• **กล่องกลไกหลู่ปัน**

    สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง แต่นางเอกปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้ด้วยการแก้ปริศนาเรียงภาพบนฝากล่องและในซีรีส์เรียกกล่องดังกล่าวว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) วันนี้เรามาคุยกันต่อเรื่องนี้

    ดังที่ Storyฯ เคยเกริ่นไว้ กล่องดังกล่าวมีองค์ประกอบสองส่วนด้วยกัน คือ (1) ปริศนาภาพที่แทนตัวเลขเก้าช่องชุดพิเศษ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ซึ่งเราคุยกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ (2) กล่องที่มีกลไกในการล็อก

    จริงๆ แล้วกล่องที่มีกลไกในตัวนั้นมีชื่อเรียกรวมว่า ‘กล่องหลู่ปัน’ (魯班盒/หลู่ปันเหอ) ซึ่งการปลดล็อกอาจใช้ภาพปริศนาอย่างจิ่วกงถูหรือไม่ก็ได้ และกล่องหลู่ปันมีรากฐานมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ล็อกหลู่ปัน’ หรือ ‘หลู่ปันสั่ว’ (魯班锁)

    ล็อกหลู่ปันนี้ จะเรียกว่า ‘ล็อก’ ก็อาจไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะมันไม่ใช่กุญแจ แต่เป็นงานไม้ประดิษฐ์หลากรูปทรงซึ่งทำขึ้นจากการเอาชิ้นไม้มาประกอบและยึดเข้าด้วยกัน โดยชิ้นไม้ต่างๆ ถูกออกแบบมาให้มีร่องหรือเขี้ยวเพื่อเกี่ยวเข้ากัน (ดูตัวอย่างในรูปประกอบ 1) และบางตำนานกล่าวว่าขงเบ้งก็เคยทำของเล่นแบบนี้แจกให้ทหารเล่นฆ่าเวลา เป็นที่มาว่าบางครั้งมันก็ถูกเรียกว่า ‘ล็อกข่งหมิง’ (孔明锁)

    การถอดล็อกหลู่ปันจริงแล้วไม่ยากนัก เพราะจะมีไม้ชิ้นหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวล็อกในการยึดไม้ชิ้นอื่นให้เข้าที่เพื่อคงรูปทรง เมื่อปลดตัวล็อกนี้ออกได้ ไม้ทุกชิ้นก็จะคลายตัวออกหรือถูกปลดออกจากกันได้โดยง่าย ความยากคือการหากุญแจนั้นให้พบ แต่... การเอามันเรียงประกอบเข้ากันใหม่นั้นยิ่งยากกว่าหลายเท่า

    ว่ากันว่าของเล่นดังกล่าวถูกคิดค้นขึ้นโดยหลู่ปันให้ลูกชายเล่นฆ่าเวลาเพื่อเป็นการฝึกสมอง (!!!) บ้างก็ว่าเขาทำขึ้นเพื่อทดสอบความฉลาดของลูก ในตำนานไม่ได้บอกว่าลูกชายตอนนั้นอายุกี่ขวบ บอกแต่ว่าเด็กชายใช้เวลาหนึ่งคืนจึงแกะมันสำเร็จ

    หลู่ปันผู้นี้เป็นนักประดิษฐ์และวิศวกรชื่อดังจากแคว้นหลู่ที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยชุนชิว (ปี 507-444 ก่อนคริสตกาล) ชื่อจริงคือ ‘กงซูปัน’ ถูกยกย่องเป็นบิดาแห่งงานช่างไม้ มีผลงานมากมาย ทั้งที่คิดค้นขึ้นใหม่เองและที่พัฒนาปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรหรือทำให้ชีวิตง่ายขึ้น (เช่น โม่หิน เครื่องขุดเจาะเอาน้ำบาดาลมาใช้) เครื่องมือช่วยงานก่อสร้าง (เช่น ไม้บรรทัดและไม้ฉาก เลื่อยแบบมีโครง วงเวียนเชือก พลั่ว กบไสไม้) หรือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพทางการทหาร (เช่น บันไดพับได้ที่มีฐานสี่ล้อ เหล็กตะขอ)

    และกล่องหลู่ปันก็คือกล่องที่มีกลไกล็อก มีหลักการปลดล็อกคล้ายกุญแจหลู่ปัน กล่าวคือเมื่อปลดไม้ชิ้นสำคัญออกได้ ก็จะปลดผนึกกล่องได้ มีหลากหลายรูปแบบและหลากดีกรีความยาก (ดูตัวอย่างรูปประกอบ 2 ตัวปลดล็อกคือที่วงสีเขียวไว้) ต่อมาพัฒนาเป็นกลไกที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากจะใช้กับกล่องเก็บของแล้ว ยังนำมาใช้กับเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ ลิ้นชักโต๊ะ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่ยังคงมีใช้งานในปัจจุบันแม้กาลเวลาจะผ่านไปสามพันปี

    และล็อกหลู่ปันยังมีใช้ในปัจจุบันเช่นกัน มันถูกพัฒนาเพิ่มดีกรีความยากด้วยจำนวนชิ้นไม้มากขึ้นและมีลูกเล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์แบบชิ้นทึบหรือแบบเป็นโครงโปร่ง กลายเป็นของเล่นแนวปริศนาเพื่อพัฒนาทักษะเด็กที่ถูกนำไปใช้แพร่หลายทั่วโลก

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    ลิ้งค์บทความจิ่วกงถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1303627145098908

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g64763291/the-prisoner-of-beauty/
    https://chinesepuzzles.org/zh/interlocking-burr-puzzles/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/33419316
    https://keryi.com/2021/01/13/鲁班盒机关盒子3d数模图纸-solidworks设计-附stl/
    https://ezone.hk/article/1832550/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://thechinaproject.com/2020/10/19/lu-ban-chinas-inventor-of-everything/
    https://baike.baidu.com/item/鲁班/346165
    https://www.sohu.com/a/478024200_121065463

    #ปรปักษ์จำนน #หลู่ปัน#หลู่ปันสั่ว #ข่งหมิงสั่ว #กล่องหลู่ปัน #สาระจีน
    **กล่องกลไกหลู่ปัน** สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง แต่นางเอกปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้ด้วยการแก้ปริศนาเรียงภาพบนฝากล่องและในซีรีส์เรียกกล่องดังกล่าวว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) วันนี้เรามาคุยกันต่อเรื่องนี้ ดังที่ Storyฯ เคยเกริ่นไว้ กล่องดังกล่าวมีองค์ประกอบสองส่วนด้วยกัน คือ (1) ปริศนาภาพที่แทนตัวเลขเก้าช่องชุดพิเศษ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ซึ่งเราคุยกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ (2) กล่องที่มีกลไกในการล็อก จริงๆ แล้วกล่องที่มีกลไกในตัวนั้นมีชื่อเรียกรวมว่า ‘กล่องหลู่ปัน’ (魯班盒/หลู่ปันเหอ) ซึ่งการปลดล็อกอาจใช้ภาพปริศนาอย่างจิ่วกงถูหรือไม่ก็ได้ และกล่องหลู่ปันมีรากฐานมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ล็อกหลู่ปัน’ หรือ ‘หลู่ปันสั่ว’ (魯班锁) ล็อกหลู่ปันนี้ จะเรียกว่า ‘ล็อก’ ก็อาจไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะมันไม่ใช่กุญแจ แต่เป็นงานไม้ประดิษฐ์หลากรูปทรงซึ่งทำขึ้นจากการเอาชิ้นไม้มาประกอบและยึดเข้าด้วยกัน โดยชิ้นไม้ต่างๆ ถูกออกแบบมาให้มีร่องหรือเขี้ยวเพื่อเกี่ยวเข้ากัน (ดูตัวอย่างในรูปประกอบ 1) และบางตำนานกล่าวว่าขงเบ้งก็เคยทำของเล่นแบบนี้แจกให้ทหารเล่นฆ่าเวลา เป็นที่มาว่าบางครั้งมันก็ถูกเรียกว่า ‘ล็อกข่งหมิง’ (孔明锁) การถอดล็อกหลู่ปันจริงแล้วไม่ยากนัก เพราะจะมีไม้ชิ้นหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวล็อกในการยึดไม้ชิ้นอื่นให้เข้าที่เพื่อคงรูปทรง เมื่อปลดตัวล็อกนี้ออกได้ ไม้ทุกชิ้นก็จะคลายตัวออกหรือถูกปลดออกจากกันได้โดยง่าย ความยากคือการหากุญแจนั้นให้พบ แต่... การเอามันเรียงประกอบเข้ากันใหม่นั้นยิ่งยากกว่าหลายเท่า ว่ากันว่าของเล่นดังกล่าวถูกคิดค้นขึ้นโดยหลู่ปันให้ลูกชายเล่นฆ่าเวลาเพื่อเป็นการฝึกสมอง (!!!) บ้างก็ว่าเขาทำขึ้นเพื่อทดสอบความฉลาดของลูก ในตำนานไม่ได้บอกว่าลูกชายตอนนั้นอายุกี่ขวบ บอกแต่ว่าเด็กชายใช้เวลาหนึ่งคืนจึงแกะมันสำเร็จ หลู่ปันผู้นี้เป็นนักประดิษฐ์และวิศวกรชื่อดังจากแคว้นหลู่ที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยชุนชิว (ปี 507-444 ก่อนคริสตกาล) ชื่อจริงคือ ‘กงซูปัน’ ถูกยกย่องเป็นบิดาแห่งงานช่างไม้ มีผลงานมากมาย ทั้งที่คิดค้นขึ้นใหม่เองและที่พัฒนาปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรหรือทำให้ชีวิตง่ายขึ้น (เช่น โม่หิน เครื่องขุดเจาะเอาน้ำบาดาลมาใช้) เครื่องมือช่วยงานก่อสร้าง (เช่น ไม้บรรทัดและไม้ฉาก เลื่อยแบบมีโครง วงเวียนเชือก พลั่ว กบไสไม้) หรือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพทางการทหาร (เช่น บันไดพับได้ที่มีฐานสี่ล้อ เหล็กตะขอ) และกล่องหลู่ปันก็คือกล่องที่มีกลไกล็อก มีหลักการปลดล็อกคล้ายกุญแจหลู่ปัน กล่าวคือเมื่อปลดไม้ชิ้นสำคัญออกได้ ก็จะปลดผนึกกล่องได้ มีหลากหลายรูปแบบและหลากดีกรีความยาก (ดูตัวอย่างรูปประกอบ 2 ตัวปลดล็อกคือที่วงสีเขียวไว้) ต่อมาพัฒนาเป็นกลไกที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากจะใช้กับกล่องเก็บของแล้ว ยังนำมาใช้กับเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ ลิ้นชักโต๊ะ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่ยังคงมีใช้งานในปัจจุบันแม้กาลเวลาจะผ่านไปสามพันปี และล็อกหลู่ปันยังมีใช้ในปัจจุบันเช่นกัน มันถูกพัฒนาเพิ่มดีกรีความยากด้วยจำนวนชิ้นไม้มากขึ้นและมีลูกเล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์แบบชิ้นทึบหรือแบบเป็นโครงโปร่ง กลายเป็นของเล่นแนวปริศนาเพื่อพัฒนาทักษะเด็กที่ถูกนำไปใช้แพร่หลายทั่วโลก (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory) ลิ้งค์บทความจิ่วกงถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1303627145098908 Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g64763291/the-prisoner-of-beauty/ https://chinesepuzzles.org/zh/interlocking-burr-puzzles/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/33419316 https://keryi.com/2021/01/13/鲁班盒机关盒子3d数模图纸-solidworks设计-附stl/ https://ezone.hk/article/1832550/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://thechinaproject.com/2020/10/19/lu-ban-chinas-inventor-of-everything/ https://baike.baidu.com/item/鲁班/346165 https://www.sohu.com/a/478024200_121065463 #ปรปักษ์จำนน #หลู่ปัน#หลู่ปันสั่ว #ข่งหมิงสั่ว #กล่องหลู่ปัน #สาระจีน
    2 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • ..พูดจริงๆนะ.,ประชาชนควรมีธนาคารกลางของประชาชนแยกออกต่างหากให้ชัดเชนไปจากแบงค์ชาติปัจจุบันนี้,ให้แบงค์ชาติไปทำหน้าที่เต็มที่กับแบงค์เอกชนมหาชนของนายทุนผู้ถือหุ้นต่างๆ,ส่วนธนาคารกลางภาคประชาชนถึงเวลาบริหารจัดการสภาพคล่องของประชาชนคนไทยเอง เป็นกองทุนภาคประชาชนภายใต้การกำกับตัวเองของธนาคารกลางของภาคประชาชนจริงๆ,เช่น เงินงบประมาณลงอัดไปในกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศก็ดึงมาบริหารจัดการเองแทนธกส.ทางตรง,สามารถตั้งธนาคารกองทุนหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านได้จริงจังเต็มที่ในการบริหารจัดการสภาคคล่องเงินทุนสัมมาอาชีพช่วยประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางตรงติดบ้านใกล้บ้านจริงได้คือมีสำนักประจำทุกๆ80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศจริงนั้นเอง,ธนาคารกลางภาคประชาชนสามารถเปิดรับฝากออมตังได้จริงถอนตังได้จริงประจำหมู่บ้านนั้นๆทันที,สามารถให้เงินทุนสัมมาอาชีพแบบยืมไร้ดอกเบี้ยได้,และฝากไม่มีดอกเบี้ยด้วยเช่นกันนั้นเอง,เป็นสถานีรักษาตังแทนเก็บไว้ในบ้านนั้นเอง,เรียลไทม์อะเลิทป๊อบอัพหากมีการถอนเงินโอนเงินจากบัญชีหรือมีการเคลื่อนไหวตังนั้นเอง,ซึ่งเราจะผูกขาดยึดคลื่นความถี่หนึ่งไว้เป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อเราประชาชนไว้มิให้ กสทช.ผูกขาดมอบคลื่นนั้นให้เอกชนไปทำแดก,เราจะมาใช้ประโยชน์ด้านอีกมุก,ป้องกันปัญหาจากผู้ไม่ประสงค์ดีดูดตังเราไปอีกชั้นหนึ่งหากมี,ใครต้องการตังมายืมที่กองทุนเรานี้ทันทีที่เกืดจากการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพเป็นระบบ,เชื่อมโครงการช่วยเหลือรัฐ,เช่นตังช่วยเหลือเกษตรกรปล่อยกู้ ปกติผ่านธกส. รัฐโอนงบประมาณหลวงให้ธกส.จัดการทั้งหมด ก็โอนมาที่เรากองทุนเราแทน ธนาคารกลางของประชาชนแทนเช่น200,000ล้านบาทหรือหลายกว่าล้านล้านบาทที่ช่วยอุ้มธนาคารเอกชนต่างๆสมัยยุคปี40นั้น โอนมาช่วยประชาชนคนเกษตร ประชาชนรับไป ตอนเอามาคืนก็หมุนเวียนตังนั้นฟรีๆช่วยประชาชนคนอื่นๆต่อไปได้ ทั้งเราสามารถหาตลาด จัดโปรส่งเสริมการขายออกไป การผลิตต้นทางให้ปลอดสารพิษต้นทุนต่ำได้ อาจติดต่อคนนำเข้าสายการเกษตรเองในนามภาคประชาชน อาจภาษีนำเข้า0%,ประชาชนคนชาวบ้านจะลดค่าปุ๋ยค่าอุปกรณ์ล้ำทุ่นแรงทางการเกษตรหรือนวัตกรรมล้ำๆจากต่างชาติมาไทยได้ไม่แพงนั้นเอง,ตัดตอนพ่อค้าคนกลางก็ว่าเพื่อผลักดันให้คนไทยเรายืนได้จริงพึ่งพาตนเองรอดจริงในทุกๆคนไทยเราจริงมิใช่แหกตาปลอมๆเหมือนในอดีตที่ผ่านๆมา,เมื่อประชาชนมีรายได้,แบบปลูกพืชสมุนไพรสกัดแปรรูปประยุกต์ผสมผสานในสินค้าทั่วไทยทั่วโลกขายสาระพัดตรึมก็ว่า อาทิอดีตกัญชาเสรีกำลังโปร ทั้งปลูกค้าขายในชาวบ้านทั้งส่งให้โรงพยาบาลรัฐเราสกัดฟรีๆทำยารักษาโรคครอบจักรวาล เม็ดที่ประยุกต์ค้าขายในสินค้าต่างๆด้วย จริงๆทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทเข้าประเทศไทยได้สบายมา เช่นชานมไข่มุกผสมสารสกัดกัญชาเสรี จะเพิ่มยอดคำสั่งซื้อขนาดไหน บำรุงร่างกายทางธรรมชาติ ยอดขายชานมไข่มุกทั่วโลกกว่าหมื่นล้านเหรียญต่อปี,ใยกัญชงกัญชาสามารถใช้ทำโครงสร้างรถยนต์ได้อีก ชุดเกราะกันกระสุนก็ด้วย,เครื่องบินก็ใช่อัดแน่นแข็งแกร่งและเบาอีกด้วย,สมมุติตังมากมายในมือประชาชนเราไว้ใจก็มาฝากตังที่กองทุนหมู่บ้านใครมันทั่วประเทศ ตังทั้งหมดอาจกว่า10ล้านล้านบาทส่วนของภาคครัวเรือนประชาชนที่เก็บออมจริงก็ว่า,จะมีดาต้าจริงในธนาคารกลางของประชาชนเราจริงอีกด้วย,เปรียบเทียบตังสะพัดต่อปีแบบอดีตกว่า 50-60ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านๆมาในอดีตเก่าอาจหลายๆปีมาแล้วก่อนยุคเศรษฐกิจจะพังมาถึงไทยปัจจุบันนี้ก็ตาม,ทำสถิติสูงสุด จะสามารถรับรู้แยกชัดเจนว่าเป็นตังของภาคฝ่ายอุตสาหกรรมที่มีธนาคารเอกชนปล่อยกู้กำกับดูแลโดยแบงค์ชาติอีกทีสร้างสภาพสะพัดนั้นด้วยมั้ยในชนชั้นกลางชนชั้นสูงผู้ดีมีตังปกติมั้ยหรือภาคประชาชนชาวบ้านธรรมดาแบบเราๆคือธนาคารภาคประชาชนรวบรวมข้อมูลนี้เอง,เก็บสำรวจค้นคว้าพบเจอเองก็ว่าด้วย,จากนั้นเราสามารถบริหารจัดการตังนี้ในระบบหมุนสภาพคล่องจริงแก่ไทบ้านเราจริงๆได้,คล่องขึ้นแน่นอน ใครต้องการตังตรงไหนเบิกทันที เวลานั้นเช่นแต่ละวันฝากถอนแค่1ล้านล้านบาททั่วประเทศ, ตังในระบบเย็นคือ9ล้านล้านบาท ทดลองปล่อยยืมให้ชาวบ้านคนละ10,000บาทค้าขายทำสัมมาอาชีพเล็กๆน้อยๆและปล่อยยืมระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ปลูกพืชผักระยะสั้นๆหรือหาบเร่แผงลอยรถเข็ญขายในบ้านในตลาดชุมชนตลาดนัดตลาดค่ำตลาดคลองถมชุมชนตนอีก10,000บาทรวมอาจ20,000บาท หมู่บ้านละ100คน,มี80,000หมู่บ้านทั่วประเทศชุมชนคือ160,000,000,000บาทหรือ160,000ล้านบาทเอง,ตังยังเหลือ8.84ล้านล้านบาทโน้นในธนาคารภาคประชาชนเรา,จากนั้นเราสามารถสร้างแพลตฟอร์มตลาดเสรีออนไลน์เองได้แบบซ็อปปี้ ลาซาด้า อะไรนั้นขึ้นเอง เรามีโลจิสต์ขนส่งเราเองศูนย์รวบรวมสินค้าเข้าและออกคือกองทุนร้านหมู่บ้านเรานั้นเอง เป็นไปรษณีย์ขนส่งในตัว รับสินค้าประชาชนช่วยค้าขายได้,อาจมีโดรนขนส่งประจำสำนักงานหมู่บ้านนั้นๆคนละ2-3ตัว ส่งถึงมือคนรับซื้อในหมู่บ้านตนเอง เข้าป่าเข้าเขาขึ้นดอยขึ้นภูลำบาก,ส่งผ่านโดรนตั้งพิกัดgpsประกอบคลื่นมือถือดาวเทียมรวมก็ได้อีก,สั่งผลิตดาวเทียมเน็ตแบบstarlinkก็ได้ตัวละไม่เกิน3,000ล้านบาทเอง,ภาคเหนือเรา4ดวง อีสาน4ดวง กลาง4ดวง ตะวันออก2ดวง ตะวันตก2ดวง ใต้4ดวง ชัดเจนคลื่นส่งแน่นอนรวม20ดวงคูณ3,000ล้านคือ60,000ล้านบาทเอง บวกระบบควบคุมดูแลทั้งหมดทั้งประเทศไม่เกิน100,000ล้านบาทต่อปีภายในประเทศไทยเรา,และเชื่อมstarlinkหรือดาวเทียมนานาชาติทั่วโลกอีก สะดวกในการค้าขายของประชาชนคนไทยเราอีกไม่เกิน1แสนล้านบาทต่อปี,ซึ่งแพลตฟอร์มเราจะรองรับชาวโลกสากลมาร่วมค้าขายเสรีแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้คือเราสร้างฮับตลาดอีคอมเมิร์ซโลกประจำประเทศไทยนั้นเอง,รองรับสกุลเงินbricsในอนาคตด้วย,รายได้ในตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกคือ30-40ล้านล้านเหรียญต่อปี,ไทยเราอาจสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่เฉพาะภายในแพลตฟอร์มไทยเราเองอาจกว่าสะพัดถึง100ล้านล้านเหรียญก็ได้ คือGtG GtB BtB Btc CtC แพลตฟอร์มเราตอบสนองความสะดวกสบายให้ได้หมดก็ว่า,คือตังในบัญชีเงินฝากของประชาชนไทยเราจะเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นนั้นเอง,และนั้นคือเงินในธนาคารกลางภาคประชาชนเราที่ฝากเอาไว้ก็เพิ่มขึ้นมหาศาลด้วย,เรายิ่งสามารถช่วยเหลือชาวบ้านคนไทยเราประชาชนไทบ้านเราที่ขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบธนาึราเอกชนเอกชนเจ้าสัวไทย,เรายิ่งปล่อยยืมให้ชาวบ้านเราเองมากขึ้นเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆแบบไม่คิดกำไรดอกเบี้ยใดๆเลยนั้นเอง.,ตลอดขุดคลองคอดกระในอนาคต สร้างแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ใดๆก็ตาม ,พื้นที่บริหารจัดการทั้งหมด เราประชาชนทั้งลงทุนสร้างเอง ขุดเองจ้างเองเป็นเจ้าของเองร่วมกันในนามภาคประชาชนไทยเราก็ว่า100%,พื้นที่บริหารแลนด์บริดจ์เิย พื้นที่บริหารคลองคอดกระเอย เราภาคประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของตัวจริงและบริหารจัดการตัวจริงร่วมกันนั้น อย่างเป็นรูปธรรม เช่น จัดตั้งกองทุนคาบมหาสมุทรประจำประเทศไทยขึ้น แจกหุ้นสามัญฟรีๆแก่คนไทยคนละ10,000หุ้นทันทีแม้พึงเกิดก็รับอัตโนมัติที่เป็นคนไทยเรา เป็นเจ้าของจริงจับต้องได้ มีหลักฐานพิสูจน์ได้,ไม่ใช่อ้างว่าทำในนามรัฐบาลแล้วรัฐบาลก็ยกสิทธิบริหารจัดการทั้งหมดและเงินทองก็ว่าผ่องถ่ายไปให้เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติทำกินหาแดกเองจนร่ำรวยมั่งคั่งแบบบ่อน้ำมันไทยเรา,จึงต้องตัดตอนยุติการทำหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนไม่สุจริตต่อชาติไทยตนทันที,จากนั้นออกหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มทันทีให้ประชาชนคนไทยสามารถซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของเพิ่มได้อีกคนละไม่เกิน10,000หุ้นๆละ0.01บาท.,ความเป็นเจ้าของนี้ไม่สามารถซื้อขายต่อได้ทุกๆกรณีจะเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นเพิ่มทุนก็ตาม,และจะตายสูญทันทีไปพร้อมกับคนไทยนั้นๆไม่สามารถมอบเป็นมรดกสืบต่อได้,เพราะทุกๆคนไทยมีสถานะการได้มาเมื่อเกิดทันทีอยู่แล้วทุกๆคนและสิทธิซื้อเพิ่มก็เสมอกันหมดตลอดชีพ,ห้ามนำเข้าตลาดหุ้นทุกๆกรณีด้วย,อธิปไตยนี้จะเป็นของคนไทยเราจริงทันที100%,ทุนการก่อสร้างแลนด์บริดจ์ประมาณการคือ1ล้านล้านบาท, ขุดคลองคอดกระคือ2ล้านล้านบาท ถ้า2เลนก็4ล้านล้านบาท,เงินกองทุนเราเติบโตต่อเนื่องหรือขั้นต่ำมีในมือกว่า8ล้านล้านบาทก็ว่า สามารถโยกตังมาลงทุนได้,และเหลือพ้นบริหารจัดการทั้งหมดต่อไปในอนาคตด้วย,ไม่รวมเงินมากมายที่ไหลเข้าสะสมออมในธนาคารเราต่อเนื่องทุกวินาทีด้วยตลิดปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทในแพลตฟอร์มตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเราเอง,เมื่อขุดคลองคอดกระเสร็จ สร้างแลนด์บริดจ์เสร็จ เราประเทศไทยจะเป็นฮับสากลของโลกสาระพัดฮับทันที อาทิ ฮับการรักษาทางเทคโนโลยีและสมุนไพรของโลก ฮับโรงพยาบาลโลกนั่นเอง,ฮับการขนส่งทางเรือและทางบกของโลก,ฮับต่อเรือขนาดใหญ่ของโลก,ฮับยานยนต์ภายในโลกและยานยนต์อวกาศโลก, สรุปสาระพัดฮับก็ว่า เม็ดเงินโคตรมหาศาลในพื้นที่บริเวณบริหารจัเการนี้ขั่นต่ำในอนาคต1,000ล้านล้านบาทต่อปีที่เข้าสู่ประเทศไทยเรา เฉลี่ยประชาชนคนไทยเราจะได้ประโยชน์จริงจากการถือหุ้นสามัญหุ้นเพิ่มทุน20,000หุ้นนั้นแน่นอน,เข้าบัญชีคนไทยทุกๆคนต่อปีขั้นต่ำ10ล้านบาทต่อปีนั้นเอง.อนาคตเราอาจจะมีประชากร100ล้านคน,หรือวัคซีนออกฤทธิ์อาจเหลือแค่10ล้านคนก็ว่าอีก,รอด10%ก็ว่า,สรุปรายได้เราเข้ามาสารพัดทางนั้นเอง,เราคนไทยจะไม่ผีบ้าดิ้นรนบ้าคลั่งแบบๆในอดีตๆที่ผ่านๆมานั้นเอง,จะมีเวลาพัฒนาตนเองสู่ประเทศผู้นำแห่งจิตวิญญาณของโลกในอนาคตก็ด้วย,บันเทิงกันเลยแน่ล่ะ ทุกๆคนไทยจะได้ท่องเที่ยวผ่านจิตท่องอาณาจักรจักรวาลน้อยใหญ่เสรีเป็นอันมาก แล้วนำพาโลกเราสู่แสงสว่างแห่งธรรมจักรวาลของจริงนั้นเอง.,ประเทศไทยเราจึงธรรมดาที่ไหน?.,555มโนก็ว่า.

    https://youtube.com/shorts/-p9TQjRaM-o?si=Jyhv-HoJ5HiR0r_i
    ..พูดจริงๆนะ.,ประชาชนควรมีธนาคารกลางของประชาชนแยกออกต่างหากให้ชัดเชนไปจากแบงค์ชาติปัจจุบันนี้,ให้แบงค์ชาติไปทำหน้าที่เต็มที่กับแบงค์เอกชนมหาชนของนายทุนผู้ถือหุ้นต่างๆ,ส่วนธนาคารกลางภาคประชาชนถึงเวลาบริหารจัดการสภาพคล่องของประชาชนคนไทยเอง เป็นกองทุนภาคประชาชนภายใต้การกำกับตัวเองของธนาคารกลางของภาคประชาชนจริงๆ,เช่น เงินงบประมาณลงอัดไปในกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศก็ดึงมาบริหารจัดการเองแทนธกส.ทางตรง,สามารถตั้งธนาคารกองทุนหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านได้จริงจังเต็มที่ในการบริหารจัดการสภาคคล่องเงินทุนสัมมาอาชีพช่วยประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางตรงติดบ้านใกล้บ้านจริงได้คือมีสำนักประจำทุกๆ80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศจริงนั้นเอง,ธนาคารกลางภาคประชาชนสามารถเปิดรับฝากออมตังได้จริงถอนตังได้จริงประจำหมู่บ้านนั้นๆทันที,สามารถให้เงินทุนสัมมาอาชีพแบบยืมไร้ดอกเบี้ยได้,และฝากไม่มีดอกเบี้ยด้วยเช่นกันนั้นเอง,เป็นสถานีรักษาตังแทนเก็บไว้ในบ้านนั้นเอง,เรียลไทม์อะเลิทป๊อบอัพหากมีการถอนเงินโอนเงินจากบัญชีหรือมีการเคลื่อนไหวตังนั้นเอง,ซึ่งเราจะผูกขาดยึดคลื่นความถี่หนึ่งไว้เป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อเราประชาชนไว้มิให้ กสทช.ผูกขาดมอบคลื่นนั้นให้เอกชนไปทำแดก,เราจะมาใช้ประโยชน์ด้านอีกมุก,ป้องกันปัญหาจากผู้ไม่ประสงค์ดีดูดตังเราไปอีกชั้นหนึ่งหากมี,ใครต้องการตังมายืมที่กองทุนเรานี้ทันทีที่เกืดจากการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพเป็นระบบ,เชื่อมโครงการช่วยเหลือรัฐ,เช่นตังช่วยเหลือเกษตรกรปล่อยกู้ ปกติผ่านธกส. รัฐโอนงบประมาณหลวงให้ธกส.จัดการทั้งหมด ก็โอนมาที่เรากองทุนเราแทน ธนาคารกลางของประชาชนแทนเช่น200,000ล้านบาทหรือหลายกว่าล้านล้านบาทที่ช่วยอุ้มธนาคารเอกชนต่างๆสมัยยุคปี40นั้น โอนมาช่วยประชาชนคนเกษตร ประชาชนรับไป ตอนเอามาคืนก็หมุนเวียนตังนั้นฟรีๆช่วยประชาชนคนอื่นๆต่อไปได้ ทั้งเราสามารถหาตลาด จัดโปรส่งเสริมการขายออกไป การผลิตต้นทางให้ปลอดสารพิษต้นทุนต่ำได้ อาจติดต่อคนนำเข้าสายการเกษตรเองในนามภาคประชาชน อาจภาษีนำเข้า0%,ประชาชนคนชาวบ้านจะลดค่าปุ๋ยค่าอุปกรณ์ล้ำทุ่นแรงทางการเกษตรหรือนวัตกรรมล้ำๆจากต่างชาติมาไทยได้ไม่แพงนั้นเอง,ตัดตอนพ่อค้าคนกลางก็ว่าเพื่อผลักดันให้คนไทยเรายืนได้จริงพึ่งพาตนเองรอดจริงในทุกๆคนไทยเราจริงมิใช่แหกตาปลอมๆเหมือนในอดีตที่ผ่านๆมา,เมื่อประชาชนมีรายได้,แบบปลูกพืชสมุนไพรสกัดแปรรูปประยุกต์ผสมผสานในสินค้าทั่วไทยทั่วโลกขายสาระพัดตรึมก็ว่า อาทิอดีตกัญชาเสรีกำลังโปร ทั้งปลูกค้าขายในชาวบ้านทั้งส่งให้โรงพยาบาลรัฐเราสกัดฟรีๆทำยารักษาโรคครอบจักรวาล เม็ดที่ประยุกต์ค้าขายในสินค้าต่างๆด้วย จริงๆทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทเข้าประเทศไทยได้สบายมา เช่นชานมไข่มุกผสมสารสกัดกัญชาเสรี จะเพิ่มยอดคำสั่งซื้อขนาดไหน บำรุงร่างกายทางธรรมชาติ ยอดขายชานมไข่มุกทั่วโลกกว่าหมื่นล้านเหรียญต่อปี,ใยกัญชงกัญชาสามารถใช้ทำโครงสร้างรถยนต์ได้อีก ชุดเกราะกันกระสุนก็ด้วย,เครื่องบินก็ใช่อัดแน่นแข็งแกร่งและเบาอีกด้วย,สมมุติตังมากมายในมือประชาชนเราไว้ใจก็มาฝากตังที่กองทุนหมู่บ้านใครมันทั่วประเทศ ตังทั้งหมดอาจกว่า10ล้านล้านบาทส่วนของภาคครัวเรือนประชาชนที่เก็บออมจริงก็ว่า,จะมีดาต้าจริงในธนาคารกลางของประชาชนเราจริงอีกด้วย,เปรียบเทียบตังสะพัดต่อปีแบบอดีตกว่า 50-60ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านๆมาในอดีตเก่าอาจหลายๆปีมาแล้วก่อนยุคเศรษฐกิจจะพังมาถึงไทยปัจจุบันนี้ก็ตาม,ทำสถิติสูงสุด จะสามารถรับรู้แยกชัดเจนว่าเป็นตังของภาคฝ่ายอุตสาหกรรมที่มีธนาคารเอกชนปล่อยกู้กำกับดูแลโดยแบงค์ชาติอีกทีสร้างสภาพสะพัดนั้นด้วยมั้ยในชนชั้นกลางชนชั้นสูงผู้ดีมีตังปกติมั้ยหรือภาคประชาชนชาวบ้านธรรมดาแบบเราๆคือธนาคารภาคประชาชนรวบรวมข้อมูลนี้เอง,เก็บสำรวจค้นคว้าพบเจอเองก็ว่าด้วย,จากนั้นเราสามารถบริหารจัดการตังนี้ในระบบหมุนสภาพคล่องจริงแก่ไทบ้านเราจริงๆได้,คล่องขึ้นแน่นอน ใครต้องการตังตรงไหนเบิกทันที เวลานั้นเช่นแต่ละวันฝากถอนแค่1ล้านล้านบาททั่วประเทศ, ตังในระบบเย็นคือ9ล้านล้านบาท ทดลองปล่อยยืมให้ชาวบ้านคนละ10,000บาทค้าขายทำสัมมาอาชีพเล็กๆน้อยๆและปล่อยยืมระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ปลูกพืชผักระยะสั้นๆหรือหาบเร่แผงลอยรถเข็ญขายในบ้านในตลาดชุมชนตลาดนัดตลาดค่ำตลาดคลองถมชุมชนตนอีก10,000บาทรวมอาจ20,000บาท หมู่บ้านละ100คน,มี80,000หมู่บ้านทั่วประเทศชุมชนคือ160,000,000,000บาทหรือ160,000ล้านบาทเอง,ตังยังเหลือ8.84ล้านล้านบาทโน้นในธนาคารภาคประชาชนเรา,จากนั้นเราสามารถสร้างแพลตฟอร์มตลาดเสรีออนไลน์เองได้แบบซ็อปปี้ ลาซาด้า อะไรนั้นขึ้นเอง เรามีโลจิสต์ขนส่งเราเองศูนย์รวบรวมสินค้าเข้าและออกคือกองทุนร้านหมู่บ้านเรานั้นเอง เป็นไปรษณีย์ขนส่งในตัว รับสินค้าประชาชนช่วยค้าขายได้,อาจมีโดรนขนส่งประจำสำนักงานหมู่บ้านนั้นๆคนละ2-3ตัว ส่งถึงมือคนรับซื้อในหมู่บ้านตนเอง เข้าป่าเข้าเขาขึ้นดอยขึ้นภูลำบาก,ส่งผ่านโดรนตั้งพิกัดgpsประกอบคลื่นมือถือดาวเทียมรวมก็ได้อีก,สั่งผลิตดาวเทียมเน็ตแบบstarlinkก็ได้ตัวละไม่เกิน3,000ล้านบาทเอง,ภาคเหนือเรา4ดวง อีสาน4ดวง กลาง4ดวง ตะวันออก2ดวง ตะวันตก2ดวง ใต้4ดวง ชัดเจนคลื่นส่งแน่นอนรวม20ดวงคูณ3,000ล้านคือ60,000ล้านบาทเอง บวกระบบควบคุมดูแลทั้งหมดทั้งประเทศไม่เกิน100,000ล้านบาทต่อปีภายในประเทศไทยเรา,และเชื่อมstarlinkหรือดาวเทียมนานาชาติทั่วโลกอีก สะดวกในการค้าขายของประชาชนคนไทยเราอีกไม่เกิน1แสนล้านบาทต่อปี,ซึ่งแพลตฟอร์มเราจะรองรับชาวโลกสากลมาร่วมค้าขายเสรีแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้คือเราสร้างฮับตลาดอีคอมเมิร์ซโลกประจำประเทศไทยนั้นเอง,รองรับสกุลเงินbricsในอนาคตด้วย,รายได้ในตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกคือ30-40ล้านล้านเหรียญต่อปี,ไทยเราอาจสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่เฉพาะภายในแพลตฟอร์มไทยเราเองอาจกว่าสะพัดถึง100ล้านล้านเหรียญก็ได้ คือGtG GtB BtB Btc CtC แพลตฟอร์มเราตอบสนองความสะดวกสบายให้ได้หมดก็ว่า,คือตังในบัญชีเงินฝากของประชาชนไทยเราจะเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นนั้นเอง,และนั้นคือเงินในธนาคารกลางภาคประชาชนเราที่ฝากเอาไว้ก็เพิ่มขึ้นมหาศาลด้วย,เรายิ่งสามารถช่วยเหลือชาวบ้านคนไทยเราประชาชนไทบ้านเราที่ขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบธนาึราเอกชนเอกชนเจ้าสัวไทย,เรายิ่งปล่อยยืมให้ชาวบ้านเราเองมากขึ้นเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆแบบไม่คิดกำไรดอกเบี้ยใดๆเลยนั้นเอง.,ตลอดขุดคลองคอดกระในอนาคต สร้างแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ใดๆก็ตาม ,พื้นที่บริหารจัดการทั้งหมด เราประชาชนทั้งลงทุนสร้างเอง ขุดเองจ้างเองเป็นเจ้าของเองร่วมกันในนามภาคประชาชนไทยเราก็ว่า100%,พื้นที่บริหารแลนด์บริดจ์เิย พื้นที่บริหารคลองคอดกระเอย เราภาคประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของตัวจริงและบริหารจัดการตัวจริงร่วมกันนั้น อย่างเป็นรูปธรรม เช่น จัดตั้งกองทุนคาบมหาสมุทรประจำประเทศไทยขึ้น แจกหุ้นสามัญฟรีๆแก่คนไทยคนละ10,000หุ้นทันทีแม้พึงเกิดก็รับอัตโนมัติที่เป็นคนไทยเรา เป็นเจ้าของจริงจับต้องได้ มีหลักฐานพิสูจน์ได้,ไม่ใช่อ้างว่าทำในนามรัฐบาลแล้วรัฐบาลก็ยกสิทธิบริหารจัดการทั้งหมดและเงินทองก็ว่าผ่องถ่ายไปให้เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติทำกินหาแดกเองจนร่ำรวยมั่งคั่งแบบบ่อน้ำมันไทยเรา,จึงต้องตัดตอนยุติการทำหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนไม่สุจริตต่อชาติไทยตนทันที,จากนั้นออกหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มทันทีให้ประชาชนคนไทยสามารถซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของเพิ่มได้อีกคนละไม่เกิน10,000หุ้นๆละ0.01บาท.,ความเป็นเจ้าของนี้ไม่สามารถซื้อขายต่อได้ทุกๆกรณีจะเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นเพิ่มทุนก็ตาม,และจะตายสูญทันทีไปพร้อมกับคนไทยนั้นๆไม่สามารถมอบเป็นมรดกสืบต่อได้,เพราะทุกๆคนไทยมีสถานะการได้มาเมื่อเกิดทันทีอยู่แล้วทุกๆคนและสิทธิซื้อเพิ่มก็เสมอกันหมดตลอดชีพ,ห้ามนำเข้าตลาดหุ้นทุกๆกรณีด้วย,อธิปไตยนี้จะเป็นของคนไทยเราจริงทันที100%,ทุนการก่อสร้างแลนด์บริดจ์ประมาณการคือ1ล้านล้านบาท, ขุดคลองคอดกระคือ2ล้านล้านบาท ถ้า2เลนก็4ล้านล้านบาท,เงินกองทุนเราเติบโตต่อเนื่องหรือขั้นต่ำมีในมือกว่า8ล้านล้านบาทก็ว่า สามารถโยกตังมาลงทุนได้,และเหลือพ้นบริหารจัดการทั้งหมดต่อไปในอนาคตด้วย,ไม่รวมเงินมากมายที่ไหลเข้าสะสมออมในธนาคารเราต่อเนื่องทุกวินาทีด้วยตลิดปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทในแพลตฟอร์มตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเราเอง,เมื่อขุดคลองคอดกระเสร็จ สร้างแลนด์บริดจ์เสร็จ เราประเทศไทยจะเป็นฮับสากลของโลกสาระพัดฮับทันที อาทิ ฮับการรักษาทางเทคโนโลยีและสมุนไพรของโลก ฮับโรงพยาบาลโลกนั่นเอง,ฮับการขนส่งทางเรือและทางบกของโลก,ฮับต่อเรือขนาดใหญ่ของโลก,ฮับยานยนต์ภายในโลกและยานยนต์อวกาศโลก, สรุปสาระพัดฮับก็ว่า เม็ดเงินโคตรมหาศาลในพื้นที่บริเวณบริหารจัเการนี้ขั่นต่ำในอนาคต1,000ล้านล้านบาทต่อปีที่เข้าสู่ประเทศไทยเรา เฉลี่ยประชาชนคนไทยเราจะได้ประโยชน์จริงจากการถือหุ้นสามัญหุ้นเพิ่มทุน20,000หุ้นนั้นแน่นอน,เข้าบัญชีคนไทยทุกๆคนต่อปีขั้นต่ำ10ล้านบาทต่อปีนั้นเอง.อนาคตเราอาจจะมีประชากร100ล้านคน,หรือวัคซีนออกฤทธิ์อาจเหลือแค่10ล้านคนก็ว่าอีก,รอด10%ก็ว่า,สรุปรายได้เราเข้ามาสารพัดทางนั้นเอง,เราคนไทยจะไม่ผีบ้าดิ้นรนบ้าคลั่งแบบๆในอดีตๆที่ผ่านๆมานั้นเอง,จะมีเวลาพัฒนาตนเองสู่ประเทศผู้นำแห่งจิตวิญญาณของโลกในอนาคตก็ด้วย,บันเทิงกันเลยแน่ล่ะ ทุกๆคนไทยจะได้ท่องเที่ยวผ่านจิตท่องอาณาจักรจักรวาลน้อยใหญ่เสรีเป็นอันมาก แล้วนำพาโลกเราสู่แสงสว่างแห่งธรรมจักรวาลของจริงนั้นเอง.,ประเทศไทยเราจึงธรรมดาที่ไหน?.,555มโนก็ว่า. https://youtube.com/shorts/-p9TQjRaM-o?si=Jyhv-HoJ5HiR0r_i
    0 Comments 0 Shares 392 Views 0 Reviews
  • ขายทุเรียนป่าละอู ส่งตรงถึงท่านจากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่นะครับ ช่วยเกษตรกรระบายผลผลิตปลายฤดูกาลครับ

    สำหรับ fans สนธิทอร์ค, news1, และเครือ ผจก ให้ระบุใน in box ว่ามาจาก Thai town จะลดให้อีก10% จากราคารวมตามเงื่อนไขโปรโมชั่นครับ

    ต้องขออภัยทางไทยทาวน์ ขอวางลิงค์ facebook ไว้เป็นข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมครับ https://www.facebook.com/share/p/185sW6wkYB/?mibextid=wwXIfr
    -----------

    โค้งสุดท้ายก่อนหมดฤดูกาล

    จำหน่ายทุเรียนป่าละอูแท้ 100%

    จากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด โครงการตามพระราชประสงค์ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

    ทุเรียนป่าละอูเป็นทุเรียนคุณภาพสูง และ มีการพัฒนามาอย่างยาวนานโดยทรงคุณค่าในความเฉพาะตัวและรักษาเอกลักษณ์ของแหล่งผลิตไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นความภูมิใจของชุมชนและคนไทยทั้งปวง

    ได้รับการขึ้นทะเบียน GI :
    ได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยในฐานะเป็นผู้ผลิต "ทุเรียนป่าละอู" ทะเบียนเลขที่ สช 57100062 จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา

    ทุเรียนป่าละอูแท้มีให้รับประทาน ปีละครั้งเดียว ช่วงเดือน มิถุนายนไปจนสิ้นเดือนกรกฎาคม เป็นการนำทุเรียนหมอนทองและชะนีมาปลูกพัฒนาในพื้นที่ป่าจนได้ลักษณะพิเศษของเนื้อและพันธ์ุที่บ่มเพาะโดยดินฟ้าอากาศและน้ำจากป่าเขาธรรมชาติ

    ------------------------------------------------------

    วันนี้ บริษัท เนียร์นอร์ท จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย (รายใหม่) และได้เริ่มดำเนินแผนในการส่งออก รวมทั้งเตรียมจำหน่ายในช่องทางที่หลากหลาย

    โดยได้ร่วมมือกับสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจากสงครามราคาทุเรียน และ โปรโมทสินค้าในท้ายฤดูกาลนี้

    ⭐️จึงจัดจำหน่ายราคาเดียวกับสหกรณ์ ⭐️

    ทุเรียนจะถูกตัดสดจากสวนของสมาชิกในสหกรณ์ และส่งโดยตรงถึงท่าน

    เริ่มจัดส่งตั้งแต่ 14 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน
    หรือ จนสินค้าหมด

    --------------------------

    ⚡️ราคาจำหน่าย : ทุเรียน กิโลกรัมละ 269 บาท ส่งฟรี

    คิดราคาตามน้ำหนัก

    1 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 269 บาท

    2 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 3-5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 259 บาท

    3 ผล ขึ้นไป น้ำหนักเฉลี่ย 6-9 กิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ 249 บาท

    ซื้อ 10 กก.ขึ้นไป จำหน่ายกิโลกรัมละ 239 บาท
    ------------------------------
    ตัวอย่างการคำนวณ :

    ซื้อ 3 กก. → 259 × 3 = 777 บาท (จากปกติ 807 บาท)

    ซื้อ 5 กก. → 259 × 5 = 1,295 บาท (จากปกติ 1,345 บาท)

    ซื้อ 10 กก. → 239 × 10 = 2,390 บาท (จากปกติ 2,690 บาท)

    -------------------------------

    วิธีสั่งซื้อ:
    1. ทักอินบ๊อกเพจ
    2. แจ้งจำนวนลูกที่ต้องการ / หรือ แจ้งเป็นกิโลกรัม จะจัดส่งโดยเฉลี่ยน้ำหนัก
    3. ทีมงานจะสรุปยอด และ แจ้งบัญชี
    4. ลูกค้าส่งสลิปโอน จะทำการตัดยอด
    5. ทางสหกรณ์จะดำเนินการส่งให้ลูกค้าโดยตรงในวันรุ่งขึ้น

    ก่อนแกะทุเรียน
    ทางสหกรณ์จะมีคำแนะนำวันที่ในการแกะที่เหมาะสม โปรดสังเกตคำแนะนำตามฉลากที่ขั้วทุเรียน

    หากพบปัญหาให้ถ่ายรูปพร้อมฉลาก และแจ้งตามช่องทางที่ระบุที่ฉลากบนขั้วทุเรียนเพื่อดำเนินการจัดส่ง

    รับเคลม โดยเป็นไปตามเงื่อนไขคำแนะนำวันที่ รวมถึงความชำรุดบกพร่องในการขนส่ง ยกเว้นกรณีลูกค้าแกะก่อนสุกโดยไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำ

    โปรดอ่านเงื่อนไขการรับเคลมโดยละเอียด

    ( ภาพแกะเนื้อเป็นภาพตัวอย่างเนื้อ เพื่อการโฆษณา )

    --------------------------------------------
    --------------------------------------------

    ประวัติการพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนป่าละอู

    ทุเรียนป่าละอูมีความเกี่ยวข้องกับโครงการตามพระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานต้นกล้าทุเรียนพันธุ์หมอนทองให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกในพื้นที่

    ทุเรียนป่าละอู เริ่มมีการนำเข้ามาปลูกในพื้นที่ป่าละอู ประมาณปีพ.ศ. 2527 ผู้ที่นำเข้ามาคนแรก คือนายพยุง พรายใย โดยนำพันธ์เม็ดใน ก้านยาว จากจังหวัดนนทบุรี และพันธุ์หมอนทอง จากระยอง มาทดลองปลูกจำนวน 100 ต้น ได้ผลผลิตที่ดีและแตกต่างจากต้นพันธุ์ที่นำมาจากทั้งสองจังหวัด

    เนื่องจากความสัมพันธ์กับพื้นที่เพาะปลูกที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ มีพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำปราณบุรีไหลผ่าน สภาพพื้นดินอุดมสมบูรณ์มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี มีความชื้นสัมพันธ์สูง อุณหภูมิต่ำในเวลากลางคืน ช่วงหน้าฝนจะมีน้ำไหลบ่าลงจากยอดเขานำเอาแร่ธาตุอาหารมาเติมให้กับพื้นที่เกษตร สภาพดินเป็นดินปนทราย น้ำไม่ขังนาน เหมาะแก่การปลูกทุเรียน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ทุเรียนป่าละอูมีความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง

    ทุเรียนลูกใหญ่กว่าที่อื่น เฉลี่ยน้ำหนักอยู่ที่ 1.5-5 กิโลกรัมต่อลูก ผลมีลักษณะเป็นวงรี ด้านใต้ผลจะแหลม ปลายหนามคม เห็นร่องพูชัดเจน

    โดยสีของเปลือกจะเป็นสีเขียวปนน้ำตาล ในส่วนของลักษณะเนื้อทุเรียน คือ มีรสหวาน เนื้อหนาเนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน กลิ่นไม่รุนแรง และมีรสชาติดี เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่ไม่ชอบทุเรียนที่กลิ่นแรง.

    ที่มาข้อมูล : กรมทรัพย์สินทางปัญญา
    https://www.ipthailand.go.th/images/781/s_57100062_1.pdf
    ขายทุเรียนป่าละอู ส่งตรงถึงท่านจากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่นะครับ ช่วยเกษตรกรระบายผลผลิตปลายฤดูกาลครับ สำหรับ fans สนธิทอร์ค, news1, และเครือ ผจก ให้ระบุใน in box ว่ามาจาก Thai town จะลดให้อีก10% จากราคารวมตามเงื่อนไขโปรโมชั่นครับ ต้องขออภัยทางไทยทาวน์ ขอวางลิงค์ facebook ไว้เป็นข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมครับ https://www.facebook.com/share/p/185sW6wkYB/?mibextid=wwXIfr ----------- 📢โค้งสุดท้ายก่อนหมดฤดูกาล 📢 ☀️☀️☀️☀️☀️จำหน่ายทุเรียนป่าละอูแท้ 100% จากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด โครงการตามพระราชประสงค์ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทุเรียนป่าละอูเป็นทุเรียนคุณภาพสูง และ มีการพัฒนามาอย่างยาวนานโดยทรงคุณค่าในความเฉพาะตัวและรักษาเอกลักษณ์ของแหล่งผลิตไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นความภูมิใจของชุมชนและคนไทยทั้งปวง 🌟ได้รับการขึ้นทะเบียน GI : ได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยในฐานะเป็นผู้ผลิต "ทุเรียนป่าละอู" ทะเบียนเลขที่ สช 57100062 จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทุเรียนป่าละอูแท้มีให้รับประทาน ปีละครั้งเดียว ช่วงเดือน มิถุนายนไปจนสิ้นเดือนกรกฎาคม เป็นการนำทุเรียนหมอนทองและชะนีมาปลูกพัฒนาในพื้นที่ป่าจนได้ลักษณะพิเศษของเนื้อและพันธ์ุที่บ่มเพาะโดยดินฟ้าอากาศและน้ำจากป่าเขาธรรมชาติ ------------------------------------------------------ 📣📣📣 วันนี้ บริษัท เนียร์นอร์ท จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย (รายใหม่) และได้เริ่มดำเนินแผนในการส่งออก รวมทั้งเตรียมจำหน่ายในช่องทางที่หลากหลาย โดยได้ร่วมมือกับสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจากสงครามราคาทุเรียน และ โปรโมทสินค้าในท้ายฤดูกาลนี้ ⭐️จึงจัดจำหน่ายราคาเดียวกับสหกรณ์ ⭐️ ทุเรียนจะถูกตัดสดจากสวนของสมาชิกในสหกรณ์ และส่งโดยตรงถึงท่าน เริ่มจัดส่งตั้งแต่ 14 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน หรือ จนสินค้าหมด -------------------------- ⚡️ราคาจำหน่าย : ทุเรียน กิโลกรัมละ 269 บาท ส่งฟรี คิดราคาตามน้ำหนัก 1 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 269 บาท 2 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 3-5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 259 บาท 3 ผล ขึ้นไป น้ำหนักเฉลี่ย 6-9 กิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ 249 บาท ซื้อ 10 กก.ขึ้นไป จำหน่ายกิโลกรัมละ 239 บาท ------------------------------ ตัวอย่างการคำนวณ : ซื้อ 3 กก. → 259 × 3 = 777 บาท (จากปกติ 807 บาท) ซื้อ 5 กก. → 259 × 5 = 1,295 บาท (จากปกติ 1,345 บาท) ซื้อ 10 กก. → 239 × 10 = 2,390 บาท (จากปกติ 2,690 บาท) ------------------------------- ✅วิธีสั่งซื้อ: 1. ทักอินบ๊อกเพจ 2. แจ้งจำนวนลูกที่ต้องการ / หรือ แจ้งเป็นกิโลกรัม จะจัดส่งโดยเฉลี่ยน้ำหนัก 3. ทีมงานจะสรุปยอด และ แจ้งบัญชี 4. ลูกค้าส่งสลิปโอน จะทำการตัดยอด 5. ทางสหกรณ์จะดำเนินการส่งให้ลูกค้าโดยตรงในวันรุ่งขึ้น ⚠️ ก่อนแกะทุเรียน ทางสหกรณ์จะมีคำแนะนำวันที่ในการแกะที่เหมาะสม โปรดสังเกตคำแนะนำตามฉลากที่ขั้วทุเรียน หากพบปัญหาให้ถ่ายรูปพร้อมฉลาก และแจ้งตามช่องทางที่ระบุที่ฉลากบนขั้วทุเรียนเพื่อดำเนินการจัดส่ง ✅ รับเคลม โดยเป็นไปตามเงื่อนไขคำแนะนำวันที่ รวมถึงความชำรุดบกพร่องในการขนส่ง ยกเว้นกรณีลูกค้าแกะก่อนสุกโดยไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำ ⚠️โปรดอ่านเงื่อนไขการรับเคลมโดยละเอียด ( ภาพแกะเนื้อเป็นภาพตัวอย่างเนื้อ เพื่อการโฆษณา ) -------------------------------------------- -------------------------------------------- ✨ประวัติการพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนป่าละอู✨ ทุเรียนป่าละอูมีความเกี่ยวข้องกับโครงการตามพระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานต้นกล้าทุเรียนพันธุ์หมอนทองให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกในพื้นที่ ทุเรียนป่าละอู เริ่มมีการนำเข้ามาปลูกในพื้นที่ป่าละอู ประมาณปีพ.ศ. 2527 ผู้ที่นำเข้ามาคนแรก คือนายพยุง พรายใย โดยนำพันธ์เม็ดใน ก้านยาว จากจังหวัดนนทบุรี และพันธุ์หมอนทอง จากระยอง มาทดลองปลูกจำนวน 100 ต้น ได้ผลผลิตที่ดีและแตกต่างจากต้นพันธุ์ที่นำมาจากทั้งสองจังหวัด เนื่องจากความสัมพันธ์กับพื้นที่เพาะปลูกที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ มีพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำปราณบุรีไหลผ่าน สภาพพื้นดินอุดมสมบูรณ์มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี มีความชื้นสัมพันธ์สูง อุณหภูมิต่ำในเวลากลางคืน ช่วงหน้าฝนจะมีน้ำไหลบ่าลงจากยอดเขานำเอาแร่ธาตุอาหารมาเติมให้กับพื้นที่เกษตร สภาพดินเป็นดินปนทราย น้ำไม่ขังนาน เหมาะแก่การปลูกทุเรียน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ทุเรียนป่าละอูมีความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ทุเรียนลูกใหญ่กว่าที่อื่น เฉลี่ยน้ำหนักอยู่ที่ 1.5-5 กิโลกรัมต่อลูก ผลมีลักษณะเป็นวงรี ด้านใต้ผลจะแหลม ปลายหนามคม เห็นร่องพูชัดเจน โดยสีของเปลือกจะเป็นสีเขียวปนน้ำตาล ในส่วนของลักษณะเนื้อทุเรียน คือ มีรสหวาน เนื้อหนาเนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน กลิ่นไม่รุนแรง และมีรสชาติดี เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่ไม่ชอบทุเรียนที่กลิ่นแรง. ที่มาข้อมูล : กรมทรัพย์สินทางปัญญา https://www.ipthailand.go.th/images/781/s_57100062_1.pdf
    0 Comments 0 Shares 367 Views 0 Reviews
  • ..อนาคตห้ามโรงงานอุตสาหกรรม หรือบริษัทใดๆ ค้าขาย ทำกำไรจากส่วนต่างใดๆหรือดอกเบี้ยที่งอกผลออกมาจากเครดิตคาร์บอน,ห้ามซื้อขายเครดิตคาร์บอนโดยอ้างว่ามาชดเชยสิ่งที่กิจการตนบริษัทตนโรงงานตนปล่อยคาร์บอนออกมา โดยในความเป็นจริงตนบริษัทตน โรงงานตนไม่ได้ปลูกป่าปลูกต้นไม้จริงเพื่อสร้างเครดิตคาร์บอนจริงทางตรงใดๆได้เลย,ห้ามมีธนาคารปล่อยกู้เครดิตคาร์บอน,ห้ามมีการบริษัทกิจการใดๆนำคาร์บอนมาโดยตนเองมิได้มีแหล่งคาร์บอนจริงหรือเป็นที่มาของคาร์บอนเครดิต,โรงงานกิจการใดๆหากปล่อยคาร์บอนเครดิต 1หน่วย ต้องปลูกคาร์บอนเครดิตจริง1หน่วยทดแทนมิใช่ซื้อมาจากแหล่งอื่นมาอ้างชดเชยการปล่อยคาร์บอนออกไปทุกๆกรณี,รัฐมีหน้าที่ควบคุมโรงงานบริษัททั้งหมดภายในประเทศไทยในการตรวจสอบการปล่อยคาร์บอนและสามารถบังคับใช้ทางกฎหมายได้ทุกๆกรณี เช่นพักบริษัทกิจการนั้นๆโรงงานนั้นๆได้ พักใบอนุญาตหรือถอนใบอนุญาตประกอบกิจการได้ในทันที,หากไม่พร้อมปลูกชดเชยจริงของการมีอยู่จริงซึ่งสถานะคาร์บอนเครดิตนั้น,ไม่สามารถตัดตอน ไม่สามารถผักชีโรยหน้าซื้อมาจากแหล่งอื่นเพื่ออ้างว่ามีสิทธิชดเชยคาร์บอนเครดิตได้เพื่อสะดวกต่อการค้าการผลิตการทำกำไรทำรายได้ทำตังของกิจการตนให้ปกติเหมือนเดิมต่อไปเสมือนว่าตนเองปลูกแหล่งให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิตนั้น,จะกระทำมิได้ต้องปลูกจริงชดเชยสถานเดียว,ก่อนจะสร้างโรงงานใดๆผู้ประกอบการต้องประเมินการปลดปล่อยอากาศพิษนี้ต่อโลกต่อมนุษย์แม้คาร์บอนดีต่อต้นไม้ในรูปCO2แต่นัยยะคาร์บอนมากผิดปกติย่อมส่งผลไม่ดีต่อชั้นบรรยากาศโลกแม้ไม่รวมทฤษฎีสมคบคิดHAARPด้วยก็ตามที่ใส่ร้ายใส่ความว่าผิดของภาวะโลกร้อนทำให้เกิดภัยธรรมชาติแต่แท้จริงเกิดจากเครื่องมือHAARPนั้นเองก็ตาม,กิจการโรงงานใดๆห้ามซื้อขายคาร์บอนเครดิตทุกๆกรณี,บริษัทใดๆห้ามค้าขายคาร์บอนเครดิตหรือซื้อเก็งกำไรคาร์บอนเครดิต,หรือมีเพื่อค้าขายเพื่อปล่อยกู้ปล่อยเช่าปล่อยช่วง,คือหน้าที่ความรับผิดชอบของบริษัทกิจการนั้นๆและถ้าทำโรงงานแล้วมีส่วนทางตรงในการปลดปล่อยคาร์บอนก็มีหน้าที่ทางตรงต้องปลูกแหล่งที่มาจริงของคาร์บอนเครดิตประกอบการเปิดกิจการด้วยซึ่งประเมินผลรับรู้ล่วงหน้าคราวๆได้แล้วแน่นอนก่อนยื่นดำเนินกิจการหรือขยายกิจการนั้นๆ,ภาระนี้ประขาชนมิต้องรับผิดชอบมาปลูกเพื่อขายคาร์บอนเครดิตแก่โรงงานกิจการใดๆให้โรงงานเป็นข้ออ้างว่าชดเชยคาร์บอนที่ปล่อยไปนั้นโดยที่ความเป็นจริงเนื้อแท้ตนไม่สามารถปลูกคาร์บอนให้ครบเกณฑ์ที่รัฐกำหนดเลยก่อนเปิดกิจการดำเนินงาน,รัฐบาลไม่มีหน้าที่จัดหาคาร์บอนเครดิตให้เอกชนใดๆให้มีครบตามเงื่อนไขก่อนดำเนินกิจการนั้นๆ.,อยากสร้างกิจการโรงงานบริษัทต้องปลูกคาร์บอนอย่างเดียว,และทำตามที่มี ขยายโรงงานตามความสามารถที่มีคาร์บอนเครดิตในมือ,มิใช่ซื้อมาหรืออ้างเกษตรกรรมปลูกคาร์บอนเครดิตขายให้ตนเพื่อหลบเลี่ยงความเป็นจริงที่ตนไม่ได้ปลูกมันเลย,รัฐบาลมีหน้าที่ควบคุมกิจการบริษัททั้งหมดและยิ่งสร้างโรงงานที่ส่งผลกระทบจริงในการปลดปล่อยคาร์บอนยิ่งต้องกำกับควบคุมการปลูกต้นไม้ที่สร้างคาร์บอนเครดิตสร้างออกซิเจนทดแทนจริง,จริงๆต้องบอกว่า ออกซิเจนเครดิต,เพราะมนุษย์ไม่สามารถใช้CO2หายใจได้,แต่ใช้O2หายใจและO2นี้จะผลักดันคาร์บอนหรือแก๊สพิษส่วนเกินออกจากโลกได้,เมื่อมีปริมาณมากเพียงพอ,โดยมีต้นไม้เป็นผู้ผลิตO2ต่อมนุษย์จริงอีกส่วน แม้O2ส่วนใหญ่มาจากแกนใจกลางโลกก็ตาม,ที่ซึมออกขึ้นมาสู่ผิวเปลือกโลก.,การบิดเบือนวลีนี้วาทะกรรมนี้ก็ถือว่าชั่วเลวให้ประชาชนหลงในความเท็จ,ประชาชนผีบ้าอะไรจะผลิตคาร์บอนมาชดเชยคาร์บอนที่กิจการบริษัทหรือโรงงานนั้นๆปลดปล่อยออกมา,เราปลูกเพื่อผลิตO2ไปจับกับCคาร์บอนที่มันปล่อยมาต่างหากจึงสมควรประกาศบอกประชาชนว่า ออกซิเจนเครดิตจึงจะถูก,co2จำเป็นต่อต้นไม้ด้วย,ห้ามมีโรงงานดูดco2ในเอเชียในอาเชียนในประเทศไทยเด็ดขาด,แม้ดีต่อภาคอุตสาหกรรมในกระบวนการผลิตที่ใข้co2สร้างผลผลิตโรงงานกิจการบริษัท แต่นี้ถือว่าปล้นชิงอาหารกับต้นไม้ทั่วโลกพืชทั่วโลกชัดเจนด้วย,ตลอดคือภัยคุกคามร้ายแรงต่อการทำลายO2ของโลกเราทำลายออกซิเจนของคนทั้งโลกที่ใช้มันหายใจ,ดักจับตัดตอนฆ่าพืขฆ่าต้นไม้ผู้ผลิตออกซิเจนให้เราชัดเจนด้วย,นี้จึงเป็นนัยยะค้าประโยชน์ทางอ้อมก็ด้วย ฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ในคราวเดียวก็ด้วย หากสร้างเครื่องมือใช้ผ่านโรงงานต่างๆตั้งกลางป่าดักดูดดักจับคาร์บอนในป่าก็ได้อีกเพื่อเอาco2ไปใช้ทางอุตสาหกรรมทำกำไรงามมหาศาลเมื่อในต่างประเทศทั่วโลกทำได้แล้ว.
    ..พรบ.คาร์บอนเครดิตตีตราออกมาผืดประเภทผิดวัตถุประสงค์มุ่งเป้าหมายที่แท้จริง,ต้องมุ่งไปที่กิจการบริษัทและโรงงานทั้งหมดที่ดำเนินเดินเครื่องเปิดกิจการในประเทศไทย มิใช่ใช้ควบคุมพฤติกรรมกิจการประชาชนหรือเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนทางตรงและทางอ้อมผ่าน พรบ.นี้,นายทุนกิจการบริษัทเตรียมครอบงำเครดิตคาร์บอนแล้ว ปล่อยกู้ก็ใช้เครดิตคาร์บอนร่วมพิจารณาปล่อยวงเงินกู้,ซื้อผลผลิตเกษตรกรก็อ้างเครดิตคาร์บอนในการรับซื้อการกำหนดราคาพืชผลการเกษตรกรรม,นี้คือกลอุบายควบคุมประชาชนคนไทยชัดเจนอีกมิติหนึ่งของdeep stateข้ามโลกปกครองไทยจนสามารถชี้นำสั่งการให้ออกกฎหมายให้เขียนกฎหมายให้ผ่านร่างกฎหมายพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ตลอดควบคุมสื่อหลักบิดเบือนความจริงโหนกระแสภัยธรรมชาติ ปั่นป่วนสร้างข่าว ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อหน้าประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก,ประเทศไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มิใช่เลวชั่วเช่นในอดีตเรื่อยมาถึงปัจจุบัน.
    ..นายกฯพระราชทานคือหนทางเดียว
    ..ปฏิวัติคือทางออก.,เพราะต้องกวาดล้างทำความสะอาดสิ่งชั่วเลวสกปรกครัังใหญ่ให้สะอาดเสียที.
    ..
    ..https://youtube.com/shorts/XiX_yDO19lA?si=P_ihzFn4-ldglndW
    ..อนาคตห้ามโรงงานอุตสาหกรรม หรือบริษัทใดๆ ค้าขาย ทำกำไรจากส่วนต่างใดๆหรือดอกเบี้ยที่งอกผลออกมาจากเครดิตคาร์บอน,ห้ามซื้อขายเครดิตคาร์บอนโดยอ้างว่ามาชดเชยสิ่งที่กิจการตนบริษัทตนโรงงานตนปล่อยคาร์บอนออกมา โดยในความเป็นจริงตนบริษัทตน โรงงานตนไม่ได้ปลูกป่าปลูกต้นไม้จริงเพื่อสร้างเครดิตคาร์บอนจริงทางตรงใดๆได้เลย,ห้ามมีธนาคารปล่อยกู้เครดิตคาร์บอน,ห้ามมีการบริษัทกิจการใดๆนำคาร์บอนมาโดยตนเองมิได้มีแหล่งคาร์บอนจริงหรือเป็นที่มาของคาร์บอนเครดิต,โรงงานกิจการใดๆหากปล่อยคาร์บอนเครดิต 1หน่วย ต้องปลูกคาร์บอนเครดิตจริง1หน่วยทดแทนมิใช่ซื้อมาจากแหล่งอื่นมาอ้างชดเชยการปล่อยคาร์บอนออกไปทุกๆกรณี,รัฐมีหน้าที่ควบคุมโรงงานบริษัททั้งหมดภายในประเทศไทยในการตรวจสอบการปล่อยคาร์บอนและสามารถบังคับใช้ทางกฎหมายได้ทุกๆกรณี เช่นพักบริษัทกิจการนั้นๆโรงงานนั้นๆได้ พักใบอนุญาตหรือถอนใบอนุญาตประกอบกิจการได้ในทันที,หากไม่พร้อมปลูกชดเชยจริงของการมีอยู่จริงซึ่งสถานะคาร์บอนเครดิตนั้น,ไม่สามารถตัดตอน ไม่สามารถผักชีโรยหน้าซื้อมาจากแหล่งอื่นเพื่ออ้างว่ามีสิทธิชดเชยคาร์บอนเครดิตได้เพื่อสะดวกต่อการค้าการผลิตการทำกำไรทำรายได้ทำตังของกิจการตนให้ปกติเหมือนเดิมต่อไปเสมือนว่าตนเองปลูกแหล่งให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิตนั้น,จะกระทำมิได้ต้องปลูกจริงชดเชยสถานเดียว,ก่อนจะสร้างโรงงานใดๆผู้ประกอบการต้องประเมินการปลดปล่อยอากาศพิษนี้ต่อโลกต่อมนุษย์แม้คาร์บอนดีต่อต้นไม้ในรูปCO2แต่นัยยะคาร์บอนมากผิดปกติย่อมส่งผลไม่ดีต่อชั้นบรรยากาศโลกแม้ไม่รวมทฤษฎีสมคบคิดHAARPด้วยก็ตามที่ใส่ร้ายใส่ความว่าผิดของภาวะโลกร้อนทำให้เกิดภัยธรรมชาติแต่แท้จริงเกิดจากเครื่องมือHAARPนั้นเองก็ตาม,กิจการโรงงานใดๆห้ามซื้อขายคาร์บอนเครดิตทุกๆกรณี,บริษัทใดๆห้ามค้าขายคาร์บอนเครดิตหรือซื้อเก็งกำไรคาร์บอนเครดิต,หรือมีเพื่อค้าขายเพื่อปล่อยกู้ปล่อยเช่าปล่อยช่วง,คือหน้าที่ความรับผิดชอบของบริษัทกิจการนั้นๆและถ้าทำโรงงานแล้วมีส่วนทางตรงในการปลดปล่อยคาร์บอนก็มีหน้าที่ทางตรงต้องปลูกแหล่งที่มาจริงของคาร์บอนเครดิตประกอบการเปิดกิจการด้วยซึ่งประเมินผลรับรู้ล่วงหน้าคราวๆได้แล้วแน่นอนก่อนยื่นดำเนินกิจการหรือขยายกิจการนั้นๆ,ภาระนี้ประขาชนมิต้องรับผิดชอบมาปลูกเพื่อขายคาร์บอนเครดิตแก่โรงงานกิจการใดๆให้โรงงานเป็นข้ออ้างว่าชดเชยคาร์บอนที่ปล่อยไปนั้นโดยที่ความเป็นจริงเนื้อแท้ตนไม่สามารถปลูกคาร์บอนให้ครบเกณฑ์ที่รัฐกำหนดเลยก่อนเปิดกิจการดำเนินงาน,รัฐบาลไม่มีหน้าที่จัดหาคาร์บอนเครดิตให้เอกชนใดๆให้มีครบตามเงื่อนไขก่อนดำเนินกิจการนั้นๆ.,อยากสร้างกิจการโรงงานบริษัทต้องปลูกคาร์บอนอย่างเดียว,และทำตามที่มี ขยายโรงงานตามความสามารถที่มีคาร์บอนเครดิตในมือ,มิใช่ซื้อมาหรืออ้างเกษตรกรรมปลูกคาร์บอนเครดิตขายให้ตนเพื่อหลบเลี่ยงความเป็นจริงที่ตนไม่ได้ปลูกมันเลย,รัฐบาลมีหน้าที่ควบคุมกิจการบริษัททั้งหมดและยิ่งสร้างโรงงานที่ส่งผลกระทบจริงในการปลดปล่อยคาร์บอนยิ่งต้องกำกับควบคุมการปลูกต้นไม้ที่สร้างคาร์บอนเครดิตสร้างออกซิเจนทดแทนจริง,จริงๆต้องบอกว่า ออกซิเจนเครดิต,เพราะมนุษย์ไม่สามารถใช้CO2หายใจได้,แต่ใช้O2หายใจและO2นี้จะผลักดันคาร์บอนหรือแก๊สพิษส่วนเกินออกจากโลกได้,เมื่อมีปริมาณมากเพียงพอ,โดยมีต้นไม้เป็นผู้ผลิตO2ต่อมนุษย์จริงอีกส่วน แม้O2ส่วนใหญ่มาจากแกนใจกลางโลกก็ตาม,ที่ซึมออกขึ้นมาสู่ผิวเปลือกโลก.,การบิดเบือนวลีนี้วาทะกรรมนี้ก็ถือว่าชั่วเลวให้ประชาชนหลงในความเท็จ,ประชาชนผีบ้าอะไรจะผลิตคาร์บอนมาชดเชยคาร์บอนที่กิจการบริษัทหรือโรงงานนั้นๆปลดปล่อยออกมา,เราปลูกเพื่อผลิตO2ไปจับกับCคาร์บอนที่มันปล่อยมาต่างหากจึงสมควรประกาศบอกประชาชนว่า ออกซิเจนเครดิตจึงจะถูก,co2จำเป็นต่อต้นไม้ด้วย,ห้ามมีโรงงานดูดco2ในเอเชียในอาเชียนในประเทศไทยเด็ดขาด,แม้ดีต่อภาคอุตสาหกรรมในกระบวนการผลิตที่ใข้co2สร้างผลผลิตโรงงานกิจการบริษัท แต่นี้ถือว่าปล้นชิงอาหารกับต้นไม้ทั่วโลกพืชทั่วโลกชัดเจนด้วย,ตลอดคือภัยคุกคามร้ายแรงต่อการทำลายO2ของโลกเราทำลายออกซิเจนของคนทั้งโลกที่ใช้มันหายใจ,ดักจับตัดตอนฆ่าพืขฆ่าต้นไม้ผู้ผลิตออกซิเจนให้เราชัดเจนด้วย,นี้จึงเป็นนัยยะค้าประโยชน์ทางอ้อมก็ด้วย ฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ในคราวเดียวก็ด้วย หากสร้างเครื่องมือใช้ผ่านโรงงานต่างๆตั้งกลางป่าดักดูดดักจับคาร์บอนในป่าก็ได้อีกเพื่อเอาco2ไปใช้ทางอุตสาหกรรมทำกำไรงามมหาศาลเมื่อในต่างประเทศทั่วโลกทำได้แล้ว. ..พรบ.คาร์บอนเครดิตตีตราออกมาผืดประเภทผิดวัตถุประสงค์มุ่งเป้าหมายที่แท้จริง,ต้องมุ่งไปที่กิจการบริษัทและโรงงานทั้งหมดที่ดำเนินเดินเครื่องเปิดกิจการในประเทศไทย มิใช่ใช้ควบคุมพฤติกรรมกิจการประชาชนหรือเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนทางตรงและทางอ้อมผ่าน พรบ.นี้,นายทุนกิจการบริษัทเตรียมครอบงำเครดิตคาร์บอนแล้ว ปล่อยกู้ก็ใช้เครดิตคาร์บอนร่วมพิจารณาปล่อยวงเงินกู้,ซื้อผลผลิตเกษตรกรก็อ้างเครดิตคาร์บอนในการรับซื้อการกำหนดราคาพืชผลการเกษตรกรรม,นี้คือกลอุบายควบคุมประชาชนคนไทยชัดเจนอีกมิติหนึ่งของdeep stateข้ามโลกปกครองไทยจนสามารถชี้นำสั่งการให้ออกกฎหมายให้เขียนกฎหมายให้ผ่านร่างกฎหมายพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ตลอดควบคุมสื่อหลักบิดเบือนความจริงโหนกระแสภัยธรรมชาติ ปั่นป่วนสร้างข่าว ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อหน้าประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก,ประเทศไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มิใช่เลวชั่วเช่นในอดีตเรื่อยมาถึงปัจจุบัน. ..นายกฯพระราชทานคือหนทางเดียว ..ปฏิวัติคือทางออก.,เพราะต้องกวาดล้างทำความสะอาดสิ่งชั่วเลวสกปรกครัังใหญ่ให้สะอาดเสียที. .. ..https://youtube.com/shorts/XiX_yDO19lA?si=P_ihzFn4-ldglndW
    0 Comments 0 Shares 354 Views 0 Reviews
  • ..การปกครองที่ทำให้ชาวนายากจน,เพราะไม่เคยส่งเสริมและควบคุมต้นทุนการผลิตของชาวนาชาวเกษตรให้ถูกราคาไม่แพงให้แก่ชาวนาได้เลย,อำนวยสร้างให้เอกชนกอบโกยกำไรจากภาคชาวนาตลอดเวลา,ปุ๋ยคือตัวอย่างที่ดีอีกตัวอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่ารัฐไทยตน คือศัตรูของชาวนาตัวจริง,ยิวอิสราเอลว่าเหี้ยที่ทำสงครามสังหารชาติอื่นทั้งทางตรงหรือทางอ้อมแต่ประเทศเขาสามารถส่งเสริมให้ชาวเกษตรเขาซื้อปุ๋ยในราคาไม่แพงได้ถูกๆสบายๆนะ,ต่างจากไทยเอกชนอ้างนั้นนี้สาระพัดหมายอัพราคาอย่างสบายใจง่ายๆบนฐานความทุกข์ยากของชาวนา ส่งผลคือความมั่นคงทางผลผลิตได้ไม่เต็มที่ นั้นคือเอกชนเหล่านี้เสมือนตัวทำลายความมั่นคงทางอาหารแก่ประเทศไทยด้วย อาหารไม่พออยู่พอกินนั้นเอง ,ทำให้อาหารราคาแพงด้วย,ตนเอกชนก็ขายได้ราคาดีอาจภัยพิบัติอื่นกลบหน้าอีก แบบวูบตายจากวัคซีนก็ว่า หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองแตกก็อ้างบาลีมูลหลักไปประมาณนั้น,
    ..จึงต้องเปลี่ยนนายกฯเป็นนายกฯพระราชทานจริงๆ.ซึ่งเชื่อว่าต้องเป็นคนดีมาช่วยประเทศชาตินั้นเอง.

    https://youtu.be/QBtbuJ7xTRU?si=vfXnjAkdR4F86rc8
    ..การปกครองที่ทำให้ชาวนายากจน,เพราะไม่เคยส่งเสริมและควบคุมต้นทุนการผลิตของชาวนาชาวเกษตรให้ถูกราคาไม่แพงให้แก่ชาวนาได้เลย,อำนวยสร้างให้เอกชนกอบโกยกำไรจากภาคชาวนาตลอดเวลา,ปุ๋ยคือตัวอย่างที่ดีอีกตัวอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่ารัฐไทยตน คือศัตรูของชาวนาตัวจริง,ยิวอิสราเอลว่าเหี้ยที่ทำสงครามสังหารชาติอื่นทั้งทางตรงหรือทางอ้อมแต่ประเทศเขาสามารถส่งเสริมให้ชาวเกษตรเขาซื้อปุ๋ยในราคาไม่แพงได้ถูกๆสบายๆนะ,ต่างจากไทยเอกชนอ้างนั้นนี้สาระพัดหมายอัพราคาอย่างสบายใจง่ายๆบนฐานความทุกข์ยากของชาวนา ส่งผลคือความมั่นคงทางผลผลิตได้ไม่เต็มที่ นั้นคือเอกชนเหล่านี้เสมือนตัวทำลายความมั่นคงทางอาหารแก่ประเทศไทยด้วย อาหารไม่พออยู่พอกินนั้นเอง ,ทำให้อาหารราคาแพงด้วย,ตนเอกชนก็ขายได้ราคาดีอาจภัยพิบัติอื่นกลบหน้าอีก แบบวูบตายจากวัคซีนก็ว่า หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองแตกก็อ้างบาลีมูลหลักไปประมาณนั้น, ..จึงต้องเปลี่ยนนายกฯเป็นนายกฯพระราชทานจริงๆ.ซึ่งเชื่อว่าต้องเป็นคนดีมาช่วยประเทศชาตินั้นเอง. https://youtu.be/QBtbuJ7xTRU?si=vfXnjAkdR4F86rc8
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • MXene เป็นวัสดุโครงสร้างบางเพียงอะตอมเดียว ที่ถูกขนานนามว่า “วัสดุมหัศจรรย์” → เพราะมีคุณสมบัติพิเศษมากมาย เช่น นำไฟฟ้า ทนความร้อน ใช้เป็นฉนวนแม่เหล็ก ตัวเก็บพลังงาน และแม้แต่สารหล่อลื่นสำหรับอวกาศ

    แต่ปัญหาหลักคือ วิธีผลิตแบบเดิมต้องใช้กรดไฮโดรฟลูออริก (HF) ที่อันตรายและยากต่อการจัดการ — ทำให้การผลิตในระดับอุตสาหกรรมแทบเกิดขึ้นไม่ได้

    ทีมจาก TU Wien เลยพัฒนาเทคนิคใหม่ที่ใช้ไฟฟ้า (electrochemistry) และ สารเคมีที่ปลอดภัยกว่าอย่าง NaBF₄ + HCl → พร้อมปรับกระแสไฟให้เป็นแบบ "พัลส์สั้น" เพื่อช่วยเร่งปฏิกิริยาและขจัดชั้นอะลูมิเนียมออกจากโครงสร้าง MAX ได้แม่นยำ → ได้ผลผลิตเป็น “Electrochemical MXene” หรือ EC-MXene โดยไม่ก่อให้เกิดของเสียอันตราย

    ผลที่ได้คือผลิต MXene ได้ สูงถึง 60% ต่อรอบ → คุณภาพดีขึ้น, ไม่มีของเสีย, ทำซ้ำได้, และอาจประยุกต์ใช้ในระบบขนาดเล็กอย่าง “เครื่องครัวในอนาคตก็พิมพ์วัสดุนี้ได้”

    MXene เป็นวัสดุ 2 มิติที่บางระดับอะตอม → มีศักยภาพสูงในด้าน:  
    • แบตเตอรี่–ตัวเก็บพลังงาน  
    • การป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI shielding)  
    • ตัวหล่อลื่นระดับนาโนในอุตสาหกรรมและอวกาศ  
    • ตัวตรวจวัดเซนเซอร์

    เทคนิคใหม่ใช้ไฟฟ้า + NaBF₄ + HCl → ไม่ใช้กรด HF ที่เป็นพิษอีกต่อไป

    ใช้พัลส์ไฟฟ้าแบบคาโทดสั้น (cathodic pulsing) เพื่อเร่งการแยกอะลูมิเนียมจากชั้น MAX

    สามารถผลิต EC-MXene ได้สูงถึง 60% โดยไม่มีของเสีย

    ผลการทดสอบผ่านหลายเทคนิค เช่น SEM, EDX, AFM, XRD, XPS ฯลฯ เพื่อยืนยันโครงสร้าง–ความบริสุทธิ์

    ทีมวิจัยหวังให้กระบวนการนี้ “ง่ายพอจะทำในครัวบ้าน” และขยายสู่การผลิตทั่วไปได้ในอนาคต

    https://www.neowin.net/news/the-miracle-material-can-finally-be-built-safely-with-this-new-method/
    MXene เป็นวัสดุโครงสร้างบางเพียงอะตอมเดียว ที่ถูกขนานนามว่า “วัสดุมหัศจรรย์” → เพราะมีคุณสมบัติพิเศษมากมาย เช่น นำไฟฟ้า ทนความร้อน ใช้เป็นฉนวนแม่เหล็ก ตัวเก็บพลังงาน และแม้แต่สารหล่อลื่นสำหรับอวกาศ แต่ปัญหาหลักคือ วิธีผลิตแบบเดิมต้องใช้กรดไฮโดรฟลูออริก (HF) ที่อันตรายและยากต่อการจัดการ — ทำให้การผลิตในระดับอุตสาหกรรมแทบเกิดขึ้นไม่ได้ ทีมจาก TU Wien เลยพัฒนาเทคนิคใหม่ที่ใช้ไฟฟ้า (electrochemistry) และ สารเคมีที่ปลอดภัยกว่าอย่าง NaBF₄ + HCl → พร้อมปรับกระแสไฟให้เป็นแบบ "พัลส์สั้น" เพื่อช่วยเร่งปฏิกิริยาและขจัดชั้นอะลูมิเนียมออกจากโครงสร้าง MAX ได้แม่นยำ → ได้ผลผลิตเป็น “Electrochemical MXene” หรือ EC-MXene โดยไม่ก่อให้เกิดของเสียอันตราย ผลที่ได้คือผลิต MXene ได้ สูงถึง 60% ต่อรอบ → คุณภาพดีขึ้น, ไม่มีของเสีย, ทำซ้ำได้, และอาจประยุกต์ใช้ในระบบขนาดเล็กอย่าง “เครื่องครัวในอนาคตก็พิมพ์วัสดุนี้ได้” ✅ MXene เป็นวัสดุ 2 มิติที่บางระดับอะตอม → มีศักยภาพสูงในด้าน:   • แบตเตอรี่–ตัวเก็บพลังงาน   • การป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI shielding)   • ตัวหล่อลื่นระดับนาโนในอุตสาหกรรมและอวกาศ   • ตัวตรวจวัดเซนเซอร์ ✅ เทคนิคใหม่ใช้ไฟฟ้า + NaBF₄ + HCl → ไม่ใช้กรด HF ที่เป็นพิษอีกต่อไป ✅ ใช้พัลส์ไฟฟ้าแบบคาโทดสั้น (cathodic pulsing) เพื่อเร่งการแยกอะลูมิเนียมจากชั้น MAX ✅ สามารถผลิต EC-MXene ได้สูงถึง 60% โดยไม่มีของเสีย ✅ ผลการทดสอบผ่านหลายเทคนิค เช่น SEM, EDX, AFM, XRD, XPS ฯลฯ เพื่อยืนยันโครงสร้าง–ความบริสุทธิ์ ✅ ทีมวิจัยหวังให้กระบวนการนี้ “ง่ายพอจะทำในครัวบ้าน” และขยายสู่การผลิตทั่วไปได้ในอนาคต https://www.neowin.net/news/the-miracle-material-can-finally-be-built-safely-with-this-new-method/
    WWW.NEOWIN.NET
    The "miracle material" can finally be built safely with this new method
    The "miracle material" is called so because of its nature, and scientists have now found a way to create it safely.
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • เกษตรกรผู้ปลูกเงาะ พื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ร้องราคาเงาะตกต่ำ ขายได้แค่กิโลกรัมละ 15 บาท ทั้งที่เป็นช่วงต้นฤดูกาล วอน “จตุพร” รัฐมนตรีคนใหม่เห็นใจ เข้ามาช่วยเหลือด่วน ไม่งั้นเดือดร้อนหนักแน่ เพราะขายได้ไม่คุ้มต้นทุน ทั้งต้นทุนการผลิตและค่าแรงเก็บเงาะ

    นายแดนไทย ต๊ะวิไชย ส.จ.ท่าวังผา เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้ปลูกเงาะ พื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ว่าขณะนี้ผลผลิตได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว และคาดว่าปริมาณจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ด้านราคาตกต่ำมาก เมื่อเทียบกับราคาช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูกาล ราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 15 บาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาอยู่ที่ กก.ละ 30-40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ไม่ได้ เพราะไม่คุ้มต้นทุนการผลิต จึงได้มาเรียกร้อง และขอให้ช่วยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ให้เข้ามาช่วยดูแลด้วย

    “ตอนนี้ ราคาเงาะต่ำมาก ขายได้แค่ กก.ละ 15 บาท ไม่คุ้มแม้กระทั่งต้นทุนการปลูก แล้วยังต้องเจอค่าแรงเก็บเงาะ ที่ตกวันละ 400 บาท แต่ละคนเก็บได้เฉลี่ยคนละ 30 กก. เมื่อเอาไปขาย ได้เงิน 450 บาท โดนหักไปแล้ว 400 บาทเป็นค่าแรง เหลือเงิน 50 บาท แบบนี้ไม่พอกินแน่ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ เข้ามาช่วยด้วย อย่างน้อยราคาก็ควรจะดีกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เกษตรกรเดือดร้อน”นายแดนไทยกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000063143

    #Thaitimes #MGROnline #เกษตรกรผู้ปลูกเงาะ
    เกษตรกรผู้ปลูกเงาะ พื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ร้องราคาเงาะตกต่ำ ขายได้แค่กิโลกรัมละ 15 บาท ทั้งที่เป็นช่วงต้นฤดูกาล วอน “จตุพร” รัฐมนตรีคนใหม่เห็นใจ เข้ามาช่วยเหลือด่วน ไม่งั้นเดือดร้อนหนักแน่ เพราะขายได้ไม่คุ้มต้นทุน ทั้งต้นทุนการผลิตและค่าแรงเก็บเงาะ • นายแดนไทย ต๊ะวิไชย ส.จ.ท่าวังผา เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้ปลูกเงาะ พื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ว่าขณะนี้ผลผลิตได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว และคาดว่าปริมาณจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ด้านราคาตกต่ำมาก เมื่อเทียบกับราคาช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูกาล ราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 15 บาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาอยู่ที่ กก.ละ 30-40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ไม่ได้ เพราะไม่คุ้มต้นทุนการผลิต จึงได้มาเรียกร้อง และขอให้ช่วยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ให้เข้ามาช่วยดูแลด้วย • “ตอนนี้ ราคาเงาะต่ำมาก ขายได้แค่ กก.ละ 15 บาท ไม่คุ้มแม้กระทั่งต้นทุนการปลูก แล้วยังต้องเจอค่าแรงเก็บเงาะ ที่ตกวันละ 400 บาท แต่ละคนเก็บได้เฉลี่ยคนละ 30 กก. เมื่อเอาไปขาย ได้เงิน 450 บาท โดนหักไปแล้ว 400 บาทเป็นค่าแรง เหลือเงิน 50 บาท แบบนี้ไม่พอกินแน่ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ เข้ามาช่วยด้วย อย่างน้อยราคาก็ควรจะดีกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เกษตรกรเดือดร้อน”นายแดนไทยกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000063143 • #Thaitimes #MGROnline #เกษตรกรผู้ปลูกเงาะ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 Reviews
  • เรียน ทุกท่าน

    แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนพฤษภาคม 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้

    ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาหดตัวจากเดือนก่อน"

    ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน

    เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาหดตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาหดตัว หลังเร่งไปในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัว ขณะที่รายได้เกษตรกรชะลอลงตามผลผลิตข้าวนาปรังที่เร่งเก็บเกี่ยวไปในเดือนก่อน ช่วยสนับสนุนการบริโภคได้น้อยลง ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวตามการเร่งผลิตเพื่อส่งออกก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m05-ne-press-and-table.html
    เรียน ทุกท่าน แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนพฤษภาคม 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้ 📉ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาหดตัวจากเดือนก่อน" ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาหดตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาหดตัว หลังเร่งไปในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัว ขณะที่รายได้เกษตรกรชะลอลงตามผลผลิตข้าวนาปรังที่เร่งเก็บเกี่ยวไปในเดือนก่อน ช่วยสนับสนุนการบริโภคได้น้อยลง ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวตามการเร่งผลิตเพื่อส่งออกก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ 📖 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m05-ne-press-and-table.html
    0 Comments 0 Shares 293 Views 0 Reviews
  • AI กับอนาคตของงาน: มุมมองที่แตกต่าง
    Jensen Huang และ Dario Amodei มีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงาน โดยเฉพาะงานระดับเริ่มต้นในสายงานปกขาว

    มุมมองของ Dario Amodei
    - Amodei เตือนว่า AI อาจทำให้ งานระดับเริ่มต้นในสายงานปกขาวหายไปถึง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า
    - เขาคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน
    - เขาเสนอให้มี มาตรฐานความโปร่งใสระดับประเทศ เพื่อให้ประชาชนและผู้กำหนดนโยบายเข้าใจความสามารถและความเสี่ยงของ AI

    มุมมองของ Jensen Huang
    - Huang ไม่เห็นด้วยกับคำเตือนของ Amodei และมองว่า AI จะสร้างงานใหม่ เช่น วิศวกรด้าน AI และผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งค่าระบบ
    - เขาเชื่อว่า การเรียนรู้ทักษะด้านโปรแกรมมิ่งจะมีความสำคัญน้อยลง และควรเน้นไปที่ทักษะอื่น เช่น ชีววิทยา การศึกษา การผลิต และเกษตรกรรม
    - Huang เน้นว่า AI ควรพัฒนาอย่างเปิดเผย ไม่ใช่ในลักษณะที่ปิดกั้นโดยบริษัทใดบริษัทหนึ่ง

    ข้อควรระวัง
    - การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด ทำให้บางอาชีพหายไปก่อนที่ระบบเศรษฐกิจจะปรับตัวทัน
    - Universal Basic Income (UBI) อาจไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะ Amodei มองว่าเป็นแนวคิดที่ "ดิสโทเปีย" และไม่ใช่โลกที่เราควรตั้งเป้าหมายไว้
    - การพัฒนา AI อย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างผู้ที่สามารถปรับตัวได้กับผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    ข้อพิพาทระหว่าง Nvidia และ Anthropic
    ความขัดแย้งเกี่ยวกับการควบคุม AI
    - Anthropic สนับสนุน กฎควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน
    - Nvidia โต้แย้งว่า ชิปของบริษัทไม่เคยถูกลักลอบนำเข้าจีน ผ่านวิธีแปลกๆ เช่น ซ่อนในท้องปลาหรือพุงปลอมของหญิงตั้งครรภ์

    ข้อควรระวังเกี่ยวกับการควบคุม AI
    - การควบคุมที่เข้มงวดอาจทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก
    - การพัฒนา AI ในลักษณะที่ปิดกั้นอาจทำให้เกิดการผูกขาด และลดโอกาสในการแข่งขันของบริษัทอื่นๆ
    - ต้องมีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อให้ AI ถูกพัฒนาอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ

    แนวโน้มของ AI และตลาดแรงงาน
    โอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น
    - AI อาจช่วยให้เกิด อาชีพใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน เช่น นักออกแบบการโต้ตอบกับ AI
    - การใช้ AI ในภาคการศึกษาอาจช่วยให้ นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - AI อาจช่วยให้ การผลิตและเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต

    ข้อควรระวังเกี่ยวกับอนาคตของ AI
    - ต้องมีการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด
    - ต้องมีการเตรียมความพร้อมของแรงงาน เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
    - ต้องมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้ AI ถูกนำมาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

    https://www.techspot.com/news/108317-jensen-huang-hits-back-anthropic-ceo-warning-ai.html
    🤖 AI กับอนาคตของงาน: มุมมองที่แตกต่าง Jensen Huang และ Dario Amodei มีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงาน โดยเฉพาะงานระดับเริ่มต้นในสายงานปกขาว ✅ มุมมองของ Dario Amodei - Amodei เตือนว่า AI อาจทำให้ งานระดับเริ่มต้นในสายงานปกขาวหายไปถึง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า - เขาคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน - เขาเสนอให้มี มาตรฐานความโปร่งใสระดับประเทศ เพื่อให้ประชาชนและผู้กำหนดนโยบายเข้าใจความสามารถและความเสี่ยงของ AI ✅ มุมมองของ Jensen Huang - Huang ไม่เห็นด้วยกับคำเตือนของ Amodei และมองว่า AI จะสร้างงานใหม่ เช่น วิศวกรด้าน AI และผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งค่าระบบ - เขาเชื่อว่า การเรียนรู้ทักษะด้านโปรแกรมมิ่งจะมีความสำคัญน้อยลง และควรเน้นไปที่ทักษะอื่น เช่น ชีววิทยา การศึกษา การผลิต และเกษตรกรรม - Huang เน้นว่า AI ควรพัฒนาอย่างเปิดเผย ไม่ใช่ในลักษณะที่ปิดกั้นโดยบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ‼️ ข้อควรระวัง - การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด ทำให้บางอาชีพหายไปก่อนที่ระบบเศรษฐกิจจะปรับตัวทัน - Universal Basic Income (UBI) อาจไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะ Amodei มองว่าเป็นแนวคิดที่ "ดิสโทเปีย" และไม่ใช่โลกที่เราควรตั้งเป้าหมายไว้ - การพัฒนา AI อย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างผู้ที่สามารถปรับตัวได้กับผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง 🔍 ข้อพิพาทระหว่าง Nvidia และ Anthropic ✅ ความขัดแย้งเกี่ยวกับการควบคุม AI - Anthropic สนับสนุน กฎควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน - Nvidia โต้แย้งว่า ชิปของบริษัทไม่เคยถูกลักลอบนำเข้าจีน ผ่านวิธีแปลกๆ เช่น ซ่อนในท้องปลาหรือพุงปลอมของหญิงตั้งครรภ์ ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการควบคุม AI - การควบคุมที่เข้มงวดอาจทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก - การพัฒนา AI ในลักษณะที่ปิดกั้นอาจทำให้เกิดการผูกขาด และลดโอกาสในการแข่งขันของบริษัทอื่นๆ - ต้องมีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อให้ AI ถูกพัฒนาอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ 🌍 แนวโน้มของ AI และตลาดแรงงาน ✅ โอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น - AI อาจช่วยให้เกิด อาชีพใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน เช่น นักออกแบบการโต้ตอบกับ AI - การใช้ AI ในภาคการศึกษาอาจช่วยให้ นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น - AI อาจช่วยให้ การผลิตและเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับอนาคตของ AI - ต้องมีการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด - ต้องมีการเตรียมความพร้อมของแรงงาน เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด - ต้องมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้ AI ถูกนำมาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม https://www.techspot.com/news/108317-jensen-huang-hits-back-anthropic-ceo-warning-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Jensen Huang hits back at Anthropic CEO's warning that AI will eliminate half of white-collar jobs
    Amodei made his ominous prediction about AI's impact on entry-level, white-collar jobs in May, warning that the eradication of these positions will lead to unemployment spikes of 20%.
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขน
    นายอำเภอเมืองลพบุรี รำวง
    ทั้งสองลีลา
    ไม่ธรรมดา
    ในงานแถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32
    ประจำปี 2568

    //////////////////////

    เพลงขึ้น ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมารำวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนในอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร รำวงอย่างสนุกสนาน
    ในงาน แถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคมนี้
    วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ตลอดจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกัน แถลงข่าวเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ณ สวนกระท้อนผู้ใหญ่อนุวัชร โตสวัสดิ์ (ผู้ใหญ่หนึ่ง) หมู่ที่ 7 ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ซึ่งในงานแถลงข่าวยังได้มีการเปิดตัว การแปรรูปผลผลิตกระท้อน มากมาย รวมถึง เมนูใหม่ การทำยำกระท้อนทอดกรอบ ซึ่งมีรสชาติที่อร่อย และ สีสันชวนน่ารับประทาน ให้แก่ผู้ร่วมงานได้ลิ้มรส ด้วย
    โดยมีนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 32 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ภายในงานจะมีผลกระท้อนสด จากชาวสวนกระท้อน มาจำหน่าย หลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปุยฝ้าย พันธุ์อีล่า พันธุ์นิ่มนวล พันธุ์ทองกำมะหยี่ พันธุ์ทับทิม ซึ่งเป็นสินค้า GI ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดลพบุรี และยังมีกระท้อนแปรรูป ได้แก่ กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนกวน กระท้อนทรงเครื่อง มาวางจำหน่าย เพื่อให้เลือกซื้อหาไปรับประทาน และเป็นของฝากจากลพบุรี ให้ได้เลือก ชิม ช้อป ด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “รำวงย้อนยุค” โดยชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน การแสดงของชาติพันธุ์ การแสดงดนตรี ลูกทุ่ง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึง การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรี

    สำหรับ กระท้อนของลพบุรี เป็นกระท้อน ที่มีชื่อเสียงจะอยู่ใน 3 ตำบลของอำเภอเมืองลพบุรี ได้แก่ ตำบลตะลุง ตำบลโพธิ์เก้าต้น และตำบลงิ้วราย ของอำเภอเมืองลพบุรี มีลักษณะภูมิประเทศที่พิเศษไม่เหมือนที่ใด คือ เป็นพื้นที่น้ำไหลทรายมูล เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำลพบุรี เหมาะสมกับการผลิตกระท้อนคุณภาพดี จนกระท้อนจังหวัดลพบุรี ได้รับการรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ในชื่อ “กระท้อนตะลุง” จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจาก กระท้อนมีคุณภาพดี รสชาติหวาน อมเปรี้ยว อร่อย ถูกใจผู้บริโภค แตกต่างจากระท้อนที่อื่น ซึ่งจะมีผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฎาคม แต่จะมีผลผลิตมากสุดในเดือนมิถุนายน

    มีเกษตรกรผู้ปลูกกระท้อนจำนวน 154 ราย ในพื้นที่ 464 ไร่เศษ ทั้งนี้ กระท้อนลพบุรีได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI ) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 66 ราย ในพื้นที่ 271 ไร่ ซึ่งปีนี้จะมีผลผลิตออกมาจำหน่ายอยู่ที่ ประมาณ 425,090 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับ ราคากระท้อนสดจะจำหน่าย 35-100 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของผล โดยจะมีช่องทางการจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดลพบุรี และชาวสวนกระท้อนเอง นอกจากนี้ยังเปิดจำหน่ายที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรีและริมทางถนนลพบุรี-บ้านแพรก ซึ่งกระท้อนลพบุรีมีลักษณะพิเศษคือ กลมแป้น เปลือกบาง รสหวาน เนื้อปุย หวานสะดุ้ง กระท้อนตะลุงลพบุรี

    ไฮไลท์ ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนนายอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร ลีลาไม่ธรรมดารำวง อย่างสุดสนานทำให้บรรดาผู้ร่วมแถลงข่าวต้องลุกมารำเช่นกันและจบการรำเสร็จลีลายำกระท้อนและหยิบหยิบช้อนป้อนให้
    นายอำเภอเมืองลพบุรีชิม
    นายอำเภอเมืองลพบุรีบอกว่าอร่อยจริงฝีมือขั้นเทพ
    รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขน นายอำเภอเมืองลพบุรี รำวง ทั้งสองลีลา ไม่ธรรมดา ในงานแถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ประจำปี 2568 ////////////////////// เพลงขึ้น ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมารำวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนในอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร รำวงอย่างสนุกสนาน ในงาน แถลงข่าว เทศกาลกระท้อนหวาน สินค้า GI และของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคมนี้ วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ตลอดจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกัน แถลงข่าวเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งที่ 32 ณ สวนกระท้อนผู้ใหญ่อนุวัชร โตสวัสดิ์ (ผู้ใหญ่หนึ่ง) หมู่ที่ 7 ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ซึ่งในงานแถลงข่าวยังได้มีการเปิดตัว การแปรรูปผลผลิตกระท้อน มากมาย รวมถึง เมนูใหม่ การทำยำกระท้อนทอดกรอบ ซึ่งมีรสชาติที่อร่อย และ สีสันชวนน่ารับประทาน ให้แก่ผู้ร่วมงานได้ลิ้มรส ด้วย โดยมีนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 32 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ภายในงานจะมีผลกระท้อนสด จากชาวสวนกระท้อน มาจำหน่าย หลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปุยฝ้าย พันธุ์อีล่า พันธุ์นิ่มนวล พันธุ์ทองกำมะหยี่ พันธุ์ทับทิม ซึ่งเป็นสินค้า GI ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดลพบุรี และยังมีกระท้อนแปรรูป ได้แก่ กระท้อนลอยแก้ว กระท้อนกวน กระท้อนทรงเครื่อง มาวางจำหน่าย เพื่อให้เลือกซื้อหาไปรับประทาน และเป็นของฝากจากลพบุรี ให้ได้เลือก ชิม ช้อป ด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “รำวงย้อนยุค” โดยชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน การแสดงของชาติพันธุ์ การแสดงดนตรี ลูกทุ่ง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึง การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรี สำหรับ กระท้อนของลพบุรี เป็นกระท้อน ที่มีชื่อเสียงจะอยู่ใน 3 ตำบลของอำเภอเมืองลพบุรี ได้แก่ ตำบลตะลุง ตำบลโพธิ์เก้าต้น และตำบลงิ้วราย ของอำเภอเมืองลพบุรี มีลักษณะภูมิประเทศที่พิเศษไม่เหมือนที่ใด คือ เป็นพื้นที่น้ำไหลทรายมูล เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำลพบุรี เหมาะสมกับการผลิตกระท้อนคุณภาพดี จนกระท้อนจังหวัดลพบุรี ได้รับการรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ในชื่อ “กระท้อนตะลุง” จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจาก กระท้อนมีคุณภาพดี รสชาติหวาน อมเปรี้ยว อร่อย ถูกใจผู้บริโภค แตกต่างจากระท้อนที่อื่น ซึ่งจะมีผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกรกฎาคม แต่จะมีผลผลิตมากสุดในเดือนมิถุนายน มีเกษตรกรผู้ปลูกกระท้อนจำนวน 154 ราย ในพื้นที่ 464 ไร่เศษ ทั้งนี้ กระท้อนลพบุรีได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI ) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 66 ราย ในพื้นที่ 271 ไร่ ซึ่งปีนี้จะมีผลผลิตออกมาจำหน่ายอยู่ที่ ประมาณ 425,090 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับ ราคากระท้อนสดจะจำหน่าย 35-100 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของผล โดยจะมีช่องทางการจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดลพบุรี และชาวสวนกระท้อนเอง นอกจากนี้ยังเปิดจำหน่ายที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรีและริมทางถนนลพบุรี-บ้านแพรก ซึ่งกระท้อนลพบุรีมีลักษณะพิเศษคือ กลมแป้น เปลือกบาง รสหวาน เนื้อปุย หวานสะดุ้ง กระท้อนตะลุงลพบุรี ไฮไลท์ ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ควงแขนนายอำเภอเมืองลพบุรี นายอำเภอเมืองหัวใจเพชร ลีลาไม่ธรรมดารำวง อย่างสุดสนานทำให้บรรดาผู้ร่วมแถลงข่าวต้องลุกมารำเช่นกันและจบการรำเสร็จลีลายำกระท้อนและหยิบหยิบช้อนป้อนให้ นายอำเภอเมืองลพบุรีชิม นายอำเภอเมืองลพบุรีบอกว่าอร่อยจริงฝีมือขั้นเทพ
    0 Comments 0 Shares 388 Views 0 0 Reviews
  • การพักระหว่างวันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    ผลการศึกษาล่าสุดจาก DeskTime พบว่า พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ได้ทำงานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่ใช้ รูปแบบการทำงานแบบ 75/33 ซึ่งหมายถึง ทำงาน 75 นาที แล้วพัก 33 นาที

    ในช่วงการทำงานจากที่บ้านระหว่างการระบาดของโควิด-19 พนักงานมีแนวโน้ม ทำงานต่อเนื่องนานขึ้น โดยมีอัตราส่วน 112/26 (ทำงาน 112 นาที พัก 26 นาที) ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่พนักงาน ใช้เวลาพักมากขึ้น

    DeskTime วิเคราะห์ข้อมูลจาก ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ 6,000 คน และพบว่า พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมักจะหยุดพักประมาณ 4 ครั้งต่อวัน ซึ่งมากกว่าช่วงที่ทำงานจากที่บ้านที่มีการพักเพียง 3 ครั้ง

    ข้อมูลจากข่าว
    - พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดใช้รูปแบบการทำงาน 75/33 (ทำงาน 75 นาที พัก 33 นาที)
    - ในช่วงโควิด-19 พนักงานทำงานต่อเนื่องนานขึ้น โดยมีอัตราส่วน 112/26
    - DeskTime วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้ซอฟต์แวร์ 6,000 คน
    - พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมักจะหยุดพักประมาณ 4 ครั้งต่อวัน
    - การทำงานในออฟฟิศหรือแบบไฮบริดช่วยให้พนักงานมีโอกาสพักมากขึ้น

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การทำงานต่อเนื่องโดยไม่พักอาจลดประสิทธิภาพและส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต
    - ซอฟต์แวร์ติดตามการทำงานอาจไม่สามารถวัดประสิทธิภาพที่แท้จริงได้
    - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานจะส่งผลต่อองค์กรในระยะยาวอย่างไร
    - การทำงานจากที่บ้านอาจทำให้พนักงานมีเวลาพักน้อยลงและรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น

    การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การพักระหว่างวันมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงาน และอาจช่วยให้ องค์กรสามารถปรับรูปแบบการทำงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

    https://www.techspot.com/news/108182-most-productive-workers-rest-almost-two-half-hours.html
    🏢 การพักระหว่างวันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ผลการศึกษาล่าสุดจาก DeskTime พบว่า พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ได้ทำงานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่ใช้ รูปแบบการทำงานแบบ 75/33 ซึ่งหมายถึง ทำงาน 75 นาที แล้วพัก 33 นาที ในช่วงการทำงานจากที่บ้านระหว่างการระบาดของโควิด-19 พนักงานมีแนวโน้ม ทำงานต่อเนื่องนานขึ้น โดยมีอัตราส่วน 112/26 (ทำงาน 112 นาที พัก 26 นาที) ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่พนักงาน ใช้เวลาพักมากขึ้น DeskTime วิเคราะห์ข้อมูลจาก ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ 6,000 คน และพบว่า พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมักจะหยุดพักประมาณ 4 ครั้งต่อวัน ซึ่งมากกว่าช่วงที่ทำงานจากที่บ้านที่มีการพักเพียง 3 ครั้ง ✅ ข้อมูลจากข่าว - พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดใช้รูปแบบการทำงาน 75/33 (ทำงาน 75 นาที พัก 33 นาที) - ในช่วงโควิด-19 พนักงานทำงานต่อเนื่องนานขึ้น โดยมีอัตราส่วน 112/26 - DeskTime วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้ซอฟต์แวร์ 6,000 คน - พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมักจะหยุดพักประมาณ 4 ครั้งต่อวัน - การทำงานในออฟฟิศหรือแบบไฮบริดช่วยให้พนักงานมีโอกาสพักมากขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การทำงานต่อเนื่องโดยไม่พักอาจลดประสิทธิภาพและส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต - ซอฟต์แวร์ติดตามการทำงานอาจไม่สามารถวัดประสิทธิภาพที่แท้จริงได้ - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานจะส่งผลต่อองค์กรในระยะยาวอย่างไร - การทำงานจากที่บ้านอาจทำให้พนักงานมีเวลาพักน้อยลงและรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การพักระหว่างวันมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงาน และอาจช่วยให้ องค์กรสามารถปรับรูปแบบการทำงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน https://www.techspot.com/news/108182-most-productive-workers-rest-almost-two-half-hours.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The most productive workers "rest" almost two and a half hours during an 8-hour workday, study claims
    DeskTime, the cloud-based time tracking and productivity management software from the Draugiem Group, carried out the recent productivity study.
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนเมษายน 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้

    ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน"

    ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมหดตัว จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวในทุกหมวดสินค้า เช่นเดียวกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัวหลังเร่งไปในเดือนก่อน ขณะที่รายได้เกษตรกรขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้การผลิตแปรรูปสินค้าเกษตรในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว

    เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m04-ne-press-and-table.html
    แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนเมษายน 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้ 📈ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน" ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมหดตัว จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวในทุกหมวดสินค้า เช่นเดียวกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัวหลังเร่งไปในเดือนก่อน ขณะที่รายได้เกษตรกรขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้การผลิตแปรรูปสินค้าเกษตรในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน 📖 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m04-ne-press-and-table.html
    0 Comments 0 Shares 355 Views 0 Reviews
  • แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนเมษายน 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้

    ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน"

    ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมหดตัว จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวในทุกหมวดสินค้า เช่นเดียวกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัวหลังเร่งไปในเดือนก่อน ขณะที่รายได้เกษตรกรขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้การผลิตแปรรูปสินค้าเกษตรในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว

    เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m04-ne-press-and-table.html
    แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนเมษายน 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้ 📈ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน" ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมหดตัว จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวในทุกหมวดสินค้า เช่นเดียวกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัวหลังเร่งไปในเดือนก่อน ขณะที่รายได้เกษตรกรขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้การผลิตแปรรูปสินค้าเกษตรในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน 📖 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m04-ne-press-and-table.html
    0 Comments 0 Shares 354 Views 0 Reviews
  • นายอำเภอเมืองลพบุรี เยี่ยมร้านที่จำหน่ายกระท้อน แปรรูป
    เตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยว เทศกาลงานกระท้อน ประจำปี 68 ปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี

    ////////////////////

    นายอำเภอเมืองลพบุรีเป็นห่วงแม่ค้า ลุยเยี่ยม
    แม่ค้าขายกระท้อน ในบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี
    เป็นสถานที่จัดงานกระท้อนหวาน
    ประจำปี 68 ระหว่าง 21 มิย.-2 กค.68

    เมื่อเวลา 08.00 น
    ในวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568
    นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี
    เยี่ยมแม่ค้าขายกระท้อนที่เป็นผลและแปรรูปแล้ว เพื่อให้เกิดขวัญกำลังใจและเป็นแนวทางในการประชาสัมพันธ์เทศกาลงานกระท้อนหวาน ประจำปี 68 ระหว่าง 21 มิย.-2 กค.68
    ณ สนามหน้า
    ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี

    นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ได้ไปเยี่ยมร้านที่จำหน่ายกระท้อน มีชาวสวนนำมาจำหน่าย พร้อมทั้งมอบธงให้เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นอาหารปลอดภัยและเป็นกระท้อนที่มาจากสวนโดยตรง
    สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรีในครั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย

    นอกจากนี้ มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระท้อนหวานเมืองลพบุรี การแปรรูปกระท้อน การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรีอีกมากมายมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี อีกด้วย

    โดยนายอำเภอเมืองลพบุรี
    กล่าวว่า “กระท้อนตะลุง” อำเภอเมืองลพบุรี เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ได้รับความนิยมจากตลาดมากขึ้นทุกปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดี สิ่งสำคัญมาจากการจัดงานเพื่อเผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ผลผลิตของกระท้อน ทำให้กระท้อนลพบุรีเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอย่างแพร่หลาย สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมงาน และจับจ่ายซื้อหาสินค้าต่างๆ ภายในงานได้อย่างครบครัน สิ่งสำคัญที่อยากจะฝากและขอความร่วมมือ พี่น้องเกษตรกรคือ เรื่องคุณภาพกระท้อน ความปลอดภัยของผู้บริโภค และไม่เอารัดเอาเปรียบผู้ซื้อ ให้คิดเสมอว่า ผู้ผลิตอยู่รอด ผู้บริโภคปลอดภัยจากการบริโภค ผลผลิตไร้สารเคมีต่างๆ และส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น

    รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูโดดเด่น น่าซื้อหา เป็นการเพิ่มมูลค่าอีกทางหนึ่งด้วย ที่สำคัญ “กระท้อนตะลุง” ถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดลพบุรี ซึ่งจังหวัดลพบุรี ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของประเทศไทย โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ขึ้นทะเบียนกระท้อนตะลุง เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้า GI แล้ว เพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาชื่อเสียงให้กระท้อนตะลุง ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อกระท้อนตะลุงที่มีคุณภาพได้ง่าย และมั่นใจยิ่งขึ้นอีกด้วย
    นายอำเภอเมืองลพบุรี เยี่ยมร้านที่จำหน่ายกระท้อน แปรรูป เตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยว เทศกาลงานกระท้อน ประจำปี 68 ปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี //////////////////// นายอำเภอเมืองลพบุรีเป็นห่วงแม่ค้า ลุยเยี่ยม แม่ค้าขายกระท้อน ในบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี เป็นสถานที่จัดงานกระท้อนหวาน ประจำปี 68 ระหว่าง 21 มิย.-2 กค.68 เมื่อเวลา 08.00 น ในวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568 นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี เยี่ยมแม่ค้าขายกระท้อนที่เป็นผลและแปรรูปแล้ว เพื่อให้เกิดขวัญกำลังใจและเป็นแนวทางในการประชาสัมพันธ์เทศกาลงานกระท้อนหวาน ประจำปี 68 ระหว่าง 21 มิย.-2 กค.68 ณ สนามหน้า ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ได้ไปเยี่ยมร้านที่จำหน่ายกระท้อน มีชาวสวนนำมาจำหน่าย พร้อมทั้งมอบธงให้เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นอาหารปลอดภัยและเป็นกระท้อนที่มาจากสวนโดยตรง สำหรับการจัดงานเทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรีในครั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระท้อนหวานเมืองลพบุรี การแปรรูปกระท้อน การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จังหวัดลพบุรี การจัดแสดงพันธุ์ไม้ และสินค้าของดีเมืองลพบุรีอีกมากมายมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี อีกด้วย โดยนายอำเภอเมืองลพบุรี กล่าวว่า “กระท้อนตะลุง” อำเภอเมืองลพบุรี เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ได้รับความนิยมจากตลาดมากขึ้นทุกปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดี สิ่งสำคัญมาจากการจัดงานเพื่อเผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ผลผลิตของกระท้อน ทำให้กระท้อนลพบุรีเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอย่างแพร่หลาย สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมงาน และจับจ่ายซื้อหาสินค้าต่างๆ ภายในงานได้อย่างครบครัน สิ่งสำคัญที่อยากจะฝากและขอความร่วมมือ พี่น้องเกษตรกรคือ เรื่องคุณภาพกระท้อน ความปลอดภัยของผู้บริโภค และไม่เอารัดเอาเปรียบผู้ซื้อ ให้คิดเสมอว่า ผู้ผลิตอยู่รอด ผู้บริโภคปลอดภัยจากการบริโภค ผลผลิตไร้สารเคมีต่างๆ และส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูโดดเด่น น่าซื้อหา เป็นการเพิ่มมูลค่าอีกทางหนึ่งด้วย ที่สำคัญ “กระท้อนตะลุง” ถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดลพบุรี ซึ่งจังหวัดลพบุรี ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของประเทศไทย โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ขึ้นทะเบียนกระท้อนตะลุง เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้า GI แล้ว เพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาชื่อเสียงให้กระท้อนตะลุง ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อกระท้อนตะลุงที่มีคุณภาพได้ง่าย และมั่นใจยิ่งขึ้นอีกด้วย
    0 Comments 0 Shares 450 Views 10 0 Reviews
  • Google จับมือ TSMC ผลิตชิป Tensor G5 บนกระบวนการ 3nm

    Google กำลังเปลี่ยนพันธมิตรด้านการผลิตชิปจาก Samsung ไปเป็น TSMC โดยมีรายงานว่า ผู้บริหารของ Google ได้เดินทางไปไต้หวันเพื่อเจรจาข้อตกลงที่อาจมีระยะเวลานานถึง 5 ปี ซึ่งจะเริ่มต้นด้วย Tensor G5 ที่ผลิตบนกระบวนการ 3nm

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง Google และ TSMC
    Tensor G4 จะเป็นชิปสุดท้ายที่ผลิตโดย Samsung ก่อนที่ Google จะเปลี่ยนไปใช้ TSMC
    - คาดว่า Pixel 10 จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ Tensor G5

    TSMC มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีเหนือ Samsung โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต 3nm
    - Samsung ยังคงมีปัญหาเรื่องอัตราผลผลิต (yield) ในกระบวนการ 3nm GAA

    Google อาจใช้ชิป Tensor ที่ผลิตโดย TSMC ไปจนถึง Pixel 14
    - ทำให้ สามารถแข่งขันกับ Apple, Qualcomm และ MediaTek ได้ดีขึ้น

    TSMC เริ่มรับคำสั่งผลิตเวเฟอร์ 2nm แล้ว ซึ่งทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในตลาดเซมิคอนดักเตอร์
    - คาดว่า บริษัทต่าง ๆ จะเริ่มใช้กระบวนการ 2nm ในปี 2026

    แม้ว่า Tensor G5 จะใช้กระบวนการ 3nm รุ่นที่สอง แต่สามารถปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ใช้ 3nm รุ่นที่สาม
    - ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานได้ดีขึ้น

    https://wccftech.com/google-partnership-with-tsmc-for-making-pixel-smartphone-chips-lasting-5-years/
    Google จับมือ TSMC ผลิตชิป Tensor G5 บนกระบวนการ 3nm Google กำลังเปลี่ยนพันธมิตรด้านการผลิตชิปจาก Samsung ไปเป็น TSMC โดยมีรายงานว่า ผู้บริหารของ Google ได้เดินทางไปไต้หวันเพื่อเจรจาข้อตกลงที่อาจมีระยะเวลานานถึง 5 ปี ซึ่งจะเริ่มต้นด้วย Tensor G5 ที่ผลิตบนกระบวนการ 3nm 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง Google และ TSMC ✅ Tensor G4 จะเป็นชิปสุดท้ายที่ผลิตโดย Samsung ก่อนที่ Google จะเปลี่ยนไปใช้ TSMC - คาดว่า Pixel 10 จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ Tensor G5 ✅ TSMC มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีเหนือ Samsung โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต 3nm - Samsung ยังคงมีปัญหาเรื่องอัตราผลผลิต (yield) ในกระบวนการ 3nm GAA ✅ Google อาจใช้ชิป Tensor ที่ผลิตโดย TSMC ไปจนถึง Pixel 14 - ทำให้ สามารถแข่งขันกับ Apple, Qualcomm และ MediaTek ได้ดีขึ้น ✅ TSMC เริ่มรับคำสั่งผลิตเวเฟอร์ 2nm แล้ว ซึ่งทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ - คาดว่า บริษัทต่าง ๆ จะเริ่มใช้กระบวนการ 2nm ในปี 2026 ✅ แม้ว่า Tensor G5 จะใช้กระบวนการ 3nm รุ่นที่สอง แต่สามารถปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ใช้ 3nm รุ่นที่สาม - ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานได้ดีขึ้น https://wccftech.com/google-partnership-with-tsmc-for-making-pixel-smartphone-chips-lasting-5-years/
    WCCFTECH.COM
    Google Executives Reportedly Visited TSMC To Secure A Chipset Deal For Pixel Smartphones; Partnership May Last An Estimated Five Years, With The Tensor G5 Being The Company’s First 3nm SoC
    A report claims that Google executives recently visited Taiwan to form a partnership for up to 5 years in making Pixel smartphone chipsets
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • 2568 ปีแห่งวิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น
    .
    ตั้งแต่ปีที่แล้ว ปี 2567 เป็นต้นมา ทำไมราคาข้าวในญี่ปุ่นถึงได้แพงขึ้นอย่างมาก?
    .
    จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมา ก็สาเหตุมีหลายประการ ทั้งเรื่องอากาศที่ร้อนผิดปกติ ทำให้ผลผลิตข้าวน้อยลง, ต้นทุนการผลิต ค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่าน้ำ ค่าไฟ แพงขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ชาวนาญี่ปุ่นจำนวนมากเลิกปลูกข้าว เพราะไม่มีคนมาสานต่อกิจการ มีแต่ผู้สูงอายุ และคนรุ่นใหม่ก็ไม่อยากจะ “หลังขดหลังแข็ง” ทำนาอีกต่อไปครับ
    .
    นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้อาหารญี่ปุ่นขายดิบขายดีไปด้วย ความต้องการข้าวจึงมีมากกว่าปริมาณข้าวที่ผลิตได้ เรียกได้ว่า อุปสงค์มากกว่าอุปทาน
    .
    คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZShvcggEM/
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #วิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น #ข้าวญี่ปุ่น #วิกฤตข้าวแห่งสมัยเรวะ
    2568 ปีแห่งวิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น . ตั้งแต่ปีที่แล้ว ปี 2567 เป็นต้นมา ทำไมราคาข้าวในญี่ปุ่นถึงได้แพงขึ้นอย่างมาก? . จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมา ก็สาเหตุมีหลายประการ ทั้งเรื่องอากาศที่ร้อนผิดปกติ ทำให้ผลผลิตข้าวน้อยลง, ต้นทุนการผลิต ค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่าน้ำ ค่าไฟ แพงขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ชาวนาญี่ปุ่นจำนวนมากเลิกปลูกข้าว เพราะไม่มีคนมาสานต่อกิจการ มีแต่ผู้สูงอายุ และคนรุ่นใหม่ก็ไม่อยากจะ “หลังขดหลังแข็ง” ทำนาอีกต่อไปครับ . นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้อาหารญี่ปุ่นขายดิบขายดีไปด้วย ความต้องการข้าวจึงมีมากกว่าปริมาณข้าวที่ผลิตได้ เรียกได้ว่า อุปสงค์มากกว่าอุปทาน . คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZShvcggEM/ . #บูรพาไม่แพ้ #วิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น #ข้าวญี่ปุ่น #วิกฤตข้าวแห่งสมัยเรวะ
    @thedongfangbubai

    2568 ปีแห่งวิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น . ตั้งแต่ปีที่แล้ว ปี 2567 เป็นต้นมา ทำไมราคาข้าวในญี่ปุ่นถึงได้แพงขึ้นอย่างมาก? . จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมา ก็สาเหตุมีหลายประการ ทั้งเรื่องอากาศที่ร้อนผิดปกติ ทำให้ผลผลิตข้าวน้อยลง, ต้นทุนการผลิต ค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่าน้ำ ค่าไฟ แพงขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ชาวนาญี่ปุ่นจำนวนมากเลิกปลูกข้าว เพราะไม่มีคนมาสานต่อกิจการ มีแต่ผู้สูงอายุ และคนรุ่นใหม่ก็ไม่อยากจะ “หลังขดหลังแข็ง” ทำนาอีกต่อไปครับ . นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้อาหารญี่ปุ่นขายดิบขายดีไปด้วย ความต้องการข้าวจึงมีมากกว่าปริมาณข้าวที่ผลิตได้ เรียกได้ว่า อุปสงค์มากกว่าอุปทาน . . #บูรพาไม่แพ้ #วิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น #ข้าวญี่ปุ่น #วิกฤตข้าวแห่งสมัยเรวะ

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 595 Views 0 Reviews
  • คำให้การแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่แหงหนึ่ง และบริษัทจัดหาเนื้อเยื่อยอมรับว่าทารกเกิดมามีชีวิตหรือมีสัญญาณของการมีชีวิต เช่น หัวใจเต้น หลังจากออกจากแม่ระหว่างการทำแท้ง
    Perrin Larton ผู้จัดการฝ่ายจัดหาเนื้อเยื่อ Advanced Biosciences Resources (ABR) ยอมรับภายใต้คำสาบานว่าทราบเรื่องทารกในครรภ์ออกจากแม่ ซึ่งบางครั้ง "ไม่พิการ" หรือมีช่องท้องปิด "มี -- ฉันมองเห็นหัวใจที่อยู่ใน -- ไม่ใช่ใน POC [ผลผลิตจากการปฏิสนธิ] ที่ยังไม่พิการ ซึ่งเต้นอยู่โดยอิสระ แต่ไม่ได้ยึดติดกับสิ่งใด"
    คำให้การแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่แหงหนึ่ง และบริษัทจัดหาเนื้อเยื่อยอมรับว่าทารกเกิดมามีชีวิตหรือมีสัญญาณของการมีชีวิต เช่น หัวใจเต้น หลังจากออกจากแม่ระหว่างการทำแท้ง Perrin Larton ผู้จัดการฝ่ายจัดหาเนื้อเยื่อ Advanced Biosciences Resources (ABR) ยอมรับภายใต้คำสาบานว่าทราบเรื่องทารกในครรภ์ออกจากแม่ ซึ่งบางครั้ง "ไม่พิการ" หรือมีช่องท้องปิด "มี -- ฉันมองเห็นหัวใจที่อยู่ใน -- ไม่ใช่ใน POC [ผลผลิตจากการปฏิสนธิ] ที่ยังไม่พิการ ซึ่งเต้นอยู่โดยอิสระ แต่ไม่ได้ยึดติดกับสิ่งใด"
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 0 Reviews
  • Huawei กำลังเดินหน้าสู่ตลาดชิป AI อย่างแข็งแกร่งด้วย Ascend 910C ซึ่งมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ NVIDIA H100 และคาดว่าจะขายได้กว่า 700,000 หน่วยในปี 2025 แม้ว่ากระบวนการผลิตของ SMIC จะมีอัตราผลผลิตที่ค่อนข้างต่ำเพียง 30% ก็ตาม นอกจากนี้ Huawei ยังขยายเครือข่ายโรงงานผลิตชิปของตนเองในจีนเพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตและลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

    Huawei เตรียมขาย Ascend 910C กว่า 700,000 หน่วยในปี 2025
    - ชิป Ascend 910C มีประสิทธิภาพสูงถึง 800 TFLOP/s ที่ FP16 และแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 3.2 TB/s
    - คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในจีนเร็วๆ นี้ หลังจากที่ SMIC เริ่มผลิตในปริมาณมาก

    SMIC ผลิตชิปด้วยกระบวนการ 7nm DUV แต่มีอัตราผลผลิตต่ำ
    - กระบวนการผลิตของ SMIC มีอัตราผลผลิตเพียง 30% ซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวนชิปที่สามารถผลิตได้
    - Huawei พยายามลดผลกระทบโดยการขยายโรงงานผลิตชิปของตนเอง

    Huawei ขยายเครือข่ายโรงงานผลิตชิปในจีน
    - มีรายงานว่า Huawei ควบคุมโรงงานผลิตชิปถึง 11 แห่งทั่วประเทศจีน
    - โรงงานเหล่านี้ใช้ชื่อที่แตกต่างกันเพื่อปกปิดความเชื่อมโยงกับ Huawei

    ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีอาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน
    - แม้ว่าชิป Ascend 910C จะมีประสิทธิภาพสูง แต่กระบวนการผลิต 7nm DUV ของ SMIC ยังล้าหลังเทคโนโลยี EUV ของ TSMC และ Samsung
    - หาก Huawei ไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยขึ้น อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

    มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อาจเป็นอุปสรรค
    - สหรัฐฯ ได้ออกข้อกำหนดใหม่ที่ห้ามใช้ชิป Ascend 910C ในต่างประเทศ เนื่องจากละเมิดกฎการส่งออกของสหรัฐฯ
    - มาตรการนี้อาจจำกัดการขยายตลาดของ Huawei นอกประเทศจีน

    https://wccftech.com/mizuho-huawei-will-likely-sell-over-700000-units-of-its-ascend-910-series-chips-in-2025-despite-smics-fairly-low-yields-of-30-percent/
    Huawei กำลังเดินหน้าสู่ตลาดชิป AI อย่างแข็งแกร่งด้วย Ascend 910C ซึ่งมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ NVIDIA H100 และคาดว่าจะขายได้กว่า 700,000 หน่วยในปี 2025 แม้ว่ากระบวนการผลิตของ SMIC จะมีอัตราผลผลิตที่ค่อนข้างต่ำเพียง 30% ก็ตาม นอกจากนี้ Huawei ยังขยายเครือข่ายโรงงานผลิตชิปของตนเองในจีนเพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตและลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ✅ Huawei เตรียมขาย Ascend 910C กว่า 700,000 หน่วยในปี 2025 - ชิป Ascend 910C มีประสิทธิภาพสูงถึง 800 TFLOP/s ที่ FP16 และแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 3.2 TB/s - คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในจีนเร็วๆ นี้ หลังจากที่ SMIC เริ่มผลิตในปริมาณมาก ✅ SMIC ผลิตชิปด้วยกระบวนการ 7nm DUV แต่มีอัตราผลผลิตต่ำ - กระบวนการผลิตของ SMIC มีอัตราผลผลิตเพียง 30% ซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวนชิปที่สามารถผลิตได้ - Huawei พยายามลดผลกระทบโดยการขยายโรงงานผลิตชิปของตนเอง ✅ Huawei ขยายเครือข่ายโรงงานผลิตชิปในจีน - มีรายงานว่า Huawei ควบคุมโรงงานผลิตชิปถึง 11 แห่งทั่วประเทศจีน - โรงงานเหล่านี้ใช้ชื่อที่แตกต่างกันเพื่อปกปิดความเชื่อมโยงกับ Huawei ‼️ ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีอาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน - แม้ว่าชิป Ascend 910C จะมีประสิทธิภาพสูง แต่กระบวนการผลิต 7nm DUV ของ SMIC ยังล้าหลังเทคโนโลยี EUV ของ TSMC และ Samsung - หาก Huawei ไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยขึ้น อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ‼️ มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อาจเป็นอุปสรรค - สหรัฐฯ ได้ออกข้อกำหนดใหม่ที่ห้ามใช้ชิป Ascend 910C ในต่างประเทศ เนื่องจากละเมิดกฎการส่งออกของสหรัฐฯ - มาตรการนี้อาจจำกัดการขยายตลาดของ Huawei นอกประเทศจีน https://wccftech.com/mizuho-huawei-will-likely-sell-over-700000-units-of-its-ascend-910-series-chips-in-2025-despite-smics-fairly-low-yields-of-30-percent/
    WCCFTECH.COM
    Mizuho: Huawei Will Likely Sell Over 700,000 Units Of Its Ascend 910 Series Chips In 2025, Despite SMIC's "Fairly Low" Yields Of ~30 Percent
    Huawei's Ascend 910C chips leverage SMIC's 7nm DUV-based production process, which suffers from "fairly low" yields.
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • Samsung Foundry ก้าวหน้าอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยี 2 nm GAA

    Samsung Foundry กำลังเร่งพัฒนา เทคโนโลยี 2 nm Gate-All-Around (GAA) หรือที่เรียกว่า SF2 เพื่อแข่งขันกับ TSMC ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยล่าสุดมีรายงานว่า Samsung กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการประเมินประสิทธิภาพขั้นสุดท้าย

    Samsung Foundry กำลังลดช่องว่างด้านเทคโนโลยีกับ TSMC
    - มีการปรับปรุง อัตราผลผลิต (yield rate) ของ SF2 ให้สูงขึ้น

    TSMC มีอัตราผลผลิตที่สูงกว่า Samsung ในเทคโนโลยี 2 nm
    - TSMC มีอัตราผลผลิต ประมาณ 60% ขณะที่ Samsung อยู่ที่ 40%

    Samsung กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการประเมินประสิทธิภาพขั้นสุดท้ายของ SF2
    - คาดว่า จะสามารถเพิ่มอัตราผลผลิตได้อีกในอนาคต

    Nvidia และ Qualcomm กำลังพิจารณาใช้ SF2 เป็นตัวเลือกสำรอง
    - อาจนำไปใช้ใน GPU และชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่

    TSMC กำลังปรับปรุงโรงงานเพื่อเตรียมเข้าสู่เทคโนโลยี 1.4 nm
    - แสดงให้เห็นว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเข้มข้น

    https://www.techpowerup.com/336773/samsung-foundry-reportedly-making-significant-progress-with-2-nm-gaa-evaluation-phase
    Samsung Foundry ก้าวหน้าอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยี 2 nm GAA Samsung Foundry กำลังเร่งพัฒนา เทคโนโลยี 2 nm Gate-All-Around (GAA) หรือที่เรียกว่า SF2 เพื่อแข่งขันกับ TSMC ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยล่าสุดมีรายงานว่า Samsung กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการประเมินประสิทธิภาพขั้นสุดท้าย ✅ Samsung Foundry กำลังลดช่องว่างด้านเทคโนโลยีกับ TSMC - มีการปรับปรุง อัตราผลผลิต (yield rate) ของ SF2 ให้สูงขึ้น ✅ TSMC มีอัตราผลผลิตที่สูงกว่า Samsung ในเทคโนโลยี 2 nm - TSMC มีอัตราผลผลิต ประมาณ 60% ขณะที่ Samsung อยู่ที่ 40% ✅ Samsung กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการประเมินประสิทธิภาพขั้นสุดท้ายของ SF2 - คาดว่า จะสามารถเพิ่มอัตราผลผลิตได้อีกในอนาคต ✅ Nvidia และ Qualcomm กำลังพิจารณาใช้ SF2 เป็นตัวเลือกสำรอง - อาจนำไปใช้ใน GPU และชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ✅ TSMC กำลังปรับปรุงโรงงานเพื่อเตรียมเข้าสู่เทคโนโลยี 1.4 nm - แสดงให้เห็นว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเข้มข้น https://www.techpowerup.com/336773/samsung-foundry-reportedly-making-significant-progress-with-2-nm-gaa-evaluation-phase
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Samsung Foundry Reportedly Making Significant Progress with 2 nm GAA Evaluation Phase
    South Korean semiconductor insiders and analysts believe that Samsung's Foundry business is catching up with a main rival. Earlier this month, TSMC leadership openly discussed an unprecedented demand for 2 nm wafer products. Industry moles believe that the Taiwan's top chipmaker is still ahead of co...
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • Samsung เตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับ NVIDIA และ Qualcomm: ก้าวสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    Samsung กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด ชิป 2nm โดยมี NVIDIA และ Qualcomm อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการประเมินเพื่อใช้เทคโนโลยีนี้ Samsung ตั้งเป้าที่จะเป็น ทางเลือกที่แข็งแกร่งแทน TSMC ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

    Samsung กำลังพัฒนาเทคโนโลยี 2nm เพื่อแข่งขันกับ TSMC
    - NVIDIA และ Qualcomm อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการประเมินชิป 2nm ของ Samsung

    Samsung ปรับปรุงอัตราผลผลิตของชิป 2nm อย่างต่อเนื่อง
    - ปัจจุบันมีอัตราผลผลิต 40% และกำลังเพิ่มขึ้น

    TSMC ยังคงเป็นผู้นำด้วยอัตราผลผลิต 60%
    - แต่ Samsung กำลังลดช่องว่างอย่างรวดเร็ว

    Samsung วางแผนผลิตชิป 2nm ในสหรัฐฯ ที่โรงงาน Taylor
    - เพื่อ ขยายตลาดและลดการพึ่งพาการผลิตในเกาหลีใต้

    เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ของ Samsung ได้รับการปรับปรุง
    - ทำให้ ชิป 2nm และ 3nm มีประสิทธิภาพดีขึ้น

    https://wccftech.com/samsungs-2nm-is-ready-to-be-adopted-by-nvidia-for-its-consumer-ai-gpus/
    Samsung เตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับ NVIDIA และ Qualcomm: ก้าวสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Samsung กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด ชิป 2nm โดยมี NVIDIA และ Qualcomm อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการประเมินเพื่อใช้เทคโนโลยีนี้ Samsung ตั้งเป้าที่จะเป็น ทางเลือกที่แข็งแกร่งแทน TSMC ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ✅ Samsung กำลังพัฒนาเทคโนโลยี 2nm เพื่อแข่งขันกับ TSMC - NVIDIA และ Qualcomm อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการประเมินชิป 2nm ของ Samsung ✅ Samsung ปรับปรุงอัตราผลผลิตของชิป 2nm อย่างต่อเนื่อง - ปัจจุบันมีอัตราผลผลิต 40% และกำลังเพิ่มขึ้น ✅ TSMC ยังคงเป็นผู้นำด้วยอัตราผลผลิต 60% - แต่ Samsung กำลังลดช่องว่างอย่างรวดเร็ว ✅ Samsung วางแผนผลิตชิป 2nm ในสหรัฐฯ ที่โรงงาน Taylor - เพื่อ ขยายตลาดและลดการพึ่งพาการผลิตในเกาหลีใต้ ✅ เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ของ Samsung ได้รับการปรับปรุง - ทำให้ ชิป 2nm และ 3nm มีประสิทธิภาพดีขึ้น https://wccftech.com/samsungs-2nm-is-ready-to-be-adopted-by-nvidia-for-its-consumer-ai-gpus/
    WCCFTECH.COM
    Samsung's 2nm Will See Adoption By NVIDIA For Its Consumer/AI GPUs, Yield Rate Witnesses Phenmenonal Progress
    Samsung is now contending for the top spot in the chip industry, as according to reports, the firm has managed to gain massive ground.
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • เหตุผลในการใส่ปุ๋ยสูตร 15-5-20 หรือ 15-5-25 เป็นสูตรที่เหมาะสมสำหรับการขยายขนาดผลทุเรียน, มังคุด เนื่องจากมีสัดส่วนธาตุอาหารที่ตอบสนองต่อความต้องการทางสรีรวิทยาในช่วงดังกล่าว โดยมีเหตุผลหลักดังนี้:องค์ประกอบหลักและบทบาททางสรีรวิทยา:1. โพแทสเซียม (K) สูง (20% ในสูตร 15-5-20 และ 25% ในสูตร 15-5-25): * การขนส่งน้ำตาลและแป้ง: #โพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลและแป้ง (ผลิตภัณฑ์จากการสังเคราะห์แสง) จากใบไปยังผล ซึ่งเป็นปัจจัยโดยตรงที่ทำให้ผลทุเรียนขยายขนาดใหญ่ขึ้น มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และสะสมเนื้อได้มากขึ้น * การทำงานของเอนไซม์: โพแทสเซียมเป็นตัวกระตุ้น (activator) ของเอนไซม์หลายชนิดในพืช ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้มีความจำเป็นต่อกระบวนการทางชีวเคมีต่างๆ รวมถึงการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของผล * การควบคุมสมดุลน้ำในเซลล์: โพแทสเซียมช่วยควบคุมแรงดันออสโมติก (osmotic pressure) และแรงดันเต่ง (turgor pressure) ภายในเซลล์พืช #ทำให้เซลล์สามารถขยายขนาดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อขนาดของผล * การสังเคราะห์แสง: แม้ไนโตรเจนจะเป็นองค์ประกอบหลักของคลอโรฟิลล์ แต่โพแทสเซียมก็มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ * คุณภาพเนื้อผล: นอกจากขนาดแล้ว โพแทสเซียมยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพเนื้อผล เช่น ความหนา ความแน่น การสร้างกลิ่น และรสชาติที่ดี (ความหวาน)2. ไนโตรเจน (N ) ปานกลาง (15%): * การบำรุงใบเพื่อการสังเคราะห์แสง: ไนโตรเจนยังคงมีความจำเป็นในช่วงขยายผลเพื่อรักษาความสมบูรณ์และประสิทธิภาพของใบในการสังเคราะห์แสง ใบที่สมบูรณ์จะสามารถสร้างอาหารได้เพียงพอเพื่อส่งไปเลี้ยงผล * องค์ประกอบของโปรตีนและเซลล์: ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน โปรตีน และกรดนิวคลีอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ในผล * ไม่สูงจนเกินไป: #ปริมาณไนโตรเจนที่ไม่สูงมากเกินไป (เช่น 15%) จะช่วย #ป้องกันไม่ให้ทุเรียนแตกใบอ่อนมากเกินไปในช่วงที่กำลังขยายผล เพราะการแตกใบอ่อนจะไปดึงดูดและแย่งอาหารจากผล ทำให้ผลเติบโตได้ไม่เต็มที่ หรืออาจมีปัญหาเรื่องคุณภาพ3. ฟอสฟอรัส (P) ต่ำ (5%): * การถ่ายทอดพลังงาน: ฟอสฟอรัสมีความสำคัญในการสร้างสารพลังงานสูง (ATP) ซึ่งพืชใช้ในทุกกิจกรรมการเจริญเติบโต รวมถึงการพัฒนาของผล * การพัฒนาเมล็ด: ฟอสฟอรัสมีบทบาทในการพัฒนาของเมล็ด * ความต้องการลดลง: ในช่วงขยายขนาดผล #ความต้องการฟอสฟอรัสของทุเรียนจะน้อยกว่าช่วงการออกดอกและติดผลในระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ฟอสฟอรัสมีบทบาทสำคัญในการสร้างดอก การผสมเกสร และการแบ่งเซลล์ในช่วงต้นของการพัฒนาผล ดังนั้น ปริมาณ 5% #จึงถือว่าเพียงพอต่อความต้องการในระยะขยายผลสรุปเหตุผลเชิงสรีรวิทยา:ทั้งสูตร 15-5-20 และ 15-5-25 มีความคล้ายคลึงกันคือ #เน้นโพแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักที่ทุเรียนต้องการมากที่สุดในช่วงขยายขนาดผล เพื่อใช้ในการสะสมแป้งและน้ำตาล เพิ่มขนาดและน้ำหนักของผล ควบคู่ไปกับการมีไนโตรเจนในระดับปานกลางเพื่อสนับสนุนการทำงานของใบ และฟอสฟอรัสในระดับต่ำตามความต้องการที่ลดลงในระยะนี้ สัดส่วนเช่นนี้ช่วยให้ทุเรียน มังคุด สามารถนำธาตุอาหารไปใช้ในการพัฒนาผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีขนาดใหญ่และมีคุณภาพดีความแตกต่างเล็กน้อยในปริมาณโพแทสเซียม (20% กับ 25%) อาจปรับใช้ตามสภาพความสมบูรณ์ของต้น ปริมาณผลผลิตที่ติดบนต้น หรือการประเมินความต้องการของสวนนั้นๆ โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ก็ยิ่งส่งเสริมการสร้างเนื้อและเพิ่มความหวานได้ดีขึ้น
    เหตุผลในการใส่ปุ๋ยสูตร 15-5-20 หรือ 15-5-25 เป็นสูตรที่เหมาะสมสำหรับการขยายขนาดผลทุเรียน, มังคุด เนื่องจากมีสัดส่วนธาตุอาหารที่ตอบสนองต่อความต้องการทางสรีรวิทยาในช่วงดังกล่าว โดยมีเหตุผลหลักดังนี้:องค์ประกอบหลักและบทบาททางสรีรวิทยา:✳️1. โพแทสเซียม (K) สูง (20% ในสูตร 15-5-20 และ 25% ในสูตร 15-5-25): * การขนส่งน้ำตาลและแป้ง: #โพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลและแป้ง (ผลิตภัณฑ์จากการสังเคราะห์แสง) จากใบไปยังผล ซึ่งเป็นปัจจัยโดยตรงที่ทำให้ผลทุเรียนขยายขนาดใหญ่ขึ้น มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และสะสมเนื้อได้มากขึ้น * การทำงานของเอนไซม์: โพแทสเซียมเป็นตัวกระตุ้น (activator) ของเอนไซม์หลายชนิดในพืช ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้มีความจำเป็นต่อกระบวนการทางชีวเคมีต่างๆ รวมถึงการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของผล * การควบคุมสมดุลน้ำในเซลล์: โพแทสเซียมช่วยควบคุมแรงดันออสโมติก (osmotic pressure) และแรงดันเต่ง (turgor pressure) ภายในเซลล์พืช #ทำให้เซลล์สามารถขยายขนาดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อขนาดของผล * การสังเคราะห์แสง: แม้ไนโตรเจนจะเป็นองค์ประกอบหลักของคลอโรฟิลล์ แต่โพแทสเซียมก็มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ * คุณภาพเนื้อผล: นอกจากขนาดแล้ว โพแทสเซียมยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพเนื้อผล เช่น ความหนา ความแน่น การสร้างกลิ่น และรสชาติที่ดี (ความหวาน)✳️2. ไนโตรเจน (N ) ปานกลาง (15%): * การบำรุงใบเพื่อการสังเคราะห์แสง: ไนโตรเจนยังคงมีความจำเป็นในช่วงขยายผลเพื่อรักษาความสมบูรณ์และประสิทธิภาพของใบในการสังเคราะห์แสง ใบที่สมบูรณ์จะสามารถสร้างอาหารได้เพียงพอเพื่อส่งไปเลี้ยงผล * องค์ประกอบของโปรตีนและเซลล์: ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน โปรตีน และกรดนิวคลีอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ในผล * ไม่สูงจนเกินไป: #ปริมาณไนโตรเจนที่ไม่สูงมากเกินไป (เช่น 15%) จะช่วย #ป้องกันไม่ให้ทุเรียนแตกใบอ่อนมากเกินไปในช่วงที่กำลังขยายผล เพราะการแตกใบอ่อนจะไปดึงดูดและแย่งอาหารจากผล ทำให้ผลเติบโตได้ไม่เต็มที่ หรืออาจมีปัญหาเรื่องคุณภาพ✳️3. ฟอสฟอรัส (P) ต่ำ (5%): * การถ่ายทอดพลังงาน: ฟอสฟอรัสมีความสำคัญในการสร้างสารพลังงานสูง (ATP) ซึ่งพืชใช้ในทุกกิจกรรมการเจริญเติบโต รวมถึงการพัฒนาของผล * การพัฒนาเมล็ด: ฟอสฟอรัสมีบทบาทในการพัฒนาของเมล็ด * ความต้องการลดลง: ในช่วงขยายขนาดผล #ความต้องการฟอสฟอรัสของทุเรียนจะน้อยกว่าช่วงการออกดอกและติดผลในระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ฟอสฟอรัสมีบทบาทสำคัญในการสร้างดอก การผสมเกสร และการแบ่งเซลล์ในช่วงต้นของการพัฒนาผล ดังนั้น ปริมาณ 5% #จึงถือว่าเพียงพอต่อความต้องการในระยะขยายผล♻️สรุปเหตุผลเชิงสรีรวิทยา:ทั้งสูตร 15-5-20 และ 15-5-25 มีความคล้ายคลึงกันคือ #เน้นโพแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักที่ทุเรียนต้องการมากที่สุดในช่วงขยายขนาดผล เพื่อใช้ในการสะสมแป้งและน้ำตาล เพิ่มขนาดและน้ำหนักของผล ควบคู่ไปกับการมีไนโตรเจนในระดับปานกลางเพื่อสนับสนุนการทำงานของใบ และฟอสฟอรัสในระดับต่ำตามความต้องการที่ลดลงในระยะนี้ สัดส่วนเช่นนี้ช่วยให้ทุเรียน มังคุด สามารถนำธาตุอาหารไปใช้ในการพัฒนาผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีขนาดใหญ่และมีคุณภาพดีความแตกต่างเล็กน้อยในปริมาณโพแทสเซียม (20% กับ 25%) อาจปรับใช้ตามสภาพความสมบูรณ์ของต้น ปริมาณผลผลิตที่ติดบนต้น หรือการประเมินความต้องการของสวนนั้นๆ โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ก็ยิ่งส่งเสริมการสร้างเนื้อและเพิ่มความหวานได้ดีขึ้น
    0 Comments 0 Shares 624 Views 0 0 Reviews
  • ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้.

    ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า.
    ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย,
    ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน.
    ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ,
    ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย.

    ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ.

    ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้. ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า. ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย, ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน. ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ, ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย. ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ. ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    0 Comments 0 Shares 889 Views 0 Reviews
  • SMIC เผชิญปัญหาด้านผลผลิตชิปจากข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ผู้ผลิตชิปชั้นนำของจีน กำลังเผชิญกับ ปัญหาด้านผลผลิตและอัตราการได้ชิปที่ลดลง เนื่องจาก ข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อ รายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2025

    ปัญหาหลักเกิดจาก เหตุขัดข้องระหว่างการบำรุงรักษาประจำปี ซึ่งทำให้ กระบวนการผลิตขาดความแม่นยำและอัตราการได้ชิปลดลง นอกจากนี้ การตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่พบข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข ทำให้เกิด ความผันผวนของผลผลิตเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน

    SMIC เผชิญปัญหาด้านผลผลิตชิปจากข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์
    - ส่งผลให้ รายได้ในไตรมาสที่สองลดลงถึง 6%

    เหตุขัดข้องระหว่างการบำรุงรักษาประจำปีทำให้กระบวนการผลิตขาดความแม่นยำ
    - ส่งผลให้ อัตราการได้ชิปลดลง

    การตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่พบข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข
    - ทำให้ ผลผลิตลดลงเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน

    SMIC ต้องเบี่ยงงบประมาณด้าน R&D ไปใช้แก้ไขปัญหาการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่
    - ส่งผลให้ งบ R&D ลดลงจาก 180-225 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 150 ล้านดอลลาร์

    SMIC คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 7.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้
    - แม้จะเผชิญปัญหา แต่ยังคงเดินหน้าขยายกำลังการผลิต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/smic-faces-chip-yield-woes-as-equipment-maintenance-and-validation-efforts-stall
    SMIC เผชิญปัญหาด้านผลผลิตชิปจากข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ผู้ผลิตชิปชั้นนำของจีน กำลังเผชิญกับ ปัญหาด้านผลผลิตและอัตราการได้ชิปที่ลดลง เนื่องจาก ข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อ รายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2025 ปัญหาหลักเกิดจาก เหตุขัดข้องระหว่างการบำรุงรักษาประจำปี ซึ่งทำให้ กระบวนการผลิตขาดความแม่นยำและอัตราการได้ชิปลดลง นอกจากนี้ การตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่พบข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข ทำให้เกิด ความผันผวนของผลผลิตเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน ✅ SMIC เผชิญปัญหาด้านผลผลิตชิปจากข้อจำกัดในการบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ - ส่งผลให้ รายได้ในไตรมาสที่สองลดลงถึง 6% ✅ เหตุขัดข้องระหว่างการบำรุงรักษาประจำปีทำให้กระบวนการผลิตขาดความแม่นยำ - ส่งผลให้ อัตราการได้ชิปลดลง ✅ การตรวจสอบอุปกรณ์ใหม่พบข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข - ทำให้ ผลผลิตลดลงเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน ✅ SMIC ต้องเบี่ยงงบประมาณด้าน R&D ไปใช้แก้ไขปัญหาการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ - ส่งผลให้ งบ R&D ลดลงจาก 180-225 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 150 ล้านดอลลาร์ ✅ SMIC คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 7.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้ - แม้จะเผชิญปัญหา แต่ยังคงเดินหน้าขยายกำลังการผลิต https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/smic-faces-chip-yield-woes-as-equipment-maintenance-and-validation-efforts-stall
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • Samsung ประสบปัญหาขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์ หลังจากตัดสินใจ ยกเลิกการใช้ชิป Exynos 2500 ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Series เนื่องจากปัญหาด้าน ผลผลิตต่ำและประสิทธิภาพที่ไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite ได้

    เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต Samsung มีแผนที่จะเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy S26 Series โดยคาดว่าจะใช้เฉพาะใน รุ่นที่จำหน่ายในยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตที่ยังคงต่ำ

    Samsung ขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์จากการยกเลิก Exynos 2500
    - ตัดสินใจใช้ Snapdragon 8 Elite ใน Galaxy S25 Series
    - ผลผลิตของ Exynos 2500 ต่ำและไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon ได้

    Exynos 2600 อาจถูกใช้ใน Galaxy S26 รุ่นยุโรป
    - ผลผลิตยังคงต่ำ ทำให้มีการจำกัดการใช้งานในบางรุ่น
    - คาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะยังคงมีประสิทธิภาพเหนือกว่า

    Samsung ตั้งเป้าปรับปรุงกระบวนการผลิต 2nm GAA
    - ตั้งเป้าให้ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60% เพื่อรองรับการผลิตเต็มรูปแบบ
    - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากใน ครึ่งหลังของปี 2025

    ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Samsung ในตลาดชิปเซ็ต
    - Samsung ต้องการลดต้นทุนการผลิตชิปโดยใช้ Exynos 2600
    - อาจมีการเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy Z Flip 7

    https://wccftech.com/samsung-lost-400-million-for-dropping-exynos-2500-in-the-galaxy-s25-series/
    Samsung ประสบปัญหาขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์ หลังจากตัดสินใจ ยกเลิกการใช้ชิป Exynos 2500 ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Series เนื่องจากปัญหาด้าน ผลผลิตต่ำและประสิทธิภาพที่ไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต Samsung มีแผนที่จะเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy S26 Series โดยคาดว่าจะใช้เฉพาะใน รุ่นที่จำหน่ายในยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตที่ยังคงต่ำ ✅ Samsung ขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์จากการยกเลิก Exynos 2500 - ตัดสินใจใช้ Snapdragon 8 Elite ใน Galaxy S25 Series - ผลผลิตของ Exynos 2500 ต่ำและไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon ได้ ✅ Exynos 2600 อาจถูกใช้ใน Galaxy S26 รุ่นยุโรป - ผลผลิตยังคงต่ำ ทำให้มีการจำกัดการใช้งานในบางรุ่น - คาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะยังคงมีประสิทธิภาพเหนือกว่า ✅ Samsung ตั้งเป้าปรับปรุงกระบวนการผลิต 2nm GAA - ตั้งเป้าให้ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60% เพื่อรองรับการผลิตเต็มรูปแบบ - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากใน ครึ่งหลังของปี 2025 ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Samsung ในตลาดชิปเซ็ต - Samsung ต้องการลดต้นทุนการผลิตชิปโดยใช้ Exynos 2600 - อาจมีการเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy Z Flip 7 https://wccftech.com/samsung-lost-400-million-for-dropping-exynos-2500-in-the-galaxy-s25-series/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Was Estimated To Lose Around $400 Million After It Decided To Drop The Exynos 2500 For The Galaxy S25 Series; European Galaxy S26 Models To Be Equipped With Exynos 2600
    The Exynos 2600 will apparently be found in some Galaxy S26 variants, as Samsung was estimated to lose $400 million for dropping the Exynos 2500
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • คลิป 4 โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง

    คาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งจำเป็นสำหรับพืช เป็นอย่างมาก

    ต่างประเทศใช้อุปกรณ์เพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ สำหรับพืชที่ปลูกในโรงเรือน ทำให้มันแข็งแรงทนทานต่อโรค และแมลง ทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติได้ถึง 30%

    คาร์บอนไดออกไซด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืช/ต้นไม้

    พืช/ต้นไม้ ก็จำเป็นสำหรับมนุษย์และโลกของเรา

    คาร์บอนไดออกไซด์จึงจำเป็นสำหรับโลกเรา อย่าให้ใครมาหลอกเราว่าคาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งไม่ดี หรือ ทำให้โลกร้อน ถ้าคุณเชื่อแบบนั้นคุณกำลังโดนหลอก
    คลิป 4 🔥โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎 คาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งจำเป็นสำหรับพืช เป็นอย่างมาก 🍀 ต่างประเทศใช้อุปกรณ์เพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ สำหรับพืชที่ปลูกในโรงเรือน ทำให้มันแข็งแรงทนทานต่อโรค และแมลง 🍊🍎 ทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติได้ถึง 30% คาร์บอนไดออกไซด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืช/ต้นไม้ พืช/ต้นไม้ ก็จำเป็นสำหรับมนุษย์และโลกของเรา คาร์บอนไดออกไซด์จึงจำเป็นสำหรับโลกเรา อย่าให้ใครมาหลอกเราว่าคาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งไม่ดี หรือ ทำให้โลกร้อน ถ้าคุณเชื่อแบบนั้นคุณกำลังโดนหลอก
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 0 Reviews
More Results