• ทนายตั้ม หลังหัก พี่สาวเมีย เผยความลับเกลี้ยง
    ทนายตั้ม โจ๊ก กลุ่ม 999 แก๊งสีเทาธุรกิจเว็บพนัน และคดีคริปโตฯ 39ล้าน กําลังเป็นคดีสําคัญที่สุดในบรรดาคดีฉ้อโกงที่ทนายตั้มตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากเป็นคดีที่ลากคอสองสมุนของทนายตั้มคือนุกับสาให้ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยแล้วมันยังส่อเขาจะลุกลามบานปลาย นําทางกองปราบปรามให้เจาะลึกเข้าไปในองค์กรซ่อนเงื่อนของทนายตั้ม
    อย่างตอนนี้ดาว พี่สาวของเดือนเมีย ทนายตั้มก็เปิดปากให้การที่เป็นประโยชน์อย่างมากหลังจากถูกกองปราบเชิญตัวมาสอบเค้น ดาวยอมชี้เบาะแสที่ซ่อนกระเป๋าสีชมพูซึ่งเป็นหนึ่งในกระเป๋าหลายๆใบที่ใช้ขนเงินกองใหญ่หลายสิบล้านที่ถอนมาจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งที่ซ่อนก็ดันเป็นบ้านเก่าของทนายตั้มเองที่ย่านพุทธมณฑลยิ่งมัดตัวทนายตั้มอีกเปราะเพราะกระเป๋าสีชมพูแป๊ดขนาดนั้น จําได้ง่าย
    ดาว พี่เมียของทนายตั้ม ยังถูกตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่าที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนเข้ามาถึงห้าสิบล้านบาททั้งที่สถานะจริงจริงของ ดาวคือ คนใช้ เป็นแค่คนเลี้ยงลูกให้กับน้องสาวคือเดือน เมียของทนายตั้ม ไม่มีศักยภาพที่จะทํารายได้มหาศาลขนาดนั้นด้วยตัวเอง เท่ากับว่าบัญชีธนาคารของเดือนถูกใครบางคนเอามาใช้เป็นบัญชีม้า สําหรับพักเงินสกปรก อย่างเป็นล่ําเป็นสัน
    สาวบ้านๆอย่างดาวไม่เก๋าพอที่จะกล้าโกหกพนักงานสอบสวนกองปราบ จึงเปิดปากซัดทอด ซึ่งช่วยให้ดาวมีโอกาสจะได้รับการกันตัวเป็นพยาน
    เมื่อกองปราบสืบประวัติของนุ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกง 39ล้านก็พบว่ามีสายสัมพันธ์โยงใยไปถึงเจ้าพ่อเว็บพนันคนดังที่ชื่อ ทท ซึ่ง ทท เป็นคนที่ชอบทะเบียนรถที่มีแต่เลข9 เช่นเดียวกับ นุ สา และ ตั้ม แสดงความเป็นแก๊งเดียวกันผ่านทะเบียนรถ
    ย้อนไปถึงข้อมูลลับของจอมแฉ อย่างในชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ ที่โพสต์ไว้เมื่อปี2566 ก็ระบุว่า ทนายตั้มทําธุรกิจเว็บพนันเฮงเกม โดยร่วมกับ อู๋เจ้าหน้าที่ dsiตัวเตี้ยๆและมีเทพจอเป็นแบ็คอีกที ณ เวลานั้นยังเป็น รอง ผบ ตร บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาคดีรับสวยและฟอกเงินเว็บพนันมินนี่และบีเอ็นเคมาสเตอร์ ใกล้จะโดนสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดการทางวินัยร้ายแรงระดับไล่ออกไปเลยทีเดียว
    สรุปว่า จริงๆแล้ว ทนายตั้ม ไม่ได้เพิ่งรวยจากเงินที่ฉ้อโกงพี่อ้อยมาอย่างเดียว แต่มีรายได้จากทางอื่นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่รายได้จากสิทราลอว์เฟิม เพราะตั้งแต่เปิดบริษัทมาจนบัดนี้ผลดําเนินการยังติดลบขาดทุนอยู่เลย
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ทนายตั้ม หลังหัก พี่สาวเมีย เผยความลับเกลี้ยง ทนายตั้ม โจ๊ก กลุ่ม 999 แก๊งสีเทาธุรกิจเว็บพนัน และคดีคริปโตฯ 39ล้าน กําลังเป็นคดีสําคัญที่สุดในบรรดาคดีฉ้อโกงที่ทนายตั้มตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากเป็นคดีที่ลากคอสองสมุนของทนายตั้มคือนุกับสาให้ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยแล้วมันยังส่อเขาจะลุกลามบานปลาย นําทางกองปราบปรามให้เจาะลึกเข้าไปในองค์กรซ่อนเงื่อนของทนายตั้ม อย่างตอนนี้ดาว พี่สาวของเดือนเมีย ทนายตั้มก็เปิดปากให้การที่เป็นประโยชน์อย่างมากหลังจากถูกกองปราบเชิญตัวมาสอบเค้น ดาวยอมชี้เบาะแสที่ซ่อนกระเป๋าสีชมพูซึ่งเป็นหนึ่งในกระเป๋าหลายๆใบที่ใช้ขนเงินกองใหญ่หลายสิบล้านที่ถอนมาจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งที่ซ่อนก็ดันเป็นบ้านเก่าของทนายตั้มเองที่ย่านพุทธมณฑลยิ่งมัดตัวทนายตั้มอีกเปราะเพราะกระเป๋าสีชมพูแป๊ดขนาดนั้น จําได้ง่าย ดาว พี่เมียของทนายตั้ม ยังถูกตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่าที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนเข้ามาถึงห้าสิบล้านบาททั้งที่สถานะจริงจริงของ ดาวคือ คนใช้ เป็นแค่คนเลี้ยงลูกให้กับน้องสาวคือเดือน เมียของทนายตั้ม ไม่มีศักยภาพที่จะทํารายได้มหาศาลขนาดนั้นด้วยตัวเอง เท่ากับว่าบัญชีธนาคารของเดือนถูกใครบางคนเอามาใช้เป็นบัญชีม้า สําหรับพักเงินสกปรก อย่างเป็นล่ําเป็นสัน สาวบ้านๆอย่างดาวไม่เก๋าพอที่จะกล้าโกหกพนักงานสอบสวนกองปราบ จึงเปิดปากซัดทอด ซึ่งช่วยให้ดาวมีโอกาสจะได้รับการกันตัวเป็นพยาน เมื่อกองปราบสืบประวัติของนุ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกง 39ล้านก็พบว่ามีสายสัมพันธ์โยงใยไปถึงเจ้าพ่อเว็บพนันคนดังที่ชื่อ ทท ซึ่ง ทท เป็นคนที่ชอบทะเบียนรถที่มีแต่เลข9 เช่นเดียวกับ นุ สา และ ตั้ม แสดงความเป็นแก๊งเดียวกันผ่านทะเบียนรถ ย้อนไปถึงข้อมูลลับของจอมแฉ อย่างในชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ ที่โพสต์ไว้เมื่อปี2566 ก็ระบุว่า ทนายตั้มทําธุรกิจเว็บพนันเฮงเกม โดยร่วมกับ อู๋เจ้าหน้าที่ dsiตัวเตี้ยๆและมีเทพจอเป็นแบ็คอีกที ณ เวลานั้นยังเป็น รอง ผบ ตร บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาคดีรับสวยและฟอกเงินเว็บพนันมินนี่และบีเอ็นเคมาสเตอร์ ใกล้จะโดนสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดการทางวินัยร้ายแรงระดับไล่ออกไปเลยทีเดียว สรุปว่า จริงๆแล้ว ทนายตั้ม ไม่ได้เพิ่งรวยจากเงินที่ฉ้อโกงพี่อ้อยมาอย่างเดียว แต่มีรายได้จากทางอื่นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่รายได้จากสิทราลอว์เฟิม เพราะตั้งแต่เปิดบริษัทมาจนบัดนี้ผลดําเนินการยังติดลบขาดทุนอยู่เลย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • เรียนผู้ใช้งานทุกท่าน หากท่านต้องการตรวจสอบชื่อผู้ใช้งานและอีเมลในแอป ThaiTimes สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้:

    1. กดที่ไอคอนโปรไฟล์ (มุมขวาบนของหน้าจอ) เพื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่า
    2. เลือก "การตั้งค่า" จากเมนูที่ปรากฏ เพื่อไปยังหน้าข้อมูลบัญชีของคุณ
    3. ในหน้าการตั้งค่า ตรวจสอบชื่อผู้ใช้งานและอีเมล ของท่านได้ในช่องข้อมูลบัญชี

    ขั้นตอนง่าย ๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ท่านตรวจสอบข้อมูลบัญชีของตนเองได้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อทีมงานได้ที่ Line: @sondhitalk

    #ThaiTimes #ตรวจสอบบัญชี #อัปเดตแอป #ข้อมูลผู้ใช้งาน #คู่มือการใช้งาน
    เรียนผู้ใช้งานทุกท่าน หากท่านต้องการตรวจสอบชื่อผู้ใช้งานและอีเมลในแอป ThaiTimes สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้: 1. กดที่ไอคอนโปรไฟล์ (มุมขวาบนของหน้าจอ) เพื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่า 2. เลือก "การตั้งค่า" จากเมนูที่ปรากฏ เพื่อไปยังหน้าข้อมูลบัญชีของคุณ 3. ในหน้าการตั้งค่า ตรวจสอบชื่อผู้ใช้งานและอีเมล ของท่านได้ในช่องข้อมูลบัญชี ขั้นตอนง่าย ๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ท่านตรวจสอบข้อมูลบัญชีของตนเองได้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อทีมงานได้ที่ Line: @sondhitalk #ThaiTimes #ตรวจสอบบัญชี #อัปเดตแอป #ข้อมูลผู้ใช้งาน #คู่มือการใช้งาน
    Like
    7
    0 Comments 1 Shares 631 Views 0 Reviews
  • เปิด 9 อาณาจักร "บอสพอล" หรือ วรัทย์พล วรัตน์วรกุล เจ้าของธุรกิจออนไลน์ The iCon Group 5 ปีรวยหมื่นล้าน

    จากกรณีกลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ต หลังหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ดารานักแสดง ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรชื่อดังออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย เพียงสั้นๆ ระบุว่า "เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดังเริ่มมีการข่มขู่ไปทั่ว กลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็ก เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียหายบ้างเหรอ?" อันเนื่องมาจากมีคนระดมติดแฮชแท็ก #Saveบอส จนติดเทรนด์

    ต่อมา นายไกรภพ จันทร์ดี หรือ กบ ไมโคร นักร้องร็อกเกอร์รุ่นใหญ่ ออกมาแฉพฤติกรรมธุรกิจเครือข่ายแห่งหนึ่งที่เจ้าตัวร่วมลงทุนเพื่อหารายได้อีกทางแต่สุดท้ายสูญเงินหลายแสนบาท อีกทั้งพบข้อเท็จจริงสุดเศร้า ว่ามีผู้สูงวัยที่หลงเชื่อใช้เงินก้อนสุดท้ายของชีวิตมาลงทุนจนสิ้นเนื้อประดาตัว รวมถึงเจ้าตัวพยายามเรียกร้องกลับพบข้อกฎหมายที่ทางบริษัททำไว้รัดกุมจนคิดว่าเอาผิดเขาไม่ได้


    หลายคนจับจ้องไปที่ "บอสพอล" หรือ วรัทย์พล วรัตน์วรกุล นักธุรกิจขายตรงชื่อดัง ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักร “ดิไอคอนกรุ๊ป” (The iCon Group)

    วันนี้ (9 ต.ค.) จาการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า นายวรัทย์พล วรัตน์วรกุล เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นในบริษัทอย่างน้อย 9 แห่ง เลิกกิจการไปแล้ว 1 แห่ง ได้แก่
    1. บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 1 มิ.ย. 2561 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/42-46 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทำธุรกิจการขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" เป็นกรรมการรายเดียว

    รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2567 "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" ถือหุ้นใหญ่ 74.9998%, จินดา แซ่ก๊อก ถือหุ้น 21% และ ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 4.0002%

    สำหรับงบการเงิน ปี 2566 มีสินทรัพย์รวม 2,402,677,947 บาท หนี้สินรวม 1,554,377,393 บาท มีรายได้รวม 1,891,032,251 บาท รายจ่ายรวม 1,862,137,799 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 3,346 บาท เสียภาษีเงินได้ 9,113,250 บาท กำไรสุทธิ 19,777,855 บาท

    หากนับรวมรายได้ ย้อนหลัง 5 ปี (ปีงบ 2562-2566) พบว่ามีรายได้รวมกัน 10,613,171,865 บาท (ราว 1 หมื่นล้านบาท)
    ในปี 2562 มีรายได้รวม 322,679,743 บาท กำไรสุทธิ 5,947,795 บาท

    ปี 2563 รายได้รวม 378,119,566 บาท กำไรสุทธิ 9,044,857 บาท
    ปี 2564 รายได้รวม 4,950,055,693 บาท กำไรสุทธิ 813,444,976 บาท
    ปีงบ 2565 รายได้รวม 3,071,284,612 บาท กำไรสุทธิ 188,084,851 บาท
    ปี 2566 รายได้รวม 1,891,032,251 บาท กำไรสุทธิ 19,777,855 บาท

    2. บริษัท ดิ ไอคอน เวลเนส จำกัด

    จดทะเบียนวันที่ 3 ส.ค. 2565 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/45-46 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทำธุรกิจ คลินิกโรคเฉพาะทาง โดย "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" เป็นกรรมการรายเดียว

    โดยรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อ 30 เม.ย. 2567 บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 99.98%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือ 0.01% และ จินดา แซ่ก๊อก ถือ 0.01% ซึ่งงบการเงินปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 236,339 บาท หนี้สินรวม 13,000 บาท รายได้รวม 339 บาท รายจ่ายรวม 27,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 26,660 บาท

    3. บริษัท ดิไอคอนการบัญชี จำกัด

    จดทะเบียนเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2565 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/43 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ การทำบัญชี การตรวจสอบบัญชี การให้คำปรึกษาด้านภาษี มี วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร วิสูตร อภิญโญวิเชียร เป็นกรรมการ

    รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2567 บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 50%, วิสูตร อภิญโญวิเชียร ถือหุ้น 49%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 1% โดยงบการเงิน ปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 968,097 บาท หนี้สินรวม 631,696 บาท รายได้รวม 617,448 บาท รายจ่ายรวม 1,243,903 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 1,964 บาท ขาดทุนสุทธิ 628,419 บาท

    4. บริษัท นิรมิตร โกลบอล จำกัด

    จดทะเบียนเมื่อ 15 ก.ค. 2563 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/42-44 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ ขายสินค้าหรือบริการทางอินเทอร์เน็ต วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นกรรมการรายเดียว

    รายชื่อผู้ถือหุ้น เมื่อ 30 เม.ย. 2567 "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" ถือหุ้นใหญ่ 94.99%, จินดา แซ่ก๊อก ถือหุ้น 5%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 0.01%

    5. บริษัท เดอะไอคอน แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด

    จดทะเบียนเมื่อ 14 ต.ค. 2554 แจ้งเลิกกิจการ 15 พ.ย. 2564 ตั้งอยู่ที่ 158/23 ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ เป็นนายหน้าตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เครื่องมือเครื่องใช้เสริมความงาม อาหารเสริม ทุกประเภท "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" เป็นกรรมการ

    6. บริษัท เฟรนด์ชิป ฟูลฟิลเม้นท์ จำกัด

    จดทะเบียนเมื่อ 15 พ.ค. 2562 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/43 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทำธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้าทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ โดยมีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร และ จิระวัฒน์ แสงภักดี เป็นกรรมการ

    รายชื่อผู้ถือหุ้นเมื่อ 30 เม.ย. 2567 บริษัท ดิไอคอนริช จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 34%, บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้น 33%, บริษัท เซิร์ฟริช จำกัด ถือหุ้น 33%

    7. บริษัท ดิไอคอนริช จำกัด

    ทุน 1 ล้านบาท ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร เป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่สุด 99.98% ทำธุรกิจนายหน้าจากการขายสินค้า แจ้งรายได้ปี 66 กว่า 88.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21.1 ล้านบาท

    8. บริษัท เซิร์ฟริช จำกัด

    ทุน 1 ล้านบาท จิระวัฒน์ แสงภักดี (ถือหุ้น 45%) วัชรา งามจัตุรัส (ถือหุ้น 45%) พรรทิพา งามจัตุรัส (ถือหุ้น 10%) เป็นกรรมการ ทำธุรกิจออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ ติดตั้งระบบเครือข่าย และให้เช่าพื้นที่เซิร์ฟแวร์

    แจ้งรายได้ปี 66 กว่า 33.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.7 ล้านบาท โดยงบการเงินล่าสุดปี 2566 มีสินทรัพย์รวม 7,976,108 บาท หนี้สินรวม 2,156,548 บาท รายได้รวม 20,073,858 บาท รายจ่ายรวม 15,088,783 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 5,796 บาท เสียภาษีเงินได้ 997,117 บาท กำไรสุทธิ 3,982,160 บาท

    9. บริษัท ไอคอน ซูวีเนียร์ จำกัด

    จดทะเบียนเมื่อ 6 ส.ค. 2567 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/43 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ การขายปลีกสินค้าอื่นๆซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่นบนแผงลอยและตลาด วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นกรรมการรายเดียว

    รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด 29 ก.ค. 2567 วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ถือหุ้นใหญ่ 99%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 1% ยังไม่พบข้อมูลงบการเงิน

    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000096392

    #Thaitimes
    เปิด 9 อาณาจักร "บอสพอล" หรือ วรัทย์พล วรัตน์วรกุล เจ้าของธุรกิจออนไลน์ The iCon Group 5 ปีรวยหมื่นล้าน จากกรณีกลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ต หลังหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ดารานักแสดง ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรชื่อดังออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย เพียงสั้นๆ ระบุว่า "เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดังเริ่มมีการข่มขู่ไปทั่ว กลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็ก เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียหายบ้างเหรอ?" อันเนื่องมาจากมีคนระดมติดแฮชแท็ก #Saveบอส จนติดเทรนด์ ต่อมา นายไกรภพ จันทร์ดี หรือ กบ ไมโคร นักร้องร็อกเกอร์รุ่นใหญ่ ออกมาแฉพฤติกรรมธุรกิจเครือข่ายแห่งหนึ่งที่เจ้าตัวร่วมลงทุนเพื่อหารายได้อีกทางแต่สุดท้ายสูญเงินหลายแสนบาท อีกทั้งพบข้อเท็จจริงสุดเศร้า ว่ามีผู้สูงวัยที่หลงเชื่อใช้เงินก้อนสุดท้ายของชีวิตมาลงทุนจนสิ้นเนื้อประดาตัว รวมถึงเจ้าตัวพยายามเรียกร้องกลับพบข้อกฎหมายที่ทางบริษัททำไว้รัดกุมจนคิดว่าเอาผิดเขาไม่ได้ หลายคนจับจ้องไปที่ "บอสพอล" หรือ วรัทย์พล วรัตน์วรกุล นักธุรกิจขายตรงชื่อดัง ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักร “ดิไอคอนกรุ๊ป” (The iCon Group) วันนี้ (9 ต.ค.) จาการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า นายวรัทย์พล วรัตน์วรกุล เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นในบริษัทอย่างน้อย 9 แห่ง เลิกกิจการไปแล้ว 1 แห่ง ได้แก่ 1. บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 1 มิ.ย. 2561 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/42-46 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทำธุรกิจการขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" เป็นกรรมการรายเดียว รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2567 "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" ถือหุ้นใหญ่ 74.9998%, จินดา แซ่ก๊อก ถือหุ้น 21% และ ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 4.0002% สำหรับงบการเงิน ปี 2566 มีสินทรัพย์รวม 2,402,677,947 บาท หนี้สินรวม 1,554,377,393 บาท มีรายได้รวม 1,891,032,251 บาท รายจ่ายรวม 1,862,137,799 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 3,346 บาท เสียภาษีเงินได้ 9,113,250 บาท กำไรสุทธิ 19,777,855 บาท หากนับรวมรายได้ ย้อนหลัง 5 ปี (ปีงบ 2562-2566) พบว่ามีรายได้รวมกัน 10,613,171,865 บาท (ราว 1 หมื่นล้านบาท) ในปี 2562 มีรายได้รวม 322,679,743 บาท กำไรสุทธิ 5,947,795 บาท ปี 2563 รายได้รวม 378,119,566 บาท กำไรสุทธิ 9,044,857 บาท ปี 2564 รายได้รวม 4,950,055,693 บาท กำไรสุทธิ 813,444,976 บาท ปีงบ 2565 รายได้รวม 3,071,284,612 บาท กำไรสุทธิ 188,084,851 บาท ปี 2566 รายได้รวม 1,891,032,251 บาท กำไรสุทธิ 19,777,855 บาท 2. บริษัท ดิ ไอคอน เวลเนส จำกัด จดทะเบียนวันที่ 3 ส.ค. 2565 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/45-46 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทำธุรกิจ คลินิกโรคเฉพาะทาง โดย "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" เป็นกรรมการรายเดียว โดยรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อ 30 เม.ย. 2567 บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 99.98%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือ 0.01% และ จินดา แซ่ก๊อก ถือ 0.01% ซึ่งงบการเงินปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 236,339 บาท หนี้สินรวม 13,000 บาท รายได้รวม 339 บาท รายจ่ายรวม 27,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 26,660 บาท 3. บริษัท ดิไอคอนการบัญชี จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2565 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/43 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ การทำบัญชี การตรวจสอบบัญชี การให้คำปรึกษาด้านภาษี มี วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร วิสูตร อภิญโญวิเชียร เป็นกรรมการ รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2567 บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 50%, วิสูตร อภิญโญวิเชียร ถือหุ้น 49%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 1% โดยงบการเงิน ปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 968,097 บาท หนี้สินรวม 631,696 บาท รายได้รวม 617,448 บาท รายจ่ายรวม 1,243,903 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 1,964 บาท ขาดทุนสุทธิ 628,419 บาท 4. บริษัท นิรมิตร โกลบอล จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 15 ก.ค. 2563 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/42-44 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ ขายสินค้าหรือบริการทางอินเทอร์เน็ต วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นกรรมการรายเดียว รายชื่อผู้ถือหุ้น เมื่อ 30 เม.ย. 2567 "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" ถือหุ้นใหญ่ 94.99%, จินดา แซ่ก๊อก ถือหุ้น 5%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 0.01% 5. บริษัท เดอะไอคอน แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 14 ต.ค. 2554 แจ้งเลิกกิจการ 15 พ.ย. 2564 ตั้งอยู่ที่ 158/23 ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ เป็นนายหน้าตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เครื่องมือเครื่องใช้เสริมความงาม อาหารเสริม ทุกประเภท "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล" เป็นกรรมการ 6. บริษัท เฟรนด์ชิป ฟูลฟิลเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 15 พ.ค. 2562 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/43 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทำธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้าทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ โดยมีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร และ จิระวัฒน์ แสงภักดี เป็นกรรมการ รายชื่อผู้ถือหุ้นเมื่อ 30 เม.ย. 2567 บริษัท ดิไอคอนริช จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 34%, บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้น 33%, บริษัท เซิร์ฟริช จำกัด ถือหุ้น 33% 7. บริษัท ดิไอคอนริช จำกัด ทุน 1 ล้านบาท ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร เป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่สุด 99.98% ทำธุรกิจนายหน้าจากการขายสินค้า แจ้งรายได้ปี 66 กว่า 88.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21.1 ล้านบาท 8. บริษัท เซิร์ฟริช จำกัด ทุน 1 ล้านบาท จิระวัฒน์ แสงภักดี (ถือหุ้น 45%) วัชรา งามจัตุรัส (ถือหุ้น 45%) พรรทิพา งามจัตุรัส (ถือหุ้น 10%) เป็นกรรมการ ทำธุรกิจออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ ติดตั้งระบบเครือข่าย และให้เช่าพื้นที่เซิร์ฟแวร์ แจ้งรายได้ปี 66 กว่า 33.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.7 ล้านบาท โดยงบการเงินล่าสุดปี 2566 มีสินทรัพย์รวม 7,976,108 บาท หนี้สินรวม 2,156,548 บาท รายได้รวม 20,073,858 บาท รายจ่ายรวม 15,088,783 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 5,796 บาท เสียภาษีเงินได้ 997,117 บาท กำไรสุทธิ 3,982,160 บาท 9. บริษัท ไอคอน ซูวีเนียร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 6 ส.ค. 2567 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/43 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ การขายปลีกสินค้าอื่นๆซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่นบนแผงลอยและตลาด วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นกรรมการรายเดียว รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด 29 ก.ค. 2567 วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ถือหุ้นใหญ่ 99%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 1% ยังไม่พบข้อมูลงบการเงิน https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000096392 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ส่องอาณาจักร "บอสพอล" เจ้าของธุรกิจออนไลน์ The iCon Group เผย 5 ปีรวยหมื่นล้าน
    เปิด 9 อาณาจักร บอสพอล หรือ วรัทย์พล วรัตน์วรกุล เจ้าของธุรกิจออนไลน์ The iCon Group 5 ปีรวยหมื่นล้าน จากกรณี กลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ต หลังหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ดารานักแสดง ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรชื่อดังออกมาโพสต์ข้อ
    Like
    3
    1 Comments 0 Shares 602 Views 0 Reviews
  • ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!!

    ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!!

    ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก
    คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน
    และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย……
    เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ
    พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า

    กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน
    เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล
    ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี……

    กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา
    แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี
    เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ)
    แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร

    สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว

    ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์
    ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย

    ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน
    นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้
    ปูตินตอบว่า……
    “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..??
    แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน)
    จากนั้นกลุ่ม ***** Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ

    ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO
    ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย…
    ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!!

    การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร
    เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…??
    เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!!

    ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……)
    ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……)
    และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้)

    มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง
    เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill
    จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว…
    ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่
    แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น

    ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin
    เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม…

    เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี……
    ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง
    ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว
    ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์

    ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม

    และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน
    จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda”
    ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า
    “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?”
    ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า
    “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..”
    ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า…
    “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
    นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง

    ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010)
    ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน
    ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง)
    เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ)
    คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก
    บานมาเป็น 260 ล้าน…
    ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ)
    แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…???
    คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!!
    ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……”
    แล้วเขาก็เดินออกไป….

    วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี
    ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน……
    ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff
    (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน)

    ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ
    หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี
    ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด
    เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ
    เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา
    ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย
    แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป………
    รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร
    เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว..


    Wiwanda W. Vichit
    ช้าไปนิด ไม่ว่าอะไรนะติ่งขา………พี่ปูเขาเรื่องแยะ เลยต้องค้นหาข้อมูลมาเม้าท์กันเยอะหน่อยค่าาาา…!!! ตอนยี่สิบเอ็ด………งานหลวงงานราษฎร์……งานปราบปิดจ๊อบเป็นงานถนัด…!!! ในการกลับมาในครั้งนี้ ปูตินผ่านสารพัดม็อบมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในช่วงนี้ของชีวิตที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในยุคสังคมเปิดทางโลกออนไลน์……เขาพบว่ากลุ่มต่อต้านได้เติบโตไปมาก คราวนี้ เขามีอายุ ห้าสิบเก้า……สุขภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะนำพาประเทศไปยังจุดที่สูงสุด จะต้องเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน และจะต้องเป็นศูนย์กลางของยูเรเชีย…… เขาเดินออกมาจากพระวิหารในวันที่เข้าพบกับ พระอธิการคิริลล์ หลังจากการเข้าสาบานตน ด้วยท่าทางที่พร้อมที่จะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามทุกหมู่เหล่า กลุ่มแรก…คือ กลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่จตุรัส Bolotnaya กลางกรุงมอสโคว์ ที่ปูตินต้องการแค่ผู้นำ Leonid Razvozzhayev (ซ้ายจัด) ที่ไหวตัวทัน หนีไปกบดานที่ยูเครน เพียงไม่กี่วันต่อมา ……ก็มีกลุ่มคนมา”อุ้ม” เขาไปจากที่พัก นำตัวกลับไปยังรัสเซีย ขึ้นศาล ถูกตัดสินให้ไปนอนเล่นที่ไซบีเรียห้าปี…… กลุ่มหัวหอกอื่นๆ เช่น Aleksei Navalny ทนายความนักการเมืองที่มีฐานเสียงพอสมควร ที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องรับข้อหาในการก่อความไม่สงบตามมา แต่.……สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ หนึ่งในหัวหอกที่ต่อต้านปูตินในขบวนการเดียวกัน คือ Ksena Sobchak ธิดาสาวของ อนาโตลี เจ้านายและผู้สนับสนุนที่สำคัญของปูติน ที่ได้ช่วยเหลือและตอบแทนกันมาตั้งแต่สมัยที่ปูตินเพิ่มเริ่มเตาะแตะทางการเมือง ในกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่แม้แต่อนาโตลีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปูตินก็ยังคือว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ที่เขาต้องให้ความสงเคราะห์ เช่น ภริยาของอนาโตลี ได้เป็นกรรมการบริหารในเทศบาล (ข้าราชการประจำ) แม้แต่ตัว เซน่าเอง……ก็ได้เข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์ (ด้วยการสนับสนุนของปูติน) ตั้งแต่ปี 2014 ตามสายงานที่เรียนมา จนมาเป็นผู้ดำเนินรายการที่มีชื่อเสียงพอสมควร สรุปว่า…ชีวิตทางการงานของเธอและมารดา……ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น (2012) แต่เหมือนกับส่งเสือเข้าป่า เพราะเซน่าได้หันไปซบกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว ส่วนเรื่องคดีสาวห่ามทั้งหลาย ที่ขึ้นไปเต้นเหยงๆอยู่บนพระวิหาร ได้ถูกตัดสินจำคุก ในข้อหา……ลบหลู่ศาสนาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์……และเนื่องจากหลายคนเป็นนักดนตรีแนวพั้งค์ ข่าวในทางตะวันตกจึงตีไปในทิศทางที่ว่า “จำกัดอิสรภาพของศิลปิน…” ที่เหล่าดาราใหญ่ๆ เช่น Paul McCartney ก็พลอยบ้าจี้ตามไปด้วย ปูตินได้ไปร่วมประชุมในวาระงานโอลิมปิกภาคฤดูร้อนที่ลอนดอน นายกรัฐมนตรี David Cameron ได้เข้ามาถามถึงเรื่องนี้ ปูตินตอบว่า…… “เรื่องนี้ดูยังไงก็ผิด ไม่ว่าเขาจะแย้งว่าอะไร ชาติไหนก็ต้องมีขอบเขตในเรื่องศาสนา ถ้าพวกก่อการพวกนี้ลองไปเต้นที่มัสยิด….คุณคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ..?? แน่นอนว่า…ในวันที่ 17 สิงหาคม เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล การตัดสินคือ จำคุก 2 ปี (ติดจริงๆแค่ เจ็ดเดือน) จากนั้นกลุ่ม Pussy Riot ก็สลายตัวลงไปจากบนดิน แต่ยังพอมีกระแสทางลับๆ ทางด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐ เริ่มตึงเครียด เข้ามาทุกที เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมระดับหัวหน้า ได้มีกลุ่มตะวันตกสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มสนับสนุนพวกนั้นมาในรูปแบบขององค์กร เช่น USAID, NGO ปูตินได้วางนโยบายไว้ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในลิเบีย… ที่เขาได้เห็นกลุ่มนาโต้ได้เข้ารุมย่ำยีเพราะเพียงเพื่อหวังจะเอากัดดาฟีลงจากอำนาจนั้น เขาจะไม่ยอมให้สหรัฐและพรรคพวกที่เรียกว่า NATO มาเป็นคนชี้ชะตาของชาติไหนในโลกนี้อีก……พอกันที……!! การแก้และออกกฎหมายใหม่ได้ทำขึ้นรัวๆ เริ่มจาก……ห้ามการรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจากรัสเซีย (จากต่างประเทศ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่ขอไปเลี้ยงมากสุด) แม้ว่าบางรายที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการทางเอกสาร เมื่อถูกซักถามหนักๆจากสื่อ ในเรื่องว่าเป็นการดับอนาคตของเด็กหรือไม่…?? เขาตอบว่า…”คุณคิดว่านี่คือการดับอนาคตหรือ มันน่าอับอายและเป็นรอยบาปให้กับเด็กของเราต่างหาก……นี่คุณบ้าไปหรือเปล่า…?!! ในวันคล้ายวันเกิดของปูตินที่ครบหกสิบปี………เขาเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างรัวๆ เช่น ดำน้ำในทะเลดำ หาไหโบราณ (ถึงแม้จะเป็นการจัดฉาก ก็ดูเนียน……) ขี่ม้า เปลือยอก…(ถึงจะจัด……ก็โอเค) ขี่เครื่องร่อน……มีนกบินตาม (อันนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ…) ไปสมทบกับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่เป็นเกลอกัน ( ก็ดูแพง……เพราะใช้ Harley Davidson สามล้ออย่างใหญ่……) และที่ต้องกรี๊ดดด…คือ ปูตินไปแอบหัดเล่นไอซ์ ฮ๊อกกี้ ที่ค่อนข้างจะดูแอ๊บสักหน่อย แต่พอออกงานได้ มีสะดุดล้มพังพาบให้เห็น…ก็ยังน่าเอ็นดู (แต่คนถ่าย……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้) มีการให้ทำคลิปรายการของความเป็นอยู่ในบ้านพัก ที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า ท่านผู้นำตื่นในเวลาแปดโมงครึ่ง จากเตียงก็ออกกำลังกายเลย คือเข้าห้องยิม และดูข่าวไปด้วย จากนั้นไปว่ายน้ำระยะ 1000 เมตร เริ่มอาหารเช้าในเวลาเที่ยง เป็นพวกโจ๊กด้วยธัญพืช ไข่นกกระทา สลัดและน้ำผลไม้คั้นสดส่วนประกอบจะมาจากสวนในพระวิหารของพระอธิการ Kirill จากนั้นจะทำงานจนถึงดึก การประชุมมักจะเป็นในเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้านอนไปแล้ว… ที่บ้าน…ไม่มีวี่แววของผู้อาศัยคนอื่น ไม่มีลุดมิลา และ บุตรสาวทั้งสอง นอกจาก Koni สุนัขข้างกายที่ตามติดไปทุกที่ แต่…อย่างไรก็ตาม ในยุคเขานั้น รายได้ของประชาชนจากปีละจำนวนพันดอลล่าร์ พุ่งขึ้นมาเป็นหลักหมื่น ธิดาทั้งสองของปูติน คนโต คือ มาเรีย ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวดัทช์ Jorrit Faassen ที่ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการของ Gazprom แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยจนกระทั่ง วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่เขาไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถอีกคันหนึ่งที่เป็นรถเบ๊นซ์ของมหาเศรษฐีหนุ่ม Matvei Urin เหล่าบอดี้การ์ดของมหาเศรษฐีที่ตามมาในรถตู้ ได้กรูกันมาทำร้าย Faassen จนถึงขั้นหาม… เรื่องได้ไปถึงปูติน (เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ผลคือ เหล่าบอดี้การ์ดติดคุกกันพร้อมหน้า ส่วน Urin โดนหลายคดี…… ทำร้ายร่างกาย และ ยกเลิกใบอนุญาตทำธนาคาร เพราะตรวจสอบบัญชีในการดำเนินการพบว่ามีการทุจริต……ติดคุก สี่ปีครึ่ง ทั้งมาเรียและฟาสเซ่น ได้แต่งงานกันที่กรีซ ในปี 2012 และมีบุตรชาย ที่ปูตินได้เป็นพ่อทูนหัว ส่วนบุตรสาวคนเล็ก Katya มีข่าวลือว่ามีคู่รักเป็นลูกชายนายพลเกาหลีเหนือ (ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน) แต่เธอชอบศิลปการแสดง และเคยเป็นผู้อำนวยการในองค์กรพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยมอสโคว์ ถึงแม้จะอยู่คนเดียว แต่บ่อยครั้งที่ปูตินจะรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนเก่าๆที่เคยกอดคอสู้กันมา จัดปาร์ตี้และได้มีคอนเสิร์ตเล็กๆจากวงดุริยางค์จากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มาขับกล่อม และในวันที่ปูตินเข้าสาบานตนในฐานะประธานาธิบดี ในเดือนพฤษภาคมนั้น คือวันที่ทุกคนได้เห็นลุดมิลายืนเคียงข้างกับเขา แต่ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า ทั้งคู่นี้แยกกันอยู่มานานแสนนาน จนในเดือนมิถุนายน ที่เขาทั้งคู่ไปในงานบัลเล่ต์ “Esmeralda” ที่นักข่าวได้ยิงคำถามตรง ว่า “ไม่เห็นท่านมาด้วยกันบ่อยๆ แล้วข่าวลือที่ว่าท่านได้แยกกันอยู่มันเท็จจริงประการใด?” ปูติน เหลือบไปมองลุดมิลา ก่อนที่จะตอบว่า “เป็นเรื่องจริง ลุดมิลาต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวล่ำเวลาของผมมานานแสนนาน เราแทบไม่มีเวลาพบกันเลย ต่างคนต่างอยู่มาแปดเก้าปีแล้ว..” ลุดมิลาได้พูดขึ้นมาว่า… “เราหย่ากันก็จริง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” นั่นคือการยืนยันจากคนทั้งสองด้วยตัวเอง ปูตินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้งานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของรัสเซียสู่สายตาชาวโลก โดยทุ่มทุนถึง หกหมื่นล้านดอลล่าร์ (เทียบเท่า) ที่นับว่าเป็นงบที่ใช้สำหรับโอลิมปิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจ็ดเท่าเหนือกว่าแคนาดาในปี 2010) ที่ทุกคนทางทีมฝ่ายเศรษฐกิจเริ่มอึดอัด เพราะยังไม่นับทางรถไฟเชื่อมสู่เขา และ เส้นทางถนน ผู้รับเหมาต่างพากันอิ่มเอมในการบวกราคา (เพราะยิ่งเร่งยิ่งแพง) เรื่องนี้ถึงหูปูติน……เขาเรียกคณะกรรมการมาถามว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบส่วนที่ล่าช้า (คือ เส้นทางของสกีสลาลอม หรือ ลงเขาที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ……ที่ปูตินเห็นว่า……งานไม่เนี๊ยบ) คำตอบคือ Akhmed Bilalov รองประธานคณะมนตรี ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงคือมีที่ทางอยู่ทางด้านล่างของภูเขา เลยกินเศษกินเลยกับบริษัทก่อสร้าง งบประมาณ 40 ล้านในทีแรก บานมาเป็น 260 ล้าน… ปูตินเรียกให้มาพบพร้อมกับประธานงานโอลิมปิก(ออกสื่อ) แล้วถามตรงๆว่า……อธิบายมา……ช้าแล้วยังไม่ดีสมราคา เพราะ…??? คำอธิบายทั้งหมดที่ยกมา……ฟังไม่ขึ้น……!! ปูตินเลยสั่งแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า……”งั้นก็คงต้องจัดการกันใหม่……” แล้วเขาก็เดินออกไป…. วันรุ่งขึ้น…Akhmed ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในคณะมนตรี ปูตินได้ให้ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบย้อนหลังในทุกงานที่เขารับทำมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ออกจะเว่อร์ในการไปดูงานประชุมที่ลอนดอน…… ผู้ที่มารับหน้าที่แทนคือ ผู้ที่ชนะการประกวดราคาประมูล ธนาคาร Sberbank ที่มีประธานคือ German Greff (ที่งานนี้ต้องเข้าเนื้อไปอย่างมากมาย เพราะต้องยอมขาดทุน) ~~-ต้องเล่าต่อถึง Akhmed Bilalov ไม่งั้นจะค้างคาในใจ หลังจากที่โดนการตรวจสอบบัญชีแบบเข้ม อาเหมดถูกข้อหาฉ้อโกง คอรัปชั่น ตามมาติดๆ ที่มีโทษถึงจำคุกสี่ถึงสิบปี ไม่ใช่เขาคนเดียว ……แต่พี่น้องสองคนและผู้บริหารทุกคนในบริษัทโดนคดีหมด เขาหนีออกจากรัสเซีย ไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลโดยอ้างว่าจะถูกคุกคามเอาชีวิต เพราะในที่ทำงานของเขามีร่องรอยของผงยาพิษ เขาหนีไปที่เยอรมัน และ ไปปักหลักที่ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา ที่เขาถูกจับกุมเพราะไม่มีเอกสารการอนุญาตให้ต่อวีซ่า (2019) ที่ตามกฏแล้ว……เขาอาจจะต้องส่งกลับไปที่รัสเซีย แต่จากนั้น ข่าวของเขาก็เงียบหายไป……… รัสเซียได้ทวงถามไปที่อเมริกา….ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร เชื่อว่า…คงใช้เงินซื้อเส้นทางใบเขียวไปแล้ว.. Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • ทางการจีนลงโทษสั่งแบนบริษัท PwC China เป็นเวลา 6 เดือนและปรับเงิน 441 ล้านหยวน (62 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ พบหลักฐานว่า PwC ที่ตรวจสอบบัญชี บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ผิดพลาดร้ายแรง จนส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล และละเมิดกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่ระบุว่าพนักงาน "ปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอม" ให้เกิดการฉ้อโกงในการตรวจสอบบัญชีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ที่ล้มละลาย

    17 กันยายน 2567-รายงานไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่ ทางการจีนดำเนินการกับBig Four บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำของโลกสี่อันดับแรก โดยเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า PwC China ได้อนุมัติบัญชีของ Evergrande แล้ว แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์Evergrandeรายนี้จะมีรายได้เกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อนจะผิดนัดชำระหนี้ในปี 2021

    กระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า PwC Zhong Tian ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ PwC China และสาขาที่กว่างโจวทราบถึง "ข้อผิดพลาดสำคัญ" ในการตรวจสอบบัญชีของ Evergrande ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน โดยกระทรวงฯ สั่งให้ปิดสาขาที่กว่างโจวของ PwC China

    PwC China มี "ข้อบกพร่องร้ายแรง" ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีของ Hengda Real Estate ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Evergrande ในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ ​​"ข้อสรุปที่ผิดพลาดมากมาย" กระทรวงฯ กล่าว บริษัท "สูญเสียความเป็นอิสระ" และ "เพิ่มผลกำไร" ผ่านการตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่กล่าวเสริม

    "พฤติกรรมของ PwC ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวในการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น พวกเขาปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอมให้มีการฉ้อโกงทางการเงินและการออกพันธบัตรของบริษัทโดยฉ้อโกงของ Hengda Real Estate" สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์แยกต่างหาก

    สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์พบว่าบันทึกของ PwC เกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ Hengda ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สะท้อน "สภาพที่แท้จริง" ในพื้นที่ โดยระบุว่ากระบวนการคัดเลือกตัวอย่างของ PwC "อยู่นอกเหนือการควบคุม" โดยที่ทรัพย์สินที่ผู้พัฒนาโครงการระบุว่า "ห้ามเข้า" จะไม่รวมอยู่ในการเยี่ยมชมไซต์ของ PwC

    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้สั่งปรับ PwC China เป็นเงิน 116 ล้านหยวน และ 325 ล้านหยวน
    PwC ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราผิดหวังกับการตรวจสอบบัญชีของ PwC Zhong Tian (หรือ ‘PwC ZT’) ของ Hengda ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เราคาดหวังจากบริษัทสมาชิกเครือข่าย PwC อย่างไม่สามารถยอมรับได้“

    PwC ระบุว่าได้เลิกจ้างหุ้นส่วน 6 คน และสั่งปลด พนักงาน 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีโดยตรงให้ลาออก
    PwC กล่าวว่า Daniel Li ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนอาวุโสของ PwC China เมื่อเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี ได้ตกลงที่จะลาออกจากตำแหน่ง

    “เนื่องจากความรับผิดชอบเดิมของเขา” ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบของบริษัท โดยเขาจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทต่อไป

    PwC กล่าวว่า Hemione Hudson หุ้นส่วนอาวุโสในสหราชอาณาจักร จะเข้ามาดูแลธุรกิจในประเทศจีนเป็นการชั่วคราว และPwC ดึงพันธมิตรจากอังกฤษเข้ามาบริหารธุรกิจในจีนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาว

    การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงระดับความกังวลภายในกลุ่ม Big Four เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในจีน ซึ่งแตกต่างจากบริษัทข้ามชาติอื่นๆ PwC มักดำเนินงานเป็นเครือข่ายของหุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของในท้องถิ่นอย่างอิสระ ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลภายนอกจึงถือเป็นก้าวที่แปลกมาก

    Mohamed Kande ประธาน PwC ระดับโลกกล่าวว่า “งานที่ดำเนินการโดยทีมตรวจสอบบัญชี Hengda ของ PwC Zhong Tian ต่ำกว่าความคาดหวังสูงของเราอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่สะท้อนถึงสิ่งที่เรายึดมั่นในฐานะเครือข่าย และไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งนี้ที่ PwC”
    ค่าปรับPwCดังกล่าว 31 ล้านดอลลาร์และคำสั่งห้ามดำเนินธุรกิจบางส่วนเป็นเวลาสามเดือนที่บังคับใช้กับ Deloitte เมื่อปีที่แล้วสำหรับ “ข้อบกพร่องในการตรวจสอบบัญชีที่ร้ายแรง” ที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัทกับ China Huarong Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการหนี้เสียรายใหญ่ที่สุดในจีน

    กระทรวงการคลังยังกล่าวอีกว่าจะดำเนินการสอบสวน "การละเมิดที่เกี่ยวข้อง" ของหน่วยงาน PwC ในฮ่องกง ซึ่งทำการตรวจสอบบัญชีของกลุ่มบริษัทแม่ Evergrande

    กระทรวงได้เพิกถอนใบอนุญาตการบัญชีของพนักงาน PwC 4 คนที่ลงนามในงบการเงินของ Hengda ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 และปรับเงินบุคคลอื่นอีก 7 คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีของ Hengda

    PwC สูญเสียรายได้จากการบัญชีไปแล้วประมาณสองในสามจากลูกค้าที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีจาก PwC ในปีนี้ เนื่องจากคดีความขัดแย้งเกี่ยวกับ Evergrande ที่เพิ่มมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง ได้เปลี่ยนมาใช้คู่แข่งอย่าง EY ในเดือนสิงหาคม

    PwC พยายามรักษาลูกค้าไว้โดยให้คำมั่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสามารถทำการตรวจสอบบัญชีในปี 2024 ได้สำเร็จแม้จะมีการห้ามก็ตาม ลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent รวมถึงบริษัทประกันภัย AIA ซึ่งยังคงทำงานร่วมกับ PwC

    ตามกฎหมายในจีน รัฐวิสาหกิจของจีนไม่สามารถใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรร่วมกับลูกค้าในแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้

    #Thaitimes
    ทางการจีนลงโทษสั่งแบนบริษัท PwC China เป็นเวลา 6 เดือนและปรับเงิน 441 ล้านหยวน (62 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ พบหลักฐานว่า PwC ที่ตรวจสอบบัญชี บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ผิดพลาดร้ายแรง จนส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล และละเมิดกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่ระบุว่าพนักงาน "ปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอม" ให้เกิดการฉ้อโกงในการตรวจสอบบัญชีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ที่ล้มละลาย 17 กันยายน 2567-รายงานไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่ ทางการจีนดำเนินการกับBig Four บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำของโลกสี่อันดับแรก โดยเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า PwC China ได้อนุมัติบัญชีของ Evergrande แล้ว แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์Evergrandeรายนี้จะมีรายได้เกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อนจะผิดนัดชำระหนี้ในปี 2021 กระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า PwC Zhong Tian ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ PwC China และสาขาที่กว่างโจวทราบถึง "ข้อผิดพลาดสำคัญ" ในการตรวจสอบบัญชีของ Evergrande ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน โดยกระทรวงฯ สั่งให้ปิดสาขาที่กว่างโจวของ PwC China PwC China มี "ข้อบกพร่องร้ายแรง" ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีของ Hengda Real Estate ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Evergrande ในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ ​​"ข้อสรุปที่ผิดพลาดมากมาย" กระทรวงฯ กล่าว บริษัท "สูญเสียความเป็นอิสระ" และ "เพิ่มผลกำไร" ผ่านการตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่กล่าวเสริม "พฤติกรรมของ PwC ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวในการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น พวกเขาปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอมให้มีการฉ้อโกงทางการเงินและการออกพันธบัตรของบริษัทโดยฉ้อโกงของ Hengda Real Estate" สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์แยกต่างหาก สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์พบว่าบันทึกของ PwC เกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ Hengda ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สะท้อน "สภาพที่แท้จริง" ในพื้นที่ โดยระบุว่ากระบวนการคัดเลือกตัวอย่างของ PwC "อยู่นอกเหนือการควบคุม" โดยที่ทรัพย์สินที่ผู้พัฒนาโครงการระบุว่า "ห้ามเข้า" จะไม่รวมอยู่ในการเยี่ยมชมไซต์ของ PwC คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้สั่งปรับ PwC China เป็นเงิน 116 ล้านหยวน และ 325 ล้านหยวน PwC ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราผิดหวังกับการตรวจสอบบัญชีของ PwC Zhong Tian (หรือ ‘PwC ZT’) ของ Hengda ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เราคาดหวังจากบริษัทสมาชิกเครือข่าย PwC อย่างไม่สามารถยอมรับได้“ PwC ระบุว่าได้เลิกจ้างหุ้นส่วน 6 คน และสั่งปลด พนักงาน 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีโดยตรงให้ลาออก PwC กล่าวว่า Daniel Li ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนอาวุโสของ PwC China เมื่อเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี ได้ตกลงที่จะลาออกจากตำแหน่ง “เนื่องจากความรับผิดชอบเดิมของเขา” ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบของบริษัท โดยเขาจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทต่อไป PwC กล่าวว่า Hemione Hudson หุ้นส่วนอาวุโสในสหราชอาณาจักร จะเข้ามาดูแลธุรกิจในประเทศจีนเป็นการชั่วคราว และPwC ดึงพันธมิตรจากอังกฤษเข้ามาบริหารธุรกิจในจีนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาว การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงระดับความกังวลภายในกลุ่ม Big Four เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในจีน ซึ่งแตกต่างจากบริษัทข้ามชาติอื่นๆ PwC มักดำเนินงานเป็นเครือข่ายของหุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของในท้องถิ่นอย่างอิสระ ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลภายนอกจึงถือเป็นก้าวที่แปลกมาก Mohamed Kande ประธาน PwC ระดับโลกกล่าวว่า “งานที่ดำเนินการโดยทีมตรวจสอบบัญชี Hengda ของ PwC Zhong Tian ต่ำกว่าความคาดหวังสูงของเราอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่สะท้อนถึงสิ่งที่เรายึดมั่นในฐานะเครือข่าย และไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งนี้ที่ PwC” ค่าปรับPwCดังกล่าว 31 ล้านดอลลาร์และคำสั่งห้ามดำเนินธุรกิจบางส่วนเป็นเวลาสามเดือนที่บังคับใช้กับ Deloitte เมื่อปีที่แล้วสำหรับ “ข้อบกพร่องในการตรวจสอบบัญชีที่ร้ายแรง” ที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัทกับ China Huarong Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการหนี้เสียรายใหญ่ที่สุดในจีน กระทรวงการคลังยังกล่าวอีกว่าจะดำเนินการสอบสวน "การละเมิดที่เกี่ยวข้อง" ของหน่วยงาน PwC ในฮ่องกง ซึ่งทำการตรวจสอบบัญชีของกลุ่มบริษัทแม่ Evergrande กระทรวงได้เพิกถอนใบอนุญาตการบัญชีของพนักงาน PwC 4 คนที่ลงนามในงบการเงินของ Hengda ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 และปรับเงินบุคคลอื่นอีก 7 คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีของ Hengda PwC สูญเสียรายได้จากการบัญชีไปแล้วประมาณสองในสามจากลูกค้าที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีจาก PwC ในปีนี้ เนื่องจากคดีความขัดแย้งเกี่ยวกับ Evergrande ที่เพิ่มมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง ได้เปลี่ยนมาใช้คู่แข่งอย่าง EY ในเดือนสิงหาคม PwC พยายามรักษาลูกค้าไว้โดยให้คำมั่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสามารถทำการตรวจสอบบัญชีในปี 2024 ได้สำเร็จแม้จะมีการห้ามก็ตาม ลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent รวมถึงบริษัทประกันภัย AIA ซึ่งยังคงทำงานร่วมกับ PwC ตามกฎหมายในจีน รัฐวิสาหกิจของจีนไม่สามารถใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรร่วมกับลูกค้าในแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้ #Thaitimes
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 1255 Views 0 Reviews
  • กองทัพอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง?

    นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ ยังไม่ตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธร่อนสตอร์มแชโดว์พิสัยไกลโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ความกล้าหาญในการก่อสงครามของอังกฤษเกิดขึ้นในขณะที่กองทัพอังกฤษเองก็กำลังเผชิญวิกฤต

    ขาดแคลนกำลังพล

    ◻️ ตัวเลขแสดงให้เห็นว่ากองทัพอังกฤษมีจำนวนน้อย โดยการรับทหารใหม่ในช่วง ๑๒ เดือนจนถึงเดือนมีนาคม ๒๐๒๓ ลดลง ๒๒.๑% ในกองทัพเรือ, เกือบ ๑๗% ในกองทัพอากาศ, และเกือบ ๑๕% ในกองทัพบก, ตามสถิติอย่างเป็นทางการ

    ◻️ ปัจจุบันกองทัพบกอังกฤษมีกำลังพลประจำการ ๗๕,๑๖๖ นาย เมื่อเทียบกับ ๑๐๐,๐๐๐ นายในปี ๒๐๑๐

    ◻️ วิกฤตกำลังพลในกองทัพเรืออังกฤษมีรายงานว่าทำให้เรือหลายลำต้องปลดประจำการ

    ปัญหาทางเทคนิค

    ◻️ เรือบรรทุกเครื่องบินเรือธงของกองทัพเรืออังกฤษ HMS Queen Elizabeth และ HMS Prince of Wales ประสบปัญหาทางเทคนิคบางประการ, เนื่องจากเรือลำแรกถูกบังคับให้ถอนตัวจากการฝึกซ้อม Steadfast Defender ของ NATO ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๒๔ หลังจากเกิดขัดข้อง

    ◻️ การนำเรือฟริเกต Type ๒๖ ลำใหม่เข้าประจำการถูกเลื่อนออกไป, โดยคาดว่าขีดความสามารถในการปฏิบัติงานเบื้องต้นจะเริ่มขึ้นในปี ๒๐๒๘

    ◻️ การทดสอบปล่อยขีปนาวุธข้ามทวีปติดอาวุธนิวเคลียร์ (SLBM) ของอังกฤษบนเรือ HMS Vanguard เมื่อเดือนมกราคมที่ล้มเหลว ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวครั้งที่สองติดต่อกัน รองจาก HMS Vengeance ที่เคยประสบความล้มเหลวในปี ๒๐๑๖

    ขาดเงินและมีระบบราชการเกินดุล

    ◻️ กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร (MoD) เผชิญกับการขาดดุล ๑๖,๙๐๐ ล้านปอนด์ (๒๒,๑๗๐ ล้านดอลลาร์) สำนักงานตรวจสอบแห่งชาติ (NAO) เปิดเผยในปี ๒๐๒๓ คณะกรรมการตรวจสอบบัญชีสาธารณะ (PAC) เตือนว่าการขาดดุลที่แท้จริงอาจใกล้เคียงกับ ๒๙,๐๐๐ ล้านปอนด์ (๓๘,๐๕๐ ล้านดอลลาร์) ในรายงานเดือนมีนาคม ๒๐๒๔

    ◻️ กระบวนการจัดซื้อและส่งมอบของกระทรวงกลาโหมติดหล่มอยู่ในความล่าช้า ส.ส. อังกฤษกล่าวเมื่อเดือนมีนาคมว่ามีเพียง ๒ โครงการจาก ๔๖ โครงการที่ "มีแนวโน้มสูง" ที่จะส่งมอบตรงเวลา, งบประมาณ, และคุณภาพ

    ◻️ การส่งมอบโครงการพอร์ตโฟลิโอโครงการสำคัญของรัฐบาล ๕ โครงการสำเร็จ, ซึ่งรวมถึงเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใต้น้ำ, ถูกกำหนดให้ "ไม่สามารถทำได้" โดยรายงานของคณะกรรมการสภาสามัญในเดือนมีนาคม
    .
    What problems are Britain’s armed forces grappling with?

    UK Prime Minister Sir Keir Starmer has not ruled out allowing Ukraine to use long-range Storm Shadow cruise missiles on targets inside Russia. Yet the UK’s warmongering bravado comes as its own armed forces are mired in crisis.

    Lack of manpower

    ◻️ Britain’s armed forces are stretched thin, figures show. The intake of recruits in the 12 months to March 2023 dropped by 22.1% in the Royal Navy, almost 17% in the RAF, and nearly 15% in the army, according to official statistics.

    ◻️ The professional ranks of the British Army currently number 75,166 regular forces personnel, compared with around 100,000 in 2010.

    ◻️ A manpower crisis in the Royal Navy reportedly prompted the decommissioning of a number of ships.

    Technical issues

    ◻️ The Royal Navy’s flagship aircraft carriers the HMS Queen Elizabeth and HMS Prince of Wales have faced some technical issues, as the former was forced to pull out from NATO’s Exercise Steadfast Defender drills in February 2024 after a malfunction.

    ◻️ Commissioning new Type 26 frigates has been postponed, with initial operational capability anticipated from 2028.

    ◻️ January’s failed HMS Vanguard sea-launch test of the UK’s nuclear-armed submarine-launched ballistic missile (SLBM) system, the Trident II D-5, was the second successive failure, following one in 2016 involving the HMS Vengeance.

    Lack of money and surplus of bureaucracy

    ◻️ The UK Ministry of Defense (MoD) is facing a £16.9 billion ($22.17 billion) deficit, the National Audit Office (NAO) revealed in 2023. The Public Accounts Committee (PAC) warned that the actual deficit could be closer to £29 billion ($38.05 billion) in a March 2024 report.

    ◻️ The MoD's procurement and delivery processes are mired in delays. Just two of its 46 equipment programs are "highly likely" to be delivered to time, budget, and quality, British MPs said in March.

    ◻️ Successful delivery of five Government Major Projects Portfolio schemes, including nuclear submarine reactors, was determined “unachievable” by a House of Commons Committee report in March.
    .
    4:37 PM · Sep 14, 2024 · 2,949 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834889141047173363
    กองทัพอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง? นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ ยังไม่ตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธร่อนสตอร์มแชโดว์พิสัยไกลโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ความกล้าหาญในการก่อสงครามของอังกฤษเกิดขึ้นในขณะที่กองทัพอังกฤษเองก็กำลังเผชิญวิกฤต ขาดแคลนกำลังพล ◻️ ตัวเลขแสดงให้เห็นว่ากองทัพอังกฤษมีจำนวนน้อย โดยการรับทหารใหม่ในช่วง ๑๒ เดือนจนถึงเดือนมีนาคม ๒๐๒๓ ลดลง ๒๒.๑% ในกองทัพเรือ, เกือบ ๑๗% ในกองทัพอากาศ, และเกือบ ๑๕% ในกองทัพบก, ตามสถิติอย่างเป็นทางการ ◻️ ปัจจุบันกองทัพบกอังกฤษมีกำลังพลประจำการ ๗๕,๑๖๖ นาย เมื่อเทียบกับ ๑๐๐,๐๐๐ นายในปี ๒๐๑๐ ◻️ วิกฤตกำลังพลในกองทัพเรืออังกฤษมีรายงานว่าทำให้เรือหลายลำต้องปลดประจำการ ปัญหาทางเทคนิค ◻️ เรือบรรทุกเครื่องบินเรือธงของกองทัพเรืออังกฤษ HMS Queen Elizabeth และ HMS Prince of Wales ประสบปัญหาทางเทคนิคบางประการ, เนื่องจากเรือลำแรกถูกบังคับให้ถอนตัวจากการฝึกซ้อม Steadfast Defender ของ NATO ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๒๔ หลังจากเกิดขัดข้อง ◻️ การนำเรือฟริเกต Type ๒๖ ลำใหม่เข้าประจำการถูกเลื่อนออกไป, โดยคาดว่าขีดความสามารถในการปฏิบัติงานเบื้องต้นจะเริ่มขึ้นในปี ๒๐๒๘ ◻️ การทดสอบปล่อยขีปนาวุธข้ามทวีปติดอาวุธนิวเคลียร์ (SLBM) ของอังกฤษบนเรือ HMS Vanguard เมื่อเดือนมกราคมที่ล้มเหลว ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวครั้งที่สองติดต่อกัน รองจาก HMS Vengeance ที่เคยประสบความล้มเหลวในปี ๒๐๑๖ ขาดเงินและมีระบบราชการเกินดุล ◻️ กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร (MoD) เผชิญกับการขาดดุล ๑๖,๙๐๐ ล้านปอนด์ (๒๒,๑๗๐ ล้านดอลลาร์) สำนักงานตรวจสอบแห่งชาติ (NAO) เปิดเผยในปี ๒๐๒๓ คณะกรรมการตรวจสอบบัญชีสาธารณะ (PAC) เตือนว่าการขาดดุลที่แท้จริงอาจใกล้เคียงกับ ๒๙,๐๐๐ ล้านปอนด์ (๓๘,๐๕๐ ล้านดอลลาร์) ในรายงานเดือนมีนาคม ๒๐๒๔ ◻️ กระบวนการจัดซื้อและส่งมอบของกระทรวงกลาโหมติดหล่มอยู่ในความล่าช้า ส.ส. อังกฤษกล่าวเมื่อเดือนมีนาคมว่ามีเพียง ๒ โครงการจาก ๔๖ โครงการที่ "มีแนวโน้มสูง" ที่จะส่งมอบตรงเวลา, งบประมาณ, และคุณภาพ ◻️ การส่งมอบโครงการพอร์ตโฟลิโอโครงการสำคัญของรัฐบาล ๕ โครงการสำเร็จ, ซึ่งรวมถึงเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใต้น้ำ, ถูกกำหนดให้ "ไม่สามารถทำได้" โดยรายงานของคณะกรรมการสภาสามัญในเดือนมีนาคม . What problems are Britain’s armed forces grappling with? UK Prime Minister Sir Keir Starmer has not ruled out allowing Ukraine to use long-range Storm Shadow cruise missiles on targets inside Russia. Yet the UK’s warmongering bravado comes as its own armed forces are mired in crisis. Lack of manpower ◻️ Britain’s armed forces are stretched thin, figures show. The intake of recruits in the 12 months to March 2023 dropped by 22.1% in the Royal Navy, almost 17% in the RAF, and nearly 15% in the army, according to official statistics. ◻️ The professional ranks of the British Army currently number 75,166 regular forces personnel, compared with around 100,000 in 2010. ◻️ A manpower crisis in the Royal Navy reportedly prompted the decommissioning of a number of ships. Technical issues ◻️ The Royal Navy’s flagship aircraft carriers the HMS Queen Elizabeth and HMS Prince of Wales have faced some technical issues, as the former was forced to pull out from NATO’s Exercise Steadfast Defender drills in February 2024 after a malfunction. ◻️ Commissioning new Type 26 frigates has been postponed, with initial operational capability anticipated from 2028. ◻️ January’s failed HMS Vanguard sea-launch test of the UK’s nuclear-armed submarine-launched ballistic missile (SLBM) system, the Trident II D-5, was the second successive failure, following one in 2016 involving the HMS Vengeance. Lack of money and surplus of bureaucracy ◻️ The UK Ministry of Defense (MoD) is facing a £16.9 billion ($22.17 billion) deficit, the National Audit Office (NAO) revealed in 2023. The Public Accounts Committee (PAC) warned that the actual deficit could be closer to £29 billion ($38.05 billion) in a March 2024 report. ◻️ The MoD's procurement and delivery processes are mired in delays. Just two of its 46 equipment programs are "highly likely" to be delivered to time, budget, and quality, British MPs said in March. ◻️ Successful delivery of five Government Major Projects Portfolio schemes, including nuclear submarine reactors, was determined “unachievable” by a House of Commons Committee report in March. . 4:37 PM · Sep 14, 2024 · 2,949 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834889141047173363
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 582 Views 0 Reviews
  • จีนจ่อแบนบริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) ในประเทศจีน 6 เดือน ปมตรวจสอบบัญชีบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China Evergrande Group) ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ประสบภาวะล้มละลายและคดีฉ้อโกง

    22 สิงหาคม 2567-รายงานข่าว Financial Times ระบุว่า PwC ประเทศจีน ได้แจ้งลูกค้าว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางการจีนจะสั่งปรับเงิน และระงับการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นเวลา 6 เดือน โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็วที่สุดในเดือนกันยายนนี้ หลังมีความผิดในคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ของ Evergrande อดีตผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน

    การตัดสินบทลงโทษที่รุนแรงครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และดูแลตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) หรือ ก.ล.ต. ตรวจพบความผิดปกติในงบการเงินของ Hengda Real Estate บริษัทลูกของ Evergrande ในเดือนมีนาคม โดยพบว่าบริษัทรายงานรายได้เกินจริง

    โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นมากผิดปกติที่ 2.13 แสนล้านหยวน หรือครึ่งหนึ่งของรายได้รวมในปี 2562 ในขณะที่ปี 2563 มีรายได้เพิ่มขึ้น 3.5 แสนล้านหยวน หรือ 78.5% ของรายได้รวม นอกจากนี้ยังออกหุ้นกู้โดยอ้างอิงงบการเงินเท็จ โดย PwC ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีขณะนั้น กลับรับรองว่างบการเงินถูกต้อง ซึ่งแสดงว่าบริษัทบกพร่องในการตรวจสอบบัญชี

    อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น 2 ปีก่อนที่ Evergrande จะผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ต่างประเทศครั้งแรก จนนำมาสู่วิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ฉุดรั้งการเติบโตเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากบทลงโทษมีผลบังคับใช้ PwC จะไม่สามารถลงนามรับรองงบการเงิน และการเสนอขายหุ้น IPO รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ในบทลงโทษ

    การถูกแทรกแซงจากหน่วยงานกำกับของจีน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทไม่น้อย โดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือนมีนาคม พบว่า PwC เป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีที่ได้รับความนิยมในจีนมากที่สุด โดยมีลูกค้าบริษัทจดทะเบียนวางใจใช้บริการมากถึง 110 แห่ง ทั้งนี้ นับตั้งแต่บริษัทถูก ก.ล.ต. จีน สอบสวนในเดือนมีนาคม มีบริษัทอย่างน้อย 50 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงิน ได้ขอให้ PwC ยกเลิกการตรวจสอบบัญชีในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทำให้ในปีนี้ PwC ประเทศจีน สูญเสียรายได้ทางบัญชีไปแล้วอย่างน้อยสองในสามจากบริษัทจดทะเบียนในจีน เช่น ลูกค้ารายใหญ่อย่าง Bank of China ที่หันไปใช้บริการบริษัทคู่แข่ง EY สำหรับการตรวจสอบบัญชีประจำปี เนื่องจากได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังจีนว่า PwC จะถูกหน่วยงานกำกับของจีนสั่งปรับเงินฐานมีความผิดในคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ของ Evergrande ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้

    แม้รายได้จากบริษัทจดทะเบียนและรัฐวิสาหกิจในจีนจะมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมดของ PwC ประเทศจีน แต่การถูกหน่วยงานกำกับของจีนตรวจสอบ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นบริษัทในฐานะหนึ่งใน Big Four ผู้ตรวจสอบบัญชีชั้นนำระดับโลก

    ขณะนี้บริษัทจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาความเชื่อมั่นกับลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดต่างประเทศ รวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent โดยการสร้างความมั่นใจว่าบริษัทสามารถดำเนินการตรวจสอบบัญชีประจำปี 2567 ให้เสร็จสิ้นได้ นอกจากนี้ ยังเสนอให้ลูกค้าบางรายทำสัญญาล่วงหน้าเพื่อผูกมัดให้ใช้บริการต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568

    ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

    #Thaitimes
    จีนจ่อแบนบริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) ในประเทศจีน 6 เดือน ปมตรวจสอบบัญชีบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China Evergrande Group) ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ประสบภาวะล้มละลายและคดีฉ้อโกง 22 สิงหาคม 2567-รายงานข่าว Financial Times ระบุว่า PwC ประเทศจีน ได้แจ้งลูกค้าว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางการจีนจะสั่งปรับเงิน และระงับการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นเวลา 6 เดือน โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็วที่สุดในเดือนกันยายนนี้ หลังมีความผิดในคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ของ Evergrande อดีตผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน การตัดสินบทลงโทษที่รุนแรงครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และดูแลตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) หรือ ก.ล.ต. ตรวจพบความผิดปกติในงบการเงินของ Hengda Real Estate บริษัทลูกของ Evergrande ในเดือนมีนาคม โดยพบว่าบริษัทรายงานรายได้เกินจริง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นมากผิดปกติที่ 2.13 แสนล้านหยวน หรือครึ่งหนึ่งของรายได้รวมในปี 2562 ในขณะที่ปี 2563 มีรายได้เพิ่มขึ้น 3.5 แสนล้านหยวน หรือ 78.5% ของรายได้รวม นอกจากนี้ยังออกหุ้นกู้โดยอ้างอิงงบการเงินเท็จ โดย PwC ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีขณะนั้น กลับรับรองว่างบการเงินถูกต้อง ซึ่งแสดงว่าบริษัทบกพร่องในการตรวจสอบบัญชี อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น 2 ปีก่อนที่ Evergrande จะผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ต่างประเทศครั้งแรก จนนำมาสู่วิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ฉุดรั้งการเติบโตเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากบทลงโทษมีผลบังคับใช้ PwC จะไม่สามารถลงนามรับรองงบการเงิน และการเสนอขายหุ้น IPO รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ในบทลงโทษ การถูกแทรกแซงจากหน่วยงานกำกับของจีน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทไม่น้อย โดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือนมีนาคม พบว่า PwC เป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีที่ได้รับความนิยมในจีนมากที่สุด โดยมีลูกค้าบริษัทจดทะเบียนวางใจใช้บริการมากถึง 110 แห่ง ทั้งนี้ นับตั้งแต่บริษัทถูก ก.ล.ต. จีน สอบสวนในเดือนมีนาคม มีบริษัทอย่างน้อย 50 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงิน ได้ขอให้ PwC ยกเลิกการตรวจสอบบัญชีในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทำให้ในปีนี้ PwC ประเทศจีน สูญเสียรายได้ทางบัญชีไปแล้วอย่างน้อยสองในสามจากบริษัทจดทะเบียนในจีน เช่น ลูกค้ารายใหญ่อย่าง Bank of China ที่หันไปใช้บริการบริษัทคู่แข่ง EY สำหรับการตรวจสอบบัญชีประจำปี เนื่องจากได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังจีนว่า PwC จะถูกหน่วยงานกำกับของจีนสั่งปรับเงินฐานมีความผิดในคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่ของ Evergrande ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ แม้รายได้จากบริษัทจดทะเบียนและรัฐวิสาหกิจในจีนจะมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมดของ PwC ประเทศจีน แต่การถูกหน่วยงานกำกับของจีนตรวจสอบ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นบริษัทในฐานะหนึ่งใน Big Four ผู้ตรวจสอบบัญชีชั้นนำระดับโลก ขณะนี้บริษัทจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาความเชื่อมั่นกับลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดต่างประเทศ รวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent โดยการสร้างความมั่นใจว่าบริษัทสามารถดำเนินการตรวจสอบบัญชีประจำปี 2567 ให้เสร็จสิ้นได้ นอกจากนี้ ยังเสนอให้ลูกค้าบางรายทำสัญญาล่วงหน้าเพื่อผูกมัดให้ใช้บริการต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 536 Views 0 Reviews
  • #นับจากนี้ไปคนไทยจะตาสว่างเสียที
    ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส ในประเทศไทย
    มีมาโดยตลอด แต่อดีตจะทำแบบแอบๆทำ รู้กันเฉพาะกลุ่ม
    ภายใต้หนังสือและเว็บไซต์ที่ชื่อฟ้าเดียวกันที่มีเนื้อหา
    ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ให้ร้ายต่อสถาบันกษัตรย์
    คาดว่าในเวลานั้น ธนาธรใช้ทุนส่วนตัวในการเคลื่อนไหวอย่างไม่กระโตกกระตากนัก โดยมีนายชัยธวัชหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้ายก่อนถูกยุบเป็นบรรณาธิการอย่างเปิดเผย
    แต่วันหนึ่ง ธนาธร ช่อ และปิยบุตร เหมือนได้พลังวิเศษ
    คิดใหญ่ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งในช่วงแรก
    คนไทยยังรู้สึกถึงความหวังว่าการเมืองในประเทศไทย
    น่าจะเปลี่ยนไปได้ด้วยมือของคนรุ่นใหม่
    ทำให้ได้คะแนนเสียงมากอย่างน่าตกใจ
    รวมถึงการนำระบบไอโอบอท มาใช้ก่อนใคร
    ปั้นกระแสทวิตเตอร์ กำหนดเทรนให้มีแต่เรื่องราวของพรรคอนาคตใหม่
    ทำให้สื่อทุกสำนักวนเวียนอยู่แต่กับพรรคและคนของพรรคอนาคตใหม่เวลานั้น จนทำให้เกิดอุปทานหมู่ เวลาใครไปคอมเม้นตรงข้าม ก็ใช้บอทไอโอเข้าไปถล่ม จนคนคิดต่างไม่กล้าไปยุ่งเพราะเข้าใจว่า บอทไอโอคือคนจริงๆ
    เกิดปรากฏการคอมเม้นเป็นรูปส้มพร้อมกัน
    แต่เรื่องก็มาแตก ที่วิโรจน์ถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์มือถือหลายสิบเครื่องที่เป็นอุปกรณ์บอทไอโอที่นำเข้าระบบมาจากเวียดนาม
    แต่ตอนนี้ ทุกแพลตฟอร์มต่างปรับตัวและป้องกันบอทไอโอและลบแอคเค้าบอทออกจากระบบแทบเกลี้ยง ทำให้ทุกวันนี้แม้แต่ไลฟ์สดของหัวหน้าพรรคเอง หรือนายพิธาก็ยังมีคนดูแค่สามสี่ร้อยคน
    ยังรวมไปถึงการที่พรรคก้าวไกลไม่กล้าทำในสิ่งที่มีความเสี่ยงต่อกฏหมาย
    ก็ยังมีงบจำนวนมหาศาลที่มีหลักฐานและพยานว่าบุ้งได้รับมาจากการส่งภาพการก่อความวุ่นวายจากสมุน และได้ตังมาก็เอามาเปย์ผู้ และให้เด็กในสังกัดกินอดๆอยากๆ แต่ต้นทางน้ำมานั้น จำนวนมหาศาล ถึงขนาดที่ตรวจสอบบัญชีเพนกวิ้น มีไม่ต่ำกว่า ุ60 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลับเซิทหาได้เป็นข้อมูลจากทางการไทยเองและทรายเจริญปุระ ก็เคยออกมาคอนเฟิร์มเองด้วยซ้ำ
    คำถามว่า งบทำบอทไอโอ งบสร้างความวุ่นวายในนามกลุ่มทะลุวัง หรือ งบในการสร้างพรรค มันเอามาจากไหนกันนะ
    ก็พบว่ามีการสืบเส้นทางการเงินมีองค์กรอิสระองค์กรหนึ่งของต่างชาติ เป็นจุดเชื่อมโยงเงินจากบางคนในสหรัฐเข้ากระเป๋าคนเหล่านี้
    จนในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิด ด้วยการที่ผู้นำจิตวิญญาณของอนาคตใหม่หรือพรรคก้าวไกล ต่างเข้านอกออกในสถานฑูตสหรัฐประจำประเทศไทยเป็นว่าเล่น ไม่เว้นแม้แต่เสี่ยเพนกวิ้นเช่นกัน
    จนมาถึงวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ก้าวไกลเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรเป็นประมุข
    องค์กรแอมเนสตี้ ถึงขนาดออกอาการเหิมเกริม สั่งศาลรัฐธรรมนูญให้รีบกลับคำตัดสิน ซึ่งไม่เคยมีเหตุการละเมิดศาลจากองค์กรต่างชาติแบบนี้มาก่อนในประเทศไทย
    นอกจากนั้น ทูต 18 ประเทศ ที่ทำเกินหน้าที่การเป็นทูตประจำประเทศไทย รวมไปถึง สว.สหรัฐก็ออกมาขู่ศาลไทย อย่างกร่างๆ
    ดังนั้น ที่คิงส์โพธิ์แดงเคยให้ข้อมูลว่า เมกาคือผู้อยู่เ้บื้องหลัง
    ความพยายามในการก้าวก่าย และให้การสนับสนุนส่งเสริมกลุ่มคนที่ให้ร้ายจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตรย์มาโดยตลอดนั้น ก็คือสหรัฐอเมริกา
    ที่มีเป้าหมายในการแก้ไขม.112 นั้น มีความชัดเจนแม้ว่าหากตัดข้อนี้ไปพรรคอื่นๆก็พร้อมร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่เพราะเหตุใดทั้งพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล จึงยืนยันในจุดยืนนี้มาตลอด
    นั่นก็เพราะงบประมาณที่ให้การสนับสนุน ก็ให้มาทำเรื่องนี้โดยตรง
    เพราะการที่แก้ไขม112 โดยการให้ร้าย บิดเบือน พระมหากษัตย์ได้โดยผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยท ก็คุ้มค่าต่อความเสี่ยงที่จะปั้นแต่งปลุกปั่นให้คนไทยรุ่นใหม่ มีความชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสหรัฐไม่มีฐานทัพในโซนนี้ หากได้ประเทศไทยในการตั้งฐานทัพด้วยการสร้างสถานการณ์ต่างๆ ก็จะสามารถส่งจรวดไปจีนได้ในระยะวิถีกรณีมีความขัดแย้งกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ (ซึ่งข้อมูลเรื่องสหรัฐมีเป้าหมายตั้งฐานทัพในประเทศไทย มีหลักฐานอยู่ทั้งที่วิทยาลัยป้องกันราชอนาจักร และฝ่ายความมั่นคงจำนวนไม่น้อย)
    ....และโดยเฉพาะตอนนี้ จีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ใช้สูตรทางเศรษฐกิจและการลงทุนเข้ามาขายอนาเขตแบบเนียนๆทั้งกำพูชา สปปลาว และพม่าแล้ว เหลือแค่ไทยที่ขยับเข้ามาได้ยากกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากนักแต่ก็มาแล้วพอสมควรทีเดียว
    แต่สหรัฐที่ยังไม่สามารถมาตั้งฐานทัพในประเทศไทยหรือยึดประเทศไทยได้นั้น เพราะประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตรที่ทรงอยู่เหนือการเมือง เป็นผู้ทรงให้ทรงเมตตาต่อพสกนิกรในทุกยุคทุกรัชสมัยจวบถึงปัจจุบัน มีผู้จงรักษภักดีต่อพระองค์ที่รักษาปกป้องไว้ซึ่งสามสถาบันหลักที่ยืนหยัดมั่นคงในความเป็นชาติได้ ดังนั้น ม.112 จึงเป็นกูญแจสำคัญที่ก้าวไกลและอนาคตใหม่พยายามผลักดันกฏหมายด้วยวาทะกรรมต่างๆให้ผู้หมิ่นสถาบันผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยตามกฏหมายนั่นเอง ไม่มีสถาบันกษัตริย์ก็สิ้นชาติ
    หากสังเกตุให้ดีแม้กระทั่งมีเป้าหมายลดกำลังทหาร ก็เพื่อบั่นทอนความมั่นคงของชาติ โดยนำจุดบกพร่องเพียงส่วนน้อย มาตีให้เป็นเรื่อง่ส่วนใหญ่ เพื่อสร้างความชอบธรรมและได้คะแนนเสียงกับกลุ่มเด็กโตที่กำลังจะเกณฑ์และกลัวการเป็นทหารมาเป็นคะแนนเสียงร่วม และพฤติกรรมที่สร้างแนวคิดไม่ให้ลูกมีความกตัญญูกับพ่อแม่ นั่นก็เพราะเมื่อเด็กห่างอกพ่อแม่ก็จะสามารถชักจูงได้โดยง่าย และเป็นฐานมวลชนที่พวกเขาเหล่านี้จูงไปไหนก็ไป
    ดังนั้น ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่คิงส์โพธิ์แดง นำเสนอมาโดยตลอด และทุกอย่างในข้อมูลของโพสนี้ได้มอบให้นั้น ล้วนมีหลักฐาน มีพยานที่หาได้ไม่ยากเลย
    ยกตัวอย่างเช่น ภาพเพนกวิ้น ที่เข้านอกออกในสถานฑุตสหรัฐก็มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น
    ดังนั้นพี่น้องชาวไทยอย่าแปลกใจถึงการเคลื่อนไหวขององค์กรอิสระต่างชาติ หรือแม้กระทั่ง นาโต้ un รวมถึงความพยายามกดดันโดนทูตตะวันตกประจำประเทศไทย นั่นเพราะเรามีกลุ่มค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส-ต-ก-ยุ-ค อย่าธร ข่อ ปิยะบุตร และตัวแม่อย่างเจี๊ยบอมรัตน์ที่คิดว่าจะห-ล-อ-ก ใช้งบและอำนาจของสหรัฐและกลุ่มยุโรปเพื่อสานฝันของตัวเอง แต่แท้ที่จริงกลับถูกเค้าใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือยึดประเทศไทยเป็นฐานไม่รู้ตัว และมีคนอยากดังแบบพิธา ไอติม และสก็อยอย่างไอซ์ คนไม่อยากเป็นทหารอย่างจิรัฐ ก็มั่วๆรวมๆกันอยู่และยอมแลกความมั่นคงของชาติกับผลประโยชน์ส่วนตัว
    นับจากวันที่ 7 สิงหา 67 นี้ไป เราจะถูกรุมวิจารณ์และกดดันจากสหรัฐและพันธมิตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงองค์กรอิสระมากมาย
    คิงส์โพธิ์แดงจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยผู้รักชาติรับสถาบันร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตรย์ และ
    ช่วยเผยแพร่ความรู้นี้สู่พี่น้องชาวไทยเพื่อให้ประเทศไทยยังคงอยู่สืบไปนานเท่านาน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #นับจากนี้ไปคนไทยจะตาสว่างเสียที ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส ในประเทศไทย มีมาโดยตลอด แต่อดีตจะทำแบบแอบๆทำ รู้กันเฉพาะกลุ่ม ภายใต้หนังสือและเว็บไซต์ที่ชื่อฟ้าเดียวกันที่มีเนื้อหา ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ให้ร้ายต่อสถาบันกษัตรย์ คาดว่าในเวลานั้น ธนาธรใช้ทุนส่วนตัวในการเคลื่อนไหวอย่างไม่กระโตกกระตากนัก โดยมีนายชัยธวัชหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้ายก่อนถูกยุบเป็นบรรณาธิการอย่างเปิดเผย แต่วันหนึ่ง ธนาธร ช่อ และปิยบุตร เหมือนได้พลังวิเศษ คิดใหญ่ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งในช่วงแรก คนไทยยังรู้สึกถึงความหวังว่าการเมืองในประเทศไทย น่าจะเปลี่ยนไปได้ด้วยมือของคนรุ่นใหม่ ทำให้ได้คะแนนเสียงมากอย่างน่าตกใจ รวมถึงการนำระบบไอโอบอท มาใช้ก่อนใคร ปั้นกระแสทวิตเตอร์ กำหนดเทรนให้มีแต่เรื่องราวของพรรคอนาคตใหม่ ทำให้สื่อทุกสำนักวนเวียนอยู่แต่กับพรรคและคนของพรรคอนาคตใหม่เวลานั้น จนทำให้เกิดอุปทานหมู่ เวลาใครไปคอมเม้นตรงข้าม ก็ใช้บอทไอโอเข้าไปถล่ม จนคนคิดต่างไม่กล้าไปยุ่งเพราะเข้าใจว่า บอทไอโอคือคนจริงๆ เกิดปรากฏการคอมเม้นเป็นรูปส้มพร้อมกัน แต่เรื่องก็มาแตก ที่วิโรจน์ถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์มือถือหลายสิบเครื่องที่เป็นอุปกรณ์บอทไอโอที่นำเข้าระบบมาจากเวียดนาม แต่ตอนนี้ ทุกแพลตฟอร์มต่างปรับตัวและป้องกันบอทไอโอและลบแอคเค้าบอทออกจากระบบแทบเกลี้ยง ทำให้ทุกวันนี้แม้แต่ไลฟ์สดของหัวหน้าพรรคเอง หรือนายพิธาก็ยังมีคนดูแค่สามสี่ร้อยคน ยังรวมไปถึงการที่พรรคก้าวไกลไม่กล้าทำในสิ่งที่มีความเสี่ยงต่อกฏหมาย ก็ยังมีงบจำนวนมหาศาลที่มีหลักฐานและพยานว่าบุ้งได้รับมาจากการส่งภาพการก่อความวุ่นวายจากสมุน และได้ตังมาก็เอามาเปย์ผู้ และให้เด็กในสังกัดกินอดๆอยากๆ แต่ต้นทางน้ำมานั้น จำนวนมหาศาล ถึงขนาดที่ตรวจสอบบัญชีเพนกวิ้น มีไม่ต่ำกว่า ุ60 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลับเซิทหาได้เป็นข้อมูลจากทางการไทยเองและทรายเจริญปุระ ก็เคยออกมาคอนเฟิร์มเองด้วยซ้ำ คำถามว่า งบทำบอทไอโอ งบสร้างความวุ่นวายในนามกลุ่มทะลุวัง หรือ งบในการสร้างพรรค มันเอามาจากไหนกันนะ ก็พบว่ามีการสืบเส้นทางการเงินมีองค์กรอิสระองค์กรหนึ่งของต่างชาติ เป็นจุดเชื่อมโยงเงินจากบางคนในสหรัฐเข้ากระเป๋าคนเหล่านี้ จนในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิด ด้วยการที่ผู้นำจิตวิญญาณของอนาคตใหม่หรือพรรคก้าวไกล ต่างเข้านอกออกในสถานฑูตสหรัฐประจำประเทศไทยเป็นว่าเล่น ไม่เว้นแม้แต่เสี่ยเพนกวิ้นเช่นกัน จนมาถึงวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ก้าวไกลเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรเป็นประมุข องค์กรแอมเนสตี้ ถึงขนาดออกอาการเหิมเกริม สั่งศาลรัฐธรรมนูญให้รีบกลับคำตัดสิน ซึ่งไม่เคยมีเหตุการละเมิดศาลจากองค์กรต่างชาติแบบนี้มาก่อนในประเทศไทย นอกจากนั้น ทูต 18 ประเทศ ที่ทำเกินหน้าที่การเป็นทูตประจำประเทศไทย รวมไปถึง สว.สหรัฐก็ออกมาขู่ศาลไทย อย่างกร่างๆ ดังนั้น ที่คิงส์โพธิ์แดงเคยให้ข้อมูลว่า เมกาคือผู้อยู่เ้บื้องหลัง ความพยายามในการก้าวก่าย และให้การสนับสนุนส่งเสริมกลุ่มคนที่ให้ร้ายจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตรย์มาโดยตลอดนั้น ก็คือสหรัฐอเมริกา ที่มีเป้าหมายในการแก้ไขม.112 นั้น มีความชัดเจนแม้ว่าหากตัดข้อนี้ไปพรรคอื่นๆก็พร้อมร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่เพราะเหตุใดทั้งพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล จึงยืนยันในจุดยืนนี้มาตลอด นั่นก็เพราะงบประมาณที่ให้การสนับสนุน ก็ให้มาทำเรื่องนี้โดยตรง เพราะการที่แก้ไขม112 โดยการให้ร้าย บิดเบือน พระมหากษัตย์ได้โดยผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยท ก็คุ้มค่าต่อความเสี่ยงที่จะปั้นแต่งปลุกปั่นให้คนไทยรุ่นใหม่ มีความชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสหรัฐไม่มีฐานทัพในโซนนี้ หากได้ประเทศไทยในการตั้งฐานทัพด้วยการสร้างสถานการณ์ต่างๆ ก็จะสามารถส่งจรวดไปจีนได้ในระยะวิถีกรณีมีความขัดแย้งกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ (ซึ่งข้อมูลเรื่องสหรัฐมีเป้าหมายตั้งฐานทัพในประเทศไทย มีหลักฐานอยู่ทั้งที่วิทยาลัยป้องกันราชอนาจักร และฝ่ายความมั่นคงจำนวนไม่น้อย) ....และโดยเฉพาะตอนนี้ จีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ใช้สูตรทางเศรษฐกิจและการลงทุนเข้ามาขายอนาเขตแบบเนียนๆทั้งกำพูชา สปปลาว และพม่าแล้ว เหลือแค่ไทยที่ขยับเข้ามาได้ยากกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากนักแต่ก็มาแล้วพอสมควรทีเดียว แต่สหรัฐที่ยังไม่สามารถมาตั้งฐานทัพในประเทศไทยหรือยึดประเทศไทยได้นั้น เพราะประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตรที่ทรงอยู่เหนือการเมือง เป็นผู้ทรงให้ทรงเมตตาต่อพสกนิกรในทุกยุคทุกรัชสมัยจวบถึงปัจจุบัน มีผู้จงรักษภักดีต่อพระองค์ที่รักษาปกป้องไว้ซึ่งสามสถาบันหลักที่ยืนหยัดมั่นคงในความเป็นชาติได้ ดังนั้น ม.112 จึงเป็นกูญแจสำคัญที่ก้าวไกลและอนาคตใหม่พยายามผลักดันกฏหมายด้วยวาทะกรรมต่างๆให้ผู้หมิ่นสถาบันผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยตามกฏหมายนั่นเอง ไม่มีสถาบันกษัตริย์ก็สิ้นชาติ หากสังเกตุให้ดีแม้กระทั่งมีเป้าหมายลดกำลังทหาร ก็เพื่อบั่นทอนความมั่นคงของชาติ โดยนำจุดบกพร่องเพียงส่วนน้อย มาตีให้เป็นเรื่อง่ส่วนใหญ่ เพื่อสร้างความชอบธรรมและได้คะแนนเสียงกับกลุ่มเด็กโตที่กำลังจะเกณฑ์และกลัวการเป็นทหารมาเป็นคะแนนเสียงร่วม และพฤติกรรมที่สร้างแนวคิดไม่ให้ลูกมีความกตัญญูกับพ่อแม่ นั่นก็เพราะเมื่อเด็กห่างอกพ่อแม่ก็จะสามารถชักจูงได้โดยง่าย และเป็นฐานมวลชนที่พวกเขาเหล่านี้จูงไปไหนก็ไป ดังนั้น ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่คิงส์โพธิ์แดง นำเสนอมาโดยตลอด และทุกอย่างในข้อมูลของโพสนี้ได้มอบให้นั้น ล้วนมีหลักฐาน มีพยานที่หาได้ไม่ยากเลย ยกตัวอย่างเช่น ภาพเพนกวิ้น ที่เข้านอกออกในสถานฑุตสหรัฐก็มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น ดังนั้นพี่น้องชาวไทยอย่าแปลกใจถึงการเคลื่อนไหวขององค์กรอิสระต่างชาติ หรือแม้กระทั่ง นาโต้ un รวมถึงความพยายามกดดันโดนทูตตะวันตกประจำประเทศไทย นั่นเพราะเรามีกลุ่มค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส-ต-ก-ยุ-ค อย่าธร ข่อ ปิยะบุตร และตัวแม่อย่างเจี๊ยบอมรัตน์ที่คิดว่าจะห-ล-อ-ก ใช้งบและอำนาจของสหรัฐและกลุ่มยุโรปเพื่อสานฝันของตัวเอง แต่แท้ที่จริงกลับถูกเค้าใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือยึดประเทศไทยเป็นฐานไม่รู้ตัว และมีคนอยากดังแบบพิธา ไอติม และสก็อยอย่างไอซ์ คนไม่อยากเป็นทหารอย่างจิรัฐ ก็มั่วๆรวมๆกันอยู่และยอมแลกความมั่นคงของชาติกับผลประโยชน์ส่วนตัว นับจากวันที่ 7 สิงหา 67 นี้ไป เราจะถูกรุมวิจารณ์และกดดันจากสหรัฐและพันธมิตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงองค์กรอิสระมากมาย คิงส์โพธิ์แดงจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยผู้รักชาติรับสถาบันร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตรย์ และ ช่วยเผยแพร่ความรู้นี้สู่พี่น้องชาวไทยเพื่อให้ประเทศไทยยังคงอยู่สืบไปนานเท่านาน #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 1254 Views 0 Reviews