“ชัยเกษม” เชื่อ นายกฯ เป็นคนเก่ง อยู่ครบเทอม (02/01/68) #news1 #รัฐบาลแพทองธาร #นายกฯอิ๊งค์
ค้นหา
ค้นพบผู้คนใหม่ๆ สร้างการเชื่อมต่อใหม่ๆ และรู้จักเพื่อนใหม่
- กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น!
- สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”, ฉายานายกฯ “แพทองโพย“ 7 รมต.ติดโผ ”บิ๊กอ้วน,อนุทิน,ทวี“ - พ่วง3รมต.โลกลืม
.
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้
.
ฉายารัฐบาล รัฐบาล“พ่อ“เลี้ยง
ด้วยความเป็น “พ่อ” ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ "ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA
เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ "พ่อคิด ลูกทำ"
และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง "มาม่า" พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัพที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย
.
1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
ฉายา แพทองโพย
ล้อมาจากชื่อของนายกฯ
“แพทองธาร” กับประเด็นดรามา "ไอแพด" คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบโนสนโนแคร์ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่
.
2.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
ฉายา สหายใหญ่ใส่บู๊ต
รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ไม่ขาด
“สหายใหญ่” ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ "บิ๊กอ้วน" แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่
"ท็อปบูต"นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบู้ตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนัก ถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ "นายกฯอิ๊งค์" อีกด้วย
.
3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย
ฉายา ภูมิใจขวาง
นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน “รัฐบาลแพทองธาร” สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของสส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่างพ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจาก
พรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้“รมต.หนู“จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร
.
4. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน
ฉายา พีระพัง
พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร“ ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์“คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน
ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี“คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ”ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน
.
5.พ.ต.อ.ทวี สอดส่องรมว.ยุติธรรม
ฉายา ทวีไอพี
ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น “ชั้น 14” ครองเตียง “วีไอพี” แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี
ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือ
แซ่ดเตรียมปูทางสำหรับ “วีไอพีหญิง“ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว
.
6.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ฉายา ประชาธิเป๋
แปะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไปๆมาๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ “เพื่อไทย” กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆยังไม่ชัดเจน
.
7.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม
ฉายา รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ
เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า "ขิง เอกนัฏ" คีย์แมนรทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใสๆ ภายใต้การนำของ"คนชินวัตร“ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยก
วาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน
.
8.น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ฉายา จิราพอ(ล)
จาก สส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. )แต่งานกลับเดินไปเนิบๆ
สังคมมาถึงบางอ้อว่ารมต.น้ำ นั่งคุมสคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป”และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้นรมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบๆ แบบสโลไลฟ์
.
กลุ่ม “รมต.โลกลืม”
นายสุชาติ ชมกลิ่นรมช.พาณิชย์
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์
ทั้ง3คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรดเอ ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้รมต.ที่เป็นประตูปูทาง
สร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงแต่เงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ทเครื่อง ตีปี๊บผลงาน รับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม
.
วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯแต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม
นายกฯชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ”ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ
.
คำตอบของนายกฯยังไม่ใช่เหตุผลที่ตรงใจชาวโซเชียล จึงไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุที่ไม่ลงใต้ เพราะภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไร้ที่นั่งสส.มานาน ถึงกับถามย้ำๆขอฟังชัดๆ จะลงใต้เมื่อไหร่ กระทั่งนายกฯกลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย ช่วงฝนเทภาคใต้รอบสอง จึงเปลี่ยนใจ บินลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 17 ธ.ค.2567 จากที่ตั้งใจจะลงไปในช่วงการฟื้นฟู
.
ขึ้นศักราชใหม่ หัวหน้ารัฐบาลประกาศ “โอกาสไทย ทำได้จริง” เป็นคำมั่นที่ประชาชน รอติดตาม
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122816
..............
Sondhi X
สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”, ฉายานายกฯ “แพทองโพย“ 7 รมต.ติดโผ ”บิ๊กอ้วน,อนุทิน,ทวี“ - พ่วง3รมต.โลกลืม . เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้ . ฉายารัฐบาล รัฐบาล“พ่อ“เลี้ยง ด้วยความเป็น “พ่อ” ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ "ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ "พ่อคิด ลูกทำ" และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง "มาม่า" พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัพที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย . 1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฉายา แพทองโพย ล้อมาจากชื่อของนายกฯ “แพทองธาร” กับประเด็นดรามา "ไอแพด" คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบโนสนโนแคร์ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่ . 2.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฉายา สหายใหญ่ใส่บู๊ต รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ไม่ขาด “สหายใหญ่” ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ "บิ๊กอ้วน" แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่ "ท็อปบูต"นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบู้ตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนัก ถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ "นายกฯอิ๊งค์" อีกด้วย . 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ฉายา ภูมิใจขวาง นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน “รัฐบาลแพทองธาร” สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของสส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่างพ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจาก พรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้“รมต.หนู“จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร . 4. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ฉายา พีระพัง พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร“ ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์“คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี“คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ”ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน . 5.พ.ต.อ.ทวี สอดส่องรมว.ยุติธรรม ฉายา ทวีไอพี ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น “ชั้น 14” ครองเตียง “วีไอพี” แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือ แซ่ดเตรียมปูทางสำหรับ “วีไอพีหญิง“ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว . 6.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉายา ประชาธิเป๋ แปะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไปๆมาๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ “เพื่อไทย” กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆยังไม่ชัดเจน . 7.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ฉายา รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า "ขิง เอกนัฏ" คีย์แมนรทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใสๆ ภายใต้การนำของ"คนชินวัตร“ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยก วาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน . 8.น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฉายา จิราพอ(ล) จาก สส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. )แต่งานกลับเดินไปเนิบๆ สังคมมาถึงบางอ้อว่ารมต.น้ำ นั่งคุมสคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป”และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้นรมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบๆ แบบสโลไลฟ์ . กลุ่ม “รมต.โลกลืม” นายสุชาติ ชมกลิ่นรมช.พาณิชย์ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์ ทั้ง3คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรดเอ ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้รมต.ที่เป็นประตูปูทาง สร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงแต่เงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ทเครื่อง ตีปี๊บผลงาน รับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม . วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯแต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม นายกฯชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ”ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ . คำตอบของนายกฯยังไม่ใช่เหตุผลที่ตรงใจชาวโซเชียล จึงไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุที่ไม่ลงใต้ เพราะภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไร้ที่นั่งสส.มานาน ถึงกับถามย้ำๆขอฟังชัดๆ จะลงใต้เมื่อไหร่ กระทั่งนายกฯกลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย ช่วงฝนเทภาคใต้รอบสอง จึงเปลี่ยนใจ บินลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 17 ธ.ค.2567 จากที่ตั้งใจจะลงไปในช่วงการฟื้นฟู . ขึ้นศักราชใหม่ หัวหน้ารัฐบาลประกาศ “โอกาสไทย ทำได้จริง” เป็นคำมั่นที่ประชาชน รอติดตาม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122816 .............. Sondhi X - ลูกหนี้ชั้นดี จ่ายภาษีบุคคลธรรมดา คือเดอะแบกของแผ่นดิน
น่าผิดหวังสำหรับโครงการคุณสู้เราช่วย มาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของกระทรวงการคลัง ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย กลายเป็นว่ามุ่งแก้ปัญหาหนี้เสียของสถาบันการเงินเท่านั้น เพราะคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้ที่มีหนี้เสีย ส่วนลูกหนี้ที่ดีชำระตรงเวลาไม่มียอดคงค้างกลับไม่ได้มรรคผลอะไรเลย ทั้งที่เศรษฐกิจซบเซา ค่าครองชีพสูงขึ้น ลูกหนี้ที่ดีซึ่งมีทั้งมนุษย์เงินเดือนและผู้ประกอบอาชีพอิสระกำลังจะไปไม่ไหวเช่นกัน
ที่ผ่านมาลูกหนี้ที่ดีส่วนหนึ่งเคยบอบช้ำจากโควิด-19 เจอเศรษฐกิจซบเซาในยุครัฐบาลแพทองธาร ชินวัตรอย่างต่อเนื่อง พยายามหาทางออกกับสถาบันการเงินเพื่อหวังจ่ายหนี้น้อยลง มีเงินไว้เสริมสภาพคล่อง แต่ก็ไม่ง่าย พนักงานธนาคารบางคนแนะให้ไปเป็นหนี้เสียก่อนค่อยคุยกันก็มี ทั้งที่ผ่านมาพยายามไม่ให้ตัวเองเสียเครดิต เจอแบบนี้ถึงกับไปไม่เป็น ที่น่าตลกก็คือมาตรการจ่าย ปิด จบ ช่วยลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาทเท่านั้น
ย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมา แบงก์ชาติออกแคมเปญโลกสวย เช่น คลีนิกแก้หนี้ มาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง แก้ปัญหาเฉพาะคนที่เริ่มเป็นหนี้เสีย ส่วนคนที่พยายามรักษาเครดิตนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังจะซ้ำเติม โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตเตรียมปรับอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ (Minimum Pay) จาก 8% เป็นอัตราปกติ 10% โดยอ้างว่าส่งผลดีปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น มนุษย์เงินเดือนเกือบกระอักเลือด โชคดีที่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ออกมาทักท้วงจึงเลื่อนออกไปเป็น 31 ธ.ค. 2568
อีกด้านหนึ่งประชากรไทยมี 66 ล้านคน ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด.) 14.1 ล้านคน แต่มีผู้เสียภาษีจริงเพียง 4.53 ล้านคน หรือ 32.2% มีรายได้ 3.99 แสนล้านบาท แม้จะมีคนอ้างภาษีกู เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แต่เป็นภาษีที่ถ้าไม่ซื้อก็ไม่ต้องจ่าย เทียบกันไม่ได้กับ ภงด.ที่บังคับต้องยื่นแบบ และถ้าต้องเสียภาษีก็ต้องจ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากจะไม่เคยได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว บางมาตรการรัฐก็ไม่มีสิทธิได้รับ
เช่น โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ตัดสิทธิผู้ที่มีรายได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท หรือเงินเดือน 70,000 บาทขึ้นไป ทั้งที่อาจเป็นเดอะแบกของครอบครัว เมื่อเสียภาษี ภงด.ก็หลายหมื่นบาทเข้าไปแล้ว หนำซ้ำยังตัดสิทธิผู้ที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 500,000 บาท ทั้งที่อาจเป็นเงินเก็บสำรอง เงินที่ครอบครัวฝากไว้ ไม่ได้เรียกว่ามีฐานะร่ำรวยเมื่อเทียบกับเงินฝาก 1-2 ล้านบาทที่ธนาคารอาจปรับสถานะให้เป็นลูกค้าพิเศษ
สุดท้ายได้แต่อดทนทำหน้าที่พลเมืองดีแบบที่ไม่มีใครเหลียวแล
#Newskitลูกหนี้ชั้นดี จ่ายภาษีบุคคลธรรมดา คือเดอะแบกของแผ่นดิน น่าผิดหวังสำหรับโครงการคุณสู้เราช่วย มาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของกระทรวงการคลัง ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย กลายเป็นว่ามุ่งแก้ปัญหาหนี้เสียของสถาบันการเงินเท่านั้น เพราะคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้ที่มีหนี้เสีย ส่วนลูกหนี้ที่ดีชำระตรงเวลาไม่มียอดคงค้างกลับไม่ได้มรรคผลอะไรเลย ทั้งที่เศรษฐกิจซบเซา ค่าครองชีพสูงขึ้น ลูกหนี้ที่ดีซึ่งมีทั้งมนุษย์เงินเดือนและผู้ประกอบอาชีพอิสระกำลังจะไปไม่ไหวเช่นกัน ที่ผ่านมาลูกหนี้ที่ดีส่วนหนึ่งเคยบอบช้ำจากโควิด-19 เจอเศรษฐกิจซบเซาในยุครัฐบาลแพทองธาร ชินวัตรอย่างต่อเนื่อง พยายามหาทางออกกับสถาบันการเงินเพื่อหวังจ่ายหนี้น้อยลง มีเงินไว้เสริมสภาพคล่อง แต่ก็ไม่ง่าย พนักงานธนาคารบางคนแนะให้ไปเป็นหนี้เสียก่อนค่อยคุยกันก็มี ทั้งที่ผ่านมาพยายามไม่ให้ตัวเองเสียเครดิต เจอแบบนี้ถึงกับไปไม่เป็น ที่น่าตลกก็คือมาตรการจ่าย ปิด จบ ช่วยลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาทเท่านั้น ย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมา แบงก์ชาติออกแคมเปญโลกสวย เช่น คลีนิกแก้หนี้ มาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง แก้ปัญหาเฉพาะคนที่เริ่มเป็นหนี้เสีย ส่วนคนที่พยายามรักษาเครดิตนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังจะซ้ำเติม โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตเตรียมปรับอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ (Minimum Pay) จาก 8% เป็นอัตราปกติ 10% โดยอ้างว่าส่งผลดีปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น มนุษย์เงินเดือนเกือบกระอักเลือด โชคดีที่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ออกมาทักท้วงจึงเลื่อนออกไปเป็น 31 ธ.ค. 2568 อีกด้านหนึ่งประชากรไทยมี 66 ล้านคน ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด.) 14.1 ล้านคน แต่มีผู้เสียภาษีจริงเพียง 4.53 ล้านคน หรือ 32.2% มีรายได้ 3.99 แสนล้านบาท แม้จะมีคนอ้างภาษีกู เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แต่เป็นภาษีที่ถ้าไม่ซื้อก็ไม่ต้องจ่าย เทียบกันไม่ได้กับ ภงด.ที่บังคับต้องยื่นแบบ และถ้าต้องเสียภาษีก็ต้องจ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากจะไม่เคยได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว บางมาตรการรัฐก็ไม่มีสิทธิได้รับ เช่น โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ตัดสิทธิผู้ที่มีรายได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท หรือเงินเดือน 70,000 บาทขึ้นไป ทั้งที่อาจเป็นเดอะแบกของครอบครัว เมื่อเสียภาษี ภงด.ก็หลายหมื่นบาทเข้าไปแล้ว หนำซ้ำยังตัดสิทธิผู้ที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 500,000 บาท ทั้งที่อาจเป็นเงินเก็บสำรอง เงินที่ครอบครัวฝากไว้ ไม่ได้เรียกว่ามีฐานะร่ำรวยเมื่อเทียบกับเงินฝาก 1-2 ล้านบาทที่ธนาคารอาจปรับสถานะให้เป็นลูกค้าพิเศษ สุดท้ายได้แต่อดทนทำหน้าที่พลเมืองดีแบบที่ไม่มีใครเหลียวแล #Newskit0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 602 มุมมอง 0 รีวิว - โผมหาดไทยป่วน ส่อเลื่อน! 7 ต.ค. ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ เก้าอี้เลขาฯ สมช.ยังอึมครึม
.
ย่างเข้าเดือนตุลาคม หลายหน่วยงานภาครัฐ เริ่มทยอยแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การทำงานเกิดสุญญากาศ ซึ่งปีนี้ ต้องถือว่า การทำโผแต่งตั้งบิ๊กข้าราชการ ล่าช้ากว่าทุกปี จากเหตุเรื่องการตั้งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กว่าจะเสร็จสิ้น เข้าทำงานได้ ก็ปาเข้าไปเกือบกลางกันยายน แต่ตอนนี้หลายหน่วยงานก็เร่งแล้ว
.
อย่างในส่วนของ”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”ก็เคาะออกมาแล้วว่า แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานก.ตร.โดยตำแหน่ง และต้องเป็นคนเสนอชื่อผบ.ตร.ต่อที่ประชุมก.ตร. ด้วยตัวเอง ได้นัดประชุมก.ตร. ในวันจันทร์ที่ 7ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งแรกของแพทองธาร และนัดแรกก็สำคัญเลย เพราะจะต้องเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ให้ก.ตร.เห็นชอบ ที่จะเป็นผบ.ตร.คนที่ 15
.
ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเต็งหนึ่ง หากดูจากลำดับอาวุโส ก็คือ บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. เกษียณอายุราชการปี 2569 โดยมีคู่ชิงอีกสองคน คือ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ส่วนจะเป็นใครเข้าวิน และจะมีอะไรพลิกโผหรือไม่ ก็รอติดตาม
.
ขณะที่ในส่วนของ”กระทรวงมหาดไทย”หลังมีข่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กับอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ที่จะเข้าเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการ วันอังคารที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเอาโผ แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กคลองหลอดร่วมสามสิบกว่าตำแหน่งตั้งแต่ รองปลัดกระทรวง-อธิบดี-ผวจ.ทั่วประเทศ เข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้ 1 ต.ค. แต่ล่าสุดลือกันว่า
“โผไม่ลงตัว”
.
เลยเลื่อนเอาเข้าครม.ไปเป็น 8 ต.ค.สัปดาห์หน้าโน่นเลย เพราะมีการปรับเปลี่ยนทำโผจากของเดิม ยุคปลัดเก่ง สุทธิพงษ์ จุลเจริญ บางตำแหน่งโดยเฉพาะผวจ.หลายจังหวัดทั่วประเทศ ที่อนุทิน ลงมาไล่เช็คประวัติการทำงานด้วยตัวเอง เลยทำให้ ต้องขยับออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์
.
เว้นแต่เคลียร์ลงตัวตอนค่ำและเช้าวันที่ 1 ต.ค.ถ้าเรียบร้อยดีก็อาจนำเข้า แต่ข่าวหลายกระแสบอกว่าน่าจะเลื่อน แล้วไปรอลุ้น 8 ต.ค.สำหรับสิงห์มหาดไทยทั่วประเทศ
.
ท่ามกลางข่าวลือว่าโผมีการปรับบางตำแหน่งเช่น จากเดิมที่จะให้ ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นอธิบดีกรมการปกครอง แล้วโยก “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์”ผวจ.บุรีรัมย์สายตรง เนวิน ชิดชอบ มาเป็นอธิบดีปภ.นั้น
ล่าสุดข่าวว่า โผพลิก โดยคนที่จะมาเป็นอธิบดีปภ.คนใหม่ ลือกันว่า เป็น ภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าฯปทุมธานี
.
แล้วเอา นฤชา ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ไปเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นแทน ขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่เหลืออายุราชการอีกหนึ่งปี จะโดนแขวนเป็น รองปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทยเป็นต้น
.
ทั้งหมด ทำให้โผเลยไม่ลงตัว จึงต้องเลื่อนเอาโผเข้าครม.ไปเป็นสัปดาห์หน้าแทน
.
ขณะเดียวกัน เก้าอี้”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ”คนใหม่ ที่จะมาแทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ถึงตอนนี้ ข่าวว่ายังไม่นิ่ง เพราะฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยและทำเนียบรัฐบาล จะรอให้แต่งตั้งบิ๊กตำรวจให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้น ค่อยมาพิจารณาเรื่องเลขาธิการสมช.
.
กระแสข่าวว่า รอบนี้ เลขาธิการสมช. มีสองสูตร คือเป็นลูกหม้อสมช. กับอีกสูตรคืออาจเป็นบิ๊กสีกากี ข้ามห้วยมา ปีนี้ ไม่น่าจะเป็นการเอาบิ๊กทหาร มาเป็นเลขาธิการสมช.อย่างที่มีข่าวลือตอนแรกว่าจะมาจากกระทรวงกลาโหม เว้นแต่ถ้าโผสีกากีลงตัว ก็อาจพลิกมาเป็นสองสูตรคือ คนในกับบิ๊กกองทัพ แต่ชั่วโมงนี้ข่าวว่า สีกากี ยังแรงอยู่
.
เรื่องนี้ทำให้ “อดีตเลขาธิการสมช.”อย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี ที่เคยทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเก้าอี้นายกฯมาแล้ว ในคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ออกมาระบุล่าสุด วันนี้ 30 ก.ย.ว่า
“มีข่าวออกมาอีกแล้ว ว่า…การแต่งตั้งทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจไม่ลงตัว หรือ มันอาจลงตัวตามระบบของมันแล้ว แต่คนกำกับอาจยังไม่พอใจ และอาจมีการแต่งตั้งระดับรอง ผบ สตช บางคนมาที่ สมช อีก ..เหมือนที่เคยดัน พล ต อ รอย อิงคไพโรจน์ มาเป็นเลขา สมช เมื่อปีที่ผ่านมา ตำแหน่ง เลขา สมช เป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบงานสำคัญของชาติ ไม่ใช่ ตำแหน่งสำรอง หรือใช้ รองรับคนที่อกหัก ผิดหวัง จากที่ใด ที่หนึ่ง
.
การแต่งตั้ง แบบข้ามห้วย อย่างนี้ มันสร้างปัญหาความไม่เป็นธรรม และความระส่ำระสายในราชการมาตลอด และมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ หรอกครับ นอกจากเพื่อประโยชน์ตน พวก พรรค ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางราชการ อย่างที่ผมพูดไว้แล้ว .. เพราะคนใน ทำงาน สะสมประสบการณ์ เครือข่ายมากว่า 30 กว่าปี กลับไม่แต่งตั้ง แต่กลับไปตั้งคนของตน หรือ ถ้าไม่ใช่ ก็เพื่อสับหลีกให้กับคนของตนที่อื่น ..
.
. ตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น ..,นั้นไม่ใช่บริษัท หรือกิจการส่วนตัวของใครๆ ที่จะบงการ หรือ แต่งตั้งกันตามอำเภอใจ .. ก็หวังว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจเหตุผล และไม่ทำอะไรผิดซ้ำไปซ้ำมาอีก”
.
ทั้งหมดคือภาพรวม การแต่งตั้งโยกย้ายระดับบิ๊กในสามองค์กรสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กระทรวงมหาดไทย-สภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่บอกได้เลยว่า ทุกตำแหน่งสำคัญ ยังไง ต้องให้ จันทร์ส่องหล้า เห็นชอบก่อน!!!
..............
Sondhi Xโผมหาดไทยป่วน ส่อเลื่อน! 7 ต.ค. ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ เก้าอี้เลขาฯ สมช.ยังอึมครึม . ย่างเข้าเดือนตุลาคม หลายหน่วยงานภาครัฐ เริ่มทยอยแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การทำงานเกิดสุญญากาศ ซึ่งปีนี้ ต้องถือว่า การทำโผแต่งตั้งบิ๊กข้าราชการ ล่าช้ากว่าทุกปี จากเหตุเรื่องการตั้งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กว่าจะเสร็จสิ้น เข้าทำงานได้ ก็ปาเข้าไปเกือบกลางกันยายน แต่ตอนนี้หลายหน่วยงานก็เร่งแล้ว . อย่างในส่วนของ”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”ก็เคาะออกมาแล้วว่า แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานก.ตร.โดยตำแหน่ง และต้องเป็นคนเสนอชื่อผบ.ตร.ต่อที่ประชุมก.ตร. ด้วยตัวเอง ได้นัดประชุมก.ตร. ในวันจันทร์ที่ 7ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งแรกของแพทองธาร และนัดแรกก็สำคัญเลย เพราะจะต้องเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ให้ก.ตร.เห็นชอบ ที่จะเป็นผบ.ตร.คนที่ 15 . ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเต็งหนึ่ง หากดูจากลำดับอาวุโส ก็คือ บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. เกษียณอายุราชการปี 2569 โดยมีคู่ชิงอีกสองคน คือ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ส่วนจะเป็นใครเข้าวิน และจะมีอะไรพลิกโผหรือไม่ ก็รอติดตาม . ขณะที่ในส่วนของ”กระทรวงมหาดไทย”หลังมีข่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กับอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ที่จะเข้าเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการ วันอังคารที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเอาโผ แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กคลองหลอดร่วมสามสิบกว่าตำแหน่งตั้งแต่ รองปลัดกระทรวง-อธิบดี-ผวจ.ทั่วประเทศ เข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้ 1 ต.ค. แต่ล่าสุดลือกันว่า “โผไม่ลงตัว” . เลยเลื่อนเอาเข้าครม.ไปเป็น 8 ต.ค.สัปดาห์หน้าโน่นเลย เพราะมีการปรับเปลี่ยนทำโผจากของเดิม ยุคปลัดเก่ง สุทธิพงษ์ จุลเจริญ บางตำแหน่งโดยเฉพาะผวจ.หลายจังหวัดทั่วประเทศ ที่อนุทิน ลงมาไล่เช็คประวัติการทำงานด้วยตัวเอง เลยทำให้ ต้องขยับออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์ . เว้นแต่เคลียร์ลงตัวตอนค่ำและเช้าวันที่ 1 ต.ค.ถ้าเรียบร้อยดีก็อาจนำเข้า แต่ข่าวหลายกระแสบอกว่าน่าจะเลื่อน แล้วไปรอลุ้น 8 ต.ค.สำหรับสิงห์มหาดไทยทั่วประเทศ . ท่ามกลางข่าวลือว่าโผมีการปรับบางตำแหน่งเช่น จากเดิมที่จะให้ ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นอธิบดีกรมการปกครอง แล้วโยก “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์”ผวจ.บุรีรัมย์สายตรง เนวิน ชิดชอบ มาเป็นอธิบดีปภ.นั้น ล่าสุดข่าวว่า โผพลิก โดยคนที่จะมาเป็นอธิบดีปภ.คนใหม่ ลือกันว่า เป็น ภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าฯปทุมธานี . แล้วเอา นฤชา ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ไปเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นแทน ขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่เหลืออายุราชการอีกหนึ่งปี จะโดนแขวนเป็น รองปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทยเป็นต้น . ทั้งหมด ทำให้โผเลยไม่ลงตัว จึงต้องเลื่อนเอาโผเข้าครม.ไปเป็นสัปดาห์หน้าแทน . ขณะเดียวกัน เก้าอี้”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ”คนใหม่ ที่จะมาแทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ถึงตอนนี้ ข่าวว่ายังไม่นิ่ง เพราะฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยและทำเนียบรัฐบาล จะรอให้แต่งตั้งบิ๊กตำรวจให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้น ค่อยมาพิจารณาเรื่องเลขาธิการสมช. . กระแสข่าวว่า รอบนี้ เลขาธิการสมช. มีสองสูตร คือเป็นลูกหม้อสมช. กับอีกสูตรคืออาจเป็นบิ๊กสีกากี ข้ามห้วยมา ปีนี้ ไม่น่าจะเป็นการเอาบิ๊กทหาร มาเป็นเลขาธิการสมช.อย่างที่มีข่าวลือตอนแรกว่าจะมาจากกระทรวงกลาโหม เว้นแต่ถ้าโผสีกากีลงตัว ก็อาจพลิกมาเป็นสองสูตรคือ คนในกับบิ๊กกองทัพ แต่ชั่วโมงนี้ข่าวว่า สีกากี ยังแรงอยู่ . เรื่องนี้ทำให้ “อดีตเลขาธิการสมช.”อย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี ที่เคยทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเก้าอี้นายกฯมาแล้ว ในคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ออกมาระบุล่าสุด วันนี้ 30 ก.ย.ว่า “มีข่าวออกมาอีกแล้ว ว่า…การแต่งตั้งทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจไม่ลงตัว หรือ มันอาจลงตัวตามระบบของมันแล้ว แต่คนกำกับอาจยังไม่พอใจ และอาจมีการแต่งตั้งระดับรอง ผบ สตช บางคนมาที่ สมช อีก ..เหมือนที่เคยดัน พล ต อ รอย อิงคไพโรจน์ มาเป็นเลขา สมช เมื่อปีที่ผ่านมา ตำแหน่ง เลขา สมช เป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบงานสำคัญของชาติ ไม่ใช่ ตำแหน่งสำรอง หรือใช้ รองรับคนที่อกหัก ผิดหวัง จากที่ใด ที่หนึ่ง . การแต่งตั้ง แบบข้ามห้วย อย่างนี้ มันสร้างปัญหาความไม่เป็นธรรม และความระส่ำระสายในราชการมาตลอด และมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ หรอกครับ นอกจากเพื่อประโยชน์ตน พวก พรรค ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางราชการ อย่างที่ผมพูดไว้แล้ว .. เพราะคนใน ทำงาน สะสมประสบการณ์ เครือข่ายมากว่า 30 กว่าปี กลับไม่แต่งตั้ง แต่กลับไปตั้งคนของตน หรือ ถ้าไม่ใช่ ก็เพื่อสับหลีกให้กับคนของตนที่อื่น .. . . ตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น ..,นั้นไม่ใช่บริษัท หรือกิจการส่วนตัวของใครๆ ที่จะบงการ หรือ แต่งตั้งกันตามอำเภอใจ .. ก็หวังว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจเหตุผล และไม่ทำอะไรผิดซ้ำไปซ้ำมาอีก” . ทั้งหมดคือภาพรวม การแต่งตั้งโยกย้ายระดับบิ๊กในสามองค์กรสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กระทรวงมหาดไทย-สภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่บอกได้เลยว่า ทุกตำแหน่งสำคัญ ยังไง ต้องให้ จันทร์ส่องหล้า เห็นชอบก่อน!!! .............. Sondhi X - 12 กันยายน 2567-พบกับ รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ประเด็นร้อนทางเศรษฐกิจเรื่อง ภาษี แรงงาน ทุนข้ามชาติ วิกฤตและโอกาส ที่จะวัดฝีมือรัฐบาลแพทองธาร ในรายการคนเคาะข่าว โดย กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
ที่มา https://youtu.be/XG6gq0c66bI?si=d-aGu0fg7dy1zC6D
#Thaitimes12 กันยายน 2567-พบกับ รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ประเด็นร้อนทางเศรษฐกิจเรื่อง ภาษี แรงงาน ทุนข้ามชาติ วิกฤตและโอกาส ที่จะวัดฝีมือรัฐบาลแพทองธาร ในรายการคนเคาะข่าว โดย กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ ที่มา https://youtu.be/XG6gq0c66bI?si=d-aGu0fg7dy1zC6D #Thaitimes - ปธ.สภาฯ เผย แถลงนโยบาย ’รัฐบาลแพทองธาร‘ 12-13 ก.ย. นี้ บอก ไม่มีอะไรต้องระวังรัฐบาล ฝ่ายค้านร่วมมือกันดี สองวันน่าจะพอ
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000082857
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimesปธ.สภาฯ เผย แถลงนโยบาย ’รัฐบาลแพทองธาร‘ 12-13 ก.ย. นี้ บอก ไม่มีอะไรต้องระวังรัฐบาล ฝ่ายค้านร่วมมือกันดี สองวันน่าจะพอ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000082857 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes - ชวนกรีดดีลฟ้า-แดง "คนรุ่นใหม่หาประโยชน์"
การประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค. มีเพียงวาระเดียว คือการเข้าร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือเชิญแก่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางกระแสข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความพยายามร่วมรัฐบาลของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเก้าอี้ 1 รัฐมนตรี และ 1 รัฐมนตรีช่วยรออยู่
เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้ทางการเมืองมานานกว่า 23 ปี ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ผ่านความขัดแย้งทั้งในสภาและนอกสภาในการชุมนุมกลุ่ม กปปส.
แต่สัญญาณในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2566) นายเดชอิศม์เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ก่อนที่นายทักษิณกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ทีแรกปฎิเสธไม่พูดถึง ตอนหลังยอมรับไปเจอกันจริง และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันนโยบายพรรค กระทั่งการโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามี สส.ปชป. 16 คน นำโดยนายเดชอิศม์ โหวตสวนมติพรรค หนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ในการโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ครั้งล่าสุด สส.ปชป. 25 คน งดออกเสียง ตามมติพรรคที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ สส.ปชป. กลุ่มนายเฉลิมชัย 21 คน สนใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มีเพียง 4 สส. ที่ไม่ยอม ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มนายเฉลิมชัยซึ่งเป็นเสียงข้างมากได้
นายเดชอิศม์ อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยกัน ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา กับปัจจุบันไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศ แนวคิด การพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอถึงเวลาที่เราพูดคุยกันได้ ที่เรารักกัน เป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนที่นายชวนคัดค้านนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีความคิดเห็นเป็นสองฝ่าย แต่เมื่อมีมติของพรรคก็ต้องปฏิบัติตาม จากนี้ถ้ามีคนในพรรคโหวตแตกต่างจากมติของพรรคคงทำเช่นนั้นไม่ได้
ส่วนนายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ และเป็นรัฐบาลร่วมกัน ส่วนโควตารัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีตนไม่ขอก้าวล่วง ส่วนความขัดแย้งระหว่างสองพรรค เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมั่นใจว่าในสภาฯ ทุกคน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ทำให้ประชาชนและประเทศชาติไปได้ด้วยดี
"ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน ขอให้นำคำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์เป็นที่ตั้ง ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ พรรคของพวกเราร่วมต่อสู้กันมานาน แต่วันนี้มาถึงคนรุ่นใหม่ ที่มาดูแลพรรค ส่วนอุดมการณ์ทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนแนวทางการทำงานเราไปด้วยกันได้แน่นอน"
นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในอดีตอุดมการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ไม่เหมือนกันเลย แต่วันนี้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค หัวหน้าทั้ง 2 พรรค รวมถึงเลขาฯ และสมาชิกพรรคทุกคน มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะประเทศชาติถอยหลังไปมาก ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งต้องทิ้งไว้ข้างหลัง
ส่วนข้อกล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า คำนี้ฮิตเหลือเกิน ก็แล้วแต่ ทุกอย่างมองกันที่ผลงาน ต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ตนขออย่างเดียวให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้ทำงาน ถ้าทำอะไรผิด หรือไม่ดีค่อยร้องเรียน ไม่ใช่ออกมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ดูที่ผลงาน ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนกรณีซุกหุ้นของ น.ส.แพทองธาร มีทีมกฎหมายดูอยู่แล้ว และคิดว่าจะไม่เป็นประเด็น
อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวขอยืนยันในจุดยืนเดิม ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีตั้งแต่วันแรกที่การตั้งรัฐบาลชุด ของนายเศรษฐา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนเป็นคนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง
"วิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรม โดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม"
"ต้องยอมรับว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติ ผมต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่ นายราเมศ รัตนะเชวง อดีดโฆษกพรรคฯ เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มี สส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผมรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้ผมสนับสนุนพรรคที่ผมบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าเป็นการทรยศชาวบ้านผมทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่า แม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่จุดยืนผมยังเหมือนเดิม"
นายชวนกล่าวอีกว่า มติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว ที่มาถามว่า เขามาเชิญ ความจริง ตนคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาท ก็มาเชิญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่จะมีหนังสือเชิญ คนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่า พรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์ แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่
"การเรียกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย ตนอยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกฯ อยู่สัก 1-2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของ กก.บห.พรรคชุดปัจจุบัน"
"ยอมรับว่าผมเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคฯ ที่ชัดเจนตั้งแต่มีการลงมติเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และผมได้หารือกับนายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายสรรเพชญ ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคฯเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย"
เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของนายชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า มันไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว ตนเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรค ที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ตนก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูด พอทราบก็เข้าใจเพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคฯ คนที่ 9 ยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคฯเท่ากับรุ่นก่อน
"ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมาย ซึ่งไม่ได้กำหนดอายุ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์ยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน"
เมื่อถามว่านายชวนจะลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ เพราะไม่อยากพูดอะไรไปล่วงหน้า
#Newskit #พรรคประชาธิปัตย์ #รัฐบาลแพทองธารชวนกรีดดีลฟ้า-แดง "คนรุ่นใหม่หาประโยชน์" การประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค. มีเพียงวาระเดียว คือการเข้าร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือเชิญแก่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางกระแสข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความพยายามร่วมรัฐบาลของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเก้าอี้ 1 รัฐมนตรี และ 1 รัฐมนตรีช่วยรออยู่ เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้ทางการเมืองมานานกว่า 23 ปี ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ผ่านความขัดแย้งทั้งในสภาและนอกสภาในการชุมนุมกลุ่ม กปปส. แต่สัญญาณในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2566) นายเดชอิศม์เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ก่อนที่นายทักษิณกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ทีแรกปฎิเสธไม่พูดถึง ตอนหลังยอมรับไปเจอกันจริง และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันนโยบายพรรค กระทั่งการโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามี สส.ปชป. 16 คน นำโดยนายเดชอิศม์ โหวตสวนมติพรรค หนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในการโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ครั้งล่าสุด สส.ปชป. 25 คน งดออกเสียง ตามมติพรรคที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ สส.ปชป. กลุ่มนายเฉลิมชัย 21 คน สนใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มีเพียง 4 สส. ที่ไม่ยอม ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มนายเฉลิมชัยซึ่งเป็นเสียงข้างมากได้ นายเดชอิศม์ อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยกัน ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา กับปัจจุบันไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศ แนวคิด การพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอถึงเวลาที่เราพูดคุยกันได้ ที่เรารักกัน เป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนที่นายชวนคัดค้านนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีความคิดเห็นเป็นสองฝ่าย แต่เมื่อมีมติของพรรคก็ต้องปฏิบัติตาม จากนี้ถ้ามีคนในพรรคโหวตแตกต่างจากมติของพรรคคงทำเช่นนั้นไม่ได้ ส่วนนายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ และเป็นรัฐบาลร่วมกัน ส่วนโควตารัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีตนไม่ขอก้าวล่วง ส่วนความขัดแย้งระหว่างสองพรรค เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมั่นใจว่าในสภาฯ ทุกคน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ทำให้ประชาชนและประเทศชาติไปได้ด้วยดี "ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน ขอให้นำคำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์เป็นที่ตั้ง ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ พรรคของพวกเราร่วมต่อสู้กันมานาน แต่วันนี้มาถึงคนรุ่นใหม่ ที่มาดูแลพรรค ส่วนอุดมการณ์ทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนแนวทางการทำงานเราไปด้วยกันได้แน่นอน" นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในอดีตอุดมการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ไม่เหมือนกันเลย แต่วันนี้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค หัวหน้าทั้ง 2 พรรค รวมถึงเลขาฯ และสมาชิกพรรคทุกคน มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะประเทศชาติถอยหลังไปมาก ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งต้องทิ้งไว้ข้างหลัง ส่วนข้อกล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า คำนี้ฮิตเหลือเกิน ก็แล้วแต่ ทุกอย่างมองกันที่ผลงาน ต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ตนขออย่างเดียวให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้ทำงาน ถ้าทำอะไรผิด หรือไม่ดีค่อยร้องเรียน ไม่ใช่ออกมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ดูที่ผลงาน ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนกรณีซุกหุ้นของ น.ส.แพทองธาร มีทีมกฎหมายดูอยู่แล้ว และคิดว่าจะไม่เป็นประเด็น อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวขอยืนยันในจุดยืนเดิม ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีตั้งแต่วันแรกที่การตั้งรัฐบาลชุด ของนายเศรษฐา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนเป็นคนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง "วิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรม โดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม" "ต้องยอมรับว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติ ผมต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่ นายราเมศ รัตนะเชวง อดีดโฆษกพรรคฯ เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มี สส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผมรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้ผมสนับสนุนพรรคที่ผมบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าเป็นการทรยศชาวบ้านผมทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่า แม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่จุดยืนผมยังเหมือนเดิม" นายชวนกล่าวอีกว่า มติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว ที่มาถามว่า เขามาเชิญ ความจริง ตนคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาท ก็มาเชิญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่จะมีหนังสือเชิญ คนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่า พรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์ แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ "การเรียกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย ตนอยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกฯ อยู่สัก 1-2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของ กก.บห.พรรคชุดปัจจุบัน" "ยอมรับว่าผมเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคฯ ที่ชัดเจนตั้งแต่มีการลงมติเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และผมได้หารือกับนายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายสรรเพชญ ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคฯเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย" เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของนายชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า มันไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว ตนเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรค ที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ตนก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูด พอทราบก็เข้าใจเพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคฯ คนที่ 9 ยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคฯเท่ากับรุ่นก่อน "ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมาย ซึ่งไม่ได้กำหนดอายุ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์ยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน" เมื่อถามว่านายชวนจะลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ เพราะไม่อยากพูดอะไรไปล่วงหน้า #Newskit #พรรคประชาธิปัตย์ #รัฐบาลแพทองธาร - เดชอิศม์ฟุ้ง!! คุณสมบัติ รมต.ผ่านฉลุยแน่ 28/08/67
#เดชอิศม์ #คุณสมบัติรมต #การเมือง #newsupdate #news1 #ประชาธิปัตย์ #ข่าวnews1 #รัฐบาลแพทองธารเดชอิศม์ฟุ้ง!! คุณสมบัติ รมต.ผ่านฉลุยแน่ 28/08/67 #เดชอิศม์ #คุณสมบัติรมต #การเมือง #newsupdate #news1 #ประชาธิปัตย์ #ข่าวnews1 #รัฐบาลแพทองธาร - ♣ หิวโหยจัด หมอมิ้ง เลขานุการอุ๊งอิ๊งเผย รายชื่อคนอยากเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลแพทองธาร เยอะจัด เกินจำนวนเก้าอี้ในครม.
#7ดอกจิก
#หิวเก้าอี้
♣ หิวโหยจัด หมอมิ้ง เลขานุการอุ๊งอิ๊งเผย รายชื่อคนอยากเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลแพทองธาร เยอะจัด เกินจำนวนเก้าอี้ในครม. #7ดอกจิก #หิวเก้าอี้0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว