• เอ๊าา⁉️ AI แพ้ เกม Atari 2600 ⁉️

    ♟️ ChatGPT พ่ายแพ้ให้กับ Atari 2600 ในเกมหมากรุกระดับเริ่มต้น
    ในเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ChatGPT 4o ของ OpenAI แพ้ให้กับเกม Atari Chess ซึ่งรันบน Atari 2600 คอนโซลเกมยุค 1977 ที่มี ความเร็วเพียง 1.19 MHz โดย Robert Jr. Caruso ผู้เชี่ยวชาญด้าน Citrix Architecture ได้ทดสอบและพบว่า AI ของ OpenAI ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุเกือบ 50 ปีได้

    🔍 เหตุผลที่ ChatGPT พ่ายแพ้
    Caruso พบว่า Atari Chess คิดล่วงหน้าเพียง 1-2 ท่า ซึ่งแตกต่างจาก AI สมัยใหม่ที่สามารถ คำนวณหลายล้านท่าต่อวินาที อย่างไรก็ตาม ChatGPT ทำผิดพลาดซ้ำ ๆ จนต้องยอมแพ้ แม้ว่า Caruso จะช่วยปรับไอคอนหมากรุกให้ชัดเจนขึ้น

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ChatGPT 4o แพ้ให้กับ Atari Chess ในระดับเริ่มต้น
    - Atari 2600 ใช้ MOS Technology 6507 CPU ที่มีความเร็วเพียง 1.19 MHz
    - Atari Chess คิดล่วงหน้าเพียง 1-2 ท่า แต่ยังสามารถเอาชนะ ChatGPT ได้
    - Caruso ปรับไอคอนหมากรุกให้ชัดเจนขึ้น แต่ ChatGPT ยังทำผิดพลาดซ้ำ ๆ
    - ChatGPT สัญญาว่าจะเรียนรู้จากความผิดพลาด แต่ยังคงแพ้ต่อเนื่อง

    🔥 ความหมายของเหตุการณ์นี้ต่อ AI และการเล่นหมากรุก
    แม้ว่า AI จะสามารถ คำนวณได้เร็วกว่า แต่ การเล่นหมากรุกต้องอาศัยกลยุทธ์และการตัดสินใจที่แม่นยำ ซึ่ง Atari Chess แม้จะเก่า แต่ยังสามารถเอาชนะ AI ที่ทันสมัยได้

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI อาจไม่สามารถเข้าใจกลยุทธ์ของเกมที่มีข้อจำกัดด้านการคำนวณแบบดั้งเดิม
    - แม้ว่า AI จะสามารถคำนวณได้เร็ว แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอาจทำให้แพ้ได้
    - ต้องติดตามว่า OpenAI จะปรับปรุง ChatGPT ให้สามารถเล่นหมากรุกได้ดีขึ้นหรือไม่
    - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า AI ยังมีข้อจำกัดในการเข้าใจเกมที่มีตรรกะเฉพาะตัว

    🚀 ผลกระทบต่อการพัฒนา AI
    การพ่ายแพ้ของ ChatGPT อาจเป็นบทเรียนสำคัญในการพัฒนา AI ให้เข้าใจกลยุทธ์มากขึ้น และ อาจนำไปสู่การปรับปรุงโมเดล AI ให้สามารถเล่นเกมที่มีตรรกะเฉพาะตัวได้ดีขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chatgpt-got-absolutely-wrecked-by-atari-2600-in-beginners-chess-match-openais-newest-model-bamboozled-by-1970s-logic
    เอ๊าา⁉️ AI แพ้ เกม Atari 2600 ⁉️ ♟️ ChatGPT พ่ายแพ้ให้กับ Atari 2600 ในเกมหมากรุกระดับเริ่มต้น ในเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ChatGPT 4o ของ OpenAI แพ้ให้กับเกม Atari Chess ซึ่งรันบน Atari 2600 คอนโซลเกมยุค 1977 ที่มี ความเร็วเพียง 1.19 MHz โดย Robert Jr. Caruso ผู้เชี่ยวชาญด้าน Citrix Architecture ได้ทดสอบและพบว่า AI ของ OpenAI ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุเกือบ 50 ปีได้ 🔍 เหตุผลที่ ChatGPT พ่ายแพ้ Caruso พบว่า Atari Chess คิดล่วงหน้าเพียง 1-2 ท่า ซึ่งแตกต่างจาก AI สมัยใหม่ที่สามารถ คำนวณหลายล้านท่าต่อวินาที อย่างไรก็ตาม ChatGPT ทำผิดพลาดซ้ำ ๆ จนต้องยอมแพ้ แม้ว่า Caruso จะช่วยปรับไอคอนหมากรุกให้ชัดเจนขึ้น ✅ ข้อมูลจากข่าว - ChatGPT 4o แพ้ให้กับ Atari Chess ในระดับเริ่มต้น - Atari 2600 ใช้ MOS Technology 6507 CPU ที่มีความเร็วเพียง 1.19 MHz - Atari Chess คิดล่วงหน้าเพียง 1-2 ท่า แต่ยังสามารถเอาชนะ ChatGPT ได้ - Caruso ปรับไอคอนหมากรุกให้ชัดเจนขึ้น แต่ ChatGPT ยังทำผิดพลาดซ้ำ ๆ - ChatGPT สัญญาว่าจะเรียนรู้จากความผิดพลาด แต่ยังคงแพ้ต่อเนื่อง 🔥 ความหมายของเหตุการณ์นี้ต่อ AI และการเล่นหมากรุก แม้ว่า AI จะสามารถ คำนวณได้เร็วกว่า แต่ การเล่นหมากรุกต้องอาศัยกลยุทธ์และการตัดสินใจที่แม่นยำ ซึ่ง Atari Chess แม้จะเก่า แต่ยังสามารถเอาชนะ AI ที่ทันสมัยได้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI อาจไม่สามารถเข้าใจกลยุทธ์ของเกมที่มีข้อจำกัดด้านการคำนวณแบบดั้งเดิม - แม้ว่า AI จะสามารถคำนวณได้เร็ว แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอาจทำให้แพ้ได้ - ต้องติดตามว่า OpenAI จะปรับปรุง ChatGPT ให้สามารถเล่นหมากรุกได้ดีขึ้นหรือไม่ - เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า AI ยังมีข้อจำกัดในการเข้าใจเกมที่มีตรรกะเฉพาะตัว 🚀 ผลกระทบต่อการพัฒนา AI การพ่ายแพ้ของ ChatGPT อาจเป็นบทเรียนสำคัญในการพัฒนา AI ให้เข้าใจกลยุทธ์มากขึ้น และ อาจนำไปสู่การปรับปรุงโมเดล AI ให้สามารถเล่นเกมที่มีตรรกะเฉพาะตัวได้ดีขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chatgpt-got-absolutely-wrecked-by-atari-2600-in-beginners-chess-match-openais-newest-model-bamboozled-by-1970s-logic
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    ChatGPT 'got absolutely wrecked' by Atari 2600 in beginner's chess match — OpenAI's newest model bamboozled by 1970s logic
    OpenAI's latest and greatest AI model was outclassed by the 1.19 MHz near 50-year-old console gaming legend.
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • จากปีนังไปกัวลาลัมเปอร์ รถไฟเร็วกว่าเครื่องบิน?

    การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย เปิดตัวห้องรับรองผู้โดยสารชั้นธุรกิจ (Business Class) ที่ชื่อว่า รูบี้ เลาจน์ (Ruby Lounge) ที่สถานีรถไฟบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2568 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจของบริการรถไฟ ETS พักคอยแยกจากห้องโถงผู้โดยสารรวม รองรับได้ 40 ที่นั่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งตู้กดน้ำดื่ม เครื่องดื่มร้อน ห้องน้ำแยกเฉพาะ ช่องปลั๊กไฟ โดยจะเปิดให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจเข้าใช้บริการก่อนเวลารถไฟออก 1 ชั่วโมง นับเป็นแห่งที่สองต่อจากสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์

    บริการถไฟ ETS ชั้นธุรกิจ (Business Class) ขบวน Platinum (EP) และ Express (EX) ไปยังปลายทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ และสถานีเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่ละขบวนจะมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 36 ที่นั่ง นอกจากผู้โดยสารจะได้ใช้บริการ Ruby Lounge แล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งที่นั่งกว้างขึ้น ไฟอ่านหนังสือ ช่องเสียบปลั๊กและยูเอสบี หน้าจอส่วนตัว โดยจ่ายในราคาที่สูงกว่าที่นั่งปกติ แต่ระหว่างการเดินทางมีอาหารและของว่างให้บริการตลอดการเดินทาง ปัจจุบันค่าโดยสารชั้นธุรกิจระหว่างบัตเตอร์เวิร์ธ ถึง KL Sentral ราคาเริ่มต้นที่ 167-176 ริงกิตต่อเที่ยว (1,286-1,355 บาท)

    ที่ผ่านมามีผู้โดยสารจากปีนังส่วนหนึ่งนิยมใช้บริการรถไฟ ETS แทนที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะเมื่อเทียบกับการเดินทางไปสนามบินปีนัง การรอเที่ยวบินและพบปัญหาเที่ยวบินล่าช้า และการเดินทางจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) หรือสนามบินซูบัง (SZB) ไปยังใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์นั้นยุ่งยากและเสียเวลาพอกัน เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถไฟใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเศษเท่านั้น นอกจากนี้ยังนั่งสบายกว่าเครื่องบิน ผู้โดยสารส่วนมากเป็นบุคคลวีไอพีและนักธุรกิจ

    นูรูล อัซฮา โมคมิน (Nurul Azha Mokmin) ผู้จัดการทั่วไปแผนกบริการ ETS และ Intercity ของ KTMB กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา ว่าจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟ ETS เพิ่มขึ้น 10% ต่อปี และยังคงมีความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู กำลังจะแล้วเสร็จ ก่อนหน้านี้ KTMB ได้รับมอบขบวนรถไฟ ETS ใหม่จำนวน 2 ชุด จากทั้งหมด 10 ชุด มูลค่า 400 ล้านริงกิต เพื่อยกระดับคุณภาพและขีดความสามารถในการให้บริการ ขณะนี้อยู่ในระหว่างทดสอบการให้บริการ คาดว่าจะเริ่มให้บริการเส้นทางเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bharu) ตั้งแต่ปี 2569 หลังจากนั้นจะเปิดเส้นทางใหม่ ยะโฮร์บาห์รู-บัตเตอร์เวิร์ธ และยะโฮร์บาห์รู-ปาดังเบซาร์อีกด้วย

    #Newskit
    จากปีนังไปกัวลาลัมเปอร์ รถไฟเร็วกว่าเครื่องบิน? การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย เปิดตัวห้องรับรองผู้โดยสารชั้นธุรกิจ (Business Class) ที่ชื่อว่า รูบี้ เลาจน์ (Ruby Lounge) ที่สถานีรถไฟบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2568 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจของบริการรถไฟ ETS พักคอยแยกจากห้องโถงผู้โดยสารรวม รองรับได้ 40 ที่นั่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งตู้กดน้ำดื่ม เครื่องดื่มร้อน ห้องน้ำแยกเฉพาะ ช่องปลั๊กไฟ โดยจะเปิดให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจเข้าใช้บริการก่อนเวลารถไฟออก 1 ชั่วโมง นับเป็นแห่งที่สองต่อจากสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ บริการถไฟ ETS ชั้นธุรกิจ (Business Class) ขบวน Platinum (EP) และ Express (EX) ไปยังปลายทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ และสถานีเซกามัต รัฐยะโฮร์ แต่ละขบวนจะมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 36 ที่นั่ง นอกจากผู้โดยสารจะได้ใช้บริการ Ruby Lounge แล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งที่นั่งกว้างขึ้น ไฟอ่านหนังสือ ช่องเสียบปลั๊กและยูเอสบี หน้าจอส่วนตัว โดยจ่ายในราคาที่สูงกว่าที่นั่งปกติ แต่ระหว่างการเดินทางมีอาหารและของว่างให้บริการตลอดการเดินทาง ปัจจุบันค่าโดยสารชั้นธุรกิจระหว่างบัตเตอร์เวิร์ธ ถึง KL Sentral ราคาเริ่มต้นที่ 167-176 ริงกิตต่อเที่ยว (1,286-1,355 บาท) ที่ผ่านมามีผู้โดยสารจากปีนังส่วนหนึ่งนิยมใช้บริการรถไฟ ETS แทนที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะเมื่อเทียบกับการเดินทางไปสนามบินปีนัง การรอเที่ยวบินและพบปัญหาเที่ยวบินล่าช้า และการเดินทางจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) หรือสนามบินซูบัง (SZB) ไปยังใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์นั้นยุ่งยากและเสียเวลาพอกัน เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถไฟใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเศษเท่านั้น นอกจากนี้ยังนั่งสบายกว่าเครื่องบิน ผู้โดยสารส่วนมากเป็นบุคคลวีไอพีและนักธุรกิจ นูรูล อัซฮา โมคมิน (Nurul Azha Mokmin) ผู้จัดการทั่วไปแผนกบริการ ETS และ Intercity ของ KTMB กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา ว่าจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟ ETS เพิ่มขึ้น 10% ต่อปี และยังคงมีความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู กำลังจะแล้วเสร็จ ก่อนหน้านี้ KTMB ได้รับมอบขบวนรถไฟ ETS ใหม่จำนวน 2 ชุด จากทั้งหมด 10 ชุด มูลค่า 400 ล้านริงกิต เพื่อยกระดับคุณภาพและขีดความสามารถในการให้บริการ ขณะนี้อยู่ในระหว่างทดสอบการให้บริการ คาดว่าจะเริ่มให้บริการเส้นทางเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bharu) ตั้งแต่ปี 2569 หลังจากนั้นจะเปิดเส้นทางใหม่ ยะโฮร์บาห์รู-บัตเตอร์เวิร์ธ และยะโฮร์บาห์รู-ปาดังเบซาร์อีกด้วย #Newskit
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • 🌱 ของจริง…ย่อมผ่านบททดสอบของจริงได้เสมอ

    คุณเลือกไม่ได้
    ว่าจะต้องเจอกับคนเลวแบบไหน
    แต่คุณเลือกได้
    ว่าจะ ไม่เลวตามเขา

    บางคนไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย
    แต่ความเลวที่สะสมอยู่ในเขา
    กระตุ้นความคิดไม่ดีให้ลุกวาบในใจคุณ
    ที่เหลือ…คือคุณเลือกได้
    จะดับไฟด้วยสติ
    หรือเติมเชื้อด้วยโทสะ

    🖤 ถ้าคุณเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีไม่ได้
    ก็อย่าให้เรื่องร้ายค่อยๆเปลี่ยนคุณ
    ให้กลายเป็นคนร้ายแทน

    บางครั้ง…
    เรื่องร้ายอาจพาคุณไปพบ “คนดี”
    แต่บางที…
    เรื่องดีอาจพาคุณไปเจอ “คนร้าย”
    คุณจึงต้องรู้ให้ทันว่า
    สุดท้ายแล้ว...
    จะลงเอยดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นคนดีหรือไม่

    ---

    ✨ พระพุทธเจ้าตรัสไว้
    พึงชนะคนโกหกด้วยคำจริง
    พึงชนะคนมักโกรธด้วยเมตตา
    พึงชนะคนร้ายด้วยความดี

    ฟังดูง่าย...แต่ทำยาก
    และเพราะทำยาก...
    จึงยกระดับจิตให้สูงส่งได้จริง

    เขาร้ายมาแบบไหน
    เราดีกลับไปแบบนั้น
    ไม่ได้หวังให้เขารู้สึกผิด
    แต่หวังให้เรา...
    รักษาความเป็นคนดีไว้ให้ได้

    ---

    🧭 เมื่อชีวิตเจอแบบทดสอบ
    จงดีใจ…
    เพราะไม่มีใครอยากพิสูจน์ “ตม”
    มีแต่คนอยากพิสูจน์ “เพชร”

    ทุกวัน...คือแบบทดสอบ
    ให้รู้ว่าเรามี “ของจริง” อยู่แค่ไหนในตัว

    ยิ่งแบบทดสอบยาก
    ยิ่งวัดได้ชัดว่า...
    คุณคือเพชรแท้
    หรือแค่ของเลียนแบบ

    หากวันไหนถูกคนใกล้ตัวทดสอบด้วยกิเลส
    ให้คุณมองว่าเขาไม่ได้มาแกล้ง
    แต่ “ธรรมะ” ใช้เขาเป็นเครื่องมือ
    เพื่อพิสูจน์ความสว่างในใจคุณ

    ---

    🌼 ของจริง…ไม่กลัวการพิสูจน์
    ของจริง…ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายด้วยคำคน
    ของจริง…ไม่หวั่นไหวแม้ถูกทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    และถ้าคุณเป็นของจริง...
    คุณจะรู้สึกได้เองว่า
    ธรรมะไม่ได้อยู่ที่ใคร…
    แต่อยู่ที่ใจคุณแน่นอนแล้ว!

    #เพชรแท้ย่อมถูกทดสอบ
    #ธรรมะในชีวิตจริง
    #ใจที่ไม่หวั่นไหว
    #โพสต์เพื่อปลุกสติ
    🌱 ของจริง…ย่อมผ่านบททดสอบของจริงได้เสมอ คุณเลือกไม่ได้ ว่าจะต้องเจอกับคนเลวแบบไหน แต่คุณเลือกได้ ว่าจะ ไม่เลวตามเขา บางคนไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย แต่ความเลวที่สะสมอยู่ในเขา กระตุ้นความคิดไม่ดีให้ลุกวาบในใจคุณ ที่เหลือ…คือคุณเลือกได้ จะดับไฟด้วยสติ หรือเติมเชื้อด้วยโทสะ 🖤 ถ้าคุณเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีไม่ได้ ก็อย่าให้เรื่องร้ายค่อยๆเปลี่ยนคุณ ให้กลายเป็นคนร้ายแทน บางครั้ง… เรื่องร้ายอาจพาคุณไปพบ “คนดี” แต่บางที… เรื่องดีอาจพาคุณไปเจอ “คนร้าย” คุณจึงต้องรู้ให้ทันว่า สุดท้ายแล้ว... จะลงเอยดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นคนดีหรือไม่ --- ✨ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ พึงชนะคนโกหกด้วยคำจริง พึงชนะคนมักโกรธด้วยเมตตา พึงชนะคนร้ายด้วยความดี ฟังดูง่าย...แต่ทำยาก และเพราะทำยาก... จึงยกระดับจิตให้สูงส่งได้จริง เขาร้ายมาแบบไหน เราดีกลับไปแบบนั้น ไม่ได้หวังให้เขารู้สึกผิด แต่หวังให้เรา... รักษาความเป็นคนดีไว้ให้ได้ --- 🧭 เมื่อชีวิตเจอแบบทดสอบ จงดีใจ… เพราะไม่มีใครอยากพิสูจน์ “ตม” มีแต่คนอยากพิสูจน์ “เพชร” ทุกวัน...คือแบบทดสอบ ให้รู้ว่าเรามี “ของจริง” อยู่แค่ไหนในตัว ยิ่งแบบทดสอบยาก ยิ่งวัดได้ชัดว่า... คุณคือเพชรแท้ หรือแค่ของเลียนแบบ หากวันไหนถูกคนใกล้ตัวทดสอบด้วยกิเลส ให้คุณมองว่าเขาไม่ได้มาแกล้ง แต่ “ธรรมะ” ใช้เขาเป็นเครื่องมือ เพื่อพิสูจน์ความสว่างในใจคุณ --- 🌼 ของจริง…ไม่กลัวการพิสูจน์ ของจริง…ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายด้วยคำคน ของจริง…ไม่หวั่นไหวแม้ถูกทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า และถ้าคุณเป็นของจริง... คุณจะรู้สึกได้เองว่า ธรรมะไม่ได้อยู่ที่ใคร… แต่อยู่ที่ใจคุณแน่นอนแล้ว! #เพชรแท้ย่อมถูกทดสอบ #ธรรมะในชีวิตจริง #ใจที่ไม่หวั่นไหว #โพสต์เพื่อปลุกสติ
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • 💿 เทคนิคใหม่ในการสร้างภาพบนแผ่น CD โดยใช้ข้อมูลดิจิทัล
    นักพัฒนาได้รื้อฟื้น โปรเจคซอฟต์แวร์อายุเกือบ 20 ปี ที่ช่วยให้สามารถ สร้างภาพบนพื้นผิวบันทึกข้อมูลของแผ่น CD โดยใช้ การจัดเรียงข้อมูลแบบ 1s และ 0s ซึ่งแตกต่างจากเทคโนโลยี Lightscribe และ LabelTag ที่เคยใช้กันมาก่อน

    🔍 วิธีการทำงานของเทคนิคนี้
    เทคนิคนี้ใช้ การบันทึกข้อมูลเสียงเป็นภาพ ซึ่งหมายความว่า แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก พื้นที่ทั้งหมดถูกใช้เพื่อสร้างภาพ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - เทคนิคนี้ใช้การบันทึกข้อมูลเสียงเพื่อสร้างภาพบนแผ่น CD
    = ไม่ต้องใช้ Lightscribe, LabelTag หรือฮาร์ดแวร์พิเศษ
    - สามารถใช้กับแผ่น CD ทั่วไปและไดรฟ์ CD-RW มาตรฐาน
    = อาศัยหลักการที่ว่า 1s และ 0s ที่บันทึกลงบนแผ่น CD จะสะท้อนแสงแตกต่างกัน
    - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะกลายเป็นงานศิลปะและไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลได้

    🔥 ความแตกต่างจาก Lightscribe และ LabelTag
    Lightscribe และ LabelTag ใช้ พื้นผิวพิเศษบนแผ่น CD เพื่อให้สามารถ บันทึกภาพบนด้านที่ไม่ได้ใช้เก็บข้อมูล ขณะที่เทคนิคใหม่นี้ ใช้พื้นที่บันทึกข้อมูลโดยตรง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้
    - ต้องใช้แผ่น CD ที่รองรับการสร้างภาพ เนื่องจากแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน
    = มีเพียง 4 แบรนด์ที่ได้รับการทดสอบ ได้แก่ Verbatim (2 รุ่น), TDK และ ePerformance
    - ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะในการสร้างไฟล์เสียงที่มีรูปแบบข้อมูล 1s และ 0s ที่เหมาะสม

    เทคนิคนี้ อาจช่วยให้ศิลปินสามารถสร้างงานศิลปะบนแผ่น CD ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเพิ่มเติมจะช่วยให้สามารถใช้กับแผ่น CD ได้หลากหลายขึ้นหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-tool-burns-images-onto-compact-discs-recording-area-using-ones-and-zeros-unlike-lightscribe-the-technique-works-on-any-disc
    💿 เทคนิคใหม่ในการสร้างภาพบนแผ่น CD โดยใช้ข้อมูลดิจิทัล นักพัฒนาได้รื้อฟื้น โปรเจคซอฟต์แวร์อายุเกือบ 20 ปี ที่ช่วยให้สามารถ สร้างภาพบนพื้นผิวบันทึกข้อมูลของแผ่น CD โดยใช้ การจัดเรียงข้อมูลแบบ 1s และ 0s ซึ่งแตกต่างจากเทคโนโลยี Lightscribe และ LabelTag ที่เคยใช้กันมาก่อน 🔍 วิธีการทำงานของเทคนิคนี้ เทคนิคนี้ใช้ การบันทึกข้อมูลเสียงเป็นภาพ ซึ่งหมายความว่า แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก พื้นที่ทั้งหมดถูกใช้เพื่อสร้างภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - เทคนิคนี้ใช้การบันทึกข้อมูลเสียงเพื่อสร้างภาพบนแผ่น CD = ไม่ต้องใช้ Lightscribe, LabelTag หรือฮาร์ดแวร์พิเศษ - สามารถใช้กับแผ่น CD ทั่วไปและไดรฟ์ CD-RW มาตรฐาน = อาศัยหลักการที่ว่า 1s และ 0s ที่บันทึกลงบนแผ่น CD จะสะท้อนแสงแตกต่างกัน - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะกลายเป็นงานศิลปะและไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลได้ 🔥 ความแตกต่างจาก Lightscribe และ LabelTag Lightscribe และ LabelTag ใช้ พื้นผิวพิเศษบนแผ่น CD เพื่อให้สามารถ บันทึกภาพบนด้านที่ไม่ได้ใช้เก็บข้อมูล ขณะที่เทคนิคใหม่นี้ ใช้พื้นที่บันทึกข้อมูลโดยตรง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ - ต้องใช้แผ่น CD ที่รองรับการสร้างภาพ เนื่องจากแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน = มีเพียง 4 แบรนด์ที่ได้รับการทดสอบ ได้แก่ Verbatim (2 รุ่น), TDK และ ePerformance - ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะในการสร้างไฟล์เสียงที่มีรูปแบบข้อมูล 1s และ 0s ที่เหมาะสม เทคนิคนี้ อาจช่วยให้ศิลปินสามารถสร้างงานศิลปะบนแผ่น CD ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเพิ่มเติมจะช่วยให้สามารถใช้กับแผ่น CD ได้หลากหลายขึ้นหรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-tool-burns-images-onto-compact-discs-recording-area-using-ones-and-zeros-unlike-lightscribe-the-technique-works-on-any-disc
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • 🚀 ASE เปลี่ยนมาใช้ AMD CPUs และเริ่มทดสอบ Instinct MI300-series GPUs สำหรับ AI
    ASE Technology ซึ่งเป็น บริษัทบรรจุและทดสอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปลี่ยนมาใช้ AMD EPYC และ Ryzen processors ในศูนย์ข้อมูลและระบบไคลเอนต์ของบริษัท ส่งผลให้ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และลดการใช้พลังงานลง 6.5%

    นอกจากนี้ ASE ยังเริ่ม ทดสอบ AMD Instinct MI300-series GPUs สำหรับงาน AI ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทกำลังพิจารณานำ GPU เหล่านี้มาใช้ในระบบภายใน

    🔍 รายละเอียดของการเปลี่ยนแปลง
    ASE ใช้ EPYC processors สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ Ryzen CPUs สำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป ซึ่งช่วยให้บริษัท ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของลง 30% และ เพิ่มเสถียรภาพของระบบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ASE เปลี่ยนมาใช้ AMD EPYC และ Ryzen processors ในศูนย์ข้อมูลและระบบไคลเอนต์
    - ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และลดการใช้พลังงานลง 6.5%
    - ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของลง 30%
    - เริ่มทดสอบ AMD Instinct MI300-series GPUs สำหรับงาน AI
    - ASE เป็นบริษัทแรกในระดับนี้ที่ยืนยันการทดสอบ Instinct MI300-series GPUs

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AMD ไม่ได้เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ ASE ใช้ CPU จากผู้ผลิตรายใด
    - ยังไม่มีการยืนยันว่า ASE จะนำ Instinct MI300-series GPUs มาใช้จริงหรือไม่
    - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนมาใช้ AMD จะส่งผลต่อการดำเนินงานของ ASE ในระยะยาวอย่างไร
    - การแข่งขันในตลาด AI GPUs ยังคงรุนแรง โดย Nvidia ยังคงเป็นผู้นำ

    การเปลี่ยนมาใช้ AMD CPUs และการทดสอบ Instinct MI300-series GPUs อาจช่วยให้ AMD ขยายตลาดในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และ AI อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันกับ Nvidia จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ ASE ในอนาคตหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ase-adopts-amd-cpus-begins-evaluating-instinct-mi300-series-gpus-for-ai
    🚀 ASE เปลี่ยนมาใช้ AMD CPUs และเริ่มทดสอบ Instinct MI300-series GPUs สำหรับ AI ASE Technology ซึ่งเป็น บริษัทบรรจุและทดสอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปลี่ยนมาใช้ AMD EPYC และ Ryzen processors ในศูนย์ข้อมูลและระบบไคลเอนต์ของบริษัท ส่งผลให้ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และลดการใช้พลังงานลง 6.5% นอกจากนี้ ASE ยังเริ่ม ทดสอบ AMD Instinct MI300-series GPUs สำหรับงาน AI ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทกำลังพิจารณานำ GPU เหล่านี้มาใช้ในระบบภายใน 🔍 รายละเอียดของการเปลี่ยนแปลง ASE ใช้ EPYC processors สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ Ryzen CPUs สำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป ซึ่งช่วยให้บริษัท ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของลง 30% และ เพิ่มเสถียรภาพของระบบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ASE เปลี่ยนมาใช้ AMD EPYC และ Ryzen processors ในศูนย์ข้อมูลและระบบไคลเอนต์ - ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และลดการใช้พลังงานลง 6.5% - ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของลง 30% - เริ่มทดสอบ AMD Instinct MI300-series GPUs สำหรับงาน AI - ASE เป็นบริษัทแรกในระดับนี้ที่ยืนยันการทดสอบ Instinct MI300-series GPUs ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AMD ไม่ได้เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ ASE ใช้ CPU จากผู้ผลิตรายใด - ยังไม่มีการยืนยันว่า ASE จะนำ Instinct MI300-series GPUs มาใช้จริงหรือไม่ - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนมาใช้ AMD จะส่งผลต่อการดำเนินงานของ ASE ในระยะยาวอย่างไร - การแข่งขันในตลาด AI GPUs ยังคงรุนแรง โดย Nvidia ยังคงเป็นผู้นำ การเปลี่ยนมาใช้ AMD CPUs และการทดสอบ Instinct MI300-series GPUs อาจช่วยให้ AMD ขยายตลาดในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และ AI อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันกับ Nvidia จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ ASE ในอนาคตหรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ase-adopts-amd-cpus-begins-evaluating-instinct-mi300-series-gpus-for-ai
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • 🔥 แผ่นระบายความร้อนกราฟีนสำหรับ CPU AMD: ประสิทธิภาพเหนือกว่าซิลิโคนถึง 17 เท่า
    บริษัท Coracer จากจีนได้เปิดตัว GPE-01 graphene thermal pad สำหรับ โปรเซสเซอร์ AMD AM5 ซึ่งให้ ค่าการนำความร้อนสูงถึง 130 W/m·K และมี อายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี

    ก่อนหน้านี้ GPE-01 รองรับเฉพาะ Intel LGA1851 และ LGA1700 แต่ล่าสุดได้มีรุ่นสำหรับ AMD AM5 ซึ่งมีขนาด 32 x 32 มม. และออกแบบให้ ครอบคลุม IHS ของ CPU ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    วัสดุของแผ่นนี้เป็น กราฟีนผสมซิลิโคน ซึ่งช่วยให้ การนำความร้อนสูงกว่าซิลิโคนทั่วไปถึง 17 เท่า และ สูงกว่าของ Thermal Grizzly Conductonaut ถึง 2 เท่า

    นอกจากนี้ GPE-01 ยังถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุฉนวน เพื่อป้องกัน การลัดวงจรระหว่างกราฟีนกับตัวโปรเซสเซอร์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - GPE-01 graphene thermal pad รองรับ AMD AM5 และมีค่าการนำความร้อนสูงถึง 130 W/m·K
    - มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี
    - ออกแบบให้ครอบคลุม IHS ของ CPU ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
    - วัสดุเป็นกราฟีนผสมซิลิโคน ช่วยให้การนำความร้อนสูงกว่าซิลิโคนทั่วไปถึง 17 เท่า
    - สูงกว่าของ Thermal Grizzly Conductonaut ถึง 2 เท่า

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ว่าค่าการนำความร้อนจะสูง แต่ต้องติดตามผลการทดสอบจริงว่ามีประสิทธิภาพตามที่ระบุหรือไม่
    - Coracer ยังไม่ได้เปิดเผยราคาหรือวันวางจำหน่ายของ GPE-01 รุ่น AMD AM5
    - ต้องตรวจสอบว่าการใช้แผ่นกราฟีนนี้จะมีผลกระทบต่ออุณหภูมิของ CPU ในระยะยาวหรือไม่
    - การติดตั้งต้องระมัดระวัง เนื่องจากกราฟีนเป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้

    หาก GPE-01 สามารถทำงานได้ตามที่ระบุ อาจเป็นตัวเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าซิลิโคนและโลหะเหลว อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามผลการทดสอบจริงและการตอบรับจากผู้ใช้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/thermal-paste/graphene-thermal-pad-for-amd-cpus-promises-17x-better-conductivity-than-thermal-paste-2x-improvement-over-thermal-grizzly
    🔥 แผ่นระบายความร้อนกราฟีนสำหรับ CPU AMD: ประสิทธิภาพเหนือกว่าซิลิโคนถึง 17 เท่า บริษัท Coracer จากจีนได้เปิดตัว GPE-01 graphene thermal pad สำหรับ โปรเซสเซอร์ AMD AM5 ซึ่งให้ ค่าการนำความร้อนสูงถึง 130 W/m·K และมี อายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี ก่อนหน้านี้ GPE-01 รองรับเฉพาะ Intel LGA1851 และ LGA1700 แต่ล่าสุดได้มีรุ่นสำหรับ AMD AM5 ซึ่งมีขนาด 32 x 32 มม. และออกแบบให้ ครอบคลุม IHS ของ CPU ได้อย่างสมบูรณ์แบบ วัสดุของแผ่นนี้เป็น กราฟีนผสมซิลิโคน ซึ่งช่วยให้ การนำความร้อนสูงกว่าซิลิโคนทั่วไปถึง 17 เท่า และ สูงกว่าของ Thermal Grizzly Conductonaut ถึง 2 เท่า นอกจากนี้ GPE-01 ยังถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุฉนวน เพื่อป้องกัน การลัดวงจรระหว่างกราฟีนกับตัวโปรเซสเซอร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - GPE-01 graphene thermal pad รองรับ AMD AM5 และมีค่าการนำความร้อนสูงถึง 130 W/m·K - มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี - ออกแบบให้ครอบคลุม IHS ของ CPU ได้อย่างสมบูรณ์แบบ - วัสดุเป็นกราฟีนผสมซิลิโคน ช่วยให้การนำความร้อนสูงกว่าซิลิโคนทั่วไปถึง 17 เท่า - สูงกว่าของ Thermal Grizzly Conductonaut ถึง 2 เท่า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ว่าค่าการนำความร้อนจะสูง แต่ต้องติดตามผลการทดสอบจริงว่ามีประสิทธิภาพตามที่ระบุหรือไม่ - Coracer ยังไม่ได้เปิดเผยราคาหรือวันวางจำหน่ายของ GPE-01 รุ่น AMD AM5 - ต้องตรวจสอบว่าการใช้แผ่นกราฟีนนี้จะมีผลกระทบต่ออุณหภูมิของ CPU ในระยะยาวหรือไม่ - การติดตั้งต้องระมัดระวัง เนื่องจากกราฟีนเป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้ หาก GPE-01 สามารถทำงานได้ตามที่ระบุ อาจเป็นตัวเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าซิลิโคนและโลหะเหลว อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามผลการทดสอบจริงและการตอบรับจากผู้ใช้ https://www.tomshardware.com/pc-components/thermal-paste/graphene-thermal-pad-for-amd-cpus-promises-17x-better-conductivity-than-thermal-paste-2x-improvement-over-thermal-grizzly
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • 🚀 Starlink ได้รับใบอนุญาตให้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในอินเดีย
    Elon Musk และบริษัท Starlink ได้รับ ใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย เพื่อเริ่มดำเนินการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศ ซึ่งถือเป็น ก้าวสำคัญในการขยายตลาดของ Starlink ในเอเชียใต้

    Starlink เป็น บริษัทที่สามที่ได้รับใบอนุญาตจากอินเดีย ต่อจาก Eutelsat's OneWeb และ Reliance Jio อย่างไรก็ตาม Starlink ยังต้องได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย ก่อนที่จะสามารถเริ่มให้บริการได้

    นอกจากนี้ Starlink ยังต้อง ขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาล และ สร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน รวมถึง ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย ตามข้อกำหนดของอินเดีย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Starlink ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย
    - เป็นบริษัทที่สามที่ได้รับอนุญาต ต่อจาก OneWeb และ Reliance Jio
    - ยังต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย
    - ต้องขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาลและสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน
    - ต้องผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยก่อนเริ่มให้บริการ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - กระบวนการเปิดตัวอาจใช้เวลาหลายเดือน เนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน
    - Starlink ยังต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยของอินเดีย
    - อินเดียกำหนดให้ผู้ให้บริการดาวเทียมต้องจ่าย 4% ของรายได้ต่อปีให้รัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาค่าบริการ
    - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Starlink และผู้ให้บริการท้องถิ่น เช่น Jio จะส่งผลต่อการกำหนดราคาหรือไม่

    การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้ ช่วยให้ Starlink สามารถเข้าสู่ตลาดอินเดียได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจ ช่วยให้พื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากระบวนการเปิดตัวจะเป็นไปตามแผนหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/06/musk039s-starlink-gets-key-india-licence-from-telecoms-ministry-sources-say
    🚀 Starlink ได้รับใบอนุญาตให้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในอินเดีย Elon Musk และบริษัท Starlink ได้รับ ใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย เพื่อเริ่มดำเนินการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศ ซึ่งถือเป็น ก้าวสำคัญในการขยายตลาดของ Starlink ในเอเชียใต้ Starlink เป็น บริษัทที่สามที่ได้รับใบอนุญาตจากอินเดีย ต่อจาก Eutelsat's OneWeb และ Reliance Jio อย่างไรก็ตาม Starlink ยังต้องได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย ก่อนที่จะสามารถเริ่มให้บริการได้ นอกจากนี้ Starlink ยังต้อง ขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาล และ สร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน รวมถึง ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย ตามข้อกำหนดของอินเดีย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Starlink ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดีย - เป็นบริษัทที่สามที่ได้รับอนุญาต ต่อจาก OneWeb และ Reliance Jio - ยังต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอวกาศของอินเดีย - ต้องขอจัดสรรคลื่นความถี่จากรัฐบาลและสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน - ต้องผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยก่อนเริ่มให้บริการ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - กระบวนการเปิดตัวอาจใช้เวลาหลายเดือน เนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน - Starlink ยังต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยของอินเดีย - อินเดียกำหนดให้ผู้ให้บริการดาวเทียมต้องจ่าย 4% ของรายได้ต่อปีให้รัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาค่าบริการ - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Starlink และผู้ให้บริการท้องถิ่น เช่น Jio จะส่งผลต่อการกำหนดราคาหรือไม่ การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้ ช่วยให้ Starlink สามารถเข้าสู่ตลาดอินเดียได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจ ช่วยให้พื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากระบวนการเปิดตัวจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/06/musk039s-starlink-gets-key-india-licence-from-telecoms-ministry-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk's Starlink gets India licence to offer satcom services, sources say
    NEW DELHI (Reuters) -Elon Musk's Starlink has received a licence to launch commercial operations in India from the telecoms ministry, two sources told Reuters on Friday, clearing a major hurdle for the satellite provider that has long wanted to enter the South Asian country.
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • 🚗 Arm เปิดตัวแพลตฟอร์ม Zena: ลดเวลาพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ลง 50%
    Arm ได้เปิดตัว แพลตฟอร์ม Zena ซึ่งเป็น ระบบออกแบบชิปสำหรับยานยนต์ ที่ช่วยให้ ผู้ผลิตรถยนต์สามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้เร็วขึ้น โดยลดเวลาการพัฒนาลงถึง 50%

    ปัจจุบัน กระบวนการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ใช้เวลานาน เนื่องจากต้องรอให้ การออกแบบชิปเสร็จสมบูรณ์ก่อน จึงจะสามารถเริ่มพัฒนา ซอฟต์แวร์ที่รองรับฮาร์ดแวร์ ได้

    Arm ได้แก้ปัญหานี้โดย เปิดตัวชุดเครื่องมือคลาวด์ ที่ช่วยให้ ผู้ผลิตสามารถเริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ทันที แม้ว่า ชิปจะยังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ

    นอกจากนี้ Arm ยังได้ รวมชิปหลายตัวเข้าด้วยกันเป็นระบบเดียว ทำให้สามารถ พัฒนาและทดสอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปพร้อมกัน ซึ่งช่วยลดเวลาในการพัฒนาได้อีก 12 เดือน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - แพลตฟอร์ม Zena ช่วยลดเวลาพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ลง 50%
    - ใช้ชุดเครื่องมือคลาวด์เพื่อให้สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ก่อนที่ชิปจะเสร็จสมบูรณ์
    - รวมชิปหลายตัวเข้าด้วยกันเป็นระบบเดียวเพื่อให้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์พัฒนาไปพร้อมกัน
    - รองรับ CPU Cortex-A720AE 16 คอร์ และระบบความปลอดภัย Cortex-R82AE
    - สามารถเชื่อมต่อหลายระบบ Zena ผ่าน UCIe เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ต้องติดตามว่าการจำกัดการส่งออกซอฟต์แวร์ EDA ไปยังจีนจะส่งผลต่อผู้ผลิตรถยนต์จีนหรือไม่
    - แม้จะลดเวลาพัฒนา แต่ผู้ผลิตยังต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่
    - ต้องรอดูว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จะนำแพลตฟอร์ม Zena ไปใช้จริงหรือไม่
    - การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในรถยนต์ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

    แพลตฟอร์ม Zena อาจช่วยให้ รถยนต์สามารถนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ได้เร็วขึ้น และลดช่องว่างระหว่าง เทคโนโลยีในรถยนต์กับสมาร์ทโฟน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะนำระบบนี้ไปใช้ในวงกว้างหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108188-arm-new-zena-platform-can-cut-car-development.html
    🚗 Arm เปิดตัวแพลตฟอร์ม Zena: ลดเวลาพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ลง 50% Arm ได้เปิดตัว แพลตฟอร์ม Zena ซึ่งเป็น ระบบออกแบบชิปสำหรับยานยนต์ ที่ช่วยให้ ผู้ผลิตรถยนต์สามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้เร็วขึ้น โดยลดเวลาการพัฒนาลงถึง 50% ปัจจุบัน กระบวนการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ใช้เวลานาน เนื่องจากต้องรอให้ การออกแบบชิปเสร็จสมบูรณ์ก่อน จึงจะสามารถเริ่มพัฒนา ซอฟต์แวร์ที่รองรับฮาร์ดแวร์ ได้ Arm ได้แก้ปัญหานี้โดย เปิดตัวชุดเครื่องมือคลาวด์ ที่ช่วยให้ ผู้ผลิตสามารถเริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ทันที แม้ว่า ชิปจะยังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ นอกจากนี้ Arm ยังได้ รวมชิปหลายตัวเข้าด้วยกันเป็นระบบเดียว ทำให้สามารถ พัฒนาและทดสอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปพร้อมกัน ซึ่งช่วยลดเวลาในการพัฒนาได้อีก 12 เดือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - แพลตฟอร์ม Zena ช่วยลดเวลาพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ลง 50% - ใช้ชุดเครื่องมือคลาวด์เพื่อให้สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ก่อนที่ชิปจะเสร็จสมบูรณ์ - รวมชิปหลายตัวเข้าด้วยกันเป็นระบบเดียวเพื่อให้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์พัฒนาไปพร้อมกัน - รองรับ CPU Cortex-A720AE 16 คอร์ และระบบความปลอดภัย Cortex-R82AE - สามารถเชื่อมต่อหลายระบบ Zena ผ่าน UCIe เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ต้องติดตามว่าการจำกัดการส่งออกซอฟต์แวร์ EDA ไปยังจีนจะส่งผลต่อผู้ผลิตรถยนต์จีนหรือไม่ - แม้จะลดเวลาพัฒนา แต่ผู้ผลิตยังต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่ - ต้องรอดูว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จะนำแพลตฟอร์ม Zena ไปใช้จริงหรือไม่ - การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในรถยนต์ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก แพลตฟอร์ม Zena อาจช่วยให้ รถยนต์สามารถนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ได้เร็วขึ้น และลดช่องว่างระหว่าง เทคโนโลยีในรถยนต์กับสมาร์ทโฟน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะนำระบบนี้ไปใช้ในวงกว้างหรือไม่ https://www.techspot.com/news/108188-arm-new-zena-platform-can-cut-car-development.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Arm says new Zena platform can cut car development time by 50%
    A significant part of the issue lies in the long and tedious automotive development process, particularly in how technology is adopted into modern vehicle platforms. Traditionally, automakers...
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • ร้องเพลงชาติ-ทะเลาะนักข่าว "แพทองธาร" หนักขั้นสุด ไร้วุฒิภาวะชัดเจน
    .
    สถานการณ์การเมืองไทยตึงเครียด หลังเกิดกรณีพิพาทกับกัมพูชา ซึ่งกลายเป็นบททดสอบใหญ่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีดราม่าร้อนเมื่อเจ้าตัวไม่พอใจคำถามจากผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหา จนเกิดการเผชิญหน้ากันในทำเนียบฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052526

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ร้องเพลงชาติ-ทะเลาะนักข่าว "แพทองธาร" หนักขั้นสุด ไร้วุฒิภาวะชัดเจน . สถานการณ์การเมืองไทยตึงเครียด หลังเกิดกรณีพิพาทกับกัมพูชา ซึ่งกลายเป็นบททดสอบใหญ่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีดราม่าร้อนเมื่อเจ้าตัวไม่พอใจคำถามจากผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหา จนเกิดการเผชิญหน้ากันในทำเนียบฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052526 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    Haha
    20
    0 Comments 0 Shares 1021 Views 0 Reviews
  • 🌀 เมื่อใครบางคน…ไม่ชอบหน้าเรา

    คุณเคยเจอไหม?

    คนที่ยังไม่ทันรู้จักกันดี
    แต่ดูเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเราตั้งแต่แรกเห็น

    เจอหน้ากันทีไร แววตาเขาแข็งขึ้นเล็กน้อย
    น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง
    คำพูดของเขาฟังแล้วรู้สึกเหมือนโดนบาดเบาๆ

    มันน่าระคายใจใช่ไหมครับ?
    แต่ถ้าคุณเข้าใจกลไกอารมณ์มนุษย์
    ความระคายใจเหล่านั้น…จะเบาลงได้เอง

    ---
    ในทางธรรม
    คนเรา “ไม่ชอบใคร” ได้ด้วยเหตุ 2 แบบ
    🔸 หนึ่ง — มีเหตุผลชัดเจน เช่น เขาเคยโกหก เคยทำให้เราหนักใจ
    🔸 สอง — ไม่มีเหตุผลชัดเจน แค่ “คลื่นไม่ตรงกัน” ก็กระเทือนใจแล้ว

    และแน่นอน…
    คนอื่นก็สามารถ “ไม่ชอบเรา” ได้ด้วย 2 เหตุแบบเดียวกันนี้

    ---

    จงอย่ารับเอาความไม่ชอบ
    มาเป็นคำพิพากษาว่า “เราต้องผิด”
    และจงอย่าด่วนปักใจว่า “เขาต้องเลว”

    ให้เราเฝ้าสังเกตใจ
    เหมือนฝึกสมาธิในชีวิตประจำวัน
    ลองถามใจตัวเองอย่างบริสุทธิ์ว่า…

    💬 เราเคยทำอะไรให้เขาไม่สบายใจไหม?
    💬 หรือเขาแค่ยังไม่รู้จักเราเพียงพอ?
    💬 เราสามารถเปลี่ยนความรู้สึกเขาได้ไหม?
    💬 หรือเราควรวางใจ ปล่อยให้เขาเป็นอย่างนั้น?

    เมื่อถามจนใจนิ่งพอ
    จะพบว่าคนที่ไม่ชอบเรา…
    ก็เป็นเพียง “บททดสอบ”
    มิใช่ “ศัตรูทางวิญญาณ” อย่างที่ใจเคยตีความไว้ก่อน

    ---

    และที่สุดของธรรมข้อนี้ คือ…

    ถ้าคุณสามารถยิ้มให้คนที่ไม่ยิ้มให้คุณได้
    ด้วยใจที่เมตตาจริง ไม่ประชด ไม่แกล้งดี
    คุณกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่พระอริยะเจ้าเคยเดินมาแล้ว

    🌱 เพราะเมตตาไม่ใช่การหวังให้เขารักเรา
    แต่คือการ “รักใจที่ใสเย็นของตัวเอง” จนเผื่อแผ่ความเย็นนั้นออกไปได้

    ---

    โพสต์นี้ไม่มีข้อสรุปตายตัว
    เพียงแต่อยากชวนคุณหยุดคิด…
    ก่อนจะ “เสียพลัง” ไปกับการไม่ชอบกันโดยไม่รู้ตัว

    บางครั้ง…
    สิ่งที่เราเรียกว่า “ศัตรูทางใจ”
    อาจเป็นแค่ “เงาของตัวเราเอง”
    ที่รอให้แสงแห่งความเข้าใจ…ส่องลงไปถึง

    🕊️ #โพสต์ธรรมะแบบมีใจ
    #เข้าใจคนเข้าใจตัวเอง
    #ฝึกใจให้เบา
    🌀 เมื่อใครบางคน…ไม่ชอบหน้าเรา คุณเคยเจอไหม? คนที่ยังไม่ทันรู้จักกันดี แต่ดูเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเราตั้งแต่แรกเห็น เจอหน้ากันทีไร แววตาเขาแข็งขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง คำพูดของเขาฟังแล้วรู้สึกเหมือนโดนบาดเบาๆ มันน่าระคายใจใช่ไหมครับ? แต่ถ้าคุณเข้าใจกลไกอารมณ์มนุษย์ ความระคายใจเหล่านั้น…จะเบาลงได้เอง --- ในทางธรรม คนเรา “ไม่ชอบใคร” ได้ด้วยเหตุ 2 แบบ 🔸 หนึ่ง — มีเหตุผลชัดเจน เช่น เขาเคยโกหก เคยทำให้เราหนักใจ 🔸 สอง — ไม่มีเหตุผลชัดเจน แค่ “คลื่นไม่ตรงกัน” ก็กระเทือนใจแล้ว และแน่นอน… คนอื่นก็สามารถ “ไม่ชอบเรา” ได้ด้วย 2 เหตุแบบเดียวกันนี้ --- จงอย่ารับเอาความไม่ชอบ มาเป็นคำพิพากษาว่า “เราต้องผิด” และจงอย่าด่วนปักใจว่า “เขาต้องเลว” ให้เราเฝ้าสังเกตใจ เหมือนฝึกสมาธิในชีวิตประจำวัน ลองถามใจตัวเองอย่างบริสุทธิ์ว่า… 💬 เราเคยทำอะไรให้เขาไม่สบายใจไหม? 💬 หรือเขาแค่ยังไม่รู้จักเราเพียงพอ? 💬 เราสามารถเปลี่ยนความรู้สึกเขาได้ไหม? 💬 หรือเราควรวางใจ ปล่อยให้เขาเป็นอย่างนั้น? เมื่อถามจนใจนิ่งพอ จะพบว่าคนที่ไม่ชอบเรา… ก็เป็นเพียง “บททดสอบ” มิใช่ “ศัตรูทางวิญญาณ” อย่างที่ใจเคยตีความไว้ก่อน --- และที่สุดของธรรมข้อนี้ คือ… ถ้าคุณสามารถยิ้มให้คนที่ไม่ยิ้มให้คุณได้ ด้วยใจที่เมตตาจริง ไม่ประชด ไม่แกล้งดี คุณกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่พระอริยะเจ้าเคยเดินมาแล้ว 🌱 เพราะเมตตาไม่ใช่การหวังให้เขารักเรา แต่คือการ “รักใจที่ใสเย็นของตัวเอง” จนเผื่อแผ่ความเย็นนั้นออกไปได้ --- โพสต์นี้ไม่มีข้อสรุปตายตัว เพียงแต่อยากชวนคุณหยุดคิด… ก่อนจะ “เสียพลัง” ไปกับการไม่ชอบกันโดยไม่รู้ตัว บางครั้ง… สิ่งที่เราเรียกว่า “ศัตรูทางใจ” อาจเป็นแค่ “เงาของตัวเราเอง” ที่รอให้แสงแห่งความเข้าใจ…ส่องลงไปถึง 🕊️ #โพสต์ธรรมะแบบมีใจ #เข้าใจคนเข้าใจตัวเอง #ฝึกใจให้เบา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • พร้อมสนับสนุน! ทอ.โชว์ “โดรนติดอาวุธ” ร่วมภารกิจการลาดตระเวนป้องกันฐานบิน กองบิน 3 วัฒนานคร เสริมเขี้ยวเล็บทัพฟ้าไทย

    วันนี้ (3 มิ.ย.) กองทัพอากาศ โดยความร่วมมือของกรมสรรพาวุธทหารอากาศ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในประเทศ ได้ร่วมกันพัฒนาระบบอาวุธขึ้นประกอบปืนเล็กยาวอัตโนมัติแบบ M4 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโดรน นอกเหนือจากการลาดตระเวนและตรวจจับ และยังได้ดัดแปลงให้โดรนดังกล่าว สามารถติดตั้งอาวุธและวัตถุระเบิดอื่นๆ ได้เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งได้นำไปทดสอบในพื้นที่จริง ซึ่งก็สามารถโชว์ศักยภาพการทำงานของระบบได้อย่างน่าพอใจ

    โดรนติดอาวุธจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการทหารที่ประกอบขึ้นใช้ภายในประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบให้หน่วยลาดตระเวน และกำลังภาคพื้น รวมทั้งลดความเสี่ยงในการสูญเสียของทหารกล้าในภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติ และความสงบสุขของพี่น้องประชาชน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051910

    #MGROnline #โดรนติดอาวุธ
    พร้อมสนับสนุน! ทอ.โชว์ “โดรนติดอาวุธ” ร่วมภารกิจการลาดตระเวนป้องกันฐานบิน กองบิน 3 วัฒนานคร เสริมเขี้ยวเล็บทัพฟ้าไทย • วันนี้ (3 มิ.ย.) กองทัพอากาศ โดยความร่วมมือของกรมสรรพาวุธทหารอากาศ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในประเทศ ได้ร่วมกันพัฒนาระบบอาวุธขึ้นประกอบปืนเล็กยาวอัตโนมัติแบบ M4 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโดรน นอกเหนือจากการลาดตระเวนและตรวจจับ และยังได้ดัดแปลงให้โดรนดังกล่าว สามารถติดตั้งอาวุธและวัตถุระเบิดอื่นๆ ได้เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งได้นำไปทดสอบในพื้นที่จริง ซึ่งก็สามารถโชว์ศักยภาพการทำงานของระบบได้อย่างน่าพอใจ • โดรนติดอาวุธจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการทหารที่ประกอบขึ้นใช้ภายในประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบให้หน่วยลาดตระเวน และกำลังภาคพื้น รวมทั้งลดความเสี่ยงในการสูญเสียของทหารกล้าในภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติ และความสงบสุขของพี่น้องประชาชน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051910 • #MGROnline #โดรนติดอาวุธ
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • 🚀 Qualcomm Snapdragon X2 Elite: ชิปใหม่ที่เพิ่มจำนวนคอร์ 50%
    Qualcomm กำลังพัฒนา Snapdragon X2 Elite ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Snapdragon X Elite โดยมีจำนวนคอร์เพิ่มขึ้น 50% และรองรับ RAM สูงสุด 64GB

    Snapdragon X2 Elite ใช้ สถาปัตยกรรม Oryon V3 และมี 18 คอร์ ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนที่มี 12 คอร์ โดยคาดว่า จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    นอกจากนี้ Qualcomm กำลัง ทดสอบชิปนี้ในอุปกรณ์ที่มีระบบระบายความร้อนขั้นสูง เช่น หม้อน้ำ 120mm AiO ซึ่งอาจบ่งบอกว่า Snapdragon X2 Elite อาจถูกนำไปใช้ในเดสก์ท็อปหรือเซิร์ฟเวอร์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Snapdragon X2 Elite มี 18 คอร์ เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน
    - ใช้สถาปัตยกรรม Oryon V3 และรองรับ RAM สูงสุด 64GB
    - Qualcomm กำลังทดสอบชิปนี้ในอุปกรณ์ที่มีระบบระบายความร้อนขั้นสูง
    - อาจมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน Snapdragon Summit 2025 เดือนกันยายน
    - Qualcomm อาจพยายามขยายตลาดไปยังเดสก์ท็อปและเซิร์ฟเวอร์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลทางการจาก Qualcomm เกี่ยวกับประสิทธิภาพที่แท้จริงของชิปนี้
    - ต้องติดตามว่าการเพิ่มจำนวนคอร์จะส่งผลต่อการใช้พลังงานและความร้อนอย่างไร
    - AMD และ Intel อาจตอบโต้ด้วยชิปที่มี AI/NPU-enhanced เพื่อแข่งขันในตลาด
    - ต้องรอดูว่าผู้ผลิตอุปกรณ์จะนำ Snapdragon X2 Elite ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนหรือไม่

    Snapdragon X2 Elite อาจช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ AMD และ Intel ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาด Windows-on-Arm อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าชิปนี้จะสามารถสร้างความแตกต่างได้มากน้อยเพียงใด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomm-snapdragon-x2-elite-variant-rumors-surface-new-chip-with-18-cores-and-64gb-ram-is-reportedly-already-in-testing
    🚀 Qualcomm Snapdragon X2 Elite: ชิปใหม่ที่เพิ่มจำนวนคอร์ 50% Qualcomm กำลังพัฒนา Snapdragon X2 Elite ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Snapdragon X Elite โดยมีจำนวนคอร์เพิ่มขึ้น 50% และรองรับ RAM สูงสุด 64GB Snapdragon X2 Elite ใช้ สถาปัตยกรรม Oryon V3 และมี 18 คอร์ ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนที่มี 12 คอร์ โดยคาดว่า จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ Qualcomm กำลัง ทดสอบชิปนี้ในอุปกรณ์ที่มีระบบระบายความร้อนขั้นสูง เช่น หม้อน้ำ 120mm AiO ซึ่งอาจบ่งบอกว่า Snapdragon X2 Elite อาจถูกนำไปใช้ในเดสก์ท็อปหรือเซิร์ฟเวอร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Snapdragon X2 Elite มี 18 คอร์ เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน - ใช้สถาปัตยกรรม Oryon V3 และรองรับ RAM สูงสุด 64GB - Qualcomm กำลังทดสอบชิปนี้ในอุปกรณ์ที่มีระบบระบายความร้อนขั้นสูง - อาจมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน Snapdragon Summit 2025 เดือนกันยายน - Qualcomm อาจพยายามขยายตลาดไปยังเดสก์ท็อปและเซิร์ฟเวอร์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลทางการจาก Qualcomm เกี่ยวกับประสิทธิภาพที่แท้จริงของชิปนี้ - ต้องติดตามว่าการเพิ่มจำนวนคอร์จะส่งผลต่อการใช้พลังงานและความร้อนอย่างไร - AMD และ Intel อาจตอบโต้ด้วยชิปที่มี AI/NPU-enhanced เพื่อแข่งขันในตลาด - ต้องรอดูว่าผู้ผลิตอุปกรณ์จะนำ Snapdragon X2 Elite ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนหรือไม่ Snapdragon X2 Elite อาจช่วยให้ Qualcomm แข่งขันกับ AMD และ Intel ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาด Windows-on-Arm อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าชิปนี้จะสามารถสร้างความแตกต่างได้มากน้อยเพียงใด https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomm-snapdragon-x2-elite-variant-rumors-surface-new-chip-with-18-cores-and-64gb-ram-is-reportedly-already-in-testing
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • 🌕 กล้องโทรทรรศน์ที่ไกลที่สุด: NASA เตรียมสร้างหอดูดาวบนดวงจันทร์
    NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) ซึ่งเป็น กล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ตั้งอยู่บนด้านไกลของดวงจันทร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น

    LCRT จะใช้ โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต ที่ถูกแขวนไว้ภายใน ปล่องภูเขาไฟบนดวงจันทร์ โดยอาศัย หุ่นยนต์ขั้นสูง ในการติดตั้งและควบคุมระบบ

    ด้านไกลของดวงจันทร์เป็น สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ เนื่องจาก ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก เช่น คลื่นวิทยุจากดาวเทียมและมลภาวะทางแสง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) บนด้านไกลของดวงจันทร์
    - กล้องโทรทรรศน์นี้จะใช้โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต แขวนไว้ในปล่องภูเขาไฟ
    - ด้านไกลของดวงจันทร์เป็นสถานที่ที่ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก
    - โครงการนี้มีงบประมาณกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และอาจเริ่มใช้งานในช่วงปี 2030
    - LCRT จะช่วยให้สามารถศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - โครงการนี้มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องแข่งขันกับงบประมาณของ NASA ที่จำกัด
    - แม้จะมีแผนการติดตั้ง แต่ยังต้องผ่านการทดสอบต้นแบบที่ Owens Valley Radio Observatory ในแคลิฟอร์เนีย
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะสามารถรองรับการติดตั้งบนดวงจันทร์ได้หรือไม่
    - การศึกษายุคมืดของจักรวาลต้องใช้เทคนิคใหม่ในการตรวจจับคลื่นวิทยุที่มีความยาวคลื่นมากกว่า 33 ฟุต

    หากโครงการนี้สำเร็จ LCRT จะเป็นหนึ่งในกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ และอาจช่วยให้ นักดาราศาสตร์สามารถไขปริศนาเกี่ยวกับสสารมืด, พลังงานมืด และการเกิดขึ้นของจักรวาล

    https://www.techspot.com/news/108147-far-side-moon-may-soon-host-world-most.html
    🌕 กล้องโทรทรรศน์ที่ไกลที่สุด: NASA เตรียมสร้างหอดูดาวบนดวงจันทร์ NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) ซึ่งเป็น กล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ตั้งอยู่บนด้านไกลของดวงจันทร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น LCRT จะใช้ โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต ที่ถูกแขวนไว้ภายใน ปล่องภูเขาไฟบนดวงจันทร์ โดยอาศัย หุ่นยนต์ขั้นสูง ในการติดตั้งและควบคุมระบบ ด้านไกลของดวงจันทร์เป็น สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ เนื่องจาก ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก เช่น คลื่นวิทยุจากดาวเทียมและมลภาวะทางแสง ✅ ข้อมูลจากข่าว - NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) บนด้านไกลของดวงจันทร์ - กล้องโทรทรรศน์นี้จะใช้โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต แขวนไว้ในปล่องภูเขาไฟ - ด้านไกลของดวงจันทร์เป็นสถานที่ที่ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก - โครงการนี้มีงบประมาณกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และอาจเริ่มใช้งานในช่วงปี 2030 - LCRT จะช่วยให้สามารถศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - โครงการนี้มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องแข่งขันกับงบประมาณของ NASA ที่จำกัด - แม้จะมีแผนการติดตั้ง แต่ยังต้องผ่านการทดสอบต้นแบบที่ Owens Valley Radio Observatory ในแคลิฟอร์เนีย - ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะสามารถรองรับการติดตั้งบนดวงจันทร์ได้หรือไม่ - การศึกษายุคมืดของจักรวาลต้องใช้เทคนิคใหม่ในการตรวจจับคลื่นวิทยุที่มีความยาวคลื่นมากกว่า 33 ฟุต หากโครงการนี้สำเร็จ LCRT จะเป็นหนึ่งในกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ และอาจช่วยให้ นักดาราศาสตร์สามารถไขปริศนาเกี่ยวกับสสารมืด, พลังงานมืด และการเกิดขึ้นของจักรวาล https://www.techspot.com/news/108147-far-side-moon-may-soon-host-world-most.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The far side of the Moon may soon host the world's most sensitive telescope, shielded from earthly interference
    NASA is advancing plans to construct a radio telescope on the Moon's far side – a location uniquely shielded from the ever-increasing interference caused by Earth's expanding...
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • 🍷 Wine 10.9: การอัปเดตครั้งสำคัญสำหรับการรันแอป Windows บน Linux และ macOS
    Wine 10.9 ได้เปิดตัวพร้อมกับ การรองรับ EGL สำหรับไดรเวอร์กราฟิกทุกตัว ซึ่งช่วยให้การรันแอป Windows บน Linux และ macOS มีความเสถียรมากขึ้น และอาจเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับแอปที่ใช้ OpenGL ES

    EGL เป็น ตัวกลางสำคัญ ที่ช่วยให้ OpenGL ES สามารถสื่อสารกับ window manager ของระบบ การที่ Wine รองรับ EGL อย่างเป็นมาตรฐานช่วยลดปัญหาการแสดงผลที่แตกต่างกันระหว่างไดรเวอร์

    นอกจากนี้ Wine 10.9 ยังมาพร้อมกับ vkd3d เวอร์ชัน 1.16 ซึ่งเป็น ตัวแปลง Direct3D 12 เป็น Vulkan โดยมีการปรับปรุงหลายด้าน เช่น
    - รองรับ DXIL shaders ในค่าตั้งต้น ทำให้สามารถใช้ Shader Model 6.0 ได้
    - สามารถสร้าง Graphics pipeline state objects จาก shaders ที่มี root signatures
    - เพิ่มการรองรับ geometry shaders และฟังก์ชันใหม่ ๆ ใน libvkd3d-shader

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Wine 10.9 รองรับ EGL สำหรับไดรเวอร์กราฟิกทุกตัว
    - ช่วยให้การรันแอป Windows บน Linux และ macOS มีความเสถียรมากขึ้น
    - vkd3d 1.16 ปรับปรุงการรองรับ Direct3D 12 บน Vulkan
    - DXIL shaders รองรับ Shader Model 6.0 ในค่าตั้งต้น
    - เพิ่มการรองรับ geometry shaders และฟังก์ชันใหม่ ๆ ใน libvkd3d-shader

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะรองรับ EGL แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้กับทุกแอป
    - การอัปเดต vkd3d อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเข้ากันได้ของทุกเกมที่ใช้ Direct3D 12
    - ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะพบข้อผิดพลาดใหม่ ๆ หรือไม่หลังจากอัปเดตเป็น Wine 10.9
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อโครงการที่ใช้ Wine เช่น Steam Proton

    Wine 10.9 เป็น ก้าวสำคัญในการปรับปรุงความเข้ากันได้ของแอป Windows บน Linux และ macOS โดยเฉพาะสำหรับ เกมที่ใช้ Direct3D 12 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของเกมและแอปในระยะยาวอย่างไร

    https://www.neowin.net/news/wine-109-released-bringing-egl-support-for-all-graphic-drivers-and-several-bug-fixes/
    🍷 Wine 10.9: การอัปเดตครั้งสำคัญสำหรับการรันแอป Windows บน Linux และ macOS Wine 10.9 ได้เปิดตัวพร้อมกับ การรองรับ EGL สำหรับไดรเวอร์กราฟิกทุกตัว ซึ่งช่วยให้การรันแอป Windows บน Linux และ macOS มีความเสถียรมากขึ้น และอาจเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับแอปที่ใช้ OpenGL ES EGL เป็น ตัวกลางสำคัญ ที่ช่วยให้ OpenGL ES สามารถสื่อสารกับ window manager ของระบบ การที่ Wine รองรับ EGL อย่างเป็นมาตรฐานช่วยลดปัญหาการแสดงผลที่แตกต่างกันระหว่างไดรเวอร์ นอกจากนี้ Wine 10.9 ยังมาพร้อมกับ vkd3d เวอร์ชัน 1.16 ซึ่งเป็น ตัวแปลง Direct3D 12 เป็น Vulkan โดยมีการปรับปรุงหลายด้าน เช่น - รองรับ DXIL shaders ในค่าตั้งต้น ทำให้สามารถใช้ Shader Model 6.0 ได้ - สามารถสร้าง Graphics pipeline state objects จาก shaders ที่มี root signatures - เพิ่มการรองรับ geometry shaders และฟังก์ชันใหม่ ๆ ใน libvkd3d-shader ✅ ข้อมูลจากข่าว - Wine 10.9 รองรับ EGL สำหรับไดรเวอร์กราฟิกทุกตัว - ช่วยให้การรันแอป Windows บน Linux และ macOS มีความเสถียรมากขึ้น - vkd3d 1.16 ปรับปรุงการรองรับ Direct3D 12 บน Vulkan - DXIL shaders รองรับ Shader Model 6.0 ในค่าตั้งต้น - เพิ่มการรองรับ geometry shaders และฟังก์ชันใหม่ ๆ ใน libvkd3d-shader ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะรองรับ EGL แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้กับทุกแอป - การอัปเดต vkd3d อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเข้ากันได้ของทุกเกมที่ใช้ Direct3D 12 - ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะพบข้อผิดพลาดใหม่ ๆ หรือไม่หลังจากอัปเดตเป็น Wine 10.9 - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อโครงการที่ใช้ Wine เช่น Steam Proton Wine 10.9 เป็น ก้าวสำคัญในการปรับปรุงความเข้ากันได้ของแอป Windows บน Linux และ macOS โดยเฉพาะสำหรับ เกมที่ใช้ Direct3D 12 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของเกมและแอปในระยะยาวอย่างไร https://www.neowin.net/news/wine-109-released-bringing-egl-support-for-all-graphic-drivers-and-several-bug-fixes/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wine 10.9 released bringing EGL support for all graphic drivers and several bug fixes
    The latest Wine release, version 10.9, introduces EGL support across all graphics drivers, brings an updated vkd3d version, and includes several bug fixes.
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • 💾 Seagate เตรียมเปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์ 150TB ด้วยเทคโนโลยี HAMR

    Seagate ได้เผยแผนพัฒนา ฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 150TB โดยใช้ เทคโนโลยี Heat-Assisted Magnetic Recording (HAMR) ซึ่งจะช่วยให้สามารถเพิ่มความจุของไดรฟ์ได้อย่างมหาศาล

    Seagate กำลังดำเนินการผ่าน แพลตฟอร์ม Mozaic ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิต แผ่นบันทึกข้อมูล (platters) ขนาด 4TB และมีแผนจะเพิ่มเป็น 10TB ต่อแผ่นภายในปี 2028

    เป้าหมายสูงสุดคือ แผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 15TB ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้าง ฮาร์ดไดรฟ์ 150TB ได้โดยใช้ 10 platters อย่างไรก็ตาม Seagate ระบุว่า ต้องใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่านี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Seagate วางแผนพัฒนา HDD ขนาด 150TB โดยใช้เทคโนโลยี HAMR
    - แพลตฟอร์ม Mozaic ปัจจุบันสามารถผลิตแผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 4TB
    - เป้าหมายคือการเพิ่มขนาดแผ่นบันทึกข้อมูลเป็น 10TB ภายในปี 2028
    - แผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 15TB จะช่วยให้สามารถสร้าง HDD 150TB ได้
    - Seagate คาดว่า HDD 150TB จะพร้อมใช้งานภายในปี 2035

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีแผนพัฒนา แต่ HDD 150TB ยังต้องใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่านี้
    - HAMR ยังต้องผ่านการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในระดับอุตสาหกรรม
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะพัฒนาเทคโนโลยีที่แข่งขันกับ HAMR หรือไม่
    - การผลิต HDD ที่มีความจุสูงอาจต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงแรก

    หาก Seagate สามารถพัฒนา HDD 150TB ได้สำเร็จ อาจช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นโดยใช้พื้นที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีนี้จะสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่

    https://www.techradar.com/pro/seagate-ceo-hints-at-150tb-hard-drives-thanks-to-novel-15tb-platters-but-that-wont-happen-for-another-decade
    💾 Seagate เตรียมเปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์ 150TB ด้วยเทคโนโลยี HAMR Seagate ได้เผยแผนพัฒนา ฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 150TB โดยใช้ เทคโนโลยี Heat-Assisted Magnetic Recording (HAMR) ซึ่งจะช่วยให้สามารถเพิ่มความจุของไดรฟ์ได้อย่างมหาศาล Seagate กำลังดำเนินการผ่าน แพลตฟอร์ม Mozaic ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิต แผ่นบันทึกข้อมูล (platters) ขนาด 4TB และมีแผนจะเพิ่มเป็น 10TB ต่อแผ่นภายในปี 2028 เป้าหมายสูงสุดคือ แผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 15TB ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้าง ฮาร์ดไดรฟ์ 150TB ได้โดยใช้ 10 platters อย่างไรก็ตาม Seagate ระบุว่า ต้องใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่านี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Seagate วางแผนพัฒนา HDD ขนาด 150TB โดยใช้เทคโนโลยี HAMR - แพลตฟอร์ม Mozaic ปัจจุบันสามารถผลิตแผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 4TB - เป้าหมายคือการเพิ่มขนาดแผ่นบันทึกข้อมูลเป็น 10TB ภายในปี 2028 - แผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 15TB จะช่วยให้สามารถสร้าง HDD 150TB ได้ - Seagate คาดว่า HDD 150TB จะพร้อมใช้งานภายในปี 2035 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีแผนพัฒนา แต่ HDD 150TB ยังต้องใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่านี้ - HAMR ยังต้องผ่านการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในระดับอุตสาหกรรม - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะพัฒนาเทคโนโลยีที่แข่งขันกับ HAMR หรือไม่ - การผลิต HDD ที่มีความจุสูงอาจต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงแรก หาก Seagate สามารถพัฒนา HDD 150TB ได้สำเร็จ อาจช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นโดยใช้พื้นที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีนี้จะสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่ https://www.techradar.com/pro/seagate-ceo-hints-at-150tb-hard-drives-thanks-to-novel-15tb-platters-but-that-wont-happen-for-another-decade
    WWW.TECHRADAR.COM
    This Seagate tech could change data storage forever—but we have to wait ten more years
    HAMR technology remains Seagate’s crown jewel for scaling drive capacity
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • 🧠 Nord Quantique: ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่อาจพลิกโฉมศูนย์ข้อมูล

    Nord Quantique บริษัทสตาร์ทอัพด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ประกาศแผนพัฒนา ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่มีมากกว่า 1,000 qubits ภายในปี 2031 ซึ่งอาจทำให้ระบบ High-Performance Computing (HPC) แบบดั้งเดิมล้าสมัย

    Nord Quantique ใช้ multimode encoding ผ่าน Tesseract code ซึ่งช่วยให้ แต่ละ cavity สามารถแทนค่ามากกว่าหนึ่งโหมดควอนตัม ทำให้มี การแก้ไขข้อผิดพลาดที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดของระบบ

    นอกจากนี้ เครื่องของ Nord Quantique ใช้พื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ซึ่งเล็กกว่าระบบควอนตัมทั่วไปที่ต้องใช้พื้นที่ 1,000–20,000 ตารางเมตร

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Nord Quantique ตั้งเป้าพัฒนาเครื่องควอนตัมที่มีมากกว่า 1,000 qubits ภายในปี 2031
    - ใช้ multimode encoding ผ่าน Tesseract code เพื่อเพิ่มความทนทานของข้อมูล
    - เครื่องใช้พื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ซึ่งเล็กกว่าระบบควอนตัมทั่วไป
    - สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวน qubits
    - ระบบสามารถถอดรหัส RSA-830 ได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยใช้พลังงานเพียง 120 kWh

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ดีขึ้น แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมในสภาพแวดล้อมจริง
    - การใช้ post-selection ในการแก้ไขข้อผิดพลาดอาจทำให้ต้องทิ้งข้อมูล 12.6% ต่อรอบ
    - ต้องมีการตรวจสอบอิสระเพื่อยืนยันว่าระบบสามารถทำงานได้ตามที่อ้าง
    - การเปลี่ยนจาก HPC ไปสู่ควอนตัมคอมพิวติ้งอาจต้องใช้เวลาหลายปี

    หาก Nord Quantique สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลสามารถลดการใช้พลังงานลง 99% และ เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของ HPC ไปสู่ยุคควอนตัม อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสามารถของระบบ

    https://www.techradar.com/pro/quantum-computing-startup-wants-to-launch-a-1000-qubit-machine-by-2031-that-could-make-the-traditional-hpc-market-obsolete
    🧠 Nord Quantique: ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่อาจพลิกโฉมศูนย์ข้อมูล Nord Quantique บริษัทสตาร์ทอัพด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ประกาศแผนพัฒนา ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่มีมากกว่า 1,000 qubits ภายในปี 2031 ซึ่งอาจทำให้ระบบ High-Performance Computing (HPC) แบบดั้งเดิมล้าสมัย Nord Quantique ใช้ multimode encoding ผ่าน Tesseract code ซึ่งช่วยให้ แต่ละ cavity สามารถแทนค่ามากกว่าหนึ่งโหมดควอนตัม ทำให้มี การแก้ไขข้อผิดพลาดที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดของระบบ นอกจากนี้ เครื่องของ Nord Quantique ใช้พื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ซึ่งเล็กกว่าระบบควอนตัมทั่วไปที่ต้องใช้พื้นที่ 1,000–20,000 ตารางเมตร ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nord Quantique ตั้งเป้าพัฒนาเครื่องควอนตัมที่มีมากกว่า 1,000 qubits ภายในปี 2031 - ใช้ multimode encoding ผ่าน Tesseract code เพื่อเพิ่มความทนทานของข้อมูล - เครื่องใช้พื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ซึ่งเล็กกว่าระบบควอนตัมทั่วไป - สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวน qubits - ระบบสามารถถอดรหัส RSA-830 ได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยใช้พลังงานเพียง 120 kWh ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ดีขึ้น แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมในสภาพแวดล้อมจริง - การใช้ post-selection ในการแก้ไขข้อผิดพลาดอาจทำให้ต้องทิ้งข้อมูล 12.6% ต่อรอบ - ต้องมีการตรวจสอบอิสระเพื่อยืนยันว่าระบบสามารถทำงานได้ตามที่อ้าง - การเปลี่ยนจาก HPC ไปสู่ควอนตัมคอมพิวติ้งอาจต้องใช้เวลาหลายปี หาก Nord Quantique สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลสามารถลดการใช้พลังงานลง 99% และ เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของ HPC ไปสู่ยุคควอนตัม อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสามารถของระบบ https://www.techradar.com/pro/quantum-computing-startup-wants-to-launch-a-1000-qubit-machine-by-2031-that-could-make-the-traditional-hpc-market-obsolete
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • 🛡️ AI-powered “Repeaters”: เทคนิคใหม่ของอาชญากรไซเบอร์
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก AU10TIX ได้ค้นพบกลยุทธ์ใหม่ที่อาชญากรไซเบอร์ใช้ในการเจาะระบบของ ธนาคารและแพลตฟอร์มคริปโต โดยใช้ AI-powered Repeaters ซึ่งเป็น ตัวตนดิจิทัลปลอมที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อย เพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ

    Repeaters ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีทันที แต่จะ ทดสอบระบบป้องกันขององค์กร โดยใช้ ตัวตนดิจิทัลที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อย เช่น เปลี่ยนใบหน้า, แก้ไขหมายเลขเอกสาร หรือปรับพื้นหลังของภาพ

    เมื่อระบบตรวจสอบแต่ละตัวตนแยกกัน จะไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติได้ ทำให้ Repeaters สามารถ ผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (KYC) และการตรวจสอบไบโอเมตริกซ์ ได้อย่างง่ายดาย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Repeaters เป็นตัวตนดิจิทัลปลอมที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อทดสอบระบบป้องกันขององค์กร
    - ใช้เทคนิค deepfake เพื่อเปลี่ยนใบหน้า, หมายเลขเอกสาร และพื้นหลังของภาพ
    - สามารถหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบไบโอเมตริกซ์และ KYC ได้อย่างง่ายดาย
    - AU10TIX เปิดตัว “consortium validation” เพื่อให้หลายองค์กรแชร์ข้อมูลและตรวจจับ Repeaters ได้ดีขึ้น
    - ระบบใหม่ช่วยให้สามารถตรวจจับตัวตนที่ถูกใช้ซ้ำในหลายแพลตฟอร์มได้แบบเรียลไทม์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ระบบตรวจสอบตัวตนแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถรับมือกับ Repeaters ได้
    - อาชญากรไซเบอร์สามารถใช้ Repeaters เพื่อเจาะระบบของธนาคารและแพลตฟอร์มคริปโต
    - ต้องมีการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใช้ในหลายแพลตฟอร์มเพื่อป้องกันการโจมตีแบบเงียบ
    - ไม่มีโซลูชันใดที่สามารถป้องกัน Repeaters ได้ 100% ต้องใช้การตรวจสอบแบบหลายชั้น

    Repeaters แสดงให้เห็นว่า AI กำลังถูกใช้เพื่อพัฒนาเทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อนมากขึ้น องค์กรต้อง ปรับปรุงระบบตรวจสอบตัวตนให้สามารถตรวจจับตัวตนที่ถูกใช้ซ้ำ และ ใช้การตรวจสอบแบบพฤติกรรมเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-are-deploying-deepfake-sentinels-to-test-detection-systems-of-businesses-heres-what-you-need-to-know
    🛡️ AI-powered “Repeaters”: เทคนิคใหม่ของอาชญากรไซเบอร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก AU10TIX ได้ค้นพบกลยุทธ์ใหม่ที่อาชญากรไซเบอร์ใช้ในการเจาะระบบของ ธนาคารและแพลตฟอร์มคริปโต โดยใช้ AI-powered Repeaters ซึ่งเป็น ตัวตนดิจิทัลปลอมที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อย เพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ Repeaters ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีทันที แต่จะ ทดสอบระบบป้องกันขององค์กร โดยใช้ ตัวตนดิจิทัลที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อย เช่น เปลี่ยนใบหน้า, แก้ไขหมายเลขเอกสาร หรือปรับพื้นหลังของภาพ เมื่อระบบตรวจสอบแต่ละตัวตนแยกกัน จะไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติได้ ทำให้ Repeaters สามารถ ผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (KYC) และการตรวจสอบไบโอเมตริกซ์ ได้อย่างง่ายดาย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Repeaters เป็นตัวตนดิจิทัลปลอมที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อทดสอบระบบป้องกันขององค์กร - ใช้เทคนิค deepfake เพื่อเปลี่ยนใบหน้า, หมายเลขเอกสาร และพื้นหลังของภาพ - สามารถหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบไบโอเมตริกซ์และ KYC ได้อย่างง่ายดาย - AU10TIX เปิดตัว “consortium validation” เพื่อให้หลายองค์กรแชร์ข้อมูลและตรวจจับ Repeaters ได้ดีขึ้น - ระบบใหม่ช่วยให้สามารถตรวจจับตัวตนที่ถูกใช้ซ้ำในหลายแพลตฟอร์มได้แบบเรียลไทม์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ระบบตรวจสอบตัวตนแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถรับมือกับ Repeaters ได้ - อาชญากรไซเบอร์สามารถใช้ Repeaters เพื่อเจาะระบบของธนาคารและแพลตฟอร์มคริปโต - ต้องมีการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใช้ในหลายแพลตฟอร์มเพื่อป้องกันการโจมตีแบบเงียบ - ไม่มีโซลูชันใดที่สามารถป้องกัน Repeaters ได้ 100% ต้องใช้การตรวจสอบแบบหลายชั้น Repeaters แสดงให้เห็นว่า AI กำลังถูกใช้เพื่อพัฒนาเทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อนมากขึ้น องค์กรต้อง ปรับปรุงระบบตรวจสอบตัวตนให้สามารถตรวจจับตัวตนที่ถูกใช้ซ้ำ และ ใช้การตรวจสอบแบบพฤติกรรมเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-are-deploying-deepfake-sentinels-to-test-detection-systems-of-businesses-heres-what-you-need-to-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    This sneaky fraud tactic uses deepfakes to outsmart your favorite digital services
    Repeaters are used to test your system’s defense before large-scale attack
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • 📱 Xiaomi XRING 01: ชิปเซ็ตเรือธงที่ท้าทาย Snapdragon และ Apple
    Xiaomi ได้เปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็น ชิปเซ็ตมือถือเรือธง ที่พัฒนาโดยบริษัทเอง หลังจากมีข่าวลือและการทดสอบภายในมานานหลายเดือน

    XRING 01 ใช้ กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3E) ของ TSMC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ใน Apple A18 Pro และ Qualcomm Snapdragon 8 Elite

    ชิปเซ็ตนี้มี 10 คอร์ ประกอบด้วย 2 Cortex-X925, 4 Cortex-A725, 2 Cortex-A725 และ 2 Cortex-A520 พร้อม GPU Arm Immortalis-G925 MP16 และ NPU 6 คอร์ที่มีแคช 16 MB

    อย่างไรก็ตาม XRING 01 ไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว โดยคาดว่า Xiaomi เลือกใช้ โมเด็มภายนอกจาก MediaTek ซึ่งช่วยให้ขนาดของชิปเล็กลง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Xiaomi เปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตมือถือเรือธงที่พัฒนาเอง
    - ใช้กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3E) ของ TSMC เช่นเดียวกับ Apple และ Qualcomm
    - มี 10 คอร์ ประกอบด้วย Cortex-X925, Cortex-A725 และ Cortex-A520
    - มาพร้อมกับ GPU Arm Immortalis-G925 MP16 และ NPU 6 คอร์ที่มีแคช 16 MB
    - ไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว คาดว่าใช้โมเด็มภายนอกจาก MediaTek

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การไม่มีโมเด็ม 5G ในตัวอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน
    - การตัดสินใจใช้โมเด็มภายนอกอาจเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการออกแบบหรือการลดต้นทุน
    - การไม่มี SLC cache อาจทำให้ GPU ใช้พลังงานมากกว่าคู่แข่ง เช่น Dimensity
    - ต้องติดตามว่า Xiaomi จะสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของ XRING 01 ในรุ่นต่อไปได้หรือไม่

    https://www.techpowerup.com/337496/xiaomi-xring-01-soc-die-shot-analyzed-by-chinese-tech-youtuber
    📱 Xiaomi XRING 01: ชิปเซ็ตเรือธงที่ท้าทาย Snapdragon และ Apple Xiaomi ได้เปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็น ชิปเซ็ตมือถือเรือธง ที่พัฒนาโดยบริษัทเอง หลังจากมีข่าวลือและการทดสอบภายในมานานหลายเดือน XRING 01 ใช้ กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3E) ของ TSMC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ใน Apple A18 Pro และ Qualcomm Snapdragon 8 Elite ชิปเซ็ตนี้มี 10 คอร์ ประกอบด้วย 2 Cortex-X925, 4 Cortex-A725, 2 Cortex-A725 และ 2 Cortex-A520 พร้อม GPU Arm Immortalis-G925 MP16 และ NPU 6 คอร์ที่มีแคช 16 MB อย่างไรก็ตาม XRING 01 ไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว โดยคาดว่า Xiaomi เลือกใช้ โมเด็มภายนอกจาก MediaTek ซึ่งช่วยให้ขนาดของชิปเล็กลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Xiaomi เปิดตัว XRING 01 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตมือถือเรือธงที่พัฒนาเอง - ใช้กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร (N3E) ของ TSMC เช่นเดียวกับ Apple และ Qualcomm - มี 10 คอร์ ประกอบด้วย Cortex-X925, Cortex-A725 และ Cortex-A520 - มาพร้อมกับ GPU Arm Immortalis-G925 MP16 และ NPU 6 คอร์ที่มีแคช 16 MB - ไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว คาดว่าใช้โมเด็มภายนอกจาก MediaTek ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การไม่มีโมเด็ม 5G ในตัวอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน - การตัดสินใจใช้โมเด็มภายนอกอาจเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการออกแบบหรือการลดต้นทุน - การไม่มี SLC cache อาจทำให้ GPU ใช้พลังงานมากกว่าคู่แข่ง เช่น Dimensity - ต้องติดตามว่า Xiaomi จะสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของ XRING 01 ในรุ่นต่อไปได้หรือไม่ https://www.techpowerup.com/337496/xiaomi-xring-01-soc-die-shot-analyzed-by-chinese-tech-youtuber
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Xiaomi XRING 01 SoC Die Shot Analyzed by Chinese Tech YouTuber
    Three weeks ago, Kurnal and Geekerwan dived deep into Nintendo's alleged Switch 2 chipset. The very brave Chinese leakers are notorious for their acquiring of pre-release and early silicon samples. Last week, their collective attention turned to a brand-new Xiaomi mobile chip: the XRING 01. After mo...
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • 🤖 กล้ามเนื้อเทียมที่สามารถตรวจจับความเสียหายและซ่อมแซมตัวเองได้
    นักวิจัยจาก University of Nebraska–Lincoln ได้พัฒนา กล้ามเนื้อเทียมที่สามารถตรวจจับความเสียหายและซ่อมแซมตัวเองได้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญใน เทคโนโลยีหุ่นยนต์อ่อน (soft robotics)

    เทคโนโลยีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก ระบบการรักษาตัวเองของสิ่งมีชีวิต เช่น พืชและสัตว์ โดยใช้ สถาปัตยกรรมหลายชั้น ที่สามารถ ตรวจจับความเสียหาย, ระบุตำแหน่ง และเริ่มกระบวนการซ่อมแซมตัวเองโดยอัตโนมัติ

    โครงสร้างของกล้ามเนื้อเทียมประกอบด้วย สามชั้นหลัก ได้แก่
    1) ชั้นตรวจจับความเสียหาย – ใช้ ไมโครดรอปเล็ตของโลหะเหลวฝังในซิลิโคนอีลาสโตเมอร์ เพื่อสร้างเครือข่ายไฟฟ้าที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณ
    2) ชั้นซ่อมแซมตัวเอง – ทำจาก เทอร์โมพลาสติกอีลาสโตเมอร์ ที่สามารถละลายและปิดรอยแตกเมื่อได้รับความร้อน
    3) ชั้นกระตุ้นการเคลื่อนไหว – ควบคุมการหดตัวและขยายตัวของกล้ามเนื้อผ่านแรงดันน้ำ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิจัยจาก University of Nebraska–Lincoln พัฒนากล้ามเนื้อเทียมที่สามารถตรวจจับและซ่อมแซมตัวเองได้
    - ใช้สถาปัตยกรรมสามชั้นที่เลียนแบบระบบรักษาตัวเองของสิ่งมีชีวิต
    - ชั้นตรวจจับความเสียหายใช้โลหะเหลวฝังในซิลิโคนเพื่อสร้างเครือข่ายไฟฟ้า
    - ชั้นซ่อมแซมตัวเองสามารถละลายและปิดรอยแตกเมื่อได้รับความร้อน
    - เทคโนโลยีนี้อาจนำไปใช้ในหุ่นยนต์เกษตร, อุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อประเมินความทนทานในระยะยาว
    - การใช้โลหะเหลวอาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยและต้นทุนการผลิต
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตหุ่นยนต์จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในผลิตภัณฑ์จริงเมื่อใด
    - การซ่อมแซมตัวเองอาจมีข้อจำกัดในกรณีที่เกิดความเสียหายรุนแรงหรือซ้ำซ้อน

    เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้ หุ่นยนต์อ่อนมีความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยเฉพาะใน สภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/peripherals/wearable-tech/damage-sensing-and-self-healing-artificial-muscles-heralded-as-huge-step-forward-in-robotics
    🤖 กล้ามเนื้อเทียมที่สามารถตรวจจับความเสียหายและซ่อมแซมตัวเองได้ นักวิจัยจาก University of Nebraska–Lincoln ได้พัฒนา กล้ามเนื้อเทียมที่สามารถตรวจจับความเสียหายและซ่อมแซมตัวเองได้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญใน เทคโนโลยีหุ่นยนต์อ่อน (soft robotics) เทคโนโลยีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก ระบบการรักษาตัวเองของสิ่งมีชีวิต เช่น พืชและสัตว์ โดยใช้ สถาปัตยกรรมหลายชั้น ที่สามารถ ตรวจจับความเสียหาย, ระบุตำแหน่ง และเริ่มกระบวนการซ่อมแซมตัวเองโดยอัตโนมัติ โครงสร้างของกล้ามเนื้อเทียมประกอบด้วย สามชั้นหลัก ได้แก่ 1) ชั้นตรวจจับความเสียหาย – ใช้ ไมโครดรอปเล็ตของโลหะเหลวฝังในซิลิโคนอีลาสโตเมอร์ เพื่อสร้างเครือข่ายไฟฟ้าที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณ 2) ชั้นซ่อมแซมตัวเอง – ทำจาก เทอร์โมพลาสติกอีลาสโตเมอร์ ที่สามารถละลายและปิดรอยแตกเมื่อได้รับความร้อน 3) ชั้นกระตุ้นการเคลื่อนไหว – ควบคุมการหดตัวและขยายตัวของกล้ามเนื้อผ่านแรงดันน้ำ ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิจัยจาก University of Nebraska–Lincoln พัฒนากล้ามเนื้อเทียมที่สามารถตรวจจับและซ่อมแซมตัวเองได้ - ใช้สถาปัตยกรรมสามชั้นที่เลียนแบบระบบรักษาตัวเองของสิ่งมีชีวิต - ชั้นตรวจจับความเสียหายใช้โลหะเหลวฝังในซิลิโคนเพื่อสร้างเครือข่ายไฟฟ้า - ชั้นซ่อมแซมตัวเองสามารถละลายและปิดรอยแตกเมื่อได้รับความร้อน - เทคโนโลยีนี้อาจนำไปใช้ในหุ่นยนต์เกษตร, อุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อประเมินความทนทานในระยะยาว - การใช้โลหะเหลวอาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยและต้นทุนการผลิต - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตหุ่นยนต์จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในผลิตภัณฑ์จริงเมื่อใด - การซ่อมแซมตัวเองอาจมีข้อจำกัดในกรณีที่เกิดความเสียหายรุนแรงหรือซ้ำซ้อน เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้ หุ่นยนต์อ่อนมีความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยเฉพาะใน สภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/peripherals/wearable-tech/damage-sensing-and-self-healing-artificial-muscles-heralded-as-huge-step-forward-in-robotics
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • 🚀 AMD เปิดตัว Ryzen AI Max 385: ตัวเลือกที่เข้าถึงได้มากขึ้นในตระกูล Strix Halo
    AMD กำลังขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Ryzen AI Max 385 ซึ่งเป็นรุ่นที่มี 8 คอร์ และ 16 เธรด ในตระกูล Strix Halo โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาด แล็ปท็อปและมินิพีซี ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น

    Ryzen AI Max 385 ใช้ สถาปัตยกรรม Zen 5 พร้อม 32 Compute Units ใน Radeon 8050S GPU และ NPU ที่รองรับ 50 TOPS ซึ่งช่วยให้สามารถประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    แม้ว่าจะมี ความเร็วสูงสุด 5 GHz ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่นเรือธง Ryzen AI Max+ 395 แต่ผลการทดสอบ Geekbench กลับแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพ ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยทำคะแนน 2,489 (single-core) และ 14,136 (multi-core) ซึ่งต่ำกว่ารุ่น 395 ที่ทำได้ 2,900-3,000 คะแนน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Ryzen AI Max 385 มี 8 คอร์ และ 16 เธรด ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5
    - มาพร้อมกับ Radeon 8050S GPU ที่มี 32 Compute Units และ NPU 50 TOPS
    - ความเร็วสูงสุด 5 GHz ใกล้เคียงกับ Ryzen AI Max+ 395
    - ผลทดสอบ Geekbench แสดงคะแนน 2,489 (single-core) และ 14,136 (multi-core)
    - HP ZBook Ultra G1a เป็นหนึ่งในแล็ปท็อปที่ใช้ Ryzen AI Max 385 และมีราคาเริ่มต้นที่ $2,599

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผลทดสอบ Geekbench อาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับการตั้งค่าพลังงานของแล็ปท็อป
    - Ryzen AI Max 385 อาจไม่สามารถแข่งขันกับรุ่นเรือธงในด้านประสิทธิภาพ AI ได้
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำ Ryzen AI Max 385 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนหรือไม่
    - ราคาของแล็ปท็อปที่ใช้ชิปนี้ยังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นในตลาด

    Ryzen AI Max 385 อาจช่วยให้ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องซื้อรุ่นเรือธง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพจริงจะสามารถตอบโจทย์ตลาดได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/more-affordable-strix-halo-model-emerges-early-ryzen-ai-max-385-geekbench-result-reveals-an-eight-core-option
    🚀 AMD เปิดตัว Ryzen AI Max 385: ตัวเลือกที่เข้าถึงได้มากขึ้นในตระกูล Strix Halo AMD กำลังขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Ryzen AI Max 385 ซึ่งเป็นรุ่นที่มี 8 คอร์ และ 16 เธรด ในตระกูล Strix Halo โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาด แล็ปท็อปและมินิพีซี ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น Ryzen AI Max 385 ใช้ สถาปัตยกรรม Zen 5 พร้อม 32 Compute Units ใน Radeon 8050S GPU และ NPU ที่รองรับ 50 TOPS ซึ่งช่วยให้สามารถประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมี ความเร็วสูงสุด 5 GHz ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่นเรือธง Ryzen AI Max+ 395 แต่ผลการทดสอบ Geekbench กลับแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพ ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยทำคะแนน 2,489 (single-core) และ 14,136 (multi-core) ซึ่งต่ำกว่ารุ่น 395 ที่ทำได้ 2,900-3,000 คะแนน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Ryzen AI Max 385 มี 8 คอร์ และ 16 เธรด ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 - มาพร้อมกับ Radeon 8050S GPU ที่มี 32 Compute Units และ NPU 50 TOPS - ความเร็วสูงสุด 5 GHz ใกล้เคียงกับ Ryzen AI Max+ 395 - ผลทดสอบ Geekbench แสดงคะแนน 2,489 (single-core) และ 14,136 (multi-core) - HP ZBook Ultra G1a เป็นหนึ่งในแล็ปท็อปที่ใช้ Ryzen AI Max 385 และมีราคาเริ่มต้นที่ $2,599 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผลทดสอบ Geekbench อาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับการตั้งค่าพลังงานของแล็ปท็อป - Ryzen AI Max 385 อาจไม่สามารถแข่งขันกับรุ่นเรือธงในด้านประสิทธิภาพ AI ได้ - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำ Ryzen AI Max 385 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนหรือไม่ - ราคาของแล็ปท็อปที่ใช้ชิปนี้ยังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นในตลาด Ryzen AI Max 385 อาจช่วยให้ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องซื้อรุ่นเรือธง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพจริงจะสามารถตอบโจทย์ตลาดได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/more-affordable-strix-halo-model-emerges-early-ryzen-ai-max-385-geekbench-result-reveals-an-eight-core-option
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • 🎮 การกลับมาของเกมในอาณาจักร AI ของ Nvidia
    แม้ว่า Nvidia จะทำรายได้มหาศาลจากธุรกิจ AI data center แต่ไตรมาสล่าสุดกลับมีเซอร์ไพรส์จาก แผนกเกมมิ่ง ที่ทำรายได้สูงถึง $3.8 พันล้าน เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ 48% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

    นักวิเคราะห์ชี้ว่า "Blackwell ramp" หรือการเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ อย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย โดย Nvidia อ้างว่า ประสิทธิภาพของ GPU รุ่นใหม่ดีขึ้นอย่างมหาศาล เมื่อใช้ร่วมกับ DLSS และ Multi-Frame Generation (MFG)

    อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบจริงกลับไม่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่โดดเด่นเท่ากับที่ Nvidia โฆษณา

    อีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกมองข้ามคือ การนำ GPU ระดับสูงไปใช้ในงาน AI ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กลับลดจำนวน GPU ที่เข้าถึงเกมเมอร์จริง ๆ ส่งผลให้ ราคาสูงขึ้นและเกิดภาวะขาดแคลน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Nvidia ทำรายได้จากเกมมิ่งสูงถึง $3.8 พันล้าน เพิ่มขึ้น 42% จากปีที่แล้ว
    - "Blackwell ramp" ช่วยให้ GPU รุ่นใหม่เปิดตัวเร็วขึ้นและกระตุ้นยอดขาย
    - DLSS และ Multi-Frame Generation (MFG) ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - GPU ระดับสูงถูกนำไปใช้ในงาน AI มากขึ้น ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
    - แม้รายได้จากเกมจะสูงขึ้น แต่ยังคิดเป็นเพียง 8.5% ของรายได้ทั้งหมดของ Nvidia

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผลการทดสอบจริงไม่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่โดดเด่นเท่ากับที่ Nvidia โฆษณา
    - การนำ GPU ไปใช้ในงาน AI ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาสูงขึ้นสำหรับเกมเมอร์
    - Nvidia เผชิญกับข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปยังจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ในอนาคต
    - CEO Jensen Huang เตือนว่าจีนกำลังพัฒนา GPU ของตัวเองเพื่อแข่งขันกับ Nvidia

    แม้ว่า เกมมิ่งจะกลับมาเป็นจุดสนใจ แต่ Nvidia ยังคงมุ่งเน้นไปที่ AI infrastructure ซึ่งอาจทำให้เกมเมอร์ต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและการขาดแคลน GPU อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าคู่แข่งจากจีนจะสามารถพัฒนา GPU ที่แข่งขันได้หรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108143-gaming-makes-comeback-nvidia-ai-dominated-empire.html
    🎮 การกลับมาของเกมในอาณาจักร AI ของ Nvidia แม้ว่า Nvidia จะทำรายได้มหาศาลจากธุรกิจ AI data center แต่ไตรมาสล่าสุดกลับมีเซอร์ไพรส์จาก แผนกเกมมิ่ง ที่ทำรายได้สูงถึง $3.8 พันล้าน เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ 48% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน นักวิเคราะห์ชี้ว่า "Blackwell ramp" หรือการเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ อย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย โดย Nvidia อ้างว่า ประสิทธิภาพของ GPU รุ่นใหม่ดีขึ้นอย่างมหาศาล เมื่อใช้ร่วมกับ DLSS และ Multi-Frame Generation (MFG) อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบจริงกลับไม่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่โดดเด่นเท่ากับที่ Nvidia โฆษณา อีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกมองข้ามคือ การนำ GPU ระดับสูงไปใช้ในงาน AI ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กลับลดจำนวน GPU ที่เข้าถึงเกมเมอร์จริง ๆ ส่งผลให้ ราคาสูงขึ้นและเกิดภาวะขาดแคลน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nvidia ทำรายได้จากเกมมิ่งสูงถึง $3.8 พันล้าน เพิ่มขึ้น 42% จากปีที่แล้ว - "Blackwell ramp" ช่วยให้ GPU รุ่นใหม่เปิดตัวเร็วขึ้นและกระตุ้นยอดขาย - DLSS และ Multi-Frame Generation (MFG) ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - GPU ระดับสูงถูกนำไปใช้ในงาน AI มากขึ้น ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น - แม้รายได้จากเกมจะสูงขึ้น แต่ยังคิดเป็นเพียง 8.5% ของรายได้ทั้งหมดของ Nvidia ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผลการทดสอบจริงไม่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่โดดเด่นเท่ากับที่ Nvidia โฆษณา - การนำ GPU ไปใช้ในงาน AI ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาสูงขึ้นสำหรับเกมเมอร์ - Nvidia เผชิญกับข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปยังจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ในอนาคต - CEO Jensen Huang เตือนว่าจีนกำลังพัฒนา GPU ของตัวเองเพื่อแข่งขันกับ Nvidia แม้ว่า เกมมิ่งจะกลับมาเป็นจุดสนใจ แต่ Nvidia ยังคงมุ่งเน้นไปที่ AI infrastructure ซึ่งอาจทำให้เกมเมอร์ต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและการขาดแคลน GPU อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าคู่แข่งจากจีนจะสามารถพัฒนา GPU ที่แข่งขันได้หรือไม่ https://www.techspot.com/news/108143-gaming-makes-comeback-nvidia-ai-dominated-empire.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Gaming makes a comeback in Nvidia's AI-dominated empire
    As for what's behind the surge, analysts says it's all got to do with Nvidia's "Blackwell ramp." The new GPUs may be rolling out faster than any...
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • 📝 Notepad อัปเดตใหม่: รองรับตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown
    Microsoft ได้เพิ่ม ฟีเจอร์การจัดรูปแบบข้อความ ให้กับ Notepad บน Windows 11 ซึ่งทำให้แอปนี้เริ่มมีลักษณะคล้าย โปรแกรมประมวลผลคำ มากขึ้น

    Notepad เวอร์ชันใหม่สำหรับ Windows Insiders ใน Canary และ Dev channels มาพร้อมกับ แถบเครื่องมือสำหรับจัดรูปแบบข้อความ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ใช้ตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown-style formatting ได้

    นอกจากนี้ Notepad ยังรองรับ ไฮเปอร์ลิงก์และรายการ bullet-point พร้อมปุ่ม toggle ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สลับระหว่าง Markdown ที่จัดรูปแบบแล้วกับโค้ด Markdown ดิบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Notepad บน Windows 11 รองรับตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown-style formatting
    - Windows Insiders ใน Canary และ Dev channels สามารถทดลองใช้ฟีเจอร์นี้ได้แล้ว
    - รองรับไฮเปอร์ลิงก์และรายการ bullet-point
    - มีปุ่ม toggle สำหรับสลับระหว่าง Markdown ที่จัดรูปแบบแล้วกับโค้ด Markdown ดิบ
    - ผู้ใช้สามารถปิดการจัดรูปแบบและกลับไปใช้โหมด plaintext ได้ในเมนูการตั้งค่า

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ
    - ต้องติดตามว่า Microsoft จะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น การรองรับตาราง หรือการแก้ไขแบบ collaborative หรือไม่
    - Notepad อาจเริ่มแข่งขันกับแอปอื่น ๆ เช่น Notepad++, Sublime Text และ Visual Studio Code
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นผลมาจากการเลิกสนับสนุน WordPad ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกกลางระหว่าง Notepad และ Microsoft Word

    การอัปเดตนี้ทำให้ Notepad มีความสามารถมากขึ้นในการจัดการเอกสาร และอาจช่วยให้ผู้ใช้ ไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมประมวลผลคำอื่น ๆ สำหรับงานพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ อีกหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108132-notepad-gets-bold-italics-markdown-support-latest-update.html
    📝 Notepad อัปเดตใหม่: รองรับตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown Microsoft ได้เพิ่ม ฟีเจอร์การจัดรูปแบบข้อความ ให้กับ Notepad บน Windows 11 ซึ่งทำให้แอปนี้เริ่มมีลักษณะคล้าย โปรแกรมประมวลผลคำ มากขึ้น Notepad เวอร์ชันใหม่สำหรับ Windows Insiders ใน Canary และ Dev channels มาพร้อมกับ แถบเครื่องมือสำหรับจัดรูปแบบข้อความ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ใช้ตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown-style formatting ได้ นอกจากนี้ Notepad ยังรองรับ ไฮเปอร์ลิงก์และรายการ bullet-point พร้อมปุ่ม toggle ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สลับระหว่าง Markdown ที่จัดรูปแบบแล้วกับโค้ด Markdown ดิบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Notepad บน Windows 11 รองรับตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown-style formatting - Windows Insiders ใน Canary และ Dev channels สามารถทดลองใช้ฟีเจอร์นี้ได้แล้ว - รองรับไฮเปอร์ลิงก์และรายการ bullet-point - มีปุ่ม toggle สำหรับสลับระหว่าง Markdown ที่จัดรูปแบบแล้วกับโค้ด Markdown ดิบ - ผู้ใช้สามารถปิดการจัดรูปแบบและกลับไปใช้โหมด plaintext ได้ในเมนูการตั้งค่า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ - ต้องติดตามว่า Microsoft จะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น การรองรับตาราง หรือการแก้ไขแบบ collaborative หรือไม่ - Notepad อาจเริ่มแข่งขันกับแอปอื่น ๆ เช่น Notepad++, Sublime Text และ Visual Studio Code - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นผลมาจากการเลิกสนับสนุน WordPad ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกกลางระหว่าง Notepad และ Microsoft Word การอัปเดตนี้ทำให้ Notepad มีความสามารถมากขึ้นในการจัดการเอกสาร และอาจช่วยให้ผู้ใช้ ไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมประมวลผลคำอื่น ๆ สำหรับงานพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ อีกหรือไม่ https://www.techspot.com/news/108132-notepad-gets-bold-italics-markdown-support-latest-update.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Notepad gets bold, italics, and Markdown support in latest update
    Windows Insiders can now access a formatting toolbar in Notepad to apply text styling. This feature is currently available in the Canary and Dev channels, and past...
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • ..เอไออย่างไรก็สู้มนุษย์ผู้บรรลุธรรมจักรวาลไม่ได้หรอก,หรือระบบmatrixคือโลกที่ผู้คนลงมาทดสอบจิตวิญญาณใครมันเท่านั้นเพื่ออัพเกรดสู่การบรรลุธรรมออกไปอย่างเด็ดขาดจากระบบmatrix ,ไม่ย้อนกลับมาในระบบตลอดกาล,จะมาในมุกmatrixซ้อนmatrixก็ตาม,สรุปเรื่องthe matrixเป็นการนำเสนอเพื่อเตือนชาวโลกว่า หนทางออกจากmatrixโลกสมมุตินี้มีอยู่จริง,ส่วนตรรกะองค์รู้ต่างๆเลอะเทอะเป็นอจินไตยต่อผู้ดูมากเกินไปไม่มีประโยชน์จึงตัดทิ้ง,หมายบอกผ่านสื่อทางลัดว่า มีหนทางมีทางเลือก อนาคตมนุษย์จะสู่กับปัญญาประดิษฐ์นัันเองและมันจะควบคุมมนุษย์และหลายๆจักรวาลแต่สุดท้ายก็แพ้มนุษย์ในตอนสุดท้าย,หรือผู้ปลดปล่อยนั้นๆจะดึงเขาใครเขามันต่อไปเฉพาะใครมันไม่ได้อีกต่อไปเมื่อหนทางแห่งธรรมแห่งมรรคบรรลุเข้าถึงแห่งเขาเองในปัจเจกบุคคลคนนั้นๆทั่วโลก,มิใช่ไปอยู่ใต้ดินผีบ้าแบบในหนังหรอก,ผู้สร้างพยายามสื่อให้เข้าใจพื้นฐานปฐมบทต้นเรื่องต้นทางแค่นั้น,ใครอยากอิ่มก็กินเองทำเองใครมันหรือเลือกเอง,หนังเรื่องนีั หลายกูรูบอกว่าคนฝ่ายแสงดลใจดลจิตให้มันถูกสร้างขึ้นและฝ่ายแสงลงมาสร้างเองเพื่อชี้ทางให้คนชาวโลกสไตล์ทางกายหยาบวัตถุธาตุของยุคก็ว่า,แต่ทางคนไทยสายพุทธคงเข้าใจง่ายดายได้,แต่แบบพวกอื่นๆเช่นฝรั่งคนตะวันตกยากจะเข้าใจสายแบบพุทธทางจิตวิญญาณ,ไปทางเทคโนโลยีจึงสอนผ่านหนังตามยุควัตถุยุคเทคโนโลยีเขาด้วยก็ว่า,
    ..เสมือนหนังเรื่องนีับอกว่า ที่ช่วยได้ปลดปล่อยได้ก็ตามแต่ละยุคสมัยนั้นๆ ยังมีอีกมากมายที่ยังอยู่ในโลกสมมุติmatrixนั้นๆก็ว่า,ก็เหมือนสมมุติเหมือนโลกเหมือนจักรวาลเล็ก จักรวาลกลาง มหาจักรวาลนั้นล่ะ matrixสับเซ็ตmatrix,matrixซ้อนmatrixและซ้อนๆเข้าๆไปอีกในแต่ละจักรวาลต่างๆ สมมุติในตลอดทั่วอนันตจักรวาล,แต่ปัจจุบันนะกาลจะอยู่โลกmatrixไหนๆจักรวาลใดๆหากดีดบรรุธรรมตนเองได้หรืออรหันต์ก็หลุดออกขาดสิ้นในทุกๆจักรวาลหรือกลายเป็นผู้ปลดปล่อยคนต่อไปหากท่านเมตตาชี้ทางสั่งสอนบอกหนทางออกหรือให้ต้องลงมือทำก็ว่า.
    ..The matrixมีนัยยะมากมายจริงๆแต่แค่ขี้เล็บค่าจริงในองค์รู้ทางพุทธศาสนา,อย่าลืมว่าแม้ต่างดาวมากมายทั่วจักรวาล มิติสูงขนาดไหน เขารับรองว่ามนุษย์สมบัตินี้เป็นสถานะที่พร้อมในทุกๆประการจะออกจากmatrixแบบสิ้นเชิงหรือกลับมาเล่นวนซ้ำก็ได้เสมอหากสามารถเหนือระบบmatrixระดับดีก็อยู่ในโลกสมมุตินี้สะดวกสบายหน่อย,หากระดับไม่ดี จิตใจไม่แน่จริงอาจติดกับดักกระทั่งหลุดเรเวลเดิมที่ดีของตนได้ เช่นสายพุทธะคือนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน ,มนุษย์สมบัติอาจถูกระบบmatrixก่อกวนจนตกชั้นตกเรเวลได้,อนาถสุดคือนรกภูมิโน้น.
    ..ปัจจุบันนี้ เรื่องthe matrixอาจกำลังสื่อว่า อนาคตยุคrobotและAIมาแน่,และใครควบคุมมันนั้นสำคัญที่สุด,เราพร้อมรับมือมันในสงครามปลดปล่อยมนุษย์ชาตินี้พร้อมแค่ไหนพร้อมพอหรือยัง.,มีสักกี่คนที่พร้อมจะเป็นแบบนีโอบนโลกThe matrixหรือทาสระบบมันทั้งหมด.

    ..https://youtu.be/hu4rl3m8WFA?si=gM6WOdvHNLB7gJwg
    ..เอไออย่างไรก็สู้มนุษย์ผู้บรรลุธรรมจักรวาลไม่ได้หรอก,หรือระบบmatrixคือโลกที่ผู้คนลงมาทดสอบจิตวิญญาณใครมันเท่านั้นเพื่ออัพเกรดสู่การบรรลุธรรมออกไปอย่างเด็ดขาดจากระบบmatrix ,ไม่ย้อนกลับมาในระบบตลอดกาล,จะมาในมุกmatrixซ้อนmatrixก็ตาม,สรุปเรื่องthe matrixเป็นการนำเสนอเพื่อเตือนชาวโลกว่า หนทางออกจากmatrixโลกสมมุตินี้มีอยู่จริง,ส่วนตรรกะองค์รู้ต่างๆเลอะเทอะเป็นอจินไตยต่อผู้ดูมากเกินไปไม่มีประโยชน์จึงตัดทิ้ง,หมายบอกผ่านสื่อทางลัดว่า มีหนทางมีทางเลือก อนาคตมนุษย์จะสู่กับปัญญาประดิษฐ์นัันเองและมันจะควบคุมมนุษย์และหลายๆจักรวาลแต่สุดท้ายก็แพ้มนุษย์ในตอนสุดท้าย,หรือผู้ปลดปล่อยนั้นๆจะดึงเขาใครเขามันต่อไปเฉพาะใครมันไม่ได้อีกต่อไปเมื่อหนทางแห่งธรรมแห่งมรรคบรรลุเข้าถึงแห่งเขาเองในปัจเจกบุคคลคนนั้นๆทั่วโลก,มิใช่ไปอยู่ใต้ดินผีบ้าแบบในหนังหรอก,ผู้สร้างพยายามสื่อให้เข้าใจพื้นฐานปฐมบทต้นเรื่องต้นทางแค่นั้น,ใครอยากอิ่มก็กินเองทำเองใครมันหรือเลือกเอง,หนังเรื่องนีั หลายกูรูบอกว่าคนฝ่ายแสงดลใจดลจิตให้มันถูกสร้างขึ้นและฝ่ายแสงลงมาสร้างเองเพื่อชี้ทางให้คนชาวโลกสไตล์ทางกายหยาบวัตถุธาตุของยุคก็ว่า,แต่ทางคนไทยสายพุทธคงเข้าใจง่ายดายได้,แต่แบบพวกอื่นๆเช่นฝรั่งคนตะวันตกยากจะเข้าใจสายแบบพุทธทางจิตวิญญาณ,ไปทางเทคโนโลยีจึงสอนผ่านหนังตามยุควัตถุยุคเทคโนโลยีเขาด้วยก็ว่า, ..เสมือนหนังเรื่องนีับอกว่า ที่ช่วยได้ปลดปล่อยได้ก็ตามแต่ละยุคสมัยนั้นๆ ยังมีอีกมากมายที่ยังอยู่ในโลกสมมุติmatrixนั้นๆก็ว่า,ก็เหมือนสมมุติเหมือนโลกเหมือนจักรวาลเล็ก จักรวาลกลาง มหาจักรวาลนั้นล่ะ matrixสับเซ็ตmatrix,matrixซ้อนmatrixและซ้อนๆเข้าๆไปอีกในแต่ละจักรวาลต่างๆ สมมุติในตลอดทั่วอนันตจักรวาล,แต่ปัจจุบันนะกาลจะอยู่โลกmatrixไหนๆจักรวาลใดๆหากดีดบรรุธรรมตนเองได้หรืออรหันต์ก็หลุดออกขาดสิ้นในทุกๆจักรวาลหรือกลายเป็นผู้ปลดปล่อยคนต่อไปหากท่านเมตตาชี้ทางสั่งสอนบอกหนทางออกหรือให้ต้องลงมือทำก็ว่า. ..The matrixมีนัยยะมากมายจริงๆแต่แค่ขี้เล็บค่าจริงในองค์รู้ทางพุทธศาสนา,อย่าลืมว่าแม้ต่างดาวมากมายทั่วจักรวาล มิติสูงขนาดไหน เขารับรองว่ามนุษย์สมบัตินี้เป็นสถานะที่พร้อมในทุกๆประการจะออกจากmatrixแบบสิ้นเชิงหรือกลับมาเล่นวนซ้ำก็ได้เสมอหากสามารถเหนือระบบmatrixระดับดีก็อยู่ในโลกสมมุตินี้สะดวกสบายหน่อย,หากระดับไม่ดี จิตใจไม่แน่จริงอาจติดกับดักกระทั่งหลุดเรเวลเดิมที่ดีของตนได้ เช่นสายพุทธะคือนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน ,มนุษย์สมบัติอาจถูกระบบmatrixก่อกวนจนตกชั้นตกเรเวลได้,อนาถสุดคือนรกภูมิโน้น. ..ปัจจุบันนี้ เรื่องthe matrixอาจกำลังสื่อว่า อนาคตยุคrobotและAIมาแน่,และใครควบคุมมันนั้นสำคัญที่สุด,เราพร้อมรับมือมันในสงครามปลดปล่อยมนุษย์ชาตินี้พร้อมแค่ไหนพร้อมพอหรือยัง.,มีสักกี่คนที่พร้อมจะเป็นแบบนีโอบนโลกThe matrixหรือทาสระบบมันทั้งหมด. ..https://youtu.be/hu4rl3m8WFA?si=gM6WOdvHNLB7gJwg
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • **ภาพวาด 24 กตัญญู**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’

    ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย

    เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง

    24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ):

    1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป

    2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา

    3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป

    4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป

    5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ

    6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก

    7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม

    8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา

    9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง

    10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา

    11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น

    12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป

    13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้

    14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว

    15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป

    16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน

    17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย

    18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย

    19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย

    20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด

    21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่

    22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย

    23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ

    24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน

    อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm
    http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html

    #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ภาพวาด 24 กตัญญู** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’ ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง 24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ): 1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป 2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา 3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป 4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป 5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ 6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก 7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม 8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา 9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง 10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา 11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น 12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป 13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้ 14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว 15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป 16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน 17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย 18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย 19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย 20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด 21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่ 22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย 23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ 24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00 http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    NEWS.QQ.COM
    《九重紫》暴露了他好身材,长相人畜无害,却脱衣有肉穿衣显瘦_腾讯新闻
    由孟子义、李昀锐主演的电视剧《九重紫》,自开播以来,热度迅速攀升,播到15集,站内热度破了29000,有望展望30000了。 这个成绩在今年古装剧中是相当牛了,要知道,腾讯今年的古装剧热度....
    3 Comments 0 Shares 407 Views 0 Reviews
  • 🚀 Molex เปิดตัวโซลูชันสายเคเบิล PCIe 7.0 รองรับความเร็ว 128 GT/s
    Molex ได้เปิดตัว Genesis cable and connector solution สำหรับ PCIe 7.0 ที่สามารถรองรับความเร็ว 128 GT/s ที่ระยะ 1 เมตร โดยออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของ PCB traces ในการส่งสัญญาณความเร็วสูง

    Genesis ใช้ SFF TA-1040 connector ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมได้อย่างกว้างขวางเมื่อ PCIe 7.0 เริ่มถูกนำมาใช้ โดย Molex ได้ทำการทดสอบ signal integrity และพบว่า loss อยู่ที่ -3.4 dB ที่ 250 มม. และ -9.2 dB ที่ 1000 มม. ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

    นอกจากนี้ Genesis ยังใช้ 29 AWG low-loss microwave coax cables เพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพสัญญาณได้ดีแม้ในระยะทางที่ยาวขึ้น

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Molex เปิดตัว Genesis cable สำหรับ PCIe 7.0 รองรับความเร็ว 128 GT/s ที่ระยะ 1 เมตร
    - ใช้ SFF TA-1040 connector เพื่อรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรม
    - ทดสอบ signal integrity พบว่า loss อยู่ที่ -3.4 dB ที่ 250 มม. และ -9.2 dB ที่ 1000 มม.
    - ใช้ 29 AWG low-loss microwave coax cables เพื่อรักษาคุณภาพสัญญาณ
    - Molex วางแผนเปิดตัว x8 connector ในเดือนพฤษภาคม 2025 และ x16 ในเดือนกรกฎาคม 2025

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - PCIe 7.0 ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการนำมาใช้งานจริง
    - Genesis cable อาจมีต้นทุนสูงเมื่อเทียบกับ PCB traces แบบเดิม
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นจะนำโซลูชันนี้ไปใช้หรือไม่
    - PCIe 7.0 อาจเริ่มถูกนำมาใช้ในศูนย์ข้อมูลช่วงปลายทศวรรษ 2020 หรือต้นทศวรรษ 2030

    Genesis cable ของ Molex อาจช่วยให้ PCIe 7.0 สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการ การส่งข้อมูลความเร็วสูงในระยะทางที่ไกลขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นจะนำโซลูชันนี้ไปใช้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/peripherals/cables-connectors/molex-demonstrates-pcie-7-0-cabling-solution-128-gt-s-at-1-meter
    🚀 Molex เปิดตัวโซลูชันสายเคเบิล PCIe 7.0 รองรับความเร็ว 128 GT/s Molex ได้เปิดตัว Genesis cable and connector solution สำหรับ PCIe 7.0 ที่สามารถรองรับความเร็ว 128 GT/s ที่ระยะ 1 เมตร โดยออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของ PCB traces ในการส่งสัญญาณความเร็วสูง Genesis ใช้ SFF TA-1040 connector ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมได้อย่างกว้างขวางเมื่อ PCIe 7.0 เริ่มถูกนำมาใช้ โดย Molex ได้ทำการทดสอบ signal integrity และพบว่า loss อยู่ที่ -3.4 dB ที่ 250 มม. และ -9.2 dB ที่ 1000 มม. ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ นอกจากนี้ Genesis ยังใช้ 29 AWG low-loss microwave coax cables เพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพสัญญาณได้ดีแม้ในระยะทางที่ยาวขึ้น ✅ ข้อมูลจากข่าว - Molex เปิดตัว Genesis cable สำหรับ PCIe 7.0 รองรับความเร็ว 128 GT/s ที่ระยะ 1 เมตร - ใช้ SFF TA-1040 connector เพื่อรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรม - ทดสอบ signal integrity พบว่า loss อยู่ที่ -3.4 dB ที่ 250 มม. และ -9.2 dB ที่ 1000 มม. - ใช้ 29 AWG low-loss microwave coax cables เพื่อรักษาคุณภาพสัญญาณ - Molex วางแผนเปิดตัว x8 connector ในเดือนพฤษภาคม 2025 และ x16 ในเดือนกรกฎาคม 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - PCIe 7.0 ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการนำมาใช้งานจริง - Genesis cable อาจมีต้นทุนสูงเมื่อเทียบกับ PCB traces แบบเดิม - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นจะนำโซลูชันนี้ไปใช้หรือไม่ - PCIe 7.0 อาจเริ่มถูกนำมาใช้ในศูนย์ข้อมูลช่วงปลายทศวรรษ 2020 หรือต้นทศวรรษ 2030 Genesis cable ของ Molex อาจช่วยให้ PCIe 7.0 สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการ การส่งข้อมูลความเร็วสูงในระยะทางที่ไกลขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นจะนำโซลูชันนี้ไปใช้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/peripherals/cables-connectors/molex-demonstrates-pcie-7-0-cabling-solution-128-gt-s-at-1-meter
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
More Results