• มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี
    .
    นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    #ป่อเต็กตึ๊งช่วยชีวิตรักษาชีวิตสร้างชีวิต
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร . วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี . นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . #ป่อเต็กตึ๊งช่วยชีวิตรักษาชีวิตสร้างชีวิต #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • ม.ราชภัฏโคราช จัดอบรม “Korat Production Training 2025” สร้างนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ สู่อุตสาหกรรมบันเทิง
    .
    เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์โคราช (Korat Creative Content Agency : KCCA) และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการสร้างสรรค์นักผลิตสื่ออุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิทัล หรือ Korat Production Training 2025 ณ ห้องประชุม 22.14 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี รองศาสตราจารย์เนตรชนก บัวนาค รองคณบดีฝ่ายวิจัยและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะวิทยาการจัดการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ และได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวียา ปรารถนาดี ชาติวิวัฒนาการ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการทั่วไป เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม
    .
    โครงการอบรม “Korat Production Training 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นที่ 2 มีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤษภาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนและนักศึกษาให้มีทักษะด้านการผลิตสื่อดิจิทัล โดยเน้นกระบวนการทำงานจริงในอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพ การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ ไปจนถึงกระบวนการควบคุมการผลิตสื่อแบบมืออาชีพ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรมืออาชีพ ได้แก่ คุณคีตะวัฒน์ ชินโคตร ตำแหน่ง CEO & Producer คุณสิริกร โสดา ตำแหน่ง Production Equipment คุณพชรดนัย ปัญญาภู ตำแหน่ง Director & Director of Photography จากบริษัท VelCurve Studio ผู้ผลิตภาพยนตร์ยูเรนัส 2324 และวิทยากรจากบริษัท แอดวานซ์ โฟโต้ซีสเทมส์ จำกัด ได้แก่ คุณรัฐนันท์ เฮ้าเฮง ตำแหน่ง Products Specialist & Marketing คุณจรัญ บุญสุข ตำแหน่ง Sale Manager คุณกนกศักดิ์ โพธิ์ขำ ตำแหน่ง Sale Executives และวิทยากรจากหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรวิชญ์ คำเจริญ อาจารย์ ดร.รุ่งกานต์ มูสโกภาส และผู้ช่วยศาสตราจารย์อิสรชัย ลาวรรณา สำหรับการอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนทั้งสิ้น 55 คน จากหลากหลายสถาบันทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทั้งนี้หลังจบกิจกรรมการอบรมทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ของเยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสร้างเครือข่ายวิชาการและอุตสาหกรรมสื่อเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมบันเทิงต่อไป
    ม.ราชภัฏโคราช จัดอบรม “Korat Production Training 2025” สร้างนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ สู่อุตสาหกรรมบันเทิง . เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์โคราช (Korat Creative Content Agency : KCCA) และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการสร้างสรรค์นักผลิตสื่ออุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิทัล หรือ Korat Production Training 2025 ณ ห้องประชุม 22.14 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี รองศาสตราจารย์เนตรชนก บัวนาค รองคณบดีฝ่ายวิจัยและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะวิทยาการจัดการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ และได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวียา ปรารถนาดี ชาติวิวัฒนาการ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการทั่วไป เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม . โครงการอบรม “Korat Production Training 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นที่ 2 มีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤษภาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนและนักศึกษาให้มีทักษะด้านการผลิตสื่อดิจิทัล โดยเน้นกระบวนการทำงานจริงในอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพ การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ ไปจนถึงกระบวนการควบคุมการผลิตสื่อแบบมืออาชีพ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรมืออาชีพ ได้แก่ คุณคีตะวัฒน์ ชินโคตร ตำแหน่ง CEO & Producer คุณสิริกร โสดา ตำแหน่ง Production Equipment คุณพชรดนัย ปัญญาภู ตำแหน่ง Director & Director of Photography จากบริษัท VelCurve Studio ผู้ผลิตภาพยนตร์ยูเรนัส 2324 และวิทยากรจากบริษัท แอดวานซ์ โฟโต้ซีสเทมส์ จำกัด ได้แก่ คุณรัฐนันท์ เฮ้าเฮง ตำแหน่ง Products Specialist & Marketing คุณจรัญ บุญสุข ตำแหน่ง Sale Manager คุณกนกศักดิ์ โพธิ์ขำ ตำแหน่ง Sale Executives และวิทยากรจากหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรวิชญ์ คำเจริญ อาจารย์ ดร.รุ่งกานต์ มูสโกภาส และผู้ช่วยศาสตราจารย์อิสรชัย ลาวรรณา สำหรับการอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนทั้งสิ้น 55 คน จากหลากหลายสถาบันทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทั้งนี้หลังจบกิจกรรมการอบรมทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ของเยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสร้างเครือข่ายวิชาการและอุตสาหกรรมสื่อเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมบันเทิงต่อไป
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • #นึกถึงเสาเข็มเจาะ #เสาเข็มตอก #สปันไมโครไพล์ #เสาเข็มเจาะโคราช #เสาเข็มตอกโคราช #เสาเข็มเจาะภาคอีสาน #เสาเข็มตอกภาคอีสาน เลือก นันทพลเข็มเจาะนะครับ นันทพล รัตนมณี (ตึ๋ง) 086-6481898 และ 081-8790727 Fax 044-352010
    https://youtu.be/a3WObP5Vh84
    .
    คลิปการเจาะเสาเข็มของ หจก.นันทพลวิศวกรรม
    https://youtu.be/a3WObP5Vh84
    .
    คลิปการเจาะเสาเข็มแบบสามขาของ หจก.นันทพลวิศวกรรม
    https://youtu.be/3JmQrQWbIfo?si=IFk8h2akRg8DKlKD
    .
    คลิป SpunMicroPiles
    https://www.youtube.com/watch?v=C-k7cJvOQRw
    .
    ชุดช่างดำตอกเสาเข็มไมโครไพล์ ทำฐานลิฟต์ ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เสาเข็มตัวไอ 22 x 6.00 ม.= 5 ต้น วันที่ 27 พฤษภาคม 2568
    #นึกถึงเสาเข็มเจาะ #เสาเข็มตอก #สปันไมโครไพล์ #เสาเข็มเจาะโคราช #เสาเข็มตอกโคราช #เสาเข็มเจาะภาคอีสาน #เสาเข็มตอกภาคอีสาน เลือก นันทพลเข็มเจาะนะครับ นันทพล รัตนมณี (ตึ๋ง) 086-6481898 และ 081-8790727 Fax 044-352010 https://youtu.be/a3WObP5Vh84 . คลิปการเจาะเสาเข็มของ หจก.นันทพลวิศวกรรม https://youtu.be/a3WObP5Vh84 . คลิปการเจาะเสาเข็มแบบสามขาของ หจก.นันทพลวิศวกรรม https://youtu.be/3JmQrQWbIfo?si=IFk8h2akRg8DKlKD . คลิป SpunMicroPiles https://www.youtube.com/watch?v=C-k7cJvOQRw . ชุดช่างดำตอกเสาเข็มไมโครไพล์ ทำฐานลิฟต์ ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เสาเข็มตัวไอ 22 x 6.00 ม.= 5 ต้น วันที่ 27 พฤษภาคม 2568
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • #นึกถึงเสาเข็มเจาะ #เสาเข็มตอก #สปันไมโครไพล์ #เสาเข็มเจาะโคราช #เสาเข็มตอกโคราช #เสาเข็มเจาะภาคอีสาน #เสาเข็มตอกภาคอีสาน เลือก นันทพลเข็มเจาะนะครับ นันทพล รัตนมณี (ตึ๋ง) 086-6481898 และ 081-8790727 Fax 044-352010
    https://youtu.be/a3WObP5Vh84
    .
    คลิปการเจาะเสาเข็มของ หจก.นันทพลวิศวกรรม
    https://youtu.be/a3WObP5Vh84
    .
    คลิปการเจาะเสาเข็มแบบสามขาของ หจก.นันทพลวิศวกรรม
    https://youtu.be/3JmQrQWbIfo?si=IFk8h2akRg8DKlKD
    .
    คลิป SpunMicroPiles
    https://www.youtube.com/watch?v=C-k7cJvOQRw
    .
    ชุดรถสว่านช่างหนุ่มทำเข็มเจาะ บ้านพักอาศัย ค.ส.ล 1 ชั้น ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขนาด 0.35 x 6.00 ม. = 15 ต้น วันที่ 26 พฤษภาคม 2568
    #นึกถึงเสาเข็มเจาะ #เสาเข็มตอก #สปันไมโครไพล์ #เสาเข็มเจาะโคราช #เสาเข็มตอกโคราช #เสาเข็มเจาะภาคอีสาน #เสาเข็มตอกภาคอีสาน เลือก นันทพลเข็มเจาะนะครับ นันทพล รัตนมณี (ตึ๋ง) 086-6481898 และ 081-8790727 Fax 044-352010 https://youtu.be/a3WObP5Vh84 . คลิปการเจาะเสาเข็มของ หจก.นันทพลวิศวกรรม https://youtu.be/a3WObP5Vh84 . คลิปการเจาะเสาเข็มแบบสามขาของ หจก.นันทพลวิศวกรรม https://youtu.be/3JmQrQWbIfo?si=IFk8h2akRg8DKlKD . คลิป SpunMicroPiles https://www.youtube.com/watch?v=C-k7cJvOQRw . ชุดรถสว่านช่างหนุ่มทำเข็มเจาะ บ้านพักอาศัย ค.ส.ล 1 ชั้น ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขนาด 0.35 x 6.00 ม. = 15 ต้น วันที่ 26 พฤษภาคม 2568
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • #นึกถึงเสาเข็มเจาะ #เสาเข็มตอก #สปันไมโครไพล์ #เสาเข็มเจาะโคราช #เสาเข็มตอกโคราช #เสาเข็มเจาะภาคอีสาน #เสาเข็มตอกภาคอีสาน เลือก นันทพลเข็มเจาะนะครับ นันทพล รัตนมณี (ตึ๋ง) 086-6481898 และ 081-8790727 Fax 044-352010
    https://youtu.be/a3WObP5Vh84
    .
    คลิปการเจาะเสาเข็มของ หจก.นันทพลวิศวกรรม
    https://youtu.be/a3WObP5Vh84
    .
    คลิปการเจาะเสาเข็มแบบสามขาของ หจก.นันทพลวิศวกรรม
    https://youtu.be/3JmQrQWbIfo?si=IFk8h2akRg8DKlKD
    .
    คลิป SpunMicroPiles
    https://www.youtube.com/watch?v=C-k7cJvOQRw
    .
    ชุดรถสว่านช่างหนุ่ม-ช่างดำทำเข็มเจาะ บ้านพักอาศัย ค.ส.ล 1 ชั้น โครงการ เดอะ วิชั่น เฮ้าส์ ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขนาด 0.25 x 5.00 ม.= 24 ต้น วันที่ 28 พฤษภาคม 2568
    #นึกถึงเสาเข็มเจาะ #เสาเข็มตอก #สปันไมโครไพล์ #เสาเข็มเจาะโคราช #เสาเข็มตอกโคราช #เสาเข็มเจาะภาคอีสาน #เสาเข็มตอกภาคอีสาน เลือก นันทพลเข็มเจาะนะครับ นันทพล รัตนมณี (ตึ๋ง) 086-6481898 และ 081-8790727 Fax 044-352010 https://youtu.be/a3WObP5Vh84 . คลิปการเจาะเสาเข็มของ หจก.นันทพลวิศวกรรม https://youtu.be/a3WObP5Vh84 . คลิปการเจาะเสาเข็มแบบสามขาของ หจก.นันทพลวิศวกรรม https://youtu.be/3JmQrQWbIfo?si=IFk8h2akRg8DKlKD . คลิป SpunMicroPiles https://www.youtube.com/watch?v=C-k7cJvOQRw . ชุดรถสว่านช่างหนุ่ม-ช่างดำทำเข็มเจาะ บ้านพักอาศัย ค.ส.ล 1 ชั้น โครงการ เดอะ วิชั่น เฮ้าส์ ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขนาด 0.25 x 5.00 ม.= 24 ต้น วันที่ 28 พฤษภาคม 2568
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • 🌎🤖 "เรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด พัฒนาไม่หยุดยั้ง ด้วยพลัง AI" 🤖🌎
    .
    องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.นม. ขอเชิญร่วมชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา
    - KORAT PAO Education & Innovation 2025 -
    ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 2️⃣7️⃣0️⃣,0️⃣0️⃣0️⃣บาท
    ระหว่างวันที่ 28 - 29 พฤษภาคม 2568
    ณ ห้องโคราชฮอลล์ 1 (ชั้น 4) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช
    ************************
    ...ภายในงานพบกับ...
    🤓 เปิดเวทีนำเสนอผลงานทางวิชาการให้กับบุคลากรทางการศึกษา 🤓
    👧 การแสดงความสามารถของนักเรียน รร.สังกัด อบจ.นม. 👧
    🏆 การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา 15 กิจกรรม
    - ภาษาไทย
    - วิทยาศาสตร์
    - การงานอาชีพ
    - คณิตศาสตร์
    - สังคมศึกษาฯ
    - ศิลปะ
    - ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ & ภาษาจีน)
    - สุขศึกษาฯ
    - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือฯ & แนะแนว)
    - งานห้องสมุด
    - งานวัดผลและประเมินผล
    - งานระบบดูแลช่วยเหลือ นร.
    - งานด้านเทคโนโลยี
    🌎🤖 "เรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด พัฒนาไม่หยุดยั้ง ด้วยพลัง AI" 🤖🌎 . องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.นม. ขอเชิญร่วมชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา - KORAT PAO Education & Innovation 2025 - ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 2️⃣7️⃣0️⃣,0️⃣0️⃣0️⃣บาท ระหว่างวันที่ 28 - 29 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องโคราชฮอลล์ 1 (ชั้น 4) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ************************ ...ภายในงานพบกับ... 🤓 เปิดเวทีนำเสนอผลงานทางวิชาการให้กับบุคลากรทางการศึกษา 🤓 👧 การแสดงความสามารถของนักเรียน รร.สังกัด อบจ.นม. 👧 🏆 การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา 15 กิจกรรม - ภาษาไทย - วิทยาศาสตร์ - การงานอาชีพ - คณิตศาสตร์ - สังคมศึกษาฯ - ศิลปะ - ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ & ภาษาจีน) - สุขศึกษาฯ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือฯ & แนะแนว) - งานห้องสมุด - งานวัดผลและประเมินผล - งานระบบดูแลช่วยเหลือ นร. - งานด้านเทคโนโลยี
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • 🌎🤖 "เรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด พัฒนาไม่หยุดยั้ง ด้วยพลัง AI" 🤖🌎
    .
    องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.นม. ขอเชิญร่วมชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา
    - KORAT PAO Education & Innovation 2025 -
    ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 2️⃣7️⃣0️⃣,0️⃣0️⃣0️⃣บาท
    ระหว่างวันที่ 28 - 29 พฤษภาคม 2568
    ณ ห้องโคราชฮอลล์ 1 (ชั้น 4) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช
    ************************
    ...ภายในงานพบกับ...
    🤓 เปิดเวทีนำเสนอผลงานทางวิชาการให้กับบุคลากรทางการศึกษา 🤓
    👧 การแสดงความสามารถของนักเรียน รร.สังกัด อบจ.นม. 👧
    🏆 การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา 15 กิจกรรม
    - ภาษาไทย
    - วิทยาศาสตร์
    - การงานอาชีพ
    - คณิตศาสตร์
    - สังคมศึกษาฯ
    - ศิลปะ
    - ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ & ภาษาจีน)
    - สุขศึกษาฯ
    - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือฯ & แนะแนว)
    - งานห้องสมุด
    - งานวัดผลและประเมินผล
    - งานระบบดูแลช่วยเหลือ นร.
    - งานด้านเทคโนโลยี
    🌎🤖 "เรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด พัฒนาไม่หยุดยั้ง ด้วยพลัง AI" 🤖🌎 . องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.นม. ขอเชิญร่วมชมกิจกรรมการประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา - KORAT PAO Education & Innovation 2025 - ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 2️⃣7️⃣0️⃣,0️⃣0️⃣0️⃣บาท ระหว่างวันที่ 28 - 29 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องโคราชฮอลล์ 1 (ชั้น 4) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ************************ ...ภายในงานพบกับ... 🤓 เปิดเวทีนำเสนอผลงานทางวิชาการให้กับบุคลากรทางการศึกษา 🤓 👧 การแสดงความสามารถของนักเรียน รร.สังกัด อบจ.นม. 👧 🏆 การประกวดแข่งขันสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา 15 กิจกรรม - ภาษาไทย - วิทยาศาสตร์ - การงานอาชีพ - คณิตศาสตร์ - สังคมศึกษาฯ - ศิลปะ - ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ & ภาษาจีน) - สุขศึกษาฯ - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือฯ & แนะแนว) - งานห้องสมุด - งานวัดผลและประเมินผล - งานระบบดูแลช่วยเหลือ นร. - งานด้านเทคโนโลยี
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • สส.ป๊อบ ไม่ทน! หลังชาวบ้านร้อง
    แหล่งน้ำสายหลัก น้ำมีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น
    เร่งประสานหน่วยงานจังหวัดฯ เก็บตัวอย่างน้ำตรวจสอบทันที!!
    “สส.ป๊อบ” นิกร โสมกลาง ลงพื้นที่บริเวณแหล่งน้ำสาธารณะเร่งตรวจสอบหาต้นตอของปัญหา หลังชาวบ้านร้องน้ำมีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น เผย เป็นแหล่งน้ำสายหลักของชาวบ้านพื้นที่ ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย และ ต.ประสุข อ.ชุมพวง ที่ใช้ในการอุปโภคและใช้สำหรับการเกษตรมายาวนาน เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวจึงต้องเร่งตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป เพราะความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรอไม่ได้
    นายนิกร โสมกลาง สส.นครราชสีมา เขต 8 ลงพื้นที่พร้อมผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น ของ บ.กล้วย ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย และ บ.ประสุข ต.ประสุข อ.ชุมพวง เพื่อดูแหล่งน้ำหลังจากที่มีชาวบ้านได้ร้องเรียนเข้ามาว่าน้ำในแหล่งน้ำสาธารณะดังกล่าว มีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นเน่า ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เป็นปัญหาที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของคนในชุมชน ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ ทำให้ได้รับฟังและสะท้อนถึงปัญหาด้วยตนเอง
    ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ต้องดูว่าคุณภาพน้ำใช้ได้เป็นอย่างไร ยังสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ ถ้านำมาใช้จะเกิดอันตรายหรือไม่ เราจะต้องสืบหาต้นทางและแหล่งที่มาของปัญหาน้ำเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็น ที่สำคัญที่สุดคือในอนาคตเราจะป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เบื้องต้น แจ้งไปยัง นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รอง ผวจ.นครราชสีมา โดย รองผู้ว่าฯ ได้ประสานทางอุตสาหกรรมจังหวัดให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อนำมาตรวจนสอบ ส่วนตนเองจะประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพื่อให้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำอีกครั้ง และจะติดตามผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำให้เร็วที่สุด รวมถึงจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนต่อไป
    สส.ป๊อบ ไม่ทน! หลังชาวบ้านร้อง แหล่งน้ำสายหลัก น้ำมีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น เร่งประสานหน่วยงานจังหวัดฯ เก็บตัวอย่างน้ำตรวจสอบทันที!! “สส.ป๊อบ” นิกร โสมกลาง ลงพื้นที่บริเวณแหล่งน้ำสาธารณะเร่งตรวจสอบหาต้นตอของปัญหา หลังชาวบ้านร้องน้ำมีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น เผย เป็นแหล่งน้ำสายหลักของชาวบ้านพื้นที่ ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย และ ต.ประสุข อ.ชุมพวง ที่ใช้ในการอุปโภคและใช้สำหรับการเกษตรมายาวนาน เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวจึงต้องเร่งตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป เพราะความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรอไม่ได้ นายนิกร โสมกลาง สส.นครราชสีมา เขต 8 ลงพื้นที่พร้อมผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น ของ บ.กล้วย ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย และ บ.ประสุข ต.ประสุข อ.ชุมพวง เพื่อดูแหล่งน้ำหลังจากที่มีชาวบ้านได้ร้องเรียนเข้ามาว่าน้ำในแหล่งน้ำสาธารณะดังกล่าว มีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นเน่า ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เป็นปัญหาที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของคนในชุมชน ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ ทำให้ได้รับฟังและสะท้อนถึงปัญหาด้วยตนเอง ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ต้องดูว่าคุณภาพน้ำใช้ได้เป็นอย่างไร ยังสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ ถ้านำมาใช้จะเกิดอันตรายหรือไม่ เราจะต้องสืบหาต้นทางและแหล่งที่มาของปัญหาน้ำเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็น ที่สำคัญที่สุดคือในอนาคตเราจะป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เบื้องต้น แจ้งไปยัง นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รอง ผวจ.นครราชสีมา โดย รองผู้ว่าฯ ได้ประสานทางอุตสาหกรรมจังหวัดให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อนำมาตรวจนสอบ ส่วนตนเองจะประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพื่อให้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำอีกครั้ง และจะติดตามผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำให้เร็วที่สุด รวมถึงจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนต่อไป
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • สส.ป๊อบ ไม่ทน! หลังชาวบ้านร้อง
    แหล่งน้ำสายหลัก น้ำมีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น
    เร่งประสานหน่วยงานจังหวัดฯ เก็บตัวอย่างน้ำตรวจสอบทันที!!
    “สส.ป๊อบ” นิกร โสมกลาง ลงพื้นที่บริเวณแหล่งน้ำสาธารณะเร่งตรวจสอบหาต้นตอของปัญหา หลังชาวบ้านร้องน้ำมีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น เผย เป็นแหล่งน้ำสายหลักของชาวบ้านพื้นที่ ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย และ ต.ประสุข อ.ชุมพวง ที่ใช้ในการอุปโภคและใช้สำหรับการเกษตรมายาวนาน เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวจึงต้องเร่งตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป เพราะความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรอไม่ได้
    นายนิกร โสมกลาง สส.นครราชสีมา เขต 8 ลงพื้นที่พร้อมผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น ของ บ.กล้วย ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย และ บ.ประสุข ต.ประสุข อ.ชุมพวง เพื่อดูแหล่งน้ำหลังจากที่มีชาวบ้านได้ร้องเรียนเข้ามาว่าน้ำในแหล่งน้ำสาธารณะดังกล่าว มีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นเน่า ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เป็นปัญหาที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของคนในชุมชน ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ ทำให้ได้รับฟังและสะท้อนถึงปัญหาด้วยตนเอง
    ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ต้องดูว่าคุณภาพน้ำใช้ได้เป็นอย่างไร ยังสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ ถ้านำมาใช้จะเกิดอันตรายหรือไม่ เราจะต้องสืบหาต้นทางและแหล่งที่มาของปัญหาน้ำเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็น ที่สำคัญที่สุดคือในอนาคตเราจะป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เบื้องต้น แจ้งไปยัง นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รอง ผวจ.นครราชสีมา โดย รองผู้ว่าฯ ได้ประสานทางอุตสาหกรรมจังหวัดให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อนำมาตรวจนสอบ ส่วนตนเองจะประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพื่อให้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำอีกครั้ง และจะติดตามผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำให้เร็วที่สุด รวมถึงจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนต่อไป
    สส.ป๊อบ ไม่ทน! หลังชาวบ้านร้อง แหล่งน้ำสายหลัก น้ำมีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น เร่งประสานหน่วยงานจังหวัดฯ เก็บตัวอย่างน้ำตรวจสอบทันที!! “สส.ป๊อบ” นิกร โสมกลาง ลงพื้นที่บริเวณแหล่งน้ำสาธารณะเร่งตรวจสอบหาต้นตอของปัญหา หลังชาวบ้านร้องน้ำมีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น เผย เป็นแหล่งน้ำสายหลักของชาวบ้านพื้นที่ ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย และ ต.ประสุข อ.ชุมพวง ที่ใช้ในการอุปโภคและใช้สำหรับการเกษตรมายาวนาน เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวจึงต้องเร่งตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป เพราะความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรอไม่ได้ นายนิกร โสมกลาง สส.นครราชสีมา เขต 8 ลงพื้นที่พร้อมผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น ของ บ.กล้วย ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย และ บ.ประสุข ต.ประสุข อ.ชุมพวง เพื่อดูแหล่งน้ำหลังจากที่มีชาวบ้านได้ร้องเรียนเข้ามาว่าน้ำในแหล่งน้ำสาธารณะดังกล่าว มีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นเน่า ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เป็นปัญหาที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของคนในชุมชน ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ ทำให้ได้รับฟังและสะท้อนถึงปัญหาด้วยตนเอง ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ต้องดูว่าคุณภาพน้ำใช้ได้เป็นอย่างไร ยังสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ ถ้านำมาใช้จะเกิดอันตรายหรือไม่ เราจะต้องสืบหาต้นทางและแหล่งที่มาของปัญหาน้ำเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็น ที่สำคัญที่สุดคือในอนาคตเราจะป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เบื้องต้น แจ้งไปยัง นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รอง ผวจ.นครราชสีมา โดย รองผู้ว่าฯ ได้ประสานทางอุตสาหกรรมจังหวัดให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อนำมาตรวจนสอบ ส่วนตนเองจะประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพื่อให้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำอีกครั้ง และจะติดตามผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำให้เร็วที่สุด รวมถึงจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนต่อไป
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • มิถุนายนนี้ ชวนปักหมุดเช็คอินภาคอีสาน กับอีกหนึ่ง Carnival สุดยิ่งใหญ่ งาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช

    ในเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลก เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH อย่างยิ่งใหญ่ทั่วศูนย์การค้าและห้างฯ ทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง “เดอะมอลล์โคราช” จัดไพรด์คาร์นิวาลสุดยิ่งใหญ่ กับงาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช พบขบวนพาเหรดสีรุ้งแห่งความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เฉลิมฉลองความเท่าเทียมตลอดเดือนมิถุนายน

    “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” จุดไฟพลังชาว LGBTQIA+ ทุกเจนฯ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม
    ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน ภายใต้คอนเซปต์ THE CENTER OF LOVE | PEACE | EQUALITY ศูนย์กลางความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจของคนโคราช โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH ทั่วศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง สนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี การเปิดใจและมีความเข้าใจต่อกันทุกเพศ ทุกวัยอย่างลึกซึ้งร่วมเฉลิมฉลองความเป็นตัวตนที่ภาคภูมิใจไปพร้อมกัน

    วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำศูนย์การค้าระดับพรีเมียม มุ่งขับเคลื่อนความหลากหลายอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติธุรกิจ สังคม และการท่องเที่ยว
    "Rainbow Economy และ Rainbow Tourism คือกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกลุ่ม LGBTQIA+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์เฉพาะเปิดกว้าง พร้อมใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตน เป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ธุรกิจให้ความสำคัญและโฟกัสความลึกซึ้งในตัวตนนี้มากขึ้น"

    "สำหรับปีนี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำ และ ร้านอาหารยอดนิยม มีการจัดทำคอลเลกชันสินค้า เมนูพิเศษเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นมิติของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย กระตุ้นและสร้างความตื่นตัวในภาพธุรกิจได้ชัดเจน พร้อมตกแต่งศูนย์ฯ ด้วยแลนด์มาร์กสีรุ้งขนาดใหญ่ เสริมบรรยากาศเฉลิมฉลองทั่วทุกสาขา และคาดว่าการจับจ่ายในศูนย์การค้าจะคึกคัก หนุนยอดขายกลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์-ร้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแคมเปญจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา"

    สะท้อนความตั้งใจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ต้องการกระจายโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ทุกภูมิภาค ซึ่งในช่วงดังกล่าวเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ จัดแคมเปญ “Bangkok No.1 Shopping Festival 2025” มาช่วยตอบโจทย์การใช้จ่ายในการเฉลิมฉลองของกลุ่ม LGBTQIA+ อีกด้วย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า PRIDE ไม่ใช่แค่เทศกาล แต่เป็นพลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหลากหลายระดับโลก” นางสาววรลักษณ์ กล่าวปิดท้าย

    โดยวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 มิ.ย.2568 ได้จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้
    ไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมปีนึ้ ในวันที่ 7 มิ.ย.2568 ตั้งแต่เวลา 13.00น.เป็นต้นไป พบขบวนพาเหรด “Pride Carnival” สุดยิ่งใหญ่ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ซึ่งร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน LGBTQIA+ ทุกเจนฯ กว่า 400 คน ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน

    มีรูปแบบขบวนแบ่งเป็น 4 ขบวน ได้แก่ We All Love “รัก” ในทุกสิ่ง, We All Understanding เรียนรู้อย่าง “เข้าใจ”, We All Dignity พร้อมด้วย “ศักดิ์ศรี” และ We All Equality ยึดมั่นในความเสมอภาค “เท่าเทียม” โดยกิจกรรมยกระดับงานนี้ให้เป็นเทศกาลระดับเมืองของโคราชที่สะท้อนหัวใจของ “ความรัก ความเข้าใจ และความเท่าเทียม” และเวลา 16.00 น. สนุกสุขมันส์กับฟรีมินิคอนเสิร์ตจาก ZOLAR ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3

    8 มิ.ย.2568 พบการประกวด MISS QUEEN M PLUS นครราชสีมา ชิงเงินรางวัลและ Gift Voucher มูลค่าร่วมกว่า 300,000 บาท สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
    ดาวน์โหลดใบสมัคร พร้อมรับรายละเอียดการประกวด ได้แล้ววันนี้ที่ลิงก์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfTL0jixMRovzjF45ArPcNYemAg8AWNyca3lePatzWAcvPWpA/viewform?usp=header สมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคม 2568 รอบตัดสิน วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 083-429-6491 (คุณเหินฟ้า) หรือ 096-704-5372 (คุณโมโม่)
    มิถุนายนนี้ ชวนปักหมุดเช็คอินภาคอีสาน กับอีกหนึ่ง Carnival สุดยิ่งใหญ่ งาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ในเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลก เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH อย่างยิ่งใหญ่ทั่วศูนย์การค้าและห้างฯ ทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง “เดอะมอลล์โคราช” จัดไพรด์คาร์นิวาลสุดยิ่งใหญ่ กับงาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช พบขบวนพาเหรดสีรุ้งแห่งความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เฉลิมฉลองความเท่าเทียมตลอดเดือนมิถุนายน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” จุดไฟพลังชาว LGBTQIA+ ทุกเจนฯ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน ภายใต้คอนเซปต์ THE CENTER OF LOVE | PEACE | EQUALITY ศูนย์กลางความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจของคนโคราช โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH ทั่วศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง สนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี การเปิดใจและมีความเข้าใจต่อกันทุกเพศ ทุกวัยอย่างลึกซึ้งร่วมเฉลิมฉลองความเป็นตัวตนที่ภาคภูมิใจไปพร้อมกัน วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำศูนย์การค้าระดับพรีเมียม มุ่งขับเคลื่อนความหลากหลายอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติธุรกิจ สังคม และการท่องเที่ยว "Rainbow Economy และ Rainbow Tourism คือกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกลุ่ม LGBTQIA+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์เฉพาะเปิดกว้าง พร้อมใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตน เป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ธุรกิจให้ความสำคัญและโฟกัสความลึกซึ้งในตัวตนนี้มากขึ้น" "สำหรับปีนี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำ และ ร้านอาหารยอดนิยม มีการจัดทำคอลเลกชันสินค้า เมนูพิเศษเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นมิติของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย กระตุ้นและสร้างความตื่นตัวในภาพธุรกิจได้ชัดเจน พร้อมตกแต่งศูนย์ฯ ด้วยแลนด์มาร์กสีรุ้งขนาดใหญ่ เสริมบรรยากาศเฉลิมฉลองทั่วทุกสาขา และคาดว่าการจับจ่ายในศูนย์การค้าจะคึกคัก หนุนยอดขายกลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์-ร้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแคมเปญจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา" สะท้อนความตั้งใจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ต้องการกระจายโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ทุกภูมิภาค ซึ่งในช่วงดังกล่าวเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ จัดแคมเปญ “Bangkok No.1 Shopping Festival 2025” มาช่วยตอบโจทย์การใช้จ่ายในการเฉลิมฉลองของกลุ่ม LGBTQIA+ อีกด้วย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า PRIDE ไม่ใช่แค่เทศกาล แต่เป็นพลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหลากหลายระดับโลก” นางสาววรลักษณ์ กล่าวปิดท้าย โดยวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 มิ.ย.2568 ได้จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้ ไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมปีนึ้ ในวันที่ 7 มิ.ย.2568 ตั้งแต่เวลา 13.00น.เป็นต้นไป พบขบวนพาเหรด “Pride Carnival” สุดยิ่งใหญ่ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ซึ่งร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน LGBTQIA+ ทุกเจนฯ กว่า 400 คน ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน มีรูปแบบขบวนแบ่งเป็น 4 ขบวน ได้แก่ We All Love “รัก” ในทุกสิ่ง, We All Understanding เรียนรู้อย่าง “เข้าใจ”, We All Dignity พร้อมด้วย “ศักดิ์ศรี” และ We All Equality ยึดมั่นในความเสมอภาค “เท่าเทียม” โดยกิจกรรมยกระดับงานนี้ให้เป็นเทศกาลระดับเมืองของโคราชที่สะท้อนหัวใจของ “ความรัก ความเข้าใจ และความเท่าเทียม” และเวลา 16.00 น. สนุกสุขมันส์กับฟรีมินิคอนเสิร์ตจาก ZOLAR ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 8 มิ.ย.2568 พบการประกวด MISS QUEEN M PLUS นครราชสีมา ชิงเงินรางวัลและ Gift Voucher มูลค่าร่วมกว่า 300,000 บาท สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดาวน์โหลดใบสมัคร พร้อมรับรายละเอียดการประกวด ได้แล้ววันนี้ที่ลิงก์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfTL0jixMRovzjF45ArPcNYemAg8AWNyca3lePatzWAcvPWpA/viewform?usp=header สมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคม 2568 รอบตัดสิน วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 083-429-6491 (คุณเหินฟ้า) หรือ 096-704-5372 (คุณโมโม่)
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • มิถุนายนนี้ ชวนปักหมุดเช็คอินภาคอีสาน กับอีกหนึ่ง Carnival สุดยิ่งใหญ่ งาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช

    ในเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลก เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH อย่างยิ่งใหญ่ทั่วศูนย์การค้าและห้างฯ ทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง “เดอะมอลล์โคราช” จัดไพรด์คาร์นิวาลสุดยิ่งใหญ่ กับงาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช พบขบวนพาเหรดสีรุ้งแห่งความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เฉลิมฉลองความเท่าเทียมตลอดเดือนมิถุนายน

    “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” จุดไฟพลังชาว LGBTQIA+ ทุกเจนฯ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม
    ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน ภายใต้คอนเซปต์ THE CENTER OF LOVE | PEACE | EQUALITY ศูนย์กลางความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจของคนโคราช โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH ทั่วศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง สนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี การเปิดใจและมีความเข้าใจต่อกันทุกเพศ ทุกวัยอย่างลึกซึ้งร่วมเฉลิมฉลองความเป็นตัวตนที่ภาคภูมิใจไปพร้อมกัน

    วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำศูนย์การค้าระดับพรีเมียม มุ่งขับเคลื่อนความหลากหลายอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติธุรกิจ สังคม และการท่องเที่ยว
    "Rainbow Economy และ Rainbow Tourism คือกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกลุ่ม LGBTQIA+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์เฉพาะเปิดกว้าง พร้อมใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตน เป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ธุรกิจให้ความสำคัญและโฟกัสความลึกซึ้งในตัวตนนี้มากขึ้น"

    "สำหรับปีนี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำ และ ร้านอาหารยอดนิยม มีการจัดทำคอลเลกชันสินค้า เมนูพิเศษเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นมิติของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย กระตุ้นและสร้างความตื่นตัวในภาพธุรกิจได้ชัดเจน พร้อมตกแต่งศูนย์ฯ ด้วยแลนด์มาร์กสีรุ้งขนาดใหญ่ เสริมบรรยากาศเฉลิมฉลองทั่วทุกสาขา และคาดว่าการจับจ่ายในศูนย์การค้าจะคึกคัก หนุนยอดขายกลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์-ร้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแคมเปญจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา"

    สะท้อนความตั้งใจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ต้องการกระจายโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ทุกภูมิภาค ซึ่งในช่วงดังกล่าวเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ จัดแคมเปญ “Bangkok No.1 Shopping Festival 2025” มาช่วยตอบโจทย์การใช้จ่ายในการเฉลิมฉลองของกลุ่ม LGBTQIA+ อีกด้วย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า PRIDE ไม่ใช่แค่เทศกาล แต่เป็นพลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหลากหลายระดับโลก” นางสาววรลักษณ์ กล่าวปิดท้าย

    โดยวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 มิ.ย.2568 ได้จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้
    ไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมปีนึ้ ในวันที่ 7 มิ.ย.2568 ตั้งแต่เวลา 13.00น.เป็นต้นไป พบขบวนพาเหรด “Pride Carnival” สุดยิ่งใหญ่ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ซึ่งร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน LGBTQIA+ ทุกเจนฯ กว่า 400 คน ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน

    มีรูปแบบขบวนแบ่งเป็น 4 ขบวน ได้แก่ We All Love “รัก” ในทุกสิ่ง, We All Understanding เรียนรู้อย่าง “เข้าใจ”, We All Dignity พร้อมด้วย “ศักดิ์ศรี” และ We All Equality ยึดมั่นในความเสมอภาค “เท่าเทียม” โดยกิจกรรมยกระดับงานนี้ให้เป็นเทศกาลระดับเมืองของโคราชที่สะท้อนหัวใจของ “ความรัก ความเข้าใจ และความเท่าเทียม” และเวลา 16.00 น. สนุกสุขมันส์กับฟรีมินิคอนเสิร์ตจาก ZOLAR ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3

    8 มิ.ย.2568 พบการประกวด MISS QUEEN M PLUS นครราชสีมา ชิงเงินรางวัลและ Gift Voucher มูลค่าร่วมกว่า 300,000 บาท สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
    ดาวน์โหลดใบสมัคร พร้อมรับรายละเอียดการประกวด ได้แล้ววันนี้ที่ลิงก์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfTL0jixMRovzjF45ArPcNYemAg8AWNyca3lePatzWAcvPWpA/viewform?usp=header สมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคม 2568 รอบตัดสิน วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 083-429-6491 (คุณเหินฟ้า) หรือ 096-704-5372 (คุณโมโม่)
    มิถุนายนนี้ ชวนปักหมุดเช็คอินภาคอีสาน กับอีกหนึ่ง Carnival สุดยิ่งใหญ่ งาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ในเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลก เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH อย่างยิ่งใหญ่ทั่วศูนย์การค้าและห้างฯ ทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง “เดอะมอลล์โคราช” จัดไพรด์คาร์นิวาลสุดยิ่งใหญ่ กับงาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช พบขบวนพาเหรดสีรุ้งแห่งความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เฉลิมฉลองความเท่าเทียมตลอดเดือนมิถุนายน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” จุดไฟพลังชาว LGBTQIA+ ทุกเจนฯ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน ภายใต้คอนเซปต์ THE CENTER OF LOVE | PEACE | EQUALITY ศูนย์กลางความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจของคนโคราช โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH ทั่วศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง สนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี การเปิดใจและมีความเข้าใจต่อกันทุกเพศ ทุกวัยอย่างลึกซึ้งร่วมเฉลิมฉลองความเป็นตัวตนที่ภาคภูมิใจไปพร้อมกัน วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำศูนย์การค้าระดับพรีเมียม มุ่งขับเคลื่อนความหลากหลายอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติธุรกิจ สังคม และการท่องเที่ยว "Rainbow Economy และ Rainbow Tourism คือกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกลุ่ม LGBTQIA+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์เฉพาะเปิดกว้าง พร้อมใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตน เป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ธุรกิจให้ความสำคัญและโฟกัสความลึกซึ้งในตัวตนนี้มากขึ้น" "สำหรับปีนี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำ และ ร้านอาหารยอดนิยม มีการจัดทำคอลเลกชันสินค้า เมนูพิเศษเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นมิติของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย กระตุ้นและสร้างความตื่นตัวในภาพธุรกิจได้ชัดเจน พร้อมตกแต่งศูนย์ฯ ด้วยแลนด์มาร์กสีรุ้งขนาดใหญ่ เสริมบรรยากาศเฉลิมฉลองทั่วทุกสาขา และคาดว่าการจับจ่ายในศูนย์การค้าจะคึกคัก หนุนยอดขายกลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์-ร้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแคมเปญจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา" สะท้อนความตั้งใจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ต้องการกระจายโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ทุกภูมิภาค ซึ่งในช่วงดังกล่าวเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ จัดแคมเปญ “Bangkok No.1 Shopping Festival 2025” มาช่วยตอบโจทย์การใช้จ่ายในการเฉลิมฉลองของกลุ่ม LGBTQIA+ อีกด้วย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า PRIDE ไม่ใช่แค่เทศกาล แต่เป็นพลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหลากหลายระดับโลก” นางสาววรลักษณ์ กล่าวปิดท้าย โดยวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 มิ.ย.2568 ได้จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้ ไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมปีนึ้ ในวันที่ 7 มิ.ย.2568 ตั้งแต่เวลา 13.00น.เป็นต้นไป พบขบวนพาเหรด “Pride Carnival” สุดยิ่งใหญ่ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ซึ่งร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน LGBTQIA+ ทุกเจนฯ กว่า 400 คน ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน มีรูปแบบขบวนแบ่งเป็น 4 ขบวน ได้แก่ We All Love “รัก” ในทุกสิ่ง, We All Understanding เรียนรู้อย่าง “เข้าใจ”, We All Dignity พร้อมด้วย “ศักดิ์ศรี” และ We All Equality ยึดมั่นในความเสมอภาค “เท่าเทียม” โดยกิจกรรมยกระดับงานนี้ให้เป็นเทศกาลระดับเมืองของโคราชที่สะท้อนหัวใจของ “ความรัก ความเข้าใจ และความเท่าเทียม” และเวลา 16.00 น. สนุกสุขมันส์กับฟรีมินิคอนเสิร์ตจาก ZOLAR ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 8 มิ.ย.2568 พบการประกวด MISS QUEEN M PLUS นครราชสีมา ชิงเงินรางวัลและ Gift Voucher มูลค่าร่วมกว่า 300,000 บาท สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดาวน์โหลดใบสมัคร พร้อมรับรายละเอียดการประกวด ได้แล้ววันนี้ที่ลิงก์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfTL0jixMRovzjF45ArPcNYemAg8AWNyca3lePatzWAcvPWpA/viewform?usp=header สมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคม 2568 รอบตัดสิน วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 083-429-6491 (คุณเหินฟ้า) หรือ 096-704-5372 (คุณโมโม่)
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • #นึกถึงเสาเข็มเจาะ #เสาเข็มตอก #สปันไมโครไพล์ #เสาเข็มเจาะโคราช #เสาเข็มตอกโคราช #เสาเข็มเจาะภาคอีสาน #เสาเข็มตอกภาคอีสาน เลือก นันทพลเข็มเจาะนะครับ นันทพล รัตนมณี (ตึ๋ง) 086-6481898 และ 081-8790727 Fax 044-352010
    https://youtu.be/a3WObP5Vh84
    .
    คลิปการเจาะเสาเข็มของ หจก.นันทพลวิศวกรรม
    https://youtu.be/a3WObP5Vh84
    .
    คลิปการเจาะเสาเข็มแบบสามขาของ หจก.นันทพลวิศวกรรม
    https://youtu.be/3JmQrQWbIfo?si=IFk8h2akRg8DKlKD
    .
    คลิป SpunMicroPiles
    https://www.youtube.com/watch?v=C-k7cJvOQRw
    .
    ชุดรถสว่านช่างหนุ่มทำเข็มเจาะ สระว่ายน้ำ หมู่บ้าน เซ็นทรัลปาร์ค ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขนาด 0.35 x 6.00 ม. = 8 ต้น วันที่ 16 พฤษภาคม 2568
    #นึกถึงเสาเข็มเจาะ #เสาเข็มตอก #สปันไมโครไพล์ #เสาเข็มเจาะโคราช #เสาเข็มตอกโคราช #เสาเข็มเจาะภาคอีสาน #เสาเข็มตอกภาคอีสาน เลือก นันทพลเข็มเจาะนะครับ นันทพล รัตนมณี (ตึ๋ง) 086-6481898 และ 081-8790727 Fax 044-352010 https://youtu.be/a3WObP5Vh84 . คลิปการเจาะเสาเข็มของ หจก.นันทพลวิศวกรรม https://youtu.be/a3WObP5Vh84 . คลิปการเจาะเสาเข็มแบบสามขาของ หจก.นันทพลวิศวกรรม https://youtu.be/3JmQrQWbIfo?si=IFk8h2akRg8DKlKD . คลิป SpunMicroPiles https://www.youtube.com/watch?v=C-k7cJvOQRw . ชุดรถสว่านช่างหนุ่มทำเข็มเจาะ สระว่ายน้ำ หมู่บ้าน เซ็นทรัลปาร์ค ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขนาด 0.35 x 6.00 ม. = 8 ต้น วันที่ 16 พฤษภาคม 2568
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • “ศาลฎีกา” พิพากษายกฟ้อง คดีตลาดสุรนารี ครอบครัว “สุวรรณชาติ”
    .
    วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่ ตลาดสุรนารี (เดิมชื่อ สุรนคร) อ.เมือง จ.นครราชสีมา คณะทายาทสุวรรณชาติ ได้จัดเเถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา มีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่ดินตลาดสุรนารี (เดิมชื่อ ตลาดสุรนคร) ซึ่งฟ้องร้องต่อเนื่องยาวนานนับเกือบ 40 ปี โดยให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ส่งผลให้ครอบครัว “สุวรรณชาติ” เจ้าของที่ดินเดิม ได้รับคืนสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

    ในการแถลงข่าว ณ ตลาดสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายพิชญ์ สนธิ ที่ปรึกษากฎหมายบริษัท ตลาดสุรนารี จำกัด และนายไพโรจน์ สุวรรณชาติ ตัวแทนครอบครัวผู้ถือสิทธิในมรดก เปิดเผยว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิ์เดิมของนายสนิท และนางประกอบ สุวรรณชาติ ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนที่คดีจะสิ้นสุด

    คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ทั้งสองให้บุคคลหนึ่งเช่าที่ดินไปบริหารตลาด แต่กลับถูกละเมิดสัญญาโดยไม่จ่ายค่าเช่านานถึง 30 ปี ขณะเดียวกันยังพยายามครอบครองที่ดินดังกล่าวในภายหลัง แม้เจ้าของที่ดินจะพยายามดำเนินคดีเพื่อเรียกคืนสิทธิ์มาตลอด

    ในระหว่างการต่อสู้คดี ยังมีการหลอกลวงโดยบุคคลที่แฝงตัวเข้ามาอาสาช่วยติดตามสิทธิในมรดก ก่อนจะใช้กลอุบายทำให้ทายาทรายหนึ่งคือ นายปรีชา สุวรรณชาติ มอบอำนาจดำเนินเรื่อง จนถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 452 ล้านบาท
    ภายหลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ชดใช้เงินดังกล่าว ฝ่ายโจทก์พยายามยึดที่ดินผ่านการบังคับคดีและการขายทอดตลาด แต่ในที่สุด ศาลฎีกาได้กลับคำพิพากษา ยกฟ้องโจทก์โดยให้เหตุผลว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคืนความยุติธรรมให้กับทายาทโดยธรรมทั้ง 9 ราย รวมถึงผู้จัดการมรดกทั้ง 6 ราย
    นายไพโรจน์ยังฝากข้อคิดผ่านกรณีนี้ว่า

    “ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม อย่าหลงเชื่อผู้ที่มาหว่านล้อมด้วยถ้อยคำสุภาพหรือท่าทีน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในเรื่องทรัพย์สินและมรดกซึ่งอาจนำมาสู่ความเสียหายใหญ่หลวงได้”

    คดีตลาดสุรนารีนับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความยืดเยื้อในกระบวนการยุติธรรมที่สิ้นสุดลงด้วยความยุติธรรมหลังการรอคอยนานเกือบสี่ทศวรรษ
    “ศาลฎีกา” พิพากษายกฟ้อง คดีตลาดสุรนารี ครอบครัว “สุวรรณชาติ” . วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่ ตลาดสุรนารี (เดิมชื่อ สุรนคร) อ.เมือง จ.นครราชสีมา คณะทายาทสุวรรณชาติ ได้จัดเเถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา มีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่ดินตลาดสุรนารี (เดิมชื่อ ตลาดสุรนคร) ซึ่งฟ้องร้องต่อเนื่องยาวนานนับเกือบ 40 ปี โดยให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ส่งผลให้ครอบครัว “สุวรรณชาติ” เจ้าของที่ดินเดิม ได้รับคืนสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ในการแถลงข่าว ณ ตลาดสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายพิชญ์ สนธิ ที่ปรึกษากฎหมายบริษัท ตลาดสุรนารี จำกัด และนายไพโรจน์ สุวรรณชาติ ตัวแทนครอบครัวผู้ถือสิทธิในมรดก เปิดเผยว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิ์เดิมของนายสนิท และนางประกอบ สุวรรณชาติ ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนที่คดีจะสิ้นสุด คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ทั้งสองให้บุคคลหนึ่งเช่าที่ดินไปบริหารตลาด แต่กลับถูกละเมิดสัญญาโดยไม่จ่ายค่าเช่านานถึง 30 ปี ขณะเดียวกันยังพยายามครอบครองที่ดินดังกล่าวในภายหลัง แม้เจ้าของที่ดินจะพยายามดำเนินคดีเพื่อเรียกคืนสิทธิ์มาตลอด ในระหว่างการต่อสู้คดี ยังมีการหลอกลวงโดยบุคคลที่แฝงตัวเข้ามาอาสาช่วยติดตามสิทธิในมรดก ก่อนจะใช้กลอุบายทำให้ทายาทรายหนึ่งคือ นายปรีชา สุวรรณชาติ มอบอำนาจดำเนินเรื่อง จนถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 452 ล้านบาท ภายหลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ชดใช้เงินดังกล่าว ฝ่ายโจทก์พยายามยึดที่ดินผ่านการบังคับคดีและการขายทอดตลาด แต่ในที่สุด ศาลฎีกาได้กลับคำพิพากษา ยกฟ้องโจทก์โดยให้เหตุผลว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคืนความยุติธรรมให้กับทายาทโดยธรรมทั้ง 9 ราย รวมถึงผู้จัดการมรดกทั้ง 6 ราย นายไพโรจน์ยังฝากข้อคิดผ่านกรณีนี้ว่า “ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม อย่าหลงเชื่อผู้ที่มาหว่านล้อมด้วยถ้อยคำสุภาพหรือท่าทีน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในเรื่องทรัพย์สินและมรดกซึ่งอาจนำมาสู่ความเสียหายใหญ่หลวงได้” คดีตลาดสุรนารีนับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความยืดเยื้อในกระบวนการยุติธรรมที่สิ้นสุดลงด้วยความยุติธรรมหลังการรอคอยนานเกือบสี่ทศวรรษ
    0 Comments 0 Shares 294 Views 0 Reviews
  • “ศาลฎีกา” พิพากษายกฟ้อง คดีตลาดสุรนารี ครอบครัว “สุวรรณชาติ”

    .
    วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่ ตลาดสุรนารี (เดิมชื่อ สุรนคร) อ.เมือง จ.นครราชสีมา คณะทายาทสุวรรณชาติ ได้จัดเเถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา มีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่ดินตลาดสุรนารี (เดิมชื่อ ตลาดสุรนคร) ซึ่งฟ้องร้องต่อเนื่องยาวนานนับเกือบ 40 ปี โดยให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ส่งผลให้ครอบครัว “สุวรรณชาติ” เจ้าของที่ดินเดิม ได้รับคืนสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
    .
    ในการแถลงข่าว ณ ตลาดสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายพิชญ์ สนธิ ที่ปรึกษากฎหมายบริษัท ตลาดสุรนารี จำกัด และนายไพโรจน์ สุวรรณชาติ ตัวแทนครอบครัวผู้ถือสิทธิในมรดก เปิดเผยว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิ์เดิมของนายสนิท และนางประกอบ สุวรรณชาติ ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนที่คดีจะสิ้นสุด
    .
    คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ทั้งสองให้บุคคลหนึ่งเช่าที่ดินไปบริหารตลาด แต่กลับถูกละเมิดสัญญาโดยไม่จ่ายค่าเช่านานถึง 30 ปี ขณะเดียวกันยังพยายามครอบครองที่ดินดังกล่าวในภายหลัง แม้เจ้าของที่ดินจะพยายามดำเนินคดีเพื่อเรียกคืนสิทธิ์มาตลอด
    .
    ในระหว่างการต่อสู้คดี ยังมีการหลอกลวงโดยบุคคลที่แฝงตัวเข้ามาอาสาช่วยติดตามสิทธิในมรดก ก่อนจะใช้กลอุบายทำให้ทายาทรายหนึ่งคือ นายปรีชา สุวรรณชาติ มอบอำนาจดำเนินเรื่อง จนถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 452 ล้านบาท
    ภายหลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ชดใช้เงินดังกล่าว ฝ่ายโจทก์พยายามยึดที่ดินผ่านการบังคับคดีและการขายทอดตลาด แต่ในที่สุด ศาลฎีกาได้กลับคำพิพากษา ยกฟ้องโจทก์โดยให้เหตุผลว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคืนความยุติธรรมให้กับทายาทโดยธรรมทั้ง 9 ราย รวมถึงผู้จัดการมรดกทั้ง 6 ราย
    นายไพโรจน์ยังฝากข้อคิดผ่านกรณีนี้ว่า
    .
    “ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม อย่าหลงเชื่อผู้ที่มาหว่านล้อมด้วยถ้อยคำสุภาพหรือท่าทีน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในเรื่องทรัพย์สินและมรดกซึ่งอาจนำมาสู่ความเสียหายใหญ่หลวงได้”
    .
    คดีตลาดสุรนารีนับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความยืดเยื้อในกระบวนการยุติธรรมที่สิ้นสุดลงด้วยความยุติธรรมหลังการรอคอยนานเกือบสี่ทศวรรษ
    “ศาลฎีกา” พิพากษายกฟ้อง คดีตลาดสุรนารี ครอบครัว “สุวรรณชาติ” . วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่ ตลาดสุรนารี (เดิมชื่อ สุรนคร) อ.เมือง จ.นครราชสีมา คณะทายาทสุวรรณชาติ ได้จัดเเถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อรับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา มีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่ดินตลาดสุรนารี (เดิมชื่อ ตลาดสุรนคร) ซึ่งฟ้องร้องต่อเนื่องยาวนานนับเกือบ 40 ปี โดยให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ส่งผลให้ครอบครัว “สุวรรณชาติ” เจ้าของที่ดินเดิม ได้รับคืนสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวอย่างเป็นทางการ . ในการแถลงข่าว ณ ตลาดสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายพิชญ์ สนธิ ที่ปรึกษากฎหมายบริษัท ตลาดสุรนารี จำกัด และนายไพโรจน์ สุวรรณชาติ ตัวแทนครอบครัวผู้ถือสิทธิในมรดก เปิดเผยว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิ์เดิมของนายสนิท และนางประกอบ สุวรรณชาติ ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนที่คดีจะสิ้นสุด . คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ทั้งสองให้บุคคลหนึ่งเช่าที่ดินไปบริหารตลาด แต่กลับถูกละเมิดสัญญาโดยไม่จ่ายค่าเช่านานถึง 30 ปี ขณะเดียวกันยังพยายามครอบครองที่ดินดังกล่าวในภายหลัง แม้เจ้าของที่ดินจะพยายามดำเนินคดีเพื่อเรียกคืนสิทธิ์มาตลอด . ในระหว่างการต่อสู้คดี ยังมีการหลอกลวงโดยบุคคลที่แฝงตัวเข้ามาอาสาช่วยติดตามสิทธิในมรดก ก่อนจะใช้กลอุบายทำให้ทายาทรายหนึ่งคือ นายปรีชา สุวรรณชาติ มอบอำนาจดำเนินเรื่อง จนถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 452 ล้านบาท ภายหลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ชดใช้เงินดังกล่าว ฝ่ายโจทก์พยายามยึดที่ดินผ่านการบังคับคดีและการขายทอดตลาด แต่ในที่สุด ศาลฎีกาได้กลับคำพิพากษา ยกฟ้องโจทก์โดยให้เหตุผลว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคืนความยุติธรรมให้กับทายาทโดยธรรมทั้ง 9 ราย รวมถึงผู้จัดการมรดกทั้ง 6 ราย นายไพโรจน์ยังฝากข้อคิดผ่านกรณีนี้ว่า . “ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม อย่าหลงเชื่อผู้ที่มาหว่านล้อมด้วยถ้อยคำสุภาพหรือท่าทีน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในเรื่องทรัพย์สินและมรดกซึ่งอาจนำมาสู่ความเสียหายใหญ่หลวงได้” . คดีตลาดสุรนารีนับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความยืดเยื้อในกระบวนการยุติธรรมที่สิ้นสุดลงด้วยความยุติธรรมหลังการรอคอยนานเกือบสี่ทศวรรษ
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • 📣หน่อย เชิญชวนเที่ยวงานมหกรรม Soft Power อีสาน ครั้งใหญ่ E-SAN F.A.C.E. : The Future of E-SAN Soft Power ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ค.นี้ งานที่จะพบกับ เสน่ห์อีสานครบทุกรสชาติ ทั้งอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม การแสดง ที่จะมารวมกันในงานนี้ พร้อมกับกองทัพศิลปินดารา พระเอกนางเอก ละครซีรีย์สายวาย มาพร้อมรวมกันในงาน และยังมีความรู้ด้านการทำธุรกิจ จาก Speaker ระดับประเทศ ทั้งการใช้ AI การทำ Business ให้เติบโต การ Matching ธุรกิจกับต่างประเทศ ทั้งนักธุรกิจ อินเดีย นักธุรกิจ มองโกเลีย นักธุรกิจ ไทย มารวมกันในงาน แล้วมากันเยอะๆนะคะ

    ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล
    นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
    23 พฤษภาคม 2568

    #หน่อยยลดา
    #นายกหน่อย
    #อบจโคราช
    #softpower
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    📣หน่อย เชิญชวนเที่ยวงานมหกรรม Soft Power อีสาน ครั้งใหญ่ E-SAN F.A.C.E. : The Future of E-SAN Soft Power ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ค.นี้ งานที่จะพบกับ เสน่ห์อีสานครบทุกรสชาติ ทั้งอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม การแสดง ที่จะมารวมกันในงานนี้ พร้อมกับกองทัพศิลปินดารา พระเอกนางเอก ละครซีรีย์สายวาย มาพร้อมรวมกันในงาน และยังมีความรู้ด้านการทำธุรกิจ จาก Speaker ระดับประเทศ ทั้งการใช้ AI การทำ Business ให้เติบโต การ Matching ธุรกิจกับต่างประเทศ ทั้งนักธุรกิจ อินเดีย นักธุรกิจ มองโกเลีย นักธุรกิจ ไทย มารวมกันในงาน แล้วมากันเยอะๆนะคะ ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา 23 พฤษภาคม 2568 #หน่อยยลดา #นายกหน่อย #อบจโคราช #softpower #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • 📣หน่อย เชิญชวนเที่ยวงานมหกรรม Soft Power อีสาน ครั้งใหญ่ E-SAN F.A.C.E. : The Future of E-SAN Soft Power ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ค.นี้ งานที่จะพบกับ เสน่ห์อีสานครบทุกรสชาติ ทั้งอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม การแสดง ที่จะมารวมกันในงานนี้ พร้อมกับกองทัพศิลปินดารา พระเอกนางเอก ละครซีรีย์สายวาย มาพร้อมรวมกันในงาน และยังมีความรู้ด้านการทำธุรกิจ จาก Speaker ระดับประเทศ ทั้งการใช้ AI การทำ Business ให้เติบโต การ Matching ธุรกิจกับต่างประเทศ ทั้งนักธุรกิจ อินเดีย นักธุรกิจ มองโกเลีย นักธุรกิจ ไทย มารวมกันในงาน แล้วมากันเยอะๆนะคะ

    ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล
    นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
    23 พฤษภาคม 2568

    #หน่อยยลดา
    #นายกหน่อย
    #อบจโคราช
    #softpower
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    📣หน่อย เชิญชวนเที่ยวงานมหกรรม Soft Power อีสาน ครั้งใหญ่ E-SAN F.A.C.E. : The Future of E-SAN Soft Power ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ค.นี้ งานที่จะพบกับ เสน่ห์อีสานครบทุกรสชาติ ทั้งอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม การแสดง ที่จะมารวมกันในงานนี้ พร้อมกับกองทัพศิลปินดารา พระเอกนางเอก ละครซีรีย์สายวาย มาพร้อมรวมกันในงาน และยังมีความรู้ด้านการทำธุรกิจ จาก Speaker ระดับประเทศ ทั้งการใช้ AI การทำ Business ให้เติบโต การ Matching ธุรกิจกับต่างประเทศ ทั้งนักธุรกิจ อินเดีย นักธุรกิจ มองโกเลีย นักธุรกิจ ไทย มารวมกันในงาน แล้วมากันเยอะๆนะคะ ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา 23 พฤษภาคม 2568 #หน่อยยลดา #นายกหน่อย #อบจโคราช #softpower #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!
    .
    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ
    .
    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”
    .
    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ
    .
    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา
    .
    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! . อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ . #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” . โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ . และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา . #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 386 Views 1 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!
    .
    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ
    .
    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”
    .
    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ
    .
    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา
    .
    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! . อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ . #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” . โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ . และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา . #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 294 Views 7 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!

    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ

    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”

    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ

    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!

    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ

    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”

    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ

    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดตั้งเพิ่มอีก 8 แห่ง “ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน” ร่วมภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตชาวโคราชอย่างยั่งยืน

    วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมโคราชโฮเต็ล #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.นครราชสีมา เป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU และมอบป้ายให้กับหน่วยงาน รวมถึงแนวทางการจัดบริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสุขใจใกล้บ้านให้ยั่งยืน นับเป็นการบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย สร้างความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์การดำเนินงานศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสุขใจใกล้บ้าน และ ศูนย์สาธิตและยืมอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการฯ ที่จะช่วยให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพในระดับชุมชนและที่บ้านอย่างทั่วถึง โดยในปีงบประมาณ 2568 มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน จำนวน 8 แห่ง ศูนย์สาธิตและยืมอุปกรณ์ฯ จำนวน 1 แห่ง

    “อบจ.นครราชสีมา คาดหวังด้านการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งการ MOU ร่วมกับภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 9 นครราชสีมา, อำเภอ , ท้องถิ่นอำเภอ , สาธารณสุขอำเภอ , ผู้อำนวยการโรงพยาบาล , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อจัดบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านสุขภาพในชุมชนสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง เราจะจับมือพัฒนาไปด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของประชาชนชาว จ.นครราชสีมา อย่างยั่งยืน”

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดตั้งเพิ่มอีก 8 แห่ง “ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน” ร่วมภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตชาวโคราชอย่างยั่งยืน วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมโคราชโฮเต็ล #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.นครราชสีมา เป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU และมอบป้ายให้กับหน่วยงาน รวมถึงแนวทางการจัดบริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสุขใจใกล้บ้านให้ยั่งยืน นับเป็นการบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย สร้างความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์การดำเนินงานศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสุขใจใกล้บ้าน และ ศูนย์สาธิตและยืมอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการฯ ที่จะช่วยให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพในระดับชุมชนและที่บ้านอย่างทั่วถึง โดยในปีงบประมาณ 2568 มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน จำนวน 8 แห่ง ศูนย์สาธิตและยืมอุปกรณ์ฯ จำนวน 1 แห่ง “อบจ.นครราชสีมา คาดหวังด้านการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งการ MOU ร่วมกับภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 9 นครราชสีมา, อำเภอ , ท้องถิ่นอำเภอ , สาธารณสุขอำเภอ , ผู้อำนวยการโรงพยาบาล , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อจัดบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านสุขภาพในชุมชนสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง เราจะจับมือพัฒนาไปด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของประชาชนชาว จ.นครราชสีมา อย่างยั่งยืน” #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดตั้งเพิ่มอีก 8 แห่ง “ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน” ร่วมภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตชาวโคราชอย่างยั่งยืน

    วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมโคราชโฮเต็ล #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.นครราชสีมา เป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU และมอบป้ายให้กับหน่วยงาน รวมถึงแนวทางการจัดบริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสุขใจใกล้บ้านให้ยั่งยืน นับเป็นการบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย สร้างความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์การดำเนินงานศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสุขใจใกล้บ้าน และ ศูนย์สาธิตและยืมอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการฯ ที่จะช่วยให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพในระดับชุมชนและที่บ้านอย่างทั่วถึง โดยในปีงบประมาณ 2568 มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน จำนวน 8 แห่ง ศูนย์สาธิตและยืมอุปกรณ์ฯ จำนวน 1 แห่ง

    “อบจ.นครราชสีมา คาดหวังด้านการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งการ MOU ร่วมกับภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 9 นครราชสีมา, อำเภอ , ท้องถิ่นอำเภอ , สาธารณสุขอำเภอ , ผู้อำนวยการโรงพยาบาล , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อจัดบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านสุขภาพในชุมชนสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง เราจะจับมือพัฒนาไปด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของประชาชนชาว จ.นครราชสีมา อย่างยั่งยืน”

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดตั้งเพิ่มอีก 8 แห่ง “ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน” ร่วมภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตชาวโคราชอย่างยั่งยืน วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมโคราชโฮเต็ล #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.นครราชสีมา เป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU และมอบป้ายให้กับหน่วยงาน รวมถึงแนวทางการจัดบริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสุขใจใกล้บ้านให้ยั่งยืน นับเป็นการบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย สร้างความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์การดำเนินงานศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสุขใจใกล้บ้าน และ ศูนย์สาธิตและยืมอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการฯ ที่จะช่วยให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพในระดับชุมชนและที่บ้านอย่างทั่วถึง โดยในปีงบประมาณ 2568 มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ สุขใจใกล้บ้าน จำนวน 8 แห่ง ศูนย์สาธิตและยืมอุปกรณ์ฯ จำนวน 1 แห่ง “อบจ.นครราชสีมา คาดหวังด้านการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งการ MOU ร่วมกับภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 9 นครราชสีมา, อำเภอ , ท้องถิ่นอำเภอ , สาธารณสุขอำเภอ , ผู้อำนวยการโรงพยาบาล , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อจัดบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านสุขภาพในชุมชนสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง เราจะจับมือพัฒนาไปด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของประชาชนชาว จ.นครราชสีมา อย่างยั่งยืน” #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2
    .
    วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
    .
    ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้
    1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย
    ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
    - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/
    นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
    - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า
    - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 . วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ . ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้ 1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/ นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
More Results