เรื่องเล่าจากคะแนนที่ไม่มีใครบอกว่าเป็นคะแนน: เมื่อระบบจัดอันดับพฤติกรรมกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของชีวิตดิจิทัล
หลายคนมองว่า “ระบบเครดิตสังคม” เป็นสิ่งที่จีนใช้ควบคุมประชาชน เช่น การหักคะแนนจากการข้ามถนนผิดกฎ หรือการใช้กล้องตรวจจับพฤติกรรม แต่ในความเป็นจริง จีนยังไม่มีระบบเครดิตสังคมระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป—มีเพียงระบบสำหรับบริษัท และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก ๆ เท่านั้น เช่น Rongcheng ซึ่งก็ยังไม่มีผลกระทบในระดับชาติ
ในทางกลับกัน โลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ กลับมีระบบจัดอันดับพฤติกรรมที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน: Uber ให้คะแนนผู้โดยสาร, LinkedIn จัดอันดับการมีส่วนร่วม, Instagram วัด engagement, Amazon วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ, Airbnb ให้คะแนนเจ้าของบ้าน—ทั้งหมดนี้คือระบบเครดิตสังคมที่ไม่เคยถูกเรียกด้วยชื่อนั้น
แม้จะไม่มีการรวมระบบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างเป็นทางการ แต่โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างขึ้น: บริษัทต่าง ๆ เริ่มแชร์ข้อมูลความน่าเชื่อถือ, ธนาคารใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต, และรัฐบาลบางแห่งสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อข้อมูล
สิ่งที่จีนทำคือ “บอกคุณว่ากำลังให้คะแนนคุณอยู่” แต่สิ่งที่โลกตะวันตกทำคือ “ให้คะแนนคุณโดยไม่บอก” และนั่นคือความแตกต่างที่น่ากังวล—เพราะเมื่อคุณไม่รู้ว่ากำลังถูกประเมิน คุณก็ไม่รู้ว่าจะปรับตัวอย่างไร หรือแม้แต่จะปกป้องสิทธิของตัวเองได้อย่างไร
ระบบเครดิตสังคมในจีน
ไม่มีระบบระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป
มีระบบสำหรับบริษัทกว่า 33 ล้านแห่ง และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก
ส่วนใหญ่เน้นการติดตามการผิดนัดชำระหนี้และคำสั่งศาล
ระบบจัดอันดับพฤติกรรมในโลกตะวันตก
Uber, LinkedIn, Instagram, Amazon, Airbnb ล้วนมีระบบให้คะแนนพฤติกรรม
คะแนนเหล่านี้ส่งผลต่อการเข้าถึงบริการและโอกาสทางสังคม
ไม่มีการแจ้งเตือนหรือความโปร่งใสในการให้คะแนน
การขยายตัวของระบบแบบแฝง
ธนาคารใช้ข้อมูลโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต
บริษัท background check วิเคราะห์พฤติกรรมออนไลน์
รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อ
ความแตกต่างระหว่างจีนกับตะวันตก
จีนแจ้งให้ประชาชนรู้ว่ากำลังถูกให้คะแนน
ตะวันตกซ่อนระบบไว้ภายใต้ “ฟีเจอร์ผู้ใช้” หรือ “การปรับปรุงประสบการณ์”
ความโปร่งใสในจีนอาจมากกว่าระบบที่ดูเหมือนเสรีในตะวันตก
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “เสรีภาพ”
การไม่มีระบบรวมศูนย์ไม่ได้แปลว่าไม่มีการควบคุม
การให้คะแนนแบบแฝงอาจส่งผลต่อชีวิตโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว
ความเสี่ยงจากการรวมระบบในอนาคต
โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างเพื่อเชื่อมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
หากไม่มีการกำกับดูแล อาจเกิดระบบเครดิตสังคมแบบรวมศูนย์โดยไม่ตั้งใจ
ความเปราะบางของสิทธิส่วนบุคคล
ผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้ว่าพฤติกรรมใดส่งผลต่อคะแนนของตน
ไม่มีช่องทางในการโต้แย้งหรือแก้ไขคะแนนที่ได้รับ
https://www.thenexus.media/your-phone-already-has-social-credit-we-just-lie-about-it/
หลายคนมองว่า “ระบบเครดิตสังคม” เป็นสิ่งที่จีนใช้ควบคุมประชาชน เช่น การหักคะแนนจากการข้ามถนนผิดกฎ หรือการใช้กล้องตรวจจับพฤติกรรม แต่ในความเป็นจริง จีนยังไม่มีระบบเครดิตสังคมระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป—มีเพียงระบบสำหรับบริษัท และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก ๆ เท่านั้น เช่น Rongcheng ซึ่งก็ยังไม่มีผลกระทบในระดับชาติ
ในทางกลับกัน โลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ กลับมีระบบจัดอันดับพฤติกรรมที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน: Uber ให้คะแนนผู้โดยสาร, LinkedIn จัดอันดับการมีส่วนร่วม, Instagram วัด engagement, Amazon วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ, Airbnb ให้คะแนนเจ้าของบ้าน—ทั้งหมดนี้คือระบบเครดิตสังคมที่ไม่เคยถูกเรียกด้วยชื่อนั้น
แม้จะไม่มีการรวมระบบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างเป็นทางการ แต่โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างขึ้น: บริษัทต่าง ๆ เริ่มแชร์ข้อมูลความน่าเชื่อถือ, ธนาคารใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต, และรัฐบาลบางแห่งสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อข้อมูล
สิ่งที่จีนทำคือ “บอกคุณว่ากำลังให้คะแนนคุณอยู่” แต่สิ่งที่โลกตะวันตกทำคือ “ให้คะแนนคุณโดยไม่บอก” และนั่นคือความแตกต่างที่น่ากังวล—เพราะเมื่อคุณไม่รู้ว่ากำลังถูกประเมิน คุณก็ไม่รู้ว่าจะปรับตัวอย่างไร หรือแม้แต่จะปกป้องสิทธิของตัวเองได้อย่างไร
ระบบเครดิตสังคมในจีน
ไม่มีระบบระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป
มีระบบสำหรับบริษัทกว่า 33 ล้านแห่ง และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก
ส่วนใหญ่เน้นการติดตามการผิดนัดชำระหนี้และคำสั่งศาล
ระบบจัดอันดับพฤติกรรมในโลกตะวันตก
Uber, LinkedIn, Instagram, Amazon, Airbnb ล้วนมีระบบให้คะแนนพฤติกรรม
คะแนนเหล่านี้ส่งผลต่อการเข้าถึงบริการและโอกาสทางสังคม
ไม่มีการแจ้งเตือนหรือความโปร่งใสในการให้คะแนน
การขยายตัวของระบบแบบแฝง
ธนาคารใช้ข้อมูลโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต
บริษัท background check วิเคราะห์พฤติกรรมออนไลน์
รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อ
ความแตกต่างระหว่างจีนกับตะวันตก
จีนแจ้งให้ประชาชนรู้ว่ากำลังถูกให้คะแนน
ตะวันตกซ่อนระบบไว้ภายใต้ “ฟีเจอร์ผู้ใช้” หรือ “การปรับปรุงประสบการณ์”
ความโปร่งใสในจีนอาจมากกว่าระบบที่ดูเหมือนเสรีในตะวันตก
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “เสรีภาพ”
การไม่มีระบบรวมศูนย์ไม่ได้แปลว่าไม่มีการควบคุม
การให้คะแนนแบบแฝงอาจส่งผลต่อชีวิตโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว
ความเสี่ยงจากการรวมระบบในอนาคต
โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างเพื่อเชื่อมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
หากไม่มีการกำกับดูแล อาจเกิดระบบเครดิตสังคมแบบรวมศูนย์โดยไม่ตั้งใจ
ความเปราะบางของสิทธิส่วนบุคคล
ผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้ว่าพฤติกรรมใดส่งผลต่อคะแนนของตน
ไม่มีช่องทางในการโต้แย้งหรือแก้ไขคะแนนที่ได้รับ
https://www.thenexus.media/your-phone-already-has-social-credit-we-just-lie-about-it/
🎙️ เรื่องเล่าจากคะแนนที่ไม่มีใครบอกว่าเป็นคะแนน: เมื่อระบบจัดอันดับพฤติกรรมกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของชีวิตดิจิทัล
หลายคนมองว่า “ระบบเครดิตสังคม” เป็นสิ่งที่จีนใช้ควบคุมประชาชน เช่น การหักคะแนนจากการข้ามถนนผิดกฎ หรือการใช้กล้องตรวจจับพฤติกรรม แต่ในความเป็นจริง จีนยังไม่มีระบบเครดิตสังคมระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป—มีเพียงระบบสำหรับบริษัท และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก ๆ เท่านั้น เช่น Rongcheng ซึ่งก็ยังไม่มีผลกระทบในระดับชาติ
ในทางกลับกัน โลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ กลับมีระบบจัดอันดับพฤติกรรมที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน: Uber ให้คะแนนผู้โดยสาร, LinkedIn จัดอันดับการมีส่วนร่วม, Instagram วัด engagement, Amazon วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ, Airbnb ให้คะแนนเจ้าของบ้าน—ทั้งหมดนี้คือระบบเครดิตสังคมที่ไม่เคยถูกเรียกด้วยชื่อนั้น
แม้จะไม่มีการรวมระบบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างเป็นทางการ แต่โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างขึ้น: บริษัทต่าง ๆ เริ่มแชร์ข้อมูลความน่าเชื่อถือ, ธนาคารใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต, และรัฐบาลบางแห่งสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อข้อมูล
สิ่งที่จีนทำคือ “บอกคุณว่ากำลังให้คะแนนคุณอยู่” แต่สิ่งที่โลกตะวันตกทำคือ “ให้คะแนนคุณโดยไม่บอก” และนั่นคือความแตกต่างที่น่ากังวล—เพราะเมื่อคุณไม่รู้ว่ากำลังถูกประเมิน คุณก็ไม่รู้ว่าจะปรับตัวอย่างไร หรือแม้แต่จะปกป้องสิทธิของตัวเองได้อย่างไร
✅ ระบบเครดิตสังคมในจีน
➡️ ไม่มีระบบระดับประเทศสำหรับบุคคลทั่วไป
➡️ มีระบบสำหรับบริษัทกว่า 33 ล้านแห่ง และโครงการนำร่องในเมืองเล็ก
➡️ ส่วนใหญ่เน้นการติดตามการผิดนัดชำระหนี้และคำสั่งศาล
✅ ระบบจัดอันดับพฤติกรรมในโลกตะวันตก
➡️ Uber, LinkedIn, Instagram, Amazon, Airbnb ล้วนมีระบบให้คะแนนพฤติกรรม
➡️ คะแนนเหล่านี้ส่งผลต่อการเข้าถึงบริการและโอกาสทางสังคม
➡️ ไม่มีการแจ้งเตือนหรือความโปร่งใสในการให้คะแนน
✅ การขยายตัวของระบบแบบแฝง
➡️ ธนาคารใช้ข้อมูลโซเชียลมีเดียในการประเมินเครดิต
➡️ บริษัท background check วิเคราะห์พฤติกรรมออนไลน์
➡️ รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางกฎหมายหรือการซื้อ
✅ ความแตกต่างระหว่างจีนกับตะวันตก
➡️ จีนแจ้งให้ประชาชนรู้ว่ากำลังถูกให้คะแนน
➡️ ตะวันตกซ่อนระบบไว้ภายใต้ “ฟีเจอร์ผู้ใช้” หรือ “การปรับปรุงประสบการณ์”
➡️ ความโปร่งใสในจีนอาจมากกว่าระบบที่ดูเหมือนเสรีในตะวันตก
‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “เสรีภาพ”
⛔ การไม่มีระบบรวมศูนย์ไม่ได้แปลว่าไม่มีการควบคุม
⛔ การให้คะแนนแบบแฝงอาจส่งผลต่อชีวิตโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว
‼️ ความเสี่ยงจากการรวมระบบในอนาคต
⛔ โครงสร้างพื้นฐานกำลังถูกสร้างเพื่อเชื่อมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
⛔ หากไม่มีการกำกับดูแล อาจเกิดระบบเครดิตสังคมแบบรวมศูนย์โดยไม่ตั้งใจ
‼️ ความเปราะบางของสิทธิส่วนบุคคล
⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้ว่าพฤติกรรมใดส่งผลต่อคะแนนของตน
⛔ ไม่มีช่องทางในการโต้แย้งหรือแก้ไขคะแนนที่ได้รับ
https://www.thenexus.media/your-phone-already-has-social-credit-we-just-lie-about-it/
0 Comments
0 Shares
58 Views
0 Reviews