• ธรรมภาษาภาษาใจ
    หมายความจริงอิงอาศัย
    เห็นโทษคุณบุญบาปได้
    ให้เลือกทำกรรมพึ่งตน

    ภาวนาพาแจ้งชัด
    ขัดเกลาได้ไม่สับสน
    รักษาจิตสติยล
    หนทางธรรมนำปัญญา
    ธรรมภาษาภาษาใจ หมายความจริงอิงอาศัย เห็นโทษคุณบุญบาปได้ ให้เลือกทำกรรมพึ่งตน ภาวนาพาแจ้งชัด ขัดเกลาได้ไม่สับสน รักษาจิตสติยล หนทางธรรมนำปัญญา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ่อยครั้งที่เห็นเพื่อนสมาชิกโพสต์ตามหาหนังสือ ที่ช่วยบรรเทาความรู้สึกหลังสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่รักมาใหม่ ๆ ให้ไม่เศร้าจนเกินไป ผมคิดว่าพบเล่มที่ทุกคนหาแล้วล่ะ

    ปกติไม่ค่อยอ่านแนวนี้ แต่พอดีระหว่างรอคิวอ่านเล่มที่สนใจ เห็นปกเล่มนี้เข้าซึ่งภาพวาดน่ารักดี สีพาสเทลที่สบายตา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย เลยอยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในจะเป็นอย่างไร อีกทั้งไม่มีคนยืมด้วยก็เลยกดยืมและเข้าไปอ่านแบบอีบุ๊กดูครับ

    🐈‍⬛🐕🐈🐠

    #โอบกอดหัวใจในวันที่น้องกลับดาว
    สนพ. บลูม พับลิชชิ่ง เครือนานมีบุ๊กส์ พิมพ์ครั้งแรก มี.ค2567 (ต้นฉบับพิมพ์ปี 2565)
    สัตวแพทย์ ชิมยงฮี เขียน
    กนกพร เรืองสา แปล
    ออกแบบปกและภาพประกอบ little night
    295 บาท 217 หน้า

    ......

    เป็นหนังสืออ่านง่าย เนื้อหาในแต่ละหน้ามีการจัดวางที่ทำให้รู้สึกสบายตา ไม่หนาแน่นจนเกินไป สีพื้นหลังสวย ๆ ที่มาโทนอ่อนไม่เข้มบาดตา บวกกับภาพประกอบน่ารักสดใส เชื่อว่าจะช่วยเยียวยาจิตใจใครที่กำลังเกิดอาการเหงา เศร้า หดหู่ อันเนื่องมาจากการเพิ่งสูญเสียและจากลาสัตว์ที่ตนรักไปได้พอสมควรครับ

    🐕

    ถึงแม้จะไม่ใช่การรักษาที่ต้นตอของปัญหา ซึ่งนั่นต้องอาศัยการเรียนรู้ความจริงกับหลักธรรมในศาสนาพุทธ มาปรับใช้กับตนเอง แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่อยากจะสนใจธรรมะในตอนนี้ และเลือกจะหาวิธีในรูปแบบอื่นก่อน ดังนั้นจากที่ได้อ่านจบแล้ว จึงขอแนะนำว่าเล่มนี้น่าจะช่วยได้

    🐈

    ผู้เขียนเป็นสัตวแพทย์ ที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างหมาตัวหนึ่ง ซึ่งเขารักมากและได้ตายจากไปเช่นกัน จึงมีประสบการณ์ความรู้สึกผูกพันและเจ็บปวด นอกจากนี้ในฐานะที่ทำงานในรพ.สัตว์อยู่นานถึง 11 ปี จึงมีเคสมากมายที่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องรักษาสัตว์ป่วยและบาดเจ็บ พบเห็นความสูญเสียและการพลัดพรากอันน่าเศร้า ระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่คือหมาและแมว เขาจบปริญญาโทมาทางให้คำปรึกษาด้านการมรณะโดยเฉพาะด้วย จึงสนทนากับเหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย บันทึกข้อมูล แล้วนำมาเขียนเป็นหนังสือเล่มนี้ โดยสอดแทรกแนวความรู้ที่ตนมีอยู่ในการช่วยปรับสภาพจิตใจให้กับเจ้าของสัตว์ที่กำลังป่วยทางใจได้อย่างดี ด้วยสำนวนภาษาที่ทำให้คนอ่านรู้สึกเป็นกันเอง ผ่อนคลาย เหมือนได้เพื่อนคุยที่เข้าใจหัวอกคนกลุ่มเดียวกัน

    🐕

    เนื้อหามีทั้งส่วนที่เป็นแบบทดสอบเพื่อวัดระดับ ประเมินความเศร้า แบบทดสอบอื่น ๆ ภาควิเคราะห์ และภาคที่เยียวยาในเชิงให้คำปรึกษาแนะนำ ฟื้นฟูและโอบอุ้มด้วยคำพูดที่เลือกมาแล้วอย่างคนเข้าใจปัญหา ไม่ต่อว่าไม่กดดันให้รู้สึกผิด แต่ให้กำลังใจ ให้ความหวัง ให้วิตามินเสริมเพื่อเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กลับคืนมาสู่เจ้าของสัตว์ทั้งหลาย ให้สามารถกลับมาเป็นคนสดใสดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติสุข

    🐈

    ช่วงหลังจะเป็นเคสตัวอย่างของผู้ที่เคยสูญเสียหลายกรณี มีทั้งหมา แมวคละกัน บอกเล่าเรื่องราวของแต่ละครอบครัวในวันที่ได้พบกันครั้งแรกจนวันที่ต้องจากลา ด้วยวิธีเล่าแบบเขียนในมุมมองของสัตว์ ที่เผยความในใจที่มีต่อเจ้าของ ขอให้นึกถึงแนวอย่างนวนิยายเรื่อง นิกกับพิม นั่นแหละคล้ายกัน

    🐕

    ระหว่างทางของการรักษาเยียวยาใจให้ผู้ที่กำลังอ่านนั้น ก็มีคั่นด้วยความในใจของเหล่าสัตว์ ที่เป็นกรอบเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ปรากฏเป็นช่วง ๆ เพื่อปลอบประโลมดวงใจของมนุษย์ที่ยังอยู่ และต้องแบกรับกับความเจ็บปวดและรู้สึกผิด ความในใจเหล่านั้นคงจะอ่อนโยนราวกับผ้าเช็ดหน้าจากผ้าชั้นดีผืนบาง ที่ช่วยซึมซับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่รู้จักหยุดของเจ้าของ ให้เหือดแห้งลงได้ในอนาคตอันใกล้

    🐈

    และถ้าเป็นไปได้ ที่ผมอยากเสนอความเห็นเป็นทางเลือกไว้ให้ลองพิจารณา หลังจากคุณเข้มแข็งขึ้นแล้วคือ การไม่เลี้ยงสัตว์ตัวใหม่เพิ่มอีก น่าจะดีที่สุดที่จะหยุดปัญหาที่จะตามมาในอนาคตครับ

    #รีวิวหนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #เรื่องแปล
    #จิตวิทยา
    #การสูญเสีย
    #สัตว์เลี้ยง
    #thaitimes
    #สัตวแพทย์
    #รพ.สัตว์
    #นานมีบุ๊กส์
    บ่อยครั้งที่เห็นเพื่อนสมาชิกโพสต์ตามหาหนังสือ ที่ช่วยบรรเทาความรู้สึกหลังสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่รักมาใหม่ ๆ ให้ไม่เศร้าจนเกินไป ผมคิดว่าพบเล่มที่ทุกคนหาแล้วล่ะ ปกติไม่ค่อยอ่านแนวนี้ แต่พอดีระหว่างรอคิวอ่านเล่มที่สนใจ เห็นปกเล่มนี้เข้าซึ่งภาพวาดน่ารักดี สีพาสเทลที่สบายตา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย เลยอยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในจะเป็นอย่างไร อีกทั้งไม่มีคนยืมด้วยก็เลยกดยืมและเข้าไปอ่านแบบอีบุ๊กดูครับ 🐈‍⬛🐕🐈🐠 #โอบกอดหัวใจในวันที่น้องกลับดาว สนพ. บลูม พับลิชชิ่ง เครือนานมีบุ๊กส์ พิมพ์ครั้งแรก มี.ค2567 (ต้นฉบับพิมพ์ปี 2565) สัตวแพทย์ ชิมยงฮี เขียน กนกพร เรืองสา แปล ออกแบบปกและภาพประกอบ little night 295 บาท 217 หน้า ...... เป็นหนังสืออ่านง่าย เนื้อหาในแต่ละหน้ามีการจัดวางที่ทำให้รู้สึกสบายตา ไม่หนาแน่นจนเกินไป สีพื้นหลังสวย ๆ ที่มาโทนอ่อนไม่เข้มบาดตา บวกกับภาพประกอบน่ารักสดใส เชื่อว่าจะช่วยเยียวยาจิตใจใครที่กำลังเกิดอาการเหงา เศร้า หดหู่ อันเนื่องมาจากการเพิ่งสูญเสียและจากลาสัตว์ที่ตนรักไปได้พอสมควรครับ 🐕 ถึงแม้จะไม่ใช่การรักษาที่ต้นตอของปัญหา ซึ่งนั่นต้องอาศัยการเรียนรู้ความจริงกับหลักธรรมในศาสนาพุทธ มาปรับใช้กับตนเอง แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่อยากจะสนใจธรรมะในตอนนี้ และเลือกจะหาวิธีในรูปแบบอื่นก่อน ดังนั้นจากที่ได้อ่านจบแล้ว จึงขอแนะนำว่าเล่มนี้น่าจะช่วยได้ 🐈 ผู้เขียนเป็นสัตวแพทย์ ที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างหมาตัวหนึ่ง ซึ่งเขารักมากและได้ตายจากไปเช่นกัน จึงมีประสบการณ์ความรู้สึกผูกพันและเจ็บปวด นอกจากนี้ในฐานะที่ทำงานในรพ.สัตว์อยู่นานถึง 11 ปี จึงมีเคสมากมายที่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องรักษาสัตว์ป่วยและบาดเจ็บ พบเห็นความสูญเสียและการพลัดพรากอันน่าเศร้า ระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่คือหมาและแมว เขาจบปริญญาโทมาทางให้คำปรึกษาด้านการมรณะโดยเฉพาะด้วย จึงสนทนากับเหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย บันทึกข้อมูล แล้วนำมาเขียนเป็นหนังสือเล่มนี้ โดยสอดแทรกแนวความรู้ที่ตนมีอยู่ในการช่วยปรับสภาพจิตใจให้กับเจ้าของสัตว์ที่กำลังป่วยทางใจได้อย่างดี ด้วยสำนวนภาษาที่ทำให้คนอ่านรู้สึกเป็นกันเอง ผ่อนคลาย เหมือนได้เพื่อนคุยที่เข้าใจหัวอกคนกลุ่มเดียวกัน 🐕 เนื้อหามีทั้งส่วนที่เป็นแบบทดสอบเพื่อวัดระดับ ประเมินความเศร้า แบบทดสอบอื่น ๆ ภาควิเคราะห์ และภาคที่เยียวยาในเชิงให้คำปรึกษาแนะนำ ฟื้นฟูและโอบอุ้มด้วยคำพูดที่เลือกมาแล้วอย่างคนเข้าใจปัญหา ไม่ต่อว่าไม่กดดันให้รู้สึกผิด แต่ให้กำลังใจ ให้ความหวัง ให้วิตามินเสริมเพื่อเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กลับคืนมาสู่เจ้าของสัตว์ทั้งหลาย ให้สามารถกลับมาเป็นคนสดใสดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติสุข 🐈 ช่วงหลังจะเป็นเคสตัวอย่างของผู้ที่เคยสูญเสียหลายกรณี มีทั้งหมา แมวคละกัน บอกเล่าเรื่องราวของแต่ละครอบครัวในวันที่ได้พบกันครั้งแรกจนวันที่ต้องจากลา ด้วยวิธีเล่าแบบเขียนในมุมมองของสัตว์ ที่เผยความในใจที่มีต่อเจ้าของ ขอให้นึกถึงแนวอย่างนวนิยายเรื่อง นิกกับพิม นั่นแหละคล้ายกัน 🐕 ระหว่างทางของการรักษาเยียวยาใจให้ผู้ที่กำลังอ่านนั้น ก็มีคั่นด้วยความในใจของเหล่าสัตว์ ที่เป็นกรอบเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ปรากฏเป็นช่วง ๆ เพื่อปลอบประโลมดวงใจของมนุษย์ที่ยังอยู่ และต้องแบกรับกับความเจ็บปวดและรู้สึกผิด ความในใจเหล่านั้นคงจะอ่อนโยนราวกับผ้าเช็ดหน้าจากผ้าชั้นดีผืนบาง ที่ช่วยซึมซับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่รู้จักหยุดของเจ้าของ ให้เหือดแห้งลงได้ในอนาคตอันใกล้ 🐈 และถ้าเป็นไปได้ ที่ผมอยากเสนอความเห็นเป็นทางเลือกไว้ให้ลองพิจารณา หลังจากคุณเข้มแข็งขึ้นแล้วคือ การไม่เลี้ยงสัตว์ตัวใหม่เพิ่มอีก น่าจะดีที่สุดที่จะหยุดปัญหาที่จะตามมาในอนาคตครับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #เรื่องแปล #จิตวิทยา #การสูญเสีย #สัตว์เลี้ยง #thaitimes #สัตวแพทย์ #รพ.สัตว์ #นานมีบุ๊กส์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เพิ่งประกาศขยายสเปคของ LPDDR5 ให้มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นถึง 12.7 GT/s ในงานประชุม International Solid-State Circuits Conference (ISSCC) โดย DRAM ใหม่นี้มีชื่อว่า LPDDR5-Ultra-Pro ซึ่งใช้กระบวนการผลิต 10nm-class รุ่นที่ 5 ของบริษัท Samsung นอกจากนี้ยังเพิ่มการสอบเทียบตัวเองสี่เฟสและการปรับสมดุลทรานซิฟเวอร์แบบ AC-coupled เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล

    หน่วยความจำใหม่ของ Samsung นี้สามารถใช้กับการประยุกต์ในระบบ AI, AR, VR และเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ โดยมีการปรับปรุงความสามารถในการรักษาความสมบูรณ์ของสัญญาณ (signal integrity) ที่ความเร็วสูงขึ้น

    หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่ทำให้ DRAM รุ่นใหม่นี้สามารถทำงานได้ที่ความเร็วสูงเช่นนี้คือวงจร Four-phase self-calibration loop ซึ่งช่วยให้เฟสสัญญาณภายในสี่เฟส (0°, 90°, 180°, และ 270°) ยังคงอยู่ในแนวเดียวกันได้แม้จะมีความเร็วสูง ซึ่งการปรับสมดุลของเฟสเหล่านี้จะทำให้การรับส่งข้อมูลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ การปรับสมดุลทรานซิฟเวอร์แบบ AC-coupled จะช่วยแก้ไขปัญหาสัญญาณที่แสดงถึงการบิดเบือน (attenuation) และการรบกวนจากสัญลักษณ์ (inter-symbol interference) ทำให้สัญญาณนาฬิกามีความชัดเจนยิ่งขึ้นและสามารถคงความสมบูรณ์ของการรับส่งข้อมูลได้ดีขึ้น

    ในการใช้งานจริง LPDDR5-Ultra-Pro ของ Samsung สามารถรักษาความเสถียรของสัญญาณได้ที่แรงดันไฟฟ้า 1.05V ที่ความเร็วสูงสุด 12.7 GT/s และที่ 10.7 GT/s จะรักษาความเสถียรได้ที่แรงดันไฟฟ้ามากกว่า 0.9V การวัดสัญญาณอ่านและเขียนที่ความเร็วสูงสุดนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาความสมบูรณ์ของสัญญาณและประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล

    ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของ Samsung นี้ หน่วยความจำ LPDDR5-Ultra-Pro น่าจะทำให้การใช้งานในอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและสามารถรองรับการประมวลผลที่ต้องการความเร็วสูงในอนาคตได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/samsung-extends-lpddr5-to-12-7-gt-s-next-gen-devices-enjoy-a-nice-speed-boost
    Samsung เพิ่งประกาศขยายสเปคของ LPDDR5 ให้มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นถึง 12.7 GT/s ในงานประชุม International Solid-State Circuits Conference (ISSCC) โดย DRAM ใหม่นี้มีชื่อว่า LPDDR5-Ultra-Pro ซึ่งใช้กระบวนการผลิต 10nm-class รุ่นที่ 5 ของบริษัท Samsung นอกจากนี้ยังเพิ่มการสอบเทียบตัวเองสี่เฟสและการปรับสมดุลทรานซิฟเวอร์แบบ AC-coupled เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล หน่วยความจำใหม่ของ Samsung นี้สามารถใช้กับการประยุกต์ในระบบ AI, AR, VR และเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ โดยมีการปรับปรุงความสามารถในการรักษาความสมบูรณ์ของสัญญาณ (signal integrity) ที่ความเร็วสูงขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่ทำให้ DRAM รุ่นใหม่นี้สามารถทำงานได้ที่ความเร็วสูงเช่นนี้คือวงจร Four-phase self-calibration loop ซึ่งช่วยให้เฟสสัญญาณภายในสี่เฟส (0°, 90°, 180°, และ 270°) ยังคงอยู่ในแนวเดียวกันได้แม้จะมีความเร็วสูง ซึ่งการปรับสมดุลของเฟสเหล่านี้จะทำให้การรับส่งข้อมูลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การปรับสมดุลทรานซิฟเวอร์แบบ AC-coupled จะช่วยแก้ไขปัญหาสัญญาณที่แสดงถึงการบิดเบือน (attenuation) และการรบกวนจากสัญลักษณ์ (inter-symbol interference) ทำให้สัญญาณนาฬิกามีความชัดเจนยิ่งขึ้นและสามารถคงความสมบูรณ์ของการรับส่งข้อมูลได้ดีขึ้น ในการใช้งานจริง LPDDR5-Ultra-Pro ของ Samsung สามารถรักษาความเสถียรของสัญญาณได้ที่แรงดันไฟฟ้า 1.05V ที่ความเร็วสูงสุด 12.7 GT/s และที่ 10.7 GT/s จะรักษาความเสถียรได้ที่แรงดันไฟฟ้ามากกว่า 0.9V การวัดสัญญาณอ่านและเขียนที่ความเร็วสูงสุดนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาความสมบูรณ์ของสัญญาณและประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของ Samsung นี้ หน่วยความจำ LPDDR5-Ultra-Pro น่าจะทำให้การใช้งานในอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและสามารถรองรับการประมวลผลที่ต้องการความเร็วสูงในอนาคตได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/samsung-extends-lpddr5-to-12-7-gt-s-next-gen-devices-enjoy-a-nice-speed-boost
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจาก Imperial College London ได้ใช้เวลาราว 10 ปีในการแก้ไขปัญหาซูเปอร์บั๊ก (superbug) แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ปัญหานี้ถูกแก้ไขในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นโดย Google เครื่องมือนี้เรียกว่า co-scientist ซึ่งเป็นระบบ AI แบบหลายตัวแทนที่ใช้ Gemini 2.0 ในการทำงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยสร้างสมมติฐานใหม่ ๆ และข้อเสนอวิจัยใหม่ ๆ

    ซูเปอร์บั๊ก (Superbug) คือเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะอย่างรุนแรง ทำให้การรักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อเหล่านี้ยากขึ้นมาก ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสม เช่น การใช้ยาเกินความจำเป็น การใช้ยาไม่ครบตามที่แพทย์สั่ง หรือการซื้อยามาทานเอง ซึ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียพัฒนาความต้านทานต่อยาปฏิชีวนะ

    ปัญหาที่นักวิจัยให้เครื่องมือนี้แก้ไขคือ ทำไมซูเปอร์บั๊กบางตัวจึงต้านทานยาปฏิชีวนะได้ Professor José R Penadés บอกกับ BBC ว่า co-scientist ได้ข้อสันนิษฐานที่เหมือนกับทีมของเขา คือ ซูเปอร์บั๊กสามารถสร้างหางที่ทำให้พวกมันสามารถเคลื่อนย้ายไปยังชนิดอื่นได้ ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจหลักที่ช่วยให้บั๊กสามารถย้ายที่อยู่ได้

    นอกจากการยืนยันสมมติฐานเดิมแล้ว co-scientist ยังได้สร้างสมมติฐานเพิ่มเติมอีก 4 ข้อ ซึ่งทุกข้อเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลและหนึ่งในนั้นทีมวิจัยยังไม่เคยพิจารณามาก่อน ซึ่งขณะนี้ทีมวิจัยกำลังศึกษาสมมติฐานใหม่นี้เพิ่มเติม

    Penadés กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาเชื่อว่า AI เครื่องมือนี้จะเปลี่ยนแปลงวงการวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน โดยเปรียบเสมือนกับการได้เล่นแมตช์ใหญ่ในแชมเปี้ยนส์ลีก

    Google กล่าวว่า co-scientist ทำงานเป็น "ผู้ร่วมงานวิจัยเสมือน" ที่สามารถช่วยเร่งการค้นพบด้านชีวการแพทย์และวิทยาศาสตร์ได้ องค์กรวิจัยที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมทดสอบได้

    https://www.techspot.com/news/106874-ai-accelerates-superbug-solution-completing-two-days-what.html
    นักวิจัยจาก Imperial College London ได้ใช้เวลาราว 10 ปีในการแก้ไขปัญหาซูเปอร์บั๊ก (superbug) แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ปัญหานี้ถูกแก้ไขในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นโดย Google เครื่องมือนี้เรียกว่า co-scientist ซึ่งเป็นระบบ AI แบบหลายตัวแทนที่ใช้ Gemini 2.0 ในการทำงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยสร้างสมมติฐานใหม่ ๆ และข้อเสนอวิจัยใหม่ ๆ ซูเปอร์บั๊ก (Superbug) คือเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะอย่างรุนแรง ทำให้การรักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อเหล่านี้ยากขึ้นมาก ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสม เช่น การใช้ยาเกินความจำเป็น การใช้ยาไม่ครบตามที่แพทย์สั่ง หรือการซื้อยามาทานเอง ซึ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียพัฒนาความต้านทานต่อยาปฏิชีวนะ ปัญหาที่นักวิจัยให้เครื่องมือนี้แก้ไขคือ ทำไมซูเปอร์บั๊กบางตัวจึงต้านทานยาปฏิชีวนะได้ Professor José R Penadés บอกกับ BBC ว่า co-scientist ได้ข้อสันนิษฐานที่เหมือนกับทีมของเขา คือ ซูเปอร์บั๊กสามารถสร้างหางที่ทำให้พวกมันสามารถเคลื่อนย้ายไปยังชนิดอื่นได้ ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจหลักที่ช่วยให้บั๊กสามารถย้ายที่อยู่ได้ นอกจากการยืนยันสมมติฐานเดิมแล้ว co-scientist ยังได้สร้างสมมติฐานเพิ่มเติมอีก 4 ข้อ ซึ่งทุกข้อเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลและหนึ่งในนั้นทีมวิจัยยังไม่เคยพิจารณามาก่อน ซึ่งขณะนี้ทีมวิจัยกำลังศึกษาสมมติฐานใหม่นี้เพิ่มเติม Penadés กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาเชื่อว่า AI เครื่องมือนี้จะเปลี่ยนแปลงวงการวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน โดยเปรียบเสมือนกับการได้เล่นแมตช์ใหญ่ในแชมเปี้ยนส์ลีก Google กล่าวว่า co-scientist ทำงานเป็น "ผู้ร่วมงานวิจัยเสมือน" ที่สามารถช่วยเร่งการค้นพบด้านชีวการแพทย์และวิทยาศาสตร์ได้ องค์กรวิจัยที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมทดสอบได้ https://www.techspot.com/news/106874-ai-accelerates-superbug-solution-completing-two-days-what.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists spent 10 years on a superbug mystery - Google's AI solved it in 48 hours
    Professor José R Penadés told the BBC that Google's tool reached the same hypothesis that his team had – that superbugs can create a tail that allows...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สมศักดิ์” ลุย “แม่สอด” ติดตามการรักษาพยาบาล หลัง”โดนัลด์ ทรัมป์”ตัดการช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ในค่ายผู้ลี้ภัย 90 วัน แจ้งข่าวดี “IRC” กลับมาให้การสนับสนุนกิจกรรมบางส่วนแล้ว เผย เรื่องศูนย์อพยพ พอเบาใจในเรื่องการใช้จ่ายแล้ว
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1272515331012995
    “สมศักดิ์” ลุย “แม่สอด” ติดตามการรักษาพยาบาล หลัง”โดนัลด์ ทรัมป์”ตัดการช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ในค่ายผู้ลี้ภัย 90 วัน แจ้งข่าวดี “IRC” กลับมาให้การสนับสนุนกิจกรรมบางส่วนแล้ว เผย เรื่องศูนย์อพยพ พอเบาใจในเรื่องการใช้จ่ายแล้ว https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1272515331012995
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุคลากรโรงพยาบาลคงเครียดมาก คนทำงานจริงๆเงินก็โคตรน้อย พอๆกับครูผู้ช่วย ครูระดับล่าง แต่ที่แน่ๆ กูเกลียด สปสช. 30บาท รักษาทุกโรคกี่โมง โฆษณาเกินจริงนี่หว่า
    บุคลากรโรงพยาบาลคงเครียดมาก คนทำงานจริงๆเงินก็โคตรน้อย พอๆกับครูผู้ช่วย ครูระดับล่าง แต่ที่แน่ๆ กูเกลียด สปสช. 30บาท รักษาทุกโรคกี่โมง โฆษณาเกินจริงนี่หว่า
    #รพรีบลบโพสคาบ้าน
    บางที นิ่งๆไว้จะดีกว่า แล้วรีบกลับมาปรับปรุงการบริการ
    ออกตัวแรง ก็ระวังแซงทางโค้ง
    รถทัวร์ไปจอดเพจรพรับกันไม่ไหว
    ลบดีกว่า อิ๊บอ๋ายเลี้ยว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิปัญญาดั้งเดิมและการพัฒนาคนรุ่นใหม่เป็นสองสิ่งที่สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เพื่อสร้างสังคมที่ก้าวหน้าและยั่งยืน ภูมิปัญญาดั้งเดิมเป็นความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานจากบรรพบุรุษ ซึ่งมักสะท้อนถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และค่านิยมของชุมชน ในขณะที่การพัฒนาคนรุ่นใหม่มุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนเพื่อรับมือกับความท้าทายในยุคปัจจุบันและอนาคต

    ### วิธีที่ภูมิปัญญาดั้งเดิมสามารถสนับสนุนการพัฒนาคนรุ่นใหม่:
    1. **การส่งเสริมคุณค่าและจริยธรรม**: ภูมิปัญญาดั้งเดิมมักเน้นเรื่องความเอื้ออาทร ความเคารพต่อธรรมชาติ และความสัมพันธ์ในชุมชน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

    2. **การเรียนรู้จากประสบการณ์**: การนำความรู้เดิมมาประยุกต์ใช้ เช่น การเกษตรแบบดั้งเดิม การแพทย์แผนโบราณ หรือการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน สามารถช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    3. **การรักษาวัฒนธรรมและอัตลักษณ์**: การเรียนรู้และสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นช่วยให้คนรุ่นใหม่รู้จักรากเหง้าของตนเอง และสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม

    4. **การสร้างสมดุลระหว่างเก่าและใหม่**: การผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคมได้ เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ทันสมัย

    ### ความท้าทาย:
    - **การสื่อสารระหว่างรุ่น**: บางครั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจมีมุมมองที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์
    - **การปรับตัว**: ภูมิปัญญาดั้งเดิมอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทสมัยใหม่ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ### สรุป:
    การพัฒนาคนรุ่นใหม่ควรคำนึงถึงการรักษาและต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิม เพื่อสร้างสังคมที่แข็งแกร่งทั้งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ การผสมผสานระหว่างความรู้เดิมและนวัตกรรมใหม่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่เติบโตได้อย่างมีคุณภาพและพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
    ภูมิปัญญาดั้งเดิมและการพัฒนาคนรุ่นใหม่เป็นสองสิ่งที่สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เพื่อสร้างสังคมที่ก้าวหน้าและยั่งยืน ภูมิปัญญาดั้งเดิมเป็นความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานจากบรรพบุรุษ ซึ่งมักสะท้อนถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และค่านิยมของชุมชน ในขณะที่การพัฒนาคนรุ่นใหม่มุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนเพื่อรับมือกับความท้าทายในยุคปัจจุบันและอนาคต ### วิธีที่ภูมิปัญญาดั้งเดิมสามารถสนับสนุนการพัฒนาคนรุ่นใหม่: 1. **การส่งเสริมคุณค่าและจริยธรรม**: ภูมิปัญญาดั้งเดิมมักเน้นเรื่องความเอื้ออาทร ความเคารพต่อธรรมชาติ และความสัมพันธ์ในชุมชน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 2. **การเรียนรู้จากประสบการณ์**: การนำความรู้เดิมมาประยุกต์ใช้ เช่น การเกษตรแบบดั้งเดิม การแพทย์แผนโบราณ หรือการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน สามารถช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. **การรักษาวัฒนธรรมและอัตลักษณ์**: การเรียนรู้และสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นช่วยให้คนรุ่นใหม่รู้จักรากเหง้าของตนเอง และสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม 4. **การสร้างสมดุลระหว่างเก่าและใหม่**: การผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคมได้ เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ทันสมัย ### ความท้าทาย: - **การสื่อสารระหว่างรุ่น**: บางครั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจมีมุมมองที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ - **การปรับตัว**: ภูมิปัญญาดั้งเดิมอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทสมัยใหม่ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ### สรุป: การพัฒนาคนรุ่นใหม่ควรคำนึงถึงการรักษาและต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิม เพื่อสร้างสังคมที่แข็งแกร่งทั้งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ การผสมผสานระหว่างความรู้เดิมและนวัตกรรมใหม่จะช่วยให้คนรุ่นใหม่เติบโตได้อย่างมีคุณภาพและพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก:

    ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ**
    - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
    - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน

    ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่**
    - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
    - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง

    ### 3. **ตลาดทองคำ**
    - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง
    - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ

    ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ**
    - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น
    - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง
    - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์
    - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย

    ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก**
    - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก
    - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต

    ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก: ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ** - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่** - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง ### 3. **ตลาดทองคำ** - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ** - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก** - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์เตือนนักท่องเที่ยวอิสราเอลให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบและเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น หลังจากเกิดเหตุการณ์หลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจของชาวไทยในโซเชียลมีเดีย

    สำหรับข้อความจากประกาศของสถานทูตอิสราเอล ระบุว่า:

    ชาวอิสราเอลที่รัก,
    ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอิสราเอล ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจของชาวไทยในบางสถานที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอิสราเอล และทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อชาวอิสราเอลในประเทศไทย
    เราเรียกร้องให้คุณ เคารพกฎเกณฑ์และพฤติกรรมของคนท้องถิ่น เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนอิสราเอลและชุมชนไทย

    และเราขอให้ทำสิ่งต่อไปนี้:

    ✅รักษาความเงียบและหลีกเลี่ยงการส่งเสียงดังหรือพูดเสียงดังบนท้องถนน โรงแรม และในที่สาธารณะ

    ✅เคารพพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงการรบกวนผู้อื่นหรือบุกรุกพื้นที่ของผู้อื่น

    ✅ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการก่อปัญหาหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย

    ✅ให้ความสำคัญกับการแต่งกายที่เหมาะสมและสุภาพในที่สาธารณะ

    ✅ปฏิบัติตามกฎของสถานที่ต่างๆ เช่น วัด ตลาด และพื้นที่สาธารณะ

    ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลจำนวนมากถูกเนรเทศออกจากประเทศไทย เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและการละเมิดกฎระเบียบ

    คนไทยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอิสราเอลอย่างดีเสมอ กรุณาอย่าทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อาจทำลายความสัมพันธ์ที่ดีนี้ การกระทำของแต่ละคนสามารถส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของชาวอิสราเอลทั้งหมด

    จงทำตัวให้เหมาะสม ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และให้เกียรติคนในท้องถิ่น
    ด้วยความเคารพ,

    ทีมสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย
    .
    https://www.facebook.com/share/p/14pjcQkEoP/
    สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์เตือนนักท่องเที่ยวอิสราเอลให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบและเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น หลังจากเกิดเหตุการณ์หลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจของชาวไทยในโซเชียลมีเดีย สำหรับข้อความจากประกาศของสถานทูตอิสราเอล ระบุว่า: ชาวอิสราเอลที่รัก, ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอิสราเอล ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจของชาวไทยในบางสถานที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวอิสราเอล และทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อชาวอิสราเอลในประเทศไทย เราเรียกร้องให้คุณ เคารพกฎเกณฑ์และพฤติกรรมของคนท้องถิ่น เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนอิสราเอลและชุมชนไทย และเราขอให้ทำสิ่งต่อไปนี้: ✅รักษาความเงียบและหลีกเลี่ยงการส่งเสียงดังหรือพูดเสียงดังบนท้องถนน โรงแรม และในที่สาธารณะ ✅เคารพพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงการรบกวนผู้อื่นหรือบุกรุกพื้นที่ของผู้อื่น ✅ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการก่อปัญหาหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย ✅ให้ความสำคัญกับการแต่งกายที่เหมาะสมและสุภาพในที่สาธารณะ ✅ปฏิบัติตามกฎของสถานที่ต่างๆ เช่น วัด ตลาด และพื้นที่สาธารณะ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลจำนวนมากถูกเนรเทศออกจากประเทศไทย เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและการละเมิดกฎระเบียบ คนไทยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอิสราเอลอย่างดีเสมอ กรุณาอย่าทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อาจทำลายความสัมพันธ์ที่ดีนี้ การกระทำของแต่ละคนสามารถส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของชาวอิสราเอลทั้งหมด จงทำตัวให้เหมาะสม ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และให้เกียรติคนในท้องถิ่น ด้วยความเคารพ, ทีมสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย . https://www.facebook.com/share/p/14pjcQkEoP/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมายเหตุ Newskit : ไซเบอร์อรรถ ทำงานรับใช้ใคร?

    กรณีที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังนับสิบนายตรวจค้นบ้าน น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ก่อนควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยาน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ถือเป็นการใช้วิธีการที่ไม่ปกติ เพราะโดยปกติแล้วคดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่คดีอาชญากรรมร้ายแรง เพียงแค่ตำรวจท้องที่นำหมายเรียกไปติดที่หน้าบ้านเพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาก็ถือว่ามากพอแล้ว

    เราอาจไม่เห็นด้วยกับวิธีการนำเสนอข่าวบางอย่างของสำนักข่าวแห่งนี้ และโดยหลักการแล้วการที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแล้วไปกระทบกระทั่งกับบุคคลในข่าวหรือใครก็ตาม ก็สามารถตรวจสอบและฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตามสิทธิที่ตนเองมีอยู่ แต่การที่ตำรวจไซเบอร์ใช้ยุทธวิธี นำตำรวจนับสิบนายบุกบ้านแต่เช้าตรู่ ซึ่งอยู่ในชุมชนเล็กๆ อยู่กันเพียงสามคนแม่ลูก และยังมีพ่อที่มีโรคประจำตัวพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพียงแค่มีหลักฐานทางและข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มของสำนักข่าวแห่งนั้น ไม่ใช่คดีอาชญากรรมร้ายแรงที่กระทบกับคนจำนวนมาก ถือเป็นวิธีการที่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่?

    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจไซเบอร์นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ที่สื่อมวลชนอาชญากรรมตั้งฉายาว่า "ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม" กระทำการเล่นใหญ่ เพราะเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2568 เคยนำกำลังจับกุมแอดมินเพจเฟซบุ๊ก ที่เผยแพร่ภาพตัดต่อนักการเมืองรายหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่ตามสมควร แต่การบุกบ้านผู้ประกาศข่าวแต่เช้า ว่ากันว่าทนายความของนักการเมืองรายเดียวกันแจ้งความก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน จึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ทำงานรับใช้ใคร นักการเมืองรายใดรายหนึ่งหรือไม่? ถือเป็นปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่?

    เราคงไม่คาดหวังองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนแสดงท่าทีใดๆ เพราะหนึ่งในคู่กรณีเป็นนักข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ให้ความเคารพนับถือ และเป็นความเคยชินที่ใครไม่ใช่พวกเดียวกันมักจะไม่นับรวมเป็นสื่อมวลชน แต่โดยหลักการแล้ว ถ้าวันหนึ่งตำรวจใช้วิธีการดำเนินคดีที่ไม่ปกติต่อสื่อมวลชน เฉกเช่นครั้งนี้ใช้กำลังนับสิบนายบุกไปที่บ้าน ยึดมือถือ เพียงเพื่อเรียกตัวไปเป็นพยาน คำถามที่ตามมากับสื่อมวลชนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีเสียงดังมากพอก็คือ เราจะอยู่กันอย่างนี้จริงๆ หรือ?

    #Newskit
    หมายเหตุ Newskit : ไซเบอร์อรรถ ทำงานรับใช้ใคร? กรณีที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังนับสิบนายตรวจค้นบ้าน น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ก่อนควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยาน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ถือเป็นการใช้วิธีการที่ไม่ปกติ เพราะโดยปกติแล้วคดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่คดีอาชญากรรมร้ายแรง เพียงแค่ตำรวจท้องที่นำหมายเรียกไปติดที่หน้าบ้านเพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาก็ถือว่ามากพอแล้ว เราอาจไม่เห็นด้วยกับวิธีการนำเสนอข่าวบางอย่างของสำนักข่าวแห่งนี้ และโดยหลักการแล้วการที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแล้วไปกระทบกระทั่งกับบุคคลในข่าวหรือใครก็ตาม ก็สามารถตรวจสอบและฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตามสิทธิที่ตนเองมีอยู่ แต่การที่ตำรวจไซเบอร์ใช้ยุทธวิธี นำตำรวจนับสิบนายบุกบ้านแต่เช้าตรู่ ซึ่งอยู่ในชุมชนเล็กๆ อยู่กันเพียงสามคนแม่ลูก และยังมีพ่อที่มีโรคประจำตัวพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพียงแค่มีหลักฐานทางและข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มของสำนักข่าวแห่งนั้น ไม่ใช่คดีอาชญากรรมร้ายแรงที่กระทบกับคนจำนวนมาก ถือเป็นวิธีการที่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่? ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจไซเบอร์นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ที่สื่อมวลชนอาชญากรรมตั้งฉายาว่า "ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม" กระทำการเล่นใหญ่ เพราะเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2568 เคยนำกำลังจับกุมแอดมินเพจเฟซบุ๊ก ที่เผยแพร่ภาพตัดต่อนักการเมืองรายหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่ตามสมควร แต่การบุกบ้านผู้ประกาศข่าวแต่เช้า ว่ากันว่าทนายความของนักการเมืองรายเดียวกันแจ้งความก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน จึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ ทำงานรับใช้ใคร นักการเมืองรายใดรายหนึ่งหรือไม่? ถือเป็นปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่? เราคงไม่คาดหวังองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนแสดงท่าทีใดๆ เพราะหนึ่งในคู่กรณีเป็นนักข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ให้ความเคารพนับถือ และเป็นความเคยชินที่ใครไม่ใช่พวกเดียวกันมักจะไม่นับรวมเป็นสื่อมวลชน แต่โดยหลักการแล้ว ถ้าวันหนึ่งตำรวจใช้วิธีการดำเนินคดีที่ไม่ปกติต่อสื่อมวลชน เฉกเช่นครั้งนี้ใช้กำลังนับสิบนายบุกไปที่บ้าน ยึดมือถือ เพียงเพื่อเรียกตัวไปเป็นพยาน คำถามที่ตามมากับสื่อมวลชนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีเสียงดังมากพอก็คือ เราจะอยู่กันอย่างนี้จริงๆ หรือ? #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • สติหากเผลอ
    เจอกิเลสครอง
    ไร้ธรรมครรลอง
    ต้องความเดือดร้อน

    ให้กิเลสกรรม
    นำพาสัญจร
    วินัยสั่นคลอน
    บั่นทอนความดี

    กิเลสพาหะ
    ระเบียบไม่มี
    เดือดร้อนชีวี
    ดีหามีไม่

    ปล่อยจิตต่ำทราม
    ความชั่วยึดหมาย
    บริหารไป
    ได้แต่บรรลัย

    เพียรอบรมจิต
    สติฝึกไว้
    สมาธิได้
    ไว้หนุนปัญญา

    จิตดีประเสริฐ
    เกิดธรรมรักษา
    ้ผ่องแผ้วโสภา
    พาให้ร่มเย็น
    สติหากเผลอ เจอกิเลสครอง ไร้ธรรมครรลอง ต้องความเดือดร้อน ให้กิเลสกรรม นำพาสัญจร วินัยสั่นคลอน บั่นทอนความดี กิเลสพาหะ ระเบียบไม่มี เดือดร้อนชีวี ดีหามีไม่ ปล่อยจิตต่ำทราม ความชั่วยึดหมาย บริหารไป ได้แต่บรรลัย เพียรอบรมจิต สติฝึกไว้ สมาธิได้ ไว้หนุนปัญญา จิตดีประเสริฐ เกิดธรรมรักษา ้ผ่องแผ้วโสภา พาให้ร่มเย็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าเราเป็นคนรักษา...
    Cr.Wiwan
    ถ้าเราเป็นคนรักษา... Cr.Wiwan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • คีร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษเตรียมเสนอแผนส่งทหารรักษาสันติภาพจากยุโรป 30,000 นายไปประจำการในยูเครน

    ภูมิภาคโปลตาวา (Poltava) ครีฟยีรีห์ (Kryvyi Rih) และดนิโปรเปตรอฟสค์ (Dnipropetrovsk) จะถูกใช้เป็นฐานทัพหลักของกองกำลังยุโรปเหล่านี้

    นอกจากนี้ จะถูกส่งไปประจำการตามเมืองท่าต่างๆในยูเครน รวมทั้งสถานที่ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอื่นๆ เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่จะไม่มีการส่งไปประจำการอยู่ที่แนวหน้า
    คีร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษเตรียมเสนอแผนส่งทหารรักษาสันติภาพจากยุโรป 30,000 นายไปประจำการในยูเครน ภูมิภาคโปลตาวา (Poltava) ครีฟยีรีห์ (Kryvyi Rih) และดนิโปรเปตรอฟสค์ (Dnipropetrovsk) จะถูกใช้เป็นฐานทัพหลักของกองกำลังยุโรปเหล่านี้ นอกจากนี้ จะถูกส่งไปประจำการตามเมืองท่าต่างๆในยูเครน รวมทั้งสถานที่ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอื่นๆ เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่จะไม่มีการส่งไปประจำการอยู่ที่แนวหน้า
    Haha
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    WWW.SCMP.COM
    Former ICBC executive gets death sentence with reprieve for taking bribes
    Zhang Hongli, who was vice-president of the state-owned bank, accepted bribes in exchange for help with loan financing and securing jobs.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌10 เทคนิควางแผนการเงินเพื่อชีวิตวัยเกษียณสำหรับ Generation X
    1. กำหนดเป้าหมายเกษียณ – คำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องการและระยะเวลาการออม

    2. สร้างกองทุนฉุกเฉิน – มีเงินสำรอง 6-12 เดือนเผื่อค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด

    3. ออมเงินอย่างสม่ำเสมอ – กันเงินเก็บทุกเดือน สร้างนิสัยออมก่อนใช้

    4. ลงทุนเพื่ออนาคต – กระจายความเสี่ยงในหุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์

    5. ลดหนี้สินก่อนเกษียณ – จัดการหนี้ให้หมดเร็ว ลดภาระดอกเบี้ย

    6. วางแผนประกันสุขภาพ – เลือกประกันคุ้มครองระยะยาวลดภาระค่ารักษาพยาบาล

    7. ศึกษาสิทธิ์ประกันสังคม – ตรวจสอบเงินบำนาญและสวัสดิการที่ได้รับ

    8. หารายได้เสริม – ลงทุนหรือทำธุรกิจขนาดเล็กสร้างรายได้ต่อเนื่อง

    9. ควบคุมค่าใช้จ่าย – ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย บริหารเงินให้มีประสิทธิภาพ

    10. วางแผนมรดก – จัดการพินัยกรรมเพื่อป้องกันปัญหาทรัพย์สินในอนาคต

    เตรียมตัวดี มีเงินใช้ เกษียณอย่างมั่นคง!

    📌10 เทคนิควางแผนการเงินเพื่อชีวิตวัยเกษียณสำหรับ Generation X 1. กำหนดเป้าหมายเกษียณ – คำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องการและระยะเวลาการออม 2. สร้างกองทุนฉุกเฉิน – มีเงินสำรอง 6-12 เดือนเผื่อค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด 3. ออมเงินอย่างสม่ำเสมอ – กันเงินเก็บทุกเดือน สร้างนิสัยออมก่อนใช้ 4. ลงทุนเพื่ออนาคต – กระจายความเสี่ยงในหุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์ 5. ลดหนี้สินก่อนเกษียณ – จัดการหนี้ให้หมดเร็ว ลดภาระดอกเบี้ย 6. วางแผนประกันสุขภาพ – เลือกประกันคุ้มครองระยะยาวลดภาระค่ารักษาพยาบาล 7. ศึกษาสิทธิ์ประกันสังคม – ตรวจสอบเงินบำนาญและสวัสดิการที่ได้รับ 8. หารายได้เสริม – ลงทุนหรือทำธุรกิจขนาดเล็กสร้างรายได้ต่อเนื่อง 9. ควบคุมค่าใช้จ่าย – ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย บริหารเงินให้มีประสิทธิภาพ 10. วางแผนมรดก – จัดการพินัยกรรมเพื่อป้องกันปัญหาทรัพย์สินในอนาคต เตรียมตัวดี มีเงินใช้ เกษียณอย่างมั่นคง!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความอาย: ด่านสำคัญของจิตที่กำหนดเส้นทางกรรม

    "ความอาย" เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่เกิด เป็นกลไกทางจิตใจที่ช่วยกำกับพฤติกรรม แต่ในขณะเดียวกัน ความอายก็สามารถเป็นทั้งตัวฉุดรั้งและตัวผลักดันให้คนเราเดินไปในเส้นทางกรรมที่แตกต่างกัน


    ---

    🔹 ประเภทของความอายและผลกระทบต่อชีวิต

    1️⃣ ความอายเรื่องรูปลักษณ์: เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

    ✅ บางช่วงชีวิต คนเราอาจรู้สึกอายกับหน้าตา รูปร่าง หรือการแต่งกาย

    บางวันไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง

    บางช่วงชีวิตรู้สึกว่าต้องสวย ต้องดูดี เพื่อให้ได้รับการยอมรับ

    แต่เมื่อโตขึ้น โฟกัสจะเปลี่ยนไปจากรูปลักษณ์เป็น “ผลงาน” หรือ “การกระทำ”

    สุดท้ายคนเรามักเลิกสนใจว่าตัวเองดูเป็นอย่างไร และสนใจว่าตัวเอง “เป็นคนอย่างไร” แทน


    💡 ความอายเรื่องรูปลักษณ์จึงเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว และสามารถเปลี่ยนแปลงได้


    ---

    2️⃣ ความอายเรื่องร่างกาย: สัญชาตญาณ vs. ค่านิยม

    ✅ มนุษย์มีสัญชาตญาณในการปกปิดร่างกายโดยธรรมชาติ

    การไม่เปิดเผยของลับเป็นสัญชาตญาณปกติของมนุษย์

    แต่เมื่อค่านิยมของสังคมเปลี่ยนไป ความรู้สึกอายนี้ก็ถูกลดทอนลง

    เมื่อค่านิยมทางสังคมผลักดันให้ “ความไม่อาย” กลายเป็นแฟชั่น → จิตใจจะหยาบขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    และนี่เองคือสาเหตุที่เมื่อค่านิยมเปลี่ยนไป → ศีลธรรมก็เปลี่ยนตาม


    💡 ถ้าสัญชาตญาณการอายที่สุกงอมถูกกดทับ ความหยาบจะเข้ามาแทนที่ และเปิดโอกาสให้บาปกรรมเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น


    ---

    3️⃣ ความอายบาป: เส้นกั้นระหว่างมนุษย์กับอบายภูมิ

    ✅ ความอายต่อบาปเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีบุญหนุนนำให้เกิดมา

    ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นหลังทำสิ่งไม่ดี → เป็นเครื่องยืนยันว่าจิตยังมี “ศีลธรรม” อยู่

    แต่ถ้าครั้งหนึ่งเคยทำบาปแล้วไม่รู้สึกผิด → ครั้งต่อไปจะทำได้ง่ายขึ้น

    ตัวอย่างเช่น:

    ยืมเงินคนอื่นแล้วไม่คืน → ถ้ารู้สึกผิด อาจหาโอกาสคืน

    แต่ถ้าไม่รู้สึกผิด → จะทำอีกได้โดยไม่ลังเล

    และหากทำซ้ำๆ → อาจพัฒนาไปสู่พฤติกรรมทุจริตที่ร้ายแรงขึ้น



    💡 หากชนะความละอายต่อบาปได้ครั้งหนึ่ง → บาปจะเกิดง่ายขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นธรรมชาติของจิต


    ---

    4️⃣ ความอายบุญ: อุปสรรคของการทำดี

    ✅ แปลกแต่จริง: คนเรามักรู้สึกอายเมื่อต้องทำบุญหรือทำความดีต่อหน้าคนอื่น

    เช่น เห็นคนตาบอดกำลังข้ามถนน → อยากช่วยแต่รู้สึกกระดาก

    เห็นคนมอเตอร์ไซค์ล้ม → อยากช่วยพยุงแต่ก็ลังเล

    อยากพูดเรื่องธรรมะ → แต่กลัวเพื่อนล้อ


    💡 ความอายประเภทนี้ ทำให้พลาดโอกาสสร้างบุญไปอย่างน่าเสียดาย

    💭 หากพิจารณาดีๆ จะพบว่าความอายที่แท้จริง คือ "อายต่อการทำดี" ต่างหากที่ควรปล่อยวาง


    ---

    🔹 วิธีบริหารความอายให้เป็นประโยชน์

    ✅ 1️⃣ ความอายเรื่องรูปลักษณ์ → เปลี่ยนโฟกัสจาก “ภายนอก” เป็น “ภายใน”

    ฝึกมองตัวเองจากมุมมองของคุณค่าที่แท้จริง → เช่น เราเป็นคนมีน้ำใจไหม? เราเป็นคนขยันไหม?

    ฝึกมองคนอื่นจากผลงาน มากกว่ารูปลักษณ์


    ✅ 2️⃣ ความอายเรื่องร่างกาย → ตระหนักว่าสังคมอาจมีอิทธิพลต่อจิตใจเรา

    เลือกเสพสื่อที่ไม่บิดเบือนจิตใจให้หยาบลง

    ฝึกสังเกตความรู้สึกตัวเองว่าอะไรคือ “ธรรมชาติของจิต” และอะไรคือ “สิ่งที่สังคมปลูกฝัง”


    ✅ 3️⃣ ความอายบาป → ใช้เป็นตัววัดจิตใจตนเอง

    ถ้าเคยทำผิดแล้วรู้สึกผิด → นั่นคือสัญญาณที่ดี แสดงว่าจิตยังมีศีลธรรม

    หากรู้สึกผิดแต่แก้ไขไม่ได้ทันที → ให้ตั้งใจแก้ไขเมื่อมีโอกาส


    ✅ 4️⃣ ความอายบุญ → ฝึกทำความดีอย่างมั่นใจ

    ถ้าอยากช่วยคน แต่รู้สึกอาย → ให้ลองนึกว่า "ถ้าเราเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือล่ะ?"

    ถ้ากลัวคนล้อเรื่องทำดี → ให้ยึดมั่นว่า "ดีคือดี" ไม่จำเป็นต้องอาย



    ---

    🔹 สรุป: บริหารความอายให้ถูกทาง

    💡 ความอายที่ดี → ทำให้เรารู้จักปกป้องศีลธรรม
    💡 ความอายที่ไม่ดี → ทำให้เราพลาดโอกาสทำความดี
    💡 หากฝึกสติให้มากพอ จะสามารถแยกแยะได้ว่า "ความอายแบบไหน ควรรักษา" และ "ความอายแบบไหน ควรปล่อยวาง"

    📌 สุดท้ายแล้ว จิตใจที่พัฒนา คือจิตที่รู้ว่าอะไรควรอาย และอะไรไม่ควรอาย!

    ความอาย: ด่านสำคัญของจิตที่กำหนดเส้นทางกรรม "ความอาย" เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่เกิด เป็นกลไกทางจิตใจที่ช่วยกำกับพฤติกรรม แต่ในขณะเดียวกัน ความอายก็สามารถเป็นทั้งตัวฉุดรั้งและตัวผลักดันให้คนเราเดินไปในเส้นทางกรรมที่แตกต่างกัน --- 🔹 ประเภทของความอายและผลกระทบต่อชีวิต 1️⃣ ความอายเรื่องรูปลักษณ์: เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ✅ บางช่วงชีวิต คนเราอาจรู้สึกอายกับหน้าตา รูปร่าง หรือการแต่งกาย บางวันไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง บางช่วงชีวิตรู้สึกว่าต้องสวย ต้องดูดี เพื่อให้ได้รับการยอมรับ แต่เมื่อโตขึ้น โฟกัสจะเปลี่ยนไปจากรูปลักษณ์เป็น “ผลงาน” หรือ “การกระทำ” สุดท้ายคนเรามักเลิกสนใจว่าตัวเองดูเป็นอย่างไร และสนใจว่าตัวเอง “เป็นคนอย่างไร” แทน 💡 ความอายเรื่องรูปลักษณ์จึงเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ --- 2️⃣ ความอายเรื่องร่างกาย: สัญชาตญาณ vs. ค่านิยม ✅ มนุษย์มีสัญชาตญาณในการปกปิดร่างกายโดยธรรมชาติ การไม่เปิดเผยของลับเป็นสัญชาตญาณปกติของมนุษย์ แต่เมื่อค่านิยมของสังคมเปลี่ยนไป ความรู้สึกอายนี้ก็ถูกลดทอนลง เมื่อค่านิยมทางสังคมผลักดันให้ “ความไม่อาย” กลายเป็นแฟชั่น → จิตใจจะหยาบขึ้นโดยไม่รู้ตัว และนี่เองคือสาเหตุที่เมื่อค่านิยมเปลี่ยนไป → ศีลธรรมก็เปลี่ยนตาม 💡 ถ้าสัญชาตญาณการอายที่สุกงอมถูกกดทับ ความหยาบจะเข้ามาแทนที่ และเปิดโอกาสให้บาปกรรมเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น --- 3️⃣ ความอายบาป: เส้นกั้นระหว่างมนุษย์กับอบายภูมิ ✅ ความอายต่อบาปเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เพราะมนุษย์มีบุญหนุนนำให้เกิดมา ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นหลังทำสิ่งไม่ดี → เป็นเครื่องยืนยันว่าจิตยังมี “ศีลธรรม” อยู่ แต่ถ้าครั้งหนึ่งเคยทำบาปแล้วไม่รู้สึกผิด → ครั้งต่อไปจะทำได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น: ยืมเงินคนอื่นแล้วไม่คืน → ถ้ารู้สึกผิด อาจหาโอกาสคืน แต่ถ้าไม่รู้สึกผิด → จะทำอีกได้โดยไม่ลังเล และหากทำซ้ำๆ → อาจพัฒนาไปสู่พฤติกรรมทุจริตที่ร้ายแรงขึ้น 💡 หากชนะความละอายต่อบาปได้ครั้งหนึ่ง → บาปจะเกิดง่ายขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นธรรมชาติของจิต --- 4️⃣ ความอายบุญ: อุปสรรคของการทำดี ✅ แปลกแต่จริง: คนเรามักรู้สึกอายเมื่อต้องทำบุญหรือทำความดีต่อหน้าคนอื่น เช่น เห็นคนตาบอดกำลังข้ามถนน → อยากช่วยแต่รู้สึกกระดาก เห็นคนมอเตอร์ไซค์ล้ม → อยากช่วยพยุงแต่ก็ลังเล อยากพูดเรื่องธรรมะ → แต่กลัวเพื่อนล้อ 💡 ความอายประเภทนี้ ทำให้พลาดโอกาสสร้างบุญไปอย่างน่าเสียดาย 💭 หากพิจารณาดีๆ จะพบว่าความอายที่แท้จริง คือ "อายต่อการทำดี" ต่างหากที่ควรปล่อยวาง --- 🔹 วิธีบริหารความอายให้เป็นประโยชน์ ✅ 1️⃣ ความอายเรื่องรูปลักษณ์ → เปลี่ยนโฟกัสจาก “ภายนอก” เป็น “ภายใน” ฝึกมองตัวเองจากมุมมองของคุณค่าที่แท้จริง → เช่น เราเป็นคนมีน้ำใจไหม? เราเป็นคนขยันไหม? ฝึกมองคนอื่นจากผลงาน มากกว่ารูปลักษณ์ ✅ 2️⃣ ความอายเรื่องร่างกาย → ตระหนักว่าสังคมอาจมีอิทธิพลต่อจิตใจเรา เลือกเสพสื่อที่ไม่บิดเบือนจิตใจให้หยาบลง ฝึกสังเกตความรู้สึกตัวเองว่าอะไรคือ “ธรรมชาติของจิต” และอะไรคือ “สิ่งที่สังคมปลูกฝัง” ✅ 3️⃣ ความอายบาป → ใช้เป็นตัววัดจิตใจตนเอง ถ้าเคยทำผิดแล้วรู้สึกผิด → นั่นคือสัญญาณที่ดี แสดงว่าจิตยังมีศีลธรรม หากรู้สึกผิดแต่แก้ไขไม่ได้ทันที → ให้ตั้งใจแก้ไขเมื่อมีโอกาส ✅ 4️⃣ ความอายบุญ → ฝึกทำความดีอย่างมั่นใจ ถ้าอยากช่วยคน แต่รู้สึกอาย → ให้ลองนึกว่า "ถ้าเราเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือล่ะ?" ถ้ากลัวคนล้อเรื่องทำดี → ให้ยึดมั่นว่า "ดีคือดี" ไม่จำเป็นต้องอาย --- 🔹 สรุป: บริหารความอายให้ถูกทาง 💡 ความอายที่ดี → ทำให้เรารู้จักปกป้องศีลธรรม 💡 ความอายที่ไม่ดี → ทำให้เราพลาดโอกาสทำความดี 💡 หากฝึกสติให้มากพอ จะสามารถแยกแยะได้ว่า "ความอายแบบไหน ควรรักษา" และ "ความอายแบบไหน ควรปล่อยวาง" 📌 สุดท้ายแล้ว จิตใจที่พัฒนา คือจิตที่รู้ว่าอะไรควรอาย และอะไรไม่ควรอาย!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยุคที่ AI พัฒนาไปถึงจุดสูงสุดและสมบูรณ์แบบที่สุด จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของมนุษย์อาจถูกมองผ่านมุมมองต่าง ๆ ดังนี้:

    ### จุดสูงสุดของมนุษย์:
    1. **การปลดปล่อยศักยภาพ**: AI อาจช่วยให้มนุษย์ปลดปล่อยศักยภาพของตนเองได้เต็มที่ โดยรับมือกับงาน routine และปล่อยให้มนุษย์มุ่งเน้นไปที่ความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ และการพัฒนาตนเอง
    2. **การขยายขีดความสามารถ**: AI อาจช่วยให้มนุษย์เข้าถึงความรู้และความสามารถที่เกินขีดจำกัดทางกายภาพ เช่น การวินิจฉัยโรคที่แม่นยำ การออกแบบนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
    3. **การสร้างความหมาย**: ในโลกที่ AI ทำงานแทนมนุษย์ได้เกือบทุกอย่าง มนุษย์อาจมีโอกาสค้นหาความหมายของชีวิตมากขึ้น ผ่านการสร้างสรรค์ศิลปะ ปรัชญา หรือการเชื่อมโยงกับผู้อื่น
    4. **การอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล**: มนุษย์อาจเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับ AI อย่างสมดุล โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและสังคม

    ### จุดต่ำสุดของมนุษย์:
    1. **การสูญเสียจุดมุ่งหมาย**: หาก AI ทำงานแทนมนุษย์ได้ทุกอย่าง มนุษย์อาจสูญเสียความรู้สึกมีจุดมุ่งหมายหรือคุณค่าในชีวิต
    2. **การพึ่งพาเกินไป**: มนุษย์อาจกลายเป็นผู้พึ่งพา AI มากเกินไป จนสูญเสียทักษะและความสามารถพื้นฐาน
    3. **ความเหลื่อมล้ำ**: หากการเข้าถึง AI ไม่เท่าเทียม อาจเกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น
    4. **การสูญเสียความเป็นมนุษย์**: การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียความเป็นมนุษย์ เช่น ความเห็นอกเห็นใจ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรม

    ### สรุป:
    ในยุคที่ AI สมบูรณ์แบบที่สุด มนุษย์อาจเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตนเอง แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความเป็นมนุษย์และความสมดุลในชีวิต การใช้ AI อย่างชาญฉลาดและมีจริยธรรมจะเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดว่ายยุคนี้จะเป็นจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของมนุษยชาติ
    ในยุคที่ AI พัฒนาไปถึงจุดสูงสุดและสมบูรณ์แบบที่สุด จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของมนุษย์อาจถูกมองผ่านมุมมองต่าง ๆ ดังนี้: ### จุดสูงสุดของมนุษย์: 1. **การปลดปล่อยศักยภาพ**: AI อาจช่วยให้มนุษย์ปลดปล่อยศักยภาพของตนเองได้เต็มที่ โดยรับมือกับงาน routine และปล่อยให้มนุษย์มุ่งเน้นไปที่ความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ และการพัฒนาตนเอง 2. **การขยายขีดความสามารถ**: AI อาจช่วยให้มนุษย์เข้าถึงความรู้และความสามารถที่เกินขีดจำกัดทางกายภาพ เช่น การวินิจฉัยโรคที่แม่นยำ การออกแบบนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน 3. **การสร้างความหมาย**: ในโลกที่ AI ทำงานแทนมนุษย์ได้เกือบทุกอย่าง มนุษย์อาจมีโอกาสค้นหาความหมายของชีวิตมากขึ้น ผ่านการสร้างสรรค์ศิลปะ ปรัชญา หรือการเชื่อมโยงกับผู้อื่น 4. **การอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล**: มนุษย์อาจเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับ AI อย่างสมดุล โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและสังคม ### จุดต่ำสุดของมนุษย์: 1. **การสูญเสียจุดมุ่งหมาย**: หาก AI ทำงานแทนมนุษย์ได้ทุกอย่าง มนุษย์อาจสูญเสียความรู้สึกมีจุดมุ่งหมายหรือคุณค่าในชีวิต 2. **การพึ่งพาเกินไป**: มนุษย์อาจกลายเป็นผู้พึ่งพา AI มากเกินไป จนสูญเสียทักษะและความสามารถพื้นฐาน 3. **ความเหลื่อมล้ำ**: หากการเข้าถึง AI ไม่เท่าเทียม อาจเกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น 4. **การสูญเสียความเป็นมนุษย์**: การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียความเป็นมนุษย์ เช่น ความเห็นอกเห็นใจ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรม ### สรุป: ในยุคที่ AI สมบูรณ์แบบที่สุด มนุษย์อาจเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตนเอง แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความเป็นมนุษย์และความสมดุลในชีวิต การใช้ AI อย่างชาญฉลาดและมีจริยธรรมจะเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดว่ายยุคนี้จะเป็นจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของมนุษยชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำสอนทั้งหมดขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้า เรียกว่า "พระธรรม" หรือ "ธรรมะ" ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่ครอบคลุมทั้งด้านปรัชญา จริยธรรม และการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยสรุปหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธองค์มีดังนี้:

    ### 1. **อริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ)**
    - **ทุกข์ (ความทุกข์)**: ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา
    - **สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์)**: สาเหตุของความทุกข์คือตัณหา (ความอยาก) ทั้งทางกายและใจ
    - **นิโรธ (การดับทุกข์)**: การดับทุกข์สามารถทำได้ด้วยการดับตัณหา
    - **มรรค (ทางดับทุกข์)**: ทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์คือมรรคมีองค์ 8

    ### 2. **มรรคมีองค์ 8 (ทางสายกลาง)**
    - **สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)**: เข้าใจในอริยสัจ 4
    - **สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ)**: คิดในทางที่ไม่ก่อให้เกิดความทุกข์
    - **สัมมาวาจา (เจรจาชอบ)**: พูดคำจริง ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ
    - **สัมมากัมมันตะ (กระทำชอบ)**: ไม่ทำบาปทั้งปวง
    - **สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ)**: เลี้ยงชีพในทางที่ถูกต้อง
    - **สัมมาวายามะ (พยายามชอบ)**: พยายามละความชั่วและทำความดี
    - **สัมมาสติ (ระลึกชอบ)**: มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ
    - **สัมมาสมาธิ (ตั้งใจมั่นชอบ)**: ฝึกสมาธิให้จิตสงบ

    ### 3. **ไตรลักษณ์ (ลักษณะของสรรพสิ่ง)**
    - **อนิจจัง (ไม่เที่ยง)**: ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
    - **ทุกขัง (เป็นทุกข์)**: ทุกสิ่งไม่สามารถให้ความสุขที่แท้จริงได้
    - **อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน)**: ไม่มีสิ่งใดที่เป็นตัวตนที่แท้จริง

    ### 4. **กรรมและวิบาก**
    - การกระทำทุกอย่าง (กรรม) ย่อมส่งผล (วิบาก) ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
    - การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

    ### 5. **ขันธ์ 5 (องค์ประกอบของชีวิต)**
    - **รูป (ร่างกาย)**
    - **เวทนา (ความรู้สึก)**
    - **สัญญา (ความจำ)**
    - **สังขาร (ความคิด)**
    - **วิญญาณ (จิตสำนึก)**

    ### 6. **หลักการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น**
    - **ศีล (ความประพฤติดี)**: การรักษาศีล 5 หรือศีล 8
    - **สมาธิ (จิตตั้งมั่น)**: การฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ
    - **ปัญญา (ความรู้แจ้ง)**: การเข้าใจความจริงของชีวิต

    ### 7. **พรหมวิหาร 4 (ธรรมะสำหรับการอยู่ร่วมกัน)**
    - **เมตตา (ความรัก)**
    - **กรุณา (ความสงสาร)**
    - **มุทิตา (ความยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น)**
    - **อุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง)**

    ### 8. **โอวาทปาติโมกข์ (คำสอนสำคัญ)**
    - **ไม่ทำบาปทั้งปวง**
    - **ทำความดีให้ถึงพร้อม**
    - **ทำจิตใจให้ผ่องใส**

    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์เข้าใจธรรมชาติของชีวิตและฝึกฝนตนเองเพื่อบรรลุถึงความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด) โดยเน้นการปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่เชื่อสิ่งใดโดยปราศจากเหตุผล (กาลามสูตร) และให้ใช้ปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรองทุกสิ่ง
    คำสอนทั้งหมดขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้า เรียกว่า "พระธรรม" หรือ "ธรรมะ" ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่ครอบคลุมทั้งด้านปรัชญา จริยธรรม และการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยสรุปหลักคำสอนสำคัญของพระพุทธองค์มีดังนี้: ### 1. **อริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ)** - **ทุกข์ (ความทุกข์)**: ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา - **สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์)**: สาเหตุของความทุกข์คือตัณหา (ความอยาก) ทั้งทางกายและใจ - **นิโรธ (การดับทุกข์)**: การดับทุกข์สามารถทำได้ด้วยการดับตัณหา - **มรรค (ทางดับทุกข์)**: ทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์คือมรรคมีองค์ 8 ### 2. **มรรคมีองค์ 8 (ทางสายกลาง)** - **สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)**: เข้าใจในอริยสัจ 4 - **สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ)**: คิดในทางที่ไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ - **สัมมาวาจา (เจรจาชอบ)**: พูดคำจริง ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ - **สัมมากัมมันตะ (กระทำชอบ)**: ไม่ทำบาปทั้งปวง - **สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ)**: เลี้ยงชีพในทางที่ถูกต้อง - **สัมมาวายามะ (พยายามชอบ)**: พยายามละความชั่วและทำความดี - **สัมมาสติ (ระลึกชอบ)**: มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ - **สัมมาสมาธิ (ตั้งใจมั่นชอบ)**: ฝึกสมาธิให้จิตสงบ ### 3. **ไตรลักษณ์ (ลักษณะของสรรพสิ่ง)** - **อนิจจัง (ไม่เที่ยง)**: ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ - **ทุกขัง (เป็นทุกข์)**: ทุกสิ่งไม่สามารถให้ความสุขที่แท้จริงได้ - **อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน)**: ไม่มีสิ่งใดที่เป็นตัวตนที่แท้จริง ### 4. **กรรมและวิบาก** - การกระทำทุกอย่าง (กรรม) ย่อมส่งผล (วิบาก) ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า - การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ### 5. **ขันธ์ 5 (องค์ประกอบของชีวิต)** - **รูป (ร่างกาย)** - **เวทนา (ความรู้สึก)** - **สัญญา (ความจำ)** - **สังขาร (ความคิด)** - **วิญญาณ (จิตสำนึก)** ### 6. **หลักการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น** - **ศีล (ความประพฤติดี)**: การรักษาศีล 5 หรือศีล 8 - **สมาธิ (จิตตั้งมั่น)**: การฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ - **ปัญญา (ความรู้แจ้ง)**: การเข้าใจความจริงของชีวิต ### 7. **พรหมวิหาร 4 (ธรรมะสำหรับการอยู่ร่วมกัน)** - **เมตตา (ความรัก)** - **กรุณา (ความสงสาร)** - **มุทิตา (ความยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น)** - **อุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง)** ### 8. **โอวาทปาติโมกข์ (คำสอนสำคัญ)** - **ไม่ทำบาปทั้งปวง** - **ทำความดีให้ถึงพร้อม** - **ทำจิตใจให้ผ่องใส** พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์เข้าใจธรรมชาติของชีวิตและฝึกฝนตนเองเพื่อบรรลุถึงความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิด) โดยเน้นการปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่เชื่อสิ่งใดโดยปราศจากเหตุผล (กาลามสูตร) และให้ใช้ปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรองทุกสิ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • การงานราบรื่น
    รู้ตื่นเบิกบาน
    กรรมดีประสาน
    ฐานใจมั่นคง

    อำนาจศีลธรรม
    กรรมดีดำรง
    ความจริงถูกตรง
    ทรงคุณยิ่งใหญ่

    รักษาใจไว้
    ให้รวมใจได้
    ธรรมประทับใจ
    ให้ทุกข์ห่างไกล

    ดีชั่วใคร่ครวญ
    รู้ควรอย่างไร
    ตอแยหรือไม่
    ให้สติอยู่

    ตั้งสมาธิ
    วิเคราะห์ให้รู้
    กิเลสมีอยู่
    สู้ให้ห่างไกล

    ขอพบธรรมความดีมีสุขยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    การงานราบรื่น รู้ตื่นเบิกบาน กรรมดีประสาน ฐานใจมั่นคง อำนาจศีลธรรม กรรมดีดำรง ความจริงถูกตรง ทรงคุณยิ่งใหญ่ รักษาใจไว้ ให้รวมใจได้ ธรรมประทับใจ ให้ทุกข์ห่างไกล ดีชั่วใคร่ครวญ รู้ควรอย่างไร ตอแยหรือไม่ ให้สติอยู่ ตั้งสมาธิ วิเคราะห์ให้รู้ กิเลสมีอยู่ สู้ให้ห่างไกล ขอพบธรรมความดีมีสุขยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • Trump แถลงผลการเจรจากับรัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย พร้อมกดดันให้ยูเครนจัดการเลือกตั้ง

    ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่ายูเครนจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ แม้ว่าเซเลนสกีจะมีคะแนนนิยมเหลือเพียง 4% พร้อมกับวิจารณ์ว่ายูเครนไม่ควรเริ่มสงครามตั้งแต่แรก และควรทำ “ข้อตกลง” กับรัสเซียให้เสร็จสิ้น ตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มการบุกเมื่อปี 2022 แล้ว

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังแสดงความ "ไม่พอใจอย่างมาก" ต่อการกระทำของไบเดน ที่สนบัสนุนยูเครน โดยยืนยันอีกครั้งว่าหากเขาเป็นประธานาธิบดีตอนนั้น สงครามจะ "ไม่เกิดขึ้น" และสามารถ "ช่วยชีวิตคนนับล้าน" และยังป้องกันสงครามโลกครั้งที่ 3 ไว้อีกด้วย

    ทรัมป์ยังวิจารณ์สหภาพยุโรปที่ไม่ทำอะไรเลยเพื่อยุติสงครามและทำข้อตกลงสันติภาพในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะช่วยรักษาดินแดนยูเครนและชีวิตผู้คนไว้ได้

    "ที่ผ่านมา 3 ปี พวกคุณอยู่ไหน? ไม่จำเป็นต้องเริ่มเรื่องนี้ เลยเวลาทำข้อตกลงมานานแล้ว" ทรัมป์ฝากคำถามไปถึงประเทศที่ไม่พอใจที่ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมเจรจาที่ซาอุฯ

    ทรัมป์ยังทวงเงินความช่วยเหลือของสหรัฐต่อเซเลนสกี ว่าความช่วยเหลือจากอเมริกากว่า 350,000 ล้านดอลลาร์ตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหน "เงินทั้งหมดอยู่ไหน ไม่มีใครรู้ ยูเครนจะต้องจ่ายหรือต้องหาให้เจอว่าเงินไปไหน"
    Trump แถลงผลการเจรจากับรัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย พร้อมกดดันให้ยูเครนจัดการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่ายูเครนจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ แม้ว่าเซเลนสกีจะมีคะแนนนิยมเหลือเพียง 4% พร้อมกับวิจารณ์ว่ายูเครนไม่ควรเริ่มสงครามตั้งแต่แรก และควรทำ “ข้อตกลง” กับรัสเซียให้เสร็จสิ้น ตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มการบุกเมื่อปี 2022 แล้ว นอกจากนี้ ทรัมป์ยังแสดงความ "ไม่พอใจอย่างมาก" ต่อการกระทำของไบเดน ที่สนบัสนุนยูเครน โดยยืนยันอีกครั้งว่าหากเขาเป็นประธานาธิบดีตอนนั้น สงครามจะ "ไม่เกิดขึ้น" และสามารถ "ช่วยชีวิตคนนับล้าน" และยังป้องกันสงครามโลกครั้งที่ 3 ไว้อีกด้วย ทรัมป์ยังวิจารณ์สหภาพยุโรปที่ไม่ทำอะไรเลยเพื่อยุติสงครามและทำข้อตกลงสันติภาพในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะช่วยรักษาดินแดนยูเครนและชีวิตผู้คนไว้ได้ "ที่ผ่านมา 3 ปี พวกคุณอยู่ไหน? ไม่จำเป็นต้องเริ่มเรื่องนี้ เลยเวลาทำข้อตกลงมานานแล้ว" ทรัมป์ฝากคำถามไปถึงประเทศที่ไม่พอใจที่ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมเจรจาที่ซาอุฯ ทรัมป์ยังทวงเงินความช่วยเหลือของสหรัฐต่อเซเลนสกี ว่าความช่วยเหลือจากอเมริกากว่า 350,000 ล้านดอลลาร์ตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหน "เงินทั้งหมดอยู่ไหน ไม่มีใครรู้ ยูเครนจะต้องจ่ายหรือต้องหาให้เจอว่าเงินไปไหน"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • 🚨 รู้ไหม? กระเทียมคือยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติที่ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองได้! 🧄

    เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกพบบ่อยในผู้ชายวัย 40+ เพราะพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดี ส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งกีดขวาง 😱
    .
    แต่มีวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพดี แค่ทานกระเทียมเป็นประจำ! เพราะกระเทียมช่วยสลายไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 💪
    .
    คุณล่ะ ทานกระเทียมวันละกี่กลีบ? แชร์เคล็ดลับกันหน่อย! 🤔
    .
    #สุขภาพดี #กระเทียมเพื่อสุขภาพ #อาหารเป็นยา #สมุนไพรไทย #รักษาสุขภาพ
    🚨 รู้ไหม? กระเทียมคือยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติที่ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองได้! 🧄 เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกพบบ่อยในผู้ชายวัย 40+ เพราะพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดี ส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งกีดขวาง 😱 . แต่มีวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพดี แค่ทานกระเทียมเป็นประจำ! เพราะกระเทียมช่วยสลายไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 💪 . คุณล่ะ ทานกระเทียมวันละกี่กลีบ? แชร์เคล็ดลับกันหน่อย! 🤔 . #สุขภาพดี #กระเทียมเพื่อสุขภาพ #อาหารเป็นยา #สมุนไพรไทย #รักษาสุขภาพ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • 🛡️ **หมดห่วงทุกค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพ**
    - ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่ายสูงสุดตามแผน
    - ครอบคลุมทั้งโรคร้ายแรง อุบัติเหตุ และการรักษาทั่วไป
    - ไม่ต้องสำรองจ่าย โรงพยาบาลในเครือข่ายทั่วประเทศ

    ✨ **ยืดหยุ่น เลือกได้ตามความต้องการของคุณ**
    - วงเงินคุ้มครองสูงสุดที่ปรับได้ตามไลฟ์สไตล์
    - แผนที่เหมาะกับทุกวัย ทั้งคนโสด ครอบครัว หรือผู้สูงอายุ

    💡 **จุดเด่นที่ทำให้คุณอุ่นใจ**
    - บริการรวดเร็ว เคลมง่าย ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก
    - เบี้ยประกันเริ่มต้นในราคาที่เข้าถึงได้

    💬 **ให้คำปรึกษาฟรี!** คลิกเพื่อหาแผนที่ใช่สำหรับคุณ
    🌐 FB Page: Fiamony
    📩 Line ID: @fiamony
    📩 แชทได้เลย: https://lin.ee/lXOjzTj
    ☎️ โทร 081-323-8168

    **เพราะสุขภาพดีต้องมาพร้อมความคุ้มครองที่ดี
    ให้เราเป็นตัวช่วยในทุกจังหวะชีวิตของคุณ**

    #fiamony | #AllianzAyudhya | #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต
    #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย | #ซื้อประกันออนไลน์
    #ประกันออนไลน์ | #ประกันชีวิต | #ประกันสุขภาพ
    #ประกันสุขภาพเด็ก | #ซื้อประกันสุขภาพ #เหมาจ่าย
    🛡️ **หมดห่วงทุกค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพ** - ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่ายสูงสุดตามแผน - ครอบคลุมทั้งโรคร้ายแรง อุบัติเหตุ และการรักษาทั่วไป - ไม่ต้องสำรองจ่าย โรงพยาบาลในเครือข่ายทั่วประเทศ ✨ **ยืดหยุ่น เลือกได้ตามความต้องการของคุณ** - วงเงินคุ้มครองสูงสุดที่ปรับได้ตามไลฟ์สไตล์ - แผนที่เหมาะกับทุกวัย ทั้งคนโสด ครอบครัว หรือผู้สูงอายุ 💡 **จุดเด่นที่ทำให้คุณอุ่นใจ** - บริการรวดเร็ว เคลมง่าย ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก - เบี้ยประกันเริ่มต้นในราคาที่เข้าถึงได้ 💬 **ให้คำปรึกษาฟรี!** คลิกเพื่อหาแผนที่ใช่สำหรับคุณ 🌐 FB Page: Fiamony 📩 Line ID: @fiamony 📩 แชทได้เลย: https://lin.ee/lXOjzTj ☎️ โทร 081-323-8168 **เพราะสุขภาพดีต้องมาพร้อมความคุ้มครองที่ดี ให้เราเป็นตัวช่วยในทุกจังหวะชีวิตของคุณ** #fiamony | #AllianzAyudhya | #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย | #ซื้อประกันออนไลน์ #ประกันออนไลน์ | #ประกันชีวิต | #ประกันสุขภาพ #ประกันสุขภาพเด็ก | #ซื้อประกันสุขภาพ #เหมาจ่าย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 รู้หรือไม่? ผู้ชายวัย 40+ มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า ที่จะเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก! 🧠

    สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพทุกคน 👋 วันนี้เรามาคุยกันเรื่องภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ กันดีกว่า
    .
    เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัย 40 ขึ้นไป สาเหตุหลักๆ มาจากไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพวกไขมันเลวที่สะสมในเส้นเลือด 😱
    .
    เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ แต่ไม่ต้องกลัวไป! เรามีวิธีป้องกันง่ายๆ แค่:
    - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 💪
    - กินอาหารแบบพอดีๆ ไม่เผ็ด เค็ม หวาน มัน จนเกินไป
    - ทานกระเทียมเป็นตัวช่วยธรรมชาติ 🧄
    .
    เพื่อนๆ คิดว่าไง? มีใครเคยมีญาติหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้บ้างไหม? แชร์ประสบการณ์กันหน่อย! 🤔
    .
    ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ แชร์ และติดตามเพจเราด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดีๆ แบบนี้ 🙏
    .
    #สุขภาพดี #โรคหลอดเลือดสมอง #ความรู้สุขภาพ #รักษาสุขภาพ #ป้องกันโรค
    🚨 รู้หรือไม่? ผู้ชายวัย 40+ มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า ที่จะเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก! 🧠 สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพทุกคน 👋 วันนี้เรามาคุยกันเรื่องภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ กันดีกว่า . เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัย 40 ขึ้นไป สาเหตุหลักๆ มาจากไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพวกไขมันเลวที่สะสมในเส้นเลือด 😱 . เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ แต่ไม่ต้องกลัวไป! เรามีวิธีป้องกันง่ายๆ แค่: - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 💪 - กินอาหารแบบพอดีๆ ไม่เผ็ด เค็ม หวาน มัน จนเกินไป - ทานกระเทียมเป็นตัวช่วยธรรมชาติ 🧄 . เพื่อนๆ คิดว่าไง? มีใครเคยมีญาติหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้บ้างไหม? แชร์ประสบการณ์กันหน่อย! 🤔 . ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ แชร์ และติดตามเพจเราด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดีๆ แบบนี้ 🙏 . #สุขภาพดี #โรคหลอดเลือดสมอง #ความรู้สุขภาพ #รักษาสุขภาพ #ป้องกันโรค
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จับโป๊ะ...#คนตื้นธรรม : #รู้พุทธแบบตื้นๆ
    มีผู้ส่งคลิปคนตื้นธรรม...ไปบรรยายธรรมะแก่กลุ่มคนใกล้วันมาฆะบูชา...มาให้โดยกล่าวถึงโอวาทปาฏิโมกข์ที่พระพุทธตรัสไว้ในวันมาฆะบูชาว่า คือพระปาฏิโมกข์ที่พระสวดทุกกึ่งเดือน...สิ่งที่เขาพูดถูกต้องหรือไม่...สามารถจับโป๊ะว่าคนๆนี้มีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาแบบพื้นฐานง่ายๆเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ มาชำแหละกันดู
    #โอวาทปาฏิโมกข์กับพระปาฏิโมกข์ต่างกันอย่างไร
    ปาฏิโมกข์ คือ มาจาก ๒ คำ คือ ปาติ(ฏิ) = เฉพาะ หรือ รักษา กับ โมกฺข แปลว่า หลุดพ้น มีความหมายว่า หลุดพ้นโดยเฉพาะกับธรรมที่รักษาความหลุดพ้น ปาฏิโมกข์มี ๒ ประเภทคือ
    ๑.#โอวาทปาฏิโมกข์ คือ หลักการใหญ่หรือหัวใจของพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องตรัสไว้หลังตรัสรู้ จึงมีคำสรุปเป็นพระบาลีว่า "เอตํ พุทฺธานสาสนํ นี่คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย" สำหรับพระโคตมะพระพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ในวันมาฆะบูชานี้แล
    ๒. #อาณาปาฏิโมกข์ คือ ศีลใหญ่หรือศีลหลักของภิกษุและภิกษุณี ทรงบัญญัติสิกขาบทหลังมีพระช่วงหลังประพฤติไม่ดีไม่งาม เกิดขึ้นในคณะสงฆ์ เพื่อรักษาคณะสงฆ์ และเพื่อรักษาศรัทธาจากพุทธบริษัทกลุ่มอื่น จึงบัญญัติไว้...ตอนหลังกลายเป็นสังฆกรรมที่พระสวดทุกกึ่งเดือน.. เพื่อทบทวนและสังวรระวังในศีลของตน.
    #ตื้นธรรม : #บอกโอวาทปาฏิโมกข์คือปาฏิโมกข์ศีลพระ
    คนตื้นธรรมคราวนี้ถูกจับโป๊ะชัดๆจากผู้รู้ว่า...มีความรู้เรื่องพุทธน้อยมาก...โดยการอธิบายว่า โอวาทปาฏิโมกข์ที่พระพุทธตรัสในวันมาฆะคือพระปาฏิโมกข์ที่พระสวดทุกกึ่งเดือน ผิดแบบไม่น่าให้อภัย ใครฟังหรืออ่านเรื่องนี้แล้วเฉยๆปล่อยผ่านก็แสดงว่าไม่ค่อยรู้เรื่องพระพุทธศาสนาเช่นกัน
    #โอวาทปาฏิโมกข์กับปาติโมกข์พระ : #เทียบได้จากไทม์ไลน์
    โอวาทปาฏิโมกข์ที่ตรัสกับพระอรหันต์ เอหิภิกขุอุปสัมปทา ๑,๒๕๐ รูป พระพุทธเจ้าตรัสในตอนพรรษาที่ ๑ หลังตรัสรู้ เมื่อขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ แล้วเผยแผ่ธรรมจนมีพระสาวกมากกว่า ๑,๒๕๐ รูปในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๓
    (ประมาณ ๙ เดือน)
    ส่วนปาติโมกข์ทรงบัญญัติสิกขาบทหลังพระสุทินเสพเมถุนธรรมกับภริยาเก่าเพื่อสืบสกุล พระอรรถกถาจารย์วินิจฉัยว่าหลังพรรษาที่ ๒๐ ไปแล้วก็พิสูจน์ได้ว่า ปาติโมกข์ในวันมาฆะกับปาฏิโมกข์ศีลพระ...ไทม์ไลน์..ต่างกันแน่นอน เขามั่วนิ่ม...ชัวร์
    #ปาฏิโมกข์ทั้ง ๒ : #เนื้อหาก็แตกต่าง
    โอวาทปาฏิโมกข์ในวันมาฆะ คือ #หัวใจของพระพุทธศาสนา มี
    -#อุดมการณ์ ๓ คือ
    ขันติ นิพพาน การไม่เบียดเบียน
    -#หลักการ ๓
    ละชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์
    - #วิธีการ
    ไม่พูดร้าย ไม่ทำร้าย ยึดในหลักปาฏิโมกข์ ใช้ชีวิตพอดี เน้นความสงบ หมั่นฝึกสมาธิภาวนา
    นี่คือสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    ส่วนพระปาฏิโมกข์คือศีลหลักพระที่พระต้องรักษามี ๒๒๗ ข้อ แบ่งไปตามนี้ ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๑๓ อนิยต ๒ นิสสัคคียปาจิตตีย์ ๓๐ ปาจิตตีย์ ๙๒ ปาฏิเทสนียะ ๔ เสขิยวัตร ๗๕ อธิกรณสมถะ ๗ ล้วนเป็นศีลของพระแทบทั้งสิ้น มันคนละอย่างกันเลย
    คนตื้นธรรมรู้ธรรมะแบบงูๆปลาๆ เอาหางมาชนหัว มั่วนิ่มไปหมด อาศัยว่าพูดเร็ว พูดมัน และคนไม่ค่อยจะรู้เรื่องพระเรื่องเจ้ากัน.. มันจึงดำน้ำโผล่มาบอกธรรมะ..ทั้งๆที่วิญญูชนผู้รู้เขาติเตียน แต่กลับด่าสวนกลับ...ไม่เคยยอมรับว่าตนสอนผิดสอนพลาดยังไง...แม้เขาจะได้อะไรบ้าง....แต่อนาคตของเขาไม่แน่นอน...เพราะเล่นกับของสูงระดับอ้างพระบรมศาสดาบ่อยๆ...หวังจะชักชวนจูงผู้ศรัทธาที่มีความรู้ไม่มาก...งานนี้คุณกำลังเล่นไฟ...ไฟนี้ไม่ใช่ไฟธรรมดา แต่คือไฟนรกโลกันต์...ทานที่เขายกมือท่วมหัวถวายด้วยศรัทธาถ้าไม่ดีจริง. อย่าว่าแต่ชาติหน้าเลย...ชาตินี้แหละ...ดูไป.
    ด้วยจิตคารวะ
    ดร.มงคล นาฏกระสูตร
    มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
    #จับโป๊ะ...#คนตื้นธรรม : #รู้พุทธแบบตื้นๆ มีผู้ส่งคลิปคนตื้นธรรม...ไปบรรยายธรรมะแก่กลุ่มคนใกล้วันมาฆะบูชา...มาให้โดยกล่าวถึงโอวาทปาฏิโมกข์ที่พระพุทธตรัสไว้ในวันมาฆะบูชาว่า คือพระปาฏิโมกข์ที่พระสวดทุกกึ่งเดือน...สิ่งที่เขาพูดถูกต้องหรือไม่...สามารถจับโป๊ะว่าคนๆนี้มีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาแบบพื้นฐานง่ายๆเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ มาชำแหละกันดู #โอวาทปาฏิโมกข์กับพระปาฏิโมกข์ต่างกันอย่างไร ปาฏิโมกข์ คือ มาจาก ๒ คำ คือ ปาติ(ฏิ) = เฉพาะ หรือ รักษา กับ โมกฺข แปลว่า หลุดพ้น มีความหมายว่า หลุดพ้นโดยเฉพาะกับธรรมที่รักษาความหลุดพ้น ปาฏิโมกข์มี ๒ ประเภทคือ ๑.#โอวาทปาฏิโมกข์ คือ หลักการใหญ่หรือหัวใจของพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องตรัสไว้หลังตรัสรู้ จึงมีคำสรุปเป็นพระบาลีว่า "เอตํ พุทฺธานสาสนํ นี่คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย" สำหรับพระโคตมะพระพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ในวันมาฆะบูชานี้แล ๒. #อาณาปาฏิโมกข์ คือ ศีลใหญ่หรือศีลหลักของภิกษุและภิกษุณี ทรงบัญญัติสิกขาบทหลังมีพระช่วงหลังประพฤติไม่ดีไม่งาม เกิดขึ้นในคณะสงฆ์ เพื่อรักษาคณะสงฆ์ และเพื่อรักษาศรัทธาจากพุทธบริษัทกลุ่มอื่น จึงบัญญัติไว้...ตอนหลังกลายเป็นสังฆกรรมที่พระสวดทุกกึ่งเดือน.. เพื่อทบทวนและสังวรระวังในศีลของตน. #ตื้นธรรม : #บอกโอวาทปาฏิโมกข์คือปาฏิโมกข์ศีลพระ คนตื้นธรรมคราวนี้ถูกจับโป๊ะชัดๆจากผู้รู้ว่า...มีความรู้เรื่องพุทธน้อยมาก...โดยการอธิบายว่า โอวาทปาฏิโมกข์ที่พระพุทธตรัสในวันมาฆะคือพระปาฏิโมกข์ที่พระสวดทุกกึ่งเดือน ผิดแบบไม่น่าให้อภัย ใครฟังหรืออ่านเรื่องนี้แล้วเฉยๆปล่อยผ่านก็แสดงว่าไม่ค่อยรู้เรื่องพระพุทธศาสนาเช่นกัน #โอวาทปาฏิโมกข์กับปาติโมกข์พระ : #เทียบได้จากไทม์ไลน์ โอวาทปาฏิโมกข์ที่ตรัสกับพระอรหันต์ เอหิภิกขุอุปสัมปทา ๑,๒๕๐ รูป พระพุทธเจ้าตรัสในตอนพรรษาที่ ๑ หลังตรัสรู้ เมื่อขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ แล้วเผยแผ่ธรรมจนมีพระสาวกมากกว่า ๑,๒๕๐ รูปในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๓ (ประมาณ ๙ เดือน) ส่วนปาติโมกข์ทรงบัญญัติสิกขาบทหลังพระสุทินเสพเมถุนธรรมกับภริยาเก่าเพื่อสืบสกุล พระอรรถกถาจารย์วินิจฉัยว่าหลังพรรษาที่ ๒๐ ไปแล้วก็พิสูจน์ได้ว่า ปาติโมกข์ในวันมาฆะกับปาฏิโมกข์ศีลพระ...ไทม์ไลน์..ต่างกันแน่นอน เขามั่วนิ่ม...ชัวร์ #ปาฏิโมกข์ทั้ง ๒ : #เนื้อหาก็แตกต่าง โอวาทปาฏิโมกข์ในวันมาฆะ คือ #หัวใจของพระพุทธศาสนา มี -#อุดมการณ์ ๓ คือ ขันติ นิพพาน การไม่เบียดเบียน -#หลักการ ๓ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์ - #วิธีการ ๖ ไม่พูดร้าย ไม่ทำร้าย ยึดในหลักปาฏิโมกข์ ใช้ชีวิตพอดี เน้นความสงบ หมั่นฝึกสมาธิภาวนา นี่คือสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ส่วนพระปาฏิโมกข์คือศีลหลักพระที่พระต้องรักษามี ๒๒๗ ข้อ แบ่งไปตามนี้ ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๑๓ อนิยต ๒ นิสสัคคียปาจิตตีย์ ๓๐ ปาจิตตีย์ ๙๒ ปาฏิเทสนียะ ๔ เสขิยวัตร ๗๕ อธิกรณสมถะ ๗ ล้วนเป็นศีลของพระแทบทั้งสิ้น มันคนละอย่างกันเลย คนตื้นธรรมรู้ธรรมะแบบงูๆปลาๆ เอาหางมาชนหัว มั่วนิ่มไปหมด อาศัยว่าพูดเร็ว พูดมัน และคนไม่ค่อยจะรู้เรื่องพระเรื่องเจ้ากัน.. มันจึงดำน้ำโผล่มาบอกธรรมะ..ทั้งๆที่วิญญูชนผู้รู้เขาติเตียน แต่กลับด่าสวนกลับ...ไม่เคยยอมรับว่าตนสอนผิดสอนพลาดยังไง...แม้เขาจะได้อะไรบ้าง....แต่อนาคตของเขาไม่แน่นอน...เพราะเล่นกับของสูงระดับอ้างพระบรมศาสดาบ่อยๆ...หวังจะชักชวนจูงผู้ศรัทธาที่มีความรู้ไม่มาก...งานนี้คุณกำลังเล่นไฟ...ไฟนี้ไม่ใช่ไฟธรรมดา แต่คือไฟนรกโลกันต์...ทานที่เขายกมือท่วมหัวถวายด้วยศรัทธาถ้าไม่ดีจริง. อย่าว่าแต่ชาติหน้าเลย...ชาตินี้แหละ...ดูไป. ด้วยจิตคารวะ ดร.มงคล นาฏกระสูตร มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้มัลแวร์ประเภท Infostealer ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานทหารและผู้รับเหมาด้านกลาโหมของสหรัฐฯ เช่น Lockheed Martin, BAE Systems, Boeing, Honeywell, L3Harris, และ Leidos โดยมัลแวร์นี้มีความสามารถในการขโมยข้อมูลที่สำคัญจากอุปกรณ์ของผู้ที่ถูกโจมตี

    จากรายงานของ Hudson Rock ระบุว่า อาชญากรสามารถซื้อข้อมูลที่ขโมยจากพนักงานที่ทำงานในภาคการป้องกันและกองทัพได้ในราคาประมาณ $10 ต่อคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่ถูกขโมยนั้นรวมถึงรหัสผ่านและข้อมูลการเข้าสู่ระบบของระบบสำคัญ เช่น Active Directory Federation Services (ADFS), Identity and Access Management (IAM) ของ Honeywell รวมถึงการแทรกซึมเข้าสู่ระบบ intranet ภายในองค์กร

    นอกจากนี้ยังพบการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานภาครัฐ เช่น US Army, US Navy, FBI และ Government Accountability Office (GAO) โดยผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลการยืนยันตัวตนภายในระบบเช่น OWA, Confluence, Citrix, และ FTP ทำให้ผู้โจมตีสามารถเคลื่อนย้ายภายในระบบทหารได้

    Infostealer เป็นมัลแวร์ที่อาศัยความผิดพลาดของผู้ใช้ เช่น การดาวน์โหลดไฟล์ PDF ที่ติดไวรัส หรือการคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ดังนั้นการมีการฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับพนักงานทุกระดับขององค์กรเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อป้องกันการโจมตีในลักษณะนี้

    การโจมตีแบบ Infostealer ไม่ได้ใช้การโจมตีแบบ brute-force แต่เน้นการใช้ความผิดพลาดของมนุษย์เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ ทำให้เห็นว่าการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญในทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชน

    https://www.techradar.com/pro/security/us-military-and-defense-contractors-hit-with-infostealer-malware
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้มัลแวร์ประเภท Infostealer ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานทหารและผู้รับเหมาด้านกลาโหมของสหรัฐฯ เช่น Lockheed Martin, BAE Systems, Boeing, Honeywell, L3Harris, และ Leidos โดยมัลแวร์นี้มีความสามารถในการขโมยข้อมูลที่สำคัญจากอุปกรณ์ของผู้ที่ถูกโจมตี จากรายงานของ Hudson Rock ระบุว่า อาชญากรสามารถซื้อข้อมูลที่ขโมยจากพนักงานที่ทำงานในภาคการป้องกันและกองทัพได้ในราคาประมาณ $10 ต่อคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่ถูกขโมยนั้นรวมถึงรหัสผ่านและข้อมูลการเข้าสู่ระบบของระบบสำคัญ เช่น Active Directory Federation Services (ADFS), Identity and Access Management (IAM) ของ Honeywell รวมถึงการแทรกซึมเข้าสู่ระบบ intranet ภายในองค์กร นอกจากนี้ยังพบการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานภาครัฐ เช่น US Army, US Navy, FBI และ Government Accountability Office (GAO) โดยผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลการยืนยันตัวตนภายในระบบเช่น OWA, Confluence, Citrix, และ FTP ทำให้ผู้โจมตีสามารถเคลื่อนย้ายภายในระบบทหารได้ Infostealer เป็นมัลแวร์ที่อาศัยความผิดพลาดของผู้ใช้ เช่น การดาวน์โหลดไฟล์ PDF ที่ติดไวรัส หรือการคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ดังนั้นการมีการฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับพนักงานทุกระดับขององค์กรเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อป้องกันการโจมตีในลักษณะนี้ การโจมตีแบบ Infostealer ไม่ได้ใช้การโจมตีแบบ brute-force แต่เน้นการใช้ความผิดพลาดของมนุษย์เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ ทำให้เห็นว่าการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญในทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชน https://www.techradar.com/pro/security/us-military-and-defense-contractors-hit-with-infostealer-malware
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts