อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย
สัทธรรมลำดับที่ : 319
ชื่อบทธรรม :- ทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=319
เนื้อความทั้งหมด :-
--ทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย
--ภิกษุ ท. ! บรรดาสมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก สัสสตวาท
ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยวัตถุ (ที่ตั้งแห่งทิฏฐิ) ๔ ประการ ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก เอกัจจสัสสติกเอกัจจอสัสสติกวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยงบางอย่างไม่เที่ยงบางอย่าง ด้วยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อันตานันติกวาท
(ย่อมบัญญัติซึ่งโลกว่ามีที่สุดหรือไม่มีที่สุด ด้วยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อมราวิกเขปิกวาท
(เมื่อถูกถามปัญหาในที่นั้น ๆ ย่อมถึงความส่ายแห่งวาจาอันดิ้นได้ไม่ตายตัว ด้วยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อธิจจสมุปปันนิกวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเกิดเองลอย ๆ ด้วยวัตถุ ๒ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก ปุพพันตกัปปิกวาท
(มีปุพพันตนานุทิฏฐิ ปรารภขันธ์อันมีแล้วในกาลก่อน ย่อมกล่าวบัญญัติซึ่งอธิมุตติบท
(ทางแห่งความหลุดพ้นอย่างยิ่งของสัตว์ตามทิฏฐิแห่งตนๆ)
มีอย่างเป็นอเนก ด้วยวัตถุ ๑๘ ประการ) ก็ดี;
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุทธมาฆตนิกสัญญีวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยวัตถุ ๑๖ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็น พวก อุทธมาฆตนิกอสัญญีวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยวัตถุ ๘ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุทธมาฆตนิกเนวสัญญีนาสัญญีวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้ว ว่ามีสัญญาก็หามิได้ไม่มีสัญญาก็หามิได้
ด้วยวัตถุ ๘ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุจเฉทวาท
(ย่อมบัญญัติซึ่งความขาดสูญ ความพินาศ ความไม่มี แห่งสัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ ๗ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก ทิฏฐธัมมนิพพานวาท
(ย่อมบัญญัติซึ่งปรมทิฏฐธัมมนิพพานวาท แก่สัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ ๕ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อปรันตกัปปิกวาท
(มีอปรันตานุทิฏฐิปรารภขันธ์มีส่วนสุดในเบื้องหน้า ย่อมกล่าวบัญญัติซึ่งอธิมุตติบท มีประการต่าง ๆ เป็นอเนก ด้วยวัตถุ ๔๔ ประการ) ก็ดี ;
---แม้สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก
ปุพพันตกัปปิกวาท ก็ดี,
อปรันตกัปปิกวาท ก็ดี,
เป็นพวก ปุพพันตาปรันตกัปปิกวาท ก็ดี,
ล้วนแต่เป็นผู้มี ปุพพันตาปรันตานุทิฏฐิ ปรารภขันธ์ทั้งที่มีแล้วในกาลก่อน
และขันธ์อันมีในเบื้องหน้าย่อมกล่าวบัญญัติอธิมุตติบท
มีอย่างเป็นอเนก ด้วยวัตถุ ๖๒ ประการ ;
---สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นทั้งหมด รู้สึกต่อเวทนาตามทิฏฐิเฉพาะอย่าง ๆ ของตน ๆ ขึ้นมา (ปฏิสํเวทเทนฺติ*--๑) เพราะการถูกต้องแล้ว ๆ ด้วย
*--๑. คำว่า “รู้สึก” (ปฏิสํเวเทนฺติ) ในที่นี้ เป็นความรู้สึกต่อธัมมารมณ์ด้วยมโน(ใจ),
---เมื่อคนมีทิฏฐิอยู่อย่างไร การเสวยเวทนาของเขา
ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกชนิดที่เป็นไปตามอำนาจแห่งทิฏฐิที่เขามีอยู่ ;
---ดังนั้นเมื่อมีทิฏฐิต่างกัน แม้อารมณ์ที่มีมากระทบจะเป็นอย่างเดียวกัน
เขาย่อมเกิดความรู้สึกต่ออารมณ์ต่างกันไปตามทิฏฐิของเขา ;
---ดังนั้น เวทนาที่มาจากอารมณ์เดียวกัน จึงมีความหมายต่างกันได้
เป็นเหตุให้มีทิฏฐิชนิดที่หล่อเลี้ยงทิฏฐิเดิมให้แน่นแฟ้นอยู่เสมอไป
: นี้เรียกได้ว่า #ผัสสะหรือเวทนาสร้างทิฏฐิ แล้วก็หล่อเลี้ยงทิฏฐินั้นไว้.
http://etipitaka.com/read/pali/9/58/?keywords=ผสฺส+ทิฏฺฐิ
ถ้าปราศจากผัสสะหรือเวทนาเสียอย่างเดียวเท่านั้น ย่อมไม่มีทางที่จะเกิดทิฏฐิได้.
--ผัสสายตนะ ๖ ประการ,
เพราะเวทนาแห่งสมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ;
เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ;
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ;
เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ;
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย.-
#ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/43/90.
http://etipitaka.com/read/thai/9/43/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๕๗/๙๐.
http://etipitaka.com/read/pali/9/57/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=319
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=319
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
สัทธรรมลำดับที่ : 319
ชื่อบทธรรม :- ทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=319
เนื้อความทั้งหมด :-
--ทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย
--ภิกษุ ท. ! บรรดาสมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก สัสสตวาท
ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยวัตถุ (ที่ตั้งแห่งทิฏฐิ) ๔ ประการ ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก เอกัจจสัสสติกเอกัจจอสัสสติกวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยงบางอย่างไม่เที่ยงบางอย่าง ด้วยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อันตานันติกวาท
(ย่อมบัญญัติซึ่งโลกว่ามีที่สุดหรือไม่มีที่สุด ด้วยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อมราวิกเขปิกวาท
(เมื่อถูกถามปัญหาในที่นั้น ๆ ย่อมถึงความส่ายแห่งวาจาอันดิ้นได้ไม่ตายตัว ด้วยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อธิจจสมุปปันนิกวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเกิดเองลอย ๆ ด้วยวัตถุ ๒ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก ปุพพันตกัปปิกวาท
(มีปุพพันตนานุทิฏฐิ ปรารภขันธ์อันมีแล้วในกาลก่อน ย่อมกล่าวบัญญัติซึ่งอธิมุตติบท
(ทางแห่งความหลุดพ้นอย่างยิ่งของสัตว์ตามทิฏฐิแห่งตนๆ)
มีอย่างเป็นอเนก ด้วยวัตถุ ๑๘ ประการ) ก็ดี;
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุทธมาฆตนิกสัญญีวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยวัตถุ ๑๖ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็น พวก อุทธมาฆตนิกอสัญญีวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยวัตถุ ๘ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุทธมาฆตนิกเนวสัญญีนาสัญญีวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้ว ว่ามีสัญญาก็หามิได้ไม่มีสัญญาก็หามิได้
ด้วยวัตถุ ๘ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุจเฉทวาท
(ย่อมบัญญัติซึ่งความขาดสูญ ความพินาศ ความไม่มี แห่งสัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ ๗ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก ทิฏฐธัมมนิพพานวาท
(ย่อมบัญญัติซึ่งปรมทิฏฐธัมมนิพพานวาท แก่สัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ ๕ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อปรันตกัปปิกวาท
(มีอปรันตานุทิฏฐิปรารภขันธ์มีส่วนสุดในเบื้องหน้า ย่อมกล่าวบัญญัติซึ่งอธิมุตติบท มีประการต่าง ๆ เป็นอเนก ด้วยวัตถุ ๔๔ ประการ) ก็ดี ;
---แม้สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก
ปุพพันตกัปปิกวาท ก็ดี,
อปรันตกัปปิกวาท ก็ดี,
เป็นพวก ปุพพันตาปรันตกัปปิกวาท ก็ดี,
ล้วนแต่เป็นผู้มี ปุพพันตาปรันตานุทิฏฐิ ปรารภขันธ์ทั้งที่มีแล้วในกาลก่อน
และขันธ์อันมีในเบื้องหน้าย่อมกล่าวบัญญัติอธิมุตติบท
มีอย่างเป็นอเนก ด้วยวัตถุ ๖๒ ประการ ;
---สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นทั้งหมด รู้สึกต่อเวทนาตามทิฏฐิเฉพาะอย่าง ๆ ของตน ๆ ขึ้นมา (ปฏิสํเวทเทนฺติ*--๑) เพราะการถูกต้องแล้ว ๆ ด้วย
*--๑. คำว่า “รู้สึก” (ปฏิสํเวเทนฺติ) ในที่นี้ เป็นความรู้สึกต่อธัมมารมณ์ด้วยมโน(ใจ),
---เมื่อคนมีทิฏฐิอยู่อย่างไร การเสวยเวทนาของเขา
ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกชนิดที่เป็นไปตามอำนาจแห่งทิฏฐิที่เขามีอยู่ ;
---ดังนั้นเมื่อมีทิฏฐิต่างกัน แม้อารมณ์ที่มีมากระทบจะเป็นอย่างเดียวกัน
เขาย่อมเกิดความรู้สึกต่ออารมณ์ต่างกันไปตามทิฏฐิของเขา ;
---ดังนั้น เวทนาที่มาจากอารมณ์เดียวกัน จึงมีความหมายต่างกันได้
เป็นเหตุให้มีทิฏฐิชนิดที่หล่อเลี้ยงทิฏฐิเดิมให้แน่นแฟ้นอยู่เสมอไป
: นี้เรียกได้ว่า #ผัสสะหรือเวทนาสร้างทิฏฐิ แล้วก็หล่อเลี้ยงทิฏฐินั้นไว้.
http://etipitaka.com/read/pali/9/58/?keywords=ผสฺส+ทิฏฺฐิ
ถ้าปราศจากผัสสะหรือเวทนาเสียอย่างเดียวเท่านั้น ย่อมไม่มีทางที่จะเกิดทิฏฐิได้.
--ผัสสายตนะ ๖ ประการ,
เพราะเวทนาแห่งสมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ;
เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ;
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ;
เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ;
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย.-
#ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/43/90.
http://etipitaka.com/read/thai/9/43/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๕๗/๙๐.
http://etipitaka.com/read/pali/9/57/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=319
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=319
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย
สัทธรรมลำดับที่ : 319
ชื่อบทธรรม :- ทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=319
เนื้อความทั้งหมด :-
--ทิฏฐิให้เกิดเวทนาชนิดที่ล้วนแต่เป็นทุกขสมุทัย
--ภิกษุ ท. ! บรรดาสมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก สัสสตวาท
ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยวัตถุ (ที่ตั้งแห่งทิฏฐิ) ๔ ประการ ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก เอกัจจสัสสติกเอกัจจอสัสสติกวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยงบางอย่างไม่เที่ยงบางอย่าง ด้วยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อันตานันติกวาท
(ย่อมบัญญัติซึ่งโลกว่ามีที่สุดหรือไม่มีที่สุด ด้วยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อมราวิกเขปิกวาท
(เมื่อถูกถามปัญหาในที่นั้น ๆ ย่อมถึงความส่ายแห่งวาจาอันดิ้นได้ไม่ตายตัว ด้วยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อธิจจสมุปปันนิกวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่าเกิดเองลอย ๆ ด้วยวัตถุ ๒ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก ปุพพันตกัปปิกวาท
(มีปุพพันตนานุทิฏฐิ ปรารภขันธ์อันมีแล้วในกาลก่อน ย่อมกล่าวบัญญัติซึ่งอธิมุตติบท
(ทางแห่งความหลุดพ้นอย่างยิ่งของสัตว์ตามทิฏฐิแห่งตนๆ)
มีอย่างเป็นอเนก ด้วยวัตถุ ๑๘ ประการ) ก็ดี;
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุทธมาฆตนิกสัญญีวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยวัตถุ ๑๖ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็น พวก อุทธมาฆตนิกอสัญญีวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยวัตถุ ๘ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุทธมาฆตนิกเนวสัญญีนาสัญญีวาท
(ย่อมบัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้ว ว่ามีสัญญาก็หามิได้ไม่มีสัญญาก็หามิได้
ด้วยวัตถุ ๘ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อุจเฉทวาท
(ย่อมบัญญัติซึ่งความขาดสูญ ความพินาศ ความไม่มี แห่งสัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ ๗ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก ทิฏฐธัมมนิพพานวาท
(ย่อมบัญญัติซึ่งปรมทิฏฐธัมมนิพพานวาท แก่สัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ ๕ ประการ) ก็ดี,
---สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก อปรันตกัปปิกวาท
(มีอปรันตานุทิฏฐิปรารภขันธ์มีส่วนสุดในเบื้องหน้า ย่อมกล่าวบัญญัติซึ่งอธิมุตติบท มีประการต่าง ๆ เป็นอเนก ด้วยวัตถุ ๔๔ ประการ) ก็ดี ;
---แม้สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นพวก
ปุพพันตกัปปิกวาท ก็ดี,
อปรันตกัปปิกวาท ก็ดี,
เป็นพวก ปุพพันตาปรันตกัปปิกวาท ก็ดี,
ล้วนแต่เป็นผู้มี ปุพพันตาปรันตานุทิฏฐิ ปรารภขันธ์ทั้งที่มีแล้วในกาลก่อน
และขันธ์อันมีในเบื้องหน้าย่อมกล่าวบัญญัติอธิมุตติบท
มีอย่างเป็นอเนก ด้วยวัตถุ ๖๒ ประการ ;
---สมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นทั้งหมด รู้สึกต่อเวทนาตามทิฏฐิเฉพาะอย่าง ๆ ของตน ๆ ขึ้นมา (ปฏิสํเวทเทนฺติ*--๑) เพราะการถูกต้องแล้ว ๆ ด้วย
*--๑. คำว่า “รู้สึก” (ปฏิสํเวเทนฺติ) ในที่นี้ เป็นความรู้สึกต่อธัมมารมณ์ด้วยมโน(ใจ),
---เมื่อคนมีทิฏฐิอยู่อย่างไร การเสวยเวทนาของเขา
ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกชนิดที่เป็นไปตามอำนาจแห่งทิฏฐิที่เขามีอยู่ ;
---ดังนั้นเมื่อมีทิฏฐิต่างกัน แม้อารมณ์ที่มีมากระทบจะเป็นอย่างเดียวกัน
เขาย่อมเกิดความรู้สึกต่ออารมณ์ต่างกันไปตามทิฏฐิของเขา ;
---ดังนั้น เวทนาที่มาจากอารมณ์เดียวกัน จึงมีความหมายต่างกันได้
เป็นเหตุให้มีทิฏฐิชนิดที่หล่อเลี้ยงทิฏฐิเดิมให้แน่นแฟ้นอยู่เสมอไป
: นี้เรียกได้ว่า #ผัสสะหรือเวทนาสร้างทิฏฐิ แล้วก็หล่อเลี้ยงทิฏฐินั้นไว้.
http://etipitaka.com/read/pali/9/58/?keywords=ผสฺส+ทิฏฺฐิ
ถ้าปราศจากผัสสะหรือเวทนาเสียอย่างเดียวเท่านั้น ย่อมไม่มีทางที่จะเกิดทิฏฐิได้.
--ผัสสายตนะ ๖ ประการ,
เพราะเวทนาแห่งสมณพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ;
เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน ;
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ;
เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ;
เพราะมีชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย.-
#ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/43/90.
http://etipitaka.com/read/thai/9/43/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๕๗/๙๐.
http://etipitaka.com/read/pali/9/57/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=319
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=319
หรือ
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
70 มุมมอง
0 รีวิว