• พบว่ามีคนไทยระดับผู้บริหารประเทศ
    และประชาชนไทยจำนวนไม่น้อย
    ยังไม่รู้จักดินแดนตนเอง

    อาจเพราะมองว่าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องน่าเบื่อ
    เกิดเหตุทีค่อยมาศึกษาที ผ่านอินเตอร์เน็ต
    ท่ามกลางข้อมูลมากมาย ทั้งบิดเบือน พูดไม่ครบ
    แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า อะไรจะเป็นตัวชี้วัด
    ข้อมูลจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ สามารถเชื่อถือได้ 100% หรอ

    แล้วเราจะปกป้องอธิปไตยของเราได้อย่างไร
    หากเราไม่เคยเข้าใจและไม่เคยรับรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศตนเอง

    แอดจึงอยากเชิญชวนให้เรา คนไทยทุกคน
    เริ่มศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นเรา ความเป็นไทย
    พบว่ามีคนไทยระดับผู้บริหารประเทศ และประชาชนไทยจำนวนไม่น้อย ยังไม่รู้จักดินแดนตนเอง อาจเพราะมองว่าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องน่าเบื่อ เกิดเหตุทีค่อยมาศึกษาที ผ่านอินเตอร์เน็ต ท่ามกลางข้อมูลมากมาย ทั้งบิดเบือน พูดไม่ครบ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า อะไรจะเป็นตัวชี้วัด ข้อมูลจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ สามารถเชื่อถือได้ 100% หรอ แล้วเราจะปกป้องอธิปไตยของเราได้อย่างไร หากเราไม่เคยเข้าใจและไม่เคยรับรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศตนเอง แอดจึงอยากเชิญชวนให้เรา คนไทยทุกคน เริ่มศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นเรา ความเป็นไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • พูดถึงองครักษ์เสื้อแพรไปมากพอสมควร วันนี้เราเลยมาคุยกันถึงอีกหน่วยงานหนึ่งที่ปรากฎให้เห็นในละครจีนโบราณหลายเรื่อง ซึ่งก็คือ ‘ลิ่วซ่านเหมิน’ (六扇门)

    ความมีอยู่ว่า
    ...จินเซี่ยคอตกหมุนกายกลับมา ชำเลืองมองหยางเฉิงว่าน “หัวหน้า ท่านยอมมันเกินไปแล้ว ท่านว่ามันเป็นคนของใคร? คดีของลิ่วซ่านเหมินไม่เหลียวแล แต่กลับส่งมอบคนออกไป ใครบ้างไม่รู้ว่ามันกำลังพยายามประจบองครักษ์เสื้อแพร?”... “โอรสสวรรค์ปราบปรามลงทัณฑ์คนผิด มีซานฝ่าซึก็เพียงพอแล้ว ยังต้องตั้งองครักษ์เสื้อแพรมาทำให้วุ่นวายเป็นอุปสรรค แล้วยังจะมีซานฝ่าซึไว้ทำอันใด มีเหมือนไม่มี!”
    - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ
    (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ลิ่วซ่านเหมินฟังดูเป็นหน่วยมือปราบ แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วลิ่วซ่านเหมินไม่ใช่องค์กรใดองค์กรหนึ่ง (!?)

    ชื่อเรียกที่ถูกต้องเป็นทางการของมันคือ ‘ซานฝ่าซึ’ (三法司) ที่เกริ่นถึงในบทความข้างต้น เป็นการเรียกรวมของสามหน่วยงานที่เกี่ยวกับกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย เริ่มปรากฎในสมัยราชวงศ์ฉิน (221-206 ก่อนคริสตกาล) เมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงตั้งตำแหน่งสำคัญมากขึ้นสามตำแหน่งเรียกรวมว่า ‘ซานกง’ หรือสามพระยา คือเฉิงเซี่ยง (อำมาตย์ผู้ช่วย บริหารงานราชการทั่วไป) ไท่เว่ย (มหาเสนาบดี ดูแลฝ่ายทหาร) และอวี้สื่อต้าฟู (ตุลาการสูงสุด เป็นผู้ตรวจสอบ)
    ต่อมาในแต่ละสมัยมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่และชื่อเรียกของหน่วยงานต่างๆ แต่ยังคงหลักการเดิมว่ามีสามหน่วยงานหลักที่ร่วมผดุงกฎหมาย เรียกรวมว่า ‘ซันฝ่าซึ’

    ในสมัยราชวงศ์หมิง สามหน่วยงานนี้คือ สิงปู้ (刑部 รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน) ต้าหลี่ซึ (大理寺 ไว้พิพากษา) ตูฉาย่วน (都察院 ไว้กำกับตรวจสอบ) หากมีคดีใหญ่จะไต่สวนและพิพากษาร่วมกัน

    แล้วทำไมจึงเรียกว่า ลิ่วซ่านเหมิน’?

    แฟนละครจีนโบราณคงคุ้นเคยว่าเวลาเกิดเรื่องอะไร ชาวบ้านจะวิ่งไปฟ้องร้องที่สถานที่หนึ่ง ศาลก็ไม่ใช่ สำนักมือปราบก็ไม่เชิง หน้าตาคล้ายที่ว่าการอำเภอ สถานที่นี้เรียกว่า ‘หยาเหมิน’ (衙门) ไม่แน่ใจว่าในนิยาย/ละครแปลไทยว่าอย่างไร แต่มันก็คือที่ว่าการท้องถิ่น ว่าการโดยข้าราชการสูงสุดผู้ดูแลพื้นที่ ไม่ระบุตายตัวว่าต้องสังกัดหน่วยงานใด

    ‘ลิ่วซ่านเหมิน’ ก็คือชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของหยาเหมิน แปลชื่อตรงตัวว่า ‘ประตูหกบาน’ ที่มาก็คือว่า ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ หยาเหมินจะมีรูปทรงอาคารเดียวกัน คือมีช่องประตูเพียงสามช่อง หันหน้าทิศใต้ ตะวันออกและตะวันตก หนึ่งทิศหนึ่งช่อง ประตูหลักที่ใช้เข้าออกทั่วไปจะหันหน้าทิศใต้ ช่องประตูที่ว่านี้ก่อตั้งขึ้นเป็นอาคารประตูใหญ่มีหลังคา (ดูรูปขวาล่าง) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ไม่ได้ ต้องเป็นที่ทำการของหลวงเท่านั้นจึงจะใช้ได้ แต่ละช่องประตูจะมีสองบาน รวมเป็นประตูหกบาน

    ดังนั้น จริงๆ แล้ว คนของลิ่วซ่านเหมินจะหมายรวมถึงทุกคนที่ทำงานในหยาเหมิน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานด้านสอบสวน ดูแลคุก เสมียนกฎหมาย ฯลฯ และมาจากหน่วยงานต่างๆ ที่เรียกรวมว่าซานฝ่าซึนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.twoeggz.com/news/8249892.html
    https://www.wenshigu.com/shbt/lishiju/221015.html
    https://www.52lishi.com/article/40895.html
    https://k.sina.cn/article_1346138855_503c72e700100tjeb.html
    https://m.52lishi.com/article/64869.html

    #จินเซี่ย #ลิ่วซ่านเหมิน #มือปราบจีนโบราณ #ราชวงศ์หมิง #หยาเหมิน #ซันฝ่าซึ #ซานฝ่าซึ
    พูดถึงองครักษ์เสื้อแพรไปมากพอสมควร วันนี้เราเลยมาคุยกันถึงอีกหน่วยงานหนึ่งที่ปรากฎให้เห็นในละครจีนโบราณหลายเรื่อง ซึ่งก็คือ ‘ลิ่วซ่านเหมิน’ (六扇门) ความมีอยู่ว่า ...จินเซี่ยคอตกหมุนกายกลับมา ชำเลืองมองหยางเฉิงว่าน “หัวหน้า ท่านยอมมันเกินไปแล้ว ท่านว่ามันเป็นคนของใคร? คดีของลิ่วซ่านเหมินไม่เหลียวแล แต่กลับส่งมอบคนออกไป ใครบ้างไม่รู้ว่ามันกำลังพยายามประจบองครักษ์เสื้อแพร?”... “โอรสสวรรค์ปราบปรามลงทัณฑ์คนผิด มีซานฝ่าซึก็เพียงพอแล้ว ยังต้องตั้งองครักษ์เสื้อแพรมาทำให้วุ่นวายเป็นอุปสรรค แล้วยังจะมีซานฝ่าซึไว้ทำอันใด มีเหมือนไม่มี!” - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) ลิ่วซ่านเหมินฟังดูเป็นหน่วยมือปราบ แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วลิ่วซ่านเหมินไม่ใช่องค์กรใดองค์กรหนึ่ง (!?) ชื่อเรียกที่ถูกต้องเป็นทางการของมันคือ ‘ซานฝ่าซึ’ (三法司) ที่เกริ่นถึงในบทความข้างต้น เป็นการเรียกรวมของสามหน่วยงานที่เกี่ยวกับกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย เริ่มปรากฎในสมัยราชวงศ์ฉิน (221-206 ก่อนคริสตกาล) เมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงตั้งตำแหน่งสำคัญมากขึ้นสามตำแหน่งเรียกรวมว่า ‘ซานกง’ หรือสามพระยา คือเฉิงเซี่ยง (อำมาตย์ผู้ช่วย บริหารงานราชการทั่วไป) ไท่เว่ย (มหาเสนาบดี ดูแลฝ่ายทหาร) และอวี้สื่อต้าฟู (ตุลาการสูงสุด เป็นผู้ตรวจสอบ) ต่อมาในแต่ละสมัยมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่และชื่อเรียกของหน่วยงานต่างๆ แต่ยังคงหลักการเดิมว่ามีสามหน่วยงานหลักที่ร่วมผดุงกฎหมาย เรียกรวมว่า ‘ซันฝ่าซึ’ ในสมัยราชวงศ์หมิง สามหน่วยงานนี้คือ สิงปู้ (刑部 รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน) ต้าหลี่ซึ (大理寺 ไว้พิพากษา) ตูฉาย่วน (都察院 ไว้กำกับตรวจสอบ) หากมีคดีใหญ่จะไต่สวนและพิพากษาร่วมกัน แล้วทำไมจึงเรียกว่า ลิ่วซ่านเหมิน’? แฟนละครจีนโบราณคงคุ้นเคยว่าเวลาเกิดเรื่องอะไร ชาวบ้านจะวิ่งไปฟ้องร้องที่สถานที่หนึ่ง ศาลก็ไม่ใช่ สำนักมือปราบก็ไม่เชิง หน้าตาคล้ายที่ว่าการอำเภอ สถานที่นี้เรียกว่า ‘หยาเหมิน’ (衙门) ไม่แน่ใจว่าในนิยาย/ละครแปลไทยว่าอย่างไร แต่มันก็คือที่ว่าการท้องถิ่น ว่าการโดยข้าราชการสูงสุดผู้ดูแลพื้นที่ ไม่ระบุตายตัวว่าต้องสังกัดหน่วยงานใด ‘ลิ่วซ่านเหมิน’ ก็คือชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของหยาเหมิน แปลชื่อตรงตัวว่า ‘ประตูหกบาน’ ที่มาก็คือว่า ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ หยาเหมินจะมีรูปทรงอาคารเดียวกัน คือมีช่องประตูเพียงสามช่อง หันหน้าทิศใต้ ตะวันออกและตะวันตก หนึ่งทิศหนึ่งช่อง ประตูหลักที่ใช้เข้าออกทั่วไปจะหันหน้าทิศใต้ ช่องประตูที่ว่านี้ก่อตั้งขึ้นเป็นอาคารประตูใหญ่มีหลังคา (ดูรูปขวาล่าง) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ไม่ได้ ต้องเป็นที่ทำการของหลวงเท่านั้นจึงจะใช้ได้ แต่ละช่องประตูจะมีสองบาน รวมเป็นประตูหกบาน ดังนั้น จริงๆ แล้ว คนของลิ่วซ่านเหมินจะหมายรวมถึงทุกคนที่ทำงานในหยาเหมิน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานด้านสอบสวน ดูแลคุก เสมียนกฎหมาย ฯลฯ และมาจากหน่วยงานต่างๆ ที่เรียกรวมว่าซานฝ่าซึนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.twoeggz.com/news/8249892.html https://www.wenshigu.com/shbt/lishiju/221015.html https://www.52lishi.com/article/40895.html https://k.sina.cn/article_1346138855_503c72e700100tjeb.html https://m.52lishi.com/article/64869.html #จินเซี่ย #ลิ่วซ่านเหมิน #มือปราบจีนโบราณ #ราชวงศ์หมิง #หยาเหมิน #ซันฝ่าซึ #ซานฝ่าซึ
    PPnix - Watch TV Shows Online, Watch Movies Online
    Watch PPnix movies & TV shows online or stream right to your smart TV, game console, PC, Mac, mobile, tablet and more.
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปลุกระดม ผนึกกำลังกัน #ดารา #ตลก #ศิลปินนักร้อง #นักแสดง #นักกีฬา #สมาคมทางการแพทย์ #ทหารทุกเหล่าทัพ #ตำรวจทุกหน่วยงาน แจ้งให้ทุกหน่วยงาน เทศบาล นายกเทศมนตรี เขตเทศบาล ทุกเขต ปลุกระดม กำลังพล พวกประชาชน แม่ค้า แม่ขาย นักเรียน นักศึกษา ออก มา ยันเอา ตัว ไอ้เจ๊ก กบฎ ไอ้จัญไร โทนี่ หรือ ไอ้แม้ว ต้นตระกูล จีน แซ่คู ไอ้เจ้าสำนัก อั้งยี่ ที่เคยมีการกวาดล้างกันไปแล้วนะครับในยุคสมัยโน้นๆๆ #เสธแดง (พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล)ถูกรอบสังหาร เป็น มือ ปืน เดียวกันกับที่ ยิง ถล่ม #ลุงสนธิ_ลิ้มทองกุล นั่นแหละครับ หน่วยรบ พิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ที่ จะ.ลพบุรี (รวมถึงสาเหตุการล้มของ #เชื้อชาติ ลูกหลานเตี่ย #นาย_เล็ก_วรรณวัฒน์ #BMWตัวแรกๆรุ่นรถยนต์ สีดำ ที่ อยู่ใน จังหวัด ลพบุรี เสียชีวิตลง แล้ว MOU ไอ้ทักษิณ ก็ก้าว ขึ้นมาเป็น นายก รัฐมนตรี ในปี 43-44 ไม่แน่ใจ แล้วการที่มันขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พอมี อำนาจ ปุ้บ มันก็ได้ แต่งตั้งสนับสนุน พรรคพวกของมันขึ้นมากัน ใน ตำแหน่ง นั้น ตำแหน่งนี้ ตั้งมากมาย ในแต่ละยุค แต่ละรุ่น ของคน ตระกูลชินวัตร ที่ก้าว ขึ้นมาเป็นผู้นำ เป็น นายก รัฐมนตรี มันก็จะ ฉุดดึง พรรคพวก ของมัน ขึ้นมากัน เยอะแยะ มากมาย ทุกช่วง ทุกยุค สมัย และก็เป็นฝ่ายที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ แก่ ผู้ที่ ก่อเหตุยิง ลุง สนธิ ลิ้มทองกุล และ เสธแดง ด้วย เพราะว่าในช่วงที่มัน เป็น นายกรัฐมนตรี อยู่นั้น ก็มีอำนาจ อยู่ ถูกไหมล่ะครับ จน หน่วยรบพิเศษ ที่ ก่อ เหตุ ยิง พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ แดง ที่ มีการรอบ สังหาร เป็นมือปืน ชุดเดียวกันกับที่ ลุงสนธิลิ้มทองกุล โดน นั่น แหละใช่ อุดมศักดิ์ เชื้อชาติ ลูก หลานเตี่ย หนึ่งในกิตติมศักดิ์ ที่มีหน้าที่ อะไร ที่ เป็น อะไรที่สำคัญมาก ในการปกครองของประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนอะ ขาด เชื้อ ชาติ ราชสีห์ กิตติมศักดิ์ ในระบบ เกมส์ การเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เชื้อ ล้ม ลง เมื่อไหร่ ก็ ต้อง แยกย้าย กันกระจายตัวกันออก ไป กันให้ไวเลยครับจำไว้เลย #ขันที #อำมาตยาธิปไตย #ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม #เขตอุดมศักดิ์ 👈ลูกหลานเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร จะมีอำนาจมากหรือเปล่าครับคุณลุงสนธิ ครับ เรียนรุ่นพี่ รุ่นใหญ่ มากัน #เสรีพิศุทธิ #บิ๊กป้อม #บิ๊กตู่ #ม.112 #มหิดล #วชิราลงกรณ์ ผู้ที่สั่งการให้ ล้อมสังหาร เสธแดง และ ลุงสนธิ คือ ทักษิณ ชินวัตร กระทั่ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับ เชื้อชาติราชสีห์ ลูกหลานเตี่ย นั้น ล้มลง คนที่อยู่เบื้องหลัง ที่เดินเกมรุกไล่ ล่า ฆ่าผม และ บรรดา เครือญาติพี่น้องของผม ไอ้ทักษิณ มัน สวมรอยเข้ามาโกงกิน ชาติ ใน ขณะ ที่ เป็นนายกรัฐมนตรีและ มีอำนาจ อยู่ในมือ มัน คิด ว่า มันแน่ แล้วหรือ 🤣🤣 การที่เรียนมารุ่นใหญ่กว่า ท่าน เสรี และ ลุงสนธิ กว่าใครพวก ก็จริง นะครับ แต่ ไอ้เจ๊กหลีตระกูล แซ่คู ที่เป็น กก ของ ไอ้พวก อั้งยี่ กลุ่ม ตัวการใหญ่ ที่ มีการกวาดเก็บ กัน ไปบ้างแล้วนะครับ ใน ยุค สมัยหนึ่ง รัชกาลที่7👈ถึงอยู่ไม่ได้ ยังต้อง สละราชบัลลังก์ ไปอยู่ต่างประเทศเลยครับ เพราะ ไอ้เจ๊กจีน ตระกูล แซ่คู ก็คือ ตระกูล ชินวัตร ไอ้แม้ว เนี่ยแหละ ไอ้จัญไร เดี๋ยวต้องใช้ ระบบ ปฏิบัติการณ์ ประวัติ ปฏิรูป ระบบ ใช้ รัฐประหาร แล้วล่ะครับ ไม่อย่างนั้น เอากัน ไม่อยู่จริงๆ นะครับ (เรื่องแกงค์มิฉาชีพจีนเทา คอลเซ็นเตอร์ อะไรมันไม่ใช่ปัญหาเลยครับ แก้ไม่หาญ หาญกวาดล้าง ปราบปราม ไม่หมดไม่ได้ หรอกครับ เพราะว่า ระบบ ที่มีการ แทรกแซง การทำงานของหน่วยงานราชการ ที่ เจอ ปัญหา กัน อยู่ทุกวันนี้เนี่ย ก็ ลูกพี่ ลูกน้องของ ผม เป็นผู้ควบคุมระบบ อินเตอร์เน็ต และ เว็บไซต์ Windows google AI Apple 🍎 TikTok WhatsApp number IG Facebook messenger อะไร พวกนี้ อยู่ เข้าใจนะครับ 🤣🤣🤣 สภาวะ ตำรวจ ไซเบอร์ ยังโดน หลอก ได้ก็ คิดดูเถอะครับลุง 🤣🤣 มันจะไม่ได้ อย่างไรกันล่ะครับ🤣🤣🤣 องค์กรใหญ่ ที่ สหรัฐอเมริกา และ ในแต่ละประเทศ นั้น เป็นทาง ลูกพี่ลูกน้องของ อุดมศักดิ์ ทั้งนั้นแหละครับ ที่ เป็นใหญ่กันอยู่ เป็นผู้ก่อตั้งและสนับสนุน ฝ่ายพวกผู้นำในแต่ละประเทศกันอยู่นะครับ เพราะว่ามัน จะต้องมี หลัก ที่ เป็นสิ่งที่สำคัญ ยึดมั่น ในการ ปกครอง แบบผู้นำ ที่มีความสำคัญ ในการปกครอง และ เขตอุดมศักดิ์ เสด็จเตี่ย เป็นลูกเต้า เหล่าใครล่ะครับ ไล่เช็ค,ประวัติ หน่อยสิ เออ เบอร์ 5👈 ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ใช่หรือเปล่าครับ แล้วมี กี่เมีย มเหสี ที่ มีลงประวัติ จารึกไว้ เท่าไหร่ในยุค ปี พ.ศ.อะไร แล้วทุกวันนี้ พ.ศ. อะไรแล้วครับ🤣🤣🤣 คิดดูสิครับว่า ลูกพี่ลูกน้องของ อุดมศักดิ์ จะมีมาก น้อย แค่ไหน กันครับ แล้วก็มากไปด้วยเงินทองเกินกว่าใครในโลกนี้ ที่ว่ามีลงประวัติของโลกที่มีทรัพย์สินสมบัติที่ขึ้น แท่น จัดว่า รวยเป็น ระดับ ที่1ของโลก 🌍 แต่เอาจริงๆนะครับ ถ้าว่ากันจริงๆแล้วเนี่ย ทางฝ่าย ญาติพี่น้องของเรากัน ที่มีกันอยู่ และประกอบกับทุระกิจ รวบรวมทรัพย์สินเงินทอง มรดกสมบัติ รวมกันแล้วเนี่ย ต้นตระกูล ของพวกเรากัน นั้นมีมากเกินกว่าใครในโลกนี้เลยก็ว่าได้จริงๆ นะครับ แต่ มันก็เป็นอย่างว่าแหละครับ ทางลูกพี่ลูกน้องของเรากัน เขาอยู่เป็นกัน 😁เอาจริงๆนะ เขาก็จะมีชีวิตการเป็นอยู่อย่าง คนธรรมดาทั่วไป อย่างเรากันนี่แหละ อยู่แบบ ตาสี ยายสา แต่ไม่ ธรรมดา เป็นอะไรที่มากมาย อย่าให้ เอ๋ย สรรพคุณ เลย เลือดข้นคนจาง ตายเกลื่อนเลย🤭🤣🤣 ไม่มีทางที่จะมีผู้ใดล่วงรู้ความจริงที่หลี้ลับ ซับซ้อน ซ่อน เงื่อน สับสน ผู้คนบนโลก ถึงกับ อนละมาด ว้าวุ่น กันไปหมด ไม่มีใครที่จะมาใหญ่เกินไปกว่าของเรากันนั้น ไม่มีหรอกนะครับ แต่เขาอยู่กันเป็น ไม่มีใครที่จะรู้ กระทั่ง ประวัติ ที่จะสืบสาว ราวเรื่อง หรือว่าค้นหา ข้อมูล อย่างทาง เผ่าพันธุ์🐄⚓👈ได้เลย ว่ามีอยู่ส่วนไหน มุมไหน ประเทศอะไร ชื่อแซ่ อะไรกันบ้าง ไม่ได้เลย ไม่มีเลยที่จะล่วงรู้ ข้อมูล ของ พวกเราได้ เอาจริงๆ ก็จะมี แต่ความตาย เท่านั้นแหละ ที่ ควรจะต้องจะรู้ รู้แจ้ง เห็นจริง ตายจริง ตายเกลื่อนเมืองเลยด้วยล่ะ
    ปลุกระดม ผนึกกำลังกัน #ดารา #ตลก #ศิลปินนักร้อง #นักแสดง #นักกีฬา #สมาคมทางการแพทย์ #ทหารทุกเหล่าทัพ #ตำรวจทุกหน่วยงาน แจ้งให้ทุกหน่วยงาน เทศบาล นายกเทศมนตรี เขตเทศบาล ทุกเขต ปลุกระดม กำลังพล พวกประชาชน แม่ค้า แม่ขาย นักเรียน นักศึกษา ออก มา ยันเอา ตัว ไอ้เจ๊ก กบฎ ไอ้จัญไร โทนี่ หรือ ไอ้แม้ว ต้นตระกูล จีน แซ่คู ไอ้เจ้าสำนัก อั้งยี่ ที่เคยมีการกวาดล้างกันไปแล้วนะครับในยุคสมัยโน้นๆๆ #เสธแดง (พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล)ถูกรอบสังหาร เป็น มือ ปืน เดียวกันกับที่ ยิง ถล่ม #ลุงสนธิ_ลิ้มทองกุล นั่นแหละครับ หน่วยรบ พิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ที่ จะ.ลพบุรี (รวมถึงสาเหตุการล้มของ #เชื้อชาติ ลูกหลานเตี่ย #นาย_เล็ก_วรรณวัฒน์ #BMWตัวแรกๆรุ่นรถยนต์ สีดำ ที่ อยู่ใน จังหวัด ลพบุรี เสียชีวิตลง แล้ว MOU ไอ้ทักษิณ ก็ก้าว ขึ้นมาเป็น นายก รัฐมนตรี ในปี 43-44 ไม่แน่ใจ แล้วการที่มันขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พอมี อำนาจ ปุ้บ มันก็ได้ แต่งตั้งสนับสนุน พรรคพวกของมันขึ้นมากัน ใน ตำแหน่ง นั้น ตำแหน่งนี้ ตั้งมากมาย ในแต่ละยุค แต่ละรุ่น ของคน ตระกูลชินวัตร ที่ก้าว ขึ้นมาเป็นผู้นำ เป็น นายก รัฐมนตรี มันก็จะ ฉุดดึง พรรคพวก ของมัน ขึ้นมากัน เยอะแยะ มากมาย ทุกช่วง ทุกยุค สมัย และก็เป็นฝ่ายที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ แก่ ผู้ที่ ก่อเหตุยิง ลุง สนธิ ลิ้มทองกุล และ เสธแดง ด้วย เพราะว่าในช่วงที่มัน เป็น นายกรัฐมนตรี อยู่นั้น ก็มีอำนาจ อยู่ ถูกไหมล่ะครับ จน หน่วยรบพิเศษ ที่ ก่อ เหตุ ยิง พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ แดง ที่ มีการรอบ สังหาร เป็นมือปืน ชุดเดียวกันกับที่ ลุงสนธิลิ้มทองกุล โดน นั่น แหละใช่ อุดมศักดิ์ เชื้อชาติ ลูก หลานเตี่ย หนึ่งในกิตติมศักดิ์ ที่มีหน้าที่ อะไร ที่ เป็น อะไรที่สำคัญมาก ในการปกครองของประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนอะ ขาด เชื้อ ชาติ ราชสีห์ กิตติมศักดิ์ ในระบบ เกมส์ การเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เชื้อ ล้ม ลง เมื่อไหร่ ก็ ต้อง แยกย้าย กันกระจายตัวกันออก ไป กันให้ไวเลยครับจำไว้เลย #ขันที #อำมาตยาธิปไตย #ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม #เขตอุดมศักดิ์ 👈ลูกหลานเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร จะมีอำนาจมากหรือเปล่าครับคุณลุงสนธิ ครับ เรียนรุ่นพี่ รุ่นใหญ่ มากัน #เสรีพิศุทธิ #บิ๊กป้อม #บิ๊กตู่ #ม.112 #มหิดล #วชิราลงกรณ์ ผู้ที่สั่งการให้ ล้อมสังหาร เสธแดง และ ลุงสนธิ คือ ทักษิณ ชินวัตร กระทั่ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับ เชื้อชาติราชสีห์ ลูกหลานเตี่ย นั้น ล้มลง คนที่อยู่เบื้องหลัง ที่เดินเกมรุกไล่ ล่า ฆ่าผม และ บรรดา เครือญาติพี่น้องของผม ไอ้ทักษิณ มัน สวมรอยเข้ามาโกงกิน ชาติ ใน ขณะ ที่ เป็นนายกรัฐมนตรีและ มีอำนาจ อยู่ในมือ มัน คิด ว่า มันแน่ แล้วหรือ 🤣🤣 การที่เรียนมารุ่นใหญ่กว่า ท่าน เสรี และ ลุงสนธิ กว่าใครพวก ก็จริง นะครับ แต่ ไอ้เจ๊กหลีตระกูล แซ่คู ที่เป็น กก ของ ไอ้พวก อั้งยี่ กลุ่ม ตัวการใหญ่ ที่ มีการกวาดเก็บ กัน ไปบ้างแล้วนะครับ ใน ยุค สมัยหนึ่ง รัชกาลที่7👈ถึงอยู่ไม่ได้ ยังต้อง สละราชบัลลังก์ ไปอยู่ต่างประเทศเลยครับ เพราะ ไอ้เจ๊กจีน ตระกูล แซ่คู ก็คือ ตระกูล ชินวัตร ไอ้แม้ว เนี่ยแหละ ไอ้จัญไร เดี๋ยวต้องใช้ ระบบ ปฏิบัติการณ์ ประวัติ ปฏิรูป ระบบ ใช้ รัฐประหาร แล้วล่ะครับ ไม่อย่างนั้น เอากัน ไม่อยู่จริงๆ นะครับ (เรื่องแกงค์มิฉาชีพจีนเทา คอลเซ็นเตอร์ อะไรมันไม่ใช่ปัญหาเลยครับ แก้ไม่หาญ หาญกวาดล้าง ปราบปราม ไม่หมดไม่ได้ หรอกครับ เพราะว่า ระบบ ที่มีการ แทรกแซง การทำงานของหน่วยงานราชการ ที่ เจอ ปัญหา กัน อยู่ทุกวันนี้เนี่ย ก็ ลูกพี่ ลูกน้องของ ผม เป็นผู้ควบคุมระบบ อินเตอร์เน็ต และ เว็บไซต์ Windows google AI Apple 🍎 TikTok WhatsApp number IG Facebook messenger อะไร พวกนี้ อยู่ เข้าใจนะครับ 🤣🤣🤣 สภาวะ ตำรวจ ไซเบอร์ ยังโดน หลอก ได้ก็ คิดดูเถอะครับลุง 🤣🤣 มันจะไม่ได้ อย่างไรกันล่ะครับ🤣🤣🤣 องค์กรใหญ่ ที่ สหรัฐอเมริกา และ ในแต่ละประเทศ นั้น เป็นทาง ลูกพี่ลูกน้องของ อุดมศักดิ์ ทั้งนั้นแหละครับ ที่ เป็นใหญ่กันอยู่ เป็นผู้ก่อตั้งและสนับสนุน ฝ่ายพวกผู้นำในแต่ละประเทศกันอยู่นะครับ เพราะว่ามัน จะต้องมี หลัก ที่ เป็นสิ่งที่สำคัญ ยึดมั่น ในการ ปกครอง แบบผู้นำ ที่มีความสำคัญ ในการปกครอง และ เขตอุดมศักดิ์ เสด็จเตี่ย เป็นลูกเต้า เหล่าใครล่ะครับ ไล่เช็ค,ประวัติ หน่อยสิ เออ เบอร์ 5👈 ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ใช่หรือเปล่าครับ แล้วมี กี่เมีย มเหสี ที่ มีลงประวัติ จารึกไว้ เท่าไหร่ในยุค ปี พ.ศ.อะไร แล้วทุกวันนี้ พ.ศ. อะไรแล้วครับ🤣🤣🤣 คิดดูสิครับว่า ลูกพี่ลูกน้องของ อุดมศักดิ์ จะมีมาก น้อย แค่ไหน กันครับ แล้วก็มากไปด้วยเงินทองเกินกว่าใครในโลกนี้ ที่ว่ามีลงประวัติของโลกที่มีทรัพย์สินสมบัติที่ขึ้น แท่น จัดว่า รวยเป็น ระดับ ที่1ของโลก 🌍 แต่เอาจริงๆนะครับ ถ้าว่ากันจริงๆแล้วเนี่ย ทางฝ่าย ญาติพี่น้องของเรากัน ที่มีกันอยู่ และประกอบกับทุระกิจ รวบรวมทรัพย์สินเงินทอง มรดกสมบัติ รวมกันแล้วเนี่ย ต้นตระกูล ของพวกเรากัน นั้นมีมากเกินกว่าใครในโลกนี้เลยก็ว่าได้จริงๆ นะครับ แต่ มันก็เป็นอย่างว่าแหละครับ ทางลูกพี่ลูกน้องของเรากัน เขาอยู่เป็นกัน 😁เอาจริงๆนะ เขาก็จะมีชีวิตการเป็นอยู่อย่าง คนธรรมดาทั่วไป อย่างเรากันนี่แหละ อยู่แบบ ตาสี ยายสา แต่ไม่ ธรรมดา เป็นอะไรที่มากมาย อย่าให้ เอ๋ย สรรพคุณ เลย เลือดข้นคนจาง ตายเกลื่อนเลย🤭🤣🤣 ไม่มีทางที่จะมีผู้ใดล่วงรู้ความจริงที่หลี้ลับ ซับซ้อน ซ่อน เงื่อน สับสน ผู้คนบนโลก ถึงกับ อนละมาด ว้าวุ่น กันไปหมด ไม่มีใครที่จะมาใหญ่เกินไปกว่าของเรากันนั้น ไม่มีหรอกนะครับ แต่เขาอยู่กันเป็น ไม่มีใครที่จะรู้ กระทั่ง ประวัติ ที่จะสืบสาว ราวเรื่อง หรือว่าค้นหา ข้อมูล อย่างทาง เผ่าพันธุ์🐄⚓👈ได้เลย ว่ามีอยู่ส่วนไหน มุมไหน ประเทศอะไร ชื่อแซ่ อะไรกันบ้าง ไม่ได้เลย ไม่มีเลยที่จะล่วงรู้ ข้อมูล ของ พวกเราได้ เอาจริงๆ ก็จะมี แต่ความตาย เท่านั้นแหละ ที่ ควรจะต้องจะรู้ รู้แจ้ง เห็นจริง ตายจริง ตายเกลื่อนเมืองเลยด้วยล่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Intel เตรียมกลับมาทวงบัลลังก์ในตลาด Data Center ด้วย Xeon รุ่นใหม่
    Intel ได้ยืนยันว่า ซีพียู Xeon รุ่นใหม่ Diamond Rapids และ Clearwater Forest จะเปิดตัวในปี 2026 โดยมุ่งเน้นไปที่ การเพิ่มประสิทธิภาพและแข่งขันกับ AMD EPYC Venice ซึ่งใช้กระบวนการผลิต 2nm ของ TSMC

    🔍 รายละเอียดของ Diamond Rapids และ Clearwater Forest
    Diamond Rapids จะใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าซ็อกเก็ต LGA 1700 ถึง 5 เท่า และใช้ Panther Cove-X P-Cores ทำให้เป็นหนึ่งใน Xeon ที่เร็วที่สุดของ Intel

    Clearwater Forest จะใช้ Darkmont Core architecture และรองรับ สูงสุด 288 E-Cores พร้อมเทคโนโลยี Foveros Direct hybrid bonding ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Intel ยืนยันว่า Diamond Rapids และ Clearwater Forest จะเปิดตัวในปี 2026
    - Diamond Rapids ใช้ซ็อกเก็ต LGA 9324 และ Panther Cove-X P-Cores
    - Clearwater Forest ใช้ Darkmont Core architecture และรองรับสูงสุด 288 E-Cores
    - Clearwater Forest ใช้เทคโนโลยี Foveros Direct hybrid bonding และกระบวนการผลิต 18A
    - Intel ตั้งเป้าแข่งขันกับ AMD EPYC Venice ซึ่งใช้กระบวนการผลิต 2nm ของ TSMC

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนคอร์และสเปคของ Diamond Rapids ยังไม่ชัดเจน
    - ต้องติดตามว่า Intel จะสามารถผลิตชิป 18A ได้ในปริมาณมากหรือไม่
    - การแข่งขันกับ AMD EPYC Venice อาจทำให้ตลาด Data Center มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
    - ต้องรอดูว่า Intel จะสามารถกลับมาครองส่วนแบ่งตลาดได้หรือไม่

    หาก Intel สามารถทำให้ Diamond Rapids และ Clearwater Forest มีประสิทธิภาพสูงและแข่งขันกับ AMD ได้ อาจช่วยให้ Intel กลับมาครองตลาด Data Center อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อผู้ให้บริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูลอย่างไร

    https://wccftech.com/intel-confirms-next-gen-diamond-rapids-clearwater-forest-releasing-next-year/
    🚀 Intel เตรียมกลับมาทวงบัลลังก์ในตลาด Data Center ด้วย Xeon รุ่นใหม่ Intel ได้ยืนยันว่า ซีพียู Xeon รุ่นใหม่ Diamond Rapids และ Clearwater Forest จะเปิดตัวในปี 2026 โดยมุ่งเน้นไปที่ การเพิ่มประสิทธิภาพและแข่งขันกับ AMD EPYC Venice ซึ่งใช้กระบวนการผลิต 2nm ของ TSMC 🔍 รายละเอียดของ Diamond Rapids และ Clearwater Forest Diamond Rapids จะใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าซ็อกเก็ต LGA 1700 ถึง 5 เท่า และใช้ Panther Cove-X P-Cores ทำให้เป็นหนึ่งใน Xeon ที่เร็วที่สุดของ Intel Clearwater Forest จะใช้ Darkmont Core architecture และรองรับ สูงสุด 288 E-Cores พร้อมเทคโนโลยี Foveros Direct hybrid bonding ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Intel ยืนยันว่า Diamond Rapids และ Clearwater Forest จะเปิดตัวในปี 2026 - Diamond Rapids ใช้ซ็อกเก็ต LGA 9324 และ Panther Cove-X P-Cores - Clearwater Forest ใช้ Darkmont Core architecture และรองรับสูงสุด 288 E-Cores - Clearwater Forest ใช้เทคโนโลยี Foveros Direct hybrid bonding และกระบวนการผลิต 18A - Intel ตั้งเป้าแข่งขันกับ AMD EPYC Venice ซึ่งใช้กระบวนการผลิต 2nm ของ TSMC ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนคอร์และสเปคของ Diamond Rapids ยังไม่ชัดเจน - ต้องติดตามว่า Intel จะสามารถผลิตชิป 18A ได้ในปริมาณมากหรือไม่ - การแข่งขันกับ AMD EPYC Venice อาจทำให้ตลาด Data Center มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ - ต้องรอดูว่า Intel จะสามารถกลับมาครองส่วนแบ่งตลาดได้หรือไม่ หาก Intel สามารถทำให้ Diamond Rapids และ Clearwater Forest มีประสิทธิภาพสูงและแข่งขันกับ AMD ได้ อาจช่วยให้ Intel กลับมาครองตลาด Data Center อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อผู้ให้บริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูลอย่างไร https://wccftech.com/intel-confirms-next-gen-diamond-rapids-clearwater-forest-releasing-next-year/
    WCCFTECH.COM
    Intel Confirms Next-Gen Diamond Rapids & Clearwater Forest Xeon CPUs Are Releasing Next Year; Team Blue Ready For a Comeback In The Data Center Market
    Intel has plans to aggressively expand its data center offerings with next-gen Xeon CPUs, with Diamond Rapids and Clearwater Forest.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 Netsh.exe: เครื่องมือเครือข่ายที่ถูกใช้ในโจมตีไซเบอร์
    รายงานล่าสุดจาก Bitdefender GravityZone เผยว่า 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูง ใช้ เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ โดย netsh.exe ซึ่งเป็น เครื่องมือจัดการเครือข่ายผ่าน Command Line ถูกใช้ใน หนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ

    นอกจาก netsh.exe แล้ว PowerShell และ WMIC ก็เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้บ่อยในการโจมตีไซเบอร์ โดย PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานปกติของผู้ดูแลระบบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูงใช้เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows
    - netsh.exe ถูกใช้ในหนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ
    - PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี
    - WMIC ซึ่งถูกยกเลิกโดย Microsoft ยังคงถูกใช้ในการโจมตี
    - Bitdefender พัฒนา PHASR เพื่อป้องกันการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการโจมตี

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - เครื่องมือเหล่านี้มีอยู่ในทุกระบบ Windows ทำให้การตรวจจับการโจมตียากขึ้น
    - PowerShell ถูกใช้โดยแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามโดยไม่มีอินเทอร์เฟซที่มองเห็นได้
    - WMIC แม้จะถูกยกเลิก แต่ยังคงถูกใช้ในการโจมตีไซเบอร์
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนา PHASR จะช่วยลดการโจมตีได้จริงหรือไม่

    Bitdefender แนะนำให้ ผู้ใช้และองค์กรตรวจสอบการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในระบบของตน และ ใช้โซลูชันความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ

    https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-love-this-little-known-microsoft-tool-a-lot-but-not-as-much-as-this-cli-utility-for-network-management
    🔍 Netsh.exe: เครื่องมือเครือข่ายที่ถูกใช้ในโจมตีไซเบอร์ รายงานล่าสุดจาก Bitdefender GravityZone เผยว่า 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูง ใช้ เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ โดย netsh.exe ซึ่งเป็น เครื่องมือจัดการเครือข่ายผ่าน Command Line ถูกใช้ใน หนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ นอกจาก netsh.exe แล้ว PowerShell และ WMIC ก็เป็นเครื่องมือที่ถูกใช้บ่อยในการโจมตีไซเบอร์ โดย PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานปกติของผู้ดูแลระบบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - 84% ของการโจมตีไซเบอร์ระดับสูงใช้เครื่องมือที่มีอยู่ใน Windows - netsh.exe ถูกใช้ในหนึ่งในสามของการโจมตีที่สำคัญ - PowerShell พบใน 73% ของอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี - WMIC ซึ่งถูกยกเลิกโดย Microsoft ยังคงถูกใช้ในการโจมตี - Bitdefender พัฒนา PHASR เพื่อป้องกันการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการโจมตี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - เครื่องมือเหล่านี้มีอยู่ในทุกระบบ Windows ทำให้การตรวจจับการโจมตียากขึ้น - PowerShell ถูกใช้โดยแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามโดยไม่มีอินเทอร์เฟซที่มองเห็นได้ - WMIC แม้จะถูกยกเลิก แต่ยังคงถูกใช้ในการโจมตีไซเบอร์ - ต้องติดตามว่าการพัฒนา PHASR จะช่วยลดการโจมตีได้จริงหรือไม่ Bitdefender แนะนำให้ ผู้ใช้และองค์กรตรวจสอบการใช้เครื่องมือเหล่านี้ในระบบของตน และ ใช้โซลูชันความปลอดภัยที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-love-this-little-known-microsoft-tool-a-lot-but-not-as-much-as-this-cli-utility-for-network-management
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎥 YouTube Creators กับบทบาทใหม่ในการฝึก AI
    ปัจจุบัน YouTube เปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI โดยให้สิทธิ์ 18 บริษัท AI รายใหญ่ ใช้เนื้อหาวิดีโอเพื่อพัฒนาโมเดล AI โดยไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งเป็นแนวทางที่ เน้นอิทธิพลมากกว่ารายได้

    แม้ว่าจะไม่มีค่าตอบแทนโดยตรง ครีเอเตอร์หลายคนมองว่าการเข้าร่วมช่วยให้เนื้อหาของพวกเขามีอิทธิพลต่อการพัฒนา AI ซึ่งอาจทำให้ วิดีโอของพวกเขาถูกนำไปใช้ในคำตอบของ AI writers และโมเดล AI ด้านการเขียนโค้ด

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - YouTube เปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI โดยไม่มีค่าตอบแทน
    - 18 บริษัท AI รายใหญ่สามารถใช้วิดีโอที่ได้รับอนุญาตเพื่อพัฒนาโมเดล
    - ครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มอิทธิพลของเนื้อหาของตน
    - Oxylabs เปิดตัวชุดข้อมูล YouTube ที่ได้รับความยินยอมจากครีเอเตอร์กว่า 1 ล้านช่อง
    - วิดีโอเหล่านี้ถูกใช้เพื่อฝึก AI ด้านการสร้างภาพและวิดีโอ

    🔥 ความท้าทายด้านลิขสิทธิ์และกฎหมาย
    แม้ว่า Oxylabs จะเน้นการใช้ข้อมูลที่ได้รับความยินยอม แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิ์ของครีเอเตอร์ โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มี กฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้เนื้อหาเพื่อฝึก AI

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ครีเอเตอร์ที่ไม่ได้เลือกเข้าร่วมจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ต้องตรวจสอบการตั้งค่าของตนเอง
    - กฎหมายเกี่ยวกับการใช้เนื้อหาเพื่อฝึก AI ยังไม่ชัดเจนในหลายประเทศ
    - UK’s Data (Use and Access) Bill ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา และอาจส่งผลต่อการใช้ข้อมูลในอนาคต
    - แม้จะเป็นโมเดลที่ได้รับความยินยอม แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นธรรมและมูลค่าของเนื้อหา

    การเปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI อาจช่วยให้โมเดล AI มีข้อมูลที่หลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากฎหมายและแนวทางการคุ้มครองสิทธิ์จะพัฒนาไปในทิศทางใด

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/thousands-of-youtubers-are-letting-ai-firms-train-on-their-original-videos-for-absolutely-free-and-heres-why
    🎥 YouTube Creators กับบทบาทใหม่ในการฝึก AI ปัจจุบัน YouTube เปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI โดยให้สิทธิ์ 18 บริษัท AI รายใหญ่ ใช้เนื้อหาวิดีโอเพื่อพัฒนาโมเดล AI โดยไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งเป็นแนวทางที่ เน้นอิทธิพลมากกว่ารายได้ แม้ว่าจะไม่มีค่าตอบแทนโดยตรง ครีเอเตอร์หลายคนมองว่าการเข้าร่วมช่วยให้เนื้อหาของพวกเขามีอิทธิพลต่อการพัฒนา AI ซึ่งอาจทำให้ วิดีโอของพวกเขาถูกนำไปใช้ในคำตอบของ AI writers และโมเดล AI ด้านการเขียนโค้ด ✅ ข้อมูลจากข่าว - YouTube เปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI โดยไม่มีค่าตอบแทน - 18 บริษัท AI รายใหญ่สามารถใช้วิดีโอที่ได้รับอนุญาตเพื่อพัฒนาโมเดล - ครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มอิทธิพลของเนื้อหาของตน - Oxylabs เปิดตัวชุดข้อมูล YouTube ที่ได้รับความยินยอมจากครีเอเตอร์กว่า 1 ล้านช่อง - วิดีโอเหล่านี้ถูกใช้เพื่อฝึก AI ด้านการสร้างภาพและวิดีโอ 🔥 ความท้าทายด้านลิขสิทธิ์และกฎหมาย แม้ว่า Oxylabs จะเน้นการใช้ข้อมูลที่ได้รับความยินยอม แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิ์ของครีเอเตอร์ โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มี กฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้เนื้อหาเพื่อฝึก AI ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ครีเอเตอร์ที่ไม่ได้เลือกเข้าร่วมจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ต้องตรวจสอบการตั้งค่าของตนเอง - กฎหมายเกี่ยวกับการใช้เนื้อหาเพื่อฝึก AI ยังไม่ชัดเจนในหลายประเทศ - UK’s Data (Use and Access) Bill ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา และอาจส่งผลต่อการใช้ข้อมูลในอนาคต - แม้จะเป็นโมเดลที่ได้รับความยินยอม แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นธรรมและมูลค่าของเนื้อหา การเปิดให้ครีเอเตอร์เลือกเข้าร่วมการฝึก AI อาจช่วยให้โมเดล AI มีข้อมูลที่หลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่ากฎหมายและแนวทางการคุ้มครองสิทธิ์จะพัฒนาไปในทิศทางใด https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/thousands-of-youtubers-are-letting-ai-firms-train-on-their-original-videos-for-absolutely-free-and-heres-why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✈️ FAA เตรียมยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และ Windows 95 ในระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ
    Federal Aviation Administration (FAA) กำลังดำเนินโครงการ ปรับปรุงระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) ของสหรัฐฯ เพื่อ ยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และระบบปฏิบัติการ Windows 95 ซึ่งยังคงถูกใช้งานในหลายศูนย์ควบคุมทั่วประเทศ

    ปัจจุบัน FAA ยังคงใช้แผ่นดิสก์และกระดาษในการจัดการข้อมูลเที่ยวบิน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยและ เสี่ยงต่อความล้มเหลวของระบบ แม้ว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ CrowdStrike outage ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก แต่ FAA ยอมรับว่าระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับอนาคตได้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - FAA เตรียมยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และ Windows 95 ในระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ
    - ปัจจุบัน ATC ยังคงใช้กระดาษและแผ่นดิสก์ในการจัดการข้อมูลเที่ยวบิน
    - FAA ยอมรับว่าระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับอนาคตได้
    - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
    - FAA ได้เปิดรับข้อเสนอจากบริษัทเทคโนโลยีเพื่อช่วยปรับปรุงระบบ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การอัปเกรดระบบ ATC ไม่สามารถทำได้ทันที เนื่องจากบางระบบต้องทำงานตลอดเวลา
    - ต้องมั่นใจว่าระบบใหม่มีความปลอดภัยสูงและสามารถป้องกันการแฮกได้
    - FAA ยังไม่ได้เปิดเผยงบประมาณที่ใช้ในการอัปเกรดระบบ
    - ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่าแผนการปรับปรุงภายใน 4 ปีอาจไม่เป็นไปตามกำหนด

    การปรับปรุงระบบ ATC อาจช่วยให้การจัดการเที่ยวบินมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงจากระบบที่ล้าสมัย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความปลอดภัยและความต่อเนื่องของบริการอย่างไร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/the-faa-seeks-to-eliminate-floppy-disk-usage-in-air-traffic-control-systems
    ✈️ FAA เตรียมยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และ Windows 95 ในระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ Federal Aviation Administration (FAA) กำลังดำเนินโครงการ ปรับปรุงระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) ของสหรัฐฯ เพื่อ ยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และระบบปฏิบัติการ Windows 95 ซึ่งยังคงถูกใช้งานในหลายศูนย์ควบคุมทั่วประเทศ ปัจจุบัน FAA ยังคงใช้แผ่นดิสก์และกระดาษในการจัดการข้อมูลเที่ยวบิน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยและ เสี่ยงต่อความล้มเหลวของระบบ แม้ว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ CrowdStrike outage ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก แต่ FAA ยอมรับว่าระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับอนาคตได้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - FAA เตรียมยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และ Windows 95 ในระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ - ปัจจุบัน ATC ยังคงใช้กระดาษและแผ่นดิสก์ในการจัดการข้อมูลเที่ยวบิน - FAA ยอมรับว่าระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับอนาคตได้ - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ - FAA ได้เปิดรับข้อเสนอจากบริษัทเทคโนโลยีเพื่อช่วยปรับปรุงระบบ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การอัปเกรดระบบ ATC ไม่สามารถทำได้ทันที เนื่องจากบางระบบต้องทำงานตลอดเวลา - ต้องมั่นใจว่าระบบใหม่มีความปลอดภัยสูงและสามารถป้องกันการแฮกได้ - FAA ยังไม่ได้เปิดเผยงบประมาณที่ใช้ในการอัปเกรดระบบ - ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่าแผนการปรับปรุงภายใน 4 ปีอาจไม่เป็นไปตามกำหนด การปรับปรุงระบบ ATC อาจช่วยให้การจัดการเที่ยวบินมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงจากระบบที่ล้าสมัย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความปลอดภัยและความต่อเนื่องของบริการอย่างไร https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/the-faa-seeks-to-eliminate-floppy-disk-usage-in-air-traffic-control-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💿 เทคนิคใหม่ในการสร้างภาพบนแผ่น CD โดยใช้ข้อมูลดิจิทัล
    นักพัฒนาได้รื้อฟื้น โปรเจคซอฟต์แวร์อายุเกือบ 20 ปี ที่ช่วยให้สามารถ สร้างภาพบนพื้นผิวบันทึกข้อมูลของแผ่น CD โดยใช้ การจัดเรียงข้อมูลแบบ 1s และ 0s ซึ่งแตกต่างจากเทคโนโลยี Lightscribe และ LabelTag ที่เคยใช้กันมาก่อน

    🔍 วิธีการทำงานของเทคนิคนี้
    เทคนิคนี้ใช้ การบันทึกข้อมูลเสียงเป็นภาพ ซึ่งหมายความว่า แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก พื้นที่ทั้งหมดถูกใช้เพื่อสร้างภาพ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - เทคนิคนี้ใช้การบันทึกข้อมูลเสียงเพื่อสร้างภาพบนแผ่น CD
    = ไม่ต้องใช้ Lightscribe, LabelTag หรือฮาร์ดแวร์พิเศษ
    - สามารถใช้กับแผ่น CD ทั่วไปและไดรฟ์ CD-RW มาตรฐาน
    = อาศัยหลักการที่ว่า 1s และ 0s ที่บันทึกลงบนแผ่น CD จะสะท้อนแสงแตกต่างกัน
    - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะกลายเป็นงานศิลปะและไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลได้

    🔥 ความแตกต่างจาก Lightscribe และ LabelTag
    Lightscribe และ LabelTag ใช้ พื้นผิวพิเศษบนแผ่น CD เพื่อให้สามารถ บันทึกภาพบนด้านที่ไม่ได้ใช้เก็บข้อมูล ขณะที่เทคนิคใหม่นี้ ใช้พื้นที่บันทึกข้อมูลโดยตรง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้
    - ต้องใช้แผ่น CD ที่รองรับการสร้างภาพ เนื่องจากแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน
    = มีเพียง 4 แบรนด์ที่ได้รับการทดสอบ ได้แก่ Verbatim (2 รุ่น), TDK และ ePerformance
    - ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะในการสร้างไฟล์เสียงที่มีรูปแบบข้อมูล 1s และ 0s ที่เหมาะสม

    เทคนิคนี้ อาจช่วยให้ศิลปินสามารถสร้างงานศิลปะบนแผ่น CD ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเพิ่มเติมจะช่วยให้สามารถใช้กับแผ่น CD ได้หลากหลายขึ้นหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-tool-burns-images-onto-compact-discs-recording-area-using-ones-and-zeros-unlike-lightscribe-the-technique-works-on-any-disc
    💿 เทคนิคใหม่ในการสร้างภาพบนแผ่น CD โดยใช้ข้อมูลดิจิทัล นักพัฒนาได้รื้อฟื้น โปรเจคซอฟต์แวร์อายุเกือบ 20 ปี ที่ช่วยให้สามารถ สร้างภาพบนพื้นผิวบันทึกข้อมูลของแผ่น CD โดยใช้ การจัดเรียงข้อมูลแบบ 1s และ 0s ซึ่งแตกต่างจากเทคโนโลยี Lightscribe และ LabelTag ที่เคยใช้กันมาก่อน 🔍 วิธีการทำงานของเทคนิคนี้ เทคนิคนี้ใช้ การบันทึกข้อมูลเสียงเป็นภาพ ซึ่งหมายความว่า แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก พื้นที่ทั้งหมดถูกใช้เพื่อสร้างภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - เทคนิคนี้ใช้การบันทึกข้อมูลเสียงเพื่อสร้างภาพบนแผ่น CD = ไม่ต้องใช้ Lightscribe, LabelTag หรือฮาร์ดแวร์พิเศษ - สามารถใช้กับแผ่น CD ทั่วไปและไดรฟ์ CD-RW มาตรฐาน = อาศัยหลักการที่ว่า 1s และ 0s ที่บันทึกลงบนแผ่น CD จะสะท้อนแสงแตกต่างกัน - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะกลายเป็นงานศิลปะและไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลได้ 🔥 ความแตกต่างจาก Lightscribe และ LabelTag Lightscribe และ LabelTag ใช้ พื้นผิวพิเศษบนแผ่น CD เพื่อให้สามารถ บันทึกภาพบนด้านที่ไม่ได้ใช้เก็บข้อมูล ขณะที่เทคนิคใหม่นี้ ใช้พื้นที่บันทึกข้อมูลโดยตรง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ - ต้องใช้แผ่น CD ที่รองรับการสร้างภาพ เนื่องจากแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน = มีเพียง 4 แบรนด์ที่ได้รับการทดสอบ ได้แก่ Verbatim (2 รุ่น), TDK และ ePerformance - ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะในการสร้างไฟล์เสียงที่มีรูปแบบข้อมูล 1s และ 0s ที่เหมาะสม เทคนิคนี้ อาจช่วยให้ศิลปินสามารถสร้างงานศิลปะบนแผ่น CD ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเพิ่มเติมจะช่วยให้สามารถใช้กับแผ่น CD ได้หลากหลายขึ้นหรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-tool-burns-images-onto-compact-discs-recording-area-using-ones-and-zeros-unlike-lightscribe-the-technique-works-on-any-disc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 ASE เปลี่ยนมาใช้ AMD CPUs และเริ่มทดสอบ Instinct MI300-series GPUs สำหรับ AI
    ASE Technology ซึ่งเป็น บริษัทบรรจุและทดสอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปลี่ยนมาใช้ AMD EPYC และ Ryzen processors ในศูนย์ข้อมูลและระบบไคลเอนต์ของบริษัท ส่งผลให้ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และลดการใช้พลังงานลง 6.5%

    นอกจากนี้ ASE ยังเริ่ม ทดสอบ AMD Instinct MI300-series GPUs สำหรับงาน AI ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทกำลังพิจารณานำ GPU เหล่านี้มาใช้ในระบบภายใน

    🔍 รายละเอียดของการเปลี่ยนแปลง
    ASE ใช้ EPYC processors สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ Ryzen CPUs สำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป ซึ่งช่วยให้บริษัท ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของลง 30% และ เพิ่มเสถียรภาพของระบบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ASE เปลี่ยนมาใช้ AMD EPYC และ Ryzen processors ในศูนย์ข้อมูลและระบบไคลเอนต์
    - ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และลดการใช้พลังงานลง 6.5%
    - ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของลง 30%
    - เริ่มทดสอบ AMD Instinct MI300-series GPUs สำหรับงาน AI
    - ASE เป็นบริษัทแรกในระดับนี้ที่ยืนยันการทดสอบ Instinct MI300-series GPUs

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AMD ไม่ได้เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ ASE ใช้ CPU จากผู้ผลิตรายใด
    - ยังไม่มีการยืนยันว่า ASE จะนำ Instinct MI300-series GPUs มาใช้จริงหรือไม่
    - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนมาใช้ AMD จะส่งผลต่อการดำเนินงานของ ASE ในระยะยาวอย่างไร
    - การแข่งขันในตลาด AI GPUs ยังคงรุนแรง โดย Nvidia ยังคงเป็นผู้นำ

    การเปลี่ยนมาใช้ AMD CPUs และการทดสอบ Instinct MI300-series GPUs อาจช่วยให้ AMD ขยายตลาดในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และ AI อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันกับ Nvidia จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ ASE ในอนาคตหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ase-adopts-amd-cpus-begins-evaluating-instinct-mi300-series-gpus-for-ai
    🚀 ASE เปลี่ยนมาใช้ AMD CPUs และเริ่มทดสอบ Instinct MI300-series GPUs สำหรับ AI ASE Technology ซึ่งเป็น บริษัทบรรจุและทดสอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปลี่ยนมาใช้ AMD EPYC และ Ryzen processors ในศูนย์ข้อมูลและระบบไคลเอนต์ของบริษัท ส่งผลให้ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และลดการใช้พลังงานลง 6.5% นอกจากนี้ ASE ยังเริ่ม ทดสอบ AMD Instinct MI300-series GPUs สำหรับงาน AI ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทกำลังพิจารณานำ GPU เหล่านี้มาใช้ในระบบภายใน 🔍 รายละเอียดของการเปลี่ยนแปลง ASE ใช้ EPYC processors สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ Ryzen CPUs สำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป ซึ่งช่วยให้บริษัท ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของลง 30% และ เพิ่มเสถียรภาพของระบบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ASE เปลี่ยนมาใช้ AMD EPYC และ Ryzen processors ในศูนย์ข้อมูลและระบบไคลเอนต์ - ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% และลดการใช้พลังงานลง 6.5% - ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของลง 30% - เริ่มทดสอบ AMD Instinct MI300-series GPUs สำหรับงาน AI - ASE เป็นบริษัทแรกในระดับนี้ที่ยืนยันการทดสอบ Instinct MI300-series GPUs ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AMD ไม่ได้เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ ASE ใช้ CPU จากผู้ผลิตรายใด - ยังไม่มีการยืนยันว่า ASE จะนำ Instinct MI300-series GPUs มาใช้จริงหรือไม่ - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนมาใช้ AMD จะส่งผลต่อการดำเนินงานของ ASE ในระยะยาวอย่างไร - การแข่งขันในตลาด AI GPUs ยังคงรุนแรง โดย Nvidia ยังคงเป็นผู้นำ การเปลี่ยนมาใช้ AMD CPUs และการทดสอบ Instinct MI300-series GPUs อาจช่วยให้ AMD ขยายตลาดในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และ AI อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันกับ Nvidia จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ ASE ในอนาคตหรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ase-adopts-amd-cpus-begins-evaluating-instinct-mi300-series-gpus-for-ai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧠 SpiNNaker 2: ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เลียนแบบสมองมนุษย์
    Sandia National Laboratories ได้เปิดตัว SpiNNaker 2 ซึ่งเป็น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสมองมนุษย์ โดยใช้ 175,000 CPU cores และ ไม่ต้องใช้ GPU หรือ SSD

    🔍 วิธีการทำงานของ SpiNNaker 2
    SpiNNaker 2 ใช้ สถาปัตยกรรม Spiking Neural Network (SNN) ซึ่งเลียนแบบ การทำงานของเซลล์ประสาทและไซแนปส์ในสมอง โดย แต่ละบอร์ดมี 96GB LPDDR4 memory และ 23GB SRAM ทำให้สามารถ จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดในหน่วยความจำโดยไม่ต้องใช้ที่เก็บข้อมูลแยกต่างหาก

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - SpiNNaker 2 ใช้ 175,000 CPU cores และไม่ต้องใช้ GPU หรือ SSD
    - ใช้สถาปัตยกรรม Spiking Neural Network (SNN) เพื่อเลียนแบบสมองมนุษย์
    - แต่ละบอร์ดมี 96GB LPDDR4 memory และ 23GB SRAM
    - สามารถประมวลผลโมเดล AI ขนาดใหญ่และการจำลองสมองทั้งระบบ
    - ระบบใน Dresden อาจมีมากกว่า 720 บอร์ด รวมถึง 5.2 ล้าน CPU cores เมื่อสร้างเสร็จ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ต้องติดตามว่าการเลียนแบบสมองมนุษย์จะมีข้อจำกัดด้านการใช้งานจริงหรือไม่
    - SpiNNaker 2 อาจไม่สามารถแข่งขันกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ GPU ในงานบางประเภท เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่
    - ต้องติดตามว่าการใช้ LPDDR4 memory และ SRAM แทน SSD จะส่งผลต่อความเร็วและความเสถียรของระบบอย่างไร
    - การขยายระบบให้มี 5.2 ล้าน CPU cores อาจต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและมีต้นทุนสูง

    SpiNNaker 2 อาจช่วยให้การจำลองสมองและการประมวลผล AI มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้ GPU อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการออกแบบนี้จะสามารถแข่งขันกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ GPU ได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/brain-inspired-supercomputer-with-no-gpus-or-storage-switched-on-spinnaker-2-mimics-150-180-million-neurons
    🧠 SpiNNaker 2: ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เลียนแบบสมองมนุษย์ Sandia National Laboratories ได้เปิดตัว SpiNNaker 2 ซึ่งเป็น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสมองมนุษย์ โดยใช้ 175,000 CPU cores และ ไม่ต้องใช้ GPU หรือ SSD 🔍 วิธีการทำงานของ SpiNNaker 2 SpiNNaker 2 ใช้ สถาปัตยกรรม Spiking Neural Network (SNN) ซึ่งเลียนแบบ การทำงานของเซลล์ประสาทและไซแนปส์ในสมอง โดย แต่ละบอร์ดมี 96GB LPDDR4 memory และ 23GB SRAM ทำให้สามารถ จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดในหน่วยความจำโดยไม่ต้องใช้ที่เก็บข้อมูลแยกต่างหาก ✅ ข้อมูลจากข่าว - SpiNNaker 2 ใช้ 175,000 CPU cores และไม่ต้องใช้ GPU หรือ SSD - ใช้สถาปัตยกรรม Spiking Neural Network (SNN) เพื่อเลียนแบบสมองมนุษย์ - แต่ละบอร์ดมี 96GB LPDDR4 memory และ 23GB SRAM - สามารถประมวลผลโมเดล AI ขนาดใหญ่และการจำลองสมองทั้งระบบ - ระบบใน Dresden อาจมีมากกว่า 720 บอร์ด รวมถึง 5.2 ล้าน CPU cores เมื่อสร้างเสร็จ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ต้องติดตามว่าการเลียนแบบสมองมนุษย์จะมีข้อจำกัดด้านการใช้งานจริงหรือไม่ - SpiNNaker 2 อาจไม่สามารถแข่งขันกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ GPU ในงานบางประเภท เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ - ต้องติดตามว่าการใช้ LPDDR4 memory และ SRAM แทน SSD จะส่งผลต่อความเร็วและความเสถียรของระบบอย่างไร - การขยายระบบให้มี 5.2 ล้าน CPU cores อาจต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและมีต้นทุนสูง SpiNNaker 2 อาจช่วยให้การจำลองสมองและการประมวลผล AI มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้ GPU อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการออกแบบนี้จะสามารถแข่งขันกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ GPU ได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/brain-inspired-supercomputer-with-no-gpus-or-storage-switched-on-spinnaker-2-mimics-150-180-million-neurons
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔄 ราคาหน่วยความจำ DDR4 พุ่งขึ้น 50% ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ DDR5
    แม้ว่าตลาดหน่วยความจำควรจะมีราคาลดลงตามกลไกตลาด แต่ DDR4 กลับมีราคาสูงขึ้นถึง 50% ในเดือนพฤษภาคม 2025 เนื่องจาก ผู้ผลิตกำลังลดการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5 และหน่วยความจำประสิทธิภาพสูง

    DDR4 เปิดตัวในปี 2014 และครองตลาด SDRAM มาหลายปี จนกระทั่ง DDR5 เปิดตัวในปี 2020 ซึ่งให้ ความเร็วสูงขึ้นและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม DDR4 ยังคงมีความต้องการสูงในบางอุตสาหกรรม เช่น ระบบฝังตัวและแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - DDR4 มีราคาสูงขึ้น 50% ในเดือนพฤษภาคม 2025
    - 8GB DDR4 modules มีราคาพุ่งขึ้น 56% ส่วน 16GB modules เพิ่มขึ้น 45%
    - ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่กำลังลดการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5 และ HBM
    - จีนเคยผลิต DDR4 จำนวนมาก แต่รัฐบาลจีนสั่งให้ผู้ผลิต เช่น CXMT หยุดผลิต DDR4
    - นักวิเคราะห์คาดว่าราคา DDR4 จะเพิ่มขึ้นอีก 10-20% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การลดการผลิต DDR4 อาจทำให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2026
    - ธุรกิจที่ยังใช้ DDR4 อาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น
    - แม้ว่าราคา DDR5 และ DDR4 จะใกล้เคียงกันมากขึ้น (ต่างกันเพียง 7%) แต่ DDR4 กำลังจะกลายเป็นธุรกิจที่ไม่คุ้มค่า
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ DDR5 เร็วแค่ไหน

    การเปลี่ยนผ่านจาก DDR4 ไปสู่ DDR5 อาจทำให้ธุรกิจที่ยังใช้ DDR4 ต้องเร่งอัปเกรดระบบ และ อาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานได้หรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108224-ddr4-prices-rise-sharply-manufacturers-pivot-ddr5-beyond.html
    🔄 ราคาหน่วยความจำ DDR4 พุ่งขึ้น 50% ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ DDR5 แม้ว่าตลาดหน่วยความจำควรจะมีราคาลดลงตามกลไกตลาด แต่ DDR4 กลับมีราคาสูงขึ้นถึง 50% ในเดือนพฤษภาคม 2025 เนื่องจาก ผู้ผลิตกำลังลดการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5 และหน่วยความจำประสิทธิภาพสูง DDR4 เปิดตัวในปี 2014 และครองตลาด SDRAM มาหลายปี จนกระทั่ง DDR5 เปิดตัวในปี 2020 ซึ่งให้ ความเร็วสูงขึ้นและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม DDR4 ยังคงมีความต้องการสูงในบางอุตสาหกรรม เช่น ระบบฝังตัวและแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม ✅ ข้อมูลจากข่าว - DDR4 มีราคาสูงขึ้น 50% ในเดือนพฤษภาคม 2025 - 8GB DDR4 modules มีราคาพุ่งขึ้น 56% ส่วน 16GB modules เพิ่มขึ้น 45% - ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่กำลังลดการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5 และ HBM - จีนเคยผลิต DDR4 จำนวนมาก แต่รัฐบาลจีนสั่งให้ผู้ผลิต เช่น CXMT หยุดผลิต DDR4 - นักวิเคราะห์คาดว่าราคา DDR4 จะเพิ่มขึ้นอีก 10-20% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การลดการผลิต DDR4 อาจทำให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2026 - ธุรกิจที่ยังใช้ DDR4 อาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น - แม้ว่าราคา DDR5 และ DDR4 จะใกล้เคียงกันมากขึ้น (ต่างกันเพียง 7%) แต่ DDR4 กำลังจะกลายเป็นธุรกิจที่ไม่คุ้มค่า - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ DDR5 เร็วแค่ไหน การเปลี่ยนผ่านจาก DDR4 ไปสู่ DDR5 อาจทำให้ธุรกิจที่ยังใช้ DDR4 ต้องเร่งอัปเกรดระบบ และ อาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานได้หรือไม่ https://www.techspot.com/news/108224-ddr4-prices-rise-sharply-manufacturers-pivot-ddr5-beyond.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DDR4 prices surge 50 percent as manufacturers pivot to DDR5 and beyond
    A new report from DigiTimes highlights a surge in DDR4 prices. The Taiwanese publication describes a memory market in flux, with manufacturers phasing out production and multiple...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏛️ Direct File: เครื่องมือยื่นภาษีฟรีของ IRS ที่กลายเป็นโอเพ่นซอร์ส
    Direct File ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยื่นภาษีออนไลน์ฟรีของ IRS ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวในปี 2024 แม้ว่าจะเผชิญกับแรงกดดันจากบริษัทซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ เช่น Intuit (TurboTax) ที่พยายามขัดขวางโครงการนี้

    ล่าสุด IRS ได้เผยแพร่โค้ดของ Direct File บน GitHub ภายใต้ โอเพ่นซอร์สไลเซนส์ เพื่อให้สามารถพัฒนาและปรับปรุงได้โดยชุมชนเทคโนโลยี แม้ว่าจะมีบางส่วนของโค้ดที่ถูกตัดออกเพื่อความปลอดภัย

    Direct File ถูกออกแบบมาเพื่อ ช่วยให้ประชาชนยื่นภาษีได้ง่ายขึ้น โดยรองรับทั้ง ภาษาอังกฤษและสเปน และสามารถใช้งานได้บน เดสก์ท็อปและมือถือ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Direct File เปิดตัวในปี 2024 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
    - IRS เผยแพร่โค้ดของ Direct File บน GitHub ภายใต้โอเพ่นซอร์สไลเซนส์
    - รองรับภาษาอังกฤษและสเปน และสามารถใช้งานได้บนเดสก์ท็อปและมือถือ
    - พัฒนาโดย US Digital Service และ 18F ซึ่งเป็นทีมเทคโนโลยีของรัฐบาล
    - Code for America ได้ fork โค้ดของ Direct File เพื่อพัฒนาต่อ

    🔥 ความท้าทายและแรงกดดันจากภาคเอกชน
    บริษัทซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ เช่น Intuit (TurboTax) ได้ใช้ กลยุทธ์ทางการตลาดและการล็อบบี้ เพื่อขัดขวางโครงการ Direct File โดยพยายาม โน้มน้าวให้รัฐบาลไม่สนับสนุนบริการยื่นภาษีฟรี

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - บางส่วนของโค้ดถูกตัดออกเพื่อความปลอดภัย ทำให้บางฟีเจอร์ไม่สามารถใช้งานได้
    - ต้องติดตามว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสนับสนุน Direct File ต่อไปหรือไม่
    - การเปิดโอเพ่นซอร์สอาจทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหากไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

    การเปิดโอเพ่นซอร์สของ Direct File ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการยื่นภาษีฟรีได้ง่ายขึ้น และ ลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาโดยชุมชนจะช่วยให้ระบบมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108209-free-tax-filing-tool-direct-file-getting-open.html
    🏛️ Direct File: เครื่องมือยื่นภาษีฟรีของ IRS ที่กลายเป็นโอเพ่นซอร์ส Direct File ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยื่นภาษีออนไลน์ฟรีของ IRS ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวในปี 2024 แม้ว่าจะเผชิญกับแรงกดดันจากบริษัทซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ เช่น Intuit (TurboTax) ที่พยายามขัดขวางโครงการนี้ ล่าสุด IRS ได้เผยแพร่โค้ดของ Direct File บน GitHub ภายใต้ โอเพ่นซอร์สไลเซนส์ เพื่อให้สามารถพัฒนาและปรับปรุงได้โดยชุมชนเทคโนโลยี แม้ว่าจะมีบางส่วนของโค้ดที่ถูกตัดออกเพื่อความปลอดภัย Direct File ถูกออกแบบมาเพื่อ ช่วยให้ประชาชนยื่นภาษีได้ง่ายขึ้น โดยรองรับทั้ง ภาษาอังกฤษและสเปน และสามารถใช้งานได้บน เดสก์ท็อปและมือถือ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Direct File เปิดตัวในปี 2024 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว - IRS เผยแพร่โค้ดของ Direct File บน GitHub ภายใต้โอเพ่นซอร์สไลเซนส์ - รองรับภาษาอังกฤษและสเปน และสามารถใช้งานได้บนเดสก์ท็อปและมือถือ - พัฒนาโดย US Digital Service และ 18F ซึ่งเป็นทีมเทคโนโลยีของรัฐบาล - Code for America ได้ fork โค้ดของ Direct File เพื่อพัฒนาต่อ 🔥 ความท้าทายและแรงกดดันจากภาคเอกชน บริษัทซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ เช่น Intuit (TurboTax) ได้ใช้ กลยุทธ์ทางการตลาดและการล็อบบี้ เพื่อขัดขวางโครงการ Direct File โดยพยายาม โน้มน้าวให้รัฐบาลไม่สนับสนุนบริการยื่นภาษีฟรี ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - บางส่วนของโค้ดถูกตัดออกเพื่อความปลอดภัย ทำให้บางฟีเจอร์ไม่สามารถใช้งานได้ - ต้องติดตามว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสนับสนุน Direct File ต่อไปหรือไม่ - การเปิดโอเพ่นซอร์สอาจทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหากไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด การเปิดโอเพ่นซอร์สของ Direct File ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการยื่นภาษีฟรีได้ง่ายขึ้น และ ลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์ภาษีเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาโดยชุมชนจะช่วยให้ระบบมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่ https://www.techspot.com/news/108209-free-tax-filing-tool-direct-file-getting-open.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Free tax filing tool Direct File is getting the open source treatment
    The IRS launched Direct File in 2024, offering US citizens a free, user-friendly online platform for filing federal income tax returns. The software quickly gained popularity despite...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖥️ นักพัฒนาโต้กลับ! AI ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ในการเขียนโค้ด
    ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Meta และ Anthropic กำลังผลักดันให้ AI เข้ามาแทนที่นักพัฒนาโค้ด Salvatore Sanfilippo ผู้สร้าง Redis ได้ออกมาแสดงจุดยืนว่า มนุษย์ยังคงเหนือกว่า AI ในการคิดแก้ปัญหาที่ซับซ้อน

    Sanfilippo ได้ทดลองใช้ Google Gemini AI เพื่อช่วยแก้ไขบั๊กในระบบของ Redis แต่พบว่า AI ไม่สามารถคิดนอกกรอบได้ และ ไม่สามารถให้คำตอบที่ดีกว่ามนุษย์

    เขาอธิบายว่า AI มีประโยชน์ในการตรวจสอบแนวคิดที่มนุษย์คิดขึ้นมา แต่ ไม่สามารถสร้างแนวทางแก้ไขที่ดีกว่ามนุษย์ได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญของ Large Language Models (LLMs)

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Sanfilippo ทดลองใช้ Google Gemini AI เพื่อแก้ไขบั๊กใน Redis
    - AI สามารถช่วยตรวจสอบแนวคิดของมนุษย์ แต่ไม่สามารถคิดนอกกรอบได้
    - LLMs ยังไม่สามารถสร้างแนวทางแก้ไขที่ดีกว่ามนุษย์ได้
    - Meta และ Anthropic เชื่อว่า AI สามารถแทนที่นักพัฒนาโค้ดได้ แต่ Sanfilippo ไม่เห็นด้วย
    - Microsoft รายงานว่า นักพัฒนารุ่นใหม่พึ่งพา AI มากเกินไป จนอาจขาดความเข้าใจพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI อาจช่วยเร่งกระบวนการเขียนโค้ด แต่ยังต้องการการตรวจสอบจากมนุษย์
    - นักพัฒนาที่พึ่งพา AI มากเกินไป อาจขาดทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
    - บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งเริ่มลดจำนวนพนักงานด้านการพัฒนาโค้ดเพื่อแทนที่ด้วย AI
    - ต้องติดตามว่า AI จะสามารถพัฒนาให้คิดนอกกรอบได้หรือไม่ในอนาคต

    แม้ว่า AI จะช่วยให้การเขียนโค้ดเร็วขึ้น แต่ยังต้องพึ่งพามนุษย์ในการคิดแก้ปัญหาที่ซับซ้อน นักพัฒนาควร ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วย แต่ ไม่ควรพึ่งพามากเกินไปจนสูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/07/human-coders-are-still-better-than-ai-says-this-expert-developer
    🖥️ นักพัฒนาโต้กลับ! AI ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ในการเขียนโค้ด ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Meta และ Anthropic กำลังผลักดันให้ AI เข้ามาแทนที่นักพัฒนาโค้ด Salvatore Sanfilippo ผู้สร้าง Redis ได้ออกมาแสดงจุดยืนว่า มนุษย์ยังคงเหนือกว่า AI ในการคิดแก้ปัญหาที่ซับซ้อน Sanfilippo ได้ทดลองใช้ Google Gemini AI เพื่อช่วยแก้ไขบั๊กในระบบของ Redis แต่พบว่า AI ไม่สามารถคิดนอกกรอบได้ และ ไม่สามารถให้คำตอบที่ดีกว่ามนุษย์ เขาอธิบายว่า AI มีประโยชน์ในการตรวจสอบแนวคิดที่มนุษย์คิดขึ้นมา แต่ ไม่สามารถสร้างแนวทางแก้ไขที่ดีกว่ามนุษย์ได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญของ Large Language Models (LLMs) ✅ ข้อมูลจากข่าว - Sanfilippo ทดลองใช้ Google Gemini AI เพื่อแก้ไขบั๊กใน Redis - AI สามารถช่วยตรวจสอบแนวคิดของมนุษย์ แต่ไม่สามารถคิดนอกกรอบได้ - LLMs ยังไม่สามารถสร้างแนวทางแก้ไขที่ดีกว่ามนุษย์ได้ - Meta และ Anthropic เชื่อว่า AI สามารถแทนที่นักพัฒนาโค้ดได้ แต่ Sanfilippo ไม่เห็นด้วย - Microsoft รายงานว่า นักพัฒนารุ่นใหม่พึ่งพา AI มากเกินไป จนอาจขาดความเข้าใจพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI อาจช่วยเร่งกระบวนการเขียนโค้ด แต่ยังต้องการการตรวจสอบจากมนุษย์ - นักพัฒนาที่พึ่งพา AI มากเกินไป อาจขาดทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน - บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งเริ่มลดจำนวนพนักงานด้านการพัฒนาโค้ดเพื่อแทนที่ด้วย AI - ต้องติดตามว่า AI จะสามารถพัฒนาให้คิดนอกกรอบได้หรือไม่ในอนาคต แม้ว่า AI จะช่วยให้การเขียนโค้ดเร็วขึ้น แต่ยังต้องพึ่งพามนุษย์ในการคิดแก้ปัญหาที่ซับซ้อน นักพัฒนาควร ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วย แต่ ไม่ควรพึ่งพามากเกินไปจนสูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/07/human-coders-are-still-better-than-ai-says-this-expert-developer
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Human coders are still better than AI, says this expert developer
    Some AI supporters, and even a few big tech CEOs are already replacing some of their coding workforce with AI systems. But maybe they're being premature.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 EchoStar อาจยื่นล้มละลายเพื่อปกป้องใบอนุญาตคลื่นความถี่
    EchoStar กำลังพิจารณายื่น Chapter 11 Bankruptcy เพื่อปกป้อง ใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย จากการถูกเพิกถอนโดย คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ (FCC) ซึ่งกำลังตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดของบริษัทเกี่ยวกับ บริการ 5G และดาวเทียมเคลื่อนที่

    🔍 สาเหตุที่ EchoStar อาจต้องยื่นล้มละลาย
    FCC ได้แจ้ง EchoStar ว่ากำลังตรวจสอบ การขยายเวลาการพัฒนาเครือข่าย 5G และ บริการดาวเทียมเคลื่อนที่ ซึ่งส่งผลให้บริษัท ไม่สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับธุรกิจ Boost Mobile ได้อย่างเต็มที่

    นอกจากนี้ EchoStar ยังเปิดเผยว่า บริษัทพลาดการจ่ายดอกเบี้ยมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตรวจสอบของ FCC

    ก่อนหน้านี้ DirecTV ได้ยกเลิกข้อตกลงซื้อธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของ EchoStar ซึ่งรวมถึง Dish TV เนื่องจาก ข้อเสนอแลกเปลี่ยนหนี้ล้มเหลว

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - EchoStar อาจยื่น Chapter 11 Bankruptcy เพื่อปกป้องใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย
    - FCC กำลังตรวจสอบการขยายเวลาการพัฒนาเครือข่าย 5G และบริการดาวเทียมเคลื่อนที่ของบริษัท
    - การตรวจสอบของ FCC ส่งผลให้ EchoStar ไม่สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับธุรกิจ Boost Mobile ได้อย่างเต็มที่
    - EchoStar พลาดการจ่ายดอกเบี้ยมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์
    - DirecTV ยกเลิกข้อตกลงซื้อธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของ EchoStar เนื่องจากข้อเสนอแลกเปลี่ยนหนี้ล้มเหลว

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หาก EchoStar ยื่นล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นและลูกค้า
    - FCC อาจเพิกถอนใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ EchoStar หากพบว่าบริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
    - การตรวจสอบของ FCC อาจส่งผลต่อการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจดาวเทียมในสหรัฐฯ
    - ต้องติดตามว่าการล้มละลายจะส่งผลต่อการดำเนินงานของ Boost Mobile หรือไม่

    หาก EchoStar ยื่นล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมและบริการดาวเทียม โดยเฉพาะ การพัฒนาเครือข่าย 5G และการใช้คลื่นความถี่ไร้สาย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการตรวจสอบของ FCC จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/07/echostar-prepares-potential-bankruptcy-filing-amid-fcc-review-wsj-reports
    🚨 EchoStar อาจยื่นล้มละลายเพื่อปกป้องใบอนุญาตคลื่นความถี่ EchoStar กำลังพิจารณายื่น Chapter 11 Bankruptcy เพื่อปกป้อง ใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย จากการถูกเพิกถอนโดย คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ (FCC) ซึ่งกำลังตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดของบริษัทเกี่ยวกับ บริการ 5G และดาวเทียมเคลื่อนที่ 🔍 สาเหตุที่ EchoStar อาจต้องยื่นล้มละลาย FCC ได้แจ้ง EchoStar ว่ากำลังตรวจสอบ การขยายเวลาการพัฒนาเครือข่าย 5G และ บริการดาวเทียมเคลื่อนที่ ซึ่งส่งผลให้บริษัท ไม่สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับธุรกิจ Boost Mobile ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ EchoStar ยังเปิดเผยว่า บริษัทพลาดการจ่ายดอกเบี้ยมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตรวจสอบของ FCC ก่อนหน้านี้ DirecTV ได้ยกเลิกข้อตกลงซื้อธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของ EchoStar ซึ่งรวมถึง Dish TV เนื่องจาก ข้อเสนอแลกเปลี่ยนหนี้ล้มเหลว ✅ ข้อมูลจากข่าว - EchoStar อาจยื่น Chapter 11 Bankruptcy เพื่อปกป้องใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย - FCC กำลังตรวจสอบการขยายเวลาการพัฒนาเครือข่าย 5G และบริการดาวเทียมเคลื่อนที่ของบริษัท - การตรวจสอบของ FCC ส่งผลให้ EchoStar ไม่สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับธุรกิจ Boost Mobile ได้อย่างเต็มที่ - EchoStar พลาดการจ่ายดอกเบี้ยมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ - DirecTV ยกเลิกข้อตกลงซื้อธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของ EchoStar เนื่องจากข้อเสนอแลกเปลี่ยนหนี้ล้มเหลว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หาก EchoStar ยื่นล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นและลูกค้า - FCC อาจเพิกถอนใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ EchoStar หากพบว่าบริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด - การตรวจสอบของ FCC อาจส่งผลต่อการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจดาวเทียมในสหรัฐฯ - ต้องติดตามว่าการล้มละลายจะส่งผลต่อการดำเนินงานของ Boost Mobile หรือไม่ หาก EchoStar ยื่นล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมและบริการดาวเทียม โดยเฉพาะ การพัฒนาเครือข่าย 5G และการใช้คลื่นความถี่ไร้สาย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการตรวจสอบของ FCC จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/07/echostar-prepares-potential-bankruptcy-filing-amid-fcc-review-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    EchoStar prepares potential bankruptcy filing amid FCC review, WSJ reports
    (Reuters) -EchoStar is considering a Chapter 11 bankruptcy filing as the telecommunications services firm vies to shield its cache of wireless spectrum licenses from the threat of revocation by federal regulators, the Wall Street Journal reported on Friday, citing people familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Microsoft Edge vs. Google Chrome: การแข่งขันด้านประสิทธิภาพและฟีเจอร์
    Microsoft ได้เผยแพร่ รายงานเปรียบเทียบระหว่าง Edge และ Google Chrome โดยเน้นไปที่ ประสิทธิภาพ, การจัดการหน่วยความจำ และฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานราบรื่นขึ้น

    🔍 จุดเด่นของ Microsoft Edge
    Microsoft ระบุว่า Edge มีประสิทธิภาพดีกว่า Chrome บน Windows เนื่องจาก เป็นผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ที่ผสานเข้ากับระบบปฏิบัติการโดยตรง ทำให้ มีข้อได้เปรียบด้านการจัดสรรทรัพยากรและลดภาระของ CPU

    นอกจากนี้ Edge ยังมีฟีเจอร์ Sleeping Tabs ซึ่งช่วย ลดการใช้หน่วยความจำ โดยในปี 2024 ฟีเจอร์นี้สามารถ ประหยัดหน่วยความจำไปกว่า 7 ล้านเทราไบต์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft Edge มีประสิทธิภาพดีกว่า Chrome บน Windows เนื่องจากผสานเข้ากับระบบโดยตรง
    - ฟีเจอร์ Sleeping Tabs ช่วยลดการใช้หน่วยความจำได้กว่า 7 ล้านเทราไบต์ในปี 2024
    - Edge มีการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ ลดภาระของ CPU และช่วยให้การทำงานราบรื่นขึ้น
    - Edge รองรับส่วนเสริม เช่น Microsoft Translator, Ad Blockers และ Password Managers ได้ดีขึ้น
    - Microsoft 365 และ AI tools ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำงาน

    🔥 การแข่งขันกับ Google Chrome
    Google ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับ การปรับปรุงระบบจัดการหน่วยความจำและแคชของ Chrome ซึ่งช่วยให้ Chrome ทำงานเร็วขึ้นกว่าที่เคย อย่างไรก็ตาม Microsoft ยังคงเน้นย้ำว่า Edge มีข้อได้เปรียบด้านการทำงานบน Windows

    Microsoft พยายาม กระตุ้นให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Chrome มาใช้ Edge โดยเน้นไปที่ ประสิทธิภาพและการผสานเข้ากับ Windows อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่

    https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-performs-better-than-google-chrome-on-windows-in-ad-blocking-and-more/
    🚀 Microsoft Edge vs. Google Chrome: การแข่งขันด้านประสิทธิภาพและฟีเจอร์ Microsoft ได้เผยแพร่ รายงานเปรียบเทียบระหว่าง Edge และ Google Chrome โดยเน้นไปที่ ประสิทธิภาพ, การจัดการหน่วยความจำ และฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานราบรื่นขึ้น 🔍 จุดเด่นของ Microsoft Edge Microsoft ระบุว่า Edge มีประสิทธิภาพดีกว่า Chrome บน Windows เนื่องจาก เป็นผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ที่ผสานเข้ากับระบบปฏิบัติการโดยตรง ทำให้ มีข้อได้เปรียบด้านการจัดสรรทรัพยากรและลดภาระของ CPU นอกจากนี้ Edge ยังมีฟีเจอร์ Sleeping Tabs ซึ่งช่วย ลดการใช้หน่วยความจำ โดยในปี 2024 ฟีเจอร์นี้สามารถ ประหยัดหน่วยความจำไปกว่า 7 ล้านเทราไบต์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft Edge มีประสิทธิภาพดีกว่า Chrome บน Windows เนื่องจากผสานเข้ากับระบบโดยตรง - ฟีเจอร์ Sleeping Tabs ช่วยลดการใช้หน่วยความจำได้กว่า 7 ล้านเทราไบต์ในปี 2024 - Edge มีการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ ลดภาระของ CPU และช่วยให้การทำงานราบรื่นขึ้น - Edge รองรับส่วนเสริม เช่น Microsoft Translator, Ad Blockers และ Password Managers ได้ดีขึ้น - Microsoft 365 และ AI tools ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำงาน 🔥 การแข่งขันกับ Google Chrome Google ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับ การปรับปรุงระบบจัดการหน่วยความจำและแคชของ Chrome ซึ่งช่วยให้ Chrome ทำงานเร็วขึ้นกว่าที่เคย อย่างไรก็ตาม Microsoft ยังคงเน้นย้ำว่า Edge มีข้อได้เปรียบด้านการทำงานบน Windows Microsoft พยายาม กระตุ้นให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Chrome มาใช้ Edge โดยเน้นไปที่ ประสิทธิภาพและการผสานเข้ากับ Windows อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่ https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-performs-better-than-google-chrome-on-windows-in-ad-blocking-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft: Edge performs better than Google Chrome on Windows in ad blocking and more
    Microsoft has explained why Edge is better than Google Chrome on Windows, and this includes better performance in things like ad blocking and more such aspects.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌐 Microsoft Edge 138 Beta: ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น
    Microsoft ได้เปิดตัว Edge Beta 138 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อ, ค้นหาประวัติด้วย AI และปรับปรุงการตั้งค่าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    🔍 ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ
    1️⃣ Media Control Center
    - ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อจากหลายเว็บไซต์ได้ในที่เดียว
    - ปุ่มควบคุมจะปรากฏบน แถบเครื่องมือ (ไอคอนโน้ตดนตรี)
    - รองรับ Picture-in-Picture, การส่งสื่อไปยังอุปกรณ์อื่น และการควบคุมเพลง/วิดีโอ

    2️⃣ AI-Powered History Search
    - ใช้ AI ในการค้นหาประวัติการเข้าชมเว็บไซต์
    - ไม่ต้องจำชื่อเว็บไซต์หรือคำที่แน่นอน สามารถค้นหาด้วย คำพ้อง, วลี หรือคำที่สะกดผิด
    - ใช้ โมเดล AI บนอุปกรณ์ และ ไม่ส่งข้อมูลไปยัง Microsoft

    3️⃣ Dynamic Settings Menu
    - หากเบราว์เซอร์ทำงานช้าลง ระบบจะแสดงคำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
    - แจ้งเตือนเกี่ยวกับ ส่วนขยายที่อาจทำให้เบราว์เซอร์ช้าลง


    การอัปเดตนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อและค้นหาประวัติการเข้าชมได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-is-getting-new-media-control-center-ai-powered-history-search-and-more/
    🌐 Microsoft Edge 138 Beta: ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น Microsoft ได้เปิดตัว Edge Beta 138 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อ, ค้นหาประวัติด้วย AI และปรับปรุงการตั้งค่าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔍 ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ 1️⃣ Media Control Center - ผู้ใช้สามารถ ควบคุมสื่อจากหลายเว็บไซต์ได้ในที่เดียว - ปุ่มควบคุมจะปรากฏบน แถบเครื่องมือ (ไอคอนโน้ตดนตรี) - รองรับ Picture-in-Picture, การส่งสื่อไปยังอุปกรณ์อื่น และการควบคุมเพลง/วิดีโอ 2️⃣ AI-Powered History Search - ใช้ AI ในการค้นหาประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ - ไม่ต้องจำชื่อเว็บไซต์หรือคำที่แน่นอน สามารถค้นหาด้วย คำพ้อง, วลี หรือคำที่สะกดผิด - ใช้ โมเดล AI บนอุปกรณ์ และ ไม่ส่งข้อมูลไปยัง Microsoft 3️⃣ Dynamic Settings Menu - หากเบราว์เซอร์ทำงานช้าลง ระบบจะแสดงคำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพ - แจ้งเตือนเกี่ยวกับ ส่วนขยายที่อาจทำให้เบราว์เซอร์ช้าลง การอัปเดตนี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อและค้นหาประวัติการเข้าชมได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมหรือไม่ https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-is-getting-new-media-control-center-ai-powered-history-search-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Edge is getting new media control center, AI-powered history search, and more
    Microsoft Edge Beta has been updated to version 138, which introduces several new features, such as a media control center, AI-powered history search, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖥️ Plasma 6.4: ปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กก่อนเปิดตัวเวอร์ชันเสถียร
    ทีมพัฒนา KDE ได้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับ Plasma 6.4 ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 17 มิถุนายน 2025 โดยเน้นไปที่ การปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กจำนวนมาก เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและใช้งานได้ดีขึ้น

    Plasma 6.4 ได้รับการปรับปรุง ระบบตั้งค่า Wi-Fi ให้สามารถ นำทางรายการเครือข่ายด้วยคีย์บอร์ดได้เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ การลากและวางหน้าจอซ้อนกันในหน้าการตั้งค่ามอนิเตอร์ถูกปิดใช้งาน เพื่อป้องกัน การจัดเรียงที่ไม่รองรับและเกิดบั๊กแปลก ๆ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Plasma 6.4 จะเปิดตัวในวันที่ 17 มิถุนายน 2025
    - ปรับปรุง UI ในหน้าตั้งค่า Wi-Fi ให้สามารถนำทางด้วยคีย์บอร์ดได้เต็มรูปแบบ
    - ปิดการลากและวางหน้าจอซ้อนกันในหน้าการตั้งค่ามอนิเตอร์เพื่อป้องกันบั๊ก
    - แก้ไขปัญหาการแสดงผล Logout Screen ที่ผิดพลาดหลังปลุกเครื่องจากโหมด Sleep
    - แก้ไขการจัดเรียงตัวอักษรในหน้าตั้งค่าของ Digital Clock Widget

    🔧 รายละเอียดการแก้ไขบั๊ก
    ทีมพัฒนา KDE ได้แก้ไข บั๊กที่พบบ่อยที่สุดใน System Monitor รวมถึง บั๊กที่ทำให้หน้าต่างหายไปเมื่อหน้าจอที่แสดงผลอยู่ถูกถอดออก นอกจากนี้ Sticky Notes Widget ได้รับการแก้ไขเพื่อไม่ให้ทำให้ Plasma Shell ค้าง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - แก้ไขบั๊กที่ทำให้ System Monitor ล่มบ่อยที่สุด
    - แก้ไขบั๊ก Divide-by-Zero ใน System Monitor
    - แก้ไขปัญหาหน้าต่างหายไปเมื่อหน้าจอที่แสดงผลอยู่ถูกถอดออก
    - Sticky Notes Widget ไม่ทำให้ Plasma Shell ค้างอีกต่อไป
    - แก้ไขบั๊กที่ทำให้ Discover ล่มเมื่อปิดแอปพลิเคชันทันทีหลังเปิด

    🚀 อนาคตของ Plasma 6.5
    แม้ว่าทีมพัฒนาจะมุ่งเน้นไปที่ Plasma 6.4 แต่การพัฒนา Plasma 6.5 ก็กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยมีการปรับปรุง ประสิทธิภาพและการจัดการหน่วยความจำ รวมถึง การแก้ไขบั๊กที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อเครือข่าย

    https://www.neowin.net/news/kde-brings-ui-improvements-bug-fixes-and-more-to-plasma-64-as-stable-release-draws-near/
    🖥️ Plasma 6.4: ปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กก่อนเปิดตัวเวอร์ชันเสถียร ทีมพัฒนา KDE ได้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับ Plasma 6.4 ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 17 มิถุนายน 2025 โดยเน้นไปที่ การปรับปรุง UI และแก้ไขบั๊กจำนวนมาก เพื่อให้ระบบมีความเสถียรและใช้งานได้ดีขึ้น Plasma 6.4 ได้รับการปรับปรุง ระบบตั้งค่า Wi-Fi ให้สามารถ นำทางรายการเครือข่ายด้วยคีย์บอร์ดได้เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ การลากและวางหน้าจอซ้อนกันในหน้าการตั้งค่ามอนิเตอร์ถูกปิดใช้งาน เพื่อป้องกัน การจัดเรียงที่ไม่รองรับและเกิดบั๊กแปลก ๆ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Plasma 6.4 จะเปิดตัวในวันที่ 17 มิถุนายน 2025 - ปรับปรุง UI ในหน้าตั้งค่า Wi-Fi ให้สามารถนำทางด้วยคีย์บอร์ดได้เต็มรูปแบบ - ปิดการลากและวางหน้าจอซ้อนกันในหน้าการตั้งค่ามอนิเตอร์เพื่อป้องกันบั๊ก - แก้ไขปัญหาการแสดงผล Logout Screen ที่ผิดพลาดหลังปลุกเครื่องจากโหมด Sleep - แก้ไขการจัดเรียงตัวอักษรในหน้าตั้งค่าของ Digital Clock Widget 🔧 รายละเอียดการแก้ไขบั๊ก ทีมพัฒนา KDE ได้แก้ไข บั๊กที่พบบ่อยที่สุดใน System Monitor รวมถึง บั๊กที่ทำให้หน้าต่างหายไปเมื่อหน้าจอที่แสดงผลอยู่ถูกถอดออก นอกจากนี้ Sticky Notes Widget ได้รับการแก้ไขเพื่อไม่ให้ทำให้ Plasma Shell ค้าง ✅ ข้อมูลจากข่าว - แก้ไขบั๊กที่ทำให้ System Monitor ล่มบ่อยที่สุด - แก้ไขบั๊ก Divide-by-Zero ใน System Monitor - แก้ไขปัญหาหน้าต่างหายไปเมื่อหน้าจอที่แสดงผลอยู่ถูกถอดออก - Sticky Notes Widget ไม่ทำให้ Plasma Shell ค้างอีกต่อไป - แก้ไขบั๊กที่ทำให้ Discover ล่มเมื่อปิดแอปพลิเคชันทันทีหลังเปิด 🚀 อนาคตของ Plasma 6.5 แม้ว่าทีมพัฒนาจะมุ่งเน้นไปที่ Plasma 6.4 แต่การพัฒนา Plasma 6.5 ก็กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยมีการปรับปรุง ประสิทธิภาพและการจัดการหน่วยความจำ รวมถึง การแก้ไขบั๊กที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อเครือข่าย https://www.neowin.net/news/kde-brings-ui-improvements-bug-fixes-and-more-to-plasma-64-as-stable-release-draws-near/
    WWW.NEOWIN.NET
    KDE brings UI improvements, bug fixes and more to Plasma 6.4 as stable release draws near
    KDE has shared its progress for the week, including bug fixes set to ship with Plasma 6.4, performance improvements targeting 6.5, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้พักเรื่องมือปราบ เรามาคุยกันเรื่องบทกวีที่มีคติสอนใจ เป็นบทกวีอีกหนึ่งบทที่ปรากฎในนิยาย/ละคร <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ในตอนที่พระเอกวาดภาพดอกบัว

    ความมีอยู่ว่า
    ...โจวเซิงเฉินมองเธอเช่นกัน ยิ้มเล็กน้อย เปลี่ยนพู่กันแล้วเขียนลงตรงข้างๆ ภาพวาด: “ยามมองปทุมสะอาดหมดจด พึงหยั่งรู้ถึงใจที่ไม่แปดเปื้อน”
    นี่เป็นวลีของเมิ่งฮ่าวหรัน
    เธอจำวลีนี้ได้ ย่อมเข้าใจถึงความหมายของมัน: เจ้าเห็นดอกบัวนี้โผล่พ้นโคลนตมออกมาแต่ไม่เปรอะเปื้อน ควรเป็นคติเตือนใจ อย่าให้โลกแห่งกิเลสมาครอบงำ รักษาจิตใจของตนให้ดี...
    - จากเรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    วลี “ยามมองปทุมสะอาดหมดจด พึงหยั่งรู้ถึงใจที่ไม่แปดเปื้อน” (看取莲花净,应知不染心) นี้ ในละครตีความหมายผ่านบทสนทนาของตัวละครว่า โจวเซิงเฉินใช้วลีนี้สื่อถึงความรักที่มั่นคงต่อสืออี๋ ไม่ยอมให้ประเพณีนิยมมากวนใจ

    ขออภัยหากทำลายความโรแมนติกลง แต่จริงๆ แล้ววลีนี้ไม่ได้หมายถึงการยึดมั่นในความคิดของตน หากแต่เป็นบทกวีที่มีพื้นฐานจากคำสอนของศาสนาพุทธจึงมีการเปรียบเปรยถึงดอกบัวอันบริสุทธิ์ และความหมายเป็นไปตามที่บรรยายในนิยายข้างต้น ซึ่งก็คือการดำรงให้ ‘ใจไร้รอยแปดเปื้อน’ (ปู้หร่านซิน / 不染心)

    บทกวีนี้มีชื่อเต็มว่า “เรื่องกุฏิของอี้กง” (ถีอี้กงฉานฝาง / 题义公禅房) มีทั้งหมดแปดวรรค เป็นหนึ่งในบทกวีเลื่องชื่อของเมิ่งฮ่าวหรัน (ค.ศ. 689 – 740) กวีเอกสมัยราชวงศ์ถัง สรุปใจความเป็นการบรรยายถึง นักบวชขั้นสูงนามว่าอี้กงผู้บำเพ็ญศีลในกุฏิที่สร้างอยู่ในป่าเงียบสงบและศึกษาจบบทที่เรียกว่า ‘คัมภีร์ดอกบัว’ ด้วยใจสงบนิ่งไม่ถูกสิ่งแวดล้อมทำให้ไขว้เขว สะท้อนถึงใจที่บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนด้วยกิเลส

    บทกวีนี้จัดอยู่ในประเภทที่เรียกว่า ‘กลอนทิวทัศน์ภูผาวารี’ หรือ ‘ซานสุ่ยซือ’ มีลักษณะเป็นโคลงห้า (五言律诗) ซึ่งเป็นสไตล์ที่เมิ่งฮ่าวหรันชอบใช้ โคลงห้าของจีนในแต่ละวรรคมีห้าอักษร นอกจากคำคล้องจองแล้ว อักษรที่ใช้ต้องมีจังหวะเสียงประมาณนี้ (อาจสลับเรียงวรรคก่อนหลังได้ แต่จังหวะในแต่ละวรรคไม่เปลี่ยน)
    เข้ม เข้ม - เบา เบา เข้ม / เข้ม เข้ม - เข้ม เบา เบา
    เบา เบา - เบา เข้ม เข้ม / เบา เบา - เข้ม เข้ม เบา

    สำหรับท่านที่ต้องการสำนวนที่สื่อถึงการยึดมั่นในเจตนารมณ์ Storyฯ อยากแนะนำอีกวลีหนึ่งแทน เป็นวลีสั้นๆ ว่า “ไม่ลืมใจเดิม” (ปู้ว่างชูซิน / 不忘初心) เป็นวลีที่ยกมาจากงานเขียนสมัยราชวงศ์ถังเช่นกัน มาจากวรรคเต็มที่เขียนไว้ว่า หากคนเราไม่ลืมความคิดและใจที่ตั้งต้น ย่อมสามารถเดินถึงจุดหมายปลายทางตามเจตนารมณ์เดิมได้

    มันเป็นวลีที่มีคุณค่าทางจิตใจต่อ Storyฯ เพราะเพจนี้เกิดจากความ ‘ไม่ลืมใจเดิม’ ที่อยากจะเป็นนักเขียน หลังจากเส้นทางชีวิตนำพาให้ Storyฯ ไปทำอะไรอย่างอื่นมากมาย ตอนนี้จึงอยากกลับมาตามฝันตั้งต้นของตัวเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://3g.163.com/dy/article/GHPHHJRU05527S2X.html
    http://huamenglianyuan.blog.epochtimes.com/article/show?articleid=75762
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.xiaogushi.cn/shici/mingju/414146.html
    https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_44e80087e9b5.aspx
    https://baike.baidu.com/item/五言律诗/10294694
    https://www.chinacourt.org/article/detail/2019/09/id/4425543.shtml

    #กระดูกงดงาม #โจวเซิงเฉิน #สืออี๋ #เมิ่งฮ่าวหรัน #บทกวีจีนโบราณ #วลีจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ #ราชวงศ์ถัง
    วันนี้พักเรื่องมือปราบ เรามาคุยกันเรื่องบทกวีที่มีคติสอนใจ เป็นบทกวีอีกหนึ่งบทที่ปรากฎในนิยาย/ละคร <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ในตอนที่พระเอกวาดภาพดอกบัว ความมีอยู่ว่า ...โจวเซิงเฉินมองเธอเช่นกัน ยิ้มเล็กน้อย เปลี่ยนพู่กันแล้วเขียนลงตรงข้างๆ ภาพวาด: “ยามมองปทุมสะอาดหมดจด พึงหยั่งรู้ถึงใจที่ไม่แปดเปื้อน” นี่เป็นวลีของเมิ่งฮ่าวหรัน เธอจำวลีนี้ได้ ย่อมเข้าใจถึงความหมายของมัน: เจ้าเห็นดอกบัวนี้โผล่พ้นโคลนตมออกมาแต่ไม่เปรอะเปื้อน ควรเป็นคติเตือนใจ อย่าให้โลกแห่งกิเลสมาครอบงำ รักษาจิตใจของตนให้ดี... - จากเรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) วลี “ยามมองปทุมสะอาดหมดจด พึงหยั่งรู้ถึงใจที่ไม่แปดเปื้อน” (看取莲花净,应知不染心) นี้ ในละครตีความหมายผ่านบทสนทนาของตัวละครว่า โจวเซิงเฉินใช้วลีนี้สื่อถึงความรักที่มั่นคงต่อสืออี๋ ไม่ยอมให้ประเพณีนิยมมากวนใจ ขออภัยหากทำลายความโรแมนติกลง แต่จริงๆ แล้ววลีนี้ไม่ได้หมายถึงการยึดมั่นในความคิดของตน หากแต่เป็นบทกวีที่มีพื้นฐานจากคำสอนของศาสนาพุทธจึงมีการเปรียบเปรยถึงดอกบัวอันบริสุทธิ์ และความหมายเป็นไปตามที่บรรยายในนิยายข้างต้น ซึ่งก็คือการดำรงให้ ‘ใจไร้รอยแปดเปื้อน’ (ปู้หร่านซิน / 不染心) บทกวีนี้มีชื่อเต็มว่า “เรื่องกุฏิของอี้กง” (ถีอี้กงฉานฝาง / 题义公禅房) มีทั้งหมดแปดวรรค เป็นหนึ่งในบทกวีเลื่องชื่อของเมิ่งฮ่าวหรัน (ค.ศ. 689 – 740) กวีเอกสมัยราชวงศ์ถัง สรุปใจความเป็นการบรรยายถึง นักบวชขั้นสูงนามว่าอี้กงผู้บำเพ็ญศีลในกุฏิที่สร้างอยู่ในป่าเงียบสงบและศึกษาจบบทที่เรียกว่า ‘คัมภีร์ดอกบัว’ ด้วยใจสงบนิ่งไม่ถูกสิ่งแวดล้อมทำให้ไขว้เขว สะท้อนถึงใจที่บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนด้วยกิเลส บทกวีนี้จัดอยู่ในประเภทที่เรียกว่า ‘กลอนทิวทัศน์ภูผาวารี’ หรือ ‘ซานสุ่ยซือ’ มีลักษณะเป็นโคลงห้า (五言律诗) ซึ่งเป็นสไตล์ที่เมิ่งฮ่าวหรันชอบใช้ โคลงห้าของจีนในแต่ละวรรคมีห้าอักษร นอกจากคำคล้องจองแล้ว อักษรที่ใช้ต้องมีจังหวะเสียงประมาณนี้ (อาจสลับเรียงวรรคก่อนหลังได้ แต่จังหวะในแต่ละวรรคไม่เปลี่ยน) เข้ม เข้ม - เบา เบา เข้ม / เข้ม เข้ม - เข้ม เบา เบา เบา เบา - เบา เข้ม เข้ม / เบา เบา - เข้ม เข้ม เบา สำหรับท่านที่ต้องการสำนวนที่สื่อถึงการยึดมั่นในเจตนารมณ์ Storyฯ อยากแนะนำอีกวลีหนึ่งแทน เป็นวลีสั้นๆ ว่า “ไม่ลืมใจเดิม” (ปู้ว่างชูซิน / 不忘初心) เป็นวลีที่ยกมาจากงานเขียนสมัยราชวงศ์ถังเช่นกัน มาจากวรรคเต็มที่เขียนไว้ว่า หากคนเราไม่ลืมความคิดและใจที่ตั้งต้น ย่อมสามารถเดินถึงจุดหมายปลายทางตามเจตนารมณ์เดิมได้ มันเป็นวลีที่มีคุณค่าทางจิตใจต่อ Storyฯ เพราะเพจนี้เกิดจากความ ‘ไม่ลืมใจเดิม’ ที่อยากจะเป็นนักเขียน หลังจากเส้นทางชีวิตนำพาให้ Storyฯ ไปทำอะไรอย่างอื่นมากมาย ตอนนี้จึงอยากกลับมาตามฝันตั้งต้นของตัวเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://3g.163.com/dy/article/GHPHHJRU05527S2X.html http://huamenglianyuan.blog.epochtimes.com/article/show?articleid=75762 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.xiaogushi.cn/shici/mingju/414146.html https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_44e80087e9b5.aspx https://baike.baidu.com/item/五言律诗/10294694 https://www.chinacourt.org/article/detail/2019/09/id/4425543.shtml #กระดูกงดงาม #โจวเซิงเฉิน #สืออี๋ #เมิ่งฮ่าวหรัน #บทกวีจีนโบราณ #วลีจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ #ราชวงศ์ถัง
    3G.163.COM
    任嘉伦白鹿新戏《周生如故》,朝堂线太过儿戏,剧情偏平淡_手机网易网
    任嘉伦,白鹿的新戏《周生如故》开播了。任嘉伦出演周生辰,坐拥数十万兵马的小南辰王,驻守西州的不败将军。白鹿出演漼时宜,世家大族漼家的嫡女,指腹为婚的未来太子妃。无论是周生辰还是漼时宜他们的事业线、感情线都和朝堂线有密切的联系,甚至是决定性作用。
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Samsung เร่งพัฒนา LPDDR6 RAM เพื่อแซงหน้าคู่แข่งจากจีน
    Samsung กำลังเร่งพัฒนา LPDDR6 RAM ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เพื่อ รักษาความเป็นผู้นำในตลาดหน่วยความจำ และ แซงหน้าคู่แข่งจากจีน เช่น CXMT ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการพัฒนา LPDDR5X RAM

    LPDDR6 RAM รุ่นใหม่นี้จะถูกผลิตบน กระบวนการ 1c DRAM ซึ่งเป็น เจเนอเรชันที่หกของเทคโนโลยี DRAM โดยมี แบนด์วิดท์สูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง

    CXMT ซึ่งเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำจากจีน เริ่มพัฒนา LPDDR6 RAM แล้ว และอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในปี 2026 ทำให้ Samsung ต้องเร่งกระบวนการพัฒนาเพื่อ รักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยี

    Qualcomm จะเป็น ลูกค้ารายแรกที่นำ LPDDR6 RAM ของ Samsung ไปใช้ โดยคาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะรองรับเทคโนโลยีนี้ทันทีเมื่อเปิดตัวใน Snapdragon Summit วันที่ 23 กันยายน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Samsung เร่งพัฒนา LPDDR6 RAM ในครึ่งหลังของปี 2025
    - LPDDR6 RAM จะถูกผลิตบนกระบวนการ 1c DRAM ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่หกของ DRAM
    - CXMT จากจีนเริ่มพัฒนา LPDDR6 RAM และอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในปี 2026
    - Qualcomm จะเป็นลูกค้ารายแรกที่นำ LPDDR6 RAM ไปใช้ใน Snapdragon 8 Elite Gen 2
    - LPDDR6 RAM จะถูกใช้ใน AI, คอมพิวเตอร์พกพา, หุ่นยนต์ และรถยนต์ไร้คนขับ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การแข่งขันระหว่าง Samsung และ CXMT อาจทำให้ราคาหน่วยความจำผันผวน
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นจะนำ LPDDR6 RAM ไปใช้เร็วแค่ไหน
    - แม้จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ต้องตรวจสอบว่าการใช้พลังงานจะลดลงตามที่คาดหวังหรือไม่
    - ต้องรอดูว่า CXMT จะสามารถผลิต LPDDR6 RAM ได้เร็วพอที่จะแข่งขันกับ Samsung หรือไม่

    LPDDR6 RAM อาจช่วยให้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ AI มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ ลดการใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Samsung และ CXMT จะส่งผลต่อราคาหน่วยความจำในตลาดอย่างไร

    https://wccftech.com/samsung-accelerating-lpddr6-ram-development-in-h2-2025/
    🚀 Samsung เร่งพัฒนา LPDDR6 RAM เพื่อแซงหน้าคู่แข่งจากจีน Samsung กำลังเร่งพัฒนา LPDDR6 RAM ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เพื่อ รักษาความเป็นผู้นำในตลาดหน่วยความจำ และ แซงหน้าคู่แข่งจากจีน เช่น CXMT ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการพัฒนา LPDDR5X RAM LPDDR6 RAM รุ่นใหม่นี้จะถูกผลิตบน กระบวนการ 1c DRAM ซึ่งเป็น เจเนอเรชันที่หกของเทคโนโลยี DRAM โดยมี แบนด์วิดท์สูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง CXMT ซึ่งเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำจากจีน เริ่มพัฒนา LPDDR6 RAM แล้ว และอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในปี 2026 ทำให้ Samsung ต้องเร่งกระบวนการพัฒนาเพื่อ รักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยี Qualcomm จะเป็น ลูกค้ารายแรกที่นำ LPDDR6 RAM ของ Samsung ไปใช้ โดยคาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะรองรับเทคโนโลยีนี้ทันทีเมื่อเปิดตัวใน Snapdragon Summit วันที่ 23 กันยายน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Samsung เร่งพัฒนา LPDDR6 RAM ในครึ่งหลังของปี 2025 - LPDDR6 RAM จะถูกผลิตบนกระบวนการ 1c DRAM ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่หกของ DRAM - CXMT จากจีนเริ่มพัฒนา LPDDR6 RAM และอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในปี 2026 - Qualcomm จะเป็นลูกค้ารายแรกที่นำ LPDDR6 RAM ไปใช้ใน Snapdragon 8 Elite Gen 2 - LPDDR6 RAM จะถูกใช้ใน AI, คอมพิวเตอร์พกพา, หุ่นยนต์ และรถยนต์ไร้คนขับ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การแข่งขันระหว่าง Samsung และ CXMT อาจทำให้ราคาหน่วยความจำผันผวน - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นจะนำ LPDDR6 RAM ไปใช้เร็วแค่ไหน - แม้จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ต้องตรวจสอบว่าการใช้พลังงานจะลดลงตามที่คาดหวังหรือไม่ - ต้องรอดูว่า CXMT จะสามารถผลิต LPDDR6 RAM ได้เร็วพอที่จะแข่งขันกับ Samsung หรือไม่ LPDDR6 RAM อาจช่วยให้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ AI มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ ลดการใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Samsung และ CXMT จะส่งผลต่อราคาหน่วยความจำในตลาดอย่างไร https://wccftech.com/samsung-accelerating-lpddr6-ram-development-in-h2-2025/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Is Accelerating Development Of LPDDR6 RAM In H2 2025 To Obtain A Lead Against Chinese Manufacturers, Qualcomm Will Be One Of The First Top Adopt This Technology
    As Chinese DRAM manufacturers attempt to close the gap with Samsung, the latter is focused on accelerating LPDDR6 RAM development later in the year
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 FBI เตือนภัย BADBOX 2.0: มัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์
    FBI ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ BADBOX 2.0 ซึ่งเป็น มัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลก โดยเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ติดเชื้อให้กลายเป็น พร็อกซีสำหรับกิจกรรมอาชญากรรมไซเบอร์

    🔍 วิธีการทำงานของ BADBOX 2.0
    BADBOX 2.0 มุ่งเป้าไปที่ อุปกรณ์ Android ราคาถูกที่ผลิตในจีน เช่น สมาร์ททีวี, กล่องสตรีมมิ่ง, โปรเจคเตอร์, แท็บเล็ต และอุปกรณ์ IoT โดยมัลแวร์นี้ มักจะถูกติดตั้งมากับอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงาน หรือ ถูกดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่

    เมื่ออุปกรณ์ติดเชื้อ BADBOX 2.0 จะเปิดช่องทางให้แฮกเกอร์ใช้เป็นพร็อกซีสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การโจมตีทางไซเบอร์, การขโมยข้อมูล และการคลิกโฆษณาเพื่อสร้างรายได้ให้กับแฮกเกอร์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - BADBOX 2.0 เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลก
    - มุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ Android ราคาถูกที่ผลิตในจีน เช่น สมาร์ททีวี, กล่องสตรีมมิ่ง และอุปกรณ์ IoT
    - มัลแวร์มักจะถูกติดตั้งมากับอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงาน หรือถูกดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่
    - BADBOX 2.0 เปลี่ยนอุปกรณ์ให้กลายเป็นพร็อกซีสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมาย
    - สามารถคลิกโฆษณาโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเพื่อสร้างรายได้ให้กับแฮกเกอร์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - มัลแวร์สามารถติดตั้งผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ไม่ปลอดภัย
    - ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    = อุปกรณ์ที่ติดเชื้ออาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายบ็อตเน็ตโดยไม่รู้ตัว
    - แม้ว่า BADBOX รุ่นแรกจะถูกกำจัดไปแล้วในปี 2024 แต่แฮกเกอร์ยังคงพัฒนา BADBOX 2.0 ขึ้นมาใหม่

    FBI แนะนำให้ผู้ใช้ ตรวจสอบแหล่งที่มาของอุปกรณ์ก่อนซื้อ และ อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด นอกจากนี้ ควรใช้แอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น

    https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-dangerous-badbox-2-0-malware-has-hit-over-a-million-devices-heres-how-to-stay-safe
    🚨 FBI เตือนภัย BADBOX 2.0: มัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ FBI ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ BADBOX 2.0 ซึ่งเป็น มัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลก โดยเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ติดเชื้อให้กลายเป็น พร็อกซีสำหรับกิจกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ 🔍 วิธีการทำงานของ BADBOX 2.0 BADBOX 2.0 มุ่งเป้าไปที่ อุปกรณ์ Android ราคาถูกที่ผลิตในจีน เช่น สมาร์ททีวี, กล่องสตรีมมิ่ง, โปรเจคเตอร์, แท็บเล็ต และอุปกรณ์ IoT โดยมัลแวร์นี้ มักจะถูกติดตั้งมากับอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงาน หรือ ถูกดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่ เมื่ออุปกรณ์ติดเชื้อ BADBOX 2.0 จะเปิดช่องทางให้แฮกเกอร์ใช้เป็นพร็อกซีสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การโจมตีทางไซเบอร์, การขโมยข้อมูล และการคลิกโฆษณาเพื่อสร้างรายได้ให้กับแฮกเกอร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - BADBOX 2.0 เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายไปกว่า 1 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลก - มุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ Android ราคาถูกที่ผลิตในจีน เช่น สมาร์ททีวี, กล่องสตรีมมิ่ง และอุปกรณ์ IoT - มัลแวร์มักจะถูกติดตั้งมากับอุปกรณ์ตั้งแต่โรงงาน หรือถูกดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันที่มีช่องโหว่ - BADBOX 2.0 เปลี่ยนอุปกรณ์ให้กลายเป็นพร็อกซีสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมาย - สามารถคลิกโฆษณาโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเพื่อสร้างรายได้ให้กับแฮกเกอร์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - มัลแวร์สามารถติดตั้งผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ไม่ปลอดภัย - ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ = อุปกรณ์ที่ติดเชื้ออาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายบ็อตเน็ตโดยไม่รู้ตัว - แม้ว่า BADBOX รุ่นแรกจะถูกกำจัดไปแล้วในปี 2024 แต่แฮกเกอร์ยังคงพัฒนา BADBOX 2.0 ขึ้นมาใหม่ FBI แนะนำให้ผู้ใช้ ตรวจสอบแหล่งที่มาของอุปกรณ์ก่อนซื้อ และ อัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด นอกจากนี้ ควรใช้แอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-dangerous-badbox-2-0-malware-has-hit-over-a-million-devices-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 ความขัดแย้งเรื่องกฎหมายเฝ้าระวังในสวิตเซอร์แลนด์: Infomaniak vs. Proton
    บริษัท Infomaniak และ Proton กำลังเผชิญหน้ากันเกี่ยวกับ การแก้ไขกฎหมายเฝ้าระวังของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ VPN, แอปส่งข้อความ และโซเชียลมีเดีย โดยกำหนดให้ ต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้

    🔥 จุดยืนของแต่ละฝ่าย
    Proton และ NymVPN คัดค้านกฎหมายนี้อย่างหนัก โดยระบุว่า หากกฎหมายผ่าน พวกเขาจะย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจาก กฎหมายใหม่อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง

    Infomaniak ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการคลาวด์และอีเมลเข้ารหัส ได้วิจารณ์ Proton โดยกล่าวว่า การสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - กฎหมายใหม่ของสวิตเซอร์แลนด์จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้
    - Proton และ NymVPN เตรียมย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน
    - Infomaniak วิจารณ์ Proton ว่าการสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
    - Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน
    - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - กฎหมายนี้อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง
    - การเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจทำให้รัฐบาลสามารถติดตามพฤติกรรมของประชาชนได้
    - การบังคับให้เก็บข้อมูลล่วงหน้าอาจเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
    - ต้องติดตามว่ากฎหมายนี้จะถูกแก้ไขหรือถูกยกเลิกในรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์หรือไม่

    หากกฎหมายนี้ผ่าน อาจส่งผลกระทบต่อบริการ VPN และแอปส่งข้อความที่เน้นความเป็นส่วนตัว และ อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงต้านจากภาคธุรกิจและนักการเมืองที่อาจทำให้กฎหมายนี้ถูกแก้ไขหรือยกเลิก

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/cloud-service-infomaniak-steps-up-fight-with-proton-over-controversial-swiss-surveillance-law
    🔍 ความขัดแย้งเรื่องกฎหมายเฝ้าระวังในสวิตเซอร์แลนด์: Infomaniak vs. Proton บริษัท Infomaniak และ Proton กำลังเผชิญหน้ากันเกี่ยวกับ การแก้ไขกฎหมายเฝ้าระวังของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ VPN, แอปส่งข้อความ และโซเชียลมีเดีย โดยกำหนดให้ ต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้ 🔥 จุดยืนของแต่ละฝ่าย Proton และ NymVPN คัดค้านกฎหมายนี้อย่างหนัก โดยระบุว่า หากกฎหมายผ่าน พวกเขาจะย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจาก กฎหมายใหม่อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง Infomaniak ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการคลาวด์และอีเมลเข้ารหัส ได้วิจารณ์ Proton โดยกล่าวว่า การสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน ✅ ข้อมูลจากข่าว - กฎหมายใหม่ของสวิตเซอร์แลนด์จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้ - Proton และ NymVPN เตรียมย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน - Infomaniak วิจารณ์ Proton ว่าการสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม - Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - กฎหมายนี้อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง - การเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจทำให้รัฐบาลสามารถติดตามพฤติกรรมของประชาชนได้ - การบังคับให้เก็บข้อมูลล่วงหน้าอาจเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน - ต้องติดตามว่ากฎหมายนี้จะถูกแก้ไขหรือถูกยกเลิกในรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์หรือไม่ หากกฎหมายนี้ผ่าน อาจส่งผลกระทบต่อบริการ VPN และแอปส่งข้อความที่เน้นความเป็นส่วนตัว และ อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงต้านจากภาคธุรกิจและนักการเมืองที่อาจทำให้กฎหมายนี้ถูกแก้ไขหรือยกเลิก https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/cloud-service-infomaniak-steps-up-fight-with-proton-over-controversial-swiss-surveillance-law
    WWW.TECHRADAR.COM
    Cloud service Infomaniak steps up fight with Proton over controversial Swiss surveillance law
    Infomaniak's comments have caused a stir across the Swiss privacy tech sector
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔒 Cisco เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน ISE ที่ส่งผลกระทบต่อ AWS และ Azure
    Cisco ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Identity Services Engine (ISE) ซึ่งส่งผลกระทบต่อ การใช้งานบน AWS, Microsoft Azure และ Oracle Cloud Infrastructure (OCI) โดยช่องโหว่นี้มี คะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.9/10 และมี Proof-of-Concept (PoC) exploit เผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว

    ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-20286 และเกิดจาก การสร้างข้อมูลล็อกอินที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ ISE ที่ติดตั้งบนแพลตฟอร์มคลาวด์เดียวกันสามารถแชร์ข้อมูลล็อกอินกันได้

    ผลกระทบคือ แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง ISE instances ที่อยู่ในคลาวด์อื่น ๆ ผ่านพอร์ตที่ไม่ได้รับการป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ การเข้าถึงข้อมูลสำคัญ, การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าระบบ และการรบกวนบริการ

    อย่างไรก็ตาม ช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อ Primary Administration Node ถูกติดตั้งบนคลาวด์ หากติดตั้งแบบ On-Premises จะไม่ถูกโจมตี

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Cisco เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน ISE ที่ส่งผลกระทบต่อ AWS, Azure และ OCI
    - ช่องโหว่ CVE-2025-20286 มีคะแนนความรุนแรง 9.9/10
    - เกิดจากการสร้างข้อมูลล็อกอินที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ ISE instances สามารถแชร์ข้อมูลล็อกอินกันได้
    - แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง ISE instances ผ่านพอร์ตที่ไม่ได้รับการป้องกัน
    - ช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อ Primary Administration Node ถูกติดตั้งบนคลาวด์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ช่องโหว่นี้มี Proof-of-Concept (PoC) exploit เผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว
    - หาก ISE ถูกติดตั้งแบบ On-Premises จะไม่ถูกโจมตี
    - Cisco แนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยและอัปเดตแพตช์ทันที
    - ต้องติดตามว่าช่องโหว่นี้จะถูกนำไปใช้โจมตีในวงกว้างหรือไม่

    Cisco ได้ออก แพตช์แก้ไขช่องโหว่แล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้ อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุด รวมถึง ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของ ISE บนคลาวด์

    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-warns-over-worrying-security-flaws-in-ise-affecting-aws-azure-cloud-deployments
    🔒 Cisco เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน ISE ที่ส่งผลกระทบต่อ AWS และ Azure Cisco ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Identity Services Engine (ISE) ซึ่งส่งผลกระทบต่อ การใช้งานบน AWS, Microsoft Azure และ Oracle Cloud Infrastructure (OCI) โดยช่องโหว่นี้มี คะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.9/10 และมี Proof-of-Concept (PoC) exploit เผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-20286 และเกิดจาก การสร้างข้อมูลล็อกอินที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ ISE ที่ติดตั้งบนแพลตฟอร์มคลาวด์เดียวกันสามารถแชร์ข้อมูลล็อกอินกันได้ ผลกระทบคือ แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง ISE instances ที่อยู่ในคลาวด์อื่น ๆ ผ่านพอร์ตที่ไม่ได้รับการป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ การเข้าถึงข้อมูลสำคัญ, การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าระบบ และการรบกวนบริการ อย่างไรก็ตาม ช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อ Primary Administration Node ถูกติดตั้งบนคลาวด์ หากติดตั้งแบบ On-Premises จะไม่ถูกโจมตี ✅ ข้อมูลจากข่าว - Cisco เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน ISE ที่ส่งผลกระทบต่อ AWS, Azure และ OCI - ช่องโหว่ CVE-2025-20286 มีคะแนนความรุนแรง 9.9/10 - เกิดจากการสร้างข้อมูลล็อกอินที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ ISE instances สามารถแชร์ข้อมูลล็อกอินกันได้ - แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง ISE instances ผ่านพอร์ตที่ไม่ได้รับการป้องกัน - ช่องโหว่นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อ Primary Administration Node ถูกติดตั้งบนคลาวด์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ช่องโหว่นี้มี Proof-of-Concept (PoC) exploit เผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว - หาก ISE ถูกติดตั้งแบบ On-Premises จะไม่ถูกโจมตี - Cisco แนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยและอัปเดตแพตช์ทันที - ต้องติดตามว่าช่องโหว่นี้จะถูกนำไปใช้โจมตีในวงกว้างหรือไม่ Cisco ได้ออก แพตช์แก้ไขช่องโหว่แล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้ อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุด รวมถึง ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของ ISE บนคลาวด์ https://www.techradar.com/pro/security/cisco-warns-over-worrying-security-flaws-in-ise-affecting-aws-azure-cloud-deployments
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 กลุ่มพันธมิตร ASIC เร่งพัฒนาเพื่อลดการพึ่งพา Nvidia
    รายงานอุตสาหกรรมล่าสุดเผยว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft, Google และ AWS กำลังเร่งพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuits) เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด AI และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง

    Nvidia ครองตลาดด้วย Blackwell GPUs เช่น B200 ซึ่งถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลทั่วโลก แต่ด้วยราคาสูงถึง $70,000 - $80,000 ต่อชิป และเซิร์ฟเวอร์ GB200 ที่มีราคาสูงถึง $1.8 - $3 ล้าน ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความเป็นอิสระด้านฮาร์ดแวร์

    แม้ว่าบริษัทเหล่านี้ยังคงสั่งซื้อฮาร์ดแวร์จาก Nvidia แต่ก็ เริ่มลงทุนใน ASIC และจองกำลังการผลิตที่ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft, Google และ AWS กำลังเร่งพัฒนา ASIC เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia
    - Nvidia ครองตลาด AI ด้วย Blackwell GPUs เช่น B200
    - ราคาชิป Nvidia สูงถึง $70,000 - $80,000 ต่อชิ้น และเซิร์ฟเวอร์ GB200 สูงถึง $1.8 - $3 ล้าน
    - บริษัทต่าง ๆ ยังคงสั่งซื้อจาก Nvidia แต่เริ่มลงทุนใน ASIC และจองกำลังการผลิตที่ TSMC
    - TSMC ได้รับประโยชน์จากทั้ง Nvidia และบริษัทที่พัฒนา ASIC

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การพัฒนา ASIC ต้องใช้เวลาหลายปี และ Nvidia ยังคงเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ AI ด้วย CUDA
    - แม้จะมีการพัฒนา ASIC แต่บริษัทต่าง ๆ ยังต้องพึ่งพา Nvidia ในระยะสั้น
    - Nvidia กำลังสร้างพันธมิตรกับผู้ผลิต ASIC เช่น MediaTek, Qualcomm และ Fujitsu ผ่าน NVLink Fusion
    - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Nvidia และกลุ่มพันธมิตร ASIC จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร

    การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีมีทางเลือกมากขึ้นในการพัฒนา AI และ ลดต้นทุนการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Nvidia และกลุ่มพันธมิตร ASIC จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมในระยะยาวอย่างไร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/rising-asic-coalition-seeks-to-jettison-nvidia-industry-report-claims-firms-are-accelerating-development-in-order-to-reduce-dependence-on-the-giant
    🚀 กลุ่มพันธมิตร ASIC เร่งพัฒนาเพื่อลดการพึ่งพา Nvidia รายงานอุตสาหกรรมล่าสุดเผยว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft, Google และ AWS กำลังเร่งพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuits) เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด AI และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง Nvidia ครองตลาดด้วย Blackwell GPUs เช่น B200 ซึ่งถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลทั่วโลก แต่ด้วยราคาสูงถึง $70,000 - $80,000 ต่อชิป และเซิร์ฟเวอร์ GB200 ที่มีราคาสูงถึง $1.8 - $3 ล้าน ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความเป็นอิสระด้านฮาร์ดแวร์ แม้ว่าบริษัทเหล่านี้ยังคงสั่งซื้อฮาร์ดแวร์จาก Nvidia แต่ก็ เริ่มลงทุนใน ASIC และจองกำลังการผลิตที่ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft, Google และ AWS กำลังเร่งพัฒนา ASIC เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia - Nvidia ครองตลาด AI ด้วย Blackwell GPUs เช่น B200 - ราคาชิป Nvidia สูงถึง $70,000 - $80,000 ต่อชิ้น และเซิร์ฟเวอร์ GB200 สูงถึง $1.8 - $3 ล้าน - บริษัทต่าง ๆ ยังคงสั่งซื้อจาก Nvidia แต่เริ่มลงทุนใน ASIC และจองกำลังการผลิตที่ TSMC - TSMC ได้รับประโยชน์จากทั้ง Nvidia และบริษัทที่พัฒนา ASIC ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การพัฒนา ASIC ต้องใช้เวลาหลายปี และ Nvidia ยังคงเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ AI ด้วย CUDA - แม้จะมีการพัฒนา ASIC แต่บริษัทต่าง ๆ ยังต้องพึ่งพา Nvidia ในระยะสั้น - Nvidia กำลังสร้างพันธมิตรกับผู้ผลิต ASIC เช่น MediaTek, Qualcomm และ Fujitsu ผ่าน NVLink Fusion - ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Nvidia และกลุ่มพันธมิตร ASIC จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI อย่างไร การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีมีทางเลือกมากขึ้นในการพัฒนา AI และ ลดต้นทุนการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการแข่งขันระหว่าง Nvidia และกลุ่มพันธมิตร ASIC จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมในระยะยาวอย่างไร https://www.tomshardware.com/tech-industry/rising-asic-coalition-seeks-to-jettison-nvidia-industry-report-claims-firms-are-accelerating-development-in-order-to-reduce-dependence-on-the-giant
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏢 AMD ดึงทีมวิศวกรจาก Untether AI เพื่อเสริมศักยภาพด้าน AI Inference
    AMD ได้ประกาศว่า บริษัทได้ว่าจ้างทีมวิศวกรทั้งหมดจาก Untether AI ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนา ชิป AI inference จากแคนาดา โดยการเข้าซื้อครั้งนี้ ไม่ได้รวมถึงทรัพย์สินของ Untether AI ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น speedAI และ imAIgine SDK จะ หยุดการสนับสนุนและการจัดจำหน่าย

    AMD ระบุว่า ทีมวิศวกรจาก Untether AI จะช่วยเสริมศักยภาพด้าน AI compiler และ kernel development รวมถึง การออกแบบ SoC และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์

    Untether AI เป็นบริษัทที่ พัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ GPU โดย วางโปรเซสเซอร์ไว้ใกล้กับหน่วยความจำ เพื่อลด latency และการใช้พลังงาน ซึ่งแตกต่างจาก GPU ที่ใช้พลังงานสูงในการฝึกโมเดล AI

    นอกจากนี้ AMD ยังได้เข้าซื้อ Brium ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่เน้น การเพิ่มประสิทธิภาพ AI inference ซึ่งบ่งชี้ว่า AMD กำลังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา AI inference chips เพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - AMD ดึงทีมวิศวกรจาก Untether AI เพื่อเสริมศักยภาพด้าน AI inference
    - ผลิตภัณฑ์ของ Untether AI เช่น speedAI และ imAIgine SDK จะหยุดการสนับสนุน
    - ทีมวิศวกรจะช่วยพัฒนา AI compiler, kernel development และ SoC design
    - Untether AI พัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ GPU
    - AMD ยังเข้าซื้อ Brium ซึ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ AI inference

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ลูกค้าของ Untether AI อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจาก AMD ไม่ได้ซื้อทรัพย์สินของบริษัท
    - ต้องติดตามว่า AMD จะพัฒนา AI inference chips ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้หรือไม่
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI inference และการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล
    - ต้องรอดูว่า AMD จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีของ Untether AI เมื่อใด

    การเข้าซื้อทีมวิศวกรจาก Untether AI อาจช่วยให้ AMD สามารถพัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ ลดการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการแข่งขันกับ Nvidia และตลาด AI inference อย่างไร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/amd-scoops-entire-untether-ai-chip-team-canada-ai-inference-outfit-will-cease-product-support
    🏢 AMD ดึงทีมวิศวกรจาก Untether AI เพื่อเสริมศักยภาพด้าน AI Inference AMD ได้ประกาศว่า บริษัทได้ว่าจ้างทีมวิศวกรทั้งหมดจาก Untether AI ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนา ชิป AI inference จากแคนาดา โดยการเข้าซื้อครั้งนี้ ไม่ได้รวมถึงทรัพย์สินของ Untether AI ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น speedAI และ imAIgine SDK จะ หยุดการสนับสนุนและการจัดจำหน่าย AMD ระบุว่า ทีมวิศวกรจาก Untether AI จะช่วยเสริมศักยภาพด้าน AI compiler และ kernel development รวมถึง การออกแบบ SoC และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ Untether AI เป็นบริษัทที่ พัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ GPU โดย วางโปรเซสเซอร์ไว้ใกล้กับหน่วยความจำ เพื่อลด latency และการใช้พลังงาน ซึ่งแตกต่างจาก GPU ที่ใช้พลังงานสูงในการฝึกโมเดล AI นอกจากนี้ AMD ยังได้เข้าซื้อ Brium ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่เน้น การเพิ่มประสิทธิภาพ AI inference ซึ่งบ่งชี้ว่า AMD กำลังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา AI inference chips เพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD ดึงทีมวิศวกรจาก Untether AI เพื่อเสริมศักยภาพด้าน AI inference - ผลิตภัณฑ์ของ Untether AI เช่น speedAI และ imAIgine SDK จะหยุดการสนับสนุน - ทีมวิศวกรจะช่วยพัฒนา AI compiler, kernel development และ SoC design - Untether AI พัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ GPU - AMD ยังเข้าซื้อ Brium ซึ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ AI inference ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ลูกค้าของ Untether AI อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจาก AMD ไม่ได้ซื้อทรัพย์สินของบริษัท - ต้องติดตามว่า AMD จะพัฒนา AI inference chips ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้หรือไม่ - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่ออุตสาหกรรม AI inference และการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล - ต้องรอดูว่า AMD จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีของ Untether AI เมื่อใด การเข้าซื้อทีมวิศวกรจาก Untether AI อาจช่วยให้ AMD สามารถพัฒนา AI inference chips ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ ลดการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการแข่งขันกับ Nvidia และตลาด AI inference อย่างไร https://www.tomshardware.com/tech-industry/amd-scoops-entire-untether-ai-chip-team-canada-ai-inference-outfit-will-cease-product-support
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥 แผ่นระบายความร้อนกราฟีนสำหรับ CPU AMD: ประสิทธิภาพเหนือกว่าซิลิโคนถึง 17 เท่า
    บริษัท Coracer จากจีนได้เปิดตัว GPE-01 graphene thermal pad สำหรับ โปรเซสเซอร์ AMD AM5 ซึ่งให้ ค่าการนำความร้อนสูงถึง 130 W/m·K และมี อายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี

    ก่อนหน้านี้ GPE-01 รองรับเฉพาะ Intel LGA1851 และ LGA1700 แต่ล่าสุดได้มีรุ่นสำหรับ AMD AM5 ซึ่งมีขนาด 32 x 32 มม. และออกแบบให้ ครอบคลุม IHS ของ CPU ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    วัสดุของแผ่นนี้เป็น กราฟีนผสมซิลิโคน ซึ่งช่วยให้ การนำความร้อนสูงกว่าซิลิโคนทั่วไปถึง 17 เท่า และ สูงกว่าของ Thermal Grizzly Conductonaut ถึง 2 เท่า

    นอกจากนี้ GPE-01 ยังถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุฉนวน เพื่อป้องกัน การลัดวงจรระหว่างกราฟีนกับตัวโปรเซสเซอร์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - GPE-01 graphene thermal pad รองรับ AMD AM5 และมีค่าการนำความร้อนสูงถึง 130 W/m·K
    - มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี
    - ออกแบบให้ครอบคลุม IHS ของ CPU ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
    - วัสดุเป็นกราฟีนผสมซิลิโคน ช่วยให้การนำความร้อนสูงกว่าซิลิโคนทั่วไปถึง 17 เท่า
    - สูงกว่าของ Thermal Grizzly Conductonaut ถึง 2 เท่า

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ว่าค่าการนำความร้อนจะสูง แต่ต้องติดตามผลการทดสอบจริงว่ามีประสิทธิภาพตามที่ระบุหรือไม่
    - Coracer ยังไม่ได้เปิดเผยราคาหรือวันวางจำหน่ายของ GPE-01 รุ่น AMD AM5
    - ต้องตรวจสอบว่าการใช้แผ่นกราฟีนนี้จะมีผลกระทบต่ออุณหภูมิของ CPU ในระยะยาวหรือไม่
    - การติดตั้งต้องระมัดระวัง เนื่องจากกราฟีนเป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้

    หาก GPE-01 สามารถทำงานได้ตามที่ระบุ อาจเป็นตัวเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าซิลิโคนและโลหะเหลว อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามผลการทดสอบจริงและการตอบรับจากผู้ใช้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/thermal-paste/graphene-thermal-pad-for-amd-cpus-promises-17x-better-conductivity-than-thermal-paste-2x-improvement-over-thermal-grizzly
    🔥 แผ่นระบายความร้อนกราฟีนสำหรับ CPU AMD: ประสิทธิภาพเหนือกว่าซิลิโคนถึง 17 เท่า บริษัท Coracer จากจีนได้เปิดตัว GPE-01 graphene thermal pad สำหรับ โปรเซสเซอร์ AMD AM5 ซึ่งให้ ค่าการนำความร้อนสูงถึง 130 W/m·K และมี อายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี ก่อนหน้านี้ GPE-01 รองรับเฉพาะ Intel LGA1851 และ LGA1700 แต่ล่าสุดได้มีรุ่นสำหรับ AMD AM5 ซึ่งมีขนาด 32 x 32 มม. และออกแบบให้ ครอบคลุม IHS ของ CPU ได้อย่างสมบูรณ์แบบ วัสดุของแผ่นนี้เป็น กราฟีนผสมซิลิโคน ซึ่งช่วยให้ การนำความร้อนสูงกว่าซิลิโคนทั่วไปถึง 17 เท่า และ สูงกว่าของ Thermal Grizzly Conductonaut ถึง 2 เท่า นอกจากนี้ GPE-01 ยังถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุฉนวน เพื่อป้องกัน การลัดวงจรระหว่างกราฟีนกับตัวโปรเซสเซอร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - GPE-01 graphene thermal pad รองรับ AMD AM5 และมีค่าการนำความร้อนสูงถึง 130 W/m·K - มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี - ออกแบบให้ครอบคลุม IHS ของ CPU ได้อย่างสมบูรณ์แบบ - วัสดุเป็นกราฟีนผสมซิลิโคน ช่วยให้การนำความร้อนสูงกว่าซิลิโคนทั่วไปถึง 17 เท่า - สูงกว่าของ Thermal Grizzly Conductonaut ถึง 2 เท่า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ว่าค่าการนำความร้อนจะสูง แต่ต้องติดตามผลการทดสอบจริงว่ามีประสิทธิภาพตามที่ระบุหรือไม่ - Coracer ยังไม่ได้เปิดเผยราคาหรือวันวางจำหน่ายของ GPE-01 รุ่น AMD AM5 - ต้องตรวจสอบว่าการใช้แผ่นกราฟีนนี้จะมีผลกระทบต่ออุณหภูมิของ CPU ในระยะยาวหรือไม่ - การติดตั้งต้องระมัดระวัง เนื่องจากกราฟีนเป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้ หาก GPE-01 สามารถทำงานได้ตามที่ระบุ อาจเป็นตัวเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าซิลิโคนและโลหะเหลว อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามผลการทดสอบจริงและการตอบรับจากผู้ใช้ https://www.tomshardware.com/pc-components/thermal-paste/graphene-thermal-pad-for-amd-cpus-promises-17x-better-conductivity-than-thermal-paste-2x-improvement-over-thermal-grizzly
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts