• “คนแปลกหน้าผู้ช่วยชีวิต – ความทรงจำที่ไม่เคยลืม”

    ผู้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อกว่า 25 ปีก่อน ขณะกำลังปั่นจักรยานอย่างเพลิดเพลิน แต่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนกระเด็นตกจากจักรยานและบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดเกิดขึ้นกลางถนนที่มีรถวิ่งผ่านไปมา โชคดีที่มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นทันที เขาเป็นแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี เขาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โทรเรียกรถพยาบาล และแจ้งภรรยาของผู้เขียนอย่างใจเย็น ทำให้ผู้เขียนรอดพ้นจากสถานการณ์ที่อาจเลวร้ายกว่านี้

    เมื่อถึงโรงพยาบาล ผู้เขียนได้รับการดูแลอย่างดี ได้รับยาแก้ปวดและการรักษาที่เหมาะสม แม้จะต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด แต่ความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าผู้มีเมตตา ซึ่งผู้เขียนเปรียบเสมือน “เทวดา” ที่มาช่วยในเวลาที่ต้องการที่สุด

    นอกจากเหตุการณ์นั้น ผู้เขียนยังเล่าถึงประสบการณ์อื่น ๆ ที่ได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้า เช่น การได้รับเงิน 100 ดอลลาร์จากชายคนหนึ่งเพื่อไปทานอาหารดี ๆ ระหว่างการเดินทางไกล การได้รับความช่วยเหลือพาไปโรงพยาบาลเมื่อภรรยามีแมลงบินเข้าไปในหู หรือการได้รถรับส่งในวันที่ฝนตกหนัก ทั้งหมดนี้เป็นความทรงจำที่ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี

    เรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ในวันที่รู้สึกสิ้นหวังหรือหมดกำลังใจ การระลึกถึงความเมตตาที่เคยได้รับจากคนแปลกหน้า สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นในมนุษยชาติและทำให้เรามีกำลังใจเดินหน้าต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ผู้เขียนประสบอุบัติเหตุจักรยานและได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้น
    แพทย์ช่วยปฐมพยาบาล โทรแจ้งภรรยา และอยู่ดูแลจนรถพยาบาลมาถึง
    ผู้เขียนได้รับการรักษาอย่างดี แม้ต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet
    ผู้เขียนเคยได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้าในหลายเหตุการณ์ เช่น การให้เงิน การช่วยพาไปโรงพยาบาล และการให้ที่พักพิงจากฝน
    ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี

    คำเตือน
    อุบัติเหตุจักรยานอาจเกิดขึ้นได้ง่ายหากไม่ระมัดระวัง เช่น การเบรกกะทันหันหรือโซ่หลุด
    การเดินทางไกลโดยไม่มีการเตรียมพร้อม อาจทำให้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน
    ไม่ควรคาดหวังว่าจะมีคนแปลกหน้ามาช่วยเสมอไป จึงควรเตรียมอุปกรณ์และแผนฉุกเฉินไว้เอง

    https://louplummer.lol/nice-stranger/
    🚴 “คนแปลกหน้าผู้ช่วยชีวิต – ความทรงจำที่ไม่เคยลืม” ผู้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อกว่า 25 ปีก่อน ขณะกำลังปั่นจักรยานอย่างเพลิดเพลิน แต่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนกระเด็นตกจากจักรยานและบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดเกิดขึ้นกลางถนนที่มีรถวิ่งผ่านไปมา โชคดีที่มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นทันที เขาเป็นแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี เขาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โทรเรียกรถพยาบาล และแจ้งภรรยาของผู้เขียนอย่างใจเย็น ทำให้ผู้เขียนรอดพ้นจากสถานการณ์ที่อาจเลวร้ายกว่านี้ เมื่อถึงโรงพยาบาล ผู้เขียนได้รับการดูแลอย่างดี ได้รับยาแก้ปวดและการรักษาที่เหมาะสม แม้จะต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด แต่ความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าผู้มีเมตตา ซึ่งผู้เขียนเปรียบเสมือน “เทวดา” ที่มาช่วยในเวลาที่ต้องการที่สุด นอกจากเหตุการณ์นั้น ผู้เขียนยังเล่าถึงประสบการณ์อื่น ๆ ที่ได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้า เช่น การได้รับเงิน 100 ดอลลาร์จากชายคนหนึ่งเพื่อไปทานอาหารดี ๆ ระหว่างการเดินทางไกล การได้รับความช่วยเหลือพาไปโรงพยาบาลเมื่อภรรยามีแมลงบินเข้าไปในหู หรือการได้รถรับส่งในวันที่ฝนตกหนัก ทั้งหมดนี้เป็นความทรงจำที่ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี เรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ในวันที่รู้สึกสิ้นหวังหรือหมดกำลังใจ การระลึกถึงความเมตตาที่เคยได้รับจากคนแปลกหน้า สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นในมนุษยชาติและทำให้เรามีกำลังใจเดินหน้าต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ผู้เขียนประสบอุบัติเหตุจักรยานและได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้น ➡️ แพทย์ช่วยปฐมพยาบาล โทรแจ้งภรรยา และอยู่ดูแลจนรถพยาบาลมาถึง ➡️ ผู้เขียนได้รับการรักษาอย่างดี แม้ต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet ➡️ ผู้เขียนเคยได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้าในหลายเหตุการณ์ เช่น การให้เงิน การช่วยพาไปโรงพยาบาล และการให้ที่พักพิงจากฝน ➡️ ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี ‼️ คำเตือน ⛔ อุบัติเหตุจักรยานอาจเกิดขึ้นได้ง่ายหากไม่ระมัดระวัง เช่น การเบรกกะทันหันหรือโซ่หลุด ⛔ การเดินทางไกลโดยไม่มีการเตรียมพร้อม อาจทำให้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน ⛔ ไม่ควรคาดหวังว่าจะมีคนแปลกหน้ามาช่วยเสมอไป จึงควรเตรียมอุปกรณ์และแผนฉุกเฉินไว้เอง https://louplummer.lol/nice-stranger/
    LOUPLUMMER.LOL
    What Is the Nicest Thing A Stranger Has Ever Done for You?
    One of the things I do when I'm feeling blue is to make a mental list of the nice things people have done for me over the years, including perfect strangers.
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงทหารบาดเจ็บรักษาตัวที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ จ.อุบลราชธานี , วันนี้ เฮลิคอปเตอร์จาก มทบ.22 ได้ลำเลียงกำลังพล 3 นายที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณช่องบก อ.น้ำยืน มาถึงโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ ได้แก่ พลทหารยุทธภูมิ ปริปุรณะ, พลทหารพีรวัส ตะเพียนทอง และ จ.ส.อ.นภา เถื่อนไพร ทันทีที่ถึงพื้น เจ้าหน้าที่แพทย์–พยาบาลได้รับตัวขึ้นรถพยาบาลและเร่งดูแลต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000117662
    .
    #news1 #news1live #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #shorts #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง #ปกป้องอธิปไตย #กองทัพภาคที่2 #กองทัพไทย
    เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงทหารบาดเจ็บรักษาตัวที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ จ.อุบลราชธานี , วันนี้ เฮลิคอปเตอร์จาก มทบ.22 ได้ลำเลียงกำลังพล 3 นายที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณช่องบก อ.น้ำยืน มาถึงโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ ได้แก่ พลทหารยุทธภูมิ ปริปุรณะ, พลทหารพีรวัส ตะเพียนทอง และ จ.ส.อ.นภา เถื่อนไพร ทันทีที่ถึงพื้น เจ้าหน้าที่แพทย์–พยาบาลได้รับตัวขึ้นรถพยาบาลและเร่งดูแลต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000117662 . #news1 #news1live #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #shorts #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง #ปกป้องอธิปไตย #กองทัพภาคที่2 #กองทัพไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 420 Views 0 Reviews
  • Namewee แร็ปเปอร์มาเลย์ฯ ถูกกล่าวหาคดียาเสพติด

    กลายเป็นข่าวดังในมาเลเซียและเอเชีย เมื่อ เนมวี (Namewee) หรือนายวี เหมิง จือ (Wee Meng Chee) แร็ปเปอร์ นักร้อง และนักแสดงชาวมาเลเซียวัย 41 ปี ถูกตั้งข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติด ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น นิวสเตรทไทมส์ (NST) เปิดเผยว่า ดาโต๊ะ ฟาดิล มาร์ซุส ผู้บัญชาการตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์ ยืนยันว่าเจ้าตัวถูกจับกุมเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ต.ค. ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง จากการตรวจค้นพบยาเม็ด 9 เม็ด ซึ่งสงสัยว่าเป็นยาอี (Ecstasy) นอกจากนี้ ผลตรวจสารเสพติดในร่างกายของนายวี พบสารแอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน เคตามีน และ THC

    เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นายวีถูกตั้งข้อหา 2 ข้อหา ภายใต้พระราชบัญญัติยาเสพติดอันตราย ว่าด้วยการครอบครองและการเสพยาเสพติดของมาเลเซีย โดยมาตรา 39A(1) โทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี และโบยไม่เกิน 9 ครั้ง หากศาลพิพากษาว่ามีความผิด ส่วนมาตรา 15(1)(a) ว่าด้วยการเสพยาเสพติด กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนายวีให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้รับการประกันตัว โดยมีผู้ค้ำประกันหนึ่งรายต่อหนึ่งข้อหา ศาลกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่ 4,000 ริงกิตต่อข้อหา รวม 8,000 ริงกิต (ประมาณ 62,000 บาท) และนัดฟังการพิจารณาคดีในวันที่ 18 ธ.ค.

    ด้านเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยันว่าไม่ได้เสพและครอบครองยาเสพติด อย่างมากก็แค่ดื่มสุราบ่อยเท่านั้น รอให้รายงานของตำรวจออกมาก็จะรู้ความจริง คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือน ที่ยังไม่ตอบก่อนหน้านี้เพราะคดียังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาตนยังถูกแบล็กเมล์ พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงการเสียชีวิตของอินฟลูเอนเซอร์สาวแนวเซ็กซี่ Nurse Goddess (เทพธิดาพยาบาล) คือ น.ส.ไอริส เซียะ (Iris Hsieh) ชาวไต้หวันวัย 31 ปี ที่เสียชีวิตในโรงแรมเดียวกันนี้ ว่า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และตำหนิว่ารถพยาบาลมาช้าเกือบ 1 ชั่วโมงอีกด้วย

    สำหรับเนมวี เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เกิดที่เมืองมัวร์ รัฐยะโฮร์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาการสื่อสารมวลชน ที่มหาวิทยาลัยหมิงชวน ไต้หวัน มีชื่อเสียงในไทยจากเพลง Thai Love Song และ Thai Cha Cha ฟีเจอริ่งกับ บี้ เดอะสกา (นายกฤษณ์ บุญญะรัง) เผยแพร่เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมาเคยมีข้อกล่าวหาเรื่องมิวสิควิดีโอเพลง Oh My God ถูกวิจารณ์ว่าดูหมิ่นความอ่อนไหวทางศาสนา และการออกเพลง Fragile ล้อเลียนชาตินิยมจีนและประเด็นทางการเมืองละเอียดอ่อน กลายเป็นเพลงต้องห้ามในจีน

    #Newskit
    Namewee แร็ปเปอร์มาเลย์ฯ ถูกกล่าวหาคดียาเสพติด กลายเป็นข่าวดังในมาเลเซียและเอเชีย เมื่อ เนมวี (Namewee) หรือนายวี เหมิง จือ (Wee Meng Chee) แร็ปเปอร์ นักร้อง และนักแสดงชาวมาเลเซียวัย 41 ปี ถูกตั้งข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติด ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น นิวสเตรทไทมส์ (NST) เปิดเผยว่า ดาโต๊ะ ฟาดิล มาร์ซุส ผู้บัญชาการตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์ ยืนยันว่าเจ้าตัวถูกจับกุมเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ต.ค. ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง จากการตรวจค้นพบยาเม็ด 9 เม็ด ซึ่งสงสัยว่าเป็นยาอี (Ecstasy) นอกจากนี้ ผลตรวจสารเสพติดในร่างกายของนายวี พบสารแอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน เคตามีน และ THC เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นายวีถูกตั้งข้อหา 2 ข้อหา ภายใต้พระราชบัญญัติยาเสพติดอันตราย ว่าด้วยการครอบครองและการเสพยาเสพติดของมาเลเซีย โดยมาตรา 39A(1) โทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี และโบยไม่เกิน 9 ครั้ง หากศาลพิพากษาว่ามีความผิด ส่วนมาตรา 15(1)(a) ว่าด้วยการเสพยาเสพติด กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนายวีให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้รับการประกันตัว โดยมีผู้ค้ำประกันหนึ่งรายต่อหนึ่งข้อหา ศาลกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่ 4,000 ริงกิตต่อข้อหา รวม 8,000 ริงกิต (ประมาณ 62,000 บาท) และนัดฟังการพิจารณาคดีในวันที่ 18 ธ.ค. ด้านเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยันว่าไม่ได้เสพและครอบครองยาเสพติด อย่างมากก็แค่ดื่มสุราบ่อยเท่านั้น รอให้รายงานของตำรวจออกมาก็จะรู้ความจริง คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือน ที่ยังไม่ตอบก่อนหน้านี้เพราะคดียังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาตนยังถูกแบล็กเมล์ พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงการเสียชีวิตของอินฟลูเอนเซอร์สาวแนวเซ็กซี่ Nurse Goddess (เทพธิดาพยาบาล) คือ น.ส.ไอริส เซียะ (Iris Hsieh) ชาวไต้หวันวัย 31 ปี ที่เสียชีวิตในโรงแรมเดียวกันนี้ ว่า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และตำหนิว่ารถพยาบาลมาช้าเกือบ 1 ชั่วโมงอีกด้วย สำหรับเนมวี เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เกิดที่เมืองมัวร์ รัฐยะโฮร์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาการสื่อสารมวลชน ที่มหาวิทยาลัยหมิงชวน ไต้หวัน มีชื่อเสียงในไทยจากเพลง Thai Love Song และ Thai Cha Cha ฟีเจอริ่งกับ บี้ เดอะสกา (นายกฤษณ์ บุญญะรัง) เผยแพร่เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมาเคยมีข้อกล่าวหาเรื่องมิวสิควิดีโอเพลง Oh My God ถูกวิจารณ์ว่าดูหมิ่นความอ่อนไหวทางศาสนา และการออกเพลง Fragile ล้อเลียนชาตินิยมจีนและประเด็นทางการเมืองละเอียดอ่อน กลายเป็นเพลงต้องห้ามในจีน #Newskit
    1 Comments 0 Shares 732 Views 0 Reviews
  • จีนเปิดตัว BIE-1 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เลียนแบบสมอง ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านธรรมดา!

    นักวิทยาศาสตร์จีนจาก Guangdong Institute of Intelligent Science and Technology ได้เปิดตัว “BI Explorer 1” หรือ BIE-1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โดยมีขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก แต่ประสิทธิภาพระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ พร้อมใช้ไฟบ้านทั่วไป

    จุดเด่นของ BIE-1
    ขนาดกะทัดรัด: เทียบเท่าตู้เย็นขนาดเล็ก แต่สามารถทำงานได้เทียบเท่าระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง
    ประหยัดพลังงาน: ใช้พลังงานน้อยกว่าระบบทั่วไปถึง 90% และยังคงอุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานหนัก
    ประสิทธิภาพสูง: มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB DDR5 และพื้นที่จัดเก็บ 204TB
    ใช้เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง: ประมวลผลแบบ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    รองรับการใช้งานหลากหลาย: เหมาะสำหรับบ้าน, สำนักงาน, หรือแม้แต่การใช้งานแบบเคลื่อนที่ เช่น รถพยาบาลหรือห้องเรียนเคลื่อนที่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    BIE-1 เป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบสมอง
    ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านทั่วไป
    มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB และพื้นที่จัดเก็บ 204TB
    ใช้พลังงานน้อยกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 90%
    อุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานเต็มที่
    เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน, สำนักงาน, หรือพื้นที่เคลื่อนที่

    เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง
    ใช้ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    รองรับการประมวลผลแบบ multimodal เช่น ข้อความ, ภาพ, และเสียง
    เหมาะสำหรับงานด้านสุขภาพ, การศึกษา, และผู้ช่วย AI ส่วนบุคคล

    ความเปรียบเทียบกับระบบเดิม
    เทียบกับ Intel Hala Point และ SpiNNaker 2 ที่ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่
    BIE-1 เป็นระบบแบบ standalone ที่ไม่ต้องใช้ SSD, HDD หรือ GPU
    ใช้พลังงานน้อยกว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง” ถึง 90%

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    คำว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ยังไม่มีนิยามที่ชัดเจน ทำให้การเปรียบเทียบอาจคลุมเครือ
    ยังไม่มีข้อมูลราคาหรือวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
    ข้อมูลจากแหล่งตะวันตกยังมีจำกัด อาจต้องรอการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-builds-neuromorphic-ai-server-the-size-of-a-mini-fridge-bi-explorer-1-runs-on-a-household-socket-and-contains-1-152-cpu-cores
    🧠🧊 จีนเปิดตัว BIE-1 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เลียนแบบสมอง ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านธรรมดา! นักวิทยาศาสตร์จีนจาก Guangdong Institute of Intelligent Science and Technology ได้เปิดตัว “BI Explorer 1” หรือ BIE-1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โดยมีขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก แต่ประสิทธิภาพระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ พร้อมใช้ไฟบ้านทั่วไป 📦 จุดเด่นของ BIE-1 💠 ขนาดกะทัดรัด: เทียบเท่าตู้เย็นขนาดเล็ก แต่สามารถทำงานได้เทียบเท่าระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง 💠 ประหยัดพลังงาน: ใช้พลังงานน้อยกว่าระบบทั่วไปถึง 90% และยังคงอุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานหนัก 💠 ประสิทธิภาพสูง: มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB DDR5 และพื้นที่จัดเก็บ 204TB 💠 ใช้เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง: ประมวลผลแบบ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 💠 รองรับการใช้งานหลากหลาย: เหมาะสำหรับบ้าน, สำนักงาน, หรือแม้แต่การใช้งานแบบเคลื่อนที่ เช่น รถพยาบาลหรือห้องเรียนเคลื่อนที่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ BIE-1 เป็นเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ neuromorphic ที่เลียนแบบสมอง ➡️ ขนาดเท่าตู้เย็น ใช้ไฟบ้านทั่วไป ➡️ มี 1,152 CPU cores, RAM 4.8TB และพื้นที่จัดเก็บ 204TB ➡️ ใช้พลังงานน้อยกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 90% ➡️ อุณหภูมิ CPU ไม่เกิน 70°C แม้ใช้งานเต็มที่ ➡️ เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน, สำนักงาน, หรือพื้นที่เคลื่อนที่ ✅ เทคโนโลยีเลียนแบบสมอง ➡️ ใช้ neural network ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ รองรับการประมวลผลแบบ multimodal เช่น ข้อความ, ภาพ, และเสียง ➡️ เหมาะสำหรับงานด้านสุขภาพ, การศึกษา, และผู้ช่วย AI ส่วนบุคคล ✅ ความเปรียบเทียบกับระบบเดิม ➡️ เทียบกับ Intel Hala Point และ SpiNNaker 2 ที่ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ➡️ BIE-1 เป็นระบบแบบ standalone ที่ไม่ต้องใช้ SSD, HDD หรือ GPU ➡️ ใช้พลังงานน้อยกว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดห้อง” ถึง 90% ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ คำว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ยังไม่มีนิยามที่ชัดเจน ทำให้การเปรียบเทียบอาจคลุมเครือ ⛔ ยังไม่มีข้อมูลราคาหรือวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ⛔ ข้อมูลจากแหล่งตะวันตกยังมีจำกัด อาจต้องรอการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-builds-neuromorphic-ai-server-the-size-of-a-mini-fridge-bi-explorer-1-runs-on-a-household-socket-and-contains-1-152-cpu-cores
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • กระบะขวางรถพยาบาล เคลื่อนหลบไม่ได้เพราะเหตุนี้..??? (20/10/68)

    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #รถพยาบาล #กระบะขวางทาง #อุบัติเหตุ #บนท้องถนน #จราจรไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    กระบะขวางรถพยาบาล เคลื่อนหลบไม่ได้เพราะเหตุนี้..??? (20/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #รถพยาบาล #กระบะขวางทาง #อุบัติเหตุ #บนท้องถนน #จราจรไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 0 Reviews


  • ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ
    ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน.
    ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว.
    ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด

    ..

    #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
    ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง


    ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท).

    ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง.

    เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย.

    เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ.
    สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง

    เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง.

    เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท

    ...........................................................................

    เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
    การเมือง
    20 มิ.ย. 66

    หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่
    รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้
    เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196)
    ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123)
    ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้


    ประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท

    รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง

    ...........................................................................


    ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ
    นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท
    รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท

    หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก

    ...........................................................................

    คณะทำงานทางการเมือง
    คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้

    ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ...........................................................................


    ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง
    จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส.
    และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส.
    ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน


    เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส.
    พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด

    ผู้ป่วยใน
    ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน
    ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง
    ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน
    ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง
    การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี
    การคลอดบุตร :
    คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท
    คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท
    สวัสดิการอื่น ๆ

    ...........................................................................

    ผู้ป่วยนอก
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี
    อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง
    การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี
    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ
    ...........................................................................

    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ
    ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ
    ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556

    ...........................................................................


    https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo



    ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน. ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว. ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด .. #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท). ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง. เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย. เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ. สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง. เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท ........................................................................... เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง การเมือง 20 มิ.ย. 66 หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้ เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196) ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123) ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ........................................................................... ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก ........................................................................... คณะทำงานทางการเมือง คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้ ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ........................................................................... ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส. และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส. ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส. พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด ผู้ป่วยใน ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี การคลอดบุตร : คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท สวัสดิการอื่น ๆ ........................................................................... ผู้ป่วยนอก ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ ........................................................................... เบี้ยประชุมกรรมาธิการ ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556 ........................................................................... https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo
    0 Comments 0 Shares 1003 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก #TrumpDead: เมื่อความเงียบของผู้นำกลายเป็นเชื้อเพลิงของข่าวลวง

    ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 79 ปี หายไปจากสื่อและกิจกรรมสาธารณะหลายวัน ทำให้เกิดกระแสข่าวลือในโลกออนไลน์ว่าเขาป่วยหนัก หรือแม้แต่ “เสียชีวิตแล้ว” โดยมีการแชร์ภาพ, แผนที่, และวิดีโอที่ถูกบิดเบือนหรือดัดแปลงด้วย AI เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านั้น

    แม้ทรัมป์จะออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 กันยายนว่า “ข่าวลือทั้งหมดเป็น fake news” และยืนยันว่า “NEVER FELT BETTER IN MY LIFE” บน Truth Social แต่ hashtag #TrumpDead ก็ยังคงถูกพูดถึงมากกว่า 104,000 ครั้ง และมียอดเข้าชมรวมกว่า 35.3 ล้านวิวบนแพลตฟอร์ม X

    ภาพที่ถูกแชร์ ได้แก่:
    - แผนที่แสดงการปิดถนนใกล้โรงพยาบาล Walter Reed ซึ่งไม่มีรายงานจริง
    - ภาพรถพยาบาลหน้าทำเนียบขาวที่จริงแล้วถ่ายตั้งแต่ปี 2023 สมัยไบเดนยังดำรงตำแหน่ง
    - ธงไว้อาลัยที่ถูกตีความว่าเป็นสัญญาณการเสียชีวิตของทรัมป์ ทั้งที่จริงแล้วเป็นคำสั่งไว้อาลัยเหยื่อกราดยิงในมินนิอาโปลิส
    - ภาพใบหน้าทรัมป์ที่ถูกซูมและปรับด้วย AI ให้เห็นรอยเหนือดวงตา ซึ่งไม่มีอยู่ในภาพต้นฉบับ

    ข่าวลวงเหล่านี้ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากบัญชีฝั่งต่อต้านทรัมป์บน X, Bluesky และ Instagram และยังคงแพร่กระจายแม้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงแล้ว โดยบางโพสต์ถึงขั้นอ้างว่า “ทำเนียบขาวประกาศว่าเขาเสียชีวิต” ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/03/trump-health-misinformation-swirls-despite-denial
    🎙️ เรื่องเล่าจาก #TrumpDead: เมื่อความเงียบของผู้นำกลายเป็นเชื้อเพลิงของข่าวลวง ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 79 ปี หายไปจากสื่อและกิจกรรมสาธารณะหลายวัน ทำให้เกิดกระแสข่าวลือในโลกออนไลน์ว่าเขาป่วยหนัก หรือแม้แต่ “เสียชีวิตแล้ว” โดยมีการแชร์ภาพ, แผนที่, และวิดีโอที่ถูกบิดเบือนหรือดัดแปลงด้วย AI เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านั้น แม้ทรัมป์จะออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 กันยายนว่า “ข่าวลือทั้งหมดเป็น fake news” และยืนยันว่า “NEVER FELT BETTER IN MY LIFE” บน Truth Social แต่ hashtag #TrumpDead ก็ยังคงถูกพูดถึงมากกว่า 104,000 ครั้ง และมียอดเข้าชมรวมกว่า 35.3 ล้านวิวบนแพลตฟอร์ม X ภาพที่ถูกแชร์ ได้แก่: - แผนที่แสดงการปิดถนนใกล้โรงพยาบาล Walter Reed ซึ่งไม่มีรายงานจริง - ภาพรถพยาบาลหน้าทำเนียบขาวที่จริงแล้วถ่ายตั้งแต่ปี 2023 สมัยไบเดนยังดำรงตำแหน่ง - ธงไว้อาลัยที่ถูกตีความว่าเป็นสัญญาณการเสียชีวิตของทรัมป์ ทั้งที่จริงแล้วเป็นคำสั่งไว้อาลัยเหยื่อกราดยิงในมินนิอาโปลิส - ภาพใบหน้าทรัมป์ที่ถูกซูมและปรับด้วย AI ให้เห็นรอยเหนือดวงตา ซึ่งไม่มีอยู่ในภาพต้นฉบับ ข่าวลวงเหล่านี้ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากบัญชีฝั่งต่อต้านทรัมป์บน X, Bluesky และ Instagram และยังคงแพร่กระจายแม้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงแล้ว โดยบางโพสต์ถึงขั้นอ้างว่า “ทำเนียบขาวประกาศว่าเขาเสียชีวิต” ทั้งที่ไม่เป็นความจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/03/trump-health-misinformation-swirls-despite-denial
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump health misinformation swirls despite denial
    From manipulated images to out-of-context photos, false claims that Donald Trump is seriously ill – or even dead – have swirled online, with the misinformation persisting even after the US president publicly rejected it on Sept 2.
    0 Comments 0 Shares 665 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ “เลือดผง” กลายเป็นความหวังใหม่ของชีวิต

    ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย Maryland นักวิจัยกำลังเผชิญกับหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของการแพทย์ฉุกเฉิน—การให้เลือดแก่ผู้บาดเจ็บที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล

    คำตอบของพวกเขาไม่ใช่ถุงเลือดแช่เย็น แต่เป็น “เลือดเทียมในรูปแบบผง” ที่สามารถเก็บไว้ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องแช่เย็น และสามารถนำมาใช้ได้ทันทีเพียงแค่เติมน้ำ! ผลิตภัณฑ์นี้มีชื่อว่า ErythroMer ซึ่งสร้างจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงเทียมที่ปลอดภัย

    เมื่อทดลองกับกระต่ายที่ถูกจำลองภาวะเสียเลือดรุนแรง พบว่าหลังได้รับเลือดเทียมเพียง 3 เข็ม กระต่ายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สีผิวกลับมาเป็นสีชมพูสดใส แสดงว่าร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพ

    ErythroMer คือเลือดเทียมชนิดผงที่สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น
    ผลิตจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อป้องกันพิษ
    สามารถเติมน้ำเพื่อใช้งานทันทีในสถานการณ์ฉุกเฉิน

    การทดลองในสัตว์แสดงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
    กระต่ายที่อยู่ในภาวะช็อกฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังได้รับเลือดเทียม
    สีผิวและพฤติกรรมกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่นาที

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงทุนกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้
    หวังใช้ในสนามรบที่การเสียเลือดยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่ป้องกันได้อันดับหนึ่ง
    สามารถช่วยชีวิตทหารและพลเรือนในพื้นที่ห่างไกล

    เลือดเทียมสามารถขนส่งง่ายและใช้ได้ทันทีในจุดเกิดเหตุ
    ไม่ต้องรอรถพยาบาลหรือการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
    เหมาะสำหรับอุบัติเหตุ, ภัยพิบัติ, และพื้นที่ห่างไกล

    ยังไม่มีการทดลองในมนุษย์ แต่มีความหวังสูง
    ทีมวิจัยในญี่ปุ่นเริ่มทดลองในมนุษย์แล้ว
    ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังคงสงวนท่าที รอผลจากการทดลองขนาดใหญ่

    ยังไม่มีการรับรองจาก FDA สำหรับการใช้ในมนุษย์
    ต้องพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับคลินิกก่อน
    การทดลองในสัตว์ยังไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้

    การใช้ฮีโมโกลบินที่ไม่ได้ห่อหุ้มอาจเป็นพิษต่ออวัยวะ
    ความพยายามในอดีตล้มเหลวเพราะฮีโมโกลบินที่สัมผัสโดยตรงกับร่างกาย
    การห่อหุ้มด้วยไขมันเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยงนี้

    การผลิตและการขยายขนาดอาจเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนและเทคโนโลยี
    ต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถผลิตในปริมาณมากโดยไม่ลดคุณภาพ
    ต้องมีระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัย

    การทดลองในสัตว์ต้องใช้การุณยฆาตเพื่อศึกษาผลกระทบต่ออวัยวะ
    แม้จะเป็นไปตามหลักจริยธรรม แต่ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์
    ต้องมีการตรวจสอบผลกระทบระยะยาวต่อเนื้อเยื่อและระบบต่างๆ

    https://www.techspot.com/news/108813-researchers-create-artificial-blood-spot-use-accidents-combat.html
    🩸 เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ “เลือดผง” กลายเป็นความหวังใหม่ของชีวิต ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย Maryland นักวิจัยกำลังเผชิญกับหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของการแพทย์ฉุกเฉิน—การให้เลือดแก่ผู้บาดเจ็บที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล คำตอบของพวกเขาไม่ใช่ถุงเลือดแช่เย็น แต่เป็น “เลือดเทียมในรูปแบบผง” ที่สามารถเก็บไว้ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องแช่เย็น และสามารถนำมาใช้ได้ทันทีเพียงแค่เติมน้ำ! ผลิตภัณฑ์นี้มีชื่อว่า ErythroMer ซึ่งสร้างจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงเทียมที่ปลอดภัย เมื่อทดลองกับกระต่ายที่ถูกจำลองภาวะเสียเลือดรุนแรง พบว่าหลังได้รับเลือดเทียมเพียง 3 เข็ม กระต่ายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สีผิวกลับมาเป็นสีชมพูสดใส แสดงว่าร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ErythroMer คือเลือดเทียมชนิดผงที่สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น ➡️ ผลิตจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อป้องกันพิษ ➡️ สามารถเติมน้ำเพื่อใช้งานทันทีในสถานการณ์ฉุกเฉิน ✅ การทดลองในสัตว์แสดงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ➡️ กระต่ายที่อยู่ในภาวะช็อกฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังได้รับเลือดเทียม ➡️ สีผิวและพฤติกรรมกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่นาที ✅ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงทุนกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ➡️ หวังใช้ในสนามรบที่การเสียเลือดยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่ป้องกันได้อันดับหนึ่ง ➡️ สามารถช่วยชีวิตทหารและพลเรือนในพื้นที่ห่างไกล ✅ เลือดเทียมสามารถขนส่งง่ายและใช้ได้ทันทีในจุดเกิดเหตุ ➡️ ไม่ต้องรอรถพยาบาลหรือการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ➡️ เหมาะสำหรับอุบัติเหตุ, ภัยพิบัติ, และพื้นที่ห่างไกล ✅ ยังไม่มีการทดลองในมนุษย์ แต่มีความหวังสูง ➡️ ทีมวิจัยในญี่ปุ่นเริ่มทดลองในมนุษย์แล้ว ➡️ ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังคงสงวนท่าที รอผลจากการทดลองขนาดใหญ่ ‼️ ยังไม่มีการรับรองจาก FDA สำหรับการใช้ในมนุษย์ ⛔ ต้องพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับคลินิกก่อน ⛔ การทดลองในสัตว์ยังไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้ ‼️ การใช้ฮีโมโกลบินที่ไม่ได้ห่อหุ้มอาจเป็นพิษต่ออวัยวะ ⛔ ความพยายามในอดีตล้มเหลวเพราะฮีโมโกลบินที่สัมผัสโดยตรงกับร่างกาย ⛔ การห่อหุ้มด้วยไขมันเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยงนี้ ‼️ การผลิตและการขยายขนาดอาจเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนและเทคโนโลยี ⛔ ต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถผลิตในปริมาณมากโดยไม่ลดคุณภาพ ⛔ ต้องมีระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัย ‼️ การทดลองในสัตว์ต้องใช้การุณยฆาตเพื่อศึกษาผลกระทบต่ออวัยวะ ⛔ แม้จะเป็นไปตามหลักจริยธรรม แต่ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์ ⛔ ต้องมีการตรวจสอบผลกระทบระยะยาวต่อเนื้อเยื่อและระบบต่างๆ https://www.techspot.com/news/108813-researchers-create-artificial-blood-spot-use-accidents-combat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Researchers create artificial blood for on-the-spot use in accidents and combat
    Inside a specialized intensive care unit for rabbits, Dr. Allan Doctor and his team simulate the trauma of severe blood loss. They drain a rabbit's blood to...
    0 Comments 0 Shares 544 Views 0 Reviews
  • แอร์เอเชียช่วยเหลือเด็กน้อย แพ้ความสูงกะทันหัน

    เรื่องราวประทับใจของเที่ยวบินแอร์เอเชีย ที่มีชาวเน็ตแชร์กว่า 2 หมื่นครั้ง เกิดขึ้นเมื่อผู้โดยสารที่ใช้นามว่า จาซินธา ฟลอเรนติอุส (Jacyntha Florentius) ผู้โดยสารบนเที่ยวบินที่ AK115 เส้นทางกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ชื่นชมนักบินและลูกเรือทุกคนในเที่ยวบินดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา

    เธอระบุว่า เด็กที่นั่งมาด้วยคือ นาตาชยา (Natashya) ลูกสาววัย 1 ขวบ 7 เดือน เมื่อเครื่องเทกออฟเวลา 05.55 น. ลูกได้หลับลง จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งต่อมาลูกตื่นขึ้น เธอจึงให้นมลูก หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ทันใดนั้นลูกดูกระสับกระส่าย ร้องไห้สักพัก แล้วก็เงียบไป จากนั้นใบหน้าและริมฝีปากลูกซีดลง และดูเหมือนว่าลูกกำลังดิ้นรนที่จะหายใจ อ่อนแอ และไม่ค่อยตอบสนอง

    ตนพยายามอุ้มลูก ตบหลัง ถูมือและเท้า พยายามทำให้ส่งเสียงร้องออกมา เพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองหรือไม่ ในเวลาเดียวกัน จาซินธาร้องขอหน้ากากออกซิเจนจากลูกเรือ ซึ่งลูกเรือได้ประสานปล่อยหน้ากากออกซิเจนลงมา ก่อนที่จะให้ออกซิเจนแก่ลูก จากนั้นอาการเริ่มดีขึ้น ริมฝีปากเริ่มเป็นสีชมพูอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ลูกเรือประกาศบนเที่ยวบินตามหาผู้โดยสารที่เป็นแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่มีแพทย์รายหนึ่งบนเที่ยวบินช่วยดูอาการให้

    ขณะที่ลูกเรือได้คุยกับนักบินเพื่อขอลดระดับความสูงลงมาเล็กน้อย ซึ่งนักบินก็ลดระดับความสูงให้ ไม่นานหลังจากนั้นอาการลูกดูคงที่ นักบินประกาศว่าเที่ยวบินนี้จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังสนามบินที่ใกล้ที่สุด คือ สนามบินโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เพื่อรับการรักษาพยาบาล ระหว่างการรอลงจอด 30 นาที ลูกเรือก็เข้ามาตรวจดูลูกอยู่เรื่อยๆ นวดมือ เท้า และตรวจชีพจร ทันทีที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินโฮจิมินห์ ทีมแพทย์ที่เตรียมพร้อมได้ขึ้นเครื่องบินเพื่อประเมินอาการ และตัดสินใจว่าควรลงจากเครื่องเพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์

    ตนและลูกสาวพร้อมสามีลงจากเครื่องบิน สัมภาระถูกขนลงจากเครื่องอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินก็พาไปที่รถพยาบาลทันที พร้อมอยู่ดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ ลูกสาวได้รับการรักษาแบบเร่งด่วน ภายในหนึ่งชั่วโมง ก็มีการตรวจร่างกายทั้งหมด รวมทั้งการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ และการเอกซเรย์ นอกจากนี้ เมื่อทำการรักษาจนอาการดีขึ้น แอร์เอเชีย ยังให้เที่ยวบินฟรีแก่ตน ลูกสาว และสามีเพื่อเดินทางกลับกรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย สำหรับสาเหตุ คาดว่าลูกสาวน่าจะป่วยด้วยอาการแพ้ความสูงอย่างกะทันหันขณะอยู่บนเครื่องบิน

    #Newskit
    แอร์เอเชียช่วยเหลือเด็กน้อย แพ้ความสูงกะทันหัน เรื่องราวประทับใจของเที่ยวบินแอร์เอเชีย ที่มีชาวเน็ตแชร์กว่า 2 หมื่นครั้ง เกิดขึ้นเมื่อผู้โดยสารที่ใช้นามว่า จาซินธา ฟลอเรนติอุส (Jacyntha Florentius) ผู้โดยสารบนเที่ยวบินที่ AK115 เส้นทางกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ชื่นชมนักบินและลูกเรือทุกคนในเที่ยวบินดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา เธอระบุว่า เด็กที่นั่งมาด้วยคือ นาตาชยา (Natashya) ลูกสาววัย 1 ขวบ 7 เดือน เมื่อเครื่องเทกออฟเวลา 05.55 น. ลูกได้หลับลง จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งต่อมาลูกตื่นขึ้น เธอจึงให้นมลูก หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ทันใดนั้นลูกดูกระสับกระส่าย ร้องไห้สักพัก แล้วก็เงียบไป จากนั้นใบหน้าและริมฝีปากลูกซีดลง และดูเหมือนว่าลูกกำลังดิ้นรนที่จะหายใจ อ่อนแอ และไม่ค่อยตอบสนอง ตนพยายามอุ้มลูก ตบหลัง ถูมือและเท้า พยายามทำให้ส่งเสียงร้องออกมา เพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองหรือไม่ ในเวลาเดียวกัน จาซินธาร้องขอหน้ากากออกซิเจนจากลูกเรือ ซึ่งลูกเรือได้ประสานปล่อยหน้ากากออกซิเจนลงมา ก่อนที่จะให้ออกซิเจนแก่ลูก จากนั้นอาการเริ่มดีขึ้น ริมฝีปากเริ่มเป็นสีชมพูอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ลูกเรือประกาศบนเที่ยวบินตามหาผู้โดยสารที่เป็นแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่มีแพทย์รายหนึ่งบนเที่ยวบินช่วยดูอาการให้ ขณะที่ลูกเรือได้คุยกับนักบินเพื่อขอลดระดับความสูงลงมาเล็กน้อย ซึ่งนักบินก็ลดระดับความสูงให้ ไม่นานหลังจากนั้นอาการลูกดูคงที่ นักบินประกาศว่าเที่ยวบินนี้จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังสนามบินที่ใกล้ที่สุด คือ สนามบินโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เพื่อรับการรักษาพยาบาล ระหว่างการรอลงจอด 30 นาที ลูกเรือก็เข้ามาตรวจดูลูกอยู่เรื่อยๆ นวดมือ เท้า และตรวจชีพจร ทันทีที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินโฮจิมินห์ ทีมแพทย์ที่เตรียมพร้อมได้ขึ้นเครื่องบินเพื่อประเมินอาการ และตัดสินใจว่าควรลงจากเครื่องเพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์ ตนและลูกสาวพร้อมสามีลงจากเครื่องบิน สัมภาระถูกขนลงจากเครื่องอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินก็พาไปที่รถพยาบาลทันที พร้อมอยู่ดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ ลูกสาวได้รับการรักษาแบบเร่งด่วน ภายในหนึ่งชั่วโมง ก็มีการตรวจร่างกายทั้งหมด รวมทั้งการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ และการเอกซเรย์ นอกจากนี้ เมื่อทำการรักษาจนอาการดีขึ้น แอร์เอเชีย ยังให้เที่ยวบินฟรีแก่ตน ลูกสาว และสามีเพื่อเดินทางกลับกรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย สำหรับสาเหตุ คาดว่าลูกสาวน่าจะป่วยด้วยอาการแพ้ความสูงอย่างกะทันหันขณะอยู่บนเครื่องบิน #Newskit
    0 Comments 0 Shares 667 Views 0 Reviews
  • ด่วน!
    เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่การประชุมของ IRGC ในกรุงเตหะราน มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

    จากรายงานระบุว่า เกิดระเบิดขึ้นที่การประชุมของผู้บัญชาการระดับสูงของ IRGC ในเขตเบเฮชติของกรุงเตหะราน โดยมีแหล่งข่าวหลายแหล่งอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

    ผู้เห็นเหตุการณ์เห็นรถพยาบาลวิ่งเข้ามาในขณะที่กลุ่มควันลอยขึ้นเหนือเมือง

    ยังไม่มีการยืนยันว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้
    ด่วน! เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่การประชุมของ IRGC ในกรุงเตหะราน มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จากรายงานระบุว่า เกิดระเบิดขึ้นที่การประชุมของผู้บัญชาการระดับสูงของ IRGC ในเขตเบเฮชติของกรุงเตหะราน โดยมีแหล่งข่าวหลายแหล่งอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ผู้เห็นเหตุการณ์เห็นรถพยาบาลวิ่งเข้ามาในขณะที่กลุ่มควันลอยขึ้นเหนือเมือง ยังไม่มีการยืนยันว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้
    0 Comments 0 Shares 344 Views 24 0 Reviews
  • "กรมราชทัณฑ์" ชี้แจงกรณี "ธัญพิสิษฐ์ ขบวน" ประสานรถพยาบาลส่งตัว "ทักษิณ" รักษา รพ.ตำรวจ เป็นตามระเบียบการโอนย้าย สาเหตุกลับดูแลพ่อแม่ที่ จ.สุโขทัย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000056996

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "กรมราชทัณฑ์" ชี้แจงกรณี "ธัญพิสิษฐ์ ขบวน" ประสานรถพยาบาลส่งตัว "ทักษิณ" รักษา รพ.ตำรวจ เป็นตามระเบียบการโอนย้าย สาเหตุกลับดูแลพ่อแม่ที่ จ.สุโขทัย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000056996 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Haha
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 689 Views 0 Reviews
  • ชัดเจนว่าการเจรจามีแนวโน้มจะล้มเหลว!

    ปูตินประกาศอย่างเป็นทางการว่ารัสเซียจะสร้าง "เขตกันชนด้านความปลอดภัย" ในภูมิภาคใหม่ 3 แห่งในยูเครนที่ติดกับรัสเซีย



    "ศัตรูเลือกเป้าหมายที่ไม่มีความสำคัญทางทหาร โดยกำหนดเป้าหมายเป็นรถพยาบาล เครื่องจักรกลการเกษตร ผู้หญิง และเด็ก เราได้ตัดสินใจสร้างเขตกันชนตามแนวชายแดนของภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk) บรายอันสก์ (Bryansk) และเบลโกรอด (Belgorod)"
    ชัดเจนว่าการเจรจามีแนวโน้มจะล้มเหลว! ปูตินประกาศอย่างเป็นทางการว่ารัสเซียจะสร้าง "เขตกันชนด้านความปลอดภัย" ในภูมิภาคใหม่ 3 แห่งในยูเครนที่ติดกับรัสเซีย "ศัตรูเลือกเป้าหมายที่ไม่มีความสำคัญทางทหาร โดยกำหนดเป้าหมายเป็นรถพยาบาล เครื่องจักรกลการเกษตร ผู้หญิง และเด็ก เราได้ตัดสินใจสร้างเขตกันชนตามแนวชายแดนของภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk) บรายอันสก์ (Bryansk) และเบลโกรอด (Belgorod)"
    0 Comments 0 Shares 385 Views 0 Reviews
  • เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายร่างของตำรวจทั้ง 6 นาย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเล ไปยังวัดตรีทศเทพฯ เตรียมส่งกลับประกอบพิธีศสาสนาตามภูมิลำเนาพรุ่งนี้

    วันนี้ (26 เม.ย.) ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่นิติเวชนำร่างของตำรวจทั้ง 6 นาย สังกัดกองบินตำรวจ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเลบรรจุใส่โลงศพและนำขึ้นรถศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจจำนวน 6 คัน โดยมีพระสงฆ์ 6 รูป ประจำรถศูนย์ส่งกลับฯคันละ 1 รูป รวมถึงญาติ พร้อมทั้งมีรถจักรยานยนต์ตำรวจของกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.)

    นำโดย พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผบก.จร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.54 กับ พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน (สบ 4) กองบินตำรวจ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นผู้ขับรถนำขบวนด้วยตนเอง ในการเคลื่อนย้ายร่าง ไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร ถนนประชาธิปไตย แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000039179

    #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ตำรวจกล้า #อาลัยตำรวจกล้า #กองบินตำรวจ
    #เครื่องบินตก
    เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายร่างของตำรวจทั้ง 6 นาย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเล ไปยังวัดตรีทศเทพฯ เตรียมส่งกลับประกอบพิธีศสาสนาตามภูมิลำเนาพรุ่งนี้ • วันนี้ (26 เม.ย.) ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่นิติเวชนำร่างของตำรวจทั้ง 6 นาย สังกัดกองบินตำรวจ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเลบรรจุใส่โลงศพและนำขึ้นรถศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจจำนวน 6 คัน โดยมีพระสงฆ์ 6 รูป ประจำรถศูนย์ส่งกลับฯคันละ 1 รูป รวมถึงญาติ พร้อมทั้งมีรถจักรยานยนต์ตำรวจของกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) • นำโดย พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผบก.จร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.54 กับ พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน (สบ 4) กองบินตำรวจ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นผู้ขับรถนำขบวนด้วยตนเอง ในการเคลื่อนย้ายร่าง ไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร ถนนประชาธิปไตย แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000039179 • #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ตำรวจกล้า #อาลัยตำรวจกล้า #กองบินตำรวจ #เครื่องบินตก
    0 Comments 0 Shares 897 Views 0 Reviews
  • 3/
    ด่วน!!
    เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน

    จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย

    ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน

    นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว

    ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    3/ ด่วน!! เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    0 Comments 0 Shares 620 Views 28 0 Reviews
  • 2/
    ด่วน!!
    เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน

    จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย

    ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน

    นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว

    ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    2/ ด่วน!! เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    0 Comments 0 Shares 607 Views 18 0 Reviews
  • 1/
    ด่วน!!
    เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน

    จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย

    ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน

    นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว

    ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    1/ ด่วน!! เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    0 Comments 0 Shares 524 Views 0 Reviews
  • ไร้คนประณาม!

    หลังจากผ่านไปร่วมหนึ่งเดือน ในที่สุดอิสราเอลเพิ่งออกมายอมรับข้อผิดพลาดเหตุยิงถล่มขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ แต่ยังยืนยันไม่เคยคิดปกปิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น

    อิสราเอล ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 เมษายน ว่า ผลจากการตรวจสอบข้อมูลของกรณีการสังหารเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉิน 15 คน ในฉนวนกาซ่า เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่าเป็นความผิดพลาดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่อิสราเอล โดยมีการละเมิดคำสั่ง

    เหตุการณ์เกิดขึ้นคืนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม กลุ่มขบวนรถของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของปาเลสไตน์ ถูกยิงเสียชีวิตรวม 15 คน ใกล้เมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซ่า ก่อนจะถูกฝังกลบแบบเร่งรีบหลุมตื้นๆ โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกค้นพบในอีก1สัปดาห์ต่อมา

    ขณะที่ภาพคลิปเหตุการณ์ที่กู้มาจากมือถือของหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ทรี่เสียชีวิต เผยให้เห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบทางการแพทย์และมีป้ายบอกชัดเจนติดที่รถพยาบาลและรถบรรทุก พร้อมเปิดไฟหน้ารถชัดเจน ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงจากข้อแก้ตัวของอิสราเอลก่อนหน้าคลิปจะถูกเปิดเผย ที่ระบุว่าขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ วิ่งเข้ามาใกล้อย่างน่าสงสัย "รวมทั้งไม่เปิดไฟหน้ารถ" จึงยิงสกัดออกไปและยังอ้างด้วยว่าในขบวนรถของเจ้าหน้าที่แพทย์ มีสมาชิกกลุ่มฮามาสอยู่ในขบวนรถด้วย
    ไร้คนประณาม! หลังจากผ่านไปร่วมหนึ่งเดือน ในที่สุดอิสราเอลเพิ่งออกมายอมรับข้อผิดพลาดเหตุยิงถล่มขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ แต่ยังยืนยันไม่เคยคิดปกปิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น อิสราเอล ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 เมษายน ว่า ผลจากการตรวจสอบข้อมูลของกรณีการสังหารเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉิน 15 คน ในฉนวนกาซ่า เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่าเป็นความผิดพลาดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่อิสราเอล โดยมีการละเมิดคำสั่ง เหตุการณ์เกิดขึ้นคืนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม กลุ่มขบวนรถของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของปาเลสไตน์ ถูกยิงเสียชีวิตรวม 15 คน ใกล้เมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซ่า ก่อนจะถูกฝังกลบแบบเร่งรีบหลุมตื้นๆ โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกค้นพบในอีก1สัปดาห์ต่อมา 👉 ขณะที่ภาพคลิปเหตุการณ์ที่กู้มาจากมือถือของหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ทรี่เสียชีวิต เผยให้เห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบทางการแพทย์และมีป้ายบอกชัดเจนติดที่รถพยาบาลและรถบรรทุก พร้อมเปิดไฟหน้ารถชัดเจน ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงจากข้อแก้ตัวของอิสราเอลก่อนหน้าคลิปจะถูกเปิดเผย ที่ระบุว่าขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ วิ่งเข้ามาใกล้อย่างน่าสงสัย "รวมทั้งไม่เปิดไฟหน้ารถ" จึงยิงสกัดออกไปและยังอ้างด้วยว่าในขบวนรถของเจ้าหน้าที่แพทย์ มีสมาชิกกลุ่มฮามาสอยู่ในขบวนรถด้วย
    0 Comments 0 Shares 477 Views 28 0 Reviews
  • เปิดนาที “พีช” ถือพวงมาลัยขอโทษลูกสาวลุง-ป้า แต่เกิดเหตุวุ่นเล็กน้อย เมื่อ “กัน จอมพลัง” ขอถามเรื่องที่ครอบครัวยังคาใจ ทำไมวันนั้นไม่เรียกรถพยาบาล แต่นายกเบี้ยวบอกลูกชายให้ขอโทษเลย ไม่ให้ตอบคำถาม “กัน จอมพลัง” ต้องพาตัวลูกสาวลุงป้าเดินหนี บอกอย่างนี้มัดมือชกเกินไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036846

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เปิดนาที “พีช” ถือพวงมาลัยขอโทษลูกสาวลุง-ป้า แต่เกิดเหตุวุ่นเล็กน้อย เมื่อ “กัน จอมพลัง” ขอถามเรื่องที่ครอบครัวยังคาใจ ทำไมวันนั้นไม่เรียกรถพยาบาล แต่นายกเบี้ยวบอกลูกชายให้ขอโทษเลย ไม่ให้ตอบคำถาม “กัน จอมพลัง” ต้องพาตัวลูกสาวลุงป้าเดินหนี บอกอย่างนี้มัดมือชกเกินไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036846 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    10
    0 Comments 0 Shares 890 Views 0 Reviews
  • 3/
    มีรายงานการโจมตีจากยูเครนในพื้นที่ภูมิภาคเคิร์ส (Kursk) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอาคารที่พักพลเรือน โดยคาดว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีจากรัสเซียในภูมิภาคซูมีของยูเครนเมื่อวันก่อน

    มีรายงานพบกิจกรรมการบินของเครื่องบิน Su-24/27 ของยูเครนและอาจรวมถึง F-16 และจรวดหลายลำกล้อง MLRS

    หลังจากนั้นมีรายงานตรวจพบระเบิดร่อนโจมตีเมือง Pogrebki, Lebedevka, Mokrushino และเมือง Korenevo ในเขต Kursk หลายครั้ง

    มีรายงานตรวจพบการยิงจรวดหลายลำกล้อง MLRS จำนวนมาก รวมถึงจรวด HIMARS ในทิศทางของ Sudzha, Pogrebki, Mokrushino และ Korenevo ในเขต Kursk

    นอกจากนี้ ทางรัสเซียรายงานว่า สามารถยิงสกัดโดรนยูเครนจำนวน 109 ลำเหนือภูมิภาคเคิร์สก์เมื่อคืนที่ผ่านมา

    จากเหตุการณ์ตอบโต้จากยูเครนดังกล่าว ทำให้มีหญิงวัย 85 ปี เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย โดรนของยูเครนยังโจมตีสถานีรถพยาบาล ทำให้รถได้รับความเสียหาย 11 คัน

    ในขณะที่โดรนของยูเครนติดตั้งอุปกรณ์ระเบิดที่ประกอบด้วย "ลูกเหล็ก" จำนวนมาก จุดประสงค์เพื่อเพิ่มความเสียหายให้กับพลเรือนได้มากขึ้น

    3/ มีรายงานการโจมตีจากยูเครนในพื้นที่ภูมิภาคเคิร์ส (Kursk) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอาคารที่พักพลเรือน โดยคาดว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีจากรัสเซียในภูมิภาคซูมีของยูเครนเมื่อวันก่อน มีรายงานพบกิจกรรมการบินของเครื่องบิน Su-24/27 ของยูเครนและอาจรวมถึง F-16 และจรวดหลายลำกล้อง MLRS หลังจากนั้นมีรายงานตรวจพบระเบิดร่อนโจมตีเมือง Pogrebki, Lebedevka, Mokrushino และเมือง Korenevo ในเขต Kursk หลายครั้ง มีรายงานตรวจพบการยิงจรวดหลายลำกล้อง MLRS จำนวนมาก รวมถึงจรวด HIMARS ในทิศทางของ Sudzha, Pogrebki, Mokrushino และ Korenevo ในเขต Kursk นอกจากนี้ ทางรัสเซียรายงานว่า สามารถยิงสกัดโดรนยูเครนจำนวน 109 ลำเหนือภูมิภาคเคิร์สก์เมื่อคืนที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ตอบโต้จากยูเครนดังกล่าว ทำให้มีหญิงวัย 85 ปี เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย โดรนของยูเครนยังโจมตีสถานีรถพยาบาล ทำให้รถได้รับความเสียหาย 11 คัน ในขณะที่โดรนของยูเครนติดตั้งอุปกรณ์ระเบิดที่ประกอบด้วย "ลูกเหล็ก" จำนวนมาก จุดประสงค์เพื่อเพิ่มความเสียหายให้กับพลเรือนได้มากขึ้น
    0 Comments 0 Shares 616 Views 11 1 Reviews
  • 2/
    มีรายงานการโจมตีจากยูเครนในพื้นที่ภูมิภาคเคิร์ส (Kursk) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอาคารที่พักพลเรือน โดยคาดว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีจากรัสเซียในภูมิภาคซูมีของยูเครนเมื่อวันก่อน

    มีรายงานพบกิจกรรมการบินของเครื่องบิน Su-24/27 ของยูเครนและอาจรวมถึง F-16 และจรวดหลายลำกล้อง MLRS

    หลังจากนั้นมีรายงานตรวจพบระเบิดร่อนโจมตีเมือง Pogrebki, Lebedevka, Mokrushino และเมือง Korenevo ในเขต Kursk หลายครั้ง

    มีรายงานตรวจพบการยิงจรวดหลายลำกล้อง MLRS จำนวนมาก รวมถึงจรวด HIMARS ในทิศทางของ Sudzha, Pogrebki, Mokrushino และ Korenevo ในเขต Kursk

    นอกจากนี้ ทางรัสเซียรายงานว่า สามารถยิงสกัดโดรนยูเครนจำนวน 109 ลำเหนือภูมิภาคเคิร์สก์เมื่อคืนที่ผ่านมา

    จากเหตุการณ์ตอบโต้จากยูเครนดังกล่าว ทำให้มีหญิงวัย 85 ปี เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย โดรนของยูเครนยังโจมตีสถานีรถพยาบาล ทำให้รถได้รับความเสียหาย 11 คัน

    ในขณะที่โดรนของยูเครนติดตั้งอุปกรณ์ระเบิดที่ประกอบด้วย "ลูกเหล็ก" จำนวนมาก จุดประสงค์เพื่อเพิ่มความเสียหายให้กับพลเรือนได้มากขึ้น

    2/ มีรายงานการโจมตีจากยูเครนในพื้นที่ภูมิภาคเคิร์ส (Kursk) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอาคารที่พักพลเรือน โดยคาดว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีจากรัสเซียในภูมิภาคซูมีของยูเครนเมื่อวันก่อน มีรายงานพบกิจกรรมการบินของเครื่องบิน Su-24/27 ของยูเครนและอาจรวมถึง F-16 และจรวดหลายลำกล้อง MLRS หลังจากนั้นมีรายงานตรวจพบระเบิดร่อนโจมตีเมือง Pogrebki, Lebedevka, Mokrushino และเมือง Korenevo ในเขต Kursk หลายครั้ง มีรายงานตรวจพบการยิงจรวดหลายลำกล้อง MLRS จำนวนมาก รวมถึงจรวด HIMARS ในทิศทางของ Sudzha, Pogrebki, Mokrushino และ Korenevo ในเขต Kursk นอกจากนี้ ทางรัสเซียรายงานว่า สามารถยิงสกัดโดรนยูเครนจำนวน 109 ลำเหนือภูมิภาคเคิร์สก์เมื่อคืนที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ตอบโต้จากยูเครนดังกล่าว ทำให้มีหญิงวัย 85 ปี เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย โดรนของยูเครนยังโจมตีสถานีรถพยาบาล ทำให้รถได้รับความเสียหาย 11 คัน ในขณะที่โดรนของยูเครนติดตั้งอุปกรณ์ระเบิดที่ประกอบด้วย "ลูกเหล็ก" จำนวนมาก จุดประสงค์เพื่อเพิ่มความเสียหายให้กับพลเรือนได้มากขึ้น
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 609 Views 9 0 Reviews
  • 1/
    มีรายงานการโจมตีจากยูเครนในพื้นที่ภูมิภาคเคิร์ส (Kursk) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอาคารที่พักพลเรือน โดยคาดว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีจากรัสเซียในภูมิภาคซูมีของยูเครนเมื่อวันก่อน

    มีรายงานพบกิจกรรมการบินของเครื่องบิน Su-24/27 ของยูเครนและอาจรวมถึง F-16 และจรวดหลายลำกล้อง MLRS

    หลังจากนั้นมีรายงานตรวจพบระเบิดร่อนโจมตีเมือง Pogrebki, Lebedevka, Mokrushino และเมือง Korenevo ในเขต Kursk หลายครั้ง

    มีรายงานตรวจพบการยิงจรวดหลายลำกล้อง MLRS จำนวนมาก รวมถึงจรวด HIMARS ในทิศทางของ Sudzha, Pogrebki, Mokrushino และ Korenevo ในเขต Kursk

    นอกจากนี้ ทางรัสเซียรายงานว่า สามารถยิงสกัดโดรนยูเครนจำนวน 109 ลำเหนือภูมิภาคเคิร์สก์เมื่อคืนที่ผ่านมา

    จากเหตุการณ์ตอบโต้จากยูเครนดังกล่าว ทำให้มีหญิงวัย 85 ปี เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย โดรนของยูเครนยังโจมตีสถานีรถพยาบาล ทำให้รถได้รับความเสียหาย 11 คัน

    ในขณะที่โดรนของยูเครนติดตั้งอุปกรณ์ระเบิดที่ประกอบด้วย "ลูกเหล็ก" จำนวนมาก จุดประสงค์เพื่อเพิ่มความเสียหายให้กับพลเรือนได้มากขึ้น

    1/ มีรายงานการโจมตีจากยูเครนในพื้นที่ภูมิภาคเคิร์ส (Kursk) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอาคารที่พักพลเรือน โดยคาดว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีจากรัสเซียในภูมิภาคซูมีของยูเครนเมื่อวันก่อน มีรายงานพบกิจกรรมการบินของเครื่องบิน Su-24/27 ของยูเครนและอาจรวมถึง F-16 และจรวดหลายลำกล้อง MLRS หลังจากนั้นมีรายงานตรวจพบระเบิดร่อนโจมตีเมือง Pogrebki, Lebedevka, Mokrushino และเมือง Korenevo ในเขต Kursk หลายครั้ง มีรายงานตรวจพบการยิงจรวดหลายลำกล้อง MLRS จำนวนมาก รวมถึงจรวด HIMARS ในทิศทางของ Sudzha, Pogrebki, Mokrushino และ Korenevo ในเขต Kursk นอกจากนี้ ทางรัสเซียรายงานว่า สามารถยิงสกัดโดรนยูเครนจำนวน 109 ลำเหนือภูมิภาคเคิร์สก์เมื่อคืนที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ตอบโต้จากยูเครนดังกล่าว ทำให้มีหญิงวัย 85 ปี เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย โดรนของยูเครนยังโจมตีสถานีรถพยาบาล ทำให้รถได้รับความเสียหาย 11 คัน ในขณะที่โดรนของยูเครนติดตั้งอุปกรณ์ระเบิดที่ประกอบด้วย "ลูกเหล็ก" จำนวนมาก จุดประสงค์เพื่อเพิ่มความเสียหายให้กับพลเรือนได้มากขึ้น
    0 Comments 0 Shares 502 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลอ้ำอึ้งขอตรวจสอบเพิ่ม หลังมีการเปิดเผยคลิปจากมือถือของ 1 ใน 15 สมาชิกทีมฉุกเฉินของยูเอ็นที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วซึ่งฟ้องว่า ทหารยิวยิงใส่ขบวนรถของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทั้งที่มีสัญลักษณ์รถฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบชัดเจน ไม่ได้มีพฤติกรรมน่าสงสัยอย่างที่รายงานเบื้องต้นของอิสราเอลกล่าวอ้าง อย่างไรก็ดี รัฐบาลทรัมป์ยังออกมาให้ท้ายรัฐยิวเหมือนเดิมว่า ฮามาสซึ่งชอบใช้รถพยาบาลและโล่มนุษย์ป้องกันตนเองต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ดังกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033236

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อิสราเอลอ้ำอึ้งขอตรวจสอบเพิ่ม หลังมีการเปิดเผยคลิปจากมือถือของ 1 ใน 15 สมาชิกทีมฉุกเฉินของยูเอ็นที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วซึ่งฟ้องว่า ทหารยิวยิงใส่ขบวนรถของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทั้งที่มีสัญลักษณ์รถฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบชัดเจน ไม่ได้มีพฤติกรรมน่าสงสัยอย่างที่รายงานเบื้องต้นของอิสราเอลกล่าวอ้าง อย่างไรก็ดี รัฐบาลทรัมป์ยังออกมาให้ท้ายรัฐยิวเหมือนเดิมว่า ฮามาสซึ่งชอบใช้รถพยาบาลและโล่มนุษย์ป้องกันตนเองต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ดังกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033236 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    5
    0 Comments 0 Shares 1494 Views 0 Reviews
  • ภาพวิดีโอความยาว 7 นาที กับเหตุการณ์ที่ปนไปด้วยหลากหลายอารมณ์ทางด้านลบ

    เจ้าหน้าที่สหประชาชาติรายงานพบหลุมศพหมู่ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยในเมืองราฟาห์ หลังจากการโจมตีของอิสราเอล จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีร่องรอยของการสังหารเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่กู้ภัยชาวปาเลสไตน์รวม 15 ราย

    เจ้าหน้าที่สภากาชาดปาเลสไตน์ (Palestinian Red Crescent Society - PRCS) และหน่วยป้องกันพลเรือน รายงานว่าศพที่พบในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของกาซา ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ของ PRCS 8 ราย เจ้าหน้าที่ป้องกันพลเรือน 6 ​​ราย และเจ้าหน้าที่ UN อีก 1 ราย

    เมื่อ 7 วันก่อนหน้านี้ ขณะที่กองกำลังอิสราเอลเปิดปฏิบัติการรุกคืบครั้งใหม่ เจ้าหน้าที่กู้ภัย PRCS จำนวน 10 ราย และหน่วยป้องกันพลเรือน 6 ​​รายถูกส่งไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ รวมทั้งรถพยาบาลอีก 5 คัน รถดับเพลิง 1 คัน และรถ UN ปิดท้ายขบวน หลังจากนั้นมีรายงานการถูกโจมตีจากกองกำลังอิสราเอลจนขาดการติดต่อไปในที่สุด

    ทางด้านเจ้าหน้าที่กาชาด หลังจากทราบเรื่องการโจมตี ได้พยายามติดต่อกับฝ่ายอิสราเอลเพื่อขอเข้าพื้นที่ เพื่อเข้าไปตรวจสอบแต่ไม่ได้รับอนุยาต จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมา 5 วัน ถึงได้รับอนุญาตจากฝ่ายอิสราเอล

    ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งบอกกับทีมเจ้าหน้าที่กาชาดว่า กองกำลังอิสราเอลสังหารเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งสองคนขณะอยู่กับรถพยาบาลของพวกเขา

    ศพที่ถูกขุดขึ้นมาจากการฝังกลบแบบลวกๆ สภาพศพยังสวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ และสวมถุงมือ และอยู่ในรถที่มีเครื่องหมายกาชาด ซึ่งอยู่ระหว่างทางเข้าไปช่วยเหลือชีวิตพลเรือน
    ภาพวิดีโอความยาว 7 นาที กับเหตุการณ์ที่ปนไปด้วยหลากหลายอารมณ์ทางด้านลบ เจ้าหน้าที่สหประชาชาติรายงานพบหลุมศพหมู่ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยในเมืองราฟาห์ หลังจากการโจมตีของอิสราเอล จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีร่องรอยของการสังหารเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่กู้ภัยชาวปาเลสไตน์รวม 15 ราย เจ้าหน้าที่สภากาชาดปาเลสไตน์ (Palestinian Red Crescent Society - PRCS) และหน่วยป้องกันพลเรือน รายงานว่าศพที่พบในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของกาซา ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ของ PRCS 8 ราย เจ้าหน้าที่ป้องกันพลเรือน 6 ​​ราย และเจ้าหน้าที่ UN อีก 1 ราย เมื่อ 7 วันก่อนหน้านี้ ขณะที่กองกำลังอิสราเอลเปิดปฏิบัติการรุกคืบครั้งใหม่ เจ้าหน้าที่กู้ภัย PRCS จำนวน 10 ราย และหน่วยป้องกันพลเรือน 6 ​​รายถูกส่งไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ รวมทั้งรถพยาบาลอีก 5 คัน รถดับเพลิง 1 คัน และรถ UN ปิดท้ายขบวน หลังจากนั้นมีรายงานการถูกโจมตีจากกองกำลังอิสราเอลจนขาดการติดต่อไปในที่สุด ทางด้านเจ้าหน้าที่กาชาด หลังจากทราบเรื่องการโจมตี ได้พยายามติดต่อกับฝ่ายอิสราเอลเพื่อขอเข้าพื้นที่ เพื่อเข้าไปตรวจสอบแต่ไม่ได้รับอนุยาต จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมา 5 วัน ถึงได้รับอนุญาตจากฝ่ายอิสราเอล ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งบอกกับทีมเจ้าหน้าที่กาชาดว่า กองกำลังอิสราเอลสังหารเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งสองคนขณะอยู่กับรถพยาบาลของพวกเขา ศพที่ถูกขุดขึ้นมาจากการฝังกลบแบบลวกๆ สภาพศพยังสวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ และสวมถุงมือ และอยู่ในรถที่มีเครื่องหมายกาชาด ซึ่งอยู่ระหว่างทางเข้าไปช่วยเหลือชีวิตพลเรือน
    0 Comments 0 Shares 690 Views 43 0 Reviews
  • ผกก.ลั่นเอาเรื่อง กลุ่มสมาชิกเพจดังไลฟ์สด กดดันลูกน้องจนเครียด เส้นเลือดในสมองแตก ประชาสัมพันธ์เลี่ยงเส้นทาง เจ้าหน้าที่ นำตัว ในดาบส่งโรงพยาบาลตำรวจ

    วันนี้( 20 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์เพจดังไลฟ์สด เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจจับความเร็ว บริเวณ เกาะกลาง ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โดยนายตำรวจที่ประจำจุดตั้งกล้องวัดความเร็ว คือ ด.ต.ศุภมิตร พวงประเสริฐ ผบ.หมู่งาน จราจร สภ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เกิดอาการวูบชักเกร็งถึง 12 ครั้ง ก่อนจะหมดสติ เพื่อนๆเจ้าหน้าที่ตำรวจในด่านดังกล่าว จึงได้เรียกรถพยาบาลบ เพื่อนำส่งรักษาตัว จากการตรวจของแพทย์พยาบาล เบื้องต้น พบมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก เพราะเกิดจากความเครียด

    ต่อมา พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สภ.พรหมบุรี ได้เข้าเยี่ยมอาการของ ด.ต.ศุภมิตร และสอบถามอาการจากภรรยาของ ด.ต.ศุภมิตร พบแขนขาอ่อนแรง มีอาการสมองบวมเนื่องจากเลือดออกในสมอง แต่หยุดแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000026627

    #MGROnline #เส้นเลือดในสมองแตก #โรงพยาบาลตำรวจ #เจ้าหน้าที่ตำรวจ #ด่านตรวจจับความเร็ว #สิงห์บุรี
    ผกก.ลั่นเอาเรื่อง กลุ่มสมาชิกเพจดังไลฟ์สด กดดันลูกน้องจนเครียด เส้นเลือดในสมองแตก ประชาสัมพันธ์เลี่ยงเส้นทาง เจ้าหน้าที่ นำตัว ในดาบส่งโรงพยาบาลตำรวจ • วันนี้( 20 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์เพจดังไลฟ์สด เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจจับความเร็ว บริเวณ เกาะกลาง ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โดยนายตำรวจที่ประจำจุดตั้งกล้องวัดความเร็ว คือ ด.ต.ศุภมิตร พวงประเสริฐ ผบ.หมู่งาน จราจร สภ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เกิดอาการวูบชักเกร็งถึง 12 ครั้ง ก่อนจะหมดสติ เพื่อนๆเจ้าหน้าที่ตำรวจในด่านดังกล่าว จึงได้เรียกรถพยาบาลบ เพื่อนำส่งรักษาตัว จากการตรวจของแพทย์พยาบาล เบื้องต้น พบมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก เพราะเกิดจากความเครียด • ต่อมา พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สภ.พรหมบุรี ได้เข้าเยี่ยมอาการของ ด.ต.ศุภมิตร และสอบถามอาการจากภรรยาของ ด.ต.ศุภมิตร พบแขนขาอ่อนแรง มีอาการสมองบวมเนื่องจากเลือดออกในสมอง แต่หยุดแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000026627 • #MGROnline #เส้นเลือดในสมองแตก #โรงพยาบาลตำรวจ #เจ้าหน้าที่ตำรวจ #ด่านตรวจจับความเร็ว #สิงห์บุรี
    0 Comments 0 Shares 779 Views 0 Reviews
  • 5 ปี สิ้นผู้พิพากษา "คณากร" เสียงสะท้อนการแทรกแซงศาล คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน

    ย้อนรอยโศกนาฏกรรม 5 ปี "คณากร เพียรชนะ" ผู้พิพากษาที่มุ่งมั่นเรียกร้องความยุติธรรม แต่กลับจบชีวิต ด้วยปลายกระบอกปืนของตนเอง

    คดีที่สะเทือนศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563 นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา ได้ลั่นไกปืนปลิดชีพตนเอง ที่บ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในวัยเพียง 50 ปี การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของผู้พิพากษาคณากรไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนถึงปัญหา การแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

    ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาคณากร เคยพยายามยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 หลังจากอ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีความมั่นคง และเปิดเผยว่าถูก "แทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษา" โดยฝ่ายบริหารศาล

    "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

    วลีนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมของตุลาการ ซึ่งยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยมา 5 ปี

    จากห้องพิจารณาคดี สู่การสูญเสีย
    4 ตุลาคม 2562 ผู้พิพากษาคณากร ยิงตัวเองครั้งแรกในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา
    ผู้พิพากษาคณากร พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 3428/2561 ซึ่งจำเลย 5 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ
    พยานหลักฐานอ่อน ไม่มีน้ำหนักพอจะลงโทษ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
    แต่ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรได้รับคำสั่งลับ ให้แก้ไขคำพิพากษา ตัดสินลงโทษจำเลย 3 คนให้ประหารชีวิต และอีก 2 คนให้จำคุกตลอดชีวิต
    ผู้พิพากษาคณากรปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และเผยแพร่คำแถลงการณ์ 25 หน้า ผ่านโซเชียลมีเดีย
    หลังอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรยิงตัวเองบริเวณหัวใจ ต่อหน้าผู้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดี แต่โชคดีรอดชีวิต

    🗣 "หากยอมแก้คำพิพากษา ก็เท่ากับว่า ผมไม่ได้เป็นผู้พิพากษาอีกต่อไป" คณากร เพียรชนะ จากคำแถลงการณ์ก่อนยิงตัวเอง

    7 มีนาคม 2563 ผู้พิพากษาคณากรปลิดชีพตนเองที่บ้านพัก
    ผู้พิพากษาคณากรถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ และอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง
    เช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 น. ผู้พิพากษาคณากรเขียนจดหมายลา 2 หน้า และตัดสินใจ ยิงตัวเองเป็นครั้งที่สอง
    ภรรยากลับบ้านมาประสบเหตุ จึงเเจ้งรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด เเต่เมื่อพบว่าอาการหนัก จึงทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแมคคอร์มิค กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา
    งานศพจัดขึ้นที่สุสานสันกู่เหล็ก เชียงใหม่ ท่ามกลางผู้พิพากษา และประชาชนร่วมไว้อาลัย

    เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำ ถึงความสิ้นหวังของผู้พิพากษา ในระบบศาลไทย

    การแทรกแซงตุลาการ ปัญหาที่ผู้พิพากษาคณากรต่อสู้ หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญ คือ
    การตรวจร่างคำพิพากษา ก่อนอ่านให้คู่ความฟัง
    การแทรกแซงคำพิพากษา โดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค
    ความไม่เป็นธรรมทางการเงิน แก่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น

    "ศาลต้องเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง และอำนาจบริหารภายในองค์กร" นี่คือสิ่งที่ผู้พิพากษาคณากร พยายามต่อสู้มาตลอดชีวิต

    กรณีคดี 3428/2561 ที่ศาลจังหวัดยะลา ในคำแถลงการณ์ ผู้พิพากษาคณากรอ้างว่า อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ได้สั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา โดยระบุว่า "หากยืนยันจะยกฟ้อง ก็ให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์"

    พยานหลักฐานทั้งหมดเกิดขึ้น ระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม

    5 ปีผ่านไป คำถามยังคงอยู่ กระบวนการยุติธรรมของไทย มีอิสระจริงหรือไม่?

    คำแถลงการณ์สุดท้ายของผู้พิพากษาคณากร ก่อนตัดสินใจจบชีวิต ได้เขียนจดหมายลาฉบับสุดท้าย ซึ่งมีใจความว่า

    "ผมทำเพื่อความยุติธรรม ไม่เสียใจที่ได้กระทำ"
    "ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า ผู้พิพากษาที่ดี ต้องมีอิสระในการตัดสิน"
    "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

    เสียงสะท้อนจากสังคมและผลกระทบ
    การประท้วงทั่วประเทศ
    การเรียกร้องให้ปฏิรูประบบศาล
    การตื่นตัวของประชาชน เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

    5 ปีต่อมา ระบบศาลไทยเปลี่ยนไปหรือยัง?
    การตรวจร่างคำพิพากษายังคงมีอยู่
    ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นยังคงเผชิญแรงกดดัน ในการพิจารณาคดี
    กระบวนการยุติธรรมของไทย ยังคงถูกตั้งคำถาม

    5 ปีผ่านไป ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข

    ชื่อของผู้พิพากษาคณากร ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
    เรื่องราวของผู้พิพากษาคณากร สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" จะยังคงเป็นวลีที่สังคมต้องจดจำ

    "5 ปีผ่านไป อย่าให้เสียงของผู้พิพากษาคณากรถูกลืม"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 070830 มี.ค. 2568

    #️⃣ #คณากรเพียรชนะ #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน #ผู้พิพากษา #ปฏิรูประบบศาล #แทรกแซงตุลาการ #ความยุติธรรม #ศาลไทย #สิทธิมนุษยชน #ThailandJustice #FreeJudiciary
    5 ปี สิ้นผู้พิพากษา "คณากร" เสียงสะท้อนการแทรกแซงศาล คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน 📌 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม 5 ปี "คณากร เพียรชนะ" ผู้พิพากษาที่มุ่งมั่นเรียกร้องความยุติธรรม แต่กลับจบชีวิต ด้วยปลายกระบอกปืนของตนเอง 🔍 คดีที่สะเทือนศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563 นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา ได้ลั่นไกปืนปลิดชีพตนเอง ที่บ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในวัยเพียง 50 ปี การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของผู้พิพากษาคณากรไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนถึงปัญหา การแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาคณากร เคยพยายามยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 หลังจากอ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีความมั่นคง และเปิดเผยว่าถูก "แทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษา" โดยฝ่ายบริหารศาล 🛑 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" วลีนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมของตุลาการ ซึ่งยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยมา 5 ปี ⚖️ จากห้องพิจารณาคดี สู่การสูญเสีย 📅 4 ตุลาคม 2562 ผู้พิพากษาคณากร ยิงตัวเองครั้งแรกในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา 📌 ผู้พิพากษาคณากร พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 3428/2561 ซึ่งจำเลย 5 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ 📌 พยานหลักฐานอ่อน ไม่มีน้ำหนักพอจะลงโทษ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด 📌 แต่ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรได้รับคำสั่งลับ ให้แก้ไขคำพิพากษา ตัดสินลงโทษจำเลย 3 คนให้ประหารชีวิต และอีก 2 คนให้จำคุกตลอดชีวิต 📌 ผู้พิพากษาคณากรปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และเผยแพร่คำแถลงการณ์ 25 หน้า ผ่านโซเชียลมีเดีย 📌 หลังอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรยิงตัวเองบริเวณหัวใจ ต่อหน้าผู้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดี แต่โชคดีรอดชีวิต 🗣 "หากยอมแก้คำพิพากษา ก็เท่ากับว่า ผมไม่ได้เป็นผู้พิพากษาอีกต่อไป" คณากร เพียรชนะ จากคำแถลงการณ์ก่อนยิงตัวเอง 📅 7 มีนาคม 2563 ผู้พิพากษาคณากรปลิดชีพตนเองที่บ้านพัก 📌 ผู้พิพากษาคณากรถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ และอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง 📌 เช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 น. ผู้พิพากษาคณากรเขียนจดหมายลา 2 หน้า และตัดสินใจ ยิงตัวเองเป็นครั้งที่สอง 📌 ภรรยากลับบ้านมาประสบเหตุ จึงเเจ้งรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด เเต่เมื่อพบว่าอาการหนัก จึงทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแมคคอร์มิค กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา 📌 งานศพจัดขึ้นที่สุสานสันกู่เหล็ก เชียงใหม่ ท่ามกลางผู้พิพากษา และประชาชนร่วมไว้อาลัย 😔 เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำ ถึงความสิ้นหวังของผู้พิพากษา ในระบบศาลไทย 🔍 การแทรกแซงตุลาการ ปัญหาที่ผู้พิพากษาคณากรต่อสู้ หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญ คือ 📌 การตรวจร่างคำพิพากษา ก่อนอ่านให้คู่ความฟัง 📌 การแทรกแซงคำพิพากษา โดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค 📌 ความไม่เป็นธรรมทางการเงิน แก่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น 📢 "ศาลต้องเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง และอำนาจบริหารภายในองค์กร" นี่คือสิ่งที่ผู้พิพากษาคณากร พยายามต่อสู้มาตลอดชีวิต 📌 กรณีคดี 3428/2561 ที่ศาลจังหวัดยะลา ในคำแถลงการณ์ ผู้พิพากษาคณากรอ้างว่า อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ได้สั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา โดยระบุว่า "หากยืนยันจะยกฟ้อง ก็ให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์" 📌 พยานหลักฐานทั้งหมดเกิดขึ้น ระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม 5 ปีผ่านไป คำถามยังคงอยู่ กระบวนการยุติธรรมของไทย มีอิสระจริงหรือไม่? 📜 คำแถลงการณ์สุดท้ายของผู้พิพากษาคณากร ก่อนตัดสินใจจบชีวิต ได้เขียนจดหมายลาฉบับสุดท้าย ซึ่งมีใจความว่า 📝 "ผมทำเพื่อความยุติธรรม ไม่เสียใจที่ได้กระทำ" 📝 "ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า ผู้พิพากษาที่ดี ต้องมีอิสระในการตัดสิน" 📝 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" 📊 เสียงสะท้อนจากสังคมและผลกระทบ 📌 การประท้วงทั่วประเทศ 📌 การเรียกร้องให้ปฏิรูประบบศาล 📌 การตื่นตัวของประชาชน เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ⏳ 5 ปีต่อมา ระบบศาลไทยเปลี่ยนไปหรือยัง? 📌 การตรวจร่างคำพิพากษายังคงมีอยู่ 📌 ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นยังคงเผชิญแรงกดดัน ในการพิจารณาคดี 📌 กระบวนการยุติธรรมของไทย ยังคงถูกตั้งคำถาม 😔 5 ปีผ่านไป ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข 📌 ชื่อของผู้พิพากษาคณากร ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม 📌 เรื่องราวของผู้พิพากษาคณากร สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข 📌 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" จะยังคงเป็นวลีที่สังคมต้องจดจำ 📢 "5 ปีผ่านไป อย่าให้เสียงของผู้พิพากษาคณากรถูกลืม" ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 070830 มี.ค. 2568 #️⃣ #คณากรเพียรชนะ #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน #ผู้พิพากษา #ปฏิรูประบบศาล #แทรกแซงตุลาการ #ความยุติธรรม #ศาลไทย #สิทธิมนุษยชน #ThailandJustice #FreeJudiciary
    0 Comments 0 Shares 1484 Views 0 Reviews
More Results