• อนุทินถูกวางยาจาก รมต.กลาโหมแล้ว,ประกาศเปิดด่าน แบบนี้ทำคนไทยผิดหวังทั้งประเทศไปเลย,อย่าเอาเศษเงินคนละครึ่งมาตบหัวแลกเปิดด่านช่วยเขมรนะ,เจ้าสัวกิจการใครต้องขุดออกมาประจานกันจริงๆแล้ว เจ้าสัวเหล่านี้คิดแต่ประโยชน์ของตนเอง,เอกชนต่างชาติที่มีกิจการในไทยก็ด้วยที่ใช้ไทยหาตังกับการค้าขายเขมร เร่งการเปิดด่านก็ด้วย,
    ..กฎอัยการศึกไร้น้ำยาจริงๆ.
    ..อนุทินจะต้องถูกยุบพรรคทันที,หากยังใช้คนไม่ถูกแบบนี้,ไม่เด็ดขาดตัดศักยภาพทางทหารศัตรู เสมือนคนยินยอมลงนามเปิดด่านคือไส้ศึกช่วยเพิ่มเสบียงเพิ่มกำลังศัตรูให้มีแรงมาทำสงครามกับไทยนั้นเอง,เสริมกำลังเสริมเสบียงให้พร้อมก่อนมารบกับไทยแบบรอบแรก,กักตุนเสบียงต่างๆทุกๆรูปแบบ หรือเร่งรีบต้องเปิดด่านช่วยเหลือเขมรชัดเจน,การประชุมนี้ถือว่าไม่มีสาระและประโยชน์อะไร เสียเวลาด้วย,สมควรยุบและยุติวิถีการเจรจานี้ทันที,เขมรต้องถูกปิดด่านถาวรจากฝั่งไทยทุกๆกรณีตลอดพรมแดน ไม่มีการเจรจาใดๆอีกต่อไปแม้ไม่มีการรบ จนกว่าเราจะสร้างรั้วลวดหนามกำแพงถาวรลวดหนามนี้เสร็จสมบูรณ์ตลอดแนวพรมแดนเขมรทั้งหมด,
    ..เราสามารถสร้างกำแพงในเขตพื้นที่ดินแดนเราเองทันทีได้ห่างจากเส้นศูนย์กลางปกติ10-20เมตร.จากเสาหมุดเขตแดนได้,โดยตรงแนวเส้นเสาหมุดที่เล็งตรงจากเสาต่อเสาหมุดเขตแดนเราล็อกด้วยพิกัดgpsถาวรได้,สร้างรั้วลวดหนามง่ายๆปกติธรรมดาแบบเสารั้วไทบ้านๆเราได้ต้นทุนไม่แพงให้รู้ว่าแนวนี้คือเขตไทยฝั่งไทย จากนั้นวัดเข้ามาฝั่งไทยดินแดนเราเองจากรั้วเขตแดนธรรมดาง่ายๆกันเขมรกับไทยนั้นวัดเข้ามาสักบวกลบ10-20เมตร เราสามารถสร้างกำแพงรั้วลวดหนามชนิดถาวรมั่นคงไปเลยต่ออีกชั้นหนึ่ง, เราสามารถเดินรถลาดตะเวนตลอดแนวลวดหนามถาวรได้,รั้วปกติธรรมดากั้นด่านแรก,ด่านสองรั้วกำแพงสูงถาวรลวดหนามกั้นอีกชั้น,ใช้งบ25,000บาทคนละครึ่งนั้นล่ะ,เราคนไทยเสียสละพร้อมใจกันไม่รับตังนี้,แล้วเร่งรีบเอาตังนี้ที่ต้องด่วนและด่วนที่สุดสร้างกั้นเขมรให้เสร็จโดยรวดเร็ว เราจะตัดตอนภัยคุกคามนี้อีกตัวไปได้ มันจะเป็นจะตายก็ประเทศของมันชาติเนรคุณทรยศนี้ เจ้าสัวเอกชนไทยและต่างชาติในไทยเสียดายโอกาสก็ปิดกิจการในไทยทันทีแล้วย้ายไปเขมรเสีย อย่ามาโคตรพ่อโคตรแมร่งมรึงเอาอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยเรามาสร้างรายได้กำไรมหาศาลหาแดกบนสนามรบสนามความขัดแย้งนี้ ในการทำกำไร,จะว่ามรึงไทยและเขมรรบกัน กูคนค้าขายไม่เกี่ยวหรือกูคนต่างชาติเปิดกิจการในไทยมรึงไม่เกี่ยว,รัฐบาลไทยมรึงต้องเปิดด่านให้อำนวยกูค้าขายทำเงิน ส่งเสบียงอาหารยาสะสมให้ทหารเขมรได้เสรีดีต่อการทำกำไรการค้ากูฝั่งเขมร,อธิปไตยไทยมรึงก็เรื่องของมรึงไม่เกี่ยวกับกูคนต่างชาติเจ้าสัวไทยแบบกูก็ได้วย.

    https://youtube.com/watch?v=l84ju69tsDQ&si=lulzR-gFbJ6y6haE
    อนุทินถูกวางยาจาก รมต.กลาโหมแล้ว,ประกาศเปิดด่าน แบบนี้ทำคนไทยผิดหวังทั้งประเทศไปเลย,อย่าเอาเศษเงินคนละครึ่งมาตบหัวแลกเปิดด่านช่วยเขมรนะ,เจ้าสัวกิจการใครต้องขุดออกมาประจานกันจริงๆแล้ว เจ้าสัวเหล่านี้คิดแต่ประโยชน์ของตนเอง,เอกชนต่างชาติที่มีกิจการในไทยก็ด้วยที่ใช้ไทยหาตังกับการค้าขายเขมร เร่งการเปิดด่านก็ด้วย, ..กฎอัยการศึกไร้น้ำยาจริงๆ. ..อนุทินจะต้องถูกยุบพรรคทันที,หากยังใช้คนไม่ถูกแบบนี้,ไม่เด็ดขาดตัดศักยภาพทางทหารศัตรู เสมือนคนยินยอมลงนามเปิดด่านคือไส้ศึกช่วยเพิ่มเสบียงเพิ่มกำลังศัตรูให้มีแรงมาทำสงครามกับไทยนั้นเอง,เสริมกำลังเสริมเสบียงให้พร้อมก่อนมารบกับไทยแบบรอบแรก,กักตุนเสบียงต่างๆทุกๆรูปแบบ หรือเร่งรีบต้องเปิดด่านช่วยเหลือเขมรชัดเจน,การประชุมนี้ถือว่าไม่มีสาระและประโยชน์อะไร เสียเวลาด้วย,สมควรยุบและยุติวิถีการเจรจานี้ทันที,เขมรต้องถูกปิดด่านถาวรจากฝั่งไทยทุกๆกรณีตลอดพรมแดน ไม่มีการเจรจาใดๆอีกต่อไปแม้ไม่มีการรบ จนกว่าเราจะสร้างรั้วลวดหนามกำแพงถาวรลวดหนามนี้เสร็จสมบูรณ์ตลอดแนวพรมแดนเขมรทั้งหมด, ..เราสามารถสร้างกำแพงในเขตพื้นที่ดินแดนเราเองทันทีได้ห่างจากเส้นศูนย์กลางปกติ10-20เมตร.จากเสาหมุดเขตแดนได้,โดยตรงแนวเส้นเสาหมุดที่เล็งตรงจากเสาต่อเสาหมุดเขตแดนเราล็อกด้วยพิกัดgpsถาวรได้,สร้างรั้วลวดหนามง่ายๆปกติธรรมดาแบบเสารั้วไทบ้านๆเราได้ต้นทุนไม่แพงให้รู้ว่าแนวนี้คือเขตไทยฝั่งไทย จากนั้นวัดเข้ามาฝั่งไทยดินแดนเราเองจากรั้วเขตแดนธรรมดาง่ายๆกันเขมรกับไทยนั้นวัดเข้ามาสักบวกลบ10-20เมตร เราสามารถสร้างกำแพงรั้วลวดหนามชนิดถาวรมั่นคงไปเลยต่ออีกชั้นหนึ่ง, เราสามารถเดินรถลาดตะเวนตลอดแนวลวดหนามถาวรได้,รั้วปกติธรรมดากั้นด่านแรก,ด่านสองรั้วกำแพงสูงถาวรลวดหนามกั้นอีกชั้น,ใช้งบ25,000บาทคนละครึ่งนั้นล่ะ,เราคนไทยเสียสละพร้อมใจกันไม่รับตังนี้,แล้วเร่งรีบเอาตังนี้ที่ต้องด่วนและด่วนที่สุดสร้างกั้นเขมรให้เสร็จโดยรวดเร็ว เราจะตัดตอนภัยคุกคามนี้อีกตัวไปได้ มันจะเป็นจะตายก็ประเทศของมันชาติเนรคุณทรยศนี้ เจ้าสัวเอกชนไทยและต่างชาติในไทยเสียดายโอกาสก็ปิดกิจการในไทยทันทีแล้วย้ายไปเขมรเสีย อย่ามาโคตรพ่อโคตรแมร่งมรึงเอาอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยเรามาสร้างรายได้กำไรมหาศาลหาแดกบนสนามรบสนามความขัดแย้งนี้ ในการทำกำไร,จะว่ามรึงไทยและเขมรรบกัน กูคนค้าขายไม่เกี่ยวหรือกูคนต่างชาติเปิดกิจการในไทยมรึงไม่เกี่ยว,รัฐบาลไทยมรึงต้องเปิดด่านให้อำนวยกูค้าขายทำเงิน ส่งเสบียงอาหารยาสะสมให้ทหารเขมรได้เสรีดีต่อการทำกำไรการค้ากูฝั่งเขมร,อธิปไตยไทยมรึงก็เรื่องของมรึงไม่เกี่ยวกับกูคนต่างชาติเจ้าสัวไทยแบบกูก็ได้วย. https://youtube.com/watch?v=l84ju69tsDQ&si=lulzR-gFbJ6y6haE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือด่วนที่สุดถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แจ้งเรื่องระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติม โดยบรรจุเรื่องด่วนที่ 8 พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพิ่มเติมในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 20 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 เป็นพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่ประชุมวิป 2 ฝ่าย ไม่สามารถตกลงกันได้

    -ไร้ปัญหาข้อกฎหมาย
    -ไม่มีคำตอบจาก"ภูมิธรรม"
    -ภาค 1 ซีลชายแดน 16 กม.
    -การเมืองเซกระทบเบิกงบ
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือด่วนที่สุดถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แจ้งเรื่องระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติม โดยบรรจุเรื่องด่วนที่ 8 พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพิ่มเติมในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 20 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 เป็นพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่ประชุมวิป 2 ฝ่าย ไม่สามารถตกลงกันได้ -ไร้ปัญหาข้อกฎหมาย -ไม่มีคำตอบจาก"ภูมิธรรม" -ภาค 1 ซีลชายแดน 16 กม. -การเมืองเซกระทบเบิกงบ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ด่วนที่สุด! พรรคประชาชนแถลงมีมติโหวต ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ เป็นนายกฯ คนที่ 32
    https://www.thai-tai.tv/news/21279/
    .
    #ไทยไท #พรรคประชาชน #อนุทินชาญวีรกูล #ภูมิใจไทย #โหวตนายก #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ด่วนที่สุด! พรรคประชาชนแถลงมีมติโหวต ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ เป็นนายกฯ คนที่ 32 https://www.thai-tai.tv/news/21279/ . #ไทยไท #พรรคประชาชน #อนุทินชาญวีรกูล #ภูมิใจไทย #โหวตนายก #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วนที่สุด! พรรคประชาชนมีมติโหวต “อนุทิน” เป็นนายกฯ เตรียมลงนามข้อตกลงร่วมกับภูมิใจไทยพรุ่งนี้เช้า
    https://www.thai-tai.tv/news/21272/
    .
    #ไทยไท #พรรคประชาชน #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #โหวตนายก #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ด่วนที่สุด! พรรคประชาชนมีมติโหวต “อนุทิน” เป็นนายกฯ เตรียมลงนามข้อตกลงร่วมกับภูมิใจไทยพรุ่งนี้เช้า https://www.thai-tai.tv/news/21272/ . #ไทยไท #พรรคประชาชน #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #โหวตนายก #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ด่วนที่สุด
    เห็นด้วยกับท่าน พล.อ.รังษี ทันทีที่ เมกาเข้ามาใช้ท่าเรือ ท่านฮุ้น จะต้องหาเรื่องไทย เพราะลูกพี่มาแล้ว ที่น่าตกใจคือ เมกา จะใช้สนามบินที่เกาะกง กองทัพรู้ไหม มาต้องให้ทัพเรือโชว์ฝีมือ ยึดคืนเกาะกง ก่อน เครื่องบิน บีสอง มาเกาะกง

    https://www.youtube.com/live/MyF1iJfW_kI?si=3NKtpI-9mpGMS58Q
    #ด่วนที่สุด เห็นด้วยกับท่าน พล.อ.รังษี ทันทีที่ เมกาเข้ามาใช้ท่าเรือ ท่านฮุ้น จะต้องหาเรื่องไทย เพราะลูกพี่มาแล้ว ที่น่าตกใจคือ เมกา จะใช้สนามบินที่เกาะกง กองทัพรู้ไหม มาต้องให้ทัพเรือโชว์ฝีมือ ยึดคืนเกาะกง ก่อน เครื่องบิน บีสอง มาเกาะกง https://www.youtube.com/live/MyF1iJfW_kI?si=3NKtpI-9mpGMS58Q
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • พุทธังสแกนจ่ายแก้ทุจริต ดึงวัดเข้าระบบ e-Donation

    ข่าวอื้อฉาววงการสงฆ์ ไล่ตั้งแต่สมีแย้มวัดไร่ขิง ต่อด้วยผู้หญิงสิบบาป สีกากอล์ฟกับพระชั้นผู้ใหญ่เย่อกันคาผ้าเหลืองทั่วไทย เคสล่าสุดอย่างเจ้าคุณอลงกตแห่งวัดพระบาทน้ำพุ มีทั้งข่าวนำเงินวัดไปให้สีกา นำเงินวัดไปใช้ในทางที่ผิด และพระภิกษุสงฆ์เข้าสู่การพนันออนไลน์ สะเทือนใจพุทธศาสนิกชน ยิ่งสาวลึกยิ่งหวั่นไหวกับผลประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะตู้รับบริจาคที่รับเงินสดๆ ทั้งเหรียญและธนบัตร พุทธังเอากะตังใส่ตู้ ธัมมังเอากะตังใส่ตู้ สังฆังเอากะตังใส่ตู้ เอาแค่กรณีสมีแย้มกับวัดไร่ขิง เคยมีตู้บริจาคมากถึง 200 ตู้ รายได้เฉลี่ย 5 หมื่นถึง 1 แสนบาท ยิ่งช่วงเทศกาลหรืองานวัด รายได้วันละมากกว่า 1 ล้านบาท ส่งเงินสดแผนกการเงินของวัดทุกวัน แต่การเงินวัดติดลบเพราะทุจริต เรื่องแดงถึงขั้นติดคุก

    ตำนานวัดกับการทุจริตที่พบเห็นได้บ่อย หนึ่งในนั้นคือใบอนุโมทนาบัตร ที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 10% ข่าวฉาวในอดีตพบว่ามีการขายใบอนุโมทนาบัตรในท้องตลาด บางคนใช้วิธีบริจาคให้วัด 100 บาท แต่ขอให้พระเขียนใบอนุโมทนาบัตร 10,000 บาทก็มี ครั้งหนึ่งอธิบดีกรมสรรพากร ยุคนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ถึงกับบ่นว่าโกงกันเยอะขึ้น กรมไม่รู้เลยจ่ายจริงหรือไม่จริง ตรวจไม่ได้ เป็นบาป ที่รู้เยอะเพราะมีคนมาบอก เอามาขาย และเห็นขายกันในท้องตลาด บาปซ้ำสองเลย แม้ที่ผ่านมาพยายามกระตุ้นให้บริจาคผ่านอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังพบว่าวัดจำนวนมากยังไม่เข้าระบบ

    มาถึงยุคนายปิ่นสาย สุรัสวดี ตัดสินใจร่อนหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาทุกวัด ไปเข้าระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) พร้อมปรับปรุงกฎหมายกำหนดให้การบริจาคให้แก่วัดวาอาราม มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่างๆ ซึ่งผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาค หรือหักรายจ่ายการบริจาค ต้องใช้ระบบ e-Donation ของกรมสรรพากรเท่านั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป เท่ากับว่าใบอนุโมทนาบัตรได้แต่บุญ แต่ลดหย่อนภาษีไม่ได้แล้ว ผู้มีจิตศรัทธาต้องสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร และยินยอมส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรเท่านั้น ข้อมูลการบริจาคจะอยู่ในระบบ D-MyTax ของกรมสรรพากร ดึงไปใช้ยื่นแบบภาษีได้ทันที

    ข้อมูลจากกรมสรรพากร พบว่ามีศาสนสถานที่เข้าร่วมระบบ e-Donation รวม 39,299 แห่ง มีธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐให้บริการ e-Donation 11 แห่ง ขณะนี้สำนักงานสรรพากรพื้นที่ได้อำนวยความสะดวกแก่วัดในการลงทะเบียน และประสานธนาคารในพื้นที่เพื่อขอ QR Code หรือ Bar Code รับบริจาคผ่านธนาคารต่อไป

    #Newskit
    พุทธังสแกนจ่ายแก้ทุจริต ดึงวัดเข้าระบบ e-Donation ข่าวอื้อฉาววงการสงฆ์ ไล่ตั้งแต่สมีแย้มวัดไร่ขิง ต่อด้วยผู้หญิงสิบบาป สีกากอล์ฟกับพระชั้นผู้ใหญ่เย่อกันคาผ้าเหลืองทั่วไทย เคสล่าสุดอย่างเจ้าคุณอลงกตแห่งวัดพระบาทน้ำพุ มีทั้งข่าวนำเงินวัดไปให้สีกา นำเงินวัดไปใช้ในทางที่ผิด และพระภิกษุสงฆ์เข้าสู่การพนันออนไลน์ สะเทือนใจพุทธศาสนิกชน ยิ่งสาวลึกยิ่งหวั่นไหวกับผลประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะตู้รับบริจาคที่รับเงินสดๆ ทั้งเหรียญและธนบัตร พุทธังเอากะตังใส่ตู้ ธัมมังเอากะตังใส่ตู้ สังฆังเอากะตังใส่ตู้ เอาแค่กรณีสมีแย้มกับวัดไร่ขิง เคยมีตู้บริจาคมากถึง 200 ตู้ รายได้เฉลี่ย 5 หมื่นถึง 1 แสนบาท ยิ่งช่วงเทศกาลหรืองานวัด รายได้วันละมากกว่า 1 ล้านบาท ส่งเงินสดแผนกการเงินของวัดทุกวัน แต่การเงินวัดติดลบเพราะทุจริต เรื่องแดงถึงขั้นติดคุก ตำนานวัดกับการทุจริตที่พบเห็นได้บ่อย หนึ่งในนั้นคือใบอนุโมทนาบัตร ที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 10% ข่าวฉาวในอดีตพบว่ามีการขายใบอนุโมทนาบัตรในท้องตลาด บางคนใช้วิธีบริจาคให้วัด 100 บาท แต่ขอให้พระเขียนใบอนุโมทนาบัตร 10,000 บาทก็มี ครั้งหนึ่งอธิบดีกรมสรรพากร ยุคนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ถึงกับบ่นว่าโกงกันเยอะขึ้น กรมไม่รู้เลยจ่ายจริงหรือไม่จริง ตรวจไม่ได้ เป็นบาป ที่รู้เยอะเพราะมีคนมาบอก เอามาขาย และเห็นขายกันในท้องตลาด บาปซ้ำสองเลย แม้ที่ผ่านมาพยายามกระตุ้นให้บริจาคผ่านอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังพบว่าวัดจำนวนมากยังไม่เข้าระบบ มาถึงยุคนายปิ่นสาย สุรัสวดี ตัดสินใจร่อนหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาทุกวัด ไปเข้าระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) พร้อมปรับปรุงกฎหมายกำหนดให้การบริจาคให้แก่วัดวาอาราม มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่างๆ ซึ่งผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาค หรือหักรายจ่ายการบริจาค ต้องใช้ระบบ e-Donation ของกรมสรรพากรเท่านั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป เท่ากับว่าใบอนุโมทนาบัตรได้แต่บุญ แต่ลดหย่อนภาษีไม่ได้แล้ว ผู้มีจิตศรัทธาต้องสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร และยินยอมส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรเท่านั้น ข้อมูลการบริจาคจะอยู่ในระบบ D-MyTax ของกรมสรรพากร ดึงไปใช้ยื่นแบบภาษีได้ทันที ข้อมูลจากกรมสรรพากร พบว่ามีศาสนสถานที่เข้าร่วมระบบ e-Donation รวม 39,299 แห่ง มีธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐให้บริการ e-Donation 11 แห่ง ขณะนี้สำนักงานสรรพากรพื้นที่ได้อำนวยความสะดวกแก่วัดในการลงทะเบียน และประสานธนาคารในพื้นที่เพื่อขอ QR Code หรือ Bar Code รับบริจาคผ่านธนาคารต่อไป #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าฯ สงขลาโต้หนังสือด่วนที่สุดเชิญอำนวยความสะดวก รมช.มหาดไทย เป็นของปลอม ยันไม่ได้ลงนามเอง แต่พบลายเซ็นในเอกสารดังกล่าวตรงกับเอกสารราชการที่เคยเผยแพร่ก่อนหน้านี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078656

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ผู้ว่าฯ สงขลาโต้หนังสือด่วนที่สุดเชิญอำนวยความสะดวก รมช.มหาดไทย เป็นของปลอม ยันไม่ได้ลงนามเอง แต่พบลายเซ็นในเอกสารดังกล่าวตรงกับเอกสารราชการที่เคยเผยแพร่ก่อนหน้านี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078656 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • เฟซบุ๊กเพจ Army Military Force โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ด่วนที่สุด!!!! เขมรเหิมเกริมหนัก! เข้าปลดธงชาติไทยทิ้ง พบยังรื้อรั้วลวดหนามหีบเพลงออกเกลี้ยงที่ทางทหารไทยติดตั้งเอาไว้บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตาโมก ห่างปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันตก 1 กิโลเมตร”
    .
    ทั้งนี้ บริเวณจุ๊บตาโมกคือจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN2 ได้รับบาดเจ็บขาขาด 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077611

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เฟซบุ๊กเพจ Army Military Force โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ด่วนที่สุด!!!! เขมรเหิมเกริมหนัก! เข้าปลดธงชาติไทยทิ้ง พบยังรื้อรั้วลวดหนามหีบเพลงออกเกลี้ยงที่ทางทหารไทยติดตั้งเอาไว้บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตาโมก ห่างปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันตก 1 กิโลเมตร” . ทั้งนี้ บริเวณจุ๊บตาโมกคือจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN2 ได้รับบาดเจ็บขาขาด 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077611 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเวลา 12.16 น. เฟซบุ๊กเพจ Army Military Force โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ด่วนที่สุด!!!! เขมรเหิมเกริมหนัก! เข้าปลดธงชาติไทยทิ้ง พบยังรื้อรั้วลวดหนามหีบเพลงออกเกลี้ยงที่ทางทหารไทยติดตั้งเอาไว้บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตาโมก ห่างปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันตก 1 กิโลเมตร”
    .
    ทั้งนี้ บริเวณจุ๊บตาโมกคือจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN2 ได้รับบาดเจ็บขาขาด 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000077616

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เมื่อเวลา 12.16 น. เฟซบุ๊กเพจ Army Military Force โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ด่วนที่สุด!!!! เขมรเหิมเกริมหนัก! เข้าปลดธงชาติไทยทิ้ง พบยังรื้อรั้วลวดหนามหีบเพลงออกเกลี้ยงที่ทางทหารไทยติดตั้งเอาไว้บริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตาโมก ห่างปราสาทตาเมือนธมไปทางตะวันตก 1 กิโลเมตร” . ทั้งนี้ บริเวณจุ๊บตาโมกคือจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN2 ได้รับบาดเจ็บขาขาด 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000077616 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 939 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารพระราชาไทยควรตัดสินใจยึดอำนาจ ตัดตอนบริบททั้งหมดของdeep stateและกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์ที่สุ่มหัวกันตัังแต่ต้นโดยเด่นชัดคือเอาโทนี่มาไทย ชูเพื่อไทยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนและทุนฝรั่งทัังหมดด้วยในประเทศไทยทั้งสมคบคิดกับเขมรหมายยึดทรัพยากรมีค่ามากมายในอ่าวไทยซ้ำเติมจากที่ยึดครองไปอีกตลอดจนสมยอมให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสนามสงครามเองพร้อมปิดล้อมเพื่อสู้กับจีนในอนาคตอีก จุดชนวนหาข้ออ้างเข้ามาในอาเชียนนั้นเองของฝั่งฝรั่งด้วย อเมริกาบวกตาขี้ข้าฝรั่งเศสบ๋อยอเมริกาก็ด้วยอยากได้บ่อน้ำมันเพิ่มในอ่าวไทยนี้เองเพื่อเป็นพลังงานอีกมิติด้านสงครามก็ด้วย ดูดใกล้ไม่ต้องขนส่งมาเติมไกลๆ ไทยอินโดฯมีพร้อมเตรียมทำสงครามกับจีนได้นั้นเอง,
    ..ทหารพระราชาเราจะทำอะไรก็เด็ดขาดเถอะ,เช่น ชิงประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไว้ก่อน ให้ทหารไทยเรา กองกำลังปกป้องอธิปไตยไทยเราทั้งหมดทำงานไร้อุปสรรคและเต็มที่มิใช่แบบยุทธปืนคอนั้น,ยิงแต่ปืนคอนะจ๊ะ,ทหารพราน ทหารตชด.ตำรวจภายในประเทศจะจับมือสามัคคีกันทันทีเพื่อปกป้องภัยทั้งจากภายในคือกบฎทรยศแผ่นดินไทยและภายนอกแบบเขมรแบบอเมริกาแบบฝรั่งเศส สามารถเชิญฑูตอเมริกาและฝรั่งเศสออกจากประเทศไทยไปก่อนได้เลย,เพื่อตัดตอนใช้ไทยเป็นฐานทำสงครามกับจีน,นี้คืออำนาจเด็ดขาดที่จะสร้างสรรคยุทธวิธีทางสงครามทุกๆรูปแบบได้ ระดมผู้มีความรู้ความสามารถอิสระทั่วไทยได้ตลอดเวลา มีสภาคคล่องการปรับกลยุทธได้หมด จะสงครามการตังการค้าการเศรษฐกิจ สงครามตัวแทนแบบจะใช้ไทยกับเขมรจุดฉนวนขึ้น,สงครามไซเบอร์ใดๆ, และอื่นๆเราตัดตอนตัดหมากตัดกำลังมันได้หมดหรือตัดไฟแต่ต้นลมได้,ถ้าทหารพระราชายังนิ่งดูดากประมาทเลินเล่อดูเบา ตามน้ำหรือสมยอมกับรัฐบาลปัจจุบันสาขาเขมร1รุ่นมาลี2แบบนีั สู้ไม่ได้หรอก,เหลี่ยมมันเยอะ,ต้องร่วมมือกับภาคทหารประชาชนจริงจังด้วย สื่อไทยตื่นรู้มาฝั่งทหารเพื่อชาติเมืองก็มากแล้ว คณะรวมพลังแผ่นดินคือแนวร่วมของทัพประชาชนที่ดีที่สุด,จะไปจับมือกับสามกีบชูสามนิ้วเหรอหรือกปปส.พรรคร่วมต่างๆนั้น,ล้วนคือพวกอนุรักษ์นิยมเก่าทั้งสิ้นตลอดฝ่ายค้านทั้งหมดด้วยไร้ราคาหมด,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยพร้อมประชาชนทั้งประเทศจับมือกับฝ่ายทหารพระราชาฝ่าวิกฤติภัยศัตรูของชาติไทยเราได้แน่นอน,ยึดอำนาจเถอะ,นี้ก็พ้น4สิงหาแล้ว,อย่าตามหมากบนกระดานของอีลิทของdeep stateฝรั่งประจำประเทศไทยและพวกเดอะแก๊งอำมาตย์อนุรักษ์นิยมเก่าเลย,เหลี่ยมแบบเจรจามาเลย์โดยสไตล์การใช้อำนาจฝ่ายเจ้าเล่ห์นักการเมืองมันธรรมดาที่ไหน,ยิงกันจะชนะเสือกตีรีตาเหลือกรีบช่วยเขมรช่วยอเมริกาจะซวยไปยิงฐานทัพอเมริกาที่ชลบุรีจะเสียหมาอเมริกาแค่ไหนแผนจะไปเป็นไปตามแผนหากไทยตีถึงพนมเปรตนรกนั้น,เหลี่ยมฝรั่งจึงสั่งเหลี่ยมประจำประเทศไทยกับเพื่อนสนิทมรึงรีบหามุกหยุดทหารพระราชาที่เป็นฝ่ายตรงข้ามมรึงให้ด่วนถึงด่วนที่สุดทันทีมันว่า,เลยเหี้ยไง ทหารไทยเราเสียเหลี่ยมมันนะ เห็นมั้ยนี้ล่ะอันตรายของการไม่เด็ดขาดประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ อำนาจทหารไทยจะเต็มแนวรบแนวปฏิบัติทางสงครามทั้งหมดทันที,ถ้าเป็นแบบนี้ฝันเลยจะเอาชนะอเมริกาได้และคนทรยศประจำประเทศไทยปกตินี้,จะชนะอเมริกามันไม่ยากอะไรเลย,มีมากมายหลากหลายวิธี,จริงๆอเมริกามันล่มสลายล้มละลายไปนานแล้ว ไร้ค่าไร้ราคานานแล้ว,แค่ผีบ้ามีอาวุธนิวเคลียร์สะสมมานานแค่นั้น,จะฆ่าจีนล้างหนี้ก็ได้หากมองบริบทแบบพื้นๆไม่เอานัยยะผีบ้าสภากาแล็กติกหรือแผนแหกตาละครบ้าบอมันมาหักมุมเพิ่มเติม,แต่ดีที่สุด อเมริกาจะยุ่งวุ่นวายภายในเรรไม่ได้เลยคือยึดอำนาจโดยคณะรวมพลังแผ่นดินที่มีทหารนำทัพยืนเคียงข้าง ฝรั่งจะปากไม่ออก จากนั้นกวาดล้างกำจัดคนทรยศภายในชาติไทยเราได้สบาย,เขมรมียิงใส่เราช่วงนี้ เปิดมา ไปเกิดทั้งประเทศแน่นอน ฮุนเซนฮุนมาเนตจะถูกไล่ล่าจริงทันที,สายลับพันธมิตรไทยและไทยเราเองจะจัดเดอะทีมไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตเด็ดหัวทันทีพร้อมกับการโจมตีตรงที่ทำงานบ้านพักฮุนเซนฮุนมาเนตทั้งหมดที่ระบุว่าคือฐานบัญชาการสั่งการ,มันกะเข้าอินโดแปซิฟิก สมาชิกตีกันเอง คือไทย ตีเขมร ,อเมริกเจ้าบ้านอินโดแปซิฟิกจะเป็นกลางล่ะมรึงเอย,ต่างจากคนนอกสมาชิกแสดงว่าตีกันเต็มที่อเมริกาคือกรรมการ,ทหารเขมรตายแบบเต็มพรมแดนอเมริกามรึงต้องตบหัวเขมรบอกมันให้ไปเก็บศพทั้งหมดให้ญาติทหารเขมรมรึงทันทีหากทำสันดานไม่ดีเสียภาพลักษณ์สมาชิกอินโดแปซิฟิก ทหารตายไม่ต้องเก็บศพก็ได้อเมริกาอนุมัติหลักการนี้เห็นดีงามเลิศวิธีคิดอ่านของเขมร ไม่ต้องมีมนุษยธรรมให้คุณค่ากับทหารภายใต้คนสมาชิกอินโดแปซิฟิก,อเมริกาคงเอาหน้าชูเกียรติเชิดหน้าท้าโลกค้ำชูเขมรอย่างได้หน้าได้ตามีหน้า มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปพร้อมกับเขมรแน่นอน อเมริการางวัลทหารตายไม่ต้องเก็บศพระดับโลก,สุดยอดกว่ารางวัลสันติภาพโลกล่ะ.
    ทหารพระราชาไทยควรตัดสินใจยึดอำนาจ ตัดตอนบริบททั้งหมดของdeep stateและกลุ่มอนุรักษ์นิยมอำมาตย์ที่สุ่มหัวกันตัังแต่ต้นโดยเด่นชัดคือเอาโทนี่มาไทย ชูเพื่อไทยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนและทุนฝรั่งทัังหมดด้วยในประเทศไทยทั้งสมคบคิดกับเขมรหมายยึดทรัพยากรมีค่ามากมายในอ่าวไทยซ้ำเติมจากที่ยึดครองไปอีกตลอดจนสมยอมให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสนามสงครามเองพร้อมปิดล้อมเพื่อสู้กับจีนในอนาคตอีก จุดชนวนหาข้ออ้างเข้ามาในอาเชียนนั้นเองของฝั่งฝรั่งด้วย อเมริกาบวกตาขี้ข้าฝรั่งเศสบ๋อยอเมริกาก็ด้วยอยากได้บ่อน้ำมันเพิ่มในอ่าวไทยนี้เองเพื่อเป็นพลังงานอีกมิติด้านสงครามก็ด้วย ดูดใกล้ไม่ต้องขนส่งมาเติมไกลๆ ไทยอินโดฯมีพร้อมเตรียมทำสงครามกับจีนได้นั้นเอง, ..ทหารพระราชาเราจะทำอะไรก็เด็ดขาดเถอะ,เช่น ชิงประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไว้ก่อน ให้ทหารไทยเรา กองกำลังปกป้องอธิปไตยไทยเราทั้งหมดทำงานไร้อุปสรรคและเต็มที่มิใช่แบบยุทธปืนคอนั้น,ยิงแต่ปืนคอนะจ๊ะ,ทหารพราน ทหารตชด.ตำรวจภายในประเทศจะจับมือสามัคคีกันทันทีเพื่อปกป้องภัยทั้งจากภายในคือกบฎทรยศแผ่นดินไทยและภายนอกแบบเขมรแบบอเมริกาแบบฝรั่งเศส สามารถเชิญฑูตอเมริกาและฝรั่งเศสออกจากประเทศไทยไปก่อนได้เลย,เพื่อตัดตอนใช้ไทยเป็นฐานทำสงครามกับจีน,นี้คืออำนาจเด็ดขาดที่จะสร้างสรรคยุทธวิธีทางสงครามทุกๆรูปแบบได้ ระดมผู้มีความรู้ความสามารถอิสระทั่วไทยได้ตลอดเวลา มีสภาคคล่องการปรับกลยุทธได้หมด จะสงครามการตังการค้าการเศรษฐกิจ สงครามตัวแทนแบบจะใช้ไทยกับเขมรจุดฉนวนขึ้น,สงครามไซเบอร์ใดๆ, และอื่นๆเราตัดตอนตัดหมากตัดกำลังมันได้หมดหรือตัดไฟแต่ต้นลมได้,ถ้าทหารพระราชายังนิ่งดูดากประมาทเลินเล่อดูเบา ตามน้ำหรือสมยอมกับรัฐบาลปัจจุบันสาขาเขมร1รุ่นมาลี2แบบนีั สู้ไม่ได้หรอก,เหลี่ยมมันเยอะ,ต้องร่วมมือกับภาคทหารประชาชนจริงจังด้วย สื่อไทยตื่นรู้มาฝั่งทหารเพื่อชาติเมืองก็มากแล้ว คณะรวมพลังแผ่นดินคือแนวร่วมของทัพประชาชนที่ดีที่สุด,จะไปจับมือกับสามกีบชูสามนิ้วเหรอหรือกปปส.พรรคร่วมต่างๆนั้น,ล้วนคือพวกอนุรักษ์นิยมเก่าทั้งสิ้นตลอดฝ่ายค้านทั้งหมดด้วยไร้ราคาหมด,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยพร้อมประชาชนทั้งประเทศจับมือกับฝ่ายทหารพระราชาฝ่าวิกฤติภัยศัตรูของชาติไทยเราได้แน่นอน,ยึดอำนาจเถอะ,นี้ก็พ้น4สิงหาแล้ว,อย่าตามหมากบนกระดานของอีลิทของdeep stateฝรั่งประจำประเทศไทยและพวกเดอะแก๊งอำมาตย์อนุรักษ์นิยมเก่าเลย,เหลี่ยมแบบเจรจามาเลย์โดยสไตล์การใช้อำนาจฝ่ายเจ้าเล่ห์นักการเมืองมันธรรมดาที่ไหน,ยิงกันจะชนะเสือกตีรีตาเหลือกรีบช่วยเขมรช่วยอเมริกาจะซวยไปยิงฐานทัพอเมริกาที่ชลบุรีจะเสียหมาอเมริกาแค่ไหนแผนจะไปเป็นไปตามแผนหากไทยตีถึงพนมเปรตนรกนั้น,เหลี่ยมฝรั่งจึงสั่งเหลี่ยมประจำประเทศไทยกับเพื่อนสนิทมรึงรีบหามุกหยุดทหารพระราชาที่เป็นฝ่ายตรงข้ามมรึงให้ด่วนถึงด่วนที่สุดทันทีมันว่า,เลยเหี้ยไง ทหารไทยเราเสียเหลี่ยมมันนะ เห็นมั้ยนี้ล่ะอันตรายของการไม่เด็ดขาดประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ อำนาจทหารไทยจะเต็มแนวรบแนวปฏิบัติทางสงครามทั้งหมดทันที,ถ้าเป็นแบบนี้ฝันเลยจะเอาชนะอเมริกาได้และคนทรยศประจำประเทศไทยปกตินี้,จะชนะอเมริกามันไม่ยากอะไรเลย,มีมากมายหลากหลายวิธี,จริงๆอเมริกามันล่มสลายล้มละลายไปนานแล้ว ไร้ค่าไร้ราคานานแล้ว,แค่ผีบ้ามีอาวุธนิวเคลียร์สะสมมานานแค่นั้น,จะฆ่าจีนล้างหนี้ก็ได้หากมองบริบทแบบพื้นๆไม่เอานัยยะผีบ้าสภากาแล็กติกหรือแผนแหกตาละครบ้าบอมันมาหักมุมเพิ่มเติม,แต่ดีที่สุด อเมริกาจะยุ่งวุ่นวายภายในเรรไม่ได้เลยคือยึดอำนาจโดยคณะรวมพลังแผ่นดินที่มีทหารนำทัพยืนเคียงข้าง ฝรั่งจะปากไม่ออก จากนั้นกวาดล้างกำจัดคนทรยศภายในชาติไทยเราได้สบาย,เขมรมียิงใส่เราช่วงนี้ เปิดมา ไปเกิดทั้งประเทศแน่นอน ฮุนเซนฮุนมาเนตจะถูกไล่ล่าจริงทันที,สายลับพันธมิตรไทยและไทยเราเองจะจัดเดอะทีมไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตเด็ดหัวทันทีพร้อมกับการโจมตีตรงที่ทำงานบ้านพักฮุนเซนฮุนมาเนตทั้งหมดที่ระบุว่าคือฐานบัญชาการสั่งการ,มันกะเข้าอินโดแปซิฟิก สมาชิกตีกันเอง คือไทย ตีเขมร ,อเมริกเจ้าบ้านอินโดแปซิฟิกจะเป็นกลางล่ะมรึงเอย,ต่างจากคนนอกสมาชิกแสดงว่าตีกันเต็มที่อเมริกาคือกรรมการ,ทหารเขมรตายแบบเต็มพรมแดนอเมริกามรึงต้องตบหัวเขมรบอกมันให้ไปเก็บศพทั้งหมดให้ญาติทหารเขมรมรึงทันทีหากทำสันดานไม่ดีเสียภาพลักษณ์สมาชิกอินโดแปซิฟิก ทหารตายไม่ต้องเก็บศพก็ได้อเมริกาอนุมัติหลักการนี้เห็นดีงามเลิศวิธีคิดอ่านของเขมร ไม่ต้องมีมนุษยธรรมให้คุณค่ากับทหารภายใต้คนสมาชิกอินโดแปซิฟิก,อเมริกาคงเอาหน้าชูเกียรติเชิดหน้าท้าโลกค้ำชูเขมรอย่างได้หน้าได้ตามีหน้า มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปพร้อมกับเขมรแน่นอน อเมริการางวัลทหารตายไม่ต้องเก็บศพระดับโลก,สุดยอดกว่ารางวัลสันติภาพโลกล่ะ.
    ขณะที่กัมพูชาเข้าอินโด-แปซิฟิก ไทยควรถอนตัว : คนเคาะข่าว 04-08-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    https://www.youtube.com/watch?v=GdvvSmVHHIM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" ลงพื้นที่สอบพยานหลายจังหวัดที่พบความผิดปกติ ส่วนพยานอ้างถูกข่มขู่เตรียมพิจารณาใช้กล้องบันทึกภาพ ยืนยันหลักฐานการทำหน้าที่

    จากกรณี นายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อำนาจเจริญ ทำหนังสือลับ ด่วนที่สุดที่ อจ 0018.2/3 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อง รายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 2 ราย ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเครื่องหมายใดๆ ที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยได้เข้าไปในบ้านของอดีตผู้สมัคร สว. และถอดปลั๊กไฟของกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้มีการบันทึกภาพและเสียงและพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้บังคับให้อดีตผู้สมัคร สว. รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อวันที่ 5 พ.ค.68 ซึ่งอาจเป็นการสร้างเงื่อนไข หรือสร้างความชอบธรรมให้กับบางกลุ่มหรือไม่ หรืออาจเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของดีเอสไอหรือไม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000043099

    #MGROnline #ดีเอสไอ
    "ดีเอสไอ" ลงพื้นที่สอบพยานหลายจังหวัดที่พบความผิดปกติ ส่วนพยานอ้างถูกข่มขู่เตรียมพิจารณาใช้กล้องบันทึกภาพ ยืนยันหลักฐานการทำหน้าที่ • จากกรณี นายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อำนาจเจริญ ทำหนังสือลับ ด่วนที่สุดที่ อจ 0018.2/3 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อง รายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 2 ราย ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเครื่องหมายใดๆ ที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยได้เข้าไปในบ้านของอดีตผู้สมัคร สว. และถอดปลั๊กไฟของกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้มีการบันทึกภาพและเสียงและพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้บังคับให้อดีตผู้สมัคร สว. รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อวันที่ 5 พ.ค.68 ซึ่งอาจเป็นการสร้างเงื่อนไข หรือสร้างความชอบธรรมให้กับบางกลุ่มหรือไม่ หรืออาจเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของดีเอสไอหรือไม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000043099 • #MGROnline #ดีเอสไอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft รายงานถึงการโจมตีช่องโหว่ใหม่ในระบบปฏิบัติการ Windows ที่เรียกว่า CVE-2025-29824 โดยมีคะแนนความรุนแรงถึง 7.8/10 ช่องโหว่นี้ถูกใช้งานโดยกลุ่มแฮ็กเกอร์ Storm-2460 ที่ใช้ประโยชน์จากบั๊กประเภท Use-After-Free ใน Windows Common Log File System Driver (CLFS)

    == วิธีการทำงานของช่องโหว่ ==
    การยกระดับสิทธิ์หลังจากเข้าถึงระบบ:
    - ช่องโหว่นี้ไม่สามารถถูกใช้ได้หากไม่มีการเข้าถึงระบบก่อน แต่หลังจากแฮ็กเกอร์สามารถเจาะระบบได้ พวกเขาสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อยกระดับสิทธิ์และควบคุมระบบในระดับผู้ดูแล

    PipeMagic และ RansomEXX:
    - แฮ็กเกอร์จะติดตั้งมัลแวร์ PipeMagic ซึ่งเป็น backdoor trojan ที่ช่วยให้พวกเขาติดตั้ง ransomware ได้อย่างง่ายดาย
    - ในกรณีนี้ พวกเขาใช้ ransomware ชื่อ RansomEXX เพื่อเข้ารหัสข้อมูลและเรียกร้องค่าไถ่

    เป้าหมายการโจมตี:
    - กลุ่ม Storm-2460 เลือกโจมตีองค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น IT, การเงิน และค้าปลีก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐฯ, เวเนซุเอลา, สเปน และซาอุดีอาระเบีย

    == คำแนะนำจาก Microsoft ==
    อัปเดตแพตช์ด่วนที่สุด:
    - Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้งานเร่งติดตั้งแพตช์เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่อาจถูกใช้ในการโจมตี

    เสริมการป้องกันหลายชั้น:
    - บริษัทต่าง ๆ ควรพิจารณาใช้มาตรการเสริม เช่น ระบบตรวจจับการโจมตี (Intrusion Detection Systems) และการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-exploit-zero-day-common-log-file-system-vulnerability-to-plant-ransomware
    Microsoft รายงานถึงการโจมตีช่องโหว่ใหม่ในระบบปฏิบัติการ Windows ที่เรียกว่า CVE-2025-29824 โดยมีคะแนนความรุนแรงถึง 7.8/10 ช่องโหว่นี้ถูกใช้งานโดยกลุ่มแฮ็กเกอร์ Storm-2460 ที่ใช้ประโยชน์จากบั๊กประเภท Use-After-Free ใน Windows Common Log File System Driver (CLFS) == วิธีการทำงานของช่องโหว่ == ✅ การยกระดับสิทธิ์หลังจากเข้าถึงระบบ: - ช่องโหว่นี้ไม่สามารถถูกใช้ได้หากไม่มีการเข้าถึงระบบก่อน แต่หลังจากแฮ็กเกอร์สามารถเจาะระบบได้ พวกเขาสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อยกระดับสิทธิ์และควบคุมระบบในระดับผู้ดูแล ✅ PipeMagic และ RansomEXX: - แฮ็กเกอร์จะติดตั้งมัลแวร์ PipeMagic ซึ่งเป็น backdoor trojan ที่ช่วยให้พวกเขาติดตั้ง ransomware ได้อย่างง่ายดาย - ในกรณีนี้ พวกเขาใช้ ransomware ชื่อ RansomEXX เพื่อเข้ารหัสข้อมูลและเรียกร้องค่าไถ่ ✅ เป้าหมายการโจมตี: - กลุ่ม Storm-2460 เลือกโจมตีองค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น IT, การเงิน และค้าปลีก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐฯ, เวเนซุเอลา, สเปน และซาอุดีอาระเบีย == คำแนะนำจาก Microsoft == 💡 อัปเดตแพตช์ด่วนที่สุด: - Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้งานเร่งติดตั้งแพตช์เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่อาจถูกใช้ในการโจมตี 💡 เสริมการป้องกันหลายชั้น: - บริษัทต่าง ๆ ควรพิจารณาใช้มาตรการเสริม เช่น ระบบตรวจจับการโจมตี (Intrusion Detection Systems) และการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด https://www.techradar.com/pro/security/hackers-exploit-zero-day-common-log-file-system-vulnerability-to-plant-ransomware
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hackers exploit zero-day Common Log File System vulnerability to plant ransomware
    A group known as Storm-2460 is using the bug to deploy the RansomEXX variant.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเด็นหลักในการประชุมของปูตินที่ศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งในการเดินทางมาที่ภูมิภาคเคิร์สก์:

    ภารกิจของเราที่ด่วนที่สุดตอนนี้ คือการเอาชนะศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตเคิร์สก์ และปลดปล่อยพื้นที่ดังกล่าวให้หมดสิ้น

    ผู้ที่ต่อต้านรัสเซียในเขตเคิร์สก์รวมทั้งผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย จะได้รับการปฏิบัติช่นเดียวกับสถานะผู้ก่อการร้าย แต่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมเช่นกัน

    ทหารรับจ้างต่างชาติไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที)

    จะต้องมีการพิจารณาสร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนของรัฐ

    ปูตินขอบคุณผู้นำของคณะเสนาธิการทหารบกและหน่วยงานที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับการทำงานในภูมิภาคเคิร์สก์
    .

    ต่อไปนี้เป็นรายงานของหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารบก เกราซิมอฟ:

    กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนมากกว่า 1,100 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์

    กองทัพยูเครนสูญเสียผู้คนไปกว่า 67,000 คนในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์

    เคียฟต้องการสร้างสะพานเชื่อมในภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อให้สถานการณ์เป็นเครื่องต่อรอง แต่ล้มเหลว

    ปฏิบัติการส่งกองทัพรัสเซียมุดท่อส่งก๊าซไปยังเมืองซูดจา สร้างความแตกตื่นให้กับฝ่ายกองทัพยูเครนเป็นอย่างมาก และพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก

    กองกำลังติดอาวุธยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ถูกล้อม โดดเดี่ยว และถูกทำลายอย่างเป็นระบบ

    ในบางพื้นที่ กองกำลังรัสเซียบางส่วนจากชายแดนเคิร์สก์ได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ภูมิภาคซูมี (ดินแดนยูเครน)

    นักรบกองกำลังติดอาวุธยูเครนซึ่งเห็นถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์กำลังยอมจำนนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดวันนี้ 430 นาย ยอมมอบตัวเพิ่มเติม
    ประเด็นหลักในการประชุมของปูตินที่ศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งในการเดินทางมาที่ภูมิภาคเคิร์สก์: ▪️ ภารกิจของเราที่ด่วนที่สุดตอนนี้ คือการเอาชนะศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตเคิร์สก์ และปลดปล่อยพื้นที่ดังกล่าวให้หมดสิ้น ▪️ ผู้ที่ต่อต้านรัสเซียในเขตเคิร์สก์รวมทั้งผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย จะได้รับการปฏิบัติช่นเดียวกับสถานะผู้ก่อการร้าย แต่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมเช่นกัน ▪️ ทหารรับจ้างต่างชาติไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที) ▪️ จะต้องมีการพิจารณาสร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนของรัฐ ▪️ ปูตินขอบคุณผู้นำของคณะเสนาธิการทหารบกและหน่วยงานที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับการทำงานในภูมิภาคเคิร์สก์ . ต่อไปนี้เป็นรายงานของหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารบก เกราซิมอฟ: ▪️ กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนมากกว่า 1,100 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์ ▪️ กองทัพยูเครนสูญเสียผู้คนไปกว่า 67,000 คนในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์ ▪️ เคียฟต้องการสร้างสะพานเชื่อมในภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อให้สถานการณ์เป็นเครื่องต่อรอง แต่ล้มเหลว ▪️ ปฏิบัติการส่งกองทัพรัสเซียมุดท่อส่งก๊าซไปยังเมืองซูดจา สร้างความแตกตื่นให้กับฝ่ายกองทัพยูเครนเป็นอย่างมาก และพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก ▪️กองกำลังติดอาวุธยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ถูกล้อม โดดเดี่ยว และถูกทำลายอย่างเป็นระบบ ▪️ในบางพื้นที่ กองกำลังรัสเซียบางส่วนจากชายแดนเคิร์สก์ได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ภูมิภาคซูมี (ดินแดนยูเครน) ▪️นักรบกองกำลังติดอาวุธยูเครนซึ่งเห็นถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์กำลังยอมจำนนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดวันนี้ 430 นาย ยอมมอบตัวเพิ่มเติม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 591 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • "ผู้นำฝ่ายค้าน" ทำนส.ด่วนที่สุด โต้ “ปธ.สภา” ชี้ไม่มีอำนาจแก้ญัตติ ยันข้อบังคับไม่ห้ามเอ่ย “บุคคลภายนอก”
    https://www.thai-tai.tv/news/17588/
    "ผู้นำฝ่ายค้าน" ทำนส.ด่วนที่สุด โต้ “ปธ.สภา” ชี้ไม่มีอำนาจแก้ญัตติ ยันข้อบังคับไม่ห้ามเอ่ย “บุคคลภายนอก” https://www.thai-tai.tv/news/17588/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วันนอร์” ทำ นส.ด่วนที่สุดถึง “ณัฐพงษ์” แก้เนื้อหาญัตติซักฟอก “นายกฯอิ๊งค์” เอาชื่อ “ทักษิณ” ออก
    https://www.thai-tai.tv/news/17542/
    “วันนอร์” ทำ นส.ด่วนที่สุดถึง “ณัฐพงษ์” แก้เนื้อหาญัตติซักฟอก “นายกฯอิ๊งค์” เอาชื่อ “ทักษิณ” ออก https://www.thai-tai.tv/news/17542/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ประธานวันนอร์” ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง “เท้ง” แก้เนื้อหาญัตติซักฟอก “รบ.แพทองธาร” เอาชื่อ “ทักษิณ” ออก เหตุเป็นคนนอก ไม่สามารถชี้แจงในสภาได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022278

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ประธานวันนอร์” ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง “เท้ง” แก้เนื้อหาญัตติซักฟอก “รบ.แพทองธาร” เอาชื่อ “ทักษิณ” ออก เหตุเป็นคนนอก ไม่สามารถชี้แจงในสภาได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022278 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1475 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีเอสไอพบหลักฐานเด็ด! ขบวนการ “ฮั้วเลือก ส.ว.” อั้งยี่-ซ่องโจร-ฟอกเงิน โพยลับทำที่อยุธยา-ปทุมธานี-นครนายก

    ดีเอสไอเปิดโปงขบวนการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พบหลักฐานโยงข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน จัดทำโพยลับที่อยุธยา ปทุมธานี นครนายก พร้อมแฉพฤติกรรมการกระทำที่ซับซ้อน มีหลักฐานชัดเจน!

    เปิดโปงขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. DSI ส่งเอกสารลับถึง กกต. กลายเป็นคดีใหญ่สะเทือนวงการเมือง เมื่อมีเอกสารลับระดับ "ด่วนที่สุด" หลุดออกมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ส่งถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเอกสารดังกล่าว ระบุถึงผลการพิจารณาสืบสวน ตามคำร้องที่เกี่ยวข้องกับกรณีฮั้วเลือก ส.ว.

    จากการสอบสวน DSI พบว่ามีมูลความผิดตามข้อกล่าวหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน โดยเป็นการกระทำเป็นขบวนการ วางแผนล่วงหน้า เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ อย่างไม่ชอบธรรม ซึ่งขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับบุคคลจำนวนมาก

    สาระสำคัญของเอกสารลับ ดีเอสไอขอให้ กกต. พิจารณาว่า จะรับดำเนินคดีเองในส่วนใดบ้าง และให้ตอบกลับภายในวันที่ 10 ก.พ. 2568

    แต่จนถึงปัจจุบัน กกต. ยังไม่มีการตอบกลับ

    เผยขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. อั้งยี่ระดับชาติ วางแผนล่วงหน้า จากผลสอบสวน DSI มีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะเชื่อได้ว่า ขบวนการอั้งยี่นี้มีอยู่จริง และมีการฟอกเงิน เพื่อสนับสนุนการดำเนินการ โดยพบว่า มีการจัดทำโพยฮั้วเลือก ส.ว. เป็นจำนวน 2 ชุด แต่ละชุดประกอบไปด้วย 7 คน

    โพยฮั้วเลือก ส.ว. มีอะไรบ้าง?
    สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือก 138 คน มีรายชื่ออยู่ในโพย อีก 2 คน อยู่ในลำดับสำรอง ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการวางแผน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติโดยมิชอบ

    ความผิดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
    - พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2563 มาตรา 977 (3)
    - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่)
    - พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

    เป้าหมายของขบวนการนี้
    ขบวนการนี้มีเป้าหมายชัดเจนคือ การแทรกแซงการเลือก ส.ว. เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ส.ว. เริ่มต้น

    วิธีการดำเนินงาน ซับซ้อนแ ละเป็นองค์กรอาชญากรรม
    จากการสอบสวน DSI พบว่าขบวนการนี้ ดำเนินงานเป็นระบบ และมีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน

    ลักษณะการดำเนินงานของขบวนการฮั้วเลือก ส.ว.
    มีโครงสร้างแบบองค์กรอาชญากรรม มีลำดับชั้น และการแบ่งหน้าที่อย่างเป็นระบบ
    ฝ่ายไอทีเตรียมโปรแกรมคำนวณคะแนน เพื่อกำหนดผลลัพธ์ของการลงคะแนน ให้เป็นไปตามแผน
    จัดทำโพยฮั้วเลือก ส.ว. เพื่อกำหนดรายชื่อ ผู้ที่จะได้รับเลือกตามแผน
    เตรียมบุคคลที่เรียกว่า "พลีชีพ" ทำหน้าที่ลงคะแนนให้ตรงตามโพย
    วางแผนซับซ้อนและอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
    เชื่อมโยงกับบุคคล ที่ยังไม่สามารถระบุตัวได้ทั้งหมด

    สถานที่จัดทำโพยฮั้ว
    ดีเอสไอพบว่า ขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. จัดทำโพยใน 3 จังหวัดหลัก ได้แก่
    - พระนครศรีอยุธยา
    - ปทุมธานี
    - นครนายก

    ค่าตอบแทน เงินหมุนเวียนในขบวนการฮั้วเลือก ส.ว.
    ดีเอสไอพบว่าขบวนการนี้ มีการ จ่ายค่าตอบแทน ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับต่างๆ

    อัตราค่าตอบแทน:
    ระดับอำเภอ 5,000 บาท
    ระดับจังหวัด 10,000 บาท
    ระดับประเทศ 40,000 - 100,000 บาท

    โบนัสพิเศษ:
    100,000 บาท หากสามารถทำให้ผู้สมัคร ได้รับเลือกเกิน 120 คน
    มัดจำล่วงหน้า 20,000 บาท และจ่ายส่วนที่เหลือหลัง กกต. รับรองผล

    DSI พบหลักฐานเด็ด! ขบวนการฮั้วเลือก ส.ว.
    หลักฐานสำคัญที่พบ
    ผลการเลือก ส.ว. ตรงกับโพยฮั้ว 100%
    สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือก 138 คน มีชื่ออยู่ในโพย
    2 คน อยู่ในลำดับสำรอง รวมทั้งหมด 140 คน ตรงตามโพย
    พบ การแจกเสื้อสีเหลือง และการจัดรถตู้ไปรวมตัวที่เมืองทองธานี

    DSI พร้อมเดินหน้าคดีพิเศษ
    คดีฮั้วเลือก ส.ว. ครั้งนี้ถือเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ซับซ้อน มีขบวนการวางแผนที่ชัดเจน และมีบุคคลเกี่ยวข้องจำนวนมาก

    ดีเอสไอได้ขอให้ กกต. ตอบกลับภายในวันที่ 10 ก.พ. 68 ว่าจะดำเนินการในส่วนใดบ้าง แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ได้รับคำตอบ

    ความคืบหน้าของคดีนี้จะเป็นอย่างไร? ใครอยู่เบื้องหลัง? และสุดท้ายจะมีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องหรือไม่? ติดตามต่อไป!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252327 ก.พ. 2568

    #ฮั้วเลือกสว #DSI #อั้งยี่ #ซ่องโจร #ฟอกเงิน #เลือกตั้ง #การเมืองไทย #คดีพิเศษ #ข่าวด่วน #ข่าวใหญ่
    ดีเอสไอพบหลักฐานเด็ด! ขบวนการ “ฮั้วเลือก ส.ว.” 🚨 อั้งยี่-ซ่องโจร-ฟอกเงิน โพยลับทำที่อยุธยา-ปทุมธานี-นครนายก 📌 ดีเอสไอเปิดโปงขบวนการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พบหลักฐานโยงข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน จัดทำโพยลับที่อยุธยา ปทุมธานี นครนายก พร้อมแฉพฤติกรรมการกระทำที่ซับซ้อน มีหลักฐานชัดเจน! 🔎 เปิดโปงขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. DSI ส่งเอกสารลับถึง กกต. กลายเป็นคดีใหญ่สะเทือนวงการเมือง เมื่อมีเอกสารลับระดับ "ด่วนที่สุด" หลุดออกมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ส่งถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเอกสารดังกล่าว ระบุถึงผลการพิจารณาสืบสวน ตามคำร้องที่เกี่ยวข้องกับกรณีฮั้วเลือก ส.ว. จากการสอบสวน DSI พบว่ามีมูลความผิดตามข้อกล่าวหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน โดยเป็นการกระทำเป็นขบวนการ วางแผนล่วงหน้า เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ อย่างไม่ชอบธรรม ซึ่งขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับบุคคลจำนวนมาก 📌 สาระสำคัญของเอกสารลับ ดีเอสไอขอให้ กกต. พิจารณาว่า จะรับดำเนินคดีเองในส่วนใดบ้าง และให้ตอบกลับภายในวันที่ 10 ก.พ. 2568 แต่จนถึงปัจจุบัน กกต. ยังไม่มีการตอบกลับ 🚨 เผยขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. อั้งยี่ระดับชาติ วางแผนล่วงหน้า จากผลสอบสวน DSI มีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะเชื่อได้ว่า ขบวนการอั้งยี่นี้มีอยู่จริง และมีการฟอกเงิน เพื่อสนับสนุนการดำเนินการ โดยพบว่า มีการจัดทำโพยฮั้วเลือก ส.ว. เป็นจำนวน 2 ชุด แต่ละชุดประกอบไปด้วย 7 คน 📌 โพยฮั้วเลือก ส.ว. มีอะไรบ้าง? สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือก 138 คน มีรายชื่ออยู่ในโพย อีก 2 คน อยู่ในลำดับสำรอง ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการวางแผน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติโดยมิชอบ 📌 ความผิดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย - พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2563 มาตรา 977 (3) - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่) - พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 💰 เป้าหมายของขบวนการนี้ ขบวนการนี้มีเป้าหมายชัดเจนคือ การแทรกแซงการเลือก ส.ว. เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ส.ว. เริ่มต้น 🔥 วิธีการดำเนินงาน ซับซ้อนแ ละเป็นองค์กรอาชญากรรม จากการสอบสวน DSI พบว่าขบวนการนี้ ดำเนินงานเป็นระบบ และมีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน 🕵️‍♂️ ลักษณะการดำเนินงานของขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. ✅ มีโครงสร้างแบบองค์กรอาชญากรรม มีลำดับชั้น และการแบ่งหน้าที่อย่างเป็นระบบ ✅ ฝ่ายไอทีเตรียมโปรแกรมคำนวณคะแนน เพื่อกำหนดผลลัพธ์ของการลงคะแนน ให้เป็นไปตามแผน ✅ จัดทำโพยฮั้วเลือก ส.ว. เพื่อกำหนดรายชื่อ ผู้ที่จะได้รับเลือกตามแผน ✅ เตรียมบุคคลที่เรียกว่า "พลีชีพ" ทำหน้าที่ลงคะแนนให้ตรงตามโพย ✅ วางแผนซับซ้อนและอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ✅ เชื่อมโยงกับบุคคล ที่ยังไม่สามารถระบุตัวได้ทั้งหมด 📌 สถานที่จัดทำโพยฮั้ว ดีเอสไอพบว่า ขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. จัดทำโพยใน 3 จังหวัดหลัก ได้แก่ - พระนครศรีอยุธยา - ปทุมธานี - นครนายก 💰 ค่าตอบแทน เงินหมุนเวียนในขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. ดีเอสไอพบว่าขบวนการนี้ มีการ จ่ายค่าตอบแทน ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับต่างๆ 📌 อัตราค่าตอบแทน: 🏛️ ระดับอำเภอ 5,000 บาท 🏛️ ระดับจังหวัด 10,000 บาท 🏛️ ระดับประเทศ 40,000 - 100,000 บาท 📌 โบนัสพิเศษ: 💰 100,000 บาท หากสามารถทำให้ผู้สมัคร ได้รับเลือกเกิน 120 คน 💰 มัดจำล่วงหน้า 20,000 บาท และจ่ายส่วนที่เหลือหลัง กกต. รับรองผล 🔎 DSI พบหลักฐานเด็ด! ขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. 📌 หลักฐานสำคัญที่พบ ✔️ ผลการเลือก ส.ว. ตรงกับโพยฮั้ว 100% ✔️ สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือก 138 คน มีชื่ออยู่ในโพย ✔️ 2 คน อยู่ในลำดับสำรอง รวมทั้งหมด 140 คน ตรงตามโพย ✔️ พบ การแจกเสื้อสีเหลือง และการจัดรถตู้ไปรวมตัวที่เมืองทองธานี 📢 DSI พร้อมเดินหน้าคดีพิเศษ 📌 คดีฮั้วเลือก ส.ว. ครั้งนี้ถือเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ซับซ้อน มีขบวนการวางแผนที่ชัดเจน และมีบุคคลเกี่ยวข้องจำนวนมาก 📌 ดีเอสไอได้ขอให้ กกต. ตอบกลับภายในวันที่ 10 ก.พ. 68 ว่าจะดำเนินการในส่วนใดบ้าง แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ได้รับคำตอบ ⚖️ ความคืบหน้าของคดีนี้จะเป็นอย่างไร? ใครอยู่เบื้องหลัง? และสุดท้ายจะมีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องหรือไม่? ติดตามต่อไป! 📌 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252327 ก.พ. 2568 #ฮั้วเลือกสว #DSI #อั้งยี่ #ซ่องโจร #ฟอกเงิน #เลือกตั้ง #การเมืองไทย #คดีพิเศษ #ข่าวด่วน #ข่าวใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1433 มุมมอง 0 รีวิว
  • “องค์การค้า สกสค.” ถอย! ยกเลิกประกาศผู้ชนะ งานพิมพ์แบบเรียนปี 68 “ก.บัญชีกลาง” ชี้ไม่สมบูรณ์
    .
    “องค์การค้า สกสค.” จ๋อย! ถูก “กรมบัญชีกลาง” สั่งยกเลิกประกาศผู้ชนะงานพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน ที่เพิ่งประกาศให้ “วรรณชาติเพรส” ผู้ยื่นประมูลรายเดียวกวาดเรียบ 145 รายการ ชี้การแข่งขันไม่สมบูรณ์ เผย “รมว.ศธ.” เคยสั่งให้ยกเลิกแล้ว เหตุมีปัญหาในระบบจัดซื้อฯ แต่องค์การค้าฯกลับเดินหน้าต่อ จนถูก “กรมบัญชีกลาง” เบรกหัวทิ่ม
    .
    จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เปิดประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินงบประมาณ 1,060 ล้านบาท ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เมื่อวันที่ 28 ม.ค.68 และต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 ได้ประกาศให้ บริษัท วรรณชาติเพรส (2020) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ยื่นเสนอราคาเพียงรายเดียว เป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างพิมพ์ฯทั้ง 145 รายการนั้น
    .
    วันนี้ (17 ก.พ.68) องค์การค้าของ สกสค.ได้ออกประกาศเรื่อง ยกเลิกประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคา จ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ลงนามโดย นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ รองเลขาธิการ สกสค. รักษาการแทนเลขาธิการ สกสค.
    .
    โดยเนื้อหาระบุว่า ตามประกาศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสติภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เรื่อง ประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ตามเอกสารประกวดราคาเลขที่ D64.1/2567 ลงวันที่ 25 ธ.ค.67 ซึ่งกำหนดยื่นเสนอราคาในวันที่ 28 ม.ค.68 ปรากฏว่ามีผู้ยื่นเอกสารเสนอราคาเพียงรายเดียว และได้ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 7 ก.พ.68
    .
    องค์การค้าของ สกสค.พิจารณาตามหนังสือ
    คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด
    ที่ กค (กวจ) 0405.3/ว350 ลงวันที่ 23 ก.ค.62 ประกอบหนังสือคณะกรรมการวิวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/5774 ลงวันที่ 11 ก.พ.68 โดยเห็นควรยกเลิกเนื่องจากเห็นว่าเป็นการแข่งขันไม่สมบูรณ์ องค์การค้าของ สกสค. จึงขอยกเลิกประกาศผู้ชนะการเสนอราคาดังกล่าว ประกาศ ณ วันที่ 17 ก.พ.68
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 ม.ค.68 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ ก็ได้แนวทางการดำเนินการหลังทราบว่า มีผู้ยื่นเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 เพียงรายเดียวว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ได้สั่งการยกเลิกประกวดราคาฯครั้งนี้ เพื่อความโปร่งใส เนื่องจากเกิดจากปัญหาในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และมีรายงานว่า องค์การค้าของ สกสค. ได้ทำหนังสือสอบถาม กรมบัญชีกลาง เพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องของการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนประจำปี 2568 ที่มีผู้ยื่นเสนอราคาเพียงรายเดียวด้วย
    .
    อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 องค์การค้าของ สกสค. กลับออกมีประกาศลงนามโดย นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ให้ บริษัท วรรณชาติเพรส (2020) จำกัด เป็นผู้ชนะการเสนอราคาประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ กระทั่ง คณะกรรมการวิวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ได้มีหลังสือลงวันที่ 11 ก.พ.68 เห็นควรยกเลิก เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแข่งขันไม่สมบูรณ์ทางองค์การค้าของ สกสค.จึงออกประกาศยกเลิกในที่สุด.
    ..............
    Sondhi X
    “องค์การค้า สกสค.” ถอย! ยกเลิกประกาศผู้ชนะ งานพิมพ์แบบเรียนปี 68 “ก.บัญชีกลาง” ชี้ไม่สมบูรณ์ . “องค์การค้า สกสค.” จ๋อย! ถูก “กรมบัญชีกลาง” สั่งยกเลิกประกาศผู้ชนะงานพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน ที่เพิ่งประกาศให้ “วรรณชาติเพรส” ผู้ยื่นประมูลรายเดียวกวาดเรียบ 145 รายการ ชี้การแข่งขันไม่สมบูรณ์ เผย “รมว.ศธ.” เคยสั่งให้ยกเลิกแล้ว เหตุมีปัญหาในระบบจัดซื้อฯ แต่องค์การค้าฯกลับเดินหน้าต่อ จนถูก “กรมบัญชีกลาง” เบรกหัวทิ่ม . จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เปิดประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินงบประมาณ 1,060 ล้านบาท ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เมื่อวันที่ 28 ม.ค.68 และต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 ได้ประกาศให้ บริษัท วรรณชาติเพรส (2020) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ยื่นเสนอราคาเพียงรายเดียว เป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างพิมพ์ฯทั้ง 145 รายการนั้น . วันนี้ (17 ก.พ.68) องค์การค้าของ สกสค.ได้ออกประกาศเรื่อง ยกเลิกประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคา จ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ลงนามโดย นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ รองเลขาธิการ สกสค. รักษาการแทนเลขาธิการ สกสค. . โดยเนื้อหาระบุว่า ตามประกาศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสติภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เรื่อง ประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ตามเอกสารประกวดราคาเลขที่ D64.1/2567 ลงวันที่ 25 ธ.ค.67 ซึ่งกำหนดยื่นเสนอราคาในวันที่ 28 ม.ค.68 ปรากฏว่ามีผู้ยื่นเอกสารเสนอราคาเพียงรายเดียว และได้ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 7 ก.พ.68 . องค์การค้าของ สกสค.พิจารณาตามหนังสือ คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.3/ว350 ลงวันที่ 23 ก.ค.62 ประกอบหนังสือคณะกรรมการวิวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/5774 ลงวันที่ 11 ก.พ.68 โดยเห็นควรยกเลิกเนื่องจากเห็นว่าเป็นการแข่งขันไม่สมบูรณ์ องค์การค้าของ สกสค. จึงขอยกเลิกประกาศผู้ชนะการเสนอราคาดังกล่าว ประกาศ ณ วันที่ 17 ก.พ.68 . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 ม.ค.68 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ ก็ได้แนวทางการดำเนินการหลังทราบว่า มีผู้ยื่นเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 เพียงรายเดียวว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ได้สั่งการยกเลิกประกวดราคาฯครั้งนี้ เพื่อความโปร่งใส เนื่องจากเกิดจากปัญหาในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และมีรายงานว่า องค์การค้าของ สกสค. ได้ทำหนังสือสอบถาม กรมบัญชีกลาง เพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องของการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนประจำปี 2568 ที่มีผู้ยื่นเสนอราคาเพียงรายเดียวด้วย . อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 องค์การค้าของ สกสค. กลับออกมีประกาศลงนามโดย นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ให้ บริษัท วรรณชาติเพรส (2020) จำกัด เป็นผู้ชนะการเสนอราคาประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ กระทั่ง คณะกรรมการวิวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ได้มีหลังสือลงวันที่ 11 ก.พ.68 เห็นควรยกเลิก เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแข่งขันไม่สมบูรณ์ทางองค์การค้าของ สกสค.จึงออกประกาศยกเลิกในที่สุด. .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1757 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศ ณ 24 ธันวาคม 2567
    ร่วมลงชื่อ
    https://forms.gle/dM75jew76W59eDjo6
    เสนอให้มีกฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันเชื้อชีวภาพที่ร้ายแรง

    สืบเนื่องจากโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อไวรัสปัจจุบันไม่ใช่เชื้อตามธรรมชาติ แต่มีการตัดต่อพันธุกรรมสร้างเชื้อรุนแรงให้เกิดการระบาดได้ง่าย ดังเช่น เชื้อไวรัสโควิดจากห้องแล็บ( Lab)ที่เมือง อู่ฮั่น ในประเทศจีนและ ที่สิงคโปร์
    เชื้อโรคร้ายที่สร้างขึ้นจะเกิดขึ้นอีกได้ถ้าไม่มีการควบคุม
    เมื่อเชื้อถูกปล่อยออกมาเพื่อให้ขายวัคซีนและบังคับใช้ mRNA วัคซีนที่ไม่ใช่วัคซีน แต่เป็นยีนบำบัด(gene therapy)
    ส่งผลรุนแรงแรงต่อร่างกาย ปัจจุบันมีการลงทุนสร้างโรงงานหลายแห่งแล้ว
    ที่อเมริกาอุตสาหกรรมวัคซีนกำลังถูกเพิกถอนความคุ้มกันทางกฎหมายเพราะ RFKJr. ว่าที่รัฐมนตรีสาธารณสุข และประธานาธิบดีTrump รู้ว่าไม่ได้มีการทดลองเพื่อยืนยันความปลอดภัยและนำเชื้อโรคในธรรมชาติมาดัดแปลงเป็นอาวุธชีวภาพอันตรายอย่างใหญ่หลวง ทางไทยอาจจะโดนโรคระบาดจากไวรัสที่ถูกดัดแปลงอีกได้เช่นกัน

    ปัจจุบันมีการเก็บเชื้อโรคอันตรายจากธรรมชาติเกิดขึ้นหลายแห่งเช่นที่โรงพยาบาลจุฬา และยังคงดำเนินการอยู่
    ในประเทศไทย บุคคลากรในมหาวิทยาลัยบางแห่งยังทำวิจัย พัฒนาดัดแปลงเชื้อจากธรรมชาติเหล่านี้อย่างอิสระ ไม่มีการควบคุม
    จัดว่าเป็นการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ร้ายแรงเช่นเดียวกับที่สิงคโปร์

    เรามีกฎหมายควบคุมอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด แต่เรายังไม่มีกฎหมายควบคุมเชื้อโรคชีวภาพเหล่านี้ mRNA วัคซีนก็ไม่ใช่วัคซีนแต่เป็นยีนบำบัด(Gene therapy) ต้องนำมาอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติ ตามกฎหมายก่อนที่เชื้อโรคชีวภาพดัดแปลงจะส่งผลร้ายต่อประชาชนและทำลายความมั่นคงของประเทศโดยเป้าหมายทางการค้าวัคซีน

    รัฐบาลอเมริกากำลังเร่งแก้ไขแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมในเรื่องดังกล่าว
    ดังนั้นจึงต้องขอให้มีการลงชื่อเป็นจำนวน 50,000 คน เพื่อให้มีการพิจารณาเป็น"พระราชบัญญัติการป้องกันเชื้อชีวภาพร้ายแรงอย่างเร่งด่วนที่สุด
    🌟ประกาศ ณ 24 ธันวาคม 2567 📣 ร่วมลงชื่อ https://forms.gle/dM75jew76W59eDjo6 เสนอให้มีกฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันเชื้อชีวภาพที่ร้ายแรง สืบเนื่องจากโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อไวรัสปัจจุบันไม่ใช่เชื้อตามธรรมชาติ แต่มีการตัดต่อพันธุกรรมสร้างเชื้อรุนแรงให้เกิดการระบาดได้ง่าย ดังเช่น เชื้อไวรัสโควิดจากห้องแล็บ( Lab)ที่เมือง อู่ฮั่น ในประเทศจีนและ ที่สิงคโปร์ เชื้อโรคร้ายที่สร้างขึ้นจะเกิดขึ้นอีกได้ถ้าไม่มีการควบคุม เมื่อเชื้อถูกปล่อยออกมาเพื่อให้ขายวัคซีนและบังคับใช้ mRNA วัคซีนที่ไม่ใช่วัคซีน แต่เป็นยีนบำบัด(gene therapy) ส่งผลรุนแรงแรงต่อร่างกาย ปัจจุบันมีการลงทุนสร้างโรงงานหลายแห่งแล้ว ที่อเมริกาอุตสาหกรรมวัคซีนกำลังถูกเพิกถอนความคุ้มกันทางกฎหมายเพราะ RFKJr. ว่าที่รัฐมนตรีสาธารณสุข และประธานาธิบดีTrump รู้ว่าไม่ได้มีการทดลองเพื่อยืนยันความปลอดภัยและนำเชื้อโรคในธรรมชาติมาดัดแปลงเป็นอาวุธชีวภาพอันตรายอย่างใหญ่หลวง ทางไทยอาจจะโดนโรคระบาดจากไวรัสที่ถูกดัดแปลงอีกได้เช่นกัน ปัจจุบันมีการเก็บเชื้อโรคอันตรายจากธรรมชาติเกิดขึ้นหลายแห่งเช่นที่โรงพยาบาลจุฬา และยังคงดำเนินการอยู่ ในประเทศไทย บุคคลากรในมหาวิทยาลัยบางแห่งยังทำวิจัย พัฒนาดัดแปลงเชื้อจากธรรมชาติเหล่านี้อย่างอิสระ ไม่มีการควบคุม จัดว่าเป็นการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ร้ายแรงเช่นเดียวกับที่สิงคโปร์ เรามีกฎหมายควบคุมอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด แต่เรายังไม่มีกฎหมายควบคุมเชื้อโรคชีวภาพเหล่านี้ mRNA วัคซีนก็ไม่ใช่วัคซีนแต่เป็นยีนบำบัด(Gene therapy) ต้องนำมาอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติ ตามกฎหมายก่อนที่เชื้อโรคชีวภาพดัดแปลงจะส่งผลร้ายต่อประชาชนและทำลายความมั่นคงของประเทศโดยเป้าหมายทางการค้าวัคซีน รัฐบาลอเมริกากำลังเร่งแก้ไขแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงต้องขอให้มีการลงชื่อเป็นจำนวน 50,000 คน เพื่อให้มีการพิจารณาเป็น"พระราชบัญญัติการป้องกันเชื้อชีวภาพร้ายแรงอย่างเร่งด่วนที่สุด
    FORMS.GLE
    ร่วมลงชื่อเพื่อขอให้มีกฎหมายพรบ.การป้องกันทางชีวภาพ
    พรบ.การป้องกันทางชีวภาพ เนื่องจากโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อไวรัสปัจจุบัน​ไม่ใช่เชื้อตามธรรมชาติแต่ถูกนำมาดัดแปลงเพิ่มความรุนแรงให้ข้ามจากสัตว์เข้าสู่คนได้ง่าย ในห้อง Laboratory​ ในต่างประเทศเช่นที่ Wuhan ประเทศจีนและ Singapore เชื้อโรคร้ายจะเกิดขึ้นอีกถ้าไม่มีการควบคุม เมื่อไวรัสถูกปล่อยออกมาเพื่อขายวัคซีนและการบังคับใช้ mRNA​ vaccine​ ที่ไม่ใช่วัคซีน​แต่เป็น gene therapy ก็จะเกิดขึ้นอีกเพราะพบว่าได้มีการลงทุนสร้างโรงงานไปเยอะมากหลายแห่งแล้ว อเมริกา​อุตสาหกรรมวัคซีนกำลังถูกเพิกถอนความคุ้มกันทางกฎหมายเพราะ RFK​Jr. รัฐมนตรีสาธารณะสุข​และประธานาธิบดี Trump รู้ว่าไม่ได้มีการทดลองเพื่อยืนยันความปลอดภัยและการนำเชื้อโรคในธรรมชาติมาดัดแปลงเพื่อเป็นอาวุธมีอันตรายอย่างใหญ่หลวง ไทยคงจะโดนโรคระบาดจากไวรัสที่ถูกดัดแปลงอีก ปัจจุบัน​การเก็บเชื้อโรคอันตรายจากธรรมชาติ เกิดขึ้น​หลายแห่งเช่นที่จุฬา และยังคงมีการดำเนินการอยู่ในประเทศไทย พร้อมกับบุคคลากรในมหาวิทยาลัย บางแห่งก็ยังทำวิจัย การพัฒนา​ดัดแปลงเชื้อจากธรรมชาติเหล่านี้กันอย่างอิสระไม่มีการควบคุมซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ร้ายแรงรวมถึงเพื่อนบ้านเรา Singapore​ ด้วย เรามีกฎหมายเกี่ยวกัอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ทำไมเราไม่มีกฎหมาบควบคุมเชื้อโรคชีวภาพเหล่านี้ mRNA vaccine​ ก็ไม่ใช่วัคซีน​แต่เป็น Gene therapy ต้องเอาเข้ามาอยู่ภายใต้ พรบ.นี้ก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะทำลายประเทศไทยและทำลายเสถียรภาพ​ของประเทศโดยเป้าหมายทางการค้า วัคซีนและบ่อนทำลายความมั่นคง รัฐบาล อเมริกา กำลังเร่งแก้ไขแล้วแต่ไทยยังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมกิจกรรมที่อันตรายอย่างยิ่งเหล่านี้ เพื่อการขอให้มีกฎหมาย พระราชบัญญัติ​การป้องกันทางชีวภาพนี้ ต้องขอให้มีคนลงชื่อ 50,000 คนเพื่อขอให้มีการพิจารณาเป็น พรบ.การป้องกันทางชีวภาพอย่างเร่งด่วน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544 ##
    ..
    ..
    ด่วนที่สุด!
    ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗
    วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗

    เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย
    กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
    อ้างถึง
    (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
    (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙

    ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป

    ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
    บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้
    ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน
    ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓)
    ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙
    และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป
    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

    ขอแสดงความนับถือ
    นายสนธิ ลิ้มทองกุล
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    ## เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544 ## .. .. ด่วนที่สุด! ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙ ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้ ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓) ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙ และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1110 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ” ยื่นหนังสือทวงถามนายกฯ ปมยกเลิก MOU2544 และ JC2544 หลังยื่นข้อเรียกร้องครบ 15 วันแล้วยังนิ่งเฉย เสี่ยงทำให้ประเทศเสียอธิปไตยทางทะเล ผิดรัฐธรรมนูญ เตรียมดำเนินการทางกฎหมายตามที่เห็นสมควรต่อไป
    .
    วันนี้(24 ธ.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือทวงถามกรณีให้เพิกถอน MOU 2544 และ JC 2544 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (กพร. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล) วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2567 ร่วมลงนามตั้งแต่ 9.00 น. และยื่นหนังสือเวลา 10.00 น. หลังเคยยื่นหนังสือเรียกร้องเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 และครบกำหนด 15 วัน จึงมาทวงถามในวันนี้
    .
    รายละเอียดหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี
    .
    ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗
    วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗
    เรื่อง ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย
    .
    กราบเรียนฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
    อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
    (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙
    .
    ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
    .
    บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน ดังนั้น การแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓) ดังนั้น ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙ และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป
    .
    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
    ขอแสดงความนับถือ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123204
    ..............
    Sondhi X
    “สนธิ” ยื่นหนังสือทวงถามนายกฯ ปมยกเลิก MOU2544 และ JC2544 หลังยื่นข้อเรียกร้องครบ 15 วันแล้วยังนิ่งเฉย เสี่ยงทำให้ประเทศเสียอธิปไตยทางทะเล ผิดรัฐธรรมนูญ เตรียมดำเนินการทางกฎหมายตามที่เห็นสมควรต่อไป . วันนี้(24 ธ.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือทวงถามกรณีให้เพิกถอน MOU 2544 และ JC 2544 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (กพร. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล) วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2567 ร่วมลงนามตั้งแต่ 9.00 น. และยื่นหนังสือเวลา 10.00 น. หลังเคยยื่นหนังสือเรียกร้องเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 และครบกำหนด 15 วัน จึงมาทวงถามในวันนี้ . รายละเอียดหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี . ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย . กราบเรียนฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙ . ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว . บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน ดังนั้น การแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓) ดังนั้น ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙ และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป . จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123204 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1850 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544

    ด่วนท่ีสุด!

    ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗

    วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗

    เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย

    กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

    อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
    (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙

    ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป

    ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
    บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้
    ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน

    ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓)

    ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙
    และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
    ขอแสดงความนับถือ
    นายสนธิ ลิ้มทองกุล
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544 ด่วนท่ีสุด! ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙ ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้ ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓) ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙ และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    Like
    Love
    Wow
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1076 มุมมอง 1 รีวิว
  • ยูเครนประกาศว่าจะไม่ยอมรับข้อต่อรองใดๆ ที่น้อยกว่าการได้เป็นสมาชิกนาโต เพื่อรับประกันความมั่นคงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพันธมิตรทหารแห่งนี้จะเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากเคียฟ เมินเสียงเรียกร้องให้เชิญเข้าร่วมกลุ่มในทันที ณ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต
    .
    ในหนังสือที่ส่งถึงบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต ก่อนหน้าการประชุม ทาง อันดรี ซีบิฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน อ้างว่าคำเชิญจะช่วยปลดหนึ่งในคำกล่าวอ้างหลักของรัสเซียในการทำสงคราม นั่นคือขัดขวางยูเครนจากการเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้
    .
    แม้นาโตเน้นย้ำว่าเส้นทางการเข้าเป็นสมาชิกของยูเครน เป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับได้ แต่พันธมิตรทหารแห่งนี้ไม่เคยกำหนดกรอบเวลาหรือออกคำเชิญใดๆ ในขณะที่บรรดาผู้แทนทูตทั้งหลายเผยว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในชาติสมาชิกทั้ง 32 ประเทศ ในการดำเนินการดังกล่าว
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บอกว่าบางประเทศกำลังรอตัดสินใจเกี่ยวกับจุดยืนของตนเอง จนกว่าจะทราบท่าทีของว่าที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากอเมริกา เป็นมหาอำนาจที่สำคัญของนาโต
    .
    ตามหลังการพูดคุยระหว่าง ซีบิฮา และเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศนาโต ณ งานเลี้ยงดินเนอร์ที่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ทาง กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีความคืบหน้าในประเด็นความเป็นรัฐสมาชิก
    .
    ส่วน ยาน ลิพาฟสกี รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก บอกว่าประเทศของเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติที่มองว่าคำเชิญเข้าร่วม "เป็นก้าวย่างที่จำเป็น" แต่ "ผมไม่คิดว่าจะมีข้อตกลงในเรื่องดังกล่าว"
    .
    ด้านปีเตอร์ ซียาร์โต รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี ซึ่งรัฐบาลมีความใกล้ชิดกับรัสเซีย และเพิ่งเดินทางเยือนมอสโกในช่วงต้นสัปดาห์ บอกว่าบูดาเปสต์ ยังคงคัดค้านการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ประเทศนี้อยู่ในสงคราม และประเทศหนึ่งๆ ที่กำลังอยู่ในสงคราม ไม่อาจส่งเสริมความมั่นคงของพันธมิตรได้" เขาบอกกับรอยเตอร์
    .
    พวกนักวิเคราะห์บางส่วนและเหล่าผู้แทนทูต มองว่ายูเครนอาจได้รับคำประกันจากบรรดาชาติตะวันตกเป็นรายประเทศ แทนที่จะได้รับจากนาโตทั้งมวล
    .
    คีธ เคลลอก อดีตนายพลที่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ ให้เป็นทูตพิเศษด้านยูเครนและรัสเซีย เป็นผู้เขียนร่วมในเอกสารฉบับหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อช่วงกลางปี ซึ่งเรียกร้องให้ผัดผ่อนการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ออกไประยะหนึ่งเป็นเวลานาน" แลกกับข้อตกลงสันติภาพ ที่จะมาพร้อมกับคำรับประกันด้านความมั่นคง
    .
    อย่างไรก็ตาม ยูเครนยืนยันว่าจะไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆ ที่น้อยไปกว่าการเป็นสมาชิกนาโต อ้างถึงประสบการณ์ที่มีกับข้อตกลงหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน ที่พวกเขายอมปลดอาวุธนิวเคลียร์แลกกับคำรับประกันด้านความมั่นคงจากเหล่าชาติมหาอำนาจ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่มีค่าใดๆ
    .
    "เอกสารนั้นล้มเหลวรับประกันความมั่นคงของยูเครนและความมั่นคงข้ามแอตแลนติก ดังนั้นเราควรต้องหลีกเลี่ยงก่อความผิดพลาดดังกล่าวซ้ำรอย" เขากล่าวระหว่างเดินทางมาถึงนาโต พร้อมกับชูสำเนาข้อตกลงฉบับดังกล่าว ที่เรียกว่าบันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์
    .
    อย่างไรก็ตาม มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต บอกว่าพันธมิตรกำลังสร้างสะพานสู่การเป็นสมาชิกของยูเครน แต่ประเด็นเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการมอบอาวุธเพิ่มเติมแก่เคียฟ เพื่อขับไล่กองกำลังรัสเซีย เนื่องจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ดูเหมือนจะไม่สนใจสันติภาพ
    .
    เขาเน้นว่าที่ประชุมจะมุ่งเน้นไปที่การรับประกันว่ายูเครน จะอยู่ในสถานะที่เข้มแข็ง ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นคนเลือกเข้าสู่การเจรจาสันติภาพก็ตาม "เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และจะต้องป้อนเข้าสู่ยูเครน"
    .
    ยูเครนกำลังเจอกับฤดูหนาวที่แสนสาหัส ด้วยกองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออก และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเล็งเป้าเล่นงานเครือข่ายพลังงานอันง่อนแง่นของประเทศ
    .
    รุตต์ แสดงความยินดีกับแพกเกจความช่วยเหลือทางทหารรอบใหม่ที่มอบแก่ยูเครน จากสหรัฐฯ เยอรมนี สวีเดน เอสโตเนีย ลิทัวเนียและนอร์เวย์ โดยที่เมื่อวันจันทร์ (2 ธ.ค.) อเมริกาแถลงแพกเกจอาวุธใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 725 ล้านดอลลาร์
    .
    แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่สำนักงานใหญ่ของนาโต ว่าอเมริกา "มีความมุ่งมั่นร่วม ในการทำทุกอย่างเท่าที่จำเป็นสำหรับยูเครน เพื่อที่ยูเครนจะสามารถปกป้องตนเองและปกป้องประชาชนขอตนเอง และท้ายที่สุดแล้วเพื่อที่จะสามารถหาทางออกคลี่คลายการรุกรานของรัสเซียอย่างยั่งยืน"
    .
    ยูเครน มองว่าการเข้าเป็นรัฐสมาชิกนาโต คือการประกันที่ดีที่สุดสำหรับความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา ภายใต้ข้อตกลงกลาโหมร่วม บรรดารัฐสมาชิกของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เห็นพ้องจะปฏิบัติกับการโจมตีใส่ประเทศสมาชิกหนึ่ง เทียบเท่ากับเป็นการโจมตีนาโตทั้งหมด และทั้งหมดจะเข้าช่วยเหลือกันและกัน
    .............
    Sondhi X
    ยูเครนประกาศว่าจะไม่ยอมรับข้อต่อรองใดๆ ที่น้อยกว่าการได้เป็นสมาชิกนาโต เพื่อรับประกันความมั่นคงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพันธมิตรทหารแห่งนี้จะเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากเคียฟ เมินเสียงเรียกร้องให้เชิญเข้าร่วมกลุ่มในทันที ณ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต . ในหนังสือที่ส่งถึงบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต ก่อนหน้าการประชุม ทาง อันดรี ซีบิฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน อ้างว่าคำเชิญจะช่วยปลดหนึ่งในคำกล่าวอ้างหลักของรัสเซียในการทำสงคราม นั่นคือขัดขวางยูเครนจากการเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้ . แม้นาโตเน้นย้ำว่าเส้นทางการเข้าเป็นสมาชิกของยูเครน เป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับได้ แต่พันธมิตรทหารแห่งนี้ไม่เคยกำหนดกรอบเวลาหรือออกคำเชิญใดๆ ในขณะที่บรรดาผู้แทนทูตทั้งหลายเผยว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในชาติสมาชิกทั้ง 32 ประเทศ ในการดำเนินการดังกล่าว . พวกเจ้าหน้าที่บอกว่าบางประเทศกำลังรอตัดสินใจเกี่ยวกับจุดยืนของตนเอง จนกว่าจะทราบท่าทีของว่าที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากอเมริกา เป็นมหาอำนาจที่สำคัญของนาโต . ตามหลังการพูดคุยระหว่าง ซีบิฮา และเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศนาโต ณ งานเลี้ยงดินเนอร์ที่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ทาง กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีความคืบหน้าในประเด็นความเป็นรัฐสมาชิก . ส่วน ยาน ลิพาฟสกี รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก บอกว่าประเทศของเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติที่มองว่าคำเชิญเข้าร่วม "เป็นก้าวย่างที่จำเป็น" แต่ "ผมไม่คิดว่าจะมีข้อตกลงในเรื่องดังกล่าว" . ด้านปีเตอร์ ซียาร์โต รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี ซึ่งรัฐบาลมีความใกล้ชิดกับรัสเซีย และเพิ่งเดินทางเยือนมอสโกในช่วงต้นสัปดาห์ บอกว่าบูดาเปสต์ ยังคงคัดค้านการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ประเทศนี้อยู่ในสงคราม และประเทศหนึ่งๆ ที่กำลังอยู่ในสงคราม ไม่อาจส่งเสริมความมั่นคงของพันธมิตรได้" เขาบอกกับรอยเตอร์ . พวกนักวิเคราะห์บางส่วนและเหล่าผู้แทนทูต มองว่ายูเครนอาจได้รับคำประกันจากบรรดาชาติตะวันตกเป็นรายประเทศ แทนที่จะได้รับจากนาโตทั้งมวล . คีธ เคลลอก อดีตนายพลที่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ ให้เป็นทูตพิเศษด้านยูเครนและรัสเซีย เป็นผู้เขียนร่วมในเอกสารฉบับหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อช่วงกลางปี ซึ่งเรียกร้องให้ผัดผ่อนการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ออกไประยะหนึ่งเป็นเวลานาน" แลกกับข้อตกลงสันติภาพ ที่จะมาพร้อมกับคำรับประกันด้านความมั่นคง . อย่างไรก็ตาม ยูเครนยืนยันว่าจะไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆ ที่น้อยไปกว่าการเป็นสมาชิกนาโต อ้างถึงประสบการณ์ที่มีกับข้อตกลงหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน ที่พวกเขายอมปลดอาวุธนิวเคลียร์แลกกับคำรับประกันด้านความมั่นคงจากเหล่าชาติมหาอำนาจ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่มีค่าใดๆ . "เอกสารนั้นล้มเหลวรับประกันความมั่นคงของยูเครนและความมั่นคงข้ามแอตแลนติก ดังนั้นเราควรต้องหลีกเลี่ยงก่อความผิดพลาดดังกล่าวซ้ำรอย" เขากล่าวระหว่างเดินทางมาถึงนาโต พร้อมกับชูสำเนาข้อตกลงฉบับดังกล่าว ที่เรียกว่าบันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์ . อย่างไรก็ตาม มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต บอกว่าพันธมิตรกำลังสร้างสะพานสู่การเป็นสมาชิกของยูเครน แต่ประเด็นเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการมอบอาวุธเพิ่มเติมแก่เคียฟ เพื่อขับไล่กองกำลังรัสเซีย เนื่องจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ดูเหมือนจะไม่สนใจสันติภาพ . เขาเน้นว่าที่ประชุมจะมุ่งเน้นไปที่การรับประกันว่ายูเครน จะอยู่ในสถานะที่เข้มแข็ง ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นคนเลือกเข้าสู่การเจรจาสันติภาพก็ตาม "เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และจะต้องป้อนเข้าสู่ยูเครน" . ยูเครนกำลังเจอกับฤดูหนาวที่แสนสาหัส ด้วยกองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออก และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเล็งเป้าเล่นงานเครือข่ายพลังงานอันง่อนแง่นของประเทศ . รุตต์ แสดงความยินดีกับแพกเกจความช่วยเหลือทางทหารรอบใหม่ที่มอบแก่ยูเครน จากสหรัฐฯ เยอรมนี สวีเดน เอสโตเนีย ลิทัวเนียและนอร์เวย์ โดยที่เมื่อวันจันทร์ (2 ธ.ค.) อเมริกาแถลงแพกเกจอาวุธใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 725 ล้านดอลลาร์ . แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่สำนักงานใหญ่ของนาโต ว่าอเมริกา "มีความมุ่งมั่นร่วม ในการทำทุกอย่างเท่าที่จำเป็นสำหรับยูเครน เพื่อที่ยูเครนจะสามารถปกป้องตนเองและปกป้องประชาชนขอตนเอง และท้ายที่สุดแล้วเพื่อที่จะสามารถหาทางออกคลี่คลายการรุกรานของรัสเซียอย่างยั่งยืน" . ยูเครน มองว่าการเข้าเป็นรัฐสมาชิกนาโต คือการประกันที่ดีที่สุดสำหรับความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา ภายใต้ข้อตกลงกลาโหมร่วม บรรดารัฐสมาชิกของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เห็นพ้องจะปฏิบัติกับการโจมตีใส่ประเทศสมาชิกหนึ่ง เทียบเท่ากับเป็นการโจมตีนาโตทั้งหมด และทั้งหมดจะเข้าช่วยเหลือกันและกัน ............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1301 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วนที่สุด! เกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึก

    ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอก ยอล ประกาศกฎอัยการศึกจากการรัฐประหารตัวเอง โดยอ้างเหตุผลว่า พรรคฝ่ายค้านที่กุมอำนาจในรัฐสภาของประเทศแสดงออกอย่างเปิดเผยในการเห็นอกเห็นใจเกาหลีเหนือ และพยายามทำกิจกรรมต่อต้านรัฐ

    ประธานาธิบดีเกาหลีใต้อ้างถึงมติของพรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา กำลังยื่นเรื่องเพื่อถอดถอนอัยการสูงสุดและไม่เห็นชอบเกี่ยวกับร่างกฎหมทายงบประมาณของรัฐบาล

    “เพื่อปกป้องเกาหลีใต้เสรีนิยมจากภัยคุกคามจากกองกำลังคอมมิวนิสต์ของเกาหลีเหนือ และเพื่อกำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐ… ข้าพเจ้าขอประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉิน” ยูน กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์

    ยังไม่มีความชัดเจนว่าการประกาศกฎอัยการศึกของยุนในครั้งนี้ จะส่งผลต่อการบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตยอย่างไร

    การกระทำของยุนมีกระแสต่อต้านทันทีจากนักการเมือง รวมถึงฮัน ดงฮุน หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมของเขาเอง ซึ่งกล่าวว่าการตัดสินใจครั้งนี้ “ผิดมหันต์” และสัญญาว่าจะหาทางยุติมัน

    ทางด้าน อี แจ-มยอง หัวหน้าฝ่ายค้าน ซึ่งแพ้ให้ยุนอย่างหวุดหวิดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2022 เรียกการประกาศของยุนว่า “ผิดกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ”
    ด่วนที่สุด! เกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึก ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอก ยอล ประกาศกฎอัยการศึกจากการรัฐประหารตัวเอง โดยอ้างเหตุผลว่า พรรคฝ่ายค้านที่กุมอำนาจในรัฐสภาของประเทศแสดงออกอย่างเปิดเผยในการเห็นอกเห็นใจเกาหลีเหนือ และพยายามทำกิจกรรมต่อต้านรัฐ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้อ้างถึงมติของพรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา กำลังยื่นเรื่องเพื่อถอดถอนอัยการสูงสุดและไม่เห็นชอบเกี่ยวกับร่างกฎหมทายงบประมาณของรัฐบาล “เพื่อปกป้องเกาหลีใต้เสรีนิยมจากภัยคุกคามจากกองกำลังคอมมิวนิสต์ของเกาหลีเหนือ และเพื่อกำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐ… ข้าพเจ้าขอประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉิน” ยูน กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ ยังไม่มีความชัดเจนว่าการประกาศกฎอัยการศึกของยุนในครั้งนี้ จะส่งผลต่อการบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตยอย่างไร การกระทำของยุนมีกระแสต่อต้านทันทีจากนักการเมือง รวมถึงฮัน ดงฮุน หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมของเขาเอง ซึ่งกล่าวว่าการตัดสินใจครั้งนี้ “ผิดมหันต์” และสัญญาว่าจะหาทางยุติมัน ทางด้าน อี แจ-มยอง หัวหน้าฝ่ายค้าน ซึ่งแพ้ให้ยุนอย่างหวุดหวิดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2022 เรียกการประกาศของยุนว่า “ผิดกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 620 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30/11/67

    สงคราม 16 วัน จีนบุกโจมตีเวียดนาม เมื่อ พ.ศ.2521
    ความจริง ที่ต้องบอกต่อ...ให้ลูกหลาน ทั้งประเทศ ได้รับรู้ไว้
    หลังจากที่สหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามได้ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ อันทันสมัยไว้มากมาย ทั้งเครื่องบินรบ รถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธประจำกาย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดของโลกในขณะนั้น
    ทำให้กองทัพเวียดนามแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก
    ทหารเวียดนาม จึงมีความกระหายสงครามเป็นอย่างยิ่ง ประกาศยึดลาว กัมพูชา และ ไทยต่อทันที ในเวลาเพียงไม่นาน ทั้งลาวและกัมพูชา ก็ตกเป็นของเวียดนาม
    นายพลโว เหงียนเกี๊ยบ ผู้บัญชาการกองทัพเวียดนามเจ็บแค้นมาก ที่ไทยยอมให้สหรัฐอเมริกา มาตั้งฐานทัพ และใช้เครื่องบินรบ บินขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภา และสนามบินใน จ.อุบลราชธานี ขนระเบิดไปถล่มเวียดนามนับหมื่นเที่ยวบิน
    กองทัพเวียดนามขนอาวุธทุกชนิดที่มี รถถังจำนวนมาก มาประชิดชายแดนไทยเป็นแนวยาวหลายร้อยกิโลเมตร นายพลเวียดนามประกาศว่า จะนำทหารเข้าไปกินข้าวที่กรุงเทพฯ ให้ได้ภายใน 3 วัน
    นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น คือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เรียกประชุมด่วน และขอให้ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาว่า เรากำลังจะถูกเวียดนามบุก
    สหรัฐอเมริกา ตอบกลับมาว่า ขอให้เราช่วยตัวเอง เพราะสหรัฐเพิ่งถอนทัพจากเวียดนาม ไม่อาจช่วยอะไรได้อีกต่อไป รัฐบาลไทย จึงได้ขอใช้อาวุธ ที่ยังตกค้างอยู่ที่ไทย สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ไทยใช้อาวุธของอเมริกัน ที่ตกค้างจากสงครามและฝากเก็บไว้ในดินแดนไทย
    หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เรียกประชุมผู้นำเหล่าทัพทันที และถามในที่ประชุมว่า ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ตอนนี้ เราจะสู้เวียดนามได้กี่วัน .... ผู้บัญชาการทหารของกองทัพไทยตอบว่าประมาณ 4 วัน (มากกว่าที่นายพลเวียดนามบอกไว้ 1 วัน)
    หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ หันไปบอกกับพลเอกชาติชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า.....เราต้องรีบไปจีนด่วนที่สุด....
    หลังจากนั้นไม่นาน ผู้นำไทยก็ได้เข้าพบ “โจวเอินไหล” นายกรัฐมนตรีของจีน ประโยคแรก ที่โจวเอินไหล ทักทายพลเอกชาติชายคือ “เป็นไงบ้างหลานรัก” (พ่อของพลเอกชาติชาย คือ พลเอกผิน เป็นเพื่อนร่วมรบกับโจวเอินไหลในครั้งสงครามเชียงตุง)
    การเชื่อมความสัมพันธ์เป็นไปอย่างชี่นมื่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราไปให้ความสำคัญกับไต้หวันมากกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ รับรองไต้หวันเป็นประเทศ แต่โจว เอิน ไหลไม่คิดมาก และ ยังเปิดโอกาสให้ได้พบกับ “เหมาเจ๋อตุง” ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ และ “เติ้ง เสี่ยวผิง” รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็นผู้นำจีนรุ่นต่อไป
    เวียดนามวุ่นวายกับลาวและกัมพูชาอยู่ 2 ปี ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2521 เวียดนามยกกำลังพล 400,000 นาย พร้อมอาวุธทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เตรียมบุกไทย
    ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ พันเอกชวลิต ยงใจยุทธ เดินทางไปจีน เพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ มรว.คึกฤทธิ์ได้กรุยทางไว้
    เสนาธิการทหารของจีนประชุมกันและแนะนำว่า ควรปล่อยให้เวียดนามบุกเข้ายึดกรุงเทพฯ ก่อน แล้วค่อยส่งกองทัพจีนตามไปปลดแอกให้ แต่
    เติ้งเสี่ยวผิง ลุกขึ้นตบโต๊ะในที่ประชุม แล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ช่วยเหลือมิตร ต้องช่วยให้ทันการณ์"
    เดือนพฤศจิกายน 2521 เติ้งเสี่ยวผิง เดินทางมาดูสถานการณ์ที่ประเทศไทย และรีบกลับไปทันที หลังจากนั้น 2 เดือน ในเดือนมกราคม 2522 กองทัพจีนพร้อมกำลังพล 500,000 นาย รถถัง 5,000 คัน เครื่องบิน 1,200 ลำ ได้เปิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม
    กองทัพจีน เข้าตีทางภาคเหนือของเวียดนามอย่างรุนแรง เวียดนามรีบถอนทัพที่ประชิดชายแดนไทย กลับไปรับศึกจีน จีนรุกไปถึงฮานอย จนทหารเวียดนามเสียชีวิตประมาณ 50,000 นาย แต่ทหารจีนก็เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่ากัน
    เวียตนามเสียหายหนัก
    ทัพเวียตนามต้องถอยร่นถึงชานเมืองฮานอยโดยใช้เวลาทั้งหมดเพียง 16 วัน จีนจึงหยุดตีเวีนตนาม และถอนทัพกลับ

    ย้อนไปนานกว่านั้น เมื่อครั้งปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาอยุธยาแตกเสียกรุงให้พม่า
    ราชสำนักชิง รีบส่งข้าหลวง ลงเรือสำเภามาดูสถานการณ์ในไทย และ ให้รายงานต่อราชสำนักทางปักกิ่ง อยู่ตลอดเวลา ในบันทึกภาษาจีนเขียนไว้ว่า จักรพรรดิเฉียนหลง ทรงประสงค์จะรู้ข่าวคราว ของสยามถึงขนาดกระวนกระวาย เรียกประชุมกลางดึกหลายครั้ง จะเห็นได้ว่า จักรพรรดิจีนทรงให้ความสำคัญกับสยามเพียงใด
    ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ชิงได้บันทึกถึง ครั้งที่จีนยกทัพตีภาคเหนือของพม่าไว้ว่า ขณะที่กองทัพจีนบุกพม่า จักรพรรดิเฉียนหลง ได้ทรงติดต่อกับ “เจิ้งเจา” (สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ) หลายครั้ง ดังนั้น
    ข้อสงสัยที่ว่า จีนยกทัพตีพม่า ก็เพื่อดึงทัพของเนเมียวสีหบดีกลับไป ย่อมจะเป็นจริงเพราะถ้าทัพใหญ่ของพม่า ยังคงอยู่ที่อยุธยา กองทัพพระเจ้าตากฯ ซึ่งมีทหารเพียงหลักพันนายเท่านั้น ย่อมไม่มีทางจะเอาชนะทหารพม่าที่มีเป็นหมื่นเป็นแสนได้เลย และ ชาติไทยก็อาจจะหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบันก็ได้
    ........ ตลอดระยะเวลาเป็นร้อยๆปี ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าจีนให้ความสำคัญกับไทยมากๆ ในฐานะมิตรประเทศที่มีความผูกพันอย่างแนบแน่น
    (ประเทศไทยมีคนจีนย้ายถิ่นฐานมาอาศัยมากที่สุดในโลก)
    นี่คือคุณูปการที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายทำเพื่อความอยู่รอดของเมืองไทย ที่คนรุ่นหลังไม่สนใจที่จะเรียนรู้
    ไม่ต้องรบ สยบด้วยการฑูตประเสริฐที่สุด

    ประเทศจีนช่วยเหลือประเทศไทย
    ด้วยความจริงใจ ไม่เคยคาดหวังค่าตอบแทนจากไทย ยกเว้นมิตรภาพ
    ประเทศไทยมีชาวจีนอพยพ
    มาอาศัยมากทีีสุดในโลก
    มากกว่า มาเลเซีย
    มากกว่า สิงคโปร์
    มากกว่า อินโดนีเซีย
    ดังนั้น ไทยจึงเปรียบเสมือนน้องของจีน

    ขอขอบพระคุณ
    ทันตแพทย์ สม สุจีรา ครับ
    ที่ท่านนำสาระดีๆมาให้อ่าน

    ถ่ายทอดโดย
    นายบัวสอน ประชามอญ

    โปรดแชร์ต่อถ้าเห็นว่ามีสาระดี
    30/11/67 สงคราม 16 วัน จีนบุกโจมตีเวียดนาม เมื่อ พ.ศ.2521 ความจริง ที่ต้องบอกต่อ...ให้ลูกหลาน ทั้งประเทศ ได้รับรู้ไว้ หลังจากที่สหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามได้ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ อันทันสมัยไว้มากมาย ทั้งเครื่องบินรบ รถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธประจำกาย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดของโลกในขณะนั้น ทำให้กองทัพเวียดนามแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก ทหารเวียดนาม จึงมีความกระหายสงครามเป็นอย่างยิ่ง ประกาศยึดลาว กัมพูชา และ ไทยต่อทันที ในเวลาเพียงไม่นาน ทั้งลาวและกัมพูชา ก็ตกเป็นของเวียดนาม นายพลโว เหงียนเกี๊ยบ ผู้บัญชาการกองทัพเวียดนามเจ็บแค้นมาก ที่ไทยยอมให้สหรัฐอเมริกา มาตั้งฐานทัพ และใช้เครื่องบินรบ บินขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภา และสนามบินใน จ.อุบลราชธานี ขนระเบิดไปถล่มเวียดนามนับหมื่นเที่ยวบิน กองทัพเวียดนามขนอาวุธทุกชนิดที่มี รถถังจำนวนมาก มาประชิดชายแดนไทยเป็นแนวยาวหลายร้อยกิโลเมตร นายพลเวียดนามประกาศว่า จะนำทหารเข้าไปกินข้าวที่กรุงเทพฯ ให้ได้ภายใน 3 วัน นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น คือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เรียกประชุมด่วน และขอให้ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาว่า เรากำลังจะถูกเวียดนามบุก สหรัฐอเมริกา ตอบกลับมาว่า ขอให้เราช่วยตัวเอง เพราะสหรัฐเพิ่งถอนทัพจากเวียดนาม ไม่อาจช่วยอะไรได้อีกต่อไป รัฐบาลไทย จึงได้ขอใช้อาวุธ ที่ยังตกค้างอยู่ที่ไทย สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ไทยใช้อาวุธของอเมริกัน ที่ตกค้างจากสงครามและฝากเก็บไว้ในดินแดนไทย หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เรียกประชุมผู้นำเหล่าทัพทันที และถามในที่ประชุมว่า ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ตอนนี้ เราจะสู้เวียดนามได้กี่วัน .... ผู้บัญชาการทหารของกองทัพไทยตอบว่าประมาณ 4 วัน (มากกว่าที่นายพลเวียดนามบอกไว้ 1 วัน) หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ หันไปบอกกับพลเอกชาติชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า.....เราต้องรีบไปจีนด่วนที่สุด.... หลังจากนั้นไม่นาน ผู้นำไทยก็ได้เข้าพบ “โจวเอินไหล” นายกรัฐมนตรีของจีน ประโยคแรก ที่โจวเอินไหล ทักทายพลเอกชาติชายคือ “เป็นไงบ้างหลานรัก” (พ่อของพลเอกชาติชาย คือ พลเอกผิน เป็นเพื่อนร่วมรบกับโจวเอินไหลในครั้งสงครามเชียงตุง) การเชื่อมความสัมพันธ์เป็นไปอย่างชี่นมื่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราไปให้ความสำคัญกับไต้หวันมากกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ รับรองไต้หวันเป็นประเทศ แต่โจว เอิน ไหลไม่คิดมาก และ ยังเปิดโอกาสให้ได้พบกับ “เหมาเจ๋อตุง” ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ และ “เติ้ง เสี่ยวผิง” รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็นผู้นำจีนรุ่นต่อไป เวียดนามวุ่นวายกับลาวและกัมพูชาอยู่ 2 ปี ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2521 เวียดนามยกกำลังพล 400,000 นาย พร้อมอาวุธทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เตรียมบุกไทย ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ พันเอกชวลิต ยงใจยุทธ เดินทางไปจีน เพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ มรว.คึกฤทธิ์ได้กรุยทางไว้ เสนาธิการทหารของจีนประชุมกันและแนะนำว่า ควรปล่อยให้เวียดนามบุกเข้ายึดกรุงเทพฯ ก่อน แล้วค่อยส่งกองทัพจีนตามไปปลดแอกให้ แต่ เติ้งเสี่ยวผิง ลุกขึ้นตบโต๊ะในที่ประชุม แล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ช่วยเหลือมิตร ต้องช่วยให้ทันการณ์" เดือนพฤศจิกายน 2521 เติ้งเสี่ยวผิง เดินทางมาดูสถานการณ์ที่ประเทศไทย และรีบกลับไปทันที หลังจากนั้น 2 เดือน ในเดือนมกราคม 2522 กองทัพจีนพร้อมกำลังพล 500,000 นาย รถถัง 5,000 คัน เครื่องบิน 1,200 ลำ ได้เปิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม กองทัพจีน เข้าตีทางภาคเหนือของเวียดนามอย่างรุนแรง เวียดนามรีบถอนทัพที่ประชิดชายแดนไทย กลับไปรับศึกจีน จีนรุกไปถึงฮานอย จนทหารเวียดนามเสียชีวิตประมาณ 50,000 นาย แต่ทหารจีนก็เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่ากัน เวียตนามเสียหายหนัก ทัพเวียตนามต้องถอยร่นถึงชานเมืองฮานอยโดยใช้เวลาทั้งหมดเพียง 16 วัน จีนจึงหยุดตีเวีนตนาม และถอนทัพกลับ ย้อนไปนานกว่านั้น เมื่อครั้งปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาอยุธยาแตกเสียกรุงให้พม่า ราชสำนักชิง รีบส่งข้าหลวง ลงเรือสำเภามาดูสถานการณ์ในไทย และ ให้รายงานต่อราชสำนักทางปักกิ่ง อยู่ตลอดเวลา ในบันทึกภาษาจีนเขียนไว้ว่า จักรพรรดิเฉียนหลง ทรงประสงค์จะรู้ข่าวคราว ของสยามถึงขนาดกระวนกระวาย เรียกประชุมกลางดึกหลายครั้ง จะเห็นได้ว่า จักรพรรดิจีนทรงให้ความสำคัญกับสยามเพียงใด ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ชิงได้บันทึกถึง ครั้งที่จีนยกทัพตีภาคเหนือของพม่าไว้ว่า ขณะที่กองทัพจีนบุกพม่า จักรพรรดิเฉียนหลง ได้ทรงติดต่อกับ “เจิ้งเจา” (สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ) หลายครั้ง ดังนั้น ข้อสงสัยที่ว่า จีนยกทัพตีพม่า ก็เพื่อดึงทัพของเนเมียวสีหบดีกลับไป ย่อมจะเป็นจริงเพราะถ้าทัพใหญ่ของพม่า ยังคงอยู่ที่อยุธยา กองทัพพระเจ้าตากฯ ซึ่งมีทหารเพียงหลักพันนายเท่านั้น ย่อมไม่มีทางจะเอาชนะทหารพม่าที่มีเป็นหมื่นเป็นแสนได้เลย และ ชาติไทยก็อาจจะหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบันก็ได้ ........ ตลอดระยะเวลาเป็นร้อยๆปี ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าจีนให้ความสำคัญกับไทยมากๆ ในฐานะมิตรประเทศที่มีความผูกพันอย่างแนบแน่น (ประเทศไทยมีคนจีนย้ายถิ่นฐานมาอาศัยมากที่สุดในโลก) นี่คือคุณูปการที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายทำเพื่อความอยู่รอดของเมืองไทย ที่คนรุ่นหลังไม่สนใจที่จะเรียนรู้ ไม่ต้องรบ สยบด้วยการฑูตประเสริฐที่สุด ประเทศจีนช่วยเหลือประเทศไทย ด้วยความจริงใจ ไม่เคยคาดหวังค่าตอบแทนจากไทย ยกเว้นมิตรภาพ ประเทศไทยมีชาวจีนอพยพ มาอาศัยมากทีีสุดในโลก มากกว่า มาเลเซีย มากกว่า สิงคโปร์ มากกว่า อินโดนีเซีย ดังนั้น ไทยจึงเปรียบเสมือนน้องของจีน ขอขอบพระคุณ ทันตแพทย์ สม สุจีรา ครับ ที่ท่านนำสาระดีๆมาให้อ่าน ถ่ายทอดโดย นายบัวสอน ประชามอญ โปรดแชร์ต่อถ้าเห็นว่ามีสาระดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1547 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts