็บอียิว มรึงคิดเหรอว่า ข่าวที่รั่วจากเยรูซาเล็มบ่อยครั้ง เป็นเพราะมันมีหนอนบ่อนไส้ภายใน ฮามาส ทำไมชนะศึกกาซ่าราบคาบ เพราะคนในเป็นสายให้ไงล่ะ? เมื่อคนในเป็นสาย ก็สามารถให้ข่าว และปล่อยข่าวได้เช่นกัน อยู่ที่มรึงจะสับขาหลอกยังไง? ขำเอาไว้ว่า การเสียชีวิตของผู้นำ มันไม่มีทางปิดบังกันง่ายดอก หากมรึงแน่ขนาดนั้น มรึงคงทำสำเร็จไปนานแล้ว ไม่ต้องรอมาถึงวันนี้ การรีบให้รายงานการเสียชีวิตทันที มันมิใช่เรื่องปกติของสงครามดอกน่ะ มันง่ายเกินปุยมุย? มรึงยิงปุ๊บ กูตายปั๊บ มรึงประกาศผลงานไม่ทันไร กูชิงประกาศยอมรับซะงั้น เหมือนตั้งใจมาเต็มเหนี่ยว นี่แหละ ที่น่ากลัว! เพราะอียิวไม่มีทางรู้ได้เลยว่า กำลังจะล่อหนักทางไหน? เดาทางยาก นี่สิ คือกลยุทธสงครามปลายเปิด ให้มรึงเดาทางไปจนกว่าเส้นเลือดสมองแตกตาย? คาเมเนอี ไม่ธรรมดาดอกน่ะ ผู้นำจิตวิญญาน เค้าย่อมรู้ดีว่า "อะไรจะเกิดขึ้น และอะไรจะตามมา" ไม่แน่ ไอ้ที่ควายโลกเครียดกันอยู่ อาจจะเป็นแค่ละครฉากนึงที่ทั้ง 2 ฝ่ายจัดฉากขึ้นมา เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันอย่างใด อย่างนึงก็ได้ โลกคือละคร บอกแล้ว

    ปล.เกมส์บดขยี้ กำลังอยู่ในช่วงพีค เยเมนซัดขีปนาวุธจมเรือรบเหี้ยมะกัน 3 ลำฉลุย ยิงฝ่าแนวป้องกันภัยถล่มฐานทัพเหี้ยที่ราบสูงโกลานต่ออีก นี่ไง ภาพที่มันจะบ่งบอกว่า อียิวถูกลงแขกอยู่ ภาพที่อียิวไม่อยากให้โลกรู้ความจริง ว่าหลังชนฝาแล้ว สื่อเหี้ยทั้งโลก ตอแหลทุกวันเช้าเย็น ต้นทาง REUTER มั่วข่าวจนมึนซะเอง ลืมไปว่าเมื่อวานพูดอะไรเอาไว้ ไม่ต้องเชื่อใครทั้งนั้น ให้ดูผลลัพธ์ของการกระทำ ให้ดูภาพใหญ่ ว่าโลกเดินไปทางไหน? ใครควบคุมเกมส์อยู่หมัด? ใครสั่งใครได้จริง? เข้าใจหมากเกมส์โลกยัง? ทั้งหมดเพื่อชงให้เกิด WWIII ไงล่ะ? แต่มันเป็นของปลอม เพราะโลกไล่กระทืบเหี้ยฝ่ายเดียว ฝั่งเหี้ยมีแต่คนหนี ฝั่งคนมีแต่คนเข้า มันชนะอยู่แล้ว แค่ทำให้จบขบวนความ และตั้งกติกาโลกกันใหม่ ทุกอย่าง โมเมตั่มไปทางเดียวกันหมด โลกมี BRICS นำหน้าแล้ว เรื่องอียิวกับปาเลสไตน์ มันต้องมีวันจบ มติโลกมาแล้ว สันนิบาตอาหรับมาแล้ว อียิวทำได้แค่ก่อสงครามใหญ่ โดยยั่วยุชาติมุสลิมให้เข้ามาร่วมวง แต่อิหร่านรู้ทัน จัดการเฉพาะพื้นที่ จัดการเฉพาะผู้ขัดแย้งผลประโยชน์ ยังไม่ให้แอฟริกา ลาติน ยุโรป เอเซีย เข้ามายุ่งมากกว่านี้ แค่คอยแบ็คอีพก็พอ? หากถามหมี ว่าแท้จริงแล้ว อิหร่านต้องการยังไง? จะจบยังไง? ตอบได้แค่ว่า "งานนี้ไม่รีบ" เอาถึงตาย ตายแบบไม่มีวันได้ฟื้นขึ้นอีก เอาให้สิ้นชื่อ สูญพันธุ์ ตัวละครลับ เริ่มโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ การตายของผู้นำหลายคน หลายฝ่าย มันมีข้อสงสัยมากจนผิดปกติ ทุกคำตอบย่อมมีคำถาม และทุกคำถามย่อมหาคำตอบได้ ด้วยสติ ปัญญา! อย่าตามเพื่อเชื่อเค้า แต่จงคิดไตร่ตรองด้วยตัวเอง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำ มันเพื่อใคร? ใครได้ประโยชน์สูงสุด? ยังมีแผนสับขาหลอกอีกเยอะ ตราบใดที่สงครามยังไม่แตกหักขั้นสูงสุด ไพ่เด็ดมักจะออกมาตอนท้ายเสมอ อิหร่านยังมีอะไรซ่อนอีกเยอะ อาวุธปรมาณูก็มี ระบบป้องกันภัย S-400 ก็มี SU-35 ก็มีเป็นฝูง ดาวเทียมอัจฉริยะก็มี มาไกลซะขนาดนี้ มรึงคิดว่าอิหร่านจะยอมโง่ตายห่าฟรี แค่ขีปนาวุธกระจอกๆ ลูกนึงเหรอ? ตื่นๆๆๆๆ มันมีเงื่อนงำเสมอ

    หมี CNN(เท็จคือจริง จริงคือเท็จ ไม่มีใครบอกใครได้ แผนซ้อนแผนใช้กันมากในยามสงครามที่ควันตลบอบอวน ยิ่งศัตรูหลงทาง ยิ่งจัดการได้ง่าย ขีปนาวุธอียิว บินรบอียิว มรึงคิดว่าอิหร่านมีด้อยกว่าเหรอไง? บางครั้งแกล้งแพ้บ้าง เพื่ออรรถรส เวลาพลิกกระดานครั้งเดียว เหี้ยตายหมดทั้งหน้าตัก มันเจ็บจี๊ดกว่าเยอะ สงครามดูตอนจบ ใครเค้าดูตอนเริ่มกันล่ะ? ยังอีกยาว ไม่ต้องรีบเครียด ดูให้ขำขำ เหมือนดูละครซีรีย์ไปซะ เดี๋ยวก็ชิน พรุ่งนี้ คาเมเนอีตาย ปูตินตาย สีจิ้นผิงตาย ยิวครองโลก อเมริกาชนะ กู้โลกเน่าสำเร็จ ตื่นซะน่ะ ความจริงมีแค่ 1 เดียว คือพวกมรึงคือ "ไอ้ขี้แพ้" กระจอกของจริง)
    29 กย. 67
    17.47 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172760703303882109
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    29-09-67/04 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.2 "นาสรัลเลาะห์" ผู้นำเฮซบอเลาะห์ตายห่าแย้ว! ทำไงดี! อียิวแสบจัด มันเก่งจุงเบย ว๊ายๆ ช่วยตื่นตูมที! กูถามหน่อย "สงครามข่าวสาร" มาเป็นปีปี มีทั้งจริงและหลอก รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากมันเนี่ยแหละ? ดูภาพรวมให้ออก ตะวันออกกลางกำลังจะทำอะไร? ดูสเตปที่ผ่านมาจะเข้าใจเกมส์ สุไลมานีตาย ไรซีตาย ผู้นำฮามาสตาย มา "นาสรัลเลาะห์" ตายต่อ แล้วใครจะตายห่าอีก "คาเมเนอีเหรอ?" ถามคำเดียว สู้กับยิวเหี้ยไซออนนิสต์ แผนลอบฆ่าผู้นำ หน่วยข่าวกรองรู้มาเป็นชาติแล้ว เค้าระวังตัวและรัดกุมมาโดยตลอด ที่มาของแผนสับขาหลอก โยกไปอยู่เบื้องหลัง เอาหุ่นเชิดมาแทน กูเอ๊ะใจตั้งแต่เลือกสถานที่พัก ที่ประชุมแล้ว มันโล่งโจ่งเด่นชัดเกิน โจมตีง่ายปุยมุย? โลกของสงคราม มันซับซ้อนกว่าที่มรึงคิดไว้เยอะ มรึงรู้มั้ยว่า ตัวผู้นำระดับโลกแท้จริง มีตัวโคลนกี่ตัว ทุกชาติต่างมีตัวโคลน เพื่อจัดฉากการตายทั้งนั้น หากอียิ;มันไล่ฆ่าผู้นำที่ผ่านมาได้จริง ป่านนี้ มันชนะศึกไปนานแล้ว ทำไม นานวันยิ่งสู้ ยิ่งตายเกลื่อน ถูกลงแขกยับเยินทุกวัน เพราะอิหร่านใช้ประโยชน์จากแผนซ้อนแผนเนี่ยแหละ มรึงดูรัสเซียก็พอ พอพริโกซินตายปลอมกลายร่างเป็นผีน้อยคิวทาโร่ปุ๊บ ทุกอย่างดูง่ายดาย ผ่านฉลุย ไม่ต้องกังวลเหี้ยอะไรอีก สั่งการตรงได้ ไปไหนมาไหนสะดวกโยธิน กลายเป็นผีตัวจริง แม้แต่เงายังหาไม่เจอ สูตรเดียวกันหมด อิหร่านก็เดินแผนเฉดเช่นเดียวกับ WAGNER กะอีแค่ข่าวยิงถล่มขีปนาวุธใส่ฐานบัญชาการ และเฮซบอเลาะห์ อิหร่าน รีบออกมายื่นยันการเสียชีวิตทันทีก็ชัดแล้ว ทำไมต้องรีบตาย มันคือน้ำมันชั้นดี ที่มีเอาไว้ราดไฟไงล่ะ ไฟที่จะทำให้ชาติมุสลิมรวมตัวต่อกันติดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็โยนบาปให้อียิวเป็นแพะทันที เพราะมันเข้าใจว่ามันคือผู้สั่งหาร พ่วงใบเสร็จชำระแค้นสะดวกโยธินบูรณะ! ถามกลับ ห้องลับมีมุย? ห้องใต้ดินมีมุย? SAFE HOUSE มีกันทุกชาติ ใครเค้าจะบอกมรึงว่ากูอยู่ตรงไหน? ใครให้ข่าว ใครปล่อยข่าวลวง ชี้เป้าให้อียิวถล่ม สายลับ หนอนบ่อนไส้ ก็ถูกหลอกใช้ได้เช่นกัน ตายต้องเห็นศพ เคยเห็นศพ ตัวจริงมั้ยล่ะ มีแต่ภาพข่าว รายการตามกันมาทั้งนั้น ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่า ทำไมมันตายง่าย ตายถี่ ได้เยี่ยงนี้ ผิดปกติไปป่ะ? ก็หมีบอกไปเป็นชาติแล้วว่า "โลกการละคร" บทไม่เนียน โลกก็ไม่เคลื่อนไหวน่ะสิ? สรุปคือ อิหร่านและพันธมิตร กำลังจะใช้ข่าวลวง เพื่อโยกย้ายบุคคลสำคัญลงใต้ดิน(อยู่หลังฉาก)ให้หมด เพื่อง่ายต่อการบัญชาการ ส่งหุ่นเชิดออกหน้าแทน ย้ำว่า "ตัวโคลนมีกันทุกชาติ" มรึงดูอีทรัมปป์ อีเอ๋อ ก็พอ ภาพที่เอามาแฉตามโซเชี่ยล จับพิรุจกันอย่างเมามันส์ กลยุทธเค้ามีไว้สับขาหลอก อ่านง่ายจะเรียกสงครามเหรอ? ดูเกมส์ให้ดูภาพใหญ่ อย่าตามภาพย่อย มรึงจะหลงทาง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าใครตาย? แต่อยู่ที่ผลลัพธ์นั้นส่งผลกระทบต่ออะไรต่างหาก? อียิวมันจนตรอกแล้ว มันทำทุกอย่างได้หมดทุกเรื่องที่มวลมนุษยชาติไม่กล้าทำ? ไม่งั้นโลกจะสำเร็จตามแผนขั้วใหม่ที่วางเอาไว้เหรอ โดดเดียวสหรัฐ อังกฤษ NATO อิสราเอล ทุกอย่างมาตามนัดเป๊ะเด๊ะ! สรุปคือจะตายจริง ตายหลอก แต่เป้าหมายโลกอาหรับสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว ดึงโลกมาประณามอิสราเอล ดึงโลกมาลงแขกอียิวสลัดหมา ยิวไม่เหลือชิ้นดี กลายเป็นชาติพันธุ์หิวกระหายสงคราม และนั่นยิ่งทำให้ปาเลสไตน์ถูกโลกอุ้มง่ายยิ่งขึ้น ถามจริง? มรึงก็เห็นเต็มตาว่าขีปนาวุธเยเมนไล่ฆ่าเหี้ยไอ้อีที่ว่าแน่ตายห่าหมด แล้วทำไม ไม่รีบเผด็จศึกเยรูซาเล็ม ที่แผ่นดินเท่าเหมี๋ยวดิ้นตายให้จบๆ ไปเลยล่ะ? ระดับโลกเค้าวางแผนหลายชั้น หากจัดการได้ง่ายจริง คงไม่ต้องมาพูดกันให้เยอะในวันนี้ ฆ่ายิวไม่ยาก แต่จะฆ่าเผ่าพันธุ์ทั้งโคตรยิว รวมถึงแหล่งรายได้มันทั้งหมดได้จริง มรึงต้องให้ทั้งโลกร่วมมือกัน นี่คือคีย์ของเรื่องนี้ ไอ้ที่ทำมาทั้งหมด เพื่อให้โลกรวมตัวต่อต้านอียิวเหี้ยเป็นเอกฉันท์ นั่นแหละ มรึงถึงจะชนะสงครามแท้จริง! ขอบอกว่า อิหร่านฉลาดกว่านั้นเยอะ "คาเมเนอี" ก็มีตัวโคลนเช่นกัน ดังนั้น หากจะตายซ้อน ต้องเป็นเรื่องที่พลิกเกมส์เท่านั้น อิหร่านไม่ใช่ควาย ที่ให้อียิวมันมาเจาะง่ายๆ ไม่งั้นตกเป็นเมืองขึ้นยิวนานแล้ว ยังสู้มาได้จนถึงวันนี้ ทีมห้องสีขาว กุนซือ เกจิดัง ธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ? หากยังไม่ตกผลึกกับสงครามข่าวสาร เชื่อทุกอย่างที่เห็น มรึงก็จะกลายเป็นเหยื่อซะเอง? สติมี ปัญญาเกิด ลองคิดตามหมีดูเอง และพิจารณาด้วยตัวเอง ว่าอะไรคือจริง อะไรคือเท็จ ภาพรวมเป็นยังไง การกระทำมันฟ้องหมดแล้ว เอาล่ะ? ไม่ต้องสนใจว่าใครจะตายห่าอีก นั่นแค่ผงชูรส แก่นแท้อยู่ที่ อิสราเอลจะสิ้นชาติพันธุ์ได้ยังไง? สิ่งที่อิหร่านทำอยู่ มันคือการเปิดหน้าร่างจริงของอียิวอยู่ และนั่นจะยิ่งให้โลกปฎิเสธยิวมากยิ่งขึ้น จนจำไปสู่การสิ้นชาติ สูญพันธุ์ เปลี่ยนร่างใหม่ ชื่อใหม่ เหมือนที่มันเคยทำมาก่อน ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย? อียิวมันอยู่มาได้เป็น 1000 ปี หากไม่เหี้ยจริง เอาตัวไม่รอดดอก? มาตามนัด! คาเมเนอี ได้ที "ปลุกเร้า" ชาวเปอร์เซีย อาหรับ มุสลิม งานนี้ต้องกฐินผ้าป่าชุดใหญ่ ไปพร้อมกันหมดทั้งโลก ลงแขกอียิวจนขี้แตก อย่าให้เหลือแม้แต่ศพ เอาให้ระเหยไปในอากาศสิ้นชาติ สูญพันธุ์ กันไปเลย? บทมันส่งให้ผู้นำแห่งศรัทธา "คาเมเนอี" ชัดเจน! วันนี้ อียิวปล่อยข่าวลวง ว่าชนะ พรุ่งนี้ อียิวตายโหงเพิ่ม พรุ่งนี้ อียิวปล่อยข่าวลอบสังหารเพิ่ม พรุ่งนี้ อียิวถูกขยี้จนหมดทางหนี เรื่องราวมันไม่ไปไหนดอก มันแค่หนังม้วนเดิมที่เล่นปาหี่หลอกควายโลกไปวันวัน จุดเปลี่ยนถึงต้องมี เพราะเค้ารออยู่ ว่าใครจะงัดมินิคุ๊กกี้ใช้ก่อนกัน สงคราม จะวัดกันที่ความได้เปรียบ เสียเปรียบ แผนการที่กดศัตรูอยู่หมัด บีบให้เดินในทางที่ตนวางเอาไว้ต่างหากล่ะ? โลกอาหรับมีเงินเยอะ มีเทคโนโลยีชั้นสูงไม่ต่างจากเหี้ยเลย เพราะกูมีน้ำมัน แก็ส รวยรายวัน ไม่แปลกหากจะลงขันเก็บอียิว มรึงคิดเหรอว่า ข่าวที่รั่วจากเยรูซาเล็มบ่อยครั้ง เป็นเพราะมันมีหนอนบ่อนไส้ภายใน ฮามาส ทำไมชนะศึกกาซ่าราบคาบ เพราะคนในเป็นสายให้ไงล่ะ? เมื่อคนในเป็นสาย ก็สามารถให้ข่าว และปล่อยข่าวได้เช่นกัน อยู่ที่มรึงจะสับขาหลอกยังไง? ขำเอาไว้ว่า การเสียชีวิตของผู้นำ มันไม่มีทางปิดบังกันง่ายดอก หากมรึงแน่ขนาดนั้น มรึงคงทำสำเร็จไปนานแล้ว ไม่ต้องรอมาถึงวันนี้ การรีบให้รายงานการเสียชีวิตทันที มันมิใช่เรื่องปกติของสงครามดอกน่ะ มันง่ายเกินปุยมุย? มรึงยิงปุ๊บ กูตายปั๊บ มรึงประกาศผลงานไม่ทันไร กูชิงประกาศยอมรับซะงั้น เหมือนตั้งใจมาเต็มเหนี่ยว นี่แหละ ที่น่ากลัว! เพราะอียิวไม่มีทางรู้ได้เลยว่า กำลังจะล่อหนักทางไหน? เดาทางยาก นี่สิ คือกลยุทธสงครามปลายเปิด ให้มรึงเดาทางไปจนกว่าเส้นเลือดสมองแตกตาย? คาเมเนอี ไม่ธรรมดาดอกน่ะ ผู้นำจิตวิญญาน เค้าย่อมรู้ดีว่า "อะไรจะเกิดขึ้น และอะไรจะตามมา" ไม่แน่ ไอ้ที่ควายโลกเครียดกันอยู่ อาจจะเป็นแค่ละครฉากนึงที่ทั้ง 2 ฝ่ายจัดฉากขึ้นมา เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันอย่างใด อย่างนึงก็ได้ โลกคือละคร บอกแล้ว ปล.เกมส์บดขยี้ กำลังอยู่ในช่วงพีค เยเมนซัดขีปนาวุธจมเรือรบเหี้ยมะกัน 3 ลำฉลุย ยิงฝ่าแนวป้องกันภัยถล่มฐานทัพเหี้ยที่ราบสูงโกลานต่ออีก นี่ไง ภาพที่มันจะบ่งบอกว่า อียิวถูกลงแขกอยู่ ภาพที่อียิวไม่อยากให้โลกรู้ความจริง ว่าหลังชนฝาแล้ว สื่อเหี้ยทั้งโลก ตอแหลทุกวันเช้าเย็น ต้นทาง REUTER มั่วข่าวจนมึนซะเอง ลืมไปว่าเมื่อวานพูดอะไรเอาไว้ ไม่ต้องเชื่อใครทั้งนั้น ให้ดูผลลัพธ์ของการกระทำ ให้ดูภาพใหญ่ ว่าโลกเดินไปทางไหน? ใครควบคุมเกมส์อยู่หมัด? ใครสั่งใครได้จริง? เข้าใจหมากเกมส์โลกยัง? ทั้งหมดเพื่อชงให้เกิด WWIII ไงล่ะ? แต่มันเป็นของปลอม เพราะโลกไล่กระทืบเหี้ยฝ่ายเดียว ฝั่งเหี้ยมีแต่คนหนี ฝั่งคนมีแต่คนเข้า มันชนะอยู่แล้ว แค่ทำให้จบขบวนความ และตั้งกติกาโลกกันใหม่ ทุกอย่าง โมเมตั่มไปทางเดียวกันหมด โลกมี BRICS นำหน้าแล้ว เรื่องอียิวกับปาเลสไตน์ มันต้องมีวันจบ มติโลกมาแล้ว สันนิบาตอาหรับมาแล้ว อียิวทำได้แค่ก่อสงครามใหญ่ โดยยั่วยุชาติมุสลิมให้เข้ามาร่วมวง แต่อิหร่านรู้ทัน จัดการเฉพาะพื้นที่ จัดการเฉพาะผู้ขัดแย้งผลประโยชน์ ยังไม่ให้แอฟริกา ลาติน ยุโรป เอเซีย เข้ามายุ่งมากกว่านี้ แค่คอยแบ็คอีพก็พอ? หากถามหมี ว่าแท้จริงแล้ว อิหร่านต้องการยังไง? จะจบยังไง? ตอบได้แค่ว่า "งานนี้ไม่รีบ" เอาถึงตาย ตายแบบไม่มีวันได้ฟื้นขึ้นอีก เอาให้สิ้นชื่อ สูญพันธุ์ ตัวละครลับ เริ่มโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ การตายของผู้นำหลายคน หลายฝ่าย มันมีข้อสงสัยมากจนผิดปกติ ทุกคำตอบย่อมมีคำถาม และทุกคำถามย่อมหาคำตอบได้ ด้วยสติ ปัญญา! อย่าตามเพื่อเชื่อเค้า แต่จงคิดไตร่ตรองด้วยตัวเอง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำ มันเพื่อใคร? ใครได้ประโยชน์สูงสุด? ยังมีแผนสับขาหลอกอีกเยอะ ตราบใดที่สงครามยังไม่แตกหักขั้นสูงสุด ไพ่เด็ดมักจะออกมาตอนท้ายเสมอ อิหร่านยังมีอะไรซ่อนอีกเยอะ อาวุธปรมาณูก็มี ระบบป้องกันภัย S-400 ก็มี SU-35 ก็มีเป็นฝูง ดาวเทียมอัจฉริยะก็มี มาไกลซะขนาดนี้ มรึงคิดว่าอิหร่านจะยอมโง่ตายห่าฟรี แค่ขีปนาวุธกระจอกๆ ลูกนึงเหรอ? ตื่นๆๆๆๆ มันมีเงื่อนงำเสมอ หมี CNN(เท็จคือจริง จริงคือเท็จ ไม่มีใครบอกใครได้ แผนซ้อนแผนใช้กันมากในยามสงครามที่ควันตลบอบอวน ยิ่งศัตรูหลงทาง ยิ่งจัดการได้ง่าย ขีปนาวุธอียิว บินรบอียิว มรึงคิดว่าอิหร่านมีด้อยกว่าเหรอไง? บางครั้งแกล้งแพ้บ้าง เพื่ออรรถรส เวลาพลิกกระดานครั้งเดียว เหี้ยตายหมดทั้งหน้าตัก มันเจ็บจี๊ดกว่าเยอะ สงครามดูตอนจบ ใครเค้าดูตอนเริ่มกันล่ะ? ยังอีกยาว ไม่ต้องรีบเครียด ดูให้ขำขำ เหมือนดูละครซีรีย์ไปซะ เดี๋ยวก็ชิน พรุ่งนี้ คาเมเนอีตาย ปูตินตาย สีจิ้นผิงตาย ยิวครองโลก อเมริกาชนะ กู้โลกเน่าสำเร็จ ตื่นซะน่ะ ความจริงมีแค่ 1 เดียว คือพวกมรึงคือ "ไอ้ขี้แพ้" กระจอกของจริง) 29 กย. 67 17.47 น. https://linevoom.line.me/post/1172760703303882109 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • พรุ่งนี้รอชม live Streaming รายการความจริงมีเพียง1เดียว ที่ หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ครับพี่น้อง🥰😇🤘
    พรุ่งนี้รอชม live Streaming รายการความจริงมีเพียง1เดียว ที่ หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ครับพี่น้อง🥰😇🤘
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • ทำไงดี ว่าจะไปเรื่องอื่นบ้าง แต่ดันเจอลาสบอสซะงั้น ขอเป็นพรุ่งนี้นะ รอบนี้ ที่ว่าสุดนี่จะสุดกว่า คิงส์ฟันธง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ทำไงดี ว่าจะไปเรื่องอื่นบ้าง แต่ดันเจอลาสบอสซะงั้น ขอเป็นพรุ่งนี้นะ รอบนี้ ที่ว่าสุดนี่จะสุดกว่า คิงส์ฟันธง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    22
    0 Comments 0 Shares 1304 Views 0 Reviews
  • 🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผืว ตอน 01.🤠

    ในความประทับใจจดจำของทุกคน โดยทั่วไปแล้วคนอินเดียจะมีผิวคล้ำกว่า จริงๆ แล้วถ้าสังเกตให้ดีจะพบปรากฏการณ์น่าประหลาดใจ จะพบว่ามีคนผิวขาวจำนวนมากในอินเดีย และโดยทั่วไปแล้วคนผิวขาวเหล่านี้จะมีสถานะทางสังคมที่สูงกว่า

    หลายคนมีความอยากรู้อยากเห็น 😎ทำไมอินเดียถึงมีคนผิวขาว? คนผิวขาวเหล่านี้ในอินเดียมาจากไหน?😎

    🤯1. ชาวอารยันผู้พิชิต🤯

    ต้นกำเนิดของคนผิวขาวในอินเดียต้องเริ่มต้นจากประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของอินเดียก่อน

    ประมาณ 1,500 ปีที่แล้ว ชนเผ่าอารยันโบราณและทรงพลังอาศัยอยู่ใกล้กับเทือกเขาอูราล (Ural)ทางตอนเหนือ

    เนื่องจากชาวอารยันอาศัยอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นและมีรังสีอัลตราไวโอเลตที่ค่อนข้างอ่อน พวกเขาทั้งหมดจึงสูงและผิวขาว

    หลังจากผ่านหลังจากผ่านการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตอยู่รอดอย่างยากลำบากหลายปี พวกเขาก็กลายเป็นผู้กล้าหาญและดุดันก้าวร้าว และก่อให้เกิดประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

    เพื่อให้ได้สภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น ชาวอารยันอพยพไปตลอดทางโดยไม่เคยหยุดเพื่อหาที่ที่ดีที่สุดเพื่อความอยู่รอด พวกเขายึดครองภูดินแดนหนึ่งแล้วดินแดนหนึ่งเล่าด้วยกำลัง และถึงกับสถาปนาจักรวรรดิเปอร์เซียที่ทรงอำนาจอีกด้วย

    อย่างไรก็ตาม ชาวอารยันไม่พอใจกับความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิเปอร์เซีย และยังคงขยายอาณาเขตของตนต่อไป หลังจากการเดินทางบุกยึดครองอันยาวนาน พวกเขาก็มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์

    ชาวอารยันอาศัยพลังการรบอันแข็งแกร่งของพวกเขา และการสู้รบขนาดใหญ่ที่โหดร้ายมากมาย ในที่สุดก็เอาชนะชาวดราวิเดียน (Dravidians) ที่ปกครองอินเดียในขณะนั้นได้ในที่สุด และกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของอินเดีย

    ชาวอารยันที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มีความรู้สึกเหนือกว่าทางเชื้อชาติอย่างมาก ชาวอารยันเชื่อว่าผิวที่ขาวกระจ่างใสของพวกเขาดูดีกว่า ชาวดราวิเดียน(Dravidians)ในอินเดียมีผิวสีน้ำตาลดูน่าเกลียด และในทางจิตวิทยาแล้ว พวกเขาคิดว่าคนผิวขาวมีเกียรติ

    ผู้ปกครองชาวอารยันกังวลว่าชาวอารยันและชาวอินเดียอยู่ร่วมกันเป็นเวลานานจะสร้างความสับสนให้กับสายเลือดของตน หลังจากการวิเคราะห์โดยละเอียดแล้ว ระบบเชื้อชาติที่เหมาะสมสำหรับการปกครองก็ถูกกำหนดขึ้นเพื่อดำเนินการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ

    ชาวอารยันเกรงว่าเลือดของพวกเขาจะแปดเปื้อน จึงใช้คำสอนของพราหมณ์อธิบายความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ ลูกทั้งสี่ของพระเจ้าเป็นตัวแทนของสี่เผ่าพันธุ์ และมีระดับสูงและต่ำในบรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งหมด

    บุตรที่เติบโตจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าเป็นผู้มีเกียรติที่สุด พวกพราหมณ์ซึ่งเป็นวรรณะแรกซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่เประกอบพิธีถวายครื่องบูชาชั้นสูง

    เด็กๆ ที่เติบโตจากอ้อมแขนของเทพเจ้าคือ กษัตริย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของราชวงศ์และเจ้าหน้าที่ เด็กที่เติบโตจากขาของเทพเจ้าคือวรรณะที่สาม แพศย์ ซึ่งเป็นคนธรรมดาที่ทำงานด้านการเกษตรและหัตถกรรม เด็กที่เติบโตจากเท้าของเทพเจ้าคือ ศูทร วรรณะที่สี่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทาสและคนรับใช้

    นอกจากนี้ยังมี "วรรณะที่ห้า" ที่ไม่สามารถเรียกว่า "มนุษย์" หรือเรียกรวมกันว่าวรรณะ "จัณฑาล" และหน้าที่หลักของพวกเขาคือการทำความสะอาดสิ่งสกปรก

    ในแรกสุดของคำว่า วรรณะ หมายถึง สีผิว ชาวอารยันที่มีผิวขาวจะตรงกับวรรณะที่สูง และชาวอินเดียพื้นเมืองที่มีผิวสีเข้มจะหมายถึงวรรณะที่ต่ำ

    ในความเป็นจริง ระบบวรรณะเป็นการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ แต่ในขณะนั้นอินเดียซึ่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไม่มีความสามารถในการต่อต้านทำได้เพียงยอมรับการแบ่งแยกทางเชื้อชาตินี้เท่านั้น

    ระบบวรรณะกำหนดอย่างเคร่งครัดว่าเฉพาะคนวรรณะเดียวกันเท่านั้นที่สามารถรวมตัวกันและรับประทานอาหารร่วมกันได้ และคนวรรณะล่างไม่สามารถปรากฏตัวได้เมื่อคนวรรณะสูงกว่าเดินทางผ่านไปในที่นั้น

    สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่อนุญาตให้มีการแต่งงานระหว่างวรรณะที่แตกต่างกัน หากบุคคลในวรรณะที่สูงกว่าแต่งงานกับบุคคลในวรรณะที่ต่ำกว่า เขาจะถูกขับไล่ออกจากวรรณะบน และในกรณีที่ร้ายแรง เขาอาจถูกประหารชีวิต

    🤯2. การบูรณาการของเชื้อชาติอย่างต่อเนื่อง🤯

    ในการปกครองยุคแรกของชาวอารยันอำนาจทางการเมืองค่อนข้างเป็นเอกภาพ แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็เริ่มแตกแยกออกเป็นชนเผ่าต่างๆ เพื่อที่จะทำให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ชนเผ่าบางเผ่าจะรวมตัวกับชนเผ่าดราวิเดียน (Dravidian)ซึ่งมีศักภาพที่แข็งแกร่งทรงพลังเพื่อร่วมต่อสู้กับชนเผ่าอื่นๆ ที่เป็นศัตรู

    ผู้นำชนเผ่าดราวิเดียน (Dravidian)ซึ่งมีความดีความชอบในการรบเริ่มถูกจัดให้อยู่ในวรรณะสูง และเจ้าหน้าที่ของพวกเขาก็ถูกจัดเป็นวรรณะที่สองด้วย

    ชาวอารยันที่พ่ายแพ้การรบบางส่วนเริ่มถูกถอดออกจากวรรณะบน และถูกบังคับให้กลายเป็นสามัญชนในวรรณะที่สาม

    เพื่อให้ความสัมพันธ์ของพันธมิตรระหว่างชนเผ่ามีความแข็งแกร่งน่าเชื่อถือขึ้น ชาวอารยันวรรณะสูงจึงเริ่มแต่งงานกับชาวดราวิเดียน(Dravidian)วรรณะสูง สายเลือดค่อยๆ สับสนปนเป และเด็กที่มีเชื้อชาติผิวสีแทนก็เริ่มปรากฏตัวขึ้น

    พลเรือนอารยันบางส่วนเริ่มแต่งงานกับชาวดราวิเดียนเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้มีเด็กผสมเชื้อชาติผิวสีแทนจำนวนมาก

    ต่อมาอินเดียถูกยึดครองโดยชาวมาซิโดเนีย (Macedonians) เติร์ก (Turks) มองโกล (Mongols) ฯลฯ สีผิวของเชื้อชาติเหล่านี้อ่อนกว่าสีผิวของชนเผ่าดราวิเดียน(Dravidian)พื้นเมืองในอินเดีย ดังนั้น ผู้คนในวรรณะสูงในอินเดียจึงมีผิวขาวกว่าคนวรรณะต่ำ

    ปัจจุบันนี้ ในบรรดาคนชั้นวรรณะที่ร่ำรวยในอินเดีย ก็มีคนผิวขาวจำนวนมาก สาเหตุที่ผิวไม่ขาวเหมือนคนยุโรปก็เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตของอินเดียแรงกว่า และสีผิวจะเข้มขึ้นหลังโดนแดดเผา

    ด้วยการยกเลิกระบบเชื้อชาติในเวลาต่อมา สีผิวจึงไม่สอดคล้องกับวรรณะอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีวรรณะพราหมณ์ผู้สูงศักดิ์ที่มีผิวสีเข้ม และยังมีวรรณะศูทรวรรณะต่ำที่มีผิวขาวอีกด้วย

    ปัจจุบันสีผิวของชาวอินเดียไม่เพียงแต่เป็นสีขาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสีน้ำตาล สีดำ เป็นต้น โดยรวมแล้วดุแล้วมีความสลับซับซ้อน ผู้คนไม่ได้ตัดสินจากสีผิวเพียงอย่างเดียวในเรื่องวรรณะอีกต่อไป

    🥸โปรดติดตามบทความ#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผืว ตอน 02ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥸

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผืว ตอน 01.🤠 ในความประทับใจจดจำของทุกคน โดยทั่วไปแล้วคนอินเดียจะมีผิวคล้ำกว่า จริงๆ แล้วถ้าสังเกตให้ดีจะพบปรากฏการณ์น่าประหลาดใจ จะพบว่ามีคนผิวขาวจำนวนมากในอินเดีย และโดยทั่วไปแล้วคนผิวขาวเหล่านี้จะมีสถานะทางสังคมที่สูงกว่า หลายคนมีความอยากรู้อยากเห็น 😎ทำไมอินเดียถึงมีคนผิวขาว? คนผิวขาวเหล่านี้ในอินเดียมาจากไหน?😎 🤯1. ชาวอารยันผู้พิชิต🤯 ต้นกำเนิดของคนผิวขาวในอินเดียต้องเริ่มต้นจากประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของอินเดียก่อน ประมาณ 1,500 ปีที่แล้ว ชนเผ่าอารยันโบราณและทรงพลังอาศัยอยู่ใกล้กับเทือกเขาอูราล (Ural)ทางตอนเหนือ เนื่องจากชาวอารยันอาศัยอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นและมีรังสีอัลตราไวโอเลตที่ค่อนข้างอ่อน พวกเขาทั้งหมดจึงสูงและผิวขาว หลังจากผ่านหลังจากผ่านการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตอยู่รอดอย่างยากลำบากหลายปี พวกเขาก็กลายเป็นผู้กล้าหาญและดุดันก้าวร้าว และก่อให้เกิดประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ได้สภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น ชาวอารยันอพยพไปตลอดทางโดยไม่เคยหยุดเพื่อหาที่ที่ดีที่สุดเพื่อความอยู่รอด พวกเขายึดครองภูดินแดนหนึ่งแล้วดินแดนหนึ่งเล่าด้วยกำลัง และถึงกับสถาปนาจักรวรรดิเปอร์เซียที่ทรงอำนาจอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ชาวอารยันไม่พอใจกับความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิเปอร์เซีย และยังคงขยายอาณาเขตของตนต่อไป หลังจากการเดินทางบุกยึดครองอันยาวนาน พวกเขาก็มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ชาวอารยันอาศัยพลังการรบอันแข็งแกร่งของพวกเขา และการสู้รบขนาดใหญ่ที่โหดร้ายมากมาย ในที่สุดก็เอาชนะชาวดราวิเดียน (Dravidians) ที่ปกครองอินเดียในขณะนั้นได้ในที่สุด และกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของอินเดีย ชาวอารยันที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มีความรู้สึกเหนือกว่าทางเชื้อชาติอย่างมาก ชาวอารยันเชื่อว่าผิวที่ขาวกระจ่างใสของพวกเขาดูดีกว่า ชาวดราวิเดียน(Dravidians)ในอินเดียมีผิวสีน้ำตาลดูน่าเกลียด และในทางจิตวิทยาแล้ว พวกเขาคิดว่าคนผิวขาวมีเกียรติ ผู้ปกครองชาวอารยันกังวลว่าชาวอารยันและชาวอินเดียอยู่ร่วมกันเป็นเวลานานจะสร้างความสับสนให้กับสายเลือดของตน หลังจากการวิเคราะห์โดยละเอียดแล้ว ระบบเชื้อชาติที่เหมาะสมสำหรับการปกครองก็ถูกกำหนดขึ้นเพื่อดำเนินการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ ชาวอารยันเกรงว่าเลือดของพวกเขาจะแปดเปื้อน จึงใช้คำสอนของพราหมณ์อธิบายความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ ลูกทั้งสี่ของพระเจ้าเป็นตัวแทนของสี่เผ่าพันธุ์ และมีระดับสูงและต่ำในบรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งหมด บุตรที่เติบโตจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าเป็นผู้มีเกียรติที่สุด พวกพราหมณ์ซึ่งเป็นวรรณะแรกซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่เประกอบพิธีถวายครื่องบูชาชั้นสูง เด็กๆ ที่เติบโตจากอ้อมแขนของเทพเจ้าคือ กษัตริย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของราชวงศ์และเจ้าหน้าที่ เด็กที่เติบโตจากขาของเทพเจ้าคือวรรณะที่สาม แพศย์ ซึ่งเป็นคนธรรมดาที่ทำงานด้านการเกษตรและหัตถกรรม เด็กที่เติบโตจากเท้าของเทพเจ้าคือ ศูทร วรรณะที่สี่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทาสและคนรับใช้ นอกจากนี้ยังมี "วรรณะที่ห้า" ที่ไม่สามารถเรียกว่า "มนุษย์" หรือเรียกรวมกันว่าวรรณะ "จัณฑาล" และหน้าที่หลักของพวกเขาคือการทำความสะอาดสิ่งสกปรก ในแรกสุดของคำว่า วรรณะ หมายถึง สีผิว ชาวอารยันที่มีผิวขาวจะตรงกับวรรณะที่สูง และชาวอินเดียพื้นเมืองที่มีผิวสีเข้มจะหมายถึงวรรณะที่ต่ำ ในความเป็นจริง ระบบวรรณะเป็นการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ แต่ในขณะนั้นอินเดียซึ่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไม่มีความสามารถในการต่อต้านทำได้เพียงยอมรับการแบ่งแยกทางเชื้อชาตินี้เท่านั้น ระบบวรรณะกำหนดอย่างเคร่งครัดว่าเฉพาะคนวรรณะเดียวกันเท่านั้นที่สามารถรวมตัวกันและรับประทานอาหารร่วมกันได้ และคนวรรณะล่างไม่สามารถปรากฏตัวได้เมื่อคนวรรณะสูงกว่าเดินทางผ่านไปในที่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่อนุญาตให้มีการแต่งงานระหว่างวรรณะที่แตกต่างกัน หากบุคคลในวรรณะที่สูงกว่าแต่งงานกับบุคคลในวรรณะที่ต่ำกว่า เขาจะถูกขับไล่ออกจากวรรณะบน และในกรณีที่ร้ายแรง เขาอาจถูกประหารชีวิต 🤯2. การบูรณาการของเชื้อชาติอย่างต่อเนื่อง🤯 ในการปกครองยุคแรกของชาวอารยันอำนาจทางการเมืองค่อนข้างเป็นเอกภาพ แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็เริ่มแตกแยกออกเป็นชนเผ่าต่างๆ เพื่อที่จะทำให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ชนเผ่าบางเผ่าจะรวมตัวกับชนเผ่าดราวิเดียน (Dravidian)ซึ่งมีศักภาพที่แข็งแกร่งทรงพลังเพื่อร่วมต่อสู้กับชนเผ่าอื่นๆ ที่เป็นศัตรู ผู้นำชนเผ่าดราวิเดียน (Dravidian)ซึ่งมีความดีความชอบในการรบเริ่มถูกจัดให้อยู่ในวรรณะสูง และเจ้าหน้าที่ของพวกเขาก็ถูกจัดเป็นวรรณะที่สองด้วย ชาวอารยันที่พ่ายแพ้การรบบางส่วนเริ่มถูกถอดออกจากวรรณะบน และถูกบังคับให้กลายเป็นสามัญชนในวรรณะที่สาม เพื่อให้ความสัมพันธ์ของพันธมิตรระหว่างชนเผ่ามีความแข็งแกร่งน่าเชื่อถือขึ้น ชาวอารยันวรรณะสูงจึงเริ่มแต่งงานกับชาวดราวิเดียน(Dravidian)วรรณะสูง สายเลือดค่อยๆ สับสนปนเป และเด็กที่มีเชื้อชาติผิวสีแทนก็เริ่มปรากฏตัวขึ้น พลเรือนอารยันบางส่วนเริ่มแต่งงานกับชาวดราวิเดียนเพื่อความอยู่รอด ส่งผลให้มีเด็กผสมเชื้อชาติผิวสีแทนจำนวนมาก ต่อมาอินเดียถูกยึดครองโดยชาวมาซิโดเนีย (Macedonians) เติร์ก (Turks) มองโกล (Mongols) ฯลฯ สีผิวของเชื้อชาติเหล่านี้อ่อนกว่าสีผิวของชนเผ่าดราวิเดียน(Dravidian)พื้นเมืองในอินเดีย ดังนั้น ผู้คนในวรรณะสูงในอินเดียจึงมีผิวขาวกว่าคนวรรณะต่ำ ปัจจุบันนี้ ในบรรดาคนชั้นวรรณะที่ร่ำรวยในอินเดีย ก็มีคนผิวขาวจำนวนมาก สาเหตุที่ผิวไม่ขาวเหมือนคนยุโรปก็เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตของอินเดียแรงกว่า และสีผิวจะเข้มขึ้นหลังโดนแดดเผา ด้วยการยกเลิกระบบเชื้อชาติในเวลาต่อมา สีผิวจึงไม่สอดคล้องกับวรรณะอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีวรรณะพราหมณ์ผู้สูงศักดิ์ที่มีผิวสีเข้ม และยังมีวรรณะศูทรวรรณะต่ำที่มีผิวขาวอีกด้วย ปัจจุบันสีผิวของชาวอินเดียไม่เพียงแต่เป็นสีขาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสีน้ำตาล สีดำ เป็นต้น โดยรวมแล้วดุแล้วมีความสลับซับซ้อน ผู้คนไม่ได้ตัดสินจากสีผิวเพียงอย่างเดียวในเรื่องวรรณะอีกต่อไป 🥸โปรดติดตามบทความ#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผืว ตอน 02ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥸 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • 🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠

    🤯สาม การพลิกกลับ🤯

    สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม

    เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด

    ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น

    ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก

    ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก

    สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม

    ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม

    แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต

    เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้

    อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้

    เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง

    ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น

    แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี

    ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก

    🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯

    อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน

    ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้

    บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา

    ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้

    ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน

    😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎

    เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน

    ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง

    สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง

    ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠 🤯สาม การพลิกกลับ🤯 สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้ เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก 🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯 อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้ บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้ ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน 😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎 เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • มาดูมุมนี้ พวกมันแอบแฝงใช้สัญลักษณ์ผ่านคำสั่งลงไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชามันเป็นอันมาก กิจการเอกชนสนองรับนโยบายเต็มที่เพราะสมุนขี้ข้ามันเต็ม บางคนอาจเคยเห็นตรึมในสถานที่ราชการ วงกลมสีรุ้ง และเล่นแนวสีรุ้งอยู่พักหนึ่ง โลโก้bricsเองยังไปทำเป็นสีรุ้งสไตล์คนหลายเพศอีกนัยยะซาตานสื่อ,ที่แซวๆกันว่าพวกสีรุ้งชูป้ายสนับสนุนคนสีรุ้งโน้น ระบุเพศชายหรือหญิงชัดเจนไม่ยอมให้ทำล่ะ,พวกอีลิทคือภัยมั่งคงของโลก แม้คนอเมริกาที่ตื่นรู้ยังต่อต้านพวกมัน.,พวกนี้มันแรปทีเลี่ยนจริงๆ อายุก็มากกว่าคนเราปกติ เทคโนโลยีมันก็ล้ำ อาจลงอ่างชุบความสาวสวยหล่อคืนมาแบบหนังเรื่องจูปิเตอร์ก็ได้,เก็บเกี่ยวมนุษย์บนโลกนี้ไปทำของเหลวค้าขายทั่วจักรวาลเลย,ดวงดาวบางดวง ที่วิวัฒนาการล้ำโคตรๆกว่าดาวโลกเรา ยังเข้าไปเก็บเกี่ยวจนไม่มีมนุษย์สักคนบนโลกดวงดาวนั้น,ทิ้งความล้ำๆล้ำสมัยนั้นๆให้ใครผ่านดาวดวงนั้นดูวัตถุล้ำๆกันเล่นๆมั้งก็ว่า.
    ..ค่าจริงความจริง จริงๆต้องมี.
    ..เราชาวโลกต้องจบค่าจริงสู่ความจริงอย่างเปิดเผยได้แล้วจริงๆ,จะมัวให้พวกนี้ปกครองโลกตลอดกาลจริงๆเหรอ.
    มาดูมุมนี้ พวกมันแอบแฝงใช้สัญลักษณ์ผ่านคำสั่งลงไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชามันเป็นอันมาก กิจการเอกชนสนองรับนโยบายเต็มที่เพราะสมุนขี้ข้ามันเต็ม บางคนอาจเคยเห็นตรึมในสถานที่ราชการ วงกลมสีรุ้ง และเล่นแนวสีรุ้งอยู่พักหนึ่ง โลโก้bricsเองยังไปทำเป็นสีรุ้งสไตล์คนหลายเพศอีกนัยยะซาตานสื่อ,ที่แซวๆกันว่าพวกสีรุ้งชูป้ายสนับสนุนคนสีรุ้งโน้น ระบุเพศชายหรือหญิงชัดเจนไม่ยอมให้ทำล่ะ,พวกอีลิทคือภัยมั่งคงของโลก แม้คนอเมริกาที่ตื่นรู้ยังต่อต้านพวกมัน.,พวกนี้มันแรปทีเลี่ยนจริงๆ อายุก็มากกว่าคนเราปกติ เทคโนโลยีมันก็ล้ำ อาจลงอ่างชุบความสาวสวยหล่อคืนมาแบบหนังเรื่องจูปิเตอร์ก็ได้,เก็บเกี่ยวมนุษย์บนโลกนี้ไปทำของเหลวค้าขายทั่วจักรวาลเลย,ดวงดาวบางดวง ที่วิวัฒนาการล้ำโคตรๆกว่าดาวโลกเรา ยังเข้าไปเก็บเกี่ยวจนไม่มีมนุษย์สักคนบนโลกดวงดาวนั้น,ทิ้งความล้ำๆล้ำสมัยนั้นๆให้ใครผ่านดาวดวงนั้นดูวัตถุล้ำๆกันเล่นๆมั้งก็ว่า. ..ค่าจริงความจริง จริงๆต้องมี. ..เราชาวโลกต้องจบค่าจริงสู่ความจริงอย่างเปิดเผยได้แล้วจริงๆ,จะมัวให้พวกนี้ปกครองโลกตลอดกาลจริงๆเหรอ.
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๐๘ น.
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องใน “วันมหิดล” ประจำปี ๒๕๖๗ ณ โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
    เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง ศาสตราจารย์อภิชาติ อัศวรมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศาสตราจารย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ศาสตราจารย์ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ ศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพุ่มดอกไม้ส่วนพระองค์ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพุ่มดอกไม้ส่วนพระองค์ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รองศาสตราจารย์ นันทกร ทองแตง รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและองค์กรสัมพันธ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กราบบังคมทูลรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้ให้การสนับสนุนการจัดงาน ผู้มีอุปการคุณ และผู้ทำคุณประโยชน์ แก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโล่ที่ระลึกและของที่ระลึกตามลำดับ สมควรแก่เวลา จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
    “วันมหิดล” ตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” และ “พระบิดาแห่งการสาธารณสุขไทย” ด้วยทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ทรงอุทิศกำลังพระวรกาย และพระปรีชาสามารถ ตลอดจนทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อการแพทย์ไทย ส่งผลให้กิจการแพทย์และสาธารณสุขของไทยเจริญก้าวหน้า อีกทั้งได้ประกาศยกย่องจากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ การแพทย์ การพยาบาลและการสาธารณสุข เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ในการวางรากฐานระบบการศึกษาที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ การสาธารณสุขของประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าตราบจนทุกวันนี้
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : พระลาน
    วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๐๘ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องใน “วันมหิดล” ประจำปี ๒๕๖๗ ณ โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง ศาสตราจารย์อภิชาติ อัศวรมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศาสตราจารย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ศาสตราจารย์ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ ศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพุ่มดอกไม้ส่วนพระองค์ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพุ่มดอกไม้ส่วนพระองค์ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รองศาสตราจารย์ นันทกร ทองแตง รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและองค์กรสัมพันธ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กราบบังคมทูลรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้ให้การสนับสนุนการจัดงาน ผู้มีอุปการคุณ และผู้ทำคุณประโยชน์ แก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโล่ที่ระลึกและของที่ระลึกตามลำดับ สมควรแก่เวลา จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ “วันมหิดล” ตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” และ “พระบิดาแห่งการสาธารณสุขไทย” ด้วยทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ทรงอุทิศกำลังพระวรกาย และพระปรีชาสามารถ ตลอดจนทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อการแพทย์ไทย ส่งผลให้กิจการแพทย์และสาธารณสุขของไทยเจริญก้าวหน้า อีกทั้งได้ประกาศยกย่องจากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ การแพทย์ การพยาบาลและการสาธารณสุข เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ในการวางรากฐานระบบการศึกษาที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ การสาธารณสุขของประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าตราบจนทุกวันนี้ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : พระลาน
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • #อธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อ(หลวงปู่ดู่)...
    #พรุ้งนี้วันพระ แรม ๗ ค่ำ เดือนสิบ (๑๐) ปีมะโรง ...
    #น้อมรวมบารมีหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า หลวงตาอ๋อย...
    #น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ ...
    #ธรรมนั้นดีแล้วอย่าหยุดธรรมเพียรอดทนให้ประเสริฐสุดให้แจ้งธรรม ...
    #กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ...
    #ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม ...
    #การให้ธรรมเป็นทานย่อมชนะการให้ทั้งปวง ...
    #คิดดี พูดดี ทำดี บันทึกสิ่งดีๆ แล้วจะได้สิ่งดีๆ...
    #กูดูกู มึงดูมึง...
    #หมั่นทำความดี ล่ะความชั่ว...
    #เกิดมาทำไม ทำไมต้องเกิด...
    #จะไปตามกรรม หรือจะไปตามใจ...
    #เกิดมาเพื่อสร้างบารมี ...
    #อธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อ(หลวงปู่ดู่)... #พรุ้งนี้วันพระ แรม ๗ ค่ำ เดือนสิบ (๑๐) ปีมะโรง ... #น้อมรวมบารมีหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า หลวงตาอ๋อย... #น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ ... #ธรรมนั้นดีแล้วอย่าหยุดธรรมเพียรอดทนให้ประเสริฐสุดให้แจ้งธรรม ... #กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ... #ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม ... #การให้ธรรมเป็นทานย่อมชนะการให้ทั้งปวง ... #คิดดี พูดดี ทำดี บันทึกสิ่งดีๆ แล้วจะได้สิ่งดีๆ... #กูดูกู มึงดูมึง... #หมั่นทำความดี ล่ะความชั่ว... #เกิดมาทำไม ทำไมต้องเกิด... #จะไปตามกรรม หรือจะไปตามใจ... #เกิดมาเพื่อสร้างบารมี ...
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • #thaitimes
    #พรุ่งนี้วันพระ
    #thaitimes #พรุ่งนี้วันพระ
    0 Comments 0 Shares 318 Views 0 Reviews
  • มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม

    ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน

    ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่”

    หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง

    ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา

    เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป

    สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่
    ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร

    แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่

    มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย

    มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้

    ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน

    คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย

    ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน

    มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์

    มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่” หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่ ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่ มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้ ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์
    Like
    Haha
    17
    1 Comments 0 Shares 791 Views 0 Reviews
More Results