• Waterfox โต้กลับทิศทางใหม่ของ Mozilla

    Alex Kontos ผู้สร้าง Waterfox เขียนบทความตอบโต้การประกาศของ CEO Mozilla ที่จะวาง AI เป็นหัวใจของเบราว์เซอร์ Firefox โดยชี้ว่า “AI-first browsing” ทำให้เกิดคำถามพื้นฐานว่าเบราว์เซอร์ควรทำหน้าที่อะไร เขามองว่าเบราว์เซอร์คือ user agent ที่ทำงานแทนผู้ใช้ ไม่ใช่ระบบที่คิดแทนหรือปรับเปลี่ยนประสบการณ์โดยที่ผู้ใช้ไม่เข้าใจ.

    Kontos ยอมรับว่าเทคโนโลยี Machine Learning เช่นโครงการ Bergamot (การแปลข้อความแบบ local) มีประโยชน์จริง เพราะมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่เขาแยกชัดเจนว่า Large Language Models (LLMs) เป็น “black box” ที่ไม่สามารถตรวจสอบหรือเข้าใจได้อย่างแท้จริง การนำ LLMs มาอยู่ใจกลางเบราว์เซอร์จึงเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นและความโปร่งใสที่ Mozilla เคยยึดถือ.

    เขาเตือนว่าการให้ AI เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บ อาจทำให้เกิด “user agent ของ user agent” ที่เข้ามาจัดการแท็บ เขียนใหม่ประวัติการใช้งาน และปรับสิ่งที่ผู้ใช้เห็นโดยที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แม้ Mozilla จะสัญญาว่า AI จะเป็นตัวเลือกที่ปิดได้ แต่การมีฟีเจอร์ที่ลึกถึงขั้นต้องมี opt-out แสดงให้เห็นว่า AI ถูกฝังในระดับแกนกลางของ Firefox แล้ว.

    Waterfox ยืนยันว่าจะไม่รวม LLMs เข้ามา โดยเน้นการเป็นเบราว์เซอร์ที่โปร่งใสและควบคุมได้เต็มที่ พร้อมชี้ว่าจุดแข็งของ Mozilla เดิมคือชุมชนผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว แต่การไล่ตามตลาดผู้ใช้ทั่วไปแบบ Chrome กลับทำให้ Firefox สูญเสียฐานผู้ใช้หลักไปเรื่อย ๆ Waterfox จึงวางตัวเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่าย โปร่งใส และไม่ถูก AI ควบคุม.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Mozilla หันสู่ AI-first browsing
    CEO ประกาศวาง AI เป็นแกนกลางของ Firefox
    สัญญาว่าผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์ได้ แต่ยังคงฝังลึกในระบบ

    Waterfox แยกแยะ ML กับ LLMs
    ML เช่น Bergamot มีประโยชน์และตรวจสอบได้
    LLMs เป็น black box ไม่โปร่งใสและไม่สามารถตรวจสอบได้

    ความเสี่ยงของ AI ในเบราว์เซอร์
    AI อาจจัดการแท็บ เขียนใหม่ประวัติ และปรับสิ่งที่ผู้ใช้เห็น
    ผู้ใช้ต้องแบกรับภาระในการตรวจสอบระบบที่ไม่โปร่งใส

    จุดยืนของ Waterfox
    ไม่รวม LLMs ในเบราว์เซอร์
    เน้นความโปร่งใส การควบคุม และการตอบสนองต่อชุมชนผู้ใช้

    คำเตือนต่อ Mozilla
    การไล่ตามตลาดผู้ใช้ทั่วไปอาจทำให้สูญเสียฐานผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว
    การฝัง AI ที่ไม่โปร่งใสอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์เรื่อง “trust” ที่ Mozilla เคยยึดถือ

    https://www.waterfox.com/blog/no-ai-here-response-to-mozilla/
    🌐 Waterfox โต้กลับทิศทางใหม่ของ Mozilla Alex Kontos ผู้สร้าง Waterfox เขียนบทความตอบโต้การประกาศของ CEO Mozilla ที่จะวาง AI เป็นหัวใจของเบราว์เซอร์ Firefox โดยชี้ว่า “AI-first browsing” ทำให้เกิดคำถามพื้นฐานว่าเบราว์เซอร์ควรทำหน้าที่อะไร เขามองว่าเบราว์เซอร์คือ user agent ที่ทำงานแทนผู้ใช้ ไม่ใช่ระบบที่คิดแทนหรือปรับเปลี่ยนประสบการณ์โดยที่ผู้ใช้ไม่เข้าใจ. Kontos ยอมรับว่าเทคโนโลยี Machine Learning เช่นโครงการ Bergamot (การแปลข้อความแบบ local) มีประโยชน์จริง เพราะมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่เขาแยกชัดเจนว่า Large Language Models (LLMs) เป็น “black box” ที่ไม่สามารถตรวจสอบหรือเข้าใจได้อย่างแท้จริง การนำ LLMs มาอยู่ใจกลางเบราว์เซอร์จึงเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นและความโปร่งใสที่ Mozilla เคยยึดถือ. เขาเตือนว่าการให้ AI เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บ อาจทำให้เกิด “user agent ของ user agent” ที่เข้ามาจัดการแท็บ เขียนใหม่ประวัติการใช้งาน และปรับสิ่งที่ผู้ใช้เห็นโดยที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แม้ Mozilla จะสัญญาว่า AI จะเป็นตัวเลือกที่ปิดได้ แต่การมีฟีเจอร์ที่ลึกถึงขั้นต้องมี opt-out แสดงให้เห็นว่า AI ถูกฝังในระดับแกนกลางของ Firefox แล้ว. Waterfox ยืนยันว่าจะไม่รวม LLMs เข้ามา โดยเน้นการเป็นเบราว์เซอร์ที่โปร่งใสและควบคุมได้เต็มที่ พร้อมชี้ว่าจุดแข็งของ Mozilla เดิมคือชุมชนผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว แต่การไล่ตามตลาดผู้ใช้ทั่วไปแบบ Chrome กลับทำให้ Firefox สูญเสียฐานผู้ใช้หลักไปเรื่อย ๆ Waterfox จึงวางตัวเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่าย โปร่งใส และไม่ถูก AI ควบคุม. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Mozilla หันสู่ AI-first browsing ➡️ CEO ประกาศวาง AI เป็นแกนกลางของ Firefox ➡️ สัญญาว่าผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์ได้ แต่ยังคงฝังลึกในระบบ ✅ Waterfox แยกแยะ ML กับ LLMs ➡️ ML เช่น Bergamot มีประโยชน์และตรวจสอบได้ ➡️ LLMs เป็น black box ไม่โปร่งใสและไม่สามารถตรวจสอบได้ ✅ ความเสี่ยงของ AI ในเบราว์เซอร์ ➡️ AI อาจจัดการแท็บ เขียนใหม่ประวัติ และปรับสิ่งที่ผู้ใช้เห็น ➡️ ผู้ใช้ต้องแบกรับภาระในการตรวจสอบระบบที่ไม่โปร่งใส ✅ จุดยืนของ Waterfox ➡️ ไม่รวม LLMs ในเบราว์เซอร์ ➡️ เน้นความโปร่งใส การควบคุม และการตอบสนองต่อชุมชนผู้ใช้ ‼️ คำเตือนต่อ Mozilla ⛔ การไล่ตามตลาดผู้ใช้ทั่วไปอาจทำให้สูญเสียฐานผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว ⛔ การฝัง AI ที่ไม่โปร่งใสอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์เรื่อง “trust” ที่ Mozilla เคยยึดถือ https://www.waterfox.com/blog/no-ai-here-response-to-mozilla/
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • สภากลาโหมมีมติเพิ่มการดูแลกำลังพลแนวหน้า เร่งจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้ถูกต้องและทันท่วงที ควบคู่กับการยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา
    .
    โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบการเสริมกำลังบำรุงให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ พร้อมให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและการศึกษา โดยมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะและโอกาสในระยะยาวแก่กำลังพลและครอบครัว
    .
    ในด้านสถานการณ์ชายแดน ได้สั่งการบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคง เพิ่มการดูแลความปลอดภัยประชาชน โดยย้ำให้การปฏิบัติการของกองทัพไทยเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้สัดส่วน และอยู่ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122086
    .
    #News1live #News1 #สภากลาโหม #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา #กำลังพล
    สภากลาโหมมีมติเพิ่มการดูแลกำลังพลแนวหน้า เร่งจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้ถูกต้องและทันท่วงที ควบคู่กับการยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา . โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบการเสริมกำลังบำรุงให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ พร้อมให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและการศึกษา โดยมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะและโอกาสในระยะยาวแก่กำลังพลและครอบครัว . ในด้านสถานการณ์ชายแดน ได้สั่งการบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคง เพิ่มการดูแลความปลอดภัยประชาชน โดยย้ำให้การปฏิบัติการของกองทัพไทยเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้สัดส่วน และอยู่ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122086 . #News1live #News1 #สภากลาโหม #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา #กำลังพล
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • กองทัพอากาศชี้แจงกรณีการปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมายใกล้เมืองปอยเปต ภายหลังมีกระแสข่าวการโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว ยืนยันว่าเป็นการโจมตีเป้าหมายทางทหารที่ผ่านการพิสูจน์ทราบด้านการข่าวอย่างรอบคอบ
    .
    โฆษกกองทัพอากาศระบุว่า เป้าหมายดังกล่าวเป็นคลังเก็บอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ในการโจมตีพื้นที่ฝั่งไทย โดยจากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ไม่พบพลเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเป้าหมาย
    .
    กองทัพอากาศย้ำว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ดำเนินการภายใต้หลักมนุษยธรรม ความจำเป็น และความได้สัดส่วน มุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประเทศ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122084
    .
    #News1live #News1 #กองทัพอากาศ #สถานการณ์ชายแดน #ปอยเปต #ความมั่นคง
    กองทัพอากาศชี้แจงกรณีการปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมายใกล้เมืองปอยเปต ภายหลังมีกระแสข่าวการโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว ยืนยันว่าเป็นการโจมตีเป้าหมายทางทหารที่ผ่านการพิสูจน์ทราบด้านการข่าวอย่างรอบคอบ . โฆษกกองทัพอากาศระบุว่า เป้าหมายดังกล่าวเป็นคลังเก็บอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ในการโจมตีพื้นที่ฝั่งไทย โดยจากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ไม่พบพลเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเป้าหมาย . กองทัพอากาศย้ำว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ดำเนินการภายใต้หลักมนุษยธรรม ความจำเป็น และความได้สัดส่วน มุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประเทศ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122084 . #News1live #News1 #กองทัพอากาศ #สถานการณ์ชายแดน #ปอยเปต #ความมั่นคง
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 8
    “ข่าวลือ ข่าวลวง”

    ตอน 8

    เยเมน เป็นเหมือนหนามตำตีน ซาอุดิอารเบียมาตลอดเวลากว่า 70 ปีมาแล้ว

    อิบน์ ซาอูด เคยยกพลไปทำสงครามกับเยเมน เมื่อปี ค.ศ.1934 กองทัพซาอุ ยึดพื้นที่ริมทะเลแดงได้ แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ตามแนวภูเขาและตัวเมืองชั้นในได้สัญญาสงบศึกระหว่าง 2 ประเทศ ที่ทำขึ้น ทำให้เยเมนต้องเสียหลายเมืองตามแนวเขตแดนให้แก่ซาอุดิอารเบีย และทำให้ขบวนการทวงดินแดนของเยเมนไม่เคยหมดไป

    เมื่อตอนปี ค.ศ.1960 ซาอุ สนับสนุนราชวงศ์เซดี ที่ปกครองเยเมน ในการต่อสู้กับฝ่ายอียิปต์ ที่ให้การสนับสนุนขบวนการเป็นสาธารณรัฐของเยเมน ที่ประกาศว่า จะโค่นล้มระบบกษัตริย์ทั้งคาบสมุทรอารเบีย

    แต่พอถึงเดือนมีนาคมปีนี้ (2015) ฝ่ายซาอุ ดันยิงจรวดเข้าถล่มกลุ่มฮูตติ ที่เป็นพวกกับกบฏเซดี ซึ่งกำลังรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนได้ และขับไล่รัฐบาลเยเมนที่พวกซาอุดิอารเบียสนับสนุน พ่ายแพ้หนีออกไปจากเมืองซานะ เข้าไปพึ่งใบบุญของซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปีที่แล้ว

    โอ้ย วุ่นกันฉิบหาย…. อย่าเพิ่งงงนะครับ อ่านช้าๆ หลายหนก็ได้ เพราะนี่เรากำลังจะเข้าไปสู่จุดชี้ชะตา ของซาอุดิอารเบีย และก็อาจจะเป็นจุดชี้ชะตา ของอเมริกาด้วยก็ได้….

    เขาว่า ซาอุ ตัดสินใจส่งจรวดให้เยเมน เพียงเพราะฝ่ายซาอุไปได้ข่าวมาว่า พวกเซดีตกลงใจที่จะให้เส้นทางบินแก่อิหร่าน ที่จะบินตรงจากเตหะรานมาเยเมน และเยเมนยังตกลงใจที่จะให้อิหร่านใช้ท่าเรือฮูเดดาห์ Hudaydah ของเยเมน แถมกำลังมีการเจรจาจะซื้อน้ำมันราคาถูกระหว่างเยเมนกับอิหร่านอีกด้วย

    สรุปว่า เยเมนได้รับจรวด เพราะซาอุดิอารเบียประสาทกินเรื่องอิหร่าน

    เรื่องนี้ทำให้ซาอุ ออกแขกจริงๆ และไปรวบรวมเพื่อนขี่อูฐด้วยกัน ให้มาไล่ถล่มเยเมน นอกจากพรรคพวกแถวอ่าวแล้ว ยังมี จอร์แดน โมรอคโค และอิยิปต์บอกเอาด้วย แต่ที่น่าสนใจ โอมานและปากีสถาน เพื่อนเก่าบอก ไม่เอากับซาอุด้วย เออ น่าคิด

    สำหรับโอมาน เข้าใจว่าพยายามจะวางตัวเป็นกลาง เพราะยืนอยู่ใกล้ปากอิหร่านเหลือเกิน และยิ่งเป็นอิหร่านที่กำลังมาแรงเสียด้วย ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่โอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ

    แต่สำหรับปากีสถาน ซึ่งเคยว่าไงว่ากันกับอเมริกา และ อยู่ในบัญชี ประเภทสามารถรูดบัตรเติมเงินกับซาอุดิอารเบียได้มาตลอดนี่ … ยิ่งกว่าน่าสนใจ

    อเมริกาอ้างว่า ตัวเองให้การสนับสนุนซาอุในเรื่องยิงจรวดใส่เยเมนเฉพาะ ด้านงานข่าวกรอง และด้านสภาพพื้นที่ในเยเมน แม้ว่าทางริยาร์ดจะแจ้งทางอเมริกาล่วงหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะยิงจรวดลูกแรกใส่เยเมน

    การบุกเยเมนในครั้งนี้ของซาอุดิอารเบีย ถือเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซาอุดิอารเบีย ที่ผ่านๆมา ซาอุ จะทำอย่างไม่เปิดเผย แถมซ่อนไปซ้อนมาเสียอีกด้วยซ้ำ

    ในความเห็นของอเมริกา การที่ซาอุดิอารเบียยิงจรวดใส่เยเมนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันตรายกับซาอุเองอย่างยิ่ง

    …อ้าว แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนรักกันเลย จริงๆ ต้องด่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะไปยิงจรวดใส่บ้านคนอื่นเขาง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงวะ ที่แค่ยังไม่มีการเลือกตั้ง มึงยังเสือกปากเข้ามาไม่เลิก…
    และจนถึงทุกวันนี้ การสู้รบที่เยเมน ก็ไม่ได้เกิดผลดีกับซาอุแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างยังยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุกับพวกอ้างว่าคุมได้แล้วทางอากาศ ชายฝั่งและท่าเรือทางใต้ของเอเดน ขณะที่ฝ่ายซาดีฮูตติและพวก ก็อ้างว่าควบคุมทางเหนือของเยเมนได้เกือบหมดแล้ว

    และระหว่างที่ซาอุและพวกฟาดฟันยุ่งอยู่กับพวกฮูตติ จึงเป็นโอกาสให้อัลไดดาขยายฐานเข้าไปยึดได้เมืองใหญ่ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเดิม ที่พ่อของบิน ลาเดน เคยอยู่มาก่อนที่จะอพยพไปอยู่ในซาอุดิอารเบีย

    สงครามเยเมน จึงเสมือนเป็นบททดสอบ บทแรกของกษัตริย์ซัลมาน เกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย คาบสมุทรอารเบีย และรวมไปถึงภูมิภาคด้วย

    การรบเยเมน มีทั้งมิติเรื่องระหว่างนิกาย และเรื่องชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค ระหว่างซาอุกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ ในความคิดของอเมริกา สงครามเยเมนยังเป็นสงครามที่แสดงให้เห็นว่า เทศกาลอาหรับสปริง ที่ซาอุดิอารเบียต่อต้านมาตลอดนั้น ยังไม่จบลง…

    อเมริกาเชื่อว่า การต่อสู้ที่เยเมน จะดึงฝ่ายอื่นๆเข้ามาร่วมรายการเพิ่มขึ้นอีก จะยืดเยื้อ และขยายวงออกไปนอกเยเมนถึงประเทศอื่นๆอีกด้วย …เป็นการวิจารณ์ ที่ทำให้มองเห็น เยเมน กำลังเป็นไฟลามทุ่ง….

    นอกจากนี้ อเมริกายังคาดการณ์ เหมือนเป็นลางร้ายอีกว่า เยเมนอาจจบลง อย่างเป็นจุดด่างของการครองราชย์ของกษัตริย์ซาลมาน และเป็นการจบสิ้นของความทะเยอทะยานของทั้ง บิน นาเยฟ และ บิน ซาลมาน ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะได้มีส่วนร่วมกับสงครามนี้อย่างไร ชัดเจนว่า บิน ซาลมานที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม คงเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่พ่อเชื่อใจมาก เป็นตัวแทนพ่อ ไปเยี่ยมรัสเซียและฝรั่งเศส และเมื่อกษัตริย์ซาลมาน ยกเลิกแผนที่จะไปพบโอบามา ที่แคมป์เดวิด เพื่อที่จะไปบอกกับโอบามา ว่าตนเองขุ่นเคืองขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน กษัตริย์ซัลมาน ก็ส่งเจ้าชายทั้ง 2 คน ทั้ง MBN และ MBS ไปพบโอบามาแทนตน ซึ่งโอบามา กลับพูดเร่งรัดเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็สนับสนุนเรื่องสงครามกับเยเมน

    และในที่สุด เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปวอชิงตันเข้าจริงๆ การสนทนากลับสั้น และฝ่ายซาอุกลับเป็นฝ่าย (ต้อง)ฟัง และการสนทนากลับเน้นไปที่ลูกมากกว่าพ่อ

    …แต่ โปรดสังเกตดูรูปภาพการสนทนา ระหว่างนายโอบามา กับ กษัตริย์ซาลมาน ที่ผมเอามาลงประกอบนิทานตอนนี้ ผมกลับเห็นสวนทาง กับไอ้เขี้ยวซีไอเอ ผมดูว่า ใบตองแห้งน่าจะเป็นฝ่าย ใกล้จะลงไปนั่งกับพื้น พนมมือพูดกับกษัตริย์ซาลมานร่อมร่อแล้ว เหมือนกับเป็นตัวปลอม คนละคน กับที่พูด กับคุณพี่ปูติน หรือ อาเฮียสี ช่วงวันประชุมสหประชาชาติ อย่างไม่น่าเชื่อ น่าสนใจนะครับ

    ไอ้เขี้ยวยาวซีไอเอ ยังบอกว่า บิน นาเยฟ อาจจะเป็นคนที่เข้ากับอเมริกันได้มากที่สุด ในจำนวนผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่จะครองบัลลังค์ซาอูด และเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งเรื่องข่าวกรองมากที่สุดในโลกตะวันออกกลาง ที่อเมริกาชื่นชม ถึงขนาดบอกว่า ฉลาดที่สุดในรุ่นเดียวกัน และต่างกับพ่อของเขา the Black Price และ บิน นาเยฟ ดูเหมือนจะพอทำงานร่วมกับอเมริกันได้ และเข้ากับโอบามาได้ดี ที่แคมป์เดวิด แต่ บิน นาเยฟ มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และมันจะมากขึ้น หลังเทศกาลอาหรับสปริงจบจริงๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ น่าจะรู้ดีว่า เขาต้องมีเพื่อนในยามนั้น…

    ที่เล่ามาทั้ง 8 ตอนนี้ สรุปได้ว่า เป็นรายการ ทั้งขู่เข็ญ ทั้งเปิดโปง ทั้งปิดปาก ของอเมริกา ต่อเพื่อนรัก ที่คบกันมากว่า 70 ปี อย่างน่าชื่นชมในฝีมือการเขียน
    ซีไอเอเก๋า เขี้ยวยาวเจ้าของบทความขู่สท้านโลก ตบท้ายว่า…. แต่วอชิงตัน จะทำใจยอมรับ อย่างไม่หลอกตัวเอง ไม่มีภาพลวงตา หรือเหมาเอาเอง ได้หรือไม่ว่า ซาอุดิอารเบียที่เป็นประเทศ ที่ยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังเหลืออยู่ในโลก กับราชวงศ์ซาอูด จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลง การปกครองประเทศของตน ไปจากแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันอย่างง่ายๆ และราชวงศ์ซาอูด ก็จะไม่มีวันตัดขาดกับกลุ่มวะฮาบีและเปลี่ยนแปลงความเชื่อของเขา และไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายบิน นาเยฟ หรือเจ้าชายบิน ซาลมาน รวมทั้งราชวงศ์ที่เหลือทุกคน ต่างมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่รอดมาได้เช่นนี้กว่า 250 ปีแล้ว ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ และรุนแรง และพวกเขาก็คิดว่า จะอยู่รอดแบบนี้ ต่อไป…

    ซาอุดิอารเบียและอเมริกา จะจับมือกันต่อไปไหม จะจับมือแบบอยู่รอดด้วยกัน หรือจับมือฉิบหายไปด้วยกัน หรือพวกเขาจะแยกทางกันเดิน และแยกทางกันเละ … รออ่านตอนสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ อย่าพลาดนะครับ!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 8 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 8 เยเมน เป็นเหมือนหนามตำตีน ซาอุดิอารเบียมาตลอดเวลากว่า 70 ปีมาแล้ว อิบน์ ซาอูด เคยยกพลไปทำสงครามกับเยเมน เมื่อปี ค.ศ.1934 กองทัพซาอุ ยึดพื้นที่ริมทะเลแดงได้ แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ตามแนวภูเขาและตัวเมืองชั้นในได้สัญญาสงบศึกระหว่าง 2 ประเทศ ที่ทำขึ้น ทำให้เยเมนต้องเสียหลายเมืองตามแนวเขตแดนให้แก่ซาอุดิอารเบีย และทำให้ขบวนการทวงดินแดนของเยเมนไม่เคยหมดไป เมื่อตอนปี ค.ศ.1960 ซาอุ สนับสนุนราชวงศ์เซดี ที่ปกครองเยเมน ในการต่อสู้กับฝ่ายอียิปต์ ที่ให้การสนับสนุนขบวนการเป็นสาธารณรัฐของเยเมน ที่ประกาศว่า จะโค่นล้มระบบกษัตริย์ทั้งคาบสมุทรอารเบีย แต่พอถึงเดือนมีนาคมปีนี้ (2015) ฝ่ายซาอุ ดันยิงจรวดเข้าถล่มกลุ่มฮูตติ ที่เป็นพวกกับกบฏเซดี ซึ่งกำลังรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนได้ และขับไล่รัฐบาลเยเมนที่พวกซาอุดิอารเบียสนับสนุน พ่ายแพ้หนีออกไปจากเมืองซานะ เข้าไปพึ่งใบบุญของซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปีที่แล้ว โอ้ย วุ่นกันฉิบหาย…. อย่าเพิ่งงงนะครับ อ่านช้าๆ หลายหนก็ได้ เพราะนี่เรากำลังจะเข้าไปสู่จุดชี้ชะตา ของซาอุดิอารเบีย และก็อาจจะเป็นจุดชี้ชะตา ของอเมริกาด้วยก็ได้…. เขาว่า ซาอุ ตัดสินใจส่งจรวดให้เยเมน เพียงเพราะฝ่ายซาอุไปได้ข่าวมาว่า พวกเซดีตกลงใจที่จะให้เส้นทางบินแก่อิหร่าน ที่จะบินตรงจากเตหะรานมาเยเมน และเยเมนยังตกลงใจที่จะให้อิหร่านใช้ท่าเรือฮูเดดาห์ Hudaydah ของเยเมน แถมกำลังมีการเจรจาจะซื้อน้ำมันราคาถูกระหว่างเยเมนกับอิหร่านอีกด้วย สรุปว่า เยเมนได้รับจรวด เพราะซาอุดิอารเบียประสาทกินเรื่องอิหร่าน เรื่องนี้ทำให้ซาอุ ออกแขกจริงๆ และไปรวบรวมเพื่อนขี่อูฐด้วยกัน ให้มาไล่ถล่มเยเมน นอกจากพรรคพวกแถวอ่าวแล้ว ยังมี จอร์แดน โมรอคโค และอิยิปต์บอกเอาด้วย แต่ที่น่าสนใจ โอมานและปากีสถาน เพื่อนเก่าบอก ไม่เอากับซาอุด้วย เออ น่าคิด สำหรับโอมาน เข้าใจว่าพยายามจะวางตัวเป็นกลาง เพราะยืนอยู่ใกล้ปากอิหร่านเหลือเกิน และยิ่งเป็นอิหร่านที่กำลังมาแรงเสียด้วย ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่โอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ แต่สำหรับปากีสถาน ซึ่งเคยว่าไงว่ากันกับอเมริกา และ อยู่ในบัญชี ประเภทสามารถรูดบัตรเติมเงินกับซาอุดิอารเบียได้มาตลอดนี่ … ยิ่งกว่าน่าสนใจ อเมริกาอ้างว่า ตัวเองให้การสนับสนุนซาอุในเรื่องยิงจรวดใส่เยเมนเฉพาะ ด้านงานข่าวกรอง และด้านสภาพพื้นที่ในเยเมน แม้ว่าทางริยาร์ดจะแจ้งทางอเมริกาล่วงหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะยิงจรวดลูกแรกใส่เยเมน การบุกเยเมนในครั้งนี้ของซาอุดิอารเบีย ถือเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซาอุดิอารเบีย ที่ผ่านๆมา ซาอุ จะทำอย่างไม่เปิดเผย แถมซ่อนไปซ้อนมาเสียอีกด้วยซ้ำ ในความเห็นของอเมริกา การที่ซาอุดิอารเบียยิงจรวดใส่เยเมนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันตรายกับซาอุเองอย่างยิ่ง …อ้าว แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนรักกันเลย จริงๆ ต้องด่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะไปยิงจรวดใส่บ้านคนอื่นเขาง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงวะ ที่แค่ยังไม่มีการเลือกตั้ง มึงยังเสือกปากเข้ามาไม่เลิก… และจนถึงทุกวันนี้ การสู้รบที่เยเมน ก็ไม่ได้เกิดผลดีกับซาอุแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างยังยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุกับพวกอ้างว่าคุมได้แล้วทางอากาศ ชายฝั่งและท่าเรือทางใต้ของเอเดน ขณะที่ฝ่ายซาดีฮูตติและพวก ก็อ้างว่าควบคุมทางเหนือของเยเมนได้เกือบหมดแล้ว และระหว่างที่ซาอุและพวกฟาดฟันยุ่งอยู่กับพวกฮูตติ จึงเป็นโอกาสให้อัลไดดาขยายฐานเข้าไปยึดได้เมืองใหญ่ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเดิม ที่พ่อของบิน ลาเดน เคยอยู่มาก่อนที่จะอพยพไปอยู่ในซาอุดิอารเบีย สงครามเยเมน จึงเสมือนเป็นบททดสอบ บทแรกของกษัตริย์ซัลมาน เกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย คาบสมุทรอารเบีย และรวมไปถึงภูมิภาคด้วย การรบเยเมน มีทั้งมิติเรื่องระหว่างนิกาย และเรื่องชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค ระหว่างซาอุกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ ในความคิดของอเมริกา สงครามเยเมนยังเป็นสงครามที่แสดงให้เห็นว่า เทศกาลอาหรับสปริง ที่ซาอุดิอารเบียต่อต้านมาตลอดนั้น ยังไม่จบลง… อเมริกาเชื่อว่า การต่อสู้ที่เยเมน จะดึงฝ่ายอื่นๆเข้ามาร่วมรายการเพิ่มขึ้นอีก จะยืดเยื้อ และขยายวงออกไปนอกเยเมนถึงประเทศอื่นๆอีกด้วย …เป็นการวิจารณ์ ที่ทำให้มองเห็น เยเมน กำลังเป็นไฟลามทุ่ง…. นอกจากนี้ อเมริกายังคาดการณ์ เหมือนเป็นลางร้ายอีกว่า เยเมนอาจจบลง อย่างเป็นจุดด่างของการครองราชย์ของกษัตริย์ซาลมาน และเป็นการจบสิ้นของความทะเยอทะยานของทั้ง บิน นาเยฟ และ บิน ซาลมาน ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะได้มีส่วนร่วมกับสงครามนี้อย่างไร ชัดเจนว่า บิน ซาลมานที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม คงเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่พ่อเชื่อใจมาก เป็นตัวแทนพ่อ ไปเยี่ยมรัสเซียและฝรั่งเศส และเมื่อกษัตริย์ซาลมาน ยกเลิกแผนที่จะไปพบโอบามา ที่แคมป์เดวิด เพื่อที่จะไปบอกกับโอบามา ว่าตนเองขุ่นเคืองขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน กษัตริย์ซัลมาน ก็ส่งเจ้าชายทั้ง 2 คน ทั้ง MBN และ MBS ไปพบโอบามาแทนตน ซึ่งโอบามา กลับพูดเร่งรัดเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็สนับสนุนเรื่องสงครามกับเยเมน และในที่สุด เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปวอชิงตันเข้าจริงๆ การสนทนากลับสั้น และฝ่ายซาอุกลับเป็นฝ่าย (ต้อง)ฟัง และการสนทนากลับเน้นไปที่ลูกมากกว่าพ่อ …แต่ โปรดสังเกตดูรูปภาพการสนทนา ระหว่างนายโอบามา กับ กษัตริย์ซาลมาน ที่ผมเอามาลงประกอบนิทานตอนนี้ ผมกลับเห็นสวนทาง กับไอ้เขี้ยวซีไอเอ ผมดูว่า ใบตองแห้งน่าจะเป็นฝ่าย ใกล้จะลงไปนั่งกับพื้น พนมมือพูดกับกษัตริย์ซาลมานร่อมร่อแล้ว เหมือนกับเป็นตัวปลอม คนละคน กับที่พูด กับคุณพี่ปูติน หรือ อาเฮียสี ช่วงวันประชุมสหประชาชาติ อย่างไม่น่าเชื่อ น่าสนใจนะครับ ไอ้เขี้ยวยาวซีไอเอ ยังบอกว่า บิน นาเยฟ อาจจะเป็นคนที่เข้ากับอเมริกันได้มากที่สุด ในจำนวนผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่จะครองบัลลังค์ซาอูด และเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งเรื่องข่าวกรองมากที่สุดในโลกตะวันออกกลาง ที่อเมริกาชื่นชม ถึงขนาดบอกว่า ฉลาดที่สุดในรุ่นเดียวกัน และต่างกับพ่อของเขา the Black Price และ บิน นาเยฟ ดูเหมือนจะพอทำงานร่วมกับอเมริกันได้ และเข้ากับโอบามาได้ดี ที่แคมป์เดวิด แต่ บิน นาเยฟ มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และมันจะมากขึ้น หลังเทศกาลอาหรับสปริงจบจริงๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ น่าจะรู้ดีว่า เขาต้องมีเพื่อนในยามนั้น… ที่เล่ามาทั้ง 8 ตอนนี้ สรุปได้ว่า เป็นรายการ ทั้งขู่เข็ญ ทั้งเปิดโปง ทั้งปิดปาก ของอเมริกา ต่อเพื่อนรัก ที่คบกันมากว่า 70 ปี อย่างน่าชื่นชมในฝีมือการเขียน ซีไอเอเก๋า เขี้ยวยาวเจ้าของบทความขู่สท้านโลก ตบท้ายว่า…. แต่วอชิงตัน จะทำใจยอมรับ อย่างไม่หลอกตัวเอง ไม่มีภาพลวงตา หรือเหมาเอาเอง ได้หรือไม่ว่า ซาอุดิอารเบียที่เป็นประเทศ ที่ยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังเหลืออยู่ในโลก กับราชวงศ์ซาอูด จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลง การปกครองประเทศของตน ไปจากแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันอย่างง่ายๆ และราชวงศ์ซาอูด ก็จะไม่มีวันตัดขาดกับกลุ่มวะฮาบีและเปลี่ยนแปลงความเชื่อของเขา และไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายบิน นาเยฟ หรือเจ้าชายบิน ซาลมาน รวมทั้งราชวงศ์ที่เหลือทุกคน ต่างมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่รอดมาได้เช่นนี้กว่า 250 ปีแล้ว ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ และรุนแรง และพวกเขาก็คิดว่า จะอยู่รอดแบบนี้ ต่อไป… ซาอุดิอารเบียและอเมริกา จะจับมือกันต่อไปไหม จะจับมือแบบอยู่รอดด้วยกัน หรือจับมือฉิบหายไปด้วยกัน หรือพวกเขาจะแยกทางกันเดิน และแยกทางกันเละ … รออ่านตอนสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ อย่าพลาดนะครับ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • เกิดปฏิบัติการทางอากาศครั้งที่ 2 ในวันเดียวกัน หลังมีรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย เปิดฉากโจมตีเป้าหมายทางทหารในพื้นที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
    .
    รายงานระบุว่า การโจมตีเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. โดยเป็นการทิ้งระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการทางทหารกัมพูชาเขตที่ 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตรวจพบการซ่องสุมกำลังพลและอาวุธในลักษณะคุกคามต่อความมั่นคงและอธิปไตยของไทย
    .
    เป้าหมายดังกล่าวยังถูกระบุว่าเป็นอาคารที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ และใช้เป็นคลังอาวุธของฝ่ายกัมพูชา โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีรอบที่สองของวัน หลังมีรายงานการใช้กำลังทางอากาศในพื้นที่เดียวกันก่อนหน้านี้
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121878
    .
    #News1live #News1 #F16 #ปอยเปต #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพอากาศ #สแกมเมอร์
    เกิดปฏิบัติการทางอากาศครั้งที่ 2 ในวันเดียวกัน หลังมีรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย เปิดฉากโจมตีเป้าหมายทางทหารในพื้นที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว . รายงานระบุว่า การโจมตีเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. โดยเป็นการทิ้งระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการทางทหารกัมพูชาเขตที่ 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตรวจพบการซ่องสุมกำลังพลและอาวุธในลักษณะคุกคามต่อความมั่นคงและอธิปไตยของไทย . เป้าหมายดังกล่าวยังถูกระบุว่าเป็นอาคารที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ และใช้เป็นคลังอาวุธของฝ่ายกัมพูชา โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีรอบที่สองของวัน หลังมีรายงานการใช้กำลังทางอากาศในพื้นที่เดียวกันก่อนหน้านี้ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121878 . #News1live #News1 #F16 #ปอยเปต #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพอากาศ #สแกมเมอร์
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.ลงพื้นที่ชลบุรี ติดตามคดีแก๊งวัยรุ่นชาวกัมพูชาถ่ายคลิปข่มขู่ท้าทายกฎหมาย โชว์อาวุธและปาระเบิดปิงปอง สร้างความหวาดกลัวให้ประชาชนในหลายพื้นที่
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้เร่งสืบสวนจับกุมผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่มอย่างเด็ดขาด หลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 3 ราย และอยู่ระหว่างติดตามตัวที่เหลือมาดำเนินคดี
    .
    ย้ำชัด ประเทศไทยยินดีต้อนรับชาวต่างชาติทุกคน แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย หากก่อเหตุผิดกฎหมาย เป็นภัยต่อความสงบสุข ตำรวจจะไม่ยอมให้ใครอยู่เหนือกฎหมาย
    .
    หลังเสร็จสิ้นกระบวนการทางคดี ตำรวจจะประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายคนเข้าเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121863
    .
    #News1live #News1 #ผบตร #ตำรวจแห่งชาติ #อาชญากรรม #ความมั่นคง #บังคับใช้กฎหมาย #ไม่ยอมให้ใครอยู่เหนือกฎหมาย
    ผบ.ตร.ลงพื้นที่ชลบุรี ติดตามคดีแก๊งวัยรุ่นชาวกัมพูชาถ่ายคลิปข่มขู่ท้าทายกฎหมาย โชว์อาวุธและปาระเบิดปิงปอง สร้างความหวาดกลัวให้ประชาชนในหลายพื้นที่ . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้เร่งสืบสวนจับกุมผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่มอย่างเด็ดขาด หลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 3 ราย และอยู่ระหว่างติดตามตัวที่เหลือมาดำเนินคดี . ย้ำชัด ประเทศไทยยินดีต้อนรับชาวต่างชาติทุกคน แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย หากก่อเหตุผิดกฎหมาย เป็นภัยต่อความสงบสุข ตำรวจจะไม่ยอมให้ใครอยู่เหนือกฎหมาย . หลังเสร็จสิ้นกระบวนการทางคดี ตำรวจจะประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายคนเข้าเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121863 . #News1live #News1 #ผบตร #ตำรวจแห่งชาติ #อาชญากรรม #ความมั่นคง #บังคับใช้กฎหมาย #ไม่ยอมให้ใครอยู่เหนือกฎหมาย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • กองทัพอากาศชี้แจงกรณีการใช้เครื่องบิน F-16 ปฏิบัติการทางอากาศ หลังมีการเผยแพร่วิดีโอการโจมตีเป้าหมายในพื้นที่ใกล้เมืองปอยเปต ยืนยันว่าไม่ได้โจมตีพื้นที่เมืองหรือพลเรือน
    .
    โฆษกกองทัพอากาศระบุว่า เป้าหมายของปฏิบัติการคือ สป.5 ซึ่งเป็นคลังเก็บอาวุธ กระสุน และวัตถุระเบิด โดยข้อมูลทางการข่าวยืนยันว่าเป็นจุดจัดเก็บจรวด BM-21 ที่เข้าข่ายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศไทย
    .
    การปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามสิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ มุ่งเป้าเฉพาะวัตถุประสงค์ทางทหาร เพื่อจำกัดและลดทอนขีดความสามารถของฝ่ายคู่กรณี
    .
    กองทัพอากาศยืนยันว่า การกำหนดเป้าหมายทุกครั้งผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ ใช้ข้อมูลจากระบบตรวจจับและข่าวกรองภาคพื้นดิน และจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบจากปฏิบัติการ
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121844
    .
    #News1live #News1 #กองทัพอากาศ #F16 #BM21 #ปอยเปต #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    กองทัพอากาศชี้แจงกรณีการใช้เครื่องบิน F-16 ปฏิบัติการทางอากาศ หลังมีการเผยแพร่วิดีโอการโจมตีเป้าหมายในพื้นที่ใกล้เมืองปอยเปต ยืนยันว่าไม่ได้โจมตีพื้นที่เมืองหรือพลเรือน . โฆษกกองทัพอากาศระบุว่า เป้าหมายของปฏิบัติการคือ สป.5 ซึ่งเป็นคลังเก็บอาวุธ กระสุน และวัตถุระเบิด โดยข้อมูลทางการข่าวยืนยันว่าเป็นจุดจัดเก็บจรวด BM-21 ที่เข้าข่ายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศไทย . การปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามสิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ มุ่งเป้าเฉพาะวัตถุประสงค์ทางทหาร เพื่อจำกัดและลดทอนขีดความสามารถของฝ่ายคู่กรณี . กองทัพอากาศยืนยันว่า การกำหนดเป้าหมายทุกครั้งผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ ใช้ข้อมูลจากระบบตรวจจับและข่าวกรองภาคพื้นดิน และจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบจากปฏิบัติการ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121844 . #News1live #News1 #กองทัพอากาศ #F16 #BM21 #ปอยเปต #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • ด่วน! เกิดสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หลังมีรายงานว่า ทหารไทยเปิดปฏิบัติการยิงถล่มเป้าหมายทางทหารในพื้นที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
    .
    โดยเมื่อเวลา 11.54 น. วันที่ 18 ธันวาคม เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force ได้เผยแพร่วิดีโอคลิปการโจมตี พร้อมระบุว่าเป็นการถล่มฐานทหารกัมพูชา จำนวน 5 พิกัด ในพื้นที่เมืองปอยเปต
    .
    รายงานระบุว่า การปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังตรวจพบการซ่องสุมกำลังพลและอาวุธของทหารกัมพูชา ซึ่งเข้าข่ายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศไทย
    .
    ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือความสูญเสียอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐ โดยสถานการณ์ชายแดนยังอยู่ระหว่างการติดตามอย่างใกล้ชิด
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121788
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปอยเปต #ความมั่นคง #สถานการณ์ชายแดน
    ด่วน! เกิดสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หลังมีรายงานว่า ทหารไทยเปิดปฏิบัติการยิงถล่มเป้าหมายทางทหารในพื้นที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว . โดยเมื่อเวลา 11.54 น. วันที่ 18 ธันวาคม เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force ได้เผยแพร่วิดีโอคลิปการโจมตี พร้อมระบุว่าเป็นการถล่มฐานทหารกัมพูชา จำนวน 5 พิกัด ในพื้นที่เมืองปอยเปต . รายงานระบุว่า การปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังตรวจพบการซ่องสุมกำลังพลและอาวุธของทหารกัมพูชา ซึ่งเข้าข่ายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศไทย . ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือความสูญเสียอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐ โดยสถานการณ์ชายแดนยังอยู่ระหว่างการติดตามอย่างใกล้ชิด . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121788 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปอยเปต #ความมั่นคง #สถานการณ์ชายแดน
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • ชำแหละเหลี่ยม “จิรัฏฐ์” ทำไมสู้คดีคนเดียว ปมร้อน “สด.43 ปลอม”
    .
    คดีปลอมใบ สด.43 ของ “จิรัฏฐ์” อดีต สส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคประชาชน กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง หลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา จากข้อหาใช้เอกสารราชการปลอม
    .
    คำถามสำคัญที่ถูกตั้งขึ้น คือเหตุใดจำเลยจึงเลือกเบิกความเพียงคนเดียว ไม่เรียกคณะกรรมการตรวจเลือกทหารในพื้นที่มาเป็นพยาน ทั้งที่ใบ สด.43 ฉบับดังกล่าวถูกใช้สมัคร สส. ถึงสองครั้ง
    .
    กูรูกฎหมายชี้ หากมีการดึงคณะกรรมการตรวจเลือกทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง คดีอาจลุกลามไปสู่คดีทุจริตข้าราชการ และเปลี่ยนเส้นทางการพิจารณาไปอีกระดับ ซึ่งอาจทำให้โทษหนักขึ้นหลายเท่า
    .
    ขณะเดียวกัน การส่งภริยาลงสมัคร สส. แทนตัวเอง ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบของพรรคการเมือง และระบบตรวจสอบภายใน
    .
    คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องส่วนบุคคล แต่สะเทือนถึงมาตรฐานจริยธรรมทางการเมือง และความเชื่อมั่นของประชาชน
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121723 .
    .
    #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #สด43ปลอม #การเมืองไทย #จริยธรรมนักการเมือง
    ชำแหละเหลี่ยม “จิรัฏฐ์” ทำไมสู้คดีคนเดียว ปมร้อน “สด.43 ปลอม” . คดีปลอมใบ สด.43 ของ “จิรัฏฐ์” อดีต สส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคประชาชน กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง หลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา จากข้อหาใช้เอกสารราชการปลอม . คำถามสำคัญที่ถูกตั้งขึ้น คือเหตุใดจำเลยจึงเลือกเบิกความเพียงคนเดียว ไม่เรียกคณะกรรมการตรวจเลือกทหารในพื้นที่มาเป็นพยาน ทั้งที่ใบ สด.43 ฉบับดังกล่าวถูกใช้สมัคร สส. ถึงสองครั้ง . กูรูกฎหมายชี้ หากมีการดึงคณะกรรมการตรวจเลือกทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง คดีอาจลุกลามไปสู่คดีทุจริตข้าราชการ และเปลี่ยนเส้นทางการพิจารณาไปอีกระดับ ซึ่งอาจทำให้โทษหนักขึ้นหลายเท่า . ขณะเดียวกัน การส่งภริยาลงสมัคร สส. แทนตัวเอง ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบของพรรคการเมือง และระบบตรวจสอบภายใน . คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องส่วนบุคคล แต่สะเทือนถึงมาตรฐานจริยธรรมทางการเมือง และความเชื่อมั่นของประชาชน . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121723 . . #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #สด43ปลอม #การเมืองไทย #จริยธรรมนักการเมือง
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • ถ้าไอ่ทอนคุมไทยซัมมิท คงได้ค.ทุกโรงงานในเครือ แม่สมพรจึงเลือกเซฟกิจการ ปล่อยมันไปอาละวาดนอกบ้าน
    #7ดอกจิก
    ถ้าไอ่ทอนคุมไทยซัมมิท คงได้ค.ทุกโรงงานในเครือ แม่สมพรจึงเลือกเซฟกิจการ ปล่อยมันไปอาละวาดนอกบ้าน #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • โฆษก ทอ.ชี้แจงข่าว F-16 โจมตีปอยเปต ย้ำเป้าหมายเป็นคลังอาวุธ-กระสุน -วัตถุระเบิด การข่าวยืนยันเป็นสถานที่จัดเก็บจรวด BM-21 ภัยคุกคามต่อประเทศไทย ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่กระทบพลเรือน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121848

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    โฆษก ทอ.ชี้แจงข่าว F-16 โจมตีปอยเปต ย้ำเป้าหมายเป็นคลังอาวุธ-กระสุน -วัตถุระเบิด การข่าวยืนยันเป็นสถานที่จัดเก็บจรวด BM-21 ภัยคุกคามต่อประเทศไทย ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่กระทบพลเรือน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121848 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • อุบัติเหตุซ้ำซาก
    ไข่หล่น ทลายฐานซ่องสุมกำลังพลและอาวุธในปอยเปต นานาชาติแอบฉลองเงียบๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    อุบัติเหตุซ้ำซาก ไข่หล่น ทลายฐานซ่องสุมกำลังพลและอาวุธในปอยเปต นานาชาติแอบฉลองเงียบๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยว่า ไทยและกัมพูชาตอบรับเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนนัดพิเศษ วันที่ 22 ธันวาคมนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อหารือคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน
    .
    ผู้นำมาเลเซียอ้างว่าการนัดประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อรายงานสถานการณ์และขอแรงสนับสนุนในการโน้มน้าวให้ทั้งสองฝ่ายลดความก้าวร้าว
    .
    อันวาร์ระบุว่า เป้าหมายของการหารือคือการผลักดันให้ไทยและกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงสงบศึก และยุติความตึงเครียดโดยเร็ว พร้อมย้ำมาเลเซียทำหน้าที่ประสาน ไม่ได้สั่งการประเทศสมาชิกอาเซียน
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121656
    .
    #News1live #News1 #อาเซียน #อันวาร์ #ทรัมป์ #ไทยกัมพูชา #ประชุมอาเซียน #การทูต #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยว่า ไทยและกัมพูชาตอบรับเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนนัดพิเศษ วันที่ 22 ธันวาคมนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อหารือคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน . ผู้นำมาเลเซียอ้างว่าการนัดประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อรายงานสถานการณ์และขอแรงสนับสนุนในการโน้มน้าวให้ทั้งสองฝ่ายลดความก้าวร้าว . อันวาร์ระบุว่า เป้าหมายของการหารือคือการผลักดันให้ไทยและกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงสงบศึก และยุติความตึงเครียดโดยเร็ว พร้อมย้ำมาเลเซียทำหน้าที่ประสาน ไม่ได้สั่งการประเทศสมาชิกอาเซียน . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121656 . #News1live #News1 #อาเซียน #อันวาร์ #ทรัมป์ #ไทยกัมพูชา #ประชุมอาเซียน #การทูต #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Haha
    Sad
    2
    1 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทยเดินหน้าดำเนินการทางกฎหมาย กรณีนักกีฬาทีมชาติถูกกล่าวหาว่าใช้โปรแกรมโกงการแข่งขัน RoV ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ โดยเลขาธิการสมาคมได้เข้าแจ้งบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ลุมพินีแล้ว
    .
    สมาคมเตรียมส่งหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการไปยัง 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานข้อเท็จจริงและแนวทางดำเนินการ หลังเกิดกระแสดราม่าสะเทือนวงการอีสปอร์ต และทีมชาติไทยตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขัน
    .
    รายงานระบุว่า ขณะนี้ทราบตัวบุคคลที่ถูกสงสัยว่าสวมรอยแข่งขันจากนอกสนามแล้ว ซึ่งเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตเช่นกัน โดยสมาคมย้ำต้องการให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121654
    .
    #News1live #News1 #อีสปอร์ต #RoV #ซีเกมส์ #โกงการแข่งขัน #สมาคมอีสปอร์ต #วงการกีฬา
    สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทยเดินหน้าดำเนินการทางกฎหมาย กรณีนักกีฬาทีมชาติถูกกล่าวหาว่าใช้โปรแกรมโกงการแข่งขัน RoV ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ โดยเลขาธิการสมาคมได้เข้าแจ้งบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ลุมพินีแล้ว . สมาคมเตรียมส่งหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการไปยัง 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานข้อเท็จจริงและแนวทางดำเนินการ หลังเกิดกระแสดราม่าสะเทือนวงการอีสปอร์ต และทีมชาติไทยตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขัน . รายงานระบุว่า ขณะนี้ทราบตัวบุคคลที่ถูกสงสัยว่าสวมรอยแข่งขันจากนอกสนามแล้ว ซึ่งเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตเช่นกัน โดยสมาคมย้ำต้องการให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121654 . #News1live #News1 #อีสปอร์ต #RoV #ซีเกมส์ #โกงการแข่งขัน #สมาคมอีสปอร์ต #วงการกีฬา
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขยายมาตรการแบนการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพิ่มอีก 7 ประเทศ รวมถึงลาวและซีเรีย ตลอดจนผู้ถือพาสปอร์ตปาเลสไตน์ โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง และการป้องกันภัยคุกคามต่อสังคมอเมริกัน
    .
    ทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายสกัดนักเดินทางจากประเทศที่ถูกมองว่าเป็นความเสี่ยง หลังทรัมป์ใช้ท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นต่อปัญหาคนเข้าเมือง พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯต้องปกป้องเสถียรภาพของประเทศ
    .
    นอกจากลาว ประเทศที่ถูกแบนเพิ่มเติมยังรวมถึงชาติยากจนในแอฟริกาหลายประเทศ ขณะที่บางชาติถูกจำกัดการเดินทางเพียงบางส่วน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากนานาชาติ
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121228
    .
    #News1live #News1 #ทรัมป์ #แบนเดินทาง #สหรัฐ #ลาว #ปาเลสไตน์ #การเมืองโลก #ข่าวต่างประเทศ
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขยายมาตรการแบนการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพิ่มอีก 7 ประเทศ รวมถึงลาวและซีเรีย ตลอดจนผู้ถือพาสปอร์ตปาเลสไตน์ โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง และการป้องกันภัยคุกคามต่อสังคมอเมริกัน . ทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายสกัดนักเดินทางจากประเทศที่ถูกมองว่าเป็นความเสี่ยง หลังทรัมป์ใช้ท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นต่อปัญหาคนเข้าเมือง พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯต้องปกป้องเสถียรภาพของประเทศ . นอกจากลาว ประเทศที่ถูกแบนเพิ่มเติมยังรวมถึงชาติยากจนในแอฟริกาหลายประเทศ ขณะที่บางชาติถูกจำกัดการเดินทางเพียงบางส่วน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากนานาชาติ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121228 . #News1live #News1 #ทรัมป์ #แบนเดินทาง #สหรัฐ #ลาว #ปาเลสไตน์ #การเมืองโลก #ข่าวต่างประเทศ
    Haha
    1
    2 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 5

    ” ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 5
    เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ซาอุดิอารเบียใช้เวลากวาดกลุ่มอัลไคดา ให้หมดไปจากบ้านตัวเอง อัลไคดาหมดไปจากซาอุ แต่ไม่ได้สูญพันธ์ กลับขยายตัวแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง และอาฟริกา ในปี ค.ศ.2009 กลุ่มอัลไคดาที่หลบออกไปจากซาอุ ไปโผล่ที่เยเมนแทน และมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินที่จะบินไปอเมริกา บิน นาเยฟ หรือ MBN ตามที่อเมริกาเรียก ได้แจ้งข่าวนี้ไปทางวอชิงตัน และในที่สุดก็จับตัวคนที่พกระเบิดขึ้นเครื่องบินได้ (อ่านรายละเอียดตอนนี้ได้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว”)
    บิน นาเยฟ ได้รับความชื่นชมจากอเมริกาอย่าง ยิ่ง ถึงขนาดเรียกเขาว่า เป็นเจ้าพ่อข่าวกรอง บิน นาเยฟ ยังแสดงผลงานต่อ เมื่อ อับดุลลา อสิรี Abdullah Asiri อัลไคดา ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ตกลงจะมอบตัว โดยมีเงื่อนไขว่า จะมอบตัวกับ บิน นาเยฟ คนเดียวเท่านั้น และถ้า บิน นาเยฟ ตกลง เขาอาจจะพูดให้พี่ชาย อิบราฮิม อสิรี Ibrahim Asiri มือวางระเบิดคนสำคัญ มามอบตัวอีกด้วย บิน นาเยฟ ตกลง และนัดมอบตัวกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009
    เมื่อพบกัน ทั้ง 2 นั่งบนเบาะที่วางบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน หลังจากนั้น อสิรี ก็ร้องไห้ และหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนมาในเสื้อคลุม ขอโทรไปหาครอบครัว และพูดกับพี่ชาย พูดเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้บิน นาเยฟ บอกว่าพี่ชายจะพูดด้วย ระหว่างที่ บิน นาเยฟ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ พร้อมกล่าวคำทักทาย อิสิรี ก็กดระเบิดที่ซ่อนมาในทวารหนัก ระเบิดเป็นหลุมลึกใต้เบาะที่เขานั่ง ส่วนตัวเขา แหลกละเอียด ตายต่อหน้า บิน นาเยฟ ซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดด้วย แต่ไม่สาหัส
    ในปี ค.ศ.2011 เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมงกุฏราชกุมาร ซึ่งทำให้ฝั่งอเมริกาตาเหลือกไปทั้งทำเนียบในวอชิงตัน และ ในปีนั้นเอง ตะวันออกกลางก็เกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่อเมริกาอ้างว่า ได้รับการชื่นชมจากพวกตะวันตก อย่างยิ่ง ที่ผู้นำเผด็จการทั้งหลาย ต่างร่วงผล่อยไปตามๆกัน ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย อียิปต์ และมาถึง บาห์เรน เพื่อนบ้านของซาอุดิ อารเบีย
    มันเป็นการเขียนเสือให้วัว หรืออูฐ กลัว หรือเปล่านะ
    เจ้าชายนาเยฟ เดือดดาลมาก ที่โอบามา บีบให้มูบารัคประธานาธิบดีของอียิปต์ลาออก และเมื่อบาห์เรน ซึ่งดูเหมือนจะเจอเทศกาลอาหรับสปริงไปด้วย นาเยฟ ไม่ยอมให้บาห์เรนเป็นเหมือนอียิปต์ เขาให้ราชวงศ์ซาอูด ช่วยราชวงศ์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นนิกายสุนนีด้วยกัน จึงทำให้เกิดมีการเผชิญหน้ากัน ระหว่างนิกายชีอะ กับสุนนี่ในบาห์เรนอีกด้วย การปราบปรามในบาห์เรนใช้ไม้แข็ง หรือลูกตะกั่ว ซึ่งอเมริกาอ้างว่า ได้ประท้วงการใช้ความรุนแรงอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ และกองทัพของซาอุดิอารเบีย ก็ยังอยู่เต็มในบาห์เรนจนทุกวันนี้
    เจ้าชายนาเยฟ หรือ the Black Prince ในสายตาของอเมริกา ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้มงวด และใช้อำนาจของซาอุดิอารเบียอย่างเต็มอัตรา อเมริกาเหน็บแนมว่า เจ้าชายนาเยฟ กำลังส่งเสริมให้ซาอุดิอารเบียใช้อำนาจของราชวงศ์ซาอูด แบบ “Pax Saudiana” คือสันติภาพและเสรีภาพแบบซาอุดิอารเบีย ใครที่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น
    … แล้วต่างอะไรกับ Pax Americana ของอเมริกา ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพ ต้องทำตามที่กูบอกเท่านั้น...ไม่งั้นเป็นผู้ก่อการร้าย….ฮาครับ
    นอกจากนี้ เจ้าชายนาเยฟ ยังถูกอเมริกาวิจารณ์ว่า เจ้าชาย เป็นคนยุ กษัตริย์ อับดุลลาห์ ว่า อย่ายอมใจอ่อน กับพวกที่ต้องการให้มีการปฏิรูป เด็ดขาด ขณะที่กษัตริย์อับดุลลาห์ มีแนวโน้มที่จะเดินสายกลาง โดยพยายามจะเปลี่ยนประเทศ อย่างช้าๆเป็นขั้นตอน เน้นให้ประชาชนมีการศึกษามากขึ้น และ เคยพูดว่า อาจเปิดทางให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถได้ด้วย นอกจากนี้ กษัตริย์อับดุลลาห์ ยังจัดสรรเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นกลาง และชั้นล่างของ ซาอุดิอารเบียอีกด้วย
    ถึงกระนั้น ในสายตาของอเมริกา กษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ไม่เคยแตะเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาเลย และเจ้าชาย บิน นาเยฟ ที่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็เคร่งครัดเรื่องศาสนา และดำเนินการรุนแรง กับผู้ที่กระทำผิดทางคำสอนของศาสนาเช่นกัน
    อเมริกาบอก บิน นาเยฟ อาจจะเชี่ยวชาญ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายในราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย แต่ไม่เห็นอันตราย ของการห้ามประชาชนที่จะแสดงความเห็นอย่างอิสระ และทำให้ความพยายามของอับดุลลาห์ ที่จะปฏิรูปประเทศ ก็เลยเหมือนกับค้างอยู่กลางทาง
    เจ้าชายนาเยฟ ขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารได้เพียงปีเดียว ใน ปี ค.ศ.2012 ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ในวัย 78 ปี ที่โรงพยาบาลในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก ดังยาวไปทั้งทางเดินที่ทำเนียบในวอชิงตัน …..นี่ ผมเขียนตามถ้อยคำ ที่คนเขียนบทความเกี่ยวกับ the Black Prince ใช้เลยนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 5 ” ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 5 เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ซาอุดิอารเบียใช้เวลากวาดกลุ่มอัลไคดา ให้หมดไปจากบ้านตัวเอง อัลไคดาหมดไปจากซาอุ แต่ไม่ได้สูญพันธ์ กลับขยายตัวแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง และอาฟริกา ในปี ค.ศ.2009 กลุ่มอัลไคดาที่หลบออกไปจากซาอุ ไปโผล่ที่เยเมนแทน และมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินที่จะบินไปอเมริกา บิน นาเยฟ หรือ MBN ตามที่อเมริกาเรียก ได้แจ้งข่าวนี้ไปทางวอชิงตัน และในที่สุดก็จับตัวคนที่พกระเบิดขึ้นเครื่องบินได้ (อ่านรายละเอียดตอนนี้ได้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว”) บิน นาเยฟ ได้รับความชื่นชมจากอเมริกาอย่าง ยิ่ง ถึงขนาดเรียกเขาว่า เป็นเจ้าพ่อข่าวกรอง บิน นาเยฟ ยังแสดงผลงานต่อ เมื่อ อับดุลลา อสิรี Abdullah Asiri อัลไคดา ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ตกลงจะมอบตัว โดยมีเงื่อนไขว่า จะมอบตัวกับ บิน นาเยฟ คนเดียวเท่านั้น และถ้า บิน นาเยฟ ตกลง เขาอาจจะพูดให้พี่ชาย อิบราฮิม อสิรี Ibrahim Asiri มือวางระเบิดคนสำคัญ มามอบตัวอีกด้วย บิน นาเยฟ ตกลง และนัดมอบตัวกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009 เมื่อพบกัน ทั้ง 2 นั่งบนเบาะที่วางบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน หลังจากนั้น อสิรี ก็ร้องไห้ และหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนมาในเสื้อคลุม ขอโทรไปหาครอบครัว และพูดกับพี่ชาย พูดเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้บิน นาเยฟ บอกว่าพี่ชายจะพูดด้วย ระหว่างที่ บิน นาเยฟ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ พร้อมกล่าวคำทักทาย อิสิรี ก็กดระเบิดที่ซ่อนมาในทวารหนัก ระเบิดเป็นหลุมลึกใต้เบาะที่เขานั่ง ส่วนตัวเขา แหลกละเอียด ตายต่อหน้า บิน นาเยฟ ซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดด้วย แต่ไม่สาหัส ในปี ค.ศ.2011 เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมงกุฏราชกุมาร ซึ่งทำให้ฝั่งอเมริกาตาเหลือกไปทั้งทำเนียบในวอชิงตัน และ ในปีนั้นเอง ตะวันออกกลางก็เกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่อเมริกาอ้างว่า ได้รับการชื่นชมจากพวกตะวันตก อย่างยิ่ง ที่ผู้นำเผด็จการทั้งหลาย ต่างร่วงผล่อยไปตามๆกัน ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย อียิปต์ และมาถึง บาห์เรน เพื่อนบ้านของซาอุดิ อารเบีย มันเป็นการเขียนเสือให้วัว หรืออูฐ กลัว หรือเปล่านะ เจ้าชายนาเยฟ เดือดดาลมาก ที่โอบามา บีบให้มูบารัคประธานาธิบดีของอียิปต์ลาออก และเมื่อบาห์เรน ซึ่งดูเหมือนจะเจอเทศกาลอาหรับสปริงไปด้วย นาเยฟ ไม่ยอมให้บาห์เรนเป็นเหมือนอียิปต์ เขาให้ราชวงศ์ซาอูด ช่วยราชวงศ์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นนิกายสุนนีด้วยกัน จึงทำให้เกิดมีการเผชิญหน้ากัน ระหว่างนิกายชีอะ กับสุนนี่ในบาห์เรนอีกด้วย การปราบปรามในบาห์เรนใช้ไม้แข็ง หรือลูกตะกั่ว ซึ่งอเมริกาอ้างว่า ได้ประท้วงการใช้ความรุนแรงอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ และกองทัพของซาอุดิอารเบีย ก็ยังอยู่เต็มในบาห์เรนจนทุกวันนี้ เจ้าชายนาเยฟ หรือ the Black Prince ในสายตาของอเมริกา ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้มงวด และใช้อำนาจของซาอุดิอารเบียอย่างเต็มอัตรา อเมริกาเหน็บแนมว่า เจ้าชายนาเยฟ กำลังส่งเสริมให้ซาอุดิอารเบียใช้อำนาจของราชวงศ์ซาอูด แบบ “Pax Saudiana” คือสันติภาพและเสรีภาพแบบซาอุดิอารเบีย ใครที่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น … แล้วต่างอะไรกับ Pax Americana ของอเมริกา ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพ ต้องทำตามที่กูบอกเท่านั้น...ไม่งั้นเป็นผู้ก่อการร้าย….ฮาครับ นอกจากนี้ เจ้าชายนาเยฟ ยังถูกอเมริกาวิจารณ์ว่า เจ้าชาย เป็นคนยุ กษัตริย์ อับดุลลาห์ ว่า อย่ายอมใจอ่อน กับพวกที่ต้องการให้มีการปฏิรูป เด็ดขาด ขณะที่กษัตริย์อับดุลลาห์ มีแนวโน้มที่จะเดินสายกลาง โดยพยายามจะเปลี่ยนประเทศ อย่างช้าๆเป็นขั้นตอน เน้นให้ประชาชนมีการศึกษามากขึ้น และ เคยพูดว่า อาจเปิดทางให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถได้ด้วย นอกจากนี้ กษัตริย์อับดุลลาห์ ยังจัดสรรเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นกลาง และชั้นล่างของ ซาอุดิอารเบียอีกด้วย ถึงกระนั้น ในสายตาของอเมริกา กษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ไม่เคยแตะเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาเลย และเจ้าชาย บิน นาเยฟ ที่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็เคร่งครัดเรื่องศาสนา และดำเนินการรุนแรง กับผู้ที่กระทำผิดทางคำสอนของศาสนาเช่นกัน อเมริกาบอก บิน นาเยฟ อาจจะเชี่ยวชาญ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายในราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย แต่ไม่เห็นอันตราย ของการห้ามประชาชนที่จะแสดงความเห็นอย่างอิสระ และทำให้ความพยายามของอับดุลลาห์ ที่จะปฏิรูปประเทศ ก็เลยเหมือนกับค้างอยู่กลางทาง เจ้าชายนาเยฟ ขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารได้เพียงปีเดียว ใน ปี ค.ศ.2012 ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ในวัย 78 ปี ที่โรงพยาบาลในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก ดังยาวไปทั้งทางเดินที่ทำเนียบในวอชิงตัน …..นี่ ผมเขียนตามถ้อยคำ ที่คนเขียนบทความเกี่ยวกับ the Black Prince ใช้เลยนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • บ่วงวงกตลงครบ 18 ตอนจบบริบูรณ์ที่ Anowl.co นะคะ แวะเข้าไปอ่านกันได้ค่ะ
    https://anowl.co/anowlruang/baan-wongkot-cirrus-halo/part018_end/
    บ่วงวงกตลงครบ 18 ตอนจบบริบูรณ์ที่ Anowl.co นะคะ แวะเข้าไปอ่านกันได้ค่ะ https://anowl.co/anowlruang/baan-wongkot-cirrus-halo/part018_end/
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • “Sapphire ชี้ DRAM จะเริ่มนิ่งในปีหน้า – แต่ราคาอาจยังสูงกว่าที่คาดหวัง”

    Edward Crisler ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Sapphire ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ตลาด DRAM กำลังเผชิญวิกฤตราคาพุ่งสูงจากความต้องการ AI และการกักตุนสินค้า แต่เขาเชื่อว่าภายใน 6–8 เดือน สถานการณ์จะเริ่ม “นิ่ง” อย่างไรก็ตาม ราคาที่นิ่งนั้นอาจยังคงสูงกว่าที่ผู้บริโภคคาดหวังไว้

    Crisler เปรียบเทียบวิกฤต DRAM กับความไม่แน่นอนจากสงครามภาษี โดยชี้ว่าไม่ใช่ตัวภาษีเองที่เป็นปัญหา แต่เป็นความผันผวนและความไม่สามารถคาดเดาได้ที่ทำให้ตลาดเกิดความตื่นตระหนกและราคาพุ่งสูงขึ้น เช่นเดียวกับกรณี DRAM ที่ความต้องการจาก AI ทำให้เกิดการกักตุนและผลักดันราคาสูงขึ้นหลายเท่า

    แม้จะมีคำเตือนจากผู้ผลิตรายอื่น เช่น Kingston ที่แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเกรดก่อนราคาจะสูงขึ้นไปอีก แต่ Crisler กลับแนะนำให้ผู้บริโภค “ใจเย็น” และใช้ระบบที่มีอยู่ต่อไป เพราะเชื่อว่าตลาดจะปรับตัวเองได้ในที่สุด

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการ “นิ่ง” ของตลาดไม่ได้หมายถึงราคาจะกลับไปถูกเหมือนเดิม แต่เป็นการเข้าสู่ระดับราคาที่สูงกว่าเดิมและคงอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่วางแผนประกอบหรืออัปเกรดเครื่องในปีหน้า

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Sapphire คาด DRAM จะเริ่มนิ่งใน 6–8 เดือน
    แต่ราคาที่นิ่งอาจยังสูงกว่าที่ผู้บริโภคต้องการ

    วิกฤต DRAM คล้ายสงครามภาษี
    ปัญหาหลักคือความไม่แน่นอนและความผันผวน ไม่ใช่ตัวภาษีหรือการขาดแคลนเพียงอย่างเดียว

    คำแนะนำจาก Sapphire
    ผู้ใช้ควรใจเย็น ใช้ระบบที่มีอยู่ และไม่รีบซื้อในช่วงราคาพุ่ง

    คำเตือนจากผู้ผลิตรายอื่น
    Kingston เตือนว่าราคาจะยังคงขึ้นต่อเนื่อง และควรรีบอัปเกรดก่อนแพงกว่าเดิม

    ความเสี่ยงต่อผู้บริโภค
    แม้ตลาดจะนิ่ง แต่ราคาที่สูงอาจกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของ DRAM ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/sapphire-rep-predicts-dram-prices-will-begin-to-stabilize-in-the-next-6-8-months-but-warns-it-may-not-be-the-prices-we-want-gpu-vendor-says-memory-crisis-is-similar-to-tariff-uncertainty
    📰 “Sapphire ชี้ DRAM จะเริ่มนิ่งในปีหน้า – แต่ราคาอาจยังสูงกว่าที่คาดหวัง” Edward Crisler ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Sapphire ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ตลาด DRAM กำลังเผชิญวิกฤตราคาพุ่งสูงจากความต้องการ AI และการกักตุนสินค้า แต่เขาเชื่อว่าภายใน 6–8 เดือน สถานการณ์จะเริ่ม “นิ่ง” อย่างไรก็ตาม ราคาที่นิ่งนั้นอาจยังคงสูงกว่าที่ผู้บริโภคคาดหวังไว้ Crisler เปรียบเทียบวิกฤต DRAM กับความไม่แน่นอนจากสงครามภาษี โดยชี้ว่าไม่ใช่ตัวภาษีเองที่เป็นปัญหา แต่เป็นความผันผวนและความไม่สามารถคาดเดาได้ที่ทำให้ตลาดเกิดความตื่นตระหนกและราคาพุ่งสูงขึ้น เช่นเดียวกับกรณี DRAM ที่ความต้องการจาก AI ทำให้เกิดการกักตุนและผลักดันราคาสูงขึ้นหลายเท่า แม้จะมีคำเตือนจากผู้ผลิตรายอื่น เช่น Kingston ที่แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเกรดก่อนราคาจะสูงขึ้นไปอีก แต่ Crisler กลับแนะนำให้ผู้บริโภค “ใจเย็น” และใช้ระบบที่มีอยู่ต่อไป เพราะเชื่อว่าตลาดจะปรับตัวเองได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการ “นิ่ง” ของตลาดไม่ได้หมายถึงราคาจะกลับไปถูกเหมือนเดิม แต่เป็นการเข้าสู่ระดับราคาที่สูงกว่าเดิมและคงอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่วางแผนประกอบหรืออัปเกรดเครื่องในปีหน้า 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Sapphire คาด DRAM จะเริ่มนิ่งใน 6–8 เดือน ➡️ แต่ราคาที่นิ่งอาจยังสูงกว่าที่ผู้บริโภคต้องการ ✅ วิกฤต DRAM คล้ายสงครามภาษี ➡️ ปัญหาหลักคือความไม่แน่นอนและความผันผวน ไม่ใช่ตัวภาษีหรือการขาดแคลนเพียงอย่างเดียว ✅ คำแนะนำจาก Sapphire ➡️ ผู้ใช้ควรใจเย็น ใช้ระบบที่มีอยู่ และไม่รีบซื้อในช่วงราคาพุ่ง ‼️ คำเตือนจากผู้ผลิตรายอื่น ⛔ Kingston เตือนว่าราคาจะยังคงขึ้นต่อเนื่อง และควรรีบอัปเกรดก่อนแพงกว่าเดิม ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้บริโภค ⛔ แม้ตลาดจะนิ่ง แต่ราคาที่สูงอาจกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของ DRAM ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/sapphire-rep-predicts-dram-prices-will-begin-to-stabilize-in-the-next-6-8-months-but-warns-it-may-not-be-the-prices-we-want-gpu-vendor-says-memory-crisis-is-similar-to-tariff-uncertainty
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • “AI ออกแบบคอมพิวเตอร์เสร็จใน 1 สัปดาห์ – Project Speedrun สร้างสถิติใหม่”

    การออกแบบแผงวงจร (PCB) มักเป็นงานที่ใช้เวลานานและซับซ้อน โดยปกติวิศวกรต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวางแผนและทดสอบ แต่ Quilter AI ได้แสดงให้เห็นว่า AI สามารถลดเวลาจาก 430 ชั่วโมงเหลือเพียง 38.5 ชั่วโมง พร้อมสร้างคอมพิวเตอร์ที่บูตระบบปฏิบัติการ Debian ได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของ AI ในการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Quilter AI ไม่ได้ถูกฝึกจากตัวอย่าง PCB ที่มนุษย์ออกแบบมาก่อน แต่ใช้การ “เล่นเกมกับกฎฟิสิกส์” เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ทำให้ระบบไม่ถูกจำกัดด้วยข้อผิดพลาดที่มนุษย์เคยทำ และสามารถสร้างการออกแบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

    การทดลองนี้ยังสะท้อนถึงอนาคตของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ที่อาจเปิดโอกาสให้ สตาร์ทอัพหรือผู้เล่นรายเล็กเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะ AI สามารถลดต้นทุนเวลาและแรงงานลงอย่างมหาศาล ทำให้การสร้างคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ทีมวิศวกรขนาดใหญ่เสมอไป

    ในระยะยาว Quilter ตั้งเป้าว่า AI จะไม่เพียงแค่ “ทำงานแทนมนุษย์” แต่จะสามารถออกแบบ PCB ที่ดีกว่าที่มนุษย์เคยทำได้ ซึ่งหากสำเร็จจริง อาจเป็นการพลิกโฉมวงการอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตคอมพิวเตอร์ทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Project Speedrun ของ Quilter AI
    ออกแบบคอมพิวเตอร์ Linux แบบ Dual-PCB มีชิ้นส่วน 843 ชิ้น

    ลดเวลาออกแบบอย่างมหาศาล
    ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ และแรงงานมนุษย์ 38.5 ชั่วโมง จากเดิม 430 ชั่วโมง

    บูต Debian สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก
    แสดงถึงความแม่นยำและประสิทธิภาพของการออกแบบโดย AI

    แนวทางการฝึก AI
    ไม่ใช้ตัวอย่างมนุษย์ แต่เรียนรู้จากกฎฟิสิกส์โดยตรง

    ความท้าทายและความเสี่ยง
    หาก AI ออกแบบผิดพลาด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อวงจรหรือระบบที่ซับซ้อน
    การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะการออกแบบเชิงลึก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/dual-pcb-linux-computer-with-843-components-designed-by-ai-boots-on-first-attempt-project-speedrun-was-made-in-just-one-week-and-required-less-than-40-hours-of-human-work
    📰 “AI ออกแบบคอมพิวเตอร์เสร็จใน 1 สัปดาห์ – Project Speedrun สร้างสถิติใหม่” การออกแบบแผงวงจร (PCB) มักเป็นงานที่ใช้เวลานานและซับซ้อน โดยปกติวิศวกรต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวางแผนและทดสอบ แต่ Quilter AI ได้แสดงให้เห็นว่า AI สามารถลดเวลาจาก 430 ชั่วโมงเหลือเพียง 38.5 ชั่วโมง พร้อมสร้างคอมพิวเตอร์ที่บูตระบบปฏิบัติการ Debian ได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของ AI ในการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อน สิ่งที่น่าสนใจคือ Quilter AI ไม่ได้ถูกฝึกจากตัวอย่าง PCB ที่มนุษย์ออกแบบมาก่อน แต่ใช้การ “เล่นเกมกับกฎฟิสิกส์” เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ทำให้ระบบไม่ถูกจำกัดด้วยข้อผิดพลาดที่มนุษย์เคยทำ และสามารถสร้างการออกแบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม การทดลองนี้ยังสะท้อนถึงอนาคตของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ที่อาจเปิดโอกาสให้ สตาร์ทอัพหรือผู้เล่นรายเล็กเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะ AI สามารถลดต้นทุนเวลาและแรงงานลงอย่างมหาศาล ทำให้การสร้างคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ทีมวิศวกรขนาดใหญ่เสมอไป ในระยะยาว Quilter ตั้งเป้าว่า AI จะไม่เพียงแค่ “ทำงานแทนมนุษย์” แต่จะสามารถออกแบบ PCB ที่ดีกว่าที่มนุษย์เคยทำได้ ซึ่งหากสำเร็จจริง อาจเป็นการพลิกโฉมวงการอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตคอมพิวเตอร์ทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Project Speedrun ของ Quilter AI ➡️ ออกแบบคอมพิวเตอร์ Linux แบบ Dual-PCB มีชิ้นส่วน 843 ชิ้น ✅ ลดเวลาออกแบบอย่างมหาศาล ➡️ ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ และแรงงานมนุษย์ 38.5 ชั่วโมง จากเดิม 430 ชั่วโมง ✅ บูต Debian สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ➡️ แสดงถึงความแม่นยำและประสิทธิภาพของการออกแบบโดย AI ✅ แนวทางการฝึก AI ➡️ ไม่ใช้ตัวอย่างมนุษย์ แต่เรียนรู้จากกฎฟิสิกส์โดยตรง ‼️ ความท้าทายและความเสี่ยง ⛔ หาก AI ออกแบบผิดพลาด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อวงจรหรือระบบที่ซับซ้อน ⛔ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะการออกแบบเชิงลึก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/dual-pcb-linux-computer-with-843-components-designed-by-ai-boots-on-first-attempt-project-speedrun-was-made-in-just-one-week-and-required-less-than-40-hours-of-human-work
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Dual-PCB Linux computer with 843 components designed by AI boots on first attempt — Project Speedrun was made in just one week and required less than 40 hours of human work
    Quilter, the LA-based startup behind this feat, says its dual-PCB Linux computer with 843 components was designed in just one week.
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • เอกสารลับเผย Pepsi และ Walmart ร่วมมือปรับขึ้นราคาอาหาร

    การสืบสวนจาก The Big Newsletter พบเอกสารภายในที่แสดงให้เห็นว่า Pepsi และ Walmart ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีการวางกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อให้การขึ้นราคาดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก

    ในเอกสารมีการระบุถึงการประชุมที่ทั้งสองบริษัทหารือเรื่องการจัดการต้นทุนและการผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดย Walmart ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองสูงในการกำหนดราคาสินค้า ขณะที่ Pepsi ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ก็ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด การร่วมมือกันเช่นนี้จึงสร้างผลกระทบต่อราคาสินค้าในวงกว้าง

    สิ่งที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นราคานี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยตลาดตามธรรมชาติ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบหรือค่าขนส่ง แต่เป็นผลจากการตกลงร่วมกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือกมากนัก

    นักเศรษฐศาสตร์และนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคเตือนว่าการร่วมมือเช่นนี้อาจทำให้เกิด “shadow cartel” หรือการสมคบกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ ที่ควบคุมตลาด ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ก็อาจทำให้ราคาสินค้าในชีวิตประจำวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดเผยเอกสารลับ
    แสดงให้เห็นการหารือระหว่าง Pepsi และ Walmart
    มีการวางกลยุทธ์ร่วมกันในการปรับขึ้นราคา

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น
    ผู้บริโภคมีทางเลือกจำกัดในการซื้อสินค้า

    อำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่
    Walmart มีอำนาจต่อรองสูงในฐานะผู้ค้าปลีก
    Pepsi ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด

    ความเสี่ยงต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม
    การร่วมมืออาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือบิดเบือนตลาด
    หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิด “shadow cartel” ที่ควบคุมราคาสินค้าในวงกว้าง

    https://www.thebignewsletter.com/p/secret-documents-show-pepsi-and-walmart
    🏪 เอกสารลับเผย Pepsi และ Walmart ร่วมมือปรับขึ้นราคาอาหาร การสืบสวนจาก The Big Newsletter พบเอกสารภายในที่แสดงให้เห็นว่า Pepsi และ Walmart ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีการวางกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อให้การขึ้นราคาดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก ในเอกสารมีการระบุถึงการประชุมที่ทั้งสองบริษัทหารือเรื่องการจัดการต้นทุนและการผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดย Walmart ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองสูงในการกำหนดราคาสินค้า ขณะที่ Pepsi ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ก็ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด การร่วมมือกันเช่นนี้จึงสร้างผลกระทบต่อราคาสินค้าในวงกว้าง สิ่งที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นราคานี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยตลาดตามธรรมชาติ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบหรือค่าขนส่ง แต่เป็นผลจากการตกลงร่วมกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือกมากนัก นักเศรษฐศาสตร์และนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคเตือนว่าการร่วมมือเช่นนี้อาจทำให้เกิด “shadow cartel” หรือการสมคบกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ ที่ควบคุมตลาด ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ก็อาจทำให้ราคาสินค้าในชีวิตประจำวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดเผยเอกสารลับ ➡️ แสดงให้เห็นการหารือระหว่าง Pepsi และ Walmart ➡️ มีการวางกลยุทธ์ร่วมกันในการปรับขึ้นราคา ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น ➡️ ผู้บริโภคมีทางเลือกจำกัดในการซื้อสินค้า ✅ อำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ ➡️ Walmart มีอำนาจต่อรองสูงในฐานะผู้ค้าปลีก ➡️ Pepsi ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด ‼️ ความเสี่ยงต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม ⛔ การร่วมมืออาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือบิดเบือนตลาด ⛔ หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิด “shadow cartel” ที่ควบคุมราคาสินค้าในวงกว้าง https://www.thebignewsletter.com/p/secret-documents-show-pepsi-and-walmart
    WWW.THEBIGNEWSLETTER.COM
    Secret Documents Show Pepsi and Walmart Colluded to Raise Food Prices Across the Economy
    The Trump FTC tried to hide a complaint showing Pepsi forced shoppers to pay higher prices everywhere but Walmart. But now it's unsealed. And the politics of affordability are explosive.
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันอังคาร(16ธ.ค.) ขยายมาตรการแบนด้านการเดินทางของสหรัฐฯ ห้ามเพิ่มอีก 7 ประเทศ ในนั้นรวมถึงลาวและซีเรีย เช่นเดียวกับพวกผู้ถือพาสปอร์ตปาเลสไตน์ จากการเดินทางเข้าอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้วอชิงตันเคยระบุว่าบรรดาชาติที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวกำลังไหลบ่า "พวกฆาตกร" และ "พวกทำตัวเป็นกาฝาก" เข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121239

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันอังคาร(16ธ.ค.) ขยายมาตรการแบนด้านการเดินทางของสหรัฐฯ ห้ามเพิ่มอีก 7 ประเทศ ในนั้นรวมถึงลาวและซีเรีย เช่นเดียวกับพวกผู้ถือพาสปอร์ตปาเลสไตน์ จากการเดินทางเข้าอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้วอชิงตันเคยระบุว่าบรรดาชาติที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวกำลังไหลบ่า "พวกฆาตกร" และ "พวกทำตัวเป็นกาฝาก" เข้าสู่สหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121239 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • (อีก)ความฝันของผมคืออยากให้ไทยมี Marketplace เป็นแพลตฟอร์มช้อปออนไลน์ เพราะนี่คือกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ วันนี้เราโดนแพลตฟอร์มต่างชาติกินรัวๆ

    ก็ยังไม่มี... และวันนี้ก็ยังไม่มี...

    ---
    Shoppal.co
    ShopPal
    - Affiliate Marketplace.

    #shoppalco #shoppal
    (อีก)ความฝันของผมคืออยากให้ไทยมี Marketplace เป็นแพลตฟอร์มช้อปออนไลน์ เพราะนี่คือกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ วันนี้เราโดนแพลตฟอร์มต่างชาติกินรัวๆ ก็ยังไม่มี... และวันนี้ก็ยังไม่มี... --- Shoppal.co ShopPal - Affiliate Marketplace. #shoppalco #shoppal
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์

    เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที

    โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น.

    สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที

    ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต

    สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้

    จาก KL Sentral ถึง JB Sentral

    EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น.
    EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น.
    EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น.
    EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น.

    จาก JB Sentral ถึง KL Sentral

    EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น.
    EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น.
    EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น.
    EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น.

    #Newskit
    ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น. สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้ จาก KL Sentral ถึง JB Sentral EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น. EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น. EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น. EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น. จาก JB Sentral ถึง KL Sentral EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น. EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น. EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น. EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น. #Newskit
    1 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • แห่ร้องยี้ Trip.com จับมือกัมพูชาไม่บอกกล่าว

    แพลตฟอร์มออนไลน์ทราเวลเอเจนซี (OTA) สัญชาติจีนอย่าง Trip.com ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก ครองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ 60-70% และมีแพลตฟอร์มเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในเครืออย่าง Skyscanner กำลังเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนักทั้งในจีนและประเทศไทย เมื่อการท่องเที่ยวแห่งชาติกัมพูชา นำโดยนายคิม มีเนีย (Kim Minea) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการตลาดและดิจิทัลกับ Trip.com โดยมีนายเฉิน กว่านฉี (Chen Guanqi) รองประธานบริษัทฯ เป็นผู้แทน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา

    ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร Trip.com อย่างนางเจน ซัน (Jane Sun) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไปพบปะนอกรอบกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม 2024 เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น นอกจากนี้ สายการบินแห่งชาติอย่าง แคมโบเดียอังกอร์แอร์ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ Trip.com เพื่อจัดตั้งบริการสนามบินอัจฉริยะ ที่สนามบินเสียมราฐ-อังกอร์อีกด้วย

    หลังชาวจีนทราบข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย ต่างกังวลถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้งาน อาจถูกนำไปออกแบบแคมเปญและผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวสำหรับกัมพูชา ยิ่งที่ผ่านมาประเทศกัมพูชา ถูกมองว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมาย เคยมีชาวจีนเคยตกเป็นเหยื่อมากมาย เมื่อ Trip.com เดินหน้าความร่วมมือเชิงลึกกับกัมพูชา โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน เกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองข้อมูลแก่ผู้ใช้งาน ทำให้มีผู้ใช้งานในจีนจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชัน เพื่อแสดงจุดยืนไม่ยอมรับความร่วมมือดังกล่าว

    ส่วนประเทศไทย นอกจากความกังวลถึงข้อมูลส่วนบุคคลจะตกไปอยู่ในมือกัมพูชาแล้ว กระแสชาตินิยมต่อต้านกัมพูชาทำสงครามกับไทย และมีทหารไทย รวมทั้งพลเรือนไทยสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต เมื่อทราบข่าวนี้ก็ทำให้ผู้ใช้งานในไทยจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชันตามมาอีกด้วย

    ร้อนถึง Trip.com Group ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การลงนามดังกล่าวเป็นเพียงความร่วมมือโปรโมทการท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์ม Ctrip ในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งได้ตกลงความร่วมมือร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย อีกทั้งความร่วมมือดังกล่าวจำกัดขอบเขตอย่างเคร่งครัด เฉพาะการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวและนำเสนอจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อรองรับความต้องการของตลาดเท่านั้น ไม่มีการแบ่งปันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ใช้ใดๆ ทั้งสิ้น

    #Newskit
    แห่ร้องยี้ Trip.com จับมือกัมพูชาไม่บอกกล่าว แพลตฟอร์มออนไลน์ทราเวลเอเจนซี (OTA) สัญชาติจีนอย่าง Trip.com ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก ครองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ 60-70% และมีแพลตฟอร์มเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในเครืออย่าง Skyscanner กำลังเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนักทั้งในจีนและประเทศไทย เมื่อการท่องเที่ยวแห่งชาติกัมพูชา นำโดยนายคิม มีเนีย (Kim Minea) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการตลาดและดิจิทัลกับ Trip.com โดยมีนายเฉิน กว่านฉี (Chen Guanqi) รองประธานบริษัทฯ เป็นผู้แทน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร Trip.com อย่างนางเจน ซัน (Jane Sun) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไปพบปะนอกรอบกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม 2024 เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น นอกจากนี้ สายการบินแห่งชาติอย่าง แคมโบเดียอังกอร์แอร์ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ Trip.com เพื่อจัดตั้งบริการสนามบินอัจฉริยะ ที่สนามบินเสียมราฐ-อังกอร์อีกด้วย หลังชาวจีนทราบข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย ต่างกังวลถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้งาน อาจถูกนำไปออกแบบแคมเปญและผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวสำหรับกัมพูชา ยิ่งที่ผ่านมาประเทศกัมพูชา ถูกมองว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมาย เคยมีชาวจีนเคยตกเป็นเหยื่อมากมาย เมื่อ Trip.com เดินหน้าความร่วมมือเชิงลึกกับกัมพูชา โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน เกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองข้อมูลแก่ผู้ใช้งาน ทำให้มีผู้ใช้งานในจีนจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชัน เพื่อแสดงจุดยืนไม่ยอมรับความร่วมมือดังกล่าว ส่วนประเทศไทย นอกจากความกังวลถึงข้อมูลส่วนบุคคลจะตกไปอยู่ในมือกัมพูชาแล้ว กระแสชาตินิยมต่อต้านกัมพูชาทำสงครามกับไทย และมีทหารไทย รวมทั้งพลเรือนไทยสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต เมื่อทราบข่าวนี้ก็ทำให้ผู้ใช้งานในไทยจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชันตามมาอีกด้วย ร้อนถึง Trip.com Group ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การลงนามดังกล่าวเป็นเพียงความร่วมมือโปรโมทการท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์ม Ctrip ในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งได้ตกลงความร่วมมือร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย อีกทั้งความร่วมมือดังกล่าวจำกัดขอบเขตอย่างเคร่งครัด เฉพาะการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวและนำเสนอจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อรองรับความต้องการของตลาดเท่านั้น ไม่มีการแบ่งปันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ใช้ใดๆ ทั้งสิ้น #Newskit
    Haha
    1
    1 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 3

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 3
    ในปี ค.ศ.1979 ราชวงศ์ซาอูดถูกท้าทาย จากการบุกยึดมัสยิดใหญ่ที่สุดในโลก ที่นครเมกกะ โดยกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่เชื่อว่าวันสุดท้ายของความชั่วร้ายมาถึงแล้ว การต่อสู้เพื่อยึดเอามัสยิดกลับ ดำเนินอยู่หลายสัปดาห์ โดยฝ่ายราชวงศ์ใช้กองทัพ ที่อำนวยการโดยกระทรวงมหาดไทย และมีหน่วยคอมมานโดของฝรั่งเศส ที่ราชวงศ์จ้างไว้เป็นพิเศษคอยช่วยเหลือ รวมทั้งมีการใช้อาวุธเคมีด้วย ฝ่ายราชวงศ์จึงยึดมัสยิดใหญ่กลับคืนมาได้
    รายการท้าทายนี้ ทำให้ราชวงศ์และรัฐบาลซาอุเสียหน้าอย่างมาก และที่ทำให้อึกอักหนักขึ้น เมื่อผลการสอบสวนตัวการท้าทายทั้งหลาย กลายเป็นว่า หลายคนรู้จักดี กับรัฐมนตรีมหาดไทย the Black Prince และหลังจากการสอบสวน แม้ว่าหลายคนจะถูกกักขัง แต่ในที่สุด ด้วยคำแนะนำของฝ่ายศาสนาที่ใกล้ชิดกับรัฐมนตรีมหาดไทย พวกยึดมัสยิดก็ได้รับการปล่อยตัว
    The Black Prince ไม่หมองมัวจากเรื่องการบุกยึดมัสยิด คนที่ต้องรับผิดชอบกลับเป็นเจ้าชายอีกคน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการนครเมกกะ อเมริกาปากยาวตามเคย บอกว่า เรื่องนี้ฝ่ายราชวงศ์แสดงความอ่อนแอ ยอมตามความต้องการของฝ่ายศาสนามากเกินไป และทำให้การปฏิรูปประเทศของซาอุดิอารเบีย ยังย่ำเท้าอยู่กับที่ หรือจะเดินถอยหลังเอาด้วยซ้ำ
    และเมื่อราชวงศ์เริ่มให้การสนับสนุนกับกลุ่มกองทัพอิสลามหัวรุนแรง ที่เริ่มปฏิบัติการณ์ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ เมื่อซาอุดิอารเบียร่วมมือกับอเมริกา สนับสนุนกองกำลังอาฟกัน มูจาฮีดีน ต่อสู้กับกองกำลังของสหภาพโซเวียตที่อาฟกานิสถาน ในช่วงปี ค.ศ.1979 – 1989 อเมริกาก็วิจารณ์อีกว่า ฝ่ายราชวงศ์นับวันจะยิ่งขยับไปใกล้กับฝ่ายศาสนามากขึ้นทุกที
    ….เออ อันนี้เอ็งไม่น่าพูดมากเลยนะ ก็จับมือเล่นด้วยกันไม่ใช่หรือ เขารู้กันทั้งนั้น….
    ในช่วงนั้น กษัตริย์ซาลมาน (ผู้ที่ปกครองซาอุดิ อารเบียในปัจจุบัน) รับหน้าที่เป็นผู้จัดหาทุนเป็นการภายใน ระหว่างราชวงศ์และพวกเศรษฐีซาอุทั้งหลาย ได้เงินเป็นหลายๆ สิบล้านเหรียญ เพื่อนำไปสนับสนุนกองกำลังมูจาฮิดีน ในการรบที่อาฟกานิสถาน รวมทั้งการรบของกองกำลังมุสลิมในบอสเนีย และปาเลสไตน์ด้วย
    …. การที่อเมริกาเอาเรื่องนี้ของราชวงศ์ซาอูดมาแฉ แสดงว่าอเมริกาน่าจะกำลังอาการหนัก เลยรีบประทับตราราชวงศ์ซาอูด ให้โลกเห็นพฤติกรรม จะได้หนีไปใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออื่นยาก….
    และเมื่อ อุซามะ บิน ลาเดน ก่อตั้งกลุ่มอัลไคดา เจ้าชายนาเยฟเอง ก็นับเป็นมิตรที่ดีกับ บิน ลาเดน และเห็นว่า การที่โซเวียตพ่ายแพ้ถอยออกไปจากอาฟกานิสถานนั้น เป็นผลงานของ บิน ลาเดน ทีเดียว นาเยฟ มีความเห็นว่า ในตอนหลังที่มีการกล่าวหาว่า บิน ลาเดน เป็นผู้ก่อการร้ายนั้น มาจากการป้ายสีของอเมริกาทั้งสิ้น และ บิน ลาเดน ไม่มีความประสงค์ร้ายต่อซาอุดิอารเบีย หรือราชวงศ์ซาอูดแต่อย่างใด และก็เป็นความเห็น ที่ไม่ต่างกับความเห็นของราชวงศ์ซาอูด เองด้วย
    เมื่อ George Tenet ผู้อำนวยการซีไอเอ และเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านข่าวกรอง เตือนเจ้าชายนาเยฟว่า กลุ่มอัลไคดาสร้างอุโมงค์เครือข่ายใต้ดินอยู่เต็มซาอุดิ อารเบีย นาเยฟไม่เชื่อ เพราะนาเยฟ ไม่เคยวางใจการเข้ามาในซาอุดิอารเบีย ของอเมริกาเลยจนนิดเดียว นาเยฟ สุภาพกับเจ้าหน้าที่อเมริกันก็จริง แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา
    เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายชีอะ วางระเบิดฐานทัพอเมริกาที่ Khobar Tower ที่เมือง Dhahran ในปี ค.ศ.1996 ทำให้มีเจ้าหน้าที่การบินตายไป 19 คน นาเยฟ ไม่ยอมบอกข้อมูลกับฝ่ายอเมริกันว่า ผู้ก่อการร้ายอาจมีส่วนเกี่ยวพัน กับอิหร่าน เขาอ้างว่า ทางวอชิงตันอาจนำข้อมูลนี้มาใช้อ้างในการกล่าวหาอิหร่าน และลากเอาซาอุดิอารเบีย เข้าสู่สงครามกับอิหร่านไปด้วย แต่ฝ่ายอเมริกันบอกว่า นาเยฟ คงเกลียดอเมริกันมากกว่า เกลียดอิหร่านเสียอีก
    ….นี่ก็เป็นการเขียนบทความ “ดักคอ” ซาอุดิอารเบีย ของซีไอเอเก๋าอีกรายการ ที่น่าสนใจ….
    อเมริกาบอกว่า นาเยฟ ยังไม่สนใจคำเตือนของฝ่ายอเมริกัน เกี่ยวกับเรื่อง
    อัลไคดาต่อไปอีกหลายปี แต่ในที่สุด จะไม่สนใจอีกต่อไป ไม่ได้แล้ว และคนที่ต้องมาจัดการเรื่องอัลไคดา ก็คือ บิน นาเยฟ หรือ MBN ลูกชายของ นาเยฟ นั่นเอง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 3 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 3 ในปี ค.ศ.1979 ราชวงศ์ซาอูดถูกท้าทาย จากการบุกยึดมัสยิดใหญ่ที่สุดในโลก ที่นครเมกกะ โดยกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่เชื่อว่าวันสุดท้ายของความชั่วร้ายมาถึงแล้ว การต่อสู้เพื่อยึดเอามัสยิดกลับ ดำเนินอยู่หลายสัปดาห์ โดยฝ่ายราชวงศ์ใช้กองทัพ ที่อำนวยการโดยกระทรวงมหาดไทย และมีหน่วยคอมมานโดของฝรั่งเศส ที่ราชวงศ์จ้างไว้เป็นพิเศษคอยช่วยเหลือ รวมทั้งมีการใช้อาวุธเคมีด้วย ฝ่ายราชวงศ์จึงยึดมัสยิดใหญ่กลับคืนมาได้ รายการท้าทายนี้ ทำให้ราชวงศ์และรัฐบาลซาอุเสียหน้าอย่างมาก และที่ทำให้อึกอักหนักขึ้น เมื่อผลการสอบสวนตัวการท้าทายทั้งหลาย กลายเป็นว่า หลายคนรู้จักดี กับรัฐมนตรีมหาดไทย the Black Prince และหลังจากการสอบสวน แม้ว่าหลายคนจะถูกกักขัง แต่ในที่สุด ด้วยคำแนะนำของฝ่ายศาสนาที่ใกล้ชิดกับรัฐมนตรีมหาดไทย พวกยึดมัสยิดก็ได้รับการปล่อยตัว The Black Prince ไม่หมองมัวจากเรื่องการบุกยึดมัสยิด คนที่ต้องรับผิดชอบกลับเป็นเจ้าชายอีกคน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการนครเมกกะ อเมริกาปากยาวตามเคย บอกว่า เรื่องนี้ฝ่ายราชวงศ์แสดงความอ่อนแอ ยอมตามความต้องการของฝ่ายศาสนามากเกินไป และทำให้การปฏิรูปประเทศของซาอุดิอารเบีย ยังย่ำเท้าอยู่กับที่ หรือจะเดินถอยหลังเอาด้วยซ้ำ และเมื่อราชวงศ์เริ่มให้การสนับสนุนกับกลุ่มกองทัพอิสลามหัวรุนแรง ที่เริ่มปฏิบัติการณ์ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ เมื่อซาอุดิอารเบียร่วมมือกับอเมริกา สนับสนุนกองกำลังอาฟกัน มูจาฮีดีน ต่อสู้กับกองกำลังของสหภาพโซเวียตที่อาฟกานิสถาน ในช่วงปี ค.ศ.1979 – 1989 อเมริกาก็วิจารณ์อีกว่า ฝ่ายราชวงศ์นับวันจะยิ่งขยับไปใกล้กับฝ่ายศาสนามากขึ้นทุกที ….เออ อันนี้เอ็งไม่น่าพูดมากเลยนะ ก็จับมือเล่นด้วยกันไม่ใช่หรือ เขารู้กันทั้งนั้น…. ในช่วงนั้น กษัตริย์ซาลมาน (ผู้ที่ปกครองซาอุดิ อารเบียในปัจจุบัน) รับหน้าที่เป็นผู้จัดหาทุนเป็นการภายใน ระหว่างราชวงศ์และพวกเศรษฐีซาอุทั้งหลาย ได้เงินเป็นหลายๆ สิบล้านเหรียญ เพื่อนำไปสนับสนุนกองกำลังมูจาฮิดีน ในการรบที่อาฟกานิสถาน รวมทั้งการรบของกองกำลังมุสลิมในบอสเนีย และปาเลสไตน์ด้วย …. การที่อเมริกาเอาเรื่องนี้ของราชวงศ์ซาอูดมาแฉ แสดงว่าอเมริกาน่าจะกำลังอาการหนัก เลยรีบประทับตราราชวงศ์ซาอูด ให้โลกเห็นพฤติกรรม จะได้หนีไปใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออื่นยาก…. และเมื่อ อุซามะ บิน ลาเดน ก่อตั้งกลุ่มอัลไคดา เจ้าชายนาเยฟเอง ก็นับเป็นมิตรที่ดีกับ บิน ลาเดน และเห็นว่า การที่โซเวียตพ่ายแพ้ถอยออกไปจากอาฟกานิสถานนั้น เป็นผลงานของ บิน ลาเดน ทีเดียว นาเยฟ มีความเห็นว่า ในตอนหลังที่มีการกล่าวหาว่า บิน ลาเดน เป็นผู้ก่อการร้ายนั้น มาจากการป้ายสีของอเมริกาทั้งสิ้น และ บิน ลาเดน ไม่มีความประสงค์ร้ายต่อซาอุดิอารเบีย หรือราชวงศ์ซาอูดแต่อย่างใด และก็เป็นความเห็น ที่ไม่ต่างกับความเห็นของราชวงศ์ซาอูด เองด้วย เมื่อ George Tenet ผู้อำนวยการซีไอเอ และเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านข่าวกรอง เตือนเจ้าชายนาเยฟว่า กลุ่มอัลไคดาสร้างอุโมงค์เครือข่ายใต้ดินอยู่เต็มซาอุดิ อารเบีย นาเยฟไม่เชื่อ เพราะนาเยฟ ไม่เคยวางใจการเข้ามาในซาอุดิอารเบีย ของอเมริกาเลยจนนิดเดียว นาเยฟ สุภาพกับเจ้าหน้าที่อเมริกันก็จริง แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายชีอะ วางระเบิดฐานทัพอเมริกาที่ Khobar Tower ที่เมือง Dhahran ในปี ค.ศ.1996 ทำให้มีเจ้าหน้าที่การบินตายไป 19 คน นาเยฟ ไม่ยอมบอกข้อมูลกับฝ่ายอเมริกันว่า ผู้ก่อการร้ายอาจมีส่วนเกี่ยวพัน กับอิหร่าน เขาอ้างว่า ทางวอชิงตันอาจนำข้อมูลนี้มาใช้อ้างในการกล่าวหาอิหร่าน และลากเอาซาอุดิอารเบีย เข้าสู่สงครามกับอิหร่านไปด้วย แต่ฝ่ายอเมริกันบอกว่า นาเยฟ คงเกลียดอเมริกันมากกว่า เกลียดอิหร่านเสียอีก ….นี่ก็เป็นการเขียนบทความ “ดักคอ” ซาอุดิอารเบีย ของซีไอเอเก๋าอีกรายการ ที่น่าสนใจ…. อเมริกาบอกว่า นาเยฟ ยังไม่สนใจคำเตือนของฝ่ายอเมริกัน เกี่ยวกับเรื่อง อัลไคดาต่อไปอีกหลายปี แต่ในที่สุด จะไม่สนใจอีกต่อไป ไม่ได้แล้ว และคนที่ต้องมาจัดการเรื่องอัลไคดา ก็คือ บิน นาเยฟ หรือ MBN ลูกชายของ นาเยฟ นั่นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
More Results