• อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน
    สัทธรรมลำดับที่ : 716
    ชื่อบทธรรม :- ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน
    --ท่านทั้งหลาย จงตัดป่าเถิด อย่าตัดต้นไม้ ;
    เพราะว่าภัยย่อมเกิด จากป่าต่างหาก.
    --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงตัดป่าและความรกแห่งป่าเสีย แล้วเป็นคนไม่มีป่าเถิด.
    +--เพราะว่า #ตลอดเวลาที่กิเลสเพียงดังความรกของป่า ยังไม่ถูกตัดขาด
    เหลืออยู่แก่นระแม้สักว่าอณูเดียว ในนารีทั้งหลาย ;
    นระนั้น จักมีจิตปฏิพัทธ์ในนารีนั้น ตลอดกาลเพียงนั้น
    http://etipitaka.com/read/pali/25/52/?keywords=นรสฺส+นาริสุ
    เหมือนลูกวัวที่ยังกินนมแม่ ติดพันแม่วัวอยู่ ฉันใด ก็ฉันนั้น.
    ท่านจงถอนเยื่อใยแห่งจิตใจของตนเสีย เหมือนเขาถอนบัวสายในฤดูสารทด้วยมือ
    จงพอกพูนทางแห่งสันติเถิด เพราะว่านิพพานเป็นสิ่งที่พระสุคตแสดงไว้แล้ว.
    +--คนพาลย่อมคิดผิดว่า
    เราจักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูฝน จักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูหนาว และฤดูร้อน ดังนี้
    ย่อมไม่รู้อันตราย มัจจุย่อมพาเอาคนผู้มัวเมาในบุตรและปสุสัตว์
    มีมนัสข้องติดในอารมณ์ต่างๆ เหมือนห้วงน้ำใหญ่พาเอาชาวบ้านผู้หลับไป ฉะนั้น
    +--เมื่อบุคคลถูกมัจจุผู้ทำซึ่งที่สุดครอบงำแล้ว
    บุตรทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทานบิดา
    ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ถึงพวกพ้องทั้งหลาย
    ก็ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ความเป็นผู้ต้านทานไม่มีในญาติทั้งหลาย
    +--บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นี้แล้ว
    พึงเป็นผู้สำรวมแล้วด้วยศีล
    พึงรีบชำระทางเป็นที่ไปสู่นิพพานพลันทีเดียว

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/36/30.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/36/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=716
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน สัทธรรมลำดับที่ : 716 ชื่อบทธรรม :- ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716 เนื้อความทั้งหมด :- --ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน --ท่านทั้งหลาย จงตัดป่าเถิด อย่าตัดต้นไม้ ; เพราะว่าภัยย่อมเกิด จากป่าต่างหาก. --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงตัดป่าและความรกแห่งป่าเสีย แล้วเป็นคนไม่มีป่าเถิด. +--เพราะว่า #ตลอดเวลาที่กิเลสเพียงดังความรกของป่า ยังไม่ถูกตัดขาด เหลืออยู่แก่นระแม้สักว่าอณูเดียว ในนารีทั้งหลาย ; นระนั้น จักมีจิตปฏิพัทธ์ในนารีนั้น ตลอดกาลเพียงนั้น http://etipitaka.com/read/pali/25/52/?keywords=นรสฺส+นาริสุ เหมือนลูกวัวที่ยังกินนมแม่ ติดพันแม่วัวอยู่ ฉันใด ก็ฉันนั้น. ท่านจงถอนเยื่อใยแห่งจิตใจของตนเสีย เหมือนเขาถอนบัวสายในฤดูสารทด้วยมือ จงพอกพูนทางแห่งสันติเถิด เพราะว่านิพพานเป็นสิ่งที่พระสุคตแสดงไว้แล้ว. +--คนพาลย่อมคิดผิดว่า เราจักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูฝน จักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูหนาว และฤดูร้อน ดังนี้ ย่อมไม่รู้อันตราย มัจจุย่อมพาเอาคนผู้มัวเมาในบุตรและปสุสัตว์ มีมนัสข้องติดในอารมณ์ต่างๆ เหมือนห้วงน้ำใหญ่พาเอาชาวบ้านผู้หลับไป ฉะนั้น +--เมื่อบุคคลถูกมัจจุผู้ทำซึ่งที่สุดครอบงำแล้ว บุตรทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทานบิดา ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ถึงพวกพ้องทั้งหลาย ก็ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ความเป็นผู้ต้านทานไม่มีในญาติทั้งหลาย +--บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นี้แล้ว พึงเป็นผู้สำรวมแล้วด้วยศีล พึงรีบชำระทางเป็นที่ไปสู่นิพพานพลันทีเดียว #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/36/30. http://etipitaka.com/read/thai/25/36/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐. http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=716 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - [สำหรับสิ่งที่เรียกว่า “ไม่ใช่ของเธอ” นั้น ในสูตรอื่น (๑๘/๑๖๒ /๒๒๐) ทรงแสดงด้วย อาตนะภายนอกหก คือ รูปะ .... สัททะ .... คันธะ .... รสะ .... โผฏฐัพพะ .... ธัมมารัมมณะ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๒/๒๗๙/๒๘๗; ๑๗/๔๒/๗๑-๗๒) ทรงแสดงด้วย เบญจขันธ์ คือ รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๘/๑๐๐/๑๔๙) ทรงแสดงด้วย อายตนิกธรรมห้าหมวด คืออายตนะภายในหก .... อายตนะภายนอกหก .... วิญญาณหก .... สัมผัสหก .... เวทนาหก.... รวมเป็นสามสิบ ดังนี้ก็มี].
    -[สำหรับสิ่งที่เรียกว่า “ไม่ใช่ของเธอ” นั้น ในสูตรอื่น (๑๘/๑๖๒ /๒๒๐) ทรงแสดงด้วย อาตนะภายนอกหก คือ รูปะ .... สัททะ .... คันธะ .... รสะ .... โผฏฐัพพะ .... ธัมมารัมมณะ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๒/๒๗๙/๒๘๗; ๑๗/๔๒/๗๑-๗๒) ทรงแสดงด้วย เบญจขันธ์ คือ รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๘/๑๐๐/๑๔๙) ทรงแสดงด้วย อายตนิกธรรมห้าหมวด คืออายตนะภายในหก .... อายตนะภายนอกหก .... วิญญาณหก .... สัมผัสหก .... เวทนาหก.... รวมเป็นสามสิบ ดังนี้ก็มี]. ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน ท่านทั้งหลาย จงตัดป่าเถิด อย่าตัดต้นไม้ ; เพราะว่าภัยย่อมเกิด จากป่าต่างหาก. ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงตัดป่าและความรกแห่งป่าเสีย แล้วเป็นคนไม่มีป่าเถิด. เพราะว่า ตลอดเวลาที่กิเลสเพียงดังความรกของป่า ยังไม่ถูกตัดขาด เหลืออยู่แก่นระแม้สักว่าอณูเดียว ในนารีทั้งหลาย ; นระนั้น จักมีจิตปฏิพัทธ์ในนารีนั้น ตลอดกาลเพียงนั้น เหมือนลูกวัวที่ยังกินนมแม่ ติดพันแม่วัวอยู่ ฉันใด ก็ฉันนั้น. ท่านจงถอนเยื่อใยแห่งจิตใจของตนเสีย เหมือนเขาถอนบัวสายในฤดูสารทด้วยมือ จงพอกพูนทางแห่งสันติเถิด เพราะว่านิพพานเป็นสิ่งที่พระสุคตแสดงไว้แล้ว.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..สรุปประชาชนจะต่อสู้ทางคำพูดไม่ได้แล้ว,ต้องเป็นคำพูดที่หวานหู ไพเราะน่าฟังเท่านั้น

    #ยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทกันเถอะ.,ตัดตอนคนพาลได้ดี มิให้ว่ากล่าวด่าเสียเทเสียตนได้.,และปิดปากประชาชนได้ดีสาระพัดด้วยการอ้างกฎหมายหมิ่นประมาทนำหน้าไว้ก่อน.

    https://youtube.com/shorts/q1y3XSTNeTM?si=4IUPFsSWpNDIRqUt
    ..สรุปประชาชนจะต่อสู้ทางคำพูดไม่ได้แล้ว,ต้องเป็นคำพูดที่หวานหู ไพเราะน่าฟังเท่านั้น #ยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทกันเถอะ.,ตัดตอนคนพาลได้ดี มิให้ว่ากล่าวด่าเสียเทเสียตนได้.,และปิดปากประชาชนได้ดีสาระพัดด้วยการอ้างกฎหมายหมิ่นประมาทนำหน้าไว้ก่อน. https://youtube.com/shorts/q1y3XSTNeTM?si=4IUPFsSWpNDIRqUt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุดรัฐบาลนี้เแ็นภัยต่ออธิปไตยไทยชัดเจนมานานแล้ว พรรคหลักและพรรคร่วมเป็นภัยต่ออธิปไตยชาติไทยภายในประเทศของตนเองเสียเอง ละเว้นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเสียเองต่อศัตรูภัยคุกคามรุกรานอธิปไตยไทย,สส.ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดเสมือนคือคนทรยศต่อแผ่นดินไทยไม่เป็นที่น่าไว้ใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ใดๆอีกต่อไปทั้งหมด นักวิชาการมากมายแฉพฤติกรรมเพื่อปกป้องชาติขนาดนี้ทั้งอดีตทหารมากด้วยประสบการณ์ก็ออกมาชี้ชัดเจน ต่างชาติเองแม้ตัวศัตรูเองมันยังบอกว่าคนลักษณะนี้ในชาติมันคือกบฎต่อประเทศมันเองแล้ว,
    ..ประเทศไทยเราต้องล้างทั้งระบบจริงๆตั้งแต่กฎหมายที่เลอะเทอะขึ้นทุกๆวัน กฎหมายไปทางรังแกประชาชนคนไทยเสียมาก ปกป้องหน้าตาคนชั่วเลวทำผิดเสียดีกว่า ง่ายๆเป็นข่าวก็ปกปิดใบหน้าชื่อเสียงบริษัทหรือบุคคลนั้นนั้นเองซึ่งเป็นการเขียนออกมาทีหลังเพื่อปกป้องคนชั่วมิให้ใครเห็นใบหน้าจริงนั้นเอง,กฎหมายหมิ่นประมาทก็ไม่สมควรมี,กฎหมายห้ามชุมนุมก็ไม่สมควรมี กฎหมายไม่ต้องเลือกตั้งตรงนายกฯก็ไม่สมควรมี,กฎหมายมากมายดูดีๆเกิดในคนพาลคนเลวชั่วทั้งสิ้นตลอดพรมแดนที่เขมรลุกล้ำมากว่า10-11จุดนี้ล้วนมาจากฝ่ายทหารเลวชั่วที่มีอำนาจแล้วให้ศัตรูล้ำแดนคุกคามอธิปไตยไทยตนดินแดนตนชัดเจน ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงต่ออาชญากรรมอาชญากรเข้าออกพรมแดนโดยอิสระเสรี,โทษประหารชีวิตอย่างชัดเจน,จนเกิดสงครามขึ้นในปัจจุบันเพราะเราประเทศไทยไม่ประหารชีวิตคนเลวชั่วฝ่ายปกครองที่ส่อไปทางเลวชั่วใดๆจริงและระบบราชการคนราชการเลวขั่วเองก็ด้วย จนเป็นข่าวถุงขนมตกหน้าห้องศาลตุลาการทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผยที่ประขาชนรับรู้ความเป็นจริงอยู่แต่เพราะเขียนกฎหมายหมิ่นประมาทดักคอประชาชนไว้จึงกระบวนการคาดเดาแฉประชาชนจริงถูกตัดตอน,ปิดปากประชาชนนั้นเอง ประชาชนจะพูดได้ให้กันฟังจะจริงจะเท็จจะด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งมันก็จะเป็นไร้ คนผิดเท่านั้นจะเดือดร้อนเป็นไฟจริง,
    ..นายกฯคนใหม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญปัจจุบันทิ้งเลย ยึดอำนาจตัวเองก็ได้แล้วฉีกทิ้งเขียนใหม่ให้ดีกว่าปัจจุบันได้,และรัฐธรรมนูญนี้เกิดมาจากยุทธปืนคอด้วย กูรูแฉตรึมแล้ว มูลมีจะไว้ใจสิ่งที่คนไม่ดีคนชั่วเลวสร้างทำขึ้นมาได้อย่างไร,ตัวอย่างชัดเจนคือนายกฯพ้นตำแหน่งพ้นสถานะนายกฯแบบพ้นสถานะนายกฯกรณีไม่ซื่อสัตย์ที่เกิดขึ้นจริงแล้ว จริงๆต้องเลือกตั้งใหม่ทันทีเหมือนอดีต และนายกฯต้องถูกประชาชนกาเลือกตั้งตรงจากประชาชนทางตรงด้วย,ระบบลงโทษนักการเมืองต้องเด็ดขาดด้วยกระบวนการยุติธรรมต้องจัดการนักการเมืองชั่วจริง,และคนในกระบวนการยุติธรรมต้องถูกซื้อตัวไม่ได้ ทำเพื่อชาติบ้านเมืองเห็นจริงสำนึกรู้ถูกผิดค่าจริงที่จะตัดสินคนไม่ดีนี้.เป็นที่พึ่งต่อแผ่นดินอธิปไตยตนเองได้ เพราะตนก็คือคนไทยเลือกคนดีคนถูกตนก็ร่วมมีบทบาทในภาคประชาชนคนปกติเช่นกันหลังหัวโขนบทบาทที่ใส่ชุดราชการ,กระบวนการประชาธิปไตยจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆทันที เชิดชูเกียรติคนดีจริงค้ำชูคนดีจริงและค้ำชูประชาชนให้อยู่ดีมีสุขจริง,ลงโทษจริงแก่ข้าราชการเลวชั่วนักการเมืองชั่วเลวแบบเขียนกฎหมายยกผลประโยชน์ความมั่งคั่งร่ำรวยแก่ต่างชาติผิดวิสัยผู้นำผู้ปกครองข้าราชการที่ดี,และปัจจุบันชัดเจนแล้วว่าบ่อน้ำมันที่คนพวกนี้กระทำกิจการมานั้นเป็นลักษณะคนไม่ดีกระทำต่อคนไทยชัดเจนผ่านอำนาจปกครองตนทั้งฝ่ายปกครองฝ่ายราชการมีตำแหน่งอำนาจและฝ่ายนักการเมืองนั้นเองจนทำให้คนไทยยากจนจากผลกระทบมันรอบด้าน.นี้คือตัวอย่างชัดเจนที่ไม่เคยประหารชีวิตจริงแก่ข้าราชการและนักการเมืองให้สำนึกเกรงกลัวหากกระทำไม่ดีไม่เป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชน,และเวลานี้ก็ยังเป็นแบบนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ,จึงสมควรมีการกวาดล้างใหญ่ทั้งระบบราชการภายในไทยเราเองและนักการเมืองที่เป็นภัยต่อแผ่นดินไทยเองเสียแล้วในตนนี้,มันผิดปกติเกินไปแล้วนั้นเอง,เมื่อเรากวาดล้างให้เป็นปกติได้ สิ่งดีๆจะดำเนินต่อไปเป็นปกติในสไตล์ใหม่ขึ้นนั้นเอง.


    ..ต้องกวาดล้างทำความสะอาดภายในประเทศไทยเราครั้งใหญ่จริงๆ เริ่มจากนักการเมืองและราชการที่มีตำแหน่งหัวหน้าขึ้นไปทั้งหมด,ตลอดเจ้ากิจการทั้งหมดที่ยุ่งเกี่ยวในเงินงบประมาณรัฐและรัฐโอนการผูกขาดสาระพัดให้ไปเพื่อหาตังแก่ประชาชนทั้งหมด.,ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบนานพอแล้วทั้งจากภายในชาติตนเองและจากต่างชาติที่หมายยึดครองปล้นชิงทรัพยากรมีค่ามากมายในประเทศไทยเราด้วยหรือยึดปกครองผ่านนักการเมืองเสียเองก็ด้วย.


    https://youtube.com/shorts/Fr-VdqRMW3U?si=cP1948V0a5YqnTHS
    ชุดรัฐบาลนี้เแ็นภัยต่ออธิปไตยไทยชัดเจนมานานแล้ว พรรคหลักและพรรคร่วมเป็นภัยต่ออธิปไตยชาติไทยภายในประเทศของตนเองเสียเอง ละเว้นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเสียเองต่อศัตรูภัยคุกคามรุกรานอธิปไตยไทย,สส.ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดเสมือนคือคนทรยศต่อแผ่นดินไทยไม่เป็นที่น่าไว้ใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ใดๆอีกต่อไปทั้งหมด นักวิชาการมากมายแฉพฤติกรรมเพื่อปกป้องชาติขนาดนี้ทั้งอดีตทหารมากด้วยประสบการณ์ก็ออกมาชี้ชัดเจน ต่างชาติเองแม้ตัวศัตรูเองมันยังบอกว่าคนลักษณะนี้ในชาติมันคือกบฎต่อประเทศมันเองแล้ว, ..ประเทศไทยเราต้องล้างทั้งระบบจริงๆตั้งแต่กฎหมายที่เลอะเทอะขึ้นทุกๆวัน กฎหมายไปทางรังแกประชาชนคนไทยเสียมาก ปกป้องหน้าตาคนชั่วเลวทำผิดเสียดีกว่า ง่ายๆเป็นข่าวก็ปกปิดใบหน้าชื่อเสียงบริษัทหรือบุคคลนั้นนั้นเองซึ่งเป็นการเขียนออกมาทีหลังเพื่อปกป้องคนชั่วมิให้ใครเห็นใบหน้าจริงนั้นเอง,กฎหมายหมิ่นประมาทก็ไม่สมควรมี,กฎหมายห้ามชุมนุมก็ไม่สมควรมี กฎหมายไม่ต้องเลือกตั้งตรงนายกฯก็ไม่สมควรมี,กฎหมายมากมายดูดีๆเกิดในคนพาลคนเลวชั่วทั้งสิ้นตลอดพรมแดนที่เขมรลุกล้ำมากว่า10-11จุดนี้ล้วนมาจากฝ่ายทหารเลวชั่วที่มีอำนาจแล้วให้ศัตรูล้ำแดนคุกคามอธิปไตยไทยตนดินแดนตนชัดเจน ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงต่ออาชญากรรมอาชญากรเข้าออกพรมแดนโดยอิสระเสรี,โทษประหารชีวิตอย่างชัดเจน,จนเกิดสงครามขึ้นในปัจจุบันเพราะเราประเทศไทยไม่ประหารชีวิตคนเลวชั่วฝ่ายปกครองที่ส่อไปทางเลวชั่วใดๆจริงและระบบราชการคนราชการเลวขั่วเองก็ด้วย จนเป็นข่าวถุงขนมตกหน้าห้องศาลตุลาการทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผยที่ประขาชนรับรู้ความเป็นจริงอยู่แต่เพราะเขียนกฎหมายหมิ่นประมาทดักคอประชาชนไว้จึงกระบวนการคาดเดาแฉประชาชนจริงถูกตัดตอน,ปิดปากประชาชนนั้นเอง ประชาชนจะพูดได้ให้กันฟังจะจริงจะเท็จจะด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งมันก็จะเป็นไร้ คนผิดเท่านั้นจะเดือดร้อนเป็นไฟจริง, ..นายกฯคนใหม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญปัจจุบันทิ้งเลย ยึดอำนาจตัวเองก็ได้แล้วฉีกทิ้งเขียนใหม่ให้ดีกว่าปัจจุบันได้,และรัฐธรรมนูญนี้เกิดมาจากยุทธปืนคอด้วย กูรูแฉตรึมแล้ว มูลมีจะไว้ใจสิ่งที่คนไม่ดีคนชั่วเลวสร้างทำขึ้นมาได้อย่างไร,ตัวอย่างชัดเจนคือนายกฯพ้นตำแหน่งพ้นสถานะนายกฯแบบพ้นสถานะนายกฯกรณีไม่ซื่อสัตย์ที่เกิดขึ้นจริงแล้ว จริงๆต้องเลือกตั้งใหม่ทันทีเหมือนอดีต และนายกฯต้องถูกประชาชนกาเลือกตั้งตรงจากประชาชนทางตรงด้วย,ระบบลงโทษนักการเมืองต้องเด็ดขาดด้วยกระบวนการยุติธรรมต้องจัดการนักการเมืองชั่วจริง,และคนในกระบวนการยุติธรรมต้องถูกซื้อตัวไม่ได้ ทำเพื่อชาติบ้านเมืองเห็นจริงสำนึกรู้ถูกผิดค่าจริงที่จะตัดสินคนไม่ดีนี้.เป็นที่พึ่งต่อแผ่นดินอธิปไตยตนเองได้ เพราะตนก็คือคนไทยเลือกคนดีคนถูกตนก็ร่วมมีบทบาทในภาคประชาชนคนปกติเช่นกันหลังหัวโขนบทบาทที่ใส่ชุดราชการ,กระบวนการประชาธิปไตยจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆทันที เชิดชูเกียรติคนดีจริงค้ำชูคนดีจริงและค้ำชูประชาชนให้อยู่ดีมีสุขจริง,ลงโทษจริงแก่ข้าราชการเลวชั่วนักการเมืองชั่วเลวแบบเขียนกฎหมายยกผลประโยชน์ความมั่งคั่งร่ำรวยแก่ต่างชาติผิดวิสัยผู้นำผู้ปกครองข้าราชการที่ดี,และปัจจุบันชัดเจนแล้วว่าบ่อน้ำมันที่คนพวกนี้กระทำกิจการมานั้นเป็นลักษณะคนไม่ดีกระทำต่อคนไทยชัดเจนผ่านอำนาจปกครองตนทั้งฝ่ายปกครองฝ่ายราชการมีตำแหน่งอำนาจและฝ่ายนักการเมืองนั้นเองจนทำให้คนไทยยากจนจากผลกระทบมันรอบด้าน.นี้คือตัวอย่างชัดเจนที่ไม่เคยประหารชีวิตจริงแก่ข้าราชการและนักการเมืองให้สำนึกเกรงกลัวหากกระทำไม่ดีไม่เป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชน,และเวลานี้ก็ยังเป็นแบบนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ,จึงสมควรมีการกวาดล้างใหญ่ทั้งระบบราชการภายในไทยเราเองและนักการเมืองที่เป็นภัยต่อแผ่นดินไทยเองเสียแล้วในตนนี้,มันผิดปกติเกินไปแล้วนั้นเอง,เมื่อเรากวาดล้างให้เป็นปกติได้ สิ่งดีๆจะดำเนินต่อไปเป็นปกติในสไตล์ใหม่ขึ้นนั้นเอง. ..ต้องกวาดล้างทำความสะอาดภายในประเทศไทยเราครั้งใหญ่จริงๆ เริ่มจากนักการเมืองและราชการที่มีตำแหน่งหัวหน้าขึ้นไปทั้งหมด,ตลอดเจ้ากิจการทั้งหมดที่ยุ่งเกี่ยวในเงินงบประมาณรัฐและรัฐโอนการผูกขาดสาระพัดให้ไปเพื่อหาตังแก่ประชาชนทั้งหมด.,ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบนานพอแล้วทั้งจากภายในชาติตนเองและจากต่างชาติที่หมายยึดครองปล้นชิงทรัพยากรมีค่ามากมายในประเทศไทยเราด้วยหรือยึดปกครองผ่านนักการเมืองเสียเองก็ด้วย. https://youtube.com/shorts/Fr-VdqRMW3U?si=cP1948V0a5YqnTHS
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป
    สัทธรรมลำดับที่ : 713
    ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=713
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป
    ....
    --“ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! เปรียบเหมือน
    การหงายของที่คว่ำ
    การเปิดของที่ปิด
    การชี้ทางแก่คนหลงทาง หรือ
    การตามประทีปไว้ในที่มืดเพื่อคนมีตายังดีจะได้เห็นรูป,
    ฉันใด ;
    ธรรมปริยายเป็นอันมาก ที่พระผู้มีพระภาคประกาศแล้ว
    ก็ฉันนั้น.
    --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคที่เป็นที่พึ่ง
    รวมทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ขอพระผู้มีพระภาค จงทรงจำข้าพระองค์ไว้ว่า
    เป็นอุบาสกผู้ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จนตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้ไป.
    --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! โทษได้ท่วมทับข้าพระองค์แล้ว
    ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล
    คือข้อที่ข้าพระองค์ได้ปลงพระชนม์พระบิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา
    เสียจากชีวิต เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่.
    --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
    ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับซึ่งโทษโดยความเป็นโทษของข้าพระองค์
    เพื่อความสำรวมระวังต่อไปเถิด พระเจ้าข้า !”
    --เอาละ มหาราช ! โทษได้ท่วมทับมหาบพิตร
    ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล
    #จนถึงกับปลงพระชนม์บิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต
    http://etipitaka.com/read/pali/9/112/?keywords=ปิตรํ+ธมฺมิกํ+ธมฺมราชา
    เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่.

    --มหาราช ! แต่ เพราะเหตุที่มหาบพิตรเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้ว
    ทำคืนตามธรรม พวกเรายอมรับโทษนั้นของมหาบพิตร.
    --มหาราช ! ผู้ใดเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วทำคืนตามธรรม
    ถึงความสำรวมต่อไป; ข้อนี้เป็นความเจริญในอริยวินัย
    http://etipitaka.com/read/pali/9/113/?keywords=อริย+วินเย
    ของผู้นั้น.-
    ....
    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท้าวเธอได้กราบทูลลาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาไปในบัดนี้ หม่อมฉันมีกิจมาก มีกรณียะมาก พระผู้มีพระภาค
    ตรัสว่า ขอมหาบพิตรทรงสำคัญเวลา ณ บัดนี้เถิด.
    ครั้งนั้นแล พระเจ้าแผ่นดินมคธพระนามว่าอชาตศัตรู เวเทหีบุตร
    http://etipitaka.com/read/pali/9/113/?keywords=อชาตสตฺตุ+เวเทหิปุตฺโต
    ทรงเพลิดเพลินยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว เสด็จลุกจากอาสนะ
    ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทรงกระทำประทักษิณแล้วเสด็จไป.
    เมื่อท้าวเธอเสด็จไปไม่นานพระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
    --ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    พระราชาพระองค์นี้ถูกขุดเสียแล้วพระราชาพระองค์นี้ถูกขจัดเสียแล้ว
    #หากท้าวเธอจักไม่ปลงพระชนมชีพพระบิดาผู้ดำรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรมไซร้
    ธรรมจักษุ ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน จักเกิดขึ้นแก่ท้าวเธอ ณ ที่ประทับนี้ทีเดียว.
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำเป็นไวยากรณ์นี้แล้ว.
    +--ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้วแล.

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/78/138-140.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/78/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๑๑๒/๑๓๘​-๑๔๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/112/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=713
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=713
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52
    ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป สัทธรรมลำดับที่ : 713 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=713 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป .... --“ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! เปรียบเหมือน การหงายของที่คว่ำ การเปิดของที่ปิด การชี้ทางแก่คนหลงทาง หรือ การตามประทีปไว้ในที่มืดเพื่อคนมีตายังดีจะได้เห็นรูป, ฉันใด ; ธรรมปริยายเป็นอันมาก ที่พระผู้มีพระภาคประกาศแล้ว ก็ฉันนั้น. --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคที่เป็นที่พึ่ง รวมทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ขอพระผู้มีพระภาค จงทรงจำข้าพระองค์ไว้ว่า เป็นอุบาสกผู้ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จนตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้ไป. --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! โทษได้ท่วมทับข้าพระองค์แล้ว ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล คือข้อที่ข้าพระองค์ได้ปลงพระชนม์พระบิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่. --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับซึ่งโทษโดยความเป็นโทษของข้าพระองค์ เพื่อความสำรวมระวังต่อไปเถิด พระเจ้าข้า !” --เอาละ มหาราช ! โทษได้ท่วมทับมหาบพิตร ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล #จนถึงกับปลงพระชนม์บิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต http://etipitaka.com/read/pali/9/112/?keywords=ปิตรํ+ธมฺมิกํ+ธมฺมราชา เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่. --มหาราช ! แต่ เพราะเหตุที่มหาบพิตรเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้ว ทำคืนตามธรรม พวกเรายอมรับโทษนั้นของมหาบพิตร. --มหาราช ! ผู้ใดเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมต่อไป; ข้อนี้เป็นความเจริญในอริยวินัย http://etipitaka.com/read/pali/9/113/?keywords=อริย+วินเย ของผู้นั้น.- .... เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท้าวเธอได้กราบทูลลาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาไปในบัดนี้ หม่อมฉันมีกิจมาก มีกรณียะมาก พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ขอมหาบพิตรทรงสำคัญเวลา ณ บัดนี้เถิด. ครั้งนั้นแล พระเจ้าแผ่นดินมคธพระนามว่าอชาตศัตรู เวเทหีบุตร http://etipitaka.com/read/pali/9/113/?keywords=อชาตสตฺตุ+เวเทหิปุตฺโต ทรงเพลิดเพลินยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว เสด็จลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทรงกระทำประทักษิณแล้วเสด็จไป. เมื่อท้าวเธอเสด็จไปไม่นานพระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า --ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชาพระองค์นี้ถูกขุดเสียแล้วพระราชาพระองค์นี้ถูกขจัดเสียแล้ว #หากท้าวเธอจักไม่ปลงพระชนมชีพพระบิดาผู้ดำรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรมไซร้ ธรรมจักษุ ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน จักเกิดขึ้นแก่ท้าวเธอ ณ ที่ประทับนี้ทีเดียว. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำเป็นไวยากรณ์นี้แล้ว. +--ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้วแล. #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/78/138-140. http://etipitaka.com/read/thai/9/78/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๑๑๒/๑๓๘​-๑๔๐. http://etipitaka.com/read/pali/9/112/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=713 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=713 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52 ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป
    -สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป “ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! เปรียบเหมือนการหงายของที่คว่ำ การเปิดของที่ปิด การชี้ทางแก่คนหลงทาง หรือการตามประทีปไว้ในที่มืดเพื่อคนมีตายังดีจะได้เห็นรูป, ฉันใด ; ธรรมปริยายเป็นอันมาก ที่พระผู้มีพระภาคประกาศแล้ว ก็ฉันนั้น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคที่เป็นที่พึ่ง รวมทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ขอพระผู้มีพระภาค จงทรงจำข้าพระองค์ไว้ว่า เป็นอุบาสกผู้ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จนตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้ไป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! โทษได้ท่วมทับข้าพระองค์แล้ว ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล คือข้อที่ข้าพระองค์ได้ปลงพระชนม์พระบิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับซึ่งโทษโดยความเป็นโทษของข้าพระองค์ เพื่อความสำรวมระวังต่อไปเถิด พระเจ้าข้า !” เอาละ มหาราช ! โทษได้ท่วมทับมหาบพิตร ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล จนถึงกับปลงพระชนม์บิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่. มหาราช ! แต่ เพราะเหตุที่มหาบพิตรเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วทำคืนตามธรรม พวกเรายอมรับโทษนั้นของมหาบพิตร. มหาราช ! ผู้ใดเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมต่อไป; ข้อนี้เป็นความเจริญในอริยวินัย องผู้นั้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธาตุแท้อเมริกามาแล้วจริงๆ,จะยุคสมัยไหน สรุปเชื่อใจฝรั่งตาขาวตาฟ้าตาแดงนี้ไม่ได้,ตอแหลปลิ้นปล้อนเหมือนเขมรนี้ล่ะ เผ่าพันธุ์เดียวกันจึงคุ้มครองกันเอง ไม่สนใจความไร้มนุษยธรรมที่รัฐบาลที่นำโดยฮุนเซนจะเกณฑ์ประชาชนเด็กน้อยๆเยาวชนชายหญิง คนชราแก่เฒ่าไปรบไปตายในสนาม อเมริกาสนับสนุนการไร้มนุษยธรรมของจริง ข้ออ้างสวยหรูว่าเพื่อยุติการหยุดยิงแต่มอบอาวุธและปืนระเบิดให้,อเมริกาสมควรถูกกำจัดออกไปจากโลก อิทธิพลแบบอเมริกาคือสไตล์คนพาลคนเลวของจริง มิน่าชนอินเดียแดงจึงบอกว่าเผ่าพันธุ์ฝรั่งแดนอเมริกาเป็นพวกตระบัดสัตย์ไม่ซื่อ คตในวาจา ตอแหลมึนด้านหนาไม่ต่างกันกับชนเผ่าเขมรแบบฮุนเซนและฮุนมาเนตนี้,ทรัมป์ก็เหี้ยไม่ต่างจากไบเดนห่าเหวนั้น,หรือโอบามาก็ด้วย ควายๆรับใข้อีลิทซาตานเหมือนกัน,เผลอๆทหารอเมริกาลักพาตัวเด็กๆในประเทศเขมรไปให้อีลิทdeep stateเอาไปต้มไปแดกไปปรุงรสชาดสาระพัดอีกหรือทรมานทารุนทำอะดริโนโครมเองก็ด้วย,ประชาชนเขมรอาจถูกลักพาตัวไปมากมาย หายตัวไปมากมายระหว่างอพยพหนีภาวะสงครามนี้ เพราะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดใช้อ้างคนหาย หายสาปสูญได้สนิทใจ ตายระหว่างอพยพหนีตาย หายระหว่างหนีตาย ทิ้งเด็กๆมากมายไว้ในบ้าน เพราะพ่อแม่พี่น้องคนชรามีชีวิตถูกจับไปใส่ชุดทหารหมด,เผด็จการฮุนเซนฮุนมาเนตตะจัดการเหยื่อตาทบ้านประชาชนได้สะดวกหมดล่ะเพราะพ่อแม่ญาติพี่น้องไม่เหลือสักคนนั้นเอง,สิ่งนี้จึงค้ำประกันถึงบริบทที่ชั่วเลวของอเมริกาไปในตัวที่ไปสนับสนุนจับมือกับฮุนเซน เสือกเจาะจงเรื่องอาวุธเทคโนโลยี ไม่พูดหาไม่บอกไม่ตบหัวฮุนเซนว่าอย่าเกณฑ์เด็กคนชราผู้หญิงประชาชนธรรมดาไปเป็นทหารสู้รบ,ไม่บอกฮุนเซนสักแอะว่าฮุนเซนไปเก็บศพทหารในสนามรบคืนมาให้ญาติทำพิธีให้หมด,มิใช่แบบกูในสงครามเวียดนามเก็บไม่ได้เพราะไม่ใช่ท้องถิ่นกูจริงเขตอาณาเขตสนามสงครามกูภายในประเทศแบบดินแดนเขมรภายในเขตเขมรเองของมรึงจริงแบบปัจจุบัน สามารถเข้าเก็บศพทหารตนเองบนประเทศตนเองแท้ได้ตลอดเวลา มรึงต้องไปทำก่อนกูอเมริกาจึงค่อยสนับสนุนเทคโนโลยีหรือใดๆแก่มรึงเขมรเพื่อความสงบสันติในการหยุดยิงนี้,อเมริกาจึงชัดเจนว่าสนับสนุนสงครามจริง,ไร้มนุษยธรรมจริง,อเมริกาสมควรสิ้นสถานะความเป็นประเทศด้วย,50รัฐอเมริกาสมควรแยกตนเองปกครองตนเองได้แล้ว,เป็นประเทศเอกราชตนเอง,พื้นที่ดินแดนมากมายคนอเมริกันทำไมโง่บัดสบทั้งทวีปแบบนั้น,สนับสนุนสงครามผ่าน50รัฐด้วย,โง่และชั่วเลวในเวลาเดียวกัน,จะตัดตอนมิให้ทรัมป์หรือใครๆไปมีอิทธิป่าเถื่อนไปทั่วโลกด้วย,รัฐใดอย่างทำสงครามก็ตามสบายเพราะเงินสนับสนุนจะจบแล้วเพราะแยกขาดเป็นประเทศของใครของมันแล้วนั้นเอง,50รัฐ ในรัฐประเทศใดประเทศหนึ่งเสมือนตัดตอนทุนอีลิทdeep stateรุ่นagendaด้วยก็ได้,เอกเทศใครมันปฏิเสธสงครามทุกๆกรณีได้ที่ไร้มนุษยธรรมแบบทรัมป์กำลังทำอยู่,ปฏิเสธวัคซีนโควิดทางตรงผ่านประเทศตนได้ที่แยกตัวเป็นประเทศใครมันทั้ง50รัฐแล้ว ไม่ผีบ้าต้องมาปฏิบัติตามคำสั่งประธานาธิบดีแบบผีบ้าไบเดนหรือป่วยจิตแบบทรัมป์ไม่สืบหาความจริงว่าเขมรฮุนเซนไร้มนุษยธรรมแก่ชนคนเขมรภายในประเทศแบบใดๆเลย ปิดหูปิดตาโคตรบรมโง่ทั้งทหารกองทัพอเมริกาจริงๆเก่งแค่ขโมยหรือขายโลกทรยศโลกตกลงกับต่างดาวชั่วแลกเทคโนโลยีเท่านั้นล่ะ,
    ..คนอเมริกาสมควรยื่นแบ่งแยกประเทศเถอะ,เวลารัสเชียเวลาจีนหรืออิหร่านยิงขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์จะได้ไม่เคลียร์พื้นที่ประเทศรัฐนั้นๆที่แยกตัวเป็นประเทศตนเองอิสระออกมาจากอเมริกาเดิมแล้ว,ประกาศตนเป็นกลาง จีนกับรัสเชียและอิหร่านจะล็อกพิกัดgpsจุดตกขีปนาวุธนิวเคลียร์ใหม่แทนตกที่ใหม่แทน,
    ..ยุโรปและอเมริกา ชาติฝรั่งพวกนี้สมควรหายไปจากโลกจริงๆ,ตลอดระยะเวลายาวนานนี้ พวกฝรั่งนี้ล่ะปล้นชิงชาวโลกไปทั่ว สร้างความไม่สงบสุขเป็นวงกว้างโดยมาเพียงเพราะโลภอยากได้ทรัพยากรเขาหรือแดกเขาก็ด้วยในเผ่าพันธุ์แรปทีเลี่ยนที่แดกมนุษย์เป็นปกติอยู่แล้ว.
    ธาตุแท้อเมริกามาแล้วจริงๆ,จะยุคสมัยไหน สรุปเชื่อใจฝรั่งตาขาวตาฟ้าตาแดงนี้ไม่ได้,ตอแหลปลิ้นปล้อนเหมือนเขมรนี้ล่ะ เผ่าพันธุ์เดียวกันจึงคุ้มครองกันเอง ไม่สนใจความไร้มนุษยธรรมที่รัฐบาลที่นำโดยฮุนเซนจะเกณฑ์ประชาชนเด็กน้อยๆเยาวชนชายหญิง คนชราแก่เฒ่าไปรบไปตายในสนาม อเมริกาสนับสนุนการไร้มนุษยธรรมของจริง ข้ออ้างสวยหรูว่าเพื่อยุติการหยุดยิงแต่มอบอาวุธและปืนระเบิดให้,อเมริกาสมควรถูกกำจัดออกไปจากโลก อิทธิพลแบบอเมริกาคือสไตล์คนพาลคนเลวของจริง มิน่าชนอินเดียแดงจึงบอกว่าเผ่าพันธุ์ฝรั่งแดนอเมริกาเป็นพวกตระบัดสัตย์ไม่ซื่อ คตในวาจา ตอแหลมึนด้านหนาไม่ต่างกันกับชนเผ่าเขมรแบบฮุนเซนและฮุนมาเนตนี้,ทรัมป์ก็เหี้ยไม่ต่างจากไบเดนห่าเหวนั้น,หรือโอบามาก็ด้วย ควายๆรับใข้อีลิทซาตานเหมือนกัน,เผลอๆทหารอเมริกาลักพาตัวเด็กๆในประเทศเขมรไปให้อีลิทdeep stateเอาไปต้มไปแดกไปปรุงรสชาดสาระพัดอีกหรือทรมานทารุนทำอะดริโนโครมเองก็ด้วย,ประชาชนเขมรอาจถูกลักพาตัวไปมากมาย หายตัวไปมากมายระหว่างอพยพหนีภาวะสงครามนี้ เพราะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดใช้อ้างคนหาย หายสาปสูญได้สนิทใจ ตายระหว่างอพยพหนีตาย หายระหว่างหนีตาย ทิ้งเด็กๆมากมายไว้ในบ้าน เพราะพ่อแม่พี่น้องคนชรามีชีวิตถูกจับไปใส่ชุดทหารหมด,เผด็จการฮุนเซนฮุนมาเนตตะจัดการเหยื่อตาทบ้านประชาชนได้สะดวกหมดล่ะเพราะพ่อแม่ญาติพี่น้องไม่เหลือสักคนนั้นเอง,สิ่งนี้จึงค้ำประกันถึงบริบทที่ชั่วเลวของอเมริกาไปในตัวที่ไปสนับสนุนจับมือกับฮุนเซน เสือกเจาะจงเรื่องอาวุธเทคโนโลยี ไม่พูดหาไม่บอกไม่ตบหัวฮุนเซนว่าอย่าเกณฑ์เด็กคนชราผู้หญิงประชาชนธรรมดาไปเป็นทหารสู้รบ,ไม่บอกฮุนเซนสักแอะว่าฮุนเซนไปเก็บศพทหารในสนามรบคืนมาให้ญาติทำพิธีให้หมด,มิใช่แบบกูในสงครามเวียดนามเก็บไม่ได้เพราะไม่ใช่ท้องถิ่นกูจริงเขตอาณาเขตสนามสงครามกูภายในประเทศแบบดินแดนเขมรภายในเขตเขมรเองของมรึงจริงแบบปัจจุบัน สามารถเข้าเก็บศพทหารตนเองบนประเทศตนเองแท้ได้ตลอดเวลา มรึงต้องไปทำก่อนกูอเมริกาจึงค่อยสนับสนุนเทคโนโลยีหรือใดๆแก่มรึงเขมรเพื่อความสงบสันติในการหยุดยิงนี้,อเมริกาจึงชัดเจนว่าสนับสนุนสงครามจริง,ไร้มนุษยธรรมจริง,อเมริกาสมควรสิ้นสถานะความเป็นประเทศด้วย,50รัฐอเมริกาสมควรแยกตนเองปกครองตนเองได้แล้ว,เป็นประเทศเอกราชตนเอง,พื้นที่ดินแดนมากมายคนอเมริกันทำไมโง่บัดสบทั้งทวีปแบบนั้น,สนับสนุนสงครามผ่าน50รัฐด้วย,โง่และชั่วเลวในเวลาเดียวกัน,จะตัดตอนมิให้ทรัมป์หรือใครๆไปมีอิทธิป่าเถื่อนไปทั่วโลกด้วย,รัฐใดอย่างทำสงครามก็ตามสบายเพราะเงินสนับสนุนจะจบแล้วเพราะแยกขาดเป็นประเทศของใครของมันแล้วนั้นเอง,50รัฐ ในรัฐประเทศใดประเทศหนึ่งเสมือนตัดตอนทุนอีลิทdeep stateรุ่นagendaด้วยก็ได้,เอกเทศใครมันปฏิเสธสงครามทุกๆกรณีได้ที่ไร้มนุษยธรรมแบบทรัมป์กำลังทำอยู่,ปฏิเสธวัคซีนโควิดทางตรงผ่านประเทศตนได้ที่แยกตัวเป็นประเทศใครมันทั้ง50รัฐแล้ว ไม่ผีบ้าต้องมาปฏิบัติตามคำสั่งประธานาธิบดีแบบผีบ้าไบเดนหรือป่วยจิตแบบทรัมป์ไม่สืบหาความจริงว่าเขมรฮุนเซนไร้มนุษยธรรมแก่ชนคนเขมรภายในประเทศแบบใดๆเลย ปิดหูปิดตาโคตรบรมโง่ทั้งทหารกองทัพอเมริกาจริงๆเก่งแค่ขโมยหรือขายโลกทรยศโลกตกลงกับต่างดาวชั่วแลกเทคโนโลยีเท่านั้นล่ะ, ..คนอเมริกาสมควรยื่นแบ่งแยกประเทศเถอะ,เวลารัสเชียเวลาจีนหรืออิหร่านยิงขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์จะได้ไม่เคลียร์พื้นที่ประเทศรัฐนั้นๆที่แยกตัวเป็นประเทศตนเองอิสระออกมาจากอเมริกาเดิมแล้ว,ประกาศตนเป็นกลาง จีนกับรัสเชียและอิหร่านจะล็อกพิกัดgpsจุดตกขีปนาวุธนิวเคลียร์ใหม่แทนตกที่ใหม่แทน, ..ยุโรปและอเมริกา ชาติฝรั่งพวกนี้สมควรหายไปจากโลกจริงๆ,ตลอดระยะเวลายาวนานนี้ พวกฝรั่งนี้ล่ะปล้นชิงชาวโลกไปทั่ว สร้างความไม่สงบสุขเป็นวงกว้างโดยมาเพียงเพราะโลภอยากได้ทรัพยากรเขาหรือแดกเขาก็ด้วยในเผ่าพันธุ์แรปทีเลี่ยนที่แดกมนุษย์เป็นปกติอยู่แล้ว.
    รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาเปิดเผย สหรัฐฯจะจับตาสถานการณ์ด้วยความกระตือรือร้น เพื่อรับประกันความสำเร็จและประสิทธิผลของการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมยืนยันวอชิงตันจะมอบแรงสนับสนุนทั้งทางโลจิสติกและทางเทคนิค แก่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074763

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ
    สัทธรรมลำดับที่ : 680
    ชื่อบทธรรม :- สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=680
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ

    ก. สุขัลลิกานุโยคของมิจฉาทิฏฐิ
    http://etipitaka.com/read/pali/11/143/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+อนริยา
    --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย
    กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า
    “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค
    (ประกอบตนให้ชุ่มอยู่ด้วยความสุข)”
    ดังนี้.
    --จุนทะ ! เมื่อปริพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นกล่าวอยู่อย่างนี้
    พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า “อาวุโส ! สุขัลลิกานุโยคชนิดไหนกัน ?
    ก็สุขัลลิกานุโยคมีอยู่มาก หลายอย่างหลายประการ”
    ดังนี้.
    --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้
    เป็นการกระทำที่ต่ำทรามเป็นของชาวบ้าน
    เป็นของชนชั้นปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ
    ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด
    ไม่เป็นไปเพื่อความดับ ความสงบระงับ
    ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม
    ไม่เป็นไปเพื่อนิพพานสี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ
    +--จุนทะ !
    คนบางคน ในกรณีนี้
    เป็นคนพาล ฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๑.
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    คนบางคนในโลกนี้
    ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แล้ว เลี้ยงตัวเองให้ป็นสุขให้อิ่มหนำ
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๒.
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    คนบางคนในกรณีนี้
    กล่าวเท็จแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๓.
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    คนบางคนในกรณีนี้
    อิ่มเอิบเพียบพร้อมด้วยกามคุณทั้งห้า ให้เขาบำเรออยู่ :
    นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๔.

    ข. สุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ
    http://etipitaka.com/read/pali/11/144/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+สมฺมา
    --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า
    “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านั้น (เป็นแน่)”
    ดังนี้ ;
    พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า หาใช่อย่างนั้นไม่.
    ปริพาชกเหล่านั้น ไม่ได้กล่าวแก่พวกเธอโดยชอบ
    แต่กล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้.
    --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้
    เป็นไปเพื่อความหน่ายความคลายกำหนัด
    เป็นไปเพื่อความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ
    เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว.
    สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ?
    +--จุนทะ ! สี่อย่างคือ
    +--ภิกษุในกรณีนี้
    เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรม ท.
    จึง บรรลุฌานที่ ๑ อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่หนึ่ง ;
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    +--ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้
    จึง บรรลุณานที่ ๒ เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน
    นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียว ไม่มีวิตกวิจาร
    มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สอง ;
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    +--ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ จึงอยู่อุเบกขา
    มีสติสัมปชัญญะ และย่อมเสวยสุขด้วยนามกาย
    บรรลุฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า
    ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข, แล้วแลอยู่
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สาม ;
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    ภิกษุ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้
    เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัส ท. ในกาลก่อน
    จึง บรรลุฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์ไม่สุข
    มีแต่ความมีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สี่.
    --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้แล
    เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด
    ....ฯลฯ....
    เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว.
    --จุนทะ ! นั่นแหละ คือฐานะที่มีอยู่
    คือฐานะที่ปริพพาชกผู้เป็น ลัทธิอื่น ท. จะกล่าวอย่างนี้ ว่า
    “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างประกอบด้วย สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้”
    ดังนี้.
    พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า อย่างนั้นถูกแล้ว.
    ปริพพาชกเหล่านั้นกล่าวกะพวกเธออยู่อย่างถูกต้อง ;
    จะกล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้ ก็หามิได้.
    #ผลแห่งสุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ
    http://etipitaka.com/read/pali/11/145/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+ผลานิ

    --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า
    “อาวุโส ! เมื่อท่านทั้งหลาย ตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ ท่านหวังผลอะไร หวังอานิสงส์อะไร ? ”
    เมื่อพวกเขากล่าวอย่างนี้ เธอพึงกล่าวตอบเขาว่า
    “อาวุโส ! พวกเราตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้
    หวังผล ๔ อย่าง หวังอานิสงส์ ๔ อย่าง.
    สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างในกรณีนี้ คือ
    ๑--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม #เป็นโสดาบัน
    มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า
    : นี้เป็น ผลที่หนึ่ง เป็นอานิสงส์ที่หนึ่ง.
    อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    ๒--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม
    และเพราะความที่ราคะโทสะโมหะเป็นธรรมชาติเบาบาง #เป็นสกทาคามี
    มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
    : นี้เป็น ผลที่สอง เป็นอานิสงส์ที่สอง.
    อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    ๓--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ในเบื้องต่ำทั้งห้าอย่าง #เป็นโอปปาติกะ(อนาคามี) มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
    : นี้เป็น ผลที่สาม เป็นอานิสงส์ที่สาม.
    อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    ๔--ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง $เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้
    #เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่
    : นี้เป็น ผลที่สี่ เป็นอานิสงส์ที่สี่.
    อาวุโส ! เราทั้งหลายตามประกอบซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง
    เหล่านี้อยู่ เพราะหวังผล ๔ อย่างเหล่านี้”
    ดังนี้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปา. ที. 11/102-104/114-116
    http://etipitaka.com/read/thai/11/102/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปา. ที. ๑๑/๑๔๓-๑๔๕/๑๑๔-๑๑๖
    http://etipitaka.com/read/pali/11/143/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%94
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=680
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48&id=680
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48
    ลำดับสาธยายธรรม : 48 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_48.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ สัทธรรมลำดับที่ : 680 ชื่อบทธรรม :- สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=680 เนื้อความทั้งหมด :- --สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ ก. สุขัลลิกานุโยคของมิจฉาทิฏฐิ http://etipitaka.com/read/pali/11/143/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+อนริยา --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค (ประกอบตนให้ชุ่มอยู่ด้วยความสุข)” ดังนี้. --จุนทะ ! เมื่อปริพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นกล่าวอยู่อย่างนี้ พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า “อาวุโส ! สุขัลลิกานุโยคชนิดไหนกัน ? ก็สุขัลลิกานุโยคมีอยู่มาก หลายอย่างหลายประการ” ดังนี้. --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้ เป็นการกระทำที่ต่ำทรามเป็นของชาวบ้าน เป็นของชนชั้นปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความดับ ความสงบระงับ ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม ไม่เป็นไปเพื่อนิพพานสี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ +--จุนทะ ! คนบางคน ในกรณีนี้ เป็นคนพาล ฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๑. +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในโลกนี้ ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แล้ว เลี้ยงตัวเองให้ป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๒. +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในกรณีนี้ กล่าวเท็จแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๓. +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในกรณีนี้ อิ่มเอิบเพียบพร้อมด้วยกามคุณทั้งห้า ให้เขาบำเรออยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๔. ข. สุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ http://etipitaka.com/read/pali/11/144/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+สมฺมา --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านั้น (เป็นแน่)” ดังนี้ ; พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า หาใช่อย่างนั้นไม่. ปริพาชกเหล่านั้น ไม่ได้กล่าวแก่พวกเธอโดยชอบ แต่กล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้. --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้ เป็นไปเพื่อความหน่ายความคลายกำหนัด เป็นไปเพื่อความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว. สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? +--จุนทะ ! สี่อย่างคือ +--ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรม ท. จึง บรรลุฌานที่ ๑ อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่หนึ่ง ; +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : +--ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ จึง บรรลุณานที่ ๒ เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียว ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สอง ; +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : +--ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ จึงอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และย่อมเสวยสุขด้วยนามกาย บรรลุฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข, แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สาม ; +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัส ท. ในกาลก่อน จึง บรรลุฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความมีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สี่. --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้แล เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ....ฯลฯ.... เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว. --จุนทะ ! นั่นแหละ คือฐานะที่มีอยู่ คือฐานะที่ปริพพาชกผู้เป็น ลัทธิอื่น ท. จะกล่าวอย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างประกอบด้วย สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้” ดังนี้. พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า อย่างนั้นถูกแล้ว. ปริพพาชกเหล่านั้นกล่าวกะพวกเธออยู่อย่างถูกต้อง ; จะกล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้ ก็หามิได้. #ผลแห่งสุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ http://etipitaka.com/read/pali/11/145/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+ผลานิ --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “อาวุโส ! เมื่อท่านทั้งหลาย ตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ ท่านหวังผลอะไร หวังอานิสงส์อะไร ? ” เมื่อพวกเขากล่าวอย่างนี้ เธอพึงกล่าวตอบเขาว่า “อาวุโส ! พวกเราตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ หวังผล ๔ อย่าง หวังอานิสงส์ ๔ อย่าง. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างในกรณีนี้ คือ ๑--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม #เป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า : นี้เป็น ผลที่หนึ่ง เป็นอานิสงส์ที่หนึ่ง. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ๒--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม และเพราะความที่ราคะโทสะโมหะเป็นธรรมชาติเบาบาง #เป็นสกทาคามี มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ : นี้เป็น ผลที่สอง เป็นอานิสงส์ที่สอง. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ๓--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ในเบื้องต่ำทั้งห้าอย่าง #เป็นโอปปาติกะ(อนาคามี) มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา : นี้เป็น ผลที่สาม เป็นอานิสงส์ที่สาม. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ๔--ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง $เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ #เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ : นี้เป็น ผลที่สี่ เป็นอานิสงส์ที่สี่. อาวุโส ! เราทั้งหลายตามประกอบซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้อยู่ เพราะหวังผล ๔ อย่างเหล่านี้” ดังนี้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปา. ที. 11/102-104/114-116 http://etipitaka.com/read/thai/11/102/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปา. ที. ๑๑/๑๔๓-๑๔๕/๑๑๔-๑๑๖ http://etipitaka.com/read/pali/11/143/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%94 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=680 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48&id=680 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48 ลำดับสาธยายธรรม : 48 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_48.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ
    -(ความชุ่มอยู่ในกามสุข เรียกว่ากามสุขัลลิกะ, การประกอบตนอยู่ในกามสุขัลลิกะ เรียกว่า กามสุขัลลิกานุโยค ; จัดเป็นอันตะฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นข้าศึกแก่มัชฌิมาปฏิปทา) . สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ ก. สุขัลลิกานุโยคของมิจฉาทิฏฐิ จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค (ประกอบตนให้ชุ่มอยู่ด้วยความสุข)” ดังนี้. จุนทะ ! เมื่อปริพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นกล่าวอยู่อย่างนี้ พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า “อาวุโส ! สุขัลลิกานุโยคชนิดไหนกัน ? ก็สุขัลลิกานุโยคมีอยู่มาก หลายอย่างหลายประการ” ดังนี้. จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้ เป็นการกระทำที่ต่ำทรามเป็นของชาวบ้าน เป็นของชนชั้นปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความดับ ความสงบระงับ ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม ไม่เป็นไปเพื่อนิพพานสี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ คนบางคน ในกรณีนี้ เป็นคนพาล ฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๑. จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในโลกนี้ ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แล้ว เลี้ยงตัวเองให้ป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๒. จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในกรณีนี้ กล่าวเท็จแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๓. จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในกรณีนี้อิ่มเอิบเพียบพร้อมด้วยกามคุณทั้งห้า ให้เขาบำเรออยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๔. ข. สุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านั้น (เป็นแน่)” ดังนี้ ; พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า หาใช่อย่างนั้นไม่. ปริพาชกเหล่านั้น ไม่ได้กล่าวแก่พวกเธอโดยชอบ แต่กล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้. จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้ เป็นไปเพื่อความหน่ายความคลายกำหนัด เป็นไปเพื่อความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว. สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? จุนทะ ! สี่อย่างคือ ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรม ท. จึง บรรลุฌานที่ ๑ อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่หนึ่ง ; จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ จึง บรรลุณานที่ ๒ เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียว ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สอง ; จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ จึงอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และย่อมเสวยสุขด้วยนามกาย บรรลุฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข, แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สาม ; จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัส ท. ในกาลก่อน จึง บรรลุฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความมีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่. จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้แล เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ....ฯลฯ.... เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว. จุนทะ ! นั่นแหละ คือฐานะที่มีอยู่ คือฐานะที่ปริพพาชกผู้เป็น ลัทธิอื่น ท. จะกล่าวอย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างประกอบด้วย สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้” ดังนี้. พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า อย่างนั้นถูกแล้ว. ปริพพาชกเหล่านั้นกล่าวกะพวกเธออยู่อย่างถูกต้อง ; จะกล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้ ก็หามิได้. ผลแห่งสุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “อาวุโส ! เมื่อท่านทั้งหลาย ตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ ท่านหวังผลอะไร หวังอานิสงส์อะไร ? ” เมื่อพวกเขากล่าวอย่างนี้ เธอพึงกล่าวตอบเขาว่า “อาวุโส ! พวกเราตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ หวังผล ๔ อย่าง หวังอานิสงส์ ๔ อย่าง. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างในกรณีนี้ คือ ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม เป็น โสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า : นี้เป็น ผลที่หนึ่ง เป็นอานิสงส์ที่หนึ่ง. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม และเพราะความที่ราคะโทสะโมหะเป็นธรรมชาติเบาบาง เป็น สกทาคามี มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ : นี้เป็น ผลที่สอง เป็นอานิสงส์ที่สอง. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ในเบื้องต่ำทั้งห้าอย่าง เป็น โอปปาติกะ (อนาคามี) มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา : นี้เป็น ผลที่สาม เป็นอานิสงส์ที่สาม. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ : นี้เป็น ผลที่สี่ เป็นอานิสงส์ที่สี่. อาวุโส ! เราทั้งหลายตามประกอบซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้อยู่ เพราะหวังผล ๔ อย่างเหล่านี้” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนพาลที่อันตรายที่สุด
    ไม่ใช่คนที่รู้ตัวว่ากำลังทำผิด
    แต่คือคนที่เชื่อจริงๆ ว่าตัวเอง "กำลังทำดี"

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด
    พาลแท้ คือคนที่เป็นพาล
    แต่สำคัญว่าตนเป็นบัณฑิต

    นั่นคือคนที่…

    เบียดเบียนก่อน แต่แสร้งเป็นผู้ถูกกระทำ

    ใส่ร้ายคนดี แล้วเชื่อว่ากำลังกำจัดคนเลว

    แกล้งไม่เข้าใจ ทั้งที่รู้ดี

    หมั่นไส้คนดีกว่า แล้วคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ทำให้เขาเจ็บ

    คนแบบนี้ไม่ได้แค่ทำร้ายคนอื่น
    แต่ มองตัวเองผิดเพี้ยนจริงๆ เพราะอัตตา
    พอมีข้อดีเล็กน้อยในชีวิต
    ก็เอามาใช้เป็นใบเบิกทางว่า
    "ฉันคือคนดีที่มีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้"

    ถ้าคุณเคยพยายามอธิบาย
    ให้คนที่ตั้งใจเข้าใจผิดฟัง
    คุณจะรู้เลยว่า
    เหนื่อยเปล่า เจ็บเปล่า เสียพลังชีวิตฟรี

    สุดท้ายแล้ว...

    มนุษย์มี 3 พวก

    1. คนที่ “ไม่ฟังเลย” แต่อยากชนะ

    2. คนที่ “ฟังอยู่” แต่ไม่คิดจะเปลี่ยน

    3. คนที่ “ฟังแล้วคิด” และ “พร้อมจะเปลี่ยนตามเหตุผล”

    อย่าเสียเวลาให้กับพวกแรกๆ มากเกินไป
    เพราะพวกที่ 3 มีน้อย
    และสมควรแก่การให้พลังชีวิตกับเขาจริงๆ

    ก่อนจากโลกนี้ไป
    จงเลือกใช้อารมณ์ ความคิด และคำพูด
    กับคนที่ฟังอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ฟังเพื่อสวนกลับ
    นั่นแหละคือการ ใช้ชีวิตคุ้มค่า ไม่เสียเปล่า!

    #ธรรมะแทงใจแต่ไม่ทิ้งใจ
    #คนพาลกับบัณฑิตต่างกันแค่ใจ
    #เสียเวลาให้ถูกคน
    #ความดีไม่ต้องอวดแต่ต้องจริง
    🌀 คนพาลที่อันตรายที่สุด ไม่ใช่คนที่รู้ตัวว่ากำลังทำผิด แต่คือคนที่เชื่อจริงๆ ว่าตัวเอง "กำลังทำดี" พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด พาลแท้ คือคนที่เป็นพาล แต่สำคัญว่าตนเป็นบัณฑิต นั่นคือคนที่… เบียดเบียนก่อน แต่แสร้งเป็นผู้ถูกกระทำ ใส่ร้ายคนดี แล้วเชื่อว่ากำลังกำจัดคนเลว แกล้งไม่เข้าใจ ทั้งที่รู้ดี หมั่นไส้คนดีกว่า แล้วคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ทำให้เขาเจ็บ 📌 คนแบบนี้ไม่ได้แค่ทำร้ายคนอื่น แต่ มองตัวเองผิดเพี้ยนจริงๆ เพราะอัตตา พอมีข้อดีเล็กน้อยในชีวิต ก็เอามาใช้เป็นใบเบิกทางว่า "ฉันคือคนดีที่มีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้" ถ้าคุณเคยพยายามอธิบาย ให้คนที่ตั้งใจเข้าใจผิดฟัง คุณจะรู้เลยว่า เหนื่อยเปล่า เจ็บเปล่า เสียพลังชีวิตฟรี สุดท้ายแล้ว... ☸️ มนุษย์มี 3 พวก 1. คนที่ “ไม่ฟังเลย” แต่อยากชนะ 2. คนที่ “ฟังอยู่” แต่ไม่คิดจะเปลี่ยน 3. คนที่ “ฟังแล้วคิด” และ “พร้อมจะเปลี่ยนตามเหตุผล” อย่าเสียเวลาให้กับพวกแรกๆ มากเกินไป เพราะพวกที่ 3 มีน้อย และสมควรแก่การให้พลังชีวิตกับเขาจริงๆ 🌱 ก่อนจากโลกนี้ไป จงเลือกใช้อารมณ์ ความคิด และคำพูด กับคนที่ฟังอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ฟังเพื่อสวนกลับ นั่นแหละคือการ ใช้ชีวิตคุ้มค่า ไม่เสียเปล่า! #ธรรมะแทงใจแต่ไม่ทิ้งใจ #คนพาลกับบัณฑิตต่างกันแค่ใจ #เสียเวลาให้ถูกคน #ความดีไม่ต้องอวดแต่ต้องจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนพาล…อันตรายที่สุด ไม่ใช่ตอนเป็นศัตรู แต่ตอนเป็นเพื่อน

    เพื่อน คือคนที่คุณเปิดใจฟัง
    ศัตรู คือคนที่คุณปิดใจไม่รับฟัง

    ลองตัดคำว่า "เพื่อน" ทิ้งดูสิ
    ถ้าใจคุณยังเปิดอ้า รับฟังเหตุผลดีๆ อยู่
    แม้จะเป็นคนที่พูดเรื่องน่าเกลียด น่าชัง
    คุณยังอาจพอแยกแยะได้
    ว่าสิ่งใดน่าเชื่อ สิ่งใดเบียดเบียน

    แต่ถ้าคุณเชื่อหมดใจ
    เพียงเพราะ “เขาเป็นเพื่อน”
    เพราะ “เขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา”
    คุณอาจถูกครอบงำอย่างแนบเนียน
    ให้เกลียด ให้เบียดเบียน
    แม้แต่ไม่รู้ตัวว่านั่นคือบาปกรรม

    กลุ่มผู้ก่อการร้ายบางกลุ่ม
    ไม่ได้เริ่มจากศัตรู
    แต่เริ่มจาก “เพื่อน” ที่พูดจาน่ารัก
    พูดน่าสงสาร พูดให้คล้อยตาม
    จนคนดีๆ ยอมตายเพื่อความเกลียดชัง

    ในทางกลับกัน
    ลองตัดคำว่า "ศัตรู" ทิ้งดูบ้าง
    หากใจคุณเปิดกว้าง รับฟังด้วยเมตตา
    อาจพบว่า…ในคำพูดของเขา
    มีเมล็ดพันธุ์ของความดีงาม
    ที่คุณเองก็ศรัทธาได้

    บางทีคนดี อาจไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับคุณ
    และคนที่อยู่ข้างเดียวกับคุณ…ก็อาจไม่ใช่คนดี

    ทางออกไม่ใช่การเลือกฝ่าย
    แต่คือการ เลือกใช้สติ และความไม่เบียดเบียนเป็นหลัก

    หากคุณตัด “อคติ” ออกไป

    จะได้ข้อคิดดีๆ จากคนที่เคยไม่ชอบ

    จะลดอัตตาได้ จากการถกเถียงกับคนดี

    จะได้จุดยืนที่มั่นคงขึ้น จากบทสนทนากับคนร้าย
    โดยไม่ต้องหลงผิดไปตามเขาเลย

    เพราะจิตเดิมแท้ของมนุษย์พร้อมจะยกระดับอยู่แล้ว
    เหมือนอย่างชาวพุทธที่เข้าถึงเมตตา
    ด้วยคำสอนของ “กัลยาณมิตร” อย่างพระพุทธเจ้า

    เพราะฉะนั้น...
    อย่าประมาทกับคำพูดของเพื่อน
    และ
    อย่าปิดใจเพียงเพราะอีกฝ่ายคือศัตรู

    #ธรรมะร่วมสมัย
    #ธรรมะเชิงจิตวิญญาณ
    #สตินำทาง
    #คนพาลที่คบเป็นเพื่อน
    #เมตตาไม่ใช่ความอ่อนแอ
    #ธรรมะเชิงเตือนสติ
    #ตื่นรู้ไม่หลงผิด
    🕊️ คนพาล…อันตรายที่สุด ไม่ใช่ตอนเป็นศัตรู แต่ตอนเป็นเพื่อน เพื่อน คือคนที่คุณเปิดใจฟัง ศัตรู คือคนที่คุณปิดใจไม่รับฟัง ลองตัดคำว่า "เพื่อน" ทิ้งดูสิ ถ้าใจคุณยังเปิดอ้า รับฟังเหตุผลดีๆ อยู่ แม้จะเป็นคนที่พูดเรื่องน่าเกลียด น่าชัง คุณยังอาจพอแยกแยะได้ ว่าสิ่งใดน่าเชื่อ สิ่งใดเบียดเบียน แต่ถ้าคุณเชื่อหมดใจ เพียงเพราะ “เขาเป็นเพื่อน” เพราะ “เขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา” คุณอาจถูกครอบงำอย่างแนบเนียน ให้เกลียด ให้เบียดเบียน แม้แต่ไม่รู้ตัวว่านั่นคือบาปกรรม 👿 กลุ่มผู้ก่อการร้ายบางกลุ่ม ไม่ได้เริ่มจากศัตรู แต่เริ่มจาก “เพื่อน” ที่พูดจาน่ารัก พูดน่าสงสาร พูดให้คล้อยตาม จนคนดีๆ ยอมตายเพื่อความเกลียดชัง ในทางกลับกัน ลองตัดคำว่า "ศัตรู" ทิ้งดูบ้าง หากใจคุณเปิดกว้าง รับฟังด้วยเมตตา อาจพบว่า…ในคำพูดของเขา มีเมล็ดพันธุ์ของความดีงาม ที่คุณเองก็ศรัทธาได้ 💡 บางทีคนดี อาจไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับคุณ และคนที่อยู่ข้างเดียวกับคุณ…ก็อาจไม่ใช่คนดี ทางออกไม่ใช่การเลือกฝ่าย แต่คือการ เลือกใช้สติ และความไม่เบียดเบียนเป็นหลัก 🧘 หากคุณตัด “อคติ” ออกไป จะได้ข้อคิดดีๆ จากคนที่เคยไม่ชอบ จะลดอัตตาได้ จากการถกเถียงกับคนดี จะได้จุดยืนที่มั่นคงขึ้น จากบทสนทนากับคนร้าย โดยไม่ต้องหลงผิดไปตามเขาเลย 🌱 เพราะจิตเดิมแท้ของมนุษย์พร้อมจะยกระดับอยู่แล้ว เหมือนอย่างชาวพุทธที่เข้าถึงเมตตา ด้วยคำสอนของ “กัลยาณมิตร” อย่างพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น... อย่าประมาทกับคำพูดของเพื่อน และ อย่าปิดใจเพียงเพราะอีกฝ่ายคือศัตรู #ธรรมะร่วมสมัย #ธรรมะเชิงจิตวิญญาณ #สตินำทาง #คนพาลที่คบเป็นเพื่อน #เมตตาไม่ใช่ความอ่อนแอ #ธรรมะเชิงเตือนสติ #ตื่นรู้ไม่หลงผิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​องค์คุณที่ทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในพรหมจรรย์
    สัทธรรมลำดับที่ : 1021
    ชื่อบทธรรม :- องค์คุณที่ทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในพรหมจรรย์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1021
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --องค์คุณที่ทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในพรหมจรรย์-(อุปกรณ์แห่งการปฏิบัติมรรค)
    --ภิกษุ ท. ! คนเลี้ยงโค ที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ อย่างแล้ว
    ย่อมเหมาะสมที่จะเลี้ยงโค ทำให้เพิ่มกำไรได้. องคคุณ ๑๑ อย่าง อะไรบ้างเล่า ?
    --สิบเอ็ดอย่างคือ คนเลี้ยงโคในกรณีนี้
    เป็นผู้รู้จักเรื่องร่างกายของโค,
    เป็นผู้ฉลาดในลักษณะของโค, เป็นผู้เขี่ยไข่ขาง, เป็นผู้ปิดแผล,
    เป็นผู้สุมควัน, เป็นผู้รู้จักท่าที่ควรนำโคไป, เป็นผู้รู้จักน้ำที่โคควรดื่ม,
    เป็นผู้รู้จักทางที่โค ควรเดิน,
    เป็นผู้ฉลาดในที่ที่โค ควรไป,
    เป็นผู้รู้จักรีดนมโค ให้มีเหลือไว้บ้าง,
    เป็นผู้ให้เกียรติแก่โคอุสภ อันเป็นโคพ่อฝูง
    เป็นโคนำฝูง ด้วยการเอาใจใส่เป็นพิเศษ.
    --ภิกษุ ท. ! คนเลี้ยงโคที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ อย่างนี้แล้ว
    ย่อมเหมาะสมที่จะเลี้ยงโค ทำให้เพิ่มกำไรได้. ข้อนี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ ประการแล้ว
    ย่อมเหมาะสมที่จะถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัย (พรหมจรรย์) นี้ได้ ฉันนั้น.
    องคคุณ ๑๑ ประการ อย่างไรบ้างเล่า?
    +--สิบเอ็ดประการคือ ภิกษุ ในกรณีนี้
    ๑.เป็นผู้รู้จักรูป,
    ๒.เป็นผู้ฉลาดในลักษณะ,
    ๓.เป็นผู้คอยเขี่ยไข่ขาง,
    ๔.เป็นผู้ปิดแผล,
    ๕.เป็นผู้สุมควัน,
    ๖.เป็นผู้รู้จักท่าที่ควรไป,
    ๗.เป็นผู้รู้จักน้ำที่ควรดื่ม,
    ๘.เป็นผู้รู้จักทางที่ควรเดิน,
    ๙.เป็นผู้ฉลาดในที่ที่ควรไป,
    ๑๐.พเป็นผู้รู้จักรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือไว้บ้าง,
    ๑๑.เป็นผู้บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลาย ผู้เถระ มีพรรษายุกาล บวชนาน เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ด้วยการบูชาเป็นพิเศษ.

    ๑--พวกรู้จักรูป
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักรูป เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า
    “รูปชนิดใดก็ตาม ทั้งหมดนั้น
    ชื่อว่า รูป คือ มหาภูตรูปมี ๔
    และอุปาทายรูปคือรูปที่อาศัยมหาภูตรูปทั้งสี่”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักรูป เป็นอย่างนี้แล.

    ๒--พวกฉลาดในลักษณะ
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ ฉลาดในลักษณะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า
    “คนพาล มีกรรม (มโน​ วจี​ กาย) เป็นเครื่องหมาย,
    บัณฑิต ก็มีกรรม (มโน​ วจี​ กาย) เป็นเครื่องหมาย”
    ดังนี้เป็นต้น.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้ฉลาดในลักษณะ เป็นอย่างนี้แล.

    ๓--พวกคอยเขี่ยไข่ขาง
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ คอยเขี่ยไข่ขาง เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    อดกลั้นได้ ละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ทำให้หมดสิ้น
    ซึ่งความตรึกเกี่ยวด้วยกาม,
    ความตรึกเกี่ยวด้วยความมุ่งร้าย,
    ความตรึกเกี่ยวด้วยการทำความลำบากให้แก่ตนเองและผู้อื่นแม้โดยไม่เจตนา
    ที่เกิดขึ้นแล้ว;
    และอดกลั้นได้ ละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ทำให้หมดสิ้น
    ซึ่งสิ่งอันเป็น &อกุศลลามกทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นแล้ว.
    ภิกษุ ท. ! ภิกษุ​#เป็นผู้คอยเขี่ยไข่ขาง เป็นอย่างนี้ แล.

    ๔--พวกปิดแผล
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ ปิดแผล เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    เห็นรูปด้วยตา,
    ฟังเสียงด้วยหู,
    ดมกลิ่นด้วยจมูก,
    ลิ้มรสด้วยลิ้น,
    สัมผัสโผฏฐัพพะด้วยกาย,
    รู้ธรรมมารมณ์ด้วยใจ,
    แล้วไม่มีจิตยึดถือเอาทั้งโดยลักษณะที่เป็นการรวบถือทั้งหมด
    และการถือเอาโดยการแยกเป็นส่วน ๆ,
    สิ่งที่ อกุศลลามกคือ อภิชฌาและโทมนัส
    จะพึงไหลไปตามผู้ที่ ไม่สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    เพราะ &การไม่สำรวมอินทรีย์ใดเป็นเหตุ,
    เธอก็ปฏิบัติ เพื่อปิดกั้นอินทรีย์นั้นไว้,
    เธอรักษาและถึงการสำรวม ตา หู จมูกลิ้น กาย ใจ.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้ปิดแผล เป็นอย่างนี้แล.

    ๕--พวกสุมควัน
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ สุมควัน เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    เป็นผู้แสดงธรรม ตามที่ได้ฟัง ได้เล่าเรียนมาแล้ว
    แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้สุมควัน เป็นอย่างนี้แล.

    ๖--พวกรู้จักท่าที่ควรไป
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักท่าที่ควรไป เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    เมื่อเข้าไปหาภิกษุผู้เป็นพหุสูต คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจนะ
    ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท),
    ก็ไต่ถาม ไล่เลียงโดยทำนองนี้ว่า
    “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! พระพุทธวจนะนี้ เป็นอย่างไร ?
    ความหมายแห่งพระพุทธวจนะนี้มีอย่างไร ?”
    ดังนี้เป็นต้น ตามเวลาอันสมควร ;
    ท่านพหุสูตเหล่านั้น จึงทำข้อความที่ยังลี้ลับให้เปิดเผย
    ทำข้อความอันลึกซึ้ง ให้ตื้น และบรรเทา ถ่ายถอน
    ความสงสัยในธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยนานาประการให้แก่ภิกษุนั้นได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักท่าที่ควรไป เป็นอย่างนี้แล.

    ๗--พวกที่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักน้ำที่ควรดื่ม เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    เมื่อธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้แล้ว
    อันผู้ใดผู้หนึ่งแสดงอยู่ เธอได้ความรู้อรรถ ได้ความรู้ธรรม
    และได้ความปราโมทย์อันอาศัยธรรม.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักน้ำที่ควรดื่ม เป็นอย่างนี้แล.

    ๘--พวกรู้จักทางที่ควรเดิน
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักทางที่ควรเดิน เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดแจ้งตามที่เป็นจริง ซึ่ง &อริยมรรคมีองค์ ๘.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักทางที่ควรเดิน เป็นอย่างนี้แล.

    ๙--พวกฉลาดในที่ที่ควรไป
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ ฉลาดในที่ที่ควรไป เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดแจ้งตามที่เป็นจริง ซึ่ง &สติปัฏฐาน ๔.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้ฉลาดในที่ที่ควรไป เป็นอย่างนี้แล.

    ๑๐--พวกรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือ
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือไว้บ้าง เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! พวกคฤหัสถ์ผู้มีศรัทธา ย่อมปวารณาไม่มีขีดขั้น แก่ภิกษุในกรณีนี้
    +--ด้วยจีวร
    +--บิณฑบาต
    +--เสนาสนะ และ
    +--คิลานปัจจัยเภสัช บริกขาร.
    ในการที่เขาปวารณาเช่นนั้น,
    ภิกษุ เป็นผู้รู้จักประมาณในการรับปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้นเหล่านั้น.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักรีดนมโคให้มีส่วนเหลือไว้บ้าง เป็นอย่างนี้แล.

    ๑๑--พวกบูชาผู้เฒ่า
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลายผู้เถระ มีพรรษายุกาล
    เป็นผู้นำสงฆ์เป็นบิดาสงฆ์... ฯลฯ...
    ด้วยการบูชาเป็นพิเศษ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปตั้งไว้ซึ่ง
    การกระทำทางกาย การกระทำทางวาจา และการกระทำทางใจ
    อันประกอบด้วยเมตตา
    ในภิกษุทั้งหลายผู้เถระ มีพรรษายุกาล บวชนาน
    เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ทั้งในที่แจ้งและทั้งในที่ลับ.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ
    #เป็นผู้บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลายผู้เถระ... ฯลฯ...
    ด้วยการบูชาเป็นพิเศษ เป็นอย่างนี้แล.

    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ ประการเหล่านี้แล้ว
    #ย่อมเหมาะสมที่จะถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัย (พรหมจรรย์-ธมฺมวินเย)​
    http://etipitaka.com/read/pali/12/417/?keywords=ธมฺมวินเย
    นี้ได้แท้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/292 -293/386 - 387.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/292/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%98%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๔๑๓ - ๔๑๔/๓๘๖ - ๓๘๗.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/413/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%98%E0%B9%96
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88&id=1021
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88
    ลำดับสาธยายธรรม : 88 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_88.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​องค์คุณที่ทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในพรหมจรรย์ สัทธรรมลำดับที่ : 1021 ชื่อบทธรรม :- องค์คุณที่ทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในพรหมจรรย์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1021 เนื้อความทั้งหมด :- --องค์คุณที่ทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในพรหมจรรย์-(อุปกรณ์แห่งการปฏิบัติมรรค) --ภิกษุ ท. ! คนเลี้ยงโค ที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ อย่างแล้ว ย่อมเหมาะสมที่จะเลี้ยงโค ทำให้เพิ่มกำไรได้. องคคุณ ๑๑ อย่าง อะไรบ้างเล่า ? --สิบเอ็ดอย่างคือ คนเลี้ยงโคในกรณีนี้ เป็นผู้รู้จักเรื่องร่างกายของโค, เป็นผู้ฉลาดในลักษณะของโค, เป็นผู้เขี่ยไข่ขาง, เป็นผู้ปิดแผล, เป็นผู้สุมควัน, เป็นผู้รู้จักท่าที่ควรนำโคไป, เป็นผู้รู้จักน้ำที่โคควรดื่ม, เป็นผู้รู้จักทางที่โค ควรเดิน, เป็นผู้ฉลาดในที่ที่โค ควรไป, เป็นผู้รู้จักรีดนมโค ให้มีเหลือไว้บ้าง, เป็นผู้ให้เกียรติแก่โคอุสภ อันเป็นโคพ่อฝูง เป็นโคนำฝูง ด้วยการเอาใจใส่เป็นพิเศษ. --ภิกษุ ท. ! คนเลี้ยงโคที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ อย่างนี้แล้ว ย่อมเหมาะสมที่จะเลี้ยงโค ทำให้เพิ่มกำไรได้. ข้อนี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ ประการแล้ว ย่อมเหมาะสมที่จะถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัย (พรหมจรรย์) นี้ได้ ฉันนั้น. องคคุณ ๑๑ ประการ อย่างไรบ้างเล่า? +--สิบเอ็ดประการคือ ภิกษุ ในกรณีนี้ ๑.เป็นผู้รู้จักรูป, ๒.เป็นผู้ฉลาดในลักษณะ, ๓.เป็นผู้คอยเขี่ยไข่ขาง, ๔.เป็นผู้ปิดแผล, ๕.เป็นผู้สุมควัน, ๖.เป็นผู้รู้จักท่าที่ควรไป, ๗.เป็นผู้รู้จักน้ำที่ควรดื่ม, ๘.เป็นผู้รู้จักทางที่ควรเดิน, ๙.เป็นผู้ฉลาดในที่ที่ควรไป, ๑๐.พเป็นผู้รู้จักรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือไว้บ้าง, ๑๑.เป็นผู้บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลาย ผู้เถระ มีพรรษายุกาล บวชนาน เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ด้วยการบูชาเป็นพิเศษ. ๑--พวกรู้จักรูป --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักรูป เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “รูปชนิดใดก็ตาม ทั้งหมดนั้น ชื่อว่า รูป คือ มหาภูตรูปมี ๔ และอุปาทายรูปคือรูปที่อาศัยมหาภูตรูปทั้งสี่” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักรูป เป็นอย่างนี้แล. ๒--พวกฉลาดในลักษณะ --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ ฉลาดในลักษณะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “คนพาล มีกรรม (มโน​ วจี​ กาย) เป็นเครื่องหมาย, บัณฑิต ก็มีกรรม (มโน​ วจี​ กาย) เป็นเครื่องหมาย” ดังนี้เป็นต้น. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้ฉลาดในลักษณะ เป็นอย่างนี้แล. ๓--พวกคอยเขี่ยไข่ขาง --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ คอยเขี่ยไข่ขาง เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ อดกลั้นได้ ละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ทำให้หมดสิ้น ซึ่งความตรึกเกี่ยวด้วยกาม, ความตรึกเกี่ยวด้วยความมุ่งร้าย, ความตรึกเกี่ยวด้วยการทำความลำบากให้แก่ตนเองและผู้อื่นแม้โดยไม่เจตนา ที่เกิดขึ้นแล้ว; และอดกลั้นได้ ละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ทำให้หมดสิ้น ซึ่งสิ่งอันเป็น &อกุศลลามกทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นแล้ว. ภิกษุ ท. ! ภิกษุ​#เป็นผู้คอยเขี่ยไข่ขาง เป็นอย่างนี้ แล. ๔--พวกปิดแผล --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ ปิดแผล เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นรูปด้วยตา, ฟังเสียงด้วยหู, ดมกลิ่นด้วยจมูก, ลิ้มรสด้วยลิ้น, สัมผัสโผฏฐัพพะด้วยกาย, รู้ธรรมมารมณ์ด้วยใจ, แล้วไม่มีจิตยึดถือเอาทั้งโดยลักษณะที่เป็นการรวบถือทั้งหมด และการถือเอาโดยการแยกเป็นส่วน ๆ, สิ่งที่ อกุศลลามกคือ อภิชฌาและโทมนัส จะพึงไหลไปตามผู้ที่ ไม่สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะ &การไม่สำรวมอินทรีย์ใดเป็นเหตุ, เธอก็ปฏิบัติ เพื่อปิดกั้นอินทรีย์นั้นไว้, เธอรักษาและถึงการสำรวม ตา หู จมูกลิ้น กาย ใจ. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้ปิดแผล เป็นอย่างนี้แล. ๕--พวกสุมควัน --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ สุมควัน เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้แสดงธรรม ตามที่ได้ฟัง ได้เล่าเรียนมาแล้ว แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้สุมควัน เป็นอย่างนี้แล. ๖--พวกรู้จักท่าที่ควรไป --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักท่าที่ควรไป เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เมื่อเข้าไปหาภิกษุผู้เป็นพหุสูต คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจนะ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท), ก็ไต่ถาม ไล่เลียงโดยทำนองนี้ว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! พระพุทธวจนะนี้ เป็นอย่างไร ? ความหมายแห่งพระพุทธวจนะนี้มีอย่างไร ?” ดังนี้เป็นต้น ตามเวลาอันสมควร ; ท่านพหุสูตเหล่านั้น จึงทำข้อความที่ยังลี้ลับให้เปิดเผย ทำข้อความอันลึกซึ้ง ให้ตื้น และบรรเทา ถ่ายถอน ความสงสัยในธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยนานาประการให้แก่ภิกษุนั้นได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักท่าที่ควรไป เป็นอย่างนี้แล. ๗--พวกที่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักน้ำที่ควรดื่ม เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เมื่อธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้แล้ว อันผู้ใดผู้หนึ่งแสดงอยู่ เธอได้ความรู้อรรถ ได้ความรู้ธรรม และได้ความปราโมทย์อันอาศัยธรรม. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักน้ำที่ควรดื่ม เป็นอย่างนี้แล. ๘--พวกรู้จักทางที่ควรเดิน --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักทางที่ควรเดิน เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดแจ้งตามที่เป็นจริง ซึ่ง &อริยมรรคมีองค์ ๘. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักทางที่ควรเดิน เป็นอย่างนี้แล. ๙--พวกฉลาดในที่ที่ควรไป --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ ฉลาดในที่ที่ควรไป เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดแจ้งตามที่เป็นจริง ซึ่ง &สติปัฏฐาน ๔. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้ฉลาดในที่ที่ควรไป เป็นอย่างนี้แล. ๑๐--พวกรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือ --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือไว้บ้าง เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! พวกคฤหัสถ์ผู้มีศรัทธา ย่อมปวารณาไม่มีขีดขั้น แก่ภิกษุในกรณีนี้ +--ด้วยจีวร +--บิณฑบาต +--เสนาสนะ และ +--คิลานปัจจัยเภสัช บริกขาร. ในการที่เขาปวารณาเช่นนั้น, ภิกษุ เป็นผู้รู้จักประมาณในการรับปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้นเหล่านั้น. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้รู้จักรีดนมโคให้มีส่วนเหลือไว้บ้าง เป็นอย่างนี้แล. ๑๑--พวกบูชาผู้เฒ่า --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลายผู้เถระ มีพรรษายุกาล เป็นผู้นำสงฆ์เป็นบิดาสงฆ์... ฯลฯ... ด้วยการบูชาเป็นพิเศษ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปตั้งไว้ซึ่ง การกระทำทางกาย การกระทำทางวาจา และการกระทำทางใจ อันประกอบด้วยเมตตา ในภิกษุทั้งหลายผู้เถระ มีพรรษายุกาล บวชนาน เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ทั้งในที่แจ้งและทั้งในที่ลับ. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ #เป็นผู้บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลายผู้เถระ... ฯลฯ... ด้วยการบูชาเป็นพิเศษ เป็นอย่างนี้แล. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ ประการเหล่านี้แล้ว #ย่อมเหมาะสมที่จะถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัย (พรหมจรรย์-ธมฺมวินเย)​ http://etipitaka.com/read/pali/12/417/?keywords=ธมฺมวินเย นี้ได้แท้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/292 -293/386 - 387. http://etipitaka.com/read/thai/12/292/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%98%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๔๑๓ - ๔๑๔/๓๘๖ - ๓๘๗. http://etipitaka.com/read/pali/12/413/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%98%E0%B9%96 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88&id=1021 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88 ลำดับสาธยายธรรม : 88 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_88.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - องค์คุณที่ทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในพรหมจรรย์--(อุปกรณ์แห่งการปฏิบัติมรรค)
    -(รายชื่อแห่งธรรมเป็นเครื่องขูดเกลา ๔๔ คู่นี้ ไม่ได้ใช้เพื่ออธิบายเกี่ยวกับการขูดเกลาอย่างเดียว แต่ใช้เพื่ออธิบายในการประพฤติกระทำอย่างอื่นด้วย ดังที่ได้แยกไว้เป็น ข้อ ก. ข. ค. ง. ในตอนท้าย; ผู้ที่ตั้งใจจะศึกษาจริงๆ พึงกำหนดให้ชัดเจนว่ามีลำดับอย่างไร เป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกอย่างไร ก็จะสามารถเข้าใจข้อความที่ละไว้ โดยไม่นำมาใส่ไว้ให้เต็ม เช่น อ้างถึงแต่ข้อต้น และ ข้อสุดท้าย เป็นต้น, ก็จะสำเร็จประโยชน์ได้ตามปรารถนา). องค์คุณที่ทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์ในพรหมจรรย์ (อุปกรณ์แห่งการปฏิบัติมรรค) ภิกษุ ท. ! คนเลี้ยงโค ที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ อย่างแล้ว ย่อมเหมาะสมที่จะเลี้ยงโค ทำให้เพิ่มกำไรได้. องคคุณ ๑๑ อย่าง อะไรบ้างเล่า ? สิบเอ็ดอย่างคือ คนเลี้ยงโคในกรณีนี้ เป็นผู้รู้จักเรื่องร่างกายของโค, เป็นผู้ ฉลาดในลักษณะของโค, เป็นผู้เขี่ยไข่ขาง, เป็นผู้ปิดแผล, เป็นผู้สุมควัน, เป็นผู้รู้จักท่าที่ควรนำโคไป, เป็นผู้รู้จักน้ำที่โคควรดื่ม, เป็นผู้รู้จักทางที่โค ควรเดิน, เป็นผู้ฉลาดในที่ที่โคควรไป, เป็นผู้รู้จักรีดนมโคให้มีเหลือไว้บ้าง, เป็นผู้ให้เกียรติแก่โคอุสภ อันเป็นโคพ่อฝูง เป็นโคนำฝูง ด้วยการเอาใจใส่เป็นพิเศษ. ภิกษุ ท. ! คนเลี้ยงโคที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ อย่างนี้แล้ว ย่อมเหมาะสมที่จะเลี้ยงโค ทำให้เพิ่มกำไรได้. ข้อนี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ ประการแล้ว ย่อมเหมาะสมที่จะถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัย (พรหมจรรย์) นี้ได้ ฉันนั้น. องคคุณ ๑๑ ประการ อย่างไรบ้างเล่า? สิบเอ็ดประการคือ ภิกษุ ในกรณีนี้ เป็นผู้รู้จักรูป, เป็นผู้ฉลาดในลักษณะ, เป็นผู้คอยเขี่ยไข่ขาง, เป็นผู้ปิดแผล, เป็นผู้สุมควัน, เป็นผู้รู้จักท่าที่ควรไป, เป็นผู้รู้จักน้ำที่ควรดื่ม, เป็นผู้รู้จักทางที่ควรเดิน, เป็นผู้ฉลาดในที่ที่ควรไป, เป็นผู้รู้จักรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือไว้บ้าง, เป็นผู้บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลาย ผู้เถระ มีพรรษายุกาล บวชนาน เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ด้วยการบูชาเป็นพิเศษ. พวกรู้จักรูป ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักรูป เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “รูปชนิดใดก็ตาม ทั้งหมดนั้น ชื่อว่า รูป คือ มหาภูตรูปมี ๔ และอุปาทายรูปคือรูปที่อาศัยมหาภูตรูปทั้งสี่” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้รู้จักรูป เป็นอย่างนี้แล. พวกฉลาดในลักษณะ ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ ฉลาดในลักษณะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “คนพาล มีกรรม (การกระทำ) เป็นเครื่องหมาย, บัณฑิต ก็มีกรรม (การกระทำ) เป็นเครื่องหมาย” ดังนี้เป็นต้น. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในลักษณะ เป็นอย่างนี้แล. พวกคอยเขี่ยไข่ขาง ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ คอยเขี่ยไข่ขาง เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ อดกลั้นได้ ละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ทำให้หมดสิ้น ซึ่งความ ตรึกเกี่ยวด้วยกาม, ความตรึกเกี่ยวด้วยความมุ่งร้าย, ความตรึกเกี่ยวด้วยการทำความลำบากให้แก่ตนเองและผู้อื่นแม้โดยไม่เจตนา ที่เกิดขึ้นแล้ว; และอดกลั้นได้ ละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ทำให้หมดสิ้น ซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศลลามกทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นแล้ว. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้คอยเขี่ยไข่ขาง เป็นอย่างนี้ แล. พวกปิดแผล ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ ปิดแผล เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นรูปด้วยตา, ฟังเสียงด้วยหู, ดมกลิ่นด้วยจมูก, ลิ้มรสด้วยลิ้น, สัมผัสโผฏฐัพพะด้วยกาย, รู้ธรรมมารมณ์ด้วยใจ, แล้วไม่มีจิตยึดถือเอาทั้งโดยลักษณะที่เป็นการรวบถือทั้งหมด และการถือเอาโดยการแยกเป็นส่วน ๆ, สิ่งที่อกุศลลามกคืออภิชฌาและโทมนัส จะพึงไหลไปตามผู้ที่ ไม่สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะการไม่สำรวมอินทรีย์ใดเป็นเหตุ, เธอ ก็ปฏิบัติ เพื่อปิดกั้นอินทรีย์นั้นไว้, เธอรักษาและถึงการสำรวม ตา หู จมูกลิ้น กาย ใจ. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ปิดแผล เป็นอย่างนี้แล. พวกสุมควัน ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ สุมควัน เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้แสดงธรรม ตามที่ได้ฟัง ได้เล่าเรียนมาแล้ว แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้สุมควัน เป็นอย่างนี้แล. พวกรู้จักท่าที่ควรไป ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักท่าที่ควรไป เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เมื่อเข้าไปหาภิกษุผู้เป็นพหุสูต คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจนะ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท), ก็ไต่ถาม ไล่เลียงโดยทำนองนี้ว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! พระพุทธวจนะนี้ เป็นอย่างไร ? ความหมายแห่งพระพุทธวจนะนี้มีอย่างไร ?” ดังนี้เป็นต้น ตามเวลาอันสมควร ; ท่านพหุสูตเหล่านั้น จึงทำข้อความที่ยังลี้ลับให้เปิดเผย ทำข้อความอันลึกซึ้ง ให้ตื้น และบรรเทา ถ่ายถอน ความสงสัยในธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยนานาประการให้แก่ภิกษุนั้นได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้รู้จักท่าที่ควรไปเป็นอย่างนี้แล. พวกที่รู้จักน้ำที่ควรดื่ม ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักน้ำที่ควรดื่ม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เมื่อธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้แล้ว อันผู้ใดผู้หนึ่งแสดง อยู่ เธอได้ความรู้อรรถ ได้ความรู้ธรรม และได้ความปราโมทย์อันอาศัยธรรม. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้รู้จักน้ำที่ควรดื่ม เป็นอย่างนี้แล. พวกรู้จักทางที่ควรเดิน ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักทางที่ควรเดิน เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดแจ้งตามที่เป็นจริง ซึ่งอริยมรรคมีองค์ ๘. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้รู้จักทางที่ควรเดิน เป็นอย่างนี้แล. พวกฉลาดในที่ที่ควรไป ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ ฉลาดในที่ที่ควรไป เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดแจ้งตามที่เป็นจริง ซึ่งสติปัฏฐาน ๔. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในที่ที่ควรไป เป็นอย่างนี้แล. พวกรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือ ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ รู้จักรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือไว้บ้าง เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! พวกคฤหัสถ์ผู้มีศรัทธา ย่อมปวารณาไม่มีขีดขั้น แก่ภิกษุในกรณีนี้ ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัช บริกขาร. ในการที่เขาปวารณาเช่นนั้น, ภิกษุ เป็นผู้รู้จักประมาณในการรับปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้นเหล่านั้น. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้รู้จักรีด “นมโค” ให้มีส่วนเหลือไว้บ้าง เป็นอย่างนี้แล. พวกบูชาผู้เฒ่า ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้ บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลายผู้เถระ มีพรรษายุกาล เป็นผู้นำสงฆ์เป็นบิดาสงฆ์ ฯลฯ ด้วยการบูชาเป็นพิเศษ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปตั้งไว้ซึ่งการกระทำทางกาย การกระทำทางวาจา และการกระทำทางใจ อันประกอบด้วยเมตตา ในภิกษุทั้งหลายผู้เถระ มีพรรษายุกาล บวชนาน เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ทั้งในที่แจ้งและทั้งในที่ลับ. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้บูชาอย่างยิ่งในภิกษุทั้งหลายผู้เถระ ฯลฯ ด้วยการบูชาเป็นพิเศษ เป็นอย่างนี้แล. ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ที่ประกอบด้วยองคคุณ ๑๑ ประการเหล่านี้แล้ว ย่อมเหมาะสมที่จะถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัย (พรหมจรรย์) นี้ได้แท้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษากามเป็นมายา
    สัทธรรมลำดับที่ : 253
    ชื่อบทธรรม :- กามเป็นมายา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=253
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --กามเป็นมายา
    --ภิกษุ ท. ! กามทั้งหลาย เป็นของไม่เที่ยง
    เป็นของเปล่า ๆ ปลี้ ๆ เป็นของเท็จ
    เป็นสิ่งที่มีการหลอกให้หลงเป็นธรรมดา.

    --ภิกษุ ท. ! กามนั้นเป็นเหมือนสิ่งที่ทำแล้วด้วยมายา
    เป็นที่พร่ำบ่นหาของคนพาล,
    ได้แก่ กาม และสัญญาในกาม
    ทั้งที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้
    และที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า.
    กามและสัญญาในกาม ทั้งสองอย่างนั้น
    เป็น อาณาจักรของ มาร
    เป็น วิสัยของ มาร
    เป็น เหยื่อของ มาร และ
    เป็น ที่เที่ยวหาอาหารของ มาร.

    จิตอันเป็นบาปอกุศล
    เป็น อภิชฌาก็ดี พยาบาทก็ดี และสารัมภะ (การแข่งดี)ก็ดี
    http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=อภิชฺฌาปิ+พฺยาปาทาปิ+สารมฺภาปิ
    เหล่านี้ย่อมเป็นไปในอาณาจักรของ มาร นั้น.

    อนึ่ง อกุศลธรรมเหล่านั้น ย่อมมีขึ้น
    เพื่อเป็นอันตราย(อนฺตรายาย)​ แก่พระอริยสาวก
    http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=อนฺตรายาย
    ผู้ตามศึกษาอยู่ ในธรรมวินัยนี้ได้ โดยแท้
    แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/74/81.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/57/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๔/๘๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%91
    ศึกษาเพื่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=253
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17&id=253
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17
    ลำดับสาธยายธรรม : 17 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_17.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษากามเป็นมายา สัทธรรมลำดับที่ : 253 ชื่อบทธรรม :- กามเป็นมายา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=253 เนื้อความทั้งหมด :- --กามเป็นมายา --ภิกษุ ท. ! กามทั้งหลาย เป็นของไม่เที่ยง เป็นของเปล่า ๆ ปลี้ ๆ เป็นของเท็จ เป็นสิ่งที่มีการหลอกให้หลงเป็นธรรมดา. --ภิกษุ ท. ! กามนั้นเป็นเหมือนสิ่งที่ทำแล้วด้วยมายา เป็นที่พร่ำบ่นหาของคนพาล, ได้แก่ กาม และสัญญาในกาม ทั้งที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ และที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า. กามและสัญญาในกาม ทั้งสองอย่างนั้น เป็น อาณาจักรของ มาร เป็น วิสัยของ มาร เป็น เหยื่อของ มาร และ เป็น ที่เที่ยวหาอาหารของ มาร. จิตอันเป็นบาปอกุศล เป็น อภิชฌาก็ดี พยาบาทก็ดี และสารัมภะ (การแข่งดี)ก็ดี http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=อภิชฺฌาปิ+พฺยาปาทาปิ+สารมฺภาปิ เหล่านี้ย่อมเป็นไปในอาณาจักรของ มาร นั้น. อนึ่ง อกุศลธรรมเหล่านั้น ย่อมมีขึ้น เพื่อเป็นอันตราย(อนฺตรายาย)​ แก่พระอริยสาวก http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=อนฺตรายาย ผู้ตามศึกษาอยู่ ในธรรมวินัยนี้ได้ โดยแท้ แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/74/81. http://etipitaka.com/read/thai/14/57/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๔/๘๑. http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%91 ศึกษาเพื่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=253 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17&id=253 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17 ลำดับสาธยายธรรม : 17 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_17.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - กามเป็นมายา
    -กามเป็นมายา ภิกษุ ท. ! กามทั้งหลาย เป็นของไม่เที่ยง เป็นของเปล่า ๆ ปลี้ ๆ เป็นของเท็จ เป็นสิ่งที่มีการหลอกให้หลงเป็นธรรมดา. ภิกษุ ท. ! กามนั้นเป็นเหมือนสิ่งที่ทำแล้วด้วยมายา เป็นที่พร่ำบ่นหาของคนพาล, ได้แก่ กาม และสัญญาในกาม ทั้งที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ และที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า. กามและสัญญาในกาม ทั้งสองอย่างนั้น เป็น อาณาจักรของมาร เป็น วิสัยของมาร เป็น เหยื่อของมาร และเป็น ที่เที่ยวหาอาหารของมาร. จิตอันเป็นบาปอกุศลเป็นอภิชฌาก็ดี พยาบาทก็ดี และสารัมภะ (การแข่งดี)ก็ดี เหล่านี้ย่อมเป็นไปในอาณาจักรของมารนั้น. อนึ่ง อกุศลธรรมเหล่านั้น ย่อมมีขึ้น เพื่อเป็นอันตราย แก่พระอริยสาวก ผู้ตามศึกษาอยู่ ในธรรมวินัยนี้ได้ โดยแท้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวกพึงฝึกหัดศึกษาความทุกข์ของเทวดาและมนุษยเป็นธรรมดาอยู่ในธรรมชาติ
    สัทธรรมลำดับที่ : 222
    ชื่อบทธรรม :- ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ
    --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    มีรูปเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในรูป บันเทิงแล้วในรูป ยอม อยู่เป็นทุกข์
    เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป.

    (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).

    --ภิกษุ ท. ! ส่วนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
    รู้แจ้งความเกิดความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก
    แห่งรูป ตามเป็นจริง
    ไม่มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่ยินดีในรูป ไม่บันเทิงในรูป ยังคงอยู่เป็นสุข
    แม้เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป.

    (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).-

    --คาถาท้ายพระสูตร--
    รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ทั้งสิ้น
    อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่ประมาณเท่าใด
    รูปารมณ์เป็นต้น เหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอันชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก
    สมมติว่าเป็นสุข
    ถ้าว่ารูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้น ดับไปในที่ใดที่นั้น
    เทวดาและมนุษย์เหล่านั้นสมมติว่าเป็นทุกข์
    ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสักกายะ
    (รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคลถือว่าเป็นของตน) ว่าเป็นสุข
    การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย
    ผู้เห็นอยู่นี้ย่อมเป็นข้าศึกกับชาวโลกทั้งปวง
    บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นสุข
    พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่าเป็นทุกข์
    บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นทุกข์
    พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งสิ่งนั้นว่าเป็นสุข
    เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก คนพาลผู้หลง ไม่รู้แจ้งในนิพพานนี้
    ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์หุ้มห่อ
    เหมือนความมัวมนย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็นนิพพานย่อมมีแก่สัตบุรุษ
    เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคลผู้เห็น ชนทั้งหลายแสวงหา
    ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพานอันมีในที่ใกล้ธรรมนี้
    อันบุคคลผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ
    ผู้แล่นไปตามกระแสตัณหาในภพ ผู้อันบ่วงแห่งมารท่วมทับไม่ตรัสรู้ได้ง่าย ใครหนอ
    เว้นจากพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้วย่อมควรเพื่อจะตรัสรู้นิพพาน
    บทที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้โดยชอบ #เป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน
    http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=ปรินิพฺพนฺติ

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/129/216.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/129/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๕๙/๒๑๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/159/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=222
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15
    ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    อริย​สาวกพึงฝึกหัดศึกษาความทุกข์ของเทวดาและมนุษยเป็นธรรมดาอยู่ในธรรมชาติ สัทธรรมลำดับที่ : 222 ชื่อบทธรรม :- ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222 เนื้อความทั้งหมด :- --ทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มีรูปเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในรูป บันเทิงแล้วในรูป ยอม อยู่เป็นทุกข์ เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน). --ภิกษุ ท. ! ส่วนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ รู้แจ้งความเกิดความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก แห่งรูป ตามเป็นจริง ไม่มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่ยินดีในรูป ไม่บันเทิงในรูป ยังคงอยู่เป็นสุข แม้เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).- --คาถาท้ายพระสูตร-- รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ทั้งสิ้น อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่ประมาณเท่าใด รูปารมณ์เป็นต้น เหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอันชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก สมมติว่าเป็นสุข ถ้าว่ารูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้น ดับไปในที่ใดที่นั้น เทวดาและมนุษย์เหล่านั้นสมมติว่าเป็นทุกข์ ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสักกายะ (รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคลถือว่าเป็นของตน) ว่าเป็นสุข การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย ผู้เห็นอยู่นี้ย่อมเป็นข้าศึกกับชาวโลกทั้งปวง บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นสุข พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่าเป็นทุกข์ บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นทุกข์ พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งสิ่งนั้นว่าเป็นสุข เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก คนพาลผู้หลง ไม่รู้แจ้งในนิพพานนี้ ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์หุ้มห่อ เหมือนความมัวมนย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็นนิพพานย่อมมีแก่สัตบุรุษ เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคลผู้เห็น ชนทั้งหลายแสวงหา ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพานอันมีในที่ใกล้ธรรมนี้ อันบุคคลผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ ผู้แล่นไปตามกระแสตัณหาในภพ ผู้อันบ่วงแห่งมารท่วมทับไม่ตรัสรู้ได้ง่าย ใครหนอ เว้นจากพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้วย่อมควรเพื่อจะตรัสรู้นิพพาน บทที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้โดยชอบ #เป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน ฯ http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=ปรินิพฺพนฺติ #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/129/216. http://etipitaka.com/read/thai/18/129/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๕๙/๒๑๖. http://etipitaka.com/read/pali/18/159/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=222 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15 ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ
    -ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มีรูปเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในรูป บันเทิงแล้วในรูป ย่อม อยู่เป็นทุกข์ เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน). ภิกษุ ท. ! ส่วนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ รู้แจ้งความเกิดความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก แห่งรูป ตามเป็นจริง ไม่มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่ยินดีในรูป ไม่บันเทิงในรูป ยังคงอยู่เป็นสุขแม้เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ความแตกต่างระหว่าง-คนเขลาและบัณฑิตในการประพฤติ
    สัทธรรมลำดับที่ : 985
    ชื่อบทธรรม :- ความแตกต่างระหว่าง-คนเขลาและบัณฑิตในการประพฤติ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=985
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความแตกต่างระหว่าง-คนเขลาและบัณฑิตในการประพฤติพรหมจรรย์
    --ภิกษุ ท. !
    กายนี้เกิดมีขึ้นแล้ว แก่คนเขลา (พาล)​
    http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=พาลสฺส
    ผู้ถูกอวิชชาใดห่อหุ้มแล้วด้วย ผู้พัวพันแล้วด้วยตัณหาใดด้วย,
    อวิชชานั้นแหละ ที่คนเขลายังละไม่ได้
    และตัณหานั่นเทียว ก็ยังไม่หมดสิ้นไป.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
    +--ภิกษุ ท. !
    เพราะว่า คนพาลไม่ได้ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=พาโล+อจริ+พฺรหฺมจริยํ
    เพราะเหตุนั้น คนเขลา จึงเป็นผู้เข้าถึงกาย (อื่น)
    เพราะการแตกสลายแห่งกาย (นี้).
    คนเขลานั้น เมื่อเข้าถึงกายอยู่ เรากล่าวว่า
    “เขาไม่หลุดพ้นจากความเกิด ความแก่ ความตาย
    ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ
    และไม่หลุดพ้นจากทุกข์”
    ดังนี้.

    --ภิกษุ ท. !
    กายนี้ เกิดมีขึ้นแล้ว แก่บัณฑิต
    http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=ปณฺฑิตสฺส
    ผู้ถูกอวิชชาใดห่อหุ้มแล้วด้วย ผู้พัวพันแล้วด้วยตัณหาใดด้วย,
    อวิชชานั้นแหละ อันบัณฑิตละได้แล้ว
    http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=อวิชฺชา
    และตัณหานั่นเทียว ก็หมดสิ้นไปแล้ว.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=ตณฺหา
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
    เพราะว่า บัณฑิตได้ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ.
    เพราะเหตุนั้น บัณฑิตจึงเป็นผู้ไม่เข้าถึงกาย (อื่น)
    เพราะการแตกสลายแห่งกาย (นี้).
    บัณฑิตนั้นเมื่อไม่เข้าถึงกายอยู่ เรากล่าวว่า
    “เขาย่อมหลุดพ้นได้จากความเกิด ความแก่ ความตาย
    ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความ คับแค้นใจ และ
    #ย่อมหลุดพ้นได้จากทุกข์”
    ดังนี้แล.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/22/59.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/22/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๙/๕๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=985
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=84&id=985
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=84
    ลำดับสาธยายธรรม : 84 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_84.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ความแตกต่างระหว่าง-คนเขลาและบัณฑิตในการประพฤติ สัทธรรมลำดับที่ : 985 ชื่อบทธรรม :- ความแตกต่างระหว่าง-คนเขลาและบัณฑิตในการประพฤติ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=985 เนื้อความทั้งหมด :- --ความแตกต่างระหว่าง-คนเขลาและบัณฑิตในการประพฤติพรหมจรรย์ --ภิกษุ ท. ! กายนี้เกิดมีขึ้นแล้ว แก่คนเขลา (พาล)​ http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=พาลสฺส ผู้ถูกอวิชชาใดห่อหุ้มแล้วด้วย ผู้พัวพันแล้วด้วยตัณหาใดด้วย, อวิชชานั้นแหละ ที่คนเขลายังละไม่ได้ และตัณหานั่นเทียว ก็ยังไม่หมดสิ้นไป. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? +--ภิกษุ ท. ! เพราะว่า คนพาลไม่ได้ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ. http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=พาโล+อจริ+พฺรหฺมจริยํ เพราะเหตุนั้น คนเขลา จึงเป็นผู้เข้าถึงกาย (อื่น) เพราะการแตกสลายแห่งกาย (นี้). คนเขลานั้น เมื่อเข้าถึงกายอยู่ เรากล่าวว่า “เขาไม่หลุดพ้นจากความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ และไม่หลุดพ้นจากทุกข์” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! กายนี้ เกิดมีขึ้นแล้ว แก่บัณฑิต http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=ปณฺฑิตสฺส ผู้ถูกอวิชชาใดห่อหุ้มแล้วด้วย ผู้พัวพันแล้วด้วยตัณหาใดด้วย, อวิชชานั้นแหละ อันบัณฑิตละได้แล้ว http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=อวิชฺชา และตัณหานั่นเทียว ก็หมดสิ้นไปแล้ว. http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=ตณฺหา ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะว่า บัณฑิตได้ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ. เพราะเหตุนั้น บัณฑิตจึงเป็นผู้ไม่เข้าถึงกาย (อื่น) เพราะการแตกสลายแห่งกาย (นี้). บัณฑิตนั้นเมื่อไม่เข้าถึงกายอยู่ เรากล่าวว่า “เขาย่อมหลุดพ้นได้จากความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความ คับแค้นใจ และ #ย่อมหลุดพ้นได้จากทุกข์” ดังนี้แล.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/22/59. http://etipitaka.com/read/thai/16/22/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๙/๕๙. http://etipitaka.com/read/pali/16/29/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=985 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=84&id=985 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=84 ลำดับสาธยายธรรม : 84 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_84.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความแตกต่างระหว่าง
    -ความแตกต่างระหว่าง คนเขลาและบัณฑิตในการประพฤติพรหมจรรย์ ภิกษุ ท. ! กายนี้เกิดมีขึ้นแล้ว แก่คนเขลา ผู้ถูกอวิชชาใดห่อหุ้มแล้วด้วย ผู้พัวพันแล้วด้วยตัณหาใดด้วย, อวิชชานั้นแหละ ที่คนเขลายังละไม่ได้ และตัณหานั่นเทียว ก็ยังไม่หมดสิ้นไป. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? ภิกษุ ท. ! เพราะว่า คนเขลาไม่ได้ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ. เพราะเหตุนั้น คนเขลา จึงเป็นผู้เข้าถึงกาย (อื่น) เพราะการแตกสลายแห่งกาย (นี้). คนเขลานั้น เมื่อเข้าถึงกายอยู่ เรากล่าวว่า “เขาไม่หลุดพ้นจากความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ และไม่หลุดพ้นจากทุกข์” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! กายนี้ เกิดมีขึ้นแล้ว แก่บัณฑิต ผู้ถูกอวิชชาใดห่อหุ้มแล้วด้วย ผู้พัวพันแล้วด้วยตัณหาใดด้วย, อวิชชานั้นแหละ อันบัณฑิตละได้แล้ว และตัณหานั่นเทียว ก็หมดสิ้นไปแล้ว. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะว่า บัณฑิตได้ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ. เพราะเหตุนั้น บัณฑิตจึงเป็นผู้ไม่เข้าถึงกาย (อื่น) เพราะการแตกสลายแห่งกาย (นี้). บัณฑิตนั้นเมื่อไม่เข้าถึงกายอยู่ เรากล่าวว่า “เขาย่อมหลุดพ้นได้จากความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความ คับแค้นใจ และย่อมหลุดพ้นได้จากทุกข์” ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์
    สัทธรรมลำดับที่ : 147
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=147
    ชื่อบทธรรม :- เวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์
    --ภิกษุ ท. ! คำที่เรากล่าวว่า “พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์ ๓๖ อย่าง”
    ดังนี้นั้น,
    ข้อนั้น เรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์อะไรเล่า ?
    ภิกษุ ท. ! ข้อนั้น เรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์คือ
    ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง,
    ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง,
    ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง,
    ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง,
    อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง,
    อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น,
    ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรามองเห็นการได้ซึ่ง รูป อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลก ในทางตา ว่า เป็นสิ่งที่ตนกำลังได้อยู่ก็ตาม,
    หรือว่าเมื่อระลึกถึง รูป เช่นนั้น อันตนเคยได้แล้วแต่กาลก่อน ซึ่งล่วงแล้ว ดับสิ้น แปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น.
    ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโสมนัสนี้ เรียกว่า
    ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตโสมนัส).
    http://etipitaka.com/read/pali/14/402/?keywords=เคหสิตานิ+โสมนสฺสานิ

    (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
    และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป
    ผิดกันแต่ชื่อ เท่านั้น).

    +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโสมนัสเนื่องด้วย เหย้าเรือน ๖ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น,
    ความโสมนัสเนื่องด้วย การหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย
    ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี
    และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลายเห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบ
    ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า
    “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อนหรือในบัดนี้ก็ตามรูปทั้งหมดเหล่านั้น
    เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา”
    ดังนี้ แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น.
    ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโสมนัสนี้ เรียกว่า
    ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตโสมนัส).
    http://etipitaka.com/read/pali/14/402/?keywords=เนกฺขมฺมสิตานิ+โสมนสฺสานิ

    (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
    และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับ ข้อว่า รูป
    ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น).

    +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีก ออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น,
    ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
    +-ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรามองเห็นการไม่ได้ซึ่งรูป
    อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ
    อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลกในทางตา ว่า เป็นสิ่งที่ตนไม่ได้ก็ตาม,
    หรือว่า เมื่อระลึกถึง รูป เช่นนั้น อันตนยังไม่เคยได้แต่กาลก่อน
    ซึ่งล่วงลับ ดับสิ้นแปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโทมนัสขึ้น.
    ความโทมนัสใดมีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่า
    ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตโทมนัส).

    (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์
    อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น).

    +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น,
    ความโทมนัสเนื่องด้วย การหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย
    ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี
    และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญา
    อันชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า
    “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อนหรือในบัดนี้ ก็ตาม รูปทั้งหมดเหล่านั้น
    เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา”
    ดังนี้แล้ว
    เขาย่อมเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมกข์
    ทั้งหลายว่า “เมื่อไรหนอ ! เราจักเข้าถึงซึ่งอายตนะนั้น แล้วแลอยู่
    อันเป็นอายตนะที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย เข้าถึงซึ่งอายตนะนั้นแล้วแลอยู่ ในบัดนี้ ”
    ดังนี้.
    เมื่อเขาเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมกข์ทั้งหลาย อยู่ดังนี้
    ย่อมเกิดความโทมนัสขึ้น เพราะความกระหยิ่มนั้นเป็นปัจจัย.
    ความโทมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่า
    ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตโทมนัส)
    (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะและธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง
    ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น).
    +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น,
    อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตอุเบกขา) ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เพราะเห็นรูปด้วยตาแล้วอุเบกขาก็เกิดขึ้นแก่
    คนพาล ผู้หลง ผู้เขลา ผู้บุถุชน ผู้ยังไม่ชนะกิเลส ผู้ยังไม่ชนะวิบาก
    ผู้ไม่เห็นโทษ ผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง.
    อุเบกขาใด ซึ่งเป็นอุเบกขาของบุถุชน อุเบกขานั้น
    ไม่อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป
    เพราะเหตุนั้น เราเรียกอุเบกขานั้น ว่า
    อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน.

    (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง
    ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ ชื่อเรียกเท่านั้น).

    +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น,
    อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย
    ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี
    และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบ
    ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า
    “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อน หรือในบัดนี้ ก็ตาม รูปทั้งหมดเหล่านั้น
    เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา”
    ดังนี้
    แล้วเกิดอุเบกขาขึ้น. อุเบกขาใด มีลักษณะเช่นนี้
    อุเบกขานั้น ไม่อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป
    เพราะเหตุนั้น เราเรียกอุเบกขานั้น ว่า
    อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตอุเบกขา).
    http://etipitaka.com/read/pali/14/402/?keywords=เนกฺขมฺมสิตานิ+อุเปกฺขา

    (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์
    อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเรียกเท่านั้น).

    +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่างแล.
    --ภิกษุ ท. ! คำใดที่เรากล่าวว่า “พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์ ๓๖ อย่าง”
    ดังนี้นั้น, คำนั้น เรากล่าวอาศัยความข้อนี้แล.-

    #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/302-305/624-630.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/302/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๔๐๒-๔๐๕/๖๒๔-๖๓๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/402/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=147
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=11&id=147
    หรือ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=11
    ลำดับสาธยายธรรม : 11 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_11.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์ สัทธรรมลำดับที่ : 147 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=147 ชื่อบทธรรม :- เวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์ เนื้อความทั้งหมด :- --เวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์ --ภิกษุ ท. ! คำที่เรากล่าวว่า “พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์ ๓๖ อย่าง” ดังนี้นั้น, ข้อนั้น เรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์อะไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อนั้น เรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์คือ ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง, ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง, ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง, ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง, อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง, อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรามองเห็นการได้ซึ่ง รูป อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลก ในทางตา ว่า เป็นสิ่งที่ตนกำลังได้อยู่ก็ตาม, หรือว่าเมื่อระลึกถึง รูป เช่นนั้น อันตนเคยได้แล้วแต่กาลก่อน ซึ่งล่วงแล้ว ดับสิ้น แปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น. ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโสมนัสนี้ เรียกว่า ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตโสมนัส). http://etipitaka.com/read/pali/14/402/?keywords=เคหสิตานิ+โสมนสฺสานิ (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อ เท่านั้น). +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโสมนัสเนื่องด้วย เหย้าเรือน ๖ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโสมนัสเนื่องด้วย การหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลายเห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบ ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อนหรือในบัดนี้ก็ตามรูปทั้งหมดเหล่านั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา” ดังนี้ แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น. ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโสมนัสนี้ เรียกว่า ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตโสมนัส). http://etipitaka.com/read/pali/14/402/?keywords=เนกฺขมฺมสิตานิ+โสมนสฺสานิ (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับ ข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีก ออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? +-ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรามองเห็นการไม่ได้ซึ่งรูป อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลกในทางตา ว่า เป็นสิ่งที่ตนไม่ได้ก็ตาม, หรือว่า เมื่อระลึกถึง รูป เช่นนั้น อันตนยังไม่เคยได้แต่กาลก่อน ซึ่งล่วงลับ ดับสิ้นแปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโทมนัสขึ้น. ความโทมนัสใดมีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่า ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตโทมนัส). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโทมนัสเนื่องด้วย การหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญา อันชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อนหรือในบัดนี้ ก็ตาม รูปทั้งหมดเหล่านั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา” ดังนี้แล้ว เขาย่อมเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมกข์ ทั้งหลายว่า “เมื่อไรหนอ ! เราจักเข้าถึงซึ่งอายตนะนั้น แล้วแลอยู่ อันเป็นอายตนะที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย เข้าถึงซึ่งอายตนะนั้นแล้วแลอยู่ ในบัดนี้ ” ดังนี้. เมื่อเขาเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมกข์ทั้งหลาย อยู่ดังนี้ ย่อมเกิดความโทมนัสขึ้น เพราะความกระหยิ่มนั้นเป็นปัจจัย. ความโทมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่า ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตโทมนัส) (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะและธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตอุเบกขา) ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เพราะเห็นรูปด้วยตาแล้วอุเบกขาก็เกิดขึ้นแก่ คนพาล ผู้หลง ผู้เขลา ผู้บุถุชน ผู้ยังไม่ชนะกิเลส ผู้ยังไม่ชนะวิบาก ผู้ไม่เห็นโทษ ผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง. อุเบกขาใด ซึ่งเป็นอุเบกขาของบุถุชน อุเบกขานั้น ไม่อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป เพราะเหตุนั้น เราเรียกอุเบกขานั้น ว่า อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน. (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ ชื่อเรียกเท่านั้น). +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบ ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อน หรือในบัดนี้ ก็ตาม รูปทั้งหมดเหล่านั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา” ดังนี้ แล้วเกิดอุเบกขาขึ้น. อุเบกขาใด มีลักษณะเช่นนี้ อุเบกขานั้น ไม่อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป เพราะเหตุนั้น เราเรียกอุเบกขานั้น ว่า อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตอุเบกขา). http://etipitaka.com/read/pali/14/402/?keywords=เนกฺขมฺมสิตานิ+อุเปกฺขา (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเรียกเท่านั้น). +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่างแล. --ภิกษุ ท. ! คำใดที่เรากล่าวว่า “พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์ ๓๖ อย่าง” ดังนี้นั้น, คำนั้น เรากล่าวอาศัยความข้อนี้แล.- #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/302-305/624-630. http://etipitaka.com/read/thai/14/302/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๔๐๒-๔๐๕/๖๒๔-๖๓๐. http://etipitaka.com/read/pali/14/402/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=147 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=11&id=147 หรือ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=11 ลำดับสาธยายธรรม : 11 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_11.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์
    -เวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์ ภิกษุ ท. ! คำที่เรากล่าวว่า “พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์ ๓๖ อย่าง” ดังนี้นั้น, ข้อนั้น เรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์อะไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อนั้น เรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์คือ ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง, ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง, ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง, ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง, อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง, อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง. ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรามองเห็นการได้ซึ่ง รูป อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลก ในทางตา ว่า เป็นสิ่งที่ตนกำลังได้อยู่ก็ตาม, หรือว่าเมื่อระลึกถึง รูป เช่นนั้น อันตนเคยได้แล้วแต่กาลก่อน ซึ่งล่วงแล้ว ดับสิ้น แปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น. ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโสมนัสนี้ เรียกว่า ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตโสมนัส). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อ เท่านั้น). ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโสมนัสเนื่องด้วย เหย้าเรือน ๖ อย่าง. ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโสมนัสเนื่องด้วย การหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบ ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อนหรือในบัดนี้ก็ตามรูปทั้งหมดเหล่านั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา” ดังนี้ แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น. ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโสมนัสนี้ เรียกว่า ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตโสมนัส). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับ ข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีก ออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง. ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรามองเห็นการไม่ได้ซึ่งรูป อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลกในทางตา ว่า เป็นสิ่งที่ตนไม่ได้ก็ตาม, หรือว่า เมื่อระลึกถึง รูป เช่นนั้น อันตนยังไม่เคยได้แต่กาลก่อน ซึ่งล่วงลับ ดับสิ้นแปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโทมนัสขึ้น. ความโทมนัสใดมีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่า ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตโทมนัส). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง. ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโทมนัสเนื่องด้วย การหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญา อันชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อนหรือในบัดนี้ ก็ตาม รูปทั้งหมดเหล่านั้นเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา” ดังนี้แล้ว เขา ย่อมเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมกข์ทั้งหลายว่า “เมื่อไรหนอ ! เราจักเข้าถึงซึ่งอายตนะนั้น แล้วแลอยู่ อันเป็นอายตนะที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย เข้าถึงซึ่งอายตนะนั้นแล้วแลอยู่ ในบัดนี้” ดังนี้. เมื่อเขาเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมกข์ทั้งหลาย อยู่ดังนี้ ย่อมเกิดความโทมนัสขึ้น เพราะความกระหยิ่มนั้นเป็นปัจจัย. ความโทมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่าความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจาก เหย้าเรือน (เนกขัมมสิตโทมนัส) (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะและธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น). ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง. ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตอุเบกขา) ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเห็นรูปด้วยตาแล้วอุเบกขาก็เกิดขึ้นแก่คนพาล ผู้หลง ผู้เขลา ผู้บุถุชน ผู้ยังไม่ชนะกิเลส ผู้ยังไม่ชนะวิบาก ผู้ไม่เห็นโทษ ผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง. อุเบกขาใด ซึ่งเป็นอุเบกขาของบุถุชน อุเบกขานั้น ไม่อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป เพราะเหตุนั้น เราเรียกอุเบกขานั้น ว่า อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน. (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ ชื่อเรียกเท่านั้น). ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง. ภิกษุ ท. ! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบ ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า “รูปทั้งหลาย ในกาลก่อน หรือในบัดนี้ ก็ตาม รูปทั้งหมดเหล่านั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา” ดังนี้ แล้วเกิดอุเบกขาขึ้น. อุเบกขาใด มีลักษณะเช่นนี้ อุเบกขานั้น ไม่อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป เพราะเหตุนั้น เราเรียกอุเบกขานั้น ว่าอุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตอุเบกขา). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับ ข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเรียกเท่านั้น). ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่างแล. ภิกษุ ท. ! คำใดที่เรากล่าวว่า “พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์ ๓๖ อย่าง” ดังนี้นั้น, คำนั้น เรากล่าวอาศัยความข้อนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คนพาล
    อันคนพาลใช้หอกปากเป็นอาวุธ
    สัตบุรุษใช้ปัญญาเพื่อประหาร
    ตัวตัณหาผูกยึดไว้ด้วยบ่วงมาร
    คืออุปาทานภพชาติและมรณา

    ้คนพาลจมบ่วงมารอยู่เพราะไม่รู้
    ใช้หอกปากแทงกันอยู่เพราะตัณหา
    จึงไม่พ้นวนเวียนว่ายวัฏฐสังขารา
    น่าเสียดายที่เกิดมาเป็นได้แค่คนเลว

    #คนพาล อันคนพาลใช้หอกปากเป็นอาวุธ สัตบุรุษใช้ปัญญาเพื่อประหาร ตัวตัณหาผูกยึดไว้ด้วยบ่วงมาร คืออุปาทานภพชาติและมรณา ้คนพาลจมบ่วงมารอยู่เพราะไม่รู้ ใช้หอกปากแทงกันอยู่เพราะตัณหา จึงไม่พ้นวนเวียนว่ายวัฏฐสังขารา น่าเสียดายที่เกิดมาเป็นได้แค่คนเลว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความดีของโทนี่เหลี่ยม ตั้งแต่ ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก

    ก - โกงกิน
    ข - ขายชาติ
    ค - คบคนพาล
    ฆ - ฆ่าตัดตอน ยาเสพติด
    ง - งก ไม่จ่ายภาษี
    จ - จาบจ้วงเบื้องสูง
    ฉ - ฉ้อฉล แปลงกฏหมายเพื่อประโยชน์ตน
    ช - ชั่วหาที่เปรียบมิได้
    ซ - ซับซ้อน ซ่อนกลเพียงเพื่อผลประโยชน์
    ญ - ญาติตูต้องมาก่อน
    ฐ - ฐานะดี แค่ไหน ก็โกงได้ไม่อายฟ้าดิน
    ฒ - เฒ่าหัวงู มักมากในกาม
    ด - แด๊ก ไม่รู้อิ่ม
    ต - ตบตาคนจน
    ถ - ถร่อย เถื่อนทางจริยธรรม
    ท - ทำลายเศรษฐกิจชาติ
    ธ - ธรรมชาติลงโทษ
    น - นำหางแดงเผาบ้าน เผาเมือง
    บ - บ้าอำนาจ หลงตัวเอง
    ป - ประจาน ประนามประเทศตัวเองออกสื่อนอก
    ผ - ผูกขาดตัตอน ยอกย้อนผลประโยชน์ชาติเข้าตน
    ฝ - ฝากความเลวร้ายไว้บนแผ่นดิน
    พ - พูดปด มดเท็จ
    ฟ - ฟันข้าราชการดี ๆ ออกนอกเส้นทางโกง
    ภ - ภูมิใจในความเลวของตัว
    ม - ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
    ย - ยักยอกทรัพย์สมบัติชาติ
    ร - รกโลก จนต้องร่อนเร่
    ล - ลักลอบขนเงินออกนอก
    ว - วิดีโอลิ้งค์ ปลุกระดมให้เผาบ้าน เผาเมือง
    ศ - เศษคน กากเดนมนษย์
    ส - สนับสนุน คอร์รัปชั่น
    ห - หน้า (หมา) ตัวเมีย
    อ - อธรรม ตัวหัวหน้า
    ฮ - เฮี่ย ... ไม่มีที่สิ้นสุด
    ความดีของโทนี่เหลี่ยม ตั้งแต่ ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก ก - โกงกิน ข - ขายชาติ ค - คบคนพาล ฆ - ฆ่าตัดตอน ยาเสพติด ง - งก ไม่จ่ายภาษี จ - จาบจ้วงเบื้องสูง ฉ - ฉ้อฉล แปลงกฏหมายเพื่อประโยชน์ตน ช - ชั่วหาที่เปรียบมิได้ ซ - ซับซ้อน ซ่อนกลเพียงเพื่อผลประโยชน์ ญ - ญาติตูต้องมาก่อน ฐ - ฐานะดี แค่ไหน ก็โกงได้ไม่อายฟ้าดิน ฒ - เฒ่าหัวงู มักมากในกาม ด - แด๊ก ไม่รู้อิ่ม ต - ตบตาคนจน ถ - ถร่อย เถื่อนทางจริยธรรม ท - ทำลายเศรษฐกิจชาติ ธ - ธรรมชาติลงโทษ น - นำหางแดงเผาบ้าน เผาเมือง บ - บ้าอำนาจ หลงตัวเอง ป - ประจาน ประนามประเทศตัวเองออกสื่อนอก ผ - ผูกขาดตัตอน ยอกย้อนผลประโยชน์ชาติเข้าตน ฝ - ฝากความเลวร้ายไว้บนแผ่นดิน พ - พูดปด มดเท็จ ฟ - ฟันข้าราชการดี ๆ ออกนอกเส้นทางโกง ภ - ภูมิใจในความเลวของตัว ม - ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ย - ยักยอกทรัพย์สมบัติชาติ ร - รกโลก จนต้องร่อนเร่ ล - ลักลอบขนเงินออกนอก ว - วิดีโอลิ้งค์ ปลุกระดมให้เผาบ้าน เผาเมือง ศ - เศษคน กากเดนมนษย์ ส - สนับสนุน คอร์รัปชั่น ห - หน้า (หมา) ตัวเมีย อ - อธรรม ตัวหัวหน้า ฮ - เฮี่ย ... ไม่มีที่สิ้นสุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 733 มุมมอง 0 รีวิว
  • อานิสงส์ผลบุญสร้างวิหารทานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ เป็นที่รักของเทวดา ครอบครัวสุขสันต์ จิตใจสงบ พบพานสิ่งดี มีแต่คนรักใคร่ เจ้านายเมตตา คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา คนพาลแพ้ภัย ฝากแชร์ฝากส่งให้ผู้อยากร่วมบุญถวายกระเบื้องตามแบบเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมทำบุญและครอบครัวและกระเบื้องเหล่านี้จะอยู่เทวาลัยภายในโดมขององค์พ่อตลอดไปเป็น ร้อยๆปี สาธุ สาธุ สาธุ #แลนมาร์คของสายมู อยู่ที่มหาสมบัติเทวาพิฆเนราชสีมา #ไทยไทม์ #หน้าฟีด #Sondhitalk #ลุงสนธิมาโคราชเมื่อไรมาเที่ยวเทวาลัยนะคะ #ตามรอยผู้หญิงสามสิบยังแจ๋วพามู
    🚩อานิสงส์ผลบุญสร้างวิหารทานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ เป็นที่รักของเทวดา ครอบครัวสุขสันต์ จิตใจสงบ พบพานสิ่งดี มีแต่คนรักใคร่ เจ้านายเมตตา คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา คนพาลแพ้ภัย ฝากแชร์ฝากส่งให้ผู้อยากร่วมบุญถวายกระเบื้องตามแบบเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมทำบุญและครอบครัวและกระเบื้องเหล่านี้จะอยู่เทวาลัยภายในโดมขององค์พ่อตลอดไปเป็น ร้อยๆปี สาธุ สาธุ สาธุ #แลนมาร์คของสายมู อยู่ที่มหาสมบัติเทวาพิฆเนราชสีมา #ไทยไทม์ #หน้าฟีด #Sondhitalk #ลุงสนธิมาโคราชเมื่อไรมาเที่ยวเทวาลัยนะคะ #ตามรอยผู้หญิงสามสิบยังแจ๋วพามู
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2339 มุมมอง 201 0 รีวิว
  • ลำดับ คำเขียน คำอ่าน คำแปล
    1 ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ ตันหักขะโย สับพะทุกขัง ชินาติ เมื่อหมดตัณหา ก็ไม่มีทุกข์
    2 นาสมฺเส กตปาปมฺหิ นาสัมเส กะตะปาปัมหิ ไม่ควรคบหา กับคนทำบาป
    3 น สงฺคโม ปาปชเนน เสยฺโย นะ สังคะโม ปาปะชะเนนะ เสยโย การคบคนพาล ไม่มีประโยชน์เลย
    4 ทุกฺโข พาเลหิ สงฺคโม ทุกโข พาเลหิ สังคะโม คบคนพาล นำมาซึ่งความเดือดร้อน
    5 กตญฺจ สุกตํ เสยฺโย กตัญจะ สุกะตัง เสยโย มาทำความดีกันดีกว่า
    6 หิตญฺจ สาธุญฺจ ปรมทุกฺกรํ หิตัญจะ สาธุญจะ ปะระมะทุกกะรัง กรรมดี มีประโยชน์ ทำได้ยากยิ่ง
    7 สุกรานิ อสาธูนิ จ สุกะรานิ อะสาธูนิ จะ กรรมไม่ดี ทำได้ง่าย
    8 สกมฺมุนา หญฺญติ ปาปธมฺโม สกัมมุนา หัญญะติ ปาปะธัมโม คนชั่ว ย่อมเดือดร้อนเพราะกรรมชั่วของตน
    9 นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต นัตถิ ปาปัง อกุบพะโต บาป ไม่มีแก่ผู้ไม่กระทำ
    10 กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ กัมมุนา โหติ พราหมะโณ คนเราจะดี เพราะการกระทำ
    11 กมฺมุนา วสโล โหติ กัมมุนา วะสะโล โหติ คนเราจะเลวเพราะการกระทำ
    12 มนสา สํวโร สาธุ มะนะสา สังวะโร สาธุ ระมัดระวังใจ เป็นความดี
    13 วาจาย สํวโร สาธุ วาจายะ สังวะโร สาธุ ระมัดระวังวาจา เป็นความดี
    14 กาเยน สํวโร สาธุ กาเยนะ สังวะโร สาธุ ระมัดระวังกาย เป็นความดี
    15 นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ นัดถิ อัตตะสะมัง เปมัง ไม่มีความรักใด เสมอด้วยความรักตน
    16 มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา มนัสสะ อุสสันนะตายะ มนุสสา ชื่อว่าเป็นมนุษย์ เพราะมีใจสูง
    17 โกธาภิภูโต กุสลํ ชหาติ โกทาภิภูโต กุสะลัง ชะหาติ ผู้มีความโกรธครอบงำ ย่อมห่างไกลกุศล
    18 อิจฺฉา หิ อนนฺตโคจรา อิดฉา หิ อะนันตะโคจะรา ความอยาก ละได้ยาก
    19 อิจฺฉา โลกสฺมิ ทุชฺชหา อิดฉา โลกัดสะมิ ทุดชะหา ความอยาก ละได้ยาก
    20 อติโลโภ หิ ปาปโก อะติโลโภ หิ ปาปะโก ความละโมบโลภมาก เป็นบาป
    21 อรติ โลกนาสิกา อะระติ โลกะนาสิกา ความริษยา ทำให้โลกเสื่อม
    22 โลโภ ธมฺมานํ ปริปนฺโถ โลโภ ธัมมานัง ปะริปันโถ ความโลภ เป็นอันตรายต่อทุกสิ่ง
    23 ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ ทะทะโต ปุนยัง ปะวัดทะติ เมื่อให้ บุญก็เพิ่มขึ้น
    24 น โหติ สุขํ ทุกฺกฏการินา นะ โหติ สุขัง ทุกกะตะการินา ผู้ทำชั่ว ย่อมไม่มีความสุข
    25 กตสฺส นตฺถิ ปฏิการํ กะตัดสะ นัดถิ ปะติการัง สิ่งที่ทำแล้ว ทำกลับคืนไม่ได้
    26 องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ อังคัง ธะนัง ชีวิตัญจาปิ สัพพัง ผู้กล้า สละทรัพย์ อวัยวะและชีวิต เมื่อระลึกถึงธรรม
    27 องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน อังคัง จะเช ชีวิตัง รักขะมาโน ผู้กล้า สละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต
    28 จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ จะเช ธะนัง อังคะวะรัสสะ เห-ตุ คนกล้า สละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ
    ลำดับ คำเขียน คำอ่าน คำแปล 1 ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ ตันหักขะโย สับพะทุกขัง ชินาติ เมื่อหมดตัณหา ก็ไม่มีทุกข์ 2 นาสมฺเส กตปาปมฺหิ นาสัมเส กะตะปาปัมหิ ไม่ควรคบหา กับคนทำบาป 3 น สงฺคโม ปาปชเนน เสยฺโย นะ สังคะโม ปาปะชะเนนะ เสยโย การคบคนพาล ไม่มีประโยชน์เลย 4 ทุกฺโข พาเลหิ สงฺคโม ทุกโข พาเลหิ สังคะโม คบคนพาล นำมาซึ่งความเดือดร้อน 5 กตญฺจ สุกตํ เสยฺโย กตัญจะ สุกะตัง เสยโย มาทำความดีกันดีกว่า 6 หิตญฺจ สาธุญฺจ ปรมทุกฺกรํ หิตัญจะ สาธุญจะ ปะระมะทุกกะรัง กรรมดี มีประโยชน์ ทำได้ยากยิ่ง 7 สุกรานิ อสาธูนิ จ สุกะรานิ อะสาธูนิ จะ กรรมไม่ดี ทำได้ง่าย 8 สกมฺมุนา หญฺญติ ปาปธมฺโม สกัมมุนา หัญญะติ ปาปะธัมโม คนชั่ว ย่อมเดือดร้อนเพราะกรรมชั่วของตน 9 นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต นัตถิ ปาปัง อกุบพะโต บาป ไม่มีแก่ผู้ไม่กระทำ 10 กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ กัมมุนา โหติ พราหมะโณ คนเราจะดี เพราะการกระทำ 11 กมฺมุนา วสโล โหติ กัมมุนา วะสะโล โหติ คนเราจะเลวเพราะการกระทำ 12 มนสา สํวโร สาธุ มะนะสา สังวะโร สาธุ ระมัดระวังใจ เป็นความดี 13 วาจาย สํวโร สาธุ วาจายะ สังวะโร สาธุ ระมัดระวังวาจา เป็นความดี 14 กาเยน สํวโร สาธุ กาเยนะ สังวะโร สาธุ ระมัดระวังกาย เป็นความดี 15 นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ นัดถิ อัตตะสะมัง เปมัง ไม่มีความรักใด เสมอด้วยความรักตน 16 มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา มนัสสะ อุสสันนะตายะ มนุสสา ชื่อว่าเป็นมนุษย์ เพราะมีใจสูง 17 โกธาภิภูโต กุสลํ ชหาติ โกทาภิภูโต กุสะลัง ชะหาติ ผู้มีความโกรธครอบงำ ย่อมห่างไกลกุศล 18 อิจฺฉา หิ อนนฺตโคจรา อิดฉา หิ อะนันตะโคจะรา ความอยาก ละได้ยาก 19 อิจฺฉา โลกสฺมิ ทุชฺชหา อิดฉา โลกัดสะมิ ทุดชะหา ความอยาก ละได้ยาก 20 อติโลโภ หิ ปาปโก อะติโลโภ หิ ปาปะโก ความละโมบโลภมาก เป็นบาป 21 อรติ โลกนาสิกา อะระติ โลกะนาสิกา ความริษยา ทำให้โลกเสื่อม 22 โลโภ ธมฺมานํ ปริปนฺโถ โลโภ ธัมมานัง ปะริปันโถ ความโลภ เป็นอันตรายต่อทุกสิ่ง 23 ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ ทะทะโต ปุนยัง ปะวัดทะติ เมื่อให้ บุญก็เพิ่มขึ้น 24 น โหติ สุขํ ทุกฺกฏการินา นะ โหติ สุขัง ทุกกะตะการินา ผู้ทำชั่ว ย่อมไม่มีความสุข 25 กตสฺส นตฺถิ ปฏิการํ กะตัดสะ นัดถิ ปะติการัง สิ่งที่ทำแล้ว ทำกลับคืนไม่ได้ 26 องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ อังคัง ธะนัง ชีวิตัญจาปิ สัพพัง ผู้กล้า สละทรัพย์ อวัยวะและชีวิต เมื่อระลึกถึงธรรม 27 องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน อังคัง จะเช ชีวิตัง รักขะมาโน ผู้กล้า สละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต 28 จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ จะเช ธะนัง อังคะวะรัสสะ เห-ตุ คนกล้า สละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • คบ บัณฑิต บัณฑิต พาหาผล คบ คนพาล พาลหาผิด

    ฟังเพลงแบบไหน บอกอารมณ์เช่นนั้น
    คบ บัณฑิต บัณฑิต พาหาผล คบ คนพาล พาลหาผิด ฟังเพลงแบบไหน บอกอารมณ์เช่นนั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ขอจงอยู่ห่างคนพาล
    เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ขอจงอยู่ห่างคนพาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 32 0 รีวิว